นางสาวจริงใจกับนายแสนดี 2547

เรื่องย่อ : นางสาวจริงใจกับนายแสนดี (2547/2004) นายแสนดี ( ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ) ชายหนุ่มหน้าตาและบุคลิกดี กะล่อน กล้าบ้าบิ่น ชอบทำตัวเป็นเศรษฐีไฮโซหลอกสาวๆไปวันๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่เด็กทำงานในอู่ซ่อมรถ และโดนไล่ออกเพราะขโมยรถในอู่ไปใช้ แสนดีอาศัยอยู่กับเปิ้ล ( ปอย-ปวีณา ตันท์ศรีสุโรจน์ ) เพื่อนสาวจอมห้าว จอมแก่น เปิ้ลเอือมระอาในพฤติกรรมของแสนดีและคอยเตือนอยู่เป็นประจำ ทั้งคู่เช่าห้องของป้าแจ๋ว ( ตุ๋ม-นภาพร หงสกุล ) จอมงก ปากจัด มีลุงย่น (สีเทา) เป็นอดีตสามีขับรถแท๊กซี่ และเป็นหัวหน้ากลุ่มนางรำแก้บนตามศาลพระพรหม วันหนึ่งแสนดีได้ บังเอิญเจอกับนางสาวจริงใจ ( อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ) สาวสวย หุ่นดี ซึ่งเป็นที่หมายปองของบรรดาหนุ่มๆ ทั้งคู่เข้าใจผิดคิดว่าต่างคนต่างเป็นเศรษฐี แต่จริงๆ แล้วทั้งสองคนยังไม่มีงานทำ และไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอย่างที่เห็น กัน จริงใจเช่าบ้านอยู่กับทองแท้ ( บอล-อัศนัย เทียนทอง ) เพื่อนหนุ่มที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จริงใจได้งานเป็นนางรำแก้บนอยู่ในคณะของลุงย่นที่ศาลพระพรหม แสนดีกับจริงใจหลอกกันไปหลอกกันมา ไม่มีใครรู้ความจริงของกันและกัน เพราะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่แคล้วคลาดกันตลอด และด้วยโชคชะตาทำให้ทั้งสองคนมาพบกันเพราะความคิดแปลกๆ ของพิพัฒน์ ( เหมียว-สมบัติ ขจรไชยกุล ) และประมาณ ( ติ๊ก ชีโร่ ) เศรษฐีใจดี ที่พนันกันว่าจะปั้นคน 4 คนให้เข้ามาอยู่ในสังคมไฮโซและจะพลิกชีวิตพวกเขาให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือให้ได้ ทำให้ แสนดี จริงใจ เปิ้ล และทองแท้ถูกเลือกเข้ามาเล่นเกมส์ครั้งนี้ โดยสร้างสถานการณ์ให้แสนดีไป Casting เป็นดารา ส่วนจริงใจได้เข้าไปอยู่ในสังคมไฮโซ เรื่องราววุ่นๆ จึงตามมา จู่ๆ แสนดีก็ได้ช่วย มรว.พิริยะศักดิ์ ( แอ๊ด-สมบัติ เมทะนี ) ที่โดนทำร้ายด้วยฝีมือลูกเลี้ยงอย่าง พิเชษฐ์ ( เอ็กซ์-ปิยะ วิมุกตายน ) ซึ่งเป็นลูกติดคุณ เปรมฤดี ( อ้วน-มณีนุช เสมรสุต ) ภรรยาใหม่ของ มรว.พิริยะศักดิ์ ด้วยความโลภของสองแม่ลูก พิเชษฐ์จึงทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มรดกทั้งหมด เพราะกลัวว่ามรว.พิริยะศักดิ์จะหาลูกที่เป็นทายาทตัวจริงเจอ และไม่ยอมยกมรดกให้ตน มรว.พิริยะศักดิ์เองก็ต้องการจะเจอลูกที่หายไปกับวโรรส ( หลิน-วีรินท์ เชยอรุณ ) อดีตภรรยาที่หนีไปเมื่อ 20 ปีก่อน มรว.พิริยะศักดิ์จึงขอร้องให้แสนดีช่วยสืบหาทายาทตัวจริง ครั้งแรกแสนดีปฏิเสธแต่สงสาร ที่มรว.พิริยะศักดิ์โดนวางยา และแวว ( เม้าท์-มยุรี อิศรเสนา ณ อยุธยา ) คนใช้เก่าแก่ มาขอร้องแสนดีจึงรับปากที่จะช่วย ระหว่างที่แสนดีสืบหาทายาทให้กับ มรว.พิริยะศักดิ์ก็ถูกหรั่ง ( เป๊ปซี่-ธีระวัฒน์ ทองจิตติ ) กับปื๊ด ( เปิ้ล-ณัฐกิตต์ โสภาพ ) คอยขัดขวาง ตอนทำงานในกองถ่ายแสนดีได้เจอกับเอื้อมดาว (เจี๊ยบ-สมาพร เขียวบวร) นางเอกสาวสวยแต่เป็นภรรยาลับๆ ของพิเชษฐ์ เอื้อมดาวแอบชอบแสนดีเพราะคิดว่าแสนดีรวยจึงพยายามตีสนิท แสนดีกับเปิ้ลลงทุนเปิดบริษัทจัดหางาน ด้วยโชคชะตาทำให้จริงใจเข้ามาสมัครงานที่บริษัทของแสนดี …. เรื่อง วุ่นๆ อีรุงตุงนัง สับสน โกลาหลของ นางสาวจริงใจ และ นายแสนดี ยังมีอีกเยอะคะท่าน…นผู้ชม แต่ขืนบอกไปก่อนเดี๋ยวจะไม่ได้ลุ้น หมดสนุกกันซะก่อน สุดท้ายชีวิตของแสนดีและจริงใจจะลงเอยอย่างไร!?

เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว 2547

เรื่องย่อ : เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว (2547/2004) มรดกที่สำคัญในวันนี้ อาจเป็นเพียงแค่วิถีชีวิตของวันวาน พิชาน ทายาทเศรษฐีโรงงานทอผ้าเดินคิดขณะชื่นชมปราสาทเมืองต่ำ โบราณสถานศิลปะขอมร่วมพันปี เขากำลังจะถ่ายภาพช่องประตูหินที่แสงแดดตกสะท้อน แต่ต้องหยุดชะงักเพราะมีหญิงสาวสวยในชุดผ้าทอแปลกตาเดินผ่าน พิชานเดินตามไป และแอบถ่ายรูปหญิงสาวงามนั้นไว้ก่อนจะเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร ในงานประกวดสิ่งทอ สินฝ้าย และ ไหมแก้ว ขึ้นไปรับรางวัล ชไมมาน มารดาของพิชานยืนดูด้วยสายตาเคียดแค้น แต่พิชานกลับดีใจที่ได้เห็นหญิงสาวอีกครั้ง ชไมมานขอซื้อผ้าที่ชนะประกวดจากไหมแก้วด้วยเงินมหาศาล ไหมแก้วไม่ขายและพูดจาเสียดสีจนชไมมานออกอุบายให้ลูกน้องคือ กำพล และ เฉิดฉาย หาวิธีที่จะซื้อกิจการโรงทอเพลงผ้ามาครอบครอง พิชานมีความคิดที่จะเรียนรู้วิถีชีวิตและที่มาของผ้าผืนสวย แต่เป็นหนทางที่แตกต่างจากชไมมาน พิชานขอเข้ามาอู่ในเพลงผ้า ขอเรียนพิณเปี๊ยะกับสินฝ้าย และหัดยอมผ้า โดยมี โซะนอน ลูกน้องสินฝ้ายเป็นพี่เลี้ยง ในขณะที่ องอาจ ผู้เข้าออกในโรงทอเพลงผ้าได้อย่งาเปิดเผยในฐานะผู้จับจองหัวใจไหมแก้ว คนงานในโรงทอแบ่งฝ่ายสนับสนุนทั้งพิชานและองอาจ สินฝ้ายมีงานอดิเรกคือ การเล่นพิณอีสานและพิณเปี๊ยะให้ไหมแก้วฟังยามที่จะคิดลายผ้าหรือทอผ้าเป็นการถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นปู ย่า จนมาถึงพ่อแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ลายผ้าต่าง ๆ สวยงามวิจิตรไม่มีใครสามารถเลียนแบบ พิชานเริ่มเข้าใจ เพลงผ้า มากขึ้น พอๆ กับที่เข้าใจหัวใจตนเอง

หลังคาแดง 2547

เรื่องย่อ : หลังคาแดง (2547/2004) หลังคาแดง เป็นเรื่องราวของ ทองดี ชายหนุ่มผู้ล้มเหลวทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน เขาทำงานในบริษัทใหญ่โตในหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำทางเข้าออก ด้านหน้าของอาคาร แต่แล้วจู่ๆ โดยไม่คาดฝันทองดีก็ถูกไล่ออกจากงานเพราะบริษัทได้นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามา ควบคุมอาคารตั้งแต่การเปิดปิดประตูโดยอัตโนมัติและกล้องวงจรปิด ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยในจำนวนมาก เท่าเดิม และทองดีก็กลายเป็นหนึ่งในจำนวนพนักงานที่บริษัทปลดออก ทองดีพยายามไปสมัครงานที่ใหม่ๆ แต่ก็ไม่เคยมีที่ไหนรับเขาเลย วันๆ เขาออกไปหางานแล้วก็กลับมาอยู่ห้องเช่าอย่างโดดเดี่ยว จะมีก็เพียงไอ้มะลิหมาจรจัดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนพอพูดคุยระบายความในใจได้ ทุกวันทองดีจะนั่งคุยกับมะลิเล่าถึงความหลังของเขากับน้ำฝนอดีตแฟนสาวที่ ทิ้งเขาไป ทองดียังหวังว่าวันหนึ่งเขาจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้มั่นคงเพื่อให้น้ำ ฝนกลับมาหา ด้วยความหวังในชีวิตนี้เองที่ทำให้ทองดียังมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป โดยที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนล้มเหลวอย่างที่คนอื่นๆ ในสังคมมองว่าเขาเป็น จนเมื่อยังหางานใหม่ไม่ได้ ประกอบกับถูกไล่ออกจากห้องเช่า เพราะค้างค่าเช่า ทองดีรู้สึกคับแค้นใจอยู่ไม่น้อยเขาคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตกต่ำเช่น นี้ก็เพราะการถูกไล่ออกจากงาน ทองดีรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นพนักงานที่ยอดเยี่ยม เขามั่นใจว่าเขาเป็นคนที่ทุกคนในบริษัทตั้งแต่พนักงานทำความสะอาดไปจนถึง ประธานบริษัทต้องรู้จักเพราะทุกวันเขาจะเปิดประตูต้อนรับให้ทุกคนพร้อมด้วย รอยยิ้มและคำทักทาย เขาไม่เชื่อว่าคอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่นี้ได้ดีไปกว่าเขา ในที่สุดทองดีก็ตัดสินใจกลับเข้ามาที่บริษัท พอมาถึงเขาก็ก้าวเข้าประตูที่เลื่อนเปิดปิดได้เองโดยอัตโนมัติพร้อมทั้งมี เสียงกล่าวต้อนรับเข้าสู่บริษัทพร้อมสรรพ ทองดีรู้สึกอึ้งกับความล้ำสมัยนี้แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังมั่นใจในประสิทธิภาพ การทำงานของตน เขาจึงตรงไปขอเข้าพบประธานบริษัทเพื่อจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง จากการกระทำอันอุกอาจนี้ทองดีก็ถูกจับส่งตำรวจ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ทางด้านของโฉมศรี ภรรยามหาเศรษฐีชื่อดังซึ่งไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศได้ติดต่อมาแจ้งความ ให้ตำรวจไทยช่วยตามหาสามีที่หายไป โดยหลักฐานท้ายสุดที่พอจะมีเกี่ยวกับสามีก็คือ จดหมายหนึ่งฉบับพร้อมกับรูปถ่ายล่าสุด โฉมศรีซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ต่างประเทศได้ให้ข้อมูลว่าสามีหรือโกยทอง ได้เดินทางไปเที่ยวรอบโลกตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว โฉมศรีไม่ได้ข่าวใดของสามีอีกจนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โกยทองได้ติดต่อกลับมาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ประเทศไทยและได้ทำศัลยกรรมใบหน้า ใหม่ และได้แนบรูปถ่ายมาให้ดูซึ่งในรูปถ่ายนั้นโกยทองมีใบหน้าเหมือนทองดีอย่าง กับคนๆ เดียวกัน ทองดีซึ่งกำลังถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโกยทอง ทองดีพยายามปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่โกยทอง แต่ก็ไม่มีใครฟัง เมื่อเห็นว่าทองดีไม่ยอมรับ ตำรวจก็คิดว่าบางทีอาจะเป็นเพราะโกยทองเสียสติไปแล้ว เพราะจากคำให้การของโฉมศรีได้ระบุว่า พักหลังๆ โกยทองได้เกิดอาการเครียดและระแวงว่าจะมีคนมาทำร้ายอยู่เสมอ จนในที่สุดก็ได้มีความคิดที่จะหนีไปที่ไหนสักพักเพื่อพรางตัว ตำรวจเชื่อว่าอาการเครียดที่ว่านี้อาจจะมีผลให้โกยทองเสียสติไปได้ ตำรวจจึงได้ส่งตัวทองดีไปอยู่โรงพยาบาลหลังคาแดงซึ่งเป็นสถานบำบัดและรักษา ผู้วิกลจริตที่โกยทองเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเอง วันแรกที่ถูกส่งตัวไป ทองดีถูกจัดให้พักในบ้านพักของผู้ป่วยพิเศษเพื่อรอให้ ผ.อ.คนใหม่ของโรงพยาบาลมาถึง ทองดียังไม่รู้ว่าเขาถูกส่งตัวมาที่ใด ส่วนหนึ่งก็เพราะทุกคนคิดว่าเขาเป็นโกยทองผู้เป็นเจ้าของที่นี่ จึงได้ปฏิบัติกับเขาและให้การรับรองอย่างดีเสียจนทองดีไม่รู้ว่าตัวเองกำลัง อยู่ในโรงพยาบาลบ้า การมาของทองดีหรือโกยทองตามที่คนอื่นเข้าใจนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับเจ้า หน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาลมากเพราะตลอดมา โกยทองเป็นบุคคลลึกลับ ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นมาก่อน ที่โรงพยาบาล จิตแพทย์ประจำโดยการนำของ กุหลาบและสายใจ ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ ผ.อ.คนใหม่ โดยได้คัดเลือกคนไข้จำนวนหนึ่งจากฝ่ายคนไข้พิเศษมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ แต่ ผ.อ.คนใหม่ก็มาช้าเพราะรถของโรงพยาบาลอื่นที่มาส่งเกิดหลงทาง ประกอบกับคนไข้รายใหม่ในท้ายรถอาละวาด ผ.อ.จึงต้องเสียเวลาไปกับการเข้าไปเกลี้ยกล่อมอยู่ท้ายรถ ทองดีซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนไข้พิเศษได้มาร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ ด้วยคอนเซ็ปต์ของงานที่พยายามทำให้ ผ.อ.รู้สึกเป็นกันเอง ไม่มีบรรยากาศของโรงพยาบาล ทำให้ทองดียังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเท่าไรนัก เมื่อ ผ.อ.คนใหม่มาถึง ทุกคนก็ตื่นเต้นดีใจโดยเฉพาะกุหลาบซึ่งเป็นสาวโสดวัย 30 ซึ่งรู้สึกประทับใจในตัว ผ.อ.ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น กุหลาบได้แนะนำทองดีให้ ผ.อ. รู้จักในฐานะโกยทอง ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ ขณะที่งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อยจู่ๆ กลุ่มคนไข้อนาถาก็บุกเข้ามาร่วมในงานด้วยทำให้งานปั่นป่วนไปหมด และหนึ่งในคนไข้จำนวนนั้นก็มี อาลัย คนไข้สาวรวมอยู่ด้วย และตอนนี้เองทองดีแน่ใจในทันทีว่าเขาถูกจับมาอยู่ในโรงพยาบาลบ้า ทองดีตกใจจนเป็นลมไป เช้าวันต่อมาทองดีฟื้นขึ้นมาในห้องพักส่วนตัวท่ามกลางความเป็นห่วงของกุหลาบ และสายใจ เมื่อทองดีฟื้นเขารีบปฏิเสธกับใครๆ ว่าเขาไม่ใช่โกยทอง การปฏิเสธเช่นนี้ยิ่งทำให้ทุกคนเข้าใจว่าโกยทองกำลังอยู่ในอาการหนัก การหมดสติไปของโกยทองกลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่ประชุมของคณะกรรมการของโรง พยาบาลเนื่องจากเห็นว่าปัญหาทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนไข้อนาถา ผ.อ.ที่มาใหม่นี้ได้เล็งเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะมีความเหลื่อม ล้ำกันมากไประหว่างคนไข้อนาถากับคนไข้พิเศษ ทำให้คนไข้อนาถาลุกขึ้นมาเรียกร้อง ดังนั้นสิ่งแรกที่ ผ.อ. ต้องการเปลี่ยนแปลงในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็คือทำให้คนไข้ทุกคนมีความเท่าเทียม กัน นโยบายใหม่ของ ผ.อ.นี้แม้จะไม่ค่อยเป็นที่พอใจแต่ก็ไม่มีใครสามารถขัดได้ นโยบายนี้จึงนำมาปฏิบัติโดยเริ่มจากการลดสิทธิพิเศษของคนไข้พิเศษลง แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับโกยทองหนึ่งคน เมื่อโฉมศรีได้รับการติดต่อว่าโกยทองได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่โรงพยาบาลหลังคา แดงแล้วเธอก็วางใจ แม้จะรู้สึกตกใจอยู่บ้างที่ตอนนี้สามีได้เสียสติไปแล้ว แต่เธอก็ได้ติดต่อมาที่โรงพยาบาลให้คอยดูแลโกยทองให้ดี อย่าให้หนีไปที่ไหนอีก ส่วนทองดีเมื่ออยู่ในโรงพยาบาลแม้จะได้รับการรับรองอย่างดีแต่เขาก็ไม่วาย รู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เขาสมควรอยู่ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางหลบหนีออกจากโรงพยาบาล ที่นั่นทองดีไม่เคยคุยกับใครรู้เรื่อง มีเพียงคนเดียวที่เขาพอจะสื่อสารได้รู้เรื่องที่สุด นั่นก็คือ อาลัย ทองดีแปลกใจที่อาลัยต้องมาอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งๆ ที่เธอเองก็อยู่ในอาการที่ดี พอที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ทองดีเพิ่งสังเกตเห็นว่าอาลัยมานั่งรอแม่กับน้องชายทุกวันพุธซึ่งเป็นวันที่ โรงพยาบาลเปิดให้ญาติมาเยี่ยม แต่จนแล้วจนรอดแม่ของเธอก็ไม่เคยมา ทองดีรู้สึกสงสารจึงสัญญากับอาลัยว่าถ้าเขาหาทางออกไปได้ เขาจะกลับมารับอาลัยออกไปในฐานะญาติของเธอ และจะพาอาลัยไปพบแม่และน้องชายเอง อาลัยดีใจมากจึงตกลงจะช่วยหาทางหนีให้ทองดี แรกๆ คนไข้อนาถาซึ่งเป็นคนไข้ส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลพากันเห่อทองดีเพราะคิดว่าเป็น โกยทอง พวกเขาจึงคอยแอบเฝ้าดูพฤติกรรมของทองดีและเลียนแบบตลอดเวลาทำให้ทองดีรู้สึก อึดอัดอย่างมาก การตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ทำให้ความพยายามของทองดีที่จะหาทางหลบหนีออกจาก โรงพยาบาลเป็นไปได้ยากขึ้น การหลบหนีครั้งแรกๆ ของทองดีไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำร้ายเขายังได้เห็นตัวอย่างของคนไข้ที่พยายามหลบหนีแล้วถูกจับได้ว่าจะถูก นำไปขังไว้ในห้องขังพิเศษที่มีลักษณะคล้ายๆ กับคุกมืด ห้องขังพิเศษนี้มีไว้ให้สำหรับคนไข้ที่มีอาการรุนแรง มีแนวโน้มจะทำร้ายผู้อื่นและมีไว้สำหรับลงโทษคนไข้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฏของโรง พยาบาล ทองดีเห็นตัวอย่างแล้วก็คิดว่าแผนการหลบหนีของเขานั้นควรจะทำอย่างรัดกุม ยิ่งขึ้น ทองดีถือโอกาสหลอกใช้คนไข้คนอื่นๆ ที่กำลังชื่นชมเขาให้ช่วยเหลือพาเขาหลบหนี ทองดีวางแผนตีซี้กับคนไข้คนอื่นๆ โดยแรกๆ เขาใช้วิธีนำขนม บุหรี่ ข้าวของเครื่องใช้ที่เขาได้รับเป็นพิเศษจะได้รับมาแบ่งให้กับคนไข้อนาถา แล้วเขาก็เริ่มนัดแนะกับทุกคนในตอนกลางคืนให้มารวมตัวกันประชุมลับ ทองดีสอนให้คนไข้ไม่กินยานอนหลับ คนที่นำยานอนหลับมาให้ทองดีจะได้รางวัลตอบแทน และในเวลากลางคืนนี้เองที่ทองดีใช้ให้ทุกคนช่วยหาทางหลบหนีให้เขาโดยทองดี เรียกเกมนี้ว่า เกมฉกตัวจารชน ซึ่งทองดีสมมุติให้ทุกคนกำลังหาทางหลบหนีออกจากสถานกักกัน คนไข้ทุกคนก็สนุกไปกับเกมนี้เพราะนึกว่าเป็นเรื่องจริง มีเพียง ลุงหนับ คนไข้ผู้เป็นอดีตจ่าตำรวจคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เล่นด้วยกับแผนนี้และเขาก็ รู้ดีว่าทองดีกำลังหลอกใช้ให้คนอื่นๆ ทำเพื่อตัวเองอยู่ หลังจากวางแผนมานานหลายคืน ในที่สุดก็ถึงวันที่ทองดีจะหนีออกไปตามแผนด้วย แต่แล้วพอเอาเข้าจริงทองดีก็แอบหนีออกไปทางด้านหลังของโรงพยาบาลตามลำพัง คนไข้อื่นๆ พยายามจะตามไปด้วยแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจับตัวได้เสียก่อน การถูกจับได้ครั้งนี้ทำให้คนไข้ต้องได้รับการลงโทษ ตั้งแต่ถูกคุมตัว งดให้ญาติเยี่ยม ในขณะที่ทองดีสามารถเอาตัวรอดไปได้ คนไข้รู้สึกว่าทองดีหักหลัง มีเพียงอาลัยเท่านั้นที่คอยแก้ตัวให้ทองดีด้วยการบอกกับทุกคนว่าทองดีออกไป แล้วจะหาทางมาช่วยพวกเขาทีหลัง เมื่อพูดเช่นนี้แล้วคนไข้อื่นๆ จึงรู้สึกดีขึ้น และรอวันที่ทองดีจะกลับมาช่วยอย่างมีความหวัง ทองดีเมื่อหนีออกไปได้ก็ไม่มีทางไปเพราะห้องเช่าที่เขาอยู่ก็ไม่มีแล้ว ทางโฉมศรีเมื่อรู้ว่าโกยทองหลบหนีออกไปได้ก็โกรธมาก ให้ตำรวจช่วยหาทางจับกลับมาให้ได้โดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของ สามีมาก และตัวเธอเองก็ตัดสินใจจะเดินทางกลับมาที่เมืองไทยเพื่อมาพบสามีด้วยตนเอง ระหว่างที่ทองดีหลบออกมาข้างนอกเขาก็ไม่ต่างไปจากคนจรจัด ต้องอยู่เร่ร่อนไปเรื่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ทองดีเริ่มสังเกตได้คือ เขากลับสื่อสารกับคนจรจัดหรือพวกคนบ้าข้างถนนได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วเขาก็เพิ่งได้ตระหนักว่าเขามองว่าคนบ้าและคนข้างถนนพวกนี้น่าดูถูกอย่าง ไร คนในสังคมก็มองตัวเขาไม่แตกต่างไปจากนี้เลย หลบออกมาได้ไม่นานทองดีก็ถูกตำรวจจับกลับไปส่งที่โรงพยาบาลหลังคาแดงดังเดิม การที่ทองดีถูกจับกลับมานี้ทำให้คนไข้ทุกคนผิดหวังมาก เพราะนั่นหมายความว่าทองดีไปไหนไม่รอดและก็คงไม่มีทางที่จะพาพวกเขาออกไปได้ ด้วย ทองดีพอมารู้ว่าการหลบหนีออกไปของเขานั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับคนไข้ อื่นๆมากแค่ไหนก็รู้สึกผิด และครั้งนี้ทองดีก็ได้พบกับโฉมศรีเป็นครั้งแรก โฉมศรีนึกว่าทองดีเป็นโกยทองตัวจริง แต่ทองดีก็ยังคงปฏิเสธ ซึ่งการปฏิเสธนี้ทำให้โฉมศรีเป็นกังวลมากเพราะนั่นหมายความว่าโกยทองยังไม่ มีวี่แววว่าจะมีอาการดีขึ้นแต่อย่างใด โฉมศรีได้แต่ร้องไห้เสียใจไปกับชะตากรรมของสามีและได้อ้อนวอนให้ผ.อ.และ จิตแพทย์ช่วยกันรักษาอาการของสามีให้ดีขึ้น ผ.อ.เห็นโฉมศรีเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเห็นใจและสัญญาว่าพร้อมจะช่วยเหลือเธอ อย่างเต็มที่ การมาของโฉมศรีครั้งนี้ เธอได้สั่งยกเลิกนโยบายที่จะสร้างความเท่าเทียมกันในโรงพยาบาลเพราะเห็นว่า นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไข้ก่อเหตุวุ่นวายดังกล่าว ในเมื่อโฉมศรีสั่งเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าขัดได้อีก พวกคนไข้อนาถายิ่งมีความเป็นอยู่แย่กว่าเดิมมาก ทุกคนโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของทองดี ทองดีพยายามจะแก้ตัวกับทุกคนแต่ก็ไม่มีใครฟัง มีเพียงอาลัยเท่านั้นที่เข้าใจและคอยให้กำลังใจทองดี หลังจากถูกจับตัวกลับมาครั้งนี้ ทองดีก็เริ่มปลงกับการหลบหนีออกไปมากขึ้น เขาเริ่มยอมรับว่าบางทีเขาอาจจะเหมาะที่จะอยู่ในที่เช่นนี้ ทองดีเริ่มหันมามองผู้คนรอบตัวซึ่งก็รวมถึงอาลัยเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาใน ขณะนี้ ระหว่างการเข้ากลุ่มบำบัดทองดีจึงได้รู้ว่าอาลัยมีปมเรื่องความรัก ด้วยความสงสัยทองดีจึงแอบไปเปิดดูแฟ้มคนไข้ของอาลัยแล้วก็ได้รู้ว่าตอนเธอ อายุ 14 เธอเคยหนีตามผู้ชายออกมาจากบ้าน แต่แล้วเมื่อเธอไปรอชายคนรักตามนัดที่ว่าจะมารับเขาก็กลับไม่มา ความผิดหวังนี้มีผลต่อสภาพจิตใจของเธอ อาลัยกลัวความผิดหวังจึงพยายามสร้างโลกส่วนตัวที่สวยงามปกป้องเธอไว้จากโลก ความจริงอันโหดร้าย ทุกสิ่งที่เธอเห็นและแสดงออกจึงดูใสบริสุทธิ์เหมือนอย่างที่เธอเคยเป็นก่อน หน้าที่เธอจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายนั้น เมื่อตำรวจพาอาลัยกลับไปส่งบ้าน ด้วยความอับอายและเพื่อหนีคำครหาแม่และน้องชายก็กลับส่งอาลัยมาอยู่ที่โรง พยาบาลนี้ และไม่เคยมารับอีกเลย ทองดีรู้สึกเห็นใจอาลัยเป็นอย่างมากส่วนหนึ่งก็เพราะ เธอเห็นว่าเขาทั้งสองต่างก็เคยผิดหวังจากความรักมาเหมือนกัน ยิ่งมาเห็นอาลัยที่เศร้าใจหนัก เมื่อรู้ว่าตอนนี้กำลังถูกลงโทษจากโรงพยาบาลไม่ให้ญาติมาเยี่ยม แล้วอาลัยก็มั่นใจมากว่าแม่จะต้องมาหาเธออาทิตย์นี้แล้วก็ไม่ได้พบเธอ เมื่อรู้ว่าอาลัยคิดเช่นนี้ทองดียิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้นว่าทั้งหมดนี่เป็น เพราะเขาคนเดียว ไม่เพียงแต่อาลัยเท่านั้น เล็ก เด็กหนุ่มซึ่งความจริงกำลังจะได้ออกไปจากโรงพยาบาล แต่เมื่อทางบ้านรู้ว่าเขาก่อเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ ทางบ้านจึงไม่มั่นใจว่าเขาจะหายดี ก็เลยตัดสินใจไม่ยอมมารับ เล็กเสียใจมากที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ที่นี่ เล็กเกิดอาการหดหู่จนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง เหตุการณ์ของเล็กทำให้คนไข้ในโรงพยาบาลคนอื่นๆ เกิดอาการหวาดกลัวและเศร้าซึม ทองดีพยายามสร้างบรรยากาศในโรงพยาบาลให้ดีดังเดิม แต่จนแล้วจนรอดเขาก็รู้ว่าไม่มีทางจะดีขึ้นได้ เพราะนอกจากเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว คนไข้ยังต้องได้รับความกดดันจากกฎระเบียบต่างๆ ที่โฉมศรีได้ตั้งขึ้น ในที่สุดเพื่อรับผิดชอบการกระทำของตัวเองและเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในโรงพยาบาล ให้ดีขึ้น ทองดีจึงคิดว่าหากเขายอมรับว่าเขาเป็นโกยทองเสีย เขาก็คงจะยกเลิกกฎระเบียบต่างๆ ในโรงพยาบาลและช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่ของคนไข้ในนี้ให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นทองดีจึงยอมรับว่าเขาเป็นโกยทอง เมื่อโฉมศรีรู้ว่าโกยทองมีสติกลับคืนมาแล้วก็ดีใจมากตรงมารับโกยทองกลับไป อยู่ที่บ้านทันที ทองดีต้องสวมรอยเป็นโกยทอง เขาเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์ของโกยทอง และก็ไม่ลืมที่จะทุ่มเงินบริจาคให้โรงพยาบาลและลงไปควบคุมงานบริหารของโรง พยาบาลด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นกิจการในโรงพยาบาลดีขึ้นมาก มีการแข่งขันกีฬาระหว่างโรงพยาบาลเอกชนที่อื่นๆ ที่เปิดรักษาผู้ป่วยวิกลจริตด้วยกันซึ่งทองดีก็ลงไปช่วยทำการแข่งขันร่วมกับ เพื่อนๆ คนไข้ด้วย ทองดีดีใจที่เห็นคนไข้เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเขาเองก็เพิ่งมารู้สึกว่าเขาผูกพันกับคนที่นี่มาก เขารู้สึกว่าทุกคนในโรงพยาบาลชื่นชมเขา ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เขาไม่เคยได้จากสังคมภายนอก ทองดีนึกถึงสัญญาที่เขาเคยให้กับอาลัยไว้ว่าถ้าเขาออกมาได้ เขาจะไปรับเธอออกมาอยู่ข้างนอกด้วย ทองดีใช้ฐานะของโกยทองขอรับอาลัยมาพักอยู่ที่คฤหาสน์ ความสนิทสนมระหว่างทองดีกับอาลัยนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับโฉมศรี แต่โฉมศรีก็ไม่สามารถทำอาลัยได้เพราะเมื่อก่อนโกยทองก็เคยมีผู้หญิงอื่นอยู่ ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยมีรายไหนเลยที่โกยทองจะถึงขนาดนำมาอยู่ร่วมบ้านด้วย โฉมศรีได้แต่นำความอึดอัดนี้ไประบายให้ ผ.อ.ฟังในฐานะที่เขาก็เป็นจิตแพทย์คนหนึ่ง และนี่เองก็ทำให้ ผ.อ. เกิดเห็นอกเห็นใจโฉมศรีมากขึ้นจนกระทั่งความสงสารที่ว่าเริ่มกลายมาเป็นความ รักโดยไม่รู้ตัว ทองดีพาอาลัยไปตามหาแม่ การออกมาพบความจริงว่าแม่และน้องชายไม่ได้ต้องการเธอ ทั้งคู่อยู่กันอย่างมีความสุขแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีอาลัยอยู่ในโลกก็ทำ ให้อาลัยรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ทองดีรู้สึกสงสาร เขาพาอาลัยกลับบ้านและบอกกับอาลัยว่าถึงอย่างไรอาลัยก็จะยังมีเขาอยู่อีกคน ทองดีเริ่มสังเกตว่าความสัมพันธ์ระหว่างโกยทองและภรรยาคงจะไม่ได้รักกันมาก นัก ทองดีรู้สึกโฉมศรีมักจะพะวงถึงสมบัติของสามีมากกว่าตัวสามีเองเสียอีก โดยสังเกตได้จากเธอมักจะถามถึงของอยู่เสมอ แต่ทองดีก็ได้แต่งงานเพราะเขาไม่รู้ว่าของที่ว่านี้หมายถึงอาลัย ซึ่งแท้จริงแล้วแม้แต่ตัวโฉมศรีเองก็ไม่รู้ว่าของที่ว่านี้คืออาลัย เธอรู้แต่เพียงว่าที่สามีเธอมาเมืองไทยครั้งนี้ ได้โอนเงินและถอนออกมาหมด แต่โฉมศรีรู้ว่าสามีไม่ได้ซื้ออะไรจึงคิดว่าสมบัติของสามีจะต้องถูกเปลี่ยน ไปอยู่ในรูปของอะไรซักอย่าง ทองดีเองเพื่อเอาตัวรอดเขาก็ต้องทำอ้ำอึ้งและได้แต่ตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า ตอนนี้ของได้อยู่ในที่ๆ ปลอดภัยแล้ว ในขณะเดียวกันโฉมศรีก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวสามีหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการที่สามีของเธอสามารถเข้ากับนำโชคสุนัขที่เธอเลี้ยงเหมือนลูกได้ เป็นอย่างดี จนพักหลังนี้นำโชคดูจะติดโกยทองมากกว่าเธอเสียอีก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับโกยทอง เพราะโกยทองจะเป็นคนที่เกลียดสุนัขมาก และนำโชคเองก็จะกลัวโกยทองมากเช่นกัน ด้วยเหตุที่ต่างคนต่างเริ่มรู้ทันกันนี้เอง ทั้งคู่จึงได้เริ่มจับผิดกันและกันมากขึ้น โฉมศรีให้ลูกน้องไปตามสืบดูพฤติกรรมของสามี และพยายามล้วงความลับจากอาลัยเรื่อง ของ แต่อาลัยก็ไม่สามารถบอกได้ โฉมศรีจึงคิดจะใช้อาลัยให้ช่วยสืบให้เธอเพราะเห็นว่าโกยทองไว้ใจอาลัย มากกว่าใคร แต่ด้วยเพราะความซื่อไร้เดียงสาของอาลัย อาลัยก็ไม่สามารถทำตามที่โฉมศรีต้องการได้ ซ้ำยังทำให้โกยทองรู้ทันโฉมศรีขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง วันหนึ่งทองดีได้เจอกับน้ำฝน คนรักในอดีตของเขาอีกครั้ง น้ำฝนตกใจไม่น้อยที่เห็นทองดีมีฐานะดีขึ้นมาก ทองดีต้องช้ำใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้น้ำฝนแต่งงานไปแล้ว การพบกันในครั้งนี้ไม่พ้นหูตาของลูกน้องโฉมศรี โฉมศรีสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของน้ำฝนทันที เมื่อสืบมาได้โฉมศรีก็ไปพบและถามจากน้ำฝนด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่า น้ำฝนรู้จักโกยทองในฐานะของนายทองดี ทนนาน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว โฉมศรีซักถามจนมั่นใจว่าน้ำฝนไม่ได้โกหกแล้วก็ได้ให้เงินปิดปากน้ำฝนไว้ก้อน หนึ่ง แล้วโฉมศรีก็ได้สั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติและหาตัวของนายทองดี ทนนานตัวจริงมาให้ได้ เมื่ออยู่ที่คฤหาสน์นั้น อาลัยก็ได้พบความจริงว่าโฉมศรีนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับถมทอง น้องชายไม่แท้ของโกยทองซึ่งเป็นลูกบุญธรรมที่พ่อของโกยทองได้รับเลี้ยงไว้ อาลัยพลั้งปากบอกทองดีเรื่องนี้ทำให้โฉมศรีไม่พอใจคิดจะกำจัดอาลัย ทองดีรู้ทันจึงทำเป็นว่าจะฟ้องหย่าและเปิดโปงเรื่องของโฉมศรีและถมทอง และได้ให้อาลัยกลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง ทองดีบอกกับโฉมศรีว่าตราบใดที่อาลัยยังปลอดภัย เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของโฉมศรีกับถมทองโดยเด็ดขาด และวันหนึ่งนำโชคซึ่งตอนนี้ติดทองดีแจก็พาทองดีไปพบกับตู้เซฟของโกยทอง ตอนนี้ทองดีจึงเริ่มแน่ใจว่าของที่ว่านี้เกี่ยวพันกับตู้เซฟนี้แน่นอน ทองดีพยายามหาทางจะเปิดเซฟแต่ก็เปิดไม่ได้ เขาจึงคิดว่าบางที ของก็คงเป็นกุญแจสำหรับเปิดตู้เซฟนี้ ในขณะที่ทองดียังเป็นโกยทองอยู่นี้ วันหนึ่งโฉมศรีก็ได้รับจดหมายจากโกยทองอีกฉบับหนึ่ง ในฉบับนั้นได้ส่งรูปถ่ายล่าสุดจากโกยทองตัวจริงแนบมาด้วย ในจดหมายนั้นบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่อินเดียและได้ทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าไป อีก จดหมายฉบับนี้ได้บอกมาด้วยว่าตอนนี้ของได้อยู่ไม่ไกลจากโฉมศรีแต่อย่างใด จากจดหมายประกอบกับข้อมูลที่ลูกน้องของเธอได้สืบมาว่านายทองดีตัวจริงนั้น ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ทำให้โฉมศรีแน่ใจว่าโกยทองคนที่เธออยู่ด้วยไม่ใช่ตัวจริงแน่นอน แต่เธอก็ยังเก็บความลับนี้ไว้อยู่กับตัวเพียงคนเดียว ทองดีเริ่มรู้สึกแล้วว่าชีวิตมหาเศรษฐีอย่างโกยทองช่างเป็นชีวิตที่ไม่มี ความสุขเอาเสียเลย เขาไม่สามารถไว้ใจคนรอบข้างได้สักคนโดยเฉพาะกับภรรยาอย่างโฉมศรี โฉมศรีตัดสินใจบอกความจริงกับทองดีว่าเธอรู้ความจริงหมดแล้วว่าทองดีเป็นโกย ทองตัวปลอม เธอขู่ให้เขาบอกความจริงมาให้หมดว่าเคยเจอกับโกยทองเมื่อไหร่ และโกยทองเอารูปถ่ายของเขามาได้อย่างไร ทองดีเห็นรูปถ่ายของเขาก็จำได้ทันทีว่ามันเป็นรูปของเขาที่หายไปเมื่อตอนถูก ไล่ออกจากห้องเช่า แต่เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ ทองดีจึงโกหกไปว่าเขาเคยเจอกับโกยทองตัวจริงมาก่อน และโกยทองเป็นคนมาขอรูปนั้นไปจากเขาเอง และที่สำคัญเขาก็รู้ด้วยว่าของอยู่ที่ไหน แต่พอโฉมศรีถาม ทองดีก็ไม่ยอมบอก ทองดีคิดหาทางจะหนีออกไปจากปัญหายุ่งเหยิงนี้ทั้งหมด เขาตัดสินใจจะหลบไปใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายที่ต่างจังหวัด เขานำแผนนี้ไปบอกแก่อาลัยเพื่อชวนให้เธอหนีไปกับเขา การที่ทองดีมาชวนหนีครั้งนี้เท่ากับเป็นการมาสะกิดบาดแผลในใจของอาลัยในอดีต อาลัยกลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย เธอจึงปฏิเสธไม่ยอมไปกับทองดี ทองดีพูดโน้มน้าวให้อาลัยเชื่อใจเขา เขารับรองว่าเขาจะไม่ทำให้อาลัยผิดหวังเหมือนคนรักคนก่อนของอาลัย และเขาเองก็เชื่อว่าหากเขาทำให้อาลัยยอมไปกับเขาได้ นี่อาจจะเป็นการทำให้อาลัยก้าวพ้นกลับมาสู้ความจริงได้อีกครั้งหนึ่ง ทองดีบอกกับอาลัยว่าเขาจะมารับเธอที่หลังโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ ข้อเสนอของทองดีทำให้อาลัยนำไปครุ่นคิดหนักทั้งคืน วันรุ่งขึ้นทองดีกำลังจะไปรับอาลัยตามที่นัดไว้ แต่ก็ถูกตำรวจดักไว้เสียก่อน โฉมศรีบอกให้ตำรวจช่วยจับตัวทองดีไว้ ทองดีบอกกับตำรวจว่าเขาไม่ใช่โกยทอง พอทองดีพูดเช่นนี้ ตำรวจก็คิดว่าโกยทองกลับมามีอาการป่วยอย่างเก่าอีกก็จึงนำตัวทองดีกลับไปที่ โรงพยาบาลหลังคาแดง ที่โรงพยาบาลทองดีถูกจับมาขังเดี่ยว เขาเป็นห่วงอาลัยอย่างมาก เพราะเขารู้ว่าอาลัยกำลังรอเขาอยู่ และถ้าเขาไม่ไปก็เท่ากับว่าเขาทรยศอาลัยและก็จะยิ่งทำให้บาดแผลในจิตใจของ อาลัยบอบช้ำมากขึ้นอีก แต่โฉมศรีก็ไม่ยอมปล่อย โฉมศรีบอกกับทองดีว่าถ้าหากเขายอมบอกมาว่าของอยู่ที่ไหน เธอจะยอมปล่อย ทองดีสารภาพเรื่องตู้เซฟและขอให้โฉมศรีปล่อยเขาไป แต่โฉมศรีก็ไม่ยอมปล่อย ทางด้านของอาลัย เธอก็ได้แต่นั่งรอทองดีต่อไปที่หลังโรงพยาบาลจนถึงดึก เจ้าหน้าที่พากันตามตัวกันให้วุ่น อาลัยผิดหวังอย่างมากที่ทองดีหลอกเธอ อาลัยได้แต่นั่งเศร้าซึม ไม่พูดไม่จา ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาลัย ทองดีพอรู้ว่าอาการของอาลัยทรุดหนักลงเรื่อยๆ ก็ทนไม่ไหว เมื่อโฉมศรีมาพบกับเขาอีกครั้ง พร้อมกับยื่นข้อเสนอว่าจะมอบส่วนแบ่ง 30% ของทรัพย์สมบัติทั้งหมดของโกยทองให้ถ้าทองดียอมบอกว่าที่ซ่อนของกุญแจเปิด เซฟ ทองดีบอกว่าเขาไม่รู้แต่โฉมศรีไม่เชื่อด้วยความคับแค้นใจ ทองดีก็ตรงเข้าไปบีบคอโฉมศรีให้หายแค้นกับที่เป็นเหตุทำให้อาลัยต้องทรุดลง ผ.อ.เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีก็จึงเข้าไปช่วยโฉมศรีออกมา และสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวทองดีไปช็อตไฟฟ้าแม้สายใจจะพยายามคัดค้านแต่ก็ ไม่เป็นผล หลังจากการถูกลงโทษด้วยการช็อตไฟฟ้า ทองดีก็ถูกส่งกลับมาในสภาพของคนไร้ความรู้สึกและความทรงจำ เป็นเพียงแต่ร่างที่มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ พออาลัยได้พบกับทองดีในสภาพนี้เธอก็รู้ทันทีว่าทำไมทองดีมารับเธอตามนัดไม่ ได้ เมื่อรู้ว่าทองดีไม่มีเจตนาหลอกลวงเธอ อาลัยก็อาการดีขึ้น และการที่อาลัยกล้าตัดสินใจไปตามนัดกับทองดีนี้ก็เท่ากับว่าอาลัยกล้าเผชิญ กับความจริงมาขึ้น นั่นก็หมายความว่าอาการของเธอเริ่มดีขึ้นแล้ว ระหว่างนั้นลุงหนับมาเยี่ยมทองดี เขาพูดกับทองดีทั้งๆ ที่รู้ว่าทองดีคงจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขาบอกให้ทองดีพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ และบอกว่าการเป็นคนบ้าบางครั้งก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด คนบ้าเท่านั้นที่จะได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้โดยไม่มีใครถือสา แล้วเขาก็สารภาพกับทองดีว่าความจริงเขาเองก็ไม่ได้บ้าแต่ในเมื่อมาอยู่โรง พยาบาลแล้วสบายกว่าอยู่ข้างนอกเขาก็เลยแกล้งบ้าเพื่อจะได้อยู่ในนี้ต่อไป และนี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่เคยเห็นด้วยกับการที่ทองดีพยายามจะหลบหนีออกไปจาก ที่นี่ หรือคอยปฏิเสธว่าตัวเองไมได้บ้า เขาเห็นว่าบางทีการยอมรับว่าบ้าเสียก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ลุงหนับไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาจุดประกายให้ทองดีซึ่งมีสติได้ยินคำพูดของ ลุงทั้งหมดคิดจะแกล้งทำเป็นบ้าไปตามที่ลุงหนับทำ โฉมศรีคิดจะไปหลอกใช้ทองดีซึ่งตอนนี้วันๆ ได้แต่นั่งเหม่อ ไม่รู้สึกรู้สมอันใดมาเป็นเครื่องมือแทน โดยเธอคิดจะใช้โอกาสนี้ให้ทุกคนเห็นว่าโกยทองเป็นบุคคลวิกลจริต แล้วก็ทำเป็นเรื่องทางกฏหมายให้โกยทองกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถแล้วหลัง จากนั้นทรัพย์สมบัติและกิจการต่างๆ ของโกยทองก็จะกลายเป็นของโฉมศรี เพื่อให้ประสบผลสำเร็จ โฉมศรีซึ่งรู้ดีว่า ผ.อ. นั้นชื่นชอบเธออยู่ไม่น้อย เธอจึงแกล้งทำเป็นหลอกล่อให้ ผ.อ.ช่วยด้วยการสัญญาว่าจะแต่งงานด้วยทันทีที่ศาลสั่งให้โกยทองกลายเป็น บุคคลวิกลจริตไปแล้ว ผ.อ.ซึ่งหลงรักโฉมศรีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ย่อมอยากจะช่วยให้โฉมศรีพ้นจากผู้ชายที่ไม่เคยเห็นค่าของเธออย่างโกยทองมา ได้ เขาสัญญาว่าจะทำให้หมอคนอื่นๆ ลงความเห็นวินิจฉัยว่าโกยทองเป็นบุคคลวิกลจริตไปให้ได้ อาลัยเห็นอาการของทองดีไม่ดีขึ้น และรู้ว่าทองดีกำลังตกเป็นเหยื่อของโฉมศรีก็พยายามจะหาทางช่วยด้วยการแอบ เข้ามาหาทองดีและพยายามจะรื้อฟื้นความจำให้ทองดี ทองดีถือโอกาสนี้บอกความจริงแก่อาลัยว่าเขาไม่ได้บ้าหรือความจำเสื่อมไป อาลัยดีใจมากที่รู้ว่าทองดีปลอดภัยดี ทองดีบอกกับอาลัยว่าเขากำลังมีแผนจะหักหลังโฉมศรี ทองดีขอให้อาลัยช่วยเขาด้วยการทำอะไรบางอย่างให้ ผ.อ.มัวแต่หมกมุ่นเรื่องโกยทองเสียจนแทบจะไม่ใส่ใจงานวันครบรอบการก่อตั้ง โรงพยาบาลซึ่งจะต้องจัดขึ้นทุกปี ในการประชุมเพื่อจัดเตรียมงาน ผ.อ.ยกเรื่องอาการป่วยของโกยทองมาพูดในที่ประชุม และขอให้แพทย์และคณะกรรมการช่วยลงชื่อพิจารณาให้โกยทองเป็นบุคคลวิกลจริต กุหลาบซึ่งแอบชอบ ผ.อ.อยู่ตกลงใจร่วมลงชื่อด้วย แต่ถึงอย่างไรเสียงในที่ประชุมก็เข้าข้างฝ่าย ผ.อ.มากกว่า ทำให้สายใจรู้สึกไม่พอใจจึงตัดสินใจลาออกไป หลังจากลงชื่อไป ต่อมากุหลาบก็ได้มารู้ความจริงว่า ผ.อ.ทำไปเพื่อช่วยเหลือโฉมศรี กุหลาบรู้สึกน้อยใจมาก ส่วนสายใจก็เก็บของย้ายออกจากโรงพยาบาลไป เมื่อเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมัวแต่ไปยุ่งเรื่องโกยทอง ก็มีเพียงแต่พวกคนไข้เท่านั้นที่ตื่นเต้นกับงานด้วยการพากันซ้อมการ แสดงอย่างจริงจังโดยการนำของอาลัย ผ.อ.นำใบรับรองไปให้โฉมศรีและทวงสัญญาเรื่องแต่งงาน โฉมศรีปฏิเสธและบอก ผ.อ.ว่าจริงๆ เธอหลอกใช้ ผ.อ.เป็นเครื่องมือเท่านั้น ผ.อ.ช้ำใจมากที่โฉมศรีไม่ได้รักตนตอบ หลังจากได้ใบรับรองจากแพทย์มาแล้ว โฉมศรีก็ส่งให้ทนายความดำเนินเรื่องตามกฎหมาย โฉมศรีมีแผนว่าจะเปิดเผยตัวจริงของโกยทองในวันงาน เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าโกยทองนั้นบ้าไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงตามตัวสื่อมวลชนและประชาสัมพันธ์งานก่อตั้งโรงพยาบาลอย่างยิ่ง ใหญ่ สื่อมวลชนต่างก็ตื่นเต้นกันมาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มหาเศรษฐีโกยทองยอม เปิดเผยตัว

เจ้าบ่าวโค้งสุดท้าย 2547

เรื่องย่อ : เจ้าบ่าวโค้งสุดท้าย (2547/2004) ณัชชา สาวน้อยวัยใกล้ยี่สิบอาชีพคนส่งหนังสือพิมพ์ให้กับลูกค้าภายในหมู่บ้านต่างๆ โดยมีจักรยานยนต์คู่ใจที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับปริมาณหนังสือพิมพ์ และนิตยสารทั้งหลาย หญิงสาวแอบหลงรัก รุจรวี นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกค้ารายหนึ่งของตนเอง ณัชชาทุ่มเทความพึงพอใจทั้งหมดให้กับรุจรวีอยู่ในใจเสมอมา โดยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า แท้ที่จริงแล้วรุจรวีมีผู้หญิงหลายคนในชีวิต อาทิ แพรวรุ่ง สาวไฮโซแสนสวย ลูกสาวเจ้าของหุ้นส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ และมารุดา ทายาทโทนของนักธุรกิจระดับแนวหน้าที่ใครๆ ก็รู้ดีว่ารุจรวีกับมารุดานั้นรักใคร่กันอย่างเปิดเผยมานานแล้ว ครอบครัวของรุจรวีไม่สู้จะมีความอบอุ่นสักเท่าใดนัก เนื่องจากสมาชิกทุกคนในบ้าน ต่างก็มีแนวทางดำเนินชีวิตแตกต่างกันออกไป เริ่มจาก เริงภัทร น้องชายของรุจรวีที่ไม่ชอบงานด้านธุรกิจใหญ่ของพี่ชาย ต่อ มาเขาได้แยกตัวออกไปเปิดกิจการร้านเสื้อผ้าและดีไซน์หุ้นกับ ดนยา เพื่อนสาวคนหนึ่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการใหญ่โตของพี่ชายแต่อย่างใด เริงภัทรใช้ชีวิตตามความฝัน และงานที่เขาถนัดอยู่กับร้าน “จาโก้ เทสต์” ของเขาต่อไป ส่วน ปิยาอร น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลนั้น ปิยาอรเอาแต่แต่งตัวสวย ใช้เงินเก่งพอๆ กับเที่ยวเก่ง ไม่สนใจจะศึกษางานธุรกิจของพี่ชายเลย รุจรวีพยายามจะเคี่ยวเข็ญน้องสาวคนนี้ให้หันมาสนใจงานของเขาบ้างแต่ก็ไม่ เป็นผล นอกจากนั้นก็ยังมี คุณนงนุช ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของเขา กับ นายวิกรม์ ผู้เป็นอาเขยกับ ยายอุ้ม ตาเอ๋ ลูกชายหญิงอีกสองคนอาศัยอยู่ด้วย โดยนายวิกรม์ทำงานอยู่กับบริษัทของรุจรวี มีหน้าที่รับคำสั่งต่างๆ จากรุจรวีมานานแล้ว วันหนึ่งรุจรวีซึ่งเพิ่งจะกลับจากดูงานที่ยุโรป ประสพอุบัติเหตุรถคว่ำชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนมาก ทำให้สูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ ณัชชาไปส่งหนังสือที่บ้านรุจรวี และได้รู้เรื่องจากคนรับใช้ที่บ้านชายหนุ่ม จึงรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ในเวลาที่ไม่มีใครอยู่ในห้องผู้ป่วย รุจรวีฟื้นขึ้นมาพบกับณัชชาเป็นคนแรก จึงทำให้เขาเข้าใจว่าณัชชาคือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด รุจรวีบอกกับทุกคนว่า ณัชชาคือคนที่เขารัก สร้างความเสียใจให้กับมารุดาและความรู้สึกเสียหน้าให้กับแพรวรุ่ง ที่รีบมาเยี่ยม ดูอาการของเขาถึงโรงพยาบาลมาก ณัชชาเข้าไปดูแลปรนนิบัติเขาที่บ้าน ในฐานะคนรักของชายหนุ่ม นายวิ กรม์ใช้โรงงานในเครือกิจการของรุจรวีเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดโดยไม่มีใครรู้ แต่ณัชชาแอบรู้เห็นพฤติการณ์และแอบสะกดรอยตามนายวิกรม์ ไปจนถึงห้องเก็บของที่นายวิกรม์ใช้เก็บหัวเชื้อยานรกซุกซ่อนเอาไว้ แต่ณัชชาก็เกิดพลาดพลั้งทำเสียงดัง จนทำให้นายวิกรม์ไหวตัวรู้ว่ากำลังมีคนแอบสอดรู้ในความลับของเขา นายวิกรม์พยายามหาเรื่องใส่ร้ายณัชชา เพื่อให้ณัชชาได้พ้นออกไปจากบ้านใหญ่ แล้วเขาจะหาวิธีเก็บหญิงสาวทีหลัง แต่รุจรวีก็ปกป้องณัชชาเอาไว้เสมอ เริงภัทรเริ่มไม่ไว้ใจณัชชา เมื่อเขาสังเกตว่าณัชชากำลังซอกแซก อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างในบ้านพี่ชายของเขามากยิ่งขึ้นจึงเฝ้าจับผิดณัชชา ตลอดเวลา คุณนงนุชยุยงส่งเสริมให้มารุดารีบทำคะแนน ด้วยการพาตัวเองเข้ามาช่วยในด้านบัญชีบริษัทและโรงงานให้รุจรวี เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดและดูแลรุจรวีมากๆ ส่วนปิยาอรก็ไม่ยอมแพ้ หญิงสาวชักนำแพรวรุ่งเข้ามาทำทีว่าจะช่วยขยายกิจการตลาดการค้าส่งออกให้กับ ฝ่ายการตลาดบริษัทชายหนุ่มบ้าง นายวิกรม์ตัดสินใจหลอกล่อพาแพรวรุ่งไปข่มขืน เพื่อไม่ให้แพรวรุ่งทำตัวเป็นศัตรูเปิดเผยความลับบางอย่างของเขา นายวิกรม์บังคับให้แพรวรุ่งทำดีเพื่อตีสนิทกับณัชชา เพื่อหวังจะหลอกล่อณัชชาออกไปให้เขาทำลายอีกคนหนึ่ง ณัชชาสังเกตว่าพักหลังๆ นี้นายวิกรม์มีเรื่องพูดคุยตามลำพังสองคนกับรุจรวีครั้งละนานๆ ทำให้หญิงสาวสงสัยว่ารุจรวีรู้เห็นเป็นใจกับการทำงานผิดกฏหมายของนายวิกรม์ ด้วยหรือไม่ แพรวรุ่งหลอกล่อณัชชาไปพบกับนายวิกรม์จนสำเร็จ นายวิกรม์ยอมรับว่าเขาคือเอเย่นต์ผลิตยาบ้า ผู้ที่สนับสนุนเขาก็คือรุจรวีนั่นเอง รวมทั้งเรื่องที่นายวิกรม์จะทำลายหญิงสาวนี้ รุจรวีก็เป็นคนออกความคิดทั้งหมดด้วย ณัชชาเสียใจมาก แต่ก่อนที่ณัชชาจะถูกนายวิกรม์ข่มเหง เธอติดต่อเริงภัทรแล้วขอให้เขาตามมาช่วยเหลือเธอ เริงภัทรบุกเข้ามาช่วยเหลือณัชชาและพาเธอกลับไปส่งที่บ้านได้อย่างปลอดภัย เริงภัทรพยายามเค้นความจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ณัชชายังไม่ยอมเล่าอะไรให้เขาฟัง จากคำพูดของนายวิกรม์ หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่ารุจรวีเป็นผู้ชายที่ลึกลับและน่ากลัวมากคนหนึ่ง ที่หล่อนไม่อาจจะให้ความรู้สึกดีๆ ต่อเขาได้เหมือนเดิม ณัชชาแอบหา ทางจะงัดห้องเก็บของนายวิกรม์อีกครั้ง แต่เริงภัทรมาพบเข้าพอดี ณัชชาจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ตนแอบพบเห็นเหตุการณ์ให้เขาฟัง เริงภัทรจึงยอมร่วมมือช่วยเธองัดห้องนั้นจนสำเร็จ ทั้งสองพบสูตรหัวเชื้อตัวยาผลิตยาเสพติดชนิดใหม่และร้ายแรง เก็บซ่อนไว้ในห้องนั้นอยู่เป็นจำนวนมาก เริงภัทรเก็บหัวเชื้อบางส่วนไว้เพื่อส่งให้ผู้รู้สันนิษฐานต่อไป ณัชชาบอกว่ารุจรวีรู้เห็นเป็นใจกับนายวิกรม์ทำงานเหล่านี้ แต่เริงภัทรไม่เชื่อ เพราะมั่นใจว่าพี่ชายของเขาคงจะไม่คิดผิดขนาดนั้น นายวิกรม์รู้ว่าห้องลับของเขามีคนแอบลักลอบเข้าไป ขโมยหัวเชื้อตัวยาพิเศษเอาไปส่วนหนึ่ง เขามั่นใจว่าจะต้องเป็นณัชชาแน่ จึงวางแผนจับตัวป้าของเธอไป พร้อมกับสั่งให้หญิงสาวไปพบเพียงลำพัง เริงภัทรตามไปช่วยณัชชาและนางเพียรได้ นายวิกรณ์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ความจริงทั้งหลายถูกเปิดเผยออกมาว่านายวิกรม์คือตัวการอยู่เบื้องหลังการ ผลิตและค้ายาเสพติดรายใหญ่ รุจรวีก็ถูกทาง อย.เปิดเผยว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้ถูกปิดโรงงานชั่วคราว รุจรวีเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมา เหล่านี้มาก สิ่งที่เขาเหลืออยู่ในขณะนี้ก็คือณัชชาคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นรุจรวีจึงขอแต่งงานกับณัชชาทั้งๆ ที่รู้ว่าเริงภัทรรักชอบอยู่กับหญิงสาว เขาขอร้องเริงภัทรว่าขอให้เสียสละณัชชาเพื่อเขา เริงภัทรยอมก้าวออกไปจากชีวิตของหญิงสาว ทั้งๆ ที่เขาก็รักณัชชาเช่นกัน เริงภัทรบอกอำลาณัชชาก่อนวันที่หญิงสาวจะเข้าโบสถ์กับพี่ชาย ณัชชารู้สึกเหมือนหัวใจจะขาดรอน เพราะเธอเองมารู้สึกเอาเมื่อวันสุดท้ายมาถึงหัวใจของเธอนั้น มีความรักให้กับใครกันแน่ ก่อนจะแต่งงานณัชชากลับไปเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม สารภาพความจริงทั้งหมดกับเริงภัทร แต่เขาไม่แคร์ว่าณัชชาจะยากจนข้นแค้นเคยเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์มาก่อน หญิงสาวซาบซึ้งในน้ำใจและความเสียสละของเริงภัทรมาก ส่วนรุจรวีนั้น เขาไม่อาจจะยอมรับอดีตเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ของณัชชาได้ ณัชชายิ่งแน่ใจว่าเธอไม่มีวันจะร่วมชีวิตกับรุจรวีได้เลย มารุดาเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รู้ใจตัวเอง ว่าผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด คือรุจรวีเท่านั้น หญิงสาวไปร่วมอวยพรความสุขให้กับคนทั้งสอง ขณะที่รุจรวีจะสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาว ณัชชาก็สร้างความตะลึงงันให้กับแขกทุกคนด้วยการปฏิเสธไม่ยอมรับรุจรวีเป็น เจ้าบ่าว ณัชชาเดินไปมอบช่อดอกไม้ให้กับมารุดาซึ่งมาร่วมงานด้วย พร้อมกับบอกทุกคนว่าผู้หญิงที่เหมาะสมกับรุจรวีทุกๆ ด้านมีอยู่คนเดียว คือมารุดา รุจรวียอมรับความจริงว่า เขาควรจะแต่งงานกับมารุดาอย่างที่ณัชชาแนะนำ งานแต่งงานจึงดำเนินต่อไป ส่วนณัชชานั้นเข้าไปหาเริงภัทรทันเวลา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเซ็นสัญญากับกับบริษัทโมเดลลิ่งต่างประเทศเพื่อไปร่วมงาน ที่นั่นนานเป็นปีๆ หญิงสาวขอให้เขาตัดสินใจว่าระหว่างเจ้าสาวคนส่งหนังสือพิมพ์อย่างเธอกับงาน ที่สร้างรายได้มหาศาลในวันข้างหน้านั้น เริงภัทรจะเลือกอะไร เริงภัทรก็ย้อนถามเธอกลับไปว่า ระหว่างเจ้าบ่าวที่เพียบพร้อมกับเจ้าบ่าวมือเปล่าอย่างเขา ณัชชาจะเลือกใคร ณัชชาตอบว่าเธอยอมให้เขาเข้าโค้งสุดท้ายเป็นเจ้าบ่าวคนเดียวในชีวิตของเธอ

แม่อายสะอื้น 2547

เรื่องย่อ : แม่อายสะอื้น (2547/2004) ดาวนิล สาวสวยที่สุดของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอแม่อาย มีความสามารถด้านการฟ้อนดาบเพราะ คำปัน พ่อของดาวนิลเป็นพ่อครูด้านการแสดงศิลปะล้านนา ดาวนิลสามารถฟ้อนดาบได้เป็นที่ เลื่องลือ ในขณะที่ช่อเอื้อง น้องสาวตีกลองสะบัดชัยได้เก่งไม่แพ้ใคร แต่เพราะความเก่ง ทำให้คณะของคำปันมีปัญหากับหนานเมือง เพื่อนบ้านที่ต้องการแย่งงานแสดง ในขณะที่ รินคำ ลูกสาวหนานเมือง อิจฉาความสวยของดาวนิลที่ ทอน ลูกชายผู้ใหญ่มาหลงรัก รินคำพยายามหาทางกลั่นแกล้งแต่ดาวนิลก็ ปกป้องพ่อและน้องไว้ทุกครั้ง คืนหนึ่ง ดาวนิลได้ไปแสดงในงานเปิดรีสอร์ทใหญ่ และเจอกับ ทรงพล เจ้าของโรงแรม ที่ชื่นชมความเก่งของดาวนิล ดาวนิลหวั่นไหวกับรอยยิ้มของทรงพล แต่ทรงพลไม่ได้สนใจเพราะมีคนรักคือ จิดาภา อยู่แล้ว คำปัน เริ่มตาฟาง เมื่อดาวนิลพาไปตรวจ ก็รู้ว่าพ่อเป็นต้อหิน หมอบอกว่าต้องรีบรักษา ก่อนที่ตาจะตาบอดเฉียบพลัน ดาวนิลพยายามหางานเพิ่ม แต่ อ้ายศักดิ์ นายหน้าหางาน ก็ฉวยโอกาสจะปลุกปล้ำ ดาวนิลไม่ยอมและทำร้ายอ้ายศักดิ์เพื่อป้องกันตัว หนานเมืองจึงฉวยโอกาสรวมหัวกับอ้ายศักดิ์ จนคณะคำปันไม่มีงานแสดงอีก ดาวนิลไม่ยอมแพ้ ลงมาหางานในเมือง จึงได้เจอทรงพลที่มาติดต่อธุรกิจ แต่ดาวนิลก็อายความจนของตัวเอง ได้แต่มองทรงพลเดินจากไปอีกครั้ง วิไล ที่กลับมาเยี่ยม ป้าบัว ผู้เป็นแม่แม่ รู้เรื่องดาวนิลต้องการทำงาน ก็ชวนดาวนิลเข้ากรุงเทพ ดาวนิลยังลังเลเพราะกลัวไม่มีคนดูแลพ่อ แต่สุดท้ายก็ต้องลาพ่อทั้งน้ำตาเพราะไม่อาจทนดูดายให้พ่อตาบอดได้ ดาวนิลโดนเพื่อนรักอย่างวิไลหลอกมาขายตัวโดยวางยานอนหลับ ดาวนิลไม่อยากขายศักดิ์ศรีจึงคิดกลับบ้าน วิไลเกลี้ยกล่อมโดยอ้างให้เห็นแก่ดวงตาของพ่อ ดาวนิลจำใจทำงานต่อ ด้วยความตั้งใจว่าได้เงินครบเมื่อไหร่ จะกลับบ้านทันที ทรงพลอยากแต่งงานกับจิดาภา แต่ สาวน้อย แม่นมเก่าแก่ของตระกูลไม่พอใจที่ จิดาภา เย่อหยิ่ง หัวสูงเกินไป เทวัญ พี่ชายทรงพลกับ ทรงวุฒิ น้องชาย พยายามช่วย แต่ก็แพ้สาวน้อยที่ขัดขวางความรักของทรงพลทุกทาง จนในที่สุด จิดาภาก็ทิ้งทรงพลไป ทรงพลเสียใจมาก ทรงวุฒิ พาพี่ชายไปปลอบใจที่อาบอบนวด ดาวนิลได้เจอทรงพลอีกครั้ง แต่ในสภาพน่าอับอายกว่าเดิม ดาวนิลพยายามหนี แต่ทรงพลเมามาย จำดาวนิลไม่ได้ ดาวนิลยอมเป็นของทรงพลด้วยความเต็มใจ ดาวนิลที่รวบรวมเงินได้ครบ กำลังจะกลับบ้าน แต่เกิดแพ้ท้อง วิไลบังคับให้ดาวนิลไปทำแท้ง แต่ตำรวจทลายคลีนิคเถื่อน ดาวนิลถูกพาส่งโรงพยาบาล หมอเทวัญช่วยชีวิตและเตือนสติดาวนิล ดาวนิลพรั่งพรูว่าไม่ต้องการทำลายชีวิตลูกที่เกิดจากความรัก เทวัญเห็นใจดาวนิล จึงพามาอาศัยอยู่กับ คุณนายติ๊ด เจ้าของร้านเสื้อ คุณนายติ๊ดคิดว่า ดาวนิลอาจจะเป็นเมียลับของเทวัญ จึงรับไว้ทำงาน หวังเอาหน้าแต่พอรู้ความจริงว่าดาวนิลเป็นแค่คนไข้ คุณนายติ๊ดกับ ผึ้ง ลูกน้องในร้านก็โขกสับใช้งานจนดาวนิลคลอดก่อนกำหนด ลูกออกมาขาพิการ คุณนายติ๊ดยื่นคำขาดให้ดาวนิลเอาลูกไปเลี้ยงที่อื่น ดาวนิลจะกลับบ้าน แต่คุณนายติ๊ดขู่จะทวงเงินค่าซ่อมแซมร้านที่เสียหายเพราะดาวนิลคลอดลูกจากเทวัญ ดาวนิลกลัวเทวัญเดือดร้อนไปด้วย จึงคิดเอาลูกไปฝากที่แม่อาย และรับปากว่าจะมาทำงานใช้หนี้ให้ ดาวนิลกลับมาแม่อายท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน ที่มีเด็กมาด้วย ช่อเอื้องเถียงแทนทันทีว่าไม่ใช่ลูกดาวนิล ดาวนิลกดดันมากที่พ่อถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม จึงตัดสินใจโกหกทุกคนว่า เป็นลูกของเพื่อนที่ตายไป คำปันดีใจที่ลูกกลับบ้าน ช่อเอื้องไม่อยากให้พี่กลับไปกรุงเทพอีก ดาวนิลฝาก กลอง ลูกชายไว้ และสัญญาว่าทำงานใช้หนี้คุณนายติ๊ดครบเมื่อไหร่ จะรีบกลับมาแม่อาย

หน้าที่