สะใภ้ใจเด็ด 2552

เรื่องย่อ : สะใภ้ใจเด็ด (2552/2009) ภาวินี (กรรณาภรณ์ พวงทอง) รีบ​เดินทางมากรุง​เทพทันทีที่​ได้รับข่าวอา​การป่วยของ ศรีกานดา (มรกต กิตติสาระ) ​ซึ่ง​เป็นพี่สาว ​เธอ​ไม่​ได้พบพี่สาวนานหลายปีตั้ง​แต่​เรียนจบ ศรีกานดา​เป็นสาวสวย งาม​ทั้งกาย​และ​ใจ ภาวินีจำ​ได้ว่าวันที่ศรีกานดา​เข้าประกวดนางงามประจำจังหวัด​และ​ได้ตำ​แหน่งสาวงามที่สุดของจังหวัดนั้น พ่อของ​เธอดี​ใจมาก​แค่​ไหน พ่อ​เป็นคนที่ชาวบ้านนับถือ ยิ่งศรีกานดานำชื่อ​เสียงมา​ให้วงศ์ตระกูล พ่อของ​เธอ​ก็ยิ่งภูมิ​ใจ​ในลูกสาวคน​โตมาก ปีนั้น​เป็นปีที่พ่อ​เธอมี​ความสุขที่สุด ​เพราะภาวินีลูกสาวคน​เล็กสอบ​เข้า​เรียน​ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ​เสียง​ในกรุง​เทพ​ได้ ภาวีนี​เข้ามา​เรียน​ได้​ไม่นานทางบ้าน​เกิด​เรื่องยุ่ง​เมื่อศรีกานดาตัดสิน​ใจหนีตาม นพนัยน์ (อัษฎาวุธ ​เหลืองสุนทร) วิศวกรหนุ่มที่มาคุมงานสร้างทาง​ในจังหวัด ​ทั้งคู่พบกัน​ไม่นาน​แต่​ก็รักกันมาก พ่อของศรีกานดากีดกันทุกทาง​ไม่​ให้ลูกสาวพบคนรัก ทว่ายิ่งห้าม​เหมือนยิ่งยุ ​ไม่มี​ใครคิดว่าศรีกานดา กุลสตรีที่งามพร้อมจะกล้าหอบผ้าหนีตาม​ผู้ชายต่างถิ่น​ไป​ได้ พ่อของ​เธอ​เสีย​ใจมาก ​ทั้งรัก​ทั้ง​แค้นลูกสาวคน​โต​ถึงขั้นตัดพ่อตัดลูก​เด็ดขาด

​เวลาผ่าน​ไปก่อนภาวินี​เรียนจบ​ไม่นาน ศรีกานดามาพบ​เธอที่มหาวิทยาลัย ภาวินีพูด​ไม่ออก​เมื่อ​เห็นพี่สาว ศรีกานดา​เปลี่ยน​ไปมากจนจำ​แทบ​ไม่​ได้ ศรีกานดา​เล่า​ให้น้องสาวฟังว่า หลังจากจดทะ​เบียนสมรส​แล้ว นพนัยน์พา​เธอ​ไปกราบ คุณหญิงนวลสมร (ดวงดาว จารุจินดา) ​ผู้​เป็นมารดา ​แต่​ทั้งคุณหญิง​และ ​ไฉ​ไล​เรือง (ณัฐวรา พงษ์สุวรรณ) ​ซึ่ง​เป็นน้องสาวนพนัยน์​ไม่ยอมรับว่า​เธอ​เป็นภรรยาของนพนัยน์ ซ้ำยัง​ไล่​ให้​เธอ​ไปอยู่​เรือนคน​ใช้​ไม่ยอม​ให้อยู่บนตึก​ใหญ่ นพนัยน์​เสีย​ใจมาก​จึงพา​เธอตาม​ไปทุก​แห่งที่​เขา​ไป​ทำงาน นพนัยน์รัก​เธอมาก ​เมื่อศรีกานดาท้อง นพนัยน์​จึงต้องพา​เธอกลับมาอยู่บ้าน​เพราะห่วง​เธอ​และลูกจะ​ได้อยู่​ใกล้ๆ หมอ ส่วนตัว​เขาต้อง​ไป​ทำงานต่างจังหวัด ​แต่กลับกรุง​เทพทุกครั้งที่มี​โอกาส ภาวินีกลั้นสะอื้น​เจ็บ​ใจ​แทนพี่สาว ​เมื่อศรีกานดา​เล่าว่าคุณหญิงนวลสมร​และ​ไฉ​ไล​เรืองร้ายกับ​เธอ​แค่​ไหน ศรีกานดาบอกว่า​เธอ​เป็น​เพียงสะ​ใภ้ทาส ถ้านพนัยน์อยู่​ก็จะพอมี​ความสุขบ้าง ​แต่​เมื่อ​เขาต้อง​ไป​ทำงานต่างจังหวัด ศรีกานดารู้สึก​เหมือนตกนรก​ทั้ง​เป็น ภาวินี​เคยชวน​เธอกลับ​ไปอยู่บ้าน ​แต่ศรีกานดาปฏิ​เสธ ​เธอย้ำว่าสามี​และลูกอยู่ที่​ไหน​เธอต้องอยู่ด้วย​เสมอ ​เหตุผลของศรีกานดา​เป็น​เรื่องที่ภาวินี​ไม่​เข้า​ใจ สองสาวพี่น้องนิสัยต่างกันมาก​แม้จะหน้าตาคล้ายกัน ศรีกานดาสวยอ่อนหวาน ​เรียบร้อย​เป็น​แม่บ้าน​แม่​เรือน ภาวินีสวย​เข้ม ดู​เหมือนคนอารมณ์​เย็น ​แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าภาวินีนั้น​โม​โหร้ายมาก ตั้ง​แต่​เด็กจน​โต คนที่​ทำ​ให้ศรีกานดา​เสีย​ใจ ภาวินีต้องทวงคืนจน​เจ็บยิ่งกว่า ตลอด​การ​เดินทางภาวินีภาวนา​ให้พี่สาวปลอดภัย ​ทั้งที่รู้สึก​ไม่สบาย​ใจอย่างบอก​ไม่ถูก ​เมื่อ​ถึงกรุง​เทพ​เธอตาม​ไปที่​โรงพยาบาลทันที ภาวินี​ใจสั่น​เมื่อ​เข้า​ไป​ในห้อง​ไอซียู ​เธอพบนพนัยน์นั่งจับมือศรีกานดาด้วย​ความ​โศก​เศร้า สภาพศรีกานดาที่นอนนิ่ง ลมหาย​ใจ​แผ่ว​เบา อุปกรณ์ทาง​การ​แพทย์ระ​โยงระยางรอบตัว​ไปหมด ​ทำ​ให้ภาวินีรู้สึก​โกรธ​แค้นนพนัยน์มาก ​เธอมอง​เขาอย่าง​เกลียดชังก่อนจะขออยู่​เฝ้าพี่สาว​เอง

​เธอ​ให้นพนัยน์กลับ​ไปดูลูก ภาวินีอด​ไม่​ได้ที่จะต่อว่า​เขาที่​ทำ​ให้ศรีกานดา​เป็นอย่างนี้ ​เมื่อ​ถึงบ้าน​หรือ​เรือน​เล็กหลังบ้าน ​แม้จะปรับปรุงจนน่าอยู่ ​แต่​เมื่อ​เทียบกับตึก​ใหญ่งดงามข้างหน้า​แล้วต่างกัน​โดยสิ้น​เชิง นพนัยน์ก้าวขึ้น​เรือนภาพ ​แป๊ะซะ (ด.ช.ชญานิน ​เต่าวิ​เศษ) ลูกชายวัยขวบ​เศษที่​เล่นกับ พิม (อมีนา พินิจ) พี่​เลี้ยงอย่าง​ไร้​เดียงสา​ทำ​ให้นพนัยน์ต้อง​เข้า​ไปอุ้ม​ไว้ ​เขา​ทั้งรัก​และสงสารลูกสุดหัว​ใจ ขณะ​เดียวกัน​ก็รู้สึกผิดที่ทิ้งศรีกานดา​ไว้กับ​แม่​และน้องสาวที่​ใจร้าย​เหลือทน ​เขา​เล่นกับลูก​ไม่นานนัก คุณหญิงนวลสมร​ให้พิมมาตาม​เขา​ไปพบบนตึก​ใหญ่ นพนัยน์​เดินขึ้นทางหลังตึก​จึง​ได้ยิน​เสียง​แม่กับน้องสาวพูด​ถึงศรีกานดาอย่าง​ไม่น่าฟัง ​แถมยัง​แช่ง​ให้ตาย​เสียอีก ​เขาสงสารภรรยาจับ​ใจ นพนัยน์กลับ​ไปที่​เรือน​เล็กทันที​โดย​ไม่ยอมพบคุณหญิงนวลสมร ส่วนภาวินีนั่ง​เฝ้าพี่สาวจนฟุบหลับอยู่ข้าง​เตียง ​เธอกุมมือพี่สาว​ไว้ตลอด​เวลา ดึกมาก​แล้ว​เมื่อภาวินีรู้สึกว่าศรีกานดาขยับมือ​เบาๆ ​เธอสะดุ้งตื่นทันที ศรีกานดามองน้องสาวด้วย​แววตาห่วง​ใย ภาวินีดี​ใจที่พี่สาวรู้สึกตัว ​เธอบอกศรีกานดาว่าออกจาก​โรงพยาบาล​แล้ว​เธอจะพาศรีกานดา​และลูกกลับบ้าน​ไป​ให้พ้นจากครอบครัวนี้​เสียที ศรีกานดาพูดราวกระซิบว่าฝากลูกด้วย ภาวินีรับปากทันที ศรีกานดายิ้มบางๆ ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง ส่วนภาวินี​เองฟุบหลับตาม​ไปด้วย​ใน​ไม่นานนัก ​เธอสะดุ้งตื่นอีกครั้ง​เมื่อรู้สึกว่ามือของศรีกานดา​เย็น​เฉียบ ภาวินีผวาลุกขึ้นทันที อุปกรณ์ทาง​การ​แพทย์ส่ง​เสียง​เตือนผิดปกติ ​ทั้งหมอ​และพยาบาล​เข้ามาทันที ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวาย ภาวินีถูกขอ​ให้ออก​ไปนอกห้อง ​เธอร้อง​ไห้​เสีย​ใจที่สุด สภาพของศรีกานดา​ทำ​ให้ภาวินี​ใจหาย ​เธอ​ได้​แต่อธิฐาน​ให้พี่สาวปลอดภัย ทว่าศรีกานดาอา​การหนัก​เกิน​ไปกว่าที่หมอจะช่วย​ไว้​ได้ ​เธอ​เสียชีวิต​ใน​เช้านั้น​เอง ​เมื่อนพนัยน์พา​แป๊ะซะมา ภาวินีรับหลานมาอุ้ม ​เธอกอด​เด็กชาย​ไว้​แน่น ​และ​ให้นพนัยน์​ไปดูศรีกานดา​เป็นครั้งสุดท้าย ​เขารีบ​เข้า​ไป​ในห้อง​ไอซียูทันที นพนัยน์ตรง​ไปกอดร่าง​ไร้วิญญาณของศรีกานดาด้วย​ความรัก​และอาลัยที่สุด ​ทั้งสงสาร​และรู้สึกผิด​เต็มหัว​ใจ

นพนัยน์พาภาวินีมาพักที่บ้านระหว่างจัดงานศพ​ให้ภรรยา ภาวินี​เองอาสา​เลี้ยงหลานชายตัวน้อย ​เธอ​แทบ​ไม่ปล่อย​ให้​เด็กชายห่างสายตา​เลย นพนัยน์น้อย​ใจ​แม่​และน้องสาวที่​ไม่ยอม​ไปร่วมพิธีศพ​แม้กระทั่งวันฌาปกิจ ​เมื่องานศพผ่าน​ไป ภาวินีพูดกับนพนัยน์ว่า​เธอจะพา​แป๊ะซะกลับ​ไปอยู่กับ​เธอ​เพราะศรีกานดาสั่ง​ไว้ก่อนตาย ​แต่นพนัยน์​ไม่ยอม ​เขา​เอง​ก็รักลูกมาก ยิ่ง​ไปกว่านั้นลูก​เป็น​เหมือนตัว​แทนของศรีกานดาด้วย ​ทั้งคู่​เถียงกันอยู่นาน จน​ในที่สุดภาวินียื่นคำขาดถ้านพนัยน์ต้อง​การ​ให้ลูกอยู่ด้วย​เขาต้อง​แต่งงานกับ​เธอ จดทะ​เบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมาย ​เธอจะยอมอยู่ที่นี่​เลี้ยงหลาน​ในฐานะ​แม่​แทนศรีกานดา ส่วน​เขา​และ​เธอผูกพันกัน​เพียงนิตินัย​เท่านั้น วัน​ใดที่นพนัยน์​แต่งงาน​ใหม่​เธอจะหย่ากับ​เขา​และพา​แป๊ะซะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ​และ​เขาจะหมดสิทธิ์​ใน​การดู​แล​แป๊ะซะอีกต่อ​ไป ภาวินีอึ้ง​เมื่อนพนัยน์ตอบตกลงทันที ​เขารักลูกชายมาก ​ทั้งรัก​และห่วง ตอนนี้คนที่​เขามั่น​ใจว่าจะดู​แล​เด็กชาย​ได้ดีที่สุดคือภาวินี ส่วนตัว​เขายังติดงานที่ต่างจังหวัด​ซึ่งกันดาร​เกินกว่าจะรับลูก​ไปอยู่ด้วย ​เขา​ไม่​ไว้​ใจ​แม่​และน้องสาว​เขาอีก​แล้ว คุณหญิงนวลสมร​และ​ไฉ​ไล​เรือง​โกรธจนพูด​ไม่ออก​เมื่อนพนัยน์มาบอก​ในวันหนึ่งว่า​เขา​แต่งงานกับภาวินี​แล้ว ​เธอกับลูกจะอยู่ที่​เรือน​เล็ก​เหมือน​เดิม ​ในช่วง​เวลาที่​เขาต้อง​ไป​ทำงานที่ต่างจังหวัด​และจะขอย้ายกลับมากรุง​เทพ​เร็วๆ นี้ นพนัยน์กลับ​ไป​ทำงานสายวันนั้น​เอง คุณหญิง​ให้พิมมาตาม​เธอ​ไปพบ ​แต่ภาวินี​ไม่​ไป​แถมยังบอกอีกว่าถ้าอยากพบ​เธอ​ก็ลงมาที่​เรือนนี้​ได้ทุก​เวลา พิมดี​ใจที่ภาวินี​เข้ม​แข็งกว่าพี่สาวมาก พิมรัก​และสงสารศรีกานดาที่ถูก​ใช้งานยิ่งกว่าคน​ใช้อย่าง​เธอ​เสียอีก ​ทำงานหนัก ถูกดุด่า​ไม่​เว้นวัน ​แต่ศรีกานดา​ไม่​เคยบ่นจนล้มป่วย พิมกลับ​ไปบอกคุณหญิงทันที ​เธอมองคุณหญิง​และ​ไฉ​ไล​เรืองที่​โกรธ​แทบคลั่งอย่างสะ​ใจ

พิม​ใจหาย​เมื่อ​เห็นสอง​แม่ลูกลง​ไปที่​เรือน​เล็ก พิมรีบวิ่ง​ไป​เตือนภาวินี​ให้ระวังตัวอย่างห่วง​ใย ​แต่ภาวินีกลับยิ้น​เย็น ​แววตา​เหี้ยมอย่างน่ากลัว ​เธอ​เองรอ​เวลานี้มานาน​เช่นกัน ดังนั้น​เมื่อคุณหญิงนวลสมร​และ​ไฉ​ไล​เรืองมา​ถึง​เริ่มด่าทออาละวาด​จึง​โดนภาวินีตอบ​โต้อย่าง​ไม่​เกรง​ใจ ​ไฉ​ไล​เรืองปราด​เข้า​ไปจะตบหน้าภาวินี ​เธอ​เข้า​ใจว่าภาวินีจะอ่อน​เหมือนศรีกานดา ทว่าตรงกันข้าม มือที่​เงื้อง่าของ​ไฉ​ไล​เรืองถูกภาวินีจับบิดอย่าง​แรง​และผลักตัวทุ่ม​ไฉ​ไล​เรืองกระ​แทกพื้นอย่าง​แรง ​ไฉ​ไล​เรืองร้องกรี๊ด​ทั้ง​เจ็บ​ทั้งอาย ภาวินีมองอย่างสะ​ใจก่อนจะบอกว่า​เธอ​เป็นนักกีฬายู​โดสายดำ​และยิงปืน​แม่นมาก ถ้า​ทั้งคู่จะมาที่นี่มาระราน​เธออีก​เจอดีกว่านี้​แน่ นพนัยน์กลับมาจากต่างจังหวัด คุณหญิงนวลสมร​และ​ไฉ​ไล​เรืองฟ้อง​ใส่ร้ายภาวินี​และ​ให้​เขา​ไล่​เธอ​ไปจากบ้าน ​แต่นพนัยน์กลับ​ทำ​ให้​ทั้งคู่​เจ็บ​ใจมากขึ้น​เมื่อ​เขาย้ำว่า​เขา​ไม่​ไป​ไหน ​และ​ไม่​ให้​ใครพาลูก​เขา​ไป​ไหน​เด็ดขาด ภาวินี​เป็นภรรยา​เขาต้องอยู่ที่นี่ ​เหตุ​การณ์ที่​เกิดขึ้น​ก็​เพราะคุณหญิงกับ​ไฉ​ไล​เรืองลง​ไปหา​เรื่อง​เอง​แท้ๆ ถ้าต่างคนต่างอยู่​ก็​ไม่มี​เรื่อง นพนัยน์กลับ​เรือน​ไป​แล้วสอง​แม่ลูกยังคลั่ง​แค้น​ไม่หยุด คุณหญิงนวลสมรกับ​ไฉ​ไล​เรืองติดต่อ ลลิตา (อาริษา วิลล์) สาวสวย ​โฮ​โซ อดีตคู่หมายของนพนัยน์​ให้มาช่วยอีกคน ลลิตานั้น​เคย​เสีย​ใจ​เพราะศรีกานดามา​แล้ว คราวนี้​เธอ​จึงยอมตกลงมาช่วยกำจัดภาวินีอีกคน ลลิตารักนพนัยน์มานาน ​แต่​เขา​เห็น​เธอ​เป็นน้องสาว​เท่านั้น ลลิตามั่น​ใจ​ใน​ความสวยของตัว​เองว่าต้องชนะ​ใจนพนัยน์สักวัน ​เธอ​จึงมาอยู่กับคุณหญิงนวลสมรระหว่างที่ คุณหญิงผองจิต (ปนัดดา ​โกมารทัต) ​ซึ่ง​เป็นมารดา​ไปต่างประ​เทศ ลลิตามา​ในช่วง​เวลาที่นพนัยน์​ได้ย้ายมากรุง​เทพ​แล้ว ​เธอพยายามหว่าน​เสน่ห์ออดอ้อนนพนัยน์ต่อหน้าภาวินี​เพื่อยั่ว​ให้หญิงสาว​โกรธ ทว่าลลิตากลับคลั่ง​เสีย​เอง​เมื่อภาวินีพูดจาอ่อนหวานกับนพนัยน์​เป็นพิ​เศษ ​เธอสงสารลลิตาที่อยาก​เป็น​เมีย​เขา​เหลือ​เกิน​แม้จะ​เป็น​เมียน้อย​ก็ตาม นพนัยน์ดี​ใจที่ภาวินี​เข้ม​แข็ง สู้ กับ​เรื่องบ้าๆ ​ในบ้าน​ได้ ​เขา​เฝ้ามองภาวินี​เลี้ยง​แป๊ะซะ​เงียบๆ ภาวินี​เลี้ยง​เด็กชายราวกับลูก​ไม่​ใช่หลาน ​เวลาผ่าน​ไปยิ่ง​ใกล้ชิดภาวินี​ก็ยิ่ง​ทำ​ให้นพนัยน์​แปลก​ใจ ​เธอดู​เหมือนกระด้าง ​เย็นชา ​แต่​ก็​เป็น​แม่บ้าน ​แม่​เรือน ​ทำกับข้าวอร่อย ฝีมือ​ไม่ผิดกับศรีกานดา​เลย ​เขาชอบดู​เวลา​เธอ​เผลอตัว​เล่นกับ​แป๊ะซะ ภาวินีจะน่ารัก อ่อน​โยน ​ไม่มีมาดดุ​เข้มๆ อีก​เลย

วันหนึ่ง ถมทวี (นพพด พิทักษ์​โล่พานิช) ​เพื่อนชายคนสนิทของภาวินีมา​เยี่ยม​เธอที่บ้าน ถมทวี​เคยรักกับศรีกานดา ​เมื่อศรีกานดา​แต่งงาน​ไป​เขา​ก็มีภาวินีคอยปลอบ​ใจ จนมี​ความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ​แต่​แล้วภาวินีกลับ​แต่งงานกับพี่​เขยตัว​เอง ถมทวีตามมา​เยี่ยมด้วย​ความ​เป็นห่วง ​เขารู้ว่าภาวินี​เป็นคนมี​เหตุผล ​และรักพี่สาวมาก ​การมาของถมทวี​ทำ​ให้นพนัยน์หงุดหงิดอย่างบอก​ไม่ถูก ยิ่ง​เห็นรูปถมทวีบน​โต๊ะหัว​เตียงของภาวินี ​เขาหึง​เธอ​โดย​ไม่รู้ตัว ​แต่ภาวินี​ไม่​เคย​ทำอะ​ไร​เสียหาย ​เมื่อ​เขาถาม​ถึง​ความสัมพันธ์ระหว่าง​เธอกับถมทวี ภาวินีกลับตอบอย่างมั่น​ใจว่า ทุกอย่าง​เป็นอดีต​ไป​แล้ว ​เธออยู่กับปัจจุบัน ​และรอวันที่​เขา​แต่งงาน​ใหม่​เธอพร้อมจะพาหลาน​ไปจากที่นี่ ภาวินี​ไม่รู้ว่านพนัยน์​ไม่​เคยรักลลิตา​เลย ​เขาระวังตัวมาก​เมื่อต้องอยู่กับ​เธอตามลำพัง วันหนึ่งถมทวีมารับภาวินี​และ​แป๊ะซะ​ไปซื้อของ ระหว่างทาง​ทั้งคู่​เห็น​ไฉ​ไล​เรืองนั่งรถออกจาก​โรง​แรมม่านรูด​แห่งหนึ่งพร้อม​ผู้ชายคนหนึ่ง ภาวินีสัง​เวช​ใจ​และอยากรู้ว่าถ้าคุณหญิงนวลสมรรู้​เข้าจะว่าอย่าง​ไร วันหนึ่งคุณหญิงนวลสมร​และ​ไฉ​ไล​เรืองตัดสิน​ใจ​ใช้​แผนทรมาน​เหมือนศรีกานดา ​แต่​เพียง​แค่อาหาร​เย็น ภาวินีย้อนรอยอย่าง​เจ็บ​แสบ ​ไฉ​ไล​เรืองทน​ไม่​ไหว​เธอวาง​แผน​ให้ ทรัย หนุ่มหล่อ​ไฮ​โซคนรักหนุ่มหลอกภาวินี​เข้า​โรง​แรม​เพื่อ​ให้นพนัยน์​เข้า​ใจผิด ทว่าภาวินีกลับ​ทำ​ให้ทรัยกลัว​เธอ ​เมื่อภาวินีพูดจริงจังว่า​เธอสู้​เต็มที่​แน่นอน ​และพร้อม​เป็นข่าวหน้าหนึ่ง​ในหนังสือพิมพ์ถ้าทรัย​ไม่พา​เธอออก​ไปจากที่นี่ สีหน้า​แววตาของภาวินี​ทำ​ให้ทรัยต้องยอม ​และ​ไม่กล้ายุ่งกับ​เธออีก ​เขากลับสน​ใจลลิตา​แทน

​แล้ววันหนึ่งทรัยหลอกลลิตา​เข้า​โรง​แรมจน​ได้ ​เธอตก​ใจมากสู้สุดฤทธิ์​แต่ทรัยชกท้อง​เธอจนหมดสติ ก่อนที่ลลิตาจะ​เสีย​ใจ​ไป​ทั้งชีวิต ถมทวี​ซึ่งผ่านมา​และ​เห็นทรัยกับลลิตา ​เขาตาม​ไป​ได้ยิน​เสียงร้องของลลิตา ​จึง​เข้า​ไปช่วย​ไว้ทัน ​เขาชกทรัยจนต้องหนี​ไป ถมทวีนั่งรอจนลลิตาฟื้นขึ้นมา ​เธอช็อค​และ​เข้า​ใจว่าถมทวี​ทำร้าย​เธอ กว่าจะพูดกันรู้​เรื่องถมทวีอ่อน​ใจ​เต็มที ​เขาพา​เธอ​ไปส่งที่บ้าน ลลิตาหมดฤทธิ์สำนึกดีกลับมาจนถมทวี​เริ่มสน​ใจ​เธอ ​เขามา​เยี่ยม​เธอบ่อยๆ จนผูกพันกันมากขึ้น ​ความสัมพันธ์ของ​ทั้งคู่​เป็น​ไปด้วยดี ส่วน​ไฉ​ไล​เรือง​ทำ​ให้คุณหญิงนวลสมร​เสีย​ใจ​เมื่อรู้ว่า​เธอปล่อยตัว​ไปกับทรัย ​และ​ไม่คิดจะ​แต่งงานกับ​เขาด้วยซ้ำ ​เรื่องวุ่นวาย​เมื่อ​ไฉ​ไล​เรือง​ไปฮ่องกงกับทรัย​และถูกจับ​เพราะลักลอบขนยา​เสพติด ทรัยหลอก​ไฉ​ไล​เรือง​ให้หิ้วกระ​เป๋าบรรจุยา​โดย​ไม่รู้ตัว ​ทั้งคู่ถูกจับที่ฮ่องกง หนังสือพิมพ์ลงข่าวละ​เอียด คุณหญิงนวลสมร​เสีย​ใจจนล้มศีรษะฟาดพื้นอย่าง​แรง คุณหญิงป่วยหนัก​เป็นอัมพาต ขณะที่นพนัยน์ยุ่ง​เรื่อง​ไฉ​ไล​เรือง ภาวินี​เข้ามาช่วยดู​แลคุณหญิงนวลสมร ​เธอพูดน้อย ​แต่ดู​แลปรนนิบัติคุณหญิงด้วย​ความ​เมตตา สงสาร ภาวินีอ่อน​โยน จริง​ใจ จนคุณหญิงละอาย​ใจ ​เธอยอม​แพ้น้ำ​ใจภาวินี ​และ​เสีย​ใจที่​ทำร้ายศรีกานดาจนตรอม​ใจตาย

​เวลาผ่าน​ไปทรัยถูกดำ​เนินคดี ส่วน​ไฉ​ไล​เรือง​ได้​แต่คลุ้มคลั่ง นพนัยน์หาทางช่วย​เหลือจน​โทษหนัก​เป็น​เบา ​แต่​เธอต้องจำคุกอยู่ดี ​เรื่องร้ายๆ ที่​เกิดขึ้น​ทำ​ให้​เขารักภาวินี​โดย​ไม่รู้ตัว กว่าจะรู้​เขา​ก็รัก​เธอมาก​เหลือ​เกิน ​ในคืนที่ถมทวี​แต่งงานกับลลิตา ​เมื่อกลับจากงาน​แต่งงาน นพนัยน์ตัดสิน​ใจสารภาพรักกับภาวินี ​เขาบอก​เธอว่า​เขา​ไม่​เคยลืมศรีกานดา ​แต่ภาวินีคือตัวจริง​ในวันนี้ ​แม้​เธอ​ไม่พูดอะ​ไร​แต่​แววตาที่อ่อนหวานของ​เธอบอก​เขา​ได้มากกว่าคำพูด นพนัยน์ดึง​เธอมากอด​แนบอก ​เขาสัญญาว่าจะดู​แล​เธอ​ให้ดีที่สุด ภาวินีซุกตัว​ในอ้อมกอด​เขา ​แขนของ​เธอกอดตอบ​เขา​ทำ​ให้นพนัยน์ยิ้มอย่างมี​ความสุข ภาวินีมีวิธีบอกรัก​เขาอย่างอบอุ่น อ่อนหวาน น่ารักที่สุด

ธิดาวานร 2 2552

เรื่องย่อ : ธิดาวานร 2 (2552/2009) อิยะวดี (อาเมเรีย จาคอป) ถูกจับบูชายันต์ใส่ชุดออกแนวขอมผสมล้านนา ปล่อยผมสยายถูกตรึงอยู่บนแท่นไม้ มีไฟอยู่ด้านล่าง อิยะวดีใส่เครื่องทับทิมสีแดงเต็มยศ มีบรรดาหญิงสาวสวยมากมายแต่งตัวสวยเช่นกันห้อมล้อมอยู่ มีลิงสองตัวพยายามจะเข้าไปที่แท่นบูชาแต่โดนจับไว้ ที่อิยะวดีบอกกล่าวกับทุกคนในที่นั้นไว้ว่าจะขอเฝ้ารักษาขุมทรัพย์แห่ง สุสานอัญมณีเพื่อป้องกันและทวงคืนอัญมณีจากผู้บุกรุกทุกชาติภพไปตราบจนกว่า ผู้บุกรุกเหล่านั้นจะอ่อนล้าและหมดกำลังไม่สามารถมาปล้นอัญมณีที่สุสานแห่ง นี้ได้อีก ขาดคำเห็น สะมะแอ (ชุมพร เทพพิทักษ์) แสนไท (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์)เจ้ากุนริกา แห่งรมยนคร และทหารผู้บุกรุกกำลังขนอัญมณีและทำร้ายหญิงสาวทั้งหลาย มีฝูงลิงกำลังช่วยกันต่อสู้ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะเกิดไฟลุกท่วมสรรพสิ่งทั้งหลายระเบิดเป็นจุล พวกบุกรุกร้องโอดโอย เห็นหน้าของอิยะวดียิ้มพอใจในกองเพลิง ในที่สุดผู้บุกรุกก็เสียชีวิต นี่คือความฝันของอิยะวดีนั่นเอง

เพลงรักข้ามภพ 2552

เรื่องย่อ : เพลงรักข้ามภพ (2552/2009) นกยูง เป็นลูกสาวคนเดียวของ ก้องหล้า เกรียงไกร อดีตราชาเพลงลูกทุ่งที่เสียชีวิตบนเวทีเพราะเมาเหล้าอย่างหนัก นกยูงและศรีนวลผู้เป็นแม่จึงระเหเร่ร่อน แต่ได้ มังกร ครูใหญ่ของโรงเรียนมาอุปการะไว้ในฐานะภรรยาใหม่และลูกบุญธรรม หลายปีผ่านไป นกยูงซึ่งชอบร้องเพลงเหมือนพ่อโตขึ้น แต่การเรียนของนกยูงไม่ดีเลย เมื่อจะจบ ม.6 เกรดของนกยูงไม่ดี เพราะชอบหนีไปร้องเพลง มังกรก็ตามไล่ตีเพราะไม่ต้องการให้นกยูงเหมือนก้องหล้า โดยที่ศรีนวลพยายามห้ามแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะเดียวกัน นำทาง หนุ่มเจ้าของธุรกิจโรงแรมหมื่นล้าน บิดมอเตอร์ไซด์หนีการตามล่าจากมือปืนที่ถูกจ้างจาก มาร์ค ผู้เป็นญาติและหุ้นส่วนโรงแรม และ มารวย และ มุตตา คู่หมั้นสาวของตัวเองและพ่อของมุตตาตามฆ่าเนื่องจากต้องการมรดกของตระกูล นำทางพลาดไปชนต้นลั่นทมใหญ่ที่หน้าบ้านของ ทินกร เกริกไกร ครูแต่งเพลงลูกทุ่งที่กำลังตกอับ อาการบาดเจ็บโคม่าปางตาย ไม้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของนำทางได้พาร่างของนำทางที่นอนสลบเป็นเจ้าชายนิทราส่งโรงพยาบาลเพื่อหลบหนี แต่ปิดบังทุกคนเอาไว้ไม่ให้รู้ว่านำทางอยู่ที่ไหน ครอบครัวของนำทางจึงเหลือแต่ ตามพร น้องสาวของนำทางคนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ และไม่มีใครรู้ว่านำทางตายแล้วหรือยัง นกยูงซึ่งกำลังเคว้งคว้างอยู่กับชีวิตว่าจะเอาอย่างไรดี ก็มาเจอกับกายทิพย์ของนำทาง แต่นำทางจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร และมีที่มาที่ไปอย่างไร ขอติดตามนกยูงไปด้วย เพราะติดตามมาตลอด มีแต่เพียงนกยูงเท่านั้นที่มองเห็นนำทาง นำทางสามารถทำอะไรที่คนทั่ว ๆ ไปทำไม่ได้ เพียงแต่ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้และปรากฏกายได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น ต่อมาที่งานวัดมีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง นกยูงด้วยความช่วยเหลือของศรีนวลให้หนีมังกรที่กำลังตามล่าอย่างหนักไปร้องเพลงลูกทุ่งจับพลัดจับพลูคู่กับนำทาง โดยใช้ชื่อว่า นกแก้ว นกขุนทอง ชนะเลิศขึ้นมา ศรีนวลขอฝากนกยูงไว้ให้อยู่กับครูทิน เพราะศรีนวลเคยเป็นทั้งคนรักเก่าและหางเครื่องในวงของครูทินมาก่อน เมื่อมาอยู่กับครูทินจริง ๆ นกยูงต้องเผชิญกับวิบากกรรมอีกรอบ เพราะถูกทั้ง มะปราง ลูกสาวของครูทินที่อยากเป็นราชินีลูกทุ่งแต่เสียงไม่ได้เรื่อง ส้มจี๊ด นักร้องเพลงลูกทุ่งที่น้ำเสียงใช้ได้แต่อายุมากแล้ว และบรรดาหางเครื่องทั้ง 4 คน กบ เขียด เชอรี่ กิ๊ปซี่ ของวงครูทินกลั่นแกล้งรังแกตลอด เพราะอิจฉานกยูงที่ร้องได้ดีกว่า ในขณะที่ครูทินเองเมื่อรู้ว่านกยูงคือลูกสาวของก้องหล้า ก็เกิดอคตินึกรังเกียจเพราะมีอดีตฝังใจกับก้องหล้ามาก่อน เพราะถูกก้องหล้าหักหลังทั้งเรื่องงานและความรัก จึงห้ามนกยูงร้องเพลงในบ้านและตีนกยูงอยู่บ่อย ๆ เพราะได้ยินเสียงนกยูงคุยกับผู้ชายคือ นำทาง แต่ไม่เห็นตัวจึงคิดว่านกยูงเอาผู้ชายมาซ่อนไว้ในบ้าน และไล่ให้นกยูงไปนอนในครัวแทน มีแต่เพียง น้อยหน่า ลำไย มังคุด 3 ตลกของวงเท่านั้นที่เห็นใจ ต่อมาทาง มาร์ค มารวย และมุตตาได้เดินทางมาที่บ้านของครูทินเพื่อสืบหาการตายของนำทาง ทางบ้านของครูทินจึงคิดว่าต้นลั่นทมนี้มีผีสิง เพราะมักได้ยินเสียงร้องเพลงที่ไพเราะบ่อย ๆ ตอนกลางคืนจากต้นลั่นทมนี้โดยที่ไม่เห็นตัวคนร้อง ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเสียงของนกยูงที่ร้องเพลงคู่กับนำทาง มีแต่เพียงครูทินเท่านั้นที่คิดว่าเพราะและสงสัยว่าใครเป็นคนร้อง ขณะที่นำทางพยายามรื้อฟื้นความทรงจำว่าตัวเองเป็นใคร โดยมีนกยูงคอยช่วยเหลือ ขณะเดียวกันไม้ก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ร่างของนำทางฟื้นมาให้ได้ ทางมาร์คเองก็พยามยามจะจับตัวตามพรไปเรียกค่าไถ่เพื่อใส่ความไม้ และขจัดไม้ที่เป็นตัวขวางออกไป ต่อมานกยูงได้เข้าประกวดร้องเพลงเพื่อหานักร้องหน้าใหม่ที่เจ้าของบริษัท เพทาย และ พาที ผู้เป็นพ่อของเพทาย เป็นเจ้าของ นกยูงได้เป็นนักร้องแต่ก็ถูกเพื่อนนักร้องรุ่นเดียวกันกลั่นแกล้ง ขณะที่นำทางได้สืบหาจนรู้เค้าว่าตัวเองเป็นใครและเกี่ยวพันอะไรกับโรงแรมแม่น้ำ รามาด้า ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ นกยูงติดต่อกับนำทางในเวลากลางวันได้ด้วยเสียงเพลงที่ร้องหากัน ในเวลากลางคืนที่ต้นลั่นทม จากแผนของมาร์คที่จับตัวตามพรไปเพื่อใส่ความไม้ แต่นำทางก็ได้ตามไปช่วยได้สำเร็จ และนกยูงก็ได้รู้จักกับตามพรโดยโกหกตามพรว่าเป็นตัวเองเป็นจิตแพทย์ ตามพรชอบนกยูงและขอให้นกยูงมาเป็นผู้ดูแลตน พร้อม ๆ กับไม้ที่ขอให้นกยูงไปร้องเพลงในโรงพยาบาลเพราะนำทางเมื่อได้ฟังเพลงของนกยูงแล้วอาการดีขึ้น และนำทางและนกยูงรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเป็นใคร แต่ยังตามหาร่างของตนไม่พบ ต่อมาได้มีการประกวดแข่งขันเพลงลูกทุ่งในรายการ เส้นทางดาว นกยูงได้ตัดสินใจเข้าประกวด แต่ก็ยังเป็นห่วงครูทินที่นอนป่วยอยู่ นกยูงได้แอบส่งเงินไปช่วยเหลือโดยไม่ให้บอกว่าเป็นเงินใคร จึงรู้แต่เพียงว่าเป็นเงินของนำทาง ในรายการเส้นทางดาวนกยูงถูกกลั่นแกล้งสารพัด แต่ก็ผ่านเข้ารอบมาได้

รุกฆาต 2552

รุกฆาต (2552/2009) 3 ปีผ่านไป…นับตั้งแต่การสลายลงของอาณาจักรราชสีห์ แผ่นดินเมืองพลแห่งอีสานสงบสุขอีกครั้งกัลป์ (ณัฐวุฒิ สะกิดใจ) กับ อัญชัญ (วรนุช วงษ์สวรรค์) เตรียมจัดพิธีแต่งงานที่เรียบง่ายแต่สมฐานะและความรักที่ทั้งสองมีให้กัน เพลิง (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) กับ ตะเภา (ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) ต่างดื่มด่ำไปกับความรักและความเข้าใจ ขณะที่ องอาจ (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) และ กระรอก (ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) พร้อมจะสร้างครอบครัวอันอบอุ่นและจริงใจ หากแต่เมฆหมอกแห่งความเลวร้ายกำลังก่อตัวขึ้นใหม่…โดยไม่มีใครรู้ตัว

บ่วงหงส์ 2552

เรื่องย่อ : บ่วงหงส์ (2552/2009) บ่วงหงส์ เป็นเรื่องราวของ พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์) ลูกสาวคนเดียวของ ตรัย (ต้น ตระการ พันธุมเลิศรุจี) นักธุรกิจที่ล้มละลายและฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้ ความที่เป็นลูกสาวคนเดียว เกิดมาบนกองเงินกองทอง และกำพร้าแม่ทำให้ถูกตามใจจนเหลิง ใช้ชีวิต อย่างหรูหราสุขสบายมาตลอด หนังสือก็เรียนไม่จบ เจ้าอารมณ์ และเอาแต่ใจตัว ความตายของพ่อทำให้ชีวิตของเธอต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องจากคนที่ได้เงินทองจากตรัยไปมากที่สุดคือ มาธวี (น้ำฝน กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์) แม่เลี้ยงซึ่งแก่กว่าเพียงไม่กี่ปีของเธอ พิมพ์ลภัสต้องออกจากบ้านที่ถูกยึดมาเช่าคอนโดเล็ก ๆ อยู่ แถมยังถูก ยศพล (นัส อานัส ฬาพานิช) ผู้เป็นคู่หมั้นถอนหมั้น ตรงกันข้ามกับมาธวีซึ่งชิงหย่ากับตรัยก่อนหน้านี้ และเรียกร้องค่าเลี้ยงดูอย่างมหาศาล แถมถีบตัวขึ้นมาจนมีชื่อเสียงในสังคมด้วยการเปิดห้องเสื้อมาธวี ซ้ำยังเป็นนางแบบเสียเองอีก มาธวีมีคนสนิท 2 คน คือ กระเทยปากร้ายชื่อ หนูดี (หนุ่ม สุรวุฑ ไหมกัน) และหญิงแท้ชื่อ เป็ด (ต่าย ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) ทั้งสองเป็นเหมือนคอหอยกับลูกกระเดือกของเจ้านาย ถึงแม้ชีวิตจะตกต่ำ ลง แต่พิมพ์ลภัสก็ยังมีนิสัยเสียชนิดแก้ไม่หาย งานเดินแบบที่เคยทำก็ห่างหายไป ไม่ค่อยมีใครอยากจ้างเพราะถึงแม้จะสวยจัดอย่างไร แต่ทุกคนต่างเอือมระอากับการผิดนัด โทษโน่นโทษนี่ของเธอโดยไม่เคยมองข้อเสียของตัวเองเลย ถึงกระนั้นพิมพ์ลภัสก็ยังหยิ่งไม่ง้อใคร ยิ่งนานวันทรัพย์สินเงินทองก็ร่อยหรอลงทุกที หากแต่มีสิ่งเดียวที่เธอไม่ยอมขายซึ่งก็คือ เข็มกลัดประดับเพชรรูปหงส์ที่เตรียมจะโผบินขึ้นฟ้า เข็มกลัดนี้พ่อได้มอบให้เป็นของขวัญเมื่อพิมพ์ลภัสอายุ 15 เจ้าของ คอนโดที่พิมพ์ลภัสเช่าอยู่ชื่อ กิตติชัย (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) ทั้งกิตติชัยและ อรอุษา ผู้เป็นภรรยาต่างมีนิสัยเจ้าเล่ห์ ทั้งสองเฝ้าสังเกตเธอตลอดมา จนกระทั่งเห็นว่าเธอกำลังจนตรอกจึงเสนองานที่มีค่าตอบแทนสูงให้นั่นคือให้ไป ขโมย และทำลายเทปลับกับจดหมายที่เกี่ยวกับอรอุษาจาก รเมศ (วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี สองสามีภรรยาสร้างเรื่องว่าอรอุษาหลงผิดไปมีความสัมพันธ์กับรเมศ รเมศได้อัดเทป และเก็บจดหมายซึ่งอรอุษาเขียนติดต่อไปไว้แบล็คเมล์ทั้งสองคน ครั้งแรกพิมพ์ลภัสก็ไม่ยอมทำ แต่อรอุษามาร้องไห้วิงวอนขอร้องให้เห็นหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งพิมพ์ลภัสก็ยังลังเลอีก จนกระทั่งได้อ่านข่าวสังคมว่ามาธวีกำลังจะไปจัดแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมเชียงราย จารวี เธอจึงตัดสินใจรับงานเพราะเชื่อมั่นว่ารเมศต้องเป็นคนเลวแน่จึงคบกับมาธวี ได้ พิมพ์ลภัสเดินทางมาถึงโรงแรมโดยกิตติชัยรับรองความปลอดภัยหากรเม ศจับได้ อีกทั้งยังออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างระหว่างที่พักอยู่โรงแรมนั้นด้วย ระหว่างที่อยู่ที่นั่นพิมพ์ลภัสกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนรวมทั้งรเมศ ด้วยความที่เป็นคนสวยมาก รเมศเข้ามาทำความรู้จักซึ่งเธอก็ให้ความสนิทสนมตามแผนทันที รเมศดูจะหลงรักพิมพ์ลภัสขึ้นทุกวัน ทั้งยังบอกว่าจะให้เธอเดินแบบกับห้องเสื้อมาธวีด้วย เขาตามใจ และเอาอกเอาใจทุกอย่าง ความที่พิมพ์ลภัสเอาแต่ใจตัว เย่อหยิ่ง ดูถูกคนอื่น ทำให้เธอสร้างศัตรูในโรงแรมไว้หลายคน โดยเฉพาะกับบรรดาพนักงานเสริฟ รเมศพาพิมพ์ ลภัสเที่ยวดูงานในโรงแรม และพาไปเที่ยว รเมศทุ่มเทใจให้เธอมากมายในขณะที่พิมพ์ลภัสก็จ้องแต่จะขโมยเทป และจดหมายอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เพราะไม่คุ้นกับงานเช่นนี้จึงเผลอทำพิรุธให้รเมศสงสัย รเมศภาวนาขออย่าให้ที่เขาสังหรณ์เป็นความจริง ในที่สุดรเมศก็จับได้ คาหนังคาเขา ขณะที่พิมพ์ลภัสเข้ามาขโมยเทปกับจดหมายในห้องทำงาน พิมพ์ลภัสตกใจมากที่ถูกจับได้ แต่ก็ไม่วายเถียงว่ารเมศเป็นคนไม่ดี เป็นชู้กับเมียคนอื่นแถมยังเก็บหลักฐานไว้แบล็คเมล์ รเมศจึงเปิดเทปให้ฟัง และยังให้อ่านจดหมาย พิมพ์ลภัสรู้ความจริงรู้สึกอับอายมาก แต่ก็ยังไม่มากเท่ากับความเสียใจที่รเมศมาหมางเมินกับเธอ อย่างไรก็ตามพิมพ์ลภัสก็คือพิมพ์ลภัสที่โทษคนอื่นมากกว่าตัวเอง เธอโทรบอกกิตติชัยให้ส่งเงินมาจ่ายค่าที่พัก และอาหารในโรงแรม แต่กิตติชัยไม่ยอมโดยอ้างว่าเธอทำงานไม่สำเร็จ ทำให้เธอทั้งร้อนใจ และตกใจมาก สำหรับรเมศ เขาทั้งผิดหวัง และเสียใจที่มองพิมพ์ลภัสผิดไป รเมศรักเธออย่างแท้จริง ฉะนั้นเขาจึงรู้สึกเหมือนถูกหลอก ถูกทรยศ ฉะนั้นเมื่อพิมพ์ลภัสไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม เขาจึงให้เธอทำงานชดใช้โดยให้เป็นพนักงานเสริฟ ครั้งแรกพิมพ์ลภัสจะขายเข็มกลัดรูปหงส์เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ แต่ด้วยความเสียดายจึงตัดสินใจรับงาน พิมพ์ลภัสต้องแต่งเครื่องแบบ พนักงานเสริฟซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองที่เธอเคยดูถูก ต้องย้ายออกจากห้องพักหรูหรามาอยู่ห้องพักของพนักงานซึ่งต้องอยู่ร่วมกัน ห้องละสองคน ซึ่งห้องก็ทั้งแคบและไม่มีแอร์ ซ้ำร้ายเพื่อนร่วมห้องก็คือพนักงานเสริฟที่เธอเคยวีนใส่ นับ จากนั้นพิมพ์ลภัสมีสภาพไม่ต่างอะไรจากหงส์ปีกหัก เธอเห็นทุกคนเป็นศัตรูไปหมด งานหลายๆ อย่างในชีวิตที่ไม่เคยทำก็ต้องทำโดยเฉพาะงานบริการ ตลอดเวลาเหล่านี้รเมศเฝ้าจับตาดูอยู่ด้วยความสะใจแต่บางครั้งก็อดใจอ่อนไม่ ได้ ฤทธิ์เดชของพิมพ์ลภัสเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เธอมีเรื่องกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพนักงานเสริฟด้วยกัน ลูกค้า หรือแม้กระทั่งหัวหน้าผู้ดูแลรับผิดชอบ ความเย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจตัวทำให้ทุกคนไม่ชอบพิมพ์ลภัส หลายๆ คนถึงกับนินทา บ้างก็เยาะเย้ยซึ่งๆ หน้า พิมพ์ลภัสไม่ใช่จะร้ายเสียทีเดียว ความดีในตัวเธอยังมีพอสมควร ซึ่งเธอก็ได้แสดงออกมาเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมงานจากลูกค้าบ้ากามทำให้ความ รู้สึกของเพื่อนร่วมงานดีขึ้น การได้ทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันนานเข้า ประกอบกับความไม่สะดวกสบายทั้งหลายแหล่ทำให้เธอเริ่มเห็นสัจธรรมของชีวิต และพยายามทำใจยอมรับถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม และแล้วมาธวีกับคณะ แฟชั่นโชว์ก็มาถึง ทั้งสองได้พบกัน มาธวีรู้สึกสะใจมากที่เห็นลูกเลี้ยงตกต่ำละไม่รีรอที่จะเยาะเย้ยซ้ำเติม ขณะเดียวกันมาธวีก็พยายามจะจับรเมศให้ได้ ด้วยความช่างสังเกตมาธวีก็รู้ว่ารเมศนั้นรักพิมพ์ลภัส เธอจึงคอยสร้างเรื่องให้ทั้งสองเข้าใจผิดกัน แถมยังแกล้งใส่ร้ายพิมพ์ลภัสให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ในที่สุด มาธวีก็คิดจะกันพิมพ์นภัสให้ห่างจากรเมศโดยเด็ดขาด เธอจึงโทรศัพท์ติดต่อให้ เสี่ยสมาน (พิพัฒน์พล โกมารทัต) ซี่งหลงรักพิมพ์ลภัสมานานให้มาพักที่โรงแรม เสี่ยดีใจมากรีบมาหา และยื่นข้อเสนอจะเลี้ยงดูพิมพ์ลภัสอย่างดี แต่กลับถูกตอกหน้าอย่างไม่เกรงใจ เสี่ยเริ่มท้อแต่มาธวีพยายามให้กำลังใจโดยบอกแผนการณ์ที่จะทำให้พิมพ์ลภัสตก เป็นของเสี่ย ถึงแม้จะยังลังเลกลัวว่าพิมพ์ลภัสจะไปบอกเมียของเขา แต่ความต้องการมีมากกว่า เสี่ยจึงยอมทำตามแผนโดยเข้าไปรอในห้องมาธวี มา ธวีมาแต่งเรื่องบอกรเมศว่าเธออยากจะใช้เงินแทนพิมพ์ลภัสเพื่อเห็นแก่สาย สัมพันธ์ที่เคยเป็นแม่เลี้ยงเธอ แต่ก็กลัวพิมพ์ลภัสจะไม่ยอมรับ ดังนั้นเธอจึงขอร้องให้เขาบอกให้พิมพ์ลภัสมาพบเธอบนห้องเพื่อจะได้ปรับความ เข้าใจกัน รเมศหลงเชื่อจึงสั่งให้คนไปบอกพิมพ์ลภัสให้ไปพบเขาที่ห้องมาธวี พิมพ์ ลภัสทำท่าจะไม่ไปในตอนแรก เพราะรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องมาธวี แต่แล้วก็เปลี่ยนใจจะไปเผชิญหน้า และเมื่อเข้าไปทุกอย่างก็เข้าแผนการณ์ของมาธวี เสี่ยสมานพยายามปลุกปล้ำพิมพ์ลภัส แต่เธอก็เอาตัวรอดจนได้ พิมพ์ลภัสเจ็บใจ และแค้นใจมากด้วยนึกว่ารเมศหลอกเธอมาให้เสี่ยสมาน จึงไปตัดพ้อต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง รเมศตกใจ และปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราวทั้งหมด พร้อมกันก็ไปเอาเรื่องมาธวี มา ธวีร้องห่มร้องไห้ปฏิเสธ และแก้ตัวจนรเมศเกือบจะเชื่อถ้าไม่พบหลักฐานบางอย่างในห้องนั้นที่มาธวี พยายามกลบเกลื่อน รเมศไล่มาธวีออกจากโรงแรมทันที มาธวีโกรธแค้นด่าว่ารเมศ แต่ก่อนไปได้คายพิษครั้งสุดท้ายโดยบอกกับพิมพ์ลภัสว่ารเมศมีคู่หมั้นแล้ว ชื่อ นารา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) ซึ่งพิมพ์ลภัสก็เคยเห็นความสนิทสนมของคนทั้งสองอยู่บ่อยๆ ทำให้พิมพ์ลภัสเสียใจมาก ส่วนรเมศนั้นก่อนที่จะไล่เสี่ยสมานออกไปได้ เรียกค่าทำขวัญไว้ให้พิมพ์ลภัส เสี่ยจำใจให้เพราะกลัวเรื่องจะอื้อฉาวทำให้ครอบครัวเสื่อมเสีย และถูกเมียเอาเรื่อง เงินจำนวนนั้นมากพอสมควร แต่รเมศไม่ได้ให้พิมพ์ลภัสในทันทีเพราะเกรงว่าเธอจะมีเงินใช้หนี้ และกลับกรุงเทพฯไป ด้วยเขายังหวังว่าจะทำความเข้าใจกับเธอได้เพราะหลังจากมีเรื่องเขาได้ขอโทษ เธอ และยอมรับผิดทุกอย่าง ซ้ำยังให้มาธวีกราบขอโทษพิมพ์ลภัส และพิมพ์ลภัสได้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยความสะใจ วัน รุ่งขึ้น พิมพ์ลภัสตัดใจไปขายเข็มกลัดรูปหงส์ถึงแม้จะเสียดายใจแทบขาด เพื่อจะได้พ้นจากโรงแรมเชียงรายจารวีโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพราะเธอเข้าใจว่ารเมศมีคู่หมั้นแล้ว แต่ก็ยังมาหลอกเธอด้วยการทำท่าทีเหมือนมีใจด้วย ก่อนไปพิมพ์ลภัสได้มอบของที่ระลึกให้เพื่อนๆ พนักงานเสริฟ เพราะทุกคนต่างได้ให้บทเรียนอันมีค่ากับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้ค้นพบความจริงใจของพวกเขาเหล่านั้นที่มีต่อเธอ เมื่อ พิมพ์ลภัสเอาเงินมาใช้หนี้ รเมศใจหายแต่ในเมื่อเธอยืนยันจะไปก็ไม่สามารถขัดขวางได้ รเมศยังได้มอบเงินค่าทำขวัญของเสี่ยสมานให้เธอด้วย พิมพ์ลภัสยิ่งโกรธมากเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเก็บเงินจำนวนนั้นไว้ไม่ยอมให้เธอ เพราะจะแกล้งกักตัวไว้ทำงานต่อไป หลังจากพิมพ์ลภัสจากไปแล้ว รเมศเสียใจมาก และซึมลงไป เมื่อพิมพ์ลภัสมาถึงกรุงเทพฯ เธอได้รับบทเรียนเรื่องการมีชีวิตพอเพียงจึงไปเช่าคอนโดเล็กลง ขายข้าวของแบรนด์เนมเนื่องจากไม่มีความสำคัญในชีวิตอีกต่อไป หลังจากนั้นก็ออกหางานเดินแบบทำ แต่ทุกแห่งที่ไปจะปฏิเสธหมด เพราะมาธวีใช้อิทธิพล และความสนิทสนมส่วนตัวกับบรรดาเอเจนซี่ให้ปฏิเสธเธอ ซึ่งพิมพ์ลภัสกลับคิดว่าเธอเองก็มีส่วนผิดด้วย เพราะยามรุ่งเรืองเธอเคยเบี้ยวงานบ้าง ไปช้าบ้างอยู่เป็นประจำ ในที่สุดเธอจึงตัดใจหางานอื่นทำแต่ก็ยากเต็มทีเพราะพิมพ์ลภัสเรียนไม่จบ หรือถ้าที่ไหนรับที่นั่นก็มักจะมีเจ้านายประเภทหัวงู ความทุกข์ยากหลายเดือนที่ผ่านมาสอนไม่ให้ท้อ จนกระทั่งวันหนึ่ง พิมพ์ลภัสได้พบกับนาราโดยบังเอิญ นารามากับ สิหนาท (เอกรัตน์ สารสุข) ซึ่งเป็นคู่หมั้น และเป็นหุ้นส่วนของรเมศ แต่พิมพ์ลภัสก็ยังเข้าใจผิดเหมือนเดิม นาราพยายามจะให้ความช่วยเหลือแต่พิมพ์ลภัสปฏิเสธ นาราจึงให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ พิมพ์ลภัสไม่สามารถหางานได้ จึงตัดสินใจโทรไปหานารา นาราพาพิมพ์ลภัสไปบ้านของรจนา ซึ่งกำลังหาครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูกสาวกับลูกชาย พิมพ์ลภัสซึ่งถึงแม้จะเรียนไม่จบแต่ด้านภาษาอังกฤษดีด้วยเพราะเป็นนักเรียน นอก รจนาดูจะดีใจ และเอ็นดูพิมพ์ลภัสผิดปกติ ขณะเดียวกันพิมพ์ลภัส ก็รู้สึกว่าหน้าของรจนาดูคุ้นๆ หลังจากสนิทสนมกันพอสมควร จนกระทั่งพิมพ์ลภัสเล่าเรื่องอกหักของเธอให้รจนาฟัง รจนาซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของรเมศจึงแน่ใจว่าพิมพ์ลภัสก็รักน้องชายของเธอ จึงวางแผนนัดรเมศมาพบ พิมพ์ลภัสตกใจ รเมศจึงเล่าความจริงเรื่องของนารากับสีหนาทให้ฟัง ทั้งสองจึงเข้าใจกันในที่สุด สำหรับมาธวีก็ถูกกรรมตามสนองเพราะรเมศรู้ว่ามาธวีกลั่นแกล้งพิมพ์ลภัสไม่ เลิก จึงส่งทั้งรูป และคำขออภัยเมื่อครั้งถูกจับได้ว่าหลอกพิมพ์ลภัสไปให้เสี่ยสมานปล้ำเอาลง หนังสือพิมพ์ เมื่อความจริงเปิดเผยจึงไม่มีใครในวงการคบหาสมาคมด้วย

มือนาง 2552

เรื่องย่อ : มือนาง (2552/2009) มือนาง เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ หมอดนัย อุดมแพทย์ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) แต่งงานกับ ทิพวรรณ (ชฎาพร รัดนากร) มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนอายุประมาณ 7 ขวบ ชื่อ เมษยา (น้องเมย์) ครอบครัวอบอุ่นของทั้งสามเป็นที่อิจฉาของภารดา (รชนีกร พันธุ์มณี) เพื่อนสนิทของทิพวรรณที่หลงรักหมอดนัยมามานานแล้ว ภารดาวางแผนจะชิงหมอดนัยมาเป็นของตน ด้วยการตัดสายเบรกรถทิพวรรณ แต่หมอดนัยกลับเดินทางไปด้วย เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ทิพวรรณเสียชีวิต และโดนกระจกบาดข้อมือจนมือขาดกระเด็น ก่อนที่ตำรวจจะมาพลิกศพ ขณะที่หมอดนัยที่บาดเจ็บเล็กน้อยกอดลูกร้องไห้อยู่ เขาเหลือบไปเห็นมือของทิพวรรณที่ขาด นิ้วมือยังกระดิกได้ หมอดนัยจึงแอบเก็บมือนั้นไว้โดยไม่ให้ใครรู้เห็น ภาร ดาเริ่มเอาตัวมาแทนที่ทิพวรรณ ด้วยการดูแลหมอดนัยและทำดีกับเมษยา สองพ่อลูกหลงเชื่อในคำพูด และการกระทำที่เสแสร้งของภารดาจนสนิท ในที่สุดหมอดนัยก็ตัดสินใจแต่งงานกับภารดา โดยหวังว่าภารดาจะดูแลเมษยาแทนทิพวรรณ หมอดนัยเก็บมือของทิพวรรณไว้ในตู้ลับในห้องทำงานส่วนตัว โดยไม่รู้ภารดาแอบสะกดวิญญาณทิพวรรณไว้ด้วยยันต์สีแดงที่ซ่อนอยู่ใต้ฝ้า เพดาน หลังจากภารดามีลูกสาวกับหมอดนัยหนึ่งคน คือ มุดา (ณัฐวรา หงส์สุวรรณ) เธอก็ทวีความเกลียดชัง เมษยา (อุษามณี ไวทยานนท์) มากขึ้น เมษยามักถูกภารดาและบริวารในบ้านกลั่นแกล้งบ่อยๆ เวลาที่หมอดนัยออกไปทำงาน วันหนึ่งเมษยาถูกจับขังในห้องทำงานหมอดนัย เธอไปเจอมือนาง (มือของทิพวรรณ) โดยบังเอิญ เมษยาทำยันต์สะกดวิญญาณหลุด ทำให้วิญญาณของทิพวรรณเป็นอิสระ และออกมาปกป้องลูกอยู่เสมอ เมื่อเมษยาถูกกลั่นแกล้ง ภีมภพ วัฒนานนท์ (กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์) นักศึกษาหนุ่มหล่อนิสัยดี ได้มีโอกาสรู้จักเมษยาโดยบังเอิญตอนเธอไปทำบุญให้แม่ที่วัดประทวน พ่อของภีมภพตกลงกับภารดาว่า จะจับคู่ให้ภีมภพกับมุดา แต่ภีมภพแสดงออกว่าสนใจเมษยา ยิ่งทำให้ภารดาไม่พอใจ มุดาวางแผนให้ ภิรัตน์ (ดนัย สมุทรโคจร) เพื่อนชายมาตีสนิทกับเมษยา เพื่อให้ภีมภพเข้าใจผิด ภีมภพน้อยใจและโกรธที่เห็นเมษยาสนิทกับภิรัตน์ ภารดาหาทางทำลายมือนางด้วยการจ้าง พยัคฆ์ (เอก โอรี) หมอผีมาทำพิธี เมษยาต้องการปกป้องแม่จึงขโมยเอามือนางหนีออกจากบ้านหลบไปอยู่กับฟ้างาม (ณิชานันท์ ฟั่นแก้ว) เพื่อนสนิท แต่ภีมภพเข้าใจผิดคิดว่าเมษยาหนีไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น จึงตามไปจับตัวมาขังไว้ที่บ้านสวน ระหว่างนั้นภีมภพเริ่มเห็นใจเมษยาซึ่งมิชีวิตน่าสงสาร แต่ยังไม่ทันปรับความเข้าใจ มุดาก็ตามมาอาละวาด ยื่นคำขาดให้แต่งงาน ภีมภพจำต้องตกลงเพราะถูกพ่อกดดัน ภารดาถูกพยัคฆ์ใช้มนต์สะกดจนมีอะไรกัน ดนัยมาเห็นเข้าและล่วงรู้ความลับว่าภารดาเป็นคนตัดสายเบรกรถทิพวรรณ จึงบอกให้เธอไปมอบตัว ภารดาตัดสินใจจะฆ่าปิดปากดนัย ภีมภพมาช่วยทัน แต่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นคนทำร้ายจึงโดนตำรวจจับ ส่วนดนัยก็เป็นอัมพาตพูดไม่ได้ ภิรัตน์หลอกเมษยาว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับคนที่ทำร้ายดนัย แต่มีข้อแม้ให้เมษยายอมแต่งงานด้วย วิญญาณของทิพวรรณรู้ความจริงว่าใครเป็นคนทำ และรู้ว่าเมษยาโดนหลอก จึงพยายามหาทางช่วยจนภีมภพมาขัดขวางการแต่งงานได้ทัน และพาเมษยาหนีไป ภาร ดากับพยัคฆ์เอามือนางไปทำพิธีที่โกดังร้าง เมษยากับภีมภพตามไปช่วย เกิดการไล่ล่ากัน พยัคฆ์โดนยิงตกเขาตาย ภารดากับมุดาโดนตำรวจจับ แต่ระหว่างทางรถคว่ำ กรรมตามสนองภารดาโดนกระจกบาดมือขาด ส่วนมุดาเสียโฉม ทั้งสองคนรับไม่ได้เลยกลายเป็นบ้า ดนัยตกลงกับเมษยาว่าจะเอามือนางไปทำพิธีทางศาสนาส่งวิญญาณทิพวรรณไปสู่สุคติ ภีมภพกับเมษยาก็ปรับความเข้าใจกัน ลงเอยกันด้วยความสุข

อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง 2551

เรื่องย่อ : อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง (2551/2008) พ่อขุนรามคำแหง (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย ผู้ทรงดูแลความเป็นอยู่ของราษฎรทุกชนชั้นอย่างพ่อปกครองลูก วันหนึ่งพระองค์ถูกสามศร (ศุกลวัฒน์ คณารศ)ลูกชายเจ้าเมืองฉอดลอบฆ่า เพื่อล้างแค้นแทนพ่อที่ถูกพ่อขุนรามฆ่าตายกลางสนามรบ พระองค์เห็นสามศร เป็นผู้มีฝีมือ อีกทั้งยังกตัญญู จึงไม่เอาผิดและเลี้ยงดูเหมือนลูกคนหนึ่ง

ธิดาวานร 2551

เรื่องย่อ : ธิดาวานร (2551/2008) ธิดาวานรเป็นเรื่องแฟนตาซีแนวหนังวอลท์ดิสนี่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่นผืนป่า ต้นไม้ ลำธาร และสัตว์ทั้งหลายในป่า ต้องการให้คนที่ชมเรื่องนี้ เกิดความรักธรรมชาติ และสนใจเรื่องภาวะโลกร้อน เพราะการรักษาดูแลธรรมชาติคือสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ลดภาวะโลกร้อน ป้องกันการเกิดภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม เป็นการเดินเรื่องราวผจญภัยของเด็กน้อยจนเป็นสาวชื่อเมงกาเลียที่มาพลัดหลงอยู่ในป่า จนกระทั่งออกจากป่าและได้พบกับสิ่งเลวร้าย จนในที่สุดพบครอบครัวอันเป็นที่รักคือพ่อและปู่ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานของการนำเสนอ หนูน้อยเมงกาเลีย วัยห้าขวบลูกสาวของ นายดำรง เศรษฐีหนุ่มหล่อภาคเหนือกับภรรยาสาวสวยชื่อ บัวบาน เมงกาเลียมีพี่เลี้ยงชื่อ ละเอ มาจากอีกฟากฝั่งของแม่น้ำเมยที่เชียงราย ละเอจงรักภักดีต่อคุณหนูของเธอมาก ตั้งชื่อเล่นให้หนูน้อยว่าเมงกาเลีย แต่ชื่อจริงคือกาสะลอง ละเอค่อนข้างออกแนวไสยศาสตร์ ทำนายทายทักและมีสัมผัสที่หกแต่ทุกคนก็ไม่ขำ ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของละเอ ละเอบอกให้บัวบานระวังตัวจะโดนแย่งของรักและตกอยู่ในอันตรายทั้งบัวบานและเมงกาเลียไม่มีใครเชื่อ ดำรงเข้ากรุงเทพไปติดต่อธุรกิจโดยที่ไม่ได้พาภรรยาและลูกสาวไปด้วย ดำรงได้พบกับนาถยา หม้ายสาวลูกติดชื่อ เอมฤดี อายุไล่เลี่ยกับเมงกาเลียแก่กว่าสักสองปี นาถยาหวังหาที่พึ่งเพื่อเป็นหลักให้เธอและลูกสาว โดยไม่สนใจว่าดำรงจะมีภรรยาและลูกแล้ว ทำแกล้งมาทางเหนือเพื่อมาติดต่องานกับดำรง และฉวยโอกาสมอมยาดำรง และกลายเป็นภรรยาน้อยของดำรงสำเร็จ จากนั้นนาถยาก็เริ่มแผนการขั้นที่สอง คือเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน แสร้งทำตัวอ่อนน้อมน่าสงสารกับบัวบานที่พูดไม่ออก แต่ทำเฉพาะต่อหน้าดำรงเท่านั้น พอลับหลังก็หลอกล่อพูดจาทิ่มแทงให้บัวบานเสียใจเตลิดออกจากบ้านไปเพื่อจะไปบ้านบนภูเขาที่บัวบานกับดำรงมักพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนที่นั่น นาถยาแอบจ้างคนมาตัดสายเบรกให้เกือบขาดเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ บัวบานขับรถเสียใจมุ่งหน้าขึ้นเขา ในที่สุดเบรกรถก็ขาดรถเสียหลักตกเขากลิ้งหายลงไป ในเหวบัวบานหายตัวไป ดำรงส่งคณะผู้เชี่ยวชาญตามหาบัวบานนานนับเดือนได้แต่กู้ซากรถที่แหลกเละเทะทั้งคันกลับคืนมา แต่ไม่มีวี่แววของบัวบานทำให้นาถยาดีใจมาก เริ่มแผนขั้นที่สามต่อไปด้วยการแต่งงานกับกับดำรง ละเอพยายามเตือนดำรงให้ระวังว่าเมงกาเลียกำลังตกอยู่ในอันตราย และจะมีชะตากรรมเหมือนกับบัวบาน ละเอกลับโดนดำรงดุว่าเหลวไหล นาถยาทำดีกับดำรงเอาอกเอาใจ นานวันเข้าดำรงยอมรับนาถยาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ยกเว้นจดทะเบียนสมรสเพราะดำรงต้องการรอว่าบัวบานอาจยังไม่ตายจึงให้นาถยารอไปสิบปี นาถยาแกล้งทำรักใคร่เมงต่อหน้าผู้คน พอลับหลังให้ลูกสาวคือเอม รังแกเมงเสมอๆ ละเอพยายามบอกดำรง ดำรงก็หาว่าละเอใส่ร้ายนาถยา นาถยาวางแผนขั้นที่สี่ต่อไปด้วยการให้เมงมีอันเป็นไป เหมือนกับบัวบาน ตลอดเวลาละเอเคยพยายามใช้สัมผัสที่หกตามหาบัวบาน ละเอมักฝันร้าย ในฝันเห็นบัวบานโดนเสือคาบไปกิน ต่อมาวันหนึ่ง นาถยาแกล้งบอกให้ดำรงจัดให้ละเอข้ามกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ และหาทางให้ดำรงไปติดต่อธุระที่กรุงเทพและรับอาสาดูแลเมงเอง พอทุกคนไปกันหมดแล้วนาถยาก็จับเมงใส่รถเอาไปปล่อยไว้ในป่าแล้วหนี เมงเดินสะเปะสะปะร้องไห้อยู่ในป่าจนมืดค่ำ ในวันเดียวกันนั้น พนา อายุแปดถึงสิบขวบ กับ นายพินิจ และ นางอรุณี นักธุรกิจอัญญมณีชื่อดังทางภาคเหนือ ได้เดินทางโดยใช้รถไฟ เพราะต้องการเลี่ยงหลบจาก นายคำรณ มาเฟียที่จะพยายามฉกเพชรสีชมพูหลายสิบกะรัตของพวกเขา ทั้งสองเอาเพชรสีชมพูใส่ลูกเทนนิสติดกาวแนบเนียนมากแล้วใส่ไว้ในเป้ของลูกชาย สั่งให้สะพายเป้ติดหลังไว้ตลอดเวลาห้ามปลดออกเด็ดขาด พนาเชื่อฟังอย่างดี ขณะนั่งรถไฟมากลางทางที่เป็นป่าก็เกิดเหตุรถไฟเกิดเสียหลักไถลออกนอกรางในตอนกลางคืน ผู้คนบาดเจ็บกันมากมายต่างหาทางออกจากรถไฟ พนาหลุดออกมาได้ตามหาพ่อแม่ และพลัดหลงไปในป่า ส่วนพ่อแม่ปลอดภัยตามหาพนาไม่พบ พนาเดินสะเปะสะปะไปในป่า ขณะที่เมงก็เดินร้องไห้ ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย และก่อนที่จะหลงนาถยาสั่งให้มาตามหาแม่ แม่ของเมงตกลงไปในเหวให้ไปหาในเหว เมงจึงมายืนมองที่เหวแห่งหนึ่งที่คิดเอาเองว่าแม่คงตกลงไปตรงนี้ เมงปีนไปที่กิ่งไม้ซึ่งยื่นไปในเหวมองลงไปตกใจกลัวร้องไห้จะกลับเข้ามาก็กลับไม่ได้ เมงร้องไห้จ้าดังลั่น พนาซึ่งเดินหลงมาได้ยินเสียงร้องของเด็กจึงวิ่งไปดู พนาเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังไต่อยู่บนกิ่งไม้ที่ยื่นไปในหน้าผา พนาตกใจมากกลัวก็กลัวสงสารเด็กก็สงสาร ในที่สุดพนาก็ตัดสินใจไต่ไปที่กิ่งไม้ใกล้ๆ กันเพื่อช่วยเด็กหญิง แต่เป้ของพนาเกะกะมากและไปเกี่ยวกับกิ่งไม้หลุดไปจากหลัง พนาเอื้อมมือจะไปช่วยเด็กหญิง เด็กหญิงไม่เข้าใจโผมาหาแล้วพลัดตกลงไปเบื้องล่าง พนาตกใจมากเกาะแน่นอยู่กับกิ่งไม้โทษตัวเองว่าเขาทำให้เด็กหญิงตกเหวตาย แต่เมงกลับตกลงไปติดอยู่ที่กิ่งไม้อีกต้นที่อยู่ต่ำลงไปอีกและเกาะร้องไห้อยู่เช่นนั้น ในป่านั้นเอง พรานเส็ง ได้พาพวกเข้ามาจับสัตว์ในป่าไปเพื่อเอาไปขาย มุ่งจับเฉพาะสัตว์ตัวลูกแล้วจะฆ่าแม่ แม่ลิงตัวหนึ่งโดนยิงบาดเจ็บเพราะไม่ยอมให้จับลูก ในที่สุดก็โดนแย่งลูกไปจนได้ แม่ลิงตามไปอีกโดนยิงล้มลงตามไม่ทันจึงถอยกลับมาเสียใจตีอกชกหัวร้องไห้เอาสมุนไพรรักษาตัวเอง แม่ลิงไปนั่งซุกอยู่บนกิ่งไม้ต้นเดียวกับที่เมงนั่งเกาะร้องไห้อยู่ แม่ลิงเห็นเมงเกิดความคิดถึงลูกมองว่าเมงเป็นลูกน้อยที่โดนจับไปมาแทนที่ลูกได้จึงเข้าไปช่วยเหลือพาเมงไปดูแล ส่วนพนาเมื่อฟ้าสางแล้วพ่อ แม่ และคณะติดตามหาพบพนาเกาะกิ่งไม้อยู่จึงเข้าช่วยเหลือ แต่ไม่พบเป้ของพนา พนาบอกว่าตกลงไปในเหวลึกแล้ว พ่อ แม่จึงทำใจว่าคงไม่มีโอกาสพบอีก ส่วนเรื่องเด็กหญิงที่พลัดตกลงไป พนาไม่ได้บอกใครเพราะกลัวความผิด และคิดว่าบางทีเมงอาจจะรอด ตลอดมาพนามักฝันร้ายถึงเด็กหญิงคนนั้นเช่นเดียวกันกับเมงที่ฝันดีถึงพนาตลอดมา ดำรงเสียใจมากนาถยาอ้างว่าไม่รู้ว่าเมงหายไปไหน คงวิ่งหนีออกไปเล่นนอกบ้าน นาถยาทำเป็นร้องไห้ร้องห่มที่ตามหาเมงไม่พบ ดำรงต้องเข้าไปปลอบ ฝ่ายละเอกลับมาจากฝั่งโน้น แอบไปฝึกวิชาอาคมเพิ่มมาอีกใช้สัมผัสที่หกพยายามติดต่อกับบัวบานและเมง ละเอบอกว่าเมงยังไม่ตาย ดำรงมีความหวังแต่นาถยาไม่เชื่อพร้อมกับแอบด่าว่าละเอหาว่าเพ้อเจ้อ สิบปีต่อมา นาถยาคาดคั้นให้ดำรงจดทะเบียนด้วยสักที ดำรงตกลง แต่คืนนั้นเองดำรงก็ฝันถึงบัวบานและเมงกาเลียมาอ้อนวอนร้องไห้ตรงหน้าและบอกว่ากำลังจะกลับมาในไม่ช้า เช้าขึ้นดำรงจึงเปลี่ยนใจโดยไม่บอกสาเหตุกับนาถยาแต่บอกว่าขอเวลาอีกสามปี นาถยาไม่พอใจมากสงสัยว่าละเอแอบพูดอะไรหรือเปล่าจึงทำให้ดำรงปลี่ยนใจ สิบปีต่อมาสำหรับ เมงกาเลีย กลายเป็นเด็กสาวสวยงามแต่โดนความมอมแมมบดบังจนดูคล้ายปีศาจตัวน้อยๆ เมงสามารถพูดจากับสัตว์และสื่อสารกับสัตว์ ห้ามสัตว์ทะเลาะกัน นำฝูงงู ฝูงช้าง ฝูงนก ฝูงแมลงไปต่อสู้ขับไล่ผู้บุกรุกป่า เมงรักแม่ลิง รักต้นไม้ทุกต้นรักป่าและลำธาร เมงจึงมักมีปัญหากับพวกนายพราน โดยเฉพาะพรานเส็งที่แก่ลงไปมากแต่ยังชอบพาคนมาจับสัตว์ไปขายต่างชาติบ้าง เอาไปเล่นละครสัตว์บ้าง นักมายากลบ้างนอกจากพวกนายพรานดังกล่าว ยังมีพวกมาเฟียคำรณหาเพชรสีชมพูของพินิจพ่อพนาอีก คนพวกนี้เคยเห็นเมง สนใจเมงมาก ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ บ้างก็ว่าเป็นปีศาจ บ้างว่าเป็นมนุษย์โบราณที่หลงเหลืออยู่ แต่สรุปแล้วทุกคนต่างต้องการจับตัวเมงไปทั้งนั้น จับไปขาย จับไปเล่นละครสัตว์ จับไปสอบถามหาเพชรสีชมพู ยกเว้นพวกชาวบ้านตามราวป่า ที่หาว่าเมงคือภูตผี เพราะบางวันเมงติดตามพวกฝูงสัตว์มาเที่ยวราวป่า บางวันก็ขี่ช้างมา บางวันก็ไต่ต้นไม้มากับพวกลิง บางครั้งพบอาหารแปลกๆ ก็ทดลองกินจนหมด ชาวบ้านต่างหวาดกลัวจนต้องไปหาหมอผีมาไล่ผีประหลาด แต่ไม่เคยมีใครไล่สำเร็จหรือทำให้เมงพ่ายแพ้ เมงนั้นวันดีคืนดีมักได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ ว่าเมงกาเลีย จนเมงจำคำว่าเมงกาเลียได้แม่นยำและมักพูดคำนี้ออกมาเสมอแต่ไม่มีใครเข้าใจ ความจริงเสียงนั้นคือเสียงของละเอที่พยายามส่งโทรจิตให้เมงนั่นเอง ทางฝ่ายบัวบานแม่ของเมง โดนเสือกินเข้าไปและสิงอยู่ในร่างเสือ และจิตใจยังคิดถึงลูกเสมอจึงพยายามวนเวียนตามหาเมง และได้พบว่าเมงอยู่กับแม่ลิง วันแรมสิบห้าค่ำเดือนมืดทีไร เสือที่กินบัวบานจะกลายร่างเป็นหญิงสาวสวย เดินร้องเพลงบ้าง คอยหลอกล่อผู้คนที่คิดจะมาทำร้ายเมงบ้าง จนเลื่องลือไปทั่วว่าป่าแห่งนี้มีทั้งเสือสมิงและปีศาจประหลาด ส่วนพนามักชอบหาโอกาสเข้ามาในป่าแห่งนี้ ไม่ใช่เพื่อสืบหาเพชรสีชมพู แต่สืบร่องรอยของเด็กผู้หญิงที่เขาเคยพบ แต่ก็ไม่มีวี่แววเพราะมักเฉียดไปมากับเมง แต่ส่วนใหญ่เมงมักเป็นคนเห็นพนาเสียเอง เมงนึกชอบใจพนาที่ดูใจดีอ่อนโยนและรักป่า รักต้นไม้ รักสัตว์ เมงเคยแอบช่วยเหลือพนาให้รอดพ้นจากน้ำมือของมาเฟียและนายพรานที่จะทำร้ายพนาเนื่องจากไปขัดขวางการทำร้ายสัตว์ และทำลายป่า แต่ไม่สามารถจำได้ว่านั่นคือเด็กผู้ชายที่พยายามช่วยเหลือเธอเมื่อยังเด็ก ที่อาศัยหลับนอนของเมงคือถ้ำใหญ่ มีน้ำตกอยู่หน้าถ้ำ วันที่แม่ลิงอุ้มเมงมาเลี้ยงก็เอาเมง ซ่อนไว้ในถ้ำนี้ แม่ลิงได้พบเป้ของพนาที่ตกอยู่เอามาให้เมง เมงแกะเป้ออกมาเล่นเจอเพชรสีชมพู จึงเก็บไว้ วันดีคืนดีก็เอาออกมาเล่น และนอกจากนั้นเมงยังมีลอคเก็ตอันหนึ่งที่นาถยาถอดออกมาจากคอ แล้วโยนลงมาในเหวตอนปล่อยเมง ไม่คิดว่าเมงจะรอด เมงได้พบสร้อยลอคเก็ตอันนี้จึงเอามาเก็บไว้ในเป้ ของพนาบางวันก็เอามาใส่เล่น วันหนึ่งตอนที่เมงโตเป็นสาวรุ่นแล้ว เมงออกมาเที่ยวเล่นกับฝูงสัตว์ตามปกติ เมงจะมีนกเหยี่ยวตัวใหญ่คอยสื่อสารและบอกข่าวล่วงหน้า แต่วันนั้นนกไม่อยู่ บินไปหากินไกลมาก เมงจึงชะล่าใจออกมาเที่ยวเล่นโดยไม่รู้ว่าที่กำลังไปเล่นมีมนุษย์ใจร้ายกำลังมาตามหาสมบัติ เมงถือเพชรสีชมพูมาเล่นด้วยและได้พบกับมาเฟียคำรณและพวกเห็นเพชรที่เมงเดาะเล่นอยู่ดีใจมากจะจับตัวเมง เมงหนี พวกนั้นไล่ยิงเมง เมงหนีมาเจอกับพนา พนาช่วยเมงไว้ ระหว่างหนีเมงได้โยนเพชรสีชมพูทิ้ง พนาจึงไม่เห็นเพชร พนาช่วยเมงที่บาดเจ็บหลบจากพวกมาเฟีย พยายามพูดจาซักถาม เมงพูดไม่เป็น พูดไม่รู้เรื่อง ได้แต่ส่งภาษาแปลกๆ แต่พูดคำคล้ายมนุษย์คำเดียวคือเมงกาเลีย ทำให้พนารู้จักคำนี้ไปด้วย นอกจากนั้นพนายังพยายามสอนให้เมงเรียกตัวเขาว่าพนา เมงพยายามเรียกในที่สุดเมงก็เรียกพนาได้ และจำแม่นว่านี่คือพนา พนาพาเมงไปอาบน้ำในลำธาร จับเมงโยนลงไป ในที่สุดพนาก็พบว่าเมงสวยงามมาก ไม่ได้ดูสกปรกมอมแมมเหมือนผีที่เขาเคยได้ยินพวกชาวบ้านร่ำลือ พนาเชื่อแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเมงคือเด็กหญิงที่เขาเคยช่วยเอาไว้ เขาพยายามจะพาเมงเข้าไปในเมืองแต่ไม่สำเร็จ เมงโกรธมากเมื่อพนาฉุดดึงให้ออกมาจากป่า เมงอาละวาดทำร้ายพนาแล้วหนีไป ต่อมาพนาพยายามเข้ามาตามหาเมงอีกแต่ไม่พบเพราะเมงคอยหลบหลีก แต่เมงก็ยังนึกถึงพนาเสมอ เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นแบบไม่เคยมีมาก่อน พนาก็นึกถึงแต่เมง พนาเลิกทำอย่างอื่นเพียรแต่จะเข้าป่าแต่ไม่ได้บอกใครว่ามาทำอะไร ส่วนพวกมาเฟียคำรณต่างพากันคิดว่าพนาเข้ามาหาเพชรสีชมพูตามคำสั่งของพินิจจึงฉวยโอกาสลอบทำร้ายพนา เมงมาพบเข้าจึงช่วยเหลือพนา และช่วยกันกับแม่ลิง และฝูงสัตว์พาพนาไปรักษาตัวในถ้ำ พวกมาเฟียพยายามติดตามกลับโดนเสือโผล่มาสะกัดอยู่พักหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้นเสือยังกลายร่างเป็นผู้หญิงอีกตอนกลางคืนทำให้พวกมาเฟียต้องถอยหนีกลับออกไป เมงรักษาพนาจนหาย พนาพบเป้ของตัวเอง ค้นหาในเป้ไม่พบเพชรสีชมพู พยายามถามก็ไม่เข้าใจกัน แต่กลับได้พบลอคเก็ตสลักชื่อกาสะลองเอาไว้ เมงและพวกลิงและฝูงสัตว์ พากันมาส่งพนาที่ราวป่าคืนเดือนหงายคืนหนึ่ง พนาได้สอนให้เมงเรียนรู้ความรู้สึกดีๆ อีกมากมาย เมงติดพนาแจแต่ก็ยังไม่ยอมเข้าเมืองอีกเช่นเคย ต่อมาเมงโดนพวกเล่นกลใช้อุบายจับเมงไปหัดเล่นกล พนากลับเข้ามาหาเมงไม่พบเมง พนาว้าวุ่นมาก พนาได้พบนกเหยี่ยวที่แอบติดตามว่าเมงโดนจับไปไหน กลับมาส่งข่าว พนาจึงติดตาม ไปพบเมงโดนจับไปเล่นกลและละครสัตว์ ขังเอาไว้ในกรงเหมือนสัตว์ทั่วไปกับลิงตัวหนึ่ง พอจะไปช่วยกลับไม่ทันพวกออกงานวัดมาแย่งจับเมงกับลิงตัวนั้นไปออกงานวัดอีกต่อ เดือดร้อนถึงนกเหยี่ยวต้องบินไปตามหาเมง จนเจอและช่วยออกมาทั้งลิงและเมงในที่สุด เมงกับลิงตัวนั้นกลายเป็นเพื่อนกัน ลิงพยายามบอกเมงว่าถูกจับมาและแม่โดนยิงคงตายแล้ว ทั้งหมดกลับเข้าป่าและแยกย้ายกันไป ลิงตัวนั้นมีตำหนิที่เท้า พนาห่วงเมงมากพยายามจะพาเมงออกจากป่าเกรงว่าจะโดนลอบทำร้ายและจับตัวอีก เมง ปฎิเสธ เมงกับพนาใช้ภาษาใบ้ ใช้วิธีวาดรูปสื่อสารกันประกอบด้วย เมงบอกว่าห่วงแม่ลิง ทิ้งไม่ได้ พนาจำใจกลับเข้าเมืองและติดต่อกับเมงผ่านนกเหยี่ยว พนาพยายามหาทางพาเมงเข้าเมืองและพาแม่ลิงมาอยู่ด้วย อ้อนวอนพ่อ แม่ จนที่สุดพ่อ แม่ก็ยินยอมแต่ไม่ยอมให้ปล่อยแม่ลิงให้ขังไว้ แม่ลิงไม่ยอมให้ขัง ในกรง เมงก็ไม่ยอมให้ขังแม่ ในที่สุดจึงเอาแม่ลิงไว้ในห้องเหมือนคนทั่วไป ผู้คนในบ้านต่างหวาดกลัวแม่ลิงและเมง เอมฤดีเป็นคนรักของพนา มาหาพนาที่บ้านพบเมงอยู่ในบ้าน ไม่พอใจมากๆ แอบสอบถาม กับสาวใช้บางคนที่ไม่ชอบเมงได้ความว่ามาจากในป่า เอมไปเล่าให้นาถยาฟัง นาถยาสงสัยมากว่าอาจเป็นเมงก็ได้ สั่งห้ามไม่ให้เอมบอกกับดำรงเรื่องนี้เด็ดขาด และพยายามหาทางกลั่นแกล้งเมงต่างๆ นานาแต่ก็กลับโดนย้อนรอยแปลกๆ ขำๆ เสียท่ากลับไปทุกที ทำให้เอมเกลียดเมงมากขึ้น ประกอบกับได้ยินทุกคนเรียกเมงว่าเมงกาเลียยิ่งทำให้เอมกับนาถมั่นใจว่าใช่แน่ถึงกับพยายามหาทางเล่นงานเมง ที่บ้านพนา พินิจ และอรุณีแม่ของพนาดีกับเมงมาก พยายามจะให้เมงตามหาพ่อแม่ให้พบ พยายามให้เมงเรียนรู้เรื่องของคนในเมือง แต่เมงกลับไม่ค่อยมีความสุขมากนัก รวมทั้งแม่ลิง แต่แม่ลิงอยากให้เมงอยู่ในเมืองเพื่ออนาคตที่ดี ส่วนตัวเองหนีกลับเข้าป่า เมงกลับตามหาแม่ลิง ไม่ยอมอยู่ต่อไป แม่ลิงหนีซ่อนไม่ให้เมงพบ เมงจะกลับเข้าไปในป่าอีกจนไปเจอเอาพวกนายพรานที่ไปเข้ากับมาเฟียคำรณเข้า ระหว่างเดินทางกลับเข้าป่าแม่ลิงได้พบเพชรสีชมพูจึงเอากลับไปไว้ในถ้ำและบอกกับนกเหยี่ยวของเมงไว้ เมงกับพนาตามหาแม่ลิงพบกับพวกคำรณและนายพราน แม่ลิงตัดสินใจเสียสละกระโดดหน้าผาหายไปเพื่อให้เมงปลอดภัย พวกคำรณไม่สามารถจับแม่ลิงมาเป็นตัวประกันให้เมงกับพนายอมแพ้ได้จึงเลิกราไปหาวิธีอื่น แม่ลิงตกลงไปบาดเจ็บ เจอเอาลิงหนุ่มตัวหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือทั้งสองมองหน้ากัน ลิงหนุ่มยกเท้าที่เป็นแผลให้ดู ทั้งสองต่างคิดถึงวันที่โดนคนใจร้ายทำให้พรากจากกัน จำกันได้โผเข้ากอดกัน ด้วยความยินดีลิงหนุ่มแบกแม่ลิงไปดูแล เมงกลับเข้าเมืองด้วยความโศกเศร้าคิดถึงแม่ลิง พนาคอยปลอบโยน เมงพูดภาษาคนได้มากขึ้นเริ่มออกงาน อ่านหนังสือออก เขียนได้ แต่ก็สร้างมุกตลกๆ ให้คนรอบข้างขำเพราะเมงมักพูดผิด พูดกลับกัน เมงได้พบดำรงในงานแต่ไม่รู้จักกัน เพราะเมงได้ชื่อใหม่ว่ามาณวิกาแล้ว ดำรงเข้าใจว่าเมงเป็นหลานของพินิจ เมงเองก็เข้าใจว่าดำรงเป็นพ่อของเอมฤดี แต่เหมือนมีความผูกพันกันทำให้ทั้งสองถูกคอกันมาก จนทำให้เอมกับนาถยาอยากกำจัด เอมจึงไปเข้ากับพวกคำรณให้จัดการเมง ดำรงตามไปช่วยเอาไว้กับพนา พนาเรียกเมงว่าเมงกาเลียทำให้ดำรงตกใจ และสนใจสอบถามจนกระทั้งรู้ความจริงว่าเมงคือลูก พนาได้มอบสร้อยและลอคเก็ตกาสะลองให้ดำรงดู ดำรงยิ่งมั่นใจว่าเมงคือลูก คำรณโดนจับได้ และซัดทอดว่านาถยากับเอมฤดีจ้างวาน ทั้งหมดจึงติดคุกไปด้วยกัน เมงได้พบพ่อและกลับมาอยู่กับพ่อ และละเออีก เมงพยายามฝากข้อความสื่อสารไปหานกเหยี่ยว ในที่สุดนกเหยี่ยวก็มาหาเมง เมงบอกว่าอยากไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆ จึงขออนุญาตพ่อไปกับพนา ที่นั่นเมงได้พบกับพวกสัตว์ของเมง และได้พบเป้ที่แม่ลิงเอาเพชรสีชมพูมาใส่ไว้ให้ เมงสงสัยว่าแม่ลิงยังไม่ตาย ในที่สุดนกเหยี่ยวก็พาเมงกับพนาไปพบแม่ลิงที่แก่และเดินขาเป๋ ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอีกแห่ง มีลูกลิงหนุ่มที่พลัดพรากกลับมาดูแล ลิงหนุ่มจำเมงกับพนาได้ต่างดีใจที่ได้พบกัน ลิงหนุ่มและแม่ลิงบอกว่าไม่ต้องห่วงแม่ลิงอีกต่อไปแล้ว ให้เมงกลับไปอยู่กับพนาและอยู่กับมนุษย์ ติดต่อส่งข่าวถึงกันผ่านนกเหยี่ยว คิดถึงกันก็มาหากันได้ ทั้งหมดจากกันแบบอาลัยอาวรณ์ พวกสัตว์ทั้งหลายพากันมาส่งเมงที่ราวป่า ต่อมา เมงตัดสินใจเรียนศึกษาผู้ใหญ่จนจบและสอบเข้าเรียนวนศาสตร์ และมาอยู่ในบ้านบนเขาหลังที่แม่กับพ่อเคยพาเมงมาพักตอนเด็กๆ กับละเอ โดยมีพนาทำงานป่าไม้อยู่ใกล้กันนั้น ทั้งสองสัญญากันว่าจะช่วยกันดูแลรักษาป่า ลำธาร สัตว์ และสภาพป่าให้คงเดิม เพราะป่าคือชีวิตของเรา พวกชาวบ้านและหมอผีไม่กลัวเมงอีกต่อไป บางวันแม่ลิงกับลิงหนุ่มก็มาเยี่ยมเมง บางวันก็มีช้างและสัตว์อื่นๆ มาเยี่ยมเมง เมงกับพนามีแผนการจะแต่งงานกันในอนาคต และอยู่รักษาผืนป่าตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ออกอากาศ ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 18.45 น. ทางช่อง 7 สี

คมแฝก 2551

คมแฝก (2551/2008) เรื่องราวของ กัลป์ เกรียงไกร นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกลผู้ต้องติดคุกนานถึง 10 ปี เพราะถูกใส่ความว่าฆ่าคนตาย และ 10 ปีให้หลังเขากลับมาพร้อมไม้คมแฝกเพื่อกลับมาสะสางความแค้นที่มีต่อ แสน ราชสีห์ เพื่อนของกัลป์ซึ่งใส่ร้ายเขาจนทำให้เขาต้องติดคุก และได้กลายมาเป็นผู้มีอิทธิพลซึ่งเข้าครองเมืองพลในเวลาต่อมา

คู่ป่วนอลวน 2551

เรื่องย่อ : คู่ป่วนอลวน (2551/2008) กามเทพ นี้ชอบเล่นตลกกับความรักจัง จู่ๆ ก็จับสาวมาดมั่นอย่าง ภาวิกาให้มาพบเจอกับพล หนุ่มมาดเท่ห์ ถ้าคู่กัด คู่ป่วนต้องมาเป็นคู่รักกัน มันจะสับสนอลวน....อลเวง....เพียงใด จากคู่แข่ง คู่ปรับ ต้องมาเป็นคู่กันแล้วเรื่องวุ่น ๆ จะลงเอยอย่างไร พล มัณฑนากร หนุ่มหล่อ พ่อตาย มีแต่แม่ที่ชอบแอบเล่นการพนัน พล ฝีมือดี บ้างานจนลืมแฟนเสมอ กระทั่งวันสำคัญนัดถ่ายรูปกับ กุสุมา ที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง เพื่อเตรียมพิมพ์เป็นการ์ดแต่งงาน พลจะไปรับชุดแต่งงานที่ร้านตัดเสื้อหรูของ คุณวิวาห์วดี มาให้เธอเพื่อเอาใจและแก้ตัวที่ชอบผิดนัด กุสุมาเป็นลูกสาวคนเดียวของ สมพงษ์ เจ้าของร้านทองที่มีชื่อเสียงและรวยมาก เธอเป็นสาวสวย อ่อนหวาน น่ารัก ตามใจแฟน ไม่ต่อว่าต่อขาน พลจะดูหนังบู๊แต่เธออยากดูหนังรัก พลจะกินอาหารญี่ปุ่น แต่เธอจะกินอาหารจีนก็ไม่ขัดข้อง เธองอนกับเขาเรื่องเดียวคือผิดนัด ติดตามต่อได้ใน คู่ป่วนอลวน

ปมรักรอยอดีต 2551

เรื่องย่อ : ปมรักรอยอดีต (2551/2008) ตะวันฉาย ศิมันตรา ทายาทคนเดียวของตระกูลศิมันตรา ที่ร่ำรวยมหาศาล ต้องพักการเรียนต่อในระดับปริญญาเอกและรีบเดินทางจากอังกฤษกลับไทยทันทีที่ รู้ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุของ บวร , คงเดช และ ณรงค์วิทย์ ซึ่งคือ ปู่ พ่อ และ อาของเขา ตะวันฉายช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น การจัดการเรื่องงานศพผ่านไปอย่างเรียบร้อยด้วยความช่วยเหลือของ ลุงชาญชัย และ แน่แท้ ลูกชายคนเดียวของชาญชัยที่เป็นเพื่อนสนิทและเติบโตมาด้วยกัน ทว่าเมื่อเปิดพินัยกรรม ตะวันฉายยิ่งงงมากขึ้นเมื่อบวรระบุว่าเมื่อท่านจากไปก็ให้จัดการทรัพย์สิน ให้กับบุตรชายทั้งสองคือคงเดช และ ณรงค์วิทย์ แต่ถ้า คงเดช และณรงค์วิทย์เสียชีวิตไปก็ให้แบ่งทรัพย์สินเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน คือให้กับ ตะวันฉาย ศิมันตรา ลูกชายของคงเดช และอีกส่วนให้กับลูกของณรงค์วิทย์ ศิมันตรา และ วรรณา รักบริสุทธิ์ เงื่อนไขในพินัยกรรมบีบให้ชายหนุ่มต้องตามหาลูกของณรงค์วิทย์ผู้เป็นอาซึ่ง เขาไม่เคยรู้มาก่อน เมื่ออยู่กันตามลำพัง ชาญชัยจึงเล่าให้ตะวันฉายและแน่แท้รู้ว่าณรงค์วิทย์ได้วรรณาซึ่งเป็นสาวใช้ ในบ้านเป็นเมียโดยไม่ตั้งใจ และไม่รักเลย ทว่าวรรณานั้นทะเยอทะยานและหาโอกาสจะเป็นสะใภ้คนเล็กของบวรให้ได้

วรรณาอิจฉาคงเดชซึ่งแต่งงานกับ กนกรส จนมีลูกด้วยกันคือตะวันฉาย ปู่บวรทั้งรัก ทั้งหลงหลานชายทำให้กนกรสซึ่งเป็นสะใภ้ใหญ่มีความสุข วรรณานั้นเป็นเด็กสาวบ้านนาที่หัวสูง ช่างฝัน เธอเกลียดการทำนา ดังนั้นพอเริ่มเป็นสาวเธอจึงมากรุงเทพมาทำงานที่บ้านนี้ ไม่นานเธอก็เริ่มมองเห็นทางที่จะสุขสบาย ณรงวิทย์ คือเป้าหมายสำคัญ และเขาก็พลาดจนได้ แม้จะไม่รักแต่เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ บวรรู้ดีว่าลูกชายอึดอัดใจเพราะวรรณาเหิมเกริมและนิสัยไม่ดีหลายอย่าง ท่านจึงต้องช่วยโดยให้ณรงค์วิทย์ไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาจากไปโดยไม่รู้ว่าวรรณาเริ่มตั้งครรภ์ บวรรู้จักวรรณาดีว่า โลภ และ อยากได้เงินมากขนาดไหน ท่านจึงตกลงกับเธอว่าจะให้เงินก้อนหนึ่ง และส่งเงินเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูลูกทุกเดือนไม่ให้ลำบาก ถ้าวรรณายอมออกไปจากบ้านนี้ บวรสัญญาว่า จะไม่ทิ้งหลานคนนี้เด็ดขาด แต่วรรณาก็ต้องเลี้ยงหลานท่านให้ดีด้วย เงินก้อนใหญ่ทำให้วรรณายอมตกลง เธอมั่นใจว่าถ้าณรงวิทย์กลับมาต้องมาตามเธอกลับไปแน่ๆ บวรมอบให้ชาญชัยญาติสนิทเป็นธุระจัดการเรื่องเงินให้วรรณา

เมื่อณรงค์วิทย์กลับจากต่างประเทศจึงรู้จากบิดาว่าวรรณาหนีตามผู้ชายอื่น ไปนานแล้ว ซึ่งเขาไม่ติดใจออกติดตามแต่อย่างใด ชายหนุ่มทุ่มเทให้กับการทำงาน และมีความสุขดีโดยไม่คิดจะแต่งงานจนกระทั่งเสียชีวิต ชาญชัยให้ข้อมูลบางอย่างกับตะวันฉาย และแน่แท้เพื่อออกตามหาลูกของณรงค์วิทย์ ส่วนวรรณานั้นกลับมาใช้ชีวิตในสลัมเพราะเงินหมด นางอยู่กับ ทอฝัน ลูกสาวคนโต วุ้นเส้น หรือ วริศรา ลูกสาวคนรอง และ เด็กชายลูกชิ้น เด็กทั้งสามรู้ดีว่า วุ้นเส้นกับลูกชิ้นมีพ่อคนเดียวกัน วรรณาไม่เคยพูดถึงพ่อของทอฝันเลย และเวลานี้วรรณามีสามีใหม่อายุคราวลูกอีกคนชื่อ เอก ซึ่งมีอาชีพขี่มอร์เตอร์ไซคล์รับจ้าง ในครอบครัวนี้มีทอฝันคนเดียวที่ขยันทำมาหากิน เธอต้องหาเงินเพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง แถมยังต้องหาค่าเทอมให้ลูกชิ้นอีกด้วย เด็กชายสงสารพี่สาวแต่เขาก็ยังเด็กเกินไปกว่าจะช่วยทอฝันได้ วรรณาเองก็เอาแต่เล่นไพ่ ส่วนวุ้นเส้นออกจากโรงเรียนตั้งแต่จบประถมหก เธอทำตัวเป็นสาวเปรี้ยว ใส่สายเดี่ยว นุ่งขาสั้นเดินอวดหนุ่มๆ ตั้งแต่เริ่มสาว ความยากจนทำให้ทอฝันทำได้ทุกอย่าง เธอร้อยมาลัยส่งขายตามสี่แยก หรือถ้าถึงคราวลำบากจริงๆ เธอก็ทำได้กระทั่งแกล้งเดินให้รถชนเพื่อเรียกค่าทำขวัญมาใช้จ่ายในครอบครัว

วันหนึ่งทอฝันต้องใช้วิธีนี้อีกเมื่อต้องหาค่าเทอมให้น้องชายทำให้เธอได้ พบกับตะวันฉายเป็นครั้งแรก ซึ่งชายหนุ่มหยิบเงิน “ทำขวัญ” ให้มากเกินควรแถมยังพูดเหมือนรู้ทันจนทอฝันต้องโวยวายเพื่อดับความอายของตน ทั้งคู่พบกันอีกหลายครั้งแต่ก็ทะเลาะกันตลอดเวลา อีกไม่กี่วันต่อมา แน่แท้ก็ตามวรรณาจนพบ เมื่อรู้เรื่องพินัยกรรมวรรณาก็รีบบอกว่าทอฝันคือลูกของณรงวิทย์ แต่เมื่อรู้ว่าทอฝันคนเดียวที่มีสิทธิในทรัพย์สินวรรณาโวยวายอีก ส่วนทอฝันไม่ยอมไปรับมรดกถ้าต้องทิ้งแม่และน้อง เธอทำให้แน่แท้ประทับใจโดยไม่รู้ตัว เขาพยายามหาทางช่วยเธอโดยบอกว่าพินัยกรรมไม่ได้ห้ามเธอนำเงินมาเลี้ยงแม่และ น้อง ทำให้ทอฝันดีใจมาก ส่วนตะวันฉายไม่ตื่นเต้นอะไรนัก ยิ่งรู้ว่าทายาทอีกคนคือทอฝันเขาก็ยิ่งกลุ้ม แล้ววันที่ตะวันฉายรู้สึกว่าเป็นวันโลกาพินาศก็มาถึง เมื่อ ทอฝันพาแม่และน้องมาคฤหาสน์ “ศิมันตรา” เธอจำเป็นต้องมาเพราะนายเอกสามีคนล่าสุดของวรรณานำบ้านไปจำนองจนถูกไล่ที่ อยู่ ตัวนายเอกหอบเงินหนีหายไป วรรณาแค้นมากแต่ ทอฝัน ศิมันตรา ทำให้นางมีหวังขึ้นมาอีกครั้งตรงข้ามกับทอฝันที่ไม่มีความสุขและปวดหัวกับ วรรณาและวุ้นเส้นที่ใช้เงินมากสุรุ่ยสุร่าย วรรณาหมดไปกับวงไพ่ ส่วนวุ้นเส้นหมดไปกับการแต่งตัว ที่ร้ายคือวุ้นเส้นแสดงออกชัดเจนว่าติดใจตะวันฉาย และทำทุกอย่างโดยไม่อายเพื่อให้ใกล้ชิดกับเขา ทำให้ นกยูง สาวสวยไฮโซ ซึ่งเป็นแฟนของตะวันฉายไม่พอใจมาก ทั้งคู่มีเรื่องตบตีกันบ่อยครั้ง นกยูงพาลไปหมดแม้กระทั่งกับทอฝัน

เมื่อนกยูงร้ายมาทอฝันก็ตอบโต้กลับไปทั้งในมาดนางร้ายและนางเอกที่ฉลาด เชือดเฉือนให้นกยูงได้อายหลายครั้ง ความแค้นและอารมณ์หึงหวงทำให้นกยูงจ้างเอกมาทำร้ายทอฝันแต่แน่แท้มาช่วยไว้ ทัน แม้กระนั้น ทอฝันก็เขียวช้ำอย่างน่าสงสาร ตะวันฉายไม่เชื่อว่าจะมีใครปองร้ายทอฝัน จนทำให้ต้องขัดใจกับแน่แท้ เหตุการณ์วันนั้นทำให้เอกตามเข้ามาอยู่ใน “ศิมันตรา” อีกคน แม้วรรณาจะเกลียดอย่างไรก็ห้ามไม่ได้เพราะเอกรู้ความลับเรื่องทอฝันที่วรรณา เคยเล่าให้ฟัง วันหนึ่งขณะที่ทอฝันเดินเล่นอยู่กับแน่แท้ที่บริเวณสลัมที่เคยอยู่ เธอพบกับ สุภาพสตรีท่าทางดีคนหนึ่งซึ่งเธอมารู้ภายหลังว่าเธอชื่อ เดือน เป็นภรรยาของ มิสเตอร์ จอห์น ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท “ศิมันตรา” เดือนเอ็นดูทอฝันอย่างบอกไม่ถูก ในงานเลี้ยงรับรองจอห์นและเดือน ทอฝัน ไปร่วมงานในฐานะทายาทของ “ศิมันตรา” คนหนึ่ง เธอสวยสง่าจนตะวันฉายตะลึง ส่วนวรรณาซึ่งตามวุ้นเส้นมางานด้วยต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบกับเดือน ตรงข้ามกับเดือนที่ดีใจมากที่พบวรรณา ย้อนไปประมาณยี่สิบปี เดือนและวรรณามาเช่าห้องอยู่ใกล้กันทั้งคู่สนิทสนมกันมาก วรรณานั้นท้องได้ 4-5 เดือน แต่แล้ววันหนึ่งวรรณาลื่นล้มในห้องน้ำ เดือนรีบพาส่งโรงพยาบาล วรรณาแท้งลูก ลูกที่มีณรงค์วิทย์เป็นพ่อ เธอเสียใจมาก ตรงข้ามกับเดือนที่เพิ่งรู้ตัวว่าท้อง เธอดีใจมากแม้พ่อของลูกจะทอดทิ้งเธอไปแล้วก็ตาม เดือนปลอบวรรณาว่า ลูกของเธอก็เป็นลูกของวรรณาด้วย โดยไม่รู้ว่าคำปลอบโยนของเธอทำให้วรรณา วางแผนร้ายทันที ตราบใดที่เธอมีทายาทของ “ศิมันตรา” อยู่ เธอต้องสุขสบายในสักวัน

ดังนั้นเมื่อเดือนคลอดได้ไม่กี่วัน วรรณาจึงขโมยเด็กน้อยนั้นมาเตรียมอุปโลกน์เป็นลูกของณรงค์วิทย์ ซึ่งเด็กคนนั้นคือทอฝันนั่นเอง ความลับเรื่องนี้เอกรู้ดี วรรณาจึงกำจัด เอกไปไม่ได้ เมื่อพบกับเดือน วรรณารู้ว่าเดือนต้องมาตามลูกคืนแน่นอน ความโลภของทั้งเอกและวรรณาทำให้ส่งวุ้นเส้นไปแทน และ จำเป็นต้องเล่าให้วุ้นเส้นรู้เรื่องด้วย เรื่องวุ่นวายมากขึ้นเมื่อตะวันฉายและนกยูงต้องการที่ดินบริเวณสลัมที่ทอฝัน เคยอยู่มาสร้างเป็น ศูนย์การค้า ทอฝันซึ่งมีสิทธิในที่ดินผืนนี้ด้วยไม่ยอม เธอผูกพันกับที่นี่มาก เธอเกิดและโตที่นี่ เป็นครูอาสายามว่าง เธอลำบากมามากทำให้รู้ดีว่าชีวิตในสลัมหรือชุมชนแออัดต้องดิ้นรนเพียงใด ถ้าต้องมาอพยพไร้ที่อยู่อีกจะลำบากที่สุด เธอทำร้ายพวกเขาไม่ลง นกยูงให้ตะวันฉายจ่ายเงินค่าโอนกรรมสิทธิ์กับ ทอฝันเป็นสิบล้าน แต่เธอกลับฉีกเช็คใบนั้นทิ้ง และทะเลาะกับตะวันฉายอีกจนได้ เมื่อทอฝันไม่ยอม นกยูงจึงจ้างเอก ซึ่งนกยูงรู้แล้วว่าเขาคือสามีวรรณาให้ไปบอกวรรณาให้บังคับทอฝันให้ได้ โดยเธอจะจ่ายเงินก้อนโตให้ เมื่อวรรณารู้เรื่องจึงไปบังคับทอฝันให้เซ็นเอกสาร เมื่อทอฝันไม่ยอมวรรณาก็ตบตีจนทอฝัน บาดเจ็บจนเธอต้องยอมเซ็นทั้งน้ำตา ตะวันฉายซึ่งกลับมาพอดีจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขานึกสงสารทอฝันเป็นครั้งแรก ทว่าเพียงวันรุ่งขึ้นวรรณาก็ทำให้ตะวันฉายเข้าใจทอฝันผิด เมื่อนางเข้ามาขอเงินเป็นค่าที่ดินโดยอ้างชื่อทอฝัน ซึ่งเขาก็ยอมพลางนึกดูถูกทอฝัน ความโลภและใจร้อนของนกยูงทำให้เรื่องเลวร้ายลงเมื่อเธอไปจ้างเอกให้ไปวาง เพลิงเผาไล่ที่ชาวสลัม ทอฝันโกรธมากต่อว่าตะวันฉายรุนแรง ขณะที่แน่แท้พยายามบอกว่าตะวันฉายเปลี่ยนใจไม่ซื้อที่ดินแล้วแต่เธอก็ไม่ เชื่อ ส่วนตะวันฉายทั้งเสียใจและน้อยใจทอฝันอย่างบอกไม่ถูก เขาวิ่งฝ่ากองไฟเข้าไปช่วยชาวบ้านขนของและช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งจนตัวเองต้องบาดเจ็บ

ตะวันฉาย พิสูจน์ตัวเองว่าไม่เกี่ยวข้องกับการวางเพลิงจนทอฝันเห็นใจ เธอหาโอกาสจะขอโทษเขา แต่ตะวันฉายบอบช้ำทั้งกายและใจจนไม่เปิดโอกาสให้เธอเลย วันรุ่งขึ้นนกยูงมาพบตะวันฉายอย่างปลื้มใจในความสำเร็จ ทว่ากลับโดนตะวันฉายต่อว่ารุนแรง เขาพูดชัดเจนว่าเลิกคบกับเธอเด็ดขาด นกยูงกลับไปอย่างโกรธจัด ไม่นานนักตะวันฉายก็ต้องปวดหัวเมื่อกลุ่มชาวบ้านรวมตัวมาประท้วงอยู่หน้า บริษัท เขาพยายามชี้แจงและเสนอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครเชื่อ ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงกว่านี้ ทอฝันเข้ามาช่วยเจรจา เธอยืนยันว่า ตะวันฉายไม่เกี่ยวข้องและสำหรับเธอแล้วแม้จะเป็นทายาทของ “ศิมันตรา” แต่เธอก็ไม่คิดทำลายบ้านเกิดตัวเอง เธอพูดชัดเจนว่าเธอเป็นลูกของวรรณาและเคยอยู่ที่นั่นจนชาวบ้านจำได้ ทอฝันเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า ตะวันฉายได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้ด้วย ถ้าเขาเป็นตัวการจะไปช่วยจนต้องบาดเจ็บทำไม ทอฝันคว้ามือของตะวันฉายที่โดนไฟลวกจนผิวแดงบวมอักเสบรุนแรงให้ชาวบ้านดู เธอพูดหนักแน่นว่าเธอและตะวันฉายจะช่วยปรับปรุงที่อยู่ สร้างบ้านให้ใหม่ และตอนนี้เธอได้ส่งพนักงานบริษัทนำสิ่งของไปช่วยเหลือแล้ว ตะวันฉายแทบไม่เชื่อตาเมื่อกลุ่มชาวบ้านยอมสลายตัว และเริ่มมีความรู้สึกที่ดีให้ทอฝัน เขายอมให้เธอพาเขาไปทำแผลที่โรงพยาบาล ทอฝันดูแลเขาอย่างอ่อนโยนและจริงใจ นับจากวันนั้นทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ตะวันฉายเริ่มมีความรู้สึกที่ดีให้ทอฝัน ทั้งคู่รักกันโดยไม่รู้ตัว แน่แท้ซึ่งแอบรักทอฝันอยู่เฝ้ามองอย่างไม่สบายใจ ตะวันฉายเหมือนจะลืมไปว่าทอฝันเป็นน้องสาว

ส่วนทอฝันเองแม้จะบอกตัวเองอยู่ทุกวันว่าเธอรักเขามากไปกว่าพี่ชายไม่ได้ แต่สายเกินไป เธอรักเขามากเหลือเกิน วันหนึ่งทอฝันจะออกไปซื้อของ ตะวันฉายจะตามไปด้วย ทอฝันเลยแกล้งเขาโดยการพาไปบางลำพู ตั้งใจจะให้เขาลำบาก เหนื่อย ร้อน จนกลับไปเอง แต่กลายเป็นว่าเขาสนุกกับการช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกมาก ขณะกำลังเดินซื้อของ ทอฝันหยุดดูสร้อยเงินเส้นบางสวยคล้องจี้รูปดอกไม้อย่างพอใจแต่ไม่ซื้อจน ตะวันฉายแกล้งยั่วว่าเธอต้องการให้เขาซื้อให้เหมือนพระเอกหนังไทย ทอฝันงอนเดินหนีทันที จนชายหนุ่มต้องตามง้ออย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาพาเธอไปดื่มกาแฟที่ร้านเล็กๆ น่ารักแห่งหนึ่ง ตะวันฉายสั่งขนมอร่อยๆ มาให้เธอ เขาอ่อนโยนกับเธอมากจน ทอฝันใจสั่นเธอต้องคอยเตือนตัวเองว่าเขาเป็นพี่ชาย ตะวันฉายกำลังมีความสุข จู่ๆ แน่แท้ก็เดินเข้ามา ทอฝันขอตัวไปห้องน้ำ แน่แท้จึงขอให้ตะวันฉายช่วยเรื่องทอฝัน เขารักทอฝันและเตรียมแหวนมาแล้วด้วย แน่แท้หยิบกล่องแหวนมาเปิดอวดตะวันฉาย ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องเสียใจและเจ็บปวดอย่างนี้ เขาไม่อยากให้ทอฝันรักแน่แท้ และทนไม่ได้ที่จะเสียเธอไป ตะวันฉายพรวดพราดออกไปจากร้านทันที เมื่อ ทอฝันกลับมาที่โต๊ะ แน่แท้บอกว่าตะวันฉายมีงานด่วน ขณะที่ทอฝันโกรธที่เขาทิ้งเธอไปง่ายๆ และยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อแน่แท้สารภาพรักกับเธอ ทอฝันเข้าใจว่าตะวันฉายหลอกเธอมาที่ร้านนี้และจัดฉากให้แน่แท้ ได้อยู่กับเธอตามลำพัง ทอฝันข่มใจค่อยๆ ปฏิเสธแน่แท้อย่างอ่อนหวานว่าสำหรับเธอแล้วเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดและคง เป็นไปมากกว่านี้ไม่ได้ แน่แท้ผิดหวังแต่ก็ต้องทำใจ เขารู้ว่าทอฝันกับตะวันฉายรักกัน แต่พี่กับน้องจะแต่งงานกันได้อย่างไร ค่ำมากแล้วเมื่อแน่แท้พาทอฝันมาส่ง ตะวันฉายพาลหาเรื่องด้วยความหวง ทอฝันก็ยิ่งยั่วโมโห เธอเองก็โกรธเขาเหมือนกัน ทั้งคู่กลับมาเป็นคู่กัดอีกครั้ง คู่กัดที่แน่แท้มองออกว่าเหมือนเป็นคู่รักมากกว่า ดึกมากแล้วเมื่อตะวันฉายมาเคาะประตูห้องนอนทอฝัน เขาส่งถุงของที่ซื้อเมื่อตอนกลางวันให้เธอและเหน็บแนมว่าเธอคงมีความสุขมาก ที่มีชายหนุ่มที่แสนดีอย่างแน่แท้มาสารภาพรัก

ตะวันฉายขอดูแหวนหมั้น ทำให้ทอฝันเข้าใจผิดมากขึ้นว่าเขารู้เห็นเป็นใจกับแน่แท้ เธอเสียใจอย่างบอกไม่ถูกจึงประชดเขาว่าตะวันฉายเต็มใจยัดเยียดเธอให้เพื่อน รักเหลือเกิน น่าจะพาเธอไปส่งให้แน่แท้ถึงห้องนอน ทอฝันตกใจเมื่อตะวันฉายพูดแค้นๆ ว่าเขาจะตามใจเธอ ตะวันฉายฉวยข้อมือเธอลากออกมาจากห้องอย่างแรง เขาฉุดเธอไปตามทางเดินด้วยท่าทางเอาจริง ทอฝันขัดขืนและพยายามดิ้นหนีสุดฤทธิ์ เธอต้องตกใจอีกครั้งเมื่อตะวันฉายหันกลับมารวบตัวเธอกอดไว้แน่นและจูบเธอ อย่างอ่อนหวาน ตะวันฉาย กระซิบเบาๆ ว่าเขารักเธอ อ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาทำให้ทอฝันมีความสุขมากรู้สึกราวกับฝันไป แต่เมื่อได้สติเธอผลักเขาออกอย่างแรง ทอฝันตบหน้าตะวันฉายอย่างแรง เธอบอกเขาทั้งน้ำตาว่าเธอเป็นน้องสาว ไม่ใช่คนรักและคงเป็นไปไม่ได้ตลอดไป ทอฝันวิ่งหนีกลับเข้าห้องไปร้องไห้อีกนาน ส่วนตะวันฉายเองก็เดินคอตกกลับห้องเช่นกัน ทั้งคู่ไม่รู้ว่าวรรณาซึ่งเพิ่งกลับมาจากเล่นไพ่ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางไปเล่าให้ลูกสาวฟังที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง วุ้นเส้นกรี๊ดอาละวาดลืมมาดคุณหนูลูกคุณเดือนทันที สองแม่ลูก วางแผนกำจัดทอฝันโดยไม่ทันระวังว่าจะมีใครได้ยิน นกยูงซึ่งบังเอิญนั่งอยู่ใกล้ที่สุดจึงรู้เรื่องทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ทอฝันไม่ใช่ลูกของวรรณาแต่เป็นลูกของเดือนอีกด้วย อารามตื่นเต้นจะไปบอกตะวันฉาย นกยูงพรวดพราดออกจากร้านจนสองแม่ลูกเห็นจนได้ ดังนั้นเธอจึงเป็นเป้าหมายแรกแทนทอฝัน นกยูงโดนเอกลูกน้องทรยศจับตัวไป และวุ้นเส้นยิงเธอตายอย่างเลือดเย็นต่อหน้าวรรณาและเอก การตายของนกยูงทำให้ตะวันฉายและทอฝันใกล้ชิดกันอีกครั้ง แผนกำจัดทอฝันดำเนินต่อไปทันที ทอฝันถูกหลอกไปเพื่อฆ่าทิ้งแต่ ตะวันฉายตามไปช่วยจนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เอกกำลังจะยิงทอฝันแต่บังเอิญมีรถผ่านมา ทอฝันวิ่งไปขอความช่วยเหลือทันที เอกจึงต้องหนีไป พลเมืองดีพาทอฝันและตะวันฉายไปโรงพยาบาล ทอฝันกอดเขาไว้แน่น เธอร้องไห้ตลอดทางรู้ซึ้งแก่ใจว่าเธอรักเขามากแค่ไหน

ระหว่างที่เขาพักฟื้นหลัง ผ่าตัดเอากระสุนออก ทอฝันเฝ้าดูแลเขาไม่ห่าง กรรมตามสนองวุ้นเส้นเมื่อเอกมาขอค่าจ้างแล้วเธอไม่ให้ เอกจึงข่มขืนเธอและถ่ายคลิปวิดีโอไว้เพื่อขู่ไถเงิน เมื่อเอกไปแล้ววุ้นเส้นจึงเล่าให้วรรณาฟัง สองแม่ลูกแค้นใจมาก คืนนั้นวรรณาพยายามลบคลิปของลูกสาวจากโทรศัพท์มือถือของเอกแต่ไม่สำเร็จเอก เห็นพอดี เขาพยายามบีบคอฆ่านาง แต่วรรณาหนีกระเสือกกระสนออกมาจากห้องแต่ไม่พ้นเงื้อมมือของเอก เขาผลักนางตกบันไดอย่างเหี้ยมเกรียม เสียงร้องของวรรณาทำให้ทุกคนในบ้านออกมาดู เอกหนีไปได้ส่วน วรรณาบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นความจำเสื่อม ทอฝันเสียใจมาก เธอดูแลวรรณาและลูกชิ้นอย่างดีที่สุด โดยมีตะวันฉายเป็นกำลังใจ หนุ่มสาวทั้งคู่สุขใจลึกๆ แต่ต้องทรมานกับความจริงที่เขาและเธอเป็นพี่น้องกัน แน่แท้จึงเตือนสติเพื่อนรักและแนะนำให้เขากลับไปเรียนต่อ ตะวันฉายยอมตกลงทั้งที่ใจทรมานที่สุด ก่อนจากไปเขาให้สร้อยเงินเส้นที่ทอฝันชอบ เขาให้เธอเก็บไว้เป็นที่ระลึกแทนตัวเขา ตะวันฉายบอกเธอเพียงว่าเขาต้องไปติดต่องานที่ต่างประเทศ โดยไม่บอกว่านานเพียงใด ตะวันฉายไปไม่นานวุ้นเส้นนัดเอกมาเพื่อจ่ายเงินแลกคลิปวิดีโอ เอกหลุดปากเรื่องทำร้ายวรรณาเพื่อขู่ไม่ให้วุ้นเส้นทรยศ เอกยังต้องการเงินจากเธออีกมาก ทว่าวุ้นเส้นโกรธจนลืมตัวเมื่อรู้ว่าเอกทำร้ายมารดา ทั้งที่จริงเธอต้องการฆ่าเอกอยู่แล้ว ความแค้นจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ วุ้นเส้นฉวยโอกาสที่เอกเผลอหยิบปืนออกมา แต่เอกเข้าแย่งทันที เขาพลาดจึงโดนวุ้นเส้นกระหน่ำยิงจนตาย วุ้นเส้นตกใจจนเสียสติ ตำรวจพยายามติดต่อทอฝัน แต่ กลายเป็นแน่แท้ที่รู้เรื่องก่อน เขาไปพบวุ้นเส้นที่โรงพัก หญิงสาวพร่ำเพ้อไม่ได้สติเข้าใจว่าแน่แท้คือตะวันฉาย เธอจึงบอกความจริงเรื่องทอฝันเป็นลูกของเดือน แน่แท้ไม่ค่อยเชื่อนัก เขายังไม่ทันบอกทอฝัน วรรณาก็สารภาพเสียเองเมื่อเดือนรีบเดินทางกลับจากอังกฤษมาเยี่ยมนางและวุ้น เส้น เดือน ทอฝัน และแน่แท้อยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อตำรวจเข้ามาจับวรรณาในข้อหาร่วมมือฆ่านกยูง

ทอฝันทนไม่ได้เธอไม่ยอม และพยายามช่วยทุกทางโดยอ้างว่าวรรณาได้รับบาดเจ็บอยู่ระหว่างรักษาตัว ตำรวจจึงสวมกุญแจมือนางล็อคไว้กับเตียงกันหนี เมื่อตำรวจไปแล้ว วรรณายอมแพ้ในความดีของทอฝันจึงเล่าความจริงทั้งหมด นางย้ำว่านางแท้งลูกของณรงค์วิทย์ไปแล้ว และขโมยทอฝันมาจากเดือนเพื่อเตรียมรับมรดกของศิมันตรา วรรณายืนยันว่าทอฝันคือลูกสาวของเดือน ส่วนวุ้นเส้นเป็นลูกสาวของนางเอง เดือนดีใจมากที่ได้ลูกของเธอจริงๆ กลับคืนมา ที่จริงแล้วเธอเอ็นดู และรู้สึกผูกพันกับทอฝันมากกว่าวุ้นเส้นเสียอีก ในช่วงเวลาของความยุ่งเหยิงวุ่นวายนี้ทอฝันน้อยใจที่ตะวันฉายไม่กลับมาช่วย เขาใจร้ายใจดำทิ้งเธอไปได้จริงๆ ทอฝันคิดถึงตะวันฉายมากและพยายามตัดใจจากเขา แน่แท้จึงสารภาพว่าเขาเองที่แนะนำให้ตะวันฉายจากไป แต่ก็ไม่ทำให้ทอฝันรู้สึกดีขึ้น เธอตัดสินใจไปอยู่ที่อังกฤษกับเดือนโดยพาลูกชิ้นไปด้วย ก่อนเดินทางทอฝันและเดือนไปเยี่ยมและลาวรรณาที่เรือนจำ โดยบอกว่าจะพาลูกชิ้นไปอังกฤษด้วย วรรณาฝากดูแลวุ้นเส้นที่ตกใจจนเสียสติ ถูกส่งไปรักษาตัวที่ศรีธัญญาด้วยทอฝันรับปากอย่างเต็มใจ เมื่อถึงวันเดินทางแน่แท้ขับรถมารับทุกคนที่ศิมันตรา เพื่อไปสนามบิน ทอฝันมอง “ศิมันตรา” อย่างใจหายที่จะจากไป เธอคิดถึงตะวันฉายมากได้แต่ลาและตัดพ้อเขาในใจ เธอไม่หวังว่าจะได้พบกับเขาอีก ทอฝันเดินขึ้นเครื่องอย่างใจลอย พนักงานต้อนรับพาเธอไปนั่งข้างชายคนหนึ่ง ขณะที่เดือนนั่งคู่กับลูกชิ้น ทอฝันนั่งหลับตาเพราะไม่อยากพูดกับใคร เธออยากให้ตะวันฉายอยู่ด้วยเหลือเกิน เครื่องขึ้นได้ไม่นานนักก็ตกหลุมอากาศ ทอฝันตกใจมากผวากอดชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ อย่างไม่รู้ตัว เมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ทอฝันอายจนหน้าแดงเธอพึมพำขอโทษเขา แต่ชายหนุ่มกลับกอดเธอแน่นและบอกว่าเขาไม่ยอมรับคำขอโทษนั้นจนกว่าเธอจะ บอกว่ารักเขา เสียงเขาเหมือนตะวันฉายมาก ทอฝันผลักเขาออกเต็มแรงและมองเขาเต็มตา เธอยิ้มอย่างดีใจที่ชายคนนั้นคือตะวันฉายจริงๆ ชายหนุ่มกอดเธออย่างแสนรักอีกครั้งก่อนจะสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของ เธอ เขายกมือเธอขึ้นมาจูบอีกครั้งแววตาตะวันฉายเป็นประกายพราวเมื่อบอกทอฝันว่า เธอต้องอยู่กับเขาที่ “ศิมันตรา” ไปตลอดชีวิต ทอฝันซุกตัวกอดเขาแน่นพึมพำเบาๆ ว่าเธอก็ไม่ยอมให้เขาจากเธอไปอีกเช่นกัน

เธอคือชีวิต 2551

เรื่องย่อ : เธอคือชีวิต (2551/2008) โตมร เป็นเด็กกำพร้า เติบโตอย่างโดดเดี่ยว เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่เป็นคนที่มุมานะจนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพทั้งที่ไม่มีที่พัก แต่โตมรไม่รู้สึกเดือดร้อนนัก ในมหาวิทยาลัยเขามีพี่รหัสเป็นผู้หญิงชื่อ เอื้อเฟื้อ หรือพี่เอื้อ เอื้อเฟื้อเป็นคนดีและเอื้อเฟื้อสมชื่อ เธอดูแล น้องรหัส คนนี้อย่างจริงใจ ทั้งคู่สนิทกันมาก จนโตมรได้มีโอกาสรู้จักกับ ปกป้องพี่ชายของเอื้อเฟื้อซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ ทั้ง 3 คนมีนิสัยเหมือนกันคือรักสุนัขเหลือเกิน

รู้จักกันได้ไม่นานกลายเป็นว่าปกป้องสนิทกับโตมรมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ถึงแม้สองพี่น้องจะรู้จักโตมรจนสนิทกันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องชายคนใหม่ไม่มีที่พัก จนกระทั่งวันหนึ่งปกป้อง และเอื้อเฟื้อเห็นโตมรนั่งเล่นอยู่กับลูกสุนัขที่หน้าคณะทั้งที่เย็นมากแล้ว ท่าทางของโตมรทำให้ทั้งคู่ต้องเดินเข้าไปหา คุยกันจนรู้ว่าโตมรไม่มีที่พัก เขาอาศัยนอนที่มหาวิทยาลัย หรือวัดแถว ๆ นั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปกป้องอดคิดไม่ได้ว่า โตมรเหมือนคนเร่ร่อนจรจัดเข้าไปทุกวัน ซึ่งเขาไม่อยากเห็นอย่างนั้น ปกป้องและเอื้อเฟื้อจึงพาโตมรมาที่บ้านในเช้าวันหนึ่ง

หมอจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่ของเขาตั้งกองทุนขึ้นมาสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ขาดแคลน แม้ปู่ใหญ่จะตายไปหลายปีแล้ว คนที่ดูแลและมีอำนาจตัดสินใจเลือกนักศึกษาคือ ย่าแขไข หรือ ภรรยาม่ายของปู่ใหญ่ โตมรตาม 2 พี่น้องมาอย่างไม่แน่ใจนักว่าเขาจะผ่านการพิจารณาของแขไข ปกป้องบอกโตมรว่า แขไขเป็นพี่สาวของ พัดชา ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา พ่อของเขาคือ จิรายุ เรียกแขไขว่าป้า บ้านสวยหลังนี้เป็นของปู่ใหญ่กับแขไข ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อ ปู่กวิน สามีของย่าพัดชาตาย ย่าพัดชาจึงพาจิรายุลูกชายมาอยู่กับพี่สาว จนเรียนจบแต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ลำพัง

จนกระทั่งแม่ของปกป้องและเอื้อเฟื้อตาย จิรายุจึงพาลูกชายและลูกสาวมาอยู่กับย่า เพราะเขาต้องย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ จะว่าไปแล้วจิรายุไม่อยากให้ลูกอยู่กรุงเทพกับป้าแขไขและแม่พัดชา แต่ขัดใจพัดชาไม่ได้ อีกประการหนึ่งจิรายุเองก็ห่วงป้าแขไขผู้มีบุญคุณและพัดชาเหมือนกัน ในบ้านสวยงามใหญ่โตนี้ มีเพียงผู้หญิงแก่ ๆ 2 คน กับบริวารเท่านั้น การที่ให้ปกป้องและเอื้อเฟื้ออยู่ด้วยก็จะดีเพราะจะได้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ ทั้งบ้านมีปกป้องเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีสมชื่อ ปกป้อง ทว่าในวันนี้ปกป้องพาโตมรมาเพื่อขออนุญาตย่าแขไขให้น้องรักต่างสายเลือดมาอยู่ด้วย เมื่อปกป้องแนะนำโตมรให้แขไข และพัดชารู้จัก ชายหนุ่มกราบอย่างเรียบร้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าแขไขมองเขาอย่างพิจารณา นางเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ โตมรเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแขไขเหมือนต้องมนต์

เมื่อสบตากันโตมรคิดว่าเขาเห็นแววตาของหญิงชรามีประกายของความยินดีขึ้นมาวูบหนึ่ง สีหน้าของเธออ่อนโยนและแจ่มใสขึ้นทันที แขไขยื่นมือซ้ายให้โตมรและยิ้มให้ โตมรตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงรวบมือของนางไว้อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสมือของนางและลูบเบา ๆ ไปทีละนิ้วจนถึงนิ้วนาง นิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่นิ้วนั้น เมื่อเขามองอย่างพิจารณาจึงเห็นว่าแผลนั้นเป็นรอยแผลเป็นที่คาดอยู่โคนนิ้วเหมือนแขไขสวมแหวนไว้ตลอดเวลา โตมรเงยหน้าสบตาแขไขอย่างแปลกใจ เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิถามทว่าแขไขกลับทำให้ พัดชา ปกป้อง และเอื้อเฟื้อแปลกใจ เมื่อนางยิ้มให้โตมรอย่างแจ่มใส แววตาแจ่มจรัสเป็นประกายเหมือนสาว ๆ แขไขอนุญาตให้โตมรอยู่ที่บ้านนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นเธออนุญาตให้เขาไปอยู่ที่ กระท่อมเจ้าเงาะ หรือเรือนเล็กในสวนซึ่งทุกคนในบ้านรู้ดีว่า แขไขรักและผูกพันกับที่นั่นมาก นางชอบไปวาดรูปที่นั่นเสมอจนเป็นเหมือนสตูดิโอส่วนตัวของแขไข ยิ่งไปกว่านั้นแขไขพูดกับโตมรเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยินว่า ดีใจที่กลับมา ต่อไปนี้โลกไม่มืดมนอีกแล้ว ปกป้องและเอื้อเฟื้อมัวแต่ดีใจที่น้องเลิฟจะมาอยู่ด้วย จึงไม่ผิดสังเกตอะไรกับคำพูดของย่าแขไข มีแต่โตมรเท่านั้นที่แปลกใจกับคำพูดของย่าแขไข ยิ่งไปกว่านั้นเขาตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึก คุ้นเคย และ ผูกพัน กับนางเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน

โตมรยกกระเป๋าเสื้อผ้าตามปกป้องไปที่กระท่อมเจ้าเงาะอย่างมีความสุข และเมื่อเห็นเรือนเล็กกะทัดรัดหรือกระท่อมตามที่แขไขเรียก เขารู้สึกว่ามันดีเกินกว่าจะเรียก กระท่อม โตมรจัดที่พักใหม่อย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนกระท่อมนี้เป็นบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้น ภาพวาดของแขไขที่ทิ้งเอาไว้นั้นสวยเหลือเกินบอกถึงฝีมือคนวาดได้อย่างดี แม้ปกป้องจะอนุญาตให้เขาเก็บลงกล่องได้ถ้ารู้สึกเกะกะ แต่โตมรตั้งใจว่าเขาจะค่อย ๆ เก็บเงินและทำกรอบแขวนตกแต่งไว้จะดีกว่า อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเคารพเจ้าของสถานที่

วันรุ่งขึ้น กัญญา แม่บ้านมาตามเขาไปใส่บาตรกับผู้เฒ่าทั้ง 2 ปกป้องและเอื้อเฟื้อ โตมรรีบไปทันที ที่หน้าบ้านทุกอย่างพร้อมหมดแล้วรอเพียงพระภิกษุที่จะมารับบาตรเท่านั้น เมื่อปกป้องให้เขาช่วยแขไข ซึ่งนั่งบนเก้าอี้รถเข็นเพื่อใส่บาตร โตมรเข้าไปอยู่ข้าง ๆ นางอย่างไม่เคอะเขิน เขาใช้มือแตะประคองมือที่สั่นเทาของหญิงชราที่ถือทัพพีตักข้าวสวยร้อน ๆ หอมกรุ่นจากโถกระเบื้องใบโตใส่ลงในบาตรอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล ส่วนปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาช่วยหยิบกับข้าว ขนม ดอกไม้ใส่บาตร ขณะที่ใส่บาตรร่วมกัน โตมรรู้สึกอบอุ่นวาบลึกในใจอย่างบอกไม่ถูก แขไขเองก็มีสีหน้าแจ่มใส มีความสุขเช่นกัน เมื่อใส่บาตรเสร็จพระไปหมดแล้ว ก่อนจะเข็นเก้าอี้ของแขไขกลับเข้าบ้าน โตมรเห็นชายคนหนึ่งในชุดดำเดินจากไปอย่างโกรธแค้นจนชายเสื้อสะบัดอย่างแรง เขากระพริบตาอีกครั้งก็ไม่มีแล้ว

โตมรคิดว่าเขาตาฝาด แต่แขไขกลับช่วยยืนยันความคิดของเขาว่าถูกต้องเมื่อนางมองไปทางหน้าประตูบ้านและพูดว่า นั่นใครใส่ชุดดำอยู่ตรงนั้น ปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาหันไปตามสายตาของแขไขแต่ไม่พบใคร ทว่าแขไขยังคงมองอยู่ที่เดิมอย่างไม่มั่นใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นใครจริง ๆ นางจึงยอมกลับขึ้นไปรับประทานอาหารเช้าที่ระเบียงบ้านอันสวยงามร่มรื่นโดยมีโตมรร่วมโต๊ะด้วยนอกจากหลาน ๆ ของนาง หลังอาหารเช้าวันนั้น วันที่โตมรรู้สึกอบอุ่นมีความสุขที่สุดในชีวิตแขไขก็หลับไป นางหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยแม้จะยังมีลมหายใจก็ตาม

เวลาผ่านไป 2 ปี แขไขถูกส่งเข้าโรงพยาบาล นางเป็นเจ้าหญิงนิทราในห้องไอซียู โตมรจะมาเยี่ยมเธอบ่อยครั้งจนคุ้นเคยกับพยาบาลที่วอร์ดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในวันพระเขาจะเตรียมของใส่บาตรมาให้แขไข ผู้หญิงที่มีพระคุณสำหรับเขา และเขาผูกพันมากที่สุดเพื่อให้เธอได้จบของก่อนที่เขาจะไปใส่บาตรแทนเธอ โตมรเรียนอยู่ปี 3 เอื้อเฟื้ออยู่ปี 4 ส่วนปกป้องเรียนจบแล้ว เขาเริ่มทำงาน ถ้าว่างจะไปต่างจังหวัดเสมอ มีเพียงโตมรที่รู้ว่าปกป้องไปบ้าน รวิชา แฟนสาวที่คบ ๆ เลิก ๆ แต่เมื่อเรียนจบทั้งคู่ก็หันมาคบกันอย่างจริงจัง เอื้อเฟื้อเองก็มี ชีวา เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนรู้ใจ จึงออกไปเที่ยวตามประสาคนรัก

จิรายุนั้นแต่งงานใหม่กับ ปัณรสี และแทบจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่เป็นการถาวรถึงกลับกรุงเทพก็จะพักอยู่คอนโดที่ซื้อไว้ จิรายุไม่ค่อยกลับมาอยู่ที่บ้านนี้เท่าไหร่ ส่วนโตมรไม่ค่อยไปไหนนอกจากเยี่ยมแขไข แล้วเขาชอบเลี้ยงสุนัข และวาดรูปอยู่ที่บ้านพัก เย็นวันหนึ่งโตมรได้รับโทรศัพท์จากเอื้อเฟื้อเป็นข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาในรอบ 2 ปี เอื้อเฟื้อพูดพลางร้องไห้พลางว่าตำรวจโทรมาบอกเธอว่าปกป้องขับรถชนรถสิบล้ออาการสาหัส เอื้อเฟื้อให้โตมรไปดูปกป้องที่โรงพยาบาลแทนเธอ โตมรรีบออกจากบ้านทันที เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด สำหรับเขาแล้วปกป้องเป็นเหมือนพ่อ และพี่ชายของเขา และที่เขามีชีวิตที่ดีในวันนี้ได้ก็เพราะปกป้อง

เมื่อถึงโรงพยาบาลโตมรรีบเดินเพื่อจะให้ทันลิฟต์ตัวหนึ่งที่กำลังจะขึ้น เขาเห็นชาย หญิงคู่หนึ่งสวมชุดดำทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์และกำลังจะปิด โตมรเห็นเพียงว่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สง่า แต่ผู้หญิงสาวที่มายืนด้วยกันนั้นผิวผ่อง เธอดูตัวเล็กบอบบางหรือเกิน เมื่อยืนคู่กับชายคนนั้น อารามรีบร้อนโตมรสะดุดบันไดหกล้ม เข่ากระแทกพื้นอย่างแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขามองประตูลิฟต์ที่เลื่อนปิดอย่างเจ็บใจ เขาเป็นห่วงปกป้องและไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีที่จะไปหาพี่ชายที่เขารัก ส่วนชายหญิงคู่นั้นเตรียมตัวออกจากลิฟต์ เมื่อถึงชั้นที่ต้องการคือหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ชายหนุ่มต้องออกแรงดึงตัวหญิงสาวหน้าตาน่ารักออกจากลิฟต์อย่างเอ็นดู

ชายหนุ่มผู้นั้นชื่อ แสง เรียกสาวน้อยที่มาด้วยอย่างทั้งรักและเอ็นดูว่า หนูเล็ก หรือ อรอินทุ์ ให้ตามเขามา เขาอดเอ็นดูไม่ได้ที่สาวน้อยชอบลิฟต์หรือเกิน เธอสนใจทุกอย่างอยากเรียนรู้ทุกเรื่อง แสงจูงมือเธอออกจากลิฟต์ เขาบอกเธอว่าเวลาน้อยเต็มทีแล้ว อรอินทุ์มองบรรยากาศรอบตัวอย่างสงสารและหดหู่ เธอทำใจไม่ได้สักทีกับงานที่ต้องรับผิดชอบ งานของ ยมทูต ทูตที่มารับดวงวิญญาณที่ถึงเวลากลับไปสู่ดินแดนแห่งความตาย อรอินทุ์ทำหน้าที่มา 2 ปีแล้วโดยมีแสงเป็นยมทูตพี่เลี้ยง อรอินทุ์อยากทำได้เหมือนแสงที่เข้มแข็งและเด็ดขาด เธอเดินตามแสงเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยไม่มีใครขัดขวาง เพราะไม่มีใครเห็น แสงพาไปที่เตียงของปกป้อง อรอินทุ์มองปกป้องอย่างสงสาร ร่างกายเขาดูบอบช้ำเต็มที ตามร่างกายเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์

แสงถามเธอว่า เธอแน่ใจว่าทำได้ตามลำพัง อรอินทุ์รับคำ แล้วจึงเดินไปห้องไอซียู ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์ยืนอยู่ปลายเตียงของปกป้อง มองสัญญาณชีพของปกป้องซึ่งเหลือน้อยเต็มที อรอินทุ์ข่มใจเรียกปกป้องให้ไปกับเธอ ส่วนปกป้องผงกศีรษะขึ้นตามเสียงเรียก เขาเบิ่งตามองเธออย่างตกใจ ก่อนพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า ย่าแข – รุจ ไม่ทันที่อรอินทุ์จะตอบรับหรือปฏิเสธ เธองงและไม่รู้จะทำอย่างไรดี แสงก็กลับมาเขาเพ่งตาสบตาปกป้องและพูดเข้ม ๆ ว่า ให้ตามเขามาเวลาของเขาหมดแล้ว อรอินทุ์มองภาพ วิญญาณ ของปกป้องที่ลุกขึ้นเดินมาอยู่ตรงหน้าแสงอย่างสงสารพร้อม ๆ กับที่คลื่นหัวใจของปกป้องกลายเป็นเส้นยาว เสียงแหลมของอุปกรณ์ทำให้รู้ว่าปกป้องสิ้นชีวิตแล้ว

อรอินทุ์มองหมอและพยาบาลซึ่งพยายามยื้อชีวิตปกป้องอย่างสุดความสามารถ ทุกคนชุลมุนวุ่นวายไปหมด เธออยากบอกพวกเขาว่าไม่มีประโยชน์ วิญญาณปกป้องอยู่ในมือคุณแสงแล้ว ทุกอย่างบนโลกนี้สำหรับปกป้องหมดแล้ว อะไรบางอย่างและคำพูดสุดท้ายของปกป้องทำให้อรอินทุ์ขอร้องแสงให้เวลาเขาได้ลาญาติอีก 2 นาที แต่แสงไม่ยอม เขามองแววตาอ้อนวอนของสาวน้อยอย่างอึดอัดใจ ทำอย่างไรอรอินทุ์จึงจะยอมรับได้กับ หน้าที่ ของเธอ หน้าที่ของยมทูตที่ไม่มีสิทธิ์ แตะต้องชีวิต ทำได้แค่รับวิญญาณเท่านั้น แสงตัดสินใจพาอรอินทุ์ไปห้องไอซียู ฝั่งตรงข้าม เขาพาเธอไปที่เตียงของแขไข เธอมองร่างหญิงชราที่นอนหลับไม่รับรู้อะไร พลังบางอย่างสัมผัสให้เธอเหลียวมองไปทางห้องไอซียูเด็ก

เธอเห็นด้วยอำนาจพิเศษของเธอว่า มีเด็กหญิงอายุราว 10 ขวบ ก็นอนหลับใหลไม่ได้สติเหมือนกับหญิงชราตรงหน้านี้ แสงเรียกอรอินทุ์เมื่อเห็นเธอเหม่อไปทางอื่น เธอหันกลับมาตามเสียงเรียก มองแสงที่จับมือของแขไขอย่างทะนุถนอม สายตาที่มองแขไขนั้นอ่อนโยน นุ่มนวล มีแววรักและหวานอย่างที่อรอินทุ์ไม่เคยเห็นแสงมองใครนอกจากเธอ แสงบอกอรอินทุ์ว่า มนุษย์ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ถึงจะมี ชีวิต สมบูรณ์ได้ คือ ร่าง ชีวิต และ วิญญาณ แต่ละคนมีเวลา มีชีวิตไม่เท่ากัน ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อใดจะหมดเวลาของตัว แขไขเป็นตัวอย่างของร่างที่มีชีวิตคือยังหายใจอยู่ แต่หลับใหลไม่ได้สติ เพราะวิญญาณของเธอหายไป แต่เธอยังไม่ตาย แสงพูดกับแขไขเบา ๆ ว่า เขาขอเวลาที่เธอจะพร้อมไปกับเขาซึ่งก็คงไม่นาน

แม้อรอินทุ์ไม่ได้ยินว่าแสงพูดอะไรกับแขไข แต่เธอก็มองออกว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญกับแสงมาก อรอินทุ์ตัดสินใจเอื้อมมือจับมืออีกข้างของแขไขบ้างโดยที่แสงไม่ได้มอง เพราะสมาธิของเขาทั้งหมดรวมถึงจิตใจด้วย ผูกพันอยู่กับแขไขเท่านั้น ส่วนอรอินทุ์ทันทีที่เธอสัมผัสมือแขไข เธอรู้สึกเหมือนถูกกระแทกด้วยพลังบางอย่างที่รุนแรง ภาพต่าง ๆ มากมายไหลผ่านม่านตาเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน เธอเห็น งานแต่งงาน น้ำตก ลูกหมา ภาพวาด และบ้านริมน้ำ อรอินทุ์ยืนสั่นเหมือนถูกไฟช๊อต เธอปวดหัวราวหัวจะแตก เธอพยายามเรียกแสงแต่ก็ยากเต็มที

ขณะเดียวกันแสงก็ตกใจ เมื่อแขไขขยับมือและลืมตาขึ้น แสงหันมาหาอรอินทุ์ทันที สาวน้อยซูบซีดราวจะหมดพลัง เธอเรียกให้แสงช่วย ชายหนุ่มตกใจมาก เขารวบรวมพลังกระชากอรอินทุ์จากแขไข แสงบอกอรอินทุ์ว่าให้รีบไปรับปกป้อง เพราะหมดเวลาแล้ว เขาคว้ามือสาวน้อย แต่มือของแสงกลับผ่านทะลุมืออรอินทุ์ไปเหมือนเป็นอากาศธาตุ อรอินทุ์ตกใจเรียกแสงเสียงดัง ทำให้ วันเพ็ญ พยาบาลประจำวอร์ดที่ดูแลห้องไอซียูหันมามอง เธอเดินมาที่เตียงแขไข และดุอรอินทุ์ว่า ทำไมเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังส่งเสียงรบกวนคนไข้อีก

อรอินทุ์ตกใจที่วันเพ็ญเห็นเธอ ขณะเดียวกัน แขไขเอื้อมมือที่ยังมีพลังน้อยนักจับมือวันเพ็ญ เธอจึงมองหน้าแขไข และแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นแขไขลืมตา มือของแขไขจับมือวันเพ็ญ แม้จะเบาแสนเบา แต่ก็รู้สึกได้ แขไขกระพริบตา 2 3 ครั้งก่อนจะหลับไป มือที่จับวันเพ็ญอ่อนแรงลง แขไขกลับไปเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกครั้ง ส่วนอรอินทุ์รีบวิ่งไปหาแสงซึ่งเธอรู้อยู่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม อรอินทุ์วิ่งชนประตูกระจกอย่างแรง เธอไม่สามารถผ่านออกไปได้อย่างง่ายดายเหมือนเคย อรอินทุ์ยืนงงอยู่หน้าประตูจนวันเพ็ญต้องเปิดประตูให้ พยาบาลสาวงงที่สาวน้อยหน้าตาดี ทำไมดูเอ๋อ ๆ ซุ่มซ่าม และเปิดประตูไม่เป็น

อรอินทุ์เดินออกมาอยู่ห้องโถงกลางระหว่าง ICU กับฉุกเฉิน เธอเห็นแสงเดินนำปกป้องออกมา เขาพยายามพูดกับเธอ แต่อรอินทุ์ไม่รู้เรื่อง ซ้ำร้ายร่างของแสงกับปกป้องค่อย ๆ หายไปกับตา เธอรู้ว่าทั้งคู่ไปที่ดินแดนแห่งความตาย ดินแดนที่เธออยู่มา 2 ปี ไม่รู้ที่มาของตัวเอง รู้เพียงว่าเธอเป็นยมทูตฝึกหัด มีแสงเป็นพี่เลี้ยง และสักวันเขาและเธอจะข้ามทะเลสาบกว้างใหญ่ ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนหลังความตายที่แท้จริง แต่ตอนนี้อรอินทุ์รู้สึกเหมือนเธอมีชีวิต ขณะที่สับสนกับตัวเองเธอเห็นผู้คนรอบตัวมีแต่ความทุกข์กับการจากไปของคนที่รัก เธอเห็นชายหนุ่มผมยาวระต้นคอฟุบหน้าร้องไห้ อรอินทุ์สงสัยว่าเขาร้องไห้ทำไม

เธอได้คำตอบเมื่อเอื้อเฟื้อวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าโต ชายหนุ่มลุกขึ้นและกอดเอื้อเฟื้อร้องไห้ โตมรร้องไห้เขาพูดแต่ว่าเขามาไม่ทันปกป้อง เท่านี้เอื้อเฟื้อก็รู้ว่าเธอเสียพี่ชายที่รักยิ่งไปแล้ว ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ สงสารปกป้องจนอรอินทุ์ต้องบอกว่าอย่าห่วงเขาเลยเขาไปสบายแล้ว เสียงใส ๆ ของเธอทำให้โตมรและเอื้อเฟื้อหันมามองอย่างแปลกใจ เธอบอกเอื้อเฟื้อว่าเธอมาทันปกป้องและได้ยินปกป้องพูดครั้งสุดท้ายว่า ย่าแข – รุจ เอื้อเฟื้อถามอรอินทุ์ว่าเธอเป็นใคร ขณะที่โตมรยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ชื่อของรุจคล้ายแสงวาบเข้ากลางใจ โตมรแทบช็อคเมื่อได้ยินเสียงอรอินทุ์บอกเอื้อเฟื้อว่าเธอเป็นแฟนของโตมร

เวลานั้นไม่เปิดโอกาสให้โตมรปฏิเสธหรืออธิบายอะไรได้เพราะ ปัณรสี แม่เลี้ยงของปกป้องกับเอื้อเฟื้อมาพอดี เธอโศกเศร้าเสียใจอย่างออกนอกหน้า จนอรอินทุ์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวและไม่จริงใจ จะอย่างไรก็ตามอรอินทุ์ก็ตามโตมรกลับบ้านจนได้ เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอบอกโตมรว่าเธอเป็นยมทูตและขณะนี้เธอกลับดินแดนแห่งความตายไม่ได้ ติดต่อคุณแสงซึ่งเป็นยมทูตพี่เลี้ยงก็ไม่ได้ โตมรอยากจะบ้าเขาคิดว่าอรอินทุ์คือเด็กเอ๋อหรือสมองเสื่อม อรอินทุ์พูดเหมือนอ่านใจเขาออกว่าเขาคิดอะไร เธอยืนยันคำเดิมและขอร้องว่าอย่าเอาเธอไปทิ้งที่ไหน เธอไม่มีใครนอกจากเขา สถานการณ์บังคับให้โตมรต้องรับอรอินทุ์ไว้และตั้งใจว่าเสร็จงานศพปกป้องเมื่อไหร่เขาจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล

ในช่วงเวลาของงานศพ อรอินทุ์ช่วยงานแข็งขัน ขณะเดียวกันที่อยู่บ้านเธอมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างคุ้นตา เหมือนเคยอยู่มาก่อน เมื่อเธอบอกโตมรเขาก็ว่าเธอบ๊อง ทว่าดวงตาสวยใสซื่อนั้นบอกโตมรว่าอรอินทุ์พูดจริง ในงานศพปกป้องอรอินทุ์เห็นคุณแสงมองเธออย่างห่วงใย เขาพูดเบามากแต่เธอก็รู้ว่าเขาจะหาทางมารับเธอไปให้ได้

ในงานสวดศพคืนที่ 3 ย่าพัดชา เอื้อเฟื้อ จิรายุ และปัณรสีก็ได้รับรู้เรื่องชวนตกใจจาก รวี ซึ่งเป็นนายอำเภออยู่จังหวัดใกล้ ๆ เขาแนะนำตัวเองและบอกว่าในวันเกิดเหตุปกป้องไม่ได้ไปคนเดียวแต่มี รวิชา ลูกสาวของเขาไปด้วยซึ่งเธอบาดเจ็บสาหัส อะไรไม่ร้ายเท่าเรื่องที่ รวี บอกว่า รวิชากำลังท้อง ส่วนโตมรพยายามหาทางทิ้งอรอินทุ์ให้ได้ เขาไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า จนอรอินทุ์ตัดสินใจพิสูจน์ให้โตมรดู เธอให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ก่อนจะไปหาแขไขทั้งคู่แวะเยี่ยมรวิชาก่อน อรอินทุ์จับมือรวิชาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอท้าให้โตมรพาเธอไปหาแขไข ทันทีที่เธอจับมือแขไข อรอินทุ์รู้สึกเหมือนสัมผัสพลังที่แรงกล้า

เธอพยายามต้านทานพลังนั้น โตมรมองอรอินทุ์อย่างตกใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อแขไขลืมตามองเขา และขยับปากจะพูด โตมรก้มลงใกล้ ๆ หน้าแขไข และจับคำได้ว่าแขไขพูดว่า รุจ ส่วนอรอินทุ์ปวดร้าวไปทั้งตัวเหมือนจะระเบิด เธอรู้สึกว่าใกล้ความตายไปทุกที อรอินทุ์เรียกให้โตมรช่วยอย่างอ่อนแรง โตมรรีบปลดมือของอรอินทุ์ออก และต้องรีบรับร่างอ่อนแรงของอรอินทุ์ไว้แทบไม่ทัน นับจากวันนั้นเป็นต้นมาโตมรเริ่มยอมรับอรอินทุ์และเรื่องแปลก ๆ ของเธอ อรอินทุ์น่ารักสดใส มีชีวิตชีวา และติดโตมรเหลือเกิน

แรก ๆ โตมรก็รำคาญ ทว่านานวันเข้าเขาก็รู้สึกมีความสุขกับสาวน้อยร่างเล็ก น่ารัก ที่ตามเขาไปทุกแห่ง เสียงใสถามโน่นถามนี่อย่างอยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง เธอสนใจรูปที่แขไขวาดค้างไว้ รูปผู้ชายที่มีเพียงโครงหน้า แต่ไม่มีรายละเอียดและโตมรนำมาใส่กรอบ ติดผนังไว้

เย็นวันหนึ่ง พัดชาให้มาตามโตมรและบอกว่าวันเพ็ญแจ้งมาว่าแขไขมีอาการดีขึ้น ลืมตาและพูดได้ โตมรยอมรับว่าจริงและบอกว่าแขไขพูดถึง รุจ พัดชาตกใจจนเห็นได้ชัด ส่วนจิรายุและเอื้อเฟื้อให้โตมรไปตามหารุจซึ่งคาดว่าต้องเกี่ยวข้องกับรวิชาและปกป้อง โตมรไปอย่างเต็มใจโดยมีอรอินทุ์ไปด้วย แม้จะบอกตัวเองว่ารำคาญ แต่ถ้าอรอินทุ์งอนเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องรีบง้อ และชอบฟังนักหนาเวลาเธอบอกว่ารักเขา โตมรไม่กล้าสบตาสวยใส ซื่อ และหวานที่มองเขาและพูดจริงใจว่าเธอรักเขามาก

เธอรักทุกอย่างในโลกนี้ เธอรัก ชีวิต และอยากให้ทุกคนคิดเหมือนเธอ เวลาที่โตมรยั่วให้โกรธอรอินทุ์จะต่อว่าอย่างน้อยใจว่า ทำไมเขาไม่รักเธอบ้างสักนิด เวลาของเธอมีน้อยเหลือเกินสักวันถ้าเธอต้องไปเขาจะต้องเสียใจ โตมรได้แต่หัวเราะเยาะและปฏิเสธว่าไม่มีทาง อรอินทุ์จึงบอกจริงจังว่า คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ควรทำดีต่อกัน รักกัน และควรบอกรักกันด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาบอกเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งจากไปแล้ว โตมรยังปากแข็ง หนุ่มสาวทั้งคู่ไปถึงบ้านรวี และพบ ย่าจา (รุจา) เมื่อถามหารุจ รุจาจึงบอกว่าเขาตายไป 50 ปีแล้ว วันนั้นทั้งคู่กลับกรุงเทพไม่ได้เพราะรถเสีย เย็นนั้นเองโตมรก็ได้รู้หัวใจตัวเอง เมื่อเขาพายเรือให้อรอินทุ์นั่งและเรือล่มเมื่อกระแทกเข้ากับแพผักตบชวาขนาดใหญ่ทั้งคู่จมหายไปในน้ำ

เสียงเรียกของอรอินทุ์ทำให้โตมรพยายามมองหา แล้วเขาแทบไม่เชื่อตาเมื่อเห็นว่า ชายหนุ่มชุดดำหน้าตาคมสันเรียกอรอินทุ์ให้ไปกับเขา แต่อรอินทุ์ปฏิเสธเธอเรียกเขาว่าคุณแสง แสงพยายามกระชากอรอินทุ์ไปด้วยทว่าโตมรไม่ยอมเขารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายดึงอรอินทุ์มาจนได้ โตมรทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำ เขาประคองเธอว่ายเข้าฝั่ง มีคนมาช่วยมากมาย ตัวโตมรเองก็เรียกอรอินทุ์ หรือ ตัวเล็กอย่างที่เขาชอบเรียกเธอ เขาทนไม่ได้ถ้าเธอจะจากไป กำนันทอง ให้โตมรอุ้มอรอินทุ์พาดบ่าและวิ่งจนเธอสำลักน้ำออกมา เมื่อฟื้นสาวน้อยก็กอดโตมรแน่นคร่ำครวญว่าอย่าให้ใครพรากเธอไปจากเขา นาทีนั้นโตมรจึงรู้ว่ามี ตัวเล็ก สาวน้อยจอมจุ้นวุ่นวายคนนี้เข้ามาอยู่แล้วเต็มหัวใจ

วันรุ่งขึ้น กำนันทองมาช่วยแก้รถให้โตมร แกบอกว่าแขไขมีบุญคุณกับแกที่รับ ลูกจันทน์ หรือ ตมิสา ลูกสาวแกไว้ให้รักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างดี ก็คือโรงพยาบาลเดียวกับที่ แขไขเป็นเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง เช้าวันรุ่งขึ้น รุจาให้หนุ่มสาวลงมาใส่บาตร เมื่อโตมรจับทัพพี อรอินทุ์ก็วางมือลงบนมือเขาและช่วยกันใส่บาตร โตมรอบอุ่นและมีความสุขที่สุดเมื่อใส่บาตรเสร็จอรอินทุ์จึงบอกว่าเธอเคยเห็นโตมรกับแขไขใส่บาตรด้วยกันมาก่อน ที่บ้านรุจาโตมรพบรูปวาดคล้าย ๆ กับของแขไขมากมาย วิวเดียวกันแต่ต่างมุม สำหรับนักเรียนศิลปะอย่างเขาแล้ว มองดูรู้ว่าผู้วาดมีฝีมือเพียงใด แม้โตมรจะเห็นภาพวาดฝีมือแขไขมากมายแต่ยังไม่มีสายตาละเอียดเหมือนอรอินทุ์

เธอบอกได้ทันทีว่าเคยเห็นรูปนี้ที่นี่อย่างไร ความตายของรุจกลายเป็นปริศนาที่จิรายุให้โตมรและอรอินทุ์ค้นหาความจริง ขณะที่อรอินทุ์เองก็ต้องต่อสู้กับแสงที่พยายามพรากเธอไปจากโตมร ทั้งคู่ไปคุยกับรุจาอีกครั้งจึงรู้ว่ารุจถูกฆ่าตาย เขาถูกมีดปักคาหลังก่อนฆาตรกรจะถีบลงน้ำ รุจลอยมาตายที่บันไดท่าน้ำที่บ้านโดยที่มือยังกำผ้าเช็ดหน้าไว้ด้วย โตมรแปลกใจที่เขามีอาการปวดหลังขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ารุจถูกแทง อาการนี้เขาเป็น ๆ หาย ๆ มานานแล้ว อาการที่เหมือนมีอะไรปักคาอยู่บนหลังของเขา โตมร อรอินทุ์ จิรายุ และเอื้อเฟื้อพยายามปะติดปะต่อเรื่องจนรู้ว่า รุจกับแขไขรักกันมาก ทั้งคู่ชอบวาดรูปเหมือน ๆ กัน แต่แขไขต้องแต่งงานกับจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่เพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตบิดาเธอ

แม้ชีวิตหลังแต่งงานของแขไขจะมีความสุขจนใคร ๆ อิจฉา เวลาผ่านไปถึง 8 ปีกว่ารุจจะถูกฆ่าตายโดยจับใครไม่ได้ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พัดชาร้อนรุ่มราวอกจะระเบิด ถ้าใครเข้าไปในห้องของเธอจะเห็นรูป จิรัสย์เต็มไปหมด ขณะที่ในห้องแขไขไม่มีเลย แสงมาขู่อรอินทุ์มากขึ้น เขาบอกว่าเขาสร้างเธอได้เขาก็จะทำลายเธอได้เช่นกัน อรอินทุ์กลัวจับใจเธอจึงใช้เวลาที่เหลือกับโตมรให้มากที่สุด บอกเขาว่ารักทุกวัน อรอินทุ์ตัดสินใจเชื่อมต่อพลังกับแขไขอีกครั้ง คราวนี้อรอินทุ์ป่วยหนักกว่าทุกครั้ง แขไขดูดพลังชีวิตจากเธอไปจนเกือบหมด แขไขแข็งแรงจนกลับบ้านได้ หญิงสาวต่างวัยมองหน้ากันอย่างเข้าใจกันเป็นอย่างดี แขไขไปบ้านรุจาเพื่อทำบุญให้รุจ เธอต้องการรู้ว่ารุจตายอย่างไร หลักฐานที่รุจาส่งให้แขไขคือ ผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกปีบคู่ ซึ่งแขไขรู้ทันทีว่าใครคือฆาตรกร

ส่วนอรอินทุ์รู้ดีว่า ชีวิต และ ร่าง ของเธอจวนหมดเวลาแล้ว ความสุขของเธอคือการที่โตมรคอยดูแลเธอไม่ห่าง เขากอดเธอเพื่อถ่ายทอดพลังชีวิตให้แต่มันก็ไม่ใช่ วันหนึ่งอรอินทุ์เร่งให้โตมรไปหาแขไข เธอบอกว่าแขไขอยู่ในอันตราย โตมรอยู่หน้าห้องแขไขได้ยินพัดชาทะเลาะกับแขไข โตมรช็อคเมื่อความจริงก็คือ พัดชาหลงรักจิรัสย์มานาน เธอเสียใจที่จิรัสย์รักแขไข วันหนึ่งเมื่อจิรัสย์กับพัดชาเห็นรูปรุจที่แขไขวาดค้างไว้ จิรัสย์ก็หมดความอดทน พัดชาอาสาช่วยพี่เขยด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ โดยไม่รู้ว่าจิรัสย์หลอกให้เธอไปฆ่ารุจโดยบอกว่าเขาจะรอเธอที่โรงแรม เมื่อพัดชากลั้นใจแทงมีดใส่หลังรุจและผลักตกน้ำไปแล้ว

เธอกลับโรงแรมแม้จะแปลกใจที่ห้องพักมืดเหลือเกินแต่อ้อมกอดของชายคนหนึ่ง คนที่เธอเข้าใจว่าเป็นจิรัสย์ก็ทำให้เธอหวามไหว พัดชายอมตัวยอมใจเป็นของเขาด้วยความรักอย่างหมดหัวใจ จนเธอท้องจึงต้องแต่งงานกับกวินหมอรุ่นน้องจิรัสย์ พัดชาเข้าใจว่าลูกในท้องของเธอคือจิรายุคือลูกของจิรัสย์ ทว่าแขไขหยิบหลักฐานบางอย่างให้พัดชาดูและบอกว่าพัดชาถูกหลอก จิรัสย์อยู่กับเธอตลอดเวลา พัดชาเข้าใจทันทีว่าชายในคืนนั้นคือกวินนั่นเอง กวินที่แสนดีรักเธอมานานและรักจนตาย พัดชาเตลิดกลับห้องพักขณะที่แขไขออกมาพบโตมร เธอชวนโตมรไปหาอรอินทุ์เพื่อยุติเรื่องทุกอย่างเสียที เมื่อ 2 สาวต่างวัยพบกัน แขไขและอรอินทุ์เชื่อมพลังเข้าหากัน นาทีนั้นคุณแสงก็ปรากฏ แสงคือ จิรัสย์นั่นเอง เขารักแขไขมากจนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง

โตมรมองภาพตรงหน้าเหมือนฝันไป พายุรุนแรงอรอินทุ์กับแขไขจับมือกันแน่นโดยมีจิรัสย์หรือยมทูตแสงจ้องทำลายอรอินทุ์ แสงบอกว่าอรอินทุ์คือร่างมายาที่เขาสร้างขึ้น และนำวิญญาณของแขไขกับลูกจันทน์มารวมไว้ในร่างอรอินทุ์เพื่อรอวันที่แขไขจะหมดเวลาและไปอยู่กับเขาจริง ๆ ส่วนร่างของอรอินทุ์ และวิญญาณของลูกจันทน์จะถูกทำลาย แสงอาฆาตโตมรว่าถ้ารู้ว่าเป็นรุจคงฆ่าเสียแล้ว อรอินทุ์พูดกับโตมรเป็นครั้งสุดท้ายว่าเธอจะกลับมาหาเขาให้เขารออยู่ที่นี่ ท่ามกลางลมพายุรุนแรง แสง แขไข และอรอินทุ์สะบัดมือหลุดจากมือของแสง แล้วทุกอย่างก็สงบลง

โตมรรู้ความจริงว่าเขาคือรุจ และแขไขรู้ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ทว่าเวลานี้วันนั้นเขารักและต้องการ อรอินทุ์ เมื่อใครถามหาตัวเล็กหรืออรอินทุ์เขาจะบอกว่าผู้ปกครองรับไปแล้ว แขไขนอนสิ้นใจบนเตียงที่อรอินทุ์นอนเป็นประจำ หลังจัดงานศพแขไข โตมรมุจนเรียนจบและไปเรียนต่อต่างประเทศ จากเดิมที่เขาชอบวาดภาพอาวุธ เขาก็หันมาวาดภาพดอกไม้ และร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช โตมรอยู่ต่างประเทศหรือไม่ก็เข้าป่าเพื่อวาดรูป ที่เขาเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาวาดดอกไม้ก็เพราะอรอินทุ์รักดอกไม้นักหนานั่นเอง โตมรทำงานหนักจนเป็นจิตรกรที่มีผลงานระดับโลก แต่เขาไม่เคยกลับไปที่บ้านเลย คงได้รับแต่จดหมายจากเอื้อเฟื้อและชีวาเป็นระยะ ๆ

รวิชาคลอดลูกเป็นหญิงชื่อ น้อยหน่อย และฝากเอื้อเฟื้อและชีวาเลี้ยงเพราะเธอต้องไปทำงานต่างประเทศ ไม่นานนักรวิชาก็แต่งงานใหม่ น้อยหน่อยจึงเป็นลูกเอื้อเฟื้อ และชีวาไปโดยปริยาย เวลาผ่านไปสิบกว่าปี วันหนึ่งน้อยหน่อยเขียนจดหมายมาบอกว่าเอื้อเฟื้อถูกรถชนกำลังจะต้องเข้าห้องผ่าตัด โตมรใจหายรีบเก็บของออกจากป่ากลับกรุงเทพ เขากลัวประวัติศาตร์จะซ้ำรอยเหมือนปกป้อง เมื่อถึงโรงพยาบาลเหมือนเวลาหมุนกลับ โตมรสะดุดบันไดหกล้มที่เดิม ทว่าคราวนี้ลิฟต์เปิดออกสาวน้อยในเสื้อกาวน์รีบเข้ามาดูแลเขา

เสียงใส ๆ ของเธอบอกว่าเธอชื่อ แสงตะวัน และเป็นหมอเมื่อรู้ว่าโตมรมาเยี่ยมเอื้อเฟื้อ แสงตะวันยิ้มจนตาหยี และอาสาพาไปหาเอื้อเฟื้อ เอื้อเฟื้อดีใจที่โตมรกลับมา เธอบอกว่าแสงตะวันหรือเล็กคือ ตมิสา ลูกกำนันทองนั่นเอง โตมรสบตาแสงตะวันแล้ววูบในใจ เอื้อเฟื้อบอกว่าหลังจากฟื้นจากเจ้าหญิงนิทราสาวน้อยคนนี้ก็รีบเรียน ขยันจนจบเร็วกว่าอายุ เรียนแบบตายอดตายอยาก เมื่อกลับบ้านโตมรจึงรู้ว่า กระท่อมเจ้าเงาะ เป็น กระท่อมรจนา ไปแล้ว เพราะแสงตะวันพักที่นี่ เมื่อโตมรกลับมาเธอจึงไปพักบนตึกกับเอื้อเฟื้อ โตมรและแสงตะวันเหมือนรู้ใจกัน

ชายหนุ่มไม่ค่อยกล้า เพราะไม่มั่นใจแต่เมื่อแสงตะวันบอกว่าเธอมีลูกสุนัขและเคยถูกกัดที่นิ้ว เธอให้เขาดูแผลที่นิ้วนางข้างซ้ายเขาก็มั่นใจทันที ยิ่งรู้ว่าหลังจากแสงตะวันฟื้นขึ้นมา เธอรู้แต่ว่าต้องรีบเรียน รีบโต เพื่อไปพบใครคนหนึ่งที่เธอสัญญาว่าจะกลับมาหาเขา คำพูดและกิริยาของแสงตะวันทำให้โตมรรู้ว่าวิญญาณในร่างคืออรอินทุ์ วันหนึ่งแสงตะวันบอกกับเขาว่าเธอหลงรักเขาทันทีที่เห็นภาพของเขา ภาพโตมรศิลปินที่วาดรูปดอกไม้สวย ๆ โตมรตั้งตัวไม่ทัน เมื่อสาวน้อยสบตาเขาเหมือนทวงสัญญา และถลันเข้ามากอดเขาไว้ เธอบอกว่า

"เล็กรักโตมาก แล้วโตล่ะไม่รักเล็กบ้างหรือไง" โตมรไม่ตอบแต่กอดเธอไว้แนบอก เหมือนได้ของรักกลับคืน เขาจูบเธอเบาๆ และบอกว่าเขารักเธอ รักมานานและรอเธออยู่นานมากกว่าจะถึงวันนี้ แสงตะวันจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มกับเขาอย่างอบอุ่น เธอกอดเขาแน่นและบอกว่าเมื่อเห็นโตมรจากในรูป เธอรู้ทันทีว่าโตมรนี่เองคือคนที่เธอต้องตามให้พบเพื่อรักและใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป

สายใยสวาท 2551

เรื่องย่อ : สายใยสวาท (2551/2008) เขาเป็นลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐี เมื่อพ่อเสียชีวิต อัยการกลับช็อคที่พินัยกรรมทั้งหมดตกเป็นของแม่เลี้ยงวัยรุ่นของบิดา ซึ่งเขาไม่เคยพบหน้าค่าตามาก่อน หล่อนมีลูกเล็กเป็นโซ่ตรวน เมื่อเขาหมดตัว คนรักก็ทอดทิ้ง จากนั้นเขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งโดยบังเอิญต่างหลงรักกัน ในกาลต่อมา เขาต้องช็อคอีกครั้งเมื่อรู้ว่าเธอคือแม่เลี้ยงม่ายภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของพ่อนั่นเอง แค้นครั้งนี้ต้องดับด้วยอะไร ผู้ชายรูปหล่อราวเทพบุตรที่มีนิสัยก้าวร้าวกราดเกรี้ยวเช่นเขาจะแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นด้วยวิธีไหน..? แล้วแท้จริงเกิดอะไรขึ้นในเมื่อเธอผู้นั้นไม่เคยเป็นเมียที่แท้จริงของพ่อเขาสักนิด!

สังข์ทอง 2550

เรื่องย่อ : สังข์ทอง (2550/2007) กาลปางก่อนมี พระเจ้าพรหมทัต (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร (เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ พระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ พระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตรของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนที่จะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสาร จึงชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดา จึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์ วันหนึ่งพระนางจันทราเทวี ออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวี เมื่อกลับมาก็แปลกใจ ว่าใครมาช่วยทำงาน และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำงานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสีย และกอดโอรสด้วยความยินดี พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "สังข์ทอง" เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวีประสูติพระโอรส ก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวีกลับ พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่า พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำมาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพลอยออกทะเล เกิดพายุใหญ่แพแตก พระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อธนัญชัยเศรษฐี และทำหน้าที่เป็นแม่ครัว ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษพันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนำพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงร่างเป็นคน เพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว พระสังข์ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เมื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่า อย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นบนและในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เห็นกระดูกสัตว์และคนที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจำนวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงาม พอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัวร่างกาย ก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวม ก็กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์ แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่า พระสังข์ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้ จึงร้องไห้ อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์หาเนื้อหาปลาให้ พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมากหลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัยชาวบ้านช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่าพวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระสังข์ทอง ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่างๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือกพระธิดาทั้ง 6 องค์ ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อ "รจนา" ไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมือง ให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่าก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัด จึงออกคำสั่งให้เขยทั้ง 6 และเงาะป่า ไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได ้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่ง 6 เขยคิดว่าเป็นเทวดา 6 เขยจึงขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย 6 เขยยอม ทั้งหมดจึงนำเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจ จึงมีคำสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาปลามาไม่ได้ทั้งวัน และเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวายเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่นที่จะกำจัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศ ภายใน 7 วัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมาก ให้ 6 เขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้ จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสี จึงแอบไปหานางรจนาและขอให้นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่ 7 เงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์ เจ้าเมืองพาราณสีดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหาพระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่างๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีต ซึ่งผู้ทำจะต้องเป็นผู้ทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติ ก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทองปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่นๆ จนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่า พระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสี มีความสามารถทำให้รุ่งเรือง จึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทอง พระนางจันทราเทวี กลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดา จึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัตและเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา

พระทิณวงศ์ 2550

เรื่องย่อ : พระทิณวงศ์ (2550/2007) เมืองพรหมสาลี ท้าวอภัยนุสินมีลูกสาวชื่อว่าทิพย์มณฑา ในวันที่นางประสูตินั้นมีกลิ่นหอมฟุ้งขจายไปทั่วเมือง แต่โหรหลวงกลับทำนายว่าพระธิดาจะต้องพลัดพรากจากบ้านเมือง และตายพร้อมกับคนรักในที่สุด

กล่าวถึงพระทิณวงศ์ที่ปลอมตัวมาเป็นชายพิการง่อยแอบอยู่สวน วันหนึ่งนางทิพย์มณฑาไปเดินเล่นที่อุทยานพร้อมกับพี่สาวทั้ง 7 นางได้เจอกับชายพิการ (พระทิณวงศ์) แล้วสนทนาพลางมอบผ้าสไบให้อีกด้วย พวกพระพี่นางทั้งหลายได้นำความไปฟ้องท้าวอภัยนุสิน ท้าวอภัยนุสินโกรธจัดจึงถีบนางออกไปอยู่กับพระทิณวงศ์

ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาท้าท้าวอภัยนุสินตีดลีซิ โดยถ้าแพ้ท้าวเธอจะต้องถูกตัดหัว ท้าวอภัยนุสินได้ซมซานไปง้องอนพระทิณวงศ์ให้ออกมาช่วยเหลือหน่อย จนพระองค์ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ จึงได้เชิญมาอยู่ในพระราชวังได้ในที่สุด

ผู้พิทักษ์สี่แยก 2550

เรื่องย่อ : ผู้พิทักษ์สี่แยก (2550/2007) เช้าขึ้นตะวันส่อง “ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง จะมีน้ำนองถนน จราจรนั้นก็ต้องสู้ทน เพื่อรับใช้ประชาชน……..”

เสียง เพลงของ สุรพล สมบัติเจริญ ดังกึก้องกังวานไปทั่วแฟลตตำรวจหลังนั้น ทุกคนดูจะคุ้นเคยกับเสียงเพลงนี้ เพราะได้ยินทุกเช้าในขณะที่จ่าชดออกจากห้องพักไปทำงาน เสียงเพลงดังกล่าวค่อยลง ค่อยลง จนไม่ได้ยินเมื่อจ่าชดลับตัวไป

จ่า ชด เป็นตำรวจจราจรมาทั้งชีวิต เป็นด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ ไม่มีอะไรที่จ่าชดจะรักเท่าอาชีพจราจร จ่าชดคนนี้นี่แหละคือตำรวจที่รำจราจรสวยที่สุดในประเทศไทย เรื่องราวของจ่าชดเป็นตัวอย่างของคนที่มีความสุขเพราะรักในงานที่ตนกำลังทำ อยู่ อยู่บนถนนหลายชั่วโมง ในแต่ละวัน จ่าชดรู้สึกว่าตนเองได้กำไรชีวิตมากมายมหาศาล เพราะบนถนนมีเหตุการณ์หลากหลายเกิดขึ้น จ่าชดได้เห็น ได้รู้ ได้ศึกษา และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้น จนกลายเป็นอาหารประจำวันของจ่าชดไปเสียแล้ว

เหตุการณ์ มีตั้งแต่การทำผิดกฎจราจรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปรากฏอยู่เสมอว่าผู้ขับขี่มักจะแก้ตัวไปต่างๆ นานาล้วนแต่เป็นข้อแก้ตัวที่น่าขำบ้าง น่าหมั่นไส้บ้าง หรือจับไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังให้รู้แล้วรู้รอดไป การระงับ ไกล่เกลี่ย หรือจัดการกับกรณีพิพาทของรถชนกัน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่ก็มาแบบแปลกๆ จนจ่าชดต้องเปิดตำราแทบไม่ทัน

จ่า ชดมีลูก 2 คน ลูกชายคนโตชื่อ ชีวิน อายุ 25 ปี เป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง คนเล็กชื่อ แก่น อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนเดียวกันกับที่ชีวินสอนหนังสือสาเหตุที่จ่าชดแกมีลูกห่างกันอย่าง นี้เพราะแกรักงานยิ่งกว่าเมียนั่นแหละ เรื่องนี้ แก้ว แม่ของลูกทั้งสองคนรู้ดีที่สุด แก้วขายข้าวแกงอยู่หน้าแฟลต ทุกเช้าจะต้องมีกรณีพิพาทระหว่างแก้วกับจ่าชดเพราะแก้วชอบเอาของเหลือเมื่อ วานมาทำกับข้าวซ้ำ จ่าชดเกลียดที่สุด นอกจากนี้ยังชอบเอาน้ำมันค้างจนดำปี๋มาทอดปลาทอดหมูซ้ำแล้วซ้ำอีก จ่าชดเอ็ดตะโรถึงขั้นเอาน้ำมันเททิ้ง ทำให้แก้วโมโหเดือดดาลทะเลาะกันแทบจะตีกันตาย เรื่องนี้จ่าชดยอมไม่ได้เพราะเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นชนวนทะเลาะกันคือ แก้วทิ้งขยะไม่เลือกที่ บางทีสาดน้ำสกปรกไปหน้าแฟลต จ่าชดไม่ยอมทีเดียวเพราะแกเป็นคนมีจิตสาธารณะสูงยิ่ง ใครที่โดนจ่าชดจับฐานผิดกฎจราจรอย่าหวังเลยจะเอาเงินมายัดใส่มือจ่าชดง่ายๆ

วัน หนึ่งจ่าชดเห็น จ่าตุ้ม เพื่อนร่วมแฟลต รับเงินจากคนในรถที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จ่าชดแก่เห็นโต้งๆ แต่เห็นแก่หน้าเพื่อนจึงไม่พูดตอนนั้น กลับถึงแฟลตจ่าชดปิดประตูขอเคลียร์กับจ่าตุ้มว่าอย่าทำอีก เสียสถาบันผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จ่าตุ้มเถียงคอเป็นเอ็นว่าเอ็งจะมาทำตัวเป็นพ่อพระหรือไง สองจ่าเถียงกันลั่นแฟลตไม่มีใครยอมใคร จ่าตุ้มโกรธที่โดนว่าแบบไม่มีทางสู้จึงเถียงแบบข้างๆ คูๆ ขณะนั้น ตอง ลูกสาวจ่าตุ้มซึ่งเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรีสังกัดกองจราจร โผล่เข้ามาพอดีจ่าตุ้มแกจึงงัดไม่ตายขึ้นมาว่าต่อไปนี้ห้ามตองพูดกับชีวิน ลูกชายจ่าชด

เรื่อง นี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะชีวินหลงรักตองอย่างหัวปักหัวปำ แม้จ่าชดเองก็เอ็นดูตองเพราะเป็นตำรวจจราจรเหมือนตน ความจริงจะว่าไปมันก็เรื่องใม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก เพราะตองเองไม่ชอบชีวินอยู่แล้ว เนื่องจากชีวินเป็นแค่ครูสอนภาษาไทยเชยๆ ตองนั้นเปรี้ยวขาดใจเวลาอยู่นอกเครื่องแบบ แต่ชีวินนั้นเชยจริงๆ ทั้งเชย ทั้งซื่อ ประมาณว่าเป็นคนโบราณกลับชาติมาเกิด เพราะชอบดนตรีไทย รักถึงขั้นหลงใหลภาษาไทย แต่ตองเกลียดภาษาไทยที่สุด เกลียดเพลงไทย เกลียดรำไทย ชอบฟังเพลงสตริง เพลงฝรั่ง ลูกทุ่งก็ไม่ชอบ แต่ชีวินชอบลูกทุ่ง ชอบลำตัด ทุกอย่างที่ชีวินชอบคือ ถูกปลูกฝังโดยจ่าชดนั่นเอง

พอ จ่าตุ้มห้ามตอง ตองเลยได้ที ตอนนี้ไม่มีคำว่าเกรงใจ ตองผลักไสชีวินด้วยคำพูด กริยา แถมยังยั่วเย้า หยอกล้อ ทำให้ชีวินเป็นตัวตลกขบขันต่างๆ นานา ชีวินหรือแสนดีไม่มีการโต้กลับ หน้าซื่อ ใจซื่อ รับกลศึกจากตองอย่างสงบ ทำให้ตองเซ็งเล็กๆ และเพิ่มระดับการรุกรานชีวินมากขึ้น เมื่อชีวินมาแบบความรักคับอก ตองยิ่งสวนกลับแรงๆ ทำเอาชีวินถอยกรูด แต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบทั้งสิ้น จนกระทั่งเห็นหลายครั้งว่าตองสนิทสนมกับไอ้แม็ค คนขี่มอเตอร์ไซด์วินข้างแฟลต ชีวินเริ่มเศร้าซึมแล้วกลายเป็นการตอบโต้ให้ตองเห็นว่าชีวินเสียใจ ตองยิ่งสนุกแกล้งควงกับแม็คเย้ยชีวินบ่อยขึ้น แม็คนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชีวินเอาจริงจัง มีโอกาสแกล้งเป็นแกล้ง บางครั้งแกล้งหนักๆ เช่น เอาพรรคพวกมอเตอร์ไซด์ไปเร่งเครื่องล้อมไล่ชีวินให้วิ่งหนีไปมา ขนาดนี้ชีวินยังไม่โกรไม่ตอบโต้ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับแฟลต โดยมีเสียงโห่ร้องเย้ยหยันพวกของแม็คตามหลัง

ครั้ง หนึ่ง แม็คบอกชีวินว่าตองนัดไปพบหลังวัด ชีวินแม้จะแปลกใจแต่เห็นหน้าซื่อของแม็คแล้วไม่สงสัยอะไร ชีวินคอยตองอยู่จนดึกมาก ในวัดมืดแต่ไม่มืดพอที่จะเห็นร่างของผีที่แม็คและพรรคพวกแต่งมาหลอกชีวิน ชีวินนั้นกลัวผีจนขึ้นสมอง วิ่งหนีจนหมดแรงล้มฟุบลง แม็คใจร้ายพอที่จะทิ้งให้ชีวินนอนตากน้ำค้างจนสว่าง ต่อจากนั้นชีวินก็ล้มเจ็บหนัก ไม่มีใครรู้จากปากชีวินเลยว่าเหตุใดจึงไปนอนหลับในวัด แม็คและพรรคพวกเตรียมถูกสอบสวนอยู่แล้ว แต่ต้องแปลกใจมากที่ไม่มีใครระแคะระคายว่าตนเป็นต้นเหตุ ส่วนตองไม่รู้เรื่องจนวันหนึ่ง ไอ้บื้อ สมุนคนหนึ่งของ แม็ค เมาแล้วพูดออกมา ตองถล่มแม็คปางตายว่านี่มันเกินไปแล้ว แม็คเถียงคอเป็นเอ็นว่าทำตามนโยบายของตองให้แกล้งชีวิน

ส่วน จ่าชดก็ยังคงสนุกกับงานโบกรถ ซึ่งแม้ว่าทุกสี่แยกจะมีไฟจราจรแล้วก็ตาม ตำรวจจราจรก็ยังจำเป็นในชั่วโมงเร่งด่วน จ่าชดโบกรถอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าในวันปีใหม่ปีนี้จะได้ของขวัญเพียง 2 กล่อง เทียบกับเมื่อก่อนผิดกันราวฟ้ากับดิน

วัน โลกาวินาศของจ่าชดคือวันปีใหม่นั่นแหละ เริ่มด้วยตอนเช้าเจอคนเมาแล้วขับถึง 3 ราย แต่ละรายพูดแทบไม่รู้เรื่อง จ่าชดเบรกแตกตอนรายที่ 3 จึงสั่งสอนไปพอแรง แถมลามไปถึงพ่อแม่ว่าไม่อบรมสั่งสอนลูกให้รู้จักเคารพกติกาสังคม อย่างนี้สังคมจะสงบสุขได้อย่างไร หลังจากนั้นชั่วโมงหนึ่งพ่ออาเสี่ยของลูกชายวัยรุ่นคนนั้นมาพร้อมคำขู่ว่า สนิทกับนักการเมืองใหญ่พอที่จะทำให้จ่าชดกระเด็นไปอยู่ชายแดนที่กันดารที่ สุดก็ย่อมได้ จ่าชดหรือจะยอมในเมื่อเป็นฝ่ายถูก แกเถียงจนนักการเมืองต้องยอมถอย ต่อจากนั้นมีการวิ่งราวกระเป๋าถือ จ่าชดวิ่งตามจับเสียลิ้นห้อย รางวัลคือคำพูดสั้นๆ ว่า แส่หาเรื่อง กลับมาถึงสี่แยกเจอะผัวเมียทะเลาะกันกำลังลงมือตีกัน จ่าชดแกเข้าไปอย่างเร็วหวังว่าจะไปห้าม แต่พอวิ่งเข้าไปก็กระเด็นออกมาจนกระดอนไปหลายที่ เสียงตามหลังว่าอย่ายุ่งเรื่องผัวเมีย จ่าชดจ๋อยมากเดินคอตกมาโบกรถอย่างเดิม เจ้ากรรมจริงๆ โบกรถได้ไม่กี่ครั้งก็ถูกรถชนขาหักเสียก่อน เรื่องของเรื่องแกไปจับรถของลูกท่านหลานเธอพวกไฮโซเข้า เด็กหนุ่มปากเสียคนนั้นพูดจายียวนกับจ่าชดในที่สุดออกรถอย่างแรง จ่าชดต้องใส่เฝือกนอนเป็นมัมมี่อยู่ที่บ้าน ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจ่าชุดถูกใจนางพยาบาลคนหนึ่งชื่อ ดวงใจ จนถึงขั้นอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งพยายามชักจูงชีวินให้รู้จักดวงใจดวงใจเป็นคนเงียบเรียบร้อยน่ารัก จ่าชดหวังว่าชีวินคงจะแต่งงานมีหลานให้อุ้ม แต่ดูชีวินไม่ออก ชีวินสุภาพและพูดคุยกับดวงใจเป็นอันดี ชีวินกำลังจะลืมตองได้แล้ว เมื่อเรื่องรู้ถึงหูตองเรื่องก็สมดังคำพังเพยว่า เนื้อตกน้ำชิ้นโต ตองหันมาเหล่ชีวินกับดวงใจ พลางนึกว่าหน้าจืดๆ อย่างนี้นะหรือชีวินจะชอบ เรื่องนี้ตองปรึกษาแม็ค โดยไม่ได้สังเกตหรอกว่าแม็คนั้นหน้าเสียเลยทีเดียว

ชีวิน ก้มหน้าก้มตาสอนหนังสือต่อไป เพียรพยายามเคี้ยวเข็นลูกศิษย์ให้ตั้งใจเรียนภาษาไทย ลูกศิษย์ที่ชอบก็มี ไม่ชอบก็มี พวกไม่ชอบก็ไม่สนใจเลยเหมือนไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ชีวินจึงเหน็ดเหนื่อยกับการพร่ำสอนลูกศิษย์ตัวน้อยๆ เหล่านั้น แถมยังอาจจะไม่ได้ผลเพราะแก่นน้องชายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้ก็ร่วมอยู่ใน พวกไม่ชอบภาษาไทย ชีวินจึงเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าเพราะต้องจัดการกับไอ้แก่นเป็นลำดับแรก ในบ้านจึงมีคู่กรณีเพิ่มอีก 1 คู่ นอกเหนือจากจ่าชดและแก้ว คือ ชีวินกับแก่น ในขณะที่พ่อถือหางลูกชายคนโต แม่ก็ถือหางลูกชายคนเล็ก ในบ้านจึงเปรียบเหมือนสนามมวยย่อยๆ เข้าไปทุกที

ความ จริงแก่นลูกชายจ่าชดถึงแม้ไม่ชอบภาษาไทย แต่เก่งวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ สังคม และแม้แต่พลศึกษา ที่จริงแก่นเป็นเด็กดีทีเดียว เลิกโรงเรียนไม่ไปเที่ยวเล่นซนที่ไหนกลับบ้านแต่วัน เพื่อมาช่วยแม่ทำกับข้าวเตรียมขายวันรุ่งขึ้น เงินทองใช้ประหยัดไม่อยากได้โน่นอยากได้นี่เหมือนเด็กทั่วไป

จ่า ชดทำอุบายนัดหมายให้ชีวินไปเที่ยวกับดวงใจได้สำเร็จ ชีวินตามใจพ่อเพราะเห็นว่ายังเจ็บอยู่ แม็คเห็นสองคนไปกินข้าวด้วยกัน แต่ด้วยความในใจอีกนั่นแหละจึงไม่บอกตอง เจ้ากรรมเหลือเกินตองรู้เข้าจากไอ้บื้อ ตองลุยไปถึงร้านอาหารเข้าไปราวีกับชีวินและดวงใจอย่างมีชั้นเชิง ชีวินเงอะงะพยายามแก้ตัวกับตอง ตองตัดบทว่าไปพูดต่อที่แฟลต ให้ชีวินพาดวงใจไปส่งและต่อไปนี้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับดวงใจอีก ชีวินฟังอย่างเหวอๆ แต่ก็ทำตาม ขณะที่สองคนออกไปจากร้าน ตองก็เห็นแม็ค เท่านั้นแหละเหมือนลูกระเบิดลง ตองอาละวาดกับแม็คแบบปูพรม แม็คแก้ตัวว่ากำลังจะไปบอก แต่ตองนั้นหน้ามืดเสียแล้ว ชี้หน้าบอกแม็คว่าอย่าได้มาให้เห็นหน้าอีก

จ่า ชดรู้เรื่องก็เชียร์ลูกชายเต็มที่ว่าเอ็งไม่สงสารดวงใจเขาหรือ เขาโดนไอ้ตองราวีเสียขนาดนั้น ชีวินเถียงพ่อว่าตองเห็นโมโหแสดงว่าตองรัก จ่าชดบอกว่าจะเอามาเป็นแม่หรือไง จราจรผู้หญิงดุๆ อย่างนี้อย่าไปสน แต่ชีวินบอกพ่อว่าผมรักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนใจหรอก เขารักจราจรหญิงชื่อตองเพราะผู้หญิงคนนี้มีอาชีพเดียวกับพ่อ

วัน หนึ่งตองเข้าเวร พอแม็คขี่จักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาแต่ไม่ใส่หมวกกันน็อค ตองโบกมือเรียกจับทันที ขณะที่กำลังเขียนใบสั่งจ่าชดเข้ามาถามไถ่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังใส่เฝือกอยู่ มีเพื่อนตำรวจไปรับมาเที่ยวเล่นที่สี่แยก แม็คตอบว่าหมวกหายกำลังจะไปซื้อใหม่ ตองไม่ฟังเสียงฉีกใบสั่งดังแควกส่งให้แม็ค แม็คคอตกเพราะเสียใจเป็นทุนอยู่แล้ว จ่าชดทะเลาะกับตองหาว่าใจดำทำหน้าที่เข้มแข็งก็น่าชมอยู่ แต่บางครั้งก็ต้องมียืดหยุ่นบ้าง ตองยืนยันว่าต้องจับเพราะทำผิด จ่าชดว่าเขาก็กำลังจะไปซื้ออยู่แล้ว ตองเถียงว่าขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำไมควรจะนั่งรถเมล์ไป

จ่า ชดอึดอัดเต็มทีกับขาที่ยังไม่หาย ชีวินกับดวงใจก็ยังไม่เห็นวี่แวว แถมไอ้ตองก็กำลังปรารถนาตัวลูกชายจ่าชดอยู่ จ่าชดกลุ้มใจเต็มทน จะพึ่งแม่แก้วปรึกษาหารือตามประสาผัวเมีย แม่แก้วก็ส่ายหน้าลูกเดียว ยุ่งเรื่องขายข้าวแกงก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว มีแต่แก่นลูกชายคนเล็กที่ทำให้ชื่นใจขึ้นบ้าง กลับจากโรงเรียนก็มาพูดคุยกับพ่อ เขียนการ์ตูนเล่นที่เฝือกของพ่อบ้าง ชวนพ่อคุยเรื่องจราจรบ้างคุยไปคุยมาแก่นก็หลงใหลในอาชีพจราจรขึ้นมาอย่างไม่ น่าเชื่อ

ดัง นั้นเมื่อครูกิจกรรมถามว่าแก่นจะเลือกเข้าชมรมไหน แก่นจึงตอบว่าชมรมจราจร ครูส่ายหน้าว่าไม่มีชมรมจราจร มีแต่ชมรมกีฬา ชมรมดนตรีไทยและสากล วิทยาศาสตร์ ฟุตบอลและอื่นๆ แก่นผิดหวังและในขณะที่พยายามคิดถึงกิจกรรมที่ตนไปมีส่วนร่วมทั้งๆ ที่ไม่ชอบแม้แต่อย่างเดียว ก็เผอิญเกิดรถชนเด็กนักเรียนหน้าโรงเรียนของแก่น เด็กคนนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก แก่นเห็นเป็นโอกาสจึงยืนยันว่าเขาต้องการเข้าชมรมจราจร ในเมื่อโรงเรียนไม่มีชมรมนี้เขาจึงขอเป็นลูกเสือจราจร บรรดาครูถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดในที่สุดก็ตกลง แก่นเข้ารับการอบรมเป็นลูกเสือจราจรที่กองตำรวจจราจร เมื่อจบการอบรม สารวัตรจราจรมาเป็นประธานประดับโล่ และมอบเข็มขัดจราจรให้แก่ลูกเสือที่ผ่านการอบรมซึ่งมีอยู่ 1 คนเท่านั้น ในวันที่แก่นออกไปทำหน้าที่ลูกเสือจราจรเป็นวันแรก แก่นรู้สึกหัวใจพองโต เขาโบกมือให้รถหยุด ดูแลเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ให้ข้ามถนนอย่างปอลดภัย เด็กๆ หลายคนเดินข้ามถนนด้วยท่าทางรื่นเริง เขารู้แล้วว่าพ่อรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อช่วยเหลือคนให้ปลอดภัยบนถนน แก่นยืนโบกรถตัวลอยด้วยความปลื้ม ทันใดรถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วมาก จวนจะถึงพวกเด็กๆ อยู่แล้ว แก่นวิ่งปราดออกไปขวางหน้ารถคันนั้ นอย่างทันควัน รถเบรกเสียงดัง

หน้า หม้อรถจ่อหน้าแก่นไม่ถึงเมตร แก่นได้รับคำชมเชย นักเรียนทั้งโรงเรียนรู้จัก แก่น วงศ์จราจร กันแทบทุกคน แก่นเอารางวัลจากโรงเรียนมามอบให้พ่อ จ่าชดกอดลูกยิ้มทั้งน้ำตา ต่อจากนั้นมีคนสมัครเป็นลูกเสือจราจรเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆ ละ 2-3 คน ลูกเสือจราจรผลัดกันเข้าเวรจัดการเรื่องจราจรหน้าโรงเรียน

เรื่อง ของลูกชายคนเล็กดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่ลูกชายคนโตยังเรื่อยๆ เฉื่อยแฉะอยู่อย่างเดิม ดวงใจมาเยี่ยมจ่าชดเป็นครั้งคราว ทำให้จ่าชดอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวชอบชีวิน เมื่อชีวินรู้ เขาทำตามที่พ่อบอกให้ทำ เช่น ไปหาดวงใจ ซื้อขนมไปให้ จนแล้วจนรอดยังไม่มีถ้อยคำใดหลุดจากปากชายหนุ่ม ส่วนตองตอนนี้มีแม็คเป็นคู่กัดเพราะดีกันแล้ว ตองแสดงออกกับแม็คได้ทุกอารมณ์รวมทั้งแผนการที่จะเอาชีวินกลับคืนมาจากดวงใจ

ความ จริงชีวินนั้นจิตใจยังมั่นคงอยู่กับตอง แต่เจ้ากรรมที่เห็นตองทีไรก็ต้องเห็นแม็คทุกที จิตใจจึงรวนเร ไม่รู้ว่าจะเดินหน้ากับตองดี หรือจะตามใจพ่อเรื่องดวงใจดี

ระหว่าง นั้นจ่าชดถอดเฝือกแล้ว พร้อมที่จะไปโบกรถยามเช้ายามเย็นช่วงรถติดอย่างเคย ยามนี้แกลืมทุกสิ่งนอกจากงานจราจร สีหน้าแกอิ่มเอิบสดชื่นและดูเหมือนจะรำจราจรได้สวยกว่าเคย จิตใจจ่าชดปลาบปลื้มที่มีส่วนช่วยให้ผู้คนมีความสุข เพราะแกโบกรถผ่านได้แคล่วคล่องรถแล่นไหลลื่นไม่ติดขัด แกเห็นสีหน้าคนหนึ่งหลังพวงมาลัยยิ้มแย้มดูอารมณ์ดี จ่าชดมีความสุขที่เอาชนะรถที่ติดเป็นตังเมได้ มีอุปสรรคนิดหน่อยก็ตรงจ่าตุ้มนั่นแหละ วันใดที่ต้องมาทำหน้าที่ด้วยกัน จ่าตุ้มมักจะทำท่าจับรถขับผิดกฎจราจรแบบลับๆ ล่อๆ ที่จ่าชดเกลียดนัก แกประกาศลั่นว่าถ้าเห็นใครรับเงินค่าปรับจากคนขับละก็ มีเรื่องกะแกแน่ๆ

พ่อ ดูมีความสุข น้องชายก็มีความสุข แม่ก็ขายของดีขึ้นเพราะตอนหยุดงานจ่าชดชิมอาหารทุกวันจนหาสูตรที่ลงตัวให้ อาหารอร่อยได้แล้ว คนก็ติดข้าวแกงแม่แก้วเป็นตังเม แต่ชีวินเล่าเขารู้ดีว่าพ่อหวังได้ดวงใจเป็นลูกสะใภ้ พ่ออาจจะคิดว่ามีลูกสะใภ้เป็นพยาบาลทำให้อุ่นใจในยามเจ็บป่วย เขาเองกำลังคิดว่ารักดวงใจพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานนุ่มนวล หรือตองจราจรหญิงผู้ห้าวหาญดี

ตอง พักร้อนจึงไปชวนชีวินไปเที่ยวเขาใหญ่โดยลากแม็คไปด้วยเพื่อกันคนนินทา บอกแม็คว่าคราวนี้ต้องจัดการให้ชีวินเป็นแฟนตัวให้ได้ แม็คถามว่าจะยอมเป็นเมียชีวินหรือ ตองด่าแม็คไม่เลี้ยงเพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะยอมมีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน เพราะจ่าตุ้มสั่งสอนตั้งแต่เล็กให้รักนวลสงวนตัว ที่เขาใหญ่แม็คต้องหน้าชื่นอกตรมที่เห็นตองกับชีวินทำท่าจะเข้าใจกัน

รัก ครั้งนี้หวานยิ่งนัก ตองลืมไปเลยว่าชีวินทั้งเชยทั้งซื่อ จืดชืด แถมยังชอบสั่งสอนเวลาตองพูดภาษาไทยผิดๆ มีแต่ชีวินที่อบอุ่น อ่อนโยน จริงใจ สุภาพและให้เกียรติ ทำให้ตองรู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีค่า ช่วงเวลาต่อมาเป็นความหวังของตองและชีวิน สองคนสร้างความฝันร่วมกัน อุปสรรคอันยิ่งใหญ่คือพ่อของทั้งสองคน แต่ชีวินและตองยินดีจะรอคอยเพื่อเอาความอดทนชนะใจจ่าทั้งสองคนให้ได้

วัน หนึ่งเกิดมีการปล้นและยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับตำรวจ คนร้ายวิ่งหนีมาทางที่จ่าชดกำลังปฏิบัติหน้าที่ จ่าชดไม่ฟังเสียงห้ามของใครๆ วันนั้นจ่าตุ้มก็อยู่ จ่าชดสะบัดจ่าตุ้มผู้ที่เข้ามาล็อคตัวจ่าชดไว้จนกลิ้งไปสามสี่ตลบ ตัวเองวิ่งปราดไล่ตามผู้ร้ายไป พร้อมทั้งตองผู้ซึ่งมาถึงพอดีเพื่อมารับจ่าตุ้ม ตองกระโดดลงจากรถวิ่งตามจ่าชดไป จ่าตุ้มแทบหัวใจวายจะขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปก็ใช่ที่ ตองวิ่งตามจ่าชดจนทัน แต่เมื่อตองวิ่งเข้าจะชาร์ทจ่าชด ลูกกระสุนปืนของคนร้ายก็พุ่งเข้าที่ท้องของจ่าชดจนล้มคว่ำไป

จ่า ชดเจ็บคราวนี้ดวงใจดูแลพยาบาลอย่างดีมาก อาการจ่าชดเป็นตายเท่ากัน จ่าชดเสียเลือดมาก ดวงใจเท่านั้นที่มีเลือดกรุ๊ปบีลบ ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายาก ดวงใจสละเลือดให้จ่าชดด้วยความเต็มใจ พ่อหายเจ็บเพราะดวงใจ ชีวินจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนความดีครั้งนี้

ตอง รับรู้จากปากของชีวินเอง ความกตัญญูของคนรักทำให้ตองปวดร้าวใจยิ่งนัก แม็คพยายามปลอบโยนแต่แม็คเป็นแค่เพื่อนรัก น้ำใจของแม็คไม่สามารถคลายความเจ็บช้ำของตองได้ ตองหายหน้าไปพักใหญ่เลิกแล้วงานจราจรที่รัก ในขณะที่จ่าชดไปสู่ขอดวงใจให้ชีวิน งานแต่งงานถูกวางแผนให้เรียบง่ายและสิ้นเปลืองน้อยที่สุด ตองกลับมาจ่าตุ้มมองดูความเศร้าซึมของลูกสาวด้วยความสงสาร พลางคิดว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

ก่อน วันแต่งงานไม่กี่วัน จ่าตุ้มไปขอพบจ่าชด สองจ่าพูดจาถกเถียงกันเป็นนานสองนาน ในเวลาเดียวกัน ตองขอพบดวงใจ เพื่อขอร้องกันอย่างผู้หญิงต่อผู้หญิงว่าการที่ได้คนที่ไม่รักเรานั้นเป็น ความทุกข์ที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรยอม วันแต่งงานแท้ๆ เขายังไม่รักแล้ววันต่อๆ ไปล่ะ

งาน นี้เห็นได้ชัดว่าทั้งพ่อทั้งลูกคือ จ่าตุ้ม กับ ตอง นั้น มีหัวใจดวงเดียวกันคือหัวใจนักสู้ วันแต่งงาน จ่าชดและจ่าตุ้มแย่งกันทำหน้าที่จราจรกั้นขบวนขันหมากเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านในฐานะพ่อของเจ้าบ่าวและพ่อของเจ้าสาว