สุดสายป่าน (2556/2013) ม.ล.ฐิติ สูรยกานต์ (ยุทธนา เปื้องกลาง) ไปฉลองการเรียนจบกับเพื่อน ๆ ที่ชายทะเลจังหวัดประจวบฯ ที่นั่นเขาได้พบกับกานดามณี ศิริรัตน์ (วรรณรท สนธิไชย) ซึ่งแอบอ้างใช้ชื่อกานดาวสี กิริเนศวร (พี่สาวฝาแฝด) ฐิติและกานดามณีมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยที่ฐิติหารู้ไม่ว่ากานดามณีเห็นความรักครั้งนี้เป็นแค่เกมสนุก ๆ เท่านั้น ตรงข้ามกับเขาซึ่งจริงจังกับรักแรกนี้อย่างมาก จนถึงกับให้สัญญาว่า "ชาตินี้เขาจะไม่ยอมแต่งงานอย่างเด็ดขาด ถ้าเจ้าสาวของเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อ กานดาวสี กิริเนศวร" ฐิติขอให้กานดามณีรอให้เขาทำงานสร้างหลักฐาน เพื่อจะได้แต่งงานกัน แต่กานดาวสีก็หายเงียบไปอย่างไร้ร่องรอย ฐิติออกตามหาทุกวิธีทาง โดยไม่รู้ว่าในขณะที่เขาเป็นห่วงเธอใจแทบขาด กานดามณีกลับกำลังเริงรักกับผู้ชายคนใหม่คนแล้วคนเล่าและเที่ยวสำมะเลเทเมาหัวราน้ำ เวลาผ่านไป ฐิติก็ต้องดีใจอย่างมากเมื่อได้พบกานดาวสี (ตัวจริง) ในงานเลี้ยงงานหนึ่ง แต่แล้วฐิติก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อกานดาวสีบอกว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ถึงแม้ฐิติพยายามจะรื้อฟื้นถึงความสัมพันธ์ แต่กลับโดนกานดาวสีตบหน้าด้วยความโกรธเพราะคิดว่าฐิติดูถูกเธอ ฐิติทั้งรักทั้งแค้นด้วยเข้าใจว่ากานดาวสีรังเกียจที่เขาไม่ใช่คนร่ำรวยและกลับมาบ้านด้วยความเสียใจ ฐิติเล่าทุกอย่างให้พุดตาน (ปวีณา ชารีฟสกุล) ผู้เป็นมารดาฟัง พุดตานบอกลูกชายว่าดีแล้วที่รู้เช่นเห็นชาติกานดาวสีเสียก่อนที่ฐิติจะร่ำรวยขึ้นมา เพราะว่าเวลานี้ฐิติได้รับมรดกหลายหมื่นล้านจากท่านปู่ของเขาซึ่งเพิ่งสิ้นใจ ขณะที่กานดามณีก็ยังสวมรอยใช้ชื่อกานดาวสีหลอกผู้ชายที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยนั้น เธอก็มาพบรักกับ วสันต์ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสือผู้หญิงที่คิดกับกานดามณีแค่เล่น ๆ และทิ้งกานดามณีไปอย่างไม่ใยดี กานดามณีทั้งแค้นทั้งเจ็บใจและโทษว่าที่ชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อแท้ ๆ ไม่ยอมเอาตัวเธอไปเลี้ยงดูเหมือนกานดาวสีพี่สาว โดยหารู้ไม่ว่ากานดาวสีเองก็ต้องพบกับความลำบากใจที่ต้องอยู่กับ อุไร (อลิชา ไล่สัตรูไกล) แม่เลี้ยงที่มักจะคอยถากถางเธอด้วยคำพูดเสมอ จนกานดาวสีต้องรีบออกไปหางานทำ และก็บังเอิญเป็นบริษัทที่ฐิติเป็นประธานกรรมการอยู่ ฐิติทั้งดีใจและถือโอกาสแก้แค้นกานดาวสีต่าง ๆ นานาเพราะเข้าใจผิด ยิ่งเมื่อวสันต์เข้ามาทำงานเป็นสมุห์บัญชีที่บริษัทและพูดจาดูถูกกานดาวสีจนมีเรื่องราวกัน จนฐิติต้องเรียกไปถาม วสันต์จึงเล่าความจริงว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกานดาวสี ทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีเป็นผู้หญิงรักสนุกที่เห็นความรักเป็นแค่เกม ๆ หนึ่งเท่านั้น วสันต์เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของกานดาวสี จนรู้ว่าที่แท้กานดาวสีเป็นคนละคนกับกานดามณี และพยายามเข้าหากานดาวสีตามประสาเสือผู้หญิง ยิ่งทำให้ฐิติเชื่อว่าเธอมีความสัมพันธ์กับวสันต์มาก่อนจริง ๆ ฐิติคิดจะแก้แค้นกานดาวสีที่ดูถูกความรักที่จริงใจของเขา จึงแกล้งหันมาทำดีด้วย ทำให้กานดาวสีตกหลุมรักฐิติโดยไม่รู้ตัว และก็เป็นเวลาเดียวกับที่ฐานะทางบ้านของกานดาวสีแย่ลง เพราะอุไรแอบติดการพนันและทำให้วิเศษ (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) บิดาของกานดาวสีถึงกับล้มป่วย กานดาวสีจึงขอความช่วยเหลือจากฐิติ ฐิติรับปาก แต่มีข้อแม้ว่ากานดาวสีต้องแต่งงานกับเขาโดยไม่จดทะเบียนสมรส กานดาวสีจำต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อช่วยครอบครัว เมื่อกานดาวสีเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของฐิติ ก็ต้องเจอกับสงครามเย็นที่คนในบ้านปฏิบัติต่อเธอ กานดาวสีทั้งเสียใจและน้อยใจที่ทุกคนไม่เห็นเธออยู่ในฐานะภรรยาหรือสะใภ้เลย ด้านกานดามณีได้เห็นข่าวการแต่งงานของฐิติกับกานดาวสีก็ตกใจที่รู้ว่าฐิติร่ำรวยและเชื่อว่าฐิติต้องแต่งงานเพราะเข้าใจผิดว่ากานดาวสีเป็นตัวเธอแน่ ๆ ทั้งความโลภและความแค้นทำให้เธอตัดสินใจไปหาฐิติและแต่งเรื่องหลอกว่าเธอยังยึดมั่นในความรักและคำสัญญาเสมอ ฐิติสงสารในชะตากรรมของกานดามณีมากและยิ่งเกลียดกานดาวสีที่หลอกลวงเขา ฐิติพากานดามณีมาเจอกับกานดาวสี กานดาวสีตกใจมากที่รู้ว่ากานดามณีเป็นน้องสาวฝาแฝด กานดามณีแกล้งทำดีต่อกานดาวสี แต่เมื่อลับหลังฐิติ กานดามณีต่อว่าพี่สาวอย่างรุนแรงที่แย่งฐิติไปจากเธอและทวงฐิติคืน กานดาวสีจึงตัดสินใจหนีไปจากฐิติ กลับยิ่งทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีไม่เคยมีใจให้เขาเลย ฐิติเสียใจแต่ก็แกล้งทำเหมือนโล่งใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่เมื่อกานดามณีเข้ามาสวมรอยเป็นกานดาวสีจริง ๆ ฐิติกลับรู้สึกแปลก ๆ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาผูกพันกับกานดาวสีตัวจริงเข้าเสียแล้ว

เรือนเสน่หา (2556/2013) พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่ ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง เรือนเสน่หา ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา 18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ในละคร เรือนเสน่หา

คู่กรรม (2556/2013) อังศุมาลิน ชลาสินธุ์ (หนึ่งธิดา โสภณ) เติบโตมาท่ามกลางความรักของ แม่อร (ปวีณา ชารีฟสกุล) กับ ยาย (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย โดยปราศจากความไยดีของพ่อที่เป็นนายทหารระดับสูงแห่งกองราชนาวีไทย ชื่อ หลวงชลาสินธุราช (จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) ที่ไปมีครอบครัวใหม่เพื่อความก้าวหน้าทางการงาน อังศุมาลินมีเพื่อนชายที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กคือ วนัส (นภัทร อินใจเอื้อ) ก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ วนัสได้ขอความรักจากอังศุมาลิน แต่เธอขอให้คำตอบในวันที่เขาเรียนจบกลับมาเสียก่อน โดยทั้งคู่สัญญาว่าจะรอกัน อังศุมาลินเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นกับ หมอโยชิ (อุดมพร คชหิรัญ) ทันตแพทย์ชาวญี่ปุ่นแถวตลาด ใกล้บ้าน แต่พอเกิดสงครามเขากลับแต่งเครื่องแบบทหารและประกาศตัวว่าเป็นคนของกองทัพญี่ปุ่นผู้รุกราน ทำให้อังศุมาลินผิดหวังและโกรธแค้น วันหนึ่งอังศุมาลินก็ได้พบกับ โกโบริ (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) เรือเอกหนุ่มประจำกองทัพเรือญี่ปุ่น ที่มาประจำอยู่ที่อู่ต่อเรือใกล้บ้าน อังศุมาลินประกาศตนเป็นศัตรูกับกองทัพญี่ปุ่น เมื่อโกโบริสั่งลงโทษกรอกน้ำมัน ตาบัว (เกรียงไกร อุณหนันท์) กับ ตาผล (กลศ อัทธเสรี) คนในชุมชนชาวสวนที่อังศุมาลินรู้จัก ซึ่งไปรับจ้างทำงาน แต่กลับช่วยกันขโมยน้ำมันของกองทัพญี่ปุ่น โกโบริรู้สึกรักอังศุมาลินตั้งแต่แรกพบ เขาพยายามแสดงไมตรีจิตกับครอบครัวของอังศุมาลินมาตลอด เช่น เมื่อยายของเธอป่วยเป็นไข้มาลาเรีย เขาก็พาหมอทาเคดะ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) มารักษา ด้วยเหตุนี้แม่กับยายเอ็นดูมองเห็นถึงน้ำใจไมตรีและเรียกขานว่า พ่อดอกมะลิ บ่ายวันหนึ่งขณะที่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียวก็มีสัญญาณระเบิดดังขึ้น โกโบริมาหาเธอที่บ้านพอดี จึงพาเธอไปหลบภัยที่ท้องร่องในสวน พอดีระเบิดลงใกล้บริเวณนั้นโกโบริเอาตัวกำบังอังศุมาลินไว้ และเอ่ยปากบอกรักอังศุมาลินก่อนที่เขาและเธอจะหมดสติพร้อมกัน หลังเหตุการณ์สงบ แม่กับยายกลับมาจากทำบุญที่วัด พร้อมด้วย ยายเมี้ยน (อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ) และชาวบ้าน พวกเขามาพบโกโบรินอนทับอังศุมาลินอยู่ในท้องร่อง ยายเมี้ยนนำเรื่องนี้ไปโพนทะนาจนข่าวแพร่กระจายไปในทางเสื่อมเสียอย่างมาก พอดีที่หลวงชลาสินธุราชพ่อของอังศุมาลินที่กำลังมีปัญหาทางการเมือง เพราะถูกสงสัยว่าเป็นขบวนการเสรีไทย และสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยกับญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงกระทบกระทั่งกันเองพอดี อีกทั้งโกโบริเป็นตัวอย่างของนายทหารญี่ปุ่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มสาวจึงถูกดึงให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขบรรยากาศความขัดแย้ง หลวงชลาสินธุราชจึงมาเจรจาขอให้อังศุมาลินยอมแต่งงานกับโกโบริด้วยตนเอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งหมด เมื่อทุกอย่างบีบคั้นอังศุมาลินจึงยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับโกโบริ แต่ในวันหมั้นโกโบริจับได้ว่าอังศุมาลินและพวกพ้องถือโอกาสพาร้อยโทไมเคิล วอร์เด็น (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) เชลยชาวอเมริกันหนีกองทัพญี่ปุ่นเพื่อไปพบพวกขบวนการเสรีไทยได้สำเร็จ จึงทำให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำครั้งนี้ของอังศุมาลินเป็นอย่างมาก แต่เพราะความรักที่มีต่ออังศุมาลิน โกโบริจึงยอมเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นภัยร้ายแรงกับกองทัพญี่ปุ่น โกโบริรู้ดีว่าอังศุมาลินมีวนัสอยู่แล้ว เขาตัดสินใจไปหารือกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่เพื่อจะขอยกเลิกการแต่งงานแต่ก็ไม่เป็นผล การแต่งงานของโกโบริกับอังศุมาลินจึงเป็นไปตามกำหนดการเดิม และในคืนส่งตัวโกโบริก็ปฏิบัติตนเป็นสุภาพบุรุษ ไม่คิดที่จะล่วงเกินอังศุมาลินเลยแม้แต่น้อย ตาบัวกับตาผลยังหาความเดือดร้อนมาใส่ตัวอีกจนได้ ด้วยการไปพาฝรั่งเยอรมันมาที่กระท่อมในสวน เพราะนึกว่าฝรั่งทุกคนคือศัตรูญี่ปุ่นไปหมด แต่เยอรมันคนนั้นไปแจ้งตำรวจและกองทัพญี่ปุ่น ว่าในสวนนี้มีกระท่อมที่ให้ที่พักกับฝรั่งชาติพันธมิตร จนพวกกำนัน (สรพงศ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นพ่อของวนัสกับชาวบ้านต้องช่วยกันรื้อกระท่อมนั้น และจัดงานรำวงขึ้นเพื่อบังหน้า โกโบริเองก็พลอยร่วมมือไปกับเขาด้วย ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาจึงดื่มเหล้าอย่างหนักและร่วมรำวงอย่างสนุกสนานจนขาดสติ ในคืนนั้นเองโกโบริก็ปลุกปล้ำขืนใจอังศุมาลิน ทั้งเพราะความเมาความรักและความน้อยใจ ทำให้อังศุมาลินยิ่งแสดงความเย็นชาเกลียดชังเขามากขึ้น โกโบริรู้สึกผิดที่ล่วงเกินอังศุมาลิน เขาจึงมุทำงานอย่างหนักไม่กลับมาค้างที่บ้าน พร้อมกับทำเรื่องขอย้ายไปประจำการที่พม่าเพราะสถานการณ์ที่นั่นกำลังตึงเครียด จากนั้นไม่นานอังศุมาลินก็รู้ตัวว่าตนได้ตั้งท้องลูกของโกโบริ หมอทาเคดะตรวจพบอาการและบอกข่าวดีกับทุกคน โกโบริดีใจมาก แต่แล้วก็มีข่าวว่าวนัสเป็นหนึ่งในขบวนการเสรีไทยจากอังกฤษที่กระโดดร่มเข้ามาในประเทศไทย และโดนญี่ปุ่นจับได้ อังศุมาลินรู้ว่าโกโบริจะได้เป็นหนึ่งในคณะทหารญี่ปุ่นที่จะทำหน้าที่สอบสวนวนัส เธอจึงเอาลูกมาขู่ว่าหากวนัสมีอันตรายอะไร โกโบริจะต้องตอบแทนอย่างสาสม ก่อนทิ้งตัวให้ตกบันไดที่สูงชันลงมา โชคดีที่เธอและลูกปลอดภัย แต่โกโบริเสียใจมาก เขาพยายามเร่งให้ตัวเองได้ย้ายไปพม่าเร็วขึ้น และพูดว่าหากอังศุมาลินไม่ต้องการเด็ก ก็ให้ส่งไปให้พ่อแม่เขาที่ญี่ปุ่นเลี้ยงก็ได้ ส่วนตัวเธอเขาจะปล่อยให้เป็นอิสระได้กลับไปรักกับวนัสตามเดิม อังศุมาลินเริ่มได้คิดและรู้ใจตนว่าที่แท้แล้ว คนที่มีความหมายที่สุดสำหรับเธอก็คือโกโบริและลูกในท้องต่างหาก เธออยากบอกให้เขารู้ว่าเธอรักเขาที่สุด และขอให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะย้ายไปจากเมืองไทยเสีย แต่ก็มีอันต้องคลาดกันตลอด เพราะโกโบริเอาแต่หักโหมทำงานเพื่อลืมความทุกข์ในใจ ทั้งสองจึงไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ในที่สุดวนัสก็พ้นจากการจองจำเพราะความช่วยเหลือของโกโบริ วนัสรีบมาพบอังศุมาลิน เธอดีใจมาก เพราะเธอจะได้ให้คำตอบแก่วนัสตามสัญญาเสียทีว่าเธอรักโกโบริคนเดียวและขอคืนอิสระจากวนัส วนัสบอก ว่าโกโบริเป็นคนดี และอวยพรในความรักของเธอกับโกโบริ พร้อมกำชับให้อังศุมาลินบอกโกโบริว่าอย่าไปสถานีรถไฟบางกอกน้อย เพราะพันธมิตรมีแผนจะทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ที่นั่น ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าการลักลอบพบกันครั้งนี้อยู่ในสายตาของโกโบริ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองบอกต่อกัน ภาพที่เห็นจึงทำให้โกโบริเข้าใจผิด จากนั้นอังศุมาลินก็รีบจะไปบอกข่าวดีกับโกโบริว่าเธอเป็นอิสระจากวนัสแล้ว และจะขอเป็นภรรยาที่ดีของเขาคนเดียว แต่ไม่ทันกาลเพราะโกโบริได้ออกเรือตรงไปที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย พอดีอังศุมาลินรีบตามไปที่สถานีรถไฟบางกอก เมื่อเธอไปถึงปรากฏว่าสถานีรถไฟบางกอกน้อยโดนระเบิดถล่มเสียหายยับเยิน มีทหารบาดเจ็บล้มตายมากมาย อังศุมาลินขอพรลูกในท้องให้ช่วยคุ้มครองพ่อ และตามหาโกโบริอย่างร้อนใจ จนในที่สุดก็พบเขาบาดเจ็บสาหัสนอนจมซากปรักหักพังอยู่ เธอพยายามทำทุกวิธีอย่างสุดกำลังที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอด บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมสงครามครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร ติดตามชมได้ใน ละครคู่กรรม

มาเฟียตาหวาน 2556

มาเฟียตาหวาน (2556/2013) เสี่ยปฐพี หรือ เจ้าพ่อหลี่ (จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก) แห่งแก๊งพยัคฆ์ขาวได้ถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทำให้เหล่าสมาชิกต่างทำท่าจะเปิดศึกเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ก่อนตายเจ้าพ่อหลี่จึงมอบหมายให้ เฮียกำชัย (กฤตย์ อัทธเสรี) สมาชิกอาวุโสผู้เป็นสหายรักของตน ออกตามหาทายาทนอกสมรสที่เกิดกับหญิงสาวชาวไทยผู้หนึ่ง ซึ่งเรื่องราวของเธอกับเด็กในท้องถูกปกปิดเป็นความลับมาตลอด 50 ปี อารักษ์ หรือ อาลัก (ฐปนัท สัตยานุรักษ์) เป็นหลานชายคนที่หกของเฮียกำชัยซึ่งมีใจรักด้านเสียงดนตรี แต่ด้วยพันธะที่สืบมาของครอบครัว เลยทำให้เขาต้องกลายมาเป็นที่ปรึกษาให้สกุลหลี่ และถูกมอบหมายให้เดินทางไปหาดใหญ่ เพื่อตามหาทายาทคนสุดท้ายของตระกูล โดยเฮียกำชัยได้มอบแหวนเขี้ยวพยัคฆ์ซึ่งเป็นแหวนประจำตำแหน่งหัวหน้าให้เขานำติดตัวไปด้วยเพื่อยืนยันฐานะ ขณะเดินทางไปหาดใหญ่เขากลับถูก สาลี่ (ณัฐพิมล นาฏยลักษณ์) เด็กหนุ่มหน้าหวานแถวท่ารถฉกเงินไปจนหมดกระเป๋า ซ้ำยังหลอกให้ไปมีเรื่องกับนักเลงจนหวิดถูกรุมสกรัมอีกด้วย อารักษ์ตามล่าสาลี่จนถึงบ้านเพื่อทวงหนี้แค้น แต่เมื่อได้เจอกับยายของสาลี่เขาจึงรู้ว่าแท้จริงสาลี่ก็คือหลานของเจ้าพ่อหลี่นั่นเอง เมื่อสาลี่ยืนกรานว่าจะอยู่เลี้ยงยายที่หาดใหญ่ โดยไม่ยอมตามอารักษ์ไปรับตำแหน่งเจ้าพ่อ อารักษ์จึงต้องสร้างสถานการณ์ว่าแก๊งคู่อริของเจ้าพ่อหลี่ได้ส่งคนมาทำร้ายสาลี่เพื่อบีบบังคับเธอ แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนมาตามฆ่าสาลี่จริง ๆ ทำให้ทั้งสองต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น ระหว่างนั้นเองอารักษ์ก็พบว่าสาลี่เป็นผู้หญิง แต่ปลอมเป็นชายเพื่อความสะดวกในการเป็นมิจฉาชีพ แถมเธอยังขโมยแหวนเขี้ยวพยัคฆ์ไปจากเขาอีกด้วย สาลี่สวมแหวนเขี้ยวพยัคฆ์ขณะวิ่งหนีเพราะกลัวมันจะหล่นหาย แต่ทันทีที่เธอสวมมันวิญญาณของเจ้าพ่อหลี่ที่สถิตย์อยู่ในแหวนก็ได้เข้าสิงร่างของเธอทันที ทำให้สาลี่สามารถออกลวดลายวิชากังฟูได้อย่างปาฏิหาริย์ เธอเล่นงานพวกคนร้ายจนแตกกระเจิงหนีไป เหตุการณ์ไล่ล่าที่เกิดขึ้นทำให้ยายของสาลี่บาดเจ็บสาหัส สาลี่จึงยอมตามอารักษ์ไปกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมารักษายาย เขาสั่งให้เธอปิดเรื่องเพศของตัวเองเป็นความลับ เพราะเกรงว่าเหล่าสมาชิกหัวเก่าจะไม่ยอมรับผู้หญิงเป็นหัวหน้า จากนั้นอารักษ์ก็ให้อาต้า (วิวิศน์ บวรกีรติขจร) ญาติผู้น้องจอมบู๊ของตน มาเป็นบอดี้การ์ดให้ และให้ ซินดี้ (อาชิรญาณ์ ภีระพัภร์กุญช์ชญา) อดีตเลขาสุดเซ็กซี่ของเจ้าพ่อหลี่ มาปรับปรุงบุคลิกของสาลี่ให้ดูเป็นชายยิ่งกว่าเดิม สาลี่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในที่ประชุม การมาของเธอทำให้สงครามแก่งแย่งอำนาจของคนในแก๊งค์ยุติลง แต่ทุกคนก็ยังกังขาอยู่ว่าเด็กหนุ่มตาหวานผู้นี้จะนำพาองค์กรไปได้สักกี่น้ำ โดยเฉพาะ สมจิตร (นุ้ย เชิญยิ้ม) หลานเขยของเจ้าพ่อหลี่ผู้หมายมั่นจะคลองบัลลังก์มาช้านาน ได้เสนอแผนว่าควรทำบุญศพเจ้าพ่อหลี่ให้ครบร้อยวันเสียก่อน จึงค่อยให้สาลี่รับตำแหน่ง ทั้งนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาหาทางกำจัดสาลี่นั่นเอง การกระทำของสมจิตรได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก อาคิ้ม (พรสุดา ต่ายเนาว์คง) ภรรยาสาวที่ต้องการให้สามีตนก้าวมาเป็นใหญ่ ผิดกับ อาหงส์ (วารินทร์ วงค์คม) น้องสาวของเธอที่เอาแต่สนใจเรื่องเย็บปักถักร้อย ไม่แยแสด้านการเมืองสักนิด สาลี่ถูกชะตากับอาหงส์เพราะสงสารที่ไม่มีเพื่อน จึงมักชวนไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาอยู่เสมอ ซึ่งในระหว่างนั้นสมจิตรก็พยายามสังหารสาลี่อยู่หลายครั้ง แต่วิญญาณของเจ้าพ่อหลี่ที่อยู่ในแหวนก็ออกมาช่วยสาลี่เอาไว้ทุกครั้ง ระหว่างนั้นคนสนิทของสมจิตรก็วางแผนอุ้มตัวสาลี่กับอารักษ์มาฆ่าทิ้งกลางป่า แต่ระหว่างทางอารักษ์ก็ได้เสี่ยงตายปกป้องสาลี่ไว้จนหนีรอดมาได้ ระหว่างรอนแรมหลบหนีอยู่ในป่า สาลี่ก็คอยดูแลอารักษ์ที่บาดเจ็บเป็นอย่างดี ทำให้อารักษ์เริ่มสัมผัสได้ถึงความน่ารักแบบจริงใจของสาลี่ แต่เขาไม่ต้องการให้แผนทั้งหมดต้องมาพังเพราะเรื่องรักใคร่ ๆ จึงพยายามหลอกตัวเองให้ลืมความรู้สึกนี้ไป อาคิ้มคิดจะทุ่มกายหว่านเสน่ห์กับสาลี่ เพื่อหวังจะอาศัยเรื่องชู้สาวมาทำลายเครดิตของอีกฝ่าย แต่สาลี่กลับไม่สนใจอาคิ้มเลยแม้แต่น้อย ทำให้อาคิ้มเริ่มเข้าใจว่าสาลี่เป็นเกย์ ข่าวลือเรื่องสาลี่แต๋วแตกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เรื่องราวชุลมุนวุ่นวายจึงเริ่มขึ้น !! งานนี้ถ้าสาลี่ถูกจับได้ว่าตนคือผู้หญิง !! ทุกคนจะยอมให้เธอเป็นหัวหน้ามาเฟียต่อไปหรือไม่? ติดตามชมความสนุกสนานเหล่านี้ได้ใน ละครมาเฟียตาหวาน

หลบผี ผีไม่หลบ 2556

หลบผี ผีไม่หลบ (2556/2013) นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมีโครงการจะผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อส่งเข้าประกวด ซึ่งในทีมนี้ประกอบด้วย ญาดา (พรภัสสร อัตถปัญญาพล), วิทย์, แป๋ม, อู๊ดและนุ่น โดยมีอาจารย์สำอาง (อุเทน คตน่วม) ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ญาดาตกลงกับทีมว่าจะทำหนังสารคดีแนวผี ๆ กัน โดยเลือกโลเคชั่นชนบทที่ยังมีความเชื่อในเรื่องลี้ลับ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ทั้งหมดก็พากันออกเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งอยู่ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นเอง จู่ ๆ รถก็เกิดเสียแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จวบจนกระทั่งพลบค่ำก็มีรถอีแต๊กของ คำมี ชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากไร่ขับผ่านมา คำมีพาทั้งหมดไปขออาศัยพักที่บ้านของผู้ใหญ่มา ผู้ใหญ่บ้านแห่งตำบลบ้านโคก และยังช่วยลากรถที่เสียไปให้ บุญรอด ช่างประจำหมู่บ้านช่วยซ่อมให้ด้วย ผู้ใหญ่มากับนางฟ้อนผู้เป็นเมียให้การต้อนรับขับสู้ทุกคนด้วยความเต็มใจยิ่งและยังกำชับทุกคนว่าห้ามออกจากบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ตามลำพังเป็นอันขาด เพราะเวลานี้มีผีปอบกำลังออกอาละวาดอยู่ในหมู่บ้าน แต่ญาดากลับคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะถ้าทีมของเธอสามารถถ่ายภาพผีปอบตัวจริง ๆ ได้ล่ะก็หนังของพวกเธอมีหวังดังเป็นพลุแตกแน่นอน กลุ่มของญาดาคิดว่าเรื่องผีปอบยายม้วน (ปนัดดา โกมารทัต) กับวานี (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนเร้นอยู่ จึงอยากจะสืบหาความจริงต่อไป ประกอบกับรถที่เสียนั้นบุญรอดก็ยังหาอะไหล่มาซ่อมไม่ได้ ทั้งหมดจึงตกลงใจที่จะพักอยู่ที่นี่ต่อไปและเปลี่ยนโลเคชั่นที่จะใช้ถ่ายทำหนังสารคดีแนวผี ๆ มาเป็นที่บ้านโคกซะเลย เวลาต่อมา เอ๊ด (รัชชานนท์ สุประกอบ), ปาล์ม, เป็ด, ชัย, เจนและหนูนา กลุ่มนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่เชื่อว่าผีมีจริงในโลกก็ได้เดินทางมาพร้อมกับ อาจารย์พูน (โจ บอยสเกาต์) ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และก็บังเอิญมารถเสียบริเวณเดียวกันกับทีมแรก และยังได้พบกับคำมีขับรถอีแต๊กผ่านมาเหมือนกันเปี๊ยบ คำมีพาทั้งหมดไปพบกับผู้ใหญ่มาและได้พักอยู่ที่บ้านอีกหลังซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านที่กลุ่มของญาดาพักอยู่ ทั้งสองกลุ่มเริ่มเปิดฉากไม่ลงรอยกันตั้งแต่ได้พบหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะญาดากับเอ๊ดซึ่งเคยเป็นคู่รักกันในอดีต แต่มีเรื่องบาดหมางจนถึงขั้นตัดสัมพันธ์กันไป เปลี่ยนสถานะจากคนรักมาเป็นศัตรูคู่ปรับที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร เอ๊ดกับญาดาถึงขั้นเดิมพันกันว่าถ้าทีมไหนสามารถพิสูจน์ได้ก่อนว่าผีมีจริงหรือไม่ก็จะเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้จะต้องยอมเป็นเบ๊ให้ผู้ชนะใช้งานได้ทุกอย่าง ทีมของญาดากับวิทย์เริ่มถ่ายทำสารคดีเกาะติดวิญญาณโดยมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านหลายคนถึงเรื่องวิญญาณผีเฮี้ยนที่ชาวบ้านเคยประสบพบมา ซึ่งชาวบ้านต่างก็ยืนยันว่าที่บ้านโคกมีผีจริงและเฮี้ยนกว่าที่อื่นแน่นอน วิทย์เสนอให้ถ่ายทำบางส่วนเป็นภาพเหตุการณ์จำลองตามคำบอกเล่าของชาวบ้านเพื่อให้ดูสมจริง โดยให้ชาวบ้านมาร่วมแสดงเป็นผีด้วย และพอถึงเวลาถ่ายทำจริงตัวประกอบเหล่านั้นก็แสดงได้สมจริงมากไม่ว่าจะแสดงเป็นผีหัวขาด, ผีไส้ไหล, ผีตาโบ๋, ผีกระสือ ฯลฯ แต่ละตัวก็ดูสมจริงอย่างน่าทึ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีทีมเอฟเฟกต์มาช่วยแต่งหน้าแม้แต่คนเดียว ซึ่งภาพที่ออกมานั้นทำให้ทุกคนพอใจมาก แต่บางคนก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ ซะแล้ว ส่วนทีมของเอ๊ดกับปาล์มก็พากันออกสำรวจหาวิญญาณด้วยการใช้เครื่องมือไฮเทคตรวจจับคลื่นความถี่ และปรากฏว่าเครื่องจะร้องทุกครั้งที่มีชาวบ้านเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่เอ๊ดคิดว่าเครื่องอาจจะขัดข้องจนทำงานผิดพลาด แต่ไม่ว่าจะลองแก้ไขแล้วนำมาทดลองกี่ครั้งผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือทุกครั้งที่มีชาวบ้านเข้ามาใกล้เครื่องก็จะส่งสัญญาณดังขึ้นทันที แต่พอทีมของญาดากลับมาเช็กภาพในเทปวิดีโอที่ถ่ายไว้กลับปรากฏว่าเทปเสียทั้งหมด จึงไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าผีที่ทุกคนเห็นนั้นเป็นผีจริงหรือว่าผีปลอมกันแน่ แต่เอ๊ดมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นจะต้องมีใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจัดฉากขึ้นมาหลอกลวงแน่ ๆ และเขาจะต้องกระชากหน้ากากพวกลวงโลกพวกนี้ให้ได้ อาจารย์สำอางกับอาจารย์พูนต้องอกหักยับเยินเมื่อถูกวานีปฏิเสธรักแถมทั้งคู่ยังได้เห็นวานีกำลังจับไก่กินสด ๆ ก็รู้ทันทีว่าวานีเป็นผีปอบตามที่ชาวบ้านบอกจริง ๆ อาจารย์สำอางกับอาจารย์พูนเสียใจจนถึงขั้นดวลเหล้ากันจนเมามาย และที่ช็อกยิ่งกว่าก็เมื่อไปเจอภาพถ่ายที่ใช้ตั้งหน้าศพของผู้ใหญ่มาซึ่งเสียชีวิตมานานแล้ว ผู้ใหญ่มากับนางฟ้อนยอมรับกับทุกคนว่าเขากับเมียเสียชีวิตกันแล้วจริง ๆ พอทุกคนรู้ว่าถูกผีหลอกก็รีบเผ่นแน่บไปหาหลวงพ่อทอง หลวงพ่อทองจึงยอมเล่าความจริงเรื่องหมู่บ้านโคกให้ทุกคนฟัง เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านโคกกันแน่? และความรักระหว่างเอ๊ดกับญาดาจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหรือไม่? ติดตามชมได้ใน ละครหลบผี ผีไม่หลบ

กองร้อยกระทะเหล็ก 2556

กองร้อยกระทะเหล็ก (2556/2013) ณ กองร้อยที่ 88 ในช่วงเวลาใกล้เที่ยง บรรยากาศในหน่วยประกอบเลี้ยงดูคึกคักวุ่นวาย พลสูทกรรม 5 นาย กำลังวุ่นกับการเตรียมเสบียงอาหารสำหรับมื้อเที่ยง ปราบ กำลังถกเถียงกับ จ่าโย่ง ผู้บังคับหน่วยหัวอนุรักษ์เรื่องขั้นตอนของการทำอาหาร โดยมี หนูยิ้ม ลูกสาวจ่าโย่งแอบเชียร์ปราบอยู่ในใจ ปีนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว กำลังรอเรียกสัมภาษณ์งาน แต่ถึงยังไงจ่าโย่งก็ยังคงเป็นห่วงและหวงหนูยิ้มอยู่ดี และมักจะหนีบลูกสาวติดไปด้วยทุกที่ แม้แต่เวลาออกปฏิบัติงาน หนูยิ้มเลยกลายเป็นลูกมือของพ่อไปโดยปริยาย ครั้นหนูยิ้มจะสมัครเป็นทหารรับราชการให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย พ่อก็ไม่เห็นด้วย อีกด้านหนึ่ง พลทหารบาน กำลังสับหมู หั่นผักอย่างเมามันถึงขั้นเขียงแตก เพราะความบ้าพลัง ส่วน หมู่เลี้ยงกำลังละเมียดละไมกับการเด็ดพืชผักสมุนไพร และดมกลิ่นของมันไปด้วย ทำให้หนูยิ้มหงุดหงิดใจมาก ๆ กับความเชื่องช้าของเลี้ยง เพราะหนูยิ้มเป็นผู้หญิงที่คล่องแคล่วว่องไว กว่าอาหารจะเสร็จ ปราบกับจ่าโย่งต้องได้เถียงกันไปหลายยก เรื่องราวของหน่วยประกอบเลี้ยงแห่งนี้เป็นอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน วันนี้เป็นเวรปราบที่จะต้องนำอาหารไปเสิร์ฟให้ทหารในห้องรับ-ส่งวิทยุสื่อสาร แล้วปราบก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่พบใครในห้องนั้น ขณะที่ปราบกำลังจะหันหลังออกจากห้อง ก็บังเอิญได้ยินเสียงดังลอดออกมาจากวิทยุใจความสำคัญคือ ทหารฝ่ายตรงข้ามได้จับทหารฝ่ายเราไว้เป็นตัวประกัน ทุกคนอยู่ในอันตราย ปราบไม่รอช้ารีบจดพิกัดไว้ แล้วเสียงผู้แจ้งก็หายไปพร้อมเสียงปืนรัวกระหน่ำ ความเป็น ความตายเท่ากัน ปราบถือกระดาษที่จดพิกัดไว้ในมือวิ่งออกไปหมายจะแจ้งให้ทุกคนทราบ แต่แล้วก็พบว่าเพื่อนทหารได้หายไปหมด เหลือแต่เพื่อน ๆ พลสูทกรรม ซึ่งยืนรอเก้ออยู่ที่โรงประกอบเลี้ยง ปราบรีบเล่าเรื่องที่ได้ยินให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนตกใจมาก ปราบออกความเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือให้ทุกคนเห็นว่าหน่วยของเราก็มีฝีมือเชิงรบเหมือนกัน ไม่ได้หน่อมแน้มปวกเปียกอย่างที่โดนล้อเลียน ทุกคนเห็นด้วย โดยเฉพาะหนูยิ้มซึ่งรอมานานที่จะได้แสดงความสามารถเฉพาะตัวที่คล่องแคล่วว่องไวและเก่งในเชิงมวยและการต่อสู้ ส่วนบาน หนูยิ้มว่าไงบานว่างั้น บานมีสมองก็เหมือนไม่มีแต่พละกำลังเหลือเฟือ แม้จ่าโย่งจะค้านแต่ก็ไม่มีใครฟัง 4 หนุ่มสาวออกค้นหาอาวุธแต่ก็ไม่พบ จึงนำข้าวของที่ใช้ในครัวเท่าที่จะหาได้ติดตัวไป ปราบพกที่จุดเตาแก๊สกับขวดน้ำมันไป หนูยิ้มมือผัดเอากระทะกับตะหลิวติดตัวไป บานได้อีโต้ 2 อัน ส่วนเลี้ยงได้ขวดพริกไทยกับพริกป่นไป จ่าโย่งไม่รู้จะเครียดหรือจะขำกับภาพที่เห็น พยายามโน้มน้าวให้ทุกคนล้มเลิกความตั้งใจ แต่ไม่มีใครฟัง จ่าโย่งยื่นคำขาดไม่ให้หนูยิ้มไป แต่หนูยิ้มไม่ยอม ด้วยความที่อยากจะเอาใจหนูยิ้ม บานจึงฟาดหัวจ่าโย่งจนสลบไป ท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่ภารกิจก็ไม่อาจล้มเลิก ทุกคนมุ่งหน้าไปสู่พิกัดที่ได้รับแจ้งหมายจะให้ได้มาซึ่งคำว่า "ฮีโร่" ทั้ง 4 บุกมาถึงพิกัดข้าศึกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ เบื้องหน้าเป็นข้าศึกที่อยู่ในชุดดำ ปกปิดหน้าตา ไม่ระบุสัญชาติ และทหารฝ่ายเราที่ตกเป็นเชลย หนึ่งในนั้นเป็นแพทย์ทหารนาม สายรุ้ง คุณหมอคนสวยลูกสาวนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เลี้ยงหลงรัก แทบไม่น่าเชื่อใช้เวลาและเรี่ยวแรงไม่มาก ทั้ง 4 คน ก็สามารถใช้ตะหลิว มีด และไฟจัดการข้าศึกได้ไม่ยาก ท่ามกลางความตกใจระคนฉงนสนเท่ห์ของข้าศึก ทั้ง 4 เข้าประชิดตัวหัวหน้าข้าศึกจนจะสามารถช่วยสายรุ้งได้ หัวหน้าศัตรูซึ่งใช้ผ้าปิดหน้าปิดตาได้เข้ามาขวาง ทำให้มีการประมือกับปราบ ปราบอาศัยทีเผลอเล่นงานศัตรูด้วยไฟ แล้วแย่งปืนยิงใส่ศัตรูทันที หยุดเดี๋ยวนี้ !! เสียงตวาดอันแสนจะคุ้นเคยแผดขึ้นจนทุกคนตกใจและหยุดชะงัก ผบ.สุชาตินั่นเอง ผบ. เดินหน้าเครียดเข้ามาพร้อมกับเหล่าทหารและศัตรูที่ต่างถอดผ้าปิดหน้าออก ทั้ง 4 ตกตะลึงเมื่อพบว่าทหารศัตรูเหล่านั้น คือเพื่อน ๆ ทหารของเขานั่นเอง "มาทำบ้าอะไรกันเนี่ย เขาซ้อมรบกันอยู่โว้ย"

แสนซนค้นรัก 2556

แสนซนค้นรัก (2556/2013) ชาวดาวเฮร่าส่ง ทหาร นักวิทยาศาสตร์ นักบิน และลูกระเบิดมหาประลัยมายังโลกมนุษย์ เพื่อตัดสินชะตากรรมของชาวโลกว่าสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ เพื่อให้การแฝงตัวเข้ามาในโลกสมบูรณ์แบบไม่ทำให้มนุษย์สังเกตเห็นถึงความแตกต่าง ชาวดาวเฮร่าจึงแปลงร่างเป็นมนุษย์ตามที่เขาสามารถรับชมได้จากละครโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่สัญญาณคลื่นวิทยุโทรทัศน์สามารถเดินทางข้ามจักรวาลได้ เปงกุมปราสเลียน่า (ริด้า ณัฐพิมล นาฏยลักษณ์) นักวิทยาศาสตร์ผู้เฉลียวฉลาดแปลงร่างมาเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามเหมือนนางเอกละคร มีชื่อเรียกทางโลกว่าวีนัส มีหน้าที่แฝงกายเป็นสาวใช้ของชาวโลก ตีย่าตีย่าแวนคร๊อฟ (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) สุดยอดนักรบแห่งดาวเฮร่าแปลงร่างเป็นกระถิน ตีย่าตีย่าแวนคร๊อฟแทบกระอักเมื่อต้องเรียนรู้ในการทำอาหาร เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวนายจ้าง ซึ่งแต่ละคนก็เรื่องมาก ยูบิสมันตุมสล๊าพกีกี้ (เกริก ชิลเลอร์) นักบินยานอวกาศมือดีที่สุดในจักรวาลแปลงร่างเป็นไอ้ย้อย ผู้มีอาชีพรับจ้างขับรถตามบ้าน และท้ายที่สุดจากีมันร๊อฟฟสิบเจ็ด (ด.ช.อธิพิชญ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย) จรวดมหาประลัยรุ่นล่าสุดที่สามารถทำลายโลกได้ภายในพริบตา ถูกแปลงให้เป็นเด็กผู้ชายแก้มยุ้ยน่ารักจอมซุกซนมีชื่อเป็นภาษาไทยว่าเด็กชายขีปนาวุธหรือน้องลูกดอก มีหน้าที่ระเบิดตัวเองตามเสียงส่วนใหญ่ ชะตากรรมของมนุษย์ต่างดาวทั้งสี่ต้องขวัญหนีกับพลุจำนวนมหาศาลที่ระเบิดขึ้นรอบ ๆ ตัวของพวกเขา จนทำให้พวกเขาทั้งสี่ต้องสละยานอวกาศ และดิ่งพสุธาลงมาบนพื้นพิภพอย่างไม่รู้ชะตากรรมและพวกเขาไม่สามารถติดต่อกลับไปสู่มาตุภูมิต่างดาวของเขาได้อีก มนุษย์ต่างดาวทั้งสี่ได้ตกลงมายังบริเวณบ้านของด็อกเตอร์เอกภพ (วสุ แสงสิงแก้ว) เจ้าของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ด็อกเตอร์เป็นคนสมองเป็นเลิศ จึงมีความเข้มงวดในเรื่องการเรียนกับลูก ๆ เพราะมุ่งหวังให้ลูกเจริญรอยตามตัวเอง ด็อกเตอร์มีลูก 3 คนด้วยกัน ลูกชายคนโตคือ โอม (ฌอน จินดาโชติ) อายุ 18 ปี กำลังเรียนหมออยู่ชั้นปีที่ 1 ส่วนลูกคนรองคือ อิม (ปณิตา ธนโชติธรากร) อายุ 17 ปี กำลังเรียน ม.6 ส่วนลูกสาวคนสุดท้องคือ อาย (เอวีน่า เครื่องสาย) อายุ 7 ปี ครอบครัวของด็อกเตอร์เอกภพกำลังต้องการลูกจ้างทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น แม่ครัว พี่เลี้ยงลูกสาวคนเล็ก รวมไปถึงคนขับรถ เพราะเขาเพิ่งไล่ลูกจ้างออกยกครัว สเปคของลูกจ้างที่เขาเรียกร้องจากบริษัทจัดหางานก็คือ อ่านออกเขียนได้ ความรู้ขั้นต่ำระดับอนุปริญญา เมื่อมนุษย์ต่างดาวทั้งสี่ที่มีท่าทางแปลกประหลาด แต่ชาญฉลาด ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านเขา เอกภพจึงเหมาเอาทันทีว่าคนทั้งสี่นี้คือลูกจ้างที่เขาต้องการ และเมื่อเขาแจกข้อสอบเพื่อทดสอบสติปัญญา เขาต้องช็อกเพราะข้อสอบที่ว่ายากแสนยาก คนใช้เหล่านี้กลับทำได้ เอกภพตัดสินใจรับลูกจ้างแปลกประหลาดทั้งสี่เข้ามายังครอบครัวของตน ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของชาวเฮร่าที่จะการเรียนรู้พฤติกรรมของชาวโลกและวิเคราะห์อารมณ์ของมนุษย์เรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง สถาบันครอบครัว ความเชื่อ และคุณค่าต่าง ๆ ของชาวโลก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชะตากรรมของโลกมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์ต่างดาวแปดชีวิตได้ร่วมเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ และได้ร่วมใจแก้ปัญหาด้วยหัวใจของคนกับสิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคจากต่างดาว เพื่อแสวงหาวิธีที่จะอยู่อย่างสันติสุขต่อไปในภายภาคหน้า แต่ถ้าไม่สำเร็จ พวกเขาทั้งแปดคนก็จะเป็นคนกลุ่มแรกที่จะแหลกสลายไปเป็นจุลพร้อม ๆ กับโลกมนุษย์ของเรา ด้วยอานุภาพของจากีมันร๊อฟฟสิบเจ็ด จรวดมหาประลัยรุ่นล่าสุด ที่เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่ตกลงมาบนพื้นพิภพ มาร่วมลุ้นกันว่าพวกเขาจะแก้ปัญหาได้สำเร็จหรือไม่? ติดตามหาคำตอบกันได้ใน ละครแสนซนค้นรัก

ยัยบุญกับหมอทึ่ม 2556

ยัยบุญกับหมอทึ่ม (2556/2013) ทัชมา หรือ ทึ่ม สัตวแพทย์หนุ่มหล่อ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนในวันรับปริญญาอย่างมีความสุข ผิดกับกำนันเถอะ ผู้เป็นพ่อที่ทั้งเสียหน้า และโกรธลูกชายตัวดีที่หลอกให้เขาหลงดีใจและไปป่าวประกาศทั่วตำบลว่า เรียนหมอรักษาคน แต่แท้จริงเรียนหมอรักษาสัตว์ ปารมี หรือลูกปลา น้องสาวทัชมาต้องปลอบให้พ่อใจเย็น ปารมีกำลังเรียนคหกรรมศาสตร์ปีสุดท้าย แม้พ่อจะไม่ชอบ แต่ปารมีก็อ้อนจนพ่อยอม ทัชมากลับไปอยู่บ้าน มีแป้นแล้น สาวประเภทสองวัยดึก สาวใช้เก่าแก่ของบ้านกำนันเถอะคอยดูแล และส่งตาหวานตลอดเวลา แต่ทัชมาเคยชินแล้วจึงไม่สะเทือนอะไร

กำนันเถอะกลับมาจากทำบุญที่วัดด้วยความอับอาย เพราะผู้คนต่างหัวเราะเยาะเขา กำนันเถอะโมโหที่ทัชมาไม่เห็นความหวังดี หลังจากภรรยาเสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเล็ก กำนันก็ดูแลลูกตามลำพัง คาดหวังว่าลูกจะได้ดีตามแนวที่ตนวางไว้ กำนันเถอะคิดดัดนิสัยทัชมาจึงไปที่ไร่สะท้านทรวง สระบุรี ขอให้บุญจิรา หรือ แม่บุญ เจ้าของไร่รับทัชมาทำงาน กำนันเถอะเป็นญาติห่าง ๆ กับแม่ของบุญจิรา และเคยทำงานที่ไร่ตั้งแต่รุ่นบุกเบิก แม้พ่อแม่บุญจิราจะเสียไปแล้ว แต่บุญจิราก็นับถือกำนันเหมือนญาติสนิท จึงตกลงรับทัชมา กำนันเถอะกลับมาบังคับให้ทัชมาไปเป็นโคบาลที่ไร่สะท้านทรวง ทัชมาไม่อยากไป แต่ขัดไม่ได้ เพราะพ่ออ้างว่าทัชมาต้องใช้หนี้ที่พ่อส่งเรียน แป้นแล้นอยากไปด้วย แต่กำนันไม่ให้ไป กำนันเถอะให้ไอ้จุก คนขับรถรับจ้างไปส่งที่ไร่ กำนันเคยมีบุญคุณกับไอ้จุก ไอ้จุกจึงไม่คิดเงิน แต่วันนี้ รถกระบะไม่อยู่ เขาเลยขับอีแต๋นไปส่งแทน ทัชมาแอบนินทาบุญจิราในใจว่าเป็นสาวแก่ เอาใจยาก แต่เมื่อได้พบตัวจริง ทัชมาตะลึง เพราะบุญจิรายังสาวและสวย แม้จะเป็นม่ายมีลูกถึงสามคนก็ตาม ทัชมาคิดว่าเธอคงมีสามีหลายเชื้อชาติ เพราะลูกที่เกิดมาหน้าตาไม่เหมือนกันเลย ไร่สะท้านทรวงกว้างใหญ่ มีทั้งฟาร์มโคนม คอกม้า โรงเรือนเพาะพันธุ์วัวชั้นดีส่งนอก และพื้นที่ทำการเกษตรแผนใหม่ บุญจิราให้ทัชมาทดลองงานที่ฟาร์มโคนมและเตือนให้เขาทำตามกฎของไร่อย่างเคร่งครัด เช้าวันแรก ทัชมาเจอการรับน้องจากลูก ๆ (บุญธรรม) ของบุญจิรา นำโดยทอมมี่ ลูกชายคนโตเชื้อสายเยอรมัน คองโก ลูกชายคนรองเชื้อสายเคนย่า และเด็กหญิงลูกหมี ลูกสาวคนเล็กเชื้อสายเกาหลี ทั้งสามเกณฑ์ลูกคนงานในไร่มาเป็นกองทัพอินเดียแดงไปถล่มทัชมา อรชร สาวใช้ที่ดูแลเรือนใหญ่ของบุญจิราบอกว่าหากทัชมาเป็นผู้หญิงจะโดนรับน้องด้วยการทำผีหลอก ในไร่สะท้านทรวง ส่วนที่เป็นบ้านพักคนงาน จะมีร้านค้า โรงอาหารสำหรับลูกจ้าง ร้านค้าแห่งเดียวในไร่เป็นของนางปีบ เมียตาผาน คนงานเก่าแก่ในไร่ ทุกเช้าทั้งคู่จะทะเลาะกันเสมอ โดยเฉพาะเมื่อตาผานดื่มเหล้าจะเห็นผู้ชายทุกคนเป็นชู้กับเมียตัวเอง เช้านี้ก็เช่นกัน ทัชมามาซื้อแปรงสีฟัน ก็ถูกตาผานหาว่าเป็นชู้กับนางปีบ จนเขาต้องกลับไปมือเปล่า ด้าน ทรงศักดิ์ หรือเสี่ยซ้ง หนุ่มตี๋ลูกชายเสี่ยทรงเกียรติ เจ้าของโรงเก็บพืชพันธุ์ทางการเกษตรแห่งใหญ่มาตามจีบบุญจิรา และมีของกำนัลมาด้วยทุกครั้ง เด็ก ๆ ไม่ชอบทรงศักดิ์เลย เพราะรักและหวงแม่มาก ที่สำคัญทรงศักดิ์ขี้เหนียว และชอบกดขี่คนอ่อนแอกว่า จึงถูกเด็ก ๆ เรียกลับหลังว่า ตี๋แสบ ระหว่างที่ทรงศักดิ์คุยกับบุญจิรา เด็ก ๆ แอบยิงหนังสติ๊กใส่ทรงศักดิ์จนล้มด้วยความสะใจ และยอมให้แม่ลงโทษ ทัชมาเจอตาผานที่ฟาร์ม ตาผานหายเมาจำทัชมาไม่ได้จึงทักทายอย่างดี และพาทัชมาเดินดูรอบฟาร์มพร้อมเล่าสาเหตุที่ไม่เลี้ยงโคเนื้อ เพราะบุญจิราสงสารไม่อยากส่งพวกมันไปโรงฆ่าสัตว์ ทำให้ทัชมาประทับใจ ตกเย็น ทัชมากลับที่พักก็ถูกลูกดอกลอบทำร้าย แต่เขาหลบทัน เด็ก ๆ ไม่พอใจที่ทัชมาไม่ยอมลงให้ แถมยังพูดจาสั่งสอนพวกเขาอีก ทัชมารู้จากตาผานว่าเด็ก ๆ ต้องทดสอบทุกคนเพื่อความปลอดภัยของบุญจิราที่จะไม่ถูกใครทำร้ายและถูกหลอก แต่ทัชมาไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเด็ก ๆ ทรงศักดิ์ขับรถมาหาบุญจิราอย่างเร็วจนเฉี่ยวทัชมาตกคูและไม่รับผิด ทัชมาจึงตอบโต้ด้วยถ้อยคำเจ็บแสบให้ทรงศักดิ์เจ็บใจ ด้านเด็ก ๆ วางแผนหลอกผีทัชมา แต่นำมาทดสอบกับทรงศักดิ์ จนเขาตกใจขับรถลอยไปติดบนรั้ว และจับไข้หัวโกร๋นผมร่วงหมดหัว เด็ก ๆ พอใจมากใช้แผนนี้กับทัชมา แต่ทัชมารู้ทันเอาคืนจนเด็ก ๆ จับไข้หัวโกร๋น เขาปีนบันไดขึ้นมาดูเด็ก ๆ เด็ก ๆ เจ็บใจผลักบันไดล้มจนทัชมาขาหักต้องเข้าเฝือกและนอนพักที่โรงพยาบาล บุญจิราขอโทษแทนลูก ๆ แต่ก็ย้ำว่าทัชมาไปหลอกผีเด็ก ๆ ก่อน ด้านแป้นแล้นกับปารมีคิดถึงทัชมาจึงขอพ่อกำนันไปเยี่ยมทัชมา โดยบอกว่ากลัวทัชมาจะหอบลูกกลับมาหากไม่ไปเยี่ยม กำนันจึงยอม บุญจิราต้อนรับปารมีกับแป้นแล้นอย่างดี เพราะเธอรู้จักปารมีตั้งแต่เด็ก ๆ บุญจิราอนุญาตให้ปารมีและแป้นแล้นอยู่กี่วันก็ได้ หมอให้ทัชมากลับบ้านได้ เขาลากขาที่ยังใส่เฝือกไปซื้อของร้านนางปีบ ตาผานดื่มเหล้าเมาจำทัชมาไม่ได้จึงคว้ามีดไล่ฟันหาว่าเขาเป็นชู้ ทัชมาวิ่งหนีอย่างลืมตัว แต่กลายเป็นดี เพราะรุ่งเช้า เขาก็หายเป็นปกติกลับไปทำงาน ขณะที่คนงานล้างโรงเรือนเตรียมรับม้าเจ็บจากคอกนายเกริกพลที่โคราช เขามีอิทธิพลในกลุ่มนักพนันม้าแข่ง บุญจิรารับอนุบาลม้าพันธุ์ให้เกริกพล ตอนนี้ม้าสำคัญอย่างเด็ดดวงดารกา เจ็บหนัก ซึ่งถ้าม้าหมดประโยชน์จะถูกฆ่า เรียกว่าจบตำนานอย่างสมศักดิ์ศรี ทัชมาที่รู้เรื่องไม่เห็นด้วย บุญจิราต้อนรับเกริกพลที่นั่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวมา เกริกพลคิดจะรวมคอกม้าน้อยใหญ่เป็นคอกเดียว และทำให้การแข่งม้าเป็นกีฬาระดับประเทศ เขาชวนบุญจิราร่วมหุ้น เพื่อไร่สะท้านทรวงจะเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ม้า และสนามฝึกที่ใหญ่ที่สุด บุญจิราปฏิเสธแต่เกริกพลไม่ยอมแพ้ คิดรวบหัวรวบหางเธอเมื่อมีโอกาส เด็ก ๆ ไม่ชอบเกริกพลอย่างมากแต่ยังหาวิธีจัดการไม่ได้ ทัชมาดูแลและพูดคุยกับเด็ดดวงดารกาอย่างเพื่อน จนมันไว้ใจเขา แต่กลับตกใจกลัววิ่งหนีเตลิดไปเมื่อเห็นเกริกพล เกริกพลให้บุญจิราหามันให้พบเพื่อจะจบชีวิตมัน ทัชมาสงสัยว่าเกริกพลอาจทรมานสัตว์ แต่บุญจิราไม่เชื่อ ทรงศักดิ์ล้อเลียนทอมมี่ว่าเป็นกะเทย และด่าเด็ก ๆ ว่าเป็นแค่เด็กที่บุญจิราเก็บมาเลี้ยง เด็ก ๆ โกรธมากต่อยทรงศักดิ์จนลงไปกอง ด้านปารมีเห็นว่าทัชมาหายดีจึงเตรียมตัวกลับ แต่บุญจิราชวนให้อยู่ฝึกงานช่วงปิดเทอม เพราะพนักงานธุรการเพิ่งลาออกไป ปารมีตกลงทันที ทำให้แป้นแล้นดีใจมาก ทัชมาพบเด็ดดวงดารกาที่ชายป่าก็ดีใจมากเข้าไปพูดคุยจนมันสงบลง ทัชมาแอบพามันกลับไปรักษาโดยไม่ให้บุญจิรารู้ ด้านเด็ก ๆ ไม่พอใจที่ทรงศักดิ์มาทานข้าวกับบุญจิรา จึงแกล้งเอาหมามุ่ยโรยขอบแก้วกาแฟ เมื่อทรงศักดิ์ดื่มเข้าไปก็คันจนปากเจ่อ เด็ก ๆ กลัวถูกลงโทษจึงหลบไปที่คอกม้า ลูกหมีอยากขี่ม้าแต่ปากแข็ง ทัชมาเห็นจึงแกล้งขี่เจ้าลิลลี่โชว์เด็ก ๆ ทำให้ลูกหมีไม่พอใจมาก บุญจิราโกรธมากเมื่อรู้ว่าทัชมาเจอเด็ดดวงดารกาแล้วไม่บอกเธอ ทัชมาขอเวลาพิสูจน์ความจริง บุญจิราไม่อยากมีปัญหากับเกริกพลจึงปฏิเสธ เด็ก ๆ ได้ยินว่าจะมีม้าถูกฆ่าก็แอบไปดู ทัชมาสอนให้เด็ก ๆ จับม้าด้วยความรัก เด็ก ๆ สงสารจึงขอไม่ให้แม่ฆ่าม้า บุญจิรายอมให้ทัชมาพิสูจน์ความจริง เด็ก ๆ เอาขนมไปให้เด็ดดวงดารกา แต่ทัชมาห้ามไว้ เพราะกลัวม้าท้องเสีย เขาใช้โอกาสนี้ต่อรองให้เด็ก ๆ ทำตามคำสั่งเขาในการดูแลเด็ดดวงดารกา เด็ก ๆ ตกลงทันที บุญจิราไม่ยอมรับโทรศัพท์เกริกพลเพื่อถ่วงเวลา บุญจิราเดินทางไปรับเด็กหญิงมะลิ เด็กทารกขี้โรคมาเป็นลูกบุญธรรมอีกคน เด็ก ๆ ทั้งสามมาช่วยกันดูแลน้องอย่างดี ทัชมาแปลกใจที่บุญจิรามีลูกเพิ่มขึ้นอีก แต่ตอนนี้เขาสนใจเรื่องของเด็ดดวงดารกามากกว่า เพราะอาการของมันไม่ดีขึ้น ทัชมาตรวจอย่างละเอียดจนพบยาโด๊ป สารกระตุ้นที่มีอันตรายสูง เด็ดดวงดารกาถูกใช้ยาโด๊ปมานานจนกระดูกผุ กล้ามเนื้อตาย เกริกพลกลับมาที่ไร่อีกครั้ง ทัชมาจึงพาเด็ดดวงดารกาไปซ่อนบ้านตาผาน เกริกพลยืนยันจะมาอีกในวันรุ่งขึ้น เด็ก ๆ หาทางจัดการเกริกพล โดยใช้กระสุนดินเหนียวยิงใส่เฮลิคอปเตอร์ จนเครื่องเสียการทรงตัวตกในป่าละเมาะ เกริกพลบาดเจ็บเลยแจ้งตำรวจด้วยความโมโห ตำรวจใช้สุนัขดมกลิ่น ทำให้เด็ก ๆ กลัวถูกจับ ทัชมาให้เด็ก ๆ อยู่ใกล้ไหปลาร้า จนสุนัขดมกลิ่นไม่เจอ เด็ก ๆ รอดตัว แต่ยังไม่ยอมรับทัชมา ทัชมาให้ตาผานช่วยหาที่ซ่อนเด็ดดวงดารกาใหม่ ตาผานแนะให้ไปหลบที่ถ้ำหินปูนในป่า แต่ทัชมามีปัญหาการขนย้ายเด็ดดวงดารกา เด็ก ๆ มาช่วยทำรถลาก แต่ใช้ไม่ได้ผล ทั้งหมดจึงใช้แผนสองของคองโก เกริกพลกับทรงศักดิ์มาหาบุญจิราพร้อมกัน ทั้งสองพูดจาข่มกันจนเกริกพลลืมเรื่องม้า เด็ก ๆ แกล้งบอกว่ากำลังทำงานพิเศษล้างรถหาเงิน ทรงศักดิ์อยากเอาหน้าบุญจิราจึงให้เด็ก ๆ ล้างรถเขา ทัชมาจึงใช้รถขับพาเด็ดดวงดารกาเข้าป่า ก่อนจะเอารถกลับมาจอดในสภาพยับเยิน ทัชมาขอสัญญาจากเด็ก ๆ ว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่ซ่อนเด็ดดวงดารกา เด็ก ๆ ตกลงด้วยความเต็มใจ เกริกพลหงุดหงิดที่ยังกำจัดเด็ดดวงดารกาไม่ได้จึงเรียกทวีผล ลูกน้องคนสนิทกลับจากอเมริกาหลังหนีคดีไปเป็นคนเก็บขี้ม้า เกริกพลให้ทวีผลแฝงตัวไปสืบข่าวและฆ่าม้า ขณะที่ทัชมาติดต่อนิธิ เพื่อนนักข่าวให้ช่วยหาข่าวเก่า ๆ เกี่ยวกับเกริกพลและการแข่งม้า มีทั้งข่าวเด็ดดวงดารกาชนะการแข่ง ข่าวนักธุรกิจชื่อดังหลายคนล้มละลาย ฆ่าตัวตายเพราะแพ้พนัน ผิดกับเกริกพลที่ร่ำรวยมหาศาลขึ้นมาแทน เด็ก ๆ ทั้งสามพบว่ามีผู้บุกรุกจากกับดักที่วางไว้ จึงไปดู และพบทวีผลห้อยอยู่บนต้นไม้ ทวีผลแกล้งอ่อนข้อให้เด็ก ๆ จนเด็ก ๆ ถูกชะตาทวีผล ที่เรียกตัวเองว่า โคบาลนิกกี้ และอ้างตัวเป็นจ็อกกี้ที่เก่งมาก จนเด็ก ๆ รับทวีผลเข้าเป็นพวก เด็กหญิงมะลิป่วยกะทันหัน ทัชมากับบุญจิราจึงพาไปโรงพยาบาลหมอตรวจพบว่ามะลิเป็นไข้เลือดออกต้องถ่ายเลือด ทัชมาอาสาให้เลือดมะลิ ทำให้บุญจิราซึ้งใจ ด้านบุญปลึ้มเห็นทวีผลครั้งแรกก็หลงชอบ จึงหาที่นอนให้ทวีผลเพื่อรอพบบุญจิราวันรุ่งขึ้น ทวีผลหาโอกาสเดินสำรวจคอกม้า ตาผานส่งข่าวให้ทัชมารู้ ทัชมาจึงแอบสังเกตทวีผล ทวีผลแกล้งตามจีบปารมีเพื่อล้วงความลับของทัชมา และอาสาพาเด็ก ๆ ไปส่งโรงพยาบาล บุญจิราไม่ถูกชะตากับทวีผลแต่ก็ยอมรับเขาเข้าทำงาน วันต่อมาบุญจิราให้ทัชมามารับเธอกับมะลิกลับบ้าน แต่เด็ก ๆ ให้ทวีผลมารับแทน บุญจิราไม่พอใจที่ทวีผลขับรถผาดโผนทำให้เด็ก ๆ หลงผิดว่าเป็นสิ่งดีจึงตำหนิเขา ด้านทัชมาหาหลักฐานได้ว่ามีการฆ่าเด็ดดวงดารกาโดยเจตนา แต่เขายังไม่บอกบุญจิรา เพราะกลัวบุญจิราเข้าข้างเกริกพล เด็ก ๆ เกลียดทัชมามากขึ้น เพราะทวีผลคอยยุยง และสร้างวัฒนธรรมการใช้ชีวิตอย่างโคบาลสะท้านทรวง มีเด็ก ๆ ทั้งสามเป็นตัวตั้งตัวตี รวมถึงอรชร ปารมี แป้นแล้น และนางปีบที่หันมาแต่งตัวเป็นโคบาลสาว บุญปลึ้มที่พลอยปลื้มทวีผลไปด้วยจนหลงลืมดูแลมะลิ ทำให้ถูกบุญจิราตัดเงินเดือน บุญจิราไม่พอใจที่ทวีผลสอนเด็ก ๆ ใช้ความรุนแรงแบบคาวบอยทำร้ายทัชมา จึงให้ทวีผลไปเป็นลูกน้องทัชมาช่วยงานที่คอกม้า ทัชมาสั่งให้ทวีผลโกยขี้ม้า ทวีผลจึงไปโอดครวญกับเด็ก ๆ เด็ก ๆ มาจัดการทัชมา แต่โดนทัชมาใช้งานแทน เขาว่าทายาทเจ้าของไร่ต้องเป็นงานทุกอย่าง บุญจิรารู้สิ่งที่ทัชมาทำก็สนับสนุนและสั่งให้เด็ก ๆ ไปทำงานกับทัชมาทุกวัน ทัชมาดัดนิสัยเด็ก ๆ โดยให้ทำงานทุกอย่างและกินข้าวพร้อมคนงาน ทวีผลทำผิดกฎเข้างานช้า จึงถูกทัชมาลงโทษให้งานล่วงเวลา ด้านแม่เปล่ง แม่ครัววัยหกสิบลาออกไปแต่งงาน บุญจิราจึงให้นางปีบมาเป็นแม่ครัว ทวีผลหลอกถามปารมีจนรู้ว่า ทุกเช้าทัชมากับตาผานเข้าไปในป่า ก็สงสัย ด้านลูกหมีนึกถึงเด็ดดวงดารกาขึ้นมาจึงชวนพี่ ๆ ไปดู ทวีผลแอบตามไป แต่ถูกเด็ก ๆ จับได้ ทวีผลทายผิดว่าเด็ก ๆ มาจับผีเสื้อ ทำให้ลูกหมีผิดหวังที่ทวีผลไม่เก่งอย่างที่คิด ทวีผลหลอกถามถึงม้าป่วยจากนางปีบจนเกือบรู้เรื่องแต่ตาผานมาพอดี เขาหมั่นไส้ทวีผลจึงแกล้งเมาหาว่าทวีผลเป็นชู้กับนางปีบและต่อยทวีผลจนสลบ เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกหมีผิดหวังในตัวทวีผลอีก และเริ่มผิดใจกับพี่ชายที่เข้าข้างทวีผล และดูถูกผู้หญิง ทั้งสามทะเลาะกันจนบุญจิราเริ่มหนักใจกับพฤติกรรมเด็ก ๆ ทัชมาปลอบใจบุญจิรา และบอกว่าสักวันเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และเลิกเห่อคาวบอยไปเอง บุญจิรารู้สึกดีที่ได้พูดคุยกับทัชมา บุญจิราตั้งใจจะมอบลูกม้าตัวใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดลูกหมี เธอขอให้ทัชมาช่วยฝึกลูกหมีให้พร้อมสำหรับดูแลม้า จากวันนั้น ทัชมาฝึกและให้ลูกหมีทำงานหนักขึ้น จนลูกหมีทนไม่ไหวขอให้ทวีผลท้าดวลกับทัชมา แต่ทวีผลปฏิเสธอ้างว่าเป็นวันพระ ทำให้ลูกหมีผิดหวังรุนแรง เด็ดดวงดารกาอาการดีขึ้น ทัชมาได้ข้อมูลว่าทวีผลเป็นคนของเกริกพล แต่ยังไม่มีหลักฐาน ทวีผลสะกดรอยตามทัชมาจนรู้ที่ซ่อนเด็ดดวงดารกา เกริกพลสั่งให้ทวีผลฆ่าม้าและทัชมาก่อนการแข่งนัดหน้า เกริกพลจะจัดงานเปิดตัวยอดเยาวมาลย์ ม้าตัวใหม่ที่ไร่สะท้านทรวง บุญจิราจึงเชิญทรงศักดิ์มาเป็นกันชน ด้านทัชมาวางแผนเปิดโปงเกริกพลในงาน ขณะที่เด็ก ๆ ทะเลาะกันหนักขึ้น จนพี่ ๆ ไล่ลูกหมีออกจากบ้านโทษฐานที่ทำให้พวกเขาถูกบุญจิราดุที่จำคำพูดหยาบคายของทวีผลมาพูด ลูกหมีเสียใจหนีไปทันที บุญจิราเป็นห่วงขอให้ทัชมาช่วยตามหา ทัชมากับตาผานมั่นใจว่าลูกหมีไปหาเด็ดดวงดารกาเลยรีบตามไป ลูกหมีมาปรับทุกข์กับเด็ดดวงดารกา จึงพบทวีผลจะฆ่าเด็ดดวงดารกา เขาจะฆ่าลูกหมี แต่ทัชมากับตาผานมาช่วยไว้ทัน และต่อยทวีผลสลบไป ทั้งสองรีบพาลูกหมีและเด็ดดวงดารกากลับ เด็ก ๆ เริ่มยอมรับทัชมา ลูกหมีเล่าความเลวของทวีผลให้ทุกคนฟัง ปารมีกับแป้นแล้นถูกทวีผลจับไปในป่า ทัชมาจะตามไปช่วยและขอให้บุญจิราเตรียมงานเลี้ยงตามปกติ เด็ก ๆ ตัดสินใจเข้าป่าไปช่วยปารมี ลูกหมีใช้ความสามารถในการแกะรอยจนพบปารมี แต่ก็ถูกทวีผลจับตัวไว้ ตาผานกับทัชมาที่ตามมาเผาว่านเพชรหลับเพื่อรมควันทวีผล แต่ลมพัดหวน จนทั้งคู่สลบไปและถูกทวีผลจับไว้ บุญจิราเป็นห่วงทุกคนจึงไปขอร้องเด็ดดวงดารกาให้ช่วยตามหาเด็ก ๆ เด็ดดวงดารกาทำเสียงเหมือนตอบรับก่อนวิ่งนำเข้าป่าไป ทวีผลเปิดโปงปูมหลังของเด็กทั้งสามที่บุญจิรารับเป็นลูกบุญธรรม ทำให้ทัชมารู้ความจริงและสงสารที่ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้า ทวีผลยื่นคำขาดให้ทัชมาเอาม้ามาแลก และหันไปตบทอมมี่ที่ตะโกนด่าเขา ทัชมากับตาผานโมโหใช้หัวพุ่งใส่ทวีผลพร้อมกัน ทวีผลชักมีดมาสู้ แต่ถูกเด็ดดวงดารกาที่ตามมากระโจนใส่จนกระเด็นไปสลบ ทัชมาจับทวีผลไปขังที่คอกม้า ในงานเลี้ยง เกริกพลหลอกให้เสี่ยทรงเกียรติพนันม้า ทรงศักดิ์พยายามห้ามพ่อแต่ไม่เป็นผล ขณะที่กำนันเถอะมาเยี่ยมทัชมากับปารมีพอดี เขาตามหาทัชมาไปจนถึงคอกม้า และได้ยินเสียงทวีผลร้องให้ช่วย ด้วยความใจดี กำนันเถอะจึงช่วยทวีผลจนตัวเองถูกจับไว้เอง ดีที่ตาผานมาช่วยไว้ได้ เกริกพลให้ลูกน้องฉีดยาโด๊ปให้ม้า โดยไม่รู้ว่าทัชมาแอบเปลี่ยนยาพวกนั้นแล้ว การแข่งขันม้าการกุศลเพื่อนำเงินสร้างชมรมอาชาช่วยม้าป่วยม้าพิการเริ่มขึ้น ระหว่างนั้น เสียงประทัดที่เด็ก ๆ วางไว้ทั่วสนามแข่งก็ดังขึ้นจนม้าตกใจวิ่งวุ่น จากนั้นเด็ดดวงดารกาก็ปรากฏตัว เด็ก ๆ ช่วยกันแฉความผิดของเกริกพล และยิงกระสุนดินเหนียวใส่ ทำให้เกริกพลโมโหควักปืนออกมายิง ทัชมากอดบุญจิราหลบกระสุน เด็ดดวงดารกาโดดทับเกริกพล ทวีผลจะเข้าช่วย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูกตำรวจจับ ขณะที่เด็ดดวงดารกาโดนยิง ทัชมาช่วยเหลือจนมันรอดชีวิต ทัชมาปลอบใจบุญจิราที่ต้องเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างเกริกพล แต่เขาสัญญาจะช่วยฟื้นฟูคอกอนุบาลม้าให้เป็นที่รู้จักในฐานะนักอนุรักษ์ ทัชมาจับมือบุญจิราให้กำลังใจ ทำให้เด็ก ๆ ที่แอบดูยิ้มพอใจ เกริกพลประกันตัวเองออกมา แต่ก็ต้องหลบการตามฆ่าจากนักพนันที่เสียผลประโยชน์ ลูกหมีทำอาหารเช้าให้ทัชมา ทัชมาจำใจทานขนมปังและไข่ไหม้ เพราะไม่อยากให้ลูกหมีผิดหวัง กำนันเถอะบังคับให้ทัชมาไปทำงานเป็นผู้จัดการฟาร์มหมูที่พิจิตรของดวงสมร แม่ม่ายสามีตาย เพราะกำนันเถอะแอบชอบดวงสมร โดยไม่รู้ว่าดวงสมรชอบซื้อผู้ชายเป็นของว่าง และนางสนใจทัชมา กำนันไปลาออกกับบุญจิราแทนทัชมา ทำให้บุญจิราน้อยใจ ทัชมาจึงรีบมาง้อและยืนยันกับบุญจิราว่าจะไม่ไปไหน จนกว่าเจ้าของไร่จะไล่ออก ลูกหมีที่แอบฟังอยู่ดีใจมาก และยอมเป็นสาวกคุณหมอทึ่มตลอดไป เมื่อทัชมาปฏิเสธ กำนันเถอะก็ไม่ยอมแพ้ไปรับดวงสมรมาที่ไร่ ดวงสมรดูออกว่าทัชมารักบุญจิราจึงกันท่าและพยายามอ่อยทัชมา แต่ทัชมาไม่เล่นด้วย ขณะที่ทรงศักดิ์มาขอบคุณทัชมาที่ช่วยให้พ่อของเขาไม่ต้องเสียพนันม้า ทั้งคู่ตกลงเป็นเพื่อนกัน ทรงศักดิ์เห็นดวงสมรครั้งแรกก็สนใจ เด็ก ๆ ไม่ต้องการให้ทัชมาไปจึงแกล้งหลอกผี จนดวงสมรเป็นลมถูกส่งโรงพยาบาล กำนันตามไปดูแล แต่ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าทรงศักดิ์ดูแลดวงสมรอยู่แล้ว ด้านทัชมาตัดสินใจบอกรักและขอบุญจิราแต่งงาน บุญจิราตกลงแต่งงานด้วยความปลื้มใจ เธอบอกข่าวดีกับทัชมาเรื่องไร่สะท้านทรวงได้รับเลือกให้เป็นที่อนุบาลม้าแข่งจากคอกต่าง ๆ เพราะเรื่องเด็ดดวงดารกา ขณะที่ปารมีบอกกำนันเถอะเรื่องที่ทัชมาจะแต่งงานกับบุญจิรา ทำให้กำนันเถอะดีใจลืมเรื่องโกรธเคืองทัชมาทั้งหมด ในวันแต่งงาน กำนันเถอะหอบสินสอดทองหมั้นมามากมายเพื่อให้เกียรติบุญจิรา ขณะที่เด็ดดวงดารกากลับมาเดินได้เป็นปกติ ทัชมากลายเป็นโคบาลประจำไร่สะท้านทรวงที่สงบสุขตลอดไป ติดตามชม ละครยัยบุญกับหมอทึ่ม
มิสเตอร์บ้านนา 2556

มิสเตอร์บ้านนา (2556/2013) จิมมี่ (กันต์ดลย์ อาคาซาน) เป็นเด็กลูกครึ่งไทยอีสาน-อเมริกัน วันดี (สุนารี ราชสีมา) แม่ของเขาพบรักกับพ่อตอนไปทำงานเป็นสาวเสิร์ฟอยู่ถนนข้าวสาร จิมมี่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ รู้แต่ว่าพ่อชื่อ บ็อบ (รอน สมูเรนเบิร์ก) เป็นฝรั่งนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน แม่ชวนพ่อมาอยู่กินด้วยกันที่บ้านเกิดในขอนแก่นได้เพียงปีเดียวพ่อก็จากแม่กลับประเทศไป โดยบอกแม่ว่าจะไปจัดการทำเรื่องย้ายมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร แต่พ่อก็ไม่เคยกลับมาหาแม่อีกเลย แม่เคยติดต่อไปยังที่อยู่ในอเมริกาที่พ่อให้ไว้ ก็พบว่าพ่อย้ายออกไปแล้ว แม่จึงโดนคนดูถูกต่าง ๆ นานาว่าโดนฝรั่งทิ้ง แต่แม่ก็ยึดอาชีพทำนาเลี้ยงดูลูกชายโดยไม่กลับไปเป็นสาวเสิร์ฟอีก ด้วยความหวังว่าสักวัน สามีฝรั่งจะกลับมาหาตน จิมมี่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางทุ่งนา และวิถีชีวิตแบบอีสานแท้ ๆ เขาชอบเป่าแคนและร้องเพลงหมอลำเป็นชีวิตจิตใจ โดยมี ครูกิจจา (ถนอม สามโทน) คอยสนับสนุน ครูกิจจาชอบวันดี แต่วันดีไม่แลใครเพราะเฝ้ารอบ็อบเพียงคนเดียว พอจิมมี่เรียนจบมัธยมปลาย วันดีก็ขายนาและขายควายเพื่อให้จิมมี่เข้ากรุงเทพฯ ตามหาพ่อ โดยเข้าไปเป็นเด็กวัดอาศัยอยู่กับ หลวงพี่ (หยอง ลูกหยี) ซึ่งเป็นลุงแท้ ๆ ของเขา ก่อนจะสมัครเข้าเรียนต่อ และทำงานเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารเพื่อส่งตัวเองเรียนไปด้วย จิมมี่ยังมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วจากการฝึกฝนด้วยตนเองมาตั้งแต่เด็ก เพราะคิดว่าเมื่อเจอพ่อแล้วเขาจะได้คุยกับพ่อได้รู้เรื่อง ทุกครั้งที่เจอลูกค้าชาวต่างชาติ เขาจะเอารูปของพ่อให้ดูและถามว่ามีใครรู้จักพ่อของเขาบ้าง แต่ก็ไม่มีใครเห็นพ่อของเขาเลย ที่วัดนั้นจิมมี่ยังได้รู้จักกับทศพล (แจ๊ส ชวนชื่น) หนุ่มอีสานบ้านเดียวกันจึงคุยกันอย่างถูกคอ และเป็นเพื่อนซี้กัน วันแรกที่จิมมี่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย เขาก็เกือบถูกรถสปอร์ตของ โรจน์ (ภูชิสสะ ศุภธนพัฒน์) ชน โรจน์เป็นแฟนหนุ่มของแคท (เกวลิน ศรีวรรธนา) คุณหนูไฮโซเปรี้ยวจี๊ด ซึ่งย้ายที่เรียนมาหลายมหาวิทยาลัยแล้วเพราะเรียนไม่จบสักแห่ง และนี่เป็นวันแรกที่เธอเข้ามาเรียนที่นี่เช่นกัน แคทคิดว่าจิมมี่เป็นฝรั่ง จึงต่อว่าเขาเป็นภาษาอังกฤษที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ จิมมี่ได้ทีเถียงกลับเป็นภาษาอังกฤษเป็นชุดเช่นกัน เขาแกล้งทำเป็นเจ็บและขู่ว่าจะฟ้องเธอ ทำให้แคทอายมาก เอาเงินชดใช้จิมมี่แล้วหนีขึ้นรถขับออกไป หลังจากจิมมี่เข้าห้องเรียนก็เจอแคทกับแก๊งเพื่อนเข้ามาในห้องเดียวกัน จิมมี่จึงวางแผนให้ทศพลคุยกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ แคทคิดว่าจิมมี่เป็นนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนที่ฟังภาษาไทยไม่ออก จึงแกล้งนินทาเป็นภาษาไทยกับ ทีน่า (พัสกร พลบูรณ์) เพื่อนสาวสุดห้าว แต่ อรวรรณ (อริยดา พริ้งสกุล) เพื่อนอีกคนคอยห้ามไว้ จิมมี่ทำเป็นฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง จึงรู้ว่าแคทแกล้งเขาโดยแอบขโมยเลคเชอร์ของเขาไป เขาซ้อนแผนแกล้งกลับ ประกาศว่าเธอเป็นหัวขโมย ทำให้เธออับอายต่อหน้าคนทั้งห้อง แคทจึงรู้ว่าที่แท้จิมมี่เป็นหนุ่มลูกครึ่งอีสานนี่เอง ไม่ใช่ฝรั่งอย่างที่เธอเข้าใจ ทั้งสองจึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอด ทศพลชวนจิมมี่ไปเตะตะกร้อกับเพื่อน ๆ จนวันหนึ่งตะกร้อที่จิมมี่เตะไปโดนโรจน์ แคทคิดว่าเขาเจตนา จึงต่อว่าเขาอย่างรุนแรง แม้จิมมี่จะขอโทษไปแล้ว โรจน์ถึงกับชกจิมมี่ แต่เขาไม่ตอบโต้ หลังจากนั้นที่แคทเจอกับจิมมี่ เธอก็จะหาทางแกล้งเขาต่าง ๆ นานา แต่จิมมี่ใช้ไหวพริบเอาตัวรอดมาได้ตลอด จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง แคทนัดกับโรจน์แฟนหนุ่มที่ร้านอาหารและพบว่าจิมมี่ทำงานที่ร้านนั้น จึงแกล้งสั่งอาหารหาเรื่องจิมมี่เสิร์ฟผิดหลายครั้ง จนจิมมี่ถูกผู้จัดการร้านตำหนิ จิมมี่ขอลาออก จิมมี่ต้องออกหางานทำอีกครั้ง ในขณะที่ทศพลจีบอรวรรณ เพราะชอบที่เธอเป็นหญิงสาวเรียบร้อยและออกจะเชยเหมือนผู้หญิงสมัยโบราณ แต่อรวรรณไม่ชอบทศพล เพราะเธอแอบชอบจิมมี่อยู่นั่นเอง แคทไปสมัครเรียนเต้นที่สถาบันค้างฟ้าของ เจ๊จ๋อน (เจเน็ต เขียว) ระหว่างที่จิมมี่เตร็ดเตร่หางานอยู่แถวถนนข้าวสารจนดึกดื่น เขาก็บังเอิญเห็น มานพ (ปรินทร์ วิกรานต์) กำลังถูกโจรทำร้าย จิมมี่จึงเข้าไปช่วยและนำเขาส่งโรงพยาบาล ก่อนจะช่วยขับรถไปส่งที่บ้านด้วย แต่พอไปถึงบ้านของมานพ เขาก็ได้เจอกับแคทอีก เธอเข้าใจผิดคิดว่าจิมมี่ทำร้ายพ่อเธอ จึงต่อว่าจิมมี่อย่างรุนแรง และไล่เขาออกไป จนมานพต้องช่วยอธิบายว่า จิมมี่ช่วยตน แคทจึงเริ่มเข้าใจ แต่ก็ยังปากแข็งไม่ยอมขอโทษเขา จิมมี่รู้สึกว่าแคทรักพ่อมากแม้เธอจะปากร้ายกับเขาก็ตาม มานพเห็นว่าจิมมี่เป็นเด็กดี จึงให้ไปทำงานที่บริษัทของเขา แม้ รัศมี (กรองทอง รัชตะวรรณ) แม่ของแคทจะรังเกียจจิมมี่ก็ตาม มานพฝากจิมมี่ช่วยดูแลเรื่องการเรียนของแคทด้วย จิมมี่รับปาก เพราะจิมมี่ขาดพ่อเขาจึงรู้สึกว่า มานพเป็นเหมือนพ่ออีกคนหนึ่งของเขา จิมมี่เข้าชมรมเพลงลูกทุ่งของมหาวิทยาลัย เขาทำหน้าที่เป่าแคนและได้เป็นนักร้องนำเพราะเสียงร้องที่โดดเด่นของเขา และเขายังตั้งวงดนตรีลูกทุ่งกึ่งหมอลำ โดยมีทศพล และ ประพันธ์ (วิชัย จงประสิทธิ์พร) เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกในวงด้วย วงดนตรีของจิมมี่ได้เล่นในงานวัดที่เขาอาศัยอยู่ จนมีคนเห็นแววจ้างไปเล่นงานวัดอื่น ๆ อีก แคทจึงมองจิมมี่อย่างดูถูกว่าเป็นผู้ชายเฉิ่มเชยไม่ทันสมัย หลายครั้งจะถามประชดว่าเจอพ่อหรือยัง ทำให้จิมมี่กลับเศร้าและคิดถึงแม่ เขาจึงคอยเตือนเธอเสมอว่าให้ตั้งใจเรียน เพราะพ่อเธอฝากฝังไว้ เธอโชคดีที่มีพ่อดูแลมาตั้งแต่เกิด ในวันประกาศผลสอบครั้งแรก จิมมี่ได้คะแนนสูงสุดของห้อง ในขณะที่แคทสอบตก แคททำท่าไม่แคร์แต่ใจจริงก็เสียใจ เธอแอบไปร้องไห้ที่สวนในมหาวิทยาลัย จิมมี่ผ่านไปเห็นเข้าพอดี เขาจะเข้าไปปลอบแต่กลับถูกแคทไล่ที่มาเห็นความอ่อนแอของเธอ เมื่อสอบครั้งต่อไปจิมมี่จึงแอบเอาข้อสอบติวไปวางที่โต๊ะเธอ โดยไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร แคทหาทางสืบหาคนที่ช่วยเธอแต่ก็ยังไม่เจอตัวสักที เจฟ (ปีเตอร์ ธูนสตระ) เพื่อนชาวอเมริกันของ ไกรฤกษ์ (เวนย์ ฟอลโคเนอร์) พ่อของโรจน์มาทำงานในเมืองไทย ขอให้ช่วยเขาตามหาหลานชายซึ่งเป็นลูกของพี่ชายกับหญิงสาวคนไทย ซึ่งพี่ชายของเขาฝากฝังไว้ก่อนตาย เจฟมีเบาะแสเพียงแค่แม่ของเด็กอยู่จังหวัดขอนแก่น เพราะที่อยู่และรูปหายไปตอนที่พี่ชายของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งพี่ชายของเจฟคือ บ็อบนั่นเอง ไกรฤกษ์วานโรจน์ให้ช่วยตามหาเด็กคนนั้น เพราะเจฟมีผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน โรจน์ช่วยสืบหาตัวหลานของเจฟแบบไม่จริงจังนัก เพราะเอาเงินที่พ่อให้ไปใช้กับ ซินดี้ (ปิยะดา ตุรงคกุล) กิ๊กใหม่ของเขา จนแคทจับได้ว่าโรจน์มีกิ๊ก เธอจึงขอเลิกแต่โรจน์ไม่ยอม ตามตอแยแคทและรับปากว่าจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ทศพลดูออกว่าที่แท้จิมมี่ชอบแคท จึงบอกความจริงกับแคทว่า ที่แท้คนที่เอาข้อสอบติวมาให้เธอคือ จิมมี่นี่เอง เธอจึงไปขอบคุณและขอโทษเขาเป็นครั้งแรก จิมมี่ดีใจมาก แคทพาจิมมี่ไปติวที่บ้าน แต่รัศมีรังเกียจและบอกจิมมี่ว่าเขาไม่เหมาะกับแคทหรอก น่าจะปล่อยให้แคทได้เจอกับคนที่ดีกว่านี้และรวยกว่านี้ จิมมี่ยอมรับ จิมมี่ขอลาออกจากงานร้านอาหารของมานพเพื่อจะหนีจากแคท รัศมีใส่ร้ายให้แคทฟังว่า จิมมี่มีหญิงอื่น และมีเรื่องชู้สาวในที่ทำงานจึงต้องลาออก แคทผิดหวังในตัวจิมมี่มาก โรจน์เข้าทางรัศมีขอคืนดีกับแคท แคทแกล้งดีกับโรจน์เพื่อประชดจิมมี่ ทำให้จิมมี่ยิ่งพยายามตัดใจจากเธอ โรจน์รู้จากรัศมีว่าจิมมี่เป็นแค่เด็กบ้านนอกจากขอนแก่น แถมแม่ยังถูกฝรั่งทิ้ง จึงเกิดความสงสัยและสืบรู้ว่าที่แท้หลานของเจฟคือ จิมมี่นั่นเอง จึงหาทางขัดขวางไม่ให้เจฟเจอกับจิมมี่ และเอา ดอน เด็กหนุ่มอีกคนมาสวมรอยแทน จิมมี่ได้งานใหม่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของคือ เจ๊กิม (จอย ชวนชื่น) เจฟพาดอนกับโรจน์และไกรฤกษ์มาฉลองที่ได้พบกัน เจฟเห็นจิมมี่ก็ถูกชะตา และรู้สึกว่าจิมมี่หน้าคล้ายพี่ชายของเขามาก จึงให้โรจน์ไปเรียกจิมมี่มาคุย โรจน์กลับแกล้งไปบอกเจ๊กิม ว่าอย่าให้จิมมี่เข้าไปเสิร์ฟอีก เพราะจิมมี่เสียมารยาทก่อนจะกลับไปโกหกเจฟว่า จิมมี่กลับไปแล้วไว้เขาจะติดต่อจิมมี่ให้เอง แต่โรจน์ก็คอยขัดขวางไม่ให้เจฟกับจิมมี่มีโอกาสพบกันอีก โรจน์มารับแคทที่มหาวิทยาลัย พอเจอจิมมี่เขาก็ดูถูกต่าง ๆ นานา และขู่ไม่ให้ยุ่งกับแคทอีก แคทแอบได้ยินโรจน์คุยโทรศัพท์ตกลงอะไรบางอย่างกับดอน จึงรู้ว่าที่แท้โรจน์แอบเอาดอนมาหลอกเจฟว่าเป็นหลาน เธอจึงต่อว่าเขาและขอเลิก เจฟให้พาดอนไปตรวจดีเอ็นเอให้ได้ แต่ดอนไม่ยอมไป เจฟจึงแอบเอาเส้นผมของดอนไปตรวจดีเอ็นเอเทียบกับตน และพบว่าที่แท้ดอนไม่ใช่หลานชาย เจฟตามไปต่อว่าโรจน์ แต่โรจน์อ้างว่า เขาก็ถูกดอนหลอกเหมือนกัน วันหนึ่งนักร้องในร้านอาหารขาด จิมมี่จึงขึ้นไปร้องเพลงแทน ปรากฏว่า ลูกค้าในร้านชอบใจมาก โดยเฉพาะเมื่อจิมมี่ร้องหมอลำทั้งที่หน้าตาอินเตอร์ ชาญชัย (จิ้ม ชวนชื่น) เจ้าของค่ายเพลงมองเห็นแวว จึงติดต่อให้จิมมี่เป็นนักร้องในสังกัด เจฟกลับมาหาจิมมี่ที่ร้านอีกครั้ง แต่พบว่าเขาลาออกไปเสียแล้ว ทั้งสองต่างรู้สึกว่าในใจยังมีกันและกัน แต่แคทซึ่งถือตัวว่าเป็นคุณหนูก็ยังปั้นปึงใส่จิมมี่ ในขณะเดียวกันจิมมี่ก็ถูกจับคู่กับ รพีพร (พาเมล่า เบาว์เด้น) หรือพี นักร้องสาวขวัญใจวัยรุ่นในค่ายเดียวกัน พีเองก็ชอบจิมมี่และคอยยุให้ชาญชัยโปรโมทเธอกับจิมมี่คู่กัน แต่จิมมี่คิดว่า เป็นเพียงแผนการตลาดของชาญชัยเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้สนใจพีเลย จิมมี่กลายเป็นนักร้องดังโดยมีประพันธ์ช่วยแต่งเพลงให้ แคทได้งานที่บริษัทเดียวกัน โดยเป็นคนดูแลศิลปินลูกทุ่ง จึงได้ทำงานใกล้ชิดกับจิมมี่ และเริ่มคบกันอย่างจริงจัง แต่ทั้งสองต้องคบกันอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพื่อไม่ให้แฟนเพลงรู้ พีหาทางแฉเรื่องของทั้งสอง โรจน์เองก็ต้องการทำลายชื่อเสียงจิมมี่ จึงร่วมมือกับพีแอบถ่ายรูปทั้งสองและส่งข่าวให้นักข่าว แฟนคลับเริ่มรับไม่ได้และต่อว่าจิมมี่ตามสื่อต่าง ๆ ชาญชัยให้จิมมี่แถลงข่าวปฏิเสธ แต่จิมมี่ไม่ยอมกลับประกาศยอมรับว่า เขากำลังคบกับแคทอยู่ ชาญชัยเรียกจิมมี่ไปตำหนิ แต่ปรากฏว่าแฟนเพลงส่วนใหญ่กลับให้กำลังใจจิมมี่ โรจน์ยิ่งเจ็บใจมากที่ทำอะไรจิมมี่ไม่ได้ ในขณะเดียวกัน จิมมี่ยังรู้สึกว่าส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตเขายังไม่ถูกเติมเต็ม เมื่อเขากลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้าน และจะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ แต่แม่ไม่ต้องการ สิ่งที่แม่อยากเห็นมากที่สุดคือ พ่อ คำถามแรกที่แม่ถามเขาเหมือนทุกครั้งที่เขากลับบ้านก็คือ หาพ่อเจอหรือยัง เจฟหมดวาระการทำงานในประเทศไทย เขาตัดสินใจกลับประเทศเพราะหมดหวังในการตามหาหลานชาย แต่เมื่อเขาได้เห็นจิมมี่ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ว่าเขามีพ่อเป็นชาวอเมริกันชื่อ บ็อบ เจฟจึงรีบติดต่อทางรายการเพื่อขอพบจิมมี่ทันที ในที่สุดอากับหลานได้พบกัน เจฟบอกว่า พ่อของจิมมี่ตายไปแล้ว แต่ฝากฝังให้เขาช่วยตามหาลูกชายเพียงคนเดียว และยกสมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดให้ วันดีเสียใจที่เธอจะไม่ได้พบกับบ็อบอีกแล้ว แต่ก็ตื้นตันใจเมื่อเจฟบอกว่าบ็อบไม่เคยลืมเธอและลูกเลยจนวินาทีสุดท้าย ครูกิจจาเข้ามาปลอบใจวันดีจนเธอเริ่มเห็นใจเขา เพราะที่ผ่านมาเขาคอยช่วยเหลือเธอมาตลอด และจิมมี่ก็อยากให้แม่มีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง จิมมี่ตัดสินใจเลิกเป็นนักร้องและกลับบ้านเกิดไปเป็นทนายช่วยว่าความให้ชาวบ้านที่ถูกนายทุนเอาเปรียบ เขาเปิดสำนักทนายความด้วยเงินที่ได้จากพ่อ และยังซื้อที่นาผืนใหม่ให้แม่เพื่อตอบแทนที่แม่เคยขายนาให้เขาไปเรียนหนังสือ แคทตามมาขอสมัครงานเป็นผู้ช่วยจิมมี่ บอกว่าจะได้ช่วยให้เขารวยเร็ว ๆ เพื่อให้เขามีเงินไปสู่ขอเธอ จิมมี่ทดสอบว่า แคทจะอยู่ที่บ้านนาของเขาได้หรือเปล่า โดยให้เธอใช้ชีวิตและทำงานแบบสาวบ้านนา แคทยอมทำแต่ก็เก้ ๆ กัง ๆ และหลุดเปิ่นหลุดโก๊ะตลอดเววลา หลายครั้งเธอใส่รองเท้าบู๊ทราคาแพงลุยโคลนจนหน้าทิ่มหมดสวย จิมมี่แกล้งดุแต่ที่จริงแอบขำและชื่นชมในความพยายามของเธอ โรจน์รู้ว่าแคทกลับมาหาจิมมี่ก็เจ็บใจ ตามมาง้อเธอ แคทเห็นจิมมี่ยังไม่ใจอ่อนสักที จึงแกล้งทำเป็นจะไปคืนดีกับโรจน์ แต่จิมมี่แกล้งโรจน์จนโรจน์หนีกลับกรุงเทพฯ ทศพลกับอรวรรณมาเที่ยวบ้านนาของจิมมี่เพื่อแจกการ์ดแต่งงาน ทั้งสองช่วยเป็นตัวประสานให้จิมมี่กับแคทคืนดีกัน จิมมี่ขอแคทแต่งงาน ถามว่าเธอจะอยู่บ้านนอกกับฝรั่งบ้านนาอย่างเขาได้ไหม แคทตอบตกลง… ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครมิสเตอร์บ้านนา

เงาะแท้แซ่ฮีโร่ 2556

เงาะแท้แซ่ฮีโร่ (2556/2013) สังข์ ฮีโร่สายพันธุ์ใหม่ผิวทองล่ำบึกข้ามมิติมาแบบไม่ได้เจตนาเสียแค่ว่าซื่อไปหน่อย ระหว่างรอหาทางกลับโลกของตนก็ปราบคนพาลไปด้วย ปัญหามันอยู่ตรงที่ดันเกิดไปมีความรักกับนักสืบสาวต่างเวลานามว่า รจนา รจนา (อภัสนันท์ วรภิรมย์รักษ์) ขับรถหรูไปชนชายตัวดำผมแอฟโฟล่คนหนึ่งเข้า ชายหนุ่มคนนั้นนุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียวไม่มีหลักฐานอะไรในตัวเลย นอกจากไม้พลองสีเปลือกไม้อันเดียวที่ถือติดมืออยู่ รจนาตกใจต้องรับผิดชอบดูแลพาชายคนนั้นที่ไม่ได้สติไปหาหมอที่เป็นเพื่อนของเธอ ชายหนุ่มได้สติขึ้นมา จำความอะไรไม่ได้เลย จำได้เพียงว่าตัวเองชื่อ เงาะ(ฐากูร การทิพย์) รจนาไม่อยากตกเป็นข่าว จึงว่าจะพาเงาะไปปล่อยที่อื่นแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่แล้วเธอก็รู้สึกผิด ต้องขับรถกลับไปรับและจำใจต้องดูแลเงาะจนกว่าจะจำความได้ รจนา เปิดบริษัทเป็นนักสืบเอกชน ได้รับการว่าจ้างจาก ท่านประธานหวัง (ประกาศิต โบสุวรรณ) ให้ตามหาของที่ถูกขโมยไปจากตู้เซฟ เขาต้องการเพียงแว่นขยายโบราณอันเดียว ท่านประธานไม่บอกรายละเอียด เพียงแต่เอารูปให้ดูแล้วบอกว่า แว่นขยายอันนี้ถ้าตกไปอยู่ในมือคนเลว จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์มาก มันไม่ใช่สมบัติของตระกูลเขา แต่มันเป็นคำสาป เอกสิทธิ์ (อัศนัย เทียนทอง) นายตำรวจที่เป็นแฟนหนุ่มของรจนา ไม่ค่อยชอบใจนักที่รู้ว่า รจนา รับดูแลชายชื่อเงาะที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเอาไว้ในชายคาบ้าน ถึงแม้เงาะจะช่วยทำงานบ้านให้รจนาก็ตามที เอกสิทธิ์กำลังตามคดีเรื่องคนหายอยู่ โดยทางรูปคดีแล้วคิดว่าน่าจะเป็นแก๊งลักเด็ก เขาต้องจับมันให้ได้ ฟากแก๊งค้ามนุษย์พอรู้ว่า เอกสิทธิ์กำลังตามจับพวกตนอยู่ จึงคิดเล่นงานเอกสิทธิ์ ด้วยการจับตัวรจนามาเพื่อให้เอกสิทธิ์วางมือจากพวกตนซะ เอกสิทธิ์และเงาะต่างก็ตามไปช่วยรจนา ด้วยอานุภาพพลองในมือเงาะ ทำให้เขากลายร่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และสามารถกำจัดผู้ร้ายได้ ไม่มีใครทันได้มองเห็นหน้าเขาชัด ๆ เพราะสถานการณ์ชุลมุนและค่อนข้างมืด เงาะเองกลับมาที่บ้านในสภาพตัวดำผมฟูเช่นเดิม เขานั่งดูใบหน้าตัวเอง ถึงจะเป็นใบหน้าเดียวกับซูเปอร์ฮีโร่ตนนั้น แต่เขาดูขี้เหร่มาก เงาะพยายามแปลงร่างอีกครั้ง แต่เขาก็ทำไม่ได้ ระหว่างนั้นเงาะก็มีเหตุให้ต้องออกช่วยเหลือผู้คน โดยการช่วยเอกสิทธิ์ปราบผู้ร้ายอยู่เนือง ๆ ภายใต้ชุดซูเปอร์ฮีโร่สีทอง สวมหน้ากากทอง รูปหอยสังข์อย่างสง่างามความในใจของรจนากับสังข์ (เงาะในร่างคนหล่อ) ก็พัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า สังข์คือคน ๆ เดียวกับเจ้าเงาะ และเป็นคนเดียวกับฮีโร่ในชุดสังข์ทอง สุดท้ายเงาะได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจคือประธานหวัง โดยมีชีวิตของรจนาเป็นเดิมพัน เงาะจะสามารถช่วยรจนาได้หรือไม่? และถ้าต้องเลือกระหว่างกลับไปมิติของตนกับความรักที่มีต่อรจนา เขาจะเลือกอะไร? ติดตามชม ละครเงาะแท้แซ่ฮีโร่

ลูกไม้ของพ่อ ลูกหนี้ที่รัก 2556

ลูกไม้ของพ่อ ลูกหนี้ที่รัก (2556/2013) แฟกซ์ทวงหนี้ที่ติดประจานหราบนบอร์ดสำนักงาน ทำให้ ออมสิน (จรินทร์พร จุนเกียรติ) เออีสาวผู้ไม่เป็นรองใครทั้งด้านการทำงานและการช้อปแหลกต้องอับอายขายหน้า และหวาดผวาเป็นล้นพ้นว่าจะถูกทวงหนี้ด้วยวิธีโหดตามข่าวที่เห็นบ่อย ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังกลัวจะโดนไล่ออก เพราะ กองพร (รัชนี ศิระเลิศ) นายหญิงของบริษัทฟันธงว่า หนี้สินคือภัยทางศีลธรรม หรือ Moral Hazard เป็นต้นตอของอาชญากรรมทั้งหลาย และนายหญิงคงฟันคอขาดแน่ถ้ารู้ว่าพนักงานมีหนี้สินอิรุงตุงนังจนถูกเร่งรัดหนี้แบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนโปรดอย่างออมสินก็เถอะ อิทธิ (พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) ครีเอทีฟรุ่นพี่ และมุทิตา (อนุสรา วันทองทักษ์) พนักงานบัญชีผู้เป็นสุดซี้ของออมสินออกโรงปกป้องเธอ และกำชับทุกคนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ รวมทั้งข่มขู่ วรุณพร (นนทพร ธีระวัฒนสุข) ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนเอาแฟกซ์มาติดประจาน เนื่องจากวรุณพรเป็นเออีคู่แข่งของออมสิน ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ออมสินก็เอาผลงานและนิสัยกระตือรือร้นมองโลกในแง่ดีชนะใจนายหญิงจนกลายเป็นเด็กโปรดเด็กปั้น แถมล่าสุดเธอยังได้รับมอบหมายให้เป็นเทรนเนอร์ของ ก้องภพ (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหญิงอีกด้วย ก้องภพ ช่างภาพอิสระฝีมือดีตระเวนถ่ายรูปชุด "ก่อนโลกละลาย" ไปทั่วโลกกับ จีรสุดา (ธนิดา กาญจนวัฒน์) แฟนสาวลูกเศรษฐี เซเลบริตี้ด้านสิ่งแวดล้อมจนหมดเงินไปสองล้านแต่ขายรูปได้แค่แสนเดียว ผู้เป็นแม่จึงยื่นข้อเสนอให้มาทำงานที่บริษัทด้วยเงินเดือน ๆ ละห้าหมื่นบาท และเงินรางวัลอยู่ทนหนึ่งล้านบาท หากทำงานครบปี เอ้าท์ดอร์ตัวพ่อจึงต้องฝืนใจมาเป็นนักธุรกิจใต้อาณัติของมารดาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง กลายมาเป็น "บอสเล็ก" ของคนในบริษัท และต้องมาเรียนรู้งานจากออมสิน ซึ่งก้องภพตั้งฉายาให้ว่า "ออมซ่า" เพราะท่าทางมั่นอกมั่นใจจนเกินวัย และนิสัยจุกจิกชวนหมั่นไส้หลายอย่างของออมสิน ขณะที่กำลังประชุมนำเสนอรูปแบบการจัดงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ก้องภพและนายหญิงก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นออมสิน โดยอิทธิให้ข้อมูลว่าออมสินเพิ่งอกหักจึงขอลาพักเพราะเสียศูนย์ ทั้งที่จริงเขาเป็นคนเสนอให้ออมสินกลับไปหลบพวกทวงหนี้ที่คอนโดเสียก่อน เนื่องจากมุทิตาเห็นชายผมเกรียนแว่นดำท่าทางไม่น่าไว้ใจมาป้วนเปี้ยนแถวออฟฟิศ ทว่านายหญิงดูไม่เดือดร้อนนักกับการหายตัวไปของคนโปรดอย่างออมสิน กลับเสนอคู่บัดดี้ใหม่ให้ลูกชายซึ่งก็คือ ภคมน (เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์) อดีตหัวหน้าเออี ลูกน้องเก่า ที่แยกออกไปเปิดบริษัทเอง กองพรบอกความประสงค์กับลูกชายอย่างตรงไปตรงมาว่า เธอไม่ใช่แค่หวังให้เขาเรียนรู้งานจากภคมนเท่านั้น แต่คิดจะจับคู่คนทั้งสอง เนื่องจากภคมนเป็นผู้หญิงเก่ง จะต้องทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าแน่นอน นิภาพรรณ หรือ ป้านิ (สาลินี ปันยารชุน) เพื่อนสนิทของกองพร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทก็เห็นดีเห็นชอบด้วย ก้องภพไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้เพราะเขากับภคมนเหมือนสร้างขึ้นจากเคมีคนละชนิด เธอเป็นผู้หญิงที่คิดแต่เรื่องงานกับเงิน เธอเป็นคนสวย เก่ง ฉลาด จนพ่อของก้องภพยังเอ่ยปากว่าเธอเหมือนกองพรสมัยสาว ๆ นั่นยิ่งทำให้ก้องภพสยองขวัญ เขาไม่อยากได้เมียที่เหมือนแม่ขนาดนั้น เมื่อจีรสุดารู้ความต้องการของกองพรก็ชวนให้ก้องภพลาออก แล้วมาทำงานกับบริษัทพ่อของเธอ ก้องภพปฏิเสธ เนื่องจากถ้าขอความช่วยเหลือจากพ่อของแฟน ศักดิ์ศรีของเขาก็ตกต่ำไม่ต่างจากอยู่กับแม่สักเท่าไหร่ ส่วนออมสินคิดจะยืมเงินจากนุตพงศ์แฟนหนุ่มนักค้าหุ้น แต่นุตพงศ์ก็ไปโรดโชว์ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ และออมสินรู้สึกละอายใจที่จะไปรบกวนพ่อแม่หรือปู่ย่าอีก เพราะที่ผ่านมาก็แบมือขอมาตลอดทั้งค่าดาวน์รถ ค่าผ่อนคอนโด ค่ากระเป๋าแบรนด์เนม ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าครูสอนโยคะ และอื่น ๆ อีกจิปาถะเพราะเธอไม่เคยชักหน้าถึงหลังสักเดือน อิทธิและมุทิตาช่วยกันระดมความคิดแก้ปัญหาที่คอนโดของออมสิน และได้บทสรุปว่ามุทิตาจะเจรจาต่อรองหนี้บัตรเครดิตมูลค่าเกือบสี่แสนกับทางธนาคารให้ แต่ระหว่างนี้ออมสินต้องหลบไปอยู่ที่บ้านน้าสาวของมุทิตาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนก่อน เพื่อให้พ้นจากแก๊งมาเฟียทวงหนี้ มุทิตายื่นเงินให้ออมสินยืมห้าพันบาทให้เธอใช้จ่ายระหว่างนี้ ส่วนอิทธิจะเป็นคนไปโน้มน้าวนายหญิง โดยอ้างว่าออมสินขอลาไปปฏิบัติธรรมบำบัดอาการอกหักนั่นเอง สาวกรุงวัยยี่สิบสี่ผู้คลั่งไคล้การจับจ่ายแบบไม่ลืมหูลืมตาจึงมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดน เพื่อพักอาศัยอยู่กับ นงนุช (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) นักวิจัยทางสังคมที่มาลงหลักปักฐานที่นี่หลังจากช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาหนี้สินสำเร็จ นงนุชพาออมสินไปรู้จักกับ การดี (ตรีพล พรมสุวรรณ) เกษตรกรหนุ่มวัยเดียวกับเธอที่เลือกทำไร่ไถนา แทนที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่กลับมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นเกษตรกร ซึ่งเลี้ยงชีพได้อย่างมีความสุข และคิดว่าระบบการศึกษาผลิตคนให้ออกมาเป็นลูกจ้าง ความจริงที่ว่าการดีมีเงินเก็บรายแสนทำให้ออมสินทึ่งและสะท้อนใจ เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นดี ทำงานมาเกือบสองปี มีรายได้เดือนละเกือบสามหมื่น แต่กลับมีหนี้สามแสนเก้าที่ยังมืดแปดด้านว่าจะชดใช้ยังไง นงนุชและการดีสอนให้ออมสินหัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่เจ้าตัวก็กลับขี้เกียจเกินกว่าจะทำเรื่องจุกจิกแบบนั้น วันแรก ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไร้แสงสี และปราศจากสัญญาณโทรศัพท์ ออมสินต้องอยู่กับความเงียบเหงา และจินตนาการถึงการตามทวงหนี้อันแสนหฤโหดจนแทบจะกรีดร้อง วันที่สอง นงนุชไปประชุมในเมือง และไม่ยอมให้ออมสินตามไปด้วย แต่กลับพาเธอไปส่งที่บ้านป้าสอนที่เคยติดหนี้จนอยากฆ่าตัวตาย แต่หนี้สินของป้าสอนมาจากค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าผ่อนมอเตอร์ไซค์ให้ลูก ค่าเหล้าสามี รูปแบบการบริโภคแตกต่างกับสาวชาวเมืองอย่างเธอจนเปรียบเทียบกันไม่ได้ ออมสินจึงไม่อินแต่อย่างใด ช่วงบ่ายเธอไปบ้านของการดีและถูกเขาคะยั้นคะยอให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอีก วันที่สาม ออมสินมีโอกาสไปตลาดนัดเล็กจ้อยในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว และไม่วายเอาเงินที่ต้องใช้แบบจำกัดจำเขี่ยไปซื้อเสื้อผ้าอย่างอดไม่ได้ วันที่สี่ ออมสินต้องหงอยเหงาอยู่กับกองหนังสือของนงนุชที่มีแต่หนังสือแนวปรัชญาหรือไม่ก็วิชาการ ไม่มีแนวแฟชั่นที่เธอชื่นชอบ จวบจนบ่าย ก่อนออกจากบ้านนงนุชบอกว่าจะทำต้มยำปลาช่อนให้กิน ให้ออมสินเตรียมเครื่องปรุงต้มยำไว้ ที่บ้านนงนุชปลูกผักสวนครัวที่นำมาทำต้มยำก็จริง แต่ออมสินไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรจึงไปหาการดี แต่แทนที่เขาจะขุดข่าให้เธอกลับเพียงยื่นเสียมให้เธอ ออมสินต้องทำทุกอย่างเองจนเหงื่อตก ชีวิตในชนบทไม่เห็นโรแมนติกเหมือนในละครบ้านไร่เลยสักนิด เธอบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้จะต้องเข้าเมืองไปโทรศัพท์หามุทิตาให้ได้ ต่อให้เจรจากับเจ้าหนี้ไม่สำเร็จเธอก็ต้องไปจากที่นี่ ขอไปอยู่ในที่ ๆ กันดารน้อยกว่านี้และมีคลื่นโทรศัพท์ให้เธอติดต่อกับเพื่อนและแฟนได้ก็พอ ครั้นพอกลับมาถึงบ้านของนงนุช เธอกลับพบว่ามุทิตากับอิทธิอยู่ที่นั่น แต่ที่ทำให้เธอช็อกคือก้องภพมาด้วย แสดงว่าเขาย่อมรู้แล้วว่าเธอหลบงานมาเพราะปัญหาหนี้สินไม่ใช่ปฏิบัติธรรม ก่อนจะมาแม่ฮ่องสอน ก้องภพอยากหนีจากภคมนมาก จนกระทั่งอ้อนวอนมารดาขอทำงานกับออมสินเหมือนเดิม แต่กองพรไม่ยอม ก้องภพจึงประกาศลาออก อิทธิมาเสนอแผนว่าออมสินสามารถช่วยให้เขาไม่ต้องทำตามแผนของแม่ และเขาต้องยื่นมือช่วยออมสินเสียก่อน มุทิตาและอิทธิเล่าให้ออมสินฟังว่า ตอนนี้เจ้าหนี้เหลือธนาคารรายใหญ่ที่รอการพิจารณา และนำเงินไปโปะหนี้บัตรเครดิตรายย่อย ๆ ไปแล้ว มีทั้งเงินสดสำรองจ่ายจำนวนห้าหมื่นบาท ของบริษัทที่มุทิตาดึงมาใช้ก่อน เงินสามหมื่นของอิทธิและอีกส่วนเป็นเงินของก้องภพ จากนั้นอิทธิก็เสนอแผนปลดหนี้ชื่อ "มหัศจรรย์เลขสาม" ที่มีหลักการแสนง่ายคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และเปลี่ยนมุมมองชีวิต เรื่องการหารายได้ อิทธิจะเริ่มจากการเปิดบล็อกและเฟซบุ๊กหัวข้อ "คุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะปลดหนี้สามแสนภายในสามเดือนได้ไหม" เมื่อมีแฟนคลับแล้วค่อยออกพ็อกเกตบุ๊ก "อิสรภาพของนักช้อปไร้สติ" จากนั้นก็จะล่อหลอกให้นายหญิงจัดการประกวดอะไรสักอย่างที่ล็อคสเปคเพื่อออมสิน โดยเฉพาะแค่นี้เธอก็หาเงินใช้ได้แล้ว ออมสินไม่กล้าปฏิเสธเพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เผลอ ๆ ถ้าเธอหาเงินมาคืนบริษัทไม่ได้มุทิตาเพื่อนรักอาจจะถูกนายหญิงกองพรไล่ออกก่อนเธอเสียอีก แต่ที่ทำให้ออมสินทำใจลำบากก็คือเงื่อนไขของก้องภพที่ออกเงินใช้หนี้ให้ก่อน นั่นคือให้เธอมาเป็นแฟนเขา ซึ่งที่จริงก็เป็นแค่การตบตากองพรและภคมนเพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนนั่นเอง อิทธิกับมุทิตากลับไปแล้ว แต่ก้องภพและออมสินยังอยู่ต่อที่นี่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ก้องภพรับหน้าที่ถ่ายภาพออมสินไปลงเฟซบุ๊กและทำหนังสั้นเกี่ยวกับเรียนรู้แนวคิดและวิธีปฏิบัติในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ส่วนอิทธิกลับมารายงานกองพรว่าก้องภพไปดูแลออมสิน เนื่องจากหลงรักออมสินและขอยกเลิกการลาออก เพื่อที่จะกลับมาทำงานกับออมสินเหมือนเดิม กองพรยอมให้ลูกชายกลับมาทำงานได้ แต่อายุงานต้องนับหนึ่งใหม่ ส่วนเรื่องคู่บัดดี้ อย่างไรก็ต้องเป็นภคมนไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เธอยังจะย้ายออมสินไปทำงานที่แผนกอื่น การดีสอนให้ก้องภพกับออมสินผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลาเข้าใจ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่ได้หมายถึงให้ทุกคนไปทำไร่ไถนา แต่เป็นการพึ่งพาตัวเองได้ และใช้ชีวิตอย่างพอประมาณมีกินมีใช้แบบพอดีตัว ทั้งสองก็เริ่มมองเห็นว่าตัวเองต่างใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเป็นอีกครั้งที่การดีแนะนำ ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครัวเรือน เพื่อจะได้มองเห็นว่าใช้จ่ายไปกับเรื่องใดบ้าง และจะได้วางแผนการใช้เงินได้ถูก การดีเชิญพี่ปรุง แม่บ้านต่างถิ่นมาเป็นวิทยากรให้นักเรียนทั้งสอง พี่ปรุงเริ่มยุทธการปลดหนี้ด้วยการทำบัญชีแล้ววางไว้ในจุดที่สามีและลูกเห็น เมื่อเห็นบัญชีติดลบของครอบครัวสามีพี่ปรุงก็ลดการดื่มเหล้าลง ส่วนลูกก็ใช้จ่ายประหยัดขึ้น ออมสินกับก้องภพเขียนบัญชีส่งให้การดีตรวจ และถูกวิจารณ์เสียเละเทะจนเริ่มรู้สึกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว การดีจัดกิจกรรมค่ายสำหรับเด็กมัธยมปลาย จึงให้ก้องภพและออมสินมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่ปรากฏว่าผู้มาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบต้องหาคนให้ครบตามจำนวน เจ้าของทุนถึงจะยอมจ่ายเงินสนับสนุน ก้องภพกับออมสินจึงต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นเด็กโข่งเข้าร่วมกิจกรรมที่สอนให้พึ่งพาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารจากผักพื้นบ้านและการถนอมอาหาร การทำสบู่ และน้ำยาล้างจาน การปะชุนเสื้อผ้า และการกินอาหารเป็นยา รวมถึงการทำบ้านดินเพื่อเป็นห้องสมุดชุมชน การลงพื้นที่ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และภูมิปัญญาจากผู้เฒ่าผู้แก่ แต่กิจกรรมสุดหินคือกิจกรรมสุดท้ายที่ให้ทุกคนไปนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง โดยห้ามพูดห้ามคุยกับใครทั้งสิ้น จากนั้นให้มาเปิดใจว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ช่วงไหนในชีวิตที่มีความสุขที่สุด และได้ทำความดีกับครอบครัวหรือสังคมอย่างไร การพูดคุยเปิดใจของเด็กมัธยมทำให้ออมสินนึกถึงตัวเองและกล้าเล่าเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม รวมไปถึงหนี้สินล้นตัวที่ทำให้เธอต้องมาซ่อนตัวถึงที่นี่ เธอเกิดความรู้สึกภูมิใจที่ได้เล่าประสบการณ์ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้น้อง ๆ เดินทางผิดซ้ำรอยกับเธอ ขณะที่ก้องภพเปิดใจว่าเขาค้นพบแล้วว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่การเดินทางไปถ่ายภาพทั่วโลกจนหมดเงินไปสองล้าน แต่ความสุขกลับอยู่ที่สิ่งง่าย ๆ อย่างการสอนเด็ก ๆ ทำหนังสั้นเกี่ยวกับการปลูกผักอินทรีย์แม้จะไม่มีค่าตอบแทนสักบาท และตั้งใจว่าจะช่วยสอนเด็กไทยให้มีความสามารถทำหนังสั้น จนไปคว้ารางวัลระดับโลกได้ ออมสินได้ยินคำพูดจากปากก้องภพแล้วอดทึ่งในตัวบอสเล็กที่ตลอดมาเธอเคยดูถูกว่าไม่เป็นโล้เป็นพาย วันแรกที่ออมสินกลับมาทำงานก็ต้องพบกับภคมนที่มาประกาศตัวว่าเป็นคู่แข่งแย่งชิงก้องภพ ที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันกองพรก็ให้วรุณพรคอยจับผิดออมสินกับก้องภพ เพราะเธอไม่เชื่อว่าอดีตคู่ปรับอย่างสองคนนี้จะกลายมาเป็นคู่รักกันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นุตพงศ์เสนอเงินให้ออมสินยืม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำตามแผนการไร้สาระ แต่อิทธิกับมุทิตาคอยหนุนให้เธอปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องศักดิ์ศรีในการปลดหนี้ด้วยตัวเอง และหากเธอขอยืมเงินแฟนมาล่ะก็ ต่อไปก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของเขาแน่ ๆ ออมสินจึงไม่รับการช่วยเหลือจากนุตพงศ์ แม้จะมีคำสั่งจากนายหญิงกองพรไม่ให้ออมสินและก้องภพทำงานร่วมกันแล้ว แต่ออมสินกับก้องภพก็ยังมีงานค้าง และต้องสะสางต่อให้เสร็จนั่นก็คือการไปเสนองานลูกค้า แต่ทันทีที่ออมสินนึกได้ว่าสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่สวมมาเสนองานเมื่อคราวก่อน ออมสินก็ขาดความมั่นใจจนทำให้การพรีเซ็นต์งานเกือบล่ม โชคดีที่ก้องภพสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ หลังเสร็จงานก้องภพก็ยังหนีบเอาออมสินไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดาซึ่งทำให้ออมสินฉุนขาด เมื่อรู้ว่าก้องภพเอาเรื่องหนี้สินของออมสินไปเล่าให้จีรสุดาแฟนสาวของเขาฟัง ก้องภพพาออมสินไปส่งที่คอนโดและขึ้นไปส่งถึงที่ห้อง เมื่อเห็นอาการหวาดผวาคนทวงหนี้ ขณะที่นุตพงศ์โทรหาออมสินหลายสาย จนก้องภพต้องตัดรำคาญด้วยการรับสายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทำให้นุตพงศ์ฉุนขาดและจะคืนเงินให้ก้องภพแทนออมสินแต่ก้องภพไม่ยอม ออมสินออกจากห้องน้ำโดยไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มโทรมาหาเธอ และขอให้ก้องภพมารับไปทำงาน เพราะยังหวาดผวากับแก๊งทวงหนี้ ก้องภพมารับออมสินตามสัญญา และทันทีที่ทั้งคู่ขับรถเข้าไปจอดที่บริษัท นุตพงศ์ที่สะกดรอยตามมาตั้งแต่ที่คอนโดก็เปิดเผยตัว นุตพงศ์ต่อว่าด้วยความเข้าใจผิดว่าก้องภพนอนค้างที่คอนโดของออมสินและจากไปด้วยความโกรธ ออมสินโกรธก้องภพที่เป็นต้นเหตุให้มีปัญหากับแฟน แต่ในเมื่อนุตพงศ์ไปเสียแล้ว ความหวังที่จะหาเงินมาใช้หนี้ก็อยู่ที่ก้องภพคนเดียว ก้องภพเข้ามาที่บริษัทก็ถูกแม่เรียกพบและต่อว่า กล่าวหาว่าก้องภพวางแผนทำให้ออมสินและแฟนมีปัญหากัน ในการประชุมเรื่อง CSR กองพรเสนอให้ทำซีเอสอาร์ในองค์กรเสียก่อน อิทธิเสนอว่าเขาเคยคุยกับออมสินเรื่อง "การกู้โลก" โดยการลดการใช้จ่าย ไม่ซื้อเสื้อผ้า และของใช้ไม่จำเป็นอย่างน้อยหนึ่งปี ออมสินซึ่งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะกลุ้มใจที่นุตพงศ์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ได้แต่ตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะเธอไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับอิทธิสักนิด ส่วนพนักงานคนอื่น ๆ ก็หัวเราะกันครื้นเครง เพราะไม่คิดว่าช้อปปิ้งมาเนียอย่างออมสินจะทำได้ กองพรเห็นเป็นความคิดที่เข้าท่าจึงเสนอว่าถ้าออมสินทำได้จริงจะให้เงินรางวัลห้าหมื่นบาทแก่ออมสิน แต่ถ้าทำไม่ได้ล่ะก็ ออมสินจะต้องจ่ายคืนมาเป็นสองเท่า จากนั้นก็แต่งตั้งก้องภพ, วรุณพร, มุทิตา เป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของออมสิน เพื่อจะได้รู้ว่าตลอดปีนี้ ออมสินจะไม่มีเสื้อผ้าและของใช้ที่ไม่จำเป็นเพิ่มจากของเดิมแม้แต่รายการเดียว แต่แล้วภคมนก็กลับเอากระเป๋าแบรนด์มือสองมาเสนอขาย ซึ่งทำให้ออมสินต้องข่มใจเป็นอย่างมาก มุทิตาได้รับคำตอบจากธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของออมสิน และพบว่าเธอยังเหลือหนี้ที่ต้องชำระอีก "หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท" หมายความว่าเธอต้องกู้บอสเล็กเพิ่มอีก รวมกับก่อนหน้านี้ก็เท่ากับสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาท เพราะฉะนั้นการจะหาเงินไปใช้คืนเขาได้ เธอจะต้องลดรายจ่ายและหารายได้เพิ่ม อิทธิสั่งให้ออมสินเลิกขับรถไปทำงาน เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถและหารายได้เสริมให้เธอ ซึ่งงานชิ้นแรกก็คือ "สวมชุดมาสคอตแม่วัวตัวใหญ่ยักษ์" ในงานดื่มนมของกระทรวงสาธารณสุขที่บริษัทรับผิดชอบจัดงาน นอกจากออมสินจะต้องรับภาระหนักในการสวมชุดแม่วัวที่มีเด็ก ๆ มารุมล้อม ทั้งทุบทั้งผลักแล้ว เธอยังต้องปิดบังไม่ให้ก้องภพและภคมนที่มาคุมงานรู้ด้วยว่าเป็นเธอ วันที่คณะกรรมการมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ห้องพัก ออมสินรู้ว่าวรุณพรพยายามจับผิดว่าเธอกับก้องภพเป็นแฟนกันตามแผน จึงแกล้งชวนก้องภพไปคุยแบบลับ ๆ ล่อ ๆ เพื่อให้วรุณพรได้ยิน และเข้าใจไปเองว่าก้องภพได้มาค้างที่ห้อง หลังจากสำรวจทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อย ก้องภพก็เสนอแถมบังคับด้วยอำนาจความเป็นเจ้าหนี้ให้ออมสินขี่จักรยานไปทำงาน โดยเขาจะยืมจักรยานที่จีรสุดามีอยู่หลายคันมาให้ใช้ ออมสินต้องขี่จักรยานหอบแฮ่ก ๆ ไปทำงานไม่พอ ยังถูกดัดหลัง โดย "มือที่มองไม่เห็น" เมื่อนุตพงศ์มาดักรอที่หน้าบริษัท นุตพงศ์ยื่นเช็คให้ออมสินเพื่อให้เธอนำไปใช้หนี้ แต่ก้องภพกลับคว้ามาฉีก นุตพงศ์จึงกลับไปด้วยความโกรธ ออมสินเข้ามาในบริษัทแต่กลับถูกนายหญิงจับผิดอีกว่า เธอกับลูกชายของเขาไม่ได้เป็นแฟนกันและปิดบังแผนการอะไรไว้ เป็นวันที่สองแล้วที่ออมสินพบว่ามีหนังสือซึ่งหาตัวเจ้าของไม่ได้มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ เป็นหนังสือธรรมะที่สอนให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เธอสอบถามป้าน้อย แม่บ้านก็ไม่รู้ว่าใครนำมาวาง ป้าน้อยยังพยายามเสนอเงินกู้ให้เธออีกตามเคย ออมสินหยิบหนังสือกลับไปอ่านที่คอนโด และนำกลับมาวางคืนไว้ที่โต๊ะตัวเอง จากนั้นจึงพบว่าหนังสือนั้นหายไป และไม่รู้ว่าเจ้าของตัวจริงจะมาเอาคืนไปหรือเปล่า แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของหนังสือตัวจริงเป็นใคร ครั้นออมสินไปสอบถามมุทิตาและอิทธิก็พบว่าไม่ใช่ของสองคนนั้น จู่ ๆ อิทธิทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัว บอกกับออมสินว่าเขารับงานพิเศษมาให้ โดยไม่ถามความสมัครใจจากออมสินสักคำ งานนั้นคืองานดูแลคนป่วย ซึ่งคนป่วยที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เอื้อมพร (เดือนเต็ม สาลิตุล) พี่สาวของนายหญิง ซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของก้องภพนั่นเอง เอื้อมพรเป็นโปลิโอเดินไม่ได้ตั้งแต่เด็ก คนรับใช้ที่คอยดูแลก็ลากลับบ้าน ขณะที่นายหญิงก็ไปต่างจังหวัดกับสามี ออมสินจึงต้องมาดูแลเธอ แต่สิ่งที่น่าหวั่นเกรงคือการรับมือกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเอื้อมพร ซึ่งก้องภพอธิบายว่าป้าของเขามีอาการ "ไบโพลาร์" หรืออารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับคนแก่อารมณ์แปรปรวนแล้ว ออมสินยังต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับก้องภพถึงสองวันสองคืน แถมระหว่างนั้นภคมนยังตามมาก่อกวนถึงที่บ้านอีก แต่มีความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้ออมสินตกใจคือ เธอพบหนังสือที่เคยวางอยู่ที่โต๊ะเธอมาปรากฏในชั้นหนังสือของบ้านนี้ มันเป็นเล่มเดียวกันแน่ ๆ เพราะเธอจำคราบกาแฟที่เธอบังเอิญทำหกเลอะไว้ ออมสินสอบถามเอื้อมพรแต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีว่าเป็นของนายหญิงหรือบอสเล็กกันแน่ ในการประชุมเตรียมงานฉลองการก่อตั้งบริษัทครบสิบห้าปี ออมสินเสนอ "โครงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย" ขณะที่ก้องภพเสนอให้ทำ "โครงการปลูกผักบนดาดฟ้า" แล้วนำเงินรายได้จากการขายผักไปทำการกุศล โดยมัดมือชกให้ออมสินเป็นแม่งานร่วมกับเขา วรุณพรได้ยินออมสินทะเลาะกับก้องภพ และก้องภพบอกว่าจะไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดา แต่ออมสินก็แก้ตัวได้ว่าเป็นการประชดประชันกัน เพราะความหึงหวงจู่ ๆ นุตพงศ์ก็โทรมานัดกินข้าวเย็นแต่ออมสินจำต้องปฏิเสธ เพราะนายหญิงกับนิภาพรรณชวนให้ไปเลือกของขวัญให้ลูกค้า ออมสินต้องพยายามข่มอกข่มใจอย่างมาก เมื่อไปเห็นของสวย ๆ งาม ๆ มากมาย เธอลูบคลำสร้อยเส้นสวย และเกือบตัดสินใจซื้อถ้ามุทิตาที่มาด้วยไม่ห้ามไว้เสียก่อน ที่โต๊ะอาหารเย็น นายหญิงยื่นประวัติชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตสมถะ และทำเพื่อสังคมให้ออมสินอ่าน ทำให้ออมสินซึ่งเป็นวัวสันหลังหวะอดคิดที่จะสารภาพความผิดกับนายหญิงไม่ได้ คืนนั้นออมสินพยายามติดต่อนุตพงศ์ แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ออมสินจึงต้องเข้าไปอัพเดทเรื่องราวในบล็อกตามปกติ รุ่งขึ้นนุตพงศ์มารอรับออมสินที่คอนโด เขาเสนอเงินให้เธอนำไปใช้หนี้อีกครั้ง พร้อมกับตำแหน่งงานในบริษัทคู่แข่งที่อุตส่าห์ไปติดต่อไว้ให้ พอเห็นออมสินลังเลเขาก็ยื่นข้อเสนอให้เธอคิดแค่อีกวันเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อหุ้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการลงทุน เท่านั้นไม่พอเขายังจะไปบอกความจริงทั้งหมดกับกองพร ออมสินต้องรีบขัดขวางทำให้นุตพงศ์โกรธว่าออมสินไม่ได้ทำงานอยู่ที่เดิมเพราะเป็นหนี้ แต่เพราะเหตุผลอื่นมากกว่า ออมสินก้าวเข้ามาพบบรรยากาศตึงเครียดผิดสังเกตในที่ทำงาน และเลขาฯ ของนายหญิงก็ตามตัวเธอให้เข้าพบทันที ออมสินเข้ามาพบก้องภพรออยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนแล้ว เธอคิดว่านุตพงศ์โทรหานายหญิงแล้วแน่ ๆ จึงชิงสารภาพก่อนเผื่อว่าโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ออมสินปฏิเสธว่าไม่เคยมีความคิดจะไปทำงานบริษัทคู่แข่ง แต่ปรากฏว่ากองพรไล่ทั้งคู่ออกไปจากห้อง โดยต่อว่าให้ไปเตี๊ยมกันมาให้ดีเสียก่อน นั่นทำให้ออมสินรู้ว่านายหญิงต่อว่าก้องภพเรื่องไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดาต่างหาก และที่นายหญิงรู้ได้ก็เพราะวรุณพรเป็นสายสืบ อิทธิเสนอให้ทั้งสองตัดขาดความสัมพันธ์กับคนรักของตัวเองสักพักเมื่อถูกอิทธิกับมุทิตาข่มขู่ วรุณพรก็ขอโทษขอโพยว่าไม่ได้ตั้งใจ แค่บอกข้อมูลแก่ภคมนโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตามไปถ่ายภาพก้องภพกินอาหารเย็นกับจีรสุดาแล้วส่งให้ นายหญิงดูอิทธิเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยข่มขู่มาเป็นการพูดดีกับวรุณพร เป็นการใช้กลยุทธ์ดึงศัตรูมาเป็นพวกช่วยไกล่เกลี่ย และใช้วาทศิลป์อันเป็นเลิศทำให้ออมสินกับวรุณพรเจรจาสงบศึก ทว่าออมสินยังไม่คลายใจที่ต้องรับวรุณพรเป็นเพื่อน คืนนั้นอิทธิพาสองสาวและมุทิตาไปเลี้ยงฉลองความสัมพันธ์ วรุณพรดื่มเหล้าไปก็เปิดเผยความคับข้องใจให้ฟังว่ามาจากครอบครัวที่คาดหวัง ความสมบูรณ์แบบจากเธอตลอดเวลา ออมสินได้ยินแล้วอดที่จะเห็นใจเธอไม่ได้ คืนนั้นวรุณพรต้องไปค้างที่คอนโดของออมสิน เนื่องจากไม่สามารถกลับไปให้แม่เห็นว่า ตนอยู่ในสภาพเมามายได้ ต้องอยู่จนสร่างเมาแล้วค่อยกลับไปในตอนเช้า รุ่งขึ้น กองพรมอบหมายงานที่อีเวนท์ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นของวรุณพรให้ออมสินกับก้องภพไปทำด้วยกัน ก้องภพรีบปฏิเสธ เพราะมีงานแสดงภาพถ่ายที่เขาต้องไปร่วมพิธีเปิดกับจีรสุดา แต่กองพรไม่รับฟัง ออมสินก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ต่างกัน จีรสุดายื่นคำขาดให้ก้องภพเลือกไปดูแสงเหนือ กับเธอที่สวีเดนกับการทำงานกับแม่ต่อไป ซึ่งหมายถึงให้เลือกระหว่างเธอและแม่ ก้องภพปฏิเสธ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า ปีนี้จะไม่เดินทางไปต่างประเทศ จีรสุดาจากไปด้วยความโกรธ เพราะคิดว่าแม่ของก้องภพจับคู่ให้เขากับออมสิน ส่วนภคมนเป็นแค่ตัวหลอก ออมสินและก้องภพมานั่งปรับทุกข์กันไปปลูกผักบนดาดฟ้าไป ตอนนี้ทั้งสองไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ซึ่งก้องภพก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเขากับออมสินเป็นไปอย่างที่จีรสุดาตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ก้องภพและออมสินประหลาดใจที่พบว่าภคมนมาที่ภูเก็ตด้วย ภคมนแย่งเอาก้องภพไป ส่วนออมสินก็ก้มหน้าก้มตาทำงานจนดึกดื่น แต่แล้วความอดทนของออมสินก็ถึงขีดสุด เมื่อเห็นก้องภพนั่งดื่มกินอยู่กับภคมนอย่างสนิทสนม จึงตั้งใจจะแกล้งภคมนให้ได้อาย ออมสินปราดเข้าไปต่อว่าภคมนที่มายุ่งกับแฟนของเธอเล่นเอาก้องภพตกตะลึง แต่เมื่อออมสินสาสมใจแล้วกลับพบนุตพงศ์ที่ตามมาเพราะคำแนะนำจาก "ผู้หวังดี" จากที่นุตพงศ์เคยเข้าใจว่าก้องภพคิดแผนการนี้ขึ้น ฃเพื่อหวังฉวยโอกาส แต่ตอนนี้เขาต่อว่าออมสินที่ปลดหนี้ โดยเอาตัวเข้าแลกแล้วจากไปอย่างไม่ใยดี ออมสินต่อว่าภคมนที่ใช้วิธีสกปรกแต่ภคมนไม่ได้เป็นคนบอกให้นุตพงศ์มา ขณะที่ก้องภพมั่นใจว่าแม่ของเขาไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้แน่ ภคมนสงสัยเรื่องหนี้สินของออมสินจากบทสนทนาที่ได้ยิน แต่ก้องภพหาทางแก้ตัวให้ทัน ทั้งสองยังข้องใจว่าใครกันที่เป็นคนบอกให้นุตพงศ์มาที่ภูเก็ตเป็นวรุณพรหรือว่าจีรสุดา วันฉลองครบสิบห้าปีของบริษัท หลังจากทำบุญในตอนเช้าเสร็จก็ไปเลี้ยงอาหารคนชรา ออมสินพลอยนึกถึงปู่ย่าที่เธอไม่เคยกลับไปดูแล ในงานเลี้ยงออมสินเอาเครื่องประดับออกมาขาย เพื่อหาเงินไปบริจาคบ้านพักคนชรา จีรสุดาปรากฏตัวที่งานเพื่องัดข้อกับกองพร แต่ก็ต้องล่าถอยไปด้วยความคับข้องใจ หลังจากเอาเงินไปบริจาคแล้ว ออมสินก็มาทำงานด้วยใจที่อิ่มเอม แต่เหมือนฟ้าผ่ากลางบริษัทเมื่อนายหญิงบอกว่าสร้อยที่เธอสวมไม่มีอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของเธอ ออมสินมั่นใจว่าเธอไม่ได้ซื้ออะไรใหม่เลย และจำไม่ได้ว่าสร้อยนี้เป็นของเธอหรือไม่หรือซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน อิทธิสงสัยวรุณพรซึ่งเคยไปค้างที่คอนโดของออมสิน ครั้นไปรีดความจริงโดยการอ้างภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ติดเอาไว้ตั้งแต่ตอนออมสินถูกเจ้าหนี้ตาม วรุณพรก็ยอมรับว่าแอบเอาสร้อยไปใส่ไว้ในกล่องเครื่องประดับของออมสินจริง ๆ อิทธิรีบไปบอกนายหญิง และนายหญิงกำชับไม่ให้อิทธิบอกกับออมสินว่าเธอรู้ความจริงแล้ว ก้องภพนัดเจอจีรสุดาเพื่อปรับความเข้าใจ ก้องภพมาถึงก่อนเวลาจึงนั่งดูคลิปหนังสั้นที่ตัวเองตัดต่อเสร็จ ซึ่งทำให้จีรสุดาหึงหวงออมสิน โดยที่ก้องภพไม่รู้ตัว ก้องภพขอเวลาพิสูจน์ตัวเองหนึ่งปี โดยระหว่างนี้ให้เขาและเธอห่างกันก่อน เพื่อให้แม่ของเขาตายใจ ออมสินพบว่าวิทยากรที่นายหญิงเชิญมาให้ความรู้พนักงานเรื่องชีวิตพอเพียงและการทำบัญชีก็คือการดีนั่นเอง ออมสินปรับทุกข์กับการดีเรื่องเงินแสนที่ต้องจ่ายให้นายหญิง การดีให้กำลังใจออมสิน และบอกว่าเธอโชคดีที่มีกัลยาณมิตรช่วยให้เธอพ้นจากหนี้ รวมทั้งก้องภพและ "มือที่มองไม่เห็น" ออมสินสงสัยเหลือเกินว่าหมายถึงใคร วรุณพรเข้ามาขอโทษออมสิน ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน วรุณพรยอมรับว่าไม่ได้บอกนายหญิงเรื่องออมสินเป็นหนี้ รวมถึงไม่ได้เป็นคนบอกให้นุตพงศ์ตามไปที่ภูเก็ต แต่แล้วหนังสั้นที่มีออมสินเป็นตัวละครเอกก็ถูกอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ยูทูบ ออมสินรู้ว่าคนทั้งบริษัทและนายหญิงคงรู้ความจริงที่เธอปิดบังแล้ว ออมสินเข้าไปสารภาพความผิดกับนายหญิง แต่กลับได้พบสีหน้าขบขันแทนที่จะเป็นการเกรี้ยวกราด แล้วกองพรก็เฉลยความจริงว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของเธอที่ร่วมมือกับอิทธิและมุทิตาตั้งแต่เรื่องแฟกซ์ ส่งเธอไปแม่ฮ่องสอน แม้แต่เรื่องภคมน วัตถุประสงค์ของกองพรก็เพื่อดัดนิสัยลูกน้องคนโปรดให้สามารถปลดหนี้ได้ และดัดนิสัยลูกชายให้ทำตัวมีสาระและมาบริหารงานเสียที ก้องภพเริ่มต้นที่จะคบหากับออมสินอย่างจริงจัง เพราะจีรสุดาไม่สามารถรับการที่เขาจะมาดูแลธุรกิจได้ และเขาก็รับไม่ได้กับการที่จีรสุดานำหนังสั้นของออมสินไปเปิดเผย ส่วนออมสินก็พบว่าถ้าเธอยังคบหากับนุตพงศ์ต่อไปคงเลิกนิสัยบริโภคนิยมไม่ได้ ในงานเลี้ยงฉลองรางวัลนักธุรกิจหญิงดีเด่น ที่กองพรเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับรางวัล กองพรขึ้นไปกล่าวถึงการบริหารงานของเธอที่ออกกฎไม่ให้พนักงานมีหนี้ เธอไม่ต้องการให้พนักงานมีนิสัยบริโภคนิยม และไม่บ่มเพาะหนี้สิน เนื่องจากหนี้สินคือจุดเริ่มต้นของการทุจริต หลังจากนั้นก็เป็นการฉายภาพวิถีชีวิตของสำนักงาน ได้แก่ การทำบัญชีรายรับรายจ่ายในสมุดบัญชีบ้าง ในสมาร์ทโฟนบ้าง การปลูกผักบนดาดฟ้า และการปั่นจักรยาน มาทำงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือภาพของออมสินที่ปลดหนี้ได้สำเร็จ ออมสินกับก้องภพกุมมือกันขณะชมภาพเหล่านั้นด้วยความชื่นใจ แต่แล้วการปรากฏตัวของเอื้อมพรที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่น้องสาวก็ทำให้ออมสินเซอร์ไพรส์สุด ๆ เนื่องจากเอื้อมพรเดินมาอย่างกระฉับกระเฉง เอื้อมพรเฉลยว่าเธอก็เป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการของกองพรเช่นกัน เพื่อสอนให้ออมสินรู้จักค่าของเงิน ออมสินไปงานเปิดตัวพ็อกเกตบุ๊ก นุตพงศ์มาร่วมงานและขอคืนดีแต่ออมสินปฏิเสธไป เพราะตอนนี้รู้จักตัวเองดีแล้วว่าไม่สามารถเข้ากับเขาได้ ออมสินได้รับเช็คค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับและเอามาใช้หนี้ก้อง

ใต้ร่มใบภักดิ์ 2556

ลูกไม้ของพ่อ ใต้ร่มใบภักดิ์ (2556/2013) ตำแหน่งหนุ่มโสดในฝันปีนี้ ตกเป็นของ “จิม-จิรเมธ เดชาธร” รับบทโดย “คณิน ชอบประดิถ” หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมปริญญาโทจากอังกฤษ บรรยากาศในงานแลดูวุ่นวาย เมื่อหนุ่มจิมต้องโยนช่อดอกไม้เพื่อเฟ้นหาสาวผู้โชคดีที่จะได้ไปเดทกับเขาในค่ำคืนนี้ แต่แล้วทุกอย่างก็พังพินาศ เมื่อสาวน้อยสาวใหญ่พากันรุมล้อมอยากใกล้ชิดกับหนุ่มหล่อทำให้เกิดศึกแย่งดอกไม้จนงานเละเทะไม่เป็นท่า กลายเป็นข่าวดังครึกโครม ทางด้าน “เกริกเกียรติ เดชาธร” ผู้เป็นบิดา ซึ่งรับบทโดย “ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี” จึงให้จิรเมธ มารับช่วงดูแลกิจการต่อจากบิดา ซึ่งจิรเมธพบว่าบิดาได้โอนเงินเข้าบัญชีหนึ่ง อย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ เดือนเป็นเวลากว่าสามปี เมื่อลองถามบิดาดู นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว บิดายังขอให้ จิรเมธปิด “คุณนาย อำไพพรรณ เดชาธร’ รับบทโดย “ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ผู้เป็นมารดาของจิรเมธอีกด้วย จิรเมธทั้งสงสัย และข้องใจเกี่ยวกับบัญชีเงินโอนของบิดา ด้วยชื่อเจ้าของบัญชี เป็นผู้หญิงเธอ มีชื่อว่า “ลัลนา แก้วกำเนิด” รับบทโดย “ซาร่า เล็กจ์” เธอเป็น ชาวหมู่บ้าน เขากะหมอก จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเกริกเกียรติมันทำให้จิรเมธอดคิดไม่ได้ว่า ลัลนาคือเมียน้อยของบิดานั่นเอง จิรเมธลงไป ที่จังหวัดตรัง เพื่อพบกับนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส ที่เขาต้องการตกลงเรื่องธุรกิจด้วย โดยจิรเมธแวะไปสังสรรค์กับเพื่อนรัก “นายหัวภูวดล” รับบทโดย “เตชินท์ ชยุติ” เจ้าของกิจการเรือประมงขนาดใหญ่ ที่จังหวัดตรัง ขณะที่พักผ่อนบนเรือยอร์ช กับภูวดล และ “วิรดา บวรภัคร” รับบทโดย “หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์” คู่ควงของเพื่อนรักอยู่นั่นเอง ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อมีเรือหางยาวสองลำขับไล่ล่า และกราดยิงกันมา จนทำให้ทั้งสามคน ต้องหลบกันจ้าละหวั่น ปรากฏว่าเป็น “ลัลนา แก้วกำเนิด” ที่ตามไล่ล่าโจรที่เข้าไปขโมยผลปาล์มที่หมู่บ้านเขากะหมอก แล้วหนีออกมาทางปากอ่าวนั่นเอง โจรหนีไปได้ลัลนาจึงวกเรือกลับมายังเรือยอร์ช ขณะที่จิรเมธ เดินไปทางด้านหลังของเรือ ทำให้คลาด กับลัลนา ไปหวุดหวิด ภูวดลต้องตาต้องใจ ลัลนาทันที ที่ได้เห็นหน้าครั้งแรก ส่วนวิรดา เมื่อเห็นว่าเป็นลัลนา เจ้าหล่อนก็เกรี้ยวกราดใส่ทันที ส่วนลัลนาไม่ได้เกรงกลัว ทั้งยังพูดท้าทายด้วยว่าจะจับตัวบงการใหญ่ให้ได้ ซึ่งก็คือบิดาของวิรดานั่นเอง เขาคือ ‘เสี่ยวิชาญ บวรภัคร’ รับบทโดย (โอลิเวอร์ บีเวอร์) เจ้าของกะหมอกรีสอร์ทแอนด์สปานั่นเอง เมื่อจิรเมธกลับมาสมทบกับเพื่อนๆ ลัลนาก็ขับเรือออกไปพอดี ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลัลนา จิรเมธถือโอกาสมาตรังครั้งนี้ เพื่อสืบเรื่องเงินในบัญชีของพ่อ และได้เดินทางไปที่หมู่บ้านเขากะหมอก แต่ยังหาทางเข้าหมู่บ้านไม่พบ เขาโชคร้ายเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อมีรถมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้ารถของเขา ซึ่งคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ คือลัลนา เธอกำลังจะเดินทางไปยังโรงแรมที่ ‘ปูไข่’ รับบทโดย (ภัณฑิลา ฟูกลิ่น) ทำงานอยู่ เพื่อจะไปเป็นไกด์ เธอเดินไปที่รถของจิรเมธเพื่อจะเจรจา แต่จิรเมธไม่ยอมเปิดกระจกรถ เพราะคิดว่าลัลนาเป็นนางนกต่อ เขาเลื่อนกระจกลงแล้วทิ้งเงินเอาไว้ให้ลัลนา จากนั้นก็ขับรถออกไป โดยไม่ยอมพูดคุยใด ๆ ลัลนา เจ็บใจมากที่ถูกลบหลู่ เธอเก็บเงินไว้ พร้อมทั้งจดทะเบียนรถ เพื่อจะนำเงินไปคืน และเธอจะตอบแทนคนที่คิดว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง ด้วยการต่อยหน้าสักหมัด! ลัลนาพามิสเตอร์ดิแลนซ่าไปเกาะมุก เพราะมีความรู้เรื่องภาษาฝรั่งเศส ทำให้เธอรับจ๊อบด้วยการเป็นไกด์ให้กับ นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นคนเดียวกับทีจิรเมธต้องการมาติดต่อเจรจาธุรกิจด้วย จิรเมธเข้าใจผิดว่าลัลนาเป็นสาวขายบริการ จึงแสดงท่าทีดูถูกเธอ ลัลนาเองก็รู้ความจริง ว่าจิรเมธเป็นคนขับรถคันนั้น ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ชอบขี้หน้ากันถึงขั้นเป็นศัตรูกัน ส่วนวิรดาที่ตอนแรกมีจุดหมายไปที่ภูวดล ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาเป็นจิรเมธแทน เพราะจิรเมธรวยกว่า แถมอยู่ในตระกูลดังของวงสังคม วิรดาพยายามหาทางใกล้ชิดจิรเมธจนลัลนาเข้าใจผิด คิดว่าทั้งคู่ มีอะไรกัน เกริกเกียรติลงมาที่ตรัง เพื่อทำธุระ จิรเมธเห็นจึงสะกดรอยตามบิดา เพราะคิดว่าต้องไปบ้านเขากะหมอกแน่นอน ซึ่งเขา คิดไม่ผิด แต่ที่ผิดคาดคือคนที่มาพบกับบิดากลายเป็นผู้หญิงแสบที่เขาเรียกเธอว่า “ลิงกัง” ลัลนาสนิทสนมกับ เกริกเกียรติเป็นอย่างดี โดยมักจะเรียกเกริกเกียรติ ว่าคุณป๋า จนติดปากจิรเมธ จึงมั่นใจว่าลัลนาเป็นเมียน้อยของบิดาแน่นอน! จิรเมธตามไปเอาเรื่องลัลนา ที่เขากะหมอกจนได้รู้ว่าความจริง เรื่องเงินที่บิดาโอน แท้จริงแล้วไม่ได้ให้เมียน้อย แต่เพื่อช่วยเหลือคนในหมู่บ้านที่กำลังทำโครงการผลิตไบโอดีเซลขาย เกริกเกียรติพยายามหว่านล้อมให้ลูกชายเห็นถึงว่าความลำบากของชาวบ้าน นักธุรกิจที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ แบบจิรเมธ รับไม่ได้กับการช่วยเหลือแบบให้เปล่านี้ จิรเมธตั้งตัว เป็นเจ้าหนี้ของคนในหมู่บ้านทันที แต่เกริกเกียรติต่อรองว่าหาก จิรเมธต้องการเงินคืน ก็ต้องเข้ามาทำให้ชาวบ้านมีรายได้ก่อน โดยการดูแลโครงการนี้ ผู้ใหญ่ธม รับบทโดย “อนันต์ บุญนาค” โกรธมาก ที่จิรเมธดูถูกเขา แต่ก็ยอมให้เข้ามาดูแลโครงการ เพื่อให้จิรเมธได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ว่าชาวบ้าน ไม่ได้ทำตัวรอเศษเงินจากเกริกเกียรติบิดาเขา เหมือนที่จิรเมธเข้าใจ โดยมีข้อตกลงว่า หากครบปี จิรเมธทำไม่ได้เหมือนที่พูดต้องคุกเข่ากราบขอขมาคนที่นี่ แต่จิรเมธประกาศว่า เขาจะทำให้ได้ในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น จิรเมธขอให้ลัลนามาเป็นผู้ช่วยเขาเพราะอยากแกล้งเธอ ลัลนาไม่เต็มใจแต่ต้องทำเพื่อหมู่บ้าน เพราะเวลาที่มีจำกัด จิรเมธตัดสินใจมาอยู่ที่เขากะหมอก จิรเมธกับเกริกเกียรติ จึงต้องปั้นเรื่องโกหกอำไพพรรณ ซึ่งการมาอยู่ที่นี่ จิรเมธต้องเผชิญกับความลำบากที่คนกรุงไฮโซอย่างเขา ไม่เคยสัมผัสแถมแทบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อเกิดเหตุวางเพลิงสวนปาล์ม เคราะห์ดีที่ลัลนาช่วยชีวิตไว้ได้ เหตุการณ์เรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ ในหมู่บ้านเกิดจากเสี่ยวิชาญ บิดาของวิรดาที่ต้องการกดดันชาวบ้าน เพื่อซื้อที่ดินในเขากะหมอก ทั้งนี้ที่ดินรีสอร์ท ยังปิดทางเข้าออกหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีกด้วย แต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถหาหลักฐาน มาเอาผิดเสี่ยได้เหตุวางเพลิง ก็มาจากเสี่ยวิชาญ ที่หลอกใช้ “อ่ำ” รับบทโดย (จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม) ชาวบ้านเขากะหมอก เอาโฉนดที่ดินมาวาง ขอกู้เงินเสี่ย หลังลงมือทำงานไม่สำเร็จอ่ำก็ออกจากหมู่บ้านไป โดยไปทำงานอยู่ที่เรือของภูวดลด้วยความบังเอิญ จิรเมธเรียนรู้การทำน้ำมันไบโอดีเซลจากลัลนา เขาสงสัยว่าทำไมถึงไม่คิดจะทำอะไร ที่มีผลกำไรมากกว่านี้ ลัลนาอธิบายให้ฟังว่าผู้ใหญ่ธมต้องการสืบสานสิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงดำริไว้ เพราะทรัพยากรน้ำมันมีแต่จะหมดไป ถ้าเราสามารถผลิตใช้เองได้ก็จะเป็นผลดี กับประเทศในระยะยาว ที่เขากะหมอก นอกจากน้ำมันแล้ว ที่นี่ยังมีการผลิตสบู่ และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยอีกด้วย ลัลนาตระเวนขายสบู่ เพราะมั่นใจในคุณภาพสินค้า แต่ขายไม่ได้ต้องไปเก็บกลับมา จิรเมธที่ติดตามไปด้วยพูดจาไม่ดีจนทะเลาะกัน เรือที่ทั้งคู่ใช้เป็นพาหนะเกิดล่มกลางทะเล จิรเมธที่ว่ายน้ำไม่เป็น รอดชีวิตมาได้ เพราะลัลนาช่วยไว้ และทำให้ทั้งสองคนต้องไปค้างคืนติดเกาะอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่เริ่มรู้ตัวว่า ถึงแม้จะทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ความใกล้ชิดที่ผ่านมาก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกันจิรเมธ เห็นว่าบรรจุภัณฑ์ ที่ลัลนาใช้อยู่ไม่เหมาะสม ไม่น่าซื้อ เขาจึงลงทุนไปเสาะหากล่องใส่สบู่ และขวดใส่น้ำมันด้วยตัวเอง ที่กรุงเทพฯ จิรเมธเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มเปลี่ยนวิถี การใช้ชีวิต และแนวคิดโดยไม่รู้ตัว แต่มัน ทำให้ ‘ไววิทย์’ รับบทโดย (อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล) เพื่อนรักอีกคนของเขาแปลกใจ ซึ่งการห่างกันของ จิรเมธ และลัลนาในครั้งนี้ ทำให้พวกเขาค้นพบว่า คิดถึงกันมากแค่ไหน เมื่อกลับมายัง หมู่บ้านเขากะหมอกพร้อมกล่องและขวดใส่น้ำมัน จิรเมธต้องการหาทางขนส่งที่สะดวกให้ชาวบ้าน เขาคิดจะเปิดเส้นทางหน้าหมู่บ้าน โดยคิดจะเจรจากับวิรดา เมื่อเสี่ยวิชาญ เข้ามาอ้างสิทธิ์ ในที่ดินของอ่ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงผลิตไบโอดีเซล ตากลั่นพ่อของอ่ำเสียใจจนล้มป่วย จิรเมธยิ่งคิดหนัก พยายามหาหนทางช่วยชาวบ้าน ให้จงได้ จิรเมธอ้างกับวิรดาว่าเขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ของหมู่บ้านกะเขาหมอก ทำให้ต้องเดินทางเข้าออกที่นี่เป็นประจำ วิรดาอนุญาตให้ชายหนุ่มผ่านทางรีสอร์ทของเธอได้ เพื่อเอาใจและหวังจะเป็นภรรยาของเขาในอนาคตความสัมพันธ์ ระหว่างลัลนากับ จิรเมธเลวร้ายลงไปอีก เพราะลัลนาคิดว่าจิรเมธ มีใจให้กับวิรดา ในขณะที่จิรเมธก็เข้าใจผิดว่า ลัลนาเป็นคนรักของ ‘ไก่แจ้’ รับบทโดย (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) หนุ่มอารมณ์ดีในหมู่บ้านทั้งที่ความจริงผู้หญิงที่ไก่แจ้รักคือ “ปูไข่” รับบทโดย “ภัณฑิลา ฟูกลิ่น” ด้วยความบังเอิญ ทำให้ลัลนาได้เจอกับอ่ำ พอรู้เรื่องที่ดิน อ่ำแค้นเสี่ยวิชาญมากที่หลอกเขา สุดท้ายอ่ำก็กลับ เข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้ง เพราะทุกคนเข้าใจ และให้อภัย ทางจิรเมธตอนนี้เขามั่นใจอย่างที่สุด ว่าเขารักลัลนา และยิ่งรู้ว่าไก่แจ้รักกับปูไข่ จิรเมธก็ยิ่งเดินหน้าเต็มตัว ที่จะแสดงออกมาว่าคิดกับลัลนาอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คบหากับวิรดา จนทำให้ลัลนาเสียใจ และสับสนไม่เข้าใจในสิ่งที่จิรเมธกำลังทำอยู่ เสี่ยวิชาญพยายามพูดจาชักจูงให้จิรเมธมาร่วมลงทุน และซื้อต่อรีสอร์ทของเขาด้วยวงเงินสูงลิ่วจิรเมธไม่ไว้ใจ เพราะพอจะรู้ประวัติความขี้โกงของวิชาญมาบ้าง แต่สองพ่อลูกตัวร้ายก็ยังหมายมั่น ปั้นมือ ที่จะทำให้ จิรเมธ ตกหลุมพรางให้ได้ จิรเมธใช้เสน่ห์ และความฉลาด หลอกล่อวิรดาให้ขโมยโฉนดที่ดินของตากลั่นมาให้เขา เพราะเธอเข้าใจผิดคิดว่าจิรเมธหลงรักเธอ วิรดามาหาเรื่องลัลนาถึงบ้านพร้อมข่าวร้ายว่า จิรเมธกำลังจะ ชิ่งหนีชาวบ้านเพื่อไปร่วมหุ้น ทำธุรกิจกับครอบครัววิรดา แถมยังอวดแหวนเพชรที่สวมติดนิ้วให้ ลัลนาดูว่าจิรเมธหมั้นหมายกับเธอแล้ว ลัลนาเสียใจมากคิดว่าเป็นเรื่องจริง ผู้ใหญ่ธมกับมาลินีรับรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วว่า เป็นแผนการของจิรเมธแต่ช่วยกันปิดบังลัลนาไว้ เพราะปฏิกิริยาโกรธเกลียดจากลัลนาที่เห็นว่าจิรเมธยังเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแต่ผลประโยชน์คนเดิม จะทำให้ฝ่ายเสี่ยวิชาญ เชื่อใจจิรเมธมากขึ้น วิชาญกับวิรดามีความสุขมากตั้งตารอเงินที่จิรเมธตกลงจะนำมาซื้อที่ดิน จิรเมธวางแผนตลบหลัง ด้วยการให้ความหวัง โดยดึงเวลาไว้ไม่ให้ วิชาญเอาที่ดินไปขายให้คนอื่น เพื่อให้ที่ถูกยึดโดยธนาคาร ก่อนจะซื้อไว้ในราคายุติธรรม จิรเมธกลายเป็นเจ้าของ รีสอร์ท สามารถถอนที่ดินนั้นได้สำเร็จ ทำให้ เสี่ยวิชาญกับวิรดาลูกสาวสิ้นเนื้อประดาตัว สร้างความเจ็บแค้นให้เสี่ยวิชาญเป็นอย่างมาก ลัลนารวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ตัวเองเก็บไว้ เพื่อเอาผิดเสี่ยวิชาญ โดยมีอ่ำที่พร้อมจะเป็นพยานร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เสี่ยวิชาญก็หนีไปเสียก่อนลัลนาได้รู้ความจริง เกี่ยวกับทุกสิ่งที่จิรเมธทำ ลัลนาซึ้งใจ และยอมเปิดเผยความรู้สึก ทั้งคู่จึงคบกัน ในฐานะคนรัก อย่างเงียบ ๆ ไม่บอกใคร นอกจากเรื่องที่ดิน จิรเมธยังซื้อตึกแถวในตัวจังหวัด ไว้เพื่อเป็นสถานที่วางจำหน่ายสินค้าของชาวเขากะหมอก ร้านเขากะหมอก เป็นรูปเป็นร่างด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้าน กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้านี้ ส่วนน้ำมันก็ได้ภูวดลเป็นลูกค้ารายใหญ่ อำไพพรรณเห็นภาพข่าวเกี่ยวกับ จิรเมธ และแฟนสาวที่จังหวัดตรัง เป็นภาพที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ระหว่างจิรเมธกับลัลนาไปด้วยความบังเอิญ และอำไพพรรณยิ่งโมโหใหญ่ เมื่อได้เห็นสัญญา การซื้อขายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เขากะหมอกในนามบริษัทเดชาธร ไววิทย์ถูกเรียกตัวมาเค้นความจริง เขาจำต้องเปิดเผย เพราะจนต่อหลักฐาน อำไพพรรณลงมายังตรังทันที เพื่อเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น เกริกเกียรติ รีบตามลงมา เมื่อทราบเรื่องจากไววิทย์ อำไพพรรณตามมาที่บ้านผู้ใหญ่ธม ประกาศเป็นเจ้าหนี้ของชาวเขากะหมอก เปิดฉากทะเลาะกันใหญ่โต ทั้งเรื่องที่ผู้ใหญ่ธมมายุ่งกับสามี และลูกชายเธอ รวมไปถึงเรื่องผิดใจในอดีต จนทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสี่คน จิรเมธกับลัลนานึกไม่ถึงว่ามารดาของพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนกับมาลินี และอำไพพรรณกับผู้ใหญ่ธม ก็ไม่ถูกกันอย่างแรง ตั้งแต่สมัยยังหนุ่มสาว มาลินี เกริกเกียรติ และธม เป็นคนตรัง ที่เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มาลินีเป็นเพื่อนรักกับอำไพพรรณ ที่ตั้งแง่รังเกียจธม เพราะอำไพพรรณ เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างในขณะที่ธม เป็นหนุ่มลูกทุ่งขวานผ่าซากของแท้ ทำให้คู่นี้เป็นไม้เบื่อไม้เมา กันมาตลอด ยิ่งมาลินี แต่งงานกลับมาอยู่ตรัง กับผู้ใหญ่ธม อำไพพรรณก็ยิ่งจงเกลียดจงชังธม เพราะเธออยากให้เพื่อนได้ดี แต่งงานกับคนมีฐานะมากกว่า วิรดาที่หมดเนื้อหมดตัวมาขออาศัยอยู่กับภูวดล เพื่อหวังจะติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหว ของจิรเมธ และคนในเขากะหมอก เธอจะคอยรายงานบิดา ซึ่งไปหลบอยู่อีกที่ ให้รู้ข้อมูลไปพร้อมๆ กับเธอด้วย สองพ่อลูกร่วมมือกัน คิดวางแผนแก้แค้นจิรเมธ มาลินีพยายามจะพูด กับอำไพพรรณให้เข้าใจ เกี่ยวกับสิ่งที่จิรเมธทำ รวมทั้งเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว ที่เกิดขึ้นอย่างสวยงามอำไพพรรณปฏิเสธ ที่จะให้ทั้งคู่ได้รักกัน เพราะไม่อยากให้ลูกของตัวเองต้องมาอยู่บ้านนอกแบบนี้ ทั้งยังเกลียดผู้ใหญ่ธมอย่างกับกิ้งกือไส้เดือน ลัลนามองเห็นปัญหาของความรักระหว่างตน กับจิรเมธก็พยายามทำใจว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แน่ จึงปฏิเสธที่จะคบกับจิรเมธอีก ให้จิรเมธกลับบ้านไป แต่จิรเมธไม่ยอม อำไพพรรณจึงบอกให้ลัลนาปล่อยลูกชายของเธอไปถ้ารักจิรเมธจริง เพราะจิรเมธควรมีภรรยาที่เชิดหน้าชูตาตัวเอง ลัลนายอมทำตามคำขอ เสี่ยวิชาญจับตัวอำไพพรรณ เพื่อจะเรียกค่าไถ่ ลัลนาพยายามช่วยจนโดนจับไปด้วย ทั้งสองคนถูกพา ไปซ่อนไว้ ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง การหายตัวไปของลัลนา และอำไพพรรณ ทำให้จิรเมธ เกริกเกียรติ ผู้ใหญ่ธม มาลินี และชาวบ้านเขากะหมอก อยู่ไม่เป็นสุขทุกคนเครียด กลัดกลุ้ม ร้อนใจ จนไม่เป็นอันทำอะไร จิรเมธสงสัยว่า การลักพาตัวในครั้งนี้ น่าจะเป็นฝีมือของวิชาญพวกคนร้าย เรียกเงินค่าไถ่เป็นจำนวนร้อยล้านบาท เพื่อแลกกับสองชีวิต จิรเมธมาหาภูวดลเพื่อปรึกษา เมื่อภูวดลรู้ข่าว เขาคิดเช่นเดียวกับ จิรเมธว่าเป็นฝีมือวิชาญ จิรเมธให้ภูวดลคอยจับตาดูวิรดาไว้ จึงทำให้รู้ว่าเป็นฝีมือของเสี่ยวิชาญจริง จิรเมธ และภูวดลพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากวิรดา แต่วิรดาก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อน จนในที่สุดเธอยื่นข้อเสนอให้ จิรเมธจดทะเบียนสมรส กับเธอ เธอถึงจะยอมบอก ระหว่างถูกจับตัว ไว้ที่เกาะร้างอำไพพรรณได้รู้จักนิสัยใจคอของลัลนามากขึ้น หลายครั้งที่ลัลนาแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนดี มีน้ำใจ และไม่ทอดทิ้งอำไพพรรณ เมื่อยามทุกข์ยาก ลัลนาคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ทำให้อ่ำไพพรรณซาบซึ้งใจในตัวลัลนา จิรเมธกับภูวดลบีบจนวิรดายอมบอกที่ซ่อน พวกเขาจึงออกเรือไปตามหา โดยมีไก่แจ้ และอ่ำเป็นผู้ช่วย ส่วนผู้ใหญ่ธม เกริกเกียรติ และชาวบ้าน ก็ออกเรือไปตามหาตามเกาะต่างๆ เช่นกัน ทางลัลนาเองก็พยายาม ที่จะหาทางหนี จนสามารถพาอำไพพรรณ หนีออกมาได้อย่างทุลักทุเล โดยมีเสี่ยวิชาญ และสมุนตามล่าไม่ห่าง โชคดีที่พวกของ จิรเมธตามมาช่วยได้ทันเวลา แต่แล้วเรื่องกลับยิ่งเลวร้าย ไปกันใหญ่ เมื่อเสี่ยวิชาญ จับตัวลัลนาขึ้นเรือ หนีไปได้อีก ทั้งจิรเมธ และภูวดลออกตามล่าวิชาญ ลัลนาพยายามต่อสู้จนทำให้ตกลงในทะเล จิรเมธเห็นเช่นนั้นก็กระโดดลงไปช่วย ทำให้ทั้งคู่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ในที่สุดเสี่ยวิชาญ และวิรดา ก็ถูกจับข้อหาลักพาตัว และพยายามฆ่า ส่วนอำไพพรรณ แม้ใจอ่อนให้ลัลนาแล้วก็ตามแต่ เธอก็ยังไม่แน่ใจในความรักที่จิรเมธ และลัลนา มีให้แก่กัน เมื่อจิรเมธขอคบ กับลัลนา อย่างเปิดเผย และขออยู่ที่ เขากะหมอกต่ออีกสองปี อำไพพรรณจึงยื่นข้อเสนอว่า ถ้าหากจิรเมธ จะอยู่เขากะหมอก ต้องอยู่แต่ตัวเท่านั้น เขาจะถูกยึดทุกสิ่ง ทุกอย่าง จิรเมธจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าจิรเมธไม่ตกลง ก็ไม่ต้องกลับมาที่เขากะหมอกอีก จิรเมธตอบตกลง ตามข้อเสนอของมารดา โดยจิรเมธจะอยู่ที่นี่แต่ตัว และหัวใจ เพราะเวลานี้เงิน ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ในชีวิต ของจิรเมธอีกต่อไป แต่สิ่งที่ล้ำค่า

ชาติเจ้าพระยา 2556

ชาติเจ้าพระยา (2556/2013) เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ปากน้ำโพ นครสวรรค์ เชี่ยว น้ำโพ กับ เพลิง ปากน้ำ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์ที่สาบานเป็นพี่น้อง ทั้งสองเป็นคนมีฝีมือและรักชาติ เพลิงสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยและเลือกเรียนตำรวจ ส่วนเชี่ยวฉากหน้าคือ หนุ่มเจ้าสำราญเฮฮามีจิตใจกว้างขวาง ลูกชายเจ้าสัวเช็ง มีฐานะมั่งคั่ง ทำการค้าและกิจการโรงสีที่นครสวรรค์ เชี่ยวไม่สนใจงานของเตี่ย แอบไปทำงานเป็นสายลับให้รัฐบาล เมื่อขั้วการเมืองเปลี่ยนแปลงอำนาจทำให้ภารกิจถูกยกเลิก เชี่ยวกลายเป็นแพะมีความผิดติดตัว นัก การเมืองแปรพักตร์ทอดทิ้ง บวกกับโดน ชัย ลูกชายหัวหน้าคนงานที่เชี่ยวคิดว่าเป็นเพื่อนแท้ทรยศหักหลังใส่ความว่าเชี่ยวเป็นคนไม่ดีต้องหลบหนีทางการ ชัยยังเป่าหูจนเจ้าสัวเช็งหลงเชื่อพร้อมไว้ใจมอบกิจการให้ดูแล ชัยคดโกงผ่องถ่ายเงินทองมาเป็นของตนเอง เริ่มสร้างอิทธิพลเลี้ยงนักเลง ส่งมือปืนตามฆ่าเชี่ยวกับครอบครัว

  เชี่ยวพาเรไร กิมลั้ง แล้วก็อรดี ภรรยาท้องแก่ทั้ง 3 คนหลบหนีไป ทั้งสามคลอดลูกชายพร้อมกัน 4 คน (เกิดวันเดียวกันปีเดียวกัน) แถวปากน้ำโพ จุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา เชี่ยวเลยตั้งชื่อลูกชายทั้ง 4 คนว่า ปิง วัง ยม น่าน โดยปิงเป็นลูกของเรไร ส่วนวังกับยมเป็นแฝดคนละฝาลูกของกิมลั้ง น่านเป็นลูกอรดี แต่สุดท้ายทั้งเชี่ยวและภรรยาทั้งสามคนก็ถูกคนของชัยไล่ฆ่าจนเสียชีวิต   เพลิงรู้ข่าวออกตามหาเพื่อช่วยเหลือแต่ไม่ทันการ เชี่ยวฝากเพลิงให้ดูแลลูกทั้ง 4 คน พร้อมปกปิดที่มา (ป้องกันชัยส่งคนตามฆ่ายกครัวอีก) ขณะที่เพลิงช่วยเหลือเด็กทารกทั้ง 4 คนนั้น ได้เจอกับลูกครึ่งฝรั่งหัวแดงหน้าตาสติเฟื่องฉลาดเป็นกรดคนหนึ่งวัย 5-6 ขวบหลงทางมา เพลิงจึงรับไปดูแลอีกคน (กลายเป็นพิสดาร ลูกชายที่พลัดพรากของดอกเตอร์โฮป) ด้านเจ้าสัวเช็งพอรู้ความเท็จจากปากของชัยว่าเชี่ยวทำผิดกฎหมายแล้วถูกจับตายก็โรคหัวใจกำเริบเสียชีวิตไปอีกคน ชัยเลยฉวยโอกาสรวบสมบัติทุกอย่างทำหลักฐานเท็จว่าเป็นของตัวเอง พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็นพ่อเลี้ยงฯธงชัย เชิงพาณิชย์ แล้วกลายเป็นเจ้าของธุรกิจมากมายทรงอิทธิพลระดับเจ้าพ่อในนครสวรรค์ ร่ำรวยมาก จนขยายธุรกิจพร้อมย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพ ส่วนที่นครสวรรค์ก็จะส่งอ่าองค์และอ้อมใจลูกชายลูกสาว หรือเดชกับเจงลูกน้องซ้ายขวาไปดูแล แต่ความคิดที่จะถอนรากถอนโคนครอบครัวเชี่ยวยังไม่จางหาย   เพลิงก้าวหน้าทางอาชีพการงานเป็นพันตำรวจตรีอัคนี พิทักษ์สกุล ที่ฉากหน้าเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดแต่ความจริงแล้วเพลิงเป็นหัวหน้าองค์กรลับรัฐบาล NISD (National Intelligent Secret Department) มีภารกิจปราบปรามพวกทำผิดกฎหมายที่ทางรัฐไม่อาจจัดการตรงๆ เพลิงได้นำเด็กทั้ง 4 คนกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆ เพื่ออำพรางตัวตนที่แท้จริงไว้รอคอยเวลาเหมาะสม   สี่หนุ่ม ปิง วัง ยม และ น่าน มางานอีเวนต์ “ฟันเฟสติวัล” (Fun Festival) แหล่งรวมวัยรุ่น โดย ปิง มาเป็น การ์ดของงาน วังมาขายผลไม้ ยม ขายกาแฟ และน่าน หนุ่มรูปหล่อที่ฮือฮาสุดของงานมาตำส้มตำขาย ขณะสายลับของ NISD กำลังปฏิบัติการตามหาข้อมูลของเมืองแมน หรือ มิคาอิล อิวานอฟ จารชนข้ามชาติตัวร้ายที่ทุกประเทศต้องระวังว่าโผล่มาประเทศไทยและติดต่อกับใครบางคนเพื่อดำเนินแผนร้ายอะไร สี่หนุ่มเลยได้มีโอกาสปะทะกับฝ่ายล่า ต่างมีฝีมือพอสมควร แต่ก็ยังช่วยสายลับไม่ได้   พิสดารรายงานเพลิง สูญเสียสายลับมือดีแล้วยังไม่ได้ข้อมูลของ เมืองแมน งานนี้คงต้องสร้างสายลับมือใหม่ (New Agent) เพิ่ม เพลิงจึงสั่งการพิสดารติดตาม recruit ทั้งสี่พี่น้องเพื่อมารวมตัวกันทำภารกิจเพื่อชาติและจัดการเปิดโปงความผิดของพ่อเลี้ยงฯธงชัยได้แก้แค้นแทนพ่อแม่   ขณะที่พ่อเลี้ยงฯธงชัยพร้อมอ่าองค์และอ้อมใจ กำลังเผชิญหน้ากับ เสี่ยเล้ง นักธุรกิจผู้มีอิทธิพลอีกคนของนครสวรรค์ รวมถึงกิจการอีกหลายอย่างในกรุงเทพฯ พร้อมกับ วาดรวี ลูกสาวคนเดียวที่เรียนจบกลับจากต่างประเทศได้ไม่นาน พ่อเลี้ยงฯจะขอซื้อที่ดินแต่เสี่ยเล้งไม่ตกลงเพราะรู้ว่าพ่อเลี้ยงฯมีธุรกิจผิดกฎหมายและปูมหลังน่าสงสัยมากมาย อ่าองค์และอ้อมใจต่างไม่พอใจ วาดรวีเป็นห่วงบิดาว่าพวกพ่อเลี้ยงฯจะไม่รามือจากการซื้อที่ดินครั้งนี้ง่ายๆ แต่เสี่ยเล้งไม่สนใจ ให้วาดรวีไปบริหารงานที่โรงแรมที่เป็นหุ้นอยู่จะดีกว่า วาดรวีจึงได้เจอกับ ดุจดาว (ลูกสาวเพลิง) เพื่อนเก่าสมัยมัธยมเจ้าของห้องเสื้อดุจดาวมาติดต่อเรื่องจะใช้สถานที่โรงแรมจัดแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นใหม่   ด้านเดชเข้ามาพร้อมข้อมูลสำคัญที่พ่อเลี้ยงฯตามหามา 20 ปี นั่นคือ เด็กทารกสี่คนที่รอดชีวิตไปได้ ตอนนี้ค้นหาพบแล้วว่าทั้ง 4 คนอยู่ที่ไหนจากการตามหาประวัติเด็กกำพร้าทั้งหมดพบว่ามีเด็กสี่คนที่เกิดวัน เดือน ปี เดียวกันอยู่ 4 คน   จู่ๆ สี่หนุ่ม ปิง วัง ยม น่าน ต่างได้ข้อความ SMS พร้อมกันว่ารู้เรื่องพ่อแม่ให้ไปพบที่โกดังร้างชานเมือง ทั้งสี่อยากรู้อดีตจึงรีบรุดไปที่นัดหมายกลายเป็นถูกหลอกมากำจัด ทำให้สลบและจับใส่โลงเพื่อเอาไปฝังให้ตายทั้งเป็น เดชใช้ผ้ายันต์ลงอาคมจากพ่อเลี้ยงฯติดไว้ที่หน้าโลงก่อนจัดการฝัง ปิงที่แรงเยอะสุดเลยไม่สามารถพังฝาโลงออกมาได้ หลุมใหญ่ถูกกลบจนมิด สี่หนุ่มต่างคิดว่าต้องตายโดยไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ เพลิงนั่งทางในมองเห็นเลยส่งพิสดารตามมาช่วยเหลือ ทำให้รอดชีวิตจากการถูกฝังให้ตายทั้งเป็นมาได้ และถูกพาตัวไปที่หน่วย NISD   ทั้งสี่ต่างอยากรู้ว่าทำไมถึงมีคนพยายามฆ่า แต่เพลิงกลับปิดปากเงียบเกี่ยวกับอดีตของทั้งสี่ไว้ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาต้องรับรู้เรื่องอดีตมากนัก เพลิงจึงเสนอให้พวกเขามาร่วมงานด้วยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยได้ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง สี่หนุ่มต่างตกลงเพราะจากคนธรรมดาๆ ที่หาเช้ากินค่ำตื่นเต้นกับการองค์กรระดับใหญ่ขนาดนี้ นี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาได้พบความจริงเพลิงบอกว่าปฏิบัติการของ 4 New Agents นี้ใช้ชื่อภารกิจว่า “ชาติเจ้าพระยา”   ทั้งสี่ถูกส่งไปฝึกพิเศษเพื่อเพิ่มความสามารถทางการต่อสู้ให้เก่งกาจขึ้นและเพื่อความปลอดภัย เพลิงจึงให้ทั้งสี่สวม Wristband (สายรัดข้อมือยาง) ลงอาคมป้องกันไม่ให้พ่อเลี้ยงฯ รู้ตัวว่าสี่หนุ่มอยู่ที่ไหน การฝึกเป็นไปอย่างเข้มข้น ทั้งสี่ถูกฝึกฝนทั้งความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงการใช้อาวุธประจำกายและป้องกันตัวสารพัดรูปแบบ ความถนัดและทักษะของแต่ละคนเริ่มฉายชัด   ปิง ปกป้อง ถนัดด้านการต่อสู้มือเปล่าทุกรูปแบบ สังหารเหยื่อได้ไม่กะพริบตาและมีพละกำลังแข็งแกร่งเหนือคนอื่นๆ วัง ว่องไว เก่งด้านการใช้ของมีคมขนาดสั้น หรือประยุกต์เป็นดาวกระจายอย่างนินจาหรือมีดซัดติดชิปฝังระเบิด ยม ยอดเยี่ยม นักวางแผนที่แยบยล เสนาธิการหรือมันสมองของทีม มีสายตาเป็นเลิศทำให้ใช้อาวุธปืนโดยเฉพาะการสุ่มยิงแบบสไนเปอร์ได้อย่างแม่นยำ น่าน แน่วแน่ สามารถใช้อาวุธประเภทกระบองที่สามารถยืดหดสั้นยาวออกไปจู่โจมคู่ต่อสู้ได้อย่างฉับไวคล่องแคล่วและแข็งแกร่ง จนศัตรูไม่ทันรู้ตัวว่าใช้อาวุธอะไร หรือบางครั้งปล่อยลูกดอกพิษหรือลูกกระสุนจิ๋ว พร้อมช็อตไฟฟ้าได้ สามารถประยุกต์กระบองต่อยาวหรือปรับสั้นให้ขนาดเล็กพกพาสะดวก หรือปรับเป็นสลิงไว้ยึดห้อยโหนตัวที่สูงได้ สรุปว่าเป็นอาวุธเอนกประสงค์   ระหว่างการฝึกที่เคี่ยวหนักแต่ไม่อาจลดความคะนองของทั้งสี่ได้ จึงแอบหนีออกไปจากหน่วยเพื่อไปเที่ยวคลาดเครียดบ้างที่ผับแห่งหนึ่ง ที่นั่นวาดรวีชวนดุจดาวมาเป็นเพื่อน เพราะต้องมาเที่ยวตามคำชวนของอ่าองค์ตามมารยาท ในขณะที่ ม่านมุก นักสืบเอกชนสาวมาตามสืบคดีเมียแอบมีกิ๊กอยู่เช่นกัน แต่ก็พลาดเป้าหมายเพราะวังและยม แถมยังเกิดเรื่องวุ่นวายในผับเพราะอ่าองค์คิดว่าน่านมาจีบวาดรวี ในขณะที่ปิงแอบชอบดุจดาวตั้งแต่แรกเห็น อ่าองค์โทร.เรียกลูกน้องมาพร้อมอาวุธเต็มผับ วังและยมกลัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่รีบลากน่านกับปิงหนีกลับ ซึ่งเพลิงและพิสดารมาดักรอทำโทษจากการหนีเที่ยวครั้งนี้อยู่แล้ว   อ่าองค์กลับไปอย่างหัวเสียแถมโดนอ้อมใจและพ่อเลี้ยงฯถามความคืบหน้าเรื่องการซื้อที่ดินซึ่งดูเหมือนจะเสียเวลาเปล่าไปทุกที ตอนนี้เมืองแมนถามความคืบหน้างาน พ่อเลี้ยงฯจึงต้องการที่ดินผืนนั้นเร็วที่สุด ด้านวาดรวีเองก็สงสัยเช่นกันว่าที่ดินรกร้างในนครสวรรค์มีอะไรน่าสนใจขนาดที่คนอย่างพ่อเลี้ยงฯธงชัยอยากได้นักหนา แต่เสี่ยเล้งว่าไม่ใช่เรื่องที่เธอควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เรื่องที่ดินเป็นหน้าที่ของเสี่ยเล้งเอง   สหรัฐอเมริกา ห้องทดลองพลังงานทางเลือกใหม่ NEW ENERGY LAB กำลังทำการทดลองทฤษฏีใหม่การเกิดมวลพลังงานมหาศาลโดย ดร.เดวิด โฮป ระหว่างเตรียมการทดลอง เมืองแมนติดต่อเข้ามาเพื่อให้ดร.โฮป ร่วมมือกับตนสร้างขีปนาวุธอนุภาพร้ายแรงให้ แต่ดร.โฮป ปฏิเสธ แต่ไม่ทันจะพูดจบ การทดลองเกิดผิดพลาด ห้องทดลองเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว แต่มีแค่ข่าวกรอบเล็กๆ จึงไม่ได้เป็นที่สนใจของวาดรวีที่หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านฆ่าเวลารอเสี่ยเล้งกำลังคุยธุระอยู่ที่ร้านกาแฟ   เพลิงได้รับข่าวสำคัญเพิ่มเติมเข้ามาอีกว่า เมืองแมนกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง กำลังติดต่อบุคคลสำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งความเป็นไปได้มี 2 คน คือ เสี่ยเล้งและพ่อเลี้ยงฯธงชัย   ภารกิจแรกของกลุ่มชาติเจ้าพระยาหลังการฝึกพิเศษได้สิ้นสุดลงก็คือการตามสืบข่าวเรื่องนี้ ทั้งสี่ถูกส่งไปเฝ้าดูเสี่ยเล้งและวาดรวี ทำให้น่านจำได้ว่าวาดรวีคือหญิงสาวที่เขาพบในผับคืนนั้น น่านแอบดีใจที่ได้เจอวาดรวีอีกครั้ง แม้จะไม่อาจเข้าไปหาเธอได้ในตอนนี้   ระหว่างที่ทั้งสี่เฝ้าติดตามดูเสี่ยเล้งก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มีการลอบสังหารเสี่ยเล้ง ณ ลานกลางแจ้ง สี่หนุ่มชาติเจ้าพระยาต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือแต่น่าเสียดายเสี่ยเล้งต้องเสียชีวิตลงด้วยฝีมือของเจงที่อยากสร้างผลงานเหนือเดช ในขณะที่น่านปกป้องชีวิตของวาดรวีไว้ได้   ที่หน่วย NISD สี่หนุ่มรู้สึกผิดที่ช่วยเสี่ยเล้งไว้ไม่ทัน โดยเฉพาะน่านที่รู้สึกเห็นใจวาดรวีที่ต้องสูญเสียพ่อไป ภาพหญิงสาวร้องไห้วันนี้น่าสงสารจับใจทำให้น่านไม่อาจลืมได้ แต่เพลิงไม่ตำหนิใครเพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นและสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังการลอบฆ่าเสี่ยเล้งและทำไปทำไม แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เป้าหมายเรื่องการติดต่อของเมืองแมนถูกพุ่งไปที่พ่อเลี้ยงฯธงชัยทันที   น่านแอบไปเยี่ยมวาดรวีที่หมดสติไปเพราะเหตุการณ์ยิงเสี่ยเล้งอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ วาดรวีตื่นมาพบเพียงดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งที่อยู่ข้างเตียง   ปิงออกไปตามสืบเรื่องเมืองแมนจนได้เจอกับดุจดาวอีกครั้ง ปิงจึงทำทีเป็นพนักงานร้านซักรีดเข้าไปหาดุจดาวเพื่อสร้างความคุ้นเคย ด้านยมและวังแอบตามข่าวทางพ่อเลี้ยงฯธงชัย โดยเพลิงกำชับว่าห้ามให้พ่อเลี้ยงฯเห็นเด็ดขาด ทำให้ยมและวังสงสัยจนได้เจอกับเดช ซึ่งกำลังติดตามพ่อเลี้ยงฯก็จำได้ทันทีว่าเดชคือคนที่หลอกพวกตนไปลวงฆ่าและฝังทั้งเป็น จึงจับตัวเดชไปคาดคั้นเอาความจริงโดยไม่ให้เห็นหน้า จนรู้ว่าเดชได้รับคำสั่งมาจากพ่อเลี้ยงฯธงชัยให้จัดการทั้งสี่คน ยมและวังสงสัยมากเอาเรื่องที่รู้ไปบอกปิงกับน่าน ทั้งสี่หนุ่มคิดจะไปหาความจริงเรื่องนี้แต่ถูกเพลิงสั่งห้ามไว้ ให้ทำงานของส่วนรวมก่อน เรื่องส่วนตัวเมื่อถึงเวลาเพลิงจะบอกสิ่งที่สี่อยากรู้เอง ทั้งสี่ได้แต่เก็บความข้องใจไว้ในอก กลับไปทำหน้าที่สายลับต่อไป   โรงแรมแห่งหนึ่ง เมืองแมนจับมือกับพ่อเลี้ยงฯธงชัยตกลงจะทำธุรกิจด้วยกัน โดยอ่าองค์และอ้อมใจเข้ามารายงานเรื่องการตายของเสี่ยเล้ง เสียดายแค่วาดรวีลูกสาวรอดไปได้ ทำให้รู้ว่าพ่อเลี้ยงฯธงชัยเป็นคนสั่งฆ่าเสี่ยเล้ง เพราะไม่ยอมขายที่ดินบริเวณที่จะก่อสร้างสิ่งสำคัญร่วมกับเมืองแมนนั่นเอง แต่เมื่อเสี่ยเล้งตายแล้ว เรื่องการซื้อที่ดินต่อจากหญิงสาวตัวคนเดียวอย่างวาดรวีน่าจะง่ายดายขึ้น โดยไม่รู้ว่าม่านมุกซึ่งมาตามสืบเรื่องจับชู้ให้เมียหลวงแอบเข้ามาผิดห้องซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะได้อัดเสียงการสนทนาเอาไว้อย่างตื่นตระหนกที่เข้ามาได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน เมืองแมนรู้ตัวว่ามีคนแอบอยู่ ม่านมุกจึงถูกลูกน้องของพ่อเลี้ยงฯธงชัยตามไล่ล่า วิ่งหนีสุดชีวิตลงไปด้านล่างที่กำลังมีงานแสดงแฟชั่นโชว์จากห้องเสื้อของดุจดาวอยู่ ม่านมุกอาศัยหลบในกองเสื้อผ้ารอดตัวจากการตามจับของพวกพ่อเลี้ยงฯธงชัยมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้พ่อเลี้ยงฯธงชัยเผชิญหน้ากับเพลิงที่มาหาดุจดาวอีกครั้ง หลังจากไม่พบกันมา 20 ปี เพลิงทำทีเป็นนายตำรวจเกษียณอายุไม่มีบทบาทอะไรที่จะติดตามความชั่วของพ่อเลี้ยงฯได้อีก   ปิงหาเรื่องมาเจอดุจดาวที่โรงแรม ดุจดาวคิดว่าเขาเป็นคนส่งผ้าทั่วไปก็คุยด้วยแบบไม่ถือตัว แต่แล้วปิงก็ได้รู้ว่าดุจดาวเป็นลูกสาวของเพลิง หัวหน้าหน่วย NISD พร้อมแอบได้ยินเพลิงและพ่อเลี้ยงฯธงชัยพูดเรื่องเด็กสี่คนเมื่อ 20 ปีก่อน ปิงเริ่มสงสัย   ด้านพิสดารพยายามสืบเรื่องการตายของเสี่ยเล้งว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อเลี้ยงฯธงชัยมากที่สุด จึงมอบภารกิจให้น่านและยมจึงไปสืบดูที่งานฝังศพเสี่ยเล้งที่สุสาน เจออ่าองค์ยกพวกมาหาวาดรวีอีกครั้ง เพื่อบังคับขอซื้อที่แปลงหนึ่งที่นครสวรรค์ให้ได้ แต่วาดรวีว่าเพิ่งฝังพ่อไปจะให้เธอพูดเรื่องขายที่คงไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องค้าขายกับใคร ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกือบมีเรื่องกัน น่านอยากออกไปช่วยแต่ถูกยมห้ามไว้ อ่าองค์ทำทีสุภาพบุรุษห้ามลูกน้องและขอตัวกลับ วาดรวีหลบไปร้องไห้ไม่อยากให้ใครเห็นว่าอ่อนแอเพราะต่อไปเธอต้องรับผิดชอบทุกอย่างแทนเสี่ยเล้งทั้งหมดและหาตัวฆาตกรฆ่าพ่อของเธอให้ได้ น่านได้แต่ทำตัวเป็นคนทำความสะอาดสุสานมาปลอบใจก่อนจะทิ้งกุหลาบขาวไว้ให้   เมืองแมนกังวลใจเรื่องมีคนแอบได้ยินการติดต่อของตนกับพ่อเลี้ยงฯธงชัย จึงสั่งให้ เหลียง นักฆ่ามืออาชีพไปจัดการกับม่านมุก ม่านมุกรู้ตัวว่าอยู่ในอันตรายก็รีบเก็บข้าวของในสำนักงานเตรียมหนี แต่เจอเหลียงเข้าเสียก่อนจึงต้องหนีอีกครั้ง ม่านมุกจึงหลบเข้าไปในร้านเสื้อของดุจดาว เหลียงบุกเข้าไปเห็นดุจดาวนึกว่าเป็นม่านมุกจึงกระชากตัวมา แต่เมื่อได้เห็นดุจดาวชัดๆ ก็ชะงักไป ปิงเข้ามาส่งของเห็นเหลียงเหมือนจะทำร้ายดุจดาวจึงเข้าไปช่วยกลายเป็นประมือกัน ตำรวจผ่านมาพอดี เหลียงไม่อยากให้มีปัญหาจึงหลบออกไป ม่านมุกออกจากที่ซ่อนและขอบใจดุจดาวที่ให้ที่ซ่อนตัว ปิงและดุจดาวถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ม่านมุกไม่ยอมบอกก่อนจะหลบออกไป   ปิงถ่ายรูปเหลียงไว้ได้ผ่านกล้องขนาดจิ๋วติดตัวรีบเอาไปให้พิสดารดูว่าเหลียงคือใครเพราะฝีมือร้ายกาจและคิดจะทำร้ายม่านมุก ทำให้รู้ว่าเหลียงเป็นนักฆ่ามืออาชีพและมักทำงานร่วมกับเมืองแมนเป็นทีม ปิงจึงสงสัยว่าม่านมุกเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเมืองแมนถึงได้โดนไล่ล่าแบบนี้ หลายเรื่องเกี่ยวโยงกับเมืองแมนและพ่อเลี้ยงฯธงชัย   เพลิงจึงสั่งการให้วังและยมตามหาตัวม่านมุกให้เจอ ด้านม่านมุกรู้ตัวว่าคราวนี้ตายแน่ๆ จึงต้องหาทางหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ก่อนจะไปตัดสินใจทำตัวเป็นโทรศัพท์ลึกลับโทร.หาวาดรวีเปิดคลิปเสียงสนทนาเรื่องพ่อเลี้ยงฯธงชัยสั่งฆ่าเสี่ยเล้งให้วาดรวีฟัง ทำให้วาดรวีรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของเธอ วาดรวีจึงคิดแก้แค้นโดยจะสืบหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้ ม่านมุกทำหน้าที่สุดท้ายของตนแล้วจะหนีแต่กลับมีรถตู้ลึกลับฉุดตัวเธอขึ้นไปไว้ที่เซฟเฮ้าส์ของ NISD โดยไม่รู้เรื่อง คิดว่าพวกที่จับตนมาเป็นคน ร้ายและคิดจะฆ่า จนพิสดารต้องออกมาบอกว่าจับมาเพื่อช่วยเหลือไม่ได้ทำร้าย   วาดรวีครุ่นคิดเรื่องที่ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลลึกลับจึงเริ่มแผนการสืบหาความจริงด้วยการโทร.หาอ่าองค์นัดคุยเรื่องที่ดินและทำทีตีสนิท ทำให้อ่าองค์รู้สึกถูกใจวาดรวีมากขึ้น   พ่อเลี้ยงฯธงชัยไปที่ถ้ำฐานที่ตั้งสำคัญในการผลิตขีปนาวุธกับเมืองแมน ต่างพอใจที่ตั้งฐานลับว่ามิดชิดดี แต่ติดแค่ทางเข้านั้นเป็นที่ดินซึ่งเป็นของวาดรวีอยู่ ดังนั้นต้องหาทางเอามาให้ได้เพื่อไม่ให้คนนอกผ่านเข้ามายุ่มย่ามบริเวณนี้ และเหลืออีกเรื่องที่สำคัญคือ ต้องได้ตัวดร.เดวิด โฮปมาเพื่อช่วยสร้างขีปนาวุธจากพลังงานทางเลือก พ่อเลี้ยงฯธงชัยสงสัยว่าเมืองแมนจะได้ตัวโฮปมายังไงเพราะทางการสหรัฐไม่มีทางปล่อยโฮปมาง่ายๆ เมืองแมนว่าเขามีทางให้โฮปเดินเข้ามาหาแบบไม่ยากเลย   ดร.โฮปปรากฏตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิจริงๆ ทางด้านทางการสหรัฐติดต่อให้ทาง NISD ช่วยกักตัวดร.โฮปไว้เพราะกำลังเดินทางมาที่กรุงเทพฯ ดร.โฮปถูกหลอกว่าพบร่องรอยลูกและภรรยาที่พลัดพรากจากกันเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่เมื่อเหยียบพื้นกรุงเทพฯ คนของเมืองแมนก็บุกมาจับตัวโฮปไปทันที สี่หนุ่มจึงต้องทำหน้าที่ออกไปพาตัวดร.โฮปกลับมาที่ NISD ให้ได้   สี่หนุ่มตามไปช่วยดร.โฮปเกิดการต่อสู้กับพวกของเมืองแมนโดยการนำของเหลียง แต่สุดท้ายไม่มีใครได้ตัวดร.โฮปไปสักคน เพราะดร.โฮปใช้ระเบิดควันหลบหนีไปเพียงลำพัง หลังจากรู้ว่าถูกกุข่าวเรื่องร่องรอยลูกเมียให้มาที่กรุงเทพฯ ดร.โฮปจึงตัดสินใจที่จะตามหาลูกเมียด้วยตัวเองอีกครั้ง   ม่านมุกรู้ตัวว่าหน่วย NISD ช่วยตนเพราะเธอรู้เรื่องราวและหลักฐานบางอย่างของอาชญากรข้ามชาติอย่างเมืองแมนและพ่อเลี้ยงฯธงชัย จึงเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองให้ตนเองได้มีส่วนร่วมกับงานครั้งนี้ พิสดารปวดหัวต้องไปปรึกษาเพลิงที่ดูประวัติของม่านมุกแล้วเห็นว่าเป็นคนมีความสามารถจึงให้เข้าร่วมงานด้วย แต่ไม่ให้ทำอะไรเกินคำสั่ง ม่านมุกดีใจมากจากนักสืบเอกชนที่ไม่มีผลงานโดดเด่น กลายเป็นสายลับสาวเท่เก๋ในกลุ่มของสี่หนุ่ม กลายเป็นไข่แดงที่มีความสำคัญขึ้นมา จึงตั้งใจจะทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างผลงานให้เต็มที่   เมืองแมนรู้ว่าโฮปหนีไปได้ก็โมโหมากที่เหลียงทำงานพลาดสองอย่างแล้ว ทั้งหาตัวม่านมุกไม่เจอแล้วยังจับตัวโฮปไม่ได้อีก เหลียงขอแก้ตัวจะตามหาทั้งม่านมุกและโฮปมาให้เมืองแมนให้ได้   ปิงและวังได้รับคำสั่งให้ออกไปตามหาดร.โฮปกลับมาก่อนที่จะตกอยู่ในอันตรายอีก เพื่อจะได้รู้ว่าเมืองแมนต้องการตัวดร.โฮปไปทำไม ด้านโฮปหนีไปพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง Make over ใหม่เพื่อไม่ให้ใครจำตนเองได้ ด้วยการโกรกผมดำและพูดภาษาไทยคล่องจนแทบไม่รู้ว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่ระหว่างทางกลับถูกขโมยกระเป๋าไป ทำให้ไม่มีเงินกินข้าว โชคดีดุจดาวผ่านมาช่วยเหลือเอาไว้ พาไปที่ร้านเสื้อ
ดอกอ้อสายขวัญ 2556

ดอกอ้อสายขวัญ (2556/2013) สายขวัญ ถูก คุณนายสายจิตต์ ผู้เป็นแม่ บังคับให้แต่งงานกับ จ้าวพงศ์นรินทร์ ที่สูงวัยกว่า และดูเคร่งขรึม น่าเบื่อหน่ายในความรู้สึกของสายขวัญ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่จ้าวไม่ใช่ผู้ชายที่สายขวัญรัก... ทางเดียวที่จะทำให้สายขวัญรอดพ้นจากการต้องตกเป็นเมียจ้าวคือ “หนี !”

การเดินทางสู่อิสรภาพของสายขวัญเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้แม่รู้ตัว สายขวัญตัดสินใจหั่นผมตัวเองจนสั้นจู๋และจ้างให้ นายแกน คนรับใช้เก่าแก่ไปเอาเสื้อผ้าลูกชายมาให้ เพื่อสายขวัญจะได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นเด็กผู้ชาย มิใช่นางสาวสายขวัญที่เป็นอยู่ตอนนี้ จากนั้น สายขวัญก็ตรงดิ่งไปที่ท่าเรือ แอบสืบจนรู้ว่ามีเรือลำหนึ่งจะมุ่งหน้าจากเมืองตากไปกรุงเทพฯ และในเรือนั้นก็มีเพียงเจ้าของเรือกับคนขับเรือที่เป็นคนสนิทเท่านั้น ... สายขวัญลอบลงเรือไปเพียงหมายจะหนีการแต่งงาน โดยไม่รู้เลยว่าเรือลำนี้มิเพียงเปลี่ยนทางเดินชีวิต หากแต่เจ้าของเรือ คือผู้ที่จะเปลี่ยนชะตาของเธอ...ตลอดกาล ก่อนที่สายขวัญจะลงเรือ สายขวัญแอบเห็นเจ้าของเรือกำลังร่ำลาคนรักอยู่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ คมเพชร บอกกับ กองแก้ว ว่าเขามีความจำเป็นต้องจากเธอไป เพราะเขาค้นเจอจดหมายจากพ่อที่เขียนถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้เขาได้รู้ความจริงว่า พ่อไล่แม่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจว่าแม่มีชู้ แม่จึงต้องหอบท้องพาเขาระหกระเหินมาอยู่ที่นี่ กว่าพ่อจะรู้ความจริงว่าชู้นั้นคือพี่ชายแท้ๆของแม่ ก็สายไปเสียแล้วเพราะไม่ว่าพ่อจะตามมาขอโทษอย่างไร แม่ก็ไม่ยอมคืนดีด้วยแถมยังโกหกว่าลูกตายจากไปแล้ว พ่อรู้ว่าแม่โกหกจึงทำพินัยกรรมไว้ให้คมเพชรทั้งหมด จากนั้นเขาก็ค้นเจอจดหมายอีกฉบับ เป็นจดหมายขู่จากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ในมรดกทั้งหมดของพ่อ ห้ามเขาไปเหยียบที่ ‘บ้านสัก’ ถ้าไม่อยากตาย คมเพชรพยายามสืบจนรู้ข้อมูลจากเพื่อนว่าครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านสักคือครอบครัวของอาชื่อ ส่อง มีภรรยาชื่อ คุณนายคอน อาศัยอยู่กับลูกคือ ส่งศักดิ์ กับ สิตา จากจดหมายพ่อ แม้จะไม่บ่งชัดว่าเรื่องจริงเป็นเช่นไร หากก็มีข้อความชวนให้เชื่อว่า พ่อไม่ได้ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้กับครอบครัวของอาส่อง หากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าเขากำลังถูกโกง ซึ่งสำหรับคม เรื่องเงิน ไม่สำคัญเท่ากับศักดิ์ศรีที่เขาคงยอมถูกตราหน้าว่าโง่ไม่ได้เด็ดขาด คมตัดสินใจจะกลับไปตามล่าหาความจริง โดยไม่รู้ว่าในเรือมีสาวน้อยนางหนึ่งแอบซ่อนตัวมาด้วย จังหวะที่เครื่องเรือเกิดเสีย สายขวัญตกใจปรากฎตัวจากที่ซ่อน ทำให้ได้พบกับคม คมซักไซร้ สายขวัญไม่กล้าบอกความจริง เลยโกหกคมไปว่าชื่อ “ดอกอ้อ” ติดเรือมาเพราะอยากไปกรุงเทพฯ แต่ไม่มีเงิน คมไม่เชื่อพยายามจะผลักไสสายขวัญลงจากเรือ กระเป๋าเครื่องเพชรที่สายขวัญเอาติดตัวมาจากบ้านตกกระจาย คมเข้าใจว่าสายขวัญคือนางโจรปล้นเพชรและกำลังจะหนี เลยคิดจะจับสายขวัญส่งตำรวจ สายขวัญพยายามบอกความจริงว่าหนีการแต่งงานมา แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คมก็ไม่เชื่อยืนยันจะส่งสายขวัญให้ตำรวจ ... ทั้งสองมีเรื่องทะเลาะ ต่อล้อต่อเถียงสารพัด .. ความผูกพันเล็กๆเกิดขึ้นระหว่างทาง สายขวัญพยายามเอาใจคมทุกอย่าง จนคมเริ่มรู้สึกสงสารไม่อยากเอาผิดกับสายขวัญ เมื่อเรือเทียบท่า คมที่ตั้งใจจะแวะหาเพื่อนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงจงใจปล่อยสายขวัญไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้สายขวัญหนี ที่บ้าน งามสม เพื่อนของคมและสามี ร่วมวางแผนหาวิธีให้คมได้เข้าไปในบ้านสักเพื่อค้นหาความจริง งามสมรู้ว่าที่บ้านสักกำลังรับสมัครคนทำงานหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผัวเมียกันเพราะคุณนายคอนเกรงว่าหากรับผู้ชายเพียงคนเดียวตามที่ต้องการ คมอาจปลอมตัวเข้ามา งามสมจึงวางแผนว่าคมจะต้องปลอมตัวเข้าไปสมัครงานในบ้านหลังนั้น แต่ปัญหาคือเขาจะไปหาผู้หญิงที่ไหนมาสมมุติเป็นเมีย .. วินาทีนั้น คมก็นึกถึงสายขวัญขึ้นมาทันที...คมรีบกลับมาที่เรือ ทั้งที่ไม่มีหวังเพราะคิดว่าอย่างไร สายขวัญก็คงจะหนีไปแล้ว แต่ผิดคาดเพราะสายขวัญยังคงอยู่ที่เรืออย่างร่าเริง คมดีใจมาก ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สายขวัญฟัง และเสนอเงื่อนไขว่าจะขอให้สายขวัญไปเป็นเมียสมมุติของเขาแลกกับการที่เขาไม่แจ้งตำรวจจับสายขวัญ...สายขวัญตัดสินใจรับข้อเสนอของคม ... คมพาสายขวัญย้อนกลับไปที่บ้านเพื่อนเพื่อวางแผนกันอีกครั้ง โดยแผนครั้งนี้ ทั้งคู่จะต้องสร้างเรื่องและปลอมตัวให้ดูเหมือนคนใช้ พร้อมทั้งตั้งชื่อใหม่โดยคมใช้ชื่อ “ไว” เพราะนึกถึง “วิง” คนขับเรือคนสนิทของเขา ส่วนสายขวัญ ให้ชื่อ “อ้อ” แทนชื่ออดอกอ้อ แล้วปฏิบัติการตามล่าหาความจริงก็เริ่มขึ้น ไว ขอให้ อ้อ หาโอกาสหาที่ซ่อนพินัยกรรม เพราะอ้อรับหน้าที่เป็นคนใช้ในบ้าน จึงมีโอกาสมากกว่าไวซึ่งรับหน้าที่เป็นทั้งคนสวนและคนขับรถ ... แต่เกิดเรื่องวุ่นชุลมุลขึ้นเพราะแม้อ้อจะปลอมตัวจนเปิ่นเป๋อ แต่ก็ยังไม่วายถูกส่งศักดิ์แทะโลม ทั้งที่ส่งศักดิ์เองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วคือ อรชา เจ้าของวังกุหลาบ โชคดีที่มี ป้าเนียม กับ จวน คนใช้ในบ้านคอยขัดจังหวะ ส่วนคมก็มีโอกาสใกล้ชิดสิตาด้วยความเจ้าชู้ของสิตา เป็นเหตุให้ต่างฝ่ายต่างเกิดอาการ “หึง” และพ่อแง่แม่งอนกันตลอดเวลา จนวันหนึ่ง คมก็รู้สึกตัวว่ารักแม่ดอกอ้อดอกสวยเข้าแล้วอย่างเต็มหัวใจ สายขวัญเองก็ใช่จะไม่รู้ใจตัวเอง แต่ก็ต้องตัดใจเพราะรู้ว่าไวหรือคมเพชร มีคู่หมายอยู่แล้ว ส่วนไวเองก็รู้สึกผิดที่เคยบอกให้กองแก้วรอเขา สัญญาที่เคยบอกว่าจะกลับไปแต่งงานคอยบาดใจคมทุกครั้งที่ใกล้ชิดกับสายขวัญ การสืบหาความจริงยังดำเนินไปท่ามกลางความยากลำบาก อ้อกับไวได้รู้ความจริงมากมายจากปากจวนและยังรู้ว่าที่บ้านไม้ท้ายสวนของบ้านสัก มีชายชราบ้าบอคนเก่าแก่อาศัยอยู่ ชื่อ ลุงมัก คำว่า “คนเก่าแก่” สะกิดใจ อ้อหาโอกาสไปพบลุงมักในวันหนึ่ง ด้วยท่าทาง คำพูดบางคำของลุงมัก ทำให้อ้อรู้สึกว่าลุงมักนี่แหละคือกุญแจไขปริศนาที่ตนกับไวกำลังตามหา อ้อบอกความจริงกับไวและพาไวไปพบลุงมัก ทั้งสองเกือบจะล้วงความจริงได้ แต่ก็มีเหตุให้ต้องล่าถอยกลับไป เพราะอาการคุ้มดีคุ้มร้ายของลุงมัก ... หากวันหนึ่ง โอกาสดีก็มาถึง อ้อพยายามล่อหลอกลุงมักทุกวิถีทางจนลุงมักเกือบจะหลุดปากเรื่องพินัยกรรมออกมา แต่โชคร้ายที่ ชัดชรินทร์ แฟนหนุ่มของสิตาที่เคยเจอกับอ้อในงานเลี้ยง มาหาสิตาและได้พบกับอ้อ ความเกือบแตกโชคดีที่ไวแอบกันอ้อออกไปได้ทัน ชัดคอยหาโอกาสดักเจออ้อเพื่อถามความจริง อ้อจนใจจะปิดบัง จึงขอร้องชัดที่ขณะนั้นกำลังตกงาน ด้วยการยกสร้อยเพชรให้ชัดหนึ่งเส้นแลกกับความลับ คมแอบเห็น เข้าใจผิดคิดว่าชัดเป็นกิ๊กของอ้อ เกิดเหตุทะเลาะกันอีก แทนที่ชัดจะหยุดเพียงเท่านั้น เขากับเลือกจะไปพบคุณนายสายจิตต์ เพื่อบอกข่าวลูกสาวที่หายไป เพื่อแลกกับตำแหน่งงานในบริษัทของคุณนาย ซึ่งคุณนายสายจิตต์ก็ตกปากรับคำอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะความเป็นห่วงและคิดถึงลูกสาวคนเดียวใจจะขาด...ส่วนชัด คิดว่าการที่เขามีการงานทำมั่นคงจะทำให้เขาได้รับการยอมรับจากคุณนายคอนและจะได้แต่งงานออกหน้าออกตากับสิตาอย่างเปิดเผยเสียที ชัดรู้สึกว่าความลับที่เขากำไว้น่าจะทำประโยชน์ให้เขาได้ เขาจึงขอสิตาเข้ามาอยู่ในบ้านโดยให้สิตาบอกกับแม่ว่าเขาเป็นเพื่อนจากต่างจังหวัดที่จะมาขอพักอยู่ด้วยเพียงชั่วคราว เพื่อเขาจะได้หาโอกาสจับตาสายขวัญ สิตาถึงจะอึดอัดก็ต้องจำยอมเพราะกลัวความจริงที่เธอจดทะเบียนสมรสกับชัดแล้วจะรู้ถึงหูแม่ ขณะนั้นกองแก้วที่คิดถึงคมมาก คิดจะมาหาคม จึงติดต่อกับ พีร์ ลูกชาย เศรษฐีพันธ์ ที่แอบรักกองแก้วมาตั้งแต่เด็ก ว่าจะขอมาพักที่บ้านพีร์ ในวันที่พีร์มารับกองแก้วที่สถานีรถไฟ ทั้งสองได้พบกับชัดและสิตาโดยบังเอิญ ชัดรู้จักกับกองแก้วมาก่อน จึงเข้าไปทักทายและแนะนำกันว่าพีร์เป็นพี่ชายของ พินทุ ชัดชวนกองแก้วกับพีร์ไปทานข้าวที่บ้านสิตา และในวันนั้น ก็เป็นวันที่ลุงมักนัดให้อ้อไปพบ เพราะอ้อพิสูจน์ตัวเองจนลุงมักแน่ใจว่าอ้อเป็นคนดีที่ไว้ใจได้เพราะนอกจากน้ำใจที่อ้อคอยหยิบยื่น อ้อยังเคยช่วยลุงมักจาก นายพุด คนขับรถคุณนายคอนที่จ้องจะทำร้ายลุงมัก และเคยจับลุงมักไปทรมานหวังจะให้ลุงมักตาย ถึงวันนัดทานข้าว กองแก้วกับคมได้พบกัน ทั้งสองต่างตกใจแต่ไม่กล้าแสดงออก คมแอบกระซิบนัดกองแก้วออกไปพบตอนเย็น กองแก้วที่รู้เพียงว่าคมจะปลอมตัวเป็นคนใช้ เห็นคมที่สถานภาพปัจจุบันกลายเป็นคนมีภรรยาแล้วคืออ้อ จิตใจเลยว้าวุ่นอยู่ไม่เป็นสุขจนพีร์สังเกตเห็น อาการอิหลักอิเหลื่อชวนอึดอัดเป็นไปตลอดระยะเวลารับประทานอาหาร อ้อเองก็เสียใจ คมที่กลัวว่าอ้อจะเข้าใจผิดตัดสินใจสารภาพรักกับอ้อ อ้อรู้สึกสับสนจึงเลี่ยงออกจากงาน ไปพบกับลุงมักตามนัดหมาย ลุงมักสารภาพกับอ้อว่าไม่ได้บ้า แต่ต้องแกล้งบ้าเพื่อปกป้องสมบัติไว้ให้ทายาทแท้จริง และเมื่อรู้ว่านายไว คือคมเพชร ลุงมักดีใจมากยอมบอกที่ซ่อนพินัยกรรมว่าอยู่ในโพรงไม้ใกล้บ่อน้ำพุบนเขามอ อ้อรีบไปเอาพินัยกรรมมาจากที่ซ่อนทันที ขณะอ้อจะเอาพินัยกรรมมาให้คมด้วยหัวใจที่เบ่งบานสุดขีด หัวใจของอ้อก็ต้องหุบฟีบลงทันทีเมื่อต้องมาเห็นภาพที่คมตระกองกอดกับกองแก้ว...โดยไม่รู้ความจริงว่ากองแก้วตามมาซักไซร้คมเรื่องอ้อ และคมก็ได้สารภาพกับกองแก้วว่าเขารักผู้หญิงทั้งสองคนนี้...หากเป็นคนละแบบ กองแก้วนั้น เขารักอย่างบูชาแต่กับดอกอ้อ .. มันคือรักแท้ที่ผูกพันอย่างยากจะตัดใจ กองแก้วเสียใจจนเป็นลมล้มพับ คมจึงต้องเข้าประคอง...มิได้เข้าไปกอดกองแก้วด้วยความรักเสน่หา...แต่กระนั้น อ้อก็เข้าใจผิดไปแล้ว เมื่อกองแก้วรู้สึกตัว ก็ตัดสินใจเดินจากคมไปด้วยความเสียใจ ... พีร์ที่ตามหากองแก้ว โกรธคมมากที่ทำให้กองแก้วเสียใจ หากเป็นกองแก้วเองที่เข้าใจว่าความรักเป็นเรื่องที่บังคับจิตใจกันไม่ได้ พีร์ยิ่งรู้สึกรักกองแก้วมากเป็นเท่าทวี เขาจึงอาสาเป็นผู้เยียวยาหัวใจให้กองแก้ว พีร์คอยดูแลกองแก้วตลอด เอาอกเอาใจจนไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนน้อง พินทุเหมือนถูกทิ้ง จึงฆ่าเวลาด้วยการลุกขึ้นแต่งตัวเป็นทอมบอย ออกจากบ้านพร้อมจักรยานคู่ใจ เกิดอุบัติเหตุฝูงควายเดินตัดหน้า จักรยานพินทุลอยละลิ่วไปพร้อมคนขี่ โชคดีที่จ้าวพงศ์นรินทร์บังเอิญผ่านมา เข้าไปช่วยและพาพินทุไปหาหมอ จ้าวพงศ์นรินทร์เข้าใจว่าพินทุเป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งพินทุเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะบอกความจริงเพราะไม่คิดว่าชีวิตจะต้องผูกพันกับชายแปลกหน้าผู้นี้ ... จ้าวพงศ์นรินทร์บอกพินทุว่าชื่อพงศ์ ขณะที่พินทุเองก็บอกว่าตัวเองชื่อ พิน .. พินทุรู้จักจ้าวเพียงคำที่จ้าวบอกคือ เขามาจากเมืองเหนือ และมาธุระที่กรุงเทพฯเพียงสองสามวันก็จะกลับ พินทุเลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว “ธุระ” ที่นายพงศ์บอกคือการตามหาคู่หมั้นคือสายขวัญนั่นเอง พินทุใช้ให้คนขี่สามล้อที่รู้จักกันไปส่งจ้าวพงศ์นรินทร์ ไม่วายย้ำจ้อยว่าห้ามบอกความจริงเด็ดขาดว่าพินทุเป็นลูกเต้าเหล้าใครและที่สำคัญคือเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่จ้าวเข้าใจ ส่วนจ้าวฯเองก็ไม่รู้สักนิดว่าโรงแรมที่เขากับคุณนายสายจิตต์มาพักอยู่คือโรงแรมของเศรษฐีพันธ์ พ่อของพินทุนั่นเอง หลังจากนั้น พินทุก็พยายามสืบหาประวัติของนายพงศ์ จนรู้ว่าที่แท้ ผู้ชายมาดนิ่งใจดีคนนี้ คือจ้าวพงศ์นรินทร์ เป็นจ้าวที่จนเพราะล้มเหลวจากธุรกิจเหมืองแร่ พินทุรู้สึกสงสาร ยิ่งเมื่อได้ใกล้ชิด ก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับผู้ดีตกยากผู้นี้อย่างยากจะถอนใจ จึงคิดหาทางจะช่วยจ้าวพงศ์นรินทร์ให้มีฐานะเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิม ฝ่ายดอกอ้อที่หัวใจช้ำ ตัดสินใจว่าคงจะทนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจเขียนจดหมายลาพร้อมวางพินัยกรรมไว้ให้คมในห้อง แต่โชคร้ายขณะกำลังจะย่องออกจากบ้าน ยายเนียมมาเห็นเข้า ร้องเอะอะโวยวายว่าอ้อเป็นหัวขโมย อ้อถูกจับไปสอบสวนทันที ขณะที่ส่งศักดิ์จะเรียกตำรวจมาจับก็เป็นเวลาที่ชัดชรินทร์ พาคุณนายสายจิตต์กับจ้าวพงศ์นรินทร์มาที่บ้าน ความจริงเปิดเผย ส่งศักดิ์กับคุณนายคอนตกใจแทบเป็นลม ส่วนคมเองก็ต้องมารับรู้ว่าที่แท้ นางโจรดอกอ้อ คือ ลูกสาวเศรษฐีนี ! และความจริงต่อไปที่ทำให้ครอบครัวส่งศักดิ์แทบเหมือนถูกระเบิดลง คือความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว นายไว คือ คมเพชร ทายาทคนเดียวของบ้านสัก ซึ่งเป็นผู้ได้รับมรดกทั้งหมดของตระกูล สายขวัญที่รู้สึกว่าภารกิจของตนเสร็จสิ้นแล้วตัดสินใจบอกลาคมกลับไปกับแม่ ส่วนคมก็เสียใจเพราะเข้าใจว่าสายขวัญเพียงเห็นความผูกพันที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องตลก ไม่ได้มีความหมายใดๆ ...จึงตัดใจปล่อยสายขวัญไป ... ตรงข้ามกับคู่ของกองแก้วกับพีร์ที่นับวันยิ่งจะเข้าใจกันมากขึ้น จนสุดท้ายก็จบลงที่การแต่งงาน คุณนายสายจิตต์กับลูกได้เปิดใจคุยกัน คุณนายสายจิตต์สัญญาว่าจะไม่บังคับจิตใจลูกอีก จากนั้นสายขวัญก็เปิดฉากเจรจากับจ้าวพงศ์นรินทร์ตรงๆว่าตนคงไม่อาจเป็นเจ้าสาวของจ้าวได้ ซึ่งจ้าวพงศ์นรินทร์ก็รับฟังอย่างยินดี เพราะใจของเขาตอนนี้ มีแต่เด็กผู้ชายหน้าสวยเดินป้วนเปี้ยนอยู่ตลอดเวลา ชีวิตของสายขวัญนับจากนั้นมีแต่ความหม่นเศร้า มีเพียง ยายแฝด แม่นมของสายขวัญที่คอยปลอบโยนและสังเกตเห็นว่าอาการของสายขวัญ คืออาการของคนอกหัก ซึ่งสายขวัญก็ยอมรับ เพียงแต่ไม่ปริปากว่าคนที่หักอกเธอนั้นเป็นใคร ? ส่งศักดิ์ที่แต่แรกก็ไม่ยอมรับคม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน ส่วนหนึ่งเพราะส่งศักดิ์เสียใจที่อรชาบอกเลิกไปแต่งงานกับชายที่ตนรักทำให้ส่งศักดิ์ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้กับอะไรอีก ชัดกับสิตาก็ลงเอยกันอย่างมีความสุขเพราะคุณนายสายจิตต์เมตตาให้งานสิตาทำด้วย คมเห็นว่าเรื่องต่างๆลงเอยด้วยดีจึงไม่อยากรื้อฟื้นอีก ให้อภัยและยอมให้ทุกคนอยู่ในบ้านสักต่อไป ส่วนพินทุ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้ตัวว่ารักจ้าวพงศ์นรินทร์ คิดจะแอบลงทุนให้จ้าวฯได้สานฝัน จึงขอร้องคุณนายสายจิตต์ให้รับสมอ้างเป็นนายทุน จ้าวพงศ์นรินทร์ที่ไม่รู้ว่าพินทุเป็นต้นคิดเรื่องนี้ ดีใจมากและเลือกจะไปบอกข่าวดีกับพินทุเป็นคนแรก เขาเอ่ยปากชวนพินทุไปอยู่ด้วยกันที่ตากเพราะไม่ชอบสังคมเมืองกรุง แต่อินทุปฏิเสธบอกว่าเธอเองก็มีภาระการงานต้องทำ แต่ลองโยนหินถามทางว่าจ้าวคงจะลืมเด็กผู้ชายคนนี้ถ้าพบผู้หญิงถูกใจ จ้าวรับปากว่าถ้าหาเงินคืนเจ้าของเงินยังไม่ได้ ก็จะไม่มองผู้หญิงเป็นอันขาด.. ทั้งคู่ต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะคิดถึงกัน และทำเงินแข่งกัน นับวันคุณนายสายจิตต์ยิ่งมองเห็นความทุกข์เศร้าของสายขวัญ และหลังจากได้ตรวจสอบหัวใจของลูกสาวแล้ว จึงคิดว่าคงปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ พอดีกับที่คมเองก็คิดถึงสายขวัญจนทนไม่ไหว ตัดสินใจไปหาสายขวัญที่บ้าน ได้พบกับสายจิตต์ สายจิตต์ไม่อ้อมค้อม ถามคมตรงๆว่ารักลูกสาวของเธอมั้ย คมก็ตอบตรงอย่างไม่โกหกใจตัวเอง จากนั้นคมก็กลับไป ส่วนสายขวัญ หลังจากรู้ความจริงเรื่องที่กองแก้วจะแต่งงานกับพีร์ และข่าวดีที่จ้าวพงศ์นรินทร์กับพินทุก็จะลงเอยเช่นกันเพราะหลังจากที่จ้าวพงศ์นรินทร์รู้ความจริงเรื่องที่พินทุเป็นผู้หญิง แทนที่เขาจะโกรธว่าพินทุหลอก เขากลับดีใจมากและยิ่งรักพินทุมากขึ้นอีก สายขวัญตัดสินใจไปที่บ้านต้นสัก และได้พบกับคมเพชรอีกครั้ง ซึ่งการพบกันครั้งนี้ ต่างเดินเข้าหา พูดจากันด้วยภาษารัก... คมเพชรให้สัญญา ไม่ว่าจะเป็นดอกอ้อ หรือสายขวัญ เขาจะรักเธอชั่วนิรันดร์ และจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีกเลย
ตะวันบ้านทุ่ง 2556

ตะวันบ้านทุ่ง (2556/2013) เมื่อ 10 ปีกว่าที่แล้ว ณ บ้านทุ่งเมืองสุพรรณ เด็กชายเขมรัฐ หรือเข้ม (ตุ้ย เกียรติกมล) ได้แอบชอบผู้หญิงในดวงใจ ปานรวี (วิกกี้ สุนิสา) ด้วยโชคชะตาทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เพราะ ปานรวีคุณหมอสาวที่มีอุดมการณ์รักษาคนยากจน จะต้องไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุพรรณบุรี แต่ปานรวีจำพี่เข้มเด็กชายในวัยเยาว์ไม่ได้ เข้มไปหาปานรวีบ่อยครั้งโดยอ้างว่าเพื่อปกป้องเธอจากกำนันสำเนียง ผู้มีอิทธิพลที่ชอบเอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน แต่จริง ๆ แล้วที่เข้มอยากใกล้ชิดปานรวี เพราะอยากไปแอบเฝ้ามองปานรวีที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีหมอหนุ่มรูปหล่อชื่อ หมออิศวร์ (ภากร ธนศรีวนิชชัย) ที่มีใจให้ปานรวีอยู่ไม่น้อย ระหว่างเดินสายหาเสียงเลือกตั้งกำนัน กำนันสำเนียงปวดท้องรุนแรง พบว่าไส้ติ่งแตกต้องผ่าตัดด่วน ปานรวีทำการผ่าไส้ติ่งตัดให้ แต่กำนันสำเนียงเกิดหัวใจวายตายขณะผ่าตัด สนอง (บอย โชคชัย) ลูกชายกำนันสำเนียง มั่นใจว่าปานรวีเจตนาฆ่าพ่อ ข่าวนี้ล่ำลืออกไปจนชาวบ้านไม่ยอมรักษากับปานรวี ปานรวีมาพักใจที่บ้านป้าตับเต่า (แก้ว อภิรดี) และจะถูกเหน็บแนมแดกดันจาก จิตตา (ใหม่ สุคนธวา) เสมอ วงดนตรีเสียงสุพรรณของป้าเต่าไม่มีงานมานานแล้ว ป้าเต่าได้ยินปานรวีร้องเพลงเสียงเพราะจึงดันให้เป็นนักร้องประจำวง เข้มหนักใจเรื่องเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดหนักในนาข้าว จึงทำยาฆ่าเพลี้ยจากสมุนไพรแจกจ่ายฟรีให้กับพวกชาวนา สนองกับลูกน้องจึงแอบเอาเพลี้ยกระโดดไปปล่อยที่นาชาวบ้าน ทำให้ ระบาดหนักกว่าเดิม ทำลายนาชาวบ้านเสียหายหมด เข้มจึงโดนชาวบ้านรุมด่า ปานรวีเห็นใจเข้มมาก และให้กำลังใจเข้มสู้ต่อไป เข้มสร้างตลาดข้าว ให้ชาวนามาขึ้นทะเบียนเอาข้าวมาขาย สนองส่งลูกน้องไปข่มขู่ชาวบ้านไม่ให้มาลงทะเบียน ส่วนเข้มโดนซ้อมถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล ปานรวีสงสารเข้มไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องดูแล เลยอาสามาเฝ้าเข้ม วันงานเลี้ยงประจำอำเภอ เป็นเหตุให้ปานรวีจำพี่เข้มในวัยเด็กได้ จึงทำให้ทั้งสองคนผูกพันกันมากขึ้น ในที่สุดปานรวีก็พ้นมลทิน เมื่อสนองยอมส่งศพกำนันสำเนียงให้ชันสูตร และผลตรวจออกมาว่า กำนันสำเนียงเสียชีวิตเพราะหัวใจวายตาย ปานรวีต้องสลัดภาพคุณหมอ ไปเป็นนักร้อง เวลาชนกันทำให้งานเสียทั้งสองงาน ถึงคราวปานรวีต้องเลือก แต่ห่วงวงป้าเต่าไม่มีใครจ้าง ในที่สุดป้าเต่าปล่อยให้ปานรวีกลับไปทำหน้าที่หมอตามสมเจตนารมณ์เดิม บวร(ตฤณ เศรษฐโชค) รู้ว่าเข้ม คืออดีตเด็กวัดที่ชอบพอกับลูกสาว บวรมองว่าเข้มเป็นหมาวัดแหงนมองดอกฟ้า เข้มจะทำอย่างไรเพื่อจะพิชิตใจบวร และปานรวี หญิงผู้เป็นรักแรก รักฝังใจ ทั้งนี้ความรักระหว่างหมอสาวกับหนุ่มบ้านนาจะสมหวังหรือไม่ แฟน ๆ ละครเอาใจช่วยช่วยเข้มได้ใน “ตะวันบ้านทุ่ง” ออกอากาศทางไทยทีวีสี ช่อง 3

ผู้ดีอีสาน 2556

ผู้ดีอีสาน (2556/2013) นายอำภอเกริก(รอน บรรจงสร้าง)รับราชการมากว่า30ปีด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแต่แล้วต้องมีมลทินมัวหมองเมื่อถูกจับด้วยข้อหารับสินบนเพื่อช่วยเหลือคนต่างด้าวให้หลบหนีเข้าเมือง ทุกคนในอำเภอท่าพนมไพรต่างรู้ดีว่านายอำเภอเกริกถูกใส่ร้ายแต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและเป็นพยานให้เพราะเกรงกลัวต่ออิทธิพลของพ่อใหญ่ลอย(สันติสุข พรหมศิริ)เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลที่ต้องการกำจัดนาย อำเภอเกริกเพราะเข้ามาขัดขวางผลประโยชน์ธุรกิจเถื่อนทั้งค้ายา ค้าแรงงานต่างด้าว นายอำเภอเจต(วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ)เป็นนายอำเภอคนใหม่ที่ถูกส่งมาทำหน้าที่แทนนายอำเภอเกริกและได้รับคำสั่งจากหัวหน้าให้มาตรวจสอบหาความยุติธรรมให้กับนายอำเภอเกริกอย่างเงียบๆและทำลายอิทธิพลเถื่อนของพ่อใหญ่ลอยให้จงได้ เจตเข้ามาพักอยู่ที่บ้านเก่าของนายอำเภอเกริกโดยมีลุงชัด(สมเจต พยัฆโส)ซึ่งเป็นภารโรงของอำเภอและแตงอ่อน(พิชชาภา พันธุมจินดา)ลูกสาวจอมแก่แดดเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาดบ้าน ... แตงอ่อนมักจะคอยให้ท่ายั่วยวนเจตอยู่บ่อยๆเพราะอยากเป็นคุณนายของนายอำเภอ จนเจตต้องขอให้ลุงชัดช่วยหาเด็กผู้ชายมาอยู่รับใช้ที่บ้านเพื่อตัดปัญหาไม่ให้แตงอ่อนเข้ามาวุ่นวาย ลุงชัดไปเจอไอ้หยัง(พริมา พันธุ์เจริญ)เด็กหนุ่มพเนจรที่กำลังหางานทำอยู่พอดีจึงพามาพบ กับนาย อำเภอเจต แรกสบตาที่เจอกันเจตรู้สึกเหมือนกับเคยเจอไอ้หยังมาก่อน แต่หยังปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้เพราะบ้านมันอยู่กาฬสินธ์พร้อมกับโชว์พูดภาษาอีสานเป็นชุด แต่แท้จริงแล้วไอ้หยังเคยเจอนายอำเภอเจตมาก่อนหน้านี้ที่กรุงเทพในกระทรวง แต่ที่ต้องปิดบังเพราะตอนที่เจอกันนั้นไอ้หยังเป็นเด็กสาวชื่อสลิลดาและกำลังไปถามหาความยุติธรรมให้กับนายอำเภอเกริกผู้เป็นพ่อที่กระทรวง เมื่อแตงอ่อนเจอหยังแตงอ่อนถึงกับสะท้านในความหล่อและน่ารักน่าหยิกของหยังจนเปลี่ยนเป้าหมายจากเจตมาที่หยังแทน หยังพยายามหลีกเลี่ยงขับไล่ไม่ให้แตงอ่อนเข้าใกล้เพราะกลัวแตงอ่อนจะรู้ความลับว่าเธอเป็นหญิง แต่ไม่เป็นผลแตงอ่อนติดหนึบหยังพร้อมกับประกาศตัวเป็นแฟนคนใหม่ทันที เมื่อเหยียบย่างขึ้นมาบนอำเภอ เจตก็ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่บนอำเภอเกือบทุกคนทั้งเพ็ญศรี(ณ หทัย พิจิตรา) และสมใจ(รุ้งทอง ร่วมทอง)ต่างรับเงินพิเศษจากพ่อใหญ่ลอย ดังนั้นทุกคนจึงไม่ให้ความเคารพและเกรงใจนายอำเภออย่างเขาเท่าที่ควรจะเป็น เจตจึงปรับระบบการทำงานใหม่หมดทำให้เจ้าหน้าที่ต่างไม่พอใจโดยเฉพาะชัยยันต์(พิเชษฐไชย ผลดี)ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาทำงานสายทุกวันและบางวันก็ไม่มาด้วยเหตุผลที่ต้องไปรับใช้พ่อใหญ่ลอยส่วนตัว ชัยยันต์คิดจะลองดีกับเจตด้วยการประกาศให้เจตรู้ว่าการที่จะอยู่อำเภอนี้ได้ต้องก้มหัวให้พ่อใหญ่ลอยเท่านั้น เจตจึงแสดงให้ชัยยันต์เห็นว่าไม่สนใจอิทธิพลใดๆด้วยการลง โทษทางวินัยกับชัยยันต์เป็นคนแรก โดยการสั่งย้ายให้ไปทำงานในหน้าที่ที่ต่ำกว่าเดิม ชัยยันต์ โกรธมากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเจตเป็นผู้บังคับบัญชา เขาจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ เจตเริ่มสืบเรื่องคดีของนายอำเภอเกริกอย่างเงียบๆโดยมีสุขุม(ธนา ฉัตรบริรักษ์)ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่ที่นี่ให้ความช่วยเหลือ หยังแอบได้ยินเจตคุยกับสุขุมเรื่องพ่อจึงดีใจมากที่ได้รู้ว่ามีคนจะช่วยเหลือพ่อ หยังจึงบอกให้เกริกไปพบกับพงษ์(ธนธร ศวัสกร)ซึ่งเป็นน้องชายของสาลี(ภารดี อยู่ผาสุก)เมียน้อยพ่อใหญ่ลอย เพราะพงษ์เป็นพยานสำคัญเพียงคนเดียวที่รู้ว่านายอำเภอเกริกไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา ... เจตแปลกใจที่หยังรู้เรื่องของนายอำเภอเกริกอย่างละเอียดหยังจึงโกหกว่าตัวเองเป็นลูกของเมียเก็บนายอำเภอและขอร้องไม่ให้เจตบอกเรื่องนี้กับใครเพราะไม่อยากให้เกริกต้องเสียชื่อเสียง ... เจตนัดเจอพงษ์ตามที่หยังบอก... แต่ทว่าพงษ์กลับถูกคนของพ่อใหญ่ลอยฆ่าตัดตอนเสียก่อน หยังถึงกับหมดกำลังใจเพราะพงษ์เป็นความหวังเดียวที่จะช่วยพ่อได้ เจตมองหยังด้วยความสงสารและเห็นใจพร้อมกับให้สัญญาว่าจะจับพ่อใหญ่ลอยเข้าคุกให้ได้เพื่อช่วยนายอำเภอเกริกให้พ้นจากมลทิน หยังโผเข้ากอดเจตด้วยความประทับใจและศรัทธาในตัวเขา เจต อึ้งตะลึงงันไปชั่วขณะกับความรู้สึกที่หยังโผกอดเข้ามา เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร รู้แต่เพียงว่าหัวใจของเขามันสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล หยังแนะนำให้เจตเข้าสืบเรื่องพ่อใหญ่ลอยจากยอดหญิง(ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์)ซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะยอดหญิงมีใจให้กับเจตตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันบนอำเภอ ความสุภาพ ความหล่อและมีการศึกษาของเจตทำให้ยอดหญิงถึงกับเพ้อว่าเขาคือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เธอรอคอย ความปลาบปลื้มที่ยอดหญิงมีต่อเจต ยิ่งสร้างความเกลียดชังให้กับชัยยันต์เพราะ เขาพยายามตามจีบเธอ แต่เธอไม่เคยแยแสแถมทำทีท่ารังเกียจเขาอย่างเห็นได้ชัด เจตเริ่มเดินแผนด้วยการมาหายอดหญิงที่บ้านบ่อยๆ เพื่อหาทางเข้าใกล้ตัวพ่อใหญ่ลอย แต่คนอย่างพ่อใหญ่ลอยไม่ไว้ใจใครง่ายๆ เขาระมัดระวังที่จะไม่ให้เจตเข้าใกล้และล่วงรู้เรื่องธุรกิจเถื่อนต่างๆ เจตจึงไม่มีโอกาสที่จะเก็บหลักฐานอะไรเพื่อมัดตัวเจ้าพ่อใหญ่ หยังก้าวเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจตเต็มตัวในการติดตามสืบหาข่าวเกี่ยวกับธุรกิจเถื่อนต่างๆของพ่อใหญ่ลอย ความใกล้ชิดระหว่างเจตกับหยังทำให้หัวใจของหญิงสาวหวั่นไหวและหลงรักเขาเต็มประตู เช่นเดียวกับเจตที่มีความรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ใกล้เธอแต่เจตต้องเรียกสติตัวเองกลับมาเพราะรู้ดีว่าหยังเป็นผู้ชาย เจตพยายามไม่อยู่ใกล้ชิดและถอยห่างหยัง เพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเกิดปัญหาการ นินทาซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์อีกมากมายให้เขาได้อาย ... หากใครรู้ว่าเขารักไม้ป่าด้วยกัน แต่ยิ่งถอยหนีกลับยิ่งโหยหา เจตได้แต่เก็บความไหวหวั่นไว้ในใจไม่กล้าเล่าให้ใครฟังจนในที่สุดเขาก็ปริปากบอกให้สุขุมรู้ สุขุมช๊อคและตกใจสุดขีดด่าทอว่าเจตเป็นพวกจิตใจวิปริตที่รักเพศเดียวกัน เจตพยายามอธิบายว่ามันคือความรักที่บริสุทธิ์ แต่สุขุมรับไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้เจตไปพบหมอเพื่อรักษา แต่ในที่สุดเจตก็ไม่สามารถหักห้ามความรักที่มีต่อหยังได้ เขาสารภาพรักกับเธอและบอกให้เธอรู้ว่าเขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับคนในสังคมอย่างไม่อายและคิดจะให้หยังไปทำการผ่าตัดแปลงเพศ หยังได้แต่อมยิ้มในความเข้าใจผิดของเจต แต่เวลานี้เธอยังไม่สามารถบอกความจริงให้เขาล่วงรู้ได้ว่าเธอคือใคร เจตจับได้ว่าชัยยันต์และคนบนอำเภอแอบทำบัตรต่างด้าวปลอม เขาจึงเรียกทุกคนสอบสวนเพื่อหาผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเขารู้ดีอยู่แล้วว่าบุคคลนั้นคือพ่อใหญ่ลอย เจตเพียงแต่ต้องการให้ชัยยันต์และทุกคนร่วมกันซัดทอด แต่คนอย่างพ่อใหญ่ลอยย่อมไม่ปล่อยให้ใครหักหลังง่ายๆ เขาสั่งลูกน้องให้ไปตามเก็บชัยยันต์ทันที แต่ชัยยันต์หนีรอดไปได้และวกกลับมาเอาตัวยอดหญิงไปเจตตามไปช่วยยอดญิงไว้ได้ทันและยิงชัยยันต์ตาย พ่อใหญ่ลอยซาบซึ้งที่เจตช่วยชีวิตยอดหญิงไว้และเชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเจตรักลูกสาวของเขาจริง พ่อใหญ่ลอยจึงยกยอดหญิงให้กับเจต และนี่เป็นโอกาสทองที่เขาจะเข้าถึงตัวพ่อใหญ่ลอยได้อย่างไม่มีข้อกังขา เจตตอบตกลงที่จะแต่งงานกับยอดหญิงในขณะที่หยังใจหายกลัวว่าเขาจะหมดรักเธอ แต่เจตให้คำสัญญากับหยังว่าเขาแต่งกับยอดหญิงแต่เพียงในนามเท่านั้น ส่วนหัวใจของเขายังอยู่กับหยังเสมอ หลังจากแต่งงานเจตกลายเป็นลูกเขยคนโปรดที่พ่อใหญ่ลอยไว้วางใจและยอมให้เจตเข้ามามีส่วนรู้เห็นในกิจการเถื่อนของครอบครัว... และวันที่เจตกับหยังรอคอยก็มาถึงเมื่อพ่อใหญ่ลอยนัดส่งยาบ้ากับคู่ค้า เจตนำกำลังเข้าล้อมจับแต่พ่อใหญ่ลอยขัดขืนจึงถูกยิงตาย ยอดหญิงผิดหวังและเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้พ่อต้องมาตายเพียงเพราะเธอหลงรักผู้ชายจนหน้ามืดตามัว ยอดหญิงจึงยิงตัวตายตามพ่อไป เจตรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองใช้ยอดหญิงเป็นเครื่องมือในการจับพ่อใหญ่ลอยแต่สุขุมเตือนสติว่าสิ่งที่ทำก็เพื่อบ้านเมืองเพราะเจตเป็นข้าราชการของแผ่นดิน นายอำเภอเกริกได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับหมดมลทินเมื่อศาลตัดสินว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ หยังโดดกอดพ่อกับแม่นิตยา(ขวัญฤดี กลมกล่อม)ด้วยความดีใจ พร้อมกับที่เจตได้รับรู้ความจริงว่าหยังคือสลิลดาลูกสาวของนายอำเภอเกริกที่ปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายมาหลอกเขา เจตโกรธมากที่ถูกหยังหลอกมาตลอด หยังพยายามจะอธิบายและง้อต่างๆนานาแต่เจตก็ไม่รับฟังแถมยังไล่เธออย่างไม่ไยดี แต่สุดท้ายความรักย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อได้ทบทวนและถามตัวเองว่าหยังมีความสำคัญกับชีวิตเขาเพียงใด เจตจึงเป็นฝ่ายไปง้อตามหยังกลับมา...