เจ้าหญิงแตงอ่อน 2555

เรื่องย่อ : เจ้าหญิงแตงอ่อน (2555/2012) เจ้าหญิงแตงอ่อนอรดี เป็นธิดาของกษัตริย์เมืองตะนูวดี มีพี่ชายชื่อ เจ้าชายสุดชฎา และมีพี่ชายต่างมารดาอันเกิดจากสนมชื่อ พระไวยราช พระไวยราชถูกมนต์สะกดของอสูรร้ายให้กระทำการชั่วต่าง ๆ นานา ทั้งยึดเมืองและต้องการได้นางแตงอ่อน น้องสาวต่างมารดามาเป็นมเหสี นางแตงอ่อนไม่ยินยอมจึงถูกฆ่าตาย พระสุดชฎาเสียใจมาก จึงอุ้มศพนางแตงอ่อนหนีไปถึงหน้าผาในป่า และตั้งใจจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามน้องสาว พระอินทร์จึงแปลงร่างลงมาขัดขวางและเกลี้ยกล่อมให้พระสุดชฎายอมรับอาหารที่ตนมอบให้ พระสุดชฎาจึงป้อนอาหารให้ศพเจ้าหญิงแตงอ่อน นางจึงฟื้นขึ้นมา ทั้งสองจึงซัดเซพเนจรไปอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ชายเขตแดนเมืองโกสี ซึ่งใต้ดินที่ปลูกกระท่อมนั้นมีถ้ำพญาจระเข้จำศีลอยู่ นางแตงอ่อนเผลอเทน้ำข้าวเดือดลงไปบนพื้นดิน พญาจระเข้ที่จำศีลอยู่ ถูกน้ำข้าวเดือดลวกจึงออกจากถ้ำขึ้นมาบนบึงน้ำ เกล็ดจระเข้จึงกระเด็นตกลงไปในหม้อข้าว พระสุดชฎาเสวยข้าวปนเกล็ดจระเข้ลงไป ทำให้กลายเป็นจระเข้ จึงบอกให้นางแตงอ่อนปักปิ่นลงบนศีรษะตน เพื่อจะได้เป็นที่สังเกตและแยกออกว่าจระเข้ตัวไหนเป็นพี่ชายของนาง เจ้าชายไพรงามแห่งเมืองโกสีออกประพาสป่ามาพบนางแตงอ่อนก็หลงรักและรับนางไปเป็นชายา และพาจระเข้พระสุดชฎาเข้าไปเลี้ยงในวังด้วย พวกนางสนมของพระไพรงามอิจฉาริษยานางแตงอ่อน จึงออกอุบายให้พระไพรงามออกไปคล้องช้างเผือก และสับเปลี่ยนโอรสของนางแตงอ่อนที่เพิ่งประสูติกับลูกจระเข้ ใส่ร้ายว่านางคบชู้กับจระเข้ พระไพรงามโกรธจึงขับไล่นางแตงอ่อนและจระเข้พระสุดชฎาออกจากเมือง พระอินทร์จึงให้นางแตงอ่อนบำเพ็ญพรตเพื่อช่วยให้พระสุดชฎากลับคืนร่างเป็นมนุษย์ ฝ่ายโอรสของนางแตงอ่อนที่ถูกนำไปฝังได้นางไม้พฤกษาช่วยไว้ และตั้งชื่อว่า เกตุทิพย์บดี เมื่อเกตุทิพย์บดีเจริญวัยจึงกลับเข้าเมืองโกสีและบอกความจริงทั้งหมด นางสนมจึงถูกเนรเทศ พระไพรงามและเกตุทิพย์บดีออกตามหานางแตงอ่อนและพยายามคืนดี แต่ระหว่างเดินทางกลับเมือง นางแตงอ่อนถูกพญายักษ์ลักพาตัวไป ที่เมืองของพญายักษ์มีกุมารีเกิดขึ้นในดอกบัว พญายักษ์ตั้งชื่อให้ว่า ปทุมวดี เจ้าหญิงปทุมวดีสนิทสนมกับนางแตงอ่อนจนเรียกว่าแม่ ทำให้มเหสียักษ์ไม่พอใจคิดจะทำร้ายนาง พระไพรงามกับเกตุทิพย์บดีตามมาช่วยและพานางแตงอ่อนกับปทุมวดีกลับเมืองโกสี ระหว่างทางได้พบพระไวยราชที่คลายจากมนต์สะกดหลบหนีออกจากเมืองตะนูวดี อสูรร้ายตามมา จึงถูกเกตุทิพย์บดีสังหาร พระไวยราชจะคืนราชสมบัติให้พระสุดชฎา แต่พระสุดชฎาละจากโลกีย์วิสัยแล้วจึงออกบวชแสวงหาธรรมะ ในขณะที่เจ้าหญิงแตงอ่อนได้อยู่พร้อมหน้าโอรสและพระสวามีอย่างมีความสุข ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครเจ้าหญิงแตงอ่อน ได้ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.15 - 09.15 น. ทางช่อง 7 สี

ไชยเชษฐ์ 2555

เรื่องย่อ : ไชยเชษฐ์ (2555/2012) "ท้าวอภัยนุราช" เจ้าเมืองเวสาลี มีพระธิดาองค์หนึ่ง พระนามว่า "นางจำปาทอง" เพราะเมื่อนางร้องไห้จะมีดอกจำปาทองร่วงลงมา ครั้นนางจำปาทองเจริญวัยขึ้น นางได้นำไข่จระเข้จากสระในสวนมาฟักจนเป็นตัวและเลี้ยงจระเข้ไว้ในวัง ครั้นจระเข้เติบใหญ่ขึ้น ก็ดุร้ายตามวิสัยของมัน มันเที่ยวไล่กัดชาวเมืองจนชาวเมืองเดือดร้อนไปทั่ว ท้าวอภัยนุราชทรงขัดเคือง จึงขับไล่นางจำปาทองออกจากเมืองเวสาลี "นางแมว" ซึ่งเป็นแมวที่นางจำปาทองเลี้ยงไว้ได้ติดตามนางไปด้วย นางจำปาทองกับนางแมวเดินซัดเซพเนจรอยู่ในป่า ไปพบยักษ์ตนหนึ่งชื่อ "นนทยักษ์" ซึ่งกำลังจะไปเฝ้า "ท้าวสิงหล" นางตกใจกลัวจึงวิ่งหนีไปพบ "พระฤๅษี" พระฤๅษีช่วยนางไว้ นางจำปาทองกับนางแมวจึงขออาศัยอยู่รับใช้พระฤๅษีในป่านั้น ท้าวสิงหลเป็นยักษ์ครองเมืองสิงหล ไม่มีพระโอรสและพระธิดา คืนหนึ่งท้าวสิงหลบรรเทาหลับและทรงพระสุบินว่า มียักษ์ตนหนึ่งมาจากป่านำดอกจำปามาถวาย ดอกจำปามีสีเหลืองเหมือนทองคำงามยิ่งนัก ท้าวสิงหลจึงทรงให้โหรทำนายพระสุบิน โหรทำนายว่าท้าวสิงหลจะได้พระธิดา วันนั้นนนทยักษ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหลและทูลว่าพบหญิงสาวอาศัยอยู่กับพระฤๅษีที่ในป่า ท้าวสิงหลจึงเสด็จไปหาพระฤๅษี และขอนางจำปาทองมาเป็นธิดา ประทานนามว่า "นางสุวิญชา" ฝ่าย "พระไชยเชษฐ์" เป็นโอรสเจ้าเมืองเหมันต์ พระไชยเชษฐ์มีพระสนมอยู่ 7 คน วันหนึ่งพระองค์เสด็จประพาสป่า และหลงทางเข้าไปในสวนเมืองสิงหล นางสุวิญชามาเที่ยวชมสวนพบพระไชยเชษฐ์ จึงนำความทูลให้ท้าวสิงหลทราบ ท้าวสิงหลให้พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้า พระไชยเชษฐ์จึงทูลขอรับราชการในเมืองสิงหล ต่อมามีข้าศึกยกทัพมาตีเมืองสิงหล พระไชยเชษฐ์อาสาสู้ศึกจนชนะ ท้าวสิงหลจึงทรงยกนางสุวิญชาให้เป็นชายาพระไชยเชษฐ์ พระไชยเชษฐ์จึงพานางสุวิญชากลับเมืองเหมันต์ ฝ่ายนางสนมทั้ง 7 คนริษยานางสุวิญชาที่พระไชยเชษฐ์รักนางสุวิญชามากกว่า ครั้นนางสุวิญชาทรงครรภ์จวนจะถึงกำหนดคลอดนางสนมทั้ง 7 คน ก็ออกอุบายว่ามีช้างเผือกอยู่ในป่า พระไชยเชษฐ์จึงออกไปคล้องช้างเผือก ฝ่ายนางสุวิญชาคลอดลูกเป็นกุมารมีศรกับพระขรรค์ติดตัวมาด้วย นางสนมทั้ง 7 คน นำพระกุมารใส่หีบไปฝังที่ใต้ต้นไทรในป่า เทวดาประจำต้นไม้ช่วยชีวิตพระกุมารไว้ เมื่อพระไชยเชษฐ์เสด็จกลับจากคล้องช้างเผือก นางสนมทั้ง 7 คน ทูลว่านางสุวิญชาคลอดลูกเป็นท่อนไม้ พระไชยเชษฐ์จึงขับไล่นางสุวิญชาออกจากเมือง ขณะที่นางสุวิญชาคลอดกุมารนั้น นางแมวแอบเห็นการกระทำของนางสนมทั้ง 7 คน จึงพานางสุวิญชาไปขุดหีบที่ใต้ต้นไทร แล้วพาพระกุมารกลับไปเมืองสิงหล ท้าวสิงหลตั้งชื่อพระกุมารว่า "พระนารายณ์ธิเบศร์" ต่อมาพระไชยเชษฐ์ทรงรู้ความจริงว่านางสุวิญชาถูกใส่ร้าย จึงออกติดตามนางสุวิญชาไปเมืองสิงหลและได้พบพระนารายณ์ธิเบศร์ ซึ่งกำลังประพาศป่ากับพระพี่เลี้ยง พระไชยเชษฐ์เห็นพระนารายณ์ธิเบศร์เป็นเด็กน่ารัก มีหน้าตาคล้ายพระองค์ก็มั่นใจว่าเป็นพระโอรส จึงเข้าไปขออุ้มและเอาขนมนมเนยให้ พระนารายณ์ธิเบศร์โกรธว่าเป็นคนแปลกหน้า จึงไม่ให้จับต้องและไม่ยอมเสวยขนม พระนารายณ์ธิเบศร์โกรธพระไชยเชษฐ์ที่มาจับต้องตัวและจับหัวของพระพี่เลี้ยงของตนจึงใช้ศรธนูหมายจะฆ่าให้ตาย แต่ธนูที่ยิงออกไปนั้นกลับกลายเป็นดอกไม้กระจายเติมพื้นดิน จึงทำให้พระไชยเชษฐ์เกิดความประหลาดใจยิ่งนัก จึงอธิษฐานจิตว่าถ้ากุมารองค์นี้เป็นลูกของตนที่เกิดกับนางสุวิญชาขอให้ธนูที่ยิงออกไปนั้นกลายเป็นอาหาร ทันใดนั้นพระไชยเชษฐ์ก็แผลงศรออกไปและศรธนูที่ยิงออกไปนั้นก็กลายเป็นอาหารมากมายเต็มพื้น จึงทำให้พระไชยเชษฐ์มั่นใจเป็นแน่แท้ว่าเป็นบุตรของตนจริงจัง พระไชยเชษฐ์ทรงไต่ถามพระนารายณ์ธิเบศร์เกี่ยวกับมารดา เพราะทรงจำแหวนที่พระนารายณ์ธิเบศร์สวมได้ พระนารายณ์ธิเบศร์บอกว่านางสุวิญชาเป็นแม่และท้าวสิงหลเป็นพ่อ พระไชยเชษฐ์จึงทรงเล่าเรื่องเดิมให้พระนารายณ์ธิเบศร์ฟัง ทั้ง 2 จึงทราบว่าเป็นพ่อลูกกัน พระนารายณ์ธิเบศร์พาพระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล พระไชยเชษฐ์ขอโทษนางสุวิญชา พระนารายณ์ธิเบศร์ช่วยทูลนางสุวิญชาให้หายโกรธพ่อ นางสุวิญชายกโทษให้ พระไชยเชษฐ์ นางสุวิญชาและพระนารายณ์ธิเบศร์ 3 คนพ่อแม่ลูกจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

เจ้าหญิงพิกุลทอง 2554

เรื่องย่อ : เจ้าหญิงพิกุลทอง (2554/2011) "เจ้าหญิงพิกุลทอง" เป็นธิดาของ "ท้าวสัณนุราช" กับพระมเหสี คือ "นางพิกุลจันทรา" ผู้ครองเมืองสรรพบุรี เมื่อย่างเข้าวัยรุ่นสาว ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือว่ายากที่จะหาผู้หญิงคนใดเสมอเหมือนได้ ซึ่งนอกจากเวลาพูดกับใครจะมีดอกพิกุลทองร่วงจากปาก แล้วยังมีเส้นผมที่หอมอีกด้วย วันหนึ่งนางพิกุลทองเกิดร้อนรุ่มกลุ้มอุรา จึงได้ลาท้าวสัณนุราชไปเล่นน้ำกับพระพี่เลี้ยงในลำธาร ท้าวสัณนุราชจึงให้วางตาข่ายและทุ่นไว้รอบท่าน้ำ เพราะโหรทำนายว่านางจะต้องพลัดพรากจากเมือง จะกล่าวถึงพญาแร้งชื่อว่า "ท้าวสุบรรณปักษา" บินมาเห็นซากสุนัขเน่าจึงโฉบนำกลับไปจิกกินลอยมาใกล้บริเวณที่นางพิกุลทองกับพี่เลี้ยงเล่นน้ำอยู่ นางพิกุลทองได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงใช้ให้พี่เลี้ยงไปดูก็พบพญาแร้งกำลังกินซากนั้นอยู่จึงได้พากันด่าว่าแล้วขับไล่ด้วยคำหยาบช้าต่างๆ นานา ฝ่ายท้าวปักษาก็โกรธจัดกล่าวว่า สุนัขเน่านี้ คือ อาหารของตนอยู่แล้ว นางพิกุลทองเป็นลูกเจ้าท้าวพระยาไม่น่ามากล่าวเจรจาด่าว่าขับไล่ตนเช่นนี้ว่าแล้วก็บินหนีไป แต่ท้าวปักษีก็ยังคิดจะแก้แค้นนางพิกุลทองให้ได้จึงออกอุบายแปลงกายเป็นหนุ่มรูปงามไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนขวัญของเมืองสรรพบุรี แล้วคอยเนรมิตทองคำให้ 2 ตายายใช้จนร่ำรวย โดยบอกว่าตนไปพบตอนขุดเผือกมัน อยู่มาวันหนึ่งจึงรบเร้าขอให้ 2 ตายายเข้าไปสู่ขอนางพิกุลทองมาเป็นภรรยา 2 ตายายฟังแล้วหัวใจแทบวายกล่าวว่าคิดเกินตัวอย่างนี้จะถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร ท้าวปักษาแปลงจึงแสร้งทำเป็นตรอมใจใกล้ตาย 2 ตายายจึงจำใจเข้าไปทูลสู่ขอนางพิกุลทองจากท้าวสัณนุราชได้ทราบความดังกล่าวก็กริ้วจัด กล่าวว่าถ้าคิดว่าหลานชายมีบุญวาสนาจะได้คู่กับนางจริงใกล้สร้างสะพานเงินสะพานทองจากท้ายสวนมาถึงพระราชวังภายใน 3 วันมิเช่นนั้นจะประหารทั้งโคตร 2 ตายายหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วก็นั่งซึม เอาแต่ร้องไห้แล้วต่อว่าท้าวปักษาที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตน ครั้นท้าวปักษาได้ทราบเรื่องต้องสร้างสะพานทองแล้วจึงกล่าวปลอบใจว่าถ้าตนทำไม่เสร็จจะยอมตายแทน 2 ตายายจึงค่อยโล่งใจบ้าง พอตกค่ำท้าวปักษาก็บอกว่าจะขอออกไปทำธุระข้างนอกจากนั้นก็แปลงเป็นพญาแร้งขนาดมหึมาบินกลับไปยังเขานินทะกาลา แล้วเกณฑ์ไพร่พลทั้งหลายให้มาช่วยสร้างสะพานจนแล้วเสร็จ

ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง (2553/2010) นทรา นครที่เคยอุดมรุ่งเรืองมาแสนนาน เกิดแห้งแล้งวิปริตดุจต้องอาถรรพณ์ ในคืนหนึ่งเหนือหัวจันทราทิตย์ (เบญ เบญจมินทร์) สุบินเห็นอสูรย์ร่างกระดูกบอกวิธีแก้ไข โดยให้ไปตามหาดาบ 7 สี รุ่งขึ้น...ความทราบถึงพระโอรสคู่แฝดผู้เป็นความหวังของราชวงศ์ ต่างรีบอาสาสรุปด้วยวิธีจับไม้สั้นไม้ยาว เจ้าชายไกรเดชผู้พี่ชนะ (ฟิวส์-กิตติวงศ์) และออกเดินทางไป แต่ลับหายไร้วี่แวว เจ้าชายเพชราผู้น้อง (ฟิวส์-กิตติวงศ์)ทูลขอติดตาม เหนือหัวจันทราทิตย์ทรงอนุญาต ทั้งที่ทรงวิตกว่าจะเป็นอย่างไร หากดาบ 7 สี เป็นเพียงตำนานเล่าขานเจ้าชายเพชรา (ฟิวส์-กิตติวงศ์) และหัวหมู่แก้ว (จัตวา) ทหารคนสนิทเดินทางผ่านป่าใหญ่ อันเป็นที่สถิตบำเพเพ็ญพรตของ 5 มหาฤษีดัดตนทรงฤทธิ์อันมีนามว่า โอม สุ จิ ปุ ลิ ได้ร่วมกันผนึกกำลังพลังหลอมไม้เท้าวิเศษขึ้น สามารถพูดได้เป็นพหูสูตแปลงเป็นม้าบิน และอาวุธทวนคู่กายโดยใช้ชื่อของฤาษี โอม-สุ-จิ-ปุ-ลิ เป็นคาถากำกับ ส่วนเจ้าแก้วได้ลูกอมวิเศษ อมแล้วสามารถยืดหดตัวได้

ตุ๊กตาทอง 2553

เรื่องย่อ : ตุ๊กตาทอง (2553/2010) ณ นครไกรจักร กษัตริย์พัฒธิพงษ์ ขยายอาณาเขตด้วยวิธีเล่นพนัน ชนไก่ กัดปลา เอาบ้านเมือง มีศรีสัจจาเป็นมเหสีฝ่ายขวา สร้อยสวรรค์เป็นมเหสีฝ่ายซ้าย สองมเหสีมีใจริษยาต่อกัน และไร้ซึ้งรัชทายาท หลังพนันชนไก่ได้นครปัญจาแล้ว กษัตริย์พัฒธิพงษ์ได้ทำพิธีบวงสรวงของลูกจากเทพยดาใน วันเกิดสุริยคลาส พร้อมทำบุญแผ่กุศลให้แก่วิญญาณอาฆาตของบรรดาสัตว์ที่ต้องเจ็บตายในการพนันเมือง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในความสนใจ เฝ้ามองของราชาตั๊กแตน หรือ องค์ตั๊ก สองมเหสีให้กำเนิดโอรสในเวลาไล่เลี่ยกัน ศรีสัจจามเหสีคลอดโอรสน่ารักน่าชัง ฝ่าย สร้อยสวรรค์คลอดกุมารตุ๊กตา ไม่นึกรักกลับเกลียดชัง อีกทั้งสร้อยสวรรค์เกรงกษัตริย์พัฒธิพงษ์ไม่เสน่หา ทั้งมีราชาตั๊กแตนคอยยุแยงให้สลับกุมารตุ๊กตากับโอรสศรีสัจจามเหสี เรื่องวุ่นๆ จึงเกิดขึ้นในนครไกรจักร กษัตริย์พัฒธิพงษ์ ใคร่รู้ว่ากุมารตุ๊กตาที่กำเนิดมาเป็นผู้มีบุญญาธิการ หรือเป็นกาลกิณี เลยสั่งให้ โหราธิบดีทำนายดวงชะตา จากที่โหรเฒ่าเพ่งพิศดวงชะตา รู้แจ้งว่ากุมารตุ๊กตามีกุมารน้อยรูปงาม ทรงอำนาจวาสนาแฝงองค์ อยู่ แต่ด้วยถูกสร้อยสวรรค์มเหสีฝ่ายซ้ายให้สินบนกับนางมณฑาเมียรัก กำชับให้ทำนายทายทักว่ากุมาร ตุ๊กตาเป็นกาลกิณี มีภูติร้ายสิง ควรเนรเทศศรีสัจจามเหสีและกุมารตุ๊กตาพ้นจากนครไกรจักรภายใน 7 วัน เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปติดตามชมได้ในละคร ตุ๊กตาทอง

ปลาบู่ทอง 2552

เรื่องย่อ : ปลาบู่ทอง (2552/2009) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีเศรษฐี ชื่อ ทารกะ (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) มีอาชีพจับปลา มีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา ผู้มีจิตใจดี อ่อนโยน มีลูกสาวแสนสวย เรียบร้อยเหมือนแม่ ชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี เป็นผู้มีจิตริษยาอาฆาต มารยาสาไถ ยุแหย่สามีให้เกลียด นางขนิษฐา และลูกสาวตลอดเวลา มีลูกสาวนิสัยเหมือนแม่ 2 คนชื่ออ้าย กับอี่ วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่านั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียวกลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีมีความเกลียดชังเป็นทุนอยู่แล้วจึงโมโหคว้าพายได้ ก็ฟาดจนนางขนิษฐาสลบ และผลักตกน้ำจมตาย เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นเอื้อยจึงถูก 3 แม่ลูกกลั่นแกล้งทรมานด้วยการใช้ทำงานอย่างหนักไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนตลอดทั้งวัน เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ของตนก็ได้นำข้าวสวยและรำมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยดูมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงไปแอบสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปติดตามชมได้ในละคร ปลาบู่ทอง

เทพสังวาลย์ 2552

เรื่องย่อ : เทพสังวาลย์ (2552/2009) มีเทพทั้งห้าและมีสังวาลห้าสี ครอบครอง คือ สังวาล ขาว แดง เหลือง เขียว และ ดำ เทพศาสตราและเทพีหยั่งรู้ ทำผิดกฎ รักกันและให้กำเนิดบุตรชาย มณีแดง จึงนำ มณีแดงไปให้อสูรเลี้ยงดู ยังโลกมนุษย์ แต่อสูรกลับเลี้ยงมณีแดงให้เป็นคนชั่วร้าย และทำร้ายคนที่เป็นปรปักษ์ ยุยงให้มณีแดงครอบครองทั้งสามภพ ตามล้างฆ่า แสงสุรีย์ โดยมีนาคี ให้ความช่วยเหลือแสงสุรีย์ แต่ แสงสุรีย์กับมณีแดง ยิ่งบาดหมาง เมื่อทั้งสองคนต่างหลงรัก พระธิดารัตนาวดี ซึ่งเป็นชนวนทำให้ มณีแดงและแสงสุรีย์เป็นศัตรูกัน รัตนาวดี ต้องตกเป็นของมณีแดงโดยไม่ได้ยินยอม ทำให้ก่อกำเนิด บุตรชาย ผู้มีเลือดสามภพ คือ สายเลือดเทพ สายเลือดมนุษย์ สายเลือดอสูร และที่สำคัญจะเป็นผู้ทำลายอสูร ทำให้อสูรต้องกำจัด รัตนาวดี และ ลูก มณีแดงเอาตัวเข้าขัดขวางทำให้ได้รับบาดเจ็บ และเลือดในกายของมณีแดงเป็นพิษจากการดื่มเลือดของอสูร ถ้ามณีแดงจะเป็นคนดีเมื่อไร เลือดพิษจะทำลายล้างมณีแดง ก่อนตายมณีแดง แสงสุรีย์ นาคี ร่วมกันกำจัดอสูร รัตนาวดีเลี้ยงดูบุตรชายให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นอย่างมณีแดง โดยมีเทพ คอยดูแล

สังข์ทอง 2550

เรื่องย่อ : สังข์ทอง (2550/2007) กาลปางก่อนมี พระเจ้าพรหมทัต (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร (เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ พระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ พระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตรของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนที่จะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสาร จึงชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดา จึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์ วันหนึ่งพระนางจันทราเทวี ออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวี เมื่อกลับมาก็แปลกใจ ว่าใครมาช่วยทำงาน และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำงานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสีย และกอดโอรสด้วยความยินดี พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "สังข์ทอง" เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวีประสูติพระโอรส ก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวีกลับ พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่า พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำมาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพลอยออกทะเล เกิดพายุใหญ่แพแตก พระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อธนัญชัยเศรษฐี และทำหน้าที่เป็นแม่ครัว ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษพันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนำพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงร่างเป็นคน เพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว พระสังข์ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เมื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่า อย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นบนและในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เห็นกระดูกสัตว์และคนที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจำนวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงาม พอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัวร่างกาย ก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวม ก็กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์ แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่า พระสังข์ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้ จึงร้องไห้ อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์หาเนื้อหาปลาให้ พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมากหลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัยชาวบ้านช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่าพวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระสังข์ทอง ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่างๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือกพระธิดาทั้ง 6 องค์ ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อ "รจนา" ไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมือง ให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่าก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัด จึงออกคำสั่งให้เขยทั้ง 6 และเงาะป่า ไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได ้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่ง 6 เขยคิดว่าเป็นเทวดา 6 เขยจึงขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย 6 เขยยอม ทั้งหมดจึงนำเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจ จึงมีคำสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาปลามาไม่ได้ทั้งวัน และเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวายเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่นที่จะกำจัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศ ภายใน 7 วัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมาก ให้ 6 เขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้ จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสี จึงแอบไปหานางรจนาและขอให้นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่ 7 เงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์ เจ้าเมืองพาราณสีดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหาพระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่างๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีต ซึ่งผู้ทำจะต้องเป็นผู้ทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติ ก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทองปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่นๆ จนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่า พระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสี มีความสามารถทำให้รุ่งเรือง จึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทอง พระนางจันทราเทวี กลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดา จึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัตและเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา

พระทิณวงศ์ 2550

เรื่องย่อ : พระทิณวงศ์ (2550/2007) เมืองพรหมสาลี ท้าวอภัยนุสินมีลูกสาวชื่อว่าทิพย์มณฑา ในวันที่นางประสูตินั้นมีกลิ่นหอมฟุ้งขจายไปทั่วเมือง แต่โหรหลวงกลับทำนายว่าพระธิดาจะต้องพลัดพรากจากบ้านเมือง และตายพร้อมกับคนรักในที่สุด

กล่าวถึงพระทิณวงศ์ที่ปลอมตัวมาเป็นชายพิการง่อยแอบอยู่สวน วันหนึ่งนางทิพย์มณฑาไปเดินเล่นที่อุทยานพร้อมกับพี่สาวทั้ง 7 นางได้เจอกับชายพิการ (พระทิณวงศ์) แล้วสนทนาพลางมอบผ้าสไบให้อีกด้วย พวกพระพี่นางทั้งหลายได้นำความไปฟ้องท้าวอภัยนุสิน ท้าวอภัยนุสินโกรธจัดจึงถีบนางออกไปอยู่กับพระทิณวงศ์

ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาท้าท้าวอภัยนุสินตีดลีซิ โดยถ้าแพ้ท้าวเธอจะต้องถูกตัดหัว ท้าวอภัยนุสินได้ซมซานไปง้องอนพระทิณวงศ์ให้ออกมาช่วยเหลือหน่อย จนพระองค์ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ จึงได้เชิญมาอยู่ในพระราชวังได้ในที่สุด

บัวแก้วจักรกรด 2549

เรื่องย่อ : บัวแก้วจักรกรด (2549/2006) ณ เมืองสุรกานต์ “องค์ชายเพชรดารา” ในวัยเด็กได้ซุกซนนำลิงจ๋อไปเที่ยวเล่นในตลาด ลิงจ๋อเป็นของขวัญที่มาจากเมืองแขก เป็นลิงที่ซนมากจนทำให้ชาวบ้านตกใจตกน้ำตายไป พระราชาอนุวงศ์กริ้วลูกชายมากสั่งให้นำลิงจ๋อไปเผา เพชรดารารักของเล่นมาก จึงพาลิงจ๋อหนีไปกลับยานโพยม แล้วไปเจอกับ บัวแก้ว และทานตะวันที่หนีท่านตาฤาษีมาเที่ยวบนฟ้า และทั้งสองก็ได้เจอกับ ยักษ์เมฆภัติ ที่อยากได้ยานโพยมกับบัวแก้วจักรกรด จึงขว้างขวานวิเศษออกไป ขวานวิเศษได้ทำลายยานโพยมและบัวแก้วจักรกรดตกลงไป หลายปีผ่านมา เพชรดารา เติบโตขึ้นจึงเดินทางกลับบ้านเมืองระหว่างทางได้เจอกับ เมฆสิทธิ์ พญายักษ์แห่งนครกรุงกลางหาวที่กำลังจะไปเลือกคู่กับ องค์หญิงบัวแก้ว จึงเกิดการต่อสู้ แต่เมฆสิทธิ์เอาชนะเพชรดาราไม่ได้ แต่เพชรดาราก็สังหารเมฆสิทธิ์ไม่ได้เช่นกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในละครพื้นบ้านเรื่อง บัวแก้วจักรกรด

เกราะกายสิทธิ์ 2549

เรื่องย่อ : เกราะกายสิทธิ์ (2549/2006) เกราะกายสิทธิ์เรืองฤทธี ทั่วทั้งปฐพีระบือไกล ศัตรูหน้าไหนมาราวี จะโรมรันต่อตีให้แพ้พ่ายไป สะท้านฟ้า ภูผาสะเทือน ย้ำเตือนความยิ่งใหญ่ ธรณีลุกเป็นไฟ ปราบคนชั่วร้ายให้สิ้นชีวี มหัศจรรย์เรืองฤทธา 7 กายาผู้สวมใส่ ประกาศศักดาก้องเกียงไกร จะเสี่ยงภัย เกราะกายสิทธิ์ สัญญาและคำสาปแห่งเกราะกายสิทธิ์ ได้นำพาให้ “ศรุตเทพ” ต้องคำสาปจาก “วิษุวัติ” เทพแห่งขุนเขามาเกิดเป็นโอรสของกษัตริย์ “ศาสตรา” แห่งนครรัตนบุรีเพื่อใช้กรรมลบล้างความผิด

กุลาแสนสวย 2548
โกมินทร์ 2547

เรื่องย่อ : โกมินทร์ (2547/2004) ณ เมืองกุสินคร มีพระราชานามว่า "โกสุทัม" และพระมเหสีนามว่า "ฉวีวรรณ" ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสถึงสามพระองค์ คนโตนามว่า "โกเมศ" คนรองคือ "โกมล" และน้องเล็กสุดท้องที่ทรงฤทธานุภาพเพราะตอนแรกเกิด ได้มีของวิเศษติดตัวมาด้วยอันได้แก่ผ้าเมาลีสีแดง และกำไลหยกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้นามว่า "โกมินทร์" โกมินทร์แม้นว่ายังเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี แต่ความสามารถไม่เป็นรองใครความที่เก่งกล้าเฉพาะตัวและยังมีอาวุธวิเศษ ทำให้โกมินทร์ไม่เกรงกลัวผู้ใด ทำให้เป็นที่ริษยาของอำมาตย์นามว่า อภิมัน ส่วนโกเมศและโกมล พระราชาโกสุทัมได้ส่งไปศึกษาวิชากับพระดาบสเพื่อจะได้มีความเก่งกล้าสามารถ ทัดเทียมกับน้องชาย แต่โกมินทร์กลับคิดไปว่าพ่อไม่รักจึงไม่ส่งตนไปเรียนเหมือนกับพี่ทั้งสอง วันหนึ่งโกมินทร์กับเพื่อนนามว่า มัสกา ซึ่งก็เป็นลูกชายของอำมาตย์อภิมันนั่นเอง ได้ไปเที่ยวแถวชายทะเล แล้วไปพบกับอัคคี บุตรชายของกะโตหน พญานาคราชแห่งเมืองใต้บาดาล เกิดการเขม่นกันขึ้น จนถึงขั้นต่อสู้กัน อัคนีพ่ายแพ้ถูกโกมินทร์ฆ่าตาย แล้วตัดขนดหางไป เมื่อกะโตหนรู้ว่าบุตรชายถูกฆ่าตาย ก็พาทหารเอกคือนัคคา บุกมาถึงเมืองกุสินคร ขู่บังคับให้โกสุทัมส่งโกมินทร์มาให้ตนลงโทษ โกสุทัมเกรงกลัวอำนาจกะโตหน จึงคิดจะส่งโกมินทร์ให้ แต่โกมินทร์ไม่ยอม ทำแสร้งเป็นหนีไป กะโตหนออกไล่ล่าโกมินทร์ แล้วเกิดการสู้รบกันบนเขาไกรลาศ กะโตหนพ่ายแพ้แก่โกมินทร์ จนร่างกายต้องกลายเป็นงูเขียวธรรมดาไป โกมินทร์พางูเขียวกะโตหนมาเฝ้าโกสุทัม แล้วให้กะโตหนสาบานว่า จะไม่คิดมารุกรานเมืองกุสินครอีก จากนั้นโกมินทร์จึงปล่อยตัวกะโตหนกลับไป โกสุทัมดีใจที่ลูกชายสามารถปราบพญานาคราช ทุกคนปลื้มกับโกมินทร์ ยกเว้นอภิมันที่เจ็บแค้นโกมินทร์ เพราะคิดว่าโกมินทร์คือต้นเหตุที่ทำให้มัสกาบุตรชายถูกนัคคาฆ่าตาย

สิงหไกรภพ 2547

เรื่องย่อ : สิงหไกรภพ (2547/2004) ณ นครโกญจา พระเจ้าอินณุมาศ และ พระนางจันทร์แก้ว ปรารถนาจะได้บุตรไว้สืบสันตติวงศ์ แต่หลายปีผ่านไปก็ยังไม่สมปรารถนา จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ทัพอำนาจ ยกทัพไปปราบ โจรสลัดหิมวัฒ ได้ แล้วพาตัวลูกชายของจอมโจรวัย 5 ขวบมาถวายพระเจ้าอินณุมาศและพระนางจันทร์แก้ว เมื่อทั้งสองพระองค์ทรงทอดเนตรก็รู้สึกเอ็นดูรักใคร่ ปรารถนาจะได้เด็กนั้นเป็นลูก แม้แม่ทัพอำนาจกับ อำมาตย์กุศล ทูลทัดทานว่าจะเป็นการเลี้ยงลูกเสืออาจเกิดเภทภัยได้ ทั้งสองพระองค์ก็ไม่สนใจด้วยความรักหลงในเด็กน้อยนั่นบังตาเสียสิ้น พระเจ้าอินณุมาศตั้งชื่อเด็กน้อยนั้นว่า คงคาปราลัย คงคาปราลัยเติบโตขึ้นมา พร้อมกับนิสัยที่ดุร้ายไม่ผิดผู้เป็นพ่อ ยิ่งได้ อำมาตย์กระแจะ กับ อำมาตย์กระจาน คอยยุยงส่งเสริมหวังประจบเพื่อความดีความชอบ ก็ยิ่งทำให้คงคาปราลัยกระทำชั่วช้ามากยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระราชาก็จะประจบเอาใจ จนพระราชาไม่ทรงล่วงรู้ถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของคงคาปราลัย ต่อมาพระนางจันทร์แก้วทรงสุบิลประหลาดว่าได้ดวงอาทิตย์มาแล้วถูกแย่งชิงไปจากผู้วิเศษ โหรทำนายว่าจะได้พระโอรสไว้สืบสกุลและจะเป็น พระโอรสที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อยังเล็กจะถูกพรากจากไป เมื่อเติบใหญ่จึงจะได้พบกันอีกครั้ง ทำให้คงคาปราลัยอิจฉา จึงสมคบคิดกับอำมาตย์ฝ่ายตน ก่อกบถแย่งชิงบัลลังค์จากพระเจ้าอินณุมาศ พระเจ้าอินณุมาศกับพระนางจันทร์แก้วต้องหลบหนีออกจากนครไป แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า พรานสิงห์ มาพบเข้าก็สงสารจึงพามาอยู่ในหมู่บ้าน ให้ช่วยทำนาทดแทนคุณ

เทพสามฤดู 2546

เรื่องย่อ : เทพสามฤดู (2546/2003) ณ นครอุดม มีท้าวตรีภพเป็นเจ้าผู้ครองเมือง มีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระมเหสีมณี และพระมเหสีทัศนีย์ แต่ยังไม่มีพระราชบุตรเพื่อสืบสันตติวงศ์ จึงได้ทำพิธีบวงสรวงต่อพระอิศวรเพื่อขอพระโอรส เมื่อพระอิศวรรับทราบด้วยญาณแล้ว จึงได้ให้มาตุลีไปตามพระพิรุณมาเฝ้า เพื่อเตรียมจุติลงไปยังเมืองมนุษย์ แต่ทว่าพระราหูและนางจินดาเมขลาต้องการเสด็จลงไปด้วย จึงได้ปรึกษากัน โดยพระราหูเสนอให้ทั้ง 3 พระองค์จุติยังเมืองมนุษย์ตามฤดูกาล โดยฤดูร้อนจะเป็นพระราหู ฤดูฝนเป็นพระพิรุณ ฤดูหนาวเป็นนางจินดาเมขลา เวลาผ่านไป 5 ปี พระมเหสีมณีก็ยังไม่มีพระประสูติกาล โหรหลวงนึกได้ว่ายังไม่ได้แก้บน ท้าวตรีภพจึงได้จัดพิธีแก้บน พระอิศวรทราบจึงได้แจ้งให้เทพทั้งสามลงไปจุติยังมนุษย์ เมื่อพระมเหสีมณีมีพระประสูติกาลออกมาเป็นเด็กมีเขี้ยวเหมือนยักษ์ (เนื่องจากเป็นฤดูร้อน) ทำให้ทุกคนแปลกใจว่าทำไมพระโอรสเกิดมาเป็นยักษ์ ท้าวตรีภพจึงสั่งให้นำพระโอรสไปลอยแพ แพของพระโอรสราหู มาเกยอยู่ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง คืนนั้น งั่ง ผีกระหังซึ่งถูกขับไล่จากหมู่บ้าน เข้ามาพบพระโอรสราหู จึงหมายจะเอาไปกิน แต่ราหูตื่นขึ้นมาจึงรีบวิ่งหนี จนไปพบกับพระฤๅษีโคดม พระฤๅษีจึงทำการปราบงั่ง โดยโยนสร้อยประคำเข้าไปที่คอ และท่องคาถา "เก้าอี้ จู้จี้ แก้ได้ ใต้ตู้ บู้บี้ มีไข้ ไปป่า ได้เต่า" สร้อยประคำรัดที่คอของงั่งจนต้องยอมแพ้ พระฤๅษีจึงนำราหูกลับไปที่อาศรม ราหูจึงได้ศึกษาวิชาที่อาศรมของพระฤๅษี โดยมีงั่งเป็นพี่เลี้ยง ฝ่ายพระมเหสีมณี หลังจากเสียลูกไป ก็ทรงโทมนัส พระมเหสีทัศนีย์เห็นว่ามณีประสูติพระโอรสเป็นยักษ์ จึงวางแผนทำการใส่ร้ายว่ามณีแอบคบยักษ์ ท้าวตรีภพทรงเชื่อจึงได้เนรเทศมณีออกจากเมือง และต่อมาได้สั่งให้ประหารเสีย แต่มีสัตว์ประหลาดชื่อว่าวิปริตเข้ามาหมายจะเอามณีเป็นเมีย วิปริตจัดการพวกเพชรฆาตจนหมด มณีหนีต่อไปจนพบลิงชื่อนันทเสนและยักษ์ชื่อสุระผัด นันทเสนฆ่าวิปริตตาย สุระผัดกับนันทเสนรบกันเองเพื่อแย่งมณี จนพระฤๅษีโคบุตรต้องมาห้ามศึก โดยให้สู้จนหมดแรง ทั้งสองจึงยอมรับผิดและมาขอโทษพระฤๅษีโคบุตร นันทเสนจึงพาพระฤๅษีโคบุตรไปยังศพของวิปริต พระฤๅษีโคดมจึงทำการรวมร่างของนันทเสนและวิปริตเข้าด้วยกันเพื่อเป็นการไถ่บาป ฝ่ายเทพสามฤดูได้ร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีโคดมจนครบถ้วนแล้วพระฤๅษีได้ขอประทานอาวุธจากพระอิศวร ให้ไว้ใช้ป้องกันตัว พระอิศวรประทานอาวุธคือ กระบองแก้วของพระราหู, พระขรรค์ของพิรุณ และลูกแก้วของจินดาเมขลา จากนั้นเทพสามฤดูจึงออกเดินทางตามที่พระฤๅษีได้แนะนำไว้ ไปพบถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในมีสมบัติจำนวนมาก ด้วยความโลภงั่งจึงขนสมบัติออกมา ยักษ์หินที่เฝ้าปากถ้ำจึงออกอาละวาดงั่งกับราหู จนราหูต้องรีบนำสมบัติไปคืน แต่ก่อนจะถึงถ้ำ มีคนธรรพ์ตนหนึ่งรับสมอ้างว่าเป็นสมบัติของเขา ราหูไม่เชื่อจึงสู้กันจนคนธรรพ์หมดสภาพ จากนั้นราหูจึงเอาสมบัติที่ขโมยไปคืน ยักษ์หินจึงหมดฤทธิ์กลับไปที่ปากถ้ำเหมือนเดิม ต่อมาระหว่างเดินทางไปพบกับนันทเสนที่ป่ากล้วย นันทเสนเข้าใจว่ามีใครบินข้ามหัว จึงเข้ารบกับราหูจนถึงขั้นที่พระอิศวรต้องส่งมาตุลีไปห้ามศึก จากนั้นมาตุลีก็ให้ทั้ง 3 ไปยังอาศรมของพระฤๅษีโคบุตร ที่อาศรมของพระฤๅษีโคบุตร มณีได้พบกับจินดาเมขลา จากนั้นทั้งหมดก็กราบลาพระฤๅษีเพื่อเดินทางกลับเมือง โดยพระฤๅษีได้มอบระฆังแก้วเพื่อไว้ใช้เรียกสุระผัดและนันทเสนเวลาเกิดปัญหา ระหว่างทางไปเจอเมืองยักษ์ มีท้าวอนันตวงศ์เป็นผู้ปกครอง มีนางโชตะนาเป็นมเหสี ท้าวอนันตวงศ์ต้องการหาภรรยาใหม่ จึงได้ลักพาตัวมณีกลับไปยังเมืองของตน ทำให้โชตะนาไม่พอใจ ตัดสินใจเดินทางไปหาท้าวจักรวรรดิผู้เป็นพี่ชาย ท้าวจักรวรรดิเดินทางมาเจอจินดาเมขลาก็ต่อสู้กัน ท้าวจักรวรรดิใช้พัดชีวิตพัดให้จินดาเมขลากับงั่งสลบ แล้วพาไปยังเมืองของท้าวอนันตวงศ์ เกิดการสู้กันระหว่างยักษ์ 2 ตน เมื่อเทพทั้งสามเจริญวัยขึ้น พระพิรุณได้ขอองค์เหนือหัวตรีภพไปท่องเที่ยว ครั้นฤดูร้อนพระราหูเดินทางไปยังนครโรมิสัยได้พบกับพระธิดาสุวรรณพรพระธิดาสุวรรณอัมพรพรจึงโยนพวงมาลัยไปให้พระราหู

ยอพระกลิ่น 2546

เรื่องย่อ : ยอพระกลิ่น (2546/2003) ยอพระกลิ่น" เป็นธิดาของพระอินทร์และเจ้าหญิงชาวมนุษย์นางหนึ่ง ด้วยความที่พระอินทร์ไม่สามารถเลี้ยงดูพระธิดาได้จึงนำนางไปฝากไว้ในต้นไผ่ต้นใหญ่ในป่าบนโลก เวลาผ่านไปยอพระกลิ่นเติบโตเป็นสาว (ที่ได้ชื่อว่ายอพระกลิ่นเพราะนางมีกลิ่นกายหอมมาก) ก็ได้พบกับ "มณีพิชัย" เจ้าชายเมืองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินทางเข้าป่ามาแล้วพบต้นไผ่ต้นใหญ่จึงโค่นลง เมื่อมณีพิชัยพบยอพระกลิ่นที่มีกลิ่นกายหอมหวลจึงนำนางกลับเมืองและเเต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี แต่พระนางจันทรพระมารดาของมณีพิชัย ไม่ชอบหน้ายอพระกลิ่น และอยากให้โอรสได้อภิเษกสมรสกับธิดาเจ้ากรุงจีนที่มั่งคั่งมากกว่า พระนางจึงวางแผนใส่ร้ายป้ายสียอพระกลิ่นว่านางเป็นกระสือกินแมวในราชวัง นางจึงต้องโทษประหาร เคราะห์ดีที่พระอินทร์ทรงลงมาช่วยธิดาไว้ได้ทันแล้วเสกให้นางกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มมีเวทย์มนตร์แก่กล้า