เทพสามฤดู 2546

เรื่องย่อ : เทพสามฤดู (2546/2003) ณ นครอุดม มีท้าวตรีภพเป็นเจ้าผู้ครองเมือง มีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระมเหสีมณี และพระมเหสีทัศนีย์ แต่ยังไม่มีพระราชบุตรเพื่อสืบสันตติวงศ์ จึงได้ทำพิธีบวงสรวงต่อพระอิศวรเพื่อขอพระโอรส เมื่อพระอิศวรรับทราบด้วยญาณแล้ว จึงได้ให้มาตุลีไปตามพระพิรุณมาเฝ้า เพื่อเตรียมจุติลงไปยังเมืองมนุษย์ แต่ทว่าพระราหูและนางจินดาเมขลาต้องการเสด็จลงไปด้วย จึงได้ปรึกษากัน โดยพระราหูเสนอให้ทั้ง 3 พระองค์จุติยังเมืองมนุษย์ตามฤดูกาล โดยฤดูร้อนจะเป็นพระราหู ฤดูฝนเป็นพระพิรุณ ฤดูหนาวเป็นนางจินดาเมขลา เวลาผ่านไป 5 ปี พระมเหสีมณีก็ยังไม่มีพระประสูติกาล โหรหลวงนึกได้ว่ายังไม่ได้แก้บน ท้าวตรีภพจึงได้จัดพิธีแก้บน พระอิศวรทราบจึงได้แจ้งให้เทพทั้งสามลงไปจุติยังมนุษย์ เมื่อพระมเหสีมณีมีพระประสูติกาลออกมาเป็นเด็กมีเขี้ยวเหมือนยักษ์ (เนื่องจากเป็นฤดูร้อน) ทำให้ทุกคนแปลกใจว่าทำไมพระโอรสเกิดมาเป็นยักษ์ ท้าวตรีภพจึงสั่งให้นำพระโอรสไปลอยแพ แพของพระโอรสราหู มาเกยอยู่ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง คืนนั้น งั่ง ผีกระหังซึ่งถูกขับไล่จากหมู่บ้าน เข้ามาพบพระโอรสราหู จึงหมายจะเอาไปกิน แต่ราหูตื่นขึ้นมาจึงรีบวิ่งหนี จนไปพบกับพระฤๅษีโคดม พระฤๅษีจึงทำการปราบงั่ง โดยโยนสร้อยประคำเข้าไปที่คอ และท่องคาถา "เก้าอี้ จู้จี้ แก้ได้ ใต้ตู้ บู้บี้ มีไข้ ไปป่า ได้เต่า" สร้อยประคำรัดที่คอของงั่งจนต้องยอมแพ้ พระฤๅษีจึงนำราหูกลับไปที่อาศรม ราหูจึงได้ศึกษาวิชาที่อาศรมของพระฤๅษี โดยมีงั่งเป็นพี่เลี้ยง ฝ่ายพระมเหสีมณี หลังจากเสียลูกไป ก็ทรงโทมนัส พระมเหสีทัศนีย์เห็นว่ามณีประสูติพระโอรสเป็นยักษ์ จึงวางแผนทำการใส่ร้ายว่ามณีแอบคบยักษ์ ท้าวตรีภพทรงเชื่อจึงได้เนรเทศมณีออกจากเมือง และต่อมาได้สั่งให้ประหารเสีย แต่มีสัตว์ประหลาดชื่อว่าวิปริตเข้ามาหมายจะเอามณีเป็นเมีย วิปริตจัดการพวกเพชรฆาตจนหมด มณีหนีต่อไปจนพบลิงชื่อนันทเสนและยักษ์ชื่อสุระผัด นันทเสนฆ่าวิปริตตาย สุระผัดกับนันทเสนรบกันเองเพื่อแย่งมณี จนพระฤๅษีโคบุตรต้องมาห้ามศึก โดยให้สู้จนหมดแรง ทั้งสองจึงยอมรับผิดและมาขอโทษพระฤๅษีโคบุตร นันทเสนจึงพาพระฤๅษีโคบุตรไปยังศพของวิปริต พระฤๅษีโคดมจึงทำการรวมร่างของนันทเสนและวิปริตเข้าด้วยกันเพื่อเป็นการไถ่บาป ฝ่ายเทพสามฤดูได้ร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีโคดมจนครบถ้วนแล้วพระฤๅษีได้ขอประทานอาวุธจากพระอิศวร ให้ไว้ใช้ป้องกันตัว พระอิศวรประทานอาวุธคือ กระบองแก้วของพระราหู, พระขรรค์ของพิรุณ และลูกแก้วของจินดาเมขลา จากนั้นเทพสามฤดูจึงออกเดินทางตามที่พระฤๅษีได้แนะนำไว้ ไปพบถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในมีสมบัติจำนวนมาก ด้วยความโลภงั่งจึงขนสมบัติออกมา ยักษ์หินที่เฝ้าปากถ้ำจึงออกอาละวาดงั่งกับราหู จนราหูต้องรีบนำสมบัติไปคืน แต่ก่อนจะถึงถ้ำ มีคนธรรพ์ตนหนึ่งรับสมอ้างว่าเป็นสมบัติของเขา ราหูไม่เชื่อจึงสู้กันจนคนธรรพ์หมดสภาพ จากนั้นราหูจึงเอาสมบัติที่ขโมยไปคืน ยักษ์หินจึงหมดฤทธิ์กลับไปที่ปากถ้ำเหมือนเดิม ต่อมาระหว่างเดินทางไปพบกับนันทเสนที่ป่ากล้วย นันทเสนเข้าใจว่ามีใครบินข้ามหัว จึงเข้ารบกับราหูจนถึงขั้นที่พระอิศวรต้องส่งมาตุลีไปห้ามศึก จากนั้นมาตุลีก็ให้ทั้ง 3 ไปยังอาศรมของพระฤๅษีโคบุตร ที่อาศรมของพระฤๅษีโคบุตร มณีได้พบกับจินดาเมขลา จากนั้นทั้งหมดก็กราบลาพระฤๅษีเพื่อเดินทางกลับเมือง โดยพระฤๅษีได้มอบระฆังแก้วเพื่อไว้ใช้เรียกสุระผัดและนันทเสนเวลาเกิดปัญหา ระหว่างทางไปเจอเมืองยักษ์ มีท้าวอนันตวงศ์เป็นผู้ปกครอง มีนางโชตะนาเป็นมเหสี ท้าวอนันตวงศ์ต้องการหาภรรยาใหม่ จึงได้ลักพาตัวมณีกลับไปยังเมืองของตน ทำให้โชตะนาไม่พอใจ ตัดสินใจเดินทางไปหาท้าวจักรวรรดิผู้เป็นพี่ชาย ท้าวจักรวรรดิเดินทางมาเจอจินดาเมขลาก็ต่อสู้กัน ท้าวจักรวรรดิใช้พัดชีวิตพัดให้จินดาเมขลากับงั่งสลบ แล้วพาไปยังเมืองของท้าวอนันตวงศ์ เกิดการสู้กันระหว่างยักษ์ 2 ตน เมื่อเทพทั้งสามเจริญวัยขึ้น พระพิรุณได้ขอองค์เหนือหัวตรีภพไปท่องเที่ยว ครั้นฤดูร้อนพระราหูเดินทางไปยังนครโรมิสัยได้พบกับพระธิดาสุวรรณพรพระธิดาสุวรรณอัมพรพรจึงโยนพวงมาลัยไปให้พระราหู

ยอพระกลิ่น 2546

เรื่องย่อ : ยอพระกลิ่น (2546/2003) ยอพระกลิ่น" เป็นธิดาของพระอินทร์และเจ้าหญิงชาวมนุษย์นางหนึ่ง ด้วยความที่พระอินทร์ไม่สามารถเลี้ยงดูพระธิดาได้จึงนำนางไปฝากไว้ในต้นไผ่ต้นใหญ่ในป่าบนโลก เวลาผ่านไปยอพระกลิ่นเติบโตเป็นสาว (ที่ได้ชื่อว่ายอพระกลิ่นเพราะนางมีกลิ่นกายหอมมาก) ก็ได้พบกับ "มณีพิชัย" เจ้าชายเมืองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินทางเข้าป่ามาแล้วพบต้นไผ่ต้นใหญ่จึงโค่นลง เมื่อมณีพิชัยพบยอพระกลิ่นที่มีกลิ่นกายหอมหวลจึงนำนางกลับเมืองและเเต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี แต่พระนางจันทรพระมารดาของมณีพิชัย ไม่ชอบหน้ายอพระกลิ่น และอยากให้โอรสได้อภิเษกสมรสกับธิดาเจ้ากรุงจีนที่มั่งคั่งมากกว่า พระนางจึงวางแผนใส่ร้ายป้ายสียอพระกลิ่นว่านางเป็นกระสือกินแมวในราชวัง นางจึงต้องโทษประหาร เคราะห์ดีที่พระอินทร์ทรงลงมาช่วยธิดาไว้ได้ทันแล้วเสกให้นางกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มมีเวทย์มนตร์แก่กล้า

ชะชะช่า ท้ารัก 2546

เรื่องย่อ : ชะชะช่า ท้ารัก (2546/2003) การะเกด กำพร้าแม่มาตั้งแต่สองขวบ เนื่องจากถูกน้าสาวคือ ปานใจ ซึ่งแอบอิจฉา เกลียดชังพี่สาว ปานจิต ผู้เป็นแม่ของการะเกดมาตั้งแต่ยังสาว อันมีสาเหตุมาจาก รักผู้ชายคนเดียวกันคือ เกริกศักดิ์ พ่อของการะเกด แต่เกริกศักดิ์รักตอบและแต่งงานกับปานจิต ความแค้นสะสมมากขึ้น จนกระทั่งหาทางฆ่าปานจิตผู้อ่อนแอถึงตาย ในที่สุด ปานใจใช้เล่ห์มารยาว่าเป็นน้าที่แสนดีและรับใช้เกริกศักดิ์จนเกริกศักดิ์ยอม ใจอ่อน แต่งงานด้วย แต่การแต่งงานไม่ได้ทำให้ปานใจลดความอิจฉาลงได้ เพราะเกริกศักดิ์ทุ่มเทความรักให้การะเกดมากมาย และแม้แต่ กำไลทอง ลูกสาวของปานใจ เกริกก็ไม่รักเท่าการะเกด มิหนำซ้ำ นคร ข้าราชการรุ่นพี่กับ นวลน้อย ภรรยายังเมตตาการะเกดด้วยการจับจองตัวไว้เป็นคู่หมั้นของ สดุดี ลูกชายอีกด้วย ติดตามต่อได้ใน "ชะชะช่า ท้ารัก"

นะหน้าทอง 2546

เรื่องย่อ : นะหน้าทอง (2546/2003) ทองทราย เด็กสาววัย 19 ปี ทำงานที่ร้านไอศกรีแห่งหนึ่งเพื่อหารายได้มาเรียนหนังสือ ทองทรายอยู่กับแม่ชื่อ สิถิล สิถิลแต่งงานกับทองขาวลูกชาวสวนมะพร้าวและมีอาชีพเคี่ยวน้ำตาลขาย ทองขาวเจ้าชู้มากซ้ำยังไม่มีความรับผิดชอบ เขาตกงานบ่อย ๆ ทองขาวกับสิถิลมีลูกสาว 2 คน คือ ทองทรายกับ ทอรุ้ง ความเจ้าชู้ของทองขาวทำให้สิถิลทนไม่ไหว ทั้งคู่เลิกกัน สิถิลหนีมาทำงานในกรุงเทพก่อนจะแต่งานใหม่กับ ปึง เซลล์แมนขายเครื่องสำอาง ปึงกับสิถิลมีลูกชายด้วยกันชื่อ ปัญญ์ แต่แล้วปึงกับสิถิลก็ไปด้วยกันไม่ได้ ปึงซ้อมสิถิลบ่อย ๆ เมื่อเขาเมา สิถิลจึงเลิกกับปึง ส่วนทองทรายกับทอรุ้ง เมื่ออยู่กับปู่และย่า ทั้งคู่ต้องช่วยทำงานปีนต้นมะพร้าว ปาดตาล เคี่ยวน้ำตาล เมื่อทองทรายรู้ว่าแม่เลิกกับพ่อเลี้ยง ทองทรายจึงย้ายออกจากบ้านปู่และย่ามาอยู่กับแม่เพราะเป็นห่วงและอีกประการหนึ่ง

นารีลุยไฟ 2543

เรื่องย่อ : นารีลุยไฟ (2546/2003) นารี สาวสวยคนเก่ง ขยัน เธออยู่กับแม่และน้องสาวคือ นางเฉิด และธิตา ตั้งแต่พ่อของเธอตายไป นารีก็ต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวโดยปริยาย เธอทำงานหนักและเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่งไปพร้อมกัน นารีต้องหาเงินให้มากพอสำหรับ 3 ชีวิต และต้องเผื่อให้นางเฉิดสำหรับเล่นไพ่ ต้องมีเงินสำหรับค่าหน่วยกิตของธิตาน้องสาวคนสวยที่แสนจะบอบบางเพื่อเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งธิตาเรียนอยู่นานจนจะเป็นย่าของมหาวิทยาลัยอยู่แล้วก็ยังเรียนไม่จบ ขณะที่นารีเป็นน้องทั้งเรียนและทำงานไปพร้อมกัน นารีก็ยังเรียนจบก่อนธิตา ยิ่งไปกว่านั้นธิตาก็ขยันหาเรื่องมาให้นารีร้อนใจอยู่เสมอ จนบางครั้งเธอสงสัยว่านอกจากความสวยแล้ว ธิตามีสมองหรือไม่ แต่ไม่ว่าธิตาจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมา และนารีต้องตามแก้ปัญหาเพียงใด นารีก็ไม่เคยที่จะคิดทิ้งแม่และน้องสาวไปมีชีวิตที่สุขสบายตามลำพังเลยสักครั้ง

แต่วันนี้นารีก็อยากจะตายหรือหนีไปให้พ้นจากภาระที่ต้องรับอยู่นี้ เมื่อรู้ว่าน้องสาวคนสวยสะเพร่าทำเงินของชมรมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยหายไป เงินนั้นมากถึงหนึ่งแสนบาท นารีโกรธจนหัวหมุน ยิ่งเห็นมารดาเอาแต่ร้องไห้ขอร้องให้เธอช่วยธิตาอีกครั้งก็เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาโดยไม่คิดจะช่วยหาทางหาเงินเลย ซ้ำร้ายธิตาเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับผิดชอบอะไรเช่นกัน นอกจากร้องไห้คร่ำครวญพร้อมสรุปง่าย ๆ ว่านารีต้องทำได้ นารีต้องช่วยไม่เช่นนั้นพวกเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยจะไปแจ้งความแล้ว ธิดาก็จะต้องถูกจับเป็นข่าว ธิตาอายที่ไม่มีเงินไปใช้หนี้ นารีรู้สึกอยากจะคลั่งเมื่อเธอหมดความอดทน โวยวายดุธิตา ธิตาก็กรี๊ดแล้วนิ่งไป นางเฉิดก็แทบจะเป็นลมตามธิตาไปด้วย เพราะนางรักและทะนุถนอมธิตามาก เนื่องจากธิตาป่วยเป็นโรคหัวใจ ด้วยเหตุนี้ ธิตาจึงเป็นสาวน้อยที่บอบบาง กระทบอะไรนิดหน่อยก็พาลจะตาย นารีมองภาพมารดาที่ฟูมฟายกลัวธิตาจะตายอย่างอ่อนใจ และน้อยใจ เธอสงสัยว่าถ้าเรื่องนี้เกิดกับเธอ มารดาจะทำอย่างไร นารีถอนใจยาวก่อนจะไปละลายยาหอม หยิบยาดม และผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้น้องสาว นางเฉิดสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นธิดาเริ่มรู้สึกตัว ธิตาจับมือนารีมากอดไว้พลางสรุปอย่างรวดเร็วว่านารีจะเอาเงินมาให้เธอได้เมื่อไหร่ เธออายและไม่อยากถูกทวงหนี้ นารีมองหน้าน้องสาวและมารดาอย่างน้อยใจที่สุด ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเงียบ ๆ

นารีไปหา พุฒิ เพื่อนชายคนสนิท พุฒิกับนารีไม่ได้ต่างกันเลยในเรื่องฐานะและการดิ้นรนหาเงิน เลี้ยงตัวเองกับครอบครัว พุฒิจึงเข้าใจถึงความลำบากของนารีได้ดี เขาทั้งคู่จึงเป็นเพื่อนคู่ปรับทุกข์และคู่ปรึกษาซึ่งกันและกันเสมอมา เมื่อพุฒิรู้เรื่องเขามองนารีอย่างเห็นใจ เงินจำนวนมากขนาดนี้นารีจะทำอย่างไร ทุกวันนี้เธอทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในเวลากลางวัน กลางคืนเป็นบาร์เทนดี้ในผับ แถมเมื่อเวลานางเฉิดร้อนเงินเพราะเสียไพ่ หรือธิตาเปิดเทอมต้องการค่าหน่วยกิต นารีทำแม้กระทั่งขายเลือด นารีบ่นกับพุฒิอย่างอึดอัดใจ เธอประชดว่าหนี้สินคราวนี้ของธิตา เธอคงต้องขายตัวหาเงินมาปลดหนี้แน่ๆ พุฒิรู้ดีว่านารีดีแต่พูดเรื่องขายตัว ทุกวันนี้นารีต้องหาวิธีสารพัดในการที่จะรักษาตัวให้พ้นจากบรรดาเฒ่าหัวงูหรือหนุ่มเจ้าชู้ทั้งหลายที่วนเวียนมาจีบเธอถึงที่ผับ เพราะนารีสวย และเซ็กซี่มากแม้จะแต่งตัวเรียบร้อยเสมอ

เมื่อนารีบ่นอยากเบิกเงินก้อนมาใช้หนี้ พุฒิจึงนึกได้ถึงประกาศรับสมัครงานของภิธิชัยฟาร์มที่ต้องการพนักงานใหม่เป็นชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน โดยที่จะจ่ายเงินล่วงหน้าให้ 1 ปีครบตามสัญญาจ้าง พุฒิส่งหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้นารีเพื่อส่งจดหมายสมัครงานไป นารีรับหนังสือพิมพ์นั้นมาก่อนกลับบ้านอย่างเพลียใจ เธอหลับไปได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะนางเฉิดมาปลุก นางบอกเธออย่างตื่นเต้นว่างานที่ภูธิชัยฟาร์มจะช่วยแก้ปัญหาครั้งนี้ได้แน่นอน นางบอกให้นารีรีบเขียนจดหมายทันที นารีรับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมาดูประกาศรับสมัครงานที่แปลกประหลาดนั้นอีกครั้ง นารีตัดสินใจทันที งานครั้งนี้อาจจะดูแปลกแต่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ สำหรับเธอแล้วถ้าจะต้องลุยไฟก็คงต้องยอมเพื่อแม่และน้องสาว นารีจะทิ้งทั้ง 2 คนนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน

ทางด้าน ภูธิชย์ เจ้าของไร่กำลังปวดหัวกับ ภูธน น้องชายคนเดียวอย่างมาก ภูธนเจ้าชู้มาก พนักงานหญิงสาว ๆ ต้องมีอันลาออกหรือถูกให้ออกพร้อมเงินปลอบขวัญก้อนโตเสมอ เพราะภูธนจะหาโอกาสปล้ำเสียทุกคน ภูธนไม่สนใจว่าผู้หญิงจะรักเขาหรือไม่ เขารู้แต่ว่าถ้าเขาชอบเขาต้องได้ เรื่องก็จะลงเอยตรงที่ภูธนจะปล้ำหรือข่มขืนเพื่อให้ได้ดังใจทุกครั้ง ผู้หญิงเหล่านั้นแทบทุกคนท้องและต้องทำแท้ง ตามคำสั่งของภูธนก่อนจะออกจากบ้านไปพร้อมเงินก้อนโต ภูธนไม่เคยยอมรับเลยว่าเป็นฝีมือของเขา ภูธนจะปฏิเสธเสมอ ภูธิชย์เองแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ไม่ให้ความสำคัญจะเอาจริงเอาจัง เพราะตัวเขาเองก็ไม่เห็นค่าและความหมายของผู้หญิงเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพราะทั้งแม่ของเขาและแม่ของภูธนต่างก็หอบผ้าหนีตามชู้ไปทั้งคู่ ภูธิชย์จึงดูถูกผู้หญิงเสียด้วยซ้ำไป

ที่ภูธิชย์รำคาญใจและปวดหัวก็เพราะเขาขี้เกียจหาพนักงานใหม่ พอจะฝึกงานเป็นและคล่อง ภูธนก็ทำเรื่องเสียทุกครั้ง แล้วงานด้านเอกสารผู้หญิงก็มักจะละเอียดและรอบคอบกว่าเสียด้วย อีกประการหนึ่งเขากลัวว่าถ้าผู้หญิงพวกนั้นไปฟ้องร้องและแจ้งความภูธนก็ต้องติดคุก ที่สำคัญงานของภูธิชย์ยุ่งมากจนไม่มีเวลาจะมาช่วยน้องชายขึ้นโรงขึ้นศาลบ่อย ๆ ภูธิชย์ลืมคิดไปว่าการช่วยน้องชายแก้ปัญหาด้วยการใช้เงินปิดปากผู้หญิงเหล่านั้นมันยิ่งทำให้ภูธนได้ใจ เพราะคิดว่าไม่มีใครทำอะไรเขาได้ เพียงแค่เขาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเดี๋ยวภูธิชย์ก็จ่ายเงิน

แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ภูธนเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายต่างมารดาของเขาฉลาดเป็นกรด ไม่มีใครหลอกภูธิชย์ได้ง่ายๆ ยกเว้นแต่ว่าเขาจะไม่สนใจเท่านั้นเอง ที่ร้ายก็คือภูธิชย์ดุมาก เขาสามารถชกใครได้ง่าย ๆ ทั้งที่หน้าเฉย ๆ หรือยิ้ม ๆ ด้วยซ้ำ ถ้าคน ๆ นั้นขัดคำสั่งพูดจาไม่รู้เรื่อง หรือกวนประสาทเขา แต่ภูธิชย์ไม่ใช่คนเกเร อันธพาล เขาเป็นคนตรงไปตรงมาเป็นคนจริง ซึ่งถ้าภูธิชย์ไม่เป็นอย่างนี้ เขาคงไม่สามารถกอบกู้ฐานะครอบครัวจากการที่แทบล้มละลายกลับมามีทรัพย์สินเป็นร้อยล้านได้อย่างนี้ ภูธนจึงกลัวภูธิชย์มากพอ ๆ กับอิจฉา เขาคิดง่าย ๆ ว่าภูธิชย์โกงและรวบอำนาจไว้คนเดียว เขาเองกว่าจะใช้เงินได้ต้องขอแล้วขออีก ที่ทำให้ภูธนเจ็บใจก็คือภูธิชย์ให้เขาไปรับเงินจากปรัง ซึ่งเป็นผู้จัดการไร่และเป็นมือขวาของภูธิชย์ ภูธนคิดแค้นว่าภูธิชย์เชื่อปรังมากกว่าเชื่อเขาเสียอีก ภูธนไม่เคยสำนึกเลยว่าตัวเองไม่เคยทำงานเป็นชิ้นเป็นอันไม่เคยช่วยหาเงิน ดีแต่ช่วยให้จนถึงขั้นผลาญเงินมากกว่า

ภูธิชย์เรียกปรังมาถามเรื่องพนักงานคนใหม่ ปรังส่งแฟ้มให้ทันที เขาบอกภูธิชย์ว่ามีส่งจดหมายมาสมัครหลายคน แต่เขาเลือก 2 คนแรกในแฟ้ม แต่ถ้าภูธิชย์จะเปลี่ยนก็ได้อีกเหมือนกัน ภูธิชย์รับแฟ้มมาเปิดดูภาพของผู้สมัครติดอยู่กับใบสมัครเรียบร้อย ภูธิชย์ดูรูปของของสาวน้อยหน้าหวานแต่ตาดุและมีแววเอาจริงของนารีอย่างพอใจ ภูธิชย์ตกลงตามที่ปรังเสนอ ดังนั้นพนักงานใหม่ของภูธิชย์ฟาร์มคือ นารีกับพุฒินั่นเอง ปรังจึงรีบโทรเลขบอกให้ทั้งคู่เตรียมตัวมาทำงานโดยเร็วที่สุด

นารีรับโทรเลขของปรังจากธิตามาดูอย่างไม่ค่อยตื่นเต้นนัก เธอไม่รู้ว่าพุฒิก็สมัครงานไว้ที่นี่เช่นกัน คนที่มีความสุขกับงานใหม่ของนารีก็คือนางเฉิดและธิตา ทั้งสองคนคำนวณเงินเดือนของนารีเรียบร้อยแล้วว่าค่าจ้างล่วงหน้าทั้งปีนั้นพอใช้หนี้อย่างแน่นอน แถมยังเร่งให้เธอโอนเงินกลับมาให้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันใช้หนี้ นารีถอนใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย เธอจัดกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งน้ำตาจะอย่างไรก็ตามเธอไม่เคยต้องจากบ้านไปทำงานไกลๆ นานถึงขนาดนี้เลย 1 ปีที่ขอนแก่น ที่ไร่ภูธิชย์ฟาร์ม นารีคิดว่าคงทรมานที่สุดสำหรับเธอ เช้าวันรุ่งขึ้นนารีก็พร้อมจะเดินทาง เธอต้องการไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งตามลำพัง แต่นางเฉิดกับธิตาก็อ้างความเป็นห่วงและจะไปส่งเธอที่ท่ารถ นารีต้องห้ามจนเหนื่อยถึงได้ออกจากบ้าน แต่ขณะที่เธอรอรถแท๊กซี่อยู่ที่หน้าบ้านโดยมีนางเฉิดและธิตาตามออกมาด้วย รถโฟร์วิลด์คันหรูก็ปราดเข้ามาจอดตรงหน้า ผู้ชายที่ลงมาจากรถสูงใหญ่ แถมไว้หนวดเคราดูรุงรัง ผมยาวรวบไว้ง่าย ๆ ก็ลงมา เขาถือรูปมาด้วย เขามองรูปสลับกับมองนารี พลางพูดห้วน ๆ ว่าเธอจะไปภูธิชย์ใช่หรือไม่ ถ้าพร้อมจะไปก็ขึ้นรถได้เลย

นารีตกใจในครั้งแรกแต่เมื่อชะโงกดูรูปแล้ว เธอจำได้ว่าเป็นรูปที่เธอส่งไปสมัครงานที่ภูธิชย์ฟาร์ม นารีมองนายเคราดกอย่างหวาดระแวง แต่เมื่อเขาย้ำอีกครั้งแล้วทำท่าจะไม่รอนารีก็ตัดสินใจทันที เธอเข้าใจว่าเขาคือคนขับรถที่ทางฟาร์มส่งมา นารีจึงออกเดินทางไปพร้อมกับเขา นารีไม่รู้ว่านายเคราที่เธอคิดว่าเป็นคนขับรถนั้นคือภูธิชย์นายจ้างของเธอเอง ดังนั้นระหว่างการเดินทางภูธิชย์แวะซื้อเหล้า นารีเตือนเขาว่าเจ้าของไร่คือคุณภูธิชย์คงไม่รู้ว่าคนขับรถแวะซื้อเหล้าเพื่อดื่มเวลาขับรถ คำพูดของนารีทำให้ภูธิชย์เกือบสำลัก เขานึกขำที่นารีตาต่ำเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่คิดจะบอกความจริงกับเธอ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น

ภูธิชย์แวะค้างคืนที่โคราช ขณะที่นารีเริ่มโวยวายภูธิชย์จึงให้เธอขับเอง นารีจึงยอมแพ้เพราะเธอขับรถไม่คล่อง ท่าทีข่มขู่และดุของภูธิชย์ทำให้นารีหมั่นไส้ เธอจึงรวนกับเขาบ้างเพราะนารีก็ได้ชื่อว่าเป็นจอมเฮี้ยวเหมือนกัน กว่าจะถึงไร่ทั้งคู่ก็เป็นคู่กัดกันตลอดทาง เธอเรียกเขาประชด ๆ ว่านายเครา ชื่อใหม่นี้ทำให้ภูธิชย์ทั้งโกรธและขำ เขาเริ่มถูกใจที่นารีดุและเข้ม เพราะมาดอย่างนี้ภูธนคงทำอะไรไม่ได้ง่าย ๆ เมื่อถึงภูธิชย์ฟาร์ม ปรังออกมารับที่รถทันที นารีแปลกใจที่นายเครารีบคว้าแขนปรังไปกระซิบกระซาบอยู่สักครู่ก่อนจะผละไป ปรังมองนารีอย่างเอ็นดูก่อนให้แจ๋ว สาวใช้วัยรุ่นพาเธอไปที่ห้องพัก นารีถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นห้องพักของเธอ เพราะห้องนั้นกว้าง ตกแต่งอย่างอ่อนหวานด้วยสีชมพู เฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ นารีรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องพักของโรงแรมหรู ๆ มากกว่าในบ้านกลางไร่อย่างนี้ แจ๋วมองนารีขำๆ จนเธอรู้สึก แจ๋วพูดอะไรบางอย่างเป็นเชิงให้เธอระวังตัวจนนารีเข้าใจว่าภูธิชย์คงเป็นตัวอันตราย

นารีได้พบกับภูธนที่โต๊ะอาหารในเวลากลางวัน นารีไม่ชอบสายตากรุ้มกริ่มโลมเลียของภูธนที่มองเธอเหมือนเป็นเหยื่ออันโอชะ ยิ่งไปกว่านั้นภูธนวางมาดสุภาพบุรุษดูแลเธอ แต่ทำแบบปากว่ามือถึงจนนารีโกรธ เธอไม่ชอบวิธีการหลอกแต๊ะอั๋งของภูธน นารีเตือนภูธนตรง ๆ ด้วยมาดเข้ม ๆ ตาดุ ๆ จนภูธนต้องถอยเหมือนกัน นารีคิดว่าถ้าน้องชายเป็นอย่างนี้ พี่ชายคงไม่แตกต่างกันมากนัก นารีดีใจที่พกเครื่องมือป้องกันตัวสำหรับผู้หญิงมาด้วย บ่ายวันนั้นปรังให้เธอเซ็นสัญญาว่าจ้าง พร้อมกับเซ็นรับเช็คค่าจ้างของเธอทั้งปีด้วย นารีตัดสินใจจะโอนเงินให้มารดาโดยเร็วที่สุด ปรังมอบงานให้เธอทำเลยทันที นารีลุยงานจนค่ำ เมื่อกลับถึงห้องพักเธอก็ได้รับโทรเลขจากมารดาว่ากำลังมาภูธิชย์ฟาร์มพร้อมกับธิตาและจะถึงในวันรุ่งขึ้น นารีอยากจะร้องกรี๊ดในความดื้อรั้นของมารดาและน้องสาว เธอสังหรณ์ใจว่าทั้งคู่คงมาทำให้เธอวุ่นวายอีกแน่ๆ นารีจำใจต้องขออนุญาตปรังเข้าเมืองในวันรุ่งขึ้น เธอบอกเขาตามตรงเรื่องมารดาและน้องสาว ปรังรับปากจะบอกภูธิชย์ให้ ปรังพานรีไปรับมารดาและน้องสาว โดยบอกว่าเขาต้องไปรับพนักงานอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อถึงสถานีขนส่งที่ในเมือง นารีดีใจมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเธอคือพุฒินั่นเอง ปรังบอกนารีว่าภูธิชย์อนุญาตให้มารดาและน้องสาวของเธอพักที่ไร่ได้

เมื่อกลับถึงไร่ธิตากรี๊ดกร๊าดกับห้องพักที่สวยงามและบรรยากาศสวย ๆ ในไร่ นารีต้องสั่งอย่างเด็ดขาดว่าห้ามทั้ง 2 คนออกไปเพ่นพ่านข้างนอกและเธอจะให้ทั้งคู่กลับกรุงเทพโดยเร็ว นารีรีบกลับไปทำงาน พอคล้อยหลังนารี ธิตาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองน่ารัก และออกไปเดินเล่นโดยการสนับสนุนของนางเฉิด ภูธนพบธิดาขณะเธอเดินเล่นอยู่ในสวน เขาเข้าไปแนะนำตัวทันทีและชวนเธอไปกินข้าวกลางวันข้างนอก ธิตารับคำชวนอย่างอ่อนหวานทันที นารีโกรธจนหัวหมุนเมื่อกลับมาแล้วรู้ว่าธิตาออกไปกับภูธน

คืนนั้น ขณะที่นารียืนคิดหาทางส่งมารดาและธิตากลับกรุงเทพ เธอมองไปในสวนเห็นปรังนั่งคุยอยู่กับนายเครา ท่าทางของปรังนอบน้อมเกินไปกว่าจะพูดกับคนขับรถ นารีจึงฉุกใจคิดได้ว่าเธอยังไม่ได้พบภูธิชย์เจ้านายของเธอเลยสักครั้ง แล้วท่าทางของปรังและคำพูดของแจ๋วทำให้นารีอยากร้องไห้ เมื่อสรุปได้ว่านายเคราก็คือภูธิชย์เจ้านายของเธอนั่นเอง วันรุ่งขึ้นนารีบอกปรังว่าเธออยากพบภูธิชย์เพื่อขอโทษเขาที่เข้าใจผิด ปรังพาเธอไปพบกับภูธิชย์ที่ห้องทำงาน นารีขาสั่น ใจสั่น เมื่อสบตาคมเข้ม ดุของเขา นารีคิดว่าเธอทำผิดโดยบริสุทธิ์ใจเพราะเธอไม่รู้จักภูธิชย์มาก่อน เธอพยายามบังคับตัวเองให้พูดอย่างสุภาพโดยเสียงไม่สั่น นารีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอต้องใจสั่นขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ความกลัวอย่างแน่นอน เมื่อนารีพูดจบภูธิชย์ยิ้มให้ก่อนที่จะมอบงานให้เธออีกแฟ้มโตๆ นารีทำงานอย่างเต็มที่ เธอเริ่มสนุกกับงานและชอบที่นี่มากขึ้น สิ่งเดียวที่กวนใจเธอก็คือ ธิตากับนางเฉิดซึ่งไม่ยอมกลับกรุงเทพ โดยอ้างว่าภูธนอนุญาตให้อยู่ต่อ

แล้วคืนนั้นนารีก็ต้องอารมณ์เสียอีกเมื่อรู้ว่าธิตาออกไปกินข้าวกับภูธิชต์ เมื่อเธอต่อว่ามารดาที่ไม่เตือนธิตา นางเฉิดกลับบอกว่านารีน่ะโง่ทำแต่งาน ธิตาฉลาดกว่าที่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะพ้นความจนได้ นารีเศร้าใจเมื่อเดาได้ว่าธิตาคงหว่านเสน่ห์เพื่อจีบใครสักคนระหว่างภูธิชย์และภูธน นารีไม่อยากเดือดร้อนและตกงาน ถ้าภูธิชย์และภูธนจะต้องมาผิดใจกันเพราะน้องสาวของเธอ ส่วนธิตารู้สึกเหมือนเธอเป็นหญิงสาวที่มีความสุขที่สุดเมื่อมีหนุ่มหล่อมาดดีเป็นเศรษฐีมาแย่งเอาใจเธอถึง 2 คน แต่ธิตาก็มีความสุขไม่นาน เมื่อวันต่อมาขณะที่ธิตาแต่งตัวสวยเดินนวยนาดลงมาจากห้องพักเพื่อเตรียมออกไปกับภูธน เธอก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งลงจากรถคันหรูด้วยมาดเปรี้ยว เฉี่ยว เย่อหยิ่ง เธอมองธิตาอย่างดูถูกก่อนถามดุๆ ว่าเป็นใคร ยังไม่ทันที่ธิตาจะตอบ แจ๋วกับภูธนก็เข้ามา ท่าทางทั้งคู่เอาใจเธอมาก ธิตารู้สึกเป็นส่วนเกินทันที เธอรีบกลับเข้าห้องอย่างอารมณ์เสียที่ภูธนไม่สนใจเธอเลย

ภูธิชย์สั่งให้ปรัง นารี พุฒิ รวมถึงนางเฉิดกับธิตากินข้าวกลางวันพร้อมกันกับเขา นารีไม่พอใจนักแต่ก็ต้องยอม ทุกคนคือจึงได้รู้ว่าสตรีสาวผู้นั้นคือ กนกนาฏ ญาติห่าง ๆ ของภูธิชย์และภูธน กนกนาฏเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของภูธิชย์ฟาร์มด้วย เพียงพบกันครั้งแรกกนกนาฏก็หมั่นไส้นารีและธิตาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งนารีไม่ยอมไหว้เธอเมื่อได้รับการแนะนำ กนกนาฏถึงกับลุกออกจาโต๊ะอาหารทันที ภูธิชย์มองตามอย่างไม่สบายใจนัก เขาหันมาย้ำกับทุกคนที่เหลืออีกครั้งว่ากนกนาฏเป็นเจ้าของบริษัทเช่นกันกับเขา ตลอดเวลาที่พูด ภูธิชย์สบตานารีเหมือนจะบอกกับเธอโดยตรง นารีได้แต่นิ่งทั้งที่เริ่มโกรธเหมือนกัน ส่วนกนกนาฏนั้นแม้จะเป็นลูกของลุงภูธิชย์นับกันได้เป็นญาติห่าง ๆ แต่กนกนาฏพยายามทำทุกอย่างให้นารีรู้และเข้าใจว่าภูธิชย์เป็นคนรักของเธอ

ขณะที่วางแผนกันธิตาออกจาก ภูธิชย์โดยหันไปสนับสนุนภูธนให้จับธิตาแทน กนกนาฏเสนอให้ธิตามาทำงานเป็นเลขาของเธอ และให้นางเฉิดเป็นแม่บ้าน นารีไม่พอใจมาก เธอรู้ทันกนกนาฏว่าต้องการอะไร นารีพยายามขอร้องไห้ธิตากับมารดากลับกรุงเทพแต่ไม่สำเร็จ ธิตาดีใจที่จะได้ทำงานเพื่อจะได้อยู่ใกล้ภูธน กนกนาฏแกล้งเอาใจด้วยการยกเสื้อผ้าสวย ๆ แต่ใช้แล้วของเธอให้ธิตา ธิตาก็ยิ่งปลื้มกนกนาฏอย่างออกนอกหน้า ส่วนารีได้แต่แค้นใจที่ธิตาไม่รู้ทันกนกนาฏเสียเลยว่าแกล้งจิกเอาไว้เป็นคนใช้ เมื่อนารีเตือนมาก ๆ เข้าเรื่องภูธน ทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน นางเฉิดเข้าข้างธิตาอีกตามเคย จนนารีตัดใจ เธอประกาศว่าจะไม่ยุ่งกับธิตาอีกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นารีทำอย่างปากว่าเช่นกัน เธอมุทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ส่วนภูธิชย์แรก ๆ ก็สนใจธิตาแต่เมื่อไปเที่ยวกัน 2-3 ครั้งเขาก็เบื่อ ประกอบกับงานยุ่ง กนกนาฏเองก็วุ่นวายกับเขาจน ภูธิชย์รำคาญ ภูธิชย์จึงทำงานมากขึ้น ภูธิชย์กับนารีจึงใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย และต่างก็มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน แม้ว่าต่อหน้าต่างก็วางมาดเข้มแข็งในงานอย่างเต็มที่ก็ตาม

มหาเฮง 2546

เรื่องย่อ : มหาเฮง (2546/2003) เฮง มีพ่อชื่อ ฮวด ตั้งแต่เด็กอยู่ในชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ เนื่องจากพบเหตุร้าย ๆ มาตลอดชีวิต พ่อซึ่งมีฐานะยากจนจึงตัดสินใจส่งเฮงไปบวชเป็นสามเณรอยู่กับหลวงลุงไฮ้ ซึ่งเป็นญาติกันที่วัดแห่งหนึ่งในนครพนม เฮงเป็นคนซื่อ อัทธยาศัยดีเรียนพระธรรมวินัยจนได้เป็นพระเฮง สอบเปรียญได้เป็นมหาและมีอันเป็นต้องสึกจากพระออกมา ทุกคนในตำบลนั้นจึงเรียกมหาเฮง แต่มหาเฮงซึ่งอยู่ในวัยกลางคนยังอยู่รับใช้หลวงลุงไฮ้ไม่ไปไหนคอยดูแลลูก ศิษย์ให้ได้เรียนหนังสือและใฝ่ดี ทำให้คนในตำบลนั้นรักมหาเฮงมาก แต่ชีวิตของมหาเฮงที่คนมาทำบุญในตู้บริจาค ก็วางแผนป้องกันจนจับคนร้ายได้หมดแต่ตัวมหาเฮงเองสลบเหมือดเพราะวางแผนผิด เพื่อให้เห็นว่าชื่อเฮงแต่ซวยตลอด แต่ก็ได้รับการชื่นชมจากหลวงลุงไฮ้และทุกคนในตำบลที่ป้องกันเงินของวัดเอา ไว้ได้ วันหนึ่งหลังจากล้างบาตรและให้ลูกศิษย์ไปโรงเรียนหมดแล้ว มหาเฮงได้พบซินแสฉี่ ที่มาขอข้าวกิน มหาเฮงจึงจัดการให้และยังเอาอาหารกระป๋องที่คนใส่บาตรมาให้ไว้ตุนเวลาอดอยาก อีกถุงใหญ่ ซินแสฉี่เลยดูโหงวเฮ้งให้ว่าดวงจะเฮงตลอด ถ้าเป็นนักการเมืองจะได้เป็นรัฐมนตรี ถ้าเป็นพ่อค้าจะรวยมาก ถ้าบวชต่อจะได้เป็นเจ้าอาวาส แต่มหาเฮงไม่เชื่อ

เปรตวัดสุทัศน์ 2546

เรื่องย่อ : เปรตวัดสุทัศน์ (2546/2003) พันภพ ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้ขึ้นไปเมืองเหนือ (เชียงใหม่) เพื่อรับตัวหลวงโอสถกับครอบครัวลงมากรุงเทพฯ เพื่อรักษาโรคร้ายให้กับขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่ง เพราะหลวงโอสถมีความเชี่ยวชาญในโรคฝีในท้องเป็นที่เลื่องลือ แต่ได้ขึ้นไปรับราชการพิเศษอยู่เมืองเหนือตั้งแต่หนุ่ม พันภพพากองทหารขนาดย่อมประกอบด้วยม้าและตนเองนั่งช้างถึงเมืองเหนือ เจอสัมภเวสีเสียงเปรตร้องและพระธุดงค์ และเกิดล้มป่วยด้วยไข้ป่าเจียนตาย เอาแต่ฝันละเมอเพ้อเห็นแต่ภูตผีปีศาจและฝูงเปรตร้องขอส่วนบุญ ขบวนเร่งเดินทางถึงเชียงใหม่ พันภพรอดตายจากการรักษาของหลวงในงานประเพณี จึงได้สนิทสนมกับครอบครัวหลวงโอสถ ที่มีบุตรสาว 3 คน คือ แสนเสน่ห์ วงแหวน และแพนคำ ซึ่งเป็นใบ้ พูดไม่ได้เพราะล้มป่วยมาแต่เด็ก หลวงโอสถมีเมียเป็นชาวบ้านธรรมดาชื่อ บัว ซึ่งก่อนจะมาอยู่กับหลวงโอสถและให้กำเนิดวงแหวนกับแพนคำนั้น ได้ถูกโจรชื่อ เสือแมน ฉุดปล้นไปข่มขืนแต่วัยสาว ส่วนแสนเสน่ห์ที่แท้ก็คือลูกเสือแมน มีแต่บัวเท่านั้นที่รู้ความจริง พันภพเป็นทหาร หากมีใจใฝ่บุญกุศลเช่นเดียวกับหลวงโอสถ วงแหวนและเด็กหญิงแพนคำ ส่วนแสนเสน่ห์เป็นสาวสุดสวย มีนิสัยหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าคนอ่อนโยนพูดจาไพเราะ แต่ลับหลังเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม ชอบข่มขู่ดูถูกบัวผู้เป็นแม่ชาวบ้านธรรมดาอยู่เสมอ ต่างจากน้องสาวทั้งสองที่เป็นคนรักสงสารแม่มาก แสนเสน่ห์เป็นหญิงที่ชอบใช้เสน่ห์ยั่วผู้ชายให้มาหลงใหลตน และยุแหย่ให้แตกแยกวิวาทกันในภายหลัง และเห็นเป็นของสนุก แต่ครั้งเมื่อได้พบกับพันภพ แสนเสน่ห์ก็เกิดรักใคร่จริงจัง ติดขัดอยู่ที่ว่า พันภพมีคู่รักอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ ชื่อ สร้อย ข้างพันภพเมื่อแรกก็สนใจและทราบซึ้งในแสนเสน่ห์ที่ได้มีส่วนรักษาพยาบาลตนจน หายจากไข้หนัก แต่ต่อมาภายหลังได้รู้ความจริงจากนายสะอาดผู้ช่วยหลวงโอสถว่า นายสะอาดที่ต้องเป็นคนทุกข์เศร้าที่เห็นอยู่ก็เพราะถูกแสนเสน่ห์หลอกใช้เป็น เครื่องมือนั่นเอง ทั้งได้แอบรู้เห็นพฤติกรรมที่ไม่ดีของแสนเสน่ห์ พันภพจึงพยายามตีตัวออกห่างแสนเสน่ห์ ในขณะที่แสนเสน่ห์รักพันภพอย่างจริงใจและพยายามจะเอาชนะ พันภพ วงแหวน และเด็กหญิงใบ้แพนคำต่างก็เป็นคนดี จึงได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ไปเที่ยวด้วยกันอยู่เสมอ สำหรับวงแหวนแม้ว่าจะมีน้องสาวใบ้คอยเชียร์อยู่ก็พยายามออกห่างจกพันภพ เพราะรู้ดีว่าพันภพมีคู่รักอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันวงแหวนก็เห็นใจและสงสารสะอาด ที่เป็นคนอกหัก เพราะพี่สาวของตนจึงให้ความสนิทสนมกับสะอาดเป็นพิเศษ แสนเสน่ห์หึงหวงทั้งพันภพและสะอาด จึงชิงชังวงแหวนกับแพนคำน้องสาวของตนเป็นอย่างยิ่ง พันภพพาครอบครัวหลวงโอสถ อันประกอบด้วยบัวผู้เป็นเมีย แสนเสน่ห์ วงแหวน แพนคำ และสะอาด เดินทางจากเมืองเหนือกลับกรุงเทพฯ ส่วนพันภพก็มีคู่หูประจำตัวคือ เล็ก กับ ยักษ์ ติดตามอยู่ซึ่งระหว่างเดินทางลงมากรุงเทพฯ นั้น ก็ได้ข่าวว่าเมืองหลวงเกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดหนัก ผู้คนล้มตายกันเป็นเบือ จึงชะลอการเดินทางไปเรื่อยๆ ตามป่า และหมู่บ้าน และระหว่างนี้ก็ไดพบผจญภัยทั้งฝูงผี ปีศาจและโจรร้ายที่น่าสะพรึงกลัว คือ เสือกร่างกับเสือแมนที่ชอบปล้นสดมภ์และข่มขืนสาวชาวบ้าน ระหว่างเดินทางอยู่ในป่า พันภพได้พบกับพระธุดงค์องค์หนึ่งชื่อ มาก ซึ่งเป็นผู้มีอาคมแก่กล้าในการปราบปรามผีร้าย เรียกเปรตมาแล้วสั่งสอน ให้ของกินแต่เปรตกินไม่ได้จึงช่วยกันแผ่กุศลให้แต่ก็ไม่ถึง ยมทูตมาตามแต่เปรตหนีไปได้ พระธุดงค์ขอร้องให้ส่วนบุญและปล่อยชั่ว คราวเพราะเป็นวันพระสิ้นเดือน ทำให้พันภพได้รู้เรื่องฝูงผีและเปรตตามความหมายทางพุทธศาสนา ทำให้ใฝ่บุญกุศลยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับหลวงโอสถ เมียและลูกสาว ยกเว้นแต่แสนเสน่ห์ที่หมิ่นหมายในเรื่องนี้ ไม่ใส่ใจ ระหว่างเดินทางอยู่ในป่า พันภพได้ช่วยชีวิตแสนเสน่ห์ไว้ จากการที่ถูกหนุ่มชาวเหนือคนหนึ่งตามฆ่าเพราะอกหัก ทำให้แสนเสน่ห์ยิ่งรักและหลงใหลในพันภพมากขึ้น แต่ก็เอาชนะใจไม่ได้ วันหนึ่ง เสือกร่างและเสือแมน ได้เข้าปล้นและฉุดลักพาตัวแสนเสน่ห์ไปหมายจะข่มขืน แต่บัวผู้เป็นแม่รู้ว่าเป็นเสือแมน จึงตามไปบอกเสือแมนให้รู้ว่าแสนเสน่ห์ที่แท้คือลูกสาวที่ติดท้องไป และแม้ว่าหลวงโอสถจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าพ่อของแสนเสน่ห์นั้นเป็นโจร และหลวงโอสถก็เลี้ยงดูมาเยี่ยงลูกสาวที่รักมากคนหนึ่ง จนที่สุดเสือแมนได้ปล่อยตัวแสนเสน่ห์ไป ในขณะที่เรื่องนี้มีเด็กหญิงแพนคำที่แอบรู้เห็น และได้ยินได้รู้ความลับ แต่ถูกบัวผู้เป็นแม่ขอร้องไว้ให้แพนคำปิดปากเงียบ ข้างแสนเสน่ห์หวาดระแวงแพนคำน้องสาวของตน ถึงกับคิดฆ่าเพื่อปิดปาก โกรธแค้นชิงชังผู้คนทั่วไป และมีนิสัยร้ายยิ่งกว่าเก่า เช่น ชอบก้าวร้าวและข่มขู่แม่ของตนอยู่เสมอว่าจะนำความลับเรื่องนี้ไปประจานให้ อับอาย คณะของพันภพ ระหว่างเดินทางเข้าเมืองหลง ก็ได้พบกับศพผู้คนมากมายที่นอนตายเกลือกกลิ้ง ถูกทิ้งอยู่ให้เป็นเหยื่อแร้งกา ตลอดเส้นทาง ในขณะนั้นมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความน่าหวาดหวั่น ทั้งพวกโจรผู้ร้าย นักเลง และฝูงผีปีศาจ เป็นที่ชุมนุมของหมอผีทั้งหลายทั้งที่เก่งกาจและฉวยโอกาสหากินกับชาวบ้าน ที่กรุงเทพฯ พันภพมีแม่ชราชื่อ ก้าน และมีสร้อย หญิงคนรักเป็นผู้คอยดูแลแม่อยู่ สร้อยเป็นแม่ค้าอยู่ในตลาด และมีนักเลงชื่อโต มาแอบชอบสร้อย แต่สร้อยไม่เล่นด้วย โตจึงชอบหาเรื่องกับพวกพันภพและสร้อยอยู่เสมอ พันแสง เป็นหัวหน้าเวรนครบาล ทำสนิทกับโต เพราะรู้ว่าโตคบอยู่กับเสือแมน เสือกร่าง จึงหวังจับโจรทั้ง 2 นี้ โดยใช้โตเป็นเครื่องมือ วันหนึ่งแสนเสน่ห์ได้พบโตและรู้ว่าโต หลงรักสร้อยอยู่ จึงได้ยั่วยุโตหวังใช้ให้โตเป็นเครื่องมือทำลายสร้อยและที่สุดพันแสงก็ได้ รู้จักกับแสนเสน่ห์จากการแนะนำของโต แสนเสน่ห์จึงคิดใช้ทั้งโตและพันแสงเป็นเครื่องมือทำลายทั้งสร้อยและสะอาด วงแหวน แพนคำ ที่มักไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ และสนิทสนมกัน ระหว่างนั้นทางกรุงเทพฯ ได้พบเห็นฝูงผีเปรตและโดยเฉพาะเปรตวัดสุทัศน์ที่มักจะออกมาร้องโหยหาและขอ ส่วนบุญอยู่เสมอ พันภพ สร้อยและก้าน ต่างก็ไปมาหาสู่ชอบพอกับครอบครัวหลวงโอสถกับบัวผู้เป็นเมีย รวมทั้งสะอาดกับวงแหวนและแพนคำจนเป็นที่ริษยาแก่แสนเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ถึงวันหนึ่งหลวงโอสถตายด้วยโรคที่ติดจากคนไข้ (โรคห่า) และก่อนสิ้นใจบัวได้สารภาพบอกกับผัวว่า แสนเสน่ห์นั้นเป็นลูกเสือแมน แสนเสน่ห์รู้จึงโกรธแค้นถึงกับทุบตีแม่ และวางแผนฆ่าแพนคำน้องสาวผู้เป็นใบ้ โดยใช้โตเป็นเครื่องมือ แต่โตกลับฉุดเอาวงแหวนไปด้วย พันภพตามไปช่วยได้ทัน ทำให้พันภพกับวงแหวนได้ลึกซึ้งและเข้าใจกันยิ่งขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องระงับความรู้สึกที่แท้จริงต่อกันไว้ ในขณะที่แพนคำไม่กล้าบอกความจริงกับวงแหวนและพันภพ ก็เพราะกลัวแสนเสน่ห์จะฆ่าแม่บัว ตามที่แสนเสน่ห์ได้ขู่ไว้ แสนเสน่ห์ได้ขอร้องพันภพมิให้แต่งงานกับสร้อย ทั้งอ้อนวอนสารภาพรักกับพันภพ เมื่อพันภพไม่ยอมทำตาม แสนเสน่ห์จึงอาฆาตพยาบาทพันภพไว้ ว่าจะทำลายพันภพและคนรักให้หมดสิ้น เมื่อใกล้วันแต่งงานระหว่างพันภพกับสร้อย และสะอาดกับวงแหวนนั้น แสนเสน่ห์ โต เสือกร่าง และเสือแมนได้พบกัน จากการวางแผนของแสนเสน่ห์ และเสือแมนเองก็คิดที่จะช่วยลูกสาวที่แท้จริงของตนให้สมหวังในความรัก จึงได้ทำการเข้าดักฉุดสร้อยไปข่มขืนและฆ่าสะอาดตาย โตเข้าขัดขวางสร้อยไว้จึงตายไปกับสร้อย แสนเสน่ห์ได้อาศัยเสน่ห์ใส่ความกับพันแสง (ตำรวจ) ว่าตัวการที่แท้จริงในเรื่องนี้คือพันภพ เพราะพันภพโกรธที่สร้อยเป็นชู้กับสะอาด จึงวางแผนฆ่าคนทั้งคู่ด้วยความแค้น ข้างพันแสงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทั้งหลงรักแสนเสน่ห์อยู่จึงพาตำรวจนครบาลออก ไล่ล่าพันภพ ทำให้พันภพต้องลำบากหนีร่อนเร่ไปแอบพักอยู่ที่บ้านเล็กกับยักษ์นอกพระนคร ส่วนแม่ก้านหญิงชราก็ได้รับความลำบาก ทั้งวงแหวนก็เข้าใจผิดว่าพันภพฆ่าสะอาดกับสร้อยจริงๆ ระหว่างนี้เองที่แพนคำ ตัดสินใจบอกใบ้ให้วงแหวนได้รู้ความจริง วงแหวนได้ไปถามความจริงเอาจากบัวผู้เป็นแม่ จนได้รู้เรื่องราวความหลังทุกอย่าง ว่าแสนเสน่ห์เป็นลูกของเสือแมนและอยู่เบื้องหลังการฆ่าสร้อยกับสะอาด แสนเสน่ห์แอบรู้เรื่องจึงใช้ให้เสือกร่างมาจับตัววงแหวนกับแพงคำไปฆ่าทิ้ง และแม้ว่าแม่บัวจะอ้อนวอนอย่างไร แสนเสน่ห์นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังทุบตีและไล่แม่ของตนเองออกจากบ้านไปตกระกำ ลำบากอยู่ตามข้างถนน ในขณะที่พันภพกับพวกได้มาช่วยวงแหวนกับแพนคำไว้ได้ทัน และพาทั้งสองไปอยู่ที่นอกพระนครกับแม่ผู้ชราด้วย เพราะต้องคอยหนีการไล่ล่าของพันแสงอยู่ พันภพกับวงแหวน เกิดรักกันโดยที่มีแพนคำเป็นสื่อกลาง ในช่วงระหว่างนี้และที่สุดก็ได้พบกับแม่บัว ซึ่งล้มเจ็บลงตายอย่างอนาถา ข้างแสนเสน่ห์ร่ำรวยเงินทองก็เพราะเสือกร่างกับเสือแมนนำเงินทองที่ปล้นใน พระนครมาซุกซ่อนเอาไว้ในบ้าน ทั้งทำให้บ้านกลายเป็นที่สูบฝิ่น ที่ซ่องสุมโจร จนวันหนึ่งเสือแมนรู้ว่าแสนเสน่ห์ไล่บัวออกจากบ้านไปอย่างอนาถา จึงโกรธแค้นตบตีลูกสาวทำให้แสนเสน่ห์ไปตามพันแสงมาดักจับเสือแมนกับเสือก ร่าง จึงได้เกิดการต่อสู้กันที่บ้านแสนเสน่ห์ ขณะที่กรุงเทพฯ เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทั้งแสนเสน่ห์ พันแสง เสือกร่าง เสือแมน ยิ่งฆ่ากันตายในกองไฟไปด้วย เมื่อเหตุการณ์ร้ายผ่านไป พันภพ วงแหวน แพนคำ และแม่ก้าน ต่างก็กลับเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ อีกครั้ง และวันหนึ่งทุกคนก็ได้เผชิญหน้ากับเปรตใหญ่วัดสุทัศน์ ในบรรดาเปรตที่ออกอาละวาดได้พบว่าแสนเสน่ห์ได้กลายเป็นเปรตขอส่วนบุญอยู่ใน ฝูงด้วย เปรตแสนเสน่ห์ได้ตามอ้อนวอนขอส่วนบุญอโหสิจากพันภพ และน้องสาวทั้งสอง แต่ในขณะที่ทุกคนได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เปรตแสนเสน่ห์นั้น แสนเสน่ห์ก็ไม่สามารถที่จะละความชั่วได้อย่างน่าสงสาร เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของหัวหน้าฝูงเปรตใหญ่ เที่ยวออกอาละวาดกินเลือดและน้ำหนองไปอย่างน่าเวทนายิ่ง และบางครั้งก็คิดฆ่าพันภพ วงแหวน แพนคำ ก็เพราะโกรธอาฆาตอยู่ ทั้งตกอยู่ในอำนาจของเปรตใหญ่จากวัดสุทัศน์ พันภพ วงแหวน แพนคำ และแม่ก้านจึงต้องผจญภัยกับเปรตแสนเสน่ห์ และเปรตใหญ่อย่างหาความสุขไม่ได้เช่นเดียวกับคนกรุงเทพฯ ทั่วไป พันภพจึงต้องไปตามพระธุดงค์มากมาช่วยปราบฝูงผีเปรต สุดท้ายที่กรุงเทพฯ มีงานบุญฉลองใหญ่ ทำพิธีไล่เสนียดจัญไรและพวกผีร้าย ให้เห็นว่าฝูงเปรตทั้งหลายต่างตกอยู่ในกองไฟบาป ต้องร้อนรนทุกข์ทรมาน ในขณะที่มีพิธีสวดทั้งพระสงค์และพราหมณ์ กระหึ่มไปทั่วพระนคร เฉพาะเปรตแสนเสน่ห์ได้เฝ้าวนเวียนขอสมาลาโทษต่อพันภพ วงแหวน แพนคำอีกครั้ง พร้อมกับสำนึกในบาปบุญคุณโทษที่เคยทุบตีด่าว่าแม่ และกระทำชั่วร้ายต่าง ๆ ไว้เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่มากมาย พันภพ วงแหวน แพนคำ และแม่ก้านได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลครั้งใหญ่ให้กับแสนเสน่ห์ ซึ่งแสนเสน่ห์ได้พบกับพันภพครั้งสุดท้ายและสารภาพกับพันภพว่าเท่าที่ได้ทำไป ทุกอย่างก็เพราะความรักที่มีต่อพันภพนั่นเอง ขณะที่พันภพออกบวช อุทิศส่วนกุศลให้เปรตแสนเสน่ห์โดยเฉพาะ ที่กรุงเทพฯ ได้มีพิธีล้างอาถรรพ์ครั้งใหญ่อันเนื่องมาจากโรคห่าระบาดสิ้นสุดลงและได้ทำ พิธีโล้ชิงช้าที่เสาชิงช้าวัดสุทัศน์นั้น เสียงสวดของพระสงฆ์และพราหมณ์ทั้งหลายก็ไดทำให้บรรดาฝูงเปรตรวมทั้งแสน เสน่ห์หายไปแต่บัดนั้น ผีเปรตถูกท่านยมจับไป แต่เปรตแสนเสน่ห์กับพี่เลี้ยงตาไล่ล่ากันไปถึงเมืองเหนือ และถูกพระธุดงค์ปราบถ่วงเวลาเรียกผู้คุมมาทรมานให้เห็น และสำนึกขออโหสิและอยากเกิดเป็นพี่น้องกันในชาติหน้าแล้วหนีไปเพื่อสร้าง กุศล ทุกคนเอาใจช่วยแผ่กุศลให้ ในชาติปัจจุบัน แสนเสน่ห์มาเกิดตามที่อธิษฐาน แต่แสนเสน่ห์หนีพญายมและบ่วงกรรมไม่พ้น ในโรงพยาบาลเห็นหน้ายมบาลเป็นหมอและพยาบาลลากตัวกลับไปรับกรรมจนได้

พิกุลทอง 2545

เรื่องย่อ : พิกุลทอง (2545/2002) เจ้าหญิงพิกุลทอง เป็นธิดาของ "กษัตริย์ยศกานต์" กับพระมเหสี คือ "นางพิกุลจันทรา" ผู้ครองเมืองสรรพบุรี (ต้นฉบับสมุดข่อยเขียนว่าเมือง สันทบุรี) เมื่อย่างเข้าวัยรุ่นสาว ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือว่ายากที่จะหาผู้หญิงคนใดเสมอเหมือนได้ ซึ่งนอกจากเวลาพูดกับใครจะมีดอกพิกุลทองร่วงจากปาก แล้วยังมีเส้นผมที่หอมอีกด้วย วันหนึ่งนางพิกุลทองเกิดร้อนรุ่มกลุ้มอุรา จึงได้ลาท้าวสัณนุราชไปเล่นน้ำกับพระพี่เลี้ยงในลำธาร ท้าวสัณนุราชจึงให้วางตาข่ายและทุ่นไว้รอบท่าน้ำ เพราะโหรทำนายว่านางจะต้องพลัดพรากจากเมือง จะกล่าวถึงพญาแร้งชื่อว่า "ท้าวสุบรรณปักษา" บินมาเห็นซากสุนัขเน่าจึงโฉบนำกลับไปจิกกินลอยมาใกล้บริเวณที่นางพิกุลทองกับพี่เลี้ยงเล่นน้ำอยู่ นางพิกุลทองได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงใช้ให้พี่เลี้ยงไปดูก็พบพญาแร้งกำลังกินซากนั้นอยู่จึงได้พากันด่าว่าแล้วขับไล่ด้วยคำหยาบช้าต่างๆ นานา ฝ่ายท้าวปักษาก็โกรธจัดกล่าวว่า สุนัขเน่านี้ คือ อาหารของตนอยู่แล้ว นางพิกุลทองเป็นลูกเจ้าท้าวพระยาไม่น่ามากล่าวเจรจาด่าว่าขับไล่ตนเช่นนี้ว่าแล้วก็บินหนีไป แต่ท้าวปักษีก็ยังคิดจะแก้แค้นนางพิกุลทองให้ได้จึงออกอุบายแปลงกายเป็นหนุ่มรูปงามไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนขวัญของเมืองสรรพบุรี แล้วคอยเนรมิตทองคำให้ 2 ตายายใช้จนร่ำรวย โดยบอกว่าตนไปพบตอนขุดเผือกมัน อยู่มาวันหนึ่งจึงรบเร้าขอให้ 2 ตายายเข้าไปสู่ขอนางพิกุลทองมาเป็นภรรยา 2 ตายายฟังแล้วหัวใจแทบวายกล่าวว่าคิดเกินตัวอย่างนี้จะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร ท้าวปักษาแปลงจึงแสร้งทำเป็นตรอมใจใกล้ตาย 2 ตายายจึงจำใจเข้าไปทูลสู่ขอนางพิกุลทองจากกษัตริย์ยศกานต์ พระองค์ได้ทราบความดังกล่าวก็กริ้วจัด กล่าวว่าถ้าคิดว่าหลานชายมีบุญวาสนาจะได้คู่กับนางจริงใกล้สร้างสะพานเงินสะพานทองจากท้ายสวนมาถึงพระราชวังภายใน 3 วันมิเช่นนั้นจะประหารทั้งโคตร 2 ตายายหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วก็นั่งซึม เอาแต่ร้องไห้แล้วต่อว่าท้าวปักษาที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตน ครั้นท้าวปักษาได้ทราบเรื่องต้องสร้างสะพานทองแล้วจึงกล่าวปลอบใจว่าถ้าตนทำไม่เสร็จจะยอมตายแทน 2 ตายายจึงค่อยโล่งใจบ้าง พอตกค่ำท้าวปักษาก็บอกว่าจะขอออกไปทำธุระข้างนอกจากนั้นก็แปลงเป็นพญาแร้งขนาดมหึมาบินกลับไปยังเขานินทะกาลา แล้วเกณฑ์ไพร่พลทั้งหลายให้มาช่วยสร้างสะพานจนแล้วเสร็จ

วงษ์สวรรค์ 2545
อุทัยเทวี 2545

เรื่องย่อ : อุทัยเทวี (2545/2002) ณ นครใต้บาดาลอันเป็นเขตปกครองของพญานาคราชพระองค์มีพระราชธิดา มีนามว่า สมุทมาลา มีอยู่วันหนึ่งสมุทมาลา หนีจากเมืองบาดาลมาเที่ยวเมืองมนุษย์ และพบรักกับรุกขเทวดา ที่สิงสถิตอยู่ในต้นไม้ริมสระน้ำ เมื่อรุกขเทวดาโดนพระอินทร์ลงโทษให้ไปอยู่นอกป่าหิมพานต์ สมุทมาลาได้ตั้งครรภ์รอจนคลอดเป็นไข่ฟองหนึ่ง จึงใช้สไบห่อและพ่นพิษคุ้มครองไว้ก่อนกลับเมืองบาดาล บังเอิญมีคางคกเข้ามากินไข่ แต่ก็ตายด้วพิษพญานาค เมื่อไข่ฟักออกมา เป็นเด็กหญิงจึงคิดว่าคางคกเป็นแม่มาตลอด และอาศัยอยู่ในนั้น ตายายผัวเมียมาตกปลาพายเรือผ่านมาเห็นเข้าก็ช่วยเลี้ยงดูจนโต ตั้งชื่อให้ว่าอุทัยเทวี เมื่ออุทัยเทวีเติบโตขึ้น ก็ได้พบกับเจ้าชายสุทราช แต่ตายายมีข้อกำหนดว่าต้องสร้างสะพานทองตั้งแต่วังไปจนถึงบ้านตายาย และในที่สุดอุทัยเทวีก็ได้แต่งงานกับเจ้าชาย แต่เจ้าชายต้องไปแต่งงานกับเจ้าหญิงฉันทนาตามสัญญา เจ้าหญิงฉันทนาคิดกำจัดอุทัยเทวี แต่ในที่สุดอุทัยเทวีก็ปลอดภัย และได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุข

รอยไถ 2545

เรื่องย่อ : รอยไถ (2545/2002) ลือเป็นหนุ่มรูปงามในย่านทุ่งสองห้อง เขาเป็นคนอารมณ์ดี รักสนุก และมีใจนักเลงเต็มตัว เมื่อได้มาพบกับบัวเผื่อน สาวงามในย่านนั้น ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของนางบัว ลือก็หลงรักจนสุดหัวใจ ในขณะที่บัวเผื่อนนั้น เดิมมีหนุ่มเศรษฐีซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมาก และยังมีกิจการค้าขายอยู่ที่บางกอกชื่อ อ่อน มาชาอบพออยู่ก่อน แต่เมื่อได้พบกับลือ ซึ่งรูปงามคารมดีและมีความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว บัวเผื่อนจึงตกลงปลงใจมาเป็นเมียของลือ โดยที่นางบัวก็ไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะอยากได้ลูกเขยเศรษฐีอย่างอ่อนมากกว่า เมื่อได้บัวเผื่อนมาเป็นเมียแล้ว ลือก็ทิ้งความเป็นนักเลงไปจนหมด ยอมหันมาจับคันไถทำนาและกลายเป็นคนรักเมียหลงเมียมาก ครั้งหนึ่งลือตัดสินใจขายควาย 2 คู่ ของตนเพื่อจะนำเงินมาค้าขาย แต่แล้วก็กลับนำเงินไปทิ้งเสียกับการเล่นโปและเลี้ยงเหล้าเพื่อนฝูงจนหมด ทำให้ลือและบัวเผื่อนรวมทั้งอ้ายแดงลูกอ่อนของทั้งคู่ที่มีอายุไม่ถึงขวบ ต้องยากจนอยู่อย่างลำบากแร้นแค้นทำให้ลือละอายใจมาก บัวเผื่อนเองก็ตัดพ้อต่อว่าเขาหนำซ้ำนางบัวแม่ยายของลือเองก็ยังด่าว่ากระทบ กระเทียบอยู่เนือง ๆ ลือจึงได้แต่สงบปากสงบคำกลายเป็นคนกลัวเมียและเป็นลูกไล่ของแม่ยายไปโดยไม่ เหลือลายนักเลงเก่าให้เห็นเลย บัวเผื่อนมีน้องสาวชื่อบัวผันที่เพิ่งเริ่มสาว และน้องชายสุดท้องชื่อ บัวลอย ซึ่งกำลังจะแตกเนื้อหนุ่ม บัวผันสงสารพี่สาวที่อยู่อย่างไม่สบายนัก จึงมักหาเวลาว่างมาช่วยเลี้ยงอ้ายแดงอยู่เสมอ บัวผันเป็นเด็กสาวใจกล้าปากคม จึงมักจะปะทะคารมกับลือ ซึ่งชอบกระเซ้าเย้าแหย่อยู่บ่อย ๆ ส่วนบัวลอยนั้น เนื่องจากกำลังเป็นหนุ่มจึงนิยมความเป็นหนุ่มนักเลงของพี่เขยอยู่มาก นางบัวชอบเล่นการพนันจนเป็นหนี้เป็นสินอ่อนอยู่มาก ฝ่ายอ่อนก็ยังมีใจรักบัวเผื่อนอยู่ไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าบัวเผื่อนจะมีลูกมีผัวไปแล้วก็ยังรัก เขาจึงนำเรื่องที่นางบัวติดหนี้สินเขาอยู่มาต่อรองให้ยางบัวเปิดทางให้เขา ได้พบปะกับบัวเผื่อนอยู่เนือง ๆ จนในที่สุดอ่อนก็ตัดสินใจว่าจะพาบัวเผื่อนหนีจากลือและความลำบากยากจน ไปแต่งงานเป็นเมียอ่อนและอยู่กันอย่างสบายที่บางกอก นางบัวก็สมรู้ร่วมคิดกับอ่อนมาตลอด โดยใช้ความเป็นแม่มาบังคับให้บัวเผื่อนทำตามที่อ่อนต้องการ บัวเผื่อนเองก็ลังเลใจอยู่เพราะทางหนึ่งก็รักลือและลูก แต่อีกทางหนึ่งก็เห็นแก่แม่ และความสุขสบายที่ตนเองได้รับจากอ่อนอซึ่งเป็นคนฐานะดี บัวเผื่อนจึงลักลอบพบปะกับอ่อนเรื่อยมา โดยลือไม่รู้ไม่เห็น แต่บัวผันกับบัวลอยซึ่งเป็นน้องรับรู้มาตลอดถึงแม้ว่าจะเห็นใจลือเพียงใดก็ ตาม ทั้งคู่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะต่างก็เกรงว่าหากลือรู้เรื่องเขาอาจทำร้ายแม่และพี่สาวของตนเนื่องจาก ลือมีเลือดนักเลงอยู่แต่เดิม บัวผันและบัวลอยต่างก็ปิดปากเงียบในเรื่องที่อ่นกำลังคิดพาบัวผันหนีไปแต่ง งานอยู่กินกันที่บางกอก เมื่อเริ่มเข้าหน้านา ลือกระวีกระวาดที่จะทำนาโดยคุยกับบัวเผื่อนและบัวผันว่าจะรีบไปยืมควายจาก นางบัวมาสักคู่หนึ่งมาไถนาเตรียมไว้ปลูกข้าว บัวเผื่อนและบัวผันก็เหน็บแนมโดยเก็บเอาเรื่องที่ลือเคยทำผิดพลาดมาล้อ ทำให้ลือยิ่งมุ่งมั่นจะทำให้ลูกเมียอยู่ดีกินดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้ เขารักเมียมาก แม้ลำบากมีข้าวหม้อเดียวกับปลาตัวเดียว ลือก็ยอมกินข้าวเปล่า ๆ โดยเก็บปลาทั้งตัวเอาไว้ให้บัวเผื่อนกินในยามหิว ครั้งหนึ่งบัวผันซึ่งมาช่วยเลี้ยงหลานกำลังไกวเปลร้องเพลงกล่อมอ้ายแดงโดย ร้องเพลงวัดโบสถ์ ซึ่งมีเนื้อร้องกล่าวถึงลูกเขยที่ตกยาก แม่ยายจึงมาพรากลูกสาวหนี ทำให้ลือใจคอไม่ดีจนต้องขอร้องไม่ให้บัวผันร้องเพลงนี้กล่อมอ้ายแดงอีก บัวผันโมโหและมีเรื่องต่อปากต่อคำกับลือขึ้นมาจนบัวเผื่อนต้องปรามทั้งผัว และน้องของตน นางบัวมาหาบัวเผื่อนบ่อย ๆ แต่ละครั้งก็มีการเหน็บแนมลือ และมักจะพาบัวเผื่อนไปพบกับอ่อนหลายครั้ง โดยที่ลือไม่รู้เรื่อง เขาก็ยังสนุกกับการพูดกระเซ้าเย้าแหย่บัวผัน น้องเมียซึ่งมีฝีปากคมคายอยู่เนือง ๆ ทำให้บัวผันทั้งนึกสงสารและหมั่นไส้จึงว่าเอาแรง ๆ จนบางทีก็แกล้งลือให้แบกขึ้นขี่คอไปส่งเรือก็มี ใกล้กำหนดที่อ่อนนัดจะพาตัวบัวเผื่อนหนีไปแล้ว บัวเผื่อนก็เริ่มมีอาการพิรุธมากขึ้น เพราะอาลัยในความรักของลือ บัวเผื่อนมักแอบร้องไห้ แต่ลือไม่รู้ความในใจ เขานึกว่าเมียร้องไห้เพราะเห็นใจที่เขาลำบากทำมาหากินเพื่อลูกและเมียเขาจึง ปลอบใจบัวเผื่อนว่าเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อลูกและเมีย ยิ่งทำให้บัวเผื่อนสะเทือนใจยิ่งขึ้นกับความซื่อของเขา อ่อนร่วมมือกับพวกนักเลงที่มีหัวหน้ากลุ่มชื่อแปลกวางแผนการพาบัวเผื่อนหนี โดยจะไปที่ท่าแร้งก่อน เพื่อทำพิธีแต่งงานที่บ้านลุงของแปลกเพื่อเป็นการรวบรัด จากนั้นก็ค่อยพาบัวเผื่อนเข้าบางกอก บัวลอยแอบฟังอยู่ใต้ถุนเรือน และเมื่อฟังกลุ่มนักเลงดังกล่าววางแผนกันไปกินเหล้ากันจนเมา แล้วมีการพูดจาสนุกปากมาพาดพิงลวนลามถึงบัวผันและนางบัว ซึ่งเป็นพี่สาวและแม่ของบัวลอยด้วย บัวลอยจึงคิดแค้นอยู่ในใจ และกลับไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้บัวผันฟัง บัวผันได้แต่กำชับบัวลอยว่าไม่ให้รู้ถึงหูลือ เพราะห่วงแม่กับพี่สาว เช้าวันที่บัวเผื่อนจะหนี ลือสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เขาฝันว่าฝนตกลงมาเป็นไฟทะลุหลังคาลงมาโดนบัวเผื่อนและอ้ายแดง เมื่อตื่นมาเขาก็ตกใจเพราะเห็นว่าหลังคาเรือนมีรอยโหว่ตรงกับบริเวณที่เขา เห็นในฝันจริง ๆ บัวเผื่อนพยายามจะแก้ฝันว่าที่ลือฝันนั้นจะเป็นผลดีกับลูกเมีย และเร่งให้ลือซ่อมแซมหลังคา โดยที่บัวเผื่อนอาสาจะเป็นคนออกไปไถนาเอง ลือนึกห่วงแต่ก็ยอมตามใจเมียโดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วการที่หลังคาหลุดไป เป็นรอยโหว่นั้นเป็นแผนของอ่อนที่จะทำให้บัวเผื่อนออกมาจากบ้าน โดยลือไม่ติดตามนั่นเอง บัวเผื่อนลาลูกด้วยความอาลัยมาก แต่ลือไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติ บัวเผื่อนแอบเอาด้ายมงคลผูกข้อมือให้อ้ายแดง ซึ่งนอนอยู่ในเปลแล้วจึงออกจากบ้าน ทำทีไปไถนาแล้วรีบหลบไปที่บ้านนางบัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วนางบัวก็เร่งจะพาบัวเผื่อนออกเดินทางไปที่ท่าแร้ง เพื่อเตรียมแต่งงานตามแผนที่อ่อนกับพวกของเแปลกวางเอาไว้ บัวลอยสงสารบัวเผื่อนและเห็นใจลือจนมีอาการฮึดฮัดทำท่าจะไปบอกลือ แต่บัวผันห้ามเอาไว้ และสั่งให้บัวลอยอยู่เฝ้าบ้านเป็นเพื่อนกันไม่ให้ไปไหน ฝ่ายลือเมื่อซ่อมหลังคาเสร็จก็เป็นเวลาสายมากแล้ว เขาเห็นลูกร้องจึงอุ้มลูกออกมาตามหาเมีย เขาเริ่มเอะใจที่เห็นว่า บัวเผื่อนทิ้งให้ควายลากไถไปเรื่อยจนไถหัก เขาจึงอุ้มลูกเที่ยวตามหาบัวเผื่อนจนมาถึงบ้านนางบัว เขาถามบัวผันแต่บัวผันบอกว่าไม่รู้เรื่อง ลือทำท่าจะออกไปตามหาที่อื่นต่อ บัวผันเห็นใจจึงเรียกให้บัวลอยช่วยจัดสำรับให้ลือกินข้าวก่อน บัวลอยเก็บผ้านุ่งที่บัวเผื่อนทิ้งเอาไว้ขึ้นมา ลือเห็นก็จำไปว่าเป็นผ้านุ่งของเมีย จึงบังคับถามบัวผันกับบัวลอยให้ตอบ บัวผันจึงบอกว่าได้ยินว่าจะพากันไปที่บางกอก ลือตัดสินใจจะไปตามหาเมียที่บางกอกบัวผันพยายามทัดทานด้วยความสงสารโดยอ้าง ว่าบางกอกกว้างมากไป ตามหาก็คงไม่พบ แต่ลือก็ยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องไปตาม บัวผันจึงนำเงินส่วนตัว 30 บาทมาให้ลือติดตัวไปใช้ ลือฝากอ้ายแดงไว้ให้บัวผันเลี้ยง แล้วจึงออกเดินทางเข้าบางกอกโดยที่บัวผันแอบร้องไห้อยู่ข้างหลังเพราะความ สงสารลือเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไปถึงบ้านท่าแร้งและกำลังเตรียมจัดพิธีแต่งงาน บัวเผื่อนก็ร้องไห้หนักจนนางบัวโมโหถึงขั้นทุบตี บัวเผื่อนน้อย ใจบอกว่าให้นางบัวฆ่าตนให้ตายเสียก็ได้เพราะว่ายอมตามใจแม่มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะทุบตี นางบัวจึงได้คิดและเลิกตบตีบัวเผื่อน พอดีอ่อนกลับมาจากซื้อของที่บางกอก นำเครื่องแต่งกายและของมีค่ามาให้บัวเผื่อน พร้อมทั้งพูดคำหวานจนบัวเผื่อน เริ่มคลายกังวล นางบัวจึงโล่งใจและหลบไปเพื่อเปิดทางให้อ่อนได้โอ้โลมบัวเผื่อนตามใจชอบ ลือออกตระเวนตามหาบัวเผื่อนโดยไร้ทิศทางอยู่ในบางกอกจน 2 วันผ่านไป ก็ไม่มีวี่แวว เขาจึงซมซานกลับมาหาบัว ผันที่บ้านพร้อมคืนเงินให้บัวผัน 25 บาท บัวผันเห็นลือมีอาการท้อแท้จึงพยายามดูแลเอาใจใส่ให้กินข้าวและพักผ่อน ส่วนบัวลอยซึ่งเห็นใจลือเช่นกันและหมั่นไส้พวกของแปลกอยู่แต่เดิม อดใจไม่ได้จึงบอกลือไปว่าตอนนี้อ่อนพาบัวเผื่อนไปอยู่ที่ท่าแร้ง และกำลังจะจัดงานแต่งงาน ลือจึงนำเรือของบัวลอยออกตามไปในทันที คืนวันแต่งงานเมื่อรดน้ำทำพิธีเสร็จแล้ว พวกอ่อนและแปลกก็ตั้งวงเหล้ากันสนุกครึกครื้นถึงกับลุกขึ้นมาเล่นลิเกกัน บัวเผื่อนหลบอยู่ในห้องคนเดียว ลือแอบปีนขึ้นมาพบ บัวเผื่อนตกใจร้องให้ ลือบอกว่าจะพาบัวเผื่อนกลับ โดยปีนหน้าต่างหนีไปพร้อมกัน บังเอิญนางบัวแวะเข้ามาดูลูกสาวเห็นพอดีจึงร้องเอะอะขึ้น ทำให้พวกนักเลงของแปลกและอ่อนออกติดตามลือ และบัวเผื่อนมาอย่างรวดเร็วจนหนีไม่ทัน ลือต่อสู้กับพวกของแปลกจนสุดแรงแต่ก็แพ้เพราะว่าลือมีตัวคนเดียว เขาถูกฟันจนบาดเจ็บสาหัส แต่ลือก็ทำร้ายแปลก จนสาหัสพอกัน บัวเผื่อนวิงวอนขอให้อ่อนไว้ชีวิตลือ โดยสัญญว่าจะยอมเป็นเมียโดยดี อ่อนจึงให้เปลี่ยนและบริวารคนอื่น ๆ พาลือกลับมาส่งถึงบ้านที่ทุ่งสองห้อง แล้วอ่อนก็พาบัวเผื่อนเข้าบางกอกทันที นางบัวก็ตามเข้าไปอยู่บางกอกด้วย โดยทิ้งบัวผันและ บัวลอยไว้ตามลำพังสองคนที่บ้านเช่นเดิม ฝ่ายบัวผันเมื่อได้ข่าวว่าลือบาดเจ็บกลับมาที่บ้าน จึงรีบชวนบัวลอยเก็บของปิดบ้านพาอ้ายแดงไปคอยปรนนิบัติดูแลลือที่เรือนของ ลือด้วยความสงสารและเห็นใจในความรักและหัวใจสู้ของลือ จนกระทั่งอาการของลือดีขึ้นเป็นลำดับ หลายเดือนผ่านไป ลือค่อย ๆ ลืมความทุกข์และเริ่มมองเห็นความดีที่บัวผันมีต่อตน ความใกล้ชิดสนิทสนมทำให้ลือและบัวผันเริ่มมีใจต่อกันทีละน้อย พออาการเริ่มดีลือก็เริ่มพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับบัวผันเช่นที่เคยมา และเริ่มมีการหยอกล้อเกี้ยวพา จนบัวลอยก็สังเกตเห็นได้ว่าทั้งคู่รักกัน หลังจากเกิดเหตุต่อสู้กันไม่นานนัก แปลกซึ่งเจ็บสาหัสก็ตายลง ส่วนนางบัวก็ป่วยกระเสาะกระแสะ และเริ่มบ่นคิดถึงลูกอีกสองคนที่ทุ่งสองห้อง พร้อมกันนั้นบัวเผื่อนก็เริ่มคิดถึงอ้ายแดง ในที่สุดอ่อนก็พาบัวเผื่อนและนางบัวที่กำลังป่วยหนักกลับมาที่ทุ่งสองห้อง บัวลอยรู้ข่าวรีบมาบอกบัวผันกับลือแต่ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปบัวเผื่อนก็มา ถึงก่อนเพื่อมาพบอ้ายแดงและได้กราบขอโทษลือ อ่อนก็ตามขอโทษพร้อมกับนำโฉนดที่ดินมายกให้ลือด้วย เพราะอ่อนตั้งใจว่าจะรับอ้ายแดงไปปักหลักอยู่เป็นครอบครัวพร้อมหน้ากันที่ บางกอกเลย ลือไม่ถือโทษเพราะเห็นว่าอ่อนก็รักใคร่บัวเผื่อนดี ส่วนเขาเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งบัวผันเป็นเมีย ส่วนโฉนดที่ดินที่อ่อนยกให้นั้นลือก็ตั้งใจว่าจะทำมาหากินเก็บไว้โอนให้อ้าย แดงเมื่อโตขึ้นในภายหน้า จากนั้นลือกับบัวผันก็ได้แต่งงานเป็นคู่ทุกข์คู่ยากอยู่ด้วยกันที่ทุ่งสอง ห้องตลอดไป

ตามรักตามล่า 2545

เรื่องย่อ : ตามรักตามล่า (2545/2002) อลิสา สาวน้อยลูกครึ่ง ผู้ล่วงรู้การฆาตกรรมของบิดาบังเกิดเกล้า จึงถูกปองร้ายหมายชชีวิต โดยมี ยม ชายหนุ่มที่เฝ้าหลงรักเธอคอยตามให้ควมช่วยเหลือ แต่เมื่อแหวนโอปอล์ส่งสัญญาณเตือนภัยเธอจึงหนีเขาด้วยความเข้าใจผิด เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าใครมา 'ตามล่า' หรือว่าใครมา 'ตามรัก' เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามได้ใน "ตามรักตามล่า"

พรหมพาล 2545

เรื่องย่อ : พรหมพาล (2545/2002) นารา เมคอัพอาร์ตติสสาว สวย ความรู้ดี กำลังกลุ้มใจมากเพราะนางลัดดาวัลย์ ผู้เป็นป้าสะใภ้ จะให้เธอทำงานชิ้นหนึ่งซึ่งนารามองว่ายากลำบากที่สุดเพื่อเป็นการใช้หนี้ เรื่องของเรื่องก็เพราะว่า เมื่อนาราเรียนจบปริญญาตรีใหม่ ๆ เธอชอบการเป็นเมคอัพอาร์ตติสมาก จึงเข้าไปทำงานกับ ปาลฑัต ช่างแต่งหน้าคนดัง แล้วนาราก็ตัดสินใจไปเรียนต่อทางด้านนี้ที่ฝรั่งเศส ทั้งที่ครอบครัวของเธอฐานะไม่ดีนัก นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิต แต่ประไพผู้เป็นแม่ตกลงใจยอมไปยืมเงินจากลัดดาวัลย์พี่สะใภ้เป็นจำนวน 3 แสนบาทเพื่อส่งนาราไปเรียนโดยตกลงกันว่า เมื่อกลับมาแล้วนาราจะทำงานทยอยใช้หนี้ เรื่องยืมเงินลัดดาวัลย์นี้ นายประพจน์ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของประไพไม่รู้เรื่อง ถ้ารู้เขาคงไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้แน่ เพราะประพจน์นั้นรวยมาก และก็มีประไพเป็นน้องสาวคนเดียว ตระกูลของประพจน์และประไพนั้นได้ชื่อว่าเป็นตระกูลผู้ดีเก่าและร่ำรวย แต่เป็นเพราะประไพขัดคำสั่งพ่อ-แม่มาแต่งงานกับชายคนรักซึ่งเป็นข้าราชการจน ๆ เธอจึงถูกตัดออกจากกองมรดก ทว่ามารดาและประพจน์ก็ไม่เคยทอดทิ้งคงส่งเงินมาช่วยเหลืออยู่เสมอ ติดตามต่อได้ใน พรหมพาล

พลอยล้อมเพชร 2545

เรื่องย่อ : พลอยล้อมเพชร (2545/2002) ปาน ไพลิน ชนกานต์ หลานสาวคนสวยของสมาน ชนกานต์ เจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ที่ใหญ่และหรูที่สุดของกรุงเทพฯ นั่งทำหน้าราวกับอยากตายอยู่หน้ากระจกในห้องส่วนตัว ปานไพลินเป็นลูกของน้องชายแท้ๆ ของสมาน พ่อของเธอเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทชนกานต์จิวเวลรี่ขึ้นมา โดยมีสมานมาขอร่วมทุนด้วย จึงมีหุ้นส่วนกันคนละครึ่ง ต่อมาพ่อ-แม่ปานไพลินเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ เมื่อเธออายุได้ไม่กี่ขวบ สมานจึงต้องบริหารบริษัทแต่เพียงผู้เดียว โดยดูแลในส่วนที่เป็นของปานไพลินด้วย สมาน-รำไพ ภรรยา เลี้ยงดูปานไพลินอย่างดี แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ให้กับ จิรายุ-กมลนิตย์ ลูกชายและลูกสาว สมานนั้นไม่ค่อยรักปานไพลินนัก เขารักและตามใจลูกของตนมากกว่า ผิดกับรำไพซึ่งรักและเอ็นดูปานไพลินมากกว่าลูก เพราะความที่สมานตามใจลูกของตนมากกว่า จิรายุและกมลนิตย์จึงดื้อรั้นเอาแต่ใจ รำไพพูดอะไรก็ไม่เคยสนใจ ตรงกันข้ามกับปานไพลินซึ่งอ่อนหวาน น่ารัก ว่านอนสอนง่าย ดังนั้นในบ้านชนกานต์ ปานไพลินจึงมีเพียงป้ารำไพเท่านั้นที่รักและ ห่วงใยเธออย่างจริงใจ แต่รำไพก็ไม่สามารถช่วยเธอได้มากนัก เพราะรำไพเกรงกลัวสมาน ซึ่งเป็นสามี ด้วยความที่ปานไพลินดูเป็นคนหัวอ่อน สมานจึงบังคับแกมขอร้องให้ปานไพลินแต่งงานกับชนน ลูกชายของวีระ-ทิพา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานเจียระไนพลอยที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน ชนนนั้นบอกว่ารักปานไพลินอย่างจริงใจ ส่วนสมานต้องการจะใช้หลานสาวเป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ในทางธุรกิจ สมานเป็นนักธุรกิจที่คมและเค็มมาก เรื่องที่ทำให้ปานไพลินทุกข์ใจจนอยากตายก็คือเรื่องนี้เอง เธอไม่รักชนนเลย ซ้ำร้ายชนนเองมีชื่อเสียงระบือลือลั่นในเรื่องของการเป็นเพลย์บอยและความ เจ้าชู้ โดยเฉพาะความเจ้าชู้เป็นนิสัยที่เธอยอมรับไม่ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ถึงวันแต่งงานของเธอกับชนนแล้ว ปานไพลินยังคิดไม่ออกว่าเธอจะเอาตัวรอดได้อย่างไร เธอถึงอยากจะตายให้หมดเวรหมดกรรมไปเสียที ในตอนเย็นเมื่อเธอลงไป ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็น หน้าตาของเธอจึงดูหมองไหม้นัก กมลนิตย์พี่สาวจึงค่อนและเสียดสีตามนิสัย ว่าน่าจะดีใจที่จะแต่งงานกับหนุ่มหล่อและรวยอย่างชนน กลับทำหน้าเบื่อโลก ปานไพลินซึ่งความอดทนเริ่มลดลงจึงตอบไปว่า ถ้าชนนดีจริง ทำไมกมลทิพย์จึงไม่แต่งงานกับเขาเสียเอง เท่านี้ก็เป็นเรื่อง กมลนิตย์โกรธฟ้องสมานทันที แถมยังบอกอีกว่าที่เธอไม่แต่งานกับชนนเพราะเธอไม่รักเขา เธอมีชายในดวงใจอยู่แล้ว เขาชื่อ กมุท นอกจากรวย หล่อแล้วยังเก่งอีกด้วย เขาสามารถสร้างฐานะจากไม่มีอะไรเลยจนสามารถเป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายรถยนต์ ราคาแพงขึ้นมาได้ แล้วธุรกิจของเขาก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย กมลนิตย์พูดอย่างมั่นใจว่า กมุทนี่แหละคือชายที่เธอต้องการที่จะแต่งงานด้วย ปานไพลินได้แต่ฟังอย่างน้อยใจว่าสมานยอมให้ลูกเลือกชายคนรักได้เอง ส่วนเธอกลับต้องแต่งงานตามความเหมาะสม ที่ผู้ใหญ่จัดการให้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้อย่างน่ารำคาญตนเอง

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2545

เรื่องย่อ : สาวน้อยในตะเกียงแก้ว (2545/2002) ในตะเกียงไม่ใช่ยักษ์ปักหลั่น แต่เป็นแม่มดหน้าตาชวนฝันเจ้าเสน่ห์! ...อิศร์ ชายหนุ่มธรรมดาที่กำลังดวงตกได้รับตะเกียงแก้วจากหญิงชราแปลกหน้า เขาหาได้รู้ว่าตะเกียงที่ตนได้มานั้นเป็นของวิเศษ ซึ่งเป็นที่อาศัยของแม่มดสาวนามจินนี่ และทันทีที่เธอปรากฏกาย โลกที่ชายหนุ่มเคยรู้จักก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อคนหนึ่งยึดมั่นเป็นทาสรัก แต่อีกคนกลับกังขาในหัวใจ ความรักระหว่างมนุษย์และแม่มดจะลงเอยเช่นไร ตามลุ้นกันได้ในสาวน้อยในตะเกียงแก้ว

ใครกำหนด 2545

เรื่องย่อ : ใครกำหนด (2545/2002) ทาริกา บุษบง หรือ แม่นิ่ม บุตรสาวคนสุดท้องของ มหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาบทมาลย์บำเรอรักษ์ ผู้มีแม่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ เชื้อสายราชนิกุล หล่อนงดงามกว่าพี่น้องผู้หญิงทุกคน จนเจ้าคุณบิดาเชยชมว่า “แม่หงส์ทอง” ใครๆ ต่างก็คิดว่าอนาคตของทาริกาคงสดใส และวาสนาดีกว่าพี่น้องคนอื่นๆ แต่ใครเลยจะคาดเดาอนาคตได้แน่ชัด เพราะเพียงแต่ทาริกาถูกจับแต่งงานกับ ไทยธชา บุตรชายของนักการเมืองไทยยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งดูเหมือนจะก้าวหน้าไกล หล่อนก็ต้องผจญชะตากรรมตั้งมากมาย นับแต่เจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุเจ็บปางตายในวันส่งตัวเข้าหอ จนถึงเจ้าคุณบิดาล้มป่วยจนถึงแก่กรรม และเมื่อไร้บารมีของเจ้าคุณบิดา ชีวิตของทาริกาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พี่น้องร่วมยี่สิบชีวิตต้องบ้านแตก แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ส่วนทาริกาเองก็ไม่อาจหาความสุขจากครอบครัวใหม่ได้เลย นับแต่นั้นมา พายุแห่งโชคชะตาก็พัดพาทาริกาล่องลอยไปตามยถากรรม หากเพราะการนับถือในเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น ที่ทำให้หล่อนผ่านพ้นชะตากรรมมาได้ ...ชีวิตของทาริกานั้นหากลิขิตขึ้นด้วย ‘พระเจ้า’ อย่างบางคนเชื่อ ‘พระเจ้า’ ก็ดูออกจะรักสนุกจนเกินไปหน่อย จึงไม่ยอมให้วิถีชีวิตของหล่อนราบรื่นได้ง่ายๆ แต่ถ้าหากลิขิตขึ้นด้วย ‘กรรม’ อย่างที่บางคนอีกเหมือนกันเชื่อถือ ทาริกาก็คงจะสร้างกรรมเอาไว้ซับซ้อนเสียเหลือเกิน... - ใครกำหนด