ปาฏิหาริย์รักต่างพันธุ์ (2551/2008) ความลับแห่งสายเลือด สู่แรงปรารถนาข้ามสายพันธ์ การไล่ล่าต่างสายพันธุ์ ระหว่าง วินทร์ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ชายหนุ่มอดีตหน่วยข่าวกรองของรัฐบาล เขาคือผู้อยู่บนเส้นขีดขั้นระหว่าง คุณธรรม และความมั่นคงของชาติ จิน (พลอย จินดาโชติ) หญิงสาวผู้ถูกปลดปล่อยจากความทรงจำอันโหดร้ายในอดีต เธอกำลังถูกคุกคามจากกองกำลังที่ไม่เปิดเผยนาม และบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่คน จาย (ศักดิ์ดา แก้วบัวดี) ชายผู้เป็นความหวังสุดท้ายของชนเผ่า ชายผู้มีพลังอำนาจลึกลับบางอย่างในตัวพร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ ความลี้ลับของชาติพันธุ์แห่งอดีตกาลการไล่ล่าด้วยสัญชาติญาณแห่งป่าดงดิบ สู่ความรักโรแมนติกที่ทำลายกำแพงแห่งความเป็นมนุษย์
เรื่องย่อ : ฝัน หวาน อาย จูบ (2551/2008)
  • ฝัน
ต้นข้าว (เจนจิรา จำเนียรศรี) มักจะฝันถึงวงดนตรีชื่อ ออกัส ที่เธอคลั่งไคล้เป็นประจำ เรียกได้ว่าหายใจเข้าออกเป็นออกัส จนเพื่อนสนิทอย่าง บอย (จารุวิทย์ ลัยวิรัตน์) เริ่มเกิดอาการหมั่นไส้ผสมน้อยใจ แล้วเรื่องราววุ่นๆ ก็เกิดขึ้น เมื่อต้นข้าวฝันว่าได้ออกไปผจญภัยกับวงออกัสในดินแดนแห่งจินตนาการ และได้พบกับเรื่องราวที่เธอจะไม่มีวันลืมเลย
  • หวาน
หลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานาน ดูเหมือนความรักที่ เชน (ชาคริต แย้มนาม) มีต่อ หวาน (สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) กำลังจะมอดหมดไป เขาเลือกที่จะทำงาน และปฏิเสธที่จะอยู่กับเธอในวันสำคัญ เมื่อเชนกลับมาบ้านในวันนั้น เขาพบว่ากล่องความทรงจำแห่งรักถูกเปิด เชนรู้ว่าตนกำลังจะสูญเสียความทรงจำอันล้ำค่าทั้งหมดที่หวานเคยมีต่อเขา ทางเดียวที่จะรักษารักนี้เอาไว้ได้ ก็คือย้อนความทรงจำแห่งรักกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่เขาและเธอรักกัน
  • อาย
ทุเรียน (ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) เป็นศิลปินหนุ่มปากแข็ง จนต้องหนีรักหัวซุกหัวซุนมาอาศัยผืนทะเลอันดามันเป็นแหล่งพักใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็เหมือนถูกฟ้าทดสอบ ด้วยการส่งรักครั้งเก่าอย่าง ตอง (กัญญา รัตนเพชร์) คุณหนูเมืองกรุง ให้เข้ามาเจรจาสร้างบ้านพักตากอากาศบนเกาะที่ทุเรียนดูแลอยู่ หาดทรายขาว ท้องฟ้าใส และทะเลสีคราม จะทำให้ความอายที่ฝังใจเขาและเธอเปลี่ยนไปได้หรือไม่
  • จูบ
กาก้า (อภิศรา ทัตติ) เป็นสาวน้อยมัธยมปลายที่น่ารักที่สุดของรุ่น เป็นแฟนสาวที่ หมี (มาริโอ้ เมาเร่อ) เฝ้าทะนุถนอม แต่กลับต้องตกเป็นเป้าหมายรายล่าสุดของ เป็ดจอมจูบ (ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์) หนุ่มหมัดหนักที่ล้มคู่ปรับทุกคนได้ภายในเวลาเพียงแค่ 3 นาที แล้วยังช่างคิดแผนขโมยจูบแสนแยบยลอีกต่างหาก ทำให้หมีต้องลุกขึ้นมาหาหนทางปกป้องจูบแรกของผู้หญิงที่เขารักให้ได้
Super แหบ แสบ-สะบัด (2551/2008) ท่ามกลางกระแสเพลงเกาหลีมาแรง ค่ายเพลง (ใกล้เจ๊ง) ของเจ๊เง็ก ส่งศิลปินหนุ่มลูกผสม ไทย-เกาหลี ผสมญี่ปุ่น-เยอรมัน ตง ลี เฮ นักร้องหนุ่มผู้เลิศเลอเฟอร์เฟคไปซะหมด หน้าตาหล่อโฮก เสียงร้องมหัศจรรย์ แค่ซิงเกิลแรกก็ขึ้นอันดับหนึ่งทุกสถานี ดังระเบิดไปทั่วประเทศ ความดังของ ตง ลี เฮ เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ เจ๊เง๊ก (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) คว้างานเพลง ตง ลี เฮ ขึ้นจาก 2 หนุ่มที่มาออดิชั่น ต้อม (รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) หล่อใส สไตล์บอยแบนด์ กับ ตึ๋ง (เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) หล่อล่ำ หัวใจบอยแบนด์ (หัวใจบอยแบนด์ แต่หน้าบอยแบน) โดยมี สาลี่ (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) เลขาเจ๊เง๊ก ช่วยกันปกปิด โฮะ!! ไม่ใช่ซิ ช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ ตง ลี เฮ ให้ Cool นิ่ง มาดเท่ห์ ไม่พูดไม่จา ตึ๋ง ได้พบกับ อิ๋ว (เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้) สาวช่างฝันผู้มากด้วยจินตนาการ ผู้ก่อตั้งแฟนคลับ อิ๋ว เป็นแฟนเพลงที่เข้าใจบทเพลง ตง ลี เฮ อย่างลึกซึ้ง มองลึกไปถึงเนื้อใน เห็นคุณค่าเสียงเพลงมากกว่าหน้าตา การได้พบ ได้พูดคุยกับอิ๋ว ทำให้ตึ๋งมีกำลังใจมากขึ้น ฝ่าย ต้อม ก็พบรักกับ แก้ว (มด - คุณัชญา ชัยรัตน์) เด็กฝึกงานผู้มีบุคลิกลึกลับ แต่ต้อมต้องพยายามเก็บอาการไม่ให้แก้วรู้ กระแสนิยมที่แฟน ๆ มีต่อ ตง ลี เฮ ยังนำความเดือดร้อนมาด้วย พี่อ้อย (ศิริพร อยู่ยอด) เหยี่ยวข่าวปาปารัสซี่, ลูซี่ เลเซอร์เจท (จันทร์เพ็ญ คงประกอบ) นักร้องคู่แข่ง ที่ต้องตกเป็นเบอร์สอง แฟนเพลงอีกทั่วประเทศ ทุกสายตาจ้องจับผิด ตง ลี เฮ ต้อม + ตึ๋ง ต้องช่วยกันเอาตัวรอดจากการเจาะข่าว และความรัก ความลับ ของ ต้อม + ตึ๋ง จะปกปิดไว้ได้สักแค่ไหน?!? ความจริงของ ต้อม ตึ๋ง ต้องพิสูจน์ด้วย มองเห็นด้วยสายตา หรือรับฟังด้วย หัวใจ เปิดใจให้กว้าง ร่วมค้นหา ความสนุกของสิ่งที่เกิดมาคู่กัน Super แหบ-แสบ-สะบัด
Happy Birthday แฮปปี้เบิร์ธเดย์ (2551/2008) เรื่องราวความรักของชายหนุ่ม เต็น (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) และหญิงสาว เภา (ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ) ที่บุพเพสันนิวาสชักนำให้พวกเขาได้มารู้จักกันผ่านตัวหนังสือ ในหนังสือท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยข้อความที่ถูกเขียนส่งต่อให้กันและกัน โดยที่พวกเขาไม่เคยแม้แต่พบหน้ากัน แต่มันกลายเป็นสื่อกลางที่ทำให้คนมือบอน 2 คนได้มาพบและรู้จักกัน "จีบได้เปล่า?...คิดจะจีบ ดีพอแล้วเหรอ" คำถามที่ เภา ทิ้งไว้ให้ เต็น ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังคืบหน้าไปอย่างช้า ๆ กระทั่งถึงวันครบรอบวันเกิดของเต็น เภาได้เดินทางนำของขวัญวันเกิดมามอบให้แก่เต็น ทว่าของขวัญชิ้นนั้นกลับไปไม่ถึงมือของเต็น มีเพียงข้อความที่เภาเขียนทิ้งไว้ในการ์ดอวยพรวันเกิดให้กับเต็นว่า "สัญญานะว่าจะดูแลกันตลอดไป" และนี่คือจุดเริ่มของการพิสูจน์คำสัญญาที่เต็นมีต่อเภา บางครั้งคำสัญญา ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ มาพิสูจน์ความรักของผู้ชายคนนี้ อนันดา เอเวอริ่งแฮม "Happy Birthday แฮปปี้เบิร์ธเดย์" หนังรักในแบบ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ของขวัญจากคนมือบอน 2 คน กับความรักในแบบของพวกเขา
องค์บาก 2 (2551)

องค์บาก 2 (2551/2008) เมื่อรอยบากแห่งความแค้นฝังลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจ ทุกศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้จะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ดวงชะตากำหนดทุกสรรพสิ่ง ลิขิตชีวิตขึ้นสู่จุดสูงสุด และพร้อมดับทุกชีวิตดำดิ่งลงลึกถึงปลายเหวสู่จุดต่ำสุด บัดนี้มันได้กำหนดชีวิตของ “เทียน” เด็กหนุ่มที่หวังเติบใหญ่เป็นนักรบผู้แกร่งกล้าเฉกเช่นบิดา “ออกญาสีหเดโช” (สันติสุข พรหมศิริ) นายทหารผู้ซื่อสัตย์ซึ่งจงรักภักดีต่อเหนือหัวผู้ซึ่งยอมได้แม้กระทั่งสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินจากเหล่าผู้ฉ้อฉลและคนทรยศ แต่จากคำทำนายที่ว่าเมื่อใดที่เทียนซึ่งถือกำเนิดในฤกษ์พระกาฬเติบใหญ่ภายใต้วังวนแห่งคมดาบและกลิ่นคาวเลือด เมื่อนั้นผู้คนจำนวนมากจักต้องล้มตายกันอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ออกญาสีหเดโชตัดสินใจส่งเทียนไปให้ “ครูบัว” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เพื่อนสนิทซึ่งต่างเป็นลูกศิษย์ของพระครูปั้นมาด้วยกันช่วยบ่มเพาะสมาธิ เรียนรู้การฝึกจิตให้นิ่ง และศึกษาในด้านวิชาโขนนาฏศิลป์ เพื่อหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยจรรโลงจิตใจให้เกิดแต่สิ่งที่ดีงามขึ้น โดยมี “พิม” เด็กสาวที่ครูบัวเก็บมาเลี้ยงคอยให้ความช่วยเหลือ และมี “ไอ้เหม็น” (หม่ำ จ๊กม๊ก) ชายบ้าเสียสติแต่หลงใหลในนาฏศิลป์เป็นเพื่อนเล่น แต่แล้วชีวิตเทียนต้องพบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เมื่อ “พระยาราชเสนา” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ซึ่งวางแผนขึ้นครองความเป็นใหญ่ในแผ่นดินลงมือส่งเหล่านักฆ่ามือดีมาลอบสังหารออกญาสีหเดโชทั้งครอบครัว และเหล่าทหารหาญให้สิ้นซากด้วยตนเอง โดยมีเทียนเพียงคนเดียวที่เล็ดรอดชีวิตมาได้ท่ามกลางความคลั่งแค้นที่อัดแน่นฝังลึกในจิตใจ โชคชะตาพลิกผันอีกครั้งเมื่อเทียนได้พบกับ “เชอนัง” (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยชีวิตจากเงื้อมมือของเหล่าพ่อค้าทาสและยักษ์ขมุจอมโหด เพราะเล็งเห็นถึงจิตวิญญาณความเป็นนักสู้และสัญชาตญาณความเป็นนักฆ่าที่แฝงเร้นอยู่ในแววตาซึ่งพร้อมจะสังหารผู้คนได้ทุกเมื่อ จึงตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองโจร ให้การชุบเลี้ยงฝึกฝนเหล่าสรรพวิชาอาวุธในศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบจากเหล่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า หมัดมวย การใช้เวทมนตร์คาถา ไปจนถึงการใช้สรรพวุธทุกชนิด ดาบ กระบี่ กระบอง 3 ท่อน วิชากล การใช้ระเบิด ฯลฯ เมื่อทุกศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้ถูกบ่มเพาะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว “เทียน” (จาพนม ยีรัมย์) เติบใหญ่พร้อมพิษสงความสามารถรอบตัวที่ยากจักหาใครทัดเทียม หนำซ้ำยังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้งของกองโจรผาปีกครุฑ จนได้รับการยอมรับจากทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามารถสยบช้างงาดำ ช้างศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าชุมโจรให้ความเคารพและสักการะ ในขณะที่เชอนังเองตั้งใจมอบตำแหน่งหัวหน้ากองโจรให้เทียนรับหน้าที่ผู้สืบทอดต่อไป เพียงทว่า ณ เวลานี้มีเพียงภารกิจเดียวในชีวิตที่เทียนจักต้องกระทำคือการขจัดความคลั่งแค้นที่มันสุมอกอยู่ในจิตใจตลอดมา นั่นคือการมุ่งหน้าเพื่อสังหารเจ้าพระยาราชเสนาด้วยน้ำมือตนเอง โดยมีเป้าหมายในคืนวันสถาปนาเทวเสาวนีย์ครุฑที่เจ้าพระยาราชเสนาจะขึ้นครองอำนาจในฐานะจอมราชันย์อย่างสมบูรณ์ ภายใต้เปลวเพลิงแห่งความอาฆาต เทียนผสมผสานทุกความสามารถในการต่อสู้ที่บ่มเพาะมาทั้งชีวิต แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความอำมหิต โหดเหี้ยม เกรี้ยวกราด ดุดัน เพื่อที่จะสังหารทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่กลัวเกรง โดยหารู้ว่าไม่ว่ายังมีเหล่านักฆ่าระดับยอดฝีมือของจอมราชันย์ที่เขาจะต้องเผชิญหน้าและรับมือที่ล้วนแล้วแต่ยากในการต่อกรไม่ว่าจะเป็น “องค์รักษ์เกราะทอง” (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ), “กลุ่มนักฆ่าลึกลับในชุดดำ” ไปจนถึง “ภูติสางกา” (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ที่ถูกส่งมาเพื่อนำเทียนไปสัมผัสกับดินแดนแห่งความตายโดยเฉพาะ หรือนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่มีต้นกำเนิดจากรอยบากแห่งความคลั่งแค้นที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และจิตวิญญาณ มีเพียงพลังแห่งศรัทธาอันแรงกล้าเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเทียนอยู่รอดได้

ห้าแถว (2551/2008) เสก (เสกสรร สุทธิจันทร์) เดินทางกลับหมู่บ้านที่เขาจากมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนจะถึงหมู่บ้าน เสกต่อสู้กับกลุ่มโจรที่ดักปล้นรถโดยสาร และได้พบชายคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าเป็น ศร (ชาติชาย งามสรรพ์) ฆาตกรฆ่าคุณพ่อของเขา เสกมีแรงอาฆาต รู้สึกอยากแก้แค้น แต่เสียงกระซิบที่ลอยมาตามลมว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ทำให้เสกมีสติขึ้นมา เสกจึงเดินจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เสกเจอ กำนันสมเล็ก (สมชาย ศักดิกุล) กับลูกสาวของกำนัน ครูสมศรี (ศุภักษร ไชยมงคล) และหลานสาวของกำนัน ครูมะลิ (ขวัญใจ จันทอง) จากนั้นเสกก็ได้ทราบว่าหมู่บ้านเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น หลังจากที่มีกลุ่มชายแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ วันหนึ่ง เสกได้รู้ความจริงว่ากลุ่มชายแปลกหน้าเป็นพวกเดรัจฉานวิชาอาคม มาที่หมู่บ้านเพื่อจะทดลองเดรัจฉานวิชาที่ร่ำเรียนมา และคนที่เป็นหัวหน้าก็คือคนที่ฆ่าคุณพ่อของเสกนั่นเอง เสก ครูสมศรี ครูมะลิ และคนในหมู่บ้าน จึงพร้อมใจกันต่อสู้กับพวกเดรัจฉานวิชา จนผู้รุกรานพ่ายแพ้ หนีออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อฝึกปรืออาคมให้แก่กล้าขึ้น ศรพา ยอด (นะติ พันธุ์มณี) หรั่ง (รอน สมอเรนเบิร์ก) และนักโทษแหกคุกที่ต้องคดีปล้นและฆ่าข่มขืนมาเป็นสมุนในกลุ่มเดรัจฉานวิชา คนกลุ่มนี้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วกรุง จนเป็นข่าวใหญ่ทางหนังสือพิมพ์ทุกวัน เสก ครูมะลิ ครูสมศรี จึงมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เพื่อสะสางให้เรื่องต่างๆ ยุติลง การต่อสู้กับพวกเดรัจฉานครั้งนี้มีอุปสรรคมากมาย เสกรู้สึกท้อแท้เมื่อนึกถึงความดีที่ตนเคยทำมา จนเมื่อแสงแห่งคุณธรรมลอยเข้ามาอยู่ในร่างของเสก เขาจึงมีพลังที่จะต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นของนักสู้พลังยันต์ห้าแถว ยันต์แห่งความดีที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย และกำจัดเดรัจฉานวิชาต่างๆ ให้หมดไป
***หวานขม (2551/2008) รส 13 รัก ก่อกำเนิด 13 ภาพยนตร์ สะท้อนอุบัติการณ์แห่งรัก จาก 13 บทเพลง ของ บอย โกสิยพงษ์ และ ป๊อด - ธนชัย อุชชิน ภาพยนตร์รัก 13 เรื่อง จากอัลบั้มฮิต Bitter Sweet ที่เรียงร้อยออกมาจากบทเพลงรักกลายเป็นภาพยนตร์ของพวกเขา Boyd Pod ร่วมด้วยพี่น้องผองเพื่อนที่มาช่วยกันสร้างความรักที่หวานขมในแบบฉบับของบอยด์ป๊อดให้เกิดขึ้นครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ "ความหวานขม ชีวิตไม่ได้มีอยู่แค่ด้านเดียว เพลงในโลกนี้มันก็ไม่ได้มีแต่เพลงหวานทั้งหมด ในความหวานนั้นอาจจะมีความขมซ่อนอยู่ และบางทีในความขมก็อาจจะมีความหวานซ่อนอยู่ได้เหมือนกัน" BoydPod ***รักคุณเข้าอีกแล้ว ความรัก ความผูกพัน ที่สมาชิกในครอบครัวมีให้กันส่งผ่านเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งที่เรียกกันติดปากกันว่า เพลงน็อกของครอบครัว ที่สมาชิคทุกรุ่น ทุกวัย ต่างใช้เพลง รักคุณเข้าอีกแล้ว เป็นเพลงจีบสาวส่งความรักถึงคนที่พวกเขาหลงรักในเวอร์ชั่นต่าง ๆ กันอย่างน่ารัก ***ที่วันนี้ อ้อย สาวสวยที่ต้องทำงานขายบริการเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย ได้พบกับ ยูจิ หนุ่มญี่ปุ่นที่มาทำงานในประเทศไทย ในตอนแรกเขามาซื้อบริการจากอ้อยด้วยความเหงา จากลูกค้า กลายเป็นเพื่อนสนิท และสุดท้ายความรักทำให้คนทั้งสองมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งคู่ต่างยอมรับกันและกัน และรักเธอที่เป็นวันนี้ ***คำถาม ? ลอย เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ยังคงมีคำถามในใจสำหรับตัวเขาเองว่า เขาควรจะทำอย่างไรกับอนาคตของเขาดี คำถามนั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพ่อของเขาก็ยิงคำถามเดียวกันให้กับลอย เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อจะต้องจัดการกับชีวิตที่เหลือข้างหน้าด้วยตัวเอง หรือเขาจะปล่อยให้เวลาเป็นตัวกำหนดเองดี ***ช่วงที่ดีที่สุด สถานีแห่งความคิดถึง สำนักงานที่ดูเหมือนจะเป็นจุดนัดพบ ให้ผู้คิดถึงได้มีโอกาสเจอกับผู้ถูกคิดถึงอีกครั้ง สำหรับใครบางคนที่เฝ้าฝันว่าจะได้เจอหรือได้อยู่ร่วมกับคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิต แต่ไม่อาจทำให้ฝันเป็นจริงด้วยเงื่อนไขบนโลกของเหตุผล ***น้องเอ๋ย ธี ชายหนุ่มที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสบาย ๆ แฟนสาวของธีเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมมาสายเสมอ ซึ่งในวันเกิดของเธอ ๆ ได้ขอของขวัญวันเกิดคือ การมาให้ตรงเวลานัด 10 โมงเช้า ไม่เช่นนั้นเธอจะเลิกคบกับธี เจ้าพ่อสายเสมออย่างหนุ่มธีจะทำได้หรือไม่ ความรักของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร 10 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ได้รู้กัน ***คำไม่กี่คำ การทะเลาะกันเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ บ้างก็เกิดจากการหาเรื่องกัน บ้างก็เกิดจากความเข้าใจผิด แต่ส่วนใหญ่มักเกิดเพราะความเห็นที่ไม่ตรงกัน อาต้อยและบุรินทร์ก็ทะเลาะกัน เพราะความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่อง จารุวรรณ ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนกันมานาน ความรักระหว่างเพื่อนกำลังทำให้เกิดความบาดหมาง ***เพื่อน ในวันสุดท้ายของการทำร้านขนมปังที่เป็นศูนย์รวมของเพื่อนซี้ 3 คน ป๊อด, โป้, นภ ปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่จัดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายไปดำเนินชีวิตในแนวทางของตัวเอง ได้รวบรวมความทรงจำอันแสนหวานที่มาพร้อมความอบอวลของกลิ่นขนมปัง จะเป็นความทรงจำที่ทรงคุณค่า และคงมิตรภาพของความเป็นเพื่อนของพวกเขาตลอดไป ***บทเรียน เปอร์ พนักงานฉายหนังเด็กแนวที่มาเป็นคนฉายหนังเพราะอยากดูหนังฟรี โดยเฉพาะเรื่องที่ จินตรา สุขพัฒน์ แสดง วันหนึ่งเขาได้พบกับนักแสดงในดวงใจ เขารีบเข้าไปพูดคุยและชวนเธอเข้าไปในโรงภาพยนตร์ พอไฟดับ ภาพยนตร์เริ่มฉาย ภาพบนจอเป็นภาพที่เธอรู้สึกคุ้นเคย ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งโลดแล่นอยู่ในหลายบทบาท แต่ว่านี้ไม่ใช่ภาพยนตร์เรื่องที่เธอรู้จัก มันเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ เป็นภาพยนตร์ที่ทำจากหัวใจแฟนภาพยนตร์ของเธอนั่นเอง ***เรื่องบ้า ๆ โอปอล์ เจ้าแม่พิธีกรจู่ ๆ ก็ถูกยกเลิกงานอย่างกระทันหัน ด้วยความเซ็งสุด ๆ จึงบึ่งรถไปเที่ยวชายทะเล ระหว่างทางได้เจอเด็กหนุ่มชื่อ เก้า โบกรถขอติดรถไปด้วย ทั้งคู่จึงได้กลายเป็นเพื่อนซี้ต่างวัยที่แชร์เรื่องบ้า ๆ ระหว่างกันและกันในที่สุด ***Yoo Hoo หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งชีวิตของ จราจรค่อม ผู้ที่คอยปฎิบัติหน้าที่โบกรถให้หยุด เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้ข้ามถนน กิจวัตรประจำวันของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไป เมื่อรอยยิ้มของคุณครูสาวคนใหม่ทำให้ชีวิตของเขาสดใสขึ้น เขาเฝ้าแอบมองคุณครูทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งคุณครูถูกย้ายโรงเรียน จราจรค่อมได้แต่รอคอยว่าเมื่อไหร่คุณครูจะกลับมาสร้างสีสันให้กับชีวิตจราจรค่อมอีกครั้ง ***คอย ชายหนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งที่รอคอยหญิงสาวห้องข้าง ๆ อย่างใจจดใจจ่อ รอคอยเพียงแต่ว่าเขาจะได้ทำความรู้จักใกล้ชิดกับเธอเพียงสักครั้ง วันเวลาผ่านไปเขายังคงรอคอยจังหวะนั้น จนในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ แต่กว่าจะรวบรวมความกล้าที่จะทักทายเธอ สาวสวยคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว การรอคอยของเขายังไม่สิ้นสุด เขายังต้องคอยพยายามต่อไปอีกครั้ง ***สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน เป้ ชายหนุ่มผมยาวท่าทางเหมือนนักดนตรี เดินทางกลับบ้านสวนชานเมือง หลังจากที่ไม่เคยกลับไปกว่า 10 ปี เขาหนีออกจากบ้านไป เพราะทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรง เป้กลับมาบ้านครั้งนี้เพราะเขาทราบว่าพ่อของเขาเสียแล้ว จากโรคร้ายที่ทำให้ทรมานมาหลายปี การกลับไปบ้านครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ ๆ ที่สานต่อจากปัญหาเก่าที่คั่งค้างอยู่ในหัวใจ ***หวานขม บทสรุปของเรื่องราวต่าง ๆ ถูกเรียงร้อยออกมาอย่างเรียบง่าย แต่คงไว้ซึ่งความหวาน บางเรื่องอาจมีเรื่องขม ๆ เข้ามาเกี่ยวพัน ทุกเรื่องต่างทักทอเป็นสายใยรักเส้นบาง ๆ แต่เข้มแข็ง ทุกความผูกพันจะทำให้ทุกหัวใจเบิกบาน
หัวหลุด แฟมิลี่ (2551/2008) ครอบครัววิศวกรกินเงินเดือน ที่มี ดิ่ง (จาตุรงค์ พลบูรณ์) เป็นหัวหน้าครอบครัว กันตา (เมทินี กิ่งโพยม) แม่บ้านที่แสนดี และลูกชายที่เรียกได้ว่าหล่อ จนเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆอย่าง บราซิล (เจริญพร อ่อนละม้าย) ต้องมาพบเจอกับความวุ่นวายเมื่อดิ่งอยากพาครอบครัวไปเที่ยว แต่รถเจ้ากรรมดันมาพังต้องนั่งรถไฟชมบรรยากาศแทน และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อทั้งสามกลับมาบ้าน ต่างคนต่างต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตนนั้นกลายเป็นมนุษย์ประหลาด หัวหลุดแต่ไม่ตาย ไม่มีใครกล้าบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนในครอบครัวรู้ แต่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันความอึดอัดก็เกิดขึ้นในใจ สามคน พ่อ แม่ ลูก ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน จนต้องปิดเพื่อนบ้านที่แสนจะยุ่งวุ่นวายอย่าง สังคม (อาคม ปรีดากุล) ที่รับภาระเลี้ยงดูภรรยาที่เป็นอัมพาตชื่อ เวียงพิงค์ (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) และ สิงโต (ธีรธร พลบูรณ์) ลูกชายแก่แดด ดิ่งต้องปกปิดเพื่อนร่วมงานที่บริษัท บราซิลก็ต้องปกปิดสาว ๆ ที่มหาลัย รวมทั้ง จับเลี้ยง (พัสกร พลบูรณ์) แฟนสาวของบราซิล แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องราวประหลาดเริ่มรู้ถึงสาธารณะชน เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเริ่มต้นไม่ปกติ เรื่องมันก็คงจบลงไม่ง่ายนัก ผลสุดท้ายครอบครัวนี้ต้องพบเจอกับเรื่องอะไรใน หัวหลุดแฟมิลี่
มูอัลลัฟ (2551/2008) ชีวิตของ จูน (ธัญวดี เหมรา) หญิงสาววัย 29 ปี ที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีในกรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากเธอตัดสินใจแต่งงานกับ เอก (เอกสิทธิ์ เหมรา) ชายหนุ่มมุสลิมผู้เคร่งศาสนาจากจังหวัดสตูล จูนต้องเปลี่ยนศาสนา จากศาสนาพุทธซึ่งเธอนับถือมาตั้งแต่เด็ก ไปเป็นศาสนาอิสลามซึ่งเธอไม่เคยมีความรู้แม้แต่น้อย หลังจากแต่งงาน จูนลาออกจากการเป็นพนักงานฝ่ายศิลป์ของนิตยสารฉบับหนึ่ง และเดินทางตามสามีไปยังจังหวัดสตูล ที่นั่นเธอได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่มากมาย ในฐานะของ มูอัลลัฟ หรือบุคคลที่เข้ารับอิสลาม ไม่เพียงแค่ห้ามรับประทานเนื้อหมูและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น ที่จังหวัดสตูล จูนได้ถือศีลอดเป็นครั้งแรก ได้เข้าร่วมพิธีทางศาสนาอิสลาม และฝึกอ่านภาษาอาหรับ ไปจนถึงได้ก้าวข้ามจากหญิงสาววัย 30 ปีที่ไม่มั่นใจในชีวิต ไปสู่บทบาทของแม่ที่สมบูรณ์แบบ
ฮานอย ความรักในคืนเหงา (2551/2008) หัวใจของเธอและเขา....คือเงาแห่งรักแท้ในค่ำคืนที่เดียวดาย ฮานอย สาวเวียดนามผู้น่ารัก ทิ้งแฟนเก่าจากเวียดนามมาทำงานที่เมืองไทย โดยทำงานกลางคืนและถูกผู้ชายหลอกมาตลอด จนกระทั่งได้พบกับดาว ที่ชวนฮานอยไปทำงานกับเธอ และได้เจอกับ นัส ชายหนุ่มที่รักเธออย่างจริงใจ นัสชวนเธอไปอยู่บ้านเชิงดอย แต่แม่ของนัสรับไม่ได้ที่ฮานอยเป็นผู้หญิงกลางคืน ทำให้เธอต้องอดทนรอคอยนัสอยู่ที่บ้านเชิงดอยโดยไม่รู้ว่านัสได้ตายไปจากชีวิตเธอแล้ว
โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต (2551/2008) เชน (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พนักงานฉายภาพยนตร์ ตัดสินใจร่วมมือกับ ยอด หัวหน้าห้องฉาย แอบลักลอบถ่ายภาพยนตร์ผีเรื่อง วิญญาณอาฆาต ที่ผู้กำกับและทีมงานเอามาฉายดูก่อนจะส่งเข้าฉายจริง ระหว่างที่ฉายภาพยนตร์ เชน เผลอหลับไป เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็พบว่า ยอด หายไปแล้ว มีเพียงกล้องวิดีโอตกอยู่ และในกล้องไม่มีภาพอะไรเลย นอกจากสัญญาณซ่าๆ นักเลงที่จ้าง ยอด ขู่จะมาเอาของจาก เชน เพราะตามหา ยอด ไม่เจอ เชน จึงจำต้องลักลอบถ่ายภาพยนตร์อีกครั้ง ขณะที่กำลังดำเนินการ เชน ก็กระหน่ำโทรหา ยอด อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของ ยอด ก็ดังขึ้น ทั้งๆ ที่ในโรงภาพยนตร์มีเชนอยู่เพียงคนเดียว เชน พยายามหาที่มาของเสียง จนในที่สุดก็พบว่าเสียงโทรศัพท์ของ ยอด ดังออกมาจากลำโพงในโรง ส่วน ยอด ก็กลายเป็นศพอยู่ในจอภาพยนตร์ไปแล้ว เชน กลัวจนแทบบ้า แต่ก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร หลังจากคืนนั้น เหตุการณ์สยองขวัญต่างๆ ที่ตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง วิญญาณอาฆาต ต้องเผชิญ ก็รุมเร้าเข้าใส่ เชน จนกระทั่ง ส้ม (วรกาญจน์ โรจนวัชร) พนักงานเดินตั๋วที่เป็นแฟนเก่าของ เชน เค้นจนรู้ความจริง ส้ม บอกกับ เชน ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริงในอดีต และ ผีชบา ในเรื่อง เคยมีตัวตนอยู่จริงๆ ทั้งคู่จึงตัดสินใจช่วยกันค้นหาคำตอบแข่งกับเวลาว่าทำไมเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับ เชน ที่สำคัญ พวกเขาจะหยุดมันอย่างไร ก่อนที่ เชน จะต้องตายตอนจบเหมือนกับพระเอกในภาพยนตร์
ปืนใหญ่จอมสลัด (2551/2008) เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อน องค์หญิงฮีเจา (จารุณี สุขสวัสดิ์) ธิดาคนโตขึ้นเป็นรายาสตรีองค์แรกแห่งลังกาสุกะ ภายหลังจากที่รายาบาฮาดูร์ ชาห์ ถูกลอบปลงพระชนม์ ซึ่งลังกาสุกะเป็นรัฐอิสระที่อยู่รายล้อมกลุ่มกบฏและโจรสลัดต่าง ๆ จนยานิส บรี (Andre Machielsen) ปราชญ์แห่งอาวุธชาวดัตช์ เดินทางมาพร้อมกับ ลิ่มเคี่ยม (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) ลูกศิษย์ นักประดิษฐ์ชาวจีน เพื่อนำมหาปืนใหญ่ ถวายรายาฮีเจาใช้ป้องกันบ้านเมือง แต่ก็กลับถูกกลุ่มโจรสลัดนำโดย เจ้าชายราไว (เอก โอรี) และ อีกาดำ (วินัย ไกรบุตร) จอมสลัดผู้มีวิชาดูหลำ ซุ่มโจมตีจนเรือฮอลันดาแตก ยานิส บรีถึงแก่ความตาย ส่วนมหาปืนใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล แต่ศิษย์ของเขาลิ่มเคี่ยมรอดชีวิตมาได้ ในเหตุการณ์วันนั้น ปารี (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เด็กที่ลอยมาจากทะเลซึ่งพ่อแม่ของเขาตายจากฝีมือของอีกาดำ โดยมีลิ่มเคี่ยมซึ่งช่วยชีวิตปารีในครั้งนั้นไว้ได้ เมื่อเขาเติบโตเป็นหนุ่มชาวเล เขาและลิ่มเคี่ยมที่ประดิษฐ์อาวุธพิสดารมากมาย และตั้งกลุ่มก่อกวนตัดกำลังโจรสลัดขึ้น ในขณะที่ลังกาสุกะ ได้ให้ อูงู (แอนนา แฮมบาวริส) น้องสาวคนเล็ก อภิเษกกับ เจ้าชายปาหัง (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เพื่อให้เป็นแผ่นทองเดียวกัน แต่อูงูก็ไม่เต็มใจนักขณะที่ยะรังนั้นกลับตกหลุมรัก บิรู (ณัฐรดา อภิธนานนท์) องค์หญิงคนรอง แต่ไม่เผยความรู้สึกออกมา เมื่อองค์หญิงฮีเจาต้องการหาผู้ช่วยที่ร่วมสร้างมหาปืนใหญ่ โดยจะตามหาลิ่มเคี่ยม ลูกศิษย์ของยานิส บรี ที่หมู่บ้านชาวเลโดยให้น้องสาวทั้งสองเดินทางมากับองครักษ์และลิ่มกอเหนี่ยว (มนัสนันท์ พัชรโสภาชัย) น้องสาวของลิ่มเคี่ยมที่เดินทางมาจากประเทศจีนเพื่อตามหาพี่ชาย แต่ก็เจอกับกลุ่มโจรสลัดอีกาดำที่มาทำลายหมู่บ้าน ฆ่าทุกคนตายจนหมด จนมีการต่อสู้กันระหว่างโจรสลัดอีกาดำและกลุ่มองค์หญิงและปารี ปารีและอูงูได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์กระเบนขาว (สรพงษ์ ชาตรี) ปรมาจารย์ทางดูหลำ และติดอยู่ที่เกาะกระเบน บ้านของอาจารย์กระเบนขาวในระหว่างหน้ามรสุม ปารีได้พบกับกระเบนดำ (สรพงษ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นด้านมืดของกระเบนขาว ได้พบเห็นความน่ากลัวของวิชาดูหลำที่มีทั้งด้านสว่างที่ทรงพลังและด้านมืดที่น่ากลัว จนยากต่อการควบคุม และได้ฝึกฝนวิชาดูหลำชั้นสูงจากกระเบนขาว ในระหว่างฤดูมรสุมนั้น ปารีกับอูงูก็มีความรักต่อกัน ขณะเดียวกันลิ่มเคี่ยม ถูกจับตัวเป็นเชลยของกลุ่มสลัดและถูกบังคับให้ต้องสร้างปืนใหญ่ขึ้นมาเพื่อทำลายรัฐลังกาสุกะ โดยกลุ่มโจรนำน้องสาวของเขาจับเป็นตัวประกันกักขังไว้เป็นข้อต่อรอง ทางฝั่งลังกาสุกะเมื่อรู้ที่ซ่อนตัวของโจรอีกาดำจึงเดินทางเข้ามาซุ่มโจมตี ขณะที่ทั้งปารีและอูงูเห็นการทดลองปืนใหญ่จึงซุ่มเข้ามาเช่นกัน เมื่อมีการต่อสู้กันเจ้าชายราไว ก็ถึงขนาดปางตาย ทำให้อาจารย์กระเบนขาวซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเจ้าชายราไวถูกด้านมืดเข้าครอบงำ ใช้วิชาทำให้เจ้าชายราไวรอดตาย และยังใช้วิชาดูหลำงมมหาปืนใหญ่จากใต้ทะเลมาได้ เมื่อสงครามเกิดขึ้นลังกาสุกะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะถูกมหาปืนใหญ่ในตำนานทำลายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีหนอนบ่อนไส้อีก แต่ก็ได้ลิ่มเคี่ยมก็ได้สร้างปืนใหญ่มหาลาโลขึ้นมาใช้ในการต่อกร ทั้งยังได้ความช่วยเหลือจากเจ้าชายปาหัง และปารีก็ใช้วิชาดูหลำทำให้มหาปืนใหญ่ลงดิ่งสู่ใต้ทะเลอีกครั้ง
อีติ๋มตายแน่ (2551/2008) “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” กอดคอ “มหาการพิคเจอร์ส” เต็มใจเสนอ “อีติ๋มตายแน่” ผลงานกำกับภาพยนตร์ลำดับที่ 9 ของ “ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค” ภาพยนตร์โรแมนติกปนขำในแบบฉบับ “โน้ต-อุดม แต้พานิช” กับงานเขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตพร้อมประกบ 2 นางเอกจาก 2 ประเทศ “Asuka” นางแบบสาวอาโนเนะจากแดนปลาดิบ และ “คริส หอวัง” ดีเจ-นางแบบสาวจากแดนขวานทอง อีติ๋มมาแน่ๆ 9 ต.ค.นี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ “ตึ๋ง” นักมวยชกโชว์พัทยา อยากจะเป็นฮีโร่ขึ้นมาอย่างใครเขา เห็น “สะท้านฟ้า” เท่เลียนแบบเอา หวังเป็นเป้านำทางสู่ดารา วันหนึ่งได้พบนางในฝัน “อิเตมิ” คนนั้นที่ใฝ่หา จู่ๆ เธอก็เดินหลงเข้ามา อยากรู้ว่านี่จริงหรือฝันไป ฝันหวานไม่นานก็จบ เมื่อเธอพบกับคนที่เด่นกว่า คนๆ นั้นคือฮีโร่ที่ศรัทธา สะท้านฟ้าสะท้านใจทำไงดี “มะขิ่น” คนดีอยู่ใกล้ๆ กลับมองข้ามหัวไปได้เสียนี่ กว่าจะรู้ว่าตนมีของดี อาจจะถึงวันที่สายเกินไป (กลอนเรื่องย่อโดย “อุดม แต้พานิช”)
หลวงพี่เท่ง ๒ รุ่นฮาร่ำรวย 2551
หลวงพี่เท่ง ๒ รุ่นฮาร่ำรวย (2551/2008) หลวงพี่โจอี้ (อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต) เป็นพระใหม่ที่เข้ามาจำพรรษาที่วัดแทนหลวงพี่เท่ง อยู่วัดได้ไม่นานก็ได้รับคำสั่งให้ไปพัฒนาวัดที่กำลังมีปัญหา ก่อนไปจึงไปลาโยมแม่ที่กำลังป่วย ซึ่งโยมแม่ก็ได้บอกความลับบางอย่างเกี่ยวกับโยมพ่อ และมอบของสำคัญชิ้นหนึ่งให้ หลวงพี่โจอี้ออกเดินทางไปวัดโคกสะอาด และพบว่าทั้งวัดเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากการระเบิดภูเขา หลวงพี่ศรี (ชูศรี เชิญยิ้ม) และ หลวงพี่พวง (พวง แก้วประเสริฐ) เล่าว่าเมื่อก่อนวัดเจริญมาก ผู้คนเข้ามาทำบุญกันมากมายเพราะการแหล่ของ หลวงตา (สุเทพ โพธิ์งาม) แต่ปัจจุบันหลวงตาป่วย ประกอบกับมีนายทุนมาซื้อที่ดินทำโรงโม่หินใกล้บริเวณวัด และฝุ่นละอองมากมายก็ทำให้ชาวบ้านเป็นโรคภูมิแพ้กันถ้วนหน้า หลวงพี่โจอี้คิดหาวิธีทางต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นอย่างสงบสุข แต่สิ่งที่หลวงพี่โจอี้ทำขัดกับผลประโยชน์ของนายทุน นายทุนจึงคิดกำจัดหลวงพี่ให้พ้นทาง หลวงพี่โจอี้ต้องต่อสู้กับใจตัวเอง และคนรอบข้าง โดยใช้หลักธรรมในการเอาชนะปัญหาต่างๆ
บ้านผีปอบ 2008 (2551/2008) เรื่องเกิดขึ้น ณ หมู่บ้านหลงยุคแห่งหนึ่ง หมอคล้าย (กลศ อัทธเสรี) หมอผีประจำหมู่บ้าน ที่คอยขจัดปัดเป่า ความเจ็บไข้ให้กับชาวบ้าน โดยมี หยิบ (ณัฐนี สิทธิสมาน) ภรรยา และ ชบา (วนิดา โกลเดน) ลูกสาว คอยช่วยเหลืออย่างไม่เต็มใจ แต่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด แต่แล้วหมอคล้ายก็ต้องพบกับอุปสรรคเมื่อกลุ่มแพทย์อาสา นำทีมโดย หมอตุ้ย (รวิช ไรวินท์), หมอชัย (จตุรวิทย์ กาละมิตร์), หมอขวัญ (ภาวิณี), หมอนุช (อัมพิกา เอกสมตัว) และ หมอเอนก (อุดมสุข ลิ้นวงษ์ทอง) เข้ามารักษาชาวบ้าน โดยมี ผู้ใหญ่ชุ่ม (คมกฤช ยุตติยงค์), ฉ่ำ (แจ๊ค เชิญยิ้ม) ลูกชายจอมแสบกับ หนูจ๋า (ขนิษฐา เอี่ยมพ่วง) ลูกสาวสุดเปรี้ยว รวมทั้งยังมีตัวป่วนประจำหมู่บ้าน เจต (เท่งน้อย), จ้อ (โหน่งน้อย) และ สั้น (โจอี้ หม่ำ) คอยส่งข่าวเรื่องหมออาสา ถึงความเก่งที่สามารถรักษาชาวบ้านให้หายได้โดยเร็ว ชาวบ้านที่เคยเชื่อถือและศรัทธาในหมอคล้าย ก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ จนหมอคล้ายไม่พอใจ โกรธแค้นจนต้องใช้ไสยศาสตร์เข้าช่วยโดยการปลุกปอบขึ้นมา ปอบหยิบถูกปลุกขึ้นมาพร้อมภารกิจฮา แต่ปอบหยิบก็ยังต้องเจอคู่ปรับอย่าง จ่าลื่น (หมู บางรัก) จอมเจ้าชู้โดยมีแม่เฉลียว (แป๋ว บ้านโป่ง) ที่ทั้งคุมเข้ม และปกป้องสามีจอมซ่าส์ แถมด้วยกองทัพขาอำอย่าง น้ากล้วย เชิญยิ้ม, เอ็ดดี้ ผีน่ารัก, ธิดาทิพย์ หัดไทย ฉายาปอบตัวจริงกินลูกเดียว และนักแสดงสมทบ ที่คุ้นเคยทั้งจอแก้วและจอเงินอีกล้นจอ
งูเก็งกอง (2551/2008) ตำนานแห่งงูคำสาป และทายาทคนต่อไป น้ำใสสาววัยรุ่นผู้ถูกคำสาปให้เป็นงูเก็งกอง ซึ่งเวลากลางคืนก็ไม่ต่างจากกลางวัน เธอใช้ชีวิตร่วมอยู่กับมนุษย์ทั่วไป วันหนึ่งเธอต้องการแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต มันเหมือนบาปติดตัวไปทั้งชาติ เพราะเธอฆ่าคนตายโดยที่ตัวเองก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งจากอำนาจงูได้ เธอจึงตามหาความจริงและรู้ว่าคำสาปที่ติดอยู่ในตัวเธอสามารถแก้ไขได้ และคงไม่สายเกินไปหากเธอคิดจากแก้คำสาปเลวร้ายนี้ให้หายไปจากตัวเธอ

หน้าที่