เรื่องย่อ : The Seed คู่หูก้องโลก (2567/2024) เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และเรื่องเหนือธรรมชาติ เริ่มต้นเมื่อ 2 สิ่งสำคัญผู้รักษาสมดุลโลก ‘The Seed’ และ ‘วัตถุหินแร่’ จากดินแดนลึกลับ ที่ชื่อว่า “ดรีมแลนด์” ได้ตกไปอยู่ในมือของคน 2 ขั้ว ระหว่าง ต้นกล้า วัยรุ่นดีเอ็นเอรักษ์โลกสุดเข้มข้น กับ ชเยน นักธุรกิจตัวร้ายผู้หลงผิด ความตื่นเต้นความสนุกถูกถ่ายทอดผ่าน ‘The Seed’ เมล็ดพันธุ์มหัศจรรย์กับการผจญภัยลี้ลับร่วมกับ ต้นกล้า และ กลุ่มเพื่อนตัวจี๊ด ฝ่าฟันสู่ภารกิจสุดท้าทายตามหาวัตถุหินแร่ เพื่อส่งกลับไปยังดินแดนที่มันจากมาให้ได้ทันเวลาก่อนประตูมิติจะปิด ภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่ และโลกจะสูญสิ้นเพียงใด นี่เป็นโอกาสสำคัญที่พวกเขา จะได้พิสูจน์ตัวเองโดยมีโลกเป็นเดิมพัน

เรื่องย่อ : ตาคลี เจเนซิส (2567/2024) สเตลล่า (พอลล่า เทย์เลอร์) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ชีวิตกำลังอยู่ในช่วงพลิกผัน เธอได้รับโทรศัพท์จาก อิษฐ์ (ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล) เพื่อนสมัยเด็กของเธอ ขอร้องให้สเตลล่ากลับไปดูแล ดวงพร (เจนจิรา พงพัศ) แม่ที่กำลังป่วยหนัก ณ หมู่บ้านดอนหาย สถานที่ที่เธอจากมาตั้งแต่ยังเด็กพร้อมความทรงจำอันเลวร้าย เมื่อเธอเป็นประจักษ์พยานการหายตัวไปอย่างลึกลับของพ่อภายในป่าต้องห้าม แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย 30 ปีต่อมา สเตลล่ากลับบ้านมาพร้อม วาเลน (นีน่า-ณัฐชา เจสสิก้า พาโดวัน) ลูกสาวที่พยายามพิสูจน์ตัวเองกับแม่ของเธอ ที่ดอนหาย สเตลล่ายังได้เจอกับ จำนูญ (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) หัวหน้าชุมชน และ ก้อง (วอร์-วนรัตน์ รัศมีรัศมิ์) ลูกชายของเขา ซึ่งทั้งคู่ยังมีรูปร่างหน้าตา ไม่ต่างจากเมื่อ 30 ปีก่อนอย่างไม่น่าเชื่อ ในคืนหนึ่ง สเตลล่าได้รับการติดต่อกลับมาจากพ่อของเธออีกครั้ง ผ่านวิทยุสื่อสารเครื่องเก่า ซึ่งแม้เวลาผ่านมา 30 ปีแล้ว แต่ในที่ที่พ่อของเธออยู่นั้น เวลาเพิ่งผ่านไปแค่ 30 นาที สเตลล่าตั้งใจจะช่วยพ่อกลับมายังโลกปัจจุบันให้ได้ โดยภารกิจคือเธอต้องกลับไปเปิดเครื่อง Taklee Genesis อีกครั้ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นการผจญภัยสู่อดีตถึงอนาคต ที่กินระยะเวลานับพันปี

ผจญภัยล่าขุมทรัพย์หมื่นลี้ 2566

เรื่องย่อ : ผจญภัยล่าขุมทรัพย์หมื่นลี้ (2566/2023) “จอย” เธอได้พบ “ริคกี้” ชายไทยที่ร้านขายของเก่าที่เซี่ยงไฮ้ จอยกับริกกี้แย่งกันซื้อรูปปั้นคู่หนึ่ง ริคกี้บังเอิญทำรูปปั้นแตก เขาพบว่าข้างในมีลายแทงส่วนหนึ่งอยู่ ริคกี้ขอจอยซื้อรูปปั้น แต่จอยไม่ยอม ริคกี้ต้องจำใจบอกความลับ พร้อมเสนอว่าจะแบ่งสมบัติให้ จอยตกลง เมื่อทุบรูปปั้นออกปรากฏว่ามีลายแทงส่วนที่สองอยู่จริงๆ แต่ก็ยังขาดอีกส่วน การผจญภัยตามล่าขุมทรัพย์ของสองคนก็เริ่มต้น (ที่มา : primevideo)

ปล้นทะลุไมล์ 2566

เรื่องย่อ : The X-Treme Riders ปล้นทะลุไมล์ (2566/2023) กล้ากับฝัน สองพี่น้องที่ต้องเข้าไปพัวพันกับแก๊งค์มาเฟียข้ามชาติที่วางแผนใช้ การแข่งขันชิงแชมป์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมเพื่อกลบเกลื่อนการค้ายาเสพย์ติดครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามเกิดความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ระหว่างหุ้นส่วนของแก๊งค์ซึ่งได้แก่ โจ และ กฤช ส่งผลให้ กล้า กับฝันต้องตกเปลี่ยนเครื่องมือของความรุนแรงที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เมื่อต้องเผชิญกับการถูกตามล่า สองพี่น้องจำต้องหาทางสู้กลับ (ที่มา : primevideo.com)

ขุนแหย 2565

เรื่องย่อ: ขุนแหย (2565/2022) ได้เวลาฮาลั่นอโยธยา กับภาพยนตร์คอมเมดี้ “ขุนแหย THE LOST HERO OF AYODHYA” ผลงานจาก MONO ORIGINALS ที่ได้ ‘เปลว ศิริสุวรรณ’ มานั่งแท่นกำกับและดึงเอาดาวตลกทั่วฟ้าเมืองไทย มาร่วมกันถ่ายทอด เรื่องราวสุดฮาเต็มคาราเบลของ “แหย” (กรภพ จันทร์เจริญ) หมอยาสมุนไพรใจพระแถมยังใจซื่อมือสะอาด ถูก “หลวงถลอก” (สมชาย ศักดิกุล) ขุนนางตัวร้าย ลวงให้ไปตัวหัว “เนเมียว” (จตุรงค์ พลบูรณ์) แม่ทัพชาวพม่าแล้วทำการพอกน้ำผึ้งไว้ไม่ให้หัวเน่า เพื่อจะได้ไปรับรางวัลที่อยุธยาได้ทันการ แต่เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เพราะถึงแม้แหยจะเอาชีวิตรอดจากสนามรบแถมยังมีหัวของแม่ทัพเนเมียวเป็นของแถม แต่ก็ต้องผจญกับจอมขมังเวทย์อสรพิษ (สายเชีย วงศ์วิโรจน์) ที่พยายามจะชิงหัวแม่ทัพ รวมถึงต้องเอาชีวิตรอดจาก “ลินดา” (ภัทรวดี เหลาสา) สาวนักฆ่าที่ถูกจ้างอีกด้วย งานนี้ต้องมาช่วยกันลุ้นว่า แหย จะสามารถเอาชีวิตรอด และจะได้กลับบ้านไปนอนกอด “สายสร้อย” (บุตรี กัลย์จารึก) เมียรักด้วยร่างกายที่ครบ 32 หรือไม่?  (ที่มา : monomax.me)

เรื่องย่อ : เล่า ฤๅ สื่อ IV (2563/2020) The Message เล่า ฤา สื่อ IV เล่าเรื่องของ พลอย และ ภณ หนุ่มสาวที่กำลังมีความรักสดใส พวกเขาได้ไปเที่ยวทะเลในวันที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ มีผู้คนมากมายสูญหาย และตายไปภายในวันนั้น ภณ เชื่อว่าพลอยยังมีชีวิตอยู่ เขาออกตามหาเธอ พลอย รอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ เธอต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายบนแพ ช่วงเวลานี้เองทำให้เธอมีเวลาครุ่นคิด เรื่องราวที่ผ่านมา ก่อนเกิดภัยพิบัติ ช่วงเวลาก่อนเกิดภัยพิบัติ 30 วัน อาจารย์หมอ ได้รับการเตือนภัยว่าจะเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ในปี ค.ศ. 2020 สาเหตุ เกิดจากความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ มัวเมาในกิเลสหลงลาภยศเงินทอง ต่างต่อสู้ฟัดฟันทำลายกันเอง ทำลายธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้จักรวาลเสียหาย คาน จิตต่างดาวในร่างมนุษย์ ทนไม่ไม่ไหว เปิดประชุมสภาจักรวาล ให้มีมติทำลายล้างโลก ก่อนที่โลกจะทำลายตัวเองวิน จิตต่างดาวในร่างมนุษย์ ผู้เชื่อใจมนุษย์ว่า ยังมีคนอีกมากมายที่เป็นคนดี สร้างบุญสร้างกุศล วิน จึงมาเตือนอาจารย์หมอ ให้ช่วยเตือนภัยเร่งให้คนทำความดี จะมี คนที่ความสามารถพิเศษ ถูกเลือกมาช่วยอีก 4 คน ดานูส ชาวอินเดียที่มีความสามารถสื่อสารกับบุคลสำคัญที่ล่วงลับไปแล้ว แคทเธอรีน จิตแพทย์สาว ที่สามารถเห็นเจ้ากรรมนายเวรของผู้อื่น อาตี๋น้อย ผู้สามารถสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาโป ผู้สามารถสื่อสารกับธรรมชาติ เจ้าป่า เจ้าเขา และเหล่าสัตว์ทั้งหลาย พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อน ต่างช่วยกันเผยแพร่ในสิ่งที่ผู้ถูกเลือกทั้ง 4 สื่อสารได้ไปสู่คนทั่วไป เพื่อช่วยชีวิตคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วคุณล่ะ !!! จะรอดจากภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ ?

เกมคนรวย The Prey (2562/2019) ‘ซิน’ นายตำรวจสายลับชาวจีน (รับบทโดย Gu Sheng Wei) กำลังปฏิบัติภารกิจลับระหว่างประเทศที่จับพลัดจับผลูทำให้เขาต้องไปอยู่ในเรือนจำในกลางป่าใหญ่ที่ห่างไกล โดยในที่แห่งนี้จะมีกฏบางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง และเปิดให้ผู้เข้าชมที่แสวงหาความตื่นเต้นเข้ามาทำกิจกรรมบางอย่าง... ทหารยามที่เป็นผู้คุมเรือนจำแห่งนี้ก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดที่มีไว้แค่ประดับเรือนจำ ส่วนนักโทษก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในเกมการล่าเพื่อความสนุกสนานของเหล่าคนรวยที่ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์ที่โดนล่า เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นในวันที่ ‘ซิน’ ถูกส่งไปเป็นเหยื่อสำหรับเกมการแข่งขันของเหล่าคนรวยผู้มีอันจะกินและมีเงินเหลือเฟือจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรนอกจากหาความตื่นเต้นและสนุกสนานจากการล่ามนุษย์ หลังจากหลายปีของการตามล่าอาชญากรผู้โหดเหี้ยม ‘ซิน’ ก็พบว่ากลับกลายเป็นตัวเองที่ต้องวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด หาก ‘ซิน’ สามารถเอาชีวิตรอดในเกมการล่ามนุษย์อันโหดร้ายนี้ได้ เขามีโอกาสได้ก้าวออกจากป่าแห่งนี้อย่างมีอิสรภาพ แต่ถ้าไม่ คำตอบเดียวสำหรับ ‘ซิน’ ก็จะเป็นเพียง ความตาย... และเป็นเพียงถ้วยรางวัลของเหล่าบรรดาคนรวยในการล่าสัตว์อีกตัวเท่านั้น
๙ ศาสตรา (2561/2018) 9 ศาสตรา เป็นเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ชะตาลิขิตให้มากอบกู้อาณาจักรรามเทพนคร แผ่นดินปิตุภูมิของเขาให้รอดพ้นอำนาจทมิฬของยักษา ผู้ก่อความทุกข์เข็ญให้ประชาราษฎร์ เป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งโชคชะตาและวิชายุทธอย่างมีคุณธรรม อ๊อด ชายหนุ่มแห่งโพ้นทะเล คือ ผู้ที่ถูกลิขิตมาให้รับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการกอบกู้อาณาจักร พร้อมกับพลพรรคเพื่อนพ้อง ที่มีทั้งอาวุธและยุทธวิธีตามวิถีตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยวหลาน”โจรสลัดอากาศชาวจีน เธอเป็นสาวงามนักแม่นปืนจากกองเรือเหาะทะยานเมฆ พร้อมด้วยลิงทโมน นามว่า วาตะ รวมถึง อสูรสีชาด ยักษ์สีแดงร่างใหญ่ใจดี ส่วนอ๊อดนั้นได้ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มวยไทย ที่เคยหายสาบสูญจากครูมวยอันดับหนึ่งของแผ่นดิน และได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำอย่างหนักมาโดยตลอด เพื่อเตรียมต่อสู้กับหมู่มวลอธรรม
ทองดีฟันขาว (2560)

ทองดี ฟันขาว (2560/2017) เรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีในช่วงชีวิตสำคัญของ “นายทองดี ฟันขาว” นักสู้หัวใจแกร่งที่มากความสามารถและฝีไม้ลายมวย โชคชะตานำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม “พระยาพิชัยดาบหัก” ทองดี นักสู้หัวใจแกร่ง ผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อรักษาคำมั่นสัญญา กล้าหาญจงรักภักดี มีความสามารถและฝีไม้ลายมือทางหมัดมวยและดาบอย่างหาตัวจับยาก เขาไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา ทองดีฟันขาว ชีวิตของเขาต้องระหกระเหินจากครอบครัวตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย และต้องออกเดินทางหาเงินเลี้ยงตัวจากการชกมวย และร่ำเรียนวิชามวยเพิ่มเติมจากบรรดาครูมวยตามเมืองต่างๆ จนสุดท้ายโชคชะตาและวีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็นำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่ง พระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทย ที่รู้จักกันในนาม พระยาพิชัยดาบหัก

อนันตา ศิลาพิชิตมาร ANANTA LIGHT OF HOPE (2558/2015) เมื่อหินศักดิ์สิทธิ์ที่ตกมาจากฟากฟ้าตกอยู่ในมือของอวันตีนคร หลายหัวเมืองจึงก่อสงครามหมายแย่งชิงหินศักดิ์สิทธิ์ ด้วยหวังในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของหินที่จะบันดาลความสุขให้กับผู้ที่ได้ครอบครอง พระราชาแห่งอวันตีนครถูกลอบปลงพระชนม์จากการสมคบคิดของนางสนมเอกและบิดา ทำให้พระมเหสี และ เจ้าหญิงสิสิรา พระราชธิดาแห่งอวันตีนครถูกกล่าวร้ายโยนความผิดว่าเป็นผู้วางยา ทั้งสองพระองค์ และ อนันตา เจ้าชายที่หัวใจก็เพิ่งเจ็บปวดกับความรักมาหมาดๆ ได้หนีออกจากพระราชวังไปอยู่ในป่าลึก โดยได้รับการช่วยเหลือจากทหารกล้านามว่า อลันเดส และเหล่าองครักษ์ผู้ภักดี ด้วยความรักที่มีต่อพระมารดา เจ้าชายผู้เสเพลจึงต้องเอาชนะใจตัวเอง เพื่อปฏิบัติภารกิจกอบกู้เอกราชให้แก่อวันตีนครให้จงได้
เร็วทะลุทุ่ง พุ่งทะลุเถียง E-SAN FILM NOIR (2558/2015) หนังสั้นฟิล์มนัวร์ภาษาอีสาน เล่าเรื่องราวของ อาจอง คะชาติ นักสืบหนุ่มแห่งดินแดนล้านช้างกับการไขคดีจอมโจรเร็วทะลุทุ่ง อาชญากรผู้ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยออกปราบแก๊งค้ายาเสพติด สุดท้ายแล้วใครคือจอมโจรผู้มีความว่องไวเหนือมนุษย์คนนี้ ต้องติดตาม "เร็วทะลุทุ่ง พุ่งทะลุเถียง"
พระมหาชนก 2557

เรื่องย่อ: พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA (2557/2014) "องก์ ๑ กำเนิด" พระเจ้ามหาชนกฯ ผู้ครองกรุงมิถิลาแห่งแคว้นวิเทหะที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ทรงมีพระโอรส 2 พระองค์ พระองค์แรกทรงมีพระนามว่าพระอริฏฐชนกผู้ทรงมีความเข็มแข็งเฉียบขาด ส่วนองค์ที่สองทรงพระนามว่าพระโปลชนกผู้ทรงมีพระทัยเมตตาโอบอ้อมอารี ครั้น พระเจ้ามหาชนกฯ ทรงสวรรคต พระอริฏฐชนก ทรงขึ้นครองราชย์โดยมี พระโปลชนก เป็นอุปราช ทั้ง 2 พระองค์มีความคิดเห็นในการปกครองที่แตกต่างกัน พระอริฏฐชนก ทรงเห็นว่าอาณาจักรมิถิลาจะต้องยิ่งใหญ่ภายใต้กองทัพที่เข้มแข็ง ส่วน พระโปลชนก ทรงเห็นว่าต้องไม่ลืมจิตใจที่เปี่ยมสุขของประชาชนด้วย ในเวลาต่อมามีอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดที่ทุตจริตได้ออกอุบายใส่ความว่า พระโปลชนก กำลังซ่องสุมผู้คนเพื่อก่อการกบฎ พระองค์จึงถูกจับไปขังไว้ แต่พระองค์ทรงตั้งจิตอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนสามารถหลบหนีออกมาพร้อมผู้จงรักภักดีและได้ไปพำนักอยู่ ณ เมืองชายแดน จนกระทั่งวันหนึ่ง พระโปลชนก ได้นำทัพกลับมามิถิลาเพื่อหวังจะขอปรับความเข้าใจกับ พระอริฏฐชนก จึงส่งสาส์นเพื่อแสดงเจตนาขอปรับความเข้าใจกัน แต่ถูกขัดขวางจากอำมาตย์ผู้นั้นด้วยการปลอมแปลงข้อความในสาส์นให้เป็นสาส์นท้ารบขณะเดียวกันพระอริฏฐชนทรงเป็นห่วงพระเทวี มเหสีของพระองค์ที่กำลังทรงครรภ์อยู่ จึงได้ให้หลบหนีออกไปจากวังเสีย ในสนามรบ พระอริฏฐชนก ทรงสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากฝีมือของอำมาตย์ผู้นั้น หลังจากนั้น พระโปลชนก จึงทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน พระเทวี ทรงหนีออกจากเมืองมิถิลาอย่างยากลำบาก แต่ด้วยบุญญาธิการของพระโอรสในครรภ์จึงทำให้ทรงได้รับความช่วยเหลือจากท้าวสักกเทวราชที่ช่วยให้พระองค์สามารถหลบหนีไปถึงเมืองจัมปากะได้ ณ ที่นี้ พระเทวี ได้ทรงรับความช่วยเหลือจากอุทิจจพราหมณ์ โดยอุปการะรับ พระเทวี เป็นน้องสาว ต่อมาพระโอรสในครรภ์ทรงประสูติกาล โดยมีพระนามตามพระอัยยิกาว่า พระมหาชนกกุมาร "องก์ ๒ ความเพียร" เมื่อพระโอรสทรงเจริญวัยได้ถูกเพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นลูกหญิงหม้ายพระมารดาจึงเล่าความจริงให้ทราบว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์จึงตั้งพระทัยว่าเมื่อเติบใหญ่แล้วจะไปเอาราชสมบัติและนครมิถิลาคืนมาให้ได้ครั้นเมื่อ พระมหาชนกกุมาร ทรงเจริญวัยเติบใหญ่เปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์ทรงตรัสกับพระมารดาว่าจะไปล่องเรือทำการค้าขายที่ดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อสะสมทุนรอนและกำลังพลเพื่อหวังที่จะชิงราชสมบัติคืนมาให้ได้ ระหว่างทางในมหาสมุทร พระมหาชนก ได้มองเห็นว่าจะเกิดพายุขึ้น แต่ไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งพายุกระหน่ำเรืออย่างรุนแรง บรรดาลูกเรือทั้งหลายหวาดกลัวคร่ำครวญหนีตายกันอย่างโกลาหล ตรงกันข้ามกับ พระมหาชนก ที่ทรงตระหนักว่าเรือใกล้จะแตกเต็มที จึงเตรียมพระองค์โดยทรงเสวยให้อิ่ม และนำผ้าชุบน้ำมันมาพันกายให้แน่นหนา เมื่อเรือล่มเหล่าบรรดาลูกเรือที่ขาดสติและเดิมไม่เชื่อในสิ่งที่พระมหาชนกได้เตือนเกี่ยวกับพายุได้ตกน้ำกลายเป็นอาหารของฝูงปลาและสัตว์ทะเลทั้งหลาย ส่วน พระมหาชนก ก็ทรงแหวกว่ายด้วยความเพียรอยู่ในมหาสมุทรนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน นางมณีเมขลา เทพธิดาผู้รักษาท้องมหาสมุทรเห็น พระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่จึงลงมาช่วย พระมหาชนก และได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็น จนทำให้ นางมณีเมขลา เข้าใจถึงหลักปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมีของ พระมหาชนก จากนั้น นางมณีเมขลา จึงช่วยอุ้ม พระมหาชนก จนมาถึงฝั่งเมืองมิถิลา "องก์ ๓ ปัญญา" ที่เมืองมิถิลานี้ พระโปลชนก กำลังทรงพระประชวรอย่างหนักพระองค์ต้องการให้พระธิดาคือ พระนางสิวลีเทวี ได้ทรงมีคู่ครอง โดยได้ทรงตรัสทิ้งไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ว่าผู้ใดไขปริศนาของพระองค์ได้จะทรงยกพระราชสมบัติทั้งหมดให้พร้อมด้วยพระราชธิดา เมื่อ พระโปลชนก สิ้นพระชนม์ลงเหล่าอำมาตย์ได้จัดพิธีเสี่ยงราชรถเพื่อหาผู้มีบุญญาบารมีมาไขปริศนานั้น ราชรถได้มาหยุดที่ พระมหาชนก ผู้ซึ่งทรงบรรทมอยู่ในสวนพระองค์ทรงไขปริศนาได้หมดทุกข้อ ทุกคนในเมืองมิถิลาต่างพากันสรรเสริญในพระปรีชาสามารถของพระองค์ จึงได้อัญเชิญพระองค์ให้ทรงอภิเษกกับ พระนางสิวลีเทวี เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ทรงปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรมและนำพาความผาสุกมาสู่ปวงประชาชน วันหนึ่ง พระมหาชนก เสด็จประพาสอุทยานและทรงทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลงามและอีกต้นหนึ่งไม่มีผลเลย พระองค์ทรงเสวยมะม่วง และตรัสว่ามะม่วงรสชาติดีดุจรสทิพย์ หลังจากพระองค์เสด็จกลับบรรดาประชาชนทั้งหลายก็เข้ามาโค่นต้นมะม่วงต้นนั้นเพื่อหวังจะเอาผลของมันมาบริโภค จนเป็นเหตุทำให้ต้นมะม่วงต้นนั้นถูกถอนรากโค่นลงมา เมื่อ พระมหาชนก ทรงทราบความ ทรงเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นทรงได้เปรียบเปรยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ต้นมะม่วงกับพระราชสมบัติดังนี้ ต้นมะม่วงที่มีผลอาจจะถูกทำลายหรือถ้าไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยเป็นกังวลจักต้องดูแลระแวดระวังรักษาไว้ ในทางกลับกันพระองค์ทรงคิดว่าถ้าจะเข้าถึงความสุขได้นั้นจักต้องทำตัวให้เป็นเสมือนเช่นต้นมะม่วงที่ไม่มีผล ที่ไม่ต้องกังวลว่าผู้คนในสังคมที่ไม่รู้จักคิดการณ์ไกลในการทำนุบำรุงต้นไม้เพื่อเก็บผลไว้กินในวันหน้า จะมาโค่นต้นมะม่วงนี้ได้ หลังจากนั้นจึงมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญนำหลักการของพระองค์ไปทดลองเพื่อฟื้นฟูต้นมะม่วงที่ถูกโค่นลงและหาวิธีการที่ทำให้ต้นมะม่วงที่ไร้ผลกลับมาเกิดผล พร้อมกันนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นชื่อว่าปูทะเลย์วิชชาลัย เพื่ออบรมวิชาการด้านต่าง ๆ แก่บรรดาเหล่าอำมาตย์ข้าราชการและประชาชนในเมืองมิถิลา เพื่อที่ทุกคนจะได้มีวิชาความรู้ทั่วไป และมีสามัญสำนึกไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแฉกเช่นเหล่าคนที่ชอบกินผลมะม่วงแต่กลับทำลายต้นมะม่วงทิ้งไป และเพื่อสังคมจะได้เจริญรุ่งเรืองและอยู่กันอย่างผาสุกสืบต่อไปกาลนานเทอญ

ต้มยำกุ้ง 2 3D (2556/2013) เมื่อสาเหตุการฆาตกรรม เสี่ยสุชาติ เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว ไอ้ขาม เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย ขามจึงต้องหลบหนีจากการจับกุมและการตามล่าเพื่อทวงแค้นจาก ปิงปิง-ซือซือ หลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจาก จ่ามาร์ค ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่าง ขามหนีการตามล่าพร้อมกับการตามหา ขอน ช้างตัวเดียวที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งหนีขามก็ยิ่งต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลึกลับที่ถูกควบคุมโดย แอล ซี นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลกอย่างลับๆ ทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น ทเวนตี้ หรือ Number 2 ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการไอ้ขามเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างของนายใหญ่

รักละไมล์ (2555/2012) แดน (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) นักเชิดหุ่นละครเล็ก ผิดหวังกับสังคมที่ไม่ใส่ใจรักษาวัฒนธรรม เลยตัดสินใจทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนเดินทางไปหาสถานที่และผู้คนที่ชื่นชอบในศิลปะหุ่นละครเล็กที่เขาอยากภูมิใจนำเสนอ ซึ่ง แดน เชื่อว่าสังคมที่นั่นต้องรักและหวังดีกับศิลปวัฒนธรรมแขนงนี้ จนกระทั่งพรหมลิขิตให้เขาได้พบกับ แพรวา (สิรี ลูเธอร์) สาวลูกครึ่งไทยที่ไปใช้ชีวิตที่ประเทศแคนาดาตั้งแต่ยังเล็ก และมีเหตุจำเป็นต้องกลับมายายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามคำขอของแม่ที่อยากให้ลูกสาวได้กลับไปเห็นชีวิตแบบไทย ๆ บ้าง จนถึงขนาดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลูกสาวมีโอกาสตั้งรกรากที่บ้านเกิดเมืองนอนของแม่ แต่แล้วเมื่อ แพรวา กลับมาเมืองไทย เหมือนเป็นโชคร้ายอย่างไงก็ไม่รู้ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องยุ่ง ๆ วุ่นวายมากมาย จนในที่สุดก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาอย่างแดน ที่ยื่นเสนอตัวช่วยเหลือและพาไปแจ้งความกับตำรวจ และต่อจากนี้ไป ทั้งคู่ก็จะต้องเริ่มเดินทางและเรียนรู้ความต่างของ 2 วัฒนธรรม ภาษา และแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย ที่หล่อหลอมให้เขาและเธอได้เรียนรู้กันและกัน
เดอะ สเก๊าท์: บิดพิภพทะลุโลก (2552/2009) ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าการตั้งแคมป์ลูกเสือที่ดูแสนจะธรรมดา ๆ ของโรงเรียนระดับประถมแห่งหนึ่ง จะกลายมาเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นเร้าใจอย่างชนิดที่พวกเด็ก ๆ จะต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน เมื่อครูผู้คุมกองลูกเสือสามัญ ตัดสินใจตั้งแคมป์บริเวณใกล้กับปราสาทเก่าแก่แห่งหนึ่งกลางป่าใหญ่ ที่ดูสงบเงียบและน่าจะปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ เหล่านี้ แต่แล้วเมื่อค่ำคืนมาเยือน ปราสาทเก่าแก่ที่เด็ก ๆ เหยียบย่างเข้าไปกลับกลายเป็นดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ของมิติแห่งกาลเวลา ที่นำพาพวกเขาไปพบกับงูยักษ์ที่ทั้งดุร้าย และว่องไวกว่าอสรพิษทุกชนิดที่เคยรู้จัก รวมทั้งกบบินได้ และอีกมากมายสารพัดที่ทำให้การเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ของพวกเขาเป็นความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมเลือน
The Sanctuary สามพันโบก (2552/2009) ในปี พ.ศ.2440 เมื่อกลุ่มโจรมีดสั้นอาบยาพิษ บุกเข้าไปในวังหลวง เพื่อขโมยเครื่องราชบรรณาการ ที่สำหรับมอบให้กับทูตอเมริกา ทั้ง 3 ชิ้น เพื่อตอบแทนที่อเมริกาเป็นตัวแทนในการเจรจา ไม่ให้ไทยเสียดินแดนทางใต้ให้แก่ฝรั่งเศส กลุ่มโจรขโมยเครื่องราชฯ ทั้ง 3 ได้สำเร็จ แต่หนีไม่รอด จึงคิดฝังเครื่องราชฯ ไว้ในที่ใดสักแห่งหนึ่งภายในวังหลวง แต่อาจารย์แสวง หัวหน้าทหารอารักขาเครื่องราชฯ พลาดฆ่าโจรทั้งหมดตายอย่างไม่ตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าของทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ที่ไหน จึงสละชีพเพื่อรักษาความลับด้วยการฆ่าตัวตาย เลือดไหลริบลงสู่ใต้ติน ไหลไปที่เครื่องราชฯ ทั้ง 3 เหล่านั้น นั่นดั่งเหมือนหน้าที่ที่ต้องตามไปคุ้มครองของนั้นตลอดไป กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2552 ในยุคปัจจุบัน, เครือข่าย มาเฟียวิสา (วินสโตน โอเมก้า) ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปล้นในครั้งนั้น ได้ว่าจ้าง แพททริค (รัสเซลล์ หว่อง) อดีตผู้อำนวยการ, นักสำรวจงานใต้ดินข้ามชาติ ใช้สัญญาณแซทแทลไลท์ จากกองทัพสหรัฐ โดยมีนักฆ่าสาวสุดเซ็กซี่ เซริน่า (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) มาสำรวจหาจนพบว่าของอยู่ที่ใต้วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมี กริช (ไพโรจน์ บุญเกิด) เหลนของอาจารย์แสวง เป็นเด็กวัดอยู่ที่นี่ กริชเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้ ผู้เห็นเหตุการณ์การสำรวจทั้งหมด โดยมี ปลายฟ้า (อินทิรา เจริญปุระ) นักศึกษาโบราณคดี เป็นคนช่วยเหลือเพียงคนเดียวที่รู้ว่าหน้าตาของเครื่องราชฯ ทั้ง 3 เป็นยังไง ทั้งสองจะสามารถทวงสมบัติของชาติคืนมาได้อย่างไร จะทันการณ์รึไม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร แล้วจุดพลิกผันจะเป็นเช่นไร
หนีตามกาลิเลโอ (2552/2009) ปลายศตวรรษที่ 16 เมืองปิซา ประเทศอิตาลี กาลิเลโอ ประกาศผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเขาว่า วัตถุ 2 ชิ้นที่มีรูปทรงเดียวกัน และประกอบขึ้นด้วยมวลสารเดียวกัน จะตกถึงพื้นพร้อมกัน แม้จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน อีกทั้งยังประกาศความเชื่อว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล การปฏิบัติตัวขัดแย้งกับศาสนจักรเช่นนี้ ทำให้ กาลิเลโอ ถูกจับขัง สิ้นสูญอิสรภาพ และชีวิตก็ตกระกำลำบากนับจากนั้น ปี 2009 กรุงเทพฯ ประเทศไทย ห่างจากที่เกิดเหตุแรก 1/4 เส้นรอบวงโลก เด็กสาว 2 คนกำลังประสบปัญหาหนักหน่วงที่สุดในชีวิต เชอรี่ (ชุติมา ทีปะนาถ) นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ถูกตัดสิทธิ์สอบและต้องพักการเรียนเป็นเวลา 1 ปี ด้วยความผิดที่เจ้าตัวเห็นว่าเล็กน้อย นั่นคือปลอมลายเซ็นอาจารย์ในใบขออนุญาตใช้ห้องเขียนแบบ นุ่น (จรินทร์พร จุนเกียรติ) สาวร่าเริงแสนงอน เคยท้าเลิกกับแฟนหนุ่ม ตั้ม (ธนากร ชินกูล) มาแล้วหลายครั้ง ทว่า ตั้ม เป็นต้องงอนง้อขอคืนดีกับเธออยู่ร่ำไป แต่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง ตั้ม ตัดสินใจรับคำบอกเลิกของเธอแต่โดยดี ทั้ง นุ่น และ เชอรี่ ต่างรู้สึกอยากหนีไปให้ไกลจากสถานที่เกิดปัญหา จึงจูงมือกันบินข้ามหลายเส้นรุ้งและอีกหลายเส้นแวง ปลดแอกตัวเองจากแรงดึงดูดของชีวิตทันที แผนของทั้งคู่นั้นแสนง่าย มุ่งมั่นทำงานบริกร เพื่อเก็บเงินไปท่องเที่ยวให้มากที่สุด เป้าหมายของพวกเธอคือ 3 เมืองใหญ่แห่งยุโรปอย่าง ลอนดอน ปารีส และเวนิส สถานที่สำคัญๆ ถูกหมุดหมายลงในใจของสองสาว ไม่ว่าจะเป็นสโตนเฮนจ์ ทาวเวอร์บริดจ์ หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โคลอสเซียม เรือกอนโดลา และ หอเอนปิซา ก่อนออกเดินทาง ทั้งคู่ทำสัญญาใจกันไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามทิ้งกัน อย่างไรก็ตาม ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องคาดไม่ถึงสารพัด บางครั้งคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะก็ถูกสั่นคลอนเสียง่ายๆ เมื่อเจ้าของคำสัญญาอ่อนล้าจากภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน และบางทีมิตรภาพยาวนานก็แทบถึงกาลแตกหัก ด้วยเหตุผลที่เหมือนจะไม่เป็นเหตุผลว่าเบื่อขี้หน้ากัน นุ่น ยังคาดไม่ถึงอีกด้วยว่า เธอหนี ตั้ม คนหนึ่งไปไกลถึง 1/4 ของโลก เพียงเพื่อจะไปพบความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับอีก ตั้ม (เร แม๊คโดแนลด์) ส่วน เชอรี่ ก็คาดไม่ถึงว่าความตั้งใจที่จะออกเดินทางให้หลุดพ้นจากกฎโง่ๆ ของโลก กลับทำให้เธอเรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน ทุกคนต่างอยู่บนกฎพื้นฐานข้อเดียวกัน นั่นคือเราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก เช่นเดียวกับที่โลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล
นาค (2551/2008) เรื่องราวของแม่นาคพระโขนงถูกเล่าขานอีกครั้ง เมื่อนาคกับบรรดาเหล่าผีโบราณต่าง ๆ หนีความเจริญของกรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่กันที่ชนบทห่างไกลแสงสีและความเจริญแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วายโดนพวกผีเมืองกรุงตามมารังควานไม่เว้นแต่ละวัน จนวันหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านของมนุษย์ละแวกเดียวกับที่นาคอาศัยอยู่ ขณะที่ทางหมู่บ้านกำลังจัดงานวัดกัน ผู้คนกำลังดูหนังกลางแปลงอย่างสนุกสนาน ผีในหนังที่ดูก็มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ โผล่ออกมาจากจอหนังแล้วจับธี เด็กชายวัย 7 ขวบไปต่อหน้าต่อตาพี่สาวและชาวบ้านที่กำลังแตกตื่น เมื่อนาคเห็นแก้มพี่สาวของธี สูญเสียน้องชาย ความสงสารเห็นอกเห็นใจบวกกับความหลังฝังใจบางอย่าง นาคและพ้องเพื่อนอย่าง เขียวผีหัวขาด, อืดผีเปรตจอมอ้วน และทองผีหมาปากสุนัข จึงตัดสินใจพาแก้มเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณที่แสนจะทันสมัย เพื่อช่วยเหลือธีและสะสางสิ่งที่ติดค้างในอดีตของตนเอง นาค, แก้ม และแก๊งค์เพื่อน จึงเดินทางสู่เมืองกรุงแห่งโลกวิญญาณ เพื่อเผชิญหน้ากับจอมราชันย์แห่งภูติผีทั้งหลายที่เป็นตัวการวางแผนให้พวกผีร้ายสามารถขึ้นมาทำลายโลกของมนุษย์ในเวลากลางวันได้โดยไม่ต้องซ่อนเร้นอีกต่อไป
สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551/2008) ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับที่ใครต่อใครเฝ้าค้นหา เด็ก 9 คนได้พลัดตกจากเรือสำราญมาติดอยู่บนเกาะกลางทะเล ท่ามกลางความเวิ้งว้างของมหาสมุทรที่เด็ก ๆ ต้องมาดำรงชีวิตเพียงลำพัง ทั้งหาอาหารประทังชีวิต ก่อไฟแก้หนาว หรือกระทั่งต่อเรือเพื่อกลับบ้านพวกเขาก็ได้พบกับโจรสลัดในตำนานที่ล่องเรือมาหาสมบัติที่เกาะนี้ เด็ก ๆ ทั้ง 9 ได้รับการ ช่วยเหลือจากโจรสลัด และพวกเขาก็ได้ช่วยเหล่าโจรสลัดไขปริศนาจากลายแทงจนรู้ที่ซ่อนของสมบัติ แต่ก่อนที่การผจญภัยค้นหาสมบัติจะเริ่มขึ้น ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางจากอริเก่าของโจรสลัดจนต้องเกิดการต่อสู้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ การช่วยเหลือจากสัตว์ในตำนาน ทั้งปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เต่ายักษ์ แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นยังไง เหล่าโจรสลัดและเด็ก ๆ จะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ ต้องติดตามชมใน "สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา"

ก่อนบ่าย เดอะ มูฟวี่ ตอน : รักนะ...พ่อต๊ะติ๊งโหน่ง (2550/2007) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ท่ามกลางไอหมอกในอ้อมอกขุนเขาเขียวชะอุ่มเหนือสุดแดนสยาม ยังมีสามหนุ่ม เด๋อทูบี (ที่ไม่ใช่ดีทูบี) นามว่า ทีป้อ (ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ) หล่อซา (ชูเกียรติ เอี่ยมสุข) หม่าจู (สมชาติ ทรงกลด) เป็นขวัญใจของคนในหมู่บ้าน และแล้วกามเทพก็หลบร้อนขึ้นดอยไปแผลงศรไปปักอกทั้งสามเด๋อ เมื่อได้เจอะกับสามสาวเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ แอนนี่ (อเล็กซานดร้า สติเบิร์ท) ทีป้อถึงกับอุทานเรียกชื่อเธอว่า คุงด่อม้า สวยจาง (แปลให้ คุณดอกไม้สวยจัง) แถวบ้านเรียกว่าตกหลุมรักแบบจังเบอร์ และอุบัติเหตุรักต่าง ๆ ก็พาให้ทีป้อคิดไปไกล หารู้ไม่ว่าตัวเองรักเขาข้างเดียว ฮือ ๆ แต่ช่วงเวลาความสุขช่างแสนสั้น แอนนี่ต้องกลับกรุงเทพไปพร้อมความเข้าใจผิดบางอย่าง ทีป้อและแก๊งสามเด๋อจึงต้องลงดอยเข้าสู่เมืองกรุง เพื่อปฏิบัติการภารกิจที่มีชื่อว่า ตามหาดอกไม้ใจดอย ยังไงละทีนี้ เมืองกรุงออกจะกว้างใหญ่ สามเด๋อเลยเซ่อซ่าไปเจอเรื่องราวอลวนและผู้คนมากมาย ทั้งหมู่บ้านประหลาดที่มีแต่ผู้คนเพี้ยน ๆ กะเทยร่างใหญ่ใจนักเลง คนหน้าเหลี่ยมที่สั่งอาหารชื่อแปลก ๆ แถมยังต้องขี่รถไฟฟ้าถูกตามล่าทั่วเมืองอีกต่างหาก พอได้เจอคุณดอกไม้สมใจก็อกหักดังเป๊าะ เพราะสาวเจ้าดันมี ภคิณ (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) เป็นเจ้าของแล้ว ซึ่งภคิณกำลังคิดร้ายกับคุณดอกไม้อยู่ งานเข้าแล้วสิ งานนี้ทีป้อกับแก็งสามเด๋อจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จหรือไม่

ฅนไฟบิน

เรื่องย่อ : ฅนไฟบิน (2549/2006) ปี พ.ศ. 2398 เป็นต้นมาได้เกิดอาชีพ “นายฮ้อย” ขึ้นมา เพราะประเทศต้องการทำนาเพื่อนำข้าวส่งออกต่างประเทศ เหล่ากลุ่มนายฮ้อยเหล่านี้ต้อนควายเพื่อมาขายยังกรุงเทพฯ นายฮ้อยบางกลุ่มก็เป็นโจรแฝงมาเพื่อปล้นควายและฆ่าชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนโดยทางการมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หนำซ้ำ “พระยาแหว่ง” (ลีโอ พุฒ-พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์) ยังต้องการให้ฆ่าควายให้หมดอีกด้วยเพื่อจะได้ขายรถไถฝรั่งให้กับประชาชนใช้แทนควาย กลุ่มนายฮ้อยโจรเหล่านี้ต้องเผชิญกับ “โจรบั้งไฟ“ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ผู้ออกปล้นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก และที่สำคัญหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตน จนกระทั่งเจอกับ “นายฮ้อยสิงห์” (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และเชื่อมั่นว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ ในขณะที่พระยาแหว่งจ้างโจรปล้นฆ่านายฮ้อยได้หมด แต่กลับไม่สามารถฆ่านายฮ้อยสิงห์คนที่ไม่เคยแพ้ใครได้ พระยาแหว่งจึงวางแผนหลอกใช้โจรบั้งไฟและ “ปอบดำ” (พันนา ฤทธิไกร) ผู้ลึกลับและมีความแค้นอยู่กับนายฮ้อยสิงห์มานาน จึงตกลงใจช่วยเหลือโดยทันที ทั้งพระยาแหว่งและโจรบั้งไฟต่างก็หลงรัก “อีสาว” (กัญญาภัค สุวรรกูฏ) ลูกสาวคนเดียวของปอบดำ แต่ปอบดำก็ไม่ยอมให้ใครได้อีสาวไปครอง… “นายฮ้อยสิงห์” ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย… ชีวิตของ “อีสาว” ยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย… “โจรบั้งไฟ” และ “พระยาแหว่ง” ยังไม่รู้ความลับของ “ปอบดำ” แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน…

สุดสาคร (2549/2006) การพบกันระหว่างสุดสาคร กับ ม้านิลมังกร นั่นหมายถึงการจากลาจาก พระเจ้าตา และ แม่นางเงือก และหมายถึงการเริ่มต้นสู่การผจญภัยที่เหนือจินตนาการ เพื่อเดินทางตามหา พระอภัยมณี ผู้เป็นบิดา ไปสู่ดินแดนที่สุดสาครไม่เคยรู้จัก ในขณะเดียวกันทางฝ่าย พระอภัยมณี กับ นางสุวรรณมาลี และสินสมุทร เกิดเรืออับปางลงกลางทะเล นางสุวรรณมาลี กับสินสมุทรลอยคออยู่กลางทะเลและถูกโจรสลัดนามว่า สุหรั่ง จับตัวไว้ หากแต่สินสมุทรผู้มีพลังอำนาจ ได้ปราบโจรสลัดเสียสิ้น สมุนของโจรจึงกลับใจมาช่วยสินสมุทรตามหาผู้เป็นบิดาที่พลัดหลง ส่วนพระอภัยมณี ลอยตามน้ำไปสู่เมืองลังกาและถูกอุศเรนจับไว้เป็นตัวประกันในการทำศึกกับศรีสุวรรณเจ้าเมืองรมจักรผู้เป็นน้องของพระอภัยมณี การผจญภัยของสุดสาครถึงคราวเข้าตาจนอีกครั้งเมื่อพบกับ ชีเปลือย ที่ลวง สุดสาครว่าจะถ่ายทอดวิชาข้ามทะเลน้ำกรดให้ เมื่อหลงเชื่อ ชีเปลือยจึงชิงเอาไม้เท้ากายสิทธ์กับม้านิลมังกรมุ่งหน้าสู่เมืองการเวก และทำให้สุดสาครต้องตกลงไปในก้นเหว ม้านิลมังกรได้จังหวะระหว่างที่ ชีเปลือย เสวยสุขอยู่ในเมืองการเวกนั้น หลบหนีออกมทาช่วยสุดสาคร และด้วยบุญญาธิการสุดสาครจึงรอดตายและขี่ม้านิลมังกรกลับมาเมืองการเวกเพื่อทวงถามความจริงให้กับท้าวสุริโยทัยเจ้าเมืองการเวกและชาวเมือง และเมื่อสุดสาครได้ปราบชีเปลือยจนรู้แพ้ชนะแล้ว จึงออกเดินทางไปปราบเหล่าผีเสื้อยักษ์ ที่คอยก่อกวนชาวเมืองที่ต้องเดินทางค้าขายทางสำเภาเรือ ณ เกาะแห่งหนึ่ง สุดสาครได้ออกไปปราบผีเสื้อยักษ์ ร่วมกับเหล่าทหารผู้กล้าเมืองการเวก แต่ในสำเภา เจ้าชายหัสชัย กับ เจ้าหญิงเสาวคนธ์ แอบซ่อนไปด้วย และเมื่อเจ้าหญิงเสาวคนธ์ขึ้นมาจากท้องเรือก็ถูกผีเสื้อยักษ์โฉบเอาตัวไป สุดสาครจึงขี่ม้านิลมังกรเร่งติดตามไปช่วยเหลือ และปราบผีเสื้อยักษ์เสียราบคาบ และนำตัวเจ้าหญิงเสาวคนธ์กลับมาได้อย่างปลอดภัย ฝ่ายกองทัพอุศเรน เดินทางมาถึงจุดนัดหมายพร้อมกับทำการรบกองทัพศรีสุวรรณ การต่อสู้เป็นไปด้วยความดุเดือด ท่ามกลางการสุมดูของสินสมุทร สุวรรณมาลีที่รอเวลาจะเข้าช่วยเหลือ ทางฝ่ายสุดสาครเดินเรือมาถึงเห็นการรบมาแต่ไกล จึงทราบว่าเป็นการรบกันระหว่างท้าวอุศเรนและศรีสุวรรณผู้เป็นน้าของตน สุดสาครไม่รอช้าจึงตรงเข้าช่วยเหลืออย่างกล้าหาญ ขณะเดียวกันสินสมุทรได้จังหวะจึงนำเหล่าสมุนโจรตรงเข้าช่วยรบ จนในที่สุดความปราชัยเป็นของท้าวอุศเรนแห่งเมืองลังกา สุดสาครแนะนำตนเองกับพระอภัยมณีด้วยการนำปิ่นปักผมจากแม่นางเงือกที่ให้ติดตัวไว้ พระอภัยมณีเห็นดังนั้นจึงทราบเรื่องราวเป็นอย่างดี ทั้งหมดได้พบเจอกันด้วยความปิติสุข
ก้านกล้วย (2549/2006) วีรบุรุษผู้มี 4 ขา 2 งา และ 1 งวง ช้างศึกผู้สร้างเกียรติประวัติสูงสุดให้แก่ช้างไทย ในฐานะช้างคู่พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งสงครามยุทธหัตถี ชื่อของเขาคือ “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” หรืออีกนามหนึ่งว่า “ก้านกล้วย” นี่คือเรื่องราวการเติบโตของช้างเชือกหนึ่ง จากลูกช้างซุกซนใช้ชีวิตอิสระอยู่ท่ามกลางป่าลึก แต่แล้วด้วยความอยากรู้เรื่องของพ่อที่หายไปได้นำเขาออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ผ่านหลากหลายเหตุการณ์ซึ่งให้บทเรียนใหม่ๆ เปลี่ยนให้เขากลายเป็นช้างที่กล้าแกร่งเต็มไปด้วยพละกำลัง ในขณะที่จิตใจกลับอ่อนโยน บรรดาตัวละครต่างๆ ที่เขาได้พบระหว่างการเดินทาง อาทิเช่น “จิ๊ดริด” นกพิราบสื่อสารขี้โม้, “ชบาแก้ว” ช้างสาวผู้น่ารักและแสนงอน, “ติ่งรูและรถถัง” ช้างรุ่นพี่และรุ่นอาซึ่งเขาได้พบในหมู่บ้าน, “บุญเรือง” ช้างศึกแห่งเมืองหลวง และที่สำคัญ “แสงดา” แม่ซึ่งก้านกล้วยจากมา ล้วนเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มสร้างสีสันและความสนุกสนาน พร้อมกันนั้นก็ให้บทเรียนต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อมให้เขาก้าวสู่การเป็นช้างศึกเชือกสำคัญในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์และการได้พบกับผู้คนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “สมเด็จพระนเรศวรฯ” มหาราชผู้เกรียงไกรของชาติไทย, “ลุงมะหูด” หัวหน้าครูฝึกช้าง, “มังคุด” เด็กมนุษย์ตัวน้อยผู้บริสุทธิ์สดใส ฯลฯ ยังทำให้ก้านกล้วยได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพระหว่างคนและช้างอันนำไปสู่การเสียสละตัวเอง โดยเดินหน้าเข้าสู่สงครามอย่างนักรบผู้กล้า เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำมาเมื่อครั้งอดีตสุดท้าย ขณะอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขามเขาก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญที่สุด นั่นก็คือการเอาชนะความกลัวในจิตใจตัวเอง เมื่อมีชัยเหนือตัวเองก็ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะทำให้เขาพรั่นพรึงได้อีกต่อไป และจุดนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นช้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้จุดหมายแรกคือการตามหาพ่อ แต่ในที่สุดก้านกล้วยกลับได้พบสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า นั่นก็คือมิตรภาพ ความกล้าหาญ และความเสียสละซึ่งอยู่ในตัวเขาเอง เป็นจิตวิญญาณของพ่อที่อยู่กับเขามายาวนาน และนี่คือบทสรุปที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับการเดินทางของเขาในครั้งนี้…
โบอา งูยักษ์ (2549/2006) คุณจะไม่มีวันลืม ความสยองขวัญครั้งใหม่ ที่รอกลืนกินทุกคนอยู่ในความดิบเถื่อนของพงไพร “โบอา งูยักษ์” …ท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขาและพงไพร มีบางอย่างเร้นกายภายใต้ป่าลึกนั้นอย่างเงียบๆ… “พนา” ชายหนุ่มที่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เขาชอบเดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ เพื่อเก็บภาพความสวยงามไว้เป็นที่ระลึก วันหนึ่งพนาได้ไปท่องเที่ยวในป่าแห่งหนึ่งแถวเขตชายแดน ขณะที่เพลิดเพลินกับการเก็บภาพธรรมชาติที่สวยงามอยู่นั้น โดยไม่ทันตั้งตัว เขาโดนบางอย่างลากไปกินอย่างน่าสยดสยอง กลุ่มเพื่อนสนิทของพนาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คือ “คิน, โก้, เสิด, ก๋อย, สีดา” และ “แพร” แฟนสาวของพนา ทราบข่าวที่พนาหายไปอย่างลึกลับ จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปตามหาพนาด้วยตัวของพวกเขาเองในป่า โดยการโดยสารไปกับบอลลูน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้เห็นวิวด้านล่างของป่าอย่างชัดเจน แต่แล้วพวกเขาก็ต้องมาผจญกับลมพายุฝนรุนแรงจนทำให้บอลลูนตกกลางป่าลึกแห่งหนึ่ง ในค่ำคืนที่ฝนตกกระหน่ำ ทั้งหมดมาหลบฝนที่ใต้รูปปั้นแกะสลักพญานาค ทุกคนประหลาดใจจึงเดินขึ้นไปตามทางบันไดหินจนพบปากถ้ำ ทั้งหมดตัดสินใจเข้าพักแรมในถ้ำลับกลางป่าแห่งนั้น โดยหารู้ไม่ว่าพวกเขาได้ย่างกรายเข้าสู่อันตรายที่ยากจะต้านทานได้ …บางสิ่งกำลังเลื้อยออกจากการแฝงกายภายในถ้ำ เพื่อรับการมาเยือนของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญโดยเฉพาะ… “งูยักษ์” ที่อาศัยอยู่ในถ้ำลับนั้น ไม่รีรอที่จะออกมาต้อนรับเหล่าหนุ่มสาวกลุ่มนี้ด้วยการกลืนกินพวกเขาทีละคนๆ ไม่ต่างจากเหยื่ออันโอชะ ผู้รอดตายจากคมเขี้ยวงูยักษ์ของค่ำคืนสยองนั้น จำเป็นต้องกระเสือกกระสนหาทางออกและวิธีทำลายงูยักษ์นั้น ก่อนที่มันจะคืบคลานเข้าใกล้พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อสุดทางหนี พวกเขาจึงต้องเผชิญหน้าสู้กับมันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่ดูเหมือนจะเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้พวกเขา…รอดชีวิต
ไพรรีพินาศ ป่ามรณะ (2549/2006) ในปี 2530 คำกอง ลีซอ และ นาซอ (ตอนเด็ก) เดินทาง เข้าไปในป่าพญาเมฆ เพื่อหาขุมทรัพย์ตามที่ลายแทงบอกไว้ แต่ต้องมาเจอกับงูยักษ์ตามไล่ล่า จนทำให้ลีซอที่เป็นพ่อของนาซอเสียชีวิต ด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เอง จึงทำให้นาซอเข้าใจว่าคำกองเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของตัวเองเสียชีวิต จึงเกิดความเค้นต่อคำกอง ในปี 2547 หมวดวุฒิ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) กับพรรคพวกจับนักโทษที่แหกคุกออกมาได้คนหนึ่ง สอบปากคำจนรู้ว่าพวกนักโทษที่เหลือนั้นได้หลบหนีไปทางป่าพญาเมฆ ในปัจจุบันนี้ คำกอง ได้บวชเป็นพระอยู่ในวัดแห่งนึ่งใกล้ ๆ กับป่าพญาเมฆ หมวดวุฒิกับพรรคพวกได้เดินทางมายังวัด เพื่อสอบถามร่องรอยของนักโทษกับหลวงพ่อคำกองผู้เป็นพ่อของหมวดวุฒิ หลวงพ่อคำกองได้ดูรูปถ่ายก็รู้ทันทีว่านักโทษที่อยู่ในรูปนั้นคือ นาซอ (ชลัฏ ณ สงขลา) โจรที่ปล้นฆ่าอันโหดเหี้ยม ลูกชายคนเดียวของลีซอเพื่อนเก่า ในคืนนั้นเองนาซอและพรรคพวกที่แหกคุกออกมา ก็ได้กลับมาฆ่าหลวงพ่อคำกอง และได้แย่งลายแทงสมบัติกับพวงกุญแจของหลวงพ่อไป จากนั้นนาซอและ หนานเมือง (สุรชัย แสงอากาศ) ก็ได้เดินทางเข้าป่าพญาเมฆ เพื่อไปหาขุมทรัพย์ตามที่ลายแทงบอกทันที หมวดวุฒิก็ได้ออกตามล่าพวกนาซอที่หลบหนีเข้าป่าทันทีที่รู้ข่าว โดยมีนายพรานกระเหรี่ยงเป็นคนนำทาง และมีการปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มโจร ซึ่งต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย พวกนาซอได้หลบหนีเข้าไปในป่าอาถรรพ์ หมวดวุฒิจึงตามไปแต่นายพรานกระเหรี่ยงไม่กล้าเข้าไป จึงนำข่าวนี้ไปบอกพรานเฒ่าแทน พอ พรานเฒ่า (ประทีป หาญอุดมลาภ) รู้ข่าว ก็รู้สึกเป็นห่วงหมวดวุฒิ จึงได้ออกเดินทางตามไปกับหลานสาวชื่อ กระแต (ณัฐนันท์ จันทรเวช) ด้านพวกนาซอนั้นก็ได้เจอกับ ฝูงต่อพญาเสือ นับแสนตัว รุมทำร้ายจนทำให้ลูกน้องคนหนึ่งเสียชีวิต ทางด้านหมวดวุฒิที่ตามมาติด ๆ นั้นกลับมาเจอ ฝูงตุ๊กเข้ ไล่กัด ด้วยเหตุการณ์ณ์ครั้งนี้เองจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายต้อง หนีเข้าไปในป่านารีผล ป่านารีผล ในคืนนี้เองทำให้จ่าวีได้เจอกับพวก นารีผลที่เป็นสาวสวย มาหลอกยั่วยวนให้หลงใหล และหลอกดูดพลังชีวิตจนตาย จ่าหมึกผู้ที่เห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็เกือบพลาดท่าเสียทีพวกนารีผล แต่โชคดีที่หมวดวุฒิและพรานเฒ่ามาช่วยไว้ทัน นาซอและพรรคพวกที่เหลือโดนหมวดวุฒิจับได้ แต่ว่าหมวดวุฒิและพรรคพวกนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับการช่วยเหลือจากสาวชาวบ้านที่ชื่อว่า สีอ่อน (จิรภัทร์ วงศ์ไพศาลลักษณ์) และ คำแพง (ณัฏฐรี วิบูลย์เลิศ) สีอ่อนและคำแพงนั้นจะคอยช่วยหาสมุนไพรเพื่อมารักษาหมวดวุฒิและพรรคพวก ชาวบ้านในหมู่บ้านของสีอ่อนทำการต้อนรับอย่างดีกับพวกที่สีอ่อนและคำแพงพามา ในคืนนั้นเองพรานเฒ่าได้มอบของสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อคำกองได้ฝากไว้ให้หมวดวุฒิ นั่นก็คือ มีดอาคม กระแตหลานสาวของพรานเฒ่า เริ่มมีความสงสัยกับผู้คนในหมู่บ้านของสีอ่อนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะว่าเธอได้อ่านสมุดบันทึกของหลวงพ่อคำกองที่ให้เธอมา แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ...ความลับของขุมทรัพย์จากเหรียญกาละกำลังรอวันเปิดเผย... ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต เกี่ยวข้อง ต่อเนื่อง และส่งผลถึงกัน... ...การเผชิญหน้ากับความจริง และความตาย ที่รอเขาอยู่เบื้องหลังเหรียญกาละ... ...กลายเป็นที่มาแห่งจุดจบที่คาดไม่ถึง...
Ocean Butterfly ผีเสื้อสมุทร (2549/2006) คนโบราณเตือนไว้ เวลาอายุครบเบญจเพส ให้หนุ่มสาวพึงระวังตัว แต่คงไม่เคยมีใครเตือน "ว่าน" ให้ระวังตัว อย่าเข้าใกล้... ตู้ปลา ในวันเกิดอายุครบ 25 ปีนี้ "ว่าน" (ต้อง ศุภัชญา) สาวเปิ่น เฉิ่ม เบอะเริ่มได้ยินเสียงพูดคุยที่ไม่รู้ที่มา โดยเฉพาะเวลาว่านอยู่ใกล้ตู้ปลา จะว่าว่านอกหักที่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกก็ไม่น่าจะมีอาการแปลกประหลาดแบบนี้ ว่านตัดสินใจไปไขปริศนาที่ทะเล เพราะท่าทางตัวเองจะอาการหนักขึ้น แต่ว่านจำต้องร่วมเดินทางไปกับ "แทน" (ธันญ์ ธนากร) ช่างภาพถ่ายรูปธรรมชาติ ตั้งแต่เจอกับแทน เวลาว่านมีปัญหายุ่ง ๆ ทีไร แทนก็มักจะปรากฏตัวอยู่คอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ เสมอ เมื่อมาถึงทะเล ว่านรู้สึกคุ้นเคยมีอิสระมากขึ้น ได้สัมผัสท้องทะเล ว่านรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งดำน้ำลงไปใต้ทะเลลึก ยิ่งอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้น ว่านค้นพบว่า ตนมีความสามารถพิเศษเวลาอยู่ใต้น้ำ แทนพาว่านมาพักที่เกาะผีเสื้อ แทน เริ่มสังเกตว่า ว่านโตเป็นสาวเต็มตัว ไม่ใช่เด็กเปิ่น เฉิ่มเหมือนที่เคยเห็น ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างว่านกับแทนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น กิตติ (เอ อนันต์) เจ้าของรายการโทรทัศน์ที่วางแผนจัดฉากถ่ายภาพสัตว์ประหลาดใต้ทะเล หวังสร้างให้เป็นข่าวฮือฮา แต่ระหว่างจัดฉากถ่ายทำกลางทะเลอยู่นั้น กล้องถ่ายติดภาพสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดใต้น้ำ กิตติมั่นใจว่าตนพบขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว กิตติตั้งใจจะเอาตัวเป็น ๆ ของผีเสื้อสมุทร มาเปิดเผยให้โลกรับรู้ให้ได้ บนเกาะผีเสื้อ ช่วงเวลาที่ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างว่านกับ ทนก่อตัวขึ้นที่เกาะผีเสื้อ ว่านได้พบกับ "เฒ่าโล้" (ชาย เมืองสิงห์) ชายชราแห่งท้องทะเล เฒ่าโล้ คล้ายรู้ความลับของว่าน แต่เฒ่าโล้ก็เพียงแต่เตือนว่านว่า ร่างกายว่านจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริงหากโดนน้ำ แทนตัดสินใจจะช่วยว่านค้นหาอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวว่าน แทนไม่รู้เลยว่า ความรักกำลังพาเขาดำดิ่งลงไปสู่ปริศนาลี้ลับแห่งใต้ท้องทะเล
ต้มยำกุ้ง (2548)

เรื่องย่อ : The Protector ต้มยำกุ้ง (2548/2005) การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"

เรื่องย่อ : โคตรเพชฌฆาต (2548/2005) เรื่องราวที่น่าขนพองสยองเกล้ากับความตายที่เป็นปริศนาของคนในหมู่บ้านคลองบางมุด เมื่อสถานที่เงียบสงบร่มเย็น ชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่กันตามประสาชาวชนบท แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อมีชาวบ้านพบศพชายนิรนามมาตายอยู่ที่ริมฝั่งคลอง หลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านหลายคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการค้นหาปริศนาที่ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการตายของพวกชาวบ้านและศพนิรนามนั้น กระทั่งได้พบรอยประหลาด ซึ่งรอยประหลาดนั้นคล้ายกับรอยของสัตว์ขนาดใหญ่ เหตุนี้ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า เจ้ารอยประหลาดนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์สะเทือนขวัญจนยากที่จะลืมได้ และยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านคลองบางมุดตลอดมา

ชาวบ้านบางมุด จังหวัดชุมพร ต่างร่ำลือถึงจระเข้ที่อาศัยอยู่ในคลองบางมุด อันเป็นสาเหตุของคดีคนหายหลายรายอย่างไร้ร่องรอย สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งจังหวัด นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และกำนันเกณท์ลูกบ้านเพื่อออกจัดการกับเจ้าจระเข้ตัวนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้ จนเมื่อ "จำนง" นายทหารประจำหน่วยรบชุมพร กลับมาจากราชการ ถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ทางทหารช่วยจัดการปราบจระเข้ตัวนี้ เขาจึงร่วมมือกับนรินทร์และชาวบ้าน ออกตามล่าเพื่อปราบเจ้าจระเข้ยักษ์ เขาต้องพบอุปสรรคมากมาย ทั้งการขัดแย้งกับทางราชการและความดุร้ายของเจ้าจระเข้ยักษ์นี้

นรินทร์ นายตำรวจหนุ่ม ออกตามหาชายคนหนึ่งที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะพบว่าเป็นฝีมือของจระเข้ที่อยู่ในลำคลองอันเป็นสายน้ำแห่งวิถีชีวิตของชาวบางมุด ซึ่งสร้างความน่าสะพรึงกลัวด้วยขนาดอันใหญ่โตและมีรอยด่างที่ลำตัว เขาและเจ้าหน้าที่รวมถึงชาวบ้านจึงต้องร่วมมือกันปราบมันท่ามกลางอุปสรรคมากมาย

เกิดมาลุย (2547)

เกิดมาลุย (2547/2004) โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้

องค์บาก (2546)

องค์บาก (2546/2003) ในประวัติศาสตร์หมู่บ้านหนองประดู่ ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของครูดำ ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่า ไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสดมภ์ และแย่งชิงไปจากหมู่บ้าน เมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบาก อยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าว คือบาดแผลจากการต่อสู้ ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ ที่รับแทนคมหอกคมดาบ ที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟัน เข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง ว่ากันว่าความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขาน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้วองค์บากกลับถูก ดอน (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน และที่ร้ายแรงที่สุด คือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณ ที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญ ที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บาก ที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจ ต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธา ที่หมุนเวียนบรรจบมา เพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และพลังแห่งความดีงาม ของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรม จากองค์บากโดยตรงอย่าง ทิ้ง (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้า ที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโต จนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก รวมทั้งเคล็ดวิชานวอาวุธ (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญ ในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศรีษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และความคล่องแคล้วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระครู หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลัก ที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน การเดินทางมุ่งหน้าสู่หนทางแห่งการต่อสู้ การทบทวนจิตวิญญาณแห่งความใฝ่ดี และการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ลุ่มหลงนิยมในวัตถุเงินทอง ท่ามกลางแสงสีของเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยความคดโกง หลอกหลวง และแก่งแย่งชิงดี ทิ้งได้พบกับบททดสอบแห่งศรัทธา และภาระรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น อันตรายมากขึ้น โดยมีคนๆ เดียวในเมืองหลวง ที่จะช่วยทิ้งตามหาดอนได้คือ หำแหล่ หรือ ยืนยง (หม่ำ จ๊กหมก) ลูกชายของผู้ใหญ่น้อย อีกหนึ่งลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ถูกส่งมาเล่าเรียน เพื่อกอบโกยเอาความรู้ นำกลับไปพัฒนาถิ่นเกิด แต่กลับกลายเป็นว่า ทิ้งถูกหำแหล่ ที่บัดนี้เปลี่ยนรูปโฉมเป็น ไอ้ยอร์จ หนุ่มหัวทองไร้ซึ้งหัวจิตหัวใจ หลอกขโมยเอาถุงห่อของมีค่า ที่รวบรวมเอาแบ๊งค์ยี่สิบเก่าๆ เงินเหรียญ และบรรดาทรัพย์สมบัติของผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกหลานของบ้านหนองประดู่ ที่รวบรวมให้ทิ้งเพื่อเป็นทุนรอน ในการตามหาองค์บากในเมืองใหญ่ ไปวางเดิมพันในมวยเถื่อนเสียแล้ว เส้นทางในการเสาะหาองค์บาก ดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้อง กับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เง็ก (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิต ที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวง กัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ, หมวยเล็ก (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้ว ที่งดงามทั้งหน้าตาและจิตใจ, ไอ้เป๋ง (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้ หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอย คู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่าง ออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงาม จากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บาก ค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้ง ถล้ำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง กับเกมการต่อสู้และการไล่ล่า ที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้าย จากทั้งคนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติ และนี่คือจุดเริ่มต้น ของการเดินทางแห่งจิตศรัทธา ที่นำมาซึ่งการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีของศิลปะการต่อสู้ ที่เรียกขานว่า แม่ไม้มวยไทยโบราณ

เรื่องย่อ : พรางชมพู กะเทยประจัญบาน (2545/2002) บนสมรภูมิสู้รบเดือดของชนกลุ่มน้อย บริเวณรอยต่อชายแดนไทย ...ความขัดแย้งจนเลือดพล่าน ผสานความฮาแตก ระเบิดขึ้นเมื่อเครื่องบินลำหนึ่ง ร่วงลงอย่างไม่คาดฝัน ปล่อย 6 กะเทยผู้รอดชีวิต ให้จิตตกระหกระเหิน สะเทินน้ำสะเทินบกอยู่กลางป่า ร้อนถึงทหารนอกราชการ ต้องรับภารกิจไม่ธรรมดา ด้วยการบุกป่าฝ่าดง ข้ามเขตสู้รบ เข้าไปช่วยพวกเธอ ให้รอดกลับบ้านเกิดได้โดยสวัสดิภาพ ผู้กองหนุ่มไฟแรง ผู้กองสมพงษ์ (พุฒิชัย อมาตยกุล) รับหน้าที่นำหน่วยทหารเฉพาะกิจครั้งนี้ เพื่อออกปฏิบัติการอันแสนจะไร้สาระ ในสายตาของ จ่าเริง (สรพงษ์ ชาตรี) ทหารรุ่นดึก ผู้จงเกลียดจงชังสาวประเภทสองเข้าไส้ โดยมี หมู่ปกรณ์ (โกวิทย์ วัฒนกุล) เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในหน่วย เหล่าทหารหาญมาดแมนทั้งหมด ต้องเปิดฉากเจรจาต่อรอง ขอแลกตัว 6 กะเทยไทยใจกระตู้วู้ ที่จับพลัดจับผลูตกเป็นเชลยของชนกลุ่มน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะอันไม่จำเป็น แต่แล้วแผนการเกิดผิดพลาด จนลุกลามเป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด กับกองกำลังรักษาดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน ความปรารถนา ที่จะได้กลับเมืองไทย อย่างสงบสุขของผู้รอดชีวิต กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีกันอย่างดุเดือด ระหว่างทหารหลายฝ่ายหลายชาติที่เกี่ยวข้อง ในเวลาเดียวกับที่ศึกภายนอกดุเดือดสุดขีด ศึกภายในทั้งระหว่างกะเทยด้วยกัน และกะเทยกับทหารก็เริ่มแสบร้อนเผ็ดมันตามไปด้วย เหล่าสาวๆ ที่นำโดย เกษม (เสรี วงษ์มณฑา), สมหญิง (อรนภา กฤษฎี), ชิชา (ธงธง มกจ๊ก) ซึ่งแตกต่างกันทั้งวัย นิสัย และความเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์ ของเรือนกาย ก่อวิวาทะแบ่งพวกแบ่งฝ่ายกันเองอย่างไม่วายเว้น สร้างความเหม็นเบื่ออย่างยิ่งยวด แก่จ่าเริงที่เกลียดกะเทย เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความขัดแย้งจึงยิ่งกลายเป็นจุดบั่นทอน ให้การเดินทางของพวกเขา วุ่นวายยากเย็นขึ้นทุกที การไล่ล่าของชนกลุ่มน้อย ตามติดมากระชั้นชิด บีบคั้นให้ฝ่ายไทย ต้องหลบหนีอย่างชุลมุน มาจนถึงจุดนัดพบ เพียงเพื่อจะได้รู้ความจริงว่า เฮลิค็อปเตอร์ที่ทางการรับปากไว้ ว่าจะส่งมาช่วยนั้น ไม่มีวันมาตามที่พวกเขาคาดหวัง มีแค่คำสั่งง่ายๆ แต่ทำตามยากเหลือร้าย นั่นคือ พวกเขาต้องดิ้นรน หาทางรอดกลับสู่มาตุภูมิกันเอาเอง! แต่ท่ามกลางความขัดแย้งอันสุดป่วนหัวใจนี้.... พวกเขาและพวกเธอ จะเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหญ่กันอย่างไร ที่ไม่เพียงแค่เพื่อรักษาชีวิตอันมีค่าของตัวไว้ แต่ยังเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารห้าว กับสาวประเภทสอง ให้โลกต้องจารึกไว้ด้วย?!!

The Trek ดงพญาไฟ (2545)

เรื่องย่อ : The Trek ดงพญาไฟ (2545/2002) กลุ่มสมาชิกชมรมคชบาล ซึ่งศึกษาพันธุ์ช้างเอเชีย พร้อมด้วยนักศึกษาชาวต่างชาติ ที่กำลังสนใจพันธุ์ช้างเอเชีย ออกเดินทางเข้าไปในป่า เพื่อเดินทางตามหาช้างประหลาด ที่ถูกพบโดยบังเอิญ ตามข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เส้นทางนี้ก็มีอันตราย เนื่องจากเป็นเส้นทางของชนกลุ่มน้อย ที่มีการลำเลียงขนสารแอมเฟตตามีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตยาบ้า กลุ่มคณะสำรวจเริ่มต้นการเดินทาง จากหมู่บ้านเล็กๆ ในป่าลึก จากการเข้าพบผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอให้ช่วยพูดกับนายพรานผู้ชำนาญป่า เป็นคนนำทาง แต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะมีนายพรานหลายคน ที่เข้าไปในป่าแห่งนี้แล้ว ไม่กลับออกมาอีกเลย แต่ทั้งหมดก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ยังคงยืนกรานที่จะเดินทางเข้าป่าโดยลำพัง เพื่อติดตามหาช้างประหลาดดังกล่าว การเดินทางเข้าไปในป่า โดยไม่มีนายพรานผู้ชำนาญทางเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ทั้งหมดก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ด้วยความหวังที่จะตามหาช้างให้พบ โดยจะต้องผ่านเส้นทางที่อันตราย และยากลำบาก แต่เมื่อเดินทางเข้าไปยังไม่ถึงครึ่งทาง ทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง เมื่อเผชิญกับหลุมตะขาบยักษ์ อาศัยอยู่นับร้อยนับพันตัว และก็ต้องพบกับความสูญเสีย เมื่อหนึ่งในคณะเดินทาง ตกลงไปในหลุมตะขาบที่น่าสยดสยอง ส่วนหัวหน้ากลุ่มสมาชิกชมรมคชบาล ที่นำคณะสำรวจเข้าป่า ตั้งใจที่จะค้นหาช้างประหลาดนี้ให้พบ กลับบาดเจ็บสาหัส จนทนพิษบาดแผลไม่ไหว และไม่อยากเป็นภาระของคนอื่นๆ จึงตัดสินใจยิงตัวตายในคืนนั้น กลุ่มคณะสำรวจที่เหลือจำต้องเดินทางต่อ พร้อมด้วยพรานธงที่เดินทางตามมาสมทบ ตามคำขอร้องของผู้ใหญ่บ้านให้ตามเข้ามาดูแล กลุ่มคณะสำรวจนี้จะตัดสินใจเดินทางต่อ หรือกลับออกมาจากป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย..? พวกเขาจะตามหาช้างป่า ที่มีลักษณะประหลาดได้หรือไม่ ? การผจญภัยของพวกเขา ที่จะต้องเดิมพันด้วยการสูญเสีย เพื่อแลกกับความอยู่รอด เรื่องราวของความหวัง มิตรภาพ การผจญภัยในดินแดนเร้นลับ ที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป...