สังข์ทอง 2561

เรื่องย่อ : สังข์ทอง (2561/2018) กาลปางก่อนมี พระเจ้าพรหมทัต (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร (เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ พระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ พระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตรของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนที่จะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสาร จึงชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดา จึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์ วันหนึ่งพระนางจันทราเทวี ออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวี เมื่อกลับมาก็แปลกใจ ว่าใครมาช่วยทำงาน และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำงานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสีย และกอดโอรสด้วยความยินดี พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "สังข์ทอง" เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวีประสูติพระโอรส ก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวีกลับ พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่า พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำมาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพลอยออกทะเล เกิดพายุใหญ่แพแตก พระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อธนัญชัยเศรษฐี และทำหน้าที่เป็นแม่ครัว ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษพันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนำพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงร่างเป็นคน เพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว พระสังข์ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เมื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่า อย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นบนและในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เห็นกระดูกสัตว์และคนที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจำนวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงาม พอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัวร่างกาย ก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวม ก็กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์ แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่า พระสังข์ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้ จึงร้องไห้ อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์หาเนื้อหาปลาให้ พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมากหลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัยชาวบ้านช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่าพวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระสังข์ทอง ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่างๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือกพระธิดาทั้ง 6 องค์ ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อ "รจนา" ไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมือง ให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่าก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัด จึงออกคำสั่งให้เขยทั้ง 6 และเงาะป่า ไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได ้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่ง 6 เขยคิดว่าเป็นเทวดา 6 เขยจึงขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย 6 เขยยอม ทั้งหมดจึงนำเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจ จึงมีคำสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาปลามาไม่ได้ทั้งวัน และเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวายเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่นที่จะกำจัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศ ภายใน 7 วัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมาก ให้ 6 เขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้ จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสี จึงแอบไปหานางรจนาและขอให้นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่ 7 เงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์ เจ้าเมืองพาราณสีดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหาพระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่างๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีต ซึ่งผู้ทำจะต้องเป็นผู้ทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติ ก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทองปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่นๆ จนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่า พระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสี มีความสามารถทำให้รุ่งเรือง จึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทอง พระนางจันทราเทวี กลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดา จึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัตและเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา

ชะชะช่า ท้ารัก 2561

เรื่องย่อ : ชะชะช่า ท้ารัก (2561/2018) การะเกด กำพร้าแม่มาตั้งแต่สองขวบ เนื่องจากถูกน้าสาวคือ ปานใจ ซึ่งแอบอิจฉาเกลียดชังพี่สาว ปานจิต แม่ของการะเกด มาตั้งแต่ยังสาว มีสาเหตุมาจากรักผู้ชายคนเดียวกันคือ เกริกศักดิ์ พ่อของการะเกด แต่เกริกศักดิ์รักและแต่งงานกับปานจิต ความแค้นสะสมมากขึ้นจนกระทั่งปานใจหาทางฆ่าปานจิตผู้อ่อนแอถึงตายในที่สุด ปานใจใช้เล่ห์มารยาว่าเป็นน้าที่แสนดีและรับใช้เกริกศักดิ์ จนเกริกศักดิ์ใจอ่อนแต่งงานด้วย แต่การแต่งงานไม่ได้ทำให้ปานใจลดความอิจฉาลงได้ เพราะเกริกศักดิ์ทุ่มเทความรักให้การะเกดมากมาย และแม้แต่ กำไลทอง ลูกสาวของปานใจ เกริกศักดิ์ก็ไม่รักเท่าการะเกด มิหนำซ้ำ นคร ข้าราชการรุ่นพี่ กับ นวลน้อย ภรรยา ยังพา สดุดี ลูกชาย นวลปรางค์ ลูกสาว และพิทยา เพื่อนสนิทของสดุดี มาพบปะกัน กินข้าวเพื่อให้สดุดีและการะเกดได้รู้จักกันไว้แต่เล็ก ทั้งยังเมตตาการะเกดด้วยการจับจองตัวไว้เป็นคู่หมั้นของสดุดีอีกด้วย ปรากฏว่าถูกปานใจกีดกันเอาไว้ตลอดเวลา สดุดีซ่อนความแปลกใจไว้ในใจไม่ได้บอกใคร ส่วนกำไลติดเชื้ออิจฉาจากแม่ จำแม่มาบอกกับสดุดี นวลปรางค์ และพิทยา ว่าการะเกดไม่กล้าออกมาเจอผู้คนเพราะติดโรคร้ายจากแม่ ต่อหน้าเกริกศักดิ์ ปานใจทำดีกับการะเกด แต่ลับหลังทารุณโหดร้ายทุบตีการะเกด จนครูมาลาที่บ้านอยู่ใกล้กัน และเป็นครูของปานจิต ปานใจ มาตั้งแต่สมัยยังสาวต้องคอยแอบมาดูแลสอนวิชาร้องเพลงเต้นรำให้กับการะเกด โดยมี อ่ำ เด็กชายรุ่นพี่ที่ได้รับความช่วยเหลือจากปานจิตสมัยยังไม่ได้แต่งงานกับเกริกศักดิ์ มาเป็นเด็กในปกครองของครูมาลาคอยติดตามปกป้องการะเกดเหมือนทาสผู้ซื่อสัตย์ เวลาผ่านไป สดุดีกลับมาจากนอกจบวิชาอาชญาวิทยากลับมาและได้พากันมาที่บ้านของเกริกศักดิ์ ทั้งครอบครัวรวมทั้งพิทยา เพื่อนสนิทของสดุดี ด้วย เพราะหลังจากเรียนจบมาทั้งสองก็ทำงานที่เดียวกัน และในขณะที่สดุดีไปเรียนต่อที่เมืองนอก พิทยาก็คอยดูแลเอาใจนวลปรางค์แทนสดุดีจนทั้งสองคนมีใจให้กัน แต่นวลปรางค์จะไม่ยอมให้พิทยาเอาใจผู้หญิงคนอื่นเลยนอกจากตัวเอง นวลปรางค์หวงพิทยามากเพราะพิทยาเอาใจนวลปรางค์มาตั้งแต่เล็ก ๆ และยอมนวลปรางค์ทุกอย่าง ปานใจบอกทุกคนว่าการะเกดหนีไปเที่ยวกับอ่ำ แต่สดุดีสงสัยจึงออกไปเดินเล่นและได้ยินเสียงเพลงมาจากท้ายคลองจึงพายเรือออกไปพบการะเกดแต่ไม่รู้ว่าเป็นการะเกด ทั้งสองมีปากเสียงกันจนเรือล่ม ทั้งสองต่างว่ายน้ำมาขึ้นฝั่งที่มุมหนึ่งในสวนบ้านเกริกศักดิ์ ทับทิม คนเก่าแก่ของปานใจ เห็นเหตุการณ์จึงรีบไปบอกปานใจมาจัดการ ขณะที่สดุดีพยายามขอโทษและสอบถามว่าเธอคือใคร ปานใจก็เข้ามาและตบหน้าไล่การะเกดโชว์ให้สดุดีเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กสาวจากที่อื่นมาบุกรุก การะเกดจึงหนีไปบ้านครูมาลา สดุดีเก็บความสงสัยแปลกใจไว้เงียบ ๆ ต่อมาความหวาดกลัวว่าสดุดีจะพบกับการะเกดมีมากขึ้นทุกที ทำให้ปานใจและทับทิมช่วยกันทารุณทุบตีการะเกดหนักข้อจนถึงขั้นป่วยและขังเอาไว้ การะเกดจึงหนีออกจากบ้านโดยมีอ่ำเข้าไปช่วย อ่ำพาการะเกดนั่งเรือหนีไปขึ้นที่ท่าน้ำวัดแถวบางปะอินซึ่งมีงานวัดพอดี อ่ำไปชกมวยหาเงิน การะเกดถูกวัยรุ่นไล่จับตัวจึงวิ่งหนีไปชนกลุ่มของ สมหมาย และ แสงจันทร์ ซึ่งเป็นคู่แข่งของวงลูกทุ่ง นายประทีป และนางสิน แสงจันทร์เมื่อเห็นพ่อสนใจการะเกดจึงให้นึกไม่ชอบขี้หน้าและไล่การะเกดไป ทำให้สมหมายเสียดายในความสวยของการะเกดเป็นอย่างมาก การะเกดหนีพวกแก๊งวัยรุ่นที่ไล่จับไปถึงเวทีวงลูกทุ่งของนายประทีปและนางสิน พวกหางเครื่องเข้าใจผิดว่าการะเกดเป็นนักร้องที่มีคนส่งมาให้ประทีปและสิน จึงผลักการะเกดออกมาร้องเพลง การะเกดจึงร้องเพลงด้วยความจำใจ ซึ่งถูกใจคนดูมาก แต่เป็นที่ขัดใจของแสงจันทร์ สมหมายเมื่อเห็นการะเกดบนเวทีก็จำได้ ส่วนแสงจันทร์ให้นึกอิจฉาในความสวยและความสามารถของการะเกด จึงชวนพ่อกลับบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ การะเกดร้องต่อไปเรื่อย ๆ พอร้องเสร็จการะเกดจะหนีออกมาจากคณะดนตรี แต่กลุ่มวัยรุ่นแก๊งเดิมดักรอเล่นงานอีก จึงหนีออกไปนอกถนนพบกับสดุดีที่มางานวันเกิดเพื่อนที่บางปะอินกำลังขับรถกลับบ้านพบเหตุการณ์ลงมาช่วยเหลือ การะเกดพบว่าผู้ที่มาช่วยเหลือคือสดุดี ซึ่งเป็นที่ต้องห้ามจึงวิ่งหนีกลับมาที่วงลูกทุ่งอีกครั้ง พบอ่ำและประทีปและสินกับคณะ ทุกคนเห็นสดุดีตามมาจึงช่วยกันทุบตีสดุดีแล้วพากันขึ้นรถกลับ เกริกศักดิ์กลับจากราชการมาถึงบ้านได้รับข่าวว่าการะเกดหนีตามอ่ำไปจึงเสียใจและไม่เชื่อ ต่อมาปานใจพยายามหาหลักฐานมาบอกว่าการะเกดตายแล้ว เกริกศักดิ์ก็ไม่เชื่อ ยังรอคอยการกลับมาของการะเกดและพยายามติดตามหาการะเกดต่อไป ส่วนทางสดุดีได้รับคำบอกเล่าแบบนี้เช่นกัน ทางด้านการะเกดมาอยู่กับประทีปและสิน กลายเป็นนักร้องนำของวง สองคนรักและรับการะเกดเป็นลูก และบอกกับทุกคนว่าการะเกดคือลูกในไส้ ทำให้พวกหางเครื่องสี่คน คือ เดือนแรม, แจ่มตา, จำปา และ สายสร้อย ไม่พอใจอิจฉาแอบกลั่นแกล้งการะเกดบ่อย ๆ ด้านปานใจพยายามยัดเยียดให้กำไลทองได้เป็นคู่หมั้นของสดุดีแทนเกด ซึ่งนวลปรางค์ก็ยอมรับ แต่กำไลนิสัยไม่ดีและชอบแอบหนีเที่ยวกลางคืนไปตามผับดื่มเหล้ามากอีกด้วย วันหนึ่งมีงานแสง สี เสียง ที่อยุธยามี นายอำเภอสมศักดิ์ เป็นผู้ประสานงาน สดุดีพา ฟรานซิส มาร่วมงานด้วย ครูมาลาเป็นผู้ทำรายการแสง สี เสียง และยังส่งลูกศิษย์ไปร่วมกับคณะลูกทุ่งของประทีป สิน จัดรำวงลูกทุ่งหาเงินเข้าการกุศล สดุดีได้ยินเพลงเดิมที่การะเกดร้องอีกจึงจำได้ รีบไปที่จุดรำวงพบว่าเป็นการะเกด จึงสอบถามได้ความว่าชื่อ แก้วตา เป็นลูกของนายประทีปและนางสิน ฟรานซิสเองเมื่อเห็นการะเกดก็ติดใจในหน้าตาและเสียงร้องของการะเกด ครูมาลามาอีกคนจำการะเกดได้แต่ก็ได้รับคำตอบว่านั่นคือแก้วตาเช่นกัน ส่วนอ่ำรีบซ่อนหน้าไม่ให้ครูเห็น ครูมาลาเข้าใจดีว่านั่นคือการะเกด แต่แกล้งทำเป็นยอมรับและเอ่ยปากฝากฝังประทีปกับสินให้ดูแลการะเกดให้ดีและจะหางานให้ สดุดีไปพบครูมาลาเค้นเอาความจริง ทั้งสองตกลงกันลับ ๆ ว่าจะแอบช่วยเหลือการะเกดให้ได้ดี ดังนั้นแผนการช่วยเหลือการะเกดจึงเริ่มต้นขึ้น สดุดีแกล้งไปที่บ้านเกริกศักดิ์ถามหาการะเกดและรับกำไลไปเที่ยว ส่วนฟรานซิสก็พยายามช่วยลุ้นการะเกดให้มีชื่อเสียงให้ฝึกร้องเพลงดี ๆ โดยให้เจนนิเฟอร์ เพื่อนสาวฝรั่ง แต่ร้องเพลงไทยได้เพราะแม่เป็นคนไทยมาช่วยฝึกการะเกด จนมีงานแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยมีเกริกศักดิ์และนครเป็นผู้จัดงาน สดุดีและครูมาลาจงใจให้การะเกดรำเบิกโรงอวยพร เกริกศักดิ์ซึ่งนั่งดูกับปานใจ กำไล ถึงกับตะลึงแต่เมื่อสอบถามได้ความว่าชื่อแก้วตา ด้านเกริกศักดิ์ยังไม่อยากจะเชื่อถึงกับแอบไปพบการะเกด แต่การะเกดไม่ยอมรับ ปานใจคิดว่าการะเกดต้องปลอมตัวมากลั่นแกล้งจึงหาทางกำจัดการะเกดทุกวิถีทาง โดยให้กล้วย กับทับทิมแอบไปที่บ้านของสินเพื่อสืบเรื่อง อ่ำกลัวทุกคนรู้ความจริงจึงปลอมตัวทำเป็นคนพิการขาเป๋ มือแป ปากเบี้ยว และเปลี่ยนทรงผมจนทุกคนจำไม่ได้ วันหนึ่ง มีการประกวดดนตรีลูกทุ่ง ซึ่งนอกจากคณะของประทีป สิน แล้ว ยังมีคณะของสมหมาย และ แสงจันทร์ เข้าร่วมประกวดด้วย ทั้งสองคณะเขม่นกันตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นประกวด กล้วยและทับทิบให้สี่สาววางยาสลบการะเกด แต่คนที่รับเคราะห์คือแสงจันทร์ เพราะแสงจันทร์ไปดื่มน้ำที่ใส่ยาสลบ พอขึ้นร้องเพลงก็ทำให้หลับกลางเวที ส่วนการะเกดไม่ได้ดื่มน้ำที่วางยาสลบจึงไม่เป็นอะไร แต่แสงจันทร์กลับมองว่าการะเกดกลั่นแกล้ง เมื่อประกาศผลการะเกดได้รางวัลรองชนะเลิศ ทำให้แสงจันทร์ยิ่งเจ็บใจเป็นอย่างมากว่าเป็นเพราะการะเกดทำให้เธอเป็นฝ่ายแพ้ มีคนสนใจการะเกดให้ไปเป็นนักร้องในค่ายกันหลายค่าย โดยการแอบลุ้นของสดุดีซึ่งการะเกดไม่ยอมพูดจาดีด้วย แต่การะเกดก็แปลกใจเสมอว่ามักมีคนมาช่วยอยู่เบื้องหลังหลายเรื่อง การะเกดทำท่าจะชอบพอกับฟรานซิส กำไลมาบอกการะเกดว่าอย่าคิดมาแย่งสดุดีเด็ดขาด ถึงแม้การะเกดจะไม่ยอมรับว่าเป็นการะเกด แต่ทั้งปานใจและกำไลมั่นใจว่าเป็นการะเกดแน่ และพยายามกีดกันไม่ให้เกริกศักดิ์พบการะเกด เกริกศักดิ์ตรอมใจเสียใจเรื่องการะเกดจนล้มป่วย ประทีปและสินเห็นแก่อนาคตของการะเกดอ้อนวอนให้การะเกดไปเข้าค่ายเพลง ในที่สุดการะเกดและแสงจันทร์ก็ได้เป็นนักร้องในค่ายเดียวกัน และเริ่มเป็นที่รู้จักบ้างในฐานะนักร้องคนใหม่ของวงการ ในขณะที่กำลังเริ่มทำเพลงคณะของสินและประทีปกลับย่ำแย่เพราะขาดนักร้องนำอย่างการะเกด และสุขภาพก็เริ่มไม่ดี การเงินจึงขาดแคลน เมื่อการะเกดรู้ข่าวจึงอยากมาช่วยแต่ถูกทัดทาน การะเกดคิดหนักระหว่างบุญคุณกับชื่อเสียงส่วนตัว กำไลเสเพลเที่ยวจนท้องกับ โป้ง เพื่อนในกลุ่มที่เที่ยวด้วยกัน แต่โป้งไม่ยอมรับทำให้กำไลเสียใจมาก ปานใจเมื่อรู้ว่ากำไลท้องจึงพยายามจัดงานหมั้นให้กำไลกับสดุดีโดยเร็วที่สุด การะเกดก็ยึดฟรานซิสไว้เป็นที่พึ่งทำเหมือนว่าเป็นแฟนกัน การะเกดกลับมาเยี่ยมวงดนตรีของประทีป สิน ถึงแม้ถูกสั่งห้ามมาร้องเพลงตามวงเร่แบบนี้อีกการะเกดก็ทำ การะเกดเมื่อรู้ว่ากำไลท้องก็โกรธสดุดีมาก ไม่ฟังเหตุผลและบอกให้สดุดีไปแต่งงานกับกำไลซะ เพราะว่ายังไงกำไลก็เป็นน้องสาวของเธอ ในที่สุดสดุดีก็หมั้นกับกำไล ต่อมาปานใจพยายามจัดการให้สดุดีแต่งงานกับกำไลให้เร็วที่สุดเพราะกำไลเริ่มท้องโต แต่ในขณะที่กำลังจะแต่งงานกันกำไลก็ยังแอบหนีเที่ยว สดุดีจับได้และรู้ว่ากำไลท้องจึงปฏิเสธบ่ายเบี่ยง กำไลก็ออกเที่ยวและกินเหล้าเมาจนในที่สุดรถชนและแท้งลูก โป้งเมื่อรู้ว่ากำไลแท้งลูกจึงสำนึกผิดมาง้อกำไล ทำให้กำไลใจอ่อนเพราะในใจลึก ๆ ของกำไลก็ยังรักโป้งอยู่ สดุดีให้พิทยาช่วยสืบความจริงเรื่องการะเกด และเหตุผลนี้เองพิทยาก็บอกนวลปรางค์ไม่ได้ ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย ด้วยความที่นวลปรางค์หึงพิทยามาก และไม่อยากให้พิทยาเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหน พิทยาสืบรู้มาว่าวงของการะเกดกำลังแย่ สดุดีจึงแอบช่วยเหลืออีก เกริกศักดิ์ป่วยอยู่ก็เพราะถูกปานใจแอบวางยา เพราะเกริกศักดิ์ออกปากว่าจะยกมรดกให้การะเกดเป็นส่วนใหญ่ ให้กำไลนิดหน่อย และหวังว่าการะเกดต้องกลับมารับมรดกสักวัน เกริกศักดิ์ป่วยหนักเพ้อหาแต่การะเกด สดุดีไปบังคับเอาตัวการะเกดไปเยี่ยมเกริกศักดิ์ที่โรงพยาบาลจนได้ การะเกดรู้ว่าพ่อป่วยมากกำลังจะตายจึงบอกความจริงว่าเธอคือการะเกด เกริกศักดิ์ดีใจและเสียชีวิตในอ้อมแขนของการะเกด เมื่อความจริงปรากฏว่าแก้วตาคือการะเกด ปานใจกับกำไลแค้นมาก นครกับนวลน้อยดีใจจะจัดงานหมั้นให้ การะเกดอนุญาตให้ปานใจและกำไลพักอยู่ที่บ้านเดิม ส่วนตัวเองจะออกไปช่วยวงลูกทุ่งของประทีปและสินต่อไป ฟรานซิสเมื่อรู้ความจริงว่าที่แท้ทั้งสดุดี และการะเกด เป็นคู่หมั้นกันและรักกัน ฟรานซิสจึงตัดใจจากการะเกด และหันไปสนใจแสงจันทร์แทน ส่วนประทีปตายลงเหลือแต่สิน สินจึงไปบอกให้ครูมาลาขอร้องการะเกดให้ยุบวงและกลับไปหาค่ายเพลงที่ติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง และจะโปรโมตเรื่องราวชีวิตของการะเกดว่าเป็นนักร้องกตัญญู ในที่สุดการะเกดจึงตัดสินใจกลับไปเป็นนักร้องเข้าค่ายเพลงอีกครั้งและเลี้ยงดูสินในฐานะแม่ต่อไป ปานใจกับกำไลยังไม่หายแค้นทำลายชื่อเสียงของการะเกดต่อไป ปล่อยข่าวว่าการะเกดเป็นเมียเช่าฟรานซิส ฟรานซิสต้องไปแก้ข่าวให้ แต่แทนที่จะทำให้การะเกดดับกลับทำให้การะเกดดังมากขึ้น เมื่อออกแสดงคอนเสิร์ตงานแรกการะเกดก็ไดรับการต้อนรับล้นหลามด้วยเพลงนำที่ชื่อว่า ชะชะช่า ท้ารัก ที่แม่การะเกดเคยร้องได้รับการปรับปรุงใหม่ดังระเบิดไปทั่ว ด้านกำไลเมื่อกลับไปคบกับโป้ง โป้งก็สอนให้กำไลรู้จักอภัยและอย่าคิดแค้นเคืองใครอีก กำไลลึก ๆ ก็ยังไม่หายโกรธการะเกดเพราะแม่ปลูกฝังแต่เล็กว่าพ่อรักการะเกดมากกว่า แต่กำไลก็ทำใจไม่ให้ทำร้ายการะเกดอีก และไปเรียนต่อที่เมืองนอกกับโป้ง หลังเวทีคอนเสิร์ตครูมาลามารอพบการะเกด บอกความจริงว่าผู้ที่คอยลุ้นอยู่เบื้องหลังตลอดมาคือสดุดี เพราะเขาสืบจนรู้ว่าการะเกดคือคู่หมั้น การะเกดตกใจและดีใจ การะเกดจะเดินทางไปขอโทษสดุดีแต่ถูกปานใจส่งคนติดตามฆ่า แต่การะเกดก็เอาตัวรอดมาได้เพราะสดุดีรู้เช่นกัน ปานใจถูกจับเข้าคุกฐานฆ่าปานจิตและลอบวางยาพิษใส่ให้เกริกศักดิ์ และพยายามฆ่าการะเกด การะเกดดังไปทั่วมีสดุดีเป็นกำลังใจให้ ติดตามชมละคร ชะชะช่าท้ารัก ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 18.50 น. วันศุกร์ เวลา 18.30 น. และวันเสาร์ เวลา 18.20 น. ทางช่อง 7 ละคร ชะชะช่าท้ารัก เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2561

เพชรร้อยรัก 2561

เรื่องย่อ : เพชรร้อยรัก (2561/2018) เมื่อนางแบบสาวชื่อดังตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีปล้นเพชรและเหตุฆาตกรรม จนเธอเข้าไปพัวพันกับเจ้าของไร่หนุ่มผู้มีอดีตรักฝังใจ เพราะเขาคือคนเดียวที่เชื่อว่าเธอบริสุทธิ์ การไขคดีสุดอันตรายจึงดำเนินไปพร้อมกับการทลายกำแพงหัวใจของเขาให้เปิดรับรักใหม่อีกครั้ง (ที่มา : inter.bugaboo.tv)

พ่อมดเจ้าเสน่ห์ 2561

เรื่องย่อ : พ่อมดเจ้าเสน่ห์ (2561/2018) หลังจากที่แนนนี่ แม่มดรุ่นที่ 3 แต่งงานไปกับมนุษย์ นครเวทมนตร์ก็เงียบสงบเรื่อยมา เช่นเดียวกับชีวิตของคุณยาย ทาฮีร่า ซึ่งตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมเลี้ยงแม่มดให้เสียดุลแก่มนุษย์อีกต่อไป โลกมนุษย์กับโลกของเวทมนตร์ก็ดูเหมือนจะขาดจากกัน ถ้าหากไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น นาดาล พ่อมดผู้รักสงบ ไม่ค่อยสนใจที่จะศึกษาเวทมนตร์ จนทำให้เป็นพ่อมดที่อ่อนด้อยคาถาอาคมมากที่สุด เขาพอใจจะมีชีวิตที่เรียบง่าย สุขสบายกับภรรยาสาวสวยคือ ฮันนา และลูกชายฝาแฝดแรกเกิดคือ โรม และ แมทธิว เด็กทั้งสองถึงแม้จะเป็นฝาแฝด แต่หน้าตาไม่เหมือนกันนัก จนกระทั่งความสุขสงบของครอบครัวนาดาลต้องถูกทำลายลงด้วยฝีมือของพวกตระกูล อัครเดโชชัย ซึ่งเป็นตระกูลล่าแม่มด บรรพบุรุษของตระกูลนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของบรรดาพ่อมดแม่มดทั้งหลาย โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อฮันนาถึงคราวต้องร่างสลายไป ทำให้เธอเกิดรุ่มร้อนอยากออกไปเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งคลอดลูกแฝดได้ไม่เท่าไหร่ นาดาลพยายามห้ามปรามด้วยความสังหรณ์ใจ แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงต้องจำใจไปกับฮันนาด้วย ทั้งสองท่องเที่ยวโลกมนุษย์อย่างเพลิดเพลิน จนหลงเข้าไปในบริเวณสวนดอกไม้อันงดงาม ของอาณาเขตอันกว้างใหญ่ และดูลึกลับของตระกูลอัครเดโชชัย โดย คุณตลับ ซึ่งต้องรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแทน คุณพิชัย สามีผู้วายชนม์ด้วยน้ำมือของแม่มดผู้โหดร้ายตนหนึ่งชื่อ ลอร่า ลอร่าซึ่งรู้ว่าคุณพิชัยเป็นหัวหน้าตระกูลล่าแม่มด จึงใช้มารยาล่อลวงไปฆ่าทิ้ง สร้างความเคียดแค้นให้แก่คุณตลับเป็นอย่างมาก แม้เหตุการณ์จะผ่านมานานพอสมควร แต่ก็ไม่อาจลบล้างความแค้นของคุณตลับได้ ดังนั้นเมื่อฮันนากับนาดาลหลงเข้ามา คุณตลับจึงใช้เชือกวิเศษจับฮันนาซึ่งมีคาถาอาคมแก่กล้ากว่าสามี เข้าช่วยป้องกันเขาไว้ เธอจึงถูกจับแทน ส่วนนาดาลผู้หวาดกลัวหนีรอดไปได้ เพราะฮันนาไล่ให้กลับไปเลี้ยงลูกแฝดแทนเธอ ฮันนาถูกคุณตลับ และลูกชาย ลูกสะใภ้ รวมทั้ง ยายชด และ จัน หลานยายชด เผาร่างสลายไป โดย อุษณีย์ สะใภ้รอง ผู้มีจิตใจอ่อนโยนมีเมตตากรุณาเกิดความสลดใจเป็นอย่างยิ่ง และสังหรณ์ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดตามมา นาดาลหนีซมซานกลับมาบ้านด้วยความเสียใจ และความคั่งแค้นอาฆาตพยาบาท การสูญเสียฮันนาไปต่อหน้าต่อตา ทำให้นาดาลผู้รักสงบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาวางแผนนำแมทธิว ลูกแฝดคนน้อง ไปสับเปลี่ยนกับลูกชายซึ่งเพิ่งคลอดของครอบครัว ธงไชย และ กรองทอง ลูกชายคนโต และสะใภ้ใหญ่ของคุณตลับ เขาสะกดให้กรองทองตั้งชื่อลูกชายว่าแมทธิว และเขาตั้งชื่อหลานชายคุณตลับว่า เดวิด หลังจากนั้นเขาก็นำโรมแฝด แฝดคนพี่ ไปแอบทิ้งไว้ที่กระท่อมทาฮีร่า ด้วยทาฮีร่าเป็นแม่มดชั้นผู้ใหญ่ มีคาถาและอำนาจในเมืองเวทมนตร์ ถึงแม้จะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ด้วยวัยที่เข้าใกล้ 1,000 ปีไปแล้วก็ตาม ทาฮีร่าจึงได้เลี้ยงพ่อมดน้อยตามที่เคยคิดเล่น ๆ ไว้นานมาแล้ว ชีวิตของทาฮีร่ายังวุ่นวายได้อีก เมื่อ ชานนท์ หลานเขยคนที่สอง สามีของฮันนี่ ได้พาลูกสาวชื่อ โรซี่ มาฝากให้อบรมเลี้ยงดู เพราะหนูน้อยซนมาก แถมยังไม่กลัวใคร ประกอบกับได้ยีนด้อย ซึ่งทาฮีร่าเถียงว่าเป็นยีนเด่นของทางฝ่ายมารดา ทำให้โรซี่มีเวทมนตร์คาถาแบบแม่มดทั้งหลาย และใช้อย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก ก่อให้เกิดความวุ่นวายมาก ไม่มีใครเอาอยู่ ดังนั้นฮันนี่จึงให้สามีพาโรซี่มาฝากให้คุณทวดช่วยเลี้ยง ทาฮีร่ารับไว้ โดยมีข้อแม้ว่าเธอจะสะกดให้โรซี่เป็นเด็กเล็ก ๆ ตลอดไป ชานนท์ไม่ยอม แต่ผลสุดท้ายตกลงกันได้ว่าพบกันคนละครึ่งทาง นั่นคือ เมื่อใดที่โรซี่พ้นจากอ้อมอกคุณทวดไปอยู่กับพ่อแม่ในโลกมนุษย์ เธอถึงจะโตเป็นสาวได้ตามวัย การที่ทาฮีร่าต้องกลับมารับเลี้ยงแม่มดอีกทำให้ ชิคเก้น เยาะเย้ยทาฮีร่าเป็นอย่างมาก โรม แมทธิว และเดวิด เติบโตขึ้นตามสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอม โดยโรมเติบโตเป็นพ่อมดเจ้าเสน่ห์ เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ครบถ้วน นั่นคือรูปงาม ฉลาดจนเรียนจบหมออยู่ในโรงพยาบาลเมืองเวทมนตร์ โรมอารมณ์ดี มีเมตตา มองโลกสวย ขี้เล่น กุ๊กกิ๊ก ในขณะที่แมทธิวได้รับการอบรมจากย่าตลับ เพื่อให้เป็นนักล่าแม่มด เขาจึงค่อนข้างเคร่งขรึม จริงจังกับชีวิต แมทธิวเรียนเก่งจนเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลเดโชชัย เขามีดวงตาสีเขียวเช่นเดียวกับโรม แต่ไม่มีใครสงสัย เพราะคิดว่าแมทธิวได้สืบทอดคุณสมบัตินี้มาจากต้นตระกูล ซึ่งเป็นชาวตะวันตก ส่วนเดวิดก็เรียนเก่งจนเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเวทมนตร์เช่นเดียวกัน เขาเป็นคนเคร่งเครียด มุ่งมั่นศึกษาคาถาอาคมตามที่นาดาลต้องการ นาดาลเข้มงวดคอยบังคับ แถมยังโหดเหี้ยมใจร้ายใจดำกับเดวิด แต่เดวิดกลับมองว่าพ่อต้องการให้เขาแก้แค้นให้แม่ที่ถูกมนุษย์เผาทั้งเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่นาดาลฝังหัวเดวิดตั้งแต่เริ่มรู้ความ ถึงแม้เดวิดจะเป็นมนุษย์ แต่เขาสามารถเรียนคาถาอาคมได้ เนื่องจากสืบเชื้อสายมาจากพวกล่าแม่มด นาดาลเฝ้าดูความเจริญเติบโตทั้งร่างกาย จิตใจ และพัฒนาการความเก่งกล้าทางด้านคาถาอาคมของทั้งสามคนด้วยความพอใจ เขาวางแผนจะให้เดวิดฆ่าพ่อแม่พี่น้อง และย่าของตัวเองโดยความร่วมมือของโรมผู้เก่งกาจ และแมทธิวจะเป็นสายชั้นยอดให้เขา เมื่อทั้งโรมและแมทธิวรู้กำเนิดอันแท้จริงของตัวเอง ด้วยดวงชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว โรมได้พบกับ ณิศรา ตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเขาหนีไปเที่ยวเมืองมนุษย์ตามคำชักชวนของโรซี่ ซึ่งแอบชวน โมนา แม่มดกำพร้าผู้หมั่นเพียรฝึกฝนเวทมนตร์จนเก่งกล้าเพื่อลบปมด้อยของตัวเอง โรมไม่ค่อยชอบณิศรานัก ด้วยเห็นว่าเป็นเด็กใจร้ายชอบรังแก มาริสา แต่เมื่อโมนาลงโทษความร้ายกาจของณิศรา โรมก็ช่วยเธอเอาไว้เพราะทั้งสองมีชะตาผูกพันกันมา ณิศราเป็นลูกสาวคนเล็กของ ไพจิตร และอุษณีย์ ถูกตามใจจนนิสัยเสีย โดยชอบแกล้งมาริสาซึ่งเป็นลูกของธงไชยกับจัน หลานยายชด ด้วยแรงยุยงของ กุลนภา ซึ่งเป็นลูกของธงไชยและกรองทอง ณิศราเองก็ถูกโมนากลั่นแกล้งเช่นกัน ซึ่งบางครั้งก็เกือบถึงแก่ชีวิต เพราะโมนารู้ว่าโรมและณิศรามีดวงชะตาผูกพันกัน แมทธิวนั้นก็มีดวงชะตาผูกพันกับมาริสา เขารู้สึกเอ็นดู และเมตตาเธออย่างลึกซึ้ง เช่นเดียวกับมาริสาซึ่งรักและภาคภูมิใจ ห่วงใยพี่ชายคนนี้มาก แต่ความรู้สึกเหล่านี้ถูกเข้าใจว่าเป็นเพราะความเป็นพี่น้องกัน โรม เดวิด และโมนาก็ได้สมัครมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลเดโชชัย โดยโรมและโมนาอยากเรียนรู้และรู้จักมนุษย์ให้มากขึ้น ประกอบกับนาดาลซึ่งเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลเวทมนตร์ยุยงแบบเนียน ๆ ส่วนเดวิดก็ไปด้วยเพราะเป็นคำสั่งของบิดา ปฏิบัติการแก้แค้นของนาดาลเริ่มขึ้นแล้ว ที่โรงพยาบาลเดโชชัย บุคลากรที่นั่นรวมทั้งคนไข้ต้องประสบกับความแปลกประหลาด และความวุ่นวายต่าง ๆ นานา ซึ่งปกติก็วุ่นวายอยู่แล้ว เพราะคนไข้กิตติมศักดิ์ชื่อ คุณปรารถนา เธอคิดว่าเธอเดือดร้อนเพราะยุงมาปัสสาวะรดเกลื่อนกราดในห้อง และเมื่อทาฮีร่าปลอมตัวมาในรูปแบบต่าง ๆ พยาบาลบ้าง คนไข้บ้าง ยิ่งทำให้คุณเพ็กกี้เจอสิ่งประหลาด ๆ มากขึ้น ในที่สุดความปรารถนาของนาดาลก็ประสบผลสำเร็จ เดวิด แมทธิว และโรมเข้าทำร้ายทำลายตระกูลเดโชชัย นาดาลใช้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อผลักดันให้ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์ โดยนาดาลยอมแลกกับชีวิตของตัวเอง ซึ่งผลสุดท้ายพลังชีวิตของนาดาลก็แตกดับไปจริง ๆ ความเคียดแค้นทั้งหลายจบลงได้ด้วยทาฮีร่า ซึ่งพยายามเรียกสติของโรม และแมทธิวคืนมา เมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผยพร้อม ๆ กับร่างที่ใกล้สลายของนาดาล ทุกคนอโหสิกรรมให้แก่กัน โรมลงเอยกับณิศรา แมทธิวกับมาริสา โมนาพยายามตัดใจจากโรมและพยายามให้กำลังใจเดวิดด้วยความสงสาร ชิคเก้นเยาะเย้ยทาฮีร่าที่แม้จะเปลี่ยนมาเลี้ยงพ่อมดก็ยังต้องเสียดุลให้มนุษย์ผู้หญิงไป ทาฮีร่าเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ว่า เธอยังเหลือโรซี่ และโรซี่จะไม่มีวันทำให้เธอผิดหวัง เพราะนิสัยเหมือนเธอมาก แต่เมื่อสบนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของโรซี่ และคำพูดของโรซี่ที่ว่า "เธอชักจะชอบโลกมนุษย์" ก็ทำให้ทาฮีร่าเริ่มไม่แน่ใจ ติดตามชมความสนุกของละคร พ่อมดเจ้าเสน่ห์ ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 ละคร พ่อมดเจ้าเสน่ห์ เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2561

เทพสามฤดู 2560

เรื่องย่อ : เทพสามฤดู (2560/2017) ณ นครอุดม มีท้าวตรีภพเป็นเจ้าผู้ครองเมือง มีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระมเหสีมณี และพระมเหสีทัศนีย์ แต่ยังไม่มีพระราชบุตรเพื่อสืบสันตติวงศ์ จึงได้ทำพิธีบวงสรวงต่อพระอิศวรเพื่อขอพระโอรส เมื่อพระอิศวรรับทราบด้วยญาณแล้ว จึงได้ให้มาตุลีไปตามพระพิรุณมาเฝ้า เพื่อเตรียมจุติลงไปยังเมืองมนุษย์ แต่ทว่าพระราหูและนางจินดาเมขลาต้องการเสด็จลงไปด้วย จึงได้ปรึกษากัน โดยพระราหูเสนอให้ทั้ง 3 พระองค์จุติยังเมืองมนุษย์ตามฤดูกาล โดยฤดูร้อนจะเป็นพระราหู ฤดูฝนเป็นพระพิรุณ ฤดูหนาวเป็นนางจินดาเมขลา เวลาผ่านไป 5 ปี พระมเหสีมณีก็ยังไม่มีพระประสูติกาล โหรหลวงนึกได้ว่ายังไม่ได้แก้บน ท้าวตรีภพจึงได้จัดพิธีแก้บน พระอิศวรทราบจึงได้แจ้งให้เทพทั้งสามลงไปจุติยังมนุษย์ เมื่อพระมเหสีมณีมีพระประสูติกาลออกมาเป็นเด็กมีเขี้ยวเหมือนยักษ์ (เนื่องจากเป็นฤดูร้อน) ทำให้ทุกคนแปลกใจว่าทำไมพระโอรสเกิดมาเป็นยักษ์ ท้าวตรีภพจึงสั่งให้นำพระโอรสไปลอยแพ แพของพระโอรสราหู มาเกยอยู่ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง คืนนั้น งั่ง ผีกระหังซึ่งถูกขับไล่จากหมู่บ้าน เข้ามาพบพระโอรสราหู จึงหมายจะเอาไปกิน แต่ราหูตื่นขึ้นมาจึงรีบวิ่งหนี จนไปพบกับพระฤๅษีโคดม พระฤๅษีจึงทำการปราบงั่ง โดยโยนสร้อยประคำเข้าไปที่คอ และท่องคาถา "เก้าอี้ จู้จี้ แก้ได้ ใต้ตู้ บู้บี้ มีไข้ ไปป่า ได้เต่า" สร้อยประคำรัดที่คอของงั่งจนต้องยอมแพ้ พระฤๅษีจึงนำราหูกลับไปที่อาศรม ราหูจึงได้ศึกษาวิชาที่อาศรมของพระฤๅษี โดยมีงั่งเป็นพี่เลี้ยง ฝ่ายพระมเหสีมณี หลังจากเสียลูกไป ก็ทรงโทมนัส พระมเหสีทัศนีย์เห็นว่ามณีประสูติพระโอรสเป็นยักษ์ จึงวางแผนทำการใส่ร้ายว่ามณีแอบคบยักษ์ ท้าวตรีภพทรงเชื่อจึงได้เนรเทศมณีออกจากเมือง และต่อมาได้สั่งให้ประหารเสีย แต่มีสัตว์ประหลาดชื่อว่าวิปริตเข้ามาหมายจะเอามณีเป็นเมีย วิปริตจัดการพวกเพชรฆาตจนหมด มณีหนีต่อไปจนพบลิงชื่อนันทเสนและยักษ์ชื่อสุระผัด นันทเสนฆ่าวิปริตตาย สุระผัดกับนันทเสนรบกันเองเพื่อแย่งมณี จนพระฤๅษีโคบุตรต้องมาห้ามศึก โดยให้สู้จนหมดแรง ทั้งสองจึงยอมรับผิดและมาขอโทษพระฤๅษีโคบุตร นันทเสนจึงพาพระฤๅษีโคบุตรไปยังศพของวิปริต พระฤๅษีโคดมจึงทำการรวมร่างของนันทเสนและวิปริตเข้าด้วยกันเพื่อเป็นการไถ่บาป ฝ่ายเทพสามฤดูได้ร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีโคดมจนครบถ้วนแล้วพระฤๅษีได้ขอประทานอาวุธจากพระอิศวร ให้ไว้ใช้ป้องกันตัว พระอิศวรประทานอาวุธคือ กระบองแก้วของพระราหู, พระขรรค์ของพิรุณ และลูกแก้วของจินดาเมขลา จากนั้นเทพสามฤดูจึงออกเดินทางตามที่พระฤๅษีได้แนะนำไว้ ไปพบถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในมีสมบัติจำนวนมาก ด้วยความโลภงั่งจึงขนสมบัติออกมา ยักษ์หินที่เฝ้าปากถ้ำจึงออกอาละวาดงั่งกับราหู จนราหูต้องรีบนำสมบัติไปคืน แต่ก่อนจะถึงถ้ำ มีคนธรรพ์ตนหนึ่งรับสมอ้างว่าเป็นสมบัติของเขา ราหูไม่เชื่อจึงสู้กันจนคนธรรพ์หมดสภาพ จากนั้นราหูจึงเอาสมบัติที่ขโมยไปคืน ยักษ์หินจึงหมดฤทธิ์กลับไปที่ปากถ้ำเหมือนเดิม ต่อมาระหว่างเดินทางไปพบกับนันทเสนที่ป่ากล้วย นันทเสนเข้าใจว่ามีใครบินข้ามหัว จึงเข้ารบกับราหูจนถึงขั้นที่พระอิศวรต้องส่งมาตุลีไปห้ามศึก จากนั้นมาตุลีก็ให้ทั้ง 3 ไปยังอาศรมของพระฤๅษีโคบุตร ที่อาศรมของพระฤๅษีโคบุตร มณีได้พบกับจินดาเมขลา จากนั้นทั้งหมดก็กราบลาพระฤๅษีเพื่อเดินทางกลับเมือง โดยพระฤๅษีได้มอบระฆังแก้วเพื่อไว้ใช้เรียกสุระผัดและนันทเสนเวลาเกิดปัญหา ระหว่างทางไปเจอเมืองยักษ์ มีท้าวอนันตวงศ์เป็นผู้ปกครอง มีนางโชตะนาเป็นมเหสี ท้าวอนันตวงศ์ต้องการหาภรรยาใหม่ จึงได้ลักพาตัวมณีกลับไปยังเมืองของตน ทำให้โชตะนาไม่พอใจ ตัดสินใจเดินทางไปหาท้าวจักรวรรดิผู้เป็นพี่ชาย ท้าวจักรวรรดิเดินทางมาเจอจินดาเมขลาก็ต่อสู้กัน ท้าวจักรวรรดิใช้พัดชีวิตพัดให้จินดาเมขลากับงั่งสลบ แล้วพาไปยังเมืองของท้าวอนันตวงศ์ เกิดการสู้กันระหว่างยักษ์ 2 ตน เมื่อเทพทั้งสามเจริญวัยขึ้น พระพิรุณได้ขอองค์เหนือหัวตรีภพไปท่องเที่ยว ครั้นฤดูร้อนพระราหูเดินทางไปยังนครโรมิสัยได้พบกับพระธิดาสุวรรณพรพระธิดาสุวรรณอัมพรพรจึงโยนพวงมาลัยไปให้พระราหู

อุทัยเทวี 2560

เรื่องย่อ : อุทัยเทวี (2560/2017) ณ เมืองบาดาล ธิดาพญานาคหนีมาเที่ยวเมืองมนุษย์และพบรักกับรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ใน ต้นไม้ริมสระน้ำ ธิดาพญานาคตั้งครรภ์รอจนคลอดเป็นไข่ฟองหนึ่ง จึงใช้สไบห่อไข่และพ่นพิษคุ้มครองไว้ก่อนแล้วลงกลับไปเมืองบาดาล บังเอิญมีนางคางคกผ่านมาเห็นจึง กินไข่และตายด้วยพิษพญานาค พอดีกับไข่ฟักเป็นเด็กหญิงซึ่งคิดว่านางคางคกเป็นแม่ของตน จึงอาศัยอยู่ในซากคางคกเน่าๆ ตายายสองผัวเมียมาตกปลาพายเรือผ่านมาเห็นเข้าก็ช่วยเลี้ยงดูจนโต ตั้งชื่อให้ว่าอุทัยเทวี อุทัยเทวีได้แต่งงานกับเจ้าชายสุทธราช ซึ่งก่อนแต่ง ตากับยายได้มีข้อกำหนดว่า ต้องสร้างสะพานทองตั้งแต่วัง จนถึงบ้านตายยายแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี อุทัยเทวีจึงเป็นสะใภ้แห่งเมืองหลวง มารดาของเจ้าชายไม่ค่อยชอบอุทัยเทวีนัก จึงหาทางให้ลูกของตนเป็นของคนอื่นไป ซึ่งนั่นคือ เจ้าชายต้องไปแต่งงานกับเจ้าหญิงฉันทนา ซึ่งอุทัยเทวีก็ตามไปด้วยตามสัญญา เจ้าหญิงฉันทนาคิดกำจัดอุทัยเทวีโดยฆ่านางอุทัยเทวี แต่พ่อของอุทัยเทวี ช่วยไว้ จึงบอกว่าให้รอแก้แค้นนางฉันทนาอยู่นอกวัง ต่อมาไม่นานนางฉันทนากลุ้มใจเรื่องผีนางอุทัยเทวีจะมาหลอก หัวจึงหงอก ผมที่เคยดำกลับขาวไปทุกเส้น จึงเอาผ้าพันศีรษะไว้ตลอดเวลา ต่อมานางอุทัยเทวีแปลงกายเป็นแม่ค้าขายขนมแก่ๆผ่านมา ซึ่งผมดำยาวสลวยผิดกับนางฉันทนา นางฉันทนาเห็นเข้าจึง คิดว่ายายแก่คนนี้ก็มีเคล็ดลับในการบำรุงรักษาผมอย่างแน่นอน จึงให้ยายแก่เข้าไปในวัง และให้รักษาผมของตนเองให้ แต่นางอุทัยเทวีก็จะรักษาให้ แต่ต้องยอมให้ทำทุกอย่าง ห้ามถามอะไรทั้งสิ้น นางฉันทนาตกลง จึงนอนลงแล้วนางอุทัยเทวี ก็เอามีดโกนโกนผมนางฉันทนา ออกจนหมด แล้วกรีดศีรษะนางฉันทนาแล้วเอาปลาร้าให้หม้อครอบหัวนางฉันทนาไว้ และห้ามเอาหม้อออกก่อนวันที่ 7 แต่ไม่ถึง นางฉันทนาทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงสิ้นใจตาย เจ้าชายสิทธิราช รู้ดังนั้นจึงกลับไปเมืองของตน ซึ่งก็ยังเห็นอุทัยเทวีอยู่ที่เมืองอยู่ก็ทรงโล่งใจ อุทัยเทวี ได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน

อกธรณี 2560

เรื่องย่อ : อกธรณี (2560/2017) รถสามล้อถีบที่ชายหนุ่มชาวกรุง ลอย (เขตต์ ฐานทัพ) นั่ง กำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์และหอพระอิศวรมาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันที ทันใดนั้น กำไล (ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ที่กำลังรำนำหัวขบวนได้เจอกับลอย ด้วยความดีใจเธอทิ้งขบวนมาหาเขา และบอกว่าลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ลอย บุญลือ เด็กชายผู้ไม่มีพ่อแม่อาศัยอยู่กับ ย่าจันทร์ (เมตตา รุ่งรัตน์) ลอยเป็นคนขี้เกียจเรียน แต่ย่าก็ไม่ได้ให้เลิกเรียน ในชีวิตรั้วโรงเรียนลอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหัวโจกลูกนายอำเภอ ถวิล วิทยพันธุ์ (อู-ภาณุ สุวรรณโณ) และลูกไล่ 2 คนชื่อ สมพงษ์ (วรพรต ชะเอม) กับ เอียด (ฉัตรมงคล บำเพ็ญ) ตลอดเวลา วันหนึ่ง โฉม (ปิยะดา เพ็ญจินดา) แม่ของลอยจะมารับไปอยู่ด้วย ย่าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของพ่อแม่ให้ลอยฟัง ว่าลอยเป็นลูกนายอำเภอพ่อเดียวกับถวิลทำให้ลอยรู้สึกตกใจมาก ด้านชีวิตการเรียนลอยโชคดีที่มี สารภี (ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก) พี่สาวของกำไลคอยช่วยติวหนังสือให้ ความสนิทสนมของทั้งคู่กลายเป็นความรักเมื่อทั้งคู่โตเป็นหนุ่มสาว ชีวิตของลอยกำลังดำเนินไปด้วยดี จนวันหนึ่งลอยได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตว่าย่าจันทร์ตาย ลอยจึงต้องใช้ความรู้ในการทำขนมจากย่าจันทร์ทำขนมขาย โดยมีสารภีและกำไลเป็นผู้ช่วย ลอยส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมัธยม 6 เขาบอกสารภีว่าจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย กรุงเทพฯ เพื่อให้มีความรู้สูง ๆ จะได้กลับมาสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นหน้าเป็นตาแก่สารภี ตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ ลอยและสารภีเขียนจดหมายรักถึงกันเสมอ ณ วันนี้ ลอยกลับมาบ้านเกิด ลอยให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอสารภีจาก ผู้ใหญ่คล้อย (วันชัย เผ่าวิบูล) พ่อของสารภีและกำไล แม้ผู้ใหญ่คล้อยจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่ขัดขวางความรักของลูกสาว ก่อนถึงวันแต่งงาน ครูสมพงษ์ ผู้ที่แอบรักสารภีก็ยังไม่เลิกหาทางช่วงชิงสารภีจากลอยทุกวิถีทาง วันหนึ่งคล้อยมีธุระไม่อยู่บ้านแต่ด้วยความเป็นห่วงภรรยา นางผ่อง (วรารัตน์ เทพโสธร) แม่ของสารภีกับกำไล เพราะเป็นโรคหัวใจเจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่ นายคล้อยจึงย้ำให้สารภีดูแลแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น สารภีกีดกันไม่ให้กำไลดูแลแม่ กำไลร้องไห้หนักมากจนเผลอหลับไป กำไลตื่นเพราะเสียงฟ้าร้องเธอจึงเดินไปห้องสารภี เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในความมืด เมื่อลอยเข้าใจผิดคิดว่ากำไลเป็นสารภีจึงกอดจูบ ซึ่งด้วยความรักที่ฝังลึกในใจทำให้กำไลยินยอมมอบความสาวให้แก่ชายที่เธอรักโดยมิหวังผลตอบแทนใด ๆ และจะไม่มีวันที่ใครจะรู้ นอกจากเธอคนเดียว แต่เมื่อรุ่งสางทันทีที่สารภีเปิดประตูกลับเข้าห้องนอนตนเองภาพที่เห็น คือ ลอยนอนกอดกำไลอยู่บนเตียงของเธอ ! เธอถอดแหวนหมั้นปาใส่หน้าลอย ประกาศตัดขาดลอย ทำให้นางผ่องโรคหัวใจกำเริบเสียชีวิต คล้อยและสารภีโกรธกำไลและลอยมาก ถึงกับประกาศไล่กำไลออกจากบ้านและห้ามมาร่วมงานศพผู้เป็นแม่ กำไลร้องไห้ซบลงกับผืนดินกราบศพแม่ น้าแม้น (ครูมืด-ประสาท ทองอร่าม) มาชวนกำไลให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ลอยรู้สึกผิดขอโอกาสชดใช้สิ่งที่เขาทำด้วยการขอกำไลแต่งงาน กำไลไม่ตกลงและหนีไปโดยทิ้งจดหมายบอกว่าเธอไม่มีวันแต่งงานกับลอยเด็ดขาด กำไลไปอยู่บ้าน เมี้ยน น้องสาวของแม้นอีกหมู่บ้านหนึ่ง วันหนึ่งสารภีรู้สึกตัวว่าท้องจึงต้องยอมแต่งงานกับลอยทั้งที่ความรักกลายเป็นความเกลียดไปแล้ว เป็นช่วงเดียวกับลอยได้งานที่กรุงเทพฯ คล้อยจึงขายที่นาตามลอยและสารภีไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่กรุงเทพฯ ชีวิตคู่ของลอยกับสารภีไม่สู้ดีนัก เพราะความฟุ้งเฟ้อของสารภี เงินเดือนลอยไม่พอให้เธอใช้ สารภีจึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า ทำให้ได้เจอกับ ถวิล วิทยพันธุ์ หุ้นส่วนใหญ่ของห้างฯ สารภีฟุ้งเฟ้อเผลอใจไปกับถวิล เมื่อสารภีคลอดลูกสาวเธอไม่สนใจลูกเลย ลอยรู้สึกผิดหวังมากเขาขอให้สารภีเลี้ยงดูลูกบ้างเพื่อต่อไปลูกจะได้รัก สารภีหัวเราะเยาะ สารภีบอกจะให้เงินซื้อนมแลกกับใบหย่า และบอกว่าลอยเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารจะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี ลอยโกรธทำร้ายสารภี แต่เมื่อได้ยินเสียงลูกร้องลอยจึงได้สติ ลอยตัดสินใจหย่าเพื่อลูก สารภีแถมเงินให้หนึ่งหมื่นบาทสำหรับใบหย่า ขณะที่กำไลอธิษฐานขอพรให้ลอยที่พระประธาน เมื่ออธิษฐานเสร็จกำไลได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่ด้านหลังพระประธาน แล้วลอยก็ปรากฏตัว ลอยเล่าเรื่องสารภีให้กำไลฟัง ลอยบอกกำไลว่าเขาเป็นมะเร็งจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานกำไลตกใจแทบสิ้นสติ เธอบอกว่าชีวิตลอยมีค่าสำหรับเธอ เธอขอให้ลอยแต่งงานกับเธอ แม้ลอยจะมีชีวิตอยู่ได้แม้อีกเพียงวันเดียวก็มีค่ายิ่งสำหรับเธอ ลอยกอดกำไลร้องไห้ซาบซึ้งในความดีอันเสมอต้นเสมอปลายของเธอ ลูกของลอย หลวงพ่อที่วัดป่าขอมตั้งชื่อให้ว่า ฬุริยา ชื่อเล่น ไผ่ (ชิงชิง-คริษฐา สังสะโอภาส) กำไลเป็นคนทำงานหาเงินเข้าบ้าน วันหนึ่งในขณะกำไลและลูกหลับ ลอยตัดสินใจออกจากบ้านเพราะทนให้กำไลต้องหาเลี้ยงตนเองต่อไปไม่ได้ เขาเขียนจดหมายขอให้กำไลเลี้ยงลูกให้ด้วย การจากไปของคนที่เธอรักทำให้กำไลทุกข์อย่างที่สุด ทุกวันกำไลจะเฝ้าอธิษฐานกับพระประธานที่โบสถ์ และที่รองรับทุกข์อีกแห่งของกำไล คือ ผืนแผ่นดิน กำไลได้แต่ซบหน้าร้องไห้กับแผ่นดิน เหมือนซบหน้ากับอกแม่ แต่นี่คือ อกแม่ธรณี….อกธรณี…ที่คอยซับน้ำตาให้กำไล กำไลเลี้ยงไผ่ด้วยความหวังว่าสักวันลอยจะกลับมา เมื่อไผ่โตเป็นสาว ไผ่มีความแก่นแก้วห้าวเฮี้ยว มีคู่หูเป็นชายรุ่นโตกว่าชื่อ ลออ (เติมมงคล หวังในธรรม) พลตรีมหศักดิ์สุนทร (ตฤณ เศรษฐโชค) และ คุณหญิง (รัตนา ข้องตระกูล) ต่อว่า วิมาน (บิว-วรพล จินตโกศล) ลูกชายที่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กและจบเกษตรกลับมา แต่ยังทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่ยอมทำงาน คุณหญิงต้องการให้วิมานแต่งงานกับ โลมตา (ฟิลม์-ฉัตรดาว สิทธิผล) สาวนักเรียนนอกลูกสาว ถวิล วิทยพันธุ์ วิมานไม่เต็มใจและหนีงานแต่งงานโดยเขียนจดหมายบอกสาเหตุที่หนีพิธีแต่งงานว่า เพราะเขาได้ยินโลมตาพูดกับเพื่อนว่าเธอแต่งงานกับวิมานเพื่อเงิน เพราะตอนนี้บ้านเธอกำลังล้มละลาย วิมานบอกพ่อว่าเขาขอใช้ชีวิตอย่างคนจนอย่างไม่เป็นลูกพลตรี เพื่อจะพบผู้หญิงที่รักตัวเขาไม่ใช่รักเงิน วิมานไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ จ.นครศรีธรรมราช เพราะ นพ.สินสิริ (นคินธร ภาษยวรรณ์) เพื่อนสนิทเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่นั่น ที่นี่วิมานได้พบกับ ฬุริยา หรือ ไผ่ เพียงครั้งแรกที่เจอกันวิมานก็คิดถึงเธออย่างฝังใจ เมื่อกำไลได้เจอกับวิมานกำไลรู้สึกทันทีว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรกับลูกสาวของตนแน่ กำไลได้พูดคุยถามประวัติวิมานว่าเป็นใคร พักที่ไหน วิมานตอบข้อซักถามของกำไลว่าเขาชื่อ ธง มีฐานะยากจนจึงมาขออาศัยอยู่กับพระที่วัดป่าขอม แต่แล้วความจริงของวิมานถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อวิมานถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ามารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ไผ่เป็นห่วงวิมาน จึงหาทางไปเยี่ยมไผ่ที่กรุงเทพฯ ทันทีที่ไปถึงห้องพักของวิมานไผ่พบกับโลมตา โลมตาไม่ยอมให้ไผ่เยี่ยมวิมาน ไผ่จึงบอกว่าเธอเป็นคนรักของเขา โลมตาเหยียดเย้ยไผ่ว่าวิมานไม่มีวันมีคนรักเป็นสาวบ้านนอกเป็นอันขาด ไผ่และกำไลช็อกเมื่อรู้ว่า ธง เด็กวัดคนนั้นแท้จริงเป็นหนุ่มนักเรียนนอกลูกมหาเศรษฐี โลมตาบอกว่าวิมานกับเธอกำลังจะแต่งงานกัน ไผ่ร้องไห้ชวนกำไลกลับ โลมตาเล่าเรื่องไผ่ให้ถวิลและสารภีฟัง สารภีคิดว่าสาวบ้านนอกนั้นเป็นลูกสาวของกำไลน้องสาวของเธอ โดยที่เธอไม่ได้คิดว่าแท้จริงแล้วไผ่คือลูกสาวของเธอที่เกิดกับลอย สารภีจึงช่วยโลมตาลูกเลี้ยงอย่างเต็มที่ โดยให้เอียดคนที่ทำร้ายวิมานไปทำร้ายไผ่และกำไลขั้นรุนแรง กำไลได้งานทำที่บ้านฝรั่ง เอียดลอบวางยาไผ่และกำไลจนหมดสติแล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาบ้าน แต่ฝนตกลงมาอย่างหนักดับไฟก่อนที่จะไหม้สองแม่ลูก ทนายของ โฉม (ปิยะดา เพ็ญจินดา) แจ้งสารภีว่าโฉมได้ทำพินัยกรรมยกเงินจำนวนมากให้ลอย สารภีดีใจมากบอกว่าลอยตายแล้ว ทนายบอกว่าสารภีไม่มีสิทธิ์รับเพราะแต่งงานใหม่ ผู้ได้รับมรดกคือ ลูกของลอยเท่านั้น สารภีบอกว่าลอยไม่มีลูก แต่ทนายบอกว่าสืบมาแล้วว่าลอยมีลูกสาวกับสารภีชื่อไผ่ และให้สารภีตามไผ่มายืนยัน สารภีอ้อนวอนขอไผ่คืนจากกำไล แต่กำไลปฏิเสธและด่าอย่างเจ็บแสบ สารภีหว่านล้อมให้เห็นแก่อนาคตของไผ่ กำไลขอสารภีพบพ่อ อยากกราบเท้าขออภัยพ่อ แต่สารภีโกหกว่าพ่อไม่เคยอยากพบกำไล พ่อไม่ยกโทษให้กำไล ทั้ง ๆ ที่นายคล้อยพูดตลอดเวลาที่มาอยู่กรุงเทพฯ ว่าอยากพบกำไล และไม่ถือโทษกำไลแล้ว กำไลตัดสินใจจากไผ่ไปทิ้งจดหมายเขียนด้วยถ้อยคำที่ไร้เยื่อใย และให้นามบัตรของสารภีสั่งให้ไผ่ไปอยู่กับสารภี กำไลเดินทางโดยทางเรือ พายุฝนฟ้าคะนองหนักมาก จนเรือที่กำไลโดยสารถูกพายุพัดจมทะเลเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ไผ่ร้องไห้ปิ้มว่าจะขาดใจ สารภีปลอบใจไผ่ ทนายของโฉมบอกไผ่ว่า ไผ่คือลูกของลอยกับสารภีจะเป็นผู้ได้รับเงินมรดกห้าล้านบาท ไผ่ไม่ต้องการเงินทองใด ๆ มากไปกว่าแม่กำไล จึงไม่ยอมรับสารภีว่าเป็นแม่ ทำให้สารภีไม่ได้มรดก สารภีโกรธมากจึงใช้งานหนักสารพัดเพื่อให้ไผ่ทนไม่ได้ และยอมรับว่าเธอเป็นแม่จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แต่ไผ่ขอก้มหน้าทำงานโดยไม่ปริปากบ่นเลย เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อโลมตา สารภี และถวิลไล่ยิงไผ่ สารภีห้ามแต่โลมตาไม่ฟัง สารภีจึงยิงโลมตาโดยไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า แต่โลมตาตาย ถวิลจึงยิงสารภี วิมานและถวิลต่อสู้กันถวิลสู้วิมานไม่ได้ ทันใดนั้นลอยปรากฏตัวขึ้น สารภีสำนึกผิดขอให้ลอยบอกว่าไผ่คือลูกของเธอ ลอยบอกว่าไม่ใช่ ไผ่เป็นลูกของกำไล สารภีตายไปทั้งที่ยังพร่ำหาลูก ส่วนถวิลถูกตำรวจจับ ลอยบอกกำไลว่าหลังจากหนีกำไลไป เขาเจอกับพ่อค้าจีนพาไปรักษาตัวที่ไต้หวันและรับเป็นลูกบุญธรรม เมื่อพ่อค้าจีนตายได้ยกมรดกให้ เขาจึงกลับมาหากำไล กำไลแนะนำให้ไผ่รู้จักลอย พ่อลูกโผเข้าหากัน ลอยโอบไผ่ไว้ข้างหนึ่ง โอบกำไลอีกข้างหนึ่ง ครอบครัวมีความครบบริบูรณ์ พ่อ-แม่-ลูก ติดตามชมความเข้มข้นของละคร อกธรณี ได้ทุกวัน เวลา 18.50 น. ทางช่อง 7 สี ละคร อกธรณี เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560

โซ่เสน่หา 2560

โซ่เสน่หา (2560/2017) ปราลี หญิงสาวสวยที่เพิ่งเรียนจบกำลังมีปัญหากับ แสงระวี ผู้เป็นแม่เพราะหลังพ่อเสียชีวิตจากโรคมะเร็งไม่ถึงปี แสงระวีก็คิดจะพา สารัตน์ นักร้องในบาร์เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ปราลีประกาศกร้าวไม่ยอมให้แม่พาผู้ชายคนใหม่เข้าบ้านเด็ดขาดและหากแสงระวียังดื้อดึงปราลีจะออกจากบ้านทันทีเพราะไม่ต้องการอยู่ร่วมบ้านเดียวกับชายคนใหม่ที่อายุน้อยกว่าแม่เป็นสิบปี แสงระวีคิดว่าปราลีเอาแต่ใจตัวเองและคงทำไปเพราะต้องการเอาชนะจึงไม่สนใจ ปราลีเก็บของออกจากบ้านแม้ว่า แม่เขียน แม่นมเก่าแก่จะพยายามรั้งไว้ก็ตาม ปราลีไปขอพักอยู่กับ เตือนตา เพื่อนสนิทในระหว่างที่พ่อแม่ของเพื่อนไม่อยู่บ้าน แม้เตือนตาจะพยายามเตือนให้ปราลีใจเย็นและพูดกับแสงระวีดีๆ แต่ปราลีก็ไม่สนใจ หญิงสาวเห็นประกาศรับสมัครผู้หญิงรับจ้างอุ้มท้องจึงสนใจและคิดจะไปสมัครงานนี้เพราะอยากให้แม่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดบ้าง และเจ้าของประกาศในหนังสือพิมพ์นั้นก็คือ ราเมศว์ หนุ่มข้าราชการผู้อ่อนโยนและถูก คุณนายลิ้นจี่ เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ราเมศว์จะไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่เมื่อเป็นความต้องการของลิ้นจี่ที่อยากได้หลานแต่ไม่อยากให้ราเมศว์มีภรรยา ราเมศว์จึงต้องจำยอมเพราะสำนึกในบุญคุณของแม่ แถมลิ้นจี่ยังพิการเดินไม่ได้และมีโรคหัวใจที่ไม่ควรขัดใจ ลิ้นจี่จัดแจงให้ สุคนธ์ ลูกสาวบุญธรรมคนโตคอยจัดการเรื่องประกาศรับสมัครหญิงสาวมาอุ้มท้องโดยมีหลักเกณฑ์ว่าจะต้อง ขาว สวย สูงไม่ต่ำว่า 165 เซนติเมตรและจบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ ราเมศว์ได้แต่ภาวนาไม่ให้มีผู้หญิงคนไหนมาสมัครงานนี้ ส่วน รังสรรค์ น้องชายคนสุดท้องที่เริ่มรับความบ้าอำนาจของลิ้นจี่ไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่คอนโด ลิ้นจี่ผิดหวังมากจึงตัดขาดกับรังสรรค์และฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่ราเมศว์แต่เพียงผู้เดียว รังสรรค์นั้นรู้จักกับปราลีและพยายามตามจีบหญิงสาวมานาน วันหนึ่งเขาพาปราลีไปว่ายน้ำหวังจะสานสัมพันธ์ ปราลีไปเห็นสารัตน์อยู่กับผู้หญิงอื่นพอดี หญิงสาวจึงตั้งใจประชดแม่ด้วยการดื่มเหล้าจนเมามายเพราะไม่เคยดื่มมาก่อน รังสรรค์จึงพาเธอไปนอนพักที่คอนโดของเขา ในระหว่างที่จิตใต้สำนึกด้านดีและชั่วกำลังตีกันอยู่นั้นเอง ราเมศว์ก็เข้ามาขัดจังหวะพอดี เขามาขอร้องให้รังสรรค์กลับไปร่วมงานวันเกิดของลิ้นจี่ รังสรรค์ประชดว่าเขาคงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ ราเมศว์ให้เงินน้องชายและขอให้รับปากว่าจะกลับไปที่บ้าน เขาเหลือบไปเห็นปราลีนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงของน้องชาย รังสรรค์จึงโวว่าปราลีเป็นคนรักของเขา ในงานเลี้ยงวันเกิดของลิ้นจี่ แสงระวีควงสารัตน์มาอวยพรวันเกิดอาจารย์ของตนด้วย ลิ้นจี่จำแสงระวีได้และคิดว่าสารัตน์เป็นลูกชาย แสงระวีจึงแนะนำว่าสารัตน์คือสามีของเธอ ลิ้นจี่จึงแอบเยาะเย้ยแสงระวีให้ราเมศว์ฟังว่าแก่แล้วยังบ้าตัณหา รังสรรค์จ้างให้ปราลีแต่งตัวเปรี้ยวๆ ใส่วิกผมสีแสบสันต์มาในงานวันเกิดด้วย ลิ้นจี่โกรธมากถึงกับออกปากไล่ลูกชายคนเล็ก ราเมศว์เห็นปราลีก็ไม่ค่อยชอบใจคนรักของน้องชายนักที่เอาแต่ทำตัวก๋ากั่น ในที่สุดปราลีก็ตัดสินใจไปสมัครงานรับจ้างท้องตามที่ตั้งใจไว้โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เธอจะต้องอุ้มท้องลูกของเขาก็คือราเมศว์นั่นเอง สุคนธ์ชอบใจคุณสมบัติของปราลีมากเพราะตรงตามที่ลิ้นจี่ต้องการทุกประการ ปราลีแกล้งบอกนามสกุลปลอมตอนที่ต้องไปพบกับลิ้นจี่ทำให้ลิ้นจี่ไม่รู้ว่าปราลีเป็นลูกของแสงระวี ลิ้นจี่ยื่นข้อเสนอให้เงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาทและตั๋วเครื่องบินไปยุโรปแบบไม่มีกำหนดกลับแก่ ปราลี และนัดให้หญิงสาวไปทำงานที่เกาะสีชัง เมื่อทุกอย่างพร้อมราเมศว์ก็ได้รับคำสั่งให้ลาพักร้อนและเดินทางตามปราลีไปที่เกาะสีชังเช่นกัน ที่บ้านพักตากอากาศของลิ้นจี่ในเกาะสีชัง ปราลีได้รับการต้อนรับจาก พวน สาวใหญ่ที่ดูเคร่งครัดกับกฎระเบียบมาก เมื่อราเมศว์เดินทางมาถึงและได้พบกับปราลี ทั้งสองต่างพูดไม่ออก ราเมศว์คิดว่าปราลีเป็นคนรักของรังสรรค์จริงๆ ส่วนปราลีก็เริ่มกลัวแต่ก็ทำใจดีสู้เสือเพราะเธอจำเป็นต้องเดินหน้าให้ถึงที่สุด พวนบังคับให้ทั้งสองนอนห้องเดียวกันเพราะเป็นคำสั่งของลิ้นจี่ ราเมศว์ไม่แตะต้องปราลีทำให้หญิงสาวเริ่มวางใจชายหนุ่มมากขึ้น เมื่อปราลีหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว เตือนตาและรังสรรค์จึงพยายามตามหาแทบพลิกแผ่นดิน เตือนตาเล่าให้รังสรรค์ฟังว่าปราลีอาจจะไปรับจ้างท้อง รังสรรค์จึงคิดว่าอาจจะเป็นงานที่ลิ้นจี่ประกาศในหนังสือพิมพ์ แต่ลิ้นจี่ไม่ยอมบอกที่อยู่ของราเมศว์ รังสรรค์เสียใจมากจึงดื่มเหล้าจนเมามายและได้เสียกับเตือนตา หญิงสาวร้องไห้เสียใจที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังจึงขอให้รังสรรค์รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน รังสรรค์จึงไปขอร้องลิ้นจี่ให้ช่วยเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอ แต่ลิ้นจี่ไม่ยอม สุคนธ์ทนไม่ไหวจึงรับเป็นเองทำให้ลิ้นจี่เริ่มไม่พอใจลูกสาวบุญธรรมคนโต ที่เกาะสีชัง เวลาผ่านไปไม่นานราเมศว์เผลอพูดดูถูกปราลีว่าเห็นแก่เงิน ปราลีจึงตบหน้าชายหนุ่มและในคืนนั้นเอง ทุกอย่างก็เกิดขึ้นสมใจลิ้นจี่ แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนต่างก็เริ่มมีใจให้กัน ราเมศว์ให้สัญญากับปราลีว่าเขาจะพูดกับลิ้นจี่เรื่องที่จะรับปราลีเป็นภรรยา ลิ้นจี่เริ่มคิดถึงราเมศว์จึงเรียกให้ลูกชายกลับบ้าน ราเมศว์จำต้องจากปราลีมาโดยสัญญว่าเขาจะมารับเธอกลับบ้านโดยทั้งสองไม่รู้เลยว่าปราลีได้ตั้งครรภ์แล้ว เมื่อราเมศว์กลับมาพบลิ้นจี่ เขาจึงบอกแม่ว่าต้องการแต่งงานกับปราลีแต่ลิ้นจี่ไม่ยอม เธอห้ามราเมศว์ออกจากบ้าน รังสรรค์พยายามจะเข้าไปพบราเมศว์แต่ถูกกีดกัน แล้วลิ้นจี่ก็เปิดเผยความจริงว่ารังสรรค์ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอ เช่นเดียวกับราเมศว์และสุคนธ์ รังสรรค์ไม่แปลกใจและไม่คิดจะยุ่งกับลิ้นจี่อีก แต่ราเมศว์กลับสำนึกในบุญคุณของลิ้นจี่เช่นเดิมเพราะเขารู้เรื่องนี้มานานแล้ว พวนแจ้งให้ลิ้นจี่ทราบว่าปราลีท้อง ราเมศว์แอบเดินทางไปหาปราลีที่เกาะสีชัง แต่พวนพาปราลีลงเรือหนีไปอยู่ที่อื่นตามคำสั่งของลิ้นจี่ก่อน ราเมศว์กลับมาก็ป่วย เมื่อราเมศว์หายดีลิ้นจี่จึงบอกว่าปราลีและพวนตายแล้ว ทำให้ราเมศว์เสียใจหนักมาก ฝ่ายรังสรรค์ เตือนตาก็ทุกข์ใจโดยเฉพาะแสงระวีที่บัดนี้เริ่มเห็นธาตุแท้ของสารัตน์ พวนดูแลปราลีจนท้องแก่ใกล้คลอด ปราลีคิดจะยกเลิกสัญญาที่เซ็นไว้แต่พวนบอกว่าลิ้นจี่คงไม่ยอม เมื่อปราลีคลอดลูก ลิ้นจี่ก็สั่งให้ปราลีสามารถเลี้ยงดูและให้นมเด็กน้อยได้จนอายุครบหกเดือน ด้านราเมศว์ก็ใช้ชีวิตอย่างไร้จิตใจและทำตามคำสั่งของลิ้นจี่ที่ต้องการให้เขาแต่งงานกับ สุนีย์รัตน์ ลูกสาวของ คุณหญิงเจริญศรี ราเมศว์รู้ว่าสุนีย์รัตน์ไม่ค่อยปกติในคืนวันส่งตัวเพราะเธอกรีดร้องและกลัวว่า ราเมศว์จะมีอะไรกับเธอ ราเมศว์ให้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องสุนีย์รัตน์เพราะในใจของเขายังคงรักแต่ปราลี ลูกชายของปราลีอายุครบหกเดือนแล้ว พวนจึงจะพาเด็กไปให้ลิ้นจี่ตามคำสั่ง ปราลีอ้อนวอนให้พวนเห็นใจเธอและลูกจนพวนเริ่มใจอ่อนเพราะตนเองก็เคยมีลูกน้อยแต่ตายไปนานแล้ว ปราลีมอบเงินค่าจ้างให้พวนเป็นการตอบแทน พวนรับไว้และแบ่งเงินบางส่วนให้ปราลีสำหรับเดินทางกลับบ้าน แสงระวีดีใจมากที่ลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ และตั้งใจจะช่วยเลี้ยงหลานอย่างดี โดยตั้งชื่อให้ว่า ลูกหมู เตือนตาเองก็คลอดลูกแล้ว ปราลีดีใจมากที่ลูกหมูจะได้มีเพื่อนเล่น ราเมศว์เห็นปราลีเดินผ่านแต่เมื่อวิ่งตามก็ไม่พบเสียแล้ว ชายหนุ่มเริ่มสงสัยว่าปราลีจะตายจริงๆ ดังที่ลิ้นจี่บอกหรือไม่ แล้วรังสรรค์ก็มาบอกความจริงกับราเมศว์ว่าปราลียังไม่ตายและกลับมาแล้ว ราเมศว์รีบไปหาปราลีที่บ้านแต่ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อเห็นปราลีมีลูกแล้ว ปราลีเห็นว่า ราเมศว์แต่งงานใหม่แล้วจึงบอกว่าลูกหมูเป็นลูกของสามีเธอที่ตายไป ราเมศว์ตัดใจจากปราลีไม่ได้จึงไปหาหญิงสาวบ่อยๆ และขอให้เริ่มต้นกันใหม่ เขาบอกความจริงว่าไม่ได้เต็มใจแต่งงานและยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสุนีย์รัตน์ คุณหญิงเจริญศรีเร่งเร้าอยากให้ลูกสาวมีหลานเสียที ลิ้นจี่จึงกดดันให้ ราเมศว์ใช้เวลาอยู่กับสุนีย์รัตน์นานๆ เพราะใจหนึ่งก็อยากได้เด็กมาเลี้ยงดู ราเมศว์ไม่เชื่อที่ลิ้นจี่บงการอีกต่อไป เขาแอบพาปราลีไปเที่ยวและใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มเริ่มสงสัยว่าลูกหมูอาจจะเป็นลูกของตน พวนกลับมาหาปราลีที่บ้านเพื่อคืนเงินค่าจ้างทั้งหมดให้เพราะเธอไปทำธุรกิจกับญาติและได้กำไรจึงอยากนำเงินของปราลีมาคืน พวนได้พบกับราเมศว์จึงบอกความจริงว่าลูกหมูคือลูกชายของเขา ราเมศว์จึงรู้ว่าลิ้นจี่โกหกเขามาตลอด รังสรรค์เองก็เตือนพี่ชายว่าลิ้นจี่เป็นคนไม่ปกติเพราะชอบเลี้ยงเด็กและบังคับให้เด็กๆ อยู่ในโอวาท คุณหญิงเจริญศรีรู้ความจริงจากสุนีย์รัตน์ว่าราเมศว์ไม่เคยมีอะไรกับลูกสาวของเธอเลยจึงโวยวาย ราเมศว์ได้ทีจึงขอหย่าและบอกว่าเขามีภรรยาและลูกอยู่แล้ว ลิ้นจี่ขัดใจมากที่ราเมศว์ไม่เชื่อฟังตนเหมือนเมื่อก่อน คุณหญิงเจริญศรีไม่ยอมให้ราเมศว์หย่ากับสุนีย์รัตน์เพราะรู้ดีว่าลูกสาวของตนไม่ปกติ สุดท้าย ราเมศว์จึงยื่นข้อเสนอว่าเขาจะไม่หย่ากับสุนีย์รัตน์ก็ได้แต่เธอก็ต้องทำใจว่าราเมศว์จะใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับปราลีและลูกชาย คุณหญิงเจริญศรีโวยวายกับลิ้นจี่แต่นางไม่สนใจเพราะไม่สามารถใช้อำนาจบังคับ ราเมศว์ได้อีกแล้ว ราเมศว์และปราลีจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างที่ต้องการโดยหญิงสาวตั้งใจว่าจะนำเงินทั้งหมดที่ได้รับไปคืนลิ้นจี่เพราะตอนนี้เธอได้ราเมศว์และลูกหมูเป็นค่าจ้างที่มีค่ามากที่สุดมาแทนแล้ว

นักรบตาปิศาจ 2560

เรื่องย่อ : นักรบตาปิศาจ (2560/2017) นักรบตาปิศาจ เป็นละครแนวแอ็คชั่นดราม่าไซไฟ เมื่อจู่ ๆ เกิดเหตุการณ์ลักพาตัว หนุ่มสาวหน้าตาดีหายตัวไปอย่างลึกลับหลายราย ประกอบกับในเวลาเดียวกันในกรมทหารแห่งหนึ่งมีการสัมมนาลับตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพและประสิทธิภาพของอาวุธ โดยหนึ่งในนั้นมีอาวุธสำคัญ "ดวงตาปิศาจ Evil Eyes" มีอำนาจการทำลายล้างสูงสามารถใช้แทนดวงตาของมนุษย์ทำงานได้ด้วยอุณหภูมิความร้อนของร่างกาย แต่ต้องผ่านการฝึกฝนการควบคุมการใช้งานให้แม่นยำ ซึ่งเป็นที่สนใจของนายทหารหนุ่ม พันตรี อัคคี (บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์) พร้อมเสนอตนเองเข้ารับการทดลองผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาเพื่อใส่อาวุธนี้เข้าไป แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา จากนั้นชีวิตของอัคคีกำลังจะไปได้สวยมีครอบครัวที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยภรรยาแสนสวยที่กำลังจะมีทายาทน้อย ๆ ออกมาให้ชื่นชม กลับถูกคนร้ายจับตัวทั้งคู่พร้อมลูกน้อยในท้องไปด้วยเหตุผลที่คนร้ายบอกว่าทั้ง อัคคีและวิชชุดา ผู้เป็นภรรยา มีหน่วยก้านหน้าตาดีพร้อมที่จะเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดี แต่เมื่อคนร้ายซึ่งเป็นขบวนการค้ามนุษย์รู้ว่าเธอท้องก็ถูกฆ่าทิ้งพร้อมลูกในท้องอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา พร้อมเสียงสั่งการให้จัดการควักดวงตาของอัคคีทีละข้าง จนเสียดวงตาข้างขวาไป แต่ขณะรอเวลาเพื่อจะควักดวงตาอีกข้าง อัคคีถูกจับไปขังรอไว้ ทำให้ก็พบว่ามีคนหนุ่มสาวที่หายตัวไปประสบชะตากรรมคล้ายกับตนนั่นเอง จึงวางแผนเพื่อหนีกลับมาที่กองทัพและได้รับการช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา จากนั้นถูกส่งเข้ารับการผ่าตัดทดลองใส่ดวงตาปิศาจ Evil Eyes ในช่วงเวลาเดียวกันที่อัคคีถูกจับก็มีอีกครอบครัวที่ประสบชะตากรรมเหมือนกัน คือตำรวจสาว วิชชุดา (เนย ปภาดา) และน้องสาวถูกคนร้ายจับตัวไปในวันนั้นน้องสาวของเธอถูกข่มขืนและฆ่าตาย แต่เธอหนีออกมาได้กลับมารายงานเรื่องเบาะแสของคดีลักพาตัวให้หัวหน้าฟัง ซึ่งกำลังคัดเลือกหญิงสาวฝีมือดีทำงานลับเรื่องนี้ ซึ่งวิชชุดาสมัครรับการคัดเลือกทันทีพร้อมตำรวจสาวอีก 3 นาย พร้อมให้ข้อมูลในการตามหาตัวทหารระดับสูงที่ประสบเหตุแต่หนีรอดมาได้เพียงคนเดียวเพื่อใช้เป็นเบาะแสแต่ก็หาไม่พบ จนกระทั่งตำรวจสาวทั้ง 4 ออกหาเบาะแสจนไปมีเรื่องโดยบังเอิญกับน้องสาวเจ้าของโรงพยาบาลที่มีชื่อด้านการบริจาคและช่วยการกุศล พรทิพา (กระติ๊บ ชวัลกร) สวยทรงเสน่ห์หลงใหลผู้ชายอย่างหนัก แต่เบื้องหลังคือหาผู้ชายหน้าตาดีไปเป็นพ่อพันธุ์เพาะมนุษย์ค้าขาย ระหว่างนั้นอัคคีพักรักษาตัวได้รับการดูแลจาก ประกายดาว ลูกสาวของผู้บังคับบัญชา แต่ต่อมาเธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อัคคีรอช้าไม่ได้จึงพยายามออกสืบหาคนร้ายที่กระทำกับตนและคนอื่น ๆ แม้จะถูกส่งตัวไปพักรักษายังค่ายฝึก ทำให้ค้นพบอานุภาพของ ดวงตาปิศาจ และพยายามหาทางหนีออกมาตามล่าจนกระทั่งพบเบาะแสของคลินิกที่รับสินค้าเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์ พร้อมแฝงตัวเข้าไปขอรับการผ่าตัดดวงตาเพื่อสืบหาต้นตอแต่พลาดท่าและคนร้ายหนีไปได้ ด้านอัคคีก็ไม่รอดพ้นจากการถูกติดตามและได้รับความช่วยเหลือจากวิชชุดา ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนให้เธอร่วมงานนี้ด้วย การสืบหาการหายไปของหนุ่มสาวหน้าตาดีอย่างไร้ร่องรอย รวมถึงการไล่ล่าทำลายเหล่าร้ายกลุ่มค้ามนุษย์ที่มีหน้าฉากเป็นโรงพยาบาลดัง ซึ่งความคับแค้นในใจของอัคคีที่แฝงไปกับการพัฒนาอาวุธลับทางการทหาร ตาปิศาจ EVIL EYES ในตัวนายทหารหนุ่ม จะสามารถจัดการกับอาชญากรและทำลายล้างองค์กรอาชญากรรมได้หรือไม่

สี่ยอดกุมาร 2559

เรื่องย่อ : สี่ยอดกุมาร (ดิน นํ้า ลม ไฟ) (2559/2016) เรื่องราวของเหนือหัวจุลนี เจ้าเมืองเมืองหนึ่งฝันแปลกประหลาด ถึงดินแดนอาถรรพ์จึงอยากจะพิสูจน์ว่าดินแดนอาถรรพ์มีจริงหรือไม่ เลยออกป่าเพื่อค้นหาป่าอาถรรพ์จนพบ แล้วได้ช่วยเหลือ เจ้าหญิงปทุมมา ที่ถูกซ่อนตัวในกลองใบใหญ่เพื่อหลบสายตาของนกยักษ์ที่มาฆ่าชาวเมืองไปจนหมด จุลนีพาปทุมมากลับมาแต่งงานที่เมืองของตนเอง แต่ปทุมมากลับไม่มีความสุข เพราะในเมืองมี องค์หญิงอัคนี ลูกของ องค์ชายวิชิตชัย น้องชายของเสด็จแม่ของจุลนีคอยกีดกันความรักของปทุมมาและจุลนี จนปทุมมาตั้งครรภ์และคลอดลูก แต่อัคนีแกล้งเอาปลิงมาใส่ร้ายปทุมมาว่าคลอดลูกออกมาเป็นปลิงจนถูกจุลนีไล่ออกจากเมือง ส่วนทารกน้อยถูกลอยแพ จนตายายเห็นแล้วเก็บมาเลี้ยงจนโต จากนั่นเด็กถูกฆ่าตายโดยแผนชั่วของวิชิตชัย เด็ก ๆ ทั่ง 4 เกิดมาเป็นต้นจำปา 4 ต้นก็ไม่วายจะถูกกำจัดอีก เลยหนีไปในป่าขอความช่วยเหลือจากท่านตาฤาษีจนได้ชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง จากนั่นเด็ก ๆ ทั้ง 4 ก็ออกตามหาอาวุธประจำตัวของตนเองก่อนจะไปแก้แค้นวิชิตชัย ด้วยความเป็นเด็กไม่สามารถจะตามความเจ้าเล่ห์ของผู้ใหญ่ได้ เด็ก ๆ ทั้ง 4 เลยเดินทางไปยังถ้ำวิเศษเพื่อชุบตัวให้โตเป็นหนุ่มเป็นสาว...

ชื่นชีวา 2559

เรื่องย่อ : ชื่นชีวา (2559/2016) หม่อมหลวงนิวัฒน์ ชวาล รักอยู่กับชีวัน ผู้เป็นบุตรสาวของหลวงพิทยไพบูลย์ จนกระทั่งชีวันตั้งท้อง แต่หม่อมหลวงนิวัฒน์ต้องพลาดท่าถูกกานดา มอมเหล้าและสร้างเรื่องว่าหม่อมหลวงนิวัฒน์ปลุกปล้ำ จนหม่อมหลวงนิวัฒน์ต้องแต่งงานด้วย กานดาเยาะเย้ยชีวันจนหลวงพิทยไพบูลย์เคียดแค้นมากสาบานว่าจะเอาเลือดของหม่อมหลวงนิวัฒน์มาชดเชยความผิด จากนั้นจึงพาชีวันออกมาหลบซ่อนตัวในชนบทเปลี่ยนชื่อเป็นนายชม จนกระทั่งชีวันคลอดลูกเป็นหญิงชื่อชื่นชีวา จนกระทั่งเวลาผ่านไป 18 ปี คุณหญิงวีณา น้องสาวของหม่อมหลวงนิวัฒน์เดินทางผ่านเข้าไปที่บ้านของนายชม ได้พบกับนายชมและชื่นชีวาก็รู้สึกถูกชะตากันเป็นอย่างมาก บังเอิญชื่นชีวาจะต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ คุณหญิงวีณาจึงขอให้ชื่นชีวามาอยู่ที่บ้านท่านโดยไม่ทราบความจริงว่าชื่นชีวาคือหลานของตนเอง ชื่นชีวาถูกกลั่นแกล้งจากกานดาและเกศินีบุตรสาวอยู่เสมอ แต่ศรัณย์ และสาโรจน์ ลูกเลี้ยงของคุณหญิงวีณาจะคอยปกป้องอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งหม่อมหลวงนิวัฒน์เห็นล็อกเกตที่ชื่นชีวาสรวมอยู่จึงทราบว่าชื่นชีวาคือบุตรสาวของตน หม่อมหลวงนิวัฒน์และคุณหญิงวีณาจึงให้ชื่นชีวาพาไปหานายชมและพบว่าชีวันกำลังป่วยหนัก แต่นายชมไม่ยอมอภัยให้เมื่อรักษาจนชีวันอาการดีขึ้นก็พาชีวันหลบหนีไป แล้วนัดหมายให้หม่อมหลวงนิวัฒน์ไปพบ ณ ที่ที่หม่อมหลวงนิวัฒน์และชีวันเคยพรอดรักกัน นายชมพยายามจะยิงหม่อมหลวงนิวัฒน์แต่ตัวเองก็พลาดตกจากภูเขาได้รับบาดเจ็บ หม่อมหลวงนิวัฒน์พานายชมไปโรงพยาบาลและสละเลือดช่วยชีวิตนายชม พร้อมกับชื่นชีวาอ้อนวอนให้นายชมยกโทษให้พ่อของตน จนกระทั่งนายชมใจอ่อนยอมยกโทษให้หม่อมหลวงนิวัฒน์ ในที่สุดหม่อมหลวงนิวัฒน์ ชีวัน และชื่นชีวาและได้อยู่พร้อมหน้ากันเป็นครอบครัวที่มีความสุข ส่วนกานดาต้องติดคุกเนื่องจากว่าจ้างนักเลงให้ฉุดชื่นชีวาไปข่มขืนแต่ศรัณย์ ตามไปช่วยไว้ทัน

โนห์รา 2559

เรื่องย่อ : โนห์รา (2559/2016) ทิว ทองเติม (รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง) เกิดในครอบครัว โนห์รา ทั้งปู่และพ่อเป็นโนห์ราที่มีชื่อเสียงมาก และทิวก็รำได้สวยงาม เขามีคนรักชื่อ พิมพา (อุษณีย์ วัฒฐานะ) มี สมพร (สนธยา ชิตมณี) เป็นเพื่อนสนิท สมพรทำหน้าที่ตีกลองชาตรีในคณะของทิว ความรักของทิวกับพิมพามีอุปสรรค เพราะ ละเมียด (น้ำเงิน บุญหนัก) ยายของพิมพา กีดกัน รังเกียจว่าทิวยากจน แต่กลับไปสนับสนุน ขุนอรรถกรคดี (พลรัตน์ รอดรักษา) วัย 40 ปี ให้แต่งงานกับพิมพา เพราะความร่ำรวย อีกทั้งยังให้เงินยายละเมียด เล่นไพ่มากมาย ทิวกับพิมพา ลักลอบได้เสียกันจนพิมพาตั้งท้อง ยายละเมียด เกรงขุนอรรถกรคดี จะล่วงรู้ จึงไม่ให้หลานสาวออกไปพบกับทิวอีก ทิวปีนหน้าต่างเข้ามาหาพิมพา ยายละเมียดจับได้แกล้งทำเป็นเห็นแก่ความรักของคนทั้ง 2 คน และเห็นแก่เด็กในท้องพิมพา ทิวและพิมพาหลงเชื่อ ยายละเมียด แสร้งกำหนดวันแต่งงานของทั้ง 2 คน ให้หลังจากทิวกลับจากเล่นโนห์ราที่อีกจังหวัดหนึ่ง ทิวให้ละเมียดจัดงานรอ ละเมียดกับขุนอรรถฯ วางแผนชวนพิมพามากินข้าวเย็นที่บ้านขุนอรรถฯ และใส่ยานอนหลับลงในแกงไตปลา พิมพาไม่อยากไปแต่ละเมียดหว่านล้อมต่าง ๆ นานา ในที่สุดพิมพาก็จำยอม แผนการสำเร็จ พิมเสียใจมากแทงขุนอรรถด้วยเขาควายจนขุนอรรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนพิมพาตัดสินใจผูกคอตาย แต่ จาด (วรารัตน์ เทพโสธร) ซึ่งเป็นน้าของพิม ตามมาพูดให้สติจนพิมล้มเลิกความคิด ยายละเมียดหลอกขุนอรรถฯ ว่าพิมท้องกับขุนอรรถฯ และยายละเมียดพยายามหว่านล้อมให้พิมแต่งงานกับขุนอรรถฯ เพื่อลูกในท้องจะได้มีพ่อ

ทิวกลับมาไม่มีการเตรียมงาน เมื่อขอพบพิม แต่พิมไม่ยอมออกมาพบเพราะความรู้สึกผิดจนไม่อยากเผชิญหน้ากับทิว ทิวผิดหวังเข้าใจว่าพิมรังเกียจคนจนอย่างเขา ทิวซมซานไปกินเหล้าจนเมา และได้ รื่น สาวใหญ่ ซึ่งแอบหลงรักทิวอยู่เป็นเมียโดยไม่ได้ตั้งใจ ทิวต้องรับผิดชอบอยู่กินกับรื่น สมพรมาบอกพิมว่าทิวหายไปจึงพากันออกตามหาทิว แต่กลับพบว่าทิวอยู่กับรื่น พิมพาเสียใจ และผิดหวังมากจึงยอมแต่งงานกับขุนอรรถฯ ยายละเมียดดีใจที่สุด และเชื่อว่าการแต่งงานกับคนรวยจะทำให้ชีวิตมีความสุข เนื่องจาก รำเพย ลูกสาวของแกซึ่งก็คือ แม่ของพิมพา ไปแต่งงานกับคนจนทำให้ต้องตายเพราะความทุกข์

ขุนอรรถฯ เป็นคนปากหวาน พูดจาดี แต่จิตใจโหดร้ายมาก ในสมองเต็มไปด้วยแผนการสกปรกตลอดเวลา เขาจับได้ว่าเด็กในท้องพิมเป็นลูกของทิว ไม่ใช่ของเขา จึงวางแผนให้ โตนด (จุมพล ทองตัน) คนสนิท ขโมยทารกน้อยไปให้ทิวในวันที่เด็กคลอด โดยบอกว่าพิมพาสั่งให้เอามาให้ เพราะไม่ต้องการเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ ทิวคิดว่าพิมพารังเกียจตนจนไม่อยากได้ลูกที่เกิดจากตน เขารับไว้ด้วยความแค้นใจและเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันขุนอรรถ ก็สร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพิมพาเข้าใจว่าทิวขโมยเด็กไป ขุนอรรถหลอกพิมพาว่าจะช่วยทิวจนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ทิวติดคุกฐานขโมยเด็ก แต่ขุนอรรถฯ กลับหลอกทิวให้รับสารภาพว่าจงใจขโมยเด็ก ทิวต้องติดคุก 3 ปี 6 เดือน เพราะถ้าทิวยอมรับว่าขโมยลูกตนเอง ทิวจะไม่ติดคุก แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงของพิมพาทิวจึงยอมติดคุก

ขุนอรรถฯ พาพิมกลับเข้ากรุงเทพฯ พิมพารู้สึกเศร้าโศก และอาลัยอาวรณ์ไม่อยากไป แต่ก่อนไปพิมไปเยี่ยมทิวในคุก ทิวไล่พิมไปด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าพิมรังเกียจตนและลูก ถึงแม้พิมพาจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง พิมพาบอกทิวว่าลูกชื่อ โนห์รา (เมลดา สุศรี) ที่กรุงเทพฯ พิมพาต้องเผชิญกับการดูถูกของทุกคนในบ้าน ยกเว้น ชื่น ที่มีจิตใจดี พิมพาต้องเผชิญหน้ากับ ปรุงจันทร์ (รชยา รักกสิกรณ์) น้องสาวใจร้ายของ วันดี ภรรยาเก่าของขุนอรรถฯ วันดีโดนวางยาพิษตายปริศนา ปรุงจันทร์ รับตำแหน่งภรรยาแทน แข่งแข (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ซึ่งเป็นลูกวันดี กลายเป็นลูกสาวของปรุงจันทร์แทน ยายทอง (ปนัดดา โกมารฑัต) และก่องแก้ว หลานสาว ร่วมมือกับปรุงจันทร์ กลั่นแกล้งเยาะเย้ยและถากถางพิมพากับโนห์ราเป็นประจำ พิมพาพบ คุณวงศ์ บิดาซึ่งเป็นอัมพาตของปรุงจันทร์ ที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในบ้านหลังหนึ่ง พิมสงสารจึงคอยให้ความช่วยเหลือดูแลจนคุณวงศ์เมตตา

ด้านขุนอรรถฯ เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ยกย่องพูดดีกับพิมพาเหมือนเดิม ปรุงจันทร์ให้พิมพากับลูกไปอาศัยบ้านหลังเล็กในสวน เมื่อโนห์รา จบชั้นประถมจึงเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนาฏศิลป์ ด้วยสายเลือดของพ่อ โนห์ราเรียนได้เป็นอย่างดี พิมพาขอร้องให้ขุนอรรถฯ ช่วยส่งเสียโนห์รา แต่ขุนอรรถฯ กลับบ่ายเบี่ยง พิมพาตัดสินใจหาเงินส่งลูกเรียนเอง แข่งแขซึ่งคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งโนห์รา บอกเพื่อนเรียนนาฏศิลป์ให้ปล่อยข่าวว่าพิมพาไปขายตัว โนห์ราอับอายและเสียใจจึงแอบสะกดรอยตามแม่ไป และรู้ความจริงว่าแม่มารับจ้างทำขนมส่งลูกเรียน โนห์ราภาคภูมิใจในตัวแม่มาก ครรชิต (ภัทรเดช สงวนความดี) ซึ่งเพิ่งถูก ทิพย์ยุภา (แพร เอมเมอรี่) ถอนหมั้นมาไม่กี่ชั่วโมง ขับรถสปอร์ตเมาแอ๋มาเฉี่ยวโนห์รากับแม่ แถมลงมาลวนลามโนห์รา และยัดเงินใส่มือเป็นค่าตัวเพื่อเข้าโรงแรม เพราะเข้าใจว่าโนห์รา คือ ผู้หญิงหากิน ครรชิตโดนโนห์ราตบหน้า นายตาด คนถีบ 3 ล้อ เห็นเหตุการณ์จึงตามมาดูแลครรชิต และพากลับบ้าน ต่อมาเขาเลยกลายเป็นคนสนิทของครรชิต

เวลาผ่านไป โนห์รายิ่งสาวยิ่งสวย รำละครเก่ง ความประพฤติดีเป็นที่รักของครูบาอาจารย์ แต่เป็นที่อิจฉาของเพื่อนบางคน โนห์ราได้แสดงในงานสำคัญ ๆ มีรูปตามหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ทิวเมื่อพ้นโทษแล้วจึงออกบวชเพื่อสงบใจระยะหนึ่ง และเมื่อสึกออกมาก็พยายามตั้งคณะโนห์ราขึ้นใหม่เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา แต่ก็ต้องประสบกับอุปสรรคเพราะเป็นคนขี้คุกจึงไม่มีคนยอมรับ ทิวเห็นรูปและข่าวของ โนห์รา อรรถกรคดี ก็รู้ว่าเป็นลูกของตน ทิวเดินทางมากรุงเทพฯ เขาได้พบลูกสมใจแต่ไม่กล้าแสดงตัว โนห์รารู้สึกว่ามีชายกลางคนชอบเดินตาม แต่เธอกลับเกิดความรู้สึกอบอุ่นตามสัญชาติญาณลูกกับพ่อ

โนห์ราเล่าให้พิมฟัง พิมพาแน่ใจว่าชายคนนั้นต้องเป็นทิว ทองเติม แน่นอน โนห์ราโดนครรชิต ขับรถเฉี่ยวอีกครั้ง เธอจำเขาได้และตบหน้าครรชิตซ้ำ ครรชิตเกลียดและดูถูกผู้หญิงใช้เงินซื้อผู้หญิงสวย ๆ ที่ตนพอใจทุกคน เนื่องจากถูกผู้หญิงที่เขารักมากสลัดรักทั้งที่สัญญาว่าจะแต่งงานกัน ครรชิตติดใจโนห์รา สั่งให้ พันธุมวดี (กัญญกร พินิจ) ผู้หญิงที่เขาใช้เงินซื้อชั่วครั้งชั่วคราว ติดต่อให้ โนห์ราโกรธมากและปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ครรชิตทดลองต่อว่าโนห์ราจะเห็นแก่เงินหรือเปล่า เขาส่ง เยาวมาลย์ (อธิชนัน ศรีเสวก) ไปอีกคน แต่ก็ถูกโนห์ราตอกหน้าหงายกลับมา ไวพจน์ (ธีร์ วณิชนันทธาดา) พี่ชาย เตือนครรชิตเรื่องโนห์รา แต่ครรชิตไม่ฟังเพราะเขาแอบหลงรักโนห์ราแล้ว แต่เขาพยายามปกปิดใจตัวเอง

โนห์รากับทิวพบและพูดคุยกันหลายครั้ง จนโนห์ราทราบว่าทิวชอบดูละครรำ เธอจึงมอบตั๋วให้ทิวมาดูตนเองแสดงที่โรงละคร พิมรู้จึงดีใจมากเพราะคิดว่าถ้าชายคนนั้นคือ ทิวเธอจะได้พบ และอธิบายความจริงให้ฟัง แต่โชคร้ายทิวมาถูกขโมยกระเป๋าทำให้มาดูไม่ทัน พิมพาผิดหวังมาก ทิวถูกทำร้ายเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม เขาโดนโยนออกมา ทิวโซซัดโซเซไม่มีที่นอน หมดแรงป่วยหลับบนม้ายาวบริเวณท่าเรือ วันต่อมาโนห์ราหอบขนมเทียนไปขายเห็นทิวในสภาพป่วยนอนโทรมหลับอยู่ โนห์ราสงสารเธอแบ่งขนมและเงินให้ พร้อมมีจดหมายเขียนบอกไว้ด้วย ทิวตื่นมาตื้นตันใจ เงินนั้นช่วยให้เขาส่งโทรเลขให้สมพร มารับ สมภพ (ชวนภ โพธิ์ประเสริฐ) เพื่อนนักเรียนรูปหล่อคอยตามจีบโนห์รา แต่โนห์ราไม่ได้คิดชอบตอบ แข่งแขและปรุงจันทร์ ยังคอยกลั่นแกล้งไม่ลดละ ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ขุนอรรถจะเข้าข้างแข่งแขตลอด ทำให้โนห์ราน้อยใจสงสัยว่าทำไมพ่อไม่รัก โนห์ราเคยถูกขุนอรรถฯ เฆี่ยนด้วยความแค้นจนล้มเจ็บ

แข่งแขเป็นเพื่อนกับพันธุมวดี ได้พบกับครรชิต จึงช่วยกันจับครรชิต โยนข้อหาพยายามปล้ำให้ และก็ทำสำเร็จ เนื่องจากโนห์ราจำใจเป็นพยานเท็จให้เพราะคิดว่าแข่งแขคือ พี่สาวต่างแม่ ครรชิตแม้หมั้นกับแข่งแข แต่มีใจกับโนห์รามากขึ้นทุกที เขาซื้อแผ่นเสียงเพลงไทยเดิมของเธอทุกเพลง ชอบที่สุดโดยเฉพาะเพลงจีนเก็บบุผา และท่าทีที่ไม่แคร์กับความร่ำรวยของเขายิ่งทำให้ครรชิตต้องการเอาชนะโนห์รา ทำให้ปรุงจันทร์ ขุนอรรถ และแข่งแข เกลียดชังโนห์ราเพิ่มขึ้น โตนดคนสนิทของขุนอรรถ มาขอยืมเงินขุนอรรถ กับปรุงไปดูใจแม่ที่ป่วยหนัก แต่โดน 2 คน ปฏิเสธ แต่พิมกับโนห์รากลับให้เงินโตนด โตนดซาบซึ้งและสำนึกผิดต่อพิมคิดว่าสักวันจะต้องทดแทนคุณ โตนดเขียนจดหมายมาเล่าความจริงให้พิมฟัง ขุนอรรถให้ปรุงมาขโมยจดหมายไป ปรุงจันทร์และขุนอรรถส่งคนไปเก็บโตนดเพราะกลัวเผยความลับ แต่โตนดรอดตาย โดยที่พวกขุนอรรถกับปรุงจันทร์ไม่รู้

ปรุงจันทร์กับยายทองวางแผนแอบเอายาพิษใส่ไส้ขนมเทียนที่พิมพาทำขาย คุณวงศ์รู้เรื่องจะบอกพิมพาแต่บอกไม่ทัน เพราะพิมพาไปดูละครที่โนห์ราแสดงกับขุนอรรถ ที่แสร้งทำดีตบตา แต่รอเวลาให้ตำรวจมาจับพิม โนห์ราดีใจมากที่เห็นพ่อกับแม่มาด้วยกัน แต่ต้องตกใจที่เห็นพิมโดนตำรวจจับไป แต่เธอต้องจำใจแสดงต่อจนจบ หลังจากการแสดงจบลง โนห์รารู้ความจริงว่าพิมถูกจับข้อหาใส่ยาพิษในไส้ขนมเทียน ทำให้มีคนเสียชีวิต โนห์ราไม่เชื่อ ขุนอรรถเสแสร้งปลอบโยน คุณวงศ์ตั้งใจจะเป็นพยานให้พิมพา แต่ถูกฆ่าตายอีกคน ด้วยฝีมือยายทอง ซึ่งถูกขุนอรรถฯ พูดชี้ช่อง พูดเป็นเชิงให้ฆ่าปิดปากเสียไม่อย่างนั้นความผิดอาจมาถึงยายทอง แต่สุดท้ายยายทองเองก็ถูกฆ่าปิดปากเนื่องจากรู้ความลับเรื่องวางยาพิษวันดี แม่ของแข่งแขด้วยฝีมือของปรุงจันทร์

โนห์ราพยายามหาเงินมาประกันแม่ เมื่อขอยืมขุนอรรถฯ ขุนอรรถฯ ไม่ให้ พันธุมวดีเริ่มมีใจเอนเอียงไม่ชอบ พอรู้เรื่องจากแข่งแขก็เริ่มสงสารโนห์รา จึงไปรายงานเรื่องเงินประกันตัวให้ครรชิตทราบ ครรชิตให้ไวพจน์พี่ชายจ่ายเงินค่าประกันตัวพิมพา 100,000 บาท พิมพาได้ออกจากคุกโดยไม่รู้ว่าใครประกันตัวให้ ปรุงจันทร์วางแผนให้ แสวง (ชาลี กรรณสูต) ส่งคนมาข่มขืนโนห์รา ที่บ้านวันมีงานเลี้ยง แต่คนที่มาข่มขืนผิดตัวไปข่มขืนแข่งแขแล้วหนีรอดไปได้ ต่อมาให้นายแสวง พี่ชายมาจับพิมพาเรียกค่าไถ่จากโนห์รา 100,000 บาท โนห์ราหมดหนทางไปขอขายตัวให้ครรชิตถึงบ้าน ครรชิตทั้งขำทั้งสนุกแกล้งโนห์ราต่าง ๆ นานา บอกว่าให้โนห์ราติดค้างไว้ก่อนได้จะเอาคืนทีหลัง โนห์ราเป็นลม ครรชิตพามาส่งบ้านเจอแขกับปรุงเล่นงาน โนห์รามีเงินไปหาแม่ ปรุงจันทร์สั่งแสวงให้เก็บทั้งโนห์ราและพิมพา

วันนัดหมายโนห์ราพายเรือไปคนเดียว ครรชิตแอบขับเรือสะกดรอยตาม และไวพจน์พี่ชายพาตำรวจไปล้อมจับ แสวงไม่อาจฆ่าโนห์รากับพิมได้ แถมโดนตำรวจไล่ล่าต้องหลบไปซ่อน ตำรวจมาสืบอีกได้ความว่ายายทองเป็นผู้วางยาพิษคุณวงศ์ และเอายาพิษใส่ในไส้ขนมเทียน ครรชิตมีปากเสียงกับแข่งแขและให้โนห์รายืนยันอีกครั้งว่าเขาไม่ได้ปล้ำแข่งแข โนห์รายอมยืนยันว่าครรชิตไม่ได้ปล้ำแข่งแข ครรชิตขอถอนหมั้น เงินที่หมั้นทั้งหมดยกให้ แต่ 2 คน ยังแค้นไม่หาย ระยะหลัง ขุนอรรถ เริ่มเบื่อแข่งแขและปรุงจันทร์ที่จ้องทำร้ายโนห์ราและพิมพา ทำให้แข่งแขโดนข่มขืนเสียเอง ขุนอรรถฯ พยายามปรามให้หยุด แต่ปรุงจันทร์ไม่หยุด ซ้ำวางแผนให้แสวงส่งลูกน้องเอาน้ำกรดมาสาดหน้าโนห์รา แต่วันนั้นฝนตกหนัก ครรชิตแอบคอยตามปกป้องโนห์รา พาหาหมอรับเป็นเจ้าของไข้ สั่งยาจากนอกแพงที่สุดมารักษา โนห์ราไม่เสียโฉม สร้างความผิดหวังและเคียดแค้นให้ปรุงจันทร์และแข่งแขมาก

โนห์ราออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับครรชิตทำท่าว่าจะไปด้วยดี แต่สมภพ ซึ่งเป็นคนจิตใจโลเลกลัวจะมีแฟนหน้าผีเพราะโดนน้ำกรดสาด เขาจึงเปลี่ยนใจไปชอบ เกษกนก (มณฑิรา เปี่ยมรัตนวงศ์) เพื่อนนักเรียนของโนห์ราอีกคนแทน เขาไม่ยอมไปเยี่ยมโนห์รา แต่หลังจากทราบว่าโนห์ราหน้ายังสวยก็เปลี่ยนใจกลับมาหา แต่โนห์ราปฏิเสธ จึงแอบวางแผนร้ายหลอกทั้งโนห์ราและครรชิต ช่วงที่โนห์ราไปรำละครตามโรงแรมเวลากลางคืน สมภพจะมาดักรอครรชิต บอกว่าโนห์ราให้ตนมารับ และหลอกโนห์ราว่าครรชิตไม่มารับ ครรชิตกับโนห์ราโดนพิมและไวพจน์บอกให้หนักแน่น โนห์ราไปบ้านครรชิตกลับพบทิพย์ยุภา ที่หนีสามีฝรั่งมาหลบอยู่ เธอหลอกโนห์ราว่าครรชิตหลับอยู่ข้างบนเธอกับครรชิตกลับมาคืนดีกันแล้ว ส่วนครรชิต พบสมภพที่มาบ้านโนห์รา หลอกว่ากำลังจะมาสู่ขอโนห์ราเพราะตกลงกันแล้ว ทำให้โนห์ราประชดครรชิตด้วยการรับหมั้นสมภพ

ทิพย์ยุภา ขอรื้อฟื้นความสัมพันธ์ใหม่ แต่ต้องผิดหวังเพราะครรชิตไม่ได้มีเยื่อใยเลย ครรชิตรักโนห์รา เขาเสียใจหนีเตลิดไปกินเหล้าเมายาไม่มีใครหาพบ วันหมั้นของโนห์รา ครรชิตเห็นข่าวเกิดเสียใจจนทนไม่ได้ เขาโทรหาไวพจน์ ไวพจน์แนะนำให้ไปขวางการหมั้นให้ทันเวลา ครรชิตกลับโดนรถชนที่หน้าบ้านขุนอรรถ ไวพจน์รีบพาครรชิตไปโรงพยาบาล ไวพจน์ให้ตำรวจไปบอกให้โนห์ราว่าครรชิตโดนรถชนอาการสาหัส ในบ้านพิมก่อนที่สมภพจะสวมแหวนหมั้นให้โนห์รา เพียงเส้นยาแดงผ่าแปด ตำรวจมาบอกพอดี โนห์ราไม่ยอมสวมแหวนรีบไปหาครรชิต ภายหลังสมภพกับเกษกนกจึงกลับไปชอบพอกันอีกครั้งและหมั้นกัน

แต่ความรักของโนห์รามีอุปสรรคต่อไปอีก เนื่องจากทิพย์ยุภามาหลอกโนห์ราว่าเธอมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 เดือน ขออยู่ใกล้ชิดครรชิตก่อนตาย โนห์รามาดูแลครรชิตครั้งเดียวแล้วหายไปอีก ปรุงจันทร์วางแผนใหม่ให้แสวงสั่งให้หมอเสน่ห์ลูกน้องอีกคนไปฉุดโนห์ราไปปลุกปล้ำแล้วฆ่าทิ้ง ในงานรำต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ผิดแผนอีก เพราะพายุฝนกระหน่ำกระจัดกระจายหายไปกันไปทั้งโนห์ราและแข่งแข ขุนอรรถฯ ซึ่งระอาในความอิจฉาของปรุงจันทร์ จนเริ่มกับมาทำดีกับพิมจนถึงขั้นอาสาพาโนห์รามางานรำเอง และสั่งให้ตำรวจลอบมาคุ้มกันโนห์รา โนห์ราโดนแสวงฉุดไป แต่ตำรวจตามไปติด ๆ โตนดที่หลบหนีการตามล่าของปรุงจันทร์และขุนอรรถฯ อยู่แถวนั้นพอดีจึงช่วยโนห์ราเอาไว้ได้

เวรกรรมตามทันปรุงจันทร์ แข่งแขโดนหมอเสน่ห์เพื่อนสนิทของแสวงกับลูกน้องรุมขืนใจจนกลายเป็นบ้า ขุนอรรถฯ และปรุงจันทร์ ตกใจและเสียใจมากต่างโทษกันเอง ขุนอรรถฯ ไล่ปรุงจันทร์ออกจากบ้าน ปรุงจันทร์แค้นมาก แข่งแขเข้าโรงพยาบาลโรคจิต แสวงไม่ได้ซัดทอดปรุงจันทร์ แต่ยายทองโดนขุนอรรถฯ บังคับให้พูดความจริงเรื่องปรุงจันทร์วางยาพิษวันดี ภรรยาคนแรก ปรุงจันทร์จึงส่งคนมาวางยาพิษยายทองตาย ตำรวจตามมาจับปรุงจันทร์ พบปรุงจันทร์ตามมาที่บ้านขุนอรรถฯ จะมายิงขุนอรรถฯ พิมพา และโนห์รา แต่โตนดมาช่วยไว้อีก ปรุงยิงขุนอรรถฯ ขุนอรรถฯ ยิงปรุง ตายทั้งคู่

วันหนึ่งสามีฝรั่งของทิพย์ยุภา ตามมาง้อ ครรชิตรอดตัวจากเรื่องทิพย์ยุภา ครรชิตและโนห์ราตกลงหมั้น และแต่งงานกัน แต่ยังไม่ทันถึงวันแต่ง พิมพาต้องกลับไปดูใจยายละเมียดที่นคร พิมพาได้รู้เรื่องของทิวจากสมพร ว่าชีวิตทิวลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นโนห์ราอีก เพราะโนห์ราของทิวเป็นโนห์ราสมัยเก่า สู้คณะใหม่ ๆ ซึ่งทันสมัยกว่าไม่ได้ พิมพาตัดสินใจไปดูโนห์ราทิวแข่งกับ โนห์รา ประเสริฐ มีการพนันว่าโนห์ราประเสริฐ จะต้องชนะแน่ ๆ เพราะเป็นการเล่นโนห์ราสมัยใหม่ ครั้งถึงกำหนดวันแข่งขันจริง ๆ ทิวไม่สามารถทำใจเล่นแบบใหม่ได้ เพราะสายเลือดโนห์ราเก่ายังเข้มข้น ทิวถูกขว้างปาประท้วง และมีการปะทะคารมกัน ทิวเคราะห์ร้ายถูกมีดขว้างทะลุหลัง จากนักพนันที่จะขว้างกันเอง พิมโทรเลขให้โนห์รามาดูใจพ่อ เพราะพ่อของโนห์ราก็คือ ทิว ลุงที่โนห์ราพบที่กรุงเทพฯ

โนห์รามาแสดงโนห์ราแทนทิว ที่ต้องประชันกันอีกวัน วันแสดงโนห์ราเป็นวันเดียวกับวันแต่งงาน โนห์ราตัดสินใจยึดความกตัญญูต่อพ่อแม่มากกว่าความรัก ครรชิตยอมแพ้ตามโนห์รามาด้วย โนห์ราสามารถทำได้สำเร็จ โดยสร้างความตื้นตันให้กับทุกคน สมพร พิม ประคองทิวมาดูโนห์ราแสดง โนห์ราได้แสดงให้พ่อดูจนจบ จากนั้นทิวตายในอ้อมกอดของทั้งโนห์รา และพิมพา โนห์ราแต่งงานกับครรชิต พิมพาอาศัยอยู่ที่กระท่อมรักของตนกับทิว โนห์รากับครรชิตใช้เมืองนครเป็นที่ฮันนีมูน โนห์ราเปิดโรงเรียนนาฏศิลป์ สอนโนห์ราที่นคร โดยมีครรชิตเป็นผู้สนับสนุน ติดตามชมความสนุกเข้มข้นของ ละครโนห์รา ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี ละครโนห์รา เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 6 เมษายน 2559

แก้วหน้าม้า 2558

เรื่องย่อ : แก้วหน้าม้า (2558/2015) เรื่องราวของนางแก้วมณีอดีตนางฟ้าบนสวรรค์ที่ถูกสาปให้มาเกิดเป็นหญิงสาวชาวบ้านที่มีใบหน้าเป็นม้า วันหนึ่งพระปิ่นทองพระโอรสของท้าวภูวดลแห่งเมืองมิถิลาได้ออกมาเล่นว่าวด้านนอกพระราชวัง ว่าวพระปิ่นทองเกิดสายป่านขาดลอยไปตกที่ทุ่งนา นางแก้วมณีเห็นจึง เก็บกลับไปไว้ที่บ้าน เมื่อพระปิ่นทองมาขอว่าวคืนนางแก้วได้ขอให้พระปิ่นทองรับตนเองไปเป็นพระมเหสี ด้วยความอยากได้ว่าวคืนพระปิ่นทองจึงตกปากรับคำไปส่งเดช จนในที่สุดนางแก้วมณีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ก็ต้องถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา โดยท้าวภูวดลให้นางแก้วมณีไปตัดเขาพระสุเมรุ ระหว่างทางก็ได้พระฤๅษีช่วยและพระฤๅษีนี้เองเป็นผู้ที่ถอดหน้าม้าและมอบเรือเหาะกับมีดโต้วิเศษไว้ให้ เมื่อได้เขาพระสุเมรุกลับมาท้าวภูวดลสั่งให้พระปิ่นทองเดินทางไปยังเมืองโรมวิถีเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี และพระปิ่นทองยังยื่นคำขาดว่าหากกลับมา นางแก้วมณียังไม่มีลูกกับพระองค์ก็จะให้นำตัวไปประหารเสีย นางแก้วมณีจึงนั่งเรือเหาะไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมกับสองตายายในป่าชานเมืองโรมวิถี พร้อมกับถอดรูปม้าออกกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา จนในที่สุดพระปิ่นทองก็ตกหลุมรักและอยู่กินด้วยกันช่วงหนึ่งจนมณีรัตนาท้อง พระปิ่นทองจึงมอบแหวนประจำพระองค์ไว้ให้ก่อนจากกัน ระหว่างทางพระปิ่นทองได้สู้กับยักษ์ชื่อท้าวพาลราช ฝ่ายแก้วมณีเมื่อทราบความจากพระฤๅษีก็แปลงกายเป็นชายชื่อเจ้าแก้วนั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือจนชนะและยกสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาพระธิดาของ ท้าวพาลราชให้เป็นเมียของพระปิ่นทอง และเจ้าแก้วก็แปลงร่างกลับเป็นนางแก้วมณีอุ้มลูกคือ พระปิ่นแก้วมาดักพระปิ่นทองที่เมือง พระปิ่นทองปฏิเสธแต่ก็จำนนด้วยหลักฐานคือแหวนประจำพระองค์พระปิ่นทองจึงไล่แก้วหน้าม้าและลูกให้ไปอยู่ท้ายวัง หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดศึกท้าวประกายมาศพญายักษ์มาตีเมืองมิถิลา สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาจึงออกอุบายให้ท้าวภูวดลมาขอร้องนางแก้วมณีให้ไปช่วย แก้วหน้าม้าจึงแปลงกายเป็นเจ้าแก้วออกรบจนชนะ พระปิ่นทองจึงรู้ความจริงและงอนง้อขอคืนดีกับแก้วหน้าม้า ภายหลังจากที่มิถิลาสงบสุขอยู่ได้ 15 ปีนางทัศมาลีกับพระโอรสปิ่นศิลป์ไชยร่วมกันใช้มนต์เสน่ห์หลอกล่อ ให้พระปิ่นทองกลับไปอยู่ด้วย นางแก้วมณีและปิ่นแก้วจึงตามไปช่วยจนสำเร็จ พระปิ่นทองสั่งประหารนางทัศมาลีและปิ่นศิลป์ไชยแต่ปิ่นแก้วขอชีวิตไว้ นางทัศมาลีและปิ่นศิลป์ไชยจึงสำนึกผิดและกลับตัวเป็นคนดี ปิ่นแก้วจึงพาตัวปิ่นศิลป์ไชยกลับเมืองมิถิลา ระหว่างทางปิ่นศิลป์ไชยถูกนางยักษ์มณีฉายจับทำผัว ฝ่ายปิ่นแก้วเห็นน้องหาย จึงสวมรูปม้าออกตามหาไปจนถึงเมืองการะเกด เจ้าหญิงดารารัศมีเกิดสงสารจึงถอดแหวนแล้วมอบให้ ฝ่ายพระขนิษฐารัชนีเห็นดังนั้นจึงทูลฟ้องท้าวอุทัตเสด็จพ่อ ท้าวอุทัตจึงไล่นางดารารัศมีให้ไปอยู่กับชายหน้าม้าที่ปลายนา พระปิ่นแก้วคิดแก้แค้นจึงถอดรูปม้าไปลักลอบได้เสียกับเจ้าหญิงรัชนี โดยก่อนจากพระปิ่นแก้วได้มอบชายผ้าไว้ให้ ท้าวอุทัตทราบความจึงประกาศว่าผู้ใดเป็นเจ้าของชายผ้าจะยกพระธิดาให้ จึงเกิดการแย่งชิงของเจ้าต่างเมืองมากมายกลายเป็นศึกใหญ่ พระปิ่นแก้วจึงออกมาช่วยระงับศึกและได้ครองเมืองการะเกด ฝ่ายพระปิ่นศิลป์ไชยหลบหนีจากนางยักษ์มณีฉายด้วยการช่วยเหลือของเทพารักษ์โดยการมอบแหวนที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นชายแก่ให้ ระหว่างหลบหนีไปถึงเมืองจักรวรรดิก็ได้ช่วยชาวเมืองยกเสาที่ล้มอยู่กลับคืนที่เดิม ฝ่ายเจ้าเมืองคือท้าวทรงบดินทร์จำต้องยกเจ้าหญิงทิพวันให้ตามที่เคยลั่นวาจา ฝ่ายเจ้าหญิงทิพวันเมื่อรู้ความจริงว่าชายแก่คือ พระปิ่นศิลป์ไชยก็หลงรักและพากันกลับเมืองมิถิลา ติดตามชม ละครแก้วหน้าม้า ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00 น. ทางช่อง 7 สี

สาวน้อยอ้อยควั่น 2558

เรื่องย่อ : สาวน้อยอ้อยควั่น (2558/2015) เจ้านางน้อยบุญยวง ลูกสาวของ เจ้าอนันตธร เจ้าเมืองชนกลุ่มน้อยที่หลบหนีการถูกกบฏรุกรานแล้วถูกฆ่าเสียชีวิต ก่อนตายเจ้าอนันตธรได้ฝากเจ้านางน้อยบุญยวงลูกสาวไว้กับคนสนิทชื่อ ส่างโดย โดยการปลอมตัวเป็นสามัญชนปะปนมาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย จากเจ้านางน้อยต้องกลายเป็นนางสาวบุญยวงที่ลำบากยากแค้น รอคอยการคัดเลือกตัวไปประเทศที่สาม

วันหนึ่ง ณัฐวุฒิ มหาเศรษฐีหนุ่มมีภรรยาชื่อ สินีนาฏ ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน ทั้งที่อยากมีลูกมาก ณัฐวุฒิได้รับ นัทธร ซึ่งเป็นหลานของสินีนาฏมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่แบเบาะ และรักเหมือนลูกแท้ๆ ณัฐวุฒิได้มาแวะเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้เพื่อบริจาคเงิน และสิ่งของให้กับค่ายนี้ เขาจึงขอพักที่ศูนย์แห่งนี้ โดยมีส่างโดยซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าค่ายผู้อพยพเป็นผู้ดูแลที่พักและอาหารให้ ส่างโดยได้พาเจ้านางบุญยวงมาด้วย เพราะเจ้านางรับอาสามาทำความสะอาดที่พักให้กับณัฐวุฒิ เขาถึงกับตะลึงในความสวยงามใสซื่อของเจ้านางบุญยวง ณัฐวุฒิหลงรักเข้าทันทีที่ได้พบ ส่างโดยสังเกตเห็นและต้องการให้เจ้านางสุขสบายจึงเปิดโอกาสให้ทั้งคู่สนิทสนมกัน ส่างโดยเล่าประวัติของเจ้านางบุญยวงให้ณัฐวุฒิฟังว่าเธอเป็นเจ้านางน้อยของชนเผ่าที่อยู่ระหว่างตะเข็บชายแดน ณัฐวุฒิหาโอกาสมาพบเจ้านางบุญยวงบ่อยๆ และหาวิธีทำให้เจ้านางได้ออกมานอกค่าย จนในที่สุดเจ้านางบุญยวงก็ตกเป็นของณัฐวุฒิ สินีนาฏสงสัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของณัฐวุฒิจึงสืบจนได้ความจริง สินีนาฏส่งคนตามทำร้ายเจ้านางบุญยวงเพื่อให้เลิกกับณัฐวุฒิ เพราะเขามีภรรยาแล้ว เจ้านางเสียใจมากพยายามขอเลิกกับณัฐวุฒิ แต่เขาไม่ยอม ในที่สุดเจ้านางก็ตั้งท้อง เจ้านางได้รับการติดต่อจากสินีนาฏว่าถ้าไม่อยากตายให้ยกลูกให้สินีนาฏ ถ้าไม่ยกให้เธอจะตามฆ่าลูกของเจ้านาง ส่วนสินีนาฏก็ทำเป็นท้องให้สอดคล้องกับการรับลูกของเจ้านางมาเป็นลูกตัวเอง เจ้านางเสียใจและได้ปรึกษากับส่างโดย ส่างโดยให้ยอมทำตามสินีนาฏเพื่อความสุขของหนูน้อยที่กำลังจะเกิดมา

ในที่สุดเจ้านางก็คลอดลูกสาวเธอให้ชื่อว่า ส่วยหย่ง แปลว่ากระต่ายทอง และตัดสินใจไปอยู่ประเทศที่สามคือ อเมริกา ส่วนลูกน้อยมอบให้ส่างโดยเป็นคนส่งมอบให้สินีนาฏ ณัฐวุฒิเองก็ดีใจมากที่จะมีลูกกับสินีนาฏ นัทธรก็ดีใจที่จะได้น้อง สินีนาฏทำทีไปต่างจังหวัดและอ้างว่าเธอจะขอคลอดลูกที่ต่างจังหวัดเลย แต่สินีนาฏรถคว่ำเสียชีวิตเสียก่อนที่จะได้ไปรับลูกของเจ้านาง และความจริงปรากฏว่าเธอไม่ได้ท้อง ณัฐวุฒิเสียใจมาก และไม่เข้าใจว่าทำไมสินีนาฏต้องโกหกเขาเรื่องท้อง ส่างโดยรอคอยการมาของสินีนาฏ และผิดหวังเข้าใจว่าสินีนาฏหลอก ภายหลังรู้ว่าสินีนาฏเสียชีวิตแล้วจึงวางแผนจะเอาส่วยหย่งไปส่งให้ ณัฐวุฒิและบอกความจริงว่าส่วยหย่งเป็นลูกของเจ้านางบุญยวงกับณัฐวุฒิ แต่เกิดเหตุจลาจลในค่ายพักเสียก่อน ส่างโดยเสียชีวิตก่อนที่จะได้บอกความจริงกับณัฐวุฒิ แม่หนูส่วยหย่งที่มีเหรียญห้อยคอเป็นโลหะธรรมดาสลักว่าบุญยวงด้านหนึ่งส่วยหย่งด้านหนึ่ง หนูน้อยส่วยหย่งถูกหญิงในศูนย์ดูแลตามมีตามเกิด เพราะต่างคนต่างมีลูก นาง มะขิ่น ได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าวได้ขายหนูส่วยหย่งให้กับ นางสมใจ คนไทยคนหนึ่งซึ่งซื้อเอาไปขอทาน

ณัฐวุฒิรีบมาที่ค่ายผู้อพยพพบว่าเจ้านางบุญยวงไปอยู่อเมริกาแล้ว และเขารู้ว่าเจ้านางมีลูกสาวกับเขาด้วยแต่ไม่ทราบว่าหายไปไหน ณัฐวุฒิเสียใจแทบเป็นบ้าคลั่งพยายามส่งคนสืบหาลูกสาว แต่ไม่ได้วี่แววทำให้ณัฐวุฒิถึงกับล้มป่วย หนูน้อยส่วยหย่งมีชื่อใหม่ว่า อ้อยควั่น ระหกระเหินร่อนเร่ขอทานให้กับนางสมใจจนเด็กน้อยอายุได้ 6-7 ขวบ ส่วยหย่งหรืออ้อยควั่นถูกทารุณทุบตีโดยสมใจตลอดเวลา พอโตขึ้นสมใจบังคับให้ไปขอทานเอง อ้อยควั่นมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลงจึงสามารถสะกดให้คนทั้งหลายให้เงินเธอมากกว่าเด็กอื่นๆ จนอ้อยควั่นตกที่นั่งลำบากเพราะถูกเกลียดชังและกลั่นแกล้งจากเด็กขอทานที่ไม่ค่อยได้เงิน กิตติศัพท์ความสามารถของอ้อยควั่นลือไปทั่วทำให้เป็นที่ต้องการของพวกจับเด็กไปขอทาน ต่อมาอ้อยควั่นถูกแก๊งลักเด็กรายใหญ่คือ นางสมร ลักตัวไป ที่นั่นอ้อยควั่นพบเด็กที่ถูกบังคับมาขอทานจำนวนมาก อ้อยควั่นสงสารพวกเด็กๆ จึงวางแผนพาพวกเด็กๆ ก่อจลาจล และหนีออกมาในคืนหนึ่ง พวกเด็กๆ หนีออกไปได้หมด แต่อ้อยควั่นกลับถูกจับได้ และถูกซ้อมจนป่วย หลังจากนั้นอ้อยควั่นถูกนางสมรพาตัวใส่รถเพื่อส่งตัวไปขายที่ชายแดน ระหว่างเดินทางช่วงพักเติมน้ำมันอ้อยควั่นที่ป่วยปางตายแอบหนีลงจากรถ สมรเห็นเข้าไล่ตามจับอ้อยควั่น อ้อยควั่นหลบเข้าไปที่ร้านอาหารข้างปั้มแห่งหนึ่งแล้วแอบไปขึ้นท้ายรถคันหนึ่งหลบหนีไป รถคันนั้นมาถึงที่หมายพอคนขับรถคันนั้นเจออ้อยควั่นนอนหลับอยู่แทนที่จะสงสาร กลับทุบตีอ้อยควั่นตกใจขวัญหนีดีฝ่อลงหนีจากรถวิ่งเตลิดไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ อ้อยควั่นใช้ชีวิตตามข้างถนน อาศัยนอนหลับตามพงหญ้า ยามหลับก็ละเมอเรียกหา “แม่จ๋าอยู่ไหน” อ้อยควั่นพบหมาจรจัดที่กำลังจะแย่งอาหารอ้อยควั่น แต่อ้อยควั่นก็ตัดสินใจแบ่งอาหารให้พร้อมกับตั้งชื่อว่ามู่ลี่ หมามู่ลี่กับอ้อยควั่นจึงกลายเป็นเพื่อนกันไปไหนไปด้วยกัน อ้อยควั่นร้องเพลงเต้นระบำหากินเลี้ยงชีวิตไปวันๆ กับมู่ลี่ ในใจอยากมีใครสักคนที่รักและดูแล อ้อยควั่นตั้งใจจะตามหาแม่ให้พบสักวันหนึ่งให้ได้

วันหนึ่งอ้อยควั่นเดินสะเปะสะปะเข้ามาในตลาดกับมู่ลี่หิวแทบเป็นลม อ้อยควั่นได้พบกับ ป้าเมตตา ที่มาเดินจ่ายตลาด และในรถเข็นมีข้าวของมากมายจนน่าแปลกใจ ในตะกร้ามีส้มลูกใหญ่น่ากินเต็มไปหมด อ้อยควั่นอยากขโมยของกินจึงเอื้อมมือไป แต่แล้วก็หดมือกลับเพราะรู้ว่าเป็นบาป ทันใดมีชายคนหนึ่งวิ่งมากระชากกระเป๋าคุณป้าเมตตา อ้อยควั่นอยากทำความดีจึงบอกให้มู่ลี่ช่วย หมามู่ลี่วิ่งไปแย่งกระเป๋าคืนมาได้ ป้าเมตตาดีใจและขอบใจอ้อยควั่น พร้อมให้เงินอ้อยควั่นเป็นรางวัลในการทำความดี อ้อยควั่นแอบตามไปดู เห็นป้าขึ้นรถตู้คันหนึ่งแล่นออกไป อ้อยควั่นมองตามหน้าละห้อย อ้อยควั่นกับมู่ลี่มาดักรอป้าเมตตาทุกวัน ช่วยถือของ และส่งขึ้นรถ ป้าเมตตาแปลกใจจึงถามชื่อ ถามถึงพ่อแม่ ที่อยู่ และโรงเรียน อ้อยควั่นบอกว่าเธอตัวคนเดียว อยู่น้องมู่ลี่เท่านั้น ป้าเมตตาตกใจมากจะพาไปพบผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าที่คุณป้าทำงานอยู่ แต่มู่ลี่ไปไม่ได้อ้อยควั่นหน้าจ๋อย ในที่สุดอ้อยควั่นตัดสินใจสะกดรอยตามป้าเมตตาไป โดยแอบเข้าไปอยู่ในรถขนอาหารของป้าเมตตา เอามู่ลี่แอบไปด้วย เมื่อมาถึงบ้านเด็กกำพร้าป้าเมตตาตกใจและรับปากจะดูแลมู่ลี่ให้ในฐานะที่มู่ลี่ช่วยแย่งกระเป๋าเงินให้และจะไม่บอกให้ คุณแม่ปราณี รู้เรื่องมู่ลี่ ป้าเมตตาพาอ้อยควั่นไปพบคุณแม่ปราณี อ้อยควั่นได้รับอนุญาตให้อยู่ที่บ้านแห่งนี้ และมีชื่อใหม่ว่า “กชกร” อ้อยควั่นกับป้าเมตตาแอบเลี้ยงมู่ลี่เอาไว้ และคอยพาหลบซ่อนผู้คนรวมทั้งคุณแม่ปราณีด้วย อ้อยควั่นได้เรียนหนังสือและช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน อ้อยควั่นต้องต่อสู้เพราะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กรุ่นเก่าและเด็กที่โตกว่า อ้อยควั่นต้องคอยป้องกันเด็กเล็กๆ ที่ถูกรังแก อ้อยควั่นอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าจนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ณัฐวุฒิพลิกแผ่นดินหาลูกสาวมาหกปีก็ยังไม่มีวี่แวว เขาให้นัทธรลูกชายบุญธรรมช่วยสืบเสาะก็ไม่พบจนหมดกำลังใจ ณัฐวุฒิให้นัทธรดูแลธุรกิจแทน นัทธรไปบริจาคเงินที่สถานเด็กกำพร้าหลายแห่ง และขอเข้าไปอุปการะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อหวังจะสืบหาลูกสาวของณัฐวุฒิ นัทธรประกาศรับอุปการะเด็กเป็นลูกโดยให้เขียนเรียงความประกวดเรื่อง “แม่จ๋าอยู่ไหน” อ้อยควั่นเห็นประกาศดีใจมาก อ้อยควั่นเรียงความเรื่อง “แม่จ๋าอยู่ไหน” เล่าถึงความเป็นมาของตัวเองตั้งแต่ตอนที่เริ่มจำความได้ และมาอยู่กับนางสมใจ แล้วถูกขโมยต่อมาโดยนางสมรต้องเร่ร่อนมีน้องหมามู่ลี่เป็นเพื่อนจนได้มาอยู่บ้านเด็กกำพร้า และแอบเลี้ยงมู่ลี่ไว้ ตลอดเวลาเธอโหยหาแม่และกำลังตามหาว่าแม่จ๋าอยู่ไหน นัทธรก็เอาเรียงความทั้งหมดมานั่งอ่าน เขาลงความเห็นว่าเด็กหญิงอ้อยควั่นหรือกชกรเขียนได้ประทับใจและสนุกสนานที่สุด เขาชอบมากตรงที่เธอแอบเลี้ยงสุนัขเพื่อนตายของเธอไว้ที่สถานเด็กกำพร้ามาหกปีแล้ว อ้อยควั่นดีใจมากที่ได้รับรางวัลด้วยการเป็นลูกอุปถัมภ์ของคุณพ่อคนหนึ่ง โดยที่เธอไม่เคยทราบเลยว่าคุณพ่อของเธอคือใคร อ้อยควั่นได้รับโน้ตสั้นๆ จากคุณพ่อจากเลขาชื่อ ดุจดาว คุณพ่อแจ้งความจำนงว่าคุณพ่อต้องการนำมู่ลี่ไปเลี้ยงดูอย่างดีที่บ้านของคุณพ่อ ส่วนอ้อยควั่นคุณพ่อจะส่งไปไว้ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง คุณแม่ปราณีดีใจด้วยกับอ้อยควั่น แต่ต่อว่าที่แอบเลี้ยงสุนัขไว้ไม่บอก อ้อยควั่นสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณแม่ช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนใหม่ของอ้อยควั่นเธอได้พบผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มมากชื่อนัทธร มีเพื่อนใหม่ชื่อ ภัคภิรมย์ เป็นหลานของนันธร และ ศลิษา ซึ่งเป็นนักเรียนเข้าใหม่เช่นกัน วันหนึ่งนัทธรเรียกตัวอ้อยควั่นไปพบสอบถามถึงผลการเรียน และอบรมให้อ้อยควั่นเข้ากับทุกคนที่นี่ให้ได้และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น นัทธรดูเฉยเมยเงียบขรึมเจ้าระเบียบจนอ้อยควั่นกลัวมาก สายตาของนัทธรที่มองอ้อยควั่นดูเข้มงวดและสำรวจ อ้อยควั่นได้รับคำสั่งจากคุณพ่อผ่านเลขาว่าให้เธอบอกทุกคนว่าพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว และเธอมีญาติอุปการะอยู่ อ้อยกับภัคภิรมย์ไม่ถูกกันเพราะภัคภิรมย์จะดูหยิ่งพูดจาดูถูกผู้อื่น และอยากรู้ว่าทุกคนเป็นลูกท่านหลานเธอที่ไหน พูดแต่สิ่งที่หรูหรา และภัคภิรมย์ก็อยากรู้มากว่าอ้อยควั่นมาจากไหน และเป็นใคร ศลิษาต้องเป็นคนคอยตามไกล่เกลี่ย อ้อยควั่นมักเขียนจดหมายผ่านเลขาของคุณพ่อไประบายให้ฟังเสมอ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะในวันหยุดจะมีรถคันงาม และมู่ลี่น้องหมาที่ถูกแปลงโฉมจนแทบจำไม่ได้ มาหาอ้อยพร้อมกับของขวัญมากมาย เช่น เสื้อผ้า ขนมนมเนย บางครั้งก็ให้รับไปเที่ยวข้างนอก คุณพ่อโอนเงินเข้าบัญชีให้อ้อยควั่น โดยอ้อยควั่นใช้วิธีกดเอทีเอ็มนำเงินนั่นออกมาใช้ได้เลย อ้อยควั่นเขียนจดหมายบอกคุณพ่อว่าเงินมากเกินไป แต่คุณพ่อก็ยังส่งมา ทำให้อ้อยควั่นอยากรู้และอยากพบคุณพ่อมาก แต่ไม่ว่าอ้อยควั่นจะขอร้องอย่างไรคุณพ่อก็ไม่เคยมาพบ คนที่อ้อยควั่นมักได้พบกลับเป็นนัทธรผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาอาทิตย์ละครั้ง และทุกครั้งจะเรียกอ้อยควั่นไปพบสำรวจอ้อยอย่างเข้มงวด และอบรมเรื่องเดิมๆ

เวลาผ่านไป อ้อยควั่นจบ ม.6 ที่นี่ และได้รับโน้ตจากคุณพ่อว่าให้ตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ อ้อยก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่เดียวกับภัคภิรมย์ และศลิษา มีงานเลี้ยงจัดขึ้นที่ห้องอาหารหรู ฉลองเอ็นติดของทั้งสามคน โดยมีนัทธรอาของภัคภิรมย์เป็นเจ้าภาพ นัทธรดูใจดีเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว เขายิ้มแย้มกับอ้อยควั่นทำให้อ้อยควั่นหายกลัว ศลิษาแอบกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอแอบกรี๊ด คุณอานัทธร และตอนนี้พวกเราเป็นสาวแล้ว เริ่มมองหนุ่มได้บ้างแล้ว นอกจากอานัทธรยังมีพี่ชายของศลิษา คือ พี่ ศรุต ที่ขอมาเลี้ยงพวกสาวๆ ด้วย คราวนี้ภัคภิรมย์กระซิบอ้อยควั่นว่าเธอปิ๊งพี่ศรุตแล้วอ้อยอย่าแตะ มีโน้ตจากคุณพ่อว่าอ้อยควั่นเป็นสาวแล้วให้ดูแลตัวเองดีๆ จะคบใครต้องระวังให้ดีอยู่ในวัยเรียนไม่ควรข้องแวะกับผู้ชาย อ้อยควั่นตอบกลับว่าจะไม่มีแฟน คุณพ่อตอบมาว่าดีมากขอให้จริงอย่างที่พูด

เจ้านางบุญยวงเดินทางกลับมาเมืองไทย และสืบหาณัฐวุฒิเพื่อตามหาลูก เมื่อทราบความจริงว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่เธอวางแผนไว้ เจ้าบุญยวงเสียใจมาก เจ้าบุญยวงได้พบกับนัทธรและขอความช่วยเหลือให้สืบหาลูกของเธออีกแรง นัทธรบอกว่าเขาทำมาโดยตลอด อ้อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยและเรียนดีพอสมควร ในโอกาสสำคัญนัทธรจะมาพบสาวๆ ทั้งสามคน แต่คราวนี้มีเจ้าบุญยวงมาด้วย เจ้าบุญยวงมองเด็กสาวทั้งสามด้วยความรัก และสนใจอ้อยควั่นเป็นพิเศษ เจ้านางถามอ้อยถึงพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง บุญยวงบอกว่าเธอสนใจอ้อยควั่นมากยากรู้ว่ามาจากไหน นัทธรกลัวว่าบุญยวงจะดูถูกอ้อยควั่น จึงบอกว่าอ้อยมีพ่อแม่และเขารู้จักพ่อแม่ของอ้อยดี แต่ตอนนี้พ่อแม่ของอ้อยเสียชีวิตแล้ว ในช่วงปิดเทอมทุกคนพากันไปซัมเมอร์ต่างประเทศ เลขาบอกว่าคุณพ่อให้อ้อยไปได้ แต่อ้อยปฏิเสธเพราะฟุ่มเฟือยเกินฐานะและเกรงใจคุณพ่อ คุณพ่อจึงให้อ้อยไปพักผ่อนที่บ้านบนเขา ที่นั่นมีบุญยวง และ ป้าไพลิน รอต้อนรับอยู่ อ้อยแปลกใจมากที่คุณป้าไพลินบอกว่าเป็นแม่นมของอานัทธร แล้วทำไมทั้งอานัทธร เจ้านางบุญยวง และคุณป้าไพลิน จึงไปเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของอ้อยได้ ด้วยความสงสัยอ้อยควั่นเขียนจดหมายไปถามคุณพ่อ แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา พออ้อยควั่นเขียนถามมากๆ ก็ถูกคุณพ่อดุกลับมาในจดหมายว่าถ้ารักคุณพ่อ มั่นใจในตัวคุณพ่อก็ควรเชื่อคุณพ่อ วันดี คืนดีอานัทธรก็มาหาแม่นม และเจ้านางบุญยวง

วันหนึ่ง ให้บังเอิญศรุตเกิดมีบ้านเพื่อนที่เขาข้างๆ จึงมาพบกันโดยบังเอิญทำให้อานัทธรดูหงุดหงิด อ้อยควั่นเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อฟัง และบอกว่าเธอนับถือพี่ศรุตเป็นพี่ชาย และก่อนเปิดเทอมภัคภิรมย์ และศลิษากลับมาจากต่างประเทศแล้ว ทั้งหมดได้รับเชิญจากอานัทธรให้ไปพักบ้านตากอากาศที่เขาใหญ่ของอานัทธร ต่อมาอ้อยได้ทราบว่าอานัทธรไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของณัฐวุฒิ ต่อมาณัฐวุฒิกับเจ้านางบุญยวงได้พบกัน ทั้งสองพยายามช่วยกันตามหาลูกสาว ทั้งสองดูรักใคร่อ้อยเป็นพิเศษ อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าให้คุณพ่อฟังว่าเธอว่าจะรับจ๊อบเป็นสไตล์ลิสท์ให้นางแบบของหนังสือชื่อดังแห่งหนึ่ง และเธอจะเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวคุณพ่อไม่ต้องส่งมา แต่คุณพ่อก็ยังส่งมาตามปกติ อ้อยตั้งใจเก็บเงินซื้อเน็คไทราคาแพงเส้นหนึ่งฝากผ่านเลขาไปให้คุณพ่อในวันปีใหม่ อ้อยควั่นอ้อนวอนขอพบคุณพ่ออีกเพื่อจะได้กราบคุณพ่อ แต่คุณพ่อกลับตอบมาว่าเมื่อถึงเวลาจะได้พบกันและจะผูกเน็คไทของอ้อยไปให้ดู ตลอดเวลาที่เรียนอ้อยทำของใช้และเครื่องประดับด้วยฝีมือตัวเองส่งให้คุณพ่อ การเรียนผ่านไปถึงปีสุดท้าย คุณพ่อให้อ้อยควั่นตั้งหน้าตั้งตาเรียน ส่วนเจ้านางบุญยวงก็ยังแวะมาเยี่ยมอ้อยเสมอ อ้อยถามว่าทำไมเจ้านางถึงชื่อแปลก เธอจึงบอกว่าเรื่องของเธอยาวมาก และเธอไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชนกลุ่มน้อยที่หนีมาอยู่ในศูนย์อพยพ ตอนนี้เธอกำลังตามหาลูกสาวของเธอที่ชื่อ ส่วยหย่ง ซึ่งแปลว่ากระต่ายทอง อ้อยควั่นเห็นใจและสงสารเจ้านางบุญยวง อ้อยควั่นปลอบใจเจ้านางบุญยวง บุญยวงยิ่งรู้สึกผูกพันถูกชะตากับอ้อยมาก หลังจากเรียนจบอ้อยควั่นได้เกียรตินิยมดี ภัคภิรมย์ได้ดีมาก ส่วนศลิษาไม่ได้เกียรตินิยม มีงานเลี้ยงฉลองเรียนจบให้สาวๆ อ้อยควั่นเขียนจดหมายอ้อนวอนให้คุณพ่อมาร่วมงาน และขอให้อ้อยได้กราบขอบพระคุณคุณพ่อ แต่วันงานกลับมีแค่ คุณปู่ณัฐวุฒิ เจ้านางบุญยวง อานัทธร พี่ศรุตมาเท่านั้น อ้อยควั่นเสียใจและผิดหวังมาก คุณพ่อฝากของขวัญมาให้อ้อยเป็นรถเก๋งคันงาม อ้อยปฏิเสธไม่รับ ตอบกลับไปที่คุณพ่อว่าสิ่งที่เธอต้องการ คือ ได้พบคุณพ่อไม่ใช่รถคันนี้ ศรุตขอเป็นคนรู้ใจของอ้อยแต่อ้อยควั่นปฏิเสธ เหตุการณ์นี้ทำให้อ้อยมีมีปากเสียงกับภัคภิรมย์ที่คิดว่าอ้อยไม่รักษาคำพูด ศลิษาต้องมาอธิบาย ศรุตเสียใจไปพักหนึ่งในที่สุดก็คิดได้และกลายมาเป็นคนรู้ใจของ ต้องรัก อดีตแฟนเก่าของนัทธรที่เลิกรากันไปนานแล้ว และกลับมาอยู่เมืองไทย ส่วนศลิษาขอร้องให้อ้อยช่วยเป็นแม่สื่อให้ตนกับอานัทธร อ้อยตกลงทั้งที่ในใจนึกพอใจอานัทธรอยู่เหมือนกัน อ้อยกลับไปเยี่ยมคุณแม่ปราณีกราบขอบพระคุณที่อบรมให้อ้อยเป็นเด็กดี คุณแม่บอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่ติดตัวอ้อยอยู่ตอนมาที่นี่และจะคืนให้อ้อยแต่ตอนนี้หาไม่พบ ถ้าหาพบแล้วจะโทรไปบอกให้มารับ สิ่งนั้น คือ สร้อยคอสลักชื่อบุญยวงกับส่วยหย่งนั่นเอง ทางฝ่ายบุญยวงได้พบกับ มะขิ่นโดยบังเอิญ มะขิ่นมาสมัครงานที่บ้านของณัฐวุฒิทั้งสองดีใจที่พบกัน แต่มะขิ่นเจ้าเล่ห์มากอยากได้เงินจึงโกหกว่าลูกของบุญยวงถูกผู้หญิงชื่อสมใจมาหลอกไปจากหญิงคนหนึ่งในศูนย์คาดว่าคงเอาไปเป็นขอทาน ณัฐวุฒิกับบุญยวงตกใจรีบส่งคนตามรอยลูกตามที่มะขิ่นบอก ทางฝ่ายมะขิ่นยังโลภมากคิดจะหาเงินทางลัดจึงสืบหาเช่นกันเพราะหวังจะเอาลูกของเจ้านางไปเรียกค่าไถ่จึงแอบฟังความเคลื่อนไหวของการติดตามหาลูก อ้อยได้ทำงานเป็นดีไซน์เนอร์และอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งที่คุณพ่อมอบให้ คุณพ่อบอกว่าคงใกล้ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้พบกัน อ้อยดีใจมาก อ้อยขอพบอานัทธรและนัดให้พบกับศลิษาพยายามทำให้สองคนได้ใกล้ชิดกัน อ้อยเขียนเล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อเขียนดุกลับมาว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องของคนอื่น และยังถามว่าอ้อยชอบใครหรือยังถ้าไว้ใจพ่อบอกให้พ่อรู้ อ้อยหลงกลบอกว่าชอบคุณอานัทธรแต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณอานัทธรเหมาะสมกับศลิษา และอ้อย คือ เด็กกำพร้า ในที่สุดณัฐวุฒิกับบุญยวงก็ตามเจอสมใจ ตามเจอสมรโดยมีมะขิ่นรู้เห็นเรื่องราวโดยตลอด และทั้งหมดกำลังตามหาดูว่าอ้อยจะไปที่ไหนหลังจากหนีสายสมรแล้ว ในที่สุดก็สืบได้ว่าอ้อยมาที่ตลาดแห่งหนึ่ง

ขณะนั้นเอง ทางด้านนัทธรก็ปฏิเสธนิ่มๆ ไปกับศลิษาว่าเขาเอ็นดูเธอเหมือนหลาน ศลิษาเสียใจมากมาบอกอ้อย อ้อยเห็นใจเพื่อน ขณะเดียวกันอ้อยก็ได้รับจดหมายจากคุณพ่อว่าพร้อมแล้วที่จะให้อ้อยไปพบในงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้อยแปลกใจเพราะ คือ บริษัทของนัทธรนั่นเอง คุณพ่อให้อ้อยไปพบคนที่ใส่เน็คไทของอ้อย ในที่สุดคุณแม่ปราณีก็หาสร้อยของอ้อยพบและโทรหาอ้อย อ้อยกำลังอยู่ในงานแต่งตัวสวยกำลังมองหาคุณพ่อ นัทธรใช้เน็คไทของอ้อยกำลังเดินตรงมาหาอ้อยที่มองหาอยู่ ที่สถาน เด็กพร้าคุณแม่ปราณีกำลังยกขึ้นมาดูอ่านเห็นชื่อบุญยวงพลิกอีกด้านเห็นชื่อส่วยหย่ง ปราณีดีใจรีบโทรหาอ้อย อ้อยรับแต่บอกว่าอยู่ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้จะไปรับของ แต่แล้วอ้อยก็กลับได้ยินเสียงคุณแม่ร้องว๊ายแล้วเงียบเสียงไป พวกสมใจและมะขิ่นนั่นเองมาจับตัวปราณีไป ตอนกำลังถูกกระชากตัวปราณียัดสร้อยใส่ไว้ใต้หมอนไว้ อ้อยเลิกตามหาคุณพ่อรีบตรงไปที่บ้านเด็กกำพร้าไม่พบใครพบแต่ป้าเมตตา อ้อยเล่าเหตุการณ์ให้ป้าเมตตาฟัง อ้อยมองไปเห็นสร้อยที่แล่บออกมาจากใต้หมอนหยิบออกมาไม่ได้อ่าน แต่คิดว่าต้องเป็นของที่คุณแม่บอกว่าหาให้แน่ๆ อ้อยหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมา นัทธรผิดหวังที่อ้อยไม่ไปหาตามนัด อ้อยเขียนโน้ตฝากเลขาขอโทษเพราะเกิดเรื่อง ทุกคนจึงรู้ว่าคุณแม่ปราณีถูกจับไป บุญยวงส่งรถไปรับอ้อยมาที่บ้าน อ้อยส่งให้ทุกคนดูว่านี่ คือ สร้อยที่ติดคอเธอมาตอนที่เธอมาที่บ้านคุณแม่ปราณี แต่คุณแม่เก็บเอาไว้ เมื่อบุญยวงเห็นถึงกับช็อค บุญยวงให้อ้อยควั่นอ่านที่แผ่นสลักทั้งสองด้าน อ้อยงงแต่ก็อ่านชื่อ “บุญยวง” “ส่วยหย่ง” อ้อยมองบุญยวง บุญยวงมองอ้อย สองคนถลาเข้ากอดกัน ที่นัทธรเข้ามาเห็นภาพยืนนิ่งมอง อ้อยก้มลงกราบแทบเท้าของบุญยวง บุญยวงประคองอ้อยขึ้นมา และบอกว่าณัฐวุฒิ คือ พ่อ อ้อยควั่นตะลึง ณัฐวุฒิกางแขนสวมกอดลูกสาว ทั้งสามคนกอดกัน จากนั้นอ้อยก้มลงกราบที่เท้าของพ่อและแม่ นัทธรยืนมองแล้วหันผละออกไป ณัฐวุฒิเห็นจึงเรียกให้มารู้จักกัน อ้อยมองไปนัทธรมองตอบกลับมา สายตาของอ้อยจ้องไปที่เน็คไทของนัทธร อ้อยตะลึงถลาไปหานัทธรโดยไม่ได้ตั้งใจไม่เชื่อว่าคุณพ่อที่อุปการะเธอจะหนุ่มไม่ใช่คนมีอายุ นัทธรยืนนิ่ง ณัฐวุฒิบอกอ้อยว่านัทธรเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา นัทธรขัดเขินไม่กล้ากอดดังที่เคยเขียนจดหมายบอกไว้ แต่อ้อยกลับก้มลงกราบนัทธรที่เท้าและบอกพ่อแม่ว่า นี่คือ คุณพ่อที่อุปการะส่งเสียเธอจนเรียนจบ บุญยวงกับณัฐวุฒิตื่นเต้นดีใจและขอบใจนัทธร ต่อมาพวกมะขิ่นหาทางจับตัวอ้อย โดยใช้คุณแม่ปราณีมาขู่ว่าจะฆ่า อ้อยจึงต้องไปพบพวกมะขิ่น พวกนั้นจับตัวอ้อยเรียกค่าไถ่ยี่สิบล้าน นัทธรใช้อุบายเอาเงินไปล่อและช่วยอ้อยกับคุณแม่ปราณีออกมาได้ ส่วนพวกมะขิ่นกับสมใจหนีไปแต่ในที่สุดก็ถูกตามจับได้

มีงานฉลองการพบกันและประกาศว่าอ้อย คือ ลูกสาวของณัฐวุฒิและเจ้าบุญยวง หลังเสร็จงานเลี้ยง อ้อยตามเจ้านางบุญยวงมาอยู่ที่ภูคำ นัทธรตามมาที่ภูคำ เจ้านางให้อ้อยตัดสินใจเลือกไปอยู่กับความรัก คือ นัทธร อ้อยควั่นกลับมาเมืองไทยสร้างความดีใจให้กับนัทธรมาก นัทธรมอบแหวนที่รอไว้หมั้นให้อ้อย และประกาศหมั้นกับอ้อยควั่นท่ามกลางความอิจฉาของสาวๆ ทั้งหลาย ในงานหมั้นมีทุกคนมาร่วมงานกับอย่างมีความสุข

พญาโศก 2558

เรื่องย่อ : พญาโศก (2558/2015) หนูใหญ่ (ลำหับ) เป็นลูกสาวของ ราม หัวหน้าค่ายอาสาป้องกันชายแดนผู้ทรยศต่อแผ่นดิน เพราะความอยากเป็นใหญ่มีเงินทองจึงไปเข้าร่วมกับ พ่อเลี้ยงศร เจ้าพ่อค้ายา ทำสิ่งผิดกฎหมาย และก่อการร้าย รามเปิดทางให้พวกพ่อเลี้ยงศรเข้ามาเผาค่ายเพื่อใช้เป็นทางผ่านส่งยา ในคืนวันเกิดเหตุหลังจากที่ลำหับฝึกซอสามสายที่ นลินี ผู้เป็นแม่ฝึกสอนให้ประจำแล้ว รามสั่งให้นลินีเล่นเพลงพญาโศกซึ่งรามแอบใช้เป็นเพลงสื่อสารกับพ่อเลี้ยงให้รอช่วงเวลาหลังจากเพลงจบบุกทำลายค่าย นลินีไม่ต้องการเล่นเพลงนี้เพราะจับสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่สามีสั่งให้เล่นเพลงนี้จะมีความตายเกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจขัดขืนได้จึงจำใจเล่น

ศรได้ยินเสียงเพลงพญาโศกขึ้นจึงรีบสั่งการตามที่นัดหมายกับรามทันที เมื่อเพลงจบรามสั่งให้ลูกเมียเดินทางออกจากค่ายโดยไม่ยอมตอบคำถามว่ามีจุดหมายที่ใด อนุญาตเพียงให้เอาซอสามสายไปด้วย นลินีเกิดลางสังหรณ์ว่ารามอาจทำสิ่งไม่ถูกต้องจึงปฏิเสธที่จะออกจากค่ายจนกว่าจะได้คำตอบ รามตอบเพียงว่า ถ้าอยู่ครอบครัวต้องตายหมดเพราะค่ายกำลังจะถูกทำลาย นลินีเข้าใจทันที และต่อว่ารามว่าหักหลังพี่น้องในค่าย เธอจะไปบอกให้ทุกคนรู้ตัวโดยที่ไม่ฟังคำสั่งของรามว่าให้ออกจากค่ายไม่เช่นนั้นจะยิงให้ตาย

นลินี และลูกพากันวิ่งกลับไปเพื่อตะโกนบอกพวกในค่ายให้รู้ตัว ขณะเดียวกันนั้นพ่อเลี้ยงศรก็ยิงระเบิดเข้าไปในค่ายหลายลูก รามตัดสินใจยิงนลินีก่อนที่จะเข้าไปบอกทุกคนจนล้มลง ซอสามสายกระเด็น ลำหับ และน้องชายตกตะลึง นลินีที่ใกล้ตายตะโกนสั่งให้ลำหับซึ่งตอนนั้นชื่อหนูใหญ่ ส่วนน้องชายชื่อน้องเล็ก (พลเทพ)ให้พาน้องหนี ลำหับก้มลงเก็บซอกระชากน้องชายหนี แต่รามจิกหัวไว้จนผมขาดจากหัวกระจุกใหญ่ รามแย่งเอาน้องเล็กมาได้ คนของศรเข้ามาเจอเหตุการณ์จะยิงลำหับ นลินีฮึดเฮือกสุดท้ายกระโดดไปขวางทางปืนล้มลงตาย ลำหับหนีรอดไปได้ ค่ายโดนทำลายคนในค่ายตายทั้งหมด ศรพาคาราวานยาเสพติดผ่านค่ายไปได้ ตั้งรามให้เป็นหัวหน้าค่ายแห่งใหม่ รามได้รางวัลเป็นเงินทองมากพอสมควร

ลำหับหอบซอหนีมาหกล้มหกลุกคลุกคลานหมดแรงสลบบนก้อนหินใหญ่กลางป่า เช้ารุ่งขึ้น บริพัตร ทำงานสำรวจรังวัดถนนที่ดิน เข้ามาสำรวจงานตามปกติกับลูกน้องสองคน ขณะที่ส่องกล้องสำรวจ ได้ยินเสียงเพลงพญาโศกแว่วมาจึงแพนกล้องไปยังก้อนหินใหญ่ เขาเห็นเด็กสาวแรกรุ่นหน้าตาสะสวยน้ำตาอาบนองหน้ากำลังเล่นเพลงพญาโศก บริพัตรเข้าไปยืนฟังใกล้ ๆ รอจนเพลงจบจึงแสดงตัว แต่ลำหับไม่ยอมพูดจาหรือตอบคำถาม หอบซอหนีไป บริพัตรตามจนลำหับหมดแรงล้มสลบไปอีกครั้ง บริพัตรจึงพาลำหับกลับไปบ้านตนเอง ลำหับรู้สึกตัวที่บ้านบริพัตร เห็นบริพัตรคนแรกรีบถอยหนีดึงซอมากอดไว้แน่น นายแม่ ของบริพัตรนั่งอยู่ด้วยเข้าปลอบโยนจนหายตกใจ กระนั้นลำหับก็ยังไม่ยอมพูดจากับใครเช่นเดิม จนทุกคนคิดว่าลำหับเป็นใบ้ นายแม่ตั้งชื่อให้หนูใหญ่ว่าลำหับ ลำหับเอาแต่สีซอเพลงพญาโศก ข้าวปลาแทบไม่ยอมกิน จนกระทั่งวันหนึ่งนายแม่เป็นลมกะทันหันไม่มีใครในบ้านเห็น ลำหับไปช่วยพูดจาดูอาการนายแม่ ทำให้ทุกคนดีใจมากที่ลำหับพูดได้ วิเวก คนรถกับ ตึ๋งหนืด คนรับใช้ ชื่นชมรักใคร่ลำหับมากโดยเฉพาะนายแม่ บริพัตรดีใจที่สุดตัดสินใจส่งลำหับไปเรียนหนังสือ แต่ไม่ว่า ลำหับจะพูดจาอะไรก็ไม่เคยปริปากบอกว่าเป็นใครมาจากไหน

เฉิดเฉลา หญิงสาวเปรี้ยวเฉี่ยวที่ทุกคนเข้าใจว่าคือเจ้าสาวในอนาคตของบริพัตร ไม่ชอบลำหับตั้งแต่ก้าวแรกที่บริพัตรพามาบ้าน พยายามบอกให้ไล่ไปให้พ้นเพราะลำหับต้องเป็นคนไม่ดีแน่นอน เฉิดเฉลาเบื้องหน้าเป็นหลานของพ่อเลี้ยงศร แต่ความจริงแล้วเป็นลูกสาวของแม่บ้านที่ท้องกับคนงานด้วยกันแต่ไม่มีใครยอมรับเป็นพ่อ พอโตขึ้นหน้าตาดีจึงถูกศรปล้ำ และรับเอามาเป็นเมียน้อยตั้งแต่อายุเพิ่งแรกรุ่น เฉิดเฉลาแสร้งทำดีแต่ในใจเกลียดชังคิดล้างแค้น เฉิดเฉลารู้ความลับ และความเป็นมาของ ลำหับ เฉิดเฉลามักใหญ่ใฝ่สูงอยากได้ใคร่ดี แอบคบเพื่อนชายสนิทคือ ยศพงษ์ เป็นเศรษฐีใหม่ไฟแรงเคมีตรงกัน เฉิดเฉลาสมคบกับยศพงษ์โค่นล้มศร เพราะเกรงใครจะรู้ว่าเธอคือเมียน้อยของศร แม้แต่ยศพงษ์ก็ไม่รู้ เฉิดเฉลามีลูกกับศรชื่อ เศก เศกเป็นเด็กติดยา เฉิดเฉลาบอกทุกคนว่าเก็บมาดูแล เฉิดเฉลาทำตัวเป็นคนใจบุญดูแลเศกที่ติดยาถึงขั้นหนักหน่วง เมื่อโค่นศรได้แล้ว ยศพงษ์ก็จะกลายเป็นเจ้าพ่อค้ายาคนใหม่ แทนศร

ลำหับสวยวันสวยคืนเก่งงานสารพัด เรียนจบมอหก และจะไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ก่อนที่พ่อเลี้ยงศรจะโดนโค่นล้ม เฉิดยุยงให้ศรขอลำหับมาเป็นเมียเพื่อกีดกันลำหับให้พ้นจากบริพัตรที่เธอหมายปอง เฉิดพาพ่อเลี้ยงมาสู่ขอลำหับจากนายแม่ นายแม่โยนไปที่บริพัตร บริพัตรพูดไม่ออกบอกนายแม่ขอถามความเห็นของลำหับก่อน ลำหับปฏิเสธแม้ว่านั่นจะทำให้เธอกลายเป็นหญิงผู้ร่ำรวย เฉิดไม่พอใจมาก ๆ ลำหับกับบริพัตรพากันไปยังสถานที่พบกันครั้งแรก ทั้งสองสารภาพรักกัน บริพัตรขอลำหับแต่งงาน ลำหับตกลง บริพัตรแจ้งข่าวนี้กับนายแม่ ท่านยินดี และเต็มใจ เฉิดเฉลาแค้นมาก งัดไม้ตายเรื่องความหลังของลำหับว่ามีพ่อคือรามเป็นคนขายชาติ และจะเป็นการทำลายการไปสมัคร สส. ของบริพัตร นายแม่ไม่แคร์สิ่งนี้ และขอโทษเฉิดเฉลาแทนบริพัตร

ส่วนเรื่องอนาคตให้บริพัตรตัดสินใจเอง ลำหับแอบได้ยินทั้งหมดจึงตัดสินใจหนีไปจากบริพัตร ลำหับชวนบริพัตรไปยังโขดหินแห่งนั้นอีกครั้ง ทั้งสองได้เสียกันในคืนนั้น เมื่อบริพัตรตื่นมาไม่พบลำหับจึงรู้ว่าลำหับหนีไปแล้ว เขาเสียใจมากจนล้มป่วย เฉิดเฉลาวางแผนกับยศพงษ์ว่าจะใช้บริพัตรเป็นเครื่องมือหากินหลังจากที่บริพัตรได้เป็นสส. ยศพงษ์ลงทุนหาเสียง และแอบซื้อเสียงให้บริพัตรโดยที่เขาไม่รู้ตัว เฉิดเฉลาบอกบริพัตรเรื่องลำหับเป็นลูกคนขายชาติ บริพัตรบอกไม่จำเป็นที่ลำหับต้องขายชาติไปด้วย เฉิดเฉลาตามหาลำหับ ต่อว่าต่อขาน จ้างวานลำหับให้หนีไปให้พ้นอย่าให้บริพัตรเจอ ให้ลำหับนึกถึงอนาคตของบิริพัตร ลำหับปฏิเสธจะรับเงินแต่รับปากจะหนีให้พ้นบริพัตร เฉิดมาบอกบริพัตรว่าลำหับมีผู้ชายคนใหม่ชื่อ ชาตรี ไปมาหาสู่บ่อย ๆ

บริพัตรตามหาลำหับจนพบ ลำหับจึงแกล้งทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอยินยอมจะแต่งงานด้วยถ้าบริพัตรจะยอมเป็นคนขายชาติเข้าร่วมกับพ่อของเธอ บริพัตรไม่เชื่อ ลำหับยืนยันว่าจริง บังเอิญชาตรีมาหาลำหับ บริพัตรถามว่านี่คือผู้ชายคนใหม่หรือลำหับรับว่าใช่ บริพัตรจึงจำใจตัดใจจากลำหับด้วยความเศร้าโศกผิดหวังกลับมาแต่งงานกับเฉิดเฉลา บริพัตรได้เป็นสส.ดังต้องการ ถึงคราวที่ยศพงษ์ และเฉิดเฉลา จะเอาคืน ทั้งสองขอให้บริพัตรผลักดันโครงการที่หมายตาไว้ให้ยศพงษ์ บริพัตรปฏิเสธ เฉิดเฉลาบอกว่าจะเปิดโปงบริพัตรเรื่องลำหับ และจะแฉบริพัตรว่าเนรคุณที่ยศพงษ์ซื้อเสียงให้ บริพัตรตกใจมากเพราะไม่เคยทราบมาก่อน จึงตัดสินใจลาออกจาก สส. หันมาทำงานส่วนตัว

เฉิดกับยศเหิมเกริมเล่นชู้กันจนออกนอกหน้า นายแม่เห็นจึงตักเตือน เฉิดไม่พอใจเถียงสู้ด่ากลับแล้วผลักนายแม่จนตกจากบันไดคอหักตาย แสร้งทำโวยวายร้องไห้ว่าเข้ามาพบนายแม่ตกบันได บริพัตรหมดสิ้นทั้งแม่ และคนรัก เตลิดเปิดเปิงหายเข้าป่าไป เขาไปนั่งรอลำหับที่โขดหิน บางครั้งได้ยินเสียงซอสามสายเพลงพญาโศกดังแว่วมา พอตามไปหาที่มาของเสียงกลับไม่พบอะไร ที่แท้ลำหับนั่นเองลอบตามมาแอบดูบริพัตร ลำหับไปทำไร่ดอกไม้โดย มีวิเวกกับตึ๋งหนืดตามไปอยู่ด้วย เฉิดเฉลาท้องกับยศพงษ์แต่ไม่ได้บอกใคร กลับทำให้ทุกคนเข้าใจว่าท้องกับบริพัตร ส่วนลำหับคลอดลูกเป็นชายชื่อ คนัง ตลอดเวลาลำหับไม่เคยทราบว่าชาตรีคือตำรวจลับนอกเครื่องแบบที่แอบติดตามพฤติกรรมของเธอมาตลอด เธอมักพบชาตรีตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเวลาที่คับขัน เขาจะเป็นคนที่มาช่วยให้เธอรอดปลอดภัย จนกลายเป็นคนที่ไปมาหาสู่ที่ไร่ของลำหับ พลเทพน้องเล็ก ซึ่งโตแล้ว และได้รามครอบงำเต็มที่ปฏิบัติตามคำสั่งพ่อแต่โดยดี พลเทพลงมาจากเขามาดูพฤติกรรมของลำหับโดยไม่บอกว่าเขาคือน้องเล็ก รามให้พลเทพพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลำหับไปเป็นพวก ลำหับปฏิเสธ แต่พลเทพเองก็ไม่ย่อท้อ

เฉิดแอบหลบไปคลอดลูกเงียบ ๆ และยกเด็กให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอบอกยศพงษ์ว่าเด็กแท้งตายไปแล้ว ยศพงศ์มีลูกกับภรรยาเก่าที่แต่งงานด้วยซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่ลูกสาวคือ เพ็ญโพยม ยังเล็ก ๆ ทิ้งเพ็ญให้อยู่ในความดูแลของ แม่เริ่ม กับ อาเดียว ญาติห่าง ๆ ยศพงษ์ให้ทุกอย่างทางวัตถุยกเว้นความรักความห่วงใย วิเวกมีญาติทำงานในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกลำหับว่าเฉิดทิ้งลูกที่ลงทะเบียนว่าเป็นลูกของบริพัตรไว้ ลำหับจึงไปรับมาดูแลเพราะสงสาร บริพัตรอาการหนักเพราะไปพลัดตกลงมาจากโขดหินที่ทั้งสองเคยพลอดรักกัน ลำหับรีบรับตัวบริพัตรมาดูแล เมื่อบริพัตรได้สติเขาได้ยินเสียงเพลงพญาโศก และพบว่า ลำหับสีซออยู่ใกล้ ๆ เขาดีใจมาก ลำหับบอกความจริง และบอกเรื่องลูก บริพัตรจึงขอร้องให้ดูแลลูกของตนกับเฉิดเฉลาด้วย ลำหับพาคนังกับ จักริน ลูกของเฉิดมาให้รู้จัก บริพัตรกอดคนัง จักริน และลำหับก่อนหมดลมหายใจ

ลำหับเลี้ยงดูเด็กทั้งสองด้วยความรักใคร่เท่าเทียมกัน สอนให้คนังรักน้องอภัยให้น้อง ยิ่งโตเด็กสองคนยิ่งมีนิสัยแตกต่างกัน จักรินชั่วร้ายเอาแต่ใจเห็นแก่ตัว เมื่อทำความผิดจะโทษคนัง ให้คนังยอมรับโทษแทนเสมอโดยที่ลำหับไม่เคยทราบ วิเวกกับตึ๋งหนืดระอาใจกับจักรินมาก โตขึ้นเรียนหนังสือเวลาสอบจักรินให้คนังใส่ชื่อและหมายเลขสอบของตน ส่วนตนเองใส่ชื่อคนัง ทำให้จักรินได้คะแนนสูงแต่คนังคะแนนต่ำ จบม.หก คนังตัดสินใจไม่เรียนต่อเพื่อให้แม่ได้ส่งเสียจักรินคนเดียว คนังใช้วิธีครูพักลักจำไปเรียนวิชาการเกษตรจากอาจารย์แม่โจ้ที่เกษียณแล้ว ทำสวนดอกไม้สวยงามใหญ่โต เอาเงินส่งให้จักรินเรียนเมืองนอกแบบลูกเศรษฐี

ที่เมืองนอกจักรินพบกับเพ็ญโพยม และสนิทสนมกัน จักรินหลงรักเพ็ญ แต่เพ็ญชอบพอบ้างไม่ถึงกับหลงรัก ทั้งสองไม่รู้ว่าพ่อเดียวกันเพียงแต่คนละแม่ จักรินอวดว่าเป็นลูกเศรษฐีมีเงิน เพ็ญฟังแล้วเบื่อมาก เพ็ญเลือกเรียนด้านดนตรีส่วนจักรินเรียนแบบจับจดไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปิดเทอมทั้งสองต่างกลับบ้าน และนัดเจอกันที่เมืองไทย จักรินไม่อยากอยู่บ้านไร่กลัวคนว่ายากจน โดยหารู้ไม่ว่าคนังได้ขยายกิจการจนมีบ้านน่ารักน่าอยู่ จักรินพักที่คอนโดหรูในตัวเมือง เพ็ญไม่พอใจน้อยใจพ่อที่เอาแต่อยู่กับ เฉิดเฉลาทำตัวเป็นนักการกุศลดูแลเด็กเศก และเด็กยากจนอื่น ๆ แต่ไม่เหลียวแลลูกตนเอง จึงไม่ยอมเข้าบ้านพ่อ แต่จะไปหาแม่เริ่มกับอาเดียวที่เป็นผู้เลี้ยงดูเธอมา ซึ่งก็ย้ายบ้านใหม่เช่นกัน เพ็ญขับรถมาตามลำพังเพื่อไปหาแม่เริ่มกับอาเดียว แต่ไปไม่ถูกจึงแวะถามทางที่ไร่ของลำหับ เจอวิเวกเขาจะเป็นคนพาไปแต่รถยางแบน วิเวกเรียกตึ๋งหนืดมาช่วย และฝากคนังให้พาเพ็ญไปนั่งรอ

คนังทำท่าเข้มไม่สนใจความเป็นสาวเปรี้ยวของเพ็ญ เพ็ญรู้สึกว่าคนังอวดดีปั้นปึ่ง เพ็ญหิวน้ำคนังก็ชี้ให้ไปกินในห้วย เพ็ญแอบเห็นคนังใช้ใบไม้รองน้ำกิน จึงขอใบไม้บ้าง คนังหมั่นไส้ส่งใบไม้ที่มีมดให้ เพ็ญโดนมดกัดปากเจ่อโวยวายใส่คนัง คนังหัวเราะเยาะแล้วเดินหนีไป เพ็ญเดินตามไปจะเอาเรื่องกลับได้ยินเสียงเพลงพญาโศก จึงหยุดทันทีหันเดินไปตามเสียงเพลงดังกล่าว พบว่าลำหับกำลังสีเพลงที่หลุมศพใครคนหนึ่ง เพ็ญเข้าไปทักทายจึงทราบว่าลำหับคือเจ้าของไร่ดอกไม้แห่งนี้ เธอบอกว่าสนใจซอสามสาย และเพลงพญาโศกนี้มาก เคยได้ยินเพลงนี้ แต่ไม่ไพเราะอย่างนี้ อยากขอมาเรียนรู้เพลงนี้จากลำหับบ้าง ลำหับยินดี ลำหับบอกว่าเธอมีลูกชายสองคน คนโตคือคนังผู้จัดการไร่ คนเล็กอยู่เมืองนอกหารู้ไม่ว่าจักรินมาขอให้คนังส่งเงินไปให้เช่าคอนโดอยู่ และกำลังจะขอให้ซื้อรถให้ และในระหว่างรอ จักรินจึงเอาเงินไปเช่ารถหรูมาขับ ขณะคุยกันลำหับทราบว่าเพ็ญเรียนเมืองเดียวกับลูกชาย และกำลังจะบอกชื่อลูกชายอีกคนแต่ไม่ทัน ได้บอก คนังก็มาบอกว่ารถใช้ได้แล้ว วิเวกพาเพ็ญไปส่งที่บ้านแม่เริ่มกับอาเดียว เพ็ญกลับไปเจอเข้ากับยศพงษ์เฉิดเฉลา และจักรินที่นั่น วิเวกซึ่งแอบหลบซ่อนดูอยู่จึงเห็นเหตุการณ์ และพบว่าแทนที่ยศพงษ์จะดีใจที่เห็นเพ็ญกลับมา แต่กลับบอกให้ไปคุยกับเฉิดเฉลาเรื่องงานกุศลที่จะให้เพ็ญโชว์ศิลปะที่ร่ำเรียนมา

เพ็ญต่อว่าพ่อไม่ใยดี จักรินรีบประจบเอาใจเฉิดกับยศเพื่อทำคะแนนเรื่องเพ็ญ สองคนคิดว่าจักรินเป็น ลูกเศรษฐีจึงยิ้มแย้มต้อนรับ ทั้งหมดทำให้วิเวกใจหายใจคว่ำมากรีบหนีกลับไร่ เฉิดกับยศพูดจบก็กลับไป ทิ้งให้เพ็ญอยู่กับอาเดียวแม่เริ่ม และจักริน ยศพงษ์ให้แค่ซองเงินเป็นค่าใช้จ่ายวันงาน เพ็ญน้ำตาตกใน จักรินชวนเพ็ญไปเที่ยวดูแสงสีในเมือง เพ็ญปฏิเสธ แม่เริ่มกับอาเดียวได้แต่มองหน้ากันทำตาปริบ ๆ สงสารเพ็ญ เพ็ญไปหาลำหับให้สอนเพลงพญาโศกและสอนสีซอสามสาย เพ็ญใช้เพลงพญาโศกประกอบ นาฏลีลาแสดงโชว์ของตนเอง โดยขอร้องให้ลำหับสีเพลงนี้ให้เธอ ลำหับรับปาก ทุกวันเพ็ญมาฝึกซ้อมที่ไร่ร่วมเดือน (ไร่ของลำหับ) เพ็ญพบกับคนังมีปากเสียงกันทุกวัน เพ็ญเปรยว่าอยากเจอหน้าน้องชายของคนังมาก เพราะลำหับคุยอวดไว้ว่าเป็นเด็กดีเรียนเก่ง คนังบอกลำหับว่าจักรินกลับมาแล้วไม่ยอมกลับมาบ้าน ลำหับน้อยใจเงียบ ๆ ให้คนังโทรไปหาจักริน จักรินบอกกำลังคุยเรื่องงาน และต้องการรถหนึ่งคันเพื่อใช้ติดต่องาน ไม่อยากให้ใครคิดว่ายากจนเพราะมีแฟนร่ำรวยมาก สองคนได้แต่อึ้ง แต่คนังก็รับปากน้องชายพยายามจะหาเงินให้จักรินไปดาวน์รถให้ได้

ถึงวันงาน มีการแสดงโชว์ต่าง ๆ พอถึงชุดที่เพ็ญโชว์ ทุกคนเงียบกริบเพลงพญาโศกหวานเย็นไพเราะจนทุกคนต้องนิ่งเงียบ ลีลาการแสดงของเพ็ญประทับใจคนดูที่สุด เมื่อจบการแสดงทุกคนต่างลุกขึ้นยืนปรบมือยกนิ้วส่งเสียงเอาอีก ๆ ให้เพ็ญ พิธีกรคือจักรินเป็นตัวแทนสัมภาษณ์เพ็ญ การแสดงครั้งนี้มีการถ่ายทอดทีวีด้วย รามดูรายการนี้ ส่วนพลเทพไปดูที่ห้องส่งจำเสียงเพลงพญาโศกนี่ได้ดีมาก การสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้น จักรินชื่นชมเพ็ญมากมาย เพ็ญกลับบอกว่าต้องยกเครดิตนี้ให้กับผู้ที่สีซอสามสายเพลงพญาโศก ยศพงษ์ และหลายคนต้องการให้พาไปดูคนสีซอผู้นี้ที่สุด เพ็ญพาจักรินไปพบลำหับทุกคนตะลึง ยศพงษ์ จักริน ถึงกับนิ่งอึ้ง รามที่ดูอยู่บนเขาในป่าตะลึงนิ่งเงียบ เห็นลำหับแม้จะเป็นผู้ใหญ่สามสิบกว่าแต่ยังสวยงามได้แต่ถอนใจ พูดไม่ออก แต่คนที่ทนไม่ได้คือเฉิดนั่นเอง ลืมตัวเผลอวิ่งเข้ากล้องมากระชากคันซอไปจากมือลำหับขว้างทิ้ง ตบหน้าจนทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด

เฉิดเฉลาอ้างว่าตบสั่งสอนลูกคนขายชาติ ผู้กำกับรายการสั่งตัดภาพทันที เข้าโฆษณา แต่ผู้ชมก็เห็นกันทั่วประเทศแล้ว เฉิดเฉลาโกรธมากที่ลำหับบังอาจมาเล่นซอสามสายในงานของเธอ คนังปราดมาปกป้องแม่ วิเวกกับ ตึ๋งหนืดก็เช่นกัน เพ็ญโกรธเฉิดมากด่ากลับเฉิดรุนแรง จักรินพูดไม่ออก เพ็ญขอโทษลำหับ ชาตรีมาปรากฏตัว และแนะนำให้ลำหับกลับไปก่อน ขณะกำลังจะกลับจักรินวิ่งตามมาบอกลำหับว่าอย่าบอกทุกคนว่าเป็นลูก คนังชกจักริน ลำหับต้องห้ามเอาไว้ และรับปากว่าจะไม่บอกใคร จักรินโล่งอก เฉิดกับยศตามมาสำทับว่าอย่าคบหากับลูกสาวของพวกเขาเด็ดขาด และสั่งจักรินว่าพวกเราเป็นผู้ดีมีเงินอย่าไปเกลือกกลั้วคนชั้นต่ำ จักรินรีบทำท่าดูถูกผสมทันที คนังจะอาละวาดอีกครั้ง ลำหับต้องรีบห้าม

พลเทพกลับไปรายงานพ่อถึงเรื่องลำหับ และคนัง รามบอก สน มือขวาว่าต้องการให้สนติดตาม ลำหับมาเป็นพวกให้ได้ สนบอกว่าชาตรีเป็นคนรักของลำหับ ชาตรีน่าจะช่วยพูดให้ได้ รามตกลงให้เอา คนังมาด้วย เพ็ญไม่สบายใจมาก คนังก็แค้นมากที่เฉิดมาตบหน้าแม่ และโดนดูถูกจากยศพงษ์ คนังเก็บความแค้นเอาไว้เต็มอก วิเวกกับตึ๋งหนืดต่อว่าลำหับว่าทำไมไม่บอกเฉิดไปว่าจักรินคือลูกของเฉิดที่ลำหับเก็บมาเลี้ยง ลำหับห้ามไว้เพราะจักรินจะอับอาย จักรินแอบมาอีกครั้งมาบอกว่าจะเอาเงินไปซื้อรถเขาเห็นไร่ใหญ่โตไม่เชื่อว่าไม่มีเงิน และห้ามไม่ให้ไปในที่พวกเพ็ญ และจักรินไป ลำหับรับปากน้ำตาไหลพราก คนังประกาศว่าไม่ซื้อรถไม่ส่งเสียคนอกตัญญูอีกแล้ว ทำให้จักรินยิ่งแค้นใจมากชกต่อยกัน ลำหับแอบให้เงินจักรินไปก้อนหนึ่ง จักรินบอกว่าจะไม่มาที่นี่อีก เพราะกำลังจะไปเป็นลูกเขยของบ้านเฉิดแล้ว

เฉิดพยายามสืบสวนว่าจักรินคือลูกใคร ฐานะดี ชาติตระกูลดีแค่ไหน จักรินก็เล่นบทหลอกลวงจนสองคนเชื่อว่าเป็นลูกเศรษฐี จักรินขอเพ็ญแต่งงานเพ็ญปฏิเสธ วันหนึ่งเพ็ญแอบมาที่ไร่ของลำหับยังไม่ทันจะเข้าไปกลับพบกับคนังเสียก่อน เพ็ญโดนคนังต่อว่าแรง ๆ เพ็ญแรงตอบ และจะเข้าไปพบลำหับให้ได้ สองคนยื้อยุดกัน คนังโกรธจับเพ็ญมัดโยนใส่รถของเพ็ญเองแล้วขับไปในป่าที่มีทะเลสาบกระท่อม ลุงเปรื่อง ที่คนังคุ้นเคยซึ่งตอนนี้ลุงเปรื่องไม่อยู่แล้ว ทั้งสองทะเลาะตบตีกันในบ้านหลังนั้นหลายวัน คนังไม่ได้ล่วงเกินเพ็ญ ในที่สุดทั้งสองก็แอบรักกัน และกัน แต่ยังมีทิฐิอยู่

เฉิด ยศพงษ์ และจักรินตามหาเพ็ญไม่พบ มั่นใจว่าโดนคนังลักพาตัว จักรินรับอาสามาถามลำหับ จักรินทำร้ายด่าทอลำหับ ชาตรีมาห้ามเอาไว้ และต่อว่า ขู่ว่าจะไปแจ้งความ จักรินจึงกลับไป แล้วในที่สุดก็กลับมาอีกพร้อมกับยศพงษ์ สมุน และเฉิดมาบังคับให้ลำหับบอกให้ได้ ลำหับบอกไม่รู้ไม่เห็นเพ็ญกับคนัง คนังผูกเพ็ญไว้ตลอดเวลา ทีแรกเพ็ญไม่ยอมกินอาหารแกล้งสั่งให้ให้คนังไปหาอาหารแปลกมาให้กิน เช่นปลาโน่นปลานี่ คนังตากฝนไปหาปลาดังกล่าวมาให้เพ็ญโดนขวดแตกในน้ำบาดเป็นแผลเหวอะหวะอักเสบบวมไข้ขึ้น คนังจึงตัดสินใจปล่อยเพ็ญ เพ็ญออกไป คนังพยายามตะกายจะไปหาหมอเองล้มลงหมดสติ ฟื้นมาอีกทีพบว่าเพ็ญพาคนังไปหาหมอ คนังบอกไม่ต้องการให้ช่วยเหลือให้เพ็ญไป เพ็ญบอกไม่ไปจนกว่าคนังจะอาการดีขึ้น ทั้งสองจึงพากันกลับไปที่กระท่อมอีกครั้ง คนังห่วงลำหับมากทำตัวให้ดูเหมือนอาการดีขึ้น ทั้งสองจึงพากันกลับบ้าน

ที่บ้านลำหับ พวกเฉิดบุกมาอีกครั้งมาทำร้ายวิเวกกับตึ๋งหนืดจนหมดสติ และจะจับตัวลำหับจะเอาไปเป็นตัวประกันให้คนังออกมา แต่เฉิดต้องการมากกว่านั้นคือเผาบ้านลำหับ สั่งให้จักรินเป็นคนเผาเพื่อพิสูจน์ว่ารักเพ็ญจริง จักรินลำบากใจไม่น้อยเพราะมากเกินไป ที่นี่ตนเองเคยอยู่มาตั้งแต่เล็ก ๆ รีรอแต่ ยศพงษ์สั่งให้เผาหาไม่จะไม่ยกเพ็ญให้ จักรินพายามลากลำหับออกมาจากบ้าน ลำหับยืนกรานว่าจะตาย คาบ้าน เฉิดกับยศบอกตามใจ ลำหับสลัดหนีเข้าบ้าน ในที่สุดจักรินก็เผาบ้าน ลำหับหยิบซอนั่งสีเพลง พญาโศกน้ำตาไหลพรากในบ้าน ขณะที่เพ็ญกับคนังพากันมาใกล้บ้านมากแล้ว รถน้ำมันหมดสองคน ลงเดิน คนังมองไปเห็นควันไฟออกมาจากบ้าน คนังวิ่งสุดแรงเกิดรีบจนทำจดหมายหล่นลงพื้นหลายฉบับ

เพ็ญหยิบไว้ เก็บใส่กระเป๋าตัวเองเดินตามคนังไป คนังไปถึงบ้านไฟไหม้เกือบหมดแล้ว จักรินมองอึกอัก ยศกับเฉิดยืนมองหัวเราะด้วยความสะใจ คนังปราดมาชกต่อยจักริน วิเวกกับตึ๋งหนืดฟื้นขึ้นมาบอกคนังว่า ลำหับน่าจะติดอยู่ในบ้าน คนังวิ่งไปในบ้านที่ไฟกำลังลุกท่วมช่วยลำหับออกมาได้ ให้วิเวกกับตึ๋งหนืดดูแลแม่ คนังลงมือชกกับจักรินด่าว่าอกตัญญูไม่รู้จักบุญคุณแม่ที่เลี้ยงดูมา ยกพงศ์กับเฉิดแปลกใจ และโกรธมากที่รู้ว่าจักรินกลายเป็นลูกของลำหับแต่มาหลอก ยศพงษ์ชักปืนมาจะยิงจักริน วิเวกกับตึ๋งหนืดตะโกนใส่เฉิดบอกว่าจักรินนี่แหละลูกของเฉิดที่เกิดกับบริพัตรที่เฉิดเอาไปทิ้งไว้สถานเด็กกำพร้า ลำหับรับปากบริพัตรจึงไปรับมาเลี้ยง เฉิดตะลึง จักรินตะลึงแต่กลายเป็นดีใจที่มีแม่รวย คนังก็ตกใจเพิ่งรู้ความจริง แต่ยศพงษ์ก็ยังไม่พอใจเพราะยิ่งคิดว่าเป็นลูกบริพัตรก็ยิ่งไม่ชอบใจจะยิงต่อเฉิดวิ่งมาบัง แล้วบอกว่ายิงไม่ได้แถมดึงปืนจากมือยศมายัดใส่มือจักรินแล้วสั่งให้ยิงคนัง จักรินจะยิงคนังลำหับมาห้ามไว้ เฉิดบอกให้ยิงลำหับ

เพ็ญวิ่งมาบอกว่าคนังไม่ได้ลักพาตัวเธอไป จักรินกำลังจะยิงใส่ลำหับ คนังโดดมาแย่งปืน สองคนแย่งปืนกันไปมา แล้วปืนก็ลั่นดังขึ้นไปโดนเอาพลเทพที่รามส่งลงมาหาลำหับ พลเทพบอกกับลำหับว่าเขาคือน้องชายของลำหับที่รามส่งมาคอยดูลำหับ ลำหับร้องไห้ด้วยความเสียใจ เฉิดรีบสั่งให้จักรินเอาปืนยัดใส่มือคนังที่กำลังตกใจมาก เฉิด ยศ จักรินช่วยกันลากเพ็ญกลับออกไป วิเวกกับตึ๊งหนืดให้คนังรีบหนี ส่วนสมุนที่มาด้วยกับพลเทพทำทีช่วยคนังหนี แต่ที่แท้แอบจับตัวคนังไปให้ราม ส่วนศพของพลเทพที่ตายในอ้อมกอดของลำหับ มีคนของรามมาเอาศพไป ลำหับหมดสิ้นทุกอย่างตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยกันเอาคันซอแทงหน้าอก ชาตรีมาห้ามเอาไว้ทัน ปลอบโยนลำหับว่าถ้าต้องการกู้เกียรติว่าไม่ใช่คนขายชาติก็ต้องกอบกู้เกียรตินั่นกลับคืนมาด้วยการช่วยชาติ ลำหับตกลง ชาตรีจึงแนะให้ลำหับไปพบรามบนเขา ลำหับไปพบราม รามไม่ได้ทำท่ายินดีมากมายแต่โอบกอดตามรูปแบบที่ทุกคนทำกันเท่านั้น ลำหับบอกจะมาขออยู่ด้วย รามบอกให้ลำหับพิสูจน์ตนเองด้วยการฆ่าใครหนึ่งให้ดู ลำหับรับปาก แต่พอเห็นคนที่รามสั่งให้ฆ่าเท่านั้น ลำหับใจสลายตกใจมาก เพราะนั่นคือคนังนั่นเอง โทษฐานที่ยิงพลเทพตาย และไม่ใช่แค่คนังที่โดนจับ พวกยศ เฉิด จักริน ก็โดนด้วยเช่นกัน รามสั่งให้ลำหับยิงคนัง หรือไม่ก็มีตัวเลือกให้อีกคนคือ จักริน เพราะอยู่ในข่ายยิงพลเทพตายเช่นเดียวกัน ถ้าไม่ยิงคนใดคนหนึ่ง

ทุกคนที่เหลืออยู่ต้องตายหมด เฉิดร้องห้ามไม่ให้ยิงจักริน ยศบอกยิงใครก็ได้ เฉิดจึงบอกความจริงออกมาว่าจักรินคือลูกเธอกับเขา เพ็ญยืนยันว่าคนที่ทำปืนลั่นใส่พลเทพคือจักรินแม้ว่าจะเป็นพี่ชายของเธอก็ตาม แต่มันคือความถูกต้อง เฉิดกับยศพากันตบหน้าเพ็ญ ลำหับรีรอไม่ยิงสักที รามจึงสั่งให้สนจัดการยิงให้หมดทุกคน ลำหับขอสีซอเพลงพญาโศกก่อน รามยอมให้ลำหับสีซอจนจบเพลง รามสั่งให้ยิงอีก ลำหับยกปืนมากลั้นหายใจ หันปากกระบอกปืนใส่ตนเองทันที สนยืนตรงนั้นยิงไปที่รามทันทีเช่นกัน ชาตรีเข้ามาแย่งปืนจากลำหับ สนยิงรามล้มลง ชาตรีกระชากลำหับให้ไปด้วย คนังกระชากเพ็ญหลบออกมาทันที ยศโกรธต่อว่าเฉิดแย่งปืนจากคนของรามมายิงเฉิด เฉิดแย่งปืนจากอีกคนยิงยศตายเช่นกัน จักรินวิ่งหนีจึงโดนคนของรามยิงตาย

เพ็ญเอาจดหมายของจักรินที่เขียนมาไถเงินคนัง และขอบใจเรื่องที่ทำสอบแทนทุกครั้งที่สอบ ที่คนังทำหล่นไว้ให้ลำหับดูว่าคนังไม่ใช่คนเรียนไม่เก่ง คนังเสียสละให้จักรินตลอดมา เธอจะไม่กลับไปเรียนต่อแต่จะขออยู่ทำไร่ดอกไม้ และเรียนซอสามสายกับลำหับต่อไป คนังยิ้มให้เพ็ญ ลำหับไปที่โขดหิน และถือซอสามสายที่นั่นนึกถึงบริพัตร ชาตรีไปหาลำหับ และบอกว่าเขาคือผู้ที่บริพัตรฝากให้ดูแล และช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของลำหับกลับคืนมา ซึ่งลำหับก็ได้ทำแล้ว เขาขอคุ้มครอบลำหับต่อไปได้ไหม พร้อมกับเอาจดหมายฝากฝังจากบริพัตรให้ลำหับดู ลำหับยิ้มให้ชาตรี เล่นเพลงพญาโศกอีกครั้งชาตรีพึมพำบอกว่าลำหับคือเจ้าแม่พญาโศกจริง ๆ ติดตามชม ละครพญาโศก ได้ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20น. ทางช่อง 7 สี ละครพญาโศก เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2558

เพลงรักเพลงลำ 2558

เรื่องย่อ : เพลงรักเพลงลำ (2558/2015) เพลงลำ สาวสวยเข้มดุเป็นลูกสาวคนเดียวของ บัวสาย แม่เพลงลำตัดคนดังของบ้านบางลำสุพรรณบุรี ตั้งแต่จำความได้เพลงลำมีเพียงแม่บัวสายกับ น้าบัวเผื่อน ที่เลี้ยงดูเธอมา เธอไม่รู้จักพ่อ หรือที่จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร นอกจากแม่บัวสายซึ่งไม่ยอมพูดถึงสักครั้ง วันหนึ่งเมื่อเพลงลำยังเด็กบัวสายกลับจากเล่นลำตัด พบเด็กหญิงวัยแบเบาะคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ที่พุ่มไม้หน้าบ้าน บัวสายสงสารจึงอุปการะเลี้ยงดูเรื่อยมา เธอตั้งชื่อให้ว่า ไข่กา เด็กทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่และน้อง เพลงลำสวย มีสง่าเสียงดีเหมาะที่จะหัดเล่นลำตัด แต่เธอไม่ยอม ไม่ว่าบัวสายจะบังคับอย่างไรก็ตาม

เพลงลำกลับชอบที่จะหัดชกมวยไทยกับน้าบัวเผื่อนมากกว่าและทำได้ดีเสียด้วย นอกจากนั้นยังเก่งเรื่องเครื่องยนต์รถ ไถนาและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพราะเป็นลูกมือให้น้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ ตรงข้ามกับไข่กาที่อยากจะเป็นลำตัดเหลือเกินทั้งที่ไม่สวยและเสียงไม่ดี บัวสายมีคณะลำตัดที่มีชื่อเสียงมาก ครอบครัวนี้และชาวบ้านใกล้เคียงทำนาด้วยวิธีดั้งเดิมไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้รถไถ ไม่ใช้รถเกี่ยวข้าว ทำให้ กำนันฝอย กับลูกคือ ฝาจีบ และ ฝาจุก ลูกชายและลูกสาวไม่ค่อยพอใจนัก เพราะครอบครัวกำนัยฝอยทำกิจการค้าปุ๋ยเคมี และมีรถเกี่ยวข้าวให้เช่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ของบางลำมีหนี้สินกับครอบครัวนี้มากจนถูกยึดนาไปหลายราย

เพราะเชื่อใจกำนันฝอยที่ทำเหมือนใจดีให้พวกเขาซื้อปุ๋ยในราคาเงินเชื่อ ตกลงว่าขายข้าวได้แล้วจะเอามาคืน จากแค่ซื้อปุ๋ยก็จะโดนบังคับให้เช่ารถเกี่ยวข้าวในราคาสูงลิบจนต้องหมดตัวไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ใช่ครอบครัวของบัวสาย และชาวบ้านใกล้เคียงทำให้ ครอบครัวกำนันฝอยไม่พอใจนัก ที่จริงแล้วกำนันฝอยเคยหลงรักบัวสายตั้งแต่เริ่มเป็นสาวรุ่น แต่เมื่อบัวสายไปเล่นลำตัดที่กรุงเทพฯ แล้วท้องกลับมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อทำให้กำนันฝอยอกหักกินเหล้าจนพ่อกับแม่ต้องจับให้แต่งงานกับแม่เพลงลำตัดสาวสวยคู่ปรับกับบัวสายจนมีลูกสองคน กำนันฝอยเป็นม่ายเพราะเมียตายมาหลายปีแล้ว ทั้งฝาจีบและฝาจุกทำตัวเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นคู่ปรับกับเพลงลำ และไข่กาตลอดมา แม้ฝาจุกจะเป็นผู้หญิงแต่ก็เจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากฝาจีบซึ่งเป็นพี่ชายสักนิดอาจจะร้ายกว่าเสียด้วยซ้ำ จะอย่างไรก็ตามครอบครัวกำนันฝอยทำอะไรครอบครัวบัวสายไม่ได้มากนัก

เพราะครอบครัวนี้เป็นที่รักของชาวบ้านมากกว่า ทั้งเรื่องของการฝึกลำตัดให้เด็ก ๆ ที่สนใจหรือจะฝึกมวยกับเพลงลำในหน้าแล้งเป็นการสอนให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เพลงลำเป็นคนฉลาด กล้า ไม่กลัวใครเมื่อโดนแกล้งจึงตอบโต้จนกำนันฝอยต้องเสียเงินมากมายในคณะฯ ของบัวสายมี เจิด เป็นพ่อเพลงที่เก่งมากอยู่ด้วยเจิดมาฝึกกับบัวสายตั้งแต่เด็กเขาเป็นกำลังสำคัญของคณะฯ บัวสายเลี้ยงเจิด และคนอื่น ๆ เหมือนลูกหลาน บ้านนี้มีกฎระเบียบและข้อห้ามหลายอย่างเพราะมีคนมาก แต่ก็อยู่กันมาได้ เจิดนั้นรักเพลงลำมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม เขาอายุมากกว่าเพลงลำไม่กี่ปี แต่สำหรับเธอแล้วเจิดเป็นพี่ชายที่แสนดีเท่านั้น

ปกรณ์พล นักศึกษาปริญญาโท ตั้งใจจะทำวิทยานิพนธ์ เรื่องลำตัดเพลงพื้นบ้านของไทย จึงต้องลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล เมื่อลำตัดคณะแม่บัวสายมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศเขาจึงต้องไปบางลำ ปกรณ์พลเป็นลูกชายคนเดียวของ อรรถ และ โฉมตรู พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงด้านการสื่อสารในระดับนานาชาติ ร่ำรวยมาก แต่ปกรณ์พลไม่เคยสนใจกิจการของพ่อเขาเลยชายหนุ่มชอบดนตรี และงานศิลปวัฒนธรรมทุกประเภทเขาเหมือนกับโฉมตรูมากกว่า ชายหนุ่มมีเพื่อนสนิทชื่อ กุชงค์ ซึ่งเข้ามาช่วย อรรถทำงานมากกว่าปกรณ์พลเสียอีก เมื่อกุชงค์รู้ว่าเพื่อนจะต้องไปอยู่บางลำเขาก็อดห่วงไม่ได้ เขากังวลว่าปกรณ์พลจะหาข้อมูลได้ไม่ดีนัก

เพราะงามไฉไลไฮโซสาวสวยคงไม่ยอมง่าย ๆ งามไฉไลเป็นลูกสาวคนเดียวของ โพยมยง นักธุรกิจม่ายสาวที่รวยมาก ครอบครัวนี้รวยจากการค้าเพชรและเล่นหุ้น ครอบครัวอรรถกับโฉมตรูสนิทสนมกับโพยมยงและสามีมานานจนกระทั่งสามีเธอตายจากไป ทั้งสองครอบครัวก็ยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะงามไฉไลที่ติดปกรณ์พลมาตั้งแต่เด็ก เพราะเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันที่ตามใจเธอ ชายหนุ่มเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว แต่งามไฉไลไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เธอรักเขา และพยายามประกาศตัวว่าเป็นคู่รักของเขาเสมอ เธอไม่ยอมรับว่าเธอกับปกรณ์พลไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ขณะที่ชายหนุ่มชอบศิลปวัฒนธรรมไทย ชอบมีชีวิตที่เรียบง่าย งามไฉไลกลับชอบความหรูหรา ฟุ่มเฟือย วางอำนาจ อวดรวย เธอจึงไม่ค่อยน่ารักอีกแล้วในสายตาของปกรณ์พล

ดังนั้นคนในบ้านจึงไม่แปลกใจนักเมื่อเขารีบออกไปบางลำแต่เช้าก่อนที่งามไฉไลจะมาขอตามไปด้วย ปกรณ์พลขับรถไปเกือบถึงบ้านบัวสายแต่แล้วรถเสียกลางทาง เขาโชคดีที่เพลงลำขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดีเธอจึงพาเขาไปส่งที่อู่รถของ ช่างเอื้อง เมื่อย้อนกลับมายังรถที่จอดอยู่ ปกรณ์พลหนักใจเมื่อรู้ว่าต้องรออะไหล่หลายวันเขาไม่กลับกรุงเทพฯ แต่เลือกที่จะไปนอนค้างที่วัดตามที่ช่างเอื้องแนะนำมากกว่า ค่ำแล้วเมื่อปกรณ์พลเดินเกือบถึงวัด เขาเห็นเพลงลำถูกรุมทำร้าย แม้จะเก่งเรื่องต่อสู้ป้องกันตัวแต่การที่เธอถูกรุมจากฝาจีบและลูกน้องก็ไม่ง่ายที่เธอจะจัดการพวกมันได้ ปกรณ์พลมาช่วยทันเวลาเขาใช้ไม้ท่อนใหญ่ตีจนพวกนั้นหนีกระเจิง เจ็บกันหลายคนโดยเฉพาะฝาจีบกับนายแสบคนสนิทที่ถูกฟาดหัวอย่างแรง เพลงลำจึงพาเขาไปพักที่ค่ายมวยของน้าบัวเผื่อน เธอไม่กล้าปล่อยเขาไว้ตามลำพังเพราะรู้ดีว่าฝาจีบคงพาพวกมาล้างแค้นแน่นอน

เช้าวันต่อมาปกรณ์พลต้องตอบคำถามมากมายเรื่องการมาทำวิทยานิพนธ์ของเขา ชายหนุ่มแปลกใจที่บัวเผื่อนแนะนำให้เขาไปที่อื่นรวมทั้งเพลงลำกับไข่กาด้วย แต่เมื่อเขายืนยันว่าเขาต้องการมาเป็นลูกศิษย์แม่บัวสายต้องการข้อมูลของที่นี่จริง ๆ เพลงลำจึงยอมพาไปพบบัวสาย แต่เขากลับต้องวิ่งหนีออกจากบ้านแทบไม่ทันเมื่อ บัวสายปล่อยหมาเฝ้าบ้านนับสิบตัวออกมาไล่เขา แม้กระนั้นปกรณ์พลก็ไม่ยอมแพ้ เพลงลำนึกชอบที่เขา ใจสู้ เธอกับไข่กาจึงพาเขาไปหาเจิดให้ช่วยพูดกับบัวสายอีกครั้ง เจิดเป็นลูกศิษย์คนโปรดของบัวสาย เขามีวิธีพูดให้บัวสายใจอ่อนยอมรับปกรณ์พลให้อยู่เรียนรู้เรื่องลำตัดได้ แต่เขาต้องผ่านบททดสอบของเธอก่อน ปกรณ์พลดีใจขณะที่เพลงลำกับไข่กากลุ้มใจแทนเพราะรู้ว่าบททดสอบของบัวสายนั้นคืออะไร

วันรุ่งขึ้น ปกรณ์พลถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาต้องออกไปช่วยทำนาตามบททดสอบของบัวสาย ครอบครัวนี้จะทำนาในหน้านา และจะรับงานลำตัดเมื่อหลังการเก็บเกี่ยว เพลงลำคอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มเต็มใจทำงานแม้จะเงอะงะบ้าง แต่ความตั้งใจจริงของเขาก็ทำให้เพลงลำพอใจ แต่ลึกลงไปในใจแล้วเพลงลำรู้สึกว่าเขามีบุญคุณที่มาช่วยเธอจากพวกฝาจีบได้ทันเวลา มิฉะนั้นเธออาจพลาดถูกพวกมันฉุดไปแล้ว พฤติกรรมที่เลวร้ายของฝาจีบอีกอย่างคือชอบฉุดสาว ๆ ที่พอใจไปปล้ำแล้วยังถ่ายคลิปเก็บไว้แบล็คเมล์ ขู่ไม่ให้แจ้งความเสียอีก เพลงลำจึงนึกขอบใจปกรณ์พลที่ช่วยเธอไว้ อะไรที่เธอพอจะช่วยเขาได้เธอก็อยากช่วย ความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองคนเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ทว่าความที่ไม่เคยชินกับงานหนักกลางแดดจัด ๆ ปกรณ์พลหมดแรงเป็นลมไปตั้งแต่ก่อนเที่ยง เพลงลำ เจิด และไข่กาต้องช่วยกันพาเขากลับไปพักกับบัวเผื่อนโดยไม่ให้บัวสายรู้ ชายหนุ่มไข้ขึ้นสูงทั้งคืนเพลงลำเป็นทุกข์เป็นร้อนห่วงใยเขามากจนไข่กาผิดสังเกต เธอบอกไข่กาว่ากลัวปกรณ์พลจะมาตายที่นี่แล้จะเกิดเรื่องใหญ่ แต่ไข่กากับเจิดไม่ค่อยเชื่อนัก อย่างไรก็ตามเพลงลำตัดสินใจค้นโทรศัพท์มือถือของเขามาเปิดเพื่อหาหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อทางบ้าน ทันทีที่เปิดเครื่องเสียงเรียกก็ดังขึ้น เพลงลำรับสายจึงต้องฟังงามไฉไลโวยวายต่อว่าอยู่หลายคำกว่าจะพูดกันรู้เรื่องว่าให้ไปรับปกรณ์พลที่โรงพยาบาลในอำเภอ

เมื่อถึงโรงพยาบาล ไข่กาแยกกลับบ้านกับเจิดก่อนที่บัวสายจะสงสัย เพลงลำอยู่กับปกรณ์พลตลอดเวลาจนกระทั่งงามไฉไลกับโพยมยงซึ่งเป็นแม่มาถึงโรงพยาบาล เธอประกาศตัวเป็นแฟนของ ปกรณ์พลอย่างชัดเจน เมื่อชายหนุ่มเพ้อถึงเพลงลำทำให้งามไฉไลนั่งไม่ติดเธอตามไปอาละวาดกับเพลงลำอีก ประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนเพลงลำเข้าใจผิด งามไฉไลพาปกรณ์พลกลับกรุงเทพฯ เธอพยายามอาสามาดูแลชายหนุ่มแต่เขาก็หลบเลี่ยงตลอดเวลา ในช่วงเวลาเดียวกันที่บางลำ กำนันฝอยจัดงานเปิดตัว ฝาจีบลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนใหม่แทนคนเก่าที่แกบีบจนลาออกไปเอง เพลงลำรู้ทันจึงเสนอ ชื่อเจิดลงสมัครแข่งขันด้วย ฝาจีบจึงเปิดศึกตัดกำลังบ้านเสียงของเจิด เริ่มต้นด้วยการใช้รถเกี่ยวข้าวแอบไปขโมยเกี่ยวข้าวที่ออกรวงงาม ๆ ของนา นางสำอาง เพื่อนบ้านของบัวสายจนหมดเพียงชั่วข้ามคืน เพลงลำระแวงอยู่แล้วจึงชวน ไข่กา เจิด และคนอื่น ๆ ไปค้นเหล็กท่อนใหญ่ ๆ จากอู่ช่างเอื้องตัดเป็นท่อนให้มีความยาวประมาณต้นข้าว เธอกับพวกนำท่อนเหล็กเหล่านั้นไปปักเป็นแนวตั้งแทรกปนไปกับต้นข้าวรอบแนวคันนาที่รถเกี่ยวจะลงได้

กลางดึกคืนนั้น เพลงลำ เจิด ไข่กา ไปเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างมั่นใจว่าต้องได้ตัวคนร้ายแน่ ๆ ดึกมากแล้วเมื่อเสียงรถเกี่ยวข้าวดังขึ้นแต่ไกล ไม่นานนักก็เห็นเงารถเลื่อนลงนา เสียงดังกระทบกันของโลหะ และเสียงฝาจีบกับพวกโวยวายลั่น เมื่อรถเกี่ยวเกี่ยวเหล็กท่อนเข้าไปจนพังหมด รถเกี่ยวพัง ทำให้กำนันฝอยโกรธพวกเพลงลำมากขึ้นไปอีก ส่วนปกรณ์พลเมื่อฟื้นไข้เขาก็หนีกลับไปบางลำอีก คราวนี้ไม่ใช่เพื่องานวิจัยอย่างเดียว แต่เพื่อหัวใจด้วยเขารักเพลงลำ และรู้ดีว่าต้องพิสูจน์ตัวเองกับบัวสายมากเพียงใดแต่เขาก็พร้อมจะสู้ เพลงลำดีใจมากเมื่อพบปกรณ์พลอีกครั้ง เธอไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไป เพลงลำเองก็รักเขามากเช่นกัน ทว่าความรักของทั้งคู่มีอุปสรรคมากมาย เริ่มจากงามไฉไลที่มาตามเขาไม่เลิกรา แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ อรรถพ่อของปกรณ์พลเมื่อเขารู้ว่าลูกชายมาบางลำมาอยู่กับคณะลำตัดบัวสาย อรรถก็อยู่ไม่ติดออกมาตามปกรณ์พลกลับไปด้วยตัวเอง

ที่บ้านบัวสายเธอต้อนรับอรรถด้วยปืนลูกซองมาดเข้มดุ ไม่ทำให้อรรถกลัวแต่แววตาที่หมางเมิน เกลียดชังทำให้อรรถต้องยอมถอยกลับไป เพลงลำงงที่เห็นบัวสายโกรธแค้นอรรถมากขนาดนั้น คนที่เข้าใจสถานการณ์ดีที่สุดคือบัวเผื่อน เขาจำอรรถได้ว่าเคยไปเฝ้าดูบัวสายเล่นลำตัดที่กรุงเทพฯ เมื่อก่อนที่เธอจะท้องกลับมา บัวเผื่อนนึกรู้ทันทีว่าอรรถเป็นพ่อของปกรณ์พล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บัวสายยื่นคำขาดห้ามเพลงลำติดต่อกับปกรณ์พลโดยไม่บอกเหตุผลที่เธอรู้แก่ใจว่าพี่กับน้องจะแต่งงานกันได้อย่างไร

เพลงลำเป็นลูกของอรรถเหมือนกับปกรณ์พล งามไฉไลตามรังควานเพลงลำกับบัวสายอย่างน่ารำคาญ ลำพังเพลงลำเธอทนได้ แต่เธอทนให้ใครมาดูถูกแม่ไม่ได้ หญิงสาวจึงขอร้องให้ปกรณ์พลกลับไป ทั้งเธอและเขาต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูกที่ดี ปกรณ์พลยอมกลับกรุงเทพฯ และยอมหมั้นกับงามไฉไลตามความต้องการของอรรถ เขากลับมาคราวนี้เหมือนคนที่ไม่มีหัวใจ โฉมตรูเห็นลูกแล้วสงสารจับใจ เธอแปลกใจที่อรรถเคี่ยวเข็ญลูกชายอย่างไม่เคยทำมาก่อน ส่วนเพลงลำยอมหัดลำตัดเพื่อประชันในงาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมงานใหญ่ของจังหวัดโดยมีฝาจีบเป็นคู่ประชัน กำนันฝอยยอมเสียเงินมากมายเพื่อให้ลูกชายชนะ แม้จะต้องโกงคะแนนก็ตาม คนที่เข้ามาเพิ่มความวุ่นวายคืองามไฉไลกับโพยมยงที่ตามมาช่วยสบทบเงินค่าจ้างหน้าม้ามาโห่ฮาเพลงลำ

เช้าวันงาน บัวสายป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่งกระทันหัน เพลงลำไม่มั่นใจในการขึ้นเวที แต่เจิดช่วยเป็นกำลังใจให้ ส่วนปกรณ์พลแปลกใจเมื่องามไฉไลกุลีกุจอพาเขามาดูการประชันลำตัด เขาไม่รู้ว่าอรรถตามมาดูด้วย เมื่อผลการประชันออกมาว่าเพลงลำชนะฝาจีบอย่างงดงาม เขาหายสงสัยทันทีเมื่องามไฉไลกับโพยมยงตามไปต่อว่ากำนันฝอยกับลูกที่ทำงานไม่สำเร็จ เพลงลำกับคณะไม่แพ้และโดนฉีกหน้าให้อายอย่างที่ตกลงกันไว้ ตัวตนของว่าที่คู่หมั้นกับแม่ทำให้ปกรณ์พลกลุ้มใจมาก ส่วนอรรถตามมาเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาล เขาถามบัวสายว่าเพลงลำเป็นลูกของเขาใช่หรือไม่ แต่เธอไม่ตอบ บัวสายเมินหนีทั้งที่น้ำตากลบตา

แต่ไม่นานนักก็อดใจไม่ได้เธอเหน็บแนมต่อว่าเขาเรื่องศักดิ์ศรีผู้ดี และความต่ำต้อยของการเป็นแม่เพลงลำตัดของเธอ เพียงเท่านี้อรรถก็เข้าใจ เขาได้แต่ขอโทษที่ปล่อยให้เธอต้องอุ้มท้องกลับบางลำ และเลี้ยงลูกคนเดียว ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเพลงลำกลับมาจากงานประชันแล้วและยืนอยู่ที่หน้าห้องนั้นเอง เธอได้ยินทุกอย่าง หญิงสาวรีบหลบไปก่อนที่อรรถจะออกมาพบเธอเข้า หญิงสาวเข้าไปพบบัวสายเมื่อเห็นว่าอรรถกลับไปแล้ว เพลงลำตั้งใจว่าจะทำให้แม่มีความสุขที่สุดจึงไม่พูดถึงพ่ออรรถสักคำ เธอตั้งใจจะเป็นแม่เพลงลำตัดที่ดีให้ได้ ที่กรุงเทพฯ โฉมตรูได้ต้อนรับ ดัสกร เพื่อนเก่าเมื่อครั้งที่เธอไปเรียนที่สวิสเซอร์แลนด์ ที่จริงดัสกรคือคนรักของเธอก่อนจะแต่งงานกับอรรถ ดัสกรมาพบเธอเพื่อลาเพราะเขาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือเขาอยากพบลูกโฉมตรูปฏิเสธไม่ยอมให้พบปกรณ์พล แต่ดัสกรก็พบกับปกรณ์พลจนได้ในวันหนึ่ง แม่ ปริก คนรับใช้เก่าแก่ที่ตามโฉมตรูไปสวิสด้วยรู้ความจริงดีว่าปกรณ์พลเป็นลูกดัสกรกับโฉมตรู เป็นความจริงที่เป็นความลับบอกใครไม่ได้

ก่อนงานหมั้นงามไฉไลกับโพยมยงไปพบกำนันฝอยที่บ้านเธอต้องการทำลายเพลงลำกับแม่ให้ถึงที่สุด หญิงสาวจ้างฝาจีบให้ไปเผาบ้านของบัวสาย ฝาจีบนั้นเมื่อพบงามไฉไลเขาหลงรักเธอทันที และตั้งใจจะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้ บ้านบัวสายถูกเผาตามแผน ในช่วงเวลาเดียวกันงามไฉไลติดต่อจ้างคณะลำตัดบัวสายไปแสดงในงานหมั้นของเธอกับปกรณ์พล เธอต้องการประจานเพลงลำกับแม่ให้ได้อายกลางงาน บัวสายไม่อยากให้เพลงลำรับงาน แต่เพลงลำยอมรับ

งานนี้โดยบอกว่า "แม่สอนอยู่เสมอว่าเราต้องทำหน้าที่ของศิลปินพื้นบ้านให้ดีที่สุด สง่างามที่สุด เพื่อจะสืบสานมรดกชิ้นนี้ไว้ให้กับลูกหลานสืบไป" งานคราวนี้ก็เป็นงานแสดงครั้งหนึ่งเท่านั้น หลังจากงานนี้เพลงลำบอกบัวสายว่าเธอจะแต่งงานกับเจิดเพื่อช่วยกันทำงานรักษาศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านต่อไป บัวสายสงสารลูกสาวมากเพลงลำทำทุกอย่างเหมือนเป็นหน้าที่เท่านั้น เพลงลำมีชีวิต มีวิญญาณ แต่ไม่มีจิตใจ งานครั้งนี้เพลงลำเรียกค่าจ้างหนึ่งล้านบาท โพยมยงกับ

งามไฉไลยอมตกลง ข่าวงานหมั้นของปกรณ์พลและงามไฉไลทำให้ฝาจีบ กับฝาจุกกลุ้มใจ ร้อนใจมากที่สุด ฝาจีบรักงามไฉไล ส่วนฝาจุกรักปกรณ์พล สองพี่น้องวางแผนจับตัวทั้งสองคนกลางงานหมั้นเพื่อจัดงานแต่งงานของตนแทน ที่วุ่นวายคือสองพี่น้องยุให้กำนันฝอยจับโพยมยง และรวบรัดเป็นเมียด้วยเสียอีกคน ที่โรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ งานหมั้นจัดอย่างหรูหรา งามไฉไลรอเวลาแสดงลำตัดอย่างตื่นเต้น ส่วน เพลงลำข่มใจให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทั้งที่เธอเจ็บปวดเหลือเกิน

บัวสายสงสารลูกสาวแต่ก็ดีใจที่เพลงลำเข้มแข็งเหมือนเธอ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน งามไฉไลฉวยโอกาสขึ้นเวทีขณะกำลังแสดง เธอประจานเพลงลำเสีย ๆ หาย แต่การที่เธอลามดูถูกไปถึงการเป็น "คนลำตัด" กลับทำให้เพลงลำกับบัวสายได้รับความเห็นใจจากแขกในงานมากขึ้น ก่อนเหตุการณ์จะลุกลามต่อไป ฝาจีบกับพวกจัดการดับไฟความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นทันที เพลงลำโดนปกรณ์พลฉุดลงจากเวทีให้ไปหลบใต้โต๊ะด้วยกัน เจิดกับบัวเผื่อนช่วยบัวสายหลบไปหลังเวที เวลาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าไฟจะเปิดอีกครั้ง โพยมยงตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้ว่างามไฉไลหายไป ส่วนฝาจีบอารามรีบร้อนเขาจึงทิ้งกำนันฝอย และฝาจุกอยู่ที่โรงแรมนั่นเอง งามไฉไลตกใจมากเมื่อรู้ว่าฝาจีบจับตัวเธอมา หญิงสาวพยายามต่อรองให้เขาปล่อยเธอไปโดยเสนอเงินจำนวนมากให้แต่ฝาจีบไม่สนใจเขาพูดชัดเจนว่าเขาต้องการตัวเธอเท่านั้น

ดึกมากแล้วเมื่อกุชงค์กับปกรณ์พลพาเพลงลำกลับบ้านที่บางลำอย่างปลอดภัย ทั้งสองคนสงสัย ฝาจีบว่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเขาไปรับบัวเผื่อนให้ไปตามฝาจีบด้วยกัน บัวเผื่อนนึกรู้ว่าฝาจีบต้องไปที่กระท่อมร้างกลางนาไม่ไกลนักแน่ ๆ ที่นาแห่งนี้กำนันฝอยยึดมาจากลูกหนี้คนหนึ่ง เกือบเช้าแล้วเมื่อปกรณ์พลกับกุชงค์และน้าบัวเผื่อนตามไปช่วยงามไฉไล ทั้งสามคนแปลกใจที่ไม่พบหญิงสาวที่นั่นมีเพียงฝาจีบกับพวกเท่านั้น ทว่าระหว่างทางที่ย้อนกลับไป ทั้งสามคนก็พบงามไฉไลนอนสิ้นสติอยู่บนคันนา สภาพของเธอบอกได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ปกรณ์พลกับกุชงค์รีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเขาบอกกุชงค์ว่า ที่เขาช่วยงามไฉไลก็เพราะเธอเป็นเหมือนน้องสาวของเขามากกว่า

งามไฉไลรักษาตัวอยู่หลายวันโดยไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เธออ้างว่าจำไม่ได้อย่างเดียว ปกรณ์พลได้พบดัสกรบ่อยครั้งขึ้น ความสนใจในเรื่องดนตรีเหมือนกันทำให้ทั้งสองคนมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบกัน ดัสกรรู้ทันทีว่าปกรณ์พลคือลูกชายของเขาแน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงนำกีตาร์ตัวโปรดไปฝากไว้ที่โฉมตรูโดยบอกว่าฝากให้ลูกชายของเขาด้วย ดัสกรกำลังจะจากไป แต่งามไฉไลกลับย้อนมาวุ่นวายกับปกรณ์พลอีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครเพลงรักเพลงลำ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี ละครเพลงรักเพลงลำ เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2558