2556
สามทหารเสือสาว ฟ้ากระจ่างดาว (2556/2013) หญิงสาวแหงนมองท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจนึกถึงคืนหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันที่ซมซานหนีออกมาจากบ้านแม่ นึกถึงเมื่อสองคืนก่อนที่ดาวเริ่มส่องแสงแข่งกับเดือน สองคืนนั้นกับคืนนี้แตกต่างกันลิบลับ ต่างแม้ว่าจะเป็นท้องฟ้าเดิม ดาวดวงเดิม หากวินาทีนี้เมื่อก้าวไปกับชายหนุ่ม มีคณากลับไม่รู้สึกเจ็บปวด หวาดกลัวหรือคุมแค้นแต่อย่างไร ทุกย่างก้าวมีแต่ความมั่นใจและอบอุ่น ความมั่นใจแปลก ๆ เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึก ว่าทุกอย่างก้าวต่อไปนี้ เธอคงไม่ต้องเดินอย่างเดียวดาย คงไม่ต้องเดินอย่างอ้างว้าง มีคณา นักข่าวสาวสายอาชญากรรม ตั้งปณิธานว่จะเป็นนักข่าว และจะนำเสนอข่าวเพื่อโค่นล้มพวกหากินกับการค้าผู้หญิงให้ได้มากที่สุด เมื่อมีคณาเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอได้เข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์สยามสาร และเธอได้เจอกับ มัทนา และสาระวารี ซึ่งมีปณิธานการทำงานเหมือนกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอต้องไปทำข่าวงานแฟชั่นโชว์การกุศลแทนมัทนา เพื่อนรักของเธอ ซึ่งต้องไปทำข่าวที่ต่างจังหวัด มีคณาไม่เคยชอบอะไรที่เธอตัดสินว่าเป็นเรื่องฟุ้งเฟ้อ ไฮโซ เธอพยายามเกี่ยงให้สาระวารีไปทำ แต่สาระวารีก็ติดทำข่าวในต่างจังหวัดเช่นกัน ในงานนี้ทำให้ได้พบกับ "พ.ต.ต.หิรัณย์" นายตำรวจหนุ่มหล่อ เก่งกาจ จากหน่วยงานนอกเครื่องแบบของ ป.ป.ส. และมีเหตุให้ทั้งสองต้องมาร่วมทำงานด้วยกัน พ.ต.ต.หิรัณย์ จึงฉวยโอกาสนี้ เริ่มสานสานความสัมพันธ์กับมีคณา พร้อมทั้งคลายปมในใจที่เธอเกลียดผู้ชายลง
ATM 2 คู่เว่อ..เออเร่อ..เออรัก (2556/2013) หลังงานแต่งงาน เสือและจิ๊บเริ่มต้นชีวิตคู่ในบ้านหลังใหม่ เสือเป็นคนออกไปทำงาน จิ๊บดูแลเรื่องในบ้าน เป็นชีวิตแต่งงานสุดเพอร์เฟ็คต์ จนกระทั่ง.... “โหย่ว” ย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่
Love Balloon รักพองลม (2556/2013) รักชุลมุนของแก๊งวัยรุ่น เมื่อ อูปิม (ส้ม มารี) นักเขียนสาวช่างฝันต้องเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อเขียนหนังสือของแม่ที่จากไปให้จบเล่ม แต่ดันมีเหตุให้โทรศัพท์มือถือต้องสลับกันกับโทรศัพท์ของ ไต้ฝุ่น (นิกกี้ ณฉัตร) ไอดอลซูเปอร์สตาร์ขาเหวี่ยง ที่หนีข่าวฉาวลี้ภัยขึ้นเหนือไปเก็บเนื้อเก็บตัว ในวันที่นัดกันแลกโทรศัพท์คืน ทั้งคู่ทะเลาะกันจนถูกจับภาพคู่เป็นข่าวเม้าท์หึ่งวงการ ทำให้สปอนเซอร์รายใหญ่ที่ไต้ฝุ่นเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ขู่จะถอนการสนับสนุน ตูน (นาวว์ เมธาวี) ผู้จัดการขาโหด จึงต้องจัดฉากครั้งใหญ่ หลอกให้ทุกคนคิดว่านี่คือการถ่ายทำรายการพิเศษ Super Star Date พาแฟนคลับไปเที่ยวกับคนดัง อูปิม ฝันอยากขึ้นบอลลูนเพื่อถ่ายรูปมาลงหนังสือ จึงตอบตกลงไปร่วมรายการ แต่เพราะไม่ไว้ใจไต้ฝุ่น เธอจึงตั้งข้อแม้ว่าต้องให้ หมอก (พุฒ พุฒิชัย) รุ่นพี่ที่เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าเดียวกันไปด้วย ในฐานะแฟนขี้หวงของอูปิม เข้าทางหมอก ซึ่งแอบชอบอูปิมมานานพอดี ทางด้าน ปั๋น (แชมป์ ณัฐรัชต์) น้องชายแท้ ๆ ของผู้จัดการตูน ซึ่งปิ๊งอูปิมอย่างแรง ก็ขอติดสอยห้อยไปด้วยอีกคน เมื่อซุป'ตาร์ที่อยากพักร้อน ต้องแอ๊บว่ามาทำงาน เมื่อนักเขียนสาวที่เหม็นขี้หน้าซุป'ตาร์ต้องแอ๊บว่าตัวเองเป็นแฟนคลับ เมื่อรุ่นพี่ขี้อายต้องแอ๊บว่าเป็นแฟนของคนที่ตัวเองแอบปิ๊ง ทริปถ่ายรายการครั้งนี้จะชุลมุนวุ่นรักขนาดไหน ต้องมาติดตามชมกัน ติดตามชมซีรีส์รักวัยรุ่นสดใสดูแล้วหัวใจพองโต Love Balloon รักพองลม
จ้าวพายุ (2556/2013) อรทัย(โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากเมียหลวงของศิวา(เกรียงไกร อุณหนันท์) เจ้าของนามสกุลใหญ่ “เจนจรัสตระกูล” หลังจากแม่แท้ๆของเธอตาย ศิวาก็หันไปคว้าเอาอาภา(กัลยา เลิศเกษมทรัพย์) เด็กรับใช้ในบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับอรทัยมาเป็นเมีย อรทัยจึงเกลียดอาภามาก สร้างความหนักใจให้ศิวา จนกระทั่งอาภาคลอดลูกชายคือศุวิล หรือ ลม(ไนกี้-นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ที่ได้เป็นเจ้าของนามสกุล เจนจรัสตระกูล อีกคนหนึ่ง อรทัยไม่ยอมให้เมียน้อยและลูกมาแย่งความรักและสมบัติของจากพ่อ คืนหนึ่งศิวาไม่อยู่ อรทัยจึงขู่อาภาว่าจะฆ่าลมและขับไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน อาภาจึงพาลมลูกชายวัย5ขวบจากไป อรทัยใส่ร้ายว่าอาภามีชู้ ศิวาไม่เชื่อและได้แต่สงสัยว่าอาภาหนีไปเพราะเหตุใด 20 ปีผ่านไป อรทัยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่เธอคิดผิด เมื่อบรรเจิด(ภูธเนศ หงษ์มานพ) สามีของเธอ เริ่มมีพฤติกรรมน่าสงสัย แต่อรทัยก็ฉลาดพอที่จะไม่กระโตกกระตาก ตั้งใจจะสืบเรื่องผู้หญิงที่มาเป็นเมียน้อยของสามีเธออย่างลับๆ อรทัยต้องการให้สุธาวี(เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์) ลูกชายที่ดื้อรั้นไม่ได้ดั่งใจ แต่งงานกับฟ้าใส(ลิลลี่-ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ) หลานบุญธรรมของบรรเจิด เพราะศิวารักและเอ็นดูฟ้าใสมากกว่าสุธาวีหลานแท้ๆของตน ความกตัญญูของฟ้าใสทำให้อรทัยมั่นใจว่าจะควบคุมทุกอย่างได้ แม้ว่าบรรเจิดจะคัดค้าน และสุธาวีเองก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ชอบฟ้าใสแม้แต่น้อย ก็ไม่ได้ทำให้อรทัยเปลี่ยนใจ ศิวาตามหาอาภาและศุวิลจนพบ แต่อาการมะเร็งกำเริบจนต้องเข้าโรงพยาบาล อาภาใจอ่อนและสงสารศิวา แต่ก็ไม่ยอมปริปากถึงสาเหตุการจากมาของตน ศุวิลเติบโตมากับความเกลียดชังพ่อแท้ๆ อาภารู้ว่าถ้าศุวิลรู้ความจริงว่าอรทัยเคยขู่ฆ่า ศุวิลจะไม่ปล่อยอรทัยแน่ แต่ศุวิลก็มีเหตุปะทะกับอรทัยที่โรงพยาบาลจนได้ ฟ้าใสเข้ามาขวางจึงได้รับบาดเจ็บ ฟ้าใสตั้งใจจะทำให้ศุวิลปรับความเข้าใจกับศิวา ศุวิลรำคาญฟ้าใส แต่ความดีของเธอก็ทำให้หัวใจของศุวิลสั่นคลอน แม้ว่าเขาเองจะคบหาอยู่กับปิ่นมณี(ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) ก็ตาม ศุวิลไม่เคยรู้ว่าชีวิตลับๆ ของปิ่นมณีคือการขายตัวให้แขกไฮโซ ต่อหน้าเธอแสนดีและเข้าใจเขาเสมอ แท้จริงแล้วความฝันเดียวของปิ่นมณีคือ หาผู้ชายดีๆ รวยๆ สักคน เพื่อหนีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะต้องเลี้ยงปาน(ณหทัย พิจิตรา) แม่บังเกิดเกล้าและพัน(จตุรงค์ โกลิมาศ) ผัวใหม่ของแม่ แต่เธอก็ไม่สามารถทิ้งแม่ของเธอได้ ความลับของปิ่นมณีไม่เคยมีใครรับรู้ แม้กระทั่งฟ้าใสเพื่อนสนิทของเธอ ปิ่นมณีอิจฉาชีวิตที่โชคดีของฟ้าใส รวมถึงแก้วตา(ซี-หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช) สาวน้อยใสซื่อเพื่อนสนิทอีกคน ที่ภายใต้หน้ากากสาวอ่อนหวานไร้พิษภัย แต่แท้จริงยอมพลีกายให้กับบรรเจิด สามีของอรทัย เพื่อแลกกับชีวิตที่สุขสบาย ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่ง หักหลังฟ้าใสเพื่อนสนิทของตน อรทัยระแคะระคายได้เบาะแสเมียน้อยบรรเจิด แต่แก้วตาก็หนีรอดทุกครั้ง แต่ไม่ใช่การช่วยเหลือของบรรเจิดเพียงคนเดียว แต่เพราะเดช(ดิว-ภัทรพล กันตพจน์) คนสนิทของบรรเจิดที่แอบชอบแก้วตาช่วยด้วย ความลับของแก้วตาเริ่มถูก งามเสมอ(หนูอิมอิม ก้าวมหัศาจรรย์) ครูที่โรงเรียนจับตามอง แต่ชนเมศร์(ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์) ครูอีกคนที่ชอบแก้วตาคอยแก้ตัวให้อยู่เสมอ เมื่อศิวาประกาศว่า จะแบ่งสมบัติของตนครึ่งนึงให้ศุวิล อรทัยจึงแค้นที่สองแม่ลูกจะกลับมาแย่งของๆ เธออีกครั้ง อรทัยเห็นว่า ฟ้าใสเป็นเครื่องมือที่จะทำได้สมบัติทั้งหมด จึงออกคำสั่งให้สุธาวีเอาชนะใจฟ้าใสและแต่งงานให้เร็วที่สุด! แม้ว่าสุธาวีจะคบหาอยู่กับ สราลัย(เมย์-สิรินทร์ ก่อเกียรติ) ลูกสาวรัฐมนตรีอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยกล้างัดข้อกับอรทัย จนกระทั่งสุธาวีได้พบปิ่นมณี สุธาวีก็คลั่งไคล้ปิ่นมณีทันที! สราลัยไม่พอใจที่ปิ่นมณีดึงสุธาวีไปจากตน จึงรุมทำร้ายปิ่นมณีแต่ก็แพ้ ยิ่งทำให้สุธาวีพอใจในความแซ่บของปิ่นมณี เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือแฟนของศุวิล ก็ยิ่งอยากชนะ สราลัยเอาเรื่องปิ่นมณีไปบอกอรทัย อรทัยไม่ยอมรับปิ่นมณี แต่เพราะความหลงเสน่ห์ปิ่นมณี ทำให้สุธาวีกลับลุกขึ้นแข็งข้อกับอรทัย และยืนกรานว่าจะต้องอยู่กับปิ่นมณีให้ได้ สุธาวีเล่าเรื่องที่ศิวาจะยกมรดกให้ศุวิลครึ่งนึงให้ปิ่นมณีฟัง ทำให้ปิ่นมณีไม่ยอมปล่อยศุวิล เพราะยังไม่รู้ว่าศุวิลหรือสุธาวีจะได้ครอบครองสมบัติกันแน่ เธอจึงปกปิดเรื่องที่เธอแอบคบสุธาวีไม่ให้ศุวิลรู้ สุธาวีปะทะกับอรทัยบ่อยขึ้น และยื่นข้อเสนอกับอรทัยว่าจะแต่งงานกับฟ้าใสตามต้องการ แต่จะให้ปิ่นมณีเป็นเมียน้อย อรทัยไม่ยอมเด็ดขาด ปัญหารอบตัวของอรทัยยิ่งทวีคูณ เมื่อเห็นว่าศุวิลกับฟ้าใส เหมือนจะมีสายใยบางอย่างเกิดขึ้น หลายครั้งที่ศุวิลหัวเสียจากอรทัย คนที่โดนลูกหลงก็มักจะเป็นฟ้าใสเสมอ ครั้งนึงที่ศุวิลพลั้งมือทำร้ายฟ้าใส ศุวิลรู้สึกผิดมาก พยายามตามทำดีกับฟ้าใสเพื่อไถ่โทษ เมื่อได้ใกล้ชิดกันก็ทำให้ทั้งสองต่างหวั่นไหวต่อกัน รวมถึงแก้วตา เมื่อได้พบศุวิล ก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้ฟ้าใสได้สมหวังกับศุวิลแน่ จึงยกเอาเรื่องศุวิลเป็นแฟนของปิ่นมณีขึ้นมาพูดกับฟ้าใส และแสร้งทำทีว่าเข้าใจความรู้สึกของฟ้าใสที่มีต่อศุวิล แก้วตาขอให้ฟ้าใสรับปากว่าจะไม่หักหลังแย่งศุวิลจากปิ่นมณี ฟ้าใสยอมรับปาก แม้ในใจจะเจ็บลึกๆก็ตาม ฟ้าใสออกห่างจากศุวิล และขอร้องให้เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกินเลย เธอไม่อยากหักหลังเพื่อน ศุวิลรับปากเพราะไม่อยากทำให้ฟ้าใสลำบากใจ แก้วตาสมหวังที่กีดกันฟ้าใสออกจากศุวิลได้ เพื่อที่เธอจะได้แอบสร้างความสัมพันธ์กับศุวิลเอง และโชคก็เข้าข้างแก้วตา เมื่อบรรเจิดย้ายบ้านเธอหนีจากการรุกรานของอรทัย ที่สำคัญบ้านนั้นติดกับบ้านของศุวิล! ศุวิลและอาภาไม่เคยสงสัยแก้วตา และไม่เคยรู้ว่าแก้วตาคือเพื่อนของฟ้าใส ทุกครั้งที่ศุวิลไปหาฟ้าใสที่โรงเรียน แก้วตาจะหลบเลี่ยงไปทุกครั้ง มีเพียงสำลี(อุ่นเรือน ราโชติ)ที่ฟันธงว่าแก้วตาเป็นเมียน้อย!! แก้วตาทนไม่ไหวที่ต้องหลบซ่อน จึงระบายเรื่องที่เธอเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้กับปิ่นมณีฟัง ปิ่นมณีปลอบใจแก้วตา แต่ความลับนี้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ปิ่นมณีจะใช้ไขเข้าบ้านเจนจรัสตระกูล ปิ่นมณียื่นข้อเสนอจะให้เบาะแสเรื่องเมียน้อยบรรเจิดกับอรทัย แม้ว่าไม่เต็มใจแต่อรทัยก็ตอบรับข้อเสนอปิ่นมณี ที่ขายความลับของเพื่อนสนิทให้อรทัยรู้ หารู้ไม่ว่า ถึงอย่างไรอรทัยก็จะไม่ยอมรับปิ่นมณี ฟ้าใสคนเดียวที่จะช่วยนำเธอไปสู่ชัยชนะระหว่างเธอกับศุวิลได้ อรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตา แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเดชคอยส่งข่าวเตือน ด้านปิ่นมณีก็ทวงสัญญาการแต่งงานของเธอกับสุธาวีที่อรทัยเคยให้ แต่อรทัยเสนอให้สุธาวีสืบหาและจัดการกับแก้วตาให้เธอ และจะไม่ขัดขวางเรื่องแต่งงานกับปิ่นมณีอีก สุธาวีจึงรับปาก สุธาวีพาปองพล(พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา) พี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงของปิ่นมณีไปจัดการแก้วตาด้วย แม้ว่าปิ่นมณีจะไม่ลงรอยกับปองพล แต่งานนี้เธอก็ใช้ปองพลกับสุธาวีร่วมมือกันทำร้ายแก้วตาจนปางตาย สร้างความเสียใจให้บรรเจิดและเดช ทาสรักผู้ภักดีของแก้วตา เมื่อฟ้าใสรู้เรื่องแก้วตาก็ตกใจ แก้วตาขอโทษและขอร้องให้ฟ้าใสเข้าใจความรักของเพื่อนกับอา ฟ้าใสหลงเชื่อสงสารจึงยอมทำตาม แต่คิดไว้ว่าจะหาวิธีพูดให้แก้วตาเลิกเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้ได้ ลึกๆแล้วแก้วตายังไม่อยากทิ้งบรรเจิด เพราะยังไม่ได้ศุวิลมาครอง แต่เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือผู้ชี้เป้าให้อรทัยได้รู้ แก้วตาก็สืบจนรู้ว่าปิ่นมณีทำงานขายตัว จึงบอกเรื่องนี้กับศุวิลเพื่อเป็นการแก้แค้น ศุวิลไม่อยากเชื่อ แต่ก็ตามไปดูปิ่นมณี สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องช็อค เพราะพบปิ่นมณีกำลังนัวเนียกับสุธาวี ศุวิลขอเลิกกับปิ่นมณีทันที เมื่อถูกสลัดจากศุวิล ปิ่นมณีจึงมาเร่งการแต่งงานกับสุธาวี แต่อรทัยก็ไม่รักษาคำพูด ซ้ำยังหันไปบังคับฟ้าใสให้ยอมแต่งงานกับสุธาวี ฟ้าใสยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รักเด็ดขาด เพราะในใจลึกเธอรักศุวิลแม้จะรักข้างเดียวก็ตาม คืนหนึ่งสุธาวีเมาและแค้นอรทัยมาก เมื่อกลับมาเจอฟ้าใส สุธาวีจึงใช้กำลังปลุกปล้ำ โชคดีที่ศุวิลมาช่วยฟ้าใสไว้ได้ทัน สุธาวีต่อสู้กับศุวิล สุธาวีเลยจะยิงศุวิล ฟ้าใสเอาตัวเข้าขวางเอาไว้ ฟ้าใสจึงถูกยิงแทน หลังเหตุการณ์นี้ศุวิลขอร้องให้ฟ้าใสมาพักรักษาตัวที่บ้านเขา ศุวิลกลายเป็นคนมีชีวิตชีวา อาภารับรู้ถึงความรู้สึกของทั้งคู่ แต่แม้ว่าจะได้ใกล้ชิดกันแค่ไหน ทั้งคู่ก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าจะเป็นเพียงเพื่อนกัน อรทัยรู้ข้อมูลของปิ่นมณีเรื่องจ็อบเป็นโสเภณีชั้นสูง จากการให้ข่าวของปรียะ(ม.ล.อรรถดิศ ดิศกุล) เพื่อนกินของสุธาวี จึงเอาเรื่องนี้มาบอกสุธาวี แต่สุธาวีกลับยอมรับปิ่นมณีได้ แต่อรทัยไม่ยอม สั่งลูกน้องไปดักทำร้ายปิ่นมณีหวังข่มขู่ให้เลิกกับสุธาวี แต่สุธาวีมาช่วยปิ่นมณีเอาไว้ได้ทัน สุธาวีโกรธจนลืมตัว บุกไปเอาเรื่องอรทัย และประกาศว่าปิ่นมณีต้องเป็นเจ้าสาวของเขา! ทำให้อรทัยแค้นมาก ศุวิลยังไม่ยอมรับศิวาเป็นพ่อ ทำให้อาการของศิวาทรุดหนัก อาภาจึงบอกความจริงกับศุวิล ว่าอรทัยขู่ฆ่าศุวิล เธอจึงต้องหนีออกมา ศุวิลจึงโกรธแค้นอรทัยมาก แต่พอฟ้าใสกับอาภาขอร้องให้ใจเย็น ศุวิลก็เย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อศิวารู้ว่าอรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตาจนปางตาย เขาก็ยิ่งเสียใจที่ลูกสาวแท้ๆของเขามีจิตใจเหี้ยมโหด จึงตั้งใจจะไม่มอบอะไรให้อรทัยและสุธาวีแม้แต่แดงเดียว อรทัยยอมรับและยังบอกให้ศิวายกสมบัติให้สุธาวีทั้งหมด ไม่อย่างนั้น ตนจะไม่เอาอาภาและศุวิลไว้ ศิวาเป็นห่วงอาภาและศุวิล จึงยอมร่างพินัยกรรม ปิ่นมณีใช้มารยาปั่นหัวสุธาวีจนแตกหักกับอรทัยแล้วมาแต่งงานอยู่กับตน ส่วนบรรเจิดได้ขอแยกทางกับอรทัยถาวร ทำให้อรทัยแค้นใจมาก แต่เรื่องทั้งหมดยังไม่จบลงเท่านั้น เมื่อเดชบุกมากลางงานแต่งงานพร้อมปืนในมือเพื่อล้างแค้นแทนแก้วตา ปิ่นมณีเองก็แค้นแก้วตาที่ขายความลับที่เธอขายตัวให้ศุวิลรู้และทำให้ชีวิตเธอแทบพัง บทสรุปของเรื่องราวความรัก ความแค้น ความเกลียดชังราวกับลมพายุที่โหมกระหน่ำในใจของทุกคนจะจบลงอย่างไร และสายลมรักของฟ้าใสกับศุวิลจะพัดพาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันได้หรือไม่?
เด็กชายในเงา (2556/2013) “เด็กชายในเงา” ละครแนวโรแมนติกดราม่าที่อบอุ่น ซาบซึ้งกินใจ และสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตาแห่งความประทับใจแก่ผู้ชม ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของพี่น้องฝาแฝด โดยแฝดน้อง “ป่าน” เป็นเด็กสมบูรณ์ปกติ แต่แฝดผู้พี่ “ว่าว” เป็นเด็กพิการที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้เงาของแฝดน้องตลอดมา ว่าวเติบโตมาพร้อมกับสายตาที่แสดงความเวทนาของคนรอบข้าง จนทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าตัวเองด้อยค่ากว่าทุกคนในโลก และจะมีชีวิตอยู่ในเงาของคนอื่นตลอดไป แต่ในที่สุด ด้วยความรักของป่าน แฝดน้องและการช่วยเหลือของคนรอบข้าง รวมถึงการมีศรัทธาในตัวเอง ได้ช่วยให้ชีวิตของว่าวได้ออกจากเงามืด มาใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
สามทหารเสือสาว มนต์จันทรา (2556/2013) นานครั้งที่พระจันทร์จะโผล่ให้เห็น แต่ทุกครั้งที่เห็นก็มักจะเป็นจันทร์เจ้าแห่งความหลัง จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง กลายเป็น "มนต์จันทรา" เกาะยานกที่ฝั่งทะเลตะวันออก ไกลออกไปถึงเกาะพระฮามในน่านน้ำเขมร เป็นเรื่องระหว่างเขากับเธอ นักข่าวสาว กับ เจ้าพ่อกาสิโน สาระวารี กับ สาระสมา พี่น้องฝาแฝดที่มีความหลังฝังใจตั้งแต่เด็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องการพนันโดยพ่อหลงการพนันอย่างหนักเสียเงินทางทรัพย์สิน จนกระทั่งแม่ไม่สบายสาระวารีไปขอเงินพ่อที่บ่อนเพื่อไปรักษาแม่ แต่พ่อไม่ให้แถมถูกพ่อตลาดไล่ตี "ษมา" ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เห็นเข้าก็นึกสงสารจึงให้เงินสาระวารี พอสาระวารีกลับถึงบ้านแม่ก็ได้เสียชีวิต ทำให้เธอมีความหลังฝังใจกับเรื่องการพนันอย่างมาก จนเมื่อเป็นนักข่าวแล้ว มีเหตุต้องทำข่าวเกี่ยวกับการเปิดบ่อนคาสิโน่ จึงทำให้สาระวารีกลับมาเจอกับษมาอีกครั้ง แต่เธอกลับจำเขาไม่ได้ ส่วนษมานั้นจำเธอได้แม่นยำ จึงรุกที่จะจีบเธออย่างเต็มที่ และด้วยภารกิจท้าทายที่เสี่ยงตาย จึงเป็นจุดเชื่อมโยงหัวใจของทั้งสอง
เรือนเสน่หา (2556/2013) พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่ ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง เรือนเสน่หา ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา 18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ในละคร เรือนเสน่หา
Forward ท้าเวลา พลิกอนาคต (2556/2013) เมื่อความลับของประตูเวลาถูกเปิดออก ด้วยฝีมือของพวกเขาทั้งสี่ ฮีโร่กาลเวลาจึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกคนและทุกเหตุการณ์ ตั้งแต่เรื่องบ้าน ๆ ยันเรื่องระดับประเทศ เรื่องราวของเด็กหนุ่มธรรมดา 4 คน ธรณ์ (ฌอห์ณ)/นที (พุฒ)/วิน (นิกกี้)/พลุ (กันต์) ที่เกิดไปค้นพบวิธีเปิดประตูเวลา สามารถข้ามเวลาไปอนาคต พวกเขาเห็นและค้นพบว่าเรื่องที่แย่ แก้ไขได้ เรื่องที่ร้ายเปลี่ยนเป็นดีได้เหมือนกัน เด็กหนุ่มทั้งสี่จึงตัดสินใจสวมบทฮีโร่กาลเวลา สะสางปัญหาให้ผู้คน เรื่องราว และเหตุการณ์ แก้ปัจจุบันเพื่ออนาคตที่ดีเยี่ยม โดยมี ฟ้า (น้ำชา) รุ่นน้องของ อาร์ม (โอ๊ค) พี่ใหญ่ของทั้งสี่หนุ่ม ผู้ที่เป็นประตูทางเข้าและทางออกของการข้ามเวลา เป็นคนแรกที่พาสี่หนุ่มข้ามเวลาไปอนาคต และบังเอิญน้องข้างบ้าน แคร์ (มายด์) รับรู้ถึงความสามารถของทั้งสี่หนุ่ม ความวุ่นวายต่าง ๆ จึงเริ่มต้น พวกเขาเหล่านั้นจะเชื่อหรือไม่ เด็กหนุ่มพวกนี้จะเปิดประตูเวลาไปที่ไหน แล้วถ้าบางคนเห็นอนาคตของตัวเองแล้วไม่แก้ไข เด็กหนุ่มทั้งสี่จะทำอย่างไร และโชคร้ายที่ยิ่งกว่าโชคร้ายก็คือเด็กหนุ่มทั้งสี่เห็นชะตาชีวิตของใครก็ได้ ยกเว้นของตัวเอง
ฟาร์มเอ๋ย ฟาร์มรัก (2556/2013) วิศว์ ทายาทตระกูลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถูกยื่นคำขาดจาก อมรินทร์ ผู้เป็นพ่อให้ติดต่อซื้อฟาร์มหมื่นไร่ซึ่งมีพื้นที่ติดกับป่าอุดมสมบูรณ์เพื่อทำรีสอร์ท วิศว์กลุ้มใจกับภารกิจนี้มาก หากเขาทำงานครั้งนี้ไม่สำเร็จก็จะถูกตัดออกจากกองมรดกอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นไม้ตายที่อมรินทร์ยื่นให้กับลูกชายหนุ่มเจ้าสำราญที่บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบงานของครอบครัวมาตลอด
เมื่อเห็นแนวโน้มแล้วว่าเจ้าของฟาร์มอย่าง พ่อเลี้ยงอิน และหลานสาวสุดสวยอย่าง มินตรา ไม่มีทางยอมขายที่อย่างแน่นอน วิศว์จึงต้องออกอุบายลากเพื่อนรักอย่าง โดม และ จูดี้ มาสวมรอยเป็นทีมงานทำสารคดีเกี่ยวกับฟาร์มโคนมเพื่อหาช่องสำรวจพื้นที่และหาโอกาสการเกลี่ยกล่อมคู่ปู่หลานในภายหลัง แล้ววิศว์ก็ทำสำเร็จเพราะในที่สุดพ่อเลี้ยงอินก็อำนวยความสะดวก แถมเชื้อเชิญให้เขาและเพื่อนๆมาอาศัยอยู่ในไร่เพื่อทำสารคดีจนกว่าจะเสร็จ ความจริงมินตราไม่ถูกชะตากับผู้ชายกะล่อน ท่าทางไม่น่าไว้วางใจอย่างวิศว์เอาเสียเลย แต่โชคดีที่เธอประทับใจสุภาพบุรุษชวนฝันอย่างโดมแต่แรกเห็น ประกอบกับติดใจในความน่ารักของจูดี้ จึงยอมให้ความร่วมมือกับทีมทำสารคดีกำมะลอ เดิมทีสถาปนิกสาวอย่างจูดี้ไม่อยากจะตามมาปักหลักอยู่ที่ฟาร์มหมื่นไร่นัก แต่ถูกวิศว์ขอร้องแกมบังคับให้มาออกแบบว่าที่รีสอร์ทแห่งใหม่ให้ ประกอบกับว่าเป็นจังหวะที่จูดี้กำลังจะถูกจับคลุมถุงชนกับลูกชายของเพื่อนพ่อแม่ เธอจึงเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการหาข้ออ้างเพื่อหาทางชิ่งออกจากสถานการณ์คับขัน แต่หารู้ไม่ว่าตนต้องมาเจอกับ ตุ๊ดตู่ ว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งก็หนีการแต่งงานที่ว่ามาเป็นหัวหน้าคนงานของฟาร์มตั้งแต่สามเดือนก่อน ส่วนโดมนั้นปกติจะเป็นมือขวาของอมรินทร์ที่ช่วยจัดการงานสำคัญต่างๆในบริษัทธเนศวสุ แต่หนนี้อมรินทร์ต้องยอมปล่อยให้โดมมาที่ฟาร์มหมื่นไร่เพื่อคอยประกบวิศว์ในการพิชิตภารกิจ เพราะที่จริงแล้วงานนี้คือเดิมพันสำคัญว่าวิศว์จะได้รับการยอมรับจากบอร์ดของธเนศวสุให้รับตำแหน่งสำคัญของบริษัทต่อไปหรือไม่ มิฉะนั้นในอนาคตหุ้นใหญ่ของบริษัทอาจจะต้องเปลี่ยนมือกลายไปเป็นของคนนอกตระกูลซึ่งอมรินทร์ไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่ นอกจากงานหลักในการดูแลกิจการโคนมของฟาร์มแล้ว มินตรายังมีจ็อบพิเศษในฐานะนางแบบเจ้าประจำของดีไซเนอร์เพื่อนรักอย่าง วุ้น ที่แวะเวียนเข้าออกฟาร์มหมื่นไร่ราวกับเป็นบ้าน ตัวเอง ในขณะที่มินตราและบรรดาสาวๆดูจะเป็นปลื้มกับโดมแทบจะออกนอกหน้า แต่วุ้นกลับ รู้สึกไม่ถูกชะตา และมีเรื่องปะทะคารมกับโดมแทบจะเป็นประจำ ซึ่งวุ้นเองก็ไม่เข้าใจเหมือนว่าเพราะอะไรทั้งๆที่เธอกับเขาค่อนข้างมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันจนน่าจะเป็นคู่หูที่ดีด้วยซ้ำ ที่น่าตลกก็คือวุ้นกลับเข้าขาได้ดีกับคนที่เพื่อนรักไม่ชอบหน้าอย่างนายวิศว์ไปซะนี่ ตั้งแต่มาอยู่ในฟาร์มวิศว์กับเพื่อนก็พยายามจะใช้การทำสารคดีบังหน้าเพื่อแอบรวบรวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่ ขณะเดียวกันหนุ่มที่มั่นใจในเสน่ห์ของตนเองอย่างวิศว์ก็เร่งสานสัมพันธ์แบบจู่โจมกับมินตราเพราะคิดว่าจะทำให้การเจรจาซื้อขายที่ดินนั้นง่ายขึ้น ดีไม่ดีเขาอาจจะได้ที่ดินพร้อมเจ้าของที่ดินในราคาแพคเกจอีกต่างหาก แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วิศว์คิด ดูเหมือนยิ่งเขาพยายามเข้าใกล้และสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองเป็นฮีโร่สำหรับมินตราเท่าไหร่ อะไรๆดันกลับตาลปัตร แถมทุกอย่างที่เขาทำลงไปยิ่งทำให้มิตรารู้สึกรังเกียจ และผลักเขาให้กระเด็นห่างจากเธอมากยิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโดมที่ดูจะขยันงอกงามราวกับต้นไม้ที่ได้น้ำได้ปุ๋ย สิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับทำเอาหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างวิศว์เกิดอาการเสียศูนย์ จึงพาลโกรธมินตราที่ทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจที่สั่งสมมาทั้งชีวิต สถานการณ์จึงพลิกผัน จากที่ตั้งใจมาสานไมตรีกลายเป็นว่าวิศว์กลับมีเรื่องกระทบกระทั่งกับมินตราแทบไม่หยุดหย่อน เกตุสุดา เจ้าของโรงแรมข้างๆฟาร์มหมื่นไร่เป็นอีกรายที่พยายามเทียวไล้เทียวขื่อพ่อเลี้ยงอินกับมินตราเพื่อเจรจาขอซื้อที่ดินให้นายทุน ถึงแม้จะถูกปฏิเสธครั้งแล้วแต่เกตุสุดาก็ยังไม่ละความพยายามเพราะเงินค่านายหน้าที่จะได้รับนั้นราคาสูงลิ่ว ยิ่งได้มาพบกับหนุ่มรูปงามอย่างวิศว์ที่เข้ามาประจำการอยู่ที่นี่ หล่อนยิ่งขยันหาเรื่องเข้าออกจนหัวกระไดฟาร์มไม่แห้ง แถมเธอมักจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ช่วยคอยเติมเชื้อความขัดแย้งระหว่างวิศว์และมินตราให้หนักข้อขึ้นอยู่เป็นประจำ ดูเผินๆเหมือนกับว่าสงครามระหว่างวิศว์และมินตราจะดำเนินต่อไปแบบไม่เห็นจุดจบ แต่นานวันการปะทะที่เกิดขึ้นกลับทำให้ทั้งคู่ได้เห็นตัวตนของกันและกันจนเกิดความผูกพันโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งวิศว์ได้บังเอิญรู้ว่าที่แท้สถานะทางการเงินของฟาร์มหมื่นไร่กำลังคลอนแคลน เขาก็ยิ่งได้เห็นความเข้มแข็งที่น่าชื่นชมของผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างมินตราที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาผืนดินอันเป็นที่รักของพ่อและปู่ไว้อย่างสุดใจขาดดิ้น ขณะที่ฟาร์มหมื่นไร่กำลังเผชิญกับปัญหานานาที่พร้อมใจกันดาหน้าเข้ามารุมเร้า มาวิน อาของมินตราที่มักหายตัวไปจากฟาร์มเสมอก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับ ประกาศิต มิตรใหม่ ด้วยความที่ท่าทีของประกาศิตมีลักษณะภูมิฐาน และดูมีหลักมีการ มีน้ำใจ จึงทำให้พ่อเลี้ยงอินและมินตรารู้สึกเป็นมิตรด้วยโดยหารู้ไม่ว่าประกาศิตมีแผนการร้ายกาจต่อมาวินและฟาร์มหมื่นไร่ และแล้วฟาร์มหมื่นไร่ก็ต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤติเพราะจู่ๆก็ไม่มีลูกค้ารายใดรับซื้อน้ำนมดิบจากฟาร์มอีกเลย นี่น่าจะเป็นจังหวะที่ดีสำหรับวิศว์ที่หาวิธีเล่นงานมินตราให้จนมุมเพื่อบีบคอซื้อที่ดินจากเธอให้ได้ แต่ทุกอย่างกลับเป็นไปในทางตรงข้าม วิศว์พยายามทำทุกวิถีเพื่อแก้ปัญหาให้ฟาร์มหมื่นไร่ แถมยังใช้ความรู้ด้านอาหารที่มีเสนอให้ทางฟาร์มแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างเกี่ยวกับนมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า และทำให้เก็บผลิตภัณฑ์ได้ยาวนานขึ้น แถมแนะนำให้พ่อเลี้ยงกับ มินตราเปิดฟาร์มเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ จนสามารถพลิกฟื้นฟาร์มหมื่นไร่ให้กลับมาดำเนินการได้อีกครั้งในรูปแบบที่น่าสนใจขึ้น สำหรับการเกิดใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมของฟาร์มหมื่นไร่นั้นกลับทำให้ประกาศิตถึงกับเต้นเป็นเจ้าเข้า เพราะที่ผ่านมาเขานั่นเองเป็นคนวางแผนต่างๆนานาเพื่อหาทางทำให้ฟาร์มปิดตัว ประกาศิตและพรรคพวกต้องการที่ดินของฟาร์มเพราะติดป่าที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเหมาะแก่การใช้เป็นที่ซ่อนยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ รวมถึงใช้เป็นเส้นทางลำเลียงไม้เถื่อน ประกาศิตเดินหน้าใช้แผนการณ์ใหม่อีกครั้งด้วยการลงทุนลงทุนลงแรงล่อให้มาวินอาของมินตราติดกับ ความสัมพันธ์ระหว่างอาหลานคู่นี้แม้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ประกาศิตก็รู้ว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับ มาวิน ฟาร์มหมื่นไร่ก็ไม่มีทางหลีกหนีความรับผิดชอบได้เด็ดขาด แผนการณ์เผาโรงแรมป้ายความผิดให้กับมาวินจึงต้องรีบทำโดยเร่งด่วน ซึ่งผู้ร่วมสมคบคิดก็ไม่ใช่ใคร หากแต่เป็นเกตุสุดาเจ้าของโรงแรมที่กำลังเจ็บใจเพราะพลาดหวังในรักจากวิศว์ งานรื่นเริงส่งท้ายปีที่จัดขึ้นในฟาร์ม จึงกลายเป็นวันที่มินตราและพ่อเลี้ยงอินได้รับข่าวร้ายเรื่องเพลิงไหม้โรงแรมฝีมือมาวิน มาวินซึ่งตกอยู่ในสภาพตกใจและมึนงงเพราะฤทธิ์ยาที่ประกาศิตคอยปรนเปรอให้ ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าเป็นฝีมือตน พ่อเลี้ยงอินเสียใจจนโรคหัวใจกำเริบต้องเข้าโรงพยาบาล มูลค่าความเสียหายรวมแล้วประมาณร้อยเจ็ดสิบล้านบาท เกตุสุดากดดันมินตราอย่างหนัก มินตราตัดสินใจขายฟาร์มหมื่นไร่ สถานที่ที่หล่อนรักที่สุด เพื่อนำเงินมาล้างหนี้สินในครั้งนี้ โดยที่ประกาศิตแอบกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความลำพองใจ ทว่าจู่ๆกลับมีโทรศัพท์มาถึงมิตราเพื่อเสนอซื้อที่ดินของหล่อนด้วยราคาสองร้อยล้านบาทตามราคาประเมิน หลายคนในห้องตกตะลึง จะมีก็เพียงวิศว์ที่ยิ้มด้วยความพึงใจ เพราะเขานั่นเองที่แอบออกไปโทรสั่งจูดี้ให้ปลอมเสียงโทรศัพท์เข้ามาขอเสนอซื้อที่ดินกับมินตรา ทั้งหมดกลับมาที่ฟาร์มหมี่นไร่ ยกเว้นพ่อเลี้ยงอินและมาวินที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ เรื่องร้ายๆคลี่คลายไปในทางที่ดี ทว่าในช่วงที่มินตราพาม้าสีหมอกกลับคอกหล่อนกลับโดนกลุ่มคนร้ายซึ่งหนึ่งในนั้นมี นายโพด คนงานมาดดาวร้ายของฟาร์มรวมอยู่ด้วยจับตัวไป วิศว์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของม้าสีหมอกที่วิ่งกลับมาตามเขาที่บ้านใหญ่ ชายหนุ่มตามไปจนมั่นใจว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับมินตราแน่ๆ เขาจึงควบม้าดำคู่อริตามไปช่วยหญิงสาวทันที แต่ชายหนุ่มก็พลาดท่าโดนจับตัวไปด้วยอีกคน คนจำนวนมากมาชุมนุมที่ฟาร์มหมื่นไร่ด้วยความเป็นห่วงวิศว์และมินตรา ระหว่างนั้นเองจูดี้ได้รู้จากปากบิดามารดาของตัวเองว่าที่แท้ตุ๊ดตู่คือว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเอง วิศว์และมินตราฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ที่ปางพักไม้แห่งหนึ่งกลางป่า ทั้งสองได้รับรู้ว่าภัยธรรมชาติต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงหลังนั้นเป็นเพราะการตัดไม้ทำลายป่าของกลุ่มคนเหล่านี้ เรื่องราวเลวร้ายลงทุกที... มินตราช็อคมากเมื่อรู้ว่าที่แท้ประกาศิตกับพรรคพวกที่จับเธอมาคือผู้ที่ทำให้พ่อของเธอหายสาบสูญไปในป่าอย่างไม่มีวันกลับ ประกาศิตตั้งใจจะฆ่าปิดปากทั้งสองเสีย แต่โชคดีที่น้ำป่าได้พัดถล่มปางพักไม้ที่ชั่วร้ายจนราบเป็นหน้ากลอง สองหนุ่มสาวเองก็โดนอุทกภัยพัดพามาจนหลงป่าเช่นเดียวกันและคืนแรกในถ้ำกลางป่านี่เอง ที่แสงสว่างแห่งความรักของคนทั้งสองได้เรืองรองออกมาจนปิดไว้ไม่มิดอีกต่อไป วิศว์จุมพิตมินตราครั้งแรกด้วยความรักสุดหัวใจในคืนที่ดาวเกลื่อนฟ้านี่เอง วิศว์ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม...และป่าไม้ที่โดนทำลายด้วยพวกคนชั่ว ชายหนุ่มสำนึกทันทีว่า โครงการรีสอร์ทของบริษัทตนนั้นผิดมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มคิดแล้ว และถ้าเปลี่ยนเป็นโครงการของบริษัทเขา ต้นไม้ในป่าอาจจะโดนทำลายไปมากกว่านี้ก็เป็นได้ เขาตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองควรจะก้าวเดินไปในทางไหน ระหว่างการเลือกที่จะเป็นผู้สร้างสรรค์หรือผู้ทำลาย วิศว์และมินตราหาทางออกจากป่าจนสามารถมาพบกับกลุ่มคนที่มาช่วยโดยบังเอิญ แต่ในจังหวะนั้นประกาศิตได้โผล่ออกมาจัดการทั้งคู่ และกะจะเก็บทั้งหมดให้กลายเป็นผีเฝ้าป่าเหมือนที่เคยทำกับพ่อของมินตรา การปะทะกันระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อเห็นท่าไม่ดีประกาศิตพยายามจะหนีแต่วิศว์รีบเข้าตะครุบ เขาต่อสู้กับประกาศิตจนประกาศิตพลาดท่าตกหน้าผาน้ำตกลงไป ตุ๊ดตู่ที่กลับมาจากการตามไปช่วยเหลือมินตราแปลกใจกับท่าทีปึ่งงอนของจูดี้มาก แล้วเขาก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่โดนจับคลุมถุงชนด้วยนั้นเป็นคนเดียวกับคนที่ตัวเองกำลังตกหลุมรัก ตุ๊ดตู่จึงรีบตามไปง้อและขอจูดี้แต่งงานด้วยความชื่นมื่น ปมปัญหาภายนอกได้ไขออกจนหมดแล้ว หากปมในใจวิศว์นี่สิที่ยังไม่ได้รับการแก้...วิศว์กลุ้มใจเหลือเกินว่าจะบอกหญิงสาวที่ตัวเองรักอย่างไรดีถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ชายหนุ่มเฝ้ารอเวลาที่โดมจะนำพิมพ์เขียวโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติที่คิดขึ้นมาแทนที่โครงการรีสอร์ทตัวเดิมมาให้ และในตอนนั้นเองที่เขาจะสารภาพความจริงทั้งหมดต่อหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน เพราะโดมกลับนำพิมพ์เขียวคนละตัวกับที่วิศว์ต้องการมาให้มินตรา มินตราเปิดดูเนื้อความข้างใน และนั่นเองที่หล่อนได้รับรู้ว่าความจริงแล้ววิศว์คือทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีจุดประสงค์จะครอบครองฟาร์มหมื่นไร่ สิ่งปลูกสร้างภายในพิมพ์เขียวล้วนแล้วแต่จะเปลี่ยนแปลงฟาร์มให้กลายเป็นสิ่งที่ล้วนเอื้อต่อการทำลายธรรมชาติทั้งสิ้น มินตราตรงมาขอคำตอบจากวิศว์ทันที วิศว์อยากจะแก้ตัว แต่หญิงสาวออกปากขับไล่เขาออกจากฟาร์มหมื่นไร่โดยที่วิศว์ยังไม่ทันได้เอ่ยคำว่ารักเสียด้วยซ้ำ วิศว์กลับกรุงเทพฯด้วยใจระทม มินตราเองก็ไม่ต่างกัน คนเดียวที่ดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็คือโดมที่สามารถขัดขวางไม่ให้ทั้งคู่ลงเอยกันได้ แต่ลึกๆโดมก็รู้สึกเจ็บปวดเพราะเขารู้ดีว่าจริงๆแล้ววิศว์กับมินตรามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากแค่ไหน วิศว์รักเธอมากพอที่จะยอมถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้รับตำแหน่งสำคัญของบริษัทธเนศวสุ หรือแม้กระทั่งยอมถูกตัดออกจากกองมรดกของตระกูลในฐานะทายาทคนเดียวเพื่อแลกกับผืนดินอันเป็นที่รักของหญิงคนรัก แต่โดมก็ถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดสาสมแล้วที่วิศว์ควรได้รับ เพราะที่จริงแล้วเขาต่างหากที่ควรจะมีจะได้ในทุกๆอย่างพอๆกับวิศว์ ที่ผ่านมาโดมทนทำงานอยู่กับครอบครัววิศว์ด้วยความเคียดแค้น เพราะก่อนที่ดิเรกพ่อของโดมจะตายไปนั้น เขาบอกกรอกหูลูกตลอดมาว่าอมรินทร์พ่อของวิศว์ทรยศเพื่อนรักอย่างเขาที่ช่วยกันก่อตั้งบริษัทด้วยกันมาจนมีทุกวันนี้ จากที่เคยสัญญาจะให้หุ้นเป็นการตอบแทน อมรินทร์กลับหาเรื่องไล่ดิเรกออกจากบริษัทจนทำให้เขาเครียดเป็นอัมพาตและตรอมใจตายในที่สุด เพราะฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่เค้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับพ่อ โดมใช้จังหวะนี้หาทางสานสัมพันธ์กับมินตราที่กำลังบอบช้ำทางจิตใจจากวิศว์ด้วยการทำให้มินตราตายใจโดยยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนทั้งหมด มินตราฟังแล้วก็รู้สึก เห็นใจ แล้วพลอยโกรธแค้นวิศว์กับครอบครัวไปด้วย โดมแอบใช้พิมพ์เขียวฉบับล่าสุดของวิศว์มาช่วยปรับปรุงฟาร์มหมื่นไร่ มินตรารู้สึกประทับใจกับสิ่งที่โดมทำให้มาก จูดี้รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่โดมทำให้มิตราที่ไร่เพราะมันเหมือนกับพิมพ์เขียวล่าสุดที่เธอออกแบบตามที่วิศว์สั่ง จูดี้จึงไปถามโดม โดมโกหกว่าวิศว์ให้เขาทำสิ่งนี้ให้มินตราแทนโดยไม่ต้องบอกว่ามาจากเขา มิฉะนั้นมินตราคงไม่ยอมรับ และคงคิดว่าพิมพ์เขียวฉบับล่าสุดคือสิ่งที่วิศว์ทำมาเพื่อแก้ตัว จูดี้จึงปล่อยเลยตามเลย โดมเสนอการสร้างรีสอร์ทแนวอนุรักษ์ธรรมชาติในฟาร์มให้กับมินตราโดยพูดให้ดูดีว่าเป็นการแบ่งปันธรรมชาติให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้าง ถ้าเราจะเก็บฟาร์มและผืนป่าไว้เองก็เหมือนคนเห็นแก่ตัวเพราะที่จริงธรรมชาติเป็นสมบัติของทุกคน ฟังแล้วมินตราก็รู้สึกผิดแล้วเห็นดีเห็นงามกับความคิดของโดม แต่ติดอยู่ที่เธอไม่มีเงินทุนมากพอ โดมจึงได้ทีแนะนำให้ร่วมหุ้นกับธเนศวสุโดยที่มินตราลงทุนเป็นที่ แล้วให้ธเนศวสุลงเงินก่อสร้าง มินตราปฏิเสธทันทีเพราะธเนศวสุคือบริษัทของวิศว์ที่ต้องการจะครอบครองที่ดินของเธอ โดมบอกให้ใจเย็นๆตราบใดที่มีตนอยู่รับรองว่าตนจะรักษาผลประโยชน์ของฟาร์มหมื่นไร่เป็นที่ตั้งและเน้นเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติจริงๆ พ่อเลี้ยงอินยอมตามข้อเสนอของโดมเพราะจริงๆแล้วยังไงที่ดินก็ยังเป็นของฟาร์มหมื่นไร่อยู่ แต่ต้องแลกกับการที่วิศว์ต้องเป็นคนดูแลงานในส่วนของรีสอร์ทที่จะทำตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้างเลย โดมตกใจกับข้อเสนอขอพ่อเลี้ยง ในขณะที่มิตราปฏิเสธทันที แต่พ่อเลี้ยงอินอ้างว่าตนอยากให้บทเรียนกับคนที่เคยจะเอาที่ดินที่ตนรักไปทำธุรกิจ เขาจะได้เรียนรู้ว่าที่ดินผืนนี้มีคุณค่าทางใจมากกว่าคุณค่าทางเงินนัก โดมจึงต้องยอม เพราะหวังจะทำคะแนนกับบอร์ดของธเนศวสุเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในบริษัท โดมเอาเรื่องดังกล่าวไปเสนอกับที่ประชุม ทั้งอมรินทร์และบอร์ดปฏิเสธทันทีเพราะ ต้องการซื้อที่ดินผูกขาดเป็นเจ้าของเองไม่ใช่ร่วมหุ้นกับฟาร์มหมื่นไร่ โดมโน้มน้าวที่ประชุมว่าให้ใจเย็นๆ เราควรจะทำตามเงื่อนไขของทางนั้นดีกว่าไม่มีโอกาสทำรีสอร์ทเลยไม่ใช่หรือ ที่สำคัญเรายังใช้โปรเจคนี้ทำแคมเปญสร้างภาพลักษณ์โปรโมทบริษัทเกี่ยวกับการสร้างรีสอร์ทเพื่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อีก ถือเป็นการสร้างมูลค่าให้บริษัทโดยที่เรายังได้ผลประกอบการเป็นการตอบแทน หลังจากนั้นเราค่อยเจรจาเพื่อซื้อฟาร์มหมื่นไร่มาเป็นของบริษัทในภายหลังก็ยังทัน ที่ประชุมฟังแล้วก็ลงมติเห็นด้วยกับโดม แถมผลพ่วงจากโปรเจคนี้ทำให้โดมได้รับตำแหน่งหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดซึ่งวิศว์ควรจะได้รับด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์จากบอร์ดทุกคนรวมทั้งอมรินทร์ด้วย ในที่สุดวิศว์ก็กลับมาที่ฟาร์มหมื่นไร่อีกครั้งเพื่อทำเริ่มโปรเจคทำรีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติแต่อยู่ภายในการบังคับบัญชาของโดม งานนี้ในฐานะผู้เกี่ยวข้องโดยตรงมินตราจึงต้องพูดคุย ประสานงานกับวิศว์อย่างเสียไม่ได้ โดมกลัวถ่านไฟเก่าระหว่างทั้งคู่จะปะทุอีกครั้งจึงตัดสินใจ ขอเธอเป็นแฟน ซึ่งเธอก็ตอบตกลง ส่วนนึงก็เพราะอยากประชดวิศว์ อีกส่วนนึงก็เพราะคิดว่าเป็นวิธีการขั้นเด็ดขาดที่จะสั่งใจตัวเองไม่ให้ไปว่อกแว่กวอแวกับวิศว์อีก หลังจากได้รับตำแหน่งหน้าที่และอำนาจมากขึ้น โดมก็ดูจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เขาวางแผน ยุยงให้บอร์ดบริษัทเกิดความไม่ไว้วางใจประธานกรรมการอย่างอมรินทร์ แถมแนะนำให้อมรินทร์จัดการผิดพลาดจนจนหุ้นหกสิบเปอร์เซนต์ต้องตกเป็นของธนาคาร เป็นเหตุให้อมรินทร์ต้องหลุดจากเก้าประธานกรรมการของบริษัทตัวเองไปโดยปริยาย อมรินทร์เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเหมือนกับที่ดิเรกพ่อของโดมเคยเป็น วิศว์ขออนุญาตพ่อเลี้ยงอินพาพ่อและครอบครัวมาพักฟื้นร่างกายและจิตใจจากอาการอัมพฤกษ์ที่ฟาร์มหมื่นไร่ และที่นี่เองที่ทำให้อมรินทร์ได้พบกับพ่อเลี้ยงอินซึ่งเป็นสหายเก่าแก่เจ้าสัวผู้เป็นพ่อของเขา อมรินทร์จำได้ว่าเคยเจอพ่อเลี้ยงอินตั้งแต่ตัวเองยังเป็นเด็กเล็ก พ่อเลี้ยงอินเองก็บอกว่าตั้งแต่ตอนนั้นตนพยายามหาทางติดต่อกับเจ้าสัวแต่ก็ไม่สำเร็จ เพิ่งรู้ว่าที่แท้เจ้าสัวเปลี่ยนแซ่เป็นธเนศวสุไปแล้ว ช่วงที่อมรินทร์ใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มหมื่นไร่ท่ามกลางธรรมชาตินั้นทำให้คนที่มีชีวิตแบบมีเป้าหมายไว้พุ่งชนอย่างเขาค้นพบว่าความสุขในชีวิตคืออะไร พ่อเลี้ยงอินให้หลักธรรมดำเนินชีวิตมากมายกับเขาจนคลายทุกข์ และปล่อยวางมากขึ้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวิศว์ถึงสามารถยอมเอาความรักที่มีให้กับมินตรา และความรักที่มีให้กับธรรมชาติที่ฟาร์มหมื่นไร่แลกกับทรัพย์สินจากมรดก และตำแหน่งสูงในบริษัทได้ อาการป่วยของอมรินทร์ดีขึ้นตามลำดับ แถมสัมพันธภาพระหว่างพ่อลูกก็งอกงามขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และจากการได้ทำงานใกล้ชิดกันทำให้ดูเหมือนว่ามินตราจะรู้จักและเข้าอกเข้าใจวิศว์มากขึ้น ในที่สุดทั้งคู่ก็ไม่สามารถหักห้ามหัวใจตัวเองได้จึงกลับมารักกันอีกครั้ง ในเมื่อแผนทำลายความสุขของครอบครัววิศว์กลับกลับตาลปัตร แถมวิศว์ยังแย่งมินตรากลับไปได้อีกครั้ง โดมจึงยิ่งแค้นใจหนักเข้าไปอีก วันหนึ่งมีชายหนวดเฟิ้มชื่อสิทธิ์มาสมัครงานเป็นคนงาน มินตรารับเขาไว้เพราะฟาร์มกำลังต้องการแรงงานเสริม ประกอบกับสงสารที่เขาพิการขากระเผลก แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่ากำลังเปิดประตูให้มัจจุราชเดินเข้ามาในบ้าน เพราะแท้ที่จริงแล้วสิทธิ์คือประกาศิตที่รอดตายจากการตกหน้าผาน้ำตกจากการต่อสู้กับวิศว์ ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นประกาศิตต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเพื่อให้ไม่ถูกตำรวจจับกุม ขาที่หักไปทำให้เขากลายเป็นคนพิการตลอดชีวิตแถมยังใช้ชีวิตอย่างอดๆอยากๆ ที่ต้องดั้นด้นกลับมาที่ฟาร์มหมื่นไร่เพราะประกาศิตต้องการชำระหนี้แค้นที่วิศว์ทำให้ชีวิตเขาต้องพบจุดจบแบบนี้ แล้วโอกาสของประกาศิตก็มาถึงเมื่อวิศว์อยู่ในที่ปลอดคน แต่ขณะที่เขากำลังจะเข้าเล่นงานวิศว์ ตุ๊ดตู่โผล่มาเห็นเข้าจึงกระโดดเข้าไปผลักวิศว์จนถูกลูกกระสุนเสียเอง ประกาศิตเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีออกไป โดมผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งไล่ตามประกาศิตไปจนทันในที่สุด โดมเข้าตระครุบแล้วแย่งปืนมาจ่อไปที่ประกาศิต เขาจึงเห็นว่าที่แท้คนร้ายคือสิทธิ์ โดมถามว่าสิทธิ์ทำแบบนี้ทำไม สิทธิ์โพล่งออกมาด้วยแค้นและจนตรอกว่าจะมาฆ่าวิศว์ไง แล้วก็ถามว่าจำกันไม่ได้หรือว่าตนคือประกาศิตคนที่พวกแกคิดว่าตายแล้วไง วันนี้ตนกลับมาเพื่อเอาคืนไอ้คนที่ทำให้ตนตายทั้งเป็น สุดท้ายตนก็ทำไม่สำเร็จ โดมจะฆ่าก็ฆ่าอย่าเสียเวลา แต่โดมกลับบอกว่าตนจะฆ่าคนที่มีศัตรูคนเดียวกับตนทำไม ประกาศิตงง โดมบอกว่ารับรองว่านายได้ล้างแค้นแบบได้เงินเป็นของแถมด้วยแน่ๆ โดมวางแผนใหญ่เพื่อจัดการวิศว์อย่างรัดกุม แต่ขณะที่ประกาศิตกำลังตามไปจัดการวิศว์ตามที่นัดแนะไว้ โดมก็ได้รู้ว่าตนเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องที่พ่อถูกอมรินทร์หักหลังด้วยการไล่ออกจากบริษัท เพราะความจริงแล้วดิเรกพ่อของเขาต่างหากที่แอบยักยอกเงินจำนวนมากจากบริษัทมาตลอดเวลา อมรินทร์โกรธและเสียใจมากที่เพื่อนรักอย่างดิเรกทรยศตนได้ลงคอ อมรินทร์ไล่ดิเรกออกเพื่อตัดปัญหาโดยที่ไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้ให้ใครรับรู้โดยเฉพาะตัวโดมที่ภาคภูมิใจในตัวพ่อของตนมาตลอด แถมพอดิเรกตายไปอมรินทร์ก็เลี้ยงดูส่งเสียโดมกับแม่เป็นอย่างดี ให้ความรักความเมตตาราวกับโดมเป็นลูกอีกคนหนึ่งของเขา โดมรู้สึกผิดมากรีบตามไปช่วยวิศว์กับอมรินทร์ที่กำลังจะเผชิญหน้ากับความตาย แล้วโดมก็ช่วยสองพ่อลูกในจังหวะที่เกือบจะสายเกินไปเพราะทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บโชคดีที่ส่งโรงพยาบาลทัน โดมสารภาพเรื่องทั้งหมดกับอมรินทร์และวิศว์ทั้งน้ำตา แต่สองพ่อลูกกลับเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ถือโทษโกรธเคือง แถมอมรินทร์ยังยกหน้าที่ในส่วนของตนที่บริษัทให้โดมดูแลแทนด้วยความไว้วางใจเหมือนเดิม โดมกราบแทบเท้าอมรินทร์และสัญญาว่าจะทวงคืนหุ้นของบริษัทกลับคืนมาให้อมรินทร์ตามเดิมให้ได้ ส่วนวิศว์ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับมินตราที่ฟาร์มหมื่นไร่อย่างมีความสุข ทั้งสองช่วยสานฝันของกันและกันในผืนดินที่อบอวลไปด้วยความรักอีสา-รวีช่วงโชติ (2556/2013) อีสา (วรนุช ภิรมย์ภักดี) เกิดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 6 หลังจากที่มีการเลิกทาสแล้ว เกิดมาได้สองสามวันแม่ก็ตาย เพราะตกเลือด ป้าเจิม (รัญญา ศิญานนท์) จึงคอยเลี้ยงดูสา ป้าเจิมมีหน้าที่ช่วยงานอยู่ในโรงครัวของวังหม่อมเจ้าโชติช่วงรวี รวีวาร (ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์) ท่านชายเข้าพิธีเศกสมรสกับ หม่อมพริ้ม (สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งถือว่าเป็นหม่อมใหญ่ นอกจากนั้นท่านชายยังมีหม่อมอื่น ๆ อันได้แก่ หม่อมลำดวน (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) หม่อมคนที่สอง หม่อมนิ่ม (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) และ หม่อมน้อย ท่านชายทรงมีลูกกับหม่อมต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นธิดาทั้งสิ้น หม่อมทุกคนจึงแข่งขันกันอยู่ในทีว่าใครจะให้กำเนิดลูกชาย ผู้จะเป็นผู้รับสืบทอดตราประจำตระกูลรวีวารต่อจากท่านชาย สาโตขึ้นเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย ป้าเจิมจึงพาสาไปฝากกับหม่อมนิ่มและหม่อมน้อยให้ฝึกรำ สาได้เห็นท่านชายอยู่บ่อยครั้ง และแอบหลงใหลในความสง่างามของท่าน สาโตเป็นสาวอายุได้ 16 ปี ในวังมีงานฉลองพระชนม์มายุครบ 4 รอบ (46 ปี) ของท่านชายหม่อมนิ่มให้สาขึ้นรำเป็นนางรจนา ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัย สาตั้งใจรำโปรยเสน่ห์เต็มที่ และก็ได้ผล ความสวยของสาจับใจท่านชาย จนสาได้เป็นหม่อมของท่านชายในคืนนั้นเอง ท่านชายโปรดปรานสามาก จนหม่อมทุกคนอิจฉา ต่อมาไม่นานสาก็ตั้งครรภ์ สาวาดหวังไว้ว่าตนจะได้ลูกชาย และมีอนาคตที่ดีงาม เมื่อถึงกำหนดคลอด สาให้กำเนิดลูกชายตามที่คาดไว้ แต่หม่อมพริ้มขอลูกของสาไปเลี้ยงเป็นลูกของตน ตอนแรกสาเองไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากสาน้ำนมเป็นพิษ และท่านชายก็หลงใหลตัวสามาก ไม่ต้องการให้สาเสียเวลาไปกับการเลี้ยงลูก จึงยกลูกชายให้หม่อมพริ้มไป ท่านชายไปบรรทมที่ห้องสาทุกคืนไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดท่านชายก็สิ้นพระชนม์ในคืนที่ไปนอนกับสา เมื่อสิ้นท่านชายก็สิ้นเสาหลักของบ้าน หม่อมพริ้มไม่ต้องการรับภาระเลี้ยงดูหม่อมต่าง ๆ และบ่าวไพร่จำนวนมากมาย หลายคนจึงต้องออกไปจากวัง เหลือเพียงป้าเจิมกับอีสาที่ยังอยู่เลี้ยงดู คุณชายรวีช่วงโชติ (นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ลูกชายแท้ ๆ ของสาเอง กับคุณหญิงอีก 3 คนอันเป็นลูกสาวของหม่อมพริ้ม บริเวณรอบตำหนักใหญ่ถูกขายให้กับพระคลังข้างที่ จนหม่อมพริ้มต้องล้อมรั้ว และปล่อยบ้านเล็กบ้านน้อยรอบตำหนักใหญ่ให้เช่าเพื่อหารายได้ ทำให้สาได้รู้จักกับ สมศักดิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มรูปงามที่มาอาศัยเช่าบ้านอยู่ สมศักดิ์หว่านเสน่ห์ใส่สาจนสาเคลิบเคลิ้ม แต่กลายเป็นว่า หญิงที่สมศักดิ์หมายปองกลายเป็น คุณหญิงโสภาพรรณวดี (เต็มฟ้า กฤษณายุทธ) ลูกสาวคนโตของหม่อมพริ้ม สาเสียใจมาก เพราะจริง ๆ แล้วก็หลงใหลในตัวสมศักดิ์ แต่พอสารู้ตัวว่าตนตั้งท้องลูกของท่านชาย สาจึงตัดใจยอมรับเป็นแม่สื่อ ส่งจดหมายรักให้สมศักดิ์กับคุณหญิงโสภา จนถึงขั้นนัดพบกัน แต่หม่อมพริ้มจะให้คุณหญิงโสภาแต่งกับงานลูกของญาติท่านชาย แต่เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น จึงหนีไปตามคำชวนของสมศักดิ์ โดยมีสาเป็นผู้จัดการและติดตามไปด้วยความภักดี สร้างความโกรธแค้นให้กับหม่อมพริ้มเป็นอย่างมาก หม่อมพริ้มประกาศตัดแม่ตัดลูกกับคุณหญิงโสภา และถ้าหากพบตัวสากับสมศักดิ์จะจับเข้าคุกเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทำให้สมศักดิ์ตกใจและผิดหวังมาก สาเพิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วสมศักดิ์เป็นคนดีแต่ปาก ที่หลอกพาคุณหญิงโสภาหนีมา เพราะหวังจะเข้าไปเป็นเขยของรวีวารเกาะกินสมบัติของหม่อมพริ้ม แต่พอสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด สมศักดิ์จึงตกกระไดพลอยโจนต้องเลี้ยงดูคุณหญิงโสภาต่อไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงสงครามเศรษฐกิจตกต่ำ สมศักดิ์หางานทำไม่ได้ คุณหญิงโสภาและสาต้องอดอยาก สาสงสารคุณหญิงจึงพยายามเคี่ยวเข็ญสมศักดิ์ให้ออกไปหางานหาเลี้ยงคุณหญิงด้วย สาคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง คุณหญิงไม่อยากให้ลูกของท่านชายต้องเป็นเด็กกำพร้า จึงรับเป็นแม่ของเด็ก ตั้งชื่อให้ว่า โสภิตพิไล (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) แล้วเลี้ยงดูเป็นอย่างดี สาทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคุณหญิงและลูก พอเห็นคณะละครชาตรีมาแสดงแถวบ้าน สาจึงไปสมัครเป็นนางละคร และได้เป็นนางเอกของคณะละครนั้น สำรวย (รัดเกล้า อามระดิษ) นักแสดงจากคณะละครร้องมาเห็นสา รู้สึกทึ่งในความสวยและความสามารถ จึงชวนสาไปแสดงด้วย สาก็ไปด้วยความเต็มใจ เพราะต้องการหาเงิน และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อหลบหนีจากสมศักดิ์ ที่มักจะมาเกาะแกะหาทางใกล้ชิดสาเสมอ เมื่อกลับไปเป็นนางละคร สาก็กลับมาเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์เหมือนที่เคย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสมศักดิ์กับคุณหญิงค่อย ๆ ห่างกันออกไป สมศักดิ์กลับมาติดพันสามากขึ้น วันหนึ่งระหว่างที่เล่นละคร สาเห็นหม่อมพริ้มมาชมละครก็ตกใจมาก ด้วยความที่กลัวหม่อมพริ้มสาจึงลาออกจากคณะ ไม่กลับไปแสดงละครอีก สมศักดิ์เริ่มหาโอกาสใกล้ชิดสามากขึ้น แล้วในวันหนึ่งด้วยบรรยากาศเป็นใจ สากับสมศักดิ์ก็ลักลอบมีความสัมพันธ์ต่อกันจนได้ หลังจากนั้นสาก็ยิ่งพยายามตีตัวออกห่างสมศักดิ์ พอดีกับที่สาได้ไปพบ วิทย์ (กันต์ดนย์ อะคาซาน) เด็กหนุ่มนักดนตรีในหลุมหลบภัย วิทย์ทำงานอยู่ที่คณะละครที่สาไปดูมา วิทย์ติดใจสาจึงชวนสาไปเล่นละครแบบชายจริงหญิงแท้กับคณะละครที่กำลังจะเปิดใหม่ซึ่งสาก็ยินดี เรื่องย่ออีสา สาบอกคุณหญิงว่าจะตนกลับไปเล่นละคร และเสนอให้คุณหญิงพาสมศักดิ์และโสภิตพิไล ย้ายไปอยู่บ้าน ป้าแป้น (ไปรมา รัชตะ) หญิงชาวสวนใจดีที่สาเคยรู้จักที่คลองบางกอกน้อย โดยอ้างว่าจะได้ไม่ต้องหนีลูกระเบิด แต่จริง ๆ แล้วสาต้องการจะหนีห่างจากสมศักดิ์ สมศักดิ์ยังคงแอบมาหาสาที่บ้าน สาไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดขืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ คืนหนึ่งที่ระเบิดลงหนักสมศักด์ขอค้างกับสาที่บ้าน คุณหญิงเห็นสมศักดิ์ไม่กลับบ้าน ประกอบกับเป็นห่วงสาจึงไปหาที่บ้านแต่เช้าตรู่ และได้เห็นสาอยู่กับสมศักดิ์ คุณหญิงเสียใจมากหนีกลับบ้านป้าแป้นทันที สาสั่งให้สมศักดิ์ตามไปง้อขอคืนดี แต่คุณหญิงเสียใจและผิดหวังที่ถูกคนที่รักทั้งสองคนทรยศ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย เสร็จงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับวิทย์เพื่อหนีสมศักดิ์ ทำให้สมศักดิ์เสียใจหันไปดื่มเหล้าอย่างหนัก และในที่สุดก็เมาตกน้ำตาย ในที่เดียวกับที่คุณหญิงฆ่าตัวตายนั่นเอง หลังแต่งงาน สาย้ายไปอยู่ที่บ้านวิทย์ วิภา (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) พี่สาวของวิทย์รังเกียจสา เพราะทั้งสาและวิทย์ต่างไม่มีงานทำ วิทย์เป็นศิลปินไม่ยอมทำงานแบบอื่น เอาแต่สีไวโอลินไปวัน ๆ จนสาเองก็เริ่มเบื่อหน่าย วันหนึ่งสาไปพบกับพลเรือนญี่ปุ่นคนหนึ่งในหลุมหลบภัยชื่อ เซกิ (ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุทธยา) เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่น เซกิหลงรักสา สาเองก็เผลอไผลไปกับความสุขสนุกสนานที่เซกิปรนเปรอให้ ทำให้สากับวิทย์เริ่มมีปากเสียงกัน ต่อมาเซกิรู้ว่าญี่ปุ่นกำลังจะยอมแพ้สงครามกับอเมริกา ด้วยความรักเซกิจึงมอบเงินก้อนใหญ่ให้สาก่อนจะกลับประเทศไป สาจึงตัดสินใจเลิกกับวิทย์แล้วกลับไปอยู่กับป้าแป้น สา ซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในนามของ อุษาสาวใหญ่วัย 40 ปี เอาเงินที่ได้จากเซกิมาตั้งไนต์คลับ สากลับมามีชื่อเสียงหอมหวนให้หมู่นักเที่ยว คลับของสามีคนแน่นทุกวัน ทำให้ฐานะของสาร่ำรวยขึ้นอีกมาก จน ประธาน (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) หุ้นส่วนหนุ่มที่แอบหมายปองในตัวสา เพราะหวังเงิน ซึ่งสาก็รู้ทันแต่ก็อดไม่ได้ลอบมีความสัมพันธ์กับประธานอย่างลับ ๆ แต่สาไม่เคยไว้ใจประธานเลย สาเหมือนจะมีความสุขทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ โสภิตพิไลลูกที่แท้จริงของสา ที่คิดว่าตนเป็นเพียงหลานสาว ตอนนี้เรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนประจำ และกลับมาอยู่ในบ้านกับสา โสภิตคิดว่าสาเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่ และมีศักดิ์เป็นป้า โสภิตเกรงใจสาที่เลี้ยงมา แต่ก็แอบไม่พอใจที่สามีอาชีพที่น่ารักเกียจ ทำให้เธอต้องอับอายเพื่อนฝูง ประธานสนใจโสภิตที่กำลังแตกเนื้อสาว แต่โสภิตไม่ชอบประธานนัก และสาเองก็รู้ทันคอยกีดกันอยู่เสมอ วันหนึ่งสาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่คลับของเธอ เขาคือหม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร สาดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตนเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม สาสนใจคุณชายรวีอย่างออกนอกหน้า และพยายามสืบเรื่องของคุณชายรวี จนรู้ว่าจบกฎหมายมาจากฝรั่งเศส แล้วตอนนี้เป็นผู้พิพากษา สาพยายามตีสนิทเอาอกเอาใจคุณชายรวี ชวนให้รวีมาที่ไนต์คลับบ่อย ๆ ทำให้ประธานไม่พอใจ คุณชายรวีเองก็รู้สึกถูกชะตากับสา ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเป็นคนกลางคืน กลับสงสารที่สาต้องมาทำงานในที่ที่คนดูถูกอย่างนั้น คุณชายรวีชอบเสียงร้องเพลงของสา และมักจะแวะไปที่คลับบ่อย ๆ หม่อมพริ้มได้ข่าวว่าคุณชายรวีไปติดพันนักร้องเจ้าของไนต์คลับ หม่อมพริ้มตักเตือนคุณชาย แต่คุณชายไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง หม่อมพริ้มเห็นรูปสาในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ไม่แน่ใจจึงไปถามยายเจิม ยายเจิมบอกได้ชัดเจนว่าผู้หญิงในรูปคือสา หม่อมพริ้มตกใจมาก เกรงว่าสาจะบอกความจริงกับชายรวี ว่าตัวเองคือใคร หม่อมพริ้มไปหาสาที่บ้าน ทั้งสองคนจำกันได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม หม่อมพริ้มห้ามสา บอกคุณชายรวีเรื่องชาติกำเนิดของตน สาให้คำสาบานว่าจะไม่บอก แต่ก่อนจะกลับ หม่อมพริ้มเห็นโสภิตพิไล เธอสงสัยว่าเด็กสาวคือลูกของใคร สาจึงจำใจต้องบอกว่าเป็นลูกของคุณหญิงโสภา ทำให้หม่อมพริ้มเศร้าใจ คิดถึงลูกสาวที่จากไปเพราะความใจแข็งของเธอเอง หม่อมพริ้มคิดจะขอโสภิตมาเลี้ยงแทนคุณหญิงโสภา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร โสภิตก็ถูกประธานที่ดื่มเหล้าเมาลวนลาม สาเห็นการกระทำของประธานเข้า โมโหจนขาดสติ จึงคว้าปืนยิงประธานล้มลง ถึงแก่ความตาย สาถูกตำรวจจับไป สาไม่ยอมบอกความจริงว่าเธอยิงประธานเพราะลวนลามโสภิต เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของโสภิตเสียหาย สาถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่เรือนจำแดนนักโทษหญิงเพื่อรอพิจารณาคดี โสภิตพิไลรู้ว่าสาอาจจะถูกพิพากษาประหารชีวิตเพื่อปกป้องตน โสภิตตัดสินใจว่าจะต้องช่วยเหลือสาให้ได้ วันพิจารณาคดีสาถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยมีคนรู้จักสา ลูกจ้าง นักร้อง ร่วมถึงหม่อมพริ้มมานั่งฟังการพิจารณาคดีด้วย สายตาของสาเหลือบไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือ คุณชายรวี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาในคดีของสา และโดยที่สาไม่คาดฝัน โสภิตพิไลเข้ามาเป็นพยาน โสภิตเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศาลฟัง จนสุดท้ายศาลก็ยกฟ้องคดีของสา สาจึงได้เป็นอิสระ คุณชายรวีชื่นชมในความรักและเสียสละที่สามีต่อโสภิต ที่เป็นเพียงหลานสาว ยิ่งคุณชายชื่นชมสามากเท่าไหร่ หม่อมพริ้มก็ยิ่งระแวงมากขึ้นเท่านั้น เกรงว่าอีสาจะมาอ้างความเป็นแม่ แล้วแย่งคุณชายรวีกลับคืนไป หม่อมพริ้มจึงขอให้สายุติความสัมพันธ์ระหว่างสากับคุณชายรวีลง และขอร้องชายรวีให้เห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เลิกไปคบกับสา และร้ายกว่านั้น หม่อมพริ้มยังตัดสินใจบอกความจริงกับโสภิตพิไล ว่าจริง ๆ แล้วสาไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพียงบ่าวที่ชักนำให้แม่ของเธอหนีตามผู้ชายไป โสภิตโกรธและเกลียดสามาก ทำให้สายิ่งเสียใจสาถูกพรากจากลูกทั้งสอง ด้วยความเสียใจ สาเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ทันใดนั้นสาก็นึกถึงพระรัตนตรัยขึ้นมาจึงทำให้สาหยุดความคิดนั้น สาหันหน้าเข้าสู่พระรัตนตรัยโดยการบวชเป็นชีที่สำนักชีแห่งหนึ่ง ทำให้สามีจิตใจที่สงบขึ้น และหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา แต่สาบวชชีได้พักหนึ่ง จิตใจสงบอยู่ได้ไม่นาน นิสัยเดิมของสาที่ติดหลงในกิเลส ความเย้ายวนต่าง ๆ ก็ทำให้สาตัดสินใจสึกออกมา สากลับไปที่วังรวีวารอีกครั้ง เพื่อไปกราบหม่อมพริ้ม และคุณหญิงลูก ๆ ของหม่อมพริ้ม สาไปเยี่ยมโสภิตพิไล ที่บัดนี้หม่อมพริ้มเอามาเลี้ยงดูในฐานะหลานสาว เพราะเข้าใจว่าโสภิตเป็นลูกของหญิงโสภา โสภิตเย็นชากับสา เพราะยังไม่หายโกรธ ที่สาเป็นต้นเหตุให้คุณหญิงโสภาแม่ของเธอ ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้สาเสียใจมาก ส่วนคุณชายรวีนั้นรู้เพียงว่า สาเคยเป็นหม่อมคนหนึ่งของท่านพ่อ แต่ก็ยังรักและดีกับสาเสมอ ความอ่อนโยนและเมตตาของชายรวี เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจสา เรื่องย่ออีสา จากนั้น สาก็ไปเยี่ยมพี่แป้นที่บ้านคลองบางกอกน้อย ทุกคนรักและมีน้ำใจกับสาเหมือนเดิม ใจสว่าง (ภัณฑิลา ปานสิริธนาโชติ) หลานสาวของพี่แป้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยคณะเดียวกับโสภิตพิไล และเป็นมหาวิทยาลัยที่คุณชายรวีเป็นอาจารย์สอน ใจสว่างเป็นเด็กดีสาจึงชวนใจสว่างให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปอยู่ที่หอพัก และสาเองก็มีใจสว่างเป็นเพื่อนปรับทุกข์เรื่องโสภิตพิไล เพราะใจสว่างรู้ความจริงทุกอย่าง ที่บ้านของสา เพ็ญศรี เพื่อนของสาเป็นคนช่วยดูแลไนต์คลับให้ระหว่างที่สาเข้าคุกและบวชชี นำเงินที่ได้มาให้สา สาตัดสินใจเลิกทำไนต์คลับ หันมาเปิดร้านทำผมตัดเสื้อ เพราะเห็นแก่โสภิต ว่าจะได้ไม่ต้องอับอายคนที่มีแม่เป็นคนกลางคืน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มนักการเมืองขึ้นมามีอำนาจ ความสำคัญของตระกูลรวีวารก็หมดลง ทรัพย์สมบัติก็ร่อยหรอไป คุณหญิงหริ พี่สาวคุณชายรวี ต้องการแนะนำให้ชายรวีแต่งงานกับ คุณแหวว สวาทโฉม ลูกสาวของ คุณหญิงเฉิดฉวี และนายพลสันทนา (ภูธเนศ หงษ์มานพ) ที่กำลังเรืองอำนาจ เพราะใกล้ชิดกับท่านผู้นำ ทั้งนี้เพื่อผดุงฐานะของรวีวาร และเป็นการสนับสนุนธุรกิจของ ปวุฒิ สามีของคุณหญิงหริทางอ้อมด้วย ในงานฉลองยศของนายพลสันทนา คุณชายรวี และโสภิต จึงได้รับเชิญไปงานด้วย เพื่อให้คุณชายรวีได้พบกับสวาทโฉม แต่ "ท่าน" เจ้านายของนายพลสันทนาที่มาร่วมงานเกิดถูกตาต้องใจในตัวโสภิต ต้องการให้โสภิตมาเป็นอนุภรรยา จึงให้นายพลสันทนาเป็นธุระจัดการให้ นายพลสันทนารู้ว่าโสภิตเป็นลูกสาวของสา จึงมาติดต่อสาที่ร้านทำผม แต่เมื่อนายพลสันทนาได้พบสาก็เกิดหลงเสน่ห์ สาเองก็ว้าเหว่จึงเผลอใจตกเป็นอนุภรรยาของนายพลสันทนา นายพลสันทนาหลงรักสามากถึงกับให้เงินลงทุน ให้สาเปิดคลับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไปหาสาได้สะดวก เมื่อคุณหญิงเฉิดฉวีรู้เรื่องเข้า จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับสาอย่างเปิดเผย ส่วนตัวโสภิตพิไลเองนั้น กำลังมีความรักกับ ชิษณุ ลูกชายของคุณหญิงศุภลักษณ์ลูกสาวของหม่อมพริ้ม ถึงขั้นจะแต่งงานกับโสภิต แต่เมื่อสารู้ข่าวก็อดไม่ได้ที่จะขัดขวาง เพราะจริง ๆ แล้วโสภิตเป็นลูกสาวของตัวเอง และมีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของชิษณุ สาจึงจำเป็นต้องพาคุณชายรวีไปหาพี่แป้น และเล่าความจริงเรื่องกำเนิดของโสภิตให้คุณชายรวีฟัง โดยมีพี่แป้นเป็นพยานอีกคนหนึ่ง เมื่อคุณชายรวีรู้เรื่องก็ตกใจ จึงหาทางช่วยขัดขวางเรื่องการแต่งงาน คุณชายรวีไปพบชิษณุ ซึ่งคุณชายรวีมีศักดิ์เป็นน้าของชิษณุ ทั้ง ๆ ที่คุณชายรวีมีอายุน้อยกว่า คุณชายรวีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชิษณุฟัง ชิษณุเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหนีหน้าโสภิตไปทำงานที่โคราช เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด โสภิตตามไปหาชิษณุที่โคราช แต่เจอชิษณุอยู่กับอัญมณีคนรักเก่า โสภิตเสียใจดื่มเหล้าจนเมาขาดสติ และเกือบจะถูกทหารจีไอพาตัวไป แต่โชคดีที่ ปรมัตถ์ คนที่เคยชอบเธอสมัยเรียนมาช่วยไว้ได้ทัน ใจสว่างได้รู้ข่าวจากปรมัตถ์ จึงพาคุณชายรวีไปตามหาโสภิตถึงโคราช คุณชายรวีเห็นโสภิตเสียใจมากที่ถูกทอดทิ้ง จึงตัดสินใจบอกความจริง ว่าชิษณุกับโสภิตไม่อาจรักกันได้ เพราะจริง ๆ แล้ว เธอเป็นลูกของสา โสภิตตกใจมากที่ตนเป็นลูกของสา ผู้หญิงที่ตนเคยดูถูกว่าต่ำต้อยและไร้ยางอาย โสภิตไม่อาจสู้หน้าหม่อมพริ้ม จึงกลับไปอยู่กับสา และเมื่อโสภิตไปพบนายพลสันทนา จึงรับปากจะเป็นอนุภรรยาของ "ท่าน" เพื่อประชดสา และประชดทุก ๆ คน สาและคุณชายรวีพยายามห้าม แต่โสภิตก็ไม่ฟัง และยังหนีไปจากบ้าน ที่ "ท่าน" สั่งให้หาเอาไว้ให้ สาพยายามติดตามหาโสภิต แต่เธอไม่ยอมพบสา ระหว่างนั้น คุณชายรวีจำใจต้องแต่งงานกับสวาทโฉม เพราะไม่อาจขัดผู้ใหญ่ได้ ตลอดเวลาคุณชายรวีทำหน้าที่เป็นสามีที่ดี แต่สวาทโฉมเองก็ไม่ได้รักคุณชาย เธอเองก็มีความจำเป็นทำให้ต้องแต่งงานเหมือนกัน ใจสว่างเห็นชัดว่าคุณชายรวีไม่มีความสุข เธอทำได้เพียงให้กำลังใจเขา ยายเจิมล้มป่วยลงใกล้ตาย คุณชายรวีและคุณหญิงศรีลักษณา ไปเยี่ยมยายเจิมที่ห้อง ยายเจิมหลงเห็นคุณชายรวีเป็นท่านชายพ่อของคุณชายรวี เลยหลุดปากพูดเรื่องสาออกมา ว่าสามีลูกชายกับท่านชาย 1 คน คุณชายรวีจึงไปถามความจริงจากคุณหญิงศรีลักษณา และได้รู้ว่าตัวเองคือลูกของสา แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด คุณชายรวีก็ไม่ได้โกรธ หรือรังเกียจที่มีแม่อย่างสาเลย แต่ดีใจด้วยซ้ำที่ได้รู้ความจริง และก็ยังรักหม่อมพริ้มแม่ที่เลี้ยงดูมาเหมือนเดิม นายพลสันทนาช่วยให้สาและใจสว่างได้เจอโสภิต โสภิตได้สติขึ้นมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกไม่นาน "ท่าน" จะกลับจากต่างประเทศ และไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธ "ท่าน" ได้ สาได้แต่เสียใจ หม่อมพริ้มได้แต่ก่นด่าสาปแช่งสา ว่าเกิดมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของรวีวาร สุดท้ายสาจะหาทางช่วยโสภิตได้หรือไม่ ? และความบาดหมางของสากับหม่อมพริ้มจะลงเอยยังไง ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครอีสา รวีช่วงโชติ
ผู้ดีอีสาน (2556/2013) นายอำภอเกริก(รอน บรรจงสร้าง)รับราชการมากว่า30ปีด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแต่แล้วต้องมีมลทินมัวหมองเมื่อถูกจับด้วยข้อหารับสินบนเพื่อช่วยเหลือคนต่างด้าวให้หลบหนีเข้าเมือง ทุกคนในอำเภอท่าพนมไพรต่างรู้ดีว่านายอำเภอเกริกถูกใส่ร้ายแต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและเป็นพยานให้เพราะเกรงกลัวต่ออิทธิพลของพ่อใหญ่ลอย(สันติสุข พรหมศิริ)เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลที่ต้องการกำจัดนาย อำเภอเกริกเพราะเข้ามาขัดขวางผลประโยชน์ธุรกิจเถื่อนทั้งค้ายา ค้าแรงงานต่างด้าว นายอำเภอเจต(วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ)เป็นนายอำเภอคนใหม่ที่ถูกส่งมาทำหน้าที่แทนนายอำเภอเกริกและได้รับคำสั่งจากหัวหน้าให้มาตรวจสอบหาความยุติธรรมให้กับนายอำเภอเกริกอย่างเงียบๆและทำลายอิทธิพลเถื่อนของพ่อใหญ่ลอยให้จงได้ เจตเข้ามาพักอยู่ที่บ้านเก่าของนายอำเภอเกริกโดยมีลุงชัด(สมเจต พยัฆโส)ซึ่งเป็นภารโรงของอำเภอและแตงอ่อน(พิชชาภา พันธุมจินดา)ลูกสาวจอมแก่แดดเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาดบ้าน ... แตงอ่อนมักจะคอยให้ท่ายั่วยวนเจตอยู่บ่อยๆเพราะอยากเป็นคุณนายของนายอำเภอ จนเจตต้องขอให้ลุงชัดช่วยหาเด็กผู้ชายมาอยู่รับใช้ที่บ้านเพื่อตัดปัญหาไม่ให้แตงอ่อนเข้ามาวุ่นวาย ลุงชัดไปเจอไอ้หยัง(พริมา พันธุ์เจริญ)เด็กหนุ่มพเนจรที่กำลังหางานทำอยู่พอดีจึงพามาพบ กับนาย อำเภอเจต แรกสบตาที่เจอกันเจตรู้สึกเหมือนกับเคยเจอไอ้หยังมาก่อน แต่หยังปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้เพราะบ้านมันอยู่กาฬสินธ์พร้อมกับโชว์พูดภาษาอีสานเป็นชุด แต่แท้จริงแล้วไอ้หยังเคยเจอนายอำเภอเจตมาก่อนหน้านี้ที่กรุงเทพในกระทรวง แต่ที่ต้องปิดบังเพราะตอนที่เจอกันนั้นไอ้หยังเป็นเด็กสาวชื่อสลิลดาและกำลังไปถามหาความยุติธรรมให้กับนายอำเภอเกริกผู้เป็นพ่อที่กระทรวง เมื่อแตงอ่อนเจอหยังแตงอ่อนถึงกับสะท้านในความหล่อและน่ารักน่าหยิกของหยังจนเปลี่ยนเป้าหมายจากเจตมาที่หยังแทน หยังพยายามหลีกเลี่ยงขับไล่ไม่ให้แตงอ่อนเข้าใกล้เพราะกลัวแตงอ่อนจะรู้ความลับว่าเธอเป็นหญิง แต่ไม่เป็นผลแตงอ่อนติดหนึบหยังพร้อมกับประกาศตัวเป็นแฟนคนใหม่ทันที เมื่อเหยียบย่างขึ้นมาบนอำเภอ เจตก็ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่บนอำเภอเกือบทุกคนทั้งเพ็ญศรี(ณ หทัย พิจิตรา) และสมใจ(รุ้งทอง ร่วมทอง)ต่างรับเงินพิเศษจากพ่อใหญ่ลอย ดังนั้นทุกคนจึงไม่ให้ความเคารพและเกรงใจนายอำเภออย่างเขาเท่าที่ควรจะเป็น เจตจึงปรับระบบการทำงานใหม่หมดทำให้เจ้าหน้าที่ต่างไม่พอใจโดยเฉพาะชัยยันต์(พิเชษฐไชย ผลดี)ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาทำงานสายทุกวันและบางวันก็ไม่มาด้วยเหตุผลที่ต้องไปรับใช้พ่อใหญ่ลอยส่วนตัว ชัยยันต์คิดจะลองดีกับเจตด้วยการประกาศให้เจตรู้ว่าการที่จะอยู่อำเภอนี้ได้ต้องก้มหัวให้พ่อใหญ่ลอยเท่านั้น เจตจึงแสดงให้ชัยยันต์เห็นว่าไม่สนใจอิทธิพลใดๆด้วยการลง โทษทางวินัยกับชัยยันต์เป็นคนแรก โดยการสั่งย้ายให้ไปทำงานในหน้าที่ที่ต่ำกว่าเดิม ชัยยันต์ โกรธมากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเจตเป็นผู้บังคับบัญชา เขาจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ เจตเริ่มสืบเรื่องคดีของนายอำเภอเกริกอย่างเงียบๆโดยมีสุขุม(ธนา ฉัตรบริรักษ์)ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่ที่นี่ให้ความช่วยเหลือ หยังแอบได้ยินเจตคุยกับสุขุมเรื่องพ่อจึงดีใจมากที่ได้รู้ว่ามีคนจะช่วยเหลือพ่อ หยังจึงบอกให้เกริกไปพบกับพงษ์(ธนธร ศวัสกร)ซึ่งเป็นน้องชายของสาลี(ภารดี อยู่ผาสุก)เมียน้อยพ่อใหญ่ลอย เพราะพงษ์เป็นพยานสำคัญเพียงคนเดียวที่รู้ว่านายอำเภอเกริกไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา ... เจตแปลกใจที่หยังรู้เรื่องของนายอำเภอเกริกอย่างละเอียดหยังจึงโกหกว่าตัวเองเป็นลูกของเมียเก็บนายอำเภอและขอร้องไม่ให้เจตบอกเรื่องนี้กับใครเพราะไม่อยากให้เกริกต้องเสียชื่อเสียง ... เจตนัดเจอพงษ์ตามที่หยังบอก... แต่ทว่าพงษ์กลับถูกคนของพ่อใหญ่ลอยฆ่าตัดตอนเสียก่อน หยังถึงกับหมดกำลังใจเพราะพงษ์เป็นความหวังเดียวที่จะช่วยพ่อได้ เจตมองหยังด้วยความสงสารและเห็นใจพร้อมกับให้สัญญาว่าจะจับพ่อใหญ่ลอยเข้าคุกให้ได้เพื่อช่วยนายอำเภอเกริกให้พ้นจากมลทิน หยังโผเข้ากอดเจตด้วยความประทับใจและศรัทธาในตัวเขา เจต อึ้งตะลึงงันไปชั่วขณะกับความรู้สึกที่หยังโผกอดเข้ามา เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร รู้แต่เพียงว่าหัวใจของเขามันสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล หยังแนะนำให้เจตเข้าสืบเรื่องพ่อใหญ่ลอยจากยอดหญิง(ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์)ซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะยอดหญิงมีใจให้กับเจตตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันบนอำเภอ ความสุภาพ ความหล่อและมีการศึกษาของเจตทำให้ยอดหญิงถึงกับเพ้อว่าเขาคือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เธอรอคอย ความปลาบปลื้มที่ยอดหญิงมีต่อเจต ยิ่งสร้างความเกลียดชังให้กับชัยยันต์เพราะ เขาพยายามตามจีบเธอ แต่เธอไม่เคยแยแสแถมทำทีท่ารังเกียจเขาอย่างเห็นได้ชัด เจตเริ่มเดินแผนด้วยการมาหายอดหญิงที่บ้านบ่อยๆ เพื่อหาทางเข้าใกล้ตัวพ่อใหญ่ลอย แต่คนอย่างพ่อใหญ่ลอยไม่ไว้ใจใครง่ายๆ เขาระมัดระวังที่จะไม่ให้เจตเข้าใกล้และล่วงรู้เรื่องธุรกิจเถื่อนต่างๆ เจตจึงไม่มีโอกาสที่จะเก็บหลักฐานอะไรเพื่อมัดตัวเจ้าพ่อใหญ่ หยังก้าวเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจตเต็มตัวในการติดตามสืบหาข่าวเกี่ยวกับธุรกิจเถื่อนต่างๆของพ่อใหญ่ลอย ความใกล้ชิดระหว่างเจตกับหยังทำให้หัวใจของหญิงสาวหวั่นไหวและหลงรักเขาเต็มประตู เช่นเดียวกับเจตที่มีความรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ใกล้เธอแต่เจตต้องเรียกสติตัวเองกลับมาเพราะรู้ดีว่าหยังเป็นผู้ชาย เจตพยายามไม่อยู่ใกล้ชิดและถอยห่างหยัง เพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเกิดปัญหาการ นินทาซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์อีกมากมายให้เขาได้อาย ... หากใครรู้ว่าเขารักไม้ป่าด้วยกัน แต่ยิ่งถอยหนีกลับยิ่งโหยหา เจตได้แต่เก็บความไหวหวั่นไว้ในใจไม่กล้าเล่าให้ใครฟังจนในที่สุดเขาก็ปริปากบอกให้สุขุมรู้ สุขุมช๊อคและตกใจสุดขีดด่าทอว่าเจตเป็นพวกจิตใจวิปริตที่รักเพศเดียวกัน เจตพยายามอธิบายว่ามันคือความรักที่บริสุทธิ์ แต่สุขุมรับไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้เจตไปพบหมอเพื่อรักษา แต่ในที่สุดเจตก็ไม่สามารถหักห้ามความรักที่มีต่อหยังได้ เขาสารภาพรักกับเธอและบอกให้เธอรู้ว่าเขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับคนในสังคมอย่างไม่อายและคิดจะให้หยังไปทำการผ่าตัดแปลงเพศ หยังได้แต่อมยิ้มในความเข้าใจผิดของเจต แต่เวลานี้เธอยังไม่สามารถบอกความจริงให้เขาล่วงรู้ได้ว่าเธอคือใคร เจตจับได้ว่าชัยยันต์และคนบนอำเภอแอบทำบัตรต่างด้าวปลอม เขาจึงเรียกทุกคนสอบสวนเพื่อหาผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเขารู้ดีอยู่แล้วว่าบุคคลนั้นคือพ่อใหญ่ลอย เจตเพียงแต่ต้องการให้ชัยยันต์และทุกคนร่วมกันซัดทอด แต่คนอย่างพ่อใหญ่ลอยย่อมไม่ปล่อยให้ใครหักหลังง่ายๆ เขาสั่งลูกน้องให้ไปตามเก็บชัยยันต์ทันที แต่ชัยยันต์หนีรอดไปได้และวกกลับมาเอาตัวยอดหญิงไปเจตตามไปช่วยยอดญิงไว้ได้ทันและยิงชัยยันต์ตาย พ่อใหญ่ลอยซาบซึ้งที่เจตช่วยชีวิตยอดหญิงไว้และเชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเจตรักลูกสาวของเขาจริง พ่อใหญ่ลอยจึงยกยอดหญิงให้กับเจต และนี่เป็นโอกาสทองที่เขาจะเข้าถึงตัวพ่อใหญ่ลอยได้อย่างไม่มีข้อกังขา เจตตอบตกลงที่จะแต่งงานกับยอดหญิงในขณะที่หยังใจหายกลัวว่าเขาจะหมดรักเธอ แต่เจตให้คำสัญญากับหยังว่าเขาแต่งกับยอดหญิงแต่เพียงในนามเท่านั้น ส่วนหัวใจของเขายังอยู่กับหยังเสมอ หลังจากแต่งงานเจตกลายเป็นลูกเขยคนโปรดที่พ่อใหญ่ลอยไว้วางใจและยอมให้เจตเข้ามามีส่วนรู้เห็นในกิจการเถื่อนของครอบครัว... และวันที่เจตกับหยังรอคอยก็มาถึงเมื่อพ่อใหญ่ลอยนัดส่งยาบ้ากับคู่ค้า เจตนำกำลังเข้าล้อมจับแต่พ่อใหญ่ลอยขัดขืนจึงถูกยิงตาย ยอดหญิงผิดหวังและเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้พ่อต้องมาตายเพียงเพราะเธอหลงรักผู้ชายจนหน้ามืดตามัว ยอดหญิงจึงยิงตัวตายตามพ่อไป เจตรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองใช้ยอดหญิงเป็นเครื่องมือในการจับพ่อใหญ่ลอยแต่สุขุมเตือนสติว่าสิ่งที่ทำก็เพื่อบ้านเมืองเพราะเจตเป็นข้าราชการของแผ่นดิน นายอำเภอเกริกได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับหมดมลทินเมื่อศาลตัดสินว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ หยังโดดกอดพ่อกับแม่นิตยา(ขวัญฤดี กลมกล่อม)ด้วยความดีใจ พร้อมกับที่เจตได้รับรู้ความจริงว่าหยังคือสลิลดาลูกสาวของนายอำเภอเกริกที่ปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายมาหลอกเขา เจตโกรธมากที่ถูกหยังหลอกมาตลอด หยังพยายามจะอธิบายและง้อต่างๆนานาแต่เจตก็ไม่รับฟังแถมยังไล่เธออย่างไม่ไยดี แต่สุดท้ายความรักย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อได้ทบทวนและถามตัวเองว่าหยังมีความสำคัญกับชีวิตเขาเพียงใด เจตจึงเป็นฝ่ายไปง้อตามหยังกลับมา...
บ่วงบาป (2556/2013) สุพรรณบุรี รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖ หรือ ราวพุทธศักราช 2441 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาสุรเดชไมตรี (นาท ภูวนัย) ได้มอบศักดินาตลอดจนทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งบริวารทาสให้ลูกชายคนเดียวคือ ขุนพิทักษ์ (ทฤษฎี สหวงษ์) คุณหญิงมณี (ดวงตา ตุงคะมณี) ผู้เป็นภรรยากลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวัล เพราะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วขุนพิทักษ์ลูกชายเป็นคนไม่เอาการเอางาน ใช้ชีวิตเสพสุขไปวัน ๆ แต่ที่ผ่านมาอยู่ในกรอบเพราะเกรงกลัวบารมีของบิดา และก็จริงดังที่คุณหญิงมณีกังวล หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของพ่อ ขุนพิทักษ์ก็ใช้ชีวิตสุขสำราญเต็มที่ ประพฤติตนผิดศีลห้า ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของ หลวงตามั่น (ยอดชาย เมฆสุวรรณ) ด้วยความเป็นหนุ่มรูปงาม ทำให้เป็นที่หมายปองของหญิงสาว รวมทั้ง คุณรำพึง (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) บุตรสาวของพระยาเทวราช (ศักราช ฤกษ์ธำรง) ทำให้ขุนไว (กันต์ กันตถาวร) คู่แข่งคู่อาฆาตของขุนพิทักษ์ไม่พอใจ เพราะแอบชอบรำพึงเหมือนกัน นายสม (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) และ ชุ่ม (หยาดทิพย์ ราชปาล) น้องสาว ชุ่มร้องไห้เศร้าเสียใจที่ต้องห่าง แม่เย็น (ปวีณา ชารีฟสกุล) ต้องมาเป็นทาสขัดดอก ขุนพิทักษ์ดื่มเหล้าเมา เดินเข้าเรือนทาส แจ่ม (ยุวดี เรืองฉาย) ไปรายงานคุณหญิงมณี รำพึงอยู่บนเรือนพอดี ได้ยินแล้วไม่พอใจ เริ่มแรกขุนพิทักษ์ไม่ได้สนใจชุ่มเท่าไหร่ แต่นานวันเข้าความซื่อ ไร้เดียงสาของชุ่ม ทำให้ขุนพิทักษ์หลงรักอย่างไม่รู้ตัว รำพึงยังจ้องรังแกชุ่มตลอดเวลา โดยมี จวง (นฤมล สิทธิเม่ง) คนรับใช้คนสนิทคอยวางแผน ขุนไว ไปทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของรำพึง เพราะชนะขุนพิทักษ์ แต่รำพึงปฏิเสธจึงข่มขืน ส่วนขุนพิทักษ์ได้ ชุ่มเป็นเมียในกระท่อมเรือนทาส รำพึงไปพึ่งหมอไสย์ให้ตามฆ่าชุ่มอีก หมอไสย์เลยขอค่าเหนื่อยครั้งนี้ด้วยตัวของรำพึง แม้รำพึงจะไม่ยอมแต่ก็สู้แรงหมอไสย์ไม่ได้ รำพึงเก็บหนี้แค้นครั้งนี้ไว้ในใจ ขุนพิทักษ์โดนทำร้ายด้วยคุณไสย์แทนชุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอดจน ได้เกลียว (นภัสสร ช่วยเกิด) ช่วยเหลือพาไปรักษาตัว ส่วนชุ่มอาการสาหัส แต่ได้ขุนเกิด (ทองภูมิ ศิริพิพัฒน์) ซึ่งเป็นหมอช่วยรักษาจนหาย แต่ชุ่มจำอะไรไม่ได้ ขุนเกิดตั้งชื่อใหม่ให้เธอว่านวล ยกย่องให้เป็นภรรยา 15 ปีผ่านไป รำพึงเลี้ยงลูกของชุ่มกับขุนพิทักษ์เอาไว้ ตั้งชื่อว่าอัฐ (แดนอรุณ รามณรงค์) พร้อมกันนั้นรำพึงตั้งท้องกับหมอไสย์ คลอดลูกสาวชื่อระพี (ญาณิกา ทองประยูร) โดยขุนไวเข้าใจว่าเป็นลูกแท้ ๆ เกลียวโดนพระยาสุริน (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) จับไปเป็นเมียใช้หนี้ขัดดอก เกลียวจำใจ เพื่อรักษาชีวิตของขุนพิทักษ์และเปลี่ยนชื่อเป็นทัด โดนโขกสับรังแกทุกอย่างใช้หนี้บาปของตัวเองที่เคยทำมา ลูกชายของพระยาสุรินชื่อเทิด (จักรพันธ์ วงศ์คณิต) ก็คอยรังแกทุบตี เทิดหลงรักน้อย (กิ่งกาญจน์ มีสุข) ลูกสาวของขุนเกิดและนวลในขณะที่ระพีกลับชอบเทิดและหมั่นไส้ที่เทิดชอบน้อย หาโอกาสหาเรื่องน้อยเสมอ แต่บาปกรรมเริ่มตามทันรำพึง เมื่อหมอไสย์ยังไม่ตาย กลับมาแก้แค้นอีกครั้ง และใช้ระพีเป็นเหยื่อครั้งนี้ หมอไสย์เสกของดำใส่ในตัวระพี ทำให้ระพีเป็นบ้า ไม่มีสติ ขุนไวเฝ้าดูแลด้วยความเป็นห่วง รำพึงแค้นที่หมอไสย์พ่อแท้ ๆ ของระพีทำร้ายลูกตัวเอง ตั้งใจคิดบัญชีแค้นครั้งนี้อีก ขุนไวเพิ่งรู้ว่าขุนพิทักษ์และชุ่มยังไม่ตาย รำพึงก็ยังไม่หยุดแค้นขุนพิทักษ์และชุ่ม บ่วงรักบ่วงกรรม ที่พันผูกกันมายังไม่จบสิ้น
สามทหารเสือสาว มายาตวัน (2556/2013) 2 ปีก่อน วงการบันเทิงได้ต้อนรับดาวรุ่งดวงใหม่ที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง “มายา” เพียงเรื่องแรกและเรื่องเดียวก็ทำให้ เขตต์ตวัน โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งงานโฆษณา งานเดินแบบ ถ่ายแบบ งานอีเวนต์ต่างๆ พุ่งเข้าใส่ เขตต์ตวัน ชนิดไม่มีวันให้ได้พัก กลุ่มแฟนคลับของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกเพศทุกวัย มัทนา นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น มัทนา เป็นแฟนคลับตัวยง ตามกรี๊ดตามเชียร์ ติดตามข่าวสารผลงานทุกอย่าง แม้แต่ตามเถียงตามแก้ข่าวให้เขตต์ตวัน ในทุกสื่อ แม้แต่เว็บไซต์เล็กน้อย ถ้าเธอรู้ก็ตามแก้ข่าวให้พระเอกขวัญใจได้ตลอด ไม่คาดฝันได้มีข่าวช็อกวงการเมื่อเขตต์ตวัน ถูกจับข้อหาฆ่า ยุพิน หญิงขายบริการตาย...ข่าวอื้อฉาวต่างๆนาๆ ถาโถมเข้าใส่เขตต์ตวัน เขาเองก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และตั้งทนายต่อสู้คดี มัทนาเองก็ไม่เชื่อตามให้กำลังใจ ช่วยแก้ข่าวให้ศิลปินขวัญใจชนิดไม่เป็นอันเรียน เขตต์ตวัน ถูกถอดจากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าหลายชิ้น เนื่องจากภาพลักษณ์ ไม่ดี สำนักพิมพ์ต่างๆ เริ่มขุดคุ้ย เปิดโปงเรื่องส่วนตัวของเขาไม่หยุดหย่อนโดยที่บางเรื่องไม่เป็นความจริงเลย เขตต์ตวัน เลยฝังใจเกลียดชังพวกนักข่าวเข้ากระดูกดำ ไม่นานนักศาลชั้นต้นก็พิพากษาว่า เขตต์ตวัน ไม่มีความผิด ไม่เกี่ยวข้องกับการตายของยุพิน พวกหนังสือพิมพ์หน้าแตกไปตามๆกัน แต่ก็ไม่วายแขวะเขตต์ตวันไม่เลิก แถมแฉว่าเค้ามีแม่เป็นโสเภณี เขตต์ตวัน หมดความอดทน แถลงข่าวอำลาวงการ สร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟนคลับชนิดตั้งตัวไม่ทัน มัทนาถึงกับร้องไห้โฮล้มป่วยไปเลย...หลังจากแถลงข่าว เขตต์ตวันก็หายไปจากวงการจริงๆ ไม่มีใครได้ข่าวตัวเขาอีกเลย 2 ปีต่อมา...มัทนา สำเร็จการศึกษาได้เข้ามาทำงานเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์สยามสาร เธอได้รับมอบหมายจาก ไชยวัฒน์ บ.ก.หนังสือให้ไปทำข่าว เขตต์ตวัน อดีตพระเอกชื่อดัง ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ภูเก็ต เพราะไชยวัฒน์ได้รับข้อมูลมาจากสายข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของเขตต์ตวัน ว่าเขาเคยเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงอยู่ที่วัดสวนป่า จังหวัดภูเก็ต โดย หลวงพ่อจรูญ ผู้ใจบุญที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ไชยวัฒน์ต้องการรื้อฟื้นข่าวของเขตต์ตวันขึ้นมาอีก เพราะคิดว่าอย่างไรข่าวของดาราหนุ่มก็ยังเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป หนังสือสยามสารมีนักข่าวหญิงเหล็กสามคนที่ต่างบุคลิกกันคือ สาระวารี , มีคณา และ มัทนา ทั้งสามสนิทกันมาก มัทนาเป็นรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาเป็นนักข่าว และได้รับมอบหมายให้ไปสัมภาษณ์เขตต์ตวัน ในขณะที่สาระวารีไปทำข่าวการเปิดบ่อนคาสิโนที่ตราด ส่วนมีคณาทำข่าวการค้าประเวณี บ้านของมัทนาเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อกับแม่เป็นอาจารย์ทั้งคู่ พี่สาวคนโต สาวิตรี ก็เป็นอาจารย์ พี่สาวคนรอง ศกุนตลา เป็นนางพยาบาล ส่วนน้องคนสุดท้อง วาสิฐฐี กำลังเรียนมหาวิทยาลัยคณะนิติศาสตร์ แม่ของมัทนามักจะพูดเสมอว่าทำไมมัทนาถึงแหกคอกออกมาทำงานนักข่าวและบอกให้ลาออกอยู่เสมอแต่หญิงสาวก็รักงานนักข่าวมากไม่ยอมลาออกตามที่แม่ขอร้อง เมื่อมัทนาบอกแม่เรื่องจะไปทำข่าวเขตต์ตวันที่ภูเก็ต ศกุนตลาได้ยินเข้าจึงเล่าเรื่องที่ว่าเคยเจอเขตต์ตวันไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาล ซึ่งคนไข้ผู้หญิงคนนั้นติดยา ศกุนตลาเตือนให้มัทนาระวังตัวด้วย เมื่อมัทนาเดินทางถึงภูเก็ต เธอเข้าพักที่โรงแรมอโณทัย และได้รู้จักชายหนุ่มหน้าตาดีที่เข้ามาแนะนำตัวทำความรู้จักกับเธอ เขาคือ เชน ครอส หรือ เชษฐ์ หนุ่มนักธุกิจค้าไข่มุกอยู่ที่ภูเก็ต หญิงสาวสนิทสนมกับเชนอย่างรวดเร็วเพราะมองเห็นสายตาที่อ้างว้างของเขาแล้วรู้สึกสงสาร มัทนาเริ่มทำงานโดยการเดินไปแอบดูบ้านของเขตต์ตวัน แล้วไปถามร้านค้าแถวนั้น แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลมากนัก รู้แต่ว่ามักจะมีหญิงสาวหน้าตาดีเดินเข้าออกบ้านนี้บ่อยๆ มัทนาเดินเลาะชายหาดกลับโรงแรม จนได้พบกับเขตต์ตวันที่ยืนมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงความเหงาโดดเดี่ยวของเขา สักพักมัทนาก็เห็น ลลิสา นางแบบสาวเข้าไปกระแซะเขตต์ตวัน ตามด้วยนางแบบอีกคน ชลบุษย์ ที่ตามมาเรียกเขตต์ตวัน มัทนาจึงสลัดความสงสารออกไป เมื่อมัทนากลับโรงแรม เธอก็ได้รับโน้ตจากเชนซึ่งชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน เชนคุยเปิดเผยจนมัทนาไม่อยากปิดบังว่าตนเป็นนักข่าวแอบมาสืบเรื่องของเขตต์ตวัน เชนบอกว่าเขตต์ตวันเก็บตัวมากและเกลียดนักข่าว ไม่มีทางยอมให้สัมภาษณ์ เลยแนะให้ปลอมตัวเข้าไปทำงานในบ้านแล้วค่อยๆ สืบหาความจริง มัทนาปิ๊งไอเดียเห็นด้วย มัทนาเริ่มปฏิบัติการสมัครเข้ามาขอทำงานเป็นลูกจ้างบ้านเขตต์ตวัน มัทนาเจอกับ เอกชัย เพื่อนสนิทที่ทำงานกับเขตต์ตวัน เอกชัยรู้สึกถูกชะตาแต่ไม่มีแผนการรับลูกจ้างเพิ่ม มัทนาก็ขอทำงานให้ฟรีพิสูจน์ผลงาน เอกชัยใจอ่อนในความตลกเฮฮาช่างพูดของมัทนายอมให้เข้ามาทำงาน ไม่ทันข้ามวันดี พอเขตต์ตวันกลับมาเจอก็ไม่พอใจ ไล่ตะเพิดมัทนาออกไปจากบ้าน มัทนาเฮิร์ทสุดๆ ฟูมฟายว่าตนเป็นคนจน น่าสงสาร และเคยเป็นแฟนหนังเขตต์ตวัน ทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง มัทนาวิ่งร้องไห้เสียใจออกไปจากบ้านไป เขตต์ตวันและเอกชัยจึงเข้าใจว่าเป็นพวกคลั่งดารา มัทนาเจ็บอกเจ็บใจระบายความร้ายกาจของเขตต์ตวันให้เชนฟัง เชนแนะว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก มัทนาฮึดสู้อยากเอาชนะเข้าไปสมัครงานใหม่เป็นคนดูแลสวน เอกชัยขำๆ มัทนาตื้อ โชว์ฝีมือทำสวนอีก...เขตต์ตวันออกมาพร้อมนางแบบคู่ใจเจอก็ไล่ตะเพิดออกจากบ้านอีก แถมตำหนิเอกชัยให้ด้วย พร้อมกับขู่ว่าถ้ามัทนาเข้ามาในบ้านจะแจ้งตำรวจจับ ลลิสาเย้ยหยันมัทนาหาว่าเป็นพวกคลั่งดารา มัทนากลับออกด้วยความช้ำใจบ่นกระปอดกระแปดเสียงแรงเคยรัก เคยทำป้ายไฟเชียร์ เธอโทรรายงานบ.ก.พร้อมโทรเม้าท์กับเพื่อนฝูงจนหลับไป พอเช้าอีกวันมัทนาจะไปที่วัดสวนป่าหลวงพ่อจรูญเพื่อเก็บข้อมูลรายล้อมเขตต์ตวันก่อนอย่างน้อยจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เธอพบเชนที่กำลังจะออกไปข้างนอกอยู่พอดี เขาชวนมัทนาติดรถไปด้วย ขณะที่อยู่บนรถเชนเล่าเรื่องชีวิตของเขาให้ฟัง มัทนาจึงรู้สึกว่าเขาน่าสงสารและเป็นผู้ชายที่คบได้คนหนึ่ง หลังจากเชนส่งมัทนาลงจากรถที่วัดแล้ว หญิงสาวก็ได้พบกับหลวงพ่อจรูญ เธอชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยจนวกมาที่เรื่องของเขตต์ตวัน หลวงพ่อระวังคำพูดไม่เล่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขตต์ตวันเสียหาย มัทนามองเห็นเด็กๆ มากมายที่อยู่ในความอุปการะของหลวงพ่อ หลวงพ่อยังบอกอีกว่าเขตต์ตวันมาบริจาคอาหารและทุนค่าเล่าเรียนเด็กๆเป็นประจำ มัทนาก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ ไม่เสียแรงที่เป็นแฟนคลับตัวยง หลังกลับจากวัดเธอใจสบายขึ้นเยอะ ภูมิใจความใจบุญของศิลปินในดวงใจ อารมณ์ดีเลยตัดสินใจไปเล่นน้ำทะเล ดำผุดดำว่ายสนุกสนานอยู่ไปมา จู่ๆก็มีวินเซิร์ฟพุ่งเข้าชนที่ศีรษะของเธอ ซึ่งคนที่เล่นวินเซิร์ฟนั้นคือเขตต์ตวันนั่นเอง เขามองไม่เห็นว่ามัทนากำลังว่ายน้ำอยู่ มัทนาโวยวายที่ถูกชนหัว เขตต์ตวันอุ้มเธอไปหาหมอ หมอช่วยดูแผลให้มัทนาและบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เขตต์ตวันเสนอเงินให้มัทนาเพราะคิดว่าเธอเป็นพวกฉวยโอกาส มัทนาโมโหชกหน้าเขตต์ตวันไปหนึ่งหมัดแล้วยืนกรานจะไปแจ้งความ เอกชัยและเขตต์ตวันกลัวตกเป็นข่าวมากพยายามต่อรอง มัทนายื่นขอเสนอให้เธอเข้าไปทำงานรับจ้างในบ้าน...เขตต์ตวันไม่มีทางเลือกยอมรับข้อเสนอ มัทนาดีใจออกนอกหน้า เขตต์ตวันแอบกำชับเอกชัยให้สืบประวัติ...มัทนาแอบได้ยินเข้าพอดี มัทนาปรึกษากับเชนให้ช่วยจัดฉากหาครอบครัวให้ เอกชัยมาสืบก็หลงกลว่ามัทนาเป็นเด็กฐานะยากจนจริงๆย้ายมาจากจังหวัดอื่นมาหางานทำ คลั่งไคล้เขตต์ตวันเอามากๆ เอกชัยหายสงสัยรายงานเขตต์ตวัน เขาจึงยอมให้มัทนาเข้ามาทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านได้ด้วยความไม่เต็มใจนัก โดยบอกกับเอกชัยว่าจะหาทางบีบให้ออกจากบ้านไปให้เร็วที่สุด มัทนาเข้ามาทำงานในบ้านด้วยความไม่เต็มใจของเจ้าของบ้าน เขตต์ตวันมีเรื่องกับมัทนาไม่เว้นแต่ละวัน สาวๆของเขตต์ตวันทั้งลลิสา และชลบุษย์ อดีตนางแบบที่มาเป็นเลขาของเขตต์ตวัน ก็แสดงอาการไม่ชอบขี้หน้ามัทนานัก แม้ทั้งคู่จะชิงดีชิงเด่นกันแต่พร้อมจะจับมือเล่นงานมัทนาร่วมกันได้ทุกเวลา แต่มัทนาก็ยังมีเชนที่เป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาอยู่ตลอด ความสัมพันธ์ของเชนและมัทนาก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เวลาจะนัดเจอกันก็ต้องให้เชนปลอมตัวเป็นคนงานรีสอร์ท มัทนากลัวจะมีคนเห็นและจับได้ มัทนายังไม่ละความพยายามในการสืบเรื่องเขตต์ตวัน ทนแรงกดดันต่างๆนาๆ จนรู้ความจริงขณะที่เขตต์ตวันเตรียมงานแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นใหม่ ว่าแบรนด์เสื้อผ้าหรู “ตะวัน” นั้นเป็นของเขตต์ตวัน และดีไซน์เนอร์ที่ชื่อว่า จันจิรา ก็คือตัวเขตต์ตวันนั่นเอง...มัทนาขอลากลับบ้านเพราะญาติป่วย มัทนามาพบกับเชนและกลับเข้ากรุงเทพไปพร้อมกัน มัทนารายงานข่าวใหญ่ต่อบ.ก.โดยที่ไม่มีภาพไม่มีหลักฐานใดๆ แต่บ.ก.พร้อมจะตีข่าวนี้ในวันที่มีการจัดแฟชั่นโชว์ สื่อแห่ไปงานแฟชั่นโชว์ของ “ตะวัน” มืดฟ้ามัวดินจนมัทนารู้สึกผิด โดนครอบครัวเธอต่อว่าต่างๆนาๆ ด้าน เขตต์ตะวันเองก็เก็บตัวเงียบอยู่ที่โรงแรมเหมือนการจัดแฟชั่นโชว์ทุกครั้ง และหลังจากจบโชว์ทุกครั้งก็จะไม่มีดีไซน์เนอร์เดินมารับช่อดอกไม้อย่างห้องเสื้ออื่นๆ แต่ “ตะวัน” จะจบโชว์ด้วยรูปกราฟฟิคผู้หญิงผมยาวสยายก้มหน้าพร้อมชื่อ แบรนด์ตะวัน เขียนประกบไว้อย่างมีสไตล์...วันนี้ก็เช่นกันลลิสาเดินชุดฟินนาเล่แล้วก็จบด้วยรูปกราฟฟิคเช่นเคย สื่อพยายามสืบจากหลังเวทีก็คว้าน้ำเหลว ไม่มีใครรู้จักดีไซน์เนอร์จันจิรา และไม่มีใครเคยเห็นเขตต์ตะวันเกี่ยวข้องอะไรกับ“ตะวัน” รู้แต่ว่าจันจิราชื่นชอบเขตต์ตะวันมากจนได้แรงบันดาลใจตั้งชื่อแบรนด์ว่า “ตะวัน” แทนที่เขตต์ตวันจะโกรธกลับพอใจที่คอลเล็คชั่นนี้ได้รับความสนใจล้นหลาม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าความลับรั่วได้ยังไง จึงให้เอกชัยสืบหาเกลือเป็นหนอน เขตต์ตวันรู้สึกติดใจสงสัยมัทนาขึ้นมานิดๆ เพราะเป็นคนใหม่เพียงคนเดียวที่เข้ามาในวงจรชีวิตของตน เอกชัยไม่เห็นด้วยและออกรับแทน เขตต์ตวันและเอกชัยกลับถึงบ้านที่ภูเก็ต มัทนาก็ทำงานรอต้อนรับทำไม่รู้เรื่องรู้ราว เขตต์ตวันพยายามจับผิดว่าเป็นไส้ศึกรึเปล่าแต่มัทนาก็เอาตัวรอดไปได้ทุกที จนกระทั่งแอบตามไปดูตอนมัทนาลากลับบ้านก็เจอครอบครัวจัดฉาก ที่น่ารัก เขตต์ตวันให้ความไว้วางใจมัทนามากขึ้น ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสร้างความไม่พอใจให้ลลิสาและชลบุษย์เป็นอย่างมาก รวมทั้งเชนเองก็แอบหึงมัทนาจนแสดงออกให้มัทนาต้องลำบากใจ ขณะที่ความสัมพันธ์ของเขตต์ตะวันและมัทนากำลังพัฒนาไปด้วยดีก็เกิดความแตก เมื่อมัทนาเจอเพื่อนนักข่าวที่ตลาดขณะที่เขตต์ตวันรออยู่ในรถ เขตต์ตวันไม่ได้ติดใจอะไรแค่รู้สึกสงสัยทำไมมีเพื่อนดูเป็นคนกรุงเทพจัง แต่แล้วเขตต์ตวันหมดข้อสงสัยเมื่อนักข่าวสาวคนนั้นแอบปีนรั้วบ้านตนเพื่อถ่ายภาพบ้านและชีวิตส่วนตัวของตน...เขตต์ตวัน จับตัวได้โกรธมาก โชคร้ายที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนมัทนา เขตต์ตวันเอารูปมัทนามาให้นักข่าวสาวดู เธอพูดหมดเปลือกว่ามัทนาคือนักข่าวของนสพ.สยามสาร เขตต์ตะวันโกรธจัดทะเลาะกับมัทนาอย่างรุนแรง ด้วยความรู้สึกผิดหวังและน้อยใจมาก แม้มัทนาจะบอกว่าเธอคือแฟนคลับตัวยง รักและคอยแก้ข่าวให้เขามาตลอดทั้งน้ำตา เธอเข้ามาทำข่าวด้วยเจตนาดีไม่คิดให้ร้ายเขาเลยแต่ เขตต์ตวันก็ไม่ฟังไล่ตะเพิดมัทนาออกไปจากบ้าน ไม่อยากเห็นหน้าเธออีกตลอดชีวิต ทั้งคู่ต่างเสียใจและคิดถึงยามที่ต้องห่างกัน มัทนาทนไม่ไหวกลับมาตื้อขอคืนดี เขตต์ตวันแม้จะดีใจแต่ยังโกรธไม่หายที่ถูกหลอก ไล่ตะเพิดไปอีก...เอกชัย รู้ใจเพื่อนรักดีพยายามทัดทานแต่ยังไงก็ไร้ผล เชนตามมาปลอบใจและให้กำลังใจ ดักคอว่ามัทนาแอบชอบเขตต์ตวัน มัทนาปากแข็งบอกว่าตนเพียงทำหน้าที่ ที่เจ้านายสั่งมาเท่านั้น กลัวตกงาน ไม่ชอบนายนั่นหรอก เชนเลยสารภาพรักมัทนาซะเลย มัทนาอึ้งไปแต่ก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจเชนในทันที เพียงตอบไปว่าขอเวลา ยังไม่พร้อมจะคิดเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ในเมื่อความจริงปรากฏแล้วมัทนาก็เข้าบ้านเขตต์ตวันไม่ได้แล้ว เธอจึงสวมวิญญาณนักข่าวเต็มรูปแบบ มัทนาแอบปีนต้นไม้ที่บ้านของเขตต์ตวัน และแอบถ่ายรูปในบ้านของเขา แต่แล้วจู่ๆ เขตต์ตวันก็ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ มัทนาตกใจหล่นจากต้นไม้ลงมาขาแพลง เขตต์ตวันต้องเข้าไปประคอง ชายหนุ่มโกรธมากยึดกล้องมัทนาไป เธอขอร้องไม่ให้ทำลายกล้องเพราะต้องใช้เวลานานในการเก็บเงินซื้อ เขตต์ตวันเห็นใจจึงแค่ทำลายฟิล์มและคืนกล้องให้หญิงสาว มัทนาขอสัมภาษณ์หน้าด้านๆ เขตต์ตวันยิ่งเดือดดาลไล่เธอไปแต่มัทนาไม่ไป เขตต์ตะวันลากมัทนาไปทิ้งหน้าบ้านทั้งๆ ที่ขาเจ็บ เชนคอยปฐมพยาบาลให้มัทนา ขอให้ถอยกลับกรุงเทพดีกว่า แต่มัทนายังไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะปวดหัว ปวดขา และฝนตกพรำๆ เธอตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านของเขตต์ตวันเพื่อขอสัมภาษณ์ เอกชัยสงสารบอกให้กลับไปเถอะถึงอย่างไรเขตต์ตวันก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ มัทนายืนตากฝนรอเป็นเวลา 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเอกชัยต้องบอกให้เขตต์ตะวันไปดูมัทนา เขตต์ตวันตัดสินใจไปไล่มัทนากลับ แต่กลับพบว่าหญิงสาวมีอาการไข้ เขาจึงพาเธอเข้ามาในบ้านและให้ดื่มวิสกี้แก้หนาว เขตต์ตวันต่อว่ามัทนาที่ดื้อรั้น เขายืนยันว่าจะไม่ยอมให้สัมภาษณ์เด็ดขาด แต่มัทนาก็ยืนกรานว่าจะไม่ละความพยายาม ทั้งสองเถียงกัน จนมัทนาเป็นลมไปต่อหน้าเขตต์ตวัน เขตต์ตวันไปรับหมอมาดูอาการของมัทนา หมอบอกว่ามัทนาเป็นไข้หวัดและมีอาการขาอักเสบต้องนอนพักเป็นระยะเวลา 3-4 วัน โดยต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด เขตต์ตะวันแม้จะโกรธมากแต่ความที่ยังรู้สึกดีๆให้กันจึงตัดสินใจ ให้หญิงสาวพักที่บ้าน เมื่อมัทนาฟื้นขึ้นมาเจอเขตต์ตวันที่คอยดูแลอยู่ เธอก็กล่าวขอโทษและบอกว่าจะกลับโรงแรม พรุ่งนี้เช้า เขตต์ตวันแย้งว่าหมอสั่งห้ามใช้ขาสามวัน ต้องอยู่ที่บ้านเขา โดยเขาจะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลเธอเอง มัทนานอนป่วยอยู่ที่บ้านของเขตต์ตวัน โดยเวลากลางวันเขตต์ตวันกับเอกชัยจะผลัดกันมานั่งเฝ้าหญิงสาว พอช่วงเวลากลางคืนจะมีพยาบาลที่เขตต์ตวันจ้างมาดูแลแทน การพักอยู่ที่บ้านของเขตต์ตวันทำให้มัทนามีโอกาสพูดคุยกับเขามากขึ้นและเอกชัยก็มักจะเล่าถึงเขตต์ตวันให้ฟัง ทำให้มัทนาเข้าใจชีวิตของเขต์ตวัน มัทนารวมความกล้าขอสัมภาษณ์เขตต์ตวันอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่ใช่การแฉทำร้ายทำลายชื่อเสียงเขตต์ตวัน แต่ตนทำหน้าที่ตัวแทนของแฟนๆ ที่รักและคิดถึงเขตต์ตวันอยากรู้ข่าวคราวเท่านั้นเอง คราวนี้ชายหนุ่มตอบตกลง โดยขอให้สัมภาษณ์หลังจากเธอหายเจ็บ มัทนาดีใจมากจนแทบซ่อนน้ำตาไว้ไม่อยู่ ช่วงบ่ายวันหนึ่ง มีชายหนุ่มมาขอพบเขตต์ตวัน เขาเป็นคนที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้บ้านของเขตต์ตวันซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกับที่เจ้าของร้านค้าบอกจะให้มัทนาเช่า ชายคนนี้มาขอพบเขตต์ตวันโดยบอกว่ารู้จักเพื่อนเก่าของเขาดี เขตต์ตวันไปพบ มัทนาเห็นว่าชายคนนี้พยายามเสนอขายอะไรบางอย่าง แต่เขตต์ตวันปฏิเสธไป เมื่อมัทนาอาการดีขึ้นก็อยากออกไปเดินเล่น เขตต์ตวันจำใจพาเธอออกไป เขาเล่าสาเหตุที่ต้องไปอยู่วัดกับหลวงพ่อ และเล่าถึงชีวิตวัยเด็กอันขมขื่น รวมทั้ง จันจิรา น้องสาวที่เขารักมากและตายไปแล้ว และบอกว่าตนสืบสานความฝันของน้องสาวทำห้องเสื้อตะวันขึ้นมา พอพูดถึงน้องสาวเขตต์ตวันก็เศร้ามากทำให้มัทนายิ่งเห็นใจเขามากยิ่งขึ้น... เขตต์ตวันพามัทนาไปหาหลวงพ่อจรูญ และพบเด็กที่อยู่ในความดูแลของท่าน มัทนาตั้งใจจะเขียนสารคดีชีวิตของหลวงพ่อ เธอจึงได้สัมภาษณ์ท่านด้วย ความสัมพันธ์ของเขตต์ตวันกับมัทนาค่อยๆ กลับมาดีเหมือนเก่าหลังจากปรับ ความเข้าใจกันทุกเรื่อง เขตต์ตวันชวนมัทนาไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพก่อนกลับบ้าน มีหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งเข้ามาขอถ่ายรูปกับเขตต์ตวัน มัทนาช่วยขอร้องให้เขาไปถ่ายรูปด้วย ขณะนั้นมีกลุ่มขี้เมาเดินผ่านมาแซวมัทนาว่า ถ้ามีแฟนอย่างเธอจะไม่ปล่อยให้อยู่ห่างๆเลย เขตต์ตวันได้ยินก็จะไปเอาเรื่อง แต่มัทนาห้ามไว้ว่าอย่าไปใส่ใจ เขตต์ตวันแปลกใจตัวเองที่รู้สึกเป็นห่วงนักข่าวสาวคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หลังจากมัทนาหายดีแล้ว เธอทวงสัญญาที่เขตต์ตวันรับปากจะยอมให้สัมภาษณ์ เขตต์ตวันขอให้มัทนาไม่ให้สัมภาษณ์ 2 เรื่องคือเรื่องคดีความเมื่อ 2 ปีก่อน กับเรื่องของแม่และจันจิราน้องสาวที่ตายไป มัทนาตอบตกลง และรับปากว่าจะไม่เขียนเรื่องที่ทำให้เขตต์ตวันเสียหายเด็ดขาด มัทนาถามถึงคนไข้ที่ติดยาที่ไปรักษากับพี่สาวตน จึงรู้ว่าคนไข้นั้นคือชลบุษย์นั่นเอง ถามถึงเรื่องคดีความว่าเขตต์ตวันไม่อยากจับผู้ร้ายตัวจริงได้หรือ เขาเล่าเรื่องของ ยุพิน ที่ตายไปให้มัทนาฟัง ว่าเธอเป็นผู้หญิงลำปางที่ถูกหลอกมาขาย โดยเพื่อนของเขา ยุพินช่วยให้เขาแจ้งจับเพื่อนคนนี้ได้ แต่ยุพินก็ถูกตามล่า จนในที่สุดต้องตายไป วันที่ตายเพื่อนของเขตต์ตวันโทรไปหัวเราะเยาะ เขตต์ตวันได้ยินเสียงยุพินจึงรีบมาช่วย แต่พอมาถึงหญิงสาวก็เสียชีวิตไปแล้ว ตำรวจมาพบเขาในที่เกิดเหตุ แต่เขาพ้นผิดได้เพราะหลักฐานบ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ชีวิตของเขตต์ตวันก็ถูกนักข่าวทั้งหลายขุดคุ้ยขึ้นมาจนแหลกเหลว ทำให้เขาต้องตัดสินใจออกจากวงการแสดง จากเรื่องของยุพิน ทำให้เริ่มได้กลิ่นว่าเพื่อนของเขตต์ตะวันที่วางแผนนี้คือเชนนั่นเอง แต่มัทนาก็ไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อย เมื่อกลับมาที่บ้าน ทั้งสองก็ได้พบกับชาวบ้านและตำรวจมายืนอยู่ที่หน้าบ้านเต็มไปหมด เพราะชายแปลกหน้าที่มาเช่าบ้านอยู่ข้างบ้านตายแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าตายอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขตต์ตวันและเอกชัยจะรู้ ทั้งสองพูดถึงคน คนหนึ่งที่ตามจองล้างจองผลาญเขตต์ตวันอยู่ เขตต์ตวันพามัทนาไปส่งที่โรงแรมโดยบอกว่าจะมารับช่วงเย็น ที่หน้าโรงแรมมัทนาพบกับเชน เชนรีบหลบฉาก ไม่อยากให้มัทนาอึดอัดใจ เชนกำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่เขาเปลี่ยนใจเป็นกลับช่วงเย็น เชนดีใจมากที่เจอมัทนา จู่ๆ เชนก็ให้ไข่มุกดำกับมัทนาเพื่อเป็นที่ระลึก เธอจำใจรับไว้ เย็นวันนั้นเขตต์ตวันไม่ได้มารับมัทนาตามสัญญาเพราะติดธุระด่วน แต่เขากลับมารับอีกวันและพามัทนาไปปิกนิกที่บ้าน มัทนาอัดเทปสัมภาษณ์เขตต์ตวัน เขาบอกว่าอยากเป็นศิลปิน อยากเขียนรูป แต่ต้องเข้าวงการแสดงเพราะต้องการเงินมารักษาน้องที่ป่วย และเล่าถึงชีวิตในวัดสวนป่าที่อยู่กับหลวงพ่อจรูญ มัทนาประทับใจชีวิตของเขตต์ตวันมากขึ้น เขาถามว่าหญิงสาวจะกลับกรุงเทพเมื่อไหร่ เธอตอบว่าพรุ่งนี้เพราะทำงานเสร็จแล้ว เขตต์ตวันอาสาพาเธอไปซื้อของฝาก เพราะอยากอยู่กับมัทนาให้นานกว่านี้ หญิงสาวเลือกของฝากมากมาย จนเจอผ้าบาติกสีสวย เธออยากได้มากแต่เงินจะหมดแล้ว เขตต์ตะวันซื้อให้เป็นที่ระลึก หลังจากซื้อของเสร็จเขตต์ตวันพามัทนาไปกินข้าวที่ร้านบนเขา ซึ่งมัทนาชอบมากเพราะคิดว่าถ้ากลับกรุงเทพไปก็คงไม่มีโอกาสได้เจอบรรยากาศแบบนี้ ทั้งสองคุยกันด้วยความรู้สึกดีๆ เขตต์ตะวันไปส่งมัทนาที่โรงแรมและบอกว่าจะมารับมัทนาพาไปส่งที่สนามบิน เช้าวันรุ่งขึ้นเขตต์ตะวันมาที่โรงแรมก่อนเวลา พบเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์โรงแรม เจ้าหน้าที่ฝากซองใส่รูปที่จ่าหน้าซองว่า “ภาพถ่ายจากวัดสวนป่าของคุณมัทนา” ให้เขตต์ตะวันไว้ให้มัทนาด้วย เขตต์ตวันรับมาถือนั่งรออดไม่ได้ที่จะแอบเปิดดูเพราะอยากเช็คความเรียบร้อย แต่แล้วเขาต้องตกใจมาก เพราะรูปในซองเป็นรูปโป๊เปลือยของนางแบบที่มาถ่ายเสื้อผ้าให้เขา เขตต์ตวันเข้าใจผิดคิดว่ามัทนาเป็นคนทำ จึงโกรธมัทนามาก ขึ้นไปด่าว่ามัทนาเสียๆหายๆถึงบนห้องพักก่อนจะจากไป มัทนาเสียใจมากพยายามตามไปอธิบายก็ไม่ทัน เธอไปพบเอกชัย เขารู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของมัทนาและขอให้เธอใจเย็นๆ เขาจะค่อยๆพูดให้เขตต์ตวันเข้าใจเอง มัทนาจึงเดินทางกลับมากรุงเทพด้วยความเศร้า เมื่อมัทนาถึงบ้าน ก็ได้พบวาสิฏฐีเป็นคนแรก เพราะความซึมเศร้าของมัทนาทำให้วาสิฏฐีถามและจับได้ว่าพี่สาวกำลังมีความรัก วาสิฏฐีรื้อของฝากเจอไข่มุกที่เชนมอบให้จึงขอมัทนา มัทนายกให้เพราะไม่ชอบเครื่องประดับอยู่แล้ว มัทนาไปทำงานด้วยความหดหู่ เชนโทรมานัดพบมัทนาเพื่อพาไปกินข้าวเย็น มัทนาถามไชยวัฒน์ถึงเรื่องรูปภาพที่เขตต์ตวันเจอที่ห้องว่าไชยวัฒน์ได้ส่งไปหรือไม่ ไชยวัฒน์ปฏิเสธ และเริ่มสงสัยว่ามีคนคอยจับตาดูมัทนาอยู่ เชนพามัทนาไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรูหรา มัทนาเจอนางแบบที่เป็นเลขาของเขตต์ตวันนั่งอยู่กับเสี่ย ทำให้มัทนานึกถึงข้อความที่ติดมากับรูปว่า นางแบบเสื้อตะวันเรียกได้ทุกคน ขอให้มีเงินพอ เชนถามถึงไข่มุกว่ามัทนาอยากทำเป็นสร้อยหรือกำไลหรือเปล่า มัทนาบอกไม่ต้องการเพราะไม่ชอบ มัทนาพยายามทำงานให้เป็นปกติแต่ข่าวที่เขตต์ตวันกลับมากรุงเทพแล้วพร้อมกับนางแบบลลิสา ทำให้ใจของมัทนาปวดแปลบ สาระวารีพาแขกคนสำคัญคือ ษมา เจ้าของกาสิโนมาที่สำนักงาน พอมัทนาทำความรู้จักแล้วก็ขอตัวกลับบ้าน แต่ขณะที่เดินออกจากสำนักงาน มีมือปืนเข้ามาดักยิง โชคดีที่ษมาผลักมัทนาได้ทัน ปืนเลยแค่เฉี่ยวศีรษะไป สาระวารีพามัทนาไปหาหมอ มัทนานึกถึงเขตต์ตวันว่าใช่เขาหรือเปล่าที่มาทำร้ายเธอ สาระวารีพามัทนากลับบ้าน พบว่าบ้านถูกขโมยงัดแงะเข้ามารื้อข้าวของโดยที่ไม่ได้เอาอะไรไปเลย โดยเฉพาะห้องมัทนาถูกรื้ออย่างหนัก มัทนาโกรธจัดคิดว่าเป็นฝีมือเขตต์ตวันแน่ๆ เธอให้สาระวารีพาไปที่บ้านเขา เมื่อมัทนาไปถึง ก็ต่อว่าเขตต์ตวันทันที เขตต์ตวันตกใจมากที่รู้ว่ามัทนาถูกยิง เขาพยายามอธิบายว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ และขอโทษที่เข้าใจผิดเรื่องรูป เขาบอกว่าจะไม่ทำร้ายจิตใจมัทนาอีก มัทนารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที สาระวารีพยายามคิดว่าใครกันแน่ที่ปองร้ายมัทนา เขตต์ตวันกับเอกชัยเล่าเรื่องเพื่อนที่โตมาด้วยกัน แต่เพื่อนคนนั้นกลายเป็นคนเลวค้ายา ค้าผู้หญิง หลอกลวงน้องสาวของเขตต์ตวันไปขาย จนเขาต้องแจ้งตำรวจจับทำให้เกิดเป็นความแค้นกันขึ้นมาไม่เลิกไม่รา สาระวารีถามว่าเพื่อนชื่ออะไร เขตต์ตวันบอกว่าชื่อเชษฐ์ เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้มัทนาก็หลับไปเสียแล้ว เขตต์ตวันอาสาพามัทนาไปส่งที่บ้าน สาระวารียอมให้ไปเพราะรู้ใจของเขตต์ตวันว่าคงหลงรักมัทนาเข้าให้แล้ว แท้จริงแล้วศัตรูของเขตต์ตวันก็คือเชนนั่นเอง เชนต้องการไข่มุกคืนจากมัทนา เพราะเป็นไข่มุกแท้จากญี่ปุ่น เชนสั่งให้ลูกน้องจัดการเรื่องของมัทนาให้ได้ เขตต์ตวันมาหามัทนาแต่เช้าด้วยความห่วงใย เขาอาสามาเฝ้าหญิงสาวที่บ้านจนกว่าจะหาย และขอมาดูงานเขียนข่าวของมัทนาด้วย ทั้งสองเริ่มกลับมาใกล้ชิดกันเหมือนเดิม เขตต์ตะวันให้เครื่องช็อตไฟฟ้าและสเปรย์พริกไทยกับ มัทนาไว้เพื่อป้องกันตัว และทุกวันหลังจากมัทนาหายแล้วเขาจะไปรับเธอกลับบ้านหรือถ้าเขาไม่ว่างก็จะให้เอกชัยไปรับแทนหนังสือสยามสารที่ลงตีพิมพ์เรื่องของเขตต์ตวันมียอดขายถล่มทลาย ทุกคนต่างสนใจชีวิตของพระเอกสุดหล่อที่หายไปจากวงการนาน 2 ปี นักข่าวสำนักอื่นๆ เริ่มขอสัมภาษณ์เขตต์ตวัน แต่เขตต์ตวันก็ปฏิเสธไปหมด จนนักข่าวอื่นๆต่างหมั่นไส้ลงข่าวว่ามัทนาเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้สัมภาษณ์เขตต์ตวัน ตอนนี้มัทนาจึงตกเป็นข่าวในแง่ลบเสียเอง สาระวารีได้รับอุบัติเหตุจากการทำข่าวอยู่ที่ตราด มัทนาต้องไปเยี่ยมด่วน เพราะสาระวารีมีพี่สาวคนเดียวซึ่ง ไม่ว่างมาดูแล เขตต์ตวันมารับมัทนาพอดี จึงขอไปกับมัทนาด้วย เนื่องจากงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าล็อตใหม่ของตวัน ต้องเลื่อนไปเพราะมีแบบหายไป ทำให้เขตต์ตวันหงุดหงิดมาก แต่ระหว่างเฝ้าอาการสาระวารี เขตต์ตวันกลับคิดแบบเสื้อใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นแบบเสื้อของมัทนาโดยเฉพาะ ไชยวัฒน์สงสัยเรื่องสาเหตุที่สาระวารีได้รับอุบัติเหตุ ส่วนมีคณาพานายตำรวจหนุ่มชื่อ หิรัณย์ มาแนะนำให้ มัทนารู้จัก หิรัณย์พูดถึงไข่มุกดำที่หายไปจากประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ยังตามจับ
อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ (2556/2013) อ๊าย ยอมไม่ได้กับศึกนัดนี้ !!! อันโกะ หรือชื่อจริงที่แสนจะเกร๋ว่า อันยา(อารยา เอ ฮาร์เก็ต) พร้อมลูกน้องหนุ่มเกาหลีฟีเวอร์ นายคิมหันต์(กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์) ที่เปลี่ยนนามตัวเองเป็น คิมบอม โดนท้าทายจากเมรี(ธนิดา กาญจนวัฒน์) เพื่อนร่วมงาน มหาประลัย ที่ช่างกล้าเรียกตัวเองว่า แมรี และ ยัยอาโป(ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล) ลูกน้องของเจ้าหล่อน ซึ่งหวังดันเจ้านายตัวเองให้มาชิงตำแหน่งหัวหน้าแผนก แข่งกับตัวแม่ของเรา คนอย่างอันโกะ โก๊ะได้ แต่แพ้ไม่ได้ ! ศึกวันแดงเดือดจึงระเบิดขึ้น โดยมีเหยื่อที่น่าหม่ำ เอ๊ย! น่าฉงฉาน คือ ด็อกเตอร์หนุ่ม แสน เผื่อนนาดี (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์)ชื่อแสนจะ เอ้าท์ เอ้าท์ เอ๊า !!! แบบนี้ก็ยังมีอยู่จริงในโลกยุคดิจิตอลนะ (เอวัง !) ด็อกเตอร์แสน วิศวกรหนุ่มด้านตัดต่อพันธุกรรมพืช พรั่งพร้อมด้วยโพร์ไฟล์การศึกษา และการงานขั้นเทพ ล่าสุดได้พัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ที่ช่วยชาวนาให้รอดจากวิกฤตผลผลิตตกต่ำมาได้อย่างปาฎิหารย์ ทำให้บริษัทอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเกษตรข้ามชาติ ฟิวเจอร์ออฟวิชชั่น (Future of vision ) อยากได้เขามาทำกำไรให้จนตัวสั่น แต่ด็อกเตอร์เมินหน้าหนีเงินเดือนเรือนล้านที่ทางบริษัทหยิบยื่นให้ แล้วเอาบันท้ายไปแหมะบนเก้าอี้เล็กๆในบริษัทชื่อบ๊านบ้านว่า “เพียงพอดี” แทน โดยอ้างว่าอยากช่วยเหลือชาวนา และเกษตรกรมากกว่าใช้สมองไปเพื่อคนรวยๆแค่กลุ่มเดียว! ฟิวเจอร์ออฟวิชชั่นเลยทุ่มไม่อั้นให้ ธกฤต(นิธิ สมุทรโคจร) เจ้าของบริษัทจ็อบฮันท์ไปล่าหัวด็อกเตอร์แสนมาสยบแทบเท้าให้ได้!! ธกฤตฝากความหวังของบริษัทไว้กับอันยา โดยเอาตำแหน่งหัวหน้าแผนก พร้อมค่าคอมมิชชั่นหกหลักมาจูงใจ และยังแอบเอาภาษีที่ดีไม่ใช่น้อยของเมรีมาขู่อันยาอยู่กลายๆ หญิงสาวซึ่งรักความท้าทาย และไม่ชอบแพ้ให้กับใครจึงทุ่มสุดตัว!! ถึงกับยอมปลอมตัวไปเป็นเลขานุการของด็อกเตอร์แสนที่บริษัทเพียงพอดี เพื่อจะแทรกซึมเข้าไปทำลายชีวิตการทำงานของด็อกเตอร์ จนทำให้เขาต้องออกจากบริษัท และย้ายไปทำงานที่ฟิวเจอร์ออฟวิชชั่นในที่สุด ! หุ หุ หุ !! (ร้ายมั๊ยล่ะเคอะ !! คุณผู้ชมขา !!!) อันยารีดลุคสุดหรูของเธอลง ให้เหลือแค่ภาพลักษณ์ระดับโลคัล!! แต่สวรรค์ก็ดูยังจะไม่พอใจ ในวันนัดสัมภาษณ์งาน ยังจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง แล้วรถเต่าสีส้มที่ไหนไม่รู้โผล่มาเหยียบแอ่งน้ำสาดกระเซ็นจนสาวสวยเปื้อนโคลนมอมแมมราวกับจะเป็นพรีเซนต์เตอร์สบู่ฆ่าเชื้อเดทตอล อันยาประกาศกร้าวว่าอีตาเจ้าของรถนายต้อง ตาย ตาย ตายยยยแล้ว...หล่อมวากก!! เมื่อได้เห็นชายหนุ่มสุดเริ่ด ที่ไม่เยอะจนเกินไป ไม่น้อยจนเกินแล และไม่มีอะไรที่สายตาสแกนขั้นแอดวานซ์จะติได้! อันยาต้องรีบสลัดอาการใจหวิวออกก่อนจะผิดวัตถุประสงค์ ทำกันแบบนี้ต้องปะฉะดะเท่านั้น!! ซึ่งปกติอันยาเก่งกาจในประเด็นนี้มาก แต่ทำไมกับอีตานี่ ไหงเธอถึงทำฟอร์มหลุดเรี่ยราดเทกระจาดไปทั่วก็ไม่รู้ แถมที่เฮง( หรือซวย ?) กว่านั้น ตาเจ้าของรถที่เธอแหวใส่ไปหลายเดซิเบลนี่เองคือด็อกเตอร์แสน!! คนที่อันยาอุตส่าห์ดั้นด้นปลอมตัวมาขอสมัครเป็นเลขานุการของเขาถึงนครนายก โอ้แม่เจ้า แผนล่มตั้งแต่ยังไม่ทันจะเริ่ม! แต่พระเจ้าอาจจะเมตตา (หรือเล่นตลกก็ไม่รู้ได้) ด็อกเตอร์แสนก็ดั๊นรับอันยาเข้าทำงานด้วยเหตุผลที่ไม่น่าปลื้มซะเลยว่า อันยาปากคอเราะร้ายดี เหมาะที่จะมาเป็นเลขาของเขา (ซะงั้น) อันยาเลยได้งานแบบเหวงๆ ไม่รู้ว่าจะภูมิใจดีรึเปล่า แต่แล้วความจริงก็ปรากฎในเพลาต่อมา อันยาได้ซึ้งไปถึงกระดูกสันหลังข้อที่แปดว่าทำไม๊ ด็อกเตอร์ถึงได้รับเธอ หลังจากที่เพียรเปลี่ยนเลขามาแล้วกว่า 11 คน เธอเป็นคนที่ 12 ครบโหลพอดิบพอดี !!! เพราะการเป็นเลขาของด็อกเตอร์มันคืองานออแกไนซ์ระดับนรกเรียกเพ่นี่เอง เริ่มตั้งแต่ ช่วงข่าวเช้ารับอรุณออนแอร์ หม่อมราชวงศ์หญิงเหมือน นิรมิต(พรรณชนิดา ศรีสำราญ) ก็จะปรากฎกาย มาร้องเรียกหาผัว เอ๊ย! แฟนตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันตื่น แล้วอีกไม่กี่วินาทีถัดมา อิ๊งค์กี้(อริสรา ทองบริสุทธิ์) นางเอกสาวลูกครึ่ง ภารตะก็จะถลันเข้ามาหาเรื่องหญิงเหมือนที่กล้ามาอ้างสิทธิ์เป็นแฟนด็อกเตอร์ แล้วผู้หญิงสองคนก็จะปะทะกันรุนแรงจนทั้งออฟฟิศสั่นสะเทือน ยังไม่หมดแค่นี้ !! เมื่อด็อกเตอร์แสนหนีบเลขาอย่างเธอลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว ณ บ้านนกกระเต็นด้วยกัน ปุ๊กลุก(ขจรกิติ์ พ้นภัย) แคนดิเดทรายที่สาม ที่มีศักดิ์เป็นลูกสาวกำนัน ก็ยังจะเข้ามาหวดซ้ายขวาใส่อันยาที่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นเมียของด็อกเตอร์ แถมด้วยบทบู๊ส่งท้ายจาก กำนันโกมล(สรพงศ์ ชาตรี)พ่อของปุ๊กลุก ผู้มีอิทธิพลประจำถิ่นที่เสียผลประโยชน์เรื่องปุ๋ยเคมี ส่งคนมาข่มขู่ จนทั้งด็อกเตอร์และอันยาต้องหนีเตลิดลงท้องนา โดนควายทั้งฝูงไล่ขวิดไปอย่างช่วยไม่ได้ !!! ชีวิตเริ่ดหรูของอันยาเปลี่ยนเป็นแนวแอดเวนเจอร์ทริลเลอร์ไปอย่างสิ้นเชิง! แต่จะหยุดก็ไม่ได้เพราะเมรีใช้อำนาจบาตรใหญ่ขู่ขวัญคิมบอมสารพัด แถมยังพยายามสืบให้ได้ว่าอันยาลาพักร้อนหายหัวไปไหน อันยามีแต่ต้องเอาชัยชนะกลับไป ขณะที่ผนึกกำลังแก้ปัญหาล้านแปดที่บริษัทเพียงพอดีลงได้ ซะจนคนทั้งบริษัทอยากจะตบรางวัลพนักงานรอบจัด! เอ๊ย ดีเด่นให้ซะเดี๋ยวนั้น อันยากลับลืมแก้ปัญหาหัวใจของตัวเองที่กำลังโดนด็อกเตอร์ปะดังเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว!! จะเพราะความแสนดี (แต่แอบกวนนิ๊ดๆ) เพราะรอยยิ้มโลกสว่าง เพราะอุดมการณ์อันจริงใจไม่เอาแต่พูดพล่าม เพราะความแมนสุดติ่ง หรือเพราะเขาช่วยเธอจากทวยเทพ(นิธิชัย ยศอมรสุนทร) เพื่อนเก่าที่หวังแซ๊บเธอทีเผลอ หรือเพราะจูงมือกันหนีพวกค้าปุ๋ยร่วมเป็นร่วมตายกันมา หรือเพราะอะไรๆก็ตาม อันยาก็หวิวซะแล้ว เพียงแค่ด็อกเตอร์ส่งยิ้มให้.. อาการหวั่นไหวของหัวใจยิ่งปิดไม่ไหว เมื่อด็อกเตอร์พิลาสินี หรือ ด็อกเตอร์แพม(รินลณี ศรีเพ็ญ) คนสวยประจำเพียงพอดี กลับมาจากดูงานที่อเมริกาใต้ ด็อกเตอร์แสนกับด็อกเตอร์แพมแม็ทซ์กับเป๊ะเหมือนหลอดไฟกับสตาร์ทเตอร์ ทำให้อันยากลายเป็นแค่เลขาโก๊ะๆที่ดูโง่หลังเขาไปเลย ขณะที่พยายามถอนหน่อต้นรักที่ขึ้นในใจตัวเองทิ้ง ย่าอร(สุพรรณษา เนื่องภิรมย์) คุณย่าแสนรักของอันยาเกิดล้มป่วย ด็อกเตอร์แสนเข้ามาเป็นกำลังใจให้ในเวลาวิกฤต และยังช่วยเกลี้ยกล่อมคุณย่าซึ่งไม่เคยเปลี่ยนใจจากบ้านสวน ให้ยอมย้ายมาอยู่คอนโดให้อันยาดูแลจนได้ หนำซ้ำเจ้านายผู้แสนดียังเพียรมาทานข้าวเป็นเพื่อนคุณย่าอยู่ไม่ขาดจนสายสัมพันธ์สองหญิง(ย่า-หลาน)หนึ่งชายถักทอเป็นมิตรภาพที่แน่นหนาเข้าไปอีก ยิ่งรัก เอ๊ย ! ยิ่งสนิท กับด็อกเตอร์มากขึ้นเท่าไหร่ อันยาก็ยิ่งสับสนกับหน้าที่ร้ายๆของตัวเอง ถึงกับล่มแผนทำร้ายชื่อเสียงของแสนลงซะเอง แต่แล้วแนวรบด้านกำนันโกมลที่แร๊งค์ขึ้น ถึงกับส่งพวกมาลอบทำร้ายแสนเฉียดตาย อันยาจึงตัดสินใจได้ว่าจะยอมทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อช่วยคนที่ตัวเองรัก!! แล้วเธอก็สบโอกาส เมื่อบุรินทร์(ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) กรรมการบริหารของบริษัทเพียงพอดีให้ด็อกเตอร์แสน และด็อกเตอร์แพมเสนอโปรเจ็คท์พัฒนาบ้านนกกระเต็นแข่งกัน!! อันยาซึ่งสนิทกับเมขลา(ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ) เลขาของแพม ได้ใช้ไหวพริบปฏิภาณฉกฉวยเอาผลงานของเจ้านายเพื่อนใส่ลงไปอย่างเนียนๆในสไลด์ของเจ้านายตัวเอง วันเสนอโปรเจ็คท์ ด็อกเตอร์แพมสาวสวยแต่แอบแร๊งค์ส ควันออกหูเมื่อเห็นว่าแสนลอกไอเดียเธอ!! ไม่มีใครคาดคิดว่าคนอย่างแสนจะทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้ งามหน้าซะจนแสนต้องประกาศขอลาออก!! ภารกิจสตรอว์เบอร์รี่หลอกคนมาทำงานสำเร็จลงแล้ว แต่สิ่งที่อันยาต้องแลกคือการทนเห็นภาพลักษณ์ของผู้ชายดีๆคนหนึ่งพังทลายลงด้วยมือของเธอ แสนไม่แม้แต่อยากจะมองหน้าเธออีก แม้ อันยาจะโกหกเขาว่าทำไปเพราะความหวังดี อยากให้เขาชนะ มันก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา! งานนี้ไม่มีใครกระหยิ่มมากไปกว่าธกฤตที่ปิดจ็อบได้ ฟิวเจอร์ออฟวิชชั่นรีบเข้ามาเสียบเอาใจด็อกเตอร์ว่าจะยอมให้ทำโปรเจ็คท์CSR ช่วยเหลือชาวบ้าน (โดยไม่บอกว่าให้ทำแค่นิดเดียว ก่อนที่จะมัดมือชกให้ช่วยบริษัทโกยแหลกในภายหลัง) จนด็อกเตอร์ตกลงจะเซ็นสัญญารับตำแหน่งซีอีโอของฟิวเจอร์ออฟวิชชั่น เดชะบุญก่อนเซ็นสัญญาไม่ถึงชั่วโมง อันยาเพิ่งมารู้ว่าโดนเมรีตลบหลัง! แอบเอาตัวเข้าแลกกับธกฤต จนธกฤตรับปากจะไล่อันยาออกจากตำแหน่งหัวหน้าแผนกที่เพิ่งโปรโมท มายกให้เมรีเมียน้อยหมาดๆแทน แถมธกฤตยังโกงค่าคอมมิชชั่นของเธอไปกว่าครึ่ง ตัวแม่เพิ่งซึ้งว่าโง่แค่ไหนที่หักหลังคนดีมีอุดมการณ์มาช่วยเหลือปีศาจทุนนิยม อันยาบุกทะลวงไปสารภาพความจริงก่อนที่แสนจะจรดปากกาเซ็นสัญญาเพียงแค่ไม่กี่นาที แล้วหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจอะเจอเขาอีกเลย มีเพียงความผิดหวังที่เขาทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่าได้พบเจอกันอีก” แต่ถ้อยคำแค่นี้หรือจะหยุดคนใจสั่งลุยอย่างอันยาได้ อดีตตัวแม่พกลูกบ้าแล่นขึ้นไปตามหาอดีต ด็อกเตอร์ซึ่งหนีหน้าสังคมกลับไปทำไร่สตอว์เบอร์รี่ให้ครอบครัวที่เชียงใหม่ โดยมีสิงห์(ตระการ พันธุมเลิศรุจี) ลูกพี่ลูกน้องของแสนให้ความช่วยเหลือเพราะชอบความกล้าของอันยา แต่เพียงดอกแรกที่เหยียบย่างผืนไร่ในอำเภอแม่อาย อันยาก็โชว์โก๊ะหลงทางเข้าให้!! เดือดร้อนแสนต้องมาตามหา สองคนทะเลาะกันจนหลงเข้าไปหลังเส้นเขตแดน 625 ซึ่งเป็นเขตของผู้ก่อการร้ายไทยใหญ่ ป๊ะเข้ากับโจรก่อการร้าย จนแสนต้องเล่นละครฉากเลิฟซีน สวีทคิสอันยาเพื่อตบตาโจรไม่ให้มาก้อร่อก้อติก จูบจากแสนทำให้อันยาหลงเคลิ้มไปว่าเขาจะกลับมาคืนดี แต่ที่แท้มันก็แค่ฝันชั่วคืน!! เพราะเมื่อทั้งสองจากพวกโจรมาได้ แสนกลับเป็นคนแสนงอนเหมือนอย่างเคย แถมเมื่อกลับมาถึงไร่ พลพรรคคนรักแสน ทั้งหญิงเหมือน อิ๊งค์กี้และปุ๊กลุกที่ยกโขยงกันมา พร้อมด้วยทวยเทพคู่กรณีเก่าของอันยา มาสร้างเหตุชิงรักหักสวาทวุ่นวายซะจน พ่ออุ๊ยหนานปิง(เกรียงไกร อุณหะนันท์) คุณปุ่สุดแสบของแสนออกกติกาว่าจะยกหลานชายให้ผู้หญิงที่ดูแลไร่ สตรอว์เบอร์รี่ได้ดีที่สุดเท่านั้น ! มหกรรมสตรอว์เบอร์รี่เรียกพี่จึงปะทุขึ้น!! ไร่สตอรว์เบอร์รี่ซึ่งเคยสงบก็วุ่นวายอลวนขึ้นมา ณ บัดนาว บรรดาซิตี้เกิร์ลต้องผจญเรื่องสตอรว์เบอร์รี่ที่ไม่หมู ทั้งตื่นเช้า จับจอบเสียม นอนกระดาน ทานอาหารพื้นบ้านสุดพิสดาร!! หญิงเหมือนและอิ๊งค์กี้พยายามสร้างภาพสาวรักธรรมชาติเพื่อเอาใจพ่ออุ๊ย แต่ก็ โดนบลั๊ฟกลับจนหงายเงิบ สองสาวสุดจะทานทนไหว ปรี๊สแตกเข็นกระเป๋าออกจากไร่ไปเองในที่สุด งานนี้เหลือแต่ปุ๊กลุกที่ท้องแก่และอ้างว่าเด็กในท้องเป็นลูกของแสน อีกหนึ่งคืออันยา นางเอกของเราซึ่งยอมอยู่เพราะต้องการสลัดทวยเทพ และลึกๆก็หวังให้แสนเห็นว่าเธอเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมามากแค่ไหน หัวใจอุ่นๆสองดวงในไร่สตอร์เบอร์รี่ที่เย็นเฉียบเกือบจะสื่อสารถึงกันได้ทีไร ก็มีเหตุให้สะดุดเพราะปัญหาต่างๆในไร่ซะทุกครั้ง แถมปุ๊กลุกยังมาใส่ร้ายอันยาว่าเป็นคนทำสตอรว์เบอร์รี่เสียหาย ทั้งที่จริงๆแล้วอันช่วยฟื้นฟูไร่ให้ หญิงสาวหมดความอดทนและต่อว่าแสนว่าไม่รู้จักให้อภัย ไม่รู้หรือว่าโดนคนที่ตัวเองรักเกลียด มันทรมานมากแค่ไหน แสนสะอึกกับคำว่ารักของอันยา พอจะตามไปง้อก็พบว่าอันยากำลังช่วยปุ๊กลุกที่ใกล้คลอดอยู่ ทั้งสองจึงต้องรีบพาว่าที่คุณแม่ไปโรงพยาบาลในเมืองด้วยกันอย่างด่วนๆ ที่หน้าห้องคลอดนี่เอง ความจริงก็เปิดเผยออกมาว่าแท้จริงแล้วลูกในท้องของปุ๊กลุกไม่ใช่แสน แต่เป็นทวยเทพ ที่เมื่อหลายเดือนก่อนได้ย่องเข้าห้องอันยา แล้วไปเจอปุ๊กลุกในเงามืด ทำให้เขาได้กลายเป็นพ่อของลูกในท้องปุ๊กลุกไปอย่างไม่ตั้งใจ !! แต่กำนันโกมลซึ่งไม่รู้เรื่องราวได้บุกเข้ามาหาเรื่องแสน แถมด้วยความแค้นที่โดนแสนเปิดโปงอิทธิพลชั่วจนโดนพิจารณาคดี ทำให้กำนันลั่นไกใส่แสนอย่างระเบิดอารมณ์ ก่อนจะรีบหนีไป (แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย ถูกจับไปรับกรรมในที่สุด ) อันยาเฝ้าอาการของแสนอย่างสุดแรงกำลัง แต่แล้วเมื่อด็อกเตอร์แพมกลับมาขอคืนดีกับแสนเพราะรู้ความจริงแล้วว่าแสนไม่ผิด ทำให้อันยาซึ่งมีชนักติดหลังอยู่มากมายตัดสินใจจะเดินออกไปจากชีวิตของผู้ชายแสนดีคนนี้ เพราะรักคือการให้.. ให้คนที่เรารักได้รับในสิ่งดีๆ อดีตตัวแม่แพ็คกระเป๋าเตรียมบินกลับไปเลียแผลใจตัวเองที่อเมริกา ก่อนจะก้าวเข้าประตูสนามบินเพียงนิดเดียว สิงห์ก็โทรมาบอกว่าแสนอาการทรุด อันยารีบบึ่งกลับมาเพื่อดูใจคนที่เธอรักเป็นครั้งสุดท้าย และพบว่าโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว!! แสนตัดพ้ออันยาที่จะทอดทิ้งเขาไปทั้งๆที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด เขาเรียกร้องค่าเสียหายให้ชดใช้ความผิด โดยรักและอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป อันยานึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ ที่แสนยอมเอ่ยปากว่ารัก และให้อภัยในทุกๆอย่างที่ผ่านมา และแล้วเรื่องราวความรัก ที่เริ่มต้นด้วยภารกิจสุดสตรอว์ก็จบลงด้วยความหวานฉ่ำชุ่มชื่น.. คนเคยร้ายก็กลับมาเลิฟ และจับมือกันสานฝันแสนหวาน..บนไร่สตรอว์เบอร์รี่สีสวยไปด้วยกันจนได้ จบจ้ะ
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร (2556/2013) ม.ร.ว.พุฒิภัทร จุฑาเทพ ศัลยแพทย์หนุ่มฝีมือดีผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดสมองที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาครองตัวเป็นโสดอย่างมั่นคง ไม่เคยวอกแวกหรือเจ้าชู้กับใคร โดยเฉพาะม.ล.มารตีที่พยายามจะทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมในฐานะว่าที่คู่หมั้น แต่คุณชายภัทรก็ไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่าน้องสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงในอุดมคติของคุณชายภัทรคือผู้หญิงที่เรียบร้อยเป็นแม่ศรีเรือนคอยปรนนิบัติสามี ไม่ใช่สาวเปรี้ยวอย่างมารตี และไม่คิดว่าจะมีสาวใดทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไหลหลงได้ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณชายภัทรก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เจอกับกรองแก้วผู้ประกวดนางงามศรีสยามตะลึงจนตกอยู่ในภวังค์และกลายเป็นรักแรกพบแต่ภายในใจที่ร้อนรุ่มกลับปฏิเสธเพราะนึกตำหนิว่าสตรีดีๆ ที่ไหนจะใส่ชุดว่ายน้ำอวดให้ประชาชนทั้งประเทศชมเรือนร่างของตัวเอง คงเป็นเพียงผู้หญิงที่ใช้ความสวยเพื่อแลกกับเงินเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น คุณชายจึงได้แต่พยายามปัดความรู้สึกชื่นชมยินดีออกไป แต่เส้นทางรักก็เปิดโอกาสให้พิสูจน์เมื่อกรองแก้วได้ตำแหน่งนางงามศรีสยามและเกิดตกเวทีบาดเจ็บสาหัส คุณชายภัทรจึงถูกตามตัวให้ไปรักษานางงามคนดังโดยด่วน เมื่อทั้งคู่พบกันกรองแก้วกลับกลายเป็นนางงามที่เอาแต่ใจไม่ยอมให้เย็บแผล ทำให้คุณชายภัทรเคืองที่คนไข้ดื้อดึงอย่างไร้เหตุผล ในที่สุดคุณชายก็พาไปเย็บแผลจนสำเร็จ รุ่งเช้าอิงอรคนที่พากรองแก้วเข้าประกวดกับสุนันท์ลูกสาวรีบมารับตัวแก้วกลับ แต่แก้วกลับอิดออดไม่อยากออกจากโรงพยาบาลและแกล้งพลัดตกเตียงจนแผลที่เย็บฉีกขาดอีกครั้ง เดือดร้อนคุณชายภัทรกลับมาดูอาการและสงสัยว่าแก้วอาจมีเรื่องปิดบังเพราะทำท่าไม่อยากจะออกจากโรงพยาบาลและหาทางอยู่ต่อด้วยวิธีทำร้ายตัวเองแบบนี้ คุณชายจึงคาดคั้น แก้วก็ยังไม่บอกเพียงแต่ขอร้องให้คุณชายช่วยให้เธอได้อยู่โรงพยาบาลนี้ต่อไปอีกหนึ่งคืนเท่านั้น คุณชายภัทรจึงจำใจบอกกับทางอิงอรว่าแก้วอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบจึงต้องอยู่ดูอาการ อิงอรจึงต้องจำยอมกลับไป ขณะอยู่โรงพยาบาลแก้วได้โทรศัพท์หากิตติผู้เป็นพ่อแต่กิตติกลับล้มลงหมดสติขณะคุยโทรศัพท์ ทำให้แก้วต้องหาทางกลับบ้านไปหาพ่อที่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง คุณชายภัทรรู้เรื่องจึงอาสาพาไปส่งที่อยุธยาบ้านเกิดของแก้ว และได้รับกิตติกลับมาเป็นคนไข้รักษาตัวที่พระนคร ทำให้แก้วปลาบปลื้มใจมาก และได้เล่าความจริงที่เธอต้องแกล้งตกเวทีการประกวดและหาทางให้ตัวเองเจ็บตัวเพื่ออยู่โรงพยาบาลต่อเพราะเธอมีปัญหาชีวิตอย่างหนัก แก้วไม่มีเงินรักษาพ่อที่ป่วยหนักจึงต้องเข้าประกวดนางงามเพื่อนำเงินไปเป็นค่าผ่าตัด และเธอแอบได้ยินอิงอรผู้ส่งเข้าประกวดจะขายเธอให้กับนายพลพินิจผู้มีอิทธิพลทางทหารในขณะนี้และเป็นผู้มีกิตติศัพท์เรื่องมีอนุภรรยาเป็นนางงามมากมาย จึงอยากได้ตัวแก้วหลังจากประกวดเสร็จ แก้วไม่อยากเป็นนางบำเรอของนายพลจึงหาวิธีต่างๆ ที่จะเลี่ยงไปกับอิงอรด้วยการทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณชายภัทรรู้ความจริงก็นึกนิยมในความกตัญญูของแก้ว และความมีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงที่ไม่คิดจะสุขสบายด้วยการเอาตัวเข้าแลก เขาจึงพาแก้วไปฝากไว้กับม.ล.เกษราที่ได้แต่งงานแยกมาอยู่กับชินกรแต่ก็ยังทำกิจการขนมต่อจนเจริญรุ่งเรือง เกษรายินดีรับแก้วอยู่ด้วยถึงแม้ลึกๆ จะเกรงใจมารตีน้องสาวที่อาจจะเคืองถ้ารู้ว่าให้ความช่วยเหลือแก้วที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจของเธอ แต่เกษราก็ไม่มิอาจปฏิเสธคุณชายภัทรได้ ส่วนแก้วตัดสินใจเข้ารายงานตัวกับกองประกวดเพื่อปฏิบัติหน้าที่ หลังเลิกงานตอนเย็นแก้วก็กลับมาช่วยเกษราทำขนม ทำให้เกษราและแก้วสนิทสนมกันดี และยอมรับว่าแก้วเป็นคนดีไม่เหมือนอย่างที่มารตีใส่ไคล้ไว้ จนกระทั่งแก้วต้องไปงานลีลาศการกุศล อิงอรกับสุนันท์วางแผนลักพาตัวแก้วไปให้นายพลพินิจในคืนนี้ แก้วจึงถูกจับตัวไปแต่ยังดีที่คุณชายภัทรมาช่วยไว้ทัน และพาแก้วหนีไปบ้านพักตากอากาศที่หัวหินเพื่อหลบซ่อนตัว แต่การมาอยู่สองต่อสองทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะคุณชายภัทรรู้ใจตัวเองแน่แล้วว่าหลงรักนางงามศรีสยามจนถอนใจไม่ขึ้น ด้านอิงอรกลัวนายพลโกรธจึงใส่ร้ายคุณชายภัทรว่าเป็นคนลักพาตัวแก้วหนีไปโดยที่แก้วไม่ยินยอมและแก้วยังต้องการมาปรนนิบัติรับใช้นายพล และขอให้ออกตามหาทั้งคู่กลับมา นายพลหูเบาเชื่อตามที่อิงอรบอก แต่ก็ถูกใจสุนันท์ด้วยจึงทาบทามได้มาเป็นอนุภรรยาอีกคน คุณชายภัทรกับแก้วอยู่หัวหินอย่างมีความสุข แต่ก็ตกใจสุดขีดเมื่อเขาตื่นขึ้นมาตอนเช้า เจอกับย่าอ่อนและคุณชายรัชชานนท์กับคุณชายพีร์ที่ยืนจ้องอยู่อย่างขบขัน ทั้งหมดมาที่นี่จากการฟ้องของมารตี ย่าอ่อนโวยวายจนจะเป็นลมเมื่อเห็นหลานชายนอนกอดกับนางงามศรีสยามอยู่ริมระเบียง ทำให้คุณชายภัทรถูกคาดโทษอย่างรุนแรงว่าคบผู้หญิงต่ำศักดิ์ คุณชายภัทรปกป้องแก้วว่าไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าที่เห็น ย่าอ่อนไม่เชื่อให้เลิกรากับแก้วทันที แต่คุณชายภัทรผู้อ่อนโยนและเคยอยู่ในกรอบอันดีงามกลับไม่ยอมทำตามและยังดื้อพาแก้วกลับพระนครอีกด้วย ย่าอ่อนเสียใจที่หลานรักต้องเสียคนเพราะผู้หญิงสกุลต่ำคนเดียว แก้วกลุ้มใจที่กลายเป็นคนทำให้คุณชายภัทรกับย่าอ่อนต้องผิดใจกันเธอจึงจะลากลับไปอยุธยา แต่คุณชายภัทรผู้มีศรรักปักอกเริ่มออกอุบายให้แก้วกับเขาแสดงบทคู่รักกำมะลอเพื่อแก้ปัญหาให้มารตีเลิกยุ่งกับเขา และนายพลพินิจจะได้ไม่ต้องการแก้วเป็นอนุภรรยาอีก เพราะเป็นที่รู้กันว่านายพลจะไม่บังคับใจใครถ้ามีคนรักอยู่แล้ว คุณชายภัทรหว่านล้อมจนแก้วยอม แต่หม่อมย่าเอียดพอรู้เรื่องนี้ถึงขั้นตัดย่าหลานถ้าคุณชายภัทรยังไม่เลิกรากับนางงามศรีสยามคนใจง่ายอีก คุณชายภัทรจึงตัดสินใจแอบพาแก้วไปจดทะเบียนสมรส แต่แก้วปฏิเสธ ในที่สุดก็เลี่ยงความหวังดีของคุณชายไม่ได้ แก้วจึงมีเงื่อนไขถ้าทุกอย่างเรียบร้อยลงตัวจะหย่ากันทันที คุณชายภัทรตกลงแต่ก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่าแก้วไม่ได้มีความรักให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ต่างกับมารตีที่กลุ้มใจเรื่องคุณชายที่หลงรักแก้วจนไม่สนใจใยดีเธอ จึงออกไปดื่มเหล้าเมามายและเจอกับนายพลพินิจจนพลาดท่าเสียทีให้กับนายพล พอมารตีรู้ความจริงก็เสียดายความสาวแต่เมื่อรู้ว่าคนที่ร่วมเตียงคือนายพลผู้ยิ่งใหญ่ก็หวังจะใช้ประโยชน์ให้กำจัดกรองแก้วจนได้ มารตีจึงยุกรองแก้วให้นายพลโดยกุเรื่องว่าแก้วอยากมารับใช้นายพล ทำให้นายพลคิดว่าคุณชายภัทรเป็นเสี้ยนหนามคอยขัดขวางไม่ให้แก้วมาหาตน มารตีจึงรีบจัดการวางแผนให้แก้วออกมาหาและหลอกว่าย่าเอียดป่วยหนักจึงรีบพากันไปเยี่ยม แต่มารตีกลับพาตัวไปที่บ้านนายพล แต่บังเอิญนายพลไม่อยู่กว่าจะกลับก็ค่ำ แก้วจึงถูกขังไว้ที่ห้องและบังคับให้เขียนจดหมายลาคุณชายภัทรกลับอยุธยาเพื่อไม่ให้สงสัยว่าแก้วหายไป คุณชายภัทรเห็นลายมือแล้วรู้สึกชอบกลเพราะยุ่งเหยิงไม่ใช่วิสัยของแก้ว เขาจึงเอะใจว่าแก้วอาจถูกลักพาตัวไปให้ท่านนายพล จึงขอร้องให้คุณชายรณพีร์กับพรรคพวกช่วยพาเข้าไปที่บ้านพักของนายพล คุณชายภัทรจึงปลอมตัวเป็นคนขับรถและช่วยแก้วออกมาจนได้ นายพลกลับมา รู้เรื่องโกรธจัดส่งคนมายิงคุณชายภัทรบาดเจ็บ ยังดีที่ไม่โดนจุดสำคัญจึงผ่าตัดรอดพ้นมาได้ แต่ก็ทำให้แก้วรู้สึกผิดว่าได้สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับคุณชายภัทรมากมาย และตัวเองก็เป็นหญิงสาวต่ำต้อยไม่คู่ควรกับคุณชายภัทรจึงเขียนจดหมายลากลับอยุธยา ส่วนคุณชายปวรรุจทราบเรื่องก็เดินทางกลับจากสวิสฯ และพาคุณชายภัทรกับพี่น้องคนอื่นๆ ไปขอขมานายพลและใช้วาทะของนักการทูตเล่าความจริงทุกอย่าง ทำให้นายพลตาสว่างที่คิดว่าแก้วสมัครใจจะมาอยู่กับตน ที่แท้เป็นเพราะอิงอรกับมารตีคอยยุยงให้เข้าใจผิดมาตลอด นายพลจึงยกโทษให้คุณชายภัทร และจะไม่ข้องเกี่ยวกับแก้วอีก คุณชายภัทรจึงไปอยุธยาตามหาแก้วที่บ้าน ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน ส่วนหม่อมย่าเอียดบังเอิญรู้ความจริงจากการพลั้งเผลอของมารตีเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แก้วถูกจับตัวไป จึงรังเกียจนิสัยมารตี และมองแก้วด้วยใจเป็นกลางมากขึ้น และเมื่อได้คลุกคลีกับแก้วระยะหนึ่งก็ทำให้รู้ชัดว่าชาติกำเนิดไม่ได้ทำให้คุณค่าของคนต่ำต้อยลงแต่การกระทำต่างหากที่ต้องนำมาพิจารณา เพราะแก้วนอกจากรูปงามแล้วยังเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทและจิตใจดี เป็นแม่ศรีเรือนที่ทำอาหารและขนมเก่งจนน่ายกย่อง ย่าเอียดจึงอนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ข้าวนอกนา (2556/2013) ดำเป็นลูกของสาวไทยกับฝรั่งนิโกร มีพี่สาวชื่อเดือน เป็นลูกครึ่งฝรั่งผิวขาวจากแม่เดียวกัน ทั้งสองอายุห่างกัน 1 ปี แม่ฝากดำกับเดือนให้ป้าหมอนกับลุงชาญ เพื่อนบ้านในสลัมเดียวกันช่วยเลี้ยง จนทั้งสองอายุได้ 4-5 ขวบ แม่ก็ทิ้งไปและไม่กลับมาอีกเลย แต่โชคดีที่เดือนเป็นเด็กลูกครึ่งฝรั่งผิวขาว หน้าตาน่ารัก ส่วนดำเป็นเด็กตัวดำ หน้าตาขี้เหร่ในสายตาคนอื่น เธอจึงมักถูกเปรียบเทียบกับเดือนเสมอ ดำรู้สึกว่าตนเองเกิดมาอาภัพ ทำให้เกิดความริษยาเดือน กลายเป็นปมด้อยและความเกลียดชังที่ฝังลึกโดยไม่รู้ตัว ดำจึงชอบแกล้งเดือน พอเดือนไปฟ้องป้าหนอม ดำก็จะโดนตี แต่ดำกลับไม่เคยร้องไห้ ป้าหนอมจึงมักต่อว่าดำนั้นใจดำเหมือนสีผิว หนึ่งปีหลังจากแม่ทิ้งดำกับเดือนไป ป้าหนอมหาทางขายดำกับเดือนให้คนอื่นเพราะเลี้ยงไม่ไหว จนมีคู่สามีภรรยาเศรษฐี คือ ดนัยธรกับเขมวรรณ ขอรับเดือนไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เพราะทั้งสองไม่มีลูกของตัวเอง เขมวรรณตั้งชื่อให้เดือนใหม่ว่า เดือนไขแสง เดือนถูกเลี้ยงอย่างทะนุถนอม ได้รับการศึกษาสูง อยูในแวดวงสังคมไฮโซ ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวใหม่ ทำให้เดือนลืมปมด้อยไปชั่วขณะ ส่วนดำถูกคุณนายจรูญศรีรับไปเลี้ยง เธอเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์ให้เช่าและอู่แท็กซี่ จรูญศรีทั้งตระหนี่และเห็นแก่ตัว ปฏิบัติกับดำเหมือนเป็นคนใช้ โดยให้คอยช่วยประนอม คนรับใช้ทำงานบ้าน ดำจึงมีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก ไม่ได้รับความรักใด ๆ ประนอมเป็นคนดูแลดำ แต่เพราะไม่มีความรู้จึงไม่สามารถอบรมสั่งสอนดำได้ ดำเกลียดเดือนที่เกิดมาโชคดีกว่าดำทุกอย่าง จึงวางแผนจะทำลายอนาคตของเดือนด้วยการเปิดโปงรากเหง้าให้เดือนรู้สึกอับอาย หรือด้วยวิธีดึงเดือนลงมาเกลือกกลั้วในสังคมชั้นต่ำของตน แม้ชีวิตที่ผ่านมาของดำจะดูขมขื่น แต่เธอก็ยังมีลุงสวัสดิ์ คนขับแท็กซี่ ที่มีบุญคุณกับดำ และเข้าใจหัวอกของเธอดี แต่น่าเสียดายที่ลุงหวัดไม่ได้อยู่ให้เป็นที่พึ่งนานนัก ลุงหวัดประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ดำทนชีวิตที่ถูกคุณนายจรูญศรีจิกหัวใช้ไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านคุณนายไปอยู่กับใจหวาน นักร้องประจำผับแห่งหนึ่ง ใจหวานสงสารดำจึงช่วยเหลือไว้ ขณะนั้นดำได้รู้จักกับ จอร์จ เบเนดิกท์ ชาวอเมริกันลูกครึ่งเอเชีย ซึ่งมาทำงานเป็นครูและหมออาสาสมัครในเมืองไทย ดำเข้าเรียนภาษาอังกฤษกับเขาและนับถือเขาเป็นครูคนหนึ่ง แม้จอร์จจะมีท่าทีที่พิเศษต่อดำ แต่เธอคิดว่าจะไม่ซ้ำรอยแม่ของตน ที่มีสามีเป็นฝรั่ง เพราะกลัวจะมีลูกที่เกิดมามีปมด้อยเช่นเธอ เมื่อใจหวานได้เห็นพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงและความกล้าแสดงออกของดำ จึงหัดให้ดำร้องเพลงสากลและพาไปร้องเพลงที่ผับของเสี่ยพรพัฒน์ซึ่งใจหวานมีฐานะเป็นเมียน้อยของเขา พรพัฒน์ตั้งชื่อให้ดำใหม่ว่า มิสดอลลี่ ตามสไตล์นักร้องนิโกรอเมริกัน อาชีพนักร้องทำให้ดำมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ทุกคนเข้าใจว่าดำเป็นนักร้องนิโกรอเมริกันจริง ๆ จนเมื่อความแตก ดำจึงต้องออกจากผับของเสี่ยพรพัฒน์ เพราะทุกคนหาว่าดำโกหกหลอกลวง ในขณะเดียวกัน ชีวิตเดือนมีอนาคตที่ดี มีคนรักแวดล้อม เดือนกลายเป็นดาวมหาวิทยาลัย เรียนหนังสือเก่ง และเป็นแฟนกับไวภพ ชายหนุ่มไฮโซที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่กลับทำให้ดนัยหงุดหงิดไม่พอใจ ที่เดือนมีแฟนหนุ่มมาส่งที่บ้านบ่อย ๆ โดยอ้างว่าจะทำให้เสียการเรียน ทั้งที่จริงแล้วดนัยแอบหึงและคิดกับเดือนเกินลูก จึงคอยขัดขวางไม่ให้เดือนคบกับไวภพ แต่เดือนก็ไม่เชื่อ ลอบคบกับไวภพโดยไม่ให้ดนัยรู้ ระหว่างนั้น จอร์จพาดำสมัครประกวดร้องเพลงในรายการหนึ่ง ชื่อเสียงของดำเริ่มโด่งดังขึ้นอีกครั้งเพราะความเป็นคนเสียงดี และเคยเป็นที่รู้จักในนาม มิสดอลลี่ มาก่อน ดำใช้ปมด้อยของตัวเองทำให้ดูน่าสงสาร และประกาศว่าตนมีพี่สาวที่พลัดพรากจากกันอีกคนคือเดือน ทำให้ทุกคนสนใจว่าเดือนเป็นใครกันแน่ ดนัยธรกับเขมวรรณรู้ข่าวก็คิดจะส่งเดือนไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ด้วยความระแวงของดนัยธรที่กลัวว่าเดือนจะใจแตกเมื่ออยู่ไกลหูไกลตา จึงเปลี่ยนใจใช้วิธีสกปรกกลั่นแกล้งไม่ให้ดำเข้ารอบต่อไป สื่อต่าง ๆ จึงยุติความสนใจในเรื่องราวชีวิตของดำไว้เพียงแค่นั้น จอร์จคอยปลอบใจดำและพาดำไปสมัครงานนักร้อง ทำให้ดำได้งานในผับกึ่งคาเฟ่ของเจ๊ต่าย เมื่อใจหวานรู้ก็ทะเลาะกับดำ เพราะเจ๊ต่ายเป็นคู่แข่งกับเสี่ยพรพัฒน์ ดำถูกไล่ออกจากบ้านใจหวาน จอร์จช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ หลังจากนั้นไม่นานดำเจอกับสมพันธุ์อีกครั้ง เธอช่วยเหลือเขาหลังจากเขาถูกออยทิ้ง ออยเป็นนักร้องสาวสวยในผับเดียวกันและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับดำ ออยสนใจจอร์จจึงอิจฉาดำ แต่ดำคิดว่าสมพันธุ์คือรักแท้ และคอยปรนเปรอเขาทุกอย่าง แม้จอร์จกับใจหวานคอยเตือนดำก็ไม่เชื่อ สมพันธุ์อ้างว่าทำธุรกิจแล้วขาดทุน แต่ที่จริงสมพันธุ์หลอกเงินของดำไปเลี้ยงดูคิตตี้ โคโยตี้สาวที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ จนดำจับได้ สมพันธุ์บอกว่าไม่มีใครเลือกผู้หญิงดำปี๋อย่างดำอยู่แล้ว ดำยิ่งเสียใจมาก ในขณะเดียวกัน จ้อย ลูกสาวคนโตของจรูญศรีเข้ามาร่วมหุ้นกับเจ๊ต่าย ออยใส่ร้ายดำให้จ้อยฟัง ทำให้จ้อยเกลียดและกลั่นแกล้งจนดำอึดอัดไม่อยากไปร้องเพลงที่ผับอีก ตั้งแต่นั้นมาดำจึงเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและความเกลียดชังทุกคน ดำได้เจอกับเดือนอีกครั้งในงานประกวดร้องเพลง และรู้จักกับไวภพ ดำหาทางแย่งไวภพมาจากเดือนแต่ไม่สำเร็จ ดำหาทางเปิดโปงเดือน แต่ในที่สุดก็ไม่สำเร็จเพราะจอร์จห้ามไว้ ดำประชดชีวิตโดยหันไปเสพยา จากการถูกชักชวนของโจ้ ชีวิตดำยิ่งตกต่ำหนัก แม้จอร์จจะคอยเตือนและให้เธอเข้ารับการบำบัด แต่ดำก็ไม่ฟัง เดือนเองก็มีความทุกข์เช่นกัน ทุกข์ที่ไวภพตีตัวออกห่าง เพราะเข้าใจว่าเดือนมีใจให้กับพ่อเลี้ยงของเธอ และทุกข์ที่กลัวความคิดอกุศลของพ่อเลี้ยง ด้วยความที่เดือนไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริง เดือนมาปรับทุกข์กับดำ ดำจึงชักชวนเดือนให้มาเสพยา แต่ก่อนที่เดือนจะติดยา ตำรวจก็เข้าทลายแหล่งซ่อมสุมเสียก่อน เดือนจึงกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ก็ยังมีความรู้สึกในใจที่ยังกลัวความคิดอกุศลของพ่อเลี้ยงที่มีต่อลูกเลี้ยงอย่างเธอ จนวันหนึ่งดนัยธรเข้ามาในห้องเดือนและหวังจะปลุกปล้ำ เดือนจึงหนีออกจากบ้านไปอยู่กับไวภพ แต่พ่อแม่ของไวภพไม่ยอมรับ และไวภพก็หมดรักเดือนแล้ว เพราะเธอไม่ใช่คุณหนูเดือนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับเขาอีกต่อไป เดือนออกมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกกว้างเพียงลำพัง แต่เขมวรรณก็ยังแอบช่วยเหลือโดยไม่ให้ดนัยธรรู้ ดำถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัดยาเสพติด จึงได้พบกับจอร์จอีกครั้ง จอร์จสอนให้ดำมองเห็นคุณค่าในตัวเอง เพราะเขามองเห็นพรสวรรค์ด้านร้องเพลงของดำตั้งแต่แรกที่ได้ฟังแล้ว และเป็นผู้ที่ดึงความฝันของดำให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยได้หยิบยื่นโอกาสและความหวังให้ดำ ชีวิตของดำจึงดีขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นนักร้องชื่อเสียงโด่งดัง และลืมปมด้อยของตน โดยมีจอร์จคอยเป็นกำลังใจ ติดตามชม ละครข้าวนอกนา
บ่วงวันวาร (2556/2013) สมัย ร.5 ฉัตร (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) และฉาย (อัครัฐ นิมิตชัย) 2 พี่น้อง สำเร็จการศึกษาจากรัสเซีย พระยาโกสินทร์ (สรพงษ์ ชาตรี) จึงคิดจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของบุตรชายทั้งสองอย่างเอิกเกริก แต่ฉายพาแอนนา เมียแหม่มกลับมาด้วย พระยาโกสินทร์จึงฝากความหวังเรื่องลูกสะใภ้สมหน้าสมตาไว้ที่ฉัตรคนเดียว นายชด (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) เป็นหนี้พระยาสมาน (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) จึงเอาบัว (วรัทยา นิลคูหา) ลูกสาวคนเดียวมาเป็นทาสขัดดอก พระยาสมานคิดจะเอาบัวเป็นเมียคนล่าสุดให้ได้ จึงฝากให้อยู่ในความดูแลของน้อย (พิชญา เชาวลิต) ทาสในเรือนเบี้ย ทำให้ด้วง (เก็จมณี วรรธนะสิน) เมียทาสที่อยากขึ้นเป็นคุณหญิงคนใหม่ชังน้ำหน้าบัวขึ้นมาทันที จึงเอาเรื่องบัวไปเล่าให้พิศ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวคนเดียวของพระยาสมานฟัง แต่พิศกำลังวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงฉัตรและฉาย จึงทำให้ยังไม่ได้เห็นหน้าบัว ในงานเลี้ยง พระยาสมานแสร้งไม่สบายเพื่อขอลากลับก่อน พิศที่หลงรักฉัตรทันทีที่เห็นหน้า ก็แสร้งทำเป็นไม่สบายอ้อนฉัตรเช่นกัน ในขณะที่พระยาสมานแอบกลับบ้านเพื่อจะไปเอาบัวเป็นเมียในคืนนี้ให้ได้ แต่ขณะที่พระยาสมานกำลังจะข่มเหงบัว ฉัตรก็เข้ามาช่วยบัวเอาไว้ได้ทัน เพราะฉัตรพาพิศที่แกล้งไม่สบายกลับมาส่งบ้าน ฉัตรเห็นหน้าบัวก็หลงรักทันที พิศจึงเกลียดบัวตั้งแต่นาทีนั้นจับใจและสั่งย้ายบัวจากเรือนทาสไปอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนและหาวิธีกลั่นแกล้งบัวต่าง ๆ นานา ถึงแม้ฉัตรจะรู้ว่าบัวเป็นเพียงทาสขัดดอกก็ไม่ได้รังเกียจ น้อยเป็นคนคอยส่งข่าวสารให้ระหว่างบัวกับฉัตร แต่น้อยก็ต้องระวังตัวแจเพราะกลัวจะถูกพิศลงโทษ หลังจากวันนั้นพระยาสมานยังไม่กล้าทำอะไรบัวเพราะเกรงใจพิศ แต่สั่งเพียร (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ลูกทาสที่เกิดจากนางพุ่ม (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียทาสคนหนึ่งให้คอยจับตาไว้ เพียรอยากเอาใจพ่อด้วยหวังว่าจะได้ความเมตตาจากพระยาสมาน จึงเฝ้าดูและส่งข่าวบัวให้พระยาสมานเป็นระยะ เพียรเองก็แอบชอบน้อยมานานแล้ว แต่น้อยไม่เล่นด้วยเพราะรู้ว่าไม่ใช่คนดี วันหนึ่งนายชดไปหาปลาแล้วเกิดงมเอา ตรวนทองคำ ขึ้นมาได้ จึงเอามาไถ่ตัวบัว พระยาสมานเห็นตรวนทองคำเป็นของแปลกมหัศจรรย์ก็อยากได้ จึงสั่งให้เพียรฆ่านายชดหมกป่าแล้วเอาตรวนทองคำมาให้ แต่เมื่อพิศมาเห็นเข้าก็ชอบจึงเอ่ยปากขอจากพ่อ พระยาสมานจึงต้องตามใจลูกสาว ยกตรวนทองคำให้แก่พิศไป นางด้วงโทษว่าพระยาสมานเปลี่ยนใจไปจากเธอเพราะบัว จึงคิดยืมมือพิศฆ่าบัวทิ้งโดยเขียนจดหมายในชื่อบัวลวงฉัตรให้มาที่กระท่อมท้ายสวน แล้วเขียนจดหมายอีกฉบับที่เหมือนกันแล้วเอาไปให้พิศ อ้างว่าได้มาขณะที่บัวฝากน้อยให้เอาไปส่งให้ฉัตร พิศอ่านจดหมายนั้นก็โกรธมาก พุ่งตรงไปที่กระท่อมท้ายสวนทันที ฉัตรไปหาบัวที่กระท่อมท้ายสวนและรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็คิดจะพาบัวหนี แต่ไม่ทันพิศที่เข้ามาตบตีบัว ฉัตรจึงลากบัววิ่งหนี พิศวิ่งตามแต่สะดุดตะเกียงแล้วถูกไฟครอกจนเสียโฉม ฝ่ายฉัตรที่พาบัวหนีเกิดไปพบพวกพระยาสมานเข้าอีก จึงยื้อยุดฉุดกระชากกันจนพระยาสมานหกล้มทับหลาวแหลมจนเสียชีวิต พิศที่ตามมาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าพ่อตาย จึงสั่งเพียรจับฉัตรและบัวล่ามด้วยตรวนทองคำแล้วพาขึ้นเรือไป กลางแม่น้ำ พิศที่เสียใจมากที่ทำดีกับฉัตรเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยสนใจ ซ้ำทั้งฉัตรและบัวยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อเธอตายและทำให้เธอเสียโฉมด้วย เมื่อรักกันมากนักก็จงตายไปด้วยกันเสีย และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติก็จะขอจองล้างจองผลาญไม่ให้ฉัตรกับบัวสมหวังในรักได้เป็นอันขาด พูดจบพิศก็ถีบฉัตรและบัวตกน้ำไป พ.ศ.2555 (ปัจจุบัน) ฉัตร, บัว, พิศ, พระยาสมาน, ไอ้เพียร และอีกหลากหลายชีวิตในอดีตชาติ ต่างพากันกลับมาเกิดร่วมกรรมกันอีกในชาตินี้ แต่มีเพียงคน ๆ เดียวเท่านั้นที่สามารถระลึกชาติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชาติที่แล้ว และนั่นคือพิศ หนำซ้ำชาตินี้เธอยังได้ตรวนทองคำมาครอบครองอีกครั้งเสียด้วย พิศไม่ต้องการผิดหวังในรักซ้ำอีก เธอจึงเริ่มตามฆ่าบัวอีกครั้ง! ความรักระหว่างบัวและฉัตรในชาตินี้จะถูกจองจำด้วยตรวนทองคำอีกหรือไม่? หาคำตอบได้ใน ละครบ่วงวันวาร
ยัยบุญกับหมอทึ่ม (2556/2013) ทัชมา หรือ ทึ่ม สัตวแพทย์หนุ่มหล่อ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนในวันรับปริญญาอย่างมีความสุข ผิดกับกำนันเถอะ ผู้เป็นพ่อที่ทั้งเสียหน้า และโกรธลูกชายตัวดีที่หลอกให้เขาหลงดีใจและไปป่าวประกาศทั่วตำบลว่า เรียนหมอรักษาคน แต่แท้จริงเรียนหมอรักษาสัตว์ ปารมี หรือลูกปลา น้องสาวทัชมาต้องปลอบให้พ่อใจเย็น ปารมีกำลังเรียนคหกรรมศาสตร์ปีสุดท้าย แม้พ่อจะไม่ชอบ แต่ปารมีก็อ้อนจนพ่อยอม ทัชมากลับไปอยู่บ้าน มีแป้นแล้น สาวประเภทสองวัยดึก สาวใช้เก่าแก่ของบ้านกำนันเถอะคอยดูแล และส่งตาหวานตลอดเวลา แต่ทัชมาเคยชินแล้วจึงไม่สะเทือนอะไร
กำนันเถอะกลับมาจากทำบุญที่วัดด้วยความอับอาย เพราะผู้คนต่างหัวเราะเยาะเขา กำนันเถอะโมโหที่ทัชมาไม่เห็นความหวังดี หลังจากภรรยาเสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเล็ก กำนันก็ดูแลลูกตามลำพัง คาดหวังว่าลูกจะได้ดีตามแนวที่ตนวางไว้ กำนันเถอะคิดดัดนิสัยทัชมาจึงไปที่ไร่สะท้านทรวง สระบุรี ขอให้บุญจิรา หรือ แม่บุญ เจ้าของไร่รับทัชมาทำงาน กำนันเถอะเป็นญาติห่าง ๆ กับแม่ของบุญจิรา และเคยทำงานที่ไร่ตั้งแต่รุ่นบุกเบิก แม้พ่อแม่บุญจิราจะเสียไปแล้ว แต่บุญจิราก็นับถือกำนันเหมือนญาติสนิท จึงตกลงรับทัชมา กำนันเถอะกลับมาบังคับให้ทัชมาไปเป็นโคบาลที่ไร่สะท้านทรวง ทัชมาไม่อยากไป แต่ขัดไม่ได้ เพราะพ่ออ้างว่าทัชมาต้องใช้หนี้ที่พ่อส่งเรียน แป้นแล้นอยากไปด้วย แต่กำนันไม่ให้ไป กำนันเถอะให้ไอ้จุก คนขับรถรับจ้างไปส่งที่ไร่ กำนันเคยมีบุญคุณกับไอ้จุก ไอ้จุกจึงไม่คิดเงิน แต่วันนี้ รถกระบะไม่อยู่ เขาเลยขับอีแต๋นไปส่งแทน ทัชมาแอบนินทาบุญจิราในใจว่าเป็นสาวแก่ เอาใจยาก แต่เมื่อได้พบตัวจริง ทัชมาตะลึง เพราะบุญจิรายังสาวและสวย แม้จะเป็นม่ายมีลูกถึงสามคนก็ตาม ทัชมาคิดว่าเธอคงมีสามีหลายเชื้อชาติ เพราะลูกที่เกิดมาหน้าตาไม่เหมือนกันเลย ไร่สะท้านทรวงกว้างใหญ่ มีทั้งฟาร์มโคนม คอกม้า โรงเรือนเพาะพันธุ์วัวชั้นดีส่งนอก และพื้นที่ทำการเกษตรแผนใหม่ บุญจิราให้ทัชมาทดลองงานที่ฟาร์มโคนมและเตือนให้เขาทำตามกฎของไร่อย่างเคร่งครัด เช้าวันแรก ทัชมาเจอการรับน้องจากลูก ๆ (บุญธรรม) ของบุญจิรา นำโดยทอมมี่ ลูกชายคนโตเชื้อสายเยอรมัน คองโก ลูกชายคนรองเชื้อสายเคนย่า และเด็กหญิงลูกหมี ลูกสาวคนเล็กเชื้อสายเกาหลี ทั้งสามเกณฑ์ลูกคนงานในไร่มาเป็นกองทัพอินเดียแดงไปถล่มทัชมา อรชร สาวใช้ที่ดูแลเรือนใหญ่ของบุญจิราบอกว่าหากทัชมาเป็นผู้หญิงจะโดนรับน้องด้วยการทำผีหลอก ในไร่สะท้านทรวง ส่วนที่เป็นบ้านพักคนงาน จะมีร้านค้า โรงอาหารสำหรับลูกจ้าง ร้านค้าแห่งเดียวในไร่เป็นของนางปีบ เมียตาผาน คนงานเก่าแก่ในไร่ ทุกเช้าทั้งคู่จะทะเลาะกันเสมอ โดยเฉพาะเมื่อตาผานดื่มเหล้าจะเห็นผู้ชายทุกคนเป็นชู้กับเมียตัวเอง เช้านี้ก็เช่นกัน ทัชมามาซื้อแปรงสีฟัน ก็ถูกตาผานหาว่าเป็นชู้กับนางปีบ จนเขาต้องกลับไปมือเปล่า ด้าน ทรงศักดิ์ หรือเสี่ยซ้ง หนุ่มตี๋ลูกชายเสี่ยทรงเกียรติ เจ้าของโรงเก็บพืชพันธุ์ทางการเกษตรแห่งใหญ่มาตามจีบบุญจิรา และมีของกำนัลมาด้วยทุกครั้ง เด็ก ๆ ไม่ชอบทรงศักดิ์เลย เพราะรักและหวงแม่มาก ที่สำคัญทรงศักดิ์ขี้เหนียว และชอบกดขี่คนอ่อนแอกว่า จึงถูกเด็ก ๆ เรียกลับหลังว่า ตี๋แสบ ระหว่างที่ทรงศักดิ์คุยกับบุญจิรา เด็ก ๆ แอบยิงหนังสติ๊กใส่ทรงศักดิ์จนล้มด้วยความสะใจ และยอมให้แม่ลงโทษ ทัชมาเจอตาผานที่ฟาร์ม ตาผานหายเมาจำทัชมาไม่ได้จึงทักทายอย่างดี และพาทัชมาเดินดูรอบฟาร์มพร้อมเล่าสาเหตุที่ไม่เลี้ยงโคเนื้อ เพราะบุญจิราสงสารไม่อยากส่งพวกมันไปโรงฆ่าสัตว์ ทำให้ทัชมาประทับใจ ตกเย็น ทัชมากลับที่พักก็ถูกลูกดอกลอบทำร้าย แต่เขาหลบทัน เด็ก ๆ ไม่พอใจที่ทัชมาไม่ยอมลงให้ แถมยังพูดจาสั่งสอนพวกเขาอีก ทัชมารู้จากตาผานว่าเด็ก ๆ ต้องทดสอบทุกคนเพื่อความปลอดภัยของบุญจิราที่จะไม่ถูกใครทำร้ายและถูกหลอก แต่ทัชมาไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเด็ก ๆ ทรงศักดิ์ขับรถมาหาบุญจิราอย่างเร็วจนเฉี่ยวทัชมาตกคูและไม่รับผิด ทัชมาจึงตอบโต้ด้วยถ้อยคำเจ็บแสบให้ทรงศักดิ์เจ็บใจ ด้านเด็ก ๆ วางแผนหลอกผีทัชมา แต่นำมาทดสอบกับทรงศักดิ์ จนเขาตกใจขับรถลอยไปติดบนรั้ว และจับไข้หัวโกร๋นผมร่วงหมดหัว เด็ก ๆ พอใจมากใช้แผนนี้กับทัชมา แต่ทัชมารู้ทันเอาคืนจนเด็ก ๆ จับไข้หัวโกร๋น เขาปีนบันไดขึ้นมาดูเด็ก ๆ เด็ก ๆ เจ็บใจผลักบันไดล้มจนทัชมาขาหักต้องเข้าเฝือกและนอนพักที่โรงพยาบาล บุญจิราขอโทษแทนลูก ๆ แต่ก็ย้ำว่าทัชมาไปหลอกผีเด็ก ๆ ก่อน ด้านแป้นแล้นกับปารมีคิดถึงทัชมาจึงขอพ่อกำนันไปเยี่ยมทัชมา โดยบอกว่ากลัวทัชมาจะหอบลูกกลับมาหากไม่ไปเยี่ยม กำนันจึงยอม บุญจิราต้อนรับปารมีกับแป้นแล้นอย่างดี เพราะเธอรู้จักปารมีตั้งแต่เด็ก ๆ บุญจิราอนุญาตให้ปารมีและแป้นแล้นอยู่กี่วันก็ได้ หมอให้ทัชมากลับบ้านได้ เขาลากขาที่ยังใส่เฝือกไปซื้อของร้านนางปีบ ตาผานดื่มเหล้าเมาจำทัชมาไม่ได้จึงคว้ามีดไล่ฟันหาว่าเขาเป็นชู้ ทัชมาวิ่งหนีอย่างลืมตัว แต่กลายเป็นดี เพราะรุ่งเช้า เขาก็หายเป็นปกติกลับไปทำงาน ขณะที่คนงานล้างโรงเรือนเตรียมรับม้าเจ็บจากคอกนายเกริกพลที่โคราช เขามีอิทธิพลในกลุ่มนักพนันม้าแข่ง บุญจิรารับอนุบาลม้าพันธุ์ให้เกริกพล ตอนนี้ม้าสำคัญอย่างเด็ดดวงดารกา เจ็บหนัก ซึ่งถ้าม้าหมดประโยชน์จะถูกฆ่า เรียกว่าจบตำนานอย่างสมศักดิ์ศรี ทัชมาที่รู้เรื่องไม่เห็นด้วย บุญจิราต้อนรับเกริกพลที่นั่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวมา เกริกพลคิดจะรวมคอกม้าน้อยใหญ่เป็นคอกเดียว และทำให้การแข่งม้าเป็นกีฬาระดับประเทศ เขาชวนบุญจิราร่วมหุ้น เพื่อไร่สะท้านทรวงจะเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ม้า และสนามฝึกที่ใหญ่ที่สุด บุญจิราปฏิเสธแต่เกริกพลไม่ยอมแพ้ คิดรวบหัวรวบหางเธอเมื่อมีโอกาส เด็ก ๆ ไม่ชอบเกริกพลอย่างมากแต่ยังหาวิธีจัดการไม่ได้ ทัชมาดูแลและพูดคุยกับเด็ดดวงดารกาอย่างเพื่อน จนมันไว้ใจเขา แต่กลับตกใจกลัววิ่งหนีเตลิดไปเมื่อเห็นเกริกพล เกริกพลให้บุญจิราหามันให้พบเพื่อจะจบชีวิตมัน ทัชมาสงสัยว่าเกริกพลอาจทรมานสัตว์ แต่บุญจิราไม่เชื่อ ทรงศักดิ์ล้อเลียนทอมมี่ว่าเป็นกะเทย และด่าเด็ก ๆ ว่าเป็นแค่เด็กที่บุญจิราเก็บมาเลี้ยง เด็ก ๆ โกรธมากต่อยทรงศักดิ์จนลงไปกอง ด้านปารมีเห็นว่าทัชมาหายดีจึงเตรียมตัวกลับ แต่บุญจิราชวนให้อยู่ฝึกงานช่วงปิดเทอม เพราะพนักงานธุรการเพิ่งลาออกไป ปารมีตกลงทันที ทำให้แป้นแล้นดีใจมาก ทัชมาพบเด็ดดวงดารกาที่ชายป่าก็ดีใจมากเข้าไปพูดคุยจนมันสงบลง ทัชมาแอบพามันกลับไปรักษาโดยไม่ให้บุญจิรารู้ ด้านเด็ก ๆ ไม่พอใจที่ทรงศักดิ์มาทานข้าวกับบุญจิรา จึงแกล้งเอาหมามุ่ยโรยขอบแก้วกาแฟ เมื่อทรงศักดิ์ดื่มเข้าไปก็คันจนปากเจ่อ เด็ก ๆ กลัวถูกลงโทษจึงหลบไปที่คอกม้า ลูกหมีอยากขี่ม้าแต่ปากแข็ง ทัชมาเห็นจึงแกล้งขี่เจ้าลิลลี่โชว์เด็ก ๆ ทำให้ลูกหมีไม่พอใจมาก บุญจิราโกรธมากเมื่อรู้ว่าทัชมาเจอเด็ดดวงดารกาแล้วไม่บอกเธอ ทัชมาขอเวลาพิสูจน์ความจริง บุญจิราไม่อยากมีปัญหากับเกริกพลจึงปฏิเสธ เด็ก ๆ ได้ยินว่าจะมีม้าถูกฆ่าก็แอบไปดู ทัชมาสอนให้เด็ก ๆ จับม้าด้วยความรัก เด็ก ๆ สงสารจึงขอไม่ให้แม่ฆ่าม้า บุญจิรายอมให้ทัชมาพิสูจน์ความจริง เด็ก ๆ เอาขนมไปให้เด็ดดวงดารกา แต่ทัชมาห้ามไว้ เพราะกลัวม้าท้องเสีย เขาใช้โอกาสนี้ต่อรองให้เด็ก ๆ ทำตามคำสั่งเขาในการดูแลเด็ดดวงดารกา เด็ก ๆ ตกลงทันที บุญจิราไม่ยอมรับโทรศัพท์เกริกพลเพื่อถ่วงเวลา บุญจิราเดินทางไปรับเด็กหญิงมะลิ เด็กทารกขี้โรคมาเป็นลูกบุญธรรมอีกคน เด็ก ๆ ทั้งสามมาช่วยกันดูแลน้องอย่างดี ทัชมาแปลกใจที่บุญจิรามีลูกเพิ่มขึ้นอีก แต่ตอนนี้เขาสนใจเรื่องของเด็ดดวงดารกามากกว่า เพราะอาการของมันไม่ดีขึ้น ทัชมาตรวจอย่างละเอียดจนพบยาโด๊ป สารกระตุ้นที่มีอันตรายสูง เด็ดดวงดารกาถูกใช้ยาโด๊ปมานานจนกระดูกผุ กล้ามเนื้อตาย เกริกพลกลับมาที่ไร่อีกครั้ง ทัชมาจึงพาเด็ดดวงดารกาไปซ่อนบ้านตาผาน เกริกพลยืนยันจะมาอีกในวันรุ่งขึ้น เด็ก ๆ หาทางจัดการเกริกพล โดยใช้กระสุนดินเหนียวยิงใส่เฮลิคอปเตอร์ จนเครื่องเสียการทรงตัวตกในป่าละเมาะ เกริกพลบาดเจ็บเลยแจ้งตำรวจด้วยความโมโห ตำรวจใช้สุนัขดมกลิ่น ทำให้เด็ก ๆ กลัวถูกจับ ทัชมาให้เด็ก ๆ อยู่ใกล้ไหปลาร้า จนสุนัขดมกลิ่นไม่เจอ เด็ก ๆ รอดตัว แต่ยังไม่ยอมรับทัชมา ทัชมาให้ตาผานช่วยหาที่ซ่อนเด็ดดวงดารกาใหม่ ตาผานแนะให้ไปหลบที่ถ้ำหินปูนในป่า แต่ทัชมามีปัญหาการขนย้ายเด็ดดวงดารกา เด็ก ๆ มาช่วยทำรถลาก แต่ใช้ไม่ได้ผล ทั้งหมดจึงใช้แผนสองของคองโก เกริกพลกับทรงศักดิ์มาหาบุญจิราพร้อมกัน ทั้งสองพูดจาข่มกันจนเกริกพลลืมเรื่องม้า เด็ก ๆ แกล้งบอกว่ากำลังทำงานพิเศษล้างรถหาเงิน ทรงศักดิ์อยากเอาหน้าบุญจิราจึงให้เด็ก ๆ ล้างรถเขา ทัชมาจึงใช้รถขับพาเด็ดดวงดารกาเข้าป่า ก่อนจะเอารถกลับมาจอดในสภาพยับเยิน ทัชมาขอสัญญาจากเด็ก ๆ ว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่ซ่อนเด็ดดวงดารกา เด็ก ๆ ตกลงด้วยความเต็มใจ เกริกพลหงุดหงิดที่ยังกำจัดเด็ดดวงดารกาไม่ได้จึงเรียกทวีผล ลูกน้องคนสนิทกลับจากอเมริกาหลังหนีคดีไปเป็นคนเก็บขี้ม้า เกริกพลให้ทวีผลแฝงตัวไปสืบข่าวและฆ่าม้า ขณะที่ทัชมาติดต่อนิธิ เพื่อนนักข่าวให้ช่วยหาข่าวเก่า ๆ เกี่ยวกับเกริกพลและการแข่งม้า มีทั้งข่าวเด็ดดวงดารกาชนะการแข่ง ข่าวนักธุรกิจชื่อดังหลายคนล้มละลาย ฆ่าตัวตายเพราะแพ้พนัน ผิดกับเกริกพลที่ร่ำรวยมหาศาลขึ้นมาแทน เด็ก ๆ ทั้งสามพบว่ามีผู้บุกรุกจากกับดักที่วางไว้ จึงไปดู และพบทวีผลห้อยอยู่บนต้นไม้ ทวีผลแกล้งอ่อนข้อให้เด็ก ๆ จนเด็ก ๆ ถูกชะตาทวีผล ที่เรียกตัวเองว่า โคบาลนิกกี้ และอ้างตัวเป็นจ็อกกี้ที่เก่งมาก จนเด็ก ๆ รับทวีผลเข้าเป็นพวก เด็กหญิงมะลิป่วยกะทันหัน ทัชมากับบุญจิราจึงพาไปโรงพยาบาลหมอตรวจพบว่ามะลิเป็นไข้เลือดออกต้องถ่ายเลือด ทัชมาอาสาให้เลือดมะลิ ทำให้บุญจิราซึ้งใจ ด้านบุญปลึ้มเห็นทวีผลครั้งแรกก็หลงชอบ จึงหาที่นอนให้ทวีผลเพื่อรอพบบุญจิราวันรุ่งขึ้น ทวีผลหาโอกาสเดินสำรวจคอกม้า ตาผานส่งข่าวให้ทัชมารู้ ทัชมาจึงแอบสังเกตทวีผล ทวีผลแกล้งตามจีบปารมีเพื่อล้วงความลับของทัชมา และอาสาพาเด็ก ๆ ไปส่งโรงพยาบาล บุญจิราไม่ถูกชะตากับทวีผลแต่ก็ยอมรับเขาเข้าทำงาน วันต่อมาบุญจิราให้ทัชมามารับเธอกับมะลิกลับบ้าน แต่เด็ก ๆ ให้ทวีผลมารับแทน บุญจิราไม่พอใจที่ทวีผลขับรถผาดโผนทำให้เด็ก ๆ หลงผิดว่าเป็นสิ่งดีจึงตำหนิเขา ด้านทัชมาหาหลักฐานได้ว่ามีการฆ่าเด็ดดวงดารกาโดยเจตนา แต่เขายังไม่บอกบุญจิรา เพราะกลัวบุญจิราเข้าข้างเกริกพล เด็ก ๆ เกลียดทัชมามากขึ้น เพราะทวีผลคอยยุยง และสร้างวัฒนธรรมการใช้ชีวิตอย่างโคบาลสะท้านทรวง มีเด็ก ๆ ทั้งสามเป็นตัวตั้งตัวตี รวมถึงอรชร ปารมี แป้นแล้น และนางปีบที่หันมาแต่งตัวเป็นโคบาลสาว บุญปลึ้มที่พลอยปลื้มทวีผลไปด้วยจนหลงลืมดูแลมะลิ ทำให้ถูกบุญจิราตัดเงินเดือน บุญจิราไม่พอใจที่ทวีผลสอนเด็ก ๆ ใช้ความรุนแรงแบบคาวบอยทำร้ายทัชมา จึงให้ทวีผลไปเป็นลูกน้องทัชมาช่วยงานที่คอกม้า ทัชมาสั่งให้ทวีผลโกยขี้ม้า ทวีผลจึงไปโอดครวญกับเด็ก ๆ เด็ก ๆ มาจัดการทัชมา แต่โดนทัชมาใช้งานแทน เขาว่าทายาทเจ้าของไร่ต้องเป็นงานทุกอย่าง บุญจิรารู้สิ่งที่ทัชมาทำก็สนับสนุนและสั่งให้เด็ก ๆ ไปทำงานกับทัชมาทุกวัน ทัชมาดัดนิสัยเด็ก ๆ โดยให้ทำงานทุกอย่างและกินข้าวพร้อมคนงาน ทวีผลทำผิดกฎเข้างานช้า จึงถูกทัชมาลงโทษให้งานล่วงเวลา ด้านแม่เปล่ง แม่ครัววัยหกสิบลาออกไปแต่งงาน บุญจิราจึงให้นางปีบมาเป็นแม่ครัว ทวีผลหลอกถามปารมีจนรู้ว่า ทุกเช้าทัชมากับตาผานเข้าไปในป่า ก็สงสัย ด้านลูกหมีนึกถึงเด็ดดวงดารกาขึ้นมาจึงชวนพี่ ๆ ไปดู ทวีผลแอบตามไป แต่ถูกเด็ก ๆ จับได้ ทวีผลทายผิดว่าเด็ก ๆ มาจับผีเสื้อ ทำให้ลูกหมีผิดหวังที่ทวีผลไม่เก่งอย่างที่คิด ทวีผลหลอกถามถึงม้าป่วยจากนางปีบจนเกือบรู้เรื่องแต่ตาผานมาพอดี เขาหมั่นไส้ทวีผลจึงแกล้งเมาหาว่าทวีผลเป็นชู้กับนางปีบและต่อยทวีผลจนสลบ เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกหมีผิดหวังในตัวทวีผลอีก และเริ่มผิดใจกับพี่ชายที่เข้าข้างทวีผล และดูถูกผู้หญิง ทั้งสามทะเลาะกันจนบุญจิราเริ่มหนักใจกับพฤติกรรมเด็ก ๆ ทัชมาปลอบใจบุญจิรา และบอกว่าสักวันเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และเลิกเห่อคาวบอยไปเอง บุญจิรารู้สึกดีที่ได้พูดคุยกับทัชมา บุญจิราตั้งใจจะมอบลูกม้าตัวใหม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดลูกหมี เธอขอให้ทัชมาช่วยฝึกลูกหมีให้พร้อมสำหรับดูแลม้า จากวันนั้น ทัชมาฝึกและให้ลูกหมีทำงานหนักขึ้น จนลูกหมีทนไม่ไหวขอให้ทวีผลท้าดวลกับทัชมา แต่ทวีผลปฏิเสธอ้างว่าเป็นวันพระ ทำให้ลูกหมีผิดหวังรุนแรง เด็ดดวงดารกาอาการดีขึ้น ทัชมาได้ข้อมูลว่าทวีผลเป็นคนของเกริกพล แต่ยังไม่มีหลักฐาน ทวีผลสะกดรอยตามทัชมาจนรู้ที่ซ่อนเด็ดดวงดารกา เกริกพลสั่งให้ทวีผลฆ่าม้าและทัชมาก่อนการแข่งนัดหน้า เกริกพลจะจัดงานเปิดตัวยอดเยาวมาลย์ ม้าตัวใหม่ที่ไร่สะท้านทรวง บุญจิราจึงเชิญทรงศักดิ์มาเป็นกันชน ด้านทัชมาวางแผนเปิดโปงเกริกพลในงาน ขณะที่เด็ก ๆ ทะเลาะกันหนักขึ้น จนพี่ ๆ ไล่ลูกหมีออกจากบ้านโทษฐานที่ทำให้พวกเขาถูกบุญจิราดุที่จำคำพูดหยาบคายของทวีผลมาพูด ลูกหมีเสียใจหนีไปทันที บุญจิราเป็นห่วงขอให้ทัชมาช่วยตามหา ทัชมากับตาผานมั่นใจว่าลูกหมีไปหาเด็ดดวงดารกาเลยรีบตามไป ลูกหมีมาปรับทุกข์กับเด็ดดวงดารกา จึงพบทวีผลจะฆ่าเด็ดดวงดารกา เขาจะฆ่าลูกหมี แต่ทัชมากับตาผานมาช่วยไว้ทัน และต่อยทวีผลสลบไป ทั้งสองรีบพาลูกหมีและเด็ดดวงดารกากลับ เด็ก ๆ เริ่มยอมรับทัชมา ลูกหมีเล่าความเลวของทวีผลให้ทุกคนฟัง ปารมีกับแป้นแล้นถูกทวีผลจับไปในป่า ทัชมาจะตามไปช่วยและขอให้บุญจิราเตรียมงานเลี้ยงตามปกติ เด็ก ๆ ตัดสินใจเข้าป่าไปช่วยปารมี ลูกหมีใช้ความสามารถในการแกะรอยจนพบปารมี แต่ก็ถูกทวีผลจับตัวไว้ ตาผานกับทัชมาที่ตามมาเผาว่านเพชรหลับเพื่อรมควันทวีผล แต่ลมพัดหวน จนทั้งคู่สลบไปและถูกทวีผลจับไว้ บุญจิราเป็นห่วงทุกคนจึงไปขอร้องเด็ดดวงดารกาให้ช่วยตามหาเด็ก ๆ เด็ดดวงดารกาทำเสียงเหมือนตอบรับก่อนวิ่งนำเข้าป่าไป ทวีผลเปิดโปงปูมหลังของเด็กทั้งสามที่บุญจิรารับเป็นลูกบุญธรรม ทำให้ทัชมารู้ความจริงและสงสารที่ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้า ทวีผลยื่นคำขาดให้ทัชมาเอาม้ามาแลก และหันไปตบทอมมี่ที่ตะโกนด่าเขา ทัชมากับตาผานโมโหใช้หัวพุ่งใส่ทวีผลพร้อมกัน ทวีผลชักมีดมาสู้ แต่ถูกเด็ดดวงดารกาที่ตามมากระโจนใส่จนกระเด็นไปสลบ ทัชมาจับทวีผลไปขังที่คอกม้า ในงานเลี้ยง เกริกพลหลอกให้เสี่ยทรงเกียรติพนันม้า ทรงศักดิ์พยายามห้ามพ่อแต่ไม่เป็นผล ขณะที่กำนันเถอะมาเยี่ยมทัชมากับปารมีพอดี เขาตามหาทัชมาไปจนถึงคอกม้า และได้ยินเสียงทวีผลร้องให้ช่วย ด้วยความใจดี กำนันเถอะจึงช่วยทวีผลจนตัวเองถูกจับไว้เอง ดีที่ตาผานมาช่วยไว้ได้ เกริกพลให้ลูกน้องฉีดยาโด๊ปให้ม้า โดยไม่รู้ว่าทัชมาแอบเปลี่ยนยาพวกนั้นแล้ว การแข่งขันม้าการกุศลเพื่อนำเงินสร้างชมรมอาชาช่วยม้าป่วยม้าพิการเริ่มขึ้น ระหว่างนั้น เสียงประทัดที่เด็ก ๆ วางไว้ทั่วสนามแข่งก็ดังขึ้นจนม้าตกใจวิ่งวุ่น จากนั้นเด็ดดวงดารกาก็ปรากฏตัว เด็ก ๆ ช่วยกันแฉความผิดของเกริกพล และยิงกระสุนดินเหนียวใส่ ทำให้เกริกพลโมโหควักปืนออกมายิง ทัชมากอดบุญจิราหลบกระสุน เด็ดดวงดารกาโดดทับเกริกพล ทวีผลจะเข้าช่วย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูกตำรวจจับ ขณะที่เด็ดดวงดารกาโดนยิง ทัชมาช่วยเหลือจนมันรอดชีวิต ทัชมาปลอบใจบุญจิราที่ต้องเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างเกริกพล แต่เขาสัญญาจะช่วยฟื้นฟูคอกอนุบาลม้าให้เป็นที่รู้จักในฐานะนักอนุรักษ์ ทัชมาจับมือบุญจิราให้กำลังใจ ทำให้เด็ก ๆ ที่แอบดูยิ้มพอใจ เกริกพลประกันตัวเองออกมา แต่ก็ต้องหลบการตามฆ่าจากนักพนันที่เสียผลประโยชน์ ลูกหมีทำอาหารเช้าให้ทัชมา ทัชมาจำใจทานขนมปังและไข่ไหม้ เพราะไม่อยากให้ลูกหมีผิดหวัง กำนันเถอะบังคับให้ทัชมาไปทำงานเป็นผู้จัดการฟาร์มหมูที่พิจิตรของดวงสมร แม่ม่ายสามีตาย เพราะกำนันเถอะแอบชอบดวงสมร โดยไม่รู้ว่าดวงสมรชอบซื้อผู้ชายเป็นของว่าง และนางสนใจทัชมา กำนันไปลาออกกับบุญจิราแทนทัชมา ทำให้บุญจิราน้อยใจ ทัชมาจึงรีบมาง้อและยืนยันกับบุญจิราว่าจะไม่ไปไหน จนกว่าเจ้าของไร่จะไล่ออก ลูกหมีที่แอบฟังอยู่ดีใจมาก และยอมเป็นสาวกคุณหมอทึ่มตลอดไป เมื่อทัชมาปฏิเสธ กำนันเถอะก็ไม่ยอมแพ้ไปรับดวงสมรมาที่ไร่ ดวงสมรดูออกว่าทัชมารักบุญจิราจึงกันท่าและพยายามอ่อยทัชมา แต่ทัชมาไม่เล่นด้วย ขณะที่ทรงศักดิ์มาขอบคุณทัชมาที่ช่วยให้พ่อของเขาไม่ต้องเสียพนันม้า ทั้งคู่ตกลงเป็นเพื่อนกัน ทรงศักดิ์เห็นดวงสมรครั้งแรกก็สนใจ เด็ก ๆ ไม่ต้องการให้ทัชมาไปจึงแกล้งหลอกผี จนดวงสมรเป็นลมถูกส่งโรงพยาบาล กำนันตามไปดูแล แต่ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าทรงศักดิ์ดูแลดวงสมรอยู่แล้ว ด้านทัชมาตัดสินใจบอกรักและขอบุญจิราแต่งงาน บุญจิราตกลงแต่งงานด้วยความปลื้มใจ เธอบอกข่าวดีกับทัชมาเรื่องไร่สะท้านทรวงได้รับเลือกให้เป็นที่อนุบาลม้าแข่งจากคอกต่าง ๆ เพราะเรื่องเด็ดดวงดารกา ขณะที่ปารมีบอกกำนันเถอะเรื่องที่ทัชมาจะแต่งงานกับบุญจิรา ทำให้กำนันเถอะดีใจลืมเรื่องโกรธเคืองทัชมาทั้งหมด ในวันแต่งงาน กำนันเถอะหอบสินสอดทองหมั้นมามากมายเพื่อให้เกียรติบุญจิรา ขณะที่เด็ดดวงดารกากลับมาเดินได้เป็นปกติ ทัชมากลายเป็นโคบาลประจำไร่สะท้านทรวงที่สงบสุขตลอดไป ติดตามชม ละครยัยบุญกับหมอทึ่มภาพอาถรรพณ์ (2556/2013) อนงค์วดี สิงหมนตรี (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) ทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลสิงหมนตรี จำใจต้องขายคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลให้กับ เชษฐา เกรียงไกรฤทธิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) เนื่องจาก ปิ่นสุดา (สิรินยา บิชอพ) แม่ของเธอติดการพนันอย่างหนักจนมีหนี้สินหลายล้าน ในวันที่เชษฐาและ มนัสวีร์ (รัชชานนท์ สุประกอบ) ทนายความส่วนตัว เดินทางไปที่คฤหาสน์เพื่อทำสัญญาซื้อขายกับอนงค์วดี เชษฐาได้เดินสำรวจภายในคฤหาสน์ เค้าไปสะดุดกับภาพเขียนของ คุณประยงค์ (พิยดา จุฑารัตนกุล) คุณชวดของอนงค์วดี เป็นภาพของหญิงสาวสวยท่าทางสง่า ดวงตาคมกริบ แต่สิ่งที่ทำให้เชษฐารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคุณประยงค์ที่อยู่ในภาพส่งยิ้มกลับมาให้เขา ส่วนมนัสวีร์ก็สะดุดตากับภาพของสาวสวยคนหนึ่ง อนงค์วดีบอกว่านั่นคือรูปของคุณย่าน้อยของเธอ ชื่อว่า คุณอ่อน (พิชญา เชาวลิต) เป็นน้องสาวคนสุดท้องของ เจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ (นิรุตนิ์ ศิริจรรยา) ผู้เป็นเจ้าคุณปู่ทวดของเธอ ภาพนี้วาดเอาไว้ก่อนที่คุณอ่อนจะจมน้ำตายไปเพราะเรือล่ม มนัสวีร์รู้สึกสายตาผู้หญิงในภาพมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อและเศร้าสร้อยอย่างประหลาด ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินดูภาพบรรพบุรุษอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักจน ปู่กลับ (อรรถพร ธีมากร) ผู้ดูแลคฤหาสน์บอกให้ทุกคนนอนค้างที่นี้ และในคืนนั้นเองมนัสวีร์ฝันเห็นคุณอ่อนเดินออกมาจากภาพ เธอเรียกเขาว่า "คุณหลวง" แล้วตัดพ้อเขาว่าเขาเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องตาย มนัสวีร์ตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ส่วนเชษฐาฝันว่าตนเดินลงมาที่ห้องโถง สภาพตึกเก่าร้างกลับกลายมีชีวิตชีวา สว่างไสวด้วยแสงเทียน ผู้คนแต่งตัวสวยงามในภาพเขียนพากันเดินออกมาจากรูปภาพ เพื่อไปรวมตัวกันต่อหน้าเจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ และคุณประยงค์ก็เรียกเขาอย่างอ่อนหวานว่า "เจ้าคุณ" เธอเรียกเขาให้ไปที่ห้องโถง ที่นั่นเขาได้เห็นเจ้าคุณปู่ทวด คุณอ่อน และหญิงสาวคนหนึ่งนุ่งห่มสไบ ไว้ผมทัด หน้าตาเหมือนอนงค์วดีราวกับพิมพ์เดียวกัน ทุกคนเรียกเธอว่า "แม่อร" อนงค์วดีเองก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเช่นกัน เธอเห็นเชษฐาอยู่ในชุดไทยโบราณ และในความฝันนั้น เธอรู้สึกว่าคุณประยงค์จงเกลียดจงชังเธออย่างเห็นได้ชัด พอรุ่งเช้าเชษฐารู้สึกสงสัยในความฝันกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณประยงค์และแม่อร เค้าจึงบอกอนงค์วดีว่าเค้าตัดสินใจจะไม่รื้อตึกทิ้ง แต่จะปรับปรุงตกแต่งตึกขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ทำเป็นคลับหรู แต่มีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องอยู่ค้างที่นี่เพื่อช่วยเหลือแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งสถานที่จนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ เกษลดา (รฐา โพธิ์งาม) กลับไม่เห็นด้วยที่เชษฐาเปลี่ยนใจไม่ยอมรื้อคฤหาสน์โบราณทิ้ง และยิ่งรู้ว่าเชษฐาคิดจะไปนอนค้างอ้างแรมที่นั่น ยิ่งสงสัยว่าเขาอาจจะมีอะไรปิดบังเธออยู่ ในระหว่างซ้อมแซมคฤหาสน์ เมื่อทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกัน ยิ่งทำให้เชษฐาและอนงค์วดีสนิทสนมกันมากขึ้น และยิ่งสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็เหมือนจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้นกับอนงค์วดีมากเท่านั้น ในตอนกลางคืนทั้งคู่ต่างฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกหลายครั้ง จนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าชายที่หน้าตาคล้ายเชษฐาที่ใคร ๆ เรียกว่า "เจ้าคุณ" นั้น ในอดีตเคยเป็นเด็กในบ้านที่ลอบรักกับคุณประยงค์ ธิดาสาว ของท่านเจ้าพระยาฯ ต่อเมื่อได้ดีจึงไปรับราชการที่หัวเมืองแล้วมีภรรยาเป็นสาวชาวบ้านชื่อ "อร" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับอนงค์วดีในชาตินี้ อนงค์วดีเข้าใจว่าวิญญาณคุณชวดคงเข้าใจผิดว่าเธอคือแม่อร ซึ่งในความฝันอนงค์วดีได้รู้ว่าคุณอ่อนลักลอบรักกับชายที่มีศักดินาต่ำกว่าชื่อ "หลวงขจร" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนมนัสวีร์ ซึ่งหลวงขจรนั้นมีคู่หมั้นหมายแล้ว และเมื่อหลวงขจรถูกบังคับให้แต่งงาน คุณอ่อนเสียใจมาก จึงพายเรือฝ่าพายุฝนข้ามแม่น้ำไปหาทั้ง ๆ ที่ตนว่ายน้ำ ไม่แข็ง จนกระทั่งเรือล่มคุณอ่อนจึงจมน้ำตายและก็ไม่มีใครหาศพเจอ และทุกครั้งที่มนัสวีร์ต้องไปที่คฤหาสน์เก่าหลังนั้น เขาจะถูกดึงดูดให้ไปที่ริมแม่น้ำอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อย ๆ จนเกือบจะจมน้ำตาย โชคดีที่ปู่กลับมักจะช่วยมนัสวีร์เอาไว้ทัน ในที่สุดการซ่อมแซมตกแต่งคฤหาสน์ก็เสร็จลง เกษลดาเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดงานเลี้ยงเปิดคลับของเชษฐาอย่างหรูหรา เชษฐาเสนอให้อนงค์วดีทำงานที่คลับของเขาในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอาหาร เนื่องจากงานคลับเป็นงานกลางคืน เชษฐาจึงให้เธอพักอยู่ที่นี่ ทั้งหมดนี้สร้างความไม่พอใจให้เกษลดามาก เธอจึงมักแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเชษฐาอยู่บ่อย ๆ และย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ด้วยอีกคน เพียงคืนแรกเกษลดาก็เจอฤทธิ์คุณประยงค์ที่หวงแหนเชษฐา คุณประยงค์ชี้หน้าด่าและเรียกเธอว่า "อีเกด" จนเกษลดารู้สึกหวาดกลัวมาก เธอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เชษฐาฟัง แต่เชษฐากลับไม่สนใจพร้อมไล่ให้เธอกลับบ้าน แต่ด้วยความหึงหวงเกษลดาจึงแข็งใจอยู่ที่นี่เพื่อคอยกันท่าอนงค์วดี นานวันเข้าอนงค์วดีมักฝันเห็นเรื่องราวในอดีตมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอฝันว่าในอดีตเธอมีบ่าวชื่อเกด ติดตามมาอยู่ด้วย บ่าวคนนั้นหน้าตาเหมือนเกษลดา ซึ่งในอดีตชาติเกดยังเป็นเมียบ่าวของเจ้าคุณอีกด้วย และในความฝันบอกชัดว่าเจ้าคุณรักกับคุณประยงค์มาก่อน ยิ่งความจำเป็นทางด้านการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ทำให้เจ้าคุณต้องกลับมาพึ่งใบบุญท่านเจ้าพระยาฯ แม่อรผู้เป็นเมียหลวงจึงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากนังเกดเมียบ่าว ต่อมาแม่อรได้ตั้งท้องลูกคนแรก เจ้าคุณดีใจมากและคิดจะยกย่องเธอเป็นเมียเอก ทำเอาคุณประยงค์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าคุณประยงค์จะอ้อนวอนเจ้าคุณอย่างไร ท่านก็ยืนยันว่าแม่ของลูกจะต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น ดังนั้นคุณประยงค์จึงวางแผนทำร้ายแม่อรจนตกบันไดตายทั้งกลม จากนั้นไม่นานพอคลับของเชษฐาเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาหาความสำราญมากขึ้น จากคฤหาสน์เก่าร้างก็กลับมามีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟและเสียงเพลง จนสร้างความ ไม่พอใจให้กับคุณประยงค์เป็นอย่างยิ่ง เธอจึงเริ่มออกมาจากภาพมาเล่นงานทุกคน แต่คนที่โดนหลอกหลอนหนักที่สุดคือเกษลดา เพราะเธอพยายามออดอ้อนเชษฐาอยู่ตลอด ส่วนตัวเชษฐาเองก็โดนคุณประยงค์สะกดจิตให้หลงติดอยู่ในความฝันบ่อยขึ้น จนตัวเองเริ่มแยกแยะอดีตกับปัจจุบันไม่ออก อนงค์วดีเริ่มไม่สบายใจ เพราะเป็นห่วงกลัวเชษฐาจะได้รับอันตราย เธอตัดสินใจทำพิธีเชิญภาพเขียนคุณประยงค์ลงจากผนังพร้อมกับเอาสายสิญจน์พันไว้ แล้วเอาภาพไปเก็บไว้ที่เรือนเก็บของ ทำให้คุณประยงค์โกรธจัด จึงพยายามสะกดจิตเชษฐาให้มาช่วยตัดสายสิญจน์ออกจากภาพของเธอ แม้อนงค์วดีพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นวิญญาณคุณประยงค์ก็ออกอาละวาดอย่างหนัก และทำร้ายอนงค์วดีจนล้มหมดสติไป เมื่อเชษฐารู้ข่าว ด้วยความรักและเป็นห่วงอนงค์วดี เค้าจึงฮึดสู้กับคุณประยงค์ที่พยายามจะเข้ามาครอบงำชีวิตของเขา เพราะเชษฐาระลึกได้แล้วว่าชาติที่แล้วเขายอมให้คุณประยงค์ครอบงำและทำร้ายแม่อรมามาก ในชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้คุณประยงค์มาบงการเขาให้ทำร้ายอนงค์วดีอีก เชษฐาจึงตัดสินใจทำลายภาพของคุณประยงค์ แต่แผนการทำลายภาพไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแรงรักแรงอาฆาตที่คุณประยงค์มีต่อเชษฐาส่งผลทำให้คุณประยงค์มีพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเชษฐาจะสามารถทำลายภาพอาถรรพ์ของคุณประยงค์ได้หรือไม่ บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมแรงอาฆาตแค้นพยาบาทครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละครภาพอาถรรพณ์
Love On Air ไม่บอกรัก...แต่รักมาก (2556/2013)
เรื่องราวอลวนนี้เริ่มต้นที่ ต้นหอม ศกุลตลา รับบทเป็นโปรดิวเซอร์รุ่นพี่ที่แอบหลงรัก โบ ธนากร ดีเจรุ่นน้องในสังกัดจนเป็นที่มาของความฮาและเรื่องราววุ่น ๆ ชวนให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มตอนแรกก็มีซีนเข้าพระเข้านางกันเลยทีเดียว โดยฉากนี้ โบ เข้ามาขอบคุณ ต้นหอม ที่ซื้อนาฬิกามาให้ เท่านั้นไม่พอยังคุกเข่าสารภาพรักแถมเอามือต้นหอมมาจูบ ๆ ๆ แบบจู่โจมชนิดบ้าคลั่งไม่ทันให้ตั้งตัวอีกต่างหาก ซึ่งฉากนี้ก่อนถ่ายทีมงานกลัวว่าทั้งคู่จะเขินกันจนต้องถ่ายหลายเทค แต่ที่ไหนได้ทั้งคู่กลับเคมีตรงกัน เล่นเข้าขากันจนเทคเดียวผ่าน!! แถมสีหน้าและท่าทางแอ็คติ้งของทั้งคู่ก็แสดงออกมาซะมากมาย เล่นเอาดีเจคนอื่น ๆ ที่รอเข้าฉากหัวเราะกันจนท้องแข็ง เอาละซิ! พระเอกจู่โจมนางเอกตั้งแต่ตอนแรกแบบนี้ เห็นทีความรักของนางเอกจะมีแววสมหวังรึเปล่า? ติดตามเอาใจช่วยได้ในซิทคอมดีเจสุดฮา เลิฟ ออน แอร์ ไม่บอกรัก...แต่รักมาก ในวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายนนี้ เวลา 19.00 น. เสนอเป็นตอนแรก ทางช่องกรีนแชนแนล
หมวดโอภาส เดอะซีรีส์ ปี 2 (2556/2013) ห่างหายกันไปนาน กลับมาคราวนี้ หมวดโอภาส เดอะซีรี่ส์ ปี 2 ขอจัดเต็ม!! รับประกันความหลอนและความฮาโดย หมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) เจ้าเก่า!! ด้วยเรื่องราวเข้มข้นถึงใจขึ้นกว่าเดิม อยากรู้ว่าจะฮากันแค่ไหน ติดตามชม หมวดโอภาส เดอะซีรี่ส์ ปี 2 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี หมวดโอภาส เดอะซีรี่ส์ ปี 2 พร้อมจัดทัพเหล่านักแสดงนำ ไม่ว่าจะเป็น เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร นางเอกสุดฮอตจากเรื่อง ATM เออรัก เออเร่อ, หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ รวมถึงคู่ฮาเจ้าเก่า เผือก-พงศธร จงวิลาส, ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม, ต่อพงษ์ กุลอ่อน เสริมทัพด้วยสาวสวย ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา ที่จะบุกมาสร้างความหรรษากันอย่างเต็มที่ แถมเพิ่มสีสันด้วยดารารับเชิญไม่ซ้ำหน้า อาทิ นาตาลี เดวิส, เอิร์ธ-ธวัช พรรัตนประเสิรฐ , พีช-พชร จิราธิวัฒน์, ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์, ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล ,สมจิตร จงจอหอ, จิ้ม ชวนชื่น เป็นต้น จับกุมชายเมาแล้วขับ , รวมแก๊งค์ป้าเล่นป๊อกเด้ง , ตะครุบคนวิ่งราว , ช่วยตามหายายหลงทาง คดีเหล่านี้ล้วนถูกคลี่คลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าคดีที่เกิดขึ้นไม่ใช่คดีธรรมดาอย่างที่เคยเป็น พยานอาจไม่ใช่คนที่มีลมหายใจ ที่เกิดเหตุอาจเคยเป็นแดนอาถรรพ์ของกลาง อาจเป็นสิ่งลี้ลับ หรือกระทั่งคนร้ายอาจเป็นสิ่งเหลือเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้! แล้วใครกัน? ที่จะมาคลี่คลายคดีพิศวงเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่ หมวดโอภาส ขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของ หมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ตำรวจหนุ่มสุดซื่อแต่ไฟแรง แห่งหน่วยงานสอบสวนและสนับสนุนคดีพิเศษ (ASI) เตรียมพบกับความสนุกสนาน และร่วมคลี่คลายคดีพิศวงไปกับ หมวดโอภาส กับการสืบสวนชวนมันส์ ไปด้วยเหล่าผี ๆ มากหน้าหลายตา หมวดโอภาส เดอะซีรี่ส์ ปี 2
ดอกอ้อสายขวัญ (2556/2013) สายขวัญ ถูก คุณนายสายจิตต์ ผู้เป็นแม่ บังคับให้แต่งงานกับ จ้าวพงศ์นรินทร์ ที่สูงวัยกว่า และดูเคร่งขรึม น่าเบื่อหน่ายในความรู้สึกของสายขวัญ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่จ้าวไม่ใช่ผู้ชายที่สายขวัญรัก... ทางเดียวที่จะทำให้สายขวัญรอดพ้นจากการต้องตกเป็นเมียจ้าวคือ “หนี !”
การเดินทางสู่อิสรภาพของสายขวัญเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้แม่รู้ตัว สายขวัญตัดสินใจหั่นผมตัวเองจนสั้นจู๋และจ้างให้ นายแกน คนรับใช้เก่าแก่ไปเอาเสื้อผ้าลูกชายมาให้ เพื่อสายขวัญจะได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นเด็กผู้ชาย มิใช่นางสาวสายขวัญที่เป็นอยู่ตอนนี้ จากนั้น สายขวัญก็ตรงดิ่งไปที่ท่าเรือ แอบสืบจนรู้ว่ามีเรือลำหนึ่งจะมุ่งหน้าจากเมืองตากไปกรุงเทพฯ และในเรือนั้นก็มีเพียงเจ้าของเรือกับคนขับเรือที่เป็นคนสนิทเท่านั้น ... สายขวัญลอบลงเรือไปเพียงหมายจะหนีการแต่งงาน โดยไม่รู้เลยว่าเรือลำนี้มิเพียงเปลี่ยนทางเดินชีวิต หากแต่เจ้าของเรือ คือผู้ที่จะเปลี่ยนชะตาของเธอ...ตลอดกาล ก่อนที่สายขวัญจะลงเรือ สายขวัญแอบเห็นเจ้าของเรือกำลังร่ำลาคนรักอยู่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ คมเพชร บอกกับ กองแก้ว ว่าเขามีความจำเป็นต้องจากเธอไป เพราะเขาค้นเจอจดหมายจากพ่อที่เขียนถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้เขาได้รู้ความจริงว่า พ่อไล่แม่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจว่าแม่มีชู้ แม่จึงต้องหอบท้องพาเขาระหกระเหินมาอยู่ที่นี่ กว่าพ่อจะรู้ความจริงว่าชู้นั้นคือพี่ชายแท้ๆของแม่ ก็สายไปเสียแล้วเพราะไม่ว่าพ่อจะตามมาขอโทษอย่างไร แม่ก็ไม่ยอมคืนดีด้วยแถมยังโกหกว่าลูกตายจากไปแล้ว พ่อรู้ว่าแม่โกหกจึงทำพินัยกรรมไว้ให้คมเพชรทั้งหมด จากนั้นเขาก็ค้นเจอจดหมายอีกฉบับ เป็นจดหมายขู่จากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ในมรดกทั้งหมดของพ่อ ห้ามเขาไปเหยียบที่ ‘บ้านสัก’ ถ้าไม่อยากตาย คมเพชรพยายามสืบจนรู้ข้อมูลจากเพื่อนว่าครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านสักคือครอบครัวของอาชื่อ ส่อง มีภรรยาชื่อ คุณนายคอน อาศัยอยู่กับลูกคือ ส่งศักดิ์ กับ สิตา จากจดหมายพ่อ แม้จะไม่บ่งชัดว่าเรื่องจริงเป็นเช่นไร หากก็มีข้อความชวนให้เชื่อว่า พ่อไม่ได้ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้กับครอบครัวของอาส่อง หากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าเขากำลังถูกโกง ซึ่งสำหรับคม เรื่องเงิน ไม่สำคัญเท่ากับศักดิ์ศรีที่เขาคงยอมถูกตราหน้าว่าโง่ไม่ได้เด็ดขาด คมตัดสินใจจะกลับไปตามล่าหาความจริง โดยไม่รู้ว่าในเรือมีสาวน้อยนางหนึ่งแอบซ่อนตัวมาด้วย จังหวะที่เครื่องเรือเกิดเสีย สายขวัญตกใจปรากฎตัวจากที่ซ่อน ทำให้ได้พบกับคม คมซักไซร้ สายขวัญไม่กล้าบอกความจริง เลยโกหกคมไปว่าชื่อ “ดอกอ้อ” ติดเรือมาเพราะอยากไปกรุงเทพฯ แต่ไม่มีเงิน คมไม่เชื่อพยายามจะผลักไสสายขวัญลงจากเรือ กระเป๋าเครื่องเพชรที่สายขวัญเอาติดตัวมาจากบ้านตกกระจาย คมเข้าใจว่าสายขวัญคือนางโจรปล้นเพชรและกำลังจะหนี เลยคิดจะจับสายขวัญส่งตำรวจ สายขวัญพยายามบอกความจริงว่าหนีการแต่งงานมา แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คมก็ไม่เชื่อยืนยันจะส่งสายขวัญให้ตำรวจ ... ทั้งสองมีเรื่องทะเลาะ ต่อล้อต่อเถียงสารพัด .. ความผูกพันเล็กๆเกิดขึ้นระหว่างทาง สายขวัญพยายามเอาใจคมทุกอย่าง จนคมเริ่มรู้สึกสงสารไม่อยากเอาผิดกับสายขวัญ เมื่อเรือเทียบท่า คมที่ตั้งใจจะแวะหาเพื่อนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงจงใจปล่อยสายขวัญไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้สายขวัญหนี ที่บ้าน งามสม เพื่อนของคมและสามี ร่วมวางแผนหาวิธีให้คมได้เข้าไปในบ้านสักเพื่อค้นหาความจริง งามสมรู้ว่าที่บ้านสักกำลังรับสมัครคนทำงานหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผัวเมียกันเพราะคุณนายคอนเกรงว่าหากรับผู้ชายเพียงคนเดียวตามที่ต้องการ คมอาจปลอมตัวเข้ามา งามสมจึงวางแผนว่าคมจะต้องปลอมตัวเข้าไปสมัครงานในบ้านหลังนั้น แต่ปัญหาคือเขาจะไปหาผู้หญิงที่ไหนมาสมมุติเป็นเมีย .. วินาทีนั้น คมก็นึกถึงสายขวัญขึ้นมาทันที...คมรีบกลับมาที่เรือ ทั้งที่ไม่มีหวังเพราะคิดว่าอย่างไร สายขวัญก็คงจะหนีไปแล้ว แต่ผิดคาดเพราะสายขวัญยังคงอยู่ที่เรืออย่างร่าเริง คมดีใจมาก ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สายขวัญฟัง และเสนอเงื่อนไขว่าจะขอให้สายขวัญไปเป็นเมียสมมุติของเขาแลกกับการที่เขาไม่แจ้งตำรวจจับสายขวัญ...สายขวัญตัดสินใจรับข้อเสนอของคม ... คมพาสายขวัญย้อนกลับไปที่บ้านเพื่อนเพื่อวางแผนกันอีกครั้ง โดยแผนครั้งนี้ ทั้งคู่จะต้องสร้างเรื่องและปลอมตัวให้ดูเหมือนคนใช้ พร้อมทั้งตั้งชื่อใหม่โดยคมใช้ชื่อ “ไว” เพราะนึกถึง “วิง” คนขับเรือคนสนิทของเขา ส่วนสายขวัญ ให้ชื่อ “อ้อ” แทนชื่ออดอกอ้อ แล้วปฏิบัติการตามล่าหาความจริงก็เริ่มขึ้น ไว ขอให้ อ้อ หาโอกาสหาที่ซ่อนพินัยกรรม เพราะอ้อรับหน้าที่เป็นคนใช้ในบ้าน จึงมีโอกาสมากกว่าไวซึ่งรับหน้าที่เป็นทั้งคนสวนและคนขับรถ ... แต่เกิดเรื่องวุ่นชุลมุลขึ้นเพราะแม้อ้อจะปลอมตัวจนเปิ่นเป๋อ แต่ก็ยังไม่วายถูกส่งศักดิ์แทะโลม ทั้งที่ส่งศักดิ์เองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วคือ อรชา เจ้าของวังกุหลาบ โชคดีที่มี ป้าเนียม กับ จวน คนใช้ในบ้านคอยขัดจังหวะ ส่วนคมก็มีโอกาสใกล้ชิดสิตาด้วยความเจ้าชู้ของสิตา เป็นเหตุให้ต่างฝ่ายต่างเกิดอาการ “หึง” และพ่อแง่แม่งอนกันตลอดเวลา จนวันหนึ่ง คมก็รู้สึกตัวว่ารักแม่ดอกอ้อดอกสวยเข้าแล้วอย่างเต็มหัวใจ สายขวัญเองก็ใช่จะไม่รู้ใจตัวเอง แต่ก็ต้องตัดใจเพราะรู้ว่าไวหรือคมเพชร มีคู่หมายอยู่แล้ว ส่วนไวเองก็รู้สึกผิดที่เคยบอกให้กองแก้วรอเขา สัญญาที่เคยบอกว่าจะกลับไปแต่งงานคอยบาดใจคมทุกครั้งที่ใกล้ชิดกับสายขวัญ การสืบหาความจริงยังดำเนินไปท่ามกลางความยากลำบาก อ้อกับไวได้รู้ความจริงมากมายจากปากจวนและยังรู้ว่าที่บ้านไม้ท้ายสวนของบ้านสัก มีชายชราบ้าบอคนเก่าแก่อาศัยอยู่ ชื่อ ลุงมัก คำว่า “คนเก่าแก่” สะกิดใจ อ้อหาโอกาสไปพบลุงมักในวันหนึ่ง ด้วยท่าทาง คำพูดบางคำของลุงมัก ทำให้อ้อรู้สึกว่าลุงมักนี่แหละคือกุญแจไขปริศนาที่ตนกับไวกำลังตามหา อ้อบอกความจริงกับไวและพาไวไปพบลุงมัก ทั้งสองเกือบจะล้วงความจริงได้ แต่ก็มีเหตุให้ต้องล่าถอยกลับไป เพราะอาการคุ้มดีคุ้มร้ายของลุงมัก ... หากวันหนึ่ง โอกาสดีก็มาถึง อ้อพยายามล่อหลอกลุงมักทุกวิถีทางจนลุงมักเกือบจะหลุดปากเรื่องพินัยกรรมออกมา แต่โชคร้ายที่ ชัดชรินทร์ แฟนหนุ่มของสิตาที่เคยเจอกับอ้อในงานเลี้ยง มาหาสิตาและได้พบกับอ้อ ความเกือบแตกโชคดีที่ไวแอบกันอ้อออกไปได้ทัน ชัดคอยหาโอกาสดักเจออ้อเพื่อถามความจริง อ้อจนใจจะปิดบัง จึงขอร้องชัดที่ขณะนั้นกำลังตกงาน ด้วยการยกสร้อยเพชรให้ชัดหนึ่งเส้นแลกกับความลับ คมแอบเห็น เข้าใจผิดคิดว่าชัดเป็นกิ๊กของอ้อ เกิดเหตุทะเลาะกันอีก แทนที่ชัดจะหยุดเพียงเท่านั้น เขากับเลือกจะไปพบคุณนายสายจิตต์ เพื่อบอกข่าวลูกสาวที่หายไป เพื่อแลกกับตำแหน่งงานในบริษัทของคุณนาย ซึ่งคุณนายสายจิตต์ก็ตกปากรับคำอย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะความเป็นห่วงและคิดถึงลูกสาวคนเดียวใจจะขาด...ส่วนชัด คิดว่าการที่เขามีการงานทำมั่นคงจะทำให้เขาได้รับการยอมรับจากคุณนายคอนและจะได้แต่งงานออกหน้าออกตากับสิตาอย่างเปิดเผยเสียที ชัดรู้สึกว่าความลับที่เขากำไว้น่าจะทำประโยชน์ให้เขาได้ เขาจึงขอสิตาเข้ามาอยู่ในบ้านโดยให้สิตาบอกกับแม่ว่าเขาเป็นเพื่อนจากต่างจังหวัดที่จะมาขอพักอยู่ด้วยเพียงชั่วคราว เพื่อเขาจะได้หาโอกาสจับตาสายขวัญ สิตาถึงจะอึดอัดก็ต้องจำยอมเพราะกลัวความจริงที่เธอจดทะเบียนสมรสกับชัดแล้วจะรู้ถึงหูแม่ ขณะนั้นกองแก้วที่คิดถึงคมมาก คิดจะมาหาคม จึงติดต่อกับ พีร์ ลูกชาย เศรษฐีพันธ์ ที่แอบรักกองแก้วมาตั้งแต่เด็ก ว่าจะขอมาพักที่บ้านพีร์ ในวันที่พีร์มารับกองแก้วที่สถานีรถไฟ ทั้งสองได้พบกับชัดและสิตาโดยบังเอิญ ชัดรู้จักกับกองแก้วมาก่อน จึงเข้าไปทักทายและแนะนำกันว่าพีร์เป็นพี่ชายของ พินทุ ชัดชวนกองแก้วกับพีร์ไปทานข้าวที่บ้านสิตา และในวันนั้น ก็เป็นวันที่ลุงมักนัดให้อ้อไปพบ เพราะอ้อพิสูจน์ตัวเองจนลุงมักแน่ใจว่าอ้อเป็นคนดีที่ไว้ใจได้เพราะนอกจากน้ำใจที่อ้อคอยหยิบยื่น อ้อยังเคยช่วยลุงมักจาก นายพุด คนขับรถคุณนายคอนที่จ้องจะทำร้ายลุงมัก และเคยจับลุงมักไปทรมานหวังจะให้ลุงมักตาย ถึงวันนัดทานข้าว กองแก้วกับคมได้พบกัน ทั้งสองต่างตกใจแต่ไม่กล้าแสดงออก คมแอบกระซิบนัดกองแก้วออกไปพบตอนเย็น กองแก้วที่รู้เพียงว่าคมจะปลอมตัวเป็นคนใช้ เห็นคมที่สถานภาพปัจจุบันกลายเป็นคนมีภรรยาแล้วคืออ้อ จิตใจเลยว้าวุ่นอยู่ไม่เป็นสุขจนพีร์สังเกตเห็น อาการอิหลักอิเหลื่อชวนอึดอัดเป็นไปตลอดระยะเวลารับประทานอาหาร อ้อเองก็เสียใจ คมที่กลัวว่าอ้อจะเข้าใจผิดตัดสินใจสารภาพรักกับอ้อ อ้อรู้สึกสับสนจึงเลี่ยงออกจากงาน ไปพบกับลุงมักตามนัดหมาย ลุงมักสารภาพกับอ้อว่าไม่ได้บ้า แต่ต้องแกล้งบ้าเพื่อปกป้องสมบัติไว้ให้ทายาทแท้จริง และเมื่อรู้ว่านายไว คือคมเพชร ลุงมักดีใจมากยอมบอกที่ซ่อนพินัยกรรมว่าอยู่ในโพรงไม้ใกล้บ่อน้ำพุบนเขามอ อ้อรีบไปเอาพินัยกรรมมาจากที่ซ่อนทันที ขณะอ้อจะเอาพินัยกรรมมาให้คมด้วยหัวใจที่เบ่งบานสุดขีด หัวใจของอ้อก็ต้องหุบฟีบลงทันทีเมื่อต้องมาเห็นภาพที่คมตระกองกอดกับกองแก้ว...โดยไม่รู้ความจริงว่ากองแก้วตามมาซักไซร้คมเรื่องอ้อ และคมก็ได้สารภาพกับกองแก้วว่าเขารักผู้หญิงทั้งสองคนนี้...หากเป็นคนละแบบ กองแก้วนั้น เขารักอย่างบูชาแต่กับดอกอ้อ .. มันคือรักแท้ที่ผูกพันอย่างยากจะตัดใจ กองแก้วเสียใจจนเป็นลมล้มพับ คมจึงต้องเข้าประคอง...มิได้เข้าไปกอดกองแก้วด้วยความรักเสน่หา...แต่กระนั้น อ้อก็เข้าใจผิดไปแล้ว เมื่อกองแก้วรู้สึกตัว ก็ตัดสินใจเดินจากคมไปด้วยความเสียใจ ... พีร์ที่ตามหากองแก้ว โกรธคมมากที่ทำให้กองแก้วเสียใจ หากเป็นกองแก้วเองที่เข้าใจว่าความรักเป็นเรื่องที่บังคับจิตใจกันไม่ได้ พีร์ยิ่งรู้สึกรักกองแก้วมากเป็นเท่าทวี เขาจึงอาสาเป็นผู้เยียวยาหัวใจให้กองแก้ว พีร์คอยดูแลกองแก้วตลอด เอาอกเอาใจจนไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนน้อง พินทุเหมือนถูกทิ้ง จึงฆ่าเวลาด้วยการลุกขึ้นแต่งตัวเป็นทอมบอย ออกจากบ้านพร้อมจักรยานคู่ใจ เกิดอุบัติเหตุฝูงควายเดินตัดหน้า จักรยานพินทุลอยละลิ่วไปพร้อมคนขี่ โชคดีที่จ้าวพงศ์นรินทร์บังเอิญผ่านมา เข้าไปช่วยและพาพินทุไปหาหมอ จ้าวพงศ์นรินทร์เข้าใจว่าพินทุเป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งพินทุเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะบอกความจริงเพราะไม่คิดว่าชีวิตจะต้องผูกพันกับชายแปลกหน้าผู้นี้ ... จ้าวพงศ์นรินทร์บอกพินทุว่าชื่อพงศ์ ขณะที่พินทุเองก็บอกว่าตัวเองชื่อ พิน .. พินทุรู้จักจ้าวเพียงคำที่จ้าวบอกคือ เขามาจากเมืองเหนือ และมาธุระที่กรุงเทพฯเพียงสองสามวันก็จะกลับ พินทุเลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว “ธุระ” ที่นายพงศ์บอกคือการตามหาคู่หมั้นคือสายขวัญนั่นเอง พินทุใช้ให้คนขี่สามล้อที่รู้จักกันไปส่งจ้าวพงศ์นรินทร์ ไม่วายย้ำจ้อยว่าห้ามบอกความจริงเด็ดขาดว่าพินทุเป็นลูกเต้าเหล้าใครและที่สำคัญคือเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่จ้าวเข้าใจ ส่วนจ้าวฯเองก็ไม่รู้สักนิดว่าโรงแรมที่เขากับคุณนายสายจิตต์มาพักอยู่คือโรงแรมของเศรษฐีพันธ์ พ่อของพินทุนั่นเอง หลังจากนั้น พินทุก็พยายามสืบหาประวัติของนายพงศ์ จนรู้ว่าที่แท้ ผู้ชายมาดนิ่งใจดีคนนี้ คือจ้าวพงศ์นรินทร์ เป็นจ้าวที่จนเพราะล้มเหลวจากธุรกิจเหมืองแร่ พินทุรู้สึกสงสาร ยิ่งเมื่อได้ใกล้ชิด ก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับผู้ดีตกยากผู้นี้อย่างยากจะถอนใจ จึงคิดหาทางจะช่วยจ้าวพงศ์นรินทร์ให้มีฐานะเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิม ฝ่ายดอกอ้อที่หัวใจช้ำ ตัดสินใจว่าคงจะทนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจเขียนจดหมายลาพร้อมวางพินัยกรรมไว้ให้คมในห้อง แต่โชคร้ายขณะกำลังจะย่องออกจากบ้าน ยายเนียมมาเห็นเข้า ร้องเอะอะโวยวายว่าอ้อเป็นหัวขโมย อ้อถูกจับไปสอบสวนทันที ขณะที่ส่งศักดิ์จะเรียกตำรวจมาจับก็เป็นเวลาที่ชัดชรินทร์ พาคุณนายสายจิตต์กับจ้าวพงศ์นรินทร์มาที่บ้าน ความจริงเปิดเผย ส่งศักดิ์กับคุณนายคอนตกใจแทบเป็นลม ส่วนคมเองก็ต้องมารับรู้ว่าที่แท้ นางโจรดอกอ้อ คือ ลูกสาวเศรษฐีนี ! และความจริงต่อไปที่ทำให้ครอบครัวส่งศักดิ์แทบเหมือนถูกระเบิดลง คือความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว นายไว คือ คมเพชร ทายาทคนเดียวของบ้านสัก ซึ่งเป็นผู้ได้รับมรดกทั้งหมดของตระกูล สายขวัญที่รู้สึกว่าภารกิจของตนเสร็จสิ้นแล้วตัดสินใจบอกลาคมกลับไปกับแม่ ส่วนคมก็เสียใจเพราะเข้าใจว่าสายขวัญเพียงเห็นความผูกพันที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องตลก ไม่ได้มีความหมายใดๆ ...จึงตัดใจปล่อยสายขวัญไป ... ตรงข้ามกับคู่ของกองแก้วกับพีร์ที่นับวันยิ่งจะเข้าใจกันมากขึ้น จนสุดท้ายก็จบลงที่การแต่งงาน คุณนายสายจิตต์กับลูกได้เปิดใจคุยกัน คุณนายสายจิตต์สัญญาว่าจะไม่บังคับจิตใจลูกอีก จากนั้นสายขวัญก็เปิดฉากเจรจากับจ้าวพงศ์นรินทร์ตรงๆว่าตนคงไม่อาจเป็นเจ้าสาวของจ้าวได้ ซึ่งจ้าวพงศ์นรินทร์ก็รับฟังอย่างยินดี เพราะใจของเขาตอนนี้ มีแต่เด็กผู้ชายหน้าสวยเดินป้วนเปี้ยนอยู่ตลอดเวลา ชีวิตของสายขวัญนับจากนั้นมีแต่ความหม่นเศร้า มีเพียง ยายแฝด แม่นมของสายขวัญที่คอยปลอบโยนและสังเกตเห็นว่าอาการของสายขวัญ คืออาการของคนอกหัก ซึ่งสายขวัญก็ยอมรับ เพียงแต่ไม่ปริปากว่าคนที่หักอกเธอนั้นเป็นใคร ? ส่งศักดิ์ที่แต่แรกก็ไม่ยอมรับคม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน ส่วนหนึ่งเพราะส่งศักดิ์เสียใจที่อรชาบอกเลิกไปแต่งงานกับชายที่ตนรักทำให้ส่งศักดิ์ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้กับอะไรอีก ชัดกับสิตาก็ลงเอยกันอย่างมีความสุขเพราะคุณนายสายจิตต์เมตตาให้งานสิตาทำด้วย คมเห็นว่าเรื่องต่างๆลงเอยด้วยดีจึงไม่อยากรื้อฟื้นอีก ให้อภัยและยอมให้ทุกคนอยู่ในบ้านสักต่อไป ส่วนพินทุ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้ตัวว่ารักจ้าวพงศ์นรินทร์ คิดจะแอบลงทุนให้จ้าวฯได้สานฝัน จึงขอร้องคุณนายสายจิตต์ให้รับสมอ้างเป็นนายทุน จ้าวพงศ์นรินทร์ที่ไม่รู้ว่าพินทุเป็นต้นคิดเรื่องนี้ ดีใจมากและเลือกจะไปบอกข่าวดีกับพินทุเป็นคนแรก เขาเอ่ยปากชวนพินทุไปอยู่ด้วยกันที่ตากเพราะไม่ชอบสังคมเมืองกรุง แต่อินทุปฏิเสธบอกว่าเธอเองก็มีภาระการงานต้องทำ แต่ลองโยนหินถามทางว่าจ้าวคงจะลืมเด็กผู้ชายคนนี้ถ้าพบผู้หญิงถูกใจ จ้าวรับปากว่าถ้าหาเงินคืนเจ้าของเงินยังไม่ได้ ก็จะไม่มองผู้หญิงเป็นอันขาด.. ทั้งคู่ต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะคิดถึงกัน และทำเงินแข่งกัน นับวันคุณนายสายจิตต์ยิ่งมองเห็นความทุกข์เศร้าของสายขวัญ และหลังจากได้ตรวจสอบหัวใจของลูกสาวแล้ว จึงคิดว่าคงปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปไม่ได้ พอดีกับที่คมเองก็คิดถึงสายขวัญจนทนไม่ไหว ตัดสินใจไปหาสายขวัญที่บ้าน ได้พบกับสายจิตต์ สายจิตต์ไม่อ้อมค้อม ถามคมตรงๆว่ารักลูกสาวของเธอมั้ย คมก็ตอบตรงอย่างไม่โกหกใจตัวเอง จากนั้นคมก็กลับไป ส่วนสายขวัญ หลังจากรู้ความจริงเรื่องที่กองแก้วจะแต่งงานกับพีร์ และข่าวดีที่จ้าวพงศ์นรินทร์กับพินทุก็จะลงเอยเช่นกันเพราะหลังจากที่จ้าวพงศ์นรินทร์รู้ความจริงเรื่องที่พินทุเป็นผู้หญิง แทนที่เขาจะโกรธว่าพินทุหลอก เขากลับดีใจมากและยิ่งรักพินทุมากขึ้นอีก สายขวัญตัดสินใจไปที่บ้านต้นสัก และได้พบกับคมเพชรอีกครั้ง ซึ่งการพบกันครั้งนี้ ต่างเดินเข้าหา พูดจากันด้วยภาษารัก... คมเพชรให้สัญญา ไม่ว่าจะเป็นดอกอ้อ หรือสายขวัญ เขาจะรักเธอชั่วนิรันดร์ และจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีกเลยสุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ (2556/2013) เมื่อม.ร.ว.รัชชานนท์ จุฑาเทพ หรือคุณชายเล็ก หนีการดูตัวที่หม่อมย่าเอียดต้องการจับคู่กับหม่อมหลวงศินีนุช เทวพรหมเพื่อทำตามพระประสงค์ของหม่อมเจ้าวิชชากรที่ต้องการดองกับเทวพรหมให้จงได้ รัชชานนท์จึงร่วมวางแผนกับรณพีร์น้องชายคู่หูคู่เที่ยว หนีการดูตัวกับศินีนุชได้อย่างเฉียดฉิว โดยรีบหนีไปรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิศวกรรมโยธาประจำที่จังหวัดหนองคายและเดินทางออกเดินทางไปโดยไม่บอกใคร การไปของรัชชานนท์ทำให้ทุกคนที่วังจุฑาเทพวุ่นวายกันไปหมด ที่หนองคายรัชชานนท์ได้ช่วยจันทา สาวบ้านป่าลูกสาวของพรานเจ้ยจากการข่มเหงของทหารเวียงพูคำ รัชชานนท์เป็นขาลุยชอบเดินป่าถ่ายรูปจึงขอให้พรานเจ้ยนำทางเที่ยวในป่า โดยมีจันทาร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งไม่ได้รู้เลยว่าการเดินทางเข้าป่าครั้งนี้ทำให้ชีวิตของรัชชานนท์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อต้องเจอกับกลุ่มทหารเวียงพูคำตามมาแก้ค้น ทั้งจันทาและรัชชานนท์ถูกยิงบาดเจ็บ ส่วนพรานเจ้ยปกป้องลูกสาวจนตัวตาย แต่ก่อนหน้านั้นได้ให้สร้อยรูปพระจันทร์แก่จันทาไว้ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ รัชชานนท์และจันทารอดชีวิตเพราะได้ สร้อย สาวบ้านป่าลึกลับและจ่อยเพื่อนคู่หูได้ช่วยไว้ สร้อยกับจ่อยช่วยกันพารัชชานนท์กับจันทาเข้ามารักษาตัวอยู่ที่หมู่บ้านวลาหก ซึ่งเป็นหมู่บ้านลี้ภัยของชาวเวียงพูคำ สร้อยค้นพบว่ารัชชานนท์คือคนในคำทำนายของแม่เฒ่าที่จะมาทำลายมนต์หมอกที่ปกป้องหมู่บ้านวลาหกให้เสื่อมคลาย จึงพยายามจะกำจัดรัชชานนท์ออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งพ่อใหญ่ พ่อของสร้อยและเป็นผู้นำหมู่บ้านได้สั่งไว้ให้ดูแลรัชชานนท์จนกว่าจะถึงเวลา เพราะรัชชานนท์จะเป็นผู้นำของสำคัญกลับมาสู่ชาวเวียงพูคำ สร้อยทำอะไรไม่ได้เพราะไกสอนและแฮรี่มือขวาของพ่อใหญ่ต่างเห็นชอบในทางเดียวกัน รณพีร์กับชัชวีร์มาหารัชชานนท์ที่หนองคายจึงรู้ว่า รัชชานนท์หายเข้าไปในป่า เรื่องรู้ถึงวังจุฑาเทพธราธรและพุฒิภัทรจึงต้องไปช่วยตามรัชชานนท์ในป่า โดยศินีนุชขอตามไปด้วย ด้วยการสนับสนุนอย่างดีจากย่าอ่อน และการบีบคั้นจากคุณหญิงดารณีนุช ทำให้หม่อมเอียดต้องออกปากให้หลานชายพาศินีนุชไปด้วย รณพีร์กับชัชวีร์ไม่ยอมรอพวกพี่ชาย ออกเดินทางไปก่อนโดยได้พรานเกิ้นพรานป่าปลดระวางพาไป แม่เฒ่ารักษารัชชานนท์กับจันทาจนหายดี รัชชานนท์รู้สึกผิดที่ได้พาจันทาเข้าป่ามาแล้วทำให้ต้องสูญเสียพ่อไป และทำให้เธอต้องขาดที่พึ่งพิง จึงตัดสินใจขอจันทาแต่งงานและรับปากจะพาไปอยู่ที่พระนครด้วย จันทารู้สึกตัวเองต่ำต้อยไม่กล้าจะรับปากแต่ใจจริงก็เอนเอียงไปแล้ว แต่แล้วเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป เมื่อสร้อยกลุ้มใจเรื่องที่พ่อใหญ่ต้องการให้เธอออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับรัชชานนท์ เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานพวกทหารเวียงจะต้องตามมาถึงหมู่บ้านวลาหก นายพลเซกองได้โค่นบังลังก์เจ้าหลวงสุริยวงศ์เมื่อสิบห้าปีก่อน ทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ ชาวเวียงพูคำต่างพากันอพยพข้ามมาไทย นายพลเซกองจอมเผด็จการได้สั่งให้พวกทหารเวียงตามจับตัวกลับไปเพื่อไม่ให้รวมกลุ่มเป็นกองกำลังกู้ชาติ พ่อใหญ่ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่จงรักภักดีต่อเจ้าหลวง จึงเป็นเป้าหมายให้ทหารเวียงคอยเล่นงาน สร้อยไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อใหญ่ไสส่งเธอไปด้วย เธอจึงขึ้นไปหารัชชานนท์ที่เรือนเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ รัชชานนท์เห็นใจสร้อยจนเผลอไผลกอดปลอบใจสร้อย ไกสอนและแฮรี่มาพบทั้งสองใกล้ชิดกันในที่รโหฐานกลางดึก เห็นว่าทั้งคู่ทำเรื่องผิดผีเข้าแล้ว พ่อใหญ่จึงตัดสินให้ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มิฉะนั้นเขาก็ต้องถูกลงโทษถึงแก่ชีวิตทีเดียว พิธีถูกจัดขึ้นอย่างดีตามประเพณีทำให้จันทาเสียใจมาก รัชชานนท์จึงขอให้จันทามาเป็นน้องสาวเพื่อเขาจะได้ดูแลเธอไปตลอดชีวิต ในที่สุดธราธรกับพุฒิภัทรก็มาสมทบกับรณพีร์และชัชวีร์ โดยมีศินีนุชเป็นภาระให้การเดินป่าเป็นไปอย่างทุลักทุเล ธราธรจึงต้องสั่งให้ศินีนุชรออยู่ที่แค้มป์ แล้วทั้งสี่ก็เดินทางค้นหาจนเจอเข้ากับรัชชานนท์พี่น้องเจอกันดีใจมากแต่ก็ต้องช็อคเมื่อรู้ว่า รัชชานนท์แต่งงานแล้ว ยังดีที่ศินีนุชว่าที่คู่หมั้นรัชชานนท์รอพวกเขาที่แคมป์ชายป่าไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องใหญ่ สร้อยโกรธเมื่อรู้เรื่องรัชชานนท์มีคู่หมายอยู่แล้วจนชัชวีร์ต้องมาทำความเข้าใจกับสร้อยให้ปิดบังเรื่องแต่งงานจนกว่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ เพราะกลัวศินีนุชจะโวยวายทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตได้ เมื่อถึงเวลาพ่อใหญ่สั่งให้สร้อยไปอยู่กรุงเทพฯกับรัชชานนท์ โดยมีภารกิจต้องตามหาเจ้ารังสิมันต์เจ้าชายรัชทายาทให้เจอ พร้อมกับให้จ่อยไปตามดูแลด้วย จ่อยกล่อมจนจันทายอมไปด้วย ก่อนกลับรัชชานนท์ได้จดทะเบียนสมรสกับสร้อยกันเหนียวไว้เพื่อไม่ให้หม่อมเอียดบิดพลิ้วไล่สร้อยไป และทันทีที่หม่อมเอียดกับย่าอ่อนรู้เรื่องก็ลมแทบจับ ต่างผิดหวังที่ไม่สามารถจับคู่ให้หลานได้เสียที หม่อมเอียดยังเมตตาให้โอกาสสร้อยหนึ่งเดือนที่จะทำตัวให้เป็นแม่ศรีเรือน เพราะสร้อยไม่มีคุณสมบัติทั้งกิริยาและการเรือน เพราะเป็นสาวชาวป่า สร้างความรังเกียจให้ย่าอ่อนอย่างมาก จึงมีการทดสอบให้สร้อยทำอาหารที่คิดว่าอร่อยที่สุดให้ชิม สร้อยจึงเลือกทำข้าวต้มมัดแต่เหล่าคุณชายไม่มั่นใจจึงนำขนมจากร้านม.ล.เกษรามาสับเปลี่ยนให้ย่าทั้งสองชิมจนพอใจ แต่เมื่อสร้อยรู้ความจริงก็ไปสารภาพว่าไม่ใช่ฝีมือของตนเอง ทำให้ย่าทั้งสองได้เห็นว่าอย่างน้อยสร้อยก็มีความซื่อสัตย์และคาดโทษเหล่าคุณชายที่ทำเรื่องแบบนี้ขึ้น พอดีรัชชานนท์ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการประท้วงครั้งใหญ่ของราชอาณาจักรเวียงพูคำที่มีนายพลเซกองกุมอำนาจปกครองอยู่และปกครองเอารัดเอาเปรียบจนชาวบ้านต้องการฟื้นฟูระบอบเดิมที่เคยมีเจ้าหลวงสุริยวงศ์ปกครอง เซกองจึงบุกไปที่หมู่บ้านจับตัวเจ้าหลวงสุริยวงศ์มาขังไว้ที่เวียงพูคำ ทำให้รัชชานนท์ตกใจเพราะเมื่อเห็นภาพของเจ้าหลวงสุริยวงศ์เป็นคนเดียวกับพ่อใหญ่ ดังนั้นสร้อยจึงต้องเป็นเจ้าหญิงสร้อยฟ้าแห่งราชอาณาจักรเวียงพูคำที่เขาเคยได้ยินชื่อนั่นเอง แต่เขาก็ปิดเป็นความลับเพราะเกรงว่าสร้อยจะวู่วามหนีกลับไปช่วยพ่อเสียก่อน ต่อมาได้มีการจัดเลี้ยงต้อนรับคณะกรรมการยูเนสโกเพื่อหาทางแก้ปัญหากรณีประท้วงของราชอาณาจักรเวียงพูคำ รัชชานนท์พยายามปิดบังเรื่องนี้กับสร้อยแต่ไม่สำเร็จ สร้อยจึงร่วมอยู่ด้วยในฐานะพลเมืองของเวียงพูคำ ในงานเลี้ยงนี้เองสร้อยก็ทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถจากความคิดว่าเธอเป็นเพียงสาวชาวป่าไร้การศึกษา แต่เธอกลับต้อนรับพูดคุยกับคณะกรรมการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศด้วยภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ อีกหลายภาษา สร้อยซักถามการเมืองเกี่ยวกับประเทศของเธอและรู้ว่าจะมีการเดินทางไปเจรจาในเร็วๆ นี้เพื่อคลี่คลายด้วย สร้อยดีใจมาก แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกเมื่อความจริงเปิดเผยว่าม.ล.ชัชวีร์ เทวพรหม แท้จริงแล้วเป็นเจ้าชายรังสิมันตุ์ที่หายสาปสูญไปเมื่อ18 ปีก่อน หลังจากเจ้าส่องดาวถูกไล่ล่าจึงนำโอรสมาฝากไว้กับม.ร.ว.อนุพันธ์ที่เป็นพระสหาย จึงเลี้ยงรับไว้เป็นลูกอีกคน เมื่อเรื่องราวกระจ่างทำให้ม.ล.ชัชวีร์สำนึกในหน้าที่ที่ต้องกลับไปกู้บัลลังก์และช่วยพระบิดาที่ถูกจับไว้ด้วย เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคุณชายรัชชานนท์จึงเปิดเผยเรื่องที่ตนเองรู้ว่าสร้อยก็คือเจ้าหญิงสร้อยฟ้าพระขนิษฐาของเจ้าชายรังสิมันตุ์ ซึ่งสร้อยเองก็ไม่เคยรู้ฐานะตัวเองมาก่อนทำให้สองพี่น้องได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก คุณชายทั้งสามยกเว้นคุณชายปวรรุจที่ไม่อยู่จึงตกลงใจที่ร่วมกันช่วยม.ล.ชัชวีร์ กู้บัลลังก์คืนมาให้ได้ ทั้งหมดจึงเดินทางไปที่เวียงพูคำพร้อมกับคณะยูเนสโก แต่ปรากฎว่าถึงสนามบินถูกทหารดักจับตัวทุกคนไป ยกเว้นเจ้าหน้าที่ยูเนสโกเท่านั้น ทำให้รัชชานนท์ใช้โอกาสอันน้อยนิดสารภาพรักกับเจ้าหญิงสร้อยฟ้า เพราะไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน และทั้งคู่ก็ยอมรับในความรักที่มีต่อกันอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก แต่แล้วคนที่จับมากลับเป็นคนของคุณชายปวรรุจเพราะเขารู้จากเจ้าหน้าที่ทูตว่ามีคนแจ้งให้เซกองรู้ตัวแล้วว่าเจ้าชายรังสิมันตุ์ได้เดินทางเข้าไปเวียงพูคำ เขาจึงออกอุบายจับตัวทุกคนมาในที่ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยหาจังหวะเข้าไปใหม่ และแล้วการประท้วงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เหล่าคุณชายได้ช่วยกันกู้บัลลังก์ให้กับม.ล.ชัชวีร์จนสำเร็จ ทั้งสองคนได้รับสถาปนาเป็นเจ้าชายรังสิมันตุ์และเจ้าหญิงสร้อยฟ้าอย่างสมเกียรติ แต่ก็ทำให้รัชชานนท์รู้สึกตัวเองต่ำต้อยขึ้นมาทันที พอเมามายก็ฉีกทะเบียนสมรสต่อหน้า และหนีกลับไปอย่างเงียบๆ ทำให้เจ้าสร้อยฟ้าเสียกำลังใจอย่างมาก สองเดือนต่อมา เจ้าสร้อยฟ้าลาออกจากตำแหน่งเจ้าหญิงและได้กลับมาหาคุณชายรัชชานนท์พร้อมกับทะเบียนสมรสที่คัดสำเนามาใหม่ และจะขออยู่กับคุณชายรัชชานนท์ตลอดไป ทำให้ย่าเอียดและย่าอ่อนที่เพิ่งรู้เรื่องว่าที่แท้สร้อยสาวชาวป่ากลับกลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์จนหลานชายตัวเองแทบเอื้อมไม่ถึง ถ้าเธอไม่สละตำแหน่งลงมาครองคู่ ทำให้ย่าเอียดกับย่าอ่อนนับถือในความรักของเจ้าหญิงชาวป่าที่เคยดูถูกไว้อย่างหมดใจ ทั้งคู่จึงได้แต่งงานครองคู่กันอย่างมีความสุข
สุดสายป่าน (2556/2013) ม.ล.ฐิติ สูรยกานต์ (ยุทธนา เปื้องกลาง) ไปฉลองการเรียนจบกับเพื่อน ๆ ที่ชายทะเลจังหวัดประจวบฯ ที่นั่นเขาได้พบกับกานดามณี ศิริรัตน์ (วรรณรท สนธิไชย) ซึ่งแอบอ้างใช้ชื่อกานดาวสี กิริเนศวร (พี่สาวฝาแฝด) ฐิติและกานดามณีมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยที่ฐิติหารู้ไม่ว่ากานดามณีเห็นความรักครั้งนี้เป็นแค่เกมสนุก ๆ เท่านั้น ตรงข้ามกับเขาซึ่งจริงจังกับรักแรกนี้อย่างมาก จนถึงกับให้สัญญาว่า "ชาตินี้เขาจะไม่ยอมแต่งงานอย่างเด็ดขาด ถ้าเจ้าสาวของเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อ กานดาวสี กิริเนศวร" ฐิติขอให้กานดามณีรอให้เขาทำงานสร้างหลักฐาน เพื่อจะได้แต่งงานกัน แต่กานดาวสีก็หายเงียบไปอย่างไร้ร่องรอย ฐิติออกตามหาทุกวิธีทาง โดยไม่รู้ว่าในขณะที่เขาเป็นห่วงเธอใจแทบขาด กานดามณีกลับกำลังเริงรักกับผู้ชายคนใหม่คนแล้วคนเล่าและเที่ยวสำมะเลเทเมาหัวราน้ำ เวลาผ่านไป ฐิติก็ต้องดีใจอย่างมากเมื่อได้พบกานดาวสี (ตัวจริง) ในงานเลี้ยงงานหนึ่ง แต่แล้วฐิติก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อกานดาวสีบอกว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ถึงแม้ฐิติพยายามจะรื้อฟื้นถึงความสัมพันธ์ แต่กลับโดนกานดาวสีตบหน้าด้วยความโกรธเพราะคิดว่าฐิติดูถูกเธอ ฐิติทั้งรักทั้งแค้นด้วยเข้าใจว่ากานดาวสีรังเกียจที่เขาไม่ใช่คนร่ำรวยและกลับมาบ้านด้วยความเสียใจ ฐิติเล่าทุกอย่างให้พุดตาน (ปวีณา ชารีฟสกุล) ผู้เป็นมารดาฟัง พุดตานบอกลูกชายว่าดีแล้วที่รู้เช่นเห็นชาติกานดาวสีเสียก่อนที่ฐิติจะร่ำรวยขึ้นมา เพราะว่าเวลานี้ฐิติได้รับมรดกหลายหมื่นล้านจากท่านปู่ของเขาซึ่งเพิ่งสิ้นใจ ขณะที่กานดามณีก็ยังสวมรอยใช้ชื่อกานดาวสีหลอกผู้ชายที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยนั้น เธอก็มาพบรักกับ วสันต์ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสือผู้หญิงที่คิดกับกานดามณีแค่เล่น ๆ และทิ้งกานดามณีไปอย่างไม่ใยดี กานดามณีทั้งแค้นทั้งเจ็บใจและโทษว่าที่ชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อแท้ ๆ ไม่ยอมเอาตัวเธอไปเลี้ยงดูเหมือนกานดาวสีพี่สาว โดยหารู้ไม่ว่ากานดาวสีเองก็ต้องพบกับความลำบากใจที่ต้องอยู่กับ อุไร (อลิชา ไล่สัตรูไกล) แม่เลี้ยงที่มักจะคอยถากถางเธอด้วยคำพูดเสมอ จนกานดาวสีต้องรีบออกไปหางานทำ และก็บังเอิญเป็นบริษัทที่ฐิติเป็นประธานกรรมการอยู่ ฐิติทั้งดีใจและถือโอกาสแก้แค้นกานดาวสีต่าง ๆ นานาเพราะเข้าใจผิด ยิ่งเมื่อวสันต์เข้ามาทำงานเป็นสมุห์บัญชีที่บริษัทและพูดจาดูถูกกานดาวสีจนมีเรื่องราวกัน จนฐิติต้องเรียกไปถาม วสันต์จึงเล่าความจริงว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกานดาวสี ทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีเป็นผู้หญิงรักสนุกที่เห็นความรักเป็นแค่เกม ๆ หนึ่งเท่านั้น วสันต์เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของกานดาวสี จนรู้ว่าที่แท้กานดาวสีเป็นคนละคนกับกานดามณี และพยายามเข้าหากานดาวสีตามประสาเสือผู้หญิง ยิ่งทำให้ฐิติเชื่อว่าเธอมีความสัมพันธ์กับวสันต์มาก่อนจริง ๆ ฐิติคิดจะแก้แค้นกานดาวสีที่ดูถูกความรักที่จริงใจของเขา จึงแกล้งหันมาทำดีด้วย ทำให้กานดาวสีตกหลุมรักฐิติโดยไม่รู้ตัว และก็เป็นเวลาเดียวกับที่ฐานะทางบ้านของกานดาวสีแย่ลง เพราะอุไรแอบติดการพนันและทำให้วิเศษ (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) บิดาของกานดาวสีถึงกับล้มป่วย กานดาวสีจึงขอความช่วยเหลือจากฐิติ ฐิติรับปาก แต่มีข้อแม้ว่ากานดาวสีต้องแต่งงานกับเขาโดยไม่จดทะเบียนสมรส กานดาวสีจำต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อช่วยครอบครัว เมื่อกานดาวสีเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของฐิติ ก็ต้องเจอกับสงครามเย็นที่คนในบ้านปฏิบัติต่อเธอ กานดาวสีทั้งเสียใจและน้อยใจที่ทุกคนไม่เห็นเธออยู่ในฐานะภรรยาหรือสะใภ้เลย ด้านกานดามณีได้เห็นข่าวการแต่งงานของฐิติกับกานดาวสีก็ตกใจที่รู้ว่าฐิติร่ำรวยและเชื่อว่าฐิติต้องแต่งงานเพราะเข้าใจผิดว่ากานดาวสีเป็นตัวเธอแน่ ๆ ทั้งความโลภและความแค้นทำให้เธอตัดสินใจไปหาฐิติและแต่งเรื่องหลอกว่าเธอยังยึดมั่นในความรักและคำสัญญาเสมอ ฐิติสงสารในชะตากรรมของกานดามณีมากและยิ่งเกลียดกานดาวสีที่หลอกลวงเขา ฐิติพากานดามณีมาเจอกับกานดาวสี กานดาวสีตกใจมากที่รู้ว่ากานดามณีเป็นน้องสาวฝาแฝด กานดามณีแกล้งทำดีต่อกานดาวสี แต่เมื่อลับหลังฐิติ กานดามณีต่อว่าพี่สาวอย่างรุนแรงที่แย่งฐิติไปจากเธอและทวงฐิติคืน กานดาวสีจึงตัดสินใจหนีไปจากฐิติ กลับยิ่งทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีไม่เคยมีใจให้เขาเลย ฐิติเสียใจแต่ก็แกล้งทำเหมือนโล่งใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่เมื่อกานดามณีเข้ามาสวมรอยเป็นกานดาวสีจริง ๆ ฐิติกลับรู้สึกแปลก ๆ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาผูกพันกับกานดาวสีตัวจริงเข้าเสียแล้ว
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ (2556/2013) คุณชายรณพีร์บุตรชายคนสุดท้องซึ่งเกิดจากมารดาผู้เป็นหม่อมเอก กำลังเดือดร้อนใจเมื่อหม่อมเอียดยื่นคำขาดว่าจะต้องแต่งงานกับ ม.ล.วิไลรัมภาเท่านั้น เพราะไม่อยากให้หลานชายที่เนื้อหอมหว่านเสน่ห์สาวจนทั่วเมืองอย่างที่เป็นอยู่ และเพื่อให้บรรลุพระประสงค์ของหม่อมเจ้าวิชชากร ที่ต้องการสะใภ้เทวพรหมสักคนหนึ่ง แต่รณพีร์ก็ไม่ยอมง่ายๆ เพราะคิดเสมอว่าพี่ชายทุกคนพบรักแท้โดยหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนได้ เขาเองก็ต้องการที่จะตามหารักแท้ให้กับหัวใจเหมือนกัน และแล้ววาสนาโชคชาตาก็ได้นำพาให้ เพียงขวัญ ดาราสาวตกลงมาสู่อ้อมกอดของม.ร.ว.รณพีร์ หนุ่มนักบินผู้สูงศักดิ์ จากอุบัติเหตุในกองถ่ายทำภาพยนตร์ รักแรกพบจึงเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน รณพีร์ตกหลุมรักเพียงขวัญทันที แต่ในที่สุดก็เธอคือคนเดียวกันกับดาราดาวรุ่งที่มีข่าวฉาว กับผู้กำกับ ชนะและยอดยศเพื่อนรัก ยอดยศกำลังคลั่งไคล้จนถึงกับตีจากพิมพรรณคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานด้วยอย่างไม่ยุติธรรม ทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อดาราสาวเปลี่ยนเป็นเดียดฉันท์ทันที ถึงแม้เพียงขวัญจะขอบคุณที่เขามาช่วยชีวิตเธอไว้ได้ทันเวลา ที่เครื่องชักรอกขาดผึงลงมา แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่เห็นแววตาเยาะหยันและคำพูดถากถาง ของผู้ชายที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้ และยังบอกว่าเธอเป็นมือที่สาม ทำให้คนรักของยอดยศต้องเสียใจจากน้ำมือของเธอด้วย ความอดทนของเพียงขวัญสิ้นสุด และต่อว่ารณ พีร์กลับไปอย่างไม่ใยดี และขอตัดสัมพันธ์กับยอดยศ ไม่ให้มาหาเธออีกเพราะเธอเองก็ไม่เคยคิดกับเขาเกินเพื่อนอยู่แล้วทำให้ยอดยศอกหักเมามายเพราะตัดใจจากเพียงขวัญไม่ได้ ทำให้รณพีร์คิดในแง่ดีกับเพียงขวัญ รณพีร์กลับไปที่กองถ่าย พอดีได้ยินเสี่ยเพ้งนายทุนสร้างหนังกำลังสั่งลูกน้องให้ฉุดเพียงขวัญ เพราะถูกใจเธอแต่เพียงขวัญไม่เล่นด้วย รณพีร์จึงรีบนำเรื่องนี้ไปเตือนเพียงขวัญ แต่เธอกลับไม่เชื่อ และทำท่ารังเกียจเขาจนออกนอกหน้า และยังมีนายอัทธ์ หนุ่มหน้าตาดี มาตามรับส่งอีก ทำให้รณพีร์ผู้ที่ไม่เคยถูกผู้หญิงหมางเมิน ถึงกับอารมณ์เสียเพราะนึกไม่ถึงว่าเพียงขวัญจะไม่สนใจใยดีเขาถึงเพียงนี้ แต่เขากลับเป็นห่วงหญิงสาว จึงขับรถตามเธอไปห่างๆตลอดวันเพื่อดูสถานการณ์ แต่ก็พลาดจนได้เมื่อเจอกับวิไลรัมภาลากตัวไปที่อื่น และคลาดสายตาจนเพียงขวัญถูกจับตัวไป รณพีร์ตามไปช่วยทัน ทำให้เพียงขวัญรู้สึกซาบซึ้งและเสียใจที่ไม่เชื่อเขาแต่แรก จนเกือบเสียท่าเสี่ยเพ้ง ทำให้สองคนได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่รณพีร์กลับปิดบังฐานันดรศักดิ์ของตนเอง เพราะอยากลองใจเพียงขวัญว่า ถ้าเขาเป็นเพียงนายทหารจนๆ คนหนึ่ง ขับรถเก่าๆ เพียงขวัญจะเลือกรักเขาหรือรักนายอัทธ์ พ่อเลี้ยงเจ้าของปางไม้คนนั้นกันแน่ เขาจึงใช้ชื่อว่าพีร์ และหมั่นมาหาเพียงขวัญ รณพีร์ทำความรู้จักกับครอบครัวของเธอ จนสนิทสนมกันอย่างดีถึงแม้จะมีนายอัทธ์คอยกันท่าอยู่ตลอด แต่เขาก็ดีใจ ที่รู้ว่าเพียงขวัญก็มีใจให้กับเขา และเขาก็หาโอกาสที่จะเปิดเผยฐานะของตนเองด้วย เพราะเกรงว่านานไป จะทำให้เพียงขวัญเข้าใจผิด คิดว่าเขาไม่จริงใจกับเธอ แต่โอกาสนั้นก็ไม่เคยมีมาเลย รณพีร์เข้ามาคลุกคลีกับครอบครัวของเพียงขวัญด้วยการโกหกว่าตนเป็นลูกชาวสวน ยากจนมาจากบ้านนอก.ท่ามกลางความไม่พอใจของบุหลันน้าแท้ๆของพียงขวัญ. ที่ปากร้ายและมักพูดจาดูถูกเพียงขวัญเรื่องสักวันหนึ่งจะต้องตกเป็นเมียน้อย และท้องไม่มีพ่อ รณพีร์รู้สึกเห็นใจเพียงขวัญ. เธอไม่เหมือนผู้หญิงชอบจับผู้ชายรวย เหมือนที่บงกช ดาวยั่วในกองถ่ายใส่ร้ายไว้เลยแม้แต่น้อย รณพีร์พบว่านภา แม่ของเพียงขวัญเป็นนางรำมากฝีมือ นภาเก็บเด็กวัยรุ่นเกเรทั้งหญิงและชายในสลัมแถวนั้นมาฝึกนาฏศิลป์. ครอบครัวของเพียงขวัญจึงมีคนอาศัยอยู่มากมาย รายได้จากการทำงานหนักของเพียงขวัญ หมดไปกับการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวใหญ่ที่มีเกือบสามสิบชีวิต ยังไม่นับรวมผู้กำกับชนะ. พี่ชายของนภาที่ชอบทดลองเครื่องห้อยโหน. จนสร้าง ความเสียหายให้กองถ่าย. หนังถ่ายทำไม่เสร็จ. แถมยังต้องจ่ายเงินเพิ่มให้เสี่ยเพ้งอยู่เนืองๆ นภาเมตตารณพีร์ เพราะเชื่อใจว่าเป็นคนบ้านนอก นภาฝากฝังรณพีร์ ให้ดูแลเพียงขวัญจากอัทธ์และอดุลย์ พ่อเลี้ยงปางไม้จากภาคเหนือ ที่เริ่มมาติดพัน มาหา เอาข้าวของมาให้เพียงขวัญถึงที่บ้านเสมอ รณพีร์เคยเห็นว่า นภาทะเลาะกับอดุลย์และไม่ชอบหน้าอัทธ์ โดยเฉพาะเมื่ออดุลย์ แสดงทีท่าจะเข้ามาซื้อที่ดินที่บ้านของเพียงขวัญ. นภาคนที่เคยใจเย็นเสมอ ก็แสดงอาการหงุดหงิดเสียใจ. เป็นครั้งแรกที่รณพีร์ออกโรงปกป้องบ้านนาฎศิลป์ไทย ด้วยกำลังสติปัญญาและความสามารถ โดยไม่ใช่เงิน ไม่ใช้อำนาจที่เขามี รณพีร์ได้เรียนรู้ชีวิตมากมาย ได้เห็นคุณค่าของตนเอง โดยไม่เกี่ยวกับหน้าตา เงินทองและฐานันดรศักดิ์ ความสัมพันธ์ของเพียงขวัญและรณพีร์คืบหน้าไป เพราะประณตหลานชายเพียงขวัญลูกของบุหลัน อยากเป็นนักบินและชอบเครื่องบินมาก ประณตตามติดพี่พีร์ไม่ยอมห่าง นภาเองก็ใช้งานพีร์ให้ซ่อมบ้าน ซ่อมเครื่องมือที่ใช้ในการแสดง จนเหมือนเป็นลูกชายของครอบครัว เมื่อเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน รู้ถึงหูของวิไลรัมภา หล่อนโกรธมาก พิมพรรณที่เป็นเพื่อนของวิไลรัมภารู้จากยอดยศว่า เพียงขวัญยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของรณพีร์ วิไลรัมภาโดยมีไฉไล เพื่อนสาวอารมณ์ดีช่วยเหลือ ได้วางแผนทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ในงานเลี้ยงวันเกิดของหม่อมเอียดวิไลรัมภาว่าจ้างให้ เพียงขวัญมารำอวยพรที่วังจุฑาเทพ เพียงขวัญถึงได้รู้ว่า พีร์ผู้ชายที่เธอรักเป็นคนเดียวกันกับม.ร.ว.รณพีร์ หนึ่งในห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือทั้งเกียรติยศและทรัพย์สมบัติ หัวใจเพียงขวัญเหมือนถูกสาป เมื่อยิ่งรู้ความจริงว่า ม.ร.ว.รณพีร์กับม.ล.วิไลรัมภา เป็นคู่หมายกันและกำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้น รณพีร์รู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่เขากลายเป็นคนที่เพียงขวัญเกลียดชัง เขาถูกตัดสัมพันธ์ทันที อีกทั้งหม่อมเอียดก็ได้มัดมือชก หาฤกษ์ยามกับทางฝ่ายหญิงจนเป็นมั่นเหมาะ และให้เลิกคบหากับดาราสาวทันที รณพีร์จึงหลบเลี่ยงด้วยการไปอยู่ที่กองบินตั้งแต่วันนั้นรณพีร์ใช้ความพยายามในการง้อและปรับความเข้าใจ แต่ทุกอย่างก็ไร้ผล เพราะสิ่งที่เขากระทำเหมือนไม่ให้เกียรติเธอและกระทบใจเธอมากเพราะอดุลย์พ่อของเธอก็หลอกลวงแม่เรื่องมีครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้เธอเกลียดชังพ่อตัวเองมาก น้าบุหลันเองก็ถูกสามีทอดทิ้งจนต้องเลี้ยงประณตตามลำพัง แต่รณพีร์ก็ไม่เลิกความพยายาม เขาหมั่นไปหาเธอ ถึงแม้จะเจอกับความเย็นชาและยังมีนายอัทธ์ที่คอยขัดขวางอย่างจริงจัง แต่เขาก็ไม่ท้อเพราะอย่างน้อยเขาก็รับรู้ได้ว่า ในใจเพียงขวัญมีเขาเพียงคนเดียว และเธอก็รักเขาด้วยใจไม่เกี่ยวกับฐานันดรศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีกำลังใจฝ่าฟันม่านประเพณีเพื่อเธอ ฝ่ายหม่อมเอียดทนไม่ได้ ที่รณพีร์จะคว้าดาราหนังชื่อเสียงอัปยศ มาเป็นสะใภ้จุฑาเทพคนสุดท้าย นางจึงไปหาเพียงขวัญที่กองถ่ายยื่นคำขาด พร้อมกับเงินก้อนใหญ่ให้เลิกรากับรณพีร์ เพื่อเกียรติยศศักดิ์ศรีความดีงาม ที่จะไม่ยอมให้คนอย่างเพียงขวัญทำให้รณพีร์แปดเปื้อน เพียงขวัญรู้สึกตัวเองต่ำต้อยด้อยค่า ดังที่ย่าเอียดว่าไม่เหมาะสมคู่ควร เธอจึงรับปากและไม่ขอรับเงินใดๆ ทั้งสิ้นเพราะความรักที่เธอมีต่อรณพีร์ ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินทองได้ เธอจะยอมเลิกราเพื่อให้รณพีร์มีความสุข หม่อมเอียดแอบนิยมในใจแต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะมีสะใภ้ไร้ฐานันดรศักดิ์และมีข่าวฉาวแบบนี้ เมื่อเพียงขวัญได้พบกับหม่อมราชวงศ์หนุ่มอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจเด็ดขาด แสดงบทขับไล่รณพีร์ ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ และบั่นทอนความรู้สึกต่างๆ นานา เพื่อให้เขาจากไป โดยบอกเขาว่าเธอกับอัทธ์จะแต่งงานกัน ทำให้รณพีร์เสียใจและยอมจากไปไม่มาพบเพียงขวัญอีกเลย ส่วนเพียงขวัญได้แต่ร้องไห้กับสิ่งที่ทำลงไปด้วยหัวใจที่บอบช้ำ รณพีร์กลายเป็นนักเที่ยวตัวยงเหมือนเดิมยิ่งใกล้วันแต่งเขาก็ยิ่งไม่สนใจใยดีวิไลรัมภา และเมื่อมีโอกาสต้องปกป้องประเทศชาติเขาก็ยินดีเสนอตัวไปอย่างไม่ลังเล จนกระทั่งเพียงขวัญรู้ข่าวว่า เครื่องบินลาดตระเวนของม.ร.ว.รณพีร์ ถูกยิงตก เพียงขวัญเสียใจจนเป็นลมเพราะไม่คิดว่าเขาจะโชคร้ายถึงเพียงนี้ เมื่อได้สติ หญิงสาวจึงรีบตามหาเขาที่โรงพยาบาล จนเจอและแอบเฝ้าไข้ พร่ำรำพันคำรักบอกเขาทั้งๆ ที่คนป่วยไม่มีสติจะรับฟัง จนกระทั่งเขาพ้นขีดอันตราย หม่อมเอียด อดุลย์ อัทธ์ ได้มาเยี่ยมและเจอกับเพียงขวัญ หม่อมเอียดแสดงท่ารังเกียจ และทวงคำสัญญาที่จะไม่พบกับรณพีร์อีก ทำให้รณพีร์รู้ความจริงว่าเพียงขวัญถูกหม่อมย่าบังคับให้ต้องเลิกรากับเขา ส่วนอดุลย์ก็ได้ออกมาปกป้องลูกสาวว่าเธอ ว่าไม่ใช่คนต่ำต้อยไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างที่เข้าใจกัน เพียงขวัญมีฐานะเป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงอดุลย์ซึ่งเป็นคนมีฐานะ มีหน้ามีตาทางภาคเหนือ ส่วนอัทธ์ก็เป็นลูกชายต่างมารดาแต่ก็รักและตามดูแลน้องสาวมาโดยตลอดส่วนข่าวฉาวกับผู้กำกับที่แท้ก็เป็นลุงแท้ๆ เลี้ยงดูเพียงขวัญมาตั้งแต่เด็กๆ ย่าเอียดกับอ่อนอึ้งกับข้อมูลใหม่เพราะทุกคนต่างรู้จักพ่อเลี้ยงอดุลย์กับพ่อเลี้ยงอัทธ์ดีว่าเป็นผู้กว้างขวางที่สุดของภาคเหนือ จะว่าไปมีฐานะดีกว่าตระกูลเทวพรหมเสียด้วย สิ่งที่คลางแคลงใจของรณพีร์ก็จางหายไปเมื่ออัทธ์เป็นแค่พี่ชายไม่ใช่คู่รัก การที่เพียงขวัญกุเรื่องการแต่งงานก็เพียงเพราะต้องการให้เขาเลิกราตามที่หม่อมเอียดขอร้องเธอเท่านั้น เมื่อรณพีร์ออกจากโรงพยาบาล เขาจึงขอเพียงขวัญเป็นพยาบาลดูแลเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่รักษาต่อทำให้หม่อมเอียดต้องเลยตามเลยให้เพียงขวัญมาอยู่ที่วังจุฑาเทพ การมาอยู่ที่วังจุฑาเทพของเพียงขวัญสร้างความเจ็บใจให้กับวิไลรัมภาอย่างมาก เธอจึงออกอุบายกำจัดเพียงขวัญอย่างเลือดเย็น ด้วยการวางยาหม่อมเอียดเพื่อป้ายความผิดให้กับเพียงขวัญ แต่แล้ววิไลรัมภาก็แทบช็อค เพราะถูกตลบหลัง เมื่อแผนการของเธอ พิมพรรณ นำมาบอกให้เพียงขวัญรู้ล่วงหน้าเสียก่อน เพียงขวัญจึงตั้งรับและทุกคนที่วังจุฑาเทพก็ร่วมกันแสดงละครตบตา ให้กลอุบายของวิไลรัมภามัดตัวเธอเองจนแน่นหนา วิไลรัมภาโกรธพิมพรรณเพื่อนสนิทที่หักหลังเธอเพราะรับไม่ได้ที่ต้องทำร้ายหม่อมเอียด และทางม.ร.ว.เทวพันธ์กับม.ล.เกษราได้ถูกเรียกตัวมารับรู้การกระทำอันชั่วร้ายนี้พร้อมกันเพื่อยืนยันความผิดอันอุกฉกรรจ์ของบุตรีด้วย ม.ร.ว.เทวพันธ์ รู้สึกเสียใจที่อบรมเลี้ยงดูลูกไม่ดี จึงขอยกเลิกพันธสัญญาต่างๆ จนหมดสิ้น หม่อมเอียดยอมให้อภัย และยังยืนยันมิตรภาพ ที่สองตระกูลจะยังมีให้แก่กันตลอดไป เรื่องราวเลวร้ายกลับกลายเป็นดี เพราะได้พิสูจน์ถึงความดีงามของเพียงขวัญให้ทุกคน ได้รับรู้ว่า ถึงแม้เธอจะได้รับ ความกดดันมากมายเพียงใด ก็ไม่ได้ทำให้เธอต้องทำร้ายใครต่อใคร เหมือนวิไลรัมภาที่อยู่ในตระกูลสูงแต่จิตใจกลับต้อยต่ำ ทำให้หม่อมย่าทั้งสองแห่งจุฑาเทพ เข้าใจอย่างถ่องแท้ในใจแล้วว่าเกียรติยศ ฐานันดรศักดิ์ใดๆ ก็มิสู้ความดี ที่ต้องมีไว้ประจำกาย และประจำใจที่ใครๆก็มิอาจฉุดรั้งให้ตกต่ำลงได้ และด้วยเหตุการณ์นี้เอง. นภาเริ่มใจอ่อนกับอดุลย์พ่อม่าย ที่ไม่เคยลืมความรักกับนางรำ ที่สวยที่สุดคนนั้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ทั้งสองเริ่มรื้อฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นใหม่ อัทธ์เริ่มจีบจันทน์กระพ้ออย่างเป็นจริงเป็นจัง บุหลันเองก็สารภาพออกมาว่าที่เธอปากร้ายกับเพียงขวัญ ก็เพราะไม่ต้องการ ให้เพียงขวัญถูกผู้ชายหลอกเหมือนนภาและตนเอง ผู้กำกับชนะ แม้ถูกเสี่ยเพ้งไล่ออกไม่ให้ทำหนัง รณพีร์ก็หานายทุนใหม่มาให้ชนะจนได้ ศักดาลูกเจ้าสัวใหญ่ เห็นอุปกรณ์สลิงของชนะ เป็นนวตกรรมที่มีอนาคต เขาผลักดันให้ชนะสร้างหนังต่อจนเสร็จ. ชนะกลายเป็นผู้กำกับคนดังไปทันที ความรักของ ม.ร.ว.รณพีร์ สิงห์หนุ่มคนสุดท้องของจุฑาเทพ ก็ปิดฉากลงด้วยความรักและความเข้าใจ ท่ามกลางความอบอุ่น ของพี่ชายและพี่สะใภ้ ต่อมาไม่นานพวกเขาก็ได้ผลิตทายาทแข่งกันอย่างไม่น้อยหน้า ทุกคนมองเด็กชายทั้งห้าคนอย่างปลื้มใจ เหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปในวันเก่าๆ ที่พวกเขาได้มาเป็นพี่น้องที่รักกันแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง และพวกเด็กๆ ก็คงจะเป็นห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพรุ่นต่อไปที่จะไม่มีวันทิ้งกันแน่นอน
ลูกไม้ของพ่อ ลูกหนี้ที่รัก (2556/2013) แฟกซ์ทวงหนี้ที่ติดประจานหราบนบอร์ดสำนักงาน ทำให้ ออมสิน (จรินทร์พร จุนเกียรติ) เออีสาวผู้ไม่เป็นรองใครทั้งด้านการทำงานและการช้อปแหลกต้องอับอายขายหน้า และหวาดผวาเป็นล้นพ้นว่าจะถูกทวงหนี้ด้วยวิธีโหดตามข่าวที่เห็นบ่อย ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังกลัวจะโดนไล่ออก เพราะ กองพร (รัชนี ศิระเลิศ) นายหญิงของบริษัทฟันธงว่า หนี้สินคือภัยทางศีลธรรม หรือ Moral Hazard เป็นต้นตอของอาชญากรรมทั้งหลาย และนายหญิงคงฟันคอขาดแน่ถ้ารู้ว่าพนักงานมีหนี้สินอิรุงตุงนังจนถูกเร่งรัดหนี้แบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนโปรดอย่างออมสินก็เถอะ อิทธิ (พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) ครีเอทีฟรุ่นพี่ และมุทิตา (อนุสรา วันทองทักษ์) พนักงานบัญชีผู้เป็นสุดซี้ของออมสินออกโรงปกป้องเธอ และกำชับทุกคนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ รวมทั้งข่มขู่ วรุณพร (นนทพร ธีระวัฒนสุข) ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนเอาแฟกซ์มาติดประจาน เนื่องจากวรุณพรเป็นเออีคู่แข่งของออมสิน ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ออมสินก็เอาผลงานและนิสัยกระตือรือร้นมองโลกในแง่ดีชนะใจนายหญิงจนกลายเป็นเด็กโปรดเด็กปั้น แถมล่าสุดเธอยังได้รับมอบหมายให้เป็นเทรนเนอร์ของ ก้องภพ (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหญิงอีกด้วย ก้องภพ ช่างภาพอิสระฝีมือดีตระเวนถ่ายรูปชุด "ก่อนโลกละลาย" ไปทั่วโลกกับ จีรสุดา (ธนิดา กาญจนวัฒน์) แฟนสาวลูกเศรษฐี เซเลบริตี้ด้านสิ่งแวดล้อมจนหมดเงินไปสองล้านแต่ขายรูปได้แค่แสนเดียว ผู้เป็นแม่จึงยื่นข้อเสนอให้มาทำงานที่บริษัทด้วยเงินเดือน ๆ ละห้าหมื่นบาท และเงินรางวัลอยู่ทนหนึ่งล้านบาท หากทำงานครบปี เอ้าท์ดอร์ตัวพ่อจึงต้องฝืนใจมาเป็นนักธุรกิจใต้อาณัติของมารดาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง กลายมาเป็น "บอสเล็ก" ของคนในบริษัท และต้องมาเรียนรู้งานจากออมสิน ซึ่งก้องภพตั้งฉายาให้ว่า "ออมซ่า" เพราะท่าทางมั่นอกมั่นใจจนเกินวัย และนิสัยจุกจิกชวนหมั่นไส้หลายอย่างของออมสิน ขณะที่กำลังประชุมนำเสนอรูปแบบการจัดงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ก้องภพและนายหญิงก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นออมสิน โดยอิทธิให้ข้อมูลว่าออมสินเพิ่งอกหักจึงขอลาพักเพราะเสียศูนย์ ทั้งที่จริงเขาเป็นคนเสนอให้ออมสินกลับไปหลบพวกทวงหนี้ที่คอนโดเสียก่อน เนื่องจากมุทิตาเห็นชายผมเกรียนแว่นดำท่าทางไม่น่าไว้ใจมาป้วนเปี้ยนแถวออฟฟิศ ทว่านายหญิงดูไม่เดือดร้อนนักกับการหายตัวไปของคนโปรดอย่างออมสิน กลับเสนอคู่บัดดี้ใหม่ให้ลูกชายซึ่งก็คือ ภคมน (เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์) อดีตหัวหน้าเออี ลูกน้องเก่า ที่แยกออกไปเปิดบริษัทเอง กองพรบอกความประสงค์กับลูกชายอย่างตรงไปตรงมาว่า เธอไม่ใช่แค่หวังให้เขาเรียนรู้งานจากภคมนเท่านั้น แต่คิดจะจับคู่คนทั้งสอง เนื่องจากภคมนเป็นผู้หญิงเก่ง จะต้องทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าแน่นอน นิภาพรรณ หรือ ป้านิ (สาลินี ปันยารชุน) เพื่อนสนิทของกองพร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทก็เห็นดีเห็นชอบด้วย ก้องภพไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้เพราะเขากับภคมนเหมือนสร้างขึ้นจากเคมีคนละชนิด เธอเป็นผู้หญิงที่คิดแต่เรื่องงานกับเงิน เธอเป็นคนสวย เก่ง ฉลาด จนพ่อของก้องภพยังเอ่ยปากว่าเธอเหมือนกองพรสมัยสาว ๆ นั่นยิ่งทำให้ก้องภพสยองขวัญ เขาไม่อยากได้เมียที่เหมือนแม่ขนาดนั้น เมื่อจีรสุดารู้ความต้องการของกองพรก็ชวนให้ก้องภพลาออก แล้วมาทำงานกับบริษัทพ่อของเธอ ก้องภพปฏิเสธ เนื่องจากถ้าขอความช่วยเหลือจากพ่อของแฟน ศักดิ์ศรีของเขาก็ตกต่ำไม่ต่างจากอยู่กับแม่สักเท่าไหร่ ส่วนออมสินคิดจะยืมเงินจากนุตพงศ์แฟนหนุ่มนักค้าหุ้น แต่นุตพงศ์ก็ไปโรดโชว์ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ และออมสินรู้สึกละอายใจที่จะไปรบกวนพ่อแม่หรือปู่ย่าอีก เพราะที่ผ่านมาก็แบมือขอมาตลอดทั้งค่าดาวน์รถ ค่าผ่อนคอนโด ค่ากระเป๋าแบรนด์เนม ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าครูสอนโยคะ และอื่น ๆ อีกจิปาถะเพราะเธอไม่เคยชักหน้าถึงหลังสักเดือน อิทธิและมุทิตาช่วยกันระดมความคิดแก้ปัญหาที่คอนโดของออมสิน และได้บทสรุปว่ามุทิตาจะเจรจาต่อรองหนี้บัตรเครดิตมูลค่าเกือบสี่แสนกับทางธนาคารให้ แต่ระหว่างนี้ออมสินต้องหลบไปอยู่ที่บ้านน้าสาวของมุทิตาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนก่อน เพื่อให้พ้นจากแก๊งมาเฟียทวงหนี้ มุทิตายื่นเงินให้ออมสินยืมห้าพันบาทให้เธอใช้จ่ายระหว่างนี้ ส่วนอิทธิจะเป็นคนไปโน้มน้าวนายหญิง โดยอ้างว่าออมสินขอลาไปปฏิบัติธรรมบำบัดอาการอกหักนั่นเอง สาวกรุงวัยยี่สิบสี่ผู้คลั่งไคล้การจับจ่ายแบบไม่ลืมหูลืมตาจึงมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดน เพื่อพักอาศัยอยู่กับ นงนุช (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) นักวิจัยทางสังคมที่มาลงหลักปักฐานที่นี่หลังจากช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาหนี้สินสำเร็จ นงนุชพาออมสินไปรู้จักกับ การดี (ตรีพล พรมสุวรรณ) เกษตรกรหนุ่มวัยเดียวกับเธอที่เลือกทำไร่ไถนา แทนที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่กลับมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นเกษตรกร ซึ่งเลี้ยงชีพได้อย่างมีความสุข และคิดว่าระบบการศึกษาผลิตคนให้ออกมาเป็นลูกจ้าง ความจริงที่ว่าการดีมีเงินเก็บรายแสนทำให้ออมสินทึ่งและสะท้อนใจ เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นดี ทำงานมาเกือบสองปี มีรายได้เดือนละเกือบสามหมื่น แต่กลับมีหนี้สามแสนเก้าที่ยังมืดแปดด้านว่าจะชดใช้ยังไง นงนุชและการดีสอนให้ออมสินหัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่เจ้าตัวก็กลับขี้เกียจเกินกว่าจะทำเรื่องจุกจิกแบบนั้น วันแรก ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไร้แสงสี และปราศจากสัญญาณโทรศัพท์ ออมสินต้องอยู่กับความเงียบเหงา และจินตนาการถึงการตามทวงหนี้อันแสนหฤโหดจนแทบจะกรีดร้อง วันที่สอง นงนุชไปประชุมในเมือง และไม่ยอมให้ออมสินตามไปด้วย แต่กลับพาเธอไปส่งที่บ้านป้าสอนที่เคยติดหนี้จนอยากฆ่าตัวตาย แต่หนี้สินของป้าสอนมาจากค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าผ่อนมอเตอร์ไซค์ให้ลูก ค่าเหล้าสามี รูปแบบการบริโภคแตกต่างกับสาวชาวเมืองอย่างเธอจนเปรียบเทียบกันไม่ได้ ออมสินจึงไม่อินแต่อย่างใด ช่วงบ่ายเธอไปบ้านของการดีและถูกเขาคะยั้นคะยอให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอีก วันที่สาม ออมสินมีโอกาสไปตลาดนัดเล็กจ้อยในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว และไม่วายเอาเงินที่ต้องใช้แบบจำกัดจำเขี่ยไปซื้อเสื้อผ้าอย่างอดไม่ได้ วันที่สี่ ออมสินต้องหงอยเหงาอยู่กับกองหนังสือของนงนุชที่มีแต่หนังสือแนวปรัชญาหรือไม่ก็วิชาการ ไม่มีแนวแฟชั่นที่เธอชื่นชอบ จวบจนบ่าย ก่อนออกจากบ้านนงนุชบอกว่าจะทำต้มยำปลาช่อนให้กิน ให้ออมสินเตรียมเครื่องปรุงต้มยำไว้ ที่บ้านนงนุชปลูกผักสวนครัวที่นำมาทำต้มยำก็จริง แต่ออมสินไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรจึงไปหาการดี แต่แทนที่เขาจะขุดข่าให้เธอกลับเพียงยื่นเสียมให้เธอ ออมสินต้องทำทุกอย่างเองจนเหงื่อตก ชีวิตในชนบทไม่เห็นโรแมนติกเหมือนในละครบ้านไร่เลยสักนิด เธอบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้จะต้องเข้าเมืองไปโทรศัพท์หามุทิตาให้ได้ ต่อให้เจรจากับเจ้าหนี้ไม่สำเร็จเธอก็ต้องไปจากที่นี่ ขอไปอยู่ในที่ ๆ กันดารน้อยกว่านี้และมีคลื่นโทรศัพท์ให้เธอติดต่อกับเพื่อนและแฟนได้ก็พอ ครั้นพอกลับมาถึงบ้านของนงนุช เธอกลับพบว่ามุทิตากับอิทธิอยู่ที่นั่น แต่ที่ทำให้เธอช็อกคือก้องภพมาด้วย แสดงว่าเขาย่อมรู้แล้วว่าเธอหลบงานมาเพราะปัญหาหนี้สินไม่ใช่ปฏิบัติธรรม ก่อนจะมาแม่ฮ่องสอน ก้องภพอยากหนีจากภคมนมาก จนกระทั่งอ้อนวอนมารดาขอทำงานกับออมสินเหมือนเดิม แต่กองพรไม่ยอม ก้องภพจึงประกาศลาออก อิทธิมาเสนอแผนว่าออมสินสามารถช่วยให้เขาไม่ต้องทำตามแผนของแม่ และเขาต้องยื่นมือช่วยออมสินเสียก่อน มุทิตาและอิทธิเล่าให้ออมสินฟังว่า ตอนนี้เจ้าหนี้เหลือธนาคารรายใหญ่ที่รอการพิจารณา และนำเงินไปโปะหนี้บัตรเครดิตรายย่อย ๆ ไปแล้ว มีทั้งเงินสดสำรองจ่ายจำนวนห้าหมื่นบาท ของบริษัทที่มุทิตาดึงมาใช้ก่อน เงินสามหมื่นของอิทธิและอีกส่วนเป็นเงินของก้องภพ จากนั้นอิทธิก็เสนอแผนปลดหนี้ชื่อ "มหัศจรรย์เลขสาม" ที่มีหลักการแสนง่ายคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และเปลี่ยนมุมมองชีวิต เรื่องการหารายได้ อิทธิจะเริ่มจากการเปิดบล็อกและเฟซบุ๊กหัวข้อ "คุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะปลดหนี้สามแสนภายในสามเดือนได้ไหม" เมื่อมีแฟนคลับแล้วค่อยออกพ็อกเกตบุ๊ก "อิสรภาพของนักช้อปไร้สติ" จากนั้นก็จะล่อหลอกให้นายหญิงจัดการประกวดอะไรสักอย่างที่ล็อคสเปคเพื่อออมสิน โดยเฉพาะแค่นี้เธอก็หาเงินใช้ได้แล้ว ออมสินไม่กล้าปฏิเสธเพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เผลอ ๆ ถ้าเธอหาเงินมาคืนบริษัทไม่ได้มุทิตาเพื่อนรักอาจจะถูกนายหญิงกองพรไล่ออกก่อนเธอเสียอีก แต่ที่ทำให้ออมสินทำใจลำบากก็คือเงื่อนไขของก้องภพที่ออกเงินใช้หนี้ให้ก่อน นั่นคือให้เธอมาเป็นแฟนเขา ซึ่งที่จริงก็เป็นแค่การตบตากองพรและภคมนเพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนนั่นเอง อิทธิกับมุทิตากลับไปแล้ว แต่ก้องภพและออมสินยังอยู่ต่อที่นี่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ก้องภพรับหน้าที่ถ่ายภาพออมสินไปลงเฟซบุ๊กและทำหนังสั้นเกี่ยวกับเรียนรู้แนวคิดและวิธีปฏิบัติในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ส่วนอิทธิกลับมารายงานกองพรว่าก้องภพไปดูแลออมสิน เนื่องจากหลงรักออมสินและขอยกเลิกการลาออก เพื่อที่จะกลับมาทำงานกับออมสินเหมือนเดิม กองพรยอมให้ลูกชายกลับมาทำงานได้ แต่อายุงานต้องนับหนึ่งใหม่ ส่วนเรื่องคู่บัดดี้ อย่างไรก็ต้องเป็นภคมนไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เธอยังจะย้ายออมสินไปทำงานที่แผนกอื่น การดีสอนให้ก้องภพกับออมสินผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลาเข้าใจ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่ได้หมายถึงให้ทุกคนไปทำไร่ไถนา แต่เป็นการพึ่งพาตัวเองได้ และใช้ชีวิตอย่างพอประมาณมีกินมีใช้แบบพอดีตัว ทั้งสองก็เริ่มมองเห็นว่าตัวเองต่างใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเป็นอีกครั้งที่การดีแนะนำ ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครัวเรือน เพื่อจะได้มองเห็นว่าใช้จ่ายไปกับเรื่องใดบ้าง และจะได้วางแผนการใช้เงินได้ถูก การดีเชิญพี่ปรุง แม่บ้านต่างถิ่นมาเป็นวิทยากรให้นักเรียนทั้งสอง พี่ปรุงเริ่มยุทธการปลดหนี้ด้วยการทำบัญชีแล้ววางไว้ในจุดที่สามีและลูกเห็น เมื่อเห็นบัญชีติดลบของครอบครัวสามีพี่ปรุงก็ลดการดื่มเหล้าลง ส่วนลูกก็ใช้จ่ายประหยัดขึ้น ออมสินกับก้องภพเขียนบัญชีส่งให้การดีตรวจ และถูกวิจารณ์เสียเละเทะจนเริ่มรู้สึกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว การดีจัดกิจกรรมค่ายสำหรับเด็กมัธยมปลาย จึงให้ก้องภพและออมสินมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่ปรากฏว่าผู้มาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบต้องหาคนให้ครบตามจำนวน เจ้าของทุนถึงจะยอมจ่ายเงินสนับสนุน ก้องภพกับออมสินจึงต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นเด็กโข่งเข้าร่วมกิจกรรมที่สอนให้พึ่งพาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารจากผักพื้นบ้านและการถนอมอาหาร การทำสบู่ และน้ำยาล้างจาน การปะชุนเสื้อผ้า และการกินอาหารเป็นยา รวมถึงการทำบ้านดินเพื่อเป็นห้องสมุดชุมชน การลงพื้นที่ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และภูมิปัญญาจากผู้เฒ่าผู้แก่ แต่กิจกรรมสุดหินคือกิจกรรมสุดท้ายที่ให้ทุกคนไปนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง โดยห้ามพูดห้ามคุยกับใครทั้งสิ้น จากนั้นให้มาเปิดใจว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ช่วงไหนในชีวิตที่มีความสุขที่สุด และได้ทำความดีกับครอบครัวหรือสังคมอย่างไร การพูดคุยเปิดใจของเด็กมัธยมทำให้ออมสินนึกถึงตัวเองและกล้าเล่าเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม รวมไปถึงหนี้สินล้นตัวที่ทำให้เธอต้องมาซ่อนตัวถึงที่นี่ เธอเกิดความรู้สึกภูมิใจที่ได้เล่าประสบการณ์ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้น้อง ๆ เดินทางผิดซ้ำรอยกับเธอ ขณะที่ก้องภพเปิดใจว่าเขาค้นพบแล้วว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่การเดินทางไปถ่ายภาพทั่วโลกจนหมดเงินไปสองล้าน แต่ความสุขกลับอยู่ที่สิ่งง่าย ๆ อย่างการสอนเด็ก ๆ ทำหนังสั้นเกี่ยวกับการปลูกผักอินทรีย์แม้จะไม่มีค่าตอบแทนสักบาท และตั้งใจว่าจะช่วยสอนเด็กไทยให้มีความสามารถทำหนังสั้น จนไปคว้ารางวัลระดับโลกได้ ออมสินได้ยินคำพูดจากปากก้องภพแล้วอดทึ่งในตัวบอสเล็กที่ตลอดมาเธอเคยดูถูกว่าไม่เป็นโล้เป็นพาย วันแรกที่ออมสินกลับมาทำงานก็ต้องพบกับภคมนที่มาประกาศตัวว่าเป็นคู่แข่งแย่งชิงก้องภพ ที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันกองพรก็ให้วรุณพรคอยจับผิดออมสินกับก้องภพ เพราะเธอไม่เชื่อว่าอดีตคู่ปรับอย่างสองคนนี้จะกลายมาเป็นคู่รักกันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นุตพงศ์เสนอเงินให้ออมสินยืม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำตามแผนการไร้สาระ แต่อิทธิกับมุทิตาคอยหนุนให้เธอปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องศักดิ์ศรีในการปลดหนี้ด้วยตัวเอง และหากเธอขอยืมเงินแฟนมาล่ะก็ ต่อไปก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของเขาแน่ ๆ ออมสินจึงไม่รับการช่วยเหลือจากนุตพงศ์ แม้จะมีคำสั่งจากนายหญิงกองพรไม่ให้ออมสินและก้องภพทำงานร่วมกันแล้ว แต่ออมสินกับก้องภพก็ยังมีงานค้าง และต้องสะสางต่อให้เสร็จนั่นก็คือการไปเสนองานลูกค้า แต่ทันทีที่ออมสินนึกได้ว่าสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่สวมมาเสนองานเมื่อคราวก่อน ออมสินก็ขาดความมั่นใจจนทำให้การพรีเซ็นต์งานเกือบล่ม โชคดีที่ก้องภพสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ หลังเสร็จงานก้องภพก็ยังหนีบเอาออมสินไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดาซึ่งทำให้ออมสินฉุนขาด เมื่อรู้ว่าก้องภพเอาเรื่องหนี้สินของออมสินไปเล่าให้จีรสุดาแฟนสาวของเขาฟัง ก้องภพพาออมสินไปส่งที่คอนโดและขึ้นไปส่งถึงที่ห้อง เมื่อเห็นอาการหวาดผวาคนทวงหนี้ ขณะที่นุตพงศ์โทรหาออมสินหลายสาย จนก้องภพต้องตัดรำคาญด้วยการรับสายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทำให้นุตพงศ์ฉุนขาดและจะคืนเงินให้ก้องภพแทนออมสินแต่ก้องภพไม่ยอม ออมสินออกจากห้องน้ำโดยไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มโทรมาหาเธอ และขอให้ก้องภพมารับไปทำงาน เพราะยังหวาดผวากับแก๊งทวงหนี้ ก้องภพมารับออมสินตามสัญญา และทันทีที่ทั้งคู่ขับรถเข้าไปจอดที่บริษัท นุตพงศ์ที่สะกดรอยตามมาตั้งแต่ที่คอนโดก็เปิดเผยตัว นุตพงศ์ต่อว่าด้วยความเข้าใจผิดว่าก้องภพนอนค้างที่คอนโดของออมสินและจากไปด้วยความโกรธ ออมสินโกรธก้องภพที่เป็นต้นเหตุให้มีปัญหากับแฟน แต่ในเมื่อนุตพงศ์ไปเสียแล้ว ความหวังที่จะหาเงินมาใช้หนี้ก็อยู่ที่ก้องภพคนเดียว ก้องภพเข้ามาที่บริษัทก็ถูกแม่เรียกพบและต่อว่า กล่าวหาว่าก้องภพวางแผนทำให้ออมสินและแฟนมีปัญหากัน ในการประชุมเรื่อง CSR กองพรเสนอให้ทำซีเอสอาร์ในองค์กรเสียก่อน อิทธิเสนอว่าเขาเคยคุยกับออมสินเรื่อง "การกู้โลก" โดยการลดการใช้จ่าย ไม่ซื้อเสื้อผ้า และของใช้ไม่จำเป็นอย่างน้อยหนึ่งปี ออมสินซึ่งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะกลุ้มใจที่นุตพงศ์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ได้แต่ตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะเธอไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับอิทธิสักนิด ส่วนพนักงานคนอื่น ๆ ก็หัวเราะกันครื้นเครง เพราะไม่คิดว่าช้อปปิ้งมาเนียอย่างออมสินจะทำได้ กองพรเห็นเป็นความคิดที่เข้าท่าจึงเสนอว่าถ้าออมสินทำได้จริงจะให้เงินรางวัลห้าหมื่นบาทแก่ออมสิน แต่ถ้าทำไม่ได้ล่ะก็ ออมสินจะต้องจ่ายคืนมาเป็นสองเท่า จากนั้นก็แต่งตั้งก้องภพ, วรุณพร, มุทิตา เป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของออมสิน เพื่อจะได้รู้ว่าตลอดปีนี้ ออมสินจะไม่มีเสื้อผ้าและของใช้ที่ไม่จำเป็นเพิ่มจากของเดิมแม้แต่รายการเดียว แต่แล้วภคมนก็กลับเอากระเป๋าแบรนด์มือสองมาเสนอขาย ซึ่งทำให้ออมสินต้องข่มใจเป็นอย่างมาก มุทิตาได้รับคำตอบจากธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของออมสิน และพบว่าเธอยังเหลือหนี้ที่ต้องชำระอีก "หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท" หมายความว่าเธอต้องกู้บอสเล็กเพิ่มอีก รวมกับก่อนหน้านี้ก็เท่ากับสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาท เพราะฉะนั้นการจะหาเงินไปใช้คืนเขาได้ เธอจะต้องลดรายจ่ายและหารายได้เพิ่ม อิทธิสั่งให้ออมสินเลิกขับรถไปทำงาน เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถและหารายได้เสริมให้เธอ ซึ่งงานชิ้นแรกก็คือ "สวมชุดมาสคอตแม่วัวตัวใหญ่ยักษ์" ในงานดื่มนมของกระทรวงสาธารณสุขที่บริษัทรับผิดชอบจัดงาน นอกจากออมสินจะต้องรับภาระหนักในการสวมชุดแม่วัวที่มีเด็ก ๆ มารุมล้อม ทั้งทุบทั้งผลักแล้ว เธอยังต้องปิดบังไม่ให้ก้องภพและภคมนที่มาคุมงานรู้ด้วยว่าเป็นเธอ วันที่คณะกรรมการมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ห้องพัก ออมสินรู้ว่าวรุณพรพยายามจับผิดว่าเธอกับก้องภพเป็นแฟนกันตามแผน จึงแกล้งชวนก้องภพไปคุยแบบลับ ๆ ล่อ ๆ เพื่อให้วรุณพรได้ยิน และเข้าใจไปเองว่าก้องภพได้มาค้างที่ห้อง หลังจากสำรวจทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อย ก้องภพก็เสนอแถมบังคับด้วยอำนาจความเป็นเจ้าหนี้ให้ออมสินขี่จักรยานไปทำงาน โดยเขาจะยืมจักรยานที่จีรสุดามีอยู่หลายคันมาให้ใช้ ออมสินต้องขี่จักรยานหอบแฮ่ก ๆ ไปทำงานไม่พอ ยังถูกดัดหลัง โดย "มือที่มองไม่เห็น" เมื่อนุตพงศ์มาดักรอที่หน้าบริษัท นุตพงศ์ยื่นเช็คให้ออมสินเพื่อให้เธอนำไปใช้หนี้ แต่ก้องภพกลับคว้ามาฉีก นุตพงศ์จึงกลับไปด้วยความโกรธ ออมสินเข้ามาในบริษัทแต่กลับถูกนายหญิงจับผิดอีกว่า เธอกับลูกชายของเขาไม่ได้เป็นแฟนกันและปิดบังแผนการอะไรไว้ เป็นวันที่สองแล้วที่ออมสินพบว่ามีหนังสือซึ่งหาตัวเจ้าของไม่ได้มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ เป็นหนังสือธรรมะที่สอนให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เธอสอบถามป้าน้อย แม่บ้านก็ไม่รู้ว่าใครนำมาวาง ป้าน้อยยังพยายามเสนอเงินกู้ให้เธออีกตามเคย ออมสินหยิบหนังสือกลับไปอ่านที่คอนโด และนำกลับมาวางคืนไว้ที่โต๊ะตัวเอง จากนั้นจึงพบว่าหนังสือนั้นหายไป และไม่รู้ว่าเจ้าของตัวจริงจะมาเอาคืนไปหรือเปล่า แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของหนังสือตัวจริงเป็นใคร ครั้นออมสินไปสอบถามมุทิตาและอิทธิก็พบว่าไม่ใช่ของสองคนนั้น จู่ ๆ อิทธิทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัว บอกกับออมสินว่าเขารับงานพิเศษมาให้ โดยไม่ถามความสมัครใจจากออมสินสักคำ งานนั้นคืองานดูแลคนป่วย ซึ่งคนป่วยที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เอื้อมพร (เดือนเต็ม สาลิตุล) พี่สาวของนายหญิง ซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของก้องภพนั่นเอง เอื้อมพรเป็นโปลิโอเดินไม่ได้ตั้งแต่เด็ก คนรับใช้ที่คอยดูแลก็ลากลับบ้าน ขณะที่นายหญิงก็ไปต่างจังหวัดกับสามี ออมสินจึงต้องมาดูแลเธอ แต่สิ่งที่น่าหวั่นเกรงคือการรับมือกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเอื้อมพร ซึ่งก้องภพอธิบายว่าป้าของเขามีอาการ "ไบโพลาร์" หรืออารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับคนแก่อารมณ์แปรปรวนแล้ว ออมสินยังต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับก้องภพถึงสองวันสองคืน แถมระหว่างนั้นภคมนยังตามมาก่อกวนถึงที่บ้านอีก แต่มีความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้ออมสินตกใจคือ เธอพบหนังสือที่เคยวางอยู่ที่โต๊ะเธอมาปรากฏในชั้นหนังสือของบ้านนี้ มันเป็นเล่มเดียวกันแน่ ๆ เพราะเธอจำคราบกาแฟที่เธอบังเอิญทำหกเลอะไว้ ออมสินสอบถามเอื้อมพรแต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีว่าเป็นของนายหญิงหรือบอสเล็กกันแน่ ในการประชุมเตรียมงานฉลองการก่อตั้งบริษัทครบสิบห้าปี ออมสินเสนอ "โครงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย" ขณะที่ก้องภพเสนอให้ทำ "โครงการปลูกผักบนดาดฟ้า" แล้วนำเงินรายได้จากการขายผักไปทำการกุศล โดยมัดมือชกให้ออมสินเป็นแม่งานร่วมกับเขา วรุณพรได้ยินออมสินทะเลาะกับก้องภพ และก้องภพบอกว่าจะไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดา แต่ออมสินก็แก้ตัวได้ว่าเป็นการประชดประชันกัน เพราะความหึงหวงจู่ ๆ นุตพงศ์ก็โทรมานัดกินข้าวเย็นแต่ออมสินจำต้องปฏิเสธ เพราะนายหญิงกับนิภาพรรณชวนให้ไปเลือกของขวัญให้ลูกค้า ออมสินต้องพยายามข่มอกข่มใจอย่างมาก เมื่อไปเห็นของสวย ๆ งาม ๆ มากมาย เธอลูบคลำสร้อยเส้นสวย และเกือบตัดสินใจซื้อถ้ามุทิตาที่มาด้วยไม่ห้ามไว้เสียก่อน ที่โต๊ะอาหารเย็น นายหญิงยื่นประวัติชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตสมถะ และทำเพื่อสังคมให้ออมสินอ่าน ทำให้ออมสินซึ่งเป็นวัวสันหลังหวะอดคิดที่จะสารภาพความผิดกับนายหญิงไม่ได้ คืนนั้นออมสินพยายามติดต่อนุตพงศ์ แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ออมสินจึงต้องเข้าไปอัพเดทเรื่องราวในบล็อกตามปกติ รุ่งขึ้นนุตพงศ์มารอรับออมสินที่คอนโด เขาเสนอเงินให้เธอนำไปใช้หนี้อีกครั้ง พร้อมกับตำแหน่งงานในบริษัทคู่แข่งที่อุตส่าห์ไปติดต่อไว้ให้ พอเห็นออมสินลังเลเขาก็ยื่นข้อเสนอให้เธอคิดแค่อีกวันเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อหุ้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการลงทุน เท่านั้นไม่พอเขายังจะไปบอกความจริงทั้งหมดกับกองพร ออมสินต้องรีบขัดขวางทำให้นุตพงศ์โกรธว่าออมสินไม่ได้ทำงานอยู่ที่เดิมเพราะเป็นหนี้ แต่เพราะเหตุผลอื่นมากกว่า ออมสินก้าวเข้ามาพบบรรยากาศตึงเครียดผิดสังเกตในที่ทำงาน และเลขาฯ ของนายหญิงก็ตามตัวเธอให้เข้าพบทันที ออมสินเข้ามาพบก้องภพรออยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนแล้ว เธอคิดว่านุตพงศ์โทรหานายหญิงแล้วแน่ ๆ จึงชิงสารภาพก่อนเผื่อว่าโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ออมสินปฏิเสธว่าไม่เคยมีความคิดจะไปทำงานบริษัทคู่แข่ง แต่ปรากฏว่ากองพรไล่ทั้งคู่ออกไปจากห้อง โดยต่อว่าให้ไปเตี๊ยมกันมาให้ดีเสียก่อน นั่นทำให้ออมสินรู้ว่านายหญิงต่อว่าก้องภพเรื่องไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดาต่างหาก และที่นายหญิงรู้ได้ก็เพราะวรุณพรเป็นสายสืบ อิทธิเสนอให้ทั้งสองตัดขาดความสัมพันธ์กับคนรักของตัวเองสักพักเมื่อถูกอิทธิกับมุทิตาข่มขู่ วรุณพรก็ขอโทษขอโพยว่าไม่ได้ตั้งใจ แค่บอกข้อมูลแก่ภคมนโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตามไปถ่ายภาพก้องภพกินอาหารเย็นกับจีรสุดาแล้วส่งให้ นายหญิงดูอิทธิเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยข่มขู่มาเป็นการพูดดีกับวรุณพร เป็นการใช้กลยุทธ์ดึงศัตรูมาเป็นพวกช่วยไกล่เกลี่ย และใช้วาทศิลป์อันเป็นเลิศทำให้ออมสินกับวรุณพรเจรจาสงบศึก ทว่าออมสินยังไม่คลายใจที่ต้องรับวรุณพรเป็นเพื่อน คืนนั้นอิทธิพาสองสาวและมุทิตาไปเลี้ยงฉลองความสัมพันธ์ วรุณพรดื่มเหล้าไปก็เปิดเผยความคับข้องใจให้ฟังว่ามาจากครอบครัวที่คาดหวัง ความสมบูรณ์แบบจากเธอตลอดเวลา ออมสินได้ยินแล้วอดที่จะเห็นใจเธอไม่ได้ คืนนั้นวรุณพรต้องไปค้างที่คอนโดของออมสิน เนื่องจากไม่สามารถกลับไปให้แม่เห็นว่า ตนอยู่ในสภาพเมามายได้ ต้องอยู่จนสร่างเมาแล้วค่อยกลับไปในตอนเช้า รุ่งขึ้น กองพรมอบหมายงานที่อีเวนท์ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นของวรุณพรให้ออมสินกับก้องภพไปทำด้วยกัน ก้องภพรีบปฏิเสธ เพราะมีงานแสดงภาพถ่ายที่เขาต้องไปร่วมพิธีเปิดกับจีรสุดา แต่กองพรไม่รับฟัง ออมสินก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ต่างกัน จีรสุดายื่นคำขาดให้ก้องภพเลือกไปดูแสงเหนือ กับเธอที่สวีเดนกับการทำงานกับแม่ต่อไป ซึ่งหมายถึงให้เลือกระหว่างเธอและแม่ ก้องภพปฏิเสธ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า ปีนี้จะไม่เดินทางไปต่างประเทศ จีรสุดาจากไปด้วยความโกรธ เพราะคิดว่าแม่ของก้องภพจับคู่ให้เขากับออมสิน ส่วนภคมนเป็นแค่ตัวหลอก ออมสินและก้องภพมานั่งปรับทุกข์กันไปปลูกผักบนดาดฟ้าไป ตอนนี้ทั้งสองไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ซึ่งก้องภพก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเขากับออมสินเป็นไปอย่างที่จีรสุดาตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ก้องภพและออมสินประหลาดใจที่พบว่าภคมนมาที่ภูเก็ตด้วย ภคมนแย่งเอาก้องภพไป ส่วนออมสินก็ก้มหน้าก้มตาทำงานจนดึกดื่น แต่แล้วความอดทนของออมสินก็ถึงขีดสุด เมื่อเห็นก้องภพนั่งดื่มกินอยู่กับภคมนอย่างสนิทสนม จึงตั้งใจจะแกล้งภคมนให้ได้อาย ออมสินปราดเข้าไปต่อว่าภคมนที่มายุ่งกับแฟนของเธอเล่นเอาก้องภพตกตะลึง แต่เมื่อออมสินสาสมใจแล้วกลับพบนุตพงศ์ที่ตามมาเพราะคำแนะนำจาก "ผู้หวังดี" จากที่นุตพงศ์เคยเข้าใจว่าก้องภพคิดแผนการนี้ขึ้น ฃเพื่อหวังฉวยโอกาส แต่ตอนนี้เขาต่อว่าออมสินที่ปลดหนี้ โดยเอาตัวเข้าแลกแล้วจากไปอย่างไม่ใยดี ออมสินต่อว่าภคมนที่ใช้วิธีสกปรกแต่ภคมนไม่ได้เป็นคนบอกให้นุตพงศ์มา ขณะที่ก้องภพมั่นใจว่าแม่ของเขาไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้แน่ ภคมนสงสัยเรื่องหนี้สินของออมสินจากบทสนทนาที่ได้ยิน แต่ก้องภพหาทางแก้ตัวให้ทัน ทั้งสองยังข้องใจว่าใครกันที่เป็นคนบอกให้นุตพงศ์มาที่ภูเก็ตเป็นวรุณพรหรือว่าจีรสุดา วันฉลองครบสิบห้าปีของบริษัท หลังจากทำบุญในตอนเช้าเสร็จก็ไปเลี้ยงอาหารคนชรา ออมสินพลอยนึกถึงปู่ย่าที่เธอไม่เคยกลับไปดูแล ในงานเลี้ยงออมสินเอาเครื่องประดับออกมาขาย เพื่อหาเงินไปบริจาคบ้านพักคนชรา จีรสุดาปรากฏตัวที่งานเพื่องัดข้อกับกองพร แต่ก็ต้องล่าถอยไปด้วยความคับข้องใจ หลังจากเอาเงินไปบริจาคแล้ว ออมสินก็มาทำงานด้วยใจที่อิ่มเอม แต่เหมือนฟ้าผ่ากลางบริษัทเมื่อนายหญิงบอกว่าสร้อยที่เธอสวมไม่มีอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของเธอ ออมสินมั่นใจว่าเธอไม่ได้ซื้ออะไรใหม่เลย และจำไม่ได้ว่าสร้อยนี้เป็นของเธอหรือไม่หรือซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน อิทธิสงสัยวรุณพรซึ่งเคยไปค้างที่คอนโดของออมสิน ครั้นไปรีดความจริงโดยการอ้างภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ติดเอาไว้ตั้งแต่ตอนออมสินถูกเจ้าหนี้ตาม วรุณพรก็ยอมรับว่าแอบเอาสร้อยไปใส่ไว้ในกล่องเครื่องประดับของออมสินจริง ๆ อิทธิรีบไปบอกนายหญิง และนายหญิงกำชับไม่ให้อิทธิบอกกับออมสินว่าเธอรู้ความจริงแล้ว ก้องภพนัดเจอจีรสุดาเพื่อปรับความเข้าใจ ก้องภพมาถึงก่อนเวลาจึงนั่งดูคลิปหนังสั้นที่ตัวเองตัดต่อเสร็จ ซึ่งทำให้จีรสุดาหึงหวงออมสิน โดยที่ก้องภพไม่รู้ตัว ก้องภพขอเวลาพิสูจน์ตัวเองหนึ่งปี โดยระหว่างนี้ให้เขาและเธอห่างกันก่อน เพื่อให้แม่ของเขาตายใจ ออมสินพบว่าวิทยากรที่นายหญิงเชิญมาให้ความรู้พนักงานเรื่องชีวิตพอเพียงและการทำบัญชีก็คือการดีนั่นเอง ออมสินปรับทุกข์กับการดีเรื่องเงินแสนที่ต้องจ่ายให้นายหญิง การดีให้กำลังใจออมสิน และบอกว่าเธอโชคดีที่มีกัลยาณมิตรช่วยให้เธอพ้นจากหนี้ รวมทั้งก้องภพและ "มือที่มองไม่เห็น" ออมสินสงสัยเหลือเกินว่าหมายถึงใคร วรุณพรเข้ามาขอโทษออมสิน ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน วรุณพรยอมรับว่าไม่ได้บอกนายหญิงเรื่องออมสินเป็นหนี้ รวมถึงไม่ได้เป็นคนบอกให้นุตพงศ์ตามไปที่ภูเก็ต แต่แล้วหนังสั้นที่มีออมสินเป็นตัวละครเอกก็ถูกอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ยูทูบ ออมสินรู้ว่าคนทั้งบริษัทและนายหญิงคงรู้ความจริงที่เธอปิดบังแล้ว ออมสินเข้าไปสารภาพความผิดกับนายหญิง แต่กลับได้พบสีหน้าขบขันแทนที่จะเป็นการเกรี้ยวกราด แล้วกองพรก็เฉลยความจริงว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของเธอที่ร่วมมือกับอิทธิและมุทิตาตั้งแต่เรื่องแฟกซ์ ส่งเธอไปแม่ฮ่องสอน แม้แต่เรื่องภคมน วัตถุประสงค์ของกองพรก็เพื่อดัดนิสัยลูกน้องคนโปรดให้สามารถปลดหนี้ได้ และดัดนิสัยลูกชายให้ทำตัวมีสาระและมาบริหารงานเสียที ก้องภพเริ่มต้นที่จะคบหากับออมสินอย่างจริงจัง เพราะจีรสุดาไม่สามารถรับการที่เขาจะมาดูแลธุรกิจได้ และเขาก็รับไม่ได้กับการที่จีรสุดานำหนังสั้นของออมสินไปเปิดเผย ส่วนออมสินก็พบว่าถ้าเธอยังคบหากับนุตพงศ์ต่อไปคงเลิกนิสัยบริโภคนิยมไม่ได้ ในงานเลี้ยงฉลองรางวัลนักธุรกิจหญิงดีเด่น ที่กองพรเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับรางวัล กองพรขึ้นไปกล่าวถึงการบริหารงานของเธอที่ออกกฎไม่ให้พนักงานมีหนี้ เธอไม่ต้องการให้พนักงานมีนิสัยบริโภคนิยม และไม่บ่มเพาะหนี้สิน เนื่องจากหนี้สินคือจุดเริ่มต้นของการทุจริต หลังจากนั้นก็เป็นการฉายภาพวิถีชีวิตของสำนักงาน ได้แก่ การทำบัญชีรายรับรายจ่ายในสมุดบัญชีบ้าง ในสมาร์ทโฟนบ้าง การปลูกผักบนดาดฟ้า และการปั่นจักรยาน มาทำงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือภาพของออมสินที่ปลดหนี้ได้สำเร็จ ออมสินกับก้องภพกุมมือกันขณะชมภาพเหล่านั้นด้วยความชื่นใจ แต่แล้วการปรากฏตัวของเอื้อมพรที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่น้องสาวก็ทำให้ออมสินเซอร์ไพรส์สุด ๆ เนื่องจากเอื้อมพรเดินมาอย่างกระฉับกระเฉง เอื้อมพรเฉลยว่าเธอก็เป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการของกองพรเช่นกัน เพื่อสอนให้ออมสินรู้จักค่าของเงิน ออมสินไปงานเปิดตัวพ็อกเกตบุ๊ก นุตพงศ์มาร่วมงานและขอคืนดีแต่ออมสินปฏิเสธไป เพราะตอนนี้รู้จักตัวเองดีแล้วว่าไม่สามารถเข้ากับเขาได้ ออมสินได้รับเช็คค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับและเอามาใช้หนี้ก้อง
กากับหงส์ (2556/2013) มดดำ หรือ มนฤดี (พิงค์กี้ สาวิกา) เด็กสาวที่เติบโตขึ้นมาในสลัม อาศัยอยู่กับ ส้ม (บุ๋ม ปนัดดา) หมอนวดแผนโบราณที่สปาแห่งหนึ่ง ผู้เป็นแม่และเฉลิม พี่ชายแท้ ๆ ของส้ม และเป็นลุงของมดดำ ซึ่งมีอาชีพขับรถสองแถว แม้จะมีกันแค่สองคนแม่ลูก แต่ส้มเองกลับไม่เคยสนใจไยดีมดดำอย่างที่แม่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม ส้มจะแสดงอาการรังเกียจเดียดฉันท์มดดำมาตลอดตั้งแต่มดดำจำความได้ ไม่ว่ามดดำจะพยายามทำดีขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยถูกใจส้มเลยแม้แต่น้อย และส้มมักจะตอบแทนความดีของมดดำด้วยการดุด่าตบตีอยู่เป็นประจำ จนเฉลิมเองที่เป็นลุงก็ทนไม่ไหวต้องออกโรงปกป้องมดดำบ่อยครั้ง ถึงมดดำจะมีแม่ที่ดุร้าย แต่เธอก็ยังโชคดีที่นอกจากจะมีลุงคอยช่วยแล้ว มดดำยังมีเพื่อนบ้านใจดีอย่างสองยายหลานคือยายแดง และอิทธิ (แบงค์ อธิกิตติ์) ซึ่งอยู่บ้านติดกันจนทำให้สองครอบครัวสนิทกันมานานมาก ยายแดงถือเป็นกำลังสนับสนุนสำคัญที่คอยสั่งสอนและช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่มดดำเท่าที่จะทำได้ ทั้งการให้อิทธิช่วยติวและให้อิทธิแอบพามดดำไปเรียนกศน. จนสอบได้วุฒิ ม.6 เพราะยายแดงเคยเป็นแม่บ้านในคอนโดฯ ของฝรั่งมาก่อน ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการศึกษา ส่วนอิทธิเองก็ดูและสนิทสนมกับมดดำมากจนมดดำรู้สึกเหมือนมีพี่ชายแท้ ๆ หนึ่งคน หากแต่เมื่อโตขึ้นอิทธิกลับรู้สึกลึกซึ้งกับมดดำมากกว่าความเป็นเพื่อนแต่เขาก็ไม่กล้าแสดงออกได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว ด้วยความที่ส้มไม่ต้องการให้มดดำเรียน จึงบังคับให้มดดำทำงานทุกอย่างที่มดดำจะทำได้ ตั้งแต่เข็นผักส่งแผงในตลาดแต่เช้ามืด ตามมาด้วยขายพวงมาลัย รวมทั้งเป็นหมอนวดในสปา และทำงานบ้านทุกอย่างที่ส้มต้องการ โดยห้ามเฉลิม อิทธิ หรือ ยายแดงเข้าช่วย หากใครฝ่าฝืน ส้มจะไปลงที่มดดำด้วยการเฆี่ยนตีต่อหน้าต่อตาทุกคน สุทธิดา หรือ ดา (กิ๊บซี่ วนิดา) บุตรสาวคนโตของ ชาติชาย (ถา สถาพร) และ กัลยา (กบ ปภัสรา) หลานสาวของคุณหญิงวาปี เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ชีวิตของสุทธิดาถือได้ว่าเป็นสีตรงข้ามกับมดดำอย่างสิ้นเชิง เพราะแวดล้อมไปด้วยครอบครัวที่อบอุ่น ทุกคนรักใคร่ไม้เว้นแม้แต่องค์อร น้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน มีเพียงดอม น้องชายที่ชอบพูดตรงแต่ไม่ค่อยเข้าหูสุทธิดานัก ทั้งสองจึงเป็นไม้เบื่อไม้เมาคอยเถียงกันอยู่เรื่อย ไม่เพียงแต่ชีวิตครอบครัวของสุทธิดาเท่านั้นที่น่าอิจฉา แต่ชีวิตนักศึกษาของเธอก็เป็นที่อิจฉาของเพื่อน ๆ เช่นกัน เพราะสุทธิดา นอกจากจะเด่นดังในเรื่องความรวยและความสวยแล้ว เธอยังเป็นที่รู้จักในเรื่องการเรียนเก่งติดอันดับต้น ๆ ของมหาวิทยาลัยด้วย เรียกได้ว่าผู้ชายทั้งมหาวิทยาลัยต่างหมายปองและอยากเป็นมิตรกับสุทธิดาทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่พงษ์ เพื่อนในกลุ่มของสุทธิดา เพราะพงษ์แอบรักสุทธิดามาตั้งแต่แรกเห็น จึงทำให้เขาพยายามพาตัวเองมาอยู่ใกล้สุทธิดา แม้ว่าระดับการเรียนของเขาจะห่างชั้นมากก็ตาม แก้วกับวาว่าเพื่อนสนิทของสุทธิดาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพงษ์เพราะพงษ์ก็เป็นคนหน้าตาดีมากชนิดที่สองสาวแอบหมายปองอยู่เหมือนกัน เพียงแต่พงษ์ไม่เคยชอบสองสาวเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าชายหนุ่มที่หล่อดีมีคุณสมบัติเด่นขนาดไหน สุทธิดาก็ไม่เคยจริงจังด้วย เพียงแต่คบเล่น ๆ แก้เซ็งรอเวลาที่สหรัฐ หรือ รัฐ (บีม กวี) หนุ่มหล่อนักเรียนนอก บุตรชายคนเดียวของพิมพ์พรรณ เจ้าของบริษัท Jewelry by Pimphan บริษัทเครื่องประดับอัญมณีอันดับหนึ่ง และพิมพ์พรรณยังเป็นเพื่อนสนิทของกัลยา แม่ของสุทธิดามาตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนฝรั่ง จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพยายามจะจับคู่ให้กับเด็กทั้งสอง คือ สหรัฐกับสุทธิดา แต่สหรัฐก็คิดกับสุทธิดาเพียงแค่น้องสาว หากแต่พูดไม่ออกบอกไม่ได้ เพราะไม่อยากขัดใจผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงจำเป็นต้องตามน้ำไป ขณะเดียวกันก็พยายามจะแสดงออกให้เห็นว่าเขาเป็นได้เพียงพี่ชาย ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าสุทธิดาและผู้ใหญ่ทุกคนก็พยายามมองไม่เห็นสารที่สหรัฐพยายามจะสื่อ มีเพียงดอมที่พอจะดูออกว่าสหรัฐไม่ได้ชอบพี่สาวของตน วันหนึ่ง กัลยาได้เดินหาซื้อต้นไม้เพื่อไปตกแต่งงานวันเกิดของสุทธิดา ระหว่างที่เดินอยู่นั้นกัลยาก็ถูกโจรสองคนวิ่งราวกระเป๋า โชคดีที่มดดำและอิทธิมาทำงานที่ร้านต้นไม้ใกล้ ๆ กัน ทั้งสองจึงช่วยกันต่อสู้กับโจรจนได้กระเป๋าคืนมา แต่โจรสามารถหนีรอดไปได้ กัลยารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งน้ำใจของมดดำและอิทธิเป็นอย่างมาก จึงคิดจะตอบแทนเป็นเงินก้อนโต แต่ทั้งสองไม่รับเพราะคิดว่าช่วยด้วยน้ำใจ กัลยายิ่งรักเด็กทั้งสองคนมากขึ้น แต่ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร เจ้าของร้านต้นไม้จึงบอกให้กัลยาช่วยอุปการะส่งเสียให้มดดำเรียนหนังสือ เพราะเธอสงสารที่มดดำไม่ได้เรียน กัลยายินดีมากแต่มดดำไม่กล้ารับ กัลยาจึงให้นามบัตรและสั่งให้มดดำไปขอแม่เพื่อที่จะไปอยู่ที่บ้านของเธอ เมื่อมดดำกลับมาบอกแม่ ส้มที่ไม่สนใจจะฟังมดดำอธิบายก็สั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้เรียน ไม่ว่าจะได้เงินมาเรียนยังไงก็ตาม เฉลิมรู้สึกโกรธที่ส้มทำเกินไปแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะส้มจะใช้วิธีตีประชด ไม่เพียงแต่มดดำจะเสียใจเรื่องที่แม่ไม่ให้เรียนเท่านั้น แต่มดดำยังต้องเสียใจที่แม่จำวันเกิดของเธอไม่ได้ แม้ยายแดงกับอิทธิจะจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ ให้มดดำ รวมทั้งเฉลิมเองก็มีของขวัญมาให้ แต่มันก็ไม่ได้ทดแทนสิ่งที่มดดำโหยหาจากแม่ หนำซ้ำแม่ยังออกจากบ้านไปอีก มดดำจึงต้องตามไปดูด้วยความเป็นห่วง และแล้วมดดำก็มาเจอว่าส้มมายืนแอบดูงานวันเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง แต่ด้วยความที่รั้วไกลมาก มดดำจึงไม่เห็นว่าบ้านนั้นมีกัลยาอยู่ด้วยและเป็นคนจัดงานวันเกิดให้ลูกสาวของเธอนั่นเอง มดดำไม่เข้าใจว่าแม่มาที่นี่ทำไม แต่พอจะถามส้มก็ตวาดด่าแล้วขึ้นรถหนีไป มดดำจะขึ้นรถไปด้วยส้มก็ไม่ยอมสุดท้ายมดดำต้องยืนคอยรถเมล์เพื่อกลับบ้าน ส่วนในงานวันเกิดของสุทธิดานั้น สหรัฐที่เพิ่งกลับมาก็ถูกพิมพ์พรรณจัดแจงหาของขวัญเป็นกำไลเพชรล้ำค่าให้สหรัฐมอบให้สุทธิดา ทำให้สุทธิดาปลาบปลื้มมาก ผู้ใหญ่ในงานทุกคนก็มีความสุขในงานสังสรรค์นี้ จนเมื่อพงษ์มาร่วมงานโดยพาแพรวพราว อาของเขามาด้วย คุณหญิงวาปี องค์อร ดูจะแสดงออกในการไม่ต้อนรับแพรวพราวมากที่สุด จนพาลไม่อยากมองหน้าชาติชายไปด้วย เพราะความผิดเก่า ๆ ที่ชาติชายเคยทำไว้มันย้อนกลับมาทำให้ทุกคนไม่พอใจ ผิดกับแพรวพราว ที่พยายามทำตัวเหมือนกับว่าทุกอย่างมันจบไปแล้ว แพรวพราวดีใจที่หลานของเธอกลายเป็นเพื่อนกับสุทธิดา วาปีกับองค์อรทนไม่ไหวจึงขอตัวขึ้นนอน สุทธิดากับดอมที่แอบดูเหตุการณ์ที่ผู้ใหญ่คุยกันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนเหมือนจะไม่ชอบกัน มีเพียงสหรัฐที่รู้จากพิมพ์พรรณว่าแพรวพราวคืออดีตเลขาของชาติชายที่เป็นมากกว่าเลขานั่นเอง วันรุ่งขึ้นสุทธิดากับดอมอดใจไม่ไหว จึงถามพวกผู้ใหญ่จนทำให้รู้ความจริงทั้งหมด รวมไปถึงพงษ์ที่ได้รู้จากปากของแพรวพราวด้วย พงษ์คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ ตนคงไม่มีสิทธิ์ที่จะชอบสุทธิดาแน่ เพราะทุกคนในบ้านนั้นคงรังเกียจอาสาวของเขา หากแต่ แพรวพราวกลับสนับสนุนเต็มที่ให้พงษ์เอาสุทธิดามาครอบครองให้ได้ ทางด้านมดดำ และ อิทธิ ที่ตื่นมาขนผักที่ตลาดแต่เช้า ก็ต้องตกใจที่ได้เจอโจรสองคนที่เคยจี้กัลยามาหากินที่ตลาดแห่งนี้อีก มดดำกับอิทธิต้องช่วยต่อสู้จับโจรแต่คราวนี้โจรจำทั้งสองได้จึงคิดจะแก้แค้นครั้งก่อนกะเอาให้ตาย โชคดีที่สหรัฐที่กำลังจะไปเริ่มงานวันแรกขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์และเกือบชนกับมดดำในช่วงที่วิ่งหนีโจร สหรัฐจึงต้องลงมาช่วยจนได้แผลกันไป และในที่สุดตำรวจก็มารวบตัวไอ้สองโจรร้าย เหตุการณ์น่าจะไปได้ดีถ้าสหรัฐไม่เผลอพูดผิดหูไปแตะความเป็นผู้หญิงที่คิดจะมาเตะต่อยอย่างผู้ชายกับมดดำ มดดำโมโหทำให้ทั้งสองทะเลาะกันและเหม็นหน้ากันจนเกือบจะมีเรื่อง แต่อิทธิเข้าห้ามไว้ ทั้งสองภาวนาว่าจะขอไม่เจอหน้ากันอีกตลอดชาติ ตกบ่ายมดดำก็กลับมาทำงานที่สปาตามปกติกับส้ม แต่เหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเธอ มดดำได้ลูกค้าชีกอคิดจะลวนลามเธอ มดดำไม่ยอมจึงเกิดเป็นเรื่อง ส้มเข้ามาไกล่เกลี่ยโดยจะให้มดดำยอมแขก มดดำเสียใจมากที่แม่ไม่เห็นแก่ศักดิ์ศรีของเธอ หนำซ้ำแขกยังดูถูกเรื่องการศึกษาของมดดำอีก มดดำจึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะกลับไปเรียน เมื่อกลับบ้าน ส้มก็ตามด่าตามห้ามและจะตีมดดำถ้ามดดำไปเรียน โชคดีที่เฉลิมกลับมาห้ามได้ทัน เฉลิมขอนามบัตรมดดำจะไปโทรหากัลยาเอง เมื่อมดดำเอานามบัตรออกมา ส้มก็แย่งจะไปฉีกแต่พอเห็นเป็นชื่อกัลยา ส้มก็ตกใจชะงักไป และสุดท้ายส้มก็เปลี่ยนใจให้มดดำไปอยู่บ้านกัลยาแต่มีข้อแม้ข้อเดียวคือเธอต้องไปด้วย มดดำกับเฉลิมงงเป็นไก่ตาแตก เย็นวันนั้น วาปี กัลยา องค์อร ต่างก็มารอรับมดดำในฐานะที่เป็นคนช่วยชีวิตกัลยาไว้ ทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้จะคนดี ๆ มาร่วมบ้าน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่ามดดำเป็นลูกสาวของส้ม ส้มเองก็รู้ทันว่าอาจจะไม่ได้อยู่บ้านนี้ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอจึงกลายร่างเป็นหญิงเจ้าน้ำตากราบขอโทษทุกคนสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ทำให้มดดำงงมากว่าเกิดอะไรขึ้น ส้มบอกว่ามดดำเป็นลูกของเธอกับผัวใหม่ตอนที่ออกไปจากที่นี่ วาปีกับทุกคนจึงโล่งใจ แต่เรื่องจะให้มาอยู่ในบ้านก็ชักไม่แน่ใจกันแล้ว เพราะวาปีกับองค์อรก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่มดดำเป็นลูกของส้ม มีเพียงกัลยาที่รู้สึกอยากจะให้มดดำมาอยู่ที่นี่ และเธอก็จะลืมเรื่องเก่า เย็นนั้นชาติชายกลับมาได้เจอกับส้มอีก ยิ่งทำให้เขาละอายใจต่อกัลยาและวาปีมากขึ้น ส่วนส้ม พอได้เจอกับสุทธิดาที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย ส้มก็ปรี่เข้าไปดูแลอย่างดีจนสุทธิดางง แต่ก็ชอบเพราะโดยนิสัยเธอชอบทุกคนที่มาเอาใจอยู่แล้ว แต่พอองค์อรเล่าเรื่องส้มว่าเคยเป็นหนึ่งในเมียของชาติชายเหมือนกัน แพรวพราวและสุทธิดาก็รังเกียจขึ้นมาทันที แถมยังพาลไปถึงชาติชายด้วย เพราะสุทธิดาไม่คิดว่าชาติชายจะไม่เลือกคนขนาดนี้ ชาติชายเสียใจที่ลูกสาวไม่เข้าใจ แต่กัลยาก็ปลอบไว้ แม้จะนึกถึงวันเก่า ๆ แล้วความเจ็บปวดก็หวนย้อนคืนมาหลอกหลอนอีกครั้ง โดยเมื่อยี่สิบปีก่อน ชาติชายเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกพร้อมกับเธอ และด้วยความที่ชาติชายมีครอบครัวพื้นเพอยู่ต่างประเทศ วาปีจึงให้เข้าร่วมบริหารกิจการของครอบครัวและแต่งงานกับกัลยา ชาติชายทำงานได้อย่างดีจนวาปีวางใจ แต่ทุกอย่างก็มาพังเมื่อมีการจับได้ว่า ชาติชายกับแพรวพราว แอบมีอะไรกัน วาปีขอให้แพรวพราวลาออกไป แล้วจะถือว่าทุกอย่างจบ แต่แพรวพราวไม่ยอม วาปีจึงใช้เส้นสายในการกลั่นแกล้งพี่ชายของแพรวพราว ทำให้แพรวพราวจำต้องลาออก ชาติชายเองก็สำนึกผิดและจะทำตัวใหม่ให้ดี ซึ่งเขาก็ทำได้ระยะหนึ่ง จนวันที่ส้มเข้ามาเป็นคนรับใช้ใหม่ของบ้าน ส้มเห็นชาติชายครั้งแรกก็พึงพอใจอย่างมาก เมื่อมีโอกาสส้มจะทอดสะพานให้เสมอ หากแต่ชาติชายก็ไม่สน จนวันหนึ่งที่วาปี กัลยา และองค์อร ต้องไปต่างประเทศ ส้มจึงจัดการวางยาชาติชายแล้วเธอก็สมใจ ชาติชายเมื่อได้สติก็รู้สึกผิด แต่ส้มสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ซึ่งส้มต่างหากที่ทำไม่ได้เพราะความอิจฉาริษยาที่เห็นชาติชายดีกับกัลยาคนเดียว แต่กับเธอชาติชายไม่เคยเหลียวแล ส้มจึงใช้วิธีการบังคับให้ชาติชายแบ่งเวลามาหาเธอบ้าง ไม่อย่างนั้นเธอจะแฉ ชาติชายจำเป็นต้องทำตามส้ม เพื่อรักษาครอบครัวไว้ จนกระทั่งคืนหนึ่ง องค์อรที่แอบเห็นความผิดปกติของทั้งคู่ จึงแอบตามชาติชายไปและเห็นว่าไปอยู่ในห้องส้ม องค์อรจึงโวยวายเรื่องจึงแดงขึ้น วาปีกับกัลยาไม่พอใจอย่างมาก กัลยาถึงขึ้นขอหย่าจากชาติชาย ส้มที่ได้ยินก็ดีใจและหวังว่าจะจับชาติชายได้ แต่ระหว่างนั้นกัลยาเกิดเป็นลมหน้ามืด ทุกคนจึงต้องพาส่งโรงพยาบาล ที่โรงพยาบาล หมอตรวจเจอว่ากัลยาท้อง คุณหญิงวาปีและองค์อรดีใจมาก รวมทั้งชาติชายด้วย แต่กัลยายืนยันว่าเธอจะหย่า ชาติชายขอโอกาสอีกครั้งและครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แม้ตอนแรกกัลยาจะไม่ยอม แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ชาติชายไม่ยอมอยู่ห่างจากสายตากัลยาเลย เขาจะไม่ยอมกลับบ้านถ้ากัลยาไม่กลับ ด้วยความที่กัลยารักชาติชายมากจึงเริ่มลังเล วาปีไม่เห็นด้วยถ้ากัลยาจะยอมคืนดีกับชาติชาย แต่องค์อรที่ดูเหมือนจะไม่ชอบชาติชายมาก ๆ พอ ๆ กับกัลยา กลับเป็นคนที่เห็นด้วยกับกัลยาเพราะเธอก็ไม่อยากเห็นหลานไม่มีพ่อ สุดท้ายวาปีจึงต้องยอมกัลยา หลังจากที่กัลยากลับจากโรงพยาบาล ชาติชายก็เป็นฝ่ายขอเลิกกับส้ม โดยส้มจะได้เงินไปก้อนใหญ่เพื่อไปตั้งตัว ส้มไม่ยอม จะเอาเรื่องชาติชายและขู่จะฟ้องว่าเธอถูกข่มขืน ชาติชายยอมทุกอย่างจะติดคุกก็ยอม แต่สิ่งเดียวที่เขาจะไม่ยอมส้มอีกต่อไปคือ การรับส้มเป็นเมียคนหนึ่งของเขา ส้มเสียใจเจ็บใจมากที่ชาติชายปฏิเสธ เธอจึงออกจากบ้านไปด้วยความเคียดแค้นเต็มหัวใจ ภายหลังจากที่ทบทวนเรื่องเก่า ๆ เมื่อ 20 ปี แล้ว ชาติชายกับกัลยาเริ่มฉุกใจคิดว่า มดดำน่าจะเป็นลูกของชาติชายก็ได้ เพราะดู ๆ แล้วก็รุ่นราวคราวเดียวกับสุทธิดา ชาติชายเองแม้จะคิดเหมือนกัน แต่ก็เกรงใจกัลยา ตรงกันข้ามกับกัลยา เธอกลับรู้สึกชอบมดดำมาก ถ้าเป็นลูกชาติชายจริง เธออยากจะอุปการะเป็นลูกอีกคน ชาติชายซึ้งน้ำใจความดีของกัลยา ซึ่งกัลยาก็บอกไม่ได้ว่าทำไมจึงรักและเอ็นดูมดดำมาก แต่เมื่อชาติชายกับกัลยาเรียกส้มมาถาม ส้มบอกว่าหลังจากที่เธอออกจากบ้านไป เธอก็ได้ผัวใหม่เป็นกรรมกรต่ำ ๆ มดดำจึงไม่ใช่ลูกของชาติชาย ทำให้กัลยากับชาติชายรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ส้มกลับรู้สึกสะใจ มดดำเองหลังจากที่รู้ว่าส้มเคยสร้างปัญหาไว้ที่บ้านหลังนี้ เธอก็ไม่อยากอยู่และขอให้ส้มย้ายออกไป เธอยอมที่จะไม่เรียนหนังสือ แต่ส้มไม่ยอมและบังคับให้มดดำอยู่ที่นี่กับเธอเพื่อคอยดูหายนะคนที่มันเคยทำร้ายเธอ มดดำเสียใจที่แม่เข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยความเคียดแค้น และเสียใจที่ตัวเองจะกลายเป็นคนนำความเดือดร้อนมาให้คนอื่น การมาอยู่วันแรกของส้มกับมดดำ ก็ได้รู้จักกับ พี่เนื่อง แม่บ้าน มาลี เด็กรับใช้รุ่นราวคราวเดียวกับมดดำ และ ลุงเหวง คนขับรถที่พ่วงตำแหน่งคนสวนในบางเวลา แต่ส้มที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าพี่เนื่อง มาลี และลุงเหวง ส้มจึงขอไม่สุงสิงด้วยเมื่อโดนเนื่องตำหนิ ส้มก็ประกาศว่าเธออยู่มาก่อนเนื่อง แต่กลายเป็นว่าเนื่องไม่กลัวและไม่แคร์ เนื่องจึงประกาศกลับว่าเธอคือแม่บ้าน และคุมคนรับใช้ทุกคน ถ้าใครไม่เกรงกลัวเธอ เธอก็จะบอกวาปีว่าจะเอาออก ส้มโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้จึงหมายหัวเนื่องเป็นศัตรู มดดำจึงพลอยมีศัตรูไปโดยปริยายตั้งแต่วันแรกและจากวันนั้น มดดำก็พยายามทำงานทุกอย่าง ช่วยเหลือทุกคนจน เนื่อง มาลี และลุงเหวงเริ่มใจอ่อนกับมดดำ และชักทนไม่ได้ที่เห็นส้มโยนงานทุกอย่างให้ลูกสาว แต่ตัวเองนั่ง ๆ นอน ๆ ในบ้าน เพราะถือว่ามดดำมีบุญคุญกับกัลยา ส้มดุด่ามดดำทั้งตีทั้งด่า โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้า วาปี องค์อร กัลยา และชาติชาย จนทุกคนสงสารมดดำ มีก็แต่สุทธิดาที่ไม่เคยชอบสองแม่ลูกคู่นี้เพราะยังรับไม่ได้เรื่องเก่า ๆ ของพ่อ จึงไม่สนใจว่ามดดำจะโดนดุด่ายังไง หากแต่ดอมกลับแอบชอบมดดำ และเริ่มถูกใจในความฉลาดและเก่งของมดดำ ดอมเองก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า จึงช่วยติวหนังสือให้กับมดดำไปด้วย และไม่ยอมนับตัวเองเป็นน้องแต่จะเทียบรุ่นกับมดดำโดยอ้างว่าห่างกันปีเดียวเป็นเพื่อนกันได้ ส้มเห็นดอมกับมดดำเข้ากันได้ ก็พยายามจะยุให้ดอมจีบมดดำ แต่ดอมก็ไม่กล้าเพราะคิดว่าเขายังเด็กเกินไป ส้มเองไม่ได้ยุแค่ดอม แต่หันมายุมดดำด้วยซึ่งมดดำก็บอกไปตรง ๆ ว่าเธอรู้สึกกับดอมเหมือนน้องชายเท่านั้น ส้มจึงไม่พอใจ มดดำกลับมาเยี่ยมเฉลิมที่บ้าน และได้เจอกับยายแดงและอิทธิ มดดำเสียใจกับอดีตของแม่ เฉลิมเองก็ขอโทษที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้มดดำฟัง แต่เฉลิมเองก็งงว่าส้มมีผัวกรรมกรตอนไหน ยายแดงเองก็งง เพราะจำได้ว่า ส้มมาอยู่ที่นี่ก็ตัวคนเดียว ไม่นานก็ท้องและมีมดดำ แต่สุดท้ายทุกคนก็สรุปว่า ตอนที่ส้มออกจากบ้านชาติชายคงไปอยู่กับใครอีก เพราะตั้งแต่เล็ก ๆ ส้มก็เป็นคนทะเยอทะยาน อยากได้อยากมีจนต้องออกจากบ้านตั้งแต่อายุสิบห้า และไม่เคยติดต่อใครอีกเลยจนพ่อแม่ตาย เฉลิมย้ายมากรุงเทพฯ แล้วส้มเกิดรู้เข้าแต่ก็ไม่เคยติดต่อกัน จนเมื่อตกอับถึงมาอยู่กับเฉลิม อิทธิเองก็เริ่มเป็นห่วงมดดำมากขึ้นอยากจะไปดูแลแต่มดดำก็ห้ามไว้ อิทธิจึงขอไปหาบ่อย ๆ แทน สหรัฐกับพิมพ์พรรณ มาเยี่ยมครอบครัวกัลยา แต่เป้าประสงค์จริง ๆ ของพิมพ์พรรณ คืออยากจะมาดูหน้ามดดำที่กัลยาปลื้มนักปลื้มหนา ซึ่งพิมพ์พรรณก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะมดดำมีเสน่ห์น่ารักกับเธอมาก สุทธิดาเห็นเข้าก็ไม่พอใจจึง คิดจะชวนสหรัฐไปข้างนอก แต่ก็ต้องงงที่สหรัฐกับมดดำรู้จักกันมาก่อน สหรัฐจึงเล่าให้ฟังเรื่องที่มดดำช่วยต่อสู้โจร มดดำจึงกลายเป็นคนเก่งของทุกคนไป วาปีกับองค์อรที่เคยตึง ๆ กับมดดำก็ไม่วายแอบปลื้มในความเก่งของมดดำไม่ได้ แต่ต้องเก็บความรู้สึกไว้ สุทธิดาที่เคยเป็นคนเก่งที่สุดของบ้านเริ่มรู้สึกว่ามดดำจะมาเป็นคู่แข่ง จึงประกาศว่าแม่ของมดดำคือส้มที่เคยเป็นนางบำเรอของชาติชาย ส่วนมดดำก็มีพ่อเป็นกรรมกร มดดำทั้งอายและเสียใจมาก สุทธิดาไล่มดดำให้ไปอยู่หลังบ้าน สหรัฐเริ่มมองตามด้วยความเป็นห่วง จนช่วงหนึ่งสหรัฐเดินมาเจอมดดำที่จะเอาขยะไปทิ้ง สหรัฐเข้ามาคุย มดดำขอร้องว่าอย่ามายุ่งกับเธออีก สหรัฐมาทีไรเธอมีเรื่องทุกที สหรัฐไม่ยอมรับว่าเขาจะเป็นตัวซวยเลยเถียงกัน สุทธิดาตามหาสหรัฐมาเห็นเข้าก็ไม่พอใจไปลากตัวส้มมาต่อว่า ส้มได้ทีอาสาทำโทษมดดำด้วยการเอากิ่งไม้ฟาดมดดำ สหรัฐจะห้ามก็ไม่ฟัง ส้มบอกว่าถ้าสหรัฐเข้าใกล้มดดำอีก เธอจะตีมดดำให้ตาย สุทธิดาพอใจกับกฎนี้ยิ่งทำให้ส้มมีความสุขที่เห็นสุทธิดาพอใจในสิ่งที่เธอทำให้ แต่สหรัฐทั้งเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้มดดำเจ็บตัว และอึ้งกับท่าทีการเป็นแม่ของส้มมาก มดดำต้องไล่สหรัฐไปเพราะเธอไม่อยากเจ็บตัว เมื่อสหรัฐกับสุทธิดาไปแล้ว มดดำก็ขอเคลียร์กับแม่เรื่องที่ไม่ฟังเหตุผลเธอเลย เอาแต่ตี ส้มบอกว่าถ้าอะไรที่เป็นของสุทธิดาแล้วมดดำคิดจะแย่ง เธอจะฆ่ามดดำทิ้ง มดดำน้อยใจที่แม่เห็นคนอื่นดีกว่า เย็นวันนั้น สุทธิดากับสหรัฐออกไปเที่ยวฟังเพลงกัน แก้ว วาว่า ขอตามไปด้วยซึ่งสุทธิดาไม่อยากให้ไป แต่สหรัฐบอกว่าไปหลาย ๆ คนสนุกดี พงษ์ที่รู้ข่าวก็ขอตามไปด้วย แต่สุทธิดากลายเป็นคนที่ไม่ชอบหน้าพงษ์ตั้งแต่รู้ว่าแพรวพราวเคยเป็นหนึ่งในเมียน้อยพ่อของเธอ สหรัฐพยายามเตือนสุทธิดาว่าเรื่องของคนรุ่นหนึ่งไม่ควรจะเอามาเป็นอารมณ์กับคนอีกรุ่นหนึ่ง สุทธิดาไม่ค่อยพอใจจึงงอนสหรัฐแล้วประชดด้วยการเรียกคิม เพื่อนนักศึกษาเกาหลีจากคณะบริหารอินเตอร์ฯ สุดหล่อที่พ่วงตำแหน่งนายแบบมาเที่ยวด้วย เมื่อคิมมา พงษ์ก็ไม่พอใจพยายามขวางคิมจนมีเรื่องกัน สหรัฐพาสุทธิดากลับมาส่งและดุสุทธิดาไม่ให้ทำแบบนี้อีก สุทธิดาดีใจคิดว่าสหรัฐหึง แต่กลายเป็นว่าสหรัฐบอกว่าเขาห่วงน้องสาวของเขาที่ชื่อสุทธิดาสุทธิดาโมโหที่สหรัฐไม่ง้อเธอเหมือนอย่างผู้ชายคนอื่น สุทธิดาใช้ไม้ตายไปฟ้องวาปีกับองค์อรเรื่องที่สหรัฐเปลี่ยนไป และเธอมั่นใจว่าเป็นเพราะมดดำพยายามแย่งสหรัฐ วาปีกับองค์อรแม้จะไม่เกลียดมดดำ แต่เมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จึงต้องเรียกส้มกับมดดำมาเตือน ส้มได้ทีก็ตีมดดำต่อหน้าวาปีอีก จนวาปีสงสารสั่งห้าม และเตือนไม่ให้มดดำขึ้นมาบนตึกใหญ่อีก ทำให้สุทธิดาพอใจมาก มีแต่กัลยาที่ทนคิดถึงมดดำไม่ไหวจึงเดินลงไปหาอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็โดนส้มเหน็บแนมให้เจ็บใจอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งกัลยาคิดถึงว่ายังไม่ได้ตอบแทนอิทธิเลย จึงให้มดดำพาไปหาอิทธิที่บ้าน แต่ยายแดงกับอิทธิก็ยังไม่รับความช่วยเหลืออะไรจากกัลยาเหมือนเคย กัลยาชื่นชมสองยายหลานนี้มาก จึงคิดจ้างอิทธิทำงานที่บริษัท แต่อิทธิก็ยังไม่จบ ระหว่างนี้กัลยาจึงจ้างอิทธิให้ทำงานพิเศษดูแลต้นไม้ในบ้าน อิทธิดีใจมากที่จะได้มาอยู่ใกล้มดดำ แต่กลายเป็นว่าอิทธิกับสุทธิดาต้องกลายมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เพราะสุทธิดาไม่ชอบหน้าอิทธิตั้งแต่แรกเห็น เพราะถือว่าเป็นเพื่อนมดดำและเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ต้องเป็นคนไม่เก่งแน่ ๆ แต่อิทธิก็สวนกลับจนสุทธิดาหน้าหงายไปหลายรอบ เป็นที่ถูกอกถูกใจดอมเป็นอย่างมาก จนดอมนับถืออิทธิเป็นรุ่นพี่อีกคน ทำให้สุทธิดาโมโหน้องชายตัวแสบไปอีกคน นานวันเข้าสหรัฐก็ถูกสุทธิดาเรียกมารับไปโน่นมานี่บ่อย ๆ และทุกครั้งที่มาหา สหรัฐก็ต้องมีเรื่องให้พบกับมดดำอยู่เรื่อย ๆ แม้มดดำจะพยายามหลบเลี่ยงหรืออยู่ห่าง ๆ แล้วก็ตาม จนวันหนึ่งวาปีไปทำงานแล้วไม่ค่อยสบายในระหว่างประชุม กัลยากับชาติชายอยากจะมาส่งที่บ้าน แต่ก็ติดต้องรับลูกค้าต่างชาติ ครั้นจะเรียกองค์อรมารับ องค์อรก็เกิดติดงานการกุศล วาปีจึงกลับบ้านไปกับคนขับรถ แต่เมื่อมาถึงบ้านวาปีก็เจอมดดำที่เข้ามาทำความสะอาด ช่วงที่ยืนคุยกันวาปีเกิดเป็นลม มดดำเห็นเข้าก็จะพาไปโรงพยาบาล แต่ส้มไม่ยอมให้การช่วยเหลืออะไรเลย มดดำจะโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลส้มก็ไม่ยอม จะโทรเรียกคนรถ ๆ ก็ขับออกไปแล้วไม่รู้เบอร์มือถือ ระหว่างนั้นสหรัฐที่พิมพ์พรรณใช้ให้เอาผลไม้จากนอกมาให้ที่บ้านวาปีพอดี จึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล แม้ส้มจะห้ามไม่ให้มดดำนั่งรถไปด้วย แต่สหรัฐไม่สนเพราะเขาต้องการคนช่วยจึงให้มดดำไปด้วย เมื่อวาปีฟื้นขึ้นก็ขอบคุณมดดำและสหรัฐเป็นอย่างมาก อาการตึงชาที่วาปีเคยมีต่อมดดำก็ลดน้อยลงไปเยอะ องค์อรที่รู้ข่าวรีบมาเยี่ยมวาปี ก็เริ่มคุยกับวาปีว่าจะรักมดดำก็รักไม่ลงจะเกลียดก็ไม่ใช่เรื่อง วาปีเลยเล่าให้ฟังว่าระหว่างเธอเป็นลม แม้จะไม่มีแรงลืมตา แต่วาปีได้ยินทุกอย่างที่สองแม่ลูกคุยกัน วาปีปลาบปลื้มที่มดดำไม่เหมือนแม่และน่าจะเป็นคนดีอย่างจริงใจ องค์อรเลยเริ่มมองมดดำในแง่ดีขึ้น สุทธิดาที่โทรหาสหรัฐ จึงรู้ว่าสหรัฐพาวาปีมาส่งโรงพยาบาล แต่พอรู้ว่าวาปีไม่ได้เป็นอะไรมาก สุทธิดาก็ไม่ค่อยอยากมาเยี่ยม เพราะไม่ชอบโรงพยาบาลแต่จะชวนสหรัฐออกไปดูหนังแทน แต่สหรัฐไม่ไปเพราะแม่ของเขาและพ่อแม่ของสุทธิดาพร้อมด้วยดอมกำลังมา จนเมื่อสุทธิดารู้ว่าสหรัฐกับมดดำเป็นคนพาวาปีมาและตอนนี้มดดำก็อยู่โรงพยาบาลด้วย ทำให้สุทธิดาโกรธจัดรีบตามมาทันที และเมื่อมาถึงก็ไม่ค่อยสนใจวาปี พยายามจะพาสหรัฐออกไปข้างนอกท่าเดียวจนที่สุดวาปีก็ต้องปล่อยไป เมื่อกลับบ้านไป องค์อรก็เรียกมดดำมาคุย สองคนเริ่มคุยถูกคอกัน ส้มเห็นเข้าก็ไม่พอใจแต่องค์อรก็ไล่ตะเพิดส้มไป องค์อรต้องการให้มดดำเรียนพิเศษ เพราะลำพังที่มดดำสอบผ่านกศน.มาไม่มีทางที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้แน่ กัลยาดีใจมากที่องค์อรหันมาเป็นพวกเธออีกคน ชาติชายเองก็รู้สึกดีกับมดดำไปด้วย ส้มเห็นแบบนี้ก็เลยเปลี่ยนแผนใหม่ ให้มดดำออกไปเรียนพิเศษใกล้ชิดกับดอม ดอมดีใจมากที่จะได้อยู่ใกล้กับมดดำมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม ที่มดดำต้องเรียนพิเศษกับดอมทุกวัน สหรัฐแนะนำโรงเรียนพิเศษชื่อดังที่เขารู้จัก และเป็นธุระพาทั้งมดดำและดอมไปสมัคร ซึ่งทำให้สุทธิดาไม่พอใจอย่างมาก แต่พอสุทธิดาจะเอาเรื่องสหรัฐก็ไม่ถือว่าตัวเองผิด สุทธิดายิ่งเจ็บใจมาก จึงหันมาเล่นงานส้มเป็นการระบาย ส้มพยายามประจบประแจงสุทธิดา แต่สุทธิดาก็เห็นส้มเป็นเพียงคนรับใช้คนหนึ่งที่ต้องสนองความต้องการของเธอ ส้มแม้จะน้อยใจสุทธิดาแต่ก็ต้องยอมเพื่อความสุขของเธอ การที่ส้มเอาอกเอาใจสุทธิดามาก ๆ ทำให้มดดำอดน้อยใจไม่ได้ และไม่เพียงแต่มดดำจะรู้สึกได้ หากแต่กัลยากับชาติชายเองก็รู้สึกแปลก ๆ ที่ส้มเอาใจสุทธิดาแต่กลับตบตีมดดำ แพรวพราวเริ่มโมโหที่พงษ์ไม่ได้อย่างใจ จีบสุทธิดาไม่ติดสักที ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้ใกล้ชิดกับสุทธิดากันหมด แพรวพราวจึงออกโรงพาพงษ์มาใกล้ชิดกับครอบครัววาปี แต่การมาที่นี่ก็ยิ่งทำให้สองอาหลานเจ็บใจมากขึ้น เพราะส้มซึ่งก็ถือว่าแพรวพราวเป็นศัตรู เพราะเคยแย่งชิงชาติชายมาก่อน และวาปีก็สุดจะทนกับแพรวพราวจึงไล่แพรวพราวออกจากบ้าน ทำให้พงษ์โทษว่าเป็นความผิดของแพรวพราว แพรวพราวตัดสินใจให้พงษ์ใช้ยากับสุทธิดา พงษ์ยังลังเลไม่อยากทำจึงไม่ยอมรับยามา เพราะเขารู้สึกว่าอยากให้สุทธิดารักเขาที่หัวใจมากกว่า แพรวพราวหัวเราะขำหาว่าหลานชายเป็นคนโง่ที่สุด พงษ์เจ็บใจที่โดนอาว่าแต่ก็ยืนยันว่าจะทำอย่างที่เขาต้องการ วันเวลาผ่านไป ผลการสอบออกมาว่ามดดำสอบติดที่เดียวกับสุทธิดา และกลายมาเป็นรุ่นน้องของสุทธิดา สุทธิดายิ่งไม่พอใจ คิดว่ามดดำพยายามจะหาทางแข่งกับเธอ หนำซ้ำสหรัฐยังได้รับเชิญมาเป็นอาจารย์พิเศษสอนเด็กปีหนึ่งอีกซึ่งก็คือรุ่นมดดำ ทำให้สุทธิดายิ่งเกลียดมดดำมากขึ้น สุทธิดาขอให้ดอมช่วยรับส่งมดดำเวลาไปเรียน เพื่อที่จะกันสหรัฐไม่ให้เข้าใกล้มดดำ ดอมเองยินดีทำตามเพราะชอบอยู่แล้ว และดอมเองก็รู้สึกว่าไม่เหมาะที่สหรัฐจะมาคอยตามมดดำ เมื่อมีการพูดคุยเปิดอก สหรัฐจึงบอกกับดอมว่าเขาไม่เคยคิดอะไรกับสุทธิดามากไปกว่าน้องสาว ดอมอึ้งตกใจและไม่ต้องการรู้ต่อว่าสหรัฐชอบใคร แต่ชิงบอกว่าเขาชอบมดดำ และมดดำก็น่าจะชอบเขาถ้าสหรัฐเปิดโอกาสและช่วยเขา สหรัฐจึงพูดไม่ออกจำใจยอมเปิดทางให้ สุทธิดาเห็นมดดำมาเรียนคณะเดียวกัน ก็ยิ่งไม่ชอบ จึงปล่อยข่าวเรื่องกำพืดมดดำต่าง ๆ นานา ทำให้เพื่อน ๆ ต่างรังเกียจมดดำเพราะเข้าใจว่าเป็นลูกนางบำเรอและกรรมกร ไม่เคยรู้จักหน้าพ่อ ดีไม่ดีทำงานสปามาก่อนขายตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ แรก ๆ มดดำก็พยายามอดทน แต่พอนานวันเข้าก็ทนไม่ไหว จึงประกาศคืนว่าเธอไม่แคร์ว่าใครจะคบหรือไม่ ถ้าไม่คบเธอก็ไม่สน เพื่อนคนเดียวที่มดดำมีจึงกลายเป็นดอม แต่สุทธิดาก็ไม่วายคอยรังควานไม่อยากให้ดอมมายุ่งกับมดดำ วันหนึ่งครอบครัวของแก้วมีข่าวว่าล้มละลาย แต่แก้วยังรับสภาพไม่ได้จึงพยายามทำตัวปกติ ใช้เงินทองเหมือนเดิม และบอกทุกคนว่าบ้านเธอล้มบนฟูก แต่ต่อมาไม่นานพ่อกับแม่แก้วต้องหนีคดีบินไปต่างประเทศและทิ้งแก้วไว้เมืองไทย โดยแก้วต้องไปอยู่กับญาติ และสภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ต่างกับคนอาศัย วาว่ากับสุทธิดาไม่ยอมรับแก้วโทษฐานที่ไม่พูดความจริงกับเพื่อน ๆ แก้วถูกทุกคนด่าว่าและไล่ออกจากกลุ่ม แก้วคิดจะกระโดดตึกตาย แต่โชคดีที่มดดำมาเจอจึงเข้าช่วยชีวิตไว้ และบอกให้แก้วสู้ชีวิต ถ้าคนรวยไม่ต้อนรับก็มาอยู่กับคนจนอย่างเธอสิ เธอยินดีต้อนรับแก้วเสมอ ในที่สุดแก้วจึงกลายเป็นเพื่อนมดดำและเชิดใส่กลุ่มของสุทธิดา อิทธิที่เรียนจบแล้วกัลยาก็ดึงมาช่วยทำงาน โดยกลายมาเป็นผู้ช่วยเลขาของชาติชาย ยิ่งทำให้อิทธิกับสุทธิดาได้เจอกันบ่อยขึ้น และอิทธิก็กล้าที่จะสั่งสอนสุทธิดามากขึ้น แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ทางเมื่อสุทธิดากล่าวหาว่างานที่อิทธิได้ก็ไม่ใช่ว่าได้ด้วยฝีมือหากแต่เพราะพ่อแม่เธอเป็นคนเรียกมาทำ อิทธิเจ็บใจที่ถูกดูถูก ชาติชายแอบมาได้ยินพอดีจึงคุยกับกัลยาว่าจะดัดนิสัยของสุทธิดาเลยมอบโปรเจคท์สำคัญให้อิทธิไปดูแลโดยให้สุทธิดาไปช่วยด้วย แต่สุทธิดาไม่ยอมทำอะไรปล่อยให้อิทธิทำคนเดียว และสุดท้ายก็แกล้งให้อิทธิทำงานผิดพลาด อิทธิรู้ทั้งรู้ว่าเป็นฝีมือสุทธิดา แต่ไม่ยอมพูดความจริง ยอมรับความผิดและลาออกไปในที่สุด มดดำสุดจะทนกับพฤติกรรมของสุทธิดาที่มาแกล้งพี่ชายที่เคารพจึงมาเอาเรื่อง สุทธิดาไม่พอใจเถียงกันและตบหน้ามดดำ มดดำจึงตบกลับ สุทธิดาอึ้งไม่คิดว่ามดดำจะกล้า ส้มที่รู้เรื่องจึงเรียกมดดำมาตบตีให้สาแก่ใจสุทธิดา มดดำมาทำงานบ้านในสภาพบอบช้ำ วาปีและองค์อรเห็นเข้าก็เริ่มจะทนไม่ไหว วาปีจึงสั่งให้มดดำขึ้นมานอนบนตึก เพื่อจะให้ห่างไกลจากส้ม ส้มยิ่งเจ็บใจที่ลูกสาวที่เกลียดจะลอยหน้าลอยตาขึ้นไปนอนบนตึกใหญ่ สุทธิดารู้สึกว่ายิ่งเกลียดมดดำ แต่มดดำก็ยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ส้มจึงบอกแผนให้สุทธิดาหาคนมาปล้ำมดดำ โดยไปยุดอมก็ได้แต่สุทธิดาไม่ยอมเพราะคิดว่าส้มจะฉวยโอกาสให้มดดำเขยิบฐานะมาเป็นน้องสะใภ้ ส้มรู้สึกแ
แรงปรารถนา (2556/2013) เพราะชาติกำเนิดที่ด่างพร้อย ทำให้พิทยา (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ต้องทนการกดขี่จาก สุอาภา หรือ กระแต (คิมเบอร์ลี แอน เทียมสิริ) ลูกสาวของผู้ที่เป็นทั้งนายและผู้มีพระคุณ โดยไม่รู้ว่าการกลั่นแกล้งนั้น คือการตอบโต้ความถือดีที่พิทยากล้าปฏิเสธการแต่งงาน ที่ นพ (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) ผู้เป็นพ่อของเธอ หมายมั่นจะให้พิทยาที่เขาชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก มาเป็นผู้ที่จะดูแลลูกสาวจอมเฮี้ยวของเขา คนไม่เคยแพ้อย่างสุอาภา จึงทำทุกทางเพื่อจะเอาชนะ โดยเฉพาะกับ รวีพรรณ (ณัฐวรา วงศ์วาสนา) ผู้หญิงที่ทำให้พิทยาปฏิเสธเธอ ยิ่งสุอาภาได้ลูกยุจาก พราวพิไล (ธนิดา กาญจนวัฒน์) เพื่อนสาว สุอาภาก็ยิ่งได้ใจ กลั่นแกล้งพิทยาต่าง ๆ นานา จนวันหนึ่งพิทยาก็หมดความอดทน
การประกาศลาออกจากบริษัทของพิทยา ซึ่งเปรียบเสมือนมือขวาของนพนั้น ทำให้ บวร (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) และ วรรณวดี (พริมรตา เดชอุดม) พี่ชายและพี่สาวของสุอาภา รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะฝีมือของสุอาภา แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถจัดการกับน้องสาวคนเล็กนี้ได้เลยสักคน ปวีณา (ภัณฑิรา พู่กลิ่น) พนักงานสาว เป็นเดือดเป็นร้อนออกนอกหน้าจน กรองทิพย์ (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) คนเก่าคนแก่ ต้องปรามให้เก็บความรู้สึกบ้าง เพราะรู้ดีว่าปวีณาแอบรักพิทยามาตลอด ตรงข้ามกับ ภูวดล (อเล็กซ์ เรนเดลล์) ลูกชายคนเดียวของ ศรีพิไล (พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ) อาสะใภ้ของสุอาภา ที่ทั้งดีใจ สะใจ ที่พิทยาจะได้ไปให้พ้นทางของเขาเสียที นพเล่นงานลูกสาว พร้อมขอร้องพิทยาให้อยู่ต่อ สุอาภาคิดว่าพิทยาแกล้งลาออกเพื่อเรียกร้องความสำคัญจากพ่อ ก็ยิ่งหมั่นไส้พิทยาเข้าไปใหญ่ สุอาภาเลยแกล้งวางแผนทำท่าสนิทชิดเชื้อกับพิทยาในงานเลี้ยงจนเป็นข่าว แถมยังหาเรื่องไปนอนค้างอ้างแรมที่บ้านของพิทยาในค่ำคืนที่ฝนกระหน่ำเพื่อให้รวีพรรณเข้าใจผิด ในค่ำคืนที่ได้ใกล้ชิด ความผูกพันแต่วัยเยาว์ซึมซาบเข้ามาในความรู้สึก แต่ในที่สุด ภาพเด็กชายพิทยากับเด็กหญิงกระแต ก็เป็นเพียงอดีตที่ทั้งคู่เลือกจะกดมันไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ เมื่อความจริงหลังจากตื่นลืมตาขึ้นมา สุอาภาคือผู้หญิงที่เขาเกลียดขี้หน้า ส่วนพิทยาก็เป็นเพียงผู้ชายต้อยต่ำ ที่ถือดีกล้าปฏิเสธการแต่งงาน จนทำให้เธอต้องอับอาย แผนของสุอาภาไม่เป็นผล เพราะรวีพรรณทั้งรักและเชื่อใจพิทยา แต่ถึงจะหนักแน่นเพียงใด เมื่อรวีพรรณได้ยินคำยุยงจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะ สินีนาฏ (พรรษชล สุปรีย์) ก็ทำให้รวีพรรณเริ่มหวั่นไหว รวีพรรณจึงให้พิทยาพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อเธอ ด้วยการเร่งสร้างฐานะให้ผู้ใหญ่ยอมรับ การมุมานะทำงานหามรุ่งหามค่ำของพิทยา ยิ่งทำให้สุอาภาแค้นใจ เดินหน้าสร้างความร้าวฉานให้พิทยาและรวีพรรณ จน ณรงค์ (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) และ รมณีย์ (ธัญญา โสภณ) พ่อแม่ของรวีพรรณที่รังเกียจผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างพิทยาอยู่แล้ว ออกโรงขัดขวางเต็มตัว เส้นทางของรวีพรรณกับพิทยาจึงเหมือนเป็นเส้นขนานเข้าไปทุกที เป็นความสะใจของสุอาภาอย่างมาก ขณะเดียวกันก็เป็นความอึดอัดกดดันของพิทยาอย่างที่สุดที่ต้องทนอยู่ร่วมโลกกับผู้หญิงใจร้ายอย่างสุอาภา แต่นั่นยังไม่หนักหนาเท่าที่เขาต้องรับรู้ว่ารมณีย์กำลังจะจับคู่รวีพรรณให้กับภูวดล เพราะมองเห็นความเหมาะสมทั้งฐานะและวงศ์ตระกูล การจับคู่ที่ผิดฝาผิดตัวกำลังจะเกิดขึ้น สร้างความปั่นป่วนให้กับทุกคน ยกเว้นแต่สุอาภาที่ยึดเอาสถานการณ์ของพิทยาและรวีพรรณซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากด้วยกันอยู่ทั้งคู่ โดยสุอาภาวางแผนเอาชนะใจพิทยาด้วยการเลิกข่มขู่ และทำในสิ่งตรงกันข้าม คือแสดงความเป็นเพื่อน ซึ่งการแสดงออกของสุอาภาก็แนบเนียนเสียจนพิทยาเองหลงเชื่อว่าสุอาภาคงเบื่อจะตอแยเขาแล้วจริง ๆ ทุกคนในบ้านพากันแปลกใจกับการที่สุอาภาขอเข้าไปฝึกงานในบริษัท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยแม้สักเสี้ยวความคิด ที่สุอาภาจะยอมทิ้งชีวิตอันสุขสบายของเธอ มีเพียงนพเท่านั้นที่ดูออกว่าลูกสาวกำลังจะเล่นเกมอะไรบางอย่าง แต่ด้วยความที่เขาอยากได้พิทยามาเป็นเขยอยู่แล้ว เนื่องด้วยในอดีต นพเคยหลงรัก พิมพ์ (ดารัณ บุญยศักดิ์) แม่ของพิทยามาก จึงยอมรับอุปการะพิทยา เมื่อพิมพ์ได้หอบพิทยามาฝากไว้กับเขาก่อนที่เธอจะเสียชีวิตไปพร้อมกับความลับที่เธอไม่ยอมปริปากว่าใครเป็นพ่อของพิทยา นพรู้เพียงว่าพิมพ์ได้พลาดท่า ไปได้เสียกับผู้ชายที่มีเมียแล้วเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจพิทยา ตรงกันข้าม เขากลับรักและเอ็นดูพิทยาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ประกอบกับพิทยาเอง ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนและการทำงาน นพจึงดีใจและเลือกให้พิทยาเป็นคนฝึกงานให้กับสุอาภาเสียเลย ทั้งสุอาภาและพิทยาจึงติดกันเป็นปลาท่องโก๋ แบบไปไหนไปด้วย สุอาภาเองก็ทำการบริหารเสน่ห์อย่างเนียน ๆ ไม่ให้พิทยารู้สึกตัว ว่าเธอกำลังจะแทรกซึมเข้ามาเพื่อทำลายความรักของเขากับรวีพรรณ รวีพรรณเองที่ถูกแม่บังคับให้คบหากับภูวดล ก็เริ่มใจแกว่งกับการต้องทนเห็นพิทยากับสุอาภาใกล้ชิดกัน ส่วนภูวดลเองที่แม้จะแอบมีใจให้สุอาภา แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเองนัก ก็เลยไม่กล้าขัดใจแม่ จึงคบหากับรวีพรรณอย่างฝืน ๆ คนที่มีความสุขที่สุดในเกมจับคู่นี้ จึงมีเพียงคนเดียวคือสุอาภา โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่า ในภาพลวงตาที่เหมือนเป็นแผนของเธอนั้น ลึก ๆ แล้ว มีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายอบอุ่นที่เธอคุ้นเคยมาแต่เล็กแต่น้อย ส่วนพิทยาเองก็รู้สึกแปลก ๆ ในบางครั้ง แต่ด้วยความที่ยังปักใจกับรวีพรรณ เขาจึงพยายามสลัดความรู้สึกนั้นออกจากใจ เมื่อไหร่ที่สุอาภายั่วใกล้ เขาก็รีบถอยห่าง สุอาภารู้เรื่องที่นพจะไปสู่ขอรวีพรรณ เลยรีบหาทางเอาชนะ โดยทำทีไปหาพิทยาที่บ้าน อ้างความปรารถนาดีเดิม ๆ คือความหวังดีกับเพื่อน พิทยาเองก็ไม่มีแก่ใจจะสู้รบกับสุอาภาอีก จึงปล่อยเลยตามเลย คืนนั้นสุอาภาจึงค้างอยู่ที่บ้านพิทยาอีกครั้ง แม้จะไม่มีอะไรเกินเลย แต่มันก็ทำให้เรื่องการสู่ขอที่นพอุตส่าห์บากหน้าไปนั้นต้องล้มเหลว เพราะรมณีย์ถือโอกาสเอาเรื่องที่สุอาภาไปค้างที่บ้านพิทยามาเป็นข้ออ้างทำให้พิทยาหมดโอกาสแก้ตัว พิทยาได้แต่แค้นใจและเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นแผนของสุอาภา เป็นครั้งแรกที่สุอาภารู้สึกเจ็บปวดกับสายตาเกลียดชังที่พิทยามองเธอ ส่วนนพเองแม้จะเสียใจที่ลูกสาวต้องมาผิดหวังซ้ำรอยพ่อที่เคยผิดหวังจากแม่ของพิทยา แต่เขาก็รู้สึกดีใจเพราะรู้ว่าความรักคือสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงหัวใจสุอาภาให้อ่อนโยนลงได้ รวีพรรณไปหาพิทยาที่บ้านแต่กลับไปเห็นภาพความใกล้ชิดระหว่างพิทยาและสุอาภาเกินกว่าความเป็นเพื่อน โดยไม่รู้ว่าสุอาภาเพียงแต่ไปขอโทษต่อสิ่งที่เธอทำกับพิทยา รวีพรรณจึงกลับไปด้วยความชอกช้ำใจ พิทยารีบตามไปอธิบาย รวีพรรณยอมเข้าใจและขอให้พิทยาพาเธอหนีไป แต่พิทยาปฏิเสธ เพราะเขาไม่ต้องการให้คำสบประมาทของพ่อแม่รวีพรรณ ที่เคยพร่ำด่าถึงกำพืดของเขาว่าต่ำทรามนั้น เป็นความจริง สุอาภาคิดที่จะชดใช้ความผิดของตัวเองด้วยการช่วยทำให้ณรงค์และรมณีย์ยอมรับพิทยา เธอสืบจากนพจนรู้ว่าที่จริงแล้วพิทยาไม่ใช่ลูกไม่มีพ่อ แต่เป็นเพราะพ่อของพิทยานั้น เป็นคนใหญ่คนโตที่ไม่ยอมรับพิทยาเป็นลูก แม่ของพิทยาที่หยิ่งในศักดิ์ศรีจึงตัดสินใจอุ้มท้องโดยไม่ปริปากบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก จนโดนตราหน้าว่ามั่วจนหาพ่อให้ลูกไม่ได้ นพเคยหลงรักแม่ของพิทยามาก่อน จึงคับแค้นใจที่หญิงผู้เป็นที่รักถูกผู้ชายย่ำยีอย่างไม่ใยดี สุอาภาเห็นนพเขม่นกับ รัฐมนตรีภาสันต์ (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) พ่อของภูวดล ก็เลยเชื่อว่าบางทีภาสันต์นั่นแหละที่อาจจะเป็นพ่อแท้ ๆ ของพิทยาก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสุอาภารู้ว่าลูกค้าคนสำคัญที่คอยให้พิทยาออกแบบบ้านให้คือ คุณนายจันทร์จำนง (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ย่าของภูวดล ก็ยิ่งทำให้สุอาภาเชื่อว่าที่คุณนายจันทร์ถูกชะตาพิทยาก็น่าจะเป็นเพราะพิทยาเป็นสายเลือดของเธอคนหนึ่งเช่นกัน สุอาภาเชื่อว่า หากรมณีย์ได้รู้ว่าพิทยาเป็นลูกของภาสันต์และเป็นพี่น้องกับภูวดล คนติดแต่เปลือกอย่างรมณีย์ก็จะยอมรับพิทยาเป็นลูกเขยได้เอง สุอาภาหาทางพิสูจน์ให้ภาสันต์ยอมรับพิทยาเป็นลูก ภูวดลไม่พอใจที่สุอาภาพยายามจะยกพิทยาขึ้นมาตีเสมอเขา เช่นเดียวกับรมณีย์ที่เดือดร้อนเพราะเห็นว่าสุอาภากำลังเข้าไปทำลายครอบครัวของศรีพิไลเพื่อนรัก พิทยาตกใจที่สุอาภาไปรื้อฟื้นเรื่องชาติกำเนิดของเขาขึ้นมา และที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นก็คือ การที่เธอทำให้เขาต้องมาเห็นภาสันต์แสดงความรังเกียจแม่ของเขา นพตกใจในความรั้นของสุอาภา ที่ดันทุรังสืบเสาะปมทุกอย่างจนค้นพบความจริงเข้า พิทยาทะนงจนเกินกว่าจะยอมรับภาสันต์เป็นพ่อ เขาขอให้นพช่วยปกป้องเขาอีกครั้ง นพออกมาคลี่คลายปัญหาด้วยการโกหกว่าเรื่องที่สุอาภาขุดคุ้ยนั้นเป็นเพียงความเข้าใจผิด พิทยาขอร้องให้สุอาภาเลิกยุ่งกับชีวิตเขา สุอาภาเสียใจที่ความหวังดีของเธอกลายเป็นความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สำหรับคุณนายจันทร์จำนงแล้ว ความพยายามของสุอาภานับว่าไม่สูญเปล่า แม้พิทยาจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็มั่นใจว่าพิทยาเป็นหลานย่าของเธอแน่ ๆ รมณีย์ยังไม่วายจะจับภูวดลให้ได้ เพราะกลัวรวีพรรณจะกลับมาคบหากับพิทยาอีก แต่ตัวภูวดลเอง กลับถูกใจผู้หญิงอย่างสุอาภามากกว่า สุอาภาอยากทำให้รมณีย์เห็นธาตุแท้ความเจ้าชู้ของภูวดล จึงได้ทำเป็นเฟลิตเที่ยวกับภูวดล ภูวดลติดกับสุอาภาอย่างง่ายดาย ศรีพิไลและภาสันต์รับไม่ได้ที่ภูวดลไปหลงเสน่ห์ยายตัวแสบอย่างสุอาภา รมณีย์เชื่อว่าสุอาภานั้นเข้าข่ายโรคจิตขี้อิจฉาจนคิดจะแย่งผู้ชายทุกคนไปจากรวีพรรณ นพอ่านเกมออกว่าสุอาภาไม่ได้มีใจให้ภูวดลเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เธอทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อพิทยา นพรู้สึกเห็นใจลูกสาวที่กำลังหลงรักพิทยาเพียงข้างเดียว ภูวดลเริ่มรู้ตัวว่ากำลังถูกสุอาภาหลอกใช้เพื่อกันตัวเขาให้ออกห่างจากรวีพรรณ สุอาภาเปิดอกยอมรับเพราะเธอเองก็เบื่อจะเล่นละครกับภูวดลเต็มทนแล้ว ภูวดลคิดจะสั่งสอนสุอาภาด้วยการวางยาเพื่อรวบรัดหญิงสาว บวรและนพบอกพิทยาถึงแผนที่สุอาภากำลังเอาตัวไปพัวพันกับภูวดล พิทยาไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างสุอาภาจะทำอะไรให้เขาด้วยความหวังดี เขาจึงแอบจับตาดูความสัมพันธ์ของสุอาภากับภูวดล จนได้รู้เรื่องที่ภูวดลจะวางยาสุอาภา พิทยาจึงรีบตามไปช่วยสุอาภาที่หมดสติไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่เธอจะพลาดท่าให้แก่ภูวดล นพเอาเรื่องภูวดลแบบกะจะเอาให้ถึงตาย พิทยาขวางนพไว้ด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่อยากให้มือนพต้องเปื้อนเลือด พิทยาสับสนกับสิ่งที่สุอาภาทำให้เขา สุอาภาไม่กล้าบอกว่าเธอทำเพราะรู้สึกดี ๆ ต่อเขา เธอได้แต่อ้างว่าทำไปเพื่อชดใช้ความผิด เพื่อให้พิทยาได้กลับไปลงเอยกับรวีพรรณอีกครั้ง ภูวดลแกล้งปล่อยภาพหลุดของสุอาภาที่แอบถ่ายไว้ก่อนที่พิทยาจะเข้ามาชิงตัวสุอาภาไป สุอาภาเสียใจแต่ก็ทำเป็นชาชินกับข่าวฉาวระลอกใหม่ตามประสาสาวกร้านโลก นพเดือดดาลที่ถูกภูวดลหักหลัง พิทยาลุกขึ้นมาปกป้องครอบครัวผู้มีพระคุณของเขาด้วยการรับสมอ้างเป็นคนรักของสุอาภาและเป็นชายในภาพหลุดนั้นเสียเอง พิทยายอมแต่งงานกับสุอาภาเพื่อรักษาหน้าสุอาภา รวีพรรณแทบจะล้มทั้งยืน เมื่อพิทยาอ้างว่าบุญคุณสำคัญกว่าความรัก สุอาภาไม่เต็มใจแต่งงานเพราะรู้ว่าพิทยาทำเพื่อทดแทนบุญคุณ รวีพรรณตอกย้ำให้สุอาภารู้ว่าเธอจะได้พิทยาไปแต่ตัว งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามคำขอของพิทยา พิทยาขอให้สุอาภาย้ายออกมาอยู่ที่บ้านของเขา เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมองว่าตกถังข้าวสาร เมื่อต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ความผูกพันในวัยเด็กของทั้งคู่ก็เริ่มกลับคืนมา พิทยาหาทางดัดนิสัยแย่ ๆ ของสุอาภา แต่แม้จะรู้สึกดีต่อกันแค่ไหน สุอาภาก็คงยังแต่งงานกับพิทยาแค่ในนาม เพราะเชื่อว่าพิทยายังรักรวีพรรณอยู่ ในขณะที่พิทยากลับคิดว่าสุอาภารังเกียจเกินกว่าจะเริ่มต้นชีวิตคู่กับผู้ชายต้อยต่ำอย่างเขา รมณีย์โล่งใจที่พิทยาออกไปจากชีวิตของรวีพรรณได้ รวีพรรณถูกบังคับให้แต่งงานกับภูวดล รวีพรรณตั้งใจประชดชีวิตด้วยการเสนอตัวเป็นภรรยาน้อยของพิทยา เพื่อหักหน้าพ่อแม่ที่บังคับให้เธอแต่งงานโดยไม่เต็มใจ รวีพรรณกลายเป็นคนแข็งกร้าว เย็นชา เธอเริ่มเป็นมือที่สามเข้าไปก้าวก่ายชีวิตครอบครัวของพิทยากับสุอาภา จนทำให้คนกลางอย่างพิทยาลำบากใจ เขาพยายามปฏิเสธไม่ให้ความหวังอะไรแก่รวีพรรณ สุอาภาเองเสียอีกที่กลับเป็นฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น คอยหนีกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเอง เพื่อที่จะเปิดทางให้พิทยาใช้บ้านของเขาเป็นรังรักกับรวีพรรณได้ตามสบาย แต่ลึก ๆ แล้วสุอาภารู้ว่าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะหึงหวงพิทยา เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของหัวใจของเขา พิทยาไม่เคยมองเจตนาของสุอาภาในแง่ดี เขาได้แต่ตีความเอาเองว่าสุอาภาเห็นเขาเป็นพวกลักกินขโมยกินและมักง่าย และที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ เธอไม่เคยใยดีในตัวเขาจนไม่เคยนึกที่จะหึงหวงหรือรั้งเขาไว้ซักนิด ด้วยทิฐิของพิทยาและสุอาภา ทำให้ทั้งคู่สร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้นความรู้สึกระหว่างกันทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่เคยรับรู้ความรักที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงนั้นเสียที ในขณะที่ความเจ็บปวดบีบคั้นให้รวีพรรณกลายเป็นผู้หญิงกล้าได้กล้าเสียที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อตักตวงความสุขส่วนตัวแม้เพียงชั่ววูบ สุอาภากลับเรียนรู้ที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีตด้วยการใช้สตินำทางในการใช้ชีวิต นพดีใจที่เห็นว่าความรักทำให้สุอาภานั้นโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก รวีพรรณเสนอตัวขอมีสัมพันธ์กับพิทยาก่อนที่เธอจะต้องตกเป็นของภูวดล แต่พิทยาก็ไม่หวั่นไหว โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องให้เกียรติสุอาภา พิทยาผิดหวังที่รวีพรรณทำตัวเหมือนไม่มีคุณค่าและยังจ้องทำร้ายจิตใจสุอาภาอยู่ตลอด พิทยาแทบไม่อยากจะเชื่อว่ารวีพรรณเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เขาเคยรัก รวีพรรณเองก็เชื่อว่าพิทยารักสุอาภาไปแล้ว เพียงแต่เขาไม่กล้ายอมรับ สุอาภาเห็นรวีพรรณสนิทแนบแน่นกับพิทยา คิดว่าพิทยาเลือกรวีพรรณ สุอาภาตัดสินใจขอพิทยาหย่า ขณะที่พิทยารู้ว่าใจของเขามีแต่สุอาภาเพียงคนเดียว แรงรัก แรงปรารถนา ของหนุ่มสาวสองคู่จะจบลงเช่นไร ก็ต้องติดตามชมใน ละครแรงปรารถนา ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.30 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครแรงปรารถนารักข้ามเส้น (2556/2013) อมร กับ นวล ค้าเจริญ เจ้าของร้านบะหมี่ลือชื่อ มีลูกชายหญิง 3 คน คือ ฟ้ามุ่ย (น้ำฝน) ฟ้าลั่น และฟ้าใส โดยอมรและนวลฝึกลูกๆ ทั้งสามให้ช่วยงานในร้านตั้งแต่เล็กจนโต จนกิจการเจริญรุ่งเรือง พวกเขาขยายร้านและยังทำโรงงานผลิตบะหมี่ขนาดเล็กๆ ส่งขายอีกด้วย โดยให้ฟ้ามุ่ยเป็นคนดูแลกิจการในร้านเป็นหลัก เธอจึงสมัครใจที่จะเรียนจบแค่ชั้นม.6 แล้วออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานอย่างเต็มตัว เพื่อเสียสละให้น้อง ๆ ทั้งสองได้เรียนหนังสือกันเต็มที่ ดังนั้นฟ้าลั่นกับฟ้าใสจึงเรียนจบมหาวิทยาลัย พอจบแล้วฟ้าลั่นก็กลับมาดูแลโรงงาน ส่วนฟ้าใสนั้นช่วยนวลดูแลด้านบัญชีทั่วไป ฟาก ชาคริต (เฟิร์ส) หนุ่มนักเรียนนอก ลูกชายโทนของ คุณหญิงพจนีย์ ซึ่งถูกมารดาบังคับให้คบกับ พิมพ์สิริ หญิงสาวผู้เพียบพร้อมทั้งฐานะและการศึกษา และที่สำคัญเลยก็คือ เธอสืบเชื้อสายมาจากผู้ดีเก่าเช่นเดียวกับตระกูลของชาคริตอย่างที่คุณหญิงพจนีย์ต้องการ คุณหญิงพจนีย์ต้องการให้สาวๆ ที่หมายตาชาคริตรู้ว่าชาคริตมี คนรักที่เหมาะสมอยู่แล้ว จึงบังคับเขาพาพิมพ์สิริออกงานสังคม โดยยอมแลกข้อแลกเปลี่ยนกับชาคริตว่าคุณหญิงจะยอมให้เขาไปสอนพิเศษตอนกลางคืน แต่ตอนกลางวันเขาจะต้องเข้าทำงานเป็นผู้บริหารโรงแรมที่คุณหญิงเป็นเจ้าของ ทั้งๆที่ชาคริตไม่ชอบงานบริหารเอาเสียเลย ชาคริตจึงต้องจำใจยอมไปงานสังคมกับพิมพ์สิริแทบจะรายวัน ชาคริตอึดอัดมากเมื่อต้องอยู่ในงานสังคมสวยหรูแต่คนใส่หน้ากากเข้าหากัน ขาดความจริงใจต่อกัน ดังนั้นเมื่อพิมพ์สิริเผลอเขาจึงหลบออกมาจากงาน โดยได้รับความช่วยเหลือจาก หมอนิธิ เพื่อนสนิทของเขาที่มางานสังคมด้วย พอออกมาจากงานได้แล้วชาคริตเกิดหิวขึ้นมาจึงแวะเข้ามากินบะหมี่ที่ร้านของอมร เพราะถึงเขาจะเกิดมาในตระกูลผู้ดีเก่า แต่ชาคริตก็ชอบชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและสงบ เมื่อฟ้ามุ่ยเห็นชาคริตก็หลงรักเขาทันที แต่เธอก็ทำได้แค่แอบมองเขา ส่วนชาคริตไม่ได้สนใจฟ้ามุ่ยเลย นับตั้งแต่ชายหนุ่มในฝันจากไป ฟ้ามุ่ยก็เศร้าใจมาก นวล ฟ้าลั่น ฟ้าใส และฉัตร ต่างเป็นทุกข์ไปกับฟ้ามุ่ย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ฟ้าใสจึงออกความคิดให้ฟ้ามุ่ยลองเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจำวันดูบ้าง เผื่อว่าสักวันที่ฟ้ามุ่ยได้เจอชายในดวงใจจะได้ไม่ต้องแห้วอีก ฟ้ามุ่ยจึงตัดสินใจขออมรไปเรียนต่อพราะหวังจะเอาวิชาความรู้กลับมาช่วยขยายกิจการร้าน อมรยอมให้ฟ้ามุ่ยเรียนได้ เพราะใจจริงเขาก็ต้องการให้ลูกสาวมีการศึกษาไม่น้อยหน้าใครอยู่แล้ว แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องไปเรียนเมื่อปิดร้านแล้วเท่านั้น เพื่อไม่ให้งานทางร้านเสียหาย เพราะฟ้ามุ่ยเป็นตัวหลักของกิจการร้านบะหมี่อยู่ ฟ้ามุ่ยจึงตัดสินใจเลือกเรียนภาคค่ำแทนภาคปกติ และที่เรียนภาคค่ำนั่นเอง ฟ้ามุ่ยก็ได้พบกับชาคริตอีกครั้ง เพราะชาคริตเป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสือที่นั่น เมื่อได้พบชายในฝันอีกครั้ง ฟ้ามุ่ยจึงคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ชาคริตสนใจ เธอเริ่มแต่งหน้า แต่งตัวมากขึ้น โดยมีฟ้าใสและฉัตรคอยช่วยเหลือแนะนำ จากที่เคยเป็นอีเพิ้ง ฟ้ามุ่ยก็เริ่มสวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตาจนเป็นที่แปลกใจของอมรมาก อมรจึงพยายามซักถามฟ้ามุ่ยถึงสาเหตุของการเปลี่ยนรูปแปลงโฉมของลูกสาวในครั้งนี้ แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ อมรจึงแอบไปจ้างพล ชายหนุ่มที่เปิดร้ายขายข้าวมันไก่อยู่ข้างๆ ร้านบะหมี่ของอมรให้คอยแอบตามดูพฤติกรรมของฟ้ามุ่ยทุกระยะ แต่พลเกิดมาหลงรักฟ้าใสเข้า จึงถูกฟ้าใสชักชวนเข้าเป็นพวกที่คอยให้ความช่วยเหลือให้ฟ้ามุ่ยได้สมหวังในรักกับชาคริต โดยตั้งเงื่อนไขว่าถ้าพลไม่ช่วยกันปิดบังเรื่องฟ้ามุ่ยกับชาคริตแล้ว ฟ้าใสจะไม่ยอมรับรักพล พลจึงกลายเป็นสายให้พวกฟ้ามุ่ยเสียแทน ฝ่ายชาคริตเมื่อมาได้สอนหนังสือภาคค่ำให้ฟ้ามุ่ย เขาก็ได้รู้จักกับเธอมากขึ้น รู้ว่าเธอเป็นคนอ่อนโยนและจริงใจเพียงใด แล้วเขาก็ตกหลุมรักฟ้ามุ่ยในที่สุด ฟ้ามุ่ยตื่นเต้นมากที่ชาคริตหันมาสนใจเธอ แต่เธอก็กลัวว่าถ้าเขารู้ว่าเธอคือสาวร้านขายบะหมี่ที่เขาเคยมองเมินมาแล้ว เธออาจจะผิดหวังในรักครั้งนี้ก็ได้ ฟ้ามุ่ยจึงหลอกชาคริตว่าเธอเป็นลูกเศรษฐี ชาคริตชวนฟ้ามุ่ยออกเดทหลายครั้ง ความรักของฟ้ามุ่ยกับชาคริตดูเหมือนจะงอกงามดี แต่ฟ้ามุ่ยก็ไม่สบายใจเรื่องที่โกหกชาคริตว่าเธอคือใคร จนเธอเกือบจะหลุดปากบอกวามจริงก็หลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าพอ นวลเห็นลูกสาวมีทุกข์จึงบอกฟ้ามุ่ยว่าก่อนที่ความรักของเธอจะก้าวไปไกลกว่านี้ ฟ้ามุ่ยควรจะบอกความจริงกับชาคริตเสีย เพราะคนเราถ้าคิดจะเป็นคู่ชีวิตกันแล้วก็ควรจะยอมรับตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายให้ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคู่ไม่มีทางไปรอด ฟ้ามุ่ยจึงตัดสินใจบอกความจริงกับชาคริตในวันออกเดทกันวันหนึ่งว่าเธอคือยายเพิ้งที่ขายบะหมี่ที่ชาคริตเคยมองเมินคนนั้น และเมื่อได้รู้ความจริงอย่างงี้แล้วชาคริตยังอยากจะคบเธอต่อไปหรือไม่ ชาคริตอึ้งไป ฟ้ามุ่ยจึงคิดว่าชาคริตผิดหวังเมื่อรู้ความจริงว่าเธอคือใครจึงวิ่งหนีไป เหล่าพี่น้องและแม่ต้องพากันช่วยปลอบใจฟ้ามุ่ยกันเป็นการใหญ่ แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้น วันๆเอาแต่เศร้าซึม ทำบะหมี่ให้ลูกค้าๆ ผิดๆ ถูกๆ จนถูกลูกค้าต่อว่า ยิ่งทำให้ฟ้ามุ่ยเครียดมากขึ้นไปอีก ในที่สุดฟ้ามุ่ยก็ตัดสินใจจะย้ายไปเรียนที่อื่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าชาคริตให้ช้ำใจอีก ฝ่ายชาคริตหลังจากหายตกใจแล้วก็พยายามจะตามหาฟ้ามุ่ยเพื่อปรับความเข้าใจ แต่กลับพบว่าฟ้ามุ่ยย้ายไปเรียนที่อื่นเสียแล้ว ชาคริตก็เศร้าใจมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาจึงตัดสินใจแอบค้นที่อยู่ของฟ้ามุ่ยจากใบสมัครเข้าเรียนจนรู้ว่าฟ้ามุ่ยอยู่ที่ไหน แล้วแอบไปดักเจอฟ้ามุ่ยที่หน้าบ้าน ฟ้าลั่นกับพลเห็นชาคริตมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวบ้านก็คิดว่าเป็นโจร จึงช่วยกันรุมซ้อมชาคริต แต่ฟ้ามุ่ยกลับมาเจอจึงห้ามไว้ ฟ้ามุ่ยตกใจมากที่เห็นว่าคนที่ถูกรุมซ้อมจนสะบักสะบอมนั้นคือชาคริตจนทำอะไรไม่ถูก ชาคริตจึงรีบบอกว่าเขาไม่ได้นึกรังเกียจลูกร้านขายบะหมี่อย่างเธอเลย แต่วันนั้นที่เขาเงียบไปหลังจากรู้ความจริงว่าฟ้ามุ่ยคือใครแล้วนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาโกรธตัวเองที่มองผ่านเลยผู้หญิงดีๆอย่างฟ้ามุ่ยไปได้ และชาคริตขอโอกาสให้เขาได้กับมาคบกับฟ้ามุ่ยอีกสักครั้ง ฟ้ามุ่ยอึ้งไป ชาคริตเลยคิดว่าฟ้ามุ่ยยังโกรธเขาอยู่ จึงตัดสินใจพิสูจน์รักแท้ของเขาด้วยการขอฟ้ามุ่ยแต่งงาน ! ฟ้ามุ่ยตกใจมาก ! เพราะรู้ว่าพ่อของเธอไม่ชอบลูกคนรวยอย่างชาคริต แต่ชาคริตไม่หวั่น เขากลับบอกฟ้ามุ่ยว่าเมื่อเขารักแล้ว เขาจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเป็นอันขาด และเขาจะต้องเอาชนะใจว่าที่พ่อตาของเขาให้ได้ไม่ว่าจะต้องใช้ความพยายามสักแค่ไหนก็ตามฟ้ามุ่ย นวล ฟ้าลั่น ฉัตร ฟ้าใส และพลจึงช่วยกันออกอุบายให้ชาคริตปลอมตัวเป็น "ชาติ" หนุ่มกำพร้าเข้าไปเป็นคนงานในโรงงานบะหมี่ของอมร ยอมทำงานใช้แรงงานอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ชาคริต ตอบตกลง เอาละสิ !!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป แรงงานโรงงานบะหมี่อย่าง “ชาคริต” จะสามารถเอาชนะใจ ว่าที่พ่อตาแม่ยาย ได้หรือไม่ และการฟันฟ่าอุปสรรคนานับประการของทั้งคู่ จะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ติดตามรับชมละคร “รักข้ามเส้น”
สูตรรักพลิกล็อก (2556/2013) เรื่องราวอันแสนวุ่นวายของชายหนุ่มสามคนที่แตกต่างกันทั้งนิสัย ทั้งวัย และเรื่องราวความรัก ตั้มเด็กหนุ่ม ม.6 สุดแสบที่กำลังแอบรักดาวโรงเรียน แต่กลับต้องปวดหัวเมื่อพบว่าเมย์สาวในฝันของเขาเป็นสาวจิ้น Y (ชอบจินตนาการให้ชายรักชายหญิงรักหญิง) แต่ด้วยความช่วยเหลือและคำชี้แนะอันแสนเพี้ยนของเพื่อนซี้ทั้งสอง เป้หนุ่มหล่อสุดซี้และอ้นไอ้แว่นปากดี ความรักครั้งนี้จึงพอจะมีลุ้น แต่ทว่าความรักของเขากลับต้องสะดุดเมื่อเขาไม่แน่ใจว่าความรักที่มีให้กับสาวในฝันนั้นเป็นของจริงหรือไม่ เมื่อ เมย์กลับชอบเป้ และยิ่งกว่านั้นหลังจากที่สามหนุ่มเสพเรื่อง Y เป้กลับเริ่มหวั่นไหวกับเพศเดียวกันสะงั้น ความเปลี่ยวของวัยรุ่นความรักที่ไม่อาจคาดเดา จึงนำมาซึ่งความวุ่น Y และยากจะคาดเดาว่าเราน่ะ รักใคร ต้อง หนุ่มมหาลัยปีสุดท้ายผู้ทุ่มเท เขาหลงรักแนนสาวสวยติดเที่ยวผู้เห็นเขาเป็นแค่คนช่วยทำรายงาน แต่เมื่อเข้าช่วงปีสุดท้ายการเรียนของแนนกลับไม่คืบหน้า เพราะเธอห่วงแต่เที่ยวจนไม่สนเรื่องเรียน ต้องจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะทำให้เธอเรียนจบให้ได้ จนเมื่อถึงเส้นตายของการส่งงาน เขาจึงต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเขาเองหรืออนาคตของคนที่เขารัก แม้ต้องจะดูเป็นไอ้โง่ในสายตาคนอื่น แม้ว่าแนนจะมีแฟนแล้ว แม้ว่าแนนจะชอบเที่ยวกลางคืนหรือเล่นยาจนไม่ได้ สติ แนนก็ยังดูดีในสายตาของต้องเสมอ เขารักแนนมานานแล้วและแม้ว่าต้องจะไม่ได้เป็นคนแรกของแนนแต่ต้องขอเป็นแค่คนสุดท้ายก็พอ ต้นหนุ่มออฟฟิศอารมณ์ดีเขาคบกับ แก้วแฟนสาวมา7ปีแล้วแต่ในวันที่เขาเลี้ยงฉลองการเลื่อนขั้นของเขา ต้นกลับตื่นขึ้นมาบนเตียงกับเจเพื่อนสาวทอมซะงั้น ยังวุ่นวายไม่พอเมื่อรองประธานหนุ่มมาดเท่ปรากฏตัว พร้อมกับขายขนมจีบลูกโตกับแก้วแฟนสาวที่คบกันมาถึง7ปี แถมยัยสาวทอมยังมาตามปั่นหัวเขาต่างต่างนานา ความรักของต้นจะเป็นเช่นไร แก้วจะเลิกคบกับต้นหรือไม่ ทอมจะกลายเป็นหญิงรึเปล่า ไอ้ตั้มจะเป็นเกย์หรือไม่ ต้องจะทิ้งอนาคตของตัวเองเพื่อแนนจริงหรือ พบคำตอบได้ใน สูตรรักพลิกล็อก
หลบผี ผีไม่หลบ (2556/2013) นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมีโครงการจะผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อส่งเข้าประกวด ซึ่งในทีมนี้ประกอบด้วย ญาดา (พรภัสสร อัตถปัญญาพล), วิทย์, แป๋ม, อู๊ดและนุ่น โดยมีอาจารย์สำอาง (อุเทน คตน่วม) ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ญาดาตกลงกับทีมว่าจะทำหนังสารคดีแนวผี ๆ กัน โดยเลือกโลเคชั่นชนบทที่ยังมีความเชื่อในเรื่องลี้ลับ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ทั้งหมดก็พากันออกเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งอยู่ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นเอง จู่ ๆ รถก็เกิดเสียแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จวบจนกระทั่งพลบค่ำก็มีรถอีแต๊กของ คำมี ชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากไร่ขับผ่านมา คำมีพาทั้งหมดไปขออาศัยพักที่บ้านของผู้ใหญ่มา ผู้ใหญ่บ้านแห่งตำบลบ้านโคก และยังช่วยลากรถที่เสียไปให้ บุญรอด ช่างประจำหมู่บ้านช่วยซ่อมให้ด้วย ผู้ใหญ่มากับนางฟ้อนผู้เป็นเมียให้การต้อนรับขับสู้ทุกคนด้วยความเต็มใจยิ่งและยังกำชับทุกคนว่าห้ามออกจากบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ตามลำพังเป็นอันขาด เพราะเวลานี้มีผีปอบกำลังออกอาละวาดอยู่ในหมู่บ้าน แต่ญาดากลับคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะถ้าทีมของเธอสามารถถ่ายภาพผีปอบตัวจริง ๆ ได้ล่ะก็หนังของพวกเธอมีหวังดังเป็นพลุแตกแน่นอน กลุ่มของญาดาคิดว่าเรื่องผีปอบยายม้วน (ปนัดดา โกมารทัต) กับวานี (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนเร้นอยู่ จึงอยากจะสืบหาความจริงต่อไป ประกอบกับรถที่เสียนั้นบุญรอดก็ยังหาอะไหล่มาซ่อมไม่ได้ ทั้งหมดจึงตกลงใจที่จะพักอยู่ที่นี่ต่อไปและเปลี่ยนโลเคชั่นที่จะใช้ถ่ายทำหนังสารคดีแนวผี ๆ มาเป็นที่บ้านโคกซะเลย เวลาต่อมา เอ๊ด (รัชชานนท์ สุประกอบ), ปาล์ม, เป็ด, ชัย, เจนและหนูนา กลุ่มนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่เชื่อว่าผีมีจริงในโลกก็ได้เดินทางมาพร้อมกับ อาจารย์พูน (โจ บอยสเกาต์) ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และก็บังเอิญมารถเสียบริเวณเดียวกันกับทีมแรก และยังได้พบกับคำมีขับรถอีแต๊กผ่านมาเหมือนกันเปี๊ยบ คำมีพาทั้งหมดไปพบกับผู้ใหญ่มาและได้พักอยู่ที่บ้านอีกหลังซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านที่กลุ่มของญาดาพักอยู่ ทั้งสองกลุ่มเริ่มเปิดฉากไม่ลงรอยกันตั้งแต่ได้พบหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะญาดากับเอ๊ดซึ่งเคยเป็นคู่รักกันในอดีต แต่มีเรื่องบาดหมางจนถึงขั้นตัดสัมพันธ์กันไป เปลี่ยนสถานะจากคนรักมาเป็นศัตรูคู่ปรับที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร เอ๊ดกับญาดาถึงขั้นเดิมพันกันว่าถ้าทีมไหนสามารถพิสูจน์ได้ก่อนว่าผีมีจริงหรือไม่ก็จะเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้จะต้องยอมเป็นเบ๊ให้ผู้ชนะใช้งานได้ทุกอย่าง ทีมของญาดากับวิทย์เริ่มถ่ายทำสารคดีเกาะติดวิญญาณโดยมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านหลายคนถึงเรื่องวิญญาณผีเฮี้ยนที่ชาวบ้านเคยประสบพบมา ซึ่งชาวบ้านต่างก็ยืนยันว่าที่บ้านโคกมีผีจริงและเฮี้ยนกว่าที่อื่นแน่นอน วิทย์เสนอให้ถ่ายทำบางส่วนเป็นภาพเหตุการณ์จำลองตามคำบอกเล่าของชาวบ้านเพื่อให้ดูสมจริง โดยให้ชาวบ้านมาร่วมแสดงเป็นผีด้วย และพอถึงเวลาถ่ายทำจริงตัวประกอบเหล่านั้นก็แสดงได้สมจริงมากไม่ว่าจะแสดงเป็นผีหัวขาด, ผีไส้ไหล, ผีตาโบ๋, ผีกระสือ ฯลฯ แต่ละตัวก็ดูสมจริงอย่างน่าทึ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีทีมเอฟเฟกต์มาช่วยแต่งหน้าแม้แต่คนเดียว ซึ่งภาพที่ออกมานั้นทำให้ทุกคนพอใจมาก แต่บางคนก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ ซะแล้ว ส่วนทีมของเอ๊ดกับปาล์มก็พากันออกสำรวจหาวิญญาณด้วยการใช้เครื่องมือไฮเทคตรวจจับคลื่นความถี่ และปรากฏว่าเครื่องจะร้องทุกครั้งที่มีชาวบ้านเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่เอ๊ดคิดว่าเครื่องอาจจะขัดข้องจนทำงานผิดพลาด แต่ไม่ว่าจะลองแก้ไขแล้วนำมาทดลองกี่ครั้งผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือทุกครั้งที่มีชาวบ้านเข้ามาใกล้เครื่องก็จะส่งสัญญาณดังขึ้นทันที แต่พอทีมของญาดากลับมาเช็กภาพในเทปวิดีโอที่ถ่ายไว้กลับปรากฏว่าเทปเสียทั้งหมด จึงไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าผีที่ทุกคนเห็นนั้นเป็นผีจริงหรือว่าผีปลอมกันแน่ แต่เอ๊ดมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นจะต้องมีใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจัดฉากขึ้นมาหลอกลวงแน่ ๆ และเขาจะต้องกระชากหน้ากากพวกลวงโลกพวกนี้ให้ได้ อาจารย์สำอางกับอาจารย์พูนต้องอกหักยับเยินเมื่อถูกวานีปฏิเสธรักแถมทั้งคู่ยังได้เห็นวานีกำลังจับไก่กินสด ๆ ก็รู้ทันทีว่าวานีเป็นผีปอบตามที่ชาวบ้านบอกจริง ๆ อาจารย์สำอางกับอาจารย์พูนเสียใจจนถึงขั้นดวลเหล้ากันจนเมามาย และที่ช็อกยิ่งกว่าก็เมื่อไปเจอภาพถ่ายที่ใช้ตั้งหน้าศพของผู้ใหญ่มาซึ่งเสียชีวิตมานานแล้ว ผู้ใหญ่มากับนางฟ้อนยอมรับกับทุกคนว่าเขากับเมียเสียชีวิตกันแล้วจริง ๆ พอทุกคนรู้ว่าถูกผีหลอกก็รีบเผ่นแน่บไปหาหลวงพ่อทอง หลวงพ่อทองจึงยอมเล่าความจริงเรื่องหมู่บ้านโคกให้ทุกคนฟัง เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านโคกกันแน่? และความรักระหว่างเอ๊ดกับญาดาจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหรือไม่? ติดตามชมได้ใน ละครหลบผี ผีไม่หลบ