2551
นิมิตมาร (2551/2008) ภาขวัญ (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) หญิงสาวสวยเพิ่งเรียนจบและเข้ารับราชการในกระทรวงกลางใจเมือง ภาขวัญจึงต้องย้ายหอพักเข้ามาอยู่ในเมือง ภาขวัญชวน เต็มใจ (ธนิดา กาญจนวัฒน์) เพื่อนสนิทตระเวนหาหอพักจนมาสะดุดตากับ นทีคอร์ท อพาร์ทเม้นท์หรู ซึ่งมี นทีทอง (จารุณี สุขสวัสดิ์) สาวใหญ่เป็นเจ้าของ เต็มใจพยายามค้านเพราะอพาร์ทเม้นท์ดูเงียบเชียบแถมเจ้าของ ดูลึกลับ แต่ภาขวัญไม่ใส่ใจ ภาขวัญเคยมีแฟนไฮโซชื่อ คมกริช (แซม โชติบัณฑ์) แต่คมกริชหันไปคบกับ ลิสา คุณหนูไฮโซ ทำให้ ภาขวัญอกหัก หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ที่นทีคอร์ท ภาขวัญเริ่มรู้สึกถึงความแปลกๆ ของสถานที่แห่งนี้ คนเช่าอพาร์ทเม้นท์มีเพียงสองคนคือ ภาขวัญและ ภณา (วิทยา วสุไกรไพศาล) เป็นตากล้องให้ทีมงานสารคดี ภณาเป็นชายหนุ่มที่มีสัมผัสที่หกและมักรับรู้ได้ถึงลางร้าย ติดตามต่อได้ใน นิมิตมาร
ทางช้างเผือก (2551/2008) คุณนายสมถวิล เป็นคนร่ำรวยใจบุญ ชอบอุปการะเลี้ยงเด็กหญิงกำพร้า ดารินทร์ เด็กหญิงกำพร้าถูก ฟองจันทร์ เจ้าของซ่องนำมาให้คุณนายสมถวิลดูแล แต่ เบญจา ลูกสาวคนเดียวไม่เห็นด้วย คุณนายสมถวิลมีลูก 2 คน บุญชนะ ลูกชายคนโตเป็นคนอ่อนแอ เรียบร้อย เงียบขรึม ซึ่งตรงข้ามกับ เบญจา หลังจากที่บุญชนะฆ่าตัวตาย คุณนายสมถวิลจึงต้องเลี้ยง วรัณ และ วาม ซึ่งเป็นลูกของบุญชนะ เบญจาพยายามผลักดันให้ เปรมสุดา ลูกสาวของตนขึ้นเป็นหลานรักของสมถวิล แต่เปรมสุดาไม่สนใจ สมถวิลให้ สุรีย์ เด็กกำพร้ารุ่นแรกดู วารินทร์ โดยมี เอื้องคำ เป็นผู้ช่วย สมถวิลไว้ใจสุรีย์มากจึงทำให้เบญจาไม่พอใจ เมื่อเวลาผ่านไปวรัณเป็นหนุ่มเต็มตัว เกเรไม่สนใจเรียน เกลียดผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เปรมสุดาชอบหมกตัวอยู่กับเพื่อน วามก็ยิ่งเงียบขรึม เวลาที่ไม่พอใจอะไรก็จะไปลงที่เปียนโน สมถวิลจึงหาครูมาสอนให้เป็นเรื่องเป็นราว ดารินทร์เห็นเปรมสุดานั่งกอดจูบกับเพื่อนสาว เมื่อเบญจาทราบเรื่องจึงส่งลูกสาวไปเรียนต่อเมืองนอกกับวรัณ แต่วามต้องการเรียนดนตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปกรหยาดทิพย์ ราชปาล สม ถวิลยังคงสนับสนุนเด็กในอุปการะ จึงทำให้เบญจาไม่พอใจคิดว่าเด็กจะปอกลอกแม่ของเธอ ส่วนวามจะกับมาเยี่ยมย่าทุกเดือน ดารินทร์ก็รอวามกลับมาเพื่อที่จะฟังวามเล่นเปียนโน หลังจากไปเมืองนอกหลายปีวรัณและเปรมสุดาก็กลับมาบ้าน วรัณใส่ร้ายวามว่าเป็นเกย์ เพราะพาเพื่อนฝรั่งมาพักที่บ้าน สมถวิลสืบรู้ว่า นอร์แมน มีภรรยาแล้วจึงโล่งใจ ที่มาอยู่ด้วยกันเพราะช่วยกันทำงานเพลง วรัณกลับมาอยู่บ้านและมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กสาวขายตัวหลังจากร่วมหลับนอน วาม ส่งตั๋วคอนเสิร์ตที่เค้าแสดงมาให้ สมถวิลจึงชวนดารินทร์ไปดูทำให้เบญจาไม่พอใจ วามแสดงได้ดีมากทำให้ดารินทร์ปลื้มเขามากยิ่งขึ้น ขณะกลับบ้านดารินทร์โดน นายรับ พ่อของเธอจับตัวไปขายที่โรงงานนรก ดารินทร์จึงคิดหาทางหนี วันหนึ่งเพื่อนสนิทที่โรงงานปวดท้องจนตาย ดารินทร์รู้จึงทำเป็นปวดท้องบ้าง เจ้าของโรงงานกลัวเธอจะตายจึงพาส่งโรงพยาบาล และขอความช่วยเหลือจากหมอและแจ้งตำรวจ ดารินทร์จึงรอดออกมาได้ วามและสมถวิลจึงรีบมารับ จึงทำให้เบญจาเกลียดดารินทร์มากขึ้น เพราะแม่ให้ความสำคัญกับดารินทร์มากกว่าเปรมสุดา วรัณกลับจากเมืองนอกและมาช่วยดูแลที่ศูนย์การค้า ต๊ะ-วริษฐ์ ทิพโกมุทวรัณ เริ่มเที่ยวและไปยุ่งกับผู้หญิงที่ซ่อง ฟองจันทร์จึงมาฟ้องสมถวิลทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบ ดารินทร์สอบเข้าคุรุศาสตร์ได้ วามเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาทางจิต และคิดว่าวรัณต้องเป็นเช่นกันจึงชวนไปพบจิตแพทย์ แต่วรัณไม่ยอมไปจึงทำให้อาการหนักขึ้น สมถวิลสั่งไม่ให้วรัญไปเที่ยวที่ซ่องอีก เมื่อไม่มีทางออกวรัณจึงไปข่มขืนเอื้องคำจนท้อง สมถวิลจึงให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ในวันส่งตัววรัณมีปากเสียงกับสมถวิล จึงขับรถออกไปชนสะพานเสียชีวิต สมถวิลโทษว่าเป็นความผิดของเธอ จึงทำให้อาการทรุดหนักและอีกไม่กี่วันก็ตาย ในงานศพดารินทร์ได้รู้จักแม่ของวาม เมื่อวามเห็นแม่จึงขังตัวอยู่ในห้องที่พ่อฆ่าตัวตาย วิภาดาขอร้องให้ดารินทร์ช่วยพาวามออกมาหาเธอ โดยบอกว่าเธอป่วยหนักอยากบอกความจริงกับลูกก่อนตาย เธอเล่าความจริงว่าที่มีชู้เพราะบุญชนะหมดสมรรถภาพทางเพศ จึงทำความผิดอย่างไม่ตั้งใจ วามไม่ฟังกับทำร้ายดารินทร์ วามออกจาก บ้านให้เบญจาดูแลกิจการทั้งหมด สุรีย์ขอทุนไปเรียนต่อเมืองนอก ดารินทร์ไปเป็นครูบนเขา เมื่อเอื้องคำคลอดลูกก็เสียชีวิต วามไปหาแม่ในวันสุดท้ายก่อนเธอจะตาย แม่ขอให้วามยกโทษให้ วามจึงกลับมาบ้านทุกอย่างดูโทรมและตั้งใจว่าจะฟื้นฟูโรงเรียน เมื่อวามรู้ว่าดารินทร์ไปเป็นครูอยู่บนเขา จึงรีบตามขึ้นไปและขอโทษในสิ่งที่ทำผิด และขอให้ดารินทร์ไปช่วยฟื้นฟูโรงเรียน จากความใกล้ชิดจึงทำให้วามขอวารินทร์แต่งงาน และทั้งคู่ก็แต่งงานและมีลูกด้วยกัน กัญดา ชลชีวะ
พยัคฆ์สาวแซ่บอีหลี (2551/2008) แพ็ทซี่ ในอดีตคือ ประภัสสร ภรรยาเศรษฐีนีของ ภาวิทย์ เจ้าของธุรกิจรถยนต์นำเข้า ภาวิทย์ต้องการจะฮุบสมบัติของเธอทั้งหมด จึงวางแผนฆ่า ภาคี พี่ชายของตัวเองและใส่ร้ายว่าเธอเป็นฆาตกร ทำให้เธอต้องติดคุกเพราะมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา อากิโกะ หรือในอดีตคือ อิงอร นักร้องสาวสวยเสียงดี ทำงานในคาเฟ่แห่งหนึ่ง และอยู่กินกับ ก่อเขตต์ นักศึกษาหนุ่มซึ่งเธอคอยช่วยส่งเสียให้เรียน โดยไม่รู้เลยว่าก่อเขตต์ติดหนี้พนันบ่อนนับแสนบาท จนโดน ปราบ ลูกสมุน เสี่ยกวง ตามทวงหนี้ เพราะไม่อยากเจ็บตัวและแลกกับการเคลียร์หนี้สิน ทั้งหมด ก่อเขตต์จึงวางแผนขายอิงอรให้กับปราบ เง็กลั้ง อดีตเธอก็คือ เอื้องเงิน แฟนคนแรกของปราบ แต่เพราะถูกปราบสลัดรักเพื่อมาอยู่กินกับอิงอร ด้วยพิษรักแรงหึงจึงทำให้เอื้องเงินตามราวีอิงอรอย่างไม่เลิกรา จนกระทั่งอิงอรและเอื้องเงินเกิดไปมีเรื่องกันที่แหล่งปั๊มยาเสพติดของกลุ่ม เสี่ยกวง และภาวิทย์เข้าโดยบังเอิญ ภาวิทย์จึงกลัวว่าสองสาวจะไปแจ้งตำรวจ เลยสั่งให้ปราบกำจัดสองสาวทิ้งทันที ด้วยวิธีการแบบเดียวกันที่เคยเล่นงานประภัสสรมาแล้ว ทั้งสามสาวจึง ได้มาพบกันในคุก และสัญญาร่วมกันว่าเมื่อได้รับอิสรภาพ จะกลับมาแก้แค้นภาวิทย์และผู้ชายที่พวกเธอเคยรัก แล้วความฝันก็กลายเป็นความจริงราวปาฏิหาริย์ เมื่อ ผู้กำกับเพิ่ม จากหน่วยสืบราชการลับเฉพาะกิจ ต้องการทลายแก๊งค์ของภาวิทย์ซึ่งเปิดธุรกิจรถยนต์บังหน้า แต่เบื้องหลังเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ระดับข้ามชาติ และมีธุรกิจผิดกฎหมายอีกหลายประเภท ผู้กำกับเพิ่มจึงเชิญสามสาวมาเจรจา พวกเธอจะเป็นอิสระออกจากคุก แต่มีข้อตกลงว่าจะต้องรับปฏิบัติภารกิจทำลายแก๊งค์ภาวิทย์ให้ราบคาบ โดย งานเสี่ยงตายครั้งนี้สามสาวจะต้องไปฝึกวิชาการต่อสู้กับสองนายตำรวจหนุ่ม หมวดวศิน และ หมวดวิภู และเพื่อป้องกันการจดจำได้ ทั้งสามสาวจะต้องทำศัลยกรรมใบหน้าใหม่ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เปลี่ยนประวัติใหม่ทั้งหมด เพื่อแลกกับอิสรภาพและการได้กลับไปแก้แค้นส่วนตัว ทั้งสามสาวจึงตกลงทันที นับแต่นั้นแพ็ทซี่จึงเริ่มแผนการล่อลวงภาวิทย์และเฮียกวงให้ติดกับดักของตน โดยเปิดผับขึ้นและให้สองสาวดาวเด่นหว่านเสน่ห์จนภาวิทย์และเฮียกวงกลายเป็น ลูกค้าประจำ ภาวิทย์ติดใจอากิโกะถึงขั้นรับเลี้ยงเป็นภรรยาคนใหม่ และ พาเข้าบ้านอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับเฮียกวงที่ชื่นชอบเง็กลั้งถึงขั้นเลี้ยงดูอย่างดี แต่ถูก เจ๊หงส์ และ ซิ่วหลาน ภรรยาและลูกสาวของเสี่ยกวงตามรังควานอย่างไม่เลิกรา จนกระทั่งเง็กลั้งช่วยชีวิตเฮียกวงไว้ได้ทันเวลา เจ๊หงส์จึงยอมให้เง็กลั้งมาเป็นพยาบาลส่วนตัว หลังจากที่อากิโกะเข้าไปอยู่บ้านใหญ่ เธอได้รู้จัก เจนวิทย์ หลานชายของภาวิทย์ ซึ่งภายนอกดูเหมือนเป็นหนุ่มอ่อนต่อโลกที่ต้องเติบโตขึ้นมาอย่างเจ็บปวด เพราะถูกภาวิทย์ข่มขู่อยู่ตลอดเวลา อากิโกะจึงสงสารเจนวิทย์แต่หมวดวศินกลับไม่ถูกชะตา แถมรู้สึกเป็น ห่วงอากิโกะมากกว่าเดิม ส่วนวิภูก็รู้สึกเป็นห่วงเง็กงั้งเช่นเดียวกัน สารวัตรอิศเรศ วางแผนเข้าไปจับแก๊งค์ล่อลวงสาวไทยไปขายที่ญี่ปุ่น ในภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่งย่านเยาวราช แต่ปรากฏว่าแผนการเกิดผิดพลาดเพราะโดนกลุ่ม “แมวป่า” ของสามแมวสาวกับสองหมวดหนุ่ม ที่อำพรางใบหน้าด้วยชุดและหน้ากากเข้าบุกทลายรังโจร ตัดหน้าก่อนที่พวกตำรวจจะเข้าไปถึงเสียก่อน อิศเรศจึงตามรอยจนพบว่าบุคคลที่น่าสงสัยก็คือแพ็ทซี่นั่นเอง สารวัตรอิศเรศสงสัยว่าแพ็ทซี่จะเป็นหัวหน้าแก๊งค์นางแมวป่า จึงคอย เฝ้าตามจับพิรุธไม่ห่าง แต่แพ็ทซี่ก็สามารถหลบเลี่ยงไปได้ทุกครั้ง ส่วนภาวิทย์ตั้งแต่ถูกกลุ่มนางแมวป่าเล่นงานระหว่างขนยาเสพติดจนเจ๊งไปหลาย ล้าน ภาวิทย์จึงวางแผนซ้อนแผนให้กลุ่มนางแมวตัวปลอมเข้ามาชิงเพชรล้ำค่าในงาน แฟชั่นโชว์เพชรการกุศล ทำให้กลุ่มนางแมวตัวจริงกลายเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย และเป็นที่ต้องการตัวของทางการอย่างมาก อิศเรศจึงจำเป็นต้องตามไล่ล่ากลุ่มของแพ็ทซี่ ทั้งๆ ที่เชื่อว่าพวกเธอบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องเล่นไปตามเกมเพื่อตบตากลุ่มของภาวิทย์ให้ตายใจ เพราะ ความสงสารทำให้อากิโกะเผลอมีใจให้เจนวิทย์ จนถูกเจนวิทย์จับได้ว่าเธอคือสมาชิกหนึ่งในกลุ่มของนางแมวป่า ภาวิทย์เลยจับอากิโกะไว้เป็นตัวประกัน ก่อนเฉลยความจริงว่าที่แท้นั้นเจนวิทย์เป็นลูกแท้ๆ ของเขาเอง และเรื่องที่ภาวิทย์ข่มขู่เจนวิทย์นั้นก็เป็นแค่ละครฉากใหญ่ที่หลอกทุกคนมา โดยตลอด จากนั้นภาวิทย์จึงส่งลูกสมุนไปถล่มแก๊งค์แมวป่าจนแพ็ทซี่กับเง็กลั้งได้รับ บาดเจ็บ แพ็ทซี่ยอมรับความจริงกับสารวัตรอิศเรศว่าเธอคือนางแมวป่า และต้องการความช่วยเหลือจากเขา อิศเรศจึงร่วมมือกับผู้กำกับเพิ่มปฏิบัติการชิงตัวอากิโกะออกมา กลุ่ม ของแพ็ทซี่ไปหาภาวิทย์และเสี่ยกวงที่เซฟเฮาส์ แต่แล้วจู่ๆ อิศเรศและผู้กำกับเพิ่มก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับนำกองกำลังเข้าล้อมจับ ปราบเล่นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป อากิโกะเป็นสปายรู้ว่าเสี่ยกวงไปประชุมกับภาวิทย์จะผลิตยาเสพติดล็อตใหญ่ อากิโกะส่งข่าวให้แพ็ทซี่รู้และแพ็ทซี่ก็บอกให้อิศเรศและผู้กำกับเพิ่มรู้ อีกต่อหนึ่ง ผู้กำกับเพิ่มวางแผนซ้อนแผนเข้าทลายแหล่งผลิตยาเสพติดของภาวิทย์ ก่าจะสำเร็จได้ก็ต้องต่อสู้กันอย่างหนัก ในที่สุดก็ทลายล้างได้ปราบตายอย่างทรมานในการต่อสู้ ท่ามกลางความ สะใจของอากิโกะและเง็กลั้ง เสี่ยกวงบาดเจ็บสาหัสถูกจับได้ ภาวิทย์กับเจนวิทย์หลบหนีไปได้ เจนวิทย์ย้อนกลับมาวางระเบิดสังหารหวังฆ่าหมู่ล้างแค้น ในวันแต่งงานของนายตำรวจทั้งสามคู่กับอดีตนางแมวป่า ซึ่งจัดพร้อมกันในวันเดียวกัน แต่แผนของเจนวิทย์ล้มเหลวเพราะถูกผู้กำกับเพิ่มซ้อนแผน เจนวิทย์ตายอย่างอนาถ ภาวิทย์พิการครึ่งท่อนและยังเสียสติ การช่วยงานราชการและการแก้แค้นของสามสาวเสร็จสิ้นลง หนุ่มสาวทั้งสามคู่ก็ไปฮันนีมูนกันอย่างมีความสุข
จำเลยรัก (2551/2008) หฤษฎ์ รังสิมันตุ์ เสียใจมากกับการสูญเสียของ หริณ รังสิมันตุ์ ผู้เป็นน้องชาย เลยไปตามล่าคนผิดมาแก้แค้น แต่หฤษฎ์ไม่รู้เลยว่าจับมาผิดคน โศรยา ต้องยอมจำนนให้หฤษฎ์โขกสับต่างๆนานา และใช้งานเยี่ยงทาส และนายใบ้คู่หู ที่คอยดูไม่ให้โศรยาหนีไป วันหนึ่งหฤษฎ์ต้องออกไปทำงาน ทำให้หฤษฎ์ได้รู้จัก ศันสนีย์ ผู้ที่ทำร้ายน้องชายของเขานั่นเอง จากที่ศันสนีย์ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้ดู จึงรู้ว่าตนเองจับตัวคนมาผิด ฝ่ายศันสนีย์ที่มีธวัชชัยเป็นแฟนอยู่แล้วก็เริ่มห่างเหินกับธวัชชัย เพราะ ชอบหฤษฎ์ หฤษฎ์กับเกาะไปก็ปลดปล่อยโศรยาและให้สร้อยไข่มุกแก่โศรยา ศันสนีย์เห็นก็ขอยืม โศรยาก็ให้ยืม หฤษฎ์เห็นศันสนีย์มีสร้อยที่ตนให้โศรยาข้อมือของศันสนีย์ ก็ถามศันสนีย์ว่าได้มายังไง ศันสนีย์บอกว่ายืมจากโศรยา หฤษฎ์ก็ขอซื้อต่อในราคา 100,000 บาท ศันสนีย์ก็ขายต่อโดยไม่ถามความเห็นจากโศรยาเลย พอศันสนีย์ขายสร้อยไข่มุกไปให้หฤษฎ์ก็มาบอกโศรยา โศรยาเสียใจที่ไม่มีสร้อยไข่มุกที่หฤษฎ์ให้ตนแล้ว ด้านหฤษฎ์ได้สร้อยไข่มุก หฤษฎ์ก็นำไปให้โศรยา หฤษฎ์แกล้งตีสนิทกับศันสนีย์จนศันสนีย์หวั่นไหว โศรยาเตือนให้ศันสนีย์อยู่ห่างหฤษฎ์ ศันสนีย์ก็ว่าโศรยาว่าโศรยาชอบหฤษฎ์ โศรยาปฏิเสธ วันหนึ่งหฤษฎ์มาสู่ขอโศรยากับศุกฤกษ์ พ่อของศันสนีย์กับสายสมร แม่ของศันสนีย์ ธวัชชัยนึกว่าหฤษฎ์หักหลังตน ก็ไปทำร้ายหฤษฎ์ หฤษฎ์บอกว่าตนรักโศรยาคนเดียว ด้านศันสนีย์นึกว่าหฤษฎ์มาสู่ขอตน ก็โทรไปเยาะเย้ยโศรยา แต่พอรู้ว่าไปสู่ขอโศรยา ศันสนีย์ก็โกรธมาก ส่วนโศรยาก็ใช้งานหฤษฎ์เยี่ยงทาสและอยู่กับโศรยาอย่างมีความสุข
เรื่องย่อ : เกาะมหัศจรรย์ (2551/2008) เคน เศรษฐีหนุ่มชอบผจญภัย ใช้ชีวิตสนุกไปวันวันเพราะได้รับมรดกมหาศาลจากพ่อแม่ที่ด่วนจากไปทั้งคู่ ความที่มีเงินมาก อยากได้อะไรก็ได้มาโดยง่ายเลยพยายามแสวงหาความตื่นเต้นให้ชีวิต พฤติกรรมของเขาน่ารังเกียจมากสำหรับมิ่งขวัญนักข่าวสังคมที่ถูกมอบหมายให้มา ตามทำข่าวของหนุ่มสุดฮ็อตอย่างเขา เมื่อเคนถูกมิ่งขวัญสัมภาษณ์และจิกกัดดูถูกว่าเคนเป็นพลเมืองที่ไม่มี ประโยชน์ เคนจึงประชดด้วยการ เปิดคฤหาสน์ชายทะเลเลี้ยงเด็กกำพร้า เขม ป้อม พี ปราง ต่อ และมิ้งค์ เข้าไปที่โรงเก็บเรือเร็วของเคน และขอให้เคน ขับเรือให้พวกตนนั่ง เคนต้องการโชว์ความสามารถจึงตอบตกลง ขณะเรือวิ่งอยู่ที่กลางทะเล เด็กๆได้เห็นรุ้งกินน้ำจับขอบฟ้าสวยงาม และขณะที่เด็กๆ กำลังชี้ชวนกันดูนั้น เรือแล่นผ่านสายรุ้งพอดี..เด็กๆ อันมีนิสัยต่างๆ กันคือ เขม เป็นเด็กกล้าหาญ ช่างคิด ส่วนป้อมสำรวยชอบคุยโม้แต่ขี้ขลาด พีนั้นใจร้อนวู่วาม แต่ซื่อสัตย์ ส่วนต่อกับมิ้งค์เห็นแก่ตัวและขี้อิจฉา ปรางเป็นเด็กหงิมๆ นิสัยดี ต้องคอยไกล่เกลี่ยความประพฤติของเพื่อนอยู่เสมอ แต่ทุกคนมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกับเคนคือ ชอบสนุกและผจญภัย เด็กๆ ทั้งหลายสนุกเต็มที่เพราะได้นั่งเรือเร็วในทะเลเป็นครั้งแรกและขณะที่เขา กำลังตื่นเต้นกับความงดงามของสายรุ้งอยู่นั้น ก็เกิดพายุหมุนอย่างกะทันหัน ทุกคนมีความรู้สึกว่า ตัวเองถูกพายุพัดหมุนติ้ว เข้าไปในท้องฟ้า ตรงจุดกึ่งกลางของสายรุ้งพอดี มารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่บนเกาะที่แปลกตาแห่งหนึ่งที่พวกเขาไม่ รู้จักเลย รอบๆ ตัวเต็มไปด้วย หมอกควันและต้นไม้บางต้นมีลักษณะประหลาด บางแห่งก็แห้งแล้งมีแต่โขดหิน และไม้ยืนต้นที่ตายแล้ว เด็กๆ ได้พบซากสัตว์หลายชนิดที่พวกเขาไม่รู้จัก..ทุกคนจึงพากันหวาดกลัวมากและที่ สำคัญบนเกาะไม่มีอาหารที่เด็กต้องการเลย และพวกเขาก็ตามหาเคนไม่พบ ทุกคนคิดว่าพวกตนต้องตายบนเกาะแน่ๆ แต่เขมเด็กชายที่กล้าหาญที่สุดปลุกปลอบใจให้เพื่อนๆ สู้เพื่อชีวิตรอด..ทุกคนเริ่มมีกำลังใจ ทั้งๆ ที่บางคนก็เห็นแก่ตัวและอ่อนแอ บางคนพูดมาก แต่เขมก็พยายามให้ทุกคนช่วยเหลือตัวเอง ขณะที่ทุกคนหิวโหยพวกเขาก็รู้สึกมีสิ่งผิดปกติอีก..พวกเขาได้ยินเสียงเหมือน ต้นไม้ใหญ่ถูกลากมา..พร้อมกับกลุ่มฝุ่นควันตลบเหมือนมีพายุทราย..ทุกคนหาที่ กำบังแต่เมื่อทุกอย่างสงบเงียบก็ได้เห็นปูยักษ์ตัวหนึ่ง ยืนทะมึนกางก้ามซึ่งใหญ่โตเท่าขาคน เด็กๆ ต่างหนีปูยักษ์ไม่คิดชีวิต..เข้าไปอยู่ในถ้ำ..ไม่มีใครกล้าออกมาทั้งวันทั้ง คืนจนป้อมทนหิวไม่ไหวถึงกับเป็นลม เขมสงสารจึงชวนพีออกไปดู เห็นปูยักษ์ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขมจึงชวนให้ทุกคนต่อสู้ เขาให้กำลังใจและวางแผนร่วมมือกันปราบปูยักษ์ ด้วยความสามัคคีกัน พวกเด็กๆก็สามารถฆ่าปูยักษ์เอามาทำเป็นอาหารได้สำเร็จ.. ขณะที่เขากินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ พวกเขาก็ได้เห็นเรือลำหนึ่งแล่นผ่านเกาะ เด็กๆ ดีใจกันมาก เขาจุดไฟเพื่อให้เรือเห็นพร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เรือลำนั้นก็แล่นผ่านไปทั้งๆ ที่พวกเด็กๆ มองเห็นว่าคนบนเรือส่งกล้องมาทางตนไม่มีใครเข้าใจว่า เหตุใด คนบนเรือจึงไม่เห็นพวกเด็กๆ เลย ส่วนเคนนั้นพบตัวเองอยู่ในป่าใกล้บ้าน ทุกคนพากันลงโทษว่าเขาทำให้เด็กๆ เสียชีวิตโดยเฉพาะมิ่งขวัญ โจมตีเคนอย่างหนัก ว่าเคนไม่มีความรับผิดชอบ เคนเสียใจมากแต่เขามีความรู้สึกว่า เด็กๆ ต้องไม่ตาย เขายืนยันกับมิ่งขวัญว่าเขาจะพาเด็กๆ กลับมาให้ได้ทั้งๆ ที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเด็กหายไปไหน เคนหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรีบไปยังคฤหาสน์ชายทะเลเพื่อจะขับเรือไปยังจุดที่พบสายรุ้ง ขณะเดียวกัน มิ่งขวัญก็มาที่คฤหาสน์เพื่อเก็บข้อมูลไปทำข่าว มิ่งขวัญเข้าขัดขวางเคนเพราะคิดว่าเคนจะหนีออกนอกประเทศ แต่เคนท้าให้มิ่งขวัญไปกับเขาเพื่อตามหาเด็กๆ มิ่งขวัญรับปาก เคนกับมิ่งขวัญขับเรือออกไปในทะเลและพบเกาะแห่งหนึ่ง เคนคิดว่าเด็กๆ น่าจะอยู่บนเกาะนั้น เคนกับมิ่งขวัญ เริ่มออกตามหาเด็กๆ แต่เขากลับมองไม่เห็นเด็กๆ ทั้งๆ ที่เด็กๆ เห็นเขา เป็นเพราะว่าขณะนั้นเคนและเด็กๆได้อยู่กันคนละมิติแล้ว เคนจึงผ่านเด็กๆไปอย่างน่าเสียดาย และแล้วการเดินทางของหนุ่มสาวและกลุ่มเด็กๆ ที่เปรียบเสมือนเส้นขนานก็เริ่มขึ้น ซึ่งการผจญภัยนี้เองก็ได้สอนบทเรียนอันมีค่ามากมายให้แก่พวกเขา
เรื่องย่อ : จิ๋วแจ๋ว จริงใจ (2551/2008) พราว (ส้ม – ธัญสินี พรมสุทธิ์) เด็กสาวกำพร้า ที่ได้รับการอุปการะจาก ครูแสงดาว (ต้อม – รชนีกร พันธุ์มณี) คุณครูสอนนาฏศิลป์ผู้อารีแห่งชุมชน ลานดอกหญ้า พราวถวิลหาความรักและไออุ่นจากครอบครัว แต่ครูแสงดาวก็เลี่ยงที่จะแสดงความรู้สึกแบบตรงๆ พราวจึงแสดงออกโดยการแก่นเซี้ยวและเป็นหัวโจกของชุมชนโดยมี กระเป๋า (ปอย – ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ปลาทู (ด.ช. ศิลปิน อยู่หน้า) และ ปูม้า (ด.ญ. ภูษณิศา ปิติธนสารสมบัติ) เป็นสมาชิกร่วมขบวนการ โดยมีคู่ปรับคนสำคัญคือ เฮียกุ่ย (โอ – วรุฒ วรธรรม) นายทุนเงินกู้ประจำชุมชน วันหนึ่งพราวเกือบทำไฟไหม้ชุมชน ครูแสงดาวจึงให้ข้อคิดกับพราวโดยใช้ปมด้อยผลักดันทำสิ่งดีให้กับสังคม พราวและเพื่อนๆ จึงก่อตั้งกลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” ปลุกจิตสำนึกเยาวชนให้ทำความดี คืนหนึ่งกลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” ได้ไปช่วยชายหนุ่มผู้ประสบอุบัติเหตุโดยบังเอิญ เขาได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองจนความจำเสื่อม ครูแสงดาวจึงให้ความช่วยเหลือด้านที่พัก ทุกๆคนในชุมชนเรียกเขาว่า บังเอิญ (เขตต์ ฐานทัพ) บังเอิญได้ช่วยปรับปรุงสวนผัก, เล้าหมู, เล้าไก่ รวมถึงยังช่วยวินิจฉัยโรคต่างๆ ให้กับคนในชุมชนราวกับเป็นนายแพทย์ใหญ่ แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือเขามีพื้นฐานทางด้านนาฏศิลป์อย่างดี จนได้เป็นพระเอกประจำคณะนาฏศิลป์ของครูแสงดาวอีกคน บริษัท อสังหาริมทรัพย์ ข้ามชาติ โดย วันวิทู (สอง – นพเก้า โกเจริญกิจ) เข้ามากว้านซื้อที่ดินในแถบชุมชนลานดอกหญ้า ไปพัฒนาเป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ โดยคนในชุมชนดอกหญ้าต้องย้ายออกไปภายใน 1 เดือน บังเอิญ, พราว, ครูแสงดาว และกลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” จึงร่วมกันตระเวนเปิดการแสดงเพื่อหาเงิน จำนวน 100 ล้านบาท มาซื้อที่ดินคืน ด้วยความตั้งใจของกลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” และแรงใจจากประชาชน สุดท้ายกลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” ก็หาเงินได้ครบตามกำหนด ในวันที่ บังเอิญ และ พราว นำเงินไปให้ วันวิทู เฮียกุ่ย กับพวกได้มาปล้นเงินและเผาเงินทั้งหมด บังเอิญ ต่อสู้ กับ เฮียกุ่ย แล้วพลาดหัวกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เขาจำได้ว่าเขาคือ วันดนู พี่ชาย ต่างมารดาของ วันวิทู แต่เขาจำเหตุการณ์ทั้งหมดที่ชุมชนลานดอกหญ้า และพราวไม่ได้ เขา กับ วันวิทู ยังคงเดินหน้าจะยึดชุมชน ลานดอกหญ้า ต่อไป พราว ครูแสงดาว และผู้คนในชุมชนดอกหญ้าได้แต่เฝ้ามองวันที่ชุมชนลานดอกหญ้าจะถูกยึด วันสุดท้าย ของชุมชน ลานดอกหญ้า ก่อนที่จะถูกแปรสภาพไปเป็น แหล่งเศรษฐกิจใหม่ พราว ครูแสงดาว และ กลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” เปิดการแสดงเป็นการอำลาให้กับชุมชนลานดอกหญ้า บังเอิญที่วันดนูผ่านมาพอดี เสียงระนาดและปี่พาทย์ดึงความทรงจำที่สูญหายไป ณ ชุมชนแห่งนี้กลับมา ในวันแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ทั้งไทย และ ต่างประเทศ วันดนูไปประกาศว่าแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ชุมชน ลานดอกหญ้า ยังอยู่ตามเดิม วันดนูหรือนายบังเอิญของชาวชุมชนลานดอกหญ้าก็ยังคงกลับมาเป็นสมาชิกกลุ่ม “จิ๋วแจ๋วจริงใจ” ตามเดิม รวมถึงยังคงเล่นนาฏศิลป์ กับพราวในทุกอาทิตย์ตามชุมชนต่างๆ รวมทั้งมุ่งมั่นทำความดีต่อเนื่องโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน พร้อม ๆ กับสานความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไป
เรื่องย่อ : ใจสู้มุ่งสู่ฝัน (2551/2008) เสียง เชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปักตะกร้อ ทุกคนต่างก็มารอดูลูกตบล้อเกวียนของเตชิน และหนึ่งในนั้นก็มีโค้ชนำชัย ซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติได้มาดูด้วยเพื่อมาคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมทีมชาติ การแข่งขันของคู่นี้ดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งลีลาและชั้นเชิงสูสีกันมากแต้ม ผลัดกันนำผลัดกันตาม จนคนดูและคนเล่นหายใจหายคอแทบไม่ทันและสิ่งที่ทุกคนในสนามกำลังรอคอยอยู่ นั้น ก็คือ ลูกตบล้อเกวียน เตชินกระโดดหมุนตัวกลางอากาศคล้ายกับกงล้อที่กำลังหมุน ลูกตะกร้อกระทบเท้าของเตชินและพุ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ลูกตะกร้อกลับพุ่งกลับมายังฝ่ายของเตชินอย่างรวดเร็วด้วยลูกตบซันแบ็กของ ประกาศิต
ผอ.ชาญวิทย์ เรียกครูพละทุกคนมาประชุมเรื่องการคัดตัวนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬามัธยมแห่ง ชาติซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้ ผอ.ชาญวิทย์ต้องการเหรียญทองมากที่สุด โดยเฉพาะกีฬาเทนนิสซึ่งอดีตโรงเรียนนี้เคยเป็นแชมป์สี่ปีซ้อนแต่หลังจากครู อำนวยถูกดึงตัวให้ไปเป็นโค้ชกับโรงเรียนคู่แข่งตั้งแต่นั้นมา โรงเรียนนี้ก็ไม่เคยได้รับเหรียญใดๆ อีกเลย ความหวังนี้จึงตกมาอยู่ที่ครูสอนเทนนิสคนใหม่ชื่อครูเปียโน เธอหนักใจที่ ผอ.คาดหวังกับเธอไว้สูงมากถึงแม้เธอจะเคยเป็นแชมป์เยาวชนมาก่อนก็ตาม แต่การที่เปียโนมาเป็นครูพละที่นี่ก็เพราะความจำเป็นบางอย่าง นั่นก็คือเธอต้องการใบรับรองว่าเธอเป็นครูพละเพื่อที่จะไปยื่นต่อกองประกวด นางสาวไทย ซึ่งนี่คือความฝันของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องนี้เป็นความลับมีเพียงแม่และพ่อของเธอเท่านั้นที่รู้ เพราะแม่เธอเป็นคนฝากเธอเข้าทำงานที่โรงเรียนนี้เอง
เตชิน รู้สึกว่าโรงเรียนนี้เน้นไปทางกีฬาฝรั่ง เขาจึงเสนอกีฬาเซปักตะกร้อซึ่งเป็นกีฬาไทยๆ ขึ้นมาเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักกีฬาของไทยที่นับวันก็จะถูกกลืนหายไปกับ สังคมตะวันตก แต่ทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องตลกโดยเฉพาะ ครูสมพร ซึ่งเป็นครูสอนฟุตบอลที่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเหรียญทองหรือแม้กระทั่ง เหรียญทองแดงมาให้กับโรงเรียน เพราะเด็กที่นี่ไม่มีพื้นฐานกีฬาประเภทนี้เลย และที่สำคัญโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยๆ เรียนกันคงไม่มีใครอยากเตะตะกร้อ เพราะทุกอย่างต้องดูอินเตอร์ แต่เตชินก็ยังยืนยันว่าจะสร้างทีมเซปัคตะกร้อขึ้นมาและพร้อมที่จะเอาตำแหน่ง ของตัวเองเป็นประกัน ถ้าเขาไม่สามารถนำชัยชนะมาได้ ผู้อำนวยการเห็นว่าเตชินมีความมุ่งมั่นและเห็นว่าเตชินเองก็เป็นอดีตนักกีฬา ตะกร้อดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงมาก่อน จึงอนุญาตให้เตชินจัดทีมนักกีฬาตะกร้อขึ้นมา แต่พอเสร็จการประชุมผู้อำนวยการก็สร้างความกดดันกับเตชิน โดยเน้นว่าห้ามให้เขาเสียหน้าเป็นอันขาด
ในวันรับสมัครนักกีฬา มีเด็กไม่กี่คนที่เข้ามาร่วมชมตะกร้อและเด็กแต่ละคนไม่มีความสามารถพอจะเป็น นักกีฬาได้เลย ปัญหาอีกอย่างนั่นก็คือ สนามกีฬา สำหรับฝึกซ้อมไม่มีเป็นของตัวเองเพราะเป็นชมรมที่เกิดขึ้นกะทันหัน
ลุงหมอกซึ่งเป็นภารโรงรู้สึกสงสารเตชินจึงหาที่ฝึกซ้อมให้ นั่นก็คือลานจอดรถที่ติดกับสนามเทนนิสเอาไว้เป็นที่เล่นชั่วคราวไปก่อน โดยลุงหมอกนำปูนขาวมาโรยตีเส้นและเอาเน็ตมาขึงกับเสาไฟฟ้าแค่นี้ก็เป็นสนาม ตะกร้อได้แล้ว เด็กๆ ในชมรมพากันลาออกเพราะเห็นความไม่พร้อมของชมรมแต่เหลือเพียง โฟกัสคนเดียวที่มีศักยภาพด้านกีฬาต่ำสุดแต่มีความตั้งใจจริงยังอยู่
ชมรมเทนนิสซึ่งอยู่ข้างๆ มีเปียโนเป็นครูสอนก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะเด็กๆ มาสมัครเยอะเกินไป โดยเฉพาะวัยรุ่นชายที่ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนักกีฬาแต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อ เข้ามาจีบสาวในชมรมที่ขึ้นชื่อว่าสวยทั้งครู สวยทั้งนักเรียน เด็กสาวหลายคนล้วนเป็นลูกคุณหนูไฮโซหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ น้ำค้าง ไข่มุก และสีรุ้ง ซึ่งเป็นดาวของโรงเรียนนี้ ชมรมเทนนิสจึงได้ฉายาว่า ชมรมรวมดาว
ในชมรม สีรุ้ง และ ไข่มุก เป็นนักกีฬาเทนนิสซึ่งทั้งคู่ก็เก่งไม่แพ้กัน จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองสาวต้องชิงดำชิงแดงกันเป็นที่หนึ่งของครูสาว เพื่อจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ส่วน น้ำค้าง เป็นฝ่ายสันธนาการของชมรมมีหน้าที่คอยบริการน้ำท่าให้เพื่อนๆ
กลุ่มของนาย ฟีม และ บอส นักเรียนชั้น ม.4 ทั้งคู่เป็นคู่หูที่แสบพอๆ กัน พวกเขาสร้างความวุ่นวายให้กับชมรมเทนนิสอย่างมาก เพราะเอาแต่แซวสาว จนพวกเธอไม่มีสมาธิในการซ้อม เปียโนจึงตัดปัญหาโดยการไล่นักเรียนชายออจากชมรมจนหมดให้เหลือเพียงนักเรียน หญิงเท่านั้น
ถึงไม่ได้อยู่ชมรมเดียวกัน แต่ได้ใกล้ชิดกันก็ยังดี บอส จึงชวน ฟีม มาสมัครเป็นนักกีฬาตะกร้อ เตชิน รู้ทันความคิดของสองคนนี้จึงจับมาฝึกอย่างหนักเพื่อไม่ให้มีเวลาแซวพวกสาวๆ อีก
แต่ปัญหายังไม่จบ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ แต่ลูกกลมๆ ของทั้งสองฝ่ายก็มักจะกระดอนข้ามมาอยู่เสมอ จึงทำให้เกิดการปะทะคารมของทั้งสองชมรมขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะ เปียโน กับ เตชิน ซึ่งต้องคอยห้ามนักเรียนทั้งสองฝ่าย สุดท้ายครูทั้งสองกลับทะเลาะกันเอง ทำให้คนทั้งคู่กลายเป็นคู่กัดกัน ในสายตาของเตชิน เปียโน ไม่เหมาะกับการสอนพละอีกต่างหาก เธอจะใส่ชุดสวยงามและรองเท้าส้นสูงตลอดเวลาไม่ตั้งใจสอน ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ เขาจึงพูดกับเธอตรงๆ ว่า ถ้าทำตัวเหลาะแหละแบบนี้อย่ามาสอนให้เสียเวลาเลย ไปประกวดนางงามไปเล่นละครหรือไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้น่าจะดี กว่า เพราะไม่อย่างนั้นเด็กจะไม่ให้ความเคารพและนับถือ เปียโน โกรธจัด ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมใครจึงท้าพนัน ว่าในการนำนักกีฬาไปแข่งครั้งนี้ถ้าใครแพ้กลับมามือเปล่า คนนั้นจะต้องลาออกและเธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่า สวยๆ อย่างเธอนี่แหละจะนำชัยชนะมาให้โรงเรียน เตชิน รับคำท้าทันที
ไข่มุก หัวโจก ของชมรมเทนนิส ชวนเพื่อนร่วมกันแอนตี้ครูเปียโน โดยไม่ให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อม เปียโน เริ่มเข้าใจในคำพูดเตือนสติของเตชินและในใจของเปียโนก็แอบขอบคุณเตชินอยู่ ลึกๆ แต่ก็อดโกรธไม่ได้ที่โดนเตชินดูถูก เธอสัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่
ส่วนพ่อของทั้งสองเจอหน้ากันทีไรก็ต้องแขวะใส่กันตลอด ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ ธีระนาถ เคยรับราชการเป็นครูแต่ตอนนี้เกษียรแล้ว เขาเปิดชมรมดนตรีไทยที่บ้านเพื่อให้เด็กๆ และคนทั่วไปในชุมชนมาเรียนกัน ธีระนาถ พ่อของเตชินมักจะพูด แซว ทรงผมเอลวิสของส่ง ธรรมทัศ ที่ไม่เข้ากับหน้าแป๊ะยิ้มเอาเสียเลย ส่วนธรรมทัศเองก็มักจะพูดกระทบกระทั่งเรื่องความเชยของธีระนาถทั้งเล่นดนตรี ไทย ทั้งการแต่งตัว แต่ฝีปากสู้ธีระนาถไม่ได้ก็มักใช้ไม้ตายโดยการทวงเงินค่าเช่าที่ แล้วรีบเดินจากไป แต่ลึกๆ แล้วสาเหตุของการไม่ถูกกันนั่นก็คือ สมัยที่ทั้งคู่หนุ่มๆ เคยรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือ แม่ของ เปียโน แต่สุดท้ายคนที่ได้ครอบครองเฉิดโฉม คือ ธรรมทัศ เพราะฐานะที่ร่ำรวยจึงทำให้ผู้ใหญ่ของเฉิดโฉมยกเธอให้กับเขา แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม ธรรมทัศก็ยังรู้สึกหึงๆ และไม่ไว้ใจธีระนาถตลอดเวลาเพราะรู้ดีว่าหัวใจของเฉิดโฉมนั้นเคยมีธีระนาถ นั่งอยู่ในห้องหัวใจ
เปียโน เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนละคนจนทุกคนไม่เชื่อสายตา เธอดูจริงจังมากขึ้น ไม่เหยาะแหยะเหมือนเมื่อก่อน ทั้งการแต่งตัว ก็ดูเปลี่ยนไปจน เตชิน ตกใจ การแข่งเทนนิสประเภทคู่ของสโมสรที่เปียโนจะพาเด็กๆ ไปลับฝีมือใกล้เข้ามา แต่ไข่มุกและสีรุ้งไม่เชื่อฟังการสอนของเปียโนเลย ถึงเธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว แต่ภาพเก่าๆ ของเธอก็ยังอยู่ในหัวของเด็กๆ เพื่อเป็นการสั่งสอน เปียโนเลยท้าแข่งกับไข่มุก ซึ่งเป็นหัวโจก ถ้าเปียโนชนะ ไข่มุกต้องยอมเชื่อฟังเธอทุกอย่าง แต่ถ้าเปียโนแพ้ ไข่มุกอยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ข่าวนี้ดังไปทั่วโรงเรียน ในวันแข่งขันทั้งครู และนักเรียนมารอลุ้นจนล้นขอบสนาม ผลปรากฏว่า เปียโน ชนะขาด
เตชิน พบว่า บอส มีลูกเตะที่หนักหน่วงจึงวางตัวให้ไปอยู่ตำแหน่งเสิร์ฟ แต่ต้องปรับเรื่องการใช้แรงและการกำหนดทิศทางของลูก ส่วนฟีมที่อยากเป็นตัวตบแต่กลับได้เป็นตัวชงทำให้เขาไม่พอใจเท่าไหร่ ส่วนโฟกัสต้องคอยเก็บลูก แต่ระหว่างที่ว่างก็แอบเดาะลูกคนเดียวจนเตชินเห็นแววเลยเอามาเป็นตัวสำรอง สำหรับตัวตบเขายังหาไม่ได้
ผอ.ชาญวิทย์ ตามตัววิทยา ลูกชายคนเดียวของเขาให้กลับมาช่วยบริหารโรงเรียน ทำให้เขาได้พบกับครูเปียโน เขาถึงกับตะลึงในความงาม เขาพยายามตามจีบเปียโนจนดูเหมือนทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เพราะขณะที่เปียโนซ้อมกีฬาให้เด็กๆ วิทยาก็ไปนั่งดูที่ขอบสนามอยู่เสมอ แต่เปียโนก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะชอบเขาเลย มีเพียงวิทยาเท่านั้นที่คิดไปคนเดียว
ระหว่างที่เตชินกำลังฝึกเด็กๆ เล่นตะกร้อ เขาสังเกตเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งมายืนดูพวกเขาซ้อมอยู่เสมอ แต่ก็อยู่แค่พักเดียวแล้วก็กลับไป
เด่นดนัย เป็นเด็กยากจนแต่เรียนดี มีโอกาสเรียนที่นี่เพราะได้รับทุนจาก ผอ.ชาญวิทย์ ตกเย็นต้องไปช่วย ชื่น ซึ่งเป็นแม่ ขายของชำในตลาด ส่วนพ่อตายตั้งแต่เขายังเด็ก เด่นดนัย มีนิสัยเก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เรื่องเรียนเขาเป็นที่หนึ่งทุกครั้ง เขาชอบมาดูเพื่อนๆ ซ้อมตะกร้อแต่ไม่อยากเข้าชมรมเพราะต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่ขายของ เตชินลองให้เขาเล่นให้ดูปรากฏว่าเด็กคนนี้แหละคือตัวตบที่เขาตามหา เตชินจึงไปขออนุญาตกับแม่ของเขาและสัญญาว่าซ้อมเสร็จเมื่อไหร่จะรีบไปส่งที่ บ้านทันที ชื่นดีใจมากที่ลูกตัวเองจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันบ้าง เพราะสงสารลูกที่ต้องรีบกลับมาช่วยแม่ทำงานจนเด่นดนัยเกือบจะไม่มีเวลาของ ความเป็นวัยรุ่นอีกเลย
เตชิน ฝึกซ้อมเด็กๆ จนมีความพร้อม ครูทุกคนในโรงเรียนไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ชมรมอนาถากลายเป็นชมรมตะกร้อขึ้น มาจนได้ เตชินสามารถนำทีมชนะการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนด้วยลูกตบล้อ เกวียนที่ฝึกให้กับเด่นดนัย ส่วนเปียโนก็ใช่ย่อยเพราะเธอสามารถนำทีมเทนนิส เอาชนะสโมสรต่างๆ ได้เช่นกันจึงทำให้เธอเป็นที่ยอมรับของทั้งสองสาวและคนในโรงเรียนมากยิ่ง ขึ้น ทำให้ ผอ.ชาญวิทย์ เอ่ยปากชมเชย
ความสัมพันธ์ของเปียโนกับเตชินก่อตัวขึ้นเพราะเตชินไปเชียร์การแข่งขัน เทนนิสทุกแม็ตพร้อมกับเด็กๆ ในชมรม ทำให้วิทยารู้สึกหมั่นไส้ที่คนทั้งคู่สนิทสนมกัน
กลุ่มของ ไข่มุก สีรุ้ง จากที่ไม่ชอบ บอส กับ ฟีม เท่าไหร่เพราะเห็นว่าเป็นคนที่เกเรไปวันๆ แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับมีความตั้งใจมุ่งมั่นฝึกซ้อมทำให้พวกเธอชื่นชมในตัวพวก เขา ถึงบอส กับฟีม จะเริ่มจริงจังกับการเล่นกีฬาจนนิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้จักแบ่งเวลาจึงทำให้การเรียนเขาตกต่ำกว่าเดิม พ่อแม่ของพวกเขาเลยสั่งให้ออกจากชมรมตะกร้อ ทั้งสองขอโอกาสกับผู้ปกครองอีกครั้งว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพราะการเล่น ตะกร้อมันคือส่วนหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว แม่ของบอสยื่นเงื่อนไข ถ้าการเรียนยังคงตกต่ำลงไปอีกคราวนี้ต้องออกจากชมรม ไข่มุก และ สีรุ้ง เห็นใจบอสกับฟีมมากจึงช่วยกันติวหนังสือให้กับพวกผู้ชาย จนกลายเป็นความสนิทสนม
ส่วนเด่นดนัย รู้สึกเป็นห่วงชื่นที่ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียวจนช่วงนี้เริ่มป่วย หลายครั้งที่เขาอยากออกจากโรงเรียนเพื่อไปช่วยแม่ทำงานหาเงิน ไม่อยากให้แม่ลำบาก เด่นดนัยเก็บความทุกข์นี้ไว้คนเดียว มีเพียงน้ำค้างเท่านั้นที่สามารถเป็นเพื่อนระบายความทุกข์ในใจของเขาได้
วิทยา ต้องการหักหน้าเตชิน โดยการนำทีมของโค้ช ประกาศิต คู่ปรับเก่าของเตชินเข้ามาแข่งถึงโรงเรียน การแข่งตะกร้อกับทีมของประกาศิตมีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก เขาจึงฝึกเด็กหนักขึ้นกว่าเดิมจนร่างกายแต่ละคนล้าไปหมด คนมาดูการแข่งขันครั้งนี้จนล้นสนาม ธีระนาถขนดนตรีไทยไปชุดใหญ่ทั้งฆ้องวง กลองยาว ไปนั่งเชียร์กันถึงขอบสนามสร้างสีสันให้กับการแข่งขันเป็นอย่างมาก การแข่งขันครั้งนี้ดุเด็ดเผ็ดมัน แต่ไม้ตายลูกเตะล้อเกวียนของเตชินก็กลับพ่ายแพ้ให้แก่ลูกตบซันแบ็คของฝ่าย ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง มันทำให้เหมือนฝันร้ายของเขากลับมาอีกครั้ง
วิทยา สะใจในความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเตชินมาก ส่วน ผอ.ชาญวิทย์ ให้กำลังใจเตชินแต่สำหรับเตชิน เขารู้สึกมืดแปดด้านเพราะไม่รู้จะเอาชนะลูกตบซันแบ็คอย่างไร เตชินหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ ธีระนาถ พ่อของเตชินจึงเตือนสติให้สู้กับความกลัวที่มีต่อลูกตบซันแบ็กหากเตชินยัง หนีต่อไป ก็เท่ากับว่าต้องแพ้ไปตลอดชีวิต ทุกครั้งที่เตชินมีปัญหาเขามักจะระบายออกด้วยการเล่นดนตรีไทย เขาเล่นดนตรีได้เกือบทุกชนิด นั่นก็เป็นเพราะว่าธีระนาถพ่อของเขาได้ปลูกฝังและฝึกซ้อมให้กับเขาตั้งแต่ เด็กๆ ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆ เตชิน จะต่อต้านดนตรีอยู่บ้างเพราะเขาชอบเล่นกีฬามากกว่า จนวันหนึ่งเตชินค้นพบว่าดนตรีที่พ่อของเขา พล่ามสอนให้นั้นมันมีประโยชน์กับเขามากเสียงดนตรีที่ฟังแล้วซาบซึ้งใจอย่าง ขลุ่ยหรือซอก็ทำให้เขามีสมาธิ ส่วนฆ้อง ระนาดและกลองเขาใช้ระบายอารมณ์เมื่อยามที่หงุดหงิดหรือเครียดเตชินจะตีดนตรี พวกนี้จากทำนองที่เล่าร้อนดุดัน จนค่อยๆ อ่อนลงและแผ่วเบา และสติกับสมาธิก็กลับมาเหมือนเดิม ธีระนาถบอกกับเตชินอยู่เสมอว่า ถ้าหากเรามีดนตรีในหัวใจ ชีวิตก็จะเบิกบานเพราะดนตรีก็คือศิลปะแขนงหนึ่งที่จะทำให้เรามีความสุขและ อิ่มเอมกับเสียงของมัน
เตชิน รวบรวมสติแล้วคิดวิธีแก้ลูกตบชันแบ็กแต่ก็คิดไม่ออก วันหนึ่งลุงหมอกแนะนำเทคนิคแก่เตชินว่าต้องทำยังไงถึงสามารถแก้ลูกตบซันแบ็ก ได้ เตชินไม่อยากจะเชื่อคำของภารโรงแก่ๆ แต่เมื่อทำตามคำแนะนำของลุงหมอก ปรากฎว่าสามารถแก้ลูกตบซันแบ็กได้จริงๆ เตชินจึงรีบกลับไปหาลุงหมอกที่ห้องพักแต่ลุงหมอกไม่อยู่ เตชินพบว่าในห้องลุงหมอกมีรูปลุงหมอกสมัยหนุ่มๆ ใส่ชุดนักกีฬาทีมชาติและถ้วยรางวัลเต็มไปหมดเตชินจึงรู้ความจริงว่าลุงหมอก เป็นนักตะกร้อในตำนานที่เขาชื่นชมตั้งแต่เด็กๆ แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่นจนเอ็นข้อเท้าขาดทำให้เขาไม่สามารถเล่น ตะกร้อได้อีกเลย
เปียโนเองก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้เช่นกัน เมื่อทีมของเธอพบกับทีมของ ครูอำนวย ด้วยลูกตบเอสพิฆาต แต่เปียโนกลับท้าครูอำนวยว่าคราวหน้าเด็กของเธอจะต้องชนะแน่ๆ ครูอำนวยเยาะเย้ยและบอกกับเธอว่าให้ไปฝึกมาอีกสิบปีแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ก็ ได้ งานนี้ทำให้เปียโนถึงกับเครียดจัดเพราะไหนจะถูกหยาม และกลัวว่าจะไม่สามารถนำชัยชนะมาให้ ผอ.ได้
เตชิน บอกกับเปียโนว่าถึงแม้ว่าวันนี้เราแพ้แต่พรุ่งนี้เราอาจจะชนะ ขอเพียงอย่าสิ้นหวัง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนทั้งสองเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ความรู้สึกดีๆ จึงตามมา เตชินบอกกับเปียโนว่าเขาจะพาเด็กๆ ไปฝึกที่ชายทะเล ถ้าหากเปียโนสนใจก็ไปด้วยกันได้ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว เธอรับปากว่าจะไปแต่ขอพาสาวๆ ไปด้วย
ระหว่างอยู่ที่ทะเลเด็กๆ เห็นครูทั้งสองแอบหวานใส่กัน ก็ลุ้นให้ทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ ให้ได้ จึงทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่สื่อ สร้างเหตุบังเอิญให้สองคนนี้อยู่กับสองต่อสอง
เด็กทุกคนต้องประหลาดใจกับการฝึกแนวใหม่ของเตชิน นั่นคือ ตะกร้อชายหาดซึ่งเป็นเทคนิคที่ลุงหมอกแนะนำมาเพื่อฝึกกำลังขาเพราะพื้นทราย จะมีความหนืดจึงต้องใช้แรงมากกว่าเล่นตะกร้อบนพื้นธรรมดา ขณะที่ทีมของเตชินกำลังซ้อมกันอยู่พวกเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกชาวเลแถวนั้นเข้ามาท้าแข่งกับพวกของเตชิน เตชินนั่งดูวิธีการเล่นของเด็กๆ ชาวเลที่ตบลูกและเสิร์ฟลูกแรงและเร็วจนไม่สามารถจับทางได้ว่าจะมาไม้ไหนจน ทีมเตชินแพ้ราบคาบ เตชินจึงนำกลวิธีที่ชาวบ้านเล่นกันมาประยุกต์ใช้ กับการเล่นแบบสากลจนกลายเป็นการเล่นแบบใหม่และคิดว่าวิธีนี้ต้องปราบลูกตบ ซันแบ็กของทีม ประกาศิต ได้แน่ๆ
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ เด่นดนัยก็พบว่าแม่ป่วยหนักเพราะต้องทำงานอยู่คนเดียว เขารู้สึกแย่มากที่ทอดทิ้งแม่ไป เขาจึงขอลาออกจากทีม การแข่งขันกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เตชิน ต้องจัดตำแหน่งกันใหม่ โดยเอาโฟกัสมาแทน ฟีม คือตำแหน่งชง ส่วน ฟีม มาแทน เด่นดนัย คือตำแหน่งตบ ทั้งสามเล่นไม่ค่อยเข้าขากันต้องฝึกกันใหม่เพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้ เตชิน กลุ้มใจมาก
เด่นดนัย นอกจากจะลาออกจากชมรมตะกร้อแล้วเขายังหยุดเรียนไปหลายวัน น้ำค้างรู้สึกเป็นห่วงจึงไปหาเด่นดนัยที่กำลังขายของชำในตลาดเพื่อนำเงินไป รักษาแม่ที่ป่วยอยู่ เด่นดนัยไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใคร แต่น้ำค้างนำเรื่องนี้มาปรึกษาเตชินกับเปียโน ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปหาเด่นดนัยที่บ้านแต่ไม่พบ กลับเจอแต่ชื่นแม่ของเขาเท่านั้นที่นอนป่วยอยู่ เตชินกับเปียโนจึงพาชื่นส่งโรงพยาบาลและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เตชิน และ เปียโนขอร้องให้เขากลับไปเรียนต่อ เพราะเสียดายอนาคตของเด่นดนัย
เปียโนศึกษาวิธีการเล่นเทนนิส ของนักกีฬาระดับโลกหลายๆ คน แล้วเอามาประยุกต์ใช้ให้กับไข่มุกและสีรุ้ง ยิ่งใกล้ถึงวันแข่งขันเปียโนก็ยิ่งกดดัน เพราะหลายคนตั้งความหวังไว้กับเธอสูงมากโดยเฉพาะ ผอ.ชาญวิทย์ และที่สำคัญเธออยากเป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าไม่ใช่เธอจะสวยอย่างเดียว แต่ความสามารถก็มีพอตัว
และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง การแข่งขันกีฬามัธยมแห่งชาติ ซึ่งเปียโนจะต้องพาเด็กๆ ของเธอแข่งในวันแรก ไข่มุกและสีรุ้งก็ตั้งใจเต็มที่เพื่อเป็นของขวัญให้กับเปียโน ทั้งคู่แข่งจนถึงนัดสุดท้าย และต้องมาเจอกับเด็กของครูอำนวย ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดแต่ปรากฎว่าผลการแข่งขันเปียโนสามารถนำชัย ชนะมาให้โรงเรียนชาญวิทย์จนได้ เด็กๆต่างใจดีและขอมอบรางวัลนี้เป็นที่ระลึกกับเปียโน
เสียงเชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปัคตะกร้อ ทีมของเตชินเข้ามาถึงนัดสุดท้ายต้องมาเจอกับทีมของ ประกาศิต การแข่งขันทุกรอบ ธีระนาถ จะนำวงดนตรีไทยไปเชียร์เพื่อเป็นสีสันทำให้เกิดความฮึกเหิมและความตื่นเต้น มากขึ้น ลุงหมอกแต่งตัวเป็นลิเกเต็มยศเป็นหัวหน้านำเชียร์
การแข่งขันเริ่มขึ้นลูกตบล้อเกวียนของทีม เตชินไม่สามารถทำแต้มได้เลย เพราะฟีมไม่ได้ฝึกมาตั้งแต่แรก จึงทำให้ลูกพุ่งไปไม่แรงเท่าที่ควร เกมส์ล่วงเลยมาถึงปลายเซ็ตที่หนึ่งไม่มีท่าทีชนะทีมของประกาศิตได้เลย การแข่งขันตะกร้อมีการถ่ายทอดผ่านทางทีวีซึ่งเด่นดนัยนั่งดูอยู่ในโรงพยาบาล กับแม่ ชื่นสังเกตเห็นว่าลูกชายดูกระวนกระวายนั่งไม่ติดเก้าอี้อยากไปช่วยเพื่อนมาก เธอจึงขอให้เขาไปทำหน้าที่ของตนเอง
ช่วงกลางของเกมส์ที่สองฝ่ายประกาศิตทำแต้มขาดลอย จนกระทั่งเด่นดนัยมาถึง ทุกคนในทีมรวมทั้งเตชินต่างดีใจ เตชินจึงขอเปลี่ยนตัวโฟกัสออกแล้วเอาเด่นดนัยลงแทนในตำแหน่งตบส่วนฟีมมาเป็น ตัวชงเหมือนเดิม เกมส์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งฝ่ายประกาสิตรุกหนักกว่าเดิม ประเดิมด้วยลูกตบซันแบ็กแต่เด่นดนัยก็สามารถงัดลูกตบซันแบ็กได้ทุกครั้ง เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเด่นดนัยกระโดดลอยตัวท่าล้อเกวียน ฟาดแข้งไปอย่างแรงจนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับได้ ประกาศิตต้องขอเวลานอกเพื่อปรับกลยุทธ์ ตอนนี้ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทีมของเตชินเป็นฝ่ายรุกบ้าง โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้เลย
เตชินดีใจที่เขาสามารถปราบลูกตบซันแบ็กได้สำเร็จ และได้เอาชนะความกลัวในใจจนหมดสิ้น เขาจะไม่นอนฝันร้ายอีกแล้ว ธีระนาถบอกกับเตชินว่า ถ้าหากคนเรามีความสามัคคีและมีสติในการแก้ปัญหา พลังที่สร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี เตชินบอกกับเด็กๆ ทุกคนว่าถึงแม้วันนี้เราจะชนะและได้ถ้วยรางวัล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้น ก็คือรางวัลชีวิตต่างหาก เพราพวกเราได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกันจนวันนี้เราประสบความสำเร็จร่วมกัน มีความรักความสามัคคี นี่แหละที่เขาเรียกว่ารางวัลชีวิต
ผอ.ชาญวิทย์ จัดงานเลี้ยงขอบคุณทั้งครูและนักกีฬาที่นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน เมื่อเพลงบรรเลงขึ้น เตชินมาขอเต้นรำกับครูเปียโน ส่วนเด็กๆ ก็จับคู่เต้นรำและในคืนนี้เองเตชินได้บอกรักกับเปียโนท่ามกลางสักขีพยานใน คืนแห่งชัยชนะ
เรื่องย่อ : เกรดบี พี่กับน้อง (2551/2008) นาย ภูมิดี นักศึกษาปริญญาโท ฐานะขั้นมหาเศรษฐี เรียนดีระดับ B+ เพราะมีตุ๊กตาเป็นเพื่อน ต้องการทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่อง “ทำไม?? เด็กๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ถึงชอบตุ๊กตาสารพัดแบบ” และจะเหมือนประสบการณ์ของเขากับตุ๊กตาเพื่อนรักของเขาหรือไม่ จึงคิดที่จะหาคำตอบด้วยวิธีต่างๆ นานา จนได้นักวิชาการ, พ่อ-แม่, ผู้ปกครองถึงกับสนับสนุน ยกบ้านและที่ดินให้เป็นสถานที่ในการค้นหาคำตอบนี้!!! เรื่องราวจึงเกิดขึ้นจากความคิด “ทฤษฎีบ้านเกรดบี” ให้เด็กๆ อยู่กับเด็กด้วยกัน ดูแลกันและกัน ระบบ “พี่กับน้อง” ในช่วงปิดเทอมใหญ่โดยมีกำหนดการเข้าบ้าน 10 วัน 20 วัน 30 วัน หรือจะเบรกกลับบ้าน แล้วกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ แต่ต้องให้ครบกำหนดซะก่อน โดยเปิดรับสมัคร รับรุ่นพี่มัธยมกลุ่มหนึ่งจำนวนจำกัด เชิญชวนเด็กนักกิจกรรมในสาขาต่างๆ ยิ่งถ้ามีใบประกาศผ่านการอบรมเข้าค่ายมานำเสนอก็ยิ่งจะมีภาษีดีกว่าใครๆ กลุ่มนี้ก็จะเป็นรุ่นพี่ โดยมีกลุ่ม “ใจแจ๋ว” บางคนก็มาลงอาสาเข้าค่ายกับเค้าด้วยวิธีการที่เป็นกรณีพิเศษเฉพาะ คือ เด็กทุกคนต้องมี “ตุ๊กตาตัวโปรด” และถ้าใครมีเรื่องเล่าเด็ดๆ เคล็ดลับของการอยู่กับตุ๊กตา เปอร์เซนต์การเข้าค่ายก็จะเหนือกว่าใครๆ สาเหตุเพราะจากการหาข้อมูลกับเด็กในหลายๆ กลุ่มอายุของนายภูมิดี “ตุ๊กตา” มีอิทธิพลต่อเด็กๆ หลายๆ ด้าน รวมทั้งตัวเขาด้วย “ตุ๊กตา” เป็นเพื่อนคุย เพื่อนระบายอารมณ์ เป็นพี่ เป็นน้อง และเป็นจินตนาการได้หลายแบบ “ตุ๊กตา” จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คิดฝันไปได้ว่า เด็กๆ สามารถอยู่กับตุ๊กตาได้ เพราะดูเหมือนตุ๊กตาจะเข้าใจเด็กไปซะทั้งหมด หรือตุ๊กตาก็คือพลังจิตของคนทุกรุ่น ทุกวัยที่สืบทอดกันมา พวกเราได้ใส่พลังจิตส่วนที่ดีลงไปมากเข้า มากเข้า จนพอที่จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความเชื่อได้ว่า “ตุ๊กตามีพลังนำพาให้พวกเรามีจินตนาการไปในแง่มุมต่างๆได้หลายรูปแบบ” หรือ “จิตของพวกเราเองนั่นแหละที่สั่งการตัวเรา แต่เอาตุ๊กตาเป็นสื่อนำ” กลุ่มนี้จะเป็นเด็กโตระดับมัธยมต้นๆ ประมาณ 7-10 คน ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรให้เข้าบ้านเกรดบีนี้โดยไม่มีข้อแม้ เด็กๆ สามารถถอนตัวออกจากโครงการได้ทุกเมื่อ (ถ้ารู้สึกอึดอัด คิดถึงบ้าน คิดถึงผู้ปกครอง) แต่ในขณะที่เข้าค่ายจะต้องตัดขาดจากการติดต่อสื่อสารกับทางบ้าน นอกจากได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยดูแลอยู่ห่างๆ คอยอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือในทุกกรณี และเพื่อความสบายใจ “บ้านเกรดบี” มีองค์กรเด็ก เช่น มูลนิธิคุ้มครองสิทธิเด็ก ส่งเจ้าหน้าที่มาอยู่ด้วยตลอดเวลา, รถพยาบาลพร้อมพยาบาล, แม่ครัวครบครัน
หลวงตาใหม่ ผู้ใหญ่เย็น (2551/2008) เรื่องราวความวุ่นวายภายในชุมชนที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้หลวงตาใหม่ (กล้วย เชิญยิ้ม) กับผู้ใหญ่เย็น (เอกพัน บรรลือฤทธิ์) ผู้ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือต้องคอยแก้ไข ไม่เว้นแม้แต่บุญช่วย (จิรพัฒน์ สุตตปัญญา) และบุญชาติ (กฤษฎี พวงประยงค์) เด็กวัดในปกครองของหลวงตาใหม่ บุญช่วยเป็นคนดี แต่มีปัญหาหัวใจเพราะดันไปหลงรักจุ๊บ (ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) ลูกสาวสุดหวงของดาวใจ (รัชนีกร พันธุ์มณี) อดีตนางงามประจำชุมชน ขณะที่บุญชาติเป็นหนุ่มอารมณ์ร้อนที่ชอบก่อเรื่องเป็นประจำ ดีที่ได้ทุกคนรวมถึงเอ๋ (มนชญา ศรีสวัสดิ์) หญิงสาวในชุมชนที่เขาแอบชอบคอยเตือนสติ แม้ปัญหาจะยังมีมาให้แก้ไข แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยคำสอนของหลวงตาใหม่ และความใส่ใจของผู้ใหญ่เย็น ไม่เว้นแม้แต่ความรักของบุญช่วยกับจุ๊บที่อนาคตสดใสขึ้นเช่นกัน
- ตอน 1 บาปใครบาปมัน / 12 ตุลาคม 2551
- จุ๊บผิดหวัง บุญช่วยยอมรับเดินโพยบอล
- ตอน 2 แค้นไม่รู้จบ / 19 ตุลาคม 2551
- “บุญชาติ” ขึ้นบัญชีแค้น “บุญช่วย” โดนใส่ร้าย
- ตอน 3 ลาภลอย / 26 ตุลาคม 2551
- ข่าวลือสะพัด “หลวงตา” ดูดวงแม่น คนแห่แน่นวัด
- ตอน 4 มือถือใหม่ / 2 พฤศจิกายน 2551
- เพื่อมือถือใหม่ “เอ๋” ยอมเป็นแจ๋ว
- ตอน 5 เจตนาดี / 9 พฤศจิกายน 2551
- หลอก “หลวงตา” เพื่อ “หลวงตา”
- ตอน 6 ผู้ดีอังกฤษ / 16 พฤศจิกายน 2551
- “แม้ว” หนีออกจากวัด เหตุไม่อยากไปอังกฤษ
- ตอน 7 คู่ทรหด / 23 พฤศจิกายน 2551
- “น้ำหวาน” ฟิวส์หลุด ไล่ “โกหยุ่น” ออกจากบ้าน
- ตอน 8 น้ำตาเย็น / 30 พฤศจิกายน 2551
- “ผู้ใหญ่เย็น” ลาออก ทนไม่ได้เพื่อนรวยกว่า
- ตอน 9 ลุงพันมหาภัย
- “ดาวใจ” ไม่ถือสา โดนคนบ้ากอด
- ตอน 10 หลุมหลบภัย
- ดาราคลิปหลุด ทำวัดปั่นป่วน
- ตอน 11 บาปโบราณ
- “สมหมาย” โทรม โดนผีหลอก
- ตอน 12 ฆาตกร-โรคจิต
- สาวโรคจิตอาละวาด ยึดบ้านดาวใจเป็นศูนย์
- ตอน 13 ติ๊ก ชีโร่
- “ติ๊ก ชีโร่” ขอพักไมค์ มาเป็นเด็กวัด
- ตอน 14 เจ้าพ่อสักทอง
- “หลวงตา” ท้าพิสูจน์ เจ้าพ่อ
- ตอน 15 บุญคุณต้องทดแทน
- “สุขุม” กลุ้ม บุญคุณที่ไม่อยากทดแทน
- ตอน 16 รักหลอกๆ อย่าบอกใคร
- “บุญชาติ” ประกาศตัว เป็นแฟน “เอ๋”
- ตอน 17 หีบสมบัติ
- “ผู้ใหญ่เย็น” “น้ำหวาน” งมงายจนเป็นเรื่อง
- ตอน 18 วุ้นเด็กแว้น
- “จุ๊บ” จี๊ด “บุญช่วย” พาสาวจู๋จี๋ในวัด
- ตอน 19 สองล้อถูกหวย
- “แหลม” ลืมตัว ใช้เงินแบบสองล้อถูกหวย
- ตอน 20 สองล้อถูกหวย
- “บุญช่วย” ปล่อยข่าว “หลวงตา” มรณะภาพ
- ตอน 21 “ไอ้ปื๊ด”
- “ดาวใจ” ทั้งรัก ทั้งหลง “ไอ้ปื๊ด”
- ตอน 22 วันเกิดพ่อ
- “ดาวใจ” โกรธไล่ “จุ๊บ” ออกจากบ้าน
- ตอน 23 เพื่อนกัน ฉันรักแก
- “บุญชาติ” โดนรุมประนามโทษฐานปากพล่อย
- ตอน 24 รักแท้แต่ไม่หึง
- “บุญช่วย” ยินดี “จุ๊บ” คบแฟนไฮโซ
- ตอน 25 สมชายมาค่ะ
- “ผู้ใหญ่เย็น” แค้นจัด ปลอมตัวจัดการตุ๊ด
- ตอน 26 ผู้ดี
- “บุญช่วย” โกรธจัด ชก “โต” ร่วง
- ตอน 27 เมียน้อย
- “อร” ตามตื้อ ขอเป็นน้อย “โกหยุ่น”
- ตอน 28 หวังดีสีดำ
- “หลวงตา” เครียด “สมหวัง” สั่งรื้อวัด
- ตอน 29 ปด...ไม่รู้จบ
- “น้ำหวาน - ดาวใจ” ซ้อมลูกคอหวังเป็นนักร้อง
- ตอน 30 คนคุก
- “สมหมาย” ปลุกระดมไล่ “โต้ง” ออกจากหมู่บ้าน
- ตอน 31 ท้อง
- “โกหยุ่น” ทำ “จุ๊บ” ท้อง
- ตอน 32 แผ่นผี
- แผ่นผีระบาด
- ตอน 33 เพื่อนแท้ไม่แพ้ทิฐื
- เพื่อนรัก เพื่อนแค้น
- ตอน 34 ไดอารีสีชมพู
- “สมหมาย” สวมรอยสมบัติ หวังเคลม “ดาวใจ”
- ตอน 35 บุญตัดบาป
- เพื่อนหลวงตา
- ตอน 36 รักบริสุทธิ์ (อวสาน) / 21 มิ.ย. 52 / เวลา 13.00 น . ทางช่อง 7 สี
- “บุญช่วย” ดีแตก เมาจนลืมตัว ตะโกนบอกรัก “จุ๊บ”
เรื่องย่อ : หอหญิง (2551/2008) หอพัก "เรือนบุษบา" เป็นหอพักหญิงล้วนที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ โดยมี แม้นศรี (อุทุมพร ศิลาพันธ์) เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แม้นศรีนั้นเป็นสาวใหญ่เกิดมาในครอบครัวต่างจังหวัด ที่ทั้งบ้านมีผู้ชายคือพ่อคนเดียว มีพี่น้องเป็นผู้หญิงอีก 8 คน และญาติผู้หญิงอีกโขยงใหญ่ เมื่อไหร่ที่ใครได้เข้ามากรุงเทพฯ ก็จะต้องมาพักกับแม้นศรีที่หอพักแห่งนี้ทุกครั้ง ด้านล่างของห้องพัก "เรือนบุษบา" มีแหล่งรวมพลของคนในหออยู่ 2 แห่ง คือร้านซักผ้าของเจ๊เฮียง และร้านทําผมของ ปราณี (ศิริพร อยู่ยอด) แต่ปราณีไม่ได้มีนิสัยปราณีอย่างชื่อ เพราะถ้าใครมาทําผมที่ร้านแล้วขอเชื่อเงินเอาไว้ ปราณีเป็นต้องด่าแหลกไปสามวันเจ็ดวัน ชีวิตของแม้นศรี คงจะดําเนินต่อไปอย่างจืดชืดเสมือนใบหน้าของเธอ ถ้าไม่เกิดเหตุที่ว่าวันหนึ่งพื้นที่ว่างข้างๆ หอหญิงของเธอเกิดมีการสร้างหอชาย "เรือนนาคิน" ขึ้นมาประชันกับ "เรือนบุษบา" ของเธอ ผนังตึกห่างกันแค่คืบโดยมีเจ้าของคือ คมสัน (อนันต์ บุนนาค) แต่ไม่มีใครรู้... แม้แต่ตัวคมสันต์เองก็ไม่รู้ตัวว่าแอบชอบแม้นศรีเข้าให้ เพราะแม้นศรีมีบุคลิกนิสัยเหมือนแม่ของเขา อ้อม (ชวัลกร วรรธนพิศิฐกุล) เป็นคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกหอพักหญิง "เรือนบุษบา" เธอเป็นทอมหน้าหวานหนุ่มๆ แห่กันมาจีบและหวังเปลี่ยนให้อ้อมกลับมาเป็นผู้หญิงเต็มตัวให้ได้ ส่วน วุฒิ (ไผ่-พาทิศ) เป็นใครน่ะเหรอ ก็พระเอกของเรื่องไงล่ะ เขาเป็นนักศึกษาหนุ่มปี 4 หล่อ เท่ เป็นประธานชมรมเชียร์ ไปไหนสาวกรี๊ดตลอด และแน่นอนหนึ่งในนั้นคือกิ๊ก ติดตามชมเรื่องราววุ่นๆ ของพวกเขาได้ในซิทคอมอารมณ์ดี เรื่อง "หอหญิง"
เรื่องย่อ : ห้องสมุดสุดหรรษา (2551/2008) ชีวิต สุดหรรษาของสาวน้อย ฝุ่น(แตงโม-ภัทรธิดา) ผู้กำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและใฝ่ฝันที่จะเปิดร้านหนังสือ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้อ่านหนังสือ ฝุ่นเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ไฝ(กุ้ง-วิภาวี) เจ้าแม่สำนักทรงเจ้า ฝุ่นไม่ชอบที่แม่ทำอาชีพนี้ทำให้ฝุ่นมีเรื่องทะเลาะกับแม่อยู่บ่อยๆ ฝุ่นพยายามทั้งเรียนละทำงานหนักเพื่อเก็บเงินเปิดร้านหนังสือ ฝุ่นมี นัท(บิ๊ก-ศรุต) เป็นชายหนุ่มรู้ใจ ฝุ่นเอาเงินเก็บทั้งหมดไปเซ้งร้านต่อจากเฮียเม้ง โดยไม่รู้ว่าร้านเฮียเม้งเป็นหนี้อยู่ท่วมหัว ในที่สุดฝุ่นก็ได้เปิดร้านหนังสือ บุ๊คการ์เด้น โดยมี จู้(อัครพงศ์) เป็นสมุนช่วยงานที่ร้าน ฝุ่นมีคู่ปรับคนสำคัญคือ โอ๊ค(อู-ภาณุ) ซึ่งมักดูถูกฝุ่นว่าไม่สามารถพัฒนาร้านหนังสือให้เจริญได้ ฝุ่นเปิดร้านได้อาทิตย์เดียวหนี้สินที่ค้างชำระก็ทำให้ฝุ่นปวดหัว ฝุ่นเปิดร้านได้สามวันมีลูกค้าหนึ่งคน ฝุ่นไปกู้เงินนายเก๋ง(เอ-ปัญญาพล) ดอกโหดแต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น สุดท้ายฝุ่นจึงตัดสินใจละทิ้งความคิดเดิมๆ เธอเปลี่ยนร้านหนังสือที่กำลังจะเจ๊ง ให้เป็นห้องสมุดชุมชนแทน เรื่องราววุ่นๆของห้องสมุดสุดหรรษาจึงเริ่มขึ้น เมื่อเก๋งเจ้าพ่อเงินกู้ตกหลุมรักฝุ่น นิรันดร์(เกริก ชิลเลอร์) เจ้าของร้านกาแฟก็มาเสนอเปิดมุมกาแฟ ตามด้วยคุณตุ๊ก(ท๊อป-ดารณีนุช) ที่เข้ามาเสนอขายของมากมาย ต่อด้วยลุงเกริก(ตุ่ม-ชลิต) ที่เข้ามาเปิดโต๊ะดูดวง ส่วนนัทกับนุ่น(เปิ้ล-ภารดี) สองพี่น้องก็เสนอให้มีมุมอินเตอร์เนท ด้วยเหตุนี้เองทำให้ฝุ่นมีศัตรูคนสำคัญ คือเจ้หงส์(จิ๊ก-เนาวรัตน์) และสุดท้ายคนที่ทำให้หัวใจของฝุ่นหวั่นไหวกลับเป็น มาร์ค(มาร์คุซ) พิธีกรหนุ่มรูปหล่อเพื่อนสมัยเรียน ปัญหาเรื่องห้องสมุด และปัญหาเรื่องหัวใจ ทำให้ฝุ่นต้องพยายามหาทางออก แต่ฝุ่นจะสามารถทำให้ทุกคนในชุมชน หันมาสนใจอ่านหนังสือได้หรือไม่ คงต้องติดตามชมในละครซิคคอม “ห้องสมุดสุดหรรษา”
เรื่องย่อ : เพื่อนนิรมิต (2551/2008) แม่พัด หรือ ณภัสสร เป็นเพื่อนรักของ วิว หรือ ณัฐฐปวีร์ ตั้งแต่ครั้งสงครามเสียกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในอดีตชาตินั้นแม่พัดจะคอยดูแล วิว หรือ แม่บุญมั่น เนื่องจาก แม่บุญมั่น เป็นลูกสาวเจ้าพระยาผู้ออกจะกระโดกกระเดก แต่เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นลือชื่อตามหลักกุลสตรีไทย ไม่ว่าจะเป็นการคิดประดิษฐ์เสื้อผ้าในสมัยนั้น หรือออกแบบอาหารและขนม ในขณะที่แม่พัดเป็นกุลสตรีทุกกระเบียด งดงามตามแบบฉบับ ครั้งหนึ่งทั้งสองได้ไปเดินเล่นในตลาดฮอลันดา เพราะทั้งคู่ชอบไปเดินดูของฝรั่ง จนได้กล่องไม้งดงามมากล่องหนึ่ง ซึ่งทั้งสองชอบมากแต่ทั้งร้านมีใบเดียว ความที่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน จึงสัญญากันว่าจะแบ่งกันใช้ และการให้คำสัญญาต่อกันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกันเสมอมา รวมทั้ง ทั้งสองก็เป็นคนรักษาคำมั่นสัญญาได้ดี แม้ว่าแม่พัดจะรักษาเกินเหตุกว่าก็ตาม ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก แม้เคยงอนกันที่แอบชอบผู้ชายคนเดียวกันอยู่บ่อยๆ ต่อมาข้าศึกเข้าตีกรุงศรีอยุธยา หญิงไทยพร้อมใจลุกขึ้นช่วยสู้รบ และทั้งสองก็ร่วมรบกับข้าศึก วันหนึ่งขณะออกประจันบาน ทั้งคู่ก็สู้ ซึ่งศึกนั้นออกจะเป็นการสู้และถอยไปในตัว มีการพลัดหลงกันเป็นระยะ แต่สุดท้าย ทั้งคู่ถูกข้าศึกฆ่าตาย ก่อนตายแม่พัดลั่นสัญญาว่าจะติดตามเป็นเพื่อนกันทุกชาติไป เวลาผ่านไปหลายรัชสมัย แม่บุญมั่น หรือ วิว ได้เวียนว่ายตายเกิด ส่วนวิญญาณของแม่พัด ยังคงติดพลัดหลงกับวิว แม่พัดไม่ได้ไปเกิดเพราะรักษาสัญญาเกินเหตุนั่นเอง และวาระจังหวะการตายต่างกัน จนมาถึงปี 2008 ก็มีคนนำกล่องไม้ใบนั้นกลับมาที่บ้านของวิว กล่องไม้เป็นสื่อ แม่พัดได้กลับมาพบกับวิวอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ทั้งสองคนป็นคนละยุคกัน ปัจจุบันวิวเป็นครีเอทีฟ เป็นคนเขียนบท และเป็นผู้กำกับสาวที่มาดมั่น เป็นสาวเก่งแต่ยังมีวิถีหลุดขอบบ้างเหมือนเดิม อาศัยอยู่กับ ขอจันทร์ นักศึกษาปริญญาโทซึ่งเป็นญาติสนิท และญาติจอมเมาท์อย่าง พุด หรือ พุดดิ้ง ในคอร์ทนี้ มี วิทยา หรือ วิทย์ เป็นคนดูแลคอร์ทให้แก่คุณหญิง ผู้ดีเก่ารายหนึ่ง เป็นคอร์ทที่คนมาอยู่ต้องมีฐานะประมาณคนทำงานรุ่นใหม่ ทันสมัย เป็นคอร์ทที่มีสไตล์แบบร่วมสมัย และในจำนวนผู้ร่วมชายคาคอร์ทนั้น มีพระนาย และ มังกร รวมอยู่ด้วย พระนาย เป็นนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่ แม้ยังหนุ่มแต่แนวคิดและสติปัญญาโตเกินรุ่น เป็นคนเก็บตัว ปากจัดหน้าตาย และไม่ค่อยเข้าใจในมนุษย์สัมพันธ์ แม้ภายในจะเป็นคนที่มีจิตใจดี จึงทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ และคิดไปต่างๆ นานา ส่วน มังกร เป็นเหมือนญาติสนิทของ พระนาย เขาเป็นนักบินโลว์คอสท์แต่ไฮเทสต์ ติดเจ้าชู้ แต่เล่นๆ ที่แท้เป็นสุภาพบุรุษขี้เล่น จึงค่อนข้างมีนิสัยตัดกันกับพระนาย พระนาย และมังกร ได้มาอยู่ในคอร์ทเดียวกับ วิว ไม่ต่ำกว่า 2 ปี แต่ไม่เคยได้พูดคุยกันนัก จนกระทั่ง แม่พัด เข้ามาอยู่ในคอร์ทแห่งนี้ ทั้ง 4 คน จึงมีเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงในใจเกิดขึ้น และการที่แม่พัดมาพบกับ วิว ในยุคสมัยนี้ จึงได้มาทำให้เกิดวิถีความเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวชีวิตทุกคนในคอร์ท เริ่มจากการที่ผีมาอาศัยอยู่กับคน โดยที่คนอื่นไม่รู้ว่าแม่พัดเป็นผี เห็นแม่พัดบ้างไม่เห็นบ้าง ก็เพราะว่ายามใด ที่แม่พัดมีใจบริสุทธิ์จากใจมนุษย์ นั่นคือ รัก โลภ โกรธ หลง หรือมีความเป็นมนุษย์ที่มีธาตุแท้ของมนุษย์เมื่อไหร่ แม่พัดจะสิ้นอิทธิฤทธิ์ผีทันที แต่ด้วยความดี แม่พัด จะสามารถเป็นคนปกติ สามารถอาศัยอยู่กลมกลืนกับทุกคนได้ และมีอำนาจพิเศษบางอย่างที่สามารถนำมาใช้ช่วยคนได้ ความนี้ไม่น่าล่วงรู้ แต่ก็เกิดการหวาดเสียวสำหรับ วิว ที่จะปกปิดเรื่องของแม่พัด เพราะในคอร์ท นอกจากจะมีญาติของตน คุณพุด ยังมี คุณรำไพ จอมสอดรู้สอดเห็นอยู่ด้วย ซึ่งคอยจะจับว่าแม่พัดผิดปกติและไม่น่าใช่คน ในคอร์ทยังมี อุลิศ ผู้จัดการสาธารณูปโยชน์ต่างๆ ของคอร์ท และที่สำคัญยังมี อุ่นเรือน ผีเจ้าที่ซึ่งสร้างสีสันให้กับชีวิตและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏ
เรื่องย่อ : อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง (2551/2008) พ่อขุนรามคำแหง (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย ผู้ทรงดูแลความเป็นอยู่ของราษฎรทุกชนชั้นอย่างพ่อปกครองลูก วันหนึ่งพระองค์ถูกสามศร (ศุกลวัฒน์ คณารศ)ลูกชายเจ้าเมืองฉอดลอบฆ่า เพื่อล้างแค้นแทนพ่อที่ถูกพ่อขุนรามฆ่าตายกลางสนามรบ พระองค์เห็นสามศร เป็นผู้มีฝีมือ อีกทั้งยังกตัญญู จึงไม่เอาผิดและเลี้ยงดูเหมือนลูกคนหนึ่ง
เรื่องย่อ : ผ่าโลกบันเทิง (2551/2008) บึงยี่เก….ตำบลแถวชานเมืองพระนคร เป็นตำบลที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ความวุ่นวายและความสนุกสนานเกิดขึ้นที่นี่ อันมีตระกูล ข.ไข่ อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมลอยน้ำ มี พี่น้อง 4 คน คือ ขุนพล (อานัส ฬาพานิช ) ขบวน (ศิระ รัตนโภคาสถิต) เข้ม (ณัฐพล รัตนิพนธ์) ขันทอง (มิณฑิตา วัฒนกุล) น้องสาวคนสุดท้อง ร้านตัดผมของลุงน้ำ (กรุง ศรีวิไล) อยู่ใกล้ๆ คอนโดตระกูล ข. ไข่ ลุงน้ำมีลูก 3 คนคือ น้ำผึ้ง (จีระนันท์ มะโนแจ่ม) น้ำฝน(วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์) น้ำหมึก (ด.ช.กฤต สิริสวัสดิ์ ) ตระกูล ข.ไข่ ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้องมีชื่อเสียง เพื่อจะได้มีรายได้มาทำให้ครอบครัวมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขุนพลมักจะชวนขบวนและเข้มมาร้องเพลงบนคอนโดมิเนียม ลอยน้ำ เพื่อเกี้ยวน้ำผึ้ง และน้ำฝนอยู่เสมอ แต่ร้องทีไรทำดอกไม้ที่แสนรักของลุง น้ำเหี่ยวทุกที ทำให้ลุงน้ำไม่ชอบพวกตระกูล ข.ไข่ มากยิ่งขึ้น และตระกูลที่สร้างความวุ่นวายมากอีกตระกูลหนึ่งคือ ตระกูลของเสี่ยสมบูรณ์ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) ซึ่งเป็นคนฐานะดี มีโรงสีและที่ดินมากมายจึงเป็นคนมีอิทธิพลในถิ่นบางยี่เก เสี่ยสำอาง (สิทธิชัย ผาบชมพู) เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยสมบูรณ์ และมีน้องสาวอีกคนชื่อ ลูกท้อหรือแซนดี้ (ณัฐกมล สอนเพ็ง) ถูก ส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา จริตจะกร้านจึงกระเดียดไปทางฝรั่ง ทั้งเสี่ย สำอางและลูกท้อมักจะมีเรื่องราวกับ ตระกูล ข.ไข่ อยู่บ่อยๆ ณ.กรุงเทพมหานคร สิงโต (อรรถชัย อนันตเมฆ) มหาเศรษฐีจัดงานใหญ่ต้อนรับ สตางค์(ภานุ สุวรรณโน) ลูกชายโทนที่เพิ่งกลับมาจากเยอรมัน ซึ่งสิงโตส่งไปเรียนวิชาบริหารธุรกิจ กลับมาจะได้ดูแลกิจการมากมาย แต่สตางค์กลับไปเรียนวิชาสิ่งประดิษฐ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีแบบ ใหม่ สิงโตบังคับให้สตางค์ทำงานจน สตางค์เกิดความเบื่อหน่าย เขาอยากทำในสิ่งที่เขารักและร่ำเรียนมา จึงทำให้สิงโตโกรธมากถึงกับไล่สตางค์ออกจากบ้าน มรดกชิ้นเดียวก็ไม่ ได้ สตางค์เป็นคนมีทิฐิจึงออกจากบ้านไปอยู่บึงยี่เก ไปอยู่กับนมขาว (เฉลา ประสพศาสตร์) แม่ นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ และที่นั่นสตางค์ก็ได้พบกับน้ำฝนโดยบังเอิญ จึงเกิดความเข้าใจผิดเรื่องที่ สตางค์ถามหานมขาว ในที่สุดสตางค์ก็ได้พบนมขาวจนได้ สิงโตรู้ว่าสตางค์ไปอยู่กับนมขาวที่บางยี่เก จึงสั่งให้ฉลาด (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ลูกน้องคนสนิทจ้างคนไปรังควานต่างๆ นานา ทำให้สตางค์อยู่ที่นั่นไม่ได้ สตางค์โดนรังควานอยู่บ่อยๆ จนตระกูล ข.ไข่ ผ่านมาพบเข้าโดยบังเอิญ จึงช่วยเอาไว้ทำให้สตางค์รู้จักกับตระกูล ข.ไข่ และเป็นหนทางที่ทำให้สตางค์สนิทกับน้ำฝน น้องสาวของน้ำผึ้งได้ง่าย ขึ้น บางยี่เกกำลังร้อนระอุด้วยแรงหึงของเสี่ยสำอางที่มีต่อขุนพล ถึงแม้เสี่ย สำอางจะรู้ว่าขุนพลชอบอยู่กับน้ำผึ้ง แต่เสี่ยสำอางก็พยายามทุกวิถีทางที่จะได้น้ำผึ้งมาเป็นของตน โดยยกพวกไปหา เรื่องแกล้งตระกูล ข.ไข่ และเอาใจลุงน้ำ เพื่อให้หันมาสนใจตัวเอง และยังใส่ร้ายป้ายสีขุนพลเพื่อให้ลุงน้ำเกลียดขุนพลมากยิ่งขึ้น สตางค์ได้สร้างเก้าอี้ตัดผมไฮเทคให้ลุงน้ำ ซึ่งเป็นที่พอใจของลุงน้ำมาก นอก จากนั้นสตางค์ยังได้สร้างจักรยานสามัคคีให้กับพี่น้องตระกูล ข.ไข่ เพื่อใช้ไปไหนมาไหนทีเดียวได้หลายคน เสี่ยสมบูรณ์ผู้มีอิทธิพลในบางยี่เก หวังจะฮุบที่ดินทั้งหมดเพื่อจะเอาไปขายให้กับฝรั่ง ซึ่งมีแผนการจะสร้างสนาม กอล์ฟ แต่ที่ดินส่วนหนึ่งเป็นของสิงโตคู่อริตัวฉกาจของตน ศึก ชิงที่ดินจึงเกิดขึ้นระหว่างเสี่ยสมบูรณ์และสิงโต ร้อนไปถึงสตางค์กับตระกูล ข.ไข่ ที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับเสี่ยสมบูรณ์และเสี่ยสำอาง ผู้ซึ่งมี อิทธิพลและพวกมาก เหตุการณ์ต่างๆ จะดำเนินไปอย่างไร ความรับของขุนพลกับน้ำผึ้ง สตางค์กับน้ำฝน ขบวนกับลูกท้อ เสี่ยสำอางกับขันทอง จะลงเอยกันได้หรือไม่โปรดติดตามชมได้ใน “ผ่าโลกบันเทิง”
เรื่องย่อ : เคหาสน์แสงจันทร์ (2551/2008) นับจากวันที่ ปารินทร์ ได้ตัดสินใจออกจากบ้านไป ด้วยความโกรธ…. ปวดร้าวและทุกข์ใจ เขาไม่เคยเหลียวแลที่จะกลับมาอีกเลย หลังจากที่มารดาของตนเองได้แต่งงานกับชายคนใหม่ ทั้งๆ ที่พ่อเพิ่งตายไปไม่ถึง 3 เดือนดี จนถึงวันนี้.. เวลาได้ผ่านล่วงเลยมาแล้วสามปี ขณะนี้ภาพที่ปรากฏ…. ปารินทร์ กำลังนั่งคุกเข่าจัดแจกันดอกไม้ป่าหน้าหลุมฝังศพแม่ ซึ่งเขาเพิ่งฝังเธอเสร็จ…เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง ด้วยความรู้สึกที่เจ็บช้ำ ขมขื่น คละเคล้าไปด้วยความเคียดแค้น และปวดร้าวแสนสาหัส (ที่มา : inter.bugaboo.tv)
เรื่องย่อ : ธิดาวานร (2551/2008) ธิดาวานรเป็นเรื่องแฟนตาซีแนวหนังวอลท์ดิสนี่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่นผืนป่า ต้นไม้ ลำธาร และสัตว์ทั้งหลายในป่า ต้องการให้คนที่ชมเรื่องนี้ เกิดความรักธรรมชาติ และสนใจเรื่องภาวะโลกร้อน เพราะการรักษาดูแลธรรมชาติคือสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ลดภาวะโลกร้อน ป้องกันการเกิดภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม เป็นการเดินเรื่องราวผจญภัยของเด็กน้อยจนเป็นสาวชื่อเมงกาเลียที่มาพลัดหลงอยู่ในป่า จนกระทั่งออกจากป่าและได้พบกับสิ่งเลวร้าย จนในที่สุดพบครอบครัวอันเป็นที่รักคือพ่อและปู่ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานของการนำเสนอ หนูน้อยเมงกาเลีย วัยห้าขวบลูกสาวของ นายดำรง เศรษฐีหนุ่มหล่อภาคเหนือกับภรรยาสาวสวยชื่อ บัวบาน เมงกาเลียมีพี่เลี้ยงชื่อ ละเอ มาจากอีกฟากฝั่งของแม่น้ำเมยที่เชียงราย ละเอจงรักภักดีต่อคุณหนูของเธอมาก ตั้งชื่อเล่นให้หนูน้อยว่าเมงกาเลีย แต่ชื่อจริงคือกาสะลอง ละเอค่อนข้างออกแนวไสยศาสตร์ ทำนายทายทักและมีสัมผัสที่หกแต่ทุกคนก็ไม่ขำ ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของละเอ ละเอบอกให้บัวบานระวังตัวจะโดนแย่งของรักและตกอยู่ในอันตรายทั้งบัวบานและเมงกาเลียไม่มีใครเชื่อ ดำรงเข้ากรุงเทพไปติดต่อธุรกิจโดยที่ไม่ได้พาภรรยาและลูกสาวไปด้วย ดำรงได้พบกับนาถยา หม้ายสาวลูกติดชื่อ เอมฤดี อายุไล่เลี่ยกับเมงกาเลียแก่กว่าสักสองปี นาถยาหวังหาที่พึ่งเพื่อเป็นหลักให้เธอและลูกสาว โดยไม่สนใจว่าดำรงจะมีภรรยาและลูกแล้ว ทำแกล้งมาทางเหนือเพื่อมาติดต่องานกับดำรง และฉวยโอกาสมอมยาดำรง และกลายเป็นภรรยาน้อยของดำรงสำเร็จ จากนั้นนาถยาก็เริ่มแผนการขั้นที่สอง คือเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน แสร้งทำตัวอ่อนน้อมน่าสงสารกับบัวบานที่พูดไม่ออก แต่ทำเฉพาะต่อหน้าดำรงเท่านั้น พอลับหลังก็หลอกล่อพูดจาทิ่มแทงให้บัวบานเสียใจเตลิดออกจากบ้านไปเพื่อจะไปบ้านบนภูเขาที่บัวบานกับดำรงมักพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนที่นั่น นาถยาแอบจ้างคนมาตัดสายเบรกให้เกือบขาดเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ บัวบานขับรถเสียใจมุ่งหน้าขึ้นเขา ในที่สุดเบรกรถก็ขาดรถเสียหลักตกเขากลิ้งหายลงไป ในเหวบัวบานหายตัวไป ดำรงส่งคณะผู้เชี่ยวชาญตามหาบัวบานนานนับเดือนได้แต่กู้ซากรถที่แหลกเละเทะทั้งคันกลับคืนมา แต่ไม่มีวี่แววของบัวบานทำให้นาถยาดีใจมาก เริ่มแผนขั้นที่สามต่อไปด้วยการแต่งงานกับกับดำรง ละเอพยายามเตือนดำรงให้ระวังว่าเมงกาเลียกำลังตกอยู่ในอันตราย และจะมีชะตากรรมเหมือนกับบัวบาน ละเอกลับโดนดำรงดุว่าเหลวไหล นาถยาทำดีกับดำรงเอาอกเอาใจ นานวันเข้าดำรงยอมรับนาถยาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ยกเว้นจดทะเบียนสมรสเพราะดำรงต้องการรอว่าบัวบานอาจยังไม่ตายจึงให้นาถยารอไปสิบปี นาถยาแกล้งทำรักใคร่เมงต่อหน้าผู้คน พอลับหลังให้ลูกสาวคือเอม รังแกเมงเสมอๆ ละเอพยายามบอกดำรง ดำรงก็หาว่าละเอใส่ร้ายนาถยา นาถยาวางแผนขั้นที่สี่ต่อไปด้วยการให้เมงมีอันเป็นไป เหมือนกับบัวบาน ตลอดเวลาละเอเคยพยายามใช้สัมผัสที่หกตามหาบัวบาน ละเอมักฝันร้าย ในฝันเห็นบัวบานโดนเสือคาบไปกิน ต่อมาวันหนึ่ง นาถยาแกล้งบอกให้ดำรงจัดให้ละเอข้ามกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ และหาทางให้ดำรงไปติดต่อธุระที่กรุงเทพและรับอาสาดูแลเมงเอง พอทุกคนไปกันหมดแล้วนาถยาก็จับเมงใส่รถเอาไปปล่อยไว้ในป่าแล้วหนี เมงเดินสะเปะสะปะร้องไห้อยู่ในป่าจนมืดค่ำ ในวันเดียวกันนั้น พนา อายุแปดถึงสิบขวบ กับ นายพินิจ และ นางอรุณี นักธุรกิจอัญญมณีชื่อดังทางภาคเหนือ ได้เดินทางโดยใช้รถไฟ เพราะต้องการเลี่ยงหลบจาก นายคำรณ มาเฟียที่จะพยายามฉกเพชรสีชมพูหลายสิบกะรัตของพวกเขา ทั้งสองเอาเพชรสีชมพูใส่ลูกเทนนิสติดกาวแนบเนียนมากแล้วใส่ไว้ในเป้ของลูกชาย สั่งให้สะพายเป้ติดหลังไว้ตลอดเวลาห้ามปลดออกเด็ดขาด พนาเชื่อฟังอย่างดี ขณะนั่งรถไฟมากลางทางที่เป็นป่าก็เกิดเหตุรถไฟเกิดเสียหลักไถลออกนอกรางในตอนกลางคืน ผู้คนบาดเจ็บกันมากมายต่างหาทางออกจากรถไฟ พนาหลุดออกมาได้ตามหาพ่อแม่ และพลัดหลงไปในป่า ส่วนพ่อแม่ปลอดภัยตามหาพนาไม่พบ พนาเดินสะเปะสะปะไปในป่า ขณะที่เมงก็เดินร้องไห้ ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย และก่อนที่จะหลงนาถยาสั่งให้มาตามหาแม่ แม่ของเมงตกลงไปในเหวให้ไปหาในเหว เมงจึงมายืนมองที่เหวแห่งหนึ่งที่คิดเอาเองว่าแม่คงตกลงไปตรงนี้ เมงปีนไปที่กิ่งไม้ซึ่งยื่นไปในเหวมองลงไปตกใจกลัวร้องไห้จะกลับเข้ามาก็กลับไม่ได้ เมงร้องไห้จ้าดังลั่น พนาซึ่งเดินหลงมาได้ยินเสียงร้องของเด็กจึงวิ่งไปดู พนาเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังไต่อยู่บนกิ่งไม้ที่ยื่นไปในหน้าผา พนาตกใจมากกลัวก็กลัวสงสารเด็กก็สงสาร ในที่สุดพนาก็ตัดสินใจไต่ไปที่กิ่งไม้ใกล้ๆ กันเพื่อช่วยเด็กหญิง แต่เป้ของพนาเกะกะมากและไปเกี่ยวกับกิ่งไม้หลุดไปจากหลัง พนาเอื้อมมือจะไปช่วยเด็กหญิง เด็กหญิงไม่เข้าใจโผมาหาแล้วพลัดตกลงไปเบื้องล่าง พนาตกใจมากเกาะแน่นอยู่กับกิ่งไม้โทษตัวเองว่าเขาทำให้เด็กหญิงตกเหวตาย แต่เมงกลับตกลงไปติดอยู่ที่กิ่งไม้อีกต้นที่อยู่ต่ำลงไปอีกและเกาะร้องไห้อยู่เช่นนั้น ในป่านั้นเอง พรานเส็ง ได้พาพวกเข้ามาจับสัตว์ในป่าไปเพื่อเอาไปขาย มุ่งจับเฉพาะสัตว์ตัวลูกแล้วจะฆ่าแม่ แม่ลิงตัวหนึ่งโดนยิงบาดเจ็บเพราะไม่ยอมให้จับลูก ในที่สุดก็โดนแย่งลูกไปจนได้ แม่ลิงตามไปอีกโดนยิงล้มลงตามไม่ทันจึงถอยกลับมาเสียใจตีอกชกหัวร้องไห้เอาสมุนไพรรักษาตัวเอง แม่ลิงไปนั่งซุกอยู่บนกิ่งไม้ต้นเดียวกับที่เมงนั่งเกาะร้องไห้อยู่ แม่ลิงเห็นเมงเกิดความคิดถึงลูกมองว่าเมงเป็นลูกน้อยที่โดนจับไปมาแทนที่ลูกได้จึงเข้าไปช่วยเหลือพาเมงไปดูแล ส่วนพนาเมื่อฟ้าสางแล้วพ่อ แม่ และคณะติดตามหาพบพนาเกาะกิ่งไม้อยู่จึงเข้าช่วยเหลือ แต่ไม่พบเป้ของพนา พนาบอกว่าตกลงไปในเหวลึกแล้ว พ่อ แม่จึงทำใจว่าคงไม่มีโอกาสพบอีก ส่วนเรื่องเด็กหญิงที่พลัดตกลงไป พนาไม่ได้บอกใครเพราะกลัวความผิด และคิดว่าบางทีเมงอาจจะรอด ตลอดมาพนามักฝันร้ายถึงเด็กหญิงคนนั้นเช่นเดียวกันกับเมงที่ฝันดีถึงพนาตลอดมา ดำรงเสียใจมากนาถยาอ้างว่าไม่รู้ว่าเมงหายไปไหน คงวิ่งหนีออกไปเล่นนอกบ้าน นาถยาทำเป็นร้องไห้ร้องห่มที่ตามหาเมงไม่พบ ดำรงต้องเข้าไปปลอบ ฝ่ายละเอกลับมาจากฝั่งโน้น แอบไปฝึกวิชาอาคมเพิ่มมาอีกใช้สัมผัสที่หกพยายามติดต่อกับบัวบานและเมง ละเอบอกว่าเมงยังไม่ตาย ดำรงมีความหวังแต่นาถยาไม่เชื่อพร้อมกับแอบด่าว่าละเอหาว่าเพ้อเจ้อ สิบปีต่อมา นาถยาคาดคั้นให้ดำรงจดทะเบียนด้วยสักที ดำรงตกลง แต่คืนนั้นเองดำรงก็ฝันถึงบัวบานและเมงกาเลียมาอ้อนวอนร้องไห้ตรงหน้าและบอกว่ากำลังจะกลับมาในไม่ช้า เช้าขึ้นดำรงจึงเปลี่ยนใจโดยไม่บอกสาเหตุกับนาถยาแต่บอกว่าขอเวลาอีกสามปี นาถยาไม่พอใจมากสงสัยว่าละเอแอบพูดอะไรหรือเปล่าจึงทำให้ดำรงปลี่ยนใจ สิบปีต่อมาสำหรับ เมงกาเลีย กลายเป็นเด็กสาวสวยงามแต่โดนความมอมแมมบดบังจนดูคล้ายปีศาจตัวน้อยๆ เมงสามารถพูดจากับสัตว์และสื่อสารกับสัตว์ ห้ามสัตว์ทะเลาะกัน นำฝูงงู ฝูงช้าง ฝูงนก ฝูงแมลงไปต่อสู้ขับไล่ผู้บุกรุกป่า เมงรักแม่ลิง รักต้นไม้ทุกต้นรักป่าและลำธาร เมงจึงมักมีปัญหากับพวกนายพราน โดยเฉพาะพรานเส็งที่แก่ลงไปมากแต่ยังชอบพาคนมาจับสัตว์ไปขายต่างชาติบ้าง เอาไปเล่นละครสัตว์บ้าง นักมายากลบ้างนอกจากพวกนายพรานดังกล่าว ยังมีพวกมาเฟียคำรณหาเพชรสีชมพูของพินิจพ่อพนาอีก คนพวกนี้เคยเห็นเมง สนใจเมงมาก ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ บ้างก็ว่าเป็นปีศาจ บ้างว่าเป็นมนุษย์โบราณที่หลงเหลืออยู่ แต่สรุปแล้วทุกคนต่างต้องการจับตัวเมงไปทั้งนั้น จับไปขาย จับไปเล่นละครสัตว์ จับไปสอบถามหาเพชรสีชมพู ยกเว้นพวกชาวบ้านตามราวป่า ที่หาว่าเมงคือภูตผี เพราะบางวันเมงติดตามพวกฝูงสัตว์มาเที่ยวราวป่า บางวันก็ขี่ช้างมา บางวันก็ไต่ต้นไม้มากับพวกลิง บางครั้งพบอาหารแปลกๆ ก็ทดลองกินจนหมด ชาวบ้านต่างหวาดกลัวจนต้องไปหาหมอผีมาไล่ผีประหลาด แต่ไม่เคยมีใครไล่สำเร็จหรือทำให้เมงพ่ายแพ้ เมงนั้นวันดีคืนดีมักได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ ว่าเมงกาเลีย จนเมงจำคำว่าเมงกาเลียได้แม่นยำและมักพูดคำนี้ออกมาเสมอแต่ไม่มีใครเข้าใจ ความจริงเสียงนั้นคือเสียงของละเอที่พยายามส่งโทรจิตให้เมงนั่นเอง ทางฝ่ายบัวบานแม่ของเมง โดนเสือกินเข้าไปและสิงอยู่ในร่างเสือ และจิตใจยังคิดถึงลูกเสมอจึงพยายามวนเวียนตามหาเมง และได้พบว่าเมงอยู่กับแม่ลิง วันแรมสิบห้าค่ำเดือนมืดทีไร เสือที่กินบัวบานจะกลายร่างเป็นหญิงสาวสวย เดินร้องเพลงบ้าง คอยหลอกล่อผู้คนที่คิดจะมาทำร้ายเมงบ้าง จนเลื่องลือไปทั่วว่าป่าแห่งนี้มีทั้งเสือสมิงและปีศาจประหลาด ส่วนพนามักชอบหาโอกาสเข้ามาในป่าแห่งนี้ ไม่ใช่เพื่อสืบหาเพชรสีชมพู แต่สืบร่องรอยของเด็กผู้หญิงที่เขาเคยพบ แต่ก็ไม่มีวี่แววเพราะมักเฉียดไปมากับเมง แต่ส่วนใหญ่เมงมักเป็นคนเห็นพนาเสียเอง เมงนึกชอบใจพนาที่ดูใจดีอ่อนโยนและรักป่า รักต้นไม้ รักสัตว์ เมงเคยแอบช่วยเหลือพนาให้รอดพ้นจากน้ำมือของมาเฟียและนายพรานที่จะทำร้ายพนาเนื่องจากไปขัดขวางการทำร้ายสัตว์ และทำลายป่า แต่ไม่สามารถจำได้ว่านั่นคือเด็กผู้ชายที่พยายามช่วยเหลือเธอเมื่อยังเด็ก ที่อาศัยหลับนอนของเมงคือถ้ำใหญ่ มีน้ำตกอยู่หน้าถ้ำ วันที่แม่ลิงอุ้มเมงมาเลี้ยงก็เอาเมง ซ่อนไว้ในถ้ำนี้ แม่ลิงได้พบเป้ของพนาที่ตกอยู่เอามาให้เมง เมงแกะเป้ออกมาเล่นเจอเพชรสีชมพู จึงเก็บไว้ วันดีคืนดีก็เอาออกมาเล่น และนอกจากนั้นเมงยังมีลอคเก็ตอันหนึ่งที่นาถยาถอดออกมาจากคอ แล้วโยนลงมาในเหวตอนปล่อยเมง ไม่คิดว่าเมงจะรอด เมงได้พบสร้อยลอคเก็ตอันนี้จึงเอามาเก็บไว้ในเป้ ของพนาบางวันก็เอามาใส่เล่น วันหนึ่งตอนที่เมงโตเป็นสาวรุ่นแล้ว เมงออกมาเที่ยวเล่นกับฝูงสัตว์ตามปกติ เมงจะมีนกเหยี่ยวตัวใหญ่คอยสื่อสารและบอกข่าวล่วงหน้า แต่วันนั้นนกไม่อยู่ บินไปหากินไกลมาก เมงจึงชะล่าใจออกมาเที่ยวเล่นโดยไม่รู้ว่าที่กำลังไปเล่นมีมนุษย์ใจร้ายกำลังมาตามหาสมบัติ เมงถือเพชรสีชมพูมาเล่นด้วยและได้พบกับมาเฟียคำรณและพวกเห็นเพชรที่เมงเดาะเล่นอยู่ดีใจมากจะจับตัวเมง เมงหนี พวกนั้นไล่ยิงเมง เมงหนีมาเจอกับพนา พนาช่วยเมงไว้ ระหว่างหนีเมงได้โยนเพชรสีชมพูทิ้ง พนาจึงไม่เห็นเพชร พนาช่วยเมงที่บาดเจ็บหลบจากพวกมาเฟีย พยายามพูดจาซักถาม เมงพูดไม่เป็น พูดไม่รู้เรื่อง ได้แต่ส่งภาษาแปลกๆ แต่พูดคำคล้ายมนุษย์คำเดียวคือเมงกาเลีย ทำให้พนารู้จักคำนี้ไปด้วย นอกจากนั้นพนายังพยายามสอนให้เมงเรียกตัวเขาว่าพนา เมงพยายามเรียกในที่สุดเมงก็เรียกพนาได้ และจำแม่นว่านี่คือพนา พนาพาเมงไปอาบน้ำในลำธาร จับเมงโยนลงไป ในที่สุดพนาก็พบว่าเมงสวยงามมาก ไม่ได้ดูสกปรกมอมแมมเหมือนผีที่เขาเคยได้ยินพวกชาวบ้านร่ำลือ พนาเชื่อแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเมงคือเด็กหญิงที่เขาเคยช่วยเอาไว้ เขาพยายามจะพาเมงเข้าไปในเมืองแต่ไม่สำเร็จ เมงโกรธมากเมื่อพนาฉุดดึงให้ออกมาจากป่า เมงอาละวาดทำร้ายพนาแล้วหนีไป ต่อมาพนาพยายามเข้ามาตามหาเมงอีกแต่ไม่พบเพราะเมงคอยหลบหลีก แต่เมงก็ยังนึกถึงพนาเสมอ เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นแบบไม่เคยมีมาก่อน พนาก็นึกถึงแต่เมง พนาเลิกทำอย่างอื่นเพียรแต่จะเข้าป่าแต่ไม่ได้บอกใครว่ามาทำอะไร ส่วนพวกมาเฟียคำรณต่างพากันคิดว่าพนาเข้ามาหาเพชรสีชมพูตามคำสั่งของพินิจจึงฉวยโอกาสลอบทำร้ายพนา เมงมาพบเข้าจึงช่วยเหลือพนา และช่วยกันกับแม่ลิง และฝูงสัตว์พาพนาไปรักษาตัวในถ้ำ พวกมาเฟียพยายามติดตามกลับโดนเสือโผล่มาสะกัดอยู่พักหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้นเสือยังกลายร่างเป็นผู้หญิงอีกตอนกลางคืนทำให้พวกมาเฟียต้องถอยหนีกลับออกไป เมงรักษาพนาจนหาย พนาพบเป้ของตัวเอง ค้นหาในเป้ไม่พบเพชรสีชมพู พยายามถามก็ไม่เข้าใจกัน แต่กลับได้พบลอคเก็ตสลักชื่อกาสะลองเอาไว้ เมงและพวกลิงและฝูงสัตว์ พากันมาส่งพนาที่ราวป่าคืนเดือนหงายคืนหนึ่ง พนาได้สอนให้เมงเรียนรู้ความรู้สึกดีๆ อีกมากมาย เมงติดพนาแจแต่ก็ยังไม่ยอมเข้าเมืองอีกเช่นเคย ต่อมาเมงโดนพวกเล่นกลใช้อุบายจับเมงไปหัดเล่นกล พนากลับเข้ามาหาเมงไม่พบเมง พนาว้าวุ่นมาก พนาได้พบนกเหยี่ยวที่แอบติดตามว่าเมงโดนจับไปไหน กลับมาส่งข่าว พนาจึงติดตาม ไปพบเมงโดนจับไปเล่นกลและละครสัตว์ ขังเอาไว้ในกรงเหมือนสัตว์ทั่วไปกับลิงตัวหนึ่ง พอจะไปช่วยกลับไม่ทันพวกออกงานวัดมาแย่งจับเมงกับลิงตัวนั้นไปออกงานวัดอีกต่อ เดือดร้อนถึงนกเหยี่ยวต้องบินไปตามหาเมง จนเจอและช่วยออกมาทั้งลิงและเมงในที่สุด เมงกับลิงตัวนั้นกลายเป็นเพื่อนกัน ลิงพยายามบอกเมงว่าถูกจับมาและแม่โดนยิงคงตายแล้ว ทั้งหมดกลับเข้าป่าและแยกย้ายกันไป ลิงตัวนั้นมีตำหนิที่เท้า พนาห่วงเมงมากพยายามจะพาเมงออกจากป่าเกรงว่าจะโดนลอบทำร้ายและจับตัวอีก เมง ปฎิเสธ เมงกับพนาใช้ภาษาใบ้ ใช้วิธีวาดรูปสื่อสารกันประกอบด้วย เมงบอกว่าห่วงแม่ลิง ทิ้งไม่ได้ พนาจำใจกลับเข้าเมืองและติดต่อกับเมงผ่านนกเหยี่ยว พนาพยายามหาทางพาเมงเข้าเมืองและพาแม่ลิงมาอยู่ด้วย อ้อนวอนพ่อ แม่ จนที่สุดพ่อ แม่ก็ยินยอมแต่ไม่ยอมให้ปล่อยแม่ลิงให้ขังไว้ แม่ลิงไม่ยอมให้ขัง ในกรง เมงก็ไม่ยอมให้ขังแม่ ในที่สุดจึงเอาแม่ลิงไว้ในห้องเหมือนคนทั่วไป ผู้คนในบ้านต่างหวาดกลัวแม่ลิงและเมง เอมฤดีเป็นคนรักของพนา มาหาพนาที่บ้านพบเมงอยู่ในบ้าน ไม่พอใจมากๆ แอบสอบถาม กับสาวใช้บางคนที่ไม่ชอบเมงได้ความว่ามาจากในป่า เอมไปเล่าให้นาถยาฟัง นาถยาสงสัยมากว่าอาจเป็นเมงก็ได้ สั่งห้ามไม่ให้เอมบอกกับดำรงเรื่องนี้เด็ดขาด และพยายามหาทางกลั่นแกล้งเมงต่างๆ นานาแต่ก็กลับโดนย้อนรอยแปลกๆ ขำๆ เสียท่ากลับไปทุกที ทำให้เอมเกลียดเมงมากขึ้น ประกอบกับได้ยินทุกคนเรียกเมงว่าเมงกาเลียยิ่งทำให้เอมกับนาถมั่นใจว่าใช่แน่ถึงกับพยายามหาทางเล่นงานเมง ที่บ้านพนา พินิจ และอรุณีแม่ของพนาดีกับเมงมาก พยายามจะให้เมงตามหาพ่อแม่ให้พบ พยายามให้เมงเรียนรู้เรื่องของคนในเมือง แต่เมงกลับไม่ค่อยมีความสุขมากนัก รวมทั้งแม่ลิง แต่แม่ลิงอยากให้เมงอยู่ในเมืองเพื่ออนาคตที่ดี ส่วนตัวเองหนีกลับเข้าป่า เมงกลับตามหาแม่ลิง ไม่ยอมอยู่ต่อไป แม่ลิงหนีซ่อนไม่ให้เมงพบ เมงจะกลับเข้าไปในป่าอีกจนไปเจอเอาพวกนายพรานที่ไปเข้ากับมาเฟียคำรณเข้า ระหว่างเดินทางกลับเข้าป่าแม่ลิงได้พบเพชรสีชมพูจึงเอากลับไปไว้ในถ้ำและบอกกับนกเหยี่ยวของเมงไว้ เมงกับพนาตามหาแม่ลิงพบกับพวกคำรณและนายพราน แม่ลิงตัดสินใจเสียสละกระโดดหน้าผาหายไปเพื่อให้เมงปลอดภัย พวกคำรณไม่สามารถจับแม่ลิงมาเป็นตัวประกันให้เมงกับพนายอมแพ้ได้จึงเลิกราไปหาวิธีอื่น แม่ลิงตกลงไปบาดเจ็บ เจอเอาลิงหนุ่มตัวหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือทั้งสองมองหน้ากัน ลิงหนุ่มยกเท้าที่เป็นแผลให้ดู ทั้งสองต่างคิดถึงวันที่โดนคนใจร้ายทำให้พรากจากกัน จำกันได้โผเข้ากอดกัน ด้วยความยินดีลิงหนุ่มแบกแม่ลิงไปดูแล เมงกลับเข้าเมืองด้วยความโศกเศร้าคิดถึงแม่ลิง พนาคอยปลอบโยน เมงพูดภาษาคนได้มากขึ้นเริ่มออกงาน อ่านหนังสือออก เขียนได้ แต่ก็สร้างมุกตลกๆ ให้คนรอบข้างขำเพราะเมงมักพูดผิด พูดกลับกัน เมงได้พบดำรงในงานแต่ไม่รู้จักกัน เพราะเมงได้ชื่อใหม่ว่ามาณวิกาแล้ว ดำรงเข้าใจว่าเมงเป็นหลานของพินิจ เมงเองก็เข้าใจว่าดำรงเป็นพ่อของเอมฤดี แต่เหมือนมีความผูกพันกันทำให้ทั้งสองถูกคอกันมาก จนทำให้เอมกับนาถยาอยากกำจัด เอมจึงไปเข้ากับพวกคำรณให้จัดการเมง ดำรงตามไปช่วยเอาไว้กับพนา พนาเรียกเมงว่าเมงกาเลียทำให้ดำรงตกใจ และสนใจสอบถามจนกระทั้งรู้ความจริงว่าเมงคือลูก พนาได้มอบสร้อยและลอคเก็ตกาสะลองให้ดำรงดู ดำรงยิ่งมั่นใจว่าเมงคือลูก คำรณโดนจับได้ และซัดทอดว่านาถยากับเอมฤดีจ้างวาน ทั้งหมดจึงติดคุกไปด้วยกัน เมงได้พบพ่อและกลับมาอยู่กับพ่อ และละเออีก เมงพยายามฝากข้อความสื่อสารไปหานกเหยี่ยว ในที่สุดนกเหยี่ยวก็มาหาเมง เมงบอกว่าอยากไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆ จึงขออนุญาตพ่อไปกับพนา ที่นั่นเมงได้พบกับพวกสัตว์ของเมง และได้พบเป้ที่แม่ลิงเอาเพชรสีชมพูมาใส่ไว้ให้ เมงสงสัยว่าแม่ลิงยังไม่ตาย ในที่สุดนกเหยี่ยวก็พาเมงกับพนาไปพบแม่ลิงที่แก่และเดินขาเป๋ ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอีกแห่ง มีลูกลิงหนุ่มที่พลัดพรากกลับมาดูแล ลิงหนุ่มจำเมงกับพนาได้ต่างดีใจที่ได้พบกัน ลิงหนุ่มและแม่ลิงบอกว่าไม่ต้องห่วงแม่ลิงอีกต่อไปแล้ว ให้เมงกลับไปอยู่กับพนาและอยู่กับมนุษย์ ติดต่อส่งข่าวถึงกันผ่านนกเหยี่ยว คิดถึงกันก็มาหากันได้ ทั้งหมดจากกันแบบอาลัยอาวรณ์ พวกสัตว์ทั้งหลายพากันมาส่งเมงที่ราวป่า ต่อมา เมงตัดสินใจเรียนศึกษาผู้ใหญ่จนจบและสอบเข้าเรียนวนศาสตร์ และมาอยู่ในบ้านบนเขาหลังที่แม่กับพ่อเคยพาเมงมาพักตอนเด็กๆ กับละเอ โดยมีพนาทำงานป่าไม้อยู่ใกล้กันนั้น ทั้งสองสัญญากันว่าจะช่วยกันดูแลรักษาป่า ลำธาร สัตว์ และสภาพป่าให้คงเดิม เพราะป่าคือชีวิตของเรา พวกชาวบ้านและหมอผีไม่กลัวเมงอีกต่อไป บางวันแม่ลิงกับลิงหนุ่มก็มาเยี่ยมเมง บางวันก็มีช้างและสัตว์อื่นๆ มาเยี่ยมเมง เมงกับพนามีแผนการจะแต่งงานกันในอนาคต และอยู่รักษาผืนป่าตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ออกอากาศ ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 18.45 น. ทางช่อง 7 สี