คาดเชือก 2558

เรื่องย่อ : คาดเชือก (2558/2015) คาดเชือกเป็นเรื่องราวของการสู้แย่งชิงและการรักษาความยุติธรรมเอาไว้ในอำเภอโพธิ์ทองสถานที่ๆขึ้นชื่อในเรื่องหมัดมวยโดยผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ในโพธิ์ทองขณะนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายทองคำ และทองดี ผู้เป็นลูกชายซึ่งตัวของทองคำนั้นล้วนแล้วแต่ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ข่มเหงรังแกชาวบ้านอยู่เสมอๆ นอกจากทองดีแล้วในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีสองสาวผู้มีหน้าตาจิ้มลิ้มได้แก่ละไม และละเมียน โดยถึงแม้ว่าสองพี่น้องนี้จะเป็นฝาแฝดกันก็ตามแต่นิสัยใจคอของทั้งคู่นั้นต่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงโดยละไมนั้นมีนิสัยติดหรูออกไฮโซและกำลังคบหากันกับทองดีในขณะที่ตัวของละเมียนเองนั้นมีลักษณะนิสัยที่ติดดิน ก๋ากั่นและไม่ยอมคนซึ่งเธอนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมาชอบปะทะคารมกับบุญสม นักมวยคาดชื่อผู้มีหมัดอันหนักหน่วงเพราะเธอมองว่าบุญสมนั้นเป็นนักเลงอันธพาล แต่แล้ววันหนึ่งเรื่องราวของอำเภอโพธิ์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อธนู ว่าที่ปลัดคนใหม่กำลังจะเข้ามาประจำการที่พื้นที่แห่งนี้ซึ่งตัวของธนูเองนั้นมีพรสวรรค์พิเศษคือหากเห็นการต่อสู้ชนิดใดก็ตามสมองของเขาก็จะทำการประมวลผลเก็บไว้และสามารถนำเอาการต่อสู้นั้นๆ มาใช้ได้ทันทีซึ่งในครั้งแรกที่ธนูเข้ามาก็ได้เจอกับละไมและรู้สึกชอบพอกับเธอในขณะที่ละไมเองนั้นกลับไม่ชอบขี้หน้าเพราะคิดว่าเขานั้นเป็นอันธพาล ด้านบุญสมเองนั้นก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทองคำและทองดีสองพ่อลูกคู่นี้มานานแล้วเพราะเนื่องจากว่าทั้งบุญสมและทองดีนั้นล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์มวยครูเดียวกันแต่เนื่องจากว่าบุญสมเองรักความยุติธรรมจึงมักคอยขัดขวางไม่ให้ทองคำและทองดีทำชั่วอยู่เสมอๆ

ยอพระกลิ่น 2557

เรื่องย่อ : ยอพระกลิ่น (2557/2014) "ยอพระกลิ่น" เป็นธิดาของพระอินทร์และเจ้าหญิงชาวมนุษย์นางหนึ่ง ด้วยความที่พระอินทร์ไม่สามารถเลี้ยงดูพระธิดาได้จึงนำนางไปฝากไว้ในต้นไผ่ต้นใหญ่ในป่าบนโลก เวลาผ่านไปยอพระกลิ่นเติบโตเป็นสาว (ที่ได้ชื่อว่ายอพระกลิ่นเพราะนางมีกลิ่นกายหอมมาก) ก็ได้พบกับ "มณีพิชัย" เจ้าชายเมืองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินทางเข้าป่ามาแล้วพบต้นไผ่ต้นใหญ่จึงโค่นลง เมื่อมณีพิชัยพบยอพระกลิ่นที่มีกลิ่นกายหอมหวลจึงนำนางกลับเมืองและเเต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี แต่พระนางจันทรพระมารดาของมณีพิชัย ไม่ชอบหน้ายอพระกลิ่น และอยากให้โอรสได้อภิเษกสมรสกับธิดาเจ้ากรุงจีนที่มั่งคั่งมากกว่า พระนางจึงวางแผนใส่ร้ายป้ายสียอพระกลิ่นว่านางเป็นกระสือกินแมวในราชวัง นางจึงต้องโทษประหาร เคราะห์ดีที่พระอินทร์ทรงลงมาช่วยธิดาไว้ได้ทันแล้วเสกให้นางกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มมีเวทย์มนตร์แก่กล้า พราหมณ์หนุ่มเดินทางกลับมาที่เมืองของมณีพิชัยและได้ทราบข่าวว่า พระนางจันทรล้มป่วย รักษาอย่างไรก็ไม่หายเสียที จึงอาสาไปขอรักษาพระนางจันทร หลังรักษาหายแล้ว ยอพระกลิ่นให้ร่างพราหมณ์หนุ่มได้ให้พระนางจันทรว่า ให้บอกความจริงเรื่องที่ใส่ร้ายยอพระกลิ่นกับทุกคน พระนางจันทรยอมบอกความจริง ทำให้สวามีของพระนางหรือพระบิดาของมณีพิชัยโกรธพระมเหสีของตนมาก ส่วนพราหมณ์หนุ่มได้ขอให้มณีพิชัยไปปรนนิบัติรับใช้ตนในป่า เพื่อแลกกับการรักษาพระนางจันทร ..เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามชมได้ใน "ยอพระกลิ่น"

ใยกัลยา 2557

เรื่องย่อ : ใยกัลยา (2557/2014) ในการประกวดนางนพมาศในงานประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง กัลยา ลูกสาวของ นายมิ่ง เจ้าของสวนผลไม้ชนะการประกวดได้รับตำแหน่งนางนพมาศ ขณะที่ลงไปรับถ้วยรางวัลจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด สายตาคมกริบของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จ้องมองเธอทำให้กัลยาประหม่าสะเทิ้น อายมากขึ้น เธอได้รู้ในภายหลังว่าเขาชื่อ บุรี เป็นเพื่อนสนิทของลูกชายท่านผู้ว่าและรับราชการเป็นทหารเรือ โดยปกติแล้วกัลยาจะมาช่วยพ่อขายผลไม้ที่ตลาดในวันหยุดเสมอ หลังจากคืนนั้นบุรีจะเป็นลูกค้าประจำของเธอจากเป็นเพียงลูกค้าบุรีตามไปช่วยทำสวนที่บ้านอีกด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างบุรีและกัลยาพัฒนาเป็นความรักในเวลาไม่นาน แต่ก็เป็นความรักที่จริงจังและจริงใจมาก ความสัมพันธ์ของบุรีและกัลยาอยู่ในสายตาของนายมิ่งพ่อของกัลยาตลอดเวลา เขามองออกว่าชายหนุ่มรักลูกสาวของเขาแต่ก็ไม่คิดจะขัดขวาง มิ่งชอบบุรีมากความดีของบุรีทำให้ว่าที่พ่อตายอมรับเขาได้ไม่ยากนัก คืนวันหนึ่งทั้งคู่ไปเที่ยวงานวัดด้วยกัน ระหว่างนั่งบนชิงช้าสวรรค์บุรีให้ของขวัญกัลยาเป็นต่างหูมุกหนึ่งคู่ เขาบอกเธอว่าเขาตั้งใจหามาให้เธอโดยเฉพาะ กัลยามีความสุขมากต่างหูคู่นี้นอกจากจะเป็นของขวัญชิ้นแรกจากบุรีแล้วยังเป็นของที่เขาหามาอย่างตั้งใจอีกด้วย

กัลยาเรียนจบไม่นาน นายมิ่งล้มป่วยเป็นมะเร็งแกอยากให้ลูกสาวแต่งงานไปกับบุรีก่อนแกจะตาย ทุกอย่างเป็นไปตามที่มิ่งต้องการ บุรีให้คำสัญญากับกัลยาต่อหน้ามิ่งว่าเขาจะรักและดูแลเธออย่างดีที่สุดไปตลอดชีวิต หลังแต่งงานบุรีพากัลยามาอยู่กรุงเทพฯ โดยมาอยู่ที่บ้านของป้าญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เขามีอยู่ กัลยาเป็นคนขยันเธอทำอาหารขายช่วยหารายได้เข้าบ้าน แม้กิจการจะดีมากแต่กัลยาก็ต้องพักเมื่อตั้งครรภ์ ลูกของเธอกับบุรีเป็นผู้ชายชื่อ ศวัส หลังคลอดกัลยายิ่งสวยเปล่งปลั่งจน วดี ซึ่งเป็นแมวมองหาดาราใหม่ๆสู่วงการบันเทิงสนใจ วดีชวนกัลยาถ่ายโฆษณา แต่หญิงสาวปฏิเสธทั้งที่ใจอยากจะทำ เธอเป็นนักเรียนนาฏศิลป์จึงรักการแสดงอยู่แล้ว ทว่าบุรีกับศวัสคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอกัลยาจึงต้องตัดใจ เธอบอกวดีว่าเธอแต่งงานและมีลูกแล้ว และไม่อยากทิ้งครอบครัวไป วดีเสียดายมากแต่ก็ให้นามบัตรกัลยาไว้

เย็นวันนั้นกัลยาเล่าให้บุรีฟังเรื่องวดีและการถ่ายโฆษณา หญิงสาวดีใจและตื่นเต้นเมื่อบุรีกลับสนับสนุนเขาอยากให้ภรรยามีความสุข บุรีรู้ดีว่ากัลยารักศิลปะการแสดงมากเพียงไหนเขาคิดว่างานถ่ายโฆษณาชิ้นเดียวคงไม่เป็นไร แต่เขาคิดผิด ความสวยของกัลยาไปสะดุดตา ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของบริษัทสร้างศิลป์ บริษัทสร้างภาพยนต์ที่มีชื่อเสียง วดีพากัลยามาแคสต์ กัลยาทำได้ดีมาก ศักดิ์สิทธิ์จึงเปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่เพื่อใช้ในการแสดงว่า พุธกันยา ปานรัมภา โดยปกปิดข่าวเรื่องการแต่งงานและมีลูกของเธอไว้ เพราะกลัวแฟนภาพยนตร์ไม่ยอมรับ เวลาผ่านไปพุธกันยา ปานรัมภาเป็นนางเอกที่มีชื่อเสียงมาก ชีวิตครอบครัวก็มีความสุขดีเพราะบุรีเข้าใจทุกอย่างเขาเลี้ยงศวัสและอยู่กับลูกจนเด็กชายไม่ได้รู้สึกว่ามีปมด้อย วดีกลายเป็นเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของพุธกันยา หญิงสาวมีความสุขมากจนกระทั่ง สมเจตน์ ลูกชายคนเล็กของศักดิ์สิทธ์เดินทางกลับจากต่างประเทศหลังจากเรียนจบ เขาเป็นคนหนุ่มหน้าตาดีและสมาร์ทมาก สมเจตน์ช่วยพ่อทำงานและเป็นคนมีฝีมือ เขาแอบรักพุธกันยาแม้จะรู้ว่าเธอมีครอบครัวแล้วเขาก็ยอมรับและเต็มใจเพียงขอให้ได้รักเธอ แม้หญิงสาวจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยก็ตาม คนที่เจ็บปวดเสียใจคือวดีเธอรักสมเจตน์แต่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยแม้สักนิด วันหนึ่งสมเจตน์ได้ข่าวว่าวดีโกงค่าตัวพุธกันยาเขาจึงแอบสืบดูจนรู้ว่าเป็นความจริงและทำมานานแล้ว พุธกันยาเสียใจเมื่อได้รู้เรื่องเธอเสียดายความเป็นเพื่อน และความไว้ใจที่มีต่อกัน จำนวนเงินที่วดีโกงไปมากมายจนไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนที่ดีที่สุดจะทำกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่าง พุธกันยาและวดีจึงจบลงแต่ไม่ดีนักเพราะวดีไม่ยอมคืนเงินให้พุธกันยา และถ้านางเอกคนดังไปแจ้งความเธอจะแฉกับสื่อเรื่องที่พุธกันยามีสามีและมีลูกแล้ว วดีเรียกเธอว่านางเอกจอมโกหก พุธกันยารีบไปปรึกษาศักดิ์สิทธิ์โดยมีสมเจตน์ช่วยคิดหาทางออกให้ ศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจให้หญิงสาวเก็บตัวและห้ามให้ข่าวทั้งที่ใจหนึ่งพุธกันยาก็อยากจะบอกประชาชนให้รู้ความจริงเพราะบุรีและศวัสไม่ได้มีอะไรที่น่าอายสักนิด แต่นักธุรกิจในวงการนี้เขาไม่คิดอย่างเธอ ดึกมากแล้วเมื่อเธออกจากบ้านศักดิ์สิทธิ์ พุธกันยาตกใจที่จู่ๆก็ถูกถ่ายรูปและมีนักข่าวกลุ่มโตดักรอถามเรื่องสามีและลูก หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกได้แต่รีบขับรถกลับบ้าน เธอแค้นใจมากขึ้นเมื่อวดีทรยศชิงให้ข่าวกับสื่อทำร้ายเธอเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง พุธกันยาเครียดมาก ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เธอหยิบยากินโดยไม่ดูให้ละเอียด พุธกันยาล้มตัวลงนอนแล้วหลับโดยที่ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เธอเสียชีวิตเพราะกินยาเกินขนาดปริมาณยาที่ตรวจพบหลังการชันสูตรทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอกินยาฆ่าตัวตายหนีอายเรื่องการมีครอบครัว พุธกันยาจากไปท่ามกลางความเสียใจอย่างที่สุดของบุรีและศวัส

เวลาผ่านไปหลายสิบปีเรื่องราวของพุธกันยาถูกข่าวอื่นๆกลบไปจนแทบจะไม่มีใครจำเธอได้อีกนอกจากบุรีหรือพลเรือตรีบุรีและทันตแพทย์ศวัส บ่ายวันหนึ่งที่หน้าบ้านของบุรี หอมน้ำ และ สินีนุช สองสาวนักศึกษาฝึกงานของบริษัทสร้างศิลป์ ๒๐๐๐ ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการกองถ่ายให้มาหาโลเคชั่นหาบ้านเพื่อถ่ายละคร หอมน้ำเคยเห็นบ้านหลังนี้ในนิตยสารและชอบมากจึงลองเสนอดู ภิญโญ ซึ่งเป็นผู้จัดการกองถ่ายจึงแจกงานให้ทั้งคู่ทันที สองสาวมาถึงบ้านนั้นอย่างกระหืดกระหอบ บ้านสวยกว่าในรูปเสียอีกแต่ปิดเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของบ้านจะกลับมา สินีนุชจึงตัดสินใจชวนหอมน้ำแอบถ่ายคลิปวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือส่งให้ภิญโญเพื่อจะได้กลับบ้านกันเสียที หอมน้ำห้ามเพื่อนเพราะกลัวจะโดนกล่าวหาว่าเป็นขโมยแต่เมื่อสินีนุชพยายามลอดมือผ่านแนวรั้วถี่ๆเพื่อต้องการภาพที่ดีที่สุดและหลายๆมุม ทว่าทำไม่ได้เพราะความที่เป็นสาวร่างอวบ แขนเธอใหญ่เกินกว่าจะลอดรั้วเข้าไปได้หอมน้ำหัวเราะขำเพื่อนก่อนจะรับโทรศัพท์มาถ่ายเอง ขนาดว่าเธอผอมเพรียวกว่าสินีนุชช่องว่างระหว่างซี่รั้วแทบจะพอดีแขนของเธอจนน่ากลัวว่าจะติด ขณะที่หอมน้ำเพลินกับการถ่ายรูปศวัสขับรถกลับบ้านมาพอดี เขาลงจากรถด้วยท่าทางโกรธจัด สินีนุชรีบเข้าไปอธิบายเหตุผลและแนะนำว่าตัวเองกับเพื่อนสาวมาเพราะบริษัทสร้างศิลป์๒๐๐๐ จะขอใช้บ้านหลังนี้เป็นโลเคชั่นถ่ายละคร โดยมี ธันวา และ ณัชชา พระเอกนางเอกที่มีชื่อเสียงร่วมงานด้วย แต่ศวัสไม่สนใจเขาปฏิเสธอย่างไร้น้ำใจ ขณะที่สินีนุชพยายามพูดถ่วงเวลาเพื่อให้หอมน้ำปีนลงมาจากรั้ว ทว่าแขนหญิงสาวติดแน่นระหว่างซี่รั้ว ตาคมดุของศวัสทำให้หอมน้ำพยายามดึงกระชากแขนอย่างแรงจนหลุดออกมาจนได้โดยที่ตัวเธอหงายหลังตกลงบนพื้นเสียงดัง กระโปรงจีบรอบตัวที่สั้นแค่เข่าเปิดขึ้นสูงจนโป๊ สายตาของศวัสทำให้หอมน้ำอายจนหน้าแดง เธอรีบส่งมือให้สินีนุชฉุดขึ้นยืนแล้วหลบอยู่หลังเพื่อนถ้าทำได้เธออยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ศวัสขู่ให้สินีนุชและหอมน้ำกลับไปก่อนที่เขาจะรายงานเรื่องเธอทั้งคู่ไปที่มหาวิทยาลัย ศวัสเข้าบ้านไปแล้ว หอมน้ำและสินีนุชหนักใจเพียงงานแรกเธอก็ทำไม่ได้เสียแล้ว ทว่าก่อนที่ทั้งสองสาวจะออกไปจากตรงนั้น กนกรัตน์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านรีบออกมาพบเธอเห็นและรู้เรื่องทั้งหมด กนกรัตน์เป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นของธันวาและณัชชาเธออยากเห็นดาราขวัญใจอย่างใกล้ชิดจึงบอกให้หอมน้ำและสินีนุชไปติดต่อกับพลเรือตรีบุรี จินต์ไท พ่อของศวัส และยังให้หมายเลขโทรศัพท์มาอีกด้วย กนกรัตน์บอกว่าพลเรือตรีบุรีใจดีและน่าจะยอมตกลงด้วย

ภิญโญรีบติดต่อพลเรือตรีบุรีเพื่อขออนุญาตใช้บ้านถ่ายละคร ท่านถามถึงผู้กำกับการแสดง เมื่อรู้ว่าสมเจตน์เจ้าของบริษัทสร้างศิลป์ ๒๐๐๐ จะเป็นผู้กำกับเอง พลเรือตรีบุรีจึงเต็มใจให้มาถ่ายทำละครได้ ท่านยังจำได้ว่าสมเจตน์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพุธกันยา ตรงข้ามกับศวัสที่ไม่พอใจอย่างมากเขาเกลียดวงการบันเทิง วงการมายาที่ทำให้แม่ของเขาต้องจากไป พุธกันยาตายไปพร้อมปริศนาที่ยังค้างคาใจใครหลายคนโดยเฉพาะสามีและลูก ศวัสจำได้ว่าเขาต้องเจอคำถามแปลกๆจากคนรู้จักเรื่องการตายของแม่ และข่าวฉาวๆที่ไม่เป็นความจริงมากมายจนเขาอยากจะหนีไปอยู่ที่อื่นให้พ้นเรื่องนี้เสียที แต่พ่อของเขาไม่ยอมไปท่านยังรักและผูกพันกับแม่ของเขามาก หลังพุธกันยาตาย พลเรือตรีบุรีอยู่เป็นม่ายมาจนทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสาวๆมาสนใจตรงกันข้ามบุรีเป็นพ่อม่ายเนื้อหอมแต่เขาแสดงออกชัดเจนว่าความรักที่เขามีต่อพุธกันยานั้นมั่นคงเหมือนดังคำสัญญาที่เคยบอกเธอว่าเขาจะรักเธอและมีเธอคนเดียวตลอดชีวิต บุรีเก็บของทุกอย่างที่เป็นของพุธกันยาไว้ในห้อง ห้องหนึ่งอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโตบ่อยครั้งที่ศวัสพบบุรีอยู่ในห้องนั้น เขารู้ว่าพ่อรักแม่ไม่เปลี่ยนแปลง ศวัสรู้สึกอึดอัดกับความรักและคำมั่นสัญญาของพ่อที่มีต่อแม่มาก คำมั่นสัญญาที่เป็นเหมือนเครื่องพันธนาการของชีวิตให้จมอยู่กับอดีต ไม่คำนึงถึงปัจจุบันและไม่มีความหวังในอนาคตแล้วจะมีความ สุขได้อย่างไร

สองสามวันต่อมากองถ่ายละครเริ่มงาน ผู้คนมากมายทั้งทีมงาน ดารา และแฟนคลับที่มามุงดูดาราขวัญใจของพวกเขา ศวัสมองความวุ่นวายในบ้านอย่างไม่พอใจ เขาสั่งให้ เยาวภา แม่บ้านที่ทำงานด้วยกันมานานคอยจับตาดูคนพวกนี้ให้ดี หอมน้ำรู้สึกว่าการเป็นนักศึกษาฝึกงานเหนื่อย ทั้งกายทั้งใจ ต้องรองรับอารมณ์ทั้งดาราเรื่องมากอย่าง เพลินพิศ ผู้กำกับอารมณ์ร้อนอย่างสมเจตน์ และเจ้าของบ้านหน้าดุอย่างศวัส แม้กระนั้นความที่เธออยากทำงานเบื้องหลังหอมน้ำก็ทำใจให้สนุกกับงานได้ บ้านหลังนี้สวยจริงๆ สวยทุกมุม สวนข้างบ้านร่มรื่น หอมน้ำชอบไปนั่งเล่นที่บ่อปลาคาร์พโดยไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นมุมโปรดของศวัสเช่นกัน

วันหนึ่ง ทับทิม ซึ่งเป็นฝ่ายเสื้อผ้าต้องซ่อมชุดของนางเอกโดยต้องเย็บมุกเม็ดเล็กติดกับปลายแขนเสื้อสีสวยหวานเธอให้หอมน้ำไปหยิบกล่องอุปกรณ์เย็บผ้าที่วางไว้ใต้บันได หญิงสาวรีบไปทันที ตรงนั้นมีกล่องเหมือนๆกันซ้อนอยู่หลายใบ หอมน้ำจึงหยิบกล่องออกเปิดดูจนพบกล่องเก็บเม็ดมุกที่ต้องการ หญิงสาวตัดสินใจเดินอ้อมทางข้างบ้านเพื่อเลี่ยงฉากที่กำลังถ่ายทำอยู่เดินออกมาไม่ไกลเธอสังเกตเห็นมุกเม็ดเล็กเหมือนในกล่องตกอยู่ที่สนามหอมน้ำก้มลงเก็บ มุกเม็ดนั้นเปื้อนดินหญิงสาวกำลังจะหยิบผ้ามาเช็ด แต่เยาวภาแม่บ้านหน้าดุที่ก้าวมาขวางหน้าถามเสียงเข้มว่าทำอะไรทำให้หอมน้ำเปลี่ยนใจเธอชูมุกที่เปื้อนดินให้เยาวภาดูก่อนจะตอบสั้นๆว่าจะเอาไปเย็บติดเสื้อนางเอก หอมน้ำก้าวเร็วๆกลับเข้าบ้าน เสียงเร่งของทับทิมทำให้เธอเดินเร็วขึ้นจนเสียหลักหงายหลังล้มลงบนพื้นไม้ที่ขัดมัน มุกในมือกระเด็นลอยเข้าปากที่อ้าปากร้องอย่างตกใจ หอมน้ำกลืนมุกลงคอพอดีที่ศีรษะลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนเธอหมดสติอยู่ตรงนั้นเอง กลิ่นแอมโมเนียและเสียงเรียกของสินีนุชทำให้หอมน้ำรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นช้าๆกวาดตามองรอบตัวแล้วอยากจะเป็นลมอีกรอบ เมื่อเห็นว่านอกจากสินีนุชแล้วยังมีทีมงานคนอื่นๆอีกหลายคน แต่ที่ร้ายที่สุดคือศวัสยืนหน้าเข้มตาดุอยู่อีกคน สินีนุชบอกว่าเขาเป็นหมอก็น่าจะตรวจอาการเธอได้ในเบื้องต้น แต่หอมน้ำไม่รู้สึกอย่างนั้นถ้าจะให้ศวัสรักษาเธอยอมไปที่อื่นดีกว่า หญิงสาวโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากวันนั้นหอมน้ำมักจะเห็นหญิงสาวสวยมากเดินเพ่นพ่านอยู่ในบ้านโดยที่เธอเข้าใจว่าเป็นตัวประกอบ หอมน้ำเคยตามผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านซึ่งถูกสั่งห้ามทีมงานขึ้นเด็ดขาด ผู้หญิงคนนั้นหายไปเพียงเลี้ยวขึ้นบันไดบ้าน หอมน้ำลังเลว่าจะทำอย่างไรดี ศวัสก็ออกมาจากห้องส่วนตัวเขามองหอมน้ำอย่างหวาดระแวงและไม่เชื่อว่าจะมีใครแอบขึ้นมาบนนี้นอกจากหอมน้ำ แต่เมื่อเธอยืนยันว่ามีจริงๆศวัสก็สั่งให้หญิงสาวคอยอยู่ที่หน้าบันไดส่วนเขาค่อยๆเดินตรวจดูทุกห้องแต่ไม่พบใคร ศวัสโกรธมากเขามั่นใจว่าหอมน้ำต้องเป็นขโมย หญิงสาวทำหน้างงเมื่อศวัสบอกว่าเขาไม่พบใคร ชายหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงหอมน้ำมาหาสมเจตน์พูดสั้นๆว่าให้อบรมเธอด้วยว่าอย่าวุ่นวายนักก่อนจะออกจากบ้านไป

สมเจตน์อบรมหอมน้ำอย่างรุนแรง นอกจากเรื่องวุ่นวายแล้วหอมน้ำยังโดนสงสัยว่าจะเป็นขโมยอีกด้วย แต่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจนักเธอเชื่อว่าเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆถ้าไม่ใช่ตัวประกอบก็ต้องเป็นใครสักคนแถวนี้ที่แฝงเข้ามา หอมน้ำหมายมั่นปั้นมือว่าจะจับตัวให้ได้ในสักวัน สินีนุชสงสารเพื่อนมากที่ต้องโดนผู้กำกับจอมโหดดุอย่างนั้น สินีนุชมั่นใจว่าหอมน้ำไม่มีวันทำตัวเหลวไหลอย่างนั้น พ่อแม่ของหอมน้ำเป็นพนักงานธนาคารระดับอาวุโสทั้งคู่และอบรมลูกสาวมาดี สินีนุชนั้นเป็นลูกสาวเศรษฐีใช้แต่ของแบรนด์เนมที่พ่อแม่ซื้อให้อยู่คอนโดหรู หอมน้ำเองก็มาพักกับเธอบ่อยๆแต่ไม่เคยมีของหายมีแต่จะช่วยเก็บของให้เรียบร้อยอีกต่างหาก สินีนุชทำอะไรไม่ได้มากนอกจากปลอบใจเพื่อนที่นั่งซึมอย่างน่าสงสาร

หอมน้ำมาฝึกงานตามปกติโดยไม่รู้ว่าศวัสเริ่มจับตามองเธอมากขึ้น เขามั่นใจว่าหอมน้ำคือตัวการ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือความสดใสน่ารักขยันทำงานและมีน้ำใจนั่งคุยกับปลาคาร์พของเขาในบ่อนานๆราวกับมันเป็นเพื่อน บ่ายวันหนึ่งชายหนุ่มกลับบ้านเร็วกว่าปกติเขาเดินอ้อมข้างบ้านพบหอมน้ำนั่งเล่นอยู่ที่บ่อปลา ชายหนุ่มจึงตามไปสอนเธอให้เรียกปลาขึ้นมาให้ลูบหัว หอมน้ำตื่นเต้นและชอบมาก ขณะที่เล่นกับปลาอยู่หอมน้ำก็เห็นหญิงสาวตัวประกอบลึกลับเดินอยู่ในบ้าน เธอตื่นเต้นมากที่จะจับคนร้ายได้สักที หญิงสาวคว้ามือศวัสจูงให้ตามเธอมาพลางจุ๊ปากให้เงียบๆ เมื่อชายหนุ่มสงสัยเธอจึงบอกว่าเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วและจะไปจับขโมยกัน ศวัสปล่อยให้หอมน้ำจูงมือไปจนเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสองพอถึงที่พักบันไดเขาก็หมดความอดทนชายหนุ่มไม่รู้ว่าหอมน้ำจะทำอะไร เพราะเขาไม่เห็นผู้หญิงคนที่หอมน้ำพาเขาเดินตามสักนิดที่จริงแล้วศวัสไม่เห็นใครเลย หอมน้ำชะงักเมื่อศวัสรั้งมือไว้เธอหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มเยาะอยู่ที่หัวบันได หญิงสาวพยายามบอกศวัสว่าต้องรีบตามก่อนขโมยจะเข้าไปขโมยของ ระหว่างพูดสายตาเหลือบไปเห็นภาพวาดของพุธกันยาที่ประดับอยู่บนผนังตรงที่พักบันได หอมน้ำอ้าปากค้างหันไปมองสาวสวยที่ยืนยิ้มอยู่ที่หัวบันไดอีกครั้งก่อนจะเหลียวมามองภาพวาด เธอตกใจจนหมดสติเมื่อเห็นว่าสาวสวยคนนั้นหน้าเหมือนคนในภาพวาดพุธกันยานั่นเอง ศวัสรีบรับตัวหอมน้ำที่จู่ๆก็ช็อกหมดสติตรงหน้าก่อนที่เธอจะตกบันไดจนบาดเจ็บมากกว่านี้ ชายหนุ่มอุ้มหอมน้ำลงมานอนที่เก้าอี้รับแขกตัวยาวท่ามกลางความตกใจของทีมงาน สินีนุชรีบเข้ามาดูอาการเพื่อนสนิททันที เวลาผ่านไปจนศวัสเริ่มเป็นห่วงหอมน้ำหมดสตินานเกินไปแล้ว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพาเธอไปโรงพยาบาลหอมน้ำก็ได้สติเธอพรวดพราดลุกขึ้นหน้าซีดเผือดละล่ำละลักบอกว่าเธอเห็นพุธกันยา ไม่มีใครเชื่อสักคน หอมน้ำอธิบายอย่างละเอียดว่าพุธกันยาแต่งตัวอย่างไรแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ศวัสโกรธมากขึ้นไปกว่าเดิมเขามั่นใจว่าหอมน้ำเป็นจอมโกหกและมีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยมาก ลึกลงไปเขาอดเสียใจไม่ได้ที่สาวสวยน่ารักอย่างหอมน้ำกลับมีนิสัยไม่ดี ก่อนที่สมเจตน์จะอาละวาดกับหอมน้ำพลเรือตรีบุรีซึ่งยืนฟังอยู่นานโดยที่ไม่มีใครสังเกตเดินเข้ามาและพูดชัดเจนว่าท่านเชื่อหอมน้ำ และรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีว่าเป็นใครท่านยืนยันว่าหอมน้ำพูดจริง ผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นพุธกันยา หอมน้ำหน้ามุ่ยเธอตัดสินใจจะไปฝึกงานที่อื่น ลำพังต้องรับมือกับศวัสก็พอสู้แต่กับผีอย่างพุธกันยาหอมน้ำยอมแพ้ บุรีสบตาหอมน้ำอย่างรู้ทันพูดดักคอว่าหอมน้ำคงมาฝึกงานที่นี่ต่อไปไม่หนีไปฝึกงานที่อื่นเพราะมันจะทำให้ทุกคนเชื่อว่าเธอทำผิดจริง ค่ำมากแล้วเมื่อกองถ่ายเลิก หอมน้ำกับสินีนุชนั่งแท็กซี่กลับคอนโดมิเนียมหรู กลางเมือง สินีนุชได้โอกาสถามเพื่อนเรื่องผีพุธกันยา หอมน้ำยืนยันว่าเธอเห็นจริงๆ สองสาวคุยเรื่อง ผีพุธกันยาจนไม่ได้สังเกตว่าคนขับแท็กซี่ก็สนใจฟังเช่นกัน คืนนั้นหอมน้ำค้างกับสินีนุชเพราะยังหวาดกับเรื่องที่เกิดขึ้น สองสาวไม่รู้เลยว่าหลังจากส่งผู้โดยสารแล้วคนขับแท็กซี่ก็โทรศัพท์เข้ารายการวิทยุที่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับแล้วเล่าเรื่องผีพุธกันยาอดีตดาราดังที่ล่วงลับอย่างเป็นจริงเป็นจังราวกับเห็นเสียเอง

วันรุ่งขึ้นหอมน้ำกลับหอพักลางานหนึ่งวันเพื่อตระเวนทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พุธกันยา รดน้ำมนต์ป้องกันพุธกันยา โดยไม่ลืมค้นสายสร้อยแขวนพระองค์เล็กที่พ่อแม่ให้มาสวมติดตัวไปด้วย นอกจากนั้นเธอยังออกหาที่ฝึกงานใหม่แต่ก็ไม่ว่างสักแห่งเดียว หอมน้ำตกใจเมื่อสินีนุชโทรศัพท์มาเล่าว่าที่กองถ่ายวุ่นวายไปหมดมีคนมามากกว่าปกติเพราะมีข่าวเรื่องผีพุธกันยาจนบ้านหลังนี้จะกลายเป็นบ้านอาถรรพณ์ผีดุไปแล้ว หอมน้ำนึกเสียใจที่หลุดปากเรื่องที่เธอเห็นอดีต ดาราแม่ของศวัส หญิงสาวเปิดโทรทัศน์แล้วเดินไปที่ตู้เย็นเล็กๆมุมห้องหยิบน้ำมาดื่มพอหันกลับมาเธอก็ต้องสำลักเมื่อเห็นพุธกันยานั่งดูรายการข่าวบันเทิงอย่างสนใจ หอมน้ำกลัวจนทำอะไรไม่ถูกพนมมือสวดมนต์ผิดๆถูกๆจนพุธกันยาดุบอกว่าเธอไม่ใช่ผีและไม่ชอบให้ใครเรียกว่าผีด้วย เธอเป็นวิญญาณต่างหาก หญิงสาวตั้งสติกำสร้อยพระแน่นถามว่าพุธกันยาต้องการอะไรจากเธอ พุธกันยาจึงบอกว่าเธออยากให้หอมน้ำช่วยบอกบุรีและศวัสว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เป็นเพราะเครียดเลยเผลอกินยาเกินขนาดมันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เจตนา อดีตดาราคนดังเล่าเรื่องชีวิตเธอให้หอมน้ำฟังจนเธอเห็นใจยอมรับปากว่าจะช่วยหาวิธีบอกบุรีกับศวัสให้ ระหว่างที่หอมน้ำคุยกับพุธกันยาสินีนุชก็แวะ มาหา เธอเห็นหอมน้ำทำท่าแปลกๆจึงแหย่เรื่องผีพุธกันยาเพราะเข้าใจว่าเพื่อนคิดไปเอง พุธกันยาจึงต้องแสดงความสามารถให้สินีนุชเชื่อ เริ่มจากเปิดปิดโทรทัศน์จนต้องออกแรงยกหมอนข้างให้ ลอยขึ้น สินีนุชกระโดดเข้าไปกอดหอมน้ำทันที พุธกันยานึกรำคาญคนขวัญอ่อนเลยออกไปจากที่นั่นสองสาวจึงถอนใจอย่างโล่งอก

ความจำเป็นบังคับให้หอมน้ำต้องกลับไปฝึกงานที่เดิมอีก วันหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่เมื่อสมเจตน์ปลด แววรุ่ง ดาราสาวซึ่งเป็นหลานรักของวดีออกจากการเป็นนักแสดงเรื่องนี้เพราะมาสาย แสดงพลาด ไม่สนใจงานแถมยังเบี้ยวคิวไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มไฮโซจนสมเจตน์โกรธ เขาไม่สนใจว่า แววรุ่งจะเป็นหลานของวดีเจ้าของหนังสือพิมพ์ขายดีชื่อชิดขอบบันเทิง และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการอีกด้วย สมเจตน์สั่งให้หานักแสดงใหม่มาแทนแต่ก็หายากไม่มีใครว่าง ภิญโญมองหอมน้ำแล้วชวนให้เธอลองแคสต์ดู หอมน้ำไม่ชอบเป็นนักแสดงเธอชอบงานเบื้องหลังมากกว่า แต่ก็หมดสิทธิปฏิเสธเพราะนอกจากภิญโญแล้วยังมี อุมา ช่างแต่งหน้า ทับทิมซึ่งเป็นคอสตูม รวมทั้งสินีนุชมาคะยั้นคะยอ สินีนุชบอกว่าให้ลองทำไปเพราะถ้าหอมน้ำเล่นไม่ได้จริงๆสมเจตน์ก็ไม่ต้องการดีกว่าเป็นคนเรื่องมาก หอมน้ำจำใจไปแต่งหน้าแต่งตัวใหม่เพื่อลองแคสต์ เธอถอดสร้อยพระฝากสินีนุชไว้เพราะไม่เข้ากับชุดที่ต้องสวม อุมากับทับทิมสามารถทำให้หอมน้ำนักศึกษาสาวสวยใสๆ กลายเป็นสาวสวยสะดุดตาและขึ้นกล้องเสียด้วย สมเจตน์พอใจกับรูปลักษณ์ของหอมน้ำที่เปลี่ยนไป แต่พอถึงการแสดงหญิงสาวกลับทำให้เขาอารมณ์เสียอย่างมากเพราะเล่นไม่ได้ จนกระทั่งโอกาสครั้งสุดท้าย หอมน้ำหนักใจกลัวสมเจตน์ประหม่าสายตาของศวัสที่มายืนดู ที่ร้ายกว่านั้นคือกลัวการเรียนไม่จบ หญิงสาวหันหลังให้ทุกคนเพื่อทำสมาธิหอมน้ำตกใจเมื่อเห็นพุธกันยายื่นหน้ามาจนชิดเธอก่อนจะหมดสติไป พุธกันยาสิงร่างของหอมน้ำได้อย่างอัศจรรย์ ดาราสาวหลับตานิ่งสูดลมหายใจลึกๆสามครั้งเพื่อทำสมาธิตามความเคยชิน เมื่อหันกลับมาอีกครั้งสมเจตน์แปลกใจที่หอมน้ำมีท่าทางเปลี่ยนไป ตาคมสวยเป็นประกายอย่างคนที่เชื่อมั่นในตัวเองหน้าเพรียวสวยเชิดหยิ่งไว้ตัวนิดๆ สวยสง่าน่าดู กิริยาหอมน้ำทำให้สมเจตน์คุ้นตาคุ้นใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเริ่มแสดงหอมน้ำทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อราวกับเป็นคนละคนจนสมเจตน์พอใจมากสั่งเลิกกองหันมาล้อหอมน้ำว่าพรุ่งนี้เล่นให้ได้อย่างนี้ก็แล้วกันทุกคนในกองถ่ายโล่งใจ

สินีนุชยืนรอหอมน้ำที่เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นานจนผิดสังเกต จนศวัสกลับมาถึงบ้าน สินีนุชกำลังจะเข้าไปตามเพื่อนเพราะไม่อยากให้ศวัสโกรธ หอมน้ำก็ออกมาพอดีเธอวิ่งเข้ามากอดศวัสแน่นเรียกเขาว่าลูกอีกด้วย สินีนุชพยายามแกะแขนเพื่อนออกจากศวัสแต่หอมน้ำไม่ยอม ส่วนศวัสยืนนิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างประหลาดที่แทรกเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายในหัวใจมานาน เขาปล่อยให้หอมน้ำกอดเขาอย่างมีความสุขอยู่อย่างนั้น สินีนุชเอะใจจึงแอบหยิบสร้อยพระของหอมน้ำกำไว้ในมือ แล้วแอบแตะตัวเพื่อนสาว พุธกันยาจึงต้องออกจากร่างหอมน้ำ หญิงสาวจึงหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของศวัสนั่นเอง ศวัสตัดสินใจไปส่งสินีนุชและหอมน้ำที่คอนโด สินีนุชแอบสวมสร้อยพระให้เพื่อนทันทีที่มีโอกาส หญิงสาวฟื้นขึ้นพอดีเมื่อถึงคอนโด ศวัสส่งเพียงข้างล่างเมื่อเห็นว่าหอมน้ำรู้สึกตัวแล้ว เมื่ออยู่กันตามลำพังสินีนุชจึงถามเพื่อนอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น หอมน้ำจำได้เพียงกำลังจะซ้อมบทให้สมเจตน์ดูหันมาพบพุธกันยาก็วูบไป สินีนุชจึงเล่าให้เธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นรวมทั้งการเข้าไปกอดศวัสด้วย หอมน้ำคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีในวันรุ่งขึ้นเพราะรู้ในความสามารถของตัวเองดีเรื่องการแสดงว่าไม่ใช่เรื่องจริงๆ หญิงสาวงอนสินีนุชกลับหอพักตัวเองเมื่อเพื่อนสนิทพูดว่าตอนแสดงก็ให้พุธกันยาสิงอีกก็หมดเรื่อง

วันต่อมาหอมน้ำแสดงไม่ได้จริงๆ หลายเทคก็ไม่ได้เรื่องเธอจำบทไม่ได้จนเพลินพิศดาราสาวเจ้าอารมณ์ที่ต้องเข้าฉากด้วยดูถูกเยาะเย้ยเธอหลายคำต่อหน้า อธิป ดาราหนุ่มอีกคน และไล่ให้ไปเสิร์ฟน้ำดาราเหมือนเดิมทำให้หอมน้ำโกรธมากจึงบอกเพลินพิศว่าถ้าครั้งต่อไปเธอทำไม่ได้ เธอจะถอนตัวแต่ถ้าทำได้เพลินพิศต้องขอโทษเธอด้วย หอมน้ำเลี่ยงออกไปข้างบ้านระหว่างที่สมเจตน์สั่งพักพุธกันยาตามไปทันที หญิงสาวทำท่ายกบทขึ้นท่องแต่จริงๆกำลังตกลงกับพุธกันยาให้สิงเธอแล้วแสดงแทนโดยมีเงื่อนไขว่าหอมน้ำจะยอมให้พุธกันยาใช้ร่างได้ต่อไปหลังจากสั่งคัทต่ออีกครั้งละ สิบห้านาทีเพื่อเปิดโอกาสให้พุธกันยาได้พูดคุยกับลูกชายและสามีบ้าง ถ้าพุธกันยาไม่ปฏิบัติตามสัญญาสินีนุชจะมาสวมสร้อยพระให้หอมน้ำทันทีและจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป พุธกันยาตกลง หอมน้ำจึงเรียกเพื่อนมากระซิบเล่าสัญญาให้ฟังก่อนจะปลดพระองค์เล็กที่กลัดติดไว้ในเสื้อ ให้สินีนุชเก็บไว้ หอมน้ำหลับตานิ่งเพื่อเปิดโอกาสให้พุธกันยาเข้าสิงการแสดงผ่านไปด้วยดี ในเทคเดียว อธิปเตือนให้เพลินพิศขอโทษหอมน้ำตามสัญญา

เพลินพิศทนไม่ได้ที่เห็นดารารุ่นน้องอย่างณัชชาและหอมน้ำกำลังจะมีชื่อเสียงขึ้นมาแข่งกับตัวเองเธอมั่นใจว่าเธอสวยและเก่งกว่าทั้งสองคนนี้มาก เพลินพิศชอบคุยกับ กนกรัตน์ จึงรู้ว่าเธอเคยเห็นพุธกันยาในบ้านหลังนี้ วันหนึ่งเพลินพิศจึงแกล้งโดนพุธกันยาสิง เธออาละวาดด่าทอสาปแช่งคนที่ทำให้เธอต้องตายโดยที่พุธกันยาในร่างหอมน้ำทนไม่ไหวแต่ทำอะไรไม่ได้จึงเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นก่อนจะขาดสติและอาละวาดจริงๆ เพลินพิศเป็นข่าวดังสมความตั้งใจดาราสาวมีงานมากขึ้น และได้รับการดูแลที่ดีขึ้นจาก พิไล แม่ครัวที่เป็นแฟนคลับของพุธกันยา เพลินพิศหลงระเริงในความดังของตัวเองจนแสดงธาตุแท้ของตัวเองที่เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว แถมขี้อิจฉาจนเพื่อนร่วมงาน เริ่มรำคาญ คนที่รู้ทันเธอคืออธิปนักแสดงหนุ่มที่แสดงด้วยกันบ่อยๆนั่นเอง แต่อธิปก็มีจุดอ่อนในเรื่องความเจ้าชู้ที่เพลินพิศรู้ดีและพร้อมจะแฉเขาเหมือนกัน

พุธกันยาทำให้สมเจตน์พอใจหอมน้ำถึงขนาดเพิ่มบทให้อีก ทำให้วดีเขียนข่าวเหน็บแนม หอมน้ำจนเธอเสียใจอยากเลิกแสดง แต่สมเจตน์เตือนให้หอมน้ำนิ่งไว้ วันหนึ่งวดีตามมาเพื่อหาเรื่องหอมน้ำถึงกองถ่าย พุธกันยาอ้อนวอนขอใช้ร่างหอมน้ำจัดการเพื่อนทรยศก่อนที่หอมน้ำจะใจอ่อน ให้เธอ สมเจตน์ออกมาพบวดีเขาตอบโต้และต่อว่าเธออย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูดที่รู้กันดีเพียง สองคน วดีโกรธมากรีบกลับไปทันที สมเจตน์จับพิรุธพุธกันยาได้จึงจับตามองตลอดเวลา วดียังคงหาเรื่องหอมน้ำอีกเขียนข่าวกำกวมในแง่มุมที่ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดจนพุธกันยาทนไม่ไหว เธอสงสารหอมน้ำจึงอาสากับสินีนุชว่าจะจัดการให้โดยสัญญาว่าหอมน้ำจะไม่เดือดร้อนแน่นอน พุธกันยาใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาวดีโดยใช้ชื่อ สุรี ช้อยนิ่ม ซึ่งเป็นชื่อเดิมของวดีก่อนจะบอกว่าให้เลิกเขียนข่าวในทางเสียหายกับละครเรื่องเพลิงนารีได้แล้วมิฉะนั้นเธอจะบอกเรื่องประวัติที่น่าอายของวดีที่เคยถูกพ่อเลี้ยงลวนลามอยู่หลายปีให้นักข่าวรู้ รวมทั้งการโกงค่าตัวพุธกันยาหลายแสน บาทด้วย แล้วจะได้รู้ว่าการเป็นข่าวในเรื่องเสียหายนั้นเป็นอย่างไร พุธกันยาวางสายไปแล้ว วดีนั่งหน้าซีดอยู่ที่ห้องทำงานเธอกลัวจับใจ วิญญาณพุธกันยาเป็นเรื่องจริงเพราะเรื่องนี้มีคนรู้เพียงสามคนคือตัวเธอเองพุธกันยาและสมเจตน์เท่านั้น

หอมน้ำหาทางสนิทสนมกับศวัสเพื่อบอกเรื่องพุธกันยา ความน่ารักสดใสทำให้ศวัสคลายหน้าเคร่งและยิ้มได้อย่างอารมณ์ดี วันหนึ่งเธอยอมไปเป็นคนไข้ของเขาแต่เมื่อเธอพูดเรื่องพุธกันยา และบอกว่าวิญญาณเธอยังอยู่ในบ้าน เขากลับดุเธอด้วยคำพูดที่รุนแรงจนหอมน้ำเสียใจ ก่อนที่เธอจะกลับไปเธอบอกเขาว่าให้ลองเปิดใจสังเกตสิ่งรอบตัวให้ดี เขาอาจจะได้รู้ว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นเป็น ความจริง หอมน้ำคิดไม่ออกว่าจะช่วยพุธกันยาต่อไปอย่างไร

ในเวลาเดียวกันสมเจตน์เริ่มแน่ใจว่าพุธกันยาอยู่ในร่างหอมน้ำจึงแกล้งใช้สินีนุชไปออฟฟิศซึ่งอยู่ห่างจากที่กองถ่ายมากจนสินีนุชไม่สบายใจเธอเตือนให้หอมน้ำระวังตัวจากพุธกันยา แต่หอมน้ำเชื่อใจพุธกันยาว่าจะรักษาสัญญา บ่ายวันนั้นหลังเลิกกองสมเจตน์เรียกหอมน้ำไปคุยเป็นการส่วนตัว ทีมงานเข้าใจว่าสมเจตน์คงจะชวนเล่นละครเรื่องต่อไป แต่ว่าเขาคุยกับหอมน้ำโดยเรียกชื่อเธอว่า กัลยาซึ่งเป็นชื่อจริงของพุธกันยา ดาราสาวจึงต้องยอมรับความจริง เย็นวันนั้นสมเจตน์พาพุธกันยาไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สมเจตน์ถามถึงชีวิตหลังความตายของพุธกันยาดาราสาวเล่าอย่างมีความสุขเธอดีใจที่กลับมามีตัวตนมีร่างกายมีลมหายใจอีกครั้ง สมเจตน์แนะให้พุธกันยาอยู่ในร่างของหอมน้ำต่อไปเขาจะช่วยเธอเองด้วยการส่งสินีนุชเข้าไปทำงานในออฟฟิศพุธกันยาจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้สมความคิดถึง ในตอนแรกพุธกันยาปฏิเสธแต่เมื่อเห็นบุรีพา ขวัญอนงค์ มากินข้าวที่ร้านเดียวกันด้วยท่าทางสนิทสนม บุรีใส่ใจดูแลขวัญอนงค์อย่างสุภาพ แต่เป็นเพราะพุธกันยาทนไม่ได้เธอหึงจนระงับอารมณ์แทบไม่อยู่เธอเสียใจที่สามีลืมเธอแล้ว สมเจตน์ได้โอกาสจึงพูดว่าถ้า พุธกันยายังอยู่บุรีคงไม่เป็นอย่างนี้ พุธกันยากลับหอพักของหอมน้ำเธอฝืนใจรับโทรศัพท์จากสินีนุชหลังจากกระหน่ำโทรหลายครั้งเพื่อไม่ให้สงสัย เธอคิดหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องที่ละครใกล้จบลงโอกาสที่เธอจะได้อยู่ใกล้บุรีและศวัสก็น้อยลงด้วย นอกเสียจากทำตามคำแนะนำของสมเจตน์ พุธกันยาตัดสินใจว่าจะแย่งบุรีกลับมา เธอไปหาเขาที่บ้านซึ่งเป็นบริษัทสร้างศิลป์๒๐๐๐ เพื่อบอกเขาเรื่องนี้ สมเจตน์ดีใจมากคุยกันสักครู่พุธกันยาก็กลับไป เขารักพุธกันยาและรักมาจนถึงทุกวันนี้ ที่ภรรยาขอหย่าก็เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่มีใจรักเธอเลยใจของเขารักพุธกันยาคนเดียว สมเจตน์วางแผนทันทีเขาจะช่วยพุธกันยาครอง

สะใภ้หัวแดง 2557

สะใภ้หัวแดง (2557/2014) ค่ำแล้วเมื่อ เจตริน ไอศูรย์ศรินทร์ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศไทยประจำ กรุงมอสโคว์ ก้าวเร็ว ๆ เข้าไปในล็อบบี้โรงแรมหรูกลางมอสโคว์ เขามาพบ อารดา คู่หมั้นสาว ที่โทรศัพท์มาบอกว่าอยู่ที่นี่แล้ว เจตรินหมั้นกับอารดาเพราะ คุณหญิงศรินทิพย์ ผู้เป็นมารดาจัดการให้ แต่ชายหนุ่มไม่เต็มใจด้วย เป็นการคลุมถุงชนที่เขาอึดอัดใจมาก ตรงข้ามกับอารดาที่ดูจะมีความสุขมากที่มีคู่หมั้นเป็นนักการทูตอนาคตไกลอย่างเขา เมื่อพบกัน อารดาตัดพ้อต่อว่าที่ติดต่อเขายาก กว่าจะได้พบกันก็ใกล้เวลาที่เธอจะต้องเดินทางต่อแล้ว เธอคิดถึงเขามากจนต้องรีบซื้อทัวร์มาเที่ยวยุโรปและรัสเซียทั้งที่อยากจะมาที่มอสโคว์อย่างเดียว อารดาขอร้องแกมบังคับให้เขาพาเธอไปเที่ยวคืนนี้ เจตรินปฏิเสธ เพราะเขาต้องไปงานกับท่านทูต อารดากระเง้ากระงอดอย่างน่ารำคาญทำให้ชายหนุ่มอึดอัดใจมาก อีกมุมหนึ่งของโรงแรม อีรีน่า นิคาลาเยฟ สาวสวยลูกครึ่งไทย-รัสเซีย แอบหลบเข้าโรงแรมหรูกลางกรุงมอสโคว์เพื่อขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว โรงแรมแห่งนี้ไม่ต้องการให้พ่อค้าแม่ค้าชาวรัสเซียเข้ามาเดินเร่ขายของในโรงแรม อีรีน่าสู้เจ้าถิ่นข้างนอกไม่ได้จึงต้องหลบเข้ามาขายในโรงแรม ซึ่งโอกาสที่จะขายได้มีมากกว่า เธอต้องการเงินไปซื้อยาและอาหารให้แม่ที่กำลังป่วย ขณะที่อีรีน่าเดินอยู่ในล็อบบี้โรงแรม เธอชะงักเมื่อเดินผ่านโต๊ะตัวหนึ่ง มีหญิงชายคู่หนึ่งนั่งอยู่เสียงพูดคุยกันเป็นภาษาไทย ภาษาที่ แม่พริม สอนให้เธอพูด อ่านและเขียนมาตั้งแต่เด็ก อีรีน่าจึงพูดไทยได้คล่องมาก หญิงสาวใจชื้นขึ้น เธอต้องขายของได้แน่เพราะแม่พริมบอกว่าคนไทยใจดี อีรีน่าเดินตรงไปที่โต๊ะนั้น เธอไหว้และพูดไทยทักทายชัดเจน เจตรินหันมาสนใจทันที อีรีน่าไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเธอเสนอขายเข็มกลัดและเหรียญที่ระลึกต่าง ๆ ของอดีตผู้นำรัสเซียให้เขา ขณะที่เจตรินให้ความสนใจ อารดากลับมองอีรีน่าอย่างดูถูกพูดจาเหน็บแนมห้ามชายหนุ่มซื้อของจากเธออีกด้วย อีรีน่าข่มความโกรธ ฝืนยิ้มพูดจาเชิญชวนให้เขาซื้อของต่อไป เจตรินเลือกซื้อเหรียญอันหนึ่ง อีรีน่าบอกเขาในราคาแพง เขาไม่ต่อราคาเธอสักคำหยิบเงินให้ทันที อีรีน่าเหลือบตามองธนบัตรที่ซ้อนกันแน่นในกระเป๋าเขาอย่างสนใจ ความโลภเข้าครอบงำทำให้หญิงสาวตัดสินใจที่จะดักรอเขาหน้าโรงแรม เธอจะล้วงกระเป๋าเขาเอาเงินไปรักษาแม่ เจตรินนั่งคุยกับอารดาสักครู่ก็ขอตัวกลับ ระหว่างรอรถหน้าโรงแรมอีรีน่าแกล้งเดินชนเจตรินและล้วงกระเป๋าเงินเขาไปจนได้ ชายหนุ่มมารู้ตัวก็ต่อเมื่อถึงสถานทูตแล้ว อีรีน่ากลับถึงบ้าน เธอรู้สึกละอายใจที่ทำผิดและนึกกลัวว่าแม่จะรู้ อีรีน่ารู้ดีว่าพริมเกลียดการกระทำที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมเป็นที่สุด ขณะที่หยิบกระเป๋าเงินออกมาดูพริมเห็นจนได้ อีรีน่าถูกดุมากมาย พริมเปิดกระเป๋าพบนามบัตรของเจตริน ไอศูรย์ศรินทร์ แล้วช็อกไปครู่หนึ่ง เธอมีความหลังที่ผูกพันกับคนในตระกูลนี้ โชคชะตาพาให้ต้องมาพบกันอีกจนได้ พริมรีบโทรศัพท์ถึงเจตริน เธอขอโทษแทนอีรีน่า และนัดให้เขามารับกระเป๋ากลับไป อีรีน่าไม่กล้าขัดใจแม่เธอนึกอายเจตรินจึงหาวิกผมหลากสีมาสวมปลอมตัวเป็นสาวพังค์สุดซ่าเอากระเป๋าไปคืนตามนัด อารดาผ่านมาเห็น เธอไม่พอใจมากที่เจตรินไม่ยอมพาเธอไปเที่ยวแต่กลับมาคบสาวพังค์รัสเซีย อารดาปราดมาต่อว่าโวยวายด่าสาวต่างชาติ จึงโดนอีรีน่ายั่วให้โมโหมากขึ้น อีรีน่าว่าเธอเป็นเมียของเจตรินและเขามีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอ อีรีน่ากลับไปอย่างมีความสุขที่ยั่วโมโหอารดาและมั่นใจว่าเจตรินจำเธอไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วเขาจำเธอได้ว่าเป็นใคร เขาเริ่มสืบหาครอบครัวของอีรีน่าอย่างสนใจ ไม่กี่วันต่อมา พริมก็ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจตรินอีกจนได้ เมื่อ นิโคลัย พ่อของอีรีน่าถูกมิคาอิล หัวหน้าแก๊งมาเฟียจับตัวไป และบังคับให้นิโคลัยเสพเฮโรอินจนเสียคนเพื่อจะได้เป็นข้ออ้างในการบังคับเอาตัวอีรีน่ามาให้เขา มิคาอิลหลงรักอีรีน่าแต่เธอไม่สนใจกลับโกรธที่เขาทำร้ายพ่อของเธอ การต่อต้านของอีรีน่าทำให้มิคาอิลแค้นใจอยากเอาชนะ และจะขายเธอต่อไปหลังจากที่เขาได้เธอแล้ว เมื่อมิคาอิลโทรมาหาพริมให้ส่งตัวอีรีน่าไปทำงานใช้หนี้แทนนิโคลัย พริมรู้ทันจึงรีบโทรให้เจตรินมาพาอีรีน่าหนีไปและช่วยส่งกลับเมืองไทยให้ไปอยู่กับพ่อและแม่ของเธอซึ่งก็คือตากับยายของอีรีน่านั่นเอง พริมเขียนจดหมายขอโทษพ่อกับแม่และฝากอีรีน่าให้ช่วยดูแล เจตรินพาอีรีน่าหนีลูกน้องมิคาอิลได้อย่างหวุดหวิดจนเธอไม่ได้หยิบจดหมายที่แม่เขียนถึงตากับยายมาด้วย มิคาอิลส่งลูกน้องมาดักหน้าสถานทูตเพื่อจับตัวอีรีน่าให้ได้ หลังจากที่จับพริมไปแล้วเขาจะบังคับให้นิโคลัยอ้างสิทธิความเป็นพ่อห้ามอีรีน่าเดินทางกลับเมืองไทย ยูริลูกจ้างชาวรัสเซียประจำสถานทูต เล่าให้เจตรินฟังว่ามิคาอิลนั้นทำเรื่องผิดกฎหมายมากมาย ทั้งยาเสพติดและค้ามนุษย์ แก๊งนี้ส่งสาวรัสเซียเป็นสินค้าขายบริการไปทั่วโลก ถ้าอีรีน่าตกไปอยู่ในเงื้อมมือ มิคาอิลก็คงไม่รอดเช่นกัน วิธีเดียวที่จะพาอีรีน่าออกจากมอสโคว์และกลับเมืองไทยได้คือต้องแต่งงานกับคนไทยเท่านั้น ยูริแนะนำให้เจตรินแต่งงานกับอีรีน่าเพื่อช่วยเธอ กับอีกเรื่องหนึ่งคือเป็นการช่วยเจตรินไม่ให้ต้องแต่งงานกับอารดา ทุกอย่างเป็นไปตามแผนโดยคนที่รู้ความลับเรื่องการแต่งงานแต่ในนามระหว่างเจตรินกับอีรีน่ามีเพียงยูริกับ ฤดี เสมียน ที่ช่วยดูแลอีรีน่าเท่านั้น วันรุ่งขึ้น เจตรินจึงพาอีรีน่าเดินทางกลับเมืองไทยได้ จังหวะดีที่เขาครบวาระที่มอสโคว์พอดีต้องกลับมาประจำที่กระทรวง ทำให้สบายใจว่ามิคาอิลคงตามมาจับตัวอีรีน่าลำบาก ที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์ ข่าวการแต่งงานของเจตรินกับอีรีน่าทำให้คุณหญิงศรินทิพย์โกรธมาก ประกอบกับมีอารดาคอยใส่ร้ายทำให้นางเกลียดอีรีน่าทั้งที่ยังไม่พบกัน ศรินทิพย์ทั้งเกลียดและกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ฝังใจ นางจึงเรียกอีรีน่าว่าสะใภ้หัวแดง เมื่อถึงบ้านไอศูรย์ศรินทร์ อีรีน่ากราบคุณหญิงและ จีรณัทย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของเจตรินอย่างเรียบร้อยตามที่พริมสอนมา ทำให้จีรณัทย์เอ็นดูและรักทันทีเพราะที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่ชอบอารดาสักเท่าไหร่ ตรงข้ามกับ จิตรดารา น้องสาวคนเล็กที่อยู่ฝ่ายเดียวกับอารดา ส่วนอารดาเมื่อพ่อของเธอซึ่งเป็นประธานสถาบันการเงินหลายแห่งถูกฟ้องล้มละลายจนต้องหนีไปต่างประเทศ อารดาไม่ไปด้วยแต่กลับหาเรื่องย้ายไปอยู่ที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์เพื่อจัดการกับอีรีน่า โดยพาสาวใช้คนสนิทไปด้วยอีกสองคน ดังนั้นทุกวันหลังจากที่เจตรินออกไปทำงานแล้วที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์จะวุ่นวายมาก เพราะอารดากับจิตรดาราและลูกน้องจะหาเรื่องแกล้งอีรีน่า ทว่าหญิงสาวโชคดีที่สาวใช้ที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์คอยช่วยเธอ แม้กระนั้นอีรีน่าก็ยังโดนกีดกันให้อยู่ลำพังเพื่อให้เป็นเหยื่อของอารดากับพวก แต่กลับกลายเป็นว่าคนพวกนั้นกลับโดนอีรีน่าสู้เพื่อป้องกันตัวจนเจ็บไปตาม ๆ กัน วันหนึ่ง เจตรินขอร้องให้จีรณัทย์พาอีรีน่าไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ทำให้จีรณัทย์ได้พบกับกมลกัลย์ ชายคนรักที่ถูกคุณหญิงศรินทิพย์ห้ามคบกันเพราะเรื่องเข้าใจผิดบางอย่าง จีรณัทย์แนะนำกมลกัลย์ให้รู้จักกับอีรีน่า ทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างถูกคอทำให้ นิกกี้แฟนของจิตรดาราที่เปลี่ยนใจมาชอบอีรีน่าไม่พอใจเอาเรื่องไปฟ้องศรินทิพย์ให้โกรธจีรณัทย์จนได้ เรื่องลุกลามถึงขั้นอารดายุให้นิกกี้หาคนไปทำร้ายกมลกัลย์เพื่อเอาใจศรินทิพย์ อีรีน่าซึ่งผ่านมาพอดีได้ยินเข้าจึงหาทางช่วยกมลกัลย์ วันรุ่งขึ้นอีรีน่าแอบซ่อนตัวในรถจีรณัทย์ และตามเธอไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อีรีน่ารีบออกจากรถและหาที่ซ่อนตัว ขณะที่นิกกี้ก็คุมนักเลงตามไปเช่นกัน พวกมันรอจนกระทั่งกมลกัลย์เดินออกมาส่งจีรณัทย์ที่ลานจอดรถและเธอขับรถออกไปแล้วจึงกรูกันออกมาทำร้ายเขา อีรีน่าออกมาช่วยทันที นิโคลัยพ่อของอีรีน่าเป็นอดีตสายลับเคจีบีเก่งเรื่องการต่อสู้ และสอนเธอให้รู้จักการต่อสู้ป้องกันตัวตั้งแต่เด็กและหมั่นฝึกฝนให้เสมอ อีรีน่าจึงเก่งทั้งเทควันโด ยูโด และยิงปืนแม่นอีกด้วย หญิงสาวไม่คิดว่าวิชาที่พ่อสอนไว้จะมีประโยชน์ที่เมืองไทย พวกนักเลงโดนซัดจนหนีกระเจิง กมลกัลย์จึงชวนอีรีน่าไปที่บ้าน ที่นั่นอีรีน่าได้พบกับ พลเอกกันต์ นายทหารนอกราชการ และคุณหญิงพรรณราย นิมิตภูวนาถ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของกมลกัลย์ ท่านทั้งสองถูกชะตากับอีรีน่ามากให้เธอเรียกว่า คุณตาและคุณยาย การที่อีรีน่ามาสนิทสนมกับครอบครัวนิมิตภูวนาถทำให้คุณหญิงศรินทิพย์ยิ่งเกลียดอีรีน่ามากขึ้นไปอีก ส่วนอารดายังคงหาเรื่องแกล้งอีรีน่าทุกวันจนเธอเบื่อจึงแอบหนีไปบ้านนิมิตภูวนาถ อีรีน่ารักและผูกพันกับคุณตาและคุณยายบ้านนี้จริง ๆ อีรีน่าไม่เข้าใจว่าทำไมศรินทิพย์จึงเกลียดคนบ้านนี้ กันต์จึงเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนเกิดความวุ่นวายทางการเมือง การชุมนุมประท้วงรัฐบาลของกลุ่มนักศึกษา พรรณวดี ซึ่งเป็นพี่สาวของกมลกัลย์อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เมื่อทางการใช้กำลังสลายการชุมนุมทำให้พรรณวดีกับเพื่อนเตลิดหนีเข้าป่าเพื่อหนีข้ามไปลาว จิรายุซึ่งเป็นอาของ จีรณัทย์กับเจตริน และเป็นคนรักของพรรณวดีอาสาตามไปเพื่อพาตัวเธอกลับมา จิรายุตามจนทันพรรณวดีกับเพื่อนเขาไปขอปืนจากมือของพรรณวดีแต่เธอไม่ยอมให้ ทั้งคู่จึงแย่งปืนกันปืนลั่นโดนจิรายุบาดเจ็บสาหัสต้องเป็นเจ้าชายนิทราอยู่หลายปีจนเสียชีวิต ขณะที่พรรณวดีหนีหายสาบสูญไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พ่อของจีรณัทย์เสียใจมากตรอมใจตายไปอีกคน คุณหญิงศรินทิพย์จึงโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพรรณวดี และคนในตระกูลนิมิตภูวนาถจึงตัดเป็นตัดตายไม่ยอมคบกันอีกทั้งที่สองครอบครัวนี้สนิทกันมานาน นอกจากนี้ยังทำให้จีรณัทย์ไม่ได้แต่งงานกับกมลกัลย์อีกด้วย อีรีน่าพลอยเศร้าใจไปด้วย แม้จะมีเรื่องยุ่ง ๆ ของคนรอบตัวแต่ก็ทำให้เจตรินกับอีรีน่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างทั้งคู่จึงเกิดขึ้นได้ไม่ยากนักและผูกพันลึกซึ้งมากขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ตัว ในห้วงเวลาเดียวกัน มิคาอิลตัดสินใจพานิโคลัยมาเมืองไทยเพื่อตามหาอีรีน่า พริมย้ำให้นิโคลัยช่วยอีรีน่าให้ได้ มิคาอิลทิ้งพริมไว้กับลูกน้องอีกสองคน นิโคลัยแอบช่วยวางแผนให้ พริมหนีออกมาจากบ้านมิคาอิลได้หลังจากที่เขาไปแล้ว พริมหนีไปทำงานอยู่กับ มาดามแคทเธอรีน ภรรยาทูตฝรั่งเศสในมอสโคว์ทำให้ลูกน้องมิคาอิลไม่กล้าตามมารังควาน ที่เมืองไทย อารดายังไม่ล้มเลิกแผนกำจัดอีรีน่า คราวนี้เธอชักนำ พงษ์ธร จิ้งจอกสังคมในคราบหนุ่มไฮโซเข้ามาในบ้านไอศูรย์ศรินทร์เพื่อมาจีบอีรีน่าและหาทางจัดการเธอเสีย ทว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อเขาคือจิตรดารา ที่หลงรักพงษ์ธรจนยอมเป็นของเขาอย่างเต็มใจ อารดาฉวยโอกาสที่เจตรินเดินทางไปราชการต่างประเทศวางแผนกับพงษ์ธรชวนทุกคนที่ไอศูรย์ศรินทร์ไปพัทยา เจตรินกับจีรณัทย์ไม่ไว้ใจจึงขอร้องให้กมลกัลย์ตามไปช่วยดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อป้องกันไว้ก่อน อีรีน่าค่อนข้างระวังตัวเธอจะอยู่กับจีรณัทย์เสมอจนพงษ์ธรไม่มีโอกาสทำร้ายเธอได้ วันหนึ่งพงษ์ธรกับอารดาหาทางแยกอีรีน่าจากจีรณัทย์ให้ไปเที่ยวกลางคืนกับตนจนได้ ทั้งคู่ตั้งใจจะมอมยาอีรีน่าแล้วพาไปบังกะโลให้พงษ์ธรปล้ำเพื่อทำให้เธอเสื่อมเสียเพื่อให้เจตรินรังเกียจจนต้องหย่ากัน ทว่าอีรีน่ารู้ทันจึงจัดการจนพงษ์ธรและอารดาซึ่งเมามากอยู่แล้วหมดสติไปโดยง่าย เธอแก้เผ็ดทั้งคู่ด้วยการจับทั้งสองคนเปลื้องผ้าขังไว้ในบังกะโลด้วยกัน อีรีน่าปล่อยยางรถขโมยกุญแจและเสื้อผ้าหนีออกมาจากที่นั่น เธอโชคดีที่พบกมลกัลย์ เขาจึงช่วยพาเธอกลับที่พัก ส่วนอารดาได้บทเรียนราคาแพงเมื่อต้องตกเป็นของพงษ์ธรอย่างไม่เต็มใจ เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสองคนต้องอับอายเมื่อซมซานมาถึงที่พักแล้วพบว่าเสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกอีรีน่าแขวนเชือกตากเป็นทิวอยู่บนต้นไม้ อารดากับพงษ์ธรทั้งเจ็บและอายแต่ไม่กล้าบอกความจริงกับศรินทิพย์ ส่วนมิคาอิลให้ เขมชาติ เอเยนต์ค้ายาและผู้หญิงในเมืองไทยสืบหาเจตรินและอีรีน่าจนรู้ว่าอีรีน่าอยู่พัทยาจึงพาพวกตามมา เขมชาติมีลูกน้องคนสนิทชื่อ เอื้อ บังเอิญว่าเอื้อเป็นลูกชายของทหารคนสนิทของกมลกันต์ ดังนั้นเมื่อพงษ์ธรขายที่อยู่ของอีรีน่าให้เขมชาติและมิคาอิล กมลกันต์กับพ่อก็ได้พ่อของเอื้อช่วยเจรจาจนเอื้อกลับใจคอยช่วยอีรีน่าอีกแรง แล้ววันหนึ่ง มิคาอิลก็พาพวกมาจับตัวอีรีน่าไปจนได้ จีรณัทย์กับกมลกัลย์จนปัญญาที่จะช่วยเพราะพวกมันมีอาวุธกันทุกคน พวกมันพาอีรีน่าไปขังรวมกับนิโคลัยไว้ที่บังกะโลแห่งหนึ่ง เอื้อหาโอกาสโทรศัพท์บอกกมลกัลย์ให้ตามมาช่วย ในขณะที่นิโคลัยฮึดสู้เพื่อช่วยอีรีน่าเป็นครั้งสุดท้ายจนถูกยิงตาย แต่ก็เป็นโอกาสให้อีรีน่าแย่งปืนจากคนร้ายมายิงมิคาอิลกับคนสนิทตายหมด เขมชาติหนีไปได้หวุดหวิดเอื้อหนีตามไปด้วยเพื่อไม่ให้เขมชาติสงสัยก่อนจะแยกทางกัน ในวันเดียวกันเจตรินซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศรีบตามมาพัทยาทันทีที่รู้เรื่องเองจากจีรณัทย์ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นข่าวครึกโครมจนคุณหญิงศรินทิพย์หาเรื่องค่อนขอดอีรีน่าได้ทุกวัน โดยมีอารดาคอยช่วยทับถมอย่างไม่ยอมเสียโอกาส ดังนั้นเมื่อส่งศพนิโคลัยกลับไปทำพิธีที่มอสโคว์แล้ว จีรณัทย์สงสารอีรีน่า ไม่อยากให้ต้องกลุ้มใจกับแม่และอารดาอีก จึงปรึกษากับเจตรินให้อีรีน่าไปอยู่บ้านนิมิตภูวนาถ ซึ่งที่นั่นยินดีต้อนรับอย่างเต็มใจ เจตรินและจีรณัทย์จึงกลายเป็นแขกประจำของที่นั่นไปด้วยเพราะไปเยี่ยมอีรีน่า วันหนึ่งขณะที่ อีรีน่าช่วยกมลกันต์ทำสวน เธอมีโอกาสเห็นรูปของพรรณวดีในกระเป๋าเงินของกมลกันต์ อีรีน่าแปลกใจว่าพรรณวดีเหมือนกับแม่พริมของเธอเหลือเกิน กันต์จึงพาไปดูอัลบั้มรูปลูกสาวที่เก็บไว้ อีรีน่าดูอย่างพิจารณาและบอกว่าเหมือนแม่พริมมากจริง ๆ ส่วนเจตรินติดต่อยูริให้ช่วยตามหาพริมเพื่อพาเธอกลับเมืองไทยมาหาอีรีน่าตามสัญญา ยูริตามพบพริมจนได้ เขาขอรายละเอียดและหลักฐานของเธอเพื่อจัดการทำพาสปอร์ต พริมบอกชื่อจริงของเธอว่า พรรณวดี นิมิตภูวนาถ เอกสารต่าง ๆ ในการทำพาสปอร์ตให้ไปรับได้ที่บ้านพลเอกกันต์ เจตรินบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าแม่ของอีรีน่าคือ พรรณวดี เขาได้แต่หวังว่าการกลับมาของเธอและความจริงเรื่องจิรายุที่เธอจะพูดน่าจะทำให้แม่ของเขาเข้าใจและทำให้สองครอบครัวกลับมาสนิทสนมกันเหมือนเดิม เจตรินเล่าเรื่องนี้ให้กมลกัลย์และจีรณัทย์รู้ บังเอิญว่ากำหนดเดินทางกลับของพรรณวดีตรงกับวันคล้ายวันเกิดของกมลกันต์และพรรณรายพอดี ดังนั้นทั้งสามคนจึงวางแผนทำเซอร์ไพรส์ให้กันต์ พรรณราย และอีรีน่า ขณะที่เจตรินกับจีรณัทย์วุ่นวายเตรียมงานวันเกิด อารดาก็วุ่นวายวางแผนกับพงษ์ธรในการกำจัดอีรีน่าถึงขั้นจ้างมือปืนมา ฆ่าเธอ แล้วก็ถึงวันสำคัญ การกลับมาของพรรณวดี ทำให้กมลกันต์และพรรณรายรวมทั้งอีรีน่าดีใจ แต่ที่ดีที่สุดคือการที่พรรณวดีบอกว่าอีรีน่าเป็นลูกสาวเธอ ดังนั้นอีรีน่าจึงเป็นสายเลือดของ นิมิตภูวนาถ จริง ๆ การที่อีรีน่ามาอยู่กับตาและยาย เปิดโอกาสให้อารดาแอบวางยาเจตรินแล้วสร้างเรื่องว่าเขาข่มขืนเธอ อารดาร้องไห้ฟูมฟายกับศรินทิพย์จนศรินทิพย์บังคับให้เจตรินหย่ากับอีรีน่า เจตรินเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักอีรีน่าเหลือเกินจนไม่อยากเสียเธอไป เหตุการณ์สับสนวุ่นวายเมื่อจิตรดาราท้องกับพงษ์ธร เธอตามไปเจรจาเรื่องการแต่งงานแต่กลับพบพงษ์ธรอยู่กับผู้หญิงอื่น พงษ์ธรไล่ให้จิตรดาราไปคอยในห้องแล้วเคลียคลอสวีทหวานลงลิฟต์ไปกับสาวคนใหม่ จิตรดาราหึงจนผลีผลามวิ่งตามลงบันไดเธอพลาดตกลงมาจนแท้ง จิตรดาราถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ระหว่างที่พักฟื้น จิตรดาราได้สติจากความหลงผิด เธอตัดพงษ์ธรออกไปจากชีวิตและไม่ยอมเป็นเหยื่อเขาอีกแล้ว ตรงข้ามกับอารดาที่โดนพงษ์ธรขูดรีดทุกอย่างทั้งตัวและเงินและมากขึ้นทุกวัน จนเธอเริ่มทนไม่ไหว ที่ร้ายไปกว่านั้นคืออารดาเพิ่งรู้ตัวว่าท้องกับพงษ์ธร เธอไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กับคนเลวคนนี้แน่ แผนกำจัดอีรีน่าจึงถูกเร่งวันขึ้นมาอีก อีรีน่าถูกลอบยิงจนได้ในวันหนึ่งโชคดีที่เอื้อช่วยไว้ทัน มือปืนถูกยิงบาดเจ็บหนีไปได้แต่ก็ถูกพงษ์ธรยิงตายเพื่อปิดปาก อีรีน่าบาดเจ็บไม่มากที่แย่กว่าคือแผลทางใจ อารดาพาคุณหญิงศรินทิพย์มาโรงพยาบาลเพื่อกดดันให้อีรีน่ายอมหย่ากับเจตริน เมื่อศรินทิพย์พบกับพรรณวดีที่ตามมาเฝ้าลูก ความแค้นใจก็พลุ่งขึ้นมา เธอไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นสั่งแต่ให้อีรีน่าหย่ากับเจตริน สถานการณ์กดดันบีบคั้นจนอีรีน่ายอมรับปากว่าจะหย่าทั้งที่เสียใจที่สุด ส่วนอารดาวางแผนกำจัดมารชีวิตคนสำคัญคือพงษ์ธร เธอจ้างเขมชาติยิงพงษ์ธรตาย เขมชาติชะล่าใจจึงโดนอารดายิงจนตกไปในน้ำและกระหน่ำยิงซ้ำจนแน่ใจ ข่าวการตายของพงษ์ธรสะใจเธอมาก แต่กลับไม่มีใครพบศพเขมชาติ อารดาเข้าข้างตัวเองว่าเขมชาติต้องตายแน่นอนในเมื่อเธอยิงจนกระสุนหมดขนาดนั้น กำหนดการแต่งงานระหว่างเจตรินและอารดามีขึ้นในเวลาไม่นาน หลังจากกำหนดวันนัดไปหย่าระหว่างเจตรินกับอีรีน่าเพียงวันเดียว อารดาตื่นเต้นวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าสถานที่จัดงานอยู่คนเดียว ขณะที่เจตรินเย็นชาและหมางเมิน เมื่อถึงวันหย่า กมลกัลย์โทรศัพท์มาบอกเจตรินว่าอีรีน่าหนีกลับมอสโคว์แล้ว เจตรินดีใจหาเหตุล้มเลิกงานแต่งงานแต่ศรินทิพย์ไม่ยอม เจตรินจึงบอกว่างานมีตามกำหนดแต่เขาจะไม่จดทะเบียนสมรสกับอารดา เพราะเป็นการจดทะเบียนซ้อน อารดาได้แต่แค้นใจที่อีรีน่าหนีไปมอสโคว์ เย็นวันต่อมา เป็นกำหนดการแต่งงานระหว่างเจตรินกับอารดา ก่อนเดินทางไปที่งาน เจ้าสาวในชุดแต่งงานหรูหราราคาแพงต้องตกใจเมื่อตำรวจมาขอจับกุมตัวในคดีจ้างวานฆ่าพงษ์ธรและพยายามฆ่าเขมชาติ อารดาปฏิเสธเสียงแข็งแต่แล้วก็พูดไม่ออกเมื่อเขมชาติที่ยังบาดเจ็บอยู่ก้าวลงมาจากรถตำรวจ เขารอดตายและไม่ยอมหนี กลับเข้ามอบตัวเพื่อให้ตำรวจจับอารดาดำเนินคดี เขาไม่ยอมเจ็บและโง่อย่างพงษ์ธรเด็ดขาด อารดาฉวยโอกาสวิ่งหนีไปขึ้นรถของเธอที่จอดอยู่หน้าตึกและขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจรีบขับรถตามไป อารดาหนีไม่รอด เธอขับรถประสานงากับรถบรรทุกเสียชีวิตทันที คุณหญิงศรินทิพย์ได้รู้ความจริงเรื่องอารดาว่าร้ายขนาดไหน เธอเสียใจที่มองคนผิดไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ศรินทิพย์เลิกอาฆาตพรรณวดีและให้อภัยทุกอย่างและสั่งให้เจตรินไปตามอีรีน่ากลับมา ด้วยความช่วยเหลือของยูริเจตรินจึงตามมาพบอีรีน่าที่จัตุรัสกลางกรุงมอสโคว์ เขากอดเธอไว้แน่นอย่างดีใจ ขณะที่อีรีน่ายังมีอาการงอนและน้อยใจตัดพ้อเขาหลายคำ แต่เมื่อเจตรินกระซิบบอกว่าเขารักเธอ อีรีน่าก็อารมณ์ดีขึ้น เธอกระซิบบอกเขาเสียงหวานว่าเธอก็รักเขาเช่นกัน ยูริหอบชุดแต่งงานมาให้อีรีน่าสวมอีกครั้งเพื่อถ่ายรูปที่จัตุรัสร่วมกับบ่าวสาวอีกหลายคู่อย่างมีความสุข

มนต์นาคราช 2556

เรื่องย่อ : มนต์นาคราช (2556/2013) มนต์นาคราชเรืองฤกธา ด้วยเดชะอำนาจบารมี ต่างแย่งชิงให้ได้ครองมนต์นาคี เหมือนหิรัญไกรศรี ผู้ไม่มีคุณธรรม เมฆดำบังใจ เผลอไปคิดใหญ่ค้ำฟ้า สามภพโลกานี้ ข้าต้องใหญ่ หาหนทางให้ได้เวทมนตร์ไป ถึงคิดชิงดวงใจยอกอัปสรกัลยา ริษยาสุ่มหัวใจ เหมือนดังไฟเผาชีวี หิรัญไกรศรี ฤทธีผงาดโลกาไม่ชนะใจอัปสรกัลยา มุ่งแต่ไขว้คว้าพระเวทเรืองศรี ต้องแพ้พ่ายอนันตภุชงค์คนดี จวบเวลาพ้นผ่านเนิ่นนานปี ให้กำเนิดบุตรี ดาราวดีและนิลวรรณา ดวงแก้วเทพนาคา กำหนดชะตาพี่น้องสองศรี นิลวรรณาด้อยปัญญา มีราคี จึงเชื่อคำหิรัญไกรศรี ใจนารีจึงมืดดำ ด้วยใจนางนั้นแหลกสลาย เพราะรักแพ้พ่ายดาราวดี เกลียดชังทั้งบุพการี เจ้าลืมความดี เพราะรักบังตา สำนึกบาปสุดท้าย คล้ายดังมีบุญญา ด้วยเวทมนตร์นาคราชเรืองเดชา ดลหัวใจเจ้านิลวรรณา กลับมาใช้กรรมทำความดี กลับมาใช้กรรมทำความดี

จันทร์สุริยคาธ 2556
แม่ค้า 2556

เรื่องย่อ : แม่ค้า (2556/2013) ต้อย (วิณี) เป็นหลานของ ป้ามน คนรับใช้ในบ้านของ ดาราวดี ผู้ดีเก่าหัวโบราณ มีลูกชายชื่อ เดชา รับราชการในกระทรวง แต่มีจิตใจรักชอบต้อย ป้ามนพยายามห้ามปรามต้อยแต่ไม่สำเร็จ ทั้งสองแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งจนต้อยท้อง เดชามีราชการต่างจังหวัด ดาราวดี ได้โอกาสจึงบังคับให้ต้อยออกจากบ้านโดยมอบเงินให้ก้อนหนึ่ง ต้อยจะไม่รับ ป้ามนบอกให้รับไว้เพื่อนำไปเป็นทุนเพื่อลูก

ต้อยออกจากบ้านไปพบกับ ปยุต คนขับรถแท็กซี่และ ฟ้าคำรณ นักมวยทั้งสองให้ความช่วยเหลือให้ที่พักอาศัย ยิ่งรู้ว่าต้อยกำลังท้องทั้งสองยิ่งช่วยกันดูแล โดยเฉพาะคำรณยอมสละห้องให้ต้อยอยู่ เมื่อเดชากลับจากต่างจังหวัดรู้ว่าต้อยหนีออกจากบ้านก็ออกตามหา โดยไม่ฟังเสียงห้ามของแม่ที่พยายามใส่ร้ายว่าต้อยหนีตามผู้ชายไป เมื่อมีผู้ให้ความช่วยเหลือต้อยก็มีกำลังใจในการที่จะต่อสู้ ต้อยเริ่มทำกับข้าวคือข้าวราดแกงออกขาย คำรณว่างจากซ้อมมวยก็จะมาช่วยต้อย ปยุตว่างจากขับรถก็จะมาช่วยล้างจานบ้างพาไปซื้อของบ้าง ความผูกพันเริ่มทวีขึ้นเรื่อย ๆ จนต้อยคลอดลูกเป็นผู้หญิง ปยุตก็ใส่ชื่อตัวเองว่าเป็นพ่อ ต้อยตั้งชื่อลูกว่า นิรชา (แตน) คำรณเห็นว่าต้อยคงจะมีใจกับปยุตมากกว่า คำรณจึงหลีกทางให้ปยุตและขอร้องปยุตว่าต่อไปอย่าทำให้ต้อยเสียใจ ปยุตรับคำ ทั้งสองจึงได้อยู่เป็นผัวเมีย

ปยุตให้ความรักแตนทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง ปยุตดีกับต้อยและแตนมาตลอดจนต้อยท้องและคลอดลูกผู้หญิงมาอีกคน ปยุตตั้งชื่อให้ว่า ปาลินี (ผึ้ง) ปยุตเริ่มเปลี่ยนไปไม่สนใจแตน แรก ๆ ต้อยก็คิดว่าปยุตเห็นผึ้งยังเล็กอยู่ แต่เมื่อมีลูกชายมาอีกคน ชื่อ ปิยะพัทธ์ (ต่อ) ปยุตก็ไม่เปลี่ยนมารักต่อ ยังคงให้ความรักต่อผึ้งมากกว่าเพื่อน แม้แต่เรื่องเรียน พอแตนเรียนจบมัธยมต้นปยุตก็ไม่ให้เรียนต่อ ให้ออกมาช่วยแม่ขายข้าวแกงส่งผึ้งกับต่อเรียน

ผึ้งกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 1 เรียนเก่งเป็นที่พอใจของทุกคนในบ้านโดยเฉพาะพ่อ ต่อเรียนไม่เก่งแค่สอบผ่าน ต่อกำลังเรียนอยู่อาชีวะปี 2 ความขัดสนเริ่มเข้ามาเยือนเนื่องจากปยุตกินเหล้าเมาแล้วไม่ไปขับรถหรือไปก็หาไม่คุ้มกับค่าเช่าจนเถ้าแก่ไม่ยอมให้ออกรถ ค่าใช้จ่ายในการเรียนมหาวิทยาลัยของผึ้ง ซึ่งปยุตพยายามให้ลูกสาวอยู่ในแวดวงของพวกลูกคนมีเงิน ฉะนั้นค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงไปด้วย ผึ้งจะเรียนอย่างเดียว ไม่เคยช่วยงานที่บ้านจนทำให้ผึ้งดูถูกอาชีพของแม่และพี่สาวโดยมีพ่อคอยให้ท้าย

แตนกับแม่พยายามขายข้าวแกงให้ได้มากขึ้น แต่ก็ไม่วายถูกกลั่นแกล้งจากคู่อริของแตนคือ เท่ง ซึ่งเป็นลูกชายจอมเกเรของ คุณนายวลัย เจ้าของสลัมที่พวกแตนเช่าอยู่ เท่งแกล้งขับรถมาชนรถเข็นขายข้าวแกงของแตนจนคว่ำเสียหาย ทำให้แตนและ สอน เพื่อนคู่หูของแตนเกิดการชกต่อยกันขึ้น สอนซึ่งเป็นนักมวยที่ค่ายของฟ้าคำรณซึ่งได้รับการฝึกจากคำรณมาบ้าง ทำเอาพวกของเท่งได้รับบาดเจ็บหลบหนีกันไป เมื่อกลับถึงบ้านคุณนายวลัยก็มาฟ้องปยุต และมาทวงค่าเช่ารวมทั้งเงินกู้ ทำให้ปยุตถึงกับลงมือกับแตนโดยตบหน้าแตน ต้อยพยายามห้ามและเล่าความจริงให้ฟัง ปยุตก็ไม่สนใจเพราะปยุตถือว่าคุณนายวลัยเป็นผู้มีพระคุณ แตนวิ่งหนีไปที่ค่ายมวยไประบายอารมณ์กับกระสอบทราย คำรณมองอย่างสงสาร แตนถามคำรณว่าปยุตเป็นพ่อจริง ๆ ของแตนหรือเปล่า แตนถูกคำรณดุว่าคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง แตนสงสัยว่าทำไมพ่อจึงรักลูกไม่เท่ากัน เมื่อแตนสบายใจแล้วก็กลับบ้านเพื่อไปช่วยแม่เตรียมของไว้เพื่อสำหรับขายในวันรุ่งขึ้น

ผึ้งกลับจากมหาวิทยาลัยก็ไม่สนใจที่จะช่วยงานที่บ้านโดยอ้างว่าการบ้านเยอะ ส่วนต่อกลับมาก็รีบช่วยแม่กับแตนทำทุกอย่างที่ทำได้ เมื่อปยุตเมากลับมาก็จะชอบพูดยกย่องว่าผึ้งเป็นเด็กดี เรียนก็เก่ง ต่อไปจะเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ แล้วก็พูดถึงแตนว่าจะต้องเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงไปตลอดชีวิต รวมทั้งต่อด้วยที่จะต้องตัวดำมุดอยู่แต่ใต้ท้องรถหรือไม่ก็อาจจะติดยา ต้อยทนไม่ได้ก็เถียงขึ้นมาบ้าง ปยุตก็เงียบไป ผึ้งเข้ามาบอกว่า อาทิตย์หน้าจะต้องเอาเงินไปจ่ายค่าทัศนศึกษาหนึ่งพันบาท ปยุตก็บอกให้ต้อยเตรียมเงินไว้ให้ลูกด้วย ต้อยจะพูดแตนก็ห้ามไว้ แตนกับแม่ออกขายข้าวแกงวันดีคืนดีก็ได้พบกับพวกเท่งอีก แตนทนไม่ได้จึงบอกเท่งว่าถ้าก่อเรื่องอีกแตนจะยอมติดคุกและก็จะฆ่าล้างโคตรเลย เท่งเห็นว่าแตนเอาจริงจึงล่าถอยไปแต่ไม่วายที่จะหาทางแกล้งไม่ว่ากับแตนหรือกับน้อง ๆ

ต่อถูกนักเรียนฝ่ายตรงข้ามไล่ตีมาก็มาพบกับแตน สอนและแม่ขายข้าวแกงอยู่ แตนกับสอนจึงจัดการกับพวกนักเรียนเกเรกระเจิงไปแต่ก็หมดแกงไปหม้อหนึ่ง เมื่อกลับถึงบ้านก็ถูกพ่อด่าแล้วก็ทุบตีอีกที่ทำให้ของเสียหาย แตนก็วิ่งไประบายอารมณ์ที่ค่ายมวยอีก แต่พอวิ่งถึงตลาดแตนก็พบคนวิ่งราวกระเป๋าของคนแก่ แตนจึงเข้าสกัดแล้วแย่งเอากระเป๋าคืนมาได้แล้วก็ส่งคืนให้เจ้าของซึ่งก็คือดาราวดีกับป้ามนที่มาจับจ่ายซื้อของ ดาราวดีหยิบเงินให้แตนเป็นรางวัลแต่แตนไม่รับเดินจากไป ดาราวดีกับป้ามนมองแตนอย่างพินิจ ดาราวดีเอานามบัตรให้ป้ามนเอาไปให้แตนว่าถ้าเดือดร้อนไม่ว่างานหรือเงินให้ไปหา แตนบอกว่าอยากทำงานแต่มีความรู้แค่มัธยมต้น ป้ามนบอกให้ไปหาวันรุ่งขึ้น

ดาราวดีกลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องที่ไปประสบมาให้เดชาที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ฟัง แต่เดชาไม่สนใจ อาการป่วยของเดชาเป็นมานานนับสิบปี แต่เดชาไม่พยายามที่จะอยากหายเพราะไม่มีกำลังใจ หมอบอกถ้าเดชามีความพยายามและมีกำลังใจ สักวันหนึ่งเดชาก็จะเดินได้ ดาราวดีเกือบจะพลั้งปากบอกเดชาว่าแตนหน้าตามีส่วนคล้ายต้อยกับเดชา ส่วนป้ามนเมื่อกลับมาถึงก็รีบไปค้นหารูปต้อยสมัยสาว ๆ ขึ้นมาดู

คำรณกลับมาจากสนามมวยและรู้เรื่องที่แตนถูกตีอีกจึงออกไปหาแตนที่บ้าน เมื่อพบกับปยุตทั้งสองจึงมีปากเสียงกัน ปยุตก็เถียงแบบข้าง ๆ คู ๆ จนคำรณทนไม่ได้เลยต่อยปยุต ปยุตถึงกับสลบ แตนกลับมาบ้านมาเห็นจึงรีบช่วยแม่พาพ่อเข้าบ้าน คำรณเอาเงินให้แตนสองพันบาทเพราะรวยพนันมวยมา แตนจะไม่รับ คำรณบอกให้เก็บเอาไว้เวลาฉุกเฉิน หลังจากดูแลพ่อเรียบร้อยแตนก็ได้คุยกับแม่เรื่องที่จะไปหางานทำจะได้ไม่มีเรื่องให้ร้อนใจ ต้อยเตือนให้ระวังว่าอาจจะถูกหลอกได้

ต่อกลับมาถึงบ้านมืดผิดเวลาเมื่อแตนซักถามต่อก็อ้างว่าไม่อยากเข้าบ้านเพราะรำคาญเสียงพ่อด่า แม่ไล่ต่อไปอาบน้ำแล้วหาข้าวกิน วันรุ่งขึ้นหลังจากช่วยแม่จัดของและออกไปส่งแม่เรียบร้อยแตนก็ฝากเงิน 1,000 บาทไว้ให้ผึ้ง แตนบอกแม่ว่าคำรณให้ แล้วแตนก็ไปที่บ้านดาราวดี ดาราวดีตั้งหน้าตั้งตาคอยการมาของแตน ป้ามนก็เหมือนกัน ทั้งสองพยายามที่จะไม่ให้อีกฝ่ายรู้ แต่ทั้งสองก็รู้จนได้ เว้นเดชาคนเดียวที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แตนมาถึงป้ามนรีบพามาหาดาราวดีที่กำลังนั่งอยู่กับเดชา เมื่อสอบถามความปรารถนาของแตนแล้ว ดาราวดีก็เสนอให้มาทำหน้าที่ดูแลเดชา แตนก็ยินดี เดชาไม่สนใจแตน แตนถามถึงหลักฐานในการสมัครงาน ดาราวดีบอกไม่ต้องเพราะคิดว่าแตนเป็นคนดี ดาราวดีตั้งเงินเดือนให้แตนเดือนละ 4,500 บาท และให้หยุดอาทิตย์ละสองวันตามความต้องการของแตน แตนดีใจเพราะไม่คิดว่าจะได้มากถึงขนาดนี้ แตนตกลงจะมาเริ่มงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้

แตนกลับไปบ้านไปบอกแม่กับพ่อ ปยุตไม่ว่าอะไรเพียงแต่ประชดว่าไปบอกไอ้ครูมวยรึยัง เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อช่วยงานแม่เสร็จแตนก็รีบไปทำงานที่บ้านดาราวดี โดยได้รับการชี้แนะจากป้ามนและดาราวดี แตนทำงานอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจเดชาแม้ว่าเดชาจะทำสกปรก เป็นที่พอใจของดาราวดีมาก เมื่อว่างแตนก็จะหาหนังสือมาอ่านให้เดชาฟัง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือหนังสืออื่น ๆ ที่เดชาต้องการ เดชาเริ่มชอบแตนและชอบนั่งมองแตนแต่ไม่พูดอะไร ดาราวดีมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกชายภายหลังจากที่แตนมาดูแล ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การแต่งตัว ยอมให้แตนทำให้ทุกอย่าง เริ่มพูดคุยกับแตนมากขึ้น แตนพยายามชวนให้เดชาออกกำลังตามที่ดาราวดีหาหนังสือคู่มือมาให้ เดชาก็ยอมทำตามทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนไม่เคยยอมใครแม้แต่หมอ ดาราวดีเสนอให้แตนมาค้างที่นี่จะจัดห้องบนตึกให้และจะจ่ายเงินเดือนเพิ่มให้อีกเท่าตัว วันหยุดยังเหมือนเดิม แตนขอไปปรึกษาแม่ก่อน ในตอนแรกต้อยก็ดีใจแต่ก็สอบถามว่าเป็นบ้านของใครอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าเป็นบ้านของดาราวดี ต้อยก็มีคำสั่งห้ามไม่ให้แตนไปทำงานที่บ้านนั้นอีกเด็ดขาด และห้ามถามเหตุผล ถ้าแตนไม่เชื่อฟังแม่จะฆ่าตัวตายให้ดู ทำให้แตนตกใจมาก แต่ไม่พยายามที่จะถามให้แม่สะเทือนใจอีก และต้อยสั่งห้ามบอกใครทั้งสิ้น ถึงปยุตถามก็บอกว่าเลิกทำ ทำให้ปยุตตราหน้าว่าแตนไม่มีความอดทน

บ้านดาราวดีรอการกลับมาของแตน แต่ก็ไร้วี่แวว ทุกคนคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาด้วยความเป็นห่วง ดาราวดีได้ให้น้อยหน่าคนขับรถกับป้ามนไปตามหาแตน ป้ามนและน้อยหน่าเดินผ่านรถขายข้าวแกงของต้อยแต่ก็จำกันไม่ได้ แตนเห็นจึงหลบป้ามน แล้วสะกิดบอกแม่ว่านี่คือป้ามน เมื่อต้อยเห็นก็รีบเข็นรถหนี และเมื่อกลับถึงบ้าน ผึ้งก็กำลังจะออกไปทัศนศึกษากับเพื่อนที่ต่างจังหวัด และในเวลาต่อมาก็มีตำรวจมาตามหาต่อ แตนปฏิเสธว่าไม่มีคนชื่อต่อที่นี่ตำรวจก็กลับไป คนขับแท็กซี่มาบอกว่าปยุตไปออกแท็กซี่แล้วก็ถูกรถสิบล้อชน ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ต้อยตกใจทำอะไรไม่ถูก แตนจึงบอกให้ผึ้งอยู่ดูแลแม่และคอยบอกให้ต่อหลบตำรวจไปอยู่ที่ค่ายมวย ส่วนแตนจะไปดูพ่อ ผึ้งอยู่ไม่ได้เพราะได้เวลารถออกแล้ว แม่จึงให้ผึ้งไป แตนมองตามผึ้งอย่างน้อยใจ แม่ขอไปโรงพยาบาลกับแตน ทั้งสองคนแม่ลูกจึงไป ระหว่างทางเจอกับสอนจึงขอร้องให้สอนคอยดักต่อให้ไปหลบที่ค่ายมวยเพราะตำรวจมาตามตัว ที่โรงพยาบาลปยุตได้รับบาดเจ็บที่หัวและใบหน้านิดหน่อย แขนขวาหักเข้าเฝือก หมอบอกต้องอยู่อย่างน้อยก็เจ็ดวันถึงสิบวัน แตนเอาเงินที่เก็บไว้ไปจ่ายค่ายาให้ปยุต เมื่อเสร็จเรื่องของปยุตแตนก็รีบกลับเพราะเป็นห่วงต่อ เมื่อถึงบ้านก็รู้จากสอนว่าต่อถูกตำรวจรวบตัวไปที่สถานีตำรวจแล้ว แตนกับต้อยรีบตามไปที่สถานีตำรวจ ตำรวจจะกันต่อไว้เป็นพยานและเป็นสายให้ถ้ายอมร่วมมือ ถ้าไม่เช่นนั้นต่อจะต้องติดคุกหมดอนาคต เพราะมียาไว้ในครอบครอง ต่อพยายามอธิบายให้แม่กับพี่ฟังว่าไม่ใช่ของต่อ เพื่อนมันวิ่งหนีแล้วมายัดของให้ต่อ แตนขอให้ต่อให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่ออนาคตของต่อเอง ต่อตกลง ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันแล้วปล่อยต่อกลับไป

เมื่อกลับมาถึงบ้าน วลัยมายื่นคำขาดให้จ่ายค่าเช่าที่ค้างรวมทั้งเงินต้นและดอกตามกำหนด ไม่เช่นนั้นให้ย้ายออกไป แตนรับปากจะหาให้เมื่อแม่เข้านอน แตนได้เตือนต่อให้ระวังตัวมาก ๆ เพราะการเป็นสายให้ตำรวจถ้าฝ่ายค้ายาบ้ามันรู้มันฆ่าตายแน่

บ้านดาราวดีกลับเข้าสู่สภาพเดิมก่อนที่แตนจะเข้ามาหรืออาจจะยิ่งมากขึ้นก็ได้ แตนไปเยี่ยมพ่อหลังจากที่ช่วยแม่เตรียมของไปขาย ปยุตต่อว่าต้อยไม่มาเยี่ยมห่วงแต่ขายของไม่ห่วงชีวิตของผัว แตนพยายามอธิบายปยุตก็ไม่ฟัง ถามถึงผึ้งเมื่อรู้ว่าผึ้งไปตจว.ก็ไม่ว่าอะไร แตนกับต่อลากลับเพื่อจะไปช่วยแม่ขายของ เย็น ๆ จะกลับมาใหม่พร้อมกับแม่

ที่หน้าโรงพยาบาล แตนเห็นอาม่าแก่ ๆ กำลังมองซ้ายมองขวาเหมือนจะข้ามถนน แตนกับต่อเลยเข้าไปถาม เมื่อรู้ว่าจะหารถกลับบ้าน แตนจึงจัดการช่วยเหลือ เมื่ออาม่าส่งเงินและที่อยู่ให้แตนให้ต่อกลับไปช่วยแม่ก่อนเดี๋ยวจะตามกลับไป แตนเรียกแท็กซี่แล้วพาอาม่าขึ้นรถไป ภายในโรงพยาบาล ภวันกับภัทรมน สองแม่ลูกกำลังตามหาอาม่าถามใครก็ไม่มีใครเห็นภัทรมน จึงให้ภวันลูกชายโทรกลับไปบ้าน เผื่อว่าอาม่าจะหนีกลับบ้านก่อน ระหว่างทางอาม่ากับแตนคุยกันอย่างถูกคอ จนถึงบ้านแต่พาอาม่าเข้าบ้าน แม่บ้านรายงานว่า ตี๋เล็กหรือภวัน โทรมาตามหาอาม่า แม่บ้านรีบโทรกลับไป บอกภวัน แตนลากลับ เมื่ออาม่ารู้ว่าแตนขายข้าวแกงก็เลยสั่งให้เอามาส่งให้ในวันพรุ่งนี้อย่างละ 50 บาท แตนบอกอย่างละ 20 ก็พอ อาม่าไม่ยอมจะเอาอย่างละ 50 และแถมค่ารถไปกลับให้ด้วย และให้ส่งให้ทุกวัน ภวันกับภัทรมนกลับมาพอดีกับแตนจะออกไป ภวันเดินออกไปส่งแล้วจะเอาเงินให้แตน แตนไม่รับและสอนให้ภวันรู้จักน้ำใจว่าซื้อหาไม่ได้ ภวันไม่เชื่อว่าเงินจะซื้ออะไรต่อมิอะไรไม่ได้

เดชาจะออกไปตามหาแตนเอง โดยให้น้อยหน่าขับรถให้ ดาราวดีก็โทษตัวเองที่ไม่เอาสำเนาบัตรประชาชนของแตนไว้ เพราะอย่างน้อยก็มีที่อยู่ ป้ามนช่วยแก้ให้ ดาราวดีสบายใจว่าใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น รถของเดชาขับช้า ๆ คอยมองหาแตน แตนเดินข้ามถนนหลังรถเดชาแต่ไม่เห็นกัน เดชากลับบ้านให้เรียกทนายมาให้หานักสืบออกตามหา

แตนเล่าเรื่องอาม่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าอาม่าอยากจะตอบแทนที่แตนไปส่ง ก็เลยสั่งอาหาร แค่นี้เราก็รู้แล้วว่าอาม่ามีน้ำใจ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ท่านเป็นภาระเลย และโดยปกติแล้วคนจีนชอบทานอาหารจืด ๆ แต่กับข้าวของเราส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารไทยและรสจัด

วันรุ่งขึ้นอาม่ารอไม่เห็นแตนเอากับข้าวมาส่งจึงขอให้ภวันขับรถมาตามหา เพราะได้ยินแตนเล่าให้ฟังว่าขายอยู่ที่ไหน พอพบอาม่าลงมาต่อว่าแตนที่ไม่เอากับข้าวไปส่งเพราะรอกินอยู่ แตนแนะนำให้แม่รู้จักอาม่าและภวัน อาม่าชมว่าต้อยเลี้ยงลูกดีให้ลูกมีน้ำใจทั้ง ๆ ที่ต้องมาช่วยแม่ขายของแล้ว เย็นก็ต้องกลับไปดูพ่อที่โรงพยาบาลอีก อาม่าเหมาหมดทุกอย่าง แตนพยายามทักท้วง อาม่าบอกว่าที่บ้านคนเยอะแค่นี้ไม่พอหรอก แล้วอย่าลืมพรุ่งนี้ให้เอาไปส่งหรือว่าจะให้มาเอาเอง แตนรับปากว่าจะเอาไปส่งเพราะไม่อยากจะเห็นคนหน้าบึ้ง แตนอดที่จะเหน็บภวันไม่ได้ อาม่าหัวเราะชอบใจแล้วขึ้นรถกลับไป แตนมองเงินในมือแม่ แม่ยิ้มด้วยความตื้นตันใจที่เห็นคนมีน้ำใจ เมื่อคลี่ออกมาเป็นเงินใบละร้อยห่อเงินใบละห้าร้อยอยู่เมื่อภวันกลับมาส่งอาม่า ภวันจึงขออนุญาตไปหาเพื่อนที่ต่างจังหวัด ภวันไปพบกับ สวิต เพื่อนสนิทที่มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ ของน้องสาว สวิตสนใจผึ้ง ผึ้งเองก็สนใจสวิตเหมือนกัน สวิตพยายามชวนผึ้งดื่ม แรก ๆ ผึ้งก็ปฏิเสธเพราะไม่เคย แต่ทนแรงเชียร์จากเพื่อน ๆ ไม่ไหวจึงยอมดื่ม เมื่อมีแก้วแรกก็ย่อมมีแก้วต่อ ๆ ไป ผึ้งเริ่มเมาก็เริ่มไม่หวงตัว กอดคลอเคลียร์กับสวิต จนดึกทุกคนแยกย้ายกันเข้านอน สวิตก็พาผึ้งเข้านอนเช่นกัน

วันรุ่งขึ้นขณะที่แตนเอากับข้าวไปส่งให้อาม่า ดาราวดีกับป้ามนมาถามหาคนชื่อแตนกับต้อย ต้อยก้มหน้าตอบว่าไม่รู้จักแล้วก็รีบเข็นรถหนีไป ดาราวดีกับป้ามนมองตามอย่างงง ๆ ที่บ้านอาม่า ภวัต ลูกชายอาม่ากับ ภัทรมนลูกสะใภ้ชวนแตนให้มาทำงานด้วยดีกว่าไปขายข้าวแกงอีก ชวนให้แม่มาด้วยก็ได้ อาม่ามีงานให้ทำ แตนขอไปปรึกษาแม่ก่อน เมื่อแตนกลับมาถึงก็ปรึกษาแม่ แม่รู้ว่าภัยกำลังเข้ามาใกล้ลูกแล้วจึงอนุญาตให้แตนไปทำ แต่ตัวเองทิ้งไปไม่ได้หรอก ผึ้งลงจากรถเก๋งของภวันที่มีสวิตนั่งอยู่ แตนมองเห็นจำได้ แต่แตนไม่ถาม ผึ้งกลับเข้าบ้านมีอาการแปลก ๆ แตนช่วยแม่ทำความสะอาดเสร็จถึงชวนกันไปเยี่ยมพ่อ ผึ้งผลัดรอไปพรุ่งนี้ แตนกับแม่จึงไปเพียง 2 คน

หลายวันต่อมา ปยุตออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักที่บ้าน ต่อมาเล่าให้แตนและคำรณฟังเรื่องตำรวจกำลังจะกวาดล้างพวกค้ายาโดยมีต่อเป็นหน้าม้า คำรณให้ระวังอย่าพูดให้ใครฟังอีก ไม่เช่นนั้นจะไม่ปลอดภัยทั้งครอบครัว ผึ้งกลับบ้านผิดเวลาตลอดถ้าถามก็จะอ้างกิจกรรมเยอะ แต่แท้ที่จริงไปคลุกอยู่ที่ห้องของสวิต การเรียนเริ่มตกต่ำ แตนไปทำงานที่บ้านภวัน ทั้งสองชอบกัดกันในเรื่องที่ภวัตไม่รู้จักค่าของเงิน อาม่ามองอย่างพอใ

ต่อไปทำงานให้ตำรวจโดยไม่มีโอกาสบอกใคร เหตุการณ์เกิดผิดพลาดต่อถูกยิงอาการสาหัส ตำรวจนำส่งโรงพยาบาลและไปแจ้งให้ที่บ้านรู้ซึ่งมีแต่ปยุต ปยุตรีบออกไปตามต้อยเพื่อที่จะไปดูลูกที่โรงพยาบาล ต้อยโทรศัพท์ตามแตน แตนตกใจจึงขออนุญาตอาม่าไปเยี่ยมต่อ อาม่าให้ภวันขับรถไปส่งที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงได้พบกับแม่และพ่อปยุตบ่นว่าต่อหาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ ไม่รักดีไปคบกับพวกยาบ้า แตนทนไม่ได้จึงเล่าความจริงให้ฟัง แทนที่รู้ความจริงแล้วปยุตจะเห็นใจกลับหาว่าต่ออยากดัง ไปยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้วยังหันมาด่าแตนว่าไม่ดูแลน้อง ต้อยฟังแล้วก็ช้ำใจที่ปยุตเป็นคนไม่มีเหตุผล ต้อยโกรธจนเป็นลม แตนต้องร้องเรียกให้พยาบาลมาช่วย ภวันได้รู้ได้เห็นเริ่มเข้าใจชีวิต พยาบาลพาต้อยเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนต่อก็ยังอยู่ในห้องผ่าตัด อาม่าโทรศัพท์เข้ามือถือภวัน ภวันรายงานให้อาม่ารู้ อาม่าสั่งให้ภวันอยู่จัดการทุกอย่างให้หาห้องพิเศษให้ ค่าใช้จ่ายอาม่าจัดการเอง พยาบาลออกมาบอกแตนว่า ต้อยเป็นโรคหัวใจและความดันเป็นอันตรายมาก ถ้าเป็นอีกมีสิทธิที่จะเสียชีวิต แตนกับปยุตฟังถึงกับอึ้ง ปยุตบ่นว่าจะหาเงินที่ไหนมารักษาทั้งแม่และลูก ภวันบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะอาม่าโทรศัพท์มาสั่งให้จัดการแล้ว ปยุตค่อยเบาใจ ปยุตแอบกระซิบกับแตนว่าภวันเป็นแฟนหรือ แตนดุพ่อ

เช้าอาม่าขอให้ภวันพาไปเยี่ยมแม่และน้องของแตน ส่วนภวัตและภัทรมนจะไปเยี่ยมเพื่อนก่อนแล้วจะตามไป อาม่ามาเห็นสภาพแตนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไหนจะแม่ไหนจะน้องที่ยังไม่พ้นขีดอันตรายยังอยู่ในห้องไอ ซี ยู อาม่าปลอบใจแตน แตนขอบคุณอาม่าที่ให้ความช่วยเหลือ อาม่าบอกให้ภวันพาแตนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมาใหม่ อาม่าจะอยู่เฝ้าให้ แตนจะไม่ยอม ภวันจึงเตือนว่าถ้าแตนล้มอีกคนใครจะมาช่วยดูแลแม่กับน้อง แตนจึงยอมไป ภวัตกับภัทรมนกำลังพูดคุยอยู่กับเดชาที่เป็นเพื่อนเก่าและดาราวดี ดาราวดีเล่าให้ภวัตฟังว่า อาการของเดชาเกือบจะดีแล้วเมื่อได้เด็กคนหนึ่งมาช่วยดูแล เดชามีกำลังใจมาก แต่อยู่ ๆ เด็กก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยไปตามหาที่ไหนก็ไม่พบ เดชาก็ออกไปตามเอง เดชาบอกว่าเด็กชื่อแตนทำให้สองผัวเมียมองหน้ากัน ภัทรมนจึงเล่าเรื่องแตนให้ฟัง เดชาได้ยินจึงอยากพบแตน และเมื่อรู้ว่าไปเฝ้าไข้แม่และน้องที่โรงพยาบาล เดชาก็ขอให้ภวัตพาไป เดชารีบเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จนแม่และป้ามนตามแทบไม่ทัน

ที่บ้านแตน แตนมาถึงขณะที่วลัยพาพวกมาทวงเงินและถ้าไม่ได้จะรื้อบ้าน ภวันถามจำนวนเงิน เมื่อรู้จึงควักกระเป๋าจ่ายให้ เท่งพูดก่อนจากไปว่ารีบหาผัวให้น้องได้แล้ว เพราะผึ้งกำลังแพ้ท้อง เดี๋ยวจะได้ลูกโดยไม่มีพ่อ ผึ้งวิ่งออกมาอ้วกและพอเห็นภวันก็ตกใจเรียกชื่อภวัน แตนงงและสงสัยว่าทำไมทั้งสองจึงรู้จักกัน แตนพาผึ้งเข้าบ้านเพื่อซักถามอาการ ผึ้งรับว่าประจำเดือนได้ขาดหายไปเป็นเดือนที่สองแล้ว แตนถามถึงพ่อเด็กในท้อง ผึ้งไม่ยอมบอก แตนหันไปถามภวัน ผึ้งห้ามไม่ให้ภวันบอก ทำให้แตนคิดว่าต้องเป็นภวันแน่ ๆ แตนไล่ภวันกลับไป ปยุตกลับเข้ามาเห็นผึ้งร้องไห้ก็เอะอะเอากับแตน ภวันไปหาสวิตที่บ้าน ให้สวิตรับผิดชอบแต่สวิตปฏิเสธ อ้างว่าถ้าพ่อแม่รู้ ตนจะไม่ได้ไปเรียนต่อ ภวันโกรธเพื่อนมากจึงตัดความเป็นเพื่อน

ที่โรงพยาบาล อาม่านั่งเฝ้าต้อยอยู่ ภวัตพาดาราวดีและภัทรมนเข้าเยี่ยม อาม่าและภวัต ภัทรมนจึงออกมารออยู่ข้างนอก เดชากับดาราวดีเห็นต้อยก็จำได้ถึงแม้ว่าจะดูโทรมไปมาก เดชาเข้าไปบีบมือต้อยด้วยความสงสารน้ำตาไหลอาบแก้ม ดาราวดีก็น้ำตาไหลเสียใจที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง ได้แต่พูดเบา ๆ ว่าขอโทษ ดาราวดีออกมาเล่าเรื่องให้อาม่า ภวัตและภัทรมนฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าแท้จริงแล้วแตนคือลูกของต้อยกับเดชา ตั้งแต่นั้นมาตนและลูกก็รับกรรมที่ทำมาตลอด ภวัตขอร้องให้กลับกันไปก่อนเพราะถ้าต้อยตื่นขึ้นมาเห็น ถ้ารับไม่ได้อาการโรคหัวใจจะทรุดหนัก ภวัตขอร้องไม่ให้ดาราวดีบอกว่าแตนเป็นลูกของเดชา ดาราวดีรับคำ เมื่อกลับถึงบ้านจึงเล่าให้ป้ามนฟังและคิดว่าเดชายังคงไม่รู้ แต่เดชาปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับบอกว่าตนรู้เรื่องว่าต้อยท้องสามเดือนก่อนต้อยจะจากไป แตนกลับมาที่โรงพยาบาลก็เห็นผึ้งนั่งเฝ้าแม่อยู่ ผึ้งบอกว่าอาม่าจะมาเยี่ยมอีกในวันพรุ่งนี้ ต้อยเริ่มรู้สึกตัว แตนรีบไปตามพยาบาลมา แม่ถามถึงอาการของต่อ แตนบอกว่าปลอดภัยแล้ว ผึ้งอาสาจะเฝ้าไข้แม่ แตนก็ต้องไปเฝ้าไข้ต่อ เมื่อทุกคนหลับแตนกับผึ้งได้คุยกันอีก แตนพยายามถามว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ผึ้งไม่ตอบ แต่บอกว่าไม่ใช่ภวัน แตนบอกให้ผึ้งระวังอย่าทำให้พ่อกับแม่รู้ซะก่อนแล้วแตนจะหาทางจัดการแก้ไขเอง เพราะแม่เป็นโรคหัวใจ ส่วนพ่อก็หวังในตัวผึ้งมาก ถ้ารู้ท่านก็คงจะผิดหวังมาก ผึ้งขอโทษแตน แตนปลอบน้อง

เดชาตื่นแต่เช้าพยายามช่วยตัวเองไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัวเพื่อที่จะได้ออกไปพบต้อยกับแตน ดาราวดีเห็นก็ยิ่งเกิดความสงสารมากขึ้น ภวัตมารับเดชากับดาราวดีไปที่โรงพยาบาลได้พบกับแตนและผึ้งที่กำลังจะกลับบ้าน แตนดีใจที่ได้พบเดชากับดาราวดี แตนเล่าถึงสาเหตุที่ไม่ได้กลับไปทำงานต่อ เพราะแม่สั่งห้ามไม่อย่างนั้นแม่จะฆ่าตัวตาย ภวัตได้ยินก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่ ยิ่งต้อยเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย จึงขอให้เดชากับดาราวดีอย่าเพิ่งเข้าเยี่ยมต้อยเลย เดชากับดาราวดีขอเป็นเจ้าของไข้ และขอร้องแตนอย่าได้ปฏิเสธเลย ภวัตตัดบทไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ดาราวดีส่งเงินให้แตน แตนไม่รับ ดาราวดีบอกว่าเป็นเงินค่าแรงที่แตนทำงาน แตนจึงรับ

เท่งกำลังเล่าว่าเห็นผึ้งมีอาการแพ้ท้องให้ปยุตฟัง ปยุตไม่เชื่อ พวกเท่งแซวว่าปยุตจะได้หลานโดยไม่รู้ว่าใครเป็นลูกเขย ปยุตเดินเมากลับบ้านพร้อมกับความแค้น เพราะนึกว่าคนที่เท่งพูดถึงคือแตน เมื่อมาถึงจึงเข้าตบแตนและก็ด่าว่าไม่รักดี ท้องให้พ่อแม่อับอายชาวบ้าน ปยุตด่าว่าแตนใจง่ายเหมือนแม่จนต้องท้องไม่มีพ่อ ต้องมาอาศัยคนอื่นเป็นพ่อ ผึ้งทนไม่ได้จึงรับสารภาพว่าคนที่ท้องไม่ใช่แตนแต่เป็นผึ้งเอง ปยุตได้ยินถึงกับช็อก ขณะที่คำรณเข้ามาพอดี คำรณพยายามที่จะเข้าไปปลอบปยุต ปยุตไม่ฟังได้แต่พูดว่าไม่จริงเป็นไปไม่ได้ ปยุตเดินออกจากบ้านไป คำรณบอกให้สอนตามไปดูห่าง ๆ แตนพาผึ้งเข้าบ้านแล้วออกมาคุยกับคำรณเพื่อถามถึงพ่อที่แท้จริง คำรณไม่รู้นอกจากต้อยคนเดียวที่รู้

เมื่อต้อยอาการดีขึ้นก็สังเกตเห็นท่าทีของแตนที่เงียบเหงาไปจึงถามผึ้ง ๆ บอกว่าแตนรู้แล้วว่าพ่อปยุตไม่ใช่พ่อที่แท้จริง ต้อยเรียกแตนเข้าไปกอดด้วยความรักและสงสารที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับแม่และน้อง ๆ ผึ้งบอกว่าตั้งแต่แม่ไม่สบายแตนยังไม่ได้นอนเลย ต้อยยิ่งสงสารลูกมากขึ้น ต้อยจึงเล่าเรื่องของพ่อแตนให้ฟังและขอให้แตนยกโทษให้กับทุกคนแล้วถือว่าเป็นบาปกรรมที่เราต้องชดใช้ แตนบอกต้อยว่าเดชากับดาราวดีมาเยี่ยมตั้งสองสามครั้งขณะที่ไม่ได้สติและดาราวดีขอเป็นเจ้าของไข้ให้แม่ด้วย คืนนี้แม่ขอร้องให้แตนกับผึ้งกลับไปนอนที่บ้านไปดูพ่อด้วย ผึ้งกำลังจะบอกแม่ แตนจึงแกล้งชวนผึ้งกลับ พอกลับไปถึงบ้านแตนกับผึ้งก็ได้เห็น ภวันนั่งคอยอยู่กับสวิต ผึ้งเห็นจึงเลี่ยงหนีเข้าบ้าน ภวันพยักหน้าให้สวิตตามเข้าไป แตนขอโทษภวันที่เข้าใจผิด ทั้งสองคู่เข้าใจกัน สวิตจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอผึ้งและแต่งงานโดยเร็ว แตนพอใจและขอบใจภวันที่ช่วยเหลือ

ตกดึก ปยุตได้เข้ามาหามาขอโทษต้อยที่ทำตัวไม่ดีและขอยอมรับผิดทุกอย่าง ต้อยยกโทษให้ขณะที่ทั้งสองเข้าใจกัน เดชาได้เข็นรถเข้ามา ต้อยตกใจ ปยุตมองและเข้าใจจึงเชิญให้เดชาเข้ามา ส่วนตัวเองจะออกไป เดชาขอร้องให้ปยุตอยู่ด้วย เดชามาขอโทษต้อยและขอขอบใจ ปยุตที่ช่วยดูแลต้อยและลูกในท้อง ทั้งสามเข้าใจกัน เดชาขอร้องให้ต้อยพาแตนไปที่บ้านส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง รับรองว่าจะไม่มีการพรากใครไปจากกันอีก

เมื่อต้อยและต่ออกจากโรงพยาบาลจึงพากันไปบ้านดาราวดี ดาราวดีให้การต้อนรับอย่างกับลูกหลาน อาม่าและครอบครัวก็มาแสดงความยินดีด้วย รวมทั้งครอบครัวของสวิตที่จะมาสู่ขอปาลินีหรือผึ้ง อาม่าก็มาสู่ขอแตนให้กับภวันหรือตี๋เล็ก ทุกคนมีความสุข ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครแม่ค้า ได้ทุกวัน เวลา 18.30 น. ทางช่อง 7 สี ละครแม่ค้า เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2556

คือหัตถาครองพิภพ 2556

เรื่องย่อ : คือหัตถาครองพิภพ (2556/2013) ศรี (ปิยธิดา วรมุสิก) ลูกสาวคนโตวัยขึ้นคานของท่านเจ้าสัว (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) พ่อค้าใหญ่ร่ำรวยมีชื่อเสียง ที่เกิดกับ แม่น้อย (ปิยะดา เพ็ญจินดา) ภรรยาคนที่สอง ศรีครองตัวเป็นโสด ไม่สนใจเรื่องการมีครอบครัว ก่อนหน้านั้นมีคนมาสู่ขอ แต่ศรีก็ไม่สนใจ ท่านเจ้าสัวทั้งโกรธทั้งกลุ้มใจ ถึงขั้นต้องบังคับจับคลุมถุงชน แต่ศรีก็สร้างเรื่องให้วุ่นวายโดยร่วมมือกับ อีเมี้ยน (อริสรา วงษ์ชาลี) พี่เลี้ยงสาวทึนทึก ห้าว ๆ คล้ายผู้ชาย เมี้ยนปลอมตัวเป็นเจ้าสาวแทนศรี เพราะเจ้าสาวคลุมหน้าเข้าห้องหอไปเปิดหน้ามาเจ้าบ่าวถึงกับลมใส่ ส่วนศรีมี ศุกล (ชวัลนันท์ จันทร์ทรัพย์) น้องชายลูก แม่ใหญ่ (นวลนง จามิกรณ์) ทั้งสองคน แม้จะเป็นลูกต่างแม่แต่รักใคร่และสนิทกันมาก ศุกลที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก รีบช่วยเหลือพาศรีไปแอบที่เรือนแพของแม่พริ้ง (ปัทมา ปานทอง) ซึ่งอาศัยที่ริมน้ำท่านเจ้าสัวขายเครื่องปั้นดินเผา

เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนท่านเจ้าสัวโกรธมากกล่าวหาว่า เจ้าสัวเอาคนรับใช้มายกให้เป็นสะใภ้ถือเป็นการดูถูกครอบครัว และตัดความเป็นเพื่อนกับท่านเจ้าสัว ที่แพ ศุกลได้พบกับสาวน้อยวัย 14 ปี สะบันงา (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) ลูกสาวของพริ้ง เวลานั้นสะบันงากำลังจะลงว่ายน้ำเล่น ศุกลกับศรีขับเรือเครื่องมาอย่างเร่งรีบ ไปชนเอากระดานไม้ที่สะบันงายืนเก้งก้างอยู่จนตกลงไปในน้ำ สะบันงาตกใจร้องหวีดจนผ้าถุงหลุด ไม่กล้าขึ้นมาจากน้ำ ศรีต้องรีบไล่ศุกลให้ไป แล้วเอาผ้าถุงจากแพมาให้สะบันงาใส่ ศุกลหลงรักสะบันงาทันที และเป็นรักแรกพบของทั้งสองคน

พระยาสมิติภูมิ (เดวิด อัศวนนท์) ชาวฝรั่งสัญชาติอังกฤษ คอยเสาะหาผู้หญิงมีฐานะและมีความรู้คู่ควรมาเป็นภรรยา โดยไม่ได้เน้นความรัก พระยาเกษม (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) เพื่อนรักเป็นผู้แนะนำศรีให้ เนื่องเพราะศรีเป็นสาวหัวทันสมัย เขียนอ่านภาษาได้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส นอกจากนี้ศรียังเป็นเพื่อนสนิทของ คุณหญิงลออศรี (กชกรณ์ นิมากรณ์) ภรรยาพระยาเกษมอีกด้วย ท่านเจ้าสัวดีใจมาก เพราะศรีลูกสาวมีวัยถึง 28 ปี เหตุเพราะศรีบ่ายเบี่ยงการแต่งงานหลายครั้ง

เวลาต่อมาพระยาสมิติภูมิมาสู่ขอศรี คุณหญิงลออศรีช่วยอ้อนวอน ศรีลังเลในเบื้องแรก เจ้าสัวกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงกักตัวศรีไว้ในห้องก่อนแต่งงาน 7 วัน ส่วนอีเมี้ยนนั้นท่านเจ้าสัวแสร้งส่งไปทำธุระต่างจังหวัด ศรีจำต้องแต่งงานกับพระยาสมิติภูมิ กลายเป็น คุณหญิงศรี และมีอำนาจเต็มในคฤหาสน์หลังใหญ่

ค่ำคืนแรกที่ตกเป็นภรรยาโดยสมบูรณ์ของพระยาสมิติภูมิ ศรีกรีดร้องดังโหยหวนจนท่านพระยาทั้งตกใจและประหลาดใจ แต่ก็ภูมิใจที่ศรีอุตส่าห์ครองตัวมานาน แต่ยอมแต่งงานกับตน คุณหญิงศรีพาอีเมี้ยนมาเป็นต้นห้อง และหลีกเลี่ยงการหลับนอนกับพระยาสมิติภูมิสม่ำเสมอ โดยคอยจัดหาบ่าวสาว ๆ ในบ้าน ไปปรนนิบัติพระยาสมิติภูมิแทน ไม่เว้นแม้แต่อีเมี้ยนก็ต้องยอมไปแก้ขัดให้

หลังจากศรีแต่งงานออกเรือนไปแล้ว เจ้าสัวส่งศุกลไปเรียนเมืองนอกด้านคอมเมิร์ชเพิ่มเติม เพื่อติดต่อค้าขายธุรกิจให้ใหญ่โตมากขึ้น ตลอดเวลาศุกลไม่เคยลืมสะบันงาสาวน้อยตกน้ำคนนั้น เขาตั้งใจเรียนจนจบและเดินทางกลับจากต่างประเทศเร็วกว่ากำหนด ท่านเจ้าสัวผิดหวัง ศุกลไม่ได้เรียนการบริหารธุรกิจกลับไปเรียนด้านวรรณคดีและอักษรศาสตร์

ศุกลกับคุณหญิงศรีเป็นพี่น้องที่รักกันมาก จนถึงขั้นกล้าขอให้คุณหญิงมาบอกท่านเจ้าสัวไปสู่ขอสะบันงา ท่านเจ้าสัวโมโหมากสั่งให้ศุกลเลิกติดต่อกับสะบันงา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ศุกลลูกชายคนเดียวของท่านเจ้าสัวจะไปมีเมียเป็นลูกแม่ค้าเรือนแพยากจน ไม่มีสกุลรุนชาติ นอกจากนี้ท่านเจ้าสัวแอบไล่แม่พริ้งและสะบันงาให้ไปจากที่ดินของตน ห้ามกลับมาอีก ศุกลเศร้าหมองไม่รู้สาเหตุการหายไปของสองแม่ลูก

สะบันงาในวัยเพียง 14 ปี กับแม่พริ้งและพ่อ การค้าขาดทุน เรือนแพโดนยึดเพราะติดจำนองเอาเงินไปรักษาแม่พริ้ง วันหนึ่งแม่พริ้งได้พบกับ แกละ (ประถมาภรณ์ รัตนภักดี) โดยบังเอิญ จนได้รู้ว่าแกละเป็นบ่าวในบ้านพระยาสมิติภูมิ แกละแนะนำให้แม่พริ้งพาสะบันงาไปขายฝากตัวขัดดอกเพื่อเอาเงินไปรักษาตัว แม่พริ้งพาสะบันงามาบ้านพระยาสมิติภูมิ คุณหญิงศรีจำสะบันงาได้และดีใจแทนศุกลจึงรีบรับซื้อสะบันงาเอาไว้รับใช้ หวังให้ศุกลมารับไปเป็นภรรยาสักวัน ความที่สะบันงาอายุน้อยมากไร้เดียงสา จึงรอดพ้นสายตาประกอบกับคุณหญิงพยายามเอาสะบันงาหลบจากพระยาสมิติภูมิเสมอ สะบันงาจึงรอดหูรอดตามาตลอด

แต่แล้ววันหนึ่งสะบันงาก็ได้พบกับเจ้าพระยาสมิติภูมิโดยบังเอิญอย่างจัง ๆ ท่านกลับไมได้คิดในแง่ชู้สาวเพราะมองว่าเด็กมาก ได้แต่ติดใจว่าสวยมากแต่ยังเด็ก แต่ท่านพระยาก็ไม่ได้ละเลยสะบันงา

คุณหญิงศรีปกครองคนในบ้านโดยมีอีเมี้ยนเป็นตัวแทน คอยสอดส่องดูแลความเป็นไปในบ้านและหาบ่าวสาวไปปรนนิบัติ รวมทั้งสองพี่น้อง สังเวียน (ธัญสินี พรมสุทธิ์) กับ สังวร (ภารดี อยู่ผาสุก) ที่ต่างเป็นคนขี้อิจฉาและมักใหญ่ใฝ่สูง อีเมี้ยนมักมีปัญหากับบ่าวไพร่ในบ้านเป็นประจำ แต่ไม่มีใครกล้าหือ บ่าวในครัวนินทาเมี้ยนกับคุณหญิงศรีว่าเล่นเพื่อนกัน คุณหญิงศรีโกรธขู่จะเอาโทษกับทุกคนที่พูดเรื่องนี้ จนทำให้เรื่องสงบลง

วันหนึ่งคุณหญิงศรีชวนศุกลมาหาที่บ้าน ศุกลมาพบสะบันงาถึงกับตะลึงงันมองด้วยความดีใจและหลงใหล จากนั้นศุกลจึงแวะเวียนมาเยี่ยมคุณหญิงศรี เพื่อได้พบหน้าสะบันงาบ่อยมากจนดูผิดสังเกตของพวกบ่าวไพร่ โดยเฉพาะ น้อย (ชมพูนุช ปิยธรรมชัย) บ่าวปากมากจอมส่อเสียด หนึ่งในบ่าวที่คอยไปบำเรอความสุขให้ท่านพระยา น้อยจับตาความสัมพันธ์ของสองคนตลอด แม้ไม่ค่อยได้พูดจากัน แต่สะบันงาก็มีใจรักตอบศุกล ไม่ได้คิดว่าจะกลายเป็นภรรยาของท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิในวันหนึ่ง

ที่นั่นนางเล็ก ๆ ทั้งหลาย สังเวียน สังวร และน้อย พยายามชิงดีชิงเด่นเพื่อให้เจ้าพระยาสมิติภูมิหลงใหล และแย่งตำแหน่งคุณหญิงศรี ตบตีกันเองก็เคยทำ โดยหารู้ไม่ว่าท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิจะเชิดชูเพียงคุณหญิงเท่านั้น เพราะเหมาะสมคู่ควร บรรดาเมียเล็กเมียน้อยเกลียดคุณหญิงศรีและเมี้ยนมาก ถึงกับทำพิธีสาปแช่งให้คุณหญิงมีอันเป็นไปสารพัด แต่ไม่รอดสายตาเมี้ยน คุณหญิงศรีแสร้งทำเฉยแต่เก็บงำข้อมูลไว้ชำระแค้น

ด้วยความเอ็นดูรักใคร่เป็นพิเศษ คุณหญิงศรีสอนวิชาสารพัดทั้งไทยอังกฤษให้สะบันงา ทำให้สะบันงามีความรู้มากมาย เพราะคุณหญิงต้องการให้สะบันงาเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวที่คู่ควรของศุกลผู้เป็นน้องชาย แต่พวกนางเล็ก ๆ กลับคิดไปว่าคุณหญิงจะเอาสะบันงามาเป็นตัวตายตัวแทนในวันข้างหน้า จึงพากันเกลียดและอิจฉาสะบันงาไปด้วย สะบันงาเป็นเด็กจิตใจดี ใจเย็น อดทน ไม่มองใครในแง่ร้าย ยิ่งทำให้คุณหญิงศรีรักสะบันงามากในฐานะน้องสะใภ้ในอนาคต คุณหญิงศรีบอกสะบันงาเรื่องศุกลรักและจะแต่งงาน สะบันงาเต็มใจรักตอบศุกล ซึ่งทั้งศุกลกับสะบันงาได้พูดจาตกลงกันเรื่องแต่งงานไว้แล้ว เพียงรอเวลาให้สะบันงาโตอีกสักนิด

สังวรออดอ้อนขอร้องพระยาสมิติภูมิอย่าทิ้งขว้าง พระยาสมิติภูมิรับคำทำให้สังวรไม่เกรงกลัวคุณหญิงศรี โดยเฉพาะกับเมี้ยนมักเป็นคู่ปรับกันเป็นประจำ คุณหญิงศรีแม้จะไม่ชอบสังวรแต่ก็ทำให้เธอพ้นหน้าด้วยการให้หลับนอนกับพระยาสมิติภูมิ คุณหญิงศรีฉลาดไม่ลดตัวไปทะเลาะกับสังวรให้เป็นหน้าที่ของเมี้ยน สังวรท้องสมใจและอยากได้ลูกชายมาสืบทอดตระกูลและเขี่ยคุณหญิงศรีให้กระเด็น คุณหญิงศรีรับรู้แผนการของสังวร โดยมีเมี้ยนคอยจับตาดู คุณหญิงศรีไม่มีวันยอมให้พระยาสมิติภูมิมีลูกกับบ่าวไพร่ขี้อิจฉาคนใดโดยเด็ดขาด

สังวรยังไม่ทันบอกให้ใครรู้เรื่องตั้งท้องนอกจากสังเวียนน้องสาว น้อยเมียบ่าวผู้ทะเยอทะยานแอบฟังสองพี่น้องคุยกันจึงรีบไปบอกเมี้ยน เมี้ยนไปบอกคุณหญิงหญิงศรี แต่คุณหญิงศรียินดีกับสังวรยกใหญ่เมี้ยนถึงกับแปลกใจ สังวรผยองยกใหญ่วางก้ามตีเสมอเผลอเบ่งทับคุณหญิงศรี

เมี้ยนโมโหและโกรธจัด วางแผนเฉดหัวสังวรออกจากบ้านเนียน ๆ ให้คุณหญิงศรี โดยแสร้งชวนสังวรมาคุยในห้องคุณหญิงศรี แล้วทิ้งไว้คนเดียว เมี้ยนจัดแจงนำเอาเครื่องเพชรของคุณหญิงศรีไปซ่อนไว้ในห้องของสังวร พร้อมกับร้องโวยวายว่าสังวรขโมยเครื่องเพชรไป คุณหญิงศรีให้ทางเลือกสองทาง ส่งตำรวจหรือต้องไปจากบ้าน สังวรจำนนต่อหลักฐาน พวกบ่าวไพร่คนในบ้านเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มีแต่สังเวียนเท่านั้นที่ไม่เชื่อเต็มที่ว่าสังวรจะขโมย สังวรต้องออกจากบ้านไปโดยมีลูกติดท้องไปด้วย ท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิไม่รู้ว่าสังวรท้อง รู้แต่ว่าขโมยของคุณหญิงแล้วหนีไปเพราะกลัวความผิด

สังวรกลับไปคลอดลูกชายตั้งชื่อว่า ทอง (ศรุต สุวรรณภักดี) พร้อมกับเลี้ยงดูและเสี้ยมสอนให้ทองกลับมาแก้แค้นคุณหญิงศรีแทนตน หลังจากเห็นพี่สาวถูกใส่ร้าย สังเวียนเจ็บแค้นคุณหญิงศรีที่กลั่นแกล้งสังวร จึงพยายามท้องกับเจ้าพระยาสมิติภูมิให้ได้ สังเวียนสนิทกับแกละที่ยังแคล้วคลาดไม่ได้เป็นภรรยาของท่านสมิติภูมิสักที สังเวียนพยายามไปปรนนิบัติเจ้าพระยาสมิติภูมิแทนคิวของแกละ และคอยเสี้ยมแกละให้ลาออกไปกับ ซ้ง (พศิน ศรีธรรม) กุ๊กจีนที่รักใคร่ชอบพอกันอยู่ ในที่สุดทั้งสองลาออกไปเปิดร้านอาหารจีนภายหลังกิจการเจริญรุ่งเรืองใหญ่โต และมีชื่อเสียงมากในเวลาต่อมา แกละเปลี่ยนชื่อเป็นลออศรีวดี ตามชื่อของคุณหญิงลออศรี ต่อมาเติมคำว่า วดี ข้าไปอีก แกละจึงมีชื่อยาวมากว่า คุณหญิงลออศรีวดี ส่วนซ้งก็เปลี่ยนชื่อเป็นคุณทรงวาด

น้อยเมียบ่าวอีกคนดีใจที่สังวรถูกกำจัดออกไป และหวังมีลูกกับเจ้าพระยาสมิติภูมิเช่นกัน น้อยอิจฉาสังเวียนที่กลายเป็นคนโปรด คอยติดตามข่าวสังเวียนไปบอกเมี้ยนหวังรางวัล หารู้ไม่ว่าเมี้ยนไม่ไว้ใจน้อยเช่นกัน ในที่สุดสังเวียนท้องกับพระยาสมิติภูมิ แต่ขอร้องไม่ให้บอกใคร เจ้าพระยาสมิติภูมิรับปาก และทำให้เจ้าพระยาสมิติภูมิไม่ได้หลับนอนกับสังเวียนอีก เมี้ยนจับสังเกตอยู่ด้วยความแปลกใจ น้อยมาส่งข่าวว่าสังเวียนน่าจะท้อง คุณหญิงศรีสงบนิ่งด้วยยังไม่แน่ใจ เพราะกำลังวางแผนแต่งงานให้ศุกลกับสะบันงา เมื่อหมดคนที่จะส่งไปให้ท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิ อีกทั้งท่านเจ้าพระยาไม่ต้องการน้อยเพราะปากมาก เมี้ยนก็มีรอบเดือน คุณหญิงศรีรักน้องชายมากและหวงสะบันงาไว้ให้น้องชาย จึงยอมไปนอนกับเจ้าพระยาสมิติภูมิเสียเอง พร้อมกับเตือนสะบันงาให้ระวังตัว

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อปรากฏว่าคุณหญิงศรีท้องมีอาการแพ้และป่วยจนนอนอยู่แต่ในห้อง ไม่สามารถปกป้องสะบันงาให้น้องชายได้อีก แม้สะบันงาจะเฝ้าดูแลคุณหญิงศรีตลอดเวลา แต่ก็ต้องโดนเรียกไปพบท่านเจ้าพระยาในที่สุด

โชคยังดีที่เจ้าพระยาสมิติภูมิไม่ได้หลับนอนกับสะบันงาทันที เพราะจะถนอมเอาไว้ให้สะบันงาเต็มใจรับรักท่าน ท่านหลงรักสะบันงายิ่งกว่าหญิงใด ๆ แม้แต่คุณหญิง ยิ่งพบว่าสะบันงาเก่งกาจเพราะเรียนรู้จากคุณหญิง ท่านยิ่งหลงใหล จ้างครูมาสอนสารพัดวิชาให้สะบันงา

ศุกลมาเยี่ยมคุณหญิงศรีและรู้ว่าสะบันงาเข้าไปดูแลปรนนิบัติพระยาสมิติภูมิก็เสียใจมาก คุณหญิงศรีบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่รอเวลาไม่ได้แล้ว บอกให้ทั้งสองคนหนีไปด้วยกัน น้อยมาแอบฟังจึงรีบไปฟ้องสังเวียน และสังเวียนไปฟ้องท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิต่อ สังเวียนกร่างใหญ่โตเบ่งมากมีปากเสียงกับเมี้ยนไม่เกรงกลัวใคร เพราะเจ้าพระยาสมิติภูมิคอยให้ท้าย สังเวียนแอบส่งจดหมายถึงสังวรแจ้งข่าวท้องฝาก นายยอด (กษาปณ์ จำปาดิบ) คนรถไปส่ง ด้านนายยอดไม่ชอบหน้าสองพี่น้องจึงแอบเปิดอ่านและเอาจดหมายไปให้เมี้ยนเพราะหวังรางวัล คุณหญิงศรีอ่านจดหมายจึงรู้ว่าสังเวียนท้องจริง และยังรู้ด้วยว่าสังเวียนเอาสมุนไพรทำให้แท้งลูกใส่ในยาหม้อบำรุงครรภ์ของคุณหญิงศรี เหตุนี้คุณหญิงศรีจึงป่วยกระเสาะกระแสะ

คุณหญิงศรีแค้นมากแต่อีเมี้ยนแค้นกว่าจึงอาสาจัดการให้ โดยจ้างยอดให้เข้าหาสังเวียน สังเวียนต่อสู้แทงยอดด้วยมีด เมี้ยนเข้าไปเจอสังเวียนอยู่กับยอด จึงต่อว่าเสียงดังและเอาจดหมายที่สังเวียนคิดร้ายกับคุณหญิงโชว์ให้ดู สังเวียนตกใจกลัวมากจนด้วยหลักฐาน เมี้ยนขู่จะบอกท่านเจ้าพระยา สังเวียนจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมลูกในท้อง ส่วนยอดเมี้ยนปิดปากด้วยการลอบวางยาพิษ เจ้าพระยาสมิติภูมิอดสงสัยไม่ได้ แต่คุณหญิงเอาจดหมายที่สังเวียนเขียนถึงพี่สาวให้ท่านเจ้าพระยาอ่าน ท่านพูดไม่ออกเพราะสังเวียนปองร้ายคุณหญิงศรีและคิดร้ายถึงขึ้นจะฆ่าลูกในในท้องให้แท้ง จึงเงียบและไม่ต้องการให้เรื่องอื้อฉาว

เวลาต่อมาคุณหญิงศรีคลอดลูกสาวชื่อ พริสซิลลา หน้าตางดงามแต่ไม่แข็งแรงนัก คุณหญิงศรีไม่มีน้ำนม เมี้ยนต้องไปเอาบ่าวชื่อ ดา (มนตระกานต์ ทองขาว) พี่สาวของ เดือน (อุษณีย์ วัฒฐานะ) มาเป็นแม่นม น้อยมาบอกให้เจ้าพระยาสมิติภูมิไปดูศุกลกับสะบันงาคุยกันอย่างสนิทสนมใต้ต้นพิกุล ท่านตัดสินใจเลิกทะนุถนอมสะบันงาเอาไว้ต่อไป เจ้าพระยาสมิติภูมิกักสะบันงา ไม่ยอมส่งสะบันงากลับไปดูแลคุณหญิง และให้คุณหมออดุล หมอประจำบ้านมาดูแลพร้อมด้วยพยาบาลและเมี้ยน สะบันงาตกเป็นภรรยาของเจ้าพระยาสมิติภูมิจึงปฏิเสธแต่งงานกับศุกลเพราะมีมลทิน แต่ศุกลกลับไม่ถือสา เขารักสะบันงายิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และให้ตัดสินใจหนีไปกับเขา ศุกลจะส่งรถมารับ นัดหมายให้ออกไปตอนเที่ยงคืนแรมสิบห้าค่ำที่จะมาถึง ถ้าไม่ออกมาเขาจะรอจนกว่าจะตาย สะบันงาสองจิตสองใจ น้อยแอบฟังที่ศุกลบอก แต่บิดเบือนเมื่อมารายงานท่านเจ้าพระยาว่าสะบันงานัดศุกลให้มารับเพื่อจะหนีไปด้วยกัน ท่านแค้นมาก สั่งน้อยหานักเลงมาให้สองคน โดยท่านเจ้าพระยาสั่งให้เอาศุกลไปทำร้ายสั่งสอนให้เข็ดหลาบเท่านั้น

เมื่อถึงวันนัด สะบันงาไม่ยอมลงไป เพราะไม่ต้องการทรยศต่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ศุกลมารอรับสะบันงาตามที่นัดหมายไว้ ขณะเดินไปรอที่ต้นพิกุลใหญ่ เขาโดนสองคนทำร้ายทุบตีและอุ้มหายไป ขณะเดียวกันนั้นคุณหญิงศรีซึ่งอยู่ในห้องกับพริสซิลลาที่ยังแบเบาะมองทางหน้าต่าง เห็นสองคนกำลังอุ้มและทุบตีใครคนหนึ่งไป เอะใจว่าเป็นศุกลจึงลอบลงเรือนตามไปดู ทิ้งให้พริสซิลลาหลับอยู่ตามลำพัง เมี้ยนได้ยินเสียงพริสซิลลาร้องไห้วิ่งมาดู ไม่พบคุณหญิงศรีก็ตกใจมาก จึงมาเรียกน้อยไปตามเดือนกับดามาดูแลพริสซิลลา น้อยฉวยโอกาสมากระซิบสะบันงา

เมื่อรู้ว่าพริสซิลลาไม่มีใครดูแลเพราะเมี้ยนจะออกไปตามหาคุณหญิงศรี สะบันงาจึงขอไปดูแลพริสซิลลา ระหว่างทางน้อยกลับชวนไปแวะที่ต้นพิกุลใหญ่ บอกว่ามีคนรอพบถ้าไม่ไปพบเขาจะขึ้นไปหาเจ้าพระยาสมิติภูมิ สะบันงายอมไปแต่ไม่พบใคร น้อยย้อนกลับมาฟ้องท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิว่าสะบันงาไปรอพบศุกล สะบันงาเจอเมี้ยนระหว่างทางจึงรู้ว่าโดนน้อยหลอก เมี้ยนตามเดือนกับดามาดูแลพริสซิลลาแทนแล้ว เมี้ยนโกรธน้อยมากรู้ว่าน้อยหักหลัง แต่ต้องรีบไปตามหาคุณหญิง

ท่านเจ้าพระยาตามลงมาหาสะบันงาชวนกลับเรือนไปโดยไม่บอกว่ารู้เรื่องใด ๆ สั่งให้สะบันงาอยู่แต่ในห้องอย่าไปไหน ส่วนตนเองออกไปดูผลงาน น้อยแอบวางเพลิงเรือนคุณหญิงศรีหวังให้พริสซิลลาตาย จากนั้นแอบไปดูผลงานที่สองโจรทำร้ายศุกลเพื่อรอรับส่วนแบ่งรางวัลตามที่ตกลงกันไว้ โจรสองคนเกิดโลภทำร้ายศุกลเมื่อเห็นว่ามีทองหยองเงินทองติดตัวมากมาย จึงริบมาหมดกลายเป็นฆ่าชิงทรัพย์ ขณะรูดแหวนติดนิ้วที่มีอักษรไขว้ ศก. คุณหญิงตามมาเจอโจรสองคน กระโจนเข้าไปหาน้องชายด่าว่าโจรเป็นการใหญ่ โจรชั่วสองคนที่กำลังขุดหลุมรอฝังศุกลโมโหใช้จอบฟันเข้าที่หน้าคุณหญิงศรีจนหน้าเละไปข้างหนึ่ง คุณหญิงไม่สิ้นฤทธิ์ พยายามคลานไปขัดขวางจึงโดนจอบฟันขาเดี้ยงไปข้างหนึ่ง เมื่อจะฟันมือปรากฏว่าคุณหญิงศรีหลบทันก่อนจะแกล้งนอนสลบ

น้อยพรวดออกมาแสดงความยินดีกับสองโจรเพื่อตั้งใจมาขอส่วนแบ่ง โจรสองคนจึงฟันน้อยตายไปด้วย เมื่อฝังศุกลและน้อยเสร็จ สองโจรคิดว่าคุณหญิงศรีตายแล้ว กำลังจะฝัง แต่ท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิมาพบโจรสองคนตามนัดหมายเพื่อให้ค่าจ้างเสียก่อน และรู้ว่าโจรสองคนฆ่าศุกลแถมคุณหญิงศรีนอนตายอีกคน จึงโกรธมากด่าว่าโจรสองคน ทั้งสองคนบอกว่าคุณหญิงศรีมาขัดขวางจึงตัดสินใจฆ่า

ท่านเจ้าพระยาเสียใจมาก และจะยิงโจรทั้งสองคนทิ้งแต่เห็นไฟลุกท่วมบ้านที่คุณหญิงพัก ก็ตกใจกลัวพริสซิลลาโดนไฟครอกจึงรีบหันกลับบ้านเพื่อไปดูลูก โจรสองคนฉวยโอกาสหนีไปพร้อมค่าจ้าง พอทุกคนคล้อยตัวไป เมี้ยนตามมา และพบสภาพคุณหญิงศรีก็หัวใจสลาย สงสารคุณหญิงจับใจ เมื่อเห็นว่าคุณหญิงยังไม่ตายจึงรีบอุ้มไปหลบที่รถของศุกลที่จอดแอบรออยู่ โดยให้คนรถขับพาไปที่บ้านของตนเองที่ปทุมธานี

ด้านสะบันงารีบออกจากตึกของท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิมาช่วยพริสซิลลากับเดือนและดา เจ้าพระยามาถึงบ้านไฟมอดไหม้มจนเป็นจุณ พริสซิลลาปลอดภัยเพราะทั้งสามคนช่วยไว้ ท่านซาบซึ้งในน้ำใจของทั้งสาม จากนั้นจึงย้อนกลับมาดูร่างคุณหญิงศรี แต่ร่างคุณหญิงหายไปไร้ร่องรอย จึงเข้าใจว่าพวกโจรพวกนั้นเอาศพไปด้วย ท่านเจ้าพระยาไม่สบายใจมากเรื่องคุณหญิงศรี และกลายเป็นหนามทิ่มแทงให้เจ็บปวดหัวใจจนกลายเป็นโรคหัวใจในเวลาต่อมา

ท่านเจ้าพระยาประกาศว่าคุณหญิงศรีเสียชีวิตในกองเพลิง และจัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ ส่วนสะบันงาได้รับการยกย่องเป็นภรรยาเอกเลื่อนฐานะเป็นคุณหญิง เธอดูแลพริสซิลลาอย่างดีรักเหมือนลูก พริสซิลลาโตขึ้นปรากฏว่าเป็นออทิสติก แต่คนในสมัยนั้นคิดว่าเด็กปัญญาอ่อน เธอเป็นเด็กสวยน่ารักเหมือนตุ๊กตา พระยาสมิติภูมิรักลูกสาวคนนี้มาก สะบันงาก็รักใคร่เอ็นดูเช่นกัน สะบันงาไม่เชื่อว่าพริสซิลลาปัญญาอ่อนพยายามดูแลอย่างดี พริสซิลลามีความจำดีอย่างมหัศจรรย์มักรู้อะไรที่ใครนึกไม่ถึง คิดเลขได้เร็ว

สะบันงายังรักศุกลแม้จะไม่ได้คิดหนีตามไป แต่เข้าใจผิดคิดว่าศุกลหลอกว่าจะมาพบแต่กลับไม่มา เรื่องราวร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีคนเอาไปนินทาว่าเป็นฝีมือของสะบันงา ซึ่งวางแผนกำจัดคุณหญิงศรี ฆ่าตายหมกไว้ที่ไหนสักแห่ง บ้างว่าคุณหญิงศรีหนีตามน้องชายคนละแม่ สะบันงาเสียใจแต่นิ่งเฉยเสีย ท่านเจ้าพระยาคอยปลอบใจและรักสะบันงามากขึ้นทุกวัน และเล่นงานทุกคนที่พูดเรื่องนี้จนพากันเงียบปากไป โดยเฉพาะคุณหญิงลออศรีวดี หรือ แกละ นั่นเองคือตัวกระจายข่าวในวงชั้นสูง ภายหลังพระยาเกษมได้มาพบปะสะบันงาจึงรู้สึกดีขึ้น

เวลาผ่านไปสะบันงามีลูกสาวคนแรกกับเจ้าพระยาสมิติภูมิ ชื่อ พริ้มเพรา เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เมี้ยนกลับมาหาสะบันงาบอกว่าขอพาพี่สาวที่พิการมาขออาศัยอยู่บ้านท้ายสวน โดยไม่ยอมบอกว่าที่แท้เป็นคุณหญิงศรีนั่นเอง สะบันงาอนุญาตด้วยความเต็มใจ และถามไถ่ถึงคุณหญิงศรี สะบันงาร้องไห้เสียใจที่คุณหญิงศรีหายไป เธอยังเคารพเทิดทูนและรู้ซึ่งในพระคุณคุณหญิงศรีเสมอ เมี้ยนฟังแล้วถึงกับร้องไห้โฮนำความมาบอกคุณหญิงศรี

คุณหญิงได้ทราบว่าสะบันงาปฏิเสธไม่ให้ทุกคนเรียกว่า คุณหญิง เพราะเธอมั่นใจว่าคุณหญิงศรียังมีชีวิตอยู่ คุณหญิงศรีถึงกับตื้นตันน้ำตาคลอขนาดไม่รู้ว่าเป็นคุณหญิงมาอาศัยอยู่ สะบันงายังใส่ใจส่งอาหารขนมนมเนยของใช้ทุกอย่างมาให้กินให้ใช้ แม้ว่าจะแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าพี่สาวเมี้ยนคนนี้ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ และทานอาหารด้วยมีดและส้อม

สะบันงาพยายามขอไปเยี่ยมพี่สาว แต่เมื่อเมี้ยนไปรายงาน ถูกคุณหญิงศรีปฏิเสธ บ่าวไพร่หลายคนไปเดินเล่นแถวนั้นพบหญิงสูงวัยพิการหน้าคล้ายผี ต่างตกใจวิ่งหนีกันทุกคน ภายหลังเมี้ยนไปหาหน้ากากมาให้ใส่บังใบหน้าแทน

คุณหญิงศรีมักแอบไปนั่งที่หลุมฝังศพศุกล นำดอกไม้ไปวางไว้ พูดกับหลุมศพน้องเสมอ เจ้าพระยาสมิติภูมิก็เช่นกันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงมักวนเวียนไปขอโทษศุกลที่นั่น จนอยู่มาวันหนึ่งพบดอกไม้วางอยู่เช่นเคย ผู้วางยังไม่ทันออกไปพ้น เจ้าพระยาสมิติภูมิตามไปกระชากไหล่ให้หันกลับมา หญิงคนนั้นใส่หน้ากากเห็นแค่ดวงตาข้างที่ไม่บอด ท่านจำได้ทันทีว่าคือดวงตาของคุณหญิง อุทานเรียกชื่อออกไปคุณหญิงผลักท่านเจ้าพระยาล้มลงแล้วกระเซอะกระเซิงหนีไป เจ้าพระยาสมิติภูมิยิ่งเสียใจมาก สงสารคุณหญิงศรีจับใจ ส่งคนไปสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ น่าอยู่ มีทุกอย่างครบครันแทนกระท่อมผุพัง

สะบันงาเลี้ยงดูพริสซิลลาอย่างดี จนต่อมา สะบันงามีลูกสาวคนที่สองชื่อ แพรวพรรณราย และลูกสาวคนที่สามชื่อ พราวพิลาส แต่ละคนล้วนงดงามน่ารัก แถมยังมีลูกชายคนสุดท้องชื่อพฤกษ์ สมหวังดังปรารถนาของท่านเจ้าพระยาที่จะมีลูกไว้สิบสกุล เดือนผู้แสนดีได้รับการสนับสนุนจากสะบันงา ให้มาเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าพระยาต่อจากเธอ และมีลูกชายกับท่านเจ้าพระยาอายุแก่กว่าพฤกษ์สามวัน ชื่อ พจน์ และได้เกิดเรื่องราวกับพฤกษ์มากมาย พจน์จึงกลายเป็นผู้สืบสกุลแทน

ท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิอุปการะเด็กชายคนหนึ่งชื่อ ศีล (พิชยดนย์ พึ่งพันธ์) เนื่องจากพ่อแม่ตาย จากการไปช่วยงานกฐินของท่าน ศีลเป็นเด็กดีกตัญญูรู้คุณได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก และกลับมาทำงานเป็นผู้จัดการห้างของตระกูลสมิติภูมิ เป็นที่ไว้วางใจของทุกคนในบ้าน

สะบันงามีเพื่อนสนิทชื่อ ปานวาด (พรรัมภา สุขได้พึ่ง) เป็นลูกสาวของคุณหญิงลออศรี ปานวาดถูกส่งไปเรียนฝรั่งเศส มีสามีเป็นนักดนตรี ชื่อ ปีแอร์ และมีลูกชายด้วยกันชื่อ ธรรม์ (ชินวุฒ อินทรคูสิน) ปีแอร์โดนรถชนจนพิการ ปานวาดเลิกเรียนเอาเงินที่พ่อแม่ส่งมาให้รักษาตัวสามี ปีแอร์ทนดูสภาพปานวาดลำบากไม่ได้จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ปานวาดตัดสินใจพาลูกชายกลับบ้าน คุณหญิงไม่พอใจมาก แต่พระยาเกษมกลับนิ่งเฉย พาปานวาดมาพบกับสะบันงา สะบันงาให้กำลังใจปานวาด

ธรรม์กลายเป็นเพื่อนสนิทกับพริ้มเพรา แพรวพรรณราย โดยเฉพาะพิมพิลาส เนื่องจากชอบดนตรีเหมือนกัน พริ้มเพราสงบเสงี่ยมสุขมรอบคอบ ชอบไปหลังบ้านพบคุณป้าพิการ เธอไม่ตกใจกลัวเช่นคนอื่นพูดด้วยอย่างดี ศรีสอนภาษาให้พริ้มเพราและรักเหมือนลูกสาวอีกคน ศรีส่งข่าวให้ครอบครัวทราบว่ายังไม่ตายแต่ไม่พร้อมจะไปพบ ไม่ต้องการให้พ่อแม่เห็นหน้าผีของตนส่วนศุกลนั้นตายแล้ว ต่อมาภายหลังสิ้นเจ้าสัว ศรีได้รับมรดกทั้งหมดจึงยกต่อให้พริ้มเพรา

ส่วนพริสซิลลามักจะไปเดินเล่นในสวน จนพบศรีกลับจำได้ว่าเป็นแม่ และเรียกเธอว่าแม่ ศรีเสียใจมากแต่ไม่อาจยอมรับว่าเป็นแม่จึงให้เมี้ยนพากลับไปหาสะบันงา กำชับว่าห้ามบอกพริสซิลลามาเล่นแถวนั้นอีก แต่พริสซิลลาก็แอบมาจนได้

ฟากสองโจรชั่วใช้เงินหมดแล้วย้อนกลับมาจะไถเงินท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิ พบกับพริสซิลลาสวยงามน่ารักมาด้อมมองเรียกหาแม่จึงฉุดจะข่มขืน ศรีมาพบใช้จอบฟาดสองคนซมซานหนีไปตายอย่างน่าอนาถ เมี้ยนพาพริสซิลลากลับไปหาสะบันงาอีก สะบันงาตัดสินใจปรึกษาเจ้าพระยาสมิติภูมิเรื่องส่งตัวพริสซิลลาไปรักษาโดยมีหมออดุลคอยดูแล ส่วนอุดร ลูกชายหมอรู้จักคุ้นเคยกับลูก ๆ ของสะบันงาและสนิทเป็นคู่ ๆ

อุดรสนิทและรักกับพริ้มเพราแต่ไม่สมหวัง เพราะพริ้มเพรารักธรรม์มากกว่า ส่วนธรรม์สนิทสนมกับพราวพิลาสเพราะรักดนตรีเหมือนกัน แพรวพรรณรายคอยตามกลั่นแกล้งทุกคนเพราะไม่มีใครจับคู่ด้วย พฤกษ์สนิทกับพจน์ไปไหนมีพจน์ตามไปด้วยดั่งเงา

ทุกคนดีกับพจน์ยกเว้นแพรวที่ชอบด่าว่าเป็นลูกบ่าว พริ้มเพรามีเพื่อนสนิทชื่อเมขลา เด็กยากไร้มาขอรับใช้ มาร์แมร์ เพื่อแลกกับการได้เรียนโรงเรียนไฮโซ โดยอาสาว่าจะกลับมาสอนหนังสือตอบแทนเมื่อเรียนจบ ไม่มีใครคบกับเมขลาเลย เพราะนิสัยไม่ดียกเว้นพริ้มเพรา เมขลามักหยิบเอาข้าวเอาของและแอบอ้างชื่อพริ้มเพราไปเบ่งใส่ใครต่อใคร

วันหนึ่งพฤกษ์กับพจน์พากันไปขุดไส้เดือนตกปลา กลับไปขุดพบกระดูกคนจึงร้องโวยวายขึ้นมา แพรวตามไปแกล้งพจน์พบแหวนที่โครงกระดูกรีบเอามาบอกสะบันงา สะบันงาเห็นแหวนสลัก ศก. ถึงกับลมจับ และรู้ความจริงว่าศุกลมารอรับเธอจริง ๆ แต่โดนฆ่าตาย มั่นใจว่าเจ้าพระยาสมิติภูมิฆ่าศุกล จึงไปโวยวายต่อว่าเจ้าพระยาสมิติภูมิฆ่าศรีด้วย ท่านเจ้าพระยาหัวใจวายกะทันหัน ก่อนสิ้นลมยังทันได้บอกว่าคุณหญิงยังไม่ตายอยู่ท้ายบ้านสวน สะบันงารีบไปเชิญคุณหญิงศรีกลับมาเอาบ้าน เอาตำแหน่งคืนให้ คุณหญิงศรีไม่ยอมรับ และบอกว่าเธอคือคนสาบสูญขออาศัยอยู่แต่บนเรือนเท่านั้น

สองคนรักใคร่ปรองดองกันดังเดิม สะบันงายอมรับให้ทุกคนเรียกว่าคุณหญิงเนื่องจากคุณหญิงศรีอนุญาตแล้ว เคารพเรียกศรีว่าคุณพี่ เมี้ยนปรึกษาดูแลทุกอย่างในบ้านเช่นเดิม สะบันงามีความสุขมากจนถึงวันที่พฤกษ์ตายสะบันงาใจสลาย ผมที่เคยดกดำเปลี่ยนเป็นสีขาวชั่วข้ามคืน ด้านพริ้มเพราถูกส่งให้ส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ยังเริ่มวัยรุ่น สะบันงาตัดสินใจส่งพจน์ไปแทนพฤกษ์ ส่วนเมขลาอยากไปนอกอย่างพริ้มเพราะบ้าง จึงตั้งใจเรียนเต็มที่ได้ทุนไปนอกจนได้ ก่อนไปได้ทำทีพบกับศีลที่เคยพบที่บ้านพริ้มเพรา อ้างว่าเป็นเพื่อนพริ้มเพราให้มาหาศีลดูข้าวของเครื่องใช้ไปนอก ศีลใจดีให้เสื้อผ้าไปใส่เมืองนอกมากมายทำให้เมขลาอยากได้ศีลเป็นสามี แต่ศีลนิ่งเฉยมากเมขลาจึงอดใจไว้ก่อน

ศีลกลับเอ็นดูหลงใหลสาวน้อยวัยรุ่นพราวพิลาส ชอบฟังเสียงเธอเล่นเปียโน เขาหาเปียโนมาให้เล่น หาครูมาสอน พราวพิลาสนับถือศีลเป็นญาติผู้ใหญ่ แต่กลับพึงพอใจธรรม์ที่คอยตามติดเล่นดนตรีด้วยกัน โชคร้ายธรรม์ได้เวลาไปเรียนต่อ อาคม สามีใหม่ของปานวาดแนะนำให้ไปเรียนกฎหมาย ธรรม์เคยสัญญากับพราวพิลาสว่าจะไม่ไปไหน เขาจำต้องไปและบอกว่าจะกลับมาเมื่อเรียนจบ แต่พอเรียนจบจริง ธรรม์ก็เรียนดนตรีต่อและรับเป็นพ่อของลูกเพื่อนสนิทตนชื่อ ชองปอง ทำให้พราวพิลาสเสียใจมาก เธอเศร้าซึมและแต่งเพลงหลายเพลงล้วนเศร้าสะเทือนใจ ศีลพยายามปลอบโยนชวนไปร้องเพลงที่ห้องอาหารในโรงแรมใหญ่ ศรีขอร้องให้สะบันงาอนุญาตเพื่อรักษาแผลใจ พราวพิลาสรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อศีลคอยดูแลทำให้อุ่นใจ

ต่อมาศีลไปดูงานเมืองนอกพบเมขลาอยู่ที่เมืองนั้นพอดี เมขลาทำที่ว่าโดนคนร้ายปล้นหมดตัวจึงมาขออาศัยศีลอยู่ และมอมเหล้าจนได้เสียกันกับศีล ศีลไม่สบายใจมากแต่จำต้องแต่งงานเพราะเมขลาท้องส่วนเมขลาคลอดลูกปุ๊บก็สอบชิงทุนไปเรียนต่ออีก ทิ้งลูกไว้กับศีลแบบไม่ใยดี ศีลผิดหวังโกรธตัวเองเพราะต้องการขอพราวพิลาสแต่งงาน ศีลอกหัก แต่พยายามประคองตัวเลี้ยงดูลูกสาวอย่างดี พราวพิลาสเอ็นดูหนูน้อยมาก

พริ้มเพรากลับมาเมืองไทยท่ามกลางความยินดีของทุกคน อุดรกลายเป็นหมอหวังจะแต่งงานกับพริ้มเพราตามที่สะบันงาและศรีคอยสนับสนุน หวังให้พริ้มเพราดูแลกิจการของตนเอง แต่พริ้มเพรากลับหันไปเข้าวัดและจำศีลไม่กลับบ้าน ต่อมาสุดท้ายกลายเป็นบวชชี อุดรผิดหวังแต่ก็สนับสนุนช่วยทำหนังสือธรรมะ พริ้มเพรากลับบ้านเมื่อมีเหตุสำคัญเพื่อมาปลอบใจให้คำแนะนำทำให้ทุกคนสงบใจได้

ส่วนแพรวพรรณรายร้ายกาจมาก ถึงขั้นแอบไปขึ้นเรือที่พจน์ไปนอก แพรวพรรณรายอยากไปมาก แต่โดนจับได้ก่อน โดนส่งตัวกลับมาบ้าน แต่มาสมหวังเมื่อเลดี้แลนดอล น้องสาวของพระยาสมิติภูมิตายลง จึงได้มอบมรดกเป็นไร่ชาที่ดาจิริงให้พระยาสมิติภูมิ แพรวพรรณรายอาสาไปดูแลไร่ชา สะบันงาค้านแต่ศรีสนับสนุน แพรวพรรณรายหารู้ไม่ว่า พอล (มิกค์ ทองระย้า) หลานชายแท้ ๆ ของลอร์ดแลนดอล สามีเลดี้วางแผนฆ่าเจ้าพระยาสมิติภูมิเอาไว้

พอพบหน้ากัน พอลถึงกับตะลึง เพราะไม่ใช่ชายแก่ที่ต้องการฆ่า แต่กลับเป็นสาวน้อยสวยงาม เช่นเดียวกับแพรวพรรณรายพบชายหนุ่มหล่อเหลาผู้น่าหลงใหล มีสาวน้อยข้างไร่ซึ่งรักพอล พยายามมากระแนะกระแหนดูถูกแพรวพรรณรายแต่เจอตอกกลับ พอลเข้าข้างแพรวพรรณรายและบอกสาวน้อยคนนั้นตามตรงว่าเขาไม่ได้รักเธอ พอลช่วยดูแลไร่ชา คอยแนะนำให้แพรวพรรณรายเข้าใจเป็นอย่างดี แล้วบอกลากลับอังกฤษ แพรวพรรณรายเสียใจมากไม่ยอมให้ไป พอลยืนยันจะไปเพราะไม่ต้องการเกาะเธอกิน แพรวพรรณรายขี่ม้าแบล็กการ์ดตัวโปรดของพอลตกเหว ม้าตายแต่แพรวพรรณรายกระโดดเกาะโขดหินไว้ได้บาดเจ็บสาหัส พอลเสียใจมากสารภาพว่ารักแพรวพรรณรายและจะไม่ทิ้งแพรวพรรณรายไปไหน ทั้งคู

โดมทอง 2556

โดมทอง (2556/2013) คุณมณฑา หญิงสาวงามสง่าแห่งตระกูลผู้ดี ได้สมรสกับ เจ้าพระยาสรรักษ์ไกรณรงค์ เจ้าของคฤหาสน์ที่สวยงามราวกับความฝันชื่อ โดมทอง ซึ่งด้านหน้าติดภูเขา ด้านหลังติดทะเล โดยหลังแต่งงาน คุณมณฑา ได้พาน้องสาวที่เกิดจากภรรยาคนสุดท้ายของบิดามาด้วย คุณพลับพลึง หรือ คุณน้อย จึงมีอายุห่างจากคุณมณฑาค่อนข้างมาก ในขณะที่คุณมณฑาเป็นคนรักแรงเกลียดแรง แฝงด้วยความอำมหิตอย่างคาดไม่ถึง เข้มงวด และเจ้าอารมณ์ สร้างความตึงเครียด อึดอัดใจให้กับผู้ที่อยู่ใกล้เสมอ แต่คุณพลับพลึงและเสียงเพลงลาวครวญจากจะเข้ของเธอ กลับนำความสดใส มีชีวิตชีวามาสู่ โดมทอง และ ท่านเจ้าคุณสรรักษ์ฯ คุณมณฑาเริ่มเอะใจเมื่อท่านเจ้าคุณสั่งให้ปลูกทุ่งดอกพลับพลึง แต่ท่านเจ้าคุณก็แก้โดยปลูกต้นมณฑาไว้ในสวน นางพิศ บ่าวคนสนิท คอยยุยงว่าทำไมถึงปลูกพลับพลึงมากมายเป็นทุ่ง แต่ปลูกมณฑาไม่กี่ต้น ท่านเจ้าคุณก็แก้ได้อีกว่า ต้นมณฑาไม่เหมาะกับปลูกเป็นทุ่งเหมือนต้นพลับพลึง ถึงแม้คุณมณฑาจะไม่พอใจแค่ไหน ก็ไม่กล้าแสดงออกมากนักด้วยเกรงใจสามี โดยมาไล่เบี้ยเอากับน้องสาวแทน ถึงแม้จะเกรงกลัวพี่สาวขนาดไหน คุณพลับพลึงผู้อ่อนไหวและเยาว์วัยก็ไม่อาจต่อต้านความรัก ความปรารถนาของท่านเจ้าคุณได้ ทั้งสองลักลอบมีความสัมพันธ์กัน ขณะที่คุณมณฑาตั้งครรภ์ นางพิศเป็นคนจับได้ แล้วนำมาฟ้องนาย คุณมณฑาเคียดแค้นจนแทบกระอักเป็นเลือด ระหว่างที่ท่านเจ้าคุณไปทำงาน คุณมณฑาสั่งให้นางพิศโบยคุณพลับพลึงจนสลบ พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้เรื่องนี้ถึงท่านเจ้าคุณเด็ดขาด ขณะเดียวกันคุณหญิงก็มารยาแพ้ท้องมากมายจนท่านเจ้าคุณไม่อาจปลีกตัวมาพบคุณพลับพลึงได้ และถึงแม้จะพบโดยบังเอิญคุณพลับพลึงก็จะพยายามหลบหน้าหลบตา หรือไม่คุณมณฑากับนางพิศก็จะเข้ามาในบริเวณนั้น จนกระทั้งวันหนึ่ง ท่านเจ้าคุณต้องไปราชการต่างจังหวัด ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงคุณพลับพลึง ท่านเจ้าคุณจึงหาโอกาสมาล่ำลา ซึ่งก็ไม่ได้พ้นสายตาของนางพิศ ที่ได้รับคำสั่งให้คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาแทนเจ้านาย คุณมณฑาแค้นแสนแค้น แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้ ยิ่งได้สังเกตเห็นแววตาท่านเจ้าคุณที่ลอบมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงและอาลัยอาวรณ์ ท่านผู้หญิงแค้นแสนแค้น หากพยายามเก็บอารมณ์ไว้ เมื่อท่านเจ้าคุณไปแล้ว คุณมณฑาไม่รอช้า สั่งให้นางพิศไปพาพี่ชายมา แล้วสั่งให้ทั้งสองจับคุณพลับพลึงไปล่ามโซ่ขังในห้องบนยอดโดมทอง คุณพลับพลึงพยายามขอร้องให้ฆ่าเธอให้ตายเสียดีกว่า จะขังทรมานกันแบบนี้ แต่คุณมณฑากลับหัวเราะเยาะ บอกว่าการฆ่ามันไม่สาแก่ใจเท่ากับการที่ต้องทนทุกข์ทรมาน คุณพลับพลึงร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่นั่นกลับทำให้คุณมณฑาสะใจ คุณพลับพลึงถูกขังอยู่ในห้องบนยอดโดมทองนั้น โดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ทั้งยังไม่ได้กินข้าวกินน้ำ นายพัน ซึ่งรู้สึกผิดได้แอบเอาข้าวเอาน้ำมาให้ เมื่อคุณมณฑาจับได้จึงไล่นายพันออกไป ไม่ให้มาเหยียบโดมทองอีก และได้สั่งนางพิศให้ตอกตะปูปิดตายห้องนั้นเสีย เสียงคุณพลับพลึงตะโกนออกมา "คุณพี่ใจร้ายเหลือเกิน อิฉันจะไม่ไปไหนจะอยู่รอดูวันสุดท้ายของคุณพี่"

อาญารัก 2556

เรื่องย่อ : อาญารัก (2556/2013) อาญารัก เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง คือ เนียน ถูกนำตัวมาเป็นข้ารับใช้ เพราะน้อม ข้าเก่าท่านหมื่นผู้เป็นบิดาของขุนภักดีภูบาล ได้เข้ามาขอกู้เงิน แต่ไม่พบตัวท่านขุนภักดีภูบาล คุณเรียมภรรยาเอกท่านขุนจึงให้นายน้อยยืมเงิน 2 ชั่ง เพื่อรักษาตัวและนำไปไถ่ถอนที่นา น้อมจึงยกลูกสาวให้ตอบแทนคุณ เนียนเป็นเด็กสาวหน้าตาดี อุปนิสัยเรียบร้อย คุณเรียมจึงเอ็นดูเลี้ยงไว้ในฐานะน้องสาว นอกจากคุณเรียมแล้ว ขุนภักดียังมีภรรยาอีกคนคือ คุณสน ลูกสาวกำนันฐานะดี แต่ขี้อิจฉาริษยา เมื่อเห็นท่านขุนสนใจเนียน และมีช้อย สาวใช้ประจำตัวคอยยุยง เนียนจึงถูกกลั่นแกล้ง ท่านขุนก็เมตตาสงสาร และรักเนียนยิ่งขึ้น เนียนลำบากใจ เพราะเธอเคยมีครอบครัว แต่สามีตายไปแล้ว แลมีลูกแล้วเป็นชายที่ยังเล็กก็ฝากให้ยายแพรเป็นคนเลี้ยงดู ต่อมาพ่อของเนียนเสียชีวิต ท่านขุนจัดงานศพให้อย่างดี เนียนสำนึกในบุญคุณจึงยอมเป็นเมียท่านขุน โดยเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ คุณสนจ้างเหิม ลูกน้องของพ่อกำนันให้ข่มขืนเนียน เหิมชวนหนักและโพล้งร่วมทำการโดยไม่รู้ว่าเสือหนักเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเนียน จึงถูกซ้อนแผน คุณสนและช้อยจึงเป็นผู้รับเคราะห์แทน คุณสนและช้อยอาฆาตเนียนมากขึ้น ต่อมา คุณสนตั้งท้องอันเกิดกับเสือหนัก แต่ไม่บอกใคร ให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นลูกของท่านขุน ขณะเดียวกัน คุณเรียมและเนียนก็ตั้งท้องเช่นกัน เสือหนักลอบเข้ามาพบเนียน แจ้งข่าวเรื่องลูกที่กำลังป่วยหนัก ต้องการเงินรักษา คุณสนกับช้อยบังเอิญพบเข้า จึงนำความไปบอกท่านขุนว่าเนียนคบชู้ ท่านขุนโกรธจัด เฆี่ยนตีเนียนอย่างหนัก และไล่ให้ไปอยู่เรือนคนใช้ คุณสนคลอดบุตรเป็นชายได้ชื่อว่าเทิดศักดิ์ คุณเรียมนั้นเมื่อคลอดเด็กออกมาไม่นานทารกก็เสียชีวิต จึงให้เอกไปขอลูกของเนียนมาคนหนึ่ง ซึ่งเนียนคลอดลูกสาวฝาแฝดในวันเดียวกัน โดยให้หมอตำแยปิดเป็นความลับ ทานตะวันหรือลูกของเนียนที่คุณเรียมนำไปเลี้ยง เมื่อเติบโตขึ้นในฐานะลูกสาวคนเดียวของขุนภักดี และอยู่ใกล้คุณสน ทำให้มีนิสัยผิดแผกจากเนื้อทอง ลูกของเนียนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ เนื้อทองเป็นคนเจียมตน ขยัน เรียบร้อยเช่นเดียวกับเนียน จึงได้รับความกรุณาจากคุณทองจันทร์ และคุณเรียมให้เรียนอย่างเต็มที่ แดงน้อย ลูกชายของเนียน ซึ่งเกิดจากสามีคนแรก เติบโตขึ้น โดยมีเสือหนักผู้เป็นลุงคอยส่งเสียโดยไม่เคยพบกัน แดงน้อยกับเทิดศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้เสือหนักได้พบกับลูกคือเทิดศักดิ์ และทำให้เนียนได้พบกับแดงน้อย ทานตะวันนั้นชอบแดงน้อย เมื่อถูกคุณสนยุยงว่าจะถูกเนื้อทองแย่งไป ทานตะวันจึงออกอุบายกลั่นแกล้งเนื้อทอง จนถูกขุนภักดีเฆี่ยนตี แต่โชคดีที่เทิดศักดิ์ซึ่งแอบชอบพอเนื้อทองอยู่มาห้ามไว้ทัน ท่านขุนจึงยอมหยุดมือ หนุ่มสาวทั้ง 4 เรียนจบ เทิดศักดิ์เป็นนายร้อยตำรวจ แดงน้อยเป็นนายอำเภอ ทานตะวันจบเสริมสวยจากฝรั่งเศส เปิดร้านอยู่ในตัวเมือง ส่วนเนื้อทองบรรจุเป็นครูประจำจังหวัด ต่อมาคุณเรียมและคุณทองจันทร์ออกทุนให้เนื้อทองเปิดโรงเรียน ยิ่งเป็นเหตุให้ทานตะวันชิงชังเนื้อทองมากขึ้น ช้อยมีลูกชายที่ต้องคดีอยู่ จึงขอให้คุณสนบอกเทิดศักดิ์ให้ช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยได้ ช้อยจึงขู่คุณสนว่าจะเปิดเผยความจริง คุณสนจึงฆ่าช้อยทิ้งและป้ายความผิดให้เนียน โดยไม่รู้ว่าคุณทองจันทร์รู้เรื่องจากช้อยแล้ว ทางด้านแดงน้อยได้พบกับยายอ่อนหมอตำแยโดยบังเอิญจึงทราบเรื่อง และเข้าพบท่านขุนเพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เทิดศักดิ์จับกุมเนียนข้อหาฆาตกรรมช้อย คุณสนแอบได้ยินว่ายายอ่อนจะเปิดเผยความจริงเพื่อช่วยเนียน จึงฆ่ายายอ่อนเพื่อปิดปาก ท่านขุนมาประกันตัวเนียนและทราบความจริงเกี่ยวกับลูก ๆ ของตนทั้งหมด เทิดศักดิ์ทราบความจริงว่าเขาเป็นพี่น้องกับทานตะวัน เนื้อทอง และแดงน้อย และได้รู้ว่าตนเป็นลูกของเสือหนัก คุณสนเข้าใจว่าขุนภักดียังไม่ทราบความจริง จึงฆ่าคุณทองจันทร์ปิดปากอีกคน เทิดศักดิ์จำใจต้องจับคุณสน คุณสนขู่ประจานตระกูลภักดีภูบาลให้เสียชื่อเสียง ขุนภักดีจึงต้องการให้คุณสนฆ่าตัวตาย และคุณสนปฏิเสธ เสือหนักออกมาฆ่าคุณสน แดงน้อยเห็นเหตุการณ์จึงยิงเสือหนักตายโดยไม่รู้ว่าคือลุงผู้ส่งเสียเลี้ยงดูเขามาโดยตลอด โศกนาฏกรรมของครอบครัวภักดีภูบาล ปิดตัวลงท่ามกลางความช้ำใจของทุกคน

คุณพ่อจำเป็น 2555

เรื่องย่อ : คุณพ่อจำเป็น (2555/2012) มีคนนำเด็กฝาแฝดสี่คนที่เกิดจากไข่คนละใบมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของอาทิตย์ นักแต่งเพลงเจ้าสำราญในเวลา เช้า สาย บ่าย และเย็น ทำให้อาทิตย์จำต้องรับเป็นพ่ออุปถัมภ์ของเด็ก ๆ ตั้งชื่อให้ว่า อรุณเช้า-ตะวันสาย-บ่ายเพลา-นภาเย็น อาทิตย์ต้องเอาบ้านหลังใหญ่ที่เป็นของตนเองให้ฝรั่งเช่า เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูเด็ก ๆ แล้วพาเด็ก ๆ ไปอยู่บ้านเช่าหลังเล็กในชุมชนซอยร่วมสามัคคี ชื่นชอบกับชัยชม เป็นลูกนางชวน ซึ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวในซอย ชัยชมเป็นทหารอยู่ชายแดนทางเหนือจึงรู้เรื่องลับของการขโมยเด็กที่มีชาติตระกูลสูง ถูกพาข้ามแม่น้ำสาละวิน มายังฝั่งไทยก่อนจะหายไปอย่างลึกลับ ชื่นชอบเป็นครู เมื่ออาทิตย์นำเด็ก ๆ สี่คนมาเข้าโรงเรียนจึงคิดว่าเด็ก ๆ เป็นลูกของอาทิตย์ซึ่งเป็นม่าย ต่อมาเกิดปัญหาเด็กเร่ร่อนเข้ามาอาศัยอยู่ในซอยร่วมสามัคคี และกลายเป็นที่รังเกียจของชาวซอยร่วมสามัคคี ทำให้ชื่นชอบและอาทิตย์ต้องร่วมมือกันหาบ้านอุปถัมภ์ และช่วยเด็กเร่ร่อนจากเหตุร้าย จนกระทั่งความพยายามกลายเป็นความรัก ทั้งนี้ ขวัญดี ซึ่งหมายปองอาทิตย์อยู่จึงเป็นปฏิปักษ์กับชื่นชอบ โดย เช้า-สาย-บ่าย-เย็น ต่างรักและต้องการให้ชื่นชอบแต่งงานกับอาทิตย์พ่อของตนเอง ต่อมา..มีผู้มาอ้างสิทธิ์ว่าเป็นพ่อแม่ของเด็ก ๆ แต่อาทิตย์และชื่นชอบหาทางพิสูจน์ไม่ได้ว่าคนเหล่านี้เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็ก ๆ หรือไม่ ทำให้มีเรื่องโกลาหล สนุกสนาน ตื่นเต้น และเรียกน้ำตาจากปัญหาของเด็ก ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย จนในที่สุดพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็กสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นบุคคลผู้มีฐานะสูงส่งและมีข้อพิสูจน์ได้ว่าเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของ เช้า-สาย-บ่าย-เย็น อาทิตย์จะตัดสินใจอย่างไร อรุณเช้า-ตะวันสาย-บ่ายเพลา และนภาเย็น จะทำอย่างไร ในเมื่อเด็ก ๆ ต่างรักคุณพ่อจำเป็นคนนี้เสียแล้ว ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครคุณพ่อจำเป็น ได้ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7 สี

เจ้าหญิงแตงอ่อน 2555

เรื่องย่อ : เจ้าหญิงแตงอ่อน (2555/2012) เจ้าหญิงแตงอ่อนอรดี เป็นธิดาของกษัตริย์เมืองตะนูวดี มีพี่ชายชื่อ เจ้าชายสุดชฎา และมีพี่ชายต่างมารดาอันเกิดจากสนมชื่อ พระไวยราช พระไวยราชถูกมนต์สะกดของอสูรร้ายให้กระทำการชั่วต่าง ๆ นานา ทั้งยึดเมืองและต้องการได้นางแตงอ่อน น้องสาวต่างมารดามาเป็นมเหสี นางแตงอ่อนไม่ยินยอมจึงถูกฆ่าตาย พระสุดชฎาเสียใจมาก จึงอุ้มศพนางแตงอ่อนหนีไปถึงหน้าผาในป่า และตั้งใจจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามน้องสาว พระอินทร์จึงแปลงร่างลงมาขัดขวางและเกลี้ยกล่อมให้พระสุดชฎายอมรับอาหารที่ตนมอบให้ พระสุดชฎาจึงป้อนอาหารให้ศพเจ้าหญิงแตงอ่อน นางจึงฟื้นขึ้นมา ทั้งสองจึงซัดเซพเนจรไปอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ชายเขตแดนเมืองโกสี ซึ่งใต้ดินที่ปลูกกระท่อมนั้นมีถ้ำพญาจระเข้จำศีลอยู่ นางแตงอ่อนเผลอเทน้ำข้าวเดือดลงไปบนพื้นดิน พญาจระเข้ที่จำศีลอยู่ ถูกน้ำข้าวเดือดลวกจึงออกจากถ้ำขึ้นมาบนบึงน้ำ เกล็ดจระเข้จึงกระเด็นตกลงไปในหม้อข้าว พระสุดชฎาเสวยข้าวปนเกล็ดจระเข้ลงไป ทำให้กลายเป็นจระเข้ จึงบอกให้นางแตงอ่อนปักปิ่นลงบนศีรษะตน เพื่อจะได้เป็นที่สังเกตและแยกออกว่าจระเข้ตัวไหนเป็นพี่ชายของนาง เจ้าชายไพรงามแห่งเมืองโกสีออกประพาสป่ามาพบนางแตงอ่อนก็หลงรักและรับนางไปเป็นชายา และพาจระเข้พระสุดชฎาเข้าไปเลี้ยงในวังด้วย พวกนางสนมของพระไพรงามอิจฉาริษยานางแตงอ่อน จึงออกอุบายให้พระไพรงามออกไปคล้องช้างเผือก และสับเปลี่ยนโอรสของนางแตงอ่อนที่เพิ่งประสูติกับลูกจระเข้ ใส่ร้ายว่านางคบชู้กับจระเข้ พระไพรงามโกรธจึงขับไล่นางแตงอ่อนและจระเข้พระสุดชฎาออกจากเมือง พระอินทร์จึงให้นางแตงอ่อนบำเพ็ญพรตเพื่อช่วยให้พระสุดชฎากลับคืนร่างเป็นมนุษย์ ฝ่ายโอรสของนางแตงอ่อนที่ถูกนำไปฝังได้นางไม้พฤกษาช่วยไว้ และตั้งชื่อว่า เกตุทิพย์บดี เมื่อเกตุทิพย์บดีเจริญวัยจึงกลับเข้าเมืองโกสีและบอกความจริงทั้งหมด นางสนมจึงถูกเนรเทศ พระไพรงามและเกตุทิพย์บดีออกตามหานางแตงอ่อนและพยายามคืนดี แต่ระหว่างเดินทางกลับเมือง นางแตงอ่อนถูกพญายักษ์ลักพาตัวไป ที่เมืองของพญายักษ์มีกุมารีเกิดขึ้นในดอกบัว พญายักษ์ตั้งชื่อให้ว่า ปทุมวดี เจ้าหญิงปทุมวดีสนิทสนมกับนางแตงอ่อนจนเรียกว่าแม่ ทำให้มเหสียักษ์ไม่พอใจคิดจะทำร้ายนาง พระไพรงามกับเกตุทิพย์บดีตามมาช่วยและพานางแตงอ่อนกับปทุมวดีกลับเมืองโกสี ระหว่างทางได้พบพระไวยราชที่คลายจากมนต์สะกดหลบหนีออกจากเมืองตะนูวดี อสูรร้ายตามมา จึงถูกเกตุทิพย์บดีสังหาร พระไวยราชจะคืนราชสมบัติให้พระสุดชฎา แต่พระสุดชฎาละจากโลกีย์วิสัยแล้วจึงออกบวชแสวงหาธรรมะ ในขณะที่เจ้าหญิงแตงอ่อนได้อยู่พร้อมหน้าโอรสและพระสวามีอย่างมีความสุข ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครเจ้าหญิงแตงอ่อน ได้ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.15 - 09.15 น. ทางช่อง 7 สี

ไชยเชษฐ์ 2555

เรื่องย่อ : ไชยเชษฐ์ (2555/2012) "ท้าวอภัยนุราช" เจ้าเมืองเวสาลี มีพระธิดาองค์หนึ่ง พระนามว่า "นางจำปาทอง" เพราะเมื่อนางร้องไห้จะมีดอกจำปาทองร่วงลงมา ครั้นนางจำปาทองเจริญวัยขึ้น นางได้นำไข่จระเข้จากสระในสวนมาฟักจนเป็นตัวและเลี้ยงจระเข้ไว้ในวัง ครั้นจระเข้เติบใหญ่ขึ้น ก็ดุร้ายตามวิสัยของมัน มันเที่ยวไล่กัดชาวเมืองจนชาวเมืองเดือดร้อนไปทั่ว ท้าวอภัยนุราชทรงขัดเคือง จึงขับไล่นางจำปาทองออกจากเมืองเวสาลี "นางแมว" ซึ่งเป็นแมวที่นางจำปาทองเลี้ยงไว้ได้ติดตามนางไปด้วย นางจำปาทองกับนางแมวเดินซัดเซพเนจรอยู่ในป่า ไปพบยักษ์ตนหนึ่งชื่อ "นนทยักษ์" ซึ่งกำลังจะไปเฝ้า "ท้าวสิงหล" นางตกใจกลัวจึงวิ่งหนีไปพบ "พระฤๅษี" พระฤๅษีช่วยนางไว้ นางจำปาทองกับนางแมวจึงขออาศัยอยู่รับใช้พระฤๅษีในป่านั้น ท้าวสิงหลเป็นยักษ์ครองเมืองสิงหล ไม่มีพระโอรสและพระธิดา คืนหนึ่งท้าวสิงหลบรรเทาหลับและทรงพระสุบินว่า มียักษ์ตนหนึ่งมาจากป่านำดอกจำปามาถวาย ดอกจำปามีสีเหลืองเหมือนทองคำงามยิ่งนัก ท้าวสิงหลจึงทรงให้โหรทำนายพระสุบิน โหรทำนายว่าท้าวสิงหลจะได้พระธิดา วันนั้นนนทยักษ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหลและทูลว่าพบหญิงสาวอาศัยอยู่กับพระฤๅษีที่ในป่า ท้าวสิงหลจึงเสด็จไปหาพระฤๅษี และขอนางจำปาทองมาเป็นธิดา ประทานนามว่า "นางสุวิญชา" ฝ่าย "พระไชยเชษฐ์" เป็นโอรสเจ้าเมืองเหมันต์ พระไชยเชษฐ์มีพระสนมอยู่ 7 คน วันหนึ่งพระองค์เสด็จประพาสป่า และหลงทางเข้าไปในสวนเมืองสิงหล นางสุวิญชามาเที่ยวชมสวนพบพระไชยเชษฐ์ จึงนำความทูลให้ท้าวสิงหลทราบ ท้าวสิงหลให้พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้า พระไชยเชษฐ์จึงทูลขอรับราชการในเมืองสิงหล ต่อมามีข้าศึกยกทัพมาตีเมืองสิงหล พระไชยเชษฐ์อาสาสู้ศึกจนชนะ ท้าวสิงหลจึงทรงยกนางสุวิญชาให้เป็นชายาพระไชยเชษฐ์ พระไชยเชษฐ์จึงพานางสุวิญชากลับเมืองเหมันต์ ฝ่ายนางสนมทั้ง 7 คนริษยานางสุวิญชาที่พระไชยเชษฐ์รักนางสุวิญชามากกว่า ครั้นนางสุวิญชาทรงครรภ์จวนจะถึงกำหนดคลอดนางสนมทั้ง 7 คน ก็ออกอุบายว่ามีช้างเผือกอยู่ในป่า พระไชยเชษฐ์จึงออกไปคล้องช้างเผือก ฝ่ายนางสุวิญชาคลอดลูกเป็นกุมารมีศรกับพระขรรค์ติดตัวมาด้วย นางสนมทั้ง 7 คน นำพระกุมารใส่หีบไปฝังที่ใต้ต้นไทรในป่า เทวดาประจำต้นไม้ช่วยชีวิตพระกุมารไว้ เมื่อพระไชยเชษฐ์เสด็จกลับจากคล้องช้างเผือก นางสนมทั้ง 7 คน ทูลว่านางสุวิญชาคลอดลูกเป็นท่อนไม้ พระไชยเชษฐ์จึงขับไล่นางสุวิญชาออกจากเมือง ขณะที่นางสุวิญชาคลอดกุมารนั้น นางแมวแอบเห็นการกระทำของนางสนมทั้ง 7 คน จึงพานางสุวิญชาไปขุดหีบที่ใต้ต้นไทร แล้วพาพระกุมารกลับไปเมืองสิงหล ท้าวสิงหลตั้งชื่อพระกุมารว่า "พระนารายณ์ธิเบศร์" ต่อมาพระไชยเชษฐ์ทรงรู้ความจริงว่านางสุวิญชาถูกใส่ร้าย จึงออกติดตามนางสุวิญชาไปเมืองสิงหลและได้พบพระนารายณ์ธิเบศร์ ซึ่งกำลังประพาศป่ากับพระพี่เลี้ยง พระไชยเชษฐ์เห็นพระนารายณ์ธิเบศร์เป็นเด็กน่ารัก มีหน้าตาคล้ายพระองค์ก็มั่นใจว่าเป็นพระโอรส จึงเข้าไปขออุ้มและเอาขนมนมเนยให้ พระนารายณ์ธิเบศร์โกรธว่าเป็นคนแปลกหน้า จึงไม่ให้จับต้องและไม่ยอมเสวยขนม พระนารายณ์ธิเบศร์โกรธพระไชยเชษฐ์ที่มาจับต้องตัวและจับหัวของพระพี่เลี้ยงของตนจึงใช้ศรธนูหมายจะฆ่าให้ตาย แต่ธนูที่ยิงออกไปนั้นกลับกลายเป็นดอกไม้กระจายเติมพื้นดิน จึงทำให้พระไชยเชษฐ์เกิดความประหลาดใจยิ่งนัก จึงอธิษฐานจิตว่าถ้ากุมารองค์นี้เป็นลูกของตนที่เกิดกับนางสุวิญชาขอให้ธนูที่ยิงออกไปนั้นกลายเป็นอาหาร ทันใดนั้นพระไชยเชษฐ์ก็แผลงศรออกไปและศรธนูที่ยิงออกไปนั้นก็กลายเป็นอาหารมากมายเต็มพื้น จึงทำให้พระไชยเชษฐ์มั่นใจเป็นแน่แท้ว่าเป็นบุตรของตนจริงจัง พระไชยเชษฐ์ทรงไต่ถามพระนารายณ์ธิเบศร์เกี่ยวกับมารดา เพราะทรงจำแหวนที่พระนารายณ์ธิเบศร์สวมได้ พระนารายณ์ธิเบศร์บอกว่านางสุวิญชาเป็นแม่และท้าวสิงหลเป็นพ่อ พระไชยเชษฐ์จึงทรงเล่าเรื่องเดิมให้พระนารายณ์ธิเบศร์ฟัง ทั้ง 2 จึงทราบว่าเป็นพ่อลูกกัน พระนารายณ์ธิเบศร์พาพระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล พระไชยเชษฐ์ขอโทษนางสุวิญชา พระนารายณ์ธิเบศร์ช่วยทูลนางสุวิญชาให้หายโกรธพ่อ นางสุวิญชายกโทษให้ พระไชยเชษฐ์ นางสุวิญชาและพระนารายณ์ธิเบศร์ 3 คนพ่อแม่ลูกจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

นางแบบโคกกระโดน 2555

เรื่องย่อ : นางแบบโคกกระโดน (2555/2012) ในวงการแคทวอล์กของไทยยุคเมืองแห่งแฟชั่นนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก ลอร่า นางแบบสาวลูกครึ่งที่ร้อนแรงที่สุด เธอเป็นนางแบบชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่พยายามผลักดันตัวเองให้ก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ แต่ด้วยความเรื่องมากของเธอจึงได้สมญาว่านางแบบจอมเวอร์ ปากจัด ชอบพูดจาดูถูกคนอื่น ทั้งเย่อหยิ่งและจู้จี้จุกจิกจนคนทำงานด้วยต้องเอือมระอา ด้วยสโลแกนประจำตัวเธอว่า "ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็ค" เธอเกลียดความเป็นไทยอย่างเข้าไส้ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความเชย โดยเฉพาะหมอลำที่เธอหาว่าเสี่ยว ถ้าได้ยินคนใกล้ชิดเปิดให้ได้ยินเป็นต้องกรี๊ดไปแปดตลบด้วยความรังเกียจ เธอคลั่งไคล้วัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะอเมริกัน ถึงขั้นบูชา ถึงขนาดว่า ถ้ามีการตกแต่งยีนให้เป็นฝรั่งผิวขาวได้ก็คงทำไปแล้ว แม้แต่คนใช้ก็ยังต้องเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่งให้หมด เช่น แจ๋วเปลี่ยนเป็นเจเน็ต เธอบอกทุกคนว่าพ่อเป็นนักธุรกิจชื่อดังอยู่ที่อเมริกา ส่วนแม่เป็นคนไทยที่สืบเชื้อสายผู้ดีเก่ามาเจ็ดชั่วโคตร ตัวเธอเองก็จบไฮสคูลจากอเมริกา จากการพูดภาษาไทยด้วยเสียงขึ้นจมูกปนสำเนียงฝรั่งของเธอ ก็ทำให้ทุกคนเชื่อสนิทว่า เธอเป็นนักเรียนนอกที่ฉลาดล้ำเลิศจนได้สมญานามว่า "เจ้าหญิงแห่งวงการนางแบบ" แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นภาพที่ เจ๊มล แมวมองซึ่งกลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลอร่าสร้างให้เป็นตัวตนใหม่ของเธอ เพื่อจะผลักดันให้เธอโกอินเตอร์ แม้ลึก ๆ แล้วลอร่าจะยังชอบกินส้มตำปลาร้าอยู่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ชอบ บางครั้งเธอแอบไปจกส้มตำปลาร้า นั่งเมาท์กับกับช่างแต่งหน้าบ้างจนเกือบจะหลุดภาษาบ้านเกิด แต่ถูกเจ๊มลห้ามไว้และเรียกไปอบรมยืดยาวเป็นชั่วโมง ลอร่ามีแอ๋วช่างแต่งหน้าประจำตัวเป็นเพื่อนสนิท แอ๋วมักจะชวนลอร่าไปทำอะไรที่เจ๊มลห้าม เพราะรู้ว่าลอร่าชอบแต่ต้องถูกกดดันจากเจ๊มล เช่น พาลอร่าปลอมตัวเป็นสาวโรงงานไปจกส้มตำอยู่ข้างโรงงาน แต่ทั้งสองก็มักจะหลุดเปิ่น ๆ โก๊ะ ๆ ให้คนอื่นจับได้จนนักข่าวเอาไปลงหนังสือพิมพ์ ให้เจ๊มลตามล้างตามเช็ดอยู่เสมอ เจ๊มลยังจับคู่ให้ลอร่ากับเจมส์หนุ่มไฮโซลูกครึ่งเป็นแฟนกัน เขาคือลูกชายเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์เจ้าประจำอยู่ ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก เพราะฝ่ายชายทั้งหล่อเนี้ยบและร่ำรวยมหาศาล แถมเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลอย่างที่หญิงสาวทั้งประเทศใฝ่ฝัน ความโรแมนติกของเขาที่มีต่อแฟนสาวก็เป็นที่ร่ำลือไปทั่ว จนใคร ๆ คิดว่าเป็นคู่ในอุดมคติแห่งยุค ทั้งสองวางแผนไว้ว่าจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้ ลอร่าได้แต่วาดฝันถึงชีวิตอันเลิศหรูสวยงามในแวดวงสังคมมีระดับ และก้าวไปสู่การเป็นนางแบบระดับอินเตอร์ตามที่ฝันไว้ เธอเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันนั้น แต่แล้วในวันแถลงข่าวการจัดงานแฟชั่นไทยสู่อินเตอร์ที่เธอคิดว่าความฝันนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทุกอย่างก็กลับพังทลาย ลอร่าบังเอิญเห็นแฟนหนุ่มจูบกับลิซซี่เพื่อนนางแบบของเธอคนหนึ่งที่เธอเป็นคนแนะนำให้เขารู้จักเอง ภาพนั้นทำให้เธอกรี๊ดไม่ออก แต่กลับช็อคจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล กำหนดการหมั้นและแต่งงานถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด มีข่าวลือต่าง ๆ นา ๆ ตั้งแต่ว่าลอร่าท้องก่อนแต่งจึงหลบไปคลอดลูก แต่ที่เสียดแทงใจเธอมากที่สุดคือ เธออกหักเพราะเจมส์ทิ้งเธอไปมีคนใหม่ ลอร่าออกจากโรงพยาบาลด้วยสภาพจิตใจบอบช้ำ เจมส์ตามง้อเธอแต่เธอไม่ยอมพบเขาเลย ลอร่าย้ายไปอยู่กับแอ๋วชั่วคราวเพื่อไม่ให้ใครตามตัวเจอ เธอไม่เป็นอันทำงานปล่อยเนื้อ ปล่อยตัวเละเทะผิดนัดจนทุกคนเลิกจ้าง แอ๋วคอยปลอบใจลอร่า ลอร่าตัดสินใจเล่าความจริงให้ฟังว่าที่แท้เธอเป็นใคร แอ๋วขอให้ลอร่าเปิดเผยตัวตน แต่เจ๊มลไม่ยอมสั่งลอร่าหลบนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ นักข่าวเริ่มมีการขุดคุ้ยอดีตของเธอ บอกว่านามสกุลที่เธอใช้อยู่เป็นของปลอมที่แอบขโมยมาจากตระกูลดัง แต่เปลี่ยนตัวสะกดนิดหน่อย เพราะเชื่อว่าภาพลักษณ์และประวัติที่สวยหรูจะช่วยกรุยทางไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น แต่นามสกุลจริงของเธอคือ โคกกระโดน เจ๊มลถึงกับอยู่นิ่งไม่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นอุปสรรคในการโกอินเตอร์ของลอร่าอย่างไม่ต้องสงสัย เจ๊มลจึงวางแผนให้ลอร่ากลับไปกาฬสินธุ์บ้านเกิดของเธอ เพื่อลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวที่แท้จริงให้หมด และเก็บหลักฐานที่จะนำไปสู่ที่มาของตัวเธอไม่ให้เหลือซาก เพราะกลัวนักข่าวจะตามกลิ่นไปจนเจอ เจ๊มลเป็นคนชักชวนลอร่าหนีออกจากบ้านมาเป็นนางแบบตั้งแต่เธอเพิ่งจบมัธยมปลาย โดยเจ๊มลช่วยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่หมด แถมแต่งประวัติใหม่ให้อย่างสวยหรู พาไปสมัครเรียนเอยูเอ และด้วยพื้นฐานภาษาอังกฤษที่เธอสนใจอยู่แล้วก็ทำให้ลอร่ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เธอสาบานกับตัวเองไว้ว่าถ้ายังไม่ถึงจุดสูงสุดของความฝันก็จะไม่กลับบ้าน ในที่สุดเธอประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังไม่เคยกลับบ้านอีกเลย เพียงสิ่งเดียวที่ยังทำให้เธอติดต่อทางบ้านก็คือ ส่งเงินให้ ตาพุด กับ นางชื่น ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเธอ เพื่อให้ทั้งสองอยู่อย่างสุขสบาย ลึก ๆ แล้วเธอคิดถึงทั้งสองมาก และเคยชวนท่านมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้ดูแลใกล้ชิด แต่พ่อแม่เคยมาอยู่เพียงสามสี่วันก็บ่นคิดถึงควายที่บ้าน แถมเก็บเงินที่เธอส่งมาเข้าธนาคารหมดโดยไม่ยอมใช้สักบาท โดยอ้างว่าเงินที่ได้จากการทำไร่ทำนาก็พอเพียงอยู่แล้ว เจ๊มลคาดว่าลอร่าจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ในการกลับไปจัดการกับทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อจะตั้งต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เป็นนิวลอร่าตามที่เจ๊มลเตรียมการเปิดตัวให้ เมื่อลอร่ากลับบ้านเกิดเธอแต่งหน้าจัดตามความเคยชินทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน จึงไม่มีใครจำเธอได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้จักเธอในฐานะนางแบบ เธอพยายามถามทางกลับบ้าน เพราะถนนหนทางเปลี่ยนไปมาก แต่ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เพราะชาวบ้านไม่คุ้นภาษาไทยสำเนียงฝรั่งของเธอ จนกระทั่งเจอกับปอยเพื่อนสมัยเรียนที่จำลอร่าได้ ปอยทักเธอว่าคำหล้าซึ่งเป็นชื่อจริงของเธอสมัยเด็ก ทำให้ลอร่าต้องรีบหลบเพราะทุกคนจำได้และเข้ามามุงเธอ ทั้งสองเคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อน ปอยเรียนเก่งกว่าแต่ลอร่าเป็นคนสวยและทะเยอทะยาน ลอร่าไม่เข้าใจว่าทำไมปอยจบมหาวิทยาลัยแต่กลับมาเป็นครูสอนเด็กบ้านนอก ในขณะที่ลอร่าจบแค่มัธยมหกแต่ประสบความสำเร็จเป็นนางแบบชั้นแนวหน้าของเมืองไทย แม้ว่าที่จริงแล้วปอยมีความสุขและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ แถมลอร่ายังเข้าใจว่าปอยเป็นแฟนกับอินทร์ แฟนเก่าสมัยมัธยมของเธอทำให้ลอร่าแอบอิจฉาอยู่ลึก ๆ แต่เธอก็พยายามปฏิเสธใจตัวเองเรื่อยมาว่าเธอประสบความสำเร็จ มีเงินทองมากมายกว่า และสวยกว่า ค่าเครื่องสำอางของเธอแต่ละเดือนแพงกว่ารายได้ทั้งปีของปอยเสียอีก เมื่อปอยนำทางลอร่าไปถึงบ้านพ่อแม่ ลอร่าก็ถูกควายไล่ขวิดจนล้มลุกคลุกโคลนหมดสวย เพราะสีสันจัดจ้านของเสื้อผ้าเธอที่ไปสะดุดตามัน จนกระทั่งอินทร์เข้ามาช่วยไว้เพราะบังเอิญเขามาเยี่ยมพ่อแม่เธอที่นั่น อินทร์ได้ทุนไปเรียนเกษตรที่นิวซีแลนด์ เขากลับมาทำไร่ของตัวเองและเป็นครูอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนของหมู่บ้าน แทนที่ลอร่าจะขอบคุณ เธอกลับกรี๊ดใส่เขาที่มาเจอเธอในสภาพนี้ด้วยความเจ็บใจที่เมื่อสิบปีก่อนเขาทิ้งเธอไปสนิทกับปอย แต่ที่จริงเป็นเพราะตอนนั้นลอร่าเริ่มลืมตัวและไม่สนใจเขาเอง เธอทำทุกอย่างเพื่อจะก้าวไปสู่วงการนางแบบด้วยการประกวดประ ชันบนเวทีต่าง ๆ ทำให้อินทร์กลุ้มใจกลัวลอร่าเสียการเรียน จึงปรึกษาปอยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของลอร่า จนเกิดความสนิทสนมกันลอร่าจึงเข้าใจผิดมาตลอดว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แม้ลอร่าจะกลับมา แต่อินทร์ก็ยังมาดูแลพ่อแม่ของเธออย่างสม่ำเสมอ จนถูกลอร่าแดกดันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเขาก็ตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่พ่อแม่เธอเอาแต่ชมเขาว่าช่วยมาดูแลยิ่งกว่าลูกแท้ ๆ ยิ่งทำให้ลอร่ารู้สึกเสียดแทงใจมาก ปอยบอกลอร่าว่ากำลังจะแต่งงาน ลอร่าก็ยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ปอยจะแต่งงานด้วยคืออินทร์ เธอรู้สึกหึงขึ้นมาเพราะอินทร์คือรักครั้งแรกของเธอ คืนแรกลอร่านอนไม่หลับเพราะรอบตัวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสักอย่าง ที่บ้านไม่มีเครื่องปรับอากาศมีแต่พัดลมเครื่องเก่า ๆ ที่พ่อแม่แอบสละให้ลอร่าใช้ โดยไม่บอกว่าที่บ้านมีพัดลมเครื่องเดียว น้ำประปาก็ไม่มี ต้องไปตักน้ำบาดาลมาให้ จะไม่อาบน้ำก็ไม่ได้เพราะตัวเลอะโคลนเต็มไปหมด ลอร่าอยากกรี๊ดไปสิบแปดตลบ พอโทรไปบ่นกับเจ๊มลก็ต้องเดินหาสัญญาณมือถือไปอยู่กลางเล้าหมู แต่คำตอบที่ได้รับจากเจ๊มลก็คือให้อดทนไว้ก่อน วันรุ่งขึ้นข่าวการกลับมาของลอร่าเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน หลายคนเข้ามาแวะเวียนเพื่อจะดูหน้าเธอ ทุกคนในหมู่บ้านจะพูดภาษาอีสานใส่ลอร่า แต่เธอแกล้งทำเป็นฟังไม่ออก จนชาวบ้านแกล้งนินทาเป็นภาษาอีสาน บักหล่อซึ่งเป็นลูกน้องของอินทร์ตั้งสมญาให้ลอร่าว่า "บักสีดา" เพราะลอร่าชอบทำตัวเป็นฝรั่ง ที่จริงลอร่าฟังรู้เรื่อง แต่ทำเป็นเก๊กสวยแม้จะหลุดความเปิ่นตามนิสัยเดิมออกไปบ้าง จนเป็นที่ตลกขบขันของคนในหมู่บ้าน ถ้าลอร่าไม่พูดภาษาอีสาน ชาวบ้านก็จะไม่ยอมขายของให้ เธอจึงแกล้งใช้ปอยเป็นล่ามให้ทุกครั้ง ซึ่งปอยก็แสนดีคอยช่วยเหลือทุกอย่างด้วยความเห็นใจเพื่อน ในขณะที่ลอร่าจะแอบเจ็บใจที่ปอยเฝ้าพร่ำพูดถึงแต่แฟน ตัวเองที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และงานแต่งงานที่จะมีขึ้นอย่างตื่นเต้น ลอร่าจึงมักจะเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหันทุกครั้งที่ปอยเริ่มพูด ลอร่าตอบแทนปอยโดยแต่งหน้าให้ปอยแบบเว่อร์ ๆ เหมือนตัวเอง จนปอยไม่มั่นใจและต้องแอบไปลบทิ้ง ลอร่าจะหาเรื่องคอยแกล้งอินทร์อยู่เสมอ พออินทร์มาช่วยพ่อแม่ของเธอทำส้มตำปลาร้าของที่เธอเคยชอบให้ เธอก็แผลงฤทธิ์ใส่เขาโดยการเททิ้ง ไม่ยอมกิน แกล้งว่าสกปรก อินทร์แก้เผ็ดด้วยการใส่ปลาร้าลงในกับข้าวทุกอย่างจนลอร่ากินไม่ได้ แต่ตกดึกเธอหิวมาก จึงแอบมาจกปลาร้าที่เหลือไปคลุกข้าวด้วยความหิวโหยอินทร์มาแอบดูและขำอยู่คนเดียว ปอยพาลอร่าไปเยี่ยมโรงเรียนที่สอนอยู่และชวนลอร่ามาสอนภาษาอังกฤษบ้าง แต่พอลอร่าเจออินทร์ที่มาช่วยสอนภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกัน เธอก็ปฏิเสธทันที แถมเธอยังเจอฤทธิ์เดชของ ไอ้ต่อย หรือที่อินทร์เรียกว่า "บักหำต่อย" ซึ่งเป็นนักเรียนหัวโจกของโรงเรียนแกล้ง หลอกให้เธอกินกิ้งก่าปิ้งโดยตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่ให้ลอร่ารู้ว่าเป็นอะไร ตอนแรกลอร่ากินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะตอนเด็ก ๆ เธอก็เคยกิน แต่พออินทร์มาเฉลยว่าเป็นอะไรลอร่าก็รีบไปอาเจียนแทบไม่ทัน ปอยพาลอร่าไปที่อำเภอเพื่อเปลี่ยนหลักฐานเดิมเกี่ยวกับตัวลอร่า ทำให้ได้พบกับปลัดดอนซึ่งปลื้มลอร่าในฐานะนางแบบในดวงใจมาก่อน เขาจึงช่วยประสานงานให้เธออย่างเต็มที่ และชวนเธอไปเดินตลาดด้วยกัน ลอร่าไม่อยากไปแต่พอเห็นอินทร์ที่มาติดต่องานในอำเภอก็แกล้งประชดรับปากไปหวังจะให้อินทร์หึง คนทั้งหมู่บ้านจึงเมาท์กันปากต่อปากว่า ปลัดดอนกำลังจะโกอินเตอร์กับบักสีดาด้วย อินทร์ได้ยินเข้าก็กลับหัวเราะว่าลอร่าหลอกปลัดมากกว่า ลอร่าทำธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิด และโล่งใจที่เธอจะได้กลับกรุงเทพฯ ก่อนงานแต่งงานของปอยและอินทร์ เธอทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นภาพบาดตานั้น แต่เจ๊มลผู้จัดการส่วนตัวโทรมาบอกว่าเธอยังกลับไม่ได้ ต้องเก็บตัวอีกระยะหนึ่ง เพราะนักข่าวรออยู่ที่อพาร์ตเมนท์เพื่อจะเปิดโปงเธอ ลอร่าจำใจต้องอยู่ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ในที่สุดเธอตัดสินใจว่าในเมื่อจะต้องอยู่ต่อ เธอก็จะเปลี่ยนหมู่บ้านเชย ๆ นี้ให้กิ๊บเก๋มีสไตล์มากขึ้น ด้วยการเป็นผู้นำความทันสมัยเข้ามา ไม่อย่างนั้นเธอก็ทนอยู่ต่อไปไม่ได้ และยังสั่งให้เจ๊มลส่งชุดราตรีสุดหรูสำหรับงานแต่งงานมาให้ด้วย ลอร่าเริ่มจากการตกแต่งบ้านของเธอใหม่ให้เป็นแบบอเมริกันสมัยใหม่ และสั่งเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เช่น แอร์ เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ฯลฯ มาใช้ในบ้าน โดยความช่วยเหลือของปลัดดอน ปรากฏว่าคืนแรกที่ลอร่าโหมกระหน่ำใช้สารพัดสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไฟตกทั้งหมู่บ้าน ไฟดับหมดจนผู้ใหญ่บุญโฮมต้องมาขอร้องให้เพลาการใช้ไฟลงบ้าง แต่ลอร่าไม่ยอม โวยวายว่าเป็นสิทธิ์ของเธอ ผู้ใหญ่บ้านต้องทำให้หมู่บ้านเจริญขึ้นโดยขอไฟเพิ่ม ไม่ใช่มาขอให้เธอลดการใช้ไฟเพราะเธอมีเงินจ่าย ผู้ใหญ่บุญโฮมเป็นผู้ที่บวชเรียนมาหลายพรรษา จึงพูดคำคมฝากเป็นข้อคิดให้ลอร่าว่า "ติแต่แมงวันฮ้ายตอมโตอยู่โผ้โผ่โตหากเหม็นอู่อู้สิติได้ฮ่อมใด"

อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว 2555

เรื่องย่อ : อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว (2555/2012) โดยทำนายว่าโลกเวทมนตร์จะพังทลายตั้งแต่กำเนิดเด็กมาร ผู้นำได้สั่งว่าเด็กทุกคนที่เกิดในวันนั้นถูกฆ่าตาย แต่แม่มด (แม่มด) ฐหิรา รู้สึกเสียใจกับพี่เลี้ยงเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในกระท่อมและไม่สามารถพาตัวเองไปฆ่าเธอได้ Tahira ตัดสินใจส่งพี่เลี้ยงไปใช้ชีวิตบนโลกกับมนุษย์ พี่เลี้ยงแม่มดน้อยนิสัยเสีย เติบโตขึ้นมากับดาร์คาผู้อ่อนแอ Dar-Ka ก็ถูกรับเลี้ยงเช่นกัน

ปางเสน่หา 2555

ปางเสน่หา (2555/2012) ร.ต.อ.เตชิต นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียงซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือผู้กำกับเสนา ผู้บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็น ๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัวตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็ก ๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับศรีตรังเจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลก ๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก "คุณ" เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใส ๆ ร้อง "ว้าย" ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับสาวถ้ำมองให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบลุงสม คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลก ๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำ ๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้ เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใด ๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่าย ๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำ ๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก "คุณ"