Dear Dakanda เพื่อนสนิท (2548/2005) คุณเคยแอบรัก "เพื่อน" มั้ย? กว่า 1500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่ สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัด สุราษฏ์ธานี ความรักของ ไข่ย้อย หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครากับ เพื่อนสองคน ที่เชียงใหม่ ไข่ย้อย คือ หนุ่มเมืองกรุงฯ จากโรงเรียนชายล้วนที่แสนขี้อาย เขาไม่กล้าคุยกับผู้หญิง พูดตะกุกตะกักทุกครั้งที่มีสาวๆ เข้ามาทัก เป็นเหตุให้ต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ จนกระทั่งหญิงสาวท่าทางสดใส กระฉับกระเฉงเกินมาตราฐานสาวเหนือทั่วไปเข้ามาสมัครเป็นเพื่อน เธอชื่อ ดากานดา ซึ่งสำหรับไข่ย้อย ช่างเป็นชื่อที่แปลก แต่มีเสน่ห์สมตัวเจ้าของเป็นที่สุด ไข่ย้อยแอบหลงรักดากานดา แต่ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท เพราะดากานดามีคนที่เธอรักซึ่ง ไม่ใช่เขา ที่พะงัน ไข่ย้อย คือ หนุ่มศิลป์จากเชียงใหม่ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเป็นคนไข้ถึงสถานีอนามัยแห่งเดียวบนเกาะ ไข่ย้อย พลัดตกจากดาดฟ้าเรือขาหักจากการพยายามขึ้นไปเล่นบทพระเอกมิวสิกวิดีโอ ท่ามกลางคนแปลกถิ่นหน้าเข้ม พูดจาเร็วปรื๋อ ไข่ย้อยได้ พยาบาลสาวตาโต ยิ้มเก่งเป็นคนคอยดูแล เธอชื่อ นุ้ย ซึ่งสำหรับไข่ย้อย รอยไมตรีที่เธอจ่ายให้เขาบ่อยกว่าจ่ายยา ทำให้เขาสมัครเป็นคนไข้ไม่มีกำหนดหายอย่างเต็มใจ ไข่ย้อยรู้ว่านุ้ยมีใจให้เขา แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท บางทีเธอคงรู้ว่า เขามีคนที่รักซึ่ง ไม่ใช่เธอ ความรักของคนสามคน เกิดขึ้น สองสถานที่ สองเวลา ความรักของคนคู่ใดจะก้าวพ้นคำว่า เพื่อนสนิท ความรักของไข่ย้อย จะจบลงที่ไหน ภูเขา หรือ ทะเล
The Remaker คนระลึกชาติ (2548/2005) เรื่องราวของ "ต้อม" (แอนดริว เกร็กสัน) ชายหนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุ รถที่เขาขับมาตกจากสะพาน และตัวเขาก็จมดิ่งลงสู่ใต้น้ำพร้อมรถ เขาได้รับการช่วยเหลือจาก "พิม" (พิยดา อัครเศรณี) หญิงสาวคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านมา และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจนรอดชีวิตปลอดภัยมาได้ หลังจากเกิดเหตุต้อมก็เห็นภาพและได้ยินเสียงแปลกๆ ราวกับจะมีใครบางคนบอกกับเขาว่า เรื่องที่เกิดไม่ใช่อุบัติเหตุ และการที่มีคนผ่านมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทั้งหมดเป็นกรรม ที่เขาและเธอเคยร่วมกันทำมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่กรรมในอดีตยังไม่สิ้น และอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ทุกวันเวลา

เรื่องย่อ : แหยม ยโสธร (2548/2005) กลางทุ่งนาที่ร้อนเดือดพล่าน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทอง (ชัยพันธ์ นินกง) และ สร้อย (เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) กำลังจีบกัน อย่างชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะที่ แหยม (หม่ำ จ๊กม๊ก) น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มคนเดียวของทอง ถูก เจ้ย (เจเนต เขียว) สาวหน้าคมคล้ำ..คมขำ ทั้งตามตื้อตามจีบ หลงรักสุดหล่ออย่างแหยม ชนิดหัวปักหัวปำ ทำให้แหยมรำคาญเป็นที่ซู๊ดดด... ทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่า เจ้ยหลงรักแหยมอย่างลงรากฝังลึก และพยายามทุกทาง ให้แหยมตอบรับน้ำใจอันนี้ แม้ว่าทองกับสร้อย จะช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียที แต่แหยมก็ไม่เคยหันมาสนใจ และถึงแม้ว่าเรื่องราวความรักของทองและสร้อย กำลังไปกันได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่ยังคงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจาก คุณนายดอกท้อ (แวว จ๊กม๊ก) คุณป้าสุดเฉิงวับระดับไฮโซของสร้อยนั้น จงเกลียดจงชังความจนของทองมากเหลือเกิน ทำให้คุณนายดอกท้อเข้าขัดขวางทั้งคู่ทุกวิถีทาง แยกความรักของพวกเขาไปไกลถึงเมืองบางกอก ฝ่ายสาว ๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานใจ เพราะพิษแห่งความคิดถึงทองและแหยม จนกระทั่งวันหนึ่ง สร้อยได้รับคำสั่งจากคุณนายดอกท้อ ให้กลับไปยังบ้านนอกด่วน เนื่องจากได้จัดงานหมั้นอย่างใหญ่โตให้กับสร้อย และพ่อยอดชายลูกชายกำนัน ที่แสนจะมั่งคั่งหล่อเข้มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรักระหว่างสร้อยและทอง จะสมหวังหรือไม่นั้น... แหยมและเจ้ยจะร่วมหอลงโรงกันได้หรือเปล่า ? เรื่องราวของคู่รักของคน 2 คู่ ซึ่งคู่นึงคือ คู่ทองกับสร้อย ส่วนอีกคู่หนึ่งก็คือ เจ้ยกับแหยม จะเป็นคู่ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าที่ควร จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เพราะแหยมรู้สึกว่าตัวเองนั้นหล่อ แล้วแหยมคิดว่าเจ้ยเป็นคนขี้เหร่มาก แหยมจะเป็นน้าของทองคอยแนะนำ คอยเอาใจช่วยชี้แนะว่าควรทำอย่างนี้นะ แต่ตัวเองก็ไม่เคยมีเมียหรือมีแฟนกับเค้ากันหรอก ก็เกือบจะขึ้นคานอยู่เหมือนกันในเรื่องนะ พอดีว่ามีเจอกับเจ้ย เพราะเจ้ยเค้าเป็นพี่เลี้ยงสร้อย เจ้ยก็เจอแหยมบ่อยๆ เข้าเจ้ยเลยมาหลงรักเราหัวปักหัวปำ เจ้ยเป็นคนมุ่งมั่นในความรักที่มีให้กับแหยมมากเลยนะ ไม่ว่าแหยมเค้าจะว่ายังไงก็แล้วแต่ แหยมเค้าจะให้ร้ายป้ายสี กระแทกแดกดัน ประชดประชัน เค้าก็รักของเค้ามุ่งมั่นกับความรักของเค้ามาก แต่ความรักของทั้ง 2 คู่นี้ถูกกีดกันจากคุณนายดอกท้อ ป้าดอกท้อจะคอยขัดขวางทุกวิถีทาง ป้าดอกท้อเค้าไม่ชอบทองเพราะเค้าอยากให้สร้อยได้รักกับคนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน คือทางบ้านของสร้อยและป้าดอกท้อรวยที่สุดในตำบล ออกเงินกู้อะไรพวกนี้ ป้าดอกท้อก็พยายามจะบอกหลายว่าอย่าไปรักกับมันเลยไอ้ทองน่ะ คนในหมู่บ้านชอบสร้อยก็เยอะแยะทำไมไม่ไปชอบเค้า แล้วความรักของทั้งสองคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

เฉิ่ม

Midnight My Love เฉิ่ม (2548/2005) บัติ (เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา) โชเฟอร์ขับแท็กซี่กะดึก ผู้มีรสนิยมเฉพาะตัว ชอบฟังแต่วิทยุช่อง AM ที่มีละครวิทยุและเพลงเก่า ใส่น้ำมันใส่ผมเรียบแปร้ ชอบอมโบตัน และกินต้มเลือดหมูเจ้าประจำทุกคืน บัติเหมือนมนุษย์ที่หลุด พ.ศ. ยืนยิ้มแปร้ท้าทายโลกปัจจุบัน ที่หมุนไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจ เพราะโลก AM ทำให้เขาหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความหวังที่สวยงาม โลกที่ทำดีได้ดี โลกที่ไม่ต้องสนใจยุคสมัย แม้ใครจะมองว่าเขา 'เฉิ่ม' จนกระทั่งวันที่บัติได้พบและตกหลุมรัก นวล (วรนุช วงษ์สรรค์) หญิงสาวที่มีอาชีพหมอนวด ชายที่หมกมุ่นอยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน กับหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้ายอมรับชีวิตจริง จึงเป็นเสมือนสิ่งที่เติมเต็มให้แก่กัน ความผูกผันของทั้ง 2 ที่ก่อตัวขึ้น มาพร้อมกับบททดสอบของชีวิต ความปรารถนาดี และโลกแห่งความฝันของบัติ ก็ถูกโลกแห่งความจริงสั่นคลอน จนทั้งคู่ต้องพรากจากกัน สุดท้ายปลายทางของทั้งสอง จะลงเอยอย่างไร

ก็เคยสัญญา (2548/2005) สาเหตุที่ความรักของคุณต้องเป็นแบบนี้ ก็มาจากชาติก่อน ๆ โน้น ที่คุณ เคยสัญญา สาบานกับใครไว้ มันถึงได้ตาม มาราวีคุณ ทุกชาติทุกชาติไป.. ..แม้แต่ชาตินี้ ก็ไม่เว้นหรอก.. นิกร" เรื่องราวแต่ชาติปางก่อน ของ นิกร (โอ - วรุฒ วรธรรม) กำลังถูกไล่เรียงขึ้นมา จากวิธีบำบัด ด้วยการสะกดจิต และแล้ว... "โอ๊ย.. ไม่ไหวละมั๊ง มีตั้งสิบหกสิบเจ็ดชาติ ยิ่งผ่านเข้ามา เนื้อคู่ของผมก็ยิ่งพิสดารไปเรื่อยๆ..." ดังนั้น นิกร จึงตัดสินใจ เลือกเพียง 4 ชาติ ที่เป็นหัวใจ ต้นเหตุแห่งคำสัญญา สาบาน มาให้เราๆ ท่านๆ ได้สัมผัส ณ บัดนี้..
มนต์รักลูกทุ่ง (2548/2005) บุญเย็น (เอกราช สุวรรณภูมิ) ชนะเลิศการประกวดร้องเพลงประจำปี ลุงชื่น (เทพ โพธิ์งาม), แว่น (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) และ บุปผา (อาภาพร นครสวรรค์) ต่างพากันดีใจ บุญเย็นได้เข้าไปร้องเพลงในกรุงเทพ เขามาบอกลา คล้าว (นันทวัฒน์ อาศิรพจนกุล) และ ทองกวาว (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ทั้งคู่ต่างดีใจกับบุญเย็น คล้าวรักอยู่กับทองกวาว แต่กลัวจะไม่สมหวังเพราะคล้าวจน ที่นาก็จำนองกับ จอม (กรุง ศรีวิไล) แต่ทองกวาวยืนยันในรักมั่น คล้าวสัญญาว่าถ้าขายข้าวได้จะไปหมั้นทองกวาว จอมมาทวงหนี้คล้าว คล้าวไม่มีให้ จอมจึงยึดที่นา ทองกวาวจึงเอาเงินที่มีอยู่มาให้คล้าวใช้หนี้ จอมโกรธที่ยึดที่นาของคล้าวไม่ได้ จึงไปต่อว่า ทองก้อน (ไพโรจน์ ใจสิงห์) และ ทับทิม (ดวงชีวัน โกมลเสน) พ่อแม่ของทองกวาว ทองก้อนและทับทิมจึงส่งทองกวาวไปอยู่กับ ป้าทองคำ (น้ำเงิน บุญหนัก) ที่กรุงเทพ โดยให้บุปผาและ หมึก (ตูมตาม เชิญยิ้ม) ไปดูแล ทองกวาวได้รู้จักกับ ธรรมรักษ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) หลานของป้าทองคำ ซึ่งป้าทองคำหวังจะให้หลานทั้งคู่แต่งงานกัน เพื่อสมบัติจะได้ไม่ตกเป็นของคนอื่น คล้าวเศร้าโศกเสียใจที่น้ำท่วมทุ่งนาข้าวเสียหาย ได้บุญเย็น ลุงชื่น และพวกคอยปลอบ ลุงชื่นบอกบุญเย็นให้ตามหาทองกวาว บุญเย็นพบทองกวาวที่กรุงเทพและบอกเรื่องคล้าว ทองกวาวขอให้บุญเย็นบอกคล้าวให้ไปสู่ขอ ทองกวาวจะได้กลับบ้านซะที คล้าวดีใจไปยืมเงิน หมู่น้อย (เจี๊ยบ เชิญยิ้ม) ซื้อทองสองสลึงไปหมั้น พ่อแม่ทองกวาวไล่ส่ง เรียกค่าสินสอดสิบหมื่น ธรรมรักษ์เสียการพนัน หวังจะหลอกเอาเงินป้าจึงทำเป็นชอบทองกวาว โดยให้เพื่ออนชื่อ ธีระ (โจอี้ บาซู) หัวหน้าวงดนตรีมากันบุปผา ทั้งหมดเดินทางมาบ้านทองกวาว ด้วยความคิดถึงทองกวาวรีบมาหาคล้าว แต่พบอยู่กับ สายใจ (ไอริน จันยดา) ทำให้ทองกวาวเข้าใจผิด ทองกวาวจึงตกลงหมั้นกับธรรมรักษ์ ทองก้อนดีใจรีบไปป่าวประกาศว่า จะหมั้นลูกสาวด้วยเงินและทองมากมาย บุญเย็นพา ฤทัย (ทอฝัน จิตธาราทิต) เมียของธรรมรักษ์มาบ้านทองกวาว ธรรมรักษ์โกรธมาก บอกฤทัยเป็นนักร้องในวงธีระ ฤทัยแกล้งตีสนิทกับคล้าวเพื่อให้ธรรมรักษ์หึง เรื่องจึงแดงออกมา ป้าทองคำไล่ธรรมรักษ์และเมียกลับไป ข่าวการหมั้นของทองกวาวกับธรรมรักษ์ที่ทองก้อนประกาศไปเข้าหู เสือทุม (ฤทธิ์ ลือชา) เสือทุมจึงวางแผนปล้นแต่ไม่ได้อะไร จึงจับตัวทองกวาวและป้าทองคำไปเรียกค่าไถ่ คล้าวและตำรวจตามไปช่วยไว้ ป้าทองคำเป็นเถ้าแก่สู่ขอทองกวาวให้คล้าว ซึ่งพ่อทองก้อนและแม่ทับทิมไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งคู่จึงแต่งงานกัน...
หมานคร (2547/2004) สิ่งมหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ เมืองที่ “ป๊อด” หนุ่มต่างจังหวัดที่ตั้งใจเข้ามาหาความก้าวหน้าในเมืองหลวง แต่ในที่สุดเค้าก็ค้นพบว่าคิดว่ายังไม่ใช่ที่เขาต้องการ แต่ที่นี่เองเขาได้พบกับ “จิน” หญิงสาวแม่บ้านทำความสะอาด ผู้ที่จะมาจุดประกายความหวังอีกครั้งให้กับป๊อด แต่ยิ่งนับวันความรักของทั้งสองเกิดอุปสรรคต่างๆ นานา ป๊อดเริ่มสังเกตว่าเมืองนี้มีสิ่งที่ผิดปกติ แปลกประหลาดมากมาย ส่วนจินก็มีนิสัยเปลี่ยนไป จนเขารู้สึกเหมือนจิน อยู่ห่างเขาออกไปทุกที ป๊อดเริ่มไม่แน่ใจว่าเมืองนี้มันประหลาดหรือเขาเองที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเมืองนี้ แล้วความรักของป๊อดในเมืองจะสมหวังหรือไม่? เตรียมพบคำตอบในเมืองที่ชื่อว่า “หมานคร”
กั๊กกะกาวน์ (My Space) (2547/2004) “กั๊กกะกาวน์“ ผลงานภาพยนตร์ก้าวแรกที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์อันเต็มเปี่ยมของ “นักศึกษาชั้นปี 4 วิชาเอกภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” กว่า 28 (มั่ว)หัวใจที่มุ่งมั่นที่จะเดินทางบนแผ่นฟิล์ม พวกเขาเลือกที่จะตามหา “โอกาส” ที่จะทำให้ภาพยนตร์สารนิพนธ์ซึ่งเป็นโปรเจกต์สุดท้ายที่พวกเขาจะได้ทำร่วมกันภายในรั้วมหาวิทยาลัยของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ “หนังนักศึกษา” ธรรมดาๆ ที่จำกัดคนดูเพียงกลุ่มแคบๆ โดยมีหัวหอกหลักอย่างสองผู้กำกับ “วิทิต คำสระแก้ว” และ “ฤทธิชัย สิริประสิทธิ์พงศ์” ที่หนังสั้นของพวกเขาเคยได้รับรางวัลช้างเผือก มูลนิธิหนังไทย เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ และโปรดิวเซอร์ที่หลายคนรู้จักในฐานะนักร้อง “นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา” กุญแจสำคัญที่ทำให้ “ความมุ่งมั่น” ของพวกเขาไป “เข้าตา” ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ที่มีส่วนสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนในส่วนงานด้านโปรดักชัน รวมไปถึงรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะที่ต่างร่วมช่วย “ปลุกปั้น” ให้หนังเรื่องนี้กลายเป็น “หนังใหญ่” ที่ใครหลายคนต้องจับตามอง รวมไปถึงการผลักดันให้ภาพยนตร์เรืองนี้ได้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมฉายของค่ายหนัง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้เป็นผลสำเร็จ และละลายเส้นแบ่งกั้น “ความเป็นมืออาชีพ” และ “มือสมัครเล่น” อย่างสิ้นเชิง “คงไม่มีใครเข้าใจวัยรุ่นเท่ากับวัยรุ่นด้วยกัน” และโดยเฉพาะเรื่อง “ความรัก” ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอผ่านมุมมองที่ “เข้าถึง” ความรู้สึกของ “ความเหงา“ ที่วัยรุ่นและใครหลายๆ คนต้องเผชิญ การตั้งคำถามกับ “ชีวิต“ และ “ความรัก“ ผ่านตัวละคร “ป่าน“ นศ.แพทย์ชั้นปี 4 ที่กำลังตามหาว่าจริงๆ แล้วชีวิตในแต่ละวันนั้นเธออยู่เพื่ออะไร ท่ามกลางความเหงานั้น เธอรอคอยอะไรหรือใครบางคนอยู่ แล้วช่วงชีวิตหนึ่งก็ทำให้ป่านพบกับ “นิค” ช่างภาพอิสระอารมณ์ศิลปินที่อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามกับเธอ หลายครั้งที่เจอกันไม่มีใครกล้าเริ่มบทสนทนา จนวันหนึ่งที่นิคเอ่ยปากคุยทั้งสองจึงเริ่มต้นที่จะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ทั้งสองเริ่มเรียนรู้กันและกัน “เธอ” สอนให้ “เขา” ได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่น แต่ “เขา” สอนให้ “เธอ” ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ และรู้จักกับคำว่า “รัก“ ที่จะไม่มีวันเลือนไปจากความทรงจำ “ความเหงา” ทำร้ายใครหลายๆ คน แต่บางครั้งมันก็พาให้ใครบางคนมาพบกัน…
โคเลสเตอรอลที่รัก (2547/2004) เจษฎาภรณ์ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) หนุ่มนักเรียนนอก เพิ่งกลับมาจากลอนดอนพร้อมกับ นาเดีย (แคนดี้ เอเวอรี่) เพื่อนสาวคนสนิท หลังจากเรียนอยู่ที่โน่นนานถึง 8 ปี พอกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้ทราบเรื่องจาก สันติ (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) ผู้เป็นพ่อว่าเขาจะต้องแต่งงานกับ ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เพื่อนสนิทวัยเด็กที่เคยช่วยชีวิตไว้จากการจมน้ำ เพราะสันติกับ ไพโรจน์ (ครรชิต ขวัญประชา) พ่อของลูกเกดเป็นเพื่อนรักกันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะลูกเกดกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ไพโรจน์จึงอยากจะให้คนดีๆ อย่างเจษฎาภรณ์ ช่วยดูแลลูกเกดและบริษัท ไลท์แมน ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับสร้างบ้านของเขาต่อไป ไพโรจน์จึงส่งเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาให้กับเจษฎาภรณ์มาโดยตลอดเพราะฐานะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พอได้ทราบข่าวเรื่องการแต่งงานเจษฎาภรณ์ก็ยินดีและบอกกับพ่อว่าจะไม่ทำให้ลูกเกดและคุณอาไพโรจน์ผู้มีพระคุณต้องผิดหวังด้วย แต่เมื่อเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอหน้าลูกเกดครั้งแรกในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขา ซึ่งไพโรจน์จัดให้อย่างใหญ่โต ทำเอาเจษฎาภรณ์ถึงกับช็อค เพราะลูกเกดเด็กสาวรูปร่างบอบบางที่มองโลกในแง่ดีมีน้ำใจที่เขาเคยรู้จักในอดีตนั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมีน้ำหนัก หนักกว่า 150 กิโลกรัม ทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกผิดหวังอย่างมากๆ และยังถูกนาเดียซึ่งได้รับเกียรติให้มาร่วมงานในคืนนี้ พูดจาถากถางเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวหุ่นตุ้ยนุ้ยของเขาด้วย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รีบกลับบ้านก่อน โดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายเพราะยังรู้สึกเมาเครื่องอยู่ ซึ่งลูกเกดก็ไม่ได้สงสัยอะไรและคิดว่าเจษฎาภรณ์ยังมีความรู้สึกที่ดีๆ กับเธอเหมือนวัยเด็กทุกประการ ในขณะที่เจษฎาภรณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบรษัทไลท์แมนของไพโรจน์นั้น นาเดียก็เปิดกิจการห้องเสื้อเป็นของตัวเอง และนาเดียพยายามที่จะแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าเธอกับเจษฎาภรณ์เป็นแฟนกัน โดยที่เจษฎาภรณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และยังคงไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ ปล่อยให้ลูกเกดต้องคอยโทรศัพท์ตามหาว่าพี่เจษหายไปไหน ไม่ยอมมาเที่ยวหาเธอบ้าง วันวาเลนไทน์ลูกเกดดีใจเป็นที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์โทรศัพท์มานัดเพื่อที่จะพาเธอไปดินเนอร์ในคืนนี้ แทนที่คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอมีความสุขอย่างที่สุดเหมือนเช่นคู่รักที่จะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่กลับกลายเป็นคืนที่เธอต้องพบกับความเสียใจมากที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์มาพบกับเธอก็เพื่อจะบอกยกเลิกการแต่งงาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ลูกเกดเสียใจที่เจษฎาภรณ์รังเกียจในรูปลักษณ์ของเธอ พอกลับถึงบ้านลูกเกดจึงคิดฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งกินยาลดความอ้วนเกินขนาดโชคดีที่แพทย์เยียวยารักษาไว้ทัน เพื่อให้ลูกสาวอันเป็นที่รักดั่งดวงใจกลายเป็นลูกเกดคนใหม่ ไพโรจน์จึงส่งลูกเกดไปรักษาแผลใจและเข้าคอร์สลดความอ้วนที่อเมริกาตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งก็ได้ผลเพราะสุขภาพจิตของลูกเกดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่สุขภาพจิตของเจษฎาภรณ์เริ่มแย่ลง เพราะสันติเสียใจที่ลูกชายไม่ทำตามสัญญา และยังทำให้ครอบครัวของผู้มีพระคุณผิดหวัง จึงทำให้โรคหัวใจกำเริบและเขาก็สิ้นใจตายในอ้อมกอดของลูกชาย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกเสียใจที่เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อตาย หนึ่งปีผ่านไปเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอนางแบบอินเตอร์นามว่า เมทะนี (เมทินี กิ่งโพยม) ในงานเดินแฟชั่นโชว์ห้องเสื้อของนาเดีย เขามีความรู้สึกว่านางแบบคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายลูกเกดมาก แต่พอเขาเข้าไปทำความรู้จักเธอก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน แต่เจษฎาภรณ์ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำความใกล้ชิดและสนิทสนมเธอให้มากกว่านี้ ถึงแม้จะเจอ ณัฐ (ภราดร ศิรโกวิท) คอยกันท่าหรือถูกเมทะนีแกล้งต่างๆ นานา มาแล้วหลายครั้งหลายหนก็ตาม พอเจษฎาภรณ์หันหน้ามาให้ความสนใจในตัวเมทะนีมากขึ้นทุกวัน ทำให้นาเดียคิดแก้เผ็ดเจษฎาภรณ์ด้วยการหันไปคบผู้ชายคนอื่นบ้าง จึงทำให้เจษฎาภรณ์เริ่มจะคิดได้ว่าผู้หญิงที่ดีและมีน้ำใจให้กับเขามาโดยตลอดก็คือลูกเกดนั่นเอง ในที่สุดเจษฎาภรณ์จึงตัดสินใจไปที่บ้านลูกเกดเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และเขาก็ได้รับรู้ความจริงจากณัฐว่าเมทะนีคือใคร และณัฐยังบอกให้เขาต้องชอกช้ำใจมากขึ้นไปอีกว่าลูกเกด ไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว และยังฝากคืนว่าวที่เธอเคยขอจากเขาเมื่อตอนเด็กอีกด้วย เรื่องราวความรักที่ยุ่งๆ ของหนุ่มนักเรียนนอกกับสาวตุ้ยนุ้ยจะลงเอยอย่างไร เตรียมหาคำตอบจากภาพยนตร์ โคเลสเตอรอล..ที่รัก ได้อีกไม่นานเกินรอ
สายล่อฟ้า (2547/2004) ไอ้ตุ่น (โหน่ง ชะชะช่า) กับ ไอ้เต่า (เต๋า - สมชาย เข็มกลัด) เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ไอ้ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนไอ้เต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง "สายล่อฟ้า" ของพี่ป้อม-อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไร มันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะไอ้ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก (เมย์ - พิชญ์นาฏ สาขากร) เป็นเด็กของ กำนันหมู (เล็ก - สมชาย ศักดิกุล) มาเฟียใหญ่ของพัทยา ที่ไอ้เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ไอ้ตุ่นพยายามตามหาจนถูก อีปลา (น็อต - อนุชา ฉัตรแก้ว) กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึงไอ้เต่าที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อน ไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ อีปลาขอใช้คืนเป็นโคเคน โดยเอาไปขายให้ เฮียหมา (หม่ำ มกจ๊ก) แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ ไอ้เต่ากลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจนไอ้เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู (แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล) สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่ ข้างไอ้ตุ่นซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำ บ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอ ให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ ผู้ใหญ่หมี (แบล็ค ผมทอง) เรียกไอ้ตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ไอ้ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้ไอ้เต่าด้วย แต่อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ใหญ่หมีรู้ความจริงว่าเสียรู้ไอ้ตุ่น และ ไมเคิล พ่อของน้องหนูที่ไอ้เต่าลักพาตัว ดันเป็นเพื่อนกับกำนันหมูอีกที ไอ้ตุ่นกับไอ้เต่าจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ น้องนกจะซึ้งในความรักของตุ่นหรือเปล่า แล้วไอ้เต่าจะได้กลับไปครวญเพลงสายล่อฟ้าอีกหรือไม่ มีแต่ยุทธเลิศเท่านั้นที่รู้!
ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547/2004) แก่นเรื่องนี้คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ผมมองว่าคนสมัยนี้แสวงหาเพื่ออะไร ทุกอย่างล้วนเอาไปไม่ได้หากตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ การยึดติดในสิ่งต่างๆ หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นถึงเหตุของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งจะแสดงออกผ่านทางตัวละคร “ฉัตรทอง” คือความโกรธ, “แก้ว” คือความรัก, ความโลภก็คือ “เฮียกวง” ส่วนความหลงก็มีตัวของ “แหว๋ว” ซึ่งเป็นเรื่องชู้สาว ก็เป็นการแบ่งไปตามตัวละครซึ่งตัวละครทุกตัวก็จะแก้ปัญหากันไปตามทิศทางของเขา แต่สุดท้ายทุกคนจะต้องหยุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคุณละแล้วก็จะพบความสุข ซึ่งจะเห็นชัดมากในตัวของเอกชัย สุดท้ายก็ต้องยอมรับในสัจจธรรม ทุกคนต้องปล่อยวางเดินสายกลาง ผมเป็น Film Maker มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมสิบปี เงินก้อนแรกที่ได้มาจากการทำงานก็มาจากการทำหนังไทย ผมถือว่าหนังไทยมีบุญคุณกับผม และเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามากำกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” มันจึงทำให้ผมรู้สึกกลัวและเกร็ง กลัวว่าจะทำให้คนดูผิดหวังกับหนังไทย ผมถึงต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคัตทุกเฟรมที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มันได้ผ่านสายตาของผมมาเกินร้อยครั้งเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดเมื่อต้องผ่านสายตาผู้ชมในครั้งแรก แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความสนใจในเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้น ผมพยายามที่จะคิดหาคำตอบว่า ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงฟื้นขึ้นมา และคำตอบมันก็อยู่ในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความโชคดีของผมในการนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็คือผมได้ทีมงานและนักแสดงที่มีคุณภาพมากๆ ทุกคนล้วนมีความสามารถสูง พวกเขาได้มาแต่งเติมภาพในฝันของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วิธีกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ผมจะเลือกใช้การ Improvisation หรือการด้นสดๆ เพื่อจะได้การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ-สมจริง จึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีจินตนาการและความสามารถสูง ไม่ใช่ทำตามสั่งแต่นักแสดงจะต้องร่วมคิดร่วมจินตนาการไปกับผมด้วย เขาต้องเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครในภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีเกินคาด ถ้าจะเปรียบภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” เป็นอาหารจานหนึ่ง มันคงไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์, หูฉลาม, ปลาซาบะ, เนื้อย่างเกาหลี แต่มันเป็นข้าวมันส้มตำรสแซ่บ ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มครบทุกรสชาติถูกปากคนไทย
เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก (The Letter) (2547/2004) หนังรักที่ “ดวงกมล ลิ่มเจริญ” (โปรดิวเซอร์) ทุ่มเทหัวใจและถ่ายเทจิตวิญญาณตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยมี “นนทรีย์ นิมิบุตร” รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวให้กับ “ผอูน จันทรศิริ” ผู้หญิงเก่งที่เป็นทั้งนักแสดง คนเขียนบท และผู้กำกับละครแถวหน้าของเมืองไทยรับหน้าที่ “กำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก” กับภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติกที่มาพร้อมความประทับใจที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจแก่นแท้และนิยามใน “ความรัก” ที่ไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงตรงที่เราได้ค้นพบและเติมเต็มแง่มุมความรักที่เฝ้าค้นหามาตลอดชีวิต แต่เป็นการทำความเข้าใจ “ความหมาย” และ “เรียนรู้วิธีที่จะรักษาคุณค่าของรักแท้ให้คงอยู่” ภายหลังจากคนที่เรารักจากไป พร้อมการตั้งคำถามกับทุกคู่รักว่า “นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เคยหลั่งน้ำตาอย่างอิ่มเอมให้กับหนังรักดีๆ สักเรื่อง” และเป็นการประกบบทบาทกันครั้งแรกในชีวิตของ “แอน ทองประสม” และ “หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร” 2 นักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย โดยเป็นการหวนคืนจอภาพยนตร์ครั้งแรกในรอบทศวรรษของ “แอน ทองประสม” หลังจากที่หลั่งน้ำตาถึง 4 ครั้งจากการอ่านบทภาพยนตร์ไป 4 รอบ และเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ “หนุ่ม อรรถพร” โดยมีโลเคชันหลักคือ “ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่” ที่ที่ความรักของคนทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น ว่ากันว่ารักแท้ที่เป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิตหากเกิดขึ้นกับใครสักคน แน่นอนว่ารักนั้นจะไม่เลือนหายไปจากใจ ตราบแม้คนที่เรารักจะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตาม… สำหรับ “ดิว” (แอน ทองประสม) โปรแกรมเมอร์สาวในเมืองใหญ่ที่ชีวิตมีเพียงจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมของบริษัทเว็บไซต์ดึงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปเกือบหมด ยังดีที่มี “เกด” (สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ) เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้เกิดขึ้นกับดิวหลังจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวการเสียชีวิตของยายเล็ก ญาติห่างๆ ที่ทิ้งบ้านหลังเล็กและไร่กระเทียมที่เชียงใหม่ไว้ให้ ที่นั่นเกดได้พบกับ “ต้น” (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีเกษตรที่เชียงใหม่ที่ให้ความช่วยเหลือดิวและเกดที่ต้องพบกับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเดินทางทำให้พลาดรถเที่ยวสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ ทำให้เกดและดิวมีโอกาสได้แวะศูนย์วิจัยซึ่งเป็นที่ทำงานของต้น นอกจากความอบอุ่นและอ่อนโยนในตัวต้นที่ดิวสัมผัสได้ ดิวยังได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของชายหนุ่มที่แสนบอบบางคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปกับเธอเลย “ต้นบ๊วย” สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของศูนย์วิจัยเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ไม่ต่างจากญาติของต้น ทันทีที่ลืมตามองดูโลกได้ไม่นานเขาสูญเสียแม่ที่ให้กำเนิดหลังจากคลอดไม่นาน และสูญเสียพ่อที่รักไปอีกคน ต้นเรียนรู้การต้องเติบโตมาท่ามกลางความเหงาและโดดเดี่ยวอย่างคุ้นเคยมีเพียงรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนๆ ที่ศูนย์วิจัยเท่านั้น ความเรียบง่ายที่แสนอบอุ่นของดอยอ่างขางและเชียงใหม่ยังคงอยู่ในความรู้สึกในใจของดิว ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันสูงอีกครั้ง ในขณะที่ยังมีเกดเพื่อนรักที่ยังคงตื่นเต้นและวูบวาบใจไปกับการนัดพบชายหนุ่มที่แชตและติดต่อทางอินเทอร์เน็ตเหมือนอย่างเคย วันเวลาผ่านไปทั้งปีใหม่และวาเลนไทน์ แต่สิ่งพิเศษเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิวคือการได้มีเพื่อนใหม่อย่างต้นที่ติดต่อกันหลังจากที่กลับมาจากเชียงใหม่ในครั้งนั้น โดยมีโทรศัพท์เป็นสื่อกลางที่ทั้งคู่ได้บอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้นในกันและกัน จนกระทั่งดิวต้องพบกับเซอร์ไพรส์เมื่อได้พบกับต้นที่กรุงเทพฯ และความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อเกดเสียชีวิตจากการนัดบอดกับชายหนุ่มทางอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นร้ายแรงเกินที่หัวใจอันบอบบางของดิวจะรับได้ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ดิวตัดสินใจเดินทางสู่เชียงใหม่เพื่อพบกับความอบอุ่นเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ต้นและดิวต่างเฝ้าตามหามาตลอดชีวิตได้รับการเติมเต็มในกันและกันในที่สุด เมื่อพรหมลิขิตกำหนดให้คน 2 คนที่อาจจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกได้มาพบกัน รักกัน ชีวิตคู่ที่มีความสุขจนหลายคนนึกอิจฉา มันคือรักแท้ ที่เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวในชีวิตของทั้งคู่ หลังจากที่แต่งงาน ต้นย้ายมาอยู่กับดิวในบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในเรื่องราวและความรักของยายเล็ก ต้นได้พบกับข้าวของที่ถูกเก็บไว้ของยายเล็ก ในนั้นมีจดหมายที่บอกเรื่องราวในอดีตฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกในรักที่มีอยู่อย่างเหลือล้นของชายคนหนึ่งที่มีต่อยายเล็ก ต้นประทับใจในข้อความและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายมาก จนมีความคิดว่าวันหนึ่งอยากจะเขียนจดหมายแบบนี้บ้าง ความรักมีความหมายและมีคุณค่าสำคัญที่เติมเต็มชีวิตให้กับหลายๆ คนรวมทั้งดิว แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้และยากที่จะเปลี่ยนแปลง เหมือนการที่สวรรค์กำหนดให้ต้นมาพบกับดิว และพรากต้นไปจากดิว ไม่นานนักหลังจากที่ต้นเกิดไม่สบายอย่างหนัก จนในท้ายที่สุดพบว่าตนเองเป็นโรคร้าย และเหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิด เมื่อดิวต้องพบกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือสูญเสียต้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ดูเหมือนหัวใจที่บอบช้ำของดิวมันอ่อนแอเกิดที่จะเยียวยาได้อีกครั้ง เมื่อเหลือดิวเพียงลำพังในโลกใบนี้ แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ดิวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การมาถึงของจดหมายด้วยลายมือที่คุ้นเคยจากคนเดียวในดวงใจ จากรักแรกและรักเดียว เป็น “จดหมายรัก” ที่ต้นเขียนถึงดิว…
The Sin ชู้ (2547/2004) กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งสำหรับ "ชู้" ภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังในอดีต จากผลงานการกำกับของ "เปี๊ยก โปสเตอร์" เมื่อกว่า 20 ปีก่อน คราวนี้ "โด่ง - องอาจ สิงห์ลำพอง" บริษัท อะลาดิน เฮาส์ ในเครือบริษัท อาร์.เอส โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ขอนำกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง กับเรื่องราวความรัก ศีลธรรม ความถูกต้อง ระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย โดยมี เทพ (แอนดี้ - วัชระ ตังคะประเสริฐ) ช่างภาพหนุ่มผู้รักอิสระ เรียม (เฮเลน นิมา) สาวชาวเล ที่โหยหาความรัก และเชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ชายชาวประมงผู้เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย อุปสรรครักครั้งนี้... มีสายเลือดเดียวกันเข้ามาเกี่ยวข้อง... เรื่องราวของความขัดแย้งของสามชีวิตบนเกาะห่างไกล เมื่อเทพเกิดหลงรัก เรียม หญิงสาวแปลกหน้าเข้าตั้งแต่แรกที่ได้เห็น โดยหารู้ไม่ว่าเธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของตน รักต้องห้ามไม่อาจปกปิดไว้ได้ เมื่อเรียมตกอยู่ภายใต้อารมณ์รักอันรุนแรงของสามี จนทำให้เทพต้องเข้าปกป้องไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้แม้จะต้องถูกตราหน้าว่า เป็นชู้ก็ตาม เทพ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตไปกับการเดินทางและงานถ่ายภาพ ซึ่งให้บทเรียนในชีวิตมากมาย จนกระทั่งถึงวันที่เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อสะสางปมปัญหาที่เคยมีอยู่กับผู้เป็นพ่อ สิบห้าปีที่แล้ว หลังจากที่ชีวิตครอบครัวแตกแยก ภรรยาหนีไปกับชายชู้ ลูกชายหนีออกจากบ้าน เชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ก็เหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง เขาตัดสินใจย้ายลงใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะชาวประมง หลายปีที่ผ่านไป เชิง ขยายกิจการจนเป็นเจ้าของเรือประมงหลายลำ ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ จนถึงวันนี้ เขาคือนาย เชิง ที่ทุกคนนับหน้าถือตาและเพิ่งจะแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน เรียม (เฮเลน นิมา) คงจะจบชีวิตลงกลางทะเลไปเสียแล้ว หากวันนั้นเรือของนายเชิงไม่ผ่านมาเสียก่อน นายเชิงเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือ เรียม เอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัวที่เหลือของเธอไว้ได้หมด เรียมเหลือตัวคนเดียวและไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากนาย เชิง ผู้มีบุญคุณ จนถึงวันนี้ เธอใช้ชีวิตร่วมกับนายเชิงฉันท์สามีภรรยามาได้เกือบครบปีแล้ว แม้นายเชิงจะให้ชีวิตใหม่ แต่ในอีกด้านเขาคือผู้นำความทุกข์และความเจ็บปวดมาสู่เธอ ระหว่างการเดินทางมาถึงเกาะ เทพ ได้พบกับ เรียม ที่ท่าเรือ วูบแรกที่พบ เทพ รู้สึกพึงใจในตัวหญิงสาว แต่เมื่อรู้ความจริงในภายหลังว่า เรียม คือภรรยาคนใหม่ของพ่อ เทพก็ต้องรีบสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เมื่อ เทพ มาถึง เชิง ต้อนรับลูกชายอย่างเย็นชา เทพ เข้ามาพักอยู่ด้วยชั่วคราว และในช่วงเวลานั้นเองที่ เทพ สังเกตเห็นปัญหาระหว่างสามีภรรยา เทพรู้ดีว่าพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลังและนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้แม่หนีไปกับชายอื่น แม้จะต้องการปกป้องหญิงสาวเพียงใด เทพก็ทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ เทพ แอบหยิบยื่นให้ ทำให้ เรียม รู้สึกดีขึ้น ทั้งคู่จึงเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นในระหว่างที่ เชิง ไปออกเรือ จนกระทั่ง เชิง เริ่มผิดสังเกต จึงนำตัว เทพ ออกทะเลไปด้วยกัน หลายต่อหลายครั้งที่ เชิงพยายามทำให้ เทพ รู้สึกว่าไม่มีวันที่ใครจะเอาชนะตนลงได้ โดยที่ เชิง หารู้ไม่ว่าชัยชนะของตนกลับทำให้ เทพ และ เรียม เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ประกอบกับความเข้าอกเข้าใจกันและกัน ในที่สุดทั้งคู่จึงตัดสินใจก้าวข้ามเส้นแห่งความถูกผิดและเป็นของกันและกันในที่สุด เทพและเรียมลักลอบมีความสัมพันธ์กันในอ่าวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก แต่ไม่นานเชิงก็เริ่มสงสัย เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา เขาจึงเริ่มวางแผนว่าจะออกทะเลติดต่อกันหลายวัน เปิดโอกาสให้ เทพ และ เรียม ได้อยู่กันตามลำพัง ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงสั้น ๆ นี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของ เชิง ซุ่มดูอยู่โดยตลอด เชิง พยายามข่มความแค้นไว้ในใจ แม้อยากจะฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ด้วยความแค้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงไล่ลูกชายให้กลับไป เทพ กับ เรียม ตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนไปเจอกันที่ท่าเรือบนฝั่ง ซึ่ง เทพ จะออกเดินทางไปรอล่วงหน้าก่อน แต่แล้วระหว่างทางเทพกลับถูกลูกเรือที่ เชิง ส่งมากักตัวเขาไว้ เมื่อเรียมมาถึงจุดนัดพบไม่เจอ เทพ จึงคิดว่า เทพ ทิ้งตนเสียแล้ว เทพฟื้นขึ้นมาและหนีออกจากเรือที่คุมขังได้สำเร็จ และรีบไปยังจุดนัดพบ แต่ที่นั่น เทพ กลับไม่พบ เรียม เขาหวนนึกถึงที่ ๆ เรียมเคยพูดไว้ เขาจึงรีบเดินทางไปยังอ่าวมรกต ซึ่งเรียมมักพูดเสมอว่าจะเป็นที่ตายของเธอ เส้นทางชีวิตของทั้งสองถูกขีดเส้นแบ่งระหว่างความรักกับศีลธรรมเขาและเธอจะทำอย่างไร?
เจ้าสาวผัดไทย (2547/2004) เจ้าสาวผัดไทย เรื่องราวความรักของ เพชรา แม่ค้าผัดไทยในชุมชนร่วมใจ ที่อยู่ในสภาวะตกกระไดพลอยโจน ต้องเข้าร่วมเกมโชว์แข่งกินผัดไทย 100 วัน ชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท พร้อมความรักจากราชินีผัดไทยแม่ค้าคนสวย และในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน มากหน้าหลายตาหลากเผ่าพันธุ์ มี สุระชาติ อาจารย์หนุ่มข้างบ้าน ที่ชาวชุมชนเต็มใจนำเสนอรวมอยู่ด้วย ส่วนคู่แข่งคนสำคัญของอาจารย์คือ สุรชาติ หนุ่มรูปหล่อแฟนเก่าของเพชรา ที่พยายามทุกวิถีทางไม่ให้ตนเองปราชัย และที่ขาดไม่ได้ คือเหล่าสมาชิกชุมชนร่วมใจระดับหัวแถว ที่คอยทั้งส่งใจและส่งแรง ช่วยเพชราไม่ขาดสาย ภาพยนตร์แนวโรแมนติก/ตลก เจ้าสาวผัดไทย เป็นผลงานการสร้างของ นครไทยพิคเจอร์ เขียนบท-กำกับฯ โดย มงคลชัย ชัยวิสุทธิ์ นักเขียนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นามปากกา "ตีตั๋ว" ที่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนเขียนบท-ผู้กำกับฯ และเคยมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ เมื่อปี 2545, ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารโดย กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร, อำนวยการสร้างโดย ประไพพรรณ ชัยวิสุทธิ์, กำกับภาพโดย วันชัย เล่งอิ๊ว, ดนตรีประกอบโดย ปธัย วิจิตรเวชการ
ไอ้ฟัก (2547/2004) เมื่อ 30 ปี ก่อนที่หมู่บ้านธรรมะสว่าง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ที่ซึ่งศาสนา ประเพณี และวิถีชีวิตชาวบ้านผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ฟัก (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) บวชเรียนตั้งแต่เด็ก และตั้งใจปวารณาตัวทั้งชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ชาวบ้านต่างหวังว่า เขาจะเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวัด แต่เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม ฟัก กลับตัดสินใจขอลาสึกออกมา เพราะพ่อของเขาเริ่มไม่แข็งแรง จากนั้นเขาก็ถูกเกณฑ์ทหาร เมื่อเขากลับบ้านมา หลังปลดประจำการจากการเป็นทหาร เขาได้พบ สมทรง (บงกช คงมาลัย) หญิงสาวแปลกหน้าโดยบังเอิญ และรู้สึกเหมือนรักแรกพบ แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับ ฟัก เมื่อเขากลับบ้านเขาพบว่า สมทรง เป็นสาวที่ไม่เต็มเต็ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเมียของพ่อเขาอีก และจู่ ๆ พ่อของเขาก็ตายจากไป ทิ้ง สมทรง ให้เป็นภาระของ ฟัก ที่ต้องดูแล การใช้ชีวิตตามลำพังกับ สมทรง ฟัก ต้องต่อสู้อย่างหนัก กับความต้องการทั้งทางร่างกาย และทางหัวใจที่เขามีต่อเธอ แม้จะยากแต่เขาก็รับเลี้ยงดู และอยู่ร่วมกันกับเธอต่อไป เพราะเขาคิดว่าเป็นหน้าที่ที่พึงมีต่อมนุษย์ผู้อ่อนแอกว่า และที่สำคัญ เขาเองก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตกับเธอ ชาวบ้านเริ่มจับตาพฤติกรรมของหนุ่มสาวคู่นี้มากขึ้น ในที่สุดชาวบ้านก็เชื่อแน่ว่า ฟัก กระทำผิดอย่างร้ายกาจ คือเอาเมียพ่อเป็นเมีย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยล่วงเกินใด ๆ ทางกายต่อ สมทรง และเขาก็สาบานกับตัวเองว่า เขาไม่มีวันร่วมหลับนอนกับเธอเด็ดขาด พฤติกรรมแปลก ๆ ของ สมทรง เช่น แก้ผ้าอาบน้ำไม่เป็นที่เป็นทาง ร้อนก็ถอดเสื้อผ้ากลางสวน โกรธก็เปิดผ้านุ่งโชว์ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ จนถึงขั้นจะขับไล่เธอออกจากหมู่บ้าน ฟัก ต่อสู้กับชาวบ้านอย่างหนักเพื่อรักษา สมทรง ไว้ จนชาวบ้านหันมาเกลียด ฟัก และคิดว่าเขามัวเมาในกาม จนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี นำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่บ้าน ท่ามกลางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคม เส้นที่ขีดกั้นระหว่าง ดี - ชั่ว หรือ ถูก - ผิด ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกที่ ฟัก มีต่อ สมทรง การอยากปกป้องดูแลผู้หญิงไม่เต็มเต็งคนหนึ่ง กลายเป็นความผิดด้วยหรือ? คำพิพากษาเรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์ ที่ถูกผลักดันให้กลับกลายเป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจของ ไอ้ฟัก
ทวิภพ (2547/2004) มณีจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 6 สาขาประวัติศาสตร์ ประจำกงสุลไทยนครปารีส ถูกเรียกตัวด่วนในคืนนั้น ในฐานะตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับประเทศสยาม อันเป็นที่มาของบันทึกนั้น วัวอิยา ถูกจัด ระดับความสำคัญเพียง “นิยายไร้สาระ” แต่ในความคิดของ มณีจันทร์ มันเป็นสิ่งที่น่าค้นหา …เธอได้ล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนแห่งความลับที่ถูกกำหนดไว้จากบันทึกนี้ ดินแดนที่เธอไม่เชื่อว่าเป็นจริงเมื่อแยกจากโลกปัจจุบัน ..หญิง สาวต้องกลับประเทศไทยด้วยเหตุผลบางประการ ที่บ้านเกิดในเมืองไทย มณีจันทร์ สับสนและแยกแยะไม่ออกว่า ตัวเธออยู่ในความเป็นจริงอันใด.. “วันนี้คืออดีตของพรุ่งนี้ ? หรือ วันนี้คืออนาคตของเมื่อวาน ?” “มณีจันทร์” จะอยู่ในตำแหน่งไหนของตัวเธอเอง หลายครั้งที่เธอคิดอยู่เสมอว่า เธอเป็นต้นเหตุของบันทึกเสียเองหรือไม่ ? และการเดินทางครั้งใหม่ของ มณีจันทร์ ก็เริ่มขึ้น เมื่อภาวะสมดุล ความจริงกึ่งฝัน นำ มณีจันทร์ สู่ดินแดนที่แปลกหน้าทีละน้อย ดินแดนนั้นคือบ้านเกิดเมืองนอนของเธอนั่นเอง แต่เธอเป็นคนแปลกหน้าของที่นั่น…เธอได้กลับไปสู่บ้านเมืองของเธอเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว กลับไปสู่ “สยาม” แห่งการเริ่มต้นของอารยธรรมใหม่ กลับไปสู่ รัชสมัยพระจอมเกล้าฯ ยุคแห่งการเอาตัวให้รอดจากการล่าอาณานิคมของตะวันตก ยุคที่ต้องยอมรับว่า “ภาษาอังกฤษคือภาษาอนาคต” “การกลับไปได้เห็น” ของมณีจันทร์เหมือนความฝันที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า “ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน” ก็ยังเป็นสิ่งเตือนใจเสมอ ..แต่ที่ไหนล่ะคือบ้านที่แท้จริงของเธอ ? ที่ใดคือปัจจุบันของเธอ ? ความรักอยู่ที่ภพไหน ? การเสียดินแดนครั้งสำคัญที่สุดในสยาม หรือ “วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112”..คือบทสุดท้ายของเรื่องราว รวมทั้งเป็นวิกฤตสำคัญของเธอด้วย เหตุการณ์ที่ปากน้ำ ใน “วิกฤต ร.ศ. 112” ทำให้มณีจันทร์ต้องเสียสละความรัก เพื่อ คงอดีตที่ถูกต้องไว้ มณีจันทร์ ได้เข้าใจว่า “ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่เพราะมันจากไป หากแต่เพราะมันยังอยู่ต่างหาก”
ครูแก แรงรัก แรงอาถรรพ์ (2547/2004) ครูฉาย (จรัล เพ็ชรเจริญ) ครูหนังตะลุงที่มีตัวหนังตะลุงเอกที่เป็นตัวตลก และเป็นตัวชูโรงประจำคณะ โดยท่านให้ความเคารพรัก และเทิดทูนตัวหนังตัวนี้อย่างสูงโดยเรียกอย่างยกย่องว่า ครูแก ซึ่งเป็นขวัญใจของคนดูหนังตะลุงทั่วภาคใต้ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ไอ้แก ซึ่งมีคำร่ำลือว่าตัวหนัง ไอ้แก นั้นมีชีวิตมักจะแสดงอะไรแปลก ๆ ได้เสมอ และเมื่อเผลอมันจะลุกขึ้นเดินเหินแอบขึ้นไปยืนปร๋ออยู่กับตัวหนังตัวนางตัวหนึ่งที่ชื่อว่า พยอม (ปรางทอง ชั่งธรรม) ซึ่งตำนานของมันมาจาก แก (ภาณุ สุวรรณโณ) นายหนังตะลุงฝีมือดีผู้ถูกกีดกันจาก พ่อของพยอม สาวคนรักจนทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย เขาได้นำหนังเท้าของเธอมาทำเป็นตัวหนังตะลุงเพื่อให้เป็นตัวแทนของเธอ และเมื่อเขาใกล้เสียชีวิตก็ได้สั่งลูกศิษย์ให้นำหนังเท้าของมาทำตัวหนังตะลุงด้วยอีกตัว จนกลายเป็นตัวตลกยอดนิยม นี่เองเป็นที่มาของความรักอมตะที่แม้แต่กาลเวลาและความตายก็ไม่อาจพรากทั้งคู่ให้จากกันได้
มหัศจรรย์...พันธุ์รัก (2547/2004) เรื่องราวของ แมกซ์ (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) อาร์ตไดเรคเตอร์นิตยสารเล่มหนึ่ง ที่อกหักยับเยินเมื่อพบว่า ทราย (สุชาญา ไกรสุวรรณ) แฟนสาวที่กำลังจะขอแต่งงานกำลังอยู่กับชายอื่น ความผิดหวังนี้กลับกลายเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้พรวิเศษจากทะเล ทำให้เขาสามารถมองเห็นความคิดที่แท้จริงของคนได้ แมกซ์ ก็รู้สึกสนุกกับการใช้อำนาจนี้มองความคิดของคนอื่น รวมถึงเพื่อนสนิทอย่าง เอก (ชัยลดล โชควัฒนา) เซลล์ขายรถที่กำลังหลอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท และเพื่อนสไตล์ลิสเกย์ชื่อ ป๊อป (โจอี้ บาซู) ทำให้ แมกซ์ ได้รู้ว่า ป๊อป นั้นแอบหลงรักตัวเองอยู่ แมกซ์ ได้เตือน เอก ให้อยู่กับความเป็นจริง แต่ตัวเขาเองกลับไม่กล้าใช้อำนาจวิเศษนี้กับ พิมภัทรา (รัฐพร วัฒนสมบัติ) หมอสาวที่ตนหลงรัก และมาจากสังคมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะกลัวความจริงจะทำให้เขาผิดหวัง แม้จะรู้ภายหลังว่า พิม มีแฟนอยู่แล้ว คือ หมอวัชระ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) หมอหนุ่มฐานะและหน้าที่การงานดี แต่สุดท้ายเขากล้าเผชิญความจริงในใจพิมผู้หญิงที่เขารักด้วยตัวของเขาเอง
สนิมสร้อย (2546/2003) จากวรรณกรรมลือเลื่องของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มาเป็นภาพยนตร์โดย จรูญ วรรธนะสิน สนิมสร้อย เป็นเรื่องราวของสำนักโสเภณีชั้นสูงแห่งหนึ่งเมื่อเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา.. "บ้านพี่สมร" ภายใต้ พ.ร.บ. ว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ.2471 ขณะที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีศูนย์การค้า คอกเทลเลานจ์ สถานบริการอาบอบนวด ฯลฯ สตรีโดยทั่วไปในสังคมไทย การศึกษายังค่อนข้างถูกจำกัด และถูกอบรมให้ต้องอยู่กับบ้านเฝ้ากับเรือน เสรีภาพที่ผู้ชายจะพบปะกับผู้หญิง ยังไม่ง่ายเหมือนทุกวันนี้ ความเป็นอยู่ในสังคมขณะนั้นกำลังฟื้นตัว แต่ผู้หญิงส่วนหนึ่ง ก็ยังต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหนีความยากจน มาเป็นโสเภณีด้วยความสมัครใจ ระบบซ่องแบบบ้านตอนนั้น กำลังแพร่กระจายไปตามย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ เป็นรอยต่อเริ่มที่จะมีการนำเด็กมาขายสู่อาชีพนี้ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ในขณะนั้น ได้ใช้เวลากินนอนอยู่ใน "บ้านพี่สมร" เกือบปี เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากชีวิตที่มีตัวตนจริง อย่างไม่ดูถูกเหยียดหยาม หากแต่เต็มไปด้วยลมหายใจของความเป็นมนุษย์มนา จนได้รับการยกย่อง จากวงการวรรณกรรมในเวลาต่อมาว่า เป็นเสมือนมหากาพย์แห่งกะหรี่ ที่ไม่หยาบสกปรกเฉาะแฉะลามกอนาจาร หากเปี่ยมด้วยเรื่องของชีวิต ความรัก และตัณหา ระคนเสียงหัวเราะ ร้องไห้ โศกสลด สะเทือนอารมณ์ และเจ็บๆ คันๆ จนยากที่จะรับรู้ไว้ด้วยอารมณ์วางเฉย เป็นเรื่องของเจ้าสำนัก พี่สมร ซึ่งมีการศึกษาดีพอใช้ แต่บาดแผลจากความหลัง ความเก็บกดจากอาชีพที่ทำ กลายมาเป็นอาการทางจิต "มาโซคิสม์" เสมือนเป็นการลงโทษตนเอง ก่อนจะสมอารมณ์หมาย เรื่องของ ก้าน ม.ด. ที่มีศรัทธาเทอดทูลพี่สมร จนรู้สึกเหมือนหมามีเจ้าของ ทุกครั้งที่สบตากับเจ้าสำนัก เรื่องของผู้หญิงส่วนหนึ่ง ที่ไม่เพียงเพราะการศึกษาต่ำหรือความยากจน หากยังถูกรังแกเอาเปรียบทางเพศจากผู้ชาย ผลักดันมาสู่อาชีพนี้ เช่น สิรี สมทรง วงเดือน มาลี บังอร ฯลฯ และแน่นอน เรื่องของผู้ชายหลายอาชีพ ที่เข้ามาเที่ยวมาหลงไหลร่ำรัก ดุจเช่น ป๋าพร คุณเชลา คุณทนิน ฯลฯ รวมทั้งอีกหลายๆ ชีวิตที่เป็น ตำรวจ ซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนในบ้านนี้ ทั้งเป็นการส่วนตัว และหน้าที่ตามกฎหมาย สนิมสร้อย พิมพ์เป็นหนังสือสู่สายตาผู้อ่านก่อน จัน ดารา ราว 5 ปี กอปรด้วยลีลาการเขียน ของภาษาทางอารมณ์ที่คมคาย เจ็บคัน ขำขัน ฯลฯ โด่งดังจนมีผู้ติดตามอ่านกันอย่างงอมแงม ในหนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ของท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และพิมพ์รวมเล่มสำหรับผู้อ่าน ที่หมุนเวียนเปลี่ยนรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ แพรวสำนักพิมพ์ กำลังจะพิมพ์เป็นครั้งที่ 8 ชีวิตเหล่านั้น ได้ถูกปลุกขึ้นมาให้โลดแล่นอยู่บนจอยักษ์ ในรูปแบบของภาพยนตร์ที่ไม่หยาบโลน จากฝีมือของผู้กำกับฯ เรื่อง เชอรี่ แอน - จรูญ วรรธนะสิน ซึ่งสร้างในแนวจั๊กจี้ ขำขัน สะเทือนอารมณ์ ทั้งร้องไห้และหัวเราะ ในความเป็น ผู้หญิง-ผู้ชาย ซึ่งเฉี่ยวไปเฉี่ยวมากับเรื่องพรรค์นี้ ในแนวที่ยังไม่เคยมีใครสร้างเป็นหนังมาก่อน ไม่ว่าหนังไทยหรือหนังเทศ... สนิมสร้อย จึงมีเอกลักษณ์ที่คอหนังพลาดไม่ได้เด็ดขาดใน พ.ศ.นี้
แฟนฉัน (2546/2003) เรื่องราวในวัยเด็กของ "เจี๊ยบ" ที่มีเพื่อนสนิทคือ "น้อยหน่า" เด็กหญิงข้างบ้าน ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตลอด แต่เด็กชายก็อยากมีเพื่อนๆ ผู้ชาย และเล่นตามประสาเด็กชายบ้าง ทำให้เขาหันไปเข้ากับกลุ่มเด็กชายจอมซ่า ที่มี "แจ๊ค" เป็นหัวโจก ทว่าการเข้ากับกลุ่มของแจ๊ค กลับทำให้น้อยหน่าเพื่อนรักต้องเสียใจ และยังทำให้เจี๊ยบพลั้งพลาดทำร้ายจิตใจของน้อยหน่าโดยไม่ตั้งใจ กว่าเจี๊ยบจะรู้ตัวว่าทำให้น้อยหน่าเสียใจ เธอก็ย้ายบ้านไปเสียก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากคำว่าขอโทษออกมา หลังจากย้ายบ้านไปเป็นเวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งงาน ของ น้อยหน่า ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเลือนราง แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำต่างๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจี๊ยบกับน้อยหน่า บ้านของทั้งสองอยู่ติดกันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เหตุนี้ทำให้เจี๊ยบติดสอยห้อยตามน้อยหน่า และคลุกตัวอยู่กับเพื่อนผู้หญิง จนทำให้แก๊งเพื่อนผู้ชายยั่วเย้าให้หัวเสียอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเริ่มโต เจี๊ยบก็เริ่มอยากเที่ยวเล่นแบบเด็กผู้ชาย จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองแม้จะทำให้น้อยหน่าเสียใจก็ยอม เจี๊ยบเพียรมาด้อมๆ มองๆ บ้าน น้อยหน่าเพื่อหาโอกาสกล่าวคำขอโทษ กระทั่งยอมมาตัดผมกับพ่อน้อยหน่าที่บ้านก็ยอม แต่จนแล้วจนรอด เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ขอโทษสักที จนถึงวันที่น้อยหน่าต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอื่น
คู่แท้ปาฏิหาริย์ (2546/2003) ทานน้ำ (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ออกจะเชย ๆ เธอมักจะทำอะไรเปิ่น ๆ เป๋อ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเพราะไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน แต่เธอก็แอบหลงรักรุ่นพี่ ที่เรียนมาด้วยกัน เขาชื่อว่า พี่เอก (ปิยะ วิมุกตายน) เธอคอยตามเขา ไม่ว่าเขาจะเรียนที่ไหน ทำงานอะไร แม้ตัวเธอจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่เพราะเขาคนเดียวเท่านั้น ที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้ใกล้ชิด และหากเรื่อง 'ปาฏิหาริย์' ไม่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตเธอ เธอก็คงได้แต่แอบรักเขาอย่างนี้เรื่อย ๆ ในวันปีใหม่ น้ำตั้งใจจะสารภาพรักกับพี่เอกตามที่ ตุ่น (หทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ) เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอแนะนำ แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด น้ำจึงได้แต่นั่งเหงา และรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา แม้แต่งานโฆษณาที่เธอทำ ก็เกิดความผิดพลาดจนถูกต่อว่าเหมือนเคย แต่ครั้งนี้มันเกิดร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา น้ำต้องตกอยู่ในอันตราย เธอได้แต่เปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ในวินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มรูปหล่อขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตเธอไว้ และไม่ใช่ครั้งเดียว เขาปรากฎตัวช่วยเธอถึงสามครั้งในวันเดียวกัน น้ำ ทั้งแปลกใจและประหลาดใจที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่มาช่วยเธอคือ หมูตอน (เจษฏาภรณ์ ผลดี) เด็กอ้วนหุ่นฮิปโปเมื่อสมัยเรียน เขาเปลี่ยนไปจนน้ำจำไม่ได้ น้ำได้แต่สงสัยว่า ทำไมหมูตอนถึงปรากฎตัวช่วยเธอได้ทุกครั้ง หมูตอนบอกว่าที่เขามาช่วยน้ำ ก็เพราะคำมั่นสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ ถ้าน้ำต้องการความช่วยเหลือ... เขาจะมา หมูตอนอาสาช่วยทำให้ความรักของน้ำสมหวัง เขาจับเธอแปลงโฉมเป็นสาวสวยคนใหม่ ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องแปลกใจ แต่น้ำก็ยังไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง หมูตอนจึงต้องวางแผนสารพัด ทำให้พี่เอกหันมาสนใจ และรักเธอให้ได้ ระหว่างนี้เอง ความสนิทสนมและความผูกพัน ที่ทั้งสองเคยมีก็กลับมาอีกครั้ง น้ำมีความสุขอย่างประหลาด เธอได้หัวเราะ และร่าเริงขึ้น แม้จะถูกแซวว่าเป็นเพราะเธอมีความรักกับหมูตอน แต่น้ำกลับปฏิเสธว่า เป็นเพราะความรักของพี่เอกต่างหาก ยิ่งน้ำสนิทกับพี่เอกมากเท่าไร หมูตอนก็ยิ่งเงียบหายไปเท่านั้น ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่น้ำคิด ทำให้น้ำรู้สึกแย่ เพราะการหายตัวไปของหมูตอน น้ำพยายามร้องเรียกหาหมูตอนหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยแสดงตัวอีกเลย จนวันหนึ่ง น้ำตัดสินใจเดินลงไปบนถนน แล้วหมูตอนก็โผล่มาช่วยเธอจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เธอกำลังรอคอย และต้องการให้เกิดขึ้นจริง ๆ หมูตอนต่อว่าน้ำที่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้ น้ำขอให้หมูตอนอย่าจากเธอไปอีก ...เขาให้สัญญา ความห่างเหินของน้ำ ทำให้พี่เอกกลับมาหาน้ำ แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งเพราะความกดดัน ทำให้พี่เอกล่วงเกินน้ำ น้ำขัดขืนจนโรคหัวใจของเธอกำเริบ เธอแน่นหน้าอก และหายใจไม่ออก พี่เอกได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก ขณะที่น้ำกำลังจะแย่... น้ำฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล หมูตอนเป็นคนพาน้ำมาอีกแล้ว เขาจึงได้รู้จากหมอว่า หัวใจของน้ำกำลังแย่ ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยเร็วที่สุด หมูตอนไม่รู้จะช่วยน้ำได้ยังไง สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว คือทำให้น้ำมีความสุขที่สุด ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หมูตอนทำทุกอย่างเพื่อให้น้ำมีความสุข นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของน้ำ หมูตอนสารภาพรักกับน้ำ น้ำเองก็เพิ่งรู้ใจตัวเองว่า เธอรักหมูตอนเช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั่นเอง หมูตอนเกิดอาการผิดปกติ เขาเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาน้ำ สุดท้ายความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร หมูตอนหายไปไหน แล้วทานน้ำจะทำอย่างไร...
คืนไร้เงา (One Night Husband) (2546/2003) สิปาง สาวทันสมัย ได้พบรักกับ นภัทร อาจารย์มหาวิทยาลัย และตัดสินใจแต่งงานกันในเวลาไม่นาน แต่ในคืนวันแต่งงาน นภัทรกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้สิปางต้องออกตามหา ด้วยความช่วยเหลือของ ชาติชาย และ บุษบา พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางก็ได้ใกล้ชิดกับบุษบา และพบว่าหล่อนอยู่ในโลกที่แตกต่างกับเธออย่างสิ้นเชิง สิปาง (นิโคล เทริโอ) หญิงสาวสวยทันสมัย เธอพบรักกับนภัทร (วรวิทย์ แก้วเพชร) ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและตกลงแต่งงานกันในเวลาไม่นาน เขาก็หายตัวไปหลังจากได้รับโทรศัพท์ลึกลับในคืนวันแต่งงาน ด้วยความวิตกกังวลกับการหายตัวไปของนภัทร สิปางจึงเริ่มออกติดตามหา ด้วยความช่วยเหลือของชาติชาย (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และบุษบา (สิริยากร พุกกะเวส) พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางได้พยายามเข้ามาใกล้ชิดกับบุษบาเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับนภัทร เธอพบว่าบุษบาอยู่ในโลกที่แตกต่างกับสิปางอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นแบบฉบับของแม่บ้านช้างเท้าหลังที่มีชีวิตอยู่ใต้บงการของสามี เมื่อสิปางเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับนภัทรมากขึ้น โฉมหน้าใหม่ของสามีคืนเดียวของเธอก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นทีละน้อย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสิปางกับบุษบายิ่งนานวันยิ่งแนบแน่น การได้เรียนรู้ชีวิตในโลกที่แตกต่างกันทำให้สิปางถึงกับต้องคิดทบทวนความเห็นเดิมที่เธอเคยมีต่อความรัก การเสียสละ และความหมายของการดำรงชีวิตเสียใหม่ สิปางเริ่มต้นตั้งคำถามกับทุกอย่างในชีวิตซึ่งนำไปสู่จุดจบอันน่าสะเทือนใจ
Sex Phone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน (2546/2003) Sexphone คลื่นเหงา สาวข้างบ้าน บอกเล่าเรื่องราวของ ดื้อ (กวี ตันจรารักษ์) ดีเจหนุ่มรักสงบ ที่อาศัยอยู่กับคุณปู่ (สมชาย สามิภักดิ์) กับ เจ (พอลล่า เทเลอร์) หญิงสาวลูกครึ่งที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง โดยอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิท แต่ทั้งสองคนคือเพื่อนบ้านที่ไม่ลงรอยกันมาตลอด แต่เมื่อเอ็มม่า (โอฬาริก จารุวัฒน์) เพื่อนสนิทของเจ ได้ฝากเบอร์โทรศัพท์ของบ้านเจ เอาไว้ให้กับสถานีวิทยุที่ชื่อ "คลื่นเหงา" ของดีเจ.แมน (อนันต์ บุนนาค) ที่ดื้อทำงานเป็นผู้ช่วยสถานีวิทยุอยู่ที่นั้น แต่แล้วเมื่อวันที่ดื้อต้องจัดรายการวิทยุโดยจำเป็น ดื้อได้ต่อโทรศัพท์เข้าบ้านของเจ แล้วเกิดการเข้าใจผิดกัน ทำให้เจคิดว่าคนที่เธอคุยอยู่นั้น คือ "เซ็กส์โฟน" แต่หลังจากคืนนั้น เจก็กลายเป็นข่าวดังเพียงช่วงข้ามคืน เจเลยได้ต่อโทรศัพท์เข้าไปต่อว่าดื้อในรายการวิทยุก่อนวันขึ้นปีใหม่ แต่ไม่นานทั้งสอง ก็กลายเป็นเพื่อนคุยที่รู้ใจกันในที่สุด แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ทั้งสองคุยกันนั้น ก็คือเพื่อนบ้านตัวแสบที่ไม่ลงรอยกันนั้นเอง
กุมภาพันธ์ (2546/2003) เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีโอกาสรับรู้ถึงกำหนดวันตายของตัวเอง เธอตัดสินใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงสี่เดือน บินไปนิวยอร์ก เพื่อลืมความจริงอันแสนเจ็บปวดทั้งหลายที่เมืองไทย แต่ที่นิวยอร์ก เธอกลับประสบอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เธอกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง ท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกตา กลางเมืองอันแปลกแยกและสับสน ในซอกหลืบของความมืดแห่งมหานครนิวยอร์ก ที่นั่นเธอได้พบกับบุรุษลึกลับ ที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นใคร ทำงานอะไร รู้เพียงแต่ว่า เขาเป็นคนๆ เดียวที่คอยดูแลเธอตลอดมา เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน แม้จะทำให้บาดแผลของเธอดีขึ้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เท่ากับความรู้สึกที่เธอได้รับจากเขา ความรู้สึกที่เหมือนกับได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ความรักจะสำคัญอย่างไร ถ้าเธอได้รับรู้ว่า ช่วงเวลาอันแสนสุขนี้ มีเวลาถึงแค่เพียง กุมภาพันธ์ เท่านั้น
ความรักครั้งสุดท้าย (2546/2003) “ความรักครั้งสุดท้าย” เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตหญิงสาวผู้อ่อนไหวและโหยหาในความรัก หล่อนเคยมีความรักที่สวยงาม และเมื่อถึงวันที่เหตุการณ์อันสุดจะคาดเดามาถึงชีวิตและครอบครัวที่อบอุ่นกลับแตกร้าว หล่อนเดินจากมาพร้อมกับลูกชายและหญิงอันเป็นที่รัก 3 คน หล่อนตั้งใจว่าจะไม่แต่งงานเป็นหนที่สอง แต่ชะตาก็บันดาลให้หล่อนมาพบกับเขา ความว้าเหว่ทำให้หล่อนคิดว่ารักเขา แต่แล้วโชคชะตาก็กลับมาเล่นตลกกับหล่อน จนในที่สุดความรักและความหวังของหล่อนได้เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย…
สุดเสน่หา (2546/2003) รุ่ง สาวแรงงานทาสีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ ที่หลงรักชายหนุ่มกะเหรี่ยงหรือแรงงานพม่าที่หลบหนีมาเป็นแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยที่ชื่อว่า มิน โดยที่ มิน นั้นมีโรคทางผิวหนัง ทำให้รุ่งต้องพาเข้าไปรับการรักษา แต่ด้วยความที่เป็นแรงงานต่างด้าว จึงไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากสวัสดิการสังคมของประเทศไทยนัก รุ่ง จึงได้ฝากและจ้างวานให้ ป้าอร เป็นคนช่วยดูแลมินระหว่างที่เธอต้องทำงาน ป้าอร นั้นเป็นสาววัยกลางคนที่มีแรงปรารถนาอยากจะมีลูกอีกคน เนื่องจากลูกคนแรกได้จมน้ำเสียชีวิตไปแล้ว เธอจึงพยายามหาทางมีลูกกับสามีของเธอซึ่งทำงานข้าราชการ แต่สามีเธอกลับไม่ยอม เธอจึงหาหนทางอื่นที่จะมีลูกขึ้น โดยไปมีสัมพันธ์ชู้กับเพื่อนร่วมงานกับสามีของเธอแทน
ตะลุมพุก มหาวาตภัยล้างแผ่นดิน (2545/2002) พุทธศักราช 2505 การที่สาวอุดมการณ์สูงอย่าง กุลสตรี (พรหมพร) ถูกส่งตัวมาประจำที่กองเรือตรวจอากาศที่อ่าวนครศรีธรรมราช ทำให้เธอได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงานและความรัก และเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของเธอ อันตรายของพายุที่กำลังจะเกิด ทำให้เธอได้ขึ้นไปที่แหลมตะลุมพุกกับจ่าสมใจ (ฉัตรชัย) ผู้ไม่เคยเชื่อเช่นเธอ เรื่องราวบนแหลมตะลุมพุก นอกจากความสวยงามและวิถีชีวิตบริสุทธิ์ของชาวแหลมตะลุมพุก และอันตรายของพายุที่ทั้งคู่ต้องเผชิญแล้ว การได้พบเรื่องราวของความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ลงตัวของ 2 หนุ่ม 1 สาว และแรงกดดันของชุมชนที่ทำให้ พร้าว (ธันญ์) หนุ่มไทยเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของ ซากีนะห์ (ศศิธร) สาวชาวมุสลิม ความรักของทั้งสองได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความไม่พอใจของ ซอและ (ม.ร.ว.มงคลชาย) หนุ่มชาวมุสลิมซึ่งเป็นคู่หมั้นของซากีนะห์ จนนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้พร้าวต้องไปจากแหลมตะลุมพุก เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับซากีนะห์คนที่เขารัก พร้าวหนีใจตัวเองไม่พ้น พายุใหญ่เริ่มพัดกระหน่ำแหลมอย่างบ้าคลั่ง เหมือนอารมณ์ที่กดดันของเธอและเขา ในที่สุดพร้าวจึงตัดสินใจกลับมาที่ตะลุมพุกอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อซากีนะห์ พร้าวต้องเผชิญหน้ากับหายนะและอันตรายของคลื่นบ้าพายุคลั่งเป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เพราะสิ่งที่รอการกลับมาของพร้าวคือความแค้นของซอและ ที่รุนแรงไม่แพ้พายุที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พร้าวต้องฝ่าฟันไปให้ได้ สิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกคน คือพายุคลั่งลูกนี้มาทวงหา และตัดสินชะตาความกล้าตัวตนของคนที่อยู่บนแหลมทั้งหมดและเรื่องราวของแหลมตะลุมพุก ที่ทั้งกุลสตรีและจ่าสมใจได้พบไม่เพียงทำให้พวกเขาจดจำ แต่มันเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งคู่ตลอดไป และทำให้ทั้งคู่รู้จักคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง ชะตากรรมที่ทุกคนต้องมาร่วมกันครั้งนี้มันใหญ่ รุนแรง และน่ากลัว เกินกว่าที่ทุกคนจะรอดชะตากรรมนี้
มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544)

เรื่องย่อ : มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544/2001) เรื่องราวของ "แผน" หนุ่มบ้านนอกที่หลงไหลในการร้องเพลง เขาได้พบรักกับ "สะเดา" และได้แต่งงานกัน ชะตาชีวิตของแผนเริ่มพลิกผันเมื่อสะเดาตั้งท้องได้ห้าเดือนแผนก็โดนเกณฑ์เป็นทหาร ในระหว่างที่เป็นทหารนี้เองที่เขาได้ไปประกวดร้องเพลงและได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง นั่นทำให้แผนตัดสินใจครั้งใหญ่ในการตามหาฝันในการเป็นนักร้อง เขาหนีทหารและเข้ากรุงไปฝึกเป็นนักร้องอย่างที่มันฝันใฝ่ แต่แผนคิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

แผน หนุ่มลูกทุ่งที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง แม้จะแต่งงานกับ สะเดา เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว แผนก็ยังไม่ล้มเลิกความฝัน มีเสียงวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กซึ่งเป็นของขวัญวันแต่งงานเป็นสิ่งเดียวที่สร้างความบันเทิงให้กับคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน เสียงเพลงที่ลอยออกมาจากวิทยุทรานซิสเตอร์อดทำให้แผนหลับตาฝันเห็นตัวเองโด่งดังเป็นนักร้องชื่อดังอย่างคนอื่นเขาไม่ได้ แต่เมื่อสะเดาตั้งท้องเข้าสู่เดือนที่ 5 แผนก็ได้รับหมายเกณฑ์ไปเป็นทหาร และนี่เองชีวิตที่รุ่งโรจน์และร่วงโรยของแผนก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากประกวดร้องเพลงได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง แผนจึงตัดสินใจหนีทหารเพื่อเป็นนักร้องอย่างจริงจัง แม้จะต้องเป็นเบ๊ประจำวงก็เอา แต่ความอดทนก็มาถึงขีดสุดเมื่อถูกหัวหน้าวงคุกคาม แผนพลั้งมือทำร้ายผู้จัดการจนต้องหนีไปทำงานในไร่อ้อย ดันเกิดความซวยซ้ำซวยซ้อนถึงขั้นติดคุกติดตะรางกว่าจะพ้นโทษ และสิ่งเดียวที่แผนนึกถึงคือใบหน้าอันบริสุทธิ์ของสะเดาเมียรัก ก่อนจะลากสังขารกลับมายังรังรักอันเป็นที่พักใจสุดท้ายของคนชอกช้ำอย่างแผน

ขวัญ-เรียม (2544)

เรื่องย่อ : ขวัญ เรียม (2544/2001) ขวัญ (นินนาท สินไชย) และ เรียม (ภัครมัย โปตระนันทน์) หนุ่มสาวแห่งทุ่งบางกะปิที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พ่อของทั้งสองไม่ถูกกันทำให้ความรักของทั้งสองยากจะบรรจบ ซ้ำร้ายเมื่อเรียมจำต้องไปแต่งงานกับชายอื่นตามคำสั่งของพ่อ ขวัญชายหนุ่มบ้านนาต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อรักษาคนรักของเขาเอาไว้

ข้างหลังภาพ (2544)

เรื่องย่อ : ข้างหลังภาพ (2544/2001) ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก

เรื่องราวของหม่อมราชวงศ์กีรติ ผู้เดินทางตามสามีวัยชราไปยังประเทศญี่ปุ่น และได้พบกับ นพพร หนุ่มนักเรียนชาวไทยที่คอยปรนนิบัติดูแลเธอจนเกิดเป็นความรักระหว่างกัน แต่คุณหญิงไม่อาจตอบรับรักนพพรได้ จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี หลังจากสามีเธอสิ้นลง คุณหญิงกีรติได้เฝ้ารอการกลับมาของนพพรที่ท่าเรือ แต่กลับพบว่า เขามาเพื่อแต่งงานกับหญิงสาวที่หมั้นหมายไว้แล้ว

การเดินทางตามสามีวัยคราวพ่อไปยังประเทศญี่ปุ่น ของหม่อมราชวงศ์กีรติ ทำให้เธอต้องพบกับจุดเปลี่ยนแห่งชีวิต เมื่อที่นั่นมีเด็กหนุ่มนักเรียนชาวไทย นพพร คอยปรนนิบัติดูแลเธอ นานวันเข้าจากความใกล้ชิดก็แปรเปลี่ยนเป็นความรัก นพพรเพียรขอความรักจากคุณหญิง แม้หญิงสาวไม่ตอบรับรักเขาก็ตาม พ้นเหตุการณ์นั้นไป 6 ปี เมื่อสิ้นสามี ในขณะที่นพพรเรียนจบแล้ว คุณหญิงกีรติก็มาเฝ้ารอเขายังท่าเรือ โดยไม่รู้เลยว่า นพพร กลับมาเพื่อแต่งงานกับคู่หมั้นที่หมั้นหมายไว้ก่อนจะไปญี่ปุ่น

ฟ้าทะลายโจร (2543)

เรื่องย่อ : ฟ้าทะลายโจร (2543/2000) เรื่องราวความรักของ "รำเพย" และ "ดำ" ที่ความรักของพวกเขาต้องพลาดจากกันเมื่อมีเหตุให้ดำต้องเข้าสู่เส้นทางมือปืน ส่วนรำเพยกลับหมั้นหมายกับนายตำรวจตามที่พ่อจัดการให้ ด้วยเส้นทางที่ขัดแย้ง ระหว่างนายตำรวจต้องการจับตัวดำมาลงโทษ และดำที่ไม่สามารถจัดการกับนายตำรวจด้วยเห็นแก่ความสุขของรำเพย นำไปสู่ความแคลงใจกับพวกพ้องโจรด้วยกัน และการแก้แค้นของพวกโจรที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกข้าง

ฟ้าทะลายโจร เป็นเรื่องราวของโศกนาฎกรรมความรัก ระหว่าง "รำเพย" หญิงสาวในตระกูลสูงศักดิ์ กับ "เสือดำ" จอมโจรผู้เดียวดายและเปลี่ยวเหงา ทั้งสองพบกันในช่วงปฐมวัย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวของรำเพย อพยพมาหลบภัย อยู่กับครอบครัวของดำที่สุพรรณบุรี ที่นี่เอง ความสนิทสนมได้ก่อตัวขึ้นช้าๆ และเมื่อเด็กชายดำได้ช่วยปกป้องเด็กหญิงรำเพย จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ และฝากรอยแผลเป็นจารึกไว้ที่หน้าผากจนชั่วชีวิต เด็กทั้งสองก็ได้ประทับความทรงจำนั้น ตราตรึงไว้ในหัวใจตลอดไป แม้จะจากกันไปแล้ว ก็ยังเฝ้าถวิลหากันไม่เสื่อมคลาย

สิบปีต่อมา ทั้งสองพบกันอีกครั้งในพระนคร และดำได้ช่วยปกป้องรำเพยไว้เป็นครั้งที่สอง ความทรงจำในวัยเยาว์ที่เขาและเธอมีต่อกัน บัดนี้งอกงามเพิ่มพูน จนกลายเป็นความรักอันจีรังยั่งยืน ดำให้สัญญาว่า เขาจะกลับไปทำไร่ที่สุพรรณ เก็บเงินมาสู่ขอรำเพยให้ได้ ส่วนเธอก็สัญญาว่า ถ้าความรักไม่สมหวัง เธอก็จะหนีตามเขาไป แต่แล้วโชคชะตาก็มักเล่นตลกกับมนุษย์เสมอ เมื่อดำกลับถึงบ้านแล้วพบว่าพ่อถูกฆ่าตาย เขาคว้าปืนออกมา ตามล้างแค้นคนที่ฆ่าพ่อ จนต้องตกระหกระเหิน ไปพบกับกองโจรของเสือฝ้าย และเสือมเหศวร ดำจำต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย นับแต่นั้นมา ทั่วทั้งสุพรรณก็รู้จักชื่อของ"เสือดำ" สมุนมือขวาของเสือฝ้าย ผู้ยิงปืนแม่นราวจับวาง ส่วนรำเพยถูกบังคับให้รับหมั้นกับ รตอ.กำจร เธอตัดสินใจหนีตามดำไป โดยทั้งสองนัดแนะกันมารอที่ศาลารอนาง สถานที่ซึ่งทั้งสองต่างประทับใจในวัยเด็ก

แต่แล้ว อนิจจา.. โชคชะตาก็เล่นตลกอีกเป็นครั้งที่สอง.. เสือดำบังเอิญติดภารกิจสำคัญ แม้จะพยายามเร่งรีบเพื่อจะมาพบเธอให้ได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว รำเพยรอจนเชื่อว่าเขาคงไม่มาแล้ว จึงกลับไปเข้าพิธีหมั้นกับ รตอ.กำจร ด้วยหัวใจแตกสลาย

หลังงานหมั้น รตอ.กำจร นายตำรวจหนุ่มจากพระนคร ตัดสินใจนำกำลังตำรวจไปกวาดล้างรังโจรเสือฝ้าย เพื่อหวังสร้างผลงาน แต่เสียทีถูกเสือฝ้ายจับตัวได้ เสือฝ้ายให้เสือดำไปสังหาร รตอ.กำจร ครั้นรู้ว่าวาระสุดท้ายของตนมาถึงแล้ว รตอ.กำจร ได้ขอร้องเสือดำให้ส่งข่าวแก่คู่หมั้นของเขา พร้อมมอบรูปถ่ายรำเพยให้ดู เสือดำตกตะลึง เมื่อรู้ว่ารำเพยคือคู่หมั้นของ รตอ.กำจร แต่ด้วย ความรัก ความเสียสละ เขาตัดสินใจปล่อย รตอ.กำจร ไปด้วยดวงใจอันปวดร้าว เมื่อเสือฝ้ายรู้ว่าเสือดำทรยศต่อเขา จึงสั่งให้เสือมเหศวรหลอกเสือดำไปฆ่า แต่เสือดำก็รอดมาได้หวุดหวิด ทั้งยังรู้ข่าวว่าเสือฝ้ายจะยกพวกไปถล่มงานแต่งงานของ รำเพยกับ รตอ.กำจร ในคืนวันงานที่จะถึงนี้ เสือดำก็ตัดสินใจเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้องคนที่เขารัก ให้พ้นจากอันตรายอีกครั้งหนึ่ง..

ดอกไม้ในทางปืน (2542)

เรื่องย่อ : ดอกไม้ในทางปืน (2542/1999) ลพ ลำนารายณ์ นิด วัดสอง และสวน สรรพยา เป็นมือปืนใกล้ชิดเสี่ยล้อ แต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์ความเป็นมือปืน ที่รักษากฎเกณฑ์อันพึงปฏิบัติของนักฆ่ามืออาชีพไว้อย่างเคร่งครัด การที่ลพได้พบรักกับดลใจ พนักงานขายประกันชีวิตสาว และความรักที่เริ่มผูกพันอย่างแนบแน่นของคนทั้งสอง ทำให้ลพพร้อมที่จะเลิกอาชีพนักฆ่า เพื่อไปประกอบอาชีพสุจริต คือทำสวนดอกไม้ และปลูกดอกไม้ขาย ตามความปรารถนาของดลใจ ในขณะที่ลพกำลังพยายามล้างมือจากการเป็นนักฆ่าอาชีพ สวน สรรพยา ได้มาเสนองานง่าย แต่เงินดี และไม่ต้องเสี่ยงตาย หรือต้องปลิดชีวิตใครอีกแล้ว และเป็นงานที่สวนรับมาจากเสี่ยเคี้ยง เศรษฐีนักค้ายาเสพติดอีกต่อหนึ่งให้ลพเพื่อทำงานร่วมกับเขา และเมื่อเสร็จงานลพก็จะสามารถเอาเงินมาตั้งเนื้อตั้งตัวทำสวนดอกไม้กับดลใจสมดังเจตนารมย์ แต่…งานง่ายแต่เงินดีของสวนครั้งนี้กลับพลิกผันโดยสิ้นเชิงอย่างไม่คาดฝัน ทำให้ความหวังของลพและดลใจ ที่จะเลิกอาชีพนักฆ่า และพนักงานขายประกันชีวิต ต้องพังทลายลงอย่างไม่อาจหวนกลับคืนมาได้อีก และกลายเป็นการทรยศหักหลังซับซ้อนกัน อย่างที่ลพเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะทำให้ชีวิตของเขาและดลใจต้อง เปลี่ยนจากหน้ามือไปได้ถึงเพียงนั้น