คนไฟลุก (2551/2008) อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าร่างกายเราลุกเป็นไฟได้เองโดยไม่ทราบสาเหตุ!!! “ปรากฏการณ์คนลุกเป็นไฟฉับพลัน” เป็นไปได้อย่างไร อาถรรพ์ ไสยศาสตร์ ฆาตกรรม หรืออะไรกันแน่ คุณเท่านั้น!!! ต้องเป็นผู้ร่วมพิสูจน์และหยุดยั้งมัน ก่อนที่ “ไฟมรณะ” นี้ จะคืบคลานมาสู่…ตัวคุณ ในภาพยนตร์ลึกลับ-ระทึกขวัญแห่งปีที่มีแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง “คนไฟลุก” (Burn) เหตุการณ์ระทึกขวัญนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีลางบอก เมื่อจู่ๆ ไฟประหลาดก็ลุกท่วมร่างของผู้หญิงคนหนึ่งจนเสียชีวิต และเธอคือหญิงไทยรายแรกที่เกิดปรากฏการณ์ไฟลุกท่วมตัวโดยฉับพลันนี้ “โมนา” (บงกช คงมาลัย) ลูกสาวของผู้ตาย เป็นนักค้าหุ้นสาวผู้ทะเยอทะยานต้องเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์นี้อย่างไม่ทันตั้งตัว และเธอไม่อาจทำใจได้ที่อยู่ๆ แม่ก็มาตายจากไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน เหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้พบกับ “พลอย” (อาชิรญาณ์ ภีระภัทร์กุญช์ชญา) พยาบาลสาวซึ่งแม่ของเธอก็ต้องชะตากรรมถึงตายด้วยไฟลุกท่วมตัวโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างไม่ผิดแผกกันเลย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้โมนาและพลอยต้องพยายามสืบหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้ว่า อะไรกันแน่ที่เกิดขึ้นกับแม่ของพวกเธอ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังตามล่าหาความจริงอยู่นี้ พวกเธอก็ได้รับความช่วยเหลือด้านข้อมูลจาก “ขวัญ” (ปรางทอง ชั่งธรรม) นักข่าวสาวที่ตามติดข่าวนี้อย่างจิกไม่ปล่อยมาตั้งแต่แรก ตามสัญชาตญาณของอาชีพนักข่าว เธอมั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ต้องมีอะไรเคลือบแฝงอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ รวมถึง “ดอน” (ชลัฏ ณ สงขลา) นายตำรวจหนุ่มเจ้าของคดีนี้ แม้จะได้รับคำสั่งจาก “วัง” (สุธีรัชย์ ชาญนุกูล) หัวหน้าของเขาให้ปิดคดีนี้ว่าเป็นอุบัติเหตุไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยความสงสัยและยึดมั่นในความถูกต้องยุติธรรม เขาจึงต้องร่วมสืบหาความจริงของเหตุการณ์ลึกลับนี้และหยุดยั้งมันให้ได้ แม้จะรู้ว่ากำลัง “เล่นกับไฟ” อยู่ก็ตาม ความจริงในเหตุการณ์นี้ มันเป็นการฆ่าตัวตาย, อุบัติเหตุ, ฆาตกรรม หรือเครื่องสังเวยความลี้ลับ ปริศนาแห่งเบื้องหลัง “ไฟมรณะ” จะต้องถูกคลี่คลายก่อนที่ความเป็นความตายจาก “ไฟสยอง” นี้จะโหมลุกขึ้นอีกครั้ง
เทวดาตกมันส์ (2551/2008) เมื่อ เทวดา (เทพ โพธิ์งาม) ทั่นเทวดาผู้รักษาคุณธรรม ได้รับคำบัญชาจากสวรรค์ให้มารับ หลวงพ่อ (บุญธรรม ฮวดกระโทก) ผู้บรรลุอรหันต์สู่สวรรค์ชั้นฟ้า ระหว่างการเดินทางไปตามหาหลวงพ่อ ทั่นเทวดา จึงต้องเดินตลาดสัมผัสวิถีชาวบ้านซะก่อน แล้วแต่ละบ้านในตลาด ก็มีแต่เรื่องป่วนที่ทั่นเทวดา ต้องให้คำตอบ ไม่ว่าจะ คู่ผัวเมียละเหี่ยใจ เจ๋ง (อาคม ปรีดากุล) กับ นาง (เนตรชนก ปั้นปรือ) ที่ทะเลาะหึงหวงกันไม่เว้นวัน ตบตีกันยิ่งกว่าบนเวทีมวย คู่รักวัยรุ่น ผู้กองหนุ่ม (วิวิศน์ บวรกีรติขจร) นายตำรวจจบใหม่ที่ไม่อยากกลับบ้านนอก แต่ต้องการรับราชการตำรวจประจำในกรุงเทพ แถมยังมีแฟนสาว น้องหมวย (ธนัยนันท์ เต็มปรีชา) ก็อยากทำตามความฝันตัวเองเรื่องการไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน คู่พ่อลูก อาแปะ ขายกาแฟ (บรรพต วีระรัฐ) ที่ไม่อยากให้ลูกสาวทั้ง 2 คนไปอยู่ไกลถึงในเมือง หลังจากคอยดึงคอยหวงลูกสาว เหมย (ตรีชฎา กิ้มติ๋น) ลูกสาวคนโตไว้กับบ้านได้แล้ว แต่ หมวย ลูกสาวคนเล็กเนี่ยซิ ดื้อและหัวรั้นเป็นที่สุด อาแปะจะทำอย่างไร ถึงจะชนะใจลูกสาวได้ เจ้ลำยอง (จันทร์เพ็ญ คงประกอบ) เจ้าของร้านคาราโอเกะ สวยอวบ ขาวอึ๋ม ปรารถนาเพียงแค่มีสามีสักคน ที่ผ่านมา หากแต่งงานกับใคร สามีก็พาลมาอายุสั้นไปกันหมด แต่กระนั้น เจ้ก็ยังไม่เคยยอมแพ้ ยังมี สารวัตร (สมชาย ศักดิกุล) มาดเก่งฉกาจ แต่สืบอะไรไม่เคยได้คำตอบ กับ สายสืบ นอกเครื่องแบบ พูดไม่ชัด (สุธน เวชกามา) ที่มาช่วย ผู้กองหนุ่ม คลี่คลายคดี แต่กลับทำให้ผู้กองลำบากมากขึ้น แต่ละคนมีปริศนาปัญหาคาใจให้เทวดาต้องช่วยเคลียร์ เจอแบบนี้แล้ว เทวดาจะได้กลับสวรรค์เมื่อไรละ??? ทั้งหมดเป็นแค่บังเอิญ หรือ สวรรค์มอบหมายภารกิจให้เทวดามาช่วยมนุษย์ให้พบทางสว่าง?? ดูไปแล้ว ภารกิจของท่านเทวดายากเย็นกว่า MIB + MI3 แต่ระดับเทวดาขั้นเทพแล้ว ยังไงก็ต้องปฏิบัติการเด็ด ๆ เรียกเสียงฮาสะท้านกันบ้าง
บุญชู ไอ-เลิฟ-สระ-อู (2551/2008) บุญโชค (ธนฉัตร ตุลยฉัตร) เณรน้อยหน้าใส ใจซื่อ มองโลกในแง่ดี พ่อของบุญโชค คือ บุญชู บ้านโข้ง (สันติสุข พรหมศิริ) ที่หวังให้ลูกบวชไปเรื่อยๆ จนเป็นเจ้าอาวาส แต่แม่ โมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) แอบจับสึก และส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ โดยพ่อบุญชูไม่รู้ เพื่อนพ้องของบุญชู อย่าง ไวยกรณ์ (วัชระ ปานเอี่ยม) หยอย (เกียรติ กิจเจริญ) คำมูล (กฤษณ์ ศุกระมงคล) เฉื่อย (นฤพนธ์ ไชยยศ) นรา (อรุณ ภาวิไล) ประพันธ์ (เกรียงไกร อมาตยกุล) เลยต้องสั่งให้ ลูกๆ อย่าง นิ้ง (อภิญญา สกุลเจริญสุข) แอ่น (นลินธารา โฮเลอร์) หยอน (รัชชุ สุระจรัส) ปพาฬ (วรฤทธ์ นิลกลม) มาดูแลบุญโชค เมื่อบุญโชคเข้ากรุงเทพฯ ก็โดนเด็กเร่ร่อนสองพี่น้อง กระเต็น (รดา วิรัตน์โยสินทร์) และ กระแต (ชนินาถ ศิริสวัสดิ์) แอบเอายาใส่จนมึน แล้วจับไปลอกคราบเสียหมดตัว ซึ่งมี พิม (กิตติ์ลภัส กรสุทธิ์ไรวรรณ) เด็กสาวที่ใช้อินเตอร์เน็ตหลอกผู้ชายมาปอกลอก เป็นผู้ดูแลสองพี่น้อง เรื่องราวจึงวุ่นวายขึ้น โดยมีร้านอาหารของ ปอง ปากหมา (สมเกียรติ คุณานิธิพงษ์) เป็นศูนย์รวมแหล่งพบปะของทุกคน เณรสึกใหม่จากสุพรรณ ที่มีแต่ความซื่อและจริงใจ จะทำอย่างไรกับเรื่องราวที่ไม่เคยพบเห็นในกรุงเทพฯ
อาข่า ผู้น่ารัก (2551/2008) พ่อจ๋า…ทำไมใครหลายคนถึงหายไปจากหมู่บ้านของเรา แล้วทำไมหนอ…เราถึงไม่เคยถ่ายรูปพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย ความสุขอันแท้จริง…มันอยู่ที่ตรงไหนกันนะ “อาข่าผู้น่ารัก” ภาพยนตร์น่ารักเต็มอิ่มทุกหัวใจจะมาถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ความผูกพัน การพลัดพราก ผ่านการเดินทางทางความคิดของ “หมี่จู” (ฟูอาน่า ฮิโรยาม่า) เด็กหญิงชาวเขาเผ่าอาข่าที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้ซึ้งถึงความแสบซน และบรรดาวีรกรรมสุดป่วนที่มักละเมิดข้อห้ามของเผ่าเป็นประจำ จนทำให้พ่อกับแม่ต้องส่งหมี่จูไปอยู่กับน้าที่พื้นราบ ที่นั่นเปรียบเสมือนโลกใบใหม่ที่หมี่จูไม่เคยรู้จักมาก่อน หมี่จูสนุกไปกับงานพิเศษคือการรับจ้างถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว รูปถ่ายแต่ละใบกำลังบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างกับหมี่จู เมื่อได้สัมผัสถึงความเหงาเดียวดายเมื่อต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก จึงทำให้หมี่จูคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจากโลกใบเดิมที่เคยอยู่ จนกระทั่งการมาถึงของ “กลุ่มกระจกเงา” ซึ่งมี “พี่แป้น” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) เป็นหัวเรือใหญ่ได้เข้ามาทำโครงการทดลองชื่อว่า “บ้านนอกทีวี” ทีวีของชุมชนโดยชุมชน ทำให้เกิดเรื่องราวชวนอมยิ้มเมื่อเทคโนโลยีของชาวกรุงเข้ามามีส่วนในการดำเนินชีวิตของชาวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจให้หมี่จูเดินทางกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง และคิดที่บอกเล่าเรื่องราวที่เธอรู้สึก โดยใช้รายการบ้านนอกทีวีเป็นสื่อกลางถึงผู้คนรอบข้าง แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เรื่องซุกซนอีกต่อไป มันกลับกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านได้หันกลับมาทบทวนอีกครั้งว่า สิ่งที่ทุกคนโหยหาอยู่นั้นใช่สิ่งเล็กๆ แต่มีค่ามหาศาลที่เรียกกันว่า “ความรัก” หรือไม่
โลงต่อตาย (2551/2008) คริส (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) สถาปนิกหนุ่มที่กลัวความแคบอย่างรุนแรง ได้มาเข้าพิธีนอนโลงสะเดาะเคราะห์ เพื่อหวังต่อชีวิตแฟนสาวชาวญี่ปุ่น มาริโกะ (อากิ ชิบูย่า) ที่อยู่ในอาการโคม่า ส่วนซู (คาเรน ม็อค) นักโภชนาการสาว ผู้เคร่งครัดต่อการดูแลสุขภาพ แต่กลับพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย เธอหนีมาประเทศไทยก่อนแต่งงานกับคู่หมั้นหนุ่ม (แอนดรู ลิม) โดยเห็นการทำพิธีนอนโลงสะเดาะเคราะห์ในทีวี จึงลองเข้าร่วมทำพิธี จากนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มาริโกะแฟนสาวของคริส หายจากอาการโคม่าเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็เกิดเหตุการณ์ถูกผีสาวแม่ลูกอ่อนตามหลอกหลอน ส่วนซูหายจากมะเร็งอย่างเหลือเชื่อได้พบกับผีคู่หมั้นหนุ่มโดยมิได้รู้ว่าเป็นผี ภายหลังพบว่าแฟนหนุ่มของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังเธอหายป่วยจากมะเร็ง เพื่อนรักของซู (ฟลอเร้นซ์ เฟเวอร์) ก็เข้ามาร่วมไขปริศนา ก็พบว่าความโชคร้ายต่าง ๆ ไม่ได้หายไปไหน แต่มันจะกลับเข้าหาคนรักแทน ท้ายสุดทั้ง คริส, ซู, และเพื่อนของซู ไม่ขอฝืนชะตากรรม โดยทำพิธีคืน ทำให้มาริโกะแฟนของคริสกลับมาป่วยโคม่าอีกครั้ง ส่วนซูก็กลับมาเป็นมะเร็งในปอดอีกครั้ง
หนุมานคลุกฝุ่น (2551/2008) เมื่อศาสตราแห่งวิชาไสยเวทย์มหายันต์ที่เลือนหายไปจากปัจจุบันได้ตื่นขึ้นจากสงครามการแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่สืบทอดกันมาพร้อมศาสตร์วิชาแด่ผู้รับช่วงดูแล เพื่อปกป้องมันจากเงื้อมมือคนโลภ ยอด(ศรราม เทพพิทักษ์) ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปมหลังในอดีต ผู้ที่สูญเสียทุกอย่างจากการแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่ตนต้องเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลรักษาและได้รับสืบทอดศาสตร์วิชาไสยะแห่งวานรเพื่อปกปัก เมื่อถูกคุกคามจากการตามหาสิ่งล้ำค่า พวกคนชั่วกำลังคืบคลานเข้ามา สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ความกดดันที่ยอดต้องแบกรับ ผลักดันให้เขากลายพันธ์สู่....มหาวานร …จึงเป็นฉายาที่มาของ “หนุมานคลุกฝุ่น”
แอบถ่าย เดี่ยว 7 (2551/2008) แอบถ่าย เดี่ยว 7 เป็นภาพยนตร์สารคดี/ตลก ออกฉายในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551 แบบจำกัดโรงที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเบื้องหน้า และเบื้องหลังการแสดงโชว์ เดี่ยวไมโครโฟน 7 ของอุดม แต้พานิช ผู้เป็นพี่ชายของสันติ แต้พานิช โดยใช้กล้องวิดีโอ และกล้องดิจิตอล โดยที่ตัวอุดม แต้พานิช เอง ก็ไม่ทราบว่าน้องชายตั้งใจจะถ่ายเพื่อนำมาตัดต่อเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้
หนึ่งใจ.. เดียวกัน (2551/2008) เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีอดีตอันเจ็บปวดจากการเสียลูกสาวในอุบัติเหตุรถยนต์ เธอได้ รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยใช้หัวใจของลูกสาวมาสวมแทน ทั้งที่เธอกับลูกสาวไม่ค่อยเข้าใจกัน จาก นั้นเธอจึงมุ่งหน้าสู่ชนบทเพื่อนำเงินไปพัฒนาโรงเรียนในเขตยากจน เป็นการไถ่โทษและแก้ตัวในสิ่งที่เธอเคยทำผิดพลาด แต่ที่นี่เธอพบกับธรรมชาติอันเงียบสงบ และดวงตาไร้เดียงสาของเด็ก ๆ...จากนักธุรกิจที่สนใจแต่เรื่องวัตถุ เธอกลายเป็นหญิงนักสู้ที่อุทิศตนเพื่อคนอื่น โดยเฉพาะเพื่ออนาคตของเด็กชนบท กลุ่มหนึ่ง เธอต้องต่อสู้กับความยากจน ทัศนคติของคนในหมู่บ้าน และกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและชาวบ้าน ขณะเดียวกันเธอก็ต้องแข่งกับเวลาของตัวเอง เมื่อร่างกายของเธอเริ่มไม่ตอบ สนองกับหัวใจที่ผ่าตัดมาความพยายามของเธอ จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ ? อนาคตของเด็กจะเป็นอย่างไร ? ปัญหาที่แท้จริงของการเรียนรู้ ไม่ได้อยู่ที่การขาดความเจริญ หรือความยากไร้ใด ๆ เธอค้นพบคำตอบที่แสนเรียบง่าย แต่สำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหา...สิ่งนั้นคืออะ ไร ? ร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับเธอ..ยิ้มไปกับเธอ และร้องไห้ไปกับเด็ก ๆ ของเธอ
ว้อ หมาบ้ามหาสนุก (2551)
ว้อ หมาบ้ามหาสนุก (2551/2008) ณ หมู่บ้านสุดกันดารห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่ง นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ ไว้ติดบ้านแทนหมา เพราะเคยมีโรคหมาบ้าระบาด ทำให้หมาในหมู่บ้านนี้ถูกจับไปหมด อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีแต่ความแห้งแล้ง ดินแตกแล้ง กันดาร ฝนไม่ตก แต่พื้นที่ใกล้ ๆ กลับมีฝนตก อุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี ต้นไม้เขียวขจีต่างกันราวฟ้ากับดิน แล้ววันหนึ่งเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีคนในหมู่บ้านถูกสัตว์ร้ายกัดตายอย่างสยดสยอง ชาวบ้านต่างสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา จนในที่สุดนักวิชาการคนเดียวในหมู่บ้านก็ลงความเห็นว่าน่าจะถูก หมาบ้า กัดตาย โชคหมาตัวเดียวที่มีอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งเป็นหมาวัดที่ฉลาดแสนรู้ ถูกชาวบ้านเพ่งเล็งว่าโชคนี่แหละคือหมาบ้าที่ทำร้ายคนในหมู่บ้าน ด้วยความกลัวที่จะถูกหมาบ้าทำร้าย คนในหมู่บ้านจึงช่วยกันหาวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้หมาบ้าเข้ามาใกล้ ด้วยวิธีประหลาดๆ สุดบรรยายแล้วแต่ว่าใครจะสมองใสแจ๋วกว่ากัน ความวุ่นวายในการวางแผนและลงมือของ คน ในการกำจัด หมา แบบสุดโต่งจึงเกิดขึ้น กลเม็ดเด็ดดวงของคน กับสติปัญญาระดับเกรดเอของหมา ใครล่ะที่มันจะเจ๋งกว่ากัน
เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน (2551/2008) ความผูกพันและความรักระหว่างเพื่อน ถูกถ่ายทอดผ่าน Friendship "สิงหา" ได้รับโทรศัพท์จาก "แจ๊ด" เพื่อนสมัยเรียน มัธยมที่เป็นทอม ให้นัดเจอกันเพื่อจัดงานเลี้ยงรุ่น ซึ่งในงานนี้ สิงหาได้พบกับบรรดาเพื่อนร่วมแก๊งเก่า ๆ สมัย ม.6 ไม่ว่าจะเป็น "ซ้ง" เจ้าของร้านโชว์ห่วย "กานดา" อาหมวยร่างอวบ ที่คิดว่าตัวเองสวย เริ่ด กว่าใคร ปัจจุบันเป็นเมียของซ้ง "จุดเด่น" พระเอกหนังชื่อดัง "ป๋อง" ดีเจนักเล่าเรื่องเขย่าขวัญชื่อก้อง และ แจ๊ด สาวหล่อมาดเท่ห์ สไตล์ลิสประจำนิตยสารอันดับหนึ่ง เมื่อพลพรรคเพื่อนรักได้มาพบกันทำให้เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำสมัย ม.6 ถูกรำลึกกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งสิงหาได้เอยถึงมิถุนา เพื่อนนักเรียนหญิงที่ย้ายเข้าเรียน ตอน ม.6 ซึ่งเป็นรักแรก และรักเดียวของสิงหา ภาพวันคืนเก่า ๆ เกี่ยวกับมิถุนาถูกร้อยเรียงขึ้นอีกครั้งในความคิดของสิงหา เริ่มตั้งแต่วันเปิดเทอม ม.6 วันแรกเมื่อ ปี 2530 หลังเข้าห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ประจำชั้นได้แนะนำให้รู้จักนักเรียนใหม่ 2 คน คนแรกเป็นผู้ชาย ชื่อสายัณห์ หรือ แหลม หน้าตาคมเข้ม ดูเกเรเอาเรื่อง แหลมย้ายโรงเรียนมาเพราะถูกคัดชื่อออก ในตอนแรกพวกของสิงหา ดูไม่ถูกชะตากับแหลมสักเท่าไหร่ เพราะแหลมไม่ค่อยพูด โดยเฉพาะ ซ้ง ที่ชอบวางก้ามอวดเบ่ง เก่งแต่ปาก ข่มเพื่อน ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกของสิงหา มีเรื่องกับก้อง นักเรียนนักเลงเจ้าถิ่น จนถึงขั้นใช้อาวุธ และขณะที่สิงหากำลังจะถูก ก้องทำร้าย แหลมก็เข้ามาช่วยและต่อสู้ชนะพวกของก้อง ทำให้แหลมกลายมาเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของกลุ่ม สิงหาและเพื่อน และอีกคนเป็นผู้หญิงที่สร้างความประทับใจให้แก่เพื่อน ๆ ด้วยการมาโรงเรียนสายตั้งแต่วันแรก เธอคือ มิถุนา สาวน้อยตากลม น่ารัก มาพร้อมกับความเรียบร้อยนุ่มนวล เธอทำให้สิงหาใจเต้น และตะลึงงันจ้องมองไม่วางตา กานดากับแจ๊ด ชวนมิถุนามานั่งด้วยและคอยใส่ไฟให้มิถุนาไม่ชอบพวกสิงหา กับเพื่อร่วมก๊วนอันประกอบด้วย ซ้ง อ้วนดำจอมซ่าส์ ปากกล้าไม่เลือกที่ ชอบทำตัวเป็นป๋าของเพื่อน ๆ แต่พอมีเรื่องวิ่งหนีก่อนใครทุกที จุดเด่น รูปหล่อ ขึ้เก็ก พูดเพราะ และจริงใจกับหญิงทุกคน สะอาด สำอาง เป็นนายแบบวัยรุ่น และป๋อง อารมณ์ดี ไม่เคยโกรธใคร ชอบและหลงใหลในเรื่องไสยศาสตร์ ลี้ลับ และต้องเล่าเรื่องผีให้เพื่อนฟังทุกวัน ทำให้มิถุนาไม่กล้าพูดกับสิงหา จนสิงหาเข้าใจผิดคิดว่าเธอหยิ่ง ที่มีพ่อเป็นอธิบดี สิงหาจึงคอยตามแกล้งและล้อเลียน มิถุนาที่ไม่ยอมพูด ว่าเป็นคนใบ้ จนมิถุนาทนไม่ไหวต่อยหน้าสิงหาไป เหตุการณ์วันนั้นทำให้สิงหาตามมิถุนา ไปที่บ้านเพื่อขอโทษ และได้พบความจริงว่า มิถุนาอยู่กับแม่ที่เป็นใบ้และพิการ ต้องรับผิดชอบตัวเองและเลี้ยงดูแม่ ทำให้เธอไม่มีเวลาไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ สิงหา พยายามตามตื้อขอโทษมิถุนาด้วยวิธีต่าง ๆ นานา แม้กระทั่งลงทุนไปเรียนภาษามือ เพื่อสื่อสารกับแม่ของมิถุนา จนได้สนิทสนมกับมิถุนา และแม่ของเธอมากขึ้น เวลาผ่านไปเมื่อเทอมที่ 2 ของ ม.6 มาถึง สิงหา และเพื่อน ๆ มาขออนุญาต แม่ของมิถุนาให้มิถุนาไปออกค่ายอาสาพัฒนา ที่บนดอย จังหวัดเชียงราย และที่นั่นทำให้ สิงหา, มิถุนา และเพื่อน ๆ ได้เข้าใจและรักใคร่กลมเกลียวกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคู่กัดอย่าง ซ้งและกานดา หลังจากกลับมาแล้วทุกคนต้องเตรียมตัวสอบไล่ และในวันสอบวันสุดท้าย สิงหานัดพบกับมิถุนา ที่สวนกรกฏา สวนสาธารณะที่สิงหาและมิถุนาช่วยกันตั้งชื่อให้ เพื่อเอาเฟรนด์ชิฟไปแลกกัน แต่วันนั้นหลังจากสอบเสร็จ พวก ซ้ง ป๋อง จุดเด่น ชวนสิงหา ไปฉลองด้วยการทดลองดื่มเบียร์ ทำให้สิงหาเมาหลับไป ตื่นขึ้นมาเลยเวลานัดสิงหาไปตามหามิถุนาที่บ้านแต่ไม่เจอ จึงกลับมาที่สวนกรกฏาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจอ จึงไปตามมิถุนาที่บ้าน แต่ที่บ้านมิถุนาไม่มีใครอยู่เลย บ้านทั้งหลังว่างเปล่า สิงหาเสียใจมากพยายามตามหาข่าวคราวของเธอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คืนนั้นหลังกลับจากงานเลี้ยงรุ่น สิงหาหยิบเอาเฟรนด์ชิพและรูปเก่า ๆ ออกมาดูยังคงมีเฟรนด์ชิพหน้าหนึ่งที่หายไป ซึ่งเป็นของมิถุนา นั่นเอง สิงหาตัดสินใจบอกกับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะตามหา มิถุนาอย่างจริงจังซะที และรีบเก็บกระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมตัวไปถ่ายทำรายการที่เชียงราย ขณะที่กำลังถ่ายรายการอยู่ สิงหาได้เห็นผู้หญิงพิการคนหนึ่งเดินตัดเข้ามาในกล้องด้วยลักษณะที่ดูคุ้นตา เมื่อสิงหาเดินเข้าไปหา เธอคือ แม่ของมิถุนา สิงหาดีใจมากรีบถามหามิถุนา แม่ของมิถุนาจึงรีบพาสิงหาไปที่บ้าน สิงหาจะได้เจอกับมิถุนาหรือไม่ เรื่องราวแห่งความทรงจำของทั้งสองจะลงเอยเช่นไร
ปักษ์ใต้บ้านเรา (2551/2008) ปักษ์ใต้บ้านเรา จัดจำหน่ายโดย Documentary Film กำหนดฉายหนัง 26 มิถุนายน 2551 เรื่องย่อหนัง ปักษ์ใต้บ้านเรา ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตจริงๆ ของชาวใต้โดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆผ่านวิถีของ4ครอบครัวที่อยู่ต่างพื้นที่กันหากแต่มีความดีงามที่เกี่ยวเนื่องและมีน้ำใจ ส่งต่อให้แก่กันภาพจากความเป็นจริงเหล่านี้ ถูกนำมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวเพื่อบอกเล่าว่าภาคใต้ของไทยยังคงสวยงามและ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจ บังหมาด มีภรรยาและลูก5 คนใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายในหมู่บ้านทะเลนอก จ.ระนอง หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการออกทะเลหาปลาในทุกๆวันบังจะทำละหมาด5 ครั้ง เพื่อขอพรจากพระอัลเลาะห์ให้เกิดสันติสุข ในครอบครัวและเพื่อนมนุษย์ แต่แล้ววันหนึ่งหมู่บ้านทะเลนอกต้องเจอกับคลื่นยักษ์สึนามิ ยังโชคดีที่ครอบครัวของบังรอดชีวิตจากเหตุการณ์ร้าย และได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง สามีของพี่อ้อยพยาบาลผู้เคราะห์ร้ายเป็นตำรวจที่ย้ายไปประจำการที่ปัตตานีและถูกผู้ร้ายยิงเสียชีวิตพี่อ้อยมีลูก 2 คนที่ต้องดูแลและกำลังอยู่ในวัยเรียน เมื่อเสาหลักของบ้านต้องหักลง พี่อ้อยจึงจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาเป็นหลักเสาใหม่ให้ลูกๆ เธอต้องยอมรับความเป็นจริง และพยายามเป็นให้ได้ทั้งพ่อและแม่ เพื่อให้ลูกๆ ได้มีขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป พี่ก้อย หนุ่มใต้เชื้อสายจีนเกิดและเติบโตในนครศรีธรรมราช และมาก่อร่างสร้างตัวที่กระบี่พี่ก้อยเกิดมาในครอบครัวที่มักคุ้นกับการทำอาหารจึงเริ่มต้นเปิดร้านอาหารด้วยการคิดเองทำเอง และให้บริการลูกค้าด้วยตัวของตัวเอง กระทั่งร้านเล็กๆเติบโตขยายใหญ่ทว่า พี่ก้อยก็ยังคงเข้าครัวทำอาหารและออกไปดูแลให้บริการลูกค้าด้วยตัวเองเสมอเพราะพี่ก้อยเชื่อมั่นในการทำอะไรด้วยใจ หาดทิพย์บริษัทที่ได้รับลิขสิทธิ์ให้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มโค้กใน14 จังหวัดภาคใต้ มีบ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลามี ร.ต.ไพโรจน์ รัตตกุล เป็นเหมือนพ่อที่คอยดูแลใส่ใจในทุกเรื่องของพนักงานและของเพื่อนบ้านที่เป็นคนใต้ในทุกพื้นที่ทุกครั้งที่ภาคใต้ ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่พนักงานหาดทิพย์ทุกคนจะพร้อมใจกันหยุดงาน เพื่อลงไปช่วยเหลือเพื่อนชาวใต้ในทุกรูปแบบ
ฮะเก๋า (2551/2008) เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิทชมรมเด็กฟิล์มที่ประกอบไปด้วย "ใบหม่อน" สาวฮ้าวประจำกลุ่ม และ 5 หนุ่มเฮ้ว ทว่าการมาถึงของน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าชมรมอย่าง "ต้นข้าว" ทำให้มิตรภาพของเพื่อนซี้เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อ "บุ้ง" เพื่อนซี้ขอให้ใบหม่อนช่วยเขาจีบต้นข้าว ระหว่างที่ความรักของบุ้งไปได้สวยแต่ความรักของใบหม่อนกับแฟนสาวกลับจบสิ้นลง ใบหม่อนเริ่มถอยห่างออกมาจากชีวิตบุ้ง เพราะไม่อาจหาคำตอบให้กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเพื่อนสนิทได้ เรื่องราวความทรงจำและมิตรภาพของ ใบหม่อน (วัตถาภรณ์ เอี่ยมสินธร) นักศึกษาทอมบอยสุดเท่ห์เสน่ห์แรง กับบุ้ง (พงษ์พิสุทธ์ ผิวอ่อน) เพื่อนซี้หนุ่มมาดเซอร์ผู้ไม่เคยรักใคร ใบหม่อนและบุ้งมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเหมือนดั่งคู่ซี้ปาท่องโก๋ และมีเพื่อนร่วมแก็งค์อีก 4 คน คือ พี่โข่ง (เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง), กังฟู (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์), ไอ้แว่น (สิทธิพล วิศาลาภรณ์) และปารีส (ณรงค์ ชัยนาม) ว่ากันว่าถ้าแก๊งค์นี้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเมื่อไหร่มักมีเรื่องสนุก ๆ ชวนปวดหัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะความป็อบปูล่าที่สุดในกลุ่มของใบหม่อนที่มักจะนำปัญหาเรื่องผู้หญิงมาให้บุ้งช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ใบหม่อนก็ยังมี น้าอสุนี (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) น้าชายอารมณ์ศิลป์ที่คอยทำทุกวิถีทางที่จะให้ใบหม่อนเลิกเป็นทอม และแล้วเรื่องวุ่นวายชนิดกวนหัวใจก็เกิดขึ้นเมื่อวันเปิดภาคเรียนมาถึง ชมรมเด็กฟิล์มได้รับสมาชิกใหม่เข้ามาซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ต้นข้าว (บุศริน มโหทาน) รุ่นน้องเฟรชชี่ปี 1 ที่มีดีกรีเป็นถึงดาวคณะศิลปกรรม ด้วยความสวยหวานน่ารัก ทำให้บุ้งประทับใจต้นข้าวตั้งแต่แรกเห็น บุ้งจึงขอร้องให้เพื่อนซี้อย่างใบหม่อนช่วยให้เขาได้ใกล้ชิดกับต้นข้าว ในขณะที่ใบหม่อนเองก็กำลังอกหักและผิดหวังจากน้ำตาล (สกาว เอื้อวิวัฒน์สกุล) แฟนสาวที่ทนพฤติกรรมรัก ๆ เล่น ๆ ของใบหม่อนไม่ไหวอีกต่อไป แต่แล้วความสัมพันธ์ของบุ้งและต้นข้าวที่พัฒนาขึ้น กลับทำให้เพื่อนรักเริ่มห่างกัน บุ้งกำลังกลายเป็นคนที่มีความรัก ในขณะที่ใบหม่อนก็กลับเป็นฝ่ายถอยห่างออกมาจากชีวิตบุ้ง เพราะไม่อาจหาคำตอบให้กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเพื่อนสนิทได้
รัก|สาม|เศร้า (2551/2008) ฟ้า (ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ) น้ำ (รัชวิน วงศ์วิริยะ) และ พายุ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) บัณฑิตจบใหม่จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสามต้องเลือกทางเดินของชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องความรัก ซึ่ง “ฟ้า” เลือกที่จะแต่งงานกับคนที่เธอรักโดยยอมทิ้งงานในสายอาชีพที่เธอเพิ่งเรียนจบมา “น้ำ” เพื่อนสนิทของฟ้าเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เธอแอบมีให้กับพายุเพื่อจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ส่วน “พายุ” เพื่อนสนิทของฟ้าและน้ำเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เขาแอบมีให้กับฟ้าแล้วกลับไปอยู่กับแม่ดูแลกิจการโรงแรมที่เชียงราย แต่ในวันหนึ่ง ฟ้าต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน แล้วทุกคนก็ได้รู้ว่าฟ้าป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาและคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และในระหว่างที่ฟ้าต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว คนรักของฟ้าที่เธอวางแผนจะแต่งงานด้วยก็เกิดไปมีสัมพันธ์อื่น ฟ้าหมดสิ้นกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ในทันที ฟ้าจึงเลือกที่จะเลิกรักษาตัวเองและปล่อยให้โรคร้ายทำลายเธอโดยที่เธอไม่ยอมต่อสู้ใดๆ ช่วงนั้นเองที่พายุตัดสินใจเลื่อนการกลับไปอยู่กับแม่ที่เชียงรายเพื่อเข้ามาอยู่ดูแลฟ้าในช่วงชีวิตสุดท้ายและในช่วงเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้น ฟ้าถึงรู้ว่ารักแท้ที่เธอต้องการนั้นอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดสี่ปีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเพียงแต่เธอไม่เคยสังเกตเห็น ในช่วงเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้นเองที่ฟ้ายอมเปลี่ยนความสัมพันธ์กับพายุจากเพื่อนมาเป็นคนรัก แต่เมื่อฟ้าเปิดหัวใจให้พายุ ฟ้ากลับบังเอิญได้พบความลับว่า น้ำเพื่อนรักของเธอนั้นแอบรักพายุคนนี้มานานนับปี หัวใจที่ฟ้าเปิดให้กับพายุจึงปิดลงทันที ฟ้าบอกลาพายุโดยไม่ได้บอกกล่าวหรืออธิบายให้พายุได้เข้าใจแต่อย่างไร ฟ้าคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่ที่เธอจะเอาหัวใจของพายุมาทั้งๆที่เธอมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ความรักที่มีค่าของพายุ มันน่าจะมีค่ากับน้ำมากกว่าคนที่กำลังจะตายอย่างเธอ ฟ้าเลือกที่จะหายไปจากชีวิตพายุและน้ำโดยมิได้บอกเหตุผลใดๆ พายุต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์กับการจากลาของฟ้าโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รู้สาเหตุที่แท้จริง ความทุกข์ทรมานของพายุทำให้น้ำที่แอบรักพายุอยู่พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย การเห็นคนที่รักทรมานเป็นสิ่งที่น้ำทรมานกว่า น้ำจึงตัดสินใจออกตามหาฟ้าไปทั่วทุกแห่ง น้ำได้เพียงแต่หวังภาวนาว่า ด้วยความเป็นเพื่อนรักระหว่างเธอกับฟ้า ขอให้มันมีค่าพอที่จะเปลี่ยนใจฟ้าให้หวนกลับมารักพายุได้อีกครั้ง
ส้มตำ (2551/2008) ครั้งแรกกับการพลิกบทบาทของนักสู้ทลายครกระดับอินเตอร์ “นาธาน โจนส์” (Troy, ต้มยำกุ้ง, Fearless) ผนึก “พลังแห่งมิตรภาพ” ต่างไซซ์กับ 2 เล็กพริกขี้หนู “เกรซ นวรัตน์” และ “น้องแคท เกิดมาลุย” มาผจญภัย วาดลวดลาย ต่อสู้ดุเด็ดเผ็ดมันส์…แต่แอบมีซึ้ง ในภาพยนตร์แอคชั่น-คอเมดี้-ดราม่า ครบรส ดูได้ทุกเพศทุกวัย “ส้มตำ” ผลงานตำครกแรกของผู้กำกับมากความสามารถ “นนทกร ทวีสุข” ด้วยอานุภาพความร้อนแรงจะแผลงฤทธิ์สุดเผ็ดร้อน ให้คุณได้แซบสนุกสุดประทับใจ 29 พ.ค.นี้ ทุกหัวระแหงในโรงภาพยนตร์ “บาร์นนี่” (นาธาน โจนส์) ฝรั่งร่างใหญ่ใจดีที่โชคชะตานำพาให้เขาได้เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยด้วยความบังเอิญ แต่ความโชคดีดูเหมือนจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน ทันทีที่เขามาเที่ยวต่อที่พัทยา – แหล่งสีสันแห่งราตรี แค่เพียงคืนแรกความโชคร้ายก็มาเยือน เมื่อเขาถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว แม้กระทั่งพาสปอร์ตก็ยังถูกขโมยไปด้วย หนทางเดียวที่พอจะทำได้จากคำแนะนำของตำรวจท้องที่ บาร์นนี่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพของบาร์นนี่กับ 2 สาวน้อยเล็กพริกขี้หนูด้วยความบังเอิญ…อีกครั้ง เมื่อ “กระเต็น” (เกรซ-นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) สาวน้อยสุดซ่าส์กำลังหนีการไล่ล่าของแก๊งหัวโจกพัทยา เพราะดันไปแกล้งขโมยเงินของพวกมันเข้า กระเต็นขอความช่วยเหลือจากฝรั่งร่างใหญ่อย่างบาร์นนี่ โดยหารู้ไม่ว่าถึงบาร์นนี่จะมีร่างกายเป็นยักษ์ปักหลั่นอย่างนี้ แต่ใจเล็กเป็นบ้าเลย แถมยังสู้ใครไม่เป็นอีกต่างหาก เฮ้อ ไม่ได้เรื่องเลยไอ้ยักษ์เอ๊ย กระเต็นออกอาการเซ็งอย่างแรง แต่ก่อนความซวยจะมาถึงตัวเธอ “ดอกหญ้า” (แคท-ศษิสา จินดามณี) พี่สาวของกระเต็น ที่เจ๋งสุดๆ ในวิชาแม่ไม้มวยไทยก็ออกโรงมาเตะต่อยออกอาวุธมวยไทยช่วยทั้งคู่ได้อย่างทันการณ์ กระเต็นและดอกหญ้าไม่รู้จะทำยังไงต่อ แต่ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดีเลยต้องสานสัมพันธ์กับบาร์นนี่ที่อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวในครั้งนี้ โดยพาไอ้ยักษ์ไปที่บ้านของพวกเธอที่ “แม่อี๊ด” (สุภัทรา วรรณทิวานนท์) เปิดเป็น “ร้านส้มตำ“ อาหารสุดฮิตของชาวไทย ด้วยความที่อยากลองและถูกกระเต็นบังคับ บาร์นนี่จึงต้องชิม “ส้มตำคำแรก” ในชีวิต และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากความเผ็ดร้อนปากแทบไหม้ ทำให้บาร์นนี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ วิ่งชนร้านจนพังราบเป็นหน้ากลอง บาร์นนี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขารับปากว่าจะหาเงินมาช่วยซ่อมร้านส้มตำ โดยมีกระเต็นและดอกหญ้าคอยหนุนหลัง ระหว่างทางนั้น แม้จะต่างไซซ์และวัย แต่ทั้ง 3 คนต่างก็ได้เรียนรู้ผูกพันในมิตรภาพซึ่งกันและกันจนประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่แล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากความช่วยเหลือของสาวแสบซ่าส์ตัวต้นเหตุอย่างกระเต็น ก็ได้นำความวุ่นวายมาเพิ่มให้มากขึ้น เมื่อกระเต็นดันไปล้วงคองูเห่า แอบฉก “ของสำคัญบางอย่าง“ ของแก๊งโจรกรรมเพชรที่มี “เชิงชาย” (ยุทธ ทองเจริญ) เป็นหัวหน้า นั่นเป็นเหตุให้ทั้งกระเต็น, ดอกหญ้า และบาร์นนี่ถูกตามล่าอย่างหนักจากแก๊งโจร จนเมื่อสุดทางหนี การต่อสู้สุดมันส์จึงบังเกิดขึ้น… ด้วย “อานุภาพความร้อนแรง ลูกบ้าเฮือกสุดท้าย และ มิตรภาพไร้พรมแดน“ สอดประสานอย่างเข้าทาง กลายเป็น “3 พลังส้มตำ“ ที่จะมาแผลงฤทธิ์สุดเผ็ดร้อนให้คุณได้แซ่บสนุกสุดประทับใจ…แบบอะไรก็ฉุดไม่อยู่
สะบายดี หลวงพะบาง (2551/2008) สอน (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพที่ถูกส่งตัวไปถ่ายรูปที่ประเทศลาว แบบไม่เต็มใจนัก ถึงแม้ว่าสอนจะมีเชื้อสายลาวอยู่แต่ไม่มีข้อมูลและไม่เคยไปประเทศลาวเลยสักครั้ง จนมาถึงเมืองปากเซ เขาจ้างมัคคุเทศก์ที่ชื่อ น้อย (คำลี่ พิลาวง) พาเดินทางถ่ายรูปในแถบลาวใต้ ไปน้ำตกหลี่ผี คอนพะเพ็ง และสี่พันดอน แต่เนื่องจากน้อยเพิ่งทำงานครั้งแรกจึงพาหลงไปตลอดทาง และสอนจำใจไปบ้านเก่าของพ่อตามที่เคยสั่งไว้ เมื่อถึงสอนพบกับญาติที่ห่างไปหลายสิบปีแต่ต่างจำเขาได้และได้รับการต้อนรับอย่างดี จนสอนเปลี่ยนความคิดว่าลาวก็คือบ้านหนึ่งของเขา สอนชอบพอกับน้อย แต่น้อยก็เริ่มเป็นฝ่ายถอยและหลบหน้าเพราะกลัวสนิทสนมกันเกินไป สอนต้องพิสูจน์ให้น้อยเห็นว่าเขาไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่สร้างความรักแบบชั่วคราว
ความจริงพูดได้ (คดีสุภิญญา) (2551/2008) หากใครได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมาคงจะเคยผ่านตาหรือได้ยินชื่อของ “เก๋ - สุภิญญา กลางณรงค์” มาบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องการต่อสู้และท้าทายอย่างหาญกล้าของเธอกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ ที่ส่งผลให้บทบาทและภาพลักษณ์ของเธอในความรู้ของคนทั่วไป คือ ผู้หญิงแกร่งที่กำลังทวงคืนเสรีภาพแห่งการพูดความจริงจากอำนาจที่ครอบงำสังคมให้มืดมน จากการเคลื่อนไหวต่อสู้ดังกล่าว ได้นำไปสู่การนำเสนอชีวิตของเธอจากมุมมองแบบสารคดี โดยฝีมือของผู้กำกับหญิงอย่าง พิมพกา โตวิระ ภายใต้ชื่อผลงาน “ความจริงพูดได้ (คดีสุภิญญา)” (The Truth Be Told: The Cases against Supinya Klangnarong) แน่นอนว่าจากชื่อผลงานก็ทำให้คิดไปว่าภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ย่อมหนีไม่พ้นจากประเด็นคดีความที่บริษัทชินคอร์เปอเรชั่น ฟ้อง นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) เป็นจำเลยที่หนึ่งร่วมกับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ในข้อหาหมิ่นประมาท จากการตีพิมพ์บทความของเธอเรื่อง "เอ็นจีโอประจาน 5 ปีรัฐบาลไทยชินคอร์ปรวย" ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ โดยถูกเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 400 ล้านบาทในคดีแพ่ง และติดคุกในคดีอาญา ซึ่งคดีความดังกล่าวศาลได้พิพากษาให้ยกฟ้องไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 แม้ว่าชื่อของผลงานจะทำให้คนพลอยคิดไปในประเด็นของ “คดีความ” แต่เอาเข้าจริงเมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ทำให้เข้าใจและเห็นภาพที่มากกว่า เรื่องราวได้นำเสนอภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้ทางคดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้ว่าภายนอกของเธอจะดูเป็นผู้หญิงที่แกร่งกล้า แต่สารคดีทำให้เห็นภาพในมุมกลับ ที่ลึกๆ แล้วเธอก็เป็นเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป ที่มีความกลัว ความกดดัน และความหวัง ในฉากเปิดเรื่องที่ทุกสิ่งวนเวียนอยู่บนรถขณะที่เธอ พ่อและแม่ กำลังจะไปให้การกับศาล ได้สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ธรรมดาของชีวิตมนุษย์มากกว่าที่จะเป็นภาพลักษณ์ของนักต่อสู้ที่หลายคนมองเธอ เช่นเดียวกับฉากบทสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพักของเธอ ก็ได้เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอาศัยในเมืองใหญ่ ต้องเผชิญกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเงิน นอกจากนี้ชีวิตของเธอที่ผิดแผกไปจากผู้หญิงคนอื่นยังเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญกับความกดดันจากบรรดาญาติและคนในสังคมต่างจังหวัด ที่แม้จะเห็นด้วยกับการกระทำของเธอ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น หรือทำไมเธอไม่ทำตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ภาพลักษณ์ของ “สุภิญญา” ที่นำเสนอ ชี้ให้เห็นถึงบทบาททางเพศที่ลื่นไหล เปลี่ยนไปมา และสลับบทบาท เป็นชีวิตของหญิงสาวที่มีทั้งแง่มุมอันกล้าหาญ ธรรมดา สิ้นหวัง หรือเต็มไปด้วยพลัง ปะปนกันไป ตัวตนของเธอจึงเป็นสิ่งที่มีความหลากหลายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่กระนั้นแม้ตัวตนของเธอจะมีความหลากหลายดังที่สะท้อนมาในสารคดีเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริงภาพลักษณ์ของเธอที่บรรดาสื่อหรือองค์กรพัฒนาเอกชนทั้งหลายพยายามนำเสนอกลับเลือกเพียงแง่มุมของหญิงสาวผู้กล้าหาญออกมาเท่านั้น กลายเป็นตราประทับ “สุภิญญา” เท่ากับความ “แข็งแกร่ง กล้าหาญ” และบดบังแง่มุมอื่นๆ ของชีวิตออกไป ที่ดูเหมือนจะไม่ต่างกับตราประทับของความเป็น “ชาย” ที่ต้องอดทด หรือ “หญิง” ที่ต้องอ่อนช้อยตามแบบที่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจ แต่อย่างไรทั้งหมดนี้ สารคดี “ความจริงพูดได้ (คดีสุภิญญา)” ได้ทลายเส้นแบ่งของภาพลักษณ์ดังกล่าวลง พร้อมเผยให้เห็นความหลากหลายซับซ้อนในตัวตนของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่อาจเป็นภาพแทนให้กับคนในสังคมหรือเพศหนึ่งๆ ที่มีความแตกต่างหลากหลายในตัวเองได้