มนตราตะเกียงแก้ว 2566

มนตราตะเกียงแก้ว (2566/2023) เมื่อโลกเวทมนตร์กำลังจะถูกแม่มดฝ่ายดำทำลาย มีเพียงพลังจากตะเกียงแก้วเท่านั้นที่จะช่วยได้ ทว่ามันกลับหายไปอยู่กับ "เรนี่" ลูกครึ่งมนุษย์กับแม่มด จึงเป็นหน้าที่ของ "วิล" พ่อมดหนุ่มที่ต้องตามหาตะเกียงแก้ว ความใกล้ชิดก่อเกิดเป็นความรัก แต่มีอุปสรรคสำคัญ..เพราะเธอมีพลังมนตร์ดำอยู่ในตัว! (ที่มา : bugaboo.tv)

โกมินทร์ผู้กล้า 2566

เรื่องย่อ : โกมินทร์ผู้กล้า (2566/2023) ณ เมืองกุสินคร มีพระราชานามว่า "โกสุทัม" และพระมเหสีนามว่า "ฉวีวรรณ" ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสถึงสามพระองค์ คนโตนามว่า "โกเมศ" คนรองคือ "โกมล" และน้องเล็กสุดท้องที่ทรงฤทธานุภาพเพราะตอนแรกเกิด ได้มีของวิเศษติดตัวมาด้วยอันได้แก่ผ้าเมาลีสีแดง และกำไลหยกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้นามว่า "โกมินทร์" โกมินทร์แม้นว่ายังเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี แต่ความสามารถไม่เป็นรองใคร ความที่เก่งกล้าเฉพาะตัวและยังมีอาวุธวิเศษ ทำให้โกมินทร์ไม่เกรงกลัวผู้ใด ทำให้เป็นที่ริษยาของอำมาตย์นามว่า อภิมัน ส่วนโกเมศและโกมล พระราชาโกสุทัมได้ส่งไปศึกษาวิชากับพระดาบสเพื่อจะได้มีความเก่งกล้าสามารถทัดเทียมกับน้องชาย แต่โกมินทร์กลับคิดไปว่าพ่อไม่รักจึงไม่ส่งตนไปเรียนเหมือนกับพี่ทั้งสอง วันหนึ่งโกมินทร์กับเพื่อนนามว่า มัสกา ซึ่งก็เป็นลูกชายของอำมาตย์อภิมันนั่นเอง ได้ไปเที่ยวแถวชายทะเล แล้วไปพบกับอัคคี บุตรชายของกะโตหน พญานาคราชแห่งเมืองใต้บาดาล เกิดการเขม่นกันขึ้น จนถึงขั้นต่อสู้กัน อัคนีพ่ายแพ้ถูกโกมินทร์ฆ่าตาย แล้วตัดขนดหางไป เมื่อกะโตหนรู้ว่าบุตรชายถูกฆ่าตาย ก็พาทหารเอกคือนัคคา บุกมาถึงเมืองกุสินคร ขู่บังคับให้โกสุทัมส่งโกมินทร์มาให้ตนลงโทษ โกสุทัมเกรงกลัวอำนาจกะโตหน จึงคิดจะส่งโกมินทร์ให้ แต่โกมินทร์ไม่ยอม ทำแสร้งเป็นหนีไป กะโตหนออกไล่ล่าโกมินทร์ แล้วเกิดการสู้รบกันบนเขาไกรลาศ กะโตหนพ่ายแพ้แก่โกมินทร์ จนร่างกายต้องกลายเป็นงูเขียวธรรมดาไป โกมินทร์พางูเขียวกะโตหนมาเฝ้าโกสุทัม แล้วให้กะโตหนสาบานว่า จะไม่คิดมารุกรานเมืองกุสินครอีก จากนั้นโกมินทร์จึงปล่อยตัวกะโตหนกลับไป โกสุทัมดีใจที่ลูกชายสามารถปราบพญานาคราช ทุกคนปลื้มกับโกมินทร์ ยกเว้นอภิมันที่เจ็บแค้นโกมินทร์ เพราะคิดว่าโกมินทร์คือต้นเหตุที่ทำให้มัสกาบุตรชายถูกนัคคาฆ่าตาย ในระหว่างที่ โกมินทร์แสร้งทำเป็นหนีกะโตหนไปเขาไกรลาศ จึงเก็บความแค้นเอาไว้ตลอดมา (Source: inter.bugaboo.tv)

ลูกผู้ชายชื่อ ไกรทอง 2565

เรื่องย่อ : ลูกผู้ชายชื่อไกรทอง (2565/2022) ณ เมืองพิจิตร มีเหตุการณ์จระเข้อาละวาดออกมากินคนที่อยู่ใกล้คลอง วันหนึ่ง พี่น้องคู่หนึ่ง ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นธิดาของพระพิจิตร อยากที่จะลงไปเล่นน้ำที่คลอง เศรษฐีห้ามแต่สองพี่น้องก็ยังรบเร้าที่จะไปโดยบอกว่ามีพี่เลี้ยงลงไปด้วย เศรษฐีจึงใจอ่อนยอมให้ตะเภาแก้วและตะเภาทองลงไปเล่นน้ำ ในเวลานั้น ชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นจระเข้ยักษ์นิสัยอันธพาล ได้ออกจากถ้ำอาละวาดล่าหามนุษย์เป็นเหยื่อ สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมือง และได้ว่ายน้ำผ่านมาเห็นตะเภาทองที่แม่น้ำแถวบ้านท่านเศรษฐี ก็เกิดความลุ่มหลงทันทีจึงคาบตะเภาทองแล้วดำดิ่งไปยังถ้ำทองด้วยความเหิมลำพอง เมื่อนางตะเภาทองฟื้นขึ้นมา ก็ตกตะลึงในความสวยของถ้ำ และได้เห็นพญาชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นชายรูปงาม ชาละวันเกี้ยวพาราสีแต่นางไม่สนใจ ชาละวันจึงใช้เวทมนตร์สะกดให้นางหลงรักและยอมเป็นภรรยา เมียของชาละวันคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เห็นก็ไม่พอใจและหึงหวงแต่ก็ห้ามสามีไม่ได้ ท่านเศรษฐีเสียใจมาก จึงประกาศไปว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงานกับนางตะเภาแก้ว แต่ไม่ว่าจะมีผู้มีอาคมอาคมมาปราบชาละวันกี่คน ก็จะตกเป็นเหยื่อให้ชาละวันเอาไปนั่งกินเล่นทุกราย และแล้วก็ได้ ไกรทอง หนุ่มรูปหล่อจากเมืองนนทบุรี ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้จากอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้า ฤทธิ์อาคมแกร่ง ได้รับอาสามาปราบชาละวัน

ป้อมปางบรรพ์ 2565

ป้อมปางบรรพ์ (2565/2022) ทุกคืน เข็มหอม (ชรินพร เงินเจริญ) จะฝันว่าตื่นขึ้นในนครโบราณ ท่ามกลางสงคราม และเหตุการณ์อันเลือนรางของ เมือง (รพีภัทร เอกพันธ์กุล) แสน (กรรญกฤต อรรควงษ์) คำแก้ว (ปาณิชดา แสงสุวรรณ) และ เอื้องฟ้า (สิรินทร์ ก่อเกียรติ) ผู้คนที่เธอไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เข็มหอมไปที่บ้านของ เลอสรรค์ (อัมรินทร์ สิมะโรจน์) เห็นกลุ่มโจรกำลังขโมยวัตถุโบราณ จึงรีบเข้าไปห้ามจนถูกทำร้าย แต่ แดนธรรม (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) ลูกชายของเลอสรรค์ เข้ามาช่วยเธอไว้ได้ เข็มหอมรู้สึกเหมือนรู้จักแดนธรรมมานาน เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในใจของเขา มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เธอมีต่อ อินทนิล (ญาณิศา ธีราธร) พี่สาวของเธอ บุริศร์ (ตากเพชร เลขาวิจิตร) ผู้กำกับหนุ่มหล่อ และผู้จัดละคร ทาบทามให้อินทนิลเป็นนางเอกละครย้อนยุคสมัยล้านนา อินทนิลบังคับให้เข็มหอมตามไปด้วย กระต่าย (ศิตา ชุติภาวรกานต์) ผู้จัดการคนสนิท อยากให้อินทนิลกับบุริศร์เป็นแฟนกัน อินทนิลจะได้มีความมั่นคงในวงการบันเทิง บุริศร์ขึ้นเหนือไปถ่ายทำละครตามโบราณสถานต่าง ๆ พอเริ่มการถ่ายทำได้ไม่นาน เข็มหอมก็เริ่มสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ในสถานที่นั้น เมฆินทร์ (พศิน เรืองวุฒิ) อดีตคนรักของอินทนิล เป็นนักค้าวัตถุโบราณ ได้แกะรอยจนพบตำแหน่งที่ซ่อนของป้อมปราการโบราณ ซึ่งเก็บสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินประเมินมูลค่าไม่ได้ ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงกับสมบัติ ทันใดนั้นเมืองก็ปรากฎร่างขึ้น ลูกน้องเมฆินทร์ถูกเมืองฆ่าตาย ขณะที่เมฆินทร์หนีเอาชีวิตรอดไปได้ ผู้กอง จอมพล (นนทพันธ์ ใจกันทา) เพื่อนสนิทของแดนธรรม และ จ่าจืด (เต่า เชิญยิ้ม) เข้ามาช่วยสืบคดี แต่ก็ไม่พบเบาะแสของคนร้าย แดนธรรมอยากหาคำตอบว่าทำไมพ่อของเขาถึงต้องเดินทางมาที่นี่ ตลอดเวลาที่แดนธรรมได้ใกล้ชิดกับเข็มหอม ความรู้สึกขุ่นเคืองที่มีต่อเข็มหอมค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความห่วงใย ขณะที่อินทนิลยังคงกีดกันแดนธรรม และเข็มหอมไม่ให้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงเคียดแค้นแดนธรรมมากขนาดนี้ ย้อนหลังไปในพุทธศักราช ๒๐๕๘ กองทัพกรุงศรีอยุธยายกทัพตีเมืองเขลางค์นคร แสนทหารเอกแห่งเมืองเขลางค์นครรู้ดีว่า ศึกครั้งนี้แทบไม่มีโอกาสชนะ เขาจึงใช้ไสยศาสตร์ทำพิธีฆ่าผู้คนให้เป็นผีเฝ้าป้อมปราการรักษาสมบัติบ้านเมืองไว้ เมืองคือหนึ่งในคนที่ถูกฆ่า ก่อนที่เมืองจะตาย เขาสาปแช่งและจองเวรจองกรรมกับแสนไปทุกชาติภพ ด้านเอื้องฟ้าลูกสาวของแม่ทัพ ท้าวแสงคำ (พงศนารถ วินศิริ) โกรธแค้นที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ คำแก้วหญิงสาวชาวบ้านผู้ต่ำศักดิ์ เธอทนเห็นคำแก้วมีชีวิตอยู่เพื่อเหยียดหยามน้ำใจเธอมิได้ เอื้องฟ้าเข้าไปทำร้ายตบตีและจ้วงแทงคำแก้วอย่างขาดสติ คำแก้วผวาเฮือกสุดตัว ผลักเอื้องฟ้ากระแทกแง่งหิน คมหินทิ่มทะลุหัวใจเอื้องฟ้าขาดใจตายคาที่ คำแก้วคลานไปกอดลูกน้อยที่เพิ่งคลอดไว้แนบอกแล้วขาดใจตาย แดนธรรม เข็มหอม อินทนิล บุริศร์ จอมพลและจ่าจืด พยายามหาทางส่งดวงวิญญาณเมืองให้ไปสู่สุขติ แต่ความอาฆาตแค้นของเมืองไม่เคยจางหายไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมกันต่อได้ในละคร ป้อมปางบรรพ์

เจ้าหญิงพิกุลทอง 2565

เรื่องย่อ : เจ้าหญิงพิกุลทอง (2565/2022) เจ้าหญิงพิกุลทอง เป็นธิดาของ ท้าวสัณนุราช กับพระมเหสีคือ นางพิกุลจันทรา ผู้ครองเมืองสรรพบุรี เมื่อย่างเข้าวัยรุ่นสาว ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือว่ายากที่จะหาผู้หญิงคนใดเสมอเหมือนได้ ซึ่งนอกจากเวลาพูดกับใครจะมีดอกพิกุลทองร่วงจากปาก แล้วยังมีเส้นผมที่หอมอีกด้วย วันหนึ่งนางพิกุลทองเกิดร้อนรุ่มกลุ้มอุรา จึงได้ลาท้าวสัณนุราชไปเล่นน้ำกับพระพี่เลี้ยงในลำธาร ท้าวสัณนุราชจึงให้วางตาข่ายและทุ่นไว้รอบท่าน้ำ เพราะโหรทำนายว่านางจะต้องพลัดพรากจากเมือง จะกล่าวถึงพญาแร้งชื่อว่า ท้าวสุบรรณปักษา บินมาเห็นซากสุนัขเน่าลอยมา จึงโฉบนำกลับไปจิกกินใกล้บริเวณที่นางพิกุลทองกับพี่เลี้ยงเล่นน้ำอยู่ นางพิกุลทองได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงใช้ให้พี่เลี้ยงไปดูก็พบพญาแร้งกำลังกินซากนั้นอยู่ จึงได้พากันด่าว่าแล้วขับไล่ด้วยคำหยาบช้าต่าง ๆ นานา ฝ่ายท้าวปักษาก็โกรธจัดกล่าวว่า สุนัขเน่านี้คืออาหารของตนอยู่แล้ว นางพิกุลทองเป็นลูกเจ้าท้าวพระยาไม่น่ามากล่าวเจรจาด่าว่าขับไล่ตนเช่นนี้ ว่าแล้วก็บินหนีไป แต่ท้าวปักษีก็ยังคิดจะแก้แค้นนางพิกุลทองให้ได้ จึงออกอุบายแปลงกายเป็นหนุ่มรูปงามไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนขวัญของเมืองสรรพบุรี แล้วคอยเนรมิตทองคำให้ 2 ตายายใช้จนร่ำรวย โดยบอกว่าตนไปพบตอนขุดเผือกมัน เจ้าหญิงพิกุลทอง อยู่มาวันหนึ่งจึงรบเร้าขอให้ 2 ตายายเข้าไปสู่ขอนางพิกุลทองมาเป็นภรรยา 2 ตายายฟังแล้วหัวใจแทบวาย กล่าวว่าคิดเกินตัวอย่างนี้จะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร ท้าวปักษาแปลงจึงแสร้งทำเป็นตรอมใจใกล้ตาย 2 ตายายจึงจำใจเข้าไปทูลสู่ขอนางพิกุลทองจากท้าวสัณนุราช ท้าวสัณนุราชไได้ทราบความดังกล่าวก็กริ้วจัด กล่าวว่าถ้าคิดว่าหลานชายมีบุญวาสนาจะได้คู่กับนางจริง ให้สร้างสะพานเงินสะพานทองจากท้ายสวนมาถึงพระราชวังภายใน 3 วัน มิเช่นนั้นจะประหารทั้งโคตร 2 ตายายหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วก็นั่งซึม เอาแต่ร้องไห้แล้วต่อว่าท้าวปักษาที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตน ครั้นท้าวปักษาได้ทราบเรื่องต้องสร้างสะพานทองแล้วจึงกล่าวปลอบใจว่า ถ้าตนทำไม่เสร็จจะยอมตายแทน 2 ตายายจึงค่อยโล่งใจบ้าง พอตกค่ำท้าวปักษาก็บอกว่าจะขอออกไปทำธุระข้างนอก จากนั้นก็แปลงเป็นพญาแร้งขนาดมหึมาบินกลับไปยังเขานินทะกาลา แล้วเกณฑ์ไพร่พลทั้งหลายให้มาช่วยสร้างสะพานจนแล้วเสร็จ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมกันต่อได้ในละคร เจ้าหญิงพิกุลทอง

ปางเสน่หา 2565

เรื่องย่อ : ปางเสน่หา (2565/2022) ร.ต.อ. เตชิต (วศิน อัศวนฤนาท) ได้วางแผนล่อซื้อยาเสพติดจาก นายเจียง (ปิติพน พรตรีสัตย์) พ่อค้ายาคนสำคัญ แต่เจียงไหวตัวทัน ยิงต่อสู้ ขณะนั้นเอง พอล หรือ เพชร (ชนะพล สัตยา) เข้ามาช่วยเจียงแต่ไม่สำเร็จ เจียงถูกเตชิตจับได้ แต่ผู้กำกับ เสนา (ณัฐนันท์ คุณวัฒน์) กลับสั่งปล่อย แถมยังให้เตชิตถอนตัวจากคดีนี้ เตชิตผิดหวังมากจึงขับรถไปที่ไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตของ ศรีตรัง (อาภา ภาวิไล) เพื่อนสนิทของเขา ระหว่างทางที่เตชิตมารีสอร์ต เขาจะถูกลอบทำร้าย โชคดีที่ เสียงหวาน (ปภาวดี ชาญสมอน) อยู่ตรงนั้นและเห็นเหตุการณ์จึงเตือนให้เขาระวังตัว เตชิตเห็นว่าเสียงหวานเป็นผู้หญิง เกรงจะมีอันตราย จึงให้เสียงหวานซ้อนมอเตอร์ไซค์มาที่รีสอร์ตด้วย แต่เมื่อถึงรีสอร์ตเสียงหวานกลับหายตัวไปเฉย ๆ เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวที่มาด้วยนั้นไม่ใช่คนแน่ ๆ ที่รีสอร์ต ศรีตรังได้ให้ ป้าจุรี (เจเน็ต เขียว) ป้าของเธอซึ่งเป็นญาติทางแม่ที่คอยช่วยดูแลความเรียบร้อยของรีสอร์ต พาเตชิตไปพักบ้านหลังที่อยู่บนเนินเขา คืนนั้นเตชิตได้พบกับเสียงหวานอีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้เขามั่นใจแล้วว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นวิญญาณแน่ ๆ ทั้งคู่เถียงกัน จนในที่สุดเสียงหวานก็พบว่าตัวเองเป็น "ผี" จริง ๆ เธอร้องไห้เสียใจ จนเตชิตใจอ่อน (ถึงแม้จะยังกลัวอยู่) เขาถามว่าเธอเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เสียงหวานจำไม่ได้เลย ด้านศรีตรังได้เจอกับพอล ซึ่งเธอจำได้ว่าเขาคือ พี่เพชร รุ่นพี่และเป็นรักแรกรักเดียวของเธอ ศรีตรังเข้าไปทักแต่กลับพบแต่ความเย็นชา เพราะพอลบอกว่าไม่เคยรู้จักเธอ ศรีตรังนำเรื่องนี้กลับมาเล่าให้เตชิตฟัง ขณะเดียวกันเตชิตก็เล่าเรื่องวิญญาณหญิงสาวลึกลับให้ศรีตรังฟัง ศรีตรังไม่เชื่อแต่ป้าจุรียอมรับว่าตัวเองก็เคยเห็นหญิงสาวคนนี้เช่นกัน ทั้งสามคนตกลงกันว่าจะไม่ให้เรื่อง "ผี" ครั้งนี้แพร่งพรายออกไป และปรึกษากันว่าจะพยายามสืบหาตัวตนของหญิงสาวคนนี้ให้ได้พร้อมทั้งหาสาเหตุที่วิญญาณของเธอต้องมาติดอยู่ที่รีสอร์ตหลังนี้ ปางเสน่หา ต่อมาเตชิตได้พยายามสืบหาเรื่องราวของเสียงหวาน โดยเธอเองก็ตามเตชิต ไปทุกแห่ง ระหว่างนี้พอลก็พาตัวเข้ามาใกล้ชิดกับศรีตรัง เพราะลึก ๆ แล้วยังตัดใจไม่ได้ แต่พอพบกันทีไรก็ต้องปะทะคารมด้วยความเข้าใจผิดกันทุกที โดยพอลคิดว่าศรีตรังกับเตชิตเป็นคนรักกัน ส่วนศรีตรังก็เข้าใจว่าพอลเป็นพวกค้ายาเสพติด ในระหว่างที่เตชิตสืบเรื่องราวความเป็นมาของเสียงหวานนั้น เขาก็ยังคงสืบเรื่องของ เดนิส (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) พ่อค้ายาเสพติดผู้มีอิทธิพลสูง ซึ่งเป็นสามีของ ปรกเดือน (บุศรินทร์ วงศ์ลีลนนท์) ไปพร้อมกัน เตชิตจะช่วยเสียงหวานอย่างไร ? รวมถึงความรักระหว่างศรีตรังและพอลจะลงเอยแบบไหน มาเอาใจช่วย 2 หนุ่มหล่อมาดเท่ หนึ่งสาวมั่น และ หนึ่งวิญญาณสาว กับภารกิจลับ ที่กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็น ภารกิจหัวใจ ไปพร้อมกันในละคร ปางเสน่หา

ธิดาวานร 2564

เรื่องย่อ : ธิดาวานร (2564/2021) เจ้านันตะทร หัวหน้าชนกลุ่มน้อยทางเหนือ กับเจ้านางทรายคำ ซึ่งเล่าลือว่ามีทรัพย์สมบัติมหาศาล ทำให้สะมะแอ คนสนิท กับ แสนไท ลูกชายจอมโลภ ฆ่าเจ้านันตะทร แล้วบังคับให้เจ้านางทรายคำบอกที่ซ่อนสมบัติ แต่เจ้านางทรายคำหนีมาได้ และนำลูกสาววัยแบเบาะใส่แพลอยน้ำไปพร้อมตุ้มหูเพชร และล็อกเกตสลักชื่อ "MENGKALIA" (เมงกาเลีย) ดำรงกับบัวบาน เศรษฐีสามีภรรยาที่เพิ่งกลับจากไปบนบานขอลูก เห็นเด็กลอยมาที่ลำธารเลยช่วยเหลือไว้ โดยเรียกหนูน้อยว่า เมงกาเลีย ตามล็อกเกต พร้อมตั้งชื่อจริงว่า อิยะวดี ตามป้ายที่ข้อมือ ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปด้วยดี แต่ดำรงกลับพลาดท่าไปได้กับนาถยา ม่ายสาวที่มีลูกติดคือ เอมฤดี นาถยาคิดฆ่าบัวบาน จึงตัดสายเบรกรถทำให้รถตกหน้าผา โชคดีที่ทรายคำช่วยชีวิตไว้ และได้รู้ว่าบัวบานคือคนที่ช่วยชุบเลี้ยงอิยะวดีลูกสาวของเธอ หลังกำจัดบัวบานได้ นาถยาก็หลอกอิยะวดีไปฆ่าที่หน้าผาอีกคน ขณะเดียวกันที่พนาพร้อมกับพ่อ พินิจ และแม่ อรุณี ซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณีชื่อดัง กำลังหนีการตามล่าของมาเฟีย คำรณ พนาหลงป่ามาเจออิยะวดีที่กำลังปีนกิ่งไม้ที่ยื่นไปในเหว แต่เขาช่วยเธอไม่ทัน ทำให้อิยะวดีตกลงไปพร้อมเป้ของพนาที่มีมือถือ และเพชรชมพูที่คนร้ายตามล่าอยู่ พนาเสียใจที่ช่วยอิยะวดีไว้ไม่ได้ และคิดว่าเธอคงตายไปแล้ว แต่อิยะวดีตกไปค้างบนกิ่งไม้ก้นเหว ขณะที่ พรานเส็ง กับพวกเข้ามาจับสัตว์ไปขาย แม่ลิงตัวหนึ่งโดนยิงบาดเจ็บและโดนแย่งลูกไป แม่ลิงนั่งเสียใจและได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จึงไปช่วยและพาไปไว้ในถ้ำ แม่ลิงได้เลี้ยงอิยะวดี ซึ่งอิยะวดีก็รักแม่ลิงเรียกแม่ลิงว่า แม่มา ด้านพนาหลังจากที่เขาออกจากป่ามาได้ เขาลองโทรศัพท์เข้าหาเบอร์ของตนเอง ซึ่งมีการกดรับสาย แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงลิงและเสียงเด็กพูดมาว่า แม่มา แม่มา พนาพยายามพูดเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ไร้ผล ทรายคำที่กลายร่างเป็นเสือสมิงเพราะยอมตกเป็นเหยื่อโดนเสือกิน เพื่อช่วยให้บัวบานรอดพ้นจากเสือ แต่บัวบานกลับถูกสะมะแอและแสนไทจับตัวไป โดยให้ทำหน้าที่ดูแล มะเมี้ยะ หลานสาวของเขา ที่ตั้งใจว่าจะใช้เธอเป็นเครื่องบูชายัญ ในการเปิดทางเข้าเมืองอัญมณี เมื่อเธออายุครบ 18 ปี วันเวลาผ่านไป อิยะวดีเติบโตขึ้นเป็นสาวชาวป่าโดยมีลักษณะคล้ายลิงเพราะถูกเลี้ยงดูโดยแม่มา ส่วนพนาโตขึ้นเป็นหนุ่มที่ชอบการยิงธนู และการพิทักษ์ป่าเขา สัตว์ป่า วันหนึ่งเมื่อพนาได้เข้ามาในป่า เขาได้มาเจอกับหญิงสาวที่ดูท่าทางเหมือนลิง พนาเกิดสงสัย และอยากรู้ถึงความเป็นมา จึงพยายามสื่อสารและเข้าหา พร้อมที่จะช่วยเหลือ ความผูกพันเริ่มก่อตัวเป็นความรัก แต่ตัวพนานั้นก็ยังมีอรุณีที่เฝ้าคอยตามติด เพราะหวังที่จะได้เขามาเป็นคนรัก พนาขอคำปรึกษาจาก บุราณ นักโบราณคดีเพื่อนสนิท เรื่องอิยะวดีรวมถึงเรื่องเพชรชมพู เพราะเขาต้องการนำไปคืนที่เมืองอัญมณี บุราณพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองอัญมณี พร้อมกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความฝันของเขา ที่มักจะฝันเห็นผู้หญิงผมยาว และชายในเครื่องแบบนักรบโบราณที่มีหน้าตาคล้ายกับเขาราวกับฝาแฝด พนาและบุราณจึงตัดสินใจ เข้าป่าเพื่อสืบหาเรื่องราวทั้งหมด การเดินทางที่เต็มไปด้วยความอันตราย ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นจนกลายเป็นความรัก จะนำพาทุกคนให้เจอกับบทสรุปเช่นไรต้องติดตาม

ตุ๊กตา 2564

เรื่องย่อ : ตุ๊กตา (2564/2021) สุวภาพ (อาภา ภาวิไล) สาวสวยที่ตกพุ่มม่ายในวัย 28 ปี เมื่อสามี หิมวัต (พลพจน์ พูลนิล) ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวันที่สุวภาพคลอดลูก เหตุการณ์นั้นทำให้เธอกลายเป็นคนเจ้าทุกข์ ไม่มั่นคงทางอารมณ์ โชคดีที่หิมวัตทิ้งมรดกไว้ให้ ประกอบกับมีเงินพ่อของเธอซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ครอบครัวของเธอที่ยังมีแม่ และลูกสาววัย 5 ขวบ คือ น้องบู หรือ ด.ญ.บูรณา (ด.ญ.ปณิริน ธรรมวัฒนะ) ไม่ต้องลำบากมาก น้องบูเติบโตมาโดยได้รับอิทธิพลความเศร้าจากแม่ ทำให้เป็นเด็กเงียบขรึม ไม่ร่าเริง จนได้ตุ๊กตาน่ารักตัวหนึ่งมา น้องบูดูมีชีวิตชีวาขึ้น และผูกพันกับตุ๊กตามาก แต่น้องบูมักจะพูดคนเดียว ตัสสา (ชาคริต บุญสิงห์) ชายหนุ่มที่มาติดพันสุวภาพ บอกว่าเป็นธรรมดาของเด็ก แรก ๆ สุวภาพก็คล้อยตาม แต่เหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เธอและ กอง (รุ้งลาวัลย์ โทนะหงษา) สาวใช้ เริ่มหวาดกลัว คงมีแต่ สุดา (ปิยะดา เพ็ญจินดา) แม่ของเธอ ที่ไม่กลัว น้องบูมีพฤติกรรมแปลก ๆ เรียกตุ๊กตาว่า "พี่ตุ๊กตา" และทำเหมือนตุ๊กตาตัวนั้นมีชีวิต สุวภาพกลัวลูกเป็นอันตราย และกลัวผี เธอจึงนำตุ๊กตาไปทิ้งที่กองขยะ และบังเอิญ ด.ญ.พรรษา (ด.ญ.รัญชนา รงควิลิต) และ ใบทอง (จาด้า อินโตร์เร) น้าของเธอ มาเจอจึงนำกลับไปบ้านด้วย ซึ่งพรรษามีลุงชื่อ พันชั่ง (กิตตน์ก้อง ขำกฤษ) วิศวกรรูปหล่อ เป็นผู้เลี้ยงดู เพราะพ่อแม่ของพรรษาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อนำตุ๊กตาไปไว้ที่บ้านก็เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ พรรษาเริ่มเก็บตัว ชอบพูดคนเดียว มีเสียงเหมือนคนเดินรอบบ้าน และมีเสียงภาษาแปลก ๆ ว่า "แม..แม..เอิว..นังล็อบ..ปะเตีย..นังล็อบ..ปะเตีย หนูอยากกลับบ้าน" ชวนขนหัวลุก พรรษาพาตุ๊กตาไปโรงเรียนด้วย ทำให้น้องบูและพรรษาแย่งตุ๊กตากัน สุวภาพเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนั้นมีผีสิงหรือมีมนตร์ดำ พันชั่งพยายามหาทางออกให้เรื่องนี้ เขาไม่เชื่อว่ามีผี แต่เชื่อว่าอาจจะมีสาเหตุบางอย่าง สุวภาพต้องการให้พันชั่งเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปจากบ้านเธอ แต่พันชั่งสงสารบูรณาจึงปฏิเสธ ทั้งสองมีปากเสียงกัน ขณะเดียวกันเรื่องราวเหล่านี้ก็ทำให้ทั้งสองเริ่มผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว เรื่องราวของ ตุ๊กตา จะดำเนินต่อไปอย่างไร ? จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากนี้ ? สิ่งที่สิงอยู่ในตุ๊กตาใช่ผีหรือไม่ ? และสองครอบครัวที่ต่างเจอเรื่องลี้ลับจะกลับมาสงบสุขอีกครั้งได้อย่างไร ? ติดตามและร่วมลุ้นทุกเหตุการณ์ได้ในละคร ตุ๊กตา ที่ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 HD กด 35 และ Facebook Live Fanpage : Ch7HD หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV ละคร ตุ๊กตา เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564

พระสุธน-มโนราห์ 2563

เรื่องย่อ : พระสุธน-มโนราห์ (2563/2020) พระสุธน-มโนห์รา เป็น ภาคต่อของพระรถ เมรี จาก นิทานพื้นบ้าน "นางสิบสอง" คือ รถเสนเกิดเป็นพระสุธน ส่วนเมรีเกิดเป็นมโนห์รา เนื่องจากตอนที่นางเมรีตรอมใจตายเพราะรักที่มีให้แก่รถเสนก็อธิษฐานว่า "ถ้าชาตินี้น้องตามพี่ไม่ได้ งั้นชาติหน้าขอให้พี่ตามน้องแทน" มโนห์รา เป็นธิดาองค์เล็กของท้าวทุมราชผู้เป็นพระยากินนร รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเหมือนมนุษย์แต่มีปีกและหางที่ถอดออกได้ นางมโนห์ราและพี่น้องทั้งหกได้ไปเล่นน้ำที่สระน้ำอโนดาต เจอพรานบุญที่ต้องการจับตัวนางกินรี พรานบุญได้จับนางมโนห์ราไปถวายแค่พระสุธน พระสุธนเห็นเข้าก็เกิดหลงรักนางและพานางกลับเมือง และได้อภิเษกกัน ต่อมาปุโรหิตคนหนึ่งได้เกิดจิตอาฆาตแค้นแก่พระสุธนเพราะว่าพระสุธนไม่ให้ตำแหน่งแก่บุตรของตน เมื่อถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ พระบิดาได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตได้ทำนายว่าจะเกิดภับพิบัติครั้งใหญ่ ให้นำนางมโนห์ราไปบูชายัญ ซึ่งท้าวอาทิตยวงศ์ได้ยินยอมตามนั้น นางมโนห์รารู้เข้าก็เกิดตกใจ จึงออกอุบาย ของปีกกับหางขอนางคืน เพื่อร่ายรำหน้ากองไฟก่อนจะตาย เมื่อนางได้ปีกกับหางแล้ว นางก็ร่ายรำได้สักพักก็บินหนีกลับเมืองไป ก่อนถึงเมืองได้เจอฤาษีก็ได้กล่าวกับฤาษีว่า หากพระสุธนตามมาให้บอกว่าไม่ต้องตามนางไป เพราะมีภยันอันตรายมากมาย และได้ฝากภูษาและธำมรงค์ให้พระสุธน ฝ่ายพระสุธนที่กลับจากสงครามได้ลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนห์รา เมื่อเจอพระฤาษี พระสุธนจะติดตามนางมโนห์ราต่อไป โดยมีพระฤาษีค่อยช่วยเหลือ เป็นเวรกรรมแต่ชาติที่แล้ว เพราะอย่างนี้จึงทําให้ทั้งสองเกิดมาคู่กันอีก

คุณชายตำระเบิด 2563

เรื่องย่อ : คุณชายตำระเบิด (2563/2020) หลายคนอาจคิดว่า ต้มยำกุ้ง ผัดไท เป็นอาหารประจำชาติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ส้มตำ” ต่างหากที่เป็นอาหารประจำชาติไทย เข้าถึงรสชาติความเป็นไทยที่ทั่วประเทศยอมรับ ตั้งแต่คุณนายไฮโซ ยันกรรมกรข้างถนน ส้มตำนี่แหละ...แซ่บถึงเครื่อง รสถึงใจ อะไรก็สู้ไม่ได้อีกแล้ว ณ หมู่บ้านอันห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่งในภาคอีสานที่เพิงหมาแหงนริมถนนนั้น เป็นที่เลื่องชื่อของรสมือการตำส้มตำรสแซ่บหลาย ถูกใจชาวบ้านชาวช่องเป็นนักหนา ที่น่าแปลกกว่านั้นคือผู้ลง มือเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำล่ำสัน ที่มีชื่อว่า “ไอ้เผือก” ฝีมือระดับเซียนที่หาคนมาเทียบเทียมได้ยาก ทั้งลาบหมู น้ำตก ต้มแซ่บ ไก่ย่าง ล้วนแต่อร่อยจนแทบไม่เหลือให้หมาที่ทำตาละห้อยแถวนั้นได้กินเลยสักวัน แต่ที่ต้องยกให้เป็นสุดยอดซุปเปอร์เมนูต้องเป็น “ตำระเบิด” เท่านั้น ส้มตำสูตรพิเศษรสแซ่บ ถึงเครื่อง ไม่มีหวงเครื่องปรุงให้เสียอารมณ์ ยิ่งกินกับขนมจีนด้วยแล้วละก็หลายต่อหลายคนยอมนั่งรถจากในตัวเมืองมาลองลิ้มชิมรสตำระเบิดของเผือกกันอย่างถ้วนหน้า อันที่จริงเผือกน่าจะรวยเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว แต่เพราะ “ทองมี” พ่อของเผือกนั้นติดเหล้าอย่างหนักชอบไถเงินลูกชายไปให้ร้านเหล้ายาดองในตัวอำเภอตลอด พอไม่ให้ก็ตบตี เผือกจำใจต้องยอมให้พ่อเพราะไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู เขาไม่ได้หวงเงินพ่อแต่ไม่อยากให้พ่อเมาหัวราน้ำมากกว่า เท่านั้นยังไม่พอ “รำจวญ” ผู้เป็นแม่ก็ติดเล่นไพ่ งานการไม่ทำ วันๆขลุกอยู่แต่ในบ่อน คงไม่ต้องบอกว่าเงินที่เอาไปเล่นไพ่แทงหวยทุกวันนั้นมาจากใคร ถ้าไม่ใช่ “เผือก” ดีที่ยังมี “ยายดวง” กับ “ผึ้ง” สองยายหลานที่คอยเป็นกำลังใจให้เผือกสู้กับชีวิต ยายดวงเองไม่อยากเป็นภาระของหลานอยากมาช่วยเผือกขายส้มตำแต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว ทำได้แค่ช่วยเตรียมข้าวของให้ ส่วนผึ้งนั้นเรียนอยู่ชั้น ม.6 หญิงสาวมาช่วยพี่ชายขายส้มตำหลังจากเลิกเรียน และวันเสาร์อาทิตย์ผึ้งเองตั้งใจว่าถ้าจบ ม.6 แล้ว จะไม่เรียนต่อเพราะสงสารเผือกที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว แต่เผือกไม่ยอม ไม่ว่าเขาจะทำงานเหนื่อยหรือหนักแค่ไหน เขาก็อยากให้น้องสาวคนเดียวของเขาได้เรียนสูงๆเท่าที่จะทำได้เพื่อทดแทนความฝันของเขาที่อยากเรียนแต่ไม่มีเงินเรียนจึงจบมาแค่วุฒิ ม.6 เท่านั้น วันหนึ่ง มีชายแปลกหน้ามาขายล็อตเตอรี่ที่หมู่บ้าน แต่ไม่มีใครสนใจซื้อ ต่างก็เอาเงินไปเล่นหวยใต้ดินของ เจ๊ ในตัวอำเภอมากกว่า ชายคนนั้นหิวจนหน้ามืดเป็นลมตรงหน้าร้านส้มตำของเผือก เผือกจึงช่วยปฐมพยาบาลไว้และให้กินอาหารในร้านฟรี เพราะชายคนนั้นบอกว่าไม่มีเงิน โดยเผือกไม่เคยรู้เลยว่าแค่คำว่า “ไม่เป็นไรพี่...มีกินก็แบ่งๆ กัน” จะทำให้เขารวยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน เพราะชายคนนั้นมอบ ล็อตเตอรี่ใบหนึ่งให้กับเผือก ซึ่งมันถูกแจ๊กพอตรางวัลที่หนึ่งในงวดนั้นนั่นเอง จาก “ไอ้เผือก” กลายเป็น “คุณชายเผือก” ในบัดดล ด้วยความที่ไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทำเอาทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นต่างวาดฝันกันไปต่างๆ นานาว่าจะซื้อนั่นซื้อนี่ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามใจอยากพวก “ญาติที่ไม่รู้จัก” ก็พากันมาเยี่ยมที่บ้านโดยไม่ได้นัดหมาย มีหลายคนที่เผือกไม่เคยเห็นหน้ามาตลอดชีวิตก็เข้ามากอดอย่างรักใคร่ แน่นอนว่าทุกคนที่มาไม่ได้หวังแค่จะมาเยี่ยมแต่หวังที่จะมาเอาส่วนแบ่งไปด้วย เห็นท่าจะไม่ได้การแล้ว ทุกคนในบ้านจึงจัดการวางแผน “อพยพ” ไปในที่ที่ห่างไกลและคิดว่าจะไม่มีใครตาม มาเจอ นั่นคือกรุงเทพฯ บ้านนอกเข้ากรุงก็งานนี้แหละ ทั้งห้าคนตื่นเต้นราวกับเพิ่งได้มาเห็นเมืองที่มีตึกสูง และรถไฟฟ้าครั้งแรก ชีวิตเริ่มต้นด้วยการหาบ้านสักหลังเป็นที่พำนักอาศัย ในที่สุดเผือกได้บ้านสุดหรูในหมู่บ้านไฮโซฯ มาพักอาศัย บ้านที่ใหญ่กว่ากระต๊อบหลังเดิมไม่รู้กี่เท่า ทองมีกับรำจวญดี๊ด๊าจะได้เป็นไฮโซฯ พากันแย่งขอเงินลูกชายไปประเดิมใช้ในกรุงเทพฯ เมื่อเผือกขัดก็ถูกต่อว่า สุดท้ายเลยต้องให้ไปตามระเบียบ ที่ข้างบ้านของเผือกนั้นเป็นบ้านของ “คุณหญิงสายสมร” ที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งและเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้ใด ด้วยความที่คนในครอบครัวของเผือกมาจากบ้านนอก จึงพากันส่งเสียงโวยวายลั่น จนคุณหญิงสายสมรไม่พอใจ ส่ง “จิ้งหรีด” สาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ไปต่อว่า และเมื่อเธอได้พบกับเผือกนั้น ก็นึกว่าเผือกเป็นคนใช้ของบ้าน จึงได้ต่อว่าอย่างรุนแรงและดูถูกต่างๆนานา จิ้งหรีดทำเชิดบอกว่าตัวเองเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านเพื่อข่มเผือก เผือกเองก็ใช่คนที่ยอมคนซะเมื่อไหร่เขาจึงตอกกลับ สงครามน้ำลายข้ามรั้วจึงกำเนิดขึ้น ผึ้งเองได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอก จึงตามความทันสมัยของเพื่อนๆไม่ทัน แต่ด้วยความที่ผึ้งเป็นคนสวยทำให้มีหนุ่มๆมาติดมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “นับหนึ่ง” รุ่นพี่ที่คณะสุดป๊อบ ยิ่งพอรู้ว่าผึ้งเป็นเศรษฐีมือใหม่ยิ่งทำให้เขาสนใจใน “เงิน” ของผึ้งมากขึ้น นั่นทำให้ “รดา” หญิงสาวสุดเริ่ดของคณะที่หมายตานับหนึ่งไว้เช่นกันไม่พอใจ หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา ดีที่มี “เฉิ่ม” ชายหนุ่มหน้าซื่อคอยช่วยเหลือผึ้งตลอดแต่เพราะความศิวิไลซ์และความหลงในรูป รส กลิ่น เสียง ของเมืองหลวง ทำให้ผึ้งเริ่มจะมองคนที่เปลือกนอกและวัตถุแพงๆแล้ว โดยลืมที่จะคบคนที่จิตใจเหมือนตอนที่อยู่บ้านนอก ความบ้านนอกของบ้านเผือกนั้นทำเอาคุณหญิงสายสมรแทบคลั่ง ทั้งเสียงคาราโอเกะเพลงอีสาน กลิ่นน้ำต้มปลาร้าที่ลอยโชยข้ามรั้วเข้ามา หรือเสียงด่าทอหยาบๆ คายๆ ของทองมีกับรำจวญยามทะเลาะกัน ในที่สุดคุณหญิงสายสมรก็หมดความอดทน ตัดสินใจจะไปพักผ่อนที่นิวยอร์กกับญาติที่นั่น โดยชวน “ต้นหอม” ลูกสาวคนเดียวไปด้วยแต่ต้นหอมปฏิเสธ เธอยังอยากอยู่ดูแลกิจการโรงแรมของคุณหญิงสายสมรต่อ คุณหญิงสายสมรไม่อยากขัดใจจึงยอมให้ลูกสาวอยู่ดูแลบ้านและโรงแรมทางนี้ ส่วนตัวเองบินไปเที่ยวเพื่อหลีกหนีความ “บ้านนอก” ของคนข้างบ้าน วันหนึ่ง ยายดวงออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้าน ได้มาเจอกับ “ยายอิ่ม” ที่กลับมาจากตลาดพอดี ทั้งสองเจอกันก็จำกันได้ว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ต่างไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบจนได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทั้งคู่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย ยายอิ่ม เป็นหัวหน้าแม่บ้านอยู่บ้านของคุณหญิงสายสมรที่อยู่ริมรั้วบ้านของยายดวงนั่นเอง ทั้งคู่ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ยายอิ่มเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่รู้ว่ายายดวงเพิ่งเป็นเศรษฐีใหม่ ของเมืองไทย เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นที่ถูกนำไปเล่าในบ้านของคุณหญิงสายสมร จิ้งหรีดได้ยินดังนั้นก็ตาโต เมื่อรู้ว่าคนที่เธอใช้หางตามองและด่าทอกันจนแทบจะฆ่ากันตายนั้นเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงาม และรวยมีเงินเป็นร้อยล้าน ตายละวา...ไหงเรื่องกลับตาลปัตร แล้วถ้าไอ้หมอนั่นมารู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นแค่คนใช้ ไม่ใช่ลูกสาวบ้านนี้จริงๆ จะทำอย่างไร มีหวังได้ซุกแผ่นดินหนีแน่ๆ เผือกเริ่มรู้สึกว่าผึ้งเปลี่ยนไป หญิงสาวเริ่มแข็งกร้าวขึ้น ใช้เงินเก่งเตือนอะไรก็เถียง ไม่เชื่อฟังแบบตอนอยู่ที่บ้านนอก เขาเริ่มเป็นห่วงน้องสาวกลัวว่าจะหลงแสงสีไปตามคนเมืองจึงตามไปดูที่มหาวิทยาลัย ก็พบว่าผึ้งกำลังสวีทกับนับหนึ่งจนออกหน้าออกตา ชายหนุ่มเข้าไปห้ามแต่ผึ้งแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพี่ชายของตัวเอง เพราะเผือกแต่งตัวบ้านนอกเหมือนตอนอยู่ต่างจังหวัด เธออายเพื่อนไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีพี่ชายที่มีสภาพเป็นแบบนี้ ทั้งเรื่องพ่อเรื่องแม่ และเรื่องน้องสาวทำเอาเผือกกลุ้มใจไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจไปทำบุญที่วัดเพื่อให้จิตใจดีขึ้น ที่นั่นเองเขาได้พบกับต้นหอมที่มาเลี้ยงข้าวกลางวันเด็กกำพร้าที่มูลนิธิใกล้ๆวัด เธอสวยและจิตใจดีจนเผือกอดที่จะแอบมองไม่ได้ เหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อรถของต้นหอมเสียเผือกจึงอาสาไปส่ง ทั้งคู่คุยกันถูกคอ ที่สำคัญต้นหอมไม่มีทีท่ารังเกียจชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อยนั่นทำให้เผือกยิ่งประทับใจในตัวต้นหอมมาก แล้วเรื่องเซอร์ไพร์สก็เกิดขึ้น เมื่อต้นหอมคือเพื่อนบ้านของเผือกนั่นเอง.. โลกช่างกลมเสียจริง เผือกแอบชอบต้นหอมมาก แต่ก็รู้ตัวเองว่าเขาช่างเชยและบ้านนอกขนาดนี้ จึงตัดสินใจจ้าง “เจ๊ลิลลี่” มือโปรมาเนรมิตตัวเขาเองให้เป็นคุณชายเหมาะสมกับต้นหอม จากชายหนุ่มบ้านนอกคอกนากลายเป็นคุณชายสุดหล่อ จนจิ้งหรีดถึงกับตกตะลึงชอบชายหนุ่มขึ้นมาซะอย่างนั้น ด้วยหวังว่าจะได้ถีบตัวเองหลุดจากอาชีพคนใช้อันต่ำต้อยเสียทีหากได้เผือกเป็นแฟน แต่หญิงสาวยังกังวลใจไม่หายว่าถ้าเผือกรู้ว่าตัวเธอเป็นแค่คนใช้เขาไม่มีวันชอบเธอแน่ๆ จึงไปสารภาพความจริงกับต้นหอม ต้นหอมนึกสนุกเลยตกลงจะอุปโลกน์ให้จิ้งหรีดเป็นน้องสาวไฮโซของตัวเองเพื่อเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับสาวใช้ เธอเชื่อว่าคนเราจะรักกันต้องเดินข้ามเรื่องชาติกำเนิดและเงินทองโดยต้นหอมไม่เคยรู้เลยว่าเผือกนั้นแอบชอบต้นหอมไม่ใช่ชอบจิ้งหรีด ที่สำคัญจิ้งหรีดเองชอบที่ “เงิน” ของชายหนุ่มมากกว่าจิตใจ... เผือกที่หลงรักต้นหอมมาก แต่ไม่รู้จะเข้าใกล้หญิงสาวได้อย่างไร จึงหวังที่จะเข้าใกล้ต้นหอมด้วยการมาทำดีกับจิ้งหรีด ที่เขาคิดว่าเป็นน้องสาวของต้นหอม เพราะความดีของเผือกทำเอาจิ้งหรีดยิ่งชอบเขามากขึ้นโดยไม่รู้เลยว่าเผือกมาทำดีนั้นเพราะอยากจีบต้นหอมมากกว่า วันหนึ่งเป็นวันเกิดของเผือก เขาจึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นที่บ้าน โดยการชวนต้นหอมและจิ้งหรีดมาร่วมงานด้วย แม้เผือกจะพยายามจัดงานให้หรูเลิศตามที่เจ๊ลิลลี่สั่งแล้วก็ตาม แต่พ่อแม่และยายของเขากลับทำให้งานเสียด้วยการตั้งโต๊ะตำส้มตำ ทำลาบ จกปลาร้ากันต่อหน้าต้นหอมและจิ้งหรีด ยายดวงบอกให้เผือกลองตำระเบิดโชว์ และสาธยายถึงความโด่งดังของส้มตำสูตรนี้ให้ต้นหอมกับจิ้งหรีดฟัง ทำให้ทั้งคู่อยากลองชิมมาก สุดท้ายเผือกก็ตัดสินใจถอดสูทหันมาควงสากโชว์ส้มตำระเบิดให้ทั้งสองกิน ต้นหอมติดใจในรสชาติมากถึงกับอยากให้เผือกช่วยทำส้มตำระเบิดนี้ไปรับแขกชาวต่างชาติที่โรงแรม เผือกตอบตกลงเพราะอยากทำคะแนนให้ต้นหอมรัก ชื่อเสียงของเผือกดังกระฉ่อนทันทีที่ได้ออกงานแรก หลายต่อหลายคนออร์เดอร์มาเป็นร้อยๆ ครกเพื่อนำไปจัดเลี้ยงสร้างชื่อให้โรงแรมของต้นหอม ต้นหอมจึงทาบทามให้เผือกมาทำงานที่โรงแรมเพื่อเป็นหัวหน้าเชฟในการตำส้มตำโดยเฉพาะ เผือกตอบตกลงมาทำงานที่โรงแรมเพื่อจะได้ใกล้ชิดต้นหอม โดยจิ้งหรีดก็มาด้วยตามแผนของต้นหอม วันหนึ่ง เผือกจะไปสารภาพรักต้นหอม แต่กลับพบว่าหญิงสาวมีแฟนเป็นนักธุรกิจชื่อดังอยู่แล้ว เผือกเสียใจมาก อยากจะลาออกจากงาน แต่จิ้งหรีดห้ามไว้และให้กำลังใจชายหนุ่ม แม้จะรู้สึกเสียใจบ้างที่รู้ว่าเผือกไม่เคยมีใจให้เธอเลย แต่กลับมีใจให้กับต้นหอมผู้เป็นนายแทน จากที่เคยคิดว่าจะชอบเขาเพียงเพราะเงิน จิ้งหรีดกลับตกหลุมรักในความดีงามในจิตใจของชายหนุ่มเข้าให้แล้ว... ความใกล้ชิดของจิ้งหรีดกับเผือกเริ่มรู้ใจกันมากขึ้น ชายหนุ่มเริ่มเห็นด้านดีของหญิงสาว ความใสซื่อและดวงตาที่ดูเหมือนมีความนัยคู่นั้นทำให้เผือกอดรู้สึกแปลกๆด้วยไม่ได้ทั้งๆที่ในใจกลับตะโกนบอกว่าคนที่เขาต้องการนั้นคือต้นหอมคนเดียว แต่เพราะความดีของจิ้งหรีดทำให้เผือกปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวเข้าให้แล้วเช่นกันนั่นทำให้จิ้งหรีดเริ่มรู้สึกผิดและกลัว กลัวว่าถ้าเผือกรู้ว่าตัวเองเป็นแค่คนใช้ เขาจะรับไม่ได้ ที่สำคัญเผือกจะต้องโกรธมากที่รู้ว่าเธอหลอกลวงเขามาตลอดว่าเป็นคุณหนู ตำระเบิดของเผือกนั้นโด่งดังไปจนทั่วสารทิศ วันๆ หนึ่งเขาต้องตำส้มตำระเบิดไม่น้อยกว่าสามร้อยครก ทำให้ต้นหอมเริ่มตัดสินใจสั่งซื้อมะละกอจากสวนย่านชานเมืองมา และนั่นทำให้จิ้งหรีดได้เจอกับ “นวล” แม่ค้าขายส่งมะละกอพันธุ์ดี ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของจิ้งหรีดอีกด้วย จิ้งหรีดพยายามหลบหน้าหลบตานวลเพราะกลัวนวลจะรู้ว่าเธอมาเป็นคนใช้อันต่ำต้อย ที่สำคัญเธอกลัวว่านวลจะเปิดโปงความลับว่าตัวของจิ้งหรีดเองนั้นไม่ได้เป็นคนในครอบครัวของคุณหญิงสายสมร เจ้าของโรงแรมแต่อย่างใด เมื่อหลายปีก่อนจิ้งหรีดใช้ชีวิตเป็นสาวชาวสวนมะละกออยู่อย่างมีความสุข แม้ทางครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอมีพอกิน “คม” พ่อของจิ้งหรีดเป็นคนรักครอบครัวมาก เขาไม่เคยนอกใจ “วรรณ” เมียสุดที่รักเลย แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวรรณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต คมเสียใจมาก ดื่มเหล้าเมายาไม่ยอมทำสวนมะละกอต่อ ภาระหนักจึงตกมาอยู่ที่จิ้งหรีดที่ต้องดูแลทุกอย่างเอง วันหนึ่งคมได้พานวลกลับมาจากคลับในเมือง นั่นทำให้จิ้งหรีดไม่พอใจที่พ่อของตัวเองกำลังจะมีเมียใหม่ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน แต่สุดท้ายจิ้งหรีดก็ต้องยอมให้พ่อพานวลเข้ามาอยู่ในไร่ ในฐานะเมียใหม่ของพ่อแรกๆ นั้น นวลก็ทำดีกับจิ้งหรีดเพื่อให้เธอตายใจ แต่สุดท้ายความชั่วร้ายก็ออกลาย นวลพยายามจะเอาทุกอย่างของคมไปเป็นเจ้าของโดยใช้มารยาหญิงหลอกให้คมเซ็นโอนไร่มะละกอทั้งหมดให้กับเธอ จิ้งหรีดไม่พอใจมากไปต่อว่าพ่อ แต่ก็โดนตบกลับมา ทำให้หญิงสาวน้อยใจว่าพ่อไม่ใช่พ่อคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก มิหนำซ้ำจิ้งหรีดยังไปรู้ความลับมาว่านวลนั้นแอบมีความสัมพันธ์ลับๆกับคนงานในสวน เธอจะไปฟ้องพ่อ แต่นวลรู้ตัวเสียก่อน ทั้งคู่ตบตีกัน แต่นวลสร้างภาพว่าถูกจิ้งหรีดรังแกก่อน พ่อลูกจึงไม่มองหน้ากันอีกนับตั้งแต่วันนั้น วันหนึ่ง ข่าวร้ายก็มาเยือนจิ้งหรีดเมื่อได้รู้ว่าผู้เป็นพ่อขับรถตกเหวเสียชีวิต เหมือนเสาหลักในชีวิตของจิ้งหรีดล้มไปเสียแล้ว หญิงสาวถูกนวลไล่ออกจากบ้านเพราะเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในสมบัติของพ่อเลย จิ้งหรีดไม่มีที่ไปจึงเสี่ยงโชคชะตามาในเมืองหลวง หวังว่าจะมาหางานทำเพื่อประทังชีวิต แต่ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หญิงสาวถูกหลอกไปขายตัวในซ่อง แต่ก็เอาตัวรอดหนีออกมาได้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ดันไปถูกรถของต้นหอมชนเข้า ดีที่จิ้งหรีดไม่เป็นอะไรมาก ต้นหอมจึงรับจิ้งหรีดเข้ามาทำงานในบ้านด้วยความสงสาร หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ถูกเรียกว่า “คนรับใช้” ตลอดมา นวลเหมือนว่าจะเห็นจิ้งหรีดแวบๆ จึงตามไป สุดท้ายจึงรู้ว่าจิ้งหรีดอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ และยิ่งแปลกใจเมื่อเผือกแนะนำว่าจิ้งหรีดคือน้องสาวของต้นหอม เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ นวลแอบหมายตาเผือกไว้ คิดจะเปิดโปงความจริงว่าจิ้งหรีดไม่ใช่คนในครอบครัวของต้นหอม แต่ต้นหอมรู้ทันเสียก่อน จึงยื่นข้อเสนอว่าถ้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เธอจะเป็นลูกค้ามะละกอของนวลตลอดไป และจะติดต่อโรงแรมของเพื่อนๆ ที่รู้จักให้ด้วย นวลตกลงแต่ยังไม่เลิกหมายตาเผือก เพราะถูกตาต้องใจเหลือเกินความลับเรื่องของจิ้งหรีดดำเนินต่อไป พร้อมกับความรักของคนทั้งคู่ ช่วงนี้ยายดวงเจ็บออดๆแอดๆ เผือกให้ไปตรวจร่างกายก็ไม่ยอมไป ตัวเขาเองก็ยุ่งอยู่ที่โรงแรม ผึ้งเองก็กลับบ้านดึกๆดื่นๆ อ้างว่าติดกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย ส่วนรำจวญกับทองมีไม่ต้องพูดถึง วันๆ มุดหัวอยู่แต่ในบ่อนถ้าเงินไม่หมดไม่กลับมาบ้าน บ่อยครั้งที่ยายดวงต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หญิงชราเริ่มไม่ชอบความมั่งมีที่ได้มาเสียแล้วหากการมีเงินแล้วต้องเหงาแบบนี้ เธอขอกลับไปจนแล้วอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างเดิมเสียดีกว่า หลังจากได้ติดต่อกับเผือกที่โรงแรมบ่อยครั้ง นวลเริ่มสืบเสาะหาที่อยู่ของเผือก เธอมักเอาของกำนัลมาฝากเผือกอยู่บ่อย ๆ ซึ่งทำให้จิ้งหรีดไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งคู่มีปากเสียงกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้าจนเผือกเริ่มจะสงสัยว่าทั้งคู่ว่าน่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่จิ้งหรีดก็ยังปิดบังความลับเรื่องระหว่างเธอกับนวลไว้ วันหนึ่งมีแก๊งค์มาเฟียโทรมาหาเผือกบอกให้เอาเงินสิบล้านไปไถ่ตัวทองมีกับรำจวญที่ไปเสียไฮโลที่ชายแดน ชายหนุ่มจำเป็นต้องเบิกเงินที่ร่อยหรอไปช่วยพ่อและแม่ เขาเริ่มจะเครียดแล้วเพราะเงินที่ได้จากการถูกล็อตเตอรี่ครั้งนั้นใกล้หมดลงทุกทีเนื่องจากคนในบ้านต่างใช้เงินราวกับเป็นเศษกระดาษ เรื่องราวระหว่างนวลกับจิ้งหรีดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งสองมีปากเสียงกันในขณะที่เผือกแอบฟังอยู่ จึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนวลเป็นแม่เลี้ยงของจิ้งหรีดนั่นเอง นั่นทำให้ชายหนุ่มงงว่าในเมื่อจิ้งหรีดเป็นน้องสาวของต้นหอม แล้วทำไมมีแม่เลี้ยงเป็นนวล หรือสามีของคุณหญิงสายสมรจะไปแต่งงานใหม่ และแล้วความลับทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยเมื่อคุณหญิงสายสมรกลับมาเมืองไทย แล้วเห็นนวลกับจิ้งหรีดกำลังทะเลาะกันอยู่หน้าบ้านจึงเข้าไปต่อว่า ความลับที่ว่าจิ้งหรีดไม่ใช่ลูกสาวคุณหญิงสายสมรและมีหน้าที่เป็นเพียงคนรับใช้จึงถูกเปิดโปงขึ้น นั่นทำให้เผือกโกรธหญิงสาวมากไม่ยอมพูดด้วยเพราะเขาเกลียดการโกหกที่สุด ส่วนจิ้งหรีดเองกลับคิดว่าที่เผือกโกรธเธอนั้นเพราะรู้ว่าเธอเป็นแค่คนรับใช้ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนที่ได้สร้างภาพมา เผือกอาจไม่ได้รักเธอเพราะจิตใจ แต่เป็นเพราะที่ความหรูหราและความมีเกียรติมากกว่า ผึ้งขออนุญาตไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ ที่คณะ ซึ่งรดากับเพื่อนๆวางแผนไว้แล้วว่าจะทำให้ผึ้งเสียคนก็คราวนี้ ด้วยการวางแผนให้ผู้ชายในคณะจัดการพาผึ้งไปรุมโทรม เฉิ่มรู้เรื่องเข้าก็ไปเตือนผึ้งแต่ถูกผึ้งตอกหน้ากลับมาว่าไม่หวังดี เฉิ่มเองอดเป็นห่วงผึ้งไม่ได้จึงลงทะเบียนไปเที่ยวในครั้งนี้ด้วยแล้วก็เป็นจริงดังที่เขาได้ยินมา เมื่อผึ้งจะถูกผู้ชายสามคนจะพาไปข่มขืน แม้นับหนึ่งเองจะอยู่บริเวณนั้นแต่กลับหนีเอาตัวรอด เฉิ่มแสดงความรักด้วยการสู้สุดชีวิตจนตัวเองสะบักสะบอม ในที่สุดตำรวจก็มาจับคนร้ายได้แล้วซักทอดไปถึงรดา ทำให้รดาถูกตำรวจจับไปด้วย ข่าวออกทีวีครึกโครม ในขณะที่เผือกกับยายดวงกำลังนั่งดูอยู่ ทั้งคู่ตกใจมากโดยเฉพาะยายดวงถึงขั้นเป็นลมหมดสติไป เผือกรีบนำตัวยายดวงส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่ายายดวงเป็นโรคหัวใจตีบต้องรีบผ่าตัดด่วน เผือกจึงยอมให้หมอผ่าตัดยายดวง ผึ้งเองรู้เรื่องก็ให้เฉิ่มรีบพากลับมา เช่นเดียวกับทองมีและรำจวญที่ยอมทิ้งไพ่มาดูใจแม่ หมอบอกให้ทำใจไว้เพราะโอกาสรอดมีแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สำคัญค่าใช้จ่ายสูงมาก เงินที่เผือกเหลือเก็บตอนนี้มีไม่พอ ท้ายสุดแล้วชายหนุ่มตัดสินใจเอาบ้านไปจำนองไว้กับธนาคารเพื่อนำเงินก้อนสุดท้ายมารักษาผู้เป็นยาย ทั้งหมดเพิ่งเข้าใจว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนในครอบครัวอีกแล้ว... เมื่อผ่านเรื่องราวของ “คนมีเงิน” มามากมายทำให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเอาเสียเลย แม้จะชอบความหรูหราของคนมีเงิน แต่พวกเขากลับรักที่จะอยู่กันอย่างอบอุ่นแบบเดิมมากกว่า ผึ้งได้เรียนรู้ว่าชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อฟู่ฟ่าของสังคมเมืองหลวงนั้นไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง การมองคนเพียงแค่หน้าตากลับทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด มองคนต้องมองที่จิตใจเหมือนที่เธอเคยเรียนรู้มาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ทองมีกับรำจวญที่ก่อหนี้ก่อสินไว้มากมายก็เริ่มสำนึก เผือกเอาเงินที่เหลือไปใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ทั้งหมด ทั้งสองขอโทษลูกชายที่ทำตัวไม่ดีมาตลอด และสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ยายดวงปลอดภัย แต่ยังต้องกินยารักษาตัวอีกเดือนละหลายแสนบาท เผือกตัดสินใจขายบ้าน รถ และทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็น ทั้งห้าตกลงกันแล้วว่าชีวิตในเมืองหลวงช่างไม่เหมาะกับคนบ้านนอกอย่างพวกเขาจึงจะกลับไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่บ้านนอกที่เคยจากมา แม้ที่บ้านนอกจะไม่หรูหราไม่ศิวิไลซ์เหมือนในเมืองหลวง แต่ที่นั่นทำให้เขาได้รู้สึกถึงคำว่า “ครอบครัว” อย่างเต็มที่ ผึ้งไปกล่าวลาเฉิ่มว่าอาจไม่เจอกันอีกแล้วชาตินี้เพราะเธอจะกลับไปเรียนต่อที่บ้านนอก เฉิ่มเองก็เสียใจแต่ก็ยอมให้หญิงสาวไป เพราะเคารพการตัดสินใจของผึ้ง จิ้งหรีดรู้ข่าวจากยายดวงว่ากำลังจะย้ายกลับบ้านนอกกันทั้งครอบครัวก็ใจหาย ใจหนึ่งก็อยากจะขอโทษเผือก แต่อีกใจมันก็มีอคติ เลยทำปากแข็งว่าไม่รู้สึกอะไรกับการจากไปของชายหนุ่ม เช่นเดียวกับเผือกเอง เขาก็อยากบอกลาจิ้งหรีดเป็นครั้งสุดท้าย แต่เห็นว่าหญิงสาวทำเฉยชา จึงตัดสินใจจากไปโดยไม่มีการปรับความเข้าใจกัน ทั้งหมดกลับมาตั้งหลัก ที่บ้าน เผือกเจียดเงินมาทำร้านอาหารอีสานเล็กๆทำมาหากินเพื่อประทังชีวิตโดยมีรำจวญคอยช่วยลูกชาย ส่วนผึ้งได้โอนหน่วยกิตมาเรียนต่อราชภัฏในตัวเมือง ทางด้านทองมีก็ทำสวนทำไร่เล็กๆน้อยๆและมีหน้าที่คอยดูแลยายดวงในฐานะลูกเขยที่ดีที่เขาไม่เคยได้ทำมาเลยตลอดชีวิต วันหนึ่งผึ้งไปเจอกับเฉิ่มโดยบังเอิญ โชคชะตาเหมือนเป็นใจเพราะเฉิ่มกลับมาเยี่ยมบ้าน ซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกันกับผึ้ง บ้านของเฉิ่มนั้นเป็นร้านค้าส่งปุ๋ยและค้าข้าวรายใหญ่ของจังหวัด ชายหนุ่มไม่ได้จนอย่างที่ผึ้งคิดไว้เลย เพียงแต่เฉิ่มเป็นคนไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เคยหลงไปกับเงินทองมากมาย นั่นทำให้ผึ้งละอายใจมาก แต่เฉิ่มก็ให้อภัย ทั้งคู่ตัดสินใจคบกันโดยให้พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายมาผูกมิตรกันไว้ แม่ของเฉิ่มนั้นเป็นลูกค้าประจำร้านตำระเบิดของเผือกมานานก็ปลื้มใจ ไม่ได้รังเกียจในความจนของครอบครัวของผึ้ง แต่กลับชื่นชมในความขยันขันแข็งซะอีก จึงขอหมั้นหมายผึ้งให้เฉิ่มไว้ ถ้าทั้งคู่เรียนจบจะให้แต่งงานกัน ทางด้านเผือกเองแม้จะทำใจให้ลืมจิ้งหรีด แต่เขาก็ทำไม่ได้ เช่นเดียวกับจิ้งหรีดที่ยังคงเหม่อลอยคิดถึงเผือกเสมอ หญิงสาวรู้ตัวแล้วว่าผิดและไม่ควรถือตัวทำปากแข็งไม่ยอมขอโทษชายหนุ่ม แต่กว่าจะคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ยายอิ่มรู้ทันทีจึงเอาที่อยู่บ้านของยายดวงให้จิ้งหรีด เธอขอไว้ก่อนที่ยายดวงจะกลับไปบ้านนอก เผื่อมีเวลาจะได้ไปเยี่ยมเยียน จิ้งหรีดตัดสินใจขึ้นรถไปหาเผือกทันที หญิงสาวได้เจอเผือกที่ร้านตำระเบิด ทั้งคู่ต่างปรับความเข้าใจกัน และสารภาพความในใจของกันและกันทั้งหมด จิ้งหรีดอาสาจะอยู่ที่นี่ช่วยเผือกดูแลร้าน เผือกบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้มั่งมีเหมือนเมื่อก่อน ถ้าจิ้งหรีดอยู่ด้วยจะลำบาก แต่จิ้งหรีดไม่กลัว เธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มคนที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอตลอดไป ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหน ถ้าไม่มีความสุขเธอก็ไม่เอา ขอแค่มีความรักและความอบอุ่นเท่านั้นก็ “พอเพียงแล้วสำหรับชีวิตนี้”

วิมานมนตรา 2563

เรื่องย่อ : วิมานมนตรา (2563/2020) ณ เรือนที่มีแต่อดีต ณ เรือนที่มีความตาย ณ เรือนที่การรอคอยกำลังจะสิ้นสุด เพราะการถูกชายคนรักทรยศ เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดศัตรูหัวใจ มิหนำซ้ำ เธอยังทำพิธีสะกดวิญญาณคนรัก และเซ่นสังเวยด้วยเลือดสาวที่บริสุทธิ์ เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ยงคงกะพัน รอคอยร่างที่เหมาะสมเป็นร่างใหม่ของวิญญาณคนรักอีกครั้ง โดยเธอไม่รู้เลยว่า ความทุกข์ทรมานกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายกำลังจะมาทวงคืน ราวปี พ.ศ. 2452 “เดือนดารา” หญิงขายบริการผู้เลอโฉม เป็นที่หลงใหลกับชายที่ได้พบเห็น พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก และถูกป้ากับลุงบังคับให้ทำงานเป็นหญิงขายบริการอยู่ที่สำนักโคมเขียวแถวเยาวราช หรือ“ไชน่าทาวน์”ในขณะนั้น ความสวยของเธอทำให้ “คุณแสง” ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งซื้อตัวไปและจดทะเบียนสมรสยกย่องเธอเป็นภรรยา และสร้างที่พักใหม่ให้ บรรดาบ่าวรับใช้ต่างไม่ชอบเดือนดารา ต่อว่าเป็นหญิงขายบริการและพากันดูถูก ต่างเรียกเรือนพักของเดือนดาราว่า “เรือนคณิกา” ซึ่งแปลว่าหญิงขายบริการ ภายในหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนักมี “ลุงสำลี” เป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า และมักทำพีธีบูชาทุกๆ วันขึ้น 15 ค่ำ หนุ่มสาวภายในหมู่บ้านพากันล้มตาย ชาวบ้านเชื่อว่าลุงสำลีเป็นผู้นำวิญญาณของเด็กสาวที่เสียชีวิตไปจึงพากันขับไล่ออกจากหมู่บ้านโดนรุมทำร้ายจนสะบักสะบอมพร้อมกับเผาบ้านจนมอดไหม้ไร้ที่อยู่ เดือนดาราให้คนขับรถพาไปเยี่ยมน้องชายผ่านมาเห็นสำลีสลบอยู่ข้างทางจึงช่วยชีวิตเอาไว้ และพากลับมาที่เรือนพักเพื่อรักษาตัว เดือนดาราเริ่มเห็นว่าลุงสำลีมีวิชาอาคมติดตัวเพราะช่วยเหลือ สนบ่าวคนหนึ่งของคุณแสงที่ถูกงูกัดเสียชีวิตฟื้นขึ้นมาได้เดือนดาราตัดสินใจขอคุณแสงให้รับเอาลุงสำลีเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ที่บ้านเพื่อเพิ่มบารมีของตัวเอง คุณแสงตกลงและตามใจการตัดสินใจทุกอย่างของเดือนดารา นับจากนั้นลุงสำลีได้กลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ต่อเธอดูแลช่วยเหลือเดือนดาราทุกอย่าง สำหรับเดือนดารา คำว่า“คณิกา”กลายเป็นตราบาปติดตัวเธอมาช้านานเพราะบ่าวไพร่ในบ้านพากันแอบเรียกขาน และนินทาเสียหายไม่ให้การยกย่องนับถือ การที่ลุงสำลีเข้ามาอยู่ในเรือนทำให้เกิดสิ่งเร้นลับมากมายขึ้นที่นั่น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกมนตราของลุงสำลีกำกับเอาไว้ ยายเอิบ ที่ไม่ชอบเดือนดาราอยู่แล้วจึงสนับสนุน ดาวเรือง หลานสาวของตนเพื่อให้ได้เป็นเมียน้อยของคุณแสงตามคำสั่ง คุณหญิงตรึงตรา แม่ของคุณแสงซึ่งดาวเรืองก็พยายามเสนอตัวให้คุณแสงเต็มที่แต่คุณแสงไม่ชอบดาวเรือง ไม่นานดาวเรืองก็ตายลงอย่างมีปริศนา ไอ้อ่ำ พา พลอย หลานสาวเข้ามาช่วยงานที่บ้านของคุณแสงความเป็นสาวสวยสะพรั่งของพลอยถูกใจคุณแสงเข้าอย่างจังทำให้เดือนดาราไม่พอใจอย่างมาก พลอยให้เป็นเมียคุณแสงอีกคนขณะที่พลอยนั้นไม่เห็นด้วยนักกับการเข้ามายื้อแย่งของของคนอื่นแต่ความรักที่มีต่อคุณแสงทำให้เธอโอนอ่อนแบบไม่มีทางเลือก เดือนดาราตั้งป้อมรังเกียจพลอยจนออกนอกหน้าแถม อีพริ้ง บ่าวคนสนิทหาเรื่องพลอยแทบไม่ได้หยุดหย่อน ในที่สุดคุณแสงขออนุญาตเดือนดาราเพื่อจะเอาพลอยเข้ามาเป็นเมียอีกคนโดยคิดว่าไม่ได้เป็นการเสียหายอะไรเพราะเจ้านายสมัยนั้นก็ทำอย่างนี้กันมากมาย เดือนดาราปฏิเสธทันทีว่าเธอรับ ไม่ได้อีกทั้งยังประกาศตั้งป้อมว่าจะเป็นศัตรูกับพลอยเมื่อรู้จุดประสงค์แน่ชัดของสามี เดือนดาราคอยตามคุณแสงไม่ให้ห่างตาด้านคุณแสงแสดงออกชัดเจนว่าจะเลี้ยงดูแม่พลอยถึงขนาดสร้างเรือนพักอีกหลังไว้ให้พลอยทำให้เดือนดารารู้สึกเหมือนกำลังจะโดนทอดทิ้ง ความหลังจากการถูกทารุณให้ขายบริการย้ำเตือนทำให้เธอเริ่มมองทุกอย่างในแง่ร้าย ความโกรธเกลียดภูมิหลังที่มีผู้ยัดเยียดให้ทำให้เดือนดาราทวีแรงอาฆาต ลุงสำลีรู้สึกสงสารเดือนดาราที่ถูกกระทำย่ำยีทั้งกายและใจจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หลวงปู่มิ่ง หลวงปู่ที่มีผู้คนศรัทธาอย่างมากในหมู่บ้าน หลวงปู่บำเพ็ญภาวนาอย่างเคร่งครัด แนะนำพลอยหลายอย่าง และรู้ชะตากรรมของ เดือนดารา พลอย และทุกคนในบ้านขุนแสง รวมทั้งตนเป็นอย่างดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แถมยังคอยช่วยขัดขวางเวทย์มนต์หลายอย่างของลุงสำลี เดือนดาราเห็นว่าหลวงปู่มั่นคอยช่วยเหลือพลอยและทำให้แผนการหลายอย่างของเธอพังทลายจึงใช้อีพริ้งแอบเอายาพิษใส่ในอาหารที่พลอยเตรียมจะไปถวายหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นฉันท์อาหารทั้งที่รู้ดวงชะตาของตนอยู่ก่อนแล้ว ในที่สุดหลวงปู่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา เดือนดาราแสร้งทำดีกับพลอยหลายอย่างถึงขนาดแกล้งเข้าไปขวางพลอยเอาไว้ขณะที่พลอยกำลังจะถูกงูกัดเดือนดาราจึงถูกงูกัดแทนทำให้พลอยเชื่อใจ พลอยตั้งครรภ์กับคุณแสงแต่เดือนดาราไม่สามารถท้องได้ทำให้เดือนดาราแค้นพลอยมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเดือนดาราจึงแอบเอาน้ำผสมยาพิษให้พลอยดื่มบอกเป็นยาบำรุงครรภ์ พลอยหลงเชื่อทำให้เธอดื่มเข้าไปแล้วเสียชีวิตอีกคน หลังจากนั้นลุงสำลีทำพิธีเก็บกักวิญญาณของพลอยไว้ในขวดแก้วเพราะเดือนดาราแค้นเคืองไม่อยากให้พลอยไปผุดไปเกิดนึกไม่ถึงว่าแมวเจ้ากรรมดันทำขวดวิญญาณหล่นแตกกระจายทำให้วิญญาณของพลอยเป็นอิสระ คุณแสงเสียใจที่พลอยตายจากไปจึงตรอมใจตายตามเดือนดาราเกรงว่าคุณแสงกับพลอยจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจึงให้ลุงสำลีเก็บกักวิญญาณคุณแสงเอาไว้เพื่อคุณแสงจะได้อยู่กับเธอคนเดียวเท่านั้น ลุงสำลีบริกรรมคาถาจนแก่กล้าบอกให้เดือนดารารอคอยร่างที่เหมาะสมของชายหนุ่มเพื่อนำวิญญาณของคุณแสงใส่เข้าไปจากนั้นเธอกับคุณแสงก็จะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง แต่การรอคอยร่างดังกล่าวอาจใช้เวลาเกือบร้อยปี และร่างของชายผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่สืบเชื้อสายของคุณแสงมาโดยแท้จริง และเจาะจงให้เกิดในวันที่ 5 เดือน 5 ปี 2515 วันทรงชัยลุงสำลีตัดสินใจทำพิธีให้เดือนดาราและตนเป็นอมตะเพื่อรอวันคืนที่จะพบชายหนุ่มตามที่เดือนดาราปรารถนาโดยใช้วิญญาณบ่าวไพร่สังเวยมนต์ดำครั้งนี้ทั้งหมด 5 คน ในคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งได้แก่แม่เอิบ และบ่าวที่เหลือในเรือนอีก 5 คน เวลาล่วงเลยไปกว่าร้อยปี... ลุงสำลีเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เดือนดาราเป็น“คุณหญิงเดือน”จากคำเรียกขานของลุงสำลีเอง เดือนดาราเฝ้ารอวันจะพบชายที่เธอต้องการ เรือนคณิกาที่มีผู้คนกล่าวขวัญถึง กลายเป็น “รีสอร์ตเดือนดารา” มีผู้เข้ามาพักจำนวนมาก แต่เดือนดารายังดูสาวกว่าวัย ลุงสำลียังเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์สำหรับเธอ เดือนดารายังมีบุตรสาวที่ขอจากสถานสงเคราะห์มาเลี้ยงไว้ด้วยกัน 3 คน ตามคำทำนายของลุงสำลี ซึ่งบัดนี้โตเป็นสาว อายุย่างเข้า 25 ปี ลุงสำลีเชื่อว่าเด็กสาวทั้งสามจะเป็นส่วนสำคัญในการบูชามนต์ดำของเดือนดาราในวันข้างหน้า “วริศรา” หญิงสาวผู้มีดวงตาอันสวยงาม เชื่อว่าจะทำให้เดือนดาราเป็นผู้มีอาณุภาพกว้างไกลไปทั่ว “มารตี” มีปานแดงอยู่บริเวณกลางอก อันเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้า “พัชรี” เป็นสาวนิ่งขรึม มีเส้นผมยาวสลวยจนใครเห็นใครทัก เชื่อว่าจะเป็นผู้ชักนำเอาบุคคลตามที่ทำนายไว้มาร่วมในพิธีได้ ทั้งสามคนถูกเลี้ยงมาอย่างดี ต่างทราบว่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันโดยสายเลือด เพราะก่อนออกจากสถานสงเคราะห์ พวกเธออายุได้ 7 ปีแล้ว ลุงสำลีบอกกับเดือนดาราว่า หากวันใดที่หญิงสาวเหล่านั้น เข้าสู่วัยเบญจเพส พวกเธอก็จะถูกนำมาเข้าสู่พิธีบูชารายัญ พร้อมกับผู้เข้าร่วมพิธีอีก 3 คนซึ่งเป็นชาย และมีสรรพสิ่งครบตามที่ลุงสำลีต้องการ ซึ่งลุงสำลีเชื่อว่าทุกคนจะเดินทางมาบรรจบกันตามลิขิตของโชคชะตา เด็กสาวทั้งสามเรียนจบในระดับปริญญาตรีและเข้ามาช่วยเหลืองานเดือนดาราที่รีสอร์ต “วริศรา” คือพลอยกลับชาติมาเกิด เธอสวยใส ใจกล้า รอบคอบ มีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับวิญญาณ มักจะหลับฝันเห็นเหตุการณ์ประหลาด ชอบลุยๆ แบบผู้ชาย เป็นตัวของตัวเองสูง และไม่เคยยอมใคร เรียนจบการทำอาหาร “มารตี” รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวเปรี้ยว ตรงไปตรงมา คิดแบบไหนก็จะพูดออกมาแบบนั้น เป็นหญิงที่มีปานแดงอยู่บริเวณกลางอก เรียนจบทางด้านการออกแบบ “พัชรี” เป็นสาวนิ่งขรึม เรียบร้อย เชื่อคนง่าย เรียนจบทางด้านการทำดอกไม้ในงานสัมมนากับกลุ่มนักธุรกิจใจแวดวงเดียวกัน เดือนดาราพาลูกสาวทั้งสามเข้ากรุงเทพ เพื่อร่วมงานด้วย ที่นั่นทำให้วริศราได้พบกับ “ตริน” และเพื่อนชายของเขาอีก 2 คน คือ“กษมา”และ“ปกรณ์” ทั้งหมดพบกันด้วยเหตุพัชรีเกิดเป็นลมขึ้นมาขณะที่อยู่ด้านหน้างาน กลุ่มตรินจึงพากันช่วยปฐมพยาบาล วริศราไม่ค่อยถูกชะตากับตรินนัก เพราะเขาชอบพูดจากวนประสาทเธอตลอดเวลา ขณะที่กษมาถูกใจมารตี ส่วนปกรณ์ถูกใจพัชรี “ตริน” คือ เสริม น้องชายของคุณแสงที่กลับชาติมาเกิดใหม่ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าขอให้ได้เกิดมาคู่กับพลอยซึ่งก็คือวริศราในชาติปัจจุบัน ตรินเป็นหลานชายที่สืบทอดเชื้อสายมาบรรพบุรุษของคุณแสงหลายรุ่นด้วยกัน บัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มหล่อเหลา เรียนจบแพทย์ และอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับลูกสาวของเดือนดารา นึกไม่ถึงว่าการโคจรมาพบกัน จะโยงใยให้ความลี้ลับมากมายติดตามมาทันทีที่พบตรินเดือนดาราถูกใจตรินอย่างมาก เพราะรูปร่างและหน้าตาที่ดูคล้ายกับคุณแสงอยู่บ้าง และเมื่อเข้าใกล้ตริน ความรู้สึกพิเศษทำให้เธอคิดว่าเขาอาจเป็นชายที่เธอรอคอยมากว่าร้อยปี เดือนดาราพยายามตีสนิทกับพวกหนุ่มๆ เพื่อชวนให้ไปพักผ่อนที่รีสอร์ตของเธอ เป็นการขอบคุณที่ช่วยดูแลปฐมพยาบาลพัชรี ดูเหมือนทุกอย่างเป็นใจเพราะพวกเขากำลังหาที่พักผ่อนหลังจากเรียนจบแพทย์ และตัดสินใจเลือกรีสอร์ตของเดือนดาราเป็นที่แรก คืนที่เข้าพัก ลุงสำลีขอให้ทั้งสามคนเขียนประวัติและวันเดือนปีเกิด สำหรับผู้พักแรม นึกไม่ถึงว่ารายละเอียดต่างๆ ในเอกสารจะทำให้ลุงสำลีพึงพอใจ เพราะพวกเขาต่างเป็นชายที่เดือนดารารอคอยให้มาเข้าทำพิธีศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆ กับบุตรสาวนอกสายเลือดของเธอ คืนแรกที่บ้านพัก ตรินพบเครื่องเล่นวิดีโอแบบเก่า จึงเปิดดู ในนั้นเป็นภาพการทำพิธีกรรม ของชายชราในชุดคลุมสีดำ แวดล้อมด้วยเครื่องบูชาหลากหลาย ตรินคิดว่ารายละเอียดในนั้น เป็นเพียงหนังที่ทางรีสอร์ตมีให้ผู้เข้าพักไว้ดู พอสอบถามจากลุงสำลีกลับได้รับคำตอบว่า เป็นวิดีโอรุ่นเก่า เอาไว้โชว์นักท่องเที่ยว และในอนาคตอาจไม่เห็นเครื่องเล่นแบบนี้อีกแล้ว ส่วนปกรณ์เจอกับวิญญาณที่แฝงเร้นอยู่ในนั้นเล่นงานเอา จนชายหนุ่มหวาดกลัวและขอให้เพื่อนๆ ย้ายห้องพัก ในชายคารีสอร์ตพวกหนุ่มสาวดูสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะเดือนดาราเปิดทางให้สามหนุ่มกับลูกสาวนอกสายเลือดของเธอได้ใกล้ชิด เพื่อหวังให้รั้งพวกตรินเอาไว้ให้นานที่สุด ทั้งหมดพากันไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่เดือนดาราจัดสรรค์เอาไว้ให้ซึ่งก็ได้ผลเพราะหนุ่มสาวเริ่มชอบพอกัน มารตีและกษมาจับคู่กันไม่ยากเนื่องจากมารตีเป็นคนสนุกสนานตรงไปตรงมา ถูกใจกษมาเป็นที่สุด พัชรีถูกใจปกรณ์เพราะต่างก็มีบุคลิกคล้ายกัน วริศราแม้จะแอบถูกใจตริน แต่ก็ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมา กับความกวนประสาทของเขา ที่อยากเอาเธอมาเป็นแฟนให้ได้ ช่วงเวลาที่อยู่รีสอร์ต พวกหนุ่มๆ พบเรื่องลี้ลับมากมาย รวมไปถึงดวงวิญญาณของหญิงโบราณที่คอยตามหลอกหลอน เมื่อเห็นว่าไม่ชอบมาพากลต่างก็อยากพากันกลับ แต่เดือนดาราขอร้องให้เขาอยู่ร่วมงานบุญใหญ่ที่จะมาถึง ในคืน 15 ค่ำเสียก่อน ในคืน 15 ค่ำ ที่มีพระจันทร์ทรงกลด และตรงกับวัน “มหาเวทย์”เป็นวันสำคัญที่ลุงสำลีจะ ต่อดวงชะตาให้กับเดือนดารา ในวันนั้นเดือนดาราจะจัดงานบุญใหญ่ บอกชาวบ้านใกล้เคียงให้มารับบริจาคทานด้วยกัน ณ โรงทาน ที่จัดสถานที่เอาไว้พร้อมสรรพ และในค่ำคืนนั้นเองได้มีชายหนุ่มเสียชีวิตอันเนื่องมาจากลุงสำลีต้องใช้ เลือดในการบูชามนต์ดำ วิธีการของลุงสำลีไม่ยากเย็นนัก เพียงแค่เดินเข้าไป ในโรงทานแล้วแอบเอายาใส่ในแก้วน้ำให้ชายคนที่ต้องการทำพิธีดื่ม ทำให้เคลิบเคลิ้ม แล้วพาเข้ามาที่เรือนกลางน้ำ ไม่นานจากนั้นเหยื่อก็หัวใจหยุดเต้น จากนั้นจึงเชือดข้อมือปล่อยให้เลือดหยดไหลจนเต็มแก้ว แล้วเอาไปสวดบูชา ก่อนจะลากเอาศพไปฝังโคนต้นไม้ใหญ่ ขุดดินทำแปลงปลูกผักเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต หลังการบูชาผ่านไปไม่นาน เดือนดาราล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน ตรินได้เข้ามาดูแลแต่ไม่พบโรคร้ายอะไร นอกจากร่างกายของเดือนดาราอ่อนแรงลงกว่าเดิมมาก ดูเหนื่อยง่ายเหมือนคนแก่ทั่วไปที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับเดือนดาราได้ ลุงสำลีแปลกใจ เพราะเพิ่งผ่านพิธีถวายเลือดมาไม่นาน จึงตรวจดวงชะตาของเธออย่างเป็นกังวล และบอกว่าดวงชะตาของเดือนดาราเริ่มจะหมดลง อันมีสาเหตุมาจาก เจ้ากรรมนายเวรเมื่อหลายปีก่อน กำลังจะมีอานุภาพเหนือกว่าเดือนดาราขึ้นมา ที่สำคัญตอนนี้ได้อยู่ในชายคาเดียวกับเธอแล้ว เดือนดาราขอให้ลุงสำลีนั่งสมาธิดูว่าเจ้ากรรมนายเวรของเธอที่ลุงบอกเป็นใครกันแน่ ในที่สุดเดือนดาราก็รู้ว่า เจ้ากรรมนายเวรของเธอคือ “พลอย” ที่บัดนี้กลับชาติมาเกิดเป็นวริศรา เดือนดาราจึงขอให้ลุงสำลีช่วยกำจัดเธอเสีย ลุงสำลีบอกว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะในการเข้าพิธีบูชารายัญที่เดือนดารารอคอยต้องใช้วริศราร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นการบูชาจะไม่สำเร็จ ทั้งสองคนเริ่มหาทางออก ลุงสำลีบอกว่าการจะทำให้เดือนดารากลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง จะต้องหาผู้ที่อยู่ในสายเลือดหรือสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของเดือนดารา มาบูชามนต์ดำไปก่อน ซึ่งดูยากเย็นนัก ลำดับแรกลุงสำลีตัดสินใจพาวริศราไปขังไว้ที่เรือนกลางน้ำ เพื่อให้อยู่คนละเขตบ้านกับเดือนดารา ก่อนจะร่ายมนต์ดำ อำพรางไม่ให้ใครเห็นการหายไปของวริศราทำให้ตรินแปลกใจไม่น้อย จึงเข้าไปสอบถามเดือนดารา เธอให้คำตอบว่าวริศราไปดูแลลูกค้าที่มาจากต่างประเทศให้เธอ เพราะลูกค้าอยากขึ้นดอย จึงต้องไปหลายวัน ตรินไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่สามารถติดต่อสอบถามใครได้เลย เขาจึงสอบถามมารตีอีกที มารตีแปลกใจเหมือนกันเพราะวริศราไม่ได้สั่งอะไรเอาไว้ แถมลูกค้าจากต่างประเทศเดือนดาราไม่เคยพูดให้ได้ยิน และจากที่ตรวจดูไม่เห็นมีใครมาจากต่างประเทศ ท่ามกลางค่ำคืน ตรินนอนหลับฝันเห็นวริศรา ที่นั่งสมาธิถอดจิตออกมาพบกัน ตรินรู้ว่าวริศราถูกขังด้วยมนต์ดำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทางด้านวิลาสินีและ ชลิตพ่อกับแม่ของตริน นับถือ “หลวงพี่นะโม” เพราะเป็นหลวงพี่ที่ปฏิบัติธรรมแก่กล้า ทำนายอะไรไม่เคยผิดเพี้ยน หลวงพี่ทำนายดวงของตรินว่ากำลังเบญจเพส และมีบางสิ่งติดตามเอาชีวิต วิลาสินีเป็นห่วงลูกจึงโทรศัพท์ไปตามให้เขากลับมา ตรินตัดสินใจกลับบ้านและเข้าไปพบหลวงพี่นะโม เขาเล่าเรื่องวริศราและเหตุการณ์หลอนๆ หลายอย่างที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตให้ฟัง หลวงพี่นะโมบอกกับตรินว่า เหตุการณ์จากหลายภพชาติ กำลังจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาอย่างหาทางเลี่ยงไม่ได้ พร้อมแนะนำหนทางช่วยเหลือวริศรา โดยการที่ตรินต้องเก็บเส้นผมของเดือนดารากลับมาเพื่อให้เขาทำพิธี แล้วนำไปใส่ใต้หมอนของเดือนดารา ตรินครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจกลับไปที่รีสอร์ตอีกครั้ง ที่รีสอร์ตขณะนี้มีผู้เข้ามาพักแรมคนใหม่ เขาคือ“กำพล” บก.นิตยสารที่ฝักใฝ่อยู่กับกิเลศตัณหา เขามาพร้อมกับ“รสริน”คู่นอนเด็กสาวที่หิ้วมาเป็นเพื่อนร่วมเตียง ลุงสำลีตรวจดวงชะตาและรู้ว่ากำพลคือน้องชายของเดือนดาราเมื่อชาติพบก่อน และเห็นหนทางที่จะใช้กำพลในการบูชามนต์ดำให้กับเดือนดารา รสรินพบตรินที่รีสอร์ต เธอชอบตรินขึ้นมาทันที ขณะที่กำพลถูกใจพัชรีบุตรสาวของเดือนดารา และขอให้รสรินช่วยเหลือนำทางให้เขาได้สมหวังกับพัชรี รสรินตอบตกลงเพราะกำพลให้ค่าจ้างอย่างงาม ในคืนหนึ่งกำพลแกล้งบอกพัชรีว่ารสรินป่วยหนัก อยู่ในห้องพัก พัชรีตกใจห่วงใยความปลอดภัยของคนที่เข้าพัก จึงอาสาช่วยไปดูให้ แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบรสรินอยู่ในนั้น กำพลใช้ยาสลบโปะที่จมูก ก่อนจะลงมือรวบรัดเอาพัชรีเป็นเมีย พร้อมเก็บภาพทุกอย่างเอาไว้ เพื่อขู่ไม่ให้เธอบอกกับใคร และขอให้พัชรีมาหาเมื่อเขาต้องการ ความเป็นหญิงซื่อๆ ไม่ประสีประสาบวกกับความอ่อนต่อโลกทำให้พัชรีไม่กล้าบอกใคร เธอเริ่มแปลกไปจากเดิม ซึม เหม่อ เลื่อนลอย ไร้ชีวิตชีวา วันๆ เอาแต่เก็บตัวเงียบในห้องไม่ยอมพบหน้าผู้ใด ปกรณ์เริ่มเห็นความผิดปกติ เพราะพัชรีไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา หรือพูดคุยเหมือนเก่า มารตีเองก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของพัชรี ลุงสำลีติดตามพัชรีและรู้ความเป็นไปทั้งหมดของเธอ จึงพยายามหว่านล้อมพัชรีมาเป็นพวกด้วย พัชรีเริ่มคล้อยตาม เพราะเห็นทางกำจัดกำพลที่ทำให้ชีวิตของเธอแปดเปื้อนรอยมลทิน ตรินเล่าเรื่องคำบอกของหลวงพี่นะโมให้กษมาและปกรณ์ฟัง โดยมอบหมายให้กษมาและปกรณ์แอบเข้าไปขโมยเส้นผมจากห้องนอนของเดือนดารา ส่วนตนจะเข้าไปดูต้นทางที่เรือนกลางน้ำ กว่าจะได้เส้นผมออกมาจากห้อง ทำเอาทั้งปกรณ์และกษมาพบกับเรื่องราวสยองขวัญหลายอย่าง ในที่สุดวริศราก็สามารถออกมาจากเรือนกลางน้ำได้สำเร็จ ท่ามกลางความแปลกใจของลุงสำลีและเดือนดารา แม้กระนั้นเดือนดาราก็ยังทำทีไม่รู้ไม่ชี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวริศรา การกลับมาของวริศราทำให้เดือนดาราต้องร่วมชายคาเดียวกันอีกครั้ง เดือนดาราเกิดอาการร้อนรุ่มขึ้นมาอีก ลุงสำลีต้องรีบทำพิธีในวันเพ็ญที่มาถึง โดยนำกำพลมาถวายเลือด ซึ่งมีพัชรีเป็นผู้ช่วยเหลือในการกำจัดกำพลให้พ้นทางของเธอ ทุกอย่างดำเนินไปแบบลับๆ ในคืนทำพิธีรสรินแอบดูและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอตกใจกลัวลนลานเหมือนคนเสียสติ ลุงสำลีและเดือนดาราให้พัชรีตามไปปิดปากรสรินเสีย รสรินตะเกียกตะกายหนีตาย พอดีพวกตรินมาพบรสรินเข้าเสียก่อนพัชรีจึงต้องหลบไป ตรินพารสรินไปนอนกับมารตีที่ห้องพัก พัชรีเจ็บใจที่ทำอะไรรสรินไม่ได้ แต่ลุงสำลีบอกว่ารสรินคงไม่กล้าบอกอะไรกับใคร เพราะตอนนี้เธออยู่ในอาคมของตนกำกับเอาไว้ นอกจากพัชรีจะเปลี่ยนไป เธอยังขอย้ายห้องนอน ไปอยู่ติดกับเดือนดารา มารตีแปลกใจสอบถามเหตุผล พัชรีบอกว่าเธอเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้แล้ว จึงอยากมีอะไรที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดไม่นานจากนั้น พัชรีก็ท้องขึ้นมา มีเพียงเดือนดาราและลุงสำลีเท่านั้นที่ทราบเรื่อง เพราะให้หมอประจำรีสอร์ตตรวจเช็คให้ โดยกำชับไม่ให้พัชรีพูดเรื่องนี้กับใคร พัชรีดูเครียดหนักเข้าไปอีก แต่เดือนดาราและลุงสำลีกลับดีใจ เพราะต้องการใช้กุมารทองเพื่อมาต่อเติมความขลังของขมังเวทย์วิชา นึกไม่ถึงว่าท่ามกลางค่ำคืนพัชรีตกเลือดแบบกะทันหัน เดือนดาราและลุงสำลีตามหมอประจำรีสอร์ตมาดูอาการ ก่อนจะให้หมอพาพัชรีไปยังเรือนกลางน้ำ ขณะหมอขูดมดลูกทำแท้งพัชรี ลุงสำลีได้นำก้อนเลือดดังกล่าวทำพิธีของตน พร้อมกันนั้นได้ฆ่าหมอดังกล่าว เพื่อปกปิดทุกอย่างเป็นความลับ เงื่อนงำความน่าสะพรึงกลัวมีมากขึ้น เมื่อกลุ่มของตรินแอบเข้าไปในห้องนอนเดือนดารา แต่โชคร้ายที่เดือนดารากลับเข้ามาพอดี ทั้งหมดจึงแอบมุดใต้เตียง ต่างมองเห็นปลายเท้าของเดือนดาราที่เดินอยู่ในนั้นเหี่ยวย่นซีดเซียวน่ากลัวมาก สิ่งที่เกิดขึ้นกับพัชรีทำให้เธอเห็นว่าตัวเองหมดค่า และนึกอิจฉาคู่ของวริศราและคู่ของมารตีที่ดูจะลงเอยกันได้ด้วยดี ความเป็นสุภาพบุรุษของตรินยิ่งทำให้พัชรีแอบปลื้มอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อเทียบกับปกรณ์ที่ดูอ่อนแอ ตรินดูเป็นผู้นำกว่ามากมาย พัชรีนึกเกลียดตัวเองที่ความอ่อนแอทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอ แม้แต่เรื่องบัดสีของกำพล ปกรณ์แอบเข้าไปในห้องพัชรี พบว่าเธอเก็บภาพตรินในหลากหลายอิริบาบถเอาไว้ ปกรณ์เศร้าลงเมื่อรู้ว่าพัชรีชอบตริน รสรินพยายามจะหนีออกไปจากรีสอร์ต แต่ก็หนีไม่ได้เพราะลุงสำลีร่ายมนต์ให้รถวกวนกลับมาที่เดิม และตามหลอกหลอนทำให้เธอแทบคลั่ง ในวันต่อมา ปกรณ์แอบเห็นรสรินถือของพะรุงพะรังออกจากห้องและทำแผ่นซีดีหล่นเอาไว้ จึงเก็บเอามาเปิดดู รายละเอียดทุกอย่างในแผ่น เป็นภาพพัชรีและกำพลกำลังมีความสัมพันกัน โดยมีรสรินร่วมขบวนอยู่ด้วย ปกรณ์หน้าซีดเผือด ตกตะลึงคาดไม่ถึงกับเหตุการณ์ แต่ยังไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับใคร ความกังขาเกี่ยวกับเดือนดารา ทำให้พวกตรินแอบเข้าไปในห้องของเธออีกครั้ง และพบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับวันเดือนปีเกิดของพวกตน ตลอดจนพิธีบูชารายัญ ทั้งหมดรู้ว่าเดือนดาราต้องการนำพวกตนเข้าพิธีบูชารายัณรวมกับพวกวริศรา อีกทั้งทราบว่าพวกวริศราเป็นลูกที่เดือนดาราขอเอามาเลี้ยง ตรินชวน วริศราและมารตีหนีออกไปจากรีสอร์ตด้วยกัน ทั้งหมดตกลง ในวันที่ทั้งหมดจะพากันหนีออกไป ปกรณ์ยังห่วงพัชรี เขาเข้าไปหาเธอที่ห้องพักอีกครั้ง เพื่อชวนหนีออกไปด้วยกัน แต่พัชรีบอกว่าเธอมาไกลเกินกว่าจะกลับออกไปพร้อมกับพวกเขาได้ ปกรณ์เห็นว่าพัชรีไม่ไปกับเขาแน่แล้ว จึงตามไปสมทบกับพวกตริน ซึ่งขณะนี้มีรสรินตามติดขอหลบหนีด้วย การหลบหนีไม่ได้เป็นดังหวัง เพราะลุงสำลีใช้อาคมดลบันดาลให้ทุกคนพากันเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่งในรีสอร์ต เดือนดาราปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน พร้อมกับทำทีเศร้าหมองเล่าเรื่องเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด และบอกว่าเธอถูกลุงสำลีควบคุมด้วยอำนาจมายาวนานเกือบร้อยปี และขอให้พวกวริศราและตรินช่วยพาเธอหลุดพ้นไปจากอำนาจของลุงสำลีเสียที เดือนดารายังบอกอีกว่าขณะนี้พัชรีเองก็ตกเป็นเหยื่อให้ลุงสำลีหลอกใช้เช่นกัน วริศราสงสารเดือนดารา และนึกถึงบุญคุณที่เธอเลี้ยงดูมา อีกทั้งเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เดือนดาราเสียใจมาตั้งแต่ในอดีต เธอยอมตกลงช่วยเหลือเดือนดาราโดยมีมารตีร่วมด้วยอีกคน ตรินเห็นวริศรายืนยันเช่นนั้น ตนจึงขอช่วยเหลือเดือนดาราอีกแรง รวมไปถึงพวกษมาและปกรณ์ก็ตกลงใจช่วยเหลือ เดือนดาราบอกกับพวกตรินว่าในวันเพ็ญที่จะมาถึง ลุงสำลีจะทำพิธีครั้งใหญ่ จึงอยากนัดหมายให้ทุกคนเข้ามารวมกันอยู่ในบ้านพักหลังนี้อีกครั้ง เพื่อตกลงแผนการที่จะทำร่วมกันและเมื่อคืนวันเพ็ญมาถึง พวกตรินและวริศราพากันเข้าไปในที่นัดหมาย พัชรีเริ่มรู้สึกสงสารปกรณ์ขึ้นมาและกลับใจอยากช่วยเหลือทุกคน จึงตามเข้าไปที่นั่น และบอกว่าพวกเขากำลังโดนหลอก ขอให้กลับออกไปโดยเร็วที่สุด ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ออกไปไหน กลุ่มควันก็พวยพุ่งออกมาจากทุกซอกทุกมุม พวกตรินและทุกคนเริ่มอ่อนแรงล้มลง รสรินเปิดประตูเข้ามาหัวเราะสะใจ บอกว่าเดือนดาราเป็นคนสั่งให้เธอทำแบบนี้ เพราะหลังจากพวกตรินถูกบูชาแล้ว เธอจะเป็นอิสระถูกปล่อยกลับออกไปเร็วที่สุด ทุกคนมองรสรินอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะต่างหมดแรงฟุบไปเสียก่อนรวมทั้งพัชรี ร่างของพวกสามหนุ่มสามสาวถูกพาเข้าไปยังเรือนกลางน้ำเพื่อทำพิธี ลุงสำลีเริ่มกรีดข้อมือวริศราเพื่อให้เลือดไหลริน ไม่มีใครเห็นว่าวิญญาณร้ายของอีพริ้ง กำลังหัวเราะก้องสะใจ วิญญาณอีพริ้งบ่าวคนสนิทของเดือนดาราในอดีตชาติ ได้แฝงกายอยู่ในรีสอร์ตด้วยแรงอาฆาตเดือนดารามานานเช่นกัน หลายสิ่งหลายอย่างที่ทุกคนถูกหลอกหลอน บางครั้งก็มาจากอีพริ้ง ที่สำคัญมันไม่พอใจที่เดือนดาราจะสมหวังกับสิ่งที่รอคอย มันเข้าสิงร่างรสริน นำเอาโถวิญญาณของคุณแสงเดินเข้ามา พร้อมตะโกนร้องห้ามให้หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เดือนดาราและลุงสำลีตกใจกับเหตุการณ์ อีพริ้งในร่างรสรินหัวเราะก้อง บอกความจริงว่ามันคือผู้ใด เดือนดาราสอบถามอีพริ้งว่าต้องการสิ่งใดแลกกับโถวิญญาณคุณแสง อีพริ้งยิ้มแย้มบอกว่า ลุงสำลีจะต้องทำพิธีให้มันเข้าไปอยู่ในร่างวริศราเสียก่อน จากนั้นลุงสำลีค่อยทำพิธีให้เดือนดาราต่อได้ และหากไม่ยินยอมมันจะปล่อยวิญญาณคุณแสงออกมาทันที ลุงสำลีและเดือนดาราจำต้องยอมตกลงที่จะทำให้อีพริ้งเข้าไปอยู่ในร่างวริศราเสียก่อน ระหว่างทำพิธีทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบลง รวมทั้งแสงเทียนที่กำลังส่องสว่าง ก่อนจะมีไฟลุกโหมกระหน่ำขึ้นมาด้านนอกเรือน พวกตรินและพวกวริศราเริ่มงัวเงียได้สติ ตรินจะเข้าไปช่วยเหลือวริศราแต่ถูกอาคมของลุงสำลีตรึงเอาไว้ให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าไฟที่ลุกโชนจะทำให้เดือนดารา ลุงสำลี และอีพริ้งร้อนรุ่มไปทั่วร่าง หลวงพี่นะโมปรากฏตัวขึ้น บอกว่าตนคือ “หลวงปู่มิ่ง” เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ตามมาด้วยแรงอาฆาตหากแต่ตามมาบอกว่าไฟที่ลุกโหมอยู่นั้น มันคือไฟนรกที่กำลังรอแผดเผาร่างพวกเดือนดาราอยู่ โดยขอให้ทุกคนหยุดทำบาปเพิ่มเติมเสียที ลุงสำลีบันดาลโทสะเรียกภูตผีที่เลี้ยงไว้เข้ามาแล้วรวมตัวเป็นมนต์ดำพุ่งเข้าใส่ร่างหลวงพี่นะโม แต่ก็ถูกหลวงพี่ต้านไว้ได้ ทำให้ลุงสำลีกระอักเลือดออกมา ก่อนจะเลือนร่างหายไป หลวงพี่นะโมหายร่างติดตามวริศราค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาแล้วขอให้เดือนดาราหยุดสร้างบาป อีกทั้งบอกความจริงว่าโถวิญญาณที่เดือนดาราหวงแหน เธอได้ทำมันหล่นแตกลงเมื่อหลายวันก่อน แต่กลัวว่าเดือนดาราจะจับได้ จึงซื้อเอาโถอันใหม่ที่เหมือนอันเดิมมาวางไว้อย่างเก่า เดือนดาราโกรธเลือดขึ้นหน้า วิญญาณคุณแสงที่เธอเก็บกักมาหลายร้อยปี บัดนี้ถูกวริศราทำให้มันสูญสิ้นไป ความหวังทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงด้วยน้ำมือของวริศราอีกครั้ง เดือนดาราถลาเข้ามาจิกผมพาวริศราลากออกไปด้านนอกอย่างบ้าคลั่ง เดือนดาราลากวริศราออก มายังบ่อบาดาลเก่าแก่ จับหน้าให้ก้มมองดูความลึกแล้วบอกว่าจะจับวริศราโยนลงไปให้หายแค้น ทันใดวิญญาณคุณแสงก็ปรากฏขึ้นแล้วร้องห้ามเอาไว้ ไม่อยากให้เดือนดาราทำบาปอีก เดือนดาราอึ้งไป คุณแสงพาเอาวิญญาณแม่และพ่อของเดือนดาราเข้ามาหาเธอ บอกว่าทุกคนรอให้เธอไปอยู่ในภพภูมิที่ดี พร้อมกันนั้นคุณแสงเองก็รอคอยที่จะเดินทางไปพร้อมกับเดือนดาราเช่นกัน คำพูดของคุณแสงทำให้เดือนดาราร้องไห้ด้วยความตื้นตัน ยอมปล่อยร่างวริศราเพื่อจะไปพร้อมกับคุณแสง อีพริ้งที่ติดตามดูอยู่ไม่พอใจที่เดือนดาราจะไปโดยง่าย มันพาเอาวิญญาณต่างๆ ที่ตายเพราะมือเดือนดาราเข้ามาขวาง แล้วฉุดกระชากเอาเดือนดาราออกไปจากคุณแสง อีพริ้งกับวิญญาณพวกบ่าวอีกหลายคน ช่วยกันเอาน้ำนรกเทกรอกปากเดือนดารา ทำให้ทั่วท้องของเธอมอดไหม้ร้องโหยหวน จากนั้นได้รุมทึ้งฉีกทุกสัดส่วนของร่างกายเดือนดาราออกเป็นชิ้นๆ เพื่อให้เธอได้รับความเจ็บปวดทรมาน ลุงสำลีติดตามเดือนดาราเข้ามาเพื่อนะช่วยเหลือ แต่ก็ถูกอำนาจบารมีของหลวงพี่นะโมสะกัดกั้นทำให้เวทมนต์เสื่อมคลาย กลายเป็นคนแก่เหี่ยวย่นค่อยๆ เลือนร่างหายไป เช่นเดียวกับเดือนดารา คุณแสงมองทุกอย่างด้วยความเศร้าหมอง พลางหันมากราบขอบคุณหลวงพี่นะโมที่ทำให้เรื่องทุกอย่างลงเอยแบบนี้ จากนั้นคุณแสงได้หันมาทางวริศราพร้อมกับขออนุญาตเรียกเธอว่า “พลอย” เป็นครั้งสุดท้าย วริศรายิ้มให้คุณแสงด้วยไมตรี ขอให้คุณแสงบอกความต้องการของเขามา คุณแสงขอให้พลอยทำรีสอร์ตเดือนดาราให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสืบต่อไป โดยให้หลวงพี่นะโมเข้ามาแสดงธรรมกับญาติโยมทั้งหลาย เพื่อบุญกุศลจากการปฏิบัติธรรม จะช่วยดลบันดาลให้วิญญาณเดือนดาราและลุงสำลี รวมไปถึงทุกๆ ดวงวิญญาณที่เกิดและตายอยู่ในรีสอร์ต แห่งนี้ จะได้รับผลบุญไปด้วย วริศรารับปากมองตามร่างคุณแสงที่ค่อยๆ เลือนหายไป ในเวลาต่อมา วริศราเปลี่ยนชื่อรีสอร์ตเดือนดาราเสียใหม่ว่า “สถานปฏิบัติธรรมเดือนดารา” และทำทุกอย่างเหมือนที่คุณแสงต้องการ โดยขอให้หลวงพี่นะโมมาประจำการให้ความรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมกับชาวบ้านที่เข้ามาสู่แดนธรรม พัชรีรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ และยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ต้องให้ปกรณ์คอยดูแลใกล้ชิดจนเธอดีขึ้นและรับสภาพทุกอย่างได้ ทั้งสองคนลงเอยกันด้วยดี มารตีและกษมาลงเอยกันก่อนใคร ทางรักสะดวกราบรื่นไร้สิ่งใดขวางกั้น วริศราและตรินตกลงแต่งงานกันท่ามกลางความพอใจของชลิตและวิลาสินี หลังทุกอย่างลงเอยด้วยดี ทั้งหมดลงไปช่วยกันดูแลสถานปฏิบัติธรรม บรรดาสามหนุ่มใช้วิชาแพทย์ที่เรียนมาโดยการเปิดคลินิกเพื่อช่วยดูแลผู้ปฏิบัติธรรมที่มาทุกคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ปีกหงส์ 2563

เรื่องย่อ : ปีกหงส์ (2563/2020) ทินภัทร (บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์) ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม เสียใจ เมื่อ มะปราง (แนท ณัฐชา) สาวคนรัก ต้องไปแต่งงานกับ แม็ค (แอนดรูว์ กรเศก) หนุ่มเจ้าหนี้ ตัวเองจึงหนีช้ำไปอยู่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาบ้านที่ลำปาง เพื่อร่วมงานศพ อรนุช (พลอย รัญดภา) น้องสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา ทินภัทร เสียใจมากเมื่อรู้ว่าน้องสาวฆ่าตัวตายหลังจากหมั้นกับ ศิโรจน์ (อ้น กรกฎ) ได้ไม่นาน และคนสุดท้ายที่หญิงสาวไปพบก็คือคู่หมั้นหนุ่มของเธอ แต่เมื่อเขาถาม ศิโรจน์ ถึงวันที่เกิดเรื่อง กลับไม่ได้คำตอบใด ด้าน เทวี (ต้อม รชนีกร) แม่ของ ศิโรจน์ บังคับให้ลูกชายไปงานเผาศพ อรนุช เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งหาทางจับ ลินิน (เปรี้ยว ทัศนียา) ม่ายสาวมหาเศรษฐีที่ ศิโรจน์ หลงหัวปักหัวปำ ลินิน เด็กกำพร้า ขาดความรักและอยู่อย่างทุกข์ตรม เธอจึงใช้ความสวยพาไปสู่จุดหมาย ลินิน แต่งงานสองครั้งกับเศรษฐี แต่สามีทั้งคู่เสียชีวิตในวันแต่งงาน เธอจึงไม่เคยเข้าหอกับใคร แต่ได้ครอบครองทรัพย์สินของสามีจนร่ำรวย เป็นม่ายสาวที่เนื้อหอมที่สุด ลินิน หว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายทุกคนที่มาสนใจ เพราะเธอชอบให้มีคนมารักมาก ๆ เพื่อทดแทนความรักจากครอบครัวที่ไม่เคยมี ทินภัทร สืบรู้ว่า ศิโรจน์ มาติดพัน ลินิน เลยบอกเลิก อรนุช จนน้องสาวของเขาฆ่าตัวตาย และ ละม่อม แม่ของเขาต้องกลายเป็นอัมพาต ทำให้เขาแค้น ลินิน มาก ทินภัทร เอาตัวมาใกล้ชิด ลินิน แต่ไม่หลงเสน่ห์เธอ ทำให้ ลินิน ท้าทายอยากเอาชนะ และถลำใจรักเขาโดยไม่รู้ตัว ด้านชายหนุ่มเอง เขาก็รู้สึกหวั่นไหวไปกับ ลินิน แต่ต้องพยายามหักห้ามจิตใจเอาไว้ เมื่อความแค้นมาถึงจุดพีก ทินภัทร ก็พา ลินิน มาไว้ที่กระท่อมกลางป่า เขากลายเป็นคนป่าเถื่อนทารุณเธอทั้งร่างกายและจิตใจ ลินิน พยายามถามถึงสาเหตุ แต่ ทินภัทร ก็ไม่ยอมบอก ต่อมา ลินิน เริ่มอาเจียนและเวียนศีรษะ ทำให้รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง !! ชีวิตของ ทินภัทร กับ ลินิน จะเดินต่อไปทางไหน ความรักแท้ที่มีให้ต่อกัน แต่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในใจ จะทำให้พวกเขาปรับความเข้าใจกันได้หรือไม่.... ติดตามชมและเป็นกำลังใจให้กับเรื่องราวความรักของ ทินภัทร และ ลินิน ได้ในละคร ปีกหงส์ ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7HD กด 35 ละคร ปีกหงส์ เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2563

นางสิบสอง 2562

เรื่องย่อ : นางสิบสอง (2562/2019) นานมาแล้วมีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ นนท์ และภรรยาของเขาชื่อ พราหมณี ทั้งสองมีลูกสาวถึง 12 คน ด้วยความที่ลูกเยอะฐานะทางบ้านจึงค่อย ๆ ตกต่ำลง เงินทองที่เก็บไว้ก็หายไปหมดเนื่องจากต้องเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสิบสองคน อยู่มาวันหนึ่งพ่อของนางสิบสองก็ได้คิดอุบายว่าจะนำลูก ๆ ทั้งสิบสองคนไปปล่อยป่า โดยหลอกลูกของตนว่าตนจะไปเยี่ยมญาติจะพาลูก ๆ ไปด้วย เมื่อมาถึงกลางป่าเขาก็บอกกับลูกว่าจะไปหาผลไม้มาให้กินให้ลูก ๆ เมื่อได้โอกาสเขาก็หนีไปโดยหวังว่าจะมีคนที่ดีกว่านี้มารับเลี้ยงดู นางสิบสองรอบิดาของตนจนเหนื่อย โชคดีที่นางเภาน้องคนสุดท้องที่มีความฉลาดมากกว่าพวกพี่ ๆ ได้นำข้าวตากโรยตามทางที่เดินมา พวกนางทั้งสิบสองจึงกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เมื่อบิดาและมารดาเห็นลูกของตนกลับมาได้ก็ตกใจมากและได้คิดว่าจะนำลูกของตนไปปล่อยป่าอีกครั้ง และวันนั้นก็มาถึง พ่อของนางสิบสองได้นำลูกของตนไปปล่อยป่าอีก คราวนี้โชคร้ายนางเภาไม่ได้เอาข้าวตากมาทำให้นางทั้งสิบสองติดอยู่ในป่า นางทั้งสิบสองได้อยู่ในป่าจนรุ่งเช้าของอีกวัน นางเภาได้บอกกับพี่ของตนว่าควรจะหาทางกลับบ้านใหม่ แต่เดินไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที จนในที่สุดก็มาเจอกับนางยักษ์สันตราพอดี นางยักษ์สันตราพอได้เห็นนางทั้งสิบสองก็เกิดความรักและเอ็นดูเนื่องจากตนไม่มีลูกและสามีของตนก็ตายไปแล้ว นางยักษ์จึงนำนางทั้งสิบสองมาเลี้ยงไว้ในวังโดยสั่งให้ทุกคนในเมืองทานตะวันแปลงกายเป็นมนุษย์ให้หมดเนื่องจากกลัวว่านางทั้งสิบสองจะหวาดกลัวและเกลียดตน ส่วนตนเองก็ได้เปลี่ยนชื่อจากสันตราเป็นสันธมาลา นางทั้งสิบสองใช้ชีวิตอยู่ในวังอย่างสุขสบายจนกระทั่งโตเป็นสาว นางเภาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเมืองนี้เป็นเมืองยักษ์เพราะว่าตนนั้นไม่เคยเห็นสัตว์ตัวไหนในเมืองในเมืองนี้เลยและพี่ของตนก็ได้เจอกับกองกระดูกที่พวกยักษ์กินไว้ทางท้ายวังซึ่งนางสันธมาลาห้ามไม่ให้ไปอีกด้วย นางเภาจึงพาพวกพี่หนีจากเมืองยักษ์จนนางสันตราตามมา แต่มองไม่เห็นนางทั้งสิบสองเพราะเทวดาในป่าคุ้มครอง นางสันตราจึงกลับเมืองไปด้วยความอาฆาตแค้น นางทั้งสิบสองดีใจที่หนีจากนางยักษ์มาได้และก็เดินทางไปโดยไร้จุดหมาย จนมาถึงเมืองกุตลนครซึ่งมีราชารถสิทธิ์เป็นผู้ปกครองเมือง ท้าวรถสิทธิ์ เมื่อได้เห็นนางเภาที่รูปงามและพวกพี่ ๆ ของนางแล้วก็เกิดความรักใคร่ โดยรักนางเภามากที่สุด ท้าวรถสิทธิ์ได้นางทั้งสิบสองเป็นมเหสี อยู่มาวันหนึ่งนางทั้งสิบสองคนก็ได้ตั้งครรภ์ อีกด้านหนึ่งในขณะเดียวกันนางยักษ์สัตราได้ใช้มนต์วิเศษของตนดูภาพพวกนางทั้งสิบสองผ่านกระจก นางสันตราจึงได้เห็นและรู้ว่านางสิบสองอยู่ที่เมืองกุตลนครและได้เป็นมเหสีของราชารถสิทธิ์ ก็ได้ตามไปจนมาถึงเมืองกุตลนครและได้พบกับท้าวรถสิทธิ์ นางจึงเป่ามนต์สะกดให้ท้าวรถสิทธิ์รักใคร่และแต่งตั้งให้ตนเป็นพระมเหสีเอกแทนนางทั้งสิบสอง เมื่อนางสิบสองรู้ข่าวว่าพระสวามีตนมีมเหสีใหม่จึงโมโหและอยากรู้ว่าเป็นใคร พอดีนางยักษ์สันตราผ่านมาพอดีนางสิบสองจึงได้รู้ว่าเป็นนางยักษ์สันตราก็ตกใจกลัว และร้องขอว่าอย่าทำอะไรตนเลย นางยักษ์สันตราไม่ยอมจึงเป่ามนต์ให้ท้าวรถสิทธิ์เกลียดนางทั้งสิบสองและสั่งนางทั้งสิบสองไปขังไว้ในถ้ำ นางทั้งสิบสองต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในถ้ำขณะที่ท้องของนางก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน ฝ่ายนางยักษ์สันตรายังไม่หยุดแค้นนางสิบสองจึงออกอุบายว่าตนป่วยเป็นโรคประหลาดและได้เป่ามนต์ใส่หมอหลวงให้พูดว่าต้องใช้ลูกตานางทั้งสิบสองมาทำยาให้กินจึงจะหาย พระรถสิทธิ์จึงรีบให้จัดการควักลูกตานางสิบสองมาถวายทันทีโดยนางยักษ์ได้สั่งให้วิรุฬและจำบัง สมุนเอกของตนรับหน้าที่นี้ เมื่อมาถึงถ้ำทั้งสองได้ควักลูกตานางสิบสองทันทีโดยเรียงจากพี่ไปน้อง ด้านนางค่อมผู้ซื่อสัตย์ต่อนางสิบสองได้อ้อนวอน ขอให้พระรถสิทธิ์สั่งไม่ให้ควักลูกตานางสิบสองอยู่พักใหญ่ก็ได้นำราชโองการมาให้วิรุฬและจำบังดูแต่ด้วยตนเองแก่แล้วและหลังก็ค่อมอีกด้วย จึงมาไม่ทันโดยวิรุฬจำบังได้ควักลูกตาไปทั้ง 11 คนแล้ว เว้นแต่นางเภาโดนควักไปเพียงข้างเดียวเพราะตนมาทันที่นางเภาพอดี วิรุฬจำบังจึงได้นำลูกตาของนางสิบสองใส่โถไปถวายให้นางสันธมาลา นางค่อมได้โมโหตัวเองที่มาไม่ทัน นี่ก็เป็นเพราะเวรกรรมของนางทั้งสิบสองที่ตอนเด็กได้ควักตาปลาออกมาเล่นแต่นางเภาควักออกมาเพียงข้างเดียว จึงไม่โดนควักลูกตาทั้ง 2 ข้าง นางทั้งสิบสองต้องทุกข์ทรมานเข้าอีกปวดทั้งตาและท้องแก่ที่ใกล้คลอดโดยหากบเขียดแถวนั้นมาย่างกินประทังชีวิตและข้าวที่นางค่อมคอยแอบนำมาถวาย เวลาผ่านไปจนกระทั่งพวกนางคลอดลูกมาแต่ลูกของนางทั้ง 11 คนตายหมด เพราะพวกนางอดอยากจึงกินลูกตัวเองเหลือแต่นางเภาที่ให้กำเนิดพระโอรสและตั้งชื่อว่า รถเสน รถเสนเป็นเด็กฉลาดและรูปงามมากและเป็นหัวแก้วหัวแหวนของแม่และป้าทั้ง 11 คน

ขวานฟ้าหน้าดำ 2562

เรื่องย่อ : ขวานฟ้าหน้าดำ (2562/2019) ขวานฟ้าหน้าดำ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชะตากรรมของ "สุทธาเทพ" เทวดาชั้นผู้น้อยซึ่งทำหน้าที่ล้างเท้าให้แก่บรรดาเทวดาผู้มาเข้าเฝ้าพระอิศวรและถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำ พระอิศวรจึงได้ประทานขวานฟ้าให้สุทธาเทพใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว ทว่าสุทธาเทพกลับใช้อาวุธดังกล่าวเพื่อล้างแค้นและข่มเหงรังแกเทวดาองค์อื่นที่ไม่ยอมสยบต่อตนเอง พระอินทร์ในฐานะผู้ดูแลสรวงสวรรค์จึงใช้ให้พระอาทิตย์ไปปราบสุทธาเทพจนสุทธาเทพพ่ายแพ้และได้รับแผลไหม้เกรียมที่ใบหน้า จากนั้นพระอินทร์จึงสาปซ้ำให้สุทธาเทพจุติลงไปเกิดบนโลกมนุษย์โดยที่ยังคงมีใบหน้าดำไหม้ติดตัวเพื่อชดใช้กรรม ต่อเมื่อทำความดีจนเป็นที่ประจักษ์แล้วเท่านั้นจึงจะกลับมามีใบหน้าปกติตามเดิมและได้ขวานฟ้ากลับคืนไปเป็นสิทธิ์ของตนเองโดยสมบูรณ์ สุทธาเทพได้จุติลงมาเกิดเป็น "ขวาน" ลูกของ "นายอุทัย" กับ "นางสำลี" ผู้มีฐานะยากจน อาศัยอยู่นอกหมู่บ้านแห่งหนึ่งชานเมืองบุรีรมย์ เหตุที่ขวานที่ได้ชื่อนี้เพราะมีขวานฟ้าติดตัวมาตั้งแต่เกิด เมื่อวันแรกเกิดนั้นหมอตำแยได้เห็นขวานมีหน้าดำเป็นแถบผิดจากเด็กธรรมดา ซ้ำยังถูกขวานฟ้าเล่นงานเนื่องจากคิดจะยักยอกขวานฟ้าไปเป็นของตัวเอง หมอตำแยจึงแพร่ข่าวไปว่าขวานเป็นเด็กปีศาจ ทำให้ชาวบ้านต่างเกลียดชังและหวาดกลัวครอบครัวของขวานมาก มีเพียง "ทิดแก้ว" ซึ่งเป็นเพื่อนของนายอุทัยและ "จ้อย" ลูกชายของทิดแก้วเท่านั้น ที่ยังคงคบหาและคอยให้ความช่วยเหลือครอบครัวของขวานอยู่เสมอ แม้จะเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรังเกียจเดียดฉันท์จากสังคมรอบข้าง แต่ขวานก็เป็นเด็กดี มีความอดทนอดกลั้น เชื่อฟังพ่อแม่ ขยันขันแข็งช่วยงานบ้านทุกอย่าง เวลาเห็นใครเดือดร้อนก็พยายามเข้าไปช่วยเหลือเต็มที่ ยามที่ขวานมีภัยถึงชีวิต ขวานฟ้าก็จะลอยมาให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง ทั้งยังได้ "เจ้าพ่อเขาเขียว" เทพารักษ์ประจำภูเขาในแถบหมู่บ้านที่ขวานอาศัยอยู่ คอยให้ความช่วยเหลือในยามคับขันอยู่เสมอ ชีวิตของขวานเริ่มตกอยู่ในอันตรายเมื่อขวานได้ช่วยเหลือเศรษฐีคนหนึ่งให้หนีรอดจากการถูก "อำมาตย์แสงเพชร" ขุนนางโฉดผู้ทรงอิทธิพลและมีจิตใจทะเยอทยาน จับตัวไปเรียกค่าไถ่เพื่อใช้เป็นทุนในการก่อกบฏต่อพระเจ้ากรุงบุรีรมย์ และต่อมาขวานได้ช่วยเหลือจ้อยซึ่งถูกลูกชายของอำมาตย์แสงเพชรและเด็กรับใช้รุมทำร้าย จนกลายเป็นว่าทำให้ลูกชายของอำมาตย์แสงเพชรได้รับบาดเจ็บสาหัส ครอบครัวของขวานจึงถูกอำมาตย์แสงเพชรคุกคามอย่างหนัก ทั้งหมดต้องแยกย้ายกันหนีไปอยู่ที่อื่นเพื่อเอาชีวิตรอด ขวานได้ออกเดินทางไปด้วยกันกับจ้อย มุ่งหน้าสู่การผจญภัยเพื่อปราบปรามคนชั่ว อภิบาลคนดี และค้นหาหนทางต่อสู้กับอำมาตย์แสงเพชร เพื่อช่วยเหลือพระเจ้ากรุงบุรีรมย์ให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกอำมาตย์แสงเพชร และเพื่อพาครอบครัวของตนเองกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอย่างสงบสุขอีกครั้งให้จงได้

ขิงก็รา ข่าก็แรง 2562

เรื่องย่อ : ขิงก็รา ข่าก็แรง (2562/2019) เมื่อความต้องการของผู้ใหญ่ คือจุดเริ่มต้นของ วิวาห์สายฟ้าแลบ ระหว่างนักข่าวสาวสุดมั่น กับ นักธุรกิจหนุ่มปากร้าย การปะทะคารมของสามีภรรยากำมะลอจึงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน แต่ความผูกพันธ์จากการใกล้ชิด เปลี่ยน คู่กัด ให้กลายเป็น คู่ใจ โดยไม่รู้ตัว

มนตร์กาลบันดาลรัก 2562

เรื่องย่อ : มนตร์กาลบันดาลรัก (2562/2019) น้ำหนึ่ง คอลัมนิสต์สาวสวยของนิตยสาร SEASON ส่องกระจกแต่งตัวอีกครั้งก่อนออกจากบ้าน วันนี้เธอได้รับมอบหมายงานสำคัญจาก สวรส บรรณาธิการของ SEASON ให้ไปสัมภาษณ์ กาลรุจิ เตชพิพัฒน์ อดีตไฮโซสาวที่มีชื่อเสียงมาก ที่ชีวิตต้องพลิกผันเมื่อเธอถูกรถชนจนต้องเป็นคนพิการ อีกทั้งต้องเผชิญปัญหาชีวิตมากมายจนชีวิตเหมือนดิ่งลงเหว แต่เธอต่อสู้จนปัจจุบันเธอกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก

บทสัมภาษณ์นี้จะตีพิมพ์ในคอลัมน์ดล ซึ่งมีแนวคิดในการนำประสบการณ์ของบุคคลต่างๆ ที่เคยล้ม หรือประสบปัญหาชีวิตมากมายแล้วต่อสู้จนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านที่ประสบปัญหาได้ลุกขึ้นมาต่อสู้บ้าง คอลัมน์ดลนี้ เป็นที่ยอมรับของผู้อ่านในวงกว้าง เรียกได้ว่าเป็นจุดขายและจุดแข็งอย่างหนึ่งของนิตยสาร SEASON สวรสจึงกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้จะรับหน้าที่สัมภาษณ์ แล้วได้เขียนบทความนี้ สวรสจะเลือกคนที่มีความสามารถจริงๆ เท่านั้น ทีสำคัญคือ หลังจากกาลรุจิประสบอุบัติเหตุเธอเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกงานสังคมเหมือนเมื่อก่อน ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อใดทั้งสิ้น นอกจากครั้งนี้กับ SEASON ดังนั้น น้ำหนึ่งจึงภูมิใจมาก เธอจะพลาดไม่ได้ เพราะเป็นโอกาสเดียวก่อนที่กาลรุจิ จะเดินทางไปต่างประเทศในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอหวังว่าผลงานครั้งนี้จะช่วยให้เธอได้เลื่อนตำแหน่ง

ทว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ต้องการ เริ่มตั้งแต่รถยางแบน จนต้องไปยืมรถ ทรรศิกา ซึ่งเป็นมารดา แถมยังประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถไปสัมภาษณ์กาลรุจิได้ทันเวลา จนต้องให้ ยดา เพื่อนรุ่นน้องไปแทน วันรุ่งขึ้นสวรสซึ่งเป็นบรรณาธิการของ SEASON เรียกน้ำหนึ่งเข้าไปตำหนิอย่างรุนแรงที่ตัดสินใจให้ยดาไปสัมภาษณ์กาลรุจิโดนพลการ ถึงจะได้งานมา แต่การที่น้ำหนึ่งตัดสินใจเองโดยไม่รายงานให้เธอทราบ ถือเป็นการผิดมารยาทอย่างมาก สวรสคาดโทษน้ำหนึ่งว่า ถ้ายดาเขียนรายงานการสัมภาษณ์ออกมาไม่ดีน้ำหนึ่งต้องรับผิดชอบ และควรจะรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร หญิงสาวขอโทษสวรส แล้วเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องทำงานของเธอ น้ำหนึ่งนั่งทำงานอย่างซังกะตายจน มนัสวี เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันและเป็นหัวหน้าฝ่ายขายมาคุยด้วย น้ำหนึ่งจึงค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง

วันต่อมาบรรยากาศในที่ทำงานยิ่งแย่ลงไปอีกสำหรับความรู้สึกของน้ำหนึ่ง เมื่อสวรสเดินออกมาชมยดาต่อหน้าทุกคนที่กองบรรณาธิการว่า เขียนบทสัมภาษณ์กาลรุจิออกมาได้ดีมาก แถมยังพูดเหน็บแนมน้ำหนึ่งให้เจ็บใจอีก น้ำหนึ่งแสดงความยินดีกับยดาอย่างจริงใจ แม้จะอดน้อยใจไม่ได้ว่าการที่ SEASON มีผลงานได้สัมภาษณ์กาลรุจิส่วนหนึ่งก็เป็นความสามารถของเธอเช่นกัน ที่มีเพื่อนสนิทของมารดา คือ จำรัส ช่วยพูดให้ ถ้าไม่ใช่จำรัสแล้วคงไม่มีใครที่จะได้พบตัวกาลรุจิแน่นอน แต่เมื่อไม่มีใครคิดถึงน้ำหนึ่งได้แต่นั่งเบื่อโลกอยู่คนเดียว และยังทำใจไม่ได้

เย็นวันนั้น เมื่อมนัสวีชวนเธอออกไปเที่ยวที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง โดยมี พงศกร กราฟฟิกดีไซน์เนอร์หนุ่มเพื่อนของเธอไปด้วย น้ำหนึ่งจึงปฏิเสธและตั้งใจขับรถไปคืนทรรศิกา บางทีการได้คุยกับมารดาเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทะเลาะกับมารดาอย่างรุนแรง เมื่อได้รู้โดยบังเอิญว่าทรรศิกากับจรัสมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินไปกว่าความเป็นเพื่อนสนิทเสียแล้ว คำพูดตัดพ้อร้ายๆ ที่น้ำหนึ่งต่อว่าทรรศิกา ทำให้เธอต้องตบหน้าลูกสาวเพื่อเตือนสติ แต่น้ำหนึ่งไม่เข้าใจ เธอผลุนผลันออกจากที่นั่นทั้งที่น้ำตานองหน้า ได้ยินเสียงจำรัสกับทรรศิกาเรียก แต่ความเสียใจ น้อยใจ ผิดหวัง มันมากเสียจนเธอไม่อยากหันหลังกลับไปที่นั่นอีก

น้ำหนึ่งเดินแกมวิ่งไปตามถนน ปาดน้ำตาไปตลอดทางจนมาถึงหน้าร้านอาหารซีแซ่บเวอร์ ที่มีมาสคอตรูปหมึกสีชมพูสด เด็กแถวนั้นบอกว่านี่คือ เจ้าแม่หมึกซีซ่าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก แต่น้ำหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ ขณะดูอะไรเพลินๆ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อ อาม่าหยก ย่าของเธอสะกิด เรียกชื่อแล้วถามว่ามาทำอะไรที่นี่ น้ำหนึ่งยกมือลูบแก้มข้างที่โดนทรรศิกาทำร้ายทันที น้ำตาเริ่มกลบตาอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้พูดอะไร อาม่าหยกก็ลูบแขนเธอเบาๆ เหมือนจะปลอบ น้ำหนึ่งถามเบาๆ ว่า อาม่ารู้แล้วใช่มั้ย อาม่าหยกพยักหน้ายิ้มๆ อาม่าจูงมือน้ำหนึ่งไปหาเจ้าแม่ซีซ่า แล้วบอกน้ำหนึ่งให้ลองขอพรดูบ้าง น้ำหนึ่งลังเล เพราะไม่เชื่อในตัวเจ้าแม่หมึกสีชมพูสักนิดเดียว แต่อาม่าก็คะยั้นคะยอให้เธอลองขอพรดูขำๆ น้ำหนึ่งยอมตามใจอาม่าหยก เธอซื้อพวงมาลัย ธูปเทียนจากเด็กคนขาย จุดเทียน จุดธูป แล้วน้ำหนึ่งก็ยกมือไหว้ และขอพรให้เธอได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสามวันก่อนหน้านี้ อาม่าหยกยิ้มพอใจ แล้วชวนเธอกลับบ้านทันที

สายมากแล้ว เมื่อน้ำหนึ่งเริ่มรู้สึกตัวตื่น เธออิดออดไม่ยอมตื่น เพราะมั่นใจว่าเป็นวันเสาร์ หญิงสาวบิดขี้เกียจ แม้หูจะได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งกระซิบปลุกเธออย่างล้อเลียน น้ำหนึ่งงัวเงียลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจเดินเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นตัวเองในกระจก น้ำหนึ่งขยี้ตาตัวเอง เมื่อผมที่ซอยสั้นเก๋ทันสมัยกลายเป็นผมยาว แถมมีผมม้าเสียอีก เธอลองดึงผมตัวเองแรงๆ เข้าใจว่ามีคนเอาวิกผมมาแกล้งเธอ แต่เจ็บหนังศีรษะจนมั่นใจว่าเป็นผมตัวเอง น้ำหนึ่งรีบออกจากห้องน้ำเรียกหาอาม่าหยกอย่างตกใจ เธอพบอาม่าที่หน้าบ้าน อาม่าปล่อยให้เธอโวยวายไป ก่อนจะถามว่าจำได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำหนึ่งเล่าเรื่องขอพรเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้ย้อนเวลาสามวัน อาม่าหัวเราะก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์รายวันมาให้เธอดู น้ำหนึ่งตกใจมาก เพราะเวลาในหนังสือพิมพ์คือสามปีล่วงหน้าในอนาคต เจ้าแม่หมึกซีซ่า คงลงโทษเธอที่ลบหลู่ไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ จึงลงโทษเธอด้วยการส่งเธอข้ามเวลามาในอนาคตถึงสามปี น้ำหนึ่งถามอาม่าหยกอย่างงงๆ ว่าชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้รับสถานการณ์ได้ถูก อาม่าหยกบอกว่า เธอยังทำงานที่เดิม ตำแหน่งเดิม และแต่งงานแล้วกับ ทรงกลด ครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนปราชญาวิทย์ พอพูดถึงทรงกลดก็เดินลงบันไดมา น้ำหนึ่งมองเขาอย่างคนแปลกหน้า สามีของเธอไม่ใช่หนุ่มสไตล์เกาหลีตรงสเป็คอย่างที่ฝัน แต่กลับเป็นหนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวรูปร่างใหญ่โต น้ำหนึ่งไม่เข้าใจว่า อะไรทำให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา

วันนั้น น้ำหนึ่งตัดสินใจลางาน เพื่อตั้งสติกับเรื่องการข้ามเวลาของเธอ ทรงกลดเป็นห่วงเมื่อภรรยาบอกว่าไม่ค่อยสบาย ทำท่าจะพาเธอไปหาหมอ แต่เธอรีบปฏิเสธ ก่อนจะบอกว่าเธออยู่กับอาม่าได้ไม่ต้องห่วง เมื่อทรงกลดไปทำงานแล้ว น้ำหนึ่งรีบบอก อาม่าว่าคืนนี้เธอจะขอมานอนกับอาม่าด้วย อาม่าหยกพยักหน้ายิ้มๆ น้ำหนึ่งถามอาม่าอีกว่าการแต่งงาน ระหว่างเธอกับทรงกลดเป็นไปอย่างเต็มใจหรือมีใครบังคับ อาม่าบอกยิ้มๆ ว่าไม่มีใครบังคับน้ำหนึ่งได้ แต่น้ำหนึ่งเป็นคนฉลาด เลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองตลอดมา อีกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่แต่งงานกัน ทรงกลดรักและดูแลน้ำหนึ่งดีมาก หญิงสาวส่ายหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก น้ำหนึ่งกลับขึ้นไปห้องนอน เปิดโน้ตบุ๊คเพื่อหาข้อมูลของ SEASON และเรื่องราวทั่วๆ ไป เธอปวดหัว เมื่อเห็นว่า วัน เวลามันคืออนาคตสามปี จากที่เธอจำได้ น้ำหนึ่งพบไฟล์ภาพจึงเปิดดู เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่ามันเป็นภาพงานแต่งงานของเธอกับทรงกลด และทุกรูปเธอยิ้มหวาน สดใสมีความสุขเหมือนเจ้าสาวทุกคน น้ำหนึ่งถอนใจยาว สงสัยว่าอะไรดลใจให้เธอแต่งงานกับทรงกลดผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ในสเป็คเลยสักนิด

วันนั้นทั้งวัน น้ำหนึ่งวุ่นวายอยู่กับการหาข้อมูลต่างๆ จนกระทั่งเย็น เมื่อทรงกลดกลับมาจากทำงาน เขาเข้ามาดูแลเธออย่างเป็นห่วง ทั้งจับศีรษะว่าตัวร้อนหรือไม่ กินอะไรบ้าง ชายหนุ่มวุ่นวายนัวเนียอยู่ใกล้น้ำหนึ่งจนเธอหนาวๆ ร้อนๆ จะเป็นไข้ให้ได้ คืนนั้นน้ำหนึ่งนอนกับอาม่า ในขณะที่ทรงกลดไม่ค่อยพอใจนักเพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง

วันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งต้องเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจกับทุกอย่างที่เปลี่ยนไป เริ่มจากการที่เธอแต่งงานกับทรงกลดหลานชายของสวรส ทำให้เธอมีสถานะเป็นหลานสะใภ้ของบรรณาธิการจอมดุ ที่เธอแอบเรียกว่ายัยปิศาจ ยดาได้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ SEASON จากรุ่นน้องที่น้ำหนึ่งสอนงานมากลายเป็นหัวหน้าของเธอ ยดาเปลี่ยนไปมากจากหญิงสาวอ่อนหวานเคารพน้ำหนึ่ง ในวันนี้เธอกลายเป็นคนแข็งกระด้าง และพูดกับน้ำหนึ่งเหมือนเจ้านายกับลูกน้องจริงๆ ทั้งจิกด้วยสายตา และเหน็บด้วยคำพูด มนัสวีเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทมาก ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายขาย เธอแต่งงานแล้วกับพงศกรกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ เพื่อนของ น้ำหนึ่ง และมีลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบชื่อ น้องกานต์ หญิงสาวพยายามตั้งสติ กับเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ คือเธอต้องทำเหมือนรู้เรื่องทุกอย่างดี ระหว่างที่ต้องรีบทำงานส่งยดาที่ตามจิกเธอไม่เลิก

ในห้องประชุมของบริษัทสรรค์สื่อดี บังคม ซึ่งเป็นเจ้าของและบรรณาธิการบริหารเรียกประชุมบรรณาธิการทุกคนของนิตยสารในเครือ คือ สวรส บรรณาธิการ SEASON ทวี บรรณาธิการ THIRTY สาธิต บรรณาธิการดาราพาเหรด และ ศลิษา บรรณาธิการนิตยสารอิ่ม-สุข ในที่ประชุม นอกจากเรื่องสรุปยอดขาย แล้วยังมีเรื่องการพิจารณาหาตัวบรรณาธิการนิตยสาร SPRING ที่จะเปิดใหม่ แตกไลน์ออกมาจาก SEASON โดยจะเน้นกลุ่มคนทำงาน สวรสเสนอน้ำหนึ่ง โดยมีศลิษาสนับสนุน แต่ทวีไม่เห็นด้วย เขาเกรงว่าจะเกิดข้อครหาว่าน้ำหนึ่งได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นหลานสะใภ้ของสวรส เขาเสนอชื่อลูกศิษย์ของเขาที่ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการอยู่กับนิตยสารคู่แข่ง ซึ่งทวีรับปากว่าจะดึงตัวมาได้แทน แต่สวรสก็ค้านเต็มที่จนทวีพูดว่า ถ้าจะให้น้ำหนึ่งได้ตำแหน่งนี้ เธอก็จะต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองด้วยการไปสัมภาษณ์ เขมินทร์ ช่างภาพคนไทยที่เคยทำงานที่ SEASON ก่อนจะลาออกไปแล้วไปอยู่อเมริกา ทำงานจนมีชื่อสียงระดับโลกมาลงในคอลัมน์ดลได้ น้ำหนึ่งก็จะเป็นบรรณาธิการ SPRING ได้อย่างที่ไม่ใครครหา บังคมเห็นด้วยเพราะได้ข่าวมาเหมือนกันว่าเขมินทร์กลับมาเยี่ยมเมืองไทยเวลานี้พอดี บังคมสรุปให้น้ำหนึ่งทำงานนี้ ก่อนจะออกจากห้องประชุมไป สวรส มองทวีอย่างรู้ทันว่าเจตนาแกล้งเธอกับน้ำหนึ่ง เพราะเธอรู้ว่าเขมินทร์ไม่มีทางยอมให้สัมภาษณ์ง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อเขมินทร์จาก SEASON ไปอย่างไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน โดยมีเธอเป็นต้นเหตุ เมื่อบังคมไปแล้ว สาธิต กับ ศลิษา ก็ออกไปจากห้องประชุม ทวี กับ สวรส จึงคุยกันตามลำพังอย่างเชือดเฉือน เพราะต่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู ทวี กับ สวรส ตกลงกันว่า ถ้าน้ำหนึ่งสัมภาษณ์เขมินทร์ไม่ได้ สวรสต้องลาออกจาก SEASON ในทางกลับกัน ถ้าน้ำหนึ่งสัมภาษณ์เขมินทร์ได้ ทวีต้องเป็นฝ่ายลาออก

ยดา รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ เธอจึงแอบติดต่อกับ ทวี และเสนอว่า เธอจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้น้ำหนึ่งได้ไปสัมภาษณ์เขมินทร์ได้ และถ้าทำสำเร็จ และสวรสลาออกไป ทวีต้องสนับสนุนให้เธอเป็นบรรณาธิการ SEASON แทน ทวีไม่รับปากเต็มปากเต็มคำ แต่ก็พูดให้ความหวังยดาไว้มาก จนเธอมั่นใจว่าจะได้ขึ้นแทนตำแหน่งสวรสจริงๆ สิ่งที่ยดาไม่รู้คือ ทวีแอบอัดเสียงการสนทนาครั้งนี้ไว้ด้วย เมื่อออกจากห้องประชุม สวรสเรียกน้ำหนึ่งให้ไปพบและบอกเรื่องการสัมภาษณ์เขมินทร์ เธอย้ำเรื่องความสำคัญของงาน และการจะได้โปรโมทเป็นบรรณาธิการของ SPRING น้ำหนึ่งดีใจมาก สวรสเตือนว่างานนี้ไม่ง่าย ให้น้ำหนึ่งตั้งใจให้มากๆ หญิงสาวรับปาก และมั่นใจว่าต้องทำได้ แต่น้ำหนึ่งได้รู้ว่าทุกอย่างไม่ง่ายจริงๆ ยดาส่งงานให้เธอมากจนทำแทบไม่ทัน เย็นวันนั้น น้ำหนึ่งกลับถึงบ้านอย่างเพลียทั้งกายและใจ เธออยากกลับไปเมื่อสามปีก่อนจริงๆ เพื่อจะได้รับรู้สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และพร้อมจะรับมือกับมัน ทั้งเรื่องงานและการแต่งงานกับทรงกลด ซึ่งอยากจะให้เธอทำหน้าที่ “ภรรยา” ทุกคืน เธอเล่าให้อาม่าหยกฟังทุกอย่าง ก่อนจะสรุปว่าเธอต้องตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้ได้เพื่อขอขมา และขอพรให้ย้อนเวลากลับไป อาม่าได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเธอ ก่อนจะบอกว่าอาม่าต้องไปปฏิบัติธรรมหลายวันและบอกเธอว่า ทรงกลดเป็นคนดี รักน้ำหนึ่งมาก และไม่เคยทำอะไรที่ขัดใจน้ำหนึ่งเลยสักครั้ง คืนนั้นเธอยังคงนอนกับอาม่าต่อไป ไม่สนใจทรงกลดที่มองเธออย่างไม่เข้าใจว่า อะไรทำให้น้ำหนึ่งเปลี่ยนไป

น้ำหนึ่งหาเวลาตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าอย่างจริงจัง เธอรู้สึกว่าอนาคตของเธอที่ข้ามเวลามามีแต่เรื่องที่น่าปวดหัว เธอสืบจนรู้ว่าร้านซีแซ่บเวอร์ปิดกิจการไปแล้ว และมาสคอตเจ้าแม่หมึกซีซ่าถูกย้ายไปเก็บที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ วันต่อมา มนัสวี พาน้ำหนึ่งไปพบกับ ชาลี เพื่อนรุ่นน้องของเธอ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่โรงพยาบาลเอกชน ที่เธอรับงานเขียนคอลัมน์ลงวารสารมาตามคำสั่งของยดา เมื่อพบกัน น้ำหนึ่ง ต้องระงับความตื่นเต้น เพราะชาลีคือชายหนุ่มสไตล์เกาหลีผู้ชายในฝันของเธอตลอดมา ไม่ใช่หนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวที่ชื่อทรงกลด ชาลีทำให้เธอหวั่นไหวจนอยากจะหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้พบ เพื่อขอพรย้อนเวลากลับไป และจะได้หลีกเลี่ยงการแต่งงานกับทรงกลด

น้ำหนึ่งถูกกดดันเรื่องการติดต่อเขมินทร์ และได้รู้ว่าทรงกลดเป็นคนสำคัญที่ช่วยเธอได้ เมื่อเขาจำเขมินทร์ได้ว่าเป็นแฟนเก่าสวรส เขาพาเธอไปตามหาเขมินทร์จนพบตัวที่งานคืนสู่เหย้าที่สถาบันการศึกษาที่เขาเรียนจบมา เขมินทร์ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และต่อรองให้สวรสมาสัมภาษณ์เขาเท่านั้น แต่น้ำหนึ่งก็ไม่ท้อใจ ทรงกลดช่วยสืบจนรู้ว่าเขมินทร์พักอยู่ที่วังภูผารีสอร์ท ธุรกิจของอรรณพซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และเต็มใจขับรถพาเธอไปที่นั่นอีกด้วยในที่สุด ความพยายามก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเพื่อนสนิทของพ่อทรงกลดจำได้ว่าอรรณพคือลูกศิษย์ ท่านเขียนจดหมายมาช่วยขอร้องอรรณพให้ช่วยพูดขอร้องกับเขมินทร์ จนช่างภาพคนดังยอมรับปาก วันนั้นทรงกลดพาน้ำหนึ่งหลบพายุฝนไปที่ไร่ของจำรัส แม้น้ำหนึ่งจะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อได้รู้ว่าทรรศิกาป่วยเป็นมะเร็ง ให้คีโมจนผมร่วง เธอก็ดีใจที่ทรงกลดพามาที่นี่ น้ำหนึ่งได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมารดา และยอมรับจำรัสในฐานะ “พ่อเลี้ยง” ได้อย่างเต็มใจ เมื่อรู้ว่าเขาดูแลทรรศิกาดีเพียงใด นอกจากนั้นน้ำหนึ่งยังรู้สึกดีกับทรงกลด มากขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม น้ำหนึ่งก็ยังอยากตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าอยู่ดี เธอหลอกให้ทรงกลดช่วย จนหาตัวมาสคอตเจอจนได้ น้ำหนึ่งให้เอากลับบ้านทำความสะอาดให้และแอบไหว้ขอพร ให้ได้ย้อนเวลากลับไปโดยไม่รู้ว่าทรงกลดแอบดูอยู่อย่างไม่เข้าใจ เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งตื่นนอนแต่เช้าอย่างสดใส เธอมั่นใจว่าเจ้าแม่หมึกซีซ่าน่าจะให้พรเธอตามที่ขอแล้ว แต่เมื่อเธออกมาจากห้องอาม่า เห็นทรงกลดที่เดินหน้ามุ่ยลงมา น้ำหนึ่งนิ่งอึ้ง เสียใจที่ไม่ได้ย้อนเวลากลับไปตามที่ต้องการ เธอตั้งสติทำใจอยู่นาน จนตัดใจ และคิดว่าจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่ดีต่อไปจะดีกว่า

เวลาผ่านไป น้ำหนึ่งตั้งใจทำงานทำดี และค่อยๆ แก้ปัญหาในชีวิตไปทีละอย่าง เรื่องเขมินทร์ได้ข้อสรุปที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับทรงกลดเริ่มดีขึ้น น้ำหนึ่งเข้าใจและรู้ตัวแล้วว่าเธอรักเขามากแค่ไหน ทรงกลดพิสูจน์ตัวเองว่าเขารักเธอมาก และพร้อมจะช่วยเธอทุกอย่าง เขาเคียงข้างเธอเสมอแม้ในยามทุกข์ใจ และเจอสถานการณ์ลำบากเพียงไหนก็ตาม สำหรับชาลี น้ำหนึ่งกับเขาตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อทรงกลดเข้าใจผิด และหึงชาลีจนหมางเมินกับเธอ น้ำหนึ่งก็ง้อเขาอย่างน่ารัก อธิบายและบอกว่าเธอรักทรงกลด และจะเป็นภรรยาที่ดีของเขาตลอดไป ทรงกลดใจอ่อน เมื่อเห็นน้ำหนึ่งกลับมาเป็นน้ำหนึ่งคนเดิม ผู้หญิงที่เขารักมาก ชีวิตคู่กลับมามีความสุขอีกครั้ง

ที่ SEASON การแข่งขันระหว่าง ทวี และ สวรส รุนแรงขึ้น แต่ในที่สุด สวรส คือผู้ชนะเพราะ เขมินทร์ ยอมให้น้ำหนึ่งสัมภาษณ์ ทวี กับ ยดา สาวไส้หักหลังกันเองจนต้องถูกบีบออกจากบริษัททั้งสองคน ขณะที่ปัญหาของน้ำหนึ่งคลี่คลาย ทรงกลดกลับต้องเจอเรื่องปวดหัว เพราะเขารู้แล้วว่า วิธู เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นครูประจำชั้น ขโมยเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษาของนักเรียนไป ไม่ใช่ เบญจ เพราะติดพนันฟุตบอลจนเป็นหนี้หลายแสนบาท ยังไม่ทันที่ทรงกลดจะไปพูดกับวิธูให้คืนเงินเด็กๆ เขาก็ต้องตามไปช่วยไม่ให้วิธูถูกนักเลงทวงหนี้นอกระบบซ้อมจนตาย โดยลืมคิดไปว่าพวกนั้นคงโกรธแค้นเขาเช่นกัน ทรงกลดกับวิธูไม่รู้ว่า เหตุการณ์นั้น อนันต์ ลูกศิษย์ของทั้งคู่ ได้แอบอัดคลิปเอาไว้ และโพสต์ลงสื่อออนไลน์ทันที โดยคิดไม่ถึงว่ามันจะนำอันตรายมาสู่ตัวเอง เมื่อพวกนักเลงตามมาหาเรื่อง ทรงกลด พยายามปกป้องอนันต์ กับ เบญจ และวิธู จนถูกแทงอาการสาหัส ซ้ำร้ายพวกมันยังสร้างสถานการณ์ โยนความผิดให้เบญจอีกด้วย ทรงกลดโชคดีที่มีชาวบ้านกับเพื่อนครูตามมาช่วยพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา

ที่ SEASON น้ำหนึ่งกำลังเตรียมตัวจะไปสัมภาษณ์เขมินทร์ตามที่นัดไว้ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับอเมริกา เพื่อนของทรงกลดก็โทรศัพท์มาบอกข่าวร้าย น้ำหนึ่งตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เธออยากไปโรงพยาบาล แต่ก็ห่วงงาน สวรสเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ทันที เธอสั่งให้น้ำหนึ่งไปโรงพยาบาล และเธอจะไปสัมภาษณ์เขมินทร์ให้เอง เมื่อถึงสถานที่นัดหมายเขมินทร์แปลกใจที่พบสวรสแทนน้ำหนึ่ง แต่เขาก็ยอมให้สัมภาษณ์ เมื่อรู้เหตุร้ายที่เกิดกับทรงกลด การทำงานครั้งนี้ ทำให้เขมินทร์กับสวรสได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกันไปด้วย เธอสบายใจเมื่อเขมินทร์บอกว่า การที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เป็นเพราะ คำพูดสบประมาทของใครบางคน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่สวรส ก็รู้ดีว่าหมายถึงใคร

เขมินทร์ มองเธออย่างเข้าใจ และบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องวันนั้น เขาก็คงไม่มีวันนี้ ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน และกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลสถานการณ์รุนแรงกว่าที่คิด ทรงกลดอาการหนักและยังอยู่ในห้องผ่าตัด น้ำหนึ่งพบเบญจ และได้รู้ความจริง เธอเชื่อเบญจ นอกจากเด็กหนุ่มแล้ว เธอได้พบ พจน์ หัวหน้านักเลงจอมโหดที่ขู่จะทำร้ายเธอกับทรงกลด สถานการณ์เลวร้ายจนน้ำหนึ่งทนไม่ไหวเธอรีบกลับบ้าน เรียกหาอาม่า หยก คนที่เธอรู้ว่าคือนางฟ้าตัวจริงที่ให้พรเธอ น้ำหนึ่งสืบจนรู้ว่าอาม่าหยกเสียชีวิตภายหลังที่เธอแต่งงานหนึ่งปี อาม่าหยกยอมปรากฏตัวออกมา และทำให้น้ำหนึ่งเห็นภาพในอดีต จนเข้าใจว่าเธอจะต้องกลับไปช่วยเบญจไม่ให้มีเรื่องกับเพื่อนที่โรงเรียน พ่อเบญจก็จะไม่ตาย เขาก็ไม่ต้องตกเป็นผู้สงสัยในเรื่องการขโมยเงิน ทรงกลดก็จะไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับการช่วยเหลือ วิธู กับ เบญจ จนบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้ อาม่าบอกน้ำหนึ่งว่า วันที่น้ำหนึ่งมาขอพรเจ้าแม่หมึกซีซ่า เบญจก็มาขอพรเช่นกัน แต่ขอให้พ่อฟื้นขึ้นมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เบญจน่าสงสารมากหลังจากพ่อตาย จนอาม่าอยากช่วยเขา เรื่องของน้ำหนึ่งก็เช่นกัน แต่เพราะกฎของสวรรค์ คือห้ามช่วยลูกหลาน และฝ่าฝืนกฎแห่งความตาย นางฟ้าอาม่าจึงต้องเลี่ยงโดยใช้วิธีย้อนเวลากับน้ำหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลานสาวเข้าใจภารกิจที่ต้องทำแล้ว อาม่าหยก ก็ให้พรส่งน้ำหนึ่งย้อนเวลากลับมาในวันที่เกิดเรื่อง เมื่อสามปีก่อน

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำหนึ่ง ลืมตาแล้วพบว่าเธอยืนอยู่หน้าบ้าน ในวันที่ต้องไปสัมภาษณ์กาลรุจิ จริงๆ เธอพบอาม่าที่เพิ่งกลับจากใส่บาตร หญิงสาวกอดย่าแน่นก่อนจะรีบออกไป เรียกมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง โดยไม่สนใจรถของเธอที่ยางแบน น้ำหนึ่งไปที่โรงเรียนปราชญาวิทย์ เธอใช้สีระบายหน้าเป็นแฟนบอลเหมือนคนบ้า แล้วเข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจ จากเบญจที่กำลังจะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนได้สำเร็จ แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กๆ กลับมารุมล้อมจะจับตัวเธอแทน น้ำหนึ่งดึงกริ่งเตือนสัญญาณไฟไหม้ ให้ดังขึ้นจนปั่นป่วนอลหม่านไปทั้งโรงเรียน เธอรีบวิ่งหนีจนไปชน ทรงกลด น้ำหนึ่งล้มลง รองเท้าคู่โปรดหลุดไปหนึ่งข้าง ชายหนุ่มพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้น น้ำหนึ่งขอบคุณ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เธอก็พูดไม่ออก ตาสวยใสสบตาทรงกลดอย่างตื่นเต้นดีใจ แต่ต้องรีบหนี เมื่อวิธูกับกลุ่มนักเรียนวิ่งตามมา

น้ำหนึ่ง กลับถึงบ้านอย่างทุลักทุเล หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นจริงๆ วันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งไปทำงาน โดนสวรสตำหนิเหมือนกับที่เธอรู้อยู่แล้ว ยดาได้รับคำชมจากผลงาน มนัสวีชวนไปเที่ยวแต่ที่ไม่เหมือนครั้งก่อนคือ เธอไม่ไปหามารดาและสวรสให้เธออยู่รอรับของที่จะมีคนมาส่งให้เพราะต้องเข้าประชุมด่วน น้ำหนึ่ง รีบทำงานและเตรียมเอกสาร เพื่อจะทำบัตรประชาชนกับใบขับขี่ใหม่ เพราะเมื่อวันที่ไปปราชญาวิทย์ เธอเผลอลืมกระเป๋าถือไว้ หญิงสาวทำงานเพลิน จนได้ยินเสียงทรงกลดมาถามหาสวรส น้ำหนึ่งเงยหน้าทันที สบตาคมที่จ้องอยู่แล้ว ชายหนุ่มเอากระเป๋ากับรองเท้ามาคืนเธอ เขาบอกว่าตั้งใจจะมาฝากไว้ที่สวรส แต่เจอตัวน้ำหนึ่งก็ดีแล้ว ชายหนุ่มพยายามพูดให้น้ำหนึ่งยอมรับว่าเป็นคนไปป่วนที่โรงเรียน และเขาอยากรู้ว่าเพราะอะไร น้ำหนึ่งปฏิเสธ แต่ต้องจำนนด้วยหลักฐาน เมื่อทรงกลดให้เธอลองสวมรองเท้าที่เอามาด้วย รองเท้าที่ผู้หญิงลึกลับทำตกไว้ น้ำหนึ่งสวมได้พอดี เธอยิ้มหวานอย่างประจบให้เขา ตาโตเป็นประกายพราวหวาน พูดเก้อๆ ว่าสวมพอดีเลย ทรงกลดมองรอยยิ้มและแววตาของน้ำหนึ่งเหมือนต้องมนตร์ เขาตัดสินใจทันทีว่าต้องทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้ ทรงกลดเลยบอกว่าขอรางวัลที่เอากระเป๋ามาคืน เป็นอาหารหนึ่งมื้อ แต่น้ำหนึ่งรู้ดีว่าเป็นเพราะเขาจะไม่บอกสวรสต่างหาก หญิงสาวอิดออดอย่างไม่เต็มใจ ทั้งที่ในใจตื่นเต้นมาก ทรงกลดขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้เพื่อนัดกันอีกครั้ง เมื่อเขาไปแล้ว น้ำหนึ่งกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเธอหมายมั่นปั้นมือว่านัดครั้งแรกจะทำให้ทรงกลดประทับใจ เธอเตรียมแผนหว่านเสน่ห์เพื่อสานสัมพันธ์กับเขาจนแต่งงานกันให้ได้ แล้วเธอจะบอกความจริงทุกอย่างกับเขา น้ำหนึ่งยิ้มอย่างมั่นใจว่างานนี้ต้องสำเร็จ ทรงกลดไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมือเธอไปได้ อย่างแน่นอน

หน้าที่