เป็นต่อ (2547/2004) เป็นต่อ (ชาคริต แย้มนาม) พนักงานฝ่ายขายของนิตยสารรายเดือนฉบับหนึ่ง อาศัยอยู่กับน้องสาว พอใจ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ พอใจมีเพื่อนสนิทที่นับถือคือ ทิพย์ (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) แฟนเก่าของเป็นต่อ สาวเจ้าระเบียบธรรมะธัมโม พี่กอล์ฟ (ธงธง มกจ๊ก) กะเทยพนักงานทำความสะอาดคอนโด เพื่อนร่วมงานที่บริษัทของเป็นต่อมีพี่ยม (เจี๊ยบ เชิญยิ้ม) ฝ่ายศิลป์, วอก (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) รุ่นน้องฝ่ายพิสูจน์อักษร, พี่อู๊ด (แอ๊ด มกจ๊ก) รุ่นพี่คอลัมน์นิสต์, พี่หมอน (ผอูน จันทรศิริ) ผู้จัดการปากกรรไกร ทางด้านมีร้านอาหารกึ่งผับที่ประจำของพวกเป็นต่อ ที่มีเจ๊มิ้นท์ (วิชุดา พินดั้ม) สาวเซ็กซี่เจ้าของร้าน และจวบ (สร้อย สารคาม) บ๋อย แก่นเรื่องพูดถึงชีวิตคนโสด และเสน่ห์ของความเป็นโสด การออกเดทและการแสวงหา การหาคู่หรือความมั่นคง

มหาราชกู้แผ่นดิน (2547/2004) ละครโทรทัศน์ภาคต่อจากกษัตริยา เมื่อพระองค์ดำหรือพระนเรศวรได้เสด็จหนีจากหงสาวดีมา สู่กรุงศรีอยุธยาได้นำชาวไทใหญ่ จำนวนหนึ่งมาด้วย นั่นคือ เจ้านางมณีจันทร์และเจ้านางมณีอิน ตลอดจนขุนแสนกล้า นักรบของเจ้าไทใหญ่ อีกทั้งยังมีเจ้านายของกรุงศรีอยุธยาร่วมมาในขบวนครั้งนั้นด้วยคือ พระองค์หญิงพิจิตรจินดา กับเดือน ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงและเป็นสนมของพระราเมศวร การกลับมาของพระองค์ดำ ทำให้พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมหาธรรมราชาและพระเอกาทศรถหรือพระองค์ขาว ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ดำครองรักกับเจ้านางมณีจันทร์ แล้วเสด็จขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก พระองค์ดำทรงคิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องที่ กรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของหงสาวดี จึงได้จัดหาทหารฝีมือดีมาร่วมทัพ แล้วทรงเปลี่ยนกลศึกจากการยกพลจำนวนมหาศาลเข้าปะทะข้าศึก ก็เปลี่ยนมาเป็นการใช้การรบเยี่ยงกองโจร ทหารฝีมือดีนั้น ต่อมาได้ร่ำเรียนพิไชยสงครามกับขุนเมืองผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ดำ มีจำนวน 6 คน คือ มิ่ง เที่ยง บุญ เพิ่ม ขวัญ ขาม และมีขุนแสนกล้าอีกผู้หนึ่ง รวมเป็นทหารเอกคู่พระทัย 7 คน ส่วนทางหงสาวดี ก็ไม่ไว้ใจกรุงศรีอยุธยา เพราะรู้กิตติศัพท์ของพระนเรศวรเป็นอย่างดีว่ามีความกล้าหาญเพียงใด จึงหาทางทำศึกกับกรุงศรีอยุธยา แต่เมื่อยกกองทัพมาก็พ่ายกรุงศรีอยุธยา ทุกครั้ง ทำให้เมืองต่าง ๆ ที่เป็นเมืองประเทศราช ต่างคิดแข็งเมืองกัน มังกะยอชะวาทุบตีตองชเว ผู้เป็นมเหสี ทำให้พระเจ้าอังวะ พระราชบิดาของตองชเวไม่พอใจ แข็งเมืองเป็นขบถ จันทรากับสุวรรณฉัตรสายเครือของอังวะจึงถูกเนรเทศออกไปจากหงสาวดี เมื่อทั้งสองกลับมายังอังวะ พร้อมกับนินตยาวดีมเหสีของสุวรรณฉัตรด้วย นันทบุเรงก็ใช้ให้เมืองประเทศราชทั้งหลายยกทัพไปตีอังวะ พระนเรศวรแกล้งเดินทัพช้าๆ เพื่อรอให้พระเจ้านันทบุเรงทำศึกกับพระเจ้าอังวะถึงแพ้ชนะก่อน มังกะยอชะวารักษาเมืองอยู่ ออกอุบายให้พระยาเกียรติกับพระยาราม ขุนนางมอญมาคอยรับ พระนเรศวรที่เมืองแครงพร้อมทั้งไพล่พล และมีกลศึกว่าทั้งสองคน ลวงพระนเรศวรไปฆ่าให้จงได้ ทั้งสองเคยสนิทกับพระนเรศวรมาก่อน จึงนำความไปเล่าให้พระมหาเถรคันฉ่องฟัง พระมหาเถรคันฉ่องมาเฝ้าพระนเรศวรแล้วทูลให้ทรงทราบ พระนเรศวรโกรธและประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมขึ้นต่อหงสาวดีอีกต่อไป พระเจ้านันทบุเรง ส่งกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายครั้ง แต่ก็พ่ายกลับไปทุกครั้ง การพ่ายแพ้ของหงสาวดี ทำให้เมืองประเทศราชทั้งหลายต่างแข็งเมืองขึ้น ภายในเมืองหงสาวดีก็เกิดความวุ่นวาย เนื่องด้วยเจ้ายะไข่ได้ส่งธิดามาถวายพระเจ้านันทบุเรง ทำให้ศุภยา พระอัครมเหสีไม่พอใจมาก รวมถึงเจ้านางสุวนันทาด้วย ยะไข่ได้ใช้ธิดาของตนเป็นสื่อดึงฟิลิป เดอบริโต พ่อค้าชาวโปรตุเกสเข้ามาค้าขายในเมืองหงสาวดี และมีอิทธิพลทางการเมืองต่อหงสาวดีเป็นอย่างมาก ขณะที่พระนเรศวรได้รู้จักกับเซปาสเตียน ฝรั่งชาวสเปน ที่เข้ามาสอนการใช้ปืนไฟให้พระนเรศวร พระมหาธรรมราชาสวรรคต พระนเรศวรขึ้นครองราชย์ แล้วทรงแต่งตั้งพระเอกาทศรถเป็นพระอุปราช มุขมนตรีและเจ้านายชั้นสูงในสมัยพระมหาธรรมราชาได้ถวายหญิงงามเชื้อสาย ราชวงศ์สุพรรณภูมิพระองค์หนึ่ง เป็นพระชายานามว่า “มณีรัตนา” เจ้านางมณีจันทร์น้อยพระทัย แต่ไม่แสดงออก ส่วนราชวงศ์สุโขทัย โดยท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้ถวายนางที่มีเชื้อสายราชวงศ์สุโขทัยเป็นพระสนมเอก นามว่า “เจ้าแก้วปทุม” ทั้งนี้ท้าวศรีจุฬาลักษณ์คิดแค้นที่มิได้รับความรักจากพระมหาธรรมราชา จึงส่งหลานสาวมาแก้แค้นแทนตนทำให้กรุงศรีอยุธยาวุ่นวาย ส่วนขุนเมือง ได้รับแต่งตั้งเป็น “เจ้าพระยาสุรสีห์” ครองเมืองพิษณุโลกแทนพระนเรศวร

ผู้ชายมือสอง 2547

ผู้ชายมือสอง (2547/2004) เมื่อชัชชมเปิดกิจการร้านอาหาร ทำให้ถวิกาภรรยาสาวก็ถึงขีดสุดของความเบื่อหน่าย เธอออกเที่ยวเตร่และควงหนุ่มนายแบบรุ่นน้องพาไปนอนที่คอนโดโดยไม่สนใจเสียง นินทา แต่เมื่อพรายแพรวมาจี๋จ๋ากับชัชชม ถวิกาก็โกรธแค้น ตามราวีจนลูกสาวคือ ด.ญ.น้ำตาล ขวัญเสีย เพราะถวิกาเพียงแต่กลับมาด่าทอ ตบตีกับพรายแพรวแล้วก็กลับไปเที่ยวกินเหล้ากับหนุ่มๆไม่สนในเสียงคร่ำครวญหา แม่ของน้ำตาลเลย ถวิกากล่าวโทษคุณป้าของชัชชมกับอัญชลีพี่สาวว่า เป็นญาติแก่ๆ ที่เกาะชัชชมจนต้องหากินตัวเป็นเกลียว และไม่มีเวลาสำหรับลูกเมียทั้งๆที่ถวิกาเองไม่เคยเลี้ยงน้ำตาลอย่างจริงจัง เลยตั้งแต่เกิดมาจน 5-6 ขวบ อัญชลีพี่สาวของชัชชมจ้างชลาศัยมาช่วย งานแคชเชียร์ช่วงกลางคืน อัญชลีได้ตัวชลาศัยมาจากเพื่อนที่เป็นอาจารย์อยู่ที่วิทยาลัยพานิช ชลาศัยปลื้มชัชชมมาตั้งแต่เด็กๆ เธอยังเก็บจดหมายของดีเจชัชชมไว้ในกล่องสมบัติชลาศัยบอกแม่ว่า เธอจะพยายามทำงานและเรียนให้จบโดยเร็ว เพื่อจะได้พาแม่ไปให้พ้นจากบ้าน บวร ซึ่งเธอและคนในบ้านต้องเรียกเขาว่า นาย ให้ได้ในวันหนึ่ง ชลาศัยไม่รู้ว่าอะไรทำให้แม่ไปไหนไม่รอด ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องทนสภาพอันเลวร้ายในบ้านบวร แต่ก็ทนอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต โดยนายไม่กล้าล่วงเกินเธอเหมือนกับที่ทำกับกำไล สาวใช้ในบ้านหรือแม้แต่กับแม่ของเธอเอง ทั้งคุณป้าและพี่สาวของชัช ชมพอใจที่ชลาศัยขยันขันแข็ง และเต็มใจทำงาน ทุกคนสังเกตเห็นความสดชื่นเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับชัชชม เมื่อพรายแพรวพบชลาศัยในร้าน ก็เกิดอาการหึงหวงชัชชม จึงหาทางแกล้งฉีกหน้าชลาศัย โดยแกล้งให้ชลาศัยใส่ชุดเด็กเสิร์ฟ ประกอบกับมีงานถ่ายแบบที่เธอให้มาถ่ายที่ร้านของชัชชมเพื่อยั่วถวิกา แต่เมษช่างภาพหนุ่มหล่อกลับติดใจความสวยของชลาศัย และชวนชลาศัยให้รับงานถ่ายแบบ แรกๆ ถวิกาตามหาเรื่องชัชชมซึ่งมีพรายแพรวมาพัวพัน แต่เมื่อชลาศัยเข้ามาอยู่ในร้านของชัชชม พรายแพรวก็วางแผนให้ถวิกามาช่วยกำจัดชลาศัย และจับมือกับบวรให้มาล่อถวิกาให้ติดกับ โตมรคู่นอนของพรายแพรวแอบส่งนักเลงมาพังร้านของชัชชม ทำให้เขาต้องนับ 1 ใหม่ ถวิกาหย่ากับชัชชมทั้งๆที่พ่อแม่ห้าม เพราะหลังจากราวีจนเหนื่อยแล้วก็เห็นว่าชัชชมไม่ใช่คนมีค่าอะไรสำหรับเธอ เมื่อเทียบกับบวรซึ่งคอยเอาใจอยู่ไม่ห่าง ชลาศัยพยายามช่วยถวิกาไม่ ให้ตกเป็นเหยื่อของบวรได้หลายครั้ง แต่ด้วยความดื้อดึง ถวิกาก็ตกเป็นของบวร และถูกหว่านล้อมถึงขั้นจดทะเบียน ถวิกาให้บวรไล่ทุกคนออกจากบ้าน ชวนชม ชลาศัย กำไล จึงออกมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน แต่กำไลแอบกลับไปหาบวรทั้งๆที่ถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อเห็นถวิกา กำไลก็เกิดบ้าผลักถวิกาตกน้ำ ชวนชมตามไปทัน ทำให้กำไลรอดมือบวรมาได้ เมษ มาช่วยชลาศัยกับกำไลทำข้าวแกงขายที่บ้านเช่า แต่เมื่อชัชชมซ่อมร้านเสร็จก็มาขอให้ชลาศัยไปอยู่ด้วย เมษผิดหวังที่ไม่สามารถทำให้ชลาศัยรักได้ เกิดบ้าตามแรงยุของโตมร จึงขับรถพาชลาศัยออกไปหาโรงแรมม่านรูดนอกเมือง ชลาศัยหนีออกมาและโทรตามชัชชมให้มารับ บวรไม่สามารถใช้ทะเบียนสมรส ไปขู่เข็ญพ่อแม่ของถวิกา ก็เกิดโมโหหน้ามืดซ้อมถวิกาจนสะบักสะบอม ถวิกาโทรเรียกน้องสาวมาช่วยแต่ก็เข้าบ้านไม่ได้ ชวนชมรู้ว่าบวรจะทำเหมือนเดิม จึงบอกความลับที่บวรฝังศพภรรยาไว้ในบ้านให้กำไลรู้ และชวนกันไปช่วยถวิกา ถวิกายังบ้าหึงหวงคิดว่าบวรนัดกำไลมาหลับนอน ทำให้แผนแตก เกิดการต่อสู้ กำไลถูกแทงตายไปพร้อมกับบวร และเตรียมพบกับเรื่องราวที่สะท้อนปัญหาสังคม ปัญหาครอบครัว ได้ใน “ผู้ชายมือสอง”

เจ้าสาวกลัวฝน 2547

เจ้าสาวกลัวฝน (2547/2004) ปารวี โบรกเกอร์นักค้าที่ดิน เป็นลูกคนที่ 3 ในครอบครัวที่แต่ละคนคอยแต่จะสร้างปัญหา เธอเปรียบเสมือนเป็นหัวหน้าครอบครัว มีพี่สาวคนโต ปภาวรินทร์ ที่แต่งงานแล้วแต่เป็นหม้าย มีลูกติดมาสองคน คือ เด็กชายเปรม กับเด็กหญิงปาล์ม เด็กทั้งสองเรียกปารวีว่าแดดดี้ พี่ชายชื่อปองกานต์เป็นคนเจ้าชู้ ทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ และน้องสาวปลายฝน ก็ถูกแทนบุญหลอกให้จดทะเบียนซ้ำซ้อน โดยที่ไม่รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้วทำให้ต้องกลายเป็นเมืยน้อย หรือแม้แต่แม่ของเธอ ปราณีก็ถูกพ่อของเธอทิ้งไป สิ่งรอบด้านทำให้ปารวีเกลียดการแต่งงาน เพราะแต่ละคนล้มเหลวในชีวิตคู่ทั้งนั้น ปารวีตามไปช่วยปลายฝนที่กำลังถูกเมียหลวงรัตนาวดีทำร้าย ทั้งๆ ที่ปลายฝนตั้งท้องอยู่ ปารวีพาน้องไปโรงพยาบาล แต่ยังคงเอะอะ โวยวายไม่เลิก ด้วยความขุ่นเคือง ทำให้หมอรัตนินต้องเข้าไปดู แต่ก็ถูกเธอตอกใส่หน้าว่าไม่เคยเห็นคนอารมณ์เสียหรือไง หมองงและไม่ได้ใส่ใจอะไร พอดีกับที่พยาบาลมาเรียก ปารวีจึงว่าหมอว่าเป็นหมอโรคประสาท เมื่อปลายฝนตรวจเสร็จ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่รัตนาวดีมาถึงโรงพยาบาล ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน ปารวีปกป้องน้องโดยการชกรัตนาวดีจนล้มลงไป หมอรัตนินเข้ามาห้ามและขอร้องว่าที่นี้คือโรงพยาบาลไม่ใช่ตลาด ปารวีเป็นนายหน้ารับจัดหาบ้านและที่ดินให้กับคุณหญิงโสมสุดา ที่จะซื้อให้กับลูกสาววิลานี ทั้งสองรู้สึกดีกับปารวี จนสนิทคุ้นเคยกัน โดยที่ปารวีไม่รู้เลยว่า วิลานีเป็นเพื่อนกับรัตนาวดีและเป็นคนที่คุณแม่ของหมอรัตนิน คุณหญิงเพ็ญพิมล ต้องการให้เกี่ยวดองกันกับรัตนิน คุณหญิงโสมสุดา และวิลานี พาปารวีไปเลี้ยงขอบคุณที่ร้านอาหารแห่งหนนึ่ง เธอได้พบกับหมอรัตนินอีกครั้ง ปารวีไม่อยากเห็นหน้าหมอจึงขอตัวกลับก่อน ที่ทำงานปารวีกับแจ้วมีท่าทีสนิทสนม ทำให้พรแฟนของแจ้วที่เป็นทอมบอยเกิดอาการไม่พอใจ จึงมาหเรื่องชกต่อยปารวี หมอรัตนินมาเห็นพอดีจึงคิดว่าปารวีเป็นทอม หมอรัตนินมาหาปารวีที่บ้านเพื่อเอาเช็คเงินสดมาให้เพื่อตัดปัญหารัตนาวดีกับปลายฝน ตามที่คุณหญิงร้องขอ แต่ปารวีไม่เอา และฉีกมันทั้ง แทนบุญผู้ชายอ่อนแอกลับกล้าที่จะพาปลายฝนหนี ทำให้รัตนาวดีตามมาอาละวาดถึงบ้านปารวี ปราณีทนไม่ได้โรคหัวใจจึงกำเริบขึ้นมา หมอรัตนินคอยดูแลอาการแม่ของปารวี เพื่อชดเชยกับสิ่งที่น้องสาวของเขาทำลงไป ชลวสาคนรักเก่าของหมอรัตนินกลับมาหาหมออีกครั้ง หลังจากที่เคยทิ้งหมอไป แต่รัตนินไม่อยากยุ่งด้วยแล้วกับผู้หญิงที่ไม่จริงใจ เห็นเงินสำคัญกว่าความรัก เป็นเวลาเดียวกันกับที่ปารวีต้องการเงินจำนวนมากมาช่วยพี่ชายเธอ ที่ติดพนันจนจะต้องเอาบ้านไปจำนอง เมื่อวิลานีทราบเรื่องจึงบอกให้รัตนินรู้ รัตนินคิดวางแผนที่จะกำจัดชลวสาออกไปให้ห่างจากตัวเค้า จึงตัดสินใจจ้างปารวีมาเป็นภรรยาแต่ในนาม แรกๆ ปารวีไม่ยอม แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกจึงตอบตกลงเพราะเงิน การแต่งงานหลอกๆ ทำให้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น หัวใจของปารวีเริ่มหวั่นไหว วันหนื่งแทนบุญกับปลายฝนกลับมาพร้อมกับลูกสาวตัวน้อย รัตนาวีรู้ก็แอบไปขโมยลูกสาวของปลายฝน ทุกคนตกตะลึงคิดไม่ถึงว่ารัตนาวดีจะกล้าทำถึงขนาดนี้ แล้วรถที่เธอขับไปเกิดอุบัติเหตุ ทำให้รัตนาวดีต้องพิการ แต่ลูกสาวของปลายฝนปลอดภัยดี ครอบครัวของปารวีไม่คิดจะเอาเรื่องและยอมให้อภัย ทำให้คุณหญิงเพ็ญพิมมล มองปารวีในทางที่ดีขึ้น ชลวสามาถามหมออีกครั้งว่าหมอไม่รักเธอแล้วใช่ไหม หมอบอกว่าใช่ ชลวสาเคืองแค้นมาก และเอาปืนยิงไปทางที่ปารวียืนอยู่แต่หมอรัตนินเอาตัวบังไว้ ทำให้หมอได้รับบาทเจ็บ ปารวีถึงได้รู้ซึ้งของคำว่ารัก เมื่อหมอรัตนินฟื้นขึ้นมา ปารวีสารภาพรักกับหมอ หมอขอให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขาว่ารักเธอจริง และขอให้เธออย่าเป็นเจ้าสาวกลัวฝนอีกต่อไป

เจ้าสาวสลัม (2547/2004) ขมาเทพ มีความกดดันลึกๆและขาดความอบอุ่นอย่างรุนแรง เขาถูกส่งไปเรียนต่างประเทศและกลับมาบริหารธุรกิจอันใหญ่โต ขมาเทพมีเพื่อนสนิทชื่อว่า กริน (ไมเคิล พูพาร์ท) ทั้งสองมีนิสัยต่างกันมาก กรินเป็นคนรักสนุก ร่าเริงและไม่เคยมีความทุกข์กับใคร ส่วนขมาเทพเป็นคนเงียบขรึม ขมาเทพเคยมีความรักมาถึงสามครั้ง คนแรกคือ ดวงรัตน์ (ปิยะธิดา เล็กมณีโชติ) ที่ขมาเทพจับได้ว่าเธอตั้งครรภ์ทั้งที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน คนที่สองเป็นญาติห่างๆคือ หม่อมราชวงศ์หญิงจิตาภา (ชลิตา เฟื่องอารมย์) ที่ขมาเทพแน่ใจว่าคุณหญิงแต่งงานกับเขาเพราะต้องการให้เขาช่วยเหลือด้านการเงิน คนที่สามคือ เพียงพร (อภิสรา ฉวีวงษ์) สาว สวยที่หล่อนพยายามรวบรัดหาวิธีมีสัมพันธ์กับขมาเทพแล้วหลอกว่าตนท้อง แล้วขมาเทพก็จับได้ว่าเพียงพรไม่ได้ท้อง และเขาก็ต้องผิดหวังในความรักอย่างรุนแรงทั้งสามครั้ง และหมดความไว้ใจในความรัก เขาเชื่อว่าทุกคนมาทำดีกับเขาเพราะเขาคือเศรษฐีผู้ร่ำรวยเท่านั้น ขมาเทพเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆในสลัมโดยมี ครูสมพร และ คุณรัชนี เป็นผู้ประสานงาน โดยครูสมพรดูแลเด็กหญิงคู่หนึ่งคือ ข้าวเม่า (เพ็ชรลดา เทียมพ็ชร) อายุ20ปีและ ข้าวตู อายุ17ปี ซึ่งข้าวเม่าเป็นลูกที่ นางแก้ว เก็บมาเลี้ยง ส่วนข้าวตูเป็นลูก นายโห้ กุ๊ยติดยาบ้าที่พยายามที่จะลวนลามข้าวเม่าจนครูสมพรและนางแก้วต้องคอยกีดกัน ติดตามต่อได้ใน เจ้าสาวสลัม

จับสะใภ้ใส่สกุล (2547/2004) จับสะใภ้ใส่สกุล เป็นเรื่องราวของ ชนน์กมล หนุ่มนักเรียนนอกตระกูลไฮโซ ที่ร่ำรวยมหาศาลมีเชื้อสายของผู้ดีเก่า ทำให้เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทันทีที่เขากลับมาถึงเมืองไทย คุณหญิงจันทร์กระจ่างฟ้า แม่ของชนน์กมล กลับต้อนรับเขาด้วย การยัดเยียดคู่หมั้นคู่หมายให้กับเขา และสาวเจ้าผู้นั้นคือ อรอนางค์ (อร) นางเอกสาวชื่อดังแ แต่เบื้องหลังเธอคือนางเอกขาวีน เพื่อนๆ ในก๊วนของ ชนน์กมล เมื่อรู้ข่าวต่างเห็นด้วยและสนับสนุน ชนน์กมล เป็นการใหญ่เพราะดาราสาวอย่างอรเป็นนางเอกในฝัน แต่ ชนน์กมล กลับไม่คิดเช่นนั้น ปัญหาคือ เขาไม่ได้รักอรเลยแม้แต่นิด ในขณะที่ ชนน์กมล กำลังขบคิดปัญหาอันหนักอก เพื่อน ๆ ของเขาแนะนำให้ไปผ่อนคลายความเครียดที่สปาแห่งหนึ่ง และที่นี่เองที่ชนน์กมล มีโอกาสได้พบกับหมอนวดสาวสวยคนหนึ่ง เธอคือ ฟ้าประทาน (ฟ้า) เธอเป็นหมอนวดฝีมือดีอันดับหนึ่งเกียรติบัตรของเธอการันตีมาจากวัดโพธิ์ที่เธอได้ร่ำเรียนมา แต่หนแรกที่เจอฟ้า เพื่อนทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าฟ้าเป็นหมอนวดแบบว่า…ขายอย่างอื่นด้วยนอกจากฝีมือ เขาจึงโดนฟ้าเกลียดขี้หน้าชก. แต่ด้วยเสน่ห์ในตัวผู้หญิงคนนี้กลับทำให้ชนน์กมล สนใจที่จะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ฟ้าเป็นคนพื้นเพมาจากจังหวัดสกลนคร สาย แม่ของเธอมีอาชีพรับจ้างทำนา ส่วนเดือนน้องสาวอายุ 17 ที่ชื่นชอบการร้องเพลงลูกทุ่งเป็นชีวิตจิตใจก็อยู่ในวัยแรกรุ่นช่วยดูแลแม่ แทนฟ้าที่เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ฟ้ามีความฝันว่า สักวันเธอจะเก็บเงินได้มากพอที่จะนำไปไถ่ที่นาของแม่ที่โดนยึดไป ในขณะที่ฟ้ามาทำงานในสปาแห่งนี้ฟ้าก็มี มนัส ลูกชายเศรษฐีมาเฝ้าตามจีบเธออยู่เหมือนกัน แต่สำหรับฟ้าแล้วเธอรับมนัสเป็นได้แค่เพื่อนชายที่ดีของเธอคนหนึ่งเท่านั้น เอง ฟ้ายังไม่ยอมเปิดใจรับใครให้เข้ามา เพราะเธอเองก็เชื่อใน เรื่องรักแท้เช่นเดียวกัน ชนน์กมล ถูกคุณหญิงแม่และอรรุกเร้าเรื่องการแต่งงานมากขึ้นทุกวัน จนในที่สุด ชนน์กมล ก็พลาดหลุดปากแก้ปัญหาไปว่าเขามีเมียอยู่แล้วคนหนึ่ง ระหว่างอยู่ที่อเมริกาและกำลังจะเดินทางกลับมาอยู่กับเขา คุณหญิงแม่แทบตกเก้าอี้ ที่ลูกชายมีเมียไม่ยอมบอก เขาจึงหันมาที่ฟ้า ครอบครัวของฟ้าจำเป็นต้องหาเงินก้อนหนึ่งเพื่อไปจ่ายดอกเบี้ย ฟ้าไม่มีเงินกลุ้มอกกลุ้มใจ เมื่อชนน์กมล เอาข้อเสนอของเขามาให้ฟ้าขบคิด ฟ้าคิดสะระตะดูแล้วมันก็แค่ละครตบตาฉากหนึ่งในระยะเวลาแค่หนึ่งปีที่จะยอมเป็นเมียนอกกฎหมายให้กับเขา ฟ้าจึงตอบตกลง ชนน์กมล จึงไม่รอช้าที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงหมอนวดมือทองจากแดนอีสานเป็นสาวนักเรียนนอกมีชาติตระกูลในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อประตูคฤหาสน์พัฒนศิรวงศ์เปิดออก…พร้อมกับการต้อนรับของครอบครัวใหม่ ฟ้าหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปในบ้านพร้อมกับเดือนน้องสาวของเธอที่ต้องมาอุปโลกน์เป็น ไฮสคูลเกิร์ลคู่กับพี่สาว (เป็นข้อตกลงของเธอกับ ชนน์กมล ที่ต้องเอาน้องสาวมาอยู่ด้วย เพื่อกันเขาทำอะไร เธอ)..การเข้ามาของฟ้าดูเหมือนจะช่วยแก้ปัญหาให้ ชนน์กมล ได้… แต่มีหรือว่าแม่ผัวกับอรอนค์จะยอมรับลูกสะใภ้หน้าใหม่ได้ง่าย ๆ ชีวิตความเป็นอยู่ในคฤหาสน์ไม่มีทางสงบสุขแน่ ฟ้าต้องเจอกับการเกลียดชังจากทั้งคุณหญิงแม่ อรอนงค์ (ที่มักแวะเวียนเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับเธอ) บรรดาคนใช้ที่เป็นพวกสู่รู้หัวเดียวกับนายที่พากันตั้งแง่กับฟ้านำขบวนโดย นังหวี คนใช้คู่บุญของคุณหญิงแม่ รวมไปถึง วี น้องชายจอมเฮี้ยวของ ชนน์กมล ถึงแม้ว่าทุกคนในคฤหาสน์พัฒนศิรวงศ์จะไม่ให้การต้อนรับฟ้า แต่ก็ยังดีที่ฟ้ายังมี เกรียงไกร พ่อของ ชนน์กมล ที่ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัวซ้ำยังมีปัญหาเรื่องการพูดให้ความเอ็นดูฟ้าเหมือนลูก แต่บทบาทของคุณเกรียงไกรในบ้านก็แทบจะช่วยอะไรฟ้าในคฤหาสน์นี้ไม่ได้มากนักเพราะ ท่านป่วยเป็นอัมพาตมานานจนคุณหญิงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จภายในคฤหาสน์นี้ทั้งหมด ในระหว่างที่ฟ้าต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงของตัวเองและน้องไม่ให้ใครรู้ ฟ้าก็เริ่มได้ใกล้ชิดกับชนน์กมล จากครั้งแรกที่เธอเกลียดขี้หน้าหมอนี่ ความรักก็เริ่มก่อตัว ท่ามกลางทุกสายตาที่เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอ… หลายครั้งที่ฟ้าเกือบจะพลาดท่าเสียทีความลับเกือบแตกว่าที่จริงเธอก็แค่หมอนวดเท่านั้น แต่เธอก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ ในขณะที่มนัสก็ตามมาป้วนเปี้ยนตามตื้อรักจากฟ้าอยู่เสมอเป็นอุปสรรคให้ฟ้า ต้องปวดหัวรวมทั้งเป็นข้อกังหาให้ ชนน์กมล ออกอาการหึงหวงใส่ฟ้าอยู่เนือง ๆ และเพราะความเก่งกาจในฝีไม้ลายมือการนวดของฟ้าที่มักจะเข้าไปนวดให้กับพ่อของ ชนน์กมล อาการอัมพาตของเกรียงไกรจึงค่อย ๆ หายดีขึ้นเป็นลำดับ ในขณะที่ความแก่นเซี้ยวของเดือนก็เริ่มทำให้วีละลายพฤติกรรมกวน ๆ จากที่เคยตั้งแง่กับฟ้าก็เริ่มแปรพักต์มาเข้าข้างฟ้าอีกคน แต่แล้วเมื่อเกือบจะครบกำหนดสัญญาว่าจ้างระหว่างฟ้ากับ ชนน์กมล พร้อม ๆ กับที่หัวใจของคนทั้งเริ่มแบ่งบาน ฟ้าเกิดพลาดท่าถูกหญิงแม่และอรจับได้ว่าแท้ที่จริงแล้วฟ้าไม่ได้เป็นนัก เรียนนอก เป็นเพียงแค่หมอนวดในสปาที่ย้อมแมวหลอกทุกคนมาตลอด ชนน์กมล ถูกยื่นคำขาดให้แต่งงานกับอรอนงค์เท่านั้น… ส่วนฟ้าจำต้องเก็บกระเป๋าเดินทางกลับสู่สกลนครพร้อมเงินไปไถ่ถอนที่นาคืนให้แม่ ใกล้ถึงวันแต่งงานระหว่างอรกับ ชนน์กมล ข่าวถูกส่งออกไปทั่วประเทศเพราะเป็นการแต่งงานทอล์กออฟเดอะทาวน์ระหว่างไฮโซหนุ่มกับดาราดัง มันถึงเวลาแล้วที่ ชนน์กมล จะต้องตัดสินใจจริง ๆ ซะที เกี่ยวกับรักแท้ที่เขาต้องการท่ามกลางแรงเชียร์จากน้องชายและพ่อที่หายจาก อาการอัมพาต จนลุกขึ้นมาปฏิวัติรัฐประหารกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในบ้านคืนจากคุณหญิง…ไม่รอช้า ชนน์กมล รีบเดินทางไปตามหาฟ้า เพื่อขอเธอแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายและกฎหัวใจ… สุดท้าย ชนน์กมล จะง้องอนให้ฟ้า แต่งงานกับเขาสำเร็จหรือไม่ ต้องติดตามชมในละคร “จับสะใภ้ใส่สกุล”

ลักส์ ดาวค้นดาว ตอน ละครที่รัก (2547/2004) หลังจากที่ขิม (แอน ทองประสม) มีโอกาสไปถ่ายละครที่หมู่บ้านริมทะเลแห่งหนึ่ง เธอได้เจอนักเรียนกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เพื่อนในกลุ่มชื่อส้มจี๊ดซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงของขิม ที่อยากจะเล่นละครเวทีของโรงเรียนเรื่อง “ขวัญกับเรียม” แต่ก็ไม่กล้า เพราะเป็นโรคกลัวที่จะต้องอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก ขิมเห็นใจจึงอาสาช่วยพูดพร้อมแนะนำเทคนิคความกล้าให้ จนส้มจี๊ดเริ่มมีกำลังใจและตัดสินใจเข้าคิดเลือกนักแสดงทันที ในวันคัดเลือก ขิมขออนุญาตจากตวง(แจง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อจะไปเป็นกรรมการคัดเลือกนักแสดงของงานโรงเรียนได้สำเร็จ และได้เจอกับตั้ม (หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร) คุณครูสอนพละที่โรงเรียนแห่งนี้ ตั้มชวนขิมคุยจนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน ด้านส้มจี๊ด หลังจากทำการคัดเลือกนักแสดงเสร็จ เธอก็ได้รับเลือกให้เล่นบทเรียม ส้มจี๊ดดีใจมากและขอร้องให้ขิมมาดูเธอเล่นละครด้วย ขิมตอบตกลงไปทั้งๆ รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้เพราะติดงาน แต่ขิมกลัวเด็กๆ เสียใจ จึงไปขออนุญาตตวงให้ยกเลิกงานในวันนั้น ตวงโกรธมากและไม่อนุญาตให้ขิมไป ขิมผิดหวังและรู้สึกเหนื่อยกับงานที่ทำอยู่ เมื่อตั้มเข้ามาเห็นก็สงสาร เลยออกปากชวนขิมไปเดินเล่นพร้อมกับพูดปลอบให้กำลังใจ

ธรรมะติดปีก (2547/2004) นาบุญเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยจบมาหมาดๆและเป็นเจ้าของเว็บไซต์ชื่อดังที่มีวัยรุ่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเป็นที่อ่านเขียนพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ มากมาย โดยที่นาบุญจะเป็นคนคอยตอบปัญหาให้ทั้งหมดโดยเฉพาะเรื่องคอมพิวเตอร์โดยมีนามแฝงว่า เด็กชาย จนในที่สุดก็ได้พบกับกิญาหญิงสาวจิตกรที่เพิ่งมาสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์และแชตผ่านทาง MSN จนสนิทกัน ต่อมานาบุญได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านลืมบำรุง เพราะต้องกลับมาจัดงานศพพ่อเขาตัดสินใจที่จะอยู่กับแม่ที่หมู่บ้านและดำเนินกิจการของครอบครับต่อไปคือร้านขายดอกไม้และพวงหรีดต่อไป ในหมู่บ้านเกิดเรื่องแปลกประหลาดกับเด็กชายจ๋องที่เป็นลูกชายของชิดทองเจ้าของร้านทองของหมู่บ้าน จ๋องเป็นเด็กเรที่ชอบแกล้งเณรแก่นเป็นประจำจนเกิดเป็นลมล้กชักบ่อยเหมือนถูกผีเข้าโดยผู้เป็นพ่อที่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ได้พาไปหาหลวงพี่คน์ที่ชอบอ้างตนว่าเป็นจอมขมังเวทย์รักษาโดยเก็บค่ารักษาแพงมากและจ๋องก็ไม่หาย เณรแก่นได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจึงได้นำเรื่องมาเล่าให้หลวงตาเย็นที่วัดฟัง หลวงตาได้ออกอุบายกับชิดทองว่าจะรักษาลูกของชิดทองให้หายด้วยไสยศาสตร์และขอให้จ๋องมาบวชที่วัด แต่หลวงตาเย็นกลับนำแก่นไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่เณรแก่นไม่เข้าใจและหลวงตาจึงสอนให้รู้จักธรรมะที่ว่า ให้ทำสิ่งใดโดยใช้เหตุผลและไม่ใช่อคติในการตัดสินใจ กิญา จิตกรสาวที่กลับมาที่หมู่บ้านลืมบำรุง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับนาบุญหนุ่มเจ้าของเว็บไซค์ดังโดย ที่กิญากลับมาเพื่อทำสาระนิพนธ์และได้ลุงเจิมผู้เป็นพ่อแนะนำให้ไปที่วัดของหลวงตาเย็นที่อยู่ในหมู่บ้าน กิญามาที่วัดเพื่อที่ปรึกษากับหลวงตาแต่อได้พบกับชิดทองที่เข้ามาเจ้าชู้ใส่ โชคดีที่นาบุญเข้ามาช่วยไว้ได้ทันกิญาปรึกษากับหลวงตาที่จะวาดภาพที่ผนังโบสถ์เพื่อเป็นพุทธบูชาและสาระนิพนธ์ และเรื่องราวต่างๆของ ธรรมะติดปีกได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยที่หมู่บ้านเป็นฉากและตัวละครต่างที่มาดำเนินเรื่องโดยที่หลวงตาเย็นเป็นผู้สอนธรรมะให้กับผู้คนในหมู่บ้าน

ขอพลิกฟ้าตามล่าเธอ (2547/2004) นารา หญิงสาวที่เติบโตมาพร้อมกับความเคียดแค้น เพราะครอบครัวของตนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เธอเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากการกบฎในรัฐเชียงฐาน แท้จริงแล้ว เบื้องหลังเกิดจากการขัดผลประโยชน์ของ ณรัน พ่อของนารา กับ สิงคาร คิม อาแท้ๆของเธอพา นารามาหลบซ่อน และฝึกฝนให้รู้จักการต่อสู้ทุกรูปแบบ เพื่อกลับไปล้างแค้น 14 ปี ต่อมา นาราได้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ โดยมาพักที่ค่ายมวยของ เจ๊เล้ง และได้ลงแข่งขันมวยปล้ำหญิงชิงแชมป์โลก จึงทำให้ ภูผา ช่างภาพหนุ่มชื่อดังได้เจอกับนารา ภูผารู้สึกประทับใจในตัวนารามากจึงได้ชักชวนให้นารามาเป็นนางแบบของตน นาราจึงใช้โอกาสนี้เพื่อสืบหาความจริง แต่ปัญหากลับไม่จบแค่นั้น ภูผาถูกตามฆ่าโดย เฮียแป๊ะ เจ้าของบ่อนใหญ่แต่ไม่สำเร็จ ติดตามต่อได้ใน ขอพลิกฟ้าตามล่าเธอ

รัตนมณี ร.ศ. 220 2547

รัตนมณี ร.ศ. 220 (2547/2004) แดเนียล หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกันเดินทางมาเมืองไทย พร้อมกับสมุดบันทึกของพ่อเพื่อตามหาแม่ และที่เมืองไทยแดเนียลได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ที่รู้จัก กันทางอินเตอร์เน็ตคือ อิสรา และเพื่อนของอิสราอีก 3 คน คือ ปัทมาวดี, นำชัย และปิ่นอนงค์ เป็นหุ้นส่วนที่ร่วมกันทำเว็บไซต์ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งหมดจึงตกลงใจที่จะพาแดเนียลไปสืบหาแม่ด้วยกัน สถานที่แรกที่แดเนียลมาชมก็คือ พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วซึ่งมีภาพสเก็ตอยู่ในสมุดบันทึกของพ่อด้วย และที่นี่เองภาพในอดีตได้ปรากฏขึ้นหลังพัดโบราณของพิมพัชร์ เพื่อนอีกคนหนึ่งของอิสรา ซึ่งพัดอันนี้ที่เป็นเสมือนประตูเวลาพาแดเนียล, อิสรา, พิมพ์พัชร์ เดินทางข้ามมิติมาสมัยรัชกาลที่ 5 การข้ามมิติมาในครั้งนี้ ทำให้แดเนียลพบกับทับทิม สาวไทยที่ทำให้แดเนียลหลงรักตั้งแต่แรกพบ แต่ด้วยความแตกต่างระหว่างยุค ทำให้พระยาพิทักษ์เขตขัณฑ์ พ่อของทับทิม ไม่อาจเข้าใจเรื่องรักของสองหนุ่มสาวได้ และแล้วประตูมิติก็ได้เปิดขึ้นอีกและภาพที่ทุกๆ คนเห็นคือ หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเศร้าสร้อยอยู่ ณ มุมหนึ่งของห้องพระ ทั้งแดเนียล, อิสรา, พิมพ์พัชร์ มองพัดด้วยความตกใจแล้วทั้งหมดก็ข้ามมิติแห่งเวลามาสู่เวลาปัจจุบัน ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่กำลังทำบุญอยู่ที่ห้องพระ แต่แดเนียลยังคาใจกับภาพผู้หญิงที่นั่งอยู่ในห้องพระที่เห็นในพัด ทุกคน่าพุดซ้อน อายุราว 80 ปี ที่อยู่เรือนหลังเล็ก เธอเป็นพี่สาวของปู่พิมพ์พัชร์ ครั้งแรกที่คุณย่าเห็นแดเนียลกับอิสราก็รู้สึกคุ้นหน้าทั้งสองคนนี้มาก เมื่อแดเนียลบอกถึงลักษณะท่าทาง ของผู้หญิงที่อยู่ในพัด คุณย่าพุดซ้อนก็เอ่ยชื่อ วิชนี ออกมาแต่คุณย่าไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตและบอกให้ทุกคนกลับไป แดเนียลรู้สึกท้อแท้ที่ยังไม่ได้ข่าวของแม่ และยังต้องจากทับทิมอันเป็นที่รักโดยไม่รู้จะได้เจอกันอีกหรือไม่ ความรักของแดเนียลที่มีต่อทับทิมทำให้พิมพ์พัชร์ทำใจไม่ได้ เพราะตนเองก็หลงรักแดเนียลเหมือนกัน พิมพ์พัชร์จึงอาละวาดจะทำลายพัด จนเกิดการยื้อแย่งพัดกันในห้องพระแล้วทั้ง3 คนก็ถูกดูดเข้าไปในมิติเวลา พ.ศ. 2518 ทำให้แดเนียลได้พบกับพ่อและแม่ของตน คือเดวิด และวิชนีตามกระแสแห่งยุค และความเจ็บแค้นที่พ่อของวิชนีมีต่อชาวต่างชาติทำให้พ่อและแม่ของแดเนียลก็ ได้ประสบปัญหาแบบเดียวเฉกเช่นแดเนียล ทำให้ทั้งสอง ต้องแอบหนีตามกันออกมาและมีเด็กตัวเล็กๆ เกิดขึ้นชื่อ แดเนียล คุณวิทย์ พ่อของวิชนี ออกตามหาวิชนีจนพบ และพรากวิชนีมาจากลูกน้อยและเดวิด แดเนียลพยายามที่จะหาทางช่วยให้พ่อกับแม่มีโอกาสอยู่ด้วยกันแต่ก็ทำอะไรไม่ ได้ เพราะไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ ด้วยพัดที่เป็นตัวเชื่อมเวลาในด้านหนึ่ง และส่วนของอนาคตอีกด้านหนึ่งแดเนียล สามารถเห็นรู้ว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่ห้องพระอย่างเศร้าสร้อยนั่นคือ วิชนี แม่ของตนเอง ที่ถูกคุณวิทย์ ตาของตนเองขังไว้ในห้องพระจนตรอมใจเสียชีวิตลง และพัดก็ได้พาทั้ง 3 คนกลับ มาที่ห้องพระสมัยรัชกาลที่ 5 อีกครั้ง แดเนียลทราบข่าวจากหลวงพิจิตรว่าทับทิมคนรักของตนกำลังจะถูกาน แดเนียลจึงแอบเข้าไป เพื่อที่จะพบกับทับทิม เมื่อทั้งสองพบกันแดเนียลถอดเลซข้อมือที่สลักชื่อ แดเนียล ให้กับทับทิม และทับทิมก็เปลื้องสไบชั้นนอกให้แดเนียล ทั้งสองนัดเจอกันอีกที่งานลอยกระทง ที่คลองหลอดและทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะหนีตามกันในคืนนั้น ทับทิมออกมาหาแดเนียลตามที่นัดหมาย แต่แดเนียลไม่สามารถมาได้เพราะประตูมิติเวลาได้ดูดแดเนียลเข้าสู่ปัจจุบัน และไม่สามารถกลับไปหาทับทิมคนรักของเขาได้ ความเศร้าของแดเนียลทำให้เพื่อนๆ สงสารเขา จึงชวนแดเนียลออกไปเที่ยวงานที่คลองหลอดและที่นี่เองเขาได้พบกับผู้หญิงคน หนึ่งในมือถือโทรโข่ง กำลังพูดคุยกับนักท่องเที่ยวอยู่และสิ่งที่ทำให้แดเนียลต้องตกตะลึงคือ หน้าตาของเธอซึ่งเหมือนกับทับทิมมาก แดเนียลได้ทำความรู้จักและรู้ว่าเธอชื่อ รัตตมณี ที่แปลว่า ทับทิม และเลซข้อมือที่เธอสวมอยู่สลักชื่อ แดเนียล เลซที่เขาให้ไว้กับทับทิม ซึ่งเป็นของที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ

ทัดดาวบุษยา (2547/2004) ทัดดาว เป็นลูกสาวของนายเด่น บุษยา เศรษฐีใหญ่มีบ้านอยู่ริมน้ำเมืองนนทบุรี จิตรีแม่ของทัดดาวติดการพนันงอมแงม คุณหญิงบุษย์แม่ของนายเด่นเกลียดชังไม่ชอบ จึงหาทางไล่ออกจากบ้าน โดยไม่รู้ว่าจิตรีมีทัดดาวติดท้องไปด้วย ต่อมานายเด่นซึ่งยังรักจิตรีอยู่มาก พยายามติดตามหาจนพบกับทัดดาวลูกสาวซึ่งโตเป็นสาวแล้ว และนายเด่นได้บอกกับทัดดาวว่าตนจะยกมรดกทั้งหมดให้ทัดดาว แต่ในไม่ช้านายเด่นก็เสียชีวิตไปโดยยังไม่ทันได้ติดต่อบอกทัดดาวอย่างเป็น ทางการ คุณนายเดือน ภรรยาอีกคนซึ่งอยู่กินกับนายเด่น จึงครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดของนายเด่นอย่างสุขสำราญ คุณนายเดือนมีลูกกับนายเด่น 2 คน คือ ต้อม ลูกสาว และแต้ม ลูกชาย จิตรีไปคลอดทัดดาวที่เชียงใหม่ และเลี้ยงทัดดาวมาจนอายุ 18 ปี จิตรียังติดการพนันและเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้รายใหญ่ชื่อ เจ้าพัฒนา เศรษฐีใหม่ของเชียงใหม่ เจ้าพัฒนาเป็นคนเจ้าชู้มาก วันหนึ่งเมื่อเห็นทัดดาวก็พอใจ ขอจิตรีให้มาแต่งงานกับตนโดยจะยกหนี้สินทั้งหมดให้ จิตรียินยอมเพราะไม่มีทางเลือก เมื่อบอกกับทัดดาวเด็กสาวเสียใจมากจึงคิดหนีการแต่งงาน ติดตามต่อได้ใน ทัดดาวบุษยา

เลิฟสตรอเบอรี่ 2547

เลิฟสตรอเบอรี่ (2547/2004) เลิฟสตรอเบอร์รี่ เป็นเรื่องราวของสตรอเบอรี่ สาวน้อยวัยสดใส เธอเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และเธอยังเป็นขวัญใจของเพื่อนๆ และครู จึงไม่แปลกที่จะมีชายหนุ่มเข้ามาทักทายหัวใจ สุดยอด หนุ่มหล่อมาดเซอร์ ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีโรงบ่มยาสูบ ที่แวะเข้ามาทักทายหัวใจของสตรอเบอรี่ มิตรภาพของทั้งคู่เริ่มต้นแบบไม่ค่อยดีนัก เมื่อสุดยอดโดนสามล้อมือดีลอกคราบและเอาไปทิ้งในถังขยะโรงเรียนสตรีที่สตรอ เบอรี่อยู่ สถานการณ์ก็พัดพาให้เขาเข้าไปยังห้องน้ำนักเรียนหญิง ซึ่งสาวๆ กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่ สุดยอดพยายามหาทางออกจากที่นั่น เขาจึงขโมยชุดนักเรียนมาใส่และปลอมตัวหนีออกไป แต่โชคร้ายที่เขาเจอกับสตรอเบอรี่ซะก่อน ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น สุดยอดจึงกลายเป็นไอ้โรคจิตในสายตาของสตรอเบอรี่ ติดตามต่อได้ใน เลิฟสตรอเบอรี่

ภพเสน่หา (2547/2004) “ ตะวัน” หนุ่มจิตรกรฝีมือดีเรียนจบด้านจิตรกรรมมาหมาดๆ ต้องการมีธุรกิจของตัวเองร่วมกับ “ศิลา” เพื่อนสนิทโดยทั้งสองคิดจะหาซื้อบ้านเก่าเพื่อดัดแปลงเป็นแกลลอรี่ภาพเขียน ในที่สุดตะวันกับศิลาก็พบกับบ้านเก่าในฝันที่ลงตัวที่สุด ที่สามารถดัดแปลงเป็นแกลลอรี่ขายภาพเขียนและที่พักในขณะเดียวกัน ตะวันรู้สึกชอบและถูกใจบ้านหลังนี้มาก ครั้งแรกที่ก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน เขาเริ่มจะได้กลิ่นไม้หอมแป้งร่ำแบบโบราณหอมชื่นใจทำให้เขาต้องมาพาศิลามาดู ด้วยตา และก็น่าแปลกใจที่ศิลาเองก็รู้สึกอย่างเดียวกับตะวัน ทั้งสองจึงตกลงซื้อบ้านทันที โดยไม่ลังเล แต่ทั้งสองก็รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งศิลาทนไม่ได้ ต้องสอบถามจากเพื่อนบ้าน จึงรู้ว่าเจ้าของบ้านพยายามขายบ้านให้กับหลาย คนแล้ว แต่ใครๆ ก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ ชาวบ้านต่างร่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง ศิลานำความไปบอกกับตะวัน แต่ตะวันเห็นเป็นเรื่องเหลวไหล ติดตามต่อได้ใน ภพเสน่หา

คู่กรรม 2 2547

คู่กรรม 2 (2547/2004) กลินท์ หรือ โยอิจิ เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของอังศุมาลินที่เกิดจากโกโบริ ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 อังศุมาลินพยายามเลี้ยงดูกลินท์ด้วยความเข้มแข็ง แม้ วนัส เสรีไทยที่ชอบอังศุมาลินอยู่นานจะเปิดเผยความในใจและไม่รังเกียจที่จะอยู่กินกับอังศุมาลิน แต่อังศุมาลินก็ยังคงคบกับวนัสเพียงเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น เพราะยังมั่นในรักที่มีต่อโกโบริ อังศุมาลินพยายามปลูกฝังความเป็นโกโบริให้ในตัวกลินท์ แต่กลินท์ไม่ยอมรับและรังเกียจ เมื่อโตขึ้น กลินท์เข้าทำงานเป็นอาจารย์ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังผันผวนเพราะเป็นยุคเผด็จการทหาร กลินท์เป็นคนหนุ่มหัวสมัยใหม่ เขาเป็นผู้นำนักศึกษาร่วมการประท้วงสินค้าญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงประวัติของกลินท์ มีแต่เพียง ชิตาภา อาจารย์สาวร่วมคณะเท่านั้นที่คอยเตือนให้ระวังความปลอดภัย หนึ่งในนักศึกษาที่ร่วมการประท้วงนั้น ศราวณี นักศึกษาสาวปีสามคณะรัฐศาสตร์ เป็นคนที่โดดเด่นมาก กลินท์ประทับใจในตัวเธอ ต่อมาศราวณีรู้ว่ากลินท์ที่แท้ก็เป็นญาติผู้พี่ของเธอ ที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เกิดจากอังศุมาลิน ที่ทางครอบครัวของเธอรังเกียจ เพราะอังศุมาลินยอมแต่งงานกับทหารญี่ปุ่นอย่างโกโบริ ศราวณีเลยพลอยรังเกียจกลินท์ไปด้วย(ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าคนในครอบครัวเธอเกลียดครอบครัวกลินท์) และบอกกล่าวประวัติของกลินท์ให้ทุกคนได้รู้หรือเรียกว่า​"social bullying" ในสมัยโบราณ​ ทำให้ทุกคนเริ่มถอยห่างและไม่ไว้วางใจให้กลินท์นำอีกต่อไป ซึ่งมีแต่เพียงชิตาภาซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของศราวณีผู้โง่เขลาเท่านั้นที่เข้าใจกลินท์ ต่อมา ศราวณีถูกจับ กลินท์เข้าไปช่วยและได้รู้ถึงสาเหตุที่ทุกคนรังเกียจตน กลินท์พาศราวณีไปที่บ้านและได้พบกับอังศุมาลิน ศราวณีถึงได้รู้ว่าที่แท้อังศุมาลินรักในตัวโกโบริอย่างแท้จริง และไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ครอบครัวเธอปลูกฝัง จึงเปลี่ยนทัศนคติและขอโทษ จากนั้นความผูกพันของทั้งคู่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ การที่ศราวณีกลับไปคืนดีกับกลินท์ ทำให้ กบ ป้าของศราวณีไม่พอใจ จึงมีปากเสียงกัน ศราวณีหนีออกจากบ้าน ชิตาภาร้อนใจไปหากลินท์ที่บ้าน ขณะเดียวกันนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์วันมหาวิปโยคขึ้น กลินท์คิดว่าศราวณีคงจะไปร่วมชุมนุมด้วย จึงออกตามหาในที่ชุมนุม แต่กลับเจอศราวณีผู้น่าสงสารในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสปางตายและเพ้อรำพันที่บ้านสวนอยู่ตลอดเวลาว่า ตนเป็นคนพาเพื่อน ๆ ไปตาย ชิตาภาโทรศัพท์ไปบอกอาการแก่กบ แต่กบไม่รับฟังและเอาแต่โทษชิตาภาต่าง ๆ นานา หลังจากนี้ รัฐบาลต้องทูลเกล้าลาออกเพราะมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมากมาย ชิตาภาต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและพาศราวณีที่อาการปางตายไปรักษาอาการด้วย กลินท์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองรักชิตาภาอย่างสุดหัวใจ แต่ไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับเธอได้ เพราะชิตาภามีคู่หมั้นแล้วเป็นชาวต่างประเทศ ทั้งคู่ให้คำมั่นสัญญากันว่า จะเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน ต่อมา อังศุมาลินมีอาการป่วยและบ่นถึงชิตาภาอยู่บ่อย ๆ ว่าเมื่อไหร่จะกลับ เมื่ออาการของอังศุมาลินเจ็บหนัก อังศุมาลินขอให้กลินท์เล่นซามิเซ็งให้ฟัง กลินท์ก็เล่นโดยที่ไม่รู้ว่าโกโบริได้พาอังศุมาลินไปยังทางช้างเผือกแล้วตามสัญญาที่เคยให้ไว้ และกลินท์ต้องเล่นซามิเซ็งแต่เพียงลำพังคนเดียว

มัจจุรีพักร้อน (2547/2004) มัจจุรีเป็นลูกสาวคนเดียวของท้าวมัจจุราช เจ้าแห่งนรกภูมิ มีนิสัยดื้อรั้น และชอบสร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าบริวาร และวิญญาณที่ตกนรกทั้งหลาย ด้วยความที่ต้องเจอแต่มนุษย์ที่ก่อกรรมทำเลว ทำให้มัจจุรีเกิดความเบื่อหน่าย และอยากขึ้นไปบนโลกมนุษย์ เพื่อที่จะเจอคนดีๆ บ้าง จึงขออนุญาต ท้าวมัจจุราชผู้เป็นพ่อ ท้าวมัจจุราชไม่กล้าขัดใจ เพราะเห็นแก่ท้าวมัจจุเรศผู้เป็นเมีย จึงจำใจอนุญาตให้ไปพร้อมทั้งให้บริวารทั้ง 4 ติดตามไปด้วยนั้นก็คือ สันทนา วอนนภา เรณู ปาริชาติ แต่มีกฏ ข้อบังคับว่า ห้ามทุกคนใช้เวทมนต์กลั่นแกล้งทำร้ายมนุษย์ นอกจากถึงเวลาคับขัน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น หากใครคนใดคนหนึ่งฝ่าฝืน พวกเธอจะถูกส่งกลับนรกภูมิทันที โดยไม่มีข้อแม้ มัจจุรีโพล่ขึ้นมา ในงานวันเกิดของ นำฤทธิ์ ครูหนุ่มรูปหล่อ ซึ่งเป็นที่รักของชาวบ้าน มัจจุรีพบกับนำฤทธิ์เป็น ครั้งแรกทั้งคู่ก็เกิดความประทับใจกันและกัน แต่เพราะลำใยออกมาหึงหวงนำฤทธิ์ จนเป็นเหตุให้เกิดความโกลาหล ปั่นป่วนกันทั้งงาน มัจจุรีจึงเผลอใช้เวชมนต์ออกไปพวกเธอจึงถูกส่งตัวกลับนรกภูมิทันทีตามข้อ ตกลง มัจจุรพยายามอ้อนขอกลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์อีก แต่ไม่สำเร็จ มัจจุรีเบื่อและเซ็ง จึงเดินเล่นและบังเอิญ ผ่านห้องตัดสินขณะนั้นไม่มีใครอยู่ มีแต่ลูกโลกที่มัจจุราชใช้ส่งเธอไปยังโลกมนุษย์ เธอจึงแอบจิ้มลูกโลกเพื่อหนีขึ้นไปโลกมนุษย์อีกครั้ง เมื่อมัจจุรี มาถึงบ้านฟ้าครามก็ตามหานำฤทธ์ แต่ชาวบ้านกลับบอกว่า นำฤทธิ์ผิดคำสัญญากับพวกเด็ก ๆ ทิ้งหมู่บ้านฟ้าคราม ไปหาความสุขสบาย ที่กรุงเทพแล้ว มัจจุรีผิดหวังในตัวนำฤทธิ์มาก และสัญญากับชาวบ้านว่าจะนำตัวนำฤทธิ์กลับมาให้ได้ มัจจุรีเดินทางตามหานำฤทธิ์เพียงผู้เดียวเกิด อันตรายจนเกือบพลาดท่าเสียทีคนร้าย โชคดีที่บริวารทั้ง 4 มาช่วยไว้ทันเวลา และได้ออกตามหานำฤทธิ์ไปด้วยกัน พวกเธอมาจนถึงบ้านของนำฤทธิ์โดยมา ตามที่อยู่ในนิตยสาร เมื่อพบนำฤทธิ์ทุกคนพากันต่อว่า นวลจันทร์แม่ของนำฤทธิ์เข้ามาขวาง และเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง ว่าธุรกิจสวนสนุกของครอบครัวกำลังประสบปัญหา จึงเป็นเหตุให้นำฤทธิ์ผิดคำสัญญาต่อเด็ก ๆ และชาวฟ้าคราม มัจจุรีเห็นใจ ต้องการจะอยู่เพื่อช่วยกอบกู้สวนสนุกและ สถานการณ์ของนำฤทธิ์ จึงโกหกว่าเป็นชาวฟ้าคราม จะกลับบ้านไปไม่ได้ หากไม่ไห้พาตัวครูนำฤทธิ์กลับไป ด้วยนวลจันทร์จึงให้มัจจุรีอยู่ที่บ้านตนด้วย ส่วนบริวารทั้ง 4 ก็ถูกส่งไปทำงานกับเพื่อนบ้าน การที่มัจจุรีมา อยู่ในบ้านนำฤทธิ์ทำให้มัจจุรีได้รู้จักนิสัยใจ คอของมนุษย์แต่ละคนมากขึ้น อีกทั้งได้รับบทเรียนต่างๆ ของการอยู่บนโลกมนุษย์ซึ่งเธอก็ผ่านมันมาได้ มัจจุรีและพวกช่วยกิจการ สวนสนุกให้ดีขึ้น โดยจัดงานฉลองสวนสนุกอย่างเอิกเกริก 5 สาวออกแสดงโชว์ที่แปลกตา ทำให้ผู้ที่ มาเที่ยวชื่นชอบจนกิจการสวนสนุก ของนำฤทธิ์กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แต่ แล้วเหตุการณ์กลับโกลาหลขึ้นอีกครั้ง เมื่อซีอิ้วทายาทของซีอุยที่ชดใช้กรรมอยู่ในนรกภูมินั้น ได้ขโมยหัวไม้เท้าของท้าวมัจจุราช แล้วหนีขึ้นมา ก่อ ความวุ่นวายบนโลกมนุษย์ เพราะแค้นที่ตนต้องตกนรกเพราะพวกเด็กๆ จึงสิงร่างคนเพื่อหลอกลักพาตัวเด็กๆ มาขังรวมกันไว้ โดยรอเวลา ถ้าหาก ครบ 66 คนเมื่อใดก็จะฆ่าพร้อมๆกันซีอิ้วเข้าสิงร่างสายฟ้า แล้วเข้าไปหลอกลักพาตัวเด็กๆ ที่มาเที่ยวสวนสนุกของนำฤทธิ์ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตเรื่อง ฆาตกรสวนสนุก” เมื่อข่าวแพร่สะพัด จึงทำให้สวนสนุกของนำฤทธิ์เสียชื่อและตกต่ำอีกครั้ง มัจจุรีกับบริวารจึงร่วมมือกันช่วยตำรวจ จนจับฆาตกรได้ แต่ซีอิ้วในร่างสายฟ้าใช้พลังจากหัวไม้เท้าเล่นงานมัจจุรีและบริวารจนเจ็บ หนักและหนีไปได้ ซีอิ้วไนร่างสายฟ้า ตระเวณหลอกล่อเด็กๆ จนใกล้ครบ 66 คน เมื่อมัจจุรีและบริวารหายดี จึงร่วมมือกันวางแผนปลอมตัวเพื่อล่อซีอิ้ว ทั้งคู่ใช้อิทธิฤทธิ์ต่อสู้กัน ในที่สุดซีอิ้วก็พลาดท่าหลงอุบายของ สันทนาจึงทำให้มัจจุรีได้หัวไม้เท้าของมัจจุราชคืน และแล้วเวลาของมัจจุรีก็หมดลง เธอจึงถูกมา รับตัวกลับนรก ภูมิทันที

หวานใจไทยแลนด์ 2547

หวานใจไทยแลนด์ (2547/2004) หวานใจ หรือ หวาน ( คัทลียา แมคอินทอช ) สาวน้อยเจ้าของตำแหน่งนางงามบั้งไฟพญานาค เดินทางมาอยู่กรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ โดยอาศัยอยู่กับลูกเพื่อนบ้านคือ คิมหันต์ หรือ คิม ( ศรราม เทพพิทักษ์ ) เด็กบ้านนอกที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก ด้วยสังคมที่ต้องดิ้นรนทำให้เขาเป็นคนกะล่อน หลอกลวง หาเงินเลี้ยงชีพด้วยวิธีที่ไม่ค่อยจะสุจริตนัก ครั้งแรกที่หวานเจอคิมก็โดนคิมหลอกว่าตัวเองเป็นตำรวจสายลับ ซึ่งหวานหลงเชื่อและศรัทธาในตัวคิมมาก พยายามทำดี ดูแลปรนนิบัติคิมทุกอย่าง จนคิมกับ 2 คู่ซี้ ปาน ( ชัชชัย จำเนียนกุล ) และบี้ ( อรรถกร สุวรรณราช ) อยู่อย่างสบายประหนึ่งมีคนรับใช้ในบ้านเลยทีเดียว อยู่ไปสักพักคิมพาหวานไปฝากให้ทำงานในโรงงานของคุณปรุง ( ปิยะ วิมุกตายน ) หนุ่มผู้กำกับหนังไทยสไตล์อาร์ต ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงเศวตาภรณ์ ( อาภาพร กรทิพย์ ) โดยมีเจ๊เล็ก ( จรรยา ธนาสว่างกุล ) หัวหน้าขึ้ประจบ ขี้อิจฉา คอยดูแลหวาน คิมมีโอกาสได้ไปกองถ่ายที่คุณปรุงทำงานอยู่ และได้เจอนางเอกภาพยนตร์ของคุณปรุงชื่อน้องวุ้น ( ชนกวนัน รักชีพ ) คิมโดนใจใจความสวย น่ารักของน้องวุ้นมาก และประจวบเหมาะว่าขณะนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่มีการประกวดนางนพมาศพอดี คิมเลยติดต่อและส่งน้องวุ้นเข้าประกวดโดยให้หวานเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด จนหวานเปรียบเสมือนคนรับใช้ของน้องวุ้นไปโดยปริยาย แต่โอกาสนี้ทำให้หวานได้ใกล้ชิดกับวงการนางงามมากขึ้น จนสนิทสนมเจ๊ได๋ ( อรนภา กฤษฎี ) กระเทยเมคอัพอาร์ตติสฝีมือเยี่ยมที่มารับหน้าที่เป็นครูฝึกนางงามให้กับการประกวดครั้งนี้ เท่านั้นไม่พอหวานยังถูกเจ๊ได๋เรียกให้ไปเป็นตัวอย่างในการสอนบุคลิกภาพและมารยาทในการเข้าสังคมกับนางงามอีก เลยทำให้หวานได้ปรับบุคลิกกิริยามารยาทของตัวเองกลายเป็นหญิงสาวที่มีบุคลิกภาพสง่างามอย่างบังเอิญ

ตม 2547

ตม (2547/2004) คุณใหญ่เป็นหญิงวัย 61 ปี มีลูกสามคนคือ พิจิกษ์ ( ป้อม ) อายุ 35 ปี พิพัฒน์ ( บี๋ ) อายุ 32 ปี และ อภิสิทธิ ( เบิ้ม ) อายุ 25 ปี คุณใหญ่มาจากครอบครัวฐานะปานกลางต่อสู้มากับสามีเพื่อทำธุรกิจ แต่สามีนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น จึงแยกทางกัน คุณใหญ่หอบลูกคนเล็กไปอยู่บ้านเดิม ( ราชบุรี ) ค้าขายผลิตภัณฑ์จากพืชผักผลไม้ และทำสวนอาหาร หาเงินมาเลี้ยงลูกด้วยความขยันขันแข็ง จนไม่มีเวลาดูแลลูกด้วยตัวเอง เธอมอบหมายให้ยายม้อย ชาวบ้านข้างเคียงซึ่งชอบกินเหล้า ดูแลลูกชาย แต่การที่เด็กอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ขาดความรับผิดชอบ กินเหล้าเมายา มีผลทำให้เขาเห็นสิ่งมันเมาเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดา และติดนิสัยเหล่านี้เข้ามาโดยไม่รู้ตัว ประกอบกับที่แม่ไม่มีเวลาเอาใจใส่สั่งสอน เบิ้มจึงเป็นคนก้าวร้าว และเอาแต่ใจตนเอง ชอบการเอาชนะเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันให้ตนเอง พิจักษ์ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก ส่วนพิพัฒน์ อยู่กับพ่อ ซึ่งจ้างพี่เลี้ยงราคาแพงดูแลจนกลายเป็นคุณหนู เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เมื่อสามีตาย พิจักษ์ได้รับมอบหมายให้ดูแลมรดกร่วมกับพิพัฒน์ ส่วนเบิ้มติดยาสร้างปัญหาให้กับตนเองและแม่เป็นอย่างมาก พิจักษ์เติบโตกับพ่อแม่ในช่วยที่ยังไม่มีเงินทองมากมายนัก จึงยังติดดินและรู้จักรับผิดชอบ การที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ จึงได้เรียนรู้การช่วยตนเอง เขาไปรับจ้างล้างจาน เสิร์ฟอาหารในยามว่างที่เมืองนอก ปัจจุบันพิจักษ์ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในคอนโด เขาดูแลธุรกิจของพ่อ จนประสบความสำเร็จ พิจักษ์มีความห่วงใยให้กับผู้อื่นสูงและขยันทำงานมากเกินไป จนล้มป่วยเพราะลืมที่จะดูแลตัวเอง พิจักษ์พอใจในตัวอภิญญา เลขาคนใหม่ของเขาเป็นอย่างมาก เพราะเธอมีความฉลาด เข้มแข็งมีจิตใจที่ถูกกล่อมเกลาแล้ว จึงคิดดี คิดเป็น ทำให้เขาเกิดศรัทธา แต่เมื่อพบว่าตนเองเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารจึง พยายามตีจากเพราะเกรงว่าจะเป็นภาระแก่คนอื่น และไม่ยอมบอกใครแม้แต่แม่ของตน เกรงว่าจะทำให้ทุกคนเสียใจ พิจักษ์ส่งอภิญญาไปช่วยงานพิพัฒน์โดยไม่เห็นแก่ความสบายของตน ทำให้เขาต้องทำงานหนักมากขึ้น สุดท้ายพิจักษ์จึงบอกแม่ถึงเรื่องอาการป่วย แม่กลับไม่ให้เขาเป็นทุกข์กับความตายแต่ให้ใช้ทุกลมหายใจให้เป็นประโยชน์ ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสที่จะได้สร้างความสุข ให้แก่ตนเองและผู้อื่น ซึ่งป้อมก็ทำเช่นนั้นจนสิ้นชีวิต โดยมีอภิญญาดูแล ปฏิบัติเขาจนวันสุดท้าย พิพัฒน์เกิดมาในช่วงที่พ่อแม่มี เงินแล้ว และกำลังไม่ลงรอยกัน ความทุกข์ของพ่อแม่ที่ขัดแยังกัน ทำให้พิพัฒน์ ซึมซับแรงกระแทกที่พ่อแม่มีต่อกันเขาถูกเลี้ยงด้วยพี่เลี้ยงราคาแพง ที่ปรณนิบัติเขาอย่างเอาอกเอาใจตามหน้าที่ของพี่เลี้ยง พิพัฒน์จึงหยิบโหย่ง ทำอะไรไม่เป็น วัตถุราคาแพงทำให้เขามีความมั่นใจเพราะถูกพ่อเลี้ยงมาด้วยวัตถุ ขาดการพัฒนาทางจิตใจจึงหลงคนง่าย การหลงไหลในวัตถุ มองเห็นคนแต่เปลือกนอก จึงถูกคนเหล่านั้นหลอกใช้ ล้มเหลวในธุรกิจล้มเหลวในชีวิตครอบครัว เพราะความไมีรู้จักเลือก พิพัฒน์ มีภรรยาชื่อเจนนี่ และมีลูกชายอายุ 5 ขวบ ชื่อมิ๊ก ซึ่งถูกทิ้งให้อยู่กับพี่เลี้ยงเพราะพ่อแม่จมอยู่กับปัญหาของตนจนลืมลูก มิ๊กเริ่มมีนิสัยก้าวร้าว และเอา แต่ ใจตนเอง คุณใหญ่มองเห็นประวัติศาสตร์ ที่กำลังจะซ้ำรอยจากประสบการณ์ของตนเอง เธอจึงเข้าไปช่วยพยุงครอบครัวนี้ไว้ ให้เจนนี่รู้จักหน้าที่ของความเป็นแม่ เป็นภรรยาที่ดี โดยการพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้น คิดดี คิดเป็น เพื่อจูงใจสามีที่ดื้อดึง และโอหังให้กลับมามีศรัทธาต่อเธอ คุณใหญ่จำนองบ้านเพื่อช่วยพิพัฒน์พิสูจน์ความสามารถของตนเองในเชิงธุรกิจ ถึงแม้ใครๆ จะไม่ศรัทธาในตัวเขาแต่เธอก็ยืนยันที่จะเป็นฟูกรองรับความล้มเหลวของลูก ตามหน้าที่ของแม่ เธอช่วยพัฒนาจิตใจของเจนนี่ให้คิดเป็น ก่อนที่จะสายเกินไปในที่สุดพิพัฒน์ก็ละอายต่อความเห็นแก่ตัวของตนเอง และเริ่มฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จนประสบความสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของอภิญญา ซึ่งป้อมส่งเข้ามาช่วยงาน ความฉลาดของอภิญญาทำให้ พิพัฒน์ขายสินค้าฟุ่มเฟือยที่เขาสั่งมามากมายจนหมด สามารถคืนเงินให้กับคุณใหญ่ และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ความที่เบิ้มใช้ชีวิตอยู่กับแม่และยายม้อย เขาจึงรู้สึกต่ำต้อยที่ไม่เท่าเทียมพี่ ๆ ไม่เห็นคุณค่าของตนเอง เขาประชดชีวิตด้วยการเสพยา เพื่อเรียกร้องความไม่อิ่มในอารมณ์ กว่าเบิ้มจะหลุดพ้นจากากรเป็นทาสของยาเสพติด ก็เหนื่อยยากไปทั้งครอบครัว แม่เสียเงินทองที่เก็บหอมรอมริบตลอดชีวิตไปเป็นจำนวนมาก เบิ้มพยายามพิสูจน์ตัวเอง และเลิกยาเสพติดได้ในสถานบำบัด การสอนให้คิดและรับผิดชอบ ทำให้เขามุ่งมี่นที่จะทำงานแทนพี่ชาย ที่เสียชีวิต แต่กว่าเบิ้มจะสร้างศรัทธาให้กลับคืนมาได้เขาต้องอดทนต่อการดูถูก และคำนินทร เป็นกรรมที่ต้องชดใช้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอาฆาต เขากลับไปเสพยาอีกครั้งเพราะใจอ่อน แต่ก็สามารถหลุดพ้นออกมาได้ในที่สุด เมื่อเห็นเพื่อน ๆ ที่อยากกลับตัวกลับใจ สมองเสื่อมจนหมดหนทางที่จะแก้ไข เมื่อทุกคนกลับมาในสภาพปกติ คุณใหญ่ก็กลับมาอยู่ราชบุรี อย่างสมถะ และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข เธอได้ทำหน้าที่ของแม่ที่ เธอควรทำตั้งแต่ลูกยังเล็ก แต่เนื่องจากความรู้เธอจึงเห็นว่าไม่สำคัญจนต้องเหนื่อยกับชีวิตในตอนแก่ก็ยังดีที่เธอได้เรียนรู้จากประสบการณ์และคิดได้ก่อนที่อีกหลายๆ ชีวิตที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องล่มสลายเพราะความไม่รู้ของเธอเอง

วังน้ำวน (2547/2004) อาโป ( อลิชา ไล่สัตรูไกล ), เพียงธาร ( ธัญญาเรศ รามณรงค์ ) และ ระริน ( ภัคพร ภูวะปัจฉิม ) เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยที่เรียนโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด ทั้งสามทั้งมีความฝันเป็นของตัวเอง อาโปมีฐานะทางครอบครัวดีกว่าเพื่อน เธอฝันว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศหลังเรียนจบ ผิดกับเพียงธารที่มีฐานะยากจน เธอจึงรับหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัวทุกอย่าง ระรินมีความฝันไม่ต่างจากเพื่อนๆ เธอใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนางเอกละคร แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเธอทั้งสามคิดเหมือนกัน ก็คือการแอบชอบ ต้นสาย ( ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง ) ครูฝึกสอนหนุ่มหน้าตาดีที่เข้ามาฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียน เพียงธารออกหางานพิเศษทำทุกอย่างเพื่อส่งเสียครอบครัว งานแรกคือการเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอางค์ ซึ่งทำให้เธอได้พบกับ ทัดดาว ( ศิรินุช เพ็ชรอุไร ) จึงถูกชักชวนไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้มีรายได้ดีกว่าเดิม และอาจจะมีโอกาสก้าวสู่การเป็นนางแบบได้ แต่เมื่อระรินรู้ จึงอยากรู้จักทัดดาวด้วย เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้เป็นดาราอย่างที่ฝันไว้ วันหนึ่งทั้งสามสาวแอบโดดเรียนไปเล่นน้ำที่แม่น้ำ แต่อาโปว่ายน้ำไม่แข็งจึงถูกดูดลงไปในใต้น้ำซึ่งเป็นน้ำวน ต้นสายเห็นเข้าจึงกระโดดลงไปช่วยอาโปไว้ทัน ทำให้อาโปรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเขามาก ต้นสายมาลาอาโป เพื่อกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ทั้งสองจึงเผยความรู้สึกในใจต่อกัน วัน หนึ่งขณะที่ต้นสายกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ ระหว่างทางได้ช่วยระรินที่กำลังถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ ระรินจึงขอเข้ากรุงเทพฯ กับต้นสาย เพื่อไปทำงานกับทัดดาว แต่พอถึงกรุงเทพฯ ระรินกลับติดต่อกับทัดดาวไม่ได้ ต้นสายจึงให้ระรินพักกับตนไปก่อน จนทำให้ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน อาโปและเพียงธาร รู้สึกผิดหวังมากเพราะคิดว่าต้นสายเป็นคนพาระรินหนี หลังสอบปลายภาค เพียงธารตัดสินใจมาทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเสียครอบครัว อาโปจึงเสนอให้ไปอยู่บ้านป้าพร้อมกับตัวเอง อาโปไปสมัครเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเตรียมตัวไปเรียนต่อ เลยทำให้เธอได้พบกับ กลางชล ( รัฐศาสตร์ กรสูต ) ครูสอนภาษาเยอรมัน ส่วนเพียงธารได้ไปทำงานที่ร้านดอกไม้ คุณปอง ( ณหทัย พิจิตรา ) อดีตดาราที่เคยเดินทางผิด เธอจึงคอยตักเตือนเพียงธารอยู่เสมอๆ เพราะกลัวว่าเพียงธารจะมีชีวิตที่ซ้ำรอยแบบเธอ ยิ่งเมื่อได้รู้จักกับ สินธู (นพชัย มัททวีวงศ์ ) นักธุรกิจหนุ่มเพลย์บอย คุณปองก็ยิ่งเป็นห่วงเธอมากขึ้น ระรินถูกสินธู ชักชวนให้เล่นหนังวีซีดี เพราะสนใจในตัวระริน โดยที่ระรินก็เล่นด้วย สินธูอาสาเลี้ยงดูระรินโดยซื้อบ้านให้อยู่ ระรินจึงหนีจากต้นสายมาอยู่กับสินธู ทางด้านเพียงธารเป็นหญิงสาวที่สินธูหวังครอบครองเป็นเจ้าของ แต่มีคุณปองคอยขัดขวาง กลางชลมีโอกาสได้ใกล้ชิดเพียงธารมากขึ้น เมื่อเพียงธารย้ายออกมาอยู่อพาร์ทเมนท์ตรงข้ามกับบ้านของเขา ทำให้กลางชลเริ่มหวั่นไหว จึงขอหมั้นกับอาโปแล้วชวนกันไปอยู่ที่เยอรมันด้วยกัน แต่อาโปปฏิเสธเพราะยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ อาโปนำเงินทั้งหมดที่มีไปซื้อรถ เป็นจังหวะที่เพียงธารเดือดร้อนเรื่องเงิน เพราะหาเงินไปรักษาพ่อที่ป่วย จึงมาขอยืมอาโป แต่อาโปไม่มี เพียงธารหมดหนทางจึงตัดสินใจขอยืมสินธู สินธูจึงสั่งให้ลูกน้องนำเงินไปให้ทันที เพียงธารต้องการหาเงินให้ให้สินธูโดยเร็ว จึงทำงานเพิ่มมากขึ้น กลางชลแนะนำให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทของเพื่อน อาโปก็ไปสมัครงานนี้เช่นกัน แต่ปรากฏว่าเพียงธารถูกเลือกแทน เพียงธารนำเงินไปคืนสินธู แต่เขาไม่รับและขอแลกกับการคบกับเพียงธารแทน แต่เพียงธารยังไม่ยอมรับ กลางชลใกล้ชิดกับเพียงธารมากขึ้น โหน่ง ( วสันต์ อุตตมะโยธิน ) พยายามเตือนอาโป แต่อาโปไม่เชื่อว่าเพื่อนจะทำร้ายเพื่อนได้ ระรินเริ่มออกอาการหึงหวงสินธูมากขึ้นจนเสียการเสียงงาน สินธูวางแผนเปิดกล้องภาพยนตร์ 3 เรื่องพร้อมกัน โดยมี เพียงธาร, อาโป, ระริน นำแสดงในแต่ละเรื่อง โดยวางกลางชลแสดงคู่กับอาโป ระรินติดต่ออาโปให้สินธู แต่หลอกว่ามีฉากวับๆ แวมๆ อาโปจึงปฏิเสธ แต่มารู้ทีหลังวาเป็นหนังชีวิตธรรมดาจึงตอบรับ พออาโปรู้ว่ากลางชลถอนตัวจึงผิดหวังในที่สุดจึงตัดสินใจไม่รับเล่น และก็ยังไม่อยากไปเรียนต่อ กลางชลจึงแนะนำให้อาโปไปเรียนการแสดง จนได้รู้จักกับ แจ็ค ผู้กำกับที่กำลังหานางเอกใหม่อยู่ อาโปได้เจอกับต้นสายอีกครั้ง อาโปจึงแนะนำให้ต้นสายไปเป็นแสตนด์อินในละครที่เธอเล่น อาโปประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมากกว่าเพื่อนทั้งสอง สินธูคิดจะสร้างหนังใหญ่ เรื่อง วังน้ำวน โดย พัฒน์ ผู้กำกับต้องการ อาโป มาเล่น เพราะอาโปกำลังได้รับความนิยม แต่สินธูต้องการเพียงธาร และ ระริน เล่นเรื่องนี้ เพราะทั้งคู่เป็นนักแสดงในสังกัดของเขา พัฒน์เลือกอาโปกับระริน เพราะบทเหมาะกว่า เพียงธารไปหาคุณปอง แต่พบว่าคุณปองฆ่าตัวตาย เพราะเมียหลวงมาอาละวาดที่ร้าน เพียงธารเสียใจมาก รวมทั้งเห็นอาโปและกลางชลหวานชื่นกัน เพียงธารหมดหนทางจึงตัดสินใจไปหาสินธู และวันนั้นเธอก็ค้างที่คอนโดสินธูอย่างเต็มใจ จนเพียงธารรู้ว่าตัวเองไม่ได้เล่นหนัง วังน้ำวน จึงขอสินธูเปลี่ยนตัวให้เธอได้เล่นเรื่องนี้ เพื่อทำให้ความฝันของคุณปองให้เป็นจริง พัฒน์เลือก อาโป กับ เพียงธาร โดยตัดระรินออกจากหนังเรื่องนี้ ทำให้ระรินเสียใจมาก บังเอิญพระเอกของเรื่องนี้ถอนตัว สินธูจึงไปขอร้องให้กลางชลมาแสดงแทน กลางชลตอบตกลง เพราะจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเพียงธาร ทางด้านอาโปจึงเริ่มไม่ไว้ใจเพียงธารมากขึ้นและเริ่มหึงหวงกลางชล เมื่อเขาเริ่มเปลี่ยนไป ระรินมาอาละวาดกับเพียงธารที่กองถ่ายเรื่องของสินธู กลางชลออกหน้าปกป้องเพียงธาร อาโปน้อยใจกลางชลที่เริ่มตีตัวออกห่าง แจ็ค มาขอให้อาโปกับเพียงธารไปเดินแบบงานแฟชั่นการกุศล ระรินจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองได้ไปเดินแฟชั่นงานนี้ด้วย ในงานแฟชั่น กลางชลตัดสินใจบอกเลิกกับอาโป เพียงธาร, อาโป, ระริน ต้องเผชิญหน้ากันในห้องแต่งตัว ทั้งสามทะเลาะกัน เมื่อออกมาหน้าเวทีจึงแกล้งเดินชน แล้วเหยียบเท้ากัน เลยเถิดไปถึงขั้นตบตีกันด้านหลังเวที สินธูกับกลางชลตามมาช่วย แต่ก็เกิดชกต่อยกันเองเพราะความหึงหวง สินธูดึงเพียงธารไปเคลียร์ปัญหาที่ค้างคากันอยู่ ส่วนระรินถึงกับขาดสติจนต้องเข้าโรงพยาบาล อาโปไม่สามารถเข้าฉากกับเพียงธารและกลางชล ได้อย่างสนิทใจอีกต่อไป หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ความรักของเพื่อนทั้งสาม ขาดสะบั้นลง เมื่อความรักกลายเป็นวังวน ที่พัวพันรอบตัวพวกเธอ จนไม่สามารถสะบัดหลุดไปได้ จุดจบความรักของทั้งสามจะเป็นอย่างไร พวกเธอจะหาทางออกจาก วังน้ำวน แห่งนี้ได้หรือไม่ หรือยังคงหลงอยู่ในวังวนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

ตารีบุหงา (2547/2004) รศ. 123 ณ แผ่นดินสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ขุนอัฐบริรักษ์ ข้าราชการหนุ่ม ถูกส่งตัวไปช่วยดูแลมณฑลทางใต้ ทำให้เขาได้พบกับบุหงา สาวงามผู้อ่อนหวาน ลูกสาวของนายหัว ผู้ปกครองเกาะลั่นทม และที่นี่เอง... ที่ก่อให้เกิดตำนานแห่งความรัก ความหลัง และความสะเทือนขวัญ จนเป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมา ในงานต้อนรับข้าหลวงคนใหม่ บุหงา ( บุษกร พรวรรณะศิริเวช ) ได้ออกมารำ “ตารีบุหงา” จนเป็นที่ประทับใจต่อ ขุนอัฐ ( จอนนี่ แอนโฟเน่ ) กลายเป็นรักแรกพบต่อกัน แล้วไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แนบแน่นลึกซึ้งขึ้น แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเมื่อขุนอัฐถูกเรียกตัวไปราชการด่วน และถูกนายหัว กับ ฆาเยาะห์ ( ภาณุเดช วัฒนสุชาติ ) หนุ่มผู้หลงรักบุหงากีดกัน ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกัน แต่ก่อนจาก ทั้งสองได้แลก “กริช” แก่กัน และใช้กริชนั้นกรีดเลือดที่ฝ่ามือเป็นการสาบานว่าต่างฝ่ายต่างได้มอบชีวิต ไว้ให้แก่กัน ขุนอัฐให้สัญญากับบุหงาว่าจะกลับมารับเธอไปอยู่ด้วยใน วันแรม 15 ค่ำ หรือวันส่งผีตายาย ติดตามต่อได้ใน ตารีบุหงา

เขยมะริกัน 2547

เขยมะริกัน (2547/2004) จอร์แดน หนุ่มนักการทูตชาวอเมริกันถูกบังคับให้แต่งงานกับ เบ็ตตี้ หลานสาวนักธุรกิจใหญ่ชาวอเมริกัน ด้วยเหตุผลของผู้ใหญ่เห็นว่าทั้งคู่นั้นเหมาะสมกัน ทั้งๆ ที่จอร์แดนไม่ได้รักเบ็ตตี้เลยสักนิด ทำให้จอร์แดนหนีไปใช้ชีวิตที่เมืองไทย โดยมี ?เคน? คนขับรถคู่ใจมาอยู่ด้วย จอร์แดนเปลี่ยนชื่อเป็น จอร์จ ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวซำเหมาอยู่แถวถนนข้าวสาร เขาโดนไกด์ผีหลอกเอาเงินไปจนหมดตัว จอร์จได้เจอกับ สนอง คนขับรถ 3 ล้อซึ่งกำลังถูกเจ้าหนี้ทำร้ายจึงเข้าไปช่วย สนองตอบแทนความมีน้ำใจโดยให้จอร์จและเคนไปอยู่ด้วยกัน สมจิตร เมียของสนองซาบซึ้งในความมีน้ำใจ ติดตามต่อได้ใน เขยมะริกัน

เล่ห์รตี (2547/2004) "ชีวิตที่สดใสของเคท(อลิชา ไล่ศัตรูไกล) สาวน้อยผู้มีจิตใจงามต้องมืดมนลง เมื่อพัทธพล(สรพงษ์ ชาตรี) พ่อของเธอตกเป็นหนี้แก่มาริสา (พิศมัย วิไลศักดิ์) มหาเศรษฐีแห่งตระกูลสุทธกานต์ ด้วยจำนวนเงินถึง 32 ล้านบาท! พัทธพลสืบทราบมาว่า สิ่งที่มาริสาต้องการมากที่สุดในขณะนี้คือทายาทสืบสกุลสุทธกานต์ พัทธพลจึงเสนอตัวเคทให้แก่เสกข์(รัฐศาสตร์ กรสูต) ลูกชายคนเดียวของมาริสาโดยมีข้อตกลงคือ ถ้าเคทสามารถให้กำเนิดทายาทได้ หนี้ทั้งหมดเป็นอันลบล้างไปมาริสาตกลงรับข้อเสนอแม้ว่าเสกข์จะคัดค้านก็ตาม ส่วนเคทนั้นเสียใจมาก เพราะเธอมีคนรักอยู่แล้วคือศตายุ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) แต่ด้วยความกตัญญู เคทจึงจำใจยอมเดินเข้าสู่บ้านสุทธกานต์ เธอต้องถูกกลั่นแกล้งจากคนในบ้านต่างๆนานา โดยเฉพาะจากเสกข์ ผู้เข็ดขยาดเรื่องความรัก เพราะเขาเคยถูกอิษยาภรรยาเก่า(ภัคจิรา วรรณสุทธิ์) หลอกลวงมาก่อน ความสดใสร่าเริงของเคท ทำให้คนในบ้านสุทธกานต์ยอมรับ และชื่นชมในตัวเธอมากขึ้น ยกเว้นเสกข์เพียงคนเดียว ที่ไม่ว่าเคทจะพยายามทำอย่างไร เธอก็ไม่สามารถโน้มน้าวหัวใจอันเย็นชาของเขาให้หายเกลียดตัวเธอ และหายกลัวความรักได้ สถานการณ์ของเคทเลวร้ายมากขึ้น เมื่ออิษยา กลับมารังควาน ส่วนศตายุก็ตามหาตัวเคทจนพบและต้องการจะชิงตัวเธอกลับไป ทำให้เสกข์ไม่ไว้ใจเคทมากขึ้น เคทจะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร ศักดิ์ศรีและคามดีที่เธอยึดมั่น จะช่วยให้เธอเอาชนะอุปสรรคและเล่ห์กลต่างๆเหล่านีได้หรือไม่ หาคำตอบได้ใน ""เล่ห์รตี"""

ตีลังกาท้าฝัน (2547/2004) เรื่องราวความรัก ความสนุกสนาน แนว Romantic - Comedy ของวัยรุ่น มหาลัย 3 คู่ ที่มีบรรยากาศของการแข่งขันตะกร้อ และ เชียร์ลีดเป็นแบ็คกราวน์ โดยมีความรักระหว่างหนุ่มสาว ความรักของเพื่อนร่วมทีม ร่วมมหาลัยและพ่อแม่เป็นแกนหลัก เริ่มเรื่องที่พระเอก ต้องย้ายเขามาอยู่ที่บ้านหลังเล็กของนาเอก เนื่องจากพี่สาวนางเอกแต่งงานกับ พี่ชายพระเอก พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายอยากให้พระเอก ซึ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ จะได ้มีที่พัก ไม่ต้องเช่าหอ และที่สำคัญ พี่ชายจะได้ดูแลพระเอกอย่างใกล้ชิด ขณะที่พระเอกและนางเอก ต่างไม่เต็มใจ นัก แต่อยู่ในสภาพจำยอม เพราะเกรงใจอยู่ ที่มหาวิทยาลัย ชมรมตะกร้อที่พระเอกสังกัด กำลังจะปิดตัวเพราะไม่มีผลงานมาเลยตลอดหลายปี แข่งที่ไหนก็แพ้ตลอด จนอธิการบดีคาดโทษ ถ้าไม่ชนะจะยุบชมรม และยกห้องให้ชมรมเชียร์ของนางเอก รุ่นพี่ปี แปด ก็มายัดตำแหน่ง ประธานชมรมให้พระเอก เพราะตัวเองต้องรีบเรียนให้จบ ก่อนถูกรีไทน์ เมื่อไม่มีงบ ประมาณ ไม่มีผลงาน ไม่มีสมาชิก ไม่มีแม้แต่ นักกีฬา พระเอกจำเป็นต้องรณรงค์ให้คนทั้งมหาวิทยาลัย หันมา สนใจกีฬาตะกร้อด้วยการแอบถ่ายรูปหนุ่มๆ หน้าตาดีหล่อจัด สาวกรี๊ด อย่างนักรักบี้ กดนตรี มาทำโปสเตอร์รับ สมัครสมาชิก บังเอิญโปสเตอร์ดังกล่าวเกิดไปสะดุดตาแมวมอง ของบริษัท เครื่องกีฬา อยากเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ให้ชมรมนี้ เพราะกีฬาตะกร้อกำลังเป็นที่นิยมตามกระแสนิยมไทยของรัฐบาล จนมีการ จัดแข่งขันลีกต่างๆ ทั่วไทย จึงอยากจ้างหนุ่มๆ ในโปสเตอร์ที่พระเอกทำเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมเงินสนับสนุนชมรม ก้อนใหญ่ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องรีบจัดการแข่งขันในเร็ววัน เพื่อให้เจ้านายดูตัวก่อนอนุมัติงบให้ พระเอกจึงต้องไปหว่านล้อม อ้อนวอน ขอร้อง แกมบังคับให้หนุ่มๆ ที่ไม่เป็นเลย มาหัดตะกร้อ หัดอย่างไรก็ไม่เก่งสักที แต่สาวกรี๊ดมาก จนได้ฉายาว่า "ตะกร้อนายแบบ" เพราะ หน้าตาดีมาก พระเอกจะเอาตัวรอดอย่างไร ไม่ให้สปอนเซอร์ถอนตัว ให้นายแบบจำเป็น เล่นต่อไปให้ชนะ ให้ชมรมไม่ถูกยุบ ไม่ให ้แพ้ชมรมเชียร์ของนางเอก ฝั่งนางเอก มีเรื่องแพท คุณหนูไฮโซ และ การไปแข่งเชียร์ระดับประเทศอีกเส้น เรื่องดำเนินไปสักระยะ นายแบบทั้งหลายเริ่มถอนตัว เพราะแข่งอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ ชมรมต้นสังกัด ก็เรียก ตัวกลับไปซ้อมทุกวัน ชมรมตะกร้อกำลังจะแย่อีกครั้ง จู่ๆ ก็มีเด็กสาวหน้าตาดี อาสาเข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เพราะชอบพระเอก หนุ่มๆ นักตะกร้อจำเป็น เห็นผู้จัดการทีมสวยจัด เริ่มเปลี่ยนใจอยากกลับมาช่วนชมรมตะกร้อ อีกครั้ง แต่จะพูดกับชมรมต้นสังกัดอย่างไร เรื่องสนุกๆ จการตกกระไดพลอยโจน เริ่มขึ้นแล้ว

ข้ามฟ้าเฉือนคม 2547

ข้ามฟ้าเฉือนคม (2547/2004) เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเกม 30 วันของการไล่ล่าระหว่างตำรวจฮ่องกงและกลุ่มมือที่สามของฮ่องกงที่กำลังถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับมาเฟียไทย เรื่องราวเริ่มต้นวันที่ 1 เมษายน 2004 โดยมีการโจมตีข้าราชการตำรวจและสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2004 มีผู้เสียชีวิตของพลเมืองดีจำนวนมาก

พ่อตัวจริงของแท้ 2547

พ่อตัวจริงของแท้ (2547/2004) เมื่อคุณพ่อจอมแสบ พยายามจับคู่ให้ลูกชายจอมยุ่ง แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจเจ้าลูกชายกลับไปรักชอบพอกับลูกสาวของคนที่พ่อเกลียดจนเข้าไส้ มาร่วมลุ้นไปกับความรักของเขาและเธอว่าจะลงเอยอย่างไรได้ใน พ่อตัวจริง...ของแท้

มังกรเดียวดาย (2547/2004) หลังจากการตายของ อาหลิว (มาช่า วัฒนพานิช) สมาคมห้าสมุทร ตกอยู่ภายใต้การดูแลของ บิ๊กชาย หรือเก๊าน่ำเก็ง(เจี๊ยบ วัชระปานเอี่ยม) ส่วน เต็งล้อ (หนิง นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ก็ยังคงเป็นมนุษย์นิทราจากอาการที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ จนกระทั่ง รุจีหรือสร้อย (เมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) แฟนสาวของ ตี๋เล็ก (พนมกร ตังทัตสวัสดิ์) ได้ให้กำเนิดทารกเพศชาย เต็งล้อที่หลับไหลมาช้านาน ก็ฟื้นขึ้นจากอาการโคม่าราวกับปาฏิหาริย์ และได้ให้บิ๊กชายส่งคนออกตามหาทายาทคนสุดท้ายของตระกูล “ ธรรมกุล ” ข่าวการออกตามหาทารกน้อยแพร่สะพัดออกไป สร้างความไม่พอใจให้แก่ โป๊ยตี๋ (หมึก อภิชาต ชูสกุล) หัวหน้าสาขาที่ 19 ของสมาคมฯ เพราะเขามีแผนจะครองตำแหน่งต่อจากเต็งล้อ โดยโป๊ยตี๋มอบหมายให้ อากุ่ย (ปู อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) ลูกน้องคนสนิท นำทีมสังหารออกตามเก็บสองแม่ลูกเพื่อตัดหน้าบิ๊กชาย ทางด้านเต็งล้อเมื่อทราบว่าหลานของตนถูกโป๊ยตี๋ส่งคนไปเก็บ ก็เริ่มตระหนักว่าโป๊ยตี๋กำลังคิดโค่นอำนาจ จึงได้จับอาเปาและอาเปียว ลูกชายทั้ง2 ของโป๊ยตี๋ไว้ และบังคับให้โป๊ยตี๋พาทายาทของธรรมกุลกลับมาให้ได้ ร้อนถึง จางเหา (แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ได้ตัดสินใจไปช่วยเหลือทารก เพราะเห็นแก่ที่เป็นหลานของอาหลิว แต่ก็มาช้าเกินไป รุจีและลูกน้องที่บิ๊กชายส่งมาต่างถูกอากุ่ยฆ่าตายหมด เหลือเพียงอาเล้ง ลูกชายของรุจีที่จางเหาช่วยออกมาได้ทันเท่านั้น จางเหาพาอาเล้งหนีจากการตามล่าของอากุ่ยมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ได้บาดเจ็บสาหัส จนในที่สุดจางเหาเดินโซซัดโซเซมาจนถึงกระท่อมกลางป่า ซึ่งเป็นที่พักของ อาลั้ง (นุส นุสบา ปุณณกันต์) สาวชาวเขา ซึ่งเป็นลูกสาวของคนที่จางเหารู้จัก เมื่อมาถึงจางเหาได้เจอกับ อาฟาน (หนึ่ง วรเชษฐ์ นิ่มสุวรรณ) ซึ่งเป็นสายที่จางเหาส่งเข้าไปสืบเสาะความเคลื่อนไหวภายในสมาคมฯ โดยอาฟานได้ออกอุบายร่วมกับจางเหา เพื่อป้องกันไม่ให้อาเล้งถูกตามล่าจากอากุ่ย โดยการวางเพลิงเผากระท่อมของอาลั้ง พร้อมกับนำศพเด็กชาวบ้านที่เสียชีวิตแล้วมาเผาอำพรางเพื่อให้ดูเหมือนว่าอาเล้งเสียชีวิตลงแล้ว จากนั้นจางเหาขอร้องให้อาฟานแฝงตัวเข้าส ม าคมห้าสมุทร เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของเต็งล้อต่อไป ส่วนตนเองก็กลับบ้านป่าพร้อมด้วยอาเล้งและอาลั้ง และ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ โป๊ยตี๋จำเป็นต้องยิงเข่าทั้งสองข้างของตนเองเพื่อแลกกับชีวิตลูก ๆ ทั้งสองที่เต็งล้อจับตัวมา และรับผิดในเรื่องที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของทายาท “ ธรรมกุล ” ไว้ได้ สร้างความเจ็บแค้นให้กับโป๊ยตี๋เป็นอย่างมาก และแล้ว วันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป....18 ปี หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายนั้น อาเล้ง (เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร) ได้เติบโตเป็นเด็กหนุ่ม และมีนิสัยคึกคะนองไม่ต่างอะไรจากตี๋เล็กผู้เป็นบิดา ไม่ว่าจางเหาจะอบรม หรือทำโทษสักเท่าใด อาเล้งก็อาศัยความเจ้าเล่ห์เพทุบายเอาตัวรอดไปได้เสมอ คนเดียวที่อาเล้งดูจะเชื่อฟังที่สุดก็มีแต่อาลั้งเท่านั้น ทางด้านเต็งล้อ แม้เข้าสู่วัยชราแต่ยังต้องทำงานอย่างหนักเพื่อคอยรั้งอำนาจพวกหัวหน้าสาขาต่าง ๆ ที่คิดแย่งชิงตำแหน่งจากตนและกลุ่มอิทธิพลฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ยังนำพาสมาคมห้าสมุทรให้ขยายอำนาจแผ่ไพศาลออกไป คนที่เข้าใจและเห็นใจเต็งล้อมากที่สุดนั้นเห็นจะมีเพียง อาเหมย (แอนนิต้า นิษิตา พงศ์ทรง) บุตรสาวของบิ๊กชายกับอาหลิงที่ให้ความเคารพนับถือเต็งล้อเช่นดังญาติผู้ใหญ่แท้ๆของตน ที่หมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอทำให้เต็งล้อผ่อนคลายความเหงาลงได้บ้าง ส่วนโป๊ยตี๋นั้นหลังจากเพลี่ยงพล้ำให้แก่เต็งล้อ ก็ต้องหันมาสั่งสมบารมีของตัวเองขนานใหญ่ โดยอาศัย อาเปา (อ้น เลอวิทย์ สังข์สิทธิ์) บุตรชายคนโตของตนที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ให้ออกมาสร้างผลงานชิงดีชิงเด่นกับเต็งล้ออยู่เสมอ ส่วนอีกทางหนึ่งนั้นก็ให้ อาเปียว (กอล์ฟ กริช หิรัญพฤกษ์) บุตรชายคนเล็กคอยตามตื้ออาเหมย เพื่อหวังจะเป็นทองแผ่นเดียวกับบิ๊กชาย แม้บิ๊กชายจะรู้ว่าโป๊ยตี๋มีจุดประสงค์ใด แต่ก็ยังสนับสนุนให้อาเหมยได้เป็นฝั่งเป็นฝากับอาเปียว เพราะหวังว่าความสัมพันธ์นี้จะช่วยเยียวยาความบาดหมางในสมาคมฯลงได้ ทางด้านอาเหมยที่ชิงชังความเป็นจอมเสเพลของอาเปียว จึงแก้เผ็ดผู้เป็นพ่อด้วยการหนีออกจากบ้าน จนได้พบกับอาเล้งโดยบังเอิญ ทั้ง2ถูกชะตากันอย่างมาก อาเล้งจึงพาอาเหมยมาพักที่กระท่อม แต่เมื่อจางเหารู้ว่าอาเหมยเป็นคนของสมาคม ก็ขับไล่ไสส่ง ทำให้อาเล้งไม่พอใจ และหนีไปกรุงเทพฯ พร้อมกับอาเหมย เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ อาเล้งขอให้อาเหมยพาตนไปพบกับญาติที่ชื่ออาฟาน ซึ่งเป็นคนดูแลศาลเจ้าในสมาคมฯ และที่นี่เองที่ทำให้อาเล้งได้พบกับเต็งล้อ ในขณะที่เต็งล้อมาไหว้พระที่ศาลเจ้า เต็งล้อรู้สึกถูกชะตาอาเล้งอย่างน่าประหลาดใจ ได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ภายในใจ ทางด้านจางเหาก็ถูกอาลั้งหว่านล้อมจนยอมเดินทางเข้าเมืองมาตามหาอาเล้ง แต่เมื่อได้เจอตัวอาเล้งกลับดื้อดึงไม่ยอมกลับบ้าน เมื่อเป็นเช่นนั้นจางเหาก็หมดความอดทน แอบย้อนกลับมาหมายจะสังหารเต็งล้อเสีย เพราะทนไม่ได้ที่เต็งล้อมาชักจูงอาเล้งให้เลือกเดินทางผิด แต่สิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็คือ อาเล้งกลับเสี่ยงตายเข้าปกป้องเต็งล้อเอาไว้ จากการที่จู่ๆ จางเหาที่ตัดขาดจากชีวิตนักเลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว กลับหวนเข้ามาหมายจะปลิดชีวิตตนเอง ทำให้เต็งล้อนึกสงสัยในชาติกำเนิดของอาเล้ง จึงสืบสวนจนพบแหวนทอง ”ธรรมกุล” ในตัวอาเล้งเข้า ถึงได้รู้ว่าแท้จริงอาเล้งก็คือหลานชายของตนนั่นเอง ดังนั้นเต็งล้อจึงได้คิดแผนที่จะกำจัดจางเหาเสีย เพราะตราบใดจางเหายังมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่ยอมปล่อยให้อาเล้งสืบทอดอำนาจต่อจากตนแน่นอน อีกทั้งความแค้นของตนกับจางเหานั้น ก็สมควรแก่เวลาแล้วที่ต้องสะสาง เต็งล้อหลอกอาเล้งให้พาตนไปพบจางเหาเพื่อสะสางความแค้น ส่วนอาเล้งก็หลงเชื่อว่าปู่ของตนคงเห็นแก่ความดีที่จางเหาอุปการะตนไว้ จึงอยากตอบแทนบุญคุณด้วยการญาติดีกับลุง ดังนั้นอาเล้งจึงยอมนำทางเต็งล้อไปพบบ้านป่าด้วยความเต็มใจ การเดินทางไปอย่างเงียบเชียบของเต็งล้อและอาเล้งทำให้อาฟานตื่นตระหนก เพราะมันรู้ดีว่าคนใจคออำมหิตอย่างเต็งล้อ ไม่มีวันจะยอมเลิกราความแค้นโดยง่าย แต่ครั้นจะไปขัดขวางก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ซ้ำร้ายโป๊ยตี๋เกิดล่วงรู้ว่าเต็งล้อเดินทางไปโดยไม่มีขบวนองครักษ์คุ้มกันมากมายเหมือนเช่นเคย จึงให้อากุ่ย อาเปาและลูกน้องชื่ออากวง นำทีมสังหารลอบติดตามไปหมายจะปลิดชีพเต็งล้อและจางเหาไปในครั้งนี้เลย แต่สมุนฝีมือฉกาจที่เต็งล้อพามาเพื่อสังหารจางเหา กลับต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือของอาเปา อากุ่ยและอากวง จางเหาและอาเล้งตัดสินใจปักหลักต่อกรกับพวกศัตรู ด้านอาเปาที่สงสัยอากุ่ยอยู่ก่อนหน้า อาศัยจังหวะพูดจาหว่านล้อมและติดสินบนอากวงให้หักหลังและกำจัดอากุ่ย แต่สุดท้ายอาเปาก็ถูกอากวงหักหลัง และฆ่าตายโดยอาศัยการตามฆ่าเต็งล้อบังหน้า ด้านเต็งล้อฉวยโอกาสทีเผลอลงมือทำร้ายจางเหา แต่ก็ถูกจางเหาตอบโต้เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ในสภาพปางตาย แต่ ก่อนที่เต็งล้อจะเดินทางมาหาจางเหา ได้เขียนจดหมายไว้ 2 ฉบับเพื่อบอกเรื่องราวที่แท้จริงของทายาทธรรมกุลให้กับบิ๊กชาย และอีกหนึ่งฉบับรับรองความเป็นทายาทธรรมกุลที่แท้จริงของอาเล้ง เต็งล้อก็สิ้นใจตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนจางเหาก็พูดเตือนสติอาเล้งโดยยกเรื่องของหลิวกับตี๋เล็กมาเป็นอุทาหรณ์ หลังจากทนพิษบาดแผลอยู่ได้หนึ่งคืน จางเหาก็แข็งใจเดินทางไปยังหลุมศพของอาหลิวในตอนรุ่งสาง ก่อนจะหมดลมลงอย่างสงบที่นั่น หลังการตายของเต็งล้อ ซาเก๊า (แมน สุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์) ผู้ร่วมขบวนไปกับเต็งล้อและอาเล้งชี้แจงต่อหัวหน้าและสมาชิกสมาคมฯ ถึงข้อความในจดหมายครึ่งแรกของบิ๊กชาย อาเล้งปรากฏตัวพร้อมจดหมายส่วนที่เหลือและกล่องไม้ดำของจางเหา โดยออกอุบายว่าจดหมายจะเปิดก็ต่อเมื่อผ่านพิธีกงเต็กของเต็งล้อไปเสียก่อน ทำให้อากุ่ยและอากวงร้อนตัวกลัวความผิดที่ก่อ จึงชิงลงมือแย่งกล่องไม้ดำมา เกิดการต่อสู้กันจนอาเหมยถูกยิง บาดเจ็บสาหัส ส่วนกล่องไม้ดำที่อากุ่ยและอากวงได้ไป อาเล้งได้ซ่อนระเบิดอยู่ข้างในทำให้อากุ่ยต้องสูญเสียดวงตา1ข้างไปในครั้งนี้ ทางด้านโป๊ยตี๋ และอาเปียว รีบเดินทางมาดูอาการอาเหมย อาเปียวจึงสารภาพความจริงว่าตนเองและพ่อบ้านไช่ ได้แอบสืบความเคลื่อนไหวของอากุ่ยและอากวงจนรู้ว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของอาเปาพี่ชาย และเต็งล้อนั่นเอง อาเล้งซึ่งเห็นว่าทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี จึงคิดที่จะไม่เปิดเผยความเป็นทายาทที่แท้จริงของตนเอง บิ๊กชายอาศัยจังหวะนี้ให้โป๊ยตี๋สาบานต่อหน้าหัวหน้าสมาคมทั้งหมดในวันทำพิธีกงเต็กของเต็งล้อ ว่าจะจงรักภักดีกับสมาคมและตัวบิ๊กชาย แต่กลับถูกโป๊ยตี๋ซ้อนแผนให้อาเปียวและอาเหมยได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน เพื่อยุติความบาดหมางทั้งปวงเช่นกัน อาเล้งจึงพาอาเหมยหนี แต่ก็ไปไม่รอด ถูกอาเปียวตามเจอและซ้อมจนอาการสาหัส เมื่อหมดหนทาง อาเล้งจึงนำจดหมายส่วนที่สองออกมาเปิดเผยตัวความเป็นทายาท “ ธรรมกุล ” กับบิ๊กชาย ยืนหยัดที่จะกำจัดโป๊ยตี๋ แทนที่จะรอมชอมกัน ในวันงานกงเต๊กเต็งล้อ โป๊ยตี๋และอาเปียวได้เกลี้ยกล่อมหลงไป่หมิง หัวหน้าสมาพันธ์ดาวมังกรให้หนุนอำนาจตนเอง เพื่อครองตำแหน่งหัวหน้าสมาคมห้าสมุทร ส่วนอาเล้ง บิ๊กชาย ซาเก๊าและอาฟานก็วางแผนที่จะฆ่าโป๊ยตี๋และอาเปียวในวันนั้นเช่นกัน ในช่วงที่สู้กันอย่างชุลมุนโป๊ยตี๋ได้พลั้งมือแทงอาเปียวลูกชายตัวเองตาย ตัวเองก็สติฟั่นเฟือนไป อากุ่ยและอากวงรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงลักพาตัวอาลั้งและวางแผนให้อาเล้ง และอาฟานไล่ล่าตนเองไปจนถึงที่พักของหลงไป่หมิง เกิดการดวลปืนกันจนท้ายที่สุด อาเล้งและอาฟานฆ่าหลงไป่หมิง ยิ่งสร้างความระส่ำระสายให้สมาคมห้าสมุทร จนบิ๊กชายและซาเก๊าต้องตามไล่ล่าอาเล้งแทน เมื่อจวนตัว อาเล้งจึงลักพาตัวอาเหมยอีกครั้ง เพื่อล่อบิ๊กชายออกมาและได้เล่าความจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็ถูกอากุ่ยซ้อนแผน ส่งสมุนมากวาดล้าง มันฆ่าบิ๊กชาย ซาเก๊าจึงพาอาเล้งและอาเหมยหนีไปอยู่กับอาลั้ง แต่อากุ่ยตามมาทัน แล้วฆ่าอาลั้ง ส่วนอาเล้งถูกทำร้ายแต่มีชาวป่ามาช่วยชีวิตไว้ อากุ่ยจึงจับคุณหนูเหมยเป็นตัวประกันเพื่อล่ออาเล้งออกมา อาเล้งก็ตามมาช่วยอาเหมยแล้วฆ่าอากุ่ยกับลูกน้องทั้งหมด แม้สมาคมห้าสมุทรจะผ่านพ้นปัญหาทุกอย่างไปได้ด้วยดี แต่สมาคมดาวมังกรต้องการหาคนรับผิดชอบเรื่องหลงไป่หมิง จึงตามมาฆ่าอาเหมยเพื่อแก้แค้น อาเล้งเมื่อไม่เหลือคนที่รักแล้วจึงเล้นกายอยู่ในป่าเพียงลำพังแบบมังกรเดียวดาย

คุณชายจอมยุ่ง 2547

คุณชายจอมยุ่ง (2547/2004) ” ม.ร.ว.บวรเทพ ” (ธนา สุทธิกมล) หนุ่มสังคมชั้นสูง หน้าตาหล่อเหลาหาตัวจับยาก มีคู่ควงมากมายนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายต้องลงเอยด้วยการเลิกราเสมอ แม้แต่ ” ยุวดี ” (สุวัจนี ไชยมุสิก) สาวไฮโซแสนสวยที่ใครๆต่างรุมล้อม ผู้ที่ “ม.ร.ว.เทพิตา” น้องสาวคุณชายบวรเทพเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ทั้งสองคบหากันแต่ก็ไปไม่รอด สร้างความฉงนให้แก่คนในสังคมเป็นอย่างมาก ท่านหญิงพยายามคาดคั้นความจริง ถึงสาเหตุการเลิกกับยุวดี ท่านหญิงแทบลมจับ เมื่อรู้ว่าที่ท่านชายบวรเทพเลิกกับยุวดีเป็นเพราะเกิดทำพลาดผู้หญิงคนหนึ่ง ท้อง ! “กิ่งเกด” (ธิญาดา พรรณบัว) ที่ตกงานมาเป็นปีจนเงินที่มีอยู่เริ่มจะหมดลง เลยตัดสินใจไปทำงานถึงบ้านไร่ ดอกรัก กิ่งเกดต้องตกใจที่ได้รู้งานที่จะได้รับคือการ เป็นภรรยาคุณชายบวรเทพเพื่อเล่นละครตบตาน้องสาวที่กำลังจะเดินทางมา กิ่ง เกดจะไม่รับทำแต่คุณชายบวรเทพเสนอเงินก้อนหนึ่งให้กับกิ่งเกดและสัญญาจะไม่ ล่วงเกิน กิ่งเกดอยากได้เงินก้อนหนึ่งมาเปิดร้านเบเกอรี่ให้กองแก้ว เพื่อกองแก้ว พี่สาวจะได้มีรายได้มากขึ้น กิ่งเกดจึงยอมเล่นเป็นภรรยาคุณชายบวรเทพตัวปลอม ยุวดีมาตามตัวเรย์ (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) ที่บ้านไร่ดอกรักจริงดังคาดอาละวาดจะเอาเรย์คืน แต่พอเห็นคุณชายบวรเทพอยู่ กับกิ่งเกด นึกว่ากิ่งเกดเป็นภรรยาคุณชายบวรเทพจริงๆ ทำเอาอาการป่วยทางจิตกำเริบต้องการให้ทั้งสองคนแตกแยกเพราะอยากเห็นทุกคน ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เข้าใจกันจึงเลิกสนใจเรย์ หันมาสนใจคุณชายบวรเทพแทน ทุกคนตั้งตัวไม่ทันที่ยุวดีกลับลำมายุ่งกับคุณชายบวรเทพแทนมีแต่คุณชาย บวรเทพเท่านั้นที่นิ่งเฉยเพราะรู้ดีว่ายุวดีเป็นคนเช่นไร ไม่เช่นนั้นคงไม่หนีจากยุวดีมาก่อน ยุวดีมาอยู่ที่บ้านไร่ดอกรัก ประกาศความเป็นเจ้าของคุณชายบวรเทพและหาเรื่องกิ่งเกดบ่อยครั้ง หลัง จากนั้นกิ่งเกดพยายามอยู่ห่างคุณชายบวรเทพแต่คุณชายบวรเทพไม่ยอมแพ้พยายาม อยู่ใกล้กิ่งเกดมากขึ้นกว่าเดิม ยุวดีเห็นเลยยิ่งพยายามแย่งคุณชายบวรเทพมาให้ได้ จนอาการป่วยเริ่มรุนแรงขึ้นถึง ขั้นทำร้ายกิ่งเกดจนได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง ทั้งหมดจึงตกลงที่จะพายุวดีไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการทางจิต ยุวดีไม่ยอมรับว่าตัวเองกำลังป่วยไม่ยอมไปพบจิตแพทย์ เรย์กับ ม.ร.ว.เทพิตามีโครงการจะทำรีสอร์ทจึงขอซื้อที่ดินบางส่วนของไร่ คุณชายบวรเทพเห็นด้วยจึงตกลงขายที่ดินบางส่วนให้ ทั้งสองจึงช่วยกันดูแลทำรีสอร์ทช่วงเวลาเดียวกันโชคชัยที่หย่าขาดกับภรรยา เรียบร้อย รู้ว่ากิ่งเกดมาทำงาน ที่บ้านไร่ดอกรักจึงตามมาปรับความเข้าใจ การมาของโชคชัยสร้างความตกใจให้กิ่งเกด เป็นอย่างมากแต่สร้างความไม่พอใจให้กับกองแก้วและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณชาย บวรเทพที่รู้สึกขักลูกหูลูกตาเป็นพิเศษโชคชัยเองก็เช่นกัน ทำให้ทั้งคุณชายบวรเทพกับโชคชัยจึงชอบแขวะกันไปแขวะกันมาเสมอ คุณบวรชายเทพจึงบอกว่ากิ่งเกดเป็นภรรยาและเล่นบทสามีเต็มที่ โชคชัยไม่เชื่อเลยถามกิ่งเกด กองแก้วเห็นกิ่งเกดอึกอักไม่ยอมตอบเลยตอบแทนและไล่โชคชัยให้กลับไป โชคชัยอยากรู้ความจริง เลยแอบมาถามความจริงกับกิ่งเกด กิ่งเกดสงสารโชคชัยจึงเล่าความจริงทั้งหมดให้โชคชัยฟังและขอเป็นเพียงเพื่อน คนหนึ่งเพราะกิ่งเกดรู้ว่าเธอกำลังรักใครอยู่ โชคชัยเสียใจแต่ก็อวยพรให้กิ่งเกดสมหวังทั้งสองไม่ทันรู้ตัวว่ายุวดีกำลัง แอบฟังอยู่ ยุวดีจึงมาบอกคุณชายบวรเทพว่ารู้ความจริงทั้งหมดแล้วและจะต้องแต่งงานกับคุณ ชายบวรเทพให้ได้ ยุวดีอยากกำจัดกิ่งเกดให้พ้น ทางเลยโกหกกิ่งเกด ว่าอยากไปเล่นน้ำตกท้ายไร่แต่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน กิ่งเกดหลงเชื่อจึงไปเป็นเพื่อน เมื่อไปถึงยุวดีขู่จะทำร้ายกิ่งเกดถ้ายังไม่ไปจากบ้านไร่ดอกรัก และทิ้งกิ่งเกดไว้ที่น้ำตกตลอดเวลาที่กิ่งเกดนอนซมเพราะพิษไข้ คุณชายบวรเทพจะมาคอยดูแลอาการกิ่งเกดอย่างใกล้ชิดเหมือนคนรักกันจริงๆ โชคชัยที่แอบดูทั้งสองคนโดยตลอดเวลาได้แต่เสียใจที่แต่ก่อนไม่หนักแน่นพอจึง ทิ้งกิ่งเกดไป ต่อมากิ่งเกดอาการดีขึ้นโชคชัยจึงมาบอกว่าตัดสินใจจะกลับกรุงเทพฯ กิ่งเกดอวยพรให้โชคชัยโชคดี ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ยุวดีที่ป่วยหนักจนไม่สามารถควบคุมตัวเอง แอบเข้ามาที่ห้องนอนของกิ่งเกด หยิบปืนขึ้นมายิงใส่กิ่งเกดโชคชัยเห็นพอดี จึงผลักกิ่งเกดให้หลบแต่ก็ถูกลูกกระสุนเฉี่ยวที่แขนยุวดี โมโหเลยยิงโชคชัยที่กลางอกจนล้มลง คุณชายบวรเทพได้ยินเสียงปืนจึงเข้ามาดูและแย่งปืนจากยุวดี คุณชายบวรเทพแย่งปืนจากยุวดีมาได้จึงสั่งให้ตระการ ไปตามหมอ และพายุวดี โชคชัย กิ่งเกด ไปโรงพยาบาล ยุวดีกลายเป็นคนประสาทถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลโรคประสาท ม.ร.ว.เทพิตามักจะมาดู แลอาการของยุวดีเสมอเพราะอย่างไรก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน เรย์เลยรับที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายในการรักษาอาการป่วย ของยุวดี ส่วนกิ่งเกดนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ผิดกับโชคชัยที่บาดเจ็บสาหัสเข้าห้องไอซียู กิ่งเกดเป็นห่วงโชคชัยเพราะคิดว่าตัวเป็นต้นเหตุทำให้โชคชัยมาโดนลูกหลง จึงคอยมาอยู่ดูอาการโชคชัยตลอดเวลาจนอาการ โชคชัยดีขึ้นทำให้คุณชายบวรเทพเข้าใจผิด ไม่พอใจเพราะคิดว่ากิ่งเกดยังคงมีใจให้กับโชคชัยอยู่ ทั้งสองจึงเกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง คุณบวรเทพจึงถามกิ่งเกดคิดอย่างไรกับคุณชาย กิ่งเกดไม่ตอบแต่ขอไปจากบ้านไร่ดอกรัก คุณชายบวรเทพแน่ใจ ว่าห้ามกิ่งเกดไม่ได้เพราะที่ผ่านมาทั้งตัวคุณชายและกิ่งเกดต่างไม่แน่ใจว่า แท้จริงรู้สึกกันเช่นไร คุณชายบวรเทพจึงไม่รั้งที่กิ่งเกดจะไป กองแก้วรู้ว่ากิ่งเกด จะไปจากบ้านไร่ดอกรักจึงขอร้องไม่ให้ไปแต่กิ่งเกดไม่ยอม กองแก้วจะกลับไปอยู่กรุงเทพฯด้วย แต่กิ่งเกด รู้ว่ากองแก้วกับตระการต่างมีใจให้กันอยู่ถึงขั้นเตรียมจะหมายหมั้นแต่งงาน จึงห้ามและขอให้กองแก้วอยู่ที่บ้านไร่ดอกรักต่อไป กิ่งเกดกลับไปใช้ชีวิตที่ กรุงเทพฯอย่างคนเศร้า สร้อยอมทุกข์ พยายามหางานทำเพื่อลืมคุณชายบวรเทพ กิ่งเกดได้ทำงานเป็นฝ่ายบัญชีให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง โชคชัยรู้ว่าคุณชาย กับกิ่งเกดเข้าใจผิดกันเพราะตนเป็นต้นเหตุ จึงมาปรับความเข้าใจกับคุณชายบวรเทพ ว่าคนที่กิ่งเกดรัก คือคุณชายบวรเทพ แต่ที่กิ่งเกดเก็บไว้ไม่บอกเป็นเพราะคิดว่ากิ่งเกดกับคุณชายบวรเทพแตกต่าง กันจนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้คุณชายบวรเทพจะตัดสินปัญหานี้อย่างไร ความรักของคุณชายจอมยุ่งจะลงเอยกับสาวชาวบ้านได้ไหม…..ติดตามได้ในคุณชายจอมยุ่ง

นางนกต่อ 2547

นางนกต่อ (2547/2004) ขิงผสมน้ำยาปลูกหนวดขาย สรดิษจะจับขิงโทษฐานหลอกลวง ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในเมืองกรุงขิง (บัวชมพู ฟอร์ด) เด็กสาวชาวสลัมกำลังขะมักขะเม้นผสมน้ำยาปลูกหนวดในครัวเพื่อเอาไปขายงานวัด กับหทัย อีกฟาก ตำรวจกำลังเกลี้ยกล่อม ให้คนร้ายปล่อยตัวประกัน โดยมีวนิช (ชาญชัย วราวิทยา)จ่าอ้วน กำลังคิดหาแผนการเข้าช่วยเหลือตัวประกันให้ปลอดภัยที่สุด ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้กองสรดิษ (ภัทรพล ศิลปาจารย์) จะโหนสลิงขึ้นทางหลังตึก บุกชาร์ตตัวคนร้ายได้ก่อนใคร แต่กลับมีคนร้ายอีกคนเข้ามาแย่งตัวประกันไปอีกจนได้ สรดิษตัดสินใจกระโดดรวบตัวคนร้ายพุ่งตกตึกไปในแม่น้ำ ทำเอาทุกคนใจหาย ใจคว่ำ กับความบ้าระห่ำของสรดิษ จนสารวัตรต้องเรียกสรดิษไปต่อว่าพิมพ์สิริหลงรักดิษ สรดิษเซ็งที่แม่จะจับคู่ให้ขิงไปส่งหทัยที่บ้านและแบ่งเงินที่ขายน้ำยาปลูก หนวดให้หทัยเอาไปรักษายุพา (รสริน จันทรา) ผู้เป็นแม่ ส่วนที่บ้านสรดิษคุณหญิงสุรางคณา (อรสา พรมประธาน) แม่ของดิษกับประกิต ((หมู สมภพ เบญจาธิกุล)) ผู้เป็นพ่อ เห็นข่าวที่ดิษจับตัวคนร้ายจนตกแม่น้ำถึงกับเป็นลมล้มพับไป พิมพ์สิริ(เจมี่ บูเฮอร์) เองก็ได้ดูข่าวสรดิษเช่นกัน พิมพ์สิริถึงกับออกปากชื่นชมสรดิษ พิมพ์สิริหลงรักสรดิษในทันที จนทำให้อิฐ(เรืองฤทธิ์ วิศมล) เกิดหมั่นไส้ดิษขึ้นมาพิมพ์สิริ ขอร้องชิงชัย (คาเมล ซาวาลา) ผู้เป็ฯพ่อ พาไปพบคุณหญิงสุรางคณาแม่ขอวดิษเพื่อจะหาโอกาสใกล้ชิดกับสรดิษด้วย สุรางคณา กับชิงชัยพยายามจะจับคู่ให้ดิษกับพิมพ์สิริกัน สรดิษรู้ทันจึงขอตัวออกไปทำงาน ทำให้พิมพ์สิริเซ็งมาก ขิงเปิดบ่อนหวยปิงปองสรดิษกับวณิชจับเข้าคุกสรดิษ (ภัทรพล ศิลปาจารย์) ชวนวณิช (ชาญชัย วราวิทยา) ออกตรวจพื้นที่ เจอกับขิง (บัวชมพู ฟอร์ด) กำลังจับหวยปิงปอง หทัย (มนชญา ศรีสวัสดิ์) และชาวบ้านหนีเอาตัวรอดมาได้ขิงเลย โดนจับไปคน เดียว หทัยรีบตามทวี (นครินทร์ กุลกัลยาดี) ให้ไปช่วยขิงที่โรงพัก วนิดา (สมาพร เขียวบวร) น้องสาวทวีคู่ปรับของขิง ตามไป สมน้ำหน้าขิงที่โรงพักด้วยขิงอ้อนวอนจนวณิชใจอ่อนช่วยแต่ดิษไม่ยอมทวีเลย จ่ายค่าปรับให้ขิง สรดิษจ้องหน้าอาฆาตแค้นขิง และขู่ว่าถ้ามีครั้งต่อไปไม่รอดแน่ วนิดาถูกใจสรดิษ สมพลจับได้ว่าขิงโกงไพ่สามใบแม่วาสโดนคาดคั้นให้พาขิงมาที่เลาจน์ ขิงเล่ห์เหลี่ยมแพราวพราว หลอกชาวบ้านแทงหวย ปิงปองได้เงินเยอะ แต่พลาดท่าถูกสมพลนักเลงใหญ่จับได้ว่าขิงโกง ขิงเกือบโดนลูกน้องสมพลจัดการ แต่สมพลห้ามไว้เพราะ อยากได้เด็กฉลาดอย่างขิงมาเป็นลูกน้อง สรดิษกับวณิชเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลยชวนขิงไปเลี้ยงข้าว วณิชขอให้ขิงเป็นนาง นกต่อให้ตำรวจ ขิงไม่อยากทำแต่ดิษกับวณิชขู่จะเอาเรื่องขิงกับหทัยที่เปิดบ่อน หลังจากแยกกันขิงซื้ออาหารไป ฝากแม่วาส (อุทุมพร ศิลาพันธุ์) ซึ่งทำงานที่คอกเทลเลาจ์น ทำให้ขิงได้เจอเสี่ยเสนา (แดนนี่ ศรีภิญโญ) เสี่ยเสนาชอบขิงเลยให้เจ๊ยุวดี (รัญญา ศิยานนท์) กับป๋าศักดิ์ดา (จิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ) ติดต่อให้ เจ๊ยุกับป๋าศักดิ์ดาบีบให้แม่วาสพาขิงมาทำงานที่เลาจ์น

กำกับรัก กำกับหัวใจ (2547/2004) แก้ว แม่ค้าน้ำใบบัวบกช่างฝันผู้ปรารถนาอยากเป็นนางเอกในดวงใจของ ภีม พระเอกหนุ่มขวัญใจมวลชน เธอกำลังฝันกลางวันถึงภีมจนเทศกิจเข้ามาถึงตัวทำให้ต้องหลบหนีด้วยลีลาผาดโผนจนไปสะดุดตา จอมพล อดีตพระเอกชื่อดังซึ่งผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับละคร และกำลังหานางเอกนักบู๊สำหรับละครเรื่องแรกของเขา จอมพลชอบใจฝีมือของแก้วและต้องการมาเป็นนางเอกของเขา แก้วมีปัญหาเรื่องค่าเช่าบ้านจึงไปเป็นสตั๊นท์ให้กับ ดาราฉาย นางเอกยอดนิยมตามคำชวนของ เหมียว เพื่อนซี้ ทำให้เธอได้พบกับจอมอีกครั้ง จอมประกาศให้แก้วมารับบทนางเอกในละครเรื่องใหม่ สร้างความไม่พอใจให้ดาราฉาย ที่ต้องการรับบทนางเอกเช่นกัน ติดตามต่อได้ใน กำกับรัก กำกับหัวใจ

เก่งไม่เก่งไม่เกี่ยว 2547

เก่งไม่เก่งไม่เกี่ยว (2547/2004) ในช่วงเปิดเทอมของทุกปี แป๋ง มีภารกิจต้องเข้าบ่อน ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ชอบเล่นการพนัน แต่ต้องการหาเงินมาช่วยเด็กด้อยโอกาส ในชุมชนที่อยู่ในความดูแลของครูสายใจผู้เป็นแม่ โดยทุกอย่างทำไปอย่างลับๆ ครูสายใจอยากได้ที่ทำโรงเรียนให้เด็กแต่ก็เป็นได้แค่ความหวังอันเลื่อนลอย ไม่เหมือนบ่อนที่มีอยู่มากมายทั้งเล็กทั้งใหญ่ ครูสายใจเกลียดบ่อน เกลียดการพนันทุกชนิด โดยเฉพาะ “บ่อนสี่มุมเมือง” เกลียดโดยที่ไม่สามารถอธิบายให้แป๋งเข้าใจได้ แต่วันหนึ่งก็มีเหตุจำเป็นให้แป๋งต้องเดินเข้าบ่อนแห่งนี้ด้วยเหตุผลเพื่อช่วยราชการและเรื่องราวความวุ่นวายก็เลยเกิดขึ้น เดือนเมษายน ของทุกปี แป๋ง (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) กับหมูยอ (ลีโอ พุฒ) คู่หูวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยชุมชนน้ำใสใจดี มีภารกิจสำคัญคือเข้าบ่อน เพื่อใช้พรสวรรค์เรื่องโชคหาเงินจากบ่อน… สิ่งเหล่านี้แป๋งได้มาจากสายเลือดนักพนันผู้เป็นพ่อ “เซียนพนันพันมือ” (สันติสุข พรหมศิริ) และก็ได้ผลเสมอมาอย่างหาตัวจับได้ยาก เหตุผลที่แป๋งทำก็เพราะต้องการช่วยหาเงินค่าเทอมให้กับเด็กๆ ที่เรียนดีแต่ด้อยโอกาสในชุมชน ในความดูแลของครูสายใจ (ดวงใจ หทัยกาญจน์) แม่ของแป๋งและครูผู้ช่วยอย่าง แดงน้อย (พุ?ธชาด พงษ์สุชาติ) สิ่งที่แป๋งคิดอยู่ในหัวตลอดก็คือ “บ่อนในประเทศมีเยอะแยะมากมาย ถ้าเปลี่ยนบ่อนให้เป็นโรงเรียนได้ ประเทศชาติจะเจริญกว่านี้อีกเยอะ” แต่เมื่อโดนถามว่าจะไปไหน แป๋งจะตอบว่าไปบ่อน ไปฟอกเงินและในครั้งนี้ก็เหมือนกับทุกครั้ง แป๋งกับหมูยอก็เดินเข้าไปในบ่อน จังหวะที่แป๋งกับคู่หูหมูยอกำลังดวงขึ้นแป๋งก็ได้ยินเสียงคนคุม บ่อนคุยกันถึงเรื่องจะจัดการกับสายตำรวจคนนึงที่ปะปนเข้ามาทำทีเป็นขาพนัน เขารีบหาวิธีหนีเอาตัวรอด เป็นจังหวะที่แป๋งหลบหนีออกไปพร้อมกับตำรวจหนุ่มชื่อ แมน (ศินะ แพทย์รัตน์) โดนที่แป๋งไม่ลืมสั่งให้หมูยอโกยเงินมาให้หมด ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของใจกลางกรุงเทพฯ พิม หรือพิมพ์มาดา (รามาวดี สิริสุขะ) ทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรง ไม่เหมือน พัช ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพ่อ พี่ชายคนเดียวของพิม เธอน้อยใจ สับสนกับความรู้สึกที่พ่อมีต่อเธอ ซึ่งไม่เหมือนตอนที่แม่ยังอยู่ เธอไม่เคยรู้สึกว่าขาดความรักเลย ด้วยเพราะพ่อซึ่งมีเชื่อแบบจีนแท้ๆ ที่ใส่ใจแต่พัชด้วยหวังจะให้สืบทอดกิจการ พิมขับรถออกมาอย่างไม่มีจุดหมายเพื่อหนีปัญหา ด้วยความใจลอย ทำให้เธอเกือบเฉี่ยวครูสายใจ และหักหลบลงคูน้ำข้างทาง รถจมอยู่ในน้ำครึ่งคัน ครูสายใจเห็นแล้วสงสารเลยพามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผลที่บ้าน พิมประทับใจและรู้สึกแปลกๆ ต่อครูสายใจ เพราะตั้งแต่แม่ตายจากไปความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับพิม ด้าน แป๋ง หมูยอ และหมวดแมนสังเกตเห็นความเฉลียวฉลาดและความเจ้าเล่ห์ในตัวแป๋ง ทุกอย่างน่าจะราบรื่นถ้าหมูยอไม่อวดฉลาดคว้าเอาชิบในบ่อนออกมาแทนที่จะเป็นเงิน แป๋งกุมขมับ..และคิดลงมือหา เงินใหม่ แป๋งกลับมาถึงบ้านและเจอพิมเข้า ตอนแรกนึกว่าเข้าบ้านผิดแต่ดูยังไงๆ ก็เป็นบ้านแป๋งอยู่ดี จะแปลกก็ตรงที่มีผู้หญิงมาอยู่ในห้องนี่แหละ หัวใจแป๋งก็เต้นไม่เป็นส่ำ เพราะความสวยของพิม แต่เขาก็ไม่กล้าพูดไม่รู้เพราะอะไร ครูสายใจบ่นกับแป๋งว่าทำไมปีนี้มูลนิธิที่เคยช่วยยังไม่ส่งเงินค่าเทอมมาให้เด็กๆ อีก แป๋งอึกอักเพราะจริงๆ แล้วทุกอย่างแป๋งอยู่เบื้องหลังแป๋งปกปิดเรื่องเข้าบ่อนเพราะแม่ไม่ชอบ และแม่ก็บอกกับแป๋งเสมอๆ ว่า “บ่อนเป็นสิ่งไม่ดี และพ่อของแป๋งก็ตายในบ่อน” ในที่สุดแป๋งกับหมูยอก็ ตัดสินใจใช้วิธีเดิม คือบ่อน แต่แป๋งต้องเปลี่ยนไปยังบ่อนที่ใหญ่ขึ้น ความเสี่ยงสูงขึ้น ทำให้แป๋งกับหมูยอต้องวางแผนกันเป็นอย่างดีเพื่อความเนียน ความประทับใจระหว่างพิมกับครูสายใจในเรื่องโรงเรียนสอนเด็กในชุมชน พิมเอาเรื่องท่เกิดขึ้นไปเล่าให้พ่อฟัง แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามพ่อมองว่าเหลวไหล ซึ่งก็เป็นแรงผลักดันให้พิมลุกขึ้นสู้ เพื่อที่จะแสดงให้พ่อเห็นว่าเธอทำได้ ในขณะที่พิมอยากจะออกงานสังคมที่เพียบพร้อมไปด้วยเงินทอง แต่ เมย์ (คทรีนา กลอส) นักศึกษาสาวลูกป้าส้มเจ้าของร้านขายข้าวแกง กลับอยากที่จะไปอยู่ในสังคมไฮโซเพราะความทะเยอทะยาน เมย์ฝันเพียงแค่อยากแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูๆ ใช้ของราคาแพง เมย์ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอจน เธอรังเกียจสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเธอรวมทั้งแม่ด้วย นั่นทำให้เมย์ไม่เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านโดยเฉพาะครูแดงน้อย ยกเว้นหมูยอที่หลงรักเมย์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น แล้ววันหนึ่งเมย์ก็พลาดท่าขายตัวให้กับเสี่ยคนหนึ่ง เพียงแค่แลกกับของหรูหราราคาแพง เมย์ติดโรคและคนที่เข้ามาช่วยเหลือเมย์ก็คือแดงน้อย แดงน้อยสอนเมย์ให้รู้จักโลกอีกด้านหนึ่งซึ่งมีแต่สิ่งที่ดีงามกว่า ส่วนหมูยอ เมย์ก็ได้เห็นความจริงใจที่หมูยอมีให้ แต่เมย์ก็รับหมูยอได้แค่เพื่อนเท่านั้น งานอดิเรกอย่างหนึ่งของแป๋งกับหมูยอ ก็คือการไปร่วมเล่นไพ่ตองกับคนแก่ในชุมชน ที่มีขาประจำอย่าง ป้าเอียด ป้าแต๊ว ลุงทอง เพื่อนซี้ต่างวัยของแป๋ง เขามักแกล้งเล่นแพ้เพื่อให้คนแก่เหล่านั้นได้เงิน และไม่ใช่แค่คนแก่เท่านั้นที่เรียกร้องให้แป๋งเล่นด้วย ยังมี เฮียหมง(ซูโม่ เป๊บซี่) นักเลง ประจำซอยที่ชอบรีดไถเงินจากชุมชน ทางด้านพิมก็อยากจะทำตัวให้มีประโยชน์กับชุมชน แดงน้อยเสนอให้พิมมาช่วยสอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ แค่วันแรกของการเป็นครูฝึกสอน เด็กๆ ก็ติดกันเกรียว ชื่อเสียงของพิมเลื่องลือระบือไกลจนไปเข้าหูเฮียหมง ทันทีที่เฮียหมงเจอพิมก็ตกหลุมรักในทันที เฮียหมงพยายามทำตัวเป็นคนดีเพื่อพิม และเสนอหน้ามาขอนั่งเรียนด้วย ด้านแป๋งยังคงไม่กล้าพูดกับพิมแต่แอบซ้อมทำเป็นทักทายหน้ากระจก จนกระทั่งวันหนึ่งแป๋งเห็นชายหนุ่ม หน้าตาดีมารับมาส่งพิม ด้วยแรงหึงทำให้แป๋งพลั้งปากกระแหนะกระแหนพิมออกไป ด้วยความหัวเสียบวกที่ไม่ได้พิมมาเป็ยเมียซะที ทำให้เฮียหมงวางแผนฉุดพิม แต่ แป๋ง หมูยอและชาวบ้านมาช่วยพิมได้ทันก่อนที่จะเสียตัว เรื่องไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อครูสายใจถูกรถชนอาการสาหัส ตั้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก พิมเอาเงินค่ารักษาครูสายใจมาให้แป๋งในเบื้องต้น แต่ความซวยก็มาเยือนแป๋งกับหมูยอ เมื่อศัตรูจากบ่อนเก่าเจอและจำได้ว่าแป๋งคือคนที่ร่วมก่อปัญหาในบ่อน ทั้งคู่ตกในที่นั่งลำบากแต่ด้วยความฉลาดของแป๋ง แป๋งลากหมูยอเข้าโรงพักมอบตัวให้ตำรวจในข้อหาลักทรัพย์ (แจ้งความเท็จ) เพื่อหนีพวกมาเฟีย ขณะเดียวกันหมวดแมน….ก็กำลังจะถูกปลดเพราะผลงานไม่เข้าตา หมวดแมนออกมาเจอแป๋งกับหมูยอ เขารีบเข้าไปยื่นข้อเสนอการเป็นสายให้ตำรวจกับแป๋ง 2 คู่หูปฏิเสธทันทีเพราะไม่อยากยุ่งกับพวกสีกากี ไม่ว่าหมวดแมนจะพูดยังไงแป๋งก็ไม่ยอม ด้านครูสายใจอาการทรุดหนักต้องผ่าตัดอีก แต่ครั้งนี้ต้องใช้เงินมากกว่าครั้งแรก แป๋งตัดสินใจเป็นสายให้หมวดแมน และแล้วภารกิจสายสืบก็เริ่มขึ้น โดยเริ่มเรื่องจากบ่อนสี่มุมเมือง บ่อนสี่แห่งของเจ้าพ่อกระจับทอง แป๋งไม่ได้ทำให้หมวดแมนผิดหวังเพราะข้อมูลที่เขาสืบมาได้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น หมวดแมนคิดหนักถึงวิธีที่จะผ่านเข้าไปในบ่อนวิธีที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ปลอมตัวแป๋งและหมูยอเป็นนักธุรกิจ แป๋งขอร้องให้พิมช่วยปลอมตัวเป็นเลขาเพราะพิมพูดภาษาอังกฤษคล่อง ส่วนหมูยอเป็นบอดี้การ์ด แป๋งรายงานความคืบหน้า หมวดแมนวางกำลังตำรวจเข้าจับกุมบ่อนที่หนึ่ง แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เพราะเจ้าพ่อกระจับทองไหวตัวทัน เมื่อครั้งนี้พลาด แต่ไม่ต้องห่วง เพราะแป๋งมีแผน “ในเมื่อกฏหมายทำอะไรมันไม่ได้ แต่ลูแป๋งคนนี้ทำได้” แผนของแป๋งก็ คือการทำให้เจ้าพ่อกระจับทองหมดตัว และแผนนี้ลูแป๋งพลาดไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว การปฏิบัติภารกิจของแป๋งดำเนินมาจนถึงบ่อนสุดท้าย นั่นก็คือ “บ่อนกระจับทอง” บ่อนยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนหนาที่สุด แป๋ง หมูยอ พิม เข้าไปในบ่อนพร้อมกับฝากคำท้าทายไปถึงเจ้าพ่อกระจับทอง ว่าถ้าไม่อยาก ให้บ่อนฉิบหายเป็นแห่งที่สี่ก็ให้ออกมา แต่ด้วยความเก๋าของเจ้าพ่อกระจับทอง จึงส่งตัวแทนออกมาดูฝีไม้ลายมือแป๋งถึงสองคน แต่ทั้งสองคนก็ต้องพ่ายแป๋งราบคาบ เจ้าพ่อกระจับทองตัวจริงจึงโผล่ออกมา แป๋งจะเล่นชนะเจ้าพ่อกระจับทองและทำในสิ่งที่เขาหวังมาทั้งชีวิตได้หรือไม่ แล้วชีวิตของแป๋งยิ่งเรื่องความรักของเขากับคุณพิม และชุมชนน้ำใสใจดีจะเป็นอย่างไรต่อไป ติตตามได้ใน “เก่งไม่เก่ง…ไม่เกี่ยว”

ธรรมะติดปีก 2 (2547/2004) วายุ ได้บวชเรียนมาหลายพรรษาจนได้เป็นมหา แต่ก็ต้องสึกออกมาเพื่อดูแลพ่อที่ป่วย จนเสียชีวิต วายุจึงไปเป็นที่ รร.สอนดีวิทยา ซึ่งมักใช้นำธรรมะเข้ามาสอนบรรดานักเรียนที่มีปัญหาโดยถ้าใครที่เกเรดื้อรั้นจะถูกส่งเข้า "ห้องดับร้อน" ของวายุ ทำให้นักเรียนไม่ชอบ รับขวัญ เป็นนักศึกษาฝึกงานที่มาฝึกงานที่ รร.สอนดีวิทยา รับขวัญได้รู้เรื่องจากไดอารีออนไลน์ของกิญา จึงเดินทางมาถึง รร.สอนดีวิทยา ซึ่งวายุคิดว่านักศึกษาฝึกงานที่มาที่นี่นั้นจะต้องไม่สวยเพราะอยู่ห่างไกล ความเจริญไม่มีใครอยากมา แต่กลับพบว่า รับขวัญ มีหน้าตาสวยงาม ท่าทาง เฉลียวฉลาด ทันสมัย ทำให้วายุซึ่งมีธรรมใจเต็มร้อยต้องตะบะแตกเพราะความน่ารักของรับขวัญ โดยการ ส่งเพลง "รักแท้" ไปยังโทรศัพท์ของรับขวัญ รับขวัญไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมาให้ เปรี้ยวและดำ ถูกหลวงตาส่งมาเรียนหนังสือที่ รร.สอนดีวิทยา เปรี้ยวและดำ ดีใจไม่ต้องเป็นเด็กวัดทำงานที่วัด โดยที่หลวงตาได้ฝากเด็กทั้ง 2 ให้อยู่ในความดูแลขอลเดช ที่เด็กคิดว่าเป็นครูใหญ่ของ รร. และหวังว่าการมาอยู่ที่ รร. นี้จะสบายไม่ต้องทำงานอะไรเพราะเดชเป็นถึงครูใหญ่ แต่เมื่อมาถึงแล้วก็รู้ว่าเดชเป็นเพียงภารโรงเท่านั้น และเดชยังไปขอกับครูระเบียบให้เปรี้ยวและดำ ช่วยทำงานเพื่อแลกกับค่าเทอม เฉิ่มเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่งที่พบกับเปรี้ยวและดำ และเปรี้ยวและดำ หวังจะเกาะเฉิ่มเพื่อลอกการบ้าน แต่กลับกลายเป็นว่าเปรี้ยวและดำต้องรับบทหนัก เพราะเฉิ่มเป็นคนที่เฉื่อยชา พูดช้า และกะปอมซึ่งเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านที่มีนิสัยชอบอวด มักมีของที่ทันสมัยมาอวดเพื่อนๆเสมอ ห่อหมกซึ่งไม่เคยกลัวใครนอกจากการอ่านหนังสือเท่านั้น ยังมีหนูแย้ซึ่งเป็นคนไม่มั่นใจในตนเอง ไม่กล้าตัดสินใจ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เปรี้ยวและดำ จะไม่ถูกกับกะปอม จะมีเรื่องกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่จะสมานฉันท์กันในเรื่องไม่ชอบอ่านหนังสือ วายุและรับขวัญพยายามหาวิธีทำให้บรรดานักเรียนมีใจรักการอ่านหนังสือ โดยคิดจัดทำห้องสมุด แต่เมื่อไปดูห้องสมุดเก่าพบว่าไม่สามารถใช้การได้เพราะว่าพุพังไม่มีคนดูแลนอกจากเดช รับขวัญเกิดไอเดียสร้างห้องสมุด และจำได้ว่ากิญาเขียนเล่าในไดอารีออนไลน์ เรื่อง "อนงค์" บอกว่าการสร้างห้องสมุด อนงค์ยินดีให้ทุน วายุและรับขวัญนำเงินที่อนงค์ให้มาสร้างห้องสมุด รวมทั้งคอมพิวเตอร์และสื่อมัลติมีเดียต่างๆ แต่เปรี้ยวและดำ จะเข้าห้องสมุดก็ต่อเมื่อไปแอบงีบหรือโดดเรียนวิชาดับร้อนของวายุ จนวายุและรับขวัญต้องออกอุบายจัดงานเลี้ยงขอบคุณอนงค์ในการสนับสนุนการสร้างห้องสมุด และให้ครูระเบียบประกาศให้นักเรียนเล่นละครเป็นตัวแทน ของ รร.เพื่อขอบคุณอนงค์ หากไม่ทำจะถูกทำโทษ เปรี้ยวและเพื่อนไม่รู้จะแสดงอะไรจึงไปปรึกษาวายุและรับขวัญ บอกให้ทุกคนไปค้นคว้าและหาคำตอบในห้องสมุดเอง เปรี้ยวและเพื่อนตกลงจะเล่นละครเรื่อง "พระอภัยมณี" ตอนสมุทรน้อยปราบนางผีเสื้อสมุทร วายุและรับขวัญแอบดูเปรี้ยวและเพื่อนๆ แสดงความดีใจที่เปรี้ยวและเพื่อนๆใช้ความรู้ทุกอย่างในห้องสมุดอย่างคุ้มค่า ในการแสดงทุกคนร่วมกันเขียนบทและแสดง เฉิ่มแสดงเป็น พระอภัยมณี ดำแสดงเป็น นางผีเสื้อสมุทร เปรี้ยวแสดงเป็น ฤาษี หอหมก แสดงเป็น สินสมุทร กะปอม แสดงเป็นนางเงือก หนูแย้ แสดงเป็น พ่อนางเงือก ทุกคนต่างขะมักเขม้นในการซ้อม จนถึงวันแสดง ขณะที่กำลังแสดงบนเวที เฉิ่มผู้เป่าปี่เชื่องช้าไม่ทันใจดำ เพราะอายที่ต้องแสดงเป็นนางผีเสื้อสมุทร ดำต่อว่าเฉิ่ม ทำให้กะปอมไม่พอใจ จนทั้ง 2 ฝ่ายทะเลาะวายุรับขวัญและครูอื่นๆ ต้องมาห้ามทัพ และพาไปอบรมที่ห้องดับร้อน หลังจากเหตุการณ์นั้นแล้วเปรี้ยวและเพื่อนๆ ก็ยังไม่รักการอ่านเหมือนเดิม ทำให้รับขวัญท้อใจ แต่วายุก็ปลอบใจและให้กำลังใจรับขวัญจึงฮึดสู้อีกครั้ง ด้วยสอนแนวใหม่ ให้เปรี้ยวและเพื่อนๆมีส่วนร่วมในการเรียน ด้วยการไปค้นคว้าคำตอบในห้องสมุดด้วยตนเอง ดังนั้นเปรี้ยวและเพื่อนๆ ต้องค้นคว้าหาความรู้และเกิดการอลวนเมื่อต้องพบปัญหา จนเปรี้ยวและเพื่อนๆ รู้สึกแท้จริง หนังสือไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดกลับมีคุณค่า จนในที่สุดก็รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ สร้างความดีใจแก่รับขวัญเป็นอย่างยิ่ง และคนที่รับขวัญอยากขอบคุณมากที่สุดคือ วายุ และแล้วรับขวัญได้ฝึกสอนครบตามกำหนดท่ามกลางความใจหายของเปรี้ยวและเพื่อนๆ เปรี้ยวและเพื่อนจึงแสดงละครส่งครูรับขวัญ ก่อนจบงานวายุตัดสินใจขึ้นเวทีร้องเพลง "รักแท้" รับขวัญตกตะลึงไม่คิดว่าผู้ที่ส่งเพลงให้ตัวเองคือ วายุ วายุบอกกับรับขวัญว่าเขาจะอยู่ที่หมู่บ้านลืมบำรุง รับขวัญสัญญาว่าเปิดเทอมหน้าเมื่อเรียนจบจะกลับมาหา มาเป็นครูชนบทช่วยเขาติดปีกความรู้ให้แก่เด็กๆ ทุกคนอย่างแน่นอน