OMG ผีป่วนชวนมารัก (2561/2018) เป็นเรื่องราวของ สาวน้อยที่มีผีมาสิงร่างของเธอกับทำงานร่วมกับเชฟหนุ่มหล่อที่ไม่เชื่อเรื่องผี สาวน้อยที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองและยังเป็นคนที่ขี้อายมาก จนทำให้เธอนั้นไม่มีเพื่อนสนิทเลย แต่เธอนั้นก็มีความสามารถพิเศษที่ใครๆ ไม่มีก็คือ การเห็นสิ่งลี้ลับ พวกผี วิญญาณ ซึ่งในชีวิตจริงของเธอนั้นหมกมุ่นแต่กับการเป็นผู้ช่วยเชฟในห้องครัว และเมื่อเธอนั้นได้เจอผีสาวที่เวอร์จิ้น ซึ่งเป็นผีสาวที่แอบหลงรักเชฟหนุ่มและหวังว่าสักวันนั้นเธอจะพิชิตหนุ่มเชฟให้ได้ ทำให้เธอนั้นได้ยืมร่างของสาวน้อยที่เป็นลูกมือของเชฟ ทำให้เรื่องราววุ่นๆ นั้นเกิดขึ้น เมื่อสาวที่สุดเหนียมอายมาเป็นสาวสุดเซ็กซี่ ขณะที่เชฟหนุ่มหล่อทำอาหารยังไม่ลืมแฟนเก่าของตัวเอง เมื่อมาเจอลุคใหม่ของสาวน้อยที่เป็นลูกมือมานาน เรื่องราวความรักของทั้งสองคน กับ อีกหนึ่งผี จึงเกิดขึ้น เชฟหนุ่มจะเลือก หญิงสาวหรือผีสาวกันแน่

รักฉันสวรรค์จัดให้ (2561/2018) ระหว่างที่ เบ็น กำลังขับรถกลับจากงานปาร์ตี้ เขาเห็นรถพยาบาลที่กำลังพา มนัสวี ไปผ่าตัดไส้ติ่ง ขับตามหลังมาอย่างเร็ว เบ็นหักรถหลบรถพยาบาล และเสียหลักพุ่งชนตอม่อทางด่วนอย่างแรง วิญญาณของเขาออกจากร่าง ด้านมนัสวีเกิดอุบัติเหตุระหว่างผ่าตัด หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ และมนัสวีกลับได้คุณสมบัติพิเศษเพิ่มมา คือสามารถเห็นวิญญาณได้ และวิญญาณดวงแรกที่เธอเจอคือ เบ็น วิญญาณของเบ็นต้องผูกติดอยู่กับมนัสวี ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม เพราะเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร แม้แต่ชื่อของตัวเอง มนัสวีเป็นคนตั้งชื่อ เบ็น ให้เขา แต่เบ็นเชื่อว่าต้องมีเหตุผลที่ดีแน่ ๆ ที่เขาต้องมาอยู่กับมนัสวี มนัสวียังต้องพบกับวิญญาณดวงอื่น ๆ ด้วย วิญญาณที่ไม่ไปเกิด ล้วนมีพันธะบางอย่างผูกพันอยู่ เบ็นกับมนัสวีช่วยกันแก้ปัญหาให้พวกเขา คู่แรกคือสามีภรรยาชื่อ ไกร และรื่น ถูกรถชนตายและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เบ็นกับมนัสวีช่วยกันสืบจนรื่นจำได้ว่าเธอกับสามีถูกแก๊งมาเฟียเงินกู้ตามล่า วิญญาณดวงที่สอง คือ พลเทพ พบรักกับ เนตรชนก แล้วแต่งงานกัน วันหนึ่ง ภุชงค์ รุ่นพี่ของเนตรชนกที่เคยเป็นคนรักเก่า กลับมาเป็นหัวหน้าเธอ พลเทพหึงหวงหนักมาก และขอหย่า ไม่นานพลเทพเสียชีวิต และมาขอให้มนัสวีกับเบ็นช่วยทำให้เนตรชนกแต่งงานกับภุชงค์ ซึ่งความจริงแล้ว พลเทพรักเนตรชนกมาตลอด แต่เพราะเขาเป็นมะเร็ง และกำลังจะตาย จึงแกล้งทะเลาะกับเนตรชนก เพื่อให้เนตรชนกมีคนดูแลที่ดีกว่า วิญญาณดวงต่อมา เต็มไปด้วยความแค้นรุนแรง เขาชื่อ มานพ เป็นช่างภาพสายบันเทิง มานพได้พบรักกับ ดาริกา นางเอกดาวรุ่ง แต่ดาริกาอยากอยู่วงการให้นาน จึงให้มานพปิดบังความสัมพันธ์ไว้ ต่อมาดาริกาถูก เสี่ยกำชัย ใช้กำลังขืนใจ และรับจะเลี้ยงดูเป็นเมีย ดาริกาจำเป็นต้องยอม พอมานพรู้ว่าดาริกาไม่เต็มใจ จึงตัดสินใจใช้มีดไปขู่กำชัย แต่มานพกลับโดนกำชัยยิงตาย และให้ดาริกาใส่ความมานพว่าตั้งใจจะฆ่าเขา ดาริกายอมทำตามที่กำชัยสั่ง วิญญาณของมานพจึงแค้นดาริกามาก การได้ช่วยเหลือวิญญาณต่าง ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ของมนัสวีกับเบ็น เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ท่ามกลางเรื่องของคนกับวิญญาณ ยังมี ผู้กองอัคนี นายตำรวจหนุ่มที่มาช่วยไขคดีให้มนัสวี และตกหลุมรักมนัสวี อัคนีกลายเป็นศัตรูคู่แข่งหัวใจของเบ็น ความรักของทุกคนจะลงเอยอย่างไร คนกับผีจะรักกันได้หรือไม่ ที่สุดแล้วความชุลมุนวุ่นวายนี้จะจบอย่างสมหวัง หรือจะเป็นโศกนาฏกรรมอีกบทหนึ่ง เหมือนกับดวงวิญญาณที่เขาได้ช่วยเหลือ คำตอบคงอยู่ที่สวรรค์เท่านั้นที่จะเป็นผู้จัดให้ ติดตามชมละคร รักฉันสวรรค์จัดให้

คุณแม่สวมรอย 2561

คุณแม่สวมรอย (2561/2018) การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำของ พิภพ สุธารักษ์ เจ้าของบริษัท ST Super car บริษัทนำเข้ารถหรูชื่อดัง สร้างความสะเทือนใจแก่สมาชิกครอบครัวสุธารักษ์ทุกคนเป็นอย่างมาก ยกเว้นก็แต่... 'ใคร' คนหนึ่งที่ 'อาฆาตแค้น' พิภพอย่างหนัก และหวังจะฮุบ 'สมบัติ' ของพิภพ แต่แล้ว 'ใคร' คนนั้นก็ต้องผิดหวัง เมื่อพินัยกรรมได้ระบุเอาไว้ว่า ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของพิภพจะต้องตก เป็นของ เด็กชาย พิพัฒน์ สุธารักษ์ (ข้าวสวย) และ นางสาวสิญา รอดธรรมหนุน พริตตี้สาวที่แอบ ลักลอบมีสัมพันธ์กับพิภพจนให้กำเนิดลูกชาย และได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 2 ปีก่อน โดยพินัยกรรมดังกล่าว มีเงื่อนไขสำคัญว่า นายอธิราช สุธารักษ์ น้องชายต่างมารดาของพิภพ จะต้องจดทะเบียนสมรสกับสิญา และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างน้อย 1 ปี เพื่อเป็นการปกป้องสิญาและทายาทโดยชอบธรรมของพี่ชาย หากไม่ปฏิบัติตาม ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะถูกยกให้การกุศลทันที พินัยกรรมที่ไม่เป็นธรรม สร้างความไม่พอใจให้แก่ทุกคนในตระกูล โดยเฉพาะ 'คนๆ' นั้น ที่ยิ่งโกรธแค้น จนถึงขั้นจ้างมือปืน ''เก็บ'' สิญา แต่คงเป็นคราวเคราะห์ของมือปืน เพราะดันไปไล่ยิง สิณา น้องสาว ฝาแฝดของสิญา ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงสตันท์ฮอลลิวู้ด ที่รู้จักกันในนาม Suzy Roth แทน สิณาจึงบู๊สนั่นไม่หวั่นเกรง แต่ก็เกือบพลาดท่า ถ้าไม่ได้ อธิราช ที่ผ่านมาพอดีช่วยไว้เสียก่อน อธิราชรีบพาหญิงสาวแปลกหน้าขึ้นรถหนีตาย สิณาเองก็รีบจนไม่ทันได้เห็นใบหน้าผู้ช่วยชีวิตชัด ๆ แต่ทันทีที่แสงไฟจากรถคันอื่นสาดเข้าหน้าอธิราช สิณาก็จำได้ ทันทีว่าเขาคือ 'พวกสุธารักษ์' คำ ๆ หนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง ''อันตราย'' !!! สิณาจึงไม่ไว้ใจอธิราช และ หนีเขามา โดยไม่ขอบคุณซักคำ สิณากลับมาบ้านพร้อมกับความแค้นคุกกรุ่น เธอมั่นใจว่าคนที่จ้างมือปืนมาไล่ยิงเธอ เป็นคนเดียวกับที่ยิง สิญาจน ''พิการ'' เมื่อ 2 ปีก่อน และ 'คนร้าย' จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก 'คนตระกูลสุธารักษ์' ที่โกรธเกลียด สิญาในฐานะเมียน้อยของพิภพ สิณาอยากลากคอคนที่ทำร้ายพี่สาวเข้าคุก เมื่อ กฤษณ์ ทนายประจำตระกูลสุธารักษ์ มาแจ้งเงื่อนไขในพินัยกรรม สิณาจึงตัดสินใจจะ ''สวมรอย'' เป็นพี่สาวเข้าไปสืบหาคนร้ายตัวจริง แต่สิญาคัดค้าน หัวชนฝา เพราะเธอไม่อยากต่อเวรต่อกรรมกับสุธารักษ์ และเป็นห่วงน้องสาวกับลูกชาย ในขณะที่กฤษณ์กลับ เห็นด้วยกับสิณา เพราะเขาเองก็อยากสืบเรื่องการตายของพิภพและ เจนธรรม พ่อของเขาที่ดูมีเงื่อนงำ กฤษณ์จึง สัญญาจะปกป้องสิณาและข้าวสวยด้วยชีวิต ทำให้สิญาต้องยอมลงเรือลำเดียวกันอย่างเลือกไม่ได้ แต่การ ''สวมรอย'' เป็นสิญาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะสิณาต้องปลอมเป็นอัมพาตครึ่งท่อน สิณาจึงต้อง ซักซ้อมอย่างหนัก โดยได้รับการเทรนด์จาก นวล ผู้จัดการส่วนตัวที่เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานของสิณา เมื่อถึงวันเข้าบ้านสุธารักษ์ สิณาปรากฎตัวบนรถเข็น พร้อมนวล ในฐานะผู้ดูแล และ ข้าวสวย วินาทีที่สิณาได้ สบตากับสมาชิกบ้านสุธารักษ์ทุกคน เธอก็สัมผัสได้ถึง แรงแค้น ความอิจฉาริษยา และความลับมืดมนบางอย่าง ที่ทำให้ทุกคนตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งคือ นาตยา เมียหลวงผู้ป่วยเป็นโรคหวาดระแวง และเคยบุกไปตบสั่งสอน สิญาเมื่อหลายปีก่อน ผู้ต้องสงสัยอันดับสองคือ ดาริกา น้องสาวของนาตยาที่รักพี่สาวมาก ถึงขนาดยอม 'ตาย' แทนพี่สาวได้ ผู้ต้องสงสัยอันดับสามคือ ภารดี น้องสาวของพิภพผู้หวงสมบัติของพี่ชายเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ต้องสงสัยอันดับสี่คือ ภาวิณี แม่ของพิภพ ผู้เกลียดนิสัยเจ้าชู้ของลูกชาย และห่วงชื่อเสียง วงศ์ตระกูล เป็นที่สุด และผู้ต้องสงสัยอันดับสุดท้ายคือ อธิราช ลูกเมียน้อยที่เคารพพิภพเหมือนพี่ชายแท้ ๆ แต่เบื้องลึกอาจอิจฉา พี่ชายก็เป็นได้ สิณามั่นใจว่าคนร้ายแฝงตัวอยู่ในคนกลุ่มนี้ จึงตั้งใจกระชากหน้ากากคนร้ายตัวจริงออกมาให้ได้ แต่เธอกลับถูกอธิราชพยายามกระชากหน้ากากเช่นกัน!! เพราะอธิราชจำได้ขึ้นใจว่าสิณา คือ ผู้หญิงที่เขา ช่วยชีวิตไว้เมื่อวันก่อน และผู้หญิงคนนั้น เตะต่อยได้คล่องแคล่ว ไม่มีทางใช่คนพิการ!! อธิราชไม่มีวันยอมให้ ผู้หญิงต้มตุ๋นมาตักตวงสมบัติของพี่ชาย จึงหาทางพิสูจน์ความจริง ด้วยการอ้างสิทธิ์ความเป็น 'สามี' เข้าไปนอน ห้องเดียวกับสิณา พอตกดึกก็ทั้งเกา ทั้งเคาะ ทั้งใช้ไม้ปั่นหูแหย่เท้าสิณา จนสิณาเกร็งขาแทบไม่ไหว ต้องตะโกน ฟ้องคนทั้งบ้านว่าอธิราชจะทำมิดีมิร้าย สิณาถึงรอดตัวไปได้หวุดหวิด แต่อธิราชก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาหาทางจับผิดสิณา อีกหลายครั้ง โดยมี เลิศ คนขับรถคนสนิทคอยเป็นหูเป็นตา แต่สิณาก็ไหวตัวได้ก่อนอยู่เรื่อยไป จึงทำให้อธิราช ไม่เคยจับสิณาได้สำเร็จ สิณาต้องระแวดระวังอธิราชเป็นพิเศษ ระหว่างที่สืบผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างนาตยาไปด้วย แต่แล้วสิณา ก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่านาตยาได้เปลี่ยนไปเหมือนคนละคน จากที่เคยอารมณ์ร้อน ใช้ความรุนแรง กลายเป็น คนสงบ เยือกเย็น เดาทางไม่ออก สิณาจึงคิดหาวิธีเปิดโปงธาตุแท้นาตยาด้วยการปลดรูปนาตยาลง และเอารูป สิญากับข้าวสวยขึ้นแทน แต่คนที่เดือดเนื้อร้อนใจกลับกลายเป็นภารดี ผู้ต้องสงสัยอันดับสาม เพราะภารดีเกลียด ที่สิณาเข้ามาชุบสมบัติมือเปิบ แล้วยังเข้ามาทำตัวกร่างในบ้าน ภารดีจึงคิดยืมมืออธิราชกำจัดสิณา ด้วยการใส่ไฟ อธิราชถึงความสนิทสนมเกินเจ้านายลูกน้องระหว่างกฤษณ์กับสิณา ทำให้อธิราชรีบหาทางจับผิดทันที โดยการ ขับรถสะกดรอยตามสิณากับกฤษณ์ไป แต่ระหว่างทาง รถกฤษณ์ถูก 'ใคร' บางคนเจาะน้ำมันเบรก ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน กฤษณ์บาดเจ็บสาหัส สิญารู้เรื่องเข้าจึงขอให้ ป้าอ๋อง และ ปื๊ด ช่วยพาเข้ามาที่กรุงเทพเพื่อขอให้กฤษณ์กับสิณายุติแผนทั้งหมด กฤษณ์ดีใจที่สิญาเป็นห่วงเขา เพราะแท้จริงแล้วกฤษณ์แอบชอบสิญามาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้น กฤษณ์ก็ยังยืนยัน จะเดินหน้าสืบหาตัวคนร้ายต่อเช่นเดียวกับสิณา สิญาเองก็รู้ว่าไม่มีทางบังคับน้องสาวสำเร็จ จึงจะยอมบอก หลักฐานสำคัญที่อาจเชื่อมโยงไปถึงคนร้าย แต่มีข้อแม้ว่าสิณาต้องรีบจับคนร้ายให้ได้ภายใน 3 เดือน ถ้าเกินเวลา จากนี้ต้องออกมาจากบ้านสุธารักษ์ หลักฐานที่สิญาว่าก็คือ ‘ยารักษาโรคเบาหวาน’ ซึ่งตำรวจเก็บได้ในที่เกิดเหตุยิงสิญา ตำรวจจึงสันนิษฐาน ว่าอาจเป็นของคนร้าย และผู้ป่วยโรคเบาหวานคนเดียวในบ้านนี้ก็คือ ‘ภาวิณี’ !! ยิ่งสิณาได้รู้ความจริงว่าภาวิณี แข็งแรงกว่าอายุและมีทักษะแม่นปืน ก็ยิ่งแสดงว่าภาวิณีมีสิทธิ์เป็นคนยิงสิญา สิณาจึงระแวงภาวิณี และกีดกันภาวิณี ไม่ให้เข้าใกล้ข้าวสวยทุกวิถีทาง เพื่อความปลอดภัยของหลานชาย แต่แล้วสิณาก็พลาดท่าให้ 'คนร้ายตัวจริง' จนได้ เมื่อ 'คนร้าย' โยนตุ๊กตาตัวโปรดของข้าวสวย ลงไปในสระน้ำ ทำให้ข้าวสวยต้องกระโดดลงไปเอา แต่ข้าวสวยว่ายน้ำไม่เป็นจึงเกือบจมน้ำตาย!! โชคดีที่ได้นาตยา กระโดดลงไปช่วยไว้ได้ทันข้าวสวยจึงปลอดภัย คดีคราวนี้ถึงตา ดาริกา ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะดาริกา แอบชอบอธิราชมานาน แต่พอสิณาก้าวเข้ามาในบ้านอธิราชก็เอาความสนใจไปทุ่มให้กับสิณา และข้าวสวย อย่างเดียว จนทำให้ดาริกาเกลียดแม่ลูกคู่นี้เข้าไส้ สิณาตั้งใจจะเอาผิดดาริกาให้ถึงที่สุด แต่แล้ว ชนัต ตำรวจเพื่อนซี้ ของอธิราชก็เข้ามาแจ้งความจริงที่น่าตกใจว่า คนขับรถชนรถพิภพเป็นคนเดียวกับคนที่ขับรถชนกฤษณ์ นั่นหมาย ความว่าคนที่ ''ฆ่า'' พิภพ และ จงใจ ''ฆ่า'' สิญาเป็นคนๆ เดียวกัน !!! สิณาจึงเปลี่ยนใจไม่เอาเรื่องดาริกา แลกกับการเข้าไปทำงานในบริษัท ST Super car เพื่อสืบหาหลักฐาน มาจับคนร้ายตัวจริง อธิราชยอมตกลงให้สิณาเข้ามาทำงานเป็น 'เด็กฝึกงาน' ของเขาเพื่อจะได้อยู่ในสายตา ตลอดเวลา จึงทำให้ดาริกาเกิดความหึงหวงอธิราชจนหน้ามืดตามัว ดาริกาหาทางกลั่นแกล้งสิณาให้อับอายต่อหน้า ลูกค้าที่โชว์รูมรถ จนอธิราชต้องออกโรงปกป้องสิณา ทำให้สิณาประทับใจว่าอธิราชเป็นเจ้านายที่ยุติธรรม ยิ่งสิณาได้ ใกล้ชิดอธิราช เธอก็ยิ่งพบว่าเขาเป็นคนจิตใจดี และ อ่อนโยน แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้สิณาหายเคลือบแคลง ในตัวอธิราชได้ ทางด้านกฤษณ์ได้เบาะแสสำคัญว่า ก่อนตาย พิภพและเจนธรรม กำลังตามสืบ 'คนโกง' บริษัท ซึ่งเป็นไปได้ว่าคนโกงอาจฆ่าปิดปากพ่อเขา กฤษณ์สงสัยนาตยาซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี และหาทางเข้าไปทำงาน ประกบติดเพื่อสืบนาตยา นาตยารู้ทันว่ากฤษณ์สงสัยตนก็ไม่พอใจอย่างมาก คิดสั่งสอนเด็กอย่างกฤษณ์ซักตั้ง แต่ไป ๆ มา ๆ เธอกลับตกหลุมรักความดีและความเป็นสุภาพบุรุษของกฤษณ์จนถอนตัวไม่ขึ้น ในขณะที่สิณาได้เบาะแสจาก นนทวัช พนักงานฝ่ายซ่อมแซมรถว่าวิเศษน่าสงสัย สิณาจึงสืบจนพบว่า วิเศษลักลอบทำธุรกิจรถหนีภาษี ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าวิเศษจะโกงเงินบริษัทไปลงทุน !! นั่นทำให้ภารดีกลายเป็น ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง เพราะเธอเป็นภรรยาของวิเศษ ซึ่ง ณ จุดนี้ ภารดีมีแรงจูงใจสูงสุดในการกำจัดพิภพ เพื่อครอบครองบริษัท และ กำจัดสิญาเพื่อไม่ให้มาเสวยสุขบนกองสมบัติพิภพ ทางด้านอธิราชเองก็สงสัยในตัววิเศษ และร่วมมือกับนาตยาเพื่อพิสูจน์ว่าภารดีข้องเกี่ยวด้วยหรือไม่ นาตยา จึงให้ พิเชษฐ์ เลขาของนาตยา ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่นาตยารับมาเลี้ยง ไปสืบเอาจาก พราวตา เลขาของวิเศษ ที่แอบลักลอบเป็นชู้กับวิเศษ แต่ก็ยังไม่ได้หลักฐานสำคัญ พิเชษฐ์จึงต้องแกล้งจีบ น้ำหนึ่ง ลูกสาวของภารดี และวิเศษ เพื่อเข้าไปเอาหลักฐานในบ้าน นาตยาและอธิราชจึงได้หลักฐานมาเอาผิดวิเศษในที่สุด แต่แล้วในขณะที่อธิราชกับสิณาจะเอาหลักฐานไปแจ้งจับวิเศษ ก็มีมือปืนขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาหมายจะเอา ชีวิตสิณา โชคดีที่อธิราชเข้ามาขวางกระสุนไว้ได้ทัน อธิราชเสียเลือดอย่างหนักจนหมดสติไป สิณาจึงจำต้องต่อสู้กับ มือปืนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... สิณาปั่นรถเข็นเข้าหามือปืน ในขณะที่มือปืนก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าหาสิณา ทั้งคู่เข้า ปะทะกัน แม้สิณาจะสู้มือปืนได้สำเร็จจนมันต้องรีบหนีไป แต่ดาริกาที่ตามมาทีหลังกลับเห็นตำตาว่าสิณาเดินได้ !!!! ความลับว่าสิณาปลอมตัวเป็นสิญาจะแตกหรือไม่? จะทำอย่างไรเมื่อสิณาเริ่มตกหลุมรักอธิราชผู้เป็น ศัตรู?? และคนร้ายตัวจริงคือใครกันแน่???

เล็บครุฑ 2561

เรื่องย่อ : เล็บครุฑ (2561/2018) vสมาคมสิ่งเอ็งในประเทศไทย วางแผนการร้าย ป่วนกรุงเทพฯ โดยใช้กลุ่มคนที่โดนสะกดจิตเป็นผู้จุดชนวนระเบิดแบบระเบิดฆ่าตัวตาย สร้างความเสียหาย สั่นคลอนความมั่นคง โดยหัวหน้าวายร้ายที่อยู่เบื้องหลังก็คือ จางซูเหลียง (สหัสชัย ชุมรุม) บุรุษลึกลับที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้า ผู้พันพิชิต (สมภพ เบญจาทิกุล) ผบ.หน่วยงานความมั่นคงแห่งค่ายพยัคฆ์คำรน จึงเรียกตัว ร้อยตรีคมน์ สรคุปต์ (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) นายทหารหนุ่ม แห่งกองทัพบกไทย ให้มาปฏิบัติภารกิจลับโดยปลอมตัวเป็นวายร้ายคนหนึ่งของสมาคมสิ่งเอ็งที่ชื่อว่า ชีพ ชูชัย วายร้าย ชีพ ชูชัย คนเดิมได้เสียชีวิตไปโดยไม่มีใครรู้ การปรากฏตัวของ ชีพ ชูชัย คนใหม่ที่ปลอมกิริยาท่าทาง น้ำเสียงได้อย่างแนบเนียน แทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มของลูกน้องจางซูเหลียง อย่าง สิงห์ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ), นิทัศน์ ซุง (พงษ์สิรี บรรลือวงศ์), ปีเตอร์ วอง (พิเชษฐ ศรีราชา), ปกรณ์ (พัสสน ศรินทุ), กินรี (ญาดา เทพนม) โดยไม่เป็นที่สงสัย และแม้แต่ สารวัตรกริช กำจร (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) นายตำรวจหนุ่มแห่งหน่วยเฉพาะกิจ SFA027 ซึ่งเป็นคู่ปรับก็ยิ่งไม่สงสัยอะไร เพราะกริชมีจุดมุ่งหมายในการจับตัว ชีพ ชูชัย เข้าคุกเท่านั้น มรกต (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) น้องสาวของสารวัตรกริช กลับจากต่างประเทศ หลังจากขาดการติดต่อไปหลายปี โดยเธอบอกกับพี่ชายว่าใช้ชีวิตท่องเที่ยวแบบซำเหมาไปทั่วยุโรป แต่แท้ที่จริงเธอแอบไปฝึกการเป็นสายลับจากหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเยอรมัน และการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ก็เพื่อรับภารกิจร่วมกับ มิสเตอร์ เอ (โอริเวอร์ บีเวอร์) ในการตามล่าหานกอินทรีแพลตตินั่ม อาวุธร้ายแรงที่ ด็อกเตอร์คิม (เวนช์ ฟอลโคเนอร์) คนของสมาคมสิ่งเอ็งขโมยมาจากนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน เมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว และสาปสูญไปไม่มีใครได้ข่าวอีกเลย รจิต (เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค) นักข่าวสาว ได้พบเหตุน่าสงสัยเกี่ยวกับการสะกดจิตที่เรียกว่า MIND CONTROL และเรื่องสมาคมสิ่งเอ็งข่มขู่นักธุรกิจเชื้อสายจีน อย่าง นายอาทร ทิพย์พานิช และ นายเลียง เสถียรกิจ (พงศนารถ วินศิริ) ให้จ่ายค่าคุ้มครองกิจการ หากขัดขืนก็จะถูกฆ่าทิ้ง สร้างความหวาดกลัวให้กับพวกนักธุรกิจเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก รจิตพยายามนำเสนอประเด็นข่าวเรื่องนี้ แต่กลับถูกหัวหน้ากองบรรณาธิการชื่อ แซนดี้ (วาเนสซ่า บีเวอร์) คอยขัดขวาง แต่แล้ว เชี่ยวชาญ (เจจินตรัย แวนดิว) ซึ่งเป็นบอสใหญ่ของสำนักข่าว รู้เรื่องจึงเปิดทางให้รจิตได้ทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ทำให้แซนดี้ แอบแค้นเคือง จางซูเหลียงสงสัยในพฤติกรรมบางอย่างของ ชีพ ชูชัย (คมน์ สรคุปต์) และรู้ว่าไม่ใช่ตัวจริง จึงมอบหน้าที่ให้เป็นคนตามล่าหาชิ้นส่วนนกอินทรีทั้ง 6 ชิ้น เพื่อให้ชีพเป็นเหยื่อล่อพวกสายลับจากทั่วโลกปรากกฎตัว จางซูเหลียงได้มอบอินทรีชิ้นแรกให้ชีพเก็บรักษาไว้ ทำให้ชีพตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เพราะต้องคอยหนีการตามล่าจากพวกสายลับเยอรมัน นำโดยมรกต และมิสเตอร์เอ และสายลับรัสเซีย นำโดย สุชาติ (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) เจ้าของสำนักงานทนายความ ซึ่งทำงานให้กับพวกรัสเซีย และนอกจากนี้ยังมีลูกน้องของจางซูเหลียง ที่ชื่อว่า สิงห์, ปีเตอร์ วอง, ปกรณ์, กินรี และนิทัศน์ ซุง คอยตามประกบชีพอยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงว่าชีพจะกลายเป็นคนโปรดของจางซูเหลียงมากว่าพวกตน ชีพ โชว์ศักยภาพในการเอาตัวรอดและค้นพบเอกสารลับ ซึ่งเป็นลายแทงค้นหาอินทรีชิ้นต่อไป และพบว่าอินทรีชิ้นที่สอง อยู่กับผู้หญิงที่ชื่อ เฟยเอี้ยน (ภรณี ศรีธัญ) ซึ่งชีพก็สามารถบุกเข้าไปชิงเอาชิ้นส่วนอินทรีมาได้โดยความช่วยเหลือของมรกต ซึ่งเปลี่ยนจากศัตรูกลายมาเป็นผู้ช่วย เพราะมรกต รู้ว่าลำพังเธอคนเดียวคงไม่สามารถค้นหานกอินทรีมาได้โดยง่าย เธอจึงหันมาร่วมมือกับชีพ อินทรีชิ้นที่สามอยู่กับ อี้หล่าน (ปนันดา วรัญญาญ) อดีตสาวใช้ของจางซูเหลียง แต่เมื่ออี้หล่านได้พบหน้าของมรกต อี้หล่านก็ตกใจ เพราะใบหน้าของมรกตมีความคล้ายคลึงกับ จิงซู เมียของจางซูเหลียงที่ตายไปแล้ว และระหว่างที่ชีพ ชูชัย กำลังหนีการตามล่าของสิงห์ นิทัศน์ เพื่อแย่งชิงอินทรี ชิ้นที่สามอยู่นั้น มรกตก็ถูกเชี่ยวชาญ เจ้านายของรจิตจับตัวไป ชีพได้อินทรีชิ้นที่สามมาครอบครอง พร้อม ๆ กับข่าวร้ายว่ามรกตถูกเชี่ยวชาญจับตัวหนีข้ามชายแดนไป สารวัตรกริช ก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ทำให้สารวัตรกริช บังคับให้ ชีพ ชูชัย นำทางข้ามชายแดนเพื่อไปหาตัวมรกตที่หมู่บ้านของ ตวนกู คัสตาฟา (หลุยส์ เชิญยิ้ม) เพราะเชี่ยวชาญ คือคนสนิทของตวนกูคัสตาฟา มรกตจึงถูกจับตัวไปไว้ที่นั่น ชีพ, กริช และลูกน้องหน่วย SFA027 บุกเข้าไปในหมู่บ้านของตวนกู และถูกลูกน้องของตวนกูจับได้ ในเวลาเดียวกัน ตวนกูกับเชี่ยวชาญ ก็ทำการสะกดจิตมรกต เพื่อให้มรกตปลอมตัวเป็นจิงซู และเข้าไปบ่อนทำลายจางซูเหลียง และสมาคมสิ่งเอ็งในประเทศไทย เพื่อหวังให้เชี่ยวชาญได้ขึ้นเป็นใหญ่แทนจางซูเหลียง ตวนกูรู้ว่าชีพและกริชเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจางซูเหลียง จึงไม่ทำอันตราย เพราะกะจะหลอกใช้ให้ชีพและกริช ต่อสู้กับจางซูเหลียงแทนตน และก่อนที่จะปล่อยตัว ตวนกูได้มอบนกอินทรีชิ้นที่สี่ไว้ให้กับชีพติดตัวกลับเมืองไทย ระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย รถที่มรกตนั่งมาประสบอุบัติเหตุ สมองของมรกตได้รับความกระทบกระเทือน ทำให้ความทรงจำบางอย่างของมรกตถูกรื้อฟื้นขึ้นมา เธอเริ่มมีความทรงจำเกี่ยวกับจางซูเหลียงและจิงซู และรู้ว่าในอดีตจางซูเหลียง เคยเป็นสมาชิกสิ่งเอ็งระดับปลายแถว ถูกกลั่นแกล้งและถูกส่งตัวมาเมืองไทยเพื่อสร้างสมาคมสิ่งเอ็งอย่างลับ ๆ ในประเทศไทย โดยจิงซู ก็ถูกส่งตัวให้มาเป็นเมียของจางซูเหลียง และคอยเป็นสายลับรายงานพฤติกรรมของจางซูเหลียงให้กับท่านประธานเป็นระยะโดยจางซูเหลียงไม่รู้ตัว จางซูเหลียงเก็บเด็กกำพร้ามาเลี้ยงหลายคนไม่ว่าจะเป็น สิงห์, นิทัศน์, ปีเตอร์ วอง, กินรี, ปกรณ์ และอีกหลายคน รวมทั้ง กวง และ หลิน ซึ่งเป็นหลานของจิงซู และมีด็อกเตอร์คิมคอยช่วยเหลือ ด็อกเตอร์คิมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ขโมยนกอินทรีมาจากเยอรมัน และถูกสายลับรัสเซียและเยอรมันตามล่าตัวมาตลอด จนกระทั่งด็อกเตอร์คิมต้องแยกชิ้นส่วนนกอินทรีออกเป็น 6 ชิ้น แล้วฝากไว้ตามที่ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย ระหว่างอยู่กับจางซูเหลียง ด็อกเตอร์คิม ได้ฝังชิฟเอาไว้ในตัวเด็ก ๆ ทุกคนที่จางซูเหลียงเลี้ยงเอาไว้ เพื่อให้จางซูเหลียงสามารถบังคับและควบคุมพฤติกรรมให้ทุกคนอยู่ในโอวาท เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นมาก็จะกลายเป็นเล็บครุฑ ที่ถูกส่งไปแทรกซึมในองค์กรต่าง ๆ ในเมืองไทย คอยสืบความลับ และคอยทำงานตามคำสั่งของจางซูเหลียง กวง และหลิน เป็นหลานของจิงซู และเมื่อจางซูเหลียงรู้ว่าจิงซูทรยศ จึงใช้มีดแทงที่ท้องของจิงซูโดยไม่รู้ว่าจิงซูกำลังท้อง เรื่องนี้จางซูเหลียงเสียใจมากที่ฆ่าลูกของตัวเอง กวงและหลินรู้ว่าน้าสาวโดนฆ่าตายจึงพากันหนี และหายสาบสูญไป ชีพ ชูชัย มีอินทรีอยู่ความครอบครองแล้วถึงสี่ชิ้น ทำให้กลายเป็นเป้านิ่งที่อาจถูกโจมตีจากสายลับกลุ่มต่าง ๆ ที่ต้องการนกอินทรีเช่นกัน ชีพ จึงปลอมตัวเป็น เออาร์ มาคิดาล่าห์ นักธุรกิจชาวตะวันออกกลาง ทำทีเป็นว่ามาติดต่อขอซื้อชิ้นส่วนนกอินทรีจากชีพ และชีพก็ขายชิ้นส่วนนกอินทรีให้กับเออาร์ มาคิดาล่าห์ไป เพื่อเบนความสนใจไม่ให้ชีพถูกโจมตี สุชาติ สายลับของรัสเซียหลงกล จึงทำการติดต่อเอ อาร์ มาคิดาล่าห์ เพื่อขอซื้อนกอินทรีต่อ และเอ อาร์ มาคิดาล่าห์ได้ขายให้ในราคาชิ้นละสิบล้าน โดยสุชาติไม่ทันเฉลียวใจว่าชิ้นส่วนนกอินทรีที่ได้มานั้นเป็นของปลอม หั่งหลี นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องพลังจิตจนได้พลังพิเศษ หยั่งรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ และเป็นผู้ครอบครองชิ้นส่วนนกอินทรีชิ้นที่ห้า โดยหั่งหลีก็ตามหาชิ้นส่วนอินทรีชิ้นอื่น ๆ เช่นกัน เมื่อรู้ว่าเอ อาร์มาคิดาล่าห์ได้ขายชิ้นส่วนนกอินทรีให้สุชาติ หั่งหลีจึงบุกเข้าไปแย่งชิง แต่เมื่อพบว่าชิ้นส่วนที่สุชาติได้มาเป็นของปลอม จึงเลิกความสนใจ และพุ่งเป้าไปที่ค่ายพยัคฆ์คำรน จนพบว่าชิ้นส่วนนกอินทรีของจริงชีพฝากไว้กับผู้พันพิชิต หั่งหลีจึงบุกเข้าไปสะกดจิตผู้พันพิชิตและได้ชิ้นส่วนนกอินทรีทั้งหมดมาครอบครอง เมื่อได้ชิ้นส่วนนกอินทรีสี่ชิ้นมาประกอบกับชิ้นที่ห้าที่หั่งหลีมีอยู่ หั่งหลีได้ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ จนกลายเป็นรูปนกอินทรี ขาดแต่เพียงชิ้นส่วนสุดท้ายซึ่งอยู่กับจางซูเหลียง แต่แล้ว ชีพ, มรกต และสิงห์ ได้บุกไปที่ถ้ำของหั่งหลี ฆ่าหั่งหลีตายและแย่งชิ้นส่วนนกอินทรีมาได้ทั้งหมด ชีพเกลี้ยกล่อมให้สิงห์กลายเป็นพวก สิงห์รับปากว่าต่อไปจะเลิกเป็นสมุนของจางซูเหลียง และทำประโยชน์เพื่อชาติ มรกตส่งข่าวให้มิสเตอร์เอ รู้ว่านกอินทรีทั้งห้าชิ้นกลับมาอยู่กับชีพแล้ว และเก็บไว้ที่ค่ายพยัคฆ์คำรน มิสเตอร์เอจึงลอบเข้าไปขโมยนกอินทรีมา ทำให้ชีพเข้าใจมรกตผิด จางซูเหลียงมาจับตัวมิสเตอร์เอ แล้วบังคับให้บอกที่ซ่อนนกอินทรี ทำให้มิสเตอร์เอตาย และจางซูเหลียงได้นกอินทรีทั้งห้าชิ้นไปครอบครอง รวมกับชิ้นที่ 6 ซึ่งอยู่กับจางซูเหลียง ทำให้บัดนี้จางซูเหลียงมีอำนาจยิ่งกว่าใคร ๆ กินรีรู้ว่านายเลียง เสถียรกิจ นักธุรกิจคนหนึ่งหลงใหลในตัวเธอ กินรีจึงใช้มายาสวาทหลอกล่อให้นายเลียงตายใจ และเข้าไปสืบความลับที่นายเลียงซ่อนเอาไว้ แล้วพบว่านายเลียงกำลังพยายามรวบรวมรายชื่อสมาชิกสิ่งเอ็ง และสืบหาว่าใครคือจางซูเหลียง เพื่อเปิดโปงเรื่องนี้ให้ทางการรู้ กินรีร่วมมือกับ ฮักเหลี่ยม (ศรุต ขันวิไล) เตรียมแฉเรื่องของนายเลียงกับจางซูเหลียง เพราะอยากได้ความดีความชอบ แต่นิทัศน์ โกรธหึงหวงที่กินรี เห็นฮักเหลี่ยมดีกว่าตน นิทัศน์จึงซ้อนแผนใส่ร้ายว่ากินรีทรยศ จางซูเหลียงจึงสั่งให้นิทัศน์ฆ่ากินรีทิ้ง ด็อกเตอร์คิมกลับใจเมื่อเห็นว่าเป้าหมายของจางซูเหลียงคือการทำลายประเทศ จึงนำข้อมูลมาบอกกับชีพ และพิชิตว่านกอินทรีทั้ง 6 ชิ้น คืออาวุธร้ายแรงที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติเพื่อทำลายล้างพื้นที่ที่กำหนดได้ ไม่ว่าจะเป็น พายุ แผ่นดินไหวหรือแม้แต่สึนามิ มรกตค้นพบว่าแท้จริง จางซูเหลียงก็คือ นายอาทร ทิพย์พานิช และศพของจิงซูที่ถูกฆ่าตายยังคงถูกดองเอาไว้ที่ห้องใต้ดินนานกว่า 20 ปี และเธอกับกริชพี่ชายก็คือ หลินกับกวง เด็กที่หนีหายไป ด้วยสายเลือดทำให้มรกตมีรูปร่างหน้าตาที่ดูคล้ายกับจิงซู มรกตจึงถูกจางซูเหลียงสะกดจิตให้เป็นตัวแทนของจิงซู จางซูเหลียงเริ่มประกาศอำนาจเหนือรัฐบาลด้วยการข่มขู่ท่านนายกรัฐมนตรีให้ทำตามคำสั่ง และเริ่มเดินเครื่องการูด้า ซึ่งเป็นอินทรีชิ้นที่หก และนับเวลาถอยหลังในการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทั้งพายุ แผ่นดินไหว และสึนามิ ขณะเดียวกันสถานีโทรทัศน์ของรจิตถูกจางซูเหลียงบุกยึด รจิตถูกจับไปเป็นตัวประกัน ตวนกูคัสตาฟา, เชี่ยวชาญ, สุชาติ จับมือกันบุกเข้าไปในรังของจางซูเหลียงเพื่อแย่งชิงนกอินทรี แต่แล้วก็ถูก นิทัศน์, ฮักเหลี่ยม, แซนดี้, ยิปซี (ประภัสสร ธัญญาวานิช) ลูกน้องของจางซูเหลียง ฆ่าตาย ชีพ, กริช และสิงห์ รวมพลังบุกเข้าไปอีกครั้งและสามารถเอาชนะทุกคนได้ ยกเว้นจางซูเหลียง ซึ่งมีทั้งพลังจิต และพลังไทชิที่ไม่มีเอาชนะได้ แต่แล้วมรกตรู้ว่าจางซูเหลียงมีจุดอ่อนในเหตุการณ์ที่เคยฆ่าจิงซูตาย เธอจึงแกล้งทำเป็นจิงซู เพื่อทำให้จางซูเหลียงไขว่เขว ชีพ, กริช และสิงห์ใช้โอกาสนั้นรวมพลังเข้าจัดการ และในที่สุดจางซูเหลียงก็ตายในที่สุด ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กำลังจะถล่มประเทศไทยถูกยับยั้งได้ทันเวลา กริช ช่วยรจิตออกมาจากรังของจางซูเหลียงได้สำเร็จ สิงห์ทิ้งความหลังในสมาคมสิ่งเอ็ง เดินทางไปใช้ชีวิตในป่า ชีพ ชูชัย เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าเขาคือ ร้อยตรีคมน์ สรคุปต์ และปรับความเข้าใจกับมรกตได้ในที่สุดติดตามชมละคร เล็บครุฑ ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ละคร เล็บครุฑ เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2561

นางบาป 2561

นางบาป (2561/2018) บริษัทเบญจแปลงกาย โปรดักชั่นเฮาส์ชื่อดัง ของ วิษณุ ผู้กำกับสารคดีมือรางวัล ได้รับงานตัดต่อ รายการ “เล่าเรื่องตึกเก่า” ซึ่งมี ปาล สถาปนิกหนุ่ม ทำหน้าที่เป็นพิธีกร โดยเทปรายการเทปนี้ เป็นการ เล่าเรื่องตึกเก่าของ “เรือนพระวนาเทพ” ที่ตั้งอยู่ ณ อำเภอ นางบาป ซึ่งว่ากันว่าเดิมทีอำเภอนี้ชื่อว่า อำเภอบางบาป แต่ที่เพี้ยนมาเป็นชื่ออำเภอนางบาปก็เพราะ วีรกรรมของนางหยาดทาสใจบาปในตำนาน ซึ่งหลงรัก พระวนาเทพ ข้าราชการหนุ่มที่มาดูแลกิจการค้าซุงที่บางบาปและตัดสินใจตั้งรกราก แต่งงานกับ คุณกำไล โดยมีนางหยาดทาสรับใช้คนโปรดของ คุณกำไลตามมารับใช้ด้วย

คุณกำไลแต่งงานกับพระวนาเทพ จนมีบุตรสาว 2 คน นางหยาดได้โอกาสยั่วยวนพระวนาเทพ จนมันได้กลายเป็นเมียทาสในที่สุด นางหยาดเที่ยวไปลือว่ามันจะได้ปลดแอก และพระวนาเทพจะแต่งตั้งมันให้ขึ้นมาเสมอคุณกำไล แต่สุดท้ายกำไลก็ตั้งท้องลูกคนที่ 3 ทำให้นางหยาดแค้นใจมาก จึงคิดวางยาคุณกำไลที่ตั้งท้องอ่อนลูกชายอยู่และลูกสาวอีกสองคนจนถึงแก่ชีวิต เหล่าบรรดาทาสเมื่อรู้เรื่อง ก็โกรธแค้นและรักตัวกลัวความผิดจะสาดทอดมาถึงตัวเอง จึงรวมหัวกันนำร่างของนางหยาดไปแขวนคอที่ใต้ต้นไม้ในเรือนวนาเทพ ความโหดร้ายของนางหยาด กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่า ทั่วไปในหมู่บ้านบางบาป จนทำให้ชื่อหมู่บ้านเพี้ยนมาเป็น นางบาปอย่างทุกวันนี้ และตั้งแต่ที่บริษัทเบญจกายแปลงรับงาน ตัดต่อเทปนี้มา วิษณุก็เริ่มฝันเห็นผู้หญิงในชุดสไบสีม่วง และเรื่องราวตามตำนานเป็นฉากๆคืนประกาศรับรางวัลนาฎราช ซึ่งคราคร่ำไปด้วยนักแสดง บุคคลในวงการบันเทิง และ นักข่าวมากมาย ต้น ธนัตถ์ และ กิฟท์ ภาพิมล นักแสดงที่ฮอตที่สุดของเมืองไทยตอนนั้น ได้ขึ้นรับรางวัลร่วมกัน ในฐานนะนักแสดงนำชายและนำหญิง ส่วนวิษณุได้ขึ้นรับรางวัลสารคดียอดเยี่ยม จากสารคดีแนวประวัติศาสตร์งานถนัดของเขา โดยได้กล่าวขอบคุณ เรืองริน โปรดิวเซอร์สาวมือขวา ของเขาที่ชื่นชมในตัวเขามาตั้งแต่ตอนที่เขาเคยไปเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะ จนขอตามมาฝึกงาน และทำงานกับเขามาตลอดตั้งแต่นั้น และในงานนี้เอง วิษณุก็ไปร่วมงานด้วยหลังงานรับรางวัลเลิก ขณะวิษณุขับรถกลับ วิษณุก็มองเห็นผู้หญิงในชุดสไบสีม่วง ผูกคอตายที่ริมต้นไม้ข้างทาง แต่รินที่นั่งมาด้วย กลับมองไม่เห็นภาพนั้น และเมื่อกลับ มาถึงที่บริษัท ก็เห็นภาพของผู้หญิงในชุดสไบม่วงคนเดียวกับที่เห็นข้างทาง ผูกคอตายใต้ต้นไม้ในตำนานนั้น แต่ครั้งนี้มีเสียงผู้หญิงเพรียกหา เรียกเขาว่าคุณพระ และขอให้เขาเดินทางมาหาเธอที่ต้นไม้แห่งนี้ วิษณุประหลาดใจมาก เพราะที่แท้แล้วนางบาป ก็คือบ้านเกิดของเขานั่นเอง วิษณุจึงตัดสินใจเดินทางไปที่อำเภอ นางบาปในวันรุ่งขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงที่อำเภอนางบาป วิษณุขอตัวไปดูรอบๆ และให้รินไปติดต่อเจ้าของเรือนวนาเทพ ที่ได้ดัดแปลงสถานที่มาเป็นรีสอร์ทบ้านชายน้ำ ทำให้รินได้เจอกับปาลที่บนเรือน และเข้าใจผิดว่าปาลเป็นเจ้าของเรือนวนาเทพ ปาลแกล้งสวมรอยก่อนสุดท้ายจะเฉลยว่า เขาเป็นแค่พิธีกรที่เคยมาถ่ายรายการที่นี่ ปาลก็คือรุ่นน้องที่สถาปัตย์ของวิษณุ ส่วนวิษณุที่ยืนมองต้นไม้ในตำนานอยู่ ก็เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดใต้ต้นไม้ในตำนานต้นนั้น เขาสัมผัสต้นไม้ และรู้สึกถึงเลือดสีแดงฉาน ที่ไหลออกมาจากลำต้นอาบรดมือเขา ก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดสไบม่วงให้เขาเห็นเต็มๆ ตา และขอร้องเขาอีกครั้ง ว่าให้กลับมาปิดตำนานนางบาปเสียที เมื่อกลับจากการเดินทาง วิษณุจึงตัดสินใจจะทำเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานนางบาปเป็นละครวิษณุสามารถทาบทาม ต้น พระเอกชื่อ ดังให้ข้ามช่องมาเล่นเป็นพระวนาเทพได้ ขอกิฟท์นางเอกเบอร์ 1 ของช่องมารับบทเป็นคุณกำไล ส่วนบทบาทของ นางหยาด รับโดย พายภัคตรา นางร้ายนิสัยดี ที่ถูกชะตากับปาลตั้งแต่เจอกันวันแคสติ้ง รินถูกกดดันหนัก จากการเป็นผู้จัดหน้าใหม่ ถูกทีมงานต่อว่าลับหลัง แม้กระทั่งพีอาร์กอง เธอยังต้องนำ เดือน น้องสาวของ ฝน แฟนเก่าของเขา มารับหน้าที่ประชาสัมพันธ์กองแทน เดือน น้องสาวของแฟนเก่าวิษณุ ก็ไม่พอใจที่ริน สนิทสนมกับวิษณุเช่นกัน กิฟท์ ที่ไม่พอใจ ทั้งธนัตถ์และปาล ให้ความสนใจในตัวรินเป็นพิเศษ รินกลายเป็นศัตรูของทั้งเดือน กิฟท์ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร มีแต่ พาไล ผู้จัดการสาวมาดนิ่งของต้น ที่คอยให้กำลังใจริน เรื่องราวมีปัญหาไปจนถึงคนเขียนบท จนทำให้วิษณุ ต้องเขียนบทเองด้วยความช่วยเหลืออย่างลับๆ จากผีหยาดที่คอยมาช่วยพิมพ์บท โดยที่วิษณุเองก็ไม่รู้ตัว จนเมื่อได้เห็นบทที่เขาเขียนเองกับมือ ชื่อหยาดกลับกลายเป็นชื่อหยด และหญิงสาวในชุดสไบสีม่วงยังบอกเขาว่า ช่วยปลดปล่อยเธอกับพี่หยดที ทำให้วิษณุเริ่มสงสัยว่าชื่อ หยดมาจากไหนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ โดยไปถ่ายทำที่เรือนวนาเทพ คืนนั้นเอง ก็เป็นครั้งแรกที่วิษณุฝันถึงผู้หญิงในชุดสไบสีแดงที่ชื่อหยด โดยเห็นตัวเองเป็นพระวนาเทพ เข้าไปช่วยเหลืออีหยดที่ถูกชายฉกรรจ์ฉุด และได้เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเนื้อตัวมอมแมมของอีหยด และมอบไว้ให้มัน ซึ่งอีหยดก็สัญญามั่นว่า จะนำผ้าผืนนี้ไปคืนไม่ว่าวิษณุจะอยู่แห่งหนใด ส่วนอีหยดเมื่อวิษณุจำมันได้แล้ว วิญญาณของมันเลยได้รับการปลดปล่อยออกจากมีดที่ปักหลังและเชือกที่รัดมันไว้ ให้ออกจากห้องเก็บของ และเพ่นพ่านไปมาบนเรือนนี้ได้รินออกไปตลาดนางบาป มีคนบอกว่า จริงๆ แล้วนางหยาดไม่ได้ร้าย ตามตำนานและไม่ใช่คนฆ่ากำไล แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าแล้วใครทำวิษณุเริ่มคิวแรกด้วยการถ่ายทำฉากนางหยาดถูกแขวนคอ แต่เมื่อถึงฉากที่พายต้องขึ้นนั่งร้านเพื่อถ่ายทำฉากแขวนคอ พายเกิดกลัวขึ้นมา จนการถ่ายทำสะดุด รินจึงตัดสินใจเป็นสแตนด์อินแทนพาย แต่แล้วกลับเกิดอุบัติเหตุหนักกลางกอง เมื่อเชือกที่รินห้อยกลับขาดลงมา รินร่วงจากนั่งร้านตกลงที่พื้น ปาลรีบพารินไปโรงพยาบาล ที่วิษณุระเบิดลงกลางกอง แต่ก็หาตัวคนผิดไม่ได้ กิฟท์เมื่อว่างจากคิวถ่าย ก็นึกพิเรนชวนทีมงานเล่นผีถ้วยแก้ว ผีหยดปรากฏตัวขึนกลางวงและประกาศกร้าวว่า ข้าจะกลับมาเอาคืนในสิ่งที่ ควรเป็นของข้า ไม่ว่าอ้ายอี หน้าไหนขวางหน้า ข้าจะฆ่าให้หมด แล้วผีหยดก็ตามประกบกิฟท์ขณะเข้าฉาก จนกิฟท์ไม่เป็นอันทำการแสดง วิษณุเครียด กับปัญหาทุกอย่าง จึงหลบไปสงบใจที่วัดบางบาป แล้วเขาก็ได้คุยกับหลวงพ่อ ที่วัดบางบาป จนระลึกได้ว่าชาติที่แล้วเขาคือพระวนาเทพ และ กิฟท์ก็คือคุณกำไลนั่นเอง และยิ่งกว่านั้น ทาสที่รับใช้กำไลมีสองคน คือหยาด และ อีกคนก็คือ...หยด วิษณุ จึงกลับไปเล่าเรื่องทุกอย่างให้รินฟังอีหยดพยายามจะเข้าสิงร่างริน แต่ก็ถูกขัดขวางโดยนางหยาดทุกครั้ง อีหยดแค้นใจนางหยาด เป็นอย่างมาก แต่ไม่เท่าที่รู้สึกน้อยใจในตัววิษณุ ที่รักรินอย่างเหลือเกิน เพราะในอดีต เธอก็เคยพลาดหวังมาแล้ว เมื่อรู้ว่าพระวนาเทพจะมาแต่งงานกับคุณกำไล ซึ่งนางเยื้อนเห็นว่านิสัยของหยดจะนำพาแต่ปัญหา เลยสั่งให้หยดทำงานอยู่แค่เรือนครัวเท่านั้น และส่งหยาดไปรับใช้คุณกำไล วันแต่งงานและเข้าหอของพระวนาเทพ นางเยื้อนจับหยดกักขังไว้ในห้องเก็บของบรรยากาศ หยดร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายเลือดด้วยความเสียใจ ปัจจุบัน หยดยังแค้นใจ และคิดจะสิงร่างของรินให้ได้ยิ่งนับวัน ปาลก็เริ่มชอบในตัวรินมากขึ้น มาก และขอรินเป็น แฟนตรงๆ แต่รินกลับขอเวลาพิสูจน์ปาล ฝั่งอีหยด เมื่อเห็นว่ารินไม่ได้สวมพระ เพราะพระไปอยู่ที่พายแล้วตามแผนที่มันวางไว้ มันก็สามารถเข้าสิงร่างรินได้อย่างง่ายดาย หลังจากวันนั้น รินก็มีอาการแปลกไป หาเรื่องกิฟท์อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังยั่วยวนวิษณุตลอดเวลา จนปาลเริ่มไม่ชอบใจในอดีต หลังจากที่พระวนาเทพแต่งงานกับกำไลแล้ว ก็ยังแอบมาหาหยดอยู่เช่นเดิม แล้ววิษณุ ก็เห็นภาพในอดีตอีก ทำให้รู้ว่า กำไลและหยด มีสามีคนเดียวกันคือพระวนาเทพ กำไลคลอดลูกสาวออกมา รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจเรื่องที่หยดมายุ่งเกี่ยวกับสามีตน จนไม่ยอมเลี้ยงลูก ทำให้หยาดมาเลี้ยงดูลูกของกำไลแทน จนถึงลูกคนที่สองของกำไล พระวนาเทพเริ่มเห็นความรัก ความซื่อสัตย์ที่หยาดมีต่อกำไล จึงอยากได้หยาดไปเป็นเมียอีกคน แต่หยาดไม่ยอม พระวนาเทพ จึงไปขอกับกำไลตรงๆ คุณกำไลเจ็บช้ำ แต่ก็สั่งให้หยาดไปเป็นเมียพระวนาเทพทั้งน้ำตา จากนั้นก็ไม่เคยยอมให้หยาดรับใช้ข้างกายอีกเลย ตัดกลับมาปัจจุบัน วิษณุมองต้นไม้ที่หยาดถูกแขวนคอแล้วน้ำตารื้น ที่หยาดถูกใส่ร้าย จึงคิดจะปรับบทละครอีกครั้งระหว่างพักกอง ปาลมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับรินมากขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้น อย่างรวดเร็ว แต่รินยังเกรงใจพาย ที่คอยโทรหาปาลเป็นระยะๆ และรู้ว่า ถ้าเธอเปิดเผย ความสัมพันธ์นี้ อาจจะทำให้กองมีปัญหาอีกก็ได้ รินจึงไม่กล้าเทใจให้ปาลมากนัก วิษณุ ต้องเร่งกลับมาถ่ายทำละครอีกครั้ง หลังจากที่ผู้อำนวยการช่อง ไม่ยอมให้เลื่อนการถ่ายทำออกไปอีก เขาถ่ายทำด้วยความฝืนใจที่ทุกครั้งหยาดต้องเล่นบทเป็นผีร้ายในละครที่เขากำกับ เขาเข้าใจแล้วทำไมตอนนั้น บทของเขาจึงถูกเปลี่ยนกลายเป็นชื่อหยดโดยที่เขาไม่รู้ตัว หยาดต้องการมาบอกให้เขาได้รู้บาปกรรมในอดีตที่เคยกระทำลงไป และการถ่ายทำละครก็เดินทางมาถึงตอนที่หยาดเริ่มคิดจะวางยาพิษกำไล ภาพในละครที่วิษณุกำกับคือหยาดเริ่มกร่าง แต่เมื่อตัดเข้าไปภาพในอดีตของจริง คนที่กร่างจริงๆ คืออีหยด ยิ่งเมื่อหยดรู้ว่า พระวนาเทพ ปรารถนาในตัวหยาด จึงหาทางกลั่นแกล้ง หยาดทุกรูปแบบ หยดท้องในที่สุด พระวนาเทพสัญญาว่า ถ้าเป็นลูกชายจริง จะให้หยดได้ขึ้นไปอยู่เรือนใหญ่ ไม่ต้องเป็นลูกทาสอีกต่อไป แต่แล้วคุณกำไล ก็ท้องอีก ส่วนหยด ดันสะดุดบันไดแท้งลูก เธอสั่งหมอ ไม่ให้บอกความจริงแก่พระวนาเทพ และสั่งให้คนไปฆ่าหมออีกด้วย เพื่อปิดทุกอย่างเป็นความลับแล้วหยด ก็หลอกให้หยาด เอายาพิษไปให้กำไลกิน จนกำไลเริ่มป่วย หยาดถูกหยดใส่ร้ายว่าจะฆ่ากำไลและลูก จนหยาดถูกแขวนคอบนต้นไม้ขาดใจตาย ท่ามกลางรอยยิ้มสะใจของหยด กับเสียงร้องไห้ของนางเยื้อนที่รู้ว่าหยดทำร้ายทุกคน และยังหลอกอีกว่ายังท้องอยู่ เยื้อนทนไม่ไหว ใช้มีดแทงหยดคามือ บอกว่าถ้ามีใครสักคนต้อง หยุดหยด ขอให้เป็นแม่เองและเอ็งอย่าไปสร้างเวรสร้างกรรมที่ไหนอีก แม่ขอสาปแช่งหยด “ขอให้เอ็งต้องอยู่ชดใช้กรรม ที่บ้านหลังนี้ ไม่ต้องไปผุด ไปเกิดสร้างเวร ที่ไหนอีก ขอให้เอ็งติดอยู่ ที่นี่ ดูทุกสิ่งที่เอ็งต้องการ แต่ไม่มีวันได้มาครอบครอง ติดให้นาน นานเทียบเท่ากับทุกหยดน้ำตาของแม่กำไลที่กำลังจะตาย เอ่ยปากบอก พระวนาเทพ บอกว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากความมักมาก หลายใจไม่รู้จักพอ ของชายเพียงคนเดียว กำไลใช้แรงเฮือก สุดท้ายสาปพระวนาเทพ เอ่ยตัดคำสัญญาต่อกัน ขอให้ความสัมพันธ์ผัวเมีย สิ้นสุดกันในชาตินี้ ในเมื่อชาตินี้พี่ผิดคำสัญญารัก ยกย่องใครคนอื่นมากกว่า ฉันชาติหน้าขอให้พี่ รักหญิงใดไม่ได้อีกเลย จากนั้นก็สิ้นใจต่อหน้า พระวนาเทพ โดยมือยังกุมลูกในท้องไว้ที่กิฟท์เมื่อเห็นท่าทีของรินที่สนิทกับปาล ก็ไปเมาท์กับเดือนเรื่องที่จริงๆ พาไลกับปาลเคย มีอะไรกัน ผีหยดในร่างเดือนนึกสนุก ต้องการทำลายคนอื่น เลยปล่อยข่าวเรื่องนี้ให้ถึงหูริน ทำให้ความสัมพันธ์ของรินกับปาลที่กำลังจะพัฒนาต้องสะดุดลงไปอีก และรินเข้าใจแล้ว สาเหตุที่ดาราอย่างต้นยอมข้ามช่องมาเล่นละครเรื่องนี้ เพราะต้นชอบวิษณุนั่นเอง ส่วนผีหยดเองก็เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากรินหันไปปองร้ายต้น ด้วยเหตุการณ์ลึกลับต่างๆ นานา วิษณุ อัญเชิญหลวงพ่อมาทำพิธี ด้วยการไหว้ขอขมานังหยดกันแบบลับๆ แต่นางหยดกลับไม่ยอมอภัยให้ รินเอาพระไปให้ต้นสวมเมื่อไม่สามารถทำลายต้นได้ ผีหยดจึงออกอาละวาดหลอกกองถ่ายทั้งทีม แม้ผีหยาดจะคอยปรามพี่สาวตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงอาฆาตนั้นได้หยาดปรากฏกายให้กิฟท์เห็น และมาขอโทษเรื่องในอดีตที่ผ่านมา ทำให้กิฟท์ตกใจมาก แต่กิฟท์ก็ไปเล่าเรื่องทุกอย่างให้วิษณุฟัง ว่าเธอคือคุณกำไล และวิษณุคือคุณวนาเทพ หน้ากระดานผีถ้วยแก้ว ปาล ริน กิฟท์ ช่วยกันทำพิธีส่งวิญญาณหยาดและหยดกลับ ที่ผีหยาดปรากฏตัวขึ้นอำลาทุกคน พอตอนจะเชิญผีหยดกลับ วิษณุกล่าวขอโทษหยด ถึงความผิด ในอดีตของเขา และขอให้หยดอโหสิกรรม และหากจะมีสักคนที่หยดอยากจะทำร้ายก็ควรเป็นเขา ไม่ใช่ต้นหรือริน เพราะเขาคือต้นเหตุเรื่องทั้งหมด ผีหยดยืนฟังคำขอโทษของวิษณุน้ำตาอาบหน้า ขณะที่แก้วเคลื่อนเหมือนจะไปที่จุดทางออก พอเกือบถึงช่องนั้น แก้วกลับแตกกระจายและบาดวิษณุจนเลือดอาบ แล้วภาพก็ดับวูบไปทีมงานเตรียมถ่ายทำซ่อมฉากสุดท้ายคือฉากแขวนคอ ถ่ายทำฉากแขวนคอครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี โดยที่พายขอแก้มือด้วยการแสดงเองเพื่อโชว์สปิริตชดเชยครั้งก่อน วิษณุสั่งปิดกล้อง ทีมงานทุกคนเฮลั่น งานเลี้ยงปิดกล้อง เสียงเพลงดังลั่น สื่อมากันหมด รวมทั้งผู้จัดการของต้นและกิฟท์ กิฟท์หาทางจะมาเคลียร์กับต้น ปาลขึ้นไปร้องเพลงบอกรักริน และเปิดตัวอย่างเป็น ทางการ ต่อหน้าการทำข่าวปิดกล้องของสื่อ ผีหยดในร่างเดือนคอยจ้องต้นตลอดเวลา รับหน้าพาไล เห็นเดือนที่จ้องต้น อยู่ ก็มีท่าทีไม่พอใจ แล้วกิฟท์ ก็ถูกมีดปาดเข้าที่คอ โดยไม่เห็นหน้าคนร้าย ที่เดือนเข้ามาในห้องพักต้น มองไปรอบๆ เตรียมมีดไว้ในมือ แล้วเดือนก็เดินเข้ามาในห้องอีกคน พาไลแสดง ธาตุแท้ออกมา พาไลไม่ได้รู้เลยว่าเดือนต้องการปองร้ายต้นต่างหาก ส่วนมันเองก็ฆ่าผิดคน จริงๆ ต้นอาจไม่ได้รัก วิษณุ แต่ รักพาไลหรือเปล่า วิษณุ ปาล ริน รีบวิ่งตามไปเสียงนั้นทันที เมื่อเปิดประตูห้องต้นเข้าไป ทุกคนก็แทบช็อค กับภาพเดือนที่เลือดอาบคามีดในมือของพาไล ต้นวิ่งตามมาพร้อมกิฟท์ เมื่อพาไลเห็นต้นก็พร่ำเพ้อ ความน้อยใจที่เกิดจากความหึงหวงทันที ที่รินกับปาลรีบพาร่างของเดือนขึ้นไปส่งโรงพยาบาลร่างของเดือนถูกระโยงระยางด้วยสายยางเต็มไปหมด ผีหยดในร่างเดือนระส่ำระสาย และไม่แน่ใจว่าจะอาศัยร่างนี้ต่อไปได้หรือไม่และเมื่อน้าเยื้อน แม่ของเดือนปรากฏตัวเยี่ยม ผีหยดก็ต้องอึดอัดแทบหายใจไม่ออก เพราะที่แท้แม่ของเดือน คือนางเยื้อนแม่ของนางหยดและนางหยาดในชาติที่แล้ว ที่ร่างของเดือน เมื่อน้ำตาของแม่หยดลงบนร่าง คำสาปก็ถูกปลุก วิญญาณของหยดต้องกลับไปสิงสถิตย์อยู่ที่ห้องเก็บของในบ้านชายน้ำ เห็นภาพนางหยด ในสภาพที่น่าสงสารอย่างที่สุด มันเอามือประคองท้องของมันที่เต็มไปด้วยเลือด และมีดที่ปักกลางตัวมันไว้ส่วนกิฟท์กับต้นตกลงเป็นแฟนกันเพื่อผลประโยชน์ สื่อออกข่าวคู่จิ้นครึกโครม รินกลับมาที่บ้านชายน้ำ ปาลตามมาช่วยดูแลและรินรับรักปาลในที่สุด ที่เรือนวนาเทพ ทุกครั้งที่มีคนไปเยี่ยมชมเรือน และเดินผ่านห้องเก็บของ ยังคงได้ยิน เสียงกรีดร้องของวิญญาณหยดที่ถูกขังไว้ในทุกค่ำคืน ดังหลอกหลอนอยู่อย่างนั้น .....................
เล่ห์รักบุษบา 2561

เรื่องย่อ : เล่ห์รักบุษบา (2561/2018) บุษบาบรรณ เก็บกระเป๋าด้วยหัวใจที่ปวดร้าวหลังจากรู้ว่า โภคิน แฟนของเธอ หักหลังหลอกให้เธอจำนองบ้าน ขายที่ผืนสุดท้ายของครอบครัว เพื่อไปซื้อไร่องุ่น สร้างชีวิตใหม่ด้วยกันที่ปากช่อง แต่เขากลับทรยศด้วยการฮุบที่ดินนั้นไว้คนเดียว และยังมีผู้หญิงคนใหม่ สราณฉัตร ออกหน้าออกตา ทิ้งให้บุษบาบรรณเจ็บช้ำจนไม่มีชิ้นดี และนั่นเป็นที่มาของการเป็นหนี้ก้อนโต พ่อ-แม่ไม่มีที่อยู่ต้องไปอาศัยอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด เธอจึงวางแผนไปสมัครเป็นคนงานในไร่องุ่นที่ใหญ่กว่า เพื่อจับลูกชายเจ้าของไร่ เพราะคิดว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอกลับมามีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ได้หักหน้า โภคิน แฟนเก่า และล้างอายให้กับตัวเอง บุษบาบรรณเขียนใบสมัครมาทำงานที่ไร่ภูผา และได้พบกับ ดินแดน หนุ่มรูปหล่อราวกับเทพบุตร แต่เสียดายที่เธอนึกว่าเขาคือหัวหน้าคนงาน เพราะเธอได้พบเขาครั้งแรกในงานสมาคมส่งออกผลไม้ไทยในสภาพคนส่งของ และเหนื่อยเกินกว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าไปในงาน จึงปล่อยให้ ภูวดล พี่ชายต่างบิดา เป็นตัวแทนบริษัทขึ้นรับรางวัลแต่เพียงผู้เดียว ที่ไร่ภูผา เขาเปิดบ้านพักของตัวเขาเองให้เธอพัก เพราะตั้งใจจะกลั่นแกล้งให้เธอทำงานหนักในไร่ เขาแอบได้ยินเธอคุยกับเพื่อนถึงแผนการที่จะจับลูกเจ้าของไร่ภูผา คือภูวดล เพราะบุษบาบรรณเข้าใจผิดคิดว่าภูวดลเป็นเจ้าของไร่ภูผา ซึ่งจริง ๆ เป็นไร่ของพ่อเขา เธอเล่าแผนเป็นฉาก ๆ และบอกว่าภายใน 3 เดือนเธอต้องทำให้เขาตกหลุมรักและแต่งงานกับเธอให้ได้ เอกภพ ผู้เป็นพ่อ มีความหลังฝังใจเพราะรักกับผู้หญิงสูงส่งกว่า คือ อักษร แต่ถูกกีดกัน เพราะเมื่อก่อนเอกภพเป็นเพียงคนงานจน ๆ ก่อนที่จะสู้ชีวิตจนเป็นเจ้าของไร่ภูผาที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวย อักษรถูกจับแต่งงานไปกับ ดนัย และมีลูกติดคือภูวดล แต่เอกภพก็ยังเฝ้ารอ จนในที่สุดอักษรแยกทางกับดนัย พ่อของภูวดล และมาแต่งงานกับเอกภพ มีลูกอีก 1 คน คือดินแดน โดยที่เขานั้นเลี้ยงดูภูวดลด้วยความรัก และช่วยปกป้องภูวดลจากการถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้ายเพื่อหวังให้อักษรกลับไปอยู่กับตนเอง ในอดีตไร่ม่านฟ้าของดนัยเป็นไร่องุ่นเพียงเจ้าเดียวที่ครองตลาดองุ่น เมื่อไร่ภูผาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และมีส่วนเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าครึ่ง ทำให้ดนัยทั้งแค้นและเกลียดชังเอกภพที่แย่งทั้งเมียและธุรกิจ จึงคอยกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา แต่ก็มีดินแดนและภูวดลช่วยกันแก้ปัญหา ปกป้องไร่ภูผา จึงทำให้ดินแดนและภูวดลนั้นไม่มีปัญหาเรื่องความต่างบิดา แต่ทั้งสองกลับรักใคร่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี เอกภพให้ภูวดลดูแลเรื่องการบริหารและเป็นหุ้นส่วนบริษัท แต่ให้ดินแดนดูแลเรื่องการผลิตซึ่งมีความสำคัญและให้เป็นเจ้าของบริษัททั้งหมด ในอดีต...เอกภพเกือบจมน้ำ แต่ได้ ชาญชัย ช่วยชีวิตเอาไว้ เอกภพจึงสัญญาว่า จะให้ลูกชายของเขาได้แต่งงานกับลูกสาวคนโตของชาญชัย คือ สริยา ที่ไร่ภูผา บุษบาบรรณงัดทุกแผนการที่ Google บอกถึงวิธีมัดใจชายเพื่อที่จะจับภูวดลให้ได้ แต่ก็มีดินแดนคอยขัดขวางและกลั่นแกล้งตลอดเวลา ดินแดนไม่เข้าใจว่า ทำไมบุษบาบรรณถึงเห็นคุณค่าของเงินมากกว่าความรัก ดินแดนมีความรู้สึกทั้งสองด้านกับบุษบาบรรณ...ด้านหนึ่งเขาเชื่อว่าธาตุแท้นั้นบุษบาบรรณเป็นผู้หญิงหิวเงิน ทำทุกอย่างได้เพื่อที่จะจับภูวดล ทั้งให้ท่า วางแผนการต่าง ๆ นานา แต่อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ได้รู้จัก และหลาย ๆ ครั้งที่บุษบาบรรณเหมือนจะเป็นคนมีศักดิ์ศรี ไว้ตัว และมีน้ำใจ คอยช่วยเขาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ...ทำให้เขาเริ่มรู้สึกลังเล และสงสัยในตัวตนของเธอมากขึ้น ....ถ้าเป็นคนไม่ดี..เธอต้องแสดงละครเก่งมาก...เก่งจนทำให้พี่ชายของเขาแอบชื่นชมเธอบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นก่อนที่ความรู้สึกของเขาจะไปไกลมากกว่านี้...เขาก็ยิ่งต้องคอยจับผิดและใกล้ชิดเธอให้มากขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าวิธีการนี้กลับย้อนศรมาทำให้เขาหลงรักคนที่เกลียดชังโดยไม่รู้ตัว สริยาแอบหลงรักดินแดนมานาน และหวังว่าจะได้แต่งงานกับดินแดน ตามที่พ่อของทั้งคู่เคยสัญญากันไว้ ส่วนภูวดลนั้นก็แอบรักสริยามานาน แต่เขาต้องตัดใจเพราะสริยาคือคู่หมายของดินแดน ตลอดเวลา 3 เดือนที่ไร่ กิจวัตรประจำวันของเธอคือ ดินแดนจะมาปลุก และทั้งคู่จะกินอาหารเช้าด้วยกัน และออกไปตรวจไร่ ปลูกและเก็บเกี่ยวองุ่น และอีกสารพัดที่เป็นงานในไร่ ความใกล้ชิดกันทุกวันทำให้บุษบาบรรณมีใจให้ดินแดน แต่เธอก็ต้องเตือนตัวเองว่า เป้าหมายของเธออยู่ที่ภูวดลเท่านั้น เรื่องนี้ดินแดนก็สังเกตได้ ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าบุษบาบรรณมีใจให้เขา แต่เมื่อเขาลองใจเธอด้วยวิธีต่าง ๆ ก็รู้ว่าเธอรักเงินมากกว่า ส่วนบุษบาบรรณเองก็แอบสงสัยในตัวดินแดน เป็นเพียงหัวหน้าคนงานทำไมถึงใช้ชีวิตหรูหรา มีรถดี ๆ ใช้ ดินแดนแก้ต่างว่าเพราะคุณเอกภพเอ็นดูเขา จึงอนุญาตให้เขาใช้รถได้ อยู่บ้านหลังใหญ่ และทิปให้เขาบ่อย ๆ เอกภพเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสี่ จึงคิดจะจับแยกคู่โดยมีคำสั่งให้ภูวดลจีบบุษบาบรรณ เพื่อที่จะได้แยกดินแดนออกมา จะได้ใกล้ชิดสริยามากยิ่งขึ้น แต่เอกภพก็ถูกดินแดนตลบหลังโดยวางแผนให้ทั้ง 4 คนออกมาเที่ยวกัน และมาสลับคู่ข้างนอก คืนนั้นด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่ดินแดนตั้งใจจะมอมเธอนิด ๆ ทำให้ทั้งคู่ไปลงเอยที่บ้านพักกลางไร่กัน 2 ต่อ 2 แต่เพราะความเป็นสุภาพบุรุษจึงทำให้ดินแดนไม่ล่วงเกินเธอมากไปกว่าการจับมือ แต่เพราะบุษบาบรรณไม่ประสาในเรื่องเพศ จึงคิดว่าตัวเองตกเป็นของดินแดนแล้ว ดินแดนได้ทีสวมรอย และเปิดใจว่าเขานั้นรักเธอ แม้รู้ว่าเธอนั้นจะจ้องจับภูวดล เขาขอโอกาสให้เธอได้พิจารณาหัวหน้าคนงานจน ๆ อย่างเขาบ้าง บุษบาบรรณรับปากว่าจะพยายาม ถึงแม้จะเสียดายภูวดลมากก็ตาม ข้างฝ่ายภูวดลกับสริยานั้น ก็พอมองเหตุการณ์หลาย ๆ ครั้งออกจนเข้าใจดีว่าดินแดนรักบุษบาบรรณ ดินแดนก็พูดกระตุ้นเตือนให้ภูวดลหันไปมองสริยาที่ภูวดลนั้นหลงรักมานาน และต้องห้ามใจตัวเองเพราะสริยาคือคู่หมายของน้อง ในที่สุดความรักของภูวดลกับสริยาก็เริ่มก่อตัวขึ้น ในขณะที่ดนัยร่วมมือกับโภคิน คนรักเก่าของบุษบาบรรณ ที่มาพร้อมกับสราณฉัตร ก็คอยป่วนไร่ภูผา และความรักของดินแดน กับบุษบาบรรณวุ่นวาย ทั้งดินแดน ภูวดล บุษบาบรรณ และสริยาช่วยกันแก้ปัญหา ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสี่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ และตกลงว่าจะเล่นละครตามน้ำเพื่อหลอกเอกภพ พ่อของตนเอง ไปก่อน บุษบาบรรณยอมรับสภาพว่าตนเองคงจับภูวดลไม่ได้ ดินแดนอาสาจะดูแลเธอให้ดีที่สุด บุษบาบรรณสารภาพกับดินแดนว่าตอนแรกที่เธอคิดจะจับภูวดลเพราะมีความจำเป็น ดินแดนถามว่า ความจำเป็นอะไร บุษบาบรรณไม่ตอบเพราะไม่อยากให้ดินแดนดูถูกว่าถูกโภคินหลอก ไม่มีแม้แต่บ้านจะอยู่ ทำให้ดินแดนโพล่งดูถูก และบอกความรู้สึกไม่ดีที่มีต่อบุษบาบรรณในครั้งแรกออกไป เท่านั้นเอง ทุกอย่างก็พังทลาย เธอหนีออกจากไร่และหลงป่า ดินแดนออกตามหา ผ่านไปกว่า 10 ชม. และเป็นช่วง 10 ชม. ที่ดินแดนรู้ใจตัวเองว่าเขารักบุษบาบรรณแค่ไหน แต่เมื่อเขาพบกับบุษบาบรรณ เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิม ก่อนหน้าที่จะหลงป่าเสียแล้ว ความห่างเหินที่บุษาบรรณมีให้ดินแดน ทำให้เธออยากจะไปจากไร่ภูผา เธอส่งจดหมายไปสมัครงานในหลาย ๆ ที่ แต่ยังไม่มีที่ใดตอบรับ วันหนึ่งเธอได้พบเอกภพ ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอ บุษบาบรรณเล่าถึงชีวิตที่ผ่านมาให้ฟังโดยไม่ปิดบัง เอกภพชื่นชอบในตัวบุษบาบรรณ และยุให้ภูวดลจีบบุษบาบรรณ ความสนิทสนมของบุษบาบรรณกับเอกภพทำให้ดินแดนเข้าใจผิด ตามมาต่อว่าหาว่าบุษบาบรรณจับลูกไม่ได้ก็เลยคิดจะจับพ่อ ซึ่งเป็นเพียงชายแก่ ๆ แทน หวังจะให้แผนจับคนรวย ๆ สำเร็จ บุษบาบรรณเสียใจมากที่ดินแดนดูถูกเธอในทุก ๆ เรื่อง เธอพรั่งพรูทุกความรู้สึกที่เธอมีต่อดินแดน ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องที่เธอคิดจะจับภูวดล แต่สุดท้ายเธอกลับมาตกหลุมรักหัวหน้าคนงานอย่างดินแดน เท่านั้นเองที่ดินแดนต้องการ เขาเชื่อมั่นแล้วว่าเธอไม่ได้รักแต่เงินอย่างที่เขาคิด แต่เธอรักที่ตัวตนของเขาจริง ๆ และคืนแห่งการสารภาพ บุษบาบรรณก็ตกเป็นของดินแดนอย่างเต็มใจ เหตุการณ์ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ถ้าไม่เพียงแต่เอกภพยังไม่รู้ความจริงว่าภูวดลและดินแดนเล่นละครหลอกตนเอง เอกภพจึงเร่งให้ดินแดนแต่งงานกับสริยา ภูวดลและดินแดนมาปรึกษากันในโรงบ่มองุ่น โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าบุษบาบรรณอยู่ในนั้น และแอบได้ยินที่เขาทั้ง 2 คุยกัน บุษบาบรรณได้รู้ความจริงที่ดินแดนหลอกลวงเธอทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหัวหน้าคนงาน แกล้งจน และรู้เรื่องที่เขาหลอกว่าได้เสียกับเธอ บุษบาบรรณกลับมาเก็บของและออกจากไร่ทันที แต่เธอไม่ได้ไปไหนไกล เพราะก่อนหน้านี้เธอเพิ่งได้รับจดหมายตอบรับเข้าทำงานในไร่ผลไม้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่องุ่นภูผานัก เรื่องราวความรักที่ใช้เล่ห์นำทางจะลงเอยกันอย่างไร ดินแดนจะตามหาหัวใจของเขาเจอไหม ติดตามชมกันต่อได้ในละคร เล่ห์รักบุษบา ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 7 ละคร เล่ห์รักบุษบา เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561

สาปกระสือ (2561/2018) นลิน หญิงสาวที่ทำงานอยู่กรมศิลปากรและ พนิช แฟนของนลินนำเงินไปเล่นการพนันจนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ จึงหลอกใช้นลินขโมยวัตถุโบราณไปขาย เธอได้รับการติดต่อจาก ชลันตี มาตามนลินกลับไปรับมรดกที่บ้านเกิดของแม่ ซึ่งยายเพียรกำลังป่วยหนัก นลินเข้าไปหายายเพียรตอนเช้าแต่พบว่ายายเพียรเสียชีวิตแล้ว นลินฝันประหลาดถึงหญิงคนหนึ่งที่กำลังร่ายรำอยู่ในสถานที่ลึกลับ และเริ่มรู้สึกตึง ๆ รอบคอตลอดเวลา พฤติกรรมก็เริ่มเปลี่ยนไป ชอบใช้ชีวิตกลางคืนมากกว่ากลางวัน ตาสู้แสงไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือเริ่มมีข่าวลือประหลาด ๆ เกิดขึ้นว่ามีคนเห็นดวงไฟลอยวนไปมารอบ ๆ บริเวณที่นลินอาศัยอยู่ พอรุ่งเช้าก็จะพบคราบเลือดตามราวแขวนเสื้อหรือสถานที่ต่าง ๆ บ้างก็มีสัตว์ล้มตายในลักษณะที่ไส้หรือเครื่องในหายไป ตฤณฤทธิ์ นักวิจัยหนุ่ม ผู้สนใจเกี่ยวกับกระสือ ลงพื้นที่เพื่อวิจัย และได้มาหาข้อมูลที่ทำงานของนลิน พบว่านลินมีอาการแปลกประหลาดบางอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขากำลังวิจัย แต่ไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับมัน นลิน รู้ตัวว่ากลายเป็นทายาทกระสือไปแล้ว จนคืนหนึ่งนลินในร่างกระสือเกี่ยวถูกหนามพุทราที่ชาวบ้านปลูกไว้ ชาวบ้านพากันถืออาวุธออกมาจะทำร้าย แต่ตฤณฤทธิ์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยนลินไว้ได้ ตฤณฤทธิ์ตกใจมากในตอนแรกเมื่อรู้ว่าเธอคือกระสือจริง ๆ แต่ต่อมาเขากลับเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นลินเริ่มไว้ใจตฤณฤทธิ์และเปิดใจเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เขาฟัง บุรัณย์ หาทางพิสูจน์ว่านลินเป็นกระสือ แอบเอากล้องไปซ่อนไว้ในบ้าน และพบว่ามีคนในบ้านนี้ที่ถอดหัวกับไส้ออกได้จริง ๆ จึงเอาคลิปนี้ไปออกข่าวทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต นลินถูกตามล่าตัวจากคนในหมู่บ้าน ตฤณฤทธิ์จึงพานลินเข้าไปหาหลวงปู่คำ ซึ่งธุดงค์อยู่กลางป่า เพื่อหาวิธีที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้ วิธีแรกคือต้องบำเพ็ญเพียรตลอดชีวิต แต่หลวงปู่เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงวิธีที่สอง ขณะที่นลินบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่านั้น ปัณรีก็สร้างเรื่องให้ชาวบ้านเข้าใจนลินผิดว่าที่หนีไปนั้นเป็นเพราะนลินได้ขโมยวัตถุโบราณที่พลเพิ่มเก็บไว้ไป แต่เพราะปัณรีเคยผูกกรรมร่วมกับนลินมาก่อน ปัณรีจึงได้กลายเป็นกระสือไปโดยไม่รู้ตัว และเริ่มมีชาวบ้านตายอย่างแปลกประหลาด ตฤณฤทธิ์คิดว่าเป็นฝีมือนลิน นลินปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือเธอ แต่ตฤณฤทธิ์ไม่เชื่อ ทั้งสองจึงทะเลาะกันใหญ่โต นลินตัดสินใจออกเป็นกระสืออีกครั้งเพื่อสืบหาความจริง จนเจอปัณรีที่กำลังกินไส้ชายคนหนึ่งที่ถูกฆ่า ขณะที่ชาวบ้านและพวกพลเพิ่มตามมาเจอก็คิดว่านลินเป็นคนฆ่าชายคนนั้น แต่นลินหนีไปได้เสียก่อน และได้พบกับชลันตีจึงเล่าว่าที่นลินต้องอยู่ในสภาพนี้เพราะตระกูลของเธอถูกสาป เพราะกรรมที่นลินก่อขึ้นเองจากการขโมยสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งในอดีต อาณาจักรเมืองโบราณ นลินคือสาวิตราณี ที่เป็นนางรำและนางสนมของเจ้าเมือง ซึ่งโปรดปรานเธอมาก แต่เธอมีคนรักอยู่แล้วคือสิงหล องครักษ์ที่รับใช้ใกล้ชิด รุจิเทวี ริษยาสาวิตราณีจึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าเมือง สาวิตราณีไหวตัวทัน จึงขโมยสมบัติของเจ้าเมืองเพื่อเป็นทุน เจ้าเมืองตามจับได้ สาวิตราณีกลับถูกนำมาลงโทษประหารชีวิตอย่างทรมานต่อหน้าสิงหล พราหมณ์ทำพิธีเผาร่างสาวิตราณีด้วยไฟอาคม ไหม้จนเหลือหัวกับไส้ อีกทั้งวิญญาณยังถูกพราหมณ์ที่ทำพิธีสาปแช่ง โดยแกะสลักภาพของสาวิตราณีเป็นปีศาจที่มีแต่หัวกับไส้อยู่บนแท่นหินนั้น พร้อมกับสลักคำสาปเพื่อจองจำให้ลูกหลานหรือคนที่ผูกเวรผูกกรรมกับสาวิตราณีต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ตฤณฤทธิ์และนลินตัดสินใจเดินทางไปที่ปราสาทโบราณเพื่อแก้คำสาป แต่จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่ คำสาปที่รอการหลุดพ้นจะจบอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร สาปกระสือ

มนต์ฮักทรานซิสเตอร์ (2561/2018) เรื่องราวของ แผน (เต๋า ภูศิลป์) หนุ่มอีสานคนซื่อ นักร้องนำประจำวง ใต้กุฏิแบนด์ สุดยอดวงดนตรีที่เกิดจากการรวมตัวของเหล่าอารามบอยแห่งวัดดอนน้ำไหล แผนใฝ่ฝันอย่างเป็นนักร้อง แต่เส้นทางความฝันของเขาก็ไม่ง่ายอย่างที่ตั้งใจไว้ รวมถึงเส้นทางความรักกับ สะเดา (โฟกัส จีระกุล) สาวสวยที่แผนเฝ้ารักมายาวนานก็มีอุปสรรคมากมายเช่นเดียวกัน เพราะจู่ ๆ วรพงษ์ (บุ๊ค พงษ์นิรันดร์) หนุ่มหล่อลูกเจ้าของโรงสีจอมเจ้าชู้ตัวพ่อ มาแย่งจีบสะเดา แผนพยายามทำคะแนนเพื่อพิชิตใจสะเดาจนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน วรพงษ์แค้นใจไม่หาย จึงหาทางกลั่นแกล้งทำลายชีวิตคู่ให้แผนกับสะเดาบาดหมางใจกัน แต่ด้วยความช่วยเหลือของคนในครอบครัวและมิตรสหายของทั้งคู่ แผนกับสะเดาจึงได้กลับมาเคลียร์กันได้ แถมยังมีข่าวดีอีกว่าพวกเขากำลังจะมีทายาทตัวน้อย เรื่องเหมือนจะจบดี แต่ก็มีจุดหักเหอีกรอบ เมื่อแผนต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ ทำให้สะเดาต้องตั้งท้องอยู่บ้านอย่างเดียวดาย ในขณะที่แผนไปอยู่ศูนย์ฝึกทหาร แผนได้รู้จักกับ ดาว (กวาง วรรณปิยะ) เพื่อนสาวเสิร์ฟเสียงดีที่ชวนเขาไปประกวดร้องเพลงเฟ้นหานักร้องหน้าใหม่ของค่ายเพลง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้แผนหนีทหารไปตามฝันในกรุงเทพฯ แผนกับดาวได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัด หลังจากนั้นแผนก็ได้เจอกับ ป๋า (สมเล็ก สมชาย) เจ้าของค่ายเพลงค่ายหนึ่ง แล้วเกิดมีปัญหากันขึ้น ทำให้แผนต้องหนีอีกครั้ง ซึ่งสวนทางกับสะเดาที่กำลังเดินทางเข้าหาแผนที่กรุงเทพฯ ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าถูกแผนหลอกให้มาหา ทำให้สะเดากลับบ้านทันทีพร้อมตั้งปฏิญาณว่าจะขอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไปตลอดชีวิต แผนจะหาทางออกให้กลับชีวิตของเขาอย่างไร แล้วสุดท้ายแผนจะตามง้อขอคืนดีกับสะเดาได้สำเร็จหรือไม่ต้องไปลุ้นกัน ? ติดตามชมรื่องราวความสนุกสนานของละคร มนต์ฮักทรานซิสเตอร์

ผู้ชายขายสวย 2560

Beauty Boy ผู้ชายขายสวย (2561/2018) The Beauty Bar คือร้านเสริมสวยมาแรง ที่ให้บริการด้านความงามครบวงจร ไม่ว่าจะตัดผม ทำเล็บ อโรม่า สปา หรือให้คำปรึกษาด้านความงามต่าง ๆ ทุกอย่างดูไปได้ดีจนกระทั่ง อุ๋งอิ๋ง (ซีแนม สุนทร) เจ้าของร้านคนเก่ง ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในเวลาไม่นาน ทำให้The Beauty Bar จำเป็นต้องปิดตัว ท่ามกลางความเศร้าโศก แอมแปร์ (เต๋า-เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) และ เอแคลร์ (จูน-สิตาภา สุขเจริญไกรศรี) น้องชายคนกลางและน้องสาวคนเล็กของอุ๋งอิ๋ง คือผู้ที่ต้องรับช่วงต่อ The Beauty Bar ตามพินัยกรรม สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะรู้กันว่าแอมแปร์เป็นหนุ่มห้าวสุดเซอร์ ไม่ใกล้เคียงกับเรื่องสวย ๆ งาม ๆ เลยแม้แต่น้อย ส่วน เอแคลร์ ก็เป็นสาวสังคมที่รักสนุกไปวัน ๆ ยังไม่เคยโชว์ฝีมือด้านการบริหารอะไรแล้วสำเร็จมาก่อนเลย แล้วทุกคนก็ต้องเซอร์ไพรส์หนักขึ้นอีก เมื่อแอมแปร์ตอบตกลงรับช่วงต่อ The Beauty Bar เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของพี่สาว และเพื่อให้ลืม วี (สกุล-กัญญาภัค พงษ์ศักดิ์) แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกรากันไป ทำให้เอแคลร์ต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งคู่ช่วยกันเปิด The Beauty Bar ขึ้นมาอีกครั้ง และออกตามตัวพนักงานเก่า ๆ ให้กลับมา 1. ไปป์ (ไวท์-ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม) คือคนแรกที่แอมแปร์และเอแคลร์ไปตามกลับมารวมทีม เพราะใน The Beauty Bar Guidebook ที่อุ๋งอิ๋งทิ้งไว้ บอกว่าไปป์เป็นช่างผมที่ละเอียดอ่อนและมีฝีมือมาก แต่เมื่อได้เจอตัวจริง กลับพบว่านอกจากฝีมือดีแล้ว ไปป์ยังปากดีอีกต่างหาก ทำให้เปิดฉากทะเลาะกับเอแคลร์ตั้งแต่แรกเจอ จนเอแคลร์เกือบไม่เอาไปป์กลับมาทำงานด้วยแล้ว โชคดีที่ได้แอมแปร์ช่วยห้ามทัพ และพาไปป์กลับมาทำงานในที่สุด นอกจากไปป์แล้ว ยังมี 2. ซี (แมน-เจษฎาวุฒิ ศรีแก้ว) เมคอัพอาร์ทิสต์มือทอง ตัวแทนของหนุ่มเมโทรเซ็กชวลที่แต่งตัวจัดที่สุดในสามโลก 3. ปอนด์ (โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี) เทรนเนอร์กล้ามโตคนซื่อ บ้าพลังแต่ไม่ค่อยใช้สมอง 4. เฟิร์ส (ณ-ณภัทร วิกัยรุ่งโรจน์) ทายาทธุรกิจพันล้าน ผู้เชี่ยวชาญด้าน Styling เสื้อผ้า 5. ยอร์ช (เจมส์-จามร หลาวประเสิรฐ) หนุ่มติสท์หน้านิ่ง ผู้ครีเอตเล็บได้ทุกรูปแบบ และสุดท้าย 6. น้ำเหนือ (จา-พชร สวนศรี) บล็อกเกอร์หนุ่มจากภาคเหนือ หน้าตาน่ารัก รู้เรื่องการดูแลผิวพรรณและสปาดีกว่าใคร น่าเสียดายที่ 7. ตุลย์ (โจ-กวินพัฒน์ ธนาหิรัญศิลป์) ผู้จัดการของ The Beauty Bar คนเก่าปฏิเสธการกลับมา เพราะไม่เชื่อว่านอกจากอุ๋งอิ๋ง จะมีใครบริหาร The Beauty Bar ได้ดีอีกต่อไป การกลับมาอีกครั้งของ The Beauty Bar ในช่วงแรก ๆ มีความขลุกขลักมาก ทั้งปัญหาเรื่องการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ร้าน จนทำให้ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาด้วยการโชว์ฝีมือ Make Over ให้สองป้าเจ้าของที่จนพอใจ และการกลับมาครั้งนี้ The Beauty Bar ก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงเหมือนเดิม ในทางตรงกันข้ามยังร้างคน จนวัน ๆ หนึ่งแทบไม่มีลูกค้าเลย เมษ (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เป็นลูกค้ารายแรกที่เข้ามาใช้บริการ The Beauty Bar ช่วงแรกเธอโกรธพนักงาน The Beauty Bar มากที่ Make Over ให้เธอได้ไม่ถูกใจจนสูญเสียความมั่นใจซะ เกือบไม่กล้าไปสมัครแอร์โฮสเตส แต่ปรากฏว่าทุกคนรวมถึงกรรมการสอบชอบเธอมาก ทำให้เมษมองตัวเองใหม่ เริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และกลับมาเป็นลูกค้าประจำในที่สุด ด้วยความที่เมษเป็นคนโก๊ะ ๆ เปิ่น ๆ บุคลิกไม่ค่อยดี ไม่ค่อยรู้เรื่องความสวยความงามเท่าไหร่ ทำให้ทุกคนในร้านเอ็นดูเมษ และช่วยสอนอะไรให้หลาย ๆ อย่างเพื่อปั้นเมษเป็นแอร์โฮสเตสที่สง่างามที่สุด รวมถึงแอมแปร์ที่รู้สึกเข้าอกเข้าใจเมษเป็นพิเศษ เพราะเขาเองก็ต้องมาจับธุรกิจความงามทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันและคอยให้กำลังใจกันและกัน รู้ตัวอีกที ทุกพัฒนาการของเมษ ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แอมแปร์พยายามสู้กับอุปสรรคบ้าง และการเห็นรอยยิ้มซื่อ ๆ ของเมษก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้วันอันยุ่งเหยิงในร้าน The Beauty Bar ของแอมแปร์ กลายเป็นวันดี ๆ The Beauty Bar มีลูกค้าแน่นร้านแทบทุกวัน มีทั้งผู้จัดการดาราที่พาเด็กในสังกัดมาเสริมความงามที่นี่ มีทั้งมนุษย์ป้า Perfectionist ที่เข้ามาลองดี รวมถึงมีเรื่องวุ่น ๆ อย่างเรื่องที่น้ำเหนือ ถูกพ่อกับแม่ที่เป็นเจ้าทางเหนือบินตรงมาตามให้กลับบ้านจนร้านวุ่นวายไปหมด ทำให้เฟิร์สต้องไปช่วยพูดให้ (แม้ปกติจะเป็นคู่กัดกับน้ำเหนือก็ตาม) รวมถึงเรื่องที่อยู่ดี ๆ The Beauty Bar ก็ถูกตำรวจจับและสั่งให้ปิด เพราะต้องสงสัยว่ามีการขายบริการภายในร้าน ซึ่งมาสืบรู้ทีหลังว่าเป็นฝีมือของ Beauty Warehouse ร้านเสริมสวยคู่แข่ง ที่ดำเนินกิจการโดย ตุลย์ อดีตผู้จัดการของ The Beauty Bar ที่ไม่ยอมกลับมาทำงานด้วยนั่นเอง เรื่องยิ่งวุ่นหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อวันหนึ่ง วี (แฟนเก่าของแอมแปร์) มาที่ร้านในสภาพไม่ดีนัก เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนและถูกทำร้ายร่างกาย ทำให้วีรู้ว่าผู้ชายที่ภายนอกดูสุภาพแสนดี แต่จริง ๆ แล้วข้างในอาจไม่ใช่คนแบบนั้นก็ได้ ในขณะที่แอมแปร์แม้มีลุคแบด ๆ แต่จริง ๆ แล้วทั้งสุภาพและให้เกียรติวีตลอด ทำให้วีคิดถึงคืนวันเก่า ๆ จนอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะคิดว่าแอมแปร์ยังลืมตนเองไม่ได้ ซึ่งแอมแปร์ก็ยังลืมวีไม่ได้จริง ๆ จนเกือบจะกลับไป สร้างความเสียใจให้เมษที่แอบชอบแอมแปร์อยู่ เมษค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจากแอมแปร์ หลายครั้งก็หายหน้าไปแบบติดต่อไม่ได้ สร้างความว้าวุ่นใจให้แอมแปร์มากจนรู้ตัวว่าขาดเมษไม่ได้ แอมแปร์ตัดสินใจปฏิเสธวี และไปหาเมษเพื่อบอกความในใจ เมษตกใจมากที่ใจตรงกัน และร้องไห้อย่างหนักจนแอมแปร์ตกใจนึกว่าเป็นอะไร สุดท้ายเมษตัดสินใจสารภาพว่าตนเองเป็นน้องสาวของตุลย์ ที่ถูกสั่งให้เข้ามาสอดแนมใน The Beauty Bar นี้คือ เรื่องราวความงดงามของมิตรภาพ ครอบครัว คนที่เราตกหลุมรัก และอยากเดินข้าง ๆ กัน ทุกเรื่องราวมีหลายด้าน มองให้เห็นความงามเราก็จะมีแต่รอยยิ้ม

นายร้อยสอยดาว (2561/2018) ละครสร้างสรรค์ แนวโรแมนติก คอมเมดี้ ยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่มาพร้อมกับเกียรติและศักดิ์ศรี บนเส้นทางชีวิตของลูกผู้ชายเหล่านักเรียนเตรียมทหารที่ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด เพื่อวันหนึ่งจะคว้าดาวแห่งเกียรติยศมาไว้บ่นบ่าให้ได้ พร้อมกับความผูกพันอันเหนียวแน่นของผู้ร่วมทางที่ฟันฝ่าทุกข์สุขมาด้วยกัน จนถึงวันแห่งความภาคภูมิใจ กลายเป็นมิตรภาพของคำว่าเพื่อน และบทพิสูจน์ความรักต่างฐานะระหว่างนักเรียนนายร้อย จปร. กับนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง กำกับการแสดงโดยผู้กำกับมากประสบการณ์ ประยูร วงษ์ชื่น และนักแสดงนำรุ่นใหม่ที่มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความสนุก สุดประทับใจ ลงจอให้ได้ชมกันแล้ววันนี้ นายร้อยสอยดาว บทประพันธ์ของ พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์ เป็นละครที่ได้รับความนิยม ถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งในชื่อ นายร้อยสอยดาว เวอร์ชั่น สอยดาวมาร้อยบ่า ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ได้มีการปรับบทใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ให้ทหารและตำรวจเข้ามามีบทบาทในการดำเนินเนื้อเรื่องพร้อม ๆ กัน โดย เด่นดนัย (ศุภณัฐ พงศ์พศุตม์) ลูกชาย จ่าแม้น (ชลิต เฟื่องอารมย์) ต้องการเรียนต่อทางด้านนิเทศศาสตร์ แต่กลับถูกบังคับให้มาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร จนเมื่อวันประกาศผลสอบ ทำให้เขาได้พบกับเพื่อนใหม่อีกหลายคนที่เข้าไปเรียนด้วยกัน กว่าพวกเขาจะจบการศึกษาต้องผ่านบททดสอบมากมายที่ต้องใช้ทั้งการเรียนรู้ ความมุ่งมั่น อดทน เพื่อจะคว้าดาวมาประดับบนบ่าให้สำเร็จ เด่นดนัย หลงรัก เหมือนดาว (ดุจฤดี เทพวงษ์) นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง ซึ่งเป็นน้องสาวของ ว่องไว (อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา) เป็นลูกของ พลโท สมหมาย (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) กับ คุณหญิงพิมพ์ผกา (นาตยา จันทร์รุ่ง) แต่อุปสรรคด้วยฐานะแตกต่างกันทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็น เพื่อเอาชนะใจเธอและครอบครัว พร้อมกับชมอุดมการณ์ทั้งคู่พระ-นางที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

ลูกไม้ลายสนธยา 2561

ลูกไม้ลายสนธยา (2561/2018) เดือนพัตรา เดินทางกลับจากนิวยอร์คเพื่อมาจัดการพิธีศพของคุณยายประพิมพ์ ซึ่งเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เมื่อเดือนพัตรามาถึงทางตำรวจได้ปิดคดีนี้เรียบร้อยแล้วและสรุปคดีเกิดจากสาเหตุการกินยาเกินขนาด สันนิษฐานว่า คุณยายประพิมพ์ ฆ่าตัวตาย แต่เดือนพัตราไม่เชื่อเช่นนั้น เธอจึงตัดสินใจที่ยังจะไม่เผาศพคุณยายจนกว่าจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอ นายหัววรงค์ นายกเทศมนตรีให้การดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับ เดือนพัตราอย่างเต็มที่ในการทำคดี แต่จริง ๆ แล้วดูภายนอกแล้วเหมือนจะเป็นคนดี ๆ แต่จริง ๆ แล้วนายหัววรงค์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการ จะครอบครองบ้านโบราณ โดยที่ไม่มีใครรู้ เดือนพัตราเข้ามาอยู่ที่บ้านรัชดาพิพัฒน์มรดกตกทอดของคุณยาย เพื่อสืบหาตัวคนร้ายโดยการช่วยเหลือของผู้กองมรุตที่แอบชอบเดือนพัตราและต้องแอบทำคดีนี้อย่างลับ ๆ ด้วยมูลค่าของบ้านรัชดาพิพัฒน์จึงทำให้นายหน้าค้าที่ดินหลายคน ที่ต้องการครอบครองบ้านหลังนี้ รัตนพรรณและทองมาตย์ หันตรา พยายามเข้าไปเจรจาเรื่องซื้อขายที่ดินกับเดือนพัตราแต่ก็ไม่เป็นผลเลยซักครั้ง และทุกคนก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการตายของคุณยาย เดือนพัตราแน่ใจว่า ผู้ที่ต้องการครอบครองบ้านและที่ดินผืนนี้ล้วนเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น ทั้งรัตนพรรณ ทองมาตย์และหันตรา ต่างก็วางแผนเพื่อที่จะครอบครองบ้านหลังนี้ให้ได้ จนทำให้เดือนพัตราต้องตกอยู่ในอันตรายจนแทบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็รอดมาได้ทุกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากชายหนุ่มลึกลับ เดือนพัตราได้เจอกับเหมหิรัญญ์ชายหนุ่มลึกลับที่มาจากดินแดนที่เรียกว่า “อุตรกุรุทวีป” และเธอก็ได้ค้นพบว่าที่ชั้นใต้ดินของบ้านมีทางลับที่เชื่อมกับอีกดินแดนหนึ่ง โดยสามารถเดินทางข้ามผ่านไปได้ด้วยผ้าลูกไม้สีดำที่เรียกว่า “ผ้าลูกไม้ลายสนธยา” เดือนพัตราได้เจอกับเหมหิรัญญ์ เหมหิรัญญ์ได้มาคอยช่วยเหลือเดือนพัตราจากการถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง เหมหิรัญญ์รู้สึกดีกับเดือนพัตรามากเช่นเดียวกับเดือนพัตราก็รู้สึกดีกับเหมหิรัญญ์เช่นกัน เหมหิรัญญ์ตัดสินใจฝ่าฝืนกฏของอุตรกุรุทวีปที่ห้ามให้มนุษย์ทั้งสองทวีปพบกัน เหมหิรัญญ์มาอยู่ในชมพูทวีป (โลกมนุษย์) กับเดือนพัตราเพื่อช่วยเหลือเรื่องการสืบหาคนร้าย เหมหิรัญญ์มาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์เพื่อช่วยเดือนพัตราตามหาคนร้าย โดยขับเคี่ยวกับผู้กองมรุตที่ดูไม่ค่อยชอบหน้าเหมหิรัญญ์เท่าไหร่นัก เพราะถือว่าเหมหิรัญญ์คือศัตรูหัวใจ รวมถึงวโรชาที่คอยตามหึงมรุตอยู่ไม่ห่าง ระยะหลังมรุตเริ่มทำทีไม่สนใจและใส่ใจในคดีต่าง ๆ ของเดือนพัตรา ทำให้เดือนพัตราคิดไปว่ามรุตคงไม่พอใจที่เธอมีเหมหิรัญญ์ อีกทั้งมรุตยังให้ความสนิทสนมกับวโรชาและนายหัววรงค์กลุ่มคนที่เดือนพัตราสงสัยอีกด้วย แต่ความเป็นจริงแล้วมรุตก็สงสัยในตัวนายหัววรงค์เช่นกันจึงสร้างแผนตีสนิทกับนายหัวและวโรชา หลังจากเกิดเรื่องยุ่ง ๆ เหมหิรัญญ์เกิดอาการไม่สบาย เดือนพัตราพยายามให้เหมหิรัญญ์กินยา เขาได้เพียงแต่บอกเธอว่าเขาไม่เคยป่วย ไม่เคยกินยาในโลกแห่งอุตตรกุรุทวีปไม่เคยมีใครป่วย และจะหมดอายุขัยไปเอง เมื่อถึงกำหนดเวลาในอายุขัย 1,000 ปี อาการของเหมหิรัญญ์เริ่มหนักขึ้น เรขรุจีปรากฏตัวขึ้น เรขรุจี ขอร้องให้เดือนพัตราปล่อยเหมหิรัญญ์ไปก่อนที่ ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้ เพราะเหมหิรัญญ์บริสุทธิ์เกินไปจึงไม่สามารถอาศัยอยู่บนดินแดนที่มี แต่คนไร้ศีลธรรมนี้ได้เป็นเวลานานนัก หากเดือนพัตรารักเหมหิรัญญ์มากกว่าตัวเองก็ จงปล่อยเขาไป เดือนพัตรารู้ดีว่าเธอรักเหมหิรัญญ์มากว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำ แต่เธอรู้ดีว่าไม่มีทางที่เหมหิรัญญ์จะจากเธอไปหากเธอยังไม่ปลอดภัยดี เรขรุจีบอกเดือนพัตราว่า เหมหิรัญญ์ชายหนุ่มผู้หยิ่งทนงเพียงแค่เค้ารู้ว่าเธอไม่ได้รักเขา ไม่มีทางที่เหมหิรัญญ์ จะอยู่ตรงนี้กับเธอ เดือนพัตราตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เพื่อเขาแม้รู้ดีว่าเธอต้องเจ็บปวดใจและสูญเสียเขาไปตลอดกาลก็ได้ เดือนพัตราเลือกที่จะให้ความสนิทสนมกับผู้กองมรุต เหมหิรัญญ์เห็นเดือนพัตราเที่ยวโปรยเสน่ห์ให้ใครต่อใครก็ทนไม่ได้ เหมหิรัญญ์บอกเดือนพัตราว่าเมื่อเรามีสัมพันธ์กันแล้วกฏของอุตตรกุรุทวีปไม่สามารถให้ผู้ใดมีคนอื่น เดือนพัตรากลับโต้ว่าที่นี่คือชมพูทวีปเธอมีสิทธิที่จะมีใจให้ชายอื่นกี่คนก็ได้ ด้วยโทสะบังตาเหมหิรัญญ์ไม่สามารถอ่านความจริงในใจของเดือนพัตราได้ เหมหิรัญญ์เดินออกไปจากเดือนพัตรา เดือนพัตรารู้ดีว่าการเดินออกไป ครั้งนี้ของเหมหิรัญญ์เธออาจจะไม่ได้พบเขาอีก แต่เพื่อให้เขามีชีวิตที่ยืนยาวและ คนดีอย่างเขาไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้งบนโลกที่ไร้ค่าเช่นนี้ ความรักของเหมหิรัญญ์กับเดือนพัตราจะจบลงเช่นไร และใครเป็นคนร้ายที่แท้จริงกันแน่

บุพเพสันนิวาส 2561

บุพเพสันนิวาส (2561/2018) ดุจดั่งความรักของ เกศสุรางค์ นักโบราณคดีสาวร่างอ้วนวัย 25 ปี ที่มีหน้าตาสุดแสนธรรมดา ทว่าเธอเป็นคนมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี และมีความรู้ด้านโบราณคดีและภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างดี เธอจึงเป็นที่รักของคนใกล้ชิด แต่ผู้ที่เกศสุรางค์อยากได้รับความรักจากเขามากที่สุดก็คือ เรืองฤทธิ์ เพื่อนสนิทที่คบกันมานานหลายปี แต่เพราะคิดว่าเรืองฤทธิ์คงไม่สนใจคนหน้าตาธรรมดาๆ แถมยังอ้วนจนหน้าเกลียด เกศสุรางค์จึงต้องเก็บงำความรักที่มีต่อเขาเรื่อยมา เพื่อรอคอยวันที่เธอจะกล้าเผยความในใจกับเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันนั้นจะมาไม่ถึง

เพราะวันหนึ่งขณะที่เกศสุรางค์และเรืองฤทธิ์เดินทางกลับจากไปทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รถตู้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ยังผลให้เกศสุรางค์เสียชีวิตคาที่!ขณะเดียวกัน ณ อีกช่วงกาลหนึ่งย้อนเวลาไป 333 ปี ในพ.ศ. 2225 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อ แม่หญิงการะเกด สาวสวยแต่จิตใจร้ายกาจ สั่งให้ ผิน กับ แย้ม สองบ่าวผู้ซื่อสัตย์ไปล่มเรือของ แม่หญิงจันทร์วาด เหตุเพราะไม่พอใจที่เห็นจันทร์วาดชม้ายชายตาให้ หมื่นสุนทรเทวา หรือ พ่อเดช คู่หมั้นของการะเกด แล้วแผนร้ายครั้งนี้ก็ทำให้บ่าวของแม่หญิงจันทร์วาดจมน้ำตายไปหนึ่งคน แต่แม่หญิงจันทร์วาดรอดชีวิตเรื่องนี้ร้อนถึงหมื่นสุนทรเทวา เขามั่นใจว่างานนี้เป็นฝีมือของแม่หญิงใจคด ปากจัด เอาแต่ใจ อารมณ์ร้าย ขี้อิจฉา จนผู้คนเอือมระอาไปทั่วอยุธยาอย่างการะเกด เพราะในคืนเกิดเหตุเขาเห็นการะเกดเดินอยู่แถวท่าน้ำ และถึงเขาจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเธอ แต่เขาก็ไม่เคยรักเธอเลย ส่วนเรื่องหมั้นหมายเป็นเพียงความต้องการของผู้ใหญ่ เพราะ ออกญาโหราธิบดี บิดาของหมื่นสุนทรเทวาได้เคยขอการะเกด ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทเอาเมื่อครั้งยังเด็ก พอพ่อแม่ของการะเกดเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีกลาย ด้วยความสงสาร ออกญาโหราธิบดีจึงพาการะเกดมาอยู่ที่เรือนด้วย แม้ คุณหญิงจำปา ภรรยาจะไม่เห็นด้วย แต่ก็คัดค้านสามีไม่ได้ และออกญาโหราธิบดีก็ไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของการะเกด หมื่นสุนทรเทวาจึงต้องหาทางพิสูจน์ด้วยการร่าย “มนต์กฤษณะกาลี” ซึ่งเป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ สาปแช่งผู้ที่คิดร้ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มีอันเป็นไปแล้วก็เป็นไปตามคาด มนต์กฤษณะกาลีทำให้การะเกดทุรนทุรายจนสิ้นใจตาย โดยมีผินกับแย้มเท่านั้นที่เฝ้าร่างไร้ลมหายใจของการะเกดอยู่ทั้งคืน เพราะไม่กล้าไปบอกใครว่านายของตนตายแล้วด้วยฤทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลี เพราะนั่นจะทำให้ทุกคนรู้ว่านายของตนเป็นผู้วางแผนทำร้ายแม่หญิงจันทร์วาดจริงๆขณะที่หมื่นสุนทรเทวายังร่ายมนต์กฤษณะกาลีไม่หยุด วิญญาณของการะเกดได้ไปพบกับวิญญาณของเกศสุรางค์ การะเกดสำนึกในการกระทำเลวร้ายของตัวเอง และเหมือนเธอรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเกศสุรางค์ เธอจึงอ้อนวอนขอให้เกศสุรางค์ทำดี แก้ไขความผิดที่เธอเคยทำเอาไว้แทนด้วย ก่อนที่วิญญาณของการะเกดจะเลือนหายไป ส่วนวิญญาณของเกศสุรางค์ก็ได้ยินเสียงร่ายมนต์กฤษณะกาลี จึงเดินไปทางเสียงก่อนจะถูกแสงสีขาวดูดหายไปเมื่อเกศสุรางค์ลืมขึ้นมาอีกครั้ง เกศสุรางค์ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของแม่หญิงการะเกด เช่นเดียวกับที่ผินและแย้มก็ตกใจที่นายของตนฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องเอ็ดตะโรของสามสาว เรียกให้ทุกคนในเรือนไทยแห่กันเข้ามาดู รวมทั้งหมื่นสุนทรเทวาด้วย ทุกคนมองเกศสุรางค์อย่างประณามหยามเหยียดว่าเป็นตัวชั่วร้าย เกศสุรางค์พยายามบอกกับทุกคนว่าเธอไม่ใช่แม่หญิงการะเกด แต่เธอมาจากยุครัตนโกสินทร์ ทว่าไม่มีใครเชื่อ และแม้เธอจะหลุดพ้นข้อกล่าวหาว่าวางแผนล่มเรือแม่จริงจันทร์วาดเพราะเธอไม่ตายก็ตาม แต่ทุกคนก็คิดว่าการะเกดโดนอำนาจของมนต์กฤษณะกาลีเข้า เลยกลายเป็นแม่หญิงจิตวิปลาสไปเสียแล้วและถึงเกศสุรางค์จะได้มีโอกาสมาอยู่ในร่างของคนสวยตามความฝัน แต่เธออยากกลับบ้านไปหา สิปาง มารดา และ คุณนวล ยายของเธอมากกว่า เกศสุรางค์พยายามคิดหาทางกลับไปสู่โลกของตัวเองให้ได้ แต่เธอไม่รู้จะทำยังไง เกศสุรางค์จึงไปหาหมื่นสุนทรเทวาเพราะคิดว่าเขาอาจจะช่วยเธอได้บ้าง ทว่าหมื่นสุนทรเทวากลับไม่ยอมพูดกับเธอดีๆ ซ้ำยังมีท่าทางรังเกียจราวกับว่าเธอเป็นกิ้งกือไส้เดือน ทั้งๆที่แม่หญิงการะเกดมีรูปร่างหน้าตาสวยงามราวภาพวาดก็ตาม เกศสุรางค์อยากรู้ว่าทำไมหมื่นสุนทรเทวาถึงเกลียดคู่หมั้นของตัวเองนักหนา จึงไปตะล่อมถามจากผินและแย้ม โดยอ้างว่ามนต์กฤษณะกาลีทำให้เธอมึนๆจนจำอะไรไม่ได้ ผินกับแย้มเล่าถึงอดีตที่เธอนิสัยเลวร้ายอย่างไร แต่สิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่านั่นคือ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันแม่หญิงการะเกดวางแผนร้ายล่มเรือแม่หญิงจันทร์วาดจนมีคนตาย !เกศสุรางค์นึกถึงสิ่งที่วิญญาณของแม่หญิงการะเกดบอกว่าขอให้เธอช่วยแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแทน เกศสุรางค์ก็เลยคิดว่าถ้าเธอสามารถทำให้ทุกคนรักและให้อภัยการะเกดได้ เธออาจจะได้กลับบ้าน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเกศสุรางค์จึงทำใจยอมรับที่จะใช้ชีวิตอยู่ในร่างของแม่หญิงการะเกดแต่การะเกดคือเกศสุรางค์ สาวร่างอ้วนที่จิตใจดีมีเมตตา เฉลียวฉลาด มีอารมณ์ขัน รักความยุติธรรม ไม่แบ่งแยกชนชั้น คนทั้งบ้านจึงประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงเหมือนเป็นคนละคนของแม่หญิงการะเกด จากวาจาผรุสวาทเป็นเนืองนิตย์กลายเป็นวาจาอ่อนหวานไม่ถือตัว ถึงกับเรียกบ่าวสองคนว่า “พี่” ตามวิถีนับญาติของคนไทยสมัยปัจจุบัน ทำให้คุณหญิงจำปาขัดเคืองใจยิ่งนัก นอกจากนั้นพฤติกรรมอื่นๆของแม่หญิงการะเกดที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง อาทิเช่น แจกเงินบ่าว ซื้อข้าวของเครื่องใช้แจกคนในเรือน คิดทำเครื่องกรองน้ำแทนการใช้สารส้มแกว่งแบบโบราณ เย็บปักถักร้อยเก่ง ร้อยมาลัยเป็น ทำกับข้าวได้ และสุดท้ายคือขอไปทำบุญที่วัด ซึ่งร้อยวันพันปีการะเกดตัวจริงไม่เคยกระทำคุณหญิงจำปาปักใจว่าผีเข้าสิงการะเกด หมื่นสุนทรเทวาถึงกับพูดจาขู่เข็ญเกศสุรางค์ต่างๆนานาให้รับสารภาพ แม้ว่าในใจของตนจะเผลอไผลไปกับความน่ารักและความดีที่ไม่เคยเห็นในตัวการะเกด แต่ก็พยายามค้นหาความจริงที่เป็นคำถามรบกวนจิตใจตลอดเวลา เกศสุรางค์ปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันว่าตนคือการะเกด ที่ดูเหมือนวิปลาสไปเพราะฤทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลีเท่านั้น ไม่ช้าตนจะเป็นการะเกดคนเดิมต่อจากนั้นเกศสุรางค์พยายามทำตัวกลมกลืนกับวิถีชีวิตอยุธยาให้มากขึ้น เพื่อให้หมื่นสุนทรเทวาเลิกสงสัยเสียที แต่สาวรัตนโกสินทร์ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องจำเป็นมาเป็นสาวอยุธยาในศตวรรษที่ 17 ต้องพบกับความยุ่งยากนานับประการในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งการแต่งตัว การเดินลุกนั่ง การกินการอยู่ การอาบน้ำขับถ่าย ตลอดจนภาษาพูดที่แตกต่างแม้เป็นภาษาไทยเหมือนกันบรรยากาศของเรือนออกญาโหราธิบดีจึงดำเนินต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายค่อยๆปรับตัวปรับใจกับความแปลกใหม่ที่เผชิญสิ่งที่เกศสุรางค์พอใจอย่างยิ่งคือ การได้เห็นอยุธยาด้วยตาของเธอเอง มิใช่จากบันทึกของผู้คนทั้งไทยและชาวต่างชาติ ออกญาโหราธิบดีให้หมื่นสุนทรเทวาพาการะเกดไปเที่ยวตลาดหรือ “ป่า” ที่ชาวอยุธยาเรียก ภูมิทัศน์ของอยุธยาที่เธอเคยจินตนาการจากหนังสือหรือจากคำสอนของอาจารย์ปรากฏให้เห็นจะๆตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นป้อมเพชรอันเลื่องชื่อ วัดพระศรีสรรเพชร์ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดไชยวัฒนารามที่เธอเปรียบเทียบวัดไชยตรงหน้ากับวัดไชยที่รัฐบาลไทยบูรณะจนสมบูรณ์ในปัจจุบัน เธอได้นั่งเรือวนรอบเกาะอยุธยา ได้เห็นวังหลวงที่งดงามอร่ามเรืองด้วยทองคำทุกหนทุกแห่ง ได้เห็นแล้วว่าอยุธยานั้นเป็นราชธานีที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ด้วยการค้าขายกับชาวต่างประเทศที่พากันเข้ามาเสริมสร้างความมั่งคั่งสมบูรณ์ให้ดินแดนนี้นับวันเกศสุรางค์ในร่างของแม่หญิงการะเกด ก็เป็นความเคยชินของหมื่นสุนทรเทวาที่จะพูดคุยด้วย ที่จะพาไปเที่ยวที่ต่างๆในอยุธยา ที่จะตอบคำถามมากมายหลายเรื่องที่เกศสุรางค์สรรหาขึ้นมาถาม ความอยากรู้อยากเห็นของเกศสุรางค์ส่งผลต่อความกระตือรือล้นของหมื่นสุนทรเทวาที่จะตอบและอธิบาย คำพูดเฉลียวฉลาดฉะฉาน ไม่มีทีท่าเอียงอาย หรือทอดสะพานอย่างที่เคยเป็น แววตาซื่อตรงที่จ้องจับและคอยฟังคำตอบจากเขา หมื่นสุนทรเทวาไม่รู้ตัวว่าความเกลียดชังแต่ก่อนหายไปไหนหมด ความรู้สึกที่มาแทนที่คือความสนใจใยดี อาทรห่วงหา และร้อนรุ่มยามเธอมีใครอื่นมาสนใจใกล้ชิด ใครคนนั้นไม่ใช่คนเดียว ความหงุดหงิดจึงเป็นทวีคูณ คนแรก หมื่นเรืองราชภักดี เพื่อนสนิท ที่ดูจะสนใจแม่การะเกดเป็นพิเศษ และแม่การะเกดก็ดูจะมีไมตรีตอบ แต่หมื่นสุนทรเทวาไม่รู้สาเหตุว่าเพราะหมื่นเรืองราชภักดีนั้นหน้าตาเหมือนเรืองฤทธิ์ เพื่อนชายที่เกศสุรางค์หลงรักอยู่นอกจากความตื่นตาตื่นใจกับบ้านเมืองและผู้คนในอยุธยา เกศสุรางค์ยังพบว่าตนเองตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบบุคคลที่เธอรู้จักในประวัติศาสตร์หลายคน อาทิเช่น เจ้าพระยาโหราธิบดี ศรีปราชญ์ เจ้าพระยาโกษาเหล็ก เจ้าพระยาโกษาปาน พระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ หลวงศรียศ นายพลเดส์ฟาร์ช สังฆราชปัลลู เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ และท้าวทองกีบม้า บางคนที่เธอรู้ชะตากรรมของเขาเหล่านั้นว่าจะสิ้นชีวิตก่อนเวลาอันควร แม้จะพยายามส่งสัญญาณเตือนด้วยความหวังว่าอาจจะช่วยไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น แต่เธอก็ต้องตระหนักว่า กงล้อประวัติศาสตร์ไม่สามารถหมุนกลับได้อีกคนในประวัติศาสตร์ที่เกศสุรางค์ใกล้ชิดสนิทสนม ได้รับรู้รายละเอียดความเป็นไปในชีวิตคือ ท้าวทองกีบม้า หรือ แม่มะลิ หญิงสาวลูกครึ่งแขก-ญี่ปุ่น ที่พ่อชาวเบงกอลชื่อ ฟานิก เป็นพ่อค้าขายผ้าในตลาด ทั้งสองรู้จักกันเพราะฟานิกถูก หลวงสุรสาคร ข้าราชการชาวกรีกและฝรั่งคนสนิทข่มขู่รังแก เกศสุรางค์เห็นจึงเข้าไปช่วยโต้เถียง เพราะเห็นว่าฟานิกไม่ผิด แค่ผู้หญิงอยุธยาเถียงกับฝรั่งก็เป็นเรื่องที่ผู้คนฮือฮาตกใจลือกันไปทั่วแล้ว แต่ยังโต้เถียงกันเป็นภาษาฝรั่งเศส ชื่อของแม่หญิงการะเกดเป็นที่โจษขานกันทั่ว นับว่าดังเพียงชั่วข้ามคืน ต่อจากนั้นเกศสุรางค์จึงกลายเป็นมิตรสนิทกับแม่มะลิ ไปมาหาสู่พูดคุยกันเป็นประจำเกศสุรางค์พบว่าหมื่นสุนทรเทวาเนื้อหอมไม่ใช่ย่อย คนหนึ่งคือแม่หญิงจันทร์วาด ที่เกศสุรางค์ยกให้เป็น “กิ๊ก” ของคุณพี่หมื่น เนื่องจากแม่หญิงจันทร์วาดรู้ว่าหมื่นสุนทรเทวานั้นเป็นคู่หมายของการะเกด แต่ยังมีทีท่าทอดสะพานอยู่เนืองๆ และตัวคุณพี่หมื่นก็เหมือนมีไมตรีตอบในบางครั้งบางคราวด้วย เป็นเหตุให้เกศสุรางค์พูดจาล้อเลียนอยู่เสมอ หมื่นสุนทรเทวาขุ่นเคืองใจทุกครั้งเพราะเขาไม่มีใจชอบแม่หญิงจันทร์วาดเลยแม้แต่น้อย ทำให้แม่หญิงผู้นั้นทวีความชังการะเกดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะสังเกตเห็นว่าหมื่นสุนทรเทวามีสายตาผิดปกติเมื่อมองการะเกด จันทร์วาดจึงเข้ากันได้ดีกับคุณหญิงจำปา เพราะคุณหญิงจำปาเกลียดชังแม่การะเกดเหลือเกิน แต่อยากได้จันทร์วาดเป็นลูกสะใภ้ สองคนจึงรวมหัวกันแกล้งการะเกดต่างๆนานาอีกคนหนึ่งที่มีใจให้หมื่นสุนทรเทวาคือแม่มะลิ เกศสุรางค์นั้นเชียร์เพื่อนจนสุดตัว แต่หมื่นสุนทรเทวากลับพูดจาเป็นนัยๆว่า อย่าออกแรงหนุนผู้ใดให้เขาเลย คนที่เขาพอใจคือคนที่เกศสุรางค์เห็นยามส่องกระจกต่างหาก ทำให้แม่หญิงตัวแสบถึงกับหวั่นไหวในใจกับวาจาเกี้ยวพายอกย้อนของหนุ่มอยุธยา แต่พยายามกลบเกลื่อนไม่ยอมรับลูกเดียวบุพเพสันนิวาสทำงานไปเรื่อยๆ ความผูกพันระหว่างแม่หญิงการะเกดตัวปลอมกับขุนนางหนุ่มแห่งอยุธยาก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ ทีท่านั้นต่างก็รู้กันอยู่แก่ใจ แต่ปากแข็งใจแข็งไม่ยอมรับทั้งคู่ จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นทอล์คออกเดอะทาวน์ของอยุธยา คือเรือที่หมื่นสุนทรเทวาและการะเกดนั่งมาด้วยกัน ถูกเรือลำหนึ่งชนอย่างแรงจนคว่ำลง หมื่นสุนทรเทวาถูกหัวเรือกระแทกที่กกหูจนตกน้ำสลบไป เกศสุรางค์ใช้วิธี “เมาท์ทูเมาท์” ช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องนี้เป็นที่โจษจันอื้ออึงทั้งอยุธยา เกศสุรางค์ไปทางไหนก็ถูกมองถูกซุบซิบจนเริ่มจะรู้สึกเดือดร้อน ทำนองเดียวกันหมื่นสุนทรเทวาที่ตอนนี้ได้รับอวยยศเป็น ขุนศรีวิสารวาจา ก็รู้สึกเช่นกัน จึงเสนอตัวว่าจะออกเรือนกับแม่หญิงการะเกดเหมือนระเบิดลง หลายคนสะเทือนกันไปหมด คนที่อกหักจากข่าวนี้ คนแรกคือขุนเรืองราชภักดีที่เฝ้าปลูกต้นรักกับการะเกด คนต่อมาคือแม่หญิงจันทร์วาด เพราะแม้แต่คุณหญิงจำปาก็ช่วยไม่ได้ และคนสุดท้ายคือแม่มะลิที่เสียอกเสียใจมากมาย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสองคนเป็นคู่หมายกัน สุดท้ายแม่มะลิจึงตัดสินใจรับปากจะแต่งงานกับหลวงสุรสาคร ที่พยายามเทียวไล้เทียวขื่อกับตนมาตั้งแต่เกิดเรื่องวิวาทกับแม่หญิงการะเกดในครั้งกระโน้น เกศสุรางค์ไปงานแต่งงานด้วย และในวันนั้นเองจึงได้รู้ว่าหลวงสุรสาครคือ คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ ส่วนแม่มะลิคือ มารี เดอ กีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้า บุคคลสำคัญสองคนในประวัติศาสตร์ไทยนั่นเองทางด้านขุนศรีวิสารวาจารู้ว่าเหตุการณ์เรือล่มเป็นฝีมือของฟอลคอนจึงไปเอาเรื่อง เกศสุรางค์ขอตามไปด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าฟอลคอนไม่ยอมรับ แต่ก่อนจะกลับเกศสุรางค์ก็ไปได้ยินฟอลคอนคุยกับพวกของเขาเป็นภาษาฝรั่งเศส ว่าพวกเขาจะเผาตลาดแล้วโยนความผิดให้พวกทหารไทย เพื่อที่ฝรั่งอย่างพวกเขาจะได้เข้าให้ความช่วยเหลือกับชาวบ้าน แล้วค่อยๆชวนให้พวกชาวบ้านหันมานับถือพวกตนแทน แล้วในขณะนั้นฟอลคอนเกิดได้กลิ่นน้ำอบของผู้หญิงไทยเข้า จึงรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในบริเวณนั้นก็เลยตามหาและไล่ยิงเกศสุรางค์ จนเธอเกือบจะถูกยิง แต่พ่อเดชมาช่วยและพาหนีไปได้ทันพ่อเดชทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงเกศสุรางค์มากที่ทำตัวเสี่ยงเกินไป จนเขาโพล่งความในใจที่มีต่อหญิงสาวออกมาว่าเขารักเธอ ทำเอาเกศสุรางค์อึ้งไปเลย ใจหนึ่งเธอก็ดีใจที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา แต่อีกใจเธอก็ต้องหักห้ามใจตัวเอง เพราะคิดว่าสักวันหนึ่งเธอก็จะต้องกลับไปยังโลกของเธอ และเธอเคยปฏิญาณแล้วว่าเธอจะรักเรืองฤทธิ์ผู้เดียวไปตลอดชีวิต ที่สำคัญก็คือว่าพ่อเดชเป็นคนรักของแม่หญิงการะเกด ไม่ใช่ของเธอ เกศสุรางค์จึงทำเป็นไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่ารักจากพ่อเดช มิหนำซ้ำยังขอให้การแต่งงานเลื่อนออกไป โดยอ้างว่าน่าจะรอให้ขุนศรีวิสารวาจาเข้าไปรับตำแหน่งในวังให้เรียบร้อยเสียก่อน นั่นสร้างความเสียใจให้กับพ่อเดชมาก เพราะเขาคิดไปว่าแม่หญิงการะเกดไม่ได้รักเขาเลย หารู้ไม่ว่าเกศสุรางค์เองก็ต้องหักห้ามใจตนเองเหมือนกันวันหนึ่งเกศสุรางค์ที่อยากหาหนังสืออ่านเพื่อให้ลืมความทุกข์ใจ เธอจึงเข้าไปในห้องทำงานของออกญาโหราธิบดีตามที่ได้รับอนุญาต แล้วเกศสุรางค์ก็เห็นพานอะไรบางอย่างอยู่บนหลังตู้จึงหยิบมาดู โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือบทสวดมนต์กฤษณะกาลี ซึ่งใครที่ยังไม่ได้ทำพิธีขออนุญาตไม่สามารถจับต้องได้ ดังนั้นเพียงแค่เกศสุรางค์แตะมือลงไป วิญญาณของเธอก็กระเด็นหลุดจากร่างของแม่หญิงการะเกดทันที ! พ่อเดชกลับมาถึงเรือนพอดี จึงได้เห็นวิญญาณของเกศสุรางค์ยืนอยู่ข้างๆร่างของแม่หญิงการะเกดที่นอนไร้ลมหายใจอยู่บนพื้น ก่อนที่วิญญาณของหญิงสาวผู้นั้นจะเลือนหายไป พ่อเดชปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมามีวิญญาณของหญิงสาวผู้อื่นอยู่ในร่างของการะเกดท่านชีปะขาว อาจารย์ของพ่อเดชที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงตามมาถามว่าเขารักใคร เขาตอบโดยไม่ต้องคิดว่าเขารักวิญญาณผู้หญิงคนนั้นที่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครและมาจากไหน แต่ตอนนี้เขาต้องการให้เธอกลับมาอยู่กับเขา ท่านชีปะขาวจึงบอกให้ท่องมนต์กฤษณะกาลี เพื่อเรียกวิญญาณของแม่หญิงผู้นั้นกลับมา ด้วยความรักที่มีต่อเกศสุรางค์เขาจึงนั่งท่องมนต์กฤษณะกาลีข้ามวันข้ามคืนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยส่วนทางด้านวิญญาณของเกศสุรางค์นั้นก็หลุดล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เกศสุรางค์ร้องไห้ด้วยความกลัวจับใจ และในขณะที่มิติของทั้งสองโลกบรรจบกัน วิญญาณของเธอได้กลับไปยังโลกปัจจุบัน และได้ไปเห็นว่าคุณสิปางกำลังนั่งร้องไห้อยู่หน้ารูปตั้งหน้าศพของเกศสุรางค์ แล้วยายนวลก็เข้ามาปลอบใจ เกศสุรางค์จึงรู้ว่าตัวเธอตายไปแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น และได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเรืองฤทธิ์ก็รักเธอมากเสียจนขอบวชตลอดชีวิตเกศสุรางค์ซาบซึ้งใจมาก แล้วขณะที่จ้องพระเรืองฤทธิ์อยู่นั้น เธอก็เห็นเงาสะท้อนของพ่อเดชอยู่ในร่างของเรืองฤทธิ์ เธอจึงเข้าใจแล้วว่า แท้จริงแล้วเรืองฤทธิ์ก็คือพ่อเดชมาเกิดใหม่ แล้วไม่เพียงเท่านั้น เกศสุรางค์ยังได้พบกับแม่หญิงการะเกดที่มาในสภาพที่สวยงาม อันเป็นผลจากบุญที่เกศสุรางค์ทำให้อยู่เรื่อยๆ การะเกดมาขอบคุณเกศสุรางค์และมาอนุญาตให้เกศสุรางค์ใช้ร่างของเธอได้เลย เพราะเธอหมดบุญแล้ว ส่วนเกศสุรางค์นั้นก็ได้หมดบุญในชาติปัจจุบันเช่นกัน แต่กลับไปเกิดใหม่ในชาติอดีตแทน เพื่อที่จะได้ไปครองรักกับเนื้อคู่ของเธอซึ่งก็คือขุนศรีวิสารวาจานั่นเองเมื่อวิญญาณของแม่หญิงการะเกดเลือนหายไปแล้ว เกศสุรางค์ก็ได้ยินมนต์กฤษณะกาลีอีก เธอรู้ว่าไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตในชาติปัจจุบันได้อีกแล้ว จึงกลับไปกราบลาแม่กับยายและร้องไห้แทบจะขาดใจ ก่อนจะกลับเข้าไปในร่างของแม่หญิงการะเกดเมื่อร่างของการะเกดฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พ่อเดชที่ร่างกายอิดโรยมากจากการนั่งท่องมนต์มาหลายวัน ก็สวมกอดร่างของเธอเอาไว้แน่นและกระซิบบอกข้างหูของเกศสุรางค์ว่า...ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหน แต่ให้รู้เอาไว้ว่าเธอคือแม่หญิงที่เขาจะรักตลอดไป เกศสุรางค์ดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป และเธอก็ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะรักเขาอีกต่อไป เพราะพ่อเดชเป็นเนื้อคู่ของเธอที่บุพเพสันนิวาสดลบันดาลให้ทั้งสองได้มาพบกัน
นักสู้สะท้านฟ้า 2561

เรื่องย่อ : นักสู้สะท้านฟ้า (2561/2018) เมื่อสิ่งชั่วร้ายยังไม่หมดสิ้น หัวหน้านักรบในอดีตชาติ ถูกส่งมาเกิดอีกครั้ง เพื่อมาจัดการกับสิ่งชั่วร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เหมือนภารกิจที่ทำมาทุกอดีตชาติ หมู่บ้านภูอีโต้ เป็นชื่อของหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลความเจริญ ได้เกิดเหตุอาเพศขึ้นในคืนหนึ่งที่หมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมีกลุ่มคนเข้ามาแอบขุดหาวัตถุโบราณที่วัดร้าง ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน และได้พบกับบุรุษนิรนามรูปร่างปราดเปรียวที่ปรากฏตัวพร้อมกับสายฟ้าฟาดโดยมีดาบอีโต้ลงอักขระเป็นอาวุธ เกิดการต่อสู้กัน บุรุษนิรนามจัดการกับพวกหัวขโมยที่มาขุดหาวัตถุโบราณจนบาดเจ็บหลบหนีไป เรื่องการปรากฏตัวของบุรุษนิรนาม เริ่มถูกกล่าวขวัญแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร ? แท้ที่จริงแล้วบุรุษนิรนามผู้นั้นก็คือ เคน (ยศวรรธน์ ทะวาปี) ชายหนุ่มซื่อ ๆ คนหนึ่งที่อาศัยอยู่กับลุงและป้าในหมู่บ้านนั่นเอง 25 ปีที่แล้ว ในคืนที่พายุฝนกระหน่ำ เคนยังแบเบาะถูกใส่ตะกร้าลอยน้ำมาท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกรากแล้วมาติดที่ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง หลวงพ่อเข้ม (กรุง ศรีวิไล) พระธุดงค์ เป็นผู้มาพบ ซึ่งหลวงพ่อเข้มเป็นผู้มีฌานพิเศษแก่กล้าก็รู้ว่าเคนไม่ใช่เด็กธรรมดา เด็กคนนี้มีความลับบางอย่างที่จะต้องถูกเปิดเผยเมื่อถึงเวลา หลังจากนั้นหลวงพ่อเข้มก็เข้าธุดงค์ในป่าทึบและไม่มีใครพบหลวงพ่อเข้มอีกเลย เวลาผ่านไปในคืนเดือนมืด หลวงพ่อเข้มได้ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของทองมี (โย่ง เชิญยิ้ม) เคนได้พบกับหลวงพ่อเข้มและได้รู้เรื่องราวในอดีตว่าหลวงพ่อเข้มเป็นคนช่วยชีวิตตนไว้ ในคืนนั้นเอง เคนได้รู้ความจริงผ่านฌานวิเศษของหลวงพ่อเข้มว่าในอดีตชาติที่แล้ว เขาถูกเลือกให้เป็นหัวหน้านักรบเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากพวกศัตรูที่มารุกราน ด้วยมีดอีโต้ลงอักขระที่ได้จากพระเกจิในสมัยนั้นเป็นผู้มอบให้ และได้พลังพิเศษจากแผ่นศิลาที่มีอักษรอักขระโบราณจากผนังของวัดเพื่อใช้ต่อสู้กับศัตรู เคนถูกส่งมาเกิดในภพนี้ เหมือนเป็นตัวแทนของความดีเพื่อมาจัดการกับสิ่งชั่วร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยน้ำมือของพวกมนุษย์ เหมือนภารกิจที่ทำมาทุกอดีตชาติ ทันใดนั้นก็มีฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา เป็นคืนเดียวกับที่พวกหัวขโมยแอบเข้ามาขุดหาวัตถุโบราณในวัดและได้พบกับเคนในร่างของนักรบโบราณ และถูกเคนจัดการด้วยมีดอีโต้โบราณจนต้องหลบหนีไป หลวงพ่อเข้มหายตัวไปในคืนนั้น เคนเริ่มเข้าใจภารกิจที่ได้รับมอบหมายแต่ก็ต้องปกปิดเรื่องราวของตนเป็นความลับเช่นเดียวกัน ที่โรงสีของเฮียเดช (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) เสี่ยใหญ่ในหมู่บ้าน เบื้องหน้าของเฮียเดชเป็นนักธุรกิจใจดี แต่เบื้องหลังเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่าง อาชีพหลักของเฮียเดชคือเล่นแร่แปรธาตุของวัตถุโบราณ และซื้อ-ขายวัตถุโบราณกับต่างประเทศโดยแฝงสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปด้วย ดอน (สุรเกียรติ บุนนาค) เป็นลูกชายของเฮียเดช เป็นคนเกเรใจร้อน บ้าผู้หญิง ไม่ถูกกับเคนเพราะเคนดีกว่า หล่อกว่า มีแต่คนชื่นชอบเคนมากกว่า ดอนมักจะหาเรื่องเคนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส แต่ก็มักจะเสียท่าให้เคนกลับไปทุกครั้ง ทำให้ความแค้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ตั้งแต่เคนในร่างของนักรบโบราณปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้าน ธุรกิจผิดกฎหมายของเฮียเดชก็ถูกขัดขวางและถูกทำลายจนเสียหายโดยฝีมือของเคน เฮียเดชโกรธแค้นมากพยายามให้คนตามหาตัวนักรบโบราณเพื่อหมายจะฆ่าทิ้ง ดร.โชติ (สุรศักดิ์ ชัยอรรถ) เป็นนักโบราณคดีผู้คร่ำหวอดเชื่อในปรากฏการณ์และสิ่งลี้ลับที่เกิดขึ้นในโลก เป็นคนสุขุมใจเย็น มีลูกสาวชื่อดอกบัว (คริษฐา สังสะโอภาส) โชติกับดอกบัวได้ออกค้นหาความลับทางประวัติศาสตร์บางอย่างและหลงมาที่หมู่บ้านเขาอีโต้ ทำให้โชติและบัวได้พบกับเคนและครอบครัว ดอนเมื่อได้เจอกับบัวก็รู้สึกชอบและมักมาเกาะแกะแต่ก็รู้สึกเสียหน้า ที่บัวให้ความสำคัญกับเคนมากกว่าตน ธุรกิจมืดของเฮียเดชถูกทำลายย่อยยับด้วยฝีมือของนักรบโบราณในร่างของเคน เฮียเดชพยายามต่อกรทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ จนกระทั่งเฮียเดชได้ พ่อมดมนตร์ดำ (ศรุฒ สุวรรณภักดี) ผู้มากด้วยคุณไสยมาช่วย พ่อมดมนตร์ดำใช้คุณไสยหลายอย่างโดยแฝงมาในร่างของมนุษย์ เขาได้เข้าฌานและรู้ว่าเคนคือนักรบโบราณในอดีต ก็หาวิธีที่จะจัดการกับเคน แต่คุณไสยจะทำลายเคนได้หรือไม่ หรือเคนจะสามารถต่อกร และทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ไร้ธุรกิจมืดได้ ติดตามชมกันต่อได้ในละคร นักสู้สะท้านฟ้า ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 หรือชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV ละคร นักสู้สะท้านฟ้า เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2561

Love Songs Love Series ตอน เรื่องที่ขอ (2561/2018) สกาย (โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) กับ ซี (ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช) ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย สกายกับซีเป็นเพื่อนสนิทตัวติดกันมาก จน แซนดี้ (สรัณณัฏฐ์ ประดู่คู่ยามดี) แฟนของสกาย และ ซัน แฟนของซี (จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์) หึงและไม่เข้าใจกัน ทำให้ทั้งสองคู่ทะเลาะกันจนถึงขั้นเลิกรา ด้านสกายเป็นห่วงซี จึงพาซีมาพักผ่อนรักษาหัวใจที่ทะเล ทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น จากการดื่มหนักซีตัดสินใจขอสกายเป็นแฟน ด้านสกายที่แอบรักเพื่อนสนิทอย่างซีมาตั้งนานจึงตอบตกลงตามคำขอของซี

ความรักของทั้งคู่ก็ดูจะไปด้วยกันได้ดีเพราะทั้งสองคนรู้ใจกันอยู่แล้วว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไรและต้องทำอะไรให้กันถึงจะรู้สึกดี แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องสั่นคลอนเมื่อทั้งซันและแซนดี้ต่างกลับมาขอคืนดีกับคนรักเก่าของตัวเอง ทั้งๆ ที่สกายกับซีเพิ่งจะคบกันได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้นและนั่นก็ทำให้สกายหวั่นไหว สกายบอกกับซีว่าระหว่างที่คบกันในเวลาเจ็ดวัน เขารู้สึกไม่ดี ไม่เหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกับซีเลยจึงขอลดสถานะจากคนรักกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ทำให้ซีเสียใจมาก เมื่อความสัมพันธ์ของเพื่อนมันล้ำเส้นไปแล้ว ทั้งสองคนจะกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกได้หรือไม่

คุณย่าดอตคอม (2561/2018) คุณวิทูคุณย่ายังสาวอยากทำชีวิตตัวเองให้มีคุณค่า ไม่อยากเป็นคนแก่ที่ไร้ประโยชน์ต่อสังคม ก็เลยชักชวนแก๊งคุณย่าเพื่อนรักอีก 5 คนมาร่วมกันถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่มีเพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ทุก ๆ คน โดยมีอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง แต่ปัญหาใหญ่สุดยอดก็คือคุณย่าวิทูแอนด์เดอะแก๊งห่างไกลเทคโนโลยีสุด ๆ ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้ เล่นอินเตอร์เน็ตไม่เป็น เฟสบุ๊ค ไลน์ ไอจี ก็ไม่เคย แต่ต้องร่วมมือกันสร้าง www.คุณย่า.com ขึ้นมา ความอลหม่านอลเวงและความยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นดาวอังคารก็พลันบังเกิด เมื่อแก๊งคุณย่าอยากทำเว็บไซต์ แต่ทำไม่เป็นก็เลยได้แก๊งคุณลูกและแก๊งคุณหลานคอยให้ความช่วยเหลือ และในระหว่างที่คนสองเจนเนอเรชั่นร่วมมือกันสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา ก็เกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายในชีวิตของทุก ๆ คน ทั้งเรื่องราวแห่งความรัก ทั้งสมหวังและผิดหวัง เรื่องราวความเฮฮาวาไรตี้ สนุกสุขเศร้าเคล้าน้ำตา รวมถึงอุปสรรคและปัญหาชีวิตต่าง ๆ นา ๆ ที่ทุก ๆ คนได้ร่วมด้วยช่วยกันแก้ไข ช่วยกันลุ้น ติดตาม และให้กาลังใจกันว่าแก๊งคุณย่าผู้ห่างไกลเทคโนโลยีจะทำเว็บไซต์ได้สาเร็จหรือไม่ ติดตามทุกเรื่องราวชีวิตที่แสนสนุกครบรสได้ในละคร คุณย่าดอทคอม

ทายาททองหยิบ 2561

เรื่องย่อ : ทายาททองหยิบ (2561/2018) เสือ พ่อค้าออนไลน์หนุ่มผู้มีชื่อเสียงในโลกโซเชียลกับการหยิบจับสิ่งต่างๆ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ มาขายผ่านทั้งทางเพจหรือการไลฟ์สด การค้าของเขาไปได้ดีขึ้นทุกวันจนเขาคิดการณ์ใหญ่จะกู้เงินเพื่อนำสินค้าล็อตใหญ่จากเมืองจีนเข้ามาขาย ซึ่งถ้าทำสำเร็จ เขาวางแผนไว้ว่าจะขอน้อง หมวยลี่ แฟนสาวเน็ตไอดอลของเขาแต่งงาน ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ด้วยดี จนกระทั่งถึงเวลาต้องไปจ่ายเงินค่าของ แต่เงินที่เตรียมไว้กลับอันตรธานหายไปพร้อม ๆ กับน้องหมวยลี่และหนุ่มล่ำขี่บิ๊กไบค์...คนนั้น...คนที่เธอเคยบอกว่าเป็นแค่เพื่อนค่ะ พี่เสือ... จากที่เคยมีทุกอย่าง กลับกลายเป็นไม่เหลืออะไรเลย แถมติดหนี้แบบสุดๆ เสือต้องหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนเปลี่ยนที่นอนไปเรื่อย จนไปขออาศัยอยู่ที่คอนโดของ ศักดา พนักงานธนาคารสุดเนิร์ดผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาตั้งแต่สมัยเรียน กระทั่งวันหนึ่งเสือได้รับโทรศัพท์เบอร์แปลก ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเจ้าหนี้ว่าจะไม่รับ แต่อีกฝั่งก็กระหน่ำโทรจนเขากดรับสายจนได้ กลายเป็นว่าปลายสายนั้นไม่ใช่เจ้าหนี้ แต่เป็นทนายความของยายสารภี ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเขาซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไป ความทรงจำที่เสือมีต่อยายนั้นลางเลือน จำได้เพียงว่ายายทำขนมทองหยิบอร่อยมากเท่านั้นเอง โดยทนายบอกว่าเขาเป็นผู้ได้รับมรดกเป็นตึกแถวร้านขนมที่อยู่ชานเมืองพร้อมทั้งทรัพย์สินเป็น เงินสดในบัญชีอีกกว่าสิบล้าน เขาดีใจมากและตั้งใจจะขายร้านเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้ได้ ต่อไปนี้จะได้ ไม่ต้องหนีเจ้าหนี้อีกต่อไป ความหวังของเขาลุกโชนขึ้นทันที แต่เรื่องของเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เมื่อเขาไปถึงร้านขนมของยาย กลับได้พบ หนูพุก ซึ่งเป็น คนสนิทของยายดูแลร้านอยู่ ทั้งสองกัดกันทันทีตั้งแต่แรกพบ ด้วยหนูพุกเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนที่พวกนายหน้าค้าที่ส่งมาป่วนเพื่อหวังจะกว้านซื้อที่แถวนี้ ส่วนเขาก็เข้าใจผิดว่าเธอเป็นเด็กในร้านที่คิดจะฮุบร้านเอาไว้เอง ทั้งสองเถียงกันอยู่นานจนทนายโทรมาแจ้งความจริงกับหนูพุก เธอตกใจมากที่รู้ว่าคนหน้าเงินอย่างเสือเป็นทายาทของคุณยายจริงๆ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเขามีแผนจะขายร้านทิ้งด้วย! หนูพุกพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาสืบทอดกิจการต่อไปเพราะขนมทองหยิบทองหยอดของคุณยายนั้นเป็นสูตรโบราณ ใส่ใจทุกรายละเอียดขั้นตอน แต่เขาไม่ฟังยืนยันจะขายร้านให้ได้พร้อมทั้งไล่เธอกับ จุ๋มจิ๋มและต๊อกแต๊ก ลูกจ้างสองคนให้รีบไปหาที่อยู่ใหม่ หนูพุกสะเทือนใจมากที่ทายาทของยายสารภีไม่ใส่ใจสืบทอดร้านแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บข้าวของแล้วย้ายออก เสือดีใจที่กำจัดเสี้ยนหนามไปให้พ้นหูพ้นตาได้ แต่ก็ต้องช็อคอีกระลอก เมื่อทนายความเปิดพินัยกรรมของคุณยายสารภีของเขาและบอกเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องให้เสือรับช่วงต่อกิจการร้านขนมให้ครบหนึ่งปีถึงจะได้กรรมสิทธิ์ขาด รวมถึงมีเงื่อนไขต้องทำให้ร้านไม่ขาดทุนติดต่อกันสามเดือนอีกด้วย ถ้าเสือทำไม่ได้ เขาจะไม่ได้อะไรเลยสักแดงเดียว! เจอแบบนี้เสือเลยต้องกลายเป็นแมวหงอยคอยตามตื้อ หนูพุก ให้กลับมาช่วยงานที่ร้าน ส่วนหนูพุกได้ทีเล่นตัวไม่ยอมช่วย เสือง้อแล้วก็ง้ออีกแต่ก็ไม่เป็นผลจนโมโหบอกว่าไม่ง้อก็ได้ เสือกลับมาที่ร้านลองทำขนมด้วยตัวเองโดยดูวิธีการจากยูทูป และผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าประทับใจมาก แม้แต่สุนัขยังไม่รับประทาน เสือจึงต้องกลับไปง้อหนูพุกอีกครั้ง ร้องขอความเห็นใจสงสารว่าถ้าเขาไม่ได้ร้านและทรัพย์สินมรดกจะต้องโดนเจ้าหนี้เล่นงานแน่ หนูพุกเริ่มใจอ่อน แต่ก็ยื่นเงื่อนไขว่าจะให้เธอกลับไปช่วยก็ได้ เมื่อครบหนึ่งปีแล้วเขาต้องยกแบรนด์ขนมและสูตรขนมให้กับเธอทั้งหมดเพราะไม่อยากให้แบรนด์คุณยายสูญหายไป ส่วนระหว่างนี้เขาต้องมาเป็นลูกมือของเธอ เสือไม่มีทางเลือกนอกจากตอบตกลง ร้านขนมกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง โดยมีหนูพุกเป็นคนทำขนม ส่วนเสือก็กลายเป็นลูกมือของเธออีกคนนอกจากจุ๋มจิ๋มและต๊อกแต๊ก โดยเสือโดนหนูพุกโขกสับเป็นพิเศษ ด้วยความหมั่นไส้และเสือก็ทำอะไรไม่ได้เสียด้วย ส่วนคนในชุมชนเมื่อได้ยินว่า หลานยายสารภีมารับช่วงต่อร้านขนม ก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมเยียน ทั้ง เจ๊แหม่ม สาวใหญ่สุดเปรี้ยวเจ้าของร้านชำ ซึ่งเป็นร้านที่ขายวัตถุดิบทำขนมให้ด้วย ลุงผวนและไมเคิล คู่ลุงหลานต่างวัยซึ่งเป็นวินมอเตอร์ไซค์เพียงสองคันที่ชุมชนมี เฮียอ๋าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวขี้งก กับ เบลล่าลูกสาวสุดเอ็กซ์ที่เกิดมาติดใจเสือเข้าเสียอย่างนั้น อย่างไรก็ตามการที่มีสาวเอ็กซ์อย่างเบลล่ามาทอดสะพาน ก็ไม่ทำให้เสือหวั่นไหว เพราะเขาเห็นเธอเป็นแค่น้องสาว และที่สำคัญเขายังไม่ลืมหมวยลี่ คนรักเก่าที่เขายังทั้งรักทั้งแค้นอยู่ แต่การที่เบลล่ามาชอบเขานั้นทำให้ ไมเคิล หนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ผู้บูชาเธอดั่งนางฟ้าเกิดเขม่นเสือขึ้นมา เห็นเป็นศัตรูหัวใจ แถมเพื่อนรักของเสืออย่างศักดา ยังมาแสดงทีท่าขายขนมจีบเบลล่าอีกคน แต่ไมเคิลก็เขม่นเสือแค่เรื่อง เบลล่าเท่านั้น เพราะลึกๆ แล้วไมเคิลนับถือที่เสือเป็นคนที่มีความคิดอ่านหลักแหลม และมีความสามารถ เวลามีปัญหาเกิดขึ้นในชุมชนทั้งคู่จึงมองข้ามเรื่องผู้หญิงและจับมือกันแก้ปัญหาได้อยู่เรื่อย กิจการร้านขนมไปได้ดี พร้อมๆ กับการที่เสือได้โอกาสทำความรู้จักกับคุณยายที่เสียไปมากขึ้น หนูพุกเล่าให้ฟังว่าแต่เดิมคุณยายเป็นเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่แถวนี้ แต่ก็ขายให้ชาวบ้านไปหมดในราคาถูกๆเพื่ออยู่อาศัยและทำมาหากิน คนในชุมชนแถวนี้จึงรักและเคารพคุณยายสารภีมาก และมักจะมาอุดหนุนขนมของคุณยายเสมอ แต่ไม่ใช่กับกำนันหมู และ ผู้ใหญ่มา สองพี่น้องซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลประจำชุมชนที่มักจะปรากฏตัวพร้อมลูกน้องอีกสองคนคือ กา และ ไก่ จนชาวบ้านมักแอบเรียกลับหลังว่า แก๊งหมูหมากาไก่ กำนันหมูและผู้ใหญ่มาหวังจะกว้านซื้อที่ดินแถวนี้ไปขายนายทุน ทั้งสองทั้งเกลี้ยกล่อมทั้งข่มขู่ชาวบ้านให้ยอมขายที่ แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะชาวบ้านยังคงหวงแหนในที่ทำกินตัวเองอยู่มาก เสือได้ฟังดังนั้นก็แอบคิดว่าเมื่อถึงเวลาครบหนึ่งปี เขาจะเอาร้านไปประเคนขายให้ทันที แต่เหมือนหนูพุกจะรู้ทันแอบดักคอเสือว่า ที่ดินตกทอดจากบรรพบุรุษคงมีแต่ลูกหลานเนรคุณเท่านั้นที่จะขาย เสือสะอึกเพราะรู้ว่าโดนหลอกด่า แต่ไปๆ มาๆ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าหนูพุกเป็นผู้หญิงน่ารักอยู่เหมือนกัน ถึงจะดูแข็งๆ แต่จริงๆ เป็นคนอ่อนโยน แถมยังมีดีกรีไม่ธรรมดา เพราะจบคณะคหกรรมศาสตร์ และกำลังต่อโทด้านวิทยาศาสตร์อาหารด้วย เธอเข้ามาอยู่กับคุณยายเพราะอยากเรียนการทำขนม ซึ่งยายก็ยินดีรับไว้และถ่ายทอดวิชาให้เธออย่างหมดเปลือก ถึงแม้ว่าเสือจะไม่เอาอ่าวกับการทำขนมเอาเสียเลย แต่เขาก็มีสกิลทางด้านโซเชียลพอสมควรจนจับจุดได้ว่าถ้าลองโปรโมทร้านผ่านช่องทางนี้น่าจะดี เขาจึงลองไลฟ์ช่วงที่หนูพุกทำขนม ทั้งลีลาและวัตถุดิบที่สวยงามขึ้นกล้อง บวกกับความเก๋าเกมทางโซเชียลของเสือ ทำให้ผู้คนเริ่มหลั่งไหลมาอุดหนุน ยอดขายพุ่งกระฉูดเสียจนทำขนมแทบไม่ทัน แต่ทว่าการเปิดหน้าของเขาลงสื่อออนไลน์ไม่ได้ดึงดูดแค่ลูกค้าอย่างเดียว ยังดึงดูดเจ้าหนี้เก่ามาด้วย เมื่อหนีไปไหนไม่รอด เสือจึงต้องขอต่อรองผ่อนจ่ายหนี้เป็นเดือนๆ โดยหักจากรายได้ของร้านขนม หนูพุกหัวเสียมากที่จู่ๆ ก็ต้องมาหักรายได้ใช้หนี้แทนที่จะได้มาปรับปรุงร้าน แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็เริ่มเห็นด้านดีๆ ของเสือมากขึ้นว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เหลวไหลไปวันๆ กลับพยายามใช้ความสามารถตัวเองเพื่อช่วยเหลือร้านให้ดีขึ้น ความสัมพันธ์ของเสือกับหนูพุกค่อยๆ ดีขึ้นในลักษณะคู่กัดคู่หยอก เขาเริ่มพัฒนาฝีมือการทำขนมจนพอทำได้บ้างแล้ว แต่ในขณะที่ทุกอย่างไปได้ดี วันหนึ่งน้องหมวยลี่ตัวดีก็กลับมาหาเขา เพราะแอบสืบรู้ว่าเขาได้มรดกก้อนโต หมวยลี่ทั้งมาออดอ้อนขอให้เสือให้อภัย บอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจเชิดเงินเขาไปแต่ไอ้หนุ่มบิ๊กไบค์คนนั้นต่างหาก ที่หลอกลวงเธอให้ทำแบบนั้น นอกจากเรื่องรักเก่าวุ่นๆ จะกลับมาป่วนใจอีกรอบ แผนการฮุบที่ดินส่งนายทุนของ กำนันหมูกับผู้ใหญ่มา สองพี่น้องผู้ชั่วช้าก็ทวีความรุนแรงขึ้น ขนแผนสกปรกทุกวิถีทางมาบีบให้ชาวบ้าน รวมทั้งเสือขายที่ให้เพราะนายทุนเร่งมาแล้วว่าให้จัดการให้เสร็จโดยไว ชะตากรรมของร้านและชุมชนนี้จะเป็นอย่างไร?

รักหวานบ้านวุ่น 2561

เรื่องย่อ : รักหวานบ้านวุ่น (2561/2018) เมื่อ น้ำหวาน สาวน้อยวัยใสเป็นตัวของตัวเอง กำลังจะเอ็นทรานซ์แต่ไม่รู้จะเรียนคณะอะไร?! ผู้ปกครองจึงส่งมาอยู่กับ น้ำว่าน ผู้เป็นพี่สาวสุดห้าว นักศึกษาปี 2 คณะบัญชี วันที่น้องสาวมากรุงเทพฯ น้ำว่านติดเรียนเลยให้ เสาเอก เพื่อนร่วมบ้านเช่าหนุ่มปี 2 คณะสถาปัตยกรรมไปรับน้ำหวานที่ขนส่ง แล้วเกิดเรื่องโจรวิ่งราวกระเป๋าน้ำหวานวิ่งตามแต่พลาดชนกับเสาเอกทำให้คนชั่วหนีรอดไปได้ น้ำหวานต่อว่าเสาเอกที่ขวางทางทำให้เค้าเห็นหน้าเธอเต็มๆ เป็นคนเดียวกับที่น้ำว่านให้มารับ แต่น้ำหวานไม่เชื่อเสาเอกเลยโทรให้น้ำว่านเคลียร์เองถึงยอมกลับด้วย ซึ่งน้ำว่านไม่ค่อยเต็มใจให้น้องสาวอยู่ด้วยเพราะแอบแชร์บ้านเช่ากับเพื่อนผู้ชายจะได้ประหยัด แต่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับที่บ้านทำให้น้ำหวานแทบช็อค! เมื่อเจอผู้ชายหุ่นล่ำ 3 หนุ่ม อยู่ร่วมชายคาบ้านเช่า น้ำว่านรีบบอกความจริงกับน้ำหวานที่หน้าตาเต็มไปด้วยคำถามสารพัด โชคดี เน็ก เพื่อนสาวปี 2 ว่าที่คุณหมอเรียนคณะแพทย์ศาสตร์กลับมาพอดี เลยช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้น้ำหวานเข้าใจ เหตุการณ์จะดีอยู่แล้วถ้าน้ำหวานไม่บังเอิญไปเจอ ต้นสน นักศึกษาหนุ่มคณะนิติศาสตร์ปี 2 ปากหวานเจ้าเสน่ห์ กำลังนัวเนียใกล้ชิดกับ ฟิล์ม หนุ่มปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ ในห้องน้ำบ้านเช่า น้ำหวานกรี๊ด..ด ลั่นจนทุกคนตกใจมารวมตัวกันที่โถงบ้าน และทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ สุดท้ายน้ำว่านต้องยอมให้น้องสาวอยู่ด้วยเพื่อแลกกับการรักษาความลับเรื่องบ้านเช่าเอาไว้ โดยมีข้อแม้ให้อยู่ได้ชั่วคราวเพราะ คุณอิงอร เจ้าของบ้านเช่าเขี้ยวมาก อยู่ๆ ก็จะไล่ให้เด็กๆ ไปหาที่อยู่ใหม่เพราะจะขายบ้านหลังนี้ ทุกคนไม่ยอมต้นสนจึงใช้ความรู้ด้านกฏหมายที่เรียนมาต่อรองจนสำเร็จ พี่เบล ผู้ติดตามคุณอิงอรโล่งใจเพราะแอบเอาใจช่วยเด็กๆ อยู่ ผิดกับ แอร์ ลูกชายคนโตจอมเฉื่อยแฉะ และ ออย ลูกสาวคนเล็กขี้วีนของคุณอรที่เชียร์ให้ยึดบ้านเช่า ไม่นานก็มีคนร้ายลอบวางเพลิงบ้านเช่าเด็กๆ กลางดึก โชคดีน้ำหวานเห็นโวยวายจนคนร้ายหนีสมาชิกในบ้านรีบช่วยกันดับเพลิง ความดีครั้งนี้ทำให้ทุกคนลงคะแนนเสียงให้เธอได้อยู่ต่อน้ำว่านไม่กล้าขัดเพื่อนๆ แถมพี่ๆ ยังช่วยกันแนะนำคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยให้น้ำหวานเลือกตามความชอบอีก เมื่อมีน้องใหม่มาเยือนต้นสนกับฟิล์มก็ไม่พลาดแย่งกันขายขนามจีบ มีแต่เสาเอกที่ไม่ค่อยถูกโรคกับน้ำหวานตั้งแต่แรก ความวุ่นวายไม่ได้มีแค่คนในบ้านเช่า..แต่ยังมี ซุนหลี เฟรชชี่ปี 1 ที่ฝันอยากเป็นเน็ตไอดอลโด่งดังในโลกโซเชี่ยลมาป่วนทุกคนบ่อยครั้ง เพราะเธอมีพี่น้ำว่านเป็นไอดอลพอรู้ว่าน้ำหวานเป็นน้องแท้ๆ ซุนหลีพาลอิจฉาไม่ชอบหน้าซะงั้น ด้าน เฮียเซ็ง เจ้าของร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ บ้านเช่า และเป็นพ่อจอมเฮี้ยบของซุนหลี ไม่อยากให้ลูกสาวไปวุ่นวายกับคนอื่นแต่ก็ห้ามไม่ได้ซะที ถึงจะอยู่บ้านซุนหลีก็ได้แต่นั่งเล่นมือถือขายของออนไลน์ตลอดเวลา ให้ช่วยเสิร์ฟช่วยส่งอาหารก็ชักสีหน้า นอกจากให้เอาข้าวไปส่งบ้านเช่าซุนหลีจะไวมาก พักนี้พวกออยแอร์มาหาเรื่องเด็กๆ ที่บ้านเช่าบ่อยเพราะอยากให้ทุกคนออกไปจะได้ขายที่ตรงนี้ตามคำสั่งคุณแม่ แต่พี่เบลเห็นว่าไม่ถูกต้องเลยโอนเอนมาเข้าข้างเด็กๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าน้ำว่านให้น้องสาวมาอยู่ด้วย ออยมาเจอน้ำหวานแย่งตุ๊กตากับเสาเอกสองคนเธอไม่พอใจมาก คิดว่าจะมาแย่งหัวใจพี่เสาเอกไป ออยเห็นน้ำหวานเป็นศัตรูทันที ผิดกับแอร์ที่หลงรักน้องน้ำหวานเข้าแล้วแถมยังเป็นสายเปย์ทุ่มเทให้ทุกสิ่ง เรื่องราวที่บ้านเช่าชุลมุนชุลเกมีปัญหาไม่เว้นวัน ขนาดตอนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ยังมีเรื่องไม่หยุดหย่อน เมื่อเสาเอกต้องคอยห้ามศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง พี่วุ้นเส้น เจ้าของร้านน้ำหุ่นเซี๊ยะน่าเจี๊ยะที่คอยป้อนคำหวานเสาเอกแข่งกับ พี่ก้อย หัวหน้าแก๊งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาดมั่นแต่ชอบหลีเด็กหนุ่มตลอดเว ซ้ำยังมี 2 ลูกน้องหัวโจก คือ เก่ง ขี้โม้ ขี้ประจบ ใครมีผลประโยชน์เก่งช่วยถวายหัว และ กล้า ลูกน้องคนซื่อที่ชอบถูกเก่งแกล้งตัดหน้าเสมอ พี่ก้อยจะใช้ให้เก่งกล้าจัดการใครก็ได้..ยกเว้นน้องน้ำหวานคนสวยขวัญใจหนุ่มวิน แต่เอาเข้าจริงกะเจ๊วุ่นเส้นฤทธิ์แรงส์เก่งกล้าก็ไม่สู้เช่นกัน ทุกครั้งไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรในมหาวิทยาลัยซอกมุมไหน ไม่มีทางพลาดสายตา พี่เผือก ภารโรงบ้าพลัง..ชอบเล่นกล้ามเป็นชีวิตจิตใจ และยังชอบเผือกสมชื่อจริง..จริ๊ง พี่เผือกมีไม้ตีแมลงวันเป็นอาวุธประจำกาย - - แต่จะเขินหนักมากเวลาเจอสาวน่ารักๆ มีคติประจำใจว่า “ผู้หญิงถูกเสมอ - - ส่วนผู้ชายผิดตลอด” และผู้หญิงสุดยอดขวัญใจพี่เผือก คือ น้องเน็ก เพราะเป็นว่าที่คุณหมอรักสุขภาพเหมือนกันเด๊ะ แต่พี่เผือกจะแพ้ทางปากเจ๊วุ้นเส้นเถียงกันเมื่อไหร่ไม่เคยชนะ จากที่แอบปิ๊ง! น้องเน็กมาตลอดเวลาเห็นเธอกลับบ้านคนเดียวพี่เผือกจะอาสาปั่นจักรยานคู่ใจมาส่งที่บ้านเช่า พอมาถึงกลับเจอพวกคุณอิงอร-แอร์-ออยกำลังอาละวาดหาเรื่องว่าน้ำหวานขโมยของต้องไล่ออกจากบ้าน เด็กๆ ต่างก็ไม่ยอมเถียงกันโวยวายเพราะคุณอิงอรจะเอาตำรวจมาจับน้ำหวานเข้าคุก พี่เบลพยายามหย่าศึกแต่ยิ่งยุ่งเหยิงไม่มีใครยอมใคร คราวนี้ น้ำหวาน ต้องแย่แน่ๆ จะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาเคลียร์ปัญหาให้บ้านเช่านี้เลิกวุ่นวายได้มั้ย?!

ถิ่นผู้ดี 2561

เรื่องย่อ : ถิ่นผู้ดี (2561/2018) ในซอยช้อนเงินช้อนทองอันเป็นถิ่นของผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน มักมีอะไรๆ ที่ไม่มีใครคาด ไม่มีใครคิด โดยเฉพาะกับครอบครัวในถิ่นผู้ดีอย่างตระกูลเลอเลิศพันธุ์ ของนายพลชูพงศ์ ที่ได้แต่งงานกับ คุณหญิงสะอาดจิต ผู้สืบสายตระกูลผู้ดีเก่าแก่ มีนิสัยชอบมองข้ามหัวคนอื่น มีอะไรจัดๆ เกินมนุษย์นาสามัญเป็นต้นว่า อนามัยจัด ขนาดเงินที่ได้มาก็เอาไปล้างน้ำและตากแดก เป็นสมัยนี้ก็คือเอาเจลกำจัดเชื่อโรค เช็ดบัตรเครดิตที่มีหลายสิบใบหลังใช้งานทุกครั้ง มองข้ามหัวคนราวกับหวั่นเกรงว่าคนอื่นจะสูดเอาความเป็นผู้ดีของพวกตนไปกระนั้น คุณหญิงสะอาดจิตจึงอบรมสั่งสอนลูกๆของตนให้เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วเฉกเช่นตนเอง

ไม่ว่าจะเป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนุ่มครองฤทธิ์ ลูกชายคนโต ครองขวัญ ลูกสาวคนกลาง ที่ต่างถอดแบบผู้เป็นแม่มาแทบทุกอย่าง ยกเว้นลูกชายคนเล็ก ครองเดช ที่มีอาการป่วยด้วยโรคลมชักมาตั้งแต่เด็ก ทำให้คุณหญิงสะอาดจิตเป็นห่วงและหาคนมาคอยดูแลไม่ยอมให้ทำอะไร จนครองเดชกลายเป็นคนเอาแต่ใจอยากได้อะไรก็เอาอาการป่วยมาเป็นข้ออ้างข้อต่อรองเพื่อให้พ่อแม่ยอมตามใจอยู่เรื่อยไป จนชูพงศ์เอือมระอากับพฤติกรรมคนในบ้านแต่ไม่สามารถมีปากเสียงอะไรได้ จึงทำตัวเจ้าชู้ กรุ้มกริ่มแก้กลุ้มไปเรื่อยๆ

แม้ต้นซอยจะได้ชื่อว่าถิ่นผู้ดีเลอเลิศมาจากฟ้าจากสวรรค์ แต่ท้ายซอยกลับเป็นแหล่งชุมชนแออัดของชาวบ้านค้าแรงงาน เท้าติดดินกินข้าวแกง แสนอัตคัด อันสร้างความระคายเคืองให้คุณหญิงสะอาดจิตและลูกๆอยู่เสมอที่หน้าบ้าน ต้องกลายเป็นทางผ่านให้เหล่าวินมอเตอร์ไซด์ ซาเล้งและรถเข็นพ่อค้าแม่ขายสัญจรผ่านไปผ่านมา ที่ไม่ผ่านมาตรฐานความสะอาดและเหม็นสาบความจนลอยเข้าจมูก

แม้แต่โรงพยาบาลที่เป็นกิจการของครอบครัวก็ไม่ต้อนรับคนจนด้วยเช่นกัน ครองฤทธิ์เป็นผู้บริหารดูแลโรงพยาบาลอยู่ก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปกับผู้เป็นแม่ จนไม่เห็นหัวใคร ทำตัวเผด็จการ ทำให้ ฝนโปรย พยาบาลสาวที่เพิ่งย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลของครอบครัวเลอเลิศพันธุ์ ทนความใจดำของครองฤทธิ์และครอบครัวนี้ไม่ได้ ยิ่งเกิดเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลไม่ยอมรับคนไข้ฉุกเฉินที่เข้ามาเพียงเพราะไม่มีเงินจ่าย ฝนโปรยต่อว่าครองฤทธิ์ และคุณนายสะอาดจิต ที่ไร้จรรยาบรรณ ทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต มีนักข่าวแห่มาทำข่าวที่โรงพยาบาลไม่ยอมรับรักษาคนจน ครองฤทธิ์โกรธมากไล่ฝนโปรยออกอย่างไม่ใยดี

เรื่องฝนโปรย โดนไล่ออกทำให้แก๊งชาวบ้านในชุมชนแออัดท้ายซอย อย่าง แจ่ม แม่ค้าส้มตำ สมร ช่างทำผม เท่ง คนเก็บขยะ และ ประกิต หนุ่มวินมอเตอร์ไซด์ รวมกลุ่มกันกร่นด่า เกลียดน้ำหน้าพวกผู้ดีต้นซอยหนักมากขึ้น เจอหน้ากันเมื่อไหร่ได้มีสงครามน้ำลายปะทะคารมใส่กัน แต่งานด่ากัน ผู้ดีอย่างคุณหญิงสะอาดจิตและครองขวัญก็ไม่เป็นสองรองใคร ทำเอากลุ่มท้ายซอยกระเจิงกลับไปได้เหมือนกัน คุณหญิงสะอาดจิตสาปส่งไม่ขอเจอพวกท้ายซอยและฝนโปรยอีก แต่โชคชะตาเหมือนกลั่นแกล้งหรืออยากสั่งสอนครอบครัวเลอเลิศพันธุ์ เมื่อครองเดชเกิดอาการชักจากโรคประจำตัวบนรถ คนขับรถทำอะไรไม่ถูกเพราะพยาบาลที่เคยประกบดูแลครองเดชเพิ่งลาออกไป ฝนโปรยผ่านมาเห็นเข้า จึงเข้าไปช่วยเหลือทำให้ครองเดชอาการดีขึ้น

ครองเดชประทับใจในความสวยของฝนโปรย จึงบอกให้แม่จ้างฝนโปรยมาดูแลตนที่บ้านแทนพยาบาลที่เปลี่ยนมาแล้วกว่าสิบคน คุณหญิงสะอาดจิตไม่อยากจ้างแต่ก็ต้องจ้างเพราะครองเดชทำท่าจะชักอีกหากถูกขัดใจ ฝนโปรยไม่ได้อยากทำงานพยาบาลพิเศษ แต่เมื่อ ดวง ผู้เป็นพ่ออดีตพลทหารเก่าประสบอุบัติเหตุตกจากรถโฟล์คลิฟต์ขาพิการ ทำให้ แก้ว แม่เลี้ยงและ ดาว น้องสาวต่างมารดาเดือดร้อนหนักเพราะแก้วไม่ได้ทำงานอะไร ดาวก็ยังเรียนไม่จบ ต่างตีโพยตีพายว่าเป็นความผิดของฝนโปรย ที่ดวงทำงานหนักส่งเสียให้ฝนโปรยได้เรียนจบพยาบาล ทำให้สุขภาพย่ำแย่จนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ฝนโปรยจึงต้องยอมไปเป็นพยาบาลส่วนตัวของครองเดชเพื่อมีเงินช่วยเหลือครอบครัว

ครองฤทธิ์ต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าก็ไม่พอใจ แถมถูกฝนโปรยคอยเหน็บแหนมพฤติกรรมผู้ดีจัดของตนต่างๆนานา จนอยากจะโยนฝนโปรยออกไปจากบ้าน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะฝนโปรยมีครองเดชและนายพลชูพงศ์คอยให้ท้าย ยิ่งชูพงศ์รู้ว่าฝนโปรยเป็นลูกสาวของดวง อดีตลูกน้องเก่า ก็ยิ่งเอ็นดู เห็นนิสัยใจคอเป็นคนมีน้ำใจ ตรงไปตรงมา เหมือนผู้พ่อไม่ผิดเพี้ยน ก็นึกอยากให้ลูกของตนเข้าใจหัวอกเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่มองคนที่เงินและยศถาบรรดาศักดิ์ มองเห็นคนเป็นคนสมกับเป็นผู้ที่มีความดีอย่างแท้จริงกับเขาบ้าง จึงหาโอกาสให้ครองฤทธิ์ได้ใกล้ชิดฝนโปรยเพื่อซึมซับนิสัยและความดีๆของอีกฝ่ายมาบ้าง

แต่ดูเหมือนคุณหญิงสะอาดจิตจะคิดเห็นตรงข้ามไม่อยากให้ลูกชายได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับคนจนๆอย่างฝนโปรย อยากให้ครองฤทธิ์ได้ลงเอยกับ รังรอง ลูกสาวเจ้าของบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ ที่ดูเหมือนจะถูกใจครองฤทธิ์อยู่เช่นกัน เพราะยังไงคนรวยก็ย่อมต้องคู่กับคนรวย เช่นเดียวกับครองขวัญที่กำลังติดพัน ธวัต ลูกชายของคุณหญิงนวลวรรณ ที่อยู่อาณาบริเวณถิ่นผู้ดีเช่นกัน แต่ธวัตกลับมาสนใจฝนโปรย เพราะธวัตไม่ได้ตัดสินคนที่ฐานะ สร้างความไม่พอใจให้ครองขวัญมาก ครองฤทธิ์เองก็คิดว่าฝนโปรยจะมาแย่งคนรักของน้องสาวจึงต้องออกหน้าคอยขัดขวาง โดยไม่รู้เลยว่าเขาทำเพื่อตนเอง ไม่ใช่เพราะน้องสาวสักนิด เพราะเกิดมาไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับตนได้เท่าฝนโปรยมาก่อน ความใกล้ชิดทำให้ครองฤทธิ์มีใจให้ฝนโปรยโดยไม่รู้ตัว ท่ามกลางสายตาของชูพงศ์และครองเดช ที่แอบลุ้นทั้งคู่อยู่เงียบๆ

ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการจับคู่ ไม่มีใครรู้เลยว่าคนป่วยอย่างครองเดชที่ต้องมีพยาบาลส่วนตัวคอยประกบ ครองเดชเบื่อหน่ายที่แม่และทุกคนในบ้านคิดว่าตนอ่อนแอ จึงแอบหนีออกไปเปรี้ยวเที่ยวกลางคืนอยู่บ่อยๆ นิชา พนักงานเสิร์ฟในผับจำครองเดชได้ เพราะนิชาอาศัยอยู่ที่ชุมชนท้ายซอย และเป็นหนึ่งในคนที่เกลียดพวกถิ่นผู้ดีด้วยเช่นกัน ยิ่งดึกยิ่งคึก ที่ผับครองเดชทำตัวปากดี ไม่ดูสังขารตัวเอง ไปมีเรื่องจนถูกตีกระบาลแตกเพราะดันไปจีบหญิงที่มีเจ้าของ อาการชักกำเริบจนทุกคนพากันตกใจ แต่ไม่มีใครคิดจะช่วยครองเดช แม้นิชาจะไม่ชอบหน้าครองเดช แต่ก็ทนเห็นคนตายต่อหน้าไม่ได้ โทรตามฝนโปรยให้ออกมาเอาตัวครองเดชกลับไป ครองเดชขอร้องฝนโปรยไม่ให้บอกเรื่องตนหนีเที่ยวกับใคร ฝนโปรยจึงตกกระไดพลอยโจนคอยเป็นต้นทางให้ครองเดชที่ยังไม่เข็ด แอบหนีเที่ยวและไปตามจีบนิชาเพราะประทับในความน่ารักและความขยันขันแข็งทำงานสารพัดเพื่อดูแลยายที่เลี้ยงตนมา

คุณหญิงสะอาดจิตและรังรองเริ่มระแวงสงสัยพฤติกรรมของครองฤทธิ์ที่ปากพูดว่าไม่ชอบหน้าฝนโปรยแต่พฤติกรรมกลับตรงข้าม ทำตัวติดฝนโปรยราวปาท่องโก๋ แม้จะอ้างว่าไปกันท่าช่วยครองขวัญก็ตาม ทำให้คุณหญิงสะอาดจิตคิดว่าฝนโปรยกำลังจับปลาทั้งอ่าว ไม่ใช่แค่ธวัตและครองฤทธิ์ แต่ยังมีชูพงศ์ที่คอยช่วยฝนโปรยอย่างออกนอกหน้า ครองเดชก็ทำท่าเห็นพยาบาลดีกว่าแม่เข้าไปทุกวัน ต้องหาทางกำจัดออกไปจากบ้าน คุณหญิงสะอาดจิตทำเป็นพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด อาศัยจังหวะปลอดคน ให้รวิตเอาพรรคพวกแว้นซ์ไปฉุดฝนโปรย

ครองฤทธิ์ตามมาช่วยไว้ได้ทัน แต่ถูกทำร้ายบาดเจ็บหนัก ต้องเข้าไปรักษาตัวที่อนามัยเล็กๆ ที่นั่น ครองฤทธิ์ฟื้นขึ้นได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ก็คิดไปว่าเพราะตนมีเงินจ่ายค่ารักษาจึงรอดมาได้ แต่ฝนโปรยว่าที่นี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครองฤทธิ์เป็นใคร แต่ก็รักษาให้เป้าหมายเดียวคือรักษาชีวิตของเขาเอาไว้โดยไม่สนใจว่าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า เพราะที่ตัวครองฤทธิ์และฝนโปรยไม่มีเงินสักบาท บัตรหลักฐานอะไรก็ไม่มี ทำให้ครองฤทธิ์สะอึกกับสิ่งที่ตนเคยทำเอาไว้ จนคิดเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลโดยเปิดส่วนหนึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยากไร้ ทำเอาชูพงศ์น้ำตาไหลพรากกับความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของลูกชายคนโต นึกขอบคุณฝนโปรยเป็นอย่างมากจนอยากได้มาเป็นศรีสะใภ้

แต่คุณหญิงสะอาดจิตไม่ได้คิดอย่างสามีสักนิด ทำท่าอยากเป็นลมแทนที่จะมีคนจนที่ตนรังเกียจเดินเข้าออกในโรงพยาบาลของตน พยายามค้านหัวชนฝาตัดแม่ตัดลูกกับครองฤทธิ์ จนครองฤทธิ์กลุ้มใจ แต่ก็ไม่เกินปัญญาของครองฤทธิ์จะทำให้คุณหญิงสะอาดจิตยอมรับการสร้างมูลนิธินี้ แล้วครองฤทธิ์ก็ทำสำเร็จ เมื่อคุณหญิงสะอาดจิตได้เจอกลุ่มนักข่าวที่มาขอสัมภาษณ์ไปลงออกสื่อในความจิตใจงามของคุณหญิง ทำเอาคุณหญิงสะอาดจิตรีบพลิกหลังเท้าเป็นหน้ามือในฉับพลัน เพราะคำสรรเสริญของสังคมและคนในชุมชนท้ายซอย ออกมารับคำชื่นชมหน้าชื่นตาบาน

แต่ถึงแม้ครองฤทธิ์จะเปลี่ยนไปมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือนิสัยปากแข็งและปากร้าย ยังคงทำทีดูถูกดูแคลนฝนโปรยไม่เลิก ทำให้ฝนโปรยน้อยใจไปไหนมาไหนกับธวัตบ่อยขึ้น ยิ่งทำให้ครองฤทธิ์จิกกัดฝนโปรยไม่หยุดหย่อน ชูพงศ์เริ่มกลุ้มใจกลัวจะเสียคนดีๆอย่างฝนโปรยไปเสียก่อน จึงป่าวประกาศอยากได้ฝนโปรยมาเป็นลูกสะใภ้ ทำเอาคุณหญิงสะอาดจิตเป็นลมคอพับไปทันที งานนี้ชูพงศ์เอาจริงจากที่เคยหงิมๆ กับเมีย กลับมาในมาดนายพล ขู่หากคุณหญิงสะอาดจิตไม่ยอมจะพาเมียน้อยสาวกว่าสวยกว่ามาอยู่ในบ้านแทน งานนี้คุณหญิงสะอาดจิตจึงได้แต่ทำตาปริบๆ

ชูพงศ์ลงทุนไปขอฝนโปรยกับดวงที่บ้านโดยจะขอให้ฝนโปรยหมั้นและแต่งงานกับครองเดช ทำเอาครองฤทธิ์อึ้งไปไม่คิดว่าพ่อจะขอคนที่เขารักให้กับน้องชาย ครองเดชก็ทำท่าดีใจจะได้หมั้นกับฝนโปรย ในขณะที่รังรองโล่งอกที่ไม่ถูกแย่งคนรัก ครองขวัญก็ดีใจที่ธนัตจะได้เลิกสนใจฝนโปรยสักที ฝนโปรยรอฟังว่าครองฤทธิ์จะพูดอะไรบ้าง แต่ความเป็นผู้ดีปากแข็งกลายเป็นกำแพงกั้นระหว่างเขาและฝนโปรยเอาไว้ ครองฤทธิ์ได้แต่อวยพรให้ฝนโปรยมีความสุขกับครองเดช ฝนโปรยเสียใจอยู่ลึกๆจึงยอมตกลงหมั้นกับครองเดชประชดไป

เมื่อฝนโปรยกลายเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ สะอาดจิตและครองขวัญก็ต้องปั้นหน้าทำดีด้วยเพื่อรักษาความสงบสุขของตนเองเอาไว้ ในขณะที่ครองฤทธิ์ได้แต่ปวดใจอยู่เงียบๆ เฝ้ามองดูฝนโปรยและน้องชายเคียงคู่กัน ครองฤทธิ์เอาแต่ทำงานไม่สนใจใครเพื่อหวังจะลืมฝนโปรย ลงพื้นที่พาหมอพยาบาลไปช่วยชาวบ้านในชุมชน ทำให้รังรองรับไม่ได้เบื่อหน่าย ไม่อยากสนใจครองฤทธิ์อีก ในขณะที่ครองขวัญพยายามเอาใจธวัต และเข้าหาคุณหญิงนวลวรรณ และ สายรุ้ง หลานสาวอีกคนของคุณหญิงนวลวรรณ จนได้รู้ว่า คุณหญิงนวลวรรณมีน้องสาว คือคุณหญิงนภาวรรณ

หลังมีปัญหาหย่าขาดกับสามี คุณหญิงนภาวรรณพาลูกสาววัยแบเบาะกลับมาด้วย แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน วาทิต สามีของคุณหญิงที่เลิกรากันไป มาขโมย “วรุณประภา” ลูกสาวหายสาบสูญไป คุณหญิงนภาวรรณ ป่วยตรอมใจจนตายเพราะไม่ได้เห็นหน้าลูก ก่อนตายได้สั่งเสียพี่สาวขอให้ตามหาลูกสาวตนให้เจอและมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอให้ลูกสาว แต่จนทุกวันนี้ยังตามหาวาทิตและวรุณประภาไม่เจอ ธนัตเองก็พยายามช่วยติดตามเรื่องนี้จนรู้ว่าวาทิตเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าวรุณประภาไปอยู่ที่ไหน

พอครองขวัญรู้ว่า สายรุ้งไม่ใช่หลานแท้ๆเป็นแค่หลานห่างๆที่คุณหญิงนภาวรรณรับมาเลี้ยงหลังจากลูกสาวตัวจริงหายไปก็ไม่คิดเกรงใจอีก หลานห่างๆหลายชั้นก็ไม่ต่างจากเด็กเก็บมาเลี้ยง ทำให้สายรุ้งเจ็บใจที่คุณหญิงนวลวรรณยังไม่ล้มเลิกการตามหาหลานสาวตัวจริง สายรุ้งพยายามทำตัวเป็นคนดีทุกอย่างเพื่อหวังว่าคุณหญิงนวลวรรณจะยกสมบัติของคุณหญิงนภาวรรณให้ตน แต่ถ้าหลานสาวตัวจริงกลับมาเธอคงไม่เหลืออะไรเลย จึงหาทางขัดขวางการสืบหาตัววรุณประภาอย่างเงียบๆ ทุกทาง

แก้วและดาวพากันอิจฉาฝนโปรยที่กำลังจะได้ดิบได้ดีแต่งงานกับคนรวย ต่อว่าดวงที่เห็นลูกนอกไส้ดีกว่าลูกในไส้ตัวเอง ส่งฝนโปรยไปสุขสบายแต่ลูกแท้ๆต้องมาตกระกำลำบาก ทำให้ฝนโปรยได้รู้ว่าตนไม่ใช่ลูกแท้ๆของดวง ดวงว่าถึงฝนโปรยไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่ก็รักเหมือนลูก ฝนโปรยอยากรู้ว่าพ่อแม่แท้จริงของตนเป็นใคร ดวงไม่รู้แม่ของฝนโปรยเป็นใคร แต่พ่อของฝนโปรยชื่อวาทิต คนที่เคยมีบุญคุณกับดวงมาก่อน คืนนั้นวาทิตอุ้มฝนโปรยตากฝนมาหาตน ว่าเป็นลูกสาวแท้ๆและฝากดวงให้ดูแลชั่วคราว แล้วจะรีบกลับมารับกลับไปให้เร็วที่สุด แต่วาทิตก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ดวงจึงตั้งชื่อฝนโปรย เพราะมาในคืนฝนตก ดวงเลี้ยงดูฝนโปรยเหมือนลูกสาวแท้ๆมาโดยตลอด

ธวัตตามรอยวาทิตจนรู้ว่าหลังวาทิตเข้ามาขโมยวรุณประภาไป ก็เดินทางไปทำงานที่เหมืองภาคใต้ หวังจะกลับมาร่ำรวยเทียมหน้าตาภรรยาเก่าได้ แต่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อน และวาทิตไม่ได้พาลูกสาวมาด้วยแต่ฝากลูกไว้กับคนสนิท และคนสนิทนั้นก็คือดวง เมื่อจิ๊กซอว์ทุกชิ้นต่อกันครบ ทุกคนจึงได้รู้ความจริงว่า ฝนโปรย คือวรุณประภา หลานสาวของคุณหญิงนวลวรรณ ทุกคนในบ้านเลอเลิศพันธุ์พากันช็อคไปตามๆกัน โดยเฉพาะคุณหญิงสะอาดจิตที่เคยรังเกียจเดียดฉันท์ว่าที่ลูกสะใภ้จนกรอบ มาจากชุมชนแออัดที่เคยเหยียดหยาม กลับกลายเป็นหลานสาวคุณหญิงถิ่นผู้ดีเดียวกัน

คุณหญิงนวลวรรณคิดว่าฝนโปรยถูกบังคับให้หมั้นกับครองเดช จึงสั่งให้ถอนหมั้น หลานสาวของตนไม่มีความจำเป็นต้องไปแต่งงานเพื่อไปปรนนิบัติใครอย่างไม่เต็มใจ คุณหญิงสะอาดจิตรีบตามไปง้องอน อ้างโน่นนี่สารพัดว่าฝนโปรยเต็มใจหมั้นไม่มีใครบังคับ ตอนที่ฝนโปรยอยู่ที่บ้านเลอเลิศพันธุ์ก็ได้รับการดูแลอย่างดี ครองฤทธิ์แอบหวังลึกๆว่าฝนโปรยจะถอนหมั้นตามคำสั่งคุณหญิงป้า แต่ฝนโปรยกลับยืนยันจะแต่งงานกับครองเดช ทำให้ครองฤทธิ์ยิ่งเสียใจ นิชาเองก็เช่นกัน ทั้งๆที่ครองเดชเคยบอกรักตนแต่กลับไปหมั้นและจะแต่งงานกับฝนโปรย ครองเดชน้ำท่วมปากอยากบอกนิชาว่าทุกอย่างเป็นแผนของชูพงศ์ที่ต้องการให้ครองฤทธิ์ รู้ใจตัวเอง

สายรุ้งเห็นหลานสาวตัวจริงปรากฏตัวความหวังจะได้สมบัติพัสถานมากมายก็สลายไปหมด คิดหาทางกำจัดฝนโปรย จ้างคนมาลักพาตัวฝนโปรยไป แต่ครองฤทธิ์ตามไปช่วยยอมถือเงินไปจ่ายค่าไถ่ แต่โจรจะฆ่าทั้งฝนโปรยและครองฤทธิ์พร้อมกัน ครองฤทธิ์พยายามปกป้องฝนโปรย จนทำให้ฝนโปรยรู้ว่าครองฤทธิ์รักเธอแค่ไหน และเธอเองก็รักเขาเช่นกัน ธวัตพาตำรวจตามช่วย ทำให้รู้ว่าสายรุ้งเป็นคนว่าจ้างคนมาจะฆ่าฝนโปรย สายรุ้งพยายามหนีแต่ก็ถูกตำรวจจับได้ในที่สุด

ครองฤทธิ์และฝนโปรยรู้ใจตัวเองแล้วจึงไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกต่อกันอีก ครองเดชดีใจรีบถอนหมั้น จะได้ไปหานิชา ทำให้คุณหญิงสะอาดจิตอยากเป็นลมที่ลูกชายคนเล็กที่ประคบประหงมอย่างดีไปคว้าเด็กเสิร์ฟมาเป็นแฟน แต่ชูพงศ์ว่าเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วไง เป็นผู้ดีแล้วไง สุดท้ายก็คนเหมือนกัน ขอให้เป็นคนดีก็พอแล้ว ในที่สุดถิ่นผู้ดีที่ไม่ยอมให้คนต่างชั้นมาปะปนก็ต้องจัดงานใหญ่เชิญแขกเหรื่อมากมายโดยไม่จำกัดชนชั้น เพราะชาวสลัมท้ายซอยก็ได้รับเชิญให้มาร่วมยินดีในงานแต่งงานของครองฤทธิ์และฝนโปรยที่จะไม่ขอแบ่งแยกผู้ดีหรือคนจนอีกต่อไป

Love Songs Love Series ตอน สบาย สบาย (2561/2018) เรื่องราว นนท์ (ธนนท์ จำเริญ) เด็กหนุ่มที่โตมาพร้อมกับบทเพลงของ พี่เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ เพราะแม่ของนนท์ชอบพี่เบิร์ดมาก จนกระทั่งแม่ของนนท์จากไป สิ่งที่ทำให้เขายังรู้สึกถึงแม่ได้ก็คือเพลงของพี่เบิร์ด นนท์เป็นคนมาดกวน นิสัยทะเล้น แต่ก็มักมีสาวๆ มาจีบเขาก่อนเสมอ นนท์มีเพื่อนสนิทสมัยเด็กคือ ปัน (พัชรา ทับทอง) สาวสวยเจ้าเสน่ห์ที่เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น ปันเป็นคนตรงๆ ชอบสังสรรค์ ชอบทุ่มเทเพื่อความรักแต่ก็จบด้วยการโดนทิ้งตลอด ปันคิดเสมอว่าเธอโชคร้ายเรื่องความรัก ฉะนั้นที่ระบายเมื่อเธออกหักก็คือเพื่อนสนิทอย่างนนท์ เวลาที่นนท์ปลอบใจปันเขามักจะฮัมเพลง หยดน้ำ ของพี่เบิร์ดให้ปันฟัง เพราะนนท์หวังว่าปันอาจจะรับรู้ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเหมือนเช่นเพลงนี้ ปันเองไม่รู้ว่ามันคือเพลงอะไร แต่เธอก็จะสบายใจทุกครั้งที่ได้ยิน จนกระทั่งวันหนึ่งนนท์เผลอหลุดปากบอกรักปัน พอปันรู้ว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดแอบรักเธอมาตลอด ปันจะยอมรับความรู้สึกของนนท์หรือไม่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเปลี่ยนไปอย่างไร นนท์จะสมหวัง หรือต้องเสียปันเพื่อนที่เขาแอบรักไป

มือปราบเหยี่ยวดำ 2561

เรื่องย่อ : มือปราบเหยี่ยวดำ (2561/2018) บรรดล ตำรวจหนุ่มใจเด็ด ได้รับมอบหมายจาก ศิริ ผู้บังคับการ และ สมศักดิ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ เข้าปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย โดยการแฝงตัวเข้าไปในแก๊งโจรที่ตำรวจกำลังต้องการตัวมากที่สุด นำทีมโดย ตี๋ใหญ่ โจรร้ายที่หลบหนีการจับกุมไปได้หลายต่อหลายครั้ง จนร่ำลือกันว่า เขาไม่ได้เป็นคนเดินดินธรรมดา ทว่ามีอิทธิปาฏิหารย์เหนือมนุษย์ ด้วยคาถาอาคมที่ได้รับจาก อาจารย์ทอง จอมขมังเวทย์ เพื่อให้ภารกิจประสบความสำเร็จ บรรดลและ อุดม เพื่อนรักเพื่อนตาย เดินทางไปยังดำเนินสะดวก ถิ่นของตี๋ใหญ่ แล้วในคืนนั้นพวกเขาก็ได้พบกับ หนู หนึ่งในแก๊งของตี๋ใหญ่ ผู้ได้ชื่อว่าเลือดร้อนที่สุด ขณะที่หนูกำลังโดนนักเลงคุมบ่อนของ เสี่ยโจ รุมอัด บรรดลกับสมศักดิ์เข้าไปช่วย แล้วก็ต้องพลอยโดนหางเลขไปด้วย โชคดีที่ อาเจ็ก ผู้เฒ่าแห่งดำเนินสะดวก ขับรถผ่านมาเจอ แล้วรับทั้งหมดขึ้นรถหนีไป ทั้งหมดพาหนูที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมไปที่คลีนิก หมอปรีชา พี่ชายของหนู และเพื่อให้แนบเนียน บรรดลจึงบอกกับหมอปรีชาว่าตัวเองเป็นหลานของอาเจ็ก ตอนแรกอาเจ็กปฏิเสธที่จะเล่นละครตบตาทุกคนตามแผนของบรรดล แต่สุดท้ายเมื่อเห็นว่าภารกิจนี้จะทำให้แก๊งตี๋ใหญ่ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนไปทั่ว หมดฤทธิ์หมดเดชไปเสียที อาเจ็กจึงยอมรับสมอ้าง และให้บรรดลมาอยู่ด้วย โดยตั้งชื่อจีนให้เขาว่า อาจง ภารกิจนี้ถือเป็นความลับสุดยอด แม้กระทั่ง นพวรรณ พยาบาลสาวซึ่งบรรดลหลงรักก็ยังไม่รู้ เพราะบรรดลรู้ดีว่ายิ่งมีคนรู้มากเท่าไร เขาและทุกคนที่เกี่ยวข้องก็จะยิ่งเป็นอันตราย ความลับที่ไม่อาจเปิดเผย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบรรดลและนพวรรณเหมือนมีกำแพงใหญ่ขวางกั้น เมื่อเจอกันโดยไม่ได้คาดหมาย บรรดลต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันมาก่อน และนี่เองที่สร้างความคลางแคลงใจให้แก่หญิงสาว แต่ถึงจะแฝงตัวเข้าไปในพื้นที่ได้แล้ว การเข้าไปในแก๊งตี๋ใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตี๋ใหญ่กับพวกไม่ไว้ใจใครง่ายๆ หากรู้ว่าใครเป็นตำรวจปลอมตัวมาหรือใครเป็นสายให้กับตำรวจ โทษสถานเดียวที่มันผู้นั้นจะต้องได้รับคือความตาย เพื่อเข้าถึงที่กบดานของแก๊งตี๋ใหญ่ อาเจ็กจึงออกอุบายว่ามีคนอ้างชื่อ ‘ตี๋ใหญ่’ มาเรียกเก็บค่าคุ้มครอง และประกาศจะเผาอู่ของเขา หากไม่มอบเงินให้ตามที่ขอ จากนั้นก็ขอร้อง โชติ หนึ่งในผู้ที่ตี๋ใหญ่นับถือ พาอาเจ็กกับบรรดลไปเจรจา ให้ยกเลิกการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ทั้งหมดไปที่บ้านของ ทิพย์ หญิงคนเดียวในแก๊งของตี๋ใหญ่ ที่นี่เป็นซ่องสุมของแก๊งตี๋ใหญ่ ซึ่งล้วนแต่เป็นหนุ่มฉกรรจ์ ไม่ว่าจะเป็น โต ผู้มีความสุขุมนุ่มลึกที่สุดในกลุ่ม ประทีป เพื่อนสนิทของตี๋ใหญ่ ซึ่งมักทำหน้าที่โชเฟอร์ให้กับทีม ปี๊ด น้องใหม่ตัวแสบในแก๊ง ผู้ทำหน้าที่ดูต้นทางในการปล้นร้านทอง รวมทั้งหนู ที่แม้ร่างกายอันบอบช้ำจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ความแค้นที่มีต่อเสี่ยโจยังคงเต็มเปี่ยม ทว่านี่ก็หาใช่จุดสิ้นสุดของการสืบหาแก๊งตี๋ใหญ่ เพราะการที่อยู่ๆ อาเจ็กที่อยู่ที่นี่มานานหลายสิบปีเกิดมีหลานชายคนใหม่ขึ้นมา ย่อมไม่อาจทำให้ใครๆ เชื่อได้สนิท โดยเฉพาะชาวแก๊งตี๋ใหญ่ ที่พยายามจับพิรุธบรรดลทุกเสี้ยววินาที นี่ยิ่งสร้างแรงกดกันให้แก่บรรดล เพราะหากพลาดเมื่อไร ก็คงต้องปิดฉากชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้การเข้าไปในแก๊งของตี๋ใหญ่ ยังไม่ได้หมายความว่า บรรดลจะเข้าถึงตัวตี๋ใหญ่ได้ เพราะตี๋ใหญ่ไม่เคยไว้ใจใคร แม้แต่พวกเดียวกันเอง เขาไม่เคยอยู่ที่ไหนนานๆ บางคืนอาจย้ายที่นอนมากกว่าหนึ่งที่ และไม่ว่าจะไปไหน เขาไม่เคยบอกใครล่วงหน้า เช่นเดียวกับการก่อคดีครั้งใหม่ เขาก็ไม่เคยบอกแผนให้แก่ใคร จนกว่าจะใกล้ถึงวันลงมือจริงๆ การสืบหาตี๋ใหญ่จึงไม่ต่างจากการเบิ่งตามองไปในความมืดมิดไร้แสงใดๆ แม้แต่การไปบ้านพ่อแม่ของเขา ตี๋ใหญ่ก็ไปอย่างเป็นความลับ เพราะรู้ดีว่าแม้ สำอาง ผู้เป็นแม่ แตน น้องสาว ป๋อง น้องชายคนเล็ก จะมองเขาเป็นคนในครอบครัวไม่ต่างจากเดิม แต่ สุภาพ พ่อของเขากลับไม่เป็นเช่นกัน ความเกลียดชังที่ลูกชายคนโตก้าวไปบนเส้นทางโจร ทำให้สุภาพถึงขั้นประกาศตัดพ่อตัดลูก และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ตี๋ใหญ่ได้รับโทษ แล้วกลับมาเป็นคนดีของสังคมอีกครั้ง แต่ความปรารถนาของเขาก็เป็นเสมือนเมฆที่สลายไปในอากาศ ไม่เคยเป็นความจริง เช่นเดียวกับการไปที่บ้านของ ปรารถนา ผู้หญิงคนเดียวที่ตี๋ใหญ่นับเป็นภรรยา เขาไม่ได้กลัวว่าปรารถนาจะแจ้งจับเขา แต่กลัวคนอื่นๆ จะรู้ว่าปรารถนาเป็นภรรยาของโจรที่มีค่าหัวสูงสุดแห่งยุค เขาอาจถูกจับ และปรารถนากับ นนท์ ลูกชายของเขา อาจต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย การรู้แหล่งหลบซ่อนของแก๊งตี๋ใหญ่ อีกทั้งยังรู้ชื่อรู้แซ่คนในแก๊ง จึงยังคงไม่นำไปสู่การจับกุม เพราะหากรีบร้อนจัดการคนเหล่านี้เสียแล้ว ตี๋ใหญ่ก็จะไหวตัวและหลุดมือตำรวจไปได้อีก การสวมรอยของบรรดลจึงต้องดำเนินต่อไป ด้วยความระมัดระวังตลอดเวลา เพราะหากพลาดให้โดนจับได้ นั่นหมายความว่าเขาจะกลายเป็นศพไปโดยทันที ในแก๊งตี๋ใหญ่มีหนูคนเดียวเท่านั้นที่ไว้ใจบรรดล ด้วยบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ หนูจึงตอบแทนบรรดล โดยการให้งานเป็นเอเย่นต์ขายยา บรรดลต้องยอมทำงานนี้เพื่อให้หนูกับพวกตายใจ โดยที่จริงแล้วเป็นเพียงการจัดฉาก หาได้มีการค้าขายจริงๆ ไม่ หลังการทำงานครั้งแรก บรรดลขอเลี้ยงขอบคุณ โดยพาทั้งหนู ประทีป และปื๊ด ไปที่โรงน้ำชาของ เสี่ยปิ่น ผู้ยิ่งใหญ่แห่งดำเนินสะดวก โดยเป้าหมายที่แท้จริงคือให้สมศักดิ์ กับอุดมได้ถ่ายรูปทั้งสามคนเอาไว้ เนื่องจากตี๋ใหญ่กับพวกไม่เคยยอมให้ใครถ่ายรูป เพราะเกรงว่าภาพของตัวเองจะไปตกอยู่ในมือตำรวจ ไม่เพียงแต่ตำรวจเท่านั้นที่พยายามค้นหาความลับของตี๋ใหญ่ นักข่าวทุกสำนักรวมทั้ง เนตรดาว นักข่าวสาวจอมลุย ต่างก็ต้องการได้ข่าวเกี่ยวกับตี๋ใหญ่ทั้งสิ้น และเพื่อให้ได้ข่าวที่ผู้คนกำลังสนใจนี้ เนตรดาวจึงคอยตามติดข่าวตลอดเวลา และหนึ่งในแหล่งข่าวที่สำคัญของเธอก็คือตำรวจอย่างอุดมนี่เอง ทั้งคู่กลายเป็นคู่กัดกันในเวลาอันรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นด้วยงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ก็ทำให้อุดมกับเนตรดาวต้องเจอะเจอกันเสมอ จากที่เคยเกลียดขี้หน้า ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นแอบมีใจให้กัน ทุกคนพยายามสืบหาตี๋ใหญ่ ทว่าตี๋ใหญ่เป็นเหมือนปีศาจไร้ตัวตน แม้บางครั้งมีโอกาสได้พบตี๋ใหญ่ตามที่ต่างๆ ตี๋ใหญ่ก็ใช้ไหวพริบและฝีมือหลบหนีตำรวจไปได้ทุกครั้ง เมื่อตี๋ใหญ่ระแคะระคายว่ามีตำรวจมาสืบจับเขาถึงถิ่น ตี๋ใหญ่จึงเปลี่ยนที่ทำงานตามคำแนะนำของอาจารย์ทอง โดยขึ้นเหนือไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่นั่นเขาได้พบกับ พร สาวน้อยนักเที่ยว แล้วก็เช่นเดียวกับในที่อื่นๆ หนุ่มตี๋หล่อมาดเท่ที่มีเงินเปย์ให้สาวๆ เสมออย่างตี๋ใหญ่ ย่อมไม่ยากที่มัดใจใครได้ง่ายๆ โดยเฉพาะสาวน้อยอย่างพรที่ไม่คิดอะไรมากกับชีวิต นอกจากขอให้ได้สนุกและมีความสุขไปวันๆ ทันทีที่รู้ว่าตี๋ใหญ่จะลงมืออีกครั้ง ศิริก็ส่งกำลังตำรวจไปจับตัวโชติมา เพราะรู้ว่าโชตินี่เองที่เป็นคนจัดรถพาตี๋ใหญ่กับพวกไปที่ไหนสักแห่ง และเนื่องจากกลัวความผิด โชติจึงยอมบอกปลายทางที่รถของเขาไปส่งตี๋ใหญ่ให้กับตำรวจ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครล่วงรู้แผนการณ์ของตี๋ใหญ่ ว่าจะลงมือที่ไหนเมื่อไรกันแน่ บรรดลและทีม ”ล่าตี๋ใหญ่” รีบเดินทางตามไป แต่ตี๋ใหญ่รู้ตัวและรีบชิงลงมือเสียก่อน การตามจับตี๋ใหญ่และพวกจึงต้องคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง หลังการปล้นบ้านเศรษฐีนีเชียงใหม่ ตี๋ใหญ่กับพวกกระจายไปคนละทิศละทาง บรรดลรู้สึกเหมือนทุกอย่างต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง แต่ด้วยความที่ตี๋ใหญ่เป็นคนรักครอบครัว เมื่อรู้ว่าพ่อป่วยหนัก เขาจึงไม่ลังเลที่จะไปดูอาการที่โรงพยาบาล และตามไปที่บ้านพ่อแม่ ตำรวจดักจับตี๋ใหญ่ทั้งสองที่ ทว่าก็เหมือนครั้งก่อนๆ ตี๋ใหญ่ใช้ความเก่งกล้าบ้าบิ่นหนีตำรวจไปได้ ทั้งนี้ก็เพราะตี๋ใหญ่ปฏิญาณไว้แน่วแน่ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาไม่ยอมให้ตำรวจจับเด็ดขาด ถ้าจะจับเขาก็มีทางเดียวเท่านั้นคือ ‘จับตาย’ ดังนั้นเมื่อต้องแลกกันด้วยชีวิต ตี๋ใหญ่ก็ยินดีแลก เช่นเดียวกับตำรวจทุกคนในทีม “ล่าตี๋ใหญ่” ที่ยอมสละชีวิตหากจำเป็น นี่เองเป็นสาเหตุให้ตี๋ใหญ่โดนอุดมยิง ขณะเดียวกันอุดมก็โดน 11 มม. ของตี๋ใหญ่เข้าไปเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายเข้ารับการผ่าตัด และต่างก็ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายแน่ ที่ทั้งสองฝ่ายต้องดวลเอาชีวิตกันแบบนี้ บรรดลและทีมยังคงตามล่าตี๋ใหญ่ ซึ่งหลบหนีไปที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งการที่ตี๋ใหญ่ต้องสูญเสียปื๊ด ลูกน้องคนสนิทไป เช่นเดียวกับหนูและโตที่โดนตำรวจปลิดชีพกลางถนน ทิพย์โดนจับติดคุกตลอดชีวิต ส่วนประทีปโดนยิงจนขาเสีย ไม่สามารถทำงานร่วมกับตี๋ใหญ่ได้อีก มีเพียงตี๋ใหญ่เท่านั้นที่ยังคงลอยนวล พร้อมหาทางแก้แค้นบรรดลและทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนพวรรณ อาเจ็ก หรือคนอื่นๆ นอกจากนี้ตี๋ใหญ่ยังโดนผู้หญิงที่เขารักหักหลัง เพราะเมื่อพรรู้ว่าตี๋ใหญ่เป็นโจรที่ตำรวจทั้งประเทศกำลังตามจับ เธอก็เกิดความกลัว จึงหันมาร่วมกับตำรวจในการจับตี๋ใหญ่ เมื่อตี๋ใหญ่รู้ว่าโดนคนใกล้ตัวแว้งกัดเอาแบบนี้ เขาก็ไม่ปล่อยพรไว้อีกต่อไป ไม่เพียงแต่พรเท่านั้นที่หักหลังตี๋ใหญ่ ประทีป เพื่อนที่ตี๋ใหญ่ไว้ใจที่สุด เพราะโตมาด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน ก็ตัดสินใจร่วมกับตำรวจในปฏิบัติการจับตี๋ใหญ่ เนื่องจากหลังจากประทีปขาเสีย เขาก็ไม่มีรายได้ใดๆ ความขัดสนทำให้เขาตัดสินใจเป็นสายให้ตำรวจ เพราะหวังเงินค่าหัว 1 แสนบาท ที่ตำรวจตั้งไว้ให้กับผู้ที่ให้เบาะแสและนำตำรวจไปจับกุมตี๋ใหญ่ได้ แต่ก็อย่างที่ตี๋ใหญ่ตั้งปฏิญาณไว้ แม้โดนล้อมด้วยตำรวจ จนไม่มีทางหลบหนีไปได้ เขาก็ยังไม่ยอมมอบตัว และหลังจากกระสุนนัดแรกออกจาก 11 มม. ของเขา กระสุนหลายร้อยนัดก็สาดเข้าใส่ตี๋ใหญ่ นำไปสู่วาระสุดท้ยของจอมโจรที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งยุคสมัย สำหรับบรรดล แม้ปฏิบัติการจะสำเร็จ แต่ความตายเป็นเรื่องน่าเศร้าเสมอ และหากเป็นไปได้ เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะไม่ต้องพบเหตุการณ์แบบนี้อีก แต่มันก็คงเป็นไม่ได้ ตราบใดที่สังคมยังคงมีโจรผู้ร้าย และเขายังคงเป็นตำรวจ การจัดการกับอาชญากรเหล่านี้คือหน้าที่ของตำรวจอย่างเขา นี่เป็นภารกิจอันสำคัญที่เขาตั้งสัตย์อธิษฐานไว้ ว่าจะทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อทำให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็น ‘ตำรวจไทย’ นี่คือละครที่ดัดแปลงจากเรื่องราวในชีวิตจริงของ พ.ต.อ. บรรดล ตัณฑไพบูลย์ ผู้ได้รับฉายาว่า “มือปราบเหยี่ยวดำ” ในภารกิจที่โหดหินที่สุดในชีวิต นั่นก็คือ การตามล่าตี๋ใหญ่ โจรที่ก่อคดีมานับไม่ถ้วน และหลบหนีตำรวจไปได้เนิ่นนาน ราวกับมีอิทธิปาฏิหารย์ เรื่องราวเข้มข้นด้วยการสืบสวน หลบหนี ไล่ล่า ต่อสู้ และการก่อคดีครั้งใหม่ของแก๊งตี๋ใหญ่ ผสมผสานกับมิตรภาพระหว่างเพื่อน ความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น และสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวเดียวกัน สุดท้ายสิ่งที่ผู้ชมจะได้จากละครเรื่องนี้ก็คือ ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิด ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจสักขนาดไหน และไม่ว่าเขาอยู่ที่ใดบนแผ่นดินนี้ เขาไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือของตำรวจไปได้ กรรมที่เขาก่อจะตามไปชดใช้เขาเสมอ...

เส้นสนกลรัก 2561

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เส้นสนกลรัก (2561/2018) โขง หนุ่มหล่อหน้าฝรั่งจอมกวน ทำเรื่องขอย้ายกลับมาทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่บ้านเกิด แม้ว่าถิ่นที่เขาจากไปตั้งแต่เด็กนั้น จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาอยู่ทุกคืนวันก็ตาม เขาเลือกกลับมาที่นี่ก็เพื่อท้าทายความกลัวในใจ แต่นับตั้งแต่คืนแรกที่เขากลับมาที่นี่ เขาฝันร้ายยิ่งกว่าเดิม เขาเห็นภาพของผู้หญิงที่ทุรนทุรายอยู่ในกองเพลิง พยายามจะหาทางรอดจากความตายที่ห้อมล้อมเธออยู่ เขาจะสู้กับภาพที่หลอนชีวิตของเขาได้หรือไม่..

ฝันร้ายตามหลอกหลอนเขาจนนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้เขาตื่นสาย เข้างานหลังเส้นแดงเป็นกิจวัตร จน สุรารัตน์ เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เจ้าระเบียบหมายหัวว่าเขาเป็นคนไม่เอาไหน ยิ่งเขามักจะสวนกระแส ดื้อแพ่งต่อระบบระบบระเบียบที่เยิ่นเย้อยุ่งยากเพื่อช่วยให้คนที่มาขอความช่วยเหลือได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นถึงจะข้ามขั้นตอน ก็ตาม สุรารัตน์ก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะต้องมาตามแก้ไขให้ เธอบ่นว่าโขงไม่เต็มปาก เพราะโขงได้รับความเอ็นดูจาก นารี สาวกลางคนหัวหน้าสายงานด้านสังคมสงเคราะห์ที่เล็งเห็นผลของงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมากกว่าระเบียบพิธีการ จนทำให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานเช้ายามเย็นชามอย่าง เจียรนัย และ มิว หมั่นไส้ รวมหัวนินทาเขาบ่อยๆ ในระหว่างที่พวกเธอทำเป็นง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ราวกับงานยุ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังเล่น Chat ใน Line และดู Facebook แป๊ะ หนุ่มขาพิการทำงานด้านเอกสารสำหรับผู้พิการนั้น แม้จะแอบชอบมิวอยู่ แต่เขาก็ชื่นชอบในน้ำใจของโขง เมื่อเขาคว้าเอกสารประจำตัวผู้พิการไปถ่ายเอกสารให้คนที่มาทำเรื่อง โดยที่โขงไม่สนใจว่า ป้ามล พนักงานวัยใกล้เกษียณที่ดูแลเครื่องถ่ายเอกสารนั้นจะพยายามขวางไม่ให้เขาเอาเอกสารมาทำสำเนาให้ฟรี และเมื่อพยายามจะเรียกเก็บเงินจากเขา ก็โดนโขงตอกหน้าว่าข้าราชการกินเงินภาษีจากประชาชนจะไปเก็บเงินค่าถ่ายเอกสารเพิ่มได้อย่างไร ถึงสุรารัตน์จะหมั่นไส้ความไร้ระเบียบของโขง แต่บางครั้งเธอก็ยอมหยวน เมื่อการแหกกฎของเขาเป็นไปเพื่อช่วยคนที่มาขอความช่วยเหลือจริงๆ และแก้ต่างให้เมื่อเจียรนัยมาบ่นว่าเขาให้เธอฟัง โขงมาสายประจำ จนสุรารัตน์ต้องรับหน้าที่เข้าประชุมกับหน่วยราชการต่างๆ แทนเขา เธอจึงโยนกรณีของ มณฑา มาให้เขาตามเรื่องและดูแลต่อ สวัสดิ์ พนักงานขับรถช่างพูดช่างโม้บอกเขาตามที่ได้ยินมาว่ามณฑาถูกสามีดักสาดน้ำกรดหน้าโรงงานของมณฑา จนเธอเสียโฉม สวัสดิ์บอกโขงว่ามณฑาหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวราวกับว่าสวัสดิ์เคยเห็นหน้าตาของเธอจริงๆ เมื่อสวัสดิ์ขับรถมาถึงที่ เขาก็ไม่ยอมลงไปเป็นเพื่อนโขง ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้ารถเพราะหน้าที่เขามีแค่นั้น แม้โขงจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่แก่วัดรู้มากอย่างสวัสดิ์จะหาเรื่องนอน เขาก็ตัดสินใจไม่ดึงดันจะลากสวัสดิ์ไปด้วยเพราะรู้ว่าสวัสดิ์ไม่ไปด้วยแน่ๆ การพบกันครั้งแรกระหว่างโขง นักสังคมสงเคราะห์หนุ่มกับ มณฑา เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวเป็นไปอย่างไม่น่าประทับใจ มณฑาไม่ยินดีต้อนรับเขา เธอหลบสายตาพยายามหลบหน้าด้วยการใช้เส้นผมยาวของเธอบังใบหน้าครึ่งซีกของเธอไว้ เธอเบื่อที่จะต้องเล่าเรื่องซ้ำๆ ซาก ยิ่งเธอเห็นว่าโขงไม่อ่านรายละเอียดเรื่องของเธอมาก่อนเลย ก็ยิ่งทำให้เธอพยายามไล่ให้เขาออกไปจากบ้านที่เธอปิดม่านมิดชิด ราวกับต้องการจะตัดขาดจากโลกภายนอก โขงเองก็รู้สึกผิดที่ประมาทกับเรื่องของมณฑา จนไม่ศึกษาเรื่องราวของเธอมาก่อน เขาบอกเธอด้วยท่าทีกวนๆ ของเขาว่า เขาจะมาพบเธออีก โดยไม่สนใจว่ามณฑาจะเอ่ยปากปฏิเสธ และก่อนจะก้าวออกไปพ้นประตู เขาหันกลับมาหาเธออย่างเร็ว จนเขาและเธอเผชิญหน้ากันตรงๆ ในระยะประชิด เป็นโอกาสเดียวที่เขาได้เห็นใบหน้าของมณฑาจังๆ ก่อนที่เธอจะปิดกระแทกประตูใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ ระหว่างทางที่นั่งรถสองแถวกลับบ้าน โขงมัวแต่คิดถึงเรื่องของมณฑาจนนั่งเลยป้าย เขาจึงต้องเดินย้อนกลับมาไกล ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านซอยวัดเปลี่ยว เขาได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แม้จะปอดๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาเมียงมองเดินเข้าไปในวัด และได้เห็น ทิชา สาวสวยเจ้าของรถมินิราคาแพง กำลังถูกมารสังคม 2 คนฉุดกระชากให้ลงมาจากรถ เขาถอยหน้าตั้งจนคนร้ายนึกว่าเขากลัว แต่เขากลับย้อนไปฟาดด้วยไม้หน้าสาม จนคนร้ายม่อยกระรอกสลบคาไม้ท่อนใหญ่ทิชาซาบซึ้งในน้ำใจของโขงที่เสี่ยงอันตรายช่วยเธอ แถมยังอาสานั่งรถมาเป็นเพื่อน มาส่งเธอจนถึงหน้าบ้าน โขงเก็บความประหลาดใจเอาไว้ในใจ เมื่อพบว่าสาวสวยที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่รั้วมหึมา อยู่ข้างๆ อพาร์ตเม้นท์ที่เขาเช่านั่นเอง เขาปฏิเสธเมื่อเธออาสาจะไปส่งเขายังที่พัก เขายังปฏิเสธที่จะบอกเธอด้วยว่าเขาชื่ออะไร ทำงานที่ไหนสุรารัตน์ยั๊วะเมื่อเห็นว่าโขงไม่เขียนความคืบหน้าอะไรบันทึกลงไปในแฟ้มกรณีของมณฑา เธอบอกเขาว่าจะดึงเรื่องกลับมาทำเอง และให้เขาประสานงานเรื่องการประชุมกับหน่วยงานราชการแทน โขงก็รีบปฏิเสธ ยื้อเอาแฟ้มมาถือไว้แน่น และยืนยันว่าเขาจะทำกรณีนี้เอง แลกกับการประสานงานน่าเบื่อแบบนั้นโขงตกเป็นขี้ปากอีกครั้ง เมื่อทิชาตรงเข้ามาทักทายโขงด้วยความดีใจถึงโต๊ะอาหารในงานออกร้านของศาลากลางจังหวัดท่ามกลางสายตาของทุกคน เจียรนัยมองด้วยความหมั่นไส้โขง เมื่อเห็นสายตาของทิชาที่เลือกนั่งลงข้างโขง ส่วนสวัสดิ์มองด้วยความอิจฉาวันรุ่งขึ้น โขงรู้จากปากจิกกัดของคนรอบข้างว่าเขาเหมือนหมามองเครื่องบิน เพราะทิชาคือลูกสาวคนสวยของ คุณหญิงระวี นายกมูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซึ่งสนิทสนมกับคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี และเป็นหน่วยงานที่ประสานงานกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของเขาอยู่เป็นประจำ แต่โขงไม่ได้ใส่ใจนึกถึงสาวสวยที่ทำให้เขากลายเป็นข่าว เขากลับนึกถึงมณฑาโขงกลับไปบ้านของมณฑาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาพบกับ ทับทิม แม่ปากร้ายอารมณ์บูดของมณฑา ทับทิมไม่ยอมพูดคุยกับเขาแถมยังปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรงด้วยความหวาดระแวง ประสบการณ์เกือบ 20 ปีบอกให้เขารู้ว่าท่าทีหวาดกลัวนี้หมายถึงการปิดบังอำพรางอะไรบางอย่าง แต่ทับทิมพยายามปิดบังอะไรเขากันแน่โขงไม่รู้ว่าเขาทำให้เย็นวันนั้น มณฑาถูกทับทิมด่าว่าด้วยความโกรธเกลียดจากคนที่เธอเรียกว่าแม่ แม่ที่กล่าวหาว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้ชีวิตของทับทิมพินาศย่อยยับ ต้องเลิกกับพ่อของมณฑา ถูกทิ้งจนอายแทบจะเอาปี๊ปคลุมหัวเวลาเดินออกไปข้างนอก แม่ที่บอกว่าที่บ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้ก็เป็นเพราะมณฑา เธอจึงต้องไประบายอารมณ์ที่บ่อนไพ่ทุกคืนทุกคืน มณฑาได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจ เก็บน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปในอกของตัวเองในวงเหล้ายามเย็นของเพื่อนซี้ต่างวัย สวัสดิ์เพิ่มเติมเสริมเรื่องเล่าให้โขงฟังว่า มณฑาคงถูก ชัย สามีทำร้ายเอาจนทนไม่ไหว เมื่อเธอขอเลิก ก็เลยโดนดักราดน้ำกรดที่โรงงานจนเสียโฉม สวัสดิ์ส่ายหัวด้วยความระอาตอนที่เล่าให้เขาฟังว่า มณฑาคงรักผัวมากเลยไม่เอาเรื่อง แต่ตำรวจก็ให้แจ้งความไว้ก่อน ยิ่งป้าคนข้างบ้านช่างสอดรู้สอดเห็นของมณฑามากระซิบกระซาบเล่าให้โขงฟังเป็นคุ้งเป็นแควว่ารู้จักเรื่องราวของบ้านมณฑาดี บอกว่าชัยรักมณฑามาก ซักเสื้อซักชุดชั้นในให้ไม่ถือสา ทับทิมก็เอ็นดูลูกเขย แต่ตอนหลังทะเลาะกันบ่อย พอเกิดเรื่องที่ชัยไปดักสาดน้ำกรดจนมณฑาเสียโฉม ชัยก็รีบกลับมาเก็บของ พอชัยไปแล้วทับทิมก็ร้องไห้โวยวายด่ามณฑาที่ก่อเรื่อง จนลูกเขยคนโปรดอย่างชัยต้องหนีไป แถมยังฉกสร้อยกับแหวนของทับทิมไปด้วย โขงเห็นใจมณฑา ที่ชีวิตของเธอตกเป็นขี้ปากของคนรอบข้างไม่ผิดอะไรกับเขาโขงไปดักรอมณฑาอยู่หน้าโรงงาน โดยไม่สนใจเลยว่าสาวโรงงานคนอื่นมองเขาจนเหลียวหลังด้วยความสนใจ แต่มณฑาแสดงความไม่พอใจที่เห็นเขาไม่ลดละที่จะมายุ่มย่ามในชีวิตของเธอ โขงบอกเธอว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องตามช่วยเหลือตามดูพัฒนาการในชีวิตของเหยื่อถูกทำร้าย มณฑาจึงบอกเขาด้วยความโกรธว่ายังมีคนอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเธอ เธอพร่างพรูบอกเล่าเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ถูกทำร้ายในแฟลตเก่าที่เธอเคยเช่าอยู่โขงรับปากเธอทันทีว่าจะช่วยเหลือคนเหล่านั้น แต่มณฑาต้องช่วยพาเขาไป มณฑาไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าทางเดียวที่จะไม่ให้เขามายุ่มย่ามถึงบ้านเธอกับแม่คือพาเขาไปที่อื่นโขงแวะกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านของ น้อยหน่า แม่ค้าสาวขายส้มตำใจแตกซึ่งมีลูกตั้งแต่ยังเด็ก หลาน สาวของ ยายแจ๊ว แม่ค้าปากกรรไกรประจำซอย คู่หู ยายดา แม่ค้าขายขนม แต่เป็นคู่อริของ ยายไร แม่ค้าขายข้าวแกงประจำซอย แม่ค้ารุ่นยายทุกคนล้วนจดจำโศกนาฏกรรมในครอบครัวของโขงได้ ทุกคนรู้จัก สันต์ พ่อผู้พิการขาขาดเพราะโรคเบาหวาน ที่ก่อเหตุยิง ปราณี แม่ของโขงตายคาบ้านเช่าด้วยความหึงหวง ก่อนยิงตัวเองตายคารถเข็น ภาพที่เด็กชายโขงไม่มีวันลืมยายแจ๊วบอกว่าโขงหล่อเหมือนพ่อ แต่ยายไรเกทับด้วยการบอกว่าโขงหล่อยิ่งกว่าพ่อ ส่วนน้อยหน่าก็ส่งสายตาหวานให้โขงด้วยความพิศวาส โขงรีบกินรีบเผ่นหนีจากสาวน้อยสาวใหญ่ แต่เขาก็ไปปะทิชาสาวสวยด้วยความบังเอิญหน้าบ้านของเธอเอง ทิชาเข้าใจว่าเขาตั้งใจมาหาเธอ จึงไม่ลังเลที่เอ่ยปากชวนให้เขาเข้ามานั่งกินอาหารว่างเป็นเพื่อนในบ้านหลังใหญ่วาจาทะเล้นขี้เล่นชวนหัวหยิกแหมหยอกทำให้ทิชาเข้าใจว่าชายหนุ่มผู้มีพระคุณของเธอกำลังจีบเธอ โขมเองก็เริ่มรู้ตัว จึงพยายามจะสงบปากสงบคำมากขึ้น แต่เขาก็ทำให้ทิชาคิดไปไกลกว่าที่เขาคิดซะแล้ว เขาได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะคนทั้งสำนักงานเอ่ยปากห้ามแกมดูถูกว่าอย่าคิดแหยมไปจีบสาวสวยรวยมหาศาลคนนี้ เพราะอาจจะซวยทั้งสำนักงานถ้าคุณหญิงและคุณนายผู้ว่ารู้เรื่องเข้าทิชาสบายใจเมื่อพูดคุยกับโขง สบายใจและผ่อนคลายมากกว่าตอนที่เธออยู่กับ พีระ หนุ่มธุรกิจเลือดร้อน เจ้าของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่เธอช่วยดูแลงานด้านบัญชีให้ ทิชารู้ว่าคุณหญิงระวี แม่ของเธอปลื้มพีระที่มักจะบริจาคเงินก้อนใหญ่ช่วยมูลนิธิของคุณหญิงอยู่เป็นประจำ และตั้งใจจะให้เธอกับเขาลงเอยกัน แต่เธอก็ยืนกรานบอกว่าเธอไม่ชอบพีระ เธอมักจะเถียงทะเลาะกับพีระที่มาหาเธอในยามค่ำคืนเสมอๆ โดยไม่รู้ว่าโขงที่อาศัยอยู่บนชั้น 3 ของตึกข้างบ้านของเธอนั้นเห็นเหตุการณ์ด้วยมณฑาพยายามอดทนกับอารมณ์โกรธของแม่ทับทิม แต่เมื่อทับทิมทำร้ายจิตใจและร่างกายของเธอจนเธอทนไม่ไหว มณฑาก็ตัดใจหอบเสื้อผ้าแอบกลับไปอยู่แฟลตเก่าที่เธอเคยอยู่ ดังนั้นเมื่อโขงมาหาเธอที่บ้าน จึงไม่พบใคร เพราะทับทิมก็ออกไปเล่นไพ่อย่างที่ทำเป็นประจำ ทางเดียวที่เขาจะพบเธอคือไปดักรอที่โรงงาน แต่เมื่อเขาไปถึง เขากลับพบว่าเธอลาออกจากงานไปแล้วทิชาตั้งใจมาดักพบโขง และตั้งใจชวนเขาไปทานอาหารเย็นกับเธอ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่าเขามีนัดกับสวัสดิ์แล้ว แต่สายตาอ้อนวอนของสาวสวยที่สัญญาว่าใช้เวลาไม่นาน ทำให้โขงใจอ่อนยอมนั่งรถเธอไปนั่งทานอาหารในสวนอาหารบรรยากาศดี แต่ระหว่างที่นั่งรออาหาร สายตาของโขงเห็นมณฑาเดินผ่านหน้าร้านไป ด้วยความดีใจเขาจึงรีบออกมาจากร้าน โดยบอกทิชาว่าเขาไปไม่นานมณฑาแปลกใจและเบื่อหน่ายที่เห็นหน้าโขงอีก เธอตัดสินใจจะทำตามที่เธอเคยสัญญากับเขา คือพาเขาไปที่แฟลตของเธอเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการการสงเคราะห์ เมื่อมณฑารับปาก โขงจึงยอมปล่อยให้เธอกลับไป ส่วนเขาก็รีบกลับไปหาทิชา เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาปล่อยให้เธอนั่งคนเดียวนานเกินไปแล้วทิชาเห็นตั้งแต่ที่โขงหันไปเห็นมณฑา เธอเห็นว่าเขาวิ่งตามสาวคนนั้น แล้วปล่อยให้เธอรอเขาอยู่คนเดียวที่โต๊ะท่ามกลางอาหารมากมายที่เธอตั้งใจสั่งมาให้เขา ทิชากำลังเรียกเก็บเงินด้วยความน้อยใจตอนที่โขงวิ่งหน้าตั้งกลับมา เขาพยายามทำให้เธอสบายใจด้วยการสวาปามอาหารมากมายนั้น และใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากขึ้นจนเบี้ยวนัดกับสวัสดิ์ที่ตั้งหน้าตั้งตารอก๊งเหล้าแกล้มหอยดองที่เขาสัญญาว่าจะซื้อไปฝากสวัสดิ์ไม่รู้ว่าทำไมโขงถึงมักจะหายตัวไปจากสำนักงานทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน สุรารักษ์คาดโทษโขงให้สวัสดิ์ฟัง แถมยังขู่คู่หูของโขงอย่างสวัสดิ์ให้ระวังตัวว่าจะไม่ได้ขั้น สวัสดิ์จึงพยายามสอดส่องตามประกบดูแลไม่ให้โขงหายไปจากสายตาก่อนเวลา แต่โขงพริ้วกว่าสวัสดิ์ เขาจึงเร้นกายหายตัวไปได้ทุกทีโขงไม่ได้บอกใครว่าเขาออกจากสำนักงานก่อนเวลา เพื่อไปตามกรณีของมณฑาอย่างไม่ลดละ และตั้งใจจะช่วยเหลืออีกหลายกรณีตามที่มณฑาเล่าให้เขาฟัง หลังเลิกงานที่โรงงาน มณฑาจำใจต้องพาโขงที่มาดักรอเธอ พาเขาไปแฟลตเก่าที่เธอหนีแม่มาอาศัยอยู่ ที่นี่เขาได้ช่วยผัวเมียที่ทะเลาะกัน ช่วยเด็กที่ถูกทิ้งไว้ที่ระเบียง พาตำรวจจับผัวที่พาเมียเด็กไปขายตัวเอาเงินมาใช้ สะสางเรื่องป้าตีหลาน ทุกเรื่องที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาทำตามนโยบายหยุดความรุนแรงในครอบครัว และตามพรบ.คุ้มครองเด็กสุรารักษ์หัวหมุนไปงานกับที่โขงทำและนำเข้าสู่สำนักงาน เพราะมีมาอย่างต่อเนื่องและมากมาย เธอได้แต่สงสัยว่าอยู่ๆ พ่อจอมขี้เกียจไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างโขง ทำไมถึงได้ขยันเอาจริงเอาจัง เธอคิดว่าเขาต้องการทำงานเอาหน้าหวังเงินเดือนขึ้น อยากเลื่อนขั้น อยากได้ความดีความชอบ ต้องการแข่งขันกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรางวัลดีเด่นทุกปีอย่างเธอ สุรารักษ์บ่นให้ รตท.กำชัย แฟนหนุ่มที่ทำงานประสานกันอยู่เป็นประจำว่าเธอไม่ไว้ใจโขง แต่นายตำรวจหนุ่มกลับเริ่มเห็นตัวตนที่แท้จริงของโขงและรู้สึกชื่นชมวีรบุรุษที่ไม่ได้ทำงานเอาหน้าคนนี้ทิชานัดโขงมาที่ร้านอาหารที่เดิม เพื่อแจ้งกับเขาว่าทางมูลนิธิมีทุนจะมอบให้กับเด็กที่ยากไร้ เธอขอให้โขงหาเด็กที่ต้องการทุนนี้ โขงนึกถึงมณฑา และเด็กๆ ที่แฟลต เขาคิดจะให้มณฑาประกาศข่าวเรื่องทุนนี้ให้คนที่แฟลตได้รู้ แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นพนักงานเสริฟคนใหม่คือมณฑา ทิชาเองก็แปลกใจที่เห็นมณฑาที่นี่ เธอจำได้แม่นว่ามณฑาคือคนที่โขงวิ่งตามไปวันก่อน แล้วปล่อยให้เธอคอยเขาอยู่ตามลำพัง แต่เมื่อทิชารู้เรื่องของมณฑาตามที่โขงกระซิบบอก เธอก็รู้สึกสงสารในชะตากรรมของมณฑา ส่วนมณฑาเองรู้สึกว่าหนุ่มหล่ออย่างโขงดูเหมาะสมที่จะเดินเคียงคู่กับสาวสวยอย่างทิชา เธอแปลกใจที่พบว่าเธอรู้สึกอิจฉาทิชาที่สมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และคนที่รู้ใจ มณฑาพยายามหักห้ามใจที่เริ่มหงุดหงิดเพราะคิดว่าทั้งคู่คงชอบกันแต่ทิชาเองก็มีปัญหาของเธอ ทิชาต้องเข้าไปที่ผับเพื่อดูแลตรวจสอบการทำบัญชีให้พีระ และต้องคอยระวังตัวไม่ให้เขาหาเศษหาเลยกับเธอ เธอรู้ว่าพีระหมายปองต้องการครอบครองตัวเธออย่างที่คุณหญิงระวีเปิดทางให้ แต่เธอไม่ต้องการเช่นนั้น เธอจำเป็นต้องทำงานให้พีระ แต่คนที่เธออยากทำงานด้วยคือโขงต่างหาก ทิชารู้สึกยินดีกับการทำงานมอบทุนให้เด็ก เพราะเธอได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานของโขงนั่นเองเมื่อสุรารักษ์รู้เรื่องโครงการให้ทุนของมูลนิธิ เธอก็รู้สึกหมั่นไส้โขงมากยิ่งขึ้น เธอบอกเขาว่ามูลนิธิชอบทำงานเอาหน้า โขงคงชอบทำงานเอาหน้า ส่วนเจียรนัยก็ค่อนแคะว่าเขาต้องการจีบทิชา แต่โขงได้รับไฟเขียวเต็มที่ในโครงการนี้จากหัวหน้านารี จนได้รับอนุญาตให้ใช้รถเมื่อไหร่ก็ได้ แม้สวัสดิ์จะแปลกใจแต่ก็รู้สึกยินดี เพราะขับรถให้โขงนั่งนั้น สบายหูกว่าพาสุรารักษ์ไปไหนต่อไหนตั้งเยอะโขงให้สวัสดิ์ขับรถไปติดประกาศที่แฟลตของมณฑา สวัสดิ์จำมณฑาไม่ได้ เลยออกลายเจ้าชู้ เขาแปลกใจเมื่อรู้ว่ามณฑาคือคนที่สวัสดิ์บอกโขงเองว่าหน้าตาเละดูไม่ได้ โขงบอกว่ามณฑาไม่ได้โดนน้ำกรด เธอแค่โดนน้ำยาล้างห้องน้ำ แผลที่หน้าก็มีแค่รอยแดงๆ เท่านั้นและอีกไม่นานก็คงจะหาย ถึงจะเห็นว่ามณฑาหน้าตาน่าเอ็นดู สวัสดิ์ก็ยังแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่โขงจะผูกสัมพันธ์กับมณฑา สวัสดิ์บอกว่ามีผัวจนเกิดเรื่องมาแล้ว ถือว่าเป็นของมีตำหนิ ส่วนทิชาก็อยู่สูงเกินที่โขงจะเอื้อมสอย โขงได้แต่ส่ายหน้าที่สวัสดิ์คิดเองเออเองกับผู้หญิงที่อยู่ใกล้ตัวเขางานของโขงไปได้ดีทุกด้านจนหัวหน้าชม เพราะเขาทำให้หน่วยงานมีหน้ามีตามีผลงานได้ออกสื่อเป็นข่าวดัง จนคุณหญิงระวีและคุณนายผู้ว่าขอดูตัว สุรารักษ์เลยพาลหงุดหงิดโดยมีเจียรนัยและมลเป็นลูกคู่ ทิชาบอกกับโขงว่าคุณหญิงระวีอยากให้เขาไปช่วยงานที่มูลนิธิแต่เมื่อเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าพาแม่ค้าส้มตำน้อยหน่าหนี จนยายแจ๊วพาพวกมาดักสาดน้ำปลาร้าใส่เขา ภาพพจน์ของเขาในสายตาของสุรารักษ์ก็ยิ่งติดลบ มอร์เตอร์ไซด์รับจ้างที่หมายปองน้อยหน่าอยู่มาบอกยายแจ๊วว่าเห็นน้อยหน่าแอบส่งเบอร์โทรศัพท์ให้โขง ยายแจ๊วก็ยิ่งมั่นใจ ยายไรพยายามช่วยเข้าข้างโขง แต่ดูเหมือนไม่มีใครฟัง ทุกคนในซอยปักใจเชื่อตามที่ยายแจ๊วโพนทะนาไปแล้วโขงรู้ว่าน้อยหน่าหนีไปทำงานเป็นพนักงานเสริฟในคลับชื่อดังกลางกรุงของพีระ และกำลังจะได้ไปทำงานที่ภูเก็ต แต่เขาก็รู้แค่นั้น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาได้แต่ชื่อของคลับ ไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของน้อยหน่าอย่างที่คนอื่นเข้าใจกันโขงตัดสินใจชวนสวัสดิ์ไปสืบดูลาดเลาในผับของพีระ ที่น้อยหน่าเคยบอกว่าเธอทำงานที่นี่ แต่โขงกลับพบมณฑาในคราบของพนักงานเสริฟสาว เธอแต่งหน้าทาปากแต่งตัวเข้ารูปจนเห็นเรือนร่างสวย เขารู้สึกหงุดหงิดจนต้องแอบไปดักดึงตัวเธอไปถามด้วยความข้องใจ เธอบอกเขาว่าเธอมาตามหาเพื่อนที่หายไปหลังจากเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน มณฑาตั้งข้อสังเกตว่าพนักงานที่หายไปนั้น เป็นคนที่ไม่มีญาติพี่น้องในกรุงเทพ และหายไปหลังจากทำงานได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นมณฑาสืบเรื่องของน้อยหน่ามาให้โขง เธอบอกว่าน้อยหน่าหายไปหลังจากถูกส่งตัวไปทำงานที่ภูเก็ต โขงตั้งข้อสังเกตเรื่องการค้ามนุษย์ ผับดังของพีระอาจจะมีเบื้องหลัง มณฑาบอกเขาว่าจะช่วยหาหลักฐานในห้องทำงานของพีระให้แต่ระหว่างที่มณฑาพยายามค้นหาเอกสารอยู่นั้น ทิชาที่มาตรวจบัญชีให้พีระเป็นประจำก็เข้ามาพบเธอ แม้ทิชาจะสงสัย แต่เพราะจำได้ว่าเป็นมณฑา เธอจึงไม่กระโตกกระตาก แถมยังช่วยแก้ต่างให้มณฑาเมื่อพีระเข้ามาในห้องหลังจากนั้นไม่นานมณฑาได้มีโอกาสช่วยทิชาตอบแทน ในคืนที่เธอแอบขึ้นมาเพื่อพยายามจะหาหลักฐานในห้องของพีระอีกครั้ง เธอพบว่าพีระพยายามจะปล้ำทิชาในห้องนั้น มณฑาตัดสินใจส่งข้อความไปบอกโขง เธอหวังว่าเขาจะมาช่วยหญิงคนรักของเขาได้ทัน แต่มณฑากลัวว่าทิชาจะเสียทีพีระก่อนที่โขงจะมา เธอจึงตัดสินใจเข้าไปในห้องแล้วคว้าโคมไฟตีหัวพีระจนทิชาดิ้นหลุดจากการเกาะกุมของเขาได้ แต่มณฑากลับกลายเป็นเหยื่อ เมื่อพีระคว้าตัวเธอไว้แทน ในขณะที่ทิชาวิ่งหนีออกไปจากห้องทิชาวิ่งหนีลงมา เธอโผเข้ากอดโขงทันทีที่เห็นเขา โขงพาตำรวจตรวจยาเสพติดบุกเข้ามาทันทีที่เขาได้รับข้อความจากมณฑา โขงปล่อยให้ตำรวจทำงานตามหน้าที่ ส่วนเขารีบแกะมือของทิชาที่กอดเขาอยู่ออก แล้วพุ่งไปตามทางที่ทิชาชี้บอกเมื่อเขาถามหามณฑา ภาพในห้องของพีระที่เขาเห็นคือมณฑาที่คว้าไม้ยืนอยู่อีกฟากของเตียงโดยมีพีระที่พยายามจะไล่จับตัวเธอให้ได้ พีระตกใจเมื่อเห็นตำรวจที่วิ่งตามโขงเข้ามา เมื่อพีระถูกตำรวจเชิญตัวออกไป โขงก็ไม่ลังเลที่จะดุใส่มณฑาไม่ยั้ง เขาเป็นห่วงเธออย่างเห็นได้ชัด ทิชาที่เดินตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วงโขง จึงเห็นแววตาของเขาอย่างชัดเจน ทิชาได้แต่กลืนคำพูดแล้วถอยหลังออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกอยากเป็นหญิงสาวที่ถูกโขงดุด้วยความรักความเป็นห่วงอย่างนั้น ข่าวการบุกตรวจผับดังกลางกรุงกลายเป็นข่าวดังที่สืบสาวไปจนถึงเรื่องการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน มูลนิธิของคุณหญิงระวีถูกเพ็งเล็งว่ากลายเป็นแหล่งฟอกเงินให้กับขบวนการค้ามนุษย์ของพีระ เพราะพีระเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของที่นี่ คนในสำนักงานสังคมสงเคราะห์ทั้งสุรารักษ์ เจียรนัย มล และสวัสดิ์ต่างวิจารณ์ข่าวนี้อย่างเมามันเพราะเกี่ยวพันถึงทิชา ที่ทุกคนเข้าใจว่าโขงพยายามจีบอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าโขงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกจับกุมครั้งนี้ด้วยทิชาปรับทุกข์กับโขงเพราะเธอไม่มีใครอีกแล้ว เธอบอกว่ามูลนิธิของคุณหญิงแม่เสียชื่อเสียงเพราะเข้าไปพัวพันกับพีระ ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของมูลนิธิ มีหลักฐานการโอนเงินชัดเจน ชื่อเสียงของมูลนิธิและชื่อเสียงของคุณหญิงระวีฉาวโฉ่จนไม่รู้จะกู้คืนมาได้อย่างไร เมื่อทิชาเอื้อมมือมาจับมือเขา โขงก็บีบมือเพื่อเป็นกำลังใจให้ โดยไม่รู้ว่าภาพนั้นบาดตามณฑาที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆโขงไม่ได้เจอมณฑาหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น เพราะเขามัวแต่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจทิชา เพราะตั้งแต่ที่มูลนิธิมีข่าวไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ คนในซอยโดยการนำของยายแจ๊วก็ตั้งเป้าด่า และรอดักปาปลาร้าใส่ทุกคนในบ้านนี้ ทิชาขอให้โขงพาเธอออกไปจากบ้าน เธอตัดสินใจไปเช่าโรงแรมเหมือนคุณหญิงแม่จนกว่าเรื่องจะเงียบ ทิชาเตือนให้ทั้งเขาและมณฑาระวังตัวเพราะพีระเป็นคนอาฆาตแรง และมีเส้นสายมากมายโขงได้รับข้อความทางโทรศัพท์ของมณฑาว่าเธอถูกจับตัวไป เขารีบตามไปหาเธอทันทีโดยไม่ฉุกใจคิดเลยว่าเป็นกับดัก เขาได้เห็นหน้ามณฑาที่ถูกมัดมือมัดเท้าในห้องเล็กก่อนที่จะหมดสติไปเพราะถูกตีหัวจากด้านหลังเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โขงก็นอนอยู่ท่ามกลางสาวๆ ที่ถูกบังคับจับตัวจะส่งไปภูเก็ต ซึ่งก็มีมณฑารวมอยู่ด้วย โขงตะเกียกตะกายลุกขึ้น รีบประกอบมือถือที่ถูกเหวี่ยงจนแบตเตอร์รี่กระเด็นออกจากเครื่องแล้วรีบพิมพ์ส่งข้อความอย่างรวดเร็ว ทันเวลาก่อนที่ชายหน้าเหี้ยมจะเข้ามากรอกน้ำใส่ปาก บังคับให้เขาดื่มยานอนหลับจนหมดสติหลับไปเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา โขงพบว่าเขาอยู่ในรถทัวร์ที่เต็มไปด้วยสาวๆ ที่เต็มใจไปทำงานที่ภูเก็ต ส่วนคนที่ไม่เต็มใจนั้น เขาได้ยินชายหน้าเหี้ยมที่คุมมาว่าถูกขังอยู่ด้านล่างของรถ โขงได้แต่หวังว่ามณฑาคงจะถูกขังอยู่ในรถคันนี้เช่นกันรถทัวร์ถูกเรียกจอดกลางทาง ตำรวจทางหลวงมาดักสกัดได้ทันเวลา เพราะรตท.กำชัยได้รับข้อความแจ้งเหตุจากโขง โขงและสาวๆ ทุกคนได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที โขงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลงานครั้งนี้อีกครั้งโดยที่ไม่มีใครในสำนักงานสังคมสงเคราะห์รู้เลย แม้ตอนหลังรตท.กำชัยจะแอบเปิดเผยให้สุรารักษ์รู้ว่าโขงเสี่ยงชีวิตขนาดไหนในการทำคดีนี้ เขาบอกด้วยว่าโขงทำงานร่วมกับตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์มาแล้วทั่วทุกภาค สุรารักษ์ก็ยังทำใจยอมรับได้ยากอยู่ดี เพราะสภาพของโขงห่างไกลจากภาพของวีรบุรุษที่เธอวาดไว้อย่างไกลลิบ แต่เมื่อเจียรนัยจิกกัดโขงว่าคบกับลูกแม่เล้าอย่างทิชา สุรารักษ์ก็หันไปเอ็ดเจียรนัยทันทีจนทุกคนแปลกใจเมื่อเห็นว่าสุรารักษ์เข้าข้างคู่ปรับของตัวเองโขงถูกดักยิงขณะที่พูดโทรศัพท์กับมณฑา ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคนที่กำลังกินเลี้ยงฉลองวันเกิดให้สวัสดิ์ สุรารักษ์รีบเรียกรถพยาบาลนำโขงส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนทิชามาเฝ้ารอดูอาการของโขงทันทีที่ทราบข่าว แม้สายตาของสุรารักษ์จะไม่เป็นมิตร แต่ทิชาก็ไม่สนใจ เธอสนใจแต่โขงที่ยังนอนไม่ได้สติในห้องผ่าตัดมากกว่าโขงยังไม่ได้สติ เขาฝันเห็นร่างของหญิงสาวที่บอบช้ำไปทั้งตัว เธอร้องไห้คร่ำครวญพยายามจะหาทางรอดจากห้องที่คุมขัง สภาพของหญิงคนนั้นสะบักสะบอมเหนื่อยอ่อน แต่ไม่ละความพยายามที่จะหาทางหนี จนในที่สุด ในภาพนิมิตนั้น เขาเห็นชาย 2 คนเดินเข้ามาในห้อง แล้วลากหญิงคนนั้นออกไป โขงไม่เข้าใจว่าภาพของหญิงคนนี้มาปรากฏให้เขาเห็นในฝันได้อย่างไร และเขาฝันเห็นเธอบ่อยครั้ง หลังจากที่เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรกในวันที่เขาพบกับทิชาทิชาร้องไห้อย่างหักห้ามใจไม่อยู่เมื่อได้ยินหมอบอกเล่าอาการของโขงว่ายังน่าเป็นห่วง ไม่มีใครรู้ว่าโขงจะรอดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ว่าโขงกำลังต่อสู้กับอะไรโขงเห็นในนิมิตว่าเขากำลังขับรถไล่ตามรถอีกคันอยู่ หลังรถคันนั้นคือผู้หญิงที่พยายามร้องขอความช่วยเหลือ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเลือด โขงพยายามจะไล่ให้ทัน แต่เมื่อรถคันนั้นวิ่งฝ่าไฟแดงจนชนเข้ากับรถบรรทุกกลางสี่แยก เขาก็ได้เห็นร่างของหญิงสาวคนนั้นตะเกียกตะกายอยู่ท่ามกลางซากรถพยายามจะดิ้นรถหนีตาย แรงระเบิดครั้งแรกทำให้โขงกระเด็นออกมาก่อนที่จะเข้าช่วยดึงตัวหญิงสาวคนนั้นออกมาได้ และก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดครั้งที่ 2 เขาก็เห็นภาพที่น่าสยดสยอง หญิงสาวที่มีไฟลุกท่วมตัว เขาเห็นดวงตาของเธอมองมาที่เขาอย่างสิ้นหวังเมื่อโขงฟื้นขึ้น คนแรกที่เขาเห็นคือทิชาที่ยืนอยู่ปลายเตียง และนับจากนั้นทิชาก็รับหน้าที่เป็นคนดูแลโขง คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ แม้ว่าสวัสดิ์จะแสดงความไม่พอใจและพยายามจะแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาทำก็ตามมีคนมาเยี่ยมและส่งของมาเยี่ยมไข้โขงมากมายแต่ไม่มีแม้แต่เงาของมณฑา โขงไม่รู้ว่าเจ้าของถุงส้มราคาถูกๆ ที่เขาชอบกินคนนั้นคือมณฑาที่ตัดสินใจกลับทันทีเมื่อเห็นว่าทิชาดูแลโขงอยู่อย่างใกล้ชิด สวัสดิ์ที่ยึดโยงหน้าที่นอนเฝ้าไข้โขงในยามกลางคืนสามารถจับชัยที่เข้ามาพยายามจะทำร้ายโขง แม้ว่าชัยจะพยายามแก้ตัว แต่โขงจำได้ว่าหนุ่มร่างบางท่าทางเหมือนคนติดยาคือชัย คนที่เคยทำร้ายมณฑานั่นเอง ชัยถูกส่งไปโรงพักและต้องเข้าไปนอนในห้องขังทันที ทิชามาปรับทุกข์เรื่องคดีของมูลนิธิ โขงเล่าให้เธอฟังว่ามีหลักฐานอื่นที่มณฑาถ่ายเอาไว้และส่งมาให้เขา แต่เขายังไม่ส่งตำรวจ เขายังไม่ได้ดูว่าคืออะไร แต่หวังว่าจะช่วยทิชาและคุณหญิงได้โขงแปลกใจเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในรถที่ติดเครื่อง จอดขวางกลางถนนสายเปลี่ยว เขาเร่งเครื่องหลบลงข้างทางได้ทันก่อนที่รถบรรทุกใหญ่ที่เร่งเครื่องเต็มอัตราจะโผล่พ้นโค้งมาชนรถของเขา แม้โขงจะยังเจ็บระบมแผล แต่เขาก็สามารถขับรถพาตัวเองกลับมายังโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยทุกคนแปลกใจเมื่อเห็นโขงกลับมาได้เองหลังจากหายไปจากโรงพยาบาลโดยไม่มีใครรู้ แต่คนที่แปลกใจยิ่งกว่าคือทิชา คืนนั้นโขงแอบออกจากโรงพยาบาลอีกครั้ง เขามาหาทิชา เขาต้องการมาพิสูจน์เรื่องที่เขาสงสัย ท่าทีของทิชาทำให้เขาบอกเธอว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว ทิชาคิดว่าเขาขับรถไม่เป็น จึงแอบวางยานอนหลับแล้วเอาตัวเขาใส่รถ หวังสร้างสถานการณ์ว่าเขาตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เธอกลัวว่าหลักฐานที่เขาบอกเธอจะเปิดเผยเรื่องราวความจริงทั้งหมดว่าเธอ คุณหญิงแม่ และพีระ อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ามนุษย์และการฟอกเงินท่าทีของทิชาเปลี่ยนไป จากสาวน้อยอ่อนหวานกลายเป็นสาวใจเหี้ยมที่ไร้ความปรานี เธอบอกเขาว่าโขงไม่มีทางทำอะไรเธอได้ เมื่อทิชาขับรถจากไปนั้น ด้านหลังรถของทิชา โขงก็ได้เห็นภาพที่ติดตา ภาพที่หลอกหลอนเขามานาน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักเธอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหญิงสาวที่โชกไปด้วยเลือดซึ่งนั่งอยู่ท้ายรถในนิมิตนั้นต้องการอะไรทิชาขับรถตามลำพังไปบนถนนกลางดึก เธอจอดรถเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟแดง กลางสี่แยกที่ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในคืนสยองคืนนั้น คืนที่เธอขับรถตามลูกน้องที่ต้องเอาหญิงสาวไปส่ง แต่เพราะหญิงคนนั้นต่อสู้ดิ้นรนพยายามจะหลบหนีแม้จะถูกรุมโทรมจนยับเยินแล้วก็ตาม รถของลูกน้องขับไปเกี่ยวกับรถสิบล้อจนพลิกตะแคง ลูกน้องของเธอหนีเอาตัวรอดออกมาได้ เธอบอกลูกน้องว่าไม่ต้องช่วยผู้หญิงคนนั้น สายตาเหี้ยมเกรียมของทิชาประสานสายตากับเหยื่อที่สิ้นหวัง สายตานั้นเปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นก่อนเสียงระเบิดจะดังขึ้นจนรถคันนั้นลุกไหม้เป็นไฟทิชาเหยียบคันเร่งเรียกสติกลับคืนเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียว แต่เหมือนเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งนึกถึงจะย้อนกลับมาเล่นซ้ำ รถมินิราคาแพงของเธออัดเข้ารถบรรทุกอย่างจัง ทิชาพยายามควานหาโทรศัพท์เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ แต่หญิงสาวในร่างที่โชกเลือดเอื้อมมือมายื้อยุดปิดปากจนเธอส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้ เสียงของคนขับรถบรรทุกพูดประโยคเดียวกับที่เธอบอกลูกน้อง ปล่อยให้ตายไป.. คือเสียงสุดท้ายของที่เธอได้ยิน ก่อน
Bangkok Ghost Stories แชต แชร์ ช็อก 2561

Bangkok Ghost Stories แชต แชร์ ช็อก (2561/2018) มิลค์ และ ลูกหมี เป็นบล็อกเกอร์สาวสวยที่โด่งดังจากการรีวิวเครื่องสำอางในอินเทอน์เน็ต จนมียอดฟอลโลเว่อร์ถล่มทลาย หนึ่งในนั้นคือ ทศ ชายหนุ่มแสนซื่อที่ถูกมิลค์หลอกให้รักทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเจอตัวเป็น ๆ กันมาก่อน เขายอมทุ่มเทเปย์เธอหมดเนื้อหมดตัว คืนหนึ่งลูกหมียุให้มิลค์คุยวิดีโอคอลกับทศ โดยไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะไลฟ์ฆ่าตัวตายให้ดูสด ๆ แบบเรียลไทม์ !! กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะทั้งหมด เมื่อคลิปวิดีโอโหดสยองนี้ถูกส่งต่อให้ใครอีกหลายคนดู ทศจึงกลับมาทวงสัญญาที่มิลค์เคยให้ไว้ก่อนเขาตาย !!

สัมผัสรัตติกาล (2561/2018) จันทร์จ้า (หลิน-มชณต สุวรรณมาศ) หญิงสาววัย 19 ปี ผู้เกิดมาพร้อมกับสัมผัสพิเศษ เธอเห็นความตายของทุกชีวิตที่เธอได้แตะต้องถูกตัว ทุกสัมผัสและอ้อมกอดจึงเป็นสิ่งต้องห้ามของเธอมาตลอดชีวิต ความรัก ความอบอุ่นจากอ้อมกอดจึงเป็นสิ่งที่ขาดหายสําหรับชีวิตเธอตั้งแต่แรกเกิด แม้กระทั่งแม่ก็ไม่สามารถอุ้ม หรือแตะต้องตัวเธอได้ ชีวิตของเธอจึงตกอยู่ในการควบคุมของ ป้าชบา (หน่อย-ณัฐนี สิทธิสมาน) ที่ใช้ความสามารถพิเศษของเธอเป็นช่องทางทํามาหากินกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ของชาวบ้าน ด้วยการเปิดตําหนักเจ้าจันทร์ตาทิพย์ รับเข้าทรง ดูความตายของผู้คน สร้างรายได้ให้กับครอบครัวป้าชบา จันทร์จ้าต้องทนกับการเห็นภาพสยดสยองของความตาย และเหนื่อยล้าทุกครั้งจนเธอคิดฆ่าตัวตายด้วยการพุ่งเข้าหารถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว แต่เหตุการณ์กลับทําให้เธอได้พบกับ ผู้ชายสองคน ที่มีความสําคัญกับชีวิตของเธอตามคําทํานายที่ว่า "จะมีผู้ชายสองคนเข้ามามีความสําคัญต่อชีวิตเธอ...หนึ่งในนั้นคือเนื้อคู่ของเธอ แต่จงระวัง เขากําลังมีเคราะห์ร้าย..หมายถึงอันตรายของชีวิต ..เธอต้องช่วยเขา ถ้าทําไม่ได้ เธอจะต้องเป็นเหมือนนางผีเสื้อสมุทร ..ที่ต้องเฝ้าคร่ำครวญ เพราะการพลัดพรากไปจนวันตาย" ผู้ชายคนแรกคือ ดร.อิชย์ (แจ็บ-เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) หัวหน้าพรรคประชาธิป แคนดิเดดนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในการเลือกตั้งใหญ่ที่กําลังจะเกิดขึ้น และเป็นความหวังใหม่ของประชาชนในฐานะคนเก่ง มือสะอาด และคนที่สอง ร.ต.อ.นณณ์ (กอล์ฟ-อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา) หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดร่างใหญ่ ผู้ชายสองคนในรถตู้ที่ต้องเบรกกระทันหันและเข้ามาช่วยเหลือเธอ ดร.อิชย์ได้แตะตัวจันทร์จ้า ทําให้เธอเห็นภาพที่เขาจะตายในเวทีหาเสียง จันทร์จ้าจึงต้องพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะเห็นในความดีของดร.อิชย์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ จึงเข้ามาเกี่ยวพันกับ ร.ต.อ.นณณ์ ในการช่วยให้ ดร.อิชย์ พ้นจากแผนการปลิดชีวิตของศัตรูที่ยังไม่เปิดเผยตัว ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง แผนสังหารดร.อิชย์มีมาเป็นระยะ แต่ก็รอดพ้นได้ทั้งหมด เพราะการรู้ล่วงหน้าของจันทร์จ้า ทําให้ศัตรูตัวจริงที่ซ่อนตัว เริ่มเปิดเผย กลายเป็นคนในใกล้ตัว อย่าง ประทิน (วิลลี่ แมคอินทอช) เลขาธิการพรรค ผู้ทรงอิทธิพลคนเก่าแก่ของพรรค ที่วางแผนร่วมมือกับ ยุทธนา (ทนงศักดิ์ ศุภการ) นักธุรกิจที่เคยเป็นคู่แข่งของดร.อิชย์ในการเลือกหัวหน้าพรรค วางแผนจะร่วมมือกับ ทวยเทพ (หนุ่ม-สันติสุข พรหมศิริ) หัวหน้าพรรคเทพไท พรรคคู่แข่ง เพราะหวังผลประโยชน์ ระหว่างการทํางานร่วมกันของจันทร์จ้ากับร.ต.อ.นณณ์ กลายเป็นความใกล้ชิดผูกพัน ทั้งสองตกหลุมรักกันแต่เป็นความรักที่ไม่สามารถแตะต้องสื่อสารทางกายกันได้ จะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยทำให้ทั้งคู่ได้ครองคู่กันอย่างสมหวัง แล้ว ดร.อิชย์ จะรอดพ้นจากการทำร้ายหรือไม่ ติดตามลุ้นเรื่องราวความสนุกสนานทั้งหมดนี้ได้ในซีรีส์เรื่อง สัมผัสรัตติกาล

The Mirror กระจกสะท้อนกรรม 2561

The Mirror กระจกสะท้อนกรรม (2561/2018) เป็นละครชุดทางโทรทัศน์แนว ดราม่า-สืบสวน-สยองขวัญ สร้างจากบทประพันธ์ของ นำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ในปี 2561 ผลิตละครโดย บริษัท มายน์แอทเวิร์คส์ จำกัด ออกอากาศทุกวันวันอาทิตย์ เวลา 17.00 – 18.00 น. เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 - 2562

เงา (2561/2018) ท่านชายวสวัต (อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์) เป็นใคร มาจากไหน อายุเท่าไร ไม่มีใครรู้ แต่ท่านงามสง่า ราวกับมีแสงออร่าประจําตัว แต่บางครั้งก็ดูน่าเกรงขาม ดื่มน้ำอมฤตเป็นอาหาร มีบ้านใหญ่โตราวปราสาทราชวังตึกใหญ่ทรงโบราณ มีบันไดหินทอดยาว เสาหงส์ห้อยโคมระย้าเสียงกระดึง ส่งเสียงก้องวังเวง ฝาผนังมีภาพประกอบมากมาย เกี่ยวกับไฟ ความร้อนและการลงทัณฑ์ ทุกที่ที่ท่านชายเสด็จล้วนมีความหมาย เพื่อไปรับดวงวิญญาณของคนที่กําลังสิ้นลมไปสู่สวรรค์และนรกตามกรรมของแต่ละคน ชาลินี (แป้ง-อรจิรา แหลมวิไล) หญิงสาวสวยไฮโซผู้มากประสบการณ์ความรัก กล้าทำตัวใกล้ชิดสนิทสนม เข้าหาท่านชาย ทั้งในเรื่องของหัวใจและหวังในทรัพย์สมบัติมหาศาล สร้างเรื่องทุกอย่างเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับท่านชาย แต่สุดท้ายทุกความลับในอดีตที่เคยสร้างไว้ ถูกเปิดโปง เจริญขวัญ (แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) สาวน้อยผู้สร้างแต่ความดี ยึดมั่นในธรรมะ เธอคือตัวแทนของคนดี ที่สามารถทําให้จิตใจสกปรกบาปหนาของ อิสรา(เก้า-จิรายุ ละอองมณี) หนุ่มเจ้าสำราญผู้ไม่เคยให้ความสำคัญอะไรมากไปกว่า ความต้องการของตัวเอง ได้รับการชําระให้มองเห็นธรรมะ และความรักที่แท้จริงอันยิ่งใหญ่ เรื่องราวของความดี ความชั่ว ผลกรรมของมนุษย์ ที่ธรรมชาติล้วนจัดสรร ตามโชคชะตาที่ได้กําหนดไว้แล้วคนชั่ว จะต้องถูกลงโทษตกนรกหมกไหม้ ทรมานอย่างไม่จบสิ้น ในขณะที่คนดีต้องได้รับกรรมดีตอบแทน ไม่ว่าจะยังอยู่หรือจากไปแล้ว

บังเอิญรัก Love By Chance (2561/2018) เรื่องราวของเอ้เฟรชชี่ปีหนึ่งแห่งคณะวิศกรรมศาสตร์ที่พ่วงตำแหน่งนักบอลมหาวิทยาลัยซึ่งได้บังเอิญไปช่วยเหลือพีท หนุ่มหล่อมาดคุณชายแห่งคณะอินเตอร์ ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อแฟนเก่ามาขู่กรรโชกเอาเงิน เพื่อแลกกับการปิดปากเงียบไม่บอกแม่ของพีทว่าพีทชอบผู้ชาย เอ้อาจจะเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ แต่หารู้ไม่ว่าความประทับใจครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความชื่นชมที่พีทมีมอบให้ หากแต่รู้ดีว่าความชอบของตนไม่เหมือนคนอื่น พีทจึงกลืนทุกความรู้สึกเพื่อต้องการเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายก็ยังดี หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น

แม่สื่อจอมป่วน 2561

เรื่องย่อ : แม่สื่อจอมป่วน (2561/2018) ตติยา หรือ สาม (พัชร์สิตา อธิอนันตศักดิ์) สาวแก่นที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี ต้องการจับคู่ให้ วรกุล (อาทิตยา ทองวิชิต) เพื่อนรักกับ พันตำรวจโทนินนาท บริภัณฑ์ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) น้าชายจึงชวนทั้งสองมาฉลองเรียนจบที่ร้านอาหารชานเมืองกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง แต่พอถึงเวลาตติยาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำพักใหญ่ เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนกับน้าชาย แต่ดูท่าจะไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรกัน แถมนินนาทยังได้เจอ ขุนเขา ชนาวัธน์ (วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล) ทันตแพทย์หนุ่มมาดเซอร์ที่เคยร่วมงานกันพาพี่สาวมาฉลองวันเกิด วรกุลเห็นขุนเขาครั้งแรกก็ถูกใจพยายามจะคุยด้วย แต่ขุนเขาต้องรีบขอตัว เพราะเห็น วจีรัต (ณธิดา ภัทรชาญไชย) ลูกสาวนักธุรกิจที่ปู่ย่าต้องการให้เขาแต่งงานด้วยตามมาถึงร้าน

ด้าน ธาราริน (ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์) พี่สาวของขุนเขาซึ่งเป็น ผู้บริหารและบรรณาธิการใหญ่ของนิตยสาร สารพัน ธุรกิจเล็ก ๆ ธุรกิจหนึ่งของครอบครัวมาเข้าห้องน้ำ แต่เพราะเครียดเรื่องงานจึงหน้ามืดจะเป็นลม โชคดีที่ได้ตติยามาช่วยไว้และดูแลอย่างดี ทำให้ธารารินประทับใจ ก่อนจากกันเธอให้นามบัตรตติยาไว้ เผื่อตติยาอยากไปร่วมงานด้วย ตติยาเองก็ถูกใจธารารินกับความใจดีของเธอ ระหว่างนั้นขุนเขาซึ่งวิ่งหนีวจีรัตมาตัดสินใจคว้าตัวตติยามากอดและบอกวจีรัตที่ตามมาทันว่า เขามีคนรักแล้ว วจีรัตโกรธมากจะตบตติยา แต่ถูกตติยาต่อยกลับจนมึน ขุนเขากลัวเรื่องจะบานปลาย เลยดึงตติยาหลบออกหลังร้านแล้วควักเงินจ่ายค่าเสียหาย ตติยาไม่รับแถมยังต่อยขุนเขาเป็นการชดใช้ที่เข้ามากอดเธอ ก่อนเดินหนีไป ขุนเขามองตามอย่างอึ้ง ๆ แต่ก็แอบชอบใจและจดจำใบหน้าเธอได้ขึ้นใจ

ธารารินเห็นน้องชายมีรอยช้ำที่ใบหน้าก็สงสัย ขุนเขาจึงเล่าวีรกรรมของตติยาให้ฟัง เช่นเดียวกับธาราริน โดยไม่รู้ว่าทั้งสองพูดถึงคน ๆ เดียวกัน จากนั้นขุนเขาก็บอกธารารินว่าเขาขอย้ายไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอหนึ่งของสมุทรสงคราม ซึ่งเขาได้มรดก บ้านไร่ปลายฟ้า จากผู้เป็นตา เพราะไม่ต้องการถูกปู่กับย่าบังคับให้แต่งงานกับวจีรัต ธารารินเป็นห่วงน้องชายมาก เพราะข่าวลือที่ว่าผีดุ โดยเฉพาะผีตาก่ำ คนเฝ้าบ้านเก่าแก่ซึ่งเสียชีวิตหลังจากเจ้านายไม่กี่ปี ชาวบ้านแถวนั้นเชื่อว่าผีตาก่ำหวงบ้านแทนเจ้านาย ขุนเขาไม่ใช่คนกลัวผีจึงคิดจะไปสำรวจบ้านก่อนเริ่มงานจริงอาทิตย์หนึ่ง ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้ามาหาธารารินให้ตรวจต้นฉบับ ขุนเขารีบยึดโทรศัพท์พี่สาว เพราะอยากให้เธอพักผ่อน รวมไปถึงการชวนเธอไปพักที่บ้านตาด้วยกัน แต่ธารารินขอเวลาคิดเพราะยังเป็นห่วงงานอยู่

นินนาทได้รับคำสั่งด่วนให้ตามจับเด็กส่งยา จำปี (เหมือนแพร พานะบุตร) นักมวยหญิงในค่ายของพ่อตติยา และเป็นญาติสาวคนสนิทของเธอด้วยแอบได้ยินก็รีบไปบอกตติยา ตติยากับจำปีเลยแอบตามนินนาทไป จนเห็นคนร้ายวิ่งหนีนินนาทไปลงเรือ ตติยาได้ทีเลยกระโดดขึ้นเรืออีกลำของคนแถวนั้นไล่ตาม จำปีตกใจทำอะไรไม่ถูก นินนาทเห็นก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น รีบไปดักหน้าคนร้าย เรือสองลำของตติยาและคนร้ายไล่ตามกันอย่างดุเดือดจนพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นหลบกันให้วุ่น คนร้ายเห็นท่าไม่ดีเลยคว้าระเบิดปิงปองลูกไม่ใหญ่ปาใส่เรือของตติยา แต่ตติยาไม่หวั่นขับเรือเหาะข้ามสะพาน ทำให้ระเบิดพลาดเป้า คนร้ายตกใจจนไม่ทันระวังตัว ขับเรือพุ่งชนเข้าข้างทาง นินนาทกับตำรวจจึงรวบตัวไว้ได้ ตติยาขึ้นเรือมาสมทบกับน้าชาย และยักคิ้วให้อย่างไม่กลัวอันตราย จำปีทำหน้าใจหายใจคว่ำไม่ได้กลัวว่าตติยาเป็นอะไร แต่กลัวว่าพ่อของตติยาจะเล่นงานเธอมากกว่า

หลายวันต่อมา ตติยายังนั่งเซ็งอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกของ นราภา (ปภัสรา เตชะไพบูลย์) ผู้เป็นแม่ที่ตลาดน้ำ เพราะถูกพ่อทำโทษหลังจากรู้วีรกรรมของเธอ แถมแผนการเป็นแม่สื่อให้เพื่อนกับน้าชายก็ยังมาผิดแผน เมื่อวรกุล เพื่อนรักดันพร่ำเพ้อถึงผู้ชายมาดเซอร์ ทำให้เธอนึกไปถึงหนุ่มโรคจิตที่ร้านอาหารในวันนั้น เพราะเขามองผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งของที่ตีราคาได้ ด้านนินนาทได้รับข้อมูลจาก หมวดศรัท (พชรพล ศุขอร่าม) ลูกน้องนินนาท ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของตติยากับ จ่าทำนบ (บอม จ๊กมก) ว่ามีสมุนนักค้ายาเสพติดที่ตำรวจต้องการตัวมาที่นี่ นินนาทจึงโทรสั่งตติยาให้จับตามองนักท่องเที่ยวที่จะไปบ้านไร่ปลายฟ้า โดยนินนาทลืมไปว่าขุนเขาก็จะมาวันนี้เช่นกั ตติยานึกสนุกอยากเป็นสายสืบจึงปลอมเป็นเด็กหนุ่มคนเรือ เธอขอร้องให้จำปีอยู่เฝ้าร้านแทน จำปีอิดออดบอกว่ามีซ้อมมวย ตติยาก็อ้อนซะจนจำปีปฏิเสธไม่ได้ แม้หลายคนจะมองว่าตติยากับจำปีเหมือนเป็นคู่รักทอมดี้ แต่ทั้งสองรู้ดีว่าสนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องและสามารถตายแทนกันได้ ด้าน จ๊อด (สมจิตร จงจอหอ) กับ โจ๊ก (สมรักษ์ คำสิงห์) คนในค่ายมวยของพ่อตติยาที่แอบดูอยู่เตรียมจะไปฟ้องพ่อตติยา แต่ตติยารู้ทันบังคับให้ทั้งคู่ช่วยจำปี จากนั้นตติยาก็ไปเตร็ดเตร่ที่ท่าเรือจนพบขุนเขาว่าจ้างเรือไปส่งที่บ้านไร่ปลายฟ้า แต่ไม่มีใครยอมไปเพราะกลัวผี ตติยาคุ้นหน้าขุนเขา แต่นึกไม่ออก ที่สำคัญเขามีรูปร่างและท่าทางเหมือนที่นินนาทบอกจึงรับอาสาไปส่ง ขณะเดียวกันก็มีชายอีกคนรูปร่างคล้ายขุนเขามาขอไปด้วย ตติยาไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหนเลยโทรแจ้งนินนาท ก่อนจะขับเรือไปส่งสองหนุ่ม ตติยาพยายามชวนคุย มีเพียงขุนเขาที่เป็นมิตร เพราะคุ้นหน้าตติยาเช่นกัน ขณะที่ชายอีกคนคุยโทรศัพท์และรู้จากลูกน้องว่าตำรวจไปดักจับตน มันเลยใช้ปืนบังคับให้ตติยาขึ้นที่ท่าเรือหนึ่ง ตติยาหาทางถ่วงเวลา โดยมีขุนเขาช่วยเหลือ จนศรัทมาถึง ตติยาไม่แน่ใจว่าขุนเขาเป็นคนดีหรือไม่ เลยให้ศรัทจับทั้งสองคน เมื่อนินนาทเห็นขุนเขาก็ปล่อยตัว ส่วนอีกคนคือ แจ๊ค วานรินทร์ (สยามรัฐ บัวเจริญ) สมุนนักค้ายา นินนาทขังแจ๊คไว้เพื่อสอบปากคำ ส่วนตติยาไม่อยากให้น้าชายโกรธเลยอาสาไปส่งขุนเขา

ตติยาขับเรือไปส่งขุนเขาแล้วเริ่มจำได้ว่า เขาคือชายที่แต๊ะอั๋งเธอเลยคิดแกล้งทำให้เขาตกน้ำ แต่เหมือนขุนเขารู้ทัน แผนตติยาเลยไม่สำเร็จ จนกระทั่งถึงท่าน้ำบ้านไร่ปลายฟ้า เธอจะไม่ขึ้นไปเพราะกลัวผี ขุนเขามองออกเลยบังคับตติยาให้ไปด้วยเพื่อเอาคืน ระหว่างทางทั้งคู่พลัดตกหลุมลึกก่อนถูกรมยาสลบ พอฟื้นขึ้นมา ทั้งตติยาและขุนเขาก็มานอนที่ท่าน้ำ บรรยากาศที่น่ากลัวทำให้ตติยากอดขุนเขาไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ สอง (มนตรี เจนอักษร) พ่อของตติยา เจ้าของค่ายมวยสองศิษย์หนึ่งกับ ณัฐภูมิ (กณิณ ปัทมนันถ์) ปลัดอำเภอที่สองหมายมั่นจะให้แต่งงานกับตติยามาพอดี เพราะจ๊อดกับโจ๊กฟ้องสอง ทำให้จำปีถูกบังคับให้เล่าเรื่องทั้งหมด ตติยาแอบส่งสายตาคาดโทษจ๊อดกับโจ๊ก แต่ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ ขุนเขาจะอธิบาย แต่โดนสองต่อยสลบ ตติยารีบให้นินนาทพาขุนเขากลับ ส่วนเธอโกหกพ่อว่าขุนเขาคือคนรักของเธอ ทำให้สองโวยวาย ส่วนณัฐภูมิถึงกับอึ้งไปแต่ยังไม่เชื่อถือ

ด้านขุนเขาฟื้นขึ้นที่บ้านนินนาทก็ได้รู้ว่าหลานสารวัตรเป็นผู้หญิง แถมยังเอาชื่อเขาไปอ้างกับพ่ออีก ขุนเขานึกทบทวนก็จำได้ว่าตติยาคือหญิงสาวที่เจอในร้านอาหารวันนั้น เขาจึงคิดแก้เผ็ดตติยา โดยขอร้องแกมบังคับให้เธอไปที่บ้านไร่ปลายฝันด้วยกันอีกครั้ง ตติยาจะให้จ๊อดกับโจ๊กไปแทน แต่ทั้งคู่เหมือนรู้ทันหนีไปซ้อมมวยกับสอง ตติยาหันไปอ้อนวอนจำปี แต่จำปีโดนทำโทษให้ทำความสะอาดค่ายมวย ทำให้ตติยาซึ่งจะเข้าไปเอาโทรศัพท์ที่ทำตกไว้จำต้องยอมตกลง ครั้งนี้ขุนเขากับตติยาไปทางบก โดยอาศัยรถจักรยานยนต์ของนินนาท ตติยากอดเอวเขาแน่นจนถึงเรือนไทยกลางสวน แต่ยังไม่ทันขึ้นไปบนบ้านก็โดนดีอีก ทั้งคู่ถูกตีท้ายทอยสลบและพามาอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ตติยาแกล้งสลบไม่ฟื้น แต่ขุนเขามองออกเลยอุ้มตติยากระโดดลงน้ำ สองกับณัฐภูมิมาเห็นอีกครั้ง สองโกรธมาก ยิ่งเห็นขุนเขาแกล้งแสดงความรักกับตติยา สองเลยต่อยขุนเขาปากแตก ตติยารีบพาขุนเขาไปส่งโรงพยาบาลโดยไม่สนใจณัฐภูมิ ทำให้ณัฐภูมิเสียหน้า แล้วการที่ตติยาพาขุนเขาไปโรงพยาบาลก็ทำให้ข่าวเรื่องตติยามีแฟนแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ด้านธารารินเห็นน้องชายไม่โทรศัพท์มาก็เป็นห่วงตัดสินใจขับรถมาหา แต่เพราะไม่รู้จักบ้านไร่ปลายฟ้าเลยไปที่สถานีตำรวจขอพบสารวัตรนินนาทที่น้องชายอ้างถึง ระหว่างนั้นตติยาก็โทรบอกน้าชายเรื่องขุนเขา นินนาทจึงพาธารารินไปที่โรงพยาบาล ขุนเขายืนยันกับพี่สาวว่าอยู่ที่นี่ได้ โดยมีตติยาช่วยยืนยันอีกแรงว่าจะช่วยดูแล ธารารินไว้ใจตติยาแต่ยังเป็นห่วงขุนเขา จึงขอให้น้องชายพักบ้านนินนาท ขุนเขาจำใจตกลง ตติยาเริ่มปลื้มธารารินจึงวางแผนจะจับคู่ให้น้าชายกับธารารินในใจ

ด้าน วรกุล ย้ายกลับมาอยู่บ้านเก่า เพราะต้องการฟื้นฟูสวนองุ่นดั้งเดิมของครอบครัวหลังจากที่ทิ้งร้างไปนาน ทำให้ศรัทซึ่งแอบชอบวรกุลมานานดีใจ แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อวรกุลดันมาขอให้เขาช่วยเป็นพ่อสื่อให้เธอกับขุนเขา เพราะไม่เชื่อข่าวลือที่ว่าตติยาเป็นคนรักของขุนเขา ขณะเดียวกันไอ้แจ๊คก็เข้ามาสมัครงานเป็นคนงานในสวนองุ่นของวรกุล วรกุลซึ่งไม่รู้ว่าไอ้แจ๊คเคยค้ายาจึงรับไว้ ศรัทคุ้นหน้าไอ้แจ๊ค แต่ไม่ทันเรียกคุย เพราะได้ยินเสียงกรี๊ดของวรกุลซะก่อน จึงรีบไปดูและได้มีโอกาสช่วยวรกุลจากงูในสวน ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน ศรัทแอบเขิน ขณะที่วรกุลยังไม่คิดอะไร

ตติยาว่างจากดูแลร้านก็ชวนจำปีมาหาวรกุลที่สวน ตติยาหวิดที่จะได้เห็นหน้าแจ๊คหลายรอบ แต่ก็คลาดกันตลอด ขณะที่ ตติยาต้องแปลกใจที่ศรัทแวะเวียนมาหาวรกุลทุกวัน ศรัททำเป็นบ่ายเบี่ยงและถามเรื่องคุณหมอคนใหม่แทน วรกุลตาโตชวนตติยาไปหาคุณหมอ กลายเป็นตติยาที่หาข้ออ้างไม่ไปหาเขาแทน ทำให้จำปีขำกับท่าทางเก้อเขินของตติยา เพราะเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

อาทิตย์ต่อมา ขุนเขาเข้าทำงานวันแรก แต่ยังไม่มีชาวบ้านมารักษา เพราะทุกคนไม่เชื่อมือหมอมาดเซอร์ แถมสองยังประกาศไว้ว่า ขุนเขาไม่มีฝีมือ แต่แล้วคนไข้รายแรกของขุนเขาก็คือ สองที่ปวดฟันและถูกนราภาบังคับให้มาทำกับขุนเขา ขุนเขาอุดฟันให้สองเบามือ จนสองเผลอชมเสียงดัง ชาวบ้านจึงทยอยมารักษากับขุนเขา ขณะที่ตติยาหายหน้าไป เพราะโดนนราภาคาดโทษที่ทำให้ขุนเขาเจ็บตัวด้วยการเฝ้าร้านที่ตลาดน้ำหลายวัน ทำให้ขุนเขาแอบคิดถึง เมื่อตติยาเอาองุ่นจากสวนมาส่งหมอในโรงพยาบาล ขุนเขาจึงหาเรื่องคุย แต่กลายเป็นโดนตติยาหลอกให้เลี้ยงข้าว แถมยังซักเรื่องพี่สาวอีกด้วย ขุนเขาขำกับความป่วนของตติยา แต่ก็เผลอมองเธออยู่บ่อย ๆ อย่างที่ไม่เคยมองสาวใด

ตติยากับขุนเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้นถึงกับไปซื้อของที่ตลาดด้วยกันบ่อย ๆ โดยบางครั้งก็มักจะมีจำปีไปด้วย แต่คืนนี้จำปีมีซ้อมมวยชุดใหญ่ ตติยาจึงไปกับขุนเขาสองคน ทั้งคู่บังเอิญเห็นแจ๊คเดินลับ ๆ ล่อ ๆ ไปที่ป่าช้า ตติยารีบโทรบอกนินนาทและแอบตามไป แต่แจ๊คไหวตัวทัน เพราะความประมาทของตติยา ทำให้แจ๊คหนีไปได้ แจ๊คหนีไปซ่อนตัวที่เรือนพักคนงานของวรกุล และอ้างว่าป่วย วรกุลซึ่งเป็นคนธรรมะธัมโมและเชื่อเรื่องดวง จึงเข้าใจว่าเป็นเพราะเธอเข้ามาทำสวนโดยไม่ได้เคารพเจ้าที่เจ้าทาง จึงรีบจัดหาของโดยมีศรัทเป็นมือขวาคอยช่วยเหลือ ด้านนินนาทห้ามตติยาเข้ามายุ่งเรื่องไอ้แจ๊คอีก เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย แต่ตติยางอนคิดว่านินนาทว่าเธอไม่เก่งแล้วพาลโกรธไปถึงขุนเขา ขุนเขารู้จากนินนาทว่ามีนักธุรกิจใหญ่มาประกันตัวแจ๊ค ส่วนหัวหน้าแจ๊คถูกฆ่าตัดตอนไปแล้ว แต่เขาไม่บอกตติยาเพราะสัญญากับนินนาทไว้ ทำให้ตติยายิ่งงอน ขุนเขาจึงง้อด้วยการชวนไปหาธารารินที่กรุงเทพฯ สองรู้เข้าก็โวยวาย แต่นราภาเข้าข้างลูก เพราะนินนาทไปด้วย สองซึ่งเป็นคนเกรงใจเมียจึงได้แต่ให้จำปีตามไปด้วย

ขุนเขาพานินนาท ตติยา และจำปีไปที่บ้าน แต่ดันเจอวจีรัตกับ จักรวรรดิ (พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยาฯ) นักธุรกิจอีกคนที่ปู่กับย่าอยากให้แต่งงานกับธารารินเพื่อพยุงธุรกิจนิตยสารที่กำลังขาดนายทุน และปู่กับย่าก็มองว่าจักรวรรดิเป็นคนดี ขุนเขาไม่อยากให้วจีรัตมาวุ่นวายจึงอ้างชื่อตติยาเป็นคนรัก ตติยาต้องเล่นตามน้ำและร่วมมือกับจำปี ทำให้วจีรัตอับอาย ส่วนนินนาทรู้จักจักรวรรดิดี เพราะตามคดีที่สงสัยว่าจักรวรรดิค้ายาและมีปัญหากับผู้บังคับบัญชา จนถูกสั่งย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด จักรวรรดิพูดข่มนินนาทต่อหน้าธาราริน แต่ถูกธารารินตอกกลับและยืนยันว่าจะไม่แต่งงานกับเขาเด็ดขาด จักรวรรดิกับวจีรัตยังไม่ยอมแพ้จึงแวะไปยังตึกใหญ่ของปู่กับย่าขุนเขาเพื่อใส่ไฟตติยากับนินนาท

เมื่อทั้งสองกลับไป ตติยาก็ดึงขุนเขาและจำปีไปทำกับข้าวเพื่อเปิดโอกาสให้ธารารินกับนินนาทอยู่ด้วยกัน จำปีไม่อยากเป็นก้างขวางคอตติยากับขุนเขาจึงหาเรื่องออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ทำให้ได้ยินจักรวรรดิคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางแปลก ๆ ก็แอบฟัง ขณะที่ทั้งตติยาและขุนเขาทำกับข้าวไม่เป็น ธารารินกับนินนาทที่แอบดูจึงสั่งอาหารมาแทน ตติยามีความสุขมาก เพราะธารารินกับนินนาทเข้ากันได้ดีถึงกับแลกเบอร์โทรกันแล้ว ขณะที่ ธารารินยอมเล่าเรื่องที่ธุรกิจกำลังจะขาดทุน แต่เธอยืนยันจะไม่แก้ปัญหาด้วยการแต่งงาน ขุนเขาสบายใจ ส่วนนินนาทที่รับฟังปัญหานั้นเริ่มคิดช่วยเหลือธารารินอยู่ในใจ

ขุนเขายังพักอยู่กับนินนาท แต่ก็คิดจะไปสำรวจบ้านไร่ปลายฟ้าอีกครั้ง โดยชวนตติยาไปด้วย จำปีซึ่งเป็นคนกลัวผี หาข้ออ้างจนไม่ไปบ้านนี้อีกจนได้ ขณะเดียวกัน เธอก็แอบไปบอกนินนาทเรื่องที่ได้ยินจักรวรรดิคุยโทรศัพท์ นินนาทขอบคุณจำปีที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ ด้านขุนเขาได้รู้ความจริงว่าที่บ้านไร่ไม่มีผี แต่นายกล้า (พงษ์อนันต์ หวังสิทธิเดช) ลูกชายตาก่ำทำตามคำสั่งพ่อที่ให้ช่วยรักษาบ้านไร่จากโจร กล้าจึงทำอุบายผีขึ้น แต่วันนี้กล้าปวดฟันมากเลยปล่อยให้ขุนเขากับตติยามาเจอ ขุนเขาช่วยรักษากล้าโดยไม่คิดเงิน ก่อนย้ายเข้ามาอยู่บ้านไร่อย่างถาวร ตติยาจึงชื่นชมในความดีของเขา

วรกุลหาเรื่องไปหาขุนเขาที่โรงพยาบาล แต่ก็มักพบศรัทที่นั่นเป็นประจำ ศรัทมักอ้างว่ามาดูแลผู้ต้องหาที่บาดเจ็บ หรือมารับยาแทนตำรวจที่โรงพัก แต่แท้จริงศรัทต้องการใกล้ชิดกับวรกุล เขาเลยไปปรึกษาตติยา โดยอ้างว่ามีเพื่อนตำรวจอยากจีบสาว ตติยาไม่รู้เรื่องอะไรจึงแนะนำ แลกกับการให้ศรัทคอยช่วยพูดสนับสนุนพี่สาวของขุนเขากับนินนาท น้าชายของเธอ

ต่อมาที่โรงพยาบาล มีจักษุแพทย์คนใหม่มา คือ หมออรอัชฌา (เปมิกา จีรนรภัทร) ตติยาแอบหึงที่เห็นขุนเขาสนิทกับอรอัชฌา แต่เธอยิ่งร้อนใจเมื่อศรัทบอกว่าอรอัชฌาสนิทกับนินนาทมากกว่า ตติยาเลยสืบจากขุนเขา แต่ขุนเขาก็รู้จักอรอัชฌาเพียงผิวเผิน และตอนนี้เขากำลังมีปัญหาเพราะวจีรัตขนเสื้อผ้ามาอยู่ด้วย ตติยาจึงร่วมมือกับกล้า และจำปี รวมถึงจ๊อดกับโจ๊กที่โดนลากเข้ามาเอี่ยวหลอกผีด้วย เนื่องจากแอบตามดูตติยาตามคำสั่งสองตลอดเวลา ในที่สุดวจีรัตก็อยู่ไม่ได้ ขุนเขาขอบคุณตติยาที่ช่วย ทำให้เธอเขิน

สองเริ่มเขม่นที่ตติยาไปหาขุนเขาบ่อย ๆ และหงุดหงิดที่จ๊อดกับโจ๊กช่วยอะไรไม่ได้ เลยชวนณัฐภูมิมาทานข้าว และเปิดโอกาสให้คุยกับตติยา แต่ตติยาก็ดึงศรัทและจำปีมาอยู่ด้วย ทำให้ณัฐวุฒิไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นคนเก่งแต่ปาก

ด้านนินนาทได้ข้อมูลว่าหัวหน้าของแจ๊คที่ตายไปได้ขนยาบ้าล็อตใหญ่มาซ่อนไว้ที่นี่ และทำแผนที่ไว้ แต่คนของนายใหญ่ทรยศเอาลายแทงหนีไป เบาะแสสุดท้ายคือแผนที่ถูกซ่อนอยู่ที่รีสอร์ตร้างข้างบ้านไร่ปลายฟ้า นินนาทยังไม่รู้ว่านายใหญ่คือใครจึงขอให้ขุนเขาช่วยสังเกตรอบ ๆ สวน โดยไม่ให้บอกตติยา นราภารู้เข้าเลยช่วยด้วยการบังคับให้ตติยาลงประกวดธิดาองุ่นหวานปีนี้ โดยอ้างว่าอยากให้ลูกมีความเป็นกุลสตรีขึ้น ถ้าตติยาปฏิเสธ นางจะสนับสนุนสองให้ตติยาแต่งงานกับณัฐภูมิ ตติยาจึงจำใจประกวด แต่ไม่วายยื่นข้อเสนอขอไปแข่งเรือ และเชียร์จำปีที่จะขึ้นชกมวยก่อน จนนราภาต้องยอม ด้านขุนเขาเมื่อรู้เรื่องก็หัวเราะเพราะไม่เชื่อว่าตติยาจะชนะ เมื่อตติยาโดนหยามเลยตั้งใจจะคว้ารางวัลให้ได้ เธอโทรขอร้องธารารินให้มาช่วยเป็นพี่เลี้ยง ธารารินนึกสนุกเลยหอบงานมาทำที่นี่ด้วย คนที่ปลื้มมากที่สุดจึงเป็นนินนาท เขาเลยหาเรื่องไปที่บ้านไร่เป็นประจำ

เมื่อมีเวลา ตติยาก็ทำหน้าที่ไกด์พาธารารินเที่ยวตลาดน้ำ โดยมีนินนาทกับขุนเขาไปด้วย แต่นอกจากจะผิดแผน เพราะจักรวรรดิกับวจีรัตตามมาป่วนแล้ว นินนาทก็ได้ข่าวศรัทถูกยิงจนต้องรีบไปที่โรงพยาบาล เขาสงสัยว่าการมาของจักรวรรดิผิดปกติ เพราะศรัทบอกว่าแอบฟังแจ๊คคุยกับลูกน้องอยู่ดี ๆ ก็ถูกลูกกระสุนปริศนายิงใส่ แสดงว่าจะต้องมีพรรคพวกของแจ๊คหรือคนของนายใหญ่มาเพิ่มเติม วรกุลที่มาหาขุนเขาที่โรงพยาบาลรู้ข่าวศรัทก็เป็นห่วง เลยช่วยมาดูแล ทำให้ศรัทแอบรู้สึกดี ขณะที่ตติยามัวแต่เป็นแม่สื่อให้นินนาทกับธารารินจึงไม่ทันได้สังเกตพฤติกรรมของศรัทกับวรกุล

นินนาทได้ข้อมูลจากขุนเขาว่า จักรวรรดิมาซื้อรีสอร์ตร้างข้างบ้านไร่และห้ามคนนอกเข้าออก ทำให้นินนาทยิ่งมั่นใจว่าจักรวรรดิคือนายใหญ่ แต่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิด ด้านตติยาซึ่งมาเรียนบุคลิกภาพกับธารารินรู้ว่าณัฐภูมิพาจักรวรรดิมาดูที่ เพราะจักรวรรดิรู้จักเสถียร พ่อของณัฐภูมิ ตติยาก็โทรให้ณัฐภูมิพาเข้าไปที่รีสอร์ตร้าง ณัฐภูมิมีความหวังในตัวตติยาเลยมองข้ามที่เธอสำรวจทุกซอกทุกมุม เธอนำมาบอกนินนาท แต่นินนาทสั่งตติยาห้ามยุ่งอีก ทำให้ตติยาน้อยใจแต่ไม่คิดถอยยังแอบตามดูนินนาท โดยมีจำปีเป็นคู่หูลุยไหนลุยนั่นเป็นประจำ

วจีรัตลงประกวดธิดาองุ่นหวานแข่งกับตติยา โดยมีวรกุลที่ได้แรงยุจากศรัทลงประกวดด้วย แบบสนุกสนาน ทำให้ตติยาผ่อนคลายขึ้นเพราะมีเพื่อน ก่อนถึงเวลาประกวด ตติยาไปแข่งเรือหางยาว แต่ก็เกือบพลาดท่า เพราะฝีมือของวจีรัตที่จ้างคนไปทำให้เรือน้ำรั่ว แต่โชคดีที่มีเรือสำรอง ขณะที่การขึ้นชกของจำปี ก็มีคนไปเชียร์มากมายรวมถึงขุนเขา ทำให้จำปีมีกำลังใจชกชนะ ตติยาเตรียมตัวไปประกวดธิดาองุ่นหวาน วจีรัตก็หาเรื่องกลั่นแกล้งจนตติยาเกือบไปประกวดไม่ทัน ดีที่ได้ขุนเขาช่วยเหลือ ขุนเขาเห็นตติยาในชุดสวยก็ตะลึง ตติยาสวยมากจนได้รางวัลชนะเลิศ วรกุลเริ่มสงสัยความใกล้ชิดของขุนเขากับตติยา เช่นเดียวกับศรัท แต่ศรัทยังไม่คิดว่าตติยาจะชอบใครง่าย ๆ ขณะเดียวกัน ปฏิรพ (ไดสุเกะ สุกี้คาวา) ลูกชายนายธนาคารใหญ่ที่มาเปิดบริษัทนำเที่ยวที่นี่ และ มานัส (ชลนที ณรงค์ชัย) ลูกชาย เสี่ยมาฤทธิ์ (ไชยกร สิทธาไชย) เจ้าของปั๊มน้ำมันรายใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมองตติยาเลยมาตามจีบ ทำให้สองยิ่งหวงลูกสาว ณัฐภูมิไม่กล้าทำอะไรออกนอกหน้าเพราะกลัวถูกจับตามอง จึงอาศัยเป่าหูให้สองมองหนุ่มอื่นไม่ดีโดยเฉพาะขุนเขา วจีรัตเสียหน้ามาก เมื่อเห็นปฏิรพเพื่อนเก่าตามจีบตติยาก็ชวนปฏิรพร่วมมือแยกตติยาออกจากขุนเขา ตติยาถูกผู้ชายตื๊อมาก ๆ ก็เบื่อ เลยชวนขุนเขาหนีไปดูหิ่งห้อย บรรยากาศที่เป็นใจทำให้ขุนเขาเผลอหอมแก้มตติยา ทำเอาตติยาอายจนต้องหาเรื่องกลบเกลื่อน ขุนเขายังไม่กล้าเผยความในใจ เพราะกลัวตติยาจะไม่คิดเหมือนกัน

ด้านณัฐภูมิฟ้องสองว่าขุนเขาพาตติยาหนี สองจึงไปแจ้งความกับนินนาท แต่ธารารินซึ่งอยู่ด้วยขอให้ใจเย็น สองจึงยอมกลับไปรอที่บ้าน เมื่อตติยามาถึงจึงทะเลาะกับพ่อยกใหญ่ถึงกับประชดว่าจะหนีไปอยู่บ้านขุนเขา แล้วตติยาก็หายตัวไปจนเช้า สองไปโวยที่บ้านขุนเขา แต่ไม่พบตติยา ทุกคนเป็นห่วงตติยามาก โดยเฉพาะขุนเขา กระทั่งธารารินโทรบอกว่าตติยามากรุงเทพฯ กับเธอตั้งแต่เมื่อคืน เพราะเธอต้องรีบปิดต้นฉบับทำให้ไม่ทันบอกใคร สองจะไปตามลูกสาว แต่นราภาห้าม เพราะกลัวทะเลาะกันอีก ขุนเขาจึงพานินนาทกับนราภามาที่กรุงเทพฯ ตติยาขอโทษนราภาที่ทำอะไรวู่วาม เธออ้อนแม่ โดยบอกจะทำอาหารที่ธารารินสอนให้ทาน ทำให้นราภาโกรธลูกไม่ลง ด้านขุนเขาหาจังหวะคุยกับตติยา เขาแสดงความเป็นห่วงจนตติยาซึ้งใจและสัญญาว่าก่อนทำอะไรจะบอกเขาทุกเรื่อง ทำให้ขุนเขาสบายใจขึ้น นินนาทพานราภากับตติยา กลับก่อน ส่วนขุนเขาถูกปู่กับย่าเรียกพบ ขุนเขารู้ว่าวจีรัตมาใส่ไฟตติยาก็ไม่ชอบและยืนยันว่าตติยาเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาจะแต่งงานด้วย

ธารารินบอกขุนเขาเรื่องที่มีคนสนใจเป็นนายทุนให้นิตยสารแล้วคือ พลเอกนภกานต์ บริภัณฑ์ (สมภพ เบญจาทิกุล) ขุนเขาได้ยินนามสกุลจึงบอกพี่สาวว่าเป็นนามสกุลนินนาท ธารารินจึงโทรถามนินนาท จนรู้ว่าท่านคือพ่อของนินนาท ตอนแรกธารารินจะต่อว่า แต่นินนาทยืนยันว่าพ่อตกลงช่วยเหลือธาราริน เพราะความสามารถของเธอและพ่อของเขาก็เป็นแฟนนิตยสารตั้งแต่เล่มแรก ธารารินซึ้งใจที่นินนาททำเพื่อเธอโดยไม่หวังผลตอบแทน ความรู้สึกของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้น โดยที่แม่สื่อตัวป่วนยังไม่รู้ตัว

หลายวันต่อมา ตติยาเห็นอรอัชฌาที่หน้าบ้านนินนาทก็ไม่ชอบใจชวนศรัทไปโรงพยาบาลตรวจแผล ศรัทงงเพราะแผลเขาหายแล้ว แต่ตติยาก็ดันศรัทไปหาอรอัชฌา ขุนเขาก็แปลกใจ จึงคาดคั้นจนได้รู้ว่า ตติยาคิดเป็นแม่สื่อให้ศรัทกับอรอัชฌา เพราะต้องการแยกอรอัชฌาจากนินนาท ขุนเขาขำความเจ้ากี้เจ้าการของตติยา แต่ก็ไม่ห้าม เพราะนั่นหมายความว่าตติยาจะต้องมาที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ และเขาจะได้เจอหน้าเธอทุกวัน โดยไม่รู้ว่าคนที่เริ่มหงุดหงิดที่เห็นศรัทใกล้ชิด อรอัชฌา กลายเป็น วรกุล ทำให้ศรัทงงที่ วรกุลงอนไม่พูดกับเขาไปหลายวัน แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อทั้ง มานัส ปฏิรพ และ ณัฐภูมิ มาหา ตติยาพร้อมกันที่โรงพยาบาล ตติยาจึงแกล้งสวีทกับขุนเขา พากันไปกินข้าวนอกโรงพยาบาล มานัสโกรธมากส่งคนไปจัดการขุนเขาจนร้านอาหารพังพินาศ นินนาทกับศรัทมาระงับเหตุ แต่เรื่องยังไม่จบ เมื่อวจีรัตมากับสองและณัฐภูมิ วจีรัตแสร้งร้องไห้ขอร้องให้ตติยาเลิกยุ่งกับขุนเขา เพราะเขาเป็นมากกว่าคนรัก สองซึ่งถูกเป่าหูมาก่อน รีบลากตติยากลับ มีณัฐภูมิตามไปด้วยความพอใจ ขุนเขาโกรธวจีรัตมาก และย้ำว่าหากเธอยังล้ำเส้น เขาก็จะเลิกไว้หน้าเธอเช่นกัน นอกจากนี้ อรอัชฌายังยืนยันว่าเห็นวจีรัตไปกับปฏิรพบ่อย ๆ ทำให้วจีรัตจนมุมและรีบหนีกลับทันที ขุนเขาเป็นห่วงความรู้สึกของตติยามากที่สุด แต่ศรัทก็ห้ามไว้เพราะรู้ว่าสองกำลังโกรธมาก

สองไม่ยอมให้ตติยาไปหาขุนเขา ทำให้ตติยาซึมลง ด้านจำปีเห็นเพื่อนสนิทซึมก็สงสาร รีบไปบอกขุนเขา ให้คิดและทำอะไรเร็ว ๆ ขุนเขาทบทวนความรู้สึกตัวเองก็มั่นใจว่าชอบตติยาจึงบุกมาที่ค่ายมวยเพื่อขอพบตติยา สองยังหมั่นไส้ขุนเขา แม้นราภาจะพูดให้เขาคิดว่าเธอไม่ต้องการให้สองเป็นเหมือนพ่อของเธอที่กีดกันความรัก จนเธอยอมถูกตัดออกจากกองมรดกเพื่อมาอยู่กับสอง สองจึงต่อยขุนเขาจนสลบ พอขุนเขาฟื้นขึ้นก็เห็นตติยาเฝ้าอยู่ เขาดีใจมากจนเผลอกอดเธอไว้ ทำให้ตติยาอายและย้ำว่าพวกตนเป็นแค่คู่รักกำมะลอเท่านั้น ขุนเขาจึงคิดว่าตติยาไม่ได้คิดเหมือนกัน

หลังจากวันนั้น ขุนเขาก็ทำตัวเหินห่าง จนตติยางง แต่เพราะทิฐิ เธอจึงไม่คุยกับเขาก่อน แล้วก็เกิดเรื่องวุ่น ๆ อีก เมื่อลูกน้องแจ๊คที่บาดเจ็บเรียกขุนเขาไว้ระหว่างที่เขาไปตลาด เพราะเข้าใจว่า เขาคือแจ๊ค ขุนเขารับสมอ้างจนได้รู้ว่า แผนที่ที่ว่าถูกซ่อนในรีสอร์ตร้าง ความจริงเป็นข่าวลวงที่เสี่ยมาฤทธิ์ พ่อของมานัสกุขึ้นเพื่อหลอกตำรวจให้หลงทาง ส่วนเสี่ยมาฤทธิ์ได้ของไปขายหมดแล้ว ขุนเขาเกรงว่าลูกน้องแจ๊คจะไม่ปลอดภัยจึงบอกให้มันหนี ส่วนเขาไปส่งข่าวนินนาท แต่ลูกน้องแจ๊คก็ไม่รอดเพราะถูกเสี่ยมาฤทธิ์ฆ่า ส่วนนินนาทได้ข้อมูลเดียวกับขุนเขาจึงมั่นใจว่าข่าวเป็นจริง ด้านแจ๊คตัวจริงกำลังคิดแผนกลับไปหาเสี่ยมาฤทธิ์ แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะถูกศรัทที่มาหาวรกุลที่สวนจับตามองตลอดเวลา

นินนาทมาตรวจสอบศพผู้ต้องหาที่โรงพยาบาลจึงทันระงับเหตุที่อรอัชฌาถูก มัทนีย์ คู่หมั้นของ หมอวัจน์ (ศาโรจน์ ศักดิ์อุดมขจร) คนรักเก่าของเธอตามทำร้าย โดยหมอวัจน์พยายามห้ามปราม นินนาทดึงอรอัชฌามากอดปลอบใจ หมอวัจน์จำต้องรีบพามัทนีย์กลับ ทั้งที่อยากเป็นคนปลอบใจอรอัชฌา ขณะนั้น ธารารินมาเยี่ยมน้องชายพอดีจึงเห็นเหตุการณ์ ศรัทรีบโทรบอกตติยาเพราะมั่นใจว่าธารารินต้องเข้าใจผิด ตติยาร้อนใจอยากแก้ตัวแทนน้าชาย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับอรอัชฌา เธอจึงหาทางสืบ

ด้านจักรวรรดิรู้เรื่องเสี่ยมาฤทธิ์ก็โกรธมาก สั่ง สินธุ (วิภพ บางยี่ขัน) คนสนิทไปจัดการเสี่ยกับลูกชาย ขณะที่ นินนาทรู้ว่าไอ้แจ๊คมาเป็นคนสวนของวรกุลก็ตามมาจับ นินนาทบีบจนมันยอมเป็นสายให้ตำรวจ

ตติยาไม่รู้จะเริ่มต้นสืบข้อมูลอรอัชฌากับน้าชายยังไง เลยส่งจำปีสะกดรอยตามอรอัชฌา แต่อรอัชฌาระแวงว่าจะเป็นคนร้ายเลยแจ้งศรัท ศรัทจึงต้องมาดูแลความปลอดภัยให้ ทำให้วรกุลหึงหนักขึ้น แต่ยังไม่รู้ตัว ตติยาเห็นลูกน้องทำงานไม่ได้เรื่องจึงตัดสินใจลงมือเอง ในวันที่ศรัทต้องไปประชุมที่โรงพัก ตติยารอจนเลิกงานแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ตามอรอัชฌาไป แต่ระหว่างทาง มีรถอีกคันควักปืนหมายจะยิงอรอัชฌา ตติยาจึงตะโกนห้ามเลยถูกยิงแทน รถตติยาล้มจนเธอหัวแตกเพราะกระแทกพื้น ขณะที่อรอัชฌาช็อกให้การไม่ได้ แถมวันรุ่งขึ้น เธอก็หายออกจากโรงพยาบาลไปถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส

ขณะที่ ธาราริน พา พลเอกนภกานต์ มาเที่ยวบ้านไร่ปลายฟ้า เพราะท่านชอบบ้านทรงไทย ทำให้ตติยาได้พบตาเป็นครั้งแรก พอท่านนายพลรู้ว่าตติยาเป็นหลานก็ทำเฉยเพราะยังโกรธลูกสาวอยู่ แต่พอได้อยู่ใกล้ตติยา ท่านก็นึกเอ็นดูและยอมให้ตติยาเรียกตา ระหว่างนั้นจำปีวิ่งมาบอกตติยาว่านินนาทถูกยิง จึงรีบพากันไปโรงพยาบาล นินนาทไม่เป็นอะไรมาก แต่เขาแปลกใจมากกว่าที่ตากับหลานมาด้วยกัน ธารารินยิ่งงงเพราะไม่รู้เบื้องหลังครอบครัวนี้ ตติยาจึงอธิบายให้ธารารินฟังระหว่างไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้วก็มีคนร้ายโปะยาสลบและจับตติยาไป นินนาทโทรถามแจ๊คจนรู้ว่าไม่ใช่ฝีมือจักรวรรดิ และจักรวรรดิโกรธมากที่เสี่ยมาฤทธิ์สร้างสถานการณ์ป้ายความผิดตน จักรวรรดิจึงสั่งคนออกตามล่าสองพ่อลูกทันที

ขุนเขาเป็นห่วงตติยาจนนั่งไม่ติด วรกุลเองก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอฟังข่าว แต่เธอไม่ยอมพูดกับศรัท เพราะยังงอนที่เขาดูเป็นห่วงอรอัชฌาอย่างออกนอกหน้ายิ่งกว่านินนาท ขุนเขาพยายามหาร่องรอยของตติยาจนไปได้ยินเด็กชายซึ่งเป็นคนไข้บอกว่าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ไม่มีใครเชื่อ ขุนเขาสอบถามเด็กคนนั้นจนได้ข้อมูลตามไปช่วยตติยา มีจำปีขอตามไปด้วย ขณะที่ตติยาฟื้นขึ้นก็หาทางหนีจนเจอขุนเขาระหว่างทางกลางไร่ เขาถูกยิงบาดเจ็บแต่ก็ยังแข็งใจอุ้มตติยาหนี เพราะมีคนจุดไฟเผาหญ้าแห้งโดยรอบ ณัฐภูมิ นินนาท และศรัทตามมาช่วยขุนเขากับตติยา ณัฐภูมิแย่งอุ้มตติยาไปขึ้นรถโดยไม่สนใจขุนเขาที่บาดเจ็บ แถมยังบอกสองว่าเป็นคนช่วยตติยาอีกด้วย

มานัสเจ็บใจที่ไม่ได้ตัวตติยา ระหว่างนั้นคนของจักรวรรดิก็ตามมาทำร้ายมานัสปางตาย เสี่ยมาฤทธิ์โกรธจัดคิดหาทางเอาคืนจักรวรรดิ ด้านตติยาเมื่อฟื้นก็ถามหาแต่ขุนเขา ทำให้สองไม่พอใจ จนจำปีต้องบอกว่าขุนเขาเป็นคนช่วยตติยา ขณะที่ท่านนายพลยังใจแข็งไม่ยอมคุยกับนราภา ลูกสาว ทำให้บรรยากาศยิ่งดูอึมครึม ด้านตติยายังห่วงขุนเขาจึงแอบไปเยี่ยมกลางดึก ทำให้ขุนเขาดีใจมาก ธารารินซึ่งนอนเฝ้าน้องชายอยู่แอบเห็น แต่ทำเป็นหลับเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งคู่คุยกัน วันรุ่งขึ้นนินนาทแวะมาเยี่ยมขุนเขาและหาโอกาสคุยกับธารารินเรื่องอรอัชฌา แต่ยังไม่ทันพูด จักรวรรดิกับวจีรัตก็พาปู่ย่าของขุนเขามา ปู่กับย่าสั่งห้ามขุนเขากับธารารินยุ่งกับครอบครัวนี้และขุนเขาต้องไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ สองซึ่งตั้งใจมาขอบคุณขุนเขาได้ยินก็รู้ว่าขุนเขาไม่ใช่หมอจน ๆ แต่เมื่อครอบครัวขุนเขาไม่ยอมรับตติยา เขาจึงพาลูกกลับ ขณะที่ตติยาเศร้าเพราะคิดเหมือนพ่อว่าขุนเขาคงไม่มาที่นี่อีก

นินนาทสงสารหลานสาวจึงโทรหาธาราริน แล้วเขาก็ต้องดีใจเมื่อรู้ว่าขุนเขาไม่ทำตามคำสั่งปู่ย่า แถมยังมาหาตติยาที่บ้านอีกด้วย ด้านตติยาก็ดีใจที่ได้พบขุนเขา สองเริ่มใจอ่อน แต่ยังไว้ตัวโดย ทำทีไปอยู่ที่ค่ายม

แก๊งเก๋าเขย่าครัว (2561/2018) บอส (อรรณพ ทองบริสุทธิ์) กราฟิกดีไซน์เนอร์หนุ่มที่กำลังมองหางานใหม่ เพราะอยากก้าวหน้าในอาชีพการงาน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะพ่อของบอสมาเสียชีวิตลงกะทันหัน ทำให้บอสได้รับมรดกและต้องมาดูแลกิจการ ร้านเบ๊โภชนา ต่อจากพ่อ บอสคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เปลี่ยนจากพนักงานกินเงินเดือน มาเป็นเจ้าของกิจการตามความฝัน แต่แล้วความจริงที่ไม่สวยงามเหมือนในฝันก็คือ พนักงานทุกคนในร้านเป็นคนแก่ที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยที่พ่อของบอสเพิ่งเปิดร้านใหม่ ๆ เรื่องราวความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น เมื่อบอสต้องมาเจอพนักงานรุ่นใหญ่อย่าง แก๊งสามเก๋า มี ลุงหนิม (ญาณี ตราโมท) ผู้จัดการร้านที่คิดเงินได้รวดเร็วและแม่นยำ จนได้ฉายาว่า หนิม ลูกคิดเหล็ก ลุงหม่อม (ชลิต เฟื่องอารมย์) เด็กเสิร์ฟ ที่เสิร์ฟแม่นมากไม่เคยพลาด ฉายา หม่อม ถนัดเสิร์ฟ และป้าเกตุ (ดวงใจ หทัยกาญจน์) เชฟกะทะเหล็กยุคแรก ๆ ฉายา เกตุ 5 ตะหลิว ด้วยความไม่เข้าใจกันจึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นจนทำให้บอสแทบอยากจะขายร้านทิ้ง แต่หลังจากที่บอสพยายามหาทางแก้ไขปัญหาและตัดสินใจทำร้านต่อไป ลิน (สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ) แฟนสาวของบอส ก็ถือโอกาสจัดงานเลี้ยงวันเกษียณให้พ่อของเธอที่ร้านเบ๊โภชนา เพื่อให้บอสได้แก้มืออีกครั้ง ทางด้านแก๊งสามเก๋าก็ยังคงทำงานด้วยระบบแบบเดิม ๆ บอสจึงตัดสินใจให้แก๊งสามเก๋าเริ่มหัดใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิทยุสื่อสาร แท๊บเล็ต แต่ก็ยังเกิดปัญหาวุ่นวายในร้านอีกเหมือนเดิม ลุงสุนทร (รอง เค้ามูลคดี) พ่อของลินในชีวิตหลังวัยเกษียณ ทำให้มีเวลามาดูแลกิจการร้านสปาของลินมากขึ้น แต่กลับโดนลินต่อว่าและทะเลาะกันเพราะมาวุ่นวายในร้านมากเกินไป ทำให้ลุงสุนทรน้อยใจเลยไปปรึกษากับ วิฑูรย์ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) รุ่นพี่สมัยตอนที่ทำงานด้วยกัน เช้าวันรุ่งขึ้นลินพบว่าพ่อหายตัวไป จึงรีบไปปรึกษาบอสที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ ทำให้พ่อหายตัวไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อความคิดที่แตกต่างของคนทั้งสองวัย กลายเป็นปัญหาที่ทำให้ไม่เข้าใจกัน ติดตามชมเรื่องราวความอลวนของคน 2 วัย ที่จะมาสร้างความป่วนชวนฮาได้ในซิตคอม แก๊งเก๋าเขย่าครัว