เมมโมรี่ รัก หลอน (2551/2008) เรื่องราวแห่งความรักระหว่าง อิงอร (สิริวิมล เจริญปุระ หรือ ใหม่ เจริญปุระ) กฤช (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) และ แพร (ซัน คัมภิรานนท์) เด็กหญิงวัย 7 ขวบ เกิดขึ้นในสถานการณ์บีบบังคับ เมื่ออิงอรจำยอมพาแพร ซึ่งเป็นลูกสาวไปพบกฤชเพื่อวินิจฉัยอาการป่วย กฤชเป็นแพทย์หนุ่มที่มีแต่ความหดหู่อาลัยในชีวิต และนั่นเป็นครั้งแรกที่กฤชได้พบกับอิงอรและแพรเด็กสาวที่น่าสงสาร ในระหว่างการรักษา อิงอรปฏิเสธคำวินิจฉัยของกฤชโดยตลอด ด้วยความหวงกลัวจะมีใครมาพรากลูกไปจากตน อิงอรจึงปฏิเสธที่จะให้แพรมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามคำแนะนำของกฤช ด้วยความที่แพรอายุใกล้เคียงกับลูกของกฤช ทำให้กฤชรู้สึกสงสารและผูกพันเป็นพิเศษ จึงเป็นเหตุผลที่กฤชยอมไปรักษาแพรที่บ้าน เมื่อกฤชเข้าไปใกล้ชิดกับครอบครัวนี้มากขึ้น กฤชกลับรู้สึกว่าอิงอรเหมือนเป็นคนที่เขาค้นหามาตลอด ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ไฟแห่งราคะพร้อมที่ลุกโชน ในขณะที่อิงอรเป็นหญิงม่ายที่เติบโตมาจากห้วงบาปแห่งชีวิต เปรียบผู้ชายดั่งสัตว์ที่มีผู้หญิงไว้เพียงบำบัดความใคร่ จึงจำเป็นที่จะต้องปกป้องลูกของตนจากผู้ชายทั้งปวง แพรจึงเป็นเพียงเด็กน้อยที่ในชีวิตไม่เคยมีใครอื่นนอกจากแม่ ด้วยความรักและเอ็นดูที่กฤชมีต่อแพร ทำให้อิงอรเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับกฤชแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนใดมา ก่อน แต่เมื่อความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองเพิ่มมากขึ้นเท่าไร กำแพงแห่งความกลัวของอิงอรกลับยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทางอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดของอิงอร การเลี้ยงลูกที่ประหลาดกว่าที่คนทั่วไปคิดจะทำ สิ่งหนึ่งที่กฤชสัมผัสได้จากความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ คือความรักที่ไม่ปกติชวนผวาได้ตลอดเวลา สาเหตุเกิดจากอะไร เกิดจากใคร นั่นเป็นเรื่องที่กฤชต้องหาคำตอบ
วันเดอร์ฟูล ทาวน์ (2551/2008) เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางภาคใต้ของไทย ความเงียบเหงาและความเศร้าสร้อยดูจะปกคลุมเมืองนี้ นับตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิได้เกิดขึ้น วันหนึ่ง ต้น (ศุภสิทธ์ แก่นเสน) สถาปนิกหนุ่ม เดินทางมายังเมืองเล็ก ๆ ทางภาคใต้ของไทย ที่ซึ่งความเงียบเหงาและความเศร้าสร้อยปกคลุมอยู่นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สึนามิ ต้นมาเช่าห้องในโรงแรมที่หญิงสาวชื่อ นา (อัญชลี สายสุนทร) ดูแลอยู่ ครอบครัวของนาเป็นคนเก่าคนแก่ของเมือง ทั้งคู่เริ่มความสัมพันธ์กันอย่างลับ ๆ แต่ก็ไม่เร้นรอดจากสายตาของคนในเมืองไปได้ วิทย์ (ดล แย้มบุญยิ่ง) พี่ชายของนา เป็นหัวหน้าแก๊งประจำเมือง เขารักน้องสาว และไม่ชอบคนแปลกหน้า เขาเหมือนเด็กที่ชอบฆ่าสัตว์เลี้ยงของตัวเอง โดยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนั้น รู้เพียงแต่ว่า เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นมีความสุข ความรักได้เติบโตขึ้นในที่ที่ไม่มีความรักเหลืออยู่ เหมือนดอกไม้ที่โตในตม และทั่วทั้งเมืองก็พยายาม ทำลายความงามที่เมืองนี้ไม่มี แล้วเมืองนี้จะมีความสุขอีกครั้งได้ไหม?
เทวดาท่าจะเท่ง

เทวดาท่าจะเท่ง (2551/2008) ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า “มนุษย์เราเกิดมาแค่หนเดียว จะคิดหาหรือทำการสิ่งใด อย่าได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดี จงเร่งรีบทำความดี คิดดีใฝ่ดีกันเข้าไว้ ทำได้ไม่จบไม่สิ้น เพราะความดีไม่มีสึกหรอ และก็ไม่ต้องรอให้จนถึงชาติหน้า เพราะเชื่อเถอะว่าสักวันเทวดาบนฟ้าจะเห็นใจ” “ทำดีได้ดี” ถ้าแน่ใจว่าคำๆ นี้ยังได้ผลจริง แล้วเหตุไฉนหนุ่มซื่อจิตใจดีอย่าง “กล้วย” (เท่ง เถิดเทิง) สวรรค์ถึงบันดาลให้เขาเป็นได้แค่เบ๊ตัวประกอบประจำคณะลิเกที่วันๆ คอยเป็นลูกมือ วิ่งซื้อกับข้าว ซักผ้า ล้างจานให้กับชาวคณะทุกคน แถมยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด หรือชาตินี้กล้วยจะเป็นได้แค่โนบอดี้…คนดีที่ไม่มีใครรัก โนทั้งมันนี โนการ์ด โนคาร์ โนๆๆๆ สารพัดโนเท่านี้เองเหรอเนี่ย แต่อย่างน้อยก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่กล้วยรู้ว่าไม่เคยโน นั่นคือหัวใจน้อยๆ ทั้งสี่ห้องของกล้วยที่อัดแน่นไปด้วยความรักที่มีต่อ “ฟ้า” (ตั๊ก บงกช) ซูเปอร์สตาร์ดาราสาวชื่อดังขวัญใจหนุ่มๆ ทั้งประเทศ สาวในฝัน หญิงเดียวในดวงใจของกล้วย ถึงแม้ว่าในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ของกล้วยกับฟ้าจะเป็นได้แค่หมากับปลากระป๋องก็ตาม อย่าว่าแต่กินเลย จะเปิดก็ยังทำไม่ได้ อย่างเก่งก็ได้แต่มอง แถมความรักของกล้วยครั้งนี้ยังมี “โอ๊ต พานทองหยอด” (ย้ง ธนากร) นักธุรกิจหนุ่มลูกชายนักการเมืองชื่อดังเป็นคู่แข่งคนสำคัญอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างไรกล้วยก็จะขอฟันฝ่าอุปสรรคพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อคุณฟ้าให้จงได้ แล้ววันหนึ่งความดีของกล้วยก็ลอยไปเข้าหู เห็นเต็มสองลูกตาของ “เทวดาหน้าโก๊ะ” (โก๊ะตี๋) เทวดามือใหม่ป้ายแดงที่ใจป้ำสุดฤทธิ์มอบอภิสิทธิ์ให้พรวิเศษตามใจปรารถนาให้กับกล้วยคนดี ย้ำให้กับกล้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่แล้วพรอันประเสริฐกลับไม่ได้เป็นไปตามประสงค์ทั้งหมด เมื่อเทวดาโก๊ะจัดพรเสกสรรปั้นแต่งให้กล้วยเป็นตั้งแต่มาเฟียตัวร้ายไปจนถึงตาแก่ใกล้ตาย แล้วอย่างนี้พรข้อไหนจะช่วยพิชิตใจสาวฟ้าได้ล่ะ…

เฟวา โพคารา ดวงตากับความรัก (2551/2008) เป็นเรื่องเกี่ยกับรักแรกพบของเทียน.. ช่างภาพหนุ่มผู้แทบจะสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต กับพลอยสาวไทยที่ใช้ชีวิตต่างแดนเกิดขึ้นอย่างบังเอิญในตอนเช้าตรู่วันหนึ่ง ที่ร้านขายขนมโมโม่ในประเทศเนปาล การพบกันของเทียนและพลอยในวันนั้น ได้นำพาหัวใจของทั้งสองไปสู่ความรัก ความสัมพันของทั้งคู่เริ่มต้นไปพร้อมๆ กับการเติมเต็มและเข้าใจ แต่ทว่าไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าโศกนาฏกรรมแห่งรักกำลังจะเกิดขึ้น พลอยประสบอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำ มือพลัดโดยน้ำยาเคมีที่ใช้ล้างรูปหกใส่บริเวณใบหน้าทำให้ดวงตาของเธอบอดสนิท เทียนถึงกับบ้าคลั่ง หัวใจสลาย เมื่อเดินทางมาถึงช่วงการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต ใครที่เคยได้ชมภาพยนต์เรื่องนี้แล้ว ช่วยมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้โรแมนติกแค่ไหน เขาบอกว่าภาพสวยด้วย เนื่องจากไปถ่ายทำไกลถึงประเทศเนปาล
สี่แพร่ง (2551/2008) **เหงา ผู้กำกับ : ยงยุทธ ทองกองทุน เรื่องย่อ : ปิ่น (มณีรัตน์ คำอ้วน) สาวทำงานคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในห้องแคบๆ เธอเหงา เธอตกงาน เธอโดนทิ้ง เธอหดหู่สุดขีด เมื่อมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์มือถือว่า อยากรู้จัก เธอจึงเริ่มต้นติดต่อกลับไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน และไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่เธอจะต้องเสียใจ** **ยันต์สั่งตาย ผู้กำกับ : ปวีณ ภูริจิตปัญญา เรื่องย่อ : เด็กช่างกลคนหนึ่ง เลือกวิธีแก้แค้นหรือเอาคืนแบบคนมีวิชาอาคมโดยการเล่นของอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า ยันต์สั่งตาย เพื่อมาไล่ล่าแก้แค้นแทนการลงมือเอง แต่สุดท้ายการแก้แค้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะมันไม่มีวันสิ้นสุด** **คนกลาง ผู้กำกับ : บรรจง ปิสัญธนะกูล เรื่องย่อ : วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ออกไปตั้งเต็นท์กลางป่าลึก พวกเขาล้อมวงเล่าเรื่องผี ทำกิจกรรมห่ามๆ ไร้สาระ พอตอนเข้านอน ทุกคนต่างแย่งกันนอนตรงกลาง เพราะเชื่อว่าผีจะหลอกคนที่นอนริมสุดก่อน แต่แล้วจะทำอย่างไรเมื่อคนที่นอนตรงกลางกลับเป็นคนที่โดนผีหลอกคนแรก** **เที่ยวบิน 224 / Last Fright ผู้กำกับ : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ เรื่องย่อ : พิมพ์ (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ที่ต้องเดินทางไปกับผู้โดยสารที่เป็นเจ้าหญิงจากต่างประเทศ เจ้าหญิงเอาแต่ใจและค่อนข้างโหดร้ายกับเธอตลอดทาง แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ เลยต้องขนศพเจ้าหญิงกลับประเทศ พิมพ์จึงต้องเดินทางไปกับศพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แล้วเรื่องสยองต่างๆ ก็เกิดขึ้นบนเครื่องตลอดการเดินทาง**
คู่ก๊วน ป่วนเมษา (2551/2008) มิตร (สันติ วีระบุญชัย) ผู้จัดการโรงแรมหนุ่ม ได้รับมอบหมายจากพ่อของ ฟ้า (พิมพ์นิภา จิตตธีรโรจน์) แฟนสาวให้ดูแลโรงแรมที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวฟ้า โดยที่ฟ้าดูแลโรงแรมที่กระบี่ จึงทำให้ทั้งสองต้องแยกกัน มาวันหนึ่งฟ้าได้โทรมาบอกให้มิตรกลับบ้านที่กระบี่ในวันสงกรานต์นี้ เพราะเธอกำลังจะแต่งงาน มิตรจึงต้องเปลี่ยนกำหนดการทั้งหมดแล้วตัดสินใจเดินทางกลับอย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากรถของเขาเกิดอุบัติเหตุ จึงต้องหารถรับจ้างไปเองให้ได้ แล้วเขาก็ได้มาพบกับ บังเอิญ (โก๊ะตี๋ อารามบอย) เจ้าของรถตู้ สภาพโกโรโกโส 2 วันดี 4วันซ่อม แต่มิตรไม่มีทางเลือก จึงต้องจ้างแถมโดน บังเอิญขูดเงินค่าจ้างราคาแพง แต่ก็ต้องจำยอมเดินทางไปเพราะหารถไม่ได้แล้ว ระหว่างทางพวกเขาได้รู้จักกับ พิม (อิม อชิตะ)ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าพ่อ ขอติดรถไป ลงที่กรุงเทพด้วย ซึ่งพิมเองก็เข้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับการเดินทางครั้งนี้เพิ่มขึ้นไปอีก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปกระบี่ แสนจะยากลำบากทุลักทุเล มิตรและบังเอิญ ได้เจอกับปัญหามากมาย ทำให้ทั้งคู่เกิดความสนิทสนมกันและกลายเป็นคู่ก๊วน ที่จะป่วนในเทศกาลสงกรานต์
อรหันต์ ซัมเมอร์ (2551/2008) เมื่อเด็ก ๆ ทวีความซ่าซน จนชนประสานกับความร้อนระอุในปี 2526 เหล่าบรรดาผู้ปกครองต่าง ๆ จึงมีความคิดเห็นตรงกัน ที่จะหาหนทางกำราบลูก ๆ ของตนเองให้ได้และวิธีที่ดีที่สุดที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันคือ บวช แม้ว่าเด็ก ๆ จะมีความซนจนลิงยังเรียกพี่ แต่ประสบการณ์เรื่องของการโกนหัว ห่มจีวร นอนวัด ถือว่ายังอ่อนเป็นลูกเจี๊ยบ การบวชเรียนภาคฤดูร้อน จึงเป็นจินตนาการแห่งความมันรอบใหม่ของเด็ก ๆ หลังถูกผู้ปกครองใช้อุบายหลอกให้บวชจนสำเร็จ และแล้วการพบกันของเหล่ามารตัวจิ๋วจึงเริ่มขึ้น ข้าวปั้น (ปดลเดช กมลาศัยกุล) เด็กบ้านรวยที่หายใจเข้าออกด้วย การ์ตูนอิกคิวซัง นะโม เด็กที่งงกับชีวิต ถูกลิขิตให้มีน้ำตาเป็นเพื่อน ขุนทอง (กฤษกร ทรัพย์สงวน) เด็กบ้าพลังที่จินตนาการล้ำกว่าความกล้า บู๊ (ไชยธวัช คงมีสุข) เด็กลูกค่ายมวยฉายา เย็นชาต่อสรรพสิ่ง น้ำซุป เด็กลูกเถ้าแก่โคตรเขี้ยว พิมพ์เดียวกับพ่อไร้ตำหนิ แม้การบวชเรียนภาคฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ข้าวปั้น, นะโม, ขุนทอง, บู๊ และน้ำซุปแก๊งค์เด็ก ๆ สุดแสบ ซ่า ซน ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่สำหรับพระพี่เลี้ยงมือใหม่อย่าง หลวงพี่ใบบุญแล้วเหมือนเป็นห้วงเวลาแห่งการตกนรกโลกันต์ที่แสนยาวนานก็มิปราณ ไหนจะต้องอบรมสั่งสอนธรรมวินัยแก่บรรดาเณรต่าง ๆ แล้ว ยังต้องสู้รบปรบมือกับเหล่าเณรเหลือขอในอีกด้านก็ต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองในทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับ น้ำใส (อดีตคนรัก) สาวน้อยหน้าใส ชอบทำบุญกุศลที่มีทุกอย่างตรงกันข้ามกับผู้เป็นพ่อ (เฮียกอ) เถ้าแก่เจ้าของร้านขายสังฆภัณฑ์ผู้มีจิตใจเยี่ยงมหาสมุทรสุดเค็มเต็มเปี่ยมไป ด้วยความจองหองพองขนคิดว่าตนฉลาดล้ำเกินใครในการทายปริศนาผะหมีแต่ท้ายสุดกับพบว่าความฉลาดของตนยังห่างจากเจ้าอาวาสพระอาจารย์สุขี ซึ่งเป็นหลวงพี่แท้ ๆ อยู่อีกหลายขุม... แต่เมื่อวันเวลานั้นผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างได้ผ่านเข้ามาในชีวิตของพวกเขาวีรกรรมบางอย่างในการบวชเรียนครั้งนั้นดูจะเลือนรางไปตามกาลเวลาบ้าง แต่สำหรับใครบางคนเรื่องราวแห่งมิตรภาพในช่วงเวลานั้นคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตที่เขายังคงดำเนินอยู่ วันหนึ่งใน 25 ปี ต่อมา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ข้าวปั้นและนะโม เพื่อนร่วมกุฏิในวัยเยาว์เดินทางมาพบกันโดยบังเอิญ ทั้งสองมีเป้าหมายเหมือนกันคือ ไปต่างประเทศ แต่ต่างกันที่ คนหนึ่งเป็นพระ (นะโม) กำลังเดินตามความฝัน ที่มีจุดหมายปลายทาง ไปแสวงธรรม ณ ชมพูทวีป แต่อีกคนเป็นฆราวาส (ข้าวปั้น) กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เพื่อหนีปัญหาชีวิต แม้บางช่วงเวลาของชีวิตที่พวกเขาลิขิตได้ผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่เมื่อภาพอดีตครั้งบวชเรียนในวัยเยาว์ได้หวนกลับมา วีรกรรมสุดแสบ ซ่า ซน กลับมาตกผลึกอีกครั้ง
เพื่อนกัน เฉพาะวันพระ (2551/2008) เมื่อ ไตรรงค์ (ธนา สุทธิกมล) อาจารย์หนุ่มผู้กลัวผีที่สุดในโลก กลับกลายมาเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นวิญญาณ โดยเฉพาะวิญญาณจอมกวน 2 ตน ฟุ้ง (คชาภา ตันเจริญ) และ เปี๊ยก (เชาวลิต ศรีมั่นคงธรรม) ที่ชอบแกล้งคนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็กลัวคนเห็นร่างผีของพวกเขาและกลัวการไปผุดไปเกิดจับใจ และเมื่อคน 1 คนที่กลัวผีจับใจอย่างอาจารย์หนุ่ม ไตรรงค์ ต้องมาร่วมมือกับผีจอมกวน 2 ตน เปี๊ยก และ ฟุ้ง เพื่อช่วยเหลือ ลัดดา ผีสาวที่วนเวียนอยู่ในวิทยาลัยช่างศิลป์ผู้กำลังตามหาวิญญาณ ของ ดนัย แฟนหนุ่มที่เธอคิดว่าสิงอยู่ในภาพวาดสีน้ำมันซึ่งเป็นฝีมือการวาดของเธอ ทั้งผีทั้งคน จึงต้องร่วมมือกันตามหาแกะรอย จากข้อมูลเพียงน้อยนิดที่ได้จากวิญญาณสาว แล้วพวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ พวกเขาจะต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆ อีกหรือเปล่า คงต้องคอยติดตามกันต่อไป
แสงศตวรรษ SYNDROMES AND A CENTURY (2551/2008) ภาพยนตร์กล่าวถึง ชีวิตของแพทย์หญิง ในโรงพยาบาลเล็กๆ ในต่างจังหวัด ที่มีความทรงจำที่ดีต่อผู้ป่วยและความรัก และชีวิตของแพทย์ทหารหนุ่ม ในโรงพยาบาลทันสมัยในเมือง กับผู้ป่วยพิการและคู่รักของเขาที่กำลังจะจากไป โดยได้อิทธิพลมาจากชีวิตจริงของพ่อและแม่ของผู้กำกับ ซึ่งเป็นแพทย์ทั้งคู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในประเทศไทย ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2550 แบบจำกัดโรง จำนวน 2 โรง แต่ภาพยนตร์ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และ 10 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยมีเงื่อนไขให้ตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก ซึ่งทางคณะกรรมการชี้ว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์ จึงจะอนุญาตให้ฉายได้ ซึ่งอภิชาติพงศ์ ได้ตัดสินใจที่ไม่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย ฉากที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากกองเซ็นเซอร์คือ 1) ฉากพระกำลังเล่นกีตาร์ 2) ฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาลขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ 3) ฉากหมอชายจูบแสดงความรักกับแฟนสาวที่แวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ก่อนจะต้องจากกันเมื่อฝ่ายหญิงต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และเกิดอารมณ์ทางเพศจนเห็นความผิดปกติของเป้ากางเกง (ในกางเกง) และ 4) ฉากพระเล่นเครื่องร่อน ทีมงานได้ติดต่อคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ เพื่อขอรับฟิล์มภาพยนตร์คืนเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2550 ปรากฏว่า คณะกรรมการฯ ไม่คืนฟิล์มภาพยนตร์ให้ โดยชี้แจงว่า จะคืนให้ก็ต่อเมื่อได้นำฟิล์มไปทำการตัดฉากทั้ง 4 ฉากทิ้งออกเสียก่อน ด้วยเหตุผลว่า หากส่งฟิล์มในสภาพสมบูรณ์คืนแก่ทีมงาน ทางทีมงานอาจถือโอกาสนำกลับมาตัดเองแล้วส่งเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์อีกครั้ง อันจะทำให้คณะกรรมการตรวจพิจารณาฯ มีความผิดในการปฏิบัติงานทันที หลังจากเหตุการณ์ไม่คืนฟิล์มภาพยนตร์ ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ อย่างกว้างขวาง ทั้งทางสื่อมวลชน และสังคมอินเทอร์เน็ต และผู้ไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าว นำโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล นิตยสารไบโอสโคป มูลนิธิหนังไทย หอภาพยนตร์แห่งชาติ และกลุ่มผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย ได้รวมตัวกันเรียกร้องให้พิจารณากฎหมายเซ็นเซอร์ และระบบการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ของไทย โดยเปิดให้ร่วมลงชื่อสนับสนุนผ่านเว็บไซต์ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 มีประกาศว่าผู้กำกับภาพยนตร์ได้นำภาพยนตร์นี้เข้ารับการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ถูกสั่งให้ตัดเพิ่มเป็น 6 ฉาก โดยอภิชาติพงษ์ใส่ฟิล์มดำแทนฉากที่โดนตัด เพื่อแสดงถึงการโดนบังคับตัดออก โดยเข้าฉายที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ในวันที่ 10 เมษายน
นาค (2551/2008) เรื่องราวของแม่นาคพระโขนงถูกเล่าขานอีกครั้ง เมื่อนาคกับบรรดาเหล่าผีโบราณต่าง ๆ หนีความเจริญของกรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่กันที่ชนบทห่างไกลแสงสีและความเจริญแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วายโดนพวกผีเมืองกรุงตามมารังควานไม่เว้นแต่ละวัน จนวันหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านของมนุษย์ละแวกเดียวกับที่นาคอาศัยอยู่ ขณะที่ทางหมู่บ้านกำลังจัดงานวัดกัน ผู้คนกำลังดูหนังกลางแปลงอย่างสนุกสนาน ผีในหนังที่ดูก็มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ โผล่ออกมาจากจอหนังแล้วจับธี เด็กชายวัย 7 ขวบไปต่อหน้าต่อตาพี่สาวและชาวบ้านที่กำลังแตกตื่น เมื่อนาคเห็นแก้มพี่สาวของธี สูญเสียน้องชาย ความสงสารเห็นอกเห็นใจบวกกับความหลังฝังใจบางอย่าง นาคและพ้องเพื่อนอย่าง เขียวผีหัวขาด, อืดผีเปรตจอมอ้วน และทองผีหมาปากสุนัข จึงตัดสินใจพาแก้มเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณที่แสนจะทันสมัย เพื่อช่วยเหลือธีและสะสางสิ่งที่ติดค้างในอดีตของตนเอง นาค, แก้ม และแก๊งค์เพื่อน จึงเดินทางสู่เมืองกรุงแห่งโลกวิญญาณ เพื่อเผชิญหน้ากับจอมราชันย์แห่งภูติผีทั้งหลายที่เป็นตัวการวางแผนให้พวกผีร้ายสามารถขึ้นมาทำลายโลกของมนุษย์ในเวลากลางวันได้โดยไม่ต้องซ่อนเร้นอีกต่อไป
ดรีมทีม (2551/2008) โค้ชทีมฟุตบอล กีฬาสุดเท่ห์อยู่แท้ ๆ โค้ชเบิร์ด (เกียรติ กิจเจริญ) กลับถูก ครูหนูเล็ก (ศกลรัตน์ วรอุไร) ชักชวนแกมบังคับ ให้ช่วยมาเป็นโค้ชชักเย่อเด็กอนุบาล ลงแข่งกีฬาอนุบาลแห่งชาติ ครั้งที่ 18 "หัวแก้ว" (กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข) รวมเพื่อน ๆ ตั้งทีมดรีมทีม เพื่อแข่งชักเย่อ คุณพ่อของหัวแก้ว (อัมรินทร์ นิติพน) คุณพ่อรุ่นใหม่ งานต้องทำ แต่อยากให้ลูกชายแข็งแรง จึงผลักดันให้เล่นกีฬาเต็มที่ "เป๊ะ" (ธนทัต ขวัญไสวธรรม) กับคุณแม่ยุคใหม่ (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) ทำงานเลี้ยงลูกลำพัง แม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับเป๊ะมากนัก ความหวังของเป๊ะคือ อยากให้แม่มาดูตัวเองแข่งชักเย่อ "เซน 1" (สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์) ร่างตุ้ยนุ้ย หน้าตาน่าหยิก มีหม่าม้า (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) ผลักดันสุดฤทธิ์ ให้เซน 1 เป็นหัวหน้าทีม จ้ำม่ำแรงดีแบบนี้ ทำไม๊ ทำไม ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม ส่วน เซน 2 (ธนกร เมธาวุฒิกีรติ) คุณพ่อเป็นด็อกเตอร์ความรู้เยอะ (คมสัน นันทจิต) นักวิทยาศาสตร์ไอคิวสูง พกเอาความเป็นเลิศทุกด้านมาให้ เซน 2 ไม่เว้นแม้กระทั่งแข่งชักเย่อ ก็ห้ามแพ้ ภูมิ (ภูริ สรีระศาสตร์) รูปร่างผอมบาง หน้าตาดูขี้โรค ลูกของคู่ผัวเมียพูดมาก (ศรีพรรณ บุนนาค และ ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์) ภูมิเป็นเด็กหัวอ่อน ว่าง่าย ใครบอกให้เป็นอะไรก็เป็น แม่บอกเป็นอีสุกอีใส ภูมิก็เป็น แต่พอเพื่อนบอกเป็นเอดส์ ภูมิก็ว่า ภูมิเป็น! "อะตอม" (ธนพล บุญเจริญสุข) หล่อใสหัวหยิก เรี่ยวแรงดี แต่ตื่นเต้นเป็นไม่ได้ ขี้แตกทุกที คุณพ่อของอะตอม (เอกราช เก่งทุกทาง) ต้องเตรียมกางเกงไว้ให้เปลี่ยนเสมอ เสียอย่างเดียว มักเป็นกางเกงสีแดง สะดุดตาตัวเก่ง แก๊งส์ดรีมทีม กองหลังร่วมด้วยหัวหน้าทีม ริชชี่ (ศุภโชติ รัชวรพงศ์) เจ็ส (เจษฎาพร บุญสอน) จุ้ย (พชธกร ธนพัฒนากุล) และสตางค์ (อัจฉริยะ อุปการดี) แต่แล้วเส้นบาง ๆ คั่นระหว่าง ฮีโร่ กับ ตัวสำรอง เกิดขึ้น เพราะกติกาแข่งขันกำหนดนักกีฬาไว้เพียง 9 คน หมายถึง 1 ใน 10 ของ ดรีมทีม ต้องนั่งเก้าอี้สำรอง! พ่อแม่ของเด็ก ๆ ต่างก็ลุ้นสุดโก่ง โค้ชเบิร์ด จะตัดสินใจอย่างไร?? ครูหนูเล็ก จะตอบคำถามเหล่าผู้ปกครองอย่างไร? ทั้งโค้ช ครู พ่อแม่ กองเชียร์ฝากคาดหวังกันซะเต็มเหนี่ยว เชียร์กันเต็มสตรีม ไว้กับ 2แขนเล็ก ๆ ของ ดรีมทีม อายุ 5 ขวบเนี้ยนะ! ใคร (ฟ่ะ) ว่ากีฬามีแพ้ มีชนะ
ลองของ 2 (2551/2008) ครูพนอ (นภคปภา นาคประสิทธิ์) สาวสวยรวยเสน่ห์ ชีวิตครูต่างจังหวัด ของเธอ คงเหมือนกับครูทั่ว ๆ ไป แต่ความสวยความสาวของเธอ กับทำให้เธอต้องประสบเคราะห์กรรม จากคนที่มารุมรัก ถูกทำของใส่ทั้งจากครู และเหล่านักเรียนชายมัธยมในโรงเรียน เพื่อแก้มนต์ดำแก้อาถรรพณ์ ทำให้ครูพนอต้องฆ่า นายพร (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง) และทำให้ได้เทพ 3 ตามาครอบครอง จ่าดิษ (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) เพื่อนนายพร คนเล่นของที่มีชีวิตอยู่เพื่อเดรัจฉานวิชา เข้ามาเกี่ยวข้องกับครูพนอ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ เทพสามตามาครอง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ครูพนอกินเนื้อของหมอไสยศาสตร์ เพียงหวังเพื่อล้าง “ของ” ในตัวเองออก แต่การกระทำในครั้งนั้นกลับทำให้ชีวิตของตัวเธอเองต้องตกอยู่ในอำนาจมนต์ดำของหมอไสยศาสตร์เสียเอง เธอนั้นได้รับความเจ็บปวดทรมานจากรอยบาดแผลอักขระบนตัวเธอที่เกิดขึ้นโดยทีเธอไม่รู้สึกตัว จนต้องถูกจับส่งโรงพยาบาลประสาท เพราะเข้าใจว่าตัวเธอนั้นป่วยทางจิต แต่เรื่องราวก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้เมื่อครูพนอต้องตกอยู่ในการดูแลของพยายบาลที่ชื่อเพ็ญ ซึ่งเพ็ญและครอบครัวหวังใช้ประโยชน์จากร่างของครูพนอ เพื่อเรียกขวัญของพี่สาว (เดือน) เพื่อให้ขวัญของเดือนนั้นได้เข้าอยู่ในร่างของครูพนอแทน โดยอาศัยจังหวะในช่วงที่ครูพนอเข้ารับการรักษาอาการอยู่ในโรงพยาบาล แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คาดคิดเมื่อ จ่าดิษจอมขมังเวทย์ที่รับจ้างเพ็ญและครอบครัว ในการสลับเปลี่ยนขวัญในครั้งนี้กลับต้องการพลังที่อยู่ในตัวครูพนอนั้นเอาไว้กับตัวเสียเอง เป็นเหตุให้ขวัญของครูพนอที่ถูกกักขังไว้กับเข้าสู่ร่างของตัวเองได้อีกครั้ง แรงอาฆาตแค้นที่เธอได้รับจากการกระทำของครอบครัวเพ็ญ ด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยม ประกอบกับพลังอำนาจของหมอไสยศาสตร์ที่อยูในตัวครูพนอ ทำให้เธอกลับมาตามชำระล้างความแค้นกับครอบครัวเพ็ญอย่างน่าสพรึงกลัวและน่าสยดสยอง
บ้านผีเปิบ (2551/2008) ณ หมู่บ้านแสนสุข ต้องเจอกับสถานการณ์ชวนขนลุก!!! เมื่อ ผีฟ้า (แสงดาว ทรงแสง) ผู้ที่เป็นตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน แต่เมื่อเธอฝ่าฝืนคำต้องห้าม จึงต้องกลายร่างเป็นผีเปิบออกอาละวาดผู้คนจนขวัญผวา ร้อนถึง อบต.สมโภช จอมเจ้าชู้ (จาตุรงค์ พลบูรณ์) ที่นอกจากจะต้องเคลียร์กับฝาละเมียของตัวเองแล้ว ยังต้องหาทางช่วยชาวบ้านปราบผีเปิบอีก ขนาดบุคคลศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน อย่าง เซียนน้อย นักเลงพระ (เจริญพร อ่อนละม้าย) หรือจะเป็น เจ้าแม่ตะโกดำ (จันทร์เพ็ญ คงประกอบ) กิ๊กอบต. ยังสู้ความเฮี้ยนของผีเปิบไม่ได้ จนฟ้าได้ประทานให้กลุ่มนักศึกษาสุดเฮี้ยวเดินทางมายังหมู่บ้าน นำทีมโดยสาวสุดโก๊ะ อิ่ม (เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้) สาวขี้กลัวอย่าง ทา (สุภัสสรา เรืองวงศ์) หนุ่มจอมทะเล้น จุ๊บ (อิทธิกร สาธุธรรม) และหนุ่มผู้มีของพิเศษติดตัว นัท (อติรุจ สิงหอำพล) ทั้งหมดจึงต้องร่วมชะตากรรมเดียวกัน เมื่อผีเปิบจอมเขมือบระดับแอ็ดว้านซ์ต้องมาดวลกับกลุ่มชาวบ้านสุดเพี้ยนและวัยรุ่นแสนเฮี้ยว เรื่องราวโหดมันส์ฮาที่จะทำให้คุณหัวเราะจนขนหัวลุกจึงเริ่มต้นขึ้น
ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น (2551/2008) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เล่าความรักหลากรูปแบบของหนุ่มสาว โดยแบ่งออกเป็น 4 ตอน ตัวละครแต่ละตอนไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดในช่วงปิดเทอมใหญ่ พ.ศ. 2551 พุ, ไม้ และ นานา ด้วยต้นทุนความหล่อที่พ่อให้มาอย่างพอเพียง พุ (ชาลี ไตรรัตน์) ไม้ (ศิรชัช เจียรถาวร) จึงเข้าข่ายหล่อเลือกได้ เกมที่สนุกที่สุดของพวกเขาในช่วงปิดเทอม คือ แข่งขอเบอร์หญิง ทุกฤดูอำลาอาลัย สองหล่อจะร่วมมือกันกลายร่างเป็นสมุดเฟรนด์ชิพให้สาวๆ ม.6 มารุมฝากเบอร์ไว้ พุกับไม้ก็สอยเบอร์มาชนิดเหงื่อไม่หยด จนกระทั่งการมาถึงของเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลที่ชื่อ นานา (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) คนนี้เองที่ทำให้พุและไม้ถึงกับขอแตกคอกันชั่วคราว พุ วันคู่ ไม้ วันคี่ คนละวัน ใครจีบเบอร์นานาได้ก่อนชนะ โอ๋เล็ก นอกจากร้านซีดีเอเชียแล้ว โอ๋เล็ก (โฟกัส จีระกุล) มั่นใจว่าของสะสม ตี้ตี้ (เหว่ยลู) ของแฟนคลับอย่างเธอไม่เป็นสองรองใคร ซีดีทุกแผ่นทุกเพลงโอ๋เล็กท่องได้ขึ้นใจ แม้เธอจะไม่กระดิกสักนิดว่าคำจีนที่เธอร้องปาวๆ นั้นมันแปลว่าอะไร ความจริงข้อนี้เองที่ทำให้โอ๋เล็กขัดใจ ก่อนวันคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยหน้าร้อนนี้ เธอจะต้องซาบซึ้งในเนื้อเพลงของตี้ตี้ให้จงได้ โอ๋เล็กลงทุนไปสมัครเรียนภาษาที่วัดจีน เพื่อการร้องเพลงตี้ตี้แบบเข้าถึงสุดๆ โจ้ และ ซี โจ้ (รัชชุ สุระจรัส) เริ่มภารกิจสารภาพรักกับ ซี (ชุติมา ทีปะนาถ) อย่างที่ตั้งใจ แผนหนึ่งชวนดูภาพยนตร์ แผนสองหลุดความในใจ แผนสามสร้างความประหลาดใจเพื่อคนที่คุณรัก แผนสี่ประกาศให้โลกรู้ โจ้ทึกทักเอาเองว่าวีรกรรมที่เพียรพยายามทำเพื่อซีนั้น คือ ความหวาน โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าสาวเจ้าจะรู้สึกว่ามันเลี่ยน และยิ่งนานวันซีจะเริ่มแปลการกระทำของโจ้ว่ายัดเยียด เหิร, นวล และ อาโออิ เมื่อ นวล (ธนิยา อำมฤตโชติ) ไปฝึกงานไกลถึงตรัง จะเตะบอล ดูภาพยนตร์ หรือเที่ยวผับ อะไรมันก็งั้นๆไปหมดในความรู้สึกของ เหิร (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) เขาตัดสินใจโดดขึ้นรถไฟไปหานวลก่อนวันนัดฉลองครบรอบสามปีที่เป็นแฟนกัน แต่โชคร้ายเกิดอุบัติเหตุขึ้น บนรถไฟสายใต้เหิรชนเข้ากับ อาโออิ (โซระ อาโออิ) สาวญี่ปุ่น ขาว สวย ตามลักษณะนางเอกภาพยนตร์ในดวงใจ อาโออิมาเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้คนเดียว เธอจึงชวนเหิรไปเป็นเพื่อน แทนที่จะไปตรัง เหิรจึงไถลไปพะงันกับสาวยุ่นคนนั้นซะ
สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551/2008) ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับที่ใครต่อใครเฝ้าค้นหา เด็ก 9 คนได้พลัดตกจากเรือสำราญมาติดอยู่บนเกาะกลางทะเล ท่ามกลางความเวิ้งว้างของมหาสมุทรที่เด็ก ๆ ต้องมาดำรงชีวิตเพียงลำพัง ทั้งหาอาหารประทังชีวิต ก่อไฟแก้หนาว หรือกระทั่งต่อเรือเพื่อกลับบ้านพวกเขาก็ได้พบกับโจรสลัดในตำนานที่ล่องเรือมาหาสมบัติที่เกาะนี้ เด็ก ๆ ทั้ง 9 ได้รับการ ช่วยเหลือจากโจรสลัด และพวกเขาก็ได้ช่วยเหล่าโจรสลัดไขปริศนาจากลายแทงจนรู้ที่ซ่อนของสมบัติ แต่ก่อนที่การผจญภัยค้นหาสมบัติจะเริ่มขึ้น ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางจากอริเก่าของโจรสลัดจนต้องเกิดการต่อสู้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ การช่วยเหลือจากสัตว์ในตำนาน ทั้งปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เต่ายักษ์ แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นยังไง เหล่าโจรสลัดและเด็ก ๆ จะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ ต้องติดตามชมใน "สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา"
The 8th day แปดวันแปลกคน (2551/2008) ในบ้านที่เก่าแก่ทรุดโทรมหลังหนึ่งนั้น คือชีวิตของป้าแก่ ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ ป้าชุบ (วาสนา ชลากร) อยู่คนเดี่ยวอย่างโดดเดี่ยวจนกระทั่งวันหนึ่งที่ แพร เด็กสาวตัวน้อย(เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ) ก้าวเข้าไปในบ้านหลังนั้น และมี หมอหนุ่ม (ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล) อีกเพียงผู้เดียวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บ้านอันโดดเดี่ยวหลังนั้นเปิดประตูต้อนรับเด็กน้อยเข้าไปและปิดตายประตูถึงแปดวัน คือ แปดวันที่ป้าชุบเป็นผู้ควบคุมชีพจรชีวิตในบ้านทั้งหมด และหมอหนุ่มคือผู้ที่กุมชะตาของมนุษย์สองคนไปบ้านหลังนั้น