วิมานมังกร 2551

วิมานมังกร (2551/2008) ลัลล่า สาวสวยทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลชุน กลับมาบ้านครั้งแรก หลังจากแม่พาไปซ่อนตัวที่แคนาดา เพราะพ่อถูกฆ่าตายอย่างไร้ร่องรอย ที่เมืองไทย ลัลล่าได้พบกับ พินธุ ชายหนุ่มที่คอยช่วยเหลือเธอให้รอดจากอุบัติเหตุหลายครั้ง ทั้งคู่ถูกชะตากันและกัน จนกระทั่ง เสี่ยสาม ผู้เป็นอา พาลัลล่าเข้ามากราบ อาม่า ความริษยาเกิดขึ้นทันที เมื่อ จึงลิ้ม ได้พบพี่สาวต่างมารดา ในวันแซยิด อาม่า ให้สร้อยไข่มุก ลัลล่า จึงลิ้ม กระชากสร้อยออกจากคอพี่สาว และยังมีเหตุการณ์ ซ้อสี่ ถูกปองร้ายจนตกบันได ลัลล่ายิ่งเบื่อหน่ายการแย่งชิงมรดกเลือดของตระกูล ก่อนจะกลับแวนคูเวอร์ ลัลล่าแวะดำน้ำ แต่อากาศในถังหมด พินธุ มาช่วยแบ่งอากาศหายใจ และพาลัลล่าขึ้นผืนน้ำอย่างปลอดภัย เงามืดที่กระหายมรดกเลือดยังตามวนเวียนปองร้ายลัลล่า ลำภู แม่ลัลล่าโดนจับ ลัลล่าช่วยชีวิตแม่ไว้ไม่ได้ เธอหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เมืองไทย ยกเว้นพินธุคนที่รักจริงใจกับเธอ พินธุ ขอ ลัลล่าแต่งงาน ลัลล่าตอบตกลงท่ามกลางเสียงคัดค้านจากตระกูลชุน ลัลล่ากับพินธุไม่สนใจ แถมยังรับ ลมเพ ลมพัด สองเด็กน้อยกำพร้าจากเหตุการณ์สึนามิมาเป็นลูกบุญธรรม ลัลล่าตัดสินใจอยู่เมืองไทยต่อเพื่อเลี้ยงเด็กทั้งสอง และร่วมชีวิตกับพินธุ ปี่ โป้ย ญาติผู้น้องชอบอัธยาศัยลัลล่า จึงขอเสี่ยสอง และเสียสี่ ชวนลัลล่าให้ช่วยงานในตระกูล ลัลล่าตอบตกลง เพราะกำลังคิดเรื่องตามหากระดูกพ่อ เพื่อมาทำพิธีที่ฮวงซุ้ยภูเขาไข่มุกตามประเพณี แต่เกิดอุบัติเหตุเอาชีวิตลัลล่าหลายครั้ง พินธุรบเร้าให้ลัลล่าไปอยู่เมืองนอก ลัลล่าไม่ไป เพราะพบเงื่อนงำการโกงในบริษัท จึงลิ้มเองก็คอยตีสองหน้าแอบมาหาพินธุลับหลังลัลล่าบ่อยๆ ทั้งๆ ที่มี เฮง คนขับรถเป็นสามีลับๆ เสี่ยสาม ผู้เป็นลุงออกปากทักท้วง แต่ ลัลล่า ไม่หยุดค้นหาคำตอบเรื่องการตายของพ่อ วันหนึ่ง เสี่ยสองถูกจับตัวไป ความโกลาหลเกิดขึ้นในตระกูล พร้อมกับความจริงที่เปิดเผยว่า พินธุ คือมือปืนที่รับใช้ใครคนหนึ่ง เพื่อปลิดชีวิตแม่และลัลล่า ลัลล่า เสียใจมากที่รักคนผิด พินธุ หวานอมขมกลืน เพราะเขาคือมือปืนที่ถูกส่งมากำจัดลัลล่า แต่เพราะความรัก เขาถึงลงมือไม่ได้ ลัลล่าขอหย่าแต่พินธุไม่ยอมเพราะรู้ว่าคนรักยังอยู่ในอันตราย พินธุสืบจนพบคนบงการฆ่าพี่น้องทั้งหมดในตระกูลว่าเป็น เสี่ยสาม ลัลล่า ไม่เชื่อ เพราะเสี่ยสามฉาบหน้าด้วยความเป็นผู้ใหญ่ใจดี แม้กระทั่ง เอ็ดดี้ สิบ ก็ยังหลงเชื่อร่วมมือกำจัดญาติๆ โดยไม่รู้ว่าถูกเสี่ยสามหลอกใช้ พินธุ หาทางกระชากหน้ากากเสี่ยสาม เสี่ยสามใช้จึงลิ้มให้ทำลายครอบครัวลัลล่า อีกทาง แต่อีกปัญหาที่ทำให้ความรักของ พินธุ กับลัลล่าสั่นคลอน คือ ปานใจ เมียเก่าของพินธุที่ตามมาใกล้ชิด พินธุแก้ปัญหาไม่ตก ต้องพึ่งคำแนะนำ จาก พันธมิตร อาที่คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือทุกทาง ลัลล่าตั้งท้อง พินธุทั้งดีใจและขมขื่น เพราะลัลล่าไม่ต้องการให้พินธุเข้าใกล้ลูก เฮง ถูกใช้ให้ขับรถชนลัลล่า พินธุมาช่วยไว้แต่ไม่ทัน ลัลล่าแท้ง พินธุคอยดูแลลัลล่าที่บอบช้ำทั้งกายและใจไม่ห่าง ทั้งๆ ที่ ลัลล่าย้ำว่าไม่ต้องการเขา อาม่าตั้งใจจะรวบรวมญาติทุกคนให้ได้อีกครั้งในวันเกิด อาโหล ลูกชายคนสุดท้าย พินธุ วางแผนกระชากหน้ากากคนดีของเสี่ยสาม ทุกคนตะลึงกับเรื่องที่เสี่ยสามฆ่าพี่น้อง ยกเว้นลัลล่าคิดว่าพินธุทำเพื่อให้ตนเองพ้นผิด จึงลิ้มแสร้งทำดีตอกย้ำให้ลัลล่าระแวงพินธุ ลัลล่าตั้งท้องอีกครั้ง และมีความหวังที่จะได้ร้องเพลงกล่อมลูก ในขณะที่อาม่าจำได้ว่าในบรรดาลูกทั้งหมด เสี่ยสามเป็นคนเดียวที่อาม่าไม่เคยกอด และร้องเพลงกล่อมเลยจึงลิ้มถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะเรื่องได้เสียกับ เฮง ทั้งคู่ลำบากแสนสาหัส เพราะ จึงลิ้มตั้งท้อง วันคลอด จึงลิ้มขโมยลูกชาย ลัลล่าไป เพราะไม่อยากให้ลัลล่าได้ร้องเพลงกล่อมลูก พินธุกับลัลล่ากลับมาเป็นกำลังใจให้กันอีกครั้งระหว่างตามหาลูกน้อย ขณะที่เสี่ยสามย้อนกลับมาเพื่อทำลายทุกคน พินธุหาทางปกป้องคนรักจากเสี่ยสาม แต่ลัลล่ายังเชื่อมั่นในสายเลือด ทำให้เสี่ยสามกับจึงลิ้มมีโอกาสเข้าใกล้และฆ่าลัลล่าได้ทุกขณะ ความหวังของลัลล่า ไข่มุกเม็ดงามของตระกูลที่จะไขปริศนาการตายของพี่น้องร่วมสายเลือด และทำให้ร่างของพ่อได้กลับคืนสู่ ณ ภูเขา ที่เป็นดั่งวิมานมังกรสำเร็จลงหรือไม่

มัสยา 2528

เรื่องย่อ : มัสยา (2528/1985) มัสยา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของลัักษณ์ และมัสยา ซึ่งตามศักดิ์แล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ลักษณ์ได้รับหน้าที่ให้ไปรับตัว มัสยา ในอดีตนั้นพ่อของมัสยาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล ได้หนีไปแต่งงานกับธิดาของรายาผู้หนึ่งทางภาคใต้ ทำให้ทางญาติๆที่เมืองไทยโกรธมาก เพราะเห็นทางนั้นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ถึงกับตัดขาดกัน จนกระทั่งพ่อมัสยาตาย คุณตาที่เป็นรายาก็นำมัสยามาเลี้ยงต่อ เมื่อคุณย่าแท้ๆของมัสยาคลายอคติกับลูกชายคนเล็กได้ จึงให้ไปรับตัวมาอยู่ที่บ้านรัตนมหาศาล มัสยาถูกเลี้ยงดูอย่างดีก็จริง แต่บรรดาพี่ๆน้องๆก็ยังตั้งข้อรังเกียจเพราะเห็นว่าเป็นเด็กบ้านนอก ออกห้าวหาญ เล่นคะนองเหมือนผู้ชาย แต่ลักษณ์ก็หลงรัก เช่นเดียวกับมัสยาซึ่งไม่เคยมีพี่ชายมาก่อน แต่พอย่าของเขาทราบเรื่องเข้าก็รับไม่ได้ที่พี่น้องกันจะมารักกัน

คุณพ่อหวานแหวว 2553

เรื่องย่อ : คุณพ่อหวานแหวว (2553/2010) รมิดา (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) สาวสวยหน้าหวานมารอรับ แมนยู (ชญานิน เต่าวิเศษ) ลูกชายวัย 5 ขวบที่โรงเรียนอนุบาล เธอเห็นลูกชายตัวน้อยกำลังผลักอกเด็กชายวัยเดียวกันเซล้มลง รมิดาจำได้ว่าเด็กคนนั้นชื่อ น้องบอย เป็นเด็กที่มีเรื่องทะเลาะกับแมนยูบ่อยๆ หญิงสาวรีบวิ่งไปดึงนายตัวดีออกมาก่อนที่แมนยูจะกระโจนเข้าไปฟัดน้องบอยอีก ครูเวรรีบเข้ามาช่วยแยกเด็กทั้งคู่ออกจากกัน รมิดาต้องช่วยครูเวรไกล่เกลี่ยคู่กรณีอยู่ครู่ใหญ่ พอขึ้นรถสองแม่ลูกก็หน้าบึ้งเข้าหากัน แมนยูมอง “แม่ดา” ตาคว่ำ เด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ดาต้องโกรธด้วย ทั้งๆ ที่น้องบอยเป็นฝ่ายหาเรื่องเขาก่อน แมนยูงอนไม่ยอมกินของว่างแสนอร่อยที่แม่ดาเตรียมไว้ให้ บรรยากาศในรถเงียบกริบ ไม่สนุกสนานเหมือนทุกวัน เมื่อกลับมาถึงบ้าน รมิดาดึงตัวลูกน้อยมาซักถามเรื่องราวทันที เธอแปลกใจที่แมนยูยืนกรานแต่ว่าแกไม่ผิด รมิดาคว้าไม้เรียวทั้งที่ไม่อยากทำ แต่ในเรื่องลูกชายดื้อนักก็ต้องปราบกันบ้าง หญิงสาวฟาดก้นแมนยูไปหนึ่งที เด็กน้อยน้ำตาคลอพึมพำปนสะอื้นว่า “น้องบอยล้อแมนยูว่าไม่มีพ่อ อยู่กับแม่ต้องเป็นตุ๊ดแน่ๆ แมนยูเถียงว่าไม่ใช่…บอยก็ไม่ยอมหยุดล้อ…แมนยูโมโหเลยผลักบอยล้ม….” รมิดาทิ้งไม้เรียวเข้ามากอดลูกชายอย่างสงสาร เธอส่งตัวลูกชายให้พี่เลี้ยงแล้วนั่งซึมหวลคิดถึงอดีต….ที่จริงแล้วแมนยู เป็นลูกชายของ ชาญศักดิ์ (สุรวุท ไหมกัน) กับ สีดา (พรรัมภา สุขได้พึ่ง) แต่แม่ของแกหย่ากับชาญศักดิ์ แล้วไปอยู่อเมริกาตั้งแต่คลอดแมนยูได้ไม่กี่เดือน ชาญศักดิ์จึงเลี้ยงลูกตามลำพัง เขารวยมากเป็นเจ้าของที่ดินและอาคารพาณิชย์หลายแห่ง แค่บริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ก็เกินพอแล้ว เขาโชคดีที่มี สุริยน (พาทิศ พิสิฐกุล) ซึ่งเป็นน้องชายคอยช่วยดูแลอีกแรง……ชาญศักดิ์รู้จักและสนิทสนมกับ สุเทพ (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) พ่อของรมิดา สุเทพเปิดร้านอาหาร เขาเป็นเชฟฝีมือดีจึงมีลูกค้ามาอุดหนุนมากมาย ชาญศักดิ์และแมนยูเป็นลูกค้าประจำจึงคุ้นเคยกับรมิดามาก….แม้จะเป็นสาว หน้าหวาน แต่รมิดาตัดผมสั้น บุคลิกเก๋ เท่ห์ ชวนมอง ดูเผินๆ เหมือนผู้ชายหน้าสวยคนหนึ่ง หญิงสาวค่อนข้างซนแก่น จึงเข้ากับแมนยูได้ดีเด็กชายเองก็ติดเธอมากเช่นกัน รมิดาเข้าใจและเห็นใจแมนยูที่ไม่มีแม่ เพราะเธอเองก็ไม่รู้จัก “แม่” เช่นกัน ในชีวิตเธอมีแต่พ่อสุเทพเท่านั้น เธอเคยถามถึงแม่ สุเทพเล่าให้ฟังอย่างเจ็บปวดว่า…แม่ของเธอเป็นลูกสาวเศรษฐี ไม่อยากจะมากัดก้อนเกลือกินกับพ่อซึ่งเป็นเชฟจนๆ จึงหนีกลับไปอยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่รมิดายังแบเบาะ ที่น่าเสียใจคือพ่อเพิ่งรู้ว่าแม่ไม่รักพ่อและเธอเลย ก็เพราะแม่ให้คนสนิทมานัดให้พ่อไปรับที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าจะหนีไปกับพ่ออีกครั้ง แต่เมื่อถึงวันนัดแม่กลับไม่มา แต่มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งมาแทน คนพวกนั้นต้องการกำจัดพ่อกับรมิดา พ่อต้องอุ้มเธอหนีตายกระเซอะกระเซิง….ไม่นานนัก พ่อก็ได้ข่าวว่าแม่แต่งงานใหม่กับลูกชายเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง พ่อจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารทำมาหากินเลี้ยงรมิดาคนเดียว ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง นอกจากเรียนเก่งแล้วเรื่องการทำอาหารเธอก็มีฝีมือมากเช่นกัน มิเสียแรงที่สุเทพอุ้มเข้าครัวตั้งแต่เล็กๆ รมิดาจึงมีรสมือที่ไม่ต่างจากสุเทพเลย เธอทำอาหารได้ดีทุกอย่าง ที่ถนัดมากคืออาหารจีน ชาญศักดิ์เห็นลูกชายติดรมิดามาก เขาเองก็อยากให้ลูกมีแม่ ได้มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่พบใครที่รักและเอ็นดูลูกชายของเขาได้เหมือนเธอ ชาญศักดิ์เฝ้าดูรมิดามานาน และรักเธอในที่สุดเขามั่นใจว่าเธอเป็นคนดีจึงขอรมิดาแต่งงาน ซึ่งสุเทพก็สนับสนุนเต็มที่ ทว่าอีกไม่นานสุเทพเกิดป่วยหนัก ชาญศักดิ์ช่วยรมิดาพาพ่อไปโรงพยาบาล แต่สุเทพอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนตายสุเทพบอกลูกสาวว่าแม่ของเธอชื่อ นัยนา (สุภัทธา ทิวานนท์) เป็นลูกสาวคนเล็กของ ทรงยศ (แอ๊ด สมบัติ เมทะนี) กับ สุรีย์ เจ้าของโรงแรมเจสเตอร์ หลังจากแต่งงานกับ ศิริ (ทูน หิรัญทรัยพ์) ทายาทคนเดียวของเจ้าของโรงแรมสยามคอสโม เธอก็เข้ามาบริหารโรงแรมสยามคอสโมเต็มตัว ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว…..การที่สุเทพตัดสินใจบอกความจริงกับรมิดา ก็เพราะไม่ต้องการให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลนี้ไม่ว่าใครทั้งนั้น เมื่อรมิดาจัดการงานศพบิดาและออกทุกข์เรียบร้อย ชาญศักดิ์จึงเริ่มกำหนดงานแต่งงาน รมิดาโชคดีที่ทั้งลูกชายและน้องชายชาญศักดิ์ยอมรับเธอ แต่แล้วก่อนจะถึงวันแต่งงานเพียงสามวัน ชาญศักดิ์ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต รมิดากับสุริยนจึงต้องช่วยกันจัดงานศพและดูแลแมนยูไปพร้อมกัน…ชาญศักดิ์ เป็นคนรอบคอบมาก เขาทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อย ทั้งสุริยน แมนยู และรมิดาต่างก็ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่มากพอจะอยู่ได้อย่างสบายไปตลอด ชีวิต….รมิดานั้นรักแมนยูมาก เธอดูแล ตั้งใจเลี้ยงดูเด็กน้อยราวกับเป็นลูกของเธอเอง หญิงสาวทำหน้าที่แม่ได้เป็นอย่างดี เธอไปรับไปส่งแมนยูที่โรงเรียนทุกวัน อาหารการกินก็ทำเอง วิถีชีวิตราบรื่น อบอุ่น มีความสุข…..แต่เหตุการณ์ที่โรงเรียนวันนี้ก็ทำให้รมิดาไม่สบายใจ สุริยนมาหารมิดาก็เห็นเธอนั่งหน้ามุ่ย รมิดาเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง เพราะเธอกับเขาก็สนิทกันมาก ชายหนุ่มเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่แสนดี ไม่เคยคิดกับเธอเป็นอื่น รมิดาอยากเห็นแมนยูเติบโตขึ้นอย่างไม่มีปมด้อย และมีความสุขมากที่สุด สุริยนไม่อยากให้รมิดากังวลเกินไป เพราะแมนยูยังเด็กนัก แต่เขาก็รับปากจะช่วยเธอทุกเรื่อง….

ศัตรูคู่ขวัญ 2551

เรื่องย่อ : ศัตรูคู่ขวัญ (2551/2008) “​เมื่อ​ความ​แค้น​ทำ​ให้ปลัดอำ​เภอหนุ่มต้องผูกพันกับ​ไกด์สาว​ถึงขั้น​ให้กำ​เนิดลูกน้อยฝา​แฝด ​และ​ความน่ารัก​ไร้​เดียงสาของ​เด็กน้อย​ทั้งสอง​ก็​ได้นำพา​ความรัก​เข้ามาสู่หัว​ใจของ​ผู้​ให้กำ​เนิด ​ทำ​ให้ศัตรูกลับกลายมา​เป็นคู่รัก​ในที่สุด” ภูมิพงษ์ หนุ่มรูปหล่อ ดี​ใจมาก​เมื่อผลสอบ​เป็นปลัดอำ​เภอผ่านฉลุย ​แม้จะ​ไม่​ได้​เป็นอาชีพที่​ใฝ่ฝัน ​แต่​ก็ยังดีกว่าที่​เขาต้อง​ไป​เรียนปริญญา​โทต่อตามที่มารดาต้อง​การ ​เพราะภูมิพงษ์อยากอยู่​เมือง​ไทยกับ ดาด้า ​แฟนสาวสวยที่​เพิ่งคบหากันมา ​แต่​ไม่ทันที่​เขาจะ​แจ้งข่าว​ให้มารดารู้ ​เมื่อกลับมา​ถึงบ้าน ​ก็พบว่า ม.ร.ว. ​เลขา ​ผู้​เป็น​แม่​เป็นลมพับ​ไป ​เนื่องจาก พล​โทพัฒน์ นายทหารที่​เพิ่ง​เกษียณอายุราช​การ บิดาของ​เขา รับสารภาพว่า​แอบ​เลี้ยงนาง​แบบสาวสวยอ่อนคราวลูก ชื่อ ​เยาวลักษณ์ ​ไว้​เป็นภรรยาอีกคน ภูมิพงษ์​โกรธมาก ​เพราะ ม.ร.ว.​เลขา​เป็น​ผู้หญิงที่​เพียบพร้อม​และ​เป็น​แม่ที่ดีมาตลอด ส่วน พรทิพย์ พี่สาว​ก็ยิ่ง​เรียบร้อยอ่อนหวาน​เหมือนมารดา ​การกระ​ทำของพล​โทพัฒน์​จึง​เท่ากับ​เป็น​การ​ทำร้ายจิต​ใจครอบครัวอย่าง​เลือด​เย็นที่สุด นายพลพัฒน์ หลบหน้าครอบครัว​ไปอยู่ที่บ้านของ​เยาวลักษณ์ ​ซึ่งมีน้องสาวอีกคนชื่อ รสสุคนธ์ รสสุคนธ์​ไม่​เห็นด้วยกับพี่สาวที่ยอม​เป็น​เมียน้อยนายพล​เพื่อ​เห็น​แก่​ความสบาย ​แต่​ก็พูดอะ​ไร​ไม่​ได้มากนัก ​เพราะ​เยาวลักษณ์ช่วยส่ง​เสีย​ให้​เรียนจนจบ ภูมิพงษ์มาตามบิดาที่บ้าน​เยาวลักษณ์​เพราะคุณหญิง​เลขาล้มป่วยลง​เพราะตรอม​ใจ ภูมิพงษ์​เข้า​ใจว่ารสสุคนธ์คือ​เยาวลักษณ์​จึงด่าว่าอย่าง​เสีย ๆ หาย ๆ จนนายพลพัฒน์ต้อง​เข้ามาห้าม​และ​ไล่ภูมิพงษ์ออกจากบ้าน ​ทำ​ให้ภูมิพงษ์​แค้น​ใจมาก รสสุคนธ์หาราย​ได้พิ​เศษด้วย​การ​เป็น​ไกด์ ​ให้กับ บริษัทของ สุพล พี่ชายของ สุทธิดา ​ซึ่ง​เป็น​เพื่อนสนิท สุพลชอบรสสุคนธ์มาก​จึง​ให้​ความช่วย​เหลือมาตลอด ​แต่รสสุคนธ์​เห็นสุพล​เป็น​แค่พี่ชาย​เท่านั้น รสสุคนธ์สอบ​เข้าบรรจุครูที่อุตรดิตถ์​ซึ่ง​เป็นบ้าน​เกิดของตัว​เอง​ได้ ท่านนายพลพัฒน์ ​และ ​เยาวลักษณ์​จึงพารสสุคนธ์​ไป​เลี้ยงส่ง ​แต่กลับ​ไป​เจอกับ ภูมิพงษ์ที่พา​แม่​และพี่สาวมาทานข้าวร้าน​เดียวกัน ​เยาวลักษณ์​จึง​แกล้ง​เอา​ใจนายพลพัฒน์​เต็มที่ ​ทำ​ให้ม.ร.ว.​เลขาทน​ไม่​ได้ ตบหน้า​เยาวลักษณ์ กลางร้านท่ามกลางคนมากมาย ​เยาวลักษณ์​เลยพาตำรวจ​และนักข่าวมาบ้านคุณหญิง​เลขา ​แจ้ง​ความข้อหา​ทำร้ายร่างกาย ​เพื่อหวัง​ให้ชื่อ​เสียงคุณหญิง​เลขา​เสียหาย ​ซึ่ง​ก็​ได้ผล วันรุ่งขึ้นวงสังคม​และหนังสือพิมพ์ซุบซิบ​เรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน คุณหญิงอับอายมากจน​ถึงขั้นช็อคต้อง​เข้า​โรงพยาบาล​และยื่นข้อ​เสนอขอหย่ากับนายพลพัฒน์ ​เยาวลักษณ์สะ​ใจมาก​เมื่อทุกอย่าง​เป็น​ไปอย่างที่วาง​แผน คุณหญิง​เลขามี​เพื่อนสนิทอีกคน คือ สุดจิตต์ ​เป็น​เจ้าของ​ไร่ อยู่ที่ อ.ลับ​แล อุตรดิตถ์ สุดจิตต์มา​เยี่ยม​ไข้​และชวนคุณหญิง​ไปพักผ่อน​เพื่อสงบจิต​ใจ ภูมิพงษ์​เห็นดีด้วย​และถือ​โอกาสบอกว่าตัว​เองสอบ​ได้ปลัดอำ​เภอ​และจะ​ไปบรรจุที่นั้น​เช่นกัน วัน​เดินทางมา​ถึง ภูมิพงษ์ตัดสิน​ใจ​ให้คุณหญิง​เดินทางด้วยรถ​ไฟ ​เพื่อ​เป็น​การ​เปลี่ยนบรรยากาศ ​แต่​ก็ต้องตก​ใจ ​เมื่อ​เห็นรสสุคนธ์อยู่​ในขบวนด้วย ภูมิพงษ์​เพิ่งรู้ว่า รสสุคนธ์กำลังจะ​ไป​เป็นครูที่อำ​เภอ​เดียวกับ​เค้า ​จึงตัดสิน​ใจอย่าง​เด็ดขาดว่าต่อ​ไปนี้จะ​แก้​แค้น​เยาวลักษณ์​และรสสุคนธ์​ให้รู้จัก​ความอับอาย​และ​เจ็บปวดบ้าง ! ภูมิพงษ์​แอบข​โมยกระ​เป๋าของรสสุคนธ์ รสสุคนธ์ตก​ใจมากที่กระ​เป๋าหาย​ไป​เพราะข้าง​ในมี​เงินที่​เยาวลักษณ์ฝากมา​ให้มารดา​เพื่อ​ใช้หนี้​และหนังสือรายงานตัว ภูมิพงษ์​ได้ที ​จึงต่อรอง​ให้รสสุคนธ์มา​เอากระ​เป๋าที่กระท่อมท้าย​ไร่​และปล้ำจูบรสสุคนธ์ ​แต่รสสุคนธ์ คว้ากระถางตีหัวภูมิพงษ์จนบาด​เจ็บ รสสุคนธ์ตก​ใจมาก พาภูมิพงษ์​ไปหาหมอที่สถานีอนามัย ​จึง​ได้พบกับหมอวุฒิ หมอสูติที่​เพิ่งย้ายมาประจำที่อุตรดิตถ์ หมอวุฒิดี​ใจมากที่พบภูมิพงษ์​เพราะ​ทั้งสอง​เป็น​เพื่อนกัน จากนั้นภูมิพงษ์​ก็​เปลี่ยน​แผน​ใหม่ ​โดย​ทำ​เป็นหลงรัก​และคอยตามจีบรสสุคนธ์ด้วย​ความจริง​ใจ ​แต่รสสุคนธ์พยายาม​ใจ​แข็ง​ไม่​เล่นด้วย ภูมิพงษ์​จึง​แสร้งหาย​ไปจากบ้านพัก ​โดยทิ้งจดหมาย​เล่าว่าตน​เป็นมะ​เร็ง​ในสมองขั้นสุดท้าย ​แต่​ไม่มี​ใครรู้ ​เมื่อถูกรสสุคนธ์ตีหัว​โรค​จึงกำ​เริบ รสสุคนธ์หลงกลตามภูมิพงษ์ ​ไป​ถึงกระท่อมชิง​เขา ​และที่นั่น รสสุคนธ์​ก็ตก​เป็นของภูมิพงษ์ ฝ่ายดาด้า​แฟนสาวภูมิพงษ์​เมื่อ​เห็น​แฟนหนุ่มขาด​การติดต่อ​ก็ตัดสิน​ใจ​เดินทางมาอยู่​เฝ้าภูมิพงษ์ ประจวบกับที่รสสุคนธ์ตั้งท้อง​และต้อง​การบอกภูมิพงษ์ ​แต่​ก็​เห็นภาพบาดตาระหว่างภูมิพงษ์กับดาดา​เสียก่อน ​จึงตัดสิน​ใจ​ไม่บอก รสสุคนธ์​เริ่มมีอา​การ​แพ้ท้อง ​เป็นลมบ่อยๆ ​เรื่อง​การตั้งท้องของรสสุคนธ์​แพร่​ไปทั่ว​เมือง ภูมิพงษ์พยายามคาดคั้นรสสุคนธ์ว่า ​เด็ก​ในท้อง​เป็นลูก​เขา​หรือ​ไม่ ​แต่รสสุคนธ์ยืนยันว่า​ไม่​ใช่ ดาด้าสัง​เกต​เห็นท่าที​เฉยชาของภูมิพงษ์​จึงรีบชวนภูมิพงษ์​ไป​เรียนต่อ จังหวะ​เดียวกันกับที่สุพล มา​เยี่ยมรสสุคนธ์​และรับรู้​ถึงปัญหา ​เขาตัดสิน​ใจรับ​เป็นพ่อ​เด็ก​ในท้อง​ให้รสสุคนธ์ ​ทำ​ให้ภูมิพงษ์ตัดสิน​ใจ​ไปต่างประ​เทศกับดาด้า วัน​แต่งงานสุพลกับรสสุคนธ์สุพล​โดน​เรียกตัวกลับกรุง​เทพกะทันหัน ระหว่างทาง​เกิดอุบัติ​เหตุรถคว่ำตาย​ในคืนนั้น​เอง รสสุคนธ์คลอดลูกออกมา​เป็นลูก​แฝดชายหญิง ชื่อ หนูนากับปลากัด รสสุคนธ์กัดฟัน​เลี้ยงครอบครัว​เพียงลำพังด้วย​ความลำบากกับ​เงิน​เดือนครู​เพียงน้อยนิด ​โชคดีที่​ได้หมอวุฒิ คอยช่วย​เหลือ ​เพราะหมอ​เอง​ก็​เริ่มรู้สึกรักรสสุคนธ์ ​เยาวลักษณ์จับ​ได้ว่านายพลพัฒน์มี​เมียน้อยคน​ใหม่อีกคนที่สาวกว่าตัว​เอง นายพล​ก็ยัง​ไม่ยอมหย่ากับคุณหญิง​เลขา ​เยาวลักษณ์บุก​ไปตบ​เมียน้อยคน​ใหม่​ถึงบ้าน ​เยาวลักษณ์ยิงนายพลพัฒน์ จนบาด​เจ็บ ​และหนีหาย​ไป 5 ปีผ่าน​ไป ……. ภูมิพงษ์​แต่งงานกับดาด้า​แต่ยัง​ไม่มีลูก​เพราะดาด้า​ไม่สามารถมีลูก​ได้ ภูมิพงษ์กลับมา​เมือง​ไทย ​ไป​เยี่ยมสุดจิตต์ที่​ไร่ ​ทำ​ให้​เจอกับ​เด็ก​แฝดหนูนากับปลากัด ที่มักจะมา​เล่นที่​ไร่ของสุดจิตต์บ่อย ๆ สุดจิตต์​เอง​ก็​เอ็นดู​เด็ก​ทั้งสองมาก ​เพราะรู้จากสนคนงาน​ใน​ไร่ว่าภูมิพงษ์​เคย​แอบนัดพบรสสุคนธ์ที่กระท่อมท้าย​ไร่ สงสัยว่า​เด็ก​ทั้งสองน่าจะ​เป็นลูกของภูมิพงษ์ ภูมิพงษ์รู้สึกถูกชะตากับหนูนา​และปลากัดมากจน​เริ่มสงสัยว่า​เด็กจะ​เป็นลูกของตน ส่วนรสสุคนธ์ยัง​เจ็บปวดกับสิ่งที่ภูมิพงษ์​ทำ​จึงหนีห่างอยู่​เสมอ​และสั่งห้ามลูก​ไม่​ให้​เข้า​ใกล้ภูมิพงษ์อีก ​ถึงอย่างนั้นภูมิพงษ์​ก็ยังพยายาม​เข้ามา​ใกล้ชิดกับรสสุคนธ์​และ​เด็ก​ทั้งสองอยู่​เสมอ รสสุคนธ์​เกิดปวดท้องอย่างกะทันหัน ​แม่​และยาย​ไม่อยู่บ้าน หนูนากับปลากัด​จึง​ไปตามภูมิพงษ์มาช่วยพารสสุคนธ์​ไป​โรงพยาบาล ปรากฎว่า​เป็น​ไส้ติ่งอัก​เสบ ภูมิพงษ์​เฝ้ารสสุคนธ์​ทั้งคืน ดาด้า​โกรธมากตามมาต่อว่าที่​โรงพยาบาล รสสุคนธ์​โม​โห​จึงออกจาก​โรงพยาบาลกลับบ้าน​ทั้งที่ยัง​ไม่หายดี ภูมิพงษ์ยิ่ง​แสดง​ความ​เป็นห่วงรสสุคนธ์จนออกนอกหน้า ดาด้าทน​ไม่​ไหว​เค้นถามภูมิพงษ์​เรื่อง​ความสัมพันธ์กับรสสุคนธ์ ภูมิพงษ์สารภาพว่า​เคยมีอะ​ไรกับรสสุคนธ์จริง​และสงสัยว่า​เด็กสองคนจะ​เป็นลูกของ​เขา ดาด้าช็อค หมอวุฒิ ตัดสิน​ใจบอกวัน​เวลาที่ รสสุคนธ์คลอด​ทำ​ให้ภูมิพงษ์ข​โมยตัว​เด็ก​ทั้งสอง​ไปตรวจดี​เอน​เอที่กรุง​เทพฯ ​และกำชับ​ไม่​ให้​เด็กบอกรสสุคนธ์ ผลออกมาว่าภูมิพงษ์​เป็นพ่อ​เด็ก ภูมิพงษ์รีบกลับ​ไปบอก​ความจริง​ให้คุณหญิง​เลขารู้ คุณหญิงตื่น​เต้นมากที่มีหลาน ​แต่​ก็ยัง​แค้นรสสุคนธ์อยู่ ​จึง​แนะนำ​ให้ดาด้าขอซื้อปลากัด​และหนูนา ​แต่รสสุคนธ์​ไม่ยอม ดาด้าขู่ว่าจะฟ้องศาล​เพราะศาลย่อมต้อง​ให้​เด็กอยู่กับพ่อ​เพราะ​แม่อย่างรสสุคนธ์​ไม่มีปัญญา​เลี้ยงดูลูก​ให้​การศึกษาที่ดี​ได้ รสสุคนธ์ตัดสิน​ใจพา ปลากัด ​และหนูนาหนี​ไป ภูมิพงษ์คลั่ง​เมื่อลูก​และ​เมียหาย​ไป ​เที่ยวออกตามหากับหมอวุฒิ จน​ในที่สุด​ก็สืบรู้ว่ารสสุคนธ์พาลูกหนีมาอยู่กับสุทธิดาที่กรุง​เทพ ดาด้า​โกรธมากที่ภูมิพงษ์​ไม่ยอม​เลิกยุ่งกับรสสุคนธ์​และลูก​เสียที ​จึงจ้าง​ให้คนจับตัวหนูนากับปลากัด​ให้​แ​ก็งค์ค้า​เด็ก ​เหตุ​การณ์​ทั้งหมด​ทำ​ให้ภูมิพงษ์สงสารรสสุคนธ์ยิ่งขึ้น สองคนช่วยกันออกตามหาลูกทุกทาง ภูมิพงษ์​ให้​เพื่อนที่​เป็นตำรวจช่วยอีก​แรง ​เยาวลักษณ์หลังจากหนีคดี ​ก็​ได้​เปลี่ยนชื่อ​เป็น​เจ๊​เยาว์ ​ทำงานค้า​ทั้ง​ผู้หญิง​และ​เด็กหนูนากับปลากัดถูกพามาขายต่อ​ให้​เยาวลักษณ์ ​เด็ก​ทั้งสองบอกว่าตน​เป็นลูกรสสุคนธ์ ​เยาวลักษณ์ตะลึงที่พบหลานอย่าง​ไม่คาดฝัน ​จึงตัดสิน​ใจพาหลานกลับ​ไปส่ง ​แต่​ก็ถูกมา​เฟียที่ร่วม​แ​ก็งค์ขัดขวาง​ไล่ล่า ​แต่​ในที่สุด​เยาวลักษณ์​ก็พาหลานมา​ถึงมือตำรวจ ก่อนสิ้น​ใจ​เยาวลักษณ์​ได้บอกกับตำรวจว่าดาด้า​เป็นคน​เอา​เด็ก​ทั้งสองมาขาย ดาด้า​เข้าตาจน จับตัวรสสุคนธ์​แล้วหนีตำรวจ​ไป ​แต่​ก็​ไม่รอด ดาด้า​โดนตำรวจจับ ถูกพิพากษาจำคุก รสสุคนธ์​และภูมิพงษ์ ​เพิ่งรู้ว่าหัว​ใจของตัว​เอง​ได้​แปร​เปลี่ยนจากศัตรูคู่​แค้น​เป็น​ความรัก​ไป​แล้ว …ภูมิพงษ์ขอรสสุคนธ์​แต่งงานอีกครั้ง ​เขาพารสสุคนธ์​และหลาน​ไปกราบนายพลพัฒน์ที่กลาย​เป็นชายชราที่มี​แต่​โรครุม​เร้า ด้วย​ความน่ารักของหลานย่า ​ทำ​ให้คุณหญิง​เลขา​ใจอ่อนตัดสิน​ใจ​ให้อภัยรสสุคนธ์​และ สามี ครอบครัวของภูมิพงษ์ กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง

พ่อแกกับแม่ฉัน (2548/2005) พ่อแกกับแม่ฉัน เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกชาย สามคนลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตเป็นลูกติดพ่อ ลูกชายคนที่สองเป็นลูกติดแม่ และลูกชายคนที่สามกับลูกสาวคนที่สี่เป็นลูกของทั้งสองคน … ทั้งหกอยู่ในบ้านเดียวกันโดยมีความขัดแย้งในครอบครัวเป็นแกนของเรื่อง

สี่แยกนี้อายุน้อย 2535

เรื่องย่อ : สี่แยกนี้อายุน้อย (2535/1992) สี่แยกนี้อายุน้อย เป็นเรื่องของครอบครัวหนึ่งที่มีพี่ชาย 4 คน พี่คนโต เป็นผู้ประกาศข่าว คนที่สองกับคนที่สามเป็นฝาแฝด และน้องชายคนเล็กของครอบครัวซึ่งครอบครัวหวังว่าจะเป็นลูกสาวแต่ดันเป็นลูก ชาย เลยโดนกดขี่ซะ และแล้วสาวน้อยความหวังของครอบครัวก้อถือกำเนิดขึ้นมา เป็นไข่ในหินของบ้าน เป็นที่รักที่หวงแหนของครอบครัว แล้วสาวคนนี้ก้อมีแฟนเป็นนักกีฬาคู่แข่งของพี่ชาย (คนเล็ก) ของตัวเอง

น้ำเซาะทราย 2536

น้ำเซาะทราย (2536/1993) พุดกรอง และ วรรณรี เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน แต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกคนดูเคร่งขรึม จืดชืด แต่ไม่เคยทำผิด แต่อีกคนพราวเสน่ห์ยั่วยวนไปทั้งตัว ชีวิตคู่ของ ภีม และ วรรณรี มีรอยปริ เมื่อ วรรณรี จับได้ว่าสามีและเพื่อนแอบมีสัมพันธ์กันเกินเลย เรียกให้ชัดก็คือแอบเป็นชู้กัน สงครามเย็นจึงเกิดขึ้น !!

ม่านบังใจ 2542

ม่านบังใจ (2543/2000) เฟื่องลดานักเรียนชั้นเตรียมปีที่ 2 แห่งโรงเรียนดรุณีวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีที่มีชื่อ กำลังเตรียมตัวแสดงระบำร่วมกับเพื่อน ๆ ในงานประจำปีของโรงเรียน และปีนี้ก็ดูครึกครื้นกว่าทุกครั้ง กำลังเตรียมตัวแสดงระบำร่วมกับเพื่อน ๆ ในงานประจำปีของโรงเรียน และปีนี้ก็ดูครึกครื้นกว่าทุกครั้ง เพราะเป็นงานฉลองครบรอบ 25 ปีของโรงเรียนด้วย ในขณะเดียวกัน เฟื่อง ผู้เป็นบิดาก็กำลังจะไปงานโรงเรียนลูกสาว และนำชุดกระโปรงที่เฟื่องลดาจะใส่แสดงไปให้ด้วย เฟื่องยกกล่องใส่ชุดขึ้นบังหน้าขณะเดินข้ามถนนด้วยความเร่งรีบเลยไม่ทันได้ ระวังรถที่เลี้ยวมาจากหัวมุมถนน แม้ว่าคนขับจะพยายามเบรกแล้วแต่ก็ไม่ทัน เฟื่องถูกรถชนล้มคว่ำอยู่ตรงนั้น เฟื่องลดารอพ่อด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะใกล้จะถึงเวลาแสดงอยู่แล้ว สักครู่เฟื่องลดาได้รับทราบจากอาจารย์ว่าพ่อติดธุระมาไม่ได้จึงให้คนนำชุดมา ให้ โดยที่เฟื่องลดาเองก็ไม่รู้เลยว่าคนที่นำชุดมาให้นั้นชื่อ ทัฬห์ พฤทานนท์ ผู้ที่ขับรถชนบิดาของเธอ เขานำชุดมาให้เธอตามคำขอร้องของนายเฟื่อง และเขาก็นั่งชมการแสดงของเธอด้วยความร้อนใจ เพราะเป็นห่วงอาการของเฟื่องที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ขณะที่นั่งชมการแสดงอยู่นั้นเขาบังเอิญได้ยินชาย 2 คนทั่งอยู่ข้าง ๆ เขาพูดถึงเฟื่องลดา ชายคนหนึ่ง โฆษิต เป็นพี่ชายของเพื่อนเฟื่องลดา อีกคนหนึ่ง เสี่ยนภ ผู้ซึ่งพอใจในตัวเฟื่องลดาและต้องการได้ตัวเธอมา โดยมีโฆษิตเป็นผู้รับอาสาจะจัดการให้ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ชอบเฟื่องลดาอยู่เช่นกัน แต่ก็เห็นแก่เงินของเสี่ยมากกว่า ทัฬห์ได้ยินเช่นนั้นก็ให้นึกห่วงเฟื่องลดาขึ้นมาว่า ถ้านายเฟื่องเป็นอะไรไป เธอคงต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน เขาจึงรีบไปดูอาการของนายเฟื่องทันที พอไปถึงโรงพยาบาลเขาก็พบกับ สร้องทอง ผู้เป็นภรรยาของนายเฟื่อง และสร้อยสนลูกสาวของสร้อยทองก่อนสิ้นใจนายเฟื่องได้กระซิบฝากเฟื่องลดาไว้ กับทัฬห์ เพราะไม่ไว้ใจแม่เลี้ยง พูดได้เท่านั้นนายเฟื่องก็สิ้นใจ ทัฬห์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะดูแลคุ้มครองเฟื่องลดาอย่างสุดความสามารถ เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายเฟื่องตาย ยิ่งเมื่อรู้ว่าสร้อยทองมิใช่แม่แท้ ๆ ของเฟื่องลดา เขาก็ยิ่งเป็นห่วงเฟื่องลดามากยิ่งขึ้น เฟื่องลดาทราบข่าวในวันรุ่งขึ้นว่าบิดาเสียชีวิตเพราะถูกรถชน ทำให้เธออาฆาตแค้นและเกลียดชังผู้ที่ขับรถชนพ่อของเธออย่างมาก ใน วันเผาศพนายเฟื่อง ทัฬห์ชวนไทว์ น้องชายของเขาไปด้วย และยุให้ไทว์จีบเฟื่องลดา ถ้าไทว์ทำให้เฟื่องลดายอมแต่งงานด้วยเขาจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง แล้วเขาก็เล่าให้ไทว์ฟังถึงความจริงว่ามีเสี่ยต้องการจะซื้อตัวเฟื่องลดา เขาเกรงว่าสร้อยทองจะขายเธอไป เพราะท่าทางของสร้อยทองนั้นเห็นแก่เงิน เมื่อ ทั้งสองไปถึงงานศพก็พบเฟื่องลดายืนต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้ากับ กานดา เพื่อนสนิท ทัฬห์ทักทายเฟื่องลดาด้วยความอ่อนโยนแต่เฟื่องลดากลับมองทัฬห์อย่างอาฆาต แค้น ซ้ำยังแกล้งเจาะยางรถยนต์ของเขาอีก ทำให้ไทว์นึกขยาดไม่กล้าจีบเฟื่องลดาตามคำแนะนำของพี่ชาย ถึงแม้ว่าเขาจะพอใจในความงามของเธอก็ตาม ประกอบกับไทว์มีแฟนอยู่แล้วคือ สิริโสภา ราษริปูราษฎร์ ลูกสาวผู้บังคับบัญชาของไทว์เอง หลังจากที่นาย เฟื่องตาย สร้อยทองมักไปขอเงินจากทัฬห์อยู่เสมอ และวันหนึ่งเธอนำข่าวไปบอกทัฬห์ว่าเสี่ยนพมาขอซื้อตัวเฟื่องลดาเป็นเงินถึง 6 หมื่นบาท ทัฬห์จึงเสนอว่าเขาจะให้เงินสร้อยทอง 1 แสนบาท แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีสิทธิ์ในตัวเฟื่องลดาแต่เพียงผู้เดียว และไม่ให้บังคับเฟื่องลดา เขาจะแต่งงานกับเฟื่องลดาก็ต่อเมื่อเธอยินยอม พอสร้อยสนทราบข่าวเข้าก็ขัดแย้งกับแม่อีก เพราะเธอไม่เห็นด้วยเธอสงสารและเห็นใจเฟื่องลดา เพราะเฟื่องลดาอยากเรียนต่อ แต่สร้อยทองอ้างว่าไม่มีรายได้มากพอที่จะส่งเรียน สร้อยทองฉลาดพอที่ไม่ใช้วิธีบังคับเฟื่องลดา เพราะเธอรู้ว่าเฟื่องลดาเป็นเด็กดื้อรั้นและทนงตัว เฟื่องลดาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากทัฬห์เลย แม้ว่าเขาเต็มใจที่จะช่วยเหลือเธอทุกอย่างก็ตาม สร้อยทองพูดจาหว่านล้อมด้วยคำพูดที่หวาน ๆ จนเฟื่องลดาใจอ่อนเลิกล้มความตั้งใจที่จะเรียนและหางานทำ ระหว่างนั้นสร้อยทองซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ราคาแพงให้เฟื่องลดาเป็นการเอาใจและยังให้ไปเที่ยวที่ชะอำเพื่อเป็นการปลอบ ขวัญ เฟื่องลดาชวนกานดาไปด้วยโดยพักอยู่กับญาติของสร้อยทอง ระหว่างที่พักอยู่ชะอำเฟื่องลดาและกานดาได้รู้จักกับเด็กหญิงเล็ก ๆ 2 คน คือ เป๊ปซี่และโคล่า ความน่ารักของเด็กหญิงทั้ง 2 ทำให้เฟื่องลดารักและเอ็นดูอย่างมาก ในตอนแรกที่เฟื่องลดารู้ว่าเด็กทั้ง 2 เป็นลูกสาวของทัฬห์ เธอพยายามไม่ข้องแวะด้วย แต่ด้วยความฉลาดและช่างพูดของเด็กทั้งสอง ทำให้เฟื่องลดาติดใจและเมื่อรู้ว่าเด็กทั้ง 2 กำพร้าแม่ เธอก็ยิ่งรักและสงสารมากยิ่งขึ้น หลังกลับจากชะอำเฟื่องลดาได้ทำงาน เป็นเสมียนในบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่ง ส่วนกานดาได้เรียนต่อ เป๊ปซี่และโคล่ารักและติดใจเฟื่องลดาและกานดามาก จึงรบเร้าให้ทัฬห์พาไปหาบ่อย ๆ ความเกลียดชังที่เฟื่องลดามีต่อทัฬห์ในครั้งแรกเริ่มคลายลงบ้าง แต่แล้วเหตุการณ์กลับเลวร้ายลงไปอีกเมื่อสร้อยทองโกหกเฟื่องลดาว่า เมื่อครั้งเฟื่องยังมีชีวิตอยู่ได้สร้างหนี้สินไว้มากและตอนนี้ก็กำลังจะถูก ฟ้องล้มละลายตนจึงไปขอกู้เงินจากทัฬห์ และตอนนี้ทัฬห์ก็เร่งรัดหนี้สินโดยไม่ยอมผ่อนผันให้แม้ว่าตนอ้อนวอนขอร้อง อย่างไรก็ตาม ดังนั้นเฟื่องลดาจึงยอมแต่งงานกับทัฬห์เพราะเห็นแก่แม่เลี้ยง สร้อยทองจึงยุยงให้เฟื่องลดาปอกลอกทรัพย์สินของทัฬห์เพื่อเป็นการแก้แค้น ทัฬห์เองก็รู้ถึงแผนการของสร้อยทอง เพราะสร้อยสนเขียนจดหมายมาบอกให้ทัฬห์ทราบ แทนที่ทัฬห์จะคอยระมัดระวังเขากลับแสดงความจริงใจต่อเฟื่องลดา โดยสอนให้เธอรู้รหัสตู้เซฟที่เก็บเงินและเครื่องเพชร และด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ทัฬห์ไม่ได้ข่มเหงน้ำใจเฟื่องลดาเลย ทำให้เฟื่องลดาเริ่มรักทัฬห์อย่างไม่รู้ตัว เมื่อสร้อยทองเห็นว่าแผนของตัวเองจะไม่สำเร็จ จึงเริ่มคิดแผนอันชั่วร้ายใหม่ โดยย้ายไปอยู่ที่บ้านทัฬห์เพื่อหวังให้ทัฬห์หันมาสนใจสร้อยสนแทน สร้อยสนไม่เห็นด้วยจึงไม่ยอมไป แต่ก็ขัดไม่ได้เพราะสร้อยทองเซ้งบ้านไปแล้ว และสร้อยสนอยากอยู่บ้านเก่าต่อไปให้หาเงินมาแทน สร้อยสนจนใจเพราะไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน เธอเองก็มีอาชีพแค่รับจ้างตัดเสื้อผ้าเท่านั้น จึงต้องยอมไปอยู่ด้วย เฟื่องลดาดีใจมากที่สร้อยทองและสร้อยสนย้ายมาอยู่ด้วย โดยเธอไม่ได้ระแวงเลยว่าสร้อยทองคิดร้ายกับเธอ ไทว์สร้างบ้านใหม่เพื่อหวังจะให้เป็นเรือนหอของตัวเองกับสิริโสภา แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อสิริโสภาได้รู้จักกับ สมัย ประทีปทอง แล้วเกิดเปลี่ยนใจไปรับหมั้นสมัย เพราะเห็นว่าสมัยร่ำรวยกว่าไทว์ แต่ไทว์เองก็มิได้เสียใจมากนัก วันหนึ่งเขาแวะมาเยี่ยมพี่ชายและรู้ว่าสองแม่ลูกย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านพี่ ชายก็ไม่พอใจ ความเกลียดที่มีต่อสร้อยทองจึงตกทอดไปถึงสร้อยสนด้วย ความ ไม่เข้าใจกันระหว่างทัฬห์และเฟื่องลดายิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อเฟื่องลดาเข้าใจว่าทัฬห์และสร้อยสนรักกัน ส่วนทัฬห์ก็คิดว่าเฟื่องลดาชอบกับไทว์ ซ้ำยังมีโฆษิตที่เฟื่องลดาโกหกว่าเป็นแฟนเก่าของตนเข้ามาพัวพันอีก สร้อยสนเห็นว่าเฟื่องลดานั้นรักทัฬห์ และทัฬห์เองก็รักเฟื่องลดามากเช่นกัน จึงเล่าความจริงให้เฟื่องลดาฟังว่าทัฬห์ไม่ได้ให้เงินแม่กู้แถมยังเป็นคนใช้ หนี้สินให้แม่อีกด้วย เฟื่องลดาดีใจมากที่ได้ทราบความจริงว่าทัฬห์ไม่ใช่คนหลอกลวงอย่างที่เธอเข้า ใจผิดมาตลอด สร้องทองนั้นติดการพนันมาก เมื่อสร้อยสนไม่ให้ความร่วมมือด้วยจึงคิดจะใส่ร้ายเฟื่องลดาว่ามีชู้กับ โฆษิต ช้อยคนรับใช้เก่าที่บ้านเฟื่องลดารู้ถึงแผนการของสร้อยทองด้วย เพราะสร้อยทองจะใช้ให้ช้อยปลอมตัวเป็นเฟื่องลดาเพื่อให้ทัฬห์เข้าใจผิด ช้อยจึงนำเรื่องมาบอกไทว์ ไทว์ได้ฟังดังนั้นก็โกรธแค้นสร้อยทองมาก และคิดว่าถ้าลูกสาวของสร้อยทองเองเกิดหนีตามผู้ชายไป และผู้ชายคนนั้นก็เป็นเพียงพลทหารต่ำต้อย สร้อยทองจะเสียใจเพียงใด คิดได้ดังนั้นไทว์จึงเรียกสร้อยสนมา แล้วเล่าถึงแผนการของสร้อยทองให้เธอฟัง ซ้ำยังขู่ว่าจะเล่าความจริงให้ทัฬห์และเฟื่องลดารู้ เมื่อทั้งสองกลับจากงานเลี้ยงแล้ว สร้อยสนขอร้องไทว์ไม่ให้บอกทัฬห์และเฟื่องลดา เพราะเกรงว่าเฟื่องลดาจะเสียใจและหมดความรักความเคารพที่มีต่อสร้อยทอง สร้อยสนขอเลือกคนที่ไทว์รู้จักดีที่สุด ซึ่งก็คือพลทหารรับใช้ของเขา เมื่อสร้อยสนยืนยันเช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจพาเธอไปที่บ้านแต่ไม่ได้บอกให้ คิด ทราบว่าเธอเป็นใคร คิดจึงเข้าใจว่าเธอคือแฟนของไทว์ ข่าวของ สิริโสภาดังขึ้นอีกครั้งตามหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อคู่หมั้นของเธอคือนายสมัย ถูกจับข้อหาค้าฝิ่น เธอจึงคิดจะกลับมาหาไทว์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไทว์รู้ใจตัวเองว่าเขามิได้รักเธอ แต่เขารักสร้อยสน ซึ่งต่อมาเขาก็รู้ความจริงว่าสร้อยสนมิได้คิดจะแย่งทัฬห์มาจากเฟื่องลดาตาม ที่เขาเข้าใจ ส่วนโฆษิตนั้นยังเคืองแค้นเฟื่องลดาอยู่จึงวางแผนชวนเฟื่องลดาไปเที่ยวน้ำตก สาริกากับกลุ่มเพื่อน ๆ และมีสร้อยทองไปด้วย ระหว่างทางที่แวะพักทานข้าวโฆษิตแกล้งทำเป็นรถเสีย เพื่อจะให้รถเพื่อน ๆ ของเฟื่องลดานำหน้าไปก่อน โดยเขามีจุดประสงค์จะพาตัวเฟื่องลดาไปขายให้เสี่ยคนหนึ่ง ซึ่งนัดกันไว้ที่สระบุรี แผนการณ์ของโฆษิตครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสร้อยทองและกานดาน้องสาวของ เขา โดยทุกคนมีส่วนแบ่งในเงินค่าจ้าง 1 แสนบาท แต่ก่อนที่เฟื่องลดาจะถูกทำร้าย ทัฬห์ได้ตามมาช่วยไว้ทัน ทั้งสองจึงปรับความเข้าใจกันและได้ประจักษ์ถึงความรักที่มีต่อกัน

Club Friday To Be Continued ตอน เพื่อนรัก เพื่อนร้าย (2559/2016) ที่งานปาร์ตี้ริมสระน้ำ ซึ่งเป็นบริษัทออแกไนซ์ที่การ์ตูน (กิ๊บซี่-วนิดา) ย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ งานถูกจัดอย่างสวยงามริมสระ การ์ตูนกำลังยืนดูจำนวนสินค้าที่จะเอามาแจกในงาน อยู่ ๆ พิงค์ (ดีเจดาว-ณัฐภัสสร) ก็โผล่มา ด่าว่าการ์ตูนเพราะคิดว่าการ์ตูนไปอ๋อยพี่เอ (ต้อม-พลวัฒน์) และหาเรื่องเธอ ทั้งที่การ์ตูนเองไม่เคยสนใจพี่เอเลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่การ์ตูนย้ายมาทำงานที่ใหม่ แม้เธอจะได้รับความสนใจจากทั้งหนุ่ม ๆ ในบริษัท และมีหลายคนอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ แต่การ์ตูนกลับไม่กล้าวางใจใครนัก คนที่การ์ตูนยอมสนิทสนมด้วยก็คือพี่อร (ตุ๊ก-ชนกวนันท์) สาวเฉิ่มที่สนใจทำแต่งาน และอีกคนก็คือเบญ (ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์) ตุ๊ดมากความสามารถที่เป็นคนคล้าย ๆ เธอ คือตรงไปตรงมา เมื่อต้องทำงานเป็นทีม ทีมของการ์ตูน อรและเบญ กลับมีผลงานที่โดดเด่น ทำให้ปอ (ดีเจอ๋อง-เขมรัชต์), แองจี้ (รัศมีแข) และเอ็นจอย (อ้วน รีเทิร์น) ตุ๊ดคู่หู เกิดอิจฉาการ์ตูน และขอร้องให้พี่เอหาทีมเพิ่มอีก 1 คน การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของการ์ตูนทำให้เธอเจอกับณัฐ (บี้-ธรรศภาคย์) ชายหนุ่มคนใหม่ที่มีบุคลิคตรงข้ามกับแมนทุกอย่าง น่ารัก สุภาพ อ่อนโยน ณัฐมีท่าทีชอบพอการ์ตูน และเป็นคนดี ทำให้การ์ตูนประทับใจณัฐในทันที ทางฝั่งเชอรี่ (สายป่าน-อภิญญา) หลังจากแต่งงานกับแมน (กอล์ฟ-พิชญะ) ก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เพราะแมนดันไปล่วงรู้ความลับว่าเชอรี่ท้องกับปั้น (แฟนเก่าเชอรี่) แล้วมาสวมเขาให้แมนต้องแต่งงานด้วย แมนเสียใจรับไม่ได้ที่ถูกหลอกจึงตีตัวออกห่างจากเชอรี่ แล้วแมนก็ทำท่าจะกลับไปหาการ์ตูนทำให้เชอรี่เกลียดการ์ตูนมากขึ้นเป็นทวีคูณ แล้ววันนึงเมื่อออฟฟิศของการ์ตูนมีงานใหญ่ ซึ่งปอเสนอตัวอยากจะทำงานนี้เอง แต่ทว่าทีมไม่พอ พี่เอเลยหาคนใหม่มาเสริมทีมให้กับปอก็คือ เชอรี่ ทำให้ความเป็นเพื่อนรัก เพื่อนร้ายที่คับแค้นใจกันมายาวนาน ระหว่างการ์ตูน และเชอรี่กลับมาปะทุกันอีกครั้ง และหนำซ้ำทุกอย่างยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งคู่เมื่อเชอรี่รู้ว่าแมนจะกลับไปหาการ์ตูน เธอจึงวางแผนคิดจะแย่งณัฐที่ตามจีบการ์ตูนมาเป็นของเธออีกครั้ง แต่แผนครั้งนี้ของเธอลึกซึ้ง และรุนแรงเกินกว่าที่การ์ตูนจะตามทัน เมื่อเชอรี่วางแผนให้แตงโม (ทอย-ปฐมพงศ์) น้องชายคนเดียวของเธอ ตามจีบนักศึกษาน้องใหม่ที่ชื่อกระต่าย (วีวี่-สรัณณัฎฐ์) ซึ่งเชอรี่รู้ดีว่ากระต่ายคือน้องสาวแท้ ๆ ของการ์ตูน ครั้งยังเป็นเพื่อนรักกัน การ์ตูนเริ่มรู้ทันแผนการที่เชอรี่พยายามจะแย่งณัฐไปจากเธอ จึงเผลอตัวแสดงท่าที และอารมณ์โมโหร้ายจนณัฐเห็น ทำให้เชอรี่ได้ทีแกล้งแอ๊บใสเป็นคนน่าสงสาร ส่งผลให้การ์ตูนต้องทะเลาะกับณัฐ การ์ตูนหมดหนทางไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร เธอจึงกลับไปปรึกษาเรื่องเชอรี่กับแมนอีกครั้ง สร้างความไม่พอใจให้กับณัฐที่หึงการ์ตูนกลัวจะกลับไปคืนดีกับแมน พอ ๆ กับสร้างความคับแค้นที่สุมอยู่ในใจของเชอรี่ แมนกับการ์ตูนจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ ? สุดท้ายความเป็นเพื่อนร้ายระหว่างการ์ตูน และเชอรี่ จะกลับมาเป็นเพื่อนรักกันได้หรือไม่ ? ติดตามชมได้ใน Club Friday To Be Continued ตอน เพื่อนรักเพื่อนร้าย

ดงผู้ดี 2552

ดงผู้ดี (2552/2009) ตั้งแต่ จำความได้ ขมรู้แต่ว่าโลกแคบๆ ของตัวเองนั้นมีแต่แม่คนเดียงเท่านั้น แขซัดเซพเนจรมากับลูกตั้งแต่ยังแบเบาะ ครูสมพรเจ้าของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด เวทนาจึงรับเลี้ยงแม่ลูกไว้ แขทำงานเป็นภารโรงแลกกับการที่ครูสมพรให้ โอกาสขมได้เรียนหนังสือ แขหวังในสิ่งเดียวคือสักวันความทรงจำว่าตนคือใครจะกลับมา เพราะลูกจะได้ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อครูสมพรเรียก ซ้อมวงมโหรีเครื่องสายเพื่อแสดงในงานวันเกิดท่านผู้ว่าฯ พี่ชายของเธอ เสียงเพลงโสมส่องแสงเหมือนปลุกเร้าบางสิ่งในจิตใต้สำนึกของแขแขร้องเพลงโสม ส่องแสงได้อย่างไพเราะ พร้อมๆ กับความทรงจำบางส่วนของแขกลับคืนมา ใน วันงานซึ่งขณะที่แขได้รับเกรียติให้ร้องเพลงโสมส่องแสงนั้นความทรงจำของ แขกลับมาจริงๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของ พิทย์ รุ้งพราย ซึ่งก็จดจำแขได้เพราะเสียงเพลงโสมส่องแสงเช่นเดียวกัน แต่ในนาทีสุดท้ายของเพลง แขก็ขาดใจตาย แต่ก่อนจะสิ้นลมหายใจ แขยังได้มีโอกาสฝากฝังขมกับพิทย์ รุ้งพราย ซึ่งใครๆ ก็เข้าใจว่าคือพ่อของขม พิทย์ รุ้งพราย พาขมเข้ากรุงเทพทันที หลังจากฝากฝังเรื่องงานศพของแข ให้ครูสมพรช่วยจัดการ พิทย์ รุ้งพราย หรือจริงๆ แล้วคือ ชวาล สุรบดินทร์ พาขมมาที่บ้านพุทธชาด บอกขมว่า เขามีความจำเป็นที่จะต้องพาขมมาฝากให้อยู่ที่นี่เพียงชั่วคราว เมื่อตนพร้อมเมื่อไหร่จะกลับมารับตัวขมไปอยู่ด้วยกัน รังสรรค์ รัตนเดชากร เผชิญหน้า พิทย์ รุ้งพรายอย่างน้ำท่วมปากและจำเป็นต้องรับคำเรื่องดูแลขมอย่างเลี่ยงไม่ได้ (รังสรรค์เคยเป็นหนี้ชวาลก่อนใหญ่ที่ไม่มีทางมีปัญญาใช้คืนได้) ตั้งแต่วันนี้ขมก็เฝ้าชะเง้อรอคอยการกับมาของพิทย์ รุ้งพราย ทุกวันเพราะชีวิตบ้านพุทธชาดนั้น ความทุกข์มีมากกว่าความสุขแต่ถึงกระนั้นกำลังใจอย่างเดียวที่ขมเฝ้าปลอบ ประโลมใจตัวเองก็คือสักวันพ่อจะมารับตนไปจากที่นี่

เรื่องย่อ : ญาติกา (2539/1996) หลัง จากขุนไกรตายลงแม่ดาวเรืองก็มาตั้งรกรากอยู่ในกรุงรัตนโกสินทร์ มีลูกหลานสืบมาจนมาถึงพ่อบวรหลานชายคนใหญ่ของตระกูลที่เหมือนจะเป็นพวกนัก เกรงหัวไม้ แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนตรงและรักความยุติธรรมมากกว่า พ่อบวรพบรักกับแม่นวลลูกสาวคนที่สองของคุณพระเพชรบุรีที่ติดตามมารดามาค้า ขายที่พระนคร แม่นวลเป็นคนนิ้มนวลสมชื่อ ตอนแรกหญิงสาวก็ดูจะไม่รักชายหนุ่มอย่างพ่อบวรเท่าไรนักเพราะได้ยิน กิติศักดิ์เรื่องความเป็นนักเกรงหัวไม้ แม่แนบมักจะไปจอดเรือที่ท่าน้ำของคุณหญิงจีบแม่ของพ่อบวรเสมอ จนทำให้ความรักของพ่อบวรกับแม่นวลแน้นแฟ้นยิ้งขึ้น พ่อของพ่อบวร จึงส่งคนไปสู่ขอแม่นวลจากคุณพระเพชรบุรี ท่านไม่ยอมยกให้ด้วยความหวงลูกสาวและไม่ชอบพ่อบวรเป็นทุนจึงเรียกทองหนัก เท่าตัวลูกสาว แม่นวลเสียไปไม่นานพ่อบวรก็มีภรรยาใหม่ แม่สร้อย กับพวงแสด ถูกส่งตัวกลับไปอยู่กับปู่ย่า แม่สร้อยเรียนในโรงเรียนประจำเด็กหญิงมีความสนใจในดาบที่อยู่ในห้องพระของ คุณทวดของเธอมากจนหน้าแปลก ส่วนแม่พวงแสดถูกส่งไปเรียนการเรือนในวัง แล้ววันหนึ่งก็มีคนมาดูตัวแม่พวกแสดแต่ผิดตัวกลายเป็นแม่สร้อยแทน พ่อชวานลูกชายคุณหญิงแว่นเจ้าของโรงเรียนที่แม่สร้อยเรียนอยู่ หลงรักหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นด้วยความซุกซนเหมือนผู้ชายของแม่สร้อยทำให้หญิง สาวไม่ได้สนใจชายหนุ่มเท่าไรนัก แต่ทั้งคู่ก็ต้องแต่งงานกันจนได้ทั้งที่แม่สร้อยไม่ได้รักพ่อชวานเลยทั้งคู่ ย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดด้วยกัน ไม่นานพ่อชวานก็เสีย แม่สร้อยเพิ่งรู้ตัวเองว่ารักชายหนุ่มมากแค่ไหน พร้อมๆกับเพิ่งรู้ว่าตนเองท้องเธอเสียใจมาก และตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกชายที่เป็นเหมือนตัวแทนพ่อของเขาอย่างดี ชวาลาเติบโตมาเป็นหนุ่มหล่อเหมือนพ่อเขาจบการศึกษาจากต่างประเทศ และคิดจะออกตามหาดาบคู่ที่แม่มีอยู่และเคยเล่าความเป็นมาให้ฟ้งเขาออกเดิน ท่างไปประเทศพม่าและที่นั้นเขาได้พบกับหญิงอันเป็นที่รักและดาบอีกเล่มที่ ตามหามานาน

ขมิ้นกับปูน 2544

เรื่องย่อ : ขมิ้นกับปูน (2544/2001) เรื่องราวความรัก และความแค้น ของสองตระกูล คือ ธรรมคุณ และ จิตรการ ซึ่งหลังจากผ้านพ้น ช่วงระยะเวลา ของการเปลี่ยนแปลง ในด้านการปกครอง ของสังคมไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2475 ทั้งสองตระกูล ซึ่งมีแนวคิด และการปรับตัว ไปตามสังคม ที่แตกต่างกัน ได้เกิดความขัดแย้ง และผูกใจเจ็บ เกิดเป็นความบาดหมาง อย่างยาวนาน และด้วยความรัก ด้วยความขาดสติ ของธนา และปัทมา ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความแตกต่าง ของทั้งสองตระกูลใหญ่ ก็ทำให้ทั้งสองฝ่าย ได้เกิดคำถาม ในช่วงยุคสมัย ที่สังคมไทย กำลังเปลี่ยนแปลง ไปอย่างรวดเร็ว และสับสน ราวกับพายุ ที่โหมกระหน่ำ ว่าในการปรับตัว และพยายาม ที่จะเข้าหา ผู้มีอำนาจ และอิทธิพล ในกลุ่มใหม่ ของสังคม และการฉวยโอกาส ในทุก-ทุกด้าน เพื่อความร่ำรวย ในพวกพ้อง ของตนเอง ของตระกูลจิตรการ และการยึดมั่น ในเกียรติ และศักดิ์ศรี ของวงศ์ตระกูล อย่างแรงกล้า จนเป็นการทำร้าย และทำลายชีวิต ของสมาชิก ในครอบครัว ของตระกูลธรรมคุณ นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือเหมาะสม ทั้งหมด เช่นเดียวกัน หรือไม่ ซึ่งจากความรัก ด้วยความเข้าใจ โดยยึดมั่น ทั้งในเกียรติยศ และศักดิ์ศรี คุณงามความดี ของวงศ์ตระกูล ขณะเดียวกัน ก็ปรับตัว ให้เข้ากับสังคม และยุคสมัย ที่กำลังเปลี่ยนแปลง ไปอย่างรวดเร็ว ของทันพันธ์ และปารมี ซึ่งเป็นรุ่นหลาน อีกคู่หนึ่ง ของทั้งสองตระกูล ก็ทำให้ความบาดหมาง และความขัดแย้ง ของสองครอบครัว ที่มีแนวคิด และการใช้ชีวิต ที่แตกต่างกัน คนละด้าน เริ่มที่จะผ่อนปรน และปรับเปลี่ยน ให้กลมกลืนกัน ด้วยความเข้าใจ ในอีกฝ่าย มากยิ่งขึ้น

ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก 2536

เรื่องย่อ : ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก (2536/1993) เป็นเรื่องชีวิตต้องสู้ของแสงคำหญิงสาวที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้น แสงคำมีพ่อเป็นกรรมกรก่อสร้างแม่เป็นแม่ค้าในตลาด มีน้องสาวหน้าตาสะสวยชื่อสร้อยคำ แสงเป็นหญิงแกร่งที่ต่อสู้เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เธอทำงานหนักเพื่อส่งเสียน้องให้ได้เรียนหนังสือ ต่อมาแสงได้พบและแต่งงานกับพระเอกด้วยเหตุผลประการหนึ่งเพื่อที่จะยกระดับฐานะตัวเองขึ้นมาได้บ้าง แสงช่วยสามีทำงานสร้างครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง และในเวลาต่อมายังได้เป็นเจ้าของกิจการร้านเสริมสวยของตัวเอง วันหนึ่งสามีเธอประสบอุบัติเหตุทำให้ขาพิการไป แสงจึงจำเป็นต้องขึ้นมากุมบังเหียนดูแลธุรกิจและครอบครัว

บุญชู สระอูยาว (2541/1998) ความสงบร่มรื่นของบ้านโข้งต้องพลิกผัน กลายเป็นความอลหม่านเมื่อคนทั้งหมู่บ้านถูกมือดีหลอกเอาล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ปลอมมาขายให้ จนต้องสูญเสียเงินทองข้าวของที่เอามาลงทุนหุ้นกันซื้อล็อตเตอรี่ฉบับนั้นไว้เกือบหมดตัวทั้งหมู่บ้าน ขนาดแทบว่าจะต้องพึ่งไอเอ็มเอฟ หลวงพ่อและ "ทิดเปลี่ยน" มัคนายกคู่ใจจึงตัดสินใจแก้หน้าด้วยการหาตัวลูกบ้านในวัยเรียนที่มีหน่วยก้านเหมาะสมเพื่อส่งไปกวดวิชาสมัครสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจะได้เฉลียวฉลาดทันคนมาเป็นผู้นำชาวบ้าน พัฒนาบ้านโข้งให้เจริญรุดหน้า ไม่ต้องเสียทีใครอีก "บุญชู บ้านโข้ง" ลูกบ้านหนุ่มนักธรรมเอก ผู้มีสำเนียงเหน่อเกินตระกูล ลูกชายของ "แม่บุญล้อม" ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนชาวบ้านโข้งในการทำหน้าที่ดังกล่าว ถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับ "บัวลอย" หลานสาว โดยมาอาศัยอยู่กับ "บุญช่วย" พี่ชายจอมกะล่อนผู้เป็นบิดาของบัวลอย ซึ่งเช่าท่าเรือข้ามฟากดำเนินกิจการอยู่ตรงใต้สะพานสาธร การมาอยู่กับบุญช่วยสร้างปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับบุญชูไม่น้อย เพราะบุญช่วยไม่ถูกกับ "คุณนายสะอาด" ผู้ดีเก่าข้างบ้าน เลยพลอยให้บุญชูต้องถูกคุณนายสะอาดใช้เป็นที่ลับฝีปากอยู่แทบว่าจะตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณนายสะอาดพบว่า "คุณหนูสุดสวย" บุตรสาวผู้เก็บกดของตนแสดงความพึงพอใจในตัวบุญชูเป็นพิเศษก็เลยยิ่งไปกันใหญ่ ที่โรงเรียนกวดวิชา บุญชูได้รู้จักกับเพื่อนใหม่หลายคนเช่น "ไวยากรณ์" ผู้ใฝ่ฝันจะเรียนแพทย์ "หยอย" ทายาทเจ้าของร้านทองหยิบทองหยอด "นรา" หนุ่มใต้ "คำมูล" หนุ่มอีสานผู้รักงานโบราณคดี และบูชาอินเดียน่าโจนส์เหนือสิ่งอื่นใด กับ "เฉื่อย" หนุ่มเชียงใหม่ใจร้อนซึ่งพูดช้าที่สุดในโลก แต่แทนที่บุญชูจะตั้งใจเรียนเหมือนกับที่หลวงพ่อและชาวบ้านโข้งทั้งหลาย โดยเฉพาะแม่บุญล้อมได้ตั้งความหวังเอาไว้ บุญชูกลับไปหลงรัก "โมลี" สาวผู้ดีเพื่อนนักเรียนกวดวิชาเข้าอย่างชนิดที่เรียกว่าหัวปักหัวปำ โดยการหนุนส่งของบุญช่วยพี่ชายจนไปเป็นไม้เบื่อไม้เบากับ "เงินตรา" เพื่อนนักเรียนเก่าของโมลี กับ "โต้ง" วัยรุ่นเจ้าของแผงขายเชิ้ตผู้หมายปองโมลี จนเกิดเรื่องราววุ่นวายแตกหักขึ้นหลายครั้งหลายครา และทำให้บุญชูประสบความล้มเหลวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในที่สุด บุญชูกลับบ้านโข้งด้วยความผิดหวัง และถูกตำหนิรังเกียจจากชาวบ้านที่ตั้งความหวังไว้ในตัวบุญชู เพื่อนๆ พร้อมด้วยโมลีซึ่งในขณะนี้รู้ซึ้งถึงความดีของบุญชู ตามมาให้กำลังใจและชักชวนบุญชูให้กลับไปสอบใหม่อีกครั้งเป็นปีที่สอง โดยครั้งนี้หลวงพ่อได้แนะนำให้บุญชูไปอาศัย "มหาแจ่ม" เพื่อนเก่าของหลวงพ่อ ซึ่งทำงานเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดให้เป็นผู้ติววิชาให้ ความสัมพันธ์ของบุญชูกับโมลียังคงลุ่มๆ ดอนๆ แถมเมื่อบุญช่วยพยายามตามตื๊อ "มานี" ผู้เป็นพี่สาวของโมลีก็กลับยิ่งสร้างปัญหาให้มีมากขึ้น รวมทั้งปัญหาในที่ทำงานของมหาแจ่มซึ่งบุญชูต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำให้พัลวันกันไปหมดจนน่าเป็นห่วงว่าบุญชูจะสอบไม่ผ่านและผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง บุญล้อมตามมาลุ้นผลสอบของบุญชูถึงในกรุงเทพฯ ก่อนจะพบด้วยความใจหายใจคว่ำว่าบุญชูสอบติดสำรองและสามารถเข้าเรียนในคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สมดังที่ตั้งใจ หลวงพ่อกับทิดเปลี่ยนจัดงานฉลองความสำเร็จเบื้องต้นให้กับบุญชู เพื่อนๆ จากกรุงเทพฯ รวมทั้งโมลีกับมานีพี่สาวซึ่งบัดนี้มาญาติดีกับบุญชูได้เดินทางมาด้วย แต่แล้วบุญช่วยก็สร้างปัญหาขึ้นอีกจนได้ ทำเอามานีหน้าคว่ำกลับไปพร้อมกับโมลี การเรียนของบุญชูคืบหน้าไปเป็นลำดับ บุญชูเป็นที่รักและนิยมของเพื่อนนิสิต และพบว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นชีวิตที่มีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีโมลีอยู่เคียงข้าง แต่แล้วบุญชูก็ไปพบกับเรื่องราวความอยุติธรรมในการแจกทุนการศึกษาเข้าก็เลยตัดสินใจสมัครเข้ารับเลือกเป็นนายกสโมสรมหาวิทยาลัย และพยายามต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม บุญชูแพ้เลือกตั้งแต่การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมประสบผลสำเร็จเป็นไปตามที่บุญชูต้องการ ทว่าน่าเสียดายที่มันสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นระหว่างบุญชูกับโมลี ความผิดหวังทำให้บุญชูมุเรียนเป็นอย่างหนัก สำเร็จจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับความผูกพันที่จะต้องกลับไปพัฒนาบ้านโข้งบ้านเกิดอันขัดแย้งกับความปรารถนาของหัวใจที่ต้องการอยู่ใกล้และเอาชนะใจคนที่ตนรัก...ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่บุญชูจะต้องตัดสินใจ...

ยอดคุณลูก 2538
ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ 2550

ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ (2550/2007) คุณหญิง ดารา สุริยกานต์ หอบลูกชาย ด.ช.ปรมี ไปอยู่ออสเตรเลีย หลังจาก ม.ล.ปารมี คว้า เสลา สาวใช้มาเป็นเมียน้อย พอคุณหญิงหนีไป เสลา จึงขึ้นเป็นใหญ่ในบ้านและเปลี่ยนชื่อเป็น เนตรเสลา แต่ไม่มีทายาท จึงขอ ด.ญ.นัยน์นภา หรือ แนน มาเป็นบุตรบุญธรรม จน ปารมี ถึงแก่อนิจกรรม เวลาล่วงไปนับสิบปี ปรมี กลับมาในฐานะนักธุรกิจใหญ่ในชื่อ พอล เพื่อทวงทุกสิ่งที่เป็นของเขากลับคืนจาก เนตรเสลา ผู้กุมบังเหียนบริษัทจิวเวลรี่ยักษ์คราวน์ไดม่อน ซึ่งสภาวะการเงินย่ำแย่เพราะ เนตรเสลา ยักยอกไปเล่นการพนัน ปรมี จึงขอยืมเงินจาก มร.เดสมันต์ พ่อเลี้ยง เพื่อเข้าไปเป็นหุ้นส่วน เนตรเสลา หลงใหลความหล่อของ พอล จึงทำให้ สิงขร เลขาฯ ชู้รักลับๆไม่พอใจ ปรมี ได้พบแนนขณะเดินแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร พอลใ้ช้วิธีก้าวเข้ามาโดยมีแผนว่าจะเป็นหุ้นส่วนกับเนตรเสลา แต่สร้างความลำบากให้กับแนนมาก ทั้งเรื่อง ขายสร้อยเพชร ที่ขอยืมมาจากที่อื่น และเมื่อเนตรเสลานำเพชรที่จะไปทำสร้อยให้กับคุณหญิงอรอุษาไปใช้หนี้การพนัน และนำโมอิสไปทำขายแทน เมื่อแนนตรวจพบและบอกความจริงนั้น ทำให้เนตรเสลาโกรธมาก เนตรเสลา จะยกแนนให้ สิงขร แต่ ปรมี ตามมาช่วยทัน และเมื่อเนตรเสลา เพิ่งรู้ตัวว่า ปรมี หรือ พอล ประธานบริษัทคนใหม่คือผู้อยู่เบื้องหลังการหลอกลวง หล่อนจึงจับตัวทั้งคู่ไป แต่พลาดยิงไปถูกสิงขรเสียชีวิต เนตรเสลามีอาการเส้นเลือดในสมองแตก จนป่วยเป็นคนพิการ ปรมี แต่งงานกับ นัยน์นภา ในที่สุด

ละครเทิดพระเกียรติชุด พ่อ ตอน ความฝันอันสูงสุด (2542/1999) ละครชุด พ่อ แบ่งออกเป็น 6 เรื่อง เรื่องละ 2 ตอนจบ รวมทั้งสิ้น 12 ตอน โดยนำเสนอเรื่องราวชีวิตของคนธรรมดาและผู้เป็น "พ่อ" จากทั่วทุกหนแห่งที่มีความสอดคล้องกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และโครงการส่วนพระองค์ โดยผู้ที่มาร่วมแสดงในละครชุด พ่อ จะไม่ซ้ำกันทั้งหมด มีเพียงคุณสุเชาว์ พงษ์วิไล ที่ได้แสดงละครชุดเดียวกันถึง 2 เรื่อง

อยู่กับก๋ง 2 (ตามรอยพ่อ) (2548/2005) "หยก" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกกำพร้าอาศัย "อยู่กับก๋ง" และปัจจุบันคืนักเขียนวัยใกล้ 70 ปี ที่มีลูกชายเพียงคนเดียวคือ ศิลา ผู้ซึ่งได้แต่งงานมีครอบครับไปกับ รำไพ แล้ว แต่เกิดความจำเป็น ต้องพาภรรยาและลูก 2 คนคือ ตาหวาน กังลังอยู่ในวัยรุ่นกำลังเอนทรานซ์ ส่วน ตาเล็ก เด็กชายวัย 9 ขวบ ซึ่งกำลังซน มาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้หยกได้มีโอกาสรื้อฟื้น สายสัมพันธ์ ครั้งสำคัญในชีวิตอีกครั้ง คือ สายสัมพันธ์แห่งความเป็นครอบครัว ครั้งนี้ หยก ในบทบาทของพ่อและปู่จะต้องมาให้แง่คิด คติสอนใจ อบรมสั่งสอนลูกหลานรุ่นต่อๆไปให้ ตามรอยพ่อ รู้จักการดำเนินชีวิตเพียงพอ อย่างพอเพียง เพื่อความสุขความเจริญของชีวิต เพื่อปลุกจิตสำนึก ให้แก่คนไทยที่ได้อาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพะสมภารได้ดำเนินชีวิตตามรอยพระราช ดำริ แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระผู้เป็น พ่อหลวง ของปวงชนชาวไทยนั่นเอง .......

น้ำพุ 2545

เรื่องย่อ : น้ำพุ (2545/2002) พ่อกับแม่สุวรรณี สุคนธา (สินจัย เปล่งพานิช) ของ "น้ำพุ" (ตะวัน จารุจินดา) เลิกลากัน เพราะพ่อไปมีผู้หญิงคนใหม่ และพ่อทำลายของน้ำพุและแม่เข้าปกป้องน้ำพุ น้ำพุจึงมีความรู้สึกสว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก แม่พาน้ำพุและลูกสาวทั้งหมดไปอาศัยบ้านเพื่อน แม่เป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย และยังมีงานเขียนอีกด้วยเพื่อหารายได้เลี้ยงลูก ๆ ระหว่างที่แม่ น้ำพุ และพี่ ๆ น้อง ๆ อาศัยบ้านเพื่อนแม่ ก็มี "น้าแพ็ท" (จิรายุส วรรธนะสิน) เพื่อนรุ่นน้องของแม่มาเยี่ยมและคอยอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาเสมอ ๆ น้ำพุรู้สึกว่าแม่สนิทสนมกับน้าแพ็ทมากเป็นพิเศษ ต่อมาแม่ก็พาลูก ๆ ไปฝากยายที่พิษณุโลก ส่วนแม่ก็ย้ายออกมาอยู่ห้องเช่า ต่อมาแม่ก็มารับน้ำพุมาอยู่ด้วย เพราะแม่ฝากความหวังไว้ที่น้ำพุลูกชายคนเดียวว่าอนาคตอยากให้น้ำพุเป็นหมอ จึงอยากให้น้ำพุได้เรียนโรงเรียนดี ๆ ที่กรุงเทพฯ น้ำพุดีใจมากที่จะได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง แต่น้ำพุมาอยู่ได้ไม่นาน จู่ ๆ แม่ก็ทิ้งงานสอนตามน้ำแพ็ทไปต่างประเทศ จนถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย น้ำพุรู้สึกว่าตนเองถูกแม่ทอดทิ้ง และน้าแพ็ทก็มาแย่งความรักจากแม่ไปหมด จึงหันไปคบเพื่อนที่พากันริกินเหล้า สูบบุหรี่เพื่อเป็นการประชด หลังจากที่แม่กลับมา งานของแม่ก็เหลือเพียงงานเขียนอย่างเดียวเท่านั้น จนแม่ต้องเร่งทำงานหนักขึ้นเพื่อให้รายได้เพียงพอที่จะมาเจือจุนครอบครัว และแม่ก็ตั้งใจจะหาบ้านเช่าเพื่อรับลูกสาวที่ฝากยายไว้มาอยู่ด้วยกัน แม่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาสนใจน้ำพุนัก เมื่อแม่รับพี่ ๆ และน้อง ๆ มาอยู่ด้วย แทนที่ครอบครัวจะอบอุ่นเช่นเดิม แต่น้ำพุกลับรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก เพราะความที่เป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน แต่นั่นก็ยังไม่พอ น้ำพุรู้สึกแย่ยิ่งขึ้นเมื่อน้าแพ็ทย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย "อ๊อด" และ "เบิ้ม" เพื่อนสนิทพาน้ำพุได้รู้จักกับ "ม้ง" เพราะทั้งหมดสนใจเรื่องดนตรีเหมือน ๆ กัน แต่แม่กลับไม่สนับสนุน เพราะเกรงว่าน้ำพุจะสนใจดนตรีจนไม่สนใจการเรียน อย่างที่ตนวาดอนาคตการเป็นหมอของน้ำพุ ยิ่งทำให้น้ำพุห่างเหินกับแม่ยิ่งขึ้น แล้วน้ำพุก็ได้รู้จักกับ "กิ๊ก" (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ทั้งคู่ถูกใจกันจนถึงขั้นที่น้ำพุแอบพากิ๊กมาค้างที่บ้านบ่อย ๆ น้ำพุและเพื่อน ๆ เริ่มทดลองสูบกัญชา จนวันหนึ่งทั้งหมดถูกตำรวจจับ แม่ไปประกันตัวน้ำพุออกมา หลังจากนั้นแม่ก็คุมเข้มน้ำพุยิ่งขึ้น จนวันหนึ่งแม่ก็จับได้ที่น้ำพุพากิ๊กมาค้างที่บ้าน แม่ไล่กิ๊กออกจากบ้านและห้ามไม่ให้น้ำพุพากิ๊กมาที่บ้านอีก ต่อมา กิ๊กก็ถูกไล่ออกจากบ้าน จึงมาชวนน้ำพุให้หนีไปใช้ชีวิตด้วยกัน ระหว่างทาง ทั้งคู่ก็ไปพบ "ใหม่" เพื่อนอีกคนหนึ่งที่ติดยางอมแงม ใหม่ขอร้องให้น้ำพุกับกิ๊กกลับบ้าน น้ำพุพากิ๊กกลับด้วยกัน และขอร้องให้แม่รับกิ๊กเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน แม่จำยอมเพราะกลัวน้ำพุจะเตลิดไปอีก น้ำพุยังคงคบกับเพื่อนกลุ่มเดิม ๆ และยังพากันไปเล่นยาอยู่ จึงโดนตำรวจจับอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำพุถูกส่งไปอยู่บ้านเมตตา ส่วนกิ๊กถูกส่งไปอยู่บ้านปรานี แม่วิ่งเต้นหาทางช่วยจนรับน้ำพุออกมาได้ แม่ตัดสินใจส่งน้ำพุไปอยู่กับย่าที่เชียงใหม่เพื่อกันน้ำพุออกจากเพื่อนๆ น้ำพุขอแม่เรียนต่อด้านศิลปะ แม่ไม่เห็นด้วยและผิดหวังที่น้ำพุไม่เป็นอย่างที่ตนคาดหวังไว้ แต่แพ็ทก็ช่วยเกลี้ยกล่อมจนแม่ยอมใจอ่อน น้ำพุสอบเข้าได้เรียนศิลปะตามที่ตั้งใจ เขากลับมาอยู่กรุงเทพฯ กับแม่อีก และได้เพื่อนใหม่คือ "จุก" และมีแฟนใหม่อย่าง "ปอแก้ว" น้ำพุยังคงติดยาอยู่และทำให้จุกร่วมเสพย์ยาไปด้วย แม่เห็นน้ำพุผ่านผอมลงจนผิดตาจึงพาไปหาหมอ หมอบอกว่าน้ำพุเป็นโรคตับ ต้องรักษาตัวในโรงพยาบา ทำให้น้ำพุต้องเสียเวลาเรียนไปหนึ่งปีเต็ม ๆ แม่และแพ็ทก็ร่วมหุ้นกันทำนิตยสาร แม่จึงไม่มีเวลาสนใจลูก ๆ มากนัก น้ำพุเริ่มเสพย์ยามากขึ้น จนทนไม่ไหว จึงยอมสารภาพกับแม่และขอไปเลิกยาที่ถ้ำกระบอก เมื่อรักษาตัวจนหาย น้ำพุก็กลับมาเรียนอีกครั้ง ปอแก้วก็ไปมีแฟนใหม่แล้ว แถมน้ำพุยังไปมีปัญหากับนักเรียนโรงเรียนอื่นอีก น้ำพุยืนยันว่าเขาไม่ผิด แต่เพราะประวัติที่เคยติดยาทำให้บรรดาอาจารย์ไม่เชื่อที่น้ำพุพูด น้ำพุหมดกำลังใจ กลับบ้านไปก็ไม่มีใครสนใจ น้ำพุไม่รู้จะพึ่งใคร จึงหันไปเสพย์ยาอีกครั้ง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายของน้ำพุ การจากไปของน้ำพุสร้างความเสียใจให้แก่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่ที่โทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่เลี้ยงดูน้ำพุไม่ดีพอ จึงได้เขียนเรื่องของน้ำพุไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์สำหรับครอบครัว

เรื่องย่อ : สี่แผ่นดิน (2534/1991) พลอย หญิงในตระกูลขุนนางเก่า ที่มีชีวิตอยู่แต่ในรั้วในวัง เป็นผู้มองเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยค่านิยมของผู้ใกล้ชิดกับราชสำนัก เมื่อสิ้นรัชกาลที่ 5 พลอยได้ออกมาอยู่นอกวัง โดยได้สามี คือ เปรม ซึ่งเป็นข้าราชการ และก็ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับราชสำนัก ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 7 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ค่านิยมแบบเก่าของพลอยถูกกระทบกระเทือนหนักขึ้น เพราะความเห็นขัดแย้งทางการเมืองของลูกชายสามคน เมื่อเหตการณ์ทำท่าจะดีขึ้น ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปอีก เมื่อรัชกาลที่ 8 สวรรคต อันเป็นสาเหตุที่ทำให้พลอยไม่สามารถจะทานทนได้ และในวันที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 สวรรคต พลอยก็ถึงแก่กรรมพร้อมไปด้วย

มงกุฎดอกส้ม 2553

มงกุฎดอกส้ม (2553/2010) คำแก้ว สาวน้อยเมืองเหนือวัย 15 ปี เธอมีความฝันที่จะได้แต่งชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องแลดุบริสุทธิ์ราวกับเจ้าหญิงและดอกส้มคือดอกที่คำแก้วรักมาก แต่ความจริงกับความฝันห่างไกลกันลิบลับ เมื่อเธอต้องถูกส่งให้มาเป็นภรรยาของท่านเจ้าสัวเชงสือเกียง อายุประมาณ 60 ปี ท่านเจ้าสัวมีภรรยาอยู่แล้ว 3 คน คือ เม่งฮวย ภรรยาคนแรก เธอมีอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านท่านเจ้าสัวให้เกียรติเธอเป็นผู้ดูแลบริหารและจัดการเรื่องผลประโยชน์รายรับรายจ่ายและเป็นผู้คอยควบคุมดูแลบริวารทุกคนอำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างจึงเป็นของเม่งฮวย เยนหลิง ภรรยาคนที่สอง เธอเป็นหลานสาวท่านทูตที่มีความเฉลียวฉลาด เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ พูดจาอ่อนหวานจนน่ากลัว ไม่เคยมีความจริงใจให้ใคร อิจฉาริษยา จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เหม่เกว่ หรือ โรส ภรรยาคนที่สาม เธอเป็นอดีตนางเอกคณะอุปราจีน เธอเป็นคนสาวที่สุดในบรรดาภรรยาทุกคนของท่านเจ้าสัว ช่างพูดช่างคุย เป็นคนร่าเริง พูดตรงไปตรงมา เธอจะสนิทกับคำแก้วมากที่สุด โรสเป็นคนไม่ฉลาดนักและยังคบชู้สู่ชาย คำแก้วสาวน้อยที่จะต้องอยู่ที่บ้านที่มีแต่ความอิจฉาริษยาของคนภายในบ้านทำให้เธอเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไป แต่เมื่อเธอได้พบกับชายหนุ่มรูปงาม ก้องเกียรติ บุตรชายคนโตของสามีเธอทำให้เธอตกหลุมรักทั้งทั้งที่เธอรู้ว่าผิดแต่ไม่อาจห้ามใจได้ บทสรุปของของความรักที่ผิดของคำแก้วจะเป็นอย่างไรและเธอจะตามหามงกุฎดอกส้มเจอหรือไม่ติดตามชม มงกุฎดอกส้ม

สี่แผ่นดิน (2546/2003) พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ 19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16 ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแต่แก่กว่าพลอย 2 ปี พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ 8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็นเฆี่ยนทุกที ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูกเรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึง ๆ กันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับเสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่าน้ำ และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พอเรือแล่นออกไป พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน" แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านที่ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรงพระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่าง ๆ ตอนกลางคืน คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหาเพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่าง ๆ ชื่อ ฉิม และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 15 ปีเศษแล้ว นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่าสวยเกินที่คาดไว้ ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอหน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อร่ำลา พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์ และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรป การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้ คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริง ๆ และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพ่อยมซึ่งเป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน เจ้าคุณพ่อก็ตาย เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า ประพนธ์ พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่า ๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง หลังจากนั้นวันหนึ่ง คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่นซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้ สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูก ๆ ในช่วงราชการใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริง ๆ พร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์ หลังจากนั้นในหลวงก็ประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน และความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปไม่นาน ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างรุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฏ ไม่มีความจงรักภักดี จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้ จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า สวัสดี เป็นคำทักทาย และใช้คำว่า ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี วัฒนธรรม เพื่อให้ชาติเจริญ ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ และมีลูกสองคนคือแอ๊ดและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรคมาลาเรีย ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8 สวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปดุจใบไม้แก่ที่ร่วงโรยหลุดลอยไปกับสายน้ำในคลองบางหลวง ผู้เขียนได้ขมวดปมตรงท้ายว่าสี่แผ่นดินนั้นช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกินชีวิตพลอยได้ผ่านสิ่งต่าง ๆ มานานานัปการและมากพอแล้วที่จะลาจากโลกนี้ไปเพราะเครื่องยึดเหนี่ยวจิดใจคือองค์พระมหากษัตริย์ได้เสด็จสวรรคตไปอย่างกะทันหัน ติดตามชมละคร สี่แผ่นดิน

หัวใจทระนง (2549/2006) เมื่อรู้ รัก ก็ต้องรู้ อภัย นี่คือหัวใจของลูกผู้หญิงที่แสนทระนง เกือบเดือนแล้วที่ ชลาธร ดีเจสาวตัดสินใจยุติชีวิตคู่ของเธอกับ อติพัทธ์ บ.ก. หนังสือพิมพ์ชื่อดังทั้งที่อยู่กันมาถึง 9 ปี ชลาธรพาฟ้าลูกสาววัย 7 ขวบ ออกจากบ้านของสามีกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง เหตุผลใหญ่คือปมในใจของชลาธรเองย้อนไปสมัยที่พ่อและแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอรู้สึกว่าพ่อของเธอมักแสดงท่าทีก้าวร้าว ข่มเหงแม่ของเธออยู่เสมอจนกระทั่งแม่ต้องตายเพราะความตรอมใจ เธอปักใจว่าแม่ตายเพราะพ่อ สิ่งนี้เองที่ทำให้ชลาธร ไม่ยอมลงให้อติพัทธ์ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงเธอเด็ดขาด จนมาถึงจุดแตกหักที่คำว่า ลูกก็ไม่อาจยึดเหนี่ยวชีวิตคู่หของทั้ง 2 ไว้ได้ การแยกทาง ของชลาธรและอติพัทธ์ ทำให้ลูกสาวคนเดียวเริ่มมีปัญหาที่โรงเรียน วีวิน พระเอกหนุ่ม รูปหล่อ พ่อรวย รู้จักชลาธรมาตั้งแต่ทั้ง 2 เรียนอยู่ที่ อังกฤษ ความสนิทสนมทำให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนต่างคาดกันว่าเรียนจบแล้วทั้ง 2 คนจะแต่งงานกัน แต่ผิดคาดชลาธรไม่เคยรักวีวินแบบคู่รักเป็นได้แค่เพื่อนที่รู้ใจกันมากที่ สุด ข่าวพระเอกหนุ่มซับน้ำตาให้ดีเจสาวที่กำลังมีปัญหาครอบครัวจึงถูกตีพิมพ์ทำ ให้อติพัทธ์ถึงกับเต้นและโทรไปต่อว่าชลาธรในข้อหายังไม่ทันหย่า ก็จะหาพ่อใหม่ให้ลูกสาว และด้วยความผิดพลาดของคนควบคุมเครื่อง เสียงทะเลาะกันของคนทั้ง 2 จึงได้ออกอากาศกลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้น อภิรดี นางเอกวัยรุ่นที่มีข่าวว่าชอบพอกับวีวินโทรไปหาเจ้าของคอลัมน์ซุบซิบเพื่อ แก้ข่าวให้วีวินและชลาธร แต่การแก้ข่าว กลับทำให้ เกิดเรื่องใหญ่กลายเป็นรัก 4 เส้า จนวีวินต้องหาทางยุติข่าวลือทั้งหมดโดยจะขอให้อติพัทธ์กลับไปอยู่บ้านกับชลา ธรเป็นการชั่วคราวอติพัทธ์ทำเป็นว่า ไม่ค่อยอยากกลับมาอยู่กับชลาธรสักเท่าไหร่ทั้งๆที่ใจจริงแล้วเขามีความสุข เขาคิดว่าบางทีสิ่งดีๆอาจเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ชลาธรซึ่งไม่เคย ยอม ให้เขาเลยบรรยากาศเก่าๆก็กลับมาอีกครั้ง เพียงขวัญ เลขาที่ชอบพอกับอติพัทธ์ไม่ค่อยพอใจที่อติพัทธ์กลับไปอยู่ร่วมบ้านกับชลาธร แต่การแสดงความไม่พอใจของเพียงขวัญก็เป็นได้แค่เงียบ คุณสมบัติข้อนี้เองที่ทำให้เขาพอใจเธอมาก ชลาธรได้รับการติดต่อจาก วีระวัฒน์ นายทุนเงินหนาให้มาเป็นพิธีกร วีวินรู้ข่าวรีบมาอ้างว่ารู้จักนายวีระวัฒน์ดี เขาเป็นเสือหญิงชื่อดังแต่ ชลาธรไม่ยอมเชื่อ เธอเห็นโอกาสที่จะก้าวหน้าไปแนวทางใหม่ แถมยังเชิญวีวินไปเป็นแขกรับเชิญ. ในเทปแรกของรายการ วีระวัฒน์มีแผนร้ายอย่างวีวินคิดไว้จริงๆ วันหนึ่งรถของชลาธรเสียวีระวัฒน์จึงอาสามาส่งที่บ้าน อติพัทธ์โกรธมากจึงยุให้ลูกสาวมาต่อว่าแม่ ทั้ง 2 คนจึงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง วีวินรู้ว่าชลาธรกำลังมีปัญหาจึงชวนเธอมากองถ่ายแต่อภิรดีก็ตามมาขัดขวาง ทำให้วีวินโกรธ มากโดยไม่ยอมเล่นละครที่มีอภิรดีแสดงเด็ดขาด รายการของ ชลาธรจะต้องเดินทางไปถ่ายที่ฮ่องกงหลายวัน จึงจำใจต้องไปขอให้ อติพัทธ์ช่วยดูแลฟ้าระหว่างที่เธอไม่อยู่ชลาธรทำงานจนล้มป่วยหลับไม่รู้ เรื่องรู้ราว วีระวัฒน์จึงพาตากล้องประจำกองถ่ายมาถ่ายรูปคู่ของเธอกับชลาธร ถึงจะไม่น่าเกลียดแต่ก็ดูออกว่าภาพนั้นเป็นมากกว่าเพื่อน และได้นำภาพที่ถ่ายไปให้กับอติพัทธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น อติพัทธ์โกรธมากจึงต่อยวีระวัฒน์กระเด็นออกมานอกห้องและบอกว่า ผมมั่นใจในตัวเมียของผม ที่สถานีอติพัทธ์ถือกุหลาบ 1 ดอก มายื่นให้กับชลาธร แต่ชลาธรบอกว่าเกลียดดอกกุหลาบ แต่หลังจากเปิดประตูไปที่ห้องจัดรายการก็ตกตะลึงเมื่อเห็นดอกลิลลี่สีขาว เต็มห้องไปหมด อติพัทธ์โอบชลาธรไว้แน่นชลาธรดิ้นขลุกขลักทั้งคู่เสียหลักล้มลงจนมือของอติ พัทธ์เผลอไปโดนเครื่องควบคุมทำให้ เสียงออดอ้อนงอนง้อของอติพัทธ์จึงดังไปทั่งกรุงเทพฯ…’หัวใจทระนง

Bangkok รัก Stories คนมีเสน่ห์ (2560/2017) แม่ค้าขนมไทย ขอดามใจหนุ่มไฮโซโดนเท เธอจะทำให้เขา #รักคนที่ไม่คิดจะรัก ได้หรือไม่ ซีรีส์หวานละมุนชุ่มฉ่ำใจของ “บัวลอย” (กิ้บซี่-วนิดา) หลานสาวแม่ค้าขายขนมไทยย่านเมืองเก่า เธอปากร้ายก๋ากั่นไม่ต่างจาก “ย่าสมร” (แม่แดง-ฉันทนา) เจ้าของสูตรลับขนมไทยร้านดัง เมื่อเธอโคจรมาเจอกับ “ภากร” (เจษ–เจษฏ์พิพัฒ) เศรษฐีหนุ่ม นุ่มนวลชวนฝันดีต่อใจ เป็นที่รักของแม่ “พิมพิลา” (ต่าย-เพ็ญพักตร์) หัวใจภากรพังพินาศกลางงานแต่งกับคู่หมั้น “เมย์” (เทีย-The Face 3) แต่เสน่ห์ต่างขั้วระหว่างเขา 2 คนนั้น กลับดึงดูดให้ทั้งคู่ตกหลุม #รักคนที่ไม่คิดจะรัก เข้าจนได้

ไม้เมือง 2543

เรื่องย่อ : ไม้เมือง (2543/2000) บูรจิต,พฎา พ่อแม่ของ ชรัณ เลิกกันตั้งแต่ชรัณเป็นเด็ก บูรจิตเป็นนายแบบชื่อดัง สาวแก่แม่ม่ายวงการไฮโซ ที่ต่างก็อยากจะได้ตัวไว้ครอบครอง บูรจิตแต่งงานใหม่กับรมดี เศรษฐีนีม่ายวัยดึกที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาล บูรจิตให้ชรัณ มาอยู่ด้วย ชรัณถูกเกลียวไหม หลานสาวรมดีดูถูกถากถาง บูรจิตคิดจะให้ชรัณเดินตามทางของเขา เมื่อรมดีไปเชียงใหม่ เขาจึงวางแผนมอมเหล้าชรัณ แล้วจับให้นอนห้องเดียวกับเกลียวไหมที่ได้ดื่มเหล้าเมาไม่ได้สติเช่นกัน...... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นทำให้เกลียวไหมตั้งท้อง เกลียวไหมทั้งโกรธเกลียดชรัณและยังเกลียดลูกที่กำลังจะเกิดขึ้นมาด้วย เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร...

ไฟในวายุ 2557

ไฟในวายุ (2557/2014) ในคืนที่จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ ธรา ธนากูล ภรรยาม่ายของ ชาตรี ธนากูล เจ้าของบริษัทธนากูล วายุ ธนากูล ลูกเลี้ยงของธรา ตื่นขึ้นมาพบร่างของ ไกรกูณฑ์ ธนากูล น้องชายที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของธรา นอนจมกองเลือดอยู่ข้าง ๆ ละเวง คู่รักของไกรกูณฑ์เข้ามาเห็นเข้าพอดี ละเวงกล่าวหาวายุว่าเป็นคนฆ่าไกรกูณฑ์เพราะอิจฉาไกรกูณฑ์ วายุตกใจมากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะมีหลักฐานคือปืนในมือของวายุ วายุคิดจะไปสารภาพผิดกับธรา แต่ละเวงกลัวว่าธราจะรับไม่ได้จนล้มป่วย จึงแนะนำให้วายุหนีไปตั้งหลักก่อน รถตู้ที่รับจ้างมาพาวายุหลบหนีซมซานมาถึงมาถึงบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทตอนกลางดึก สลิล หลานสาวของ นายแพทย์ภูผา กิจกุศล เจ้าของรีสอร์ทบ้านไร่สายน้ำออกมาต้อนรับวายุ สลิลเปิดบ้านพักให้ชายหนุ่ม เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว อีกทั้งไฟก็ยังดับทั้งตำบล เกรงว่าชายหนุ่มจะหาที่พักที่อื่นได้ลำบาก วายุมาถึงรีสอร์ทโดยไม่มีสัมภาระติดตัวมาด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว มีเพียงรอยแผลที่พาดยาวจากขมับขวาถึงโคนผมกลางหน้าผากเท่านั้น สลิลแปลกใจที่ท่าทางวายุไม่เหมือนคนที่จะมาท่องเที่ยวหรือพักผ่อนเลย แต่เธอกลับรู้สึกได้ ถึงความทุกข์และปวดร้าวที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาได้อย่างประหลาด ขณะพักอยู่ที่รีสอร์ท วายุล้มป่วยอย่างหนัก ลุงขาบ คนงานในรีสอร์ทไปพบเข้า จึงรีบตามตัวสลิลไปรักษาจนวายุหายดี เมื่อฟื้นขึ้นมาวายุกลับมีท่าทางปิดกั้นตัวเองจากคนรอบข้าง สลิลรู้สึกสงสารและเห็นใจวายุที่ประสบปัญหาในชีวิตมาอย่างหนัก จึงคิดจะหาทางช่วยเหลือวายุให้พ้นจากความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ แต่ ทแกล้ว เพื่อนชายคนสนิทของสลิล เจ้าของไร่ชาขวัญแก้ว เตือนสลิลไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวายุ แต่สลิลกลับไม่เชื่อฟัง ทแกล้วนั้นแอบรักสลิลอยู่ สลิลเองก็รู้ว่าทแกล้วคิดอย่างไรกับเธอ แต่เธอเห็นทแกล้วเป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น นวลขวัญ พี่สาวของทแกล้วเล่าให้ลูกหว้าฟังว่าที่ไร่วายุกูลข้าง ๆ กันนั้นกำลังจะขายไปทำโรงแรมและบ่อนกาสิโน อีกทั้งเจ้าของไร่นั้นยังโทรศัพท์มาเจรจาให้ขวัญขายไร่ด้วย สลิลกับทแกล้วรู้สึกเสียดายเพราะว่าที่ไร่วายุกูลนั้นยังมีสภาพเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่มาก สลิลขอร้องนวลขวัญไม่ให้ขายไร่ชา นวลขวัญเองก็ตั้งใจไว้เช่นนั้น หลังจากกลับมาถึงบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ท หมอภูผาก็เล่าให้สลิลฟังเรื่องคนไข้ที่กรุงเทพฯ ที่เขาเพิ่งลงไปรักษา คนไข้รายนั้นก็คือธรานั่นเอง ในอดีตธราเคยเป็นคนรักเก่าของหมอภู แต่ในที่สุดธราก็จากไปแต่งงานกับชาตรีซึ่งมีฐานะเหมาะสมกว่า ทว่าชาตรีนั้นมีภรรยาคือ ดวงดาว และวายุ ลูกชายอยู่ก่อนแล้ว แต่ธรานั้นเข้าไปในฐานะเมียแต่งซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนกิจการของบริษัท ธรากับชาตรีมีลูกชายอีกคนคือไกรกูณฑ์ ภรรยาทั้งสองคนของชาตรีต่างคนต่างอยู่ ไม่ข้องเกี่ยวกัน จึงไม่เคยมีปัญหาในครอบครัว จนกระทั่งดวงดาวเสียชีวิตไป ชาตรีจึงพาวายุขึ้นไปอยู่บนตึกใหญ่ และธราก็ดูจะยินดีเลี้ยงดูวายุเหมือนลูกแท้ ๆ อีกคน ธราล้มป่วยด้วยความเป็นห่วงที่วายุและไกรกูณฑ์หายตัวไปทั้งคู่ ธราเล่าให้หมอภูผาฟังว่าในคืนที่เกิดเหตุละเวงได้ยินสองพี่น้องทะเลาะกันอย่างรุนแรงก่อนจะหายตัวไปทั้งคู่ ธราไม่ห่วงไกรกูณฑ์นัก เพราะมักจะหายตัวไปบ่อย ๆ แต่เธอเป็นห่วงวายุที่หายตัวไป ติดต่อก็ไม่ได้ เธอไม่กล้าแจ้งความเพราะวายุเป็นนักธุรกิจใหญ่เกรงว่าจะมีผลกระทบกับความน่าเชื่อถือของบริษัท ธรานึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงเพราะอารมณ์อันรุนแรงของวายุ หมอภูได้แต่ปลอบโยนธราให้หายกังวล ระหว่างที่ทแกล้วไปซ่อมแซมบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ นวลขวัญก็ได้ต้อนรับชายที่อ้างตัวเป็น วายุ ธนากูล เจ้าของไร่วายุทูล วายุตัวปลอมมาเยี่ยมเยียนไร่ขวัญแก้วเป็นประจำทุกวัน นวลขวัญประทับใจในความสุภาพและหลงเชื่อคำหวานที่ชายคนนั้นหว่านเสน่ห์ใส่เธอ จนความคิดที่จะไม่ขายไร่ชาเริ่มจะสั่นคลอน เมื่อทแกล้วได้รู้ความสัมพันธ์ของนวลขวัญกับชายที่อ้างตัวว่าเป็นวายุ ก็ไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะกลัวว่าวายุจะมาหลอกนวลขวัญเพื่อหวังจะฮุบไร่ขวัญแก้ว ขณะเดียวกันที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ท วายุค่อย ๆ ค้นพบด้านมืดของตัวเองและเริ่มเชื่อว่าตนเองฆ่าไกรกูณฑ์จริง สลิลรู้สึกสงสารวายุ จึงพยายามช่วยเหลือให้วายุค่อย ๆ ออกมาเผชิญกับโลกภายนอก ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์เพียงลำพัง วายุค่อย ๆ ซึมซับความหวังดีของสลิลไว้ ความสงสารและเห็นใจที่สลิลมีให้วายุ จึงกลายเป็นบ่อเกิดของความรักในที่สุด วายุตัดสินใจจะสารภาพความจริงให้ธรารู้ว่าเขาฆ่าไกรกูณฑ์ตาย จึงโทรศัพท์กลับไปที่บ้านธนากูล ละเวงเป็นคนรับสาย ละเวงพยายามห้าม วายุสารภาพความจริงกับธราและหลอกถามว่าวายุอยู่ที่ไหน ละเวงรีบโทรศัพท์บอก อุศเรน น้องชายให้ไปตามหาตัวใครบางคนที่เชียงใหม่ให้ ขณะที่หมอภูผาได้ข่าวจากสลิลว่าวายุมาปรากฏตัวที่วายุกูล จึงรีบโทรศัพท์ไปบอกกับธราเพื่อให้หายกังวล นวลขวัญชวนวายุตัวปลอมไปร่วมงานสังสรรค์ที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ท พอนวลขวัญจะแนะนำให้วายุตัวปลอมรู้จักกับหมอภูผา ชายหนุ่มก็รีบปลีกตัวหนีไปจนทแกล้วสังเกตเห็นความผิดปกติ ด้านวายุตัวจริงได้ยินข่าวว่ามีคนแอบอ้างชื่อตนเพื่อขายไร่วายุกูล ชายหนุ่มอยากรู้ว่าใครที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ จึงพาสลิลขี่ม้าไปยังวายุกูลเพื่อพิสูจน์ แต่ก็ยังไม่พบเป้าหมาย ขณะที่วายุตัวปลอมก็ได้ยินจากนวลขวัญว่าแขกที่มาพักที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทชื่อคุณใหญ่ ก็มีทีท่าแข็งกร้าวขึ้นมาจนนวลขวัญนึกแปลกใจ ในงานสังสรรค์ครั้งต่อมา สลิลพยายามชักชวนให้วายุออกมาร่วมงานด้วยจนวายุใจอ่อน ทว่าเมื่อเดินมาถึงแค่บริเวณรอบนอกของงาน ชายหนุ่มก็เห็นร่างของไกรกูณฑ์ปะปนอยู่ในกลุ่มคนในงานด้วย วายุรีบกลับไปที่บ้านพักด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ทแกล้วรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของวายุกับสลิลด้วยความเสียใจอย่างมาก วายุเสียศูนย์จากการเห็นไกรกูณฑ์ปรากฏตัวในงานเลี้ยงสังสรรค์ จึงลืมตัวอาละวาดใส่สลิลไป เมื่อตั้งสติได้ ชายหนุ่มจึงรีบไปขอโทษสลิลทันที สลิลอ้อนวอนให้วายุเล่าถึงปัญหาที่ทำให้เขาร่อนเร่มาถึงที่นี่ให้เธอฟัง เผื่อว่าเธอจะช่วยแก้ปัญหาได้ วายุตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนวันงานเลี้ยงวันเกิดของธราให้สลิลฟัง สลิลตกใจที่ได้รู้เรื่อง แต่ก็เชื่อมั่นว่าวายุไม่ได้เป็นฆาตกร หญิงสาวพยายามชี้ให้เห็นช่องโหว่ของเรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมวายุถึงจำเหตุการณ์ตอนที่ยิงไกกูณฑ์ไม่ได้ แต่วายุก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นคนฆ่าไกรกูณฑ์อยู่ดี วายุตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาธราและสารภาพเรื่องราวทั้งหมด แต่ธราไม่เชื่อ คิดว่าวายุล้อเล่น วายุจึงจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเอง อุศเรนมาตามหาวายุที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทตามคำสั่งของละเวง ขณะที่ชายผู้อ้างตัวเป็นวายุ ก็มาเปิดห้องพักที่สอร์ทแห่งนี้เช่นกัน ทั้งอุศเรนและวายุตัวปลอมต่างก็สะกดรอยตามวายุตัวจริงไปเพื่อหวังจะเก็บวายุตัวจริง แต่ทั้งคู่กลับขวางทางและทะเลาะกันเอง วายุตัวปลอมชักปืนออกมาขู่อุศเรนจนอุศเรนต้องยอมถอยไป อุศเรนโทรไปต่อว่าละเวงด้วยความโมโหจัด จึงหลุดปากบอกไปว่าคนรักของละเวงมีผู้หญิงคนใหม่ ละเวงได้ยินเข้าก็โมโหหึง รีบเดินทางขึ้นมาหาอุศเรนที่เชียงใหม่ทันที สลิลกังวลว่าวายุจะมาซื้อบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทด้วย จึงโทรไปปรึกษานวลขวัญ นวลขวัญชวนให้สลิลมาถามกับวายุด้วยตัวเอง และบอกให้สลิลพาคุณใหญ่มาที่ไร่ขวัญแก้วด้วย วายุตกลงไปเพราะอยากรู้ว่าใครที่ปลอมตัวมาเป็นตัวเขา เมื่อวายุตัวปลอมปรากฏตัวขึ้น วายุก็แปลกใจมากเพราะวายุปลอมนั้นก็คือไกรกูณฑ์นั่นเอง ไกรกูณฑ์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้พบวายุที่นี่ นวลขวัญเสียใจมากที่ไกรกูณฑ์หลอกลวงเธอ จึงออกปากไล่เขากลับไป วายุพาไกรกูณฑ์กลับไปที่วายุกูลเพื่อเค้นถามความจริงจากปากไกรกูณฑ์ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นกันแน่ ไกรกูณฑ์โกหกว่าละเวงกับอุศเรนเป็นคนวางแผนทั้งหมด แต่ละเวงกับอุศเรนกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันและได้ยินที่ไกรกูณฑ์พูดทั้งหมด ละเวงผิดหวังมากที่ไกรกูณฑ์ป้ายความผิดให้เธอกับน้อง ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดที่เธอทำไปก็เพราะรักไกรกูณฑ์ ไกรกูณฑ์เยาะเย้ยละเวง และเปิดเผยความจริงว่าเขาก็แค่หลอกใช้ละเวงเท่านั้น ละเวงเสียใจจนแทบกระอักและต่อว่าไกรกูณฑ์ด้วยความแค้น ธราปรากฏตัวขึ้นและต่อว่าไกรกูณฑ์ที่ไม่เคยเชื่อฟัง ไม่ยอมทำตามแผนการที่วางไว้ว่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้ละเวงกับอุศเรน สองพี่น้องตกใจที่รู้ว่าธราจะป้ายความผิดให้พวกตน ธราจัดการยิงละเวงกับอุศเรนทิ้ง วายุสับสนกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ธราจึงเฉลยว่าเธอเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นเพราะความริษยาที่วายุเป็นลูกของดวงดาว ผู้หญิงที่ชาตรีรักมากที่สุด และวายุก็ได้ครอบครองทุกอย่างของชาตรี ขณะที่ไกรกูณฑ์แทบไม่เหลืออะไรเลย ไกรกูณฑ์ขอลงมือจัดการกับวายุด้วยตัวเองแต่ธราไม่ยอม ซ้ำยังดูถูกไกรกูณฑ์ว่าทำอะไรไม่เคยสำเร็จ เป็นคนอ่อนแอ ไร้ค่าเหมือนพ่อ ไกรกูณฑ์ไม่พอใจที่ธราไม่เชื่อมั่นในตัวเขา สองแม่ลูกทะเลาะกันอย่างแรง ไกรกูณฑ์คลุ้มคลั่ง วิ่งสะเปะสะปะออกไปในป่ายามดึก ธรากับวายุตามออกไปถึงแอ่งน้ำในป่า วายุพยายามเกลี้ยกล่อมไกรกูณฑ์ให้หายคลั่ง แต่ไกรกูณฑ์กลับยิงวายุเข้าที่สีข้างจนสลบไป ธราเสียใจที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำร้ายลูกชายคนเดียวด้วยการปลูกฝังความคิดผิด ๆ เข้าไปในหัวไกรกูณฑ์มาตลอด ธราจึงไถ่โทษด้วยการยิงไกรกูณฑ์และตัวเองตายไปพร้อมกัน สลิลกับทแกล้วได้ยินเสียงปืน ก็รีบบึ่งมาจากไร่และพบวายุกำลังอาการหนัก จึงรีบพาล่งโรงพยาบาลทันที หลังจากฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่า วายุก็จัดการเรื่องทั้งหมดอย่างรอบคอบ โดยให้ออกข่าวว่ามีทายาทธนากูลถูกลอบสังหาร มีแต่วายุรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว วายุกลับไปจัดการเรื่องบริษัทที่กรุงเทพฯ ให้เรียบร้อย ขณะที่สลิลรอคอยชายหนุ่มด้วยความอดทน ทแกล้วมาบอกลาสลิลเพราะชายหนุ่มสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษได้ สลิลดีใจกับทแกล้วด้วย ขณะที่นวลขวัญก็พยายามทำใจเรื่องไกรกูณฑ์และดูแลไร่ชาต่อไป ในที่สุดวายุก็กลับมาหาสลิล ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะดีพอสำหรับสลิลหรือไม่ แต่สลิลก็พร้อมที่จะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ติดตามชม ละครไฟในวายุ

เรื่องย่อ : แม่เลี้ยงคนใหม่ (2544/2001) โรงแรมพินาเคิล ภูเก็ต ภัคจิรา หัวหน้าประชาสัมพันธ์คนสวย มีโอกาสต้อนรับ ปพน นักธุรกิจหนุ่มเมืองกรุง ทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์จากคู่กัดกลายเป็นคู่รักในที่สุด ขวัญ หลานสาวปพน กับแพรวพรรณ เมื่อได้ข่าวความรักของปพน จึงรีบเดินทางไปภูเก็ต ขวัญต้องการให้ปพนกลับไปจัดการเรื่องที่บ้าน เพราะปกรณ์ พ่อของขวัญ กำลังจะแต่งงานใหม่กับสิตา ทั้ง ๆ แพรวโพยม แม่ของขวัญกำลังป่วยอยู่ ขวัญไม่ชอบใจภัคจิรา อีกทั้งแพรวพรรณซึ่งเป็นคนรักเก่าของปพนก็รู้สึกหึงปพน ทั้งสองจึงกีดกันภัคจิราจากปพน จนปพนกลับกรุงเทพฯ ที่งานแต่งงานของปกรณ์กับสิตา แพรวโพยมบุกไปงาน และยิงปกรณ์บาดเจ็บจนกลายเป็นคนหมดสมรรถภาพทางเพศ แพรวโพยมคลุ้มคลั่งหนัก จนปพนต้องส่งไปรักษาที่ภูเก็ต ที่ภูเก็ต แพรวโพยม รู้ว่าภัคจิราเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่าแพรวโพยมถูกใจภัคจิรา จึงเกลี้ยกล่อมให้ปกรณ์แต่งงานกับภัคจิรา เพราะต้องการภัคจิราเป็นคนดูแลลูก ๆ ทั้งสาม คือทรายขวัญ ทรายเทพ และทรายแก้ว ภัคจิราต้องการเงินเพื่อรักษาแม่ที่เป็นโรคหัวใจ ทั้งสองจึงยอมแต่งงานกันแต่เพียงในนาม เมื่อหมดห่วงเรื่องลูก แพรวโพยมจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย … ทรายขวัญ ทรายเทพ และทรายแก้ว ต่างคิดว่าภัคจิราคือสาเหตุที่ทำให้แม่ของพวกเขาฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะขวัญที่ปักใจว่าภัคจีรากำลังหันมาจับพ่อของเธอเอง ฝ่ายปพนก็คิดว่าภัคจีราทำทุกอย่างเพื่อเงิน ถึงขนาดแต่งงานกับปกรณ์ พี่ชายของเขา ปพน ขวัญ และแพรวพรรณ พยายามทำทุกอย่างเพื่อกำจัดภัคจีราออกจากบ้าน ภัคจีรากล้ำกลืนความทุกข์และพยายามทำหน้าที่แม่เลี้ยงให้ดีที่สุด แพรวพรรณไม่พอใจเมื่อรู้ว่าตัวเองได้มรดกจากแพรวโพยม พี่สาวเพียงน้อยนิด จึงพยายามทำลายขวัญ ซึ่งเป็นหลาน โดยให้อนิรุทธิ์วางยาปลุกปล้ำขวัญ แต่ไม่สำเร็จ เพราะนสิตคอยช่วยเหลือ สามีเก่า ตามมารังควานแพรวพรรณ จนทำให้แพรวพรรณเครียด จนพึ่งยาเสพติด ฝ่ายภัคจิราเองก็ถูกปกรณ์ ที่มีปัญหาทางจิต คุกคามจนกลายเป็นคนวิตกจริต ขวัญและปพนจึงเข้ามาช่วยเหลือภัคจิราให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของปกรณ์ ภัคจิราเดินทางกลับภูเก็ต ปพนรู้สึกผิดที่มองเธอให้แง่ร้าย เช่นเดียวกับที่เด็ก ๆ ต่างเห็นคุณค่าของภัคจิรา ปพนจึงตามไปทำความเข้าใจกับภัคจีราและขอให้เธอกลับมาหาเขาอีกครั้ง

อุบัติร้ายอุบัติรัก 2564

อุบัติร้ายอุบัติรัก (2564/2021) อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชื่อของ พลอยพิมล กลายเป็นศัตรูตัวร้ายของตระกูลเตชพิพัฒน์ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ความเคียดแค้นชิงชังในตัวหญิงสาวในฐานะคนร้ายที่ขับรถชน กาลรุจิ พี่สาวคนเดียวของ ทิศผาติ ลูกชายของบ้านเตชพิพัฒน์ จนพิการเป็นแรงเกลียดชังทำลายล้าง ทำให้พลอยพิมลต้องหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ทิศผาติกลับมาเพื่อสืบหาคนที่ทำร้ายพี่สาว และเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเครื่องสำอางบุญศรี แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามความตั้งใจแรก เขากลับตกหลุมรัก จิตสกาว เลขาฯสาวที่มีบุคลิกแปลกๆ ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบมา เพราะเธอมีท่าทางหวาดกลัวและคอยแต่จะหลบหน้าเขา ผิดกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่คอยแต่จะวิ่งเข้าหาเขา เพลย์บอยหนุ่มก็เลยแพ้ทางเป็นฝ่ายตามจีบเลขาฯตัวเอง หลังจากกาลรุจิประสบอุบัติเหตุก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่กับบ้าน ก่อนหน้าที่จะพิการ กาลรุจิเคยถูกจับตามองว่าจะเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่จะประสบความสำเร็จ และยังเคยหมั้นหมายกับ นิติ ปรีชายุทธา ลูกชายของเจ้าสัวรถทัวร์สายเหนือ แต่หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุจนพิการ ทั้งงานทั้งคู่หมั้นก็หายไปทั้งหมด กาลรุจิจึงตัดสินใจจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการรับเป็นผู้สนับสนุนโครงการเพื่อสังคมของชมรมขับขี่ปลอดภัย ธุรกิจเครื่องสำอางจึงตกเป็นของทิศผาติ ซึ่งได้ ธเรศ พี่ชายนอกไส้ของทิศผาติที่สนิทที่สุด มาคอยช่วยดูแลงานด้านบริหารเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับเลขาฯพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนถึงขนาดวางแผนชีวิตร่วมกัน ทว่าสิ่งที่เก็บซ่อนมาตลอดกลับมาเปิดเผยในวันที่ทุกอย่างกำลังจะลงตัวทั้งงานและความรัก เมื่อกาลรุจิได้เจอกับพลอยพิมลอีกครั้งในงานเปิดตัวโครงการของชมรมขับขี่ปลอดภัยที่กาลรุจิเป็นประธาน เหมือนทุกอย่างพร้อมใจกันพังทลาย เพราะพลอยพิมลหญิงสาวที่ทิศผาติตามหามาตลอด ก็คือจิตสกาวคนใกล้ตัวและใกล้ใจของทิศผาตินั่นเอง อุบัติรักที่เกิดขึ้นอย่างสวยงาม กลายเป็นอุบัติร้ายในชั่วพริบตา ทิศผาติ กับ จิตสกาว จะยังจับมือกันไว้ได้หรือไม่ หรือใครคนใดคนนึงจะชิงปล่อยมือและผลักไสอีกคนออกจากชีวิต

แรงเงา 2555

แรงเงา (2555/2012) มุตตา หญิงสาวผู้มีนิสัยอ่อนหวาน ดูบอบบาง ทำงานเป็นเสมียนเล็กๆที่กระทรวงแห่งหนึ่งหล่อนหายหน้าไปนับจาก นพนภา ภรรยาของหัวหน้ากอง เจนภพ มาด่าประจานหล่อนที่กระทรวงเรื่องแย่งสามี ด้วยความที่เป็นคนอ่อนแอ ไม่กล้าสู้รบปรบมือกับใคร ทำให้ มุตตา ไม่สามารถอดทนต่อความอับอายได้ จึงหลบหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลา 1 เดือน ช่วงที่มุตตาหายไป วีกิจ หลานชายของเจนภพ ซึ่งมีใจให้กับมุตตาห่วงใยมุตตา และติดตามข่าวคราวของ มุตตา อยู่เสมอ เมื่อ มุตตา กลับมา นพนภา รู้ข่าวเข้าก็กลับมาด่าประจานอีกมุตตาหมดอดทนได้อีกจึงตบหน้านพนภาไปหนึ่ง ครั้ง เมื่อเจนภพรู้เข้าก็โกรธ เรียกให้มุตตามาขอโทษนพนภา มุตตาปฏิเสธพร้อมกับยื่นใบลาออก ทำให้เจนภพโกรธมากขึ้นไปอีก เหตุการณ์นี้สร้างความ ลำบากใจให้กับมุตตาเป็นอย่างมาก มุตตา จึงตัดสินใจย้ายที่พักเพื่อหลบหนีจากผู้คน เมื่อ วีกิจ รู้เข้าก็ออกตามหา มุตตา แต่ไม่พบ เจนภพ ได้รับโทรศัพท์จากมุตตาเพื่อขอนัดพบด้วยความรัก และปรารถนาที่ยังมีอยู่ในตัวเธอ เจนภพจึงไปพบกับมุตตาตามนัด และขอให้เธอกลับไปทำงานด้วยอีก แต่เธอปฏิเสธหลังจากนั้นมุตตาก็นัด เจอกับเจนภพบ่อยครั้งขึ้นพร้อม กับโทรศัพท์ไปหานพนภาด้วยการปลอมตัวเป็นผู้หวังดี บอกว่า เจนภพกำลังอยู่กับผู้หญิงทำให้นพนภาเกิดอารมณ์หึงอย่างรุนแรง และไปอาละวาดกับเจนภพมุตตาใช้มารยายั่วยวนเจนภพจนเขาคลั่งไคล้ในตัวเธอ มุตตาจึงยื่นข้อเสนอให้เจนภพหย่ากับนพนภาเมื่อวีกิจรู้ถึงความสัมพันธ์ ระหว่างมุตตาและเจนภพ ก็ขอร้องให้เธอเลิกคบกับเจนภพเสีย วีกิจยังสงสัยในตัว ของมุตตามาก เพราะเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จึงนำลายเซ็นไป ให้เพื่อนที่กองพิสูจน์ หลักฐานตรวจสอบ ผลปรากฎว่าไม่ใช่ลายมือจากคนคนเดียวกัน วีกิจจึงโทรไปหา มุตตา ตามเบอร์ที่เคยให้ไว้ ก็ไม่มีคนชื่อ มุตตา หากแต่เป็นศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์ทำให้ วีกิจกลับสงสัยหนักขึ้นไปอีก สถานการณ์ ของเจนภพ และนพนภาเลวร้ายลงทุกวัน เจนภพ ตัดสินใจพาครอบครัวไปพักผ่อนที่พัทยา มุตตา แอบตามไป และพักอยู่ห้องข้าง ๆ เจนภพ นพนภาอาละวาดหนักหาว่าเจนภพนัดมุตตามาด้วย และ นพนภา ก็เริ่มมีอาการเป็นโรคประสาทอ่อน ๆ วีกิจกลุ้มใจมากเพราะสงสารหลาน ๆ ที่ต้องทนรับสภาพปัญหาครอบครัว เขาตัดสินใจไปดักรอ มุตตา ที่ห้องพักอีกครั้ง และขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเจนภพ มุตตา ปฏิเสธแต่กล่าวว่าจะยอมทำตามถ้านพนภาจะยอมคุกเข่าขออโหสิกรรม คำตอบของ มุตตา ทำให้วีกิจเกิดอารมณ์โกรธมาก และพาลใช้กำลังทำให้มุตตาตกเป็นของเขาด้วยความที่ทั้งคู่แอบมีใจให้กันใน ส่วนลึกทำให้ทุกอย่างเลยตามเลย แต่กระนั้นมุตตาก็ยังไม่เลิกราที่จะราวีกับครอบครัวของเจนภพ วีกิจพบเบาะแสว่ามุตตาอาจมีฝาแฝด ชื่อ มุนินทร์ มุตตานัดเจอกับเจนภพเพื่ออำลา แต่เพื่อนของนพนภาเห็นเข้าจึงโทรบอกนพนภา ทำให้หล่อนช็อคหกล้มศีรษะฟาดพื้นเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง และกลายเป็นอัมพาต เหตุการณ์ ครั้งนี้ทำให้ เจนภพ หันมาสนใจภรรยา และครอบครัวมากขึ้น เพราะสำนึกผิดว่าเขาเป็นคนทำลายครอบครัว ของเขาเอง วีกิจ เดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อหาความจริงเกี่ยวกับพื้นเพของมุนินทร์ เขาสืบเสาะจนพบบ้านของมุตตา มุนินทร์พาเขาไปพบกับมุตตา เขาจึงรู้ความจริงว่ามุตตาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว และเป็นวันครบกำหนดร้อยวันที่ต้องเผาศพเธอพอดีวีกิจรู้ความจริงที่น่า สะเทือนใจอีกว่า มุตตาผูกคอตายขณะตั้งครรภ์ได้ 2-3 เดือน มุนินทร์เรียนจบกลับมาจากอเมริกา พบว่าน้องสาวตายอย่างน่าสลดใจ จึงหาทางแก้แค้น และปลอมตัวเป็นมุตตาท้ายสุดแล้ว เมื่อเจนภพรู้ความ จริงจึงเดินทางมาเพื่อกราบศพและขออโหสิกรรมกับมุตตา หลังงานฌาปนกิจ ศพของมุตตาเรียบร้อย วีกิจก็ขอเริ่มต้นใหม่กับมุนินทร์ แต่มุนินทร์ลังเลในความรักของวีกิจ ไม่แน่ใจว่าเขารักที่ตัวเธอหรือมุตตากันแน่ มุนินทร์ไม่ต้องการเป็นเงาของกัน และกันกับมุตตา เธอต้องการให้วีกิจรักเธอที่ความเป็นตัวของเธอเอง วีกิจ จะสามารถเอาชนะใจของมุนินทร์ได้หรือไม่

รักนี้ชั่วนิรันดร์ (2556/2013) พิชชา (ออม สุชาร์ มานะยิ่ง) และ แพน (อร พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน) เด็กหญิงสองคนเกิดวันเดียวกัน ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอที่ปราณบุรี พาทิน (ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี) ในวัยเยาว์ตื่นเต้นกับการที่จะได้เห็นหน้าน้องสาว ด้วยความไม่เดียงสา ทำให้พาทินทำป้ายชื่อของพิชชาและแพนตกหล่นลงบนพื้น และพยาบาลที่อยู่เวรในวันนั้นได้เก็บป้ายชื่อของเด็กหญิงสองคนมาไว้ที่เดิม แต่เกิดการสลับชื่อกันอย่างไม่รู้ตัวทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าติดตาม สิบสี่ปีผ่านไป พิชชาเด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดีโดยมี พงศกร วชิรวิทย์ (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ผู้เป็นพ่อ และเป็นอาจารย์ประจำภาคในวิทยาลัยประจำจังหวัด พิชชา (น้องเซียงเซียง) เข้าเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนมัธยมประจำเขตที่พงศกรเป็นเจ้าของ พาทิน (น้องกันต์) พี่ชายของเธอ เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีนักเรียนหญิงมาชอบมากมาย พิชชามักถูกไหว้วานจากเพื่อนร่วมห้องบ้างและรุ่นพี่บ้างให้เอาของและขนมไปฝากให้พาทินบ่อย ๆ พิชชาแอบหวงพี่ชายจึงไม่ชอบใจนัก แต่ก็ปฏิเสธคำไหว้วานจากสาว ๆ เหล่านั้นไม่ได้ ซึ่งพาทินเองถึงแม้จะเป็นหนุ่มเนื้อหอมแต่เขาเองก็รักน้องสาวคนนี้อย่างสุดใจ แพน โตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนโดยมี สุนทรี (กาญจนา จินดาวัฒน์) ผู้เป็นแม่ของเธอ ต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงดูมาลำพัง แพนมีพี่ชายชื่อ พงษ์ (กี๋ AF5) ที่เกเร ไม่เอาถ่าน ส่วนพ่อของเธอตายไปตั้งแต่เธอยังไม่เกิด แพนเรียนห้องเดียวกันกับพิชชา เธอไม่ค่อยชอบพิชชานัก เพราะพิชชามีพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่เธอเองก็ขาดไปเสียทุกอย่างเช่นกัน ทั้งคู่แอบมีการแข่งขันกันอยู่เงียบ ๆ และแพนก็รู้สึกว่าการมีพิชชาทำให้ตัวเธอมีปมด้อยที่เด่นชัดมากยิ่งขึ้น แพนจึงพยายามแย่งชิงทุกอย่างมาจากพิชชา วันหนึ่งพิชชาถูกแพนแกล้ง พาทินรู้เรื่องเข้า และจะไปตามเอาเรื่องกับแพน เมื่อพิชชารู้เรื่องจึงจะตามไปห้าม ระหว่างนั้นเธอถูกรถเฉี่ยวชนจึงต้องไปโรงพยาบาล พ่อแม่และพาทินต่างตกใจและตามมาที่โรงพยาบาล และในวันนั้นเองเป็นวันที่พ่อแม่และพาทินได้รับทราบจากคุณพ่อว่า พิชชา มีกรุ๊ปเลือดที่ไม่ตรงกับใครในครอบครัวเลย ทางโรงพยาบาลจึงสันนิษฐานว่า พิชชาอาจจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของครอบครัว เมื่อพงศกรทราบเรื่อง จึงตามหาว่าลูกสาวที่แท้จริงของตนเป็นใครและอยู่ที่ไหน จนเมื่อทราบว่าลูกสาวที่แท้จริงของเขาถูกสับเปลี่ยน กับลูกสาวของสุนทรี (กาญจนา จินดาวัฒน์) ดังนั้น พงศกรจึงขอเขาไปพบเธอเพื่อหาทางออก พาทินแอบรู้เรื่องนี้ และมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก วันหนึ่งสุนทรีผู้เป็นแม่เกิดทะเลาะกับแพน และเผลอพลั้งปากบอกความจริงออกไปว่าแท้จริงแล้วนั้น แพนไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกของบ้านพงศกร ทำให้แพนตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง และรีบไปที่บ้านพงศกร พิชชารู้ความจริงทั้งหมดและทั้งพิชชาและแพนก็ถูกนำกลับมาให้อยู่กับครอบครัวของตัวเอง ส่วนครอบครัวของพงศกรและพาทิน พี่ชาย ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาย้ายครอบครัวไปอเมริกา โดยนำพาทินและแพนไปอยู่ด้วยกัน ทำให้พาทินต้องห่างจากพิชชาตั้งแต่เวลานั้น สิบปีผ่านไป พาทินกลับมาที่ปราณบุรีอีกครั้ง เขารำลึกอดีตกับน้องสาวในวัยเยาว์ พาทิน กำลังจะแต่งงานกับ อรอินทุ์ (อาภา ภาวิไล) คู่หมั้นหญิงสาวที่เรียนเมืองนอกมาด้วยกัน ในขณะเดียวกัน พิชชาเองก็โตเป็นสาวเต็มตัว และทำงานที่โรงแรมห้าดาวประจำจังหวัด ลูกชายเจ้าของโรงแรมคือ จิราพัชร หรือ พัชร (ปรมะ อิ่มอโนทัย) หนุ่มนักเรียนนอกที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เป็นหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ ที่ถ้าใครได้รู้จักจะต้องหลงรักอย่างไม่รู้ตัว พัชรเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกับ พาทินเพราะเรียนมาด้วยกัน พาทินมาที่โรงแรมของพัชรเพื่อจะมาบอกว่าเขาเองก็ได้กลับมาทำงานเป็นอาจารย์สอนที่นี่แล้วเหมือนกัน และการมาของพาทินในครั้งนี้ ทำให้ได้พบกับพิชชา น้องสาวที่เขาทั้งรักและคิดถึงมาตลอด ทำให้ทั้งคู่ต่างสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง โดยความรักของพวกเขามีคู่หมั้นอย่าง อรอินทุ์ และ พัชร ที่แอบรัก พิชชา เป็นตัวแปรสำคัญทำหรับพวกเขา เรื่องราวความรักที่ซับซ้อนของพวกเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร ความรู้สึกในวัยเยาว์ที่มีอยู่จะถูกรื้อฟื้นให้เป็นรักนี้ชั่วนิจนิรันดร์หรือไม่ ต้องติดตามใน ละครรักนี้ชั่วนิจนิรันดร์

ตะวันชิงพลบ 2534

ตะวันชิงพลบ (2534/1991) ตะวันชิงพลบ เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนวสะท้อนชีวิต-สร้างสรรค์สังคม ที่สร้างจากนวนิยายของ โบตั๋น เริ่มสร้างครั้งแรกในปี พ.ศ. 2534 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สร้างโดยบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด นำแสดงโดย ศตวรรษ ดุลยวิจิตร ธนาภรณ์ รัตนเสน อรพรรณ พานทอง แต่งและขับร้องเพลงนำละคร โดย พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ซึ่งจากนี้เองได้รับรางวัลเมขลา และ โทรทัศน์ทองคำ จำนวน 6 รางวัล รวมถึงรางวัลเพลงนำละครที่ทำให้ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ กลายเป็นศิลปินเพลงเพื่อชีวิตยอดนิยม