ครอบครัว
เรื่องย่อ : ปริศนา (2543/2000) ปริศนาเป็นลูกของพระวินิจมนตรีกับคุณนายสมรแต่ทางญาติฝ่ายพ่อไม่ยอมรับ เพราะปริศนาเกิดหลังจากที่พระวินิจมนตรีเสียไปแล้วถึง ๖ เดือน พระวินิจมนตรีกับคุณนายสมรมีบุตรี ๔ คน คนแรกชื่อ อุบล ซึ่งแต่งงานกับสมศักดิ์ข้าราชการ สิรี ช่างตัดเสื้อฝีมือดีแต่อาภัพรัก อนงค์ หญิงสาวอ่อนหวานเรียบร้อย และ ปริศนา ปริศนาอยู่กับอาที่อเมริกาจนโตได้กลับมากรุงเทพ ได้เจอกับประวิชคนสนิทของท่านพจน์ที่เที่ยวขับรถตามหาอนงค์ หญิงสาวที่แอบชอบตอนเจอที่หัวหิน พอเจอกับปริศนาประวิชเลยหันเหไปทางปริศนาเพราะเธอสวยและเก่งกว่า ปริศนาทำงานเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนของหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี น้องสาวของ หม่อมเจ้าพจน์ปรีชา ท่านหญิงรัตน์และประวิชพูดถึงปริศนาบ่อยครั้งทำให้ท่านชายพจน์สนใจ และรู้จักกันในงานเต้นรำที่วังของท่านชายพจน์ ประวิชชอบปริศนา แต่ไม่รู้ว่าอนงค์ชอบตน เมื่อพบกัน ปริศนากับท่านชายพจน์แอบชอบกันลึกๆแต่ก็ไม่มีใครพูดออกไป จนประวิชขอให้ท่านชายพจน์ไปสู่ขอปริศนา ทำให้ปริศนาโกรธท่านชายพจน์มาก ประวิชมาขอให้อนงค์ช่วยเรื่องปริศนา ทำให้เขารู้ว่าอนงค์ชอบเขาอยู่ ความเห็นใจเกิดเป็นรัก ประวิชและอนงค์จึงเข้าใจกันและแต่งงานกัน อานนท์หนุ่มเจ้าสำราญกลับมาจากอเมริกา เกิดติดใจปริศนาเข้าอีกคนทำให้คนทั่วเมืองลือกันว่าทั้งสองจะแต่งงานกัน ส่วนท่านพจน์ก็ไปไหนมาไหนกับรตี ญาติผู้หญิง สาวที่ผู้ใหญ่หมายจะให้แต่งงานกัน ยิ่งทำให้ทั้งสองผิดใจกันมากขึ้น ท่านชายพจน์เสียใจมากเพราะเข้าใจว่าปริศนาไม่รักตน จึงไปป่า และล้มป่วยอาการหนักมากและ อาจไม่รอด ปริศนาเสียใจและรู้ว่ารักท่านชายพจน์มาก หลังจากที่ท่านชายพจน์อาการดีขึ้นจึงมาเยี่ยมที่วังและปรับความเข้าใจกัน เสด็จอาของท่านชายพจน์ให้ปริศนาเข้าเฝ้า และเห็นว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน สุดท้ายทั้งสองก็แต่งงานกัน
เรื่องย่อ : คู่แค้นแสนรัก (2554/2011) สงกรานต์ (ชาคริต แย้มนาม) พ่อหม้ายหนุ่มนักธุรกิจ เจ้าของฉายา คาสโนว่าฆ่าไม่ตาย ได้รับมอบหมายจาก ราชศักดิ์ (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) ผู้เป็นพ่อ ให้ไปเจรจาซื้อที่ดินสวนส้มทำรีสอร์ท สงกรานต์กว้านซื้อได้เกือบหมด ยกเว้น..ที่ดินแปลงที่สวยที่สุดของ นายแสง (ไพโรจน์ ใจสิงห์) เกษตรกรวัยเกษียณที่ไม่ยอมขาย เพราะจะเก็บไว้เป็นมรดกให้กับลูกสาวทั้ง 2 คน คือ อิงดาว (พัชราภา ไชยเชื้อ) ลูกสาวคนโตที่ทำไร่ทำสวนตามรอยพ่อได้สวนผลไม้ที่เธอดูแลไป ส่วน อิงจันทร์ (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ลูกสาวคนเล็กที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ ได้ที่ดินส่วนที่สงกรานต์อยากได้ไป วันหนึ่งอิงจันทร์หางานทำในกรุงเทพฯ กับ มาริน (โสภิตสุดา อิทธิเมธินทร์) เพื่อนรักที่มาจากต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ไม่มีใครรับมารินเพราะปานแดงที่หน้าดูน่ากลัว กระทั่งทั้งคู่มาสมัครงานที่บริษัทของสงกรานต์ พนักงานหนุ่มๆ พากันหัวเราะมาริน สงกรานต์สงสารจึงรับมารินกับอิงจันทร์เข้าทำงาน มารินซึ้งใจ และหลงรักสงกรานต์เรื่อยมา ต่อมาเมื่อสงกรานต์รู้ว่าอิงจันทร์เป็นลูกเจ้าของที่ดินผืนปัญหา เขาจีบอิงจันทร์จนเธอยอมมอบที่ดินมรดกของพ่อให้โดยไม่มีข้อแม้ ไม่นานสงกรานต์ก็ทิ้งอิงจันทร์ไปควง โรสิตา หรือ โรส (พิมพ์นิภา จิตตธีรโรจน์) ดาราสาวสวยที่มาทวงตำแหน่งแฟนตัวจริงคืน อิงจันทร์เสียใจซมซานกลับบ้านไปฆ่าตัวตาย! โชคดีอิงดาวช่วยทัน อิงจันทร์สารภาพเรื่องทั้งหมดให้พี่สาวกับพ่อฟัง แสงช็อค! เข้า ไอ.ซี.ยู. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ วิษณุ (ธนเวศน์ สิริวัฒน์ธนกุล) ครูหนุ่มเพื่อนชายคนสนิทของอิงดาวต่อว่าอิงจันทร์ชุดใหญ่ ทั้งคู่กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งอิงจันทร์หลงป่าขาเจ็บ วิษณุตามหาจนเจอแล้วดูแลอย่างดีก่อนพาขี่หลังกลับบ้าน อิงจันทร์ประทับใจ และเผลอปลื้มวิษณุจนได้ พอ ๆ กับวิษณุก็รู้สึกดีกับอิงจันทร์เช่นกัน ด้านอิงดาวหาทางแก้แค้น และยึดที่ดินคืนจากคนขี้โกง เธอบุกเดี่ยวมาบ้านสงกรานต์เพื่อซื้อที่ดินคืน แต่ถูก นภารัตน์ (กรองทอง รัชตะวรรณ) กับ รมิตา (มัณฑนา หิมะทองคำ) แม่ และพี่สาวไฮโซสงกรานต์รุมตบ แถมแจ้งตำรวจจับอิงดาวติดคุก! ยังดีที่ติดต่อ มดแดง (นาเดีย นิมิตรวาณิช) เพื่อนซี้สุดมั่นมาประกันตัวได้ พอได้ฟังอิงดาวเล่าเรื่องทั้งหมดมดแดงอาสาร่วมมือด้วยทันที เพราะไม่ถูกชะตาผู้ชายเจ้าชู้เป็นทุนอยู่แล้ว มดแดงพาอิงดาวไปโมดิฟายเปลี่ยนลุคใหม่ จากสาวบ้านนาเชย ๆ มาเป็นสาวสวยเซ็กซี่สไตล์สงกรานต์ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ดาวประดับ ทับจักรวาล จากนั้นก็พาไปหัดขับรถแข่งสนามเดียวกับสงกรานต์ เป็นไปตามคาดคาสโนว่าตัวพ่อหลงเสน่ห์อิงดาวเต็มเปา ปฏิบัติการ..สวยประหารจึงเริ่มขึ้น เสน่ห์เร่าร้อนของอิงดาวทำสงกรานต์แทบคลั่ง เขาไปขอร้องให้ เสี่ยอู๋ (รังสิต ศิรนานนท์) เพื่อนคู่หูก๊วนเจ้าชู้ทาบทามเธอเข้าโมเดลลิ่ง ไม่นานอิงดาวก็เข้าสังกัดเสี่ยอู๋โดยใช้ชื่อ ดาวประดับ บุคลิกเฉี่ยว..เปรี้ยวเป็นตัวเองส่งให้ดาวประดับดังชั่วข้ามคืน ขนาด เอี๋ยว (จิรายุ ละอองมณี) หนุ่มน้อยนักดนตรีน้องชายเสี่ยอู๋ยังหลงรัก แผนอิงดาวได้ผลเกินคาด สงกรานต์รับ-ส่งสานสัมพันธ์กับเธอต่อเนื่อง โรสทนไม่ได้ตามราวีหาเรื่องนางแบบรุ่นน้องจนมีข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ ครอบครัวสงกรานต์ไม่พอใจ สั่งลูกชายเลิกยุ่งกับดาวประดับเด็ดขาด ไม่อยากให้คว้าผู้หญิงร้ายกาจเป็นแฟน แต่เขาไม่เชื่อแถมพาแฟนสาวเข้าบ้านไปรู้จัก ด.ช.ปีใหม่ (ด.ช.ภูสิษฐ์ เอี่ยมสุข) ลูกชายตัวแสบที่คอยสกัดผู้หญิงของพ่อเสมอ แต่คราวนี้ผิดปกติ ปีใหม่เข้ากับดาวประดับเป็นปี่เป็นขลุ่ย หนำซ้ำยังให้พ่อขอดาวประดับแต่งงานอีกด้วย ยิ่งลูกชายไฟเขียวสงกรานต์ยิ่งมีความหวัง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน อิงดาวตกลงแต่งงานกับสงกรานต์ ทั้งที่ถูกครอบครัวฝ่ายชายคัดค้าน แต่พอถึงวันแต่งงานดาวประดับกลับประกาศว่าแท้จริงเธอ คือ อิงดาว เนาวรัตน์ ลูกสาวเจ้าของที่ดินที่ครอบครัว ธนากุล หลอกซื้อมา ทุกคนอึ้ง! สงกรานต์รู้สึกผิดต่อครอบครัวอิงดาวมาก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสงกรานต์ยังยืนยันจะแต่งงานกับอิงดาวให้ได้ ทำให้เธอสับสนเพราะอิงดาวก็มีใจให้สงกรานต์เหมือนกัน แต่ความแค้นก็ต้องชำระ อิงดาวกลับบ้านไปพร้อมโฉนดที่ดินเจ้าปัญหา ทิ้งสงกรานต์ใจสลายพอ ๆ กับปีใหม่ที่ช็อค! กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มารินมีหวังถึงกับทำศัลยกรรมจนหน้าไม่มีปาน เพื่อมัดใจสงกรานต์ที่กำลังอกหัก แต่ผิดคาดสงกรานต์กลับไปคบโรสิตาเหมือนเดิม เขาแกล้งสวีทกับโรสิตาถึงขั้นประกาศหมั้นผ่านสื่อ อิงดาวปวดใจประกาศแต่งงานกับวิษณุบ้าง พ่อแสงเห็นด้วย และให้อิงจันทร์จัดงานแต่งให้พี่สาว วิษณุ-อิงจันทร์ สับสนเพราะมีใจให้กันแล้ว พอ ๆ กับอิงดาวว่าที่เจ้าสาวก็เอาแต่นั่งซึมจนพ่อแสงรู้สึกผิดปกติ ด้านมารินพอสงกรานต์ไม่รับรักก็ยิ่งเผยความร้ายกาจขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นคิดกำจัดโรสิตาแต่รอดมาได้หวุดหวิด มารินจึงจับเธอไปขังที่ตึกร้าง ก่อนจะหลอกให้อิงดาวมาหาแล้ววางยาสลบ ยังไม่ทันเอาตัวไปนภารัตน์กับรมิตาเห็นเข้า เลยถูกมารินจี้สั่งให้ 2 แม่-ลูกช่วยกันพยุงอิงดาวไปตึกร้าง ทั้ง 4 คน ถูกขังในห้องเดียวกัน ขณะมารินไปขุดหลุมเตรียมฝังศพพวกเธอ อิงดาวฟื้นพอดีจึงร่วมมือกันหาทางหนี พอรู้ตัวมารินโกรธจัดไล่ล่าตัวประกันบ้าคลั่ง อิงดาวสกัดมารินแล้วให้ทุกคนหนี จึงถูกมารินทำร้ายโดยที่อิงดาวไม่ตอบโต้เพราะรักมารินเหมือนน้องสาว แต่พอสงกรานต์ตามไปช่วยมารินบังคับให้เขาบอกรักเธอ แต่สงกรานต์บอกว่า ผู้หญิงที่เขารักมีคนเดียว คือ อิงดาว มารินสติแตก!! จะฆ่าอิงดาว สงกรานต์กระโดดรับกระสุนแทนเลือดอาบต่อหน้าต่อตา ทั้งคู่จะฝ่าวิกฤตชีวิตครั้งนี้อย่างไร? และกามเทพจะทำให้ คู่แค้น มาเป็น คู่รัก ได้หรือไม่?
ซอยปรารถนา 2500 (2541/1998) “ซอยปรารถนา ๒๕๐๐” เป็นเรื่องราวชีวิตของ "กัลยาณี" ชื่อเล่นว่า เดือน หญิงสาวสวยมีจิตใจเปราะบางอ่อนไหวง่ายเธอเกิดมาในครอบครัวผู้ดีเก่า แต่ชะตากรรมกลับทำให้ "บ้านวิมานเมฆา"ซึ่งเป็นครอบครัวของเธอต้องล่มสลายเพราะหนี้สินมากมายจนทำ ให้คนรักที่หมายปองให้เป็นคู่ชีวิตต้องขอเลิกกับเธออย่างไม่มีเยื่อใยส่วน น้องสาวก็หนีตามผู้ชายไปเธอต้องระหกระเหินออกจากบ้านไปใช้ชีวิตอยู่กับสังคม ภายนอก ตอนแรกเป็นครูที่โรงเรียนคริสต์ฯ ได้พบรักครูสอนศิลปะ สุดท้ายก็จับได้ว่าครูสอนศิลปะเป็นเกย์สามีก็ยิงตัวตายเนื่องจากเกิดความอาย หลังจากนั้นกัลยาณีก็ต้องโดนออกจากการเป็นครูเนื่องจากมีนักเรียนมีติดพัน อาจารย์ใหญ่จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจนกระทั่งระหกระเหเล่รอนไปพับหรรษา สุดท้ายก็ไปขายตัวเพื่อแรกกับเงินและนักเรียนที่เคยติดพันก็ตามหาจนพบตัว กัลยาณีจนเป็นเรื่องถึงขั้นฆ่าตัวตายเพราะกัลยาณีไม่ได้รักนักเรียนคนนี้ กัลยาณีโดนใส่ร้ายเนื่องจากพ่อของนักเรียนได้ประโคมข่าวว่ากัลยาณีได้หลอก ลวงนักเรียนไปทำมิดีมิร้ายสุดท้ายก็ตัดเยื้อใยคนในผับก็รู้กันหมดว่าเดือน เป็นทั้งโสเภณี และหลอกล่อนักเรียนไปทำมิดีมิร้ายกัลยาณีจึงหนีไปหาน้องสาวที่ซอยปรารถนา และไปพบรักกับพี่ชายน้องเขยสุดท้ายน้องเขยตัวแสบก็เปิดโปงว่าเคยเป็นโสเภณี ที่ผับหรรษามาก่อนพี่ชายของน้องเคยเดือนจึงขอยกเลิกการแต่งงานทำให้เดือน เริ่มมีอาการสติสตางฟั่นเฟือนและน้องเขยซึ่งเป็นสามีน้องสาวเดือนก็ทำมิดีทิ ร้าย จึงกลายเป็นบ้าในที่สุดสุดท้ายก็ต้องเข้าโรงพยาบาลบ้า เนื่องจากฝีมือน้องเขยตัวแสบติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ได้ในละคร “ซอยปรารถนา ๒๕๐๐”
เพลิงทระนง (2554/2011) เพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน (โอ้ มาริโอ้ เมาเร่อ) ลูกชายคนเดียวของ พิภัช (กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) และ ผ่องแผ้ว ชาตโยธิน (น้ำฝน สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) ทำอาชีพประมงในตลาดปลาจังหวัดระนอง ด้วยความหล่อทำให้ หลิน (แอร์ ภัณฑิรา ฟูกลิ่น) ลูกสาว เถ้าแก่เฮง (ศานติ สันติเวชกุล) เจ้าของตลาดที่โตมาด้วยกันชอบเพลิงฤทธิ์ แต่เพลิงฤทธิ์เห็นหลินเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น เพลิงฤทธิ์ขยันทำงานหาปลาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จนเรียนจบมหาวิทยาลัยด้านการตลาด ได้ทำงานกับบริษัทส่งออกอาหารทะเล ที่มีเจ้าของบริษัทเป็นชาวอังกฤษ ทำให้เพลิงฤทธิ์ได้ประสบการณ์มากมาย น้ำฝน (แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์) เจ้าของรายการท่องเที่ยวทางทีวีและเป็นผู้ดำเนินรายการ มาจัดรายการที่ตลาดปลา บังเอิญรถขนปลาเสียหลักพุ่งมาชน แต่เพลิงฤทธิ์ช่วยไว้ได้ แต่น้ำฝนล้มใส่แผงปลาจนเลอะเทอะ น้ำฝนไม่พอใจด่าว่าเพลิงฤทธิ์ หลินทนไม่ได้ก็ปกป้องเพลิงฤทธิ์จนทะเลาะกันใหญ่โต แม่ค้าทั้งตลาดขับไล่น้ำฝนออกไป ติดตามต่อได้ใน เพลิงทระนง
เรื่องย่อ : ลูกไม้ไกลต้น (2543/2000) มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยลำพัง ดังนั้นสถาบันครอบครัวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตของมนุษย์ "ลูกไม้...ไกลต้น" เรื่องราวที่สะท้อนถึงความจำเป็นของการมีสถาบันครอบครัว การได้รับการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่าง พ่อ แม่ และลูก "รสา" ตัวละครเอกในเรื่องนี้ มีสถานะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ๆ พยายามทุกวิถีทางที่จะพิสูจน์ตนเองให้ชายผู้ที่เธอเชื่อมั่นว่าเป็นพ่อแท้ ๆ ที่เป็นถึงมหาเศรษฐีได้เห็นว่าเป้าหมายของเธอไม่ใช่มรดกมหาศาล แต่มันคือการยืนยันสถานะของตัวเธอ และแม่ของเธอต่างหาก เป้าหมายนั้นมันดูเหมือนห่างไกลเกินฝัน เธอต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ต้องพิสูจน์ตนเอง ต้องอดทนต่อสายตาของคนรอบข้างที่มองเธออย่างดูถูก เหยียดหยาม ต้องอดทนฝ่าฟันแม้กระทั่งกับชายคนที่เธอรัก ถ้าจะเปรียบเธอเสมือนลูกไม้ เธอก็เป็นลูกไม้ที่เกิดท่ามกลางพายุถูกพัดกระหน่ำจนกระจัดพลัดพรายจนตกไกลต้นเสียเหลือเกิน ไกลเกินกว่าที่จะอาศัยร่มเงาของกิ่งใบช่วยดูแลได้ ลูกไม้นั้นจึงต้องฝ่าเปลวแดด ลมฝน อุปสรรคเพื่อยืนหยัดอย่างทระนง รอเวลาที่จะหยั่งรากลึกอันแข็งแรงลงสู่ผืนพสุธา เพื่อจะเติบโตขึ้นมาชูช่อ แห่งศรัทธา ความเชื่อมั่น และความดี อย่างกล้าแกร่งและสง่างาม
รักหลงโรง (2560/2017) หลังจากที่ตำรวจบุกทะลายงานปาร์ตีงานหนึ่งก็ได้พบว่าดาราสาวซุปเปอร์สตาร์ผู้โด่งดังก้องฟ้าเมืองไทยนามว่ากีรณา ดรุโณทัย(ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) ถูกจับในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองซึ่งก็ทำให้อนาคตที่เคยรุ่งโรจน์ของหญิงสาวดับวูบ ชะตาพลิกผันอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน แม้กีรณาจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นอย่างไรแต่หลักฐานก็มัดเธอแน่นจนไม่อาจที่จะดิ้นหลุดในข้อหานี้ได้
ภายหลังจากกีรณาถูกจับก็เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั้งประเทศเนื่องจากเธอเป็นคนดังและนอกจากเธอจะไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือแล้วยังได้รับการซ้ำเติมจากคนรอบข้าง เธอแทบไม่มีที่ยืนในสังคมดาราคู่แข่งอย่างโรสิตา(วิรากรานต์ เสณีตันติกุล) และ เนตรดารา(บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข)ก็สะใจ นุ่มนิ่ม(ดีเจมะตูม) เป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่อารดา(พรนภา เทพทินกร)อาสาวของกีรณาก็ยังขายเธอให้กับท่านบวรฤทธิ์(ศานติ สันติเวชกุล) เสี่ยผู้มีอิทธิพล กีรณาเจ็บช้ำน้ำใจมาก หลังจากประกันตัวออกมา กีรณาต้องหลบๆซ่อนๆ เธอได้พบกับตุลา(จรณ โสรัตน์) ชายหนุ่มที่มาจากต่างจังหวัด พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปเยี่ยมยายขวัญ(โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าของคณะลิเก ซึ่งกีรณาไม่ได้เจอยายเป็นสิบปีแล้วกีรณาตัดสินใจไปเยี่ยมยายที่ป่วย แต่ยังไม่ทันไปถึงบ้านยาย ก็รู้ว่ายายขวัญได้เสียชีวิตไปแล้ว กีรณาขอให้ตุลาพาไปงานศพเพื่ออำลายายเป็นครั้งสุดท้าย กีรณาเสียใจมากที่ยายตาย แต่ก็ยังปากแข็งจนตุลาหมั่นไส้ ชาวคณะลิเกไม่ว่าจะเป็น มัทรี(สุนารี ราชสีมา) กัณหา(นันทนัช โล่สุวรรณ)ลูกสาวของมัทรี รวมทั้งชาลี(ภูศิลป์ วารินรักษ์) และหยกฟ้า(หทัยชนก สวนศรี) ต่างก็ไม่มีใครชอบกีรณาเท่าไหร่กีรณามางานรดน้ำศพยายด้วยความเสียใจ เธอรู้สึกใจหาย เพราะในวัยเด็กนั้นเธออยู่กับยายหลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิต ซึ่งชีวิตในช่วงนั้นเป็นไปด้วยความคับแค้นยากจน ยายขวัญเป็นเจ้าของคณะลิเก รับการแสดงตามงานวัด ซึ่งแต่ละครั้งก็ได้เงินไม่มากนักซึ่งต้องแบ่งให้กับนักแสดงรวมถึงนักดนตรี แต่ยายก็ยังยึดคณะลิเกเป็นอาชีพซึ่งกีรณาไม่ได้ชอบเอาเสียเลย เมื่อไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนล้อเลียน กีรณาจึงอยากออกจากคณะลิเกไปมีชีวิตที่สุขสบายกว่า มีชีวิตที่หรูหรา แล้ววันหนึ่งความฝันนั้นก็เป็นจริงเมื่ออารดาอาของเธอมารับและบอกว่าจะพาไปอยู่ต่างประเทศเธอจึงตกลงทันทีทอดทิ้งยายขวัญและคณะลิเกเอาไว้ข้างหลังอย่างไม่ใยดีอารดานำกีรณาไปอยู่ด้วยที่ต่างประเทศราว ๆ หนึ่งปีและหลังจากที่กลับมากีรณาก็เดินทางตามความฝันของตัวเองคือไปสมัครเป็นนักแสดง ซึ่งเธอก็ทำได้ดี โด่งดังขึ้นในช่วงเวลาไม่นานและกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในปัจจุบันแต่เมื่อเข้าวงการบันเทิง กีรณาถูกสร้างให้เป็นคนใหม่ ถูกเปลี่ยนชื่อเล่นจากแก้วเป็นแกรนด์ส่วนชีวิตในวัยเด็กนั้นถูกปรับเปลี่ยนว่าเติบโตมาจากต่างประเทศ ซึ่งอารดานั้นก็เต็มอกเต็มใจที่จะให้กีรณาเข้าวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเพราะคือรายได้อันมากมายที่ช่วยให้ชีวิตของทั้งคู่ดีขึ้น โดยอารดาเข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวดูแลให้เรื่องคิว เรียกค่าตัว โดยมีเจ๊แหม่มเป็นผู้หางานให้และกินเปอร์เซ็นต์อีกทีซึ่งในระหว่างที่กีรณามีชื่อเสียงเธอก็ไม่ได้ติดต่อกลับมายังยายขวัญอีกเลย ส่วนยายขวัญเองก็ปล่อยให้กีรณามีชีวิตของเธอแต่ก็ติดตามข่าวอยู่เสมอโดยไม่ติดต่อไปหาเช่นกันเมื่อจัดงานศพยายขวัญเสร็จ กีรณาก็ถูกตุลาบังคับให้มาจัดการกับคณะลิเก ซึ่งทุกคนต่างก็มีความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ทั้งลุงเสริม(ครูบุญสร้าง เรืองนนท์) หล่อ(คิง ก่อนบ่าย) รวมทั้งเด็กๆอย่างกุ๊ก(ด.ญ.กานต์พิชชา ชุนหะ) กิ๊ก(ด.ญ.กานต์ชนิต ชุนหะ) และเปี๊ยก(ด.ช.ชนะเดช เขียวเซ็น) ส่วนกัณหา กับ หยกฟ้า ยิ่งไม่ชอบกีรณามากขึ้นตอนแรกกีรณาคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนแต่เมื่อคิดว่าน่าจะมีอะไรที่พอจะขายและนำรายได้มาสู่เธอได้เธอจึงยอมไปเพราะตอนนี้เธอกำลังตกยาก เมื่อไปถึงกีรณาก็พบว่ายายขวัญได้เลี้ยงคนไว้ในคณะลิเกจำนวนกว่าสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนเก่าคนแก่ที่เธอเคยเห็นหน้าและอยู่กับยายขวัญมาเป็นสิบปี เมื่อทุกคนเห็นกีรณาก็ดีใจแต่กีรณากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เธอเห็นว่าทุกคนคือภาระจึงประกาศว่าจะยกเลิกคณะลิเก และจะขายทุกอย่างที่ขายได้โดยไม่สนใจเลยว่าการกระทำของเธอนั้นจะทำให้ใครเดือดร้อนหรือขาดรายได้ไปบ้างเพราะคนทั้งหมดหากินกับคณะลิเกมานานตุลาซึ่งทนความเห็นแก่ตัวของกีรณาไม่ไหวเอาเอกสารสัญญาที่ยายขวัญได้ทำไว้กับนายจ้างที่มาจ้างการแสดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวัดและงานแก้บนมาให้กีรณาดู และบอกว่าหากกีรณายกเลิกจะต้องจ่ายเงินค่ายกเลิกสัญญาเป็นสองเท่าของค่าจ้าง ซึ่งรวมแล้วก็เป็นจำนวนเงินหลายแสนบาทกีรณาตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้จึงปฏิเสธและทำเป็นไม่รับรู้จะกลับกรุงเทพโดยที่ไม่แตะต้องอะไรเลย เคยอยู่กันมาอย่างไรก็ให้อยู่กันอย่างนั้น แต่ตุลาบอกว่าไม่ได้เพราะในสัญญายายขวัญได้ระบุว่ากีรณาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดหากยายขวัญมีอันเป็นไปเนื่องจากกีรณาเป็นทายาทคนเดียวอย่าว่าเงินแสน ตอนนี้เงินหมื่นกีรณายังแทบไม่มีเหตุการณ์บังคับทำให้เธอต้องไปบริหารจัดการคณะลิเกกีรณากลับไปอยู่บ้านเดิมเมื่อสมัยที่เธอเป็นเด็กซึ่งเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ยกใต้ถุนสูง ที่นี่มีผู้คนในคณะลิเกอยู่ด้วยกันทำให้เธอไม่มีความเป็นส่วนตัว เวลานอนก็ต้องนอนกับกันหาลูกสาวของมัทรี ซึ่งกันหาไม่ค่อยชอบกีรณานักเนื่องจากนิสัยส่วนตัวที่ขี้วีน ขี้เหวี่ยงของกีรณา ทั้งคู่มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้งแต่ก็ยังต้องทนใช้ห้องเดียวกันคณะลิเกประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายกีรณาจึงคิดจะเอาคนออก แต่ตุลาที่ทนไม่ได้กับความคิดอันเห็นแก่ตัวของกีรณาก็เอาสัญญาอีกฉบับมาให้กีรณาดู ว่ากีรณาต้องเลี้ยงดูคนทั้งหมดหากไล่ใครออกต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนห้าแสนต่อคน ซึ่งกีรณาไม่มีเงินและไม่สามารถที่จะเลี้ยงคนเหล่านี้ได้ตุลาก็ต้องช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้กีรณาตลอด ขณะเดียวกันบางครั้งก็มีเสี่ยฮุ่ย(จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) ซึ่งหลงรักมัทรีมานานแล้ว และลูกชายชิบ(กันต์ กรวิชญ์) ที่ชอบกัณหาคอยมาป่วน แต่ก็มีหมวดไรวินทร์(ฐากูร การทิพย์) ซึ่งแอบชอบกัณหา มาคอยกันท่า และต่อร้องต่อเถียงกับกัณหาตลอดชีวิตของกีรณาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือและเธอก็พบว่าชีวิตที่แสนวุ่นวายนี้ก็มีความสุขได้เหมือนกัน กันหาและกีรณาเริ่มญาติดีกัน และคุยกันมากขึ้นและวันหนึ่งกันหาทะเลาะกับมัทรีเพราะกันหาต้องการออกจากโรงเรียนเมื่อไม่มียายขวัญคอยส่งเสียแล้วซึ่งกีรณาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกันหา สุดท้ายจึงขอให้กันหาเรียนต่อโดยเธอจะเป็นผู้ส่งเสียเองแต่มีข้อแม้ว่ากันหาจะต้องคืนเงินเธอทุกบาททุกสตางค์เมื่อเรียนจบเพราะรู้ว่ากันหาเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีจะไม่ยอมรับเงินจากเธอฟรี ๆ อย่างแน่นอน เมื่อได้รับข้อเสนอดังนั้นกันหาก็ยินยอมหยกฟ้านางเอกลิเกของคณะหนีไปกับผู้ชาย เป็นปัญหาให้คณะขาดนางเอกละคร กีรณาจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการเป็นนางเอกลิเกแทนทั้งที่ไม่เต็มใจโดยมีข้อแม้ว่าเธอจะต้องแต่งหน้าให้หนาไม่ให้มีใครจำเธอได้ เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าตกอับจนต้องมาแสดงลิเกในคณะเล็ก ๆซึ่งมัทรีก็รับปากจะทำตามที่กีรณาต้องการแม้กีรณาเคยเล่นลิเกเมื่อตอนเด็กแต่ในตอนนี้เธอก็จำไม่ได้มัทรีฝึกสอนให้ การเล่นลิเกครั้งแรกของเธอไม่ดีนัก เนื่องจากกีรณาไม่กล้าที่จะร้องจะรำเต็มที่เพราะเธอยังรู้สึกว่าตัวเองเคยเป็นซุปเปอร์สตาร์ งานอย่างนี้ไม่เหมาะกับเธอเลย การแสดงล่มไม่เป็นท่า ถูกคนดูโห่ และเจ้าภาพขอเงินคืนซึ่งหากคืนเงินไปก็จะไม่มีข้าวสารสำหรับวันพรุ่งนี้ไว้เลี้ยงดูผู้คน กีรณาจึงไม่อาจคืนได้สุดท้ายเธอขอแสดงใหม่ในวันพรุ่งนี้ความเครียด ความกดดันทำให้กีรณาแอบไปร้องไห้ที่ริมคันนา ซึ่งตุลากำลังฉีดสมุนไพรฆ่าแมลงอยู่ในนาข้าวบังเอิญเห็นเข้าซึ่งเขาก็รู้สึกเห็นใจและสงสาร ที่ผ่านมาเขาก็พบว่าเนื้อแท้ใจจริงของกีรณาก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรนัก เพียงแต่โตมาในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เธอกลายเป็นคนเช่นนั้น จึงเขามาพูดเพิ่มแรงใจ “การเป็นนักแสดงไม่ว่าอยู่ในบทบาทไหนก็ต้องทำให้ดีที่สุด” ซึ่งคำพูดของตุลาทำให้กีรณาคิดได้ เมื่อต้องขึ้นแสดงอีกครั้งเธอก็ทำได้ดีและได้รับพวงมาลัยเป็นรางวัลแม้จะไม่มากมายนักแต่กีรณาก็มีความสุขอย่างประหลาดเมื่อรายได้หลักมาจากการแสดง กีรณาจึงคิดว่าจะต้องทำให้มีรายได้มากที่สุด จึงปรับเปลี่ยนบทลิเกให้มีความทันสมัย เดินเรื่องเร้าใจเพื่อเจาะกระแสกลุ่มคนที่ไม่ใช่เฉพาะคนแก่เพราะเวลานี้กลุ่มคนที่ดูลิเกนั้นเหลือน้อยเต็มที ซึ่งชาวคณะต่างก็เห็นด้วยและเมื่อทำเช่นนั้นคณะลิเกก็เริ่มมีงานมากขึ้น เป็นที่กล่าวถึงบ้างในท้องถิ่นและในจังหวัดใกล้เคียงตุลามองการเปลี่ยนแปลงของกีรณาด้วยความพอใจ อีกทั้งท่าทางของกีรณาไม่เหมือนคนที่ต้องอยู่กับอยู่เสพติดเขาจึงถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดเพื่อจะช่วยเหลือเธอ กีรณาจึงเล่าให้ฟังถึงสาเหตุนั่นคือเธอถูกเชิญไปงานเลี้ยงและดื่มเครื่องดื่มตามปกติแต่ไม่รู้ทำไมเมื่อตรวจปัสสาวะออกมาจึงเป็นสีม่วงซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเธอถูกใส่ร้ายแต่อย่างไรก็ตามเธอไม่มีหลักฐานมาแก้ต่างให้ตนเอง เมื่อได้ยินดังนั้นตุลาเริ่มสืบความเป็นไป หากกีรณาไม่ผิดเธอก็ไม่ควรถูกตราหน้าว่าเป็นดาราขี้ยาและกลายเป็นคนหมดอนาคตอย่างนี้ ตุลาปรึกษา รสิตา(พิมพ์ทอง วชิราคม) เพื่อนสนิทที่เรียนจบมาด้วยกัน เพื่อรื้อคดีของกีรณาขึ้นมาใหม่กีรณากับตุลาสนิทกันมากขึ้น เพราะเมื่อมีปัญหาในคณะลิเกตุลาก็จะมาช่วยเหลือตลอดเวลาซึ่งกีรณาไม่เคยรู้ว่าตุลาเป็นทนายและเข้าใจว่าเขาเป็นชาวนาเนื่องจากตุลาขอครอบครัวมาอยู่กระท่อมปลายนาเพื่ออ่านหนังสือกีรณารู้สึกมีความสุข จนกระทั่งเธอถูกว่าจ้างไปเล่นแก้บนในงานหนึ่งซึ่งเป็นงานของลูกสาวผู้พิพากษาที่สอบเนติบัณฑิตได้และในวันนี้เองที่เธอได้รู้ว่าตัวเองเข้าใจเรื่องตุลาผิดมาตลอด ตุลาไม่ใช่ชาวนาอย่างที่เธอเข้าใจหากเป็นว่าที่ผู้ช่วยผู้พิพากษาเพราะเขาสามารถสอบข้อเขียนผ่านเหลือเพียงการสอบสัมภาษณ์เท่านั้น อีกทั้งยังได้รู้ด้วยว่าตุลาเป็นแฟนกับรสิตาลูกสาวของผู้พิพากษาหรือเจ้าภาพในวันนี้สิ่งที่รับรู้ทำให้กีรณารู้สึกต่ำต้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เมื่ออยู่บนเวทีเธอจำต้องแสดงต่อไปหลังจากแสดงจบเธอก็กลับมาร้องไห้ รู้สึกโกรธตุลาที่ทำเหมือนเธอเป็นตัวตลกจึงไม่ยอมพบและไม่ยอมพูดคุยกับชายหนุ่ม อีกทั้งเห็นว่าเขากำลังจะได้เป็นผู้พิพากษาดังนั้นเขาไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีคดียาเสพติดติดตัวอย่างเธอเพราะอาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขาในอนาคตได้ แล้ววันหนึ่งตุลาก็มาหากีรณาพร้อมกับมอบของให้ นั่นก็คือกล่องใบหนึ่งที่ยายขวัญบอกให้เขามอบให้เธอซึ่งความจริงเขาควรจะมอบให้ตั้งแต่วันเผาศพ แต่การกระทำของเธอทำให้เขาไม่อาจมอบให้เธอได้ เมื่อกีรณาเปิดดูก็พบว่าเป็นสมุดที่ยายขวัญตัดภาพของเธอเก็บเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการและเก็บสะสมเรื่อยมา ซึ่งก็ทำให้กีรณาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่เธอละเลยยายขวัญและที่ทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่าคือสมุดเงินฝาก ซึ่งมีเงินกว่าห้าล้านโดยระบุว่าเงินทั้งหมดมอบให้เธอและอีกสามล้านสำหรับคนในคณะลิเกกีรณากลับไปหาตุลาด้วยความโกรธที่เขาปิดบังเรื่องนี้ เธอตบหน้าเขาที่เขาโกหกปล่อยให้เธอต้องเผชิญเรื่องราวร้าย ๆ หากเธอได้เงินก้อนนี้มาตั้งแต่แรกเธอคงไม่ต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในคณะลิเกแต่เมื่อกลับมาย้อนคิดหากเธอได้เงินจำนวนนี้ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็คงจะไม่ได้รู้จักคำว่าครอบครัว ไม่รู้จักคุณค่าของความรัก ไม่รู้จักความสุขจากการให้และการได้รับดังนั้นนี่คือของขวัญที่เธอได้รับจากคชาซึ่งก็ทำให้เธอหายโกรธแต่ถึงอย่างนั้นเธอและเขาก็ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกันอยู่ดีกีรณาถอนเงินทั้งหมดออกมาเพื่อมอบให้คนในคณะทุกคนเป็นโบนัส ให้ทุกคนได้ทำทุนเพราะคิดว่าทุกคนน่าจะมีงานอย่างอื่นบ้าง เช่นมีที่ดินเป็นของตัวเองหากแก่ตัวไปเมื่ออยู่ในคณะไม่ได้จะได้มีที่ไป ส่วนเธอนั้นจะยังทำลิเกต่อไปและจะฝึกเด็กใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกทั้งยังหาโอกาสเสนอช่องทางการแสดงเพิ่มด้วยการออกรายการโทรทัศน์กับช่องเคเบิ้ลวันหนึ่งกีรณาได้รับหมายศาลจากคดียาเสพติดของเธอ ซึ่งเธอไม่รู้ตัวมาก่อนและไม่ได้เตรียมทนายจึงขอให้ทางสภาทนายจัดหาทนายสำหรับคนจนให้เนื่องจากเธอไม่เห็นความสำคัญของการขึ้นศาลครั้งนี้เพราะโทษของเธอไม่ถึงกับติดคุกเนื่องจากมียาเสพติดไม่เกิดที่กฎหมายบอกว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ไม่ว่าจะผิดหรือถูกเธอรู้ตัวเองดีและถึงแม้ชนะไปก็ใช่ว่าจะทำให้เธอมีความสุขมากขึ้น กีรณาไปที่ศาลซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ตุลามาสอบสัมภาษณ์ เธอกับเขาเจอกันหน้าตึก ตุลาเดินจากไปพร้อมกับรสิตาซึ่งก็สร้างความเจ็บปวดให้กับกีรณาอย่างเหลือเกินทุกคนในคณะมาให้กำลังใจกีรณาก่อนจะมีการเบิกตัวทนายและกีรณาต้องตกใจเมื่อพบว่าทนายความของเธอนั้นคือ ตุลา เขาละทิ้งโอกาสการสอบสัมภาษณ์มาช่วยเธอต่อสู้คดี ตุลานำหลักฐานต่าง ๆ พร้อมกับเบิกตัวพยานว่ามีผู้นำยาใส่ในแก้วน้ำและในกระเป๋าของกีรณา ซึ่งคนที่ทำก็คือเนตรดารา ดาราร่วมช่องของเธอซึ่งเวลานี้กำลังกลายเป็นดาราดังเพราะงานที่เคยเป็นของกีรณาตกเป็นของดาราผู้นี้ทั้งสิ้นเมื่อความจริงเปิดเผยกีรณากลายเป็นผู้บริสุทธิ์ บริษัทต่าง ๆ ก็ติดต่อกีรณามาให้ร่วมงานเหมือนดังเดิมซึ่งเธอก็ยอมหวนกลับสู่วงการ ไปทำงานเก่าที่ค้างไว้ให้หมด และยิ่งได้กลับมาที่วงการบันเทิงกีรณาก็รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเธอ คอนโดหรูกลางใจเมืองที่เธอเคยคิดว่ามันเป็นหอคอยงาช้างในเวลานี้ช่างอ้างว้างและโดดเดี่ยว ไม่เหมือนห้องเล็ก ๆ ที่บ้านยายขวัญแม้จะอึดอัดแต่ก็อบอุ่น กีรณาเฝ้ารอวันที่จะหมดสัญญากับทางบริษัทและกลับไปสู่อ้อมแขนของครอบครัว เมื่อทำงานเสร็จกีรณากลับไปที่บ้านยายขวัญซึ่งเธอมอบหน้าที่ดูแลคณะลิเกที่เติบโตขึ้นให้กับกัณหาช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง และเมื่อไปถึงเธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปยังกระท่อมปลายนาของตุลาซึ่งเธอคิดว่าเขาไม่น่าจะอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อเข้าไปเธอก็พบรูปภาพของตัวเอง ข่าวคราวที่ตุลาตัดไว้หลังจากที่เธอพ้นคดี เมื่อประตูเปิดออกตุลามาปรากฏตัว ทั้งคู่ตกใจ ซึ่งกีรณาค่อนข้างมั่นใจว่าตุลาเองก็น่าจะมีใจให้ตนจึงตัดสินใจเปิดคำถามบุกตุลาตกเป็นผู้ต้องหาที่ถูกไต่สวนหัวใจซึ่งเอาไม่อาจที่จะเก็บซ่อนสิ่งที่มีอยู่ได้จึงสารภาพออกไปว่ารักกีรณากีรณาจึงจัดการพิพากษาหัวใจทนายหนุ่มทันที บอกให้เขาชดใช้การโกหกหลอกลวงเธอด้วยการดูแลเธอไปตลอดชีวิตทุกคนมีความสุข ขณะที่ตุลากับกีรณา ตัดสินใจแต่งงานกัน สานต่อคณะลิเกต่อไป คู่ของหมวดไรวินทร์ กับ กัณหาก็ลงตัวไม่มีปัญหา เช่นเดียวกันชาลีและหยกฟ้า ซึ่งแสดงเป็นพระเอกนางเอกคณะลิเก สานต่อลิเกกันต่อไปอยู่กับก๋ง (2548/2005) บ้าน สวน พ.ศ.2548 หยก ชายชราวัย 60 ปี ประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียนของตน มีผลงานตีพิมพ์มากมาย ทุกวันนี้เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานมากมาย เมื่อมองภาพครอบครัวที่อบอุ่นอย่างทุกวันนี้ หยกมักจะย้อนคิดถึงวัยเด็กที่มีเพียงเขาและ ก๋ง ทุกครั้ง ก๋ง ชายชราชาวจีนที่อพยพเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลก ก๋งเป็นช่างฝีมือ ประกอบอาชีพหลักคืองานซ่อมเซรามิค อันเป็นวิชาที่ติดตัวมาจากเมืองจีน ความคิดอ่านที่กว้างไกลและความเมตตาของก๋ง ทำให้ก๋งได้รับการนับหน้าถือตาจากผู้คนมากมายในชุมชนห้องแถวที่อาศัยอยู่ ซึ่งผลบุญนี้ได้ตกมาถึง หยก เด็กกำพร้าที่ก๋งได้อุปการะไว้ หยกเติบโตอย่างอบอุ่นภายใต้การเลี้ยงดูของก๋ง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง หยกมักสงสัยว่าทำไมตนจึงไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่น จนวันหนึ่งหยกได้พบเห็นเด็กกำพร้าที่ถูกเอามาวางทิ้งไว้ หยกจึงได้เข้าใจว่าโลกนี้ยังมีเด็กโชคร้ายอีกหลายคนนัก และเพื่อนเขาบางคนเช่น ป้อม ลูกชายของ คุณนายทองห่อ กับคุณปลัด ที่แม้จะมีพ่อแม่พร้อมหน้า หากหยกได้รู้ความจริงว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น มีแต่การปั้นหน้าใส่กัน หยกจึงเข้าใจว่า แท้จริงแล้วการที่เขามีก๋งคอยให้ความรักกับเขาอย่างแท้จริงต่งหากที่ทำให้ เขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว ติดตามต่อได้ใน อยู่กับก๋ง
เรื่องย่อ : แรงรัก (2533/1990) เพราะความต้องการของผู้ใหญ่ทำให้อาทิตย์ และนุดีต้องแต่งงานกัน โดยปราศจากความรัก อีกทั้งอาทิตย์ยังมีคนรัก คือ เคธีแล้วด้วย หลังจากที่ผู้ใหญ่เสีย อาทิตย์ต้องการกลับไปหาแฟนสาวจึงตกลงกับนุดี ว่าจะเลิกกัน ทั้งๆที่ นุดี ท้องกับอาทิตย์ แต่นุดีก็ยอมตกลงที่จะหย่้าโดยไม่บอกอาทิตย์ว่า ตัวเองท้องแล้ว และให้เซนต์สัญญาว่า ห้ามยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินใดๆก็ตามที่เกิดจากนางเอก (นั่นก็คือลูก) และแบ่งที่ดินที่ปลูกเป็นเรือนหอ พระเอก ก็แบ่งเป็นสองส่วน ให้นางเอกครึ่งนึง ก็กลายเป็นบ้าน2หลัง รั้วติดกัน อีกหลังให้พี่สาวตัวเองอยู่ หลังจากหย่า อาทิตย์ก็ย้ายตัวเองไปอยู่อเมริกากับเคธี่ ส่วนนุดีก็ครองตัวเป็นโสดเลี้ยงลูกคนเดียวนับตั้งแต่นั้น เวลาผ่านไป อาทิตย์ต้องการลูกแต่ภรรยาไม่สามารถมีบุตรได้ และเบื่อเมืองนอกจึงคิดย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ประจวบกับพี่สาวเขียนจดหมายไปเล่าถึง ลูกชายของนุดีชื่อลูกหมู อาทิตย์ตัดสินใจกลับเมืองไทย แต่เคธียังไม่ยอมกลับมาด้วย ก็เลยตัดสินใจห่างกันสักพัก เมื่ออาทิตย์กลับมาอยู่ที่บ้าน เมื่ออาทิตย์พบลูก ก็หลงเลย แล้วก็เหมือนตกหลุมรักนุดีอีกครั้ง แต่นางเอกจะใจแข็งมากๆ แต่ก็ลูกหมูนี่แหละ ตัวเชื่อมสัมพันธภาพ เคธีทนคิดถึงอาทิตย์ไม่ไหวก็กลับมาเมืองไทย แต่ก็พอรู้ๆอยู่แล้วว่าอาทิตย์รักกับนุดีและมีลูกหมูเป็นโซ่ทองคล้องใจ เลยตัดสินใจหย่า สุดท้าย ครอบครัวของลูกหมู จึงกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง
เรื่องย่อ : ตำรับรัก (2532/1989) เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวสองคู่ คือ บังอรสุวรรณี กับประณต และ ประภาส กับฉมชบา ซึ่งกว่าความรักของทั้งสองคู่จะลงเอยกันได้ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและความพยายามมากมาย จนในที่สุดก็สมหวัง นอกจากจุดเด่นจะอยู่ที่คนทั้งสี่คนแล้ว ยังมีการแสดงให้เห็นถึงความรักของบรรดาพี่น้องของบังอรสุวรรณี ซึ่งแต่ละคนเมื่อมีความรักก็ประสบปัญาหาแตกต่างกันไป นอกจากนี้ละครยังแสดงให้เห็นด้านความรักเป็นประการสำคัญ ยังให้ข้อคิดและการแก้ปัญหาเมื่ออยู่ร่วมกันในครอบครัวใหญ่ย่อมเกิดปัญหา การเห็นอกเห็นใจกันของคนในครอบครัว และการกตัญญูต่อบิดามารดาอีกด้วย
Happy Birthday วันเกิดของนาย วันตายของฉัน (2561/2018) ตลอดทั้งชีวิต 16 ปีของ ต้นไม้ (ปุริม รัตนเรืองวัฒนา) เขาคือเด็กที่ไม่เคยมีวันเกิดเป็นของตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว เพราะวันเกิดของต้นไม้ คือ "วันตาย" ของ ธารน้ำ (ลภัสลัล จิรเวชสุนทรกุล) พี่สาวคนโต ถ้าต้นไม้เอ่ยถึงเรื่องวันเกิด พ่อเชษฐ์ (สันติสุข พรหมศิริ) และ แม่อร (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) จะโกรธต้นไม้มากถึงมากที่สุด แต่แล้วในขวบปีที่ 17 ต้นไม้ก็ได้รับของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากพ่อและแม่ นั่นคือ “ห้องนอนเก่าของธารน้ำ“ และเมื่อต้นไม้เริ่มเข้าไปปรับปรุงและอาศัยอยู่ เขาก็ได้พบกับวิญญาณของธารน้ำที่ยังคงวนเวียนและยึดติดอยู่ ณ ที่แห่งนั้น และเขา ก็เป็นคน ๆ เดียวที่สามารถสื่อสารกับธารน้ำได้ ธารน้ำไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้เพราะยังมีบ่วงในจิตใจที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ออก ทั้งเรื่องที่เธอทำยังไงก็ไปเกิดใหม่ไม่ได้ และทำยังไงก็ไม่สามารถจำสาเหตุและเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายได้ ธารน้ำจึงใช้โอกาสนี้ขอความช่วยเหลือจากต้นไม้ให้ไปสืบเรื่องของ ที (พุฒิชัย เกษตรสิน) ดาราดาวรุ่งที่เป็นรักแรกและรักเดียวของธารน้ำ และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจเชื่อมรอยร้าวของครอบครัวที่เคยแตกสลายให้ผสานกลับมาเป็นดังเดิม ด้วยพลังแห่งความรักที่เขามีเพียงคนเดียว
บ้านทรายทอง (2521/1978) พจมาน เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดของตน แม้จะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาก็ตาม เธอจำเป็นต้องจากบ้านสวนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือต่อ ตามความประสงค์ของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนเสียชีวิต ให้พจมานไปอาศัยอยู่กับครอบครัวหม่อมพรรณราย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่บ้านทรายทอง เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ โดยมีหม่อมแม่และคุณหญิงเล็กน้องสาวของชายกลาง รวมถึงคนรับใช้ทุกคนในบ้านคอยแกล้งเธอ ชายกลางสงสาร และให้คุณหญิงใหญ่พี่สาวคนโตคอยช่วยเหลือ และพจมานก็คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กของชายกลางที่เป็นง่อย เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีงาม จนสามารถเอาชนะใจของชายกลาง และอีกหลายๆ คน จนเป็นผลสำเร็จ จนทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด พจมาน แต่งงานกับชายกลาง ที่บ้านทรายทอง หม่อมพรรณรายมางานอย่างเสียมิได้ น้องสาวของพจมาน พจนีย์ก็มาเรียกร้องสิทธิ์จะอาศัยอยู่ด้วย เมื่อทั้งสองกลับจากฮันนีมูน ก็พบกับปัญหาต่าง ๆ นานา ทั้งไสวแม่บ้านและพจนีย์กับเด็กบุญเรือน ที่มักจะนำเรื่องภายในบ้านไปกระจายข่าว ทำให้เกิดเรื่องขัดแย้งกันเสมอ สามีเก่าของพจนีย์ก็มาขอเงินไปรักษาตัว จนไสวเอาไปรายงานหม่อมพรรณราย ทั้งพจนีย์และคนอื่น ๆ ก็กล่าวหาพจมานในทางเสื่อมเสีย หญิงเล็กก็แต่งงานกับนายบุญเติมเศรษฐีซึ่งมีประวัติไม่ดีนัก เมื่อน้องชายป่วยและเสียชีวิตในที่สุด พจมานเสียใจมากและเหน็ดเหนื่อยกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน จึงขอไปอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัดสักระยะ จนพจนีย์ไปพบจดหมายของสามีตนจึงเข้าใจพี่สาวและประกาศให้ทุกคนรู้ หม่อมพรรณรายเมื่อสูญเสียชายน้อย และรู้ว่ากำลังจะมีหลาน ก็ลดทิฏฐิลงหญิงใหญ่บอกชายกลางว่าเขากำลังจะมีลูก ชายกลางดีใจมาก รีบไปรับพจมานและบอกพจมานว่าความดีที่เพียรพยายามทำนั้น ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับพจมานจึงกลับสู่บ้านทรายทอง และพบกับความเข้าใจของทุกคน
เรื่องย่อ : อุ้มบุญ (2533/1990) เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาว 2 คู่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกัน ศิวา น้ำผึ้ง เบญจ์ และ อรชา ความปรารถนาของชีวิตคู่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือทายาทสืบสกุล แต่เมื่อ อรชา และเบญจ์ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ อรชาจึงอยากให้น้ำผึ้งมาอุ้มท้องแทนเธอ เรื่องราวจึงเกิดขึ้นเมื่อน้ำผึ้งไม่ยอมทำตามที่ตกลงไว้
บ่วงรักกามเทพ (2552/2009) สุมน (ดวงตา ตุงคะมณี) เรียกตัวภูบดี (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) กลับจากอเมริกาด่วน เพื่อมาจัดการปัญหาใหญ่ของครอบครัว เพราะภาวัต (ชยธร เศรษฐจินดา) น้องชายคนเดียวดันไปติดพันอรณี (สินิทธา บุญยศักดิ์) แม่หม้ายอายุแก่กว่าถึง 5 ปี ภูบดีทนไม่ได้ที่เห็นมารดาไม่สบายใจจึงเข้ามาสะสางปัญหา แต่ภาวัตก็ยืนกรานกับภูบดีว่ารักอรณีอย่างจริงใจถึงแม้เธอจะเคยมีสามีมาแล้วและเป็นเพียงช่างเย็บผ้าจนๆ ภาวัตยอมทุกอย่างแม้ถูกตัดออกจากกองมรดก ทำให้ภูบดีเปลี่ยนแผนแอบไปเจรจากับอรณีแทน ภูบดีมั่นใจว่าเขาจะสามารถสะสางปัญหานี้ได้ด้วยเงิน แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อคนที่มาเจรจาไม่ใช่อรณีแต่เป็นอรณิชา (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) น้องสาวปากกล้าไม่กลัวใคร ภูบดีเปิดฉากต่อว่าและดูถูกอรณิชาเพราะคิดว่าเป็นอรณี จนอรณิชาทนไม่ได้ตอบโต้กลับอย่างแรง ทำให้การเจรจาครั้งแรกไร้ผลเพราะอรณิชายืนยันไม่รับเงิน ติดตามต่อได้ใน บ่วงรักกามเทพ
4 หัวใจแห่งขุนเขา ธาราหิมาลัย (2553/2010) ธาราหิมาลัย ทิพย์ธารา (คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส) หรือ หมอน้ำ เป็นแพทย์ประจำอยู่ในศูนย์ระบบประสาทและสมองของโรงพยาบาลปากช่อง ทิพย์ธาราเป็นแพทย์เจ้าของไข้ภูวเนศ (อธิชาติ ชุมนานนท์) องค์รัชทายาทผู้เพียบพร้อมแห่ง ประเทศปารวัตร ทิพย์ธาราหนึ่งในแฝด 4 สุดมหัศจรรย์แห่งไร่ “อดิศวร” เธอมีพี่ชายฝาแฝดอีก 3 คน คือ ปฐพี (ปริญ สุภารัตน์) วายุภัค (ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) หรือ ลม และคนสุดท้ายคือ อัคนี หรือ ไฟ ภายนอกทิพย์ธาราดูเป็นหญิงสาวที่โชคดีที่มีชายทั้ง 3 คอยเป็นบอดี้การ์ดไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ จนเธอเองเกิดอาการเซ็งและฝันอยากมีความรักสักครั้งในชีวิต
แม่อายสะอื้น (2561/2018) เรื่องราวของดาวนิล หญิงสาวที่สวยที่สุดของหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอแม่อาย ที่มีฝีมือในการรำดาบเป็นอย่างมาก เธอเป็นลูกสาวของคำปัน ครูสอนศิลปะการแสดงล้านนา ที่เลี้ยงชีพด้วยการแสดงของคณะละคร จนกระทั่ง ถูกหนานเมืองเจ้าของคณะละครคู่แข่งกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง ทำให้คณะละครของคำปันย่ำแย่ จนในท้ายที่สุด ดาวนิลจึงต้องตัดสินใจเดินทางมาหาเงินในกรุงเทพฯ แต่แท้ที่จริงแล้วเธอโดนหลอกให้ไปขายตัว แทนที่จะเป็นงานแสดงศิลปะล้านนาที่เธอถนัด เหตุการณ์ผ่านไป เธอกลายเป็นดาราที่มือชื่อเสียงขึ้นมา แต่เธอต้องแลกด้วยการลืมอดีตของเธอ นั่นหมายถึง พ่อ น้อง และลูกของเธอไว้ที่แม่อาย และนี่เอง ที่กลายเป็นปมที่กดดันเธอ ให้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
เรือนไม้สีเบจ (2547/2004) วิญญาณของเรือนไม้สีเบจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผม คงจะเป็นเพราะเราเห็นกันมาตั้งแต่เกิด เราเคยสุขด้วยกันเมื่อครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้า… เคยเหงาด้วยกันเมื่อคนอื่นๆแต่ละคนพากันจากไป… เมื่อสาวน้อยคนหนึ่งก้าวเข้ามา เธอก็นำชีวิตชีวามาให้ทั้งผมและเรือนหลังนี้ เธอรักและไม่ทอดทิ้งบ้านเช่นเดียวกับเธอทำกับผม
เรื่องย่อ : บ้านทรายทอง (2530/1987) พจมาน เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดของตน แม้จะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาก็ตาม เธอจำเป็นต้องจากบ้านสวนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนหนังสือต่อ ตามความประสงค์ของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนเสียชีวิต ให้พจมานไปอาศัยอยู่กับครอบครัวหม่อมพรรณราย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่บ้านทรายทอง เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาอยู่ โดยมีหม่อมแม่และคุณหญิงเล็กน้องสาวของชายกลาง รวมถึงคนรับใช้ทุกคนในบ้านคอยแกล้งเธอ ชายกลางสงสาร และให้คุณหญิงใหญ่พี่สาวคนโตคอยช่วยเหลือ และพจมานก็คอยดูแลเอาใจใส่น้องชายคนเล็กของชายกลางที่เป็นง่อย เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีงาม จนสามารถเอาชนะใจของชายกลาง และอีกหลายๆ คน จนเป็นผลสำเร็จ จนทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด พจมาน แต่งงานกับชายกลาง ที่บ้านทรายทอง หม่อมพรรณรายมางานอย่างเสียมิได้ น้องสาวของพจมาน พจนีย์ก็มาเรียกร้องสิทธิ์จะอาศัยอยู่ด้วย เมื่อทั้งสองกลับจากฮันนีมูน ก็พบกับปัญหาต่าง ๆ นานา ทั้งไสวแม่บ้านและพจนีย์กับเด็กบุญเรือน ที่มักจะนำเรื่องภายในบ้านไปกระจายข่าว ทำให้เกิดเรื่องขัดแย้งกันเสมอ สามีเก่าของพจนีย์ก็มาขอเงินไปรักษาตัว จนไสวเอาไปรายงานหม่อมพรรณราย ทั้งพจนีย์และคนอื่น ๆ ก็กล่าวหาพจมานในทางเสื่อมเสีย หญิงเล็กก็แต่งงานกับนายบุญเติมเศรษฐีซึ่งมีประวัติไม่ดีนัก เมื่อน้องชายป่วยและเสียชีวิตในที่สุด พจมานเสียใจมากและเหน็ดเหนื่อยกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน จึงขอไปอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัดสักระยะ จนพจนีย์ไปพบจดหมายของสามีตนจึงเข้าใจพี่สาวและประกาศให้ทุกคนรู้ หม่อมพรรณรายเมื่อสูญเสียชายน้อย และรู้ว่ากำลังจะมีหลาน ก็ลดทิฏฐิลงหญิงใหญ่บอกชายกลางว่าเขากำลังจะมีลูก ชายกลางดีใจมาก รีบไปรับพจมานและบอกพจมานว่าความดีที่เพียรพยายามทำนั้น ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับพจมานจึงกลับสู่บ้านทรายทอง และพบกับความเข้าใจของทุกคน
365 วันแห่งรัก (2553/2010) คงไม่มีใครคาดคิดว่านี่จะเป็นข้อความที่ ลัลนารี (แอน ทองประสม) สถาปนิกสาวสวยเขียนยื่นให้กับตุลา (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) อัยการหนุ่มมาดขรึมในวันที่เธอขอเค้าแต่งงาน เธอเป็นผู้หญิงที่ขอผู้ชายแต่งงานเพราะเธอคิดว่าถ้ารอให้ผู้ชายขี้อายอย่าง ตุลาเป็นฝ่ายเอ่ยปากเธอคงต้องรอไปจนผมหงอก ตุลาตอบตกลงแต่งงานกับลัลนารีโดยไม่ลังเล แม้คืนวันแต่งงานลัลนารีจะหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยอ่อนจึงไม่ได้เป็นภรรยา โดยพฤตินัยของตุลาและเช้าวันรุ่งขึ้นตุลาก็ต้องไปทำคดีสำคัญแทนการฮานีมูน ลันนารีทำการเซอร์ไพร้สด้วยการชวน ภารตี (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) เพื่อนสนิทมานั่งรอตุลาในร้านอาหารแถวสำนักงานของเขา แต่ลัลนารีก็ต้องเซอร์ไพร้สกว่าเมื่อตุลาเดินมาในร้านอาหารพร้อม รชา (ภัครมัย โปตระนันทน์) สาวเปรี้ยวเพื่อนเก่าสมัยเรียนผู้กำลังมีปัญหาคดีความ ลัลนารีก็หึงหน้ามืดลุกพรวดไปเสนอหน้าพูดจาประชดประชันจนเกือบมีเรื่องกับ รชา และก็ไม่ยอมฟังคำอธิบายของตุลา ลัลนารีไม่สบายใจระแวงว่าตุลาจะไปพบรชาจึงไปปรึกษา ลักษมี (ดวงตา ตุงคะมณี) ผู้เป็นแม่ที่มีประสบการณ์สู้รบปรบมือกับ ลิขิต สามีจอมเจ้าชู้ผู้เป็นพ่อของลัลนารี แทนที่จะปลอบใจลักษมีกลับยุยงให้ลัลนารีจับตาดูตุลาให้มากกว่าเดิม แถมยังพูดจากระทบกระเทียบ ลดาวัลย์ (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) พี่สาวของลัลนารีว่าตามผัวเจ้าชู้อย่าง ชวินทร์ (จักกฤษณ์ อำมรัตน์) ลักษมีอยากให้ลดาวัลย์เลิกกับชวินทร์แต่ทำไม่ได้เพราะถึงชวินทร์จะเป็นผัว ที่ไม่ได้เรื่อง แต่ก็เป็นพ่อที่ดีของ บาหลี (ด.ญ.เฟลิเซีย นัฐษณา บูทเชอร์) ติดตามต่อได้ใน 365 วันแห่งรัก
เรื่องย่อ : เชิง ชาย ชาญ (2561/2018)
เชิง เชื้อเสือ (ธันน์ ธนากร) หนุ่มวัย 28 ปี เป็นพี่ชายคนโตแห่งตระกูลเชื้อเสือ เขาจึงยอมเสียสละความสุขส่วนตัว มาดูแลกิจการพืชไร่ของบ้าน โดยที่ให้น้องชาย 2 คนร่ำเรียนอย่างที่ตัวเองต้องการ เชิงจึงมีนิสัย แกร่งเกินตน เด็ดขาด ทำดูเหมือนกับเขาเป็นคนแข็งกระด้าง เชิงเป็นที่รัก และเคารพของน้อง ๆ อย่างมาก ชาย เชื้อเสือ (กรกฎ ตุ่นแก้ว) ลูกชายคนรอง ชายเป็นลูกพ่อแม่เดียวกับเชิง แต่นิสัยผิดกันอย่างมาก เพราะชายเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน มองโลกในแง่ดี เขาวาดหวังจะเป็นปลัดที่อำเภอเสือสะท้าน เพราะอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ชายเท่าที่ทำได้ ชาญ เชื้อเสือ (ธาราเขต เพ็ชร์สุกใส) น้องชายคนสุดท้อง แม้เขาจะคนละแม่กับพี่ ๆ แต่เขาก็รักพี่ชายทั้งสองมาก ทำให้ ถวิล (แวร์ โซว) แม่ของชาญ หมั่นไส้ลูกแท้ ๆ ของตัวเองมาก เพราะเธอหวังมาโดยตลอดว่า จะกำจัดลูกเลี้ยงนอกไส้ของตัวเอง เพื่อให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างตกเป็นของลูกชายเธอเท่านั้น ชด เชื้อเสือ (เล็ก ไอศูรย์) พอจะมองออกในพฤติกรรมของเมีย แต่เขาก็คิดว่าเป็นแค่ความริษยาของผู้หญิง คงไม่มีทางทำอันตรายเชิง และชายได้
เชิงมักชอบปกป้องสาว ๆ ในอำเภอของตัวเอง จากเงื้อมมือของ บุญแท้ (กฤษฎา สุภาพพร้อม) เจ้าพ่ออำเภอคลองใหญ่ เพราะ สุรีย์ (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) นางงามประจำเสือสะท้านก็ถูกบุญแท้ฉุดไปเป็นเมีย เชิงจึงคอยดูแล ครูมาลัย (ธัญสินี พรมสุทธิ์) จนใคร ๆ คิดว่าเขาหลงรักมาลัย แต่มาลัยรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความรัก เธอจึงเลือกที่จะแต่งงานกับ ครูเริง (กณิณ ปัทมนันต์) แต่ก่อนวันแต่งงานครูเริงกลับถูกฆ่าตาย ทำให้ทุกคนคิดว่าเชิงเป็นคนทำ โดยเฉพาะ รัตติการ วรกุล (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) น้องสาวของเริง เธอถึงกับยอมลงทุนปลอมตัวเป็นหลานสาว นายอำเภอประกิจ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของ ปรางทิพย์ (จาร์ดา อินโตร์เร) คุณนายเทียนทอง (พิมพ์ดาว รวีมงคลเสถียร) ก็ชอบใจ เพราะจะได้มีลูกสาวเพิ่มอีกคน
ในขณะที่ทุกคนต่างเข้าใจเชิงผิด มีเพียง ชฎา (อังคณา วรรัตนาชัย) ครูสาวและลูกสาวของ น้าแสน (หน่อย เชิญยิ้ม) หัวหน้าคนงานในไร่เชื้อเสือ เพราะเธอแอบชอบเชิง และรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฆ่าครูเริงเด็ดขาด เชิงแค่ปกป้องทุกคนเหมือนที่ปกป้อง อ้อย (ดวงกมล บุญเขียว) จากเหี้ยม
วันแรกที่รัตเหยียบคลองใหญ่ก็เกิดเรื่อง เผือก (อธิบดี พันตาวงศ์) และ ว่อง (ณัฐพล รัตนิพนธ์) เข้ามาลวนลาม ชายกับชาญผ่านมาพบจึงเข้าช่วยเหลือ ทำให้ชายเกิดรักแรกพบเมื่อพบหน้ารัต ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย น้ายง (จรินทร์ พรหมรังสี) มารับรัตที่ท่ารถพอดีจึงเข้าห้าม รัตเองก็เพิ่งรู้จากปรางว่าที่นี่มันเถื่อนขนาดไหน
เผือกนำเรื่องความสวยของรัต ไปเล่าให้บุญแท้ฟัง บุญแท้เริ่มสนใจ ส่ง เหี้ยม (อิทธิกร สาธุธรรม) และ เปีย (สานิตย์ บุญรอด) ลูกน้องคนสนิทไปสืบ พอรู้ว่ารัตสวยมากจึงรีบให้ เถ้าแก่เบ๊ (พงศนารถ วินศิริ) ไปขอหลานสาวนายอำเภอมาเป็นลูกสะใภ้ แต่นอกจากจะถูกปฏิเสธกลับทำให้เกิดเรื่องชกต่อยกับเชิง แม้รัตจะไม่ชอบบุญแท้ แต่เมื่อมีเรื่องกับคนที่เธอคิดว่าฆ่าพี่ชายเธอ รัตจึงเข้าข้างบุญแท้ ทำให้บุญแท้คิดว่ารัตมีใจให้เขาเช่นกัน เชิงแม้จะไม่ถูกชะตากับรัต แต่ก็อดห่วงเธอไม่ได้หากไปชอบคนเลวอย่างบุญแท้
ชาญรู้ว่าชายชอบรัตเอามาก ๆ จึงพยายามส่งเสริมเต็มที่ผ่าน ปรางทิพย์ และด้วยนิสัยขี้เล่น ทำให้ปรางกับชาญ มักมีปากเสียงเป็นพ่อแง่แม่งอนเสมอ ๆ แต่ถึงเป็นแบบนี้แต่ในเรื่องงาน ทั้งสองกลับเข้าขากันอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องสืบคดีเชิงถูกใส่ร้าย และเรื่องที่ชาวบ้านถูกเถ้าแก่เบ๊โกงที่ดิน ชาญจึงใช้ความสามารถด้านทนายทุ่มเทเพื่อชาวบ้าน ไม่ว่าแม่จะขัดขวางอย่างไงเขาก็คงเดินหน้าต่อสู้กับความอยุติธรรม
ผู้กองไชโย (คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) เป็นเจ้าของคดีครูเริง ด้วยสิ่งที่เขาได้ยินมาจาก หมวดสมศักดิ์ (ตูมตาม เชิญยิ้ม) และ ปลัดวิชิต (พิทักษ์ ศัลย์วิวรรธน์) เรื่องตระกูลเชื้อเสือมีอิทธิพล และเห็นความโศกเศร้าของมาลัย ทำให้เขาไม่ชอบหน้าเชิง และคิดจะหาทางจับเชิงให้ได้หากพบหลักฐาน แต่ยิ่งสืบ ทำให้เขายิ่งคิดหนัก เพราะเชิงกลับเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาหลายครั้ง มาลัยผูกใจเจ็บเรื่องครูเริงมาก ตาแม้น (พอเจตน์ แก่นเพ็ชร์) พ่อมาลัยพยายามพูดเตือนสติ แต่มาลัยก็ไม่สนใจ รัต เข้าทำงานเป็นครูที่โรงเรียน ทำให้เธอได้รู้เรื่องของพี่ชาย จากขาเมาส์ประจำโรงเรียนอย่าง ครูพลับพลึง (อรวรา เพ็งพารา) และ ครูวิทยา (ภูวเนตร สีชมพู) ข้อมูลผิด ๆ ทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเชิง คือคนฆ่าพี่ชายเธอแน่นอน เธอจึงคิดใช้ชาย เป็นสะพานสืบหาความจริง ปรางเตือนรัตว่าเป็นสิ่งผิดที่เล่นกับหัวใจคน แต่รัตไม่ยอมฟัง เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อพี่ชาย
เชิงไม่เข้าใจว่าทำไมรัตถึงรังเกลียดเขามากมาย และเขาเองก็กลับหงุดหงิดเมื่อเห็นรัต ใกล้ชิดกับบุญแท้ มีเพียงชฎาคอยปลอบโยน และเตือนสติให้ข้อคิดดี ๆ เชิงจึงพยายามไม่สนใจรัต เพราะเป็นผู้หญิงที่น้องชายหมายปอง แต่ความรักยิ่งวิ่งหนีมันกลับวิ่งตาม ขณะที่เชิงตามสืบเรื่องคนงานที่ขโมยนาฬิกาเชิงไป จนกลายเป็นหลักฐานหมัดตัวเขา เพราะตกอยู่ใกล้ ๆ ศพครูเริง รัตอยากรู้ความจริงจึงติดตามเชิงไป ทำให้ต้องไปติดค้างคืนด้วยกันเพราะรถเสีย ทำให้เชิงกับรัตยิ่งผูกพันกัน เป็นเหตุให้ชายไม่พอใจอย่างมาก รีบออกจากโรงพยาบาลทั้งที่เพิ่งถูก ทับ (นพฤทธิ์ ศรีบุตร) ลูกน้องบุญแท้ยิงมาสด ๆ ร้อน ๆ เหตุที่เชิงถูกใส่ความ ทำให้ เทิ้ม (วิฑูรย์ ลิ่วลักษณ์) ลูกน้องเชิง ยอมแฝงตัวเองเข้าไปอยู่กับบุญแท้ ทด (พิจักษณ์ ศิริประกา) ไม่เข้าใจพี่ชาย แต่ก็เชื่อมั่นว่า เทิ้มไม่มีวันหักหลังนายเชิง
เผือกชวนบุญแท้ค้ายา บุญแท้จึงรวบรวมพรรคพวกได้ ทองแดง (ธนวิช วงศ์สุวรรณ) มาช่วยเพื่อค้ายาอย่างจริงจัง เพราะเถ้าแก่เบ๊แพ้คดีที่ดิน แม้จะลอบวางเพลิง จนชาญเจ็บตัวเพราะเข้าไปช่วยปรางในสำนักงานทนายความ แผนการจะเปิดโรงงานขนาดใหญ่ของเถ้าแก่เบ๊จึงล้มเลิกไป เถ้าแก้เบ๊เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ถวิลซึ่งแท้จริงเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเถ้าแก่เบ๊ บอกว่าเธอจะฆ่าชดเอง เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับพี่ชาย และเธอจะเอาที่ดินทั้งหมดของชดมาให้ได้
ขณะที่บุญแท้กำลังยุ่งกับเรื่องค้ายาเสพติด เพราะเขาจับได้ว่า สุรีย์เล่นชู้กับเหี้ยม และร่วมมือกับเผือกคิดหักหลังเขา ชายก็ตกหลุมรักรัตอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนทำให้มีเรื่องชกต่อยกับเชิง เพราะเชิงหายไปกับรัตทั้งคืนเมื่อตอนขึ้นไปเที่ยวบ้านบนดอย ชายหนีเข้ากรุงเทพฯ ทำให้เขาได้รู้ความจริงจากผู้กองไชโย ว่ารัตคือน้องสาวครูเริง ชายจึงใช้เหตุนี้บีบบังคับให้รัตหมั้นกับเขา รัตยอมหมั้นด้วยแต่มีข้อตกลงว่า เธอจะแต่งงานกับชายต่อเมื่อเชิงบริสุทธิ์ เพราะเธอคิดว่าเชิงเป็นฆาตกรตัวจริง แต่การที่เธอคิดแบบนี้มันกลับทำให้เธอเจ็บปวดมาก เมื่อเชิงมาหาในวันหมั้นเพื่อจะสอบถามความจริงว่ารัตรักชายหรือเปล่า ทำให้รัตเป็นลมในอ้อมกอดเชิง ชายมาเห็นกับตาทำให้ความอดทนทุกอย่างจบสิ้น ชายโกรธที่ถูกพี่ชายหักหลัง รีบขับรถออกไปจนถูกทองแดงดักยิง อาการสาหัส เชิงบริจาคเลือดให้น้องจนเกือบตายเช่นกัน ชาญทุกข์ใจมาก เพราะพี่ชายทั้งสองคนอยู่ในโคม่า และเขาก็สืบทราบมาว่า ถวิลเป็นตัวการใส่ร้ายเชิงโดยร่วมมือกับเถ้าแก่เบ๊ และคิดจะฆ่าพ่อ แต่ด้วยแผนซ้อนแผน ทำให้ถวิลเปิดเผยตัวว่าเธอเป็นใครและหนีไป ชาญเสียใจมาก ปรางคอยปลอบโยนให้กำลังใจ ทำให้ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกพิเศษต่อกัน
บุญแท้รู้ว่าชายหมั้นกับรัต จึงให้ทับและทองแดงไปฉุดรัตมา แต่กลับติดปรางและชฎามาด้วย เทิ้มถูกบุญแท้จับได้ว่าแกล้งเป็นสายให้เชิงจึงถูกจับมาขังรวมกับสาว ๆ เทิ้มเล่าความจริงทุกอย่างที่สืบรู้มา รัตถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าเชิงไม่ได้เป็นคนฆ่าพี่เริง ชายหนีออกจากโรงพยาบาลตามมาช่วยแต่นอกจากจะช่วยไม่ได้ ชายยังถูกจับอีกคน บุญแท้ต้องไปรับยาเสพติดที่หุบวัวแดง จึงให้ลูกน้องเฝ้าทุกคนไว้รอเขากลับมา เชิงอยากจะไปช่วยรัต แต่เขาคิดว่าถ้าได้ตัวบุญแท้ก็ต้องได้ตัวทุก ๆ คน เชิงจึงเข้าป่าไปพร้อมกับนายอำเภอประกิจ เพื่อช่วยจับบุญแท้และพ่อค้ายาเสพติดในฐานะผู้ชำนาญทาง
เชิงจะจับบุญแท้ได้หรือไม่ เผือก, สุรีย์, เหี้ยม จะได้รับผลกรรมอย่างไร รัตจะรักกับเชิงได้ไหม เพราะเธอทำร้ายชายอย่างแสนสาหัส ชาญจะตามไปช่วยปรางหญิงคนรักได้หรือไม่ ชฎาจะสมหวังกับเชิง หรือจะพ่ายรัก มาลัยกับผู้กองไชโย จะลงเอยอย่างไร เชิงจะแก้ปัญหาชีวิตรักอย่างไร ติดตามชมกันต่อได้ในละคร เชิงชายชาญ
ไม้ดัด (2539/1996) การเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดและต้องการให้เด็กเป็นไปตามแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของเด็ก เด็กจึงเปรียบเสมือนไม้ดัดที่ผู้ใหญ่จะดัดอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ จนเกิดเรื่องราวความขัดแย้งและความผูกพันในครอบครัวมากมาย หากแต่พวกเขามีชีวิตและจิตใจเป็นของตนเอง
คุณพ่อจอมซ่าส์ (2561/2018) พันอินทร์ (วิลลี่ แมคอินทอช) ไบค์เกอร์สุดซ่า หนุ่มหล่อ เพลย์บอย ผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คบผู้หญิงแบบไร้ข้อผูกมัด และไม่มีทีท่าจะผูกพันกับใคร ท่ามกลางความระอาของครอบครัว ที่ต้องการให้ลงหลักปักฐานเสียที จู่ ๆ โลกทั้งใบของพันอินทร์ต้องพลิกกลับ ด้วยการมาปรากฏตัวของ แสนแก้ว (ลิลลี่-ณิชภาลักษณ์ ทองคำ) ไอ้หนูวัย 16 ปี ที่หน้าตาเหมือนพันอินทร์เป๊ะทุกองศา แบบไม่ต้องสืบว่าลูกใคร แสนแก้ว แสดงตัวเป็นหนุ่มน้อยวัยใสที่มาตามหาพ่อ ที่ไข่ทิ้งไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว พันอินทร์แทบจะไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่ว่าเขาไปทำสาวที่ไหนท้องมาก่อน หลังจากใช้เวลาเรียบเรียงอดีต เขาพบว่า เขาได้กับ ทิพย์เกสร (ป๊อก-ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) สาวชาวบ้านแสนสวยสุดซื่อ ในขณะที่ไปออกค่ายกิจกรรมระหว่างเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 18 ปี แต่นั่นมันเป็นเพียงความรักความใคร่ชั่วครู่ชั่วยามในสมัยเด็กของเขา ใครจะไปคาดคิดว่าจะเปิดปุ๊บติดปั๊บได้เร็วจากการมีความสัมพันธ์กันเพียงไม่กี่ครั้ง และทำไมไม่เคยมีการติดต่อให้ได้รับรู้มาก่อน ชีวิตของพันอินทร์ หนุ่มโสดจอมซ่า กลายเป็นคุณพ่อแมวเซา ด้วยโดนลูกสุดที่รักที่เพิ่งโผล่มาคอยตามติดสารพัดจนไม่มีเวลาไปแสวงหาความสุขจากบรรดาผู้หญิงในลิสต์ได้สักคน แถมยังต้องคอยคิดว่าจะทำตัวแมนอย่างไร ให้เป็นตัวอย่างให้ลูก เพราะจากบุคลิกภาพของแสนแก้ว สภาพความนุ่มนิ่มคล้ายกับจะโอนเอียงไปทางตุ๊ด เหรือเกย์มากกว่าเด็กผู้ชาย หารู้ไม่ว่า ความจริงแล้ว แสนแก้ว คือเด็กผู้หญิง ที่แสนเจ้าเล่ห์ จอมวางแผน ที่ทั้งชีวิตโหยหาอยากมีพ่อ อยากให้พ่อและแม่กลับมาพบรักกันใหม่ เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวเป็นเรื่องไม่น่าให้อภัย แต่เธอเชื่อว่า แม่ยังคงทั้งรักทั้งแค้นพ่ออยู่มาก จึงไม่ยอมแต่งงานใหม่ ทั้ง ๆ ที่มีทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาตามจีบมากมาย รวมถึง สินธร (มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล) ไบค์เกอร์หนุ่มน้อย ที่แค่พบสบตา ทิพย์เกสร ครั้งแรกก็หลงรักหัวปักหัวปำ ในฐานะที่เป็นรักแรก จนกลายเป็นคู่แค้นกับแสนแก้ว ที่หวงแม่ยิ่งชีวิต ความแสบของแสนแก้วสร้างความปั่นป่วนให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง เรื่องราวสุดแสนวุ่นวายจึงเกิดขึ้น ติดตามบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในละคร คุณพ่อจอมซ่าส์
ฟ้ามีตะวัน (2563/2020) พอล หรือ ปรมี สุริยกานต์ (โดนัท-ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์) ชายหนุ่มผู้ต้องการแก้แค้น ปารมี (หนุ่ม-สันติสุข พรหมศิริ) พ่อของเขา ที่ทิ้ง คุณหญิงดารา (ปอ-ณฐมน ภูวะปัจฉิม) แม่ของเขา และคว้าเอา เนตรเสลา (เจี๊ยบ-พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์) พนักงานขายเพชรในโชว์รูมบริษัท Crown Diamond ของตัวเองมาเป็นเมีย การกระทำของปารมีทำให้ดาราเสียใจมาก ยิ่งเนตรเสลาโกหกว่าท้องและแกล้งตกบันไดเพื่อใส่ร้ายดาราว่าเป็นคนผลักให้ตกลงมาแท้งลูก ดารายิ่งช้ำใจและตรอมใจจนล้มป่วย ในวันที่แม่อาการโคม่า พอลตัดสินใจมาขอให้พ่อไปดูอาการ แต่ปารมีกลับเซ็นเช็คและยื่นให้พอลไปจัดการเอง พอลเสียใจมาก เขากำเช็คในมือแน่นท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก และฝังใจว่าพ่อไม่รักไม่สนใจเขากับแม่ แถมยังพาเมียน้อยเข้ามาอยู่ในบ้านอีก หลังจากดารารักษาตัวจนอาการดีขึ้น และได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทอย่าง เคน หยาง (หน่อง-วุฒินันท์ ไหมกัน) รับพอลเป็นลูกบุญธรรม ทั้งคู่ตัดสินใจพาพอลย้ายไปอยู่ฮ่องกง 20 ปีต่อมา ดาราเสียชีวิต พอลตัดสินใจกลับเมืองไทย และเริ่มต้นแผนการแก้แค้นปารมีและเนตรเสลา ในคืนงานเลี้ยงเปิดตัวเพชรคอลเล็กชั่นใหม่ เนตรเสลาหัวเสียอย่างหนัก เพราะภาพวิดีโอพรีเซ็นต์ไฮไลต์โชว์เครื่องเพชร Pink Rose เป็นภาพของดารา ภรรยาเก่าปารมี เนตรเสลาหงุดหงิด แต่ก็ขัดปารมีไม่ได้ จึงลงมานั่งดื่มที่เลานจ์ของโรงแรม และได้เจอกับพอลในคราบบาร์เทนเดอร์หนุ่มเจ้าเสน่ห์ครั้งแรก สิงขร (น้ำ-รพีภัทร เอกพันธ์กุล) มือขวาคนสนิทของปารมี ที่แอบคั่วอยู่กับเนตรเสลา มาตามตัวเธอกลับแต่ถูกไล่ เนตรเสลาหลงเสน่ห์พอลอย่างหนัก ถึงขั้นฝากเข้าเป็นพนักงานขายในโชว์รูมเพชรของ Crown Diamond ในวันต่อมา ทันทีที่ นัยน์นภา (พระพาย รมิดา ธีรพัฒน์) รู้เรื่องและเจอหน้าพอล ก็จำได้ว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับคนที่ช่วยพาเธอหลบหนีการตามล่าของพ่อค้าพลอยเก๊ เพราะดันไปขัดขวางไม่ให้พวกมันหลอกขายพลอย พอลดึงนัยน์นภาหลบในซอกตึก และยังเอาตัวบังไม่ให้พวกมันทำร้ายเธอ จนนัยน์นภาประทับใจ ข่าวเด็กฝากของเนตรเสลาซุบซิบไปทั่วบริษัท ทำให้สิงขรไม่พอใจที่เนตรเสลาพยายามดันพอลขึ้นมาแทนเขา และมาแย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา พอลหว่านเสน่ห์ให้นัยน์นภา เพราะคิดว่าเธอคือลูกสาวของปารมีกับเนตรเสลา แต่เนตรเสลาหลุดปากว่านัยน์นภาไม่ใช่ลูกแท้ๆ พัชรี (เจด้า-ศรัณย่า ชุณหศาสตร์) เลขาฯ สาวของนัยน์นภา พายามตามสืบเรื่องของพอล โดยการตีสนิทกับ คเชนทร์ (อั๋น-อัครพรรฒ บุนนาค) หมอโรคหัวใจประจำตัวปารมี ที่มีท่าทีเหมือนรู้จักกับพอล แต่ไม่ได้ผล เพราะคเชนทร์เป็นเพื่อนที่รักที่ลำบากมาด้วยกันกับพอล นัยน์นภาสงสัยว่าพอลกำลังทำอะไรอยู่แน่ ๆ เพราะอยู่ ๆ เขาก็ขอลาออกทั้ง ๆ ที่ทำงานดีทุกอย่าง สิงขรเบาใจที่ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่าวันรุ่งขึ้นพอลได้เลื่อนขั้นจากพนักงานหน้าโชร์รูมไปอยู่ฝ่ายการตลาด นัยน์นภาเริ่มไม่ไว้ใจว่าครั้งนี้พอลมีแผนอะไรกันแน่ จากตอนแรกที่คิดว่าจะเข้ามาปอกลอกเนตรเสลาเท่านั้น ยิ่งนัยน์นภาพยายามปกปิดไม่อยากให้ปารมีรู้เรื่องพอลกับเนตรเสลา เพราะกลัวโรคหัวใจกำเริบ พอลกลับยิ่งแกล้งทำเหมือนจะบอกความจริงให้ปารมีรู้ สิงขรหัวเสียที่พยายามกำจัดพอล แต่เหมือนพอลรู้และไหวตัวทันทุกครั้ง คเชนทร์พยายามเตือนสติพอลหลายครั้งว่าสิ่งที่เขาทำไม่ได้ส่งผลดีกับใคร แต่ความแค้นก็ทำให้พอลไม่เคยฟังในสิ่งที่เพื่อนสนิทพยายามเตือน พอลหลอกให้เนตรเสลาหลงมากขึ้น และขณะเดียวกันก็ทำตัวเหมือนสนใจนัยน์นภา จนทำให้เนตรเสลาหึงหวงหลายครั้ง นัยน์นภาไม่เคยไว้ใจพอล เพราะรู้สึกว่าเขาไม่หวังดีกับบริษัท แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเนตรเสลาเชื่อทุกอย่างที่พอลพูด อีกด้านหนึ่งพอลพยายามทำงานทุกอย่างให้บริษัท Crown Diamond เพื่อให้ปารมียอมรับในความสามารถ ทั้งโปรเจกต์เพชรคู่หมั้นของอาร์มาน และดีลธุรกิจกับลูกค้าชาวฮ่องกงจนผ่านไปได้ด้วยดี แต่ปารมีกลับให้เครดิตว่าเป็นฝีมือนัยน์นภา จนพอลน้อยใจทั้งที่เขาพยายามเป็นอย่างมาก ระหว่างที่พอลเดินหน้าแก้แค้นปารมี และเนตรเสลา เมียน้อยที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เขากลับเริ่มเห็นใจนัยน์นภา และยิ่งรู้ความจริงว่านัยน์นภาก็เป็นเหยื่อความร้ายกาจของเนตรเสลาเหมือนกัน ความใกล้ชิดกลับทำให้พอลเริ่มสับสนในสิ่งที่กำลังทำ ทุกครั้งที่เห็นนัยน์นภาอยู่ใกล้ แดน (บิ๊ก-กฤษฎา สุภาพพร้อม) แฟนหนุ่มไฮโซ ยิ่งทำให้พอลหวั่นใจ พอลใช้บริษัท ML ของเคนในฮ่องกงแย่งงาน Crown Diamond ประกอบกับมีข่าวลือเรื่องคอร์รัปชันส่งผลให้ชื่อเสียงของ Crown Diamond ตกต่ำ หุ้นค่อย ๆ ตกลง สิงขรจึงใช้โอกาสนี้ใส่ร้ายพอลว่าเป็นคนที่ทำลายบริษัท ทำให้พอลถูกไล่ออก สิงขรคิดว่าเขาสามารถกำจัดพอลได้แล้ว ขณะที่นัยน์นภาก็อดใจหายไม่ได้ เพราะพอลเพิ่งช่วยทำให้เธอตาสว่าง และรู้ว่าแท้จริงแล้ว แดน คู่หมั้นของเธอเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ได้รักเธอจริง ในช่วงวิกฤตของบริษัท ปารมีตกลงขายหุ้นให้กับเคน เจ้าของบริษัท ML เพื่อประคอง Crown Diamond โดยไม่รู้ว่าเคนคือพ่อบุญธรรมของพอล ในวันแถลงข่าวเปิดตัวผู้ถือหุ้น พอลจึงปรากฎตัวขึ้น และบอกทุกคนว่าเขาคือลูกชายของเคนผู้ที่จะมาเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของ Crown Diamond เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในละครโรแมนติกดราม่าเข้มข้นแห่งปี ฟ้ามีตะวัน ที่ออกอากาศให้ชมกันทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 HD กด 35 ละคร ฟ้ามีตะวัน เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563
แรงเทียน (2562/2019) เทียนสี (พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ติวเตอร์และพริตตี้สาวสวยถูก ธีรัตน์ (ภูมิ-ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) แฟนหนุ่มที่คบกันมา 7 ปีบอกเลิก เป็นเหตุให้เสียศูนย์พลาดท่าเมาระหว่างทำงาน พอเธอตื่นเช้าขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงเดียวกับ ทิวา (นิว-วงศกร ปรมัตถากร) นายธนาคารหนุ่มที่เจอกันในงานปาร์ตี้หนุ่มโสด ทิวาเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัว โชคชะตาเล่นตลกร้าย รัตติกร (หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล) น้องสาวของทิวา เมาขับรถชน วรภา (ก้ามปู ปัทมสูต) แม่ของเทียนเสียชีวิต อำนาจเงินทำให้รัตติกรพ้นผิด เทียนสีเสียใจและโกรธมากแถมยิ่งเจ็บใจเมื่อรู้ภายหลังว่าธีรัตน์คบซ้อนกับรัตติกรมาพักใหญ่แล้ว ก่อนจะมาบอกเลิกกับเธอ และยังโกงเงินเธอไปอีก ทิวา, รัตติกร และธีรัตน์ จึงสร้างรอยแค้นให้เทียนสีอย่างแรง เทียนสี รู้จาก ป่อง (โชกุน สันธนะพานิช) และ ณัฐชา (ลิตา-อินท์ชลิตา ผุลลาภิวัฒน์) เพื่อนสนิท ซึ่งทำงานในธนาคารของทิวา ว่าธีรัตน์เข้าไปทำงานเป็นผู้บริหารในฐานะว่าที่เขย ก็วางแผนแก้แค้น เธอปั่นหัวรัตติกร และป่วนจนงานแต่งงานของทั้งคู่พังไม่เป็นท่า ภารวี (บุ๋ม-รัญญา ศิยานนท์) แม่ของทิวาและรัตติกร เสนอเงินก้อนโตให้เทียนสีเลิกยุ่งกับธีรัตน์ แต่เทียนสีไม่รับ แถมตอกกลับด้วยการมาสมัครงานที่ธนาคารจนได้เป็นเลขาของทิวา ทำให้ เลอลักษณ์ (นุ่น-สุทธิภา คงแนวดี) เลขาเดิมไม่พอใจ รวมถึง อลิซ (จีน่า-วิรายา ภัทรโชคชัย) เพื่อนสนิทของรัตติกร ซึ่งเป็นลูกสาวของ อิทธิเดช (แจ๊บ-เพ็ญเพชร เพ็ญกุล) นักธุรกิจใหญ่ ที่ภารวีพยายามจับคู่ให้ทิวาด้วย ด้าน ธีรัตน์ ก็ไม่วายกลับไปวอแวเทียนสีอีก ซึ่งนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้เทียนสีได้ปั่นหัวรัตติกรหนักขึ้นจนอีกฝ่ายแทบบ้า ทิวาเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าแทรก ขอเทียนสีแต่งงาน แม้เป็นเพียงสามีภรรยาปลอม ๆ แต่เมื่อทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็เกิดเป็นความรักจริง ๆ โดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งเทียนสีได้เบาะแสว่า ทินกร (โก้-คุณากร เกิดพันธุ์) พ่อของเธอเคยทำงานที่บริษัทของภารวีมาก่อนและถูกไล่ออกฐานโกงเงิน แต่เธอเชื่อว่าพ่อไม่ได้ทำแบบนั้น เทียนสีสืบจนรู้ว่าพ่อถูกสั่งเก็บ เพราะรู้ความลับเรื่องที่ภารวีและอิทธิเดชร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทรับฟอกเงินให้กับพวกนักค้ายา เทียนสีแค้น ตัดสินใจทำลายครอบครัวของทิวาทุกคน แรงแค้น แรงอาฆาต จะเผาผลาญ ทำลายทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่หัวใจเทียนสีเองหรือไม่อย่างไร ติดตามความเข้มข้นของละคร แรงเทียน
ดงดอกเหมย (2546/2003) ฮั้ว เกิดในเมืองคุนหมิง ประเทศจีน เป็นคนงานท่าเรือหลงรักเหมยลูกสาวเถ้าแก่ซัว ต่อมาทั้งสองได้สาบานรัก กันด้วยการใช้กิ่งไผ่แทนธูป เทียน ว่าจะรักกันจนกว่าความตายจะมาพราก แต่ทางผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย ทั้งคู่จึงหนี ไปใช้ชีวิตใหม่ที่เมืองไทย เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งสอง มีต่อกัน เมื่อถึงเมืองไทยฮั้วทำงานเป็น จับกังแบก ข้าวในท่าข้าวของเจ็ก ฮั้วและเหมยอาศัยอยู่ในห้องแถวเรือนไม้เก่าๆ และใช้ชีวิตร่วมกันโดยแต่งงานกันตาม ประเพณีจีนที่จัดขึ้นเอง ฮั้วตั้งความหวังว่าจะมีลูกผู้ชายไว้สืบสกุล แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อลูกทั้ง 7 คนกลับเป็นผู้หญิง หมด การมีลูกมากๆ ทำให้สุขภาพของเหมยทรุดโทรมลง หลังจากที่คลอดลูกคนสุดท้องได้เพียงเดือนเดียว เหมยต้องเข้าโรงพยาบาล ไหมต้องมาช่วยดูแลลูกๆ ให้ ก่อนที่เหมยจะสิ้นใจได้ขอให้ฮั้วมีศรัทธา ต่อลูกผู้หญิง ทั้งเจ็ดคน
คุณนายสามสลึง (2553/2010) คุณนายน้ำเพชร เป็นคุณนายที่ไม่เต็มบาท แต่ไม่มีใครกล้าหือเพราะว่าเป็นเจ้าของที่ให้เช่ามากมาย คุณนายรักษาผลประโยชน์ตัวเองเต็มที่จนชาวบ้านพูดว่า ลูกผัวไม่มีจะงกสมบัติไว้ให้ใคร คุณนายเป็นลูกสาวคนเดียวที่สืบทอดตระกูลของท่านเจ้าคุณและท่านผู้หญิง ถ้าหนุ่มคนไหนจะแต่งงานต้องยอมเปลี่ยนมาใช้นามสกุล พนมดุลยภาค แล้วต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ทำให้หนุ่ม ๆ หนีหายไปหมด ยกเว้น อินศวร คนเดียวที่ยอมรับข้อเสนอ จึงได้แต่งงานกัน หลังคุณนายคลอดลูกชายได้ 1 วัน อินศวรก็พาลูกหนีไปแล้วท่านผู้หญิงก็สิ้นใจ คุณนายน้ำเพชรรับความสูญเสียไม่ได้กลายเป็นคนเสียสติ เอษรา หญิงสาวข้างบ้านผู้ก๋ากั่นห้าวหาญวิ่งเข้าออกบ้านคุณนายตั้งแต่ยังเล็กจนสนิทกัน เอษราไม่กลัวคุณนายที่ชาวบ้านหาว่าเพี้ยน แต่กลับเห็นใจสงสารมากกว่าหลายครั้งมีคนปลอมตัวเข้ามาแอบอ้างว่าเป็นทายาทคุณนายน้ำเพชร เพื่อหวังมรดก แต่คุณนายก็จับได้ทุกครั้ง แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน เพราะมี อินจำปาที่หน้าตาเหมือนอินศวรเข้ามาบอกว่าตัวเองเป็นลูกชาย เอษราตั้งแง่และแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าไม่เชื่อว่าเขาคือทายาทตัวจริง แต่คุณนายน้ำเพชรหัวใจพองโต นี่คือข่าวดีที่สุดที่เธอรอคอยมากว่า 20 ปี คุณนายมีชีวิตชีวาลุกขึ้นแต่งตัวสดใส ขณะที่เอษราคอยจับผิด อินจำปาซื้อรถใหม่ ได้ดูแลกิจการต่าง ๆ เก็บค่าเช่า ต่อเติมบ้านใหม่ วันหนึ่งมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ของ อินเกษม น้องชายต่างมารดา อินจำปายอมจ่ายหนี้การพนันที่ติดมาจากเมืองนอกของน้อยชาย และกำชับเจ้าหนี้ไม่ให้มาที่นี่อีก หลังจากนั้นอินจำปาก็โทรศัพท์หา อินประสงค์ ผู้เป็นพ่อ หาใช่อินศวรไม่ แต่อินประสงค์วางแผนให้อินจำปาเข้ามาแสดงตัวเพื่อหวังมรดก แต่ส่วนลึกของอินจำปากลับต้องการมาดูแลผู้หญิงที่ลุงแท้ ๆ และเป็นพ่อบุญธรรมของเขารักมาก กุมารี แฟนสาวของอินจำปา เข้ามากราบคุณนายน้ำเพชรขอความเห็นใจที่กำลังท้อง ทั้งอินจำปาและกุมารีไปเรียนที่อเมริกาจึงเป็นแฟนกัน เมื่ออินจำปากลับมาเมืองไทยก็ฝากไว้กับอินเกษม แต่สองคนมีใจให้กันจนท้อง เรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อเอษราคอยจับผิดอินจำปา ส่วนกุมารีคอยหาเรื่องเอษรา เอษราเดินทางไปทำวิจัยเพื่อจบการศึกษาที่เมืองเหนือจนได้พบกับอินเกษม เชตวัน ชวนเอษราไปพักที่บ้านเขา แต่บ้านพักคับแคบต้องไปพักที่บ้านของ แม่นางแก่นจันทร์ เอษราเห็นรูปถ่ายอินจำปากับแม่นางแก่นจันทร์ จึงรู้ความจริงทั้งหมด อินศวรพูดและขยับตัวไม่ได้ เขามีกำลังใจอยู่ได้เพราะอินจำปาคนเดียว อินศวรรู้ตัวว่าเป็นโรคร้ายทำให้ร่างกายอ่อนแอคล้ายอัมพาต และถ่ายทอดไปสู่ลูกได้ เมื่อน้ำเพชรคลอดลูกเขาจึงหอบลูกหนีไป เพราะไม่อยากให้น้ำเพชรเสียใจ แค่สองวันเด็กคนนั้นก็เสียชีวิต จากนั้นอินศวรเดินทางไปอยู่เวียงจันทร์ทันที เขาขอใช้ชีวิตอย่างสงบที่นั่น โดยมีแม่นางแก่นจันทร์มารดาแท้ ๆ ของอินจำปาคอยดูแล อินศวรเห็นหน้าอินจำปาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงรักใคร่เหมือนลูก จึงขอมาเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรม เมื่ออินประสงค์ยกอินจำปาเป็นลูกอินศวรแล้วก็เจ้าชู้ไปเรื่อย จนได้เมียใหม่คือ สร้อยสุดา และมีลูกชายคือ อินเกษม แม่นางจันทร์ทนความร้ายกาจของสร้อยสุดาไม่ได้ขอย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ อินจำปาต้องดูแลอินศวรเหมือนพ่อแท้ ๆ อินศวรยกทรัพย์สินทุกอย่างให้อินจำปาและขอให้ดูแลเขาอย่างดี เผื่อสักวันหายจากโรคร้ายจะเดินทางมาขอโทษคุณนายน้ำเพชรและเล่าเรื่องราวให้ฟัง แต่อาการป่วยทรุดลง อินจำปาเดินทางมาเยี่ยมแม่นางแก่นจันทร์ เอษราที่รู้ความจริงก็ต่อว่าอินจำปาว่าแต่งเรื่องโกหก แล้วกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้คุณนายน้ำเพชรฟังจนอาการทรุด อินจำปาเข้ามาต่อว่าเอษราที่ทำทุกอย่างเสีย คุณนายน้ำเพชรกลับมาเพี้ยน ๆ บ้า ๆ บอ ๆ เหมือนเดิม อินเกษมก่อเรื่องอีก ไปมีสัมพันธ์กับ เดือนเต็มดวง สาวแก่เจ้าของธุรกิจ เธอสืบรู้ว่ากุมารีมีลูกกับอินเกษมเลยบีบบังคับให้เอาเด็กออก อินเกษมเบื่อเดือนเต็มดวงเข้ามาตีสนิทกับเอษรา เอษราขอให้อินจำปาออกไปจากชีวิตเธอและคุณนายน้ำเพชร อินจำปากลับเวียงจันทน์ อินประสงค์โมโหที่ทำตามแผนไม่สำเร็จ ไล่อินศวรไปตายที่อื่น อินจำปาย้ายอินศวรไปรักษาตัวกับแม่นางแก่นจันทร์ อินเกษมรู้ว่ากุมารีมีลูกก็เริ่มรักกุมาลีขึ้นมา เดือนเต็มดวงบุกไปแฉความเลวทรามของอินเกษมถึงงานหมั้นของกุมารี เดินเต็มดวงชักปืนยิงกุมารี แต่อินเกษมขวางไว้ อินจำปากลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งเพื่อขอร้องเอษราให้เขาได้ดูแลคุณนายน้ำเพชร จนอาการดีขึ้น เขาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของอินศวรให้คุณนายน้ำเพชรฟัง เอษราเดินทางมาหลวงพระบางเพื่อดูความจริง จนอินศวรแข็งแรงขึ้นก็เดินทางมาหาคุณนายน้ำเพชร ทั้งสองรู้สึกดีขึ้น ความสุขเติมเต็ม เอษราเข้าใจอินจำปา คุณนายน้ำเพชรรับอินจำปาเป็นลูกและขอให้แต่งงานกับเอษรา ทุกชีวิตจึงได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพื่อเติมเต็มความสุขอย่างแท้จริง ละครคุณนายสามสลึง ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 19.00 - 20.00 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 คุณนายสามสลึง เริ่มตอนแรก วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2553
ละครเทิดพระเกียรติชุด พ่อ ตอน เพลงของพ่อ (2542/1999) ละครชุด พ่อ แบ่งออกเป็น 6 เรื่อง เรื่องละ 2 ตอนจบ รวมทั้งสิ้น 12 ตอน โดยนำเสนอเรื่องราวชีวิตของคนธรรมดาและผู้เป็น "พ่อ" จากทั่วทุกหนแห่งที่มีความสอดคล้องกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และโครงการส่วนพระองค์ โดยผู้ที่มาร่วมแสดงในละครชุด พ่อ จะไม่ซ้ำกันทั้งหมด มีเพียงคุณสุเชาว์ พงษ์วิไล ที่ได้แสดงละครชุดเดียวกันถึง 2 เรื่อง
หาบของแม่ (2551/2008) กิมเน้ย (กุณณัฎฐ์ กุลปรียาวัฒน์) เป็นลูกสาวคนเดียวของนายเฉียว (เศรษฐา ศิระฉายา) ชาวประมงชาวจีนกับทองเต็ม สาวไทย หลังจากแม่ของกิมเน้ยคลอดกิมเน้ยแล้วก็เสียชีวิตทำให้นายเฉียวต้องทิ้งอาชีพ ประมงมาหาบปลาทูนึ่งเร่ขาย แม้กิมเน้ยจะขาดแม่แต่ก็เติบโตมาอย่างอบอุ่นเพราะมีครอบครัวของกิมกี (เพ็ญพัตร์ ศิริกุล) รวมทั้งหลุง (พศิน เรืองวุฒ) ลูกชายของกิมกี หลุงหลงรักกิมเน้ยซึ่งเรื่องนี้เฉียวกับกิมกีก็สนับสนุนหวังจะให้เป็นทอง แผ่นเดียวกันในอนาคต ติดตามต่อได้ใน หาบของแม่
เรื่องย่อ : ดำขำ (2552/2009) กาฬมณี หรือ หนูดำ สาวน้อยจอมซ่าแห่งบ้านนาปี จังหวัดเลย ตกใจมากเมื่อรู้ว่ากำนันแดง พ่อของเธอได้ตกลงหมั้นหมายเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อนรักเอาไว้ตั้งแต่เล็ก คู่หมั้นของเธอคือทุติยะ หนุ่มโสดเนื้อหอมลูกชายคนเดียวของ ทิวา และพวงแก้ว ทุติยะเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะชาติตระกูล เขาจึงปฏิเสธการแต่งงานกับสาวบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน เพราะเค้าเองก็มีดาววดี สาวเซ็กซี่เป็นคู่ควงอยู่แล้ว กำนันแดงกับทิวาเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่มีสัญญาใจจะให้ลูกชายกับลูกสาวของตนแต่งงานกัน โดยมีของขวัญงานแต่งงานเป็นที่ดิน 1,000 ไร่ ทิวาไม่อยากเสียคำพูดจึงบังคับให้ทุติยะไปดูตัวหนูดำที่บ้านนาปี ส่วนหนูดำเมื่อรู้ว่าทุติยะเป็นคนกรุงที่เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ เจ้ายศเจ้าอย่าง รังเกียจความบ้านนอก หนูดำเลยแกล้งทาตัวจนดำปี๋ ทำตัวไร้รสนิยม ไร้การศึกษาให้ทุติยะรังเกียจ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงานกัน ทุติยะรังเกียจหนูดำตามความคาดหมาย เขาประกาศไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้หญิงอย่างหนูดำเด็ดขาด ขณะเดินทางกลับรถของทุติยะเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ หนูดำไปพบเข้า จึงเอาตัวไปรักษา เมื่อทุติยะฟื้นขึ้นมา หนูดำรู้ว่าทุติยะความจำเสื่อม เลยได้ทีแก้แค้นผู้ชายที่ดูถูกเธอ ด้วยการเอาตัวทุติยะไปเก็บไว้ในไร่ เธอหลอกทุติยะว่าเขาเป็นคนงานในไร่ของเธอ ชื่อ นายทุย หนูดำกลั่นแกล้งนายทุยสารพัด ให้ทำงานหนักอยู่กับดินกินกับทราย มีป้าถนอม แม่ครัวในไร่ของหนูดำเพียงคนเดียวที่รู้ว่านายทุยคือใคร ป้าถนอมจึงได้แต่แอบช่วยนายทุยเป็นบางครั้ง หนูดำส่งข่าวในนามของทุติยะ หลอกทางบ้านว่าเขาหนีไป และจะไม่กลับบ้านจนกว่าพ่อจะยกเลิกการแต่งงานกับหนูดำ ดาววดีร้อนใจมากเมื่อทุติยะแฟนหนุ่มหายไป บังเอิญเธอมีเหตุต้องเดินทางผ่านมาแถวจังหวัดเลย เธอเห็นคนหน้าตาคล้ายกับทุติยะ แต่อยู่ในสภาพของคนงาน เธอจึงมาตามสืบ แต่ปรากฏว่านายทุยจำดาววดีไม่ได้ ดาววดีเองก็รังเกียจนายทุยที่มีฐานะเพียงคนงาน แต่ดันไปติดใจ ธงรบ พัฒนากรรูปหล่อที่มาหลงรักหนูดำ ในขณะเดียวกันนั้นนายทุยก็มี บัวตอง คนงานสาว ในไร่มาแอบชอบ บัวตองตามเอาอกเอาใจนายทุย ไม่ว่านายทุยจะถูกหนูดำกลั่นแกล้งยังไง บัวตองก็อาสามาช่วย จนหนูดำชักจะหมั่นไส้บัวตองอยู่เหมือนกัน หนูดำซ่อนนายทุยไว้ได้ไม่นาน ก็โดนกำนันแดงจับได้ คุณพวงแก้วจึงให้ดาววดีมารับตัวทุติยะกลับไปรักษาจนหาย เมื่อทุติยะจำความได้ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ก็ทั้งโกรธทั้งหมั่นไส้หนูดำ ทุติยะจึงหาทางเอาคืน ทุติยะประกาศตกลงแต่งงานกับหนูดำ เพราะจะหาทางแก้แค้น ตอนแรกหนูดำไม่ยอม แต่กำนันแดงขู่ว่าถ้าผิดสัญญาที่ดินมรดกทั้งหมดจะต้องยกให้กับทุติยะ หนูดำจึงจำใจต้องเข้าพิธีแต่งงาน หนูดำเข้าพิธีแต่งงานในสภาพของสาวบ้านนอกตัวดำปิ๊ดปี๋ และลงมาอยู่กับบ้านทุติยะที่กรุงเทพฯ หนูดำเสี้ยมให้บัวตองที่ติดตามมากรุงเทพฯ อาละวาดกับดาววดี ส่วนตัวเองก็พยายามทำทุกวิถีทางให้ทุติยะหย่ากับตน ทั้งทำตัวสนิทสนมกับคนรับใช้ในบ้าน อาทิ มะลิ, ป้าหอม และไอ้ไม้ คนขับรถ หนูดำนำทีมเปิบข้าวเหนียว จกปลาร้า เว้าอีสานฯลฯ อย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร เมื่อมีการประกวดเดินแบบหนูดำก็ไปสมัคร แต่ดันทาตัวดำขึ้นเดินแบบ ทำให้ตระกูลทิชาพันธ์อับอายขายหน้าไปทั่วสารทิศ ทุติยะเริ่มสงสัยเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาเหมือนหนูดำแต่ตัวขาว แต่งตัวสวยงามทันสมัยมาคอยสะกดรอยตามเค้ากับดาววดี เขาพยายามจะจับให้ได้ แต่หนูดำก็เอาตัวรอดไปได้ทุกที ธงรบขอให้หนูดำเลิกปลอมตัว หนูดำบอกจะทำทุกอย่างจนกว่าจะได้ที่ดินคืน ทิวากับกำนันแดงเห็นว่าการแต่งงานของหนูดำกับทุติยะท่าทางจะไปไม่รอด จึงวางแผนหลอกทั้งคู่ไปหย่าขาดกันซะ แล้วจะเอาที่ดินไปขายให้กับเสี่ยดำเกิง ที่มาติดต่อขอซื้อที่เพื่อทำสนามกอล์ฟ คุณพวงแก้วดีใจใหญ่ เพราะรังเกียจลูกสะใภ้บ้านนอกคนนี้เต็มที หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วสาเหตุที่ทิวาต้องการจะให้ทุติยะแต่งงานกับหนูดำ เพราะครอบครัวทิชาพันธ์กำลังจะล้มละลาย หนูดำกับทุติยะจึงจำเป็นต้องหันหน้าเข้าหากัน เพราะรู้ดีว่าหากมีการสร้างสนามกอล์ฟ จะต้องมีการทำลายธรรมชาติขนานใหญ่ ทั้งยาฆ่าแมลงจำนวนมาก และยังแย่งน้ำดิบจากชาวบ้านมาใช้เลี้ยงหญ้าในสนาม ทำให้ชาวนาชาวไร่บ้านนาปีต้องเดือดร้อนแน่ๆ หนูดำกับทุติยะจึงบอกกำนันแดง และทิวาไปว่าตกลงจะอยู่ด้วยกันต่อ แต่พ่อของทั้งคู่ก็มีข้อแม้ต่อว่าทั้งหนูดำกับทุติยะจะต้องมีลูกด้วยกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่บัวตองเกิดพลาดท่าเสียทีไอ้ไม้คนขับรถจนมีท้องขึ้นมา บัวตองไม่อยากมีลูก เพราะไม่ได้รักไอ้ไม้ หนูดำจึงแกล้งท้อง และรับเอาลูกของบัวตองมาเป็นลูกตน แม้กำนันแดงและทิวาจะสงสัย แต่ก็อยากรู้ว่าทั้งคู่จะมาไม้ไหน จึงปล่อยเลยตามเลย หนูดำกับทุติยะจึงต้องเล่นบทเป็นพ่อแม่จำเป็น สร้างความวุ่นวายไปทั้งบ้าน แต่พอได้มาเล่นเป็นพ่อแม่ลูกความรู้สึกดีๆ ก็ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่การณ์กลับตาลปัตร เมื่อไอ้ไม้กับบัวตองทนละอายแก่ใจไม่ไหว จึงแต่งงานกันแล้วขอลูกกลับไปเลี้ยงเอง พอโดนจับได้ว่าทั้งสองรวมหัวกันโกหก กำนันแดงจึงมีคำสั่งให้หนูดำกับทุติยะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนาปีเพื่อจะได้ดูแลใกล้ๆ แต่คุณพวงแก้วกลับส่งดาววดีตามไปเพื่อชิงลูกชายจากสะใภ้ตัวดำกลับมา ดาววดีบุกไปรังควานถึงบ้านนาปี แต่หนูดำก็สู้ไม่ถอย เสี่ยดำเกิงเห็นเรื่องที่ดินมีปัญหายืดเยื้อ จึงส่งคนมาทำร้ายข่มขู่หนูดำ แต่ทุติยะช่วยไว้ทัน หนูดำกับทุติยะเริ่มรู้สึกดีต่อกัน ทิวาสารภาพความจริงกับพวงแก้ว พวงแก้วเลยรวมหัวกับดาววดี หาทางทำให้หนูดำได้รู้ความจริงว่า ที่ทุติยะยอมแต่งกับเธอก็เพราะหวังสมบัติ เมื่อหนูดำรู้ความจริงก็เสียใจมาก จึงขอหย่าขาดจากทุติยะ และเดินทางกลับจังหวัดเลยคนเดียว สุดท้ายความรักระหว่างทุติยะกับหนูดำจะลงเอยเช่นไร?
My Girl 18 มงกุฎสุดที่รัก (2561/2018) ลินิน (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) เด็กสาวยากจนที่มีความสามารถพิเศษในการเอาตัวรอดเป็นเลิศ เพราะต้องหนีเจ้าหนี้ของ ต่วน ผู้เป็นพ่อที่ติดการพนันและขยันสร้างหนี้ จนจับพลัดจับผลูได้รู้จักกับ ภูริ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) หลานชายคนเดียวของ เจ้าสัวพล เจ้าของธุรกิจระดับพันล้าน ทั้งภูริชและลินินมีเหตุการณ์ที่ให้ได้เจอกันแบบไม่ตั้งตัวหลายครั้ง และเป็นเหตุการณ์ที่ภูริชไม่ค่อยประทับใจลินินเท่าไหร่ ลินินบังเอิญได้รู้จักกับ มาร์ค เศรษฐีเพลย์บอย ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนของภูริช มาร์คปลื้มในความจริงใจ ตรงไปตรงมา และร่าเริงของลินินตั้งแต่แรกพบ ซึ่งในขณะนั้นเจ้าสัวพล หรือปู่ของภูริช ที่กำลังป่วยหนัก ต้องการพบหน้าหลานสาวที่เกิดจากลูกสาวคนเดียวที่หนีตามคนรักไป จนเสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่เมืองจีน ภูริชพยายามตามหาน้องมาตลอดแต่ก็ไม่เจอ จนอาการคุณปู่ทรุดจนหมอบอกว่าหมดทางรอด ภูริชจึงตัดสินใจจ้างวานให้ ลินินเข้ามาสวมรอยเป็นหลานสาวคุณปู่เพื่อปลดล็อกให้คุณปู่ก่อนตาย แล้วปาฏิหาริย์เกิดขึ้น คุณปู่กลับอาการดีวันดีคืนเพราะได้พบลินิน ลินินต้องตกกระไดพลอยโจนย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของภูริช โดยสวมบทบาทเป็นหลานสาวของท่านเจ้าสัวพล ทำให้ โสภิศ อาของภูริข ที่คอยดูแลรับใช้ใกล้ชิดเจ้าสัวพลเกิดไม่พอใจ เพราะในใจลึก ๆ กลัวว่าลินินจะหวังในทรัพย์สมบัติ และด้วยความที่ไม่เชื่อว่าลินินคือหลานสาวที่แท้จริง โสภิศจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางและเปิดโปงลินิน ด้านลินิน ถึงแม้จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแต่ก็อยู่บนความไม่สบายใจ จึงพยายามให้ภูริชหาทางออกในการจบเรื่องโกหกนี้ให้เร็วที่สุด แต่ด้วยความใกล้ชิดลินินก็เกิดตกหลุมรักภูริชเข้าโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วเมื่อ เพนนี คนรักเก่าของภูริชหวนกลับมาอีกครั้ง เรื่องราวยุ่ง ๆ จึงเกิดขึ้นระหว่าง มาร์คที่หลงรักลินิน ลินินที่แอบรักภูริช และเพนนีที่ต้องการให้ภูริชกลับมาเป็นคนรักของเธออย่างเดิม เพนนีเริ่มสังเกตเห็นว่าภูริชให้ความสำคัญกับลินินมากกว่าปกติ จนเริ่มสงสัยในความไม่ชอบมาพากลระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ อย่าพลาดชมความสนุกในซีรีส์ My Girl 18 มงกุฎสุดที่รัก
แม่ของแผ่นดิน ประทีปรักแห่งใจ (2559/2016) ประทีปรักแห่งใจ เป็นเรื่องราวของ เมลดา คุณหนูไฮโซผู้เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ในชีวิต และไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องตกระกำลำบาก เพราะมัลลิกา ผู้เป็นแม่ปลูกฝังว่าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย แค่ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบาย และแต่งงานกับผู้ชายรวย ๆ สักคนก็พอ ครั้นคุณหนูเมลดาผู้มีชีวิตแสนสุขสบายต้องกลายเป็น หงส์ปีกหักในชั่วข้ามคืน สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ซ้ำแม่ที่คิดว่าจะเป็นหลักยึดเหนี่ยว ให้แก่ชีวิตก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้ แล้วยังกลายเป็นภาระให้อีก เมื่อเจอปัญหารุมเร้าทุกด้าน คุณหนูเมลดาผู้ใช้ชีวิต ในโลกสีชมพูจะเอาตัวรอดได้อย่างไร นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิตของเมลดา ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ คือ แม่ที่ทรงหยิบยื่นดวงประทีปชีวิตให้แก่เธอ เมลดา ศรานุสรณ์ หรือ มินนี่ คือหญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ในชีวิต ไม่ว่ารูปร่างหน้า ฐานะ ชื่อเสียงในวงสังคม พร้อมกับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าผู้หญิงที่เกิดมามีความเพียบพร้อม ไม่จำเป็นต้องขวนขวาย ทำสิ่งใดให้เหนื่อยยากลำบาก แค่รอเวลาให้เหมาะสมแต่งงานกับผู้ชายที่ดีพร้อมก็พอแล้ว ดังนั้นเมื่อจบการศึกษา ในปีนี้แล้วเธอจึงไม่มีเป้าหมายในชีวิตอะไรนอกจากรอเวลาแต่งงานกับ เป็นหนึ่ง เอกนุกูลกิจ ชายหนุ่มที่เมลดา คบหามานานเป็นปี ในขณะที่มีความยินดีกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า แต่เธอกลับมีความสับสนและไม่แน่ใจอยู่ด้วยว่า อยากแต่งงานกับเป็นหนึ่งจริงหรือเปล่า หรือว่าจำเป็นต้องแต่ง เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษา กับมัลลิกาผู้เป็นมารดา ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่กันไปก็เรียนรู้นิสัยกันปรับตัวเข้าหากันได้เอง
ระหว่างที่เมลดาและเพื่อน ๆ นั่งปรึกษาหารือกันเรื่องชุดแต่งงาน ต้องใจ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยผ่านมา แล้วพูดจากระแทกแดกดัน เมลดาลุกขึ้นตอบโต้จนเพื่อน ๆ ต้องห้ามปรามไม่ให้ไปสนใจกับพวกบ้านนอก ที่ไม่มีเงินพอจะทำอย่างคนรวยเขาทำกันได้ จึงคิดอิจฉาเท่านั้นเอง แล้วเมื่อเพื่อนทั้งสองคนแยกย้ายกันไป คนที่เข้ามา แทนที่คือ แพรวดาว แฟนเก่าของเป็นหนึ่ง ที่แม้จะเลิกรากันไปก่อนที่เป็นหนึ่งจะมาคบหากับเมลดา แต่แพรวดาว ก็ยังพูดจาว่าเมลดานั้นเป็นมือที่สามแย่งคนรักของเธอ อย่างวันนี้ก็เข้ามาพูดจาบอกว่าการที่เป็นเป็นหนึ่งจะแต่งงาน ก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น หาใช่ความรักไม่เป็นหนึ่งมารับเมลดาไปลองแหวนหมั้นที่ร้านเพชร แต่กลับกลายเป็นว่าแหวนที่เมลดาลองสวมนั้นหลวม เพราะทำผิดไซส์ เพชรประดับ เจ้าของร้านเพชรเผลอหลุดปากบอกว่าแหวนที่ทำมานั้น อาจจะเป็นไซส์นิ้ว ของแพรวดาว ทำให้เมลดาโกรธมาก และสั่งให้เขาทำแหวนให้เธอใหม่ และงอนออกจากร้านกลับบ้านทันที โดยที่เป็นหนึ่งก็ไม่ได้ตามมาง้องอน เมลดาเริ่มรู้สึกว่าเป็นหนึ่งอาจจะไม่ได้รักเธอจริงอย่างที่แพรวดาวบอก และตัวเธอเอง ก็ไม่ได้เจ็บปวดหรือเสียใจอะไรมากมายนอกจากรู้สึกเสียหน้าเท่านั้น ซึ่งตัวเธอเองก็อาจจะไม่ได้รักเป็นหนึ่งมากอย่างที่คิดก็ได้เมื่อกลับมาปรึกษากับมารดาถึงความไม่แน่ใจในความรัก และอยากจะเลื่อนการแต่งงาน กลับถูกมารดาห้ามปรามไม่ให้เธอคิดมาก และยืนยันว่าไม่มีทางที่เป็นหนึ่งจะไม่รักหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อมอย่างเธอ แม้แต่บิดาของเธอก็ไม่ยินยอมให้เธอได้มีโอกาสตัดสินใจสิ่งใด ในขณะที่เป็นหนึ่งก็ตามง้องอน และเปลี่ยนร้านทำแหวนพิสูจน์ ความจริงใจโดยการพาเธอไปเลือกซื้อเพชรใหม่ ทำแหวนวงใหม่จนเมลดาใจอ่อนลืมความขุ่นข้องหมองใจทั้งหมด เพราะรู้ว่าถึงแม้เธอจะเลื่อนการแต่งงานออกไป เธอเองก็ไม่มีแผนชีวิตสำรองด้านอื่น ๆ เลยพิธีหมั้นช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี เมลดาเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในช่วงค่ำ ภาพเจ้าสาวที่เห็นในกระจกนั้นเหมือน ตุ๊กตากระเบื้องเนื้อดีมากกว่าจะเป็นคนจริง เครื่องหน้าที่งดงามอยู่แล้วยิ่งถูกแต่งเติมลงไปอีกก็ยิ่งสวยงามไม่มีที่ติ ระหว่างที่คู่บ่าวสาวกำลังถ่ายรูป และรับแขกที่มาในงานอยู่นั้น แพรวดาวก็เข้ามาในงานด้วยชุดราตรีขาวฟูฟ่อง ประหนึ่งชุดเจ้าสาว ปฏิกิริยาของเป็นหนึ่งเมื่อเห็นแพรวดาวนั้นทำให้เมลดารู้สึกหน้าชา แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเจอสถานการณ์นี้ แต่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ยิ่งมีเสียงซุบซิบจากแขกเหรื่อว่าแพรวดาวเป็นคนรักเก่าของ เจ้าบ่าวด้วย เมลดาพยายามจะทักทายด้วยดี แต่แพรวดาวกลับทิ้งคำพูดบางอย่างไว้ทำให้เมลดาไม่สบายใจนักขณะที่งานเลี้ยงและพิธีการทุกอย่างดำเนินไป ท่ามกลางความไม่แน่ใจของเมลดาที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลง อะไรได้อีกแล้ว แม้ว่าตัวเองอยากจะยกเลิกตอนนี้ก็คงจะสายไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ชัยพงศ์ บิดาของเป็นหนึ่ง เข้ามาประกาศยกเลิกงานแต่งงานเพราะรู้ข่าวมาว่ากิจการของ ประยุทธ บิดาของเธอนั้นกำลังจะล้มละลาย เมลดาเริ่ม รับรู้ความจริงใจของเป็นหนึ่งเมื่อเขาสลัดมือเธอออกอย่างเมินเฉย แล้วยิ่งรับรู้มากยิ่งขึ้นเมื่อบิดายอมรับความเป็นจริง เรื่องที่กำลังจะล้มละลาย แม้เขาจะยืนยันว่าไม่คิดจะให้ครอบครัว ของเป็นหนึ่งต้องเข้ามาช่วยโอบอุ้มกิจการ แต่ขอร้องไม่ให้ยกเลิกงานแต่งงานเท่านั้น แต่ชัยพงศ์กลับไม่สนใจแล้วพาเป็นหนึ่งกลับออกไปทันทีประยุทธอับอาย และเครียดมากจนโรคหัวใจกำเริบ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สองแม่ลูกที่ไม่เคยมีแผนในการดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง และไม่ได้เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จึงไม่มีเงินออมในธนาคารเหลือมากนัก เงินสดก้อนสุดท้ายที่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาล และจัดงานศพอย่างเรียบง่าย มีคนมาร่วมงานอย่างบางตาจน น่าใจหาย เมื่อล้มละลายก็ทำให้ญาติมิตรสหายที่เคยมีมากมายขาดหายไปในพริบตา แม้แต่เพื่อนสนิทร่วมมหาวิทยาลัย ของเมลดาก็ไม่ได้ปรากฏกายขึ้นในงานศพเลยเมลดานัดพบเพื่อนเพื่อจะหางานทำ แต่เพื่อนไม่ได้คิดจะให้ความช่วยเหลือแถมยังพูดจาดูถูกอีก หล่อนจึงแยกออกมาแล้วเดินเล่นเรื่อยเปื่อยในห้าง จนมาพบกับเป็นหนึ่ง และแพรวดาวในร้านเสื้อ เขาจะจ่ายค่าเสื้อผ้าให้ แต่เมื่อแรกเมลดาไม่คิดจะรับความเอื้อเฟื้อนี้ แต่อยากประชดแพรวดาวจึงยอมรับมาทั้งหมด สร้างความขุ่นเคืองให้กับแพรวดาว โดยที่เมลดาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจะมีผลร้ายติดตามมาอย่างไรบ้างข่าวไฮโซตกยากอย่างเมลดาดังไปถึงบ้านของ ปองคุณ ชายหนุ่มผู้เคยอกหักจากสาวเมืองกรุง และแบกความเจ็บช้ำไว้จนไม่ยอมชายตามองหญิงอื่นอีกเลย แถมยังมีอคติในใจอีกต่างหาก เขารับรู้ข่าวนี้อย่างไม่มีความเห็นอกเห็นใจนักต่างจาก ใจใส มารดาของเขาที่รู้สึกสงสารเมลดา แล้วเมื่อต้องใจเข้ามาหาแล้วแสดงตัวว่ารู้จักกับไฮโซสาว ผู้ตกยากนี้ แล้วแสดงความคิดเห็นในเชิงสมน้ำหน้า ทำให้ใจใสรู้สึกไม่ชอบใจ ทั้งยังรู้ว่าต้องใจมีความรู้สึกพิเศษ กับปองคุณด้วยแล้ว จึงเอ่ยปากตักเตือนลูกชายโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ให้ความสนใจนักเมลดากลับมาถึงโรงแรมที่เช่าพักอาศัยชั่วคราวอยู่กับมารดา เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหน ท่ามกลางความรู้สึกที่ต้องคิดหาทางออกด้วยเงินที่มีเหลืออยู่ไม่มากนัก มัลลิกาผู้เป็นแม่ที่หวังว่าจะเป็นที่พึ่งพิงได้ กลับไม่มีความคิดอะไรเลย นอกจากการคร่ำครวญ และยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม สร้างความหนักใจให้กับเธอยิ่งนัก แถมยัง มีคนโทรศัพท์มาข่มขู่ให้หนี้อีกในจำนวนเงินห้าแสนบาท สองแม่ลูกจึงคิดหาทางหนีออกจากโรงแรม เมลดามืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป มัลลิกาจึงคิดว่าจะไปบากหน้าไปหา มาลัย พี่สาวร่วมสายเลือดที่เธอไม่เคยติดต่อมานานกว่ายี่สิบปีแล้วระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังคิดจะเดินทางไปหามาลัย ทางด้านมาลัยเองก็ฝันถึงน้องสาว และคิดห่วงใยขึ้นมาบ้าง แต่ต้องใจก็ทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วยนัก เพราะหล่อนรู้มาตลอดว่าเมลดานั้นเป็นญาติที่เรียนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันมาตลอด แต่ไม่เคยแสดงตัวเพราะรังเกียจที่เมลดาเป็นสาวสวยไฮโซที่ทำตัวเหมือนคนไร้สมอง แม้จะได้รับรู้ข่าวว่า บัดนี้เมลดานั้นกำลังตกยากลำบาก ต้องใจก็ไม่มีความรู้สึกสงสารสองแม่ลูกเลยสักนิด นอกจากจะคิดสมน้ำหน้าเท่านั้นสองแม่ลูกเดินทางมาถึงแถวบ้านมาลัยแล้ว แต่เพราะไม่ได้กลับมานานกว่ายี่สิบปี สภาพบ้านเรือนที่เปลี่ยน แปลงไป ทำให้มัลลิกาไม่มั่นใจ จึงให้เมลดาไปถามหามาลัยกับชาวบ้านแถว ๆ นั้นเอง เมลดาไม่เข้าใจมารดา ตัวเองสักนิดว่าทำไมต้องเป็นตนที่ต้องทำอย่างนั้น แต่ในจังหวะนั้นเองที่หล่อนเห็นชายหนุ่มหน้าเหมือนโจรขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา แล้วหยุดจะเข้าไปหามัลลิกาที่ยืนทำท่าจะเป็นลมอยู่ข้างทาง เมลดาเข้าใจว่าเขาเป็นโจรจะเข้ามาขโมยข้าวของ ของเธอกับแม่ จึงเข้าไปอาละวาดทุบตีชายคนนั้น จนมาลัยเข้ามาห้ามปรามแล้วจึงรู้ตัวว่าเธอเข้าใจผิด เลยตัดสินใจ แกล้งเป็นลมเพื่อเป็นการแก้หน้าให้ตัวเองเมื่อมาลัยพาสองแม่ลูกเข้ามาในบ้านแล้ว เมลดาก็แทบช็อกเมื่อรับรู้ว่าต้องใจ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยที่ชอบพูดกระแนะแหนเธอนั้นกลับกลายมาเป็นญาติกัน เพราะต้องใจ คือลูกสาวของ มาลัย พี่สาวของมารดาเธอนั่นเอง แล้วชายหน้าโจรที่เธอเข้าใจผิดก็คือ ปองคุณ ชายหนุ่มที่ต้องใจหมายปองนั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อต้องใจรับรู้ว่าสอง แม่ลูกจะมาพักอาศัยอยู่ด้วย หล่อนจึงแสดงความไม่พอใจ และคัดค้านหัวชนฝา มาลัยต้องตัดความรำคาญแล้ว ขอตัดสินใจเอง ด้วยการให้สองแม่ลูกมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ต้องทำงานบ้านแลกเปลี่ยน และต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยง ชีพเองด้วยแค่วันแรกเมลดาก็แทบจะรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่หลับที่นอน การต้องทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยต้องหยิบจับทำเลยสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน แล้วยังถูกบังคับ ให้ทำกับข้าว แถมมารดายังรักสบายหลบเลี่ยงไปปล่อยให้เธอผจญกับสิ่งใหม่ ๆ นี้เพียงคนเดียว ซึ่งระหว่างนี้ เธอยังไปมีเรื่องขัดแย้งกับปองคุณ ที่ต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากัน ปองคุณแบกอาการอารมณ์เสียกลับไปถึงบ้าน แต่ในจิตสำนึกก็ยังสงสัยตัวเองว่าทำไมเขาต้องอคติกับเมลดาขนาดนี้ หรือว่าเขาเกิดสนใจเธอขึ้นมา แม้จะไม่มีความเชื่อในเรื่องของรักแรกพบเลยก็ตามเช้าวันแรกในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เมลดาเอาตัวรอดจากอาหารมื้อแรก ด้วยการแอบออกไปซื้อข้าวต้มมาเป็นอาหารเช้าแทนการทำเอง ซึ่งก็ถูกมาลัยจับได้ และคาดโทษเอาไว้ หลังจากนั้นหล่อนก็ต้องมาหัดทำงานจักสาน จึงได้รู้ว่ามาลัยรวบรวมชาวบ้านมาตั้งกลุ่มสมาคมแม่บ้าน เพื่อหารายได้กับการสร้างกลุ่มงานจักสานขึ้นมา เมลดาได้พบกับใจใส ที่จะมาเป็นครูสอนเรื่องงานจักสานให้กับเธอ และมารดา เมื่อเริ่มต้นเมลดาก็ปากเสียวิจารณ์ และอวดรู้จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน รวมทั้งใจใสเองที่เมื่อแรกยังมีความเมตตาสงสาร ใจใสสวนคำพูดของเมลดา และสั่งสอนจนหล่อนต้องยอมสงบปากสงบคำลงเมลดาหัดสานปลาตะเพียนอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ก็ต้องมาสะดุดลงอีก เมื่อต้องใจเข้ามาสั่งให้หล่อนไปทำกับข้าว มื้อกลางวัน เมลลาจำต้องอดทนเชื่อฟัง แล้วยังต้องไปทำคนเดียวเพราะดันไปประกาศว่าหล่อนสามารถทำได้ แต่พอมาถึงในครัวหล่อนก็ต้องยืนเคว้ง เพราะไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้เลย ข้าวก็หุงไม่เป็น เตาแก๊สก็ไม่รู้จะเปิดยังไง หล่อนหยิบจับทำทุกอย่างไปอย่างคนไม่รู้ จนปองคุณเข้ามาพบวิธีการเปิดเตาแก๊สของหล่อนที่อันตรายมาก เขาตำหนิหล่อนจนร้องไห้ ปองคุณใจอ่อนยอมช่วยเหลือให้หล่อนรอดพ้นมีอาหารมื้อกลางวันสำหรับทุกคนดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ แต่ต้องใจที่ตั้งใจจะจับผิดเมลดา จึงทำให้ทุกคนรู้ว่าอาหารมื้อนี้เป็นฝีมือ ปองคุณ มาลัยจึงลงโทษไม่ให้สองแม่ลูกได้กินอาหารกลางวัน เมลดากลัวมารดาจะทนไม่ไหว จึงแอบออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านมาให้ ระหว่างที่นั่งแอบกินอยู่นั้น หล่อนได้ยินเสียงชาวบ้านที่มาทำงานจักสานที่บ้านมาลัย นินทาว่าร้ายหล่อน กับมารดาและดูถูกว่าหุ่นไล่กาในท้องนายังมีประโยชน์เสียยิ่งกว่าตัวหล่อนกับมารดาเสียอีก เมลดาเจ็บปวด และพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ หล่อนคิดมากจนต้องหันมาพิจารณาตัวเองว่าหล่อนไร้ค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ระหว่างนั้นเมลดาไม่รู้ตัวเลยว่ามีนักข่าวเห็นเหตุการณ์นั้น และแอบถ่ายรูปหล่อนพร้อมกับอัดคลิปเสียงไปด้วย ช่วงบ่ายวันนั้นเมลดาเงียบขรึมจนมัลลิกามองอย่างเป็นห่วง หล่อนโมโหหญิงชาวบ้านที่นินทาหล่อนจนเกิด แรงฮึดจนสามารถสานปลาตะเพียนได้ดี จนใจใสออกปากชมและบอกว่าถ้าหล่อนตั้งใจที่จะทำก็จะทำได้ และยังบอกว่าเห็นแววในตัวหญิงสาวจะสามารถทำงานจักสานได้ดีเหมือนคนอื่น ๆวันต่อมาเมลดาทำอาหารเช้าได้ดีขึ้น เพราะมัลลิกาเข้ามาช่วยด้วยไม่ได้หลบเลี่ยงไปเหมือนทุกครั้ง แต่ต้องใจก็ ยังหาเรื่องว่าได้อีก แต่ เดช พ่อของต้องใจออกปากปกป้องทำให้ต้องใจไม่พอใจ และออกไปกินข้าวนอกบ้าน จึงได้ไปพบว่ามีข่าวของเมลดาที่ตกยากมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่อยุธยา แถมยังลงถึงเรื่องราวที่ชาวบ้านเม้าท์เมลดาด้วย แม้ต้องใจจะสะใจ แต่ก็พยายามจะบอกชาวบ้านที่รู้เรื่องให้ปิดข่าวเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าเจ้าหนี้ที่สองแม่ลูกหนีมา จะตามมาถึงที่นี่ แล้วรีบกลับบ้านมาแจ้งข่าวกับมาลัย แต่ไม่อยากให้สองแม่ลูกรู้เรื่องนี้จึงไล่ให้ออกไปซื้อของที่ห้างในเมือง แต่กลับกลายเป็นว่าเมลดาไปเปิดเช็กอีเมล์แล้วทราบเรื่องข่าวทั้งหมดด้วยความอับอายเมื่อกลับมาถึงจึงไปเก็บตัวอยู่ในห้องเก็บของแล้วไม่ออกไม่ได้ ปองคุณเข้ามาช่วยเพราะเข้าใจผิดว่าหล่อนจะฆ่าตัวตาย หลังจากถกเถียงกันแล้ว เมลดาก็แสดงความคิดว่าอยากจะพัฒนางานจักสาน ที่ป้ามาลัยทำอยู่ให้ดีขึ้น และมีราคามากกว่านี้ ปองคุณจึงแนะนำให้หญิงสาวไปเรียนรู้ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เมลดาสนใจมากแต่ก็ยังติดที่มารดา จะยอมไปด้วยหรือไม่ ปองคุณจึงรับอาสาว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะพาหล่อนและมารดาไปเที่ยวชมที่ศูนย์ศิลปาชีพ ก่อนการตัดสินใจ ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นไม่ค่อยดีนักของสองหนุ่มสาวเริ่มเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เมลลาเริ่มนับข้อดีของปองคุณ ได้หลายข้อแล้วที่สำคัญเขาทำให้หัวใจของหล่อนอบอุ่นกว่าผู้ชายคนไหน ๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตทางด้านครอบครัวของแพรวดาว และเป็นหนึ่ง มาร่วมเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการหลังงานแต่งงานของเป็นหนึ่ง และเมลดาถูกยกเลิกไป และถือว่าเป็นการฉลองหมั้นระหว่างเป็นหนึ่งกับแพรวดาวด้วย แม้เป็นหนึ่งจะรู้สึกผิดกับเมลดามากแค่ไหน แต่เขาเองก็รู้ว่าใจของเขานั้นมีแพรวดาวอยู่เสมอ ความรู้สึกที่มีต่อเมลดานั้นคือความเป็นพี่น้องกันมากกว่า เพราะความรู้สึกนี้นี่เองที่ทำให้เขายังแสดงความห่วงใย และกังวลว่าป่านนี้เมลดาจะเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมีการพูดถึงกันในเรื่องของเมลดาทำให้เขาเหม่อลอยคิดมาก และด้วยอาการที่เขาเป็นแบบนี้ทำให้แพรวดาว เข้าใจผิดว่าเขายังมีใจเผื่อให้เมลดาด้วย ทำให้เป็นเป็นภัยไปสู่เมลดาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัวเมื่อแพรวดาวคิดจะตัดบัวไม่ให้เหลือใย หล่อนจึงว่าจ้างนิคมลูกน้องคนสนิทของบิดา ให้โทรไปข่มขู่ว่าประยุทธเคยยืมเงินแล้วไม่คืน โดยตั้งใจจะแค่ข่มขู่เพื่อให้สองแม่ลูกหนีไปอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้เป็นหนึ่งติดต่อกับสองแม่ลูกนั้นได้อีกเท่านั้น แต่เมื่อรับรู้ว่าสองแม่ลูกนั้นหนีไปอยู่แค่อยุธยา หล่อนจึงสั่งให้นิคมตามไปจัดการอีกครั้ง ปองคุณพาเมลดา และมัลลิกาไปเยี่ยมชมศูนย์ศิลปาชีพ โดยมีต้องใจตามไปด้วย สร้างความหนักอกหนักใจ ให้กับเมลดาตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่มัลลิกาที่ทำท่าจะไม่ยอมไปด้วย แถมยังมีต้องใจที่อาจจะมาแสดง ลมเพชรหึงใส่เธออีก คิดไปคิดว่าก็เริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาซะอีกว่าตัวเองเริ่มมีใจให้ปองคุณหรือเปล่าปองคุณใช้จักรยานในการเที่ยวชมศูนย์ศิลปาชีพ เมลดาขี่จักรยานไม่เป็นจึงต้องซ้อนหลังปองคุณ สร้างความขุ่นเคืองให้กับต้องใจยิ่งนัก แต่สำหรับเมลลาแล้วคือความอบอุ่นใจที่บังเกิดขึ้นเงียบ ๆ ในระหว่างที่หล่อนกำลัง ผจญเจอมรสุมชีวิตที่หนักหนาสาหัสนี้ เมลดาเดินชมการฝึกงานวิชาชีพต่าง ๆ ด้วยความสนใจ แต่วิชาชีพที่เมลดาให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือแผนกสอดย่านลิเภา ส่วนมัลลิกาสนใจแผนกศิลปะประดิษฐ์ และนี่เป็นครั้งแรกสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากการสังสรรค์ และช็อปปิ้ง และหล่อนก็เห็นด้วยที่มารดาจะสนใจในวิชาชีพนี้ หล่อนเริ่มเรียนรู้ว่าที่ศูนย์ศิลปาชีพนี้คือสถานที่ที่นำแสงสว่างที่จะนำความหวังมาสู้ชีวิตต่อไปได้ระหว่างที่เมลดาเดินเที่ยวชมในศูนย์ศิลปาชีพด้วยความรู้สึกของการเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้าง ต้องใจก็ได้ข่าวว่าที่บ้านมีนักเลงบุกมาทวงหนี้สองแม่ลูก พอไม่เจอก็อาละวาดทำลายข้าวของในบ้านของมาลัยด้วย เมลดาจึงคิดว่าจะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นเพื่อตัดปัญหา แต่ปองคุณกลับเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขาเพื่อความปลอดภัย ทำให้ต้องใจเกิดความไม่พอใจและพยายามคัดค้านอย่างมาก แต่ปองคุณยังยืนยันว่าเขาทำเพื่อเพราะมนุษธรรม ไม่สามารถจะปล่อยให้สองคนแม่ลูกออกไปผจญภัยกันเพียงสองคนได้ เมลดานั้นแม้จะดีใจที่มีทางออก แต่หล่อนก็ยังกังวลว่าถ้าย้ายไปอยู่บ้านปองคุณ เธอจะต้องมีปัญหากับต้องใจอีกต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่ ๆเมื่อทุกคนไปรวมตัวกันที่บ้านของปองคุณ ต่างก็ปรึกษาหารือกันถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น มาลัยนั้น คิดจะใช้หนี้แทนให้จบกันไป แต่พวกนักเลงกลับไม่ยอมรับเงิน ยืนยันว่าจะต้องเป็นเงินของสองแม่ลูกนี้เท่านั้น ทำให้เกิดความสงสัยกันขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้ว ประยุทธเป็นหนี้จริง ๆ หรือเปล่า เมื่อสอบถามมัลลิกาผู้เป็นภรรยา ก็ไม่เคยรู้เรื่องของสามีตัวเองเลย ทำให้เมลดาเผลอตัวตำหนิมัลลิกาอย่างรุนแรง จนมาลัยต้องห้ามปราม ในที่สุดปองคุณรับอาสาจะสืบเรื่องหนี้สินของประยุทธให้เพื่อความสบายใจของทุกคนการพักอาศัยในบ้านปองคุณแตกต่างจากการพักอาศัยที่บ้านของมาลัยอย่างคนละขั้ว ที่นี่ห้องพักสะดวกสบาย ข้าวของเครื่องใช้มีพร้อมสรรพ แถมยังไม่ต้องทำงาน ทำอาหารเองอีกด้วย แต่เมลดาก็พยายามจะเข้าช่วยเหลือ หยิบโน่นทำนี่ เพื่อต้องการจะทดแทนพระคุณเจ้าของบ้าน ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนกับมารดา ใจใสแนะนำให้ทั้งสอง คนเข้าไปฝึกอาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากพวกนักเลงที่สุด แถมยังได้ฝึกอาชีพ ซึ่งสองแม่ลูกก็เห็นดีตามนั้นทางด้านแพรวดาวรับรู้ว่านิคมทำงานให้ไม่สำเร็จตามที่เธอต้องการ จึงต่อว่าและยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้าง เป็นหนึ่งเดินเข้ามาได้ยินโดยไม่ที่แแพรวดาวไม่รู้ตัว เป็นหนึ่งกลับมาบ้านพบว่าบิดามีแขก และไม่ยอมให้ใครเข้ามา รบกวนรวมทั้งตัวเขาด้วย เพราะลูกน้องของบิดาที่กางกั้นห้ามมิให้เขาเข้าบ้าน ครั้นบิดาได้ยินเสียงเขาโวยวาย อยู่ด้านนอกจึงเรียกเขาให้เข้าไปได้ ยิ่งเพิ่มพูนความสงสัยขึ้นอีกมากนักว่าบิดามีลับลมคมในอะไรปิดบังเขา ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวด้วยในห้องนั้นเป็นหนึ่งได้พบกับ ศุภวัฒน์ พัฒนะกิจกำจร ที่บิดาแนะนำว่าบุคคลผู้นี้จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ซึ่งเขาพอจะรู้ประวัติชายหนุ่มคนนี้ว่าไม่ค่อยจะขาวสะอาดนัก มีข่าวกับสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย หลังจากการหย่าร้างกับสิริมน ภรรยาสาวสวยชื่อดังในวงสังคม แต่แค่ความเจ้าชู้ของเขาไม่ใช่สิ่งที่เป็นหนึ่งจะไม่ชอบใจ แต่เป็นเพราะ ชื่อเสียงที่ไม่ดีว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายมากกว่า แต่เป็นหนึ่งก็รักษามารยาทในการพูดจาด้วยเป็นอย่างดี แล้วก็อดเป็นห่วงบิดาไม่ได้จึงเอ่ยปากตักเตือน ซึ่งนอกจากจะไม่สำเร็จแล้วยังทำให้ชัยพงศ์หัวเสียเป็นอย่างมากด้วยเป็นหนึ่งรู้สึกเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่เขาได้รับรู้ทั้งสองเรื่องในวันนี้เป็นอย่างมาก เมื่อนอนครุ่นคิดถึงเรื่องราว ต่าง ๆ แล้วจึงตัดสินโทรหานักสืบที่เขาจ้างไปตามหาที่อยู่ของเมลดา ทำให้ได้รับรู้เรื่องว่าเมลดามีผู้ชายบ้านนอกคนหนึ่งคอยดูแลอยู่ แล้วยังได้ดูคลิปที่มีนักเลงตามไปอาละวาดที่บ้านของมาลัยด้วย เขาจำหน้านิคมได้ จึงรู้สึกผิดหวังกับแพรวดาวมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้เขาตัดสินที่จะไม่วางมือจากเมลดาแม้จะรู้ว่าเขากำลังนำตัวเองไปสู่ปัญหา และสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ จะนำปัญหาและหายนะมาสู่ครอบครัวของเขาอย่างอเนกอนันต์วันที่ปองคุณนัดจะพาเมลดากับมารดาไปสมัครเข้าเรียนที่ศูนย์ศิลปาชีพ ต้องใจแวะมาแต่เช้าด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไปจากเดิม หล่อนหันมาใส่กระโปรง แต่งหน้าเข้มจัด หล่อนกลายเป็นตัวตลกของทุกคนแบบไม่รู้ตัว ปองคุณเองก็ไม่กล้าจะพูดตรง ๆ จึงบอกแค่ว่าหล่อนดูสวยแปลกตาดี ต้องใจจึงคิดว่าเมื่อตัวเองหันมาแต่งตัวแต่งหน้าแบบนี้จะ สามารถดึงใจของปองคุณได้ เมื่อเมลดาสมัครเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องใจยังไม่วายแขวะว่ากระทบกระแทกจนมาลัยต้องออกโรงปกป้อง สองแม่ลูกทำให้ต้องใจงอนเดินหนีออกมา เมลดาตามไปพูดคุยเพื่ออยากจะปรับความเข้าใจ โดยไม่รู้ว่าปองคุณเดินตามไปด้วยต้องใจสารภาพว่ารักปองคุณ และไม่อยากให้ปองคุณต้องมาเสียใจกับสาวไฮโซซ้ำสองอีก แล้วเล่าเรื่องของ สิริมน คนรักเก่าของปองคุณที่ทิ้งเขาไปแต่งงาน ปล่อยให้ชายหนุ่มต้องชอกช้ำใจมากว่าห้าปี เมลดาเองก็เคยรู้จัก สิริมนแต่ไม่สนิท เคยเจอกันตามงานสังคมเท่านั้น หล่อนจึงแสดงความแปลกใจถึงความสัมพันธ์ของปองคุณ กับสิริมน และแม้ว่าตัวเองจะมีความรู้สึกดี ๆ กับปองคุณอยู่มาก แต่ไม่อยากจะมีปัญหากับญาติอย่างต้องใจ จึงพูดรับปากว่าเธอจะไม่ยุ่งเกี่ยว และคิดอะไรเกินเลยกับปองคุณอย่างเด็ดขาด นั่นทำให้ปองคุณซึ่งแอบฟังอยู่รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจคล้ายถูกมีดกรีดซ้ำที่รอยแผลเดิม และคิดว่าจะเปิดใจให้กับต้องใจ ที่เห็นคุณค่าและมั่นคงในรักที่มีต่อเขา เสมอมาปองคุณพาเมลดากับต้องใจไปไหว้พระ ขณะที่อยู่ในวัดเมลดารู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา เธอเข้าใจว่า เป็นพวกแก๊งทวงหนี้ หลังจากส่งต้องใจลงที่ตลาดแล้วทั้งสองจึงขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางปองคุณรู้ว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา เขาจึงหลอกพาไปในที่เปลี่ยวแล้วยิงยางรถจนคนขับไม่สามารถหนีได้ เมื่อใช้ปืนขู่จนมารู้ ทีหลังว่าคนที่ตามมานั้นไม่ใช่แก๊งทวงหนี้ และกลายเป็นเป็นหนึ่งที่แอบติดตามเมลดามาจากวัดนั่นเองปองคุณยอมจ่ายค่าเสียหายค่าซ่อมรถ และพาสองคนไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ ตามประสงค์ของเป็นหนึ่งที่ร้องขอ เขาแยกตัวออกมานั่งรอโดยมีเมลดามองตามด้วยความไม่สบายใจสร้างความฉุนเฉียวให้กับเป็นหนึ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อรับรู้ได้ว่าบัดนี้เมลดาอาจจะเปลี่ยนใจจากเขาไปเต็มร้อยแล้ว หันมาไปสนใจหนุ่มท่าทางบ้านนอกคนนั้น เขาจึงพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เมลดากลับกรุงเทพฯ โดยเขายินดีจะรับดูแลหล่อนและมารดาอย่างดี และจะจัดการ เรื่องหนี้สินให้ด้วย แต่เมลดาไม่ยอมรับการช่วยเหลือนั้น และยืนยันว่าเธอยินดีจะใช้ชีวิตแบบที่กำลังทำอยู่ปองคุณอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ว่าเมลดาพูดจาสิ่งใดกับคนรักเก่า เมื่อได้รับคำตอบที่เขารู้สึกยินดี เมื่อรู้ว่าเมลดายืนยันจะทำตามเจตนารมย์เดิม คือการเข้าไปเรียนฝึกอาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพ โดยไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯตามคำชวนของเป็นหนึ่ง ปองคุณเริ่มสืบเรื่องการเป็นหนี้ของประยุทธจากโทรศัพท์ที่เมลดายังเก็บไว้ ทำให้เขาพบว่าประยุทธมีการติดต่อ กับศุภวัฒน์ เขาไม่อยากจะคิดว่าเป็นคนคนเดียวที่เคยทำลายหัวใจของเขา เขาจึงโทรไปขอให้ศรุต เพื่อนตำรวจช่วยสืบให้ ทำให้เขาโดนเพื่อนแซวว่าเขาคงกำลังจะมีความรักอีกครั้งก่อนจะส่งเมลดาและมารดาเข้าศูนย์ศิลปาชีพ ปองคุณจึงพาทั้งสองคนไปห้าง เพื่อซื้อของใช้เตรียมตัวเข้าไปอยู่หอ โดยมีต้องใจตามไปอีกตามเคยเมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ เมลดากับมัลลิกาแยกตัวไปซื้อของกันสองคน แต่ช่วงจังหวะที่มัลลิกาขอไปห้องน้ำ เมลดาถูกชายสองคนใช้มีดจี้ให้เดินออกจากห้าง โชคดีที่มีหญิงอ้วนคนหนึ่ง เข้ามาช่วยเมลดาไว้ได้ แพรวดาวรับรู้ว่าลูกน้องทำงานพลาดด้วยความโมโห จึงตัดสินใจจ่ายเงินปิดปากไป เพราะกลัวจะมีหลักฐานโยงใยมาถึงตัวเพราะเริ่มรู้สึกว่าพักหลัง ๆ มานี้ เป็นหนึ่งเริ่มมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงนิคม แล้วเป็นหนึ่งคงไม่รู้ตัวว่าหล่อนทราบเรื่องที่เขาตามไปเมลดาถึงอยุธยา หล่อนเก็บความหึงหวงและคับแค้นใจไว้เงียบ ๆ จึงสั่งให้นิคมไปจัดการขั้นเด็ดขาดอีกครั้งแต่ก็พลาดอีกตามเคย ยังดีที่พักหลัง ๆ หล่อนเริ่มไม่ค่อยจะใส่ใจกับเป็นหนึ่งมากเท่าเดิม เพราะความสนใจของหล่อนตอนนี้กำลังอยู่ที่ ศุภวัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มพ่อม่ายเนื้อหอม ที่แม้เขาจะไม่ได้หล่อเหลา อะไรมากมาย แต่ก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้แพรวดาวไม่อาจจะละสายตาจากผู้ชายคนนี้ได้เลยเหตุการณ์ที่เกิดกับเมลดาในห้าง ทำให้ปองคุณคิดว่าต้องรีบสืบเรื่องเจ้าหนี้ของเมลดาให้เร็วที่สุด เพื่อนของเขาแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อน แต่ปองคุณกลับคิดว่าถ้าย้ายเข้าไปอยู่ในศูนย์ศิลปาชีพแล้วก็น่าจะปลอดภัย ศรุตวิเคราะห์เหตุการณ์นี้มาอย่างมากมาย และมีข้อสงสัยไปถึงแพรวดาวด้วยในเรื่องของการหึงหวง และสิ่งที่ได้รับรู้ อย่างชัดเจนก็คือ ศุภวัฒน์ คือคนคนเดียวกันจริง ๆ ปองคุณจึงตัดสินใจติดต่อกับสิริมนอีกครั้งเป็นหนึ่งพบยุทธชัย ลูกน้องคนสนิทของประยุทธที่บริษัทของตัวเอง ยุทธชัยกลายมาเป็นคนสนิทของ ศุภวัฒน์แทน ทำให้เขารู้สึกว่าคนนี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทของประยุทธล้มละลาย เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ที่มากกว่าจึงสามารถหักหลังเจ้านายตัวเองได้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้เป็นหนึ่งเริ่มสืบหาเรื่องราวอย่างเงียบ ๆ รวมทั้ง เรื่องที่แพรวดาวใช้นิคมทำด้วย แม้เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่าเป็นแผนของแพรวดาวที่ส่งคนไปข่มขู่เมลดา แต่ก็ไม่มีหลักฐานจะจัดการกับหล่อนได้ แล้วเรื่องที่สำคัญคือถ้าเขาแตกหักกับแพรวดาวเรื่องนี้ จะกระทบไปถึงธุรกิจของสองครอบครัวต้องแตกหักลง ซึ่งพ่อของเขาคงไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมลดากับมัลลิกาย้ายตัวเองจากบ้านปองคุณไปเข้าหอพักในศูนย์ศิลปาชีพ ระหว่างทางที่ปองคุณไปส่งสองแม่ลูก เขาก็มีเรื่องต้องถกเถียงกับเมลดา และแสดงความไม่พอใจเมื่อญิงสาวพูดถึงเป็นหนึ่ง มัลลิกาซึ่งนั่งอยู่เริ่มสงสัยและบอกกับเมลดาตรง ๆ ว่าเธอสงสัยว่าปองคุณจะมีใจให้กับลูกสาวของเธอ เมื่อเจอกับสภาพหอพักที่อยู่ร่วมกับ คนอื่นอีกนับสิบ เมลดาก็แทบจะถอดใจ แต่เมื่อเจอว่ามัลลิกาโอดครวญอย่างหนักหล่อนจึงต้องทำใจให้เข้มแข็ง และคิดว่าต้องยอมรับสภาพนี้ให้ได้ และยังต้องเตือนให้มารดาแสดงสีหน้าให้ดี เพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดแล้วสิ่งที่ทำให้หล่อนดีใจจนลืมนึกเรื่องอื่นไปเลย ก็คือหล่อนได้พบกับหญิงสาวร่างอวบที่เคยช่วยเหลือหล่อนในวันที่ถูกจี้การเริ่มเรียนวันแรก เมลดารับรู้ว่าแผนกที่เธอเลือกเรียนการสอดย่านลิเภานั้นด้วยอาการใจฝ่อนิด ๆ ว่าหล่อน จะไปรอดไหม เพราะแผนกนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นการฝึกอาชีพที่ยากที่สุด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนงานสอดย่านลิเภาได้สำเร็จ และการจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีการทดสอบก่อน ที่น่าแปลกใจที่สุดคือปองคุณมาช่วยสอนในแผนกนี้ด้วย แค่เริ่มต้นเขาก็เชือดหล่อนเสียไม่มีชิ้นดีแล้วสิริมน และปองคุณ ไปปรากฎตัวในงานเลี้ยงเปิดตัวหุ้นส่วนระหว่างชัยพงศ์ วินัย พ่อของแพรวดาว และศุภวัฒน์ โดยไม่ได้รับเชิญ แพรวดาวออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนแทนศุภวัฒน์ จนเป็นหนึ่งเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ ของคนทั้งคู่ ในขณะที่ศุภวัฒน์นั้นเริ่มรับรู้ว่าสิริมนกำลังจะมาเอาคืน เพราะเมื่อตอนที่เขาเป็นแต่งงานกับสิริมนนั้น ได้ถ่ายโอนหุ้นในกิจการห้างสรรพสินค้าของครอบครัวหล่อนไปให้เจษฎา กว่าครอบครัวหล่อนจะรู้ตัวห้างนั้นก็หลุดมือไปแล้ว ยังดีว่าหล่อนยังมีกิจการทางด้านอื่นรองรับอยู่ จึงยังคงอยู่ได้โดยไม่ล้มละลายไปเหมือนกับประยุทธเพราะปองคุณหายหน้าไป ทำให้เมลดาไม่มีสมาธิพอที่เรียนรู้จนหล่อนแทบจะถอดใจ แต่ได้ครูอย่างผลที่มากล่าวเตือนสติ และบอกว่าแท้จริงแล้วปองคุณเป็นห่วงหล่อนมาก ถึ