เจ้าสาวของอานนท์ (2558/2015) เจ้าสาวของอานนท์ เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มวิศวกรนอกกับสาวชาวสวน ซึ่งแท้จริงเป็นลูกของพระยา ที่มีโอกาสได้พบกัน หลังจากที่ ตระกล (สมัชญ์ ชัยสุวรรณ) เพื่อนของอานนท์ได้ฝากฝังอานนท์ช่วยไปดูงานให้ตรวจและดูแลเครื่องจักรที่สวนมะพร้าวแห่งหนึ่ง จึงทำให้ อานนท์ (โทนี่ รากแก่น) ได้พบรักกับ สุชาดา หรือสุ (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) ที่มีฝาแฝดผู้ชายชื่อโสภณ ซึ่งเรียนอยู่ต่างประเทศ ในตอนแรกอานนท์ไม่ถูกชะตากับ สุชาดามากนักเพราะเธอ มีนิสัยห้าวเหมือนผู้ชาย แต่เมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็ทำให้ อานนท์ กับ สุชาดา รักกันและคบหากันในที่สุด เมื่ออานนท์ตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ของเขา ว่าต้องการแต่งงานกับสุชาดา ทำให้พ่อกับแม่ของอานนท์ไม่ค่อยพอใจเพราะรู้ว่า สุชาดา เป็นแค่สาวลูกชาวสวน แต่เมื่อตอนหลังทราบความจริงว่า นายตะวัน (แม่ของสุชาดา) เป็นภรรยาคนแรกของพระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์ ที่พลัดพรากจากกันมานาน ก็ทำให้ครอบครัวของอานนท์ยอมรับในตัวสุชาดา ด้านพระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์ ก็มีครอบครัวใหม่ และมีลูกด้วยกันถึงสามคนคือ เสาวนิต (ณัฐชา เจกะ) ลูกสาวคนโต ไม่ค่อยได้ความเท่าไรแค่สวยไปวัน ๆ ไพจิตร (เขษมพงษ์ พลเดช) ลูกชายคนรองท่าดีทีเหลวแต่มีความรู้ดีและเรียนเก่ง และ นิศา ลูกสาวคนเล็กไม่สวยเท่าพี่สาวแต่ร่าเริงและขยัน เมื่อพี่น้องได้พบหน้ากันต่างก็ดีใจที่มีพี่สาวพี่ชายเพิ่มมาอีก 2 คน นอกจากเรื่องความรักระหว่างคู่พระนางแล้ว ยังมีความรักของอีกหลาย ๆ คู่ทั้ง นงลักษณ์ (มรกต หทัยวสีวงศ์) น้องสาวของอานนท์กับตระกล เพื่อนของอานนท์ ที่รักและได้แต่งงานกัน อีกหนึ่งคู่คือคู่ของ สิรี พี่สาวของปริศนา ที่เคยผิดหวังจากความรักมาตั้งแต่ในเรื่องปริศนา และดำเนินเรื่องมาจนถึงเรื่องนี้ สิรีได้พบคนที่รักเธอจริง ๆ อย่าง โกศล (ธนศักดิ์ สำราญมน) ทั้งคู่จึงแต่งงานกัน ติดตามชม เรื่องราวความรักของอานนท์และ บทสรุปของคู่รักอีกหลายคู่จะเป็นอย่างไร ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครเจ้าสาวของอานนท์

ปริศนา (2558/2015) ปริศนา สุทธากุล (สุษมา กิติยากร ณ อยุธยา) เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนลูกสาว 4 คน ของ คุณนายสมร (อาภาศิริ นิติพน) และพระวิจิตร มนตรี ที่เธอได้ชื่อนี้เพราะปริศนาเกิดหลังจากบิดาเสียชีวิตไปได้ 6 เดือน ทำให้ญาติพี่น้องฝ่ายพ่อซึ่งรังเกียจความเป็นครูจน ๆ ของคุณนายสมรอยู่แล้ว สงสัยว่าปริศนาอาจจะเป็นลูกชู้ไม่ใช่ลูกพระวิจิตรกับคุณนายสมรอยู่แล้ว คุณนายสมรตกพุ่มม่าย ก็ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 4 คนคือ อุบล (ฝนพา ปราโมช ณ อยุธยา) สิรี (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร (กบ) อนงค์ (ปจิตรา ภรณ์เจริญ (นุกนิก) และปริศนา โดยไม่มีญาติฝ่ายสามีมาใยดี จะมีก็แต่ วิรัช น้องชายของพระวิจิตรมนตรีที่ดีต่อพี่สะใภ้และหลาน ๆ มาโดยตลอด เมื่อวิรัชต้องย้ายไปรับราชการที่สหรัฐอเมริกา เขาจึงขอปริศนาหลานคนโปรดไปอุปการะด้วย ที่อเมริกา ปริศนาได้รับการศึกษาที่ดี ได้รับความรักความอบอุ่นจากวิรัชประหนึ่งลูกสาวแท้ ๆ ปริศนาเติบโตขึ้นเป็นสาวน้อยที่สดใส ร่าเริง มีความมั่นใจในตัวเองแบบเด็กฝรั่ง และมีความสามารถมากมาย ทั้งทางด้านดนตรี กีฬา และศิลปะ ปริศนากลับมากรุงเทพฯ อายุ 19 ปี ด้วยความสวยและความเก่ง ขณะเดียวกันชายหนุ่มที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุด ท่านชายพจน์ปรีชา ราชนิกูล (ศรราม เทพพิทักษ์) หนุ่มหล่อเจ้าของวังศิลาขาวทายาทมรดกจำนวนมหาศาล ท่านชายมีขนิษฐาสุดสวาทเพียงคนเดียวคือท่านหญิงรัตนาวดี (ญีน่า ซาลาซ (จีน่า) แต่ก็ได้อุปการะลูกภรรยาน้อยของน้าชายอีก 2 คน คือ ประวิช (ติณห์ ศรีตรัย) และ วิมล (ณฐมณฑ์ งามกนก (เจน) ท่านชายให้ความไว้วางใจประวิชเหมือนน้องแท้ ๆ ส่วนวิมลก็สนิทสนมกับท่านหญิงรัตน์ ประวิช รู้จักกับอนงค์พี่สาวผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยของปริศนาที่หัวหิน เขาสนใจในตัวอนงค์ตามประสาชายหนุ่ม แต่เมื่อประวิชได้พบกับปริศนาเขาก็หลงใหลในตัวเธอและเปลี่ยนใจมาชอบปริศนาแทนในขณะที่อนงค์หลงรักประวิชเข้าจริง ๆ ต่อมาปริศนาได้งานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสิขาลัย เป็นนักเรียนประจำแก่นแก้วและหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือท่านหญิงรัตน์ และ วิมลต่อมาประวิชได้ชวนปริศนาให้มาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในวังศิลาขาวมากขึ้น ทำให้ท่านชายได้ใกล้ชิดเห็นความฉลาดน่ารักของเธอและเกิดหลงรักปริศนาขึ้นทีละน้อยปริศนาก็รู้สึกประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชายจนกลายเป็นความรักเช่นกัน ประวิช หลงรักปริศนาจนถอนตัวไม่ขึ้นแต่ปริศนากลับเข้าใจว่าประวิชมาชอบอนงค์ เธอจึงให้ความสนิทสนมในฐานะเพื่อนและว่าพี่เขยมากกว่า ประวิชจึงได้ขอให้ท่านชายช่วยพูดแทน ท่านชายซึ่งรู้ตัวว่ารักปริศนาเข้าให้แล้วก็จำเป็นต้องตัดใจจากปริศนาเพราะเห็นแก่ประวิชและหันมาทำหน้าที่พ่อสื่อ ปริศนาปฏิเสธความรักฉันท์ชู้สาวของประวิช ภายหลังประวิชได้มาสารภาพรักกับปริศนาด้วยตัวเอง ทำให้เขารู้แน่ว่าปริศนาไม่ได้รักเขา ประวิชจึงหันกลับไปหาอนงค์ตามเดิมด้วยความรักที่มีเป็นทุนเดิมทำให้อนงค์ตอบรักประวิชด้วยความดีใจ ระหว่างนี้สิรี พี่สาวคนรองของปริศนาชอบพอกับคุณเสมอลูกชายคหบดีเพื่อนของท่านชาย แต่เมื่อคุณเสมอขอให้พ่อมาสู่ขอสิรีพ่อของเขากลับปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าสิรีจนไม่คู่ควร และได้หาผู้หญิงไว้ให้เขาแล้ว ผู้หญิงที่พ่อคุณเสมอหาไว้คือ รตี (ปกฉัตร เทียมชัย) แต่รตีปฏิเสธเพราะมีความหวังอยู่ที่ท่านชาย คุณเสมอจึงกลับไปหาสิรี แต่สิรีตัดใจแล้วและจะไม่ยอมรักใครอีก หลังจากห่างเหินกับทางวังศิลาขาว ปริศนามีเพื่อนบ้านใหม่ คือครอบครัวของ นงลักษณ์ เจ้าของร้านตัดเสื้อที่สิรีทำงานด้วยครอบครัวของนงลักษณ์ประกอบด้วยอานนท์ (โทนี่ รากแก่น) พี่ชายนักเรียนนอกสุดโก้ และนพ (ปิยะณัฐ แดงพูนผล (โด่ง) น้องชายผู้ใฝ่รู้ทะเยอทะยาน ทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีของปริศนา ปริศนากับอานนท์สนิท กันมากขึ้นในฐานะเพื่อนและคนที่เคยอยู่เมืองนอกเหมือนกัน จนทำให้ท่านชายเข้าใจผิด ฝ่ายรตีก็พยายามใกล้ชิดเพื่อเอาชนะใจท่านชายปริศนาเองรักท่านชายไม่น้อยไปกว่าที่ท่านรักเธอ แต่ด้วยความถือดีคิดว่าท่านชายมีเงินคอยแต่จะดูถูกผู้หญิงว่าวิ่งไล่จับท่าน ทำให้ปริศนาแข็งข้อกับท่านเสมอ จนสุดท้ายมีข่าวลือว่าปริศนากับอานนท์รักและจะแต่งงานกัน ท่านชายรู้ข่าวก็เสียใจหนีขึ้นไปเชียงใหม่ไปล่าสัตว์ที่เชียงราย วันหนึ่งปริศนาก็ได้รับข่าวร้ายว่าท่านชายป่วยเป็นไข้ป่าอาการปางตาย และกำลังถูกส่งกลับมากรุงเทพฯ ปริศนารู้สึกเสียใจและรู้ใจตัวเองว่าท่านชายมีความสำคัญกับเธอมากขนาดไหน ปริศนามาดูแลท่านชายที่วังศิลาขาว ในคืนที่ความเป็นความตายเท่ากัน ปริศนาสารภาพรักกับท่านชายว่าเธอรักท่านชายมากแค่ไหน ทั้งสองจึงเข้าใจกันในที่สุด อาการของท่านชายดีวันดีคืน เมื่อความรักของทั้งสองสุกงอมจึงมีการหมั้นกันอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วเรื่องก็ เข้าถึงหูคุณหญิงราชวรรลภแม่ของรตีที่อยากได้ท่านชายมาเป็นเขย คุณหญิงเอาความไปบอกเสด็จอา ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของท่านชายให้คัดค้านและใส่ไฟว่าปริศนาเป็นไพร่ ไม่มีชาติตระกูล ทำตัวเหลวแหลก มีคู่รักมากมายเสด็จอาจึงเรียกท่านชาย เข้าไปพบและถามความในใจ เมื่อรู้ว่าท่านชายรักปริศนาอย่างแท้จริง เสด็จอาจึงขอดูตัวปริศนาในงานเลี้ยงที่วังศิลาขาว เมื่อได้พบกับปริศนาเสด็จอาก็โปรดปริศนาถึงกับประทานสร้อยเพชรของตระกูล ให้เธอ คุณหญิงราชวรรลภ เห็นท่าไม่ดีจึงแฉเรื่องที่ปริศนาเป็นลูกไม่มีพ่อ แต่เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไปเมื่อคุณอาวิรัชของปริศนาซึ่งเพิ่งกลับมาจากสหรัฐอเมริกาปรากฎตัวในงานพร้อมจดหมายรับรองฐานะของปริศนาที่พระวิจิตรมนตรีเขียนไว้ก่อนตายว่าปริศนาคือลูกของพระวิจิตร เมื่อปริศนาในตัวหญิงสาวถูกไขจนหมดข้อกังขา งานแต่งงานระหว่างนางสาวปริศนาและท่านชายพจน์ปรีชาก็เกิดขึ้น เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดราวเทพนิยาย ติดตามชม ละครปริศนา

Club Friday To Be Continued ตอน มิ้นต์กับมิว (2558/2015) มิ้นต์กับมิว To Be Continued เรื่องราวภาคต่อของมิ้นต์กับมิว ความรักของกะเทยร่างยักษ์ที่เคยทำให้คนดูเสียน้ำตา กลับมาแล้วตามคำเรียกร้อง แซ่บขึ้น ฟินขึ้น ฮาขึ้น ดราม่า บ้าผู้ชายยิ่งขึ้น ในโปรเจคท์พิเศษ Club Friday To Be Continued ซึ่งในภาคนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ฉันจะเอาพี่ฮัทมาทำผัวให้ได้ คือคำปฏิญาณตั้งต้นฝันใหม่ของกะเทยอ้วนกลิ้งหลุน ๆ อย่างมิว ที่เคยมีฝันอยากไปซานฟราน แต่ฝันเรื่องนั้นเก็บมันไปก่อน เที่ยวน่ะเรื่องรอง มีผัวน่ะเรื่องหลัก มิว (เบน ชลาทิศ) กะเทยเน็ตไอดอล ที่ตอนนี้มีคนรู้จักเป็นล้านเพราะเอาคลิปไปลงยูไลค์ ต่างจากเมื่อสมัยก่อน ที่แม้แต่เพื่อนร่วมงานยังไม่อยากคุยด้วย มิวไปหลงรักผู้ชายชื่อว่า พี่ฮัท (เต๋า สมชาย) พี่ชายสุดหล่อล่ำข้างบ้าน เป็นครูพละและช่วยงานอาสามูลนิธิ ที่สำคัญเขาชอบผู้หญิง แถมยังเกลียดกะเทยจนกระทืบมาแล้ว แต่โชคก็เข้าข้างเหมือนฟ้าประทานที่ทำให้พี่ฮัทยอมรับในตัวของมิว แล้วเริ่มความสัมพันธ์ฉันเพื่อน เพราะพี่ฮัทเห็นว่า มิวคือคนที่เข้าอกเข้าใจและดูแลตนมาเป็นอย่างดี การยอมรับครั้งนี้ เลยทำให้มิวมโนไปไกลสุดฤทธิ์ว่าพี่ฮัทจะต้องมายอมสยบแนบอกตัวเองให้จงได้ เรื่องราวสุดแซ่บจึงเริ่มขึ้น และหลังจากเพื่อนสนิทของมิว อีหมี (โอ๊ค กีรติ) กะเทยโบท็อก เดินทางกลับจากซานฟรานฯ และบอกว่ามีผู้ชายมาจีบตอนที่ทำวีซ่า มิวได้ยินก็ดีใจที่หมีจะมีผัวซักที แต่หารู้ไม่ว่าคนที่หมีพูดถึงนั่นก็คือ โต้ง (แท็ค ภรัณยู) แฟนเก่าของมิวที่เป็นต้นกำเนิดของชื่อปลอมมิ้นต์นั่นเอง! ที่จะกลับเข้ามาในชีวิตของมิวอีกครั้ง แถมอีหมียังได้พา เจ๊แอนนา (รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น) กลับมาให้มิวได้รู้จักด้วย และก็เข้ากันได้ดี ดูเหมือนชีวิตของมิวจะราบรื่นแต่ดันมีอุปสรรคสุดหิน เมื่อ แม่พี่ฮัท (สุดา ชื่นบาน) ย้ายมาอยู่ที่บ้านเป็นการถาวรกับพี่ฮัท เนื่องจากพ่อเลี้ยงของพี่ฮัทเสียชีวิต จะคอยขัดขวางความรักเพราะมิวเป็นตุ๊ด และไม่อยากให้ฮัทเบี่ยงเบน ไปเป็นเกย์แล้วชอบกะเทย หัวอกคนเป็นแม่ทำใจไม่ได้จริง ๆ พี่ฮัทเองหลังจากที่ถูกแม่กีดกันไม่ให้คุยกับมิว ก็ได้ไปสนิทกับครูสาวน่ารักไร้เดียงสาที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ อย่าง เข็ม (เปาวลี พรพิมล) ซึ่งเป็นมารหัวใจของมิว และกำลังจะแต่งงานกับพี่ฮัท มิวเสียใจร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตาย เลยคิดวางแผนกับเพื่อน ๆ แก๊งกะเทย เปิดคลิปแฉเข็มว่าเป็นกะเทยแปลงเพศมาให้รู้กันกลางงานแต่ง แต่แล้วเรื่องราวกลับตาลปัตรเพราะคนที่อยู่ในคลิปเป็นพี่ชายฝาแฝดของเข็มต่างหากที่แปลงเพศเรียบร้อยแล้ว ทำให้มิวหน้าแตก อับอายผู้คนมาก และหนีหน้าพี่ฮัทตลอด ในที่สุดพี่ฮัทก็ตามหามิวเจอ และถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น มิวสารภาพความจริงออกไปทั้งหมดว่าทีทำไปเพราะเป็นห่วง ไม่อยากเห็นพี่ฮัทโดนหลอก เมื่อพี่ฮัทรู้ความจริงแบบนี้จะทำอย่างไรต่อไป? ความรักของมิวจะสมหวังหรือไม่? ติดตามได้ใน มิ้นต์กับมิว To Be Continued

สุดแต่ใจจะไขว่คว้า (2558/2015) พัฒนะ เป็นลูกชายของพล ซึ่งมีอาชีพเป็นชาวสวน พลมีลูกอยู่ 5 คน คือ พุดจีบ พรรณพงษ์ พัฒนะ พิณรมย์ และพรพุฒิ พลมีปมในใจที่ตนเรียนหนังสือไม่สูง ต้องลำบากมาทำสวนทำไร่ ไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่น โดยเฉพาะพจนะ น้องชายที่เรียนเก่งและประสบความสำเร็จเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย พลจึงตั้งความหวังไว้กับพงษ์ ลูกชายคนโต ซึ่งเรียนเก่งกว่าคนอื่น ทำให้เขารักลูกไม่เท่ากัน และไม่ยุติธรรมกับลูก ๆ พ่อรักพงษ์มากที่สุดและสนับสนุนส่งเสียอย่างเต็มที่ การเข้าข้างและตามใจพงษ์มากกว่าลูกคนอื่น ๆ ทำให้พงษ์กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัว ในขณะที่บุญส่ง แม่ของลูกทั้งห้าคนนั้นคอยขัดขวางพ่อ เมื่อเห็นว่าพ่อไม่ยุติธรรม พัฒนะเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง แต่มีความสามารถเรื่องเครื่องยนต์กลไก และเป็นคนมีน้ำใจ เมื่อตอนที่พัฒนะเกิด สวนของพลเกิดน้ำท่วมใหญ่ จึงโทษว่าพัฒนะเป็นตัวซวย พ่อไม่ชอบพัฒนะที่เลือกเรียนช่างยนต์ มองว่าอาชีพต่ำต้อย พลไม่ส่งเสียพัฒนะเรียนอีกต่อไป ในขณะที่กำนันดอน กลับมองเห็นความสามารถของพัฒนะ จ้างให้พัฒนะมาช่วยทำงานในสวน เพื่อมีรายได้ส่งตัวเองเรียน พัฒนะหมายปองวันแรม แต่วันแรมมักจะหลอกใช้พัฒนะให้ช่วยทำงาน พออยู่กับพงษ์เธอก็อ้อนให้ติวหนังสือ ด้านพรพุฒิชอบวิชาศิลปะ แต่พ่อมองว่าเป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ ส่วนพงษ์นั้นนำมาแต่ความปลาบปลื้มให้พ่อ เมื่อพงษ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่เดียวกับวันแรมได้ พงษ์ดีใจมาก จากนั้น วันแรมย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ กับน้าแก้ว น้าแก้วเป็นสาวโสดที่ทำงานเก่ง มีความคิดสมัยใหม่ วันแรมเอาน้าแก้วเป็นแบบอย่าง ด้านพัฒนะต้องอกหักเมื่อรู้ว่าวันแรมกับพงษ์สนิทกัน วันสว่างเลยมาคอยปลอบใจ พุดจีบได้เข้าไปเรียนตัดผม มีลูกค้าหนุ่ม ๆ มาติดพัน จนโดนหลอกพาเข้าโรงแรม แต่เธอหนีออกมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของ ไวฑูรย์ ไวฑูรย์ประทับใจพุดจีบที่เป็นหญิงเรียบร้อย วันแรมและพงษ์มีอิสระในชีวิตมากขึ้น จนกลายเป็นคนใจแตก น้าแก้วไม่สบายใจ ขอร้องให้พัฒนะช่วยตามวันแรมกลับ วันแรมยอมให้พัฒนะไปรับไปส่งอยู่พักหนึ่ง เพื่อให้น้าแก้วตายใจ พิณรมย์สอบได้ผู้ช่วยพยาบาล และย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ วันสว่างสอบได้สถาบันเดียวกัน ไวฑูรย์เรียนจบและได้งานทนายความในกรุงเทพฯ จึงย้ายมาอาศัยกับพ่อ แต่เขาก็ต้องช็อกเมื่อพุดจีบเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา พุดจีบกับไวฑูรย์ต้องทำเป็นไม่รู้จักกันมาก่อน พงษ์แอบรู้ความลับนี้ จึงเอามาขู่เวลาที่พุดจีบจับได้ว่าตนทำผิด งานของพัฒนะดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงหาทางขยับขยาย เพื่อซื้อที่ดินมาทำอู่ แต่กลับถูกโกงหลอกขายที่ดินตาบอดให้ จนถูกพ่อซ้ำเติม วันสว่างคอยให้กำลังใจพัฒนะอยู่เสมอ พัฒนะโชคดีได้งานใหญ่ จึงมีเงินไปซื้อที่ดินเปิดอู่ใหญ่โต แต่พัฒนะกลับไม่ค่อยใส่ใจ จนวันสว่างรู้สึกน้อยใจ จึงหันไปปรับทุกข์กับหมอจุล หมอจุลหลงรักวันสว่าง แต่วันสว่างคิดกับหมอจุลแค่เพื่อน ผลการสอบปีสุดท้ายของพงษ์ตกต่ำ และพ่อก็ล้มป่วย พ่ออยากเห็นหน้าพงษ์ แต่พงษ์อ้างว่าติดสอบ มีเพียงพัฒนะกับพิณรมย์ที่มาดูแล แต่พอพงษ์เงินหมด ก็กลับมาออดอ้อนพ่อ แต่แม่ไม่ให้เงิน พัฒนะหยิบยื่นให้ แต่พงษ์กลับเอาไปเที่ยวเตร่ พัฒนะรู้เข้าก็ไม่พอใจ ต่อว่าพงษ์ที่กลับมาขอเงินพ่ออีก แต่พ่อก็ยังเข้าข้างพงษ์ พรรณพงษ์ชวนวันแรมไปงานเลี้ยงฉลองสำเร็จการศึกษาของชวลิต แต่วันแรมปฏิเสธเพราะเริ่มคบหากับหนุ่มไฮโซ พงษ์จึงต้องชวนพิณรมย์ไปเป็นเพื่อน และได้พบกับเชาวน์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ชอบเลี้ยงเด็กสาวไว้บำเรอ พิณรมย์เห็นแล้วรับไม่ได้ แต่เชาวน์เกิดโรคหัวใจกำเริบ พิณรมย์ไปช่วยปฐมพยาบาล เชาวน์ฟื้นรู้สึกถูกใจพิณรมย์ ส่งคนไปสืบจนรู้ว่าพ่อเป็นชาวสวน จึงเสนอซื้อที่ดินด้วยราคาสูงลิ่ว กำนันรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงไปเตือนพลกับบุญส่งไม่ให้รีบขาย กิจการอู่ซ่อมรถของพัฒนะดีขึ้นเรื่อย ๆ วันสว่างมาช่วยพัฒนะทำบัญชี ทั้งสองจึงใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่นิดาวรรณก็มักจะตามมาขัดขวาง ในขณะที่พงษ์ทำงานที่ไหนได้ไม่นาน เพราะไม่อดทน และโทษว่างานไม่ก้าวหน้า เพราะจบแค่ปริญญาตรี จึงต้องการไปเรียนต่อเมืองนอก ด้านเชาวน์รู้เข้า ก็ยื่นข้อเสนอให้พงษ์ไปเรียนเมืองนอก และจะช่วยน้อง ๆ ทุกคน พงษ์ตกหลุมพรางและเห็นแก่ได้ เลยมาหลอกพิณว่ามีคนป่วยอยากจ้างพยาบาลพิเศษไปดูแล สุดท้ายพิณถูกวางยาและตกเป็นของเชาวน์ พิณเจ็บปวดมากที่พี่ชายทำร้ายตนได้ลงคอ แม่รู้เรื่องก็เสียใจมาก พัฒนะรู้เรื่องเข้าโกรธแทบบ้า แต่พงษ์ก็ตีหน้าซื่อเล่นละคร พ่อยังคงเชื่อว่าพงษ์ทำแบบนั้นเพราะหวังดี พัฒนะโกรธตัดขาดกับพ่อ พ่อเสียใจที่ครอบครัวแตกแยก อาการป่วยทรุดลง หมอแนะนำให้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ พัฒนะลดทิฐิตัดสินใจกลับมาหาพ่อ ในขณะที่พงษ์หายหน้าไป แต่พอรู้ว่าพ่อจะแบ่งที่ดินให้ลูก ๆ ก็รีบกลับมาเอาใจ พิณโมโหคลุ้มคลั่งจะทำร้ายพงษ์ แต่พัฒนะห้ามไว้ พ่อสำนึกที่เลี้ยงพงษ์ผิด ๆ ทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด พ่อให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพงษ์แล้ว สุดแต่ใจเขาจะไขว่คว้าสิ่งนั้นไว้หรือไม่ ในขณะที่พ่อให้ลูก ๆ คนอื่นน้อยกว่า แต่ลูก ๆ เหล่านั้นกลับไขว่คว้าสิ่งที่ดีมาใส่ตัวได้มากกว่า พิณทำเรื่องขอไปทำงานเมืองนอก เพื่อหนีการคุกคามของเชาวน์ ไวฑูรย์ช่วยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเชาวน์ เพื่อให้พิณมีทุนเดินทางไปต่างประเทศ พัฒนะกลับไปดูแลอู่ซ่อมรถของตัวเอง แต่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป เพราะวันสว่างโกรธที่พบว่าพัฒนะยังแอบมีใจให้วันแรม นิดาวรรณก็สร้างเรื่องว่าตนท้องกับพัฒนะ วันสว่างพาหมอจุลมาเที่ยวบ้าน ทุกคนคิดว่าหมอจุลเป็นแฟนของวันสว่าง พัฒนะร้อนใจ รู้ใจตัวเองว่าที่ผ่านมามีวันสว่างมาโดยตลอด เขาจึงรีบตามไปสารภาพรักกับวันสว่าง เพื่อไขว่คว้าเธอกลับมาก่อนจะสายเกินไป ติดตามชม ละครสุดแต่ใจจะไขว่คว้า

ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ 2558

ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ (2558/2015) ตระกูล “วรรณดำรง” ตระกูลใหญ่ที่เริ่มต้นสืบเชื้อสายในไทยมาจากท่านเจ้าสัววรรณ ผู้ล่วงลับไปนานแล้ว ปัจจุบัน คุณปู่จรัล(เศรษฐา ศิระฉายา)เป็นเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน นั่นคือ “ธนาคารไทยธนกิจ” รวมทั้งกิจการในเครืออีกหลายรายการ คุณปู่จรัลมีน้องสาวแท้ๆ คือ คุณย่าพริ้มเพรา(โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ที่ครองความเป็นโสดมาเนิ่นนาน เจ้าระเบียบในแบบคนรุ่นเก่า ไม่มีใครใน “วรรณดำรง” ที่กล้าขัดคำสั่งของเธอ ทั้งคู่มีหลานสาวคนโตสุดรัก วรรณวิวาห์ หรือ วีว่า (ภีรนีย์ คงไทย) วีว่า (ภีรนีย์ คงไทย) สาวนักเรียนนอกเจ้าของ “วรรณวิวาห์เวดดิ้ง” บริษัทรับจัดงานแต่งงานแบบครบวงจร ที่มีชื่อเสียงและกำลังมาแรงในวงการธุรกิจนี้ โดยวีว่ามีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก “หากโตขึ้นและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เธอจะได้สวมชุดเจ้าสาวที่สวยเริ่ดที่สุด พร้อมเข้าพิธีแต่งงานอันสุดแสนเพอร์เฟค“ วีว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วคือ ลาภิศ หรือ ลม (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) หนุ่มหน้าตาดีมีเสน่ห์ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ลมได้ให้คำมั่นสัญญากับวีว่า เมื่อเค้าเรียนจบจากเมืองนอกจะขอเธอแต่งงานทันที แต่แล้วการสิ้นลมหายใจแบบไม่คาดฝันของคุณปู่จรัล ทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตร แทนที่วีว่าหลานสาวคนโตสุดรักจะได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ คุณปู่จรัลกลับยกทรัพย์สินพร้อมกิจการทั้งหมดให้ ปูรณ์(วรินทร ปัญหกาญจน์) ลูกบุญธรรม ที่มีศักดิ์เป็นอาของวีว่า ความคาดหวังของทุกคนพังทลาย แต่ก็น้อมรับตามพินัยกรรมที่คุณปู่จรัลระบุไว้ วีว่ายังชังน้ำหน้าปูรณ์อยู่บ้าง ด้วยความที่คุณย่าพริ้มเพราปลูกฝังไว้ให้เกลียดชังอาปูรณ์ ที่เป็นแค่คนนอกสายเลือดหวังมากอบโกยเงินทอง ได้ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างที่ไม่ควรได้รับ หลังเปิดพินัยกรรม คนที่เดือดร้อนเห็นมีแต่คุณหญิงแขอุไร(สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ)กับลมเท่านั้น ทั้งสองโมโหจนขาดสติ เพราะพลาดเงินทองมหาศาลที่หมายไว้หลังจากการดองกับวีว่า เมื่อคุณย่าพริ้มเพราเอ่ยปากเรื่องแต่งงาน คุณหญิงแขอุไรทำเฉไฉบอกปัดและขอเลื่อนออกไปทันที ใจเด็ด(สมมาตร ไพรหิรัญ)พ่อของวีว่าถึงกับโมโห รู้เช่นเห็นชาติความละโมบของคุณหญิงแขอุไรก็คราวนี้ ที่สำคัญทำให้ลูกสาวสุดรักต้องเสียชื่อว่าถูกฝ่ายชายทิ้งก่อนแต่ง วีว่าจะต้องตกเป็นขี้ปาก เม้าท์มอยและเสียงหัวเราะเยาะในแวดวงไฮโซอย่างแน่นอน วันหนึ่ง ขณะวีว่ากำลังขับรถอยู่มีมอเตอร์ไซค์ขับมาขนาบข้าง ชายสวมหมวกกันน็อคชักปืนขึ้นยิงใส่วีว่าทันที ในความฝันอันเลือนราง คุณลึกลับ(จรรยางค์ ดีกุล)ชายหนุ่มสวมชุดขาวเดินมาหาวีว่า วีว่าถามว่าเธอตายแล้วเหรอ แล้วเขาเป็นใคร ทำไมถึงมาหาเธอในฝันได้ ชายหนุ่มขำแล้วบอกจะพาเธอกลับไปส่ง เบื้องบนต้องการให้เธอไปอยู่ในอีกร่างหนึ่ง ที่บังเอิญเสียชีวิตพร้อมกัน วีว่าสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เธอนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และเมื่อเธอรู้สึกตัว คนที่เข้ามาแสดงความดีใจกลับเป็นลมและพี่บี(คัชชาเทพ เอี่ยมศิริ) ผู้จัดการส่วนตัวของมุกริน(รัชวิน วงค์วิริยะ)ดารานางแบบชื่อดัง ผู้หญิงที่ลมบอกกับเธอว่าจะแต่งงานด้วย วีว่างุนงงว่าสองคนมาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่ใช่พ่อแม่หรือเจ้าขาน้องสาวเธอที่มาเยี่ยมไข้ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อเธอได้ส่องกระจก เธอก็ต้องพบคำตอบสุดช็อค เพราะในขณะนี้วีว่าอยู่ในร่างของมุกรินเรียบร้อยแล้ว เธอกลายเป็น มุกริน แม็กซ์เวลส์ ไปได้อย่างไร!!! แล้วเรื่องราวบางส่วนก็ค่อยๆ คลี่คลาย เมื่อวีว่าในร่างของมุกรินรู้ความจริงว่า มุกรินเสียใจที่ถูกพี่บีผู้จัดการส่วนตัวแก้แค้น ด้วยการปล่อยภาพหลุดของมุกรินที่คลอเคลียกับผู้ชายหลายคนออกสื่อจนเป็นข่าวฉาว แถมยังถูกลมคนรักบอกเลิกอีก มุกรินเสียใจมาก จึงกรีดข้อมือตัวเอง ลมมาเห็นเข้ารีบพาส่งโรงพยาบาลทันที เป็นเวลาเดียวกับที่วีว่าถูกคนร้ายยิงพอดี มุกรินหัวใจหยุดเต้นไปนาน แต่จู่ๆ หัวใจของมุกรินก็กลับมาเต้นอีกครั้ง เธอฟื้นคืนสติแถมไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรเลยราวกับปาฏิหารย์ ขณะเดียวกันวีว่าที่ยังไม่ตาย กลับต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่รู้จะฟื้นเมื่อใด ปูรณ์ตกใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เขาโอบกอดร่างของวีว่าแล้วร้องไห้อย่างคนเสียสติ เขาอยากให้เธอฟื้นขึ้นมาเจอเขาเดี๋ยวนี้ เขาจะไม่หลบหนี ไม่ห่างหายไปจากเธออีกตลอดกาล ทุกอย่างอยู่ในสายตาของวีว่าในร่างมุกริน วีว่าเข้าใจชัดเจนว่าอาปูรณ์รักเธอเหมือนเดิม แต่ที่อาปูรณ์ต้องหายตัวไป เพราะทำตามคำสั่งคุณย่าพริ้มเพรา เรื่องราวเข้มข้นขึ้นไปทุกที แต่เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร? อาปูรณ์กับ วีว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาไปได้หรือไม่? “วีว่า” จะได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวที่สวยเริ่ดดดที่สุดอย่างที่ฝันไว้หรือเปล่า? ติดตามชมได้ใน “ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ”

สุดแค้นแสนรัก 2558

สุดแค้นแสนรัก (2558/2015) เรื่องราวความรัก ความแค้น ระหว่างสองครอบครัว ที่รอยแค้นฝังลึกมิอาจคืนดีกันได้ ทำให้ความรักแท้ของหนุ่มสาวถูกอำนาจของความแค้นของคนคนเดียว กีดกัน ทำลายจนพังพินาศไปอย่างน่าเสียดาย…

ภาคสุดแค้น พ.ศ. 2515

ในปี พ.ศ. 2515 ที่หมู่บ้านหนองนมวัว จังหวัดนครสวรรค์ หมู่บ้านที่มีบรรยากาศท้องทุ่ง ชาวบ้านช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี มีสองครอบครัว คือ ครอบครัว "แย้ม" (รัดเกล้า อามระดิษ) กับ "เทือง" (นึกคิด บุญทอง) ที่มีลูกชายคือ "ประยงค์" (พัชฏะ นามปาน) ได้แต่งงานกับ "อัมพร" (มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล) ลูกสาวของ "ขัน" (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) กับ "อ่ำ" (จินตหรา สุขพัฒน์) ชาวบ้านหมู่บ้านเดียวกัน แต่แย้มไม่ถูกใจลูกสะใภ้สักเท่าไร เมื่ออัมพรตั้งท้องลูกอยู่ เกิดเหตุการณ์เทือง สามีแย้มตายเนื่องจากทะเลาะวิวาทกับขัน พ่อของอัมพร เนื่องจากปล่อยน้ำเข้านา ทำให้แย้มโกรธแค้นเป็นอย่างมากสาปแช่งขันให้ถูกฟ้าผ่า และคำสาปแช่งดูเหมือนจะได้ผล เพราะคืนนั้นเองขันก็ถูกฟ้าผ่าตายตามเทืองไป

แย้มยังคงโกรธแค้นครอบครัวของอัมพร ขัดขวางไม่ให้ประยงค์ไปดูแลอัมพรและลูกที่โรงพยาบาล แย้มยังไม่ยอมให้ศพของขันสวดและเผาวัดเดียวกับเทือง "อุไร" (พรชิตา ณ สงขลา) น้องสาวของอัมพร ทนไม่ได้ด่าแย้มถึงศาลาสวดศพเทือง "ลือพงษ์" (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์) เจ้าของคิวรถประจำทางและกิจการห้องเช่าประจำหมู่บ้าน ได้คบหากับอุไร แต่พ่อของลือพงษ์ "โกตา" (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) และแม่ลือพงษ์ "นกเล็ก" (ไปรมา รัชตะ) ถูกแย้มยุยงให้เกลียดชังอุไร พร้อมทั้งหมายตาลือพงษ์ไว้ให้ "พะยอม" (น้ำฝน กุลณัฐ) ลูกสาวคนเล็กที่แอบชอบลือพงษ์

หลังจากอัมพรคลอดลูกชาย แย้มตั้งชื่อให้ว่า "ยงยุทธ" อัมพรย้ายมาอยู่ที่บ้านประยงค์ เหตุเพราะทน คำเหน็บแนม ด่าทอไม่ได้ แย้มพยายามจับคู่ประยงค์กับ "สุดา" (รฐา โพธิ์งาม) ลูกสาวของเพื่อนรัก เมื่ออัมพรรู้เรื่องจึงเกิดความหึงหวง และทะเลาะวิวาทอย่างหนัก เป็นเหตุให้แย้มถือโอกาสไล่อัมพรกลับบ้านและไม่ให้กลับมาอีก โดยลูกอยู่กับแย้ม

อุไรก็เผลอใจแอบได้เสียกับลือพงษ์ อุไรร้องขอให้ลือพงษ์รีบบอกพ่อแม่มาสู่ขอโดยเร็ว ลือพงษ์รับปากไปทั้งๆ ที่รู้แก่ใจว่าพ่อแม่ไม่ยอม เพราะทั้งคู่ไม่ชอบอุไร ด้านประยงค์ดื่มเหล้าย้อมใจเพราะคิดถึงภรรยา จนอัมพรไปเจอ และได้ปรับความเข้าใจกัน อัมพรขอลูกคืน แต่ประยงค์ขอลูกไว้เพื่อเป็นตัวแทนรักของอัมพร และสัญญาว่าจะไม่แต่งงานใหม่ หากวันใดเขาแต่งงาน อัมพรจะได้ลูกคืน อัมพรจึงยกลูกให้อยู่กับประยงค์และให้รักษาสัญญาให้ดี แย้มไม่หยุดความแค้นวางแผนให้ "ประยูร" (พิษณุ นิ่มสกุล) ลูกชายคนกลาง ทำให้อุไรกับลือพงษ์เข้าใจผิดและทะเลาะกันรุนแรง เวลาผ่านไปอัมพรแอบเอาข้าวไปส่งให้ประยงค์ทุกกลางวัน อัมพรยังแอบหายงยุทธ โดยได้พะยอมช่วย แต่แย้มก็จับได้ในที่สุด มีเรื่องตบตีกันจนขึ้นโรงพัก เป็นจุดที่อุไรและอัมพรได้พบกับ "ร้อยตำรวจตรีทวี" (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ร้อยเวรบันทึกการแจ้งความ ทวีถูกชะตาสองพี่น้องมาก อาสาไปส่งถึงบ้าน ลือพงษ์เองเผลอไผลได้เสียกับพะยอม ทำให้ลือพงษ์ต้องแต่งงานกับพะยอมอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่อุไรก็รู้ว่าตัวเองท้อง

ประยงค์เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าระยะสุดท้าย อัมพรทันมาดูใจในนาทีสุดท้าย หลังประยงค์ตาย อัมพรแน่ใจว่าคงไม่ได้ลูกชายคืนอย่างแน่ จึงพาครอบครัวทั้งหมดย้ายไปทำมาหากินในเมือง ตั้งหลักชีวิตใหม่

ภาคแสนรัก พ.ศ. 2532-2534

เมื่อย้ายมาอยู่ในเมือง อุไรเปิดร้านขายข้าวแกง ส่วนทวีพลาดรักจากอุไร จึงได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับอัมพร มีลูกสองคน คือ "ธนา" (วิชยุตม์ ลิ่มรัตนะมงคล) กับ "มยุรีย์" (พรสรวง รวยรื่น) ส่วนอุไรก็คลอดลูกสาว ชื่อ "ระพีพรรณ" (สรัลชนา อภิสมัยมงคล) และฝ่ายครอบครัวของลือพงษ์กับพะยอม มีลูกชายชื่อ "ลือชัย" (รวีโรจน์ รัตนตระกูลชัย) ส่วนประยูรลูกชายคนเล็ก แย้มก็ให้แต่งงานกับสุดามีลูกด้วยกันสองคน คือ "ปวริศ" (พิสิฐพงศ์ ช่างหล่อ) และ "ลลดา" (ครองขวัญ มงคล)

ส่วนยงยุทธ (จักริน ภูริพัฒน์) ถูกแย้มเสี้ยมสอนให้เกลียดแม่ โดยบอกว่าอัมพรมีคนมาติดพันจนทิ้งสามี แล้วพ่อก็ตรอมใจตาย เมื่อเวลาผ่านไป ทุกชีวิตได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนเดียวกัน เมื่ออัมพรรู้ว่ายงยุทธอยู่โรงเรียนกับลูกของตน แต่ถูกยงยุทธหลบหนีหน้า เมินเฉยเพราะคำเสี้ยมสอนจากแย้ม

สำหรับธนากับมยุรีย์ ก็ไม่เคยนับถือยงยุทธเป็นพี่ชายเพราะเห็นการกระทำที่ยงยุทธแสดงกับอัมพรและไม่เคยเห็นเขากับมยุรีย์อยู่ในสายตาว่าเป็นพี่เป็นน้องด้วย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ยงยุทธนั้นมีโรคประจำตัวคือหอบหืด ทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ยงยุทธได้คบหากับ "หทัยรัตน์" (นิคิต้า กรรณเกตุ) ลูกสาวเจ้าของกิจการร้านทอง แต่ธนานั้นหลงรักหทัยรัตน์อย่างหัวปักหัวปำ ตามตื้อจนฝ่ายหญิงรำคาญใจ หทัยรัตน์ไม่เคยรู้ความสัมพันธ์ของยงยุทธกับธนา ส่วนปวริศลูกชายประยูรก็มาตามจีบระพีพรรณ โดยที่อุไรไม่เคยชอบใจสักนิด ทำให้ระพีพรรณคิดเรื่องของตนเองไม่ตก

เมื่ออยู่ในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย แย้มซึ่งหมายมั่นให้ยงยุทธสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ แต่ยงยุทธอยากเรียนวิศวกรรมศาสตร์มากกว่า ผลออกมายงยุทธสอบไม่ติดคณะแพทย์สร้างความเสียใจให้แย้ม ส่วนระพีพรรณและหทัยรัตน์สามารถสอบติดแพทย์ได้เหมือนกัน จนในที่สุด ยงยุทธสอบติดที่เชียงใหม่ ส่วนปวริศ สอบติดนายร้อยทำให้นางแย้มปลื้มนักหนา และธนาก็ได้โควตาด้านกีฬาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ด้านลือชัย ที่เรียนวิทยาลัยเทคนิค คบเพื่อนไม่ดี ไม่สนใจการเรียน ไปพัวพันกับยาเสพติด จนถูกตำรวจจับติดคุก สร้างความเสียใจให้กับพะยอมและลือพงษ์มาก ลือพงษ์เองก็ทำตัวเป็นเสี่ยยุ่งกับสาวๆ มากหน้าหลายตา ด้านระพีพรรณซึ่งรู้ความว่าลือพงษ์เป็นพ่อของตน เมื่ออุไรจับได้สั่งห้ามลือพงษ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับลูก อุไรยังขอให้ระพีพรรณแกล้งไปทำดีกับปวริศแล้วตีจากเพื่อให้ปวริศเจ็บช้ำ

ภาคสุดแค้นแสนรัก พ.ศ. 2544

ในปี พ.ศ. 2544 ธนา (ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์) เป็นนักร้อง นักแสดงที่มีชื่อเสียง ลลดา (ชุติมณฑน์ สกุลไทย) ซึ่งมีอาชีพเป็นนักแสดง หลงชอบธนา แต่ธนาไม่เคยสนใจ แต่ยังคงรักมั่นคงในหทัยรัตน์ (ศิรินทร์ ปรีดียานนท์) ส่วนมยุรีย์ (พรรณปพร ศรีดุรงคธรรมพ์) มีอาชีพเป็นครู ยงยุทธ (คณิน ชอบประดิถ) เป็นผู้จัดการธนาคาร หทัยรัตน์กับระพีพรรณที่เรียนจบแพทย์ทำงานที่โรงพยาบาลแห่งเดียวกัน

ด้านความสัมพันธ์ หทัยรัตน์กับยงยุทธดูห่างเหินกันไป ปวริศ (เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) และรพีพรรณ (อนุธิดา อิ่มทรัพย์) ยังคงคบกันอยู่ ด้านลือชัย (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) หลังออกจากคุกก็ติดยาบ้า ระพีพรรณผู้เป็นน้องต่างมารดา ได้พาลือชัยไปบำบัด ทำให้พะยอมซาบซึ้งใจระพีพรรณมาก

อัมพรตรอมใจเรื่องยงยุทธหนักขึ้น จนล้มป่วยหนัก ทุกคนพยายามพายงยุทธมาเยี่ยมอัมพร ทำให้หทัยรัตน์รู้ความจริงว่า ธนาและยงยุทธมีแม่เป็นคนเดียวกัน ระพีพรรณขอให้หทัยรัตน์พายงยุทธมาหาอัมพร สุดท้ายยงยุทธก็ใจอ่อนยอมมาเยี่ยมอัมพรจนได้ก่อนอัมพรสิ้นใจ ก่อนตายอัมพรสั่งเสียว่า เป็นพี่น้องอย่าทอดทิ้งกัน ช่วยเหลือกันเวลามีเรื่องเดือดร้อน ให้รักย่าให้มากๆ และขอร้องอุไรไม่ให้ขัดขวางความรักของปวริศกับระพีพรรณ อุไรจำใจตอบตกลงเห็นแก่พี่สาวที่กำลังจะจากโลกนี้ไป

สุดาเล่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างย่าแย้มกับอัมพรให้ยงยุทธ เมื่อยงยุทธรู้ก็รับไม่ได้กับการกระทำของย่า กลับบ้านเก็บข้าวของและทะเลาะกับย่า หนีออกจากบ้านมา มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ แย้มมาตามหายงยุทธที่งานศพอัมพร แต่ไม่พบ ปวริศขอแต่งงานกับระพีพรรณกับอุไร แต่อุไรบอกเงื่อนไข ว่าแต่งงานได้หากแย้มตายเสียก่อน ด้านลือพงษ์ประสบอุบัติเหตุขับรถลงข้างทาง ทำให้เป็นอัมพาต

ยงยุทธหลังออกจากบ้านและลาออกจากงานไป ก็เป็นผู้จัดการรีสอร์ตที่ลำปาง ซึ่งเป็นของวสันต์ (เตชินท์ ปิ่นชาตรี) เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยยงยุทธไม่สนใจครอบครัวอีกเลย โดยเฉพาะแย้มที่มีปัญหากับลูกหนี้ มีเรื่องกันจนมีเรื่องถึงตำรวจ

ธนาอยากพาหทัยรัตน์ไปพักผ่อนต่างจังหวัด ได้ชวนปวริศ ระพีพรรณ ไปด้วยกัน ซึ่งบังเอิญมาพัก รีสอร์ตที่ยงยุทธทำงานอยู่ ทำให้ยงยุทธรู้ว่าธนากับหทัยรัตน์สนิทสนมกัน ยงยุทธจึงถามว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขายังเหมือนเดิมหรือไม่ หทัยรัตน์รู้ใจตัวเองว่าไขว้เขวมาทางธนา จบตอบอย่างถนอมน้ำใจว่า ยังคงเหมือนเดิม ด้านลลดาขับรถชนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้ขอความช่วยเหลือกับก้องภพ ทำให้ลลดามีความรู้สึกดีกับก้องภพ ธนาเห็นว่าหทัยรัตน์ยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกยงยุทธหรือธนา เขาจึงขอเป็นฝ่ายไป โดยบอกว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ หทัยรัตน์ใจหาย จึงเผยความรู้สึกที่แท้จริงในใจ โดยเธอบอกกว่า เธอรักธนาไม่ใช่ยงยุทธอีกต่อไป ธนาดีใจมากและไม่ไปเรียนต่อ ยอมทำตามใจหทัยรัตน์ทุกอย่าง

แย้มที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อาการไม่ดีขึ้นและยังคงคิดถึงหลาน ในที่สุดยงยุทธติดต่อกลับมาที่หทัยรัตน์และคิดจะกลับมาเยี่ยมย่า แต่เกิดอาการหอดหืบกระทันหัน ระพีพรรณกับลลดาจึงมาตามเขา พาเขากลับมาหาย่าจนได้ แต่เมื่อมาถึงยงยุทธกลับตัดพ้อเรื่องในอดีต และบอกว่าเกลียดย่า ทำให้แย้มเสียใจ สุดาเห็นว่าเป็นโอกาสดี จึงเป่าหูให้เขียนพินัยกรรมใหม่ จนแย้มได้เปลี่ยนพินัยกรรม

เมื่อยงยุทธหายป่วย ได้กลับมาที่บ้าน ได้กลับมาสำนึกบุญคุณที่ย่าเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก จึงรุดไปหาย่าที่โรงพยาบาล ย่าดีใจมาก แต่ในคืนนั้นสุดาลักลอบเพิ่มความเร็วของสายน้ำเกลือให้เร็วขึ้นจนทำให้แย้มหัวใจวายตาย ยงยุทธเสียใจมาก แต่ถูกสุดาไล่เขากลับทางอ้อม แต่เมื่อพินัยกรรมฉบับแก้ไขเปิด แย้มได้แก้ไขให้ที่ดินเป็นของยงยุทธแต่เพียงผู้เดียว สุดาเจ็บใจที่สมบัติได้กลายเป็นของยงยุทธ หทัยรัตน์ตัดสินใจบอกเลิกยงยุทธทางจดหมาย เพราะไม่กล้าที่จะบอกต่อหน้าเนื่องจากยงยุทธต้องเจอกับเรื่องสะเทือนใจมากมาย เมื่อยงยุทธอ่านจดหมายแล้วเสียใจมาก ตัดสินใจฆ่าตัวตายแต่ ลลดา ธนา และหทัยรัตน์ช่วยไว้ได้ทัน

เมื่อยงยุทธฟื้น ธนารู้สึกผิดจึงขอให้หทัยรัตน์เลือกยงยุทธ แต่ยงยุทธเป็นฝ่ายมาหาธนามาบอกให้ธนาเลือกหทัยรัตน์ ด้านพะยอมและประยูร ตัดสินใจมาขมาอ่ำและอุไร หลังจากนั้นยงยุทธตัดสินใจบวชตลอดชีวิต

แก้วตาหวานใจ 2558

แก้วตาหวานใจ (2558/2015) ในงานแข่งขันกีฬาสีของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกระหึ่มของกองเชียร์สีฟ้า หนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มห้าคนตั้งหน้าตั้งตาเต้นนำเชียร์อย่างสุดกำลัง และในท่ามกลางหมู่กองเชียร์แม่ๆป้าๆ มีชายหนุ่มแปลกปลอมสองคนแต่งตัวด้วยชุดสีฟ้ายืนโดดเด่นสะดุดตาอยู่ พวกเขาคือ อนลและอนิล วโรดม สองหนุ่มที่มาให้กำลังใจ “เด็กหญิงมดตะนอย” หลานสาวคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเชียร์ลีดเดอร์ อนล หรือ ลุงเสือ พี่ชายสวมแว่นตาดำปกปิดหน้าตา แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กส์ ค่อนข้างระวังพฤติกรรมของตน ต่างกับ อนิล หรือ ลุงช้าง ผู้เป็นน้องชายที่แต่งตัวด้วยเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋าเป้สีชมพูแปร๋น คอยตะโกนร้องเพลงเชียร์ให้กำลังใจมดตะนอยเสียงดัง ทุกครั้งที่พักเบรกลุงช้างก็จะเข้าไปซับหน้า ซับเหงื่อ ป้อนขนมหลานสาวสุดสวาทคนนี้ทันที สร้างความฉงนปนสนใจแก่คนที่พบเห็น จนเอาไปซุบซิบกันว่า คุณพ่อของมดตะนอยควงแฟนหนุ่มมาดูแลลูกสาว!?! ทั้งนี้ก็เพราะไม่มีใครเคยเห็นแม่ของมดตะนอยเลย ...แม้แต่ตัวเด็กหญิงมดตะนอยเอง...

เมื่อ “หวันยิหวา” หรือ “ไข่หวาน” ลูกสาวคนเล็กหัวแก้วหัวแหวนของ “นายแม่ดาวเรือง” เจ้าของกิจการเดินรถทัวร์สายอีสาน ตัดสินใจลงสมัครประกวดซุปเปอร์โมเดลที่บริษัทนำเข้ารถหรูแห่งหนึ่งจัดขึ้นตามแรงยุของเพื่อนรัก “นิกกี้” ลูกสาวเศรษฐีครอบครัวใหญ่สุดมั่น ผู้รักอิสระและสนุกกับการทำงานในบริษัทนี้ นิกกี้จึงอยากดันเพื่อนเข้ามาทำงานด้วยกันไข่หวานฟังดูแล้วก็สนใจเพราะเธอชอบด้านเครื่องยนต์อยู่แล้ว และหวังว่าหากเธอชนะการประกวด จะได้เงินรางวัล และมีโอกาสไปดูงานที่โรงงานผลิตรถยนต์ต่างประเทศที่เธอใฝ่ฝัน ไข่หวานทะเลาะกับนายแม่อย่างแรงเรื่องที่จะขอไปประกวดซุปเปอร์โมเดล เพราะนายแม่ดูถูกว่าอุตส่าห์เรียนจบมาสูงๆจะไปประกวด “พริตตี้รถยนต์” ทำไม ไข่หวานอธิบายอย่างไรนายแม่ก็ไม่เข้าใจซักที ว่าหากชนะการประกวดนั้นเธอจะได้เป็น Brand Ambassador ที่ใช้ทั้งสมองและหน้าตาสวยงามในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจรถยนต์ นายแม่ดาวเรืองประกาศก้องไม่ยอมให้ไข่หวานไปประกวดเด็ดขาด หากไปจะตัดเบี้ยเลี้ยงทั้งหมด แต่ไข่หวานก็ดื้อมาก อยากเอาชนะนายแม่ อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่เธอต้องไปกรุงเทพคือ เธอได้รับภารกิจโลกแตกจากพี่ชาย “พี่หมึก” หรือ “มุรธา” ที่บังเอิญพบว่าตัวเองอาจจะมีลูกกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อหกปีที่แล้ว!!! แสดงว่าเธอก็อาจจะมีหลาน หลานที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาหรือรู้ว่ามีตัวตนอยู่ในโลกนี้ พระเจ้า...งานเข้าไอ้ไข่หวานอย่างจัง! ความลับนี้จะบอกให้นายแม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนายแม่ขึ้นชื่อเรื่องหวงห่วงลูกชายสุดพลัง และก็หมายมั่นปั้นมือวางแผนให้ หมึก แต่งงานกับ อณิมา หรือ หนูเล็ก ลูกสาวของ อธิป ครองจินดา(วโรดม) เพื่อนของเธอด้วย ไข่หวานกลุ้มใจมาก เพราะเธอต้องไปกรุงเทพจริงๆแต่ไม่มีเงินเลย หมึกเอาเงินเก็บส่วนตัวช่วยสมทบทุนน้องสาวส่วนหนึ่ง แต่หากไข่หวานต้องอยู่กรุงเทพนานไม่มีกำหนดเพื่อตามหาหลาน เงินจำนวนนั้นคงไม่มากพอจ่ายค่าที่พักตลอดไปแน่ๆ หนูเล็กซึ่งสนิทกับไข่หวานเช่นกันจึงเสนอให้ไข่หวานให้ไปพักกับญาติของเธอ โดยรับประกันความปลอดภัย 100% เพราะลุงช้างมีบ้านอยู่ชานเมือง อยู่กับหลานสาวเพียงหนึ่งคน และเขาใจดีมากๆๆๆๆ จากคำอธิบายของหนูเล็กทำให้ไข่หวานเห็นภาพคุณลุงแก่ๆวัยห้าสิบที่มีรอยยิ้มแสนใจดีทันที ลุงช้างของเด็กหญิงมดตะนอย เป็นนักเขียนบทโทรทัศน์ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานที่บ้าน บ้านซึ่งมีเพียงเขาและหลานสาววัยหกขวบอาศัยอยู่ โดยมีท่านเลขาฯรัฐมนตรี “ดร.อนล วโรดม” หรือ “ลุงเสือ” พี่ชายคนโตของอนิลมาเยี่ยมเยียนอยู่สม่ำเสมอหากเขาไม่ต้องเดินทางไปราชการที่ต่างประเทศ นอกจากนี้อนลและอนิลยังมีน้องสาวสุดรักสุดหวงอีกหนึ่งคนคือ กวาง “อนุช วโรดม” ในอดีต กวางเติบโตมาดุจไข่ในหิน พ่อแม่รักและดูแลดั่งแก้วตา แต่เมื่อเธอเติบโตเป็นวัยรุ่น พ่อก็เลิกกับแม่ กวางรักพ่อมากจึงเข้าใจว่าพ่อทิ้งเธอไป พ่อไม่รักเธอแล้ว กอปรกับกวางเริ่มมีความรักครั้งแรกกับหมึก ทำให้เธอออกห่างจากครอบครัว ติดแฟนมากจนพลาดพลั้งตั้งท้องในวัยเรียน กวางชวนหมึกแต่งงานทั้งๆที่หมึกยังไม่พร้อมและยังไม่รู้ว่ากวางท้อง หมึกจึงปฏิเสธเธอไป กวางเสียใจมาก หลังจากเธอให้กำเนิดเด็กหญิงมดตะนอยแล้ว เธอก็บินไปอาศัยอยู่กับมารดาที่อเมริกา และไม่กลับมาเหลียวแลลูกสาวที่ทำให้ชีวิตวัยสาวของเธอพังยับลงในปีที่สามของการเรียนมหาวิทยาลัยอีกเลย กวางไม่แม้แต่จะบอกครอบครัวของเธอว่าพ่อของเด็กคือใคร เธอเลือกที่จะหนีความจริงและบาดแผลอันปวดร้าวไปพร้อมกับการทิ้งภาระให้กับพี่ชายคนรองเลี้ยงดูลูกสาวของเธอเพียงลำพัง แขกประจำอีกคนของลุงช้างก็คือ ไฮโซสาวที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการเพราะความอยากดัง “ภารวี เกียรติธำรง” หรือ “คุณอาพาราวี” ที่หนูน้อยมดตะนอยเรียกขาน ภารวีเป็นอดีตรุ่นน้องและเพื่อนบ้านเก่าของลุงช้าง เธอแอบชอบลุงช้างตั้งแต่สมัย ม.ปลาย ก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อต่างประเทศ และลุงช้างก็ย้ายบ้านไปอยู่ชานเมือง ไฮโซสาวมักจะหาเรื่องแวะเวียนมาทำคะแนนกับลุงช้างเสมอๆ โดยเฉพาะหลังจากได้ข่าวว่าลุงช้างมีญาติสาวมาพักด้วย ไข่หวานแทบช็อกเมื่อพบว่า “ลุงช้าง” ญาติของหนูเล็กที่ฝากฝังให้มาพักด้วยนั้นไม่ใช่ “คุณลุงแก่ๆวัยห้าสิบ” ดังภาพที่เธอจินตนาการไว้ แต่ลุงช้างกลับกลายเป็นหนุ่มหล่อ เข้ม ที่สำคัญแววตาคมกริบ วิบวับ ที่มองหล่อนก็ทำให้ใจมันหวั่นๆหวิวๆ ลุงช้างเองก็ตกใจไม่ต่างกันเมื่อพบหน้า“คุณยายไข่หวาน”ที่ตนเองจินตนาการถึงยายแก่ตกยากหอบหิ้วสังขารเข้าเมืองกรุงมาเพื่อตามหาลูกหลาน แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขากลับกลายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง มั่นใจในตัวเอง ทะมัดทะแมง แถมยังเก่งเรื่องเครื่องยนต์กลไกอีกด้วย บางครั้งเวลาลุงช้างเขียนบทไม่ทันก็ได้ไข่หวานนี่แหละช่วยเลี้ยงมดตะนอย ลุงช้างปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีไข่หวานอยู่ในบ้านนั้นเป็นความรู้สึกที่ชุ่มชื่นหัวใจ...อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน อีกทั้ง มดตะนอยตัวน้อยก็ดูท่าว่าจะติดอาไข่หวานแจ แถมยังชอบสาธยายความสามารถพิเศษพิสดารของเขาให้เธอได้รับรู้อยู่เสมอๆ เช่น “ถ้าอาไข่หวานนอนไม่หลับให้ลุงช้างเกาหลังให้ก็ได้นะคะ ลุงช้างเกาหลังเก่งมากเลยค่ะ” หรือ “ลุงช้างเต้นควีโยมีเก่งที่สุดเลยค่ะอาไข่หวาน” และที่เด็ดสุดคือ “ลุงช้างแต่งเป็นเดอะลิตเติลเมอร์เมดซ้วยสวยค่ะอาไข่หวาน” โธ่เอ้ยยายมดตะนอย แล้วอย่างนี้อาไข่หวานจะคิดว่าลุงช้างเป็นคนอย่างไรกันล่ะเนี่ย! ภารกิจโลกแตกที่พี่หมึกฝากฝังไข่หวานเริ่มต้นด้วยการตามหาตัว “อนุช วโรดม” หญิงสาวที่พี่ชายของเธอคิดว่ามีอาจลูกด้วยกันตามคำบอกเล่าของ “จามร” เพื่อนสนิทของมุรธา ตามรูปและที่อยู่ที่เจ้าตัวให้มา แต่ไข่หวานก็คว้าน้ำเหลวเมื่อพบว่าเจ้าของบ้านได้ย้ายบ้านไปนานหลายปีแล้ว ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เธอรู้สึกท้อ มีลุงช้างนี่แหละที่คอยให้กำลังใจ แถมยังทำกับข้าวอร่อยๆให้เธอฟื้นกำลังขึ้นมาตามหาพวกเขาอีกครั้ง ลุงช้างไม่เคยถามว่าเธอตามหาใคร ส่วนเธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเล่าปมอันแสนเจ็บปวดของครอบครัวให้ใครฟัง ทั้งสองต่างรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน...แม้ไม่ต้องพูดจา... ในที่สุดไข่หวานก็ได้พบกับเบาะแสสำคัญที่อาจทำให้เธอได้พบพี่สะใภ้กับหลานที่ตามหาอยู่ “สริดา รุจิอาภรณ์” คือเพื่อนสนิทของอนุช วโรดมสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อไข่หวานได้พบพูดคุยกับสริดาเรื่องอนุชและลูก เธอต้องผิดหวังกลับมาอีกครา เมื่อสริดาไม่ได้ให้ความร่วมมือเปิดเผยข้อมูลใดๆแม้แต่น้อย เหตุเพราะความเคียดแค้นเพื่อนรัก ในอดีต อนุชและสริดาเป็นเพื่อนรักกันมาก และต่างชอบรุ่นพี่ปีสี่คนเดียวกันนั่นคือ หมึก แต่หมึกกลับชอบอนุชมากกว่าสริดา ในงานปาร์ตี้คืนหนึ่งสริดาแกล้งดื่มเหล้าให้เมาเพื่อให้หมึกขับรถไปส่ง หมึกรับปากเธอด้วยความเป็นห่วงอย่างเพื่อน แต่เขาก็กลับไปส่งอนุชแทน หมึกลืมสริดาเสียสนิทจนกระทั่งตอนเช้า หมึกได้ข่าวว่าสริดาประสบอุบัติเหตุรถชนจากการเมาแล้วขับ สริดาถูกตัดขาทั้งสองข้างไปพร้อมๆกับการตัดความสัมพันธ์อย่างถาวรกับคนที่เธอเคยรักทั้งคู่ อนาคตของเธอดับวูบลงพร้อมกับความเจ็บปวดที่ก่อขึ้นเป็นกำแพงแห่งความขมขื่น เคียดแค้น มองโลกในแง่ร้าย และปิดกั้นตัวเองจากสังคมภายนอก ในเมื่อเธออยู่ในโลกนี้อย่างไม่มีความสุข อย่าหวังที่จะได้เห็นอนุชและหมึกมีความสุขด้วยกันเลย สริดาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทางแก่ไข่หวาน ซ้ำยังไม่ยอมรับการติดต่อจากเธออีกเลย ไข่หวานยังพยายามติดต่อเพื่อขอพบสริดาอยู่เรื่อยๆ พร้อมๆกับที่เธอก็ต้องเตรียมตัวเข้าประกวดซุปเปอร์โมเดลอย่างเต็มที่ การประกวดครั้งนี้ทำให้ไข่หวานพบกับ “สาริศ” เจ้านายของนิกกี้ ลูกชายคนโตของบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูซ้ำยังเป็นพี่ชายแท้ๆของสริดา ซึ่งสาริศทำท่าว่าจะหลงเสน่ห์สาวอุบลฯเข้าอย่างจัง ถึงกับสะกดรอยตามไข่หวานมาหาถึงบ้านลุงช้างเพื่อตามจีบอย่างชัดเจน สร้างความไม่พอใจให้แก่ไข่หวานไม่น้อย แต่ต้องยอมติดต่อด้วยก็เพื่อหวังว่าสาริศจะช่วยพูดให้สริดาใจอ่อนยอมบอกความจริงกับเธอ ลุงช้างก็พลอยหงุดหงิดแกมงอนหน่อยๆเพราะหวงก้าง เอ้ย ห่วงความรู้สึกของเพื่อนร่วมบ้านคนนี้ ที่สำคัญนายสาริศนั่นเข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น แถมยังมีข้อมูลใหม่ๆของคนที่ไข่หวานตามหามาหลอกล่อให้เธอออกไปกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นิกกี้ได้เข้ามาทำงานเป็นเลขาของสาริศและคอยช่วยงานการประกวดทุกอย่าง แต่ก็ต้องเจออุปสรรคชิ้นใหญ่ คือ ตวงพร อาของสาริสและสริดา ตวงพรเป็นน้องสาวแท้ๆของพ่อสาริศที่บริหารงานแทนสาริศในช่วงที่พ่อเขาเพิ่งเสีย และเขายังเรียนอยู่เมืองนอก เมื่อสาริศกลับมา เขาก็อยากจะดึงอำนาจกลับสู่ตัวเอง แต่ตวงพรซึ่งอยากฮุบสมบัติไว้เพียงคนเดียวก็ไม่ยอม ตวงพรล๊อบบี้ผู้ถือหุ้นต่างๆนานาให้เลิกสนับสนุนการประกวด และใช้ภารวีซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนรักให้คอยขัดขวางงานทุกอย่างของสาริศ ทำให้สาริศกับนิกกี้ต้องคอยช่วยกันแก้ปัญหาตลอดเวลา นิกกี้เห็นอกเห็นใจสาริศมากขึ้นจนกลายเป็นความรัก ไข่หวานผ่านเข้ารอบสองของการประกวด สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับภารวีและตวงพรเป็นอย่างมาก เจ้าตัวแสดงออกนอกหน้าว่าไม่ชอบนางสาวหวันยิหวาตั้งแต่แรกพบ เนื่องจากแอนตี้การเป็นนักเรียนนอกของไข่หวาน และให้เหตุผลว่า หล่อนไม่เหมาะกับการเป็นตัวแทนของสาวไทยสมัยใหม่ที่ยังต้องคงความเป็นไทยไว้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไข่หวาน คือคนๆเดียวกับญาติห่างๆที่มาพักกับลุงช้างชายหนุ่มที่เธอสนใจ ตามที่กาคาบข่าวอย่าง “น้องพลอย” สาววัยรุ่นบ้าดาราข้างบ้านลุงช้างคอยสอดสืบให้เธออยู่เนืองๆ น้องพลอยเข้าออกบ้านลุงช้างได้สะดวกเพราะลุงช้างจ้างให้มาช่วยดูแลมดตะนอยในวันที่เขาไม่อยู่บ้าน หรือปั่นงานไม่เสร็จ พลอยอยากทำงานพิเศษเก็บเงินไปเรียนแอ็คติ้ง ความฝันของพลอยคือการได้เป็นดาราเหมือนภารวี ไข่หวานได้รับข่าวดีอีกเรื่องคือสาริศเล่าว่าอนุชเป็นน้องสาวแท้ๆของท่านเลขาฯดร.อนล วโรดม ไข่หวานดีใจมากและติดต่อไปยังดร.อนลทันที แต่เขาไปราชการที่อเมริกาแถมยังขอลาพักร้อนต่ออีกหนึ่งเดือน เธอตัดสินใจส่งอีเมลไปแต่ก็ไม่ได้รับอีเมลตอบกลับจากเขาเลย ด้านฝั่งลุงช้างก็ได้รับข่าวคราวบอกเล่าจากพี่ชายที่ไปเยี่ยมแม่และน้องสาวที่อเมริกาว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งติดต่อเขาเพื่อขอเจรจาเรื่องอนุชและลูก แต่ไม่มีทางเสียหรอกที่เขาจะยอมยกมดตะนอยผู้เป็นแก้วตาของเขาไปให้คนไม่มีความรับผิดชอบพรรค์นั้น! ระยะเวลาที่ไข่หวานพักอยู่กับลุงช้างและมดตะนอยนั้น ความใกล้ชิดสนิทสนมของคนทั้งคู่ทำให้ความคิดของชายหนุ่มและหญิงสาวเปลี่ยนแปลงไป เขาตระหนักว่าชีวิตเขาและหลานสาวต่างก็ขาดบางสิ่งบางอย่างไป เขาพบว่าไข่หวานคือแบบอย่างของหญิงสาวที่เขาอยากให้มดตะนอยเป็นเมื่อเติบโตขึ้น คือเป็นผู้หญิงมั่นใจในตนเอง และคิดว่าความสวยที่แท้จริงของผู้หญิงไม่ใช่การแต่งหน้าทาปาก หากแต่เกิดจากสมองและความคิดที่สวยงามมากกว่า นอกจากนั้นไข่หวานยังช่วยแก้พฤติกรรมเลียนแบบอันแสนแก่แดดแก่ลม ที่มดตะนอยเคยได้รับจากภารวีและน้องพลอยนั้นหายไปเสียด้วย และที่สำคัญที่สุด...เขาอยากให้ไข่หวานมาเป็นหวานใจของเขาเหลือเกิน... ไข่หวานเองก็ชักจะมีอาการใจสั่นกับผู้ชายท่าทางอบอุ่น ใจดี อีกทั้งแววตาเป็นประกายคู่นั้นมันชวนหลงใหลเสียนี่กระไร จากการปรึกษานิกกี้ นิกกี้ก็บอกให้ไข่หวานเช็คดูว่า เขาจะมีใจตรงกันกับเธอหรือเปล่า โดยการหว่านเสน่ห์ต่างๆนานา ลุงช้างรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมก๋ากั่นเกินเหตุของไข่หวาน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าไข่หวานมีแผนการยั่วเย้าเขาบางอย่าง เขารู้ดีแต่ที่ไม่กระโตกกระตากออกมา ก็เพราะว่าการที่มีไข่หวานมาวนเวียนใกล้ชิดมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เรื่องอะไรอนิลจะพลาดโอกาสดีๆอย่างนี้ ก่อนการประกวดซุปเปอร์โมเดลรอบตัดสิน ไข่หวานออกไปทานข้าวนอกบ้านกับลุงช้างและมดตะนอย ตวงพรกับภารวีจ้างให้คนไปถ่ายรูปเพื่อสร้างข่าวว่าไข่หวานแอบมีครอบครัวอยู่แล้วก่อนเข้าประกวด “พิชิต” ลูกน้องคนสนิทของนายแม่ดาวเรืองบังเอิญเห็นเหตุการณ์พอดีจึงรายงานเรื่องนี้ให้นายแม่ทราบทันที เดือดร้อนถึงนายแม่ดาวเรืองจนทำให้นั่งไม่ติด โทรหามุรธาซึ่งกำลังทำธุระอยู่ที่กรุงเทพฯให้มาดูน้องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มุรธาและพิชิตมาหาไข่หวานที่บ้านลุงช้าง ลุงช้างต้อนรับพี่ชายที่บอกว่ามาเยี่ยมไข่หวานเป็นอย่างดีและเชิญให้พักด้วยกัน ไข่หวานจึงจำต้องยอมตกกระไดพลอยโจนซะงั้น มดตะนอยดีใจมากที่มีลุงหมึกมาพักด้วยกันและกลายเป็นเพื่อนเล่นแสนวิเศษของเด็กน้อยอีกคน มุรธาก็รู้สึกถูกชะตากับหลานลุงช้างคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามดตะนอยคือลูกสาวแท้ๆของเขานั่นเอง ไข่หวานไม่ละความพยายามในการติดต่อขอพบสริดาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอใช้ความจริงใจตามที่ลุงช้างแนะนำมา เธออธิบายความต้องการของพี่ชายเธอที่ต้องการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นและขอให้สริดาช่วยให้เธอได้ติดต่อกับอนุชโดยตรง และด้วยความช่วยเหลือของสาริศอีกแรงที่เกลี้ยกล่อมพี่สาวให้ยอมละทิฐิและเห็นแก่เด็กตาดำๆ สริดาจึงรับปากว่าจะลองคุยกับอนุชให้ หลังจากไข่หวานกลับไปแล้ว สริดาจึงติดต่ออนิลและบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เธอได้พบหญิงสาวที่มาตามหาอนุชและลูกให้เขาฟัง แถมยังนัดให้อนิลไปเจอหน้าคนที่จะมาพรากมดตะนอยไปจากเขาในวันการจัดงานประกวดซุปเปอร์โมเดลรอบสุดท้ายอีกด้วย ลุงเสือส่งอีเมลมาหาลุงช้างอีกครั้ง เมื่อเขาได้รับอีเมลอีกฉบับจากหญิงสาวที่เรียกร้องสิทธิของความเป็นญาติฝ่ายพ่อของมดตะนอยขอพบและเจรจา คราวนี้อนุชที่เคยปฏิเสธการรับรู้เรื่องใดๆของเด็กหญิงมดตะนอยถึงกับเปรยขึ้นมากับพี่ชายว่า อย่าให้ใครเอาลูกเธอไปได้ ถึงเธอไม่พูดอย่างนั้นอนิลก็ไม่มีความคิดยกมดตะนอยให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น ทางด้านไข่หวานเองก็เริ่มท้อใจที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไถ่โทษให้พี่ชายของเธอ วันนั้นเองเธอก็เผยความอ่อนแอของผู้หญิงคนหนึ่งให้ลุงช้างเห็น เธอโอบกอดเขาเพื่อขอกำลังใจ แต่ไข่หวานหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกลับฉวยโอกาสเผยความรู้สึกผ่านการปลอบประโลมเธอ ไข่หวานได้โอกาสที่จะพิสูจน์ความรู้สึกของลุงช้างว่าใจจะตรงกับเธอหรือเปล่าตามที่นิกกี้บอกมา ไข่หวานตัดสินใจค่อยๆเคลื่อนหน้ามาหอมแก้มลุงช้าง แทนที่ลุงช้างจะผลักไส เขากลับจุมพิตปลอบตอบเธออย่างนิ่มนวล ไข่หวานรู้ในวินาทีนั้นเองว่า ลุงช้างก็มีใจตรงกับเธอ กรี๊ดดดด! ในที่สุด สาริศกับนิกกี้ก็เอาชนะตวงพรจนสามารถจัดงานประกวดได้สำเร็จ ในวันประกวดรอบสุดท้ายของซุปเปอร์โมเดล ลุงช้างพามดตะนอยและลุงหมึกไปเชียร์ไข่หวานถึงขอบเวที ลุงช้างและไข่หวานดูมีความสุขมากเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกในใจของกันและกัน ฝ่ายสาริศก็พาสริดามาดูการประกวดในครั้งนี้ หล่อนยอมออกจากบ้านก็เพื่อหวังจะชี้ตัวการให้อนิลรับทราบ ผลการประกวดปรากฏว่า นางสาวหวันยิหวา อัศวเรืองฤทธิ์ได้รับตำแหน่ง Brand Ambassador ของบริษัทนี้ สร้างความดีใจตื่นเต้นให้กับทุกคนโดยเฉพาะลุงช้าง ระหว่างรอรับไข่หวานกลับบ้าน หมึกก็บังเอิญเจอกับสริดาเพื่อนสนิทของอนุช เขาเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อขอคุยเรื่องหญิงสาวและลูกของเขา ทันใดนั้นลุงช้าง มดตะนอยและไข่หวานเดินมาสมทบพอดี สริดาได้โอกาสบอกอนิลว่าคนตรงหน้าเขานี่แหละที่ต้องการพรากมดตะนอยไปจากเขา สองคนพี่น้องนี่เองที่เป็นคนไร้ความรับผิดชอบ ลุงช้างรู้ความจริงทั้งหมดก็โกรธมาก พามดตะนอยกลับบ้านทันที! สองพี่น้องหมึกและไข่หวานตามไปคุยกับลุงช้างที่บ้าน ความจริงที่เปิดเผยทำให้อนิลโกรธและเสียใจมาก ในขณะที่ไข่หวานก็พยายามจะอธิบายและขอโทษแทนพี่ชายตน เรื่องราวบานปลายจากการต่อว่าของอนิลในค่ำคืนนั้น ทำให้หมึกแอบลักพาตัวมดตะนอยไปในรุ่งสางของอีกวัน ยังไม่ทันที่ลุงช้างและไข่หวานออกตามหามดตะนอย อนุชก็โทรศัพท์มาหาอนิลในสายวันนั้นพอดิบพอดี อนุชร่ำไห้ทันทีที่ทราบเรื่องและบอกว่าตนจะกลับเมืองไทย พร้อมกันนั้นไข่หวานก็ได้รับโทรศัพท์จากนายแม่ดาวเรืองบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว พี่หมึกของเธอพาเด็กหญิงตัวเล็กๆมาบอกว่าเป็นลูกสาวของเขา ให้ไข่หวานรีบกลับบ้านด่วน อนิลตัดสินใจเดินทางไปอุบลฯพร้อมไข่หวานทันที นายแม่ดาวเรืองแทบจะลมจับเมื่อรู้ความจริงว่า ลูกชายของตนแอบไปมีหลานไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของมดตะนอยทำให้เธอยอมรับความจริงได้ภายในค่อนวัน นายแม่ดาวเรืองพามดตะนอยออกไปเที่ยวตลาด ซื้อเสื้อผ้า ซึ่งที่ตลาดนั่นเองมดตะนอยก็ร้องเรียก “น้าหนูเล็ก” ของเธอดังลั่น ทำให้ความจริงอีกเรื่องกระจ่างขึ้นมาว่า หนูเล็ก อณิมาเพื่อนสนิทของไข่หวานเป็นน้องสาวคนละแม่ของลุงช้างนั่นเอง! ลุงช้างมาถึงอู่รถดาวเรืองก็พุ่งตรงไปยังมดตะนอยเพื่อรับกลับทันที แต่ฝ่ายไข่หวานและนายแม่ดาวเรืองไม่ยอมและถือความเป็นญาติฝ่ายพ่อของมดตะนอยเรียกร้องสิทธิในตัวหลาน ทำให้หนูเล็กต้องรีบเคลียร์สถานการณ์ตรงหน้าบอกให้ลุงช้างกลับไปพักที่บ้านเธอก่อน อนิลได้พบพ่อ “อธิป” กับแม่เลี้ยง หนูเล็กเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหมึกกับอนุชให้พ่อฟัง อนิลได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วพ่อของเขาไม่ได้ทิ้งลูกๆไว้กับแม่ แต่พ่อคิดถึง “ใจลูก”เป็นหลักเพราะแม่เขาให้เหตุผลว่าลูกๆต้องการอยู่กับเธอ พ่อก็ยอมรับแต่โดยดีเพื่อความสุขของลูก ทั้งๆที่เขารักและอยากรับอนุชไปเลี้ยงใจจะขาด เช้าวันใหม่อนิลขับรถไปอู่ดาวเรืองแต่เช้าเพื่อหวังจะขโมยมดตะนอยกลับมา แต่มดตะนอยออกไปวัดกับนายแม่ดาวเรือง ไข่หวานรักและอยากให้มดตะนอยอยู่กับพี่ชายเธอมากกว่าจึงเฉไฉไม่ยอมไปตามหาไข่หวานให้ลุงช้างง่ายๆ ศึกย่อมๆแย่งหลานตัวน้อยก็เกิดขึ้นระหว่างไข่หวานและอนิลที่ต่างอ้างสิทธิ์ในการดูแลหลาน ทั้งสองคนต่างเจ็บปวดที่ต้องทะเลาะกันเรื่องหลานจนคิดว่าความรักของทั้งคู่คงไม่มีทางเป็นจริงได้! หนูเล็กต้องไกล่เกลี่ยให้ลุงหลานได้อยู่ด้วยกันตอนกลางวัน แต่กลางคืนต้องนำหลานมานอนบ้านย่าแทน มดตะนอยสับสนไปหมดจนล้มป่วยเพราะปรับตัวไม่ทัน การที่มดตะนอยล้มป่วยนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้ทั้งสองบ้านตัดสินใจนัดเจรจายุติปัญหาว่ามดตะนอยควรอยู่กับใครกันแน่? ระหว่างนั้นสาริศและอนุชก็ตามมาสมทบกับอนิล อนุชเริ่มลดทิฐิลงหลังจากได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากปากของพ่อ และรับรู้ว่าพ่อรักเธอมากขนาดไหน เช้าวันรุ่งขึ้นการเจรจาเริ่มต้นขึ้นระหว่างสองบ้านเพื่อหาข้อยุติ มุรธาพยายามปฏิบัติตัวดีต่ออนุชแต่กลับโดนเธอปฏิเสธอย่างไม่ไยดี นายแม่ดาวเรืองขอโทษอนุชและยอมรับผิดเรื่องมุรธาทุกประการ ดาวเรืองบอกว่าเธอเลี้ยงลูกไม่ดีเอง เธอคอยปกป้องลูกเกินไปจนลูกไม่กล้าตัดสินใจเอง อนุชแจ้งความต้องการว่าเธอจะเอามดตะนอยไปเลี้ยงที่ต่างประเทศ ไข่หวานไม่ยอมเพราะญาติฝั่งพ่อควรมีสิทธิ์เลี้ยงดูเช่นกัน อนิลทักท้วงว่ามดตะนอยไม่ได้รู้จักพ่อและแม่ของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ ให้มดตะนอยอาศัยอยู่กับลุงช้างตามเดิม ส่วนนายแม่ดาวเรืองจะซื้อบ้านที่กรุงเทพฯให้มุรธาได้อาศัยอยู่ ระหว่างนี้ทั้งมุรธาและอนุชเองต้องพิสูจน์ตัวเองและค่อยๆให้ลูกได้เรียนรู้และปรับตัวในการใช้ชีวิตกับพ่อแม่ เย็นวันนั้นเมื่อทุกอย่างเคลียร์ลงตัว ลุงช้างและอนุชรับตัวมดตะนอยเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยกันทันที จากนั้นไม่นานมุรธาก็ย้ายไปอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ เขากลายเป็นแขกประจำของบ้านลุงช้างไปอย่างรวดเร็ว นอกจากจะทำหน้าที่พ่อด้วยความรักและเต็มใจแล้ว มุรธายังพยายามเริ่มต้นกับอนุชอีกครั้ง และเขาก็ยังโชคดีที่ได้รับโอกาสใหม่จากอนุชเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทางด้านสาริศก็สารภาพกับไข่หวานว่าเขาแอบชอบเธอ แต่ไข่หวานปฏิเสธเพราะมีคนอยู่ในใจแล้ว นิกกี้คอยปลอบใจสาริศตลอด จนเขาคิดว่าเขาน่าจะเริ่มต้นให้โอกาสตัวเองลองคบคนใหม่ได้เสียที คนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเพียงแต่เขาไม่เคยเห็นความสำคัญนั่นคือ นิกกี้นั่นเอง ในที่สุดมุรธาก็เอาชนะใจอนุชได้ มดตะนอยกลายเป็นเด็กสดใสที่มีความสุขที่สุดในโลก เพราะเธอมีพ่อแม่ครบสมบูรณ์เฝ้าคอยสั่งสอนให้เธอเติบโตไปในทางที่ถูกที่ควร มุรธาและอนุชจะย้ายไปสร้างครอบครัวด้วยกันที่อเมริกา เมื่อลุงช้างและไข่หวานรู้เรื่องก็แทบใจจะขาด เพราะมดตะนอยเปรียบดัง “แก้วตา” อันเป็นที่รักยิ่งของเขาและเธอ แต่ลุงช้างจำต้องยอมรับความจริง เพราะคิดถึง “จิตใจของมดตะนอย” ซึ่งสำคัญที่สุด ไข่หวานสงสารและเห็นใจลุงช้างมากที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เพราะเธอเองก็ต้องกลับไปทำงานเป็นวิศวกรคุมอู่รถทัวร์ให้นายแม่ดาวเรืองเช่นกัน ลุงช้างน้อยใจไข่หวานมากที่ทิ้งเขาไป จนเขากลายเป็นคนเศร้าซึม และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไข่หวานโทรตามลุงช้างให้ไปอุบลฯด่วน เขาเดินทางไปหาเธอด้วยความคิดถึง แล้วก็พบเซอร์ไพรส์ว่า มุรธา อนุชและมดตะนอยย้ายกลับมาสร้างครอบครัวที่อุบลฯ เพราะมุรธาได้คิดทบทวนอีกครั้งแล้วว่าเขาควรกลับมาสืบทอดกิจการเพราะเป็นลูกชายคนโต ส่วนอนุชก็อยากลืมบรรยากาศความเจ็บปวดที่อเมริกา มาอยู่ใกล้อธิปเพื่อทดแทนวันเวลาที่หายไปให้ผู้เป็นพ่อ ไข่หวานตัดสินใจชวนลุงช้างมาสร้างครอบครัวด้วยกันที่อุบลฯ...เสมือนขอผู้ชายแต่งงานกลายๆ ลุงช้างใช้เวลาคิดไม่นานเลยเพราะเขาอยากอยู่กับ “หวานใจ”ของเขา ลุงช้างให้คำสัญญากับไข่หวานว่า เขาและเธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์ และมี “แก้วตา” ดวงใจน้อยๆเป็นของตัวเองด้วยกัน...
ตามรักคืนใจ 2558

ตามรักคืนใจ (2558/2015) นารา วรรณพานิช หรือ หนูนา หลานสาวของนายวรรณ วรรณพาณิช ประธานธนาคารอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งเป็นที่รู้จักทั้งในวงการธุรกิจการเงินและสังคมว่าเป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง เพราะฐานะที่ร่ำรวยทำให้นาราถูกเลี้ยงอย่างคุณหนู ไม่เคยหยิบจับอะไร และการใช้ชีวิตของเธอก็อยู่ในกรอบ มีระเบียบแบบแผนตามที่นายวรรณผู้เป็นตาวางไว้ คนภายนอกอาจอิจฉาที่นาราเป็นหลานสาวนายธนาคาร ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ได้เรียนในสถาบันการศึกษาที่ดี แต่ภายในตระกูลวรรณพานิช นาราเปรียบเสมือนลูกเป็ดขี้เหร่ตระกูล ไม่ใช่หงส์อย่างคนอื่น โดยมีลุงเอก พี่ชายของแม่ และป้าสะใภ้ทั้งสองที่เอาแต่ตั้งแง่รังเกียจนารา ถึงแม้เลือดในตัวครึ่งหนึ่งจะเป็นของวรรณพานิช แต่เลือดอีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นของชาวสวนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า!

เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน รัศมีแม่ของนาราซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้องของนายวรรณ ได้พบรักกับรามหนุ่มชาวสวน ตอนนั้นรัศมีวาดฝันความรักของตัวเองเหมือนนิยายที่จะต้องแฮปปี้เอนดิ้ง คิดว่าการได้พบผู้ชายหน้าตาดี เป็นชาวสวนแสนเท่จะทำให้เธอมีความสุข รัศมีตกหลุมรักรามตั้งแต่แรกเห็น ทว่ารามเจียมเนื้อเจียมตัวไม่กล้าเด็ดดอกฟ้า แต่ดอกฟ้าอย่างรัศมีกลับโน้มลงมาหา พยายามโปรยเสน่ห์ทำให้รามตกหลุมรักในที่สุด ความรักของรามและรัศมีสุกงอมในเวลารวดเร็วท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของคนในตระกูลวรรณพานิช โดยเฉพาะนายวรรณ ได้ห้ามลูกสาวอย่างเด็ดขาดแต่เมื่อคนอย่างรัศมีต้องการอะไรก็ไม่มีใครห้ามเธอได้ ในวันที่รัศมีขนกระเป๋าออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับราม วรรณประกาศว่าถ้ารัศมีก้าวออกจากบ้านก็ห้ามกลับมาเหยียบที่บ้านอีก ด้วยความหลงที่บังตาทำให้รัศมีก้าวออกไปจากบ้านหลังนั้นโดยไม่หันกลับมา และไปใช้ชีวิตอยู่กับราม ชีวิตคู่ช่างแรกของรามและรัศมีเต็มไปด้วยความสุข รามทำทุกอย่างเพื่อให้รัศมีมีความสุข ทั้งสองมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน นั่นก็คือนารา ทว่าชีวิตคู่คือความจริง เมื่อรัศมีผู้ใช้ชีวิตแบบคุณหนูมาอยู่อย่างลำบาก ส่วนรามก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาปรนเปรอความฟุ่มเฟือยของรัศมี ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันมากขึ้น จากที่เคยพอใจชีวิตแบบชาวสวน รัศมีก็คิดถึงแสงสี เริ่มไม่พอใจกับชีวิตแสนธรรมดาอย่างที่รามชอบ และเป็นช่วงเดียวกับที่สวนของรามมีปัญหาทำให้ขาดทุนไม่มีรายได้ก้อนใหญ่เข้าประจวบเหมาะกับแม่ของรามที่ดูแลบ้านก็เสียชีวิต รัศมีที่ไม่เคยแตะงานบ้าง ก็ไม่คิดที่จะทำหน้าที่นั้น จนพ่อของรามทนไม่ไหวกับนิสัยของลูกสะใภ้ จึงบวชเป็นพระ ปล่อยให้ราม นาราและรัศมีอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก จากที่เคยอยู่สบาย รัศมีก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเธอลำบากเหลือเกิน เด็กหญิงนาราใช้ชีวิตแบบเด็กในสวนในไร่ทั่วไป มองเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเป็นประจำ หน้าที่การดูแลนาราก็เป็นของราม รัศมีไม่เคยหยิบจับอะไรเลย เด็กหญิงนารามีความสุขตามประสาเด็ก แต่แล้วความสุขของนาราก็หายไปเมื่ออายุห้าขวบ วันหนึ่งรัศมีบอกกับนาราว่าพ่อของเธอได้ตายไปแล้ว ทำให้นาราเสียใจอย่างหนัก รัศมีทิ้งบ้านสวนและพานารากลับมาที่บ้านวรรณพานิช ตอนแรกวรรณไม่ยอมรับนารา แต่เพราะนารามีใบหน้าที่คล้ายกับภรรยาที่เสียไปทำให้วรรณค่อยๆ ลดทิฐิและยอมให้นาราเข้ามาอยู่ในบ้าน โดยวรรณยื่นข้อแม้ว่าหลานสาวคนนี้เขาจะเลี้ยงด้วยมือตัวเองซึ่งรัศมีที่ชอบชีวิตที่มีอิสระ ตกลงอย่างง่ายดาย และวรรณก็ทำให้นาราได้ใช้นามสกุลวรรณพานิชแทนนามสกุลของราม เหตุผลที่วรรณอยากเลี้ยงหลานคนนี้ด้วยตัวเองก็เพราะ วรรณไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบลูกสาว ที่เอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรไม่ยั้งคิดจนสร้างเรื่องเดือดร้อนเป็นประจำ วรรณเลี้ยงดูนาราให้อยู่ในกรอบ มีระเบียบ และกระทำทุกอย่างตามสิ่งที่ดีและสมควรทำ ซึ่งนาราก็ไม่ได้ทำให้วรรณผิดหวัง เวลาผ่านไปไม่ว่าจะกี่ปีเลือดอีกครึ่งหนึ่งในตัวของนาราที่มาจากพ่อที่เป็นชาวไร่ชาวสวน ทำให้นาราถูกกระแหนะกระแหนจากป้าสะใภ้ทั้งสองนั่นคือ เพชรสี ภรรยาของลุงเอกชาติ และชไมพร ภรรยาของลุงโทณรงค์ ถึงชาติกำเนิดของเธอเป็นประจำ และพฤติกรรมของรัศมีที่ตอนนี้เป็นสาวสังคมที่นิยมการแต่งตัวและใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ คิดว่าตัวเองเป็นหงส์ผู้สง่างามเพราะความสวยของเธอยังเฉิดฉายและทำให้คนสนใจได้เสมอ รัศมีคบผู้ชายมากหน้าหลายตาและสร้างความวุ่นวายให้กับวรรณเป็นประจำ ทำให้บรรดาญาติและวรรณไม่ชอบใจนัก แต่รัศมีก็หาได้สนใจไม่ เมื่อไม่พอใจแม่ นาราจึงกลายเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่ต้องรับคำนินทาของคนอื่นเอาไว้ อดิสร ลูกชายของ พ่อเลี้ยงศักดา ผู้มีอิทธิพลทางภาคเหนือซึ่งทั้งสองพ่อลูกเข้ามาตีสนิทกับพี่ชายของรัศมีเพราะอยากกู้เงินทุนจากวรรณเพื่อไปทำธุรกิจรีสอร์ทและโรงแรมที่ภาคเหนือ แต่วรรณรู้ทันว่าอดิสรและพ่อเลี้ยงศักดาทำธุรกิจผิดกฎหมายจึงปฏิเสธไป เมื่อนาราอายุครบยี่สิบเอ็ดปี เรียนจบจากปริญญาตรีจากสถาบันชื่อดัง กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกา สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจุฑารัตน์เพื่อนสนิทที่เป็นนักข่าวให้ดูรูปในการสกู๊ปข่าวที่ ไร่สัตตบุษย์ นาราเห็นคนงานในภาพมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อที่ตายไป และเมื่อกลับบ้านก็ได้เห็นจดหมายฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าซองส่งมาถึงรัศมีเป็นประจำแต่รัศมีก็ไม่เคยสนใจจะเปิดอ่าน นาราเปิดอ่านก็พบว่าเป็นจดหมายจากพ่อ นาราจึงไปถามแม่ จนในที่สุดความจริงก็เปิดเผยว่าพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ นาราต้องการที่จะไปพิสูจน์ว่า ผู้ชายที่เห็นในรูปคือพ่อหรือไหม เธออยากรู้ว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาสิบห้าปี พ่อถึงออกจากชีวิตเธอ ทำไมพ่อถึงทิ้งเธอไป และยังมีหลายคำถามที่เธอต้องการคำตอบ เธอขออนุญาตกับวรรณว่าจะใช้เวลาช่วงที่เหลือก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาไปตามหาพ่อ ซึ่งวรรณนั้นไม่อยากให้หลานสาวได้พบกับพ่อ เพราะมีความจริงบางอย่างที่เขาปิดบังนาราไว้ และความจริงนี้อาจทำให้นาราเสียใจมาก เหตุผลอีกอย่างคือวรรณกลัวจะเสียหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูราวกับลูก ไปให้กับราม แต่เมื่อนารายืนยันว่าเธอต้องการคุยกับพ่อในฐานะลูก และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอยังเป็นหลานตาคนเดิม และเดินทางไปเรียนต่ออย่างที่ได้วางแผนเอาไว้ นาราโน้มน้าวด้วยการบอกว่า วรรณก็เคยเป็นพ่อ น่าจะเข้าใจหัวอกพ่อดี วรรณรู้นิสัยหลานสาวที่ตนเลี้ยงมากับมือว่าถ้านาราต้องการทำอะไร ไม่มีอะไรมาห้ามได้ วรรณจึงปล่อยให้นาราไปเผชิญกับความจริงที่รออยู่ การเดินทางไปไร่สัตตบุษย์ครั้งนี้ รัศมีไม่เห็นด้วย เพราะมันเป็นการขุดอดีตที่เหมือนขยะขึ้นมาส่งกลิ่นเหม็น อดีตที่จะประจานให้เธอกลายเป็นหงส์ปีกหักและอาจไม่มีที่ยืนในสังคมได้สวยงามเหมือนเดิม รัศมีขู่ว่าถ้านาราออกจากบ้านไปตามหาพ่อก็ไม่ต้องกลับมาอีก แต่นาราไม่สนใจ เดินออกจากบ้านเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าและเงินไม่กี่บาท รัศมีตัดช่องทางการให้เงินของนาราทุกอย่าง ยึดรถ ตัดบัตรเครดิต ยกเลิกบัตรเอทีเอ็ม ทำให้นาราต้องเดินทางอย่างลำบาก แต่อุปสรรคเท่านี้ไม่ได้ทำให้นาราล้มเลิกความตั้งใจ เธอเดินทางไปยังไร่สัตตบุษย์ด้วยการขอข้อมูลจากจุฑารัตน์ เพื่อนสาวคนสนิท แต่ก็ไม่บอกเพื่อนว่าเดินทางไปทำไม เมื่อถึงไร่สัตตบุษย์หรือที่ชาวบ้านรู้จักในชื่อว่า ‘ไร่บัวขาว’ นาราสลัดคราบคุณหนูหลานสาวมหาเศรษฐีกลายเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา วันแรกที่เหยียบไร่บัวขาวด้วยความหิวจากการเดินทางที่ลำบากทำให้เธอหมดแรง เธอได้รับความช่วยเหลือจากสีหนาท หรือที่ชาวไร่เรียกว่า นายสิงห์ เจ้าของไร่บัวขาว แต่อะไรไม่ทำให้เธอตื่นเต้นเท่ากับการที่นาราลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคนที่มากับสีหนาท...ใบหน้าที่เธอไม่เคยลืม ใบหน้าของราม พ่อของเธอนั่นเอง! เมื่อได้พบหน้าราม จากความตั้งใจที่อยากจะถามสิ่งที่คาใจ พอเห็นรามเปลี่ยนไปมาก ความกลัวทำให้เธอไม่กล้าแสดงตัวว่าเป็นลูกสาวของพ่อ กลัวว่าพ่อจะไม่ยอมรับ พอนายสิงห์ถามว่าเธอชื่ออะไร และเข้ามาในไร่ทำไม นาราจึงบอกว่าตัวเองชื่อหนูนาและอยากจะมาสมัครเป็นคนงานในไร่บัวขาว สีหนาทสำรวจรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณของนาราที่บอบบางเกินกว่าจะเป็นสาวชาวไร่ บอกว่าอย่างนาราน่าจะเหมาะกับงานโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจอีกอย่างของสีหนาทมากกว่า แต่นาราปฏิเสธบอกว่าเธออยากเป็นชาวไร่ เพราะความสงสัยและแรงดึงดูดบางอย่างจากนัยน์ตากลมๆ ที่มองอย่างอ้อนวอนทำให้สีหนาทปรึกษารามที่เป็นหัวหน้าคนงานว่าในไร่บัวขาวมีตำแหน่งงานว่างไหม ตัวรามเองก็รู้สึกถูกชะตากับหนูนาก็ลองหาตำแหน่งว่างให้ เมื่อสีหนาทเจ้าของไร่อนุญาตให้นาราได้ทำงานที่ไร่บัวขาวเธอจึงใช้ชื่อในการทำงานว่า หนูนา ทองการค้า แต่นาราไม่สามารถเปิดเผยบัตรประชาชนได้จึงบอกว่าลืมบัตรประชาชนไว้ที่กรุงเทพ ปิดบังสิ่งที่ชี้ว่าตัวเองเป็นใคร และนำที่อยู่ของจุฑารัตน์มาเป็นที่อยู่อ้างอิง การที่นาราปิดบังตัวจริงเอาไว้ก็ทำให้รามและสิงหนาทที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของนาราอดสงสัยไม่ได้ว่านาราเป็นใครและเข้ามาในไร่เพราะอะไร เพราะในไร่บัวขาวมักจะมีหนอนบ่อนไส้เข้ามาในไร่เพื่อขโมยไม้สัก รามให้นาราไปพักกับคนงานที่ชื่อแป้น ซึ่งแป้นเองก็ดูแลนาราและคอยสอนงานไร่ให้กับนารา นาราสอบถามข้อมูลเกี่ยวราม จึงได้รู้มาว่าตอนนี้รามอยู่คนเดียว ไม่มีครอบครัว นาราคิดช่วงนี้จะต้องหาทางใกล้ชิดกับพ่อให้เร็วที่สุดและเปิดเผยว่าตัวเองเป็นใคร การทำงานเป็นชาวไร่วันแรกของนาราเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะนาราไม่เคยทำงานหนัก ไม่เคยต้องทำงานกลางแดด สีหนาทเองก็จับตาดูนาราด้วยความสงสัยแต่พอเห็นนารากำลังจะเป็นลมเพราะแดดที่แรง ก็สละหมวกประจำตัวให้ แสดงความเอื้ออาทรจนคนงานคนอื่นต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน โดยเฉพาะ พวง คนงานหญิงที่พยายามยั่วยวนนายสิงห์มานานแต่นายสิงห์ไม่ชายตาแล ยิ่งรามแสดงความห่วงใยนาราอีกคน พวงเลยแสดงความอิจฉาริษยากับนาราชัดเจนด้วยการพูดจากระทบกระเทียบนาราตลอดเวลา แต่แป้นก็คอยปกป้องนาราเอาไว้ นาราที่ไม่เคยจับจอบและไม่เคยทำงานหนัก เมื่อต้องลงมือทำ ทำให้มือของนาราเป็นแผล นาราเลยถูกสั่งให้ไปทำงานอื่นแต่ก็ทำงานผิดพลาดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้คนงานต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาจนโมโหนารา แต่แป้นก็คอยปลอบใจว่าคนงานทุกคนโมโหเพราะหิว พอหายหิวก็ดีขึ้น แต่การทำงานพลาดคราวนี้พวงก็ซ้ำเติมนาราเต็มที่ สีหนาทคิดว่านาราไม่เหมาะสมกับงานที่ไร่บัวขาว และสงสัยว่าก่อนหน้านี้นาราทำงานอะไร นาราเลยโกหกว่าก่อนหน้านี้ทำงานเป็นแม่บ้าน ไม่เคยทำงานไร่มาก่อน แต่ใฝ่ฝันว่าอยากทำงานไร่เลยเดินทางมาที่ไร่บัวขาว แต่สีหนาทไม่เชื่อนาราเท่าไร แต่ก็ทำเป็นเออออรับทราบ พยายามจะให้นาราไปทำงานที่โรงแรมที่มีขนิษฐาลูกพี่ลูกน้องของสีหนาทดูแลอยู่แต่นาราปฏิเสธเสียงแข็ง ขนิษฐา มีความเห็นเหมือนกันสีหนาทว่านาราเหมาะกับงานโรงแรมที่เธอเป็นคนดูแลอยู่มากกว่า แต่เมื่อเห็นนาราอยากทำงานในไร่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่สิ่งที่น่าสงสัยคือท่าทางของสีหนาทที่ดูสนใจนาราเป็นพิเศษและรามเองก็ดูเอ็นดูนารามาก ท่าทางของรามทำให้ขนิษฐาที่หลงรักน้ารามข้างเดียวรู้สึกน้อยใจราม ที่เขาสนใจนาราแต่ไม่เคยสนใจเธอเลย วันหยุดนาราไม่ยอมเข้าเมืองเหมือนคนงานคนอื่น เธอไปหารามที่บ้านพัก เพราะอยากอยู่ใกล้พ่อ เธอพยายามหาโอกาสที่จะคุยกับรามเรื่องของเธอกับเขา แต่ขนิษฐาเข้ามาขัดจังหวะ บอกว่าอยากจะพานาราไปดูงานที่โรงแรมเผื่อนาราจะเปลี่ยนใจไปทำงานที่โรงแรมมากกว่าที่ไร่ ใจจริงขนิษฐาอยากจะแยกนาราให้อยู่ห่างจากราม เพราะไม่ชอบใจเมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคน เมื่อไปถึงโรงแรมขนิษฐาพานาราดูโรงแรม นาราก็ต้องรีบซ่อนตัวเมื่ออดิสรมาหาขนิษฐา นารากลัวว่าอดิสรเจอเธอและทำให้ความลับที่ซ่อนเอาไว้แตกออกมา ตอนนั้นสีหนาทและรามมาโรงแรม พอทราบว่าอดิสรมาหาขนิษฐา สีหนาทก็โมโหและตามเข้าไปไล่อดิสรออกมาและขู่ไม่ให้อดิสรมายุ่งกับขนิษฐาอีก อดิสรโมโหและฝากเอาไว้ก่อน ทำให้นารารู้ว่าสีหนาทกับอดิศรไม่ถูกกัน และทำให้นาราได้รู้ว่าอดิศรและพ่อเลี้ยงศักดาทำธุรกิจผิดกฎหมายและค้าไม้เถื่อน การทำงานในไร่ของนาราเริ่มต้นอีกครั้ง ทว่าในคราวนี้นาราได้ไปทำงานในโรงครัว วันแรกๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร นาราทำงานได้ดี จนวันหนึ่งนาราได้ทำหน้าที่หุงข้าวเพราะนาราไม่เคยหุงข้าวทำให้โรงครัวไหม้ เกิดความเสียหายอย่างหนัก และมื้อนั้นคนงานเลยต้องหิวท้องรอหลายชั่วโมงเพื่อให้แม่ครัวหุงข้าวหม้อใหม่ ความเสียหายครั้งนี้ใหญ่จนสีหนาทต้องเรียกตัวนารามาพบอีกครั้ง ตอนแรกนาราคิดว่าเขาจะไล่เธอออก แต่สีหนาทกลับบอกว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปนาราจะต้องมาทำงานที่เรือนใหญ่ มาอยู่ใกล้ตาเขาเพื่อจะได้ไม่ไปทำความเดือดร้อนที่ไหนอีก การที่นาราไม่ถูกไล่ออก แถมยังได้ไปทำงานที่เรือนใหญ่ ทำให้คนงานวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากโดยมีพวงเป็นแกนนำ แต่ก็มีแป้นคอยขัดขวางพวงไม่ให้พูดสนุกปากเกินไป การที่นาราได้ทำงานที่เรือนใหญ่ งานที่นาราได้ทำก็คืองานถูพื้น โดยมีนายสิงห์มาคุมด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นสิงหนาทก็ให้คนไปตามสืบเรื่องของหนูนา ทองการค้า ว่าเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้อยากใกล้ชิดรามมากจนทำให้เขาเข้าใจผิดว่านาราต้องการปั่นหัวราม แต่นาราก็ยืนยันหนักแน่นว่ารักน้ารามเหมือนพ่อคนหนึ่งเท่านั้น เพียงแค่ได้ยินว่านาราคิดกับน้ารามแบบพ่อ สิงหนาทก็อารมณ์ดีและสบายใจมาก นาราได้เลื่อนตำแหน่งจากแม่บ้านกลายเป็นผู้ช่วยของสิงหนาท ซึ่งความคล่องแคล่วในการทำงาน ทั้งด้านการจัดการเรื่องเอกสาร ความสามารถทางด้านภาษาของนาราทำให้สิงหนาทสงสัยว่านาราเป็นใครกันแน่ จนในที่สุดความจริงก็ปรากฏเมื่อคนของเขารายงานว่า หนูนา ทองการค้า ไม่มีตัวตน ทองการค้าเป็นนามสกุลของจุฑารัตน์ และที่อยู่ที่ให้ไปเป็นของจุฑารัตน์เช่นกัน เมื่อสืบต่อไปเรื่อยๆ ก็พบว่าหนูนาที่ใกล้ชิดกับจุฑารัตน์มีเพียงหนูนา หรือคุณนารา วรรณพานิชเท่านั้น และเมื่อสิงหนาทตามสืบเมื่อนาราใช้โทรศัพท์ของร้านค้าโทรกลับไปหาวรรณเพื่อแจ้งให้คุณตาทราบว่าขอเวลาในการทำความเข้าใจกับพ่อสิบวัน ซึ่งวรรณก็เข้าใจหลานและให้เวลาหลาน เขาเชื่อในตัวนาราว่าถ้าสัญญาอะไรแล้วจะทำตามสัญญา ผิดกับรัศมีเมื่อรู้ว่านาราอยู่ใกล้กับรามก็โมโหวรรณที่ปล่อยให้นาราไปตามหาราม ต่อไปต้องเกิดเรื่องเดือดร้อนกับรัศมีแน่นอน วรรณบอกว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และนาราเหมือนกับรัศมีที่ถ้าจะทำอะไรแล้วก็ห้ามไม่ได้ สู้ให้นาราทำอะไรอยู่ในสายตาดีกว่าให้นาราหนีไป แล้วไม่รู้ความเคลื่อนไหว ในขณะนั้นอดิศรกำลังวางแผนการร้ายกับไร่บัวขาว เขาส่ง เรือง เข้าไปเป็นหนอนบ่อนไส้ในคราบของคนงานและเรืองก็เป็นแฟนของพวง คอยจับตาความเคลื่อนไหวของสิงหนาทเพื่อรายงานให้อดิศรให้ทราบว่าไร่บัวขาวจะทำการตัดไม้และขนไม้เมื่อไหร่จะได้ทำการปล้นไม้มาเป็นของตัวเองซึ่งเรื่องการปล้นไม้และสถานการณ์เกี่ยวกับไม้สัก สิงหนาทได้ถ่ายทอดให้นาราฟัง เพื่อให้ระวังในการทำงานมากขึ้น เมื่อนาราได้กลายเป็นเป็นผู้ช่วยของสิงหนาท เธอก็ต้องตามนายสิงห์เป็นเงาตามตัว หลังจากที่สิงหนาททราบว่านาราเป็นใครและมาที่ไร่บัวขาวเพื่อตามหาราม เขาก็เก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับและดูว่านาราจะทำอย่างไรต่อไป ระหว่างนั้นทั้งนาราและสิงหนาทก็ประสบอุบัติเหตุจนรถไม่สามารถขับต่อจนต้องทิ้งรถไว้ ทั้งสองลงจากรถ หลบไปอยู่ข้างทาง รถของอดิสรขับผ่านมาเห็นรถสีหนาทจอดอยู่ จึงยิงปืนใส่ด้วยความสะใจ เหตุการณ์นั้นทำให้นาราตกใจมาก เพราะถ้าเธอกับเขาอยู่บนรถอาจถูกยิงไปแล้ว สีหนาทปกป้องนารา ทำให้นาราอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีสิงหนาทอยู่ใกล้ ขนิษฐาเป็นห่วงสิงหนาทที่หายไปกับนาราทั้งคืนเลยขอให้รามตามหาสิงหนาท รามรับปากว่าจะตามหาสิงหนาท คอยปลอบไม่ให้ขนิษฐาตกใจ ในช่วงเวลาที่ขนิษฐาต้องการที่พึ่ง รามมักจะทำให้ขนิษฐาอุ่นใจเสมอ แต่ด้วยอายุที่ห่างกันและความเจียมเนื้อเจียมตัวของรามทำให้ขนิษฐาไม่สามารถแสดงออกความรักของตัวเองออกมาได้ จึงได้แต่เฝ้ารักและแอบมองเขาอยู่แบบนี้ รามตามหาสิงหนาทและนาราเจอตอนเช้า เหตุการณ์ที่รถของสิงหนาทถูกยิงทำให้สารวัตรกชเข้ามาตรวจสอบ แต่สิงหนาทให้นาราปิดไว้เป็นความลับ ใครถามอะไรก็บอกว่าเป็นการยิงผิดตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอดิสรเพราะถ้าอดิสรส่งหนอนบ่อนไส้เข้ามาจะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น การหายตัวไปของสิงหนาทและนาราทำให้คนงานในไร่สนใจ แต่นาราก็บอกคนงานแต่เพียงว่าเกิดอุบัติเหตุ ทว่าพวงกับใส่สีตีข่าวอย่างสนุกปาก แต่คราวนี้นาราไม่ยอมเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเป็นความตายของเธอกับสิงหนาท การลุกขึ้นมาโต้ตอบคราวนี้ทำให้พวงได้เห็นว่านาราไม่ใช่คนยอมคนและยอมล่าถอยไปภาพความห่วงใยของรามที่มีต่อนารากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ขนิษฐาไม่พอใจ แต่ก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ และสิ่งที่ขนิษฐาทำได้ก็คือการหลบหน้าราม แต่รามกลับทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิมนั่นก็คือการไปรับไปส่งขนิษฐา จากโรงแรมกลับมาที่ไร่ แม้ขนิษฐาจะพยายามหลบหน้าแต่รามกลับเข้ามาวนเวียนกับขนิษฐามากขึ้นจนหญิงสาวทนไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่ราม บอกความรู้สึกที่มีต่อรามออกไปว่าเธอรักราม รักมานาน แต่ว่ารามไม่เคยสนใจเธอเลย รามที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยไม่มีค่า อดีตที่ผ่านมาทำให้เขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับใครเลย แต่ขนิษฐากลับมองว่ารามต่างหากที่อยู่ห่างจากเธอ อยู่ไกลเกินเอื้อม และตัวเธอเองที่ไม่มีค่าอะไรเลย รามที่มีอดีตอันเจ็บปวดไม่สามารถบอกความจริงกับขนิษฐาได้ จึงได้แต่นิ่งเงียบ และลึกๆ ในใจของรามเขายังมีความรู้สึกว่ายังมีโซ่ที่ยึดไว้กับอดีต และยังมีพันธะอยู่กับรัศมี ทำให้เขาไม่มีอิสรภาพในการที่จะเปิดใจรับใครได้ไหม แต่การระเบิดอารมณ์ของขนิษฐา สิงหนาทก็เห็นและรับรู้ทุกอย่าง เขาพยายามบอกกับรามว่าจริงๆ แล้ว รามเป็นคนมีค่าสำหรับเขาและน้องสาว สิงหนาทไม่เคยรังเกียจรามและเขาก็รู้อดีตของรามมาตลอด พยายามบอกให้รามปลดปล่อยตัวเองจากอดีตเพื่ออยู่กับปัจจุบัน สิงหนาทที่รู้ความลับของนาราว่าเป็นลูกสาวของราม ก็คอยดูแลนาราว่าจะทำอย่างไรต่อไป และเขาก็แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรกับหญิงสาว ซึ่งตัวเองนาราเองก็รู้สึกดีเมื่ออยู่ใกล้กับสิงหนาท ส่วนขนิษฐา พยายามอยู่ห่างจากรามด้วยการไปค้างคืนที่โรงแรมบ้าง กลับดึกบ้าง เมื่อใจอ่อนแอ ร่างกายของขนิษฐาก็อ่อนแอตามไปด้วย สารวัตรกชแจ้งว่าสายของเขารายงานมาว่าอดิสรจะทำการขนไม้เถื่อน ตำรวจได้วางแผนจับกุม สิงหนาทและรามที่ชำนาญพื้นที่จึงขอไปช่วยราชการในการนำทางไปให้ และนาราก็รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ เธอพยายามห้ามสิงหนาทและรามไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตราย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ฟัง นาราจึงได้แต่รอคอยอย่างร้อนรน การจับกุมอดิสรและพวก เป็นไปอย่างยากลำบาก มีการต่อสู้ด้วยปืน ฝ่ายตำรวจและอดิศรตอบโต้กันไปมา จนรามถูกยิงได้รับบาดเจ็บและอดิสรหนีไปได้ คืนนั้นนาราที่รอคอยการกลับมาของสิงหนาทและรามด้วยใจที่ไม่เป็นสุข และเมื่อสิงหนาทกลับมาคนเดียวก็ยิ่งทำให้นาราร้อนใจ พอถามเขา เขาก็บอกนาราว่ารามเจ็บหนัก จนนาราไม่สามารถควบคุมสติตัวเองจนบอกว่าตัวเองเป็นลูกสาวของน้าราม สิงหนาทที่ได้ยินความจริงจากปากนาราก็เฉลยว่า รามไม่ได้เป็นอะไรมาก และเขาก็รู้ว่านาราเป็นใครมานานแล้ว เพียงแต่รอให้นาราบอกกับเขาเท่านั้นเอง พอนารารู้ว่าถูกหลอกก็งอน แต่ประหลาดใจมากกว่าก็ที่สิงหนาทรู้ว่าเธอเป็นใคร สิงหนาทเลยบอกว่านาราเป็นคนโกหกไม่เป็น มีพิรุธจนเขาสงสัย แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกราม อยากให้นาราเข้าไปคุยกับรามด้วยตัวเอง สิงหนาทให้กำลังใจนาราที่จะเข้าไปเปิดเผยตัวเองกับรามว่าเป็นใคร นาราอุ่นใจที่มีเขาเป็นกำลังใจ และก่อนที่จะเข้าไปคุยกับราม นารากลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิงหนาทกับเธอจะเปลี่ยนไปเมื่อความจริงเปิดเผยทุกอย่าง สิงหนาทบอกว่าเขาเป็นเหมือนเดิม อยู่ที่ว่านาราจะให้ทุกอย่างเป็นไปแบบไหน เขาตามใจเธอ นาราจึงบอกว่าเธออยากเป็นหนูนา ทองการค้า มากกว่า นารา วรรณพานิช สิงหนาทบอกว่าไม่ว่าเธอเป็นใครเขาก็รัก... นาราร่วมรวมความกล้าตัดสินใจเปิดเผยว่าตัวเองเป็นกับราม ด้วยการเล่าให้ฟังเรื่องในอดีตระหว่างที่เธอกับพ่อใช้ชีวิตสมัยที่อยู่บ้านสวนด้วยกัน รามนิ่งไป ไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าหนูนาที่อยู่ตรงหน้าคือยัยหนูของเขา นาราทวงถามว่าทำไมรามถึงทิ้งเธอกับแม่ไป และทำให้เธอเข้าใจมาตลอดว่าพ่อตายไปแล้ว รามดีใจที่ได้เจอลูก และยอมเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฟังว่า หลังจากใช้ชีวิตกับรัศมี ไร่สวนที่ทำ ก็ประสบปัญหาจนไม่มีเงินมาซื้อในสิ่งที่รัศมีต้องการ ทำให้เขาต้องยักยอกเงินจากสหกรณ์เพื่อให้รัศมีได้ใช้ ในที่สุดถูกจับกำลังจะโดนดำเนินคดี แต่ความจริงอีกอย่างที่ทำให้รามขาดสติก็คือรัศมีมีชู้ และชู้คนนั้นรามก็รู้จัก เพราะความโมโหและความเมาทำให้รามเผลอฆ่าชู้ของรัศมี จนเขาต้องติดคุกแปดปี นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้รามหายออกไปจากชีวิตของนารากับรัศมี รามเล่าว่า เมื่อเขาออกมาจากคุก ก็หางานทำไปเรื่อยๆ และติดตามข่าวคราวของนารา จนในที่สุดก็มาทำงานที่ไร่บัวขาว เพราะสิงหนาทไม่เคยสนใจอดีตของเขาที่เป็นคนคุกมาก่อน สิ่งที่รามทำได้คือการติดตามข่าวของนาราอยู่ห่างๆ เพราะไม่อยากให้นาราแปดเปื้อนและได้ชื่อว่ามีพ่อเป็นคนขี้คุก นาราบอกว่าไม่ว่าพ่อจะเป็นอย่างไร เขาก็คือพ่อของเธอ และเธอก็ดีใจที่พ่อยังคิดถึงและรักเธอ สองพ่อลูกกอดกันและพูดคุยกันให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันมาสิบห้าปี สิงหนาทแสดงความยินดีเมื่อลูกกับพ่อพูดคุยกันเข้าใจ แต่สิงหนาทก็น้อยใจเมื่อรู้ว่านาราจะต้องเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาหลังจากที่วีซ่าเรียบร้อย แต่นาราก็พยายามงอนง้อจนเขาหายงอน และก็รับรู้ว่านาราเองก็รู้สึกดีต่อเขาเหมือนกัน ในขณะที่นาราและรามมีความสุข คนที่กำลังเป็นทุกข์คือขนิษฐาที่รู้ข่าวการจับกุมอดิศรผ่านหนังสือพิมพ์ และเพิ่งรู้ว่ารามได้รับบาดเจ็บ ขนิษฐาตกใจ กลับมาที่ไร่ด้วยท่าทางร้อนรน แต่พอเห็นนารา รามใกล้ชิดกัน แล้วยิ้มอย่างมีความสุขก็น้อยใจ และภาพสะเทือนใจตรงหน้าทำให้ขนิษฐาหมดสติเพราะร่างกายที่อ่อนแออยู่ก่อนหน้านี้ นารา ราม สีหนาทตกใจที่ขนิษฐาหมดสติไปต่อหน้าต่อตา นาราคอยดูแลขนิษฐา และเมื่อขนิษฐาฟื้นสิ่งที่ถามคำแรกคือความปลอดภัยของราม พอนาราบอกรามปลอดภัยดี ขนิษฐารับทราบด้วยความน้อยใจที่ไม่มีใครบอกข่าวนี้กับเธอและขอร้องให้นาราเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนาราเล่าจบ ขนิษฐาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ แต่นาราก็พยายามปลอบใจว่าทุกคนปิดบังเรื่องการจับกุมอดิสรเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง และนาราก็เล่าเรื่องของตัวเองกับรามให้ขนิษฐาฟังเพราะอยากให้ขนิษฐารับรู้ แต่กลับเป็นการย้ำให้คนฟังรู้สึกว่ารามยิ่งห่างไกลจากเธอมากขึ้นเรื่อยๆ สิงหนาทที่คอยสังเกตอาการน้องสาวก็เข้ามาบอกว่าเรื่องอดีตของรามมันเป็นเพียงอดีตเท่านั้น ถ้าขนิษฐายอมรับอดีตของรามได้ ทุกอย่างจะดีเอง แต่ขนิษฐาบอกว่าถ้าเธอจะยอมรับอดีตของราม แต่รามคงไม่ยอมรับความรู้สึกของเธอ ข่าวที่รามบาดเจ็บและการจับกุมอดิสรเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ทางวรรณและรัศมีเห็นภาพรามจากหนังสือพิมพ์ รัศมีก็โวยวายอยากให้ลูกกลับมา แต่วรรณเชื่อใจหลานอีกไม่นานหลานจะต้องกลับมากรุงเทพตามคำพูดที่หลานเคยบอกเอาไว้ ทำให้รัศมีไม่พอใจ เมื่อถึงกำหนดที่นาราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ วันนั้นเกิดเหตุระเบิดที่ท้ายไร่ ทำให้สิงหนาทและรามต้องรีบไปดู แต่จริงๆ แล้วเป็นแผนล่อสิงห์ออกจากถ้ำ เพราะช่วงนั้นนาราถูกเรืองลักพาตัวตามคำสั่งของอดิสรที่อยากแก้แค้นสิงหนาทที่ทำให้เขาต้องถูกตำรวจไล่ล่าแบบนี้ และเมื่อเห็นหน้าคนที่เรืองบอกว่าเป็นคนรักของสิงหนาทว่าเป็นนารา หลานสาวประธานธนาคารก็ยิ่งชอบใจ และคิดจะทำร้ายนารา แต่ก่อนอื่นต้องใช้นาราล่อให้สิงหนาทกับรามมาติดกับเสียก่อน เพราะเขาต้องการเล่นงานคนทั้งสอง เมื่อหลานสาวไม่กลับมาตามกำหนด วรรณก็เป็นห่วง ขนิษฐาโทรศัพท์ไปแจ้งให้วรรณทราบเรื่องนาราถูกจับ ทำให้วรรณและรัศมีเดินทางขึ้นมาที่ไร่บัวขาวทันที สิงหนาท รามและสารวัตรกช บุกเข้าไปช่วยนารา แต่กว่าจะช่วยได้ก็ต้องเจอทั้งปืน ระเบิด ส่วนนาราเองก็ไม่อยู่นิ่งเฉย พยายามหนีเอาตัวรอด และการหนีทำให้เธอมีชีวิตรอดออกมาจนเจอกับสิงหนาทและราม ส่วนอดิศรก็ตายในที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นทางตำรวจก็ตามไปจับกุมพ่อเลี้ยงศักดาที่เป็นอีกคนที่ทำผิดกฎหมาย เมื่อคนร้ายถูกจับ สถานการณ์ในไร่บัวขาวก็กลับสู่ปกติ แต่การเผชิญหน้ากันระหว่างวรรณ รัศมีและราม ยังทำให้ทุกอย่างยังไม่สงบดีนัก รัศมีตั้งท่ารังเกียจรามชัดเจน จนในที่สุดรัศมีก็ประกาศว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราม คำประกาศของรัศมีเหมือนเป็นปลดบ่วงในใจของรามออก รามเป็นอิสระ ไม่มีพันธะใดๆ อีกต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับรัศมีกลายเป็นเพียงอดีต เขาสามารถเดินหน้าได้ต่อพร้อมกับนาราลูกสาวของเขา รามเองก็เข้าไปคุยกับวรรณ เรื่องนาราว่าไม่คิดจะแย่งชิงนารามาจากวรรณ และทั้งสองก็ปรับความเข้าใจกัน สิงหนาทเห็นโอกาสที่วรรณและรามอยู่ตรงหน้าเลยเอ่ยปากขอดูแลนาราด้วยท่าทางยโส วรรณเองก็บอกว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่คิดจะบังคับนารา เพราะได้รับบทเรียนจากการเลี้ยงรัศมีมากพอแล้ว จึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตเพราะนาราจะต้องไปเรียนต่ออีกสองปี แต่สิงหนาทก็ยังยืนยันหนักแน่นว่าเขาจะดูแลนาราให้ดีที่สุด วรรณหัวเราะด้วยใจที่ผ่อนคลายเมื่อคนที่เขาเคยรังเกียจอย่างราม ชาวไร่ชาวสวนที่ดูต่ำต้อย วันนี้กลับทำให้เขายอมรับได้ แถมทำท่าจะได้ลูกเขยเป็นชาวไร่เพิ่มอีกคน บาดแผลในอดีตของรามได้จางหาย ตอนนี้รามก็พร้อมจะเดินหน้าต่อ ส่งสิงหนาทเองก็พร้อมจะสร้างอนาคตไปพร้อมกับนารา นาราที่พอรู้ความในใจของขนิษฐาที่มีต่อราม เธอเข้าไปคุยกับขนิษฐาว่าถ้าขนิษฐารักพ่อของเธอจริงเธอจะยินดีมาก และพร้อมกับฝากฝังรามไว้ ซึ่งขนิษฐาเองก็ยินดี อยู่ที่รามจะยอมรับเธอไหม เมื่อรามเป็นอิสระ เขาก็พร้อมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาเดินเข้ามาบอกขนิษฐาว่าตอนนี้ถ้าเขาจะเริ่มต้นกับใครสักคน คนคนนั้นต้องเป็นขนิษฐาผู้หญิงที่ไม่รังเกียจคนมีอดีตอย่างเขาและเขาเองก็เห็นว่ารักของเธอมีความสำคัญเสมอ เพียงแต่มีปัจจัยหลายๆ ทำให้เขาต้องเจียมตัว แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรผูกมัดเขาแล้ว ขนิษฐาดีใจมากที่รามยอมรับความรัก ของเธอ เมื่อถึงวันที่นาราต้องเดินทางกลับกรุงเทพ สิงหนาทสัญญากับนาราว่าวันที่เธอเดินทางไปอเมริกาเขาจะไปส่งด้วยตัวเอง และเขาจะรอเธอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน นาราก็สัญญากับสิงหนาทเช่นกันว่าเมื่อเรียนจบจะกลับมารับตำแหน่งนายหญิงของไร่บัวขาว ตำแหน่งนี้สิงหนาทบอกว่าเก็บไว้ให้เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น นารายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อเห็นรามมีขนิษฐาอยู่เคียงข้าง และเธอก็ได้รักของพ่อกลับคืน โดยมีรักของวรรณคอยประคับประคองให้เธอกลายเป็นนาราในวันนี้ รัก...ที่เธอพยายามตามหามาตลอด ตอนนี้ได้กลับมาอยู่ในหัวใจของเธอ และเธอสัญญาว่าจะรักษามันอย่างดี ยามมา...เธอมาเพื่อตามหนึ่งความรักครั้งเก่าคืนสู่หัวใจตัวเอง ทว่ายามกลับ เธอได้รับความรักจากหัวใจถึงสองดวงกลับไป
บ้านทรายทอง-พจมาน สว่างวงศ์ 2558

เรื่องย่อ : บ้านทรายทอง-พจมาน สว่างวงศ์ (2558/2015) พจมาน พินิตนันทน์ (มิน-พีชญา วัฒนามนตรี) เดินทางมาอาศัยอยู่กับญาติที่บ้านทรายทองตามคำสั่งของบิดาที่เสียชีวิต เพื่อให้เธอได้เรียนต่อจนสำเร็จการศึกษา พจมานเด็กสาววัยรุ่น มีได้นิสัยหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว จากการอบรมปลูกฝังจากบิดาที่เธอรักและรักเธอยิ่ง แต่วันแรกที่มาถึงเธอไม่ได้รับการต้อนรับอย่างที่หวัง หม่อมพรรณราย (ดวงดาว จารุจินดา) ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของเธอไม่อยู่ต้อนรับ แม้จะได้รับจดหมายจากแม่ของเธอล่วงหน้า ความอ่อนล้าในการเดินทางทำให้พจมานเป็นลมหมดสติไป ต่อหน้า ม.ร.ว.ภาระดี สว่างวัฒน์ หรือ คุณหญิงใหญ่ (นุสบา ปุณณกันต์) ที่มารับหน้าเธอในวันนั้น ภายนอกหญิงใหญ่ดูเป็นคนเย็นชา อารมณ์ร้อน แต่ลึก ๆ มีเมตตา เมื่อพิจารณาจากจดหมายยืนยันของบิดาพจมานโดยที่ยังไม่เปิดอ่านเธอก็ตัดสินใจให้พจมานพักที่บ้านทรายทองจนกว่าจะพบหม่อมพรรณราย

หม่อมพรรณรายกลับมาจากบ้านตากอากาศพร้อมกับ ม.ร.ว.ภาวิณีจรัสเรือง หรือ คุณหญิงเล็ก (แนท-ณัฐชา นวลแจ่ม) เมื่อทราบว่าหญิงใหญ่รับพจมานเข้ามาในบ้านก็ต่อว่าต่าง ๆ นานา พยายามผูกเรื่องบิดามารดาพจมานในทางลบ แต่เล่าไปเล่ามา หญิงใหญ่ก็แน่ใจว่าพจมานเกี่ยวดองเป็นญาติกับสกุล สว่างวงศ์ จริงกล่าวคือ พจมานเป็นบุตรสาวของ พนา พินิตนันทน์ (น็อต-นุติ เขมะโยธิน) บุตรชายของ คุณปู่สุรพล น้องชายแท้ ๆ ของเจ้าคุณราชาพิพิธ (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมพรรณราย มารดาของพจมานเคยติดตามบิดาของพจมานมาอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองและช่วยบริบาลเฝ้าไข้คุณยายของคุณหญิงใหญ่จนวาระสุดท้าย หญิงใหญ่ซาบซึ้งในความดีจึงรับอาสาดูแลพจมาน และเป็นผู้ปกครองให้ขณะอยู่ในบ้านทรายทอง

หญิงใหญ่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของพจมานอยู่บ้าง เธอไม่ได้มีรายได้อะไรนอกจากเงินกองกลางจากมรดกของตระกูล เพราะเธอไม่ได้สำเร็จการศึกษา จึงไม่มีอาชีพ เหตุเป็นเพราะเรื่องความรักสมัยรุ่นสาวทำให้ไม่เป็นที่พอใจของหม่อมพรรณราย หม่อมพรรณรายจึงห้ามสั่งห้ามเธอออกจากบ้าน เธอจึงไม่ได้เรียนไปโดยปริยาย นับแต่นั้นมาจึงกลายเป็นคนเย็นชา หม่นหมอง อารมณ์แปรปรวนและคุ้มดีคุ้มร้ายในสายตาคนอื่น แต่เมื่อถามพจมานจึงทราบว่า บิดาของพจมานได้เตรียมค่าเล่าเรียนไว้ให้ส่วนหนึ่งแล้ว ขอเพียงที่พักและอาหารเท่านั้นหญิงใหญ่จึงดูแลพจมานได้สนิทใจขึ้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความคลางแคลงใจในตัวหม่อมพรรณรายว่าเหตุใด จึงกีดกันพจมานไปจากบ้านทรายทอง

ฝ่ายหญิงเล็ก ผู้มีอารมณ์ร้อน หลงใหลความหรูหราฟู่ฟ่า ก็เชื่อคำบอกเล่าของมารดาทั้งหมด ก็รู้สึกว่าพจมานมารบกวนและสร้างความรำคาญให้เธอและผู้คนในบ้าน จึงเกลียดชังพจมานและหาทางกำจัดออกจากบ้านทรายทอง จึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้ไม้เมากันเสมอ พจมานอยู่ในบ้านทรายทองท่ามกลางความกดดันและโดนกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา มีเพียง ม.ร.ว.ภาณุทัตสวัสดี หรือ คุณชายน้อย (พีพี-พีรพล เพิ่มเพ็ชร) ลูกชายคนเล็กวัย 14 ปี ของหม่อมพรรณราย ที่มีร่างการพิการ ขาเป๋ ปากเบี้ยว ตัวเล็ก ที่เกิดมาไม่นานบิดาเสียชีวิต หม่อมพรรณราย จึงชิงชังชายน้อยถึงชั้นโยนให้ แม่นมทิพย์ (วาสนา สิทธิเวช) เลี้ยงดู พจมานเอ็นดูสงสารคุณชายน้อย เพราะคิดถึงพจนา (ปลั๊ก-สวีเดน ทะสานนท์) น้องชาย และพจนีย์ (กุ๊กกิ๊ก-กชกร ส่งแสงเติม) น้องสาวคนเล็กของเธอนมทิพย์เองก็มีความเมตตา ใจดีต่อพจมาน นอกจากชายน้อยแล้วพจมานจึงสนิทสนมกับกับนมทิพย์เป็นอย่างดี

พจมานอยู่บ้านทรายทองอย่างผู้อาศัย ทำงานไม่ต่างกับบ่าวไพร่ แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ถึงแม้ว่าการเรียนของเธอจะแย่ลง ต้องแบ่งเวลาช่วยงานบ้านจนแทบไม่มีเวลาทบทวนตำรา พจมานจึงขอแยกห้องจากหญิงใหญ่ไปอยู่เรือนคนใช้เพื่อจะได้ทบทวนตำรายามดึกได้ ขณะเดียวกัน คุณแพรวพรรณ (ปูดำ-สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์) น้องสาวของหม่อมพรรณรายกลับมาจากต่างประเทศและย้ายเข้ามาอาศัยอยู่บ้านทรายทองพร้อมกับ แสงโสม (นิว-ปทิตตา อัธยาตมวิทยา) บุตรสาว สืบศรี (ภูมิ-วรรณภูมิ ทรงสุภาพ) บุตรชายและประสพ (สมิท ธนโชติ) สามี

พจมานทราบว่าเจ้าคุณราชาพิพิธ พี่ชายของคุณปู่สุรพล อยู่ที่ตึกขวางของบ้านทรายทอง จึงเข้าไปกราบเรียนว่าเธอได้เข้ามาขออาศัยบารมีท่านในบ้านทรายทอง เจ้าคุณราชาพิพิธกลับหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อสุรพล เพ้อออกมาแปลก ๆ และอาการป่วยทรุดหนักลง พจมานจึงถูกห้ามเข้าพบท่านอีก วันหนึ่งพจมานลัดเลาะไปที่ตึกขวางด้วยความสงสัย เธอพบหญิงชราผมขาวถือเครื่องเช่นไหว้ ไปตั้งหน้าโลงศพ เธอตกใจคิดว่าถูกผีหลอกแต่ก็พาสติตัวเองกลับมาฝั่งตึกที่อาศัยอยู่ได้ และชนเข้าอย่างจังกับสุภาพบุรุษท่านหนึ่งเข้า เธอกรีดร้องและหมดสติทันที มรว.ภารดาพัฒน์ระพี หรือ คุณชายกลาง (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ไม่ทราบว่าพจมานเป็นใครแต่เห็นหมดสติจึงพาไปส่งห้องชายน้อยเพื่อให้นมทิพย์ดูแล และได้รับข้อมูลของพจมานจากคนรอบตัวชายกลางกลับมาเปลี่ยนทุกอย่างในบ้านทรายทองให้ดีขึ้น ตั้งแต่คนใกล้ชิดอย่างชายน้อยที่ได้รับการส่งตัวไปรักษาตลอดจนบ่าวไพร่และพจมานด้วย เธอได้รับอนุญาตให้มีห้องพักเป็นของตัวเอง เทียบเท่ากับญาติพี่น้อง และได้อยู่ในความปกครองของชายกลาง เธอและเขาจึงเข้ามามีบทบาทของกันและกันตามลำดับ

เหตุการณ์พลิกผันอีกครั้งเมื่อชายกลางต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศ หญิงเล็กเริ่มวางแผนทำลายพจมานเสียคนโดยการพาเข้าไปรู้จักสมาคมกับบุคคลต่าง ๆ ซึ่งเป็นคนไม่ดี โดยทำทีขอตอบแทนพระคุณชายกลางที่มอบเงินจัดงานหมั้นระหว่างเธอกับ ท่านชายอเนกนพรัตน์ หรือ ท่านต้อม (เขต ฐานทัพ) เจ้าพี่ของ ท่านหญิงปิยะฉัตรโสภา หรือ ท่านติ๋ว (เกี่ยวก้อย-ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) สตรีสูงศักดิ์ซึ่งสนิทสนมกับหญิงเล็กเพราะหมายปองชายกลาง เธออาสาเป็นผู้ปกครองให้พจมาน ชายกลางตกลง ให้หญิงเล็กดูแลพจมาน แผนการร้าย ๆ จึงเริ่มขึ้น หญิงเล็กอนุญาตให้นกุล (อั๋น-ชยพล บุนนาค) เพื่อนชายคนสนิทของพจมานมาพบพจมานที่บ้านทรายทองได้ หวังให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น แต่ไม่เป็นไปตามคาดไว้ หญิงเล็กจึงพาพจมานออกงานสมาคมต่าง ๆ

ซึ่งมีท่านต้อมไปด้วยเสมอ คนที่หญิงเล็กชักนำให้พจมานชิดเชื้อด้วยมีแต่คนที่ประวัติไม่ดี ท่านต้อมเห็นใจพจมานจึงคอยปกป้องพจมานอยู่บ่อย ๆ หญิงเล็กยังไม่วางมือง่าย ๆ บังคับให้พจมานไปบางปูกับครูสอนดนตรี ซึ่งเบื้องหลัง คือผู้ผลิตหนังลามก มักล่อลวงเด็กสาวไปถ่ายหนังอนาจาร ท่านต้อมไม่พอมีปากเสียงกับหญิงเล็ก พจมานมาได้ยินเลยรู้ว่าหญิงเล็กไม่เคยหวังดีกับเธอเลย แต่ก็รั้น บางอย่างทำให้เธอตัดสินใจไป ท่านต้อมตามไปช่วยเหลือ จึงรู้ใจตัวเองว่าจริงแล้วรักพจมานไม่ใช่หญิงเล็ก พจมานใช้ไหวพริบโน้มน้าวใจครูสอนดนตรีให้ปล่อยเธอ

ขากลับรถของพจมานพลิกคว่ำ พจมานได้รับบาดเจ็บน้อย นกุลและท่านต้อม จึงรีบไปรับพจมานกลับบ้านทรายทองหลังจากมีปากเสียงกับท่านต้อม หญิงเล็กก็มีปากเสียงกับหญิงใหญ่อีก เรื่องราวบานปลายเกี่ยวกับข่าวเรื่องเจ้าของสิทธิ์ครอบครองบ้านทรายทอง ว่าไม่ใช่ชายกลางอย่างที่เข้าใจ หญิงเล็กไปอาระวาดกับเจ้าคุณราชพิพิธที่ตึกขวาง จนอาการทรุดหนัก เมื่อพจมานกลับถึงบ้านทรายทองก็ถูกเรียกเข้าไปดูใจท่านเจ้าคุณ ท่านเจ้าคุณสารภาพว่าบ้านทรายทองเป็นของสุรพลน้องชายท่าน ซึ่งทายาทที่แท้จริงก็คือ พจมาน นั่นเอง ท่ามกลางความตกตะลึง พจมานก็ปฏิเสธจะรับสิทธิ์นั้น รุ่งเช้าเจ้าคุณราชพิพิธก็สิ้นใจ

หลังจากท่านเจ้าคุณสิ้นบุญไม่นาน พจมานก็ได้รับโทรเลขจากพจนา ว่าที่บ้านมีเรื่อง พจมานจึงกลับไปบ้านและพบว่า พจนีย์หนีตามผู้ชายไป ทรัพย์สินที่บิดาให้ไว้ก็ใกล้หมด มารดาจึงเอาบ้านและที่ดินไปจำนองพจมานรู้สึกท้อแท้ แต่ที่ร้ายกว่าคือ มารดาของเธอพยายามเกลี้ยกล่อมให้แต่งงานกับบุตรชายเศรษฐีท้องถิ่นเพื่อกู้หน้าและพยุงฐานะครอบครัว ขณะที่พจมานกลับบ้าน ชายกลางก็กลับมาถึงบ้านทรายทอง และทราบความจริง จึงตัดสินใจจะย้ายออกจากบ้านทรายทอง เพื่อคืนกรรมสิทธิ์ให้กับพจมานและครอบครัว ท่านต้อมทราบข่าวว่าชายกลางกลับมา ก็ขอนัดเพื่อถอนหมั้นหญิงเล็ก และขอหมั้นพจมานโดยให้ชายกลางเป็นถ้าแก่ พจมานกำลังถูกมารดากดดัน มารดาของฝ่ายชายมาทาบทาบถึงบ้าน รถของชายกลางก็เข้ามาที่หน้าบ้านพจมาน พจมานปลาบปลื้มมาก แต่ข่าวที่ได้รับคือ การคืนบ้านให้เธอและจะย้ายออกไป กับการทาบทามเธอให้กับท่านต้อมพจมานร้องไห้ ชายกลางจึงกลับไปพร้อมกำชับให้เธอกลับบ้านทรายทองในวันถัดไป

พจมานกลับมาที่บ้านทรายทอง ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด หญิงใหญ่ไปรับที่สถานีรถไฟ บ่าวไพร่ยิ้มแย้ม แจ่มใส จัดห้องไว้รับรอง และทานอาหารร่วมโต๊ะกับหญิงใหญ่และชายกลาง พจมานยืนยันจะไม่รับสิทธิ์การเป็นเจ้าของบ้านทรายทอง แต่ชายกลางก็ยืนยันจะย้ายออกไปโดยขอให้สร้างบ้านใหม่เสร็จก่อน ชายน้อยที่ไปรักษากับนายแพทย์ฝรั่ง ผลการรักษาไม่ประสบความสำเร็จถึงขั้นหายขาด แต่ก็เดินเหินสะดวกขึ้น จึงรับตัวกลับมา หญิงใหญ่ไปหาพจมานที่ห้อง เอาสร้อยที่ชายกลางซื้อให้พจมานไปสวมให้และบอกเป็นนัย ๆ ว่าชายกลางรู้สึกพิเศษกับพจมาน จังหวะนั้นบ่าวขึ้นมาตาม แจ้งว่าท่านต้อมมาขอพบพจมาน หญิงใหญ่พูดกับพจมานอย่างหวังดีว่าถึงเวลาแล้วที่พจมานต้องเลือก คนที่เธอรัก

พจมานปรากฏตัวต่อหน้าท่านต้อม มีชายกลางแอบมองอยู่โดยไม่รู้ตัว แต่แล้วนกุลก็ปรากฏตัวขึ้นพจมานดีใจเจอเพื่อนรักลืมตัวตรงไปหานกุล ท่านต้อมถึงกับงงงัน ยอมรับการปฏิเสธ และชายกลางก็ประหลาดใจ และผิดหวังมาก เดินหายไปในห้องสมุด พจมานรู้สึกรีบวิ่งตามชายกลางไป ทำให้ทุกคนรู้คำตอบว่าคนที่เธอเลือกคือชายกลางนั่นเอง แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่อง แต่หากเป็นปมบทแห่งการเริ่มต้มชิตรักระห่าง ชายกลางและพจมาน สว่างวงศ์ แห่ง...บ้านทรายทอง

หลังจากเสร็จพิธีศพของท่านเจ้าคุณราชาพิพิธ ข่าวเรื่องการสมรสระหว่างพจมานและชายกลางยังไม่แพร่ออกไป มีเพียงเสาวรัจ (ตูน-พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) เพื่อนสนิทที่พจมานแจ้งข่าวเป็นคนแรก และเสาวรัจก็ส่งข่าวต่อไปยังเพื่อน ๆ ของพจมาน ท่านหญิงอ้อม (พิมพ์-พิมประภา ตั้งประภาพร) จึงประสงค์จะเลี้ยงก่อนวันฉลองมงคลสมรสให้พจมาน โดยจัดขึ้นที่วังของท่าน ซึ่งภาณี สาวใช้คนใหม่ของวังหญิงอ้อม หรืออีกชื่อคือพจนีย์ น้องสาวพจมานแอบมองพจมานด้วยความอิจฉาริษยาที่พจมานจะได้ครอบครองบ้านทรายทอง

พิธีสมรสระหว่างชายกลางและพจมานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยมีหญิงใหญ่เป็นโต้โผจัดงานให้ ชายกลางและพจมานรู้สึกซาบซึ้งใจ หม่อมพรรณรายมาร่วมงานอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ด้วยเกรงใจแขกผู้ใหญ่จึงมา หญิงเล็กลอบไปสงขลาเลี่ยงการมาร่วมงานครั้งนี้ สิริอร (ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก) ซึ่งอกหักจากชายกลางก็แต่งงานกับ เกริกวิทย์ (นวพล ภูวดล) และไปร่วมงานแต่งพร้อมกับ ท่านผู้หญิงไฉไล (วิไลลักษณ์ ไวงาน) และ หลวงนฤสารวาที (ปริยะ วิมลโนช) พจนีย์ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางงานของพจมาน พจมานตกใจระคนดีใจที่จู่ ๆ น้องก็มาปรากฏตัว

แต่พจนีย์ไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีแถมยังต่อว่าพจมานว่าเห็นแก่ตัวไม่เคยแบ่งอะไรให้น้องและยังประกาศว่าตนเองก็มีสิทธิ์อยู่ในบ้านทรายทองเหมือนกัน หลังจากพจนีย์มาอยู่บ้านทรายทองก็ผยองเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน ยุ่มย่ามกับของส่วนตัวพจมาน รังเกียจชายน้อย เป็นที่ไม่พอใจของนมทิพย์ คุณหญิงใหญ่เองก็ระอา พจมานจึงสั่งให้พจนีย์มีความเกรงใจต่อคุณหญิงใหญ่และชายกลาง แต่พจนีย์ทำหูทวนลม ชายกลางพาพจมานไปฮันนีมูนที่ศรีราชา ในเวลา 5 วันนี้ พจมานได้พบกับความสงบลืมเรื่องวุ่นวายในบ้านทรายทอง สองคนมีความสุขกับการฮันนีมูนครั้งนี้

ระหว่างนั้นที่บ้านทรายทองก็ได้รับ สายใจ แม่บ้านคนใหม่ซึ่งเป็นคนของหม่อมพรรณราย หลังจากที่คุณหญิงใหญ่ตัดสินใจไปอยู่เพชรบุรี สายใจคอยรายงานเรื่องของคนที่ตึกนอกให้หม่อมพรรณรายรู้ หม่อมพรรณรายมักว่าพจมานเป็นไพร่ ให้สายใจดูแลบ้านให้ดี ทำให้สายใจกระด้างกระเดื่องไม่เคารพพจมานเท่าที่ควร

หลับกลับจากฮันนีมูน พจนีย์มาบอกว่า หม่อมพรรณรายบอกว่าชายกลางแต่งงานกับพจมานเพราะหวังในบ้านทรายทอง ไม่เคยรักพจมานเลย ทำให้พจมานคิดมากเพราะชายกลางไม่เคยบอกรักเธอสักครั้งเธอจึงปั่นปึ่งใส่ชายกลาง เมื่อชายกลางเห็นพจมานเปลี่ยนไปจึงถามตรง ๆ ชายกลางรู้สึกน้อยใจพจมาน ทั้งสองคนเลยมีปากเสียงกัน พจมานไปพูดกับหม่อมพรรณรายให้รู้เรื่อง หม่อมพรรณรายยอมรัว่าพูดแบบนั้นจริง พจมานโกรธไม่ให้คนของหม่อมพรรณรายเข้าไปยุ่งที่ตึกนอกอีก หม่อมพรรณรายเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้หญิงใหญ่ฟัง หญิงใหญ่เฉย และได้นำมาพูดกับพจมานให้คิดได้เรื่องชายกลาง พจมานตั้งใจจะคืนดีกับชายกลางแต่พบชายกลางมากับสิริอรหลังจากดูหนังด้วยกัน เนื้อหาหนังเกี่ยวกับการแต่งงานเพราะเงิน พจมานสะอึกรีบหลบไป ชายกลางตามไปพูดกับพจมานที่ยังงอนอยู่ พจมานอยากได้ยินคำว่ารักจากปากชายกลาง ชายกลางถือว่าการกระทำสำคัญว่าคำพูด แต่ลึก ๆ แล้วพจมานก็รู้ดีว่าชายกลังนั้นรักเธอสุดหัวใจ

ด้านหญิงเล็กพบรักกับนายเติม ธีรวณิช (บิ๊ก-ศรุต วิจิตรานนท์) พ่อค้าผู้มั่งคั่ง และได้ตัดสินใจแต่งงานกับนายเติม หม่อมพรรณรายเห็นด้วยเพราะเห็นว่านายเติมมีฐานะมั่งคั่ง แต่ชายกลางกลบเป็นห่วงหญิงเล็กที่ตัดสินใจแต่งงานปุบปับ พจมานช่วยพูดให้ท่านต้อมพิจารณาหญิงเล็กอีกครั้ง แต่ท่านต้อมไม่ได้รักหญิงเล็กแล้ว แถมยังชื่นชมว่าชายกลางได้ภรรยาที่ดี ขนาดหญิงเล็กเกลียดพจมาน พจมานยังอุตส่าห์ห่วงหญิงเล็ก กำหนดการงานแต่งของหญิงเล็กใกล้เข้ามาทุกที หญิงเล็กอยากได้สร้อยระจำตระกูลของพจมานมาใส่ในวันแต่งงาน หม่อมพรรณรายอ้อนวอนให้ชายกลางไปขอมาให้ ชายกลางบอกให้หญิงเล็กไปขอกับพจมานเอง

หญิงเล็กไม่ยอมไปขอให้เสียศักดิ์ศรี ด้านนายเติมบอกจะหามาให้เอง พอถึงวันงาน สร้อยที่นายเติมหามาให้ดูเก่าคร่ำครึ ไม่เหมาะกับชุดหญิงเล็ก จนใกล้เวลานมทิพย์เอากล่องสร้อยประจำตระกูลมาให้ หญิงเล็กดีใจมาก แต่ไม่ได้รู้สึกดีกับพจมาน งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย โดย หญิงเล็กย้ายไปอยู่บ้านนายเติม นายเติมมีภรรยาอยู่แล้วถึง 2 คน คือ วิภา (มนตะกานต์ ทองขาว) และสมฤทัย (ภัทกัญญา โควสุวรรณ) ต่อหน้านายเติมก็ปฏิบัติกับหญิงเล็กเหมือนไม่มีอะไร แต่ลับหลังก็กระแนะกระแหนหญิงเล็กตลอดเวลา หญิงเล็กได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน

ด้านพจนีย์ พยายามเข้าหาชายกลาง ด้วยความอิจฉาที่พจมานได้แต่งงานกับหนุ่มหล่อสูงศักดิ์ ชายกลางมองพจนีย์ก็รู้ว่าเป็นคนประเภทใดจึงพยายามหลีกเลี่ยง พจนีย์ไปเดินตลาดและเป่าประกาศว่าตนเองได้เป็นเจ้าของบ้านทรายทองและเป็นภรรยาชายกลาง ข่าวรู้ถึงหู นิเวศน์ คงเยี่ยมจิต (สุรศักดิ์ โชตีทินวัฒน์) สามีเก่าที่เป็นครูสอนดนตรี นิเวศน์หวังจะไถเงินจากพจนีย์ จึงมาหาที่บ้านทรายทอง พจมานมองแวบเดียวรู้ว่านิเวศน์มีจุดประสงค์ไม่ดี จึงให้เงินไปก้อนหนึ่งและให้นิเวศน์สัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับพจนีย์อีก นิเวศได้เงินและรับปากสายใจ แอบเห็นเอาไปซุบซิบนินทาว่าพจมานมีกุ๊ยมาหาแอบให้เงินกันและว่ากันไปในทางชู้สาว พจนีย์เอาเรื่องที่พจมานคบชู้มาบอกชายกลาง พจมานบังเอิญเห็นตอนจะมาบอกข่าวว่าท่านต้อมกับหญิงอ้อมจะหมั้นหมายกัน พจมานเรียกพจนีย์ไปคุย ทะเลาะกันใหญ่โต พจมานเสียใจที่พจนีย์กล่าวหาว่าตัวเองมีชู้เลยเผลอตบหน้าพจนีย์ พจนีย์จึงย้ายไปอยู่ข้างเดียวกับหม่อมพรรณราย

ต่อมาชายน้อยเกิดป่วยหนักและจากไปโดยทุกคนไม่คาดคิด สร้างความเสียใจมากยังบ้านทรายทองหม่อมพรรณรายร่ำให้ปานจะขาดใจ เพิ่งจะมาแสดงให้รู้ว่ารักและอาลัยชายน้อยเมื่อสายไป โดยชายน้อยไม่ได้รับรู้ถึงความรักและเอ็นดูจากแม่ผู้ให้กำเนิด วาระสุดท้ายยังเพ้อถึงแต่นมทิพย์ งานศพชายน้อยจัดขึ้นอย่างเศร้าสร้อยพจมานถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ พจมานเกิดความเหนื่อยหน่ายจึงขอชายกลางกลับไปอยู่บ้านแม่

หญิงเล็กเห็นพจนีย์มาอยู่ข้างเดียวกันจึงใช้ให้พจนีย์ไปค้นห้องพจมานเผื่อเจอหลักฐานคบชู้ แต่ที่เจอคือ จดหมายของนิเวศน์ที่เขียนมาขอบคุณสำหรับเงินรักษาตัว และสัญญาที่นิเวศน์ทำไว้กับพจมานว่าจะไม่มายุ่งกับพจนีย์อีก พจนีย์รู้สึกผิดรีบเอาความจริงนี้ไปบอกกับชายกลางและทุกคนในตึกขวางเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจพจมาน ชายกลางรู้ว่าพจมานท้องก็ดีใจมากรีบมาหาพจมานที่บ้าน และบอกพจมานว่าเขารักเธอมากแค่ไหน เป็นสิ่งที่พจมานอยากได้ยินมาตลอด ชายกลางและพจมานจะต้องกลับมาเผชิญความจริงที่บ้านทรายทองอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งเธอและเขาจะต้องเจอกับอุปสรรคอะไรอีกบ้าง และทั้งคู่จะผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดีหรือไม่ ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครบ้านทรายทอง-พจมาน สว่างวงศ์ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 7 สี ละครบ้านทรายทอง-พจมาน สว่างวงศ์ เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2558

ฝันเฟื่อง 2557

ฝันเฟื่อง (2557/2014) อาทิตย์ (ธนทัต ชัยอรรถ) คนขับรถสุดชิลล์ของ รัฐรวี (พุฒิชัย เกษตรสิน) ทายาทเจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่เกิดไปตกหลุมรัก วิไลลักษณ์ (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) สาวใช้คนโปรดของ มณฑิรา (วรัทยา นิลคูหา) สาวสวยรวยทั้งสมองและทรัพย์สมบัติ ความรักครั้งนี้มันควรจะลงตัวเพราะทั้งคู่ดูจะเสมอและเหมาะสมกัน แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเพราะอาทิตย์แอบอ้างว่าตัวเองเป็นคนรวย และวิไลลักษณ์ก็แอบอ้างตัวเองว่าเป็นคุณหนูไฮโซกำมะลอเช่นเดียวกัน เมื่อรัฐรวีรู้เรื่องก็ยื่นคำขาดให้อาทิตย์ยุติเรื่องโกหก แต่อาทิตย์ก็ขอร้อง อ้อนวอน จนรัฐรวีคิดหนักยอมช่วยโดยติดตามไปในฐานะคนขับรถของอาทิตย์ที่ชื่อ นายวี ฝ่ายมณฑิราเมื่อจับได้ว่าวิไลลักษณ์แอบเอาเสื้อผ้าของเธอไปหลอกหนุ่ม ๆ ก็เป็นห่วงกลัวว่าวิไลลักษณ์จะโดนหลอก มณฑิราที่เคยแต่ใช้ชีวิตตามประสาคนรวยที่แสนน่าเบื่อจึงนึกสนุกให้วิไลลักษณ์เชิญอาทิตย์มาที่บ้าน โดยมณฑิราจะปลอมตัวเป็นคนใช้ของวิไลลักษณ์ที่ชื่อ มณฑา แล้วพรหมลิขิตก็เล่นตลกอีกครั้งเมื่อนายวีปิ๊งรักมณฑาทันทีตั้งแต่แรกเห็น จากที่รัฐรวีเคยขัดขวางอาทิตย์ก็กลับกลายเป็นติดสอยห้อยตามไปจีบมณฑา พออาทิตย์รู้ว่าเจ้านายเกิดไปตกหลุมรักคนใช้ก็ขัดขวางสุดตัวเพราะกลัวถูก รัฐ (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) กับ ภัสสร (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) พ่อแม่ของรัฐรวีและ แม่ชื่น (ปรารถนา บรรจงสร้าง) แม่นมของรัฐรวี ซึ่งเป็นแม่บังเกิดเกล้าของตนแหกอก รัฐรวีไม่ยอมแพ้แอบหนีไปจีบมณฑาด้วยตัวเอง ด้านภัสสรก็เป็นห่วงกลัวลูกชายคนเดียวจะไปคว้าคนไม่เหมาะสมมาเป็นลูกสะใภ้เลยพยายามหาคู่ให้รัฐรวี จับพลัดจับผลูภัสสรดันไปถูกใจมณฑิราหลานสาว คุณหญิงหิรัญญิการ์ (จารุณี สุขสวัสดิ์) จึงจัดการให้รัฐรวีได้เจอกับมณฑิราในงานปาร์ตี้แฟนซีหน้ากากวันเกิดคุณหญิง ซึ่งนั่นทำให้มณฑิราได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว นายวี ก็คือ รัฐรวี ทายาทเจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่ชื่อดัง! โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่มณฑิราดันเข้าใจว่า อาทิตย์ คือ เพื่อนคนรวยของรัฐรวีไปด้วย มณฑิราจึงอยากพิสูจน์รักของนายวี เธอตั้งใจแกล้งคบกับรัฐรวีในฐานะมณฑิราพร้อม ๆ กับคบนายวีในฐานะมณฑาไปพร้อม ๆ กัน โดยขอร้องให้วิไลลักษณ์ช่วยเก็บความลับนี้ วิไลลักษณ์ไม่สบายใจที่ต้องดึงมณฑิราเข้ามาร่วมวงโกหกด้วย เพราะนอกจากจะทำให้มณฑิราเดือดร้อน ยังทำให้ แม่เมียด(ดารัณ ฐิตะกวิน) นายวง(อนันต์ บุนนาค) และ เวก (วราวุธ โพธิ์ยิ้ม) พ่อ แม่ พี่ชายที่ทำงานอยู่บ้านมณฑิราต้องพลอยถูก คุณต๋อย (นรินทร ณ บางช้าง) กุ๊กกิ๊ก (โสรญา ฐิตะวชิร) สมจิตร คนใช้ร่วมบ้านคอยตำหนิไปด้วย อุปสรรคความรักของอาทิตย์ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อ อิงอร (แอริน ยุกตะทัต) สาวไฮโซลูกสาวหุ้นส่วนธุรกิจจิวเวลรี่ของรัฐรวีตกหลุมเสน่ห์ของอาทิตย์เข้าอย่างจังโดยคิดว่าอาทิตย์เป็นคนรวย อิงอรตั้งใจจะจับอาทิตย์ให้ได้ ทำให้วิไลลักษณ์ยิ่งน้อยใจว่าตนไม่เหมาะสมกับอาทิตย์เท่าอิงอร วิไลลักษณ์ตั้งใจจะเลิกกับอาทิตย์ แต่อาทิตย์ไม่ยอม เค้าทำทุกวิถีทางเพื่อจะพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อวิไลลักษณ์ แต่กับอิงอรเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวว่าจะกระทบกับธุรกิจของรัฐรวี ส่วนมณฑิราก็ต้องวิ่งหนีการตามตื้อของ ภูวเดช (พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) เพลย์บอยเจ้าของธุรกิจซูเปอร์คาร์ที่หวังจะใช้สมบัติของมณฑิรา และคุณหญิงหิรัญญิการ์ช่วยค้ำจุนธุรกิจที่กำลังร่อแร่ กระทั่งวันหนึ่งที่อาทิตย์ รัฐรวี วิไลลักษณ์ มณฑาได้ไปพักผ่อนต่างจังหวัดด้วยกัน รัฐรวีทนไม่ไหวสารภาพความจริงกับมณฑาว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่คนขับรถของอาทิตย์ แต่เป็นเจ้านายและลูกชายเจ้าของธุรกิจที่ร่ำรวย มณฑิราในคราบสาวใช้มณฑาแกล้งทำเป็นน้อยใจว่ารัฐรวีรังเกียจที่ตนเป็นแค่คนใช้ รัฐรวียืนยันว่าทันทีที่กลับไปถึงกรุงเทพเค้าจะพามณฑาไปแนะนำกับพ่อแม่ แต่เมื่อทั้งคู่กลับมาที่พักก็พบว่าอาทิตย์กับวิไลลักษณ์เก็บข้าวของหนีตามกันไปแล้ว!! อาทิตย์พาวิไลลักษณ์หนีมาจดทะเบียนสมรสและอยู่ด้วยกันในอพาร์ทเมนท์เล็ก ๆ โดยต่างก็ยังไม่กล้าสารภาพฐานะที่แท้จริงของตัวเอง อิงอรที่ถูกอาทิตย์ปฏิเสธความสัมพันธ์ไปก่อนหน้านี้คิดจะแก้แค้นจึงพยายามตามสืบเรื่องของอาทิตย์จนไปรู้จาก หมอฉบัง (กรกันต์ สุทธิโกเศศ(อาร์ม KPN)) เพื่อนรักของรัฐรวีว่าอาทิตย์เป็นแค่คนขับรถ อิงอรโกรธทั้งอาทิตย์และรัฐรวีจึงคิดจะแก้เผ็ดทั้งคู่ ภูวเดชที่ถูกมณฑิราปฏิเสธโดยอ้างว่ากำลังคบหากับรัฐรวีก็ไม่ยอมแพ้ เค้าแอบตามจับผิดรัฐรวีจนไปรู้ว่ามณฑิราก็คือมณฑา สาวใช้ที่รัฐรวีหลงรัก! อิงอรจึงรวมหัวกับภูวเดชวางแผนทำลายความรักของรัฐรวีกับมณฑิราในงานหมั้นที่รัฐรวีกำลังจะจัดขึ้นกับสาวใช้ที่ชื่อมณฑา! มณฑิราจะล่วงรู้แผนการของภูวเดชแล้วชิงสารภาพความจริงกับรัฐรวีได้ก่อนหรือไม่? รัฐรวีจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าตนถูกคนรักพิสูจน์รักแท้ด้วยการโกหกมาตลอด? อาทิตย์กับวิไลลักษณ์จะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าคู่ชีวิตที่ตนเลือกไม่ได้เป็นคนร่ำรวยอย่างที่ตนฝันเฟื่องไว้ตั้งแต่แรก? แล้วอาทิตย์จะกลับมาช่วยเจ้านายสุดที่รักแก้ปัญหาความรักได้ทันหรือไม่? ความวุ่นวายที่เริ่มต้นจากความฝันเฟื่องของคนขับรถสุดพิเรน แต่กลับทำให้ทั้งเจ้านายและลูกน้องต่างก็ได้พบรักแท้ที่รอคอยครั้งนี้จะผ่านพ้นไปได้อย่างไร? ติดตามกันต่อได้ใน ละครฝันเฟื่อง

สามใบไม่เถา 2557

สามใบไม่เถา (2557/2014) เรื่องราวความรักของสามสาวกับคุณพ่อจอมหวง อุรวสา ลูกสาวคนโต กับรักมั่นคง ที่พร้อมจะทะลายกฎเหล็ก อันตรา ลูกสาวคนกลางสุดห้าว กับรักที่ยากจะหาใครดีพร้อมสำหรับตัวเธอ และอินทุอร ลูกสาวคนสุดท้องกับรักที่ยาก จะหักห้ามใจ พวกเธอต้องฝ่ากฎเหล็กของคุณพ่อขี้หวงและยังต้องพิสูจน์หัวใจตัวเองและคนที่เธอรักไปพร้อม ๆ กัน

อัษฎา มีลูกสาวสวยล้ำทั้ง 3 คน ทำให้เค้าหวงลูกสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ อัษฎาเป็นเหมือนพญานาค 8 เศียรที่แผ่รัศมีปกป้องลูกสาวจากบรรดาหนุ่ม ๆ โดยมี บราลี ภรรยาสาวคนสวย คอยห้ามทัพอยู่เสมอ แต่ลูกสาวทั้งสามที่ว่าเป็นสามสาว สามใบ (ไม่) เถา เพราะ อุรวสา คนโตเป็นลูกติดอัษฎาที่สนิทสนมกับแม่เลี้ยงตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยกินเส้นกับพ่อแท้ ๆ ตัวเอง อันตรา คนรองเป็นลูกติดบราลี แต่กลับเป็นคู่ซี้ อัษฎาพ่อเลี้ยง ลุยไหนลุยกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง และ อินทุอร ที่เป็นลูกของทั้งสองคน น้องนุชสุดท้องที่สนิทกับทั้งพ่อทั้งแม่ มีดีที่ลีลาออดอ้อนให้พ่อยอมทำตามทุกอย่างได้โดยดุษฎี สามศรี พี่น้องรักกันดี ไม่คิดว่าเป็นลูกคนละพ่อคนละแม่ เพราะความรักที่อัษฎา และบราลีมอบให้อย่างอบอุ่น อุรวสา กลับจากอเมริกาหลังไปอยู่มาหลายปี โดยหอบใบปริญญามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และดีกรีนักออกแบบมือรางวัลกลับมาให้พ่อแม่ภูมิใจ ทว่าสิ่งที่พ่อแม่ไม่รู้ก็คือ อุรวสาหอบแสนฉาน สามีกลับมาด้วย ทั้งสองจูงมือกัน เข้าโบสถ์แต่งงานเรียบร้อยโรงเรียนอเมริกัน และอยู่กินกันฉันสามีภรรยามา 2 ปีแล้ว อุรวสาต้องการปิดเรื่องแต่งงานเพราะพ่อคาดหวังกับลูกเขยคนโตไว้สูงลิบว่าต้องเป็นคนดี มีกิจการใหญ่โต ฐานะมั่นคง แต่แสงฉานเป็นแค่เชฟจบใหม่ ไฟแรง จิตใจดี ดีกรีเกียรตินิยมเหรียญทองอันดับหนึ่ง อุรวสาตั้งเงื่อนไขจะพาแสงฉานไปกราบพ่อในฐานะสามี ก็ต่อเมื่อเขาสร้างเนื้อสร้างตัวทำตามฝันตัวเองเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยฟิวชั่นประยุกต์จนติดอันดับโลกได้ก่อน ฝ่ายแสงฉานได้แต่ฟังตามประสาชายหนุ่มอารมณ์ดี รู้ดีว่าเมื่อแฟนสาวคนเก่งแสดงเจตจำนงใด อีกฝ่ายห้ามต่อรอง อันตรา สาวห้าวคนรองเปิดธุรกิจฟิตเนส แต่แอบเปิดสำนักงานนักสืบเจริญรอยตามพ่อแท้ ๆ ที่เป็นตำรวจสายสืบ ซึ่งเสียชีวิตตอนสืบคดี อันตราได้รับการว่าจ้างให้สะกดรอยตาม เวสม์ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผู้ว่าจ้างสาวคนหนึ่งสงสัยว่าเค้าแอบซุกหญิงอื่นไว้ เวสม์รู้ตัวว่าถูกตาม พยายามคาดคั้นอันตราว่าใครจ้าง แต่เธอไม่ยอมบอกเพราะผิดจรรยาบรรณ อันตราสมเพชเวสม์ที่หน้าตาก็ดีแต่ ขายตัว เวสม์อึ้งที่อันตราหาว่าเป็นแมงดา เขาขำแกมประทับใจในจินตนาการของเธอ เวสม์ไปสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนสอันตรา เธอประกาศไม่รับแมงดาเป็นสมาชิก แต่ลูกน้องดันรับเงินให้ใบเสร็จเวสม์ไปแล้ว จึงบังเกิดเรื่องโกลาหลอยู่เนือง ๆ เมื่อเวสม์มาออกกำลังกาย ชายหนุ่มชอบยั่วให้อันตรา ยัวะจนต้องเถียงกัน เวสม์สนุกเวลาต่อปากต่อคำกับอันตรา งานวันเกิดอัษฎาจัดขึ้นทุกปี ปีนี้พิเศษกว่าปีก่อนเพราะมีแขกพิเศษคือ ภิสิต ที่เพิ่งเดินทางกลับจากฝรั่งเศสหลังไปทำงานเป็นผู้ช่วยทูตอยู่ 10 กว่าปี อินทุอรใจเต้นระส่ำเมื่อเห็น คุณอาสิต เพราะเมื่อตอนอินทุอร 7 ขวบ เด็กหญิงตัวน้อยไปงานเลี้ยงกับพ่อ อินทุอรเฝ้ามองพวกผู้ใหญ่ที่ออกไปเต้นรำประหนึ่งเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงในนิทาน อินทุอรฝันจะมีเจ้าชาย ขี่ม้าขาวมาขอเต้นรำ และอาสิตเดินมาหาโค้งให้เด็กหญิงตัวน้อย จูงมืออินทุอรออกไปเต้นรำโดยคุณอาสิตอุ้มอินทุอร ตลอดเพลง ตั้งแต่นั้นมาเด็กหญิงอินทุอรก็ติดคุณอาสิตแจ จนกระทั่งภิสิตถูกส่งไปประจำที่ฝรั่งเศสจึงห่างเหินกัน ผ่านมา 10 กว่าปีใครต่อใครคิดว่าอินทุอรลืมภิสิตแล้ว หากแต่ความจริง ภิสิตเป็น รักฝังใจอินทุอร รักฝังใจที่เป็นไปไม่ได้ เพราะภิสิตแต่งงานแล้ว ภิสิตสนิทสนมกับครอบครัวอัษฎามากพอจะเล่าทุกเรื่อง เขามีชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลว ภิสิตพูดถึง บุษบาบัณ อินทุอรสังเกตเห็นนัยน์ตาเศร้า ๆ แล้วสงสารจับใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่านั่นคือ จุดเริ่มต้นของ ความรัก ความที่เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ภิสิตกับบุษบาบัณตกลงอยู่กันฉันท์สามีภรรยาแต่เพียงในนามมานานหลายปีแล้ว อัปสร ป้าของภิสิตรับรู้ความไม่ลงรอยในชีวิตคู่ของหลานชาย เธอสงสารหลานมาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตคู่ ภิสิตถูกพ่อจับแต่งงานกับบุษบาบัณเพราะความเหมาะสม เขาเป็นคนหนุ่มบ้างานมุ่งมั่น ตรงข้ามกับบุษบาบัณที่เป็นสาวเปรี้ยวเฉี่ยว ชอบสังคมรักการเที่ยวเตร่ ใช้เงินซื้อความสุข แม้แต่ตอนที่แต่งงานแล้ว ขณะอยู่ที่ฝรั่งเศสบุษบาบัณก็ยังไม่หยุดเที่ยว เธอควงชายหนุ่มไม่เลือกหน้าโดยไม่เกรงใจภิสิต จนเค้าทนไม่ได้ ตกลงต่างคนต่างอยู่ มีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งบุษบาบัณก็ไม่รู้สึกอะไร ดีเสียอีกที่เธอจะได้สนุกกับชีวิตสาวโสดได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจใคร เมื่อภิสิตกลับมาเมืองไทย ป้าอัปสร อยากให้หย่าให้เป็นเรื่องเป็นราว เขาจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ผู้หญิงดี ๆ มีออกถมไป แต่ภิสิตไม่กล้าพอ ด้วยเพราะภาระทางสังคมและเกียรติยศชื่อเสียงวงศ์ตระกูลระหว่างบุษบาบัณกับเขายังค้ำคออยู่ ในวันหยุดวันหนึ่ง ภิสิตเจออินทุอรที่บ้านป้าอัปสรจึงได้รู้ว่าอินทุอรเป็นเพื่อนต่างวัยของอัปสรเพราะชอบลูกกรุงเหมือนกัน อินทุอรมักจะจูงมืออัปสรไปดูคอนเสิร์ตชรินทร์ นันทนาคร อยู่บ่อย ๆ เหตุที่อินทุอรชอบเพลงของชรินทร์ก็เพราะเป็นเพลงที่ภิสิตเต้นรำกับอินทุอร ทำให้ภิสิตกับอินทุอรจึงมีโอกาสพบกันบ่อยครั้ง อัปสรทำตัวเป็นแม่สื่อให้อินทุอรแสดงฝีมือทำกับข้าว ให้อินทุอรถักเสื้อหนาวให้ภิสิต และให้ภิสิตไปรับไปส่งอินทุอรบ่อย ๆ ภิสิดรู้ทัน อัปสรต้องการจับคู่เขากับอินทุอร ไม่ใช่อินทุอรคนเดียวที่จำงานเต้นรำคืนนั้นได้ ภิสิตเองก็จำภาพเด็กหญิงตัวน้อยน่ารักแก้มแดงสุกปลั่งเป็นที่น่าเอ็นดุ และยิ่งโตเป็นสาวอินทุอรยิ่งสวยจนทำให้ภิสิตหวั่นไหวตั้งแต่วันที่เจอกันงานวันเกิดอัษฎา ภิสิตไม่กล้าแสดงออกเพราะเกรงใจอัษฎา ภาระทางสังคมอันยิ่งใหญ่ ทำให้ความรักระหว่างเขากับอินทุทรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากแต่ขณะนี้ความรักระหว่างอินทุอรกับภิสิตเกิดขึ้นแล้ว เขาและเธอต่างพึงใจซึ่งกันและกัน ก่อเกิดความผูกพันโดยทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่น้อย อันตราขี่มอเตอร์ไซค์สะกดรอยตามเวสม์ แต่เวสม์จับได้จึงแกล้งสะกดรอยอันตรากลับ อันตรารู้ตัวตกใจจึงขี่รถหนีแต่ไม่พ้น เธอชนรถของเวสม์อย่างจังจนสลบ ระหว่างนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอันตราบอกทุกคนว่าเวสม์จงใจ ขับรถชนเพราะเกลียดที่เธอตามสะกดรอยเขาที่ติดพันกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา อัษฎาจะเอาผิดเวสม์ แต่อุรวสาห้ามไว้ เพราะเธอทำธุรกิจกับเวสม์มานานและรู้นิสัยเวสม์ดี แต่ทั้งสองคุยกันไม่รู้เรื่องตามประสาพ่อลุกที่ไม่มีใครยอมใคร จากการแอบตามอันตราครั้งนั้นทำให้เวสม์รู้ว่าคนว่าจ้างคือ ศศิพิมล ที่กลัวเวสม์มีผู้หญิงอื่นจึงจ้างนักสืบสะกดรอย เวสม์โกรธมาก เพราะศศิพิมลไม่มีสิทธิ์ในตัวเขา ทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากอดีตรักครั้งแรกที่ผ่านมานานแสนนาน เวสม์ขอให้ศศิพิมลออกไปจากชีวิตเพราะไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ศศิพิมลตื้อไม่เลิก ร้องห่มร้องไห้ว่าโดน พงษ์ชัย สามีเจ้าพ่อทำร้ายจิตใจสารพัด ครั้งหลังสุดเธอโดนทุบตีบาดเจ็บเจียนตาย เวสม์ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นอาการร้องไห้แบบไม่สมประดีของเธอ เวสม์สงสารศศิพิมลในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงช่วยเหลือให้ที่พักที่คอนโดฯ เก่า โดยไม่เฉลียวใจเลยว่านั่นยิ่งสร้างความหวังให้กับศศิพิมล เธอตั้งใจจะใช้จิตใจที่ดีงามของเวสม์ เป็นหนทางกลับเข้ามาสู่ชีวิตของชายหนุ่มอีกครั้ง เวสม์มาเยี่ยมอันตราทุกวัน เวลามาต้องคอยหลบอัษฎาเพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ดี อำพล เพื่อนหมอของเวสม์เป็นเจ้าของไข้อันตราช่วยดูต้นทางให้ อำพลดีใจที่เห็นเวสม์เริ่มหันมาสนใจรู้จักรักผู้หญิง เพราะหลังจากเวสม์อกหักช้ำรักจากศศิพิมลตอนวัยรุ่น เวสม์ก็เตลิดไปเมืองนอก มุหาเงินเพื่อชดเชยปมที่โดนศศิพิมลทิ้งเพราะจน เขาประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นข้ามชาติ ปัจจุบันเป็นนักการเงินชื่อดังหาตัวจับยาก แต่เวสม์เอาแต่หาเงินจนลืมหาแฟน อำพลเชียร์เวสม์กับอันตรา เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล อันตราเห็นเวสม์ดูแลศศิพิมลในวันที่โดนสามีเจ้าพ่อทำร้าย บางวันศศิพิมลก็นอนค้างคอนโดเก่าของเวสม์ ยิ่งทำให้อันตราเข้าใจผิด ขยะแขยงคิดว่าเวสม์เกาะผู้หญิงมีสามี เวสม์แกล้งไม่อธิบายปล่อยให้อันตราเข้าใจผิดเพราะสนุกดีเวลายั่วให้สาวห้าวด่าเล่น อันตราถึงขนาดท้าเวสม์ลงนวมต่อยมวยที่ฟิตเนส เวสม์ออมมือปล่อยให้อันตราชนะ สาวห้าวยิ่งเหลิงทำซ่า ท้าตีท้าต่อยเวสม์ประจำ แสงฉานซื้อร้านอาหารเก่าเล็ก ๆ มาปรับปรุงใหม่ เปิดเป็นร้านขายอาหารฝรั่งและไทยประยุกต์ โดยลงทุนจากเงินเก็บของตัวเอง ไม่ยอมใช้เงินของอุรวสา แม้อุรวสาจะไม่เห็นด้วยและพยายามผลักดันให้แสงฉานเปิดร้านใหญ่กว่านี้ แสงฉานต้องการตั้งตัวให้ได้ด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์ให้อัษฎาเห็นว่าเขาเหมาะสมกับอุรวสา แสงฉานตั้งชื่อร้านว่า US Restaurant ตัว U มาจากชื่อ อุรวสา ส่วน S ก็คือชื่อ แสงฉาน ในวันเปิดร้านอุรวสาพาอัษฎามา US Restaurant ด้วยหวังจะให้พ่อมองแสงฉานดีขึ้นเพราะก่อนหน้านี้แสงฉานเคยเจออัษฎา แต่อัษฎาไม่ชอบแสงฉาน เพราะคุณสมบัติแสงฉานไม่ผ่านมาตรฐาน สุดเนี๊ยบ และเพื่อให้บรรยากาศราบรื่น อุรวสาพาอินทุอรน้องสาวคนเล็กขวัญใจพ่อมาอีกคนทว่างานนี้ 10 อินทุอรก็ช่วยไม่ได้ อัษฎาตำหนิแสงฉานไม่รู้จักคิดการใหญ่ ร้านเข้ามาในซอยลึกทำเลไม่ดี ไม่น่าจะไปได้ แต่แสงฉานมั่นใจรสชาติอาหารของตนจะสามารถดึงลูกค้าได้ วันเปิดร้านเลยมีแต่บรรยากาศโกลาหลของความไม่ลงรอยกันระหว่างว่าที่พ่อตากับลูกสาวและลูกเขยจนร้านแทบแตก แสงฉานทำงานหนักเป็นสองเท่า คิดเมนูอาหารไทยประยุกต์แบบใหม่ ๆ ติดป้ายทางเข้าร้านซึ่งก็ได้ผล ลูกค้าเริ่มมาแต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจอุรวสา แสงฉานอ่อนใจ จนคู่หนุ่มสาวทะเลาะกันบ่อยครั้ง การไม่ให้เกียรติสามีของอุรวสา ทำให้ความอดทนของแสงฉานหมดลงเรื่อย ๆ แสงฉานอาจไม่ใช่ผู้ชายที่เก่งที่สุด แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดต้องให้เมียเข้ามาจัดการชีวิตทุกอย่าง อัษฎาชวนภิสิตมากินข้าวที่บ้าน อินทุอรดูแลปรนนิบิติอย่างดีจนบราลีและอุรวสาอดที่จะร้อนใจไม่ได้ว่าอินทุอรข้ามเส้นคิดเกินเลยกับภิสิต ภิสิตยิ่งเห็นสายตาของอินทุอรที่ชื่นชมก็ยิ่งทรมานใจและรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำอยู่ ขอตัวกลับ แต่อินทุอรเข้าใจผิดคิดว่าภิสิตโกรธ เมื่อเธอขอคำอธิบาย ภิสิตตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าเขาไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่อินทุอรคิดทำให้อินทุอรช้ำใจ บราลีกับอุรวสาแน่ใจว่าอินทุอรปักใจกับภิสิตแน่ ๆ จึงตกลงกันว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้อัษฎารู้และ รอดูท่าทีของภิสิต หากเขาแสดงออกว่าชอบอินทุอร อุรวสาและอันตราจะเป็นคนไปพุดกับภิสิตเอง อุรวสาต้องการเปิดสาขาร้านแต่แสงฉานไม่เห็นด้วย อยากให้ร้านแรกอยู่ตัวก่อนแล้วค่อยขยับขยาย อุรวสาไม่ฟังซื้อร้านเก่ามาตกแต่งใหม่ แสงฉานโมโหไม่ยอมไปเป็นเชฟให้ด้วยความเจ้าอารมณ์ อุรวสาเผลอต่อว่าแสงฉานว่าไม่มีหัวธุรกิจ ไม่มีความทะเยอทะยาน เธอไม่ต้องการผู้ชายแบบนี้มาเป็นผู้นำครอบครัว แสงฉานเหมือนโดนตบหน้า เมีย ปรามาสดูถูก แสงฉานขอเลิก อุรวสาโมโห เลิกก็เลิก แต่หลังเลิกรากันต่างฝ่ายต่างเสียใจ แสงฉานไม่มีจิตใจบริหารร้าน อุรวสาแทบไม่มีรอยยิ้มเพราะคนเดียวที่ทำให้อุรวสายิ้มได้ คือแสงฉาน บุษบาบัณมีโอกาสพบกับแสงฉานในงานปาร์ตี้ครั้งหนึ่งที่ก๊วนแก๊งค์จัดที่ US Restaurant ทันทีที่เห็นหน้า ด้วยความเป็นสาวเปรี้ยวเจ้าชู้ บุษบาบัณถึงกับถูกใจในความหล่อเหลาของแสงฉาน หาโอกาสเข้ามาใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา ใช้ เล่ห์มารยาหญิงยั่วยวนแต่เขาไม่เล่นด้วย เพราะผู้หญิงคนเดียวที่แสงฉานรักคือ อุรวสา บุษบาบัณไม่ยอมแพ้วางแผนให้อุรวสาเข้าใจผิดว่าแสงฉานมีอะไรกับเธอ แต่อุรวสาไม่หลงกล ตบหน้าบุษบาบัณฉาดใหญ่ ให้สาสมกับความหน้าไม่อาย อยากจะแย่งผู้ชายที่เธอรัก เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้อุรวสาตระหนักว่ารักแสงฉานมากแค่ไหน ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ในงานเลี้ยงเปิดงานโครงการก่อสร้างแห่งใหม่ของอัษฎา เวสม์ไปในฐานะนักการเงิน อัษฎาจึงชวนภิสิตไป ร่วมงานเพื่อกันเวสม์จากอินทุอรเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเวสม์ทำดีกับอันตราเพี่อจีบอินทุอร ยังไงเสียเขาก็ไม่ยอมเสียลูกสาวให้กับผู้ชายที่ไม่น่าไว้ไจเป็นอันขาด บุษบาบัณตามภิสิตมาด้วย เพราะเริ่มระแคะระคายคิดว่าภิสิตต้องมีความสัมพันธ์ที่ตีกับผู้หญิงคนใดคนหนึ่งแน่นอน แม้เธอไม่ได้รักภิสิต แต่เขาเป็นของเธอ บุษบาบัณยอมไม่ได้ที่ ภิสิตจะทิ้งเธอ ไปหาผู้หญิงคนใหม่ อินทุอรสลดเมื่อเห็นภิสิตมากับบุษบาบัณ เลี่ยงไปคุยกับเวสม์แทนเมื่อบุษบาบัณเห็นแววตาของอินทุอร เธอมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ภิสิตแอบชอบอยู่ เธอชิงชังอินทุอรมากขึ้นไปอีก อันตรากับอุรสาเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของบุษบาบัณ รีบดึงอินทุอรออกมาเตือนด้วยความเป็นห่วง อินทุอรจำต้องยอมรับกับพี่สาวทั้งสองคนว่าเธอชอบภิสิตเกินกว่าจะห้ามใจ อันตราและอุรสาเข้าใจน้องสาว และสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้อัษฎารู้ อินทุอรถูกโทรศัพท์ลึกลับตามรังควานและยังถูกบุษบาบัณใส่ร้ายว่าแย่งภิสิตผ่านหน้านิตยสาร ภิสิตทะเลาะกับบุษบาบัณอย่างรุนแรงที่ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงอินทุอร ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนในสังคมรับรู้ว่าบุษบาบัณไม่เคย แยแสภิสิต เมื่ออัปสรรู้เรื่องทั้งหมดจึงนัดอัษฎามาคุยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แนะนำให้อัษฎา ยอมรับความสัมพันธ์ของทั้งสองเพราะความรักระหว่างภิสิตกับอินทุอรมีแต่ความสวยงามและอยู่ในสายตาของเธอ อัษฎาถึงกับอึ้งเมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ยากจะทำใจจริง ๆ ที่ลูกสาวคนเล็กจะรักกับเพื่อนรุ่นน้องอย่างภิสิต อุรสาช่วยย้ำให้อัษฎาเห็นว่าอินทุอรไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวของภิสิตแตกแยก เธอเล่าเรื่องราวระหว่างเธอ บุษบาบัณ และ แสงฉาน ให้พ่อฟัง เพื่อตอกย้ำว่าบุษบาบัณทำตัวแย่เพียงใด ผู้หญิงอย่างบุษบาบัณไม่เคยซื่อสัตย์กับภิสิต เลยสักครั้ง สถานการณ์เรื่องราวระหว่างอินทุอรกับภิสิตเบาบางลง แต่เรื่องราวการแอบแต่งงานกันระหว่างอุรสากับแสงฉานกลับรู้ถึงหูอัษฎา ระเบิดระหว่างพ่อกับลูกสาวคนโตในบ้านประทุอีกครั้ง ศศิพิมลขอหย่าพงษ์ชัยเพื่อเดินหน้าแย่งชิงเวสม์ แต่พงษ์ชัยไม่ยอมหย่า ตบตีและทำร้ายศศิพิมลจนเข้าโรงพยาบาล เวสม์ขู่จะแจ้งความหากพงษ์ชัยยังทำร้ายศศิพิมลอีก ในที่สุดศศิพิมลพ่ายแพ้ต่อความดีของเวสม์ในครั้งนี้ ศศิพิมลเรียกอันตราเข้ามาบอกความจริงและความดีของเวสม์ในอดีตทั้งหมดว่าเวสม์รักอันตรามากแค่ไหน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้อินตรารับรู้ความจริงว่าเวสม์เป็นผู้ชายแสนดีและเป็นสุภาพบุรุษเพียงใด เป็นครั้งแรกที่สาวห้าว ยินดีเปิดใจรับชายหนุ่มอย่างเวสม์เข้ามาในหัวใจ คนในครอบครัวแปลกใจเมื่อเห็นอันตราใส่กระโปรง เพราะตั้งแต่ใช้นางสาวนำหน้า สาวห้าวไม่เคยนุ่งกระโปรง นอกจากกระโปรงนักเรียน แม่พี่สาวน้องสาวถามไถ่ยกใหญ่ อะไรดลใจให้เปลี่ยนไป อันตราปิดปากเงียบแต่อัษฎารู้ ก็ไอ้แมงกะจั๊วหน้าหล่อนั่นไง ทำลูกสาวคนสนิทของเขากลายเป็นหญิงจ๋า อัษฎาบอกอันตรา หัวเด็ดตีนขาด พ่อก็ไม่รับไอ้เจ้าเวสม์เป็นลูกเขย แม้ว่าอันตรากับบราลีผู้เป็นแม่จะอรรถาธิบายถึงเหตุผลความดีของเวสม์ยังไง คนหัวดื้ออย่างอัษฎาก็ไม่ ยอมฟัง พงษ์ชัยสั่งให้ลูกน้องจับตัวเวสม์ไปซ้อมทำร้าย แล้วกลายเป็นอัษฎาที่เข้าไปช่วยเวสม์ออกมาจากเหล่าร้ายจนตัวเอง เกือบโคนยิงตาย อัษฎายอมเสี่ยงตายเพื่อเวสม์เพราะรู้ว่าเวสม์เป็นผู้ชายที่อันตรารัก อัษฎารู้ว่าเวสม์ไม่ใช่แมงดา แต่ที่ไม่ยอมรับเพราะกลัวเวสม์แย่งลูกสาวไป เวสม์ตัดสินใจเข้าไปสู่ขออันตราพร้อม ๆ กับที่ภิสิตกับแสงฉานเอาธูปเทียนแพไปกราบขอขมาอัษฎา บราลีพยายามชี้ให้อัษฎาตระหนักรับรู้ถึงความรักของหนุ่มสาวทั้งสามคู่ อุรวสา อันตรา และ อินทุอร โตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยที่อับฎาเคยดูแลและปกป้อง อาจถึงเวลาที่สาวน้อยของพ่อต้องออกไปเผชิญโลกกว้างกับผู้ชายที่รักแล้ว ในที่สุดอัษฎาจึงเปลี่ยนความคิดยอมรับความจริง อัษฎาปลื้มใจที่ลูกทั้งสามคนแม้ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ แต่รักกันมาก เสียสละดูแลกันและกันตลอดเวลาในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในคืนงานแต่งงานอย่างเป็นทางการระหว่างอุรวสากับแสงฉาน อัษฎาสอนอุรวสาว่าเป็นภรรยาไม่ควรข่มสามี ต้องให้เกียรติสามี เคารพสามีเพราะทั้งคู่เปรียบเหมือนส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน อุรวสาพยักหน้ารับคำ ก้มกราบพ่อ อันตราจะแต่งงานกับเวสม์เดือนหน้า ส่วนอินทุอรมีแพลนจะแต่งกับภิสิตสิ้นปี ต้นปีหน้าภิสิตต้องจะต้องไปเป็นผู้ช่วยทูตที่ออสเตรียและจะพาอินทุอรไปอยู่ด้วยในฐานะภรรยา อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ของอัษฎา ลูก ๆ ก็จะแยกยายไปมีครอบครัว แต่ไม่ว่าลูกของพ่อไปอยู่แห่งหนไหน สายใยรักของพ่อก็เชื่อมโยงถึงลูกเสมอ สามสาวยังคงเป็น สามใบไม่เถา ของพ่อตลอดไป ติดตามชม ละครสามใบไม่เถา
ไฟในวายุ 2557

ไฟในวายุ (2557/2014) ในคืนที่จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ ธรา ธนากูล ภรรยาม่ายของ ชาตรี ธนากูล เจ้าของบริษัทธนากูล วายุ ธนากูล ลูกเลี้ยงของธรา ตื่นขึ้นมาพบร่างของ ไกรกูณฑ์ ธนากูล น้องชายที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของธรา นอนจมกองเลือดอยู่ข้าง ๆ ละเวง คู่รักของไกรกูณฑ์เข้ามาเห็นเข้าพอดี ละเวงกล่าวหาวายุว่าเป็นคนฆ่าไกรกูณฑ์เพราะอิจฉาไกรกูณฑ์ วายุตกใจมากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะมีหลักฐานคือปืนในมือของวายุ วายุคิดจะไปสารภาพผิดกับธรา แต่ละเวงกลัวว่าธราจะรับไม่ได้จนล้มป่วย จึงแนะนำให้วายุหนีไปตั้งหลักก่อน รถตู้ที่รับจ้างมาพาวายุหลบหนีซมซานมาถึงมาถึงบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทตอนกลางดึก สลิล หลานสาวของ นายแพทย์ภูผา กิจกุศล เจ้าของรีสอร์ทบ้านไร่สายน้ำออกมาต้อนรับวายุ สลิลเปิดบ้านพักให้ชายหนุ่ม เพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว อีกทั้งไฟก็ยังดับทั้งตำบล เกรงว่าชายหนุ่มจะหาที่พักที่อื่นได้ลำบาก วายุมาถึงรีสอร์ทโดยไม่มีสัมภาระติดตัวมาด้วยแม้แต่ชิ้นเดียว มีเพียงรอยแผลที่พาดยาวจากขมับขวาถึงโคนผมกลางหน้าผากเท่านั้น สลิลแปลกใจที่ท่าทางวายุไม่เหมือนคนที่จะมาท่องเที่ยวหรือพักผ่อนเลย แต่เธอกลับรู้สึกได้ ถึงความทุกข์และปวดร้าวที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาได้อย่างประหลาด ขณะพักอยู่ที่รีสอร์ท วายุล้มป่วยอย่างหนัก ลุงขาบ คนงานในรีสอร์ทไปพบเข้า จึงรีบตามตัวสลิลไปรักษาจนวายุหายดี เมื่อฟื้นขึ้นมาวายุกลับมีท่าทางปิดกั้นตัวเองจากคนรอบข้าง สลิลรู้สึกสงสารและเห็นใจวายุที่ประสบปัญหาในชีวิตมาอย่างหนัก จึงคิดจะหาทางช่วยเหลือวายุให้พ้นจากความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ แต่ ทแกล้ว เพื่อนชายคนสนิทของสลิล เจ้าของไร่ชาขวัญแก้ว เตือนสลิลไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวายุ แต่สลิลกลับไม่เชื่อฟัง ทแกล้วนั้นแอบรักสลิลอยู่ สลิลเองก็รู้ว่าทแกล้วคิดอย่างไรกับเธอ แต่เธอเห็นทแกล้วเป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น นวลขวัญ พี่สาวของทแกล้วเล่าให้ลูกหว้าฟังว่าที่ไร่วายุกูลข้าง ๆ กันนั้นกำลังจะขายไปทำโรงแรมและบ่อนกาสิโน อีกทั้งเจ้าของไร่นั้นยังโทรศัพท์มาเจรจาให้ขวัญขายไร่ด้วย สลิลกับทแกล้วรู้สึกเสียดายเพราะว่าที่ไร่วายุกูลนั้นยังมีสภาพเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่มาก สลิลขอร้องนวลขวัญไม่ให้ขายไร่ชา นวลขวัญเองก็ตั้งใจไว้เช่นนั้น หลังจากกลับมาถึงบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ท หมอภูผาก็เล่าให้สลิลฟังเรื่องคนไข้ที่กรุงเทพฯ ที่เขาเพิ่งลงไปรักษา คนไข้รายนั้นก็คือธรานั่นเอง ในอดีตธราเคยเป็นคนรักเก่าของหมอภู แต่ในที่สุดธราก็จากไปแต่งงานกับชาตรีซึ่งมีฐานะเหมาะสมกว่า ทว่าชาตรีนั้นมีภรรยาคือ ดวงดาว และวายุ ลูกชายอยู่ก่อนแล้ว แต่ธรานั้นเข้าไปในฐานะเมียแต่งซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนกิจการของบริษัท ธรากับชาตรีมีลูกชายอีกคนคือไกรกูณฑ์ ภรรยาทั้งสองคนของชาตรีต่างคนต่างอยู่ ไม่ข้องเกี่ยวกัน จึงไม่เคยมีปัญหาในครอบครัว จนกระทั่งดวงดาวเสียชีวิตไป ชาตรีจึงพาวายุขึ้นไปอยู่บนตึกใหญ่ และธราก็ดูจะยินดีเลี้ยงดูวายุเหมือนลูกแท้ ๆ อีกคน ธราล้มป่วยด้วยความเป็นห่วงที่วายุและไกรกูณฑ์หายตัวไปทั้งคู่ ธราเล่าให้หมอภูผาฟังว่าในคืนที่เกิดเหตุละเวงได้ยินสองพี่น้องทะเลาะกันอย่างรุนแรงก่อนจะหายตัวไปทั้งคู่ ธราไม่ห่วงไกรกูณฑ์นัก เพราะมักจะหายตัวไปบ่อย ๆ แต่เธอเป็นห่วงวายุที่หายตัวไป ติดต่อก็ไม่ได้ เธอไม่กล้าแจ้งความเพราะวายุเป็นนักธุรกิจใหญ่เกรงว่าจะมีผลกระทบกับความน่าเชื่อถือของบริษัท ธรานึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงเพราะอารมณ์อันรุนแรงของวายุ หมอภูได้แต่ปลอบโยนธราให้หายกังวล ระหว่างที่ทแกล้วไปซ่อมแซมบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ นวลขวัญก็ได้ต้อนรับชายที่อ้างตัวเป็น วายุ ธนากูล เจ้าของไร่วายุทูล วายุตัวปลอมมาเยี่ยมเยียนไร่ขวัญแก้วเป็นประจำทุกวัน นวลขวัญประทับใจในความสุภาพและหลงเชื่อคำหวานที่ชายคนนั้นหว่านเสน่ห์ใส่เธอ จนความคิดที่จะไม่ขายไร่ชาเริ่มจะสั่นคลอน เมื่อทแกล้วได้รู้ความสัมพันธ์ของนวลขวัญกับชายที่อ้างตัวว่าเป็นวายุ ก็ไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะกลัวว่าวายุจะมาหลอกนวลขวัญเพื่อหวังจะฮุบไร่ขวัญแก้ว ขณะเดียวกันที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ท วายุค่อย ๆ ค้นพบด้านมืดของตัวเองและเริ่มเชื่อว่าตนเองฆ่าไกรกูณฑ์จริง สลิลรู้สึกสงสารวายุ จึงพยายามช่วยเหลือให้วายุค่อย ๆ ออกมาเผชิญกับโลกภายนอก ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์เพียงลำพัง วายุค่อย ๆ ซึมซับความหวังดีของสลิลไว้ ความสงสารและเห็นใจที่สลิลมีให้วายุ จึงกลายเป็นบ่อเกิดของความรักในที่สุด วายุตัดสินใจจะสารภาพความจริงให้ธรารู้ว่าเขาฆ่าไกรกูณฑ์ตาย จึงโทรศัพท์กลับไปที่บ้านธนากูล ละเวงเป็นคนรับสาย ละเวงพยายามห้าม วายุสารภาพความจริงกับธราและหลอกถามว่าวายุอยู่ที่ไหน ละเวงรีบโทรศัพท์บอก อุศเรน น้องชายให้ไปตามหาตัวใครบางคนที่เชียงใหม่ให้ ขณะที่หมอภูผาได้ข่าวจากสลิลว่าวายุมาปรากฏตัวที่วายุกูล จึงรีบโทรศัพท์ไปบอกกับธราเพื่อให้หายกังวล นวลขวัญชวนวายุตัวปลอมไปร่วมงานสังสรรค์ที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ท พอนวลขวัญจะแนะนำให้วายุตัวปลอมรู้จักกับหมอภูผา ชายหนุ่มก็รีบปลีกตัวหนีไปจนทแกล้วสังเกตเห็นความผิดปกติ ด้านวายุตัวจริงได้ยินข่าวว่ามีคนแอบอ้างชื่อตนเพื่อขายไร่วายุกูล ชายหนุ่มอยากรู้ว่าใครที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ จึงพาสลิลขี่ม้าไปยังวายุกูลเพื่อพิสูจน์ แต่ก็ยังไม่พบเป้าหมาย ขณะที่วายุตัวปลอมก็ได้ยินจากนวลขวัญว่าแขกที่มาพักที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทชื่อคุณใหญ่ ก็มีทีท่าแข็งกร้าวขึ้นมาจนนวลขวัญนึกแปลกใจ ในงานสังสรรค์ครั้งต่อมา สลิลพยายามชักชวนให้วายุออกมาร่วมงานด้วยจนวายุใจอ่อน ทว่าเมื่อเดินมาถึงแค่บริเวณรอบนอกของงาน ชายหนุ่มก็เห็นร่างของไกรกูณฑ์ปะปนอยู่ในกลุ่มคนในงานด้วย วายุรีบกลับไปที่บ้านพักด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ทแกล้วรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของวายุกับสลิลด้วยความเสียใจอย่างมาก วายุเสียศูนย์จากการเห็นไกรกูณฑ์ปรากฏตัวในงานเลี้ยงสังสรรค์ จึงลืมตัวอาละวาดใส่สลิลไป เมื่อตั้งสติได้ ชายหนุ่มจึงรีบไปขอโทษสลิลทันที สลิลอ้อนวอนให้วายุเล่าถึงปัญหาที่ทำให้เขาร่อนเร่มาถึงที่นี่ให้เธอฟัง เผื่อว่าเธอจะช่วยแก้ปัญหาได้ วายุตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนวันงานเลี้ยงวันเกิดของธราให้สลิลฟัง สลิลตกใจที่ได้รู้เรื่อง แต่ก็เชื่อมั่นว่าวายุไม่ได้เป็นฆาตกร หญิงสาวพยายามชี้ให้เห็นช่องโหว่ของเรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมวายุถึงจำเหตุการณ์ตอนที่ยิงไกกูณฑ์ไม่ได้ แต่วายุก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นคนฆ่าไกรกูณฑ์อยู่ดี วายุตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาธราและสารภาพเรื่องราวทั้งหมด แต่ธราไม่เชื่อ คิดว่าวายุล้อเล่น วายุจึงจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเอง อุศเรนมาตามหาวายุที่บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทตามคำสั่งของละเวง ขณะที่ชายผู้อ้างตัวเป็นวายุ ก็มาเปิดห้องพักที่สอร์ทแห่งนี้เช่นกัน ทั้งอุศเรนและวายุตัวปลอมต่างก็สะกดรอยตามวายุตัวจริงไปเพื่อหวังจะเก็บวายุตัวจริง แต่ทั้งคู่กลับขวางทางและทะเลาะกันเอง วายุตัวปลอมชักปืนออกมาขู่อุศเรนจนอุศเรนต้องยอมถอยไป อุศเรนโทรไปต่อว่าละเวงด้วยความโมโหจัด จึงหลุดปากบอกไปว่าคนรักของละเวงมีผู้หญิงคนใหม่ ละเวงได้ยินเข้าก็โมโหหึง รีบเดินทางขึ้นมาหาอุศเรนที่เชียงใหม่ทันที สลิลกังวลว่าวายุจะมาซื้อบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ทด้วย จึงโทรไปปรึกษานวลขวัญ นวลขวัญชวนให้สลิลมาถามกับวายุด้วยตัวเอง และบอกให้สลิลพาคุณใหญ่มาที่ไร่ขวัญแก้วด้วย วายุตกลงไปเพราะอยากรู้ว่าใครที่ปลอมตัวมาเป็นตัวเขา เมื่อวายุตัวปลอมปรากฏตัวขึ้น วายุก็แปลกใจมากเพราะวายุปลอมนั้นก็คือไกรกูณฑ์นั่นเอง ไกรกูณฑ์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้พบวายุที่นี่ นวลขวัญเสียใจมากที่ไกรกูณฑ์หลอกลวงเธอ จึงออกปากไล่เขากลับไป วายุพาไกรกูณฑ์กลับไปที่วายุกูลเพื่อเค้นถามความจริงจากปากไกรกูณฑ์ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นกันแน่ ไกรกูณฑ์โกหกว่าละเวงกับอุศเรนเป็นคนวางแผนทั้งหมด แต่ละเวงกับอุศเรนกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันและได้ยินที่ไกรกูณฑ์พูดทั้งหมด ละเวงผิดหวังมากที่ไกรกูณฑ์ป้ายความผิดให้เธอกับน้อง ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดที่เธอทำไปก็เพราะรักไกรกูณฑ์ ไกรกูณฑ์เยาะเย้ยละเวง และเปิดเผยความจริงว่าเขาก็แค่หลอกใช้ละเวงเท่านั้น ละเวงเสียใจจนแทบกระอักและต่อว่าไกรกูณฑ์ด้วยความแค้น ธราปรากฏตัวขึ้นและต่อว่าไกรกูณฑ์ที่ไม่เคยเชื่อฟัง ไม่ยอมทำตามแผนการที่วางไว้ว่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้ละเวงกับอุศเรน สองพี่น้องตกใจที่รู้ว่าธราจะป้ายความผิดให้พวกตน ธราจัดการยิงละเวงกับอุศเรนทิ้ง วายุสับสนกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ธราจึงเฉลยว่าเธอเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นเพราะความริษยาที่วายุเป็นลูกของดวงดาว ผู้หญิงที่ชาตรีรักมากที่สุด และวายุก็ได้ครอบครองทุกอย่างของชาตรี ขณะที่ไกรกูณฑ์แทบไม่เหลืออะไรเลย ไกรกูณฑ์ขอลงมือจัดการกับวายุด้วยตัวเองแต่ธราไม่ยอม ซ้ำยังดูถูกไกรกูณฑ์ว่าทำอะไรไม่เคยสำเร็จ เป็นคนอ่อนแอ ไร้ค่าเหมือนพ่อ ไกรกูณฑ์ไม่พอใจที่ธราไม่เชื่อมั่นในตัวเขา สองแม่ลูกทะเลาะกันอย่างแรง ไกรกูณฑ์คลุ้มคลั่ง วิ่งสะเปะสะปะออกไปในป่ายามดึก ธรากับวายุตามออกไปถึงแอ่งน้ำในป่า วายุพยายามเกลี้ยกล่อมไกรกูณฑ์ให้หายคลั่ง แต่ไกรกูณฑ์กลับยิงวายุเข้าที่สีข้างจนสลบไป ธราเสียใจที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำร้ายลูกชายคนเดียวด้วยการปลูกฝังความคิดผิด ๆ เข้าไปในหัวไกรกูณฑ์มาตลอด ธราจึงไถ่โทษด้วยการยิงไกรกูณฑ์และตัวเองตายไปพร้อมกัน สลิลกับทแกล้วได้ยินเสียงปืน ก็รีบบึ่งมาจากไร่และพบวายุกำลังอาการหนัก จึงรีบพาล่งโรงพยาบาลทันที หลังจากฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่า วายุก็จัดการเรื่องทั้งหมดอย่างรอบคอบ โดยให้ออกข่าวว่ามีทายาทธนากูลถูกลอบสังหาร มีแต่วายุรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว วายุกลับไปจัดการเรื่องบริษัทที่กรุงเทพฯ ให้เรียบร้อย ขณะที่สลิลรอคอยชายหนุ่มด้วยความอดทน ทแกล้วมาบอกลาสลิลเพราะชายหนุ่มสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษได้ สลิลดีใจกับทแกล้วด้วย ขณะที่นวลขวัญก็พยายามทำใจเรื่องไกรกูณฑ์และดูแลไร่ชาต่อไป ในที่สุดวายุก็กลับมาหาสลิล ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะดีพอสำหรับสลิลหรือไม่ แต่สลิลก็พร้อมที่จะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ติดตามชม ละครไฟในวายุ

เจ้าสาวสลาตัน 2557

เจ้าสาวสลาตัน (2557/2014) ในค่ำคืน ณ ชายฝั่งทะเล จ.ระยอง เกิดลมพายุรุนแรง อิงอร (ณหทัย พิจิตรา) นัดชู้รักให้มารับ เธอพยายามอุ้มลูกสาวฝาแฝดไปด้วย แต่ จุมพล (สุเชาว์ พงษ์วิไล) พ่อของสามีเธอมาเห็นเข้าและยื้อแย่ง เขมิกา คนน้องไปได้ ส่วนขวัญตา คนพี่ ถูกอิงอรอุ้มหนีไป บัณฑิต (วสุ แสงสิงแก้ว) สามีของอิงอรไล่ตามไปแทบหัวใจสลาย 18 ปีผ่านไป ชานนท์ (อรรคพันธ์ นะมาตร์) เจ้าของสปาที่โด่งดังในเมืองไทย จวงจันทร์สปา ได้พา ขวัญตา (อุษามณี ไวทยานนท์) ว่าที่เจ้าสาวไปจัดงานโปรโมทน้ำอบไทยกลิ่นนางแย้มที่ระยอง ที่นี่เองทำให้บัณฑิตได้พบกับขวัญตาลูกสาวฝาแฝดคนพี่ บัณฑิตตามไปสืบหาขวัญตาถึงกรุงเทพฯ และได้พบกัน แต่มีคนแอบถ่ายคลิปคนทั้งคู่ไว้ในขณะที่กอดกัน บัณฑิตจากลากับลูกสาวคนโต โดยไม่รู้เลยว่า จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ในวันแต่งงานของขวัญตากับชานนท์ เกิดเหตุเจ้าสาวหายตัวไป ต่างลือว่าขวัญตาหนีตามชู้รักไป ที่จริง ๆ แล้วชู้รักที่ไม่มีใครรู้ของขวัญตาก็คือ ประชา (แมทธิว ดีน) ผู้จัดการของจวงจันทร์สปา แถมยังมีคลิปลับขวัญตากอดกับผู้ชายว่อนเน็ต ข่าวลือหนีตามชู้สร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตระกูลเลิศวิริยะ ชานนท์เสียใจอย่างรุนแรงเดินทางไปรักษาแผลใจที่ต่างประเทศ เวลาผ่าน..ไปชานนท์กลับมาที่เลิศวิริยะอีกครั้ง แต่เหมือนเป็นคนที่มีแผลใจที่เปลี่ยนทำให้ผู้ชายอ่อนโยนคนหนึ่งกลายเป็นคนแข็งกระด้างไร้ความรู้สึก และไร้หัวใจจนหลายคนรอบตัวพากันเกร็งเมื่อเข้าใกล้ ด้านบัณฑิตนอนสลบไปถึง 3 เดือน จู่ ๆ ก็ฟื้น เพื่อสั่งลาลูกสาวพร้อมสั่งเสียให้ เข็ม หรือ เขมิกา (อุษามณี ไวทยานนท์) ไปช่วยขวัญตา เข็มไปซักเอาความจริงจากปู่เรื่องมีพี่สาวฝาแฝด ปู่ยอมเล่าให้เข็มฟังและพยายามพูดฝังหัวเข็มว่าอิงอรตั้งใจทิ้งเข็มไป ปู่ขอร้องให้เข็มอย่ากลับไปติดต่อกับคนพวกนี้อีก แต่เข็มต้องการรู้ความจริง จึงให้ โยธิน (ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล) เพื่อนชายคนสนิทที่แอบหลงรักเข็มหัวปักหัวปำช่วยวางแผนหลอกปู่เพื่อไปสืบเรื่องพี่สาวฝาแฝด เข็มเข้ากรุงเทพฯ โดยให้โยธินขับรถพาไปส่งที่บ้านเลิศวิริยะ แต่เจอกับ แววนิล (อนิสา นูกราฮา) น้องสาวของชานนท์ ไล่ตบตี เพราะคิดว่าเป็นขวัญตาที่หนีตามชู้ไป ชานนท์กลับมาจากที่ทำงานเห็นเข็มนอนสลบอยู่หน้าบ้านคิดว่าเป็นขวัญตา เข็มจึงได้โอกาสสวมรอยเป็นขวัญตา และปฏิเสธเรื่องมีชู้ แต่ชานนท์ยืนยันจะหย่า เข็มโกหกว่าเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวหัวกระแทกทำให้จำอะไรไม่ได้ ชานนท์คิดจะไล่เข็มไป แต่ เก่งกาจ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) นักข่าวจอมแสบ โผล่มาทำข่าวรักร้าวของชานนท์กับขวัญตา ชานนท์กลัวจะเกิดผลกระทบกับสปา จึงต้องโกหกว่าความรักยังหวานชื่น และเรื่องหนีตามชู้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ทำให้เข็มอยู่ที่บ้านตนต่อไปได้ในฐานะภรรยาของชานนท์ คืนหนึ่ง เข็มได้กลิ่นน้ำอบอีกจึงเดินตามกลิ่นจนไปเห็นชานนท์เดินลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หลังตึก ชานนท์โกรธมากสั่งห้ามเข็มมาป้วนเปี้ยนแถวนี้อีกยิ่งทำให้เข็มสงสัย จนกระทั่งวันหนึ่งได้พบว่าชานนท์ขัง เม่น (เทวินทร์ คุณารัตนวัฒน์) ลูกชายของ มณฑา (สุปรีย์ฎา คำนวณศิลป์) แม่นมของแววนิลไว้ เม่นปัญญาอ่อนเคยมีอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายคน หลังจากที่โดนข่มขู่เอาชีวิตจากคนที่เม่นไม่กล้าบอกให้ใครรู้ ส่วนแววนิลก็ร่วมมือกับมณฑา หาวิธีเขี่ยเข็มออกจากบ้าน เพื่อเปิดทางให้ ปรียา (เซฟฟานี่ อาวะนิค) เพื่อนสนิทของตนได้แต่งงานกับชานนท์ ประชาเมื่อรู้ว่าขวัญตายังไม่ตาย จึงพยายามหาทางใกล้ชิดอีกครั้ง เพราะต้องการรู้ที่ซ่อนสินสอดแต่พบว่าขวัญตาความจำเสื่อม ส่วนเข็มยังพยายามสืบหาความจริงต่อไปโดยมี จรรยา (ธัญสินี พรมสุทธิ์) เพื่อนสนิทคอยช่วยเหลือและพบว่ามีคนที่เป็นศัตรูกับขวัญตาอยู่อีกหลายคน เช่น อึ่ง (อาภัสสรา อินทร์ตลาดชุม) ลูกของ ลุงชิ้น (อรุณ ภาวิไล) กับ ป้าเยาว์ (ปัทมา ปานทอง) คนงานเก่าแก่ โยธินกลัวว่าเข็มจะเป็นอันตรายเลยขู่จะบอกความจริงให้ปู่จุมพลรู้ว่าเข็มแอบเข้าไปที่ตระกูลเลิศวิริยะ เข็มตกใจต้องยอมรับปากว่าจะหมั้นกับโยธินหลังจากรู้ตัวฆาตกรแล้ว แววนิลพยายามหาทางเขี่ยเข็มออกจากบ้านโดยหลอกให้ไปหาผู้ชายแล้วให้เก่งกาจไปทำข่าวว่าเข็มมีชู้ แต่เข็มหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิด เข็มคิดว่าเป็นแผนของชานนท์จึงไปต่อว่าแล้วเอาจดหมายให้ดู เมื่อชานนท์เห็นลายมือในจดหมายก็รู้ว่าเป็นแผนของแววนิลเข็มเมื่อรู้ว่าแววนิลเป็นคนทำจึงต่อว่าชานนท์ที่เลี้ยงน้องแบบตามใจ ชานนท์จะให้แววนิลไปเรียนต่อต่างประเทศ แววนิลไม่ยอมขู่จะฆ่าตัวตาย เข็มเข้าแย่งกรรไกรจากแววนิล ทำให้ชานนท์สงสัยในพฤติกรรมของเข็ม ประชากลัวว่าเข็มจะรู้เรื่องราวในวันแต่งงานของขวัญตาจึงหลอกพาเข็มไปบ้านพักที่เคยฆ่าขวัญตา แล้วให้อู๋ขู่ฆ่าเข็มเพื่อให้บอกที่ซ่อนเงินสินสอด โยธินแอบเห็นเข็มไปกับประชาดูไม่น่าไว้ใจจึงตามไปช่วยเข็มไว้ทัน ประชาไม่ยอมรับแล้วโยนความผิดให้แววนิล เข็มวางแผนที่จะทำให้แววนิลเปิดเผยตัวว่าเป็นคนฆ่าขวัญตาหรือเปล่า ด้วยวิธีเอาใจชานนท์ เข็มเห็นแววนิลกำลังทำร้ายเม่นจึงเข้าไปช่วย แต่แววนิลเสียหลักลื่นล้มตกบันได มณฑาโกรธคิดว่าเข็มจะทำร้ายแววนิลจึงใช้เม่นล่อให้เข็มไปที่บ่อน้ำท้ายสวนหวังฆ่า โดยมีไอ้โม่งตามมาช่วยจัดการ เข็มจึงรู้ว่าไอ้โม่งโดนขวัญตาหลอกให้ไปเอาเงินที่ซ่อนไว้แล้วหนีไป เข็มถูกไอ้โม่งอู๋ผลักตกบ่อน้ำ ชานนท์ตามมาช่วยเข็มขึ้นมาได้แล้วพาไปโรงพยาบาล ประชาจึงแอบช่วยให้ไอ้โม่งอู๋หนีไป ประชาแค้นที่เข็มยังไม่ตายจึงตามไปฆ่าเข็มที่โรงพยาบาลแต่เข็มตื่นขึ้นมาเสียก่อน ชานนท์สงสัยที่เข็มบอกว่ามีไอ้โม่งสองคนที่ทำร้ายเธอ จึงแอบตามสืบจนรู้ว่าไอ้โม่งผู้หญิงคือมณฑาจึงไล่มณฑาออก และทำดีกับเข็มเพราะสำนึกผิดที่แววนิลกับมณฑาทำกับเข็มไว้ เข็มจะออกจากโรงพยาบาลเพื่อตามสืบเรื่องไอ้โม่งเอง ชานนท์กลัวเข็มจะตามจับมณฑาจึงพาเข็มไประยองด้วยความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน โย่ง (พงษ์อนันต์ หวังสิทธิเดช) เผลอบอกประชาเรื่องที่ชานนท์ไล่มณฑาออก โย่งรีบบอกชานนท์ว่าแววนิลรู้เรื่องมณฑา และกำลังอาละวาดอยู่ ชานนท์จึงรีบกลับมาดูแววนิล เข็มสงสารจึงพูดให้แววนิลรู้สึก และกลับมาฝึกเดินอีกครั้ง โยธินและปรียาเห็นว่าชานนท์กับเข็มเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ก็เข้าขัดขวางทุกทาง เข็มเองก็รู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่มีต่อชานนท์โยธินไปสืบเรื่องของขวัญตา ที่บ้านพักของประชาที่เข้าใจว่าเป็นของแววนิลจนรู้ว่าเป็นบ้านของประชาเข็มจึงไปตีสนิทกับประชาเพื่อสืบความจริงโดยแกล้งบอกว่าจำเรื่องของประชาได้แล้ว ประชาหลอกให้เข็มไปหาที่ห้องซาวน่า ปรียาเห็นไปบอกชานนท์เมื่อตามไปดูเข็มบอกว่ามาซ่อมห้องซาวน่า แทนลุงชิ้นที่ถูกพักงานไป สร้างความประทับใจให้กับชานนท์และลูกค้าของสปา ประชาแค้นชานนท์ที่คืนดีกับเข็มและโชว์ความหวานต่อกันเสมอ จึงแอบให้ข่าวเสียหายชานนท์และเข็มกับเก่งกาจ ชานนท์จึงฟ้องร้องเก่งกาจแต่ตกลงยอมความกันได้ มณฑาแอบมาหาแววนิลที่บ้าน เข็มสงสารทั้งคู่จึงยอมให้อยู่ด้วยกัน โย่งแอบโทรไปตามชานนท์ เข็มรู้รีบขวางไว้ไม่ให้โทรไปเรียกตำรวจได้ และขอร้องให้มณฑาอยู่ดูแลแววนิลเหมือนเดิมพร้อมจัดงานฉลองให้ประชาเห็นรูปในงานที่จรรยาเอามาโพสไว้นัดให้เข็มมาหาที่บ้านพักริมหาด อู๋แอบตามเข็มโกรธที่ถูกประชาหลอกและเข้าไปทำร้ายทั้งคู่ เข็มได้โอกาสโยนความผิดให้กับอู๋ว่าเป็นคนเอาเงินสินสอดไป ประชาก็บอกกับเข็มว่าอู๋เป็นไอ้โม่งที่ตามฆ่าเข็ม อู๋หนีไปได้และโทรมาขู่เอาเงินจากประชา ถูกประชาฆ่าปิดปากและโยนความผิดให้ลุงชิ้น ทำให้ลุงชิ้นต้องติดคุก ประชากับมณฑาร่วมมือกันทำให้เข็มกับชานนท์เข้าใจผิดกัน ประชาได้โอกาสฆ่าชานนท์และเข้าไปบริหารงานในจวงจันทร์อย่างเต็มตัวด้วยการสนับสนุนของมณฑา เข็มช่วยชานนท์หนีมาติดเกาะร้าง ชานนท์โกรธเข็มจึงไม่ยอมให้เข็มทำแผลที่ถูกประชายิงจนอักเสบและเป็นไข้ขึ้นมา เข็มจึงไปขอความช่วยเหลือจากโจรสลัด หัวหน้าโจรสลัดเห็นเข็มเข้าใจว่าเป็นขวัญตาที่เคยมาหลอกและขโมยทองหนีไป เข็มรู้สึกแย่ที่พี่สาวทำตัวแบบนี้ จึงทั้งหลอกล่อและเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว ปรียาออกตามหาชานนท์มาเจอโยธิน โยธินจึงพามาพักที่บ้านทำให้จุมพลเข้าใจผิดคิดว่าโยธินนอกใจเข็ม โยธินจึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังและรีบตามไปช่วยเข็มออกมาได้ ชานนท์เมื่อรู้ว่าเข็มไม่ใช่ขวัญตาตัวจริงก็ไม่ได้โกรธเข็ม แต่เจ็บปวดที่รักเข็มไปแล้วไม่รู้จะทำยังไงต่อไป เข็มเป็นห่วงชานนท์จึงขอให้จุมพลช่วย จุมพลจึงให้ชานนท์ไปเป็นคนงานที่แพปลา ประชาเห็นข่าวมอบตัวของโจรสลัด และเห็นเข็มเข้าโดยบังเอิญกลัวว่าชานนท์ยังไม่ตายจึงให้ลูกน้องไปตามหา ชานนท์รู้ข่าวร้านสปาถูกประชายึดจึงจะรีบกลับไปทวงคืน แต่เข็มห้ามไว้และเตือนสติจนชานนท์ยอมกลับมาอยู่ที่แพปลาเหมือนเดิม ปิ้ง (ปิยะวัฒน์ รัตนวิจิตร) ลูกน้องชุมพลวางแผนขัดขวางไม่ให้ชานนท์กับเข็มสนิทสนมกันมากขึ้น แต่เกือบทำให้โยธินต้องตายในกองไฟ เพราะลูกน้องเสี่ยเม้งแอบมาเผาโกดังเก็บปลา ไฟไหม้โกดังของทะเลที่แช่แข็งเน่าหมด ทำให้ส่งปลาให้โรงงานไม่ทัน ชานนท์เข้ามาช่วยเจรจากับตัวแทนโรงงานจนทำให้ลูกค้ายอมรับข้อเสนอสามารถส่งปลาได้ทัน ปิ้งและคนงานในแพปลายอมรับในตัวของชานนท์มากขึ้น แต่จุมพลเข้าใจว่าโยธินเป็นคนช่วยจึงรีบหาฤกษ์แต่งงานให้เข็มกับโย ชานนท์รู้เรื่องการแต่งงานของเข็มก็เสียใจแต่ก็พยายามกลบเกลื่อนอยู่ห่าง ๆ เข็ม ประชาเข้ามาอยู่ในบ้านของชานนท์ มณฑากลัวว่าประชาจะเอาเรื่องที่ตนร่วมมือกันทำร้ายชานนท์ไปบอกตำรวจจึงยอมให้อยู่ที่บ้าน ชานนท์เห็นข่าวที่ประชาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านจึงแอบหนีไปหาแววนิลด้วยความเป็นห่วง ประชาจัดงานขอบคุณสื่อเพื่อล่อให้ชานนท์ออกมา ชานนท์แอบเข้ามาในงานและได้บอกกับแววนิลว่าประชาและมณฑาร่วมมือกันฆ่าตน คนของประชาเห็นชานนท์อยู่กับแววนิล แต่เข็มตามมาช่วยหนีไปได้ทัน ชานนท์นึกได้ว่านายยมคนขับรถของตนเป็นพยานได้จึงรีบตามไปหาที่บ้านของยม ประชาเองก็ส่งคนไปตามหาเพื่อฆ่ายมเหมือนกัน แต่ยมหนีทั้งคู่ไปได้ ปรียาพยายามกล่อมให้ผู้ใหญ่ของเข็มกับโยบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ประชาแอบได้ยินว่าแววนิลเป็นลูกของมณฑาจึงเอาเรื่องนี้มาบังคับให้มณฑาจับแววนิลแต่งงานกับตน มณฑาให้เม่นปลอบเป็นชานนท์หลอกให้ประชาออกมาเพื่อจะฆ่า แต่ประชาไหวตัวทันจับมณฑากับเม่นไปขังไว้ มณฑาเริ่มเห็นใจเม่นจากความดีที่เม่นพยายามทำเพื่อช่วยแม่ จรรยาออกตามหาชานนท์จนพบ จึงกลับไปของานแววนิลทำ เพื่อหลอกให้ประชาไว้ใจว่ายอมร่วมมือกับประชา เม้งทำให้เรือของเข็มลอยหายไปในพายุและปล่อยข่าวว่าแพปลาของเข็มกำลังจะปิดกิจการพร้อมทั้งจ้างปิ้งมาทำงาน แต่ถูกชานนท์กับปิ้งซ้อนแผนทำให้เม้งถูกฟ้องและแพปลาของเข็มกลับมาขายได้เหมือนเดิม จุมพลรู้เรื่องทั้งหมดจากปิ้งก็รู้สึกชอบชานนท์มากขึ้นแต่ก็ไม่อยากให้ทั้งคู่รักกันเพราะกลัวขวัญตาจะกลับมาชานนท์รู้ข่าวแต่งงานของแววนิลจากจรรยารีบกลับมาช่วยแววนิล พวกจรรยามาเจอมณฑากับเม่นถูกขังอยู่จึงช่วยออกไป แต่ทั้งหมดก็ไปไม่รอดถูกประชาจับตัวไว้ ป้าเยาว์บอกเรื่องชานนท์ยังไม่ตายกับประชา ประชาซ้อนแผนจับจรรยาไว้เป็นตัวล่อชานนท์ โย่งตามมาช่วยทุกคนออกไป ยมมาหาชานนท์ที่บ้านจุมพล เข็มเห็นยมเดินออกมาจากบ้านจึงพายมหนีออกจากงานแต่งงานของตังเองไปหาชานนท์ ชานนท์มาที่งานแต่งงานของประชา ประชาโยนความผิดทั้งหมดให้มณฑา มณฑาจำใจต้องยอมรับเพราะประชาขู่จะทำร้ายแววนิลกับเม่น เข็มพายมเข้ามาในงานประชาหมดทางสู้จึงจับตัวแววนิลไว้เป็นตัวประกัน ป้าเยาว์รู้สึกผิดที่ตนเป็นคนบอกเรื่องชานนท์ให้ประชารู้รีบเข้าไปช่วยแววนิลออกมาได้ ประชาใช้โอกาสช่วงที่ชานนท์เผลอหนีไป ชานนท์จะส่งมณฑาให้ตำรวจ มณฑาเป็นห่วงแววนิลจึงต้องบอกความจริงว่าแววนิลเป็นลูกของตนที่เกิดจากพ่อของชานนท์ ก่อนที่จะส่งให้คนสวนจนมีเม่น มณฑาเสียใจมากที่แววนิลไม่ยอมรับตนเป็นแม่และต่อว่ามณฑาที่ทำให้ตนต้องถูกประชาข่มขืน เข็มสงสารทั้งแววนิลและมณฑา เข็มเตือนสติมณฑาทำให้มณฑามองเข็มในทางที่ดีขึ้น ป้าเยาว์ขอลาออก เข็มขอให้ป้าเยาว์อยู่ต่อและลุงชิ้นก็กำลังจะพ้นผิดออกมา เข็มบอกความจริงกับทุกคนว่าตนคือน้องฝาแฝดของขวัญตา จรรยารู้ว่าเข็มเป็นน้องสาวฝาแฝดของขวัญตาก็คลุ้มคลั่งจะทำร้ายเข็ม ชานนท์เข้ามาช่วยเข็มไว้ทำให้ทุกคนรู้ว่าจรรยามีอาการทางจิตและหลงรักชานนท์ ความรักเขมิกากับชานนท์มีอุปสรรคอีกแล้ว และสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

เด็กชายในเงา (2556/2013) “เด็กชายในเงา” ละครแนวโรแมนติกดราม่าที่อบอุ่น ซาบซึ้งกินใจ และสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตาแห่งความประทับใจแก่ผู้ชม ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของพี่น้องฝาแฝด โดยแฝดน้อง “ป่าน” เป็นเด็กสมบูรณ์ปกติ แต่แฝดผู้พี่ “ว่าว” เป็นเด็กพิการที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้เงาของแฝดน้องตลอดมา ว่าวเติบโตมาพร้อมกับสายตาที่แสดงความเวทนาของคนรอบข้าง จนทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าตัวเองด้อยค่ากว่าทุกคนในโลก และจะมีชีวิตอยู่ในเงาของคนอื่นตลอดไป แต่ในที่สุด ด้วยความรักของป่าน แฝดน้องและการช่วยเหลือของคนรอบข้าง รวมถึงการมีศรัทธาในตัวเอง ได้ช่วยให้ชีวิตของว่าวได้ออกจากเงามืด มาใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข

หน้าต่างสีรุ้ง (2556/2013) เรื่องราวของครอบครัวสมัยใหม่ ภูเบศร์ ผู้เป็นพ่อกำลังก้าวหน้าในตำแหน่งฝ่ายดูแลลูกค้าต่างประเทศ และ นุชนาถ ภรรยาเป็นครีเอทีฟมือรางวัลซึ่งเป็นแม่คนเก่งของลูกสาววัย 11 ขวบ และลูกชายวัย 8 ขวบ หากแต่เรื่องของชะตาชีวิตไม่มีใครกำหนดได้ เมื่อวันหนึ่งนุชนาถผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูก ๆ ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยอุบัติเหตุ การสูญเสียของครอบครัวส่งผลถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของลูกทั้งสองด้วยเพราะเป็นชีวิตครอบครัวเชิงเดี่ยวอยู่กันมาโดยลำพังแค่ 4 คนพ่อแม่ลูก เมื่อเสาหลักต้นหนึ่งล้มลง ภูเบศร์จึงต้องตัดสินใจพาแนนและนัตไปอยู่กับปู่ย่าและป้าที่บ้านสวนชานเมือง ชีวิตสองพี่น้องแนนและนัตต้องปรับตัวสู่โลกใบใหม่ที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตประจำวัน คนรอบตัวในครอบครัว เพื่อนใหม่ที่ต้องเรียนรู้ โรงเรียนใหม่ที่มีวัดเป็นศูนย์กลาง รวมถึงหัวใจดวงน้อยที่ต้องยอมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่ทั้งสองจะเรียนรู้ว่าโลกใบนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่มีแต่วัตถุเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความสุขสมบูรณ์ หากแต่เป็นธรรมชาติรอบตัว การอยู่แบบพอเพียงต่างหากคือความสุขอันยั่งยืน ติดตามเรื่องราวและร่วมเป็นกำลังใจให้เด็กทั้งสองได้ใน ละครหน้าต่างสีรุ้ง

รักนี้ชั่วนิรันดร์ (2556/2013) พิชชา (ออม สุชาร์ มานะยิ่ง) และ แพน (อร พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน) เด็กหญิงสองคนเกิดวันเดียวกัน ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอที่ปราณบุรี พาทิน (ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี) ในวัยเยาว์ตื่นเต้นกับการที่จะได้เห็นหน้าน้องสาว ด้วยความไม่เดียงสา ทำให้พาทินทำป้ายชื่อของพิชชาและแพนตกหล่นลงบนพื้น และพยาบาลที่อยู่เวรในวันนั้นได้เก็บป้ายชื่อของเด็กหญิงสองคนมาไว้ที่เดิม แต่เกิดการสลับชื่อกันอย่างไม่รู้ตัวทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าติดตาม สิบสี่ปีผ่านไป พิชชาเด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดีโดยมี พงศกร วชิรวิทย์ (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ผู้เป็นพ่อ และเป็นอาจารย์ประจำภาคในวิทยาลัยประจำจังหวัด พิชชา (น้องเซียงเซียง) เข้าเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนมัธยมประจำเขตที่พงศกรเป็นเจ้าของ พาทิน (น้องกันต์) พี่ชายของเธอ เป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีนักเรียนหญิงมาชอบมากมาย พิชชามักถูกไหว้วานจากเพื่อนร่วมห้องบ้างและรุ่นพี่บ้างให้เอาของและขนมไปฝากให้พาทินบ่อย ๆ พิชชาแอบหวงพี่ชายจึงไม่ชอบใจนัก แต่ก็ปฏิเสธคำไหว้วานจากสาว ๆ เหล่านั้นไม่ได้ ซึ่งพาทินเองถึงแม้จะเป็นหนุ่มเนื้อหอมแต่เขาเองก็รักน้องสาวคนนี้อย่างสุดใจ แพน โตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนโดยมี สุนทรี (กาญจนา จินดาวัฒน์) ผู้เป็นแม่ของเธอ ต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงดูมาลำพัง แพนมีพี่ชายชื่อ พงษ์ (กี๋ AF5) ที่เกเร ไม่เอาถ่าน ส่วนพ่อของเธอตายไปตั้งแต่เธอยังไม่เกิด แพนเรียนห้องเดียวกันกับพิชชา เธอไม่ค่อยชอบพิชชานัก เพราะพิชชามีพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่เธอเองก็ขาดไปเสียทุกอย่างเช่นกัน ทั้งคู่แอบมีการแข่งขันกันอยู่เงียบ ๆ และแพนก็รู้สึกว่าการมีพิชชาทำให้ตัวเธอมีปมด้อยที่เด่นชัดมากยิ่งขึ้น แพนจึงพยายามแย่งชิงทุกอย่างมาจากพิชชา วันหนึ่งพิชชาถูกแพนแกล้ง พาทินรู้เรื่องเข้า และจะไปตามเอาเรื่องกับแพน เมื่อพิชชารู้เรื่องจึงจะตามไปห้าม ระหว่างนั้นเธอถูกรถเฉี่ยวชนจึงต้องไปโรงพยาบาล พ่อแม่และพาทินต่างตกใจและตามมาที่โรงพยาบาล และในวันนั้นเองเป็นวันที่พ่อแม่และพาทินได้รับทราบจากคุณพ่อว่า พิชชา มีกรุ๊ปเลือดที่ไม่ตรงกับใครในครอบครัวเลย ทางโรงพยาบาลจึงสันนิษฐานว่า พิชชาอาจจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของครอบครัว เมื่อพงศกรทราบเรื่อง จึงตามหาว่าลูกสาวที่แท้จริงของตนเป็นใครและอยู่ที่ไหน จนเมื่อทราบว่าลูกสาวที่แท้จริงของเขาถูกสับเปลี่ยน กับลูกสาวของสุนทรี (กาญจนา จินดาวัฒน์) ดังนั้น พงศกรจึงขอเขาไปพบเธอเพื่อหาทางออก พาทินแอบรู้เรื่องนี้ และมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก วันหนึ่งสุนทรีผู้เป็นแม่เกิดทะเลาะกับแพน และเผลอพลั้งปากบอกความจริงออกไปว่าแท้จริงแล้วนั้น แพนไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกของบ้านพงศกร ทำให้แพนตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง และรีบไปที่บ้านพงศกร พิชชารู้ความจริงทั้งหมดและทั้งพิชชาและแพนก็ถูกนำกลับมาให้อยู่กับครอบครัวของตัวเอง ส่วนครอบครัวของพงศกรและพาทิน พี่ชาย ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาย้ายครอบครัวไปอเมริกา โดยนำพาทินและแพนไปอยู่ด้วยกัน ทำให้พาทินต้องห่างจากพิชชาตั้งแต่เวลานั้น สิบปีผ่านไป พาทินกลับมาที่ปราณบุรีอีกครั้ง เขารำลึกอดีตกับน้องสาวในวัยเยาว์ พาทิน กำลังจะแต่งงานกับ อรอินทุ์ (อาภา ภาวิไล) คู่หมั้นหญิงสาวที่เรียนเมืองนอกมาด้วยกัน ในขณะเดียวกัน พิชชาเองก็โตเป็นสาวเต็มตัว และทำงานที่โรงแรมห้าดาวประจำจังหวัด ลูกชายเจ้าของโรงแรมคือ จิราพัชร หรือ พัชร (ปรมะ อิ่มอโนทัย) หนุ่มนักเรียนนอกที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เป็นหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ ที่ถ้าใครได้รู้จักจะต้องหลงรักอย่างไม่รู้ตัว พัชรเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกับ พาทินเพราะเรียนมาด้วยกัน พาทินมาที่โรงแรมของพัชรเพื่อจะมาบอกว่าเขาเองก็ได้กลับมาทำงานเป็นอาจารย์สอนที่นี่แล้วเหมือนกัน และการมาของพาทินในครั้งนี้ ทำให้ได้พบกับพิชชา น้องสาวที่เขาทั้งรักและคิดถึงมาตลอด ทำให้ทั้งคู่ต่างสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง โดยความรักของพวกเขามีคู่หมั้นอย่าง อรอินทุ์ และ พัชร ที่แอบรัก พิชชา เป็นตัวแปรสำคัญทำหรับพวกเขา เรื่องราวความรักที่ซับซ้อนของพวกเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร ความรู้สึกในวัยเยาว์ที่มีอยู่จะถูกรื้อฟื้นให้เป็นรักนี้ชั่วนิจนิรันดร์หรือไม่ ต้องติดตามใน ละครรักนี้ชั่วนิจนิรันดร์