พระอภัยมณี (2545/2002) ที่เมืองรัตนา ท้าวสุทัศน์ส่ง 2 ราชบุตรคือ "พระอภัยมณี" และ "ศรีสุวรรณ" ให้ออกไปศึกษาหาความรู้เพื่อมาปกป้องบ้านเมือง แต่แล้วเมื่อทรงทราบในภายหลังว่าพระอภัยมณีเรียนสำเร็จวิชาการเป่าปี่และศรีสุวรรณเรียนจบวิชาการต่อสู้ ก็ให้ทรงผิดหวังและทรงกริ้วจนถึงกับสั่งให้เนรเทศ 2 ราชบุตรไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักร ในระหว่างการรอนแรม 2 ราชบุตรได้มีโอกาสพบกับ วิเชียร โมรา และสานนท์ 3 พราหมณ์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ศาสตราวุธและเวทมนต์คาถา เมื่อเสียงปี่ของพระอภัยมณีดังไปจนถึงถ้ำของนางผีเสื้อสมุทรจนก่อให้เกิดจิตปฏิพัทธ์ขึ้นในใจของนางให้หักห้ามได้ นางจึงตัดสินใจลักพาตัวของพระอภัยมณีไปอยู่ด้วยกันในถ้ำ แล้วจำแลงร่างเป็นหญิงสางผู้งามสง่าจนกระทั่งมีบุตรด้วยกันหนึ่งคนนามว่า "สินสมุทร" เมื่อพระอภัยมณีล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนางและรีบรุดหลบหนีพร้อมด้วยสินสมุทร โดยที่นางเงือกสาวที่พระอภัยมณีเกิดจิตพิศวาส และครอบครัวเป็นผู้พาให้พ้นจากเงื้อมมือของนางผีเสื้อสมุทร
ตะลุมพุก มหาวาตภัยล้างแผ่นดิน (2545/2002) พุทธศักราช 2505 การที่สาวอุดมการณ์สูงอย่าง กุลสตรี (พรหมพร) ถูกส่งตัวมาประจำที่กองเรือตรวจอากาศที่อ่าวนครศรีธรรมราช ทำให้เธอได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงานและความรัก และเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของเธอ อันตรายของพายุที่กำลังจะเกิด ทำให้เธอได้ขึ้นไปที่แหลมตะลุมพุกกับจ่าสมใจ (ฉัตรชัย) ผู้ไม่เคยเชื่อเช่นเธอ เรื่องราวบนแหลมตะลุมพุก นอกจากความสวยงามและวิถีชีวิตบริสุทธิ์ของชาวแหลมตะลุมพุก และอันตรายของพายุที่ทั้งคู่ต้องเผชิญแล้ว การได้พบเรื่องราวของความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ลงตัวของ 2 หนุ่ม 1 สาว และแรงกดดันของชุมชนที่ทำให้ พร้าว (ธันญ์) หนุ่มไทยเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของ ซากีนะห์ (ศศิธร) สาวชาวมุสลิม ความรักของทั้งสองได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความไม่พอใจของ ซอและ (ม.ร.ว.มงคลชาย) หนุ่มชาวมุสลิมซึ่งเป็นคู่หมั้นของซากีนะห์ จนนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้พร้าวต้องไปจากแหลมตะลุมพุก เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับซากีนะห์คนที่เขารัก พร้าวหนีใจตัวเองไม่พ้น พายุใหญ่เริ่มพัดกระหน่ำแหลมอย่างบ้าคลั่ง เหมือนอารมณ์ที่กดดันของเธอและเขา ในที่สุดพร้าวจึงตัดสินใจกลับมาที่ตะลุมพุกอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อซากีนะห์ พร้าวต้องเผชิญหน้ากับหายนะและอันตรายของคลื่นบ้าพายุคลั่งเป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เพราะสิ่งที่รอการกลับมาของพร้าวคือความแค้นของซอและ ที่รุนแรงไม่แพ้พายุที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พร้าวต้องฝ่าฟันไปให้ได้ สิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกคน คือพายุคลั่งลูกนี้มาทวงหา และตัดสินชะตาความกล้าตัวตนของคนที่อยู่บนแหลมทั้งหมดและเรื่องราวของแหลมตะลุมพุก ที่ทั้งกุลสตรีและจ่าสมใจได้พบไม่เพียงทำให้พวกเขาจดจำ แต่มันเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งคู่ตลอดไป และทำให้ทั้งคู่รู้จักคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง ชะตากรรมที่ทุกคนต้องมาร่วมกันครั้งนี้มันใหญ่ รุนแรง และน่ากลัว เกินกว่าที่ทุกคนจะรอดชะตากรรมนี้
Sin Sisters ผู้หญิง 5 บาป (2545/2002) “แอน-จอย-ก้อย-แหม่ม-จุ๋ม” ทั้ง 5 คนต่างเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมจนจบมหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกันไปทำงานในทางที่ร่ำเรียนมา “แอน” ไปเป็นพยาบาลตามฝัน “จอย” เป็นอาจารย์สอนศิลปะ ส่วน “ก้อย” จะโชคดีกว่าเพื่อน ตระกูลรวยก็เลยไม่ต้องทำอะไร นอกจากแต่งสวยไปมา ฝ่าย “แหม่ม” ก้าวขึ้นสู่ระดับผู้บริหารของบริษัทโฆษณาใหญ่แห่งหนึ่ง โดยที่ “จุ๋ม” มีกิจการส่วนตัวจำหน่ายสุกรและเพาะพันธุ์สุนัข ทั้ง 5 สาวได้มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้งในงานศพของเพื่อนคนหนึ่ง หลังเสร็จงานแล้วทั้งหมดตกลงค้างคืนกันที่บ้านจุ๋มเพื่อรำลึกถึงความหลังร่วมกัน แม้ว่าพวกเธออดจะแปลกใจไม่ได้ว่าเพื่อนๆ ร่วมรุ่นที่เหลือต่างหายไปกันจนหมด หลังจากช่วยกันทำกับข้าว รับประทานอาหาร และตบท้ายด้วยไวน์พอตึงๆ แอนก็เป็นคนเริ่มต้นตั้งประเด็นสนทนาเกี่ยวกับเซ็กซ์ จนถึงจุดที่ว่าทุกคนต่างต้องมีเซ็กซ์ที่น่าอับอายขายหน้า เป็นเซ็กซ์ที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครล่วงรู้ได้ เป็นบาปที่ทุกคนรู้สึกผิดมาโดยตลอดและเก็บเงียบไว้ไม่เคยบอกใคร เมื่อทุกคนคือเพื่อนรัก คือเพื่อนตาย ก็น่าจะถึงเวลาถ่ายทอดความลับที่สุดของทุกคนให้เพื่อนๆ ได้รับรู้!!!
พรางชมพู กะเทยประจัญบาน (2545/2002) บนสมรภูมิสู้รบเดือดของชนกลุ่มน้อย บริเวณรอยต่อชายแดนไทย ...ความขัดแย้งจนเลือดพล่าน ผสานความฮาแตก ระเบิดขึ้นเมื่อเครื่องบินลำหนึ่ง ร่วงลงอย่างไม่คาดฝัน ปล่อย 6 กะเทยผู้รอดชีวิต ให้จิตตกระหกระเหิน สะเทินน้ำสะเทินบกอยู่กลางป่า ร้อนถึงทหารนอกราชการ ต้องรับภารกิจไม่ธรรมดา ด้วยการบุกป่าฝ่าดง ข้ามเขตสู้รบ เข้าไปช่วยพวกเธอ ให้รอดกลับบ้านเกิดได้โดยสวัสดิภาพ ผู้กองหนุ่มไฟแรง ผู้กองสมพงษ์ (พุฒิชัย อมาตยกุล) รับหน้าที่นำหน่วยทหารเฉพาะกิจครั้งนี้ เพื่อออกปฏิบัติการอันแสนจะไร้สาระ ในสายตาของ จ่าเริง (สรพงษ์ ชาตรี) ทหารรุ่นดึก ผู้จงเกลียดจงชังสาวประเภทสองเข้าไส้ โดยมี หมู่ปกรณ์ (โกวิทย์ วัฒนกุล) เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในหน่วย เหล่าทหารหาญมาดแมนทั้งหมด ต้องเปิดฉากเจรจาต่อรอง ขอแลกตัว 6 กะเทยไทยใจกระตู้วู้ ที่จับพลัดจับผลูตกเป็นเชลยของชนกลุ่มน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะอันไม่จำเป็น แต่แล้วแผนการเกิดผิดพลาด จนลุกลามเป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด กับกองกำลังรักษาดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน ความปรารถนา ที่จะได้กลับเมืองไทย อย่างสงบสุขของผู้รอดชีวิต กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีกันอย่างดุเดือด ระหว่างทหารหลายฝ่ายหลายชาติที่เกี่ยวข้อง ในเวลาเดียวกับที่ศึกภายนอกดุเดือดสุดขีด ศึกภายในทั้งระหว่างกะเทยด้วยกัน และกะเทยกับทหารก็เริ่มแสบร้อนเผ็ดมันตามไปด้วย เหล่าสาวๆ ที่นำโดย เกษม (เสรี วงษ์มณฑา), สมหญิง (อรนภา กฤษฎี), ชิชา (ธงธง มกจ๊ก) ซึ่งแตกต่างกันทั้งวัย นิสัย และความเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์ ของเรือนกาย ก่อวิวาทะแบ่งพวกแบ่งฝ่ายกันเองอย่างไม่วายเว้น สร้างความเหม็นเบื่ออย่างยิ่งยวด แก่จ่าเริงที่เกลียดกะเทย เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความขัดแย้งจึงยิ่งกลายเป็นจุดบั่นทอน ให้การเดินทางของพวกเขา วุ่นวายยากเย็นขึ้นทุกที การไล่ล่าของชนกลุ่มน้อย ตามติดมากระชั้นชิด บีบคั้นให้ฝ่ายไทย ต้องหลบหนีอย่างชุลมุน มาจนถึงจุดนัดพบ เพียงเพื่อจะได้รู้ความจริงว่า เฮลิค็อปเตอร์ที่ทางการรับปากไว้ ว่าจะส่งมาช่วยนั้น ไม่มีวันมาตามที่พวกเขาคาดหวัง มีแค่คำสั่งง่ายๆ แต่ทำตามยากเหลือร้าย นั่นคือ พวกเขาต้องดิ้นรน หาทางรอดกลับสู่มาตุภูมิกันเอาเอง! แต่ท่ามกลางความขัดแย้งอันสุดป่วนหัวใจนี้.... พวกเขาและพวกเธอ จะเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหญ่กันอย่างไร ที่ไม่เพียงแค่เพื่อรักษาชีวิตอันมีค่าของตัวไว้ แต่ยังเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารห้าว กับสาวประเภทสอง ให้โลกต้องจารึกไว้ด้วย?!!
ตำนานกระสือ (2545/2002) หากกล่าวถึง “ตำนานผีไทย” แล้วคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “กระสือ” เป็นผีประเภทหนึ่งที่อยู่ในการรับรู้ของคนไทยตลอดมา หญิงสาวผู้ออกหากินตอนกลางคืนพร้อมกับหัวกับไส้คือคุณลักษณะที่ทุกคนสามารถบอกได้เมื่อถูกถามถึงผีกระสือ “สหมงคลฟิล์ม” ภูมิใจเสนอภาพยนตร์สยองขวัญที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสำรวจตำนานของกระสือในมิติที่ยังไม่เคยถูกนำเสนอมาก่อนเรื่อง “ตำนานกระสือ” จากฝีมือการกำกับของนักแสดงผู้มากประสบการณ์ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เรื่องราวของตำนานกระสือกระสือเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1763 เมื่อเมืองเขมราชปุระ อันเป็นเมืองที่อยู่ทางด้านเหนือของกรุงละโว้ราชธานี ถูกตีแตกโดยชนเผ่าไทยซึ่งนำโดย “ขุนศรีอินทราทิตย์” หลังจากเมืองถูกตีแตก “ขุนหาญศึก” เจ้าเมืองเชียงอินทร์ก็กวาดต้อนครอบครัวขอมมาเป็นเชลยเช่นเดียวกับเจ้าเมืองอื่น ซึ่งในจำนวนเชลยเหล่านั้นก็มี “นางตาราวตี” และ “แม่เฒ่ากาลา” ผู้เป็นย่าทวดรวมอยู่ด้วย เพราะความสาวและสวยของตาราวตีทำให้เธอถูกคัดเลือกเป็นนางสนมของเจ้าเมืองด้วยความจำใจ แต่ด้วยความรักที่มีต่อ “เจ้าฟ้าแจ้ง” นักรบหนุ่ม ทำให้เธอต้องถูกจับประหารชีวิต ก่อนวันประหารแม่เฒ่ากาลาผู้ลึกลับได้ถ่ายทอดพลังอมตะให้แก่ลื่อของนาง จนทำให้แม้ถึงวันประหารร่างของนางตาราวตีจะถูกเผาผลาญไปกว่าครึ่งตัว แต่หัวกับไส้ของนางกลับลอยหนีหายลับไปพร้อมกับเงาสีน้ำเงินสว่างเรือง ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ความตายของ “นางดาว” สาวสวยคนหนึ่งในหมู่บ้านทำให้จิตวิญญาณของตาราวตีได้โอกาสหาร่างเข้าสวมแทน นางดาวจึงฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นหมู่บ้านที่เงียบสงบก็ไม่สุขสงบอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อหัวขโมยสองคนได้เห็นผีหญิงสาวซึ่งมีแค่หัวกับไส้กำลังกินควายตัวหนึ่งอย่างสยดสยอง จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวก็เกิดขึ้น… “ตำนานกระสือ” ระดมนักแสดงหน้าใหม่และเก่ามากมายมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่แฝงอยู่ในความเชื่อคนไทยทุกยุคทุกสมัย “ลักขณา วัฒนวงศ์สิริ, นักรบ ไตรโพธิ์, ณัทธร สมคะเน, จิตรานันท์ ธรรมวงศา, พิศมัย วิไลศักดิ์, เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, ยาว อยุธยา ฯลฯ” ในด้านของทีมงานสร้าง “ตำนานกระสือ” เป็นผลงานการกำกับของ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” จากบทภาพยนตร์ของ “เชษฐ์ ชัชวาล” อำนวยการผลิตโดย “สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์” โดยมี “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิร์ฐ” เป็นผู้อำนวยการสร้าง
ชุมเสือแดนสิงห์ ตอนกระตุกติ่งเจ้าพ่อ (2545/2002) ในยุคเสื่อมทุกคนหันไปเป็นโจร เสือใหญ่ เจ้าพ่อใหญ่ที่โหดเหี้ยมแต่เชื่อถือเรื่องโชคลางอย่างแรง เจ้าของชุมโจรเสือใหญ่ ภายในเมืองคนดี เกิดถูกฝันร้ายทักว่า “ต้องแต่งงาน ไม่งั้นตาย” เสือใหญ่จึงมอบหมายให้ เสือเล็ก น้องชายออกตามหาติ่งสาวปริศนา ที่มีปานแดงรูปหัวใจที่หน้าอก โดยมี สมร ปืนคู่, ภิบูรณ์ รัง และสนิม ซ่อมรถ สามสมุนตัวป่วน พร้อมพวกโจรที่ว่างงานมานานกว่า 100 ชีวิต ตามไปเป็นลูกมือ แต่แผนการทั้งหมด กลับไปเข้าหูพวกชุมชนมืด กลุ่มคนที่โกรธแค้น และต้องการโค่นล้มเสือใหญ่ โดยไม่มีใครคิดว่าติ่งที่เสือใหญ่กำลังตามหา คือลูกสาวขี้เมาของหัวหน้าชุมชนมืดนั้นเอง พวก สมร ภิบูรณ์ ออกตามหาจนหมดแรงก็ยังไม่เจอ แต่เหมือนโชคเข้าข้างพวกเขาไปเจอกับ ปัด สาวขายของเร่ที่มีหน้าตาเหมือนติ่งเปี๊ยบ พวก สมร ภิบูรณ์ จึงจัดการจับตัวปัดไปย้อมแมวให้กลายเป็นติ่ง และพาไปส่งให้เสือใหญ่ แต่ในระหว่างทางพวกเขาถูกชุมชนมืดรุมกินโต๊ะ และชิงตัวปัดไปได้ในที่สุด เสือใหญ่โกรธมากที่รู้ว่าเจ้าสาวถูกชิงตัวไป จึงจ้างนักฆ่า 4 ธาตุ มือปืนรับจ้างระดับท๊อปไฟว์ อันประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปชิงตัวเจ้าสาวกลับมา ในขณะที่เสือเล็กพบว่าสาวติ่งแท้จริงคือคนรักลับๆ ที่แอบ มีสัมพันธ์กันมานาน เขาจึงทรยศพี่ชายแอบจ้าง ยอด (Mr.Climax) มือปืนรับจ้างอันดับหนึ่งที่ทุกวันนี้ตกอับ เพราะถูกพวกนักฆ่า 4 ธาตุ หักหลัง และทำให้เขาความจำเสื่อม ได้แต่ปล้นปั้มกินไปวันๆ ออกไปชิงตัวติ่งมาอีกทางพวกนักฆ่า 4 ธาตุ บุกไปถล่มชุมชนมืดจนราบ แต่กลับไปเจอติ่งเอากลางถนนดื้อๆ ในขณะที่ยอดได้ปัดไป แต่กลับลืมว่าต้องเอาไปส่งที่ไหน ด้านปัดเมื่อได้พบยอดก็ดีใจสุดๆ เพราะเธอคือภรรยาของยอดก่อนที่ยอด จะความจำเสื่อม เธอพยายามทุกอย่างที่จะทำให้ยอดฟื้นความจำ แต่ก็ไม่เป็นผล อีกด้านเสือใหญ่ที่แสนปลื้มกับเจ้าสาวที่ตนได้มา กลับพบว่าติ่งเป็นสาวชอบเซ็กซ์ซาดิส ในขณะที่ความฝันเตือนห้ามเสือใหญ่มีอะไรกับติ่ง ก่อนแต่ง ทำให้เสือใหญ่ไม่เป็นอันนอนต้องคอยหลบติ่งตลอดคืน ด้านหัวหน้าชุมชนมืดที่เป็นห่วงว่าลูกสาวตัวเองจะทำอะไรเสือใหญ่ไปซะก่อน จึงสั่งเร่งแผนการลับขุดอุโมงค์ลอบเข้าเมืองคนดี เพื่อล่มเสือใหญ่ให้เร็วที่สุด เวลาผ่านไปจนถึงวันแต่งงานของเสือใหญ่ ขณะที่พิธีกำลังจะเริ่ม พวกชุมชนมืดก็ขุดถึงเมืองคนดี และ บุกถล่มพวกเสือใหญ่จนย่อยยับ ด้านยอดที่เดินทางมาเมืองคนดีด้วยเรื่องส่วนตัวพร้อมกับปัด ก็ได้มีโอกาส ชำระแค้นกับพวก 4 ธาตุ และได้ความทรงจำของตัวเองกลับคืนมาในที่สุด
ผีหัวขาด (2545/2002) ไอ้เดี่ยว (ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้มีความสามารถด้านหมัดมวย วันหนึ่งเขาพบกับกลุ่มโจรที่ขโมยตัดเศียรพระพุทธรูป เขาจึงเข้าขัดขวางทว่าพาดท่าถูกฟันคอขาด ท่ามกลางฝนฟ้าคะนองเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมา จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็นผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ไอ้เดี่ยว (ต๊ะ ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้ได้ร่ำเรียนวิชามวยมาจากพ่อที่เป็นนักมวยเก่า ก่อนที่พ่อตายจากไป ท่านสั่งเสียให้ไอ้เดี่ยวออกตามหาเพื่อนเก่าชื่อ โกร๋น (เทพ โพธิ์งาม) ที่หมู่บ้านใต้ เมื่อย้ายไปที่นั่น ไอ้เดี่ยวตัดสินใจลงแข่งควายกับสมพงษ์ และต่อยมวยกับไอ้มาด (ธนิสร สัตยมงคล) ในงานประจำปีของหมู่บ้าน เพื่อหาเงินมาช่วยปลดหนี้ให้เพื่อนใหม่ชื่อไอ้หมึก (ชูศรี เชิญยิ้ม) ไอ้เดี่ยวเริ่มถูกไอ้มาดและสมพงษ์เขม่น เพราะนอกจากจะชนะทั้งต่อยมวยและแข่งความแล้ว สาวสวยประจำหมู่บ้านอย่าง ทับทิม (นพวรรณ ศรีนิกร) ยังดูจะมีใจให้ไอ้เดี่ยวอีก หลังจากการแข่งชกมวย เสือเม่น (อภิชาติ ชูสกุล) ลอบเข้าไปตัดเศียรพระในโบสถ์ ไอ้เดี่ยวเห็นเข้าจึงตามไปขัดขวาง แต่ถูกไอ้มาดและสมพงษ์ดักทำร้าย ไอ้มาดใช้มีดฟันคอเดี่ยวตายคาที่ ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง และเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมาจากเสือเม่น จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็น ผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างมันจะหายไปพร้อมกับแสงตะวันของวันใหม่
ปังปอนด์ ดิ แอนิเมชัน ตอน ตะลุยโลกอนาคต (2545/2002) ปังปอนด์ เด็กน้อยจอมป่วนและเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ ที่คอยสร้างเรื่องปวดหัวให้กับทุกคนมาแล้วในภาคหนังสือการ์ตูน ในคราวนี้ปังปอนด์กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเพื่อนใหม่แสนมหัศจรรย์มากมาย เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยความซุกซนของปังปอนด์ที่ตามน้าผีไปเที่ยวป่าช้าในยามดึก โดยหารู้ไม่ว่าการไปเที่ยวครั้งนี้กลับนำไปสู่เหตุการณ์สำคัญอะไรบางอย่าง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในดินแดนโลกอนาคตอีก 500 ปีข้างหน้าในโลกอนาคตนี้ปังปอนด์ได้พบเพื่อนใหม่ที่เก่งกาจ ฉลาดมีไหวพริบดี เป็นเพื่อนซี้นั่นคือ หนุมานจิ๋ว ที่เดินทางมาจากโลกอดีตเมื่อ2000ปีที่แล้วซึ่งทั้งสองคนตกลงจับคู่กันออกผจญภัยในโลกใหม่นี้ พร้อมกับเจ้าบิ๊กสุนัขคู่ใจของปังปอนด์ แต่พวกเขาไม่มีโอกาสรู้เลยว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับอะไรต่อไป การผจญภัยเริ่มเข้มข้นขึ้นเมื่อปังปอนด์เจ้าบิ๊กและหนุมานจิ๋วได้มีโอกาสสัมผัสกับชีวิตของกลุ่มเด็กนักเรียนในโลกอนาคต ที่มีทั้งมนุษย์โลก มนุษย์ต่างดาว ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างนิสัยใจคอแม้กระทั่งหุ่นยนต์ที่คอยปกครองทุกอย่าง แต่ด้วยความเป็นเด็กช่างจินตนาการของปังปอนด์กลับสร้างรอยยิ้มและความสุขสนุกสนานให้กับทุกๆ คน แต่ยังมีความจริงบางอย่างที่ทั้งปังปอนด์และหนุมานจิ๋วต้องประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่าหลังจากปี ค.ศ. 2002 เป็นต้นไป โลกได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงและอำนาจของหุ่นยนต์ก็มามีอิทธิพลและควบคุมเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งคนและมนุษย์ต่างดาว โดยหุ่นยนต์ควบคุมการดำรงค์อยู่ของมนุษย์เพียงเพื่อค้นคว้าวิจัยและรอการดับสูญเท่านั้น ความป่วนของปังปอนด์และอุปกรณ์วิเศษมากมายของหนุมานจิ๋วทำให้ทั้งสองฝ่าฟันสถานการณ์ต่างๆ มาได้ แต่แล้วปังปอนด์ต้องมาเสียทีถูกจับตัวโดยโรโบโพลิซเพื่อนำไปพบกับกองทัพหุ่นยนต์ที่มีแผนการร้ายยึดครองโลกมนุษย์ปังปอนด์และสหายที่ล่วงรู้ความลับของโลกอนาคตจะสามารถต่อสู้เพื่อพลิกชะตาให้โลกกลับมามีสันติสุขและความสวยงามดังเดิมได้หรือไม่
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ (2545/2002) คืนออกพรรษาที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในโลกเพราะที่นี่ คือ ริมฝั่งโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย หลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนที่ไหน ๆ พากันเข้าบ้าน กินข้าว พูดคุย ดูโทรทัศน์ หลับนอน แต่ที่นี่ คนนับหมื่นนับแสนแห่แหนกันมานั่งรอ ยืนรอ นอนรอ อยู่ริมตลิ่ง สองตามองจ้องจับอยู่ที่กลางแม่น้ำบังคับกล้ามเนื้อตาว่าอย่ากระพริบ เพราะวินาทีไหนก็ไม่รู้ ลูกไฟสีแดงส้มขนาดเท่าไข่ไก่จะผุดขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ตกตะลึงพรึงเพริดและหายวับไปในเวลาเพียง 2-3 วินาที ลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาวต่างร้อง เฮ! อย่างกับเชียร์บอล เมื่อลูกไฟพิศวงพุ่งขึ้นตรงนั้นตรงนี้นับสิบนับร้อยตลอดลำน้ำ ส่วนคนเฒ่าคนแก่พากันร้องสาธุ การณ์เป็นอย่างนี้ หลายสิบปีดีดักมาแล้ว ลูกไฟพิศวงนี้มาจากไหน มันคืออะไร ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ คุณศรัทธาในสิ่งใด คุณมีเหตุผลไหม ขณะนี้ผู้คนบนฝั่งไทย กำลังโห่ร้องยินดีกับบั้งไฟพญานาค ไอ้คานหนุ่มโพนพิสัย กำลังกระโดดตบมือแบบกิ๊ฟมีไฟฟ์อย่างกับนักบาสเอ็นบีเอ กับหลวงพ่อโล่ห์ ณ วัดลาว ต่างลิงโลดกับวีรกรรมร่วมกัน วีรกรรมดำน้ำลงไปฝังลูกบั้งไฟดิบใต้ลำน้ำโขงก่อนคืนออกพรรษา ส่วนหมอนรติ ประจำโรงพยาบาลหนองคายนั้นเล่าก็กำลังเฝ้ารวบรวมหลักฐานเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าลูกไฟนี้เกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ ใต้ลำน้ำโขงก่อตัวเย็นก้อนก๊าซถูกดูดให้ลอยขึ้นเหนือพื้นน้ำโดยดวงจันทร์และเกิดปฏิกิริยาสันดาบกับโอโซนในอากาศ ส่วน ด๊อกเตอร์สุรพล แห่งภาควิชาเทคโนธรณี ม.ขอนแก่น ก็ออกมาชูจักกะแร้ ค้านทุกอย่างที่หมอนรติเชื่อ ก็แม่น้ำโขงไหลเชี่ยวออกอย่างนั้น ซากอะไรจะไปสะสม ส่วนก้อนก๊าซจะเกิดได้เล่าโขงต้องหยุดไหล 5 วัน และมีอุณหภูมิเลยจุดเดือดไป 526 องศา สำหรับด๊อกเตอร์ลูกไฟนี้เป็นฝีมือมนุษย์แน่นอน ขณะที่ครูใหญ่ แม้จะสอนวิชาคณิตศาสตร์มาทั้งชีวิต แต่ความเป็นคนหนองคาย รักหนองคาย ทำให้เขาไม่อยากรู้เลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และหากมีอะไรสักอย่างที่ครูทำโดยไม่ได้ขอรับเงินเดือนหลวงล่ะก็ สิ่งนั้นคือหยุดยั้งพวกชอบพิสูจน์ให้เด็ดขาด คืนออกพรรษาคืนนี้อาจเหมือนหรืออาจไม่เหมือนคืนออกพรรษาปีก่อน...เพราะปีนี้ คานทำคอแข็ง ตาแข็ง และเสียงแข็งบอกหลวงพ่อโล่ห์ว่า "ปีนี้เราเลิกเถอะครับหลวงพ่อ"
ขังแปด (2545/2002) บางครั้งในโลกที่เต็มไปด้วยอิสรภาพ ความรู้สึกภายในอาจไม่ต่างกับการถูกจองจำ เฉกเช่นชะตากรรมของหญิงสาวสองกลุ่มที่ผูกพันเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันด้วยสายใยแห่งความเป็นเพื่อน ความรัก ความเอื้ออาทร แม้ว่าพวกเธอจะมีพื้นฐานของชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเธอมีเหมือนกันก็คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดโดยเพศชาย “สหมงคลฟิล์ม” ภูมิใจเสนอผลงานเรื่องแรกของนักเขียน-นักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่อยู่ในแวดวงงานเขียนมากว่า 3 ทศวรรษ “สนานจิตต์ บางสพาน” เรื่อง “ขังแปด” ดัดแปลงจากนิยายของ “อ้อย อัจฉริยกร” และบันดาลใจจากเรื่องสั้น “วันเวลาของกะหรี่คนหนึ่ง” โดย “อีแร้ง” “ขังแปด” เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่มีพื้นเพแตกต่างกันไปอันประกอบด้วย “ดาวไสว, พักตร์, เพ็ญ, จอย, ก้อย, หวี และ เทวีรัตน์” คือกลุ่มนักโทษหญิงเด็ดขาดใน “แดน 8” ทั้งหมดมาจากภูมิหลังที่แตกต่างทั้งครอบครัว สภาพแวดล้อม และพื้นฐานทางจิตใจ แต่ทั้งหมดคือ “นญ.-นักโทษหญิง” ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษขั้นเด็ดขาด แน่นอนเวลาที่เนิ่นนานในคุกย่อมก่อให้เกิดเรื่องราวมากมาย สำหรับชีวิตที่อยู่ภายในกำแพงสูง รั้วลวดหนาม และกฎเหล็ก ทุกคนต่างถูก “ขัง” ทั้งความขัดแย้ง ความรุนแรง กามารมณ์ ความฝันถึงอิสรภาพ “มาลี, อรุณวรรณ, เอียด” คือกลุ่มโสเภณีอิสระที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากกลุ่มนักโทษเด็ดขาดเช่น “ดาวไสว, พักตร์, เพ็ญ” และคนอื่นๆ โลกภายนอกกำแพงคุก อาจจะดูมีอิสระ มีเสรีภาพ แต่ใครเล่าจะพิสูจน์หรือยืนยันได้ว่ามันปลอดภัย อบอุ่นกว่าโลกหลังกำแพงคุก ภายใต้อิสระเสรีภาพของ “มาลี, อรุณวรรณ, เอียด” เธอก็คือหญิงสาวที่ถูกพันธนาการกักขังด้วยพันธะและเงื่อนไขของชีวิตของชีวิตแตกต่างกันไปตามสถานภาพ ความคิด และภูมิหลังของแต่ละคน แต่หญิงสาวสองกลุ่มแทบจะไม่แตกต่างในความคิดและพฤติกรรมที่เชื่อมั่นว่าพวกเธอมีศักดิ์และศรีเทียบเท่ากับผู้ชายในสังคมไทย เธอไม่เคยป่าวประกาศ แต่เธอกระทำให้โลกได้เห็นและรับรู้ “ดาวไสว ไพจิตร” ถูกชะตากรรมกำหนดให้เส้นทางชีวิตของเธอต้องผ่านโลกของหญิงสาวทั้งสองกลุ่มในฐานะเพื่อนสมาชิกของสังคม นักโทษหญิง และโสเภณีอิสระในฐานะผู้สังเกตการณ์ โลกหลังกำแพงคุกและโลกนอกกำแพงคุกได้ถูกร้อยรัดให้เป็นโลกใบเดียว โลกใบที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามล้วนกักขังด้วย “พันธนาการแห่งชีวิต” ที่อาจจะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่กำแพงสูง ลวดหนาม ลูกกรงเหล็ก ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไปจนกระทั่ง “ใจ” ผ่านสายตา ความทรงจำ และบันทึกของ “ดาวไสว ไพจิตร” อดีตนักโทษหญิงเด็ดขาด ซึ่งได้รับอิสรภาพสู่ “คุกใหม่” แห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด เปรียบเสมือนเธอก้าวออกจาก “คุก” หนึ่ง เพื่อที่จะไปรับโทษทัณฑ์ในอีก “คุก” หนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และนั่นคือ “ขังแปด” นวนิยายที่เขียนขึ้นจากชีวิตจริงของ “ดาวไสว ไพจิตร” และทำให้เธอกลายเป็นนักเขียนชื่อดังในเวลาต่อมา… “ขังแปด” เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทครั้งแรกของ “สนานจิตต์ บางสพาน” โดยได้ดัดแปลงจากบทประพันธ์ในชื่อเรื่องเดียวกันของ “อ้อย อัจฉริยกร” และเรื่องสั้น “วันเวลาของกะหรี่คนหนึ่ง” โดย “อีแร้ง” นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพชั้นนำของเมืองไทยอันประกอบด้วย “สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสิร์ฐ, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, ดิลก ทองวัฒนา, พิชญ์นาฎ สาขากร, ภัทรวรินทร์ ทิมกุล และ กนกพร โลศิริ”
1+1 เป็นสูญ (2545/2002) สมชาย (ปีแอร์ เพิง) เป็นหนุ่มนักพนันวัย 30 ปี ผู้กำลังเจอปัญหาหนักหน่วง ที่ดูเหมือนยิ่งแก้ก็ยิ่งถลำลึก ยิ่งหนีมันก็ยิ่งตามหลอกหลอน การกระโดดตึกอำลาโลกที่ยุ่งเหยิงใบไปให้รู้แล้วรู้รอด คือทางออกทางเดียวที่ผุดขึ้นมาในสมองของเขา โกโก้ (อริศรา วงษ์ชาลี) เป็นหญิงสาวหลุดโลกที่กำลังจมอยู่กับความทุกข์ ในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งนึกก็ยิ่งเจ็บ และเท่าที่เธอคิดออก ไม่มีวิธีไหนอีกแล้ว ที่จะดีไปกว่ายุติชีวิตบ้า ๆ ของตนด้วยการดิ่งตัวลงจากตึกสูง ๆ ซักหลัง แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก! เขากับเธอโคจรมาเจอกัน บนดาดฟ้าตึกเดียวกัน และด้วยความมุ่งมั่นเหมือนกัน ก่อนที่สมชายจะทิ้งตัวลงสู่พื้นเบื้องล่าง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นโกโก้ ผู้กำลังอยู่ในอากัปกริยาคล้าย ๆ กัน สัญชาตญาณบางอย่างในตัวทำให้เขาหลงลืมความทุกข์ได้ชั่วขณะ แล้วถลันเข้าห้ามปรามความบ้าระห่ำของเธอในทันที นับจากวินาทีนั้น ชีวิตของคนสิ้นหวังทั้งสอง กลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ สมชายกับโกโก้แลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน จนต่างได้ข้อสรุปใหม่ว่า ในเมื่อพวกเขากล้าหาญถึงกับคิดฆ่าตัวตายได้ แล้วจะมีอะไรในโลกนี้อีกล่ะที่พวกเขาจะทำไม่ได้?
999-9999 ต่อ ติด ตาย (2545/2002) “ความอยากรู้อยากเห็น” คือ “ประตูสู่ความหายนะ” เคยมีคำกล่าวว่า “มนุษย์” มีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่ชอบให้ “ชีวิต” ตกอยู่ใน “ความคลุมเครือ” เมื่อใดที่ความคลุมเครือเข้าครอบงำชีวิต พวกเขาก็จะขจัดมันโดยไม่ค่อยคิดว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร แม้บางทีมันอาจต้องแลกด้วย “ชีวิต” “สหมงคลฟิล์ม” ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์ระทึกขวัญเหนือธรรมชาติที่สะท้อนด้านแห่งความต้องการที่ไม่เคยพอของมนุษย์ และผลลัพธ์ที่ตามมาที่สยดสยองอย่างคาดไม่ถึง “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” เรื่องราวทั้งหมดของ “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งของ “เรนโบว์” หญิงสาวผู้กุมความลับบางอย่างจากโรงเรียนเก่าที่เธอเพิ่งย้ายจากมา เรื่องราวลึกลับและบุคลิกที่ไม่เหมือนใครของเธอสร้างความสนใจให้กับกลุ่มนักเรียนเกรดสิบสองสุดเฮี้ยว 5 คนซึ่งตั้งชื่อกลุ่มของตัวเองว่า “Dare Devil Club” เป็นอย่างมาก พวกเขาซึ่งประกอบด้วย “ซัน” หัวหน้ากลุ่มผู้นิ่งสงบ, “อาฉี” หนุ่มสำอางที่อยากเด่นดัง, “มีนา” สาวเซ็กซี่ประจำกลุ่ม, “วาวา” ผู้คลั่งเทคโนโลยี และ “ราจิต” จอมวิตกจริตประจำกลุ่ม พยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงตัวเรนโบว์ และไม่นานนักความจริงที่น่ากลัวก็ถูกเปิดออก มันเกี่ยวพันกับหมายเลขโทรศัพท์มรณะ “999-9999” ที่ใครก็สามารถโทรไปขอสิ่งที่ตนปรารถนาได้ตามใจอยาก และเมื่อเขาโทรไปแล้วก็ได้รับสิ่งที่ใจต้องการ แต่ไม่นานเขาก็ต้องตายอย่างปริศนา อย่างไรก็ตาม แทนที่ทุกคนฟังแล้วจะเกิดความกลัวไม่อยากเข้าไปยุ่งกับมัน พวกเขากลับให้ความสนใจ อยากรู้และอยากทดลองว่ามันเป็นจริงหรือเปล่าในทันที และแล้วปฐมบทแห่งความน่ากลัวภายใต้หมายเลขมรณะ “999-9999” ก็เริ่มต้นขึ้น… “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” เป็นผลงานการกำกับของ “ปีเตอร์ มนัส” ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากบทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นโดย “ณัฐิยา ศิรกรวิไล” ภาพยนตร์เรื่องนี้ควบคุมการสร้างโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ( รองต๊ะแล่บแปล๊บ, เกิดอีกทีต้องมีเธอ) ภายใต้การอำนวยการสร้างของ “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ในด้านของนักแสดง “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” ระดมทีมนักแสดงวัยรุ่นที่มากด้วยฝีมือหลายคน นำโดย “จุลจักร จักรพงษ์” (รับบท ซัน), “ศรีริต้า เจนเซ่น” (เรนโบว์), “พอลล่า เทเลอร์ (มีนา), “รวิช พงษ์วานิช” ( หมูเปรี้ยว), “เทพฤทธิ์ ไรวินท์” (อาฉี), “ฐิตินันท์ เกียรติธนกร” (ราจิต) และ “วรจรรย์ แสงเงิน” (วาวา)
สาบเสือที่ลำน้ำกษัตริย์ (2545/2002) ต้นรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ “ปีเตอร์ เบย์น” (Peter Bain) อดีตนายทหารอังกฤษจากเมืองมัณฑะเลย์ถูก “เจ้าสัวหยาง” พ่อค้าของป่าชาวจีนเมืองบางกอกจับได้ว่าเอาปืนชำรุดมาหลอกขาย จึงถูกบังคับให้ร่วมคณะไปกับพรานป่าของเจ้าสัวหยางเพื่อล่าเสือด้วยปืนชำรุดเหล่านั้นให้ได้ หรือไม่ก็ถูกเสือฆ่าตาย ขณะเดียวกัน “วัน” ภิกษุหนุ่มอดีตพรานป่าก็ลาสิกขา เพราะถูกวิญญาณอาถรรพ์ของเสือร้ายตัวหนึ่งคุกคามทุกๆ ครั้งที่เขาพยายามจะนั่งกรรมฐาน วันและปีเตอร์ต่างเดินทางสู่หมู่บ้านกลางดงลึกใกล้แดนพม่า และพบกับ “จูเลีย” พรานสาวเลือดอเมริกัน-กะเหรี่ยงโดยไม่รู้ว่าชะตากรรมกำลังพาเขาทั้งสามไปพบกับนางเสือร้ายตัวหนึ่งซึ่งพร้อมจะเอาชีวิต วันเข้าร่วมกับปีเตอร์ จูเลีย และพรานของเจ้าสัวหยางออกตามล่าช้างงายาวตัวหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่ามี “เสือสมิง” ให้ความคุ้มครอง ทั้งหมดพลัดเข้าสู่อาณาจักรของช้างงายาวและนางเสือร้ายที่มีดวงวิญญาณของ “เนียน” หญิงสาวผู้ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ระหว่างสงครามลำน้ำกษัตริย์เมื่อเกือบร้อยปีก่อนสิงอยู่ และได้เข้าถึงใจกลางป่าลำน้ำกษัตริย์ซึ่งเต็มไปด้วยอาถรรพ์ลี้ลับก่อนที่ช้างจะถูกพวกพรานยิงบาดเจ็บ ความอาฆาตของวิญญาณเนียนซึ่งสิงอยู่ในร่างของเสือร้ายรุนแรงถึงขนาดแปลงร่างเป็นมนุษย์ตามไปเล่นงานผู้คนในหมู่บ้านกลางป่าอันเป็นที่ตั้งสถานียิงสัตว์ของเจ้าสัวหยาง และเมื่อจวนตัว เนียนก็อาศัยพลังจิตอันแก่กล้าเข้าครอบงำวันและพาวันจากไป ปีเตอร์และจูเลียตามไปช่วยวัน เมื่อวันคืนสติ เขาพยายามจะปลดปล่อยเนียนจากแรงอาฆาตของอดีต ขณะที่พวกพรานของเจ้าสัวหยางมุ่งจะกำจัดเนียน และฆ่าช้างงางาม ความโลภ ความอาฆาต และกรรมเก่าจากอดีตชาติเข้ามาพัวพันระหว่างคนเหล่านั้น จน “ป่าลำน้ำกษัตริย์” คาวคลุ้งไปด้วยเลือดและความตายอีกครั้ง…
คนเห็นผี THE EYE (2545/2002) “มาน” (หลี่ซินเจี๋ย) ตาบอดตั้งแต่อายุสองขวบ สิบแปดปีต่อมา เธอเข้ารับการผ่าตัดตา และสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นตามมาหลายเหตุการณ์ทำให้เธอเชื่อว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่อยู่เหนือการมองเห็นของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏตัวของร่างลึกลับในชุดดำที่เห็นรางๆ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้เธอมองเห็นความตายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์แปลกเหนือคำบรรยายได้รับการคลี่คลายในเวลาต่อมา เมื่อเธอมองตัวเองในกระจกแล้วพบว่า ภาพที่สะท้อนออกมาไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อ “หลิง” (ฌัชฌา รุจินานนท์) หญิงสาวจีนที่เกิดในเมืองไทยซึ่งเป็นเจ้าของดวงตาที่เธอมองเห็นอยู่ ภาพฝันร้ายเหล่านี้ทำให้มานแทบประสาทเสีย หลังจากผิดหวังที่ไม่สามารถสืบหาความจริงได้ มานตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองไทยเพื่อตามหาหมู่บ้านของหลิง พร้อมกับ “โล” (ลอเรนซ์ ชู) จิตแพทย์หนุ่มที่ดูแลการปรับตัวของเธอในโลกใหม่ ที่นั่นเธอพบว่าหลิงเป็นผู้ที่มีสัมผัสพิเศษ แต่พรสวรรค์ของเธอกลับไม่สามารถช่วยเหลือหมู่บ้านจากพระเพลิงที่โหมไหม้ได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีใครเชื่อคำทำนายของเธอแม้แต่คนเดียว ด้วยความเสียใจเธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในที่สุด ดูเหมือนตอนนี้มานจะเป็นผู้สืบทอดชะตากรรมของหลิง นั่นก็คือคุณสมบัติในการมองเห็นหลายๆ สิ่งที่หลายคนไม่ต้องการจะเห็น ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทย เธอพบกับยมทูตในร่างสีดำอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้พบเพียงร่างเดียว แต่เป็นจำนวนนับร้อย มันเป็นลางบอกเหตุว่าโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่…กำลังจะเกิดขึ้น!!!
The Trek ดงพญาไฟ (2545/2002) กลุ่มสมาชิกชมรมคชบาล ซึ่งศึกษาพันธุ์ช้างเอเชีย พร้อมด้วยนักศึกษาชาวต่างชาติ ที่กำลังสนใจพันธุ์ช้างเอเชีย ออกเดินทางเข้าไปในป่า เพื่อเดินทางตามหาช้างประหลาด ที่ถูกพบโดยบังเอิญ ตามข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เส้นทางนี้ก็มีอันตราย เนื่องจากเป็นเส้นทางของชนกลุ่มน้อย ที่มีการลำเลียงขนสารแอมเฟตตามีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตยาบ้า กลุ่มคณะสำรวจเริ่มต้นการเดินทาง จากหมู่บ้านเล็กๆ ในป่าลึก จากการเข้าพบผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอให้ช่วยพูดกับนายพรานผู้ชำนาญป่า เป็นคนนำทาง แต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะมีนายพรานหลายคน ที่เข้าไปในป่าแห่งนี้แล้ว ไม่กลับออกมาอีกเลย แต่ทั้งหมดก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ยังคงยืนกรานที่จะเดินทางเข้าป่าโดยลำพัง เพื่อติดตามหาช้างประหลาดดังกล่าว การเดินทางเข้าไปในป่า โดยไม่มีนายพรานผู้ชำนาญทางเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ทั้งหมดก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ด้วยความหวังที่จะตามหาช้างให้พบ โดยจะต้องผ่านเส้นทางที่อันตราย และยากลำบาก แต่เมื่อเดินทางเข้าไปยังไม่ถึงครึ่งทาง ทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง เมื่อเผชิญกับหลุมตะขาบยักษ์ อาศัยอยู่นับร้อยนับพันตัว และก็ต้องพบกับความสูญเสีย เมื่อหนึ่งในคณะเดินทาง ตกลงไปในหลุมตะขาบที่น่าสยดสยอง ส่วนหัวหน้ากลุ่มสมาชิกชมรมคชบาล ที่นำคณะสำรวจเข้าป่า ตั้งใจที่จะค้นหาช้างประหลาดนี้ให้พบ กลับบาดเจ็บสาหัส จนทนพิษบาดแผลไม่ไหว และไม่อยากเป็นภาระของคนอื่นๆ จึงตัดสินใจยิงตัวตายในคืนนั้น กลุ่มคณะสำรวจที่เหลือจำต้องเดินทางต่อ พร้อมด้วยพรานธงที่เดินทางตามมาสมทบ ตามคำขอร้องของผู้ใหญ่บ้านให้ตามเข้ามาดูแล กลุ่มคณะสำรวจนี้จะตัดสินใจเดินทางต่อ หรือกลับออกมาจากป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย..? พวกเขาจะตามหาช้างป่า ที่มีลักษณะประหลาดได้หรือไม่ ? การผจญภัยของพวกเขา ที่จะต้องเดิมพันด้วยการสูญเสีย เพื่อแลกกับความอยู่รอด เรื่องราวของความหวัง มิตรภาพ การผจญภัยในดินแดนเร้นลับ ที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป...
อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต THREE (2545/2002) “Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต” ประกอบด้วยเรื่องราวลี้ลับ 3 เรื่อง 3 ประเทศ โดย 3 ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้แก่ เกาหลี, ไทย และฮ่องกง ซึ่งต้องการจะเสนอเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเหล่านั้นซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วทั้งเอเชีย “Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต” เป็นการรวมตัวของผู้กำกับฯ ที่ได้รับการยอมรับและกล่าวขวัญระดับชาติถึง 3 คนได้แก่ “คิมจีวูน (ตอน Memories), “นนทรีย์ นิมิบุตร” (The Wheel) และ “ปีเตอร์ ชาน” (Going Home) กับบริษัทภาพยนตร์ของคนรุ่นใหม่ “B.O.M. Film Productions, Cinemasia และ Applause Pictures” ทั้งสามประเทศที่ร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ใช้แทนระดับขั้นของการพัฒนาของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ขนาดของตลาดภาพยนตร์, แนวทางการสร้างสรรค์งาน, และรสนิยมของผู้ชมภาพยนตร์ นั่นก็คือ “ฮ่องกง” เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ของเอเชียตะวันออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ที่เพิ่งจะได้รับรู้ว่ายังมีภาพยนตร์ฮ่องกงอีกมากมายที่โลกยังไม่ได้รู้จัก ส่วน “เกาหลี” ในสองสามปีที่ผ่านมา เกาหลีได้เปลี่ยนผันตัวเองจนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่แข็งแรงที่สุดในโลก และ “ประเทศไทย” เองก็กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลกในเรื่องของภาพยนตร์ เมื่อ 2-3 ปีมานี้ ภาพยนตร์ของทั้งสามประเทศแม้จะสร้างบนพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่ต่างกัน แต่ภาพยนตร์จากประเทศหนึ่งก็สามารถพาตัวเองเข้าสู่ตลาดภาพยนตร์ของประเทศอื่นๆ และประสบความสำเร็จได้ อาทิ “The Foul King” (เกาหลี), “Love Letter” (ญี่ปุ่น), “Christmas in August (เกาหลี), “นางนาก” (ไทย) และ “Comrades, Almost a Love Story” (ฮ่องกง) ทั้งหมดต่างเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าคุณภาพของภาพยนตร์เอเชียสามารถสร้างกลุ่มของคนดูได้ในนอกตลาดของตัวเอง “B.O.M. Film Productions, Cinemasia และ Applause Pictures” เชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำสามผู้กำกับฯ ที่มีสไตล์แตกต่างกัน มากำกับภาพยนตร์ในส่วนของตนเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์ลี้ลับเรื่องนี้ “Memories” (เกาหลีใต้ / คิมจีวุน) “ซุงมิน” เป็นชายในวัยประมาณ 30 ปี แต่งงานแล้ว อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่สร้างเสร็จใหม่เอี่ยม ยังมีคนมาอยู่ไม่เต็มทุกห้อง วันหนึ่งภรรยาของเขาก็หายจากไป ตั้งแต่นั้นมา ซุงมินต้องทนทุกข์อยู่กับอาการหลงลืมของตนเอง เขาจำเสื้อผ้าที่ภรรยาของเขาเคยใส่ไม่ได้ จำว่าวันที่ภรรยาหายไปนั้น เธอออกจากบ้านไปไหน ไปทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไร เขาก็จำได้แค่บางตอน แต่ล้วนแล้วแต่เป็นตอนที่ทะเลาะกัน และตอนที่เขาไม่เข้าใจว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องทุกข์ทนกับฝันร้าย ความจริงเริ่มปรากฏชัดเมื่อเขาได้เห็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเพื่อนบ้าน ซุงมินจึงแน่ใจว่าสิ่งเลวร้ายต้องเกิดกับภรรยาของเขา เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ในทางกลับกัน ภรรยาของซุงมินตื่นขึ้นและพบตัวเองนอนอยู่บนถนนที่ร้างผู้คน สถานภาพของเธอย่ำแย่กว่าซุงมิน เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้ว่าใครพาเธอมาที่นี่ สิ่งเดียวที่เธอรู้คือมีเศษกระดาษหลายแผ่นที่มีเขียนหมายเลขโทรศัพท์เขียนไว้บนนั้นอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเธอ เธอโทรศัพท์ไปหลายแห่ง บางที่ไม่มีคนรับสาย บางที่มีคนรับ และโอนสายให้เธอพูดกับคนที่เธอไม่เคยคุ้นเคย เธอร่อนเร่ไปตามเมืองที่เปลี่ยวเปล่านี้ ตะเกียกตะกายหาคำตอบ แต่ก็พบเพียงทางตัน เธอสิ้นหวัง พอกลับไปดูเศษกระดาษนั่นอีกที เธอก็เกิดเอะใจกับใบเสร็จร้านซักรีด หมายเลขที่อยู่บนกระดาษนั้น อาจจะเป็นบ้านของเธอ ตอนที่เธอคิดได้นั้นก็ดึกมากแล้ว เธอหาทางกลับบ้าน เธอเดินโซซัดโซเซไปตามถนนว่างเปล่า ในเมืองที่เธอไม่รู้จัก เผชิญหน้ากับเรื่องราวความน่าสะพรึงกลัว ผ่านความมืดมน เกือบเอาตัวไม่รอด และเธอก็ได้ถึงประตูบ้านเมื่อรุ่งสาง เธอรีบเปิดประตูเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ หวังจะกอบกู้ความทรงจำให้กลับคืนมา… “The Wheel” (ไทย / นนทรีย์ นิมิบุตร) “ครูเฒ่า” เป็นเจ้าของคณะละครหุ่น มีเมียชื่อ “นวล” และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ครูเฒ่ามีคณะเชิดหุ่นของตัวเอง ซึ่งการเชิดหุ่นนี้ทำได้ยากทั้งการสร้างหุ่นและเทคนิคการเชิด ทำให้มีผู้ประกอบอาชีพนี้น้อย การแสดงหุ่นคณะของครูเฒ่าจึงเป็นสิ่งหายาก มีผู้ต้องการชมมากมาย จึงมีงานจ้างเข้ามามากและสม่ำเสมอ และสามารถสร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัวจนมีฐานะร่ำรวย และรวมไปถึงลูกคณะก็อยู่ดีมีสุขไปด้วย “ครูทอง” เป็นเพื่อนกับครูเฒ่า แต่ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันครูเฒ่านัก เพราะฐานะผิดกันลิบลับ เพราะครูทองแม้จะเป็นเจ้าของคณะโขน แต่ก็มีคู่แข่งในสาขาอาชีพเดียวกันมากมายหลายคณะ มีการแก่งแย่งงานแสดงกัน จึงมีฐานะไม่ร่ำรวย แต่ก็พอมีพอกิน พอเลี้ยงเมีย “แม่จำเรียง” และ “ไอ้ชิต” ลูกชายให้อยู่ได้ไม่อดอยาก และรวมไปถึง “แม่สะอิ้ง” ลูกสะใภ้ และ “บัว” หลานสาวด้วย วันหนึ่ง ครูเฒ่าล้มป่วยลงกลายเป็นอัมพาต และสั่งให้เมียและลูกเอาหุ่นไป “จำเริญแม่น้ำ” แต่แล้วแม่นวลและลูกกลับต้องจมน้ำตายไปพร้อมกับหุ่นๆ หลายสิบตัวที่ถูกทิ้งไป และในคืนงานศพนั้นเอง ครูเฒ่าถูกไฟคลอกตายที่เรือนของตนเอง “ไอ้ก้าน” เด็กในคณะหุ่นของครูเฒ่าเล่าให้ครูทองฟังเรื่องคำสาปที่ได้ยินมาจากปากครูเฒ่าที่เขาว่ากันว่า “หากใครจำแบบหุ่นไปสร้าง ก็ขอให้มีอันเป็นไป” ไอ้ก้านเล่าว่าที่ครูเฒ่าเป็นอัมพาตและตายก็เพราะคำสาป และก็ด้วยคำสาปนี่อีกที่ทำให้แม่นวลและลูกต้องมาจมน้ำตาย แต่ครูทองไม่เชื่อเรื่องคำสาปนี้แม้แต่น้อย ในขณะที่ครูทองช่วยดับไฟก็ได้เห็นหีบใบหนึ่ง และพบว่ามีหุ่นอยู่ในนั้นตัวหนึ่ง ก็แอบหยิบออกมาแล้วรีบเอาไปซ่อนในเรือ และตัวเองก็พลัดตกจากเรือลงไปในน้ำ ทำท่าว่าจะจมน้ำตาย แต่ไอ้ก้านมาช่วยไว้ได้ทัน ครูทองจึงชวนมาอยู่ร่วมคณะเดียวกัน จากนั้นไม่นาน ครูทองชวนไอ้ชิตลูกชายแกะหุ่นที่ได้มาเพื่อทำเลียนแบบเผื่อจะได้เงินมากๆ แบบครูเฒ่า ไอ้ชิตตกลง ไอ้ก้านมาเห็นเข้าจึงเตือน 2 พ่อลูกเรื่องคำสาปแช่ง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ต่างช่วยกันทำต่อไปจนหุ่นเสร็จ แล้วในที่สุดครูทองก็ล้มป่วยลง ปวดตามข้อตามขา นิ้วมือหงิกง่อย เดินเหินไม่ได้ แต่ก็ยังรับงานแสดงครั้งใหญ่ ซึ่งการแสดงดำเนินไปด้วยดีเป็นที่ชื่นชมของทุกคน ครูทองเห็นผีครูเฒ่ามาเตือนเรื่องหุ่น ครูทองเริ่มสงสัยว่าทำไมเหตุการณ์ร้ายๆ จึงเกิดขึ้นกับครูทองเองและคณะหุ่นของครูทองอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้ง่าย ทุกผู้ทุกนามที่อยู่รอบข้างกลับต้องมามีอันเป็นไปเสียทุกคน หรือบางที “คำสาป” นั้นมันจะมีจริง “Going Home” (ฮ่องกง / ปีเตอร์ ชาน) “เว่ย” เด็กชายวัย 8 ขวบ มีพ่อคนเดียวเลี้ยงดูมาแต่เล็ก “คิน” ผู้เป็นพ่อเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบทำแต่งาน และเอาแต่เศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ถึงแต่ภรรยาผู้ล่วงลับ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อสองพ่อลูกย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักตำรวจร้าง บ้านแถวๆ นั้นทรุดโทรม มีแต่คนแก่และคนบ้าอยู่กันเต็ม เว่ยพบสตูดิโอถ่ายรูปที่ถูกทิ้งให้ร้างแถวนั้น บรรยากาศดูน่าขนลุก แต่ก็ยังไม่เท่าเด็กหญิงอายุ 4 ขวบและพ่อของเธอที่อยู่บ้านติดกัน “เฟย” เป็นคนแปลกแยก กันตัวเองออกจากสังคมออกมาโดดเดี่ยว จะออกไปพบผู้คนก็มีแต่ตอนออกไปซื้อของใช้จำเป็น นอกจากนั้นแล้วเขาจะอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา บ้านของเขามีไอน้ำคลุ้งเต็มบ้านเสมอ มีเครื่องระบายอากาศที่ทำงานไม่เคยหยุด หน้าต่างถูกปิดมิดชิด เฟยประกาศตัวเสมอว่าเขาอยู่คนเดียว แต่คินเคยเห็นเฟยคุยกับคนที่ดูคล้ายผู้หญิงง่อยในอพาร์ตเมนต์ เว่ยหายตัวไปไม่คาดคิด คินสิ้นหวังในการค้นหา เขาบุกเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของเฟย คินพบศพรูปร่างแปลกพิกล เป็นศพที่เก็บไว้งดงามอย่างดี ผิวหนังยังเต่งตึง เป็นร่างของภรรยาของเฟยที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เฟยไม่เคยปรากฏวี่แววหรือร่องรอยว่าเฟยจะเสียใจให้เห็น เพราะเขาหวังว่าเขาจะสามารถชุบชีวิตภรรยาของเราได้ เฟยเปิดเผย และความซื่อสัตย์ของเขาทำให้คิมกังวลใจว่า เฟยอาจเป็นคนบ้าแบบสุดๆ ส่วนเว่ยลูกชายของเขาก็ได้ทรมานทรกรรมอย่างรุนแรงและร้ายกาจที่สุดที่เขาไม่เคยพบมาก่อน…

หน้าที่