ธรรมะติดปีก (2547/2004) นาบุญเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยจบมาหมาดๆและเป็นเจ้าของเว็บไซต์ชื่อดังที่มีวัยรุ่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเป็นที่อ่านเขียนพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ มากมาย โดยที่นาบุญจะเป็นคนคอยตอบปัญหาให้ทั้งหมดโดยเฉพาะเรื่องคอมพิวเตอร์โดยมีนามแฝงว่า เด็กชาย จนในที่สุดก็ได้พบกับกิญาหญิงสาวจิตกรที่เพิ่งมาสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์และแชตผ่านทาง MSN จนสนิทกัน ต่อมานาบุญได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านลืมบำรุง เพราะต้องกลับมาจัดงานศพพ่อเขาตัดสินใจที่จะอยู่กับแม่ที่หมู่บ้านและดำเนินกิจการของครอบครับต่อไปคือร้านขายดอกไม้และพวงหรีดต่อไป ในหมู่บ้านเกิดเรื่องแปลกประหลาดกับเด็กชายจ๋องที่เป็นลูกชายของชิดทองเจ้าของร้านทองของหมู่บ้าน จ๋องเป็นเด็กเรที่ชอบแกล้งเณรแก่นเป็นประจำจนเกิดเป็นลมล้กชักบ่อยเหมือนถูกผีเข้าโดยผู้เป็นพ่อที่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ได้พาไปหาหลวงพี่คน์ที่ชอบอ้างตนว่าเป็นจอมขมังเวทย์รักษาโดยเก็บค่ารักษาแพงมากและจ๋องก็ไม่หาย เณรแก่นได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจึงได้นำเรื่องมาเล่าให้หลวงตาเย็นที่วัดฟัง หลวงตาได้ออกอุบายกับชิดทองว่าจะรักษาลูกของชิดทองให้หายด้วยไสยศาสตร์และขอให้จ๋องมาบวชที่วัด แต่หลวงตาเย็นกลับนำแก่นไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่เณรแก่นไม่เข้าใจและหลวงตาจึงสอนให้รู้จักธรรมะที่ว่า ให้ทำสิ่งใดโดยใช้เหตุผลและไม่ใช่อคติในการตัดสินใจ กิญา จิตกรสาวที่กลับมาที่หมู่บ้านลืมบำรุง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับนาบุญหนุ่มเจ้าของเว็บไซค์ดังโดย ที่กิญากลับมาเพื่อทำสาระนิพนธ์และได้ลุงเจิมผู้เป็นพ่อแนะนำให้ไปที่วัดของหลวงตาเย็นที่อยู่ในหมู่บ้าน กิญามาที่วัดเพื่อที่ปรึกษากับหลวงตาแต่อได้พบกับชิดทองที่เข้ามาเจ้าชู้ใส่ โชคดีที่นาบุญเข้ามาช่วยไว้ได้ทันกิญาปรึกษากับหลวงตาที่จะวาดภาพที่ผนังโบสถ์เพื่อเป็นพุทธบูชาและสาระนิพนธ์ และเรื่องราวต่างๆของ ธรรมะติดปีกได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยที่หมู่บ้านเป็นฉากและตัวละครต่างที่มาดำเนินเรื่องโดยที่หลวงตาเย็นเป็นผู้สอนธรรมะให้กับผู้คนในหมู่บ้าน

ธรรมะติดปีก 2 (2547/2004) วายุ ได้บวชเรียนมาหลายพรรษาจนได้เป็นมหา แต่ก็ต้องสึกออกมาเพื่อดูแลพ่อที่ป่วย จนเสียชีวิต วายุจึงไปเป็นที่ รร.สอนดีวิทยา ซึ่งมักใช้นำธรรมะเข้ามาสอนบรรดานักเรียนที่มีปัญหาโดยถ้าใครที่เกเรดื้อรั้นจะถูกส่งเข้า "ห้องดับร้อน" ของวายุ ทำให้นักเรียนไม่ชอบ รับขวัญ เป็นนักศึกษาฝึกงานที่มาฝึกงานที่ รร.สอนดีวิทยา รับขวัญได้รู้เรื่องจากไดอารีออนไลน์ของกิญา จึงเดินทางมาถึง รร.สอนดีวิทยา ซึ่งวายุคิดว่านักศึกษาฝึกงานที่มาที่นี่นั้นจะต้องไม่สวยเพราะอยู่ห่างไกล ความเจริญไม่มีใครอยากมา แต่กลับพบว่า รับขวัญ มีหน้าตาสวยงาม ท่าทาง เฉลียวฉลาด ทันสมัย ทำให้วายุซึ่งมีธรรมใจเต็มร้อยต้องตะบะแตกเพราะความน่ารักของรับขวัญ โดยการ ส่งเพลง "รักแท้" ไปยังโทรศัพท์ของรับขวัญ รับขวัญไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมาให้ เปรี้ยวและดำ ถูกหลวงตาส่งมาเรียนหนังสือที่ รร.สอนดีวิทยา เปรี้ยวและดำ ดีใจไม่ต้องเป็นเด็กวัดทำงานที่วัด โดยที่หลวงตาได้ฝากเด็กทั้ง 2 ให้อยู่ในความดูแลขอลเดช ที่เด็กคิดว่าเป็นครูใหญ่ของ รร. และหวังว่าการมาอยู่ที่ รร. นี้จะสบายไม่ต้องทำงานอะไรเพราะเดชเป็นถึงครูใหญ่ แต่เมื่อมาถึงแล้วก็รู้ว่าเดชเป็นเพียงภารโรงเท่านั้น และเดชยังไปขอกับครูระเบียบให้เปรี้ยวและดำ ช่วยทำงานเพื่อแลกกับค่าเทอม เฉิ่มเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่งที่พบกับเปรี้ยวและดำ และเปรี้ยวและดำ หวังจะเกาะเฉิ่มเพื่อลอกการบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าเปรี้ยวและดำต้องรับบทหนัก เพราะเฉิ่มเป็นคนที่เฉื่อยชา พูดช้า และกะปอมซึ่งเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านที่มีนิสัยชอบอวด มักมีของที่ทันสมัยมาอวดเพื่อนๆเสมอ ห่อหมกซึ่งไม่เคยกลัวใครนอกจากการอ่านหนังสือเท่านั้น ยังมีหนูแย้ซึ่งเป็นคนไม่มั่นใจในตนเอง ไม่กล้าตัดสินใจ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เปรี้ยวและดำ จะไม่ถูกกับกะปอม จะมีเรื่องกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่จะสมานฉันท์กันในเรื่องไม่ชอบอ่านหนังสือ วายุและรับขวัญพยายามหาวิธีทำให้บรรดานักเรียนมีใจรักการอ่านหนังสือ โดยคิดจัดทำห้องสมุด แต่เมื่อไปดูห้องสมุดเก่าพบว่าไม่สามารถใช้การได้เพราะว่าพุพังไม่มีคนดูแลนอกจากเดช รับขวัญเกิดไอเดียสร้างห้องสมุด และจำได้ว่ากิญาเขียนเล่าในไดอารีออนไลน์ เรื่อง "อนงค์" บอกว่าการสร้างห้องสมุด อนงค์ยินดีให้ทุน วายุและรับขวัญนำเงินที่อนงค์ให้มาสร้างห้องสมุด รวมทั้งคอมพิวเตอร์และสื่อมัลติมีเดียต่างๆ แต่เปรี้ยวและดำ จะเข้าห้องสมุดก็ต่อเมื่อไปแอบงีบหรือโดดเรียนวิชาดับร้อนของวายุ จนวายุและรับขวัญต้องออกอุบายจัดงานเลี้ยงขอบคุณอนงค์ในการสนับสนุนการสร้างห้องสมุด และให้ครูระเบียบประกาศให้นักเรียนเล่นละครเป็นตัวแทน ของ รร.เพื่อขอบคุณอนงค์ หากไม่ทำจะถูกทำโทษ เปรี้ยวและเพื่อนไม่รู้จะแสดงอะไรจึงไปปรึกษาวายุและรับขวัญ บอกให้ทุกคนไปค้นคว้าและหาคำตอบในห้องสมุดเอง เปรี้ยวและเพื่อนตกลงจะเล่นละครเรื่อง "พระอภัยมณี" ตอนสมุทรน้อยปราบนางผีเสื้อสมุทร วายุและรับขวัญแอบดูเปรี้ยวและเพื่อนๆ แสดงความดีใจที่เปรี้ยวและเพื่อนๆใช้ความรู้ทุกอย่างในห้องสมุดอย่างคุ้มค่า ในการแสดงทุกคนร่วมกันเขียนบทและแสดง เฉิ่มแสดงเป็น พระอภัยมณี ดำแสดงเป็น นางผีเสื้อสมุทร เปรี้ยวแสดงเป็น ฤาษี หอหมก แสดงเป็น สินสมุทร กะปอม แสดงเป็นนางเงือก หนูแย้ แสดงเป็น พ่อนางเงือก ทุกคนต่างขะมักเขม้นในการซ้อม จนถึงวันแสดง ขณะที่กำลังแสดงบนเวที เฉิ่มผู้เป่าปี่เชื่องช้าไม่ทันใจดำ เพราะอายที่ต้องแสดงเป็นนางผีเสื้อสมุทร ดำต่อว่าเฉิ่ม ทำให้กะปอมไม่พอใจ จนทั้ง 2 ฝ่ายทะเลาะวายุรับขวัญและครูอื่นๆ ต้องมาห้ามทัพ และพาไปอบรมที่ห้องดับร้อน หลังจากเหตุการณ์นั้นแล้วเปรี้ยวและเพื่อนๆ ก็ยังไม่รักการอ่านเหมือนเดิม ทำให้รับขวัญท้อใจ แต่วายุก็ปลอบใจและให้กำลังใจรับขวัญจึงฮึดสู้อีกครั้ง ด้วยสอนแนวใหม่ ให้เปรี้ยวและเพื่อนๆมีส่วนร่วมในการเรียน ด้วยการไปค้นคว้าคำตอบในห้องสมุดด้วยตนเอง ดังนั้นเปรี้ยวและเพื่อนๆ ต้องค้นคว้าหาความรู้และเกิดการอลวนเมื่อต้องพบปัญหา จนเปรี้ยวและเพื่อนๆ รู้สึกแท้จริง หนังสือไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดกลับมีคุณค่า จนในที่สุดก็รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ สร้างความดีใจแก่รับขวัญเป็นอย่างยิ่ง และคนที่รับขวัญอยากขอบคุณมากที่สุดคือ วายุ และแล้วรับขวัญได้ฝึกสอนครบตามกำหนดท่ามกลางความใจหายของเปรี้ยวและเพื่อนๆ เปรี้ยวและเพื่อนจึงแสดงละครส่งครูรับขวัญ ก่อนจบงานวายุตัดสินใจขึ้นเวทีร้องเพลง "รักแท้" รับขวัญตกตะลึงไม่คิดว่าผู้ที่ส่งเพลงให้ตัวเองคือ วายุ วายุบอกกับรับขวัญว่าเขาจะอยู่ที่หมู่บ้านลืมบำรุง รับขวัญสัญญาว่าเปิดเทอมหน้าเมื่อเรียนจบจะกลับมาหา มาเป็นครูชนบทช่วยเขาติดปีกความรู้ให้แก่เด็กๆ ทุกคนอย่างแน่นอน

ภูแสนดาว 2547

ภูแสนดาว (2547/2004) ทันมาย เป็นอาจารย์หนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-เวียดนาม เขาเกลียดสงคราม เพราะสงครามทำให้เขาเป็นเด็กกำพร้า และไม่ชัดเจนว่าตัวเอง “เป็นใคร” บนโลกใบนี้ อเมริกันหรือเวียดนาม แต่สิ่งนี้ก็ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด ทันมายเดินทางเข้าไปยังเมืองเมือน ในฐานะผู้ประสานงานให้แก่ คณะนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีดอกเตอร์ลิลิตร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะนักวิชาการจากประเทศในเอเชียที่ ร่วมงานวิจัยชิ้นนี้ ไม่มีใครในทีมวิจัยล่วงรู้ว่าดอกเตอร์ลิลิตเป็นตัวแทนของ “ช้างเผือก” ที่เดินทางมาเพื่อเจรจาเรื่องความช่วยเหลือในการปลดแอกเมืองเมือนและแม้ซอง ลีล่ายและฮองตันเองก็ไม่รู้ว่าดอกเตอร์ลิลิตมีจุดประสงค์อื่นร่วมกับเหงียน ตันสุย นั่นคือการค้นหาความลับเกี่ยวกับภูแสนดาว ระหว่างการทำวิจัย ที่ทันมายเริ่มรู้สึกถูกชะตากับซองลีลิว ลูกสาวของผู้ท้าวแห่งเมืองเมือน ความลับเรื่องการปลดแอกตัวเองของเมืองเมือนก็รั่วไหลไปถึงหูของเหงียนตันสุ ยและนายจนได้ และเมืองเมือนก็ถูกเชือดให้ชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ ดูทันที โดยการที่ฮานอยส่ง กองกำลังพิเศษบุกโจมตีปราบปรามกบฏเมืองเมือน การสู้รบเมืองเมือนทำให้ทันมายและซองลีลิวต้องหลบหนีออกจากเมืองเมือนด้วย กันเพียงลำพัง โดยฮองตันซึ่งหลงรักลีลิวอยู่นั้นเข้าใจว่า ทันมายพาตัวลีลิวออกมามอบให้แก่เหงียนตันสุยใช้เป็นตัวประกัน ขณะที่เหงียนตันสุยเองก็ต้องการจับตัวลีลิวให้ได้เพราะเข้าใจว่าความลับของ ภูแสนดาวที่รับรู้กันในนามหมายตราแห่งแสงตะวันนั้นจะต้องอยู่ที่ซองลีลิวลูก สาวผู้ท้าวแห่งเมืองเมือนอย่างแน่นอน การหลบหนีและการไล่ล่าดำเนินมา ตลอดตั้งแต่ดินแดนตอนเหนือของเวียดนาม ไล่เรื่อยลงมาถึงตอนกลางและตอนใต้ ภายใต้ความพยายามของทันมายที่จะขอความช่วยเหลือจากองค์กรต่างประเทศให้เข้า มาสงบศึก ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมืองเมือนให้ได้ เพราะตัวเขาเองนั้น ก็มีปมอยู่ในใจเรื่องสงครามมาตลอดชีวิต จนไม่สามารถ “เป็นใครที่แน่ชัดได้” ในขณะที่ซองลีลิวนั้นก็ขัดแย้งกับทันมายมาโดยตลอด เพราะหล่อนเชื่อว่าความสงบสุข สันติภาพ และเอกราชของเมืองเมือนนั้นจะได้มาก็ด้วยการสู้รบ และสงคราม และความคิดนั้นก็มาจากการ ที่หล่อนเป็นลูกสาวของผู้ท้าวเมืองเมือนนั่นเอง แต่ แล้วสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างการเดินทางหลบหนีลงมาบนแผ่นดินเวียดนามที่เคยลุก ร้อนด้วยไฟสงครามก็ทำให้ความคิดของซองลีลิวเปลี่ยนไปหล่อนเห็น และรับรู้แล้วว่าสงครามไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย คนเวียดนามมากมายที่หล่อนพบเจอระหว่างการหลบหนีไล่ล่าคือ ผลพวงของสงครามเวียดนามอันโหดร้าย รุนแรง แม้มันจะผ่านพ้นมาแล้วแต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานทั้งทางกายและ ใจ ทั้งทหารผ่านศึกทุพพลภาพ คนพิการ แม่ม่ายสงคราม เด็กกำพร้า เด็กลูกครึ่ง ฯลฯ และสุดท้ายก็คือ ลีลิวมองเห็นและรับรู้อย่างเต็มหัวใจในสิ่งที่ทันมายเป็นและต้องแบกรับมา ตลอด ชีวิตของเขานั่นเอง ซองลีลิวตัดสินใจร่วมมือกับทันมาย พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีการเจรจาสันติภาพให้ได้ ระหว่าง นั้นเองความลับของตราแห่งแสงตะวันก็เปิดเผย ซองลีล่ายผู้ท้าวแห่งเมืองเมือนมิได้เป็นผู้ถือหมายตราฯ เอาไว้ตามที่เขาบอกทุกคนในเมืองเมือน รวมทั้งพวกข่อยที่ทำงานที่ภูแสนดาว ด้วยความเชื่อมาตลอดว่า “ผู้ใดครอบครองหมายแห่งแสงตะวัน ผู้นั้นครอบครองภูแสนดาว” ที่แท้ซองลีล่ายเป็นผู้ฆ่าพ่อแม่ของฮองตัน เพื่อแย่งชิงหมายตราฯ มาเป็นของตัว แต่สุดท้ายเขากลับหามันไม่พบ และเลือกที่จะโกหกทุกคนมาตลอดว่าเขาเป็นผู้ถือหมายตราฯ นั้นไว้ ในความเป็นจริงหมายตราแห่งแสงตะวันก็อยู่กับตัวของฮองตัน หลานชายที่เขารับเลี้ยงดูแต่เล็กแต่น้อย โดยปิดบังความจริงเรื่องความตายของพ่อแม่นั่นเอง ติดตามเรื่องราวของสงครามที่นำมาซึ่งความเดือดร้อน และหัวใจรักของคนทั้งสอง ว่าจะสามารถดับไฟสงครามให้ มอดลงได้หรือไม่ใน “ภูแสนดาว”

มหาราชกู้แผ่นดิน (2547/2004) ละครโทรทัศน์ภาคต่อจากกษัตริยา เมื่อพระองค์ดำหรือพระนเรศวรได้เสด็จหนีจากหงสาวดีมา สู่กรุงศรีอยุธยาได้นำชาวไทใหญ่ จำนวนหนึ่งมาด้วย นั่นคือ เจ้านางมณีจันทร์และเจ้านางมณีอิน ตลอดจนขุนแสนกล้า นักรบของเจ้าไทใหญ่ อีกทั้งยังมีเจ้านายของกรุงศรีอยุธยาร่วมมาในขบวนครั้งนั้นด้วยคือ พระองค์หญิงพิจิตรจินดา กับเดือน ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงและเป็นสนมของพระราเมศวร การกลับมาของพระองค์ดำ ทำให้พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมหาธรรมราชาและพระเอกาทศรถหรือพระองค์ขาว ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ดำครองรักกับเจ้านางมณีจันทร์ แล้วเสด็จขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก พระองค์ดำทรงคิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องที่ กรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของหงสาวดี จึงได้จัดหาทหารฝีมือดีมาร่วมทัพ แล้วทรงเปลี่ยนกลศึกจากการยกพลจำนวนมหาศาลเข้าปะทะข้าศึก ก็เปลี่ยนมาเป็นการใช้การรบเยี่ยงกองโจร ทหารฝีมือดีนั้น ต่อมาได้ร่ำเรียนพิไชยสงครามกับขุนเมืองผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ดำ มีจำนวน 6 คน คือ มิ่ง เที่ยง บุญ เพิ่ม ขวัญ ขาม และมีขุนแสนกล้าอีกผู้หนึ่ง รวมเป็นทหารเอกคู่พระทัย 7 คน ส่วนทางหงสาวดี ก็ไม่ไว้ใจกรุงศรีอยุธยา เพราะรู้กิตติศัพท์ของพระนเรศวรเป็นอย่างดีว่ามีความกล้าหาญเพียงใด จึงหาทางทำศึกกับกรุงศรีอยุธยา แต่เมื่อยกกองทัพมาก็พ่ายกรุงศรีอยุธยา ทุกครั้ง ทำให้เมืองต่าง ๆ ที่เป็นเมืองประเทศราช ต่างคิดแข็งเมืองกัน มังกะยอชะวาทุบตีตองชเว ผู้เป็นมเหสี ทำให้พระเจ้าอังวะ พระราชบิดาของตองชเวไม่พอใจ แข็งเมืองเป็นขบถ จันทรากับสุวรรณฉัตรสายเครือของอังวะจึงถูกเนรเทศออกไปจากหงสาวดี เมื่อทั้งสองกลับมายังอังวะ พร้อมกับนินตยาวดีมเหสีของสุวรรณฉัตรด้วย นันทบุเรงก็ใช้ให้เมืองประเทศราชทั้งหลายยกทัพไปตีอังวะ พระนเรศวรแกล้งเดินทัพช้าๆ เพื่อรอให้พระเจ้านันทบุเรงทำศึกกับพระเจ้าอังวะถึงแพ้ชนะก่อน มังกะยอชะวารักษาเมืองอยู่ ออกอุบายให้พระยาเกียรติกับพระยาราม ขุนนางมอญมาคอยรับ พระนเรศวรที่เมืองแครงพร้อมทั้งไพล่พล และมีกลศึกว่าทั้งสองคน ลวงพระนเรศวรไปฆ่าให้จงได้ ทั้งสองเคยสนิทกับพระนเรศวรมาก่อน จึงนำความไปเล่าให้พระมหาเถรคันฉ่องฟัง พระมหาเถรคันฉ่องมาเฝ้าพระนเรศวรแล้วทูลให้ทรงทราบ พระนเรศวรโกรธและประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมขึ้นต่อหงสาวดีอีกต่อไป พระเจ้านันทบุเรง ส่งกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายครั้ง แต่ก็พ่ายกลับไปทุกครั้ง การพ่ายแพ้ของหงสาวดี ทำให้เมืองประเทศราชทั้งหลายต่างแข็งเมืองขึ้น ภายในเมืองหงสาวดีก็เกิดความวุ่นวาย เนื่องด้วยเจ้ายะไข่ได้ส่งธิดามาถวายพระเจ้านันทบุเรง ทำให้ศุภยา พระอัครมเหสีไม่พอใจมาก รวมถึงเจ้านางสุวนันทาด้วย ยะไข่ได้ใช้ธิดาของตนเป็นสื่อดึงฟิลิป เดอบริโต พ่อค้าชาวโปรตุเกสเข้ามาค้าขายในเมืองหงสาวดี และมีอิทธิพลทางการเมืองต่อหงสาวดีเป็นอย่างมาก ขณะที่พระนเรศวรได้รู้จักกับเซปาสเตียน ฝรั่งชาวสเปน ที่เข้ามาสอนการใช้ปืนไฟให้พระนเรศวร พระมหาธรรมราชาสวรรคต พระนเรศวรขึ้นครองราชย์ แล้วทรงแต่งตั้งพระเอกาทศรถเป็นพระอุปราช มุขมนตรีและเจ้านายชั้นสูงในสมัยพระมหาธรรมราชาได้ถวายหญิงงามเชื้อสาย ราชวงศ์สุพรรณภูมิพระองค์หนึ่ง เป็นพระชายานามว่า “มณีรัตนา” เจ้านางมณีจันทร์น้อยพระทัย แต่ไม่แสดงออก ส่วนราชวงศ์สุโขทัย โดยท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้ถวายนางที่มีเชื้อสายราชวงศ์สุโขทัยเป็นพระสนมเอก นามว่า “เจ้าแก้วปทุม” ทั้งนี้ท้าวศรีจุฬาลักษณ์คิดแค้นที่มิได้รับความรักจากพระมหาธรรมราชา จึงส่งหลานสาวมาแก้แค้นแทนตนทำให้กรุงศรีอยุธยาวุ่นวาย ส่วนขุนเมือง ได้รับแต่งตั้งเป็น “เจ้าพระยาสุรสีห์” ครองเมืองพิษณุโลกแทนพระนเรศวร

Placeholder

กำกับรัก กำกับหัวใจ (2547/2004) แก้ว แม่ค้าน้ำใบบัวบกช่างฝันผู้ปรารถนาอยากเป็นนางเอกในดวงใจของ ภีม พระเอกหนุ่มขวัญใจมวลชน เธอกำลังฝันกลางวันถึงภีมจนเทศกิจเข้ามาถึงตัวทำให้ต้องหลบหนีด้วยลีลาผาดโผนจนไปสะดุดตา จอมพล อดีตพระเอกชื่อดังซึ่งผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับละคร และกำลังหานางเอกนักบู๊สำหรับละครเรื่องแรกของเขา จอมพลชอบใจฝีมือของแก้วและต้องการมาเป็นนางเอกของเขา แก้วมีปัญหาเรื่องค่าเช่าบ้านจึงไปเป็นสตั๊นท์ให้กับ ดาราฉาย นางเอกยอดนิยมตามคำชวนของ เหมียว เพื่อนซี้ ทำให้เธอได้พบกับจอมอีกครั้ง จอมประกาศให้แก้วมารับบทนางเอกในละครเรื่องใหม่ สร้างความไม่พอใจให้ดาราฉาย ที่ต้องการรับบทนางเอกเช่นกัน ติดตามต่อได้ใน กำกับรัก กำกับหัวใจ

ไปแล้วกลับ หลับแล้วตื่น ฟื้นเพื่อเธอ (2547/2004) บุรินทร์ ทนายความใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์ เสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยโรคหัวใจ ก่อนตายได้ฝากฝังให้ นาคประภา ลูกสาวคนเดียวไปอยู่ในความดูแลของครอบครัวชลทิศ เพื่อนสนิทของตน นาคประภาจึงเดินทางเข้ามากรุงเทพตามลำพัง เพราะครอบครัวของชลทิศเองก็เพิ่งเสียบิดาคือ ศจ.ดร.ชลบุรี ทำให้ไม่สามารถไปรับตัวนาคประภาได้ ติดตามในละคร “ไปแล้วกลับ หลับแล้วตื่น ฟื้นเพื่อเธอ”

พ่อดอกรักเร่ (2547/2004) ฝันของ สุวรรณไท มไหสวรรย์ นักร้องลูกทุ่งที่ต้องการจะยิ่งใหญ่ให้เหมือนสายัณห์ สัญญา หรือยอดรัก สลักใจ มีอันต้องพังทะลายลงเพราะความเจ้าชู้ เมื่อเขาใช้ความเป็นนักร้องเที่ยวหว่านเสน่ห์หลอกสาว ๆ ให้อกหักหลายราย จนถึงรายของ นก และนุช ลูกสาวผู้มีอิทธิพลที่มาหลงเสน่ห์สุวรรณไท แต่เมื่อทั้งสองพบว่าสุวรรณไทยังมีสาว ๆ อีกหลายรายเข้ามาติดพันก็โกรธ และเป็นเหตุให้สุวรรณไทไม่ได้ร้องเพลงในกรุงเทพฯ อีก เมื่อไม่มีทางไป สุวรรณไทจึงกลับไปบ้านเกิด เขาพยายามบอกใคร ๆ ว่าตอนนี้เขาชื่อสุวรรณไท แต่ทุกคนยังคงเรียกเขาว่า ทองแถบ อยู่ดี โดยเฉพาะ พระทองใบ พ่อของเขาซึ่งหมั่นไส้ทองแถบที่ไม่ยอมใช้ชื่อที่แกตั้งให้ทองแถบต้องอยู่กับพระทองใบซึ่งเป็นเจ้าอาวาสที่มีคนนับหน้าถือตาทั้งตำบล ถึงแม้จะเจอเรื่องร้าย ๆ ของความเจ้าชู้มา แต่ทองแถบก็ยังไม่ละนิสัยเห็นผู้หญิงไม่ได้เหมือนเดิม ยิ่งกว่านั้นทองแถบได้ อาทองดอก เป็นพวกด้วยแล้วยิ่งเข้าทาง ตระกูลทองของทองแถบนั้นเจ้าชู้มากกันทุกคนไม่เคยทิ้งสายเลือดแม้แต่พระทองใบ เมื่อตอนหนุ่ม ๆ ก็เจ้าชู้จนเป็นเรื่องให้ต้องบวชตลอดชีวิต ทองแถบกับทองดอกกลายเป็นคู่หูกัน เรื่องวุ่น ๆ จึงเกิดขึ้น เมื่อทองแถบบังเอิญไปเจอ พิกุล หญิงที่ตนเคยจีบและดูเหมือนถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาอีก ทำให้มีเรื่องกับ เปลื้อง ลูก ผู้ใหญ่ปลั่ง เพราะเปลื้องเป็นแฟนกับพิกุลอยู่ ทองดอกยุให้ทองแถบฉุดพิกุล แต่ก็ผิดแผนเมื่อเกิดการฉุดผิดตัวกลายเป็น มะปราง น้องสาวเปลื้องที่โดนฉุดมาแทน เพื่อเป็นการปิดปากมะปรางไม่ให้พูดถึงเรื่องที่ทองแถบฉุดผิดตัว ทองแถบจึงหมั่นคอยเอาใจมะปราง ในที่สุดก็เกิดความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมะปรางกลายเป็นแม่สื่อให้ทองแถบอย่างไม่เต็มใจนัก ทำให้พิกุลเริ่มมีใจให้ทองแถบมากขึ้น แต่ก็ยังแพ้พ่อบุญทุ่มอย่าง ไกรภพ หนุ่มหล่อเจ้าของหนังกลางแปลง ที่พ่อของพิกุลนั้นหมั้นหมายให้กับไกรภพแล้ว เปลื้องเสียใจมาก แต่ทองแถบกลับไม่เสียใจเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักมะปราง ทองดอกก็เลยยุให้ทองแถบฉุดมะปรางมาปล้ำเป็นเมียอีก ทองแถบทำตามที่ทองดอกแนะนำ ทำให้มะปรางเสียใจมาก และต่อว่าทองแถบ เรื่องครั้งนี้ทำให้ทองแถบคิดได้ และยกขันหมากไปสู่ขอมะปราง แต่ผู้ใหญ่ปลั่งบอกว่าต้องหาสินสอดมาให้ได้ห้าล้านบาทภายในเจ็ดวัน จึงจะยอมยกลูกสาวให้ ทองแถบจึงตั้งวงลูกทุ่งขึ้นมาใหม่ออกโชว์ทุกวัน โดยมีคอนเซ็ปต์ว่าร้องเพลงเพื่อหาเงินแต่งเมีย ทำให้คนสนใจ และแห่มาให้กำลังมากขึ้น รายการวิทยุก็ช่วยกันโปรโมท เพราะเห็นใจทองแถบ จนได้เงินห้าล้านบาทมาเป็นสินสอด แต่ก็กลับโดนโจรปล้นไปตอนที่ยกขันหมากห้าล้านบาทไปสู่ขอมะปราง ผู้ใหญ่ปลั่งบอกให้ไอ้เปลื้องแจ้งความทันที แล้วจึงจับโจรได้ทันทองแถบ และมะปรางที่เปลี่ยนมาเป็น ทองปราง ครองรักกันอย่างเป็นสุข ทองแถบกลายเป็นนักร้องที่มีเสียงในเวลาต่อมา ส่วนพิกุลเลิกกับไกรภพเพราะเข้ากันไม่ได้ จึงกลับมาขอคืนดี และแต่งงานกับเปลื้องในที่สุดเรื่องราวความรักสนุกสนานที่อบอวลไปด้วยไอดินกลิ่นโคลน ของหนุ่มสาวชาวลูกทุ่ง เมื่อนักร้องลูกทุ่งหนุ่มจอมเจ้าชู้ตกหลุมรักกับลูกสาวผู้ใหญ่บ้านคู่อริของ ตระกูลตั้งแต่รุ่นพ่อ เรื่องราววุ่น ๆ จึงเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจผิด และไม่ลงรอยกันมานานกลายเป็นความรักที่แท้จริง แต่กลับต้องเจอเงื่อนไขสุดโหด เพราะต้องหาเงินห้าล้านให้ได้ภายในเจ็ดวัน เขาจะสามารถทำได้หรือไม่ แล้วความรักของเขาและเธอจะลงเอยอย่างไร

เป็นต่อ (2547/2004) เป็นต่อ (ชาคริต แย้มนาม) พนักงานฝ่ายขายของนิตยสารรายเดือนฉบับหนึ่ง อาศัยอยู่กับน้องสาว พอใจ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ พอใจมีเพื่อนสนิทที่นับถือคือ ทิพย์ (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) แฟนเก่าของเป็นต่อ สาวเจ้าระเบียบธรรมะธัมโม พี่กอล์ฟ (ธงธง มกจ๊ก) กะเทยพนักงานทำความสะอาดคอนโด เพื่อนร่วมงานที่บริษัทของเป็นต่อมีพี่ยม (เจี๊ยบ เชิญยิ้ม) ฝ่ายศิลป์, วอก (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) รุ่นน้องฝ่ายพิสูจน์อักษร, พี่อู๊ด (แอ๊ด มกจ๊ก) รุ่นพี่คอลัมน์นิสต์, พี่หมอน (ผอูน จันทรศิริ) ผู้จัดการปากกรรไกร ทางด้านมีร้านอาหารกึ่งผับที่ประจำของพวกเป็นต่อ ที่มีเจ๊มิ้นท์ (วิชุดา พินดั้ม) สาวเซ็กซี่เจ้าของร้าน และจวบ (สร้อย สารคาม) บ๋อย แก่นเรื่องพูดถึงชีวิตคนโสด และเสน่ห์ของความเป็นโสด การออกเดทและการแสวงหา การหาคู่หรือความมั่นคง

ตีลังกาท้าฝัน (2547/2004) เรื่องราวความรัก ความสนุกสนาน แนว Romantic - Comedy ของวัยรุ่น มหาลัย 3 คู่ ที่มีบรรยากาศของการแข่งขันตะกร้อ และ เชียร์ลีดเป็นแบ็คกราวน์ โดยมีความรักระหว่างหนุ่มสาว ความรักของเพื่อนร่วมทีม ร่วมมหาลัยและพ่อแม่เป็นแกนหลัก เริ่มเรื่องที่พระเอก ต้องย้ายเขามาอยู่ที่บ้านหลังเล็กของนาเอก เนื่องจากพี่สาวนางเอกแต่งงานกับ พี่ชายพระเอก พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายอยากให้พระเอก ซึ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ จะได ้มีที่พัก ไม่ต้องเช่าหอ และที่สำคัญ พี่ชายจะได้ดูแลพระเอกอย่างใกล้ชิด ขณะที่พระเอกและนางเอก ต่างไม่เต็มใจ นัก แต่อยู่ในสภาพจำยอม เพราะเกรงใจอยู่ ที่มหาวิทยาลัย ชมรมตะกร้อที่พระเอกสังกัด กำลังจะปิดตัวเพราะไม่มีผลงานมาเลยตลอดหลายปี แข่งที่ไหนก็แพ้ตลอด จนอธิการบดีคาดโทษ ถ้าไม่ชนะจะยุบชมรม และยกห้องให้ชมรมเชียร์ของนางเอก รุ่นพี่ปี แปด ก็มายัดตำแหน่ง ประธานชมรมให้พระเอก เพราะตัวเองต้องรีบเรียนให้จบ ก่อนถูกรีไทน์ เมื่อไม่มีงบ ประมาณ ไม่มีผลงาน ไม่มีสมาชิก ไม่มีแม้แต่ นักกีฬา พระเอกจำเป็นต้องรณรงค์ให้คนทั้งมหาวิทยาลัย หันมา สนใจกีฬาตะกร้อด้วยการแอบถ่ายรูปหนุ่มๆ หน้าตาดีหล่อจัด สาวกรี๊ด อย่างนักรักบี้ กดนตรี มาทำโปสเตอร์รับ สมัครสมาชิก บังเอิญโปสเตอร์ดังกล่าวเกิดไปสะดุดตาแมวมอง ของบริษัท เครื่องกีฬา อยากเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ให้ชมรมนี้ เพราะกีฬาตะกร้อกำลังเป็นที่นิยมตามกระแสนิยมไทยของรัฐบาล จนมีการ จัดแข่งขันลีกต่างๆ ทั่วไทย จึงอยากจ้างหนุ่มๆ ในโปสเตอร์ที่พระเอกทำเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมเงินสนับสนุนชมรม ก้อนใหญ่ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องรีบจัดการแข่งขันในเร็ววัน เพื่อให้เจ้านายดูตัวก่อนอนุมัติงบให้ พระเอกจึงต้องไปหว่านล้อม อ้อนวอน ขอร้อง แกมบังคับให้หนุ่มๆ ที่ไม่เป็นเลย มาหัดตะกร้อ หัดอย่างไรก็ไม่เก่งสักที แต่สาวกรี๊ดมาก จนได้ฉายาว่า "ตะกร้อนายแบบ" เพราะ หน้าตาดีมาก พระเอกจะเอาตัวรอดอย่างไร ไม่ให้สปอนเซอร์ถอนตัว ให้นายแบบจำเป็น เล่นต่อไปให้ชนะ ให้ชมรมไม่ถูกยุบ ไม่ให ้แพ้ชมรมเชียร์ของนางเอก ฝั่งนางเอก มีเรื่องแพท คุณหนูไฮโซ และ การไปแข่งเชียร์ระดับประเทศอีกเส้น เรื่องดำเนินไปสักระยะ นายแบบทั้งหลายเริ่มถอนตัว เพราะแข่งอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ ชมรมต้นสังกัด ก็เรียก ตัวกลับไปซ้อมทุกวัน ชมรมตะกร้อกำลังจะแย่อีกครั้ง จู่ๆ ก็มีเด็กสาวหน้าตาดี อาสาเข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เพราะชอบพระเอก หนุ่มๆ นักตะกร้อจำเป็น เห็นผู้จัดการทีมสวยจัด เริ่มเปลี่ยนใจอยากกลับมาช่วนชมรมตะกร้อ อีกครั้ง แต่จะพูดกับชมรมต้นสังกัดอย่างไร เรื่องสนุกๆ จการตกกระไดพลอยโจน เริ่มขึ้นแล้ว

ลักส์ ดาวค้นดาว ตอน เธอ...เลอลักษณ์ (2547/2004) เลอลักษณ์ (ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม) สุดยอดนางแบบสาวสวยของเมืองไทย ที่กำลังถูกปองร้ายจากมือมืด เมื่อเธอเกือบถูกโคมไฟหล่นใส่อย่างฉิวเฉียดในงานเดินแบบ ทำให้ละเอียด ในฐานะตัวแทนของบริษัทประกันความงามที่ดูแลอวัยวะของเลอลักษณ์ทั้งหมด เกิดความกลัวว่าจะต้องถูกจ่ายค่าประกันจนอ่วม จึงเสนอให้ตำรวจมาเป็นบอดี้การ์ดให้ ถึงแม้ว่าเลอลักษณ์กับคุณห่าน (โหน่ง วสันต์ อุตตมะโยธิน) ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัว จะไม่ชอบกับวิธีการนี้ก็ตาม เพราะรู้สึกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัว และงานอันน่าเบื่อเช่นนี้จึงตกมาที่ เกี่ยว (ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ตำรวจหนุ่มน้องใหม่ที่ต้องฝืนใจมาทำงานนี้ ซึ่งเดี่ยวกับเลอลักษณ์ไม่ค่อยกินเส้นกันตั้งแต่แรกพบ โดยเลอลักษณ์พยายามหาวิธีการคอยกลั่นแกล้งเดี่ยวทุกทางเพื่อหวังจะให้เดี่ยวทนไม่ได้ ซึ่งก็ได้ผลทีเดียว เมื่อเดี่ยวยอมเอ่ยปากขอลาออกเอง เลอลักษณ์กับห่านดีใจมากแต่ก็ได้ไม่นาน เมื่อวันต่อมาเดี่ยวกลับมาทำงานเป็นบอดี้การ์ดเหมือนเดิม ซึ่งในวันนั้นเลอลักษณ์รู้สึกช็อคมาก เมื่อเธอเห็นแมวสัตว์เลี้ยงตัวโปรดถูกคนร้ายเอาไปใส่ในตู้เย็น พร้อมกับมีจดหมายขู่จะทำร้าย ทางตำรวจจึงได้เพิ่มกำลังเฝ้าตรวจตราที่บ้านเลอลักษณ์มากขึ้น แต่ระหว่างนั้นก็ยังมีจดหมายขู่มาวางที่ห้องนอนของเลอลักษณ์อีกฉบับ ทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เพราะไม่คิดว่าคนร้ายจะบุกเข้ามาใกล้ตัวจนถึงขั้นเอาจดหมายมาวางในห้องนอนได้ทั้งๆ ที่มีตำรวจเฝ้าเต็มบ้านก็ตาม ห่านจึงเสนอจะพาเลอลักษณ์หนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย เมื่อไปถึงทั้งคู่กลับถูกคนร้ายจับตัวได้ เลอลักษณ์พยายามทำทุกทางเพื่อให้เดี่ยวรู้ ว่าคนร้ายเป็นใคร ด้วยการแอบโทรศัพท์เข้าเครื่องของเดี่ยวพร้อมส่งสัญญาณบอกเป็นนัย เดี่ยวจะไขปริศนาที่เลอลักษณ์ทิ้งไว้และจะมาช่วยเธอได้ทันหรือไม่ และใครคือคนร้ายตัวจริง ติดตามได้ในละคร "ลักส์ดาวค้นดาว" ตอน เธอ...เลอลักษณ์

ลักส์ ดาวค้นดาว ตอน รักแล้วรักเลย (2547/2004) ตกเป็นข่าวคาวกับ “เจตน์” แบบไม่รู้ตัว เมย์ (ใหม่ เจริญปุระ) นักร้องสาวสุดเซ็กซี่ กำลังงงมากกับข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง ว่าตอนนี้เธอกำลังแอบคบหาอย่างลับๆ กับพิธีกรฝีปากกล้าชื่อ เจตน์ (ปู-อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) หลังจากมีนักข่าวแอบถ่ายรูปเมย์กับเจตน์นั่งหลับซบกันในโรงหนัง เมย์พยายามแก้ข่าว แต่ทุกคนก็ไม่เชื่อ จนวันหนึ่งทางผู้ใหญ่ของช่องสั่งให้รายการที่เจตน์เป็นพิธีกรเชิญเมย์มาสัมภาษณ์ เมย์และเจตน์รู้สึกแย่มาก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างของการทำงาน จึงจำต้องยอมทำตามคำขอของผู้ใหญ่ทันทีโดยระหว่างออกรายการ ทั้งคู่พยายามรักษาสถานการณ์ให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ก็ได้ไม่นาน ทั้งคู่เริ่มเปิดศึกปะทะคารมใส่กัน จนเมย์หมดความอดทนหยิบแก้วน้ำสาดใส่หน้าเจตน์กลางรายการแล้วลุกเดินหนีออกจากรายการทันที

ลักส์ ดาวค้นดาว ตอน ละครที่รัก (2547/2004) หลังจากที่ขิม (แอน ทองประสม) มีโอกาสไปถ่ายละครที่หมู่บ้านริมทะเลแห่งหนึ่ง เธอได้เจอนักเรียนกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เพื่อนในกลุ่มชื่อส้มจี๊ดซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงของขิม ที่อยากจะเล่นละครเวทีของโรงเรียนเรื่อง “ขวัญกับเรียม” แต่ก็ไม่กล้า เพราะเป็นโรคกลัวที่จะต้องอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก ขิมเห็นใจจึงอาสาช่วยพูดพร้อมแนะนำเทคนิคความกล้าให้ จนส้มจี๊ดเริ่มมีกำลังใจและตัดสินใจเข้าคิดเลือกนักแสดงทันที ในวันคัดเลือก ขิมขออนุญาตจากตวง(แจง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อจะไปเป็นกรรมการคัดเลือกนักแสดงของงานโรงเรียนได้สำเร็จ และได้เจอกับตั้ม (หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร) คุณครูสอนพละที่โรงเรียนแห่งนี้ ตั้มชวนขิมคุยจนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน ด้านส้มจี๊ด หลังจากทำการคัดเลือกนักแสดงเสร็จ เธอก็ได้รับเลือกให้เล่นบทเรียม ส้มจี๊ดดีใจมากและขอร้องให้ขิมมาดูเธอเล่นละครด้วย ขิมตอบตกลงไปทั้งๆ รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้เพราะติดงาน แต่ขิมกลัวเด็กๆ เสียใจ จึงไปขออนุญาตตวงให้ยกเลิกงานในวันนั้น ตวงโกรธมากและไม่อนุญาตให้ขิมไป ขิมผิดหวังและรู้สึกเหนื่อยกับงานที่ทำอยู่ เมื่อตั้มเข้ามาเห็นก็สงสาร เลยออกปากชวนขิมไปเดินเล่นพร้อมกับพูดปลอบให้กำลังใจ

ตารีบุหงา (2547/2004) รศ. 123 ณ แผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ขุนอัฐบริรักษ์ ข้าราชการหนุ่ม ถูกส่งตัวไปช่วยดูแลมณฑลทางใต้ ทำให้เขาได้พบกับบุหงา สาวงามผู้อ่อนหวาน ลูกสาวของนายหัว ผู้ปกครองเกาะลั่นทม และที่นี่เอง... ที่ก่อให้เกิดตำนานแห่งความรัก ความหลัง และความสะเทือนขวัญ จนเป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมา ในงานต้อนรับข้าหลวงคนใหม่ บุหงา ( บุษกร พรวรรณะศิริเวช ) ได้ออกมารำ “ตารีบุหงา” จนเป็นที่ประทับใจต่อ ขุนอัฐ ( จอนนี่ แอนโฟเน่ ) กลายเป็นรักแรกพบต่อกัน แล้วไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แนบแน่นลึกซึ้งขึ้น แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเมื่อขุนอัฐถูกเรียกตัวไปราชการด่วน และถูกนายหัว กับ ฆาเยาะห์ ( ภาณุเดช วัฒนสุชาติ ) หนุ่มผู้หลงรักบุหงากีดกัน ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกัน แต่ก่อนจาก ทั้งสองได้แลก “กริช” แก่กัน และใช้กริชนั้นกรีดเลือดที่ฝ่ามือเป็นการสาบานว่าต่างฝ่ายต่างได้มอบชีวิต ไว้ให้แก่กัน ขุนอัฐให้สัญญากับบุหงาว่าจะกลับมารับเธอไปอยู่ด้วยใน วันแรม 15 ค่ำ หรือวันส่งผีตายาย ติดตามต่อได้ใน ตารีบุหงา