ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี
เรื่องย่อ : B•Friend เจตนา (ไม่) ลืม (2568/2025) หลังสูญเสียพ่อแม่ “ลลิน” ต้องเข้มแข็งเพื่อสานต่อธุรกิจครอบครัว ทั้งที่ภายในยังเจ็บปวด เธอได้พบ “ดาหวัน” เด็กสาวผู้ป่วยความจำเสื่อม และ “ลัน” เพื่อนสนิทที่เป็นทั้งความอบอุ่นและบาดแผลในใจ ความใกล้ชิดของทั้งสามคนในเขาใหญ่ กลับนำพาไปสู่ความผูกพันที่ยากจะถอนใจ และความรู้สึกต้องห้ามที่ไม่อาจปฏิเสธ
เรื่องย่อ : ไหนเฮียบอกไม่ชอบเด็ก Mystubborn (2568/2025) "จวิ้น" เด็กหนุ่มมัธยมปลายผู้กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง กับ "เฮียศร“ ชายหนุ่มมาดนิ่ง ผู้มีความเป็นระเบียบสูงและไม่ถูกจริตกับเด็กแบบสุด ๆ ทั้งคู่กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เพราะวีรกรรมแสบ ๆ ของจวิ้นที่เฮียศรไม่มีวันลืม ทั้งแอบใส่เกลือในยาสีฟัน ซ่อนของใช้ส่วนตัว และอีกสารพัดความแสบที่ทำให้เฮียศรเหม็นหน้าจวิ้นเข้าไส้ แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อจวิ้นดันบังเอิญไปเจอเฮียศรในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา ความกระอักกระอ่วนกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจะนิยามได้ ชายผู้ประกาศกร้าวว่า "ไม่ชอบเด็ก" กลับต้องเผชิญกับหัวใจ ตัวเองที่เริ่มหวั่นไหวทีละน้อย จากความขัดแย้งสู่ความใกล้ชิดที่ยากจะปฏิเสธ จวิ้นและเฮียศร ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ไม่คาดฝัน และบทพิสูจน์ครั้งใหญ่ที่จะท้าทายทุกอย่างที่เฮียศรเคยเชื่อมั่น
เรื่องย่อ : ซังมินดินเหนียว (2567/2024) ซังมิน (เชว ซังมิน) หนุ่มเกาหลีที่เดินทางกลับมาเยี่ยมโฮมสเตย์ที่ประเทศไทยที่เคยอยู่สมัยเด็ก ซังมินได้พบแม่อรและลูกชาย ดินเหนียว (เพชร รตน เอี่ยมสอาด) จากที่เคยเจอกันตอนเด็ก ผ่านมาสิบปีดินเหนียวโตเป็นหนุ่มและทำให้ซังมินตกหลุมรัก ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกันที่โฮมสเตย์และความผูกพันจึงเกิดขึ้น จนทำให้แผนการที่เป็นความลับของซังมินเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ของซังมินดินเหนียวผ่านอุปสรรคมากมายและจะเป็นไปได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาทั้งสอง
เรื่องย่อ : Love Sick 2024 ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน (2567/2024) ผม "โน่" นักเรียนชั้นม.5 ประธานชมรมดนตรี สุดเฟี้ยวแห่งฟรายเดย์คอลเลจ ผมต้องพบกับเรื่องสุดพีค เมื่องบชมรมโดนตัดจนไม่พอจ่ายค่ากลองใหม่ที่สั่งมาแล้ว! คนเดียวที่จะช่วยผมได้คือ "ปุณณ์" เลขาฯสภานักเรียน ผู้เพอร์เฟ็กต์ หล่อ รวย เรียนเก่ง มีน้ำใจกับทุกคน แต่พอผมไปขอความช่วยเหลือ ไอ้ปุณณ์กลับมีข้อแม้ว่า "ต้องมาเป็นแฟนกัน"เพื่อตบตา "น้องแป้ง" น้องสาวสายวายของมันที่จะช่วยคุยกับพ่อให้มัน ไม่ต้องดูตั๋วกับผู้หญิงอื่น เพราะความจริงไอ้ปุณณ์มีแฟน อยู่แล้วนี่ไง "เอม"ดาวคอนแวนต์แฟนไอ้ปุณณ์ แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะยิ่งใกล้ชิดกันหัวใจของผมก็ยิ่ง "สั่น" จากละครตบตา น้องแป้ง ก็เริ่มกลายเป็นความจริงขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย เพราะความรักครั้งนี้มันสุดจะผิดที่ผิดเวลา ยังไม่พอผมดันไปรู้ว่าเอมมี SOMETHING WRONG กับเพื่อนสนิทอย่าง "ลี" และเหมือนชีวิตผมจะยังชุลมุนไม่พอ เพราะ "เอิ้น" ก็มาชอบผมอีก ความรักอันลุ่มๆ ดอนๆ ของพวกเราทุกคนจะจบยังไง มาลุ้นเอาใจช่วยได้ใน LOVESICK 2024 : ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน
เรื่องย่อ : ทรงจำในอักษร (2567/2024) อักษร ชายหนุ่มนักศึกษาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่หอพักใกล้ร้านหนังสือที่ตนทำงาน พาร์ทไทม์ โดยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะได้เจอกับเรื่องประหลาดที่หอพักแห่งนี้ตั้งแต่วันแรก เขาพบว่ากระจกบานใหญ่เท่าตัวคนในห้อง กระจกเงาที่ควรจะสะท้อนทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า มันกลับสะท้อนภาพของ ทรงจำ เด็กหนุ่มมัธยมปลายร่างสูงวัย 17 ปี ขึ้นมาแทน อักษรตกใจมาก เขานึกว่านี่เป็นกระจกผีสิง ที่น่าตกใจกว่าคือทรงจำในกระจกก็คิดเหมือนกันว่าอักษรเป็นผีในกระจก แต่เมื่อเวลาผ่านไปในที่สุดอักษรก็สรุปได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผี แต่เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตมีจิตใจมีความรู้สึก เมื่ออักษรรู้แบบนี้เลยยิ่งสงสัยใหญ่ เขาพยายามจะหาว่าที่นั่นคือที่ไหน คำตอบของทรงจำทำเอาอักษรงงไปหมด เพราะต่อให้ที่นั่นจะเป็นประเทศไทยเหมือนกัน ทว่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งการนับเวลานั้นกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง 1 นาทีของโลกในกระจกจะมีเพียง 59 วินาที ในที่สุดอักษรก็มั่นใจว่าโลกของทรงจำ นั่นคือโลกคู่ขนาน และกระจกบานนี้เป็นเพียงทางเชื่อมเดียวระหว่างทั้งสองโลก
ในฝัน (2549/2006) เจ้าชายพิรียพงศ์ รัชทายาทแห่งแคว้นพรหมมินทร์ เสด็จไปทรงศึกษาวิชาสำหรับกษัตริย์กับ เจ้าชายโอริสสาวัฒนา หรืออีกพระนามหนึ่งว่า เจ้าชายเสนาบดี ณ แคว้นกุสารัฐ ที่นั่นเจ้าชายพิรียพงศ์ทรงทราบว่า เจ้าหลวงกุสารัฐ ซึ่งทรงพระชราภาพ มีพระธิดาองค์เดียวซึ่งทรงมีพระสิริโฉมงดงามมากคือ เจ้าหญิงรัชทายาท ผู้ซึ่งจะขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา เจ้าหญิงเป็นที่หมายปองของเจ้าชายที่เป็นพระญาติพระวงศ์ โดยเฉพาะ เจ้าชายชัยฉัตร ซึ่งจบการทหาร และเจ้าชายบุษกร ผู้ซึ่งศึกษา ณ ประเทศฝรั่งเศส แต่เจ้าหญิงรัชทายาทไม่เคยมีพระเนตรประทานใครอื่นเลย นอกจากเจ้าโอริสสาวัฒนาแต่พระองค์เดียว แม้กระนั้นเจ้าชายโอริสสาวัฒนาก็ไม่เคยแสดงความสนพระทัยในองค์เจ้าหญิง รัชทายาทแม้แต่น้อย เพราะพระองค์สนพระทัยอยู่แต่ภาระและหน้าที่ใน ฐานะเสนาบดีแห่งสมาพันธรัฐ ผู้อยู่เบื้องหลังการปกครองแคว้นกุสารัฐ ซึ่งกำลังระส่ำระสายด้วยการแก่งแย่งอำนาจ โดยฝ่ายของเจ้าชายชัยฉัตรและเจ้าชายบุษกร รวมทั้งขุนนางผู้ใหญ่ที่คิดกบฏ รวมถึงเทวีศุลีพร ที่ราชสำนักกุสารัฐนี่เอง เจ้าชายพิรียพงศ์ทรงเป็นทั้งลูกศิษย์และราชเลขานุการส่วนพระองค์ในเจ้าชายโอ ริสสาวัฒนา ทำให้เจ้าชายพิรียพงศ์ได้ทรงเรียนรู้ถึงพระปรีชาสามารถอันล้ำลึกในการปกครอง ทั้งทางด้านการเมือง การทหาร และการทูตในองค์เจ้าชายโอริสสาวัฒนา ทั้งยังทรงเห็นว่าทรงอุทิศพระวรกายและพระหฤทัยให้แก่หน้าที่เจ้าชายเสนาบดี อย่างเต็มพระกำลัง ทรงเปี่ยมได้ด้วยคุณธรรมและสถิตอยู่ในความยุติธรรม ทำให้ทรงเป็นที่รักและเคารพยำเกรงอย่างยิ่ง ต่อทุกคนที่ประพฤติอยู่ในทำนองครองธรรม และเป็นที่เกลียดชังแก่ทุกคนที่ไม่หวังดีต่อราชบัลลังก์ โดยเฉพาะเจ้าชายบุษกรผู้ทรงวางแผนล้มราชบัลลังก์ร่วมกับ นายพลตรีสุรีเทพ และเทวีศุลีพร สาวผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ทำให้เจ้าชายโอริสสาวัฒนาต้องวางแผนรักษาราชบัลลังก์อย่างแยบยล ในช่วงเวลานี้นี่เองที่เจ้าชายพิรียพงศ์ได้ทรงทราบว่า เจ้าชายโอริสสาวัฒนาทรงเป็นสหายวัยเยาว์กับ เจ้าหญิงพรรณพิ ลาศ พระพี่นางของพระองค์ ทั้งคู่ได้ทรงเขียนจดหมายโต้ตอบสื่อสารกันเป็นนิตย์ไม่ขาดระยะ และมักทรงปรึกษาหารือส่วนพระองค์และราชการอยู่เสมอ จนมิตรภาพระหว่างทั้งสองพระองค์กลายเป็นความรักซึ่งฝังรากลึกในพระราชหฤทัย ของสองพระองค์ เจ้าหญิงรัชทายาทก็ได้เสด็จมาปรึกษากับเจ้าชายพิรียพงศ์หลายครั้ง ในความที่ทรงน้อยพระทัยในเจ้าชายโอริสสาวัฒนา เลยทำให้เจ้าชายพิรียพงศ์ทรงสงสารและเห็นพระทัยเจ้าหญิงรัชทายาท จนเกิดเป็นความรักโดยไม่รู้พระองค์ เมื่อมีการประชุมสภาเพื่อเลือกราชทูตไปทำสันถวไมตรีกับประเทศยุโรป เจ้า ชายโอริสสาวัฒนาทรงแสดงท่าทีอย่างชัดเจนในการสนับสนุนเจ้าชายชัยฉัตร เพราะทรงมีคุณลักษณะเหมาะสมกว่าเจ้าชายองค์ใด จนในที่ประชุมเห็นชอบอย่างเอกฉันท์ ทำให้เจ้าชายบุษกรผู้หวังในตำแหน่งนั้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเจ้าชายชัยฉัตรจึงหันมาสวามิภักดิ์ต่อเจ้าชายโอริสสาวัฒนาอย่างไม่แคลง พระทัยอีกต่อไป สร้างความแค้นใจต่อเจ้าชายบุษกรมากยิ่งขึ้น ในระหว่างนั้นเองที่แคว้นพรหมมินทร์ เจ้าชายโสภณา แห่งแคว้นสาละวัณได้เสด็จประพาสแคว้นพรหมมินทร์ เจ้าหญิงพรรณพิลาศได้ทรงอักษรมาถวายเจ้าชายโอริสสาวัฒนาว่า เจ้าชายโสภณาทรงเป็นเจ้าชายรูปงาม แถมยังโปรดปรานศิลปะเช่นเดียวกับเจ้าหญิง และเจ้าชายยังสนพระทัยเจ้าหญิงอย่างสังเกตได้ชัด เหตุการณ์นี้จึงทำให้เจ้าชายโอริสสาวัฒนาทรงหนักพระทัย ด้วยเกรงว่าความรักจะหลุดลอย ต่อมาเจ้าหลวงกุสารัฐก็ทรงประชวร มีรับสั่งให้เจ้าชายโอริสสาวัฒนาอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงรัชทายาท แต่เจ้าชายโอริสสาวัฒนาทรงปฏิเสธและแสดงความเห็นว่า เจ้าชายพิรียพงศ์มีคุณสมบัตินานัปการคู่ควรกับเจ้าหญิงรัชทายาท ซึ่งเจ้าหลวงกุสารัฐก็ต้องยินยอมตามความประสงค์นั้น สร้างความเสียพระทัยต่อเจ้าหญิงรัชทายาทเป็นอย่างยิ่ง เจ้าชายโอริสสาวัฒนาก็ทรงทูลลาเสด็จไปยังแคว้นพรหมมินทร์เป็นการด่วน เพื่อกีดกันเจ้าหญิงพรรณพิลาสกับเจ้าชายโสภณา เจ้าชายพิรียพงศ์จึงมีโอกาสใกล้ชิดเจ้าหญิงรัชทายาทและเริ่มรู้ใจกัน ที่แคว้นพรหมมินทร์ ท่ามกลางงานเลี้ยงอำลาเจ้าชายโสภณา ข้าหลวงมาทูลเจ้าหญิงพรรณพิลาศว่ามีผู้มาขอเฝ้า ในคืนนั้นเองพระสหายที่รักกันยิ่งก็ได้พบกัน หลังจากทรงจากกันมานานถึงสิบกว่าปี ทั้งสองพระองค์รำลึกถึงวันวานจนสัมพันธภาพลึกซึ้งและหวานชื่นเกินกว่าคำ บรรยาย รุ่ง ขึ้นก่อนเจ้าชายโสภณาจะเสด็จกลับทรงขอเจ้าหญิงพรรณพิลาศทรงเป็นราชินีแห่ง แคว้นสาละวัน แต่เจ้าหญิงทรงปฏิเสธได้อย่างชาญฉลาด เจ้าชายโสภณาเสด็จจากไปด้วยความเสียพระทัย ที่แคว้นพรหมมินทร์เจ้าชายโอริสสาวัฒนาได้เข้าเฝ้าเจ้าหลวงพรหมมินทร์ ทูลข่าวเรื่องงานวิวาห์ของเจ้าชายพิรียพงศ์ และทูลขออภิเษกกับเจ้าหญิงพรรณพิลาศ ซึ่งเจ้าหลวงทรงตอบรับด้วยดี เมื่อเจ้าชายโอริสสาวัฒนาเสด็จกลับกุสารัฐ มรุต ราชองครักษ์ก็ทูลว่ามีการก่อกบฏซ่องสุมกันอยู่ในชนบท เจ้าชายโอริสสาวัฒนาจึงขอเข้าเฝ้าเจ้าหลวงกุสารัฐขอพระราชทานอำนาจให้เจ้า หญิงรัชทายาททรงประกาศกฎอัยการศึกปราบปรามกบฏ ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าชายบุษกรและพรรคพวก แล้วเจ้าชายโอริสสาวัฒนา, เจ้าชายพิรียพงศ์ และมรุตก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่มีสายรายงานว่าเป็นแหล่งซ่องสุม มี การต่อสู้เกิดขึ้นจนมรุตได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้าชายบุษกรและพรรคพวกหนีไปได้ และตั้งพระทัยที่จะอาฆาตเจ้าชายโอริสสาวัฒนาถึงชีวิต เจ้าชายชัยฉัตรซึ่งเสด็จยุโรปทรงทราบเรื่องกบฏ ก็รีบกลับกุสารัฐและพร้อมที่จะเป็นกำลังปราบปรามกบฏในครั้งนี้ ในฐานะที่ทรงเป็นชายชาติทหาร แล้ววันอภิเษกของเจ้าหญิงรัชทายาทและเจ้าชายพิรียพงศ์ก็มาถึง เจ้าหลวงแห่งพรหมมินทร์และพระมเหสีเสด็จมาร่วมงาน เพื่อทรงปรึกษาเรื่องวันอภิเษกของเจ้าชายโอริสสาวัฒนาและเจ้าหญิงพรรณพิลา ศต่อสภาสมาพันธรัฐ ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นชอบให้จัดงานขึ้นต่อจากงานอภิเษกของเจ้าหญิงรัชทายาทกับ เจ้าชายพิรียพงศ์ งานอภิเษกของเจ้าหญิงรัชทายาทและเจ้าชายพิรียพงศ์ในครั้งนี้จัดให้มีการ เฉลิมฉลองอย่างมโหฬารรวมทั้งงานซ้อมรบ เจ้าหญิงรัชทายาททรงทำใจเรียนรู้ที่จะรักเจ้าชายพิรียพงศ์ และเจ้า ชายก็ทรงรักเจ้าหญิงแบบพระชายาแทนที่พระองค์จะทรงรักแบบพระสหายเช่นเดิม ในงานซ้อมรบที่จัดขึ้นในวันอภิเษกนั่นเองขณะที่เจ้าชายโอริสสาวัฒนาทรงม้าไป เก็บดอกหยาดฝน อันเป็นดอกไม้ประจำพระองค์เจ้าหญิงพรรณพิลาศ เจ้าชายบุษกรก็ใช้พระแสงปืนสังหารเจ้าชายโอริสสาวัฒนาสิ้นพระชนม์ลงต่อหน้า เจ้าชายพิรียพงศ์และมรุต เจ้าชายชัยฉัตรตามหาตัวคนร้ายอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดก็สังหารเจ้าชายบุษกรอย่างเหี้ยมโหดสมกับบาปกรรมที่ทรงก่อไว้ เจ้าหลวง พรหมมินทร์เสด็จกลับแคว้นและนำข่าวร้ายมาบอกแก่พระธิดา เจ้าหญิงพรรณพิลาศทรงโศกเศร้าอาดูรสุดจะพรรณนา แต่แล้วก็ทรงพบว่า “สิ่งต่างๆ ที่เราเห็นอยู่นั้นไม่คงทนแน่นอน สิ่งที่เราประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอลืมตาขึ้นก็หายไปหมด เหมือนเป็นในฝันนั่นเอง”
ลูกทาส (2508/1965) ในปี พ.ศ. 2428 เป็นเรื่องราวของ แก้ว ทาสในเรือนของพระยาไชยากร เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะพ้นสภาพการเป็นทาส ในยุคแห่งกระบวนการเลิกทาสในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ในราชวงศ์จักรีที่เริ่มมีการประกาศเลิกทาสและเกษียณอายุลุกทาสในแต่ละช่วงอายุ หากแต่นายเงินของแก้วนั้นไม่ยอมให้ความเป็นไทแก่บรรดาเหล่าทาสในครอบครอง แก้วจึงดิ้นรนและไข่วคว้าอิสรภาพที่เขาสมควรได้ ขณะเดียวกันก็ใฝ่หาความรู้ เพื่อการทำงานหลังจากเป็นไท เพื่อยกฐานะของตนเองขึ้นมาให้ทัดเทียมกับคุณน้ำทิพย์ หญิงสาวสูงศักดิ์ที่เป็นแรงใจให้เขามาตลอด
ขุนศึก (2502/1959) ในช่วงปี พ.ศ. 2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งในตอนนั้นยังดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราชวังหน้า ยังไม่ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ได้หลั่งอุทกธาราประกาศเอกราชให้ชาติไทยไม่ขึ้นต่อกรุงหงสาวดีอีกต่อไป ท่ามกลางเสียงโห่ร้องกึกก้องของกองทัพไทย และความดีใจของคนไทยที่ไม่ต้องเป็นเมืองขึ้นอีกต่อไปเสมา ลูกชาย มั่น ช่างตีเหล็ก ซึ่งปรารถนาจะใช้วิชาความรู้ในเชิงรบที่ได้ร่ำเรียนมารักษาแผ่นดินเกิดไว้ มั่นเห็นลูกชายมีความตั้งใจจริง และฝีมือในเชิงรบโดยเฉพาะดาบสองมือก็ไม่เป็นสองรองใคร มั่นจึงพาเสมาไปฝากตัวเป็นลูกบุญธรรมของ พันอินทราช เพื่อนสนิทของมั่น พันอินเห็นเสมามีหน่วยก้านดี และเป็นศิษย์เอกของ พระครูขุน ภิกษุแห่งวัดพุทไธสวรรย์ ซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพกองอาทมาตที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เลยพาเสมาไปฝากกับ ขุนรามเดชะ เพื่อนและเจ้านายของพันอิน ซึ่งมีหน้าที่รับและฝึกสอนทหารใหม่ขุนรามต้องการทดสอบฝีมือเสมา เลยให้ประลองดาบสองมือกับ ขัน หัวหน้าที่ฝีมือดีที่สุดแต่ขันประมาทเลยแพ้จึงทำให้ขันเจ็บใจว่าตนสู้เสมา ไม่ได้ ขันเลยอิจฉาเสมา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เอง ทำให้เสมาได้เจอกับ เรไร ลูกสาวคนสวยของขุนราม ซึ่งเป็นนางข้าหลวงอยู่ในวังแต่กลับมาเยี่ยม ลำภู มารดาที่ไม่สบายพอดี เสมาหลงรักเรไรตั้งแต่แรกพบ เช่นเดียวกับที่เรไรก็แอบชอบเสมาเช่นกันจนวันที่เสมาได้รับเครื่องแบบทหาร ทั้งคู่จึงได้เจอกันอีกครั้ง ในขณะที่เรไรกำลังเก็บดอกจำปีอยู่เสมาเก็บได้ เสมาขอดอกจำปีดอกนั้นเอาไว้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของตน ซึ่งขันได้เข้ามาเห็นพอดี เลยรู้ว่าเรไรผู้หญิงที่ตนแอบชอบอยู่มีใจให้เสมา ทำให้ยิ่งริษยาเสมาหนักขึ้น แต่ สมบุญ ทาสของขุนรามซึ่งนับถือเสมาตั้งแต่วันที่ทดสอบดาบกับขัน ได้เอาแผนการของขันมาบอกเสมา เสมาโมโหเลยไปท้าดวลดาบกับขัน ขุนรามกลับมาเห็นเข้าเลยไม่พอใจ เพราะการกระทำของเสมาเหมือนกับการกระด้างกระเดื่องกับผู้บังคับบัญชา ขุนรามเลยสั่งจำคุกเสมาเอาไว้เพื่อเป็นการสั่งสอน เรไรสงสารเสมาเลยแอบมาเยี่ยม เสมาดีใจที่เรไรมีใจให้ตน เรไรบอกเสมาให้ขยันหมั่นเพียรสร้างเนื้อสร้างตัว ภายภาคหน้าจะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ไม่น้อยหน้าคนอื่น เสมารับปากและมีเรไรเป็นกำลังใจตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พอครบกำหนดโทษออกมา ก็เกิดศึกพระเจ้าเชียงใหม่ทัพมา ทำให้เสมาได้เข้าสู่สมรภูมิการรบเป็นครั้งแรก พอถึงเวลาไปศึก เรไรเป็นห่วงเสมากลัวจะเป็นอันตราย เลยถอดแหวนทองของตนมอบให้เสมาเพื่อเป็นกำลังใจ เสมาดีใจมากและสัญญาว่าจะเอาแหวนวงนี้กลับมา คืนให้เรไรให้ได้ศึกที่ 1 พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงได้ให้พระเจ้าเชียงใหม่ กับ พระยาพสิม ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวร กับ สมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ยกกองทัพเข้าต่อสู้ โดยเสมา ขัน สมบุญ ขุนราม อยู่ในกองทัพของ พระราชมนู แม่ทัพของสมเด็จพระนเรศวร เสมากับขันได้ท้าทายกัน ว่าใครจะตัดหัวขุนศึกฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่ากัน ขันแกล้งไม่ยกทัพเข้าช่วยเสมา ทำให้เสมาต้องถูกคู่ต่อสู้รุมตี แต่เสมาก็เอาตัวรอดพาทหารหักฝ่ามาได้ ในขณะที่ขันไปเจอกองทัพใหญ่ของคู่ต่อสู้ เลยถูกตีจนเกือบตาย เสมาพาทหารบุกเข้าไปช่วยขันกับลูกน้องออกมาได้ แถมยังตัดหัวขุนพลของข้าศึกได้อีกต่างหาก แต่เสมาไม่รู้ว่า ที่ต้องเอาผ้าโพกหัวของข้าศึกไปเป็นหลักฐานยืนยันความดีความชอบ ขันเลยเอาผ้าโพกหัวของขุนพลพม่ากลับไปรับความดีความชอบแทนเสร็จศึก พระเจ้าเชียงใหม่พ่ายแพ้กลับไป เสมาได้กลับมาและเอาแหวนทองของเรไรมาคืน และตนจะพยายามก้าวหน้าเป็นใหญ่เป็นโตให้ได้ เพื่อที่เรไรจะได้ไม่น้อยหน้าใคร เรไรปลื้มใจที่เสมารักตน โดยหลังจากศึกครั้งนี้เสมาขึ้นเป็นหัวหมู่โดยมีสมบุญเป็นศิษย์เอกคอยฝึกหัด ทหาร แต่ขันได้ตำแหน่งเป็น พันฤทธิ์รณรบ และได้ย้ายสังกัดไปอยู่ที่ดีขึ้น แต่ขันก็ยังริษยาเสมาอยู่ตลอด เลยวางแผนจีบ จำเรียง น้องสาวของเสมา จำเรียงหลงขันมากและยิ่ง บุญเรือน แม่ของตนเห็นดีเห็นงามด้วย ขันก็ยิ่งได้ใจ กลั่นแกล้งเสมาตลอดแถมยังเอาเรื่องที่เสมาจีบเรไรไปนินทา จนเสมาเป็นตัวตลกเหมือนหมาวัดที่คิดหมายปองดอกฟ้าศึกที่ 2 พระเจ้าหงสาวดีทรงกริ้วที่พระเจ้าเชียงใหม่รบแพ้ เลยให้รบแก้ตัว โดยครั้งนี้เป็นศึกใหญ่เพราะพระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมานับแสน สมเด็จพระนเรศวรเลยรับสั่งให้เกณฑ์คนจากหัวเมืองเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยรับ ศึก เสมาเลยสมัครเข้าเป็นทหารหัวเมืองช่วยรบ จนมีความดีความชอบได้อภัยโทษเก่า และได้ตำแหน่งเป็น หมื่นศึกอาสา แถมได้เจอกับ สิน ซึ่งได้กลายเป็นลูกน้องคู่ใจอีกคน เสมากลับมาอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ได้รู้ว่าขันกลับไปจีบเรไรอีกครั้ง โดยทิ้งจำเรียงน้องสาวตน เพราะดูถูกที่ครอบครัวตนยากจน เสมาห่วงกลัวเรไรจะเปลี่ยนใจ เลยแอบลอบพบเรไร เสมาปลื้มใจที่รู้ว่าเรไรยังคงรักตนไม่เปลี่ยนแปลง เลยตั้งใจจะหาทางก้าวหน้าในราชการเพื่อยกฐานะให้เทียมหน้าเทียมตาเรไรให้ได้แต่เรื่องนี้รู้เข้าถึงหูขุนราม ทำให้ขุนรามไม่พอใจแถมยังได้ลูกยุจากขัน พุฒ อีกขุนรามเลยยิ่งรังเกียจเสมาและกลัวว่าถ้าเสมาเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาแล้วจะ ล้างแค้นตน เสมามีแต่ตำแหน่งอย่างเดียว และจะได้เงินก็ต่อเมื่อออกรบเท่านั้น (ประมาณทหารรับจ้าง) ขุนรามชอบขันเพราะบ้านขันร่ำรวยมาก แถมขัน พุฒ ยังช่วยกันประจบทั้งขุนราม เสมาเลยต้องไปตีเหล็กหาเงินใช้ ทำให้ได้เจอกับ เอื้อยแตงเพื่อนสมัยเด็ก ทั้งคู่สนิทกันมาก แถมเอื้อยแตง ยังแอบชอบเสมา เลยมีคนเอาไปนินทา ทำให้ เรไรเข้าใจผิดคิดว่าเสมานอกใจ จนทั้งคู่ทะเลาะกัน ในขณะที่พุฒเห็นบัวเผื่อน ก็เลยจีบเพื่อหวังจะใช้บัวเผื่อนเป็นเครื่องมือในการยุแยงเรไรให้โกรธกับ เสมาเสมาตามมา ง้อเรไรที่บ้าน แต่บัวเผื่อนแอบเห็นเข้าเลยฟ้องขุนราม ขุนรามโกรธมากเลยไล่เสมาออกจากบ้านแล้วจับเรไรล่ามโซ่ขังไว้เป็นการลงโทษ (สมัยก่อน ถ้าผู้หญิงผู้ชายทำผิดประเพณีถือเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ว่าจะไม่มีอะไรเสียหายก็ตาม) เสมาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก แต่เกิดศึกใหญ่เข้ามาประชิดพระนครซะก่อน เรื่องวุ่นวายทั้งหมดเลยต้องพักเอาไว้ก่อนศึกที่ 3 พระเจ้าหงสาวดีทรงพิโรธมากที่รบแพ้ไทยถึงสองครั้ง เลยกรีธาทัพใหญ่เป็นทัพกษัตริย์ มีรี้พลถึงห้าแสนมาบุกเข้าตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรเห็นเป็นศึกใหญ่มาก สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้ส่งทัพออกตีค่ายทุกวัน โดยรบแบบกองโจร โดยออกรบปล้นค่ายด้วยพระองค์เองแม้จะถูกอาวุธบาดเจ็บหลายครั้งก็ไม่ทรงหวาด เกรง ทำให้ทัพไทยมีขวัญดีเยี่ยม เสมาเองก็เข้าตีค่ายหลายครั้งจนมีความดีความชอบมากมาย จนในที่สุดทัพหงสาวดีก็ต้องแตกพ่ายไปเสมาได้เลื่อนยศเป็น ขุนศึกอาสา แต่ยังคงไม่มีเงินเหมือนเดิม แถมยังโดนขันกลั่นแกล้ง จนครอบครัวตนต้องติดหนี้ และถูกบีบเอาจำเรียงไปเป็นทาส เสมาเจ็บใจมาก พยายามหาเงินมาใช้หนี้ก็ยังได้เงินไม่มากนัก ในขณะที่เรไรได้รับการปล่อยตัวออกมา พ่อแม่ของเรไรเลยยิ่งอยากจะยกเรไรให้ขันมากขึ้น แต่เรไรไม่ยอมเพราะตนรักเสมา ขุนรามโกรธลูกมาก ลำภูเองก็กลุ้มใจจนไม่สบาย เรไรเลยยิ่งรู้สึกผิดเหมือนตนเป็นลูกอกกตัญญู เสมารู้ข่าว เรไรเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ขุนรามจับได้ว่าเสมาลอบมาพบเรไร เลยกะเกณฑ์คนจะทำร้ายเสมา เรไรไม่อยากให้พ่อกับชายคนรักต้องสู้กัน เลยขอร้องพ่อและรับปากว่าจะทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีเรื่องกัน ขันฉวยโอกาสช่วงนี้จะขอหมั้นเรไรไว้ แต่พอเสมารู้ข่าวก็แอบทำลายพิธีหมั้นด้วยการเผาเรือนขุนรามจนเสียฤกษ์ แต่ขันเจ็บใจมากที่ไม่ได้หมั้นและยังโดนหักหน้า เลยวางแผนจะรวบหัวรวบหางจำเรียงเป็นเมียน้อยเพื่อแก้แค้นเสมาเสมารู้ข่าวเข้าเลยแอบขึ้นเรือนขันตอนกลางคืนเพื่อช่วยจำเรียงออกมา แต่จังหวะชุลมุน เสมาเลยหลงเข้าห้อง ดวงแข น้องสาวคนสวยของขัน เสมาเจ็บใจขันเลยแกล้งลวนลามดวงแขเพื่อแก้แค้น ทำให้ดวงแขทั้งรักทั้งเสมาตั้งแต่บัดนั้นศึกที่ 4 พระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรเลย ขึ้นครองราชย์ โดยให้สมเด็จพระเอกาทศรถขึ้นเป็นพระมหาอุปราชวังหน้า พระเจ้าหงสาวดีเห็นไทยกำลังผลัดแผ่นดิน เลยรับสั่งให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีไทยอีกครั้ง และในการรบครั้งนี้เอง สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้หลงเข้าไปในกองทัพพม่า จนเกิดการยุทธหัตถี ขึ้น สมเด็จพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ทำให้กองทัพไทยได้รับชัยชนะอย่างงดงาม รวมทั้งเสมาที่ได้ตามช้างของสมเด็จพระนเรศรวรด้วย จนได้ความดีความชอบเป็น หลวงโจมจัตุรงค์ขุนรามกลับจากศึก โดยได้รับความช่วยเหลือจากขัน พุฒ ทำให้รอดชีวิตมาได้ เลยยิ่งไว้ใจ ขัน พุฒมากขึ้น ไม่ว่าทั้งคู่จะพูดอะไรก็เชื่อตลอด โดยขันใส่ร้ายเสมาว่าการที่พวกตนต้องโดนโทษ น่าจะเป็นเพราะเสมาไปเป่าหูขุนนางผู้ใหญ่เพื่อล้างแค้น ขุนรามเลยผูกใจเจ็บ เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ลูกเมียฟัง เรไรกำลังหึงหวงเสมาก็เลยพลอยเชื่อไปด้วย จนถึงกับยอมรับปากจะหมั้นและแต่งงานกับขันแต่โดยดี ทำให้เสมาเสียใจสุด ๆ เสมาลอบมาพบเรไรและทะเลาะกันรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เสมาเสียสมาธิจนทำการรบผิดพลาดเกือบเอาชีวิตไม่ รอดศึกที่ 5 สมเด็จพระนเรศวรทรงแค้นเคืองเมืองละแวกที่ชอบทำร้ายไทยลับหลังเลยให้พระราช มนูยกทัพ ไปตีเมืองละแวก โดยมีเสมาเป็นรองแม่ทัพแต่เพราะเรื่องเรไร เสมาเลยเสียสมาธิ ไม่รอบคอบ และทำให้ทัพไทยพ่ายแพ้ สมเด็จพระนเรศวรพิโรธมาก สั่งประหารพระราชมนูและเสมา แต่สมเด็จพระเอกาทศรถทูลขอไว้พระราชมนูเลยได้ไปตีเมืองปัตบอง (พระตะบอง) และเมืองโพธิสัตว์เป็นการแก้ตัว ส่วนเสมาโดนถอดยศริบทรัพย์และส่งไปเป็น ตะพุ่นหญ้าช้าง ชีวิตตกต่ำสุด ๆ แถมเรไรยังหมั้นกับขันซึ่งตอนนี้ได้ยศเป็น หมื่นชาญณรงค์ พุฒเป็น หมื่นทรงเดชะ ขุนรามเป็น หลวงรามเดชะ รุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิมเสมามางานหมั้นด้วยใจที่เจ็บปวด และเอาพานใส่ดอกจำปีมาให้เป็นของขวัญ เรไรเห็นดอกจำปี ก็รำลึกความหลัง จนร้องไห้เสียใจ แต่ต้องหักใจ เสมากลับไปเกี่ยวหญ้าให้ช้างกินตามหน้าที่ต่อไป แต่เพราะเรื่องนี้เอง ทำให้เสมาเจอคนมากขึ้นจนเข้าใจระเบียบการรับราชการ เลยรู้ว่าที่ตน ไม่มีเงินซักทีเพราะขุนรามกลั่นแกล้งนี่เองแถมเรื่องที่เสมาเที่ยวไปเจ้าชู้ ก็ยังเป็นที่โจษจันไปทั่ว เพราะขัน พุฒ เที่ยวไปใส่ไฟ จนไม่มีใครรับเสมาเข้ากรมกองจนกระทั่งเสมาได้พบกับ พันจิตรเสน่หา นายทหารรับใช้ประจำวังจันทร์เกษมของสมเด็จพระเอกกาทศรถ เสมาเลยรู้ว่าจะมีการประลองหน้าพระที่นั่งเพื่อคัดคนเข้าเป็นทหารประจำวัง เสมาเลยเข้าประลองด้วย โดยได้สู้กับ ขุนจำนงรักษา ยอดฝีมือเพลงทวนประจำวัง แต่เสมาก็ใช้เพลงทวนเอาชนะ ขุนจำนงได้ จนมีโอกาสร่วมทัพไปต่อสู้เพื่อไถ่โทษศึกที่ 6 หลังจากพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ หัวเมืองต่าง ๆ ที่เคยขึ้นกับหงสาวดีก็กระด้างกระเดื่องเพราะเห็นว่าหงสาวดีไม่มีน้ำยาแล้ว ไม่สามารถเอาชนะไทยได้ ทำให้พระเจ้าหงสาวดีต้องส่งทัพไปปราบปรามจนขาดแคลนคน จึงรับสั่งให้ พระเจ้าแปร ไปกะเกณฑ์ผู้คนตามหัวเมืองมาเป็นกำลัง พระเจ้าแปรไปจัดการตามรับสั่ง แต่เกิดรบกับทัพไทยที่เฝ้ารักษาชายแดนและเอาชนะได้อย่างง่ายดาย จนฮึกเหิมยกทัพบุกเข้ามามากขึ้น ทำให้สมเด็จพระนเรศวรต้องทรงออกรบใน ขณะที่สองทัพประจันหน้ากัน สมิงมะตะเบิด ทหารเอกพระเจ้าแปรได้ออกมาท้ารบทหารกรุงศรีฯ แต่ทัพอยุธยาไม่มีใครสามารถสู้สมิงมะตะเบิดได้ซักคน เสมาเลยออกรบ ทั้งรบบนหลังม้าด้วยเพลงทวน และลงมารบพื้นราบด้วยดาบสองมือ จนสามารถตัดคอสมิงมะตะเบิดได้สำเร็จ ทำให้กองทัพไทยมีกำลังขวัญ บุกตะลุยทัพแปรจนแตกพ่ายไป เสมามีความดีความชอบมาก ได้พ้นโทษและได้ยศเป็น ขุนแสนศึกพ่าย รับใช้สมเด็จพระเอกาทศรถ ทำให้เสมามั่งมีร่ำรวยขึ้นมากจนใช้หนี้ขันได้หมด ในขณะที่พวกขันเริ่มแตกคอกัน เพราะพุฒซึ่งหลงรักดวงแขอยู่ แต่ดวงแขไม่เล่นด้วย ทำให้พุฒผูกใจเจ็บหาว่าขันไม่ยอมช่วยเหลือ ส่วนขันก็เร่งรัดจะแต่งงานกับเรไร แต่ก็เกิดเหตุ ขุนรามป่วยจนเลื่อนไป ทำให้ขันเริ่มระแวงว่าขุนรามเดชะจะไม่อยากได้ตนเป็นเขยเพราะเห็นเสมาร่ำรวย ขึ้น จนทั้งสามคนเริ่มมึนตึงใส่กันในขณะที่เรไรรู้เรื่องจากบัวเผื่อนและพันอินว่าเข้าใจเสมาผิดไป และในการรบครั้งล่าสุด เสมายังช่วยชีวิตพ่อของตนด้วย แต่ขุนราม มีทิฐิเลยไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เรไรเลยปรับความเข้าใจกับเสมาได้สำเร็จ แต่เมื่อพ่อแม่รับปากขันแล้ว ตนก็เลยไม่สามารถถอนหมั้นขันได้ เสมาเองก็เข้าใจเลยได้แต่บอกตัวเองว่าตนกับเรไรคงสิ้นวาสนากันแต่เพียงเท่า นี้ และพยายามหักใจจากเรไรศึกที่ 7 สมเด็จพระนเรศวรต้องการแก้แค้นเมืองละแวก เลยรับสั่งให้พระราชมนูกับเสมาที่เคยพ่ายศึกเมืองละแวก ทำการยกไปตีแก้ตัว ทั้งคู่สามารถตีเมืองละแวกและจับตัวพระยาละแวกมาถวายสมเด็จพระนเรศวรได้ สำเร็จ ทำให้พระราชมนูก็เป็นเจ้าพระยามหาเสนาบดี สมุหพระกลาโหมคุมอำนาจสูงสุดในหัวเมืองฝ่ายเหนือ แต่ยังไม่ทันที่จะยกทัพกลับ ก็เกิดศึกขึ้นที่เมืองตะนาวศรีตามมาทันทีศึกที่ 8 พระยาศรีไสยณรงค์ที่ถูกส่งไปปกครองเมืองตะนาวศรีเป็นกบฏขึ้น สมเด็จพระเอกาทศรถเลย ยกทัพไปปราบโดยมีเสมาเป็นทัพหน้า เสมาเลยได้เลื่อนเป็น จมื่นแสนศึกสะท้าน องครักษ์ประจำพระองค์ ทำให้ชีวิตของเสมาดีกว่าเดิมมาก แถมสังกัดสมเด็จพระเอกาทศรถโดยตรง ไม่ต้องมีมูลนายอื่นทำให้มีศักดินามากมายกว่าขุนราม ซึ่งตอนนี้เป็น พระรามเดชะ และมีเงินมากกว่าขันที่เป็น ขุนณรงค์วิชิต หรือพุฒที่เป็น ขุนวิเศษสรไกรต่อมา ขันได้เลื่อนเป็น หลวงณรงค์วิชิต พุฒเป็น หลวงวิเศษสรไกร ทำให้ทั้งคู่หลงตัวเอง ไม่ยำเกรงขุนรามเหมือนแต่ก่อน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนเลวร้ายลงไปอีก ต่างกับเสมาที่รอบคอบสุขุม ไม่บุ่มบ่ามเถียงคำไม่ตกฟากเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นอย่างดีศึกที่ 9 สมเด็จพระนเรศวรมีพระราชดำริจะตีกรุงหงสาวดีคืนบ้าง เพราะตอนนี้กรุงหงสาวดี ไม่เป็นปึกแผ่น แตกแยกกันไปหมด เลยจะยกทัพบุกกรุงหงสาวดีเพื่อเป็นพระเกียรติยศ พระเจ้าตองอูได้ข่าว เลยแกล้งทำเป็นสวามิภักดิ์อยุธยา แล้วเข้าไปจับตัวพระเจ้า หงสาวดีมาที่ตองอูรวมทั้งขนสมบัติ ไพร่พลราษฎรมากมายมาด้วย แล้วเผาหงสาวดีจนราบเป็นหน้ากลอง กว่าสมเด็จพระนเรศวรจะเสด็จไปถึงก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ทำให้สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธมาก เพราะตั้งใจจะทำศึกเพื่อเป็นพระเกียรติยศสืบไป แต่พระเจ้าตองอูกลับใช้อุบายหลอกพระองค์แล้วยังเผาเมืองทิ้งอีกสมเด็จพระนเรศวรเลยสั่งทัพไปบุกตองอูแทน ประกอบกับ ทัพไทยไม่ได้เตรียมเสบียงมาเผื่อตีตองอู เสบียงเลยขัดสนทำให้เสียหายหนักจนต้องยกทัพกลับ และศึกครั้งนี้เอง ที่ขัน พุฒ ทำงานผิดพลาดจนถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตรงข้ามกับเสมาที่ได้ขึ้นเป็น พระยามหาสงคราม ขันได้ก่อเรื่องอีกหลายอย่างแถมยังทำร้ายพี่ชายของขุนรามเดชะเพราะความโกรธ ด้วย ขุนรามเลยถอนหมั้นขันกับเรไรซะ เสมาเลยได้โอกาสทูลขอเรไรจากสมเด็จพระเอกาทศรถ ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกันสมกับที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมานานหลังจากแต่งงานไม่นาน พันอินทราชซึ่งตอนนี้เป็น หลวงพิมานมงคล ได้เสียชีวิตลงและฝากฝังให้เสมาดูแลศรีเมืองแทนตนด้วย เรไรเลยอนุญาตให้เสมารับศรีเมืองไว้เป็นภรรยาน้อยได้ ส่วนขันกับพุฒก็ทะเลาะกันรุนแรง เพราะพุฒใช้เส้นน้าชายไปสังกัดกรมกองใหม่โดยไม่บอกขัน แม่ของขันทนสงสารลูกไม่ได้ เลยไปขอให้เสมาช่วย เสมาลืมเรื่องเก่า ๆ ทำให้ขันซึ้งใจ ยอมรับผิดและทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกันผ่านมาอีกไม่กี่ปี สมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคต ทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถขึ้นครองราชย์ เสมา ได้เลื่อนเป็น พระยารามจัตุรงค์ มีชีวิตความเป็นอยู่รุ่งเรืองสุขสบายอยู่หลายปี จนสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จสวรรคต เสมาจึงต้องออกจากราชการเพราะ เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ กษัตริย์พระองค์ใหม่ไม่โปรด แต่ถึงอย่างงั้น เสมาก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง จนซึ้งถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และรู้ว่าคนเราในขณะที่มี ชีวิตอยู่ ควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด โดยมีความกตัญญูกตเวทีเป็นที่ตั้งของชีวิต
เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ (2566/2023) “ท็อป” เจ้าของร้านเหล้ากลางกรุงเทพฯ ต้องกุมขมับเพราะร้านเจ๊ง ท็อปจึงตัดสินใจบอกลากรุงเทพเพื่อไปซบอกยายทับ เจ้าของโฮมสเตย์ที่นครนายก ท็อปลากเพื่อนซี้ที่ชอกช้ำจากเมืองกรุง คือ “กันต์” สจ๊วตที่เพิ่งถูกสั่งให้พักงานมาหมาดๆ กับ “ฟิล์ม” ตากล้องที่เคยมีแพชชั่นแรงกล้าแต่ตอนนี้หมดไฟไปช่วยทำโฮมสเตย์ด้วยกัน! เมื่อไปถึง ยายทับก็แนะนำให้เดอะแก๊งรู้จักกับ “พี่เตอร์” ข้าราชการหนุ่มขวัญใจชาวบ้าน ทั้ง 3 หนุ่มเริ่มภารกิจทำงานในโฮมสเตย์โดยในระหว่างนั้นก็ได้รู้จัก “ตาว” น้องสาวเตอร์ที่หนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากเรียนต่อด้านเปียโนตามที่พ่อแม่คาดหวัง “เจน” เจ้าของร้านคาเฟ่ ที่สนิทกับเตอร์และดูเหมือนจะมีใจให้เตอร์ และ “เบลล์” สาวน้อย TikToker ที่รักการถ่ายคลิปทำคอนเท้นท์เป็นชีวิตจิตใจ ที่โฮมสเตย์ ทั้ง 3 หนุ่มได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตแบบใหม่ท่ามกลางการช่วยเหลือดูแลจากยายทับและพี่เตอร์ พร้อมๆ กับที่ได้เปิดโฮมสเตย์รับแขกที่มาพร้อมเรื่องราวชวนน่าประทับใจ (ที่มา: iQIYI)
บริษัทสร้างสุข (2553/2010) แทน (เจ เจตริน) และ พิม(นิโคล เทริโอ) คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมา 6 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คนคือ น้องนาเดีย (น้องลิซซี่) เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ผู้น่ารักพอๆกับน่าหมั่นไส้ เนื่องจากนาเดียรู้ตัวว่าเรทติ้งดี จึงเอาแต่ใจพอประมาณ จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่ถูกอิมพอร์ตตรงจากอเมริกามาสั่นสะเทือนเศรษฐกิจไทย กระหน่ำซ้ำด้วยการเล่นกีฬาสีในประเทศ ทำให้ปัญหาที่สาหัสอยู่แล้วกลายเป็นสาหัสมาก แทนถูกให้ออกจากงาน กลายเป็นคนตกงานโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องมาจากการปรับโครงสร้างองค์กร ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในบริษัท ส่วนพิมแม่บ้านมืออาชีพ ที่ฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ความที่พิมไม่ค่อยมีเวลาให้กับการเขียนมากนัก เธอจึงเป็นได้แค่นักฝันหรือเป็นได้แค่นักอยากเขียนมาตลอด แต่ความฝันยังไม่จางหาย ถึงไม่ได้ตีพิมพ์หนังออกมาเป็นเล่มก็เขียนลงเว็บบล็อกแทน ตะวัน (ตี๋ วิวิศน์) น้องชายคนเดียวของแทน ที่เพิ่งเรียนจบได้ยุยงให้แทนตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง เป็นเจ้านายของตัวเอง โดยตะวันอาสาลงแรงช่วยอย่างเต็มที่ (จริงๆคือตะวันหางานไม่ได้) ตะวันรู้ดีว่าพี่ชายมีความคิดสร้างสรรค์มาก มากขนาดที่หลายคนบอกว่าเพี้ยน สำหรับเขาแล้ว พี่ชายไม่ได้เพี้ยน แต่บ้า จึงสนับสนุนพี่ชายให้ทำธุรกิจที่แตกต่าง ด้วยการหันมาออกแบบสร้างความสุขให้กับคนในสังคม ความคิดเปิดบริษัทดังกล่าวได้รับการเห็นดีเห็นงามจากแทนและพิมอย่างง่าย ดาย แทนจึงเปิดบริษัท สร้างสุข ไม่จำกัด ขึ้น เขาหวังว่าบริษัทแห่งนี้จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในสังคม แม้จะเป็นรอยยิ้มเล็กๆของคนไม่กี่คน พิมวาดหวังไว้ว่าคนไม่กี่คนที่ได้รับความสุขไปนั้นจะสามารถไปสร้างความสุข ให้กับคนรอบข้างต่อกันไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
หมวดโอภาส ยอดมือปราบ..คดีพิศวง (2554/2011) จับกุมชายเมาแล้วขับ , รวมแก๊งค์ป้าเล่นป๊อกเด้ง , ตะครุบคนวิ่งราว , ช่วยตามหายายหลงทาง คดีเหล่านี้ล้วนถูกคลี่คลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าคดีที่เกิดขึ้นไม่ใช่คดีธรรมดาอย่างที่เคยเป็น พยานอาจไม่ใช่คนที่มีลมหายใจ ที่เกิดเหตุอาจเคยเป็นแดนอาถรรพ์ของกลาง อาจเป็นสิ่งลี้ลับ หรือกระทั่งคนร้ายอาจเป็นสิ่งเหลือเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้! แล้วใครกัน? ที่จะมาคลี่คลายคดีพิศวงเหล่านั้น ขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของ หมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ตำรวจหนุ่มสุดซื่อแต่ไฟแรง แห่งหน่วยงานสอบสวนและสนับสนุนคดีพิเศษ (ASI) ที่ครั้งหนึ่งระหว่างปฏิบัติภารกิจเกิดพลาดท่าล้มหัวฟาดกับศาลเจ้าที่สุด เฮี้ยน ..หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสกับเรื่องประหลาด ทั้งมองเห็นวิญญาณ คุยกับกุมารและนอนข้าง ๆ ผีแม่ม่าย พอนานเข้า หมวดของเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ สิ่งที่เห็นอาจไม่มีอยู่จริง ความกลัวจึงผุดขึ้นสมองพร้อมกับเสียงร้องแต๋วแตกยิ่งกว่ากระจั๊วบินมาเกาะคอ เสียอีก! แต่เพราะคนมักว่ากับว่า ยิ่งกลัวสิ่งใดก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น คราวนี้หมวดสุดบื้อของเราจึงต้องเข้าพัวพันกับคดีแปลก ๆ ที่ไม่มีตำรวจคนไหนกล้าลืม เพราะต้องมาเจอกับเรื่องพิศวงชวนให้หลับตาปี๋ หมวดโอภาส จึงต้องทำตาเขม็ง เกร็งขาไม่ให้สั่น กลั้นปัสสาวะไม่ให้เล็ด เพื่อปิดคดีให้สำเร็จตามคำสั่งของสารวัตรที่มอบคดีผี ๆ ให้เขาทำเป็นประจำ ทำคดีผีว่าเสียวไส้ พอต้องมาไขคดีหัวใจ หมวดโอภาส ถึงกับร้องปวดตับ เพราะ บัวขวัญ (หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ) สาวมาดเท่ ทันสมัย ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย แต่ต้องจำใจมาทำรายการเคเบิ้ลที่ผิดกับตัวตน พ่วงด้วย แก้ม (ต่อพงศ์ กุดอ่อน) ตากล้องที่คิดว่าตัวเองมีญาณพิเศษ บ้าคลั่งไสยศาสตร์ และอยากเจอผีเป็นที่สุด ซึ่งทั้งสองดันตกกระไดพลายโจนต้องมาถ่ายทำการสืบคดีของ หมวดโอภาส จึงต้องมาเจอกับผีตัวเป็น ๆ และหลอกกันจริง ๆ และ งานนี้ยังยากกว่าที่คิดเมื่อมีหมวด จอนนี่ (เผือก-พงศธร จงวิลาส) ตำรวจชื่อฝรั่งแต่ดันหน้าตี๋แถมชอบหลีสาว ๆ และเป็นผู้ที่มีความเชื่อทุกอย่างตรงข้ามกับ หมวดโอภาส หมวดจอนนี่จึงมักสรุปคดีโดยอาศัยหลักการและหลักฐาน ขณะที่ หมวดโอภาส มีผู้ช่วยเป็นไสยศาสตร์ล้วน ๆ จึงไม่ต้องแปลกใจที่บัวขวัญจะปลาบปลื้มหมวดจอนนี่และร้องยี้ใส่หมวดจอมบื้อของเรา มาร่วมคลี่คลายคดีพิศวงไปกับ หมวดโอภาส ที่แต่ละคดีทั้งวุ่น ทั้งยุ่งไปด้วยเหล่าผี ๆ มากหน้าหลายตา จนทำให้คุณต้องฮาจนขนลุกซู่ในทีวีซีรี่ส์ หมวดโอภาส ยอดมือปราบคดีพิศวง
สามสาวเจ้าเสน่ห์ (2554/2011) เรื่องราวชีวิตและความรักของ 3 เพื่อนสาว อรณิชา รับบทโดย ตอง-ภัครมัย โปรตระนันท์ , พิมลดา รับบทโดย วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ และ นิศามน รับบทโดย โบวี่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์ โดยจู่ ๆ ทั้ง 3 สาว ต่างมีเรื่องราวความรักที่เกิดมาอย่างไม่คาดฝัน เริ่มจาก อรณิชา สาวบุคลิกเปรี้ยว มีความมั่นใจในตัวเอง เจ้าของบริษัทรับจัดงานอีเว้นท์ชื่อดัง Dreamer (ดรีมเมอร์) ที่โปรเจ็คใหญ่ของบริษัทคือการดูแลโปรโมทศิลปินซูปเปอร์สตาร์ชื่อดัง หลินเฟยหลง รับบทโดย เต๊ะ-ศตวรรษ เศรษฐกร ที่มาโปรโมทในประเทศไทย จากความสนิทสนมใกล้ชิดก่อตัวเป็นความผูกพัน จนกลายทำเป็นความรักขึ้นมาโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่อาจปฎิเสธเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองได้ แต่ระหว่างหน้าที่กับความรัก เขาและเธอต้องเลือกระหว่างหัวใจและความรับผิดชอบ ทำให้ต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ซึ่งความรักของ หลินเฟยหลง ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังและ อรณิชา จะดำเนินและลงเอยเช่นไร ร่วมลุ้นและส่งกำลังใจให้เขาและเธอได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ อรณิชา เท่านั้นที่ต้องตัดสินใจเรื่องความรัก เพราะเมื่อ พิมลดา เจ้าแม่จัดงานแต่งงานเจ้าของ Red Rose (เรด โรด) ที่ต้องมารับจัดงานแต่งงานให้ วันชาติ อดีตแฟนเก่าเมื่อครั้งเรียนมหาวิทยาลัย ที่มาใช้บริการให้ดูแลจัดงานแต่งงานให้กับเขาและ อ้อม ว่าที่เจ้าสาวที่เป็นรักปัจจุบัน ซึ่งเมื่อรักหวานในวันวานได้หวนมาอีกครั้ง ทำให้ วันชาติ คิดถึงอดีตและสับสนเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับ พิมลดา อีกครั้ง แล้ว อ้อม คือ คนที่ใช่จริงหรือไม่ เหตุการณ์รักสามเศร้าจึงได้เกิดขึ้นแต่จะลงเอยอย่างไร มีเพียง วันชาติ, พิมลดา และ อ้อม เท่านั้นที่จะตอบได้ โดยในด้านของ นิศามน สาวสวย สดใส ร่าเริง ที่มุ่งมั่นตามความฝันอยากจะเป็นนักแสดงให้ได้ เธอจึงตัดสินใจใช้เวลาว่างในช่วงซัมเมอร์ลงเรียนคอร์สแอ๊คติ้ง ซึ่งที่นี่ทำให้เธอได้พบกับ ซิว หนุ่มบ้านนอกที่มาเรียนวิชาประมง ที่ดูแล้วช่างตรงข้ามกับเธอทุกอย่าง แต่ความแตกต่างกลับทำให้เกิดความลงตัวที่หัวใจของหนุ่มสาวคู่นี้ เป็นความรัก ความผูกพัน ที่ลึกซึ้งขึ้นมา จนเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดลงของซัมเมอร์แคมป์ครั้งนี้ ความรักของ ซิว และ นิศามน จะยั่งยืน หรือเป็นเพียงความทรงจำที่ดี ในช่วงเวลาอันสั้นที่จะอยู่ในใจของเขาและเธอเท่านั้น มีเพียงเขา 2 คน เท่านั้นที่จะตอบได้
Forward ท้าเวลา พลิกอนาคต (2556/2013) เมื่อความลับของประตูเวลาถูกเปิดออก ด้วยฝีมือของพวกเขาทั้งสี่ ฮีโร่กาลเวลาจึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกคนและทุกเหตุการณ์ ตั้งแต่เรื่องบ้าน ๆ ยันเรื่องระดับประเทศ เรื่องราวของเด็กหนุ่มธรรมดา 4 คน ธรณ์ (ฌอห์ณ)/นที (พุฒ)/วิน (นิกกี้)/พลุ (กันต์) ที่เกิดไปค้นพบวิธีเปิดประตูเวลา สามารถข้ามเวลาไปอนาคต พวกเขาเห็นและค้นพบว่าเรื่องที่แย่ แก้ไขได้ เรื่องที่ร้ายเปลี่ยนเป็นดีได้เหมือนกัน เด็กหนุ่มทั้งสี่จึงตัดสินใจสวมบทฮีโร่กาลเวลา สะสางปัญหาให้ผู้คน เรื่องราว และเหตุการณ์ แก้ปัจจุบันเพื่ออนาคตที่ดีเยี่ยม โดยมี ฟ้า (น้ำชา) รุ่นน้องของ อาร์ม (โอ๊ค) พี่ใหญ่ของทั้งสี่หนุ่ม ผู้ที่เป็นประตูทางเข้าและทางออกของการข้ามเวลา เป็นคนแรกที่พาสี่หนุ่มข้ามเวลาไปอนาคต และบังเอิญน้องข้างบ้าน แคร์ (มายด์) รับรู้ถึงความสามารถของทั้งสี่หนุ่ม ความวุ่นวายต่าง ๆ จึงเริ่มต้น พวกเขาเหล่านั้นจะเชื่อหรือไม่ เด็กหนุ่มพวกนี้จะเปิดประตูเวลาไปที่ไหน แล้วถ้าบางคนเห็นอนาคตของตัวเองแล้วไม่แก้ไข เด็กหนุ่มทั้งสี่จะทำอย่างไร และโชคร้ายที่ยิ่งกว่าโชคร้ายก็คือเด็กหนุ่มทั้งสี่เห็นชะตาชีวิตของใครก็ได้ ยกเว้นของตัวเอง
อุบัติรักข้ามขอบฟ้า (2551/2008) ไมค์ หนุ่มน้อยลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศไทยเพื่อตามหาแม่ โดยที่ตัวเองไม่ได้เตรียมตัวและมีความรู้ความเข้าใจอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย กอล์ฟ หนุ่มน้อยชาวไทย รักธรรมชาติ มีอดีตฝังใจกับการสูญเสียพ่อไปจากการเก็บกู้ซากปะการัง ด้วยความเป็นคนนิสัยแข็งกระด้าง ทำให้กอล์ฟมักจะไม่ยอมลงให้กับใครง่าย ๆ ซึ่งคู่ปรับคนสำคัญของกอล์ฟก็คือ เปิ้ล ผู้ซึ่งคลั่งไคล้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ เป็นเจ้าของและผู้ดูแลอพาร์ทเมนท์ที่กอล์ฟเช่าอยู่ และเพราะการมาประเทศไทยโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ทำให้ไมค์ต้องเจอะเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมาย รวมถึงโชคชะตาที่เล่นตลกจนทำให้ไมค์ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับ แพท สาวที่ทำงานเป็นผู้ประสานงานบริษัทโฆษณา ผู้ซึ่งใช้ชีวิตยามว่างอยู่ในโลกไซเบอร์ สังคมอินเทอร์เน็ตและไดอารี่ออนไลน์ ทั้ง 4 คน ไมค์, กอล์ฟ, เปิ้ล และ แพท ได้มาเจอะเจอและรู้จักกัน ผ่านเหตุการณ์ชุลมุนและบังเอิญ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก่อความชุลมุนจนถึงขั้นที่ทำให้ทั้ง 4 คน จำเป็นต้องมาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน นั่นก็คืออพาร์ทเม้นท์ของเปิ้ล ทำให้ทั้ง 4 ได้รู้จักเรียนรู้และเกิดความใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้น...มากขึ้น การได้โคจรมาเจอกันของสองหนุ่มและสองสาว ก่อความรู้สึกดี ๆ ที่เรียกว่า ความรัก แม้จะเกิดอาการผิดฝาผิดตัวกันอยู่เนือง ๆ กว่าจะเรียนรู้หัวใจตัวเองกันได้ว่าใครรักใคร ใครชอบใคร ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุน ไปจนถึงขั้นวุ่นวาย (หัวใจ) แต่ก็ทำให้แต่ละคนได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่าง ไทยกับญี่ปุ่นกันโดยไม่รู้ตัว และภายใต้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ระหว่างกอล์ฟและไมค์นั้น ทั้งคู่ไม่ได้รู้ระแคะระคายเลยว่า แม่ที่ไมค์ตามหาอยู่จริง ๆ แล้วก็คือแม่ของกอล์ฟด้วยนั่นเอง ทั้งคู่เป็นลูกแม่เดียวกันและด้วยความไม่รู้ จึงทำให้ทั้งคู่เกิดปัญหาจนเกือบทำให้พี่น้องต้องเกือบผิดใจกัน เรื่องวุ่น ๆ ของความผูกพันระหว่าง เพื่อน พี่น้อง และคนรัก ที่อุบัติขึ้นท่ามกลางการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความประทับใจในวัฒนธรรมไทยและญี่ปุ่น จะดำเนินและจบลงอย่างไร ติดตามหาคำตอบได้ใน ละครรัก โรแมนติก แฝงแง่คิดให้กับวัยรุ่นไทยในยุคที่โลกหมุนเร็วกว่าวัฒนธรรม ใน "อุบัติรัก ข้ามขอบฟ้า"
4 รุ่น 4 วุ่น เดอะซีรีส์ (2555/2012) 4 พี่น้อง 4 คาแรกเตอร์ กับชีวิตที่ยังไม่ลงตัว ค้นหา เรียนรู้ หัวเราะ ยิ้ม ร้องไห้ ไปกับบทเรียนชีวิตฮา ๆ ของแต่ละคน 2 สามีภรรยาวัยเกษียณ พิชัย-วาสนา (ไพโรจน์ ใจสิงห์)-วิยะดา อุมารินทร์) ถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ ทั้งคู่ตัดสินใจทำตามความฝันที่ใฝ่มาตลอดชีวิต นั่นคือแพ็คกระเป๋าออกท่องเที่ยวตามรอยมาร์โคโปโล และปล่อยลูก ๆ ทั้ง 4 ของพวกเขาดำเนินชีวิตกันเอง ชลดา (ป๊อก-ปิยธิดา วรมุสิก) ลูกสาวคนโตวัย 30 ที่แยกตัวออกไปใช้ชีวิตของเธอเอง ก็ต้องกลับมาเป็นพี่สาวใหญ่ดูแลน้อง ๆ ที่ประกอบด้วย ช้าง (โทนี่ รากแก่น) น้องชายวัยหนุ่มอายุย่าง 25 และ ชาลี (หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ) น้องสาวนักศึกษาวัย 20 และ ช้างน้อย (อาไท กลมกิ๊ก) น้องชายคนเล็กวัย 10 ขวบ 4 พี่น้องมาใช้ชีวิตร่วมกันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะมีพ่อแม่หรือไม่ก็ตาม พวกเขาทั้ง 4 ไม่เพียงใช้ชีวิตด้วยกันเท่านั้น แต่อยู่กันเพื่อประคับประคอง ส่งเสริม เกื้อหนุนกัน แม้ว่าจะมีการกระทบกระทั่ง ขัดแย้ง กวนมือ กวนโอ๊ย วางยา ป่วน เหวี่ยง เม้ง บึ้ม ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ก็ด้วยความรักและปรารถนาดีซึ่งกันและกัน แม้ว่าในบางครั้งความปรารถนาดีนั้นกลับส่งผลร้ายให้ชีวิตมันวุ่นวายมากขึ้นไปอีกก็ตามที ติดตามชมเรื่องราวสุดวุ่นวาย สัมผัสความห่วงใยในครอบครัวของ 4 พี่น้อง ชลดา-ช้าง-ชาลี-ช้างน้อย และตามลุ้นรักสุดอลวนของ ช้าง-ชาลี ได้ใน 4 รุ่น 4 วุ่น เดอะซีรี่ส์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.40 - 21.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี 4 รุ่น 4 วุ่น เดอะซีรี่ส์ ออกอากาศตอนแรกวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555
ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน (2546/2003) วายุ ภูบาลบริรักษ์ หรือ ล่องจุ๊น ( พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ) เป็นลูกชายคนกลางของครอบครัวที่พ่อ ( มนตรี เจนอักษร ) ไม่เคยให้ความสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะพ่อคิดว่าล่องจุ๊นเกิดมาเป็นตัวซวยของครอบครัว ทำให้พ่อต้องขาดทุนกับธุรกิจถมที่ ซึ่งต่างจากพี่น้องอีก 2 คนนั้นคือ พี่ถม ( ตรีพล พรมสุวรรณ ) พี่ชายคนโต เป็นคนที่เรียบร้อย เรียนเก่ง และว่าง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งคือ กี้ ( กิตติ บุลสถาพร ) เป็นน้องคนสุดท้อง เป็นเด็กที่ซนและดื้อ ช่างประจบเอาใจ ทั้ง 2 จึงถูกยกย่อง ชื่นชมและได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ ผิดกับจุ๊นที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ และมีแม่เป็นที่พึ่งในยามที่จุ๊นมีปัญหา จนมาถึงวันหนึ่งครอบครัวของจุ๊นได้เปลี่ยนไปเมื่อพ่อมีรายได้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นกอบเป็นกำ พ่อก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน ทำให้แม่ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านโดยพาจุ๊นไปด้วย และทิ้งลูกอีก 2 คนไว้เบื้องหลัง แม่พาจุ๊นไปอยู่อาศัยกับน้าจุรี หรือ อาอี๊จู ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) ซึ่งอยู่กับอาเตี๋ย ( กล้วย เชิญยิ้ม ) สามี ทั้งคู่มีอาชีพขายหมูในตลาด ทั้ง 2 คนต่างให้ความช่วยเหลือแม่และจุ๊นเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อาหารการกิน รวมถึงโรงเรียนที่อาอี๊จูพาจุ๊นไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้จุ๊นยังมีหน้าที่ประจำด้วยคือ การเป็นผู้ช่วยอาเตี๋ยเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นชีวิตที่จุ๊นชอบและสนุกสนานมาก แต่แล้ววันหนึ่งหมูที่จุ๊นเลี้ยงไว้ถูกตะขาบกัดตายหมดเล้า ทำให้จุ๊นเริ่มกลับไปคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยอย่างที่พ่อบอกไว้หรือไม่!!! หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของจุ๊นลงทุนขายข้าวแกงโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาอี๊ กิจการของแม่ประสบความสำเร็จจนต้องย้ายไปเช่าห้องแถวที่ท้ายตลาด ส่วนอาอี๊ก็เปลี่ยนอาชีพมาขายเครื่องก่อสร้างที่ตึกริมถนน และด้วยสิ่งนี้เองทำให้จุ๊นได้พบกับผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อจุ๊นนำสิ่งก่อสร้างที่ร้านอาอี๊ไปส่งพ่อ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานที่กำแพงแสน ซึ่งพ่อก็ยังพูดจาดูถูกจุ๊นและแม่อยู่เหมือนเคย ทำให้จุ๊นคอยหลีกเลี่ยงการไปร้านของอาอี๊ จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวของอาอี๊ถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน กอปรกับทั้งที่พ่อคอยพูดจาถากถางจุ๊น ว่าจุ๊นเป็นตัวซวยที่นำครอบครัวของอาอี๊ไปสู่จุดจบ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่จุ๊นจดจำและเสียใจไปจนวันตาย แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นจุ๊นยังมี นิจ ( ศุลีพร ตันตระกูล ) เพื่อนหญิงต่างโรงเรียนคอยให้กำลังใจจุ๊นมาโดยตลอด แต่ก็ถูกทางบ้านของนิจคอยขัดขวางกีดกันเพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นคนไทย และยังมีอาเฮียเสือ ( คชา ปานเอม ) พี่ชายของนิจที่เกลียดจุ๊นมาก ๆ เพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงจน ๆ จึงยกพวกมารุมซ้อมจุ๊นจนปางตาย แต่ที่ทำให้จุ๊นเสียใจมากที่สุดนั้นก็คือ จักรยานเสือหมอบคันงามที่แม่ซื้อให้ และเคยมีความหลังอันหวานชื่นกับนิจต้องพังทะลายลงไป พร้อมกับมิตรภาพที่ดีระหว่างนิจและจุ๊น หลังจากเรื่องนิจจบลงก็มีเรื่องที่จุ๊นต้องเผชิญอีก นั่นคือนายทองเส็ง ( ทัตพงษ์ พงษ์ทัต ) ช่างตัดผมที่เข้ามาพัวพันกับแม่ ซึ่งจุ๊นไม่พอใจมาก จนมาวันหนึ่งจุ๊นขาดความอดทนนำมีดชายธงเสียบเข้าที่ท้องของนายทองเส็ง เพราะว่าจุ๊นทนเห็นภาพที่นายทองเส็งซ้อมแม่เพื่อที่จะเอาเงินไปเล่นการพนันไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้จุ๊นจำต้องจากอกแม่ไปที่อื่น ซึ่งจุ๊นก็ได้สัญญากับแม่ว่าจะรีบเรียนให้จบ จุ๊นหนีเข้ากรุงเทพฯ กับไอ้นก ( กีรติ เทพธัญญ์ ) เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน โดยอาศัยติดมากับรถขายผัก แต่ก่อนที่จุ๊นจะจัดการกับเรื่องเรียนอย่างที่ได้ตั้งในไว้ ไอ้นกก็ก่อเรื่องขึ้นเป็นเหตุให้จุ๊นต้องเข้าไปนอนในห้องขังแทน แต่ทว่าพอตำรวจสอบสวนเรื่องนี้แล้วก็ปล่อยจุ๊นออกมาเพราะว่าจุ๊นไม่มีความผิด โดยที่จุ๊นโทรหาพ่อให้มารับตัวและก็ไม่อยากให้แม่เศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นพ่อก็พาจุ๊นมาอยู่ที่บ้านโดยให้พักอยู่บ้านพักคนงาน แต่ก็ยังมีความเหินห่างเกิดขึ้นในบรรดาพี่น้อง เนื่องมาจากพ่อใส่ร้ายแม่ว่าแม่หนีตามผู้ชายไป และเมื่อมาถึงวันเปิดเรียน จุ๊นก็เกือบจะมีเรื่องขึ้นอีกครั้งจากการปะทะคารมกับครูใหญ่ผู้เข้มงวด ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "ป๋า" และที่นี่เองก็ทำให้จุ๊นได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ ประเวศน์ หรือ แปะ( คริตโตเฟอร์ ชอนวอชิงตัน ) ที่ทำให้ชีวิตของจุ๊นเปลี่ยนไปจากที่พ่อมักจะบอกว่าจุ๊นเป็นตัวซวย แต่สำหรับแปะแล้ว จุ๊นคือตัวนำโชคของเค้า เพราะเมื่ออยู่กับจุ๊นเค้าเล่นการพนันชนะทุกครั้ง และก็เป็นเพราะเพื่อนคนนี้เองที่ทำให้จุ๊นได้พบกับแตงกวา ( พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร ) ซึ่งจุ๊นก็เริ่มสนใจเธอทันที เพราะเธอจะกลายมาเป็นผู้ที่มีความหมายต่อชีวิตจุ๊นเป็นอย่างมาก อาทิตย์ใหม่ของการเรียน จุ๊นออกไปเรียนตามปกติ แต่โชคร้ายที่วันนี้เกิดเรื่องชกต่อยกันรุนแรงระหว่างจุ๊นกับบุ้ง ทำให้จุ๊นถูกป๋าเฆี่ยนตีตามกฎของโรงเรียน และในเย็นวันเดียวกันจุ๊นก็ไม่สบายเนื่องมาจากบาดแผล และถูกฤทธิ์แดดเผา โชคดีที่จุ๊นยังมีป้าเจียดและพี่ถมคอยดูแล แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นนั่นคือการที่ได้รู้เห็นว่าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ชื่อตุ๊กตา ( ไอริณ ศรีแกล้ว ) แอบมีชู้ โดยที่จุ๊นไม่สามารถบอกใครได้เลย แม้แต่กระทั่งพ่อ!!! จากนั้นไม่นานจุ๊นก็ได้ข่าวว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จุ๊นจึงรีบรุดไปดู แต่สิ่งที่จุ๊นได้รับกลับมาคือความเฉยชาที่ได้จากพ่อ ทำให้จุ๊นรู้สึกว่าสำหรับตัวเองแล้วก็คือตัวซวยของพ่ออยู่ตลอดเวลา จุ๊นจึงตัดสินใจหมกตัวอยู่ในห้องโดยมีวิทยุเป็นเพื่อน ซึ่งจุ๊นได้หมุนคลื่นที่แตงกวาจัด จึงได้รู้ว่าที่โรงเรียนของแตงกวาจะมีการฉายหนังรอบการกุศล และเมื่อวันงานมาถึงจุ๊นได้พบแตงกวา ซึ่งทั้งสองก็ยิ้มให้อันอย่างเป็นมิตร แต่อย่างไรก็ตามจุ๊นก็ยังหนีความซวยไปไม่พ้น เมื่องานที่จัดขึ้นเกิดการชกต่อยกันจนทำให้งานต้องล้มเลิกไปกลางคัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คือ นายกี้ จึงทำให้จุ๊นต้องเข้าไปช่วย และด้วยเหตุการณ์นี้เองทำให้จุ๊นรู้ว่าพ่อรักลูกทุกคนเท่ากัน เพราะว่าพ่อเรียกหาทนายเริงชัยมาเพื่อหาหลักฐานว่านายกี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุ และพ่อก็ไม่อยากต้องการจะให้ลูกคนใดคนหนึ่งต้องเข้าไปนอนในห้องขัง จุ๊นจึงช่วยพ่อหาหลักฐานโดยการโทรศัพท์ไปหาแตงกวาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาเป็นพยาน เมื่อจุ๊นกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแปะรออยู่พร้อมกับข่าวดีว่า ป๋าให้กลับเข้าไปเรียนได้ตามปกติในเทอมหน้า โดยที่จุ๊นจะต้องลาออกก่อน และแปะก็ส่งโทรเลขที่บอกว่าแม่เจ็บหนัก ให้รีบกลับนครปฐมด่วน เมื่อจุ๊นได้รับโทรเลขดังกล่าวก็รีบรุดไปหาแม่ โดยมีพี่ถมและพ่อไปด้วย ส่วนนายทองเส็งนั้นก็ยอมแลกอิสรภาพของแม่ด้วยเงินสี่หมื่นบาท และจากนั้นครอบครัวของจุ๊นก็กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง