มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544/2001) เรื่องราวของ "แผน" หนุ่มบ้านนอกที่หลงไหลในการร้องเพลง เขาได้พบรักกับ "สะเดา" และได้แต่งงานกัน ชะตาชีวิตของแผนเริ่มพลิกผันเมื่อสะเดาตั้งท้องได้ห้าเดือนแผนก็โดนเกณฑ์เป็นทหาร ในระหว่างที่เป็นทหารนี้เองที่เขาได้ไปประกวดร้องเพลงและได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง นั่นทำให้แผนตัดสินใจครั้งใหญ่ในการตามหาฝันในการเป็นนักร้อง เขาหนีทหารและเข้ากรุงไปฝึกเป็นนักร้องอย่างที่มันฝันใฝ่ แต่แผนคิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล แผน หนุ่มลูกทุ่งที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง แม้จะแต่งงานกับ สะเดา เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว แผนก็ยังไม่ล้มเลิกความฝัน มีเสียงวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กซึ่งเป็นของขวัญวันแต่งงานเป็นสิ่งเดียวที่สร้างความบันเทิงให้กับคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน เสียงเพลงที่ลอยออกมาจากวิทยุทรานซิสเตอร์อดทำให้แผนหลับตาฝันเห็นตัวเองโด่งดังเป็นนักร้องชื่อดังอย่างคนอื่นเขาไม่ได้ แต่เมื่อสะเดาตั้งท้องเข้าสู่เดือนที่ 5 แผนก็ได้รับหมายเกณฑ์ไปเป็นทหาร และนี่เองชีวิตที่รุ่งโรจน์และร่วงโรยของแผนก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากประกวดร้องเพลงได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง แผนจึงตัดสินใจหนีทหารเพื่อเป็นนักร้องอย่างจริงจัง แม้จะต้องเป็นเบ๊ประจำวงก็เอา แต่ความอดทนก็มาถึงขีดสุดเมื่อถูกหัวหน้าวงคุกคาม แผนพลั้งมือทำร้ายผู้จัดการจนต้องหนีไปทำงานในไร่อ้อย ดันเกิดความซวยซ้ำซวยซ้อนถึงขั้นติดคุกติดตะรางกว่าจะพ้นโทษ และสิ่งเดียวที่แผนนึกถึงคือใบหน้าอันบริสุทธิ์ของสะเดาเมียรัก ก่อนจะลากสังขารกลับมายังรังรักอันเป็นที่พักใจสุดท้ายของคนชอกช้ำอย่างแผน
ผีสามบาท (2544/2001) ผีสามบาทแบ่งออกได้เป็น 3 เรื่อง ดังนี้ ท่อนแขนนางรำ โหงด (ปราโมทย์ แสงศร) ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งแอบหลงรัก ผกา (พิมพ์ศิริ พิมพ์ศรี) ซึ่งเป็นนางรำยิ่งชีวิต หากแต่เมื่อผกามีชายอื่นมาติดพันจนถึงขั้นหมั้นหมาย เขาจึงทำการตัดแขนเธอนำไปซ่อนไว้ในกลอง และลอกผิวหนังทำเป็นหนังกลอง หากเรื่องราวไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อวิญญาณของเธอยังวนเวียนผูกพันข้ามมาถึงปัจจุบันพร้อมกับกลองใบนั้น กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2544 เจี๊ยบ (พิมพ์ศิริ พิมพ์ศรี) หญิงสาวนักค้าและสะสมวัตถุโบราณ ได้รับกลองโบราณ อายุ 70 ปีใบหนึ่งมาโดยบังเอิญ สิ่งที่ตามมาด้วยคือความฝันอันแปลกประหลาด และเสียงร้องคร่ำครวญของผู้หญิงคนหนึ่งในยามค่ำคืน เจี๊ยบสงสัยว่า สาเหตุของเรื่องแปลก ๆ ทั้งหมดน่าจะมาจากกลอง จึงเริ่มต้นค้นคว้าหาที่มาของกลอง และทำให้เธอได้รู้ความจริงอันเจ็บปวดที่เกิดขึ้นและเคยผูกพันกับเธอมาก่อน เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้ว น้ำมันพราย แพน (ดาหวัน สิงห์วี) หญิงสาววัยเบญจเพส ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เหมือนคนเมืองทั่วไปอีกหลายล้านคนในกรุงเทพฯ แพนกำลังแสวงหาความรักจากผู้ชาย ที่สามารถพาเธอให้หลุดจากโลกที่น่าเบื่อนี้ไปสู่วันใหม่ที่ดีกว่าของชีวิต แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้พบกับทางลัด เมื่อเพื่อนใหม่คนหนึ่งแนะนำให้เธอใช้น้ำมันพราย ของที่ได้จากการทำพิธีกรรมลี้ลับทางไสยศาสตร์ โดยพวกหมอผี แพนใช้น้ำมันพราย เพื่อทำเสน่ห์ให้ผู้ชายที่เคยมองผ่านเธอหันกลับมาหลงใหล และตกเป็นทาสของเธอ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า มันไม่ต่างไปจากยาเสพย์ติด ที่มีทั้งคุณและโทษ เมื่อเธอเริ่มใช้มันมากขึ้นจนสุดท้ายคนที่จะกลายเป็นเหยื่อ ก็คือ ตัวเธอเอง จองเวร กันยา (กัลยณัฐ สีบุญเรือง) หญิงสาวคนหนึ่งผูกคอตายที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง รูปการณ์ดูเหมือนว่าเธอจะฆ่าตัวตาย แต่ นพ (พีท ทองเจือ) นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกลกลับไม่เชื่อเช่นนั้น เขาเชื่อว่ามันมีเงื่อนงำอะไรอยู่เบื้องหลัง ถึงแม้ผู้บังคับบัญชา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) จะไม่ใส่ใจ จึงสืบหาประวัติของเธอ และก็เริ่มได้รู้เรื่องราวชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเธอ ในขณะเดียวกันนพก็รู้สึกได้ว่า วิญญาณของกันยา ยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เพื่อชี้ทางและพยายามบอกอะไรบางอย่างแก่เขา เพื่อแกะปมปริศนาการตายของเธอ ก่อนที่นพจะได้พบกับความจริงที่เขาคาดไม่ถึงในท้ายที่สุด
ปอบ หวีด สยอง (2544/2001) ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวงและแสงสีคึกคักยามค่ำคืน กลุ่มนักศึกษาชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งรวมแก๊งจอมซ่า นำโดย คอม (ดนัย สมุทรโคจร) หนุ่มช่างสงสัย ฟ้า (แองเจล่า แกรนท์) สาวจริงใจ และเกอร์ (ชมพูนุช ปิยะภาณี) ดาวมหาวิทยาลัย ได้จัดคณะออกค่ายอาสาพัฒนาขึ้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยหารู้ว่าสถานที่แห่งนั้นเพิ่งมีหมอผีสะกดวิญญาณปอบเอาไว้ กระทั่งกลับถึงกรุงเทพฯ มิตรภาพของพวกเขาจึงเริ่มเปลี่ยนไป และเหลือไว้แค่ความน่ากลัวสยดสยอง
Krai Thong ไกรทอง (2544/2001) ชาละวัน (เจ็ท ผดุงธรรม) เป็นจระเข้พันธุ์ใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งมีความยาววัดจากปลายจมูกถึงปลายหางได้ 7.60 เมตร สามารถกินคนที่มีความสูง 1.90 เมตรได้ถึง 4 คน หรือเท่ากับวัว 2 ตัวได้อย่างสบาย จระเข้ชาละวันได้อาศัยอยู่ใต้แม่น้ำแห่งเมืองพิจิตร เมื่ออยู่ในถ้ำใต้น้ำ จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ชายรูปหล่อ เจ้าชู้ จึงมีจระเข้สาวสวยเป็นเมียอยู่ถึง 2 คนคือ วิมาลา (แชมเปญ เอ็กซ์) และ เลื่อมลายวรรณ (ชุติมา เอฟเวอรี่) ซึ่งเมืองอยู่ในร่างมนุษย์ จะมีรูปโฉมงดงาม ผิวพรรณผ่องใส น่าลุ่มหลง แต่ชาละวันเป็นจระเข้ที่มีนิสัยโหดเหี้ยม อันธพาล ชอบขึ้นมาอาละวาดกินคนเป็นว่าเล่น จนซากศพเกลื่อนกลาด มีทั้งหัว แขน ขา อวัยวะต่างๆ กระจัดกระจายแยกส่วนไป ทั่วริมตลิ่งและท้องน้ำ จนชาวบ้านไม่กล้าลงเล่นน้ำ ความดุร้ายของจระเข้ชาละวัน ได้โจษจันไปทั่วหัวเมืองท้ายเมือง จนท่านเศรษฐีแห่งเมืองพิจิตร (สามารถ แสงเสงี่ยม) ได้ตกลงใจที่จะทำพิธีปัดรังควาญ โดยการนำหญิงสาวพรหมจารี 8 คน นุ่งชุดขาว บนแพที่ใส่ดอกไม้ และตุ๊กตาจำนวนมาก นำไปลอยแพกลางน้ำ ซึ่งพิธีนี้เรียกว่า "พิธีเสียบกระบะ" โดยให้ลูกสาว 2 คน เป็นผู้นำขบวนพิธีคือ ตะเภาแก้ว (ปรายฟ้า สิริวิชชา) ผู้เป็นพี่สาว และ ตะเภาทอง (วรรณษา ทองวิเศษ) ผู้เป็นน้องสาว แต่ในระหว่างที่พิธีกำลังดำเนินไปยังไม่เสร็จ พญาจระเข้ชาละวันก็โผล่ขึ้นมา ด้วยหางที่ใหญ่โต ฟาดแพในพิธีแตกหักกระจายเกลื่อนแม่น้ำ หญิงสาวพรหมจารีทั้ง 8 คน ต่างตกใจ แหวกว่ายน้ำหนีอลหม่าน ท่านเศรษฐีสั่งให้ชาวบ้านลงไปช่วยเหลือ ก็ถูกชาละวันใช้ปากและฟันอันแหลมคมกริบ งับร่างชาวบ้านผู้เคราะห์ร้าย ฉีกกระชากจนตัวขาดสองท่อน จนเลือดนองเต็มท้องน้ำ ฉับพลัน พญาจระเข้ชาละวันก็พุ่งตัวมา คาบเอาร่างตะเภาทอง แล้วมุดลงน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ท่านเศรษฐีถึงกับโมโห ประกาศลั่นว่า หากใครสามารถฆ่าพญาจระเข้ตัวนี้ได้ และช่วยตะเภาทองขึ้นมาได้ จะให้แต่งงานกับลูกสาวทั้งสองคนทันที ในที่สุด หนุ่มหน้ามาดหล่อเหลาคมเข้ม ท่าทางทะมัดทะแมงสมชายชาตรี ชื่อ ไกรทอง (วินัย ไกรบุตร) เดินทางมาจากเมืองนนทบุรี ขึ้นมาที่เมืองพิจิตร เพื่อปราบจระเข้ และช่วยเหลือลูกสาวเจ้าเมืองพิจิตร ไกรทองเป็นพรานจับจระเข้ ที่เก่งจนหาตัวจับยาก ทั้งเรียนวิชาอาคมมาจากอาจารย์ชื่อดัง จึงนำเทียนมาระเบิดน้ำแหวกเป็นช่อง ดำลงไปถึงใต้บาดาล ซึ่งไม่เคยมีมนุษย์คนไหน สามารถดำมาถึงได้ ไกรทองได้เข้ามาในถ้ำใต้น้ำ แต่กลับเจอวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ซึ่งเป็นจระเข้สาวสวยมีเสน่ห์ ทำให้ไกรทองหลงรัก จนมีสัมพันธ์สวาทด้วยกัน ซึ่งทั้งวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ก็หลงรักไกรทอง อย่างเต็มใจด้วยกันทั้งคู่ เพราะต้องมนต์สะกดของไกรทองนั่นเอง หลังจากนั้น ไกรทองก็หาตะเภาทองเจอ จึงช่วยเหลือพาขึ้นบนผิวน้ำ ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ ของวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ซึ่งตามขึ้นมาไม่ได้ เพราะเมื่อออกจากถ้ำเมื่อไร ร่างมนุษย์จะกลายเป็นจระเข้ทันที ฝ่ายท่านเศรษฐีเจ้าเมืองพิจิตร ก็ทำตามคำพูดทุกอย่าง โดยจัดพิธีแต่งงานให้กับไกรทอง และลูกสาวทั้งสองคนอย่างใหญ่โต ระหว่างนั้น พญาจระเข้ชาละวันกลับมาถึงใต้น้ำ รู้เรื่องจากวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ก็แค้นเคืองยิ่งนัก ด้วยความลุ่มหลงและรักตะเภาทอง จึงตามขึ้นมา เพื่อมาเอาตะเภาทองคืน ชาละวันขึ้นมาอาละวาด ฟาดหางจนเรือและแพที่ลอยอยู่กลางน้ำ ถึงกับล่มและแตกพังทลาย ทำร้ายคนที่ตกน้ำ ทั้งกัดและกิน แล้วยังใช้หาดฟาดโดนบ้านเรือน ที่ปลูกอยู่ริมน้ำพัง ทั้งคนและบ้านเรือนจมหายไปในน้ำทันที ชาละวัน อาวะวาดด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด และรุนแรงจนรู้ไปถึงหูไกรทอง จึงคว้าหอกอาวุธคู่ชีพ กระโดดลงแพไปต่อสู้กับพญาจระเข้ชาละวันทันที..
ขวัญ เรียม (2544/2001) ขวัญ (นินนาท สินไชย) และ เรียม (ภัครมัย โปตระนันทน์) หนุ่มสาวแห่งทุ่งบางกะปิที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พ่อของทั้งสองไม่ถูกกันทำให้ความรักของทั้งสองยากจะบรรจบ ซ้ำร้ายเมื่อเรียมจำต้องไปแต่งงานกับชายอื่นตามคำสั่งของพ่อ ขวัญชายหนุ่มบ้านนาต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อรักษาคนรักของเขาเอาไว้
14 ตุลา สงครามประชาชน (2544/2001) เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเกิดจากพลังแรงกล้า ของการใฝ่หาเสรีภาพ โดยการนำของนิสิตนักศึกษา ได้สร้างภาพยิ่งใหญ่ตราไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติ ตั้งแต่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงตลอดแนวถนนราชดำเนิน จากผู้คนเรือนล้านที่ออกจากบ้านและสถานศึกษา มาด้วยวิญญาณประชาธิปไตย ถึงร่างเปื้อนเลือด ซึ่งนอนทอดนิ่งอยู่ภายใต้ธงไตรรงค์ ท่ามกลางควันปืน และเสียงร่ำไห้ของเพื่อนพ้องผู้ใกล้ชิด ขณะประชาธิปไตยเริ่มผลิบานอีกครั้งหนึ่ง เสกสรรค์ ประเสริฐกุล (ภาณุ สุวรรณโณ) หนึ่งในผู้นำนักศึกษา ซึ่งยืนหยัดเป็นศูนย์กลางของฝูงชน ตลอดวันคืนอันยาวนานของเดือนตุลาฯ กลับพบว่าสภาพรอบตัวของเขา เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่ากลัว อันตราย และเต็มไปด้วยความขัดแย้งคุกคาม หลังจากเพื่อนพ้องคนรู้จักโดนลอบสังหารต่อเนื่อง เขาตัดสินใจชวน จิระนันท์ พิตรปรีชา (พิมพ์พรรณ จันทะ) คนรักซึ่งเป็นดาวจุฬาฯ หันหลังให้กับกิจกรรมความงาม มาเข้าร่วมอยู่ในขบวนการเรียกร้องความเป็นธรรม พากันหนีเข้าป่าไปร่วมกับ พคท. ซึ่งก็เหมือนเพื่อนพ้องนักศึกษารุ่นพี่รุ่นน้องจำนวนมาก ทั้งเดินทางเข้าไปก่อนหน้า และติดตามไปภายหลัง ทั้งสองใช้ชีวิตอย่างอยากลำเค็ญ ท่ามกลางป่าเขาบนภูร่องกล้า เฝ้าฝันว่าสักวันจะได้กลับเมือง พร้อมชัยชนะตามอุดมการณ์ที่ตั้งหวัง แต่แล้วเขากับจีระนันท์ก็เริ่มพบว่า สภาพแบบที่ทำให้เข้าต้องหนีออกจากเมือง ได้ย้อนกลับมาเป็นปัญหาให้ต้องเผชิญอีกครั้งในป่า
จัน ดารา (2544/2001) ปี พ.ศ. 2461 พระนคร "จัน ดารา" ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความผิดพลาดและความเกลียดชัง... ดารา (วัลภา พรหมนวล) แม่ของจัน เศรษฐีนีสาวสวยถูกจอม (ดนัย ชนะชานันต์) แฟนของน้าวาด (วิภาวี เจริญปุระ) พร้อมกับสมุนสองคน ฉุดไปกระทำชำเรา เมื่อครั้งเดินทางไปเมืองพิจิตรกับบิดาของเธอ บิดาของเธอจึงว่าจ้างให้คุณหลวง (สันติสุข พรหมสิริ) แต่งงานกับดารา โดยยกบ้านและทรัพย์สินให้เป็นการแลกเปลี่ยน ดาราเสียชีวิตทันทีที่คลอดจันออกมา คุณหลวงโกรธเกลียดชังเด็กชายตัวน้อยทันที แม้ยังไม่ได้เห็นหน้า คุณหลวงตั้งชื่อให้ว่า "จัน-จัญไร วิสนันท์" น้าวาดลงมาจากพิจิตรเพื่อร่วมพิธีศพ พบว่าไม่มีใครต้องการจัน น้าวาดจึงรับอาสารับเลี้ยงจัน และเพื่อเป็นการไถ่บาปให้กับจอมคนรักของตน ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุแห่งเคราะห์กรรมนี้ และแม้ว่าน้าวาดต้องสละตัว ยอมเป็นเมียคุณหลวง เพื่อเธอจะได้มีโอกาสเลี้ยงดูจันได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อจันอายุ 4 ปี (ด.ช. วุฒิชัย สภาพัตร์) ในกลางดึกคืนวันหนึ่ง คุณหลวงเข้ามานอนในห้องที่จันและน้าวาดนอน คุณหลวงนอนกับน้าวาดไม่เกรงต่อสายตาของจัน จันเริ่มสงสัย ในความสัมพันธ์ของตนและคุณหลวง อย่างจริงจังตั้งแต่นั้นมา ต่อมาไม่นาน น้าวาดให้กำเนิด คุณแก้ว-วิไลเรข วิสนันท์ ซึ่งระหว่างที่น้าวาดตั้งครรภ์ คุณหลวงเริ่มใช้ชีวิตสำส่อน หาความสุขสำราญทางเพศรส จากบรรดาสาวใช้น้อยใหญ่ไม่เลือกหน้าในบ้าน คุณหลวงทำร้ายจันอย่างรุนแรง เมื่อครั้งจันอายุได้ 12 ปี (ด.ช.วิสันต์ ทิพย์สุวรรณ) โดยขังจันไว้คนเดียวในเรือนเขียว ซึ่งเคยใช้เป็นที่เก็บศพของ ดารา แม่ของจัน สัญชาตญาณบอกจันว่า คุณหลวงไม่ใช่พ่อที่แท้ของตน แต่ที่จำทนอยู่ในบ้านต่อไป เพราะอย่างน้อยก็เหมือนได้อยู่ใกล้แม่ และอาจจะได้รู้ว่า พ่อที่แท้จริงของตนคือใครในสักวัน ในชีวิตจันมีคุณบุญเลื่อง (คริสตี้ ชุง) ภรรยาคนหนึ่งของคุณหลวง ครอบครองจิตใจจันในเรื่องกามารมณ์ และไฮซินธ์ (ศศิธร พานิชนก) สาวน้อยวัย 14 ปี ที่จันเจอที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษภาคค่ำ ไฮซินธ์ เป็นเหมือนดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ดอกเล็กดอกเดียวในหัวใจของจัน สองปีต่อมา จันได้นอนกับคุณบุญเลื่อง และในปีเดียวกันนั้นเอง จันก็ถูกคุณแก้วใส่ร้าย ให้รับผิดแทนเคน (ครรชิต ถ้ำทอง) จันจึงต้องรับผิดในคดีกระทำชำเราคุณแก้ว จันมองทะลุปรุโปร่งไปในใจคุณแก้ว เห็นความผิดปกติและความเกลียดชังในจิตใจของเธอ

สุริโยไท (2544/2001) เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สวรรคตในปี พ.ศ. 2072 พระอาทิตยาจึงได้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร ทุกพระองค์เสด็จย้ายจากพิษณุโลกไปประทับ ณ กรุงศรีอยุธยาเมืองหลวง พระเฑียรราชา และ พระสุริโยไท มีโอรสธิดาทั้งสิ้น 5 พระองค์ คือ พระราเมศวร , พระมหินทร, พระบรมดิลก, (พระวิสุทธิ์กษัตริย์) และ พระเทพกษัตรี ประทับอยู่ ณ วังชัย ดำรงอิสริยยศเป็นพระเยาวราช เมื่อสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรสวรรคตด้วยโรคไข้ทรพิษ พระไชยราชา ผู้ซึ่งดำรงพระยศเป็นพระอุปราช ควรจะได้สืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ แต่สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรทรงขอให้ สมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร พระโอรสวัย 5 พรรษา อันเกิดแต่พระอัครชายา วัย 17 พรรษา เป็นผู้ขึ้นครองราชย์แทน ระหว่างนั้น บ้านเมืองถูกบริหารโดยขุนนางทุจริต ติดสินบนเถลิงอำนาจ โดยเฉพาะ เจ้าพระยายมราช บิดาของพระอัครชายา 5 เดือนให้หลังสมเด็จพระไชยราชาธิราชจึงเข้ายึดราชบัลลังก์ และให้สำเร็จโทษพระรัษฏาธิราช ตามราชประเพณีโบราณ รวมถึงสั่งประหารขุนนางทุจริตทุกคน และทรงขึ้นครองราชย์ แผ่บุญญาธิการ เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป ทรงออกรบปราบหัวเมืองอยู่เนือง ๆ และได้แต่งตั้งพระเฑียรราชาขึ้นเป็นพระมหาอุปราชา ว่าราชการแทนพระองค์ อยู่ที่กรุงอโยธยา ส่วนพระมเหสีของพระไชยราชา คือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กับ ขุนชินราช ผู้ดูแลหอพระ เชื้อราชวงศ์อู่ทองด้วยกัน และได้สมคบคิดกัน ลอบวางยาพิษปลงพระชนม์พระไชยราชา พระยอดฟ้า พระโอรสของพระไชยราชา ที่ประสูติจาก ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้ขึ้นครองราชย์แทน ในขณะที่มีพระชนม์เพียง 10 พรรษา แต่ต่อมาไม่นาน ก็ถูกท้าวศรีสุดาจันทร์ปลงพระชนม์อีกองค์หนึ่ง แล้วสถาปนาขุนชินราชขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระวรวงศาธิราช นับตั้งแต่สิ้นรัชกาลพระไชยราชา พระเฑียรราชาก็ได้ผนวชเพื่อเลี่ยงภัย ส่วนพระสุริโยไททรงเตรียมฝึกทหาร โดยมีผู้จงรักภักดี คือ ขุนพิเรนทรเทพ, ขุนอินทรเทพ, หมื่นราชเสน่หานอกราชการ และหลวงศรียศลานตากฟั เฝ้าคุ้มกันภัยให้ ได้ร่วมกันปลงพระชนม์ขุนวรวงศา และท้าวศรีสุดาจันทร์ เสียบหัวประจานไว้ที่วัดแร้ง แล้วอัญเชิญพระเฑียรราชา ให้ลาสิกขาบทขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ระหว่างนั้นทางพม่าได้รวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น และแผ่ขยายอำนาจรุกรานไทยภายใต้พระมหากษัตริย์ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และได้เดินทัพมายังกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2091 เกิดเป็นสงครามยุทธหัตถี ที่ทุ่งมะขามหย่อง ซึ่งเป็นเหตุให้ พระสุริโยไทสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เรื่องจบลงด้วยสงครามยุทธหัตถี อันเป็นเรื่องราวความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความตายของวีรกษัตรีย์ "สุริโยไท" ที่พลีชีพเพื่อรักษาอาณาจักรอยุธยา

๙ พระคุ้มครอง (2544/2001) เด็ก 5 คน กับ หนุ่มสาว อีก 4 คน ที่แตกต่างกันทุกอย่าง แต่ต้องมาร่วมผจญภัยต่อสู้ อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน โดยมีพระเครื่อง (ปลอม) เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้กล้าสู้ เพื่อเป้าหมายที่เห็นอยู่ข้างหน้า.. เด็กต่างจังหวัด 5 คน ผู้มีกิจกรรมหลักหลังเลิกเรียน คือแกล้งหญิงโรคประสาท ด้วยความคิดที่ว่า เธอคือผีปอบที่ชาวบ้านเกรงกลัว จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะวิ่งหนีออกมาจากการแกล้งยายผีปอบ ผ่านเข้ามาในอุโมงค์รถไฟ จูน เด็กหญิงคนเดียวในกลุ่มเกิดหกล้ม ขณะที่รถไฟจะพุ่งเข้าชน ยายผีปอบได้พุ่งตัวเข้ามาช่วยชีวิตเด็กหญิงไว้ จนเธอเองต้องถูกรถไฟชนแทน อุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้เด็กๆ รู้สึกผิด ที่ชอบแกล้งยายผีปอบ ซึ่งในระหว่างที่เธอหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กๆ ตั้งใจจะชดเชย ด้วยการตามหา "ต๋อง" ลูกชายยายปอบ ที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เด็กๆ ให้กลับมาหาเธอ "กรุงเทพ ฯ แถวๆ สีลม" นั้นคือ แค่ที่เด็กๆ ได้รู้มาว่า "ต๋อง" น่าจะอยู่ตรงนั้น จากที่ดูในจอภาพยนตร์ เรื่องอิทธิฤทธิ์ ของ "พระเครื่อง" ว่าสามารถป้องกัน อันตรายได้จากอาวุธทุกชนิด ในการไปกรุงเทพ ฯ ครั้งนี้ เด็กๆ จึงต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปด้วย "พระเครื่อง" (ปลอม) จึงเป็นสิ่งที่คนเล่นกล หลอกให้เด็กๆ เช่าในราคาถูก ซึ่งทำให้พวกเขาฮึกเหิม และมั่นใจ ในการออกไปผจญภัยครั้งสำคัญในชีวิต "กรุงเทพ ฯ ทำไมแสนจะวุ่นวายขนาดนี้ และคนชื่อ ต๋อง ก็ช่างมีมากมายเหลือเกิน" เรื่องราวการตามหา "ต๋อง ลูกยายผีปอบ" จึงเปรียบเสมือนการงมเข็มจากมหาสมุทร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแรงบันดาล จาก "พระเครื่อง" (ปลอม) ที่เด็กๆ อธิษฐาน หรือความบังเอิญ ณ เมืองที่แสนจะวุ่นวายแห่งนี้ ได้มีคน อีก 4 คน ที่ต้องมาร่วมชะตากรรมเดียวกับพวกเด็กๆ เขา.. ชายหนุ่มใจดี ผู้มีอาชีพเก็บเสื้อจากศพคนตายมาขาย เธอ.. นักร้องสาว ผู้มีชีวิตอยู่กับความอ้างว้าง ชายหนุ่มจอมกระล่อน.. ซึ่งเอายาแก้ปวดหลอกขายเด็กวัยรุ่นว่าเป็น ยาอี และ ..สาววัยรุ่น ที่ใช้ชีวิตสนุกสนานอยู่ในยามราตรี 5 กับ 4 รวมกันเป็น เก้า เลขนำโชค ..ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น สารพัด "ต๋อง" ที่เข้ามาในชีวิต ไม่มีใครซักคนที่เป็นตัวจริง ขบวนการตามหาต๋องเริ่มทำเรื่องเล็กๆ ให้ลุกลามใหญ่โต อันตรายจากเรื่องราวต่างๆ ที่กระทำไปโดยไม่คาดคิด ได้รุมเข้ามาจนถึงวินาทีแห่งเส้นตาย สถานการณ์ที่หมายถึง ชีวิต.. สิ่งเดียวที่คนทั้ง 9 หวังพึ่งพาได้นั้น คือปาฏิหาริย์จาก "พระเครื่อง" (ปลอม) แม้ในที่สุด ทั้งหมดจะได้เจอกับ "ต๋อง" ตัวจริง แต่เขากลับไม่ใช่อย่างที่เด็กคาดไว้... ปาฎิหารย์จาก "เสาร์ห้า" ที่พวกเขาร้องขอจะมีจริงหรือ...??
เชอรี่ แอน (2544/2001) ภาพยนตร์ที่ตีแผ่คดีดัง “คดีฆาตกรรมของนางสาวเชอรี่ แอน” มีผู้พบศพของนางสาวเชอรี่ แอนที่ป่าแสมใกล้ถนนสุขุมวิทสายเก่า หลักกิโลเมตรที่ 42 แถว บางปู สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 หลังการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง ภายใต้ความรับผิดชอบของ พ.ต.ท.เลิศล้ำ ธรรมนิสา กับ พ.ต.ท.มั่งคั่ง ศรีพรพงษ์ นำไปสู่การจับกุม นายวิชัย ชนะพานิช พร้อมบริวาร 4 คน นายเฉลิมรุ่ง นายพิพัฒน์ นายกระสิน และนายธวิช ในข้อหาจ้างฆ่าและร่วมกันฆ่า โดยตำรวจได้แยกย้ายผู้ต้องหาออกคุมขังกระจายไปตามสถานีตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ นางไพลิน-พี่สาวของเสี่ยหนุ่ม ได้ว่าจ้างสำนักงานทนายเข้าแก้คดี เพ็ญนภา ธรรมรุ่งโรจน์ ทนายสาวจึงเข้ามารับผิดชอบในคดีนี้ ในระหว่างการถูกคุมขัง ผู้ต้องหาต่างต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆนาๆ ทั้ง 4 คน ถูกฟ้องร้องด้วยหลักฐานปลอม พยานเท็จ จากการปรุงแต่งของตำรวจชั่ว จนถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต และส่งตัวไปจองจำที่เรือนจำบางขวาง แพะรับบาปทั้งหมด ต้องรอความหวังจากกระบวนการยุติธรรมของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ทุกคนจึงต้องแบกรับชะตากรรมอันเลวร้ายต่อสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น สัมผัสกับเรื่องจริงอันโหดร้าย ของแพะรับบาปและความหมายและคุณค่าของคำว่า “อิสรภาพ” ได้ในภาพยนตร์เรื่อง “เชอรี่แอน”
Goal Club เกมล้มโต๊ะ (2544/2001) ง้วน, เน, เปเล่, แบงก์ และอ็อตโต้เป็นกลุ่มเพื่อนนักเรียน ม.ปลาย ที่เป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน และยังชื่นชอบการดูบอลอย่างเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อพวกเขาจบออกมา บางคนก็เรียนต่อ บางคนก็ไม่เรียนและบางคนก็เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่เมื่อการถ่ายทอดฟุตบอลแมทช์สำคัญๆ ทางโทรทัศน์เมื่อไร พวกเขาก็กลับมารวมตัวกันเพื่อดูบอลด้วยกันเสมอ โดยพวกเขาตั้งชื่อกลุ่มดูบอลของตัวเองว่า "โกลคลับ" อ๊อตโต้ทำงานเป็นคนเดินเอกสารให้กับคนที่มาต่อทะเบียนรถยนต์ที่กองทะเบียนรถยนต์ ซึ่งอ๊อตโต้พบว่าเป็นงานที่น่าเบื่อและได้เงินน้อย แต่ก็จำต้องทำเพราะมีวุฒิการศึกษาแค่ ม.6 ทำให้เจ แฟนสาวของอ๊อตโต้ไปคบกับหนุ่มที่แม่เป็นคนแนะนำให้รู้จัก ซึ่งเป็นคนที่มีฐานะและรสนิยมดีกว่าอ๊อตโต้ จนกระทั่งวันหนึ่งอ๊อตโต้ได้พบกับสอง คนเดินโพยบอล หรือคนรับส่งของระหว่างคนแทงบอลกับโต๊ะบอลที่มีเฮียเป็นเจ้ามือ สองได้ชักชวนอ๊อตโต้ให้มาเป็นคนเดินโพยบอล คอยหาลูกค้ารับแทงบอลส่งโต๊ะเฮีย เพราะเห็นว่าอ๊อตโต้มีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอล และน่าจะให้คำแนะนำกับลูกค้าที่มาแทงบอลได้ เมื่ออ๊อตโต้รับงานเป็นคนเดินโพยให้กับเฮีย จากรายรับน้อยๆ ที่ได้เป็นค่าจ้างจากการเดินเอกสาร ก็กลายเป็นรายได้นับหมื่นที่ได้จากค่าแบ่งเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ลูกค้าแทงพนัน อ๊อตโต้ชวนเพื่อนในกลุ่มมาเดินโพยบอลร่วมกัน โดยหาลูกค้าที่แต่ละคนรู้จัก สร้างรายได้ให้กับพวกเขาทุกคนอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ละคนก็นำเงินที่ได้ไปทำตามฝันที่แต่ละคนมี แต่เมื่อเงินยังไม่พอที่จะไปทำฝันให้สำเร็จได้ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะโกงโต๊ะบอล ด้วยการตั้งตัวเป็นโต๊ะเอง เมื่อหาลูกค้ามาได้ก็ไม่ส่งเงินให้กับโต๊ะใหญ่ จนได้เงินมาเป็นจำนวนมาก จากที่ทุกคนคิดกันไว้ว่าจะทำแค่ครั้งเดียว แต่เมื่อเห็นผลอย่างนี้แล้ว ความคิดของกลุ่มก็เริ่มจะแตกต่าง บางคนเห็นว่าเงินที่ได้จากการโกงนั้นได้มาง่าย จึงควรที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่อ๊อตโต้เห็นว่าการทำแบบนี้อันตรายและเสี่ยงเกินไป อ๊อตโต้กับแบงค์จังตัดสินใจเลิก ในขณะเน ง้วน และเปเล่ยังทำต่อไป จนในที่สุดแล้วโกลคลับก็แตก เมื่อเฮียรู้ว่ามีการโกงโต๊ะเกิดขึ้น จึงส่งสองไปทวงเงินคืนกับอ๊อตโต้ แต่ในเมื่ออ๊อตโต้เลิกเดินโพยไปแล้ว จึงพบกับเน ง้วนและเปเล่แทน แต่เมื่อทั้งสามกำลังจะเข้าตาจน อ๊อตโต้และแบงค์ก็กลับมาช่วยและรุมอัดสองจนหมดสภาพไป จากนั้นพวกเขาจึงแก้แค้นเฮียด้วยการโทรไปบอกเบาะแสให้กับตำรวจ ทำให้เฮียถูกจับและโต๊ะของเฮียถูกปิดลง หารู้ไม่ว่าเฮียนั้นมีเส้นสายทางด้านกฎหมาย และสามารถประกันตัวออกมาได้อย่างง่ายดาย เฮียและพวกจึงเข้าไปหาโกลคลับแล้วขู่ที่จะฆ่าทุกคนถ้ายังไม่ยอมคืนเงิน แต่ในเมื่อพวกเขาได้ใช้เงินไปหมดแล้ว จึงไม่มีทางที่จะคืนเงินเฮียได้ เปเล่ถูกเฮียยิงแต่ก่อนที่ทุกคนจะทำอะไรได้ ตำรวจก็บุกเข้ามาล้อมที่เกิดเหตุ แล้วการยิงต่อสู้กันระหว่างพวกเฮียและตำรวจก็เริ่มขึ้น เฮียและลูกน้องอีกหลายคนถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่เหลือวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต แสดงให้เห็นในจุดจบของเรื่องว่า ท้ายที่สุดไม่มีใครได้ดีเมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน
มือปืน/โลก/พระ/จัน (2544/2001) กรุงเทพมหานคร ปีพุทธศักราช 2554 เป๋ ปืนควาย (เทพ โพธิ์งาม) อดีตมือปืนรุ่นใหญ่ถูกปล่อยตัวออกจากคุก พร้อมสังขารที่ชราภาพ งานแรกที่ได้รับการติดต่อให้สังหาร เถกิง มือปราบตงฉินฉายา ตำรวจเหล็ก เป๋ จัดการรวบรวมทีมงานที่เคยคุ้นมือ ซึ่งปัจจุบันล้วนได้ชื่อว่าเป็น มือปืนตกรุ่น ไปแล้ว ไม่มีใครสนใจจ้าง นี่จึงเป็นงานที่ทุกคนต้องตะครุบ นอกจากเงินค่าจ้างตัวเลขสูงแล้ว ทุกคนต่างมีความหวังที่จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ได้แก่ หมา ลูกบักเขียบ (หม่ำ จ๊กม๊ก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) มือระเบิดลูกอิสานจอมโว เอ๋อ เอลวิส (เท่ง เถิดเทิง หรือ พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ) นักฆ่าหมื่นศพ สิงห์สำอาง ผี ไรเฟิล (ถั่วแระ) นักแม่นปืนจิตหลอน ขณะเดียวกัน คิด ไซเลนเซอร์ (สมชาย เข็มกลัด) มือปืนรุ่นใหม่ค่าตัวราคาแพง และทำงานคนเดียว ก็ได้รับการว่าจ้างให้ลงมือฆ่าตำรวจเหล็กคนนี้ด้วยเช่นกัน การปะทะฝีมือระหว่างมือปืนตกรุ่น กับรุ่นใหม่ไฟแรงจึงโหมปะทุ มิหนำซ้ำความจริงเปิดเผยว่ามีการว่าจ้างผิดตัว ชุลมุนฆ่าจึงเกิดขึ้น และกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอาชญากรรม ในตอนท้ายของหนัง มือปืนถูกฆ่าเกือบหมด โดยเป๋ถูกคิดยิงตาย หมาโดนระเบิดที่ตัวเองจุดระเบิดใส่ ผีถูกบาซูก้ายิงตาย โดยเหลือคิดที่รอดชีวิต และ เอ๋อ เอลวิส ที่ปรากฏตัวท้ายฉากเครติดในขณะที่กำลังร้องเพลงในคุก พร้อมเฉลยว่าฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าพ่อแม่ของคิดคือใคร สมชาย เข็มกลัด รับบท สมคิด ไทรงาม "คิด ไซเลนเซอร์" นักฆ่ารุ่นใหม่ที่นิยมใช้ปืนติดลำกล้องเก็บเสียง มือปืนวัยรุ่นหัวกบฏ ไร้สังกัด ไร้ซุ้ม ไม่ยอมคบหาสมาคมกับมือปืนในวงการ ประสบการณ์น้อย แต่ทำงานไม่เคยพลาด ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ว่าเป็นใครมาจากไหน คิดไม่ชอบเสียงดัง เขาใช้ปืนสั้น 2 กระบอกติดลำกล้องเก็บเสียง ลงมือด้วยความรวดเร็ว แม่นยำ และเงียบเชียบ ชอบลงมือในที่สาธารณะหรือชุมชน แล้วอาศัยความชุลมุนวุ่นวาย หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นมือปืนมาแรง และหาตัวจับยากคนหนึ่งในวงการ ในตอนจบคิดละทิ้งความเคียดแค้น เลิกตามล่าคนที่ฆ่าแม่ ยอมทิ้งปืนของเขาและออกเดินทางไกลต่อไปโดยเรือของชาวประมง สุเทพ โพธิ์งาม รับบท "เป๋ ปืนควาย" นักฆ่ามือเก๋าของวงการ เพิ่งเข้าวงการหลังจากติดคุกนานหลายปี นักฆ่าขาเก๋าของวงการ แยบยลหลักแหลม ลงมือแต่ละครั้งไม่เคยพลาด เป็นเพราะเขาวางแผนอย่างรัดกุม แต่มีครั้งหนึ่งที่เป๋พลาดอย่างใหญ่หลวง เป๋ตัดสินใจข้ามถนนโดยไม่ใช้สะพานลอย เลยโดนสิงห์มอเตอร์ไซด์เสย เป๋ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน เมื่อออกมา เขากลายเป็นคนขาเป๋ เมื่อหมอต้องตัดกระดูกออกไปหลายนิ้ว ด้วยขาที่เป๋ ประกอบกับอายุที่มากขึ้น สายตาที่สั้นลง ทุกอย่างคืออุปสรรคในการทำงาน เป๋เริ่มทำงานพลาดบ่อยครั้ง จนเขา ต้องถอนตัวออกจากวงการ เป๋ออกมาประกอบอาชีพเป็นเซลแมน ขายเครื่องกรองน้ำตามหมู่บ้าน เป๋เหมือนเสือลำบากที่กำลังเมา เพราะดื่มเหล้าอย่างหนัก เป๋เสียชีวิตจากกระสุนปืนของคิด ไซเลนเซอร์ที่เข้าใจผิดว่าเขาคือคนฆ่าแม่ของตน เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ หม่ำ จ๊กมก รับบท "หมา ลูกบักเขียบ" นักฆ่าที่ยิงปืนไม่เป็น เลยใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ นักฆ่าผู้ใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ (เป็นความลับ ...หมายิงปืนไม่เป็น) หมาเป็นคนโผงผาง พูดจาเสียงดัง เพราะเป็นคนหูตึง ซึ่งเป็นผลมาจากแรงระเบิดของตัวเอง หมามักจะใช้ระเบิดน้อยหน่าเป็นอาวุธ ซึ่งคนอีสานเรียกน้อยหน่าว่า ลูกบักเขียบ หมามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นทหาร แต่เขากลับไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด หมาจึงได้แต่แต่งตัวเลียนแบบทหาร และเริ่มศึกษาเรื่องของระเบิด ตั้งแต่ระเบิดขวดยันระเบิดไข่เน่า หมาศึกษาระเบิดจนสามารถทำระเบิดน้อยหน่าขึ้นมาใช้เองได้ในที่สุด ยุคที่การวางระเบิดบ้านคนดังกำลังฮิต หมาได้เงินมากมาย แต่หมากลับใช้เงินหมดไปกับผู้หญิง การเต้นรำและยาบ้า จนในที่สุด หมาก็ติดยาบ้าจนเสียงานเสียการ ทำระเบิดด้านบ่อยครั้ง จนคนเลิกจ้างไปในที่สุด หมาเข้าสู่ยุคตกต่ำ ต้องกลายมาเป็นเสือเต้นแร๊ปโบกรถเข้าปั๊ม แลกเงินเลี้ยงชีพ แต่ได้เงินมาเท่าไร หมาก็ซื้อยาบ้าจากปั๊มที่ตัวเองทำงานอยู่จนหมดไม่เคยเหลือ หมาเสียชีวิตจากระเบิดของตัวเองที่ปลดชนวนจะระเบิดฝรั่งนักฆ่า แต่เอ๋อ ที่ไม่รู้เรื่องได้ยิงหลังของนักฆ่าโดยที่ไม่รู้ว่ามีระเบิดที่หมาปลดชนวนออกไว้ ทำให้ระเบิดทำงานพร้อมกับระเบิดร่างหมา และนักฆ่าฝรั่งไปพร้อมกัน ศรสุทธา กลั่นมาลี หรือ ถั่วแระ เชิญยิ้ม รับบท "ผี ไรเฟิล" นักฆ่าบุปผาชนที่ยิงไรเฟิลจากระยะไกลแม่นยิ่งกว่าจับวาง แต่กลัวผีเป็นที่สุด นักฆ่าผู้รักสันโดษและกัญชาเป็นชีวิตจิตใจ ผีลงมือแต่ละครั้งไม่เคยพลาด และยากที่จะชี้ตำแหน่งเขาได้ เพราะผีสามารถยิงคนจากระยะไกลมากๆ เป็นมือปืนที่ถือได้ว่าแม่นยำที่สุดในวงการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผีเก็บเป็นความลับ ไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รู้ ผียิงใกล้ไม่แม่น ถ้าอยู่ในระยะใกล้ ผีจะตกที่นั่งลำบากทันที ผีจึงทำตัวห่างไกลกับผู้คนไว้เสมอ ระยะหลังความแม่นยำของผีเริ่มหายไป เมื่อผีสูบกัญชามากจนมือสั่น ทำให้ผีทำงานพลาดบ่อยครั้ง จนผีต้องถอนตัวออกจากวงการ ผีพยายามถือศีลบำเพ็ญเพียร เพราะผีเชื่อว่านี่คงเป็นกรรมที่เขาก่อไว้ ผีทำได้ไม่ดีนัก เขาผิดศีลเป็นประจำ ถึงแม้จะลงทุนนุ่งขาวห่มขาว อาการสั่นกลับยังคงอยู่ ผีปล่อยเลยตามเลย เขาเปลี่ยนอาชีพเป็นคนทรงเจ้า หลอกชาวบ้านที่งมงายไปวันๆ เพื่อเลี้ยงชีพ แต่นานวันเข้าชาวบ้านก็เริ่มจับได้ ผีเปรียบเหมือนเสืออดโซที่กำลังจะอดตาย ผีเสียชีวิตจากการโดนบาซูก้ายิงใส่จนร่างร่วงจากบังเกอร์ และเขาก็ได้พบกับภรรยาอีกครั้งและอยู่ด้วยกันตลอดไป พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ หรือ เท่ง เถิดเทิง รับบท อดีต "โอ๋ เอ็ม 16 หมื่นศพสิงห์สำอาง" แต่เพี้ยนคิดว่าตัวเองเป็น เอลวิส เพรสลีย์ ใครๆ เลยเรียกว่า "เอ๋อ เอลวิส" ฉายาเดิมคิอ โอ๋ เอ็ม 16 "หมื่นศพสิงห์สำอาง" โอ๋รับจ้างฆ่าคนไม่เว้นว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จนกระทั่งวันหนึ่ง โอ๋ ไปเที่ยวที่ เรดิโอ ซิตี้ เพื่อฟังเพลงเอลวิสที่โอ๋ชื่นชอบ วันนั้นร้านถูกวางระเบิด (ฝีมือของหมา) โอ๋โดนลูกหลงส่งเข้าไอซียู พอฟื้นขึ้นมาก็มีอาการเลอะเลือน แต่โอ๋ก็ยังรับงานฆ่าคนได้ แต่พักหลังโอ๋ลงมือแต่ละครั้ง เป้าหมายมักจะรอด แต่คนบริสุทธ์รอบข้างกลับล้มตายกันเป็นเบือ คนจ้างที่มีคุณธรรมหน่อย จึงไม่ค่อยนิยมใช้บริการโอ๋ ยกเว้นการฆ่าล้างโคตร พักหลังโอ๋อาการหนักถึงขนาดคิดว่า ตัวเองเป็นเอลวิส โอ๋เริ่มแต่งตัวเป็นเอลวิส และเริ่มพูดภาษาไทยไม่ชัด การรับงานแต่ละครั้งผู้จ้างต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขา จนในที่สุด ก็ไม่มีใครจ้าง หลังจากนั้นชื่อ โอ๋ ก็ถูกเรียกเป็น เอ๋อ แทน เมื่อไม่มีคนจ้าง เอ๋อก็ไม่แคร์ เพราะเขาคือเอลวิส เอ๋อ ตระเวนร้องเพลงตามคาเฟ่ต่างๆ แม้เสียงร้องจะแสนห่วยอย่างไร แต่ก็ไม่มีคาเฟ่ไหนกล้าปฏิเสธเอ๋อ เอลวิสผู้ที่มี เอ็ม 16 ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากีตาร์ ในตอนจบ เอ๋อ ถูกจับเข้าคุก และได้เป็นนักดนตรีอยู่ในคุก โดยในฉากที่เล่นดนตรีก็ได้เฉลยคนที่ฆ่าแม่ของ คิด ไซเลนเซอร์ อีกด้วย
ข้างหลังภาพ (2544/2001) เรื่องราวของหม่อมราชวงศ์กีรติ ผู้เดินทางตามสามีวัยชราไปยังประเทศญี่ปุ่น และได้พบกับ นพพร หนุ่มนักเรียนชาวไทยที่คอยปรนนิบัติดูแลเธอจนเกิดเป็นความรักระหว่างกัน แต่คุณหญิงไม่อาจตอบรับรักนพพรได้ จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี หลังจากสามีเธอสิ้นลง คุณหญิงกีรติได้เฝ้ารอการกลับมาของนพพรที่ท่าเรือ แต่กลับพบว่า เขามาเพื่อแต่งงานกับหญิงสาวที่หมั้นหมายไว้แล้ว การเดินทางตามสามีวัยคราวพ่อไปยังประเทศญี่ปุ่น ของหม่อมราชวงศ์กีรติ ทำให้เธอต้องพบกับจุดเปลี่ยนแห่งชีวิต เมื่อที่นั่นมีเด็กหนุ่มนักเรียนชาวไทย นพพร คอยปรนนิบัติดูแลเธอ นานวันเข้าจากความใกล้ชิดก็แปรเปลี่ยนเป็นความรัก นพพรเพียรขอความรักจากคุณหญิง แม้หญิงสาวไม่ตอบรับรักเขาก็ตาม พ้นเหตุการณ์นั้นไป 6 ปี เมื่อสิ้นสามี ในขณะที่นพพรเรียนจบแล้ว คุณหญิงกีรติก็มาเฝ้ารอเขายังท่าเรือ โดยไม่รู้เลยว่า นพพร กลับมาเพื่อแต่งงานกับคู่หมั้นที่หมั้นหมายไว้ก่อนจะไปญี่ปุ่น
แม่เบี้ย (2544/2001) บนรถโดยสารที่กำลังมุ่งหน้า สู่เรือนไทยริมน้ำ จังหวัดสุพรรณบุรี ชนะชล (กอล์ฟ-พุฒิชัย อมาตยกุล) ลูกทัวร์หนุ่มกำลังตกอยู่ในภวังค์อันแปลกประหลาด เขาจบการศึกษาจากต่างประเทศ เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มีภรรยาแสนดี และลูกน้อยวัยน่ารัก เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ด้วยชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม แต่เขากลับรู้สึกว่า บางสิ่งที่สำคัญหายไปจากชีวิตเขา ซึ่งเขาเอง ก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่หายไปนี้คืออะไร แต่มันก็นำเขาให้มากับทัวร์เรือนไทยคณะนี้ เพราะทุกครั้งที่เขาได้ใกล้ชิด กับเรือนไทย หรือข้าวของเก่าๆ ของคนไทย เขาจะรู้สึกว่า ได้สิ่งที่หายไปนั้นกลับคืนมา แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม แต่ก็ทำให้เขามีความสุขมาก ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะ โดยเสียงสดใสของ เมขลา (มะหมี่ - นภคปภา นาคประสิทธิ์) ไกด์สาวที่ทำหน้าที่ มอบความบันเทิงและความรู้แก่ลูกทัวร์ รวมทั้ง เป็นเจ้าของเรือนไทย ที่พวกเขากำลังจะไปชมนี้ด้วย ปกติแล้ว ชนะชลไม่ชอบผู้หญิงอย่างเมขลานัก ผู้หญิงที่ปราดเปรียว คล่องแคล่ว และ เปี่ยมเสน่ห์.. เกินไป แต่จนกระทั่ง เมื่อคณะทัวร์มาถึงเรือนไทย และเมขลาออกมาต้อนรับลูกทัวร์ในชุดไทย ตอนแรกเห็นชนะชลเกือบจำเมขลาไม่ได้ และจากนี้ไป ชีวิตของชนะชล ก็เปลี่ยนไป อย่างที่ไม่มีวันไปเป็นเหมือนเดิม.. เมขลาใช้ชีวิตสลับ ระหว่างกรุงเทพฯ กับเรือนไทยแห่งนี้ ที่นี่เธอจะอยู่กับ ลุงทิม (สุรชัย แก้วชูศิลป์), ป้าทับ (จินดา นาคจีน), นวล (สุรางค์ แซ่อั้ง) และ "งู" อีกตัวหนึ่ง งูที่เป็นทั้งเจ้าบ้าน และแขกอันไม่พึงประสงค์ เป็นงูเห่าสีดำตัวใหญ่ มันอยู่ที่เรือนไทยนี้มานาน อย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยเมขลายังเป็นเด็ก และย้ายมาที่นี่พร้อมกับ โกสุม (ณัฐสวาสดิ์ หมั้นทรัพย์) แม่ของเธอ โกสุม แม่ของเมขลา เป็นเมียน้อยคนที่สี่ เมขลาจำได้ดีว่า เมื่อมาถึงที่นี่ใหม่ๆ เธอและแม่ต้องทนรับการโขกสับ จากบรรดาเมียหลวงทั้งสาม แม่เชื้อ (ลักษมี เพ็ญแสงเดือน), แม่นิ่ง (ปาริชาติ บริสุทธิ์), แม่สาย (หัทยา คูรัตน์ชัชวาล) จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่แล้ว ด้วยฝีมือการบำเรอความสุขทางเพศของโกสุม ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป พ่อของเมขลา (ภิญโญ ทองเจือ) มอบทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านให้โกสุมดูแล แล้วความสุขและชัยชนะ ก็กลับมาสู่ชีวิตของเมขลาอีกครั้ง เมขลาได้เจอกับชนะชลที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง แม้จะพยายามรักษาท่าทีต่อกัน แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่า ปรารถนาซึ่งกันและกันเพียงใด แต่กรอบแห่งศีลธรรม และความรับผิดชอบ ก็ยังกั้นคนทั้งคู่ให้ห่างจากกันได้ แต่เมื่อทั้งสองยิ่งได้เจอกันบ่อยมากขึ้น ก็ไม่มีอะไรในโลกจะสามารถหยุดทั้งคู่ให้จากกันได้ และเมื่อคืนหนึ่งมาถึง ที่เรือนไทยที่ชนะชลรู้สึกผูกพันนี้เอง เขากับเมขลาก็ผูกสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นขึ้น แต่เขาก็เกือบต้องแลกความสุขนี้ด้วยชีวิต เมื่องูเห่าสีดำไล่ล่าเขาอย่างกราดเกรี้ยวและอาฆาต ผิดธรรมชาติของงูยิ่งนัก เมขลารู้ดีว่าเป็น เพราะเรื่องของเธอกับเขา จึงทำให้งูเห่าพยายามฆ่าชนะชล เหมือนที่เคยทำกับ พจน์ (อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล) หนุ่มผู้กว้างขวางในย่านนั้น ผู้ชายอีกคนที่ตกหลุมเสน่ห์ของเมขลา จนถอนตัวไม่ขึ้น และต้องชดใช้ความต้องการของเขาด้วยชีวิต เมื่อเขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับงูเห่าตัวนี้ เมขลาพยายามจะไล่งูออกไปจากเรือนไทย และจากชีวิตของเธอ แต่งูก็คอยหลบหน้าเธอ และยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเธอ และบ้านไทยต่อไป ความสัมพันธ์ของชนะชลและเมขลารู้ถึง ไหมแก้ว (โซบี - โชติรส แก้วพินิจ) ภรรยาของชนะชล ไหมแก้วเสียใจและโกรธแค้นมาก เมขลารู้ดีว่า ความรักที่ผิดศีลธรรมของเธอ มาถึงจุดจบแล้ว เธอตัดใจจากชนะชล และเดินทางไปต่างประเทศ เธอเลือกที่จะอยู่ไกล แม้จะทำให้เธอร้าวราน และเจ็บปวดมากเพียงใดก็ตาม แต่ชนะชลกลับไม่สามารถห้ามความปรารถนาของเขาเองได้ เขาเดินทางกลับไปที่เรือนไทย เพื่อค้นหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มชีวิตของเขา แม้รู้ดีว่า งูเห่าตัวนั้นกำลังรอเขาอยู่ ...ที่สุดแล้ว บทสรุปของเมขลา ขนะชล และงูเห่า จะลงเอยเช่นใด สายใยอะไรที่ร้อยเรียงพวกเขาไว้ด้วยกัน.. บางทีคำตอบทั้งหมด อาจรอพวกเขาอยู่ที่เรือนไทยริมน้ำหลังนั้น...

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ