บางระจัน (2543)

เรื่องย่อ : บางระจัน (2543/2000) ตำนานวีรชนบ้านบางระจันแห่งจังหวัดสิงห์บุรีที่ปกป้องบ้านเมืองของตน แม้เป็นชาวบ้านเพียงหยิบมือแต่กลับต่อสู้กับทัพพม่าจำนวนมหาศาลได้อย่างทัดเทียม สร้างความปั่นป่วนต่อเนเมียวสีหบดีผู้นำทัพพม่าเป็นอย่างยิ่ง จนต้องระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อโจมตีหมู่บ้านเล็กๆ นี้ให้จงได้

เรื่องราวของชาวบ้าน 11 คนที่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยต่างหยิบดาบสู้กับพม่าด้วยหัวใจกล้า ต่อกรกับทัพพม่าที่มีไพร่พลมหาศาล... ปีระกา เดือน 3 พุทธศักราช 2308 ในเวลานั้น พม่าแบ่งกำลังออกเป็น 2 เส้นทาง มังมหานรธา ตีจากทิศตะวันตก เนเมียวสีหบดี (พิเศษ สังข์สุวรรณ) ตีไล่จากทางเหนือ หวังขนาบกรุงศรีอยุธยา ครานั้นทัพของเนเมียวต้องล่าช้าไป เนื่องจากติดพันการต่อสู้กับกลุ่มชาวบ้าน ที่รวมตัวกันในนาม "บางระจัน"

เนเมียวสีหบดี แค้นหนักที่กองทัพของตนพ่ายแพ้ถึง 3 ครั้ง จึงเพิ่มกำลังหนักเข้า ชาวบางระจันรบกันอย่างถวายหัว แต่คราวนั้นพ่อแท่น (ชุมพร เทพพิทักษ์) หัวหน้าของชาวบ้าน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ทุกคนจึงต้องหาผู้นำคนใหม่

ขณะนั้นข่าวการชนะพม่าของบางระจันกระจายไปทั่ว ชาวบ้านมากมายพากันมารวมตัวสู้ บางระจันได้ผู้มีฝีมืออีกสองคนมาช่วยคือ นายดอก (นิรุต สาวสุดชาติ) ครูมวยจากวิเศษไชยชาญ และ นายทองแก้ว (สมนึก แก้ววิจิตร) ครูดาบบ้านโพธิ์ทะเล

ชื่อกลุ่มโจรของ นายจันหนวดเขี้ยว (จรัญ งามดี) เป็นที่กล่าวขานในเวลานั้น บางระจันจึงส่ง นายอิน (วินัย ไกรบุตร) มือแม่นธนู, นายเมือง (อรรถกร สุวรรณราช) คนหนุ่มใจกล้าและพวก เสี่ยงภัยออกจากค่ายไปตาม นายจันยอมมาช่วยบางระจันทันที เมื่อรู้ว่า พระอาจารย์ธรรมโชติ (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง) ย้ายจากเขานางบวช บ้านเกิดของตนที่วอดวายไปแล้ว มาจำวัดที่บางระจัน นายจันหนวดเขี้ยว เป็นนักรบประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ด้วยครั้งหนึ่งตนเคยเสียชีวิตลูกเมียให้กับพม่า

เมื่อได้เป็นผู้นำคนใหม่ จึงเปลี่ยนแปลงบางระจัน ให้ทุกคนมีวินัย และไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ทำให้นายจันไม่เป็นที่ถูกใจของ นายทองเหม็น (บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์) ขี้เมาพเนจรที่ชอบขี่ควายแอบออกจากค่าย ไปตีพม่าอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีใครรู้สาเหตุว่า นายทองเหม็นทำอย่างนั้นเพื่ออะไร

เมื่อหยุดจากการรบ ชาวบ้านก็เป็นเพียงชาวบ้าน ความรักของนายเมือง และอีแตงอ่อน (สุนทรี ใหม่ละออ) ลูกสาวพ่อแท่น กำลังก่อตัวขึ้นอย่างงดงาม พ่อแง่แม่งอนตามประสา เช่นเดียวกับนายอินกับ อีสา (บงกช คงมาลัย) เมียรักที่เพิ่งอยู่กินกัน ความกดดันจากสงคราม ทำให้อีสาไม่บอกให้นายอินว่าตนกำลังท้อง ด้วยกลัวผัวจะเป็นกังวล

นายเมือง นายอิน ต้องเสี่ยงภัยกันอีกครั้ง เมื่อต้องเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา เพื่อขอปืนใหญ่ แต่เมื่อไปถึงกลับได้รับการปฏิเสธกลับมา เมื่อนายอินกลับมาแล้วมารู้ทีหลังว่าเมียกำลังท้อง

แล้วนายปลั่ง เพื่อนรักที่ร่วมรบกันมาจนบาดเจ็บพิษไข้ขึ้น ถึงกลับวิกลจริตไป ซ้ำมารู้ว่า ตนกำลังจะมีลูก นึกแค้นพม่าหนัก นัดพาพวกล่องเรือไปตีพม่าถึงในค่าย โดยไม่รู้ว่า พม่าเองก็แอบส่งกำลังมาตีบางระจันเช่นกัน ครั้งนั้นด้วยใจร้อน นายอินพาคนไปตายมากมาย ซ้ำกลับมาค่ายบางระจันก็ถูกตีจนยับเยิน คนตายมากมาย ชาวบ้านก็พากันอพยพหนีไป นายจันท้อใจจะกลับไปเป็นกองโจรเหมือนเดิม หากแต่ได้กำลังใจอย่างไม่คาดคิดจากนายทองเหม็น ขี้เมาที่เป็นอริกันมาตลอด และรู้ว่าแท้จริงแล้ว นายทองเหม็นเอง ก็มีอดีตที่เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าตน

ยามนั้นพม่าได้แต่งตั้งนายกองคนใหม่นามว่า สุกี้ (กฤษณ์ สุวรรณภาพ) เข้าตีบางระจัน ทัพสุกี้ครั้งนี้มีกองปืนใหญ่มาด้วย บางระจันเอาปืนใหญ่เข้าสู้ ทั้งที่ร้าวอย่างไม่มีทางเลือก ทุกคนรู้ชะตากรรมว่า นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายของบ้านบางระจันแล้ว...

บางกอกแดนเจอรัส เพชฌฆาตเงียบ อันตราย (2543)

เรื่องย่อ : Bangkok Dangerous บางกอก แดนเจอรัส เพชฌฆาตเงียบ อันตราย (2543/2000) ก้อง (ปวริศร์ มงคลพิสิฐ) เด็กชายที่เป็นใบ้ หูหนวก ความไม่สมประกอบของก้อง ทำให้เขาขาดความเชื่อมั่น เขาขลาดจนเก็บตัวอยู่ในโลกเงียบๆ ของตัวเอง ถูกข่มเหงรังแกมาตั้งแต่เด็ก ก้องกำพร้าพ่อ ติดสอยห้อยตามแม่ ซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาดของสนามยิงปืน จนกระทั่งย่างเข้าวัยรุ่น วันหนึ่ง ก้องมีโอกาสได้จับปืน ลั่นไกเป็นครั้งแรก ก้องเห็นคนอื่นที่มายิงปืนในสนาม ตกใจกับเสียงปืน ทำให้ก้องรู้ว่าทุกคนกลัวปืน แต่เขากลับไม่รู้สึกกลัวมัน ตรงกันข้าม ก้องกลับรู้สึกถึงพลังบางอย่างของมัน ที่แผ่ซ่านมาถึงหัวใจ มันทำให้เขาเกิดความมั่นใจ และรู้สึกมีอำนาจเหนือคนอื่นขึ้นมาทันที ก้องคิดว่า อย่างน้อยที่สุด คงไม่มีใครกล้ารังแก หรือลองดีกับคนที่ถือปืนอยู่ในมือเช่นเขา นั่นเป็นก้าวแรกในเส้นทางชีวิตของการเป็น "นักฆ่า" ของเขา ก้องซ้อมยิงปืนที่สนามทุกวัน จนเห็นได้ชัดเจน ถึงแววเพชฌฆาตในฝีมือการยิงปืน ที่แม่นเหมือนจับวาง โจ้ (พิเศก อินทรครรชิต) มือปืนคนหนึ่ง เห็นฝีมือการยิงปืนที่น่าทึ่งของก้อง เลยชักชวนเขาเข้าบริษัทรับจ้างฆ่า ทั้งคู่ทำงานด้วยกันอย่างเข้าขา ก้องเรียนรู้การเป็นมือปืนจากโก้ โจกลายเป็นทั้งเพื่อนและครูของก้อง โจ้สอนก้องให้เรียนรู้การฆ่าด้วยวิธีต่างๆ ทุกรูปแบบ จนวันหนึ่ง.. โจ้ทำงานชิ้นหนึ่งพลาด มือข้างขวาเกิดพิการ เขากลายเป็นมือปืนตกอันดับ โจ้เสียใจและท้อแท้ กลายเป็นคนขี้เหล้า รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีประโยชน์ ในขณะเดียวกัน ก้อง ซึ่งเป็นมือใหม่ ก็พัฒนาไต่เต้าขึ้นมา เป็นตัวแทนของโจ้ได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นานนัก ก้องก็กลายเป็นมือสังหารอันดับหนึ่ง แต่ก้องก็ยังศรัทธา และรักโจ้เป็นเพื่อนตายเหมือนเดิม นอกจากก้องแล้ว โจ้ยังมีคนอีกคนที่คอยห่วงใย คือ อ้อม (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) เธอเป็นผู้หญิงเงียบๆ ซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้าอันเรียบเฉย อ้อมทำงานเป็นลูกน้องของ "นาย" ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลของเหยื่อให้กับทีมสังหาร อ้อมกับโจ้เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แต่เมื่อเกิดความขัดแย้ง ทั้งคู่เลยแยกกันอยู่ แต่ก็คอยดูแลกันอย่างเงียบๆ วันหนึ่ง อ้อมไปรับงานจากลูกค้าโรคจิตรายหนึ่งของนาย เธอถูกข่มขืน เมื่อโจ้รู้ข่าว เขาตามไปฆ่าลูกค้าคนนั้นแก้แค้น นายไม่พอใจมาก ให้วางแผนกำจัดโจ้ โดยหลอกโจ้ให้ไปฆ่าเป้าหมายรายหนึ่ง โจ้ตกหลุมรับงาน เลยถูกสมุนของนายฆ่าตาย ขณะเดียวกัน ชีวิตของก้องก็เปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ก้องประทับใจ ฝน (เปรมสินี รัตนโสภา) ตั้งแต่แรกพบ เป็นครั้งแรกที่ก้องมีความรู้สึกว่า โลกนี้ยังมีคนสนใจเป็นห่วงเขา จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝนรู้ความจริงว่า ก้องเป็นมือปืนรับจ้าง เธอตกใจและปฏิเสธการจะพบเขา ก้องเสียใจมาก ประกอบกับรู้ข่าวการตายของโจ้ ก้องเริ่มรู้สึกถึงการสูญเสียคนที่รัก และเข้าใจความรู้สึกของญาติๆ ของเหยื่อที่ถูกเขาฆ่า ก้องตัดสินใจใช้ปืนครั้งสุดท้าย เมื่อรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของโจ้คือ "นาย" ก้องอยากแก้ไขสิ่งที่เขาทำผิด เขาวางแผนจัดการนาย เพื่อล้างแค้นให้โจ้ เสียงปืนนัดสุดท้าย แต่เป็นนัดแรกที่ก้องได้ยินดังขึ้น มันยุติความชั่วร้ายต่างๆ ลงได้...

 
Go-Six โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล (2543)

เรื่องย่อ : โกซิกซ์ โกหกปลิ้นปล้อน กะล่อนตอแหล (2543/2000) "ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกโกหกได้ ยกเว้นความรัก" คุณว่าไหม และนี่คือเรื่องราวความรักของผม

ผมชื่อพลับ อาศัยอยู่กับแม่ ครอบครัวแม่ผมเป็นทหารมาทั้งตระกูล แต่ผมไม่ได้เป็นทหารกับเขาหรอก ผมชอบงานด้านโฆษณามากกว่า ผมจึงเลือกเรียนทางด้านนิเทศศาสตร์ โดยส่วนตัวผมเป็นคนอ่อนโยนและอ่อนไหว ผมเกลียดการโกหกที่สุด ในชีวิตผมจึงไม่เคยโกหก ช่วงผมเรียนจบ ผมไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆแต่ไม่มีบริษัทไหนตอบรับผมเข้าทำงานเลย ผมจึงไปทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ทำให้ผมได้พบกับเธอ ผมตกหลุมรักเธอทันที เธอทำงานอยู่ที่ร้านอาหาญี่ปุ่นแห่งหนึ่งเช่นกัน ในที่สุดผมก็รู้จักชื่อของเธอ ยูมิ อยู่มาวันหนึ่งผมไปหาเธอ แต่ก็ไม่พบถามเด็กเสิร์ฟที่ร้านจึงรู้ว่ายูมิลาออกไปแล้ว ผมรู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้ผมจะได้เจอเธออีกหรือเปล่า

นุก เพื่อนผมทำงานเป็นตากล้องในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ได้โทรมาชวนผมไปเที่ยวกองถ่ายโฆษณาของเขา เพื่อที่จะได้พบกับเพื่อนเก่าที่เรียนมาด้วยกันและวันนั้นผมก็ได้พบกับยูมิอีกครั้งหนึ่ง เธอเป็นนางแบบโฆษณาให้กับงานชิ้นนั้น นอกจากยูมิแล้ว ผมยังได้พบกับขิง แฟนเก่าสมัยผมเรียน เราเลิกกันเพราะผมคิดว่าผมกับขิงช่างต่างกัน ในขณะที่ผมไม่มีอะไร แต่ขิงกลับมีเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง

ต่อมาทางบริษัทมีโครงการจะทำหนัง ผมถูกเลือกให้เป็นดารานำแสดงร่วมกับขิงและยูมิ เราทั้งสามกลายเป็นดาราด้วยกัน ระหว่างการถ่ายทำผมกับยูมิสนิทกันมากขึ้นและเกิดเป็นความรัก เราทั้งคู่ตกลงที่จะแต่งงานกัน

หลังจากแต่งงานเราทั้งสองก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เรื่องของผมยังไม่จบลงแค่นั้น เมื่อวันหนึ่งผมพบว่ายูมิมีเรื่องปิดบังผมอยู่ เธอโกหกผมมาตลอด ผมถือว่าเป็นการโกหกครั้งใหญ่ที่สุดที่ผมรับไม่ได้ แล้วผมจะทำอย่างไร จะกลับไปคืนดีกับขิงที่ยังรักผมอยู่ หรือจะกลับไปหายูมิคนที่ผมรักและโกหกผมมาตลอด

ดอกฟ้าในมือมาร (2543)

Mysterious Object at Noon ดอกฟ้าในมือมาร (2543/2000) เป็นภาพยนตร์สารคดี แนวทดลอง ที่กำกับโดยอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ในปี พ.ศ. 2543 เล่าเรื่องราวโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า "Exquisite corpse" เล่าเรื่องราวของ "ครูดอกฟ้า" แบบบอกต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง โดยทีมงานตระเวนถ่ายทำจากภาคเหนือสู่ภาคใต้และภาคอีสาน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทยในภูมิภาคต่าง ๆ ภาพยนตร์ถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำ 16 ม.ม. โดยไม่มีบทภาพยนตร์ แล้วขยายเป็น 35 ม.ม.

ฟ้าทะลายโจร (2543)

เรื่องย่อ : ฟ้าทะลายโจร (2543/2000) เรื่องราวความรักของ "รำเพย" และ "ดำ" ที่ความรักของพวกเขาต้องพลาดจากกันเมื่อมีเหตุให้ดำต้องเข้าสู่เส้นทางมือปืน ส่วนรำเพยกลับหมั้นหมายกับนายตำรวจตามที่พ่อจัดการให้ ด้วยเส้นทางที่ขัดแย้ง ระหว่างนายตำรวจต้องการจับตัวดำมาลงโทษ และดำที่ไม่สามารถจัดการกับนายตำรวจด้วยเห็นแก่ความสุขของรำเพย นำไปสู่ความแคลงใจกับพวกพ้องโจรด้วยกัน และการแก้แค้นของพวกโจรที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกข้าง

ฟ้าทะลายโจร เป็นเรื่องราวของโศกนาฎกรรมความรัก ระหว่าง "รำเพย" หญิงสาวในตระกูลสูงศักดิ์ กับ "เสือดำ" จอมโจรผู้เดียวดายและเปลี่ยวเหงา ทั้งสองพบกันในช่วงปฐมวัย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวของรำเพย อพยพมาหลบภัย อยู่กับครอบครัวของดำที่สุพรรณบุรี ที่นี่เอง ความสนิทสนมได้ก่อตัวขึ้นช้าๆ และเมื่อเด็กชายดำได้ช่วยปกป้องเด็กหญิงรำเพย จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ และฝากรอยแผลเป็นจารึกไว้ที่หน้าผากจนชั่วชีวิต เด็กทั้งสองก็ได้ประทับความทรงจำนั้น ตราตรึงไว้ในหัวใจตลอดไป แม้จะจากกันไปแล้ว ก็ยังเฝ้าถวิลหากันไม่เสื่อมคลาย

สิบปีต่อมา ทั้งสองพบกันอีกครั้งในพระนคร และดำได้ช่วยปกป้องรำเพยไว้เป็นครั้งที่สอง ความทรงจำในวัยเยาว์ที่เขาและเธอมีต่อกัน บัดนี้งอกงามเพิ่มพูน จนกลายเป็นความรักอันจีรังยั่งยืน ดำให้สัญญาว่า เขาจะกลับไปทำไร่ที่สุพรรณ เก็บเงินมาสู่ขอรำเพยให้ได้ ส่วนเธอก็สัญญาว่า ถ้าความรักไม่สมหวัง เธอก็จะหนีตามเขาไป แต่แล้วโชคชะตาก็มักเล่นตลกกับมนุษย์เสมอ เมื่อดำกลับถึงบ้านแล้วพบว่าพ่อถูกฆ่าตาย เขาคว้าปืนออกมา ตามล้างแค้นคนที่ฆ่าพ่อ จนต้องตกระหกระเหิน ไปพบกับกองโจรของเสือฝ้าย และเสือมเหศวร ดำจำต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย นับแต่นั้นมา ทั่วทั้งสุพรรณก็รู้จักชื่อของ"เสือดำ" สมุนมือขวาของเสือฝ้าย ผู้ยิงปืนแม่นราวจับวาง ส่วนรำเพยถูกบังคับให้รับหมั้นกับ รตอ.กำจร เธอตัดสินใจหนีตามดำไป โดยทั้งสองนัดแนะกันมารอที่ศาลารอนาง สถานที่ซึ่งทั้งสองต่างประทับใจในวัยเด็ก

แต่แล้ว อนิจจา.. โชคชะตาก็เล่นตลกอีกเป็นครั้งที่สอง.. เสือดำบังเอิญติดภารกิจสำคัญ แม้จะพยายามเร่งรีบเพื่อจะมาพบเธอให้ได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว รำเพยรอจนเชื่อว่าเขาคงไม่มาแล้ว จึงกลับไปเข้าพิธีหมั้นกับ รตอ.กำจร ด้วยหัวใจแตกสลาย

หลังงานหมั้น รตอ.กำจร นายตำรวจหนุ่มจากพระนคร ตัดสินใจนำกำลังตำรวจไปกวาดล้างรังโจรเสือฝ้าย เพื่อหวังสร้างผลงาน แต่เสียทีถูกเสือฝ้ายจับตัวได้ เสือฝ้ายให้เสือดำไปสังหาร รตอ.กำจร ครั้นรู้ว่าวาระสุดท้ายของตนมาถึงแล้ว รตอ.กำจร ได้ขอร้องเสือดำให้ส่งข่าวแก่คู่หมั้นของเขา พร้อมมอบรูปถ่ายรำเพยให้ดู เสือดำตกตะลึง เมื่อรู้ว่ารำเพยคือคู่หมั้นของ รตอ.กำจร แต่ด้วย ความรัก ความเสียสละ เขาตัดสินใจปล่อย รตอ.กำจร ไปด้วยดวงใจอันปวดร้าว เมื่อเสือฝ้ายรู้ว่าเสือดำทรยศต่อเขา จึงสั่งให้เสือมเหศวรหลอกเสือดำไปฆ่า แต่เสือดำก็รอดมาได้หวุดหวิด ทั้งยังรู้ข่าวว่าเสือฝ้ายจะยกพวกไปถล่มงานแต่งงานของ รำเพยกับ รตอ.กำจร ในคืนวันงานที่จะถึงนี้ เสือดำก็ตัดสินใจเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้องคนที่เขารัก ให้พ้นจากอันตรายอีกครั้งหนึ่ง..

สตางค์ (2543)

เรื่องย่อ : สตางค์ (2543/2000) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ให้พิมพ์ธนบัตรใหม่ในโรงพิมพ์ธนบัตรที่ชวา เป็นธนบัตรฉบับละสิบบาทถ้วน ระหว่างธนบัตรถูกขนย้ายจากชวามาประเทศไทย ธนบัตรจำนวนหนึ่งถูกปล้นหายไป ทำให้รัฐบาลสมัยนั้นตัดสินใจไม่นำธนบัตรส่วนที่เหลือออกใช้

อย่างไรก็ตาม เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง แม้ว่าบ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็เกิดสถานการณ์ข้าวยากหมากแพง และขาดธนบัตร ทำให้รัฐบาลหลังสงคราม ต้องนำธนบัตรชุดที่มีปัญหาออกประกาศใช้ โดยพิมพ์ประทับราคาใหม่ลงไปด้วยหมึกสีดำ เปลี่ยนเป็น 'ห้าสิบสตางค์'

ทองย้อย (วีรชัย หัตถโกวิท) คนร้ายร่วมปล้นธนบัตร ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น และเป็นผู้ที่นำธนบัตรที่ปล้นได้ ไปซ่อนไว้ในห้องแพชลประทานร้างหลังหนึ่ง ถูก พยนต์ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พร้อมด้วย โชติ (โอลิเวอร์ บีเบอร์) และ บุญมา (รัฐพงศ์ เตโชชัชวาล) ทหารคนสนิท ซึ่งเป็นผู้ร่วมรู้เห็น ตามล่าเพื่อค้นหาที่ซ่อนธนบัตร และหมายที่จะฆ่าทองย้อย ทองย้อยจึงหนีมาซ่อนตัว ในตรอกโรงเจริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ทำให้ข่าวเกี่ยวกับแพชลประทานร้างที่ซ่อนธนบัตร แพร่กระจายถึงชาวตรอกโรงเจบางคน อาทิ ระบือ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) พนักงานขายเครื่องกระป๋อง ที่ไม่เคยขายอะไรได้เลย, จำรัส (มานพ อัศวเทพ) เจ้าของโรงพิมพ์ และร้านเช่าหนังสือผู้เห็นแก่ตัว, นาท (พิทักษ์ ศัลย์วิวรรธน์) ข้าราชการจัตวาผู้โลภมาก ซึ่งเช่าห้องอยู่กับ สมพิศ (พัฒนาวดี พัฒนถาบุตร) เมียสาวท้องแก่, เลี้ยง (ชูชัย บุศราคัมวงค์) เจ้าของร้านกาแฟ และของชำแห่งเดียวในตรอกโรงเจ, ตรอง (พัทสน ศรินทุ) จิตรกรยากไร้ ผู้พิสมัยการวาดภาพเปลือยของมนุษย์ มีจินตนาการ ไม่สนใจใคร, หมอ (ปอง จุลละทรัพย์) ผู้เห็นเงินสำคัญกว่าการรักษาคนเจ็บ, ครูแรม (ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง) ครูตกงาน กับ ศรี ภรรยาที่ป่วยกระเสาะกระแสะ, โรจน์ (ศรัณยู วงศ์กระจ่าง) อดีตหนุ่มสังคม และครูสอนลีลาศ ผู้พิการจากสงคราม พร้อมด้วยภรรยา ขวัญตา (จินตหรา สุขพัฒน์) คู่ลีลาศของโรจน์ ที่ต้องผันชีวิตมาเป็นโสเภณีในตรอกเล็กๆ แห่งนี้, รัมภา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) สาวผู้ดีตกยาก หยิ่งทะนง และ ปราณี (เข็มอัปสร สิริสุขะ) ผู้พี่บุญธรรม รวมทั้ง จ่อน (สรพงศ์ ชาตรี) ชายบ้าเพราะสงคราม และสูญเสียครอบครัวไประหว่างสงคราม

บรรดาชาวตรอกโรงเจเหล่านี้ พร้อมด้วย เที่ยงแท้ (มีศักดิ์ นาครัตน์) คหบดีเจ้าของตรอกผู้หน้าเลือด กับ บุรี ลูกสมุนคนสนิทของเที่ยงแท้ จึงได้ว่าจ้าง และอาศัยเรือของ พร้อม (สันติสุข พรหมศิริ) กับเมียสาว จำเรียง (กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ) พร้อมด้วย หนูแดง ลูกสาวเพียงคนเดียว โดยมีทองย้อยเป็นผู้นำทาง ออกตามหาแพชลประทานที่ซ่อนธนบัตรหลังนั้นโดยทันที ซึ่งในขณะนั้นพวกของพยนต์ โชติ และบุญมา แอบตามล่าทองย้อย และติดตามบรรดาชาวตรอกโรงเจที่ร่องเรือเช่นกัน

การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก การเผชิญภัย และความขัดแย้งในระหว่างกัน ธาตุแท้ของหลายคนถูกเผยออก ขณะอีกหลายคนเริ่มเรียนรู้ว่า แม้ว่าเงินจะเป็นยอดปรารถนา แต่การสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว

แพร้างหลังนั้นถูกตามจนเจอ หลายคนได้เดินทางกลับสู่โรงเจ ด้วยความสุขความอิ่มเอิบใจ ในสิ่งที่ได้รับจากการเดินทาง และการใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ ร่วมกัน รวมทั้งจากความสัมพันธ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกันด้วย

Placeholder
ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ (2543)

ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ (2543/2000) พ.ศ. 2484 เด็กนักเรียนโรงเรียนศรียาภัยจับกลุ่มกัน 8 คน มารุต ประยุทธ บรรจง สนั่น สังวาน สังเวียน ประชุม และวัฒนา ทั้งหมดเป็นเด็กหนุ่มในวัยที่เต็มไปด้วยความฝันและจินตนาการ แต่แล้วสงครามทำให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ ต่างพร้อมใจกันอาสาสมัครที่จะไปตายเพื่อชาติ เมื่อ ร้อยเอกถวิล และ สิบเอกสำราญ และกลุ่มลูกน้อง เดินทางมาจังหวัดชุมพร เพื่อคัดเลือกและฝึกยุวชนทหาร เพื่อเสริมกำลังพลของชาติที่มีไม่เพียงพอหากเกิดสงครามขึ้น ทั้ง 8 คน จึงตัดสินใจลงสมัครพร้อมเพื่อนๆ ในชั้นเรียน การฝึกยุวชนทหารทั้งหมดเป็นการฝึกหนักเยี่ยงการฝึกทหารหาญทั่วไป แม้ขาดอาวุธในการฝึก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าสงครามจะเกิดขึ้น จึงขาดการสนับสนุนจากทางราชการ ร้อยเอกถวิลและเหล่ายุวชนทหารก็ได้จัดการแสดงยุทธกีฬา เพื่อเรื่ยไรเงินมาซื้ออาวุธ ร้อยเอกถวิลนั้นเป็นครูฝึกที่ดุมาก และคุมเข้มในการฝึกทหาร ซึ่งทำให้ร้อยเอกถวิลเป็นครูฝึกที่เด็กๆ ทั้งรักและกลัว ในขณะที่ยุวชนทหารฝึกทหารกัน มารุตกับประยุทธก็เกิดไปชอบพอสาวคนเดียวกัน คือ ชิดชง ทำให้ทั้งคู่ยิ่งชิงดีชิงเด่นกันตลอดเวลา ทั้งเรื่องเรียน การฝึกทหาร และความรัก จนทำให้ทั้งคู่แตกคอกัน ในที่สุด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ชุมพร ยุวชนทหารทั้งหมดต่างกอดคอกันออกไปรบ เพื่อป้องกันประเทศ แม้อาวุธจะมีไม่เพียงพอ ทุกคนก็ต่อสู้จนเต็มกำลัง เพื่อผืนแผ่นดินไทย มารุต ประยุทธ แม้จะชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด แต่ในเวลานี้ ทั้งหมดต่อสู้กันเคียงบ่าเคียงไหล่ พร้อมเพื่อนๆ ยุวชนทหาร ร้อยเอกถวิลเสียชีวิตระหว่างรบ สิบเอกสำราญโดนยิงที่แขน เขาตัดสินใจมอบหมายให้มารุตดูแลการรบต่อ เพราะมั่นใจว่ายุวชนทหารทุกคนทำได้ กำลังพลยุวชนทหารที่ต้องต่อสู้กับญี่ปุ่นโดยลำพัง เมื่อขาดทั้งร้อยเอกถวิลและสิบเอกสำราญจะเป็นอย่างไร? วีรกรรมอันน่ายกย่องของพวกเขาทั้งหลายจะลงเอยเช่นไร? ยุวชนทหาร....เปิดเทอมไปรบ พร้อมที่จะให้คุณได้พิสูจน์

สตรีเหล็ก (2543)

เรื่องย่อ : สตรีเหล็ก (2543/2000) เมื่อครูบี๋ (สิริธนา หงส์โสภณ) โค้ชคนใหม่ก้าวเข้ามา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก็เกิดขึ้นกับทีมวอลเล่ย์บอลชายประจำจังหวัดลำปาง ซึ่งยังไม่เคยรู้รสชาติของชัยชนะมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว โค้ชคนใหม่พยายามทุกวิถีทาง ที่จะสร้างทีมให้แข็งแกร่ง

มล (สหภาพ วีระฆามินทร์) และ จุง (ชัยชาญ นิ่มพูลสวัสดิ์) นักตบลูกยางฝีมือก๋ากั่น เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แต่กลับสร้างความอึดอัดให้กับคนอื่นๆ จนพากันลาออกไป เพราะทั้งคู่เป็นกะเทย คงเหลือแต่ ชัย (เจษฎาภรณ์ ผลดี) มือเซ็ตตัวฉกาจ ที่พยายามทำใจ แต่ผู้เล่นแค่ 3 คน ไม่สามารถเป็นทีมได้ วิทย์ (เอกชัย บูรณผานิต), โหน่ง (โจโจ้ ไมอ๊อกชิ) และเปีย (กกกร เบญจาธิกูล) เพื่อนร่วมทีมของมลและจุงสมัยเรียน จึงต้องเข้ามาช่วยเสริมกำลัง ภายใต้ชื่อทีมสตรีเหล็ก

เหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่ปากน้ำโพเกมส์ คือเป้าหมายของทีม วิบากกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดเส้นทางของการเป็นแชมป์ เหมือนจะทดสอบความแข็งแกร่งของกำลังกาย และกำลังใจของทีมสตรีเหล็ก ทีมที่มีเป้าหมายเหมือนกัน โดยคนที่แตกต่างกันสุดขั้ว

กิตติผู้มีอำนาจในแวดวงกีฬา เมืองแมน อดีตสมาชิกทีมลำปาง ที่กลายมาเป็นหัวหน้าทีมคู่แข่งตัวเก็ง ต่างเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของด่านทดสอบที่จะพิสูจน์ใจ จนกว่าจะถึงวันแห่งการเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย โดยมีเหรียญทองเป็นเดิมพัน...

อั้งยี่ ลูกชายพันธุ์มังกร (2543)

เรื่องย่อ : อั้งยี่ ลูกผู้ชายพันธุ์มังกร (2543/2000) ในปี พ.ศ. 2480 ได้มีกลุ่มอิทธิพลชาวจีนที่เรียกตัวเองว่า "อั้งยี่" รวมตัวกันก่อตั้งเป็นสมาคมลับเพื่อปกครอง ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย สมาคมลับอั้งยี่มีอิทธิพลมากและเป็นที่รู้จักกันดีในเวลานั้นมีอยู่ 2 สมาคม คือสมาคมตั้งกงสี กับสมาคมซาเตี้ยม ซึ่งทั้งสองสมาคมนี้ต่างก็มีความขัดแย้งกันตลอดมา และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำจนกลายเป็นศัตรูกันไปในที่สุด วันหนึ่ง เล้ง ผู้มีตำแหน่งผู้คุมกฎของพรรคซาเตี้ยม ถูกส่งมาสังหารสมาชิกคนสำคัญของตั้งกงสีถึงในถิ่น โดยการปลอมตัวมาในคณะงิ้วที่ทำการแสดงในงานฉลองประจำปี เล้งฆ่าพัดกระดาษขาวของพรรคตั้งกงสีได้แต่ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถจะหนีต่อไปได้ เง็กหงส์ หญิงสาวชาวจีนเป็นผู้ช่วยเล้งและนำเขากลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่เธอไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอจะนำมาซึ่งหายนะแก่คนในครอบครัวนี้

Placeholder

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ