ผู้พิทักษ์สี่แยก 2550

เรื่องย่อ : ผู้พิทักษ์สี่แยก (2550/2007) เช้าขึ้นตะวันส่อง “ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง จะมีน้ำนองถนน จราจรนั้นก็ต้องสู้ทน เพื่อรับใช้ประชาชน……..”

เสียง เพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ดังกึก้องกังวานไปทั่วแฟลตตำรวจหลังนั้น ทุกคนดูจะคุ้นเคยกับเสียงเพลงนี้ เพราะได้ยินทุกเช้าในขณะที่จ่าชดออกจากห้องพักไปทำงาน เสียงเพลงดังกล่าวค่อยลง ค่อยลง จนไม่ได้ยินเมื่อจ่าชดลับตัวไป

จ่า ชด เป็นตำรวจจราจรมาทั้งชีวิต เป็นด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรที่จ่าชดจะรักเท่าอาชีพจราจร จ่าชดคนนี้นี่แหละคือตำรวจที่รำจราจรสวยที่สุดในประเทศไทย เรื่องราวของจ่าชดเป็นตัวอย่างของคนที่มีความสุขเพราะรักในงานที่ตนกำลังทำ อยู่ อยู่บนถนนหลายชั่วโมง ในแต่ละวัน จ่าชดรู้สึกว่าตนเองได้กำไรชีวิตมากมายมหาศาล เพราะบนถนนมีเหตุการณ์หลากหลายเกิดขึ้น จ่าชดได้เห็น ได้รู้ ได้ศึกษา และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้น จนกลายเป็นอาหารประจำวันของจ่าชดไปเสียแล้ว

เหตุการณ์ มีตั้งแต่การทำผิดกฎจราจรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปรากฏอยู่เสมอว่าผู้ขับขี่มักจะแก้ตัวไปต่างๆ นานาล้วนแต่เป็นข้อแก้ตัวที่น่าขำบ้าง น่าหมั่นไส้บ้าง หรือจับไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังให้รู้แล้วรู้รอดไป การระงับ ไกล่เกลี่ย หรือจัดการกับกรณีพิพาทของรถชนกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่ก็มาแบบแปลกๆ จนจ่าชดต้องเปิดตำราแทบไม่ทัน

จ่า ชดมีลูก 2 คน ลูกชายคนโตชื่อ ชีวิน อายุ 25 ปี เป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง คนเล็กชื่อ แก่น อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนเดียวกันกับที่ชีวินสอนหนังสือสาเหตุที่จ่าชดแกมีลูกห่างกันอย่าง นี้เพราะแกรักงานยิ่งกว่าเมียนั่นแหละ เรื่องนี้ แก้ว แม่ของลูกทั้งสองคนรู้ดีที่สุด แก้วขายข้าวแกงอยู่หน้าแฟลต ทุกเช้าจะต้องมีกรณีพิพาทระหว่างแก้วกับจ่าชดเพราะแก้วชอบเอาของเหลือเมื่อ วานมาทำกับข้าวซ้ำ จ่าชดเกลียดที่สุด นอกจากนี้ยังชอบเอาน้ำมันค้างจนดำปี๋มาทอดปลาทอดหมูซ้ำแล้วซ้ำอีก จ่าชดเอ็ดตะโรถึงขั้นเอาน้ำมันเททิ้ง ทำให้แก้วโมโหเดือดดาลทะเลาะกันแทบจะตีกันตาย เรื่องนี้จ่าชดยอมไม่ได้เพราะเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นชนวนทะเลาะกันคือ แก้วทิ้งขยะไม่เลือกที่ บางทีสาดน้ำสกปรกไปหน้าแฟลต จ่าชดไม่ยอมทีเดียวเพราะแกเป็นคนมีจิตสาธารณะสูงยิ่ง ใครที่โดนจ่าชดจับฐานผิดกฎจราจรอย่าหวังเลยจะเอาเงินมายัดใส่มือจ่าชดง่ายๆ

วัน หนึ่งจ่าชดเห็น จ่าตุ้ม เพื่อนร่วมแฟลต รับเงินจากคนในรถที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จ่าชดแก่เห็นโต้งๆ แต่เห็นแก่หน้าเพื่อนจึงไม่พูดตอนนั้น กลับถึงแฟลตจ่าชดปิดประตูขอเคลียร์กับจ่าตุ้มว่าอย่าทำอีก เสียสถาบันผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จ่าตุ้มเถียงคอเป็นเอ็นว่าเอ็งจะมาทำตัวเป็นพ่อพระหรือไง สองจ่าเถียงกันลั่นแฟลตไม่มีใครยอมใคร จ่าตุ้มโกรธที่โดนว่าแบบไม่มีทางสู้จึงเถียงแบบข้างๆ คูๆ ขณะนั้น ตอง ลูกสาวจ่าตุ้มซึ่งเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรีสังกัดกองจราจร โผล่เข้ามาพอดีจ่าตุ้มแกจึงงัดไม่ตายขึ้นมาว่าต่อไปนี้ห้ามตองพูดกับชีวิน ลูกชายจ่าชด

เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะชีวินหลงรักตองอย่างหัวปักหัวปำ แม้จ่าชดเองก็เอ็นดูตองเพราะเป็นตำรวจจราจรเหมือนตน ความจริงจะว่าไปมันก็เรื่องใม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก เพราะตองเองไม่ชอบชีวินอยู่แล้ว เนื่องจากชีวินเป็นแค่ครูสอนภาษาไทยเชยๆ ตองนั้นเปรี้ยวขาดใจเวลาอยู่นอกเครื่องแบบ แต่ชีวินนั้นเชยจริงๆ ทั้งเชย ทั้งซื่อ ประมาณว่าเป็นคนโบราณกลับชาติมาเกิด เพราะชอบดนตรีไทย รักถึงขั้นหลงใหลภาษาไทย แต่ตองเกลียดภาษาไทยที่สุด เกลียดเพลงไทย เกลียดรำไทย ชอบฟังเพลงสตริง เพลงฝรั่ง ลูกทุ่งก็ไม่ชอบ แต่ชีวินชอบลูกทุ่ง ชอบลำตัด ทุกอย่างที่ชีวินชอบคือ ถูกปลูกฝังโดยจ่าชดนั่นเอง

พอ จ่าตุ้มห้ามตอง ตองเลยได้ที ตอนนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจ ตองผลักไสชีวินด้วยคำพูด กริยา แถมยังยั่วเย้า หยอกล้อ ทำให้ชีวินเป็นตัวตลกขบขันต่างๆ นานา ชีวินหรือแสนดีไม่มีการโต้กลับ หน้าซื่อ ใจซื่อ รับกลศึกจากตองอย่างสงบ ทำให้ตองเซ็งเล็กๆ และเพิ่มระดับการรุกรานชีวินมากขึ้น เมื่อชีวินมาแบบความรักคับอก ตองยิ่งสวนกลับแรงๆ ทำเอาชีวินถอยกรูด แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบทั้งสิ้น จนกระทั่งเห็นหลายครั้งว่าตองสนิทสนมกับไอ้แม็ค คนขี่มอเตอร์ไซด์วินข้างแฟลต ชีวินเริ่มเศร้าซึมแล้วกลายเป็นการตอบโต้ให้ตองเห็นว่าชีวินเสียใจ ตองยิ่งสนุกแกล้งควงกับแม็คเย้ยชีวินบ่อยขึ้น แม็คนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชีวินเอาจริงจัง มีโอกาสแกล้งเป็นแกล้ง บางครั้งแกล้งหนักๆ เช่น เอาพรรคพวกมอเตอร์ไซด์ไปเร่งเครื่องล้อมไล่ชีวินให้วิ่งหนีไปมา ขนาดนี้ชีวินยังไม่โกรไม่ตอบโต้ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับแฟลต โดยมีเสียงโห่ร้องเย้ยหยันพวกของแม็คตามหลัง

ครั้ง หนึ่ง แม็คบอกชีวินว่าตองนัดไปพบหลังวัด ชีวินแม้จะแปลกใจแต่เห็นหน้าซื่อของแม็คแล้วไม่สงสัยอะไร ชีวินคอยตองอยู่จนดึกมาก ในวัดมืดแต่ไม่มืดพอที่จะเห็นร่างของผีที่แม็คและพรรคพวกแต่งมาหลอกชีวิน ชีวินนั้นกลัวผีจนขึ้นสมอง วิ่งหนีจนหมดแรงล้มฟุบลง แม็คใจร้ายพอที่จะทิ้งให้ชีวินนอนตากน้ำค้างจนสว่าง ต่อจากนั้นชีวินก็ล้มเจ็บหนัก ไม่มีใครรู้จากปากชีวินเลยว่าเหตุใดจึงไปนอนหลับในวัด แม็คและพรรคพวกเตรียมถูกสอบสวนอยู่แล้ว แต่ต้องแปลกใจมากที่ไม่มีใครระแคะระคายว่าตนเป็นต้นเหตุ ส่วนตองไม่รู้เรื่องจนวันหนึ่ง ไอ้บื้อ สมุนคนหนึ่งของ แม็ค เมาแล้วพูดออกมา ตองถล่มแม็คปางตายว่านี่มันเกินไปแล้ว แม็คเถียงคอเป็นเอ็นว่าทำตามนโยบายของตองให้แกล้งชีวิน

ส่วน จ่าชดก็ยังคงสนุกกับงานโบกรถ ซึ่งแม้ว่าทุกสี่แยกจะมีไฟจราจรแล้วก็ตาม ตำรวจจราจรก็ยังจำเป็นในชั่วโมงเร่งด่วน จ่าชดโบกรถอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าในวันปีใหม่ปีนี้จะได้ของขวัญเพียง 2 กล่อง เทียบกับเมื่อก่อนผิดกันราวฟ้ากับดิน

วัน โลกาวินาศของจ่าชดคือวันปีใหม่นั่นแหละ เริ่มด้วยตอนเช้าเจอคนเมาแล้วขับถึง 3 ราย แต่ละรายพูดแทบไม่รู้เรื่อง จ่าชดเบรกแตกตอนรายที่ 3 จึงสั่งสอนไปพอแรง แถมลามไปถึงพ่อแม่ว่าไม่อบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักเคารพกติกาสังคม อย่างนี้สังคมจะสงบสุขได้อย่างไร หลังจากนั้นชั่วโมงหนึ่งพ่ออาเสี่ยของลูกชายวัยรุ่นคนนั้นมาพร้อมคำขู่ว่า สนิทกับนักการเมืองใหญ่พอที่จะทำให้จ่าชดกระเด็นไปอยู่ชายแดนที่กันดารที่ สุดก็ย่อมได้ จ่าชดหรือจะยอมในเมื่อเป็นฝ่ายถูก แกเถียงจนนักการเมืองต้องยอมถอย ต่อจากนั้นมีการวิ่งราวกระเป๋าถือ จ่าชดวิ่งตามจับเสียลิ้นห้อย รางวัลคือคำพูดสั้นๆ ว่า แส่หาเรื่อง กลับมาถึงสี่แยกเจอะผัวเมียทะเลาะกันกำลังลงมือตีกัน จ่าชดแกเข้าไปอย่างเร็วหวังว่าจะไปห้าม แต่พอวิ่งเข้าไปก็กระเด็นออกมาจนกระดอนไปหลายที่ เสียงตามหลังว่าอย่ายุ่งเรื่องผัวเมีย จ่าชดจ๋อยมากเดินคอตกมาโบกรถอย่างเดิม เจ้ากรรมจริงๆ โบกรถได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกรถชนขาหักเสียก่อน เรื่องของเรื่องแกไปจับรถของลูกท่านหลานเธอพวกไฮโซเข้า เด็กหนุ่มปากเสียคนนั้นพูดจายียวนกับจ่าชดในที่สุดออกรถอย่างแรง จ่าชดต้องใส่เฝือกนอนเป็นมัมมี่อยู่ที่บ้าน ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจ่าชุดถูกใจนางพยาบาลคนหนึ่งชื่อ ดวงใจ จนถึงขั้นอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งพยายามชักจูงชีวินให้รู้จักดวงใจดวงใจเป็นคนเงียบเรียบร้อยน่ารัก จ่าชดหวังว่าชีวินคงจะแต่งงานมีหลานให้อุ้ม แต่ดูชีวินไม่ออก ชีวินสุภาพและพูดคุยกับดวงใจเป็นอันดี ชีวินกำลังจะลืมตองได้แล้ว เมื่อเรื่องรู้ถึงหูตองเรื่องก็สมดังคำพังเพยว่า เนื้อตกน้ำชิ้นโต ตองหันมาเหล่ชีวินกับดวงใจ พลางนึกว่าหน้าจืดๆ อย่างนี้นะหรือชีวินจะชอบ เรื่องนี้ตองปรึกษาแม็ค โดยไม่ได้สังเกตหรอกว่าแม็คนั้นหน้าเสียเลยทีเดียว

ชีวิน ก้มหน้าก้มตาสอนหนังสือต่อไป เพียรพยายามเคี้ยวเข็นลูกศิษย์ให้ตั้งใจเรียนภาษาไทย ลูกศิษย์ที่ชอบก็มี ไม่ชอบก็มี พวกไม่ชอบก็ไม่สนใจเลยเหมือนไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ชีวินจึงเหน็ดเหนื่อยกับการพร่ำสอนลูกศิษย์ตัวน้อยๆ เหล่านั้น แถมยังอาจจะไม่ได้ผลเพราะแก่นน้องชายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ก็ร่วมอยู่ใน พวกไม่ชอบภาษาไทย ชีวินจึงเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าเพราะต้องจัดการกับไอ้แก่นเป็นลำดับแรก ในบ้านจึงมีคู่กรณีเพิ่มอีก 1 คู่ นอกเหนือจากจ่าชดและแก้ว คือ ชีวินกับแก่น ในขณะที่พ่อถือหางลูกชายคนโต แม่ก็ถือหางลูกชายคนเล็ก ในบ้านจึงเปรียบเหมือนสนามมวยย่อยๆ เข้าไปทุกที

ความ จริงแก่นลูกชายจ่าชดถึงแม้ไม่ชอบภาษาไทย แต่เก่งวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ สังคม และแม้แต่พลศึกษา ที่จริงแก่นเป็นเด็กดีทีเดียว เลิกโรงเรียนไม่ไปเที่ยวเล่นซนที่ไหนกลับบ้านแต่วัน เพื่อมาช่วยแม่ทำกับข้าวเตรียมขายวันรุ่งขึ้น เงินทองใช้ประหยัดไม่อยากได้โน่นอยากได้นี่เหมือนเด็กทั่วไป

จ่า ชดทำอุบายนัดหมายให้ชีวินไปเที่ยวกับดวงใจได้สำเร็จ ชีวินตามใจพ่อเพราะเห็นว่ายังเจ็บอยู่ แม็คเห็นสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ด้วยความในใจอีกนั่นแหละจึงไม่บอกตอง เจ้ากรรมเหลือเกินตองรู้เข้าจากไอ้บื้อ ตองลุยไปถึงร้านอาหารเข้าไปราวีกับชีวินและดวงใจอย่างมีชั้นเชิง ชีวินเงอะงะพยายามแก้ตัวกับตอง ตองตัดบทว่าไปพูดต่อที่แฟลต ให้ชีวินพาดวงใจไปส่งและต่อไปนี้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับดวงใจอีก ชีวินฟังอย่างเหวอๆ แต่ก็ทำตาม ขณะที่สองคนออกไปจากร้าน ตองก็เห็นแม็ค เท่านั้นแหละเหมือนลูกระเบิดลง ตองอาละวาดกับแม็คแบบปูพรม แม็คแก้ตัวว่ากำลังจะไปบอก แต่ตองนั้นหน้ามืดเสียแล้ว ชี้หน้าบอกแม็คว่าอย่าได้มาให้เห็นหน้าอีก

จ่า ชดรู้เรื่องก็เชียร์ลูกชายเต็มที่ว่าเอ็งไม่สงสารดวงใจเขาหรือ เขาโดนไอ้ตองราวีเสียขนาดนั้น ชีวินเถียงพ่อว่าตองเห็นโมโหแสดงว่าตองรัก จ่าชดบอกว่าจะเอามาเป็นแม่หรือไง จราจรผู้หญิงดุๆ อย่างนี้อย่าไปสน แต่ชีวินบอกพ่อว่าผมรักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนใจหรอก เขารักจราจรหญิงชื่อตองเพราะผู้หญิงคนนี้มีอาชีพเดียวกับพ่อ

วัน หนึ่งตองเข้าเวร พอแม็คขี่จักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาแต่ไม่ใส่หมวกกันน็อค ตองโบกมือเรียกจับทันที ขณะที่กำลังเขียนใบสั่งจ่าชดเข้ามาถามไถ่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังใส่เฝือกอยู่ มีเพื่อนตำรวจไปรับมาเที่ยวเล่นที่สี่แยก แม็คตอบว่าหมวกหายกำลังจะไปซื้อใหม่ ตองไม่ฟังเสียงฉีกใบสั่งดังแควกส่งให้แม็ค แม็คคอตกเพราะเสียใจเป็นทุนอยู่แล้ว จ่าชดทะเลาะกับตองหาว่าใจดำทำหน้าที่เข้มแข็งก็น่าชมอยู่ แต่บางครั้งก็ต้องมียืดหยุ่นบ้าง ตองยืนยันว่าต้องจับเพราะทำผิด จ่าชดว่าเขาก็กำลังจะไปซื้ออยู่แล้ว ตองเถียงว่าขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำไมควรจะนั่งรถเมล์ไป

จ่า ชดอึดอัดเต็มทีกับขาที่ยังไม่หาย ชีวินกับดวงใจก็ยังไม่เห็นวี่แวว แถมไอ้ตองก็กำลังปรารถนาตัวลูกชายจ่าชดอยู่ จ่าชดกลุ้มใจเต็มทน จะพึ่งแม่แก้วปรึกษาหารือตามประสาผัวเมีย แม่แก้วก็ส่ายหน้าลูกเดียว ยุ่งเรื่องขายข้าวแกงก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว มีแต่แก่นลูกชายคนเล็กที่ทำให้ชื่นใจขึ้นบ้าง กลับจากโรงเรียนก็มาพูดคุยกับพ่อ เขียนการ์ตูนเล่นที่เฝือกของพ่อบ้าง ชวนพ่อคุยเรื่องจราจรบ้างคุยไปคุยมาแก่นก็หลงใหลในอาชีพจราจรขึ้นมาอย่างไม่ น่าเชื่อ

ดัง นั้นเมื่อครูกิจกรรมถามว่าแก่นจะเลือกเข้าชมรมไหน แก่นจึงตอบว่าชมรมจราจร ครูส่ายหน้าว่าไม่มีชมรมจราจร มีแต่ชมรมกีฬา ชมรมดนตรีไทยและสากล วิทยาศาสตร์ ฟุตบอลและอื่นๆ แก่นผิดหวังและในขณะที่พยายามคิดถึงกิจกรรมที่ตนไปมีส่วนร่วมทั้งๆ ที่ไม่ชอบแม้แต่อย่างเดียว ก็เผอิญเกิดรถชนเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียนของแก่น เด็กคนนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก แก่นเห็นเป็นโอกาสจึงยืนยันว่าเขาต้องการเข้าชมรมจราจร ในเมื่อโรงเรียนไม่มีชมรมนี้เขาจึงขอเป็นลูกเสือจราจร บรรดาครูถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดในที่สุดก็ตกลง แก่นเข้ารับการอบรมเป็นลูกเสือจราจรที่กองตำรวจจราจร เมื่อจบการอบรม สารวัตรจราจรมาเป็นประธานประดับโล่ และมอบเข็มขัดจราจรให้แก่ลูกเสือที่ผ่านการอบรมซึ่งมีอยู่ 1 คนเท่านั้น ในวันที่แก่นออกไปทำหน้าที่ลูกเสือจราจรเป็นวันแรก แก่นรู้สึกหัวใจพองโต เขาโบกมือให้รถหยุด ดูแลเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ให้ข้ามถนนอย่างปอลดภัย เด็กๆ หลายคนเดินข้ามถนนด้วยท่าทางรื่นเริง เขารู้แล้วว่าพ่อรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อช่วยเหลือคนให้ปลอดภัยบนถนน แก่นยืนโบกรถตัวลอยด้วยความปลื้ม ทันใดรถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วมาก จวนจะถึงพวกเด็กๆ อยู่แล้ว แก่นวิ่งปราดออกไปขวางหน้ารถคันนั้ นอย่างทันควัน รถเบรกเสียงดัง

หน้า หม้อรถจ่อหน้าแก่นไม่ถึงเมตร แก่นได้รับคำชมเชย นักเรียนทั้งโรงเรียนรู้จัก แก่น วงศ์จราจร กันแทบทุกคน แก่นเอารางวัลจากโรงเรียนมามอบให้พ่อ จ่าชดกอดลูกยิ้มทั้งน้ำตา ต่อจากนั้นมีคนสมัครเป็นลูกเสือจราจรเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 2-3 คน ลูกเสือจราจรผลัดกันเข้าเวรจัดการเรื่องจราจรหน้าโรงเรียน

เรื่อง ของลูกชายคนเล็กดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่ลูกชายคนโตยังเรื่อยๆ เฉื่อยแฉะอยู่อย่างเดิม ดวงใจมาเยี่ยมจ่าชดเป็นครั้งคราว ทำให้จ่าชดอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวชอบชีวิน เมื่อชีวินรู้ เขาทำตามที่พ่อบอกให้ทำ เช่น ไปหาดวงใจ ซื้อขนมไปให้ จนแล้วจนรอดยังไม่มีถ้อยคำใดหลุดจากปากชายหนุ่ม ส่วนตองตอนนี้มีแม็คเป็นคู่กัดเพราะดีกันแล้ว ตองแสดงออกกับแม็คได้ทุกอารมณ์รวมทั้งแผนการที่จะเอาชีวินกลับคืนมาจากดวงใจ

ความ จริงชีวินนั้นจิตใจยังมั่นคงอยู่กับตอง แต่เจ้ากรรมที่เห็นตองทีไรก็ต้องเห็นแม็คทุกที จิตใจจึงรวนเร ไม่รู้ว่าจะเดินหน้ากับตองดี หรือจะตามใจพ่อเรื่องดวงใจดี

ระหว่าง นั้นจ่าชดถอดเฝือกแล้ว พร้อมที่จะไปโบกรถยามเช้ายามเย็นช่วงรถติดอย่างเคย ยามนี้แกลืมทุกสิ่งนอกจากงานจราจร สีหน้าแกอิ่มเอิบสดชื่นและดูเหมือนจะรำจราจรได้สวยกว่าเคย จิตใจจ่าชดปลาบปลื้มที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนมีความสุข เพราะแกโบกรถผ่านได้แคล่วคล่องรถแล่นไหลลื่นไม่ติดขัด แกเห็นสีหน้าคนหนึ่งหลังพวงมาลัยยิ้มแย้มดูอารมณ์ดี จ่าชดมีความสุขที่เอาชนะรถที่ติดเป็นตังเมได้ มีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงจ่าตุ้มนั่นแหละ วันใดที่ต้องมาทำหน้าที่ด้วยกัน จ่าตุ้มมักจะทำท่าจับรถขับผิดกฎจราจรแบบลับๆ ล่อๆ ที่จ่าชดเกลียดนัก แกประกาศลั่นว่าถ้าเห็นใครรับเงินค่าปรับจากคนขับละก็ มีเรื่องกะแกแน่ๆ

พ่อ ดูมีความสุข น้องชายก็มีความสุข แม่ก็ขายของดีขึ้นเพราะตอนหยุดงานจ่าชดชิมอาหารทุกวันจนหาสูตรที่ลงตัวให้ อาหารอร่อยได้แล้ว คนก็ติดข้าวแกงแม่แก้วเป็นตังเม แต่ชีวินเล่าเขารู้ดีว่าพ่อหวังได้ดวงใจเป็นลูกสะใภ้ พ่ออาจจะคิดว่ามีลูกสะใภ้เป็นพยาบาลทำให้อุ่นใจในยามเจ็บป่วย เขาเองกำลังคิดว่ารักดวงใจพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานนุ่มนวล หรือตองจราจรหญิงผู้ห้าวหาญดี

ตอง พักร้อนจึงไปชวนชีวินไปเที่ยวเขาใหญ่โดยลากแม็คไปด้วยเพื่อกันคนนินทา บอกแม็คว่าคราวนี้ต้องจัดการให้ชีวินเป็นแฟนตัวให้ได้ แม็คถามว่าจะยอมเป็นเมียชีวินหรือ ตองด่าแม็คไม่เลี้ยงเพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะยอมมีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน เพราะจ่าตุ้มสั่งสอนตั้งแต่เล็กให้รักนวลสงวนตัว ที่เขาใหญ่แม็คต้องหน้าชื่นอกตรมที่เห็นตองกับชีวินทำท่าจะเข้าใจกัน

รัก ครั้งนี้หวานยิ่งนัก ตองลืมไปเลยว่าชีวินทั้งเชยทั้งซื่อ จืดชืด แถมยังชอบสั่งสอนเวลาตองพูดภาษาไทยผิดๆ มีแต่ชีวินที่อบอุ่น อ่อนโยน จริงใจ สุภาพและให้เกียรติ ทำให้ตองรู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีค่า ช่วงเวลาต่อมาเป็นความหวังของตองและชีวิน สองคนสร้างความฝันร่วมกัน อุปสรรคอันยิ่งใหญ่คือพ่อของทั้งสองคน แต่ชีวินและตองยินดีจะรอคอยเพื่อเอาความอดทนชนะใจจ่าทั้งสองคนให้ได้

วัน หนึ่งเกิดมีการปล้นและยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับตำรวจ คนร้ายวิ่งหนีมาทางที่จ่าชดกำลังปฏิบัติหน้าที่ จ่าชดไม่ฟังเสียงห้ามของใครๆ วันนั้นจ่าตุ้มก็อยู่ จ่าชดสะบัดจ่าตุ้มผู้ที่เข้ามาล็อคตัวจ่าชดไว้จนกลิ้งไปสามสี่ตลบ ตัวเองวิ่งปราดไล่ตามผู้ร้ายไป พร้อมทั้งตองผู้ซึ่งมาถึงพอดีเพื่อมารับจ่าตุ้ม ตองกระโดดลงจากรถวิ่งตามจ่าชดไป จ่าตุ้มแทบหัวใจวายจะขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปก็ใช่ที่ ตองวิ่งตามจ่าชดจนทัน แต่เมื่อตองวิ่งเข้าจะชาร์ทจ่าชด ลูกกระสุนปืนของคนร้ายก็พุ่งเข้าที่ท้องของจ่าชดจนล้มคว่ำไป

จ่า ชดเจ็บคราวนี้ดวงใจดูแลพยาบาลอย่างดีมาก อาการจ่าชดเป็นตายเท่ากัน จ่าชดเสียเลือดมาก ดวงใจเท่านั้นที่มีเลือดกรุ๊ปบีลบ ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายาก ดวงใจสละเลือดให้จ่าชดด้วยความเต็มใจ พ่อหายเจ็บเพราะดวงใจ ชีวินจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนความดีครั้งนี้

ตอง รับรู้จากปากของชีวินเอง ความกตัญญูของคนรักทำให้ตองปวดร้าวใจยิ่งนัก แม็คพยายามปลอบโยนแต่แม็คเป็นแค่เพื่อนรัก น้ำใจของแม็คไม่สามารถคลายความเจ็บช้ำของตองได้ ตองหายหน้าไปพักใหญ่เลิกแล้วงานจราจรที่รัก ในขณะที่จ่าชดไปสู่ขอดวงใจให้ชีวิน งานแต่งงานถูกวางแผนให้เรียบง่ายและสิ้นเปลืองน้อยที่สุด ตองกลับมาจ่าตุ้มมองดูความเศร้าซึมของลูกสาวด้วยความสงสาร พลางคิดว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

ก่อน วันแต่งงานไม่กี่วัน จ่าตุ้มไปขอพบจ่าชด สองจ่าพูดจาถกเถียงกันเป็นนานสองนาน ในเวลาเดียวกัน ตองขอพบดวงใจ เพื่อขอร้องกันอย่างผู้หญิงต่อผู้หญิงว่าการที่ได้คนที่ไม่รักเรานั้นเป็น ความทุกข์ที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรยอม วันแต่งงานแท้ๆ เขายังไม่รักแล้ววันต่อๆ ไปล่ะ

งาน นี้เห็นได้ชัดว่าทั้งพ่อทั้งลูกคือ จ่าตุ้ม กับ ตอง นั้น มีหัวใจดวงเดียวกันคือหัวใจนักสู้ วันแต่งงาน จ่าชดและจ่าตุ้มแย่งกันทำหน้าที่จราจรกั้นขบวนขันหมากเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านในฐานะพ่อของเจ้าบ่าวและพ่อของเจ้าสาว

ดอกฟ้ายาใจ 2550

เรื่องย่อ : ดอกฟ้ายาใจ (2550/2007) กรผกามารศรี เป็นลูกสาวของ คุณทินกร กับ คุณนายสายหยุด เจ้าของบริษัทมรกตพรอพเพอร์ตี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เธอมีพี่เลี้ยงชื่อ แม่นิ่ม กรผกามารศรีถูกเลี้ยงมาอย่างผู้ดี เรียนหนังสือจบจากต่างประเทศแล้วก็กลับมาอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำงานอะไร เพราะบ้านร่ำรวยจนล้นฟ้า กรผกามารศรีจึงทำอะไรไม่เป็นเลย ต่อมาเศรษฐกิจเริ่มไม่ดี ทินกรเลยทำงานหนักและเครียดมาก วันหนึ่งเกิดหกล้มเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิตไป สายหยุดเลยปล่อยให้ลูกน้องช่วยกันบริหารงานไป ส่วนตัวเองหันมาเล่นการพนันต่อจนติดงอมแงม สุดท้ายก็เสียพนันจนหมดตัว เหลือเพียงบริษัทและที่ดิน โดยมีเศรษฐีใหม่อย่าง ทินพันธ์ ที่ยอมเล่นพนันกับสายหยุด เพราะรู้มาว่าลูกสาวของสายหยุดสวยมาก สุดท้ายสายหยุดก็พ่ายแพ้แก่ทินพันธ์ สายหยุดจึงจำเป็นต้องโอนมอบบริษัทและที่ดินให้เป็นสมบัติของทินพันธ์ตามสัญญา แต่วันที่ไปโอนที่ดินนั้น ทินพันธ์ยื่นข้อเสนอให้กรผกามารศรีแต่งงานกับเขา แล้วเขาจะคืนทุกอย่างให้ สายหยุดพยายามเกลี้ยกล่อมให้กรผกามารศรียอมแต่งงานกับทินพันธ์ แต่กรผกามารศรีก็ไม่ยอมท่าเดียว นิ่มบอกกับกรผกามารศรีว่า ที่จริงแล้วทินกรยังมีที่ดินมรดกเหลืออยู่อีกแห่งหนึ่ง อยู่แถวคลองเตย กรผกามารศรีจึงสั่งเก็บข้าวของทุกชิ้นในบ้าน แล้วก็อพยพไปอยู่อาศัยอยู่ที่นั่น ปรากฏว่าที่ดินที่ว่าเป็นที่ดินแคบๆ มีบ้านไม้เล็กๆ เก่าๆที่ใกล้จะพังอยู่หลังเดียว ทุกคนจึงต้องจำใจทนอยู่อาศัยที่นั่น กรผกามารศรีปรับตัวลำบากและชอบดูถูกคนอื่น ทำให้ถูกชาวบ้านหมั่นไส้ แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก เก่ง ทอมสาวที่มาแอบชอบ แต่สายหยุดกลับปรับตัวได้ดีและมีความสุขดีเพราะใกล้ๆ บ้านมีบ่อนพนันมีวงไพ่ กรผกาเห็นนิ่มทำงานลำบาก แล้วสายหยุดก็เป็นโรคหัวใจ ก็เลยคิดว่าตัวเองต้องหางานทำบ้างเสียแล้ว เก่งเลยพาไปฝากงานที่ร้านอาหารหน้าปากซอย โดยทดลองเป็นสาวเสิร์ฟดูก่อน แล้ววันหนึ่ง กรผกามารศรีก็ถูกสามีเจ้าของร้านหลอกพาไปปลุกปล้ำ แต่ก็ถูกทินพันธ์ที่บังเอิญผ่านมาช่วยเหลือไว้ได้ทัน ทินพันธ์จะพากรผกามารศรีไปส่งที่บ้าน แต่เธอกลับไม่ยอมและขอเดินกลับเอง ต่อมาทินพันธ์ให้ โชติ ที่เป็นลูกน้องคนสนิทแอบตามไปสืบจนรู้ว่ากรผกามารศรีกำลังลำบากมาก เลยให้โชติทำทีไปจ้างมาสอนให้กับลูกสาวของโชติ ทำให้พอมีเงินใช้ แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกสาวของโชติ เกิดเผลอพูดว่าทินพันธ์จ้างมา กรผการู้ความจริงเข้าก็เสียใจมาก เลยเลิกสอนแล้วเอาเงินค่าจ้างที่เหลือคืนให้กับทินพันธ์ไป แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กรผกามารศรีก็ต้องตกใจ เพราะมีนักเลงมาลุยบ้านจนข้าวของพังกระจัดกระจาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะ วิกกี้ ลูกสาวเจ้าของห้างทองในเยาวราชให้ ธงชาติ พี่ชายพานักเลงมาสั่งสอน เพราะวิกกี้แอบรักทินพันธ์อยู่ แต่สืบรู้มาว่าทินพันธ์รักกรผกามารศรี จากเรื่องที่เกิด สายหยุดจึงหัวใจวายต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้กรผกามารศรีต้องจำใจยอมขายสร้อยมรกต โดยฝากเก่งไปขาย เมื่อเก่งขายได้ก็นำเช็คไปฝากสายหยุด แต่สายหยุดก็มิวายแอบยักยอกไปเล่นการพนันอีกครั้ง จนแพ้พนันและติดหนี้ยิ่งกว่าเก่า เก่งไปสืบทราบว่ามีการประกวดนักร้องลูกทุ่ง ชิงเงินรางวัลก้อนใหญ่จึงส่ง กรผกามารศรีเข้าประกวด ทั้งที่กรผกามารศรีร้องเพลงไม่ได้เรื่อง แต่เธอก็เข้ารอบมาเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะหนึ่งในประธานกรรมการตัดสินคือ กิมเฮียง แม่ของทินพันธ์นั่นเอง แต่ปรากฏว่ากรผกามารศรีกลับหายตัวไป สารวัตรอาคม เพื่อนของทินพันธ์ สืบทราบว่าเป็นฝีมือของธงชาติ จึงรีบตามไปช่วยไว้ได้ทัน แต่กรผกามารศรีก็ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส กรผกามารศรีฟื้นขึ้นมาโดยนึกว่าอาคมช่วยชีวิตไว้ แต่กลับเป็นทินพันธ์ต่างหากที่บริจาคเลือดช่วยชีวิตเธอ กรผกามารศรีและอาคมจึงไปที่บ้านทินพันธ์ แต่ก็พบกับวิกกี้และ เสี่ยช้วน พ่อของวิกกี้ ที่บุกมายิงทินพันธ์ถึงบ้าน สุดท้ายวิกกี้และเสี่ยช้วนก็ถูกตำรวจจับ แต่ทินพันธ์ก็บาดเจ็บและสูญเสียการมองเห็น กรผกามารศรีสำนึกบุญคุณจึงยอมแต่งงานด้วย ทินพันธ์ยอมไปผ่าตัดดวงตา เมื่อหายดีแล้ว ทินพันธ์และกรผกามารศรีก็หย่ากัน แล้วพาสายหยุดและนิ่มกลับบ้านคลองเตย โดยกรผกามารศรีเพิ่งมาทราบทีหลังว่า ทินพันธ์ได้ยกสมบัติทั้งหมดคืนให้ และกำลังจะย้ายไปอยู่อเมริกา ทำให้กรผกามารศรีเริ่มรู้ใจตัวเองตั้งแต่วินาทีนั้น…. แล้วกรผกามารศรีจะไปตามทินพันธ์กลับมาได้หรือไม่ ? หรือเธอจะปล่อยให้ความรักแท้ของเธอจากไป ? ติดตามชม ดอกฟ้ายาใจ

แก่งกระโดน 2550

เรื่องย่อ : แก่งกระโดน (2550/2007) ทิชา เป็นลูกสาวคนเดียวของ กำนันชุ้ง แห่งบ้านแก่งกระโดน พ่อและแม่ของทิชา เลิกกันตั้งแต่ทิชายังเป็นเด็ก เพรา คุณทิพาวดี…แม่ของทิชารับความเจ้าชู้และบ้านนอกของกำนันชุ้งไม่ได้ตอนแรก เธอนึกว่ากำนันจะยอมตามใจ ด้วยการขายที่ดินต่างจังหวัดแล้วมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่ กำนันชุ้งนั้นเป็นนักพัฒนา เลือกจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด จน ได้เป็นกำนันในเวลาต่อมาคุณหญิงธิดา… ผู้เป็นยายก็ไม่ชอบกำนันชุ้งเลยยุให้ลูกสาวเลิกกับสามีและเอาหลานมาเลี้ยง ตลอด เวลา คุณหญิงธิดามอง เทวัญ เศรษฐีหนุ่มเอาไว้ เมื่อทิพาวดีเลิกกับกำนันชุ้ง คุณหญิงธิดาก็พยายามจะให้ลูกสาวแต่งงานกับเทวัญ แต่ทิพวาดีไม่ยอม เพราะลึกๆ แล้วยังรักกำนันชุ้งอยู่ เทวัญรักทิพาวดี และถือคติรักแท้แพ้ใกล้ชิด คอยตามดูแลเอาใจใส่ทิพาวดี และทิชามาตลอด หวังว่าวันหนึ่งทิพาวดีจะใจอ่อน

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ 2550

เรื่องย่อ : ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ (2550/2007) เมษายน 2312 อยุธยาล่มแล้ว ทั้งเมืองถูกเผาผลาญด้วยน้ำมือศัตรู กองเกวียนขบวนหนึ่งมุ่งออกจากประตูเมือง มุ่งไปยังดินแดนที่ปลอดภัยเพื่อเก็บสมบัติของแผ่นดิน แก้วแหวน เงินทอง มหาศาล ถูกขนเข้าไปเก็บในถ้ำ นอกจาก เจ้าพระยาเสนาบดีกลาโหม ยังมี ราชครูโหรหลวง นางกำนัน 4 คน นางเพ็ง, นางเพียน, ขุนพิทักษ์ นายทหารผู้ทรงยศ ราชครูบอกทุกคนว่าสมบัติต้องมีวิญญาณปกป้องรักษา ทุกคนพร้อมใจที่จะสละชีวิต ยกเว้นขุนพิทักษ์และนางเพียนที่ลักลอบหนี ไปพร้อมกับสมบัติจำนวนหนึ่ง แต่ละชีวิตถูกปลิดเหมือนใบไม้ร่วง คนสุดท้ายราชครูโหรหลวง “ท่านจงตัดหัวข้า เลือกของข้าจงขีดครอบแดนสมบัติไว้มิให้กล้ำกราย หัวของข้าจงใส่พานตั้งไว้ แล้วหมุนพานไปรอบๆ เพื่อที่ข้าจะได้เห็นศัตรูที่เข้ามาทุกทิศ” เจ้าพระยาฯ ก้มลงกราบ ก่อนที่ระเบิดจะดังขึ้นปิดขังวิญญาณไว้ชั่วกาลนาน หลังจากเจ้าพระยาฯ ไปแล้วคนทรยศหวนกลับมาเพื่อจะเอาสมบัติ และถ้ำ สมบัติก็ได้ผู้พิทักษ์เพิ่มขึ้นอีกสองดวงด้วยน้ำมือท่านราชครูที่มีชื่อเดิม ว่า “โสม” ที่ใครๆ เรียก “ปู่โสม” 200 กว่าปีผ่านไป พ.ศ.2549 กรุงเทพมหานคร วันนี้เป็นวันหมั้นของ โยธิน และ พิมาลา โยธินรักพิมาลาอย่างคลั่งไคล้ แต่พิมาลาหมั้นเพราะตอบแทน พิณทอง ผู้เป็นแม่เท่านั้น ขณะที่กรวดน้ำกันนั้น คุณยาย กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้ทวดเพียนและทวดเพ็ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ แท้จริงแล้วทวดเพียนเป็นแม่ของพิมาลาชื่อ มณี ภพที่แล้ว ที่บ้านสวน แห่งหนึ่ง อุบลวรรณ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับปู่โสม ซึ่งอุบลวรรณเป็นลูกหลานสืบทอดมาจากปู่โสม มีบุตรชายชื่อ พีร์ เป็นข้าราชการสถานฑูตที่ประเทศสเปน ที่ไม่เชื่อเรื่องลึกลับ ซึ่งอดีตเป็น ขุนพิชิตพล ลูกของปู่โสม หลังจากวันกรวด น้ำวิญญาณนางเพียนก็มาเข้าฝันพิมาลาเพื่อให้ปลดปล่อยเธอ แต่เธอก็ไม่คิดอะไรทำให้ทวดเพียนโกรธแค้น ต่อมาพิมาลาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสเปน ที่นั่นพิมาลาพบกับพีร์ ทั้ง สองรู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดเข้าหากันอย่างประหลาด โรซี่ หมอดูยิปซีบอก ซอนญ่า ลูกสาวให้ไปพาพีร์มาพบ ซึ่งพีร์ได้พาพิมาลามาด้วยเพราะในช่วงหลังทั้งคู่เริ่มสนิทกันแล้ว สร้างความไม่พอใจให้ซอนญ่าเป็นอย่างมาก โรซี่ได้มอบแหวนรอยสลักรูปจันทร์เสี้ยวให้พีร์ และบอกว่าแหวนวงนี้เป็นสมบัติของบรรพบุรุษพีร์ ต่อมาทั้งพิมาลาและพีร์ต้องกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ซอนญ่าของตามมาด้วย โยธินเร่งรัดงานแต่งงานแต่พิมาลายังไม่พร้อม อีกทั้งยังได้รู้ว่าแม่ ตัวเองเป็นชู้กับ พลโทพิชัย อีก ดีที่มีพีร์อยู่ช่วยปลอบโยน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงใกล้ชิดกันมากขึ้น โยธินไม่ใช่คนตาบอดเขาจึงวางแผนฆ่าพีร์แต่ปู่โสมมาช่วยไว้ ด้านพิมาลาก็ฝันถึงทวดเพียนอีกบอกพิมาลาว่าให้พาพีร์เดินทางมาหาที่ถ้ำ สมบัติ โยธินรู้เรื่องจากพิณทองความโลภครอบงำ ขบวนการล่าสมบัติได้ออกเดินทาง โยธิน พร้อมด้วย เมธี หมอผี และ โทนี่ เพื่อนนักโบราณคดี แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในแผนล่าสมบัติคือพิมาลา, พีร์ และซอนญ่า ระหว่างเดินทางทั้งหมดได้หลงเข้าไปในเมืองลับแล ที่นี่ทำให้พิมาลาและพีร์เริ่มมองเห็นอดีตชาติของตนว่าเคยรักกันมาก่อน แต่ก็ปะติดปะต่อไม่ได้มากนัก เพราะโยธินจะคอยกวนเสมอ ต่อมาทั้งหมดออกจากเมืองลับแลได้ ก็ถูกทวดเพียนพามาที่ถ้ำสมบัติ ทวดเพียนบอกว่ายังมีอีกเยอะที่ปู่โสมเฝ้าไว้ ซึ่งตัวเองพาเข้าไปไม่ได้ต้องให้ อาจารณ์พุทธะ มาหาเหล็กไหลแต่ถูกปู่โสมขังไว้ถึง 20 ปี คณะคนชั่วบังคับให้อาจารณ์พุทธะพาไปเทวาลัยร้างที่ปู่โสมฝังสมบัติไว้ อา จารณ์รู้ตัวว่าหมดประโยชน์และชะตาขาดจึงมอบเหล็กไหลให้พีร์ก่อนที่จะตาย ทั้งหมดถึงเทวาลัยปู่โสมและนางกำนัลทั้ง 4 คนต่างสู้อย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดคณะหาสมบัติถูกปู่โสมเล่นงานจนสะบักสะบอมก็เริ่มท้อ ไม่รู้จะเอาชนะปู่โสม ได้อย่างไร ทวดเพียนมาเข้าฝันพิมาลาให้โจมตีในวันพระใหญ่ที่ปู่โสมต้องจำศีล วันนั้จะชนะปู่โสมได้ แต่พิมาลาเก็บเงียบเอาไว้ แต่ทวดเพียนไม่ยอมแพ้ทำทุกวิถีทางจนสามารถเข้าฝันโยธินได้ เมื่อถึง วันพระใหญ่ เมธีใช้เวทมนต์เข้าไปถึงสมบัติ แล้วพากันหนีข้ามไปแดนเขมร เมธีขอความช่วยเหลือจาก นางอัปสรา ที่ดูแลเทวาลัยเขมร ให้ช่วยป้องกันปู่โสมไว้ ปู่โสมตามมาถึงขอเปิดการเจรจา ทั้งสองคุยกันอย่างสันติยอมให้ปู่โสมผ่านเข้าไปเล่นงานเมธีได้ ณ ชายแดนระหว่างไทยกับเขมร ได้เป็นสมรภูมิรบระหว่างคนกับผี ในที่สุดปู่โสมก็เป็นฝ่ายมีชัย เมธี, โทนี่, ซอนญ่า ตาย ส่วนนางเพียนบังคับให้โยธินจับพีร์ พิมาลาตามไปด้วย โยธินสู้กับเหล็กไหลไม่ได้จึงเสียชีวิตเหลือพีร์กับพิมาลา ช่างพอดีที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของขุนพิทักษ์และนางเพียน แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะตายเพราะน้ำมืออีกคนหนึ่ง เพราะวิญญาณสังหารใครไม่ได้ พีร์ยอมตายโดยให้พิมาลาฆ่า ส่วนพิมาลาก็เต็มใจเป็นผู้ถูกแลกวิญญาณ ทั้งสองแย่งปืนกันเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และหนึ่งชีวิตล้มลงขณะที่เสียงหัวเราะของวิญญาณดวงหนึ่งดังก้อง วัน เวลาผ่านไปอุบลวรรณกำลังยืนใส่บาตรให้พระภิกษุรูปหนึ่งที่ยืนรับด้วยสีหน้า สงบนิ่ง อุบลวรรณกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ชื่อหนึ่งที่เปล่งออกมาอย่างชัดเจนคือ “พิมาลา” ปูโสมวางมือเหนือศีรษะของวิญญาณพิมาลาที่ก้มกราบด้วยน้ำตานองหน้า ปู่โสมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ลูกเอ๋ย ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดินเช่นพวกเรา”

เหลี่ยมเพชรกะรัต 2550

เหลี่ยมเพชรกะรัต (2550/2007) เหลี่ยมเพชรกระรัต เป็นเรื่องราวของ กะรัต สาวสวย เปรี้ยว บุคลิกมั่นใจมาก เธอเรียนจบเร็วจึงเริ่มทำงานเร็วตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ กะรัตรักงานโฆษณา เธออยากเป็นครีเอทีฟที่มีความสามารถ มีชื่อเสียงด้วยความสามารถและฝีมือ แต่เพียงปีแรกกะรัตต้องเปลี่ยนงานถึง 3 ครั้ง เป็นเพราะความสวยบวกกับการแต่งตัวเปรี้ยวอย่างสาวมั่น ทำให้เจ้าของบริษัทที่เป็นผู้ชายเห็นเธอเป็นขนมที่ต้องเขมือบให้ได้ ทั้ง 3 รายส่อแววเฒ่าหัวงูตั้งแต่เริ่มงานไม่นาน สารพัดข้อเสนอที่จะให้เธอทั้งบ้าน รถ และอื่น ๆ แม้กระทั่งเลื่อนตำแหน่ง แต่กะรัตเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรี รักนวลสงวนตัว ต่างกับการแต่งกายที่มักจะเปรี้ยว และ Sexy จนเหมือนยั่วยวนตลอดเวลา ที่จริงแล้วเธอเกิดเป็นคนสวย และ Sexy มีเสน่ห์ด้วยตัวเอง ถึงแม้เธอจะแต่งตัวเรียบร้อยทว่าเธอก็ยังสวยบาดตาบาดใจ และ Sexy ไม่เปลี่ยน กะรัตเป็นคนเก่งและฉลาด วันนี้เธอกำลัง Present สตอรี่บอร์ดงานโฆษณาสินค้านมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง เธอแต่งตัวเรียบเก๋ สวย และ Present งานด้วยความมั่นใจ เธอตั้งใจคิดและอดนอนหลายวัน กว่าจะได้รับงานที่ถูกใจ เมื่อ Present เสร็จ กะรัตก็ไม่ผิดหวังเมื่อลูกค้าพอใจมาก และเซ็นสัญญาให้บริษัทโฆษณาของ เกษม ทำโฆษณาให้ กะรัตเพิ่งมาทำงานที่นี่ไม่กี่สัปดาห์ แต่เกษมก็มั่นใจที่มอบงานชิ้นนี้ให้เธอรับผิดชอบ เธอจึงภูมิใจมาก เมื่อลูกค้ากลับไปแล้วเกษมเรียกกะรัตไปพบ เขาชื่นชมเธอมาก และบอกว่าคืนนี้เขาจะเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้ ที่ห้องอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีการร้องคาราโอเกะกันด้วย เขาบอกอีกว่าเขาเลี้ยงเธอและเพื่อนร่วมงานทั้งแผนก กะรัตรีบกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เธอพบ อ้อมขวัญ อยู่บ้านแล้ว กะรัตและอ้อมขวัญเป็นเพื่อนสนิทกัน บิดาและมารดาเสียชีวิตแล้วเหมือนกัน ทั้งคู่เช่าคอนโดหรูกลางเมืองอยู่ด้วยกัน อ้อมขวัญทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดของบริษัท เอส เอส โฆษณา เมื่อกะรัตบอกข่าวดี อ้อมขวัญดีใจกับเพื่อนด้วย และเร่งให้ไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อกะรัตแต่งตัวเสร็จออกมาจากห้อง อ้อมขวัญยิ้มให้เพื่อนอย่างชื่นชม กะรัตสวยจริง ๆ รูปร่างสมส่วนอิ่มเอิบ Sexy ยิ่งสวมชุดราตรีสั้นสายเดี่ยวสีชมพูหวานเก๋ ยิ่งทำให้เธอสวยมากขึ้น กะรัตแต่งตัวอย่างมั่นใจเสมอ เธอชอบสไตล์เปรี้ยว เฉี่ยว เท่ห์ ซึ่งเหมาะกับเธอมาก เมื่อถึงห้องอาหารกะรัตแปลกใจที่เห็นเกษมนั่งดื่มอยู่คนเดียว สาวสวยเริ่มหวาดระแวง แต่เท่าที่ทำงานร่วมกันมาร่วมเดือน เกษมไม่มีท่าว่าจะเจ้าชู้หัวงูกับเธอเลย จะอย่างไรก็ตามเธอต้องระวังตัวไว้ก่อน กะรัตถามหาเพื่อน ๆ เกษมมองเธอด้วยแววตากรุ้มกริ่ม จนกะรัตเย็นวาบด้วยความขยะแขยง และพยายามไม่คิดมาก เกษมบอกเธอว่าเพื่อน ๆ ไปหาของขวัญมา เซอร์ไพรส์ เธอ เขาพยายามคะยั้นคะยอให้เธอดื่ม กะรัตจิบเป็นพิธี ตรงข้ามกับเกษมที่ดื่มราวกับน้ำ เวลาผ่านไปนานผิดสังเกต กะรัตเริ่มกระวนกระวายนั่งไม่ติด เกษมเริ่มออกลายเจ้าชู้ เขาเริ่มจากแตะนิดแตะหน่อย กะรัตขยับหนี เกษมไม่ลดละ กะรัตหวังว่าเพื่อนเธอหรือพนักงานสักคนจะโผล่เข้ามาช่วยเธอ เกษมมองกิริยาหวาด ๆ ของกะรัตอย่างช้า ๆ ก่อนจะบอกว่า คืนนี้เป็นคืนพิเศษของเธอกับเขาเท่านั้น ไม่มีเพื่อนหรือพนักงานคนไหนของบริษัทมาเพราะเขาไม่ชวน เกษมมองกะรัตด้วยตาเจ้าชู้ และพยายามลวนลามเธอมากขึ้น กะรัตหลบไปหลบมา เพราะไม่อยากตกงานอีก พยายามเตือนสติเกษม แต่เขาไม่สนใจในเมื่อสาวสวย Sexy อยู่ตรงหน้า แล้วสถานที่ก็เหมาะสำหรับจะจู๋จี๋กันอยู่แล้ว เขารอวันนี้มานาน รอวันที่กะรัตจะไว้ใจเขา เขาชอบเธอและอยากให้เธอเป็นของเขา เกษมก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่มองว่ากะรัตเป็นสาว “รักสนุก” หารู้ไม่ว่าสาวเปรี้ยวอย่างกะรัต รักศักดิ์ศรีและรักนวลสงวนตัวที่สุด เกษมได้ใจที่เห็นกะรัตนิ่ง เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังพยายามอดทนและทนไม่ไหว เมื่อเกษมตรงเข้าปล้ำเธออย่างบ้าคลั่ง กะรัตระวังตัวอยู่แล้วจึงหลบจนเกษมล้มลง เขาไม่เลิกความตั้งใจพยายามปล้ำเธออีก กะรัตจึงหยิบที่เขี่ยบุหรี่อันใหญ่ฟาดศีรษะเขาอย่างแรงจนหัวแตกเลือดอาบหน้า กะรัตตกใจเหมือนกันที่เห็นเลือด แต่เกษมกลับบ้ามากกว่า เขากลับยิ้มและตรงเข้าหาเธออีก แถมบอกว่าถ้ากะรัตชอบแบบซาดิสต์ เขาก็จะสนองอารมณ์เธอให้เต็มที่ แววตาหื่นกามของเกษมทำให้กะรัตสุดจะทน เธอจึงฝากเขาซ้ำอีกรอยจนเกษมนิ่งไป กะรัตอังนิ้วกับจมูกเขาจนแน่ใจว่าเขาไม่ตาย เธอจึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของเกษมขึ้นมา อย่างไรเสียเธอต้องได้ค่าจ้างของเธอเดือนนี้ ซึ่งตกลงกันว่าเป็นเงิน 20,000 บาท กะรัตเปิดกระเป๋าและหยิบเงินออกมาหมด เธอนับได้เพียงหมื่นเดียว ขณะที่กะรัตอารมณ์เสียอยู่ที่ไม่ได้เงินเท่าที่ต้องการ เกษมก็รู้สึกตัว เขาโวยวายทันที เมื่อเห็นเธอหยิบเงินจากกระเป๋าเขา เลือดบนศีรษะไหลลงมาอาบหน้า เขากุมหัวอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเลือดเปื้อนเต็มมือ เกษมโวยวายว่าเธอเป็นขโมย กะรัตไม่อยากมีปัญหาเธอจึงรีบวิ่งออกจากห้องนั้น เธอชนผู้ชายคนหนึ่งจนล้มไปด้วยกัน กะรัตรีบลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เกษมออกมาโวยวายว่า เธอล่อลวงทำร้ายและปล้นทรัพย์ ชายคนนั้นมองกะรัตอย่างลังเล สาวสวย เปรี้ยว และ Sexy เสื้อผ้าสวยยับยุ่ง เงินสด ๆ อยู่ในมือกับภาพของเกษมซึ่งกุมหัวเลือดไหล เขาเลือกที่จะเชื่อเกษม เขาคว้าตัวกะรัตไว้แต่สาวสวยไวกว่า เธอสะบัดหลุดและวิ่งหนีอย่างเร็ว นึกเจ็บใจรองเท้าส้นสูง 4 นิ้วของตัวเองที่ทำให้ไม่คล่องตัวเท่าที่ควร กะรัตหนีสุดชีวิตพลางนึกแค้นเกษมที่เลวที่สุด ลวนลามเธอแล้วยังหาว่าเธอเป็นขโมยอีก กะรัตวิ่งไปถึงลานจอดรถก่อนจะถึงรถเธอ ชายคนนั้นก็วิ่งมาทัน เขารวบเธอไว้ทั้งตัว กะรัตพยายามอธิบายเขาก็ไม่ฟัง กะรัตโมโหจึงกระแทกส้นสูงลงบนเท้าเขาอย่างเต็มแรง จนเขาปล่อยตัวเธอและก้มลงกุมเท้าอย่างเจ็บปวด กะรัตบอกเขาเสียงเข้มว่าเขาเข้าใจผิด เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย ทว่าท่าทางเขาจะไม่เชื่อ กะรัตจึงบอกว่าให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเสียไม่งั้นเธอจะตะโกนให้คนช่วยว่าเขาลวนลามจะปล้ำเธอ ซึ่งได้ผลเขาตกใจด้วยไม่คิดว่าสาวสวยจะฤทธิ์มากขนาดนี้ กะรัตฉวยโอกาสวิ่งหนีไปที่รถ และขับกลับคอนโดอย่างโมโหสุด ๆ ทั้งโมโหและไม่รู้จะโทษใครดีที่เธอต้องตกงานเพราะปัญหาซ้ำซากเดิม ๆ อย่างนี้ ทำไมคนเราประเมินคนจากการแต่งตัว แต่ไม่ดูความสามารถ กะรัตกลับเข้าห้องอย่างเหนื่อยสุด ๆ อ้อมขวัญซึ่งนั่งดูโทรทัศน์อยู่ตกใจที่เห็นสภาพเพื่อนรัก กะรัตเสื้อผ้ายับยุ่ง ผมสลวยที่เกล้าและติดกิ๊ฟเพชรหลุดลุ่ย กะรัตเดินโผเผมานั่งอย่างเซ็ง ๆ อ้อมขวัญรีบรินน้ำเย็นให้เพื่อนดื่ม เธอรอโดยไม่ถามเพราะรู้ว่าเดี๋ยวเพื่อนก็เล่าเอง ซึ่งก็จริงตามนั้น กะรัตเล่าด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่โมโหที่สุดคือ เธอยังได้เงินเดือนไม่ครบ เธอเจ็บใจพลเมืองดีจอมยุ่งที่เข้ามาขัดขวางทำให้เธอต้องหนีเกษมจนเหนื่อย อ้อมขวัญซึ่งเป็นสาวหวานเรียบร้อยตกใจมาก เธอกลัวว่าเกษมจะแจ้งตำรวจมาจับกะรัต เพราะไปทำร้ายเขา แต่กะรัตไม่กลัว ในเมื่อเธอเป็นคนถูกทำร้าย เธอมั่นใจว่าเกษมไม่กล้าแลกชื่อเสียงของเขากับเธอแน่นอน กะรัตเข้าห้องนอน เริ่มเหนื่อยและท้อกับชีวิตตัวเองที่ต้องหางานใหม่อีกแล้ว เธออดคิดไม่ได้ว่าถ้า ดำรงอาของเธอไม่โกงฮุบกิจการโรงงานทอผ้า และผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งต่างประเทศ ซึ่งพ่อของเธอกับอาลงทุนร่วมกัน กะรัตจำได้ว่าพ่อเอาบ้านไปจำนองและกู้เงินมาลงทุนหลายสิบล้าน แต่เมื่อพ่อตาย อาดำรงกลับบอกว่าโรงงานขาดทุนอาจถึงต้องขาย เงินลงทุนของพ่อเธอนั้นหมดไปกับการใช้หนี้แล้ว เธอไม่ได้เป็นหุ้นส่วนต่อจากพ่อแทนการรับสภาพหนี้หลายล้านก็น่าจะดีแล้ว แม่ของเธอตรอมใจกับเรื่องนี้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา กะรัตแค้นใจมาก เธอยังโชคดีที่บิดานำเงินเข้าบัญชีให้เธอไว้ก้อนใหญ่พอสมควร มากพอที่เธอจะเรียนจบ และเหลือพอที่กะรัตจะใช้ชีวิตสบาย ๆ ถ้าไม่ฟุ้งเฟ้อเกินไป ประสบการณ์ชีวิตทำให้กะรัตไม่ประมาท เธอเก็บเงินไว้และถอนมาใช้แต่ที่จำเป็น เธอเรียนจบและรีบหางานทำทันที เธอรักงานโฆษณา รักงานครีเอทีฟ และจะไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาเด็ดขาด ส่วนที่บ้าน “จตุทยา” เรืองรอง ภรรยาม่ายของ สมศักดิ์ เจ้าของบริษัท เอส เอส โฆษณา นั่งรอ ชัย ลูกชายคนเล็กอย่างเป็นห่วง เรืองรองแต่งงานกับสมศักดิ์หลังจากภรรยาเขาตายแล้ว สมศักดิ์มีลูกติด 1 คน ชื่อ นิพนธ์ ตอนแต่งงานกัน นิพนธ์ อายุเพียง 3 ขวบ เรืองรองเลี้ยงนิพนธ์เหมือนลูกแท้ ๆ จึงไม่มีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง แต่สมศักดิ์ทั้งรักและสงสารนิพนธ์ที่กำพร้าแม่ จึงตามใจจนนิพนธ์เสียนิสัย เขาเอาแต่ใจ ขี้เกียจเรียนและค่อนข้างเกเรเพราะพ่อตามใจ อีกไม่นานเรืองรองก็ท้อง เธอคลอดลูกเป็นผู้ชาย ก็คือ “ชัย” นั่นเอง เรืองรองเห็นโทษของการเลี้ยงลูกอย่างตามใจจากนิพนธ์ เธอจึงเลี้ยงชัยอีกแบบหนึ่ง ไม่ตามใจ แต่ไม่กดดัน บีบบังคับ ชัยจึงเป็นชายหนุ่มที่มีความรับผิดชอบ มีความคิด เขาจบปริญญาตรีและไปเรียนต่างประเทศ 4 ปี ชัยไม่กลับบ้านเลย ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด ชัยเรียน 4 ปี แต่ได้ปริญญา 2 ใบ เขาเรียนทั้งตรี และโทในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ชัยกลับมาแล้ว เรืองรองหวังว่าลูกชายคนนี้จะช่วยบริหาร บริษัท เอส เอส โฆษณาของสมศักดิ์ให้รุ่งเรืองต่อไป เธอรู้ว่าสมศักดิ์สามีนั้นรักบริษัทนี้มาก เขาทุ่มเททำงานจนบริษัทเติบโตมีชื่อเสียงก่อนจะเสียชีวิต เขาก็ยังสั่งให้ลูกและเรืองรองดูแลบริษัทต่อไป แต่เมื่อสมศักดิ์ตายไป นิพนธ์กลับไม่สนใจทำงาน เขาจะเข้าบริษัทก็เพื่อเซ็นเอกสารสำคัญกับเบิกเงินค่ารับรองลูกค้าเท่านั้น เรืองรองเองก็ไม่ถนัดงานด้านนี้ จึงได้แต่ฝากการบริหารไว้กับคนเก่าแก่ลูกน้องสมศักดิ์ ซึ่งบริษัทก็ทำกำไรได้แต่ไม่รุ่งเรืองเหมือนสมัยสมศักดิ์ยังอยู่ เรืองรองอดคิดไม่ได้ว่าถ้านิพนธ์สนใจกิจการของครอบครัวบ้างคงจะดี เรืองรองรอไม่นานชัยก็กลับเข้ามา เขาเดินเขยกอย่างเห็นได้ชัด เรืองรองอดถามไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร ชัยจึงเล่าเรื่องที่เขาเป็นพลเมืองดีพยายามจับแม่เสือสาวที่ตีหัวเหยื่อและขโมยเงินไป เขาจับเธอได้แล้ว แต่เธอเจ้าเล่ห์กระทืบเท้าเขาอย่างแรง รองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดของเจ้าหล่อนทำให้เท้าเขาเจ็บน่าดู เรืองรองตกใจมากและเตือนให้เขาระวังตัว กรุงเทพเดี๋ยวนี้น่ากลัวมาก ชัยหัวเราะอย่างไม่คิดอะไรประสาคนหนุ่ม เขาบอกมารดาว่าเขาจะเข้าไปทำงานที่บริษัทในตำแหน่งพนักงานส่งเอกสาร ซึ่งเป็นตำแหน่งต่ำสุด เขาอธิบายว่าเขาอยากรู้จักคนและงาน การเริ่มต้นจากตำแหน่งต่ำ ๆ จะทำให้เขารู้จักพนักงานทุกคนดีกว่าจะเริ่มต้นที่ “คุณชัย จตุทยา” รองประธานบริษัท เรืองรองแม้จะงงกับความคิดลูกชาย แต่ก็ต้องยอมรับว่า “การรู้จักคน” นั้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนในบริษัทของครอบครัว ส่วนนิพนธ์เมื่อรู้ความคิดของน้องชาย เขาคิดว่าน้องชายเพี้ยน งานตำแหน่งนั้นทั้งเหนื่อยและถูกใช้ราวกับคนรับใช้ แต่ชัยไม่เดือดร้อน ยังยืนยันตามเดิม แถมยังขอร้องทั้งมารดาและพี่ชายว่าถ้าพบเขาที่บริษัทก็ห้ามทักเด็ดขาด เขากลัวว่าแผนจะแตก วันรุ่งขึ้น กะรัตแต่งตัวเตรียมสมัครงานอีกครั้ง เธอได้ยินอ้อมขวัญพูดโทรศัพท์แว่ว ๆ ก็พอเดาได้ว่า อ้อมขวัญมีนัดกับ วีรเดช อีกแล้ว ซึ่งกะรัตไม่พอใจมากเพราะวีรเดชแต่งงานแล้ว ในแวดวงไฮโซ วีรเดชกับ พจนีย์ ภรรยาเป็นคู่สามี – ภรรยาตัวอย่างที่ถึงแม้จะแต่งงานกันมานาน 12 ปี แม้ไม่มีลูกด้วยกัน ทั้งคู่ก็ยังสวีทหวานแหววต่อกันเสมอ คำสัมภาษณ์ลงแมกกาซีนผู้หญิงเล่มดัง วีรเดชพูดชัดว่าเขารักภรรยาของเขามาก ถึงจะมีข่าวเขากับผู้หญิงอื่น แต่เขาพูดได้เต็มปากว่าเขาภูมิใจภรรยาของเขามาก ซึ่งเขาเปรียบเป็นเพชรแท้ในชีวิต ผู้หญิงอื่นเป็นแค่ทางผ่าน กะรัตอ่านเจอแค้นจนแสนแค้นแทนเพื่อน แต่ซื้อหนังสือมาให้อ้อมขวัญอ่านไม่ทัน กะรัตอ่านหนังสือที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง เมื่อกลับไปอีกหนังสือเล่มนั้นก็ไม่อยู่แล้ว เธออยากให้อ้อมขวัญรู้ว่าวีรเดชเป็นอย่างไร อ้อมขวัญรักวีรเดชมาก เธอพบเขาโดยบังเอิญเพราะเธอไปติดต่องานที่บริษัทแมกกาซีนแฟชั่นของวีรเดชในวันหนึ่ง ด้วยความเพลียและเหนื่อยอ้อมขวัญจึงเป็นลม ก่อนที่เธอจะล้มลง วีรเดชเข้ามาพบพอดี เขาอุ้มเธอไปที่ห้องรับรองลูกค้าโดยมีพนักงานหญิงตามไปด้วย วีรเดชดูแลเธออย่างดีและเป็นสุภาพบุรุษทำให้อ้อมขวัญประทับใจเขามาก แม้อายุจะต่างกันเกือบยี่สิบปี แต่อ้อมขวัญก็ไม่สนใจ ขอเพียงเธอได้รักเขา ไปกินข้าวและเที่ยวกับเขาบ้างเธอก็พอใจแล้ว วีรเดชเองก็พอใจอ้อมขวัญเช่นกัน เธอสวย หวาน เรียบร้อย บอบบางน่าทะนุถนอม วีรเดชจึงไม่เคยล่วงเกินเธอมากไปกว่ากอดหรือหอมแก้มเนียนใสเบา ๆ เท่านั้น กะรัตถามเพื่อนรักตรง ๆ ว่า มีอะไรเกินเลยกับวีรเดชหรือไม่ เธอไม่อยากให้อ้อมขวัญต้องทำผิดมากไปกว่านี้ ถึงแม้ไม่มีอะไรกัน แต่ก็ต้องถือว่าผิดศีลธรรมอยู่ดี อ้อมขวัญเองก็รู้ตัว แต่ก็ห้ามใจไม่ได้สักที กะรัตได้แต่เตือนเพื่อนอย่างเป็นห่วงก่อนออกไปสมัครงาน จนใกล้เที่ยงกะรัตเดินออกจากบริษัทโฆษณาที่ไปสมัครงานอย่างเพลีย ๆ เธอไปมาหลายแห่งแล้วทุกแห่งบอกให้รอเรียกสัมภาษณ์ทั้งนั้น ระหว่างเดินอยู่บนทางเท้า เธอได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยว่าถูกวิ่งราวกระเป๋า กะรัตหันไปดูก็เห็นผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งโบกมือร้องให้ช่วย ขณะเดียวกันเธอก็เห็นชายวัยรุ่นผอม ๆ วิ่งผ่านหน้าเธออย่างเร็ว กะรัตวิ่งตามทันที เธอเคยเป็นนักวิ่งแข่งของโรงเรียนมาก่อนระดับแชมป์เลยทีเดียว เธอวิ่งกวดคนร้ายไม่ลดละ รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ทำให้เธอวิ่งไม่ถนัด กะรัตวิ่งพลางสลัดรองเท้าทิ้งอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งทันคนร้ายจนได้ คนร้ายเมื่อจวนตัวก็โยนกระเป๋าถือของเหยื่อใส่หน้ากะรัตเพื่อหนีต่อ แต่กะรัตหลบทัน เธอก้าวไปหามันอย่างลืมตัว คนร้ายชักมีดคัตเตอร์อันใหญ่ขึ้นมาทันที กะรัตยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้าตามสัญชาตญาณ คมมีดคัตเตอร์กรีดลงบนแขนเธอเป็นแผลลึกและยาว ก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ ก็มีพลเมืองดีซึ่งเป็นผู้ชายตามมาช่วยจับคนร้ายไว้ทัน กะรัตหยิบกระเป๋าถือหรูราคาแพงส่งให้เจ้าของ ซึ่งอุตส่าห์วิ่งกระหืดกระหอบตามมา กะรัตอดนึกชมไม่ได้ที่สตรีผู้นั้นดูดี แต่งตัวงามสมวัย เมื่อส่งกระเป๋าคืนให้เจ้าของแล้ว กะรัตทำท่าจะไปแต่เรืองรองหรือเจ้าของกระเป๋าท้วงว่าเลือดที่แขนไหลมาก กะรัตมองแขนตัวเองเห็นเลือดไหลอาบแขนก็ชักตกใจเหมือนกัน เธอจึงยอมให้เรืองรองพาไปโรงพยาบาล หมอต้องพาเธอไปเย็บแผลเพราะแผลยาวและลึกอย่างน่ากลัว ระหว่างเรืองรองรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เธอโทรตามชัย แต่เขาอยู่ไกลมากจึงติดต่อนิพนธ์มาดูแลมารดาแทน เมื่อพบกันนิพนธ์กอดเรืองรองอย่างห่วงใย จะอย่างไรผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงคนนี้ก็ดูแลเขามาอย่างลูก เมื่อรู้เรื่องจากเรืองรอง นิพนธ์เสนอให้เงินกะรัตก้อนหนึ่งเพื่อเป็นรางวัล แต่เมื่อเห็นกะรัตสาวสวยผู้ช่วยเหลือมารดา นิพนธ์มองอย่างตะลึงและไม่เชื่อว่า สาวสวยสูงเพรียวแต่งตัวเปรี้ยวคนนี้คือคนที่ช่วยเหลือมารดา เรืองรองขอไปส่งหญิงสาวที่บ้าน แต่กะรัตปฏิเสธบอกว่าเพื่อนมารับแล้ว เมื่อเธอขอตอบแทนกะรัตที่ช่วยเหลือเธอ กะรัตปฏิเสธอย่างน่ารัก เธอตอบว่าเธอช่วยโดยไม่หวังอะไรตอบแทน โดยนิสัยแล้วเธอไม่ชอบพวกเอาเปรียบคนอื่นอยู่แล้ว นิพนธ์พยายามยื่นข้อเสนอเพราะอยากคุยกับสาวสวย แต่อ้อมขวัญมาพอดี อ้อมขวัญแปลกใจที่เห็นกะรัตยืนคุยกับเรืองรอง ประธานบริษัท และ นิพนธ์ ลูกชายซึ่งเป็นผู้บริหารคนสำคัญ เอื้อมขวัญทำความเคารพทั้งสองคนอย่างเรียบร้อย เรืองรองถามชื่อพลเมืองดีคนสวย กะรัตบอกอย่างเรียบร้อย นิพนธ์มองตามอย่างเสียดาย เมื่อกลับบ้านเรืองรองเล่าให้ชัยฟัง ขณะที่นิพนธ์บอกแต่ว่า กะรัตสวย และเก่งมาก ชัยฟังเรื่องกะรัตอย่างไม่สนใจ เขาห่วงมารดามากกว่า ชัยบอกว่าทรัพย์สินไม่ต้องเสียดาย เขาเป็นห่วงมารดามากกว่า แต่เรืองรองบอกว่าในกระเป๋ามีเข็มกลัดเพชรซึ่งสมศักดิ์ให้เธอไว้ ซึ่งเป็นของมีค่าต่อจิตใจของเธอมาก เรืองรองพูดถึงความดีของกะรัตอีกหลายคำ และพยายามหาทางตอบแทนเธอ ชัยจึงแนะให้เรืองรองถามเพื่อนกะรัตที่ทำงานที่บริษัทดูแล้วกัน วันรุ่งขึ้น เรืองรองจึงไปบริษัทและเรียกอ้อมขวัญมาคุย เมื่อรู้ว่ากะรัตกำลังหางานทำและเธอต้องตกงานเพราะอะไร เรืองรองสงสารมาก เธอให้กะรัตมาสมัครงานที่บริษัท เอส เอส โฆษณาทันที ด้วยความเห็นชอบอย่างเต็มที่ของนิพนธ์ อ้อมขวัญมาบอกกะรัตอย่างดีใจ กะรัตเองก็ดีใจเช่นกัน แต่ก่อนเริ่มงานใหม่ เธอไปทวงเงินที่เหลือจากเกษม จึงรู้ว่าเกษมพูดถึงเธออย่างเสียหาย กะรัตโมโหจึงอาละวาด และว่าเขาเจ็บ ๆ ต่อหน้าลูกค้า เมื่อกะรัตทวงเงิน เกษมจึงยอมจ่ายแต่โดยดี เพราะท่าทางของกะรัตนั้นพูดจริงทำจริงแน่ กะรัตรับเงินที่เหลือมาอย่างสะใจ เธอออกจากห้องเกษมและออกมาประกาศกับพนักงานโดยเฉพาะผู้หญิงว่า ให้ระวังเกษมซึ่งเป็นคนเจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ และหัวงูให้ดีแล้วกัน เสียงของกะรัตดังเข้าไปถึงหูเกษม เขาโกรธจนหน้าแดงแต่ไม่กล้าโวยวายเพราะเขาผิดจริง ต้นเดือน กะรัตมาทำงานที่ เอส เอส โฆษณา เธอพบชัยซึ่งมาในมาดของพนักงานส่งเอกสาร ทั้งคู่จำกันได้ดี กะรัตอธิบายชัยอีกครั้ง แต่สายตาเขาดูไม่เชื่อ กะรัตไม่ว่าอะไร เมื่อถึงบริษัททั้งคู่ต้องอึ้งเมื่อพบว่าทำงานที่เดียวกัน ในออฟฟิศฝ่ายโฆษณา มี โชติ ที่ดูจะเป็นมิตรกับกะรัต ส่วน พิทักษ์ กับ รัชนี นั้นดูไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะรัชนีที่ประกาศความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ในบริษัทพิทักษ์กับ รัชนี วางมาดราวกับเจ้าของ จนชัยนึกตำหนินิพนธ์ว่าควรเข้ามาดูบ้าง รัชนีวางอำนาจข่มกะรัตกับชัยจนน่าเกลียด แต่ทั้งคู่ไม่สนใจ เวลาผ่านไปชัยได้รู้ว่ากะรัตเป็นผู้หญิงน่ารัก จริงใจ และน่าคบ กะรัตไม่ถือตัว ไม่แบ่งชนชั้น เธอนับถือคนที่นิสัยใจคอ ไม่ใช่เปลือกนอก ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น นิพนธ์ทำยุ่งเมื่อส่งดอกไม้มาให้กะรัต รัชนีหึงจนตาลาย เพราะนิพนธ์กับเธอมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน และทุกครั้งเขาบอกว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ แต่มาวันนี้นิพนธ์ดูจะสนใจกะรัตมากไป รัชนียิ่งหาเรื่องกะรัตมากขึ้นทุกวัน วันหนึ่งพิทักษ์บอกว่าบริษัทผลิตเบียร์รายใหญ่กำลังเปลี่ยนแคมเปญโฆษณา และพิทักษ์อยากให้บริษัทได้งานนี้ รัชนีเจ้าเล่ห์วางแผนชวนกะรัตไปเจรจากับ พิชิต ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาด้วยกัน กะรัตไปเพราะงาน ในห้องอาหารญี่ปุ่น กะรัตถูกบีบให้นั่งคู่พิชิตโดยพิทักษ์กับรัชนีอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่รู้ดีว่าพิชิตชอบดื่มและชอบผู้หญิง พิชิตเองเมื่อเห็นกะรัตก็ถูกใจ พอเริ่มเมาก็เริ่มลวนลามจนกะรัตโมโห พิทักษ์และรัชนีไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเธอเลย ความอดทนของกะรัตสิ้นสุดเมื่อพิชิตบอกว่าเขาจะเสนอเรื่องให้ประธานบริษัทคือ คุณยุทธ์ ทันที ถ้ากะรัตยอมไปกับเขาและอยู่กับเขาตลอดคืน กะรัตยกแก้วเหล้าสาดหน้าพิชิต และหนีกลับทันที เธอหวั่นใจว่าอาจตกงานอีกครั้ง ส่วนอ้อมขวัญถูกพจนีย์ภรรยาวีรเดชตามระราน ตบหน้าประจานถึงบริษัท เธอทั้งเจ็บทั้งอาย ดีว่า อนุชา น้องวีรเดช คอยช่วยทุกครั้ง อนุชาเป็นเพื่อนกับชัย เขาสงสารอ้อมขวัญเพราะรู้ฤทธิ์พจนีย์ดี กะรัตกัดฟันทำงานต่อไปเพราะชัยให้กำลังใจ นิพนธ์ยังตามส่งดอกไม้ไม่เลิก จนกะรัตเบื่อเต็มที เธอไม่ชอบทะเลาะกับใคร รัชนีให้พิทักษ์บีบให้กะรัตลาออก โดยยื่นคำขาดให้เธอติดต่อขอโทษพิชิต เพื่อทำสัญญาโฆษณากับบริษัทของยุทธ์ให้ได้ภายใน 1 เดือน กะรัตยอมอดทนไปติดต่อ จนพิชิตยอมพบ เขานัดเธอคนเดียวที่ห้องอาหารเดิม กะรัตไม่วางใจนัก เธอเล่าให้ชัยฟังอย่างอดไม่ได้ วันต่อมา กะรัตไม่สบายใจจึงไปก่อนเวลา เธอแวะพักใจ พักสมองที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ระหว่างเดินเล่น เธอเห็นเด็กวัยรุ่นวิ่งไล่กัน และชนชายแก่คนหนึ่งตกน้ำ กะรัตรีบลงไปช่วยลุงคนนั้นทันที อะไรบางอย่างทำให้เธอเล่าให้ชายชราซึ่งบอกว่าชื่อยุทธ์ฟังเรื่องงาน ลุงยุทธ์ฟังอย่างสนใจ ก่อนแยกจากกันกะรัตให้เงินแกกลับบ้าน 100 บาทอย่างหวังดี แล้วก็ถึงวันนัดกับพิชิต กะรัตแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษ เธอแวะสวนสาธารณะตามเคย และพบลุงยุทธ์อีก ยุทธ์คืนเงินให้เธอ ธนบัตรถูกพับอย่างเรียบร้อย แต่กะรัตไม่รับ เธอขอให้แกเอาใจช่วยให้เธอทำงานสำเร็จ เมื่อพบพิชิต แม้กะรัตจะระวังตัวอย่างดี เธอก็พลาดจนได้ พิชิตแอบวางยาเธอ กะรัตหลับไม่รู้เรื่อง พิชิตประคองเธอไปอย่างกระหยิ่มใจ เขากะจะแก้แค้นกะรัตให้เจ็บแสบ พอพิชิตประคองกะรัตถึงรถ ชัยเข้ามาช่วยเธอพอดี ชัยกับพิชิตต่อยกัน พิชิตสู้ไม่ได้ ชัยจึงพากะรัตไปทาวน์เฮ้าส์ของเพื่อนและเฝ้าเธอทั้งคืน จนใกล้เช้ากะรัตจึงรู้ตัว เธอขอบคุณชัย และกินอาหารกับเขา ชัยทอดเบค่อน ไข่ดาว ปิ้งขนมปังอย่างคล่องแคล่ว เมื่อกะรัตถามเขาก็บอกว่าอยากเก่ง อยากหรูบ้าง ระหว่างกินข้าวกะรัตแนะให้ชัยเรียนต่อ และถ้ามีโอกาสเธอจะสนับสนุนเขาเอง ชัยยิ่งประทับใจเธอมากขึ้น เวลาผ่านไป ชัยและกะรัตสนิทกันมาก ชัยดีใจที่กะรัตไม่รักนิพนธ์ วันหนึ่งกะรัตพาชัยไปพบยุทธ์และพาไปกินข้าว กะรัตเล่าเรื่องพิชิตให้ยุทธ์ฟัง ซึ่งยุทธ์ฟังอย่างสนใจ ส่วนชัยกับยุทธ์มองตากันเหมือนรู้ว่าต่างก็มีความลับต่อกัน ในเย็นวันต่อมาชัยแอบมาพบยุทธ์ ทั้งคู่คุยกันอย่างเปิดอก จึงรู้สถานะที่แท้จริงของกันและกัน ชัยดีใจมากที่รู้ว่ายุทธ์คือประธานบริษัทเบียร์ กะรัตถูกบีบให้ทำสัญญาให้ได้ ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไม่บอกกะรัต ส่วนอ้อมขวัญตัดสินใจบอกเลิกกับวีรเดช แต่วีรเดชไม่ยอมขอนัดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อกะรัตรู้เธอไม่ยอมให้อ้อมขวัญไป เธอจะไปเอง เมื่อถึงเวลานัดชัยขอไปเป็นเพื่อนด้วย กะรัตพูดรุนแรงกับวีรเดชมากจนตัดสินใจกลับ ส่วนชัยรออยู่ข้างนอกเขาเห็นพจนีย์คอยหน้าร้านอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ น่าสงสัย เมื่อกะรัตออกมาชัยจึงประกบทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่พจนีย์สาดน้ำกรดใส่กะรัตเพราะเข้าใจว่าเป็นอ้อมขวัญ ชัยกระชากกะรัตหลบอย่างเฉียดฉิว น้ำกรดไม่โดนหน้าแต่แรงสาดน้ำกรดทำให้แขนกะรัตและชัยโดยพิษของมันเต็มที่ วีรเดชตกใจมากรีบพาทั้งคู่ไปโรงพยาบาล กะรัตเจ็บมากกว่า ส่วนชัยทำแผลแล้วก็ไปนั่งเฝ้ากะรัต อ้อมขวัญรู้เรื่องรีบตามมาโรงพยาบาล เธอพบวีรเดชและรู้ว่าลึก ๆ ในใจแล้ว วีรเดชรักพจนีย์มากกว่าเธอ เมื่อเขาขอให้อ้อมขวัญขอร้องกะรัตไม่ให้แจ้งความเพื่อเห็นแก่พจนีย์และชื่อเสียงของเขา อ้อมขวัญเจ็บใจและตาสว่าง เธอกลับไปบอกให้กะรัตและชัยแจ้งความ แต่กะรัตกลับใช้มาเป็นเครื่องต่อรองกับวีรเดชให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับอ้อมขวัญ วันต่อมา เมื่อกะรัตมาทำงานก็โดนพิทักษ์ซึ่งเป็นคู่ขาเก่าของรัชนี และรัชนีบีบเรื่องสัญญาอีก พอดีว่าวันนั้นยุทธ์มาบริษัทมาในแบบธรรมดา ซึ่งแกถูกรัชนีชนจนล้มบาดเจ็บ และไล่แกอย่างรังเกียจ แต่ชัยกับกะรัตออกมารับพอดี รัชนียิ่งไม่พอใจเพิ่มขึ้น กะรัตพา 2 หนุ่มต่างวัยไปกินข้าว เมื่อส่งยุทธ์แล้ว ชัยพยายามบอกเป็นนัยว่าเขาชอบกะรัต ซึ่งเธอมีท่าว่าไม่รังเกียจ ขณะที่ทุกคนวุ่นวายกัน จึงไม่รู้ว่าพิทักษ์แอบยักยอกเงินบริษัทไปมากมาย จนชัยเห็นรัชนีทะเลาะกับพิทักษ์ เขาจึงสังเกตมากเป็นพิเศษ ก่อนสิ้นเดือนรัชนีข่มขู่กะรัตอีกเรื่องสัญญาบริษัทเบียร์ กะรัตไม่สนใจ จนถึงวันสุดท้าย ระหว่างกะรัตค่อย ๆ เก็บของเพราะคิดว่าคงต้องออกจากงานอีกแล้ว ยุทธ์ก็เข้ามาคราวนี้เขาแต่งตัวสมภาคภูมิ รัชนีไล่ตามเคย ยุทธ์ตรงไปหากะรัตและพูดชัดเจนว่าจะมาจ้างบริษัท เอส เอส โฆษณาทำโฆษณา รัชนีช็อค แต่ยังปากดีดูถูกแกอีก กะรัตเริ่มโมโห ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย พิชิตวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบพร้อมกระเป๋าเอกสาร รัชนีและพิทักษ์แทบช็อคเมื่อพิชิตขอโทษยุทธ์และถูกตำหนิต่อหน้าคนอื่น พิชิตบอกว่ายุทธ์คือประธานบริษัทเบียร์ที่พิทักษ์และรัชนีบีบกะรัตหนักหนานั่นเอง ยุทธ์ระบุให้กะรัตรับผิดชอบงานนี้คนเดียว รัชนีเสียหน้ามากเธอง้อนิพนธ์ แต่นิพนธ์ปฏิเสธ รัชนีจึงหันมาหาพิทักษ์ พิทักษ์จำยอมรับส่ง เพราะรัชนีรู้ความลับของเขา ทั้งคู่ไม่รู้ว่าชัยก็รู้เช่นกัน แล้ววันหนึ่ง ทุกคนในบริษัทตกใจกันหมดทุกคน เมื่อเรืองรองและชัยในมาดของ ชัย ลูกชายของเรืองรอง และตำรวจมาจับพิทักษ์และรัชนีข้อหาฉ้อโกง ความจริงของชัยทำให้กะรัตโกรธ ยิ่งก่อนหน้านี้ รัชนีเป่าหูว่าชัยจีบเธอเพราะเธอง่าย กะรัตเสียใจที่สุด เธอเขียนใบลาออกเพราะโกรธชัย กะรัตไม่ยอมพบชัยอีก เธอไปพบกับยุทธ์บ่อย ๆ ส่วนชัยเมื่อเคลียร์งานเสร็จ จึงตามไปง้อกะรัตที่สวนสาธารณะ เขารู้ว่าเธออยู่ที่นั่น เพราะยุทธ์ช่วย เมื่อชัยมากะรัตจะหนี ยุทธ์เตือนเธอว่า เธอและชัยเป็นคนดี เธอควรเปิดโอกาสให้ชัยอธิบายบ้าง ยุทธ์เดินไปเพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มสาว และเหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อฝนตกอย่างแรง ชัยจึงฉุดกะรัตไปหลบฝน เขาฉวยโอกาสกอดเธอพลางสารภาพเรื่องทั้งหมด กะรัตเองยอมแพ้ใจเธอเอง เพราะเธอก็รักเขาเช่นกัน ชัยขอเธอแต่งงาน กะรัตแกล้งทวงแหวนเพชร ชัยจึงจูบเธอ บอกว่าจูบมัดจำแทนแหวนเพชรสำหรับ กะรัตผู้หญิงที่เขารัก และอยากให้เป็นเพชรในชีวิต กะรัตยิ้มพลางซุกอกชัยอย่างอบอุ่น เธอสัญญาว่าจะเป็นเพชรให้สมกับชื่อกะรัตของเธอเช่นกัน ส่วนอ้อมขวัญให้อนุชาดูแลรักษาหัวใจ จนเริ่มมีความสุขอีกครั้ง ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี

ตุ๊กตาเริงระบำ 2550

เรื่องย่อ : ตุ๊กตาเริงระบำ (2550/2007) อินทุอร สาวสวยนักเรียนนอก ที่ใกล้จะเรียนจบปริญญาตรี แต่บิดาของเธอ อนันต์ มาเสียชีวิตลงกะทันหัน อินทุอรหยิบจดหมายจาก ศจี ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงขึ้นมาอ่านหลายครั้ง เพราะเธอไม่เชื่อว่าบิดาของเธอจะฆ่าตัวตาย เพราะเขาเป็นถึงนักธุรกิจชื่อดัง ร่ำรวยมหาศาล ประสบความสำเร็จในอาชีพตลอดมา อินทุอรคิดไม่ตกว่าทำไมบิดาถึงฆ่าตัวตาย ในเมื่อท่านสั่งสอนเธอมาเสมอว่าคนฆ่าตัวตายคือคนโง่ เธอไขลานให้ตุ๊กตาบัลเลต์หมุนไปรอบตัวตามจังหวะดนตรีอีกครั้ง อินทุอรนั่งมองตุ๊กตาแต่น้ำตาไหลพราก เพราะตุ๊กตาตัวนี้บิดาซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว และสั่งนักสั่งหนาว่าให้เก็บตุ๊กตาตัวนี้ไว้ให้ดี ตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นตัวแทนของท่าน เมื่อเธอคิดถึงก็ให้กอดตุ๊กตาแล้วก็เหมือนกับกอดท่าน อินทุอรแปลกใจที่บิดาพูดแปลก ๆ ณ วันนี้เธอไม่มีใครแล้วนอกจาก “ตุ๊กตาเริงระบำ” วันรุ่งขึ้นเธอตัดสินใจเก็บของกลับกรุงเทพฯทันที เธอไม่เชื่อว่าบิดาของเธอจะฆ่าตัวตาย บนเครื่องบินเที่ยวบินอังกฤษ-กรุงเทพฯ ทยา หนุ่มหล่อนักธุรกิจไฟแรงนั่งมองสาวสวยที่นั่งติดกันอย่างสงสัย เธอนั่งกอดตุ๊กตากระเบื้องในชุดบัลเลต์ไว้แน่น สีหน้าเศร้าหมอง แต่ถึงจะเศร้าเธอก็สวยจับตาจับใจเหลือเกิน ทยาพยายามคุยด้วยเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนไทย แต่เธอไม่สนใจเขาเลย จนทยาเข้าใจว่าเธอหยิ่ง ทว่าความจริงแล้วสาวสวยคนนั้นหรือ อินทุอรกำลังเศร้าและสับสนที่สุด พอมาถึงกรุงเทพฯ ทยาช่วยดูแลเธอจนออกมาถึงนอกสนามบิน เมื่อเขารู้ว่าเธอไม่มีใครมารับ ทยาก็อาสาจะไปส่ง ระหว่างเดินมาที่รถทยา สาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวอีกคนหนึ่งก็วิ่งถลามากอดเขาอย่างรักและคิดถึงเต็มที่ อาการของเจ้าหล่อนใครมองก็รู้ว่าเป็นแฟนกัน ทยาตกใจแต่อินทุอรตกใจกว่า เธอจำได้ว่าสาวเปรี้ยวคนนี้คือ สลีวัลย์ ลูกสาวศจีนั่นเอง อินทุอรรีบลากกระเป๋าหนีมาขึ้นแท็กซี่ทันที โดยไม่สนใจเสียงเรียกของทยา อินทุอรมาที่สำนักงานทนายความของ ประชา ทนายประจำตระกูล ประชา และ ประพล ลูกชายตกใจที่อินทุอรมาอย่างกะทันหัน อินทุอรซักถามถึงการตายของบิดาอย่างละเอียดเพราะไม่เชื่อ แต่ประชาก็ยืนยันว่าอนันต์ฆ่าตัวตายจริง ๆ ที่สำคัญคือยังหาพินัยกรรมไม่พบ อนันต์เขียนพินัยกรรมต่อหน้าประชา แต่บอกว่าจะเก็บไว้เอง ไม่มีใครรู้ว่าเขาเก็บไว้ที่ไหน ประชารู้เพียงว่าจะเปิดพินัยกรรมได้ก็เมื่ออินทุอรอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์พอดี อินทุอรและประชากลุ้มใจเพราะมีเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้นในการหาพินัยกรรม วันนั้นประพลรีบอาสาไปส่งอินทุอรที่บ้าน ศจีและสลีวัลย์ตกใจที่เห็นอินทุอรมาแบบกะทันหัน รวมถึงทยาซึ่งสลีวัลย์ชวนมาที่บ้านด้วย ส่วนอินทุอรมองศจีที่วางมาดเป็นเจ้าของบ้านอย่างปวดร้าว ใบหน้าเรียบเฉย ตาดุ มองศจีอย่างโกรธแค้น ชิงชัง ศจีข่มใจวางมาดผู้ใหญ่ใจดี ปลอบอินทุอรเรื่องบิดา และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปเรียนต่อ แต่อินทุอรกลับตอบโต้อย่างรุนแรง นมอ่อน แม่นมของบิดา และ กิ่งแก้ว พี่เลี้ยงของเธอต้องไปอยู่เรือนคนใช้ ทั้งที่เคยมีห้องพักบนตึกใหญ่ เมื่ออินทุอรลงไปหาทั้งคู่ เธอยิ่งเสียใจเมื่อเห็นว่านมอ่อนป่วยมาก กิ่งแก้วกอดอินทุอรอย่างรักและคิดถึง และบอกว่านมอ่อนป่วยมานานแล้ว แต่ศจีไม่ยอมให้พาไปโรงพยาบาล อินทุอรโกรธจัด บอกให้กิ่งแก้วเตรียมตัวไว้ เธอจะพานมอ่อนไปโรงพยาบาลเอง เธอกลับไปหาทนายประชาอีกครั้ง คราวนี้เธอขอแฟ้มคดีของบิดามาด้วย เธอต้องการรู้ข้อมูลอย่างละเอียด อินทุอรไปเยี่ยมนมอ่อนทุกวัน เธอเริ่มอ่านรายละเอียดคดีของบิดาบ้างแล้ว ข้อมูลหลายอย่างทำให้อินทุอรสงสัยศจีและสมบูรณ์ น้าชายแท้ ๆ ของเธอ สมบูรณ์ดูแลเรื่องการเงินแต่ก็เหมือนอยู่ใต้อำนาจของศจี จนอินทุอรแค้นใจมากขึ้น อินทุอรนั่งทบทวนรายละเอียดการตายของบิดาจนหมด เธอเชื่อว่าบิดาถูกฆาตกรรมแน่นอน เพราะบิดาเป็นคนถนัดขวาก็จริง แต่เมื่อยิงปืนแล้ว ท่านจะถนัดใช้มือซ้ายมากกว่า เรื่องราวต่าง ๆ จะลงเอยอย่างไรติดตามต่อในละคร

สุภาพบุรุษชาวดิน 2550

เรื่องย่อ : สุภาพบุรุษชาวดิน (2550/2007) สุภาพบุรุษชาวดิน เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจาก สกุลศิริเสนี ซึ่งเป็นพวกผู้ดีเก่า ประมุขของตระกูลคือ คุณอมรา มีลูกชายคนเดียวชื่อ สรวิชญ์ นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอม สรวิชญ์แต่งงานกับ สุดาวรรณ หญิงสาวลูกเศรษฐี ด้วยเหตุผลเดียวคือความเหมาะสมกันทางสังคมและเศรษฐกิจ เมื่อแต่งงานกันแล้วทั้งสรวิชญ์และสุดาวรรณก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนแต่งงาน สรวิชญ์ยังคงเป็นเพลย์บอยเที่ยวเตร่หาความสำราญแบบคนหนุ่ม ในขณะที่สุดาวรรณก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง แม้จะมีบุตรชายหญิง 2 คนคือ อติศักดิ์ และอรศรี แต่สุดาวรรณไม่สนใจเลี้ยงลูกปล่อยให้พี่เลี้ยงและคุณอมราผู้เป็นย่าเลี้ยงหลานไป

คุณอมรามีเด็กสาวต้นห้องชื่อ วาด เป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน นุ่มนวลเอาใจเก่ง และวันหนึ่งวาดก็ตกเป็นภรรยาของสรวิชญ์ ด้วยความจำยอมกึ่งเต็มใจของวาดเอง และด้วยแรงผลักดันของคุณอมราด้วย และในที่สุดวาดท้อง สุดาวรรณโกรธจะฟ้องหย่า แต่คิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องอะไรจะปล่อยให้วาดมีโอกาสเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นภรรยาเอก เพราะรู้ดีว่าคุณอมรารักวาดมาก อีกทั้งกิจการบ้านเรือนตลอดจนการเข้าสังคมคุณอมราฝึกฝนไว้ทุกอย่าง สุดาวรรณจึงใช้วิธีเดียวกับคุณอมราคือพาหลานสาวคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้าน และพวงมณี หลานของสุดาวรรณตกเป็นภรรยาของสรวิชญ์อีกคน วาดคลอดบุตรชาย คุณอมราตั้งชื่อว่า วศิน เด็กชายเป็นเหมือนสายน้ำประโลมใจผู้เป็นแม่ เพราะพ่อไม่รักและไม่สนใจ สรวิชญ์ยังคงดำเนินชีวิตสนุกสนาน เที่ยวเตร่ เจ้าชู้เรื่อยไป เมียทุกคนต้องหวานอมขมกลืน เว้นแต่วาดที่ปลงได้ ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกไป พร้อมทั้งปรนนิบัติคุณอมรา

ต่อมาคุณอมราล้มเจ็บ สรวิชญ์เชื่อแรงยุของสุดาวรรณว่าระวังคุณนายจะยกสมบัติให้วาด จึงพยายามเคี่ยวเข็นถามหาพินัยกรรม ในที่สุดเมื่อคุณอมราเสียชีวิตทรัพย์สมบัติทั้งหมดตกเป้นของสรวิชญ์ โดยที่ทุกคนหารู้ไม่ว่าคุณนายออกจากโรงพยาบาลไปโอนที่แปลงหนึ่งให้วศินเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มีคุณอมรา วาดกับวศินก็ไม่มีที่พึ่ง เด็กชายวศินอายุเพียง 10 ขวบถูกรังแกจากแม่เลี้ยง พี่ชายและพี่สาว วาดช่วยเหลือลูกได้น้อยมาก ทำได้แต่เพียงป้องกันไม่ให้วศินออกไปเสวนาวิสาสะ กับใครๆ ในบ้าน แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้าก็ไม่สามารถปกป้องลูกชายจากแรงเกลียดและกลั่นแกล้งของสามแม่ลูกได้ วศินจึงเป็นเด็กค่อนข้างเงียบขรึมฟังและคิดมากกว่าพูด แล้ววันสิ้นสุดก็มาถึง วาดหอบลูกออกจากบ้านทันทีเมื่อพบว่า สรวิชญ์ตัดสินกรณีพิพาทระหว่างเด็กๆ อย่างไร้ความยุติธรรม ไม่มีการสอบสวนหาความจริง วศินถูกลงโทษอย่างหนักทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนผิด วาดเสียใจหนักขึ้นเพราะสรวิชญืไม่ทัดทานแม้แต่คำเดียว

สองแม่ลุกออกมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ และเปิดร้านขายอาหาร กิจการร้านอาหารเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะฝีมือ อัธยาศัย การบริการของสองแม่ลูก วศินนั้นเป็นอภิชาตบุตรโดยแท้ เขาตั้งใจเรียนและตั้งใจช่วยแม่ทำมาค้าขาย เขาทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ เขายืนยันว่าจะออกจากโรงเรียนเดิม เพราะเป็นโรงเรียนของพวกผู้ดีมีเงินเก็บค่าเล่าเรียนแพงมาก แต่วาดยืนยนให้วศินเรียนที่โรงเรียนนี้ต่อไป แม่ลูกขัดแย้งกันค่อนข้างแรงวศินตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง ปลอมลายเซ็นแม่เพราะยอมให้แม่ลำบากต่อไปอีกไม่ได้ วาดเสียใจมากเมื่อรู้ความจริง วาดไปหาครูใหญ่สมัครให้วศินเข้าไปเรียนอีก วศินไม่ยอมท่าเดียวจนวาดต้องเปิดสมุดบัญชีให้ดูว่าเงินมี เพราะวาดขายที่ดินมรดกแปลงนั้นไปแล้ว เงินนี้เท่ากับคุณย่าให้หลานเรียนหนังสือนั่นแหละวศินจึงยอม

ที่โรงเรียนวศินเป็นที่รักของเพื่อนฝูง ครูอาาจารย์ ยกเว้นสองคนคือ อดิศักดิ์ พี่ชายต่างมารดาและ สิทธิศักดิ์ เพื่อนของอดิศักดิ์ เด็กชายที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อของสิทธิศักดิ์ชื่อ วรกิจ เป็นเพื่อนสนิทของสรวิชญ์ แม่ชื่อ ภัสสร ผู้หญิงที่มีชีวิตฟุ้งเฟ้อ ดูถูกคนจน ตรงกันข้ามกับ ภัควดี น้องสาวที่นิสัยเหมือนพ่อคือ เมตตากรุณา น้ำใจดีงาม และเห็นคนทุกคนเท่าเทียมกัน วันหนึ่งฝนตกหนัก รถของวรกิจจอดรับวศินไปส่งบ้าน ทันทีที่เห็นภัควดี ได้ยินเสียงภัควดี ความเย็นฉ่ำชื่นใจหลั่งไหลไปทั่วหัวใจของวศิน เย็นฉ่ำยิ่งกว่าสายฝนที่กำลังตกหนักอยู่ในขณะนั้น และต่อจากนั้นจนตลอดชีวิตภัควดีไม่เคยจากหายไปจากจิตใจของวศิน เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ตรึงใจตรึงชีวิตของวศิน เธอคือแสงสว่างที่ส่องกลางใจเขาให้เขามีความมานะ อดทน พยายาม และตั้งมั่นอยู่ในความดีตลอดมา

วันหนึ่งวศินกลับจากโรงเรียน เและรับรู้ แม่วาดเสียชีวิตอย่างงฉับพลัน วศินรู้สึกเหมือนโลกถล่มทลายต่อหน้าจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อมาวันหนึ่งสรวิชญ์ปรากฏตัวมารับวศินกลับบ้าน ชีวิตของวศินในบ้านของพ่อบังเกิดเกล้า ต้องอดทนอดกลั้น เพราะทุกคนเกลียดชัง กลั่นแกล้ง แม้จะมีภัควดีคอยปลอบโยนให้กำลังใจ แต่ด้วยความอ่อนเยาว์ ความว้าเหว่ และโดดเดี่ยวในบ้านเกิดของตนแท้ๆ ทำให้วศินหมดความอดทนเขาจึงต้องออกจากบ้านไป

สิบปีผ่านไปชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฎตัวในงานศพของวรกิจ ทุกคนคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นหน้า แต่ไม่มีใครทราบว่าชายหนุ่มผู้มางานในรถคันโก้ พร้อมทั้งหรีดดอกไม้สดราคาแพงผู้นี้เป็นใคร ภัควดีดูจะเป็นคนเดียวที่นึกออกว่าชายหนุ่มผู้นี้คือ วศิน แต่เจ้าตัวปฏิเสธและบอกว่าเขาชื่อ คำอินทร์ สุริยวงศื อยู่เชียงใหม่

ย้อนหลังไปสิบปีที่แล้ว วศินผู้กำลังผิดหวังและเสียใจ ขึ้นรถไฟไปทางเหนือเพื่อไปหาผึ้งกับแตนที่เคยเป็นคนช่วยขายของในร้านของแม่ พบชายผู้หนึ่งกำลังถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ที่ตู้รถโดยสารชั้นหนึ่งวศินช่วย ไว้ได้ ชายผู้นั้นคือ เจ้าอินมงคล พ่อเลี้ยงทางเหนือ เจ้าอินมงคลชวนไปอยู่เชียงใหม่ด้วยเมื่อรู้ว่าเขาไม่มีที่ไป ที่เชียงใหม่เจ้าอินมงคลพาไปทำงานรับใช้ในไร่ของ แม่เลี้ยงอังกาบ ผู้ซึ่งเมตตารักใคร่วศินอย่างแปลกประหลาด ในที่สุดก็รู้ว่าวศินคือหลานแท้ๆ ของตน เพราะอังกาบเป็นน้องแท้ๆ ของสรวิชญ์ชื่อ เสาวภา แต่หนีตาม ประมวล คนรักมาสร้างฐานะร่ำรวยอยู่เชียงใหม่ แต่สองคนไม่มีลูกจึงรับวศินเป็นบุตรบุญธรรมและรักใคร่วศินยิ่งนัก วศินเองทำตัวสมกับความรักเขาขยันขันแข็งช่วยกิจการงานในไร่ ต่อมาได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านการเกษตรที่สหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาพ่อเลี้ยงประมวลเสียชีวิต วศินหรือคำอินทร์ในชื่อใหม่ จึงรับผิดชอบดูแลกิจการไร่ส้มและโรงงานทอผ้าและอื่นๆ ของแม่เลี้ยงต่อมา วศินกลับมาเชียงใหม่ โดยมีภัควดีอยู่ในความคิดคำนึงตลอดเวลา เขารู้ว่าภัควดีจำเขาได้ คำที่เธอถามเขาว่า วศินใช่ไหมคะ ดังก้องกังวานอยู่ในหู และเช่นเดียวกับภัควดี เธอแน่ใจว่าเขาคือ วศิน แต่คำตอบที่เธอได้ยินกลับเป็นคำว่า ไม่ใช่ครับ ผมชื่อ คำอินทร์ สุริยวงศ์

หลังจากงานศพคุณวรกิจเสร็จสิ้นลง สิทธิศักดิ์ได้ชักชวนมารดาขึ้นมาเชียงใหม่เพราะเขาและอดิศักดิ์คิดจะลงทุน เปิดโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องที่นั่น ร่วมกับ ทองเติม นักธุรกิจที่จะเป็นนายทุนใหญ่ ทองเติม ต้องการที่จะซื้อที่ดินของ เจ้าพลกาวิน ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าอินมงคล แต่พลกาวินต้องการที่จะขายที่ดินให้กับวศิน เนื่องจากหวังที่จะให้ลูกสาวคือ เจ้าน้อย หรือ เจ้าวินพัตรา ได้แต่งงานกับคำอินทร์ นอกจากจะได้คนดีๆ เป็นลูกเขยแล้วทรัพย์สมบัติยังไม่ไปไหนอีกด้วย ทองเติมพาคณะจากกรุงเทพฯ เที่ยวชมตามสถานที่สำคัญต่างๆ วันหนึ่งขณะลงจากดอยรถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ คุณนายภัสสรบาดเจ็บสาหัส นอกนั้นเจ็บคนละเล็กละน้อย ทำให้ภัควดีและสรวิชญ์ต้องเดินทางขึ้นมาเชียงใหม่อย่างเร่งด่วน ทั้งหมดได้พบกับวศินภายใต้ชื่อพ่อคำอินทร์ ภัควดีจำเขาได้แม่นยำแน่ใจว่าคือวศิน แต่เธอก็ต้องเก็บทุกอย่างไว้ในใจเพราะวศินยังไม่เปิดเผยตัว เขาบอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมไม่บอกความจริงไปอาจจะเป็นความรู้สึกส่วนลึกที่ อยากรู้ว่าเธอจะมั่นคงกับวศินคนจนๆ เมื่อก่อน หรือกับพ่อเลี้ยงคำอินทร์ผู้ร่ำรวย การพบกันไม่กี่วันที่เชียงใหม่นี้ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันจนเกือบจะเข้า ใจกันแล้วว่าต่างคนต่างมีใจให้กัน ถ้าไม่มีผู้หญิงอีกสามคนที่ภัควดีได้พบในเวลาต่อมา

ที่ไร่อังกาบมีแขกประจำคนหนึ่งชื่อ เรือนแก้ว เป็นแม่ม่ายสาวสวยมีกิจการค้าขายพืชผลการเกษตรมากมาย ซึ่งมีเหตุผลที่จะต้องมาติดต่อกับทางไร่เป็นประจำ และคำอินทร์หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดจาสัมพันธ์ด้วย และเพราะคำอินทร์เป็นสุภาพบุรุษยิ่งนักเขาจึงพูดจากกับเรือนแก้วอย่างสุภาพ แม้เรือนแก้วเข้าใจผิดว่าคำอินทร์ชอบตนเกินเพื่อน คนอื่นๆ ทั่วไปก็เข้าใจดังนั้น คำอินทร์ไม่เคยปริปากแก้ความเข้าใจผิดให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เรือนแก้ว เขาเพียงแต่บอกกับแม่เลี้ยงอังกาบว่าความจริงต้องปรากฏขึ้นวันหนึ่ง แม้ในเวลาต่อมาคำอินทร์จะได้รู้เรื่องอดีตของเรือนแก้วว่าเบื้องหลังความสุข และเสียงหัวเราะ คือชีวิตที่บอบช้ำจากครอบครัวที่กดขี่บังคับ และจากสามีที่เจ้าชู้และทารุณถึงขั้นทำร้ายจนเรือนแก้วมีสภาพจิตใจไม่ปกติ คำอินทร์เคยเห็นอาการผิดปกติรุนแรงของเรือนแก้วจึงสงสาร บางเวลาที่เรือนแก้วต้องการที่พึ่งคำอินทร์จึงช่วยเหลืออย่างเต็มใจ ดัง นั้นจึงเป็นที่ร่ำลือกันไปว่าคำอินทร์รักกับเรือนแก้ว ประกอบกับเรือนแก้วพยายามที่จะทำให้คนเข้าใจอย่างนั้นโดยการแสดงออกทุกอย่าง หาโอกาสที่จะได้ไปไหนต่อไหนกันสองต่อสองเป็นประจำ ผู้คนจึงเข้าใจผิดกันไปใหญ่ เรือนแก้วมีคู่แข่งคนหนึ่งชื่อ บัวขาว ผู้เป็นน้องสาของ อินปัน คนสนิทของคำอินทร์ อินปันเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและรักคำอินทร์มาก เพราะคำอินทร์เคยช่วยชีวิตไว้ ความรักนั้นเผื่อแผ่มาถึงบัวขาวที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านของไร่อังกาบ คำอินทร์เมตตาบัวขาวมากเกินกว่าคนงานธรรมดา ทำให้บัวขาวเพ้อฝันหลงรักและเป็นปฏิปักษ์กับใครก็ตามที่จะเข้ามาใกล้ชิดคำ อินทร์ และแน่นอนคนแรกคือเรือนแก้ว คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่ภัควดีระแวงว่ามีอะไรกับคำอินทร์หรือเปล่าคือเจ้าน้อย วินพัตรา หญิงสาวสวย น่ารัก ชาติตระกูลดี เป็นผู้ดีทั้งกิริยาและวาจา เธอเป็นคนที่ผู้ใหญ่หมายมั่นจะให้แต่งงานกับคำอินทร์เพราะความเหมาะสมกัน ทุกอย่าง วินพัตรารักคำอินทร์แต่คำอินทร์สุภาพและอ่อนโยนกับเธอไม่มีทีท่าอะไรพิเศษ วินพัตราเข้าใจโดยสัญชาติญาณของผู้หญิง แต่ด้วยความรักจึงยังคทำตัวใกล้ชิดกับคำอินทร์ตามแรงยุของผู้ใหญ่ตลอดเวลา ภัควตีเป็นเป้าความไม่ชอบและไปถึงขั้นเกลียดชัง จากผู้หญิงสองคนที่เกี่ยวข้องกับคำอินทร์คือ เรือนแก้วและบัวขาว ภัควดีพร้อมที่จะถอยเธอไม่ทำตัวเป็นคู่แข่งของสองสาว แต่คำอินทร์ก็ไม่เคยชี้แจงอย่างเป็นทางการว่าเขาไม่มีอะไรกับสองคนนั้น เขาเพียงแสดงให้เธอรู้ว่าเธอคือคนสำคัญของเขา แต่สิ่งที่ภัควดีได้ยินได้ฟังหรือได้ประสบกับตนเองจากสองสาว ทำให้ภัควดีเข้าใจผิดและคิดว่าเธอต้องเป็นฝ่ายล่ำถอย

หญิงสาวทั้งสี่คนต่างก็รักพ่อเลี้ยงคำอินทร์ ส่วนคำอินทร์นั้นสงวนท่าที เพราะภัควดีไม่เคยแสดงท่าทีอะไรเกินเลยกับเขา ในที่สุดความลับของคำอินทร์ก็เปิดเผยขึ้นเมื่อสรวิชญ์ได้พบกับอังกาบหรือ เสาวภาน้องสาวที่จากกันมานาน พ่อเลี้ยงคำอินทร์คือ วศิน บุตรชายของเศรษฐีผู้ดีเก่าอย่างสรวิชญ์ จากลูกเลี้ยงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้กลายเป็นหลานแท้ๆ ของอังกาบเจ้าของไร่ พ่อเลี้ยงคำอินทร์ผู้ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลายอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มความน่ารัก น่านับถือ น่าสนใจจากผู้คน ทั้งหลายอีกเป็นทวีคูณ

แต่ความดีมิได้ชนะทุกคนอย่างที่ควรจะเป็น พ่อเลี้ยงคำอินทร์หรือวศิน มีคนที่เห็นเขาเป็นศัตรูอยู่หลายคน นายทองเติมเห็นว่าเขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง เพราะทองเติมเป็นพ่อค้าที่การโกงและความทุจริตเป็นสรณะในการประกอบอาชีพ ทำให้ขัดแย้งกับคำอินทร์และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทองเติมทุกครั้ง ในฐานะนายวศินอติศักดิ์พี่ชายเกลียดชังจนเข้ากระดูก เพราะตนเองเป็นคนเลวสมบูรณ์แบบทั้งสุรานารี และไม่เคยเอาใจใส่การงานจนสรวิชญ์ผู้พ่อเอือมระอา อีกคนที่ไม่ชอบวศินเลยคือสิทธิศักดิ์พี่ชายของภัควดี เพราะสิทธิศักดิ์ชอบเจ้าน้อยวินพัตรา แต่วินพัตรารักวศินใครๆ ก็รู้ดี สิทธิศักดิ์หรือจะไม่หมายมั่นอยากกำจัดวศินให้ตายไปจากโลกนี้ ที่สำคัญทองเติม อติศักดิ์ และสิทธิศักดิ์ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน คือ โรงงานผลไม้กระป๋องที่กำลังจะสร้าง ที่ดินที่ทั้งสามต้องการเพื่อสร้างโรงงานคือที่ดินผืนใหญ่ติดกับไร่อังกาบ ที่ดินผืนนั้นเจ้าของคือเจ้าพลกาวิน บิดาของเจ้าน้อยวินพัตรา และในขณะเดียวกันวศินก็ติดต่อขอซื้อที่ผืนนั้นเพื่อขยายธุรกิจการทำผลไม้ กระป๋องเช่นกัน แผนการณ์กำจัดคำอินทร์หรือวศินในฐานะศัตรูหมายเลขหนึ่งดำเนินไปจนถึงลอบฆ่า ให้ตาย ทองเติมเป็นคู่ขาของเรือนแก้วมานาน จึงใช้เรือนแก้วเป็นเหยื่อล่อวศินให้มาติดกับ แต่วศินก็แคล้วคลาดไปได้ สุดท้ายคือการจับวศินไปเพื่อฆ่าในที่ดินที่แย่งชิงกันอยู่นั่นเอง อดิศักดิ์ลั่นวาจาขอฆ่าด้วยตนเอง เพราะมีความแค้นต่อกันมาเนิ่นนาน กระสุนจากปืนอติศักดิ์ลั่นเข้าสู่ร่างกายของวศิน พร้อมๆ กับกำลังตำรวจถึงทีเกิดเหตุพอดี ภัควดีผู้ซึ่งรู้ถึงแผนการโดยบังเอิญบอกสรวิชญ์ สรวิชญ์นำกำลังตำรวจไปทันทีแต่ไม่ทันเวลาวศินบาดเจ็บสาหัส อติศักดิ์ยิงตัวตายต่องหน้าสรวิชญ์ ทองเติมหนีไปได้แต่สุดท้ายก็จนมุมเพราะเรือนแก้วบอกความลับที่ตั้งเซฟเฮาส์ ของทองเติม ตำรวจตามจับได้พร้อมๆ กับทำลายแหล่งค้ายาเสพติดของทองเติมด้วย

หลายเดือนต่อมาวศินหายเจ็บแต่กลับต้องมาพิการ แต่วศินก็ไม่ยอมแพ้ และที่สำคัญภัควดี คอยเป็นกำลังใจเคียงข้างเขาตลอดเวลา ความรักที่บ่มเพราะตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กๆ จนเติบใหญ่มั่นคงแข็งแรงในหัวใจของเขาทั้งสองจึงได้เปิดเผยต่อกันและกัน ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของผู้คนใต้ร่มใบบุญของไร่อังกาบ งานแต่งงานแบบล้านนาของทั้งสองคนจะสวยงามยิ่งใหญ่และตราตรึงผู้คนไปอีกนาน เท่านั้น ถ้าไม่มีบัวขาวหญิงสาวที่หลงรักวศินมากจนจิตใจฟั่นเฟือนยอมรับความสูญเสีย ไม่ได้ปรากฏตัวในงานพร้อมกับปืนกระบอกหนึ่งที่เล็งไปยังภัควดี วศินจะทำอย่างไร ต้องติดตามต่อไปใน สุภาพบุรุษชาวดิน

บัวแก้วจักรกรด 2549

เรื่องย่อ : บัวแก้วจักรกรด (2549/2006) ณ เมืองสุรกานต์ “องค์ชายเพชรดารา” ในวัยเด็กได้ซุกซนนำลิงจ๋อไปเที่ยวเล่นในตลาด ลิงจ๋อเป็นของขวัญที่มาจากเมืองแขก เป็นลิงที่ซนมากจนทำให้ชาวบ้านตกใจตกน้ำตายไป พระราชาอนุวงศ์กริ้วลูกชายมากสั่งให้นำลิงจ๋อไปเผา เพชรดารารักของเล่นมาก จึงพาลิงจ๋อหนีไปกลับยานโพยม แล้วไปเจอกับ บัวแก้ว และทานตะวันที่หนีท่านตาฤาษีมาเที่ยวบนฟ้า และทั้งสองก็ได้เจอกับ ยักษ์เมฆภัติ ที่อยากได้ยานโพยมกับบัวแก้วจักรกรด จึงขว้างขวานวิเศษออกไป ขวานวิเศษได้ทำลายยานโพยมและบัวแก้วจักรกรดตกลงไป หลายปีผ่านมา เพชรดารา เติบโตขึ้นจึงเดินทางกลับบ้านเมืองระหว่างทางได้เจอกับ เมฆสิทธิ์ พญายักษ์แห่งนครกรุงกลางหาวที่กำลังจะไปเลือกคู่กับ องค์หญิงบัวแก้ว จึงเกิดการต่อสู้ แต่เมฆสิทธิ์เอาชนะเพชรดาราไม่ได้ แต่เพชรดาราก็สังหารเมฆสิทธิ์ไม่ได้เช่นกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในละครพื้นบ้านเรื่อง บัวแก้วจักรกรด

เกราะกายสิทธิ์ 2549

เรื่องย่อ : เกราะกายสิทธิ์ (2549/2006) เกราะกายสิทธิ์เรืองฤทธี ทั่วทั้งปฐพีระบือไกล ศัตรูหน้าไหนมาราวี จะโรมรันต่อตีให้แพ้พ่ายไป สะท้านฟ้า ภูผาสะเทือน ย้ำเตือนความยิ่งใหญ่ ธรณีลุกเป็นไฟ ปราบคนชั่วร้ายให้สิ้นชีวี มหัศจรรย์เรืองฤทธา 7 กายาผู้สวมใส่ ประกาศศักดาก้องเกียงไกร จะเสี่ยงภัย เกราะกายสิทธิ์ สัญญาและคำสาปแห่งเกราะกายสิทธิ์ ได้นำพาให้ “ศรุตเทพ” ต้องคำสาปจาก “วิษุวัติ” เทพแห่งขุนเขามาเกิดเป็นโอรสของกษัตริย์ “ศาสตรา” แห่งนครรัตนบุรีเพื่อใช้กรรมลบล้างความผิด

วัยอลเวง 2549

เรื่องย่อ : วัยอลเวง (2549/2006) ธนัย นักศึกษาหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย ปริทัศน์ ผู้เป็นพ่อเป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน ส่วน ริษา ผู้เป็นแม่ก็เป็นนักธุรกิจสาวสวย ปริทัศน์กับริษาหย่ากันเมื่อธนัยกำลังอยู่ในช่วงของวัยรุ่น เขาไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้แม่ต้องทิ้งเขาไปอยู่อเมริกา ธนัยต้องอยู่กับพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่เพราะปริทัศน์ไม่ค่อยมีเวลาให้ ปริทัศน์กำลังสนุกกับงานธุรกิจทุกอย่างที่เขาทำประสบความสำเร็จอย่างน่าภูมิใจ ปริทัศน์ทำงานจนแทบจะลืมลูก สิ่งที่เขาให้ธนัยอย่างไม่อั้นก็คือเงิน โดยไม่รู้ว่าธนัยต้องการความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่น จากพ่อบ้าง

ในช่วงปิดเทอมปริทัศน์จะให้ธนัยไปหาริษาที่อเมริกา ทว่าไม่กี่ปีทั้งปริทัศน์และริษาก็แต่งงานใหม่ ปริทัศน์แต่งงานกับ มณีมัย นักธุรกิจสาวสวย ธนัยไม่ยอมรับทั้งแม่เลี้ยงอย่างมณีมัยและ พ่อเลี้ยงชาวอเมริกัน สามีใหม่ของริษา เขาหวังจะให้พ่อและแม่กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เขาต้องการครอบครัวที่อบอุ่นของเขาคืนมา แต่เมื่อทั้งคู่แต่งงานใหม่ ธนัยจึงรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายและถูกทอดทิ้ง เขาฝังใจว่ามณีมัยแย่งพ่อไปจากเขาอีกคน นอกไปจากงานที่มากมายของปริทัศน์ยิ่งเมื่อมณีมัยมีลูกกับพ่อเขาอีกสองคน ธนัยก็ยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้น เขาเติบโตมาอย่างคนที่ขาดความรัก ความอบอุ่น และโหยหามันอย่างมากธนัยไม่มีความสุขสักครั้งเมื่ออยู่บ้าน เขารู้สึกเหมือนเป็นคนอื่นในบ้านของตัวเอง ธนัยจึงอยู่กับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ และทำตัวเป็นเจ้ามือพาเพื่อนเที่ยวเสมอ เขาจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อไม่มีเงินหรือว่าหมดแรงเท่านั้น มณีมัยเข้าใจความรู้สึกของธนัยดี ว่าเขาเกลียดและไม่ยอมรับเธอเป็น “แม่คนใหม่” แม้เธอจะพยายามอย่างไรก็ตามแต่ ธนัยกลับต่อต้านรุนแรงจนเธอนึกท้อ มณีมัยรักและเป็นห่วงธนัยอย่างจริงใจ เธออยากให้ปริทัศน์มีความสุขมากกว่านี้ มณีมัยรู้ดีว่าปริทัศน์รักธนัยมาก แต่เขาจะเข้มงวดและแข็งกร้าวกับลูกเสมอ จนธนัยเข้าใจว่าพ่อไม่รัก ในความเป็นจริงแล้วปริทัศน์ต้องการให้ธนัยเข้มแข็งและเป็นหลักให้ครอบครัวแทนเขา ปริทัศน์จึงเข้มงวดกับธนัยมากจนชายหนุ่มต่อต้าน สิ่งที่เขาต้องการคือความรัก ความเข้าใจจากพ่อ แต่ปริทัศน์กลับทำในสิ่งตรงข้าม พ่อกับลูกจึงทะเลาะกันรุนแรงทุกครั้งที่พบกัน

ทางด้านการเรียน ธนัยเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดของรัฐ แต่ไม่เคยเข้าเรียนเลย เขาใช้วิธีให้เพื่อนสนิทชื่อ สืบสาย หา Sheet หรือจ้างคนเข้าเรียนแล้วถอดเทปให้ ซึ่งธนัยก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง เพราะพื้นฐานทางการเรียนของเขาค่อนข้างดี ธนัยมีเพื่อนสาวที่สนิทกันมากเป็นสาวสวยชื่อศิริวิมล ทั้งคู่สนิทกันมากจนใครๆ เข้าใจว่าเป็นแฟนกัน ซึ่งทั้งธนัยกับศิริวิมลไม่ปฏิเสธ ธนัยยอมรับอย่างนึกสนุกมากกว่าจะจริงจัง ส่วนศิริวิมลรักและเข้าใจธนัยมากกว่าคนอื่นๆ เธอจึงยอมเขาทุกอย่าง แม้ธนัยจะไม่เคยคิดกับเธอเกินไปกว่าความเป็นเพื่อนก็ตาม วันหนึ่งธนัยพาเพื่อนกลุ่มใหญ่ไปกินโดนัทที่ร้านหน้ามหาวิทยาลัย เขาพบแคชเชียร์สาวสวยชื่อธาริน เมื่อเห็นธนัยมองธารินอย่างสนใจ สืบสายจึงบอกว่าเขาจ้างธารินให้เข้าเรียนและถอดเทปทำ Sheet ให้ธนัย ด้วยบุคลิกคล่องแคล่ว มั่นใจของธาริน ทำให้ธนัยมองเธอทำงานอย่างเพลิดเพลิน สืบสายบอกว่าธารินเป็นคนเก่งและขยัน มีความสามารถหลายอย่าง

แต่เพราะครอบครัวค่อนข้างยากจน กำพร้าพ่อและอยู่กับแม่ซึ่งอายุมากแล้ว ธารินจึงต้องทำงานไปพร้อมกับเรียนไปด้วย เธอมีงานพิเศษทำมากกว่าหนึ่งอย่าง ถึงทำงานมากแต่ผลการเรียนของธารินก็อยู่ในเกณฑ์ดีมาก สืบสายย้ำว่าธารินเป็นเด็กดี เรียบร้อย และไม่ชอบเที่ยว ที่สืบสายย้ำบอกธนัยเหมือนเป็นการปรามไม่ให้ยุ่งกับธาริน เพราะเขารู้ดีว่าธนัยเจ้าชู้มาก สืบสายไม่อยากให้ธารินต้องมาเสียใจเพราะธนัย จะอย่างไรก็ตามธนัยกลับติดใจธารินจริงๆ จังๆ ยิ่งเธอเมินเฉยไม่สนใจเขา ง่วนทำแต่งานตรงหน้า ก็เหมือนยิ่งยั่วให้ธนัยอยากเอาชนะเธอมากขึ้น ธนัยมั่นใจและทะนงในเสน่ห์ของตัวเองมาก

เมื่อธารินไม่หลงไปกับความหล่อและรวยของเขา ธนัยจึงขัดใจและอยากเอาชนะเธอมากโดยไม่รู้ตัว ส่วนธารินนั้นเป็นเพราะลำบากช่วยแม่ทำมาหากินตัวเป็นเกลียวมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับนางลำไยผู้เป็นแม่อบรมสั่งสอนธารินด้วยความรัก มีเหตุผล และอ่อนโยนตลอดมา จึงทำให้ธารินมีความมั่นคงทางจิตใจ มีวุฒิภาวะสูงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และมีความรับผิดชอบเกินตัว ธารินทำงานมาตั้งแต่เด็กจนโตเธอจึงรู้จัก “ค่าของเงิน” และใช้เงินเป็น

เมื่อธารินเห็นธนัยใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายเหมือนไม่รู้จักคุณค่าและความลำบากของผู้ที่หาม แม้ว่าจะเป็นเงินของ พ่อ – แม่ เขาก็ตาม ในความรู้สึกของธารินแล้ว ธนัยไม่มีอะไรที่น่าชื่นชมสักอย่าง มีแต่ความเป็นเด็กที่ไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งเธอเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด ดังนั้นการที่ธนัยตามวอแว จีบเธอ จึงทำให้ธารินรำคาญมาก เธอเคยว่าเขาแรงๆ แต่ธนัยก็ไม่โกรธ เพราะธารินไม่หยาบคาย

เธอพูดเรียบร้อยแต่ใช้วิธีเหน็บให้เจ็บใจ เพื่อเตือนสติมากกว่า ธนัยจึงชอบยั่วเธอให้โมโหเพื่อเอาชนะแต่ก็ไม่สำเร็จสักที วันหนึ่งธนัยพบธารินคุยกับ วอน นักศึกษาแพทย์ ซึ่งเป็นแฟนของธาริน ธนัยโกรธและหึงหวงเธออย่างไม่รู้ตัว ยิ่งวอนแสดงท่าว่าเป็นแฟนของธาริน ก็ยิ่งทำให้ธนัยโมโหมากขึ้น คืนหนึ่งธนัยแอบตามธารินและวอนไปจนถึงบ้านของธาริน ภาพของธารินที่คุยกับวอนอย่างน่ารัก สนิทสนม ทำให้ธนัยแทบคลั่ง ด้วยความหวงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์

ทว่าธนัยซึ่งใช้เงินซื้อทุกอย่าง และได้ดั่งใจเสมอมา จึงมองเห็นธารินเหมือนสิ่งท้าทายที่ต้องเอาชนะให้ได้ วันหนึ่ง นางลำไย ล้มป่วยอย่างกะทันหัน ธารินรีบพาส่งโรงพยาบาล เธอใจเสียเมื่อรู้ว่ามารดาป่วยเป็นมะเร็งในสมอง แม้วอนจะให้กำลังใจอย่างไร แต่ธารินก็ยอมรับความจริง เธอรู้ว่าต้องใช้เงินมากเพื่อรักษามารดา เงินเก็บที่ออมมาตลอดชีวิต คงไม่มากพอที่จะรักษามารดาได้ ธารินจึงยอมรับงานเล่นดนตรีและร้องเพลงที่พัทยา

ซึ่งสืบสายช่วยหางานให้เมื่อรู้ว่าแม่เธอป่วย ธารินต้องใช้เงินมาก สืบสายเป็นรุ่นพี่ที่ดีน่าเคารพ เขาช่วยรุ่นน้องที่ลำบากเสมอถ้าช่วยได้ ธารินจึงคบได้อย่างสนิทใจ แม้จะเคยนึกแปลกใจว่าคนอย่างสืบสาย ไม่น่าจะมีเพื่อนที่ไร้สาระอย่างธนัยได้เลย สืบสายไม่เคยบอกว่าจริงๆแล้ว ธนัยเป็นคนขี้สงสารและชอบทำบุญ เขาบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และช่วยเหลือให้ทุนการศึกษากับเด็กที่ขาดแคลนอยู่เสมอโดยไม่เคยบอกใครนอกจากสืบสาย เพราะธนัยจะชวนไปด้วยกันทุกครั้ง

งานเลี้ยงที่พัทยานี้ก็เช่นกัน ธนัยจัดงานวันเกิดเมื่อรู้เรื่องแม่ของธาริน เขาก็ให้สืบสายติดต่อธารินมาร้องเพลง เมื่อรู้ว่าเธอมีความสามารถและพรสวรรค์ โดยยอมจ่ายค่าจ้างอย่างงามจนธารินไม่กล้าปฏิเสธ แม้จะต้องค้างหนึ่งคืนก็ตาม ธารินยอมเหนื่อยเพื่อหาเงินมารักษามารดาให้ได้ คืนนั้นธารินสวยมากในเสื้อผ้าที่สืบสายหาไว้ให้ซึ่งเป็นชุดเรียบเก๋แต่เหมาะกับตัวเธอที่สุด ธารินร้องเพลงเพราะจนธนัยตะลึงและหลงเสน่ห์เธอมากขึ้น เมื่อมีหนุ่มๆไปวอแวใกล้ธาริน ธนัยก็อดใจไม่ไหว เขาปรากฏตัวออกมาจนธารินรู้ความจริงจนได้ ว่าเขาคือเจ้าภาพงานเลี้ยงที่จ้างเธอมา

ธารินโกรธสืบสายที่หลอกเธอ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ธนัยกับธารินทะเลาะกันค่อนข้างรุนแรง ธารินหนีกลับห้องพักเมื่อเห็นธนัยพูดไม่รู้เรื่องเพราะเมามาก ทว่าธนัยก็ตามไปอีกจนได้ เรื่องเลยเถิดเมื่อธารินโกรธและว่าเขาแรงมากขึ้นซ้ำยังยอมรับว่าเธอรักวอนและจะแต่งงานกับเขาทันทีที่เรียนจบ ธนัยหึงจนขาดสติ เขาปล้ำเธอเพื่อเอาชนะและไม่ยอมให้เธอไปแต่งงานกับวอน ธนัยคิดจะแกล้งเธอโดยไม่รู้ว่าเขาทำตามแรงปรารถนาของหัวใจ

ธนัยรักธารินมาก โดยไม่รู้ตัวมาตั้งแต่แรกพบกัน ส่วนธารินพยายามสู้แต่ก็แพ้แรงของธนัย คืนนั้นธารินจึงบอบช้ำทั้งใจและกาย เธอร้องไห้อย่างแค้นใจจนหลับไปในอ้อมกอดของธนัยนั่นเอง วันรุ่งขึ้นธารินเก็บของออกจากที่พักแต่เช้า เธอขอให้สืบสายหารถไปส่งเธอกลับกรุงเทพฯ โดยอ้างว่าห่วงแม่ อาการซึมเศร้าตาบวมแดงเหมือนร้องไห้มาทั้งคืน ทำให้สืบสายสงสัยแต่ก็เข้าใจว่าธารินเป็นห่วงแม่จริงๆ ธารินนั่งร้องไห้ตลอดทางจนถึงบ้าน เธอโกรธเกลียดธนัยมาก เขาคือมารร้าย

ในชีวิตเธอจริงๆ ธารินสับสน เจ็บปวด และต้องการกำลังใจอย่างมาก เธอไปหาวอนที่หอพัก ทว่าเมื่อพบกัน เธอกลับพูดไม่ออก อีกประการหนึ่งท่าทางของวอนที่ดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจทำให้ธารินไม่กล้าพูด ส่วนธนัยตื่น

เมื่อสายมากแล้ว ถึงเขาจะเมามากเมื่อคืนแต่ก็ไม่ลืมว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงร้องไห้ของธารินยังก้องอยู่ในหู ธนัยควานหาธารินที่เขาจำได้ว่ากอดเธอจนหลับไปแต่เมื่อไม่พบ ธนัยตกใจมาก ซ้ำร้ายกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอก็หายไป เขารีบไปหาสืบสายทันทีและเมื่อรู้ว่าธารินกลับกรุงเทพตั้งแต่เช้า ธนัยก็สั่งให้ทุกคนเตรียมตัวกลับเร็วที่สุด

สืบสายคว้าตัวธนัยไว้ก่อนที่เขาจะไป สืบสายมองรอยเล็บบนแขนและอกของธนัยอย่างสงสัย สีหน้าและแววตาของธารินเมื่อเช้าแวบเข้ามาในสมอง สืบสายปะติดปะต่อเรื่องได้ทันที เขาโกรธธนัยมาก แต่ธนัยกลับบอกสืบสายว่าเขาจะรับผิดชอบทุกอย่างรวมถึงจะแต่งงานกับธารินด้วย สืบสายอึ้งไป เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกับ ธารินดี ที่เสือร้ายอย่างธนัยยอมแต่งงานกับเธออย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครบังคับ

ธนัยมาดักรอธารินที่บ้านอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นประตูใส่กุญแจไว้จนค่ำเขาจึงเห็นธารินกลับมากับวอน ธนัยทั้งโกรธ ทั้งหึง แต่เมื่อเห็นว่าวอนส่งแค่หน้าประตูแล้วกลับ ธนัยยอมอดใจรอจนแน่ใจว่าวอนกลับไปแล้วแน่ๆ จึงหาทางเข้าบ้านธาริน

ส่วนธารินเป็นไข้เพราะบอบช้ำมาก เธอไข้ขึ้นสูงจนเพ้อ ธนัยหาเหตุให้เด็กข้างบ้านธารินชื่อ ดำ ช่วยจนสามารถเข้าบ้านธารินจนได้ คืนนั้นเขาอยู่ดูแลเธอทั้งคืน ธารินทำให้ธนัยรู้จักความรัก ห่วงใย เขารู้สึกผูกพันกับธารินอย่างบอกไม่ถูก นับจากวันนั้นไม่ว่าธารินจะไล่หรือว่าเขารุนแรงอย่างไร ธนัยก็ไม่โกรธและไม่ยอมแพ้ ธนัยรู้ตัวว่าข่มเหงน้ำใจธารินมากเกินไป เขาพร้อมจะรับผิดชอบและทำทุกอย่างให้เธอหายโกรธ ธนัยเจ้ากี้เจ้าการย้ายนางลำไยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเอกชน และรับเป็นเจ้าของไข้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่อยากให้วอนมาอยู่ใกล้ธารินอีก ธนัยจึงเช่าคอนโดและหาเหตุแกล้งทวงบุญคุณเรื่องการรักษาตัวของนางลำไย เพื่อบังคับให้ธารินไปอยู่กับเขาจนได้ ระหว่างอยู่ด้วยกันทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง

ทั้งคู่ค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ธนัยกลับบ้านบ้างนานๆ ครั้งจนปริทัศน์เป็นห่วง มณีมัยจึงรับเป็นธุระตามหาธนัยให้ แต่ยังไม่ทันทำอะไรมาก ธนัยก็กลับมาเพราะเงินหมด ค่ารักษาพยาบาลของนางลำไยสูงมากแต่เขาก็ใจดำกับธาริน ไม่ลง ยิ่งเมื่อเห็นเธอดูแลมารดาอย่างอ่อนโยน และมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาเยี่ยมนาง เขาก็มีความสุขไปด้วย ธนัยขอเงินจากปริทัศน์ก้อนใหญ่โดยไม่บอกเหตุผลว่าเอาไปทำอะไร จนปริทัศน์สงสัยและไม่ยอมให้ ธนัยจึงทวงเงินมรดกหลายล้านที่ริษาฝากปริทัศน์ไว้ให้เขา ทว่าปริทัศน์ก็ไม่ยอมให้ด้วยเป็นห่วงว่าลูกชายจะเอาไปผลาญเสียหมด จะอย่างไรเขาก็รักและห่วงธนัยเสมอ วันนั้นปริทัศน์กับธนัยทะเลาะกันรุนแรง

ธนัยผลุนผลันออกจากบ้าน เขาคิดหาวิธีให้ได้เงิน ในที่สุดธนัยตัดสินใจขายรถยุโรปคันหรูที่เขารักมาก แต่เพื่อธารินเขายอมได้ ธนัยขับรถไปขายที่โชว์รูมของเพื่อนมณีมัย และซื้อรถญี่ปุ่นแทน เขาต้องการซื้อรถให้ธารินไว้ใช้ แต่เธอไม่ยอมรับจนธนัยโมโห

จากการขายรถของธนัยทำให้มณีมัยสงสัยมาก เธอไปหาศิริวิมลและสืบสายเพื่อให้ช่วยตามหาธนัย ส่วนนางลำไยหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ธารินจึงรับมารดากลับมาบ้าน ก่อนจะไปเก็บเสื้อผ้าที่คอนโด เธอตั้งใจจะบอกธนัยเรื่องมารดาเหมือนกัน

แต่เมื่อธารินถึงคอนโด เธอพบศิริวิมลอยู่กับธนัย ธารินเสียใจมากผลุนผลันกลับบ้าน ศิริวิมลตกใจและให้ธนัยไปตามธาริน แต่ชายหนุ่มกำลังน้อยใจที่ธารินไม่เคยเห็นความหวังดีของเขาเลย จึงไม่ยอมไป เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อสืบสายพามณีมัยมาที่บ้านธาริน มณีมัยให้ธารินเลิกยุ่งเกี่ยวกับธนัยอีกโดยมณีมัยจะตอบแทนด้วยเงินก้อนใหญ่ ธารินโกรธมากที่มณีมัยทำเหมือนดูถูกเธอทั้งที่ธนัยร้ายกับเธอที่สุด แต่ทุกคนกลับคิดว่าธารินคือตัวต้นเหตุทำลายอนาคตธนัย ธารินซึ่งกำลังเข้าใจผิดเรื่องธนัยกับศิริวิมลอยู่แล้วจึงพาลโกรธธนัยมากขึ้น

เย็นวันนั้นเมื่อธนัยมาบ้านธารินเพื่อจะง้อเธอ เขาพบวอนซึ่งมาเยี่ยมนางลำไย ธารินแกล้งหวานกับวอนและไม่สนใจธนัย จนธนัยโกรธมากเขาฉุดธารินให้ไปกับเขา วอนเข้าขวางไว้ แต่ธนัยไม่ยอม แถมยังประกาศว่าวอนไม่มีสิทธิ์เพราะธารินเป็นเมียเขา ธารินทั้งโกรธและอายเธอพยายามห้ามธนัยทว่ากลับเหมือนจะยั่วโมโหเขามากขึ้น ในที่สุดธนัยกับวอนก็ต่อยกันจนได้เรื่องลุกลามใหญ่โตจนตำรวจต้องมาห้ามและจับทั้งคู่ไปโรงพัก ธารินตัดสินใจโทรบอกสืบสายให้ตามปริทัศน์กับ มณีมัยมาประกันตัวธนัย ปริทัศน์โกรธมากที่ธนัยทำเรื่องให้เขาต้องอับอาย ส่วนธนัยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเขาบอกปริทัศน์ว่าธารินเป็นเมียเขา และเขาจะแต่งงานกับเธอ ปริทัศน์กับมณีมัยโวยวายปฏิเสธทันที

ธารินมองปริทัศน์กับมณีมัยอย่างเสียใจที่ทำเหมือนดูถูกเธอ ธารินเดินไปกอดแขนวอนและพูดจริงจังว่าวอนเป็นคนรักของเธอซึ่งจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ คนอย่างเธอไม่เคยสนใจผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รู้จักทำมาหากิน และเอาตัวไม่รอดอย่างธนัย เธอไม่คิดจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายที่ไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้แม้แต่ชีวิตตัวเองอย่างนี้แน่นอน ธารินมองธนัยอย่างเมินเฉยก่อนจะจูงมือวอนลงจากโรงพัก ส่วนวอนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะธนัยว่าในที่สุดแล้วเขาต่างหากคือคนที่ธารินรักอย่างแท้จริง ระหว่างทางกลับบ้านวอนถามเรื่องที่ธนัยพูดว่าจริงหรือไม่ เขามองเธออย่างหวาดระแวงและรังเกียจ

ท่าทางของวอนทำให้ธารินพูดไม่ออก ธารินจึงถามวอนบ้าง เรื่องที่เขาจะแต่งงานกับญาติสาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน วอนอึ้งไปทันที เขายอมรับว่าเตี่ยไม่ชอบธาริน ยิ่งมีเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ต่อให้เขาฝืนขัดใจแต่งงานกับเธอเตี่ยคงโกรธเขามาก คำตอบของวอนทำให้ธารินเสียใจ เธอบอกลาวอนทั้งน้ำตาและอวยพรให้เขามีความสุขก่อนจะแยกกลับบ้านไป ส่วนธนัยนั่งซึมเครียดตลอดทางจากโรงพักกลับบ้าน จนปริทัศน์และมณีมัยเป็นห่วง เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เมื่อโกรธธนัยมักจะโวยวายเสียงดัง แต่คราวนี้เขากลับเงียบ

ภาพของธารินที่เมินเฉยและคำพูดดูถูกของเธอทำร้ายจิตใจเขามาก เขารักเธอแต่ธารินทำเหมือนเกลียดเขาเหลือเกิน ธนัยตัดสินใจจะออกจากบ้านไปหางานทำเพื่อพิสูจน์ว่าลูกผู้ชาย อย่างเขาก็ทำมาหากินเป็นเหมือนกันธนัยหนีออกจากบ้านกลางดึก และตั้งใจจะไม่กลับมาอีกหากเขาไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ การจากไปของธนัยทำให้ปริทัศน์เป็นห่วงมาก เขาส่งคนตามหาทุกแห่งที่ธนัยเคยไปแต่ก็ไม่พบ มณีมัยตัดสินใจไปตามที่บ้านธาริน แต่ก็ไม่พบเช่นกัน ธารินตกใจมากที่รู้เรื่องธนัยหนีไป เธอบอกว่าเธอไม่เคยพบเขาอีกเลยนับจากวันที่มีเรื่องกันวันนั้น

มณีมัยกลับไปแล้ว ธารินร้องไห้เสียใจ ที่เป็นต้นเหตุให้ธนัยลำบาก เธอรักและเป็นห่วงเขามาก จึงไม่ต้องการให้เขามาตกระกำลำบากอยู่กับเธอ ธารินจึงแกล้งพูดให้ธนัยเจ็บใจทั้งที่ตัวเอง เจ็บมากกว่าเขาเสียอีก เธอหวังจะเห็นธนัยกลับไปอยู่บ้านกับบิดาอย่างอบอุ่นเหมือนเดิมมากกว่าต้องเป็นแบบนี้

วันเวลาผ่านไป ธารินเรียนจบจนได้ ส่วนวอนจบแพทย์ก็แต่งงานทันทีกับญาติซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องตามความต้องการของเตี่ย ธารินส่งจดหมายสมัครงานที่โรงงานทำน้ำตาลแห่งหนึ่งในจังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพ เธอได้งานทำที่นี่โดยไม่รู้ว่าธนัยก็ทำงานเป็นผู้จัดการโรงงานอยู่ที่นี่เช่นกัน ธนัยนั้นมาทำงานที่นี่ตั้งแต่ออกจากบ้านมาเขาใช้ชื่อ “นัย” เท่านั้นในการทำงาน เขาเริ่มงานตั้งแต่เป็นคนงานกรีดน้ำตาล จนเลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการด้วยความสามารถของเขาเอง แม้คุณนายละเอียดเจ้าของโรงงานสาวสวย และเพิ่งเป็นม่ายเพราะสามีตายจะแสดงออกชัดเจนว่าชอบเขา แต่ธนัยไม่เคยสนใจ เขาทำแต่งานและเก็บเงินเพื่อธาริน ธนัยตั้งใจว่ามีเงินมากอีกหน่อยเขาจะกลับไปหาธาริน และถ้าเธอยังอยู่คนเดียว เขาจะขอเธอแต่งงาน

วันหนึ่งธารินกับธนัยก็พบกันจนได้ที่โรงงานนี้เอง ธนัย ดีใจมากเขาหาโอกาสอยู่ใกล้เธอเสมอ แต่ธารินกลับระวังตัวเพราะข่าวเรื่องคุณนายละเอียดชอบธนัยรบกวนใจเธอเช่นกัน เธอพยายามสังเกตว่าธนัยชอบคุณนายละเอียดหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ธนัยดูจะระวังตัวเองทุกครั้งที่คุณนายหาเหตุมาทำงานใกล้ๆ ตรงข้ามกับธารินที่ธนัยสนุกกับการที่ได้แกล้งเธอด้วยการอ้อนให้ทำโน่นทำนี่ไม่หยุด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเธอเลย

แต่ธารินก็ใจอ่อนทำให้ทุกครั้งเพราะ ธนัยนั้นเปลี่ยนไปมาก เขาน่ารัก อ่อนโยน รับผิดชอบและทำงานเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งคู่เป็นพ่อแง่แม่งอนกันได้ไม่นานก็เกิดเรื่องเมื่อธนัยป่วยหนัก คุณนายละเอียดกับธารินต้องพาเขาส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางไปโรงพยาบาลธนัยซึ่งไข้ขึ้นสูงเพ้อเรียกหาแต่ธาริน และบอกว่าเขารักเธอ ส่วนธารินเองได้แต่กอดธนัยไว้แนบอกและร้องไห้ด้วยความรัก สงสาร และเป็นห่วง

เมื่อถึงโรงพยาบาลธนัยถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว คุณนายละเอียดจึงซักถามความจริงจากธารินซึ่งเธอยอมเล่าให้ละเอียดฟังทุกอย่าง ละเอียดยอมตัดใจจากธนัยเพราะสงสารธาริน เธอบอกให้ธารินติดต่อบอกพ่อของธนัย ซึ่งปริทัศน์กับ มณีมัยก็รีบมาทันทีเช่นกัน ธนัยต้องอยู่ห้อง ไอ ซี ยู หลายวันกว่าจะพ้นขีดอันตรายโดยมีธารินคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ปริทัศน์ปลื้มใจมากที่ในที่สุดธนัยก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเขาก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งเมื่อธนัยหายป่วยจึงแต่งงานกับธารินเงียบๆ แต่ยังไม่ยอมกลับบ้านเพื่อบริหารบริษัทของตัวเอง

เขาบอกปริทัศน์ว่าขอเพิ่มประสบการณ์ชีวิตอีกนิดแล้วจะกลับไป แต่แล้วแผนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนเมื่อธารินบอกว่าเธอท้อง ธนัยดีใจมากรีบบอกปริทัศน์ทันทีซึ่งปริทัศน์กับมณีมัยก็เห่อหลานไม่แพ้กัน ทั้งคู่รีบมารับ ธนัยกับธารินกลับบ้านซึ่งคราวนี้ธนัยไม่ปฏิเสธ เขาอยากให้ลูกเขาเกิดมาในสภาพที่พร้อมอย่างที่ควรจะเป็น ธนัยเข้าไปกราบขอโทษปริทัศน์ที่ทำให้ต้องเป็นห่วงเขาตลอดมา

วันนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าความรักของ “พ่อ” ที่มีต่อลูกนั้นมากมายเพียงใด ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี

สายรักสาละวิน 2549

เรื่องย่อ : สายรักสาละวิน (2549/2006) ลลิตา กับเพื่อนๆ มาเที่ยวพม่าในขณะนั้นมีการสู้รบกัน พะโบ ได้ช่วยลลิตากับเพื่อนๆ เอาไว้แล้วพาไปส่งชายแดน มิตรภาพของคนทั้งสองเริ่มต้นจากจุดนั้น พะโบเป็นคนเผ่าปกาเดอญอ บ้านของเขาเป็นชุมชนกลุ่มน้อยริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เนื่องจากพะโบมีความรู้ทางด้านเคมีจึงมาทำเครื่องสำอางสมุนไพร ตะนะคา ส่วนลลิตาเป็นลูกสาวของ ลลิต นักธุรกิจใหญ่ และ อัมพร อัมพรนั้นเปิดสถานเสริมความงามผสมสมุนไพร ซึ่งต่อมาได้อ่านพบเกี่ยวกับตะนะคาจึงไหว้วาน พ่อเลี้ยงสุรพงษ์ ซึ่งค้าขายไม้และเฟอร์นิเจอร์ ( เบื้องหลังค้าไม้เถื่อนและยาบ้า ) ทำให้คุ้นเคยกับทางพม่าดี ช่วยติดต่อหาแหล่งซื้อสมุนไพรตะนะคาให้ พ่อเลี้ยงสุรพงษ์พาอัมพรมาติดต่อกับ ทุนเหม่ ฝั่งพม่า หลังจากนั้นจึงปล่อยให้ลลิตามาซื้อโดยลำพัง ทำให้พะโบและลลิตาซึ่งเคยประทับใจกันสนิทสนมกันมากขึ้นจนกลายมาเป็นความรัก ทุนเหม่รับรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ พยายามห้ามแต่ไม่เป็นผล ลลิตาตั้งท้องลลิตและอัมพรโกรธมาก พร้อมเรียกตัวกลับแต่ลลิตาไม่ยอม ลลิตาคลอดลูกสาวชื่อว่า มิยาวดี ( เมย ) แล้วพ่อเลี้ยงสุรพงษ์มาส่งข่าวว่าลลิตป่วยหนัก ต้องการเห็นลลิตาเป็นครั้งสุดท้าย ลลิตากลับมากรุงเทพฯ แม่จึงขอร้องไม่ให้เธอกลับไปอีก พร้อมทั้งพร่ำบอกเกี่ยวกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่จะถูกทำลายเพราะเธอ และถ้ากลับไปก็จะตัดขาดความเป็นแม่เป็นลูกกัน ในที่สุดลลิตาจึงต้องอยู่กรุงเทพฯ และแต่งงานกับ ธเนศ และมีลูกสาวอีกหนึ่งคนชื่อ น้ำเพชร พะโบพยายามตามหาลลิตาและก็ผิดหวังเมื่อรู้ว่าลลิตาแต่งงานไปแล้ว เขาเก็บรูปของลลิตาใส่ลิ้นชัก และก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกสาว สอนการต่อสู้กับการใช้อาวุธต่างๆ ทุกครั้งที่ลูกถามถึงแม่ พะโบจะบอกว่าตายไปตั้งแต่มิยาวดีเกิด เมื่อมิยาวดีย่างเข้าสู่วัยรุ่นพะโบก็เสียชีวิตลงท่ามกลางความเสียใจสุดๆ ของมิยาวดี ระหว่างที่รวบรวมของของพ่อมิยาวดีตัดสินใจเปิดลิ้นชักที่ตนสงสัยมานาน วันนี้เองมิยาวดีได้เห็นรูปลลิตาเป็นครั้งแรก และสงสัยว่าเป็นรูปใครจึงไปถามทุนเหม่ หลังจากบ่ายเบี่ยงมีปากเสียงกันทุนเหม่จึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่อัดอั้นตันใจมานานแสนนาน และมิยาวดีก็ได้ซึมซับความเสียใจของพ่อ ที่พยายามปิดบังเธอไว้ตลอดมาจนตรอมใจตาย เธอทั้งผิดหวัง เสียใจ และเคียดแค้นแม่ ถึงกับลั่นปากจะออกตามหาแม่เพื่อที่จะได้บอกถึงความทุกข์ทรมานของพ่อ เวลาผ่านไปมิยาวดีโตเป็นสาวเต็มตัว มีเพื่อนสนิทชื่อ มะเหม่ ทั้งสองจะทาตะนะคาจนหน้าลายพร้อย แล้วเอาสินค้าไปขายโดยที่หน้าตาหน่อมแหน้มทำให้สินค้าขายดีกว่าใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอันธพาลใหญ่ หม่องโปติ๊ด ที่คอยตามตื้อ ร.ต.อ.ภาวิน เป็นนายตำรวจฝีมือดี มีอุดมการณ์ ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ ภาวินย้ายมาปฏิบัติราชการที่ส.ภ.ต.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ภาวินพบมิยาวดีครั้งแรกเมื่อ ส.ต.ท.ยั่งยืน พาไปดูสาวพม่า ระหว่างนั้นหม่องโปติ๊ดกับพรรคพวกมาแทะโลมมิยาวดีจนมีเรื่องกัน ภาวินและยั่งยืนเข้าช่วยเหลือจึงถูกรุมแทบตาย มิยาวดีเข้าช่วยไล่อันธพาลออกไปหมด จะพาภาวินและยั่งยืนไปทำแผลเพื่อตอบแทนที่อุตส่าห์ช่วยเหลือ แต่พอไปถึงที่บ้านกลับโดนทุนเหม่ไล่ออกจากบ้าน เพราะเห็นว่าเป็นคนไทย ทางกรุงเทพฯ เมื่อลลิตาเห็นเครื่องสำอางตะนะคาที่ภาวินซื้อมาฝากน้ำเพชรก็ถึงกับตกใจหน้า ซีด และน้ำเพชรก็ชวนแกมบังคับลลิตาให้พาไปเยี่ยมภาวิน จึงเดินทางไปพร้อมกับครอบครัวของภาวิน เมื่อมาถึงรีสอร์ตทุก คนตื่นเต้นโดยเฉพาะลลิตาที่มีความกังวลผสมอยู่ด้วย ภาวินนำเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และมาลงเอยที่ตลาดเดิม มิยาวดีตกใจเมื่อเห็นลลิตา ส่วนลลิตาก็รู้สึกรักและเอ็นดูมิยาวดีอย่างประหลาด เมื่อมิยาวดีกลับถึงบ้านเธอรีบไปดูรูปแม่ เธอทั้งดีใจและเจ็บแค้นผสมปนเปกัน และเมื่อครอบครัวภาวินขอให้เธอนำเที่ยวฝั่งพม่า เธอตกลงทันทีลลิตาถามถึงพ่อแม่ของมิยาวดีด้วยใจระทึก มิยาวดีเล่าเรื่องพ่อให้ฟังอย่างจงใจ แถมบอกว่าพ่อของเธอตรอมใจตายเพราะคิดถึงแม่ตั้งแต่เธอยังเด็กๆ หลังจากนั้นมิยาวดีห่างเหินและเป็นศัตรูกับภาวินอย่างเปิดเผย มิยาวดีเกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับลลิตา ลลิตาขอให้มิยาวดีไปอยู่ด้วยโดยที่ไม่บอกว่าตัวเองเป็นแม่ มิยาวดีตกลงไปเพราะใจหนึ่งอยากอยู่ใกล้แม่อีกใจหนึ่งอยากจะทำลายครอบครัว ใหม่ของแม่ เมื่อมิยาวดีมาอยู่กรุงเทพฯ ลลิตาทำดีกับมิยาวดีทุกอย่าง แม้ว่ามิยาวดีจะพยศใส่ ทำให้ลลิตารู้ว่ามิยาวดีรู้ว่าเธอเป็นแม่ และเรื่องราวมาถึงจุดแตกหักเมื่อมิยาวดีถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมย แต่ลลิตาออกมาปกป้องพร้อมกับประกาศว่าเธอเป็นแม่แท้ๆ ของมิยาวดี ซึ่งสร้างความตกตะลึงแก่ทุกคน หลังจากพ้นข้อกล่าวหามิยาวดีตัดสินใจกลับพม่า โดยไม่พูดกับแม่สักคำภาวินตามมาพูดความรู้สึกที่มีต่อมิยาวดี แต่มิยาวดีไม่ฟังและจากไป ภาวินกลับมาฝั่งไทยและถูกพ่อเลี้ยงสุรพงษ์ที่หนีรอดจากการถูกจับมา ได้พาลูกน้องมาดักยิงภาวินได้รับบาดเจ็บสาหัส มิยาวดีอยู่ดูแลจนหายเป็นปกติ แล้วบอกให้ภาวินกลับไปหาน้ำเพชรที่กรุงเทพฯ ภาวินบอกน้ำเพชรเป็นคนบอกให้เขามาหามิยาวดี แล้วจะไม่ให้เขากลับไปไหนอีก ทุกคนที่ขัดแย้งเข้าใจกันดีไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พ่อเลี้ยงสุรพงษ์ต่อสู้กับตำรวจโดยไม่ยอมให้จับกุมจึงถูกยิงตาย ภาวินขอมิยาวดีแต่งงานหลังจากเธอเรียนจบ มิยาวดีไม่ตอบแต่ภาวินก็ถือว่านั่นคือการยอมรับรักของเขา

ขิงก็รา ข่าก็แรง 2549

เรื่องย่อ : ขิงก็รา ข่าก็แรง (2549/2006) ณิช อมรเกียรติ นักข่าวสาวไฟแรง น้องสาวของ ภรณี ทั้งคู่กำพร้าพ่อแม่ แต่มีแม่ชีสุดา น้องสาวของพ่ออุปการะเลี้ยงดู แม่ชีไม่สามารถส่งเสียให้สองพี่น้องเรียนหนังสือได้สูงๆ ภรณีจึงเสียสละให้น้องสาวได้เรียนจนจบนิเทศศาสตร์ และจบมาทำงานเป็นนักข่าวได้สมใจปรารถนา ภรณีเป็นเมียลับๆ ของ ไพรุต นักธุรกิจวัยกลางคน ทั้งที่เขามีลูกเมียอยู่แล้วคือ วรกานต์ มีลูกสาวชื่อ เพียงเพ็ญ ไพรุตซื้อบ้านหลังเล็กๆ ให้ภรณีอยู่กับณิช แต่ไม่ยอมโอนบ้านให้ภรณีเป็นเจ้าของ ทำให้ณิชไม่ค่อยพอใจนัก จึงเป็นคู่ปากคู่ปรับกันเรื่อยมา แม่ชีสุดาชอบไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาลโรคจิตเป็นประจำ จึงสนิทสนมกับ รุ่งทิพย์ เป็นพิเศษ รุ่งทิพย์มารักษาอาการทางจิตเพราะเจ็บปวดที่ สารนาท สามีและเป็นเจ้าของบริษัทเดินเรือมีนิสัยเจ้าชู้ สารนาทเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุให้รุ่งทิพย์ต้องเข้ารักษาอาการทางจิต เขาจึงหยุดความเพลย์บอย หันมาเลี้ยงดูลูกชาย ปวีร์ และมุ่งทำงานหนัก โดยมี วศิน น้องชายเป็นผู้ช่วย ปวีร์เรียนจบจากต่างประเทศก็กลับมาช่วยทำงานที่บริษัท วันหนึ่งขณะที่ณิชอยู่เวรที่โรงพิมพ์ เธอก็ได้รับแจ้งจาก ภัทรา เพื่อนสนิทโทร.มาบอกว่ารถเก๋งของ สารนาท พิเศษพงษ์ ประสานงากับรถบรรทุกเสียชีวิต ณิชรีบไปทำข่าวและเขียนข่าวลงหน้าหนึ่งในกรอบเช้าทันที ทำให้สารนาทอ่านข่าวนี้ด้วยความโกรธ เมื่อคิดว่าณิชเขียนข่าวมั่ว ณิช เองก็ตกใจที่ทำข่าวผิดพลาดจึงคิดจะไปขอโทษ แต่ปวีร์ไม่พอใจบีบคั้นไปทางบ.ก.ข่าวให้ไล่ณิชออกจากงาน ณิชกลายเป็นคนตกงานในเวลาชั่วข้ามวัน ณิชได้รับความช่วยเหลือจากภัทราชวนไปทำงานที่หนังสือพิมพ์เดียวกัน โดยมีบ.ก.รุ่นพี่ให้ความช่วยเหลือทำให้ เบญจรัตน์ นักข่าวสาวสังคมไฮไม่พอใจ คิดว่าณิชจะมาแย่งจีบบ.ก.ที่เธอหมายตาอยู่ จึงหาเรื่องกลั่นแกล้งณิชตลอดเวลา ณิช ไปหาแม่ชีที่โรงพยาบาล เห็นสารนาทและปวีร์มาเยี่ยมรุ่งทิพย์จึงแอบดู ปวีร์เห็นก็คิดว่าเธอสะกดรอยตามมาหาข่าว แต่ณิชปฏิเสธจึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุงแรง ณิชแค้นใจมากจึงหาทางแก้แค้น ณิชได้รู้จักกับรุ่งทิพย์เพราะแม่ชีแนะนำ และรุ่งทิพย์ก็ชื่นชมณิชอยู่ไม่น้อยทำให้ทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็ว อาการของรุ่งทิพย์ดีขึ้นมาก แต่เมื่อสารนาทชวนกลับไปอยู่บ้านก็ไม่ยอม จึงให้ปวีร์ไปขอร้องให้ณิชช่วย แต่ณิชแกล้งไม่ช่วย สารนาทต้องไปอ้อนวอนด้วยตัวเองจนณิชยอมมาคุยกับรุ่งทิพย์ แต่ณิชกลับชวนรุ่งทิพย์ไปอยู่ที่บ้านเธอ ทำให้ปวีร์ไม่พอใจณิชมากขึ้น อีกทั้งเพียงเพ็ญก็ไม่พอใจเพราะกลัวปวีร์กับณิชจะใกล้ชิดกัน เพียงเพ็ญเป็นเพื่อนกับเบญจรัตน์ทั้งสองจึงหาเรื่องกลั่นแกล้งณิชเสมอๆ เพียงเพ็ญรู้ข่าวว่าพ่อเธอมีเมียน้อยจึงให้เบญจรัตน์ช่วยสืบ และพาไปหาเมียน้อยของไพรุต แต่กลับพบณิชอยู่ที่บ้านหลังนั้นทั้งสอง จึงปักใจเชื่อว่าณิชเป็นเมียน้อยไพรุต เพียงเพ็ญเล่าให้ปวีร์ฟังณิชจึงถูกปวีร์พูดจาดูถูกเหยียดหยาม เพียงเพ็ญแอบขับรถตามปวีร์ไปที่บ้านของณิช แต่กลับเห็นไพรุตออกมากับภรณี เธอจึงได้รู้ว่าภรณีเป็นเมียน้อยพ่อเธอ ไพรุตขอให้เพียงเพ็ญเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่อยากให้วรกานต์รู้ เพียงเพ็ญไปหาภรณีที่บ้านพูดจาเหน็บแนมต่างๆ นานา รุ่งทิพย์ได้ยิน ทุกคำพูดจึงไม่ค่อยชอบใจเพียงเพ็ญนัก แม้จะรู้ว่าเพียงเพ็ญคือแฟนสาวของปวีร์ก็ตาม สารนาทขอร้องให้รุ่งทิพย์กลับไปอยู่บ้าน แต่เธอมีข้อเสนอว่าถ้าจะให้เธอกลับก็ต่อเมื่อปวีร์รับปากว่าจะแต่งงานกับณิช เท่านั้น ปวีร์จำยอมรับปากเพื่อเห็นแก่ความสุขของพ่อกับแม่ พอเพียงเพ็ญรู้ว่าปวีร์ต้องแต่งงานกับณิชเพราะถูกรุ่งทิพย์บังคับ เธอจึงให้เบญจรัตน์เขียนข่าวซุบซิบว่ารุ่งทิพย์เคย ป่วยเป็นโรคจิต อยู่ในโรงพยาบาลบ้ามาก่อน ปวีร์เห็นข่าวนี้ก็คิดว่าณิชเป็นคำทำเพราะมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ แม้ณิชจะปฏิเสธแต่ปวีร์ก็ไม่เชื่อเชื่อเพียงเพ็ญมากกว่า ณิชโกรธที่ถูกปวีร์และเพียงเพ็ญดูถูกต่างๆ นานา เธอจึงคิดแก้แค้นด้วยการตอบรับการขอแต่งงานจากรุ่งทิพย์ ไพรุตโกรธที่ณิชยอมแต่งงานโดยแย่งปวีร์ไปจากลูกสาว จึงไล่ให้ภรณีออกจากบ้านแต่ณิชไม่ยอม ณิชประชดด้วยการชวนปวีร์ไปฮันนีมูน โดย มีรุ่งทิพย์คอยสนับสนุน ปวีร์จำยอมไปเพราะเห็นแก่แม่ ทำให้เพียงเพ็ญแทบคลั่ง แต่เขาก็ให้สัญญาว่าจะไม่มีอะไรกับณิชอย่างแน่นอน แต่ด้วยความดื้อรั้นของณิชยั่วยุอารมณ์ของปวีร์ตลอดเวลา การฮันนีมูนครั้งนี้ปวีร์จึงได้เสียกับณิชด้วยการปลุกปล้ำ ณิชกับปวีร์มีเรื่องให้ทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา และเขาก็ท้าเธอหย่าอยู่เนืองๆ แต่เธอก็ไม่ยอม วรกานต์กับเพียงเพ็ญหาเรื่องไล่ภรณีออกจากบ้าน จนมี เรื่องกันขั้นรุนแรงทำให้ภรณีพลัดตกจากบันไดจนแท้งลูก ณิชเริ่มแพ้ท้องแต่ก็ไม่ยอมบอกให้ปวีร์รู้ เมื่อเธอเห็นพี่สาวสูญเสียลูกจึงตัดสินใจขอหย่ากับปวีร์ เพื่อไปใช้ชีวิตกับพี่สาวเพียงลำพัง แต่ภรณีกลับบอกให้ปวีร์รู้ว่าณิชกำลังตั้งท้อง ปวีร์จึงตามมาง้อขอคืนดีและปรับความเข้าใจกัน ณิชยังน้อยใจเรื่องที่เขายังติดต่อกับเพียงเพ็ญอยู่ แต่ระยะหลังๆ มานี่เพียงเพ็ญสร้างปัญหาให้ปวีร์ตลอดเวลา ทำให้เขารู้ว่าอะไรคือ เพชรอะไรคือกรวด ปวีร์บอกเลิกกับเพียงเพ็ญทำให้เพียงเพ็ญช้ำใจมาก วศินติดการพนันจนหาเงินมาใช้หนี้บริษัทไม่ทัน จึงลักลอบค้าวัตถุโบราณนำลงเรือออกต่างประเทศ แต่ณิชจับได้เสียก่อนเขาจึงไปสารภาพผิดกับพี่ชาย ทำให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี ภรณีตัดสินใจไปบวชชีไพรุตตามไปขอคืนดี แต่เธอก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วที่จะใช้ชีวิตสงบอยู่กับพุทธศาสนาให้มีความสุขที่สุด

หลงเงาจันทร์ 2549

เรื่องย่อ : หลงเงาจันทร์ (2549/2006) ธนาคิมสัญญากับตังเอง... ...เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอย่างแน่นอน เขาจะใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าและมีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ...เมื่อเพื่อนรักต้องมาจบชีวิตลง เพราะผิดหวังจาก “ไฮโซสาวไร้หัวใจ” “หนุ่มนักเรียนนอกอย่างเขา” จึงกลับมาแก้แค้น โดยหารู้ไม่ว่า... “พยาบาลสาวแสนดี” ที่เขาเข้าไปสร้างความวุ่นวายเป็นเพียงผู้รับเคราะห์ กระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้เขาเห็นถึงจิตใจดีงามของเธอ จนหวั่นไหวในหัวใจ แต่ความแค้นก็มีอำนาจเหนือกว่า กว่าที่เขาจะรู้ตัวก็เกือบจะสูญเสียเธอไป...

คนนี้ล่ะ...พ่อเรา 2548

เรื่องย่อ : คนนี้ล่ะ...พ่อเรา (2548/2005) ช่วง ปิดเทอมใหญ่ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เด็กแฝดชายสองหญิง สอง ทั้ง 4 คน อันได้แก่ โอลี่วัน + ทูร (เป็นชาย) ทรี + โฟร์ (เป็น หญิง) ทั้งหมดเป็นลูกของ ป่าน หรือปารมี ทว่าเด็กแฝดทั้ง 4 ไม่ทราบว่าพ่อ ของตนเองเป็นใคร ชื่ออะไรและอยู่ที่ไหน โฟร์ ถูกแกล้งจากเด็กชายกลุ่มหนึ่ง โอลี่วัน ทูร และ ทรี ตามมาช่วยได้สำเร็จ แต่ โฟร์ร้องไห้ไม่เลิกด้วยเรื่องที่ถูกล้อว่าไม่มีพ่อ โอลี่วันไม่พอใจที่โฟร์ ถูกแกล้งบ่อยๆ ด้วยเรื่องไม่มีพ่อ เลยตัดสินใจเข้าไปถามป่านตรงๆ ว่าพ่อของ พวกตนคือใคร ซึ่งทำให้ป่านถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ป่านไล่ตะเพิดทั้ง สี่แถมทิ้งท้ายว่าถ้าอยากไปหาพ่อนักก็เชิญ พ่อของพวกเธออยู่กรุงเทพฯ โอลี่ วันเข้าใจว่าป่านอนุญาตจึงนำทีมน้องๆ ขึ้นรถไฟ โดยแต่ละคนมีเงินไม่ถึงสิบ บาท ติดตามต่อได้ใน "คนนี้ล่ะ พ่อเรา"

ริบบิ้นเขียวกับกล่องกระดาษแดง 2548
สาวน้อยอ้อยควั่น 2548

เรื่องย่อ : สาวน้อยอ้อยควั่น (2548/2005) อ้อยควั่น เด็กหญิงซึ่งเป็นลูกของ เจ้านางน้อยบุญญวง ลูกสาวของเจ้าเมืองชนกลุ่มน้อย ที่หลบหนีการรุกรานแล้วถูกฆ่าเสียชีวิต ก่อนตายฝากลูกสาวไว้กับคนสนิทชื่อ ส่าง โดยการปลอมตัวเป็นสามัญชน ปะปนมาอยู่ในค่ายของผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย จากเจ้านางน้อยต้องกลายมาเป็นนางสาวบุญญวง ที่ลำบากยากแค้น รอคอยการคัดเลือกตัวไปประเทศที่สาม วันหนึ่ง ณัฐวุฒิ มหาเศรษฐีหนุ่มอายุสี่สิบกว่า มีภรรยาชื่อ สินีนาฏ แต่ทั้งคู่ไม่มีลูกทั้งที่อยากมีลูกมาก ณัฐวุฒิได้รับ นัทธร ซึ่งเป็นหลานของภรรยามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่แบเบาะและรักเหมือนลูก ณัฐวุฒิได้มาแวะเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ เพื่อบริจาคเงินและสิ่งของให้กับค่ายแห่งนี้ ณัฐวุฒิเป็นคนติดดินและชอบการเรียนรู้ รักเด็ก เขาจึงขอพักที่ศูนย์แห่งนี้ โดยมีส่างซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้อพยพเป็นผู้ดูแลที่พักและอาหาร ส่างได้พาเจ้านางบุญญวงมาด้วย เพราะเจ้านางรับอาสามาทำความสะอาดที่พักให้ ณัฐวุฒิถึงกับตะลึงในความสวยงามใสซื่อของเจ้านาง ณัฐวุฒิหลงรักเข้าทันทีที่ได้พบ โดยส่างสังเกตเห็นด้วยความต้องการให้เจ้านางสุขสบาย จึงเปิดโอกาสให้สนิทสนมกัน โดยส่างบอกประวัติของบุญญวงว่า คือเจ้านางน้อยของชนเผ่าที่อยู่ระหว่างตะเข็บชายแดน ณัฐวุฒิหาโอกาสมาพบเจ้านาง และหาวิธีทำให้เจ้านางบุญญวงได้ออกมานอกค่าย และในที่สุดเจ้านางบุญญวงก็ตกเป็นของณัฐวุฒิ สินีนาฏสงสัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของณัฐวุฒิ จึงสืบจนได้ความจริง สินีนาฏส่งคนตามทำร้ายเธอเพื่อให้เลิกกับณัฐวุฒิ เจ้านางเสียใจมากพยายามขอเลิกกับณัฐวุฒิแต่เขาไม่ยอม ในที่สุดเจ้านางก็ตั้งท้องและได้รับการติดต่อจากสินีนาฏว่าถ้าไม่อยากตายให้ยกลูกให้สินีนาฏ ถ้าไม่ยอมทำตามจะฆ่าลูกของเจ้านางเสีย ส่วนสินีนาฏก็ทำเป็นว่าท้องให้สอดคล้องกับการรับลูกของเจ้านางมาเป็นลูกของตัวเองกับณัฐวุฒิโดยถูกต้องตามกฎหมาย เจ้านางเสียใจและได้ปรึกษากับส่าง โดยส่างให้ยอมทำตามเพื่อความสุขของหนูน้อยที่กำลังจะเกิดมา ในที่สุดเจ้านางก็คลอดลูกสาวให้ชื่อว่า ส่วยหย่ง แปลว่ากระต่ายทอง และตัดสินใจไปอยู่ประเทศที่สามคือ อเมริกา ส่วนลูกน้อยมอบให้ส่าง และส่างจะเป็นคนส่งมอบให้สินีนาฏ ณัฐวุฒิดีใจมากที่จะได้ลูก นัทธรก็ดีใจที่จะได้น้อง สินีนาฏทำทีไปต่างจังหวัด และจะอ้างว่าเธอคลอดลูกที่ต่างจังหวัด แต่ปรากฏว่าสินีนาฏรถคว่ำเสียชีวิต และความจริงปรากฏว่าเธอไม่ได้ท้อง ณัฐวุฒิเสียใจมากและไม่เข้าใจว่าทำไมสินีนาฏต้องโกหกเขาเรื่องลูก ส่างรอคอยการมาของสินีนาฏและผิดหวัง เข้าใจว่าสินีนาฏหลอก ภายหลังรู้ว่าสินีนาฏเสียชีวิต จึงวางแผนจะเอาส่วยหย่งไปส่งให้ณัฐวุฒิและบอกความจริง ปรากฏว่าเกิดจลาจลในค่ายพัก ส่างเสียชีวิตก่อนที่จะได้บอกความจริงกับณัฐวุฒิ แม่หนูส่วยหย่งที่มีเหรียญตราห้อยคอเป็นโลหะธรรมดา สลักว่าบุญญวงด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านสลักว่าส่วยหย่ง หนูน้อยส่วยหย่งถูกหญิงในศูนย์ดูแลกันตามีตามเกิดต่างคนต่างมีลูก นางมะขิ่น ได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าว ได้ขายหนูส่วยหย่งให้กับ นางสมใจ คนไทยคนหนึ่งซึ่งซื้อเอาไปขอทาน ณัฐวุฒิรีบมาที่ค่ายผู้อพยพพบว่าเจ้านางบุญญวงไปอยู่อเมริกาแล้ว มีลูกสาวแต่ไม่ทราบว่าหายไปไหนแล้ว ณัฐวุฒิเสียใจแทบเป็นบ้า พยายามส่งคนสืบหาลูกสาวแต่ไม่ได้วี่แววทำให้ณัฐวุฒิถึงกับล้มป่วย หนูน้อยส่วยหย่งระหกระเหินไปกับนางสมใจ มาถึงกรุงเทพฯ มีชื่อใหม่ว่า นังอ้อยควั่น นางสมใจเอาไปร่อนเร่ขอทาน จนเด็กน้อยอายุได้ 6-7 ขวบ ถูกทารุณทุบตีโดยสมใจตลอดเวลา พอโตขึ้นสมใจบังคับให้ไปขอทานเอง อ้อยควั่นมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลง เธอจึงสามารถเต้นและร้องเพลงสะกดให้คนทั้งหลายให้เงินเธอมากกว่าเด็กอื่นๆ อ้อยควั่นจึงตกที่นั่งลำบาก เพราะถูกเกลียดและกลั่นแกล้งโดยเด็กอื่นที่ขอทานไม่ค่อยได้ กิตติศัพท์ความสามารถของอ้อยควั่นลือไปทั่ว ทำให้เป็นที่ต้องการของพวกบังคับเด็กไปขอทาน ต่อมาอ้อยควั่นถูกแก๊งค์ลักเด็กใหญ่คือ นางสมร ลักตัวไป หวังจะเอาไปบังคับให้ขอทานเลี้ยงตัวเองอีกจังหวัดหนึ่ง ที่นั่นอ้อยควั่นพบเด็กที่ถูกบังคับและมาขังไว้จำนวนมาก อ้อยควั่นสงสารพวกเด็กๆ จึงวางแผนพาพวกเด็กๆ ก่อจลาจลและหนีออกมาในคืนหนึ่ง พวกเด็กๆ หนีออกไปได้หมด แต่อ้อยควั่นกลับถูกจับได้และถูกซ้อมจนสะบักสะบอมจนป่วย หลังจากนั้นถูกพาตัวใส่รถจะส่งไปขายที่ชายแดน ระหว่างเดินทางช่วงพักเติมน้ำมันอ้อยควั่นทั้งที่ป่วยปางตายได้แอบหนีลงมาจากรถ สมรเห็นเข้าไล่ตามจับเกิดโกลาหลกันขึ้นอีก อ้อยควั่นหลบไปที่ร้านอาหารข้างปั๊มแล้วแอบไปขึ้นท้ายรถปิคอัพคันหนึ่ง ซึ่งกำลังจะออกรถหลบหนีไป รถคันนั้นมาถึงที่หมายจะขนของลงกลับเจออ้อยควั่นนอนหลับอยู่ท้ายรถ แทนที่จะสงสารกลับทุบตี อ้อยควั่นตกใจตื่นขวัญหนีดีฝ่อไปจากรถ วิ่งเตลิดไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตนอนหลับตามข้างถนนพงหญ้า ยามหลับก็ละเมอเรียกหา แม่จ๋าอยู่ไหน เสมอ อ้อยควั่นพบหมาจรจัด ที่ตอนแรกกำลังจะแย่งอาหารกัน ผลที่สุดตัดสินใจแบ่งอาหารให้พร้อมกับตั้งชื่อว่า มู่ลี่ มู่ลี่กับอ้อยควั่นเป็นเพื่อนไปไหนไปด้วยกัน อ้อยควั่นร้องเพลงเต้นระบำและร้องเพลงหากินเลี้ยงชีวิตไปวันๆ กับมู่ลี่ ในใจอยากมีใครสักคนที่รักและดูแลเธอ อ้อยควั่นตั้งใจจะตามหาแม่ให้พบสักวันหนึ่งให้ได้ วันหนึ่งอ้อยควั่นเดินสะเปสะปะเข้ามาในตลาดกับมู่ลี่ หิวแทบเป็นลมอยากขโมยของกินเอื้อมมือไปแล้วก็หดมือ เพราะรู้ว่าบาป พบเอา ป้าเมตตา กับผู้ช่วยเดินมาจ่ายตลาดด้วยรถเข็น มีข้าวของในรถเข็นมากมายจนน่าแปลกใจ ในตระกร้ามีส้มลูกใหญ่น่ากินเต็มไปหมด ส้มหล่นลงมาอ้อยจะหยิบกินแล้วหดมือ ทันใดที่ชายคนหนึ่งวิ่งมากระชากกระเป๋าคุณป้า อ้อยควั่นอยากทำความดี จึงบอกให้มู่ลี่ช่วย มู่ลี่วิ่งไปแย่งกระเป๋าคืนมาได้ ป้าเมตตาดีใจและขอบใจอ้อยควั่นมากให้เงินอ้อยควั่นเป็นรางวัล อ้อยควั่นอยากมีใครสักคนที่เมตตาเธอ อ้อยควั่นจึงขอผลไม้และขนมปังให้มู่ลี่ เธอแอบตามไปดูป้าเมตตาเห็นป้าขึ้นรถตู้คันหนึ่งออกไป อ้อยควั่นมองตามหน้าละห้อย อ้อยควั่นกับมู่ลี่มาดักรอป้าเมตตาทุกวัน ช่วยถือของช่วยส่งขึ้นรถ ป้าเมตตาแปลกใจถามชื่อที่อยู่พ่อแม่และโรงเรียน อ้อยบอกว่าเธอตัวคนเดียวมีมู่ลี่เท่านั้นที่เป็นเพื่อน ป้าเมตตาตกใจมาก บอกว่าจะพาเธอไปพบผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าที่ป้าทำงานอยู่ อ้อยควั่นอาจจะมีที่อยู่แต่มู่ลี่ไปไม่ได้ อ้อยควั่นจึงหน้าจ๋อย ในที่สุดอ้อยควั่นตัดสินใจสะกดรอยตามคุณป้า โดยแอบเข้าไปอยู่ในรถขนอาหารของป้าเมตตา โดยเอามู่ลี่เข้าไปด้วย ในที่สุดก็มาถึงบ้านเด็กกำพร้าป้าเมตตาตกใจและรับปากจะดูแลมู่ลี่ให้ในฐานะที่มู่ลี่ช่วยแย่งกระเป๋าเงินให้ และจะไม่บอกให้ คุณแม่ปราณี ป้าเมตตาพาไปพบคุณแม่ปราณี ในที่สุดอ้อยควั่นก็ได้รับุญาตให้อยู่ที่บ้านแห่งนี้ และอ้อยควั่นมีชื่อใหม่ว่า กชกร อ้อยควั่นกับป้าเมตตาแอบเลี้ยงมู่ลี่เอาไว้ และคอยพาหลบซ่อนผู้คนแบบตลกๆ รวมทั้งคุณแม่ปราณีด้วย อ้อยควั่นได้เรียนหนังสือ ได้หัดทำงานเล็กๆ น้อยๆ อ้อยควั่นต้องต่อสู้และถูกกลั่นแกล้งจากเด็กรุ่นเก่าและโตกว่า และต้องคอยป้องกันเด็กเล็กๆ ที่ถูกรังแก อ้อยควั่นอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าจนอายุ 12 ปี หน้าตาสะสวย เริ่มเป็นสาว เรียนจบชั้น ป.6 ส่วนณัฐวุฒิพลิกแผ่นดินหาลูกสาวมาหกปีก็ยังไม่มีวี่แวว ให้ลูกชายบุญธรรมคือ นัทธร ช่วยสืบเสาะก็ไม่พบจนหมดกำลังใจให้นัทธรดูแลธุรกิจแทน นัทธรไปบริจาคเงินที่สถานเด็กกำพร้าหลายแห่ง และขอเข้าไปอุปการะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หวังจะสืบหาลูกสาวของณัฐวุฒิ นัทธรประกาศรับอุปการะเด็กเป็นลูกโดยให้เขียนเรียงความประกวดเรื่อง แม่จ๋าอยู่ไหน นัทธรเอาเรียงความทั้งหมดมาอ่านและรู้สึกประทับใจเรียงความของอ้อยควั่น เขาชอบมากตรงที่เธอแอบเลี้ยงสุนัขเพื่อนตายของเธอไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาถึง 6 ปีแล้ว อ้อยควั่นดีใจมากที่ได้รับรางวัล ด้วยการเป็นลูกอุปถัมภ์ของคุณพ่อคนหนึ่ง โดยที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าคุณพ่อของเธอคือใคร เธอได้รับโน้ตสั้นๆ จากคุณพ่อ โดยเลขาชายชื่อ จามร ของคุณพ่อ แจ้งความจำนงว่าคุณพ่อต้องการนำมู่ลี่ไปเลี้ยงดูอย่างดีที่บ้านของคุณพ่อ ส่วนอ้อยควั่นคุณพ่อจะส่งไปไว้ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง คุณแม่ปราณีดีใจด้วยกับอ้อยควั่น แต่ต่อว่าที่แอบเลี้ยงสุนัขไว้ไม่บอก อ้อยควั่นสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณแม่บ้างในช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนใหม่อ้อยควั่นได้พบผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มมากชื่อ คุณนัทธร มีเพื่อนใหม่ชื่อ ภัคภิรมย์ เป็นหลานของผู้อำนวยการ และเด็กหญิง ศลิษา มาเข้าใหม่เช่นกัน ผู้อำนวยการเรียกตัวอ้อยควั่นไปพบเพื่อสอบถามถึงผลการเรียน นัทธรอบรมให้อ้อยควั่นเข้ากับทุกคนที่นี่ได้ และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น นัทธรดูเฉยเมยเงียบขรึมเจ้าระเบียบจนอ้อยควั่นกลัว อ้อยควั่นได้รับคำสั่งจากคุณพ่อผ่านเลขาว่า ให้เธอบอกทุกคนว่าพ่อแม่เสียชีวิตและเธอมีญาติอุปการะอยู่ อ้อยกับภัคภิรมย์ไม่ถูกกัน ภัคจะดูหยิ่งพูดจาดูถูกผู้อื่น และอยากรู้ว่าทุกคนเป็นลูกท่านหลานเธอที่ไหน พูดแต่สิ่งที่หรูหราและอยากรู้มากว่าอ้อยมาจากไหนเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นญาติมาเยี่ยม ศลิษาต้องคอยไกล่เกลี่ย อ้อยควั่นมักจะเขียนจดหมายผ่านเลขาคุณพ่อ ไประบายให้ฟังอยู่เสมอ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะในวันหยุดจะมีรถคันงามและมู่ลี่น้องหมาที่ถูกแปลงโฉมจนจำแทบไม่ได้มาหาอ้อยควั่นพร้อมกับของขวัญมากมาย เช่น เสื้อผ้า ขนมนมเนย บางครั้งก็ให้รับไปเที่ยวข้างนอก มีเงินโอนเข้าบัญชีโดยให้อ้อยควั่นกดเอทีเอ็มนำเงินนั่นออกมาใช้จ่าย อ้อยควั่นได้เขียนบอกคุณพ่อว่ามากเกินไปไม่จำเป็น แต่คุณพ่อก็ยังส่งมานั่นเอง ทำให้อ้อยควั่นอยากรู้อยากพบคุณพ่อมากขึ้น แต่มิวายที่อ้อยควั่นจะขอร้องอย่างไรคุณพ่อก็ไม่เคยได้มาพบอ้อยควั่น มีแต่เลขาที่มาแทน คนที่อ้อยควั่นมักได้พบกลับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาอาทิตย์ละครั้ง ทุกครั้งจะเรียกอ้อยควั่นไปพบและอบรมเรื่องเดิมๆ สำรวจอ้อยควั่นอย่างเข้มงวด เวลาผ่านไปอีกหกปี อ้อยควั่นเรียนจบ ม.6 และได้รับข่าวร้ายว่ามู่ลี่ตายแล้วด้วยโรคชราแต่ก็ตายอย่างสงบ อ้อยเสียใจมาก แต่ก็ได้รับโน้ตจากคุณพ่อว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ให้ตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ในที่สุดอ้อยควั่นก็สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับภัคและศลิษา มีการเลี้ยงฉลองสอบติดของทั้งสามคนโดยมีอานัทธรของภัคเป็นเจ้าภาพ ที่ห้องอาหารหรู อานัทธรดูใจดีขึ้นและบอกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนของอ้อยควั่นแล้ว เขายิ้มแย้มเป็นกันเอง ทำให้อ้อยควั่นหายกลัว ศลิษาแอบกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอแอบกรี๊ดคุณอามานานแล้ว อ้อยควั่นบอกว่าเหลวไหล แต่ศลิษาบอกว่าตอนนี้พวกเราเป็นสาวแล้วเริ่มมองหนุ่มๆ ได้บ้างแล้ว นอกจากอานัทธรจะเลี้ยงแล้วพี่ชายของศลิษาคือ พี่ศรุต ยังขอเลี้ยงพวกสาวๆ อีก คราวนี้ภัคกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอปิ๊งพี่ศรุต ห้ามอ้อยควั่นมาแตะ อ้อยควั่นรับปาก มีโน้ตจากพ่อว่าอ้อยเป็นสาวแล้วให้ดูแลตัวเองดีๆ จะคบใครต้องระวัง อยู่ในวัยเรียนไม่ควรข้องแวะกับผู้ชาย อ้อยตอบไปว่าอ้อยจะไม่มีแฟน คุณพ่อตอบมาว่าดีมาก ขอให้จริงอย่างที่พูด อ้อยถามว่าคุณพ่อห่วงอ้อยหรือ คุณพ่อตอบว่าห่วงมาก เจ้านางบุญญวงเดินทางกลับมาเมืองไทยสืบหาณัฐวุฒิเพื่อตามหาลูก เมื่อทราบความจริงว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่เธอวาดแผนไว้ เจ้าบุญญวงเสียใจมาก สองคนตั้งใจจะสืบหาลูกสาวให้พบ เจ้าบุญญวงได้พบกับนัทธร และขอความช่วยเหลือให้สืบหาลูกของเธออีกแรง นัทธรบอกว่าเขาทำมาโดยตลอด อ้อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เรียนดีพอสมควร ในโอกาสสำคัญนัทธรจะมาพบสาวๆ ทั้งสามคน แต่คราวนี้ มีเจ้าบุญญวงมาด้วย เจ้ามองเด็กทั้งสามด้วยความรักและสนใจอ้อยเป็นพิเศษ ถามอ้อยถึงพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง บุญญวงบอกว่าเธอสนใจอ้อยมาก อยากรู้ว่ามาจากไหน นัทธรกลัวว่าบุญญวงจะดูถูกอ้อย จึงบอกว่าอ้อยมีพ่อแม่ เขารู้จักพ่อแม่ของอ้อย แต่ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว ตอนปิดเทอมทุกคนพากันไปซัมเมอร์ต่างประเทศ เลขาบอกว่าคุณพ่อให้อ้อยไปได้แต่อ้อยปฏิเสธ เพราะฟุ่มเฟือยเกินฐานะและเกรงใจคุณพ่อ คุณพ่อให้ทางเลือกอีกทางคือ ให้ไปพักผ่อนที่บ้านบนเขา ที่นั่นมีบุญญวงรอต้อนรับ และมีป้าไพลินคอยดูแล อ้อยแปลกใจมากว่าที่คุณป้าไพลินบอกว่าเป็นแม่นมของอานัทธร ทำไมอานัทธร คุณบุญญวง คุณป้าไพลินจึงไปเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของอ้อยได้ เขียนถามไปก็ไม่มีคำตอบกลับมา เขียนมากๆ ก็มีคำตอบดุมาว่า ถ้ารักคุณพ่อมั่นใจในตัวคุณพ่อก็ควรเชื่อคุณพ่อ วันดีคืนดีอานัทธรก็มาหาแม่นม คุณบุญญวง ให้บังเอิญว่าพี่ศรุตเกิดมีบ้าน เพื่อนที่เขาข้างๆ จึงมาพบกันโดยบังเอิญ อานัทธรดูหงุดหงิด ถามอ้อยว่านัดศรุตมาหรือเปล่า ไหนว่าจะยังไม่มีแฟน อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องพวกนี้ให้คุณพ่อฟัง และบอกว่าเธอนับถือพี่ศรุตเป็นพี่ชาย ก่อนเปิดเทอมภัคและศลิษากลับมาจากต่างประเทศแล้ว ทั้งหมดได้รับเชิญจากอานัทธรไปพักบ้านชายทะเลที่หัวหิน ที่นั่นอ้อยได้พบคุณพ่อของอานัทธรหรือคุณปู่ ท่านดูน่าสงสารและเศร้าโศก และได้ทราบว่าอานัทธรไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณปู่ และคุณบุญญวงคือภรรยาของคุณปู่ที่พลัดพรากจากกันเพิ่งมาพบกัน ทั้งสองดูรักใคร่อ้อยเป็นพิเศษ อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าให้คุณพ่อฟังว่า เธอจะรับจ๊อบเป็นสไตล์ลิสท์ให้นางแบบของ หนังสือชื่อดังแห่งหนึ่ง และเธอจะเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว คุณพ่อไม่ต้องส่งมา แต่คุณพ่อก็ยังส่งมาตามปกติ อ้อยตั้งใจเก็บเงินซื้อเน็คไทราคาแพงเส้นหนึ่ง ฝากผ่านเลขาไปให้คุณพ่อในวันปีใหม่ อ้อยอ้อนวอนขอพบคุณพ่ออีกเพื่อจะได้กราบท่าน แต่คุณพ่อกลับตอบมาว่าเมื่อถึงเวลาจะได้พบกัน และผูกเน็คไทของอ้อยไปให้ดู ตลอดวลาที่เรียนอ้อยทำของใช้และเครื่องประดับด้วยฝีมือตัวเอง ส่งให้คุณพ่อเสมอ คุณพ่ออยากได้รูปของอ้อย อ้อยก็ส่งไปให้ การเรียนผ่านไปถึงปีสุดท้าย คุณพ่อให้อ้อยตั้งหน้าตั้งตาเรียน ส่วนคุณบุญญวงยังแวะมาเยี่ยมอ้อยเสมอ จนวันหนึ่งอ้อยจึงถามว่าทำไมคุณบุญยวงถึงชื่อแปลก เธอจึงบอกว่าเรื่องของเธอยาวมาก เธอไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชนกลุ่มน้อย ที่มาอยู่ในศูนย์อพยพ และเธอกำลังตามหาลูกสาวของเธอที่ชื่อ ส่วยหย่ง ซึ่งแปลว่ากระต่ายทอง อ้อยเห็นใจและสงสารคุณบุญญวงมากและปลอบใจเธอ คุณบุญญวงยิ่งรู้สึกผูกพันถูกชะตากับอ้อยมากขึ้น หลังจากเรียนจบ อ้อยได้รับเกียรตินิยมดี ภัคได้ดีมาก ส่วนศลิษาไม่ได้เกียรตินิยม มีการเลี้ยงฉลอง อ้อยเขียนจดหมายอ้อนวอนให้คุณพ่อมางาน มาให้อ้อยกราบขอบพระคุณ คุณพ่อไม่มาแต่กลับเป็นคุณปู่ณัฐวุฒิ คุณบุญญวง อานัทธร พี่ศรุตมา อ้อยเสียใจและผิดหวังมาก คุณพ่อฝากของขวัญมาให้อ้อยเป็นรถเก๋งคันงาม อ้อยปฏิเสธไม่รับ ตอบกลับไปที่คุณพ่อว่าสิ่งที่เธอต้องการคือได้พบคุณพ่อไม่ใช่รถคันนี้ ศรุตขอเป็นคนรู้ใจของอ้อย อ้อยปฏิเสธ และมีปากเสียงกับภัคที่คิดว่าอ้อยไม่รักษาคำพูด ศลิษาต้องมาอธิบาย ศรุตเสียใจไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็คิดได้และมาขอเป็นคนรู้ใจของภัค ส่วนศลิษาขอร้องให้อ้อยช่วยเป็นแม่สื่อให้อานัทธร อ้อยตกลงทั้งที่ในใจนึกพอใจอานัทธร อ้อยกลับไปเยี่ยมคุณแม่ปราณี กราบขอบพระคุณที่อบรมให้อ้อยเป็นเด็กดี คุณแม่บอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่ติดอยู่ตอนมาที่นี่จะคืนให้อ้อย แต่ตอนนี้หาไม่พบ หากพบแล้วจะโทรไปบอกให้มารับไป ทางฝ่ายบุญญวงได้พบกับชนเผ่าเดียวกันโดยบังเอิญคือ มะขิ่น นั่นเอง มาสมัครงานที่บ้านของณัฐวุฒิ ทั้งสองดีใจที่พบกัน มะขิ่นเจ้าเล่ห์มากอยากได้เงิน โกหกว่าลูกของบุญญวงถูกผู้หญิงชื่อสมใจมาหลอกไปจากหญิงคนหนึ่งในศูนย์ คาดว่าคงเอาไปเป็นขอทาน ณัฐวุฒิกับบุญญวงตกใจ รีบส่งคนตามรอยลูกตามที่มะขิ่นบอก ทางฝ่ายมะขิ่นยังโลภมากต่อ คิดจะหาเงินทางลัด จึงสืบหาเช่นกัน เพราะหวังจะเอาลูกของเจ้านางไปเรียกค่าไถ่ จึงแอบฟังความเคลื่อนไหวของการติดตามหาลูก อ้อยได้ทำงานเป็นดีไซเนอร์และอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งที่คุณพ่อมอบให้ คุณพ่อบอกว่าคงใกล้ถึงเวลาที่เราจะพบกันแล้ว อ้อยดีใจมาก อ้อยขอพบอานัทธร และนัดให้พบกับศลิษา พยายามทำให้สองคนได้ใกล้ชิดกัน อ้อยเขียนเล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อเขียนดุกลับมาว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องของคนอื่น และยังถามว่าอ้อยชอบใครหรือยัง ถ้าไว้ใจพ่อบอกให้พ่อรู้ อ้อยหลงกลบอกว่าชอบคุณอานัทธร แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะคุณอานัทธรเหมาะสมกับศลิษา และอ้อยคือเด็กกำพร้า ในที่สุดณัฐวุฒิกับบุญญวงก็ตามสมใจตามเจอสมร โดยมีมะขิ่นรู้เห็นเรื่องราวตลอด และทั้งหมดกำลังตามหาดูว่า อ้อยจะไปที่ไหนหลังจากหนีสายสมรแล้ว ในที่สุดก็สืบได้ว่าอ้อยมาที่ตลาดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเองทางด้านนัทธรก็ปฏิเสธนิ่มๆ ไปกับศลิษาว่าเขาเอ็นดูเธอเหมือนหลาน ศลิษาเสียใจมากมาบอกอ้อย อ้อยเห็นใจเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้รับจดหมายจากคุณพ่อว่าพร้อมแล้วที่จะให้อ้อยไปพบในงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้อยแปลกใจ เพราะคือบริษัทของนัทธรเอง คุณพ่อให้อ้อยไปพบคนที่ใส่เน็คไทของอ้อย ในที่สุดคุณแม่ปราณีก็หาสร้อยของอ้อยพบและโทรหาอ้อย อ้อยกำลังอยู่ในงานแต่งตัวสวยมองหาคุณพ่อ นัทธรเองใช้เน็คไทของอ้อยกำลังเดินตรงมาหาอ้อยที่มองหาอยู่ ที่สถานเด็กกำพร้าปราณีกำลังยกขึ้นมาดู อ่านเห็นชื่อบุญญวงพลิกอีกด้านเห็นชื่อ ส่วยหย่ง ปราณีดีใจรีบโทรหาอ้อย อ้อยรับแต่บอกว่าอยู่ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้จะไปรับของ แต่แล้วอ้อยก็กลับได้ยินเสียงคุณแม่ร้องว๊ายแล้วเงียบเสียงไป พวกสมใจและมะขิ่นนั่นเองมาจับตัวปราณีไป ตอนกำลังถูกกระชากตัว ปราณียัดสร้อยใส่ไว้ใต้หมอน อ้อยเลิกตามหาคุณพ่อรีบตรงไปที่บ้านเด็กกำพร้า ไม่พบใครพบแต่ป้าเมตตา อ้อยเล่าให้ฟัง ป้าเมตตาตกใจ อ้อยมองไปเห็นสร้อย ที่แล่บออกมาจากใต้หมอน หยิบออกมาไม่ได้อ่าน แต่คิดว่าต้องเป็นของที่คุณแม่บอกว่าหาให้แน่ๆ อ้อยหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมา นัทธรผิดหวังที่อ้อยไม่ไปหาตามนัด อ้อยเขียนโน้ตฝากเลขาขอโทษ เพราะเกิดเรื่อง ทุกคนจึงรู้ว่าคุณแม่ปรารีถูกจับไป บุญญวงส่งรถไปรับอ้อยมาที่บ้าน อ้อยส่งให้ทุกคนดูว่านี่คือสร้อยที่ติดคอเธอมา ตอนที่เธอมาที่บ้านคุณแม่ปราณี แต่คุณแม่ก็เก็บเอาไว้ บุญญวงถึงกับช็อค บุญญวงให้อ้อยอ่านชื่อบนแผ่นป้ายนั่น อ้อยมองมาที่บุญญวง บุญญวงมองอ้อย ทั้งสองถลาเข้ากอดกัน นัทธรเข้ามาเห็นภาพยืนนิ่งมองดู อ้อยก้มลงกราบแทบเท้าของบุญญวง บุญญวงประคองอ้อยขึ้นมา และบอกว่าณัฐวุฒิคือพ่อของอ้อย อ้อยตะลึง ณัฐวุฒิกางแขนสามคนกอดกัน จากนั้นอ้อยก้มลงกราบที่เท้า นัทธรยืนมองแล้วหันผละออกไป ณัฐวุฒิเห็นจึงเรียกให้มารู้จักกัน อ้อยมองไปนัทธรมองตอบกลับมา สายตาของอ้อยจ้องไปที่เน็คไทของนัทธร อ้อยตะลึง อ้อยถลาไปหานัทธรโดยไม่ตั้งใจ ไม่เชื่อว่าคุณพ่อที่อุปการะเธอจะหนุ่ม ไม่ใช่คนมีอายุ นัทธรยืนนิ่ง ทั้งสองมองกันแปลกใจ ณัฐวุฒิบอกอ้อยว่านัทธรเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา นัทธรขัดเขินไม่กล้ากอดดังที่เคยเขียนจดหมายบอกไว้ แต่อ้อยกลับก้มลงกราบนัทธร และบอกพ่อแม่ว่านี่คือคุณพ่อที่อุปการะส่งเสียเธอจนเรียนจบ บุญญวงกับณัฐวุฒิตื่นเต้นดีใจและขอบใจนัทธร ต่อมาพวกมะขิ่นหาทางจับตัวอ้อย โดยใช้คุณแม่ปราณีมาขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย อ้อยจึงต้องไปพบพวกมะขิ่น พวกนั้นจับตัวอ้อยเรียกค่าไถ่ยี่สิบล้าน นัทธรใช้อุบายเอาเงินไปล่อ และช่วยอ้อยกับคุณแม่ปราณีออกมาได้ ส่วนพวกมะขิ่นกับสมใจหนีไป แต่ในที่สุดก็ถูกตามจับได้ มีงานฉลองการพบกันและประกาศว่าอ้อยคือลูกสาวของณัฐวุฒิและเจ้าบุญญวง ภัค ศรุต ศลิษายินดีด้วยกับอ้อย และกระซิบบอกว่าอานัทธรเหมาะกับอ้อยที่สุดไม่ใช่เธอ จากนั้นมีการเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วยคู่ของอ้อยกับนัทธร ตามด้วยคู่ของณัฐวุฒิและบุญญวง ภัคและศรุต มีชายหนุ่มหล่อมากมาโค้งศลิษา เห็นเป็นภาพเต้นรำสวยงาม