ครอบครัว
ทะเลลวง (2564/2021) นที สถาปนิกหนุ่ม กำลังกอดร่างไร้วิญญาณของ นาท เศรษฐีใหญ่ที่ขับรถตกเขาอย่างมีเลศนัย นาทเคยสร้างรอยร้าวในใจให้กับ สุดา ด้วยการนอกใจ สุดารับไม่ไหว จึงหอบนทีในวัย 3 ขวบ กลับอเมริกาและไม่คิดจะกลับมาเมืองไทยอีก! นทีรู้สึกได้ถึงเงื่อนงำและอันตรายที่แฝงอยู่ในกองมรดก แต่ก็สายเกินไป เมื่อนทีถูกชายปริศนาทำร้ายจนร่วงตกจากเรือยอร์ช ในห้วงเวลาแห่งความตายกลับปรากฏภาพของ โมย่า สาวน้อยในชุดดำน้ำว่ายเข้ามาหา ก่อนที่เขาจะหมดสติไป ที่ “รีสอร์ตปลายฟ้า” ของโมย่าบนเกาะนับดาว ชายนิรนามถูกโมย่าพาขึ้นฝั่ง เขามีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าและศีรษะ ลุงแขกพาหมอมารักษาและพาไปดูอาการ แม้ว่าน้ำริน และ ทัดดาว จะคัดค้านเพราะกลัวว่าเขาอาจเป็นผู้ต้องหาหนีมา แต่โมย่าก็ไม่ฟังและช่วยดูแลจนอาการดีขึ้น แต่มีอย่างเดียวที่ผิดปกติคือ “เขาจำอะไรไม่ได้เลย!” โมย่าตั้งชื่อให้เขาว่า ‘นายทะเล’ เมื่อนทีฟื้นจากเตียง แอบได้ยินคนรอบตัวโมย่าไม่เห็นด้วยที่จะดูแลรักษาเขาต่อไป นทีไม่อยากทำให้ใครลำบากใจจึงคิดหนี จนโมย่าตามมาพบ นทีรู้ตัวว่าหน้าตาเขาดูน่ากลัวไม่อยากอยู่รบกวนใคร โมย่าโกรธ “ไม่ว่านายจะเป็นโจรหรือเทพบุตร ฉันก็จะดูแลนายจนกว่าจะหาย!” โมย่า ทายาทคนเดียวของเจ้าของรีสอร์ตบนเกาะนับดาว โดยมีเพื่อนสาวชื่อ น้ำริน มาช่วยด้วย น้ำรินลาออกจากงานนักกายภาพบำบัดในโรงพยาบาลมาช่วยทำงานบนเกาะ ด้วยความรักเพื่อนและเธอต้องการหนีจากความทุกข์เศร้าจากการที่คุณหมอหนุ่มแฟนของเธอแอบไปมีแฟนใหม่เป็นชายด้วยกัน บนเกาะนับดาว ซึ่งมีรีสอร์ตอยู่สองแห่ง ผู้บริหารรีสอร์ตอีกแห่งคือ ชวิน เป็นลูกชายของนายเชาว์เจ้าของเกาะซึ่งเป็นอัมพาตมาหลายปี รีสอร์ตทั้งสอง เป็นคู่แข่งกันกลายๆ โดยทั้งคู่ไม่ได้รู้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วมีเจ้าของรีสอร์ตซึ่งเป็นลูกของผู้มีอิทธิพลอีกคนซึ่งอยู่บนฝั่งและคอยจับตาทั้งคู่อยู่ เขาคือ ธเนศ คอยหาโอกาสจัดการคู่แข่งทั้งสอง ทะเลเริ่มเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รักของทุกคนในรีสอร์ต โดยเฉพาะ ปูม้า เด็กหญิงวัย 5-6 ขวบ หลานของลุงแขก ปูม้าชอบให้ทะเลสอนศิลปะป้องกันตัวให้และยังขอให้สอนวาดรูปให้อีกด้วย โมย่าผุดโครงการปรับปรุงพัฒนารีสอร์ต โดยจ้างบริษัทมาดูและคุยงานร่วมกับสถาปนิก แต่ระหว่างกำลังคุยกันปรากฏว่า ทะเลเข้ามาและชี้จุด รวมทั้งเสนอแนะหลายอย่างแบบคนมีความรู้เรื่องการก่อสร้าง โมย่าก็เลยเริ่มสงสัยว่า ทะเลเป็นใครกันแน่ทำไมถึงมีความรู้เรื่องพวกนี้ วันที่โมย่าต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปประชุมกับ บริษัทเอ็นทีคอนสตรั๊กชั่น ที่มารับเหมาปรับปรุงห้องพักของรีสอร์ต โมย่าพาทะเลไปด้วย โดยให้ทะเลรออยู่นอกบริษัท มี รปภ.ทำท่าเหมือนจะจำทะเลได้ แต่ทะเลกลับจำอะไรไม่ได้เลย เพียงแค่รู้สึกคุ้น ๆ เท่านั้นและเห็นภาพตัวเองใส่สูทเดินอยู่ในบริษัท มีแต่คนยกมือไหว้ทำความเคารพ แต่เขายังคิดไม่ออกเลยว่าทำไมจึงเห็นภาพเช่นนั้น พอกลับไปที่เกาะ โมย่ายังคงเจอสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตจากนายธเนศที่แวะเวียนมาคอยหาเรื่องอ้างว่าต้องการทวงหนี้ แต่ก็มีทะเลเป็นฮีโร่ช่วยโมย่าไว้ทำให้ทั้งคู่เกิดความผูกพันมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำรินกับโมย่าก็พุ่งเป้าว่าต้องเป็นฝีมือของชวินแน่นอน แต่ยังไม่มีหลักฐาน น้ำรินจึงคิดแผนจะเข้าไปหาหลักฐานในรีสอร์ตของชวิน ขณะเดียวกันโมย่าถ่ายรูปทะเล ที่ใบหน้าหายดีแล้วและลงประกาศตามหาญาติของทะเลในเพจของรีสอร์ต แต่ลงประกาศหาร่วมเดือน ก็ไม่มีใครติดต่อกลับมา ทะเลรู้สึกดีใจ เพราะตอนนี้เขาไม่อยากเป็นใคร นอกจากนายทะเลและอยากอยู่ที่รีสอร์ตใกล้ ๆ โมย่าตลอดไป แต่แล้ววันหนึ่ง...ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาชื่อ ประภาส เขาเข้ามาพักในรีสอร์ตปลายฟ้า ทะเลก็ได้รับจดหมายเตือนจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ให้ระมัดระวังตัวให้ดี จดหมายนั้นเขียนด้วยภาษาอังกฤษราวกับคนเขียนรู้จักทะเลดี ว่าเขามีสกิลด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ทะเลเก็บเรื่องจดหมายไว้เป็นความลับ ไม่ยอมบอกใครแม้แต่โมย่า ความรักของทั้งคู่เริ่มจากความสงสาร การช่วยชีวิต การเปิดใจใกล้ชิด กลายเป็นความรักซึ่งเบ่งบานเต็มที่ จนตัดสินใจแต่งงานกัน งานแต่งจัดขึ้นที่ริมชายหาดของรีสอร์ต แต่ในขณะที่กำลังทำพิธีจะสวมแหวน จู่ๆ นุ่น ศศิกานต์ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางพิธี และประกาศตัวว่าเป็นภรรยาของทะเลและกำลังอุ้มท้องลูกของเขา โมย่าแทบทรุด ทะเลและคนทั้งงานช็อก ศศิกานต์บอกว่าแท้จริงแล้ว ทะเลก็คือ นที ทายาทคนเดียวของตระกูลวรรณปราณนต์ ซึ่งร่ำรวยมหาศาลเป็นเจ้าของบริษัทเอ็นทีคอนสตรั๊กชั่น นทีกับเธอกำลังจะแต่งงานกัน ก่อนที่นทีจะหายตัวไป และที่สำคัญศศิกานต์ตั้งท้องได้ 4 เดือนกว่าแล้ว ! โมย่าตกใจมาก เสียใจ และประกาศยกเลิกงานแต่งงานทันที และขอให้นทีกลับไปกับศศิกานต์ แต่ทะเลดึงดันไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ เขาสับสนว่า ความจริงคืออะไรกันแน่ จนกระทั่ง ประภาส ออกมายืนยันว่า เขาคือ ‘นที’จริงๆ ประภาสเปิดเผยตัวว่าเป็นมือขวาของ คุณนาท (พ่อพระเอก) และเป็นคนส่งจดหมายเตือนให้เขาระวังตัว และที่ไม่นำตัวเขากลับทันทีเพราะเกรงว่าคนปองร้ายที่ตั้งใจฆ่าเขาอีก แต่ตอนนี้ในเมื่อมีเรื่องศศิกานต์ท้องขึ้นมา ก็ควรกลับไปจัดการสะสางให้เสร็จสิ้นเสียที นทีจำต้องกลับบ้านก่อน เพื่อสะสางปัญหาทั้งหมด นายประภาสมือขวาของคุณนาทเล่าเรื่องราวชีวิตของนทีให้นทีฟัง และบอกว่านาทมีเมียอีกคนชื่อแจ่มจรัส แจ่มจรัสมีลูกติดคือ ยศกร ซึ่งเป็นคนแผนสูง ทะเยอทะยานและคิดจะฮุบทุกอย่างที่เป็นของนที แต่เบื้องหน้าจะทำตัวเป็นคนดี ตอนที่นทีหายตัวไป ยศกรก็ขึ้นมานั่งตำแหน่งประธานบริหารบริษัทแทนทันที ประภาสเล่าให้นทีฟังว่า หลังจากพ่อของนทีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถตกเขา นทีก็รีบเดินทางมาจากอเมริกา และคลางแคลงใจลึกๆ เรื่องที่นาทตาย ว่าจะใช่อุบัติเหตุจริงหรือเป็นฝีมือใคร จึงอยากให้นทีกลับมาช่วยค้นหาความจริง นทีกลับมาบริหารได้ร่วมเดือน โดยมียศกรเป็นคนช่วยให้คำปรึกษา นทีรู้สึกเหนื่อยล้ากับการรับช่วงบริหารบริษัท (นทีบังเอิญพบสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเก่าเก็บเกี่ยวกับรีสอร์ตปลายฟ้าแต่ไม่ได้บอกใคร) เลยขอเวลา 1 อาทิตย์ไปพักผ่อนก่อนกลับมาลุยงานอีกครั้ง เขาอยากไปเที่ยวทะเลมานานแล้ว จนเกิดเรื่องที่เขาหายสาบสูญไป มารู้ทีหลังว่าความจำเสื่อมอยู่บนเกาะ โมย่ามาคุยงานเรื่องการปรับปรุงรีสอร์ต โดยมียศกรคอยดูแล ยศกรถูกใจโมย่าตั้งแต่แรกเห็นและพยายามตามจีบโมย่า และพยายามย้ำเรื่องนทีกับศศิกานต์ให้โมย่าฟัง เพื่อให้โมย่าตัดใจจากนที นทีเข้ามารับหน้าที่ในบริษัท ค่อย ๆ เรียนรู้งานไป โดยยศกรก็ยังเสแสร้งช่วยกันทำงานอย่างดี ระหว่างนั้นนทีก็เริ่มคิดถึงโมย่า สับสนและหวาดระแวงคนรอบข้าง ไม่รู้ว่าใครดี ใครร้าย ที่สำคัญเขาไม่มีความรู้สึกรักศศิกานต์เลย แต่เธอยืนยันว่าเขาคือ พ่อของเด็กในท้อง แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็บังเอิญเห็นศศิกานต์ไปกับผู้กองดนัย ทำให้เริ่มสงสัย นทีกับนายประภาสจึงเริ่มหาข้อมูลกันอย่างลับ ๆ โดยให้เพื่อนที่เป็นตำรวจยศสูงช่วยสืบ จนรู้ว่าผู้กองดนัยคือตำรวจเลวที่ทำคดีพ่อของนที โดยร่วมกับตำรวจใหญ่อีกคนปิดคดีด้วยการบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่แล้วก็เหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อวิชัยหนุ่มแก้เหงาของแจ่มจรัส อยากเอาใจแจ่มจรัส คิดว่าถ้าตัวเองฆ่านทีได้ แจ่มจรัสน่าจะพอใจ วิชัยตัดสินใจขับรถชนนทีจนนทีบาดเจ็บสาหัส แจ่มจรัสกับยศกรทราบเรื่องก็โมโหวิชัยเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้นทีตาย เขายังต้องการให้นทีแต่งงานกับศศิกานต์เพื่อจะเอาสมบัติ แต่เมื่อเรื่องมาแบบนี้ยศกรจำเป็นต้องคิดแผนใหม่ ที่โรงพยาบาล เมื่อนทีฟื้น ความจำและนิสัยเดิมของเขากลับคืนมา แต่เขากลับจำเหตุการณ์บนเกาะนับดาวไม่ได้เลยสักนิด พอดีกับโมย่าทราบข่าวเลยมาเยี่ยมนทีที่โรงพยาบาล เขาถามว่าโมย่าเป็นใคร เขาจำโมย่าไม่ได้ ทำให้โมย่าสะเทือนใจมาก โมย่ากลับเกาะด้วยความรู้สึกเศร้า คิดว่ารักของเธอกับทะเลควรจบลงเสียที เมื่อนทีหายดีก็กลับไปบริหารธุรกิจอย่างเก่งกาจเขี้ยวลากดิน ยศกรใส่ร้ายประภาสว่าเป็นคนวางแผนฆ่านาทโดยสั่งให้วิชัยทำ และยังยักยอกเงินบริษัทด้วย ประภาสพอรู้ว่าตัวเองถูกใส่ร้ายก็รีบหนี และนทีเริ่มจำได้ว่าที่ตนขึ้นเรือยอร์ชก็เพื่อที่จะไปที่รีสอร์ทปลายฟ้านั่นเอง เพราะนทีพบเอกสารสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเก่า เก็บในเซฟของ คุณนาทกับมโน ผู้ทำสัญญาจะขายรีสอร์ท นทีไปที่เกาะนับดาว ศศิกานต์ใส่ข้อมูลกับนทีว่าโมย่าตั้งใจจะจับนทีตอนที่นทีความจำเสื่อม นทีจึงมองโมย่าในแง่ลบ แต่พอเขาได้เจอโมย่าเขากลับรู้สึกสนใจโมย่าจริง ๆ นทีก็ขอให้โมย่าช่วยพาไปยังสถานที่ต่างๆ ในรีสอร์ต และยังพาไปดูภาพวาดฝีมือของเขาเองอีกด้วย นทีใช้เวลาอยู่ที่รีสอร์ตกับโมย่าทำให้เขารักโมย่าขึ้นมาจริง ๆ ยศกรพอรู้ว่านทีมาหาโมย่าก็รีบตามมา พอดีกับประภาสแอบมาหาโมย่าขอให้ช่วย ยศกรเห็นประภาสจึงยิงทันที นทีเข้าไปขวางจนตกหน้าผา โมย่ารีบกระโดดลงไปช่วย และความทรงจำของนทีตอนที่เป็นทะเลก็กลับมา ศศิกานต์โดนทั้งดนัยและแจ่มจรัสกดดัน เธอทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวอยากจบปัญหา เลยจะบอกความจริงกับนทีแต่โดนยศกรฆ่าสะก่อน ยศกรวางแผนใส่ร้ายนทีว่าเป็นคนฆ่าศศิกานต์ นทีที่กำลังจะไปหาศศิกานต์ก็โดนจับ แต่โชคดีที่ยังประกันตัวออกมาได้ ประภาสและเพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยนทีให้หลุดจากความผิดและช่วยกันหาหลักฐานเอาผิดยศกรกับแจ่มจรัสให้ได้ โมย่าอยากช่วยนที เลยเข้าหายศกรเพื่อเข้าไปหาหลักฐานในบ้านแจ่มจรัส แต่แจ่มจรัสไม่โง่เลยจับได้ว่าโมย่าเข้ามาสืบ จึงบอกกับยศกรโดยเอาภาพจากกล้องวงจรปิดให้ยศกรดู ว่าโมย่าแอบมาติดเครื่องดักฟังในบ้าน ยศกรโกรธมากที่ตัวเองถูกโมย่าหลอก เขาตั้งใจไปหาโมย่าเพื่อล่อนทีออกมาและจัดการฆ่าทิ้งทั้งโมย่าและนที ด้านแจ่มจรัสพอรู้ว่าดนัยจะมาเอาเรื่องตนก็ซ้อนแผนให้ตำรวจมาจับดนัย แต่ดนัยจะฆ่าแจ่มจรัสเลยถูกตำรวจยิงเสียชีวิต นทีกับโมย่าจะเอาชีวิตรอดจากยศกรได้อย่างไร?
ราชินีหมอลำ (2548/2005) เสียงร้องเพลงหมอลำของ คำนาง เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ระหว่างที่เธอกับ พิณ ผู้เป็นแม่หาบของไปขายเพื่อหาเงินมารักษาดวงตาของ ศักดิ์ ผู้เป็นพ่อที่ใกล้จะบอด พิณตัดสินใจไปทำงานกับคณะหมอลำตามคำชักชวนของ ศรีวัน และวันหนึ่งโอกาสของพิณก็มาถึงเมื่อเธอได้เป็นนักร้องขวัญใจประชาชน โดยใช้ชื่อใหม่ว่า ดาราราย ประกายเพชร คำนางต้องทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อและ นิ่ม น้องสาว เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี คำนางก็ได้ข่าวของแม่จากเพื่อนบ้านว่าพิณไปตระเวนแสดงดนตรีอยู่กับสามีใหม่ ทำให้ศักดิ์และลูกตัดสินใจเข้ากรุงเทพเพื่อพิสูจน์ความจริง รุจน์ เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทเทปเพลงเสียงสวรรค์ ติดตามต่อได้ใน ราชินีหมอลำ
เหตุเกิดในครอบครัว (2550/2007) สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า) นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้ หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า? ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้ น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...
พระจันทร์ลายกระต่าย (2542/1999) เรื่องราวของชีวิตวัยรุ่นที่ถูกหล่อหลอมมาด้วยความรักแต่ทุกสิ่งถูกดำเนินไปด้วยธรรมชาติของชีวิต รัก โลภ โกรธ หลง อำนาจ ศักดิ์ศรี และชื่อเสียง "พระจันทร์ลายกระต่าย" เป็นเหมือนสื่อกลางที่หล่อหลอมให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นเกิดขึ้นในจิตใจ..ไม่มีใครเช่ือว่า การอธิษฐานขออะไรบางอย่างจากพระจันทร์ จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมีแต่ "เข่ง" คนเดียวเท่านั้นที่เชื่อถือ...จิตใจของเขาจึงบริสุทธิ์กับทุกสิ่งทุกอยาง จากการกำกับของ อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์ นำแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, ศราวุธ นวแสงอรุณ, ชาช่า อัลเทอร์แมทท์, อินทิรา แดงจำรูญ, นภัสกร มิตรเอม ... ลองแหงนหน้ามองพระจันทร์ แล้วตั้งจิตอธิษฐานสิ่งที่คุณขอนะครับ ขอให้สมหวัง...
ไฟสิ้นเชื้อ (2563/2020) อรวี (หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล) ถูก ธาร (ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช) สามีผู้แสนดีทรยศหักหลังด้วยการแอบคบชู้กับ วิชุดา (หญิง-รฐา โพธิ์งาม) พี่สาวต่างแม่ที่กลับมาแก้แค้น โดยมี สุวิภา (ต้อม-ณหทัย พิจิตรา) เพื่อนนักธุรกิจรุ่นพี่ของอรวีเป็นผู้ให้ข้อมูล แถมยังพาให้อรวีตามไปอาละวาดจับได้คาหนังคาเขา ซึ่งตอนนั้นธารก็ได้ขอหย่ากับอรวี เพราะวิชุดากำลังตั้งท้อง แต่อรวีไม่ยอมและไม่ให้วิชุดาได้อะไรไปทั้งสิ้น ธารจึงยอมออกไปแต่ตัว และขอ เอกองค์ หรือ เอก (จอส เวอาห์) และ อัจรี หรือ ฟ้า (ฟ้า-ยงวรี งามเกษม) ลูกบุญธรรมไปดูแล แต่อรวีก็ไม่ยอมอีก ธารจึงได้เอกองค์ไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียว จนกระทั่ง 18 ปีผ่านไป อัจรีที่เป็นฝ่ายต้องอยู่กับอรวี กลายเป็นคนเก็บกดและเก็บความรู้สึก เพราะถูกอรวีทำร้ายร่างกายทุกครั้งที่นึกถึงความแค้นในอดีต แต่อัจรียังให้อภัยอรวีได้เสมอเพราะคำสั่งสอนของ จำเนียร (นนทิยา จิวบางป่า) พี่เลี้ยงคนสนิทคนเก่าแก่ของอรวี เอกองค์และธารยังแอบติดต่อกับอัจรีมาโดยตลอด อรวีที่รู้ว่าเอกองค์แอบมีความรู้สึกเกินพี่น้องกับอัจรี จึงจัดการให้ อัจรี แต่งงานกับ บุรินทร์ หรือ เบน (บี้-ธรรศภาคย์ ชี) ลูกชายเพลย์บอยของสุวิภาที่ต้องการเงินของอรวีมาช่วยพยุงฐานะที่กำลังง่อนแง่น ทำให้เอกองค์เสียใจหนักจนนำพาไปสู่การปรับทุกข์กับ ณริน (ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล) และพัฒนากลายเป็นความรัก ไฟสิ้นเชื้อ สิ่งที่อรวีทำทั้งหมดก็เพื่อความสะใจที่จะได้สร้างความเจ็บปวดส่งต่อไปให้ถึงธารที่กำลังเครียดหนัก ทั้งเรื่องที่วิชุดาเปิดเผยธาตุแท้ที่ร้ายกาจออกมา แถมยังมีเรื่องของ พาขวัญ หรือ พีพี (พลอย-ภัชธร ธนวัฒน์) ลูกสาวของธารกับวิชุดาที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา จนถูกไล่ออกและต้องย้ายไปเรียนโรงเรียนประจำในกรุงเทพฯ ธารจึงฝากฝังให้ณริน ครูฝึกสอนลูกสาวของ คำรณ (แอนนา ชวนชื่น) เพื่อนนักธุรกิจท้องถิ่นของธารช่วยดูแล แต่อรวีก็สืบจนรู้ความเคลื่อนไหวของครอบครัวธาร จึงจ้างวาน รอน (ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร) น้องชายของ พล (เจได-เศรษฐศิษฎ์ ลิ้มกษิดิ์เดช) คนขับรถที่มีตำแหน่งเป็นเครื่องมือระบายความใคร่อย่างลับ ๆ ของอรวี ไปล่อลวงให้พาขวัญเสียผู้เสียคน ด้านบุรินทร์ที่ไม่ยอมหยุดอยู่ที่อัจรี แต่กลับพอใจในเสน่ห์ของอรวี และพยายามเข้าหาอรวี จนอรวีใจอ่อน หลังจากนั้นไม่นานอัจรีจับได้ว่าบุรินทร์กับอรวีมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน อัจรีเสียใจมากและรับไม่ได้ ตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่กับธาร บุรินทร์ที่สำนึกผิดและรู้ใจตัวเองก็พยายามไปง้อขอคืนดีอัจรี ส่วนวิชุดาก็รู้ความจริงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังชีวิตที่พังพินาศของลูกสาวเธอคืออรวี ทั้งสองคนทะเลาะกันอย่างหนัก อรวีจะสำนึกผิดและยอมดับไฟแค้นในใจตนลงได้อย่างไร ติดตามบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในละคร ไฟสิ้นเชื้อ
เรื่องย่อ : คุณหญิงพวงแข (2536/1993) "แม่และพ่อบังเกิดเกล้า มีความรู้สึกตื้นตันแถมปีติยินดี ที่ได้มีโอกาสทำหน้าที่พ่อแม่อย่างสมบูรณ์ คุณหญิงพวงแข นรราชภักดีปีติยินดียิ่งว่าคนอื่น ที่ท่านดูคนไม่ผิด ใครจะคิดว่าเด็กรุ่นสาวขมุขมอมโกโรโกโสจากลพบุรีคนนั้นจะกลายเป็น วรุณยุพา ธรรมวิฑูรย์ จากลพบุรีผู้มีฉายาว่า 'ลูกศิษย์ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ'เหินฟ้าไปสู่ดินแดนของจิงโจ้ เพื่อการก้าวหน้าในอนาคต...............
รักแลกภพ (2563/2020) เมื่อหนุ่มคนดังบนโลกโซเชียลแห่งปี พ.ศ. 2563 ต้องย้อนเวลากลับไปหาอดีต สู่สมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่นอกจากจะต้องหาทางกลับโลกปัจจุบันให้ได้ เขายังต้องเจอกับเรื่องราวแสนชุลมุนมากมาย พร้อมภารกิจช่วยคุณทวดเลือกคู่ครองให้ถูกคน เมื่อเขาย้อนเวลากลับไปหาอดีตถึง 100 ปี เรื่องราวรักข้ามภพ ที่กาลเวลานำพาเขาและเธอมาเจอกันจึงเริ่มต้นขึ้น ติดตามชมความสนุกกันต่อได้ในละคร รักแลกภพ
One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ (2563/2020) เมื่อความรักสุกงอมได้ที่ ตั้ม (สัญญา คุณากร) พ่อหม้ายลูกสองแสนอบอุ่น ตัดสินใจขอ มุก (คัทลียา แมคอินทอช) แม่หม้ายลูกสี่ (บวกหนึ่ง) แต่หัวใจยังวัยรุ่น แต่งงานกัน แค่ขอแต่งงานปัญหาก็มาแล้ว เพราะมุกไม่เคยบอกลูก ๆ ทั้งห้าของตนเลยว่าคบกันกับตั้มอยู่ มุกขอเวลาอธิบายเรื่องนี้ให้ลูก ๆ ทั้งห้าได้เข้าใจก่อน แต่ไม่ว่าจะยังไงมุกก็ไม่กล้าพูดออกไป ตั้มเลยวางแผนให้ลูก ๆ ทั้งห้าของมุกมาเจอกับลูก ๆ ทั้งสองของตน ในวันคล้ายวันเกิดของมุก ทันทีที่สองพี่น้อง บูม (จิรายุ ละอองมณี) และ เบบี้ (ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา) ปรากฏตัวขึ้นในงาน ความไม่พอใจก็เกิดขึ้นในบ้านทันทีโดยเฉพาะกับ เพชร (เฌอปราง อารีย์กุล) ลูกสาวคนโตที่สงสัยในความสัมพันธ์ของคู่ลุงและแม่ และ แพรวพราว (นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล) ลูกสาวคนเล็กที่ไม่ถูกชะตากับเบบี้อย่างหนัก และเมื่อได้รู้ว่าเบบี้จะย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกันก็ยิ่งไม่ชอบหน้ากันเข้าไปใหญ่ เพชรตัดสินใจถามมุกตรง ๆ เรื่องลุงตั้มจนทำให้ได้รู้ว่าทั้งคู่กำลังคบกัน และเมื่อบอกว่าลุงตั้มขอมุกแต่งงานแล้ว ทุกคนก็ช็อค ทำอะไรไม่ถูก จนตัดสินใจหนีแม่กันไปทั้งบ้าน คืนนั้นเพชรคิดเรื่องแม่ได้เลยตัดสินใจพากันกลับบ้าน และยื่นข้อเสนอที่ไม่คาดคิดว่าจะมาจากลูกสาวคนโตนั่นคือ "ให้ทั้งสองบ้านทดลองย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันเป็นระยะเวลา 1 ปี เมื่อถึงตอนนั้นมีใครที่ไม่มีความสุขแม้แต่คนเดียว ทั้งคู่ต้องเลิกกันทันที" ซึ่งมุกและตั้มตอบตกลง ฝั่งตั้มจึงเริ่มย้ายของเข้าบ้าน วันแรกของการทดลองอยู่ด้วยกัน แพรวพราว ไม่ถูกใจฝั่งตั้มอย่างหนัก โดยเฉพาะกับเบบี้ที่ทำนิสัยกวนบาทามาก แถมอยู่โรงเรียนยังแย่งความสนใจจากทุกคนแม้กระทั่ง จิ๊บบี้ (พิชญาภา นาถา) เพื่อนสนิทเพียงคนเดียว เมื่อความอดทนหมดลง เธอจึงแกล้งเบบี้ด้วยการหนีไปเที่ยวกับเพื่อนและปล่อยให้เบบี้กลับบ้านตามลำพังจนหลงทาง คืนนั้นบูมและเพชรออกตามหาโดยมี พลอย (ปัญสิกรณ์ ติยะกร) ลูกสาวคนที่สอง และ มาร์ค (ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) ดาราชื่อดังและเพื่อนร่วมคณะของพลอย ช่วยออกตามหาอีกแรง จนกระทั่งเจอตัวและพากลับบ้าน ทันทีที่กลับบ้านแพรวพราวโดนต่อว่าอย่างหนัก ด้วยความอดทนที่หมดลงแล้ว และความโกรธที่แม่ไม่เข้าข้างตัวเอง เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่กับ ภูมิ (ธิตินันท์ ชุ่มภาณี) อดีตสามีของมุกและพ่อของเธอแทน ในขณะเดียวกัน ไพลิน (วีรยา จาง) ลูกสาวคนที่สามของมุกที่ดรอปจากคณะแพทย์เพราะเรียนไม่ไหว เริ่มไม่พอใจตั้มที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิต เธอพยายามตั้งกำแพงตีตัวออกห่าง แต่ตั้มก็พยายามเข้าหาเพื่อทำให้มุกสบายใจ ไพลินเริ่มหมดความอดทนกับตั้มเธอจึงประกาศกร้าวว่าขอให้อยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่ต้องยุ่งกันและกันเพราะเธอไม่ชอบ ช่วงเวลาเดียวกันนั้นแพรวพราวและเบบี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในงานแต่งงานของน้ำฟ้าลูกน้องคนสนิทของมุก ทั้งคู่พยายามปรับความเข้าใจกันจนในที่สุดก็คืนดีและยอมเป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ความสัมพันธ์ของแพรวพราวและเบบี้ที่ดีขึ้น ทำให้ไพลินตัดสินใจออกจากบ้านไปอยู่กับภูมิแทนเพราะเธอหมดความอดทนกับตั้ม และรอจังหวะที่เหมาะสมนานแล้ว แต่เรื่องราวในงานแต่งงานยังไม่จบเพียงแค่นั้น ตะวัน (เพลินพิชญา โกมลารชุน) คาสโนวี่หัวแก้วหัวแหวนของ ดาว (รัญญา ศิยานนท์) พี่สาวของมุก และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเพชร เริ่มมีใจให้กับบูมโดยไม่รู้ตัว แต่บูมนั้นมีใจให้กับเพชรอยู่แล้ว และเพชรเองก็มีใจให้กับบูมจากที่ทั้งคู่เป็นหมอและคนไข้ให้ ความสัมพันธ์นี้ล่วงรู้ไปถึงดาว จนดาวต้องเอากลับมาถามมุกว่ากำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่ มุกไม่ทันได้สังเกตเลยเริ่มคิดแล้วว่าวิธีนี้ของเพชรนั้นเวิร์คจริงหรือไม่ ใต้ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงภายในบ้าน พลอย ก็แอบมีความสัมพันธ์แบบลับ ๆ กับ มาร์ค แบบไม่ให้ใครรู้ โดยเฉพาะสังคมภายนอก เพราะมาร์คกลัวพลอยจะเป็นข่าวเสียหาย และตนก็มีคนจับจิ้นกับ กอหญ้า (ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช) อยู่ ถ้าเรื่องของพลอยหลุดออกไป ตนกลัวว่าพลอยจะรับเรื่องนี้ไม่ไหว แต่แล้วข่าวของพลอยก็หลุดออกโซเชียล จนทำให้ทุกคนหันมาต่อว่าพลอย พลอยตัดสินใจบอกเลิกกับมาร์ค เพื่อให้มาร์คไปหาคนที่เหมาะสมกว่า ในที่สุดระเบิดเวลาก็ทำทุกอย่างพังทลายลง ไพลินรู้ความจริงว่าที่พ่อไม่รักและไม่ใส่ใจตัวเองเหมือนแต่ก่อน เป็นเพราะว่าภรรยาใหม่ของภูมิกำลังตั้งท้อง และเป็นลูกผู้ชายที่ภูมิอยากได้ ไพลินน้อยใจมากเลยตัดสินใจหนีไปอยู่กับ ทราย (กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์) แฟนสาวของตน ตั้มตัดสินใจออกตามหาไพลินจนเจอและได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ไพลินไม่อยากให้มุกรู้ ตั้มเริ่มเข้าใจไพลินและทำให้กำแพงที่ไพลินตั้งไว้พังลง ไพลินเปิดใจรับตั้มเข้ามาอยู่ในครอบครัวได้สำเร็จ แต่กับ ตะวัน บูม และเพชร ยิ่งนานวันความสัมพันธ์ก็ยิ่งยุ่งเหยิง เพชรรู้เรื่องที่ตะวันแอบชอบบูม เลยยอมถอยห่างจากบูมเพื่อเปิดโอกาสให้ตะวันได้สานสัมพันธ์กับบูม แต่บูมกลับไม่ได้ชอบตะวันเลยแม้แต่น้อย ตะวันเองก็สืบจนรู้เองว่าบูมกับเพชรชอบกัน คืนนั้นตะวันตัดสินใจบอกรักบูม แต่บูมขอปฏิเสธเพราะยังลืมคนเก่าไม่ได้ ตะวันที่ได้ยินเช่นนั้นจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านกลับไปอยู่บ้านตนที่สุพรรณบุรี บูมก็ย้ายออกจากบ้านไปอยู่บ้านเดิมของตน ความสัมพันธ์ที่พังทลายลงของเพชร บูม และตะวัน ทำให้ข้อตกลงเรื่องการทดลองอยู่ในบ้านของเพชรเป็นโมฆะ มุกเลยบอกเลิกตั้มตามข้อตกลง และขอกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีดังเดิม ทุกอย่างในบ้านกลับไปอยู่ในสภาพเดิม แม่เลี้ยงเดี่ยวกับลูกสาวทั้งสี่ สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือสีสันของบ้านอย่างตะวันที่ยังไม่ยอมกลับมา ขนาดมุกเปิดวิดีโอคอลล์คุยกัน เมื่อหันไปหาเพชร ตะวันรีบวางสายหนีหน้าเพชรทันที แต่กับคนอื่น ๆ แพรวพราวและเบบี้ยังติดต่อช่วยเหลือซึ่งกันแม้จะอยู่คนละโรงเรียนแล้ว ไพลินก็ยังไปเรียนทำกับข้าวกับตั้มตามปกติเพื่อเตรียมตัวสอบเรียนทำอาหารตามความฝันของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันมุกและตั้มก็ยังคงคิดถึงกันไม่ห่าง ตั้มหาโอกาสมาเซอร์ไพร์สมุกในวันเกิด และยังรอโอกาสที่มุกจะเปิดใจให้ แต่นั่นก็ทำให้เพชรไม่สบายใจเพราะแม่ขัดข้อตกลง จนทุกคนต้องบอกว่าที่เรื่องเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเพชรคนเดียว เพชรฉุกคิดขึ้นได้จึงเดินทางไปขอโทษตะวันที่สุพรรณบุรี และรับตะวันกลับมาอยู่ด้วยกัน แม้ตะวันจะให้อภัยแต่ก็สายไปแล้วเพราะตะวันตัดสินใจสอบบรรจุครูที่โรงเรียนในจังหวัด เพชรเคารพการตัดสินใจของตะวัน แต่ตะวันก็ยืนยันว่าถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาหาที่บ้านเหมือนเดิม ในวันแข่งขันรอบสุดท้ายของแพรวพราว เพชรได้เจอกับบูมอีกครั้ง แต่คราวนี้บูมไม่ได้มาตัวคนเดียว แต่ยังพามิ้มแฟนสาวมาเที่ยวเป็นเพื่อนด้วย เพชรเสียใจมากเลยกลับไปเก็บตัวอยู่คนเดียว ในเมื่อคนในบ้านยังไม่มีความสุข ที่เหลือจึงเริ่มปฏิบัติการสานสัมพันธ์ในบ้าน โดยเริ่มจากพลอยที่เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ทุกคนเชียร์ให้พลอยกลับไปขอคืนดีกับมาร์คในวันเปิดตัวละครใหม่ เช่นเดียวกับกอหญ้าที่มาเจอพลอยซึ่งกำลังฝึกงานอยู่โดยบังเอิญ กอหญ้าก็เชียร์ให้พลอยกับมาร์คกลับมาคบกัน พลอยจึงทำตามที่ทุกคนขอและมาร์คที่ได้เห็นเช่นนั้นเลยตอบตกลงกลับมาคบกับพลอย ส่วนเรื่องของเพชร ตะวัน และบูม เมื่อทุกคนสืบจนรู้ว่าตะวันสอบไม่ติดครูที่สุพรรณบุรี จึงชวนกันกลับมาบ้าน ตะวันย้ายกลับมาอยู่บ้านถาวรเพื่อเตรียมสอบครูในกรุงเทพฯ ทำให้ทุกคนดีใจมาก แต่ทุกอย่างก็ยังไม่จบ ยังเหลือเรื่องของเพชรและบูมที่ยังไม่ลงเอยกัน ตั้มเลยมาส่งข่าวว่าบูมกำลังจะออกไปต่างจังหวัด ถ้าไปทันเพชรกับบูมอาจจะได้เจอกัน ทุกคนเลยรีบไปส่งเพชรที่สถานีรถไฟก่อนขบวนสุดท้ายออกจากสถานี และแล้วเพชรกับบูมก็ได้เจอกัน เพชรตัดสินใจบอกความในใจทุกอย่างกับบูม ทำให้บูมดีใจมากที่เพชรยอมรับความรู้สึกตัวเองได้สักที และแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็จบลง ทั้งสองบ้านหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ มุกแต่งงานกับตั้มและซื้อบ้านขาดจากภูมิโดยสมบูรณ์ และทั้งหมดก็อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข 9 คน พ่อ แม่ ลูก
3 หนุ่ม 3 มุม x2 2020 (2563/2020) เรื่องราวของ 3 คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว กับลูกชายทั้ง 3 ที่ต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เอกพล (กบ ทรงสิทธิ์) พี่ชายคนโตที่มีนิสัยเจ้าระเบียบ มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนชื่อ หนึ่ง (บี เสถียรพงษ์) หนุ่มเจ้าสำอาง เนี้ยบทุกองศา ส่วนพี่ชายคนกลาง ทศพล (แท่ง ศักดิ์สิทธิ์) คุณพ่อสายอบอุ่น เฟรนด์ลี่ มีลูกชายสุดรักอย่าง เฟิร์ส (ปีโป้ ณัชพัณณ์) หนุ่มนักเรียนนอก มาดยียวน และหัวรั้น และน้องสุดท้อง พีรพล (มอส ปฎิภาณ) คุณพ่อสายฮา มีลูกชายชื่อ อูโน่ (ซี ปรัตถกร) ที่ถอดแบบมาเป๊ะ ทั้งซ่า กล้า บ้าบิ่น เมื่อ 6 หนุ่ม 2 เจนเนอเรชั่น ต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เรื่องราวในบ้านหลังนี้จะวุ่นวายและชุลมุนขนาดไหน ? ติดตามชมเรื่องราวความรักความผูกพันของคนในครอบครัวกันต่อได้ในซิตคอม 3 หนุ่ม 3 มุม x 2
เรื่องย่อ : พ่อหม้ายเลขท้ายสองตัว (2563/2020) ภาณุ พ่อหม้ายเมียตาย ต้องทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อเลี้ยงดู โอเล่ กับ เนเน่ ลูกสาวและลูกชายวัย 7 ขวบ ตามลำพัง หลังจากที่ ร้อยแก้ว เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือด เมื่อปีเศษ ๆ ที่ผ่านมา เขาใช้เงินทั้งหมดที่มีรักษาร้อยแก้ว แม้กระทั่งบ้านก็เอาไปจำนองธนาคารไว้....แต่ในที่สุดร้อยแก้วก็จากเขาและลูกไปอย่างไม่มีวันกลับ ...คำสุดท้ายที่ร้อยแก้วสั่งเสียโอเล่กับเนเน่ ก็คือ "โอเล่ เนเน่ แม่ฝากพ่อด้วยนะลูก"
เมียแต่ง (2554/2011) คงไคย (พัชฏะ นามปาน) หนุ่มสังคมที่ใช้ชีวิตเสเพลมาตลอดต้องช็อคสุดขีดเมื่อ คุณหญิงภวัน (ดวงตา ตุงคะมณี) ประธานกรรมการบริหารพีวีเรียลเอสเตท ผู้เป็นแม่บังคับให้แต่งงานกับ อรุณประไพ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ลูกสาวของอดีตนายอำเภออรุณกับ นางประไพ (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ที่เคยช่วยเหลือคุณหญิงไว้เมื่อครั้งที่พ่อของคงไคยฆ่าตัวตายเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว คงไคยรับไม่ได้เพราะปักใจเชื่อว่าตนเองนั้นรัก ปรุงฉัตร (พรชิตา ณ สงขลา) นางแบบสาวสุดฮอทลูกสาวคนเล็กของ คุณประกอบ (กฤตย์ อัทธเสรี) และ คุณเนื้อทิพย์ (ภัสสร บุณยเกียรติ) หุ้นส่วนในบริษัทที่มีจำนวนหุ้นมากเป็นอันดับสองรองจากคุณหญิงภวัน แต่คุณหญิงภวันรู้ดีกว่าการเข้ามาของปรุงฉัตรเป็นเพราะคุณประกอบต้องการรวบหุ้นทั้งหมดไว้ในมือเพื่อดันตัวเองขึ้นเป็นประธานบริหาร และผลักดันให้ ณรงค์ (นิธิ สมุทรโคจร) ผู้เป็นลูกชายขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งรองประธานบริหาร ทำให้คุณหญิงภวันพยายามจะขัดขวางเพราะพีวีเรียลเอสเตทคือสิ่งที่คุณหญิงภวันทุ่มเทมาชั่วชีวิตเพื่อเป็นมรดกให้แก่คงไคย คุณหญิงภวันเป็นห่วงคงไคยที่ยังทำตัวเป็นเสือผู้หญิงที่เสเพลเละเทะไม่เป็นท่าไปวัน ๆ และยิ่งนึกถึงเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่น้อยเต็มที เนื่องจากคุณหญิงภวันรู้ตัวว่ากำลังเป็นมะเร็งในระยะรุนแรงแต่เพราะเหตุผลทางธุรกิจคุณหญิงภวันจึงต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและเริ่มวางแผนชีวิตให้กับลูกชาย เธอต้องการให้คงไคยได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีสักคนที่ไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุกอย่างปรุงฉัตร เพื่อที่จะช่วยประคับประคองชีวิตของคงไคยให้กลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้และอรุณประไพคือคนที่คุณหญิงภวันเลือก คงไคยไม่เชื่อว่าจะมีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก จึงปักใจเชื่อว่าอรุณประไพคงเป็นผู้หญิงที่หิวเงินจึงรับข้อเสนอได้อย่างหน้าไม่อาย ยิ่งได้รู้ประวัติของอรุณประไพว่ามีพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดและจบทางด้านการเรือน ทำให้คงไคยรู้สึกดูถูกอรุณประไพแม้ยังไม่ได้เห็นหน้า เพราะคิดว่าอรุณประไพช่างเป็นหญิงสาวที่ไร้ศักดิ์ศรีและยอมแต่งงานเพื่อเงิน คงไคยพยายามจะขุดคุ้ยและหาข้อเสียของอรุณประไพเพื่อมาหักล้างและล้มเลิกพิธีแต่งงานให้ได้ คงไคยสืบจนรู้ว่าอรุณประไพเพิ่งเลิกราจาก ภุชงค์ (พิษณุ นิ่มสกุล) ปลัดหนุ่มที่เธอคบหาดูใจมาหลายปี เพราะภุชงค์จำเป็นต้องไปรับผิดชอบลูกในท้องของ เบญ (วรันลักษณ์ ศิริมณีวัฒนา) ผู้หญิงที่เขาเผลอไปมีสัมพันธ์ด้วย ยิ่งทำให้คงไคยผู้คร่ำหวอดกับความสัมพันธ์ฉาบฉวยมั่นใจว่าอรุณประไพไม่ใช่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวแสนดีอย่างที่คุณหญิงภวันเข้าใจ อาการเกเรของคงไคยสร้างความปวดหัวให้กับคุณหญิงภวันจน คุณทองถม (อนันต์ บุนนาค) ทนายความประจำตระกูล ต้องเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมให้คิดถึงความรักของคุณหญิงภวันที่เลี้ยงดูคงไคยมาเพียงลำพังและพยายามบอกเป็นนัย ๆ ถึงอาการป่วยของคุณหญิงภวัน คงไคยแม้ไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทองถมพยายามบอกนักแต่ด้วยหัวใจที่รับรู้ถึงความรักของคุณหญิงภวันที่ครองตัวเป็นม่ายมาตลอดเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคงไคย ความจริงที่คุณหญิงภวันคิดถึงความสุขของคงไคยก่อนตนเองเสมอข้อนี้ทำให้คงไคยยอมตกลงเข้าพิธีแต่งงานกับอรุณประไพ ยิ่งใกล้วันแต่งอรุณประไพก็มีแต่ความลังเลไม่แน่ใจในการตัดสินใจแต่งงานครั้งนี้ เพราะลึก ๆ อรุณประไพรู้ดีว่าการยอมแต่งงานครั้งนี้เป็นเพราะอรุณประไพต้องการหนีจากภุชงค์ที่ยังพยายามจะขอคืนดี หนีให้พ้นจากคำว่ามือที่สามที่จะไปทำลายครอบครัวของใคร ประกอบกับอรุณประไพรู้ถึงอาการป่วยของคุณหญิงภวัน อรุณประไพเห็นใจในความทุกข์ของคุณหญิงภวัน แม้จะรู้ว่าสิ่งที่คุณหญิงขอร้องคือการเอาชีวิตไปผูกมัดกับชายแปลกหน้าที่ไม่มีความรักต่อกัน แต่การถูกชายคนรักทรยศก็ทำให้อรุณประไพหมดศรัทธากับความรัก เมื่อไม่เชื่อมั่นในความรักและสถานการณ์ที่ชาวบ้านจับตามองจากคำใส่ร้ายของฝ่ายภรรยาภุชงค์ ผลักดันให้อรุณประไพตัดสินใจเลือกที่จะแต่งงาน แม้ยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างแต่อรุณประไพก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป แม้คงไคยจะทำเฉยชาไม่รับรู้เพื่อแสดงให้เห็นว่าต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้ แต่งานแต่งก็มาถึงจนได้ คงไคยได้พบหน้ากับเจ้าสาวเป็นครั้งแรกในวันแต่งงาน คงไคยทึ่งในความสวยสง่าของเจ้าสาวยิ่งทำให้เขากังขาหนักขึ้นอีกว่าเหตุใด หญิงสาวที่ดูดีแบบไม่มีที่ติเช่นนี้จึงยอมลงเอยใช้ชีวิตคู่กับคนที่ไม่ได้รัก ยิ่งเมื่อคงไคยได้เห็นภุชงค์มาอวยพรหญิงสาวด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ก็ยิ่งทำให้คงไคยแสดงอาการดูถูกอรุณประไพด้วยการเพิกเฉยและเย็นชาใส่เหมือนว่าเธอไม่มีตัวตนในโลกเพื่อให้สาสมกับที่อรุณประไพยอมขายวิญญาณมาแต่งงานอย่างไม่มีศักดิ์ศรีสักนิด เมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่กับคนแปลกหน้า คงไคยพบว่าอรุณประไพนั้นห่างไกลจากผู้หญิงในแบบของเขามากจนไม่อยากจะเชื่อว่าแม่แท้ ๆ ของเขาจะเป็นคนจัดหามาให้ ในสายตาของคนขี้เบื่ออย่างคงไคยนั้นเขารู้สึกว่าอรุณประไพแสนจะเรียบง่าย ไร้เสน่ห์ จืดชืด ไม่มีอะไรท้าทายและกระตุ้นอารมณ์ของเสือผู้หญิงอย่างเขาได้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงแยกห้องนอนออกไปและไม่คิดที่จะแตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายก้อย สร้างความโล่งใจให้อรุณประไพอย่างมาก แม้ลึก ๆ อรุณประไพจะเตรียมใจที่จะต้องยอมรับหน้าที่ในการเป็นภรรยาทางพฤตินัยก็ตาม ถึงจะต้องทนกับพฤติกรรมเย็นชาของคงไคยแต่อรุณประไพก็ยังดูแลความเรียบร้อยตลอดจนอาหารการกินให้กับทุกคนในบ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ความละเอียดและเอาใจใส่ค่อย ๆ ซึมลึกกลายเป็นความคุ้นเคยในชีวิตของคงไคยทีละน้อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ปรุงฉัตรถูกคุณประกอบเรียกกลับจากเมืองนอกทันทีที่งานแต่งงานของคงไคยผ่านไป ปรุงฉัตรถูกคุณประกอบทำร้ายเป็นที่ระบายความโกรธที่ไม่สามารถรวบคงไคยไว้ได้ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ แม้สังคมจะรับรู้ว่าปรุงฉัตรคือลูกสาวของคุณประกอบและคุณเนื้อทิพย์ แต่ภายในครอบครัวปรุงฉัตรเป็นเพียงลูกติดของภรรยาลับของคุณประกอบที่ถูกเลี้ยงดูอุ้มชูแบบตามมีตามเกิด และต้องคอยเป็นคนรับใช้ให้กับณรงค์ ลูกชายแท้ ๆ ของคุณประกอบและคุณเนื้อทิพย์ตั้งแต่เด็ก เมื่อโตเป็นวัยรุ่นก็ยังถูกณรงค์ปลุกปล้ำใช้เป็นที่ระบายความใคร่ ปรุงฉัตรพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมแต่สิ่งที่ได้รับคือสภาพที่เหมือนทาสที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้น ความกดดันและความแค้นที่ถูกกดขี่ผลักดันให้ปรุงฉัตรพยายามสร้างความสำคัญให้ตัวเอง จนได้เป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จ ความเซ็กซี่ของปรุงฉัตรดึงดูดให้ได้มีโอกาสรู้จักกับคงไคย เมื่อคุณประกอบสั่งให้ปรุงฉัตรมัดใจคงไคยจะทำให้ปรุงฉัตรพ้นจากสภาพทาสในเรือนเบี้ยนี้สักที ยิ่งคงไคยมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและแสดงออกว่าหลงใหลให้ความสำคัญในตัวปรุงฉัตรมาก ทำให้ปรุงฉัตรที่รคิดที่จะแต่งงานกับคงไคยให้ได้ เมื่อคงไคยแต่งงานกับอรุณประไพทำให้ความหวังของปรุงฉัตรพังทลาย ทำให้เธอเจ็บแค้นที่คุณหญิงภวันจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดเพื่อกีดกันไม่ให้เธอเข้าไปเป็นลูกสะใภ้ของบ้าน แต่เพราะคงไคยกลับมาสานสัมพันธ์เพื่อต้องการแสดงให้อรุณประไพเห็นว่าคงไคยไม่เห็นความสำคัญที่ต้องเกรงใจอรุณประไพ ทำให้ปรุงฉัตรมั่นใจว่าความร้อนแรงของตัวเองจะมัดใจคงไคยไว้ได้ และพยายามทำทุกทางเพื่อจะประกาศถึงความสำคัญของตัวเองที่มีต่อคงไคยให้อรุณประไพได้เห็น ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำที่หยามเย้ยให้รู้สึกว่าตำแหน่งเมียของอรุณประไพไม่ได้มีความหมายใด ๆ เลย และพยายามทำให้สังคมรับรู้ด้วยการกระจายรูปคู่แบบแนบชิดลงไปในอินเตอร์เน็ต คอยปั่นข่าวให้เกิดกระแสเพื่อบีบให้อรุณประไพอับอายและหย่าขาดจากคงไคย แต่อรุณประไพก็ยังไม่แสดงท่าทีว่าโกรธหรือใส่ใจคนทั้งคู่ด้วยซ้ำ ปรุงฉัตรกลับเป็นฝ่ายทนไม่ได้พยายามจะระรานอรุณประไพจนคุณหญิงภวันต้องคอยปกป้องโดยให้ แฉล้ม (พิสมัย วิไลศักดิ์) คนรับใช้เก่าแก่คอยรับหน้าเป็นปากเสียงแทนจนปรุงฉัตรต้องล่าถอยกลับไปทุกครั้งโดยที่อรุณประไพไม่เคยร้อนตามปรุงฉัตรเลยสักครั้งทำให้คงไคยคิดว่าผู้หญิงอย่างอรุณประไพมีแต่ความเย็นชาเป็นนางชีต่อผู้ชายทุกคนในโลก แต่เมื่อภุชงค์ยังพยายามมาหาอรุณประไพ ความอ่อนหวานของอรุณประไพที่มีต่อภุชงค์ต่างจากความเย็นชาที่แสดงออกกับคงไคย ทำให้คงไคยที่ได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ไม่พอใจที่อรุณประไพไม่เคยให้ความสำคัญเหมือนคงไคยไม่มีตัวตน คงไคยคิดจะเอาชนะอรุณประไพด้วยการทำให้อรุณประไพหลงรักให้จงได้ แต่อรุณประไพก็ไม่ได้สะทกสะท้านและให้ความสนใจแต่การทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอจัดระเบียบชีวิตให้กับคงไคยเพื่อแก้นิสัยไร้ระเบียบและมักง่ายของเขา คุณหญิงภวันรู้สึกดีใจที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกชายไปทีละน้อยชนิดที่แม้แต่คงไคยเองก็คงยังไม่ทันสังเกต เพราะคงไคยมัวแต่กำลังสนุกกับการท้าทายเล่นสงครามประสาทด้วยตั้งใจให้อรุณประไพติดบ่วงเสน่ห์ของตนเอง แต่ยิ่งตอแยก็เหมือนคงไคยวิ่งไล่ตามอรุณประไพด้วยความต้องการของตัวเองโดยไม่รู้ตัว มีเพียงคุณหญิงภวันและคุณทองถมที่เฝ้าจับตามองความเป็นไปอย่างพอใจ ปรุงฉัตรประกาศทั้งทางตรงและทางอ้อมว่าตนเป็นเมียของคงไคยมาก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีพิธีรีตรองรองรับ แต่แน่นอนว่า เธอเป็นเมียที่คงไคยรักและใช้ชีวิตอยู่ด้วย ในขณะเดียวกัน ปรุงแตรเริ่มหึงหวง ระรานกับผู้หญิงทุกคนที่มีความสัมพันธ์หรือเข้ามาติดต่อใกล้ชิดกับคงไคย ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เข้ามาทำงานกับคงไคย จนเกิดเรื่องตบตีกันในที่ทำงานของคงไคย จนคุณหญิงภวันต้องยื่นคำขาดให้คงไคยจัดการกับปัญหาทั้งหมด คงไคยเริ่มรู้สึกเหนื่อยและรำคาญกับปัญหาที่ปรุงฉัตรก่อขึ้น ปรุงฉัตรสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคงไคยที่เริ่มหายใจเข้าออกเป็นอรุณประไพ ปรุงฉัตรรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียคงไคยไป ปรุงฉัตรอยู่นิ่งไม่ไหวเดินหน้ารุกหนักขึ้นด้วยการเข้านอกออกในและวางตัวราวกับเป็นคุณผู้หญิงของบ้านโดยไม่สนใจสายตาตำหนิของคุณหญิงภวันสักนิด เมื่อคงไคยต้องเป็นตัวแทนบริษัทไปประชุมที่ญี่ปุ่น ปรุงฉัตรก็ขอตามไปอย่างไม่ลังเล คุณหญิงภวันรู้เรื่องเข้าก็เรียกคงไคยเข้ามาต่อว่า คงไคยเบื่อที่จะต้องปวดหัวกับปัญหารักสามเส้าจึงไปขอหย่ากับอรุณประไพให้สิ้นเรื่อง อรุณประไพยอมตกลงโดยดีแต่มีข้อแม้ว่าคงไคยจะต้องเป็นฝ่ายไปพูดกับคุณหญิงภวันเองซึ่งนั่นทำให้คงไคยรู้ว่าการหย่าคงไม่ง่ายอย่างที่คิด ภุชงค์ย้ายเข้ามาทำงานที่กระทรวงจึงได้มาเยี่ยมอรุณประไพที่บ้านบ่อย ๆ ภุชงค์มาบอกข่าวเรื่องที่แยกกันอยู่กับภรรยาหลังจากเธอแท้งลูก และความแตกต่างระหว่างภุชงค์กับภรรยาทำให้ชีวิตคู่ของภุชงค์กำลังจะจบลงเร็ว ๆ นี้ ภุชงค์ขอโอกาสจากอรุณประไพอีกครั้ง คงไคยแค่เห็นว่าภุชงค์มางอนง้อก็เข้าใจว่าอรุณประไพคงเตรียมจะกลับไปหาคนรักเก่าหลังหย่าจากเขา เขานึกดูถูกอรุณประไพที่ยินดีลดตัวไปเป็นเมียเก็บของผู้ชายคนนั้นมากกว่าจะเป็นเมียแต่งของเขา คงไคยไปบอกเรื่องหย่ากับคุณหญิงภวันตามเงื่อนไขของอรุณประไพ คุณหญิงภวันยื่นคำขาดว่าถ้าจะหย่ากับอรุณประไพ คงไคยจะต้องยอมให้คุณหญิงภวันตัดทรัพย์สินส่วนของคงไคยจ่ายให้อรุณประไพไปเพื่อชดเชยการหย่าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าห้าล้านบาท คงไคยเป็นเดือดเป็นร้อนไม่อยากจะต้องจ่ายให้อรุณประไพสักแดง เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่าอรุณประไพยังไม่เคยทำหน้าที่ตามพฤตินัยกับคงไคยเลยสักครั้ง คุณหญิงภวันขีดเส้นตายให้คงไคยจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยด้วยตัวเองก่อนไปเรื่องธุรกิจที่ต่างจังหวัด เพราะถ้าให้คุณหญิงเป็นคนจัดการเองเธอจะให้คงไคยจ่ายค่าชดเชยให้อีกเป็นสองเท่า คงไคยรู้สึกเจ็บใจที่ต้องเป็นฝ่ายแพ้ขาดทุนให้กับอรุณประไพอย่างย่อยยับ คืนก่อนไปคงไคยจึงได้เข้าไปตักตวงสิ่งที่เขาควรจะได้จากอรุณประไพด้วยการทำให้เธอตกเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์ให้คุ้มค่ากับเงินที่เขาต้องสูญไป ความหวานที่คงไคยได้ตักตวงจากอรุณประไพยังคอยตามรบกวนจิตใจของคงไคย แม้แต่ปรุงฉัตรที่แนบกายก็ยังดึงคงไคยจากความคิดถึงอรุณประไพไม่ได้ แม้คงไคยจะพยายามบอกตัวเองว่าอรุณประไพไม่มีคุณสมบัติที่สมควรเป็นภรรยาของคงไคยที่จะเชิดหน้าชูตาในสังคมเหมือนปรุงฉัตร และเป็นได้แค่นางก้นครัวแต่ความคิดของคงไคยก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อคงไคยได้พบกับอรุณประไพที่ตามมาเรื่องงาน ทำให้คงไคยได้รู้ว่าที่เข้าใจว่าอรุณประไพเป็นแค่แม่ครัวหรือคนใช้ประจำบ้านนั้นไม่ใช่เลย เพราะอรุณประไพมาร่วมงานเทศกาลอาหารนานาชาติในฐานะฟู้ด สไตลิสท์ของนิตยสารอาหารชั้นนำของประเทศ คงไคยได้เห็นบทบาทการทำงานของอรุณประไพและได้เห็นสายตาที่แสดงถึงความทึ่ง ได้ยินคำชื่นชมในความเก่งรอบด้านทั้งการงานและการเรือนโดยเฉพาะจากหนุ่ม ๆ ทำให้คงไคยเกิดอาการหึงขึ้นหน้าแสดงตัวเป็นสามีของอรุณประไพอย่างไม่สนใจสายตาจะกินเลือดกินเนื้อของปรุงฉัตรสักนิด คงไคยพยายามตามติดอรุณประไพคอยกันท่าไม่ให้ใครเข้าใกล้ ปรุงฉัตรรู้สึกสงสัยอาการกระวนกระวายของคงไคยที่จะออกไปตามลำพังตลอดเวลา ร้อนถึงคุณทองถมต้องคอยหาข้ออ้างและช่วยแยกปรุงฉัตรออกไป เพื่อให้คงไคยได้มีเวลาอยู่กับอรุณประไพ ยิ่งเมื่อกลับมาบ้านคงไคยก็ตามติดอรุณประไพไม่ห่างตา ความผูกพันของทั้งคู่ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปรุงฉัตรก็มีวิธีการทำให้คนหูเบา เจ้าอารมณ์อย่างคงไคยทะเลาะหาเรื่องหงุดหงิดใส่อรุณประไพได้ตลอด ระหว่างเมียแต่งอย่างอรุณประไพ และเมียเก็บอย่างปรุงฉัตร จะเชือดเฉือนบทบาทกันอย่างไร และสุดท้ายคงไคยจะเลือกใครเป็นแม่ของลูกที่แท้จริง
สูตรรักแซ่บอีหลี (2563/2020) เรื่องราวของโรงงานผลิตน้ำปลาร้าแซ่บไมค์ ของ นำพล (ไมค์ ภิรมย์พร) ที่กำลังประสบปัญหาวิกฤตโควิด 19 เล่นงาน จนทำให้โรงงานขาดทุนย่อยยับ แถมยังถูกคู่แข่ง อนวัช (ต๊อก ศุภกร) เจ้าของน้ำปลาร้าแซ่บปากเว่อร์ ซึ่งอดีตเคยเป็นลูกน้องคนสนิทที่ขโมยสูตรน้ำปลาร้าไป คอยโจมตีเพื่อหวังจะฮุบกิจการของนำพล ทำให้ คิริน (ตงตง กฤษกร) ลูกชายของนำพลต้องรีบเดินทางกลับจากเมืองนอกเพื่อมากอบกู้กิจการของพ่อ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ทำให้น้ำปลาร้าแซ่บไมค์ เป็นที่ 1 ในตลาดน้ำปลาร้าให้ได้ ในขณะที่ธุรกิจน้ำปลาร้าแซ่บไมค์ และน้ำปลาร้าแซ่บปากเว่อร์ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด คิรินจำเป็นต้องตัดงบบริจาคให้กับบ้านเติมฝัน บ้านเด็กด้อยโอกาสที่นำพลเคยบริจาคเงินให้เป็นประจำทุกปี เพื่อพยุงกิจการให้ดำเนินต่อไป เป็นเหตุให้ พลอยใส (มุก ณปภัช) ผู้ดูแลบ้านเติมฝันไม่พอใจ จึงตั้งตนเป็นคู่ปรับกับคิริน งานนี้เมื่อน้ำปลาร้ากลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางธุรกิจ จนนำไปสู่ความรักระหว่างเขาและเธอ เรื่องราวชุลมุนวุ่นรักที่แซ่บนัวจึงเกิดขึ้น ห้ามพลาดชมละคร สูตรรักแซ่บอีหลี
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า (2549/2006) วรเทพ สุรสิทธิ์ เศรษฐีเจ้าของรีสอร์ตสุรสิทธิ์กำลังป่วยหนัก จึงเรียกทายาททั้งหมดมาฟังประกาศพินัยกรรม ทุกคนประหลาดใจที่มรดกส่วนหนึ่งตกเป็นของหลานสาวของวรเทพ ที่เกิดกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคือ บุรินทร์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุให้ ปรเมศวร์ และปารมี สองพี่น้องที่เป็นญาติฝ่าย สาวิกา ภรรยานายวรเทพ ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อตามหาตัวทายาทนิรนามคนนี้ ในที่สุดก็พบ จันทร์เจ้า ลูกสาวของนายบุรินทร์ในบ้านเกสต์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่าอยู่อย่างแออัด จันทร์เจ้าอายุ 18 ปีชอบแต่งตัวเป็นทอมบอย และอยู่ในความดูแลของ มะลิ แคลาย นักร้องที่มีอาชีพเสริมคือการเปิดสำนักทรงหลอกชาวบ้านหากินไปวันๆ โดยมีจันทร์เจ้าเป็นลูกมือ บางครั้งจันทร์เจ้าก็ถูกประทับทรงเสียเอง เพราะพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ เพราะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็กจนอายุ 10 ขวบ พอพ่อเสียชีวิตก็เลยต้องกลับเมืองไทย หลายครั้งจันทร์เจ้าก็ เห็นภาพนิมิตเข้าจริงๆ และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหลายๆ หนจนคนแถวนั้นนับถือ จันทร์เจ้าเองก็กลัวความสามารถพิเศษของตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อปรเมศวร์และปารมีเข้ามาลองของให้จันทร์เจ้าประทับทรงให้ จันทร์เจ้าเห็นร่างสว่างไสวของคนคนหนึ่งมานั่งร่วมอยู่ด้วย และกระซิบบอกให้จันทร์เจ้าตามปรเมศวร์กลับไปที่ไร่ มะลิไม่ยอมเพราะกลัวจันทร์เจ้าจะถูกหลอก แต่ปรเมศวร์ยืนยันว่าจันทร์เจ้าต้องอยุ่ในความปกครองของเขาตามกฎหมาย จันทร์เจ้าเองก็อยากไปเพราะต้องการรู้เรื่องแม่ที่ตนเองไม่รู้จักมาก่อน จันทร์เจ้าเริ่มเห็นวิญญาณสว่างไสวบ่อยครั้งขึ้น สร้างความหวาดกลัวให้แก่จันทร์เจ้า, มะลิ และข้าวต้มมัด ลูกสมุนวัยเด็กยิ่งนัก ปรเมศวร์พาจันทร์เจ้ากับข้าวต้มมัดไปที่รีสอร์ทสุรสิทธิ์ ปรเมศวร์สั่งให้จันทร์เจ้าทำตัวให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลผู้ดี แต่จันทร์เจ้าออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ทำให้ปรเมศวร์ต้องใช้กำลังกายกำลังใจกำ หราบจันทร์เจ้า ติดตามต่อได้ใน จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
Unlucky Ploy ชีช้ำกะหล่ำพลอย (2563/2020) เล่าเรื่องถึง พลอย ดุจแสงเพ็ช (กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) สาวหมวยสุดโก๊ะที่ถูกเพื่อนทั้งโรงเรียนตั้งฉายาว่า “พลอยซวย” เพราะดันมีชื่อและนามสกุลไปซ้ำกับ พลอย ดุจแสงเพชร หรือ “พลอยสวย”(มายด์ วรัทยา ว่องชยาภรณ์) มีดีกรีเป็นถึงดาวประจำโรงเรียนที่คุณสมบัติครบ สวย นิสัยดี เรียนเก่ง และ เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ช่างแตกต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว พลอยซวยถูกคุณครูและเพื่อนทุกคนเปรียบเทียบกับพลอยสวย จนเป็นปมในใจที่แสนเศร้าของเธอมาตลอดช่วงชีวิตมัธยม เมื่อผ่านพ้นวัยมัธยมที่พลอยซวยไร้เงาของพลอยสวย ชีวิตของพลอยคนนี้ก็เหมือนจะเริ่มเห็นแสงสว่าง พลอยได้พบรักกับ ภูมิ (เพทาย พิจิกรณ์ พลอยพิมณา) หนุ่มนักธุรกิจไฟแรงที่กำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า ทว่าชีวิตต้องพลิกผันอีกครั้ง เมื่อฝ่ายชายมาบอกเลิกเธอด้วยเหตุผลว่า ‘พลอยกินตะกละ มูมมาม เหมือนหมู!! เขาทนกินข้าวกับหมูแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้’ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พลอยมีชีวิตอยู่กับความทุกข์ทรมานจากความผิดหวังและอับอาย พลอยตัดสินใจย้ายไปอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ตามที่หมอดูแนะนำว่าจะช่วยแก้เคล็ดแก้เครียด ซึ่งดูเหมือนว่าคำแนะนำของหมอดูจะได้ผล เมื่อพลอยได้พบกับ อชิระ หรือ นาย (โย่ง อนุสรณ์ มณีเทศ) เพื่อนบ้านหนุ่มสุดหล่อที่ถูกแฟนสาวเทในงานแต่งงานเช่นเดียวกับเธอ และเมื่อนายได้เจอพลอย เขาก็ต้องตกใจ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา นายเคยเห็นภาพของพลอยเข้ามาวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เห็นก็มักจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอนาคต.!
Club Friday The Series 1 (2555/2012) 1.คนที่ถูกลืม 2.จะได้ไม่ลืมกัน 3.ครั้งหนึ่งในความทรงจำ 4.รักแค่ไหน 5.ตุ๊กตาหมี 6.ควรพอหรือรอต่อไป 7.แฟนเก่า 8.อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน 9.กรรมหรือพรหมลิขิต 10.ที่ปรึกษา 11.รักแท้ดูแลไม่ได้
สะใภ้อิมพอร์ต (2563/2020) เมื่อสาวนักเรียนนอกตกอับจำต้องรับข้อเสนอของเศรษฐีนีใหญ่ แต่งงานกับกำมะลอกับทายาทเจ้าของฟาร์มโคหนุ่มไร้หัวใจ ผู้เป็นลูกชาย โดยไม่รู้ว่าเป้าหมายของภารกิจนี้ คือเธอต้องมีทายาท เพื่อให้เขาได้รับมรดกโดยสมบูรณ์ตามเงื่อนไขพินัยกรรม เขาคิดว่าเธอเห็นแก่เงินจึงกลั่นแกล้งสารพัด มิหนำซ้ำ ญาติที่หวังในส่วนแบ่งมรดก และสาวๆ ที่มาติดพันเขายังคอยหาเรื่องใส่ร้ายเธอ แต่เธอก็รับมือได้กับทุกปัญหา แถมยังกุมหัวใจที่แสนเย็นชาของเขาได้โดยไม่รู้ตัววันเปิดพินัยกรรมของ สุเทพ ไพรรักษา เจ้าของฟาร์มรักษา ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ สร้างความตื่นเต้นให้กับครอบครัวไพรรักษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอร ลูกสาวคนโต และลดา ลูกสาวคนเล็ก ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก ทันทีที่ทนายความอ่านพินัยกรรมจบ คนที่ค้านหัวชนฝาคือลดา เพราะ สุเทพผู้เป็นพ่อ ได้ยกฟาร์มให้ดลหลานชายคนโต ลูกชายของอรเป็นคนดูแล รวมถึงกิจการอย่างอื่น ลดา ฤกษ์(สามี) พิธาน(ลูกชาย) และหนูดี(ลูกสาววัย16) ได้รับแค่ที่ดินและเงินทองไม่กี่สิบล้านเท่านั้น ลดากับอรจึงเปิดวิวาทะกันใหญ่โต ร้อนถึง ยายทับทิม แม่ของอรกับลดาต้องรีบห้ามทัพ สงครามจึงหยุดลงได้ แต่ทว่า ด้านท้ายพินัยกรรม กลับระบุความต้องการบางอย่างของผู้เป็นตาเอาไว้ว่า “ภายในหนึ่งปี ดลต้องมีทายาทให้กับตระกูลไพรรักษา ถ้าไม่เช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดลได้ จะถูกโอนไปให้พิธานทันที” อรโวยลั่น ในขณะที่ลดานั้นแสนจะพึงใจ และคิดว่าดลไม่มีทางทำได้แน่นอน เพราะดลไม่มีแฟน และไม่มีทีท่าว่าจะเปิดใจรับผู้หญิงคนไหนเข้ามาในชีวิตอรเรียกดลกับริน(น้องสาวดล) ประชุมด่วน และยื่นคำขาดให้ดลต้องหาเมียและมีลูกให้ได้ภายในหนึ่งปี ดลปฏิเสธ..ผสมพันธ์วัวยังง่ายกว่า อรกลุ้มใจมาก เพราะรู้จักนิสัยลูกชายเป็นอย่างดี ว่าเป็นคนปากร้าย พูดจาตรงจนผู้หญิงหนี ไม่มีความโรแมนติค และไม่เคยง้อใคร อรบอกกับดลว่าเธอจะไม่ยอมให้ฟาร์มตกไปอยู่ในมือของพิธานเด็ดขาด เพราะรู้ว่าพิธานเป็นคนไม่เอาไหนมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางบริหารฟาร์มได้อย่างแน่นอน แต่ถึงอรจะอ้างเหตุผลร้อยแปด ก็เปลี่ยนใจดลไม่ได้ ดลยังคงยืนยันคำเดิมว่าเค้าจะไม่แต่งงาน และเค้าจะเจรจากับลดาและพิธานเองหมอหมี สัตวแพทย์ประจำฟาร์ม และเป็นเพื่อนสนิทกับดล แถมยังเป็นคนที่ทำให้ใครต่อใครคิดว่าเค้าเป็นคู่เกย์กับดลอีก พยายามบอกให้ดลทำตามที่แม่ขอ แต่ดลไม่สนใจ..เค้าไม่ชอบผู้หญิง ไม่ใช่เพราะชอบไม้ป่าเดียวกัน แต่เพราะเค้าเคยโดนหักอกจากรักแรกของเค้า ณัฐมล ผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของดลเป็นแผล จนดลไม่กล้ารักใครที่อังกฤษ -- ลิซ่า บัณฑิตปริญญาโท กำลังฉลองเรียนจบกับเพื่อนอย่างสนุกสนานจนกระทั่งได้รับสายด่วนจากครอบครัว เจริญกับวิยะดา พ่อและแม่ ทำให้เธอได้รู้ว่าพ่อกับแม่ถูกโกง โดนฟ้องล้มละลาย โรงงานกับบ้านถูกยึดและเป็นหนี้แบงก์ ลิซ่าแทบจะไปไม่ถูก จากเศรษฐีกลายเป็นยาจกในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลิซ่ามืดแปดด้าน คิดอะไรไม่ออกไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี เงินสดเหลืออยู่ไม่กี่ปอนด์ บัตรเครดิตถูกตัดทุกใบลิซ่าจำต้องขายทุกอย่างที่มี เพื่อหาค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเกิดที่ขอนแก่น ลิซ่าได้เจอพ่อกับแม่และรู้ว่าบ้านถูกขายทอดตลาดไปแล้ว ตอนนี้เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก พ่อกับแม่พยายามจะหาอย่างอื่นทำเพื่อความอยู่รอด ลิซ่าเห็นพ่อกับแม่พยายาม เธอจึงสู้และไปหางานทำที่กรุงเทพ เธอเชื่อว่าปริญญาโทด้านการแสดงที่เธอไปเรียนมาจะไม่มีทางสูญเปล่า เธอจะใช้มันหาเงินล้านมาคืนให้พ่อกับแม่ให้ได้ แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการแข่งขันที่สูง ทำให้ลิซ่าแคสงานไม่ผ่าน แถมยังถูกโกงค่าตัวอีก....ด้านรินวางแผนกับอร จะให้ดลไปนัดบอด รินทำทีชวนดลไปงานวันเกิดเพื่อนของเธอ ดลไปแบบไม่ได้คิดอะไร รินเริ่มแผน โดยการแนะนำให้ดลรู้จักกับเพื่อนๆ ดลเริ่มตะหงิดว่าน้องสาวจัดฉากนัดดูตัว จึงหาทางชิ่งกลับบ้าน แต่รินรู้ทัน และขอร้องให้ดลอยู่ต่อ แต่ดลไม่อยู่ ยืนยันจะกลับท่าเดียว รินห้ามพี่ชายไม่ได้ จำต้องปล่อยตัวไป แต่ก่อนกลับ..ดลไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่กำลังทำธุระ ลิซ่าในสภาพเมาปลิ้นก็พรวดเข้ามาอ้วกแตกใส่เค้า ดลตกใจมาก ด่าลิซ่าทันที มีเหรอที่ลิซ่าจะยอมเธอสวนกลับอย่างเร็ว ทำเอาดลลิ้นแข็งเถียงไม่ทัน เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนด่าไฟแลบขนาดนี้ ไม่นานลิซ่าหมดสติ ดลทำใจทิ้งไม่ได้ จึงอุ้มออกจากห้องน้ำชาย จังหวะนั้นเพื่อนของรินหนึ่งในคู่ดูตัวเห็นดลกับลิซ่าก็ยกกล้องมาถ่ายรูปเอาไว้และประจานดลลงเน็ตทันที เพราะก่อนหน้านั้นดลพูดจาไม่ดีกับเธอทำให้เธอแค้นใจมากดลไม่รู้ว่าจะพาลิซ่าไปส่งที่ไหน เพราะปลุกเท่าไหร่ลิซ่าก็ไม่ตื่น จึงตัดสินใจพาลิซ่าเข้าโรงแรม ลิซ่าตื่นขึ้นมาก็แทบช็อค ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ในโรงแรมนี้ได้ยังไง ซ้ำเสื้อผ้ายังถูกถอดจนหมด ใส่แต่เสื้อคลุมของโรงแรม ไปถามใครก็ไม่มีใครตอบได้ว่าใครพาเธอมา ลิซ่าเจ็บปวด คิดว่าไม่ซิงอีกต่อไป แล้วลิซ่าก็สังเกตว่าคนมองและเม้าท์เธอ ลิซ่าจึงได้เห็นรูปเธอกับดลในเน็ต ภาพถูกแชร์ไปอย่างเร็วเพราะลิซ่าเพิ่งมีคดี...ลิซ่าคิดว่าดลเป็นคนเปิดซิงเธอแน่นอน!!!ด้านอรกับรินเห็นภาพดลกับลิซ่า ก็ตกใจมาก รินรู้ว่าเป็นฝีมือเพื่อนจึงรู้สึกเสียใจ แล้วอรก็จำลิซ่าได้ ย้อนกลับไปประมาณสามเดือนที่แล้ว ที่ประเทศอังกฤษ อรไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วถูกกระชากกระเป๋า ลิซ่าเข้าไปช่วยจัดการจนได้กระเป๋าคืนมาให้อรได้สำเร็จ ทำให้อรประทับใจมาก อรคิดว่าเราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส อรจะใช้แผนนี้บีบบังคับให้ดลแต่งงาน! และเจ้าสาวก็คือลิซ่า...อรสั่งให้พนม ลูกน้องคนสนิท ไปสืบเรื่องของลิซ่า จนได้รู้ว่าลิซ่าเป็นใครและรู้ว่าครอบครัวของลิซ่าเป็นหนี้หลายสิบล้านลิซ่าเครียดเรื่องดลมาก จึงออกตามหาว่าดลเป็นใคร จนรู้ว่าดลเป็นเจ้าของฟาร์มรักษา ลิซ่าตรงไปหาเรื่องดลถึงที่ฟาร์ม เปิดฉากอย่างดุเดือด จนฟาร์มแทบแตก ดลออกมาเจอลิซ่า จึงโดนลิซ่าทั้งเตะ ถีบ ถอง ทำเอาดลตั้งตัวไม่ติด ลิซ่าโวยวายว่าดลเจาะไข่แดงเธอแล้วไม่รับผิดชอบ คนที่ฟังถึงกับตกใจ หนึ่งในนั้นคือ เจ๊จีจี้คนงานจอมเผือกที่รีบคาบข่าวไปเล่าให้ลดาฟังดลรีบปิดปากลิซ่าและลากไปที่บ้านเพื่ออธิบายว่าเค้าไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของเธอ คนที่ถอดคือแม่บ้าน เพราะคืนนั้นทั้งตัวลิซ่ามีแต่อ้วก ลิซ่าไม่เชื่อ...จนกระทั่งอรกับรินเข้ามา ลิซ่าเห็นอรก็ตกใจ จำอรได้ว่าอรคือคนที่เธอเคยช่วยเอาไว้ ซ้ำเธอกับรินยังเคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกันอีก โลกช่างกลมจริงๆหนอ อรขอคุยกับลิซ่าสองคน...ดลสงสัยว่าแม่คิดจะทำอะไรกันแน่อรยื่นข้อเสนอทันที ขอให้ลิซ่าแต่งงานกับดลเป็นเวลาหนึ่งปี (อรไม่ยอมบอกเรื่องต้องมีทายาทเพราะคิดว่าอยู่ๆไปดลกับลิซ่าอาจจะรักกันไปเอง) เพื่อแลกกับการที่อรจะปลดหนี้ก้อนโตให้กับครอบครัวลิซ่า ลิซ่าปฏิเสธ เธอไม่อยากขายตัว และเธอก็มีศักดิ์ศรีมากพอ เธอขอบคุณอร และจากไป ยิ่งทำให้อรประทับใจและอยากได้ลิซ่าเป็นลูกสะใภ้ขึ้นมาจริงๆแต่แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ก้อมีเหตุให้ลิซ่าต้องติดต่ออรอีกครั้ง เพราะเธอรู้มาว่านอกจากพ่อกับแม่เป็นหนี้แบงก์แล้ว ยังเป็นหนี้นอกระบบอีกราวๆห้าล้าน แต่ทบต้นทบดอกก็รวมเป็นยี่สิบล้าน เจ้าหนี้หน้าเลือดบุกมาทำลายข้าวของ และทำร้ายพ่อกับแม่ของเธอ ซ้ำยังบอกว่าถ้าลิซ่าไม่เอาเงินมาคืนเดี๋ยวนี้ พวกเค้าจะฆ่ายกครัว!! ลิซ่าจึงยอมทำสัญญากับอร ในการแต่งงานหลอกๆกับดล ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่าจะทำยังไงให้ดลยอมแต่งงานกับลิซ่า อรคิดออก และแผนนั้นก็คือ... อรแกล้งป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รินเองก็แอคติ้งไปด้วย ทันทีที่ดลรู้ก็ตกใจมาก เค้าไม่คิดมาก่อนว่าแม่จะเป็นโรคร้าย อรไม่ขออะไรมาก แต่หกเดือนที่มีชีวิตอยู่ อรอยากเห็นดลแต่งงาน ดลรู้สึกทะแม่งๆตะหงิดๆว่าแม่อาจจะโกหก แต่แม่มีเอกสารหลักฐานและให้หมอมายืนยัน ทำให้ดลไม่สงสัยอีกต่อไป จึงยอมที่จะแต่งงาน แต่เค้ายังไม่เจอใครที่ถูกใจ อรบอกว่าเธอมีเจ้าสาวให้ดลแล้วและคนนั้นคือลิซ่า!!ดลช็อคมาก...เค้าปฏิเสธไม่ได้ จึงทำข้อตกลงกับลิซ่าว่าแต่งแค่ในนามเท่านั้น และถ้าหลังจากหกเดือนที่แม่จากไป ลิซ่าต้องหย่ากับเค้า โดยที่ไม่ได้เงินซักแดง ลิซ่าตกลง ดลไม่ไว้ใจ จึงให้ลิซ่าเซนต์สัญญาการแต่งงานของดลกับลิซ่าเกิดขึ้นกะทันหัน ท่ามกลางความตกใจของคนในครอบครัว รวมถึง ยายทับทิมที่รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ด้านลดาเองก็ช็อคมากรู้ว่าเป็นแผนของอรแน่ๆ ลดาสงสัยว่าลิซ่าเป็นใคร พิธานว่าเค้าจะสืบเรื่องนี้ให้แม่เองลิซ่าเข้ามาเป็นคุณนายเจ้าของฟาร์ม เธอคิดว่าจะสบาย แต่ที่ไหนได้กลับต้องพบกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส เมื่อดลไม่ได้ให้เธอเป็นเมีย แต่ให้เธอเป็นคนงาน!! ลิซ่าต้องทำตั้งแต่ล้างคอก เก็บอึ รีดนม และอีกสารพัด เหมือนกับคนงานคนอื่นๆ ลิซ่าโวยลั่น ตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยทำอะไรซักอย่าง และเธอก็ทำไม่เป็น ดลว่าไม่ต้องห่วง เค้าจะสอนงานให้เธอเอง!! ที่ดลทำแบบนี้เพราะคิดว่าถ้าเค้าทำให้ลิซ่าทนไม่ไหว ลิซ่าจะได้ขอหย่ากับเค้า เท่านี้เค้าก็ไม่ได้ทำผิดกับแม่ แต่ลิซ่ารู้ทันความคิดของดล จึงต้องหาพวก ....โก้กับพอลล่า คนงานชายหญิง ถูกลิซ่าซื้อใจไปอย่างง่ายดาย พอลับหลังดล ลิซ่าจะขอให้โก้กับพอลล่าช่วยทำงานให้เธอ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือลิซ่าจะช่วยโก้จีบพอลล่า ส่วนพอลล่า..ลิซ่าจะสอนแต่งหน้าให้ เจ๊จีจี้ และแหวน สองสาวสุดแสบ เห็นพฤติกรรมของลิซ่าก็ไม่พอใจ มีอีกหนึ่งนางที่เกลียดลิซ่าเข้ากระดูกดำ นั่นคือ รตี ไฮโซสาวที่มาติดพันดลตั้งนานแล้ว แค่เธอไปเมืองนอกสองอาทิตย์ ดลก็โดนลิซ่าฉกไปแต่งงานหน้าตาเฉย รตีแกล้งบีบน้ำตาทำดราม่าต่อหน้ายายทับทิม เพราะรู้ว่ายายอยากได้เธอเป็นหลานสะใภ้ ยายปลอบใจรตี และบอกไม่ต้องห่วง เพราะยายหาทางจับผิดลิซ่าอยู่พิธาน เห็นรตีหัวเสีย จึงเข้ามาปลอบใจ ด้วยความเป็นเพลบอย จึงเอาใจผู้หญิงเก่ง ไม่ใช่แค่รตี แม้กระทั่งกับลิซ่า พิธานก็เข้ามาขายขนมจีบ ทำตัวแสนดี คอยให้ความช่วยเหลือ จนลิซ่ารู้สึกไว้ใจพิธานมากกว่าดล นี่จึงเป็นเหตุให้พิธานคิดจะแย่งลิซ่ามาจากดล เมื่อเกิดการหย่าร้าง ก็เท่ากับดลทำตามที่คุณตาระบุเอาไว้ในพินัยกรรมไม่ได้ ลดาเห็นด้วยกับแผนการของลูกชาย จึงช่วยเต็มที่ ผิดกับฤกษ์ที่บอกให้ลดาล้มเลิกความตั้งใจ ลดารำคาญผัวมากที่มือไม่พาย ยังเอาเท้าราน้ำ จึงจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ หนูดีสงสารพ่อมาก และไม่เห็นด้วยกับแม่จึงโดนลดาตวาดลั่น หนูดีแอบมานั่งร้องไห้ ลิซ่าผ่านมาเห็น จึงเข้ามาปลอบ แต่หนูดีกลับไม่กล้าคุยกับลิซ่าเพราะกลัวแม่ว่า..ลิซ่ารู้สึกสงสารหนูดีเป็นอย่างมากลิซ่าหมั่นไส้ดลที่แกล้งเธอไม่หยุด เธอจึงเปิดศึกกับดล อย่างไม่มีใครยอมใคร ลิซ่ามักทำดราม่าต่อหน้าอร เพื่อให้อรสงสาร และมันก็ได้ผล อรเข้าข้างลิซ่าเสมอ และต่อว่าดล ทำให้ดลหัวเสีย แต่ลิซ่าสะใจมาก พิธานเริ่มหาทางจับผิดลิซ่ากับดลว่าไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ ทำให้ลิซ่ากับดลต้องมานอนห้องเดียวกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นนอนคนละห้อง และต้องแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่ารักกันมากแค่ไหนในระหว่างที่ลิซ่าใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์ม เธอกับอรก็รู้สึกดีต่อกันมากขึ้น จนดลไม่สบายใจและย้ำกับลิซ่าว่าอย่าหลอกให้แม่เค้ารักเพราะเค้าคิดว่าลิซ่าเห็นแก่เงิน ลิซ่าเสียใจที่ดลคิดกับเธอแบบนั้น เพราะเธอรักอรจริงๆรตีเริ่มเข้ามาป่วนในฟาร์ม ดลอยากบีบให้ลิซ่าทนไม่ไหว จึงใช้รตีเป็นเครื่องมือ แต่มีหรือว่าลิซ่าจะกลัว เธอปะฉะดะกับรตี ทำเอารตีแค้นมากแต่ต้องอดกลั้นทำตัวเป็นคนที่ถูกกระทำเพื่อให้ยายทับทิมเห็นใจ และแผนก็สำเร็จ ยายทับทิมเริ่มหาทางเขี่ยลิซ่าให้ออกไปจากฟาร์ม โดยมีลดาเป็นลูกคู่ ที่ทั้งยุยงปลุกปั่นสร้างกระแสใส่ร้ายลิซ่าต่างๆนานาหมอหมีมักจะเข้ามาช่วยลิซ่าและคอยปลอบใจ จนตัวเองเริ่มชอบลิซ่าขึ้นมา ดลเห็นอาการเพื่อนก็สงสัย หมอหมียอมรับว่าเค้าแอบชอบลิซ่า และถ้าดลหย่ากับลิซ่าเมื่อไหร่ เค้าจะขอเป็นคนดูแลลิซ่าเอง รินได้ยิน และช็อคมาก เพราะเธอแอบชอบหมอหมีมานานแล้วพิธานสืบรู้ว่าลิซ่าถูกจ้างให้มาแต่งงานกับดล จึงนำเรื่องนี้ไปบอกยายกับแม่...ยายโกรธมาก รีบมาต่อว่าอร และสั่งให้ดลหย่ากับลิซ่า ทุกอย่างกำลังจะแย่ ลิซ่าตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ตอนแรกอรคิดว่าดลจะเชื่อยาย แต่ดลกลับบอกว่าเค้าไม่หย่า...อรโล่งใจมาก ยายทับทิม ลดาและพิธานไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ดลบอกแม่ว่าที่เค้าไม่หย่ากับลิซ่า ไม่ใช่เพราะเค้ารักเธอ แต่เค้าไม่ไว้ใจพิธาน หลายวันมานี้ ที่ฟาร์มมีเหตุการณ์ประหลาด แม่วัวถูกวางยาดีที่หมอหมีช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทัน ไฟไหม้ที่เก็บฟาง ถังเก็บนมถูกเจาะ คล้ายกับว่ามีคนต้องการทำลายชื่อเสียงของฟาร์ม เค้าสงสัยพิธานและกำลังหาทาสืบเรื่องนี้อยู่หลังจากที่ดลยืนกรานว่าจะไม่หย่ากับลิซ่า ลิซ่าก็ต้องเจอทั้งรตี ยายทับทิม และลดาที่พยายามมาปั่นป่วนชีวิตคู่มากกว่าเดิม ทุกคนต้องการให้เธอกับดลเลิกกัน!! แต่เพราะความสตรองของลิซ่า จึงทำให้ยายทับทิม รตีกับลดาต้องเจอศึกหนัก ลิซ่าไม่เคยหลงกลกับแผนการตื้นๆ เมื่อโดนรังแกก็พร้อมเอาคืน รวมไปถึงเจ๊จีจี้ แหวน ลดาเห็นตัวเองเพลี้ยพล้ำตลอดจึงให้เจดหัวหน้าคนงาน หาทางเล่นงานลิซ่า แต่ดลมาช่วยได้ทัน ทำให้ลิซ่าปลอดภัยที่ฟาร์มเกิดปัญหาหนักมาก แต่จับตัวคนทำไม่ได้ ฟาร์มเจอวิกฤต ลิซ่าเข้ามาช่วยแก้ปัญหา จนทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ ดลเพิ่งเห็นความเก่งของลิซ่า และเริ่มประทับใจ แต่ยังไม่ยอมรับ ลิซ่าปรับตัวได้ และทำงานทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ซ้ำยังจัดการทุกอย่างได้ดี รวมทั้งได้ใจคนงานด้วย ก็ยิ่งทำให้ดลเริ่มเปิดใจให้ลิซ่ามากขึ้น ไม่ใช่แค่ดลคนเดียว ยายทับทิมเองก็เริ่มเห็นด้านดีดีของลิซ่า แต่ยังมีฟอร์มจึงยังไม่ดีด้วยง่ายๆดลได้เบาะแสคนร้ายที่ต้องการทำลายฟาร์ม แต่ไม่ใช่พิธาน เป็นฝีมือของเจด ความจริงเฉลยว่าเจดมีน้องชายเคยทำงานที่นี่ และถูกดลไล่ออก เพราะโกงเงินของฟาร์มไป หลังจากนั้นชีวิตของน้องชายเจดก็พังพินาศ เมียหนี จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย เจดจึงกลับมาแก้แค้น ทุกคนคิดว่าดลจะแจ้งความ แต่ดลเห็นใจจึงให้โอกาสเจดได้ทำงานที่นี่ต่อ เจดดีใจมาก ขอบคุณดลและจะหาทางตอบแทนบุญคุณดลให้ได้ซักวันเกิดเหตุการณ์เครื่องประดับของลดาหาย..ลดาสงสัยว่าเป็นฝีมือคนงาน...จึงค้นที่พักจนเจอเครื่องประดับอยู่ใต้หมอนของแหวน แหวนโวยลั่นว่าเธอไม่ได้ทำ แต่ลดาไม่สน เธอไล่แหวนออก แหวนขอให้จีจี้ช่วยเพราะเห็นสนิทกับลดา แต่จีจี้ไม่อยากเดือดร้อน จึงหันหลังให้ ทำให้แหวนเสียความรู้สึก ลิซ่ารู้สึกเรื่องนี้มีนัยยะจึงขอเวลาสืบ....ตอนแรกลดาไม่ยอม แต่ยายทับทิมเห็นด้วยกับลิซ่าจึงให้โอกาส ลิซ่าใช้ความฉลาดจนทำให้จับได้ว่าโจรตัวจริงได้ซึ่งก็คือคนงานคนอื่น แหวนซาบซึ้งในบุญคุณของลิซ่าจึงแปรพักตร์มาอยู่กับลิซ่าแทน ทำให้จีจี้เจ็บใจอย่างมากดลเริ่มหึงเวลาเห็นหมอหมีมาใกล้ชิดลิซ่า ดลจึงใช้งานเป็นข้ออ้างเพื่อให้ลิซ่ามาอยู่ใกล้ๆ แต่ลิซ่ากลับคิดว่าดลแกล้งจึงโมโห และแกล้งทำหวานใส่หมอหมี ดลโมโหหึงอย่างรุนแรง ต่อว่าลิซ่าเสียๆหายๆ ที่ไม่ทำตัวให้สมกับเป็นภรรยา ลิซ่าตอกกลับว่าเธอเป็นลูกจ้างไม่ใช่ภรรยาจริงๆ ดลไม่มีสิทธิ์ในหัวใจของเธอ ทั้งคู่ปากร้ายใส่กัน แต่หัวใจกลับโหยหากันโดยไม่รู้ตัวทั้งหมอหมี พิธาน ต่างหาโอกาสเข้าใกล้ลิซ่า ยิ่งทำให้ดลหงุดหงิด และพาลหาเรื่องลิซ่าบ่อยๆ ดลหนีบลิซ่าไปทำงานกับเค้าด้วยทุกที เรียกว่าไม่ยอมให้รอดพ้นสายตาไปได้ ดลต้องไปดูต้นไม้ในป่าที่เค้ารักษาอยู่ ทำให้ลิซ่ารู้ว่าดลมีอีกอาชีพ คือ อาชีพหมอต้นไม้....(‘หมอต้นไม้’ มีหน้าที่รักษาโรคซึ่งใช้ความรู้เกี่ยวกับโรคพืชที่ซับซ้อน รวมถึงฟื้นฟูต้นไม้ชราให้กลับมาสุขภาพดี) ลิซ่าได้เห็นการทำงานของหมอต้นไม้ และจิตอาสาที่ช่วยกันฟื้นฟูต้นไม้ก็รู้สึกดีมาก ดลเล่าให้ลิซ่าฟังว่าเธอได้ความรู้จักนี้มาจากคุณตา คุณตาคือหมอต้นไม้คนแรกของเค้า ดลกับลิซ่าได้ใช้เวลาดีดีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และไม่ทะเลาะกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงานกันมาการรักษาต้นไม้ ไม่เป็นไปตามแผน เพราะฝนตกหนัก ดลจึงตัดสินใจตั้งแคมป์กลางป่า โดยมีลิซ่าอยู่ด้วย ลิซ่าสร้างความบันเทิงให้จิตอาสาทุกคน ดลเห็นตัวตนของลิซ่า ก็เริ่มเปิดใจรับลิซ่าเข้ามา รินกับอรกรี๊ดบ้านแทบแตกดีใจมากที่รู้ว่าดลกับลิซ่าค้างในป่า อรภาวนาขอให้ดลเสกหลานเข้าท้องลิซ่าคืนนี้!! หมอหมีมาได้ยินเข้าก็อึ้ง...รินเห็น..จึงตามมาปลอบใจ หมอหมีระบายความในใจให้รินฟังจนหมดว่าเค้าชอบลิซ่า รินเจ็บปวด แต่ต้องทำเข้มแข็งให้กำลังใจหมอหมีหลังจากออกจากป่า ดลกับลิซ่าเริ่มเปิดใจกันมากขึ้น ทั้งคู่เริ่มทำดีต่อกัน ให้ความช่วยเหลือกัน จนหมอหมีสงสัย ว่าดลจะชอบลิซ่า แต่ดลยังทำปากแข็ง แก้ตัวไปว่าที่ดีกับลิซ่าเพราะจะหลอกใช้ ลิซ่าดันมาได้ยินเข้า จึงเสียใจมาก แต่หมอหมีรู้ดีว่าเพื่อนเค้าเปิดรับลิซ่าเข้ามาในหัวใจแล้ว หมอหมีจึงหยุดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อลิซ่านับตั้งแต่วันนั้นพิธานสังเกตเห็นลิซ่ากับดลมีปัญหากัน จึงเข้ามาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ คอยดูแลลิซ่า ดลเห็นก็โมโหหึงอย่างรุนแรง จูบปากลิซ่าต่อหน้าพิธาน ลิซ่าเสียใจคิดว่าดลกำลังเล่นกับความรู้สึกของเธอ ลิซ่าหนีกลับบ้าน อรต่อว่าลูกชาย และสั่งให้ไปง้อลิซ่ากลับมาวิชัย นักธุรกิจด้านอสังหาฯ ติดต่อมาทางพิธานเรื่องอยากขอซื้อฟาร์ม พิธานสนใจเพราะจะได้เงินมหาศาลเป็นพันล้านถ้าขายฟาร์มได้ เค้าจึงขอให้วิชัยช่วยทำให้เค้าได้เป็นเจ้าของฟาร์ม วิชัยกับพิธานตกลงกันโดยมีลดารู้เห็นเป็นใจด้วยลิซ่ากลับมาบ้านด้วยความเศร้า จนพ่อกับแม่แปลกใจ แล้วทันใดนั้นเจ้าหนี้ก็ตามมาทวงเงินก้อนที่เหลือ ลิซ่าตกใจ ที่ยังมีหนี้อีก เจ้าหนี้บอกว่าคราวที่แล้วเป็นดอกเบี้ย แต่นี่เป็นเงินต้น ลิซ่าโวยว่าพวกเจ้าหนี้โกง จะไปแจ้งความ จึงถูกจับตัว ลิซ่ากำลังจะถูกทำร้าย เหตุการณ์กำลังคับขัน ดลเข้ามาช่วยได้ทัน และบอกพวกเจ้าหนี้ว่าเค้าจะใช้หนี้ให้ลิซ่าเอง พ่อกับแม่จึงได้รู้ว่าลิซ่าแต่งงานกับดลแล้วลิซ่ากลัวความแตก แต่ดลแสดงละครทำเป็นสามีที่แสนดีของลิซ่าได้อย่างแนบเนียน จนพ่อกับแม่วางใจว่าลิซ่าได้เจอกับคนดีดีอย่างดล เมื่อมีโอกาสอยู่กันสองคน ดลขอโทษลิซ่าในสิ่งที่เค้าทำลงไป ลิซ่าบอกว่าเค้าได้ยินดลคุยกับหมอหมี ดลรีบอธิบายว่าลิซ่าเข้าใจผิด ความจริงเค้ารู้สึกดีกับลิซ่ามากต่างหาก แต่เค้ากลัวจะผิดหวัง เพราะเคยถูกทิ้ง ลิซ่าเห็นใจดลมาก แล้วทั้งสองคนก็มีโอกาสเปิดใจกันในคืนนั้น จนเกือบตกเป็นของกันและกัน แต่ดลกลับเป็นฝ่ายได้สติ และเห็นว่าไม่ถูกต้อง ทำให้ลิซ่าอารมณ์ค้าง..ซะงั้นรุ่งขึ้น ดลพาลิซ่ากลับฟาร์ม ทั้งคู่ดูเหมือนคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน อรดีใจมาก หมอหมีเองก็ยินดีกับเพื่อน ถึงแม้จะเศร้ามากก็ตาม แต่ก็ยังดีที่ได้รินมาช่วยปลอบใจ ระหว่างนั้นวิชัยวางแผนจะกำจัดดล...แต่โชคดีที่ดลรอดมาได้หวุดหวิด ลิซ่าคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับดลไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนต้องการเล่นงานดลให้ถึงชีวิต ดลคิดไม่ออกว่าเป็นฝีมือใครเพราะเค้าไม่มีศัตรูที่ไหนคนที่ลอบทำร้ายดลคือเจด ที่ถูกวิชัยซื้อตัวให้มาเป็นพวกเดียวกับเค้า วิชัยสั่งให้เจดคอยจับตาดูความเป็นไปในฟาร์ม และหาทางฆ่าดลให้ได้ โดยที่ลดากับพิธานไม่รู้ถึงคำสั่งนี้ของวิชัย ลดากับพิธานคิดว่าวิชัยจะเล่นงานให้ดลกับลิซ่าให้หย่ากันเท่านั้นดลเริ่มสงสัยว่าในฟาร์มจะมีหนอนบ่อนไส้ จึงคอยจับตาดูจนรู้ว่าเป็นฝีมือของเจด ดลเสียใจมากที่เค้าให้โอกาสคนผิด เจดถูกดลไล่ออกจากฟาร์มทันที แต่เจดไม่ยอม ขู่ลดาให้ช่วยเค้า ไม่งั้นจะบอกดลว่าลดากับพิธานร่วมมือกับวิชัย ทำให้ลดาต้องหาทางช่วยเจดโดยการทำให้เจดพ้นข้อกล่าวหา ดลพูดไม่ออก เพราะมีหลักฐานว่าวันที่เค้าถูกทำร้าย พิธานใช้งานเจดพอดี เจดจึงได้ทำงานที่นี่ต่อไปแต่ความสงบก็มาเยือนได้ไม่นาน....ระหว่างที่ดลกับลิซ่านั่งรถไปด้วยกัน ทั้งคู่ถูกลอบยิง ลิซ่าบาดเจ็บ ดลเป็นห่วงมากจึงหาทางกันลิซ่าออกไป แต่ลิซ่าไม่ยอมไป จังหวะนั้นณัฐมลกลับมาหาดล ดลจึงใช้ณัฐมลเป็นเครื่องมือเพื่อให้ลิซ่าตัดใจจากเค้าและไปจากที่นี่ ลิซ่าหลงกล คิดว่าดลยังไม่ลืมแฟนเก่า จึงตัดสินใจกลับบ้าน ไม่ว่าอรกับรินจะขอร้องยังไงก็ไร้ผล เมื่อลิซ่าจากไป ดลก็ไล่ณัฐมล ทำให้เธอรู้ว่าดลรักลิซ่ามากแค่ไหนลิซ่าเสียใจมากจนไม่เป็นอันทำอะไร ด้านเจดลอบวางเพลิงเผาฟาร์ม แต่โชคดีที่ดลมาเห็นและดับได้ทัน แต่อรกลับหมดสติเพราะควันไฟ ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ดลเป็นห่วงอาการมะเร็งของแม่ หมอบอกว่าอรไม่ได้เป็นอะไรเลย ทำให้ดลรู้ว่าแม่โกหก ลิซ่าเห็นข่าวฟาร์มถูกไฟไหม้และรู้ว่าอรอยู่โรงพยาบาล จึงขอให้หมอหมีพาไปเยี่ยม ลิซ่าได้เจอกับดลพอดี มันทำให้ดลรู้ว่าเค้าขาดลิซ่าไปไม่ได้จริงๆ ดลขอโทษลิซ่าที่หลอกเธอ ลิซ่าเข้าใจและให้อภัยลิซ่ากลับมาอยู่ฟาร์มอีกครั้ง สร้างความดีใจให้กับอร ริน และยายทับทิมมาก ดลกลับมาตั้งสติและหาทางเอาผิดวิชัย ดลสืบรู้ว่าวิชัยทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่างและต้องหาหลักฐานเล่นงาน ด้านลิซ่าก็ได้รู้จากพ่อและแม่ว่าที่คนที่โกงพ่อกับแม่คือวิชัยดล ลิซ่า ริน หมอหมีร่วมมือกันวางแผน พิธานรู้ว่าพวกดลกำลังจะทำอะไร จึงกลัวความผิด พิธานเล่นละครทำเป็นทะเลาะกับลดา เพื่อให้ดลเชื่อว่าเค้ากับแม่อยู่กันคนละทีม..พิธานอาสามาช่วยดล แต่หาไม่รู้ว่า เป็นแผนของพิธาน พิธานยังช่วยวิชัยและลดาอยู่ แล้วพิธานก็ทำสำเร็จ เค้าทำให้ดลกับลิซ่ามีปัญหากันขึ้นมาจริงๆ เพราะความหึงหวงบ้าบอของดล ดลกับลิซ่าจึงตัดสินใจหย่า อรเจ็บปวดและเสียใจมาก ลิซ่าหอบกระเป๋ากลับบ้าน พิธานได้เป็นเจ้าของฟาร์มคนใหม่ จึงไปคุยกับวิชัยเรื่องที่ตกลงกัน ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ตำรวจก็บุกเข้ามารวบตัววิชัย ทำให้วิชัยรู้ว่าโดนซ้อนแผนความจริงเฉลยว่า พิธานดันมาได้ยินวิชัยสั่งเจดให้ฆ่าดล เค้าตกใจมาก ถึงจะไม่ชอบดล แต่ยังไงดลก็เป็นครอบครัวของเค้า พิธานจึงไปบอกดล และเริ่มวางแผน เล่นละครฉากใหญ่ ซึ่งลดาเองก็ไม่รู้ว่าโดนพิธานหลอกเช่นกัน ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ดลแกล้งหย่ากับลิซ่า พิธานได้ฟาร์ม ทำให้วิชัยไม่ระวังตัว และถูกเล่นงานในที่สุดฟาร์มรักษาจึงกลับมาสู่ความสงบสุข ลดากับพิธานสำนึกผิด ครอบครัวเข้าใจกัน ดลขอลิซ่าแต่งงานอีกครั้ง และจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่ที่ฟาร์มรักษา แต่!! เหลือเวลาอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะครบกำหนด 1 ปี ดลกับลิซ่ายังไม่มีลูก ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของคนทั้งครอบครัวจึงเกิดขึ้น ยาไหนว่าดี หมอไหนว่าเด็ด ถูกขนกันมา มีทุกสูตรทั้งไทย จีน ฝรั่ง ดลกับลิซ่ารีบเร่งผลิตทายาทด้วยกระบวนท่าต่างๆ จนในที่สุด ลิซ่าก็ท้องก่อนจะครบกำหนดหนึ่งปี ได้เพียงสามวัน....ครอบครัวไพรรักษาเฮดังลั่น!!! หลังจากนั้นทุกปี ดลกับลิซ่าก็มีลูกปีละคน ปีละคน จนครบ 10 คน
มงกุฎดอกหญ้า (2563/2020) รื่องราวของคนสู้ชีวิต ที่ต้องการเข้ามาแสวงหาโอกาสในเมืองหลวง ดังเช่น แพรว (เซียงเซียง พรสรวง) และ แพงขวัญ (ต่าย อรทัย) หลังจากสูญเสียพี่สาวคนกลางไปอย่างกะทันหัน เพราะถูกภูริช (ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม) ขับรถชนจนเสียชีวิต ทำให้ พายุ (ปีโป้ ณัชพัณณ์) น้องชายของภูริช ต้องเข้ามาช่วยไกลเกลี่ย และการตายของน้องสาวทำให้แพงขวัญ ต้องมาเป็นนักร้องในร้านอาหาร อีสานโอแซว ของ ดินแดน (ไผ่ พงศธร) อดีตคนรักเก่า และความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อภูริชต้องการยึดร้านอาหารแหล่งทำมาหากินของชาวอีสาน พายุไม่เห็นด้วยจึงร่วมมือกับแพรวเข้าขัดขวางทุกวิถีทาง งานนี้พวกเขาจะร่วมมือกันเอาชนะนายทุนหน้าเลือดอย่างภูริชได้หรือไม่ ? ติดตามชมกันต่อได้ในละคร มงกุฎดอกหญ้า
ทะเลริษยา (2562/2019) ภาวินี (พิยดา อัครเศรณี) พยาบาลม่ายสาวลูกติดที่มีความทะเยอทะยาน ถูกจ้างให้มาเป็นพี่เลี้ยงลูกสาวมหาเศรษฐีอย่าง เอกรินทร์ (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) และ ดุจดาว (เอมี่ กลิ่นประทุม) แต่แล้ววันหนึ่งกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อดุจดาวและลูกประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากเรือและจมน้ำหายไป ภาวินีจึงใช้โอกาสนี้เข้ามาดูแลเอกรินทร์อย่างใกล้ชิด เพื่อหวังชุบชีวิตใหม่ให้กับตัวเองและลูก สุดท้ายเรื่องราวของม่ายสาวภาวิณีจะดำเนินต่อไปอย่างไร ? ห้ามพลาดละคร ทะเลริษยา
อรุณา 2019 (2562/2019) เรื่องราวของ 3 สาวเพื่อนซี้ 3 สไตล์ อรุณา (บี น้ำทิพย์) คุณแม่ลูกหนึ่งสุดสตรอง, ธารี (ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ) คุณแม่มือใหม่ และ วิภา (ออร์แกน ราศี) ทนายความสาวมั่นเกินร้อย ที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเหตุให้พวกเธอต้องกลับมารวมตัวอีกครั้ง หลังทุกคนพบว่าเส้นทางความรักนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป สุดท้ายพวกเธอทั้ง 3 จะลิขิตความรักครั้งนี้ให้ลงเอยอย่างไร ? ร่วมลุ้นไปพร้อม ๆ กันได้ในละคร อรุณา 2019
Mint To Be นายนั่นแหละ… คู่แท้ของฉัน (2561/2018) เมื่อกรุงเทพฯ มีแววจะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้เน็ตไอดอลสาวสวยอย่าง “บีบี” และน้องสาวซุปเปอร์ติ่งดาราจีนอย่าง “แบมแบม” ถูกแม่ของพวกเธอจับส่งไปอยู่กับยายที่ต่างจังหวัดเพื่อหนีน้ำท่วม ทำให้ภาพอดีตที่บีบีอยากลืมสมัยที่เธอยังเป็นสก๊อยชื่อดังประจำตำบลหวนกลับมาอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ บีบีพบว่าอะไรหลายอย่างที่นี่เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะ “มินท์” อดีตแฟนเก่าที่เคยเป็นเด็กแว้นไม่มีอนาคต แต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของกิจการสวนไม้ที่เนื้อหอมจนสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็หลง ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ทับทิม” ลูกสาวกำนันอดีตอริเก่าของบีบีที่คอยตามตื๊อมินท์ทั้งวันทั้งคืนเพื่ออยากจะคว้ามินท์มาเป็นแฟนให้ได้ ส่วนแบมแบมก็ต้องกลับมาเจอ “โบ” เด็กรับใช้บ้านยายสุดซื่อที่แอบชอบแบมแบมมาตั้งแต่เด็ก แต่โบก็ดูจะสับสนกับแบมแบมคนใหม่ไม่น้อย ที่ตอนนี้แบมแบมไม่มีความเป็นติ่งหมอลำเหมือนแต่ก่อนเหลืออยู่เลย เรื่องราววุ่น ๆ เริ่มขึ้นเมื่อบีบีต้องเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่มีมินท์เป็นหัวเรือใหญ่อย่างจำใจ เพื่อหักห้ามใจจากมินท์ บีบีต้องคอยสะกดจิตตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตอนนี้เธอคือบีบีคนใหม่ที่ทิ้งอดีตไปหมดแล้ว แต่เมื่อต้องกลับมาใกล้ชิดกับมินท์ทุกวันเหมือนเมื่อก่อน ทำให้บีบีชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอควรทิ้งความรักในอดีตไว้ข้างหลังหรือจะกลับมาคว้ามันไว้ดี...
เรื่องย่อ : เหมือนคนละฟากฟ้า (2560/2017) เพราะอดีตคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและไม่อาจแก้ไขได้ โยทกาจึงต้องมีชาติกำเนิดที่มีแม่เป็นโสเภณีด้วยความจำเป็นเพื่อเลี้ยงดูเธอ แต่ด้วยความรักดีโยทกาจึงพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการสร้างคุณค่าให้ตัวเองจากความรู้ความสามารถ เมื่อแม่คิดตั้งต้นชีวิตใหม่กับเถกิง สุภาพบุรุษที่มอบรักแท้ให้ นั่นคือการชักนำให้โยทกาได้พบบททดสอบแห่งความรักกับชัชรัณ ผู้มีกำแพงอคติด้วยฝังใจกับความเจ็บปวดจากรักเก่าจนพาลเหมารวมโยทกาให้เลวร้ายไม่ต่างกัน เพื่อความรักโยทกาต้องทำลายกำแพงอคติ และทำให้ชัชรัณวางทิฐิ เปิดใจเพื่อเรียนรู้ปัจจุบัน พร้อมก้าวเดินไปในอนาคตร่วมกัน เพราะสุขแท้ของรักนั้นอยู่ที่ใจสองดวงหลอมรวมเป็นดวงเดียว... เรื่องย่อเหมือนคนละฟากฟ้า ที่ประเทศออสเตรีย โยทกา อรุณชาติ (ภีรนีย์ คงไทย) วางแผนจะเดินทางกลับเมืองไทยทันทีหลังมุ่งมั่นจนจบปริญญาโทด้านการตลาด แต่เพราะคำขอร้องให้ช่วยในงานแสดงผลิตภัณฑ์สปาออแกนิกส์ 10 อันดับที่เข้ามาเจาะตลาดโรงแรมในประเทศ โดยโยทกาต้องรับหน้าที่ในการเป็น พิธีกรดูแลบูธบริษัท Parn จากตัวแทนจัดหางานของ น้านุดี (นฤมล พงษ์สุภาพ) เพื่อนสนิทของมารดาโยทกา ผู้ให้ที่อยู่และดูแลโยทกาในออสเตรียมาตลอดแปดปี ทำให้โยทกาต้องยอมเลื่อนการเดินทางกลับเมืองไทยออกไปเพื่องานนี้ ภายในงานโยทกาแสดงความสามารถในฐานะพิธีกรได้โดดเด่นกว่าทุกคน เมื่อ ชัชรัณ วริศรักษ์ (แอนดริว เกร้กสัน) กรรมการบริษัท ธารา กับ กฤตนัย รสิกาญจน์ (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์) เพื่อนรุ่นพี่สุดซี้ ที่กินตำแหน่งหุ้นส่วนคนสำคัญที่ได้ยินเสียงการให้ข้อมูลจากโยทกาก็พึงพอใจในความสามารถ ด้านโยทกากำลังหนักใจเมื่อ เวนย์ (สมิทธิ ลิขิตมาศกุล) ผู้จัดการโรงแรม ที่โยทกาเคยไปลงพื้นที่เก็บข้อมูลงานวิจัยตามมาก่อกวนเพราะโยทกาเคยตอบโต้ความหื่นของเวนย์จนเวนย์ถูกไล่ออกจากงานเก่า โยทการีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหวังจะรีบออกไปจากงาน แต่เวนย์กลับไล่ต้อนโยทกาไปจนมุมในที่ลับตาคนและใช้กำลังจะจัดการโยทกา โยทกาพยายามจะสะบัดให้หลุดแต่สู้แรงของเวนย์ไม่ได้ ชัชรัณที่ผ่านมาเข้าช่วยเหลือไว้ได้ เวนย์ใส่ร้ายโยทกาว่าตกลงซื้อบริการกันแล้วแต่โยทกาขโมยของของเวนย์มา ชัชรัณไม่ยอมเชื่อ แต่เวนย์ที่แอบยัดกระเป๋าเงินตัวเองใส่กระเป๋าถือของโยทกาจนเอามาใช้เป็นหลักฐานทำให้ชัชรัณมองโยทกาในแง่ร้าย โยทกาโกรธมากกับความร้ายกาจของเวนย์แต่ไม่เท่ากับสายตาของชัชรัณที่มองโยทกาอย่างรังเกียจ การจากกันในคืนนั้นทำให้โยทกาเหม็นหน้าชัชรัณนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โยทกาเตรียมตัวกลับเมืองไทยโดยไม่สนใจคำขอร้องของ บ๊อบ (กิจเกษม แมคแฟดเดน) เพื่อนชายคนสนิท ที่ขอเธอแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะที่เมืองไทย โยทกายังมีแม่ที่เป็นห่วง เซม (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) และ เจนจันทร์ (นลิน โฮเลอร์) เพื่อนสาวคนสนิทที่เมืองไทย ติดต่อกลับมาบอกว่า กรรณิการ์ (จินตหรา สุขพัฒน์) แม่ของเธอ กำลังจะแต่งงานกับ พลตรี เถกิง วริศรักษ์ (สันติสุข พรหมศิริ) นักธุรกิจเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง โยทการ้อนใจที่แม่กำลังจะยอมถูกตราหน้าอีกครั้งว่าขายตัวเพื่อเงิน และโยทกาเชื่อว่าการขายตัวครั้งนี้ต้องมีโยทกาเป็นสาเหตุเหมือนตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็กโยทกาเห็นแม่ยอมให้ตัวเองเป็นโสเภณีมีเงินเดือนเพื่อให้โยทกาได้มีกินมีใช้ ได้เรียนสูง ๆ ความเจ็บปวดจากการที่แม่ผู้ให้กำเนิดโดนดูถูก เหยียดหยาม เพื่อให้ลูกอย่างโยทกาไม่ต้องพบเจอกับความลำบากทำให้โยทกาสาบานกับตนเองว่าจะต้องได้ดีมีเงินด้วยความสามารถ จะเลี้ยงดูและไม่ให้ใครมาดูถูกแม่ได้อีก โยทกาตัดสินใจจะกลับเมืองไทยก่อนงานแต่งงานของกรรณิการ์ เช่นเดียวกับชัชรัณ ที่รู้ข่าวจาก คุณยายผ่อง วริษรักษ์ (ดวงใจ หทัยกาญจน์) ผู้เจ้าระเบียบและเคร่งครัด บอกมาว่า เถกิง บิดาของชัชรัณ กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับกรรณิการ์ หญิงสาวที่มีประวัติเป็นนักร้องในคลับ มีคนยืนยันว่ากรรณิการ์เคยเป็นเมียน้อยของผู้ชายหลายคนก่อนที่จะมาพบเจอกับเถกิง คำเป่าหูของคุณยายผ่องที่ชัชรัณรักและเคารพที่สุดในชีวิตถึงพฤติกรรมของเถกิงที่ทำให้ สินี (ปรารถนา บรรจงสร้าง) แม่ของชัชรัณ ต้องตรอมใจจนตาย รวมถึงการบอกเล่าความเหลวแหลกของกรรณิการ์ ทำให้ชัชรัณโกรธพ่อและตั้งป้อมรังเกียจกรรณิการ์ตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นหน้า โยทการับรู้ความรู้สึกของชัชรัณที่มีต่อแม่ของเธอด้วยความบังเอิญที่ต้องติดรถชัชรัณไปที่สนามบิน โยทกาตั้งใจว่าจะต้องไปขวางการแต่งงานของแม่เช่นกัน เพราะไม่อยากให้แม่เป็นทุกข์มากไปกว่านี้ เมื่อชัชรัณถึงเมืองไทย ก็ร่วมกับคุณผ่อง และ เพ็ญศรี (ไปรมา รัชตะ) ญาติตัวร้ายในบ้าน ต่อต้านไม่ให้พ่อแต่งงาน แต่เถกิงไม่สนใจ ยืนยันที่จะแต่งงานกับกรรณิการ์ให้ได้ โดยไม่สนใจอดีตของเธอ ด้านโยทกาเมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทยก็รีบนัดให้กรรณิการ์ออกมาพบ โยทกาขอร้องให้กรรณิการ์ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ โยทกาสัญญาว่าจะเลี้ยงดูกรรณิการ์อย่างดี ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป ในขณะที่กรรณิการ์พยายามจะให้โยทกาเข้าใจว่าการแต่งงานกับเถกิงจะช่วยสร้างประวัติใหม่ให้กับโยทกา ได้สถานภาพเป็นลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดัง มีศักดิ์ศรี มีที่ยืนดี ๆ ในสังคม ไม่ใช่ลูกเมียน้อย เมียเก็บ ถูกสังคมกดให้ต่ำต้อยเพียงเพราะโยทกาเลือกเกิดไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา โยทกาพยายามจะบอกกรรณิการ์ว่าไม่เคยสนใจคำพูดคนอื่น ไม่ต้องการเกียรติยศ ชื่อเสียง โยทกาต้องการเห็นกรรณิการ์มีความสุข ไม่ต้องรวยล้นฟ้า แต่เราจะไม่มีวันอับจนเพราะความรู้ความสามารถที่โยทกามี โยทกาไม่อยากให้กรรณิการ์ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ผู้ชายมักมาก แต่กรรณิการ์ยืนยันว่าเถกิงเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ชายที่ดี โยทกาไม่อยากเชื่อเพราะสิ่งที่เห็นจากชัชรัณทำให้โยทกาคิดว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแน่ แต่แล้วโยทกาก็หาทางทำความรู้จักกับเถกิง และยอมรับในความรักที่แท้จริงของเถกิงที่มีต่อแม่ของเธอ ก็เลยสบายใจ ก่อนวันงานแต่งงานของกรรณิการ์ โยทกาได้รู้จักกับ กิ่งกาญจน์ รสิกาญจน์ (สุนิสา เจทท์) น้องสาวของกฤตนัย หญิงสาวที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองตระกูลหมายจะให้ได้ครองคู่กับชัชรัณ กิ่งกาญจน์รู้สึกถูกชะตา เอ็นดูโยทกาตั้งแต่แรกเห็น มิตรภาพของทั้งคู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในวันงานแต่งงานของเถกิง กับ กรรณิการ์ ทาง เพ็ญศรี กับ คุณผ่อง วางแผนกลั่นแกล้งกรรณิการ์ ให้คู่อริเก่าอย่าง อรัญญา (สุรัตนา ข้องตระกูล) มาอาละวาดในงาน แต่กฤตนัย และโยทการู้เรื่องเสียก่อน ก็เลยวางแผนกับเพื่อนเซม และเจนจันทร์ จัดการจนอรัญญาไม่สามารถมาทำลายพิธีแต่งงานของเถกิงและกรรณิการ์ที่บ้านได้ การแต่งงานผ่านไปได้ด้วยดี โยทกา เริ่มต้นทำงานที่บริษัทของชัชรัณ ทำให้ได้ติดต่อกับ ภุชงค์ (ธนกฤต พานิชวิทย์) ผู้บริหารโรงแรมบลูมูน ลูกชายคนเดียวของ ภูมิ (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) และ ชงโค (ปริศนา กล่ำพินิจ) รวมทั้ง กุสุมา (ณัฐวรา วงศ์วาสนา) นักบริหารจัดการคนเก่ง โดยโยทกาพยายามลุยงานเต็มที่เพื่อลบคำสบประมาทของชัชรัณ ขณะเดียวกันโยทกาก็มักจะคอยไปตอแย ไปในสวนพื้นที่ส่วนตัวของชัชรัณ ซึ่งทุกคนในบริษัทไม่มีใครกล้าไปยุ่ง ขนาดกฤตนัย และ กิ่งกาญจน์ ที่สนิท ยังไม่ค่อยที่จะเข้าไปหาชัชรัณ แต่โยทการู้สึกว่าการยั่วเสือยิ้มยากอย่างชัชรัณ เป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต แต่ความขัดแย้งในครอบครัว ระหว่างชัชรัณกับพ่อ ส่งผลไปถึงกรรณิการ์ และโยทกา แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน เหมือนยิ่งอยู่ห่างไกลกัน ความอดทนของชัชรัณถึงขีดสุด เมื่องานการกุศลที่เขาจัดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับแม่ที่จากไป ถูกทำลายเพราะอรัญญามาอาละวาดหาเรื่องกรรณิการ์ในงาน ทั้งนี้แม้จะเป็นแผนร้ายของเพ็ญศรี แต่ก็กระทบทำให้งานที่ชัชรัณอุตส่าห์เตรียมงานมานาน ต้องล้มเหลวไป ชัชรัณโมโหจนไปพักผ่อนและดูงานที่เชียงใหม่ ไม่มีทีท่าจะกลับบ้าน โยทกาตามไปขอร้องให้เขากลับบ้าน แต่ชัชรัณไม่สนใจ โยทกาตื๊อและตามเขาไปทุกที่และต้องไปเสี่ยงอันตราย ช่วยเด็กชาวเขาด้วยกัน ชัชรัณและโยทกาต่างมีความรู้สึกดีต่อกัน แม้จะมีคุณยายผ่อง และ กรรณิการ์ ที่ไม่อยากให้ทั้งคู่ชอบกัน แต่ความรักก็ห้ามกันไม่ได้ แต่อุปสรรคความรักของทั้งคู่ก็มีมากมาย ทั้งเรื่องของกิ่งกาญจน์ ที่ทาง คุณหญิงละออง (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) แม่บุญธรรมของกิ่งกาญจน์ ก็พยายามบีบบังคับทุกวิถีทางให้ชัชรัณยอมแต่งงานกับกิ่งกาญจน์ แล้วยังมีภุชงค์ที่ตามจีบโยทกาอีก โดยมีกุสุมาคอยช่วยเหลือ ด้านกฤตนัยก็ไม่เห็นด้วยที่ชัชรัณจะทิ้งกิ่งกาญจน์แล้วมารักโยทกา ทั้งที่กฤตนัยเองก็แอบหลงรักกิ่งกาญจน์ น้องสาวบุญธรรม มานานแล้ว เรื่องราวความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่วุ่นวายซับซ้อน และความรักของชัชรัณ กับ โยทกา จะลงเอยอย่างไร
จากสูญถึงสิบ (2564/2021) เพราะแม่เสียชีวิตหลังเขาเกิดได้ไม่นาน เท็น จึงใช้ชีวิตอยู่กับพ่อคือ ทิน มาตลอด จนกระทั่งทินเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดหัวใจตีบตันเฉียบพลัน เท็นจึงรีบติดติดแก๊งเพื่อนสนิทของพ่อ แต่เพราะ ดิน น้องชายทิน เดินทางไปถ่ายคลิปท่องเที่ยวในประเทศอันไกลโพ้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แก็งเพื่อนพ่อเลยรวมหัวกันและสรุปว่า ระหว่างที่รอดินติดต่อกลับ แต่ละครอบครัวจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองและดูแลหลานผู้อาภัพ เท็นจะอยู่กับแต่ละบ้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ไล่ไปทีละครอบครัว
เรื่องย่อ : สี่ไม้คาน (2562/2019) เขาว่า คบเด็กคือนิพพาน ขึ้นคานคือตายทั้งเป็น ชายในฝันเด็กหรือไม่เด็ก ก็จะยอมอยู่บนคานทำไมกันเล่า แต่เมื่ออีกคนอยากให้ขึ้น แต่อีก 4 คน อยากจะลง เรื่องวุ่น ๆ ฮา ๆ จึงบังเกิด เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเพราะ ตารงค์ (โย่ง-พิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา) ไม่ทิ้งลายเจ้าชู้แอบมีเมียน้อย แถมยังเล่นจ๋ำจี้จนช็อกตายคาอก นังชวนชม (หมิว-สิริลภัส กองตระการ) ทำให้ ยายลำดวน (ตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี) อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านอย่างหนักถึงขั้นไม่อยากเผาผี แต่ทำไงได้?! ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นไอ้ผู้ชายหลายใจ นิสัยไม่ดี ยายลำดวนยิ่งเกลียดนัก! ก่อนหน้านี้ลูกสาวคนเล็กก็ตรอมใจตายเพราะถูกสามีนอกใจไปมีเมียใหม่ทิ้งลูกสาวทั้ง 4 ให้ยายลำดวนเลี้ยงดู ส่วนลูกชายคนโต ยี่สุ่น (ซ้ง-ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์) หลังจากเมียตายก็หันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตัดสินใจบวชตลอดชีวิต ทิ้งลูกสาว ซ่อนกลิ่น (กิ๊ฟซ่า-ปิยา พงศ์กุลภา) ไว้ให้ลำดวนเลี้ยงอีกคน...ไม่ได้เรื่องจรืง ๆ ผู้ชายพวกนี้! เมื่อหลาน ๆ โตเป็นสาวซ่อนกลิ่นก็ได้ เจ้ากอบ (ร็อคกี้-สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ) เป็นสามี วันดีคืนพอเหล้าเข้าปากก็เห็นซ่อนกลิ่นเป็นกระสอบทรายเตะเอาซ้อมเอา ทุบตีทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่นั้นมายายลำดวนก็สาปส่งมนุษย์ผู้ชายเห็นแก่ตัว ชอบทำร้ายและเอาเปรียบผู้หญิง เท่านั้นไม่พอเพราะไม่อยากให้ประวัติศาตร์ซ้ำรอยแถมยังเป็นห่วงหลานสาว ยายลำดวนจึงประกาศลั่นออกกฏห้ามยิ่งกว่าอัยการศึกห้ามหลานสาวที่เหลือทั้ง 4 มี ผอ สระอัว ผัว เป็นอันขาด! ชาวบ้านเลยเมาท์กันแซ่ด ห้ามคนไม่ให้มีความรักอย่างงี้ก็ได้หรอ ?! ยายลำดวนหัวเราะเยาะ...ฉันนี่แหละจะทำให้ดู!! งานนี้ แก้ว (มะเหมี่ยว-พรชดา วราพชระ) หลานสาวคนเล็กที่รับนิสัยของยายลำดวนยังกะโขกกันออกมาเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เพราะเป็นคนแก่นเซี้ยว ห้าว ๆ ชอบพึ่งพาตัวเองแถมมีเพื่อนผู้ชายเป็นฝูง แก้วเลยไม่ได้สนใจเรื่องความรัก แถมพยายามหารายได้พิเศษโดยการขายบัตรเติมเกมส์ เลยทำให้ ผู้กองศรุต (โก้-วศิน อัศวนฤนาท) นายตำรวจสุดเท่แห่งหน่วยปราปรามยาเสพติดที่เพิ่งย้ายมาประจำการ ณ บ้านหนองดินแตกอดีตคู่อริเก่าของแก้วเข้าใจผิด คิดว่าแก้วเป็นเด็กส่งยา ศรุตกับแก้วไม่ถูกกันตั้งแต่เด็กเพราะเขาเป็นหลานของ เศรษฐีใหญ่ (ปุ๊-มนตรี เจนอักษร) ศัตรูตัวฉกาจของยายลำดวน เศรษฐีใหญ่เกลียดผู้หญิงเพราะที่ผู้หญิงเขาเคยเจอล้วนแต่โกหกหลอกลวงทั้งนั้น ฉนั้นเมื่อเศรษฐีใหญ่ไม่ถูกกับยายลำดวนเพราะต่างฝ่ายต่างเหยียดเพศกัน เศรษฐีใหญ่เสี้ยมให้ศรุตเกลียดผู้หญิง ยายลำดวนก็เสี้ยมให้หลานทั้งสี่เกลียดผู้ชาย ศรุตจึงเป็นศัตรูกับแก้วตั้งแต่เด็ก ๆ แถมแก้วก็ชอบล้อว่า “ศรุตเป็นตุ๊ด” ด้วย ส่วน ผกา (ลิเบีย-ณัฐรินทร์ สุวรรณเลิศ) พี่สาวคนโต กลับไม่เห็นด้วยกับคำสั่งเคอร์ฟิวของยาย เพราะผกาแอบคบอยู่กับ วิทย์ (ไต้ฝุ่น ตากเพชร) ปลัดหนุ่มรูปหล่อ เอาการเอางาน มุ่งหมั่นพัฒนาชุมชน วิทย์เป็นลูกคนโตรับหน้าที่ดูแลครอบครัวเหมือนกัน เขาจึงเข้าอกเข้าใจและเห็นใจผกาเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเพราะทั้งคู่มีนิสัยประนีประนอมเหมือนกัน บางครั้งที่มีเรื่องเข้าใจผิดกลับไม่ยอมพูดคุยกันให้เคลียร์และเลี่ยงพูดคุยจนเป็นปัญหาสะสมภายหลัง ด้าน พิกุล (แก้วใส คริสตัล) พี่สาวคนที่สองหลังจากเรียนจบครูจากกรุงเทพก็ตัดสินใจกลับมาสอนที่บ้านเกิดและได้เจอกับ พุฒิ (ภูมิ-เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์) เด็กช่างหนุ่ม น่ารัก สดใส เพื่อนซี้ของแก้ว เจ้าของร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์หลานชายอีกคนของเศรษฐีใหญ่ พุฒิเดินหน้าจีบพิกุลเต็มกำลังเพราะพี่พิกุลเป็นรักแรกที่เคยช่วยเหลือเขาตั้งแต่เด็ก แม้จะเป็นรักต่างวัยที่อายุห่างกันถึง 6 ปี เขาก็ไม่แคร์ ถึงแก้วจะยังไม่สนใจเรื่องความรักแต่ก็เห็นใจพี่ ๆ จึงวางแผนจ้างหมอดูร่างทรงให้มาดูดวงถึงบ้าน หมอดูเก๊บอกว่าถ้าสาว ๆ ทุกคนไม่แต่งงาน ยายลำดวนจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อไปเฝ้ายมบาลทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควรเป็นแน่ เหอะ!...ฝีมือระดับยายลำดวนมีหรือจะเชื่อ แค่แกล้งชักกระตุกฟาดขาใส่ต้นคอหมอดูพลัวะๆ ก็ยอมเผยออกมาหมดเปลือกว่าถูกจ้างมา ยายลำดวนเลยรู้ได้แน่ชัดว่าหลาน ๆ กำลังมีความรัก ถึงได้คิดเป็นปฏิปักษ์กับยาย ยายลำดวนพยายามทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางความรักของหลานสาวทั้งยืดมือถือ ปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดติดกล้องวงจรทั่วบ้านเพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวเท่านั้นยังไม่พอ เมื่อรู้ว่าผกากำลังปลูกต้นรักกับปลัดวิทย์ ยายลำดวนก็ไปจ้าง เมี้ยว (โม-อมีนา พินิจ) ให้สวมบทเมียหลวงจอมโหดมาข่มขู่ผกาให้อับอายขายขี้หน้า ผกาทั้งโกรธทั้งแค้นที่วิทย์มาหลอกลวงให้อับอายและช้ำใจ ตั้งแต่นั้นมาผกาก็เกลียดผู้ชายหันมาเข้าข้างยายลำดวน เพราะไม่อยากให้น้อง ๆ ช้ำใจเหมือนตัวเอง เห็นมั้ย?! ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ด้าน กล้วยไม้ (กิฟท์-สุพิชฌาย์ ศรีสวัสดิ์) ก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว ยิ่งเมื่อเอาเงินไปฝากแบงค์แล้วได้สบตาวิ๊งค์ ๆ ของ พิชัย (อั๋น-ชยพล บุนนาค) หนุ่มธนาคารรูปหล่อ เจ้าสำอางค์ หัวใจของเธอก็อ่อนยวบคิดเป็นปฏิปักษ์กับยาย แต่มีหรือคนอย่างยายลำดวนจะไม่สังเกต เพราะกล้วยไม้ขยันไปธนาคารบ่อยเป็นพิเศษ ยายลำดวนจึงรู้ว่ากล้วยไม้ฝากเงิน แต่ดันได้ดอกเบี้ยเป็นหนุ่มธนาคาร เท่านั้นระเบิดก็ลงบ้านยายลำดวนพิโรธหนักมากตามอาละวาดถึงธนาคาร แต่เมื่อเอาผิดไม่ได้ยายลำดวนจึงวางแผนให้กล้วยไม้รู้สึกผิด ด้วยการแกล้งป่วยชนิดล้มหมอนนอนเสื่อ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหมือนคนตรอมใจใกล้ตาย เมื่อเห็นยายป่วยทรุดหนัก กล้วยไม้รู้สึกผิดมากตัดสินใจเลิกรากับพิชัย ทั้ง ๆ ที่พิชัยรักจริง และเป็นคนดี ยายลำดวนดีใจมากแต่ยังแกล้งป่วยต่อไปเพื่อความแนบเนียนสมบทบาท แต่บังเอิญโป๊ะแตกถูกแก้วจับได้ว่าตกกลางดึกยายลำดวนแอบกินข้าว กินขนม กินผลไม้อย่างเปรมปรี แตกต่างจากกล้วยไม้ที่ผอมตรอมใจลงทุกวันเพราะอกหัก แก้วจึงดัดนิสัยยายด้วยบอกกล้วยไม้...ว่าจริง ๆ แล้วยายไม่ได้ป่วย ปฏิบัติการซ้อนแผนยายลำดวนจึงเกิดขึ้นกล้วยไม้ทำทีเป็นป่วย ตรอมใจ เหมือนคนใกล้ตายจริง ๆ ด้วยความเป็นห่วง ยายลำดวนรีบมาดูแลกล้วยไม้แต่การแกล้งป่วยของยายลำดวนทำให้หลาน ๆ เริ่มไม่แน่ใจว่าป่วยปลอมหรือป่วยจริง แก้วคิดแผนปลอมตัวเป็นปอบ ขโมยไก่ทั้งหมู่บ้านเอาไปฝากให้หลวงลุงยี่สุ่นเลี้ยงที่วัด หลังจากนั้นก็เอาไส้ไก่ปลอม ๆ ชุบเลือดสร้างสถานการณ์ปอบลง ชาวบ้านแตกตื่นกันมาก ตกใจกลัวปอบ แห่กันไปแจ้งความที่โรงพัก ผู้กองศรุตกับ จ่าผ่อง (โยกเยก-อัครเดช รอดวินิจ) ลูกน้องคู่ใจจำต้องล่าท้าปอบ แก้วมาไซโคแกล้งปรึกษากับพี่ ๆ “ถ้ายายเป็นปอบจริง ๆ จะต้องถูกชาวบ้านจับไปเผาไฟจนตายทั้งเป็น ทิ้งมรดกไว้ให้หลาน ๆ ดูต่างหน้าเท่านั้น” ยายลำดวนได้ยินกลัวชาวบ้านแห่มารุมจับตัวไปเผาไฟเลยหายป่วยทันที หลาน ๆ ดีใจมากแต่ยายลำดวนก็โกรธมาก เพราะหมวดศรุตจับได้ว่าปอบที่สร้างความอลหม่านให้กับชาวบ้าน คือ แก้วหลานสาวตัวแสบนั่นเอง เรื่องกล้วยไม้ยังไม่ทันเคลียร์ยายลำดวนก็จับได้ว่า พิกุลพบรักกับพุฒิหนุ่มนักเรียนช่าง ลำพังความรักธรรมดาก็ยากแล้ว นี่ ”รักต่างวัย” อย่างนี้! จะเหลือรึ ?! ยายลำดวนเลยต้องหายจากการป่วยอย่างเด็ดขาด ลุกมาอาละวาดพิกุลกับพุฒิ แต่พุฒิไม่ได้กลัวเขาเป็นเด็กช่างถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว แถมยังประกาศกร้าวจะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขารักและจริงจังกับพิกุลแค่ไหน พุฒิพร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่ารักของเด็กหนุ่มครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ - - เจอความเป็นลูกผู้ชายแมน ๆ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะของพุฒิ พิกุลก็ฟินเฟ่อร์ แต่ยายลำดวนกับเศรษฐีใหญ่ลมแทบจับทุกวัน เศรษฐีใหญ่ไม่อยากให้พุฒิมีแฟนโดยเฉพาะเธอคนนั้นเป็นหลานยายลำดวน - - นี่เป็นครั้งแรกที่สองผู้ใหญ่จำต้องยอมจับมือกันเพื่อปฏิวัติยึดอำนาจไม่ให้หลาน ๆ หืออือ แต่ก็ไม่อาจต้านแรงแห่งความรักได้ พุฒิแอบลักลอบเจอพิกุลเสมอ เศรษฐีใหญ่ให้ศรุตจับตามองพุฒิไม่ให้ไปยุงเกี่ยวกับพิกุล ทำให้แก้วไม่พอใจที่ศรุตคิดจะงัดข้อ พิกุลขอให้พุฒิเลิกเกกมะเหรกเกเร ทำตัวเป็นเด็กแวนซ์เที่ยวมีเรื่องกับคู่อริแล้วตั้งใจเรียน พุฒิรับปากเขาจะเป็นลูกผู้ชายเพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อพิกุล ยายลำดวนจึงจ้างผู้หญิงมาสวมบทบทเมียหลวงอีกครั้ง แต่ไม่เนียนเลยถูกจับได้และพาลรู้ไปถึงเหตุการณ์ในสมัยก่อนที่ยายลำดวนจ้างเมี้ยวมาเป็นศัตรูหัวใจของผกา เมื่อรู้ความจริง ผกาเสียใจมากที่เข้าใจวิทย์ผิดมาตลอด ปฏิบัติการทวงพื้นที่หัวใจของสาว ๆ สี่ไม้คาน จึงเริ่มต้นอีกครั้ง!! ยายลำดวนโกรธมากที่หลาน ๆ คิดจะงัดข้อ จึงพยายามจะทำให้เห็นว่า ผู้ชายมันไม่ดีจริงๆ ดูอย่างเจ้ากอบ ที่เปลี่ยนนิสัยไม่ได้และยังทำร้ายซ่อนกลิ่นกับ เจ้ายอด (น้องอินเตอร์-รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ) ลูกสาว แก้วลากคอเจ้ากอบไปโรงพักแล้วแจ้งความว่าเจ้ากอบทำร้ายเมียกับลูก ซ่อนกลิ่นร้องไห้เข้าข้างสามี แก้วจึงกรอกเหล้าเข้าปากแล้วทำเส้นกระตุกเตะปากกอบคืนบ้าง สน.จึงสุดอลหม่านเกิดการทะเลาะวิวาทบนโรงพัก จ่าผ่องคู่ปรับของแก้วและพุฒิมาห้ามก็ถูกลูกหลง ผู้กองศรุตจะจับแก้วเข้าคุกข้อหาดื่มแต่จริง ๆ แล้วคือน้ำแร่ ผู้กองศรุตปวดหัวหนักมาก เคยทำแต่คดีใหญ่ ๆ เป็นหน่วยปราบปรามยาเสพติดแต่ตอนนี้ ทำแต่คดีเล็ก ๆ ขี้หมูขี้หมา จับวงไพ่จับคนเมา หนักเข้าสุดคือจับปอบ แต่ละคดีชวนละเหี่ยใจจริงๆ แต่คดีเหล่านั้นก็ไม่ทำให้ศรุตปวดหัวเท่ากับการที่ โฉมเฉิดฉาย (เฟิร์น-เกษรา วัฒนสังข์) คนรักเก่าของเขากลับมาหา ในขณะที่ศรุตรู้ตัวว่ากำลังมีใจให้กับแก้ว รู้ว่าใจเขาวันนี้ไม่มีโฉมเฉิดฉายแล้ว แต่แก้วเข้าใจผิดคิดว่า ศรุตเป็นเหมือนผู้ชายทุกคนที่หลงใหลได้ปลื้มในความสวยของผู้หญิง แก้วทำตัวเหินห่างศรุตไม่สร้างปัญหาอะไรให้ แต่ศรุตกลับกังวลใจที่แก้วไม่มายุ่งวุ่นวายเหมือนเดิม เศรษฐีใหญ่เองก็ปวดกะโหลก พุฒิยืนกรานจะคบกับพิกุลที่ผ่านมาพิกุลทำให้พุฒิกลับมาตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่เป็นเด็กเกเรให้ชาวบ้านระอา ถ้าเศรษฐีใหญ่ห้ามพุฒิจะกลับไปแวนซ์เหมือนเดิม รับรองศรุตได้จับพุฒิเข้าคุกแน่! เศรษฐีใหญ่ใจอ่อนเพราะที่ผ่านมาพุฒิเป็นเด็กดีขึ้นจริง ๆ แก้วขอร้องยายลำดวนให้โอกาสหลาน ๆ ได้มีคู่บ้าง ยายก็เห็นด้วย แต่ด้วยความที่รักหลาน ๆ มากห่วงมากเลยกังวลไปเสียทุกอย่าง ยายลำดวนจึงล้มป่วยตรอมใจจริง ๆ ยายลำดวนยอมเข้าใจความรักของหลาน ๆ แต่ยายทำใจไม่ได้ถ้าหลานๆ ถูกผู้ชายทำร้าย เพราะมนุษย์ผู้ชายเป็นเพศแห่งความโลเลหลายใจ หลาน ๆ ทุกคน เห็นความรักของยาย ก็ยอมตัดใจจากคนรักและพร้อมจะเชื่อฟังยาย ประตูบ้านสี่ไม้คานจึงปิดตายสำหรับผู้ชายตั้งแต่วันนั้น วิทย์ พิชัย พุฒิ รวมทั้ง ศรุตเสียใจมากจนเศรษฐีใหญ่ยอมบากหน้า พาสี่หนุ่มมาขอพบเพื่อเจรจากับยายลำดวน เศรษฐีใหญ่บอกผู้ชายไม่ได้เลวร้ายหลายใจไปหมดทุกคน เพราะเขาเองยังรักภรรยาของเขาอยู่ถึงแม้เธอจะทิ้งเขาไป และก็หวังว่ายายลำดวนจะเข้าใจ มนุษย์ทุกคนต้องเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง หากเขาเสียใจ เจ็บปวดผิดหวัง เราเป็นพ่อแม่ เป็นปู่เป็นย่า มีหน้าที่ประคับประคองและให้กำลังใจ ไม่ใช่ไปปิดประตู บงการชีวิตเขา หากจะรัก...ไม่ต้องกลัวคำว่า”เสียใจ” ศรุตบอกแก้วเขาเลิกรักโฉมเฉิดฉายนานแล้วและสารภาพว่ารักแก้ว แก้วโวยวายเธอไม่ได้คิดอะไรกับศรุต ผู้หญิงกับตุ๊ดจะไปแต่งงานกันได้ยังไง? ศรุตหน้าเสียเขารักแก้วจริง จะทำให้แก้วเลิกมองเขาเป็นตุ๊ดและรักเขาให้ได้ งานนี้ภารกิจพิชิตหัวใจสาว ๆ สี่ไม้คานจะสำเร็จหรือไม่?! ยายลำดวนจะยอมใจอ่อนยกหลานสาวให้ สี่หนุ่มดูแลหรือเปล่า ? งานนี้ลุ้นหนักมาก...พูดเลย!!
สี่แผ่นดิน (2523/1980) แผ่นดินที่ 1: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ 19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแต่แก่กว่าพลอย 2 ปี พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ 8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็นเฆี่ยนทุกที ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูกเรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึง ๆ กันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับเสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่าน้ำ และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พอเรือแล่นออกไป พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน" แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านที่ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรงพระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย ชื่อ มูลบทบรรพกิจ และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่าง ๆ ตอนกลางคืน คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหาเพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่าง ๆ ชื่อ ฉิม และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 16 ปีเศษแล้ว นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่า สวยเกินที่คาดไว้ ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอหน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อร่ำลา พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์ และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรป การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้ คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริง ๆ และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพ่อยมซึ่ง เป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน เจ้าคุณพ่อก็ตาย เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า ประพนธ์ พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่า ๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา แผ่นดินที่ 2: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง หลังจากนั้นวันหนึ่ง คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่นซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้ สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูก ๆ ในช่วงรัชกาลใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริง ๆ พร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์ หลังจากนั้นในหลวงก็ประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด แผ่นดินที่ 3: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน และความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปไม่นาน ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างรุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฏ ไม่มีความจงรักภักดี จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ แผ่นดินที่ 4: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้ จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย และใช้คำว่า “ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า” เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี “วัฒนธรรม” เพื่อให้ชาติเจริญ ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นได้หย่ากับลูซิลส์แล้วและกำลังไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ และมีลูกสองคนคือแอ๊ดและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรคมาลาเรีย ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8 สวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปด้วย
THE HUSBANDS: สามีสีทอง (2562/2019) เรื่องราวผัวเมียละเหี่ยใจสามคู่สามแบบ จากภรรยาสามคนที่ต้องรับมือกับวีรเวรวีรกรรมของสามีที่ทั้งแสบ ทั้งแซ่บ จนน่าปวดหัว คู่แรก ทองพัน มนุษย์เมียสายบู๊ ผู้ใช้เวลาและพลังงานทั้งหมดในชีวิตตามจิก คำหลวง มนุษย์สามีจอมกะล่อนที่เผลอเป็นหนีเที่ยวไปมีอะไรกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แถมยังมีศัตรูตัวฉกาจเป็น เพลินตา หม้ายสาวพราวเสน่ห์ที่คอยพาคำหลวงให้ออกนอกลู่นอกทางอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย แม้จะอ้างว่าแค่นอกกายไม่นอกใจ ทองพันจึงต้องแผลงฤทธิ์กำราบสามีให้อยู่หมัด แม้จะยากเย็นแสนเข็ญก็ไม่ย่อท้อ จนบางครั้งก็อดถามตัวไม่ได้ว่าเหนื่อยไหมกับสิ่งที่ทำอยู่ คู่ที่สอง นีรา เมียหลวงจอมวางแผนผู้ใช้สมองอันปราดเปรื่องคอยวาง Strategy และงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ นานาเพื่อที่จะมัดใจ ยล สามีหนุ่มไฮโซทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน ไม่ให้วอกแวกไปหาบรรดาเมียน้อยที่คอยจะเลื่อยขาบัลลังก์เมียหลวงของเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ภัสสร เมียน้อยเบอร์สอง ที่ราวีกันมาเป็นสิบ ๆ ปี และยังจะเมียเด็กคนใหม่อย่าง หอมนาน ที่แสนจะเจ้าเล่ห์และทะเยอทะยาน จึงต้องรับศึกรอบด้านกันชนิดที่เผลอไม่ได้ตายสถานเดียว ในขณะที่สามีตัวดีของเธอลอยตัวหนีพ้นทุกปัญหา คู่ที่สาม ลิเภา ที่เหมือนจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดถ้าเทียบกับสองคนที่ว่ามา เพราะเธอได้แต่งงานกับ เจียด นายธนาคารใหญ่ผู้รักเดียวใจเดียว ไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน เรียกได้ว่าเป็นสามีที่ไร้ที่ติ เว้นเสียก็แต่ว่ายิ่งเจียดภูมิใจว่าตัวเองเป็นสามีที่ดีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งคาดหวังว่าลิเภาจะต้องทำหน้าที่ภรรยาให้ดีมากขึ้นเท่านั้น ลิเภาจึงต้องดูแลเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะอาหารการกิน เสื้อผ้า และชีวิตความเป็นอยู่ จุดหนึ่ง ลิเภาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสถานะของเธอนั้นคือภรรยาหรือคนใช้กันแน่ ชีวิตของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยา จะมีความสุขได้อย่างไรก็ล้วนขึ้นอยู่กับว่าได้สามีแบบไหนทั้งสิ้น แต่เมื่อเดิมพันมันคือความรักและคำว่าครอบครัว ทองพัน, นีรา และลิเภา จะรักษามันไว้ได้หรือไม่ เมื่อปัญหามันมาจากสามีของพวกเธอล้วน ๆ ติดตามชมได้ในละคร สามีสีทอง
ภาตุฆาต (2562/2019) ลำเพา (คัทลียา แมคอินทอช) ที่คลอดลูกชายฝาแฝด รวิศ (ภรภัทร ศรีขจรเดชา) และ ศศิน (ศรัณย์ นราประเสริฐกุล) แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อลำเพาถูก นภา (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้มีพระคุณของเธอ บังคับขู่เข็ญให้เธอยกศศินให้ ประจวบกับถูกหมอดูทำนายทายทักว่าเด็กทั้ง 2 คนมีดวงพิฆาตกัน ลำเพาจึงจำใจต้องยกศศินให้นภา และให้คำมั่นสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป แต่สายใยแห่งความผูกพันนำพาให้ทั้งคู่โคจรมาเจอกัน...พร้อมกับความลับที่กำลังจะถูกเปิดเผย เรื่องราวหลังจากนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร ? ติดตามชมได้ในละคร ภาตุฆาต
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร (2556/2013) ม.ร.ว.พุฒิภัทร จุฑาเทพ ศัลยแพทย์หนุ่มฝีมือดีผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดสมองที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาครองตัวเป็นโสดอย่างมั่นคง ไม่เคยวอกแวกหรือเจ้าชู้กับใคร โดยเฉพาะม.ล.มารตีที่พยายามจะทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมในฐานะว่าที่คู่หมั้น แต่คุณชายภัทรก็ไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่าน้องสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงในอุดมคติของคุณชายภัทรคือผู้หญิงที่เรียบร้อยเป็นแม่ศรีเรือนคอยปรนนิบัติสามี ไม่ใช่สาวเปรี้ยวอย่างมารตี และไม่คิดว่าจะมีสาวใดทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไหลหลงได้ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณชายภัทรก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เจอกับกรองแก้วผู้ประกวดนางงามศรีสยามตะลึงจนตกอยู่ในภวังค์และกลายเป็นรักแรกพบแต่ภายในใจที่ร้อนรุ่มกลับปฏิเสธเพราะนึกตำหนิว่าสตรีดีๆ ที่ไหนจะใส่ชุดว่ายน้ำอวดให้ประชาชนทั้งประเทศชมเรือนร่างของตัวเอง คงเป็นเพียงผู้หญิงที่ใช้ความสวยเพื่อแลกกับเงินเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น คุณชายจึงได้แต่พยายามปัดความรู้สึกชื่นชมยินดีออกไป แต่เส้นทางรักก็เปิดโอกาสให้พิสูจน์เมื่อกรองแก้วได้ตำแหน่งนางงามศรีสยามและเกิดตกเวทีบาดเจ็บสาหัส คุณชายภัทรจึงถูกตามตัวให้ไปรักษานางงามคนดังโดยด่วน เมื่อทั้งคู่พบกันกรองแก้วกลับกลายเป็นนางงามที่เอาแต่ใจไม่ยอมให้เย็บแผล ทำให้คุณชายภัทรเคืองที่คนไข้ดื้อดึงอย่างไร้เหตุผล ในที่สุดคุณชายก็พาไปเย็บแผลจนสำเร็จ รุ่งเช้าอิงอรคนที่พากรองแก้วเข้าประกวดกับสุนันท์ลูกสาวรีบมารับตัวแก้วกลับ แต่แก้วกลับอิดออดไม่อยากออกจากโรงพยาบาลและแกล้งพลัดตกเตียงจนแผลที่เย็บฉีกขาดอีกครั้ง เดือดร้อนคุณชายภัทรกลับมาดูอาการและสงสัยว่าแก้วอาจมีเรื่องปิดบังเพราะทำท่าไม่อยากจะออกจากโรงพยาบาลและหาทางอยู่ต่อด้วยวิธีทำร้ายตัวเองแบบนี้ คุณชายจึงคาดคั้น แก้วก็ยังไม่บอกเพียงแต่ขอร้องให้คุณชายช่วยให้เธอได้อยู่โรงพยาบาลนี้ต่อไปอีกหนึ่งคืนเท่านั้น คุณชายภัทรจึงจำใจบอกกับทางอิงอรว่าแก้วอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบจึงต้องอยู่ดูอาการ อิงอรจึงต้องจำยอมกลับไป ขณะอยู่โรงพยาบาลแก้วได้โทรศัพท์หากิตติผู้เป็นพ่อแต่กิตติกลับล้มลงหมดสติขณะคุยโทรศัพท์ ทำให้แก้วต้องหาทางกลับบ้านไปหาพ่อที่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง คุณชายภัทรรู้เรื่องจึงอาสาพาไปส่งที่อยุธยาบ้านเกิดของแก้ว และได้รับกิตติกลับมาเป็นคนไข้รักษาตัวที่พระนคร ทำให้แก้วปลาบปลื้มใจมาก และได้เล่าความจริงที่เธอต้องแกล้งตกเวทีการประกวดและหาทางให้ตัวเองเจ็บตัวเพื่ออยู่โรงพยาบาลต่อเพราะเธอมีปัญหาชีวิตอย่างหนัก แก้วไม่มีเงินรักษาพ่อที่ป่วยหนักจึงต้องเข้าประกวดนางงามเพื่อนำเงินไปเป็นค่าผ่าตัด และเธอแอบได้ยินอิงอรผู้ส่งเข้าประกวดจะขายเธอให้กับนายพลพินิจผู้มีอิทธิพลทางทหารในขณะนี้และเป็นผู้มีกิตติศัพท์เรื่องมีอนุภรรยาเป็นนางงามมากมาย จึงอยากได้ตัวแก้วหลังจากประกวดเสร็จ แก้วไม่อยากเป็นนางบำเรอของนายพลจึงหาวิธีต่างๆ ที่จะเลี่ยงไปกับอิงอรด้วยการทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณชายภัทรรู้ความจริงก็นึกนิยมในความกตัญญูของแก้ว และความมีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงที่ไม่คิดจะสุขสบายด้วยการเอาตัวเข้าแลก เขาจึงพาแก้วไปฝากไว้กับม.ล.เกษราที่ได้แต่งงานแยกมาอยู่กับชินกรแต่ก็ยังทำกิจการขนมต่อจนเจริญรุ่งเรือง เกษรายินดีรับแก้วอยู่ด้วยถึงแม้ลึกๆ จะเกรงใจมารตีน้องสาวที่อาจจะเคืองถ้ารู้ว่าให้ความช่วยเหลือแก้วที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจของเธอ แต่เกษราก็ไม่มิอาจปฏิเสธคุณชายภัทรได้ ส่วนแก้วตัดสินใจเข้ารายงานตัวกับกองประกวดเพื่อปฏิบัติหน้าที่ หลังเลิกงานตอนเย็นแก้วก็กลับมาช่วยเกษราทำขนม ทำให้เกษราและแก้วสนิทสนมกันดี และยอมรับว่าแก้วเป็นคนดีไม่เหมือนอย่างที่มารตีใส่ไคล้ไว้ จนกระทั่งแก้วต้องไปงานลีลาศการกุศล อิงอรกับสุนันท์วางแผนลักพาตัวแก้วไปให้นายพลพินิจในคืนนี้ แก้วจึงถูกจับตัวไปแต่ยังดีที่คุณชายภัทรมาช่วยไว้ทัน และพาแก้วหนีไปบ้านพักตากอากาศที่หัวหินเพื่อหลบซ่อนตัว แต่การมาอยู่สองต่อสองทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะคุณชายภัทรรู้ใจตัวเองแน่แล้วว่าหลงรักนางงามศรีสยามจนถอนใจไม่ขึ้น ด้านอิงอรกลัวนายพลโกรธจึงใส่ร้ายคุณชายภัทรว่าเป็นคนลักพาตัวแก้วหนีไปโดยที่แก้วไม่ยินยอมและแก้วยังต้องการมาปรนนิบัติรับใช้นายพล และขอให้ออกตามหาทั้งคู่กลับมา นายพลหูเบาเชื่อตามที่อิงอรบอก แต่ก็ถูกใจสุนันท์ด้วยจึงทาบทามได้มาเป็นอนุภรรยาอีกคน คุณชายภัทรกับแก้วอยู่หัวหินอย่างมีความสุข แต่ก็ตกใจสุดขีดเมื่อเขาตื่นขึ้นมาตอนเช้า เจอกับย่าอ่อนและคุณชายรัชชานนท์กับคุณชายพีร์ที่ยืนจ้องอยู่อย่างขบขัน ทั้งหมดมาที่นี่จากการฟ้องของมารตี ย่าอ่อนโวยวายจนจะเป็นลมเมื่อเห็นหลานชายนอนกอดกับนางงามศรีสยามอยู่ริมระเบียง ทำให้คุณชายภัทรถูกคาดโทษอย่างรุนแรงว่าคบผู้หญิงต่ำศักดิ์ คุณชายภัทรปกป้องแก้วว่าไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าที่เห็น ย่าอ่อนไม่เชื่อให้เลิกรากับแก้วทันที แต่คุณชายภัทรผู้อ่อนโยนและเคยอยู่ในกรอบอันดีงามกลับไม่ยอมทำตามและยังดื้อพาแก้วกลับพระนครอีกด้วย ย่าอ่อนเสียใจที่หลานรักต้องเสียคนเพราะผู้หญิงสกุลต่ำคนเดียว แก้วกลุ้มใจที่กลายเป็นคนทำให้คุณชายภัทรกับย่าอ่อนต้องผิดใจกันเธอจึงจะลากลับไปอยุธยา แต่คุณชายภัทรผู้มีศรรักปักอกเริ่มออกอุบายให้แก้วกับเขาแสดงบทคู่รักกำมะลอเพื่อแก้ปัญหาให้มารตีเลิกยุ่งกับเขา และนายพลพินิจจะได้ไม่ต้องการแก้วเป็นอนุภรรยาอีก เพราะเป็นที่รู้กันว่านายพลจะไม่บังคับใจใครถ้ามีคนรักอยู่แล้ว คุณชายภัทรหว่านล้อมจนแก้วยอม แต่หม่อมย่าเอียดพอรู้เรื่องนี้ถึงขั้นตัดย่าหลานถ้าคุณชายภัทรยังไม่เลิกรากับนางงามศรีสยามคนใจง่ายอีก คุณชายภัทรจึงตัดสินใจแอบพาแก้วไปจดทะเบียนสมรส แต่แก้วปฏิเสธ ในที่สุดก็เลี่ยงความหวังดีของคุณชายไม่ได้ แก้วจึงมีเงื่อนไขถ้าทุกอย่างเรียบร้อยลงตัวจะหย่ากันทันที คุณชายภัทรตกลงแต่ก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่าแก้วไม่ได้มีความรักให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ต่างกับมารตีที่กลุ้มใจเรื่องคุณชายที่หลงรักแก้วจนไม่สนใจใยดีเธอ จึงออกไปดื่มเหล้าเมามายและเจอกับนายพลพินิจจนพลาดท่าเสียทีให้กับนายพล พอมารตีรู้ความจริงก็เสียดายความสาวแต่เมื่อรู้ว่าคนที่ร่วมเตียงคือนายพลผู้ยิ่งใหญ่ก็หวังจะใช้ประโยชน์ให้กำจัดกรองแก้วจนได้ มารตีจึงยุกรองแก้วให้นายพลโดยกุเรื่องว่าแก้วอยากมารับใช้นายพล ทำให้นายพลคิดว่าคุณชายภัทรเป็นเสี้ยนหนามคอยขัดขวางไม่ให้แก้วมาหาตน มารตีจึงรีบจัดการวางแผนให้แก้วออกมาหาและหลอกว่าย่าเอียดป่วยหนักจึงรีบพากันไปเยี่ยม แต่มารตีกลับพาตัวไปที่บ้านนายพล แต่บังเอิญนายพลไม่อยู่กว่าจะกลับก็ค่ำ แก้วจึงถูกขังไว้ที่ห้องและบังคับให้เขียนจดหมายลาคุณชายภัทรกลับอยุธยาเพื่อไม่ให้สงสัยว่าแก้วหายไป คุณชายภัทรเห็นลายมือแล้วรู้สึกชอบกลเพราะยุ่งเหยิงไม่ใช่วิสัยของแก้ว เขาจึงเอะใจว่าแก้วอาจถูกลักพาตัวไปให้ท่านนายพล จึงขอร้องให้คุณชายรณพีร์กับพรรคพวกช่วยพาเข้าไปที่บ้านพักของนายพล คุณชายภัทรจึงปลอมตัวเป็นคนขับรถและช่วยแก้วออกมาจนได้ นายพลกลับมา รู้เรื่องโกรธจัดส่งคนมายิงคุณชายภัทรบาดเจ็บ ยังดีที่ไม่โดนจุดสำคัญจึงผ่าตัดรอดพ้นมาได้ แต่ก็ทำให้แก้วรู้สึกผิดว่าได้สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับคุณชายภัทรมากมาย และตัวเองก็เป็นหญิงสาวต่ำต้อยไม่คู่ควรกับคุณชายภัทรจึงเขียนจดหมายลากลับอยุธยา ส่วนคุณชายปวรรุจทราบเรื่องก็เดินทางกลับจากสวิสฯ และพาคุณชายภัทรกับพี่น้องคนอื่นๆ ไปขอขมานายพลและใช้วาทะของนักการทูตเล่าความจริงทุกอย่าง ทำให้นายพลตาสว่างที่คิดว่าแก้วสมัครใจจะมาอยู่กับตน ที่แท้เป็นเพราะอิงอรกับมารตีคอยยุยงให้เข้าใจผิดมาตลอด นายพลจึงยกโทษให้คุณชายภัทร และจะไม่ข้องเกี่ยวกับแก้วอีก คุณชายภัทรจึงไปอยุธยาตามหาแก้วที่บ้าน ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน ส่วนหม่อมย่าเอียดบังเอิญรู้ความจริงจากการพลั้งเผลอของมารตีเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แก้วถูกจับตัวไป จึงรังเกียจนิสัยมารตี และมองแก้วด้วยใจเป็นกลางมากขึ้น และเมื่อได้คลุกคลีกับแก้วระยะหนึ่งก็ทำให้รู้ชัดว่าชาติกำเนิดไม่ได้ทำให้คุณค่าของคนต่ำต้อยลงแต่การกระทำต่างหากที่ต้องนำมาพิจารณา เพราะแก้วนอกจากรูปงามแล้วยังเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทและจิตใจดี เป็นแม่ศรีเรือนที่ทำอาหารและขนมเก่งจนน่ายกย่อง ย่าเอียดจึงอนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
เรื่องย่อ : เจ้าสาวแก้ขัด (2562/2019) กุลชาแต่งงานกับปพนเจ้าของธุรกิจก่อสร้างที่ฝันอยากเป็นนักการเมือง จนมีลูกคือสายฝนและสายรุ้ง จู่ๆปพนก็พาบงกช ดนุวัศและศุภานัน เมียน้อยและลูกๆเข้าบ้าน กุลชายอมเพราะสามีอยากได้ลูกชาย แต่สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวจนต้องย้ายมาอยู่เรือนเล็กและทำตัวห่างหายจากสังคม ปล่อยให้บงกชออกหน้าจนผู้คนต่างเข้าใจว่าภรรยาปพนคือบงกช ถึงกระนั้นบงกชก็ยังไม่พอใจที่สามีไม่หย่าทำให้เธอและลูกยังเป็นได้แค่เมียน้อยและลูกนอกสมรส หลายปีที่กุลชาและลูกไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ดีที่ปพนยังเกรงใจ บงกชจึงไม่กล้าระรานเธอ 2บ้านแม้อยู่ในรั้วเดียวกันก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ กุลชาพยายามหารายได้เองแต่เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจ ทำให้ยังต้องยอมรับความช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลจากปพนอยู่ ดนุวัศติดหนี้พนัน ตนุภัทรช่วยใช้หนี้ให้แลกกับการขอเป็นเขยปพน แต่เพราะข่าวว่าเป็นมาเฟีย บงกชห่วงศุภานัน จึงโยนภาระให้สายฝน ปพนมีเงินใช้หนี้เองได้ แต่ไม่อยากยุ่ง เพราะกลัวกระทบชื่อเสียงจึงรับข้อเสนอ แล้วมาบังคับสายฝนให้แต่งงานโดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะไม่ช่วยค่ารักษากุลชา สายฝนเสียใจ สายรุ้งโกรธมากและคิดหาทางช่วยพี่ 2พี่น้องปิดเรื่องนี้เพราะกลัวแม่เครียด แต่กุลชาก็รู้จากบงกชและศุภานันที่มาบอกเพราะอยากแกล้งให้อาการเธอทรุด สายรุ้งไปเจรจาให้ตนุภัทรเลือกศุภานันแทนพี่สาว แต่ถูกตนุภัทรหลอกสลับตัวกับธนิตจนเธอเข้าใจผิด ตนุภัทรถูกใจสายรุ้ง จากที่จะแต่งงานหลอกๆเพื่อใช้เป็นข้ออ้างพากุลชาผู้มีพระคุณในอดีตมาดูแล เมื่อพบสายรุ้งความคิดก็เปลี่ยน งานนี้นอกจากไม่ยอมเปลี่ยนเจ้าสาว เขายังแกล้งเลื่อนวันแต่งให้เร็วขึ้นด้วย ธนิตแนะให้ตนุภัทรไปทำความรู้จักสายฝนว่าที่เจ้าสาว แต่ไปเจอสายรุ้งจึงจำใจเล่นบทธนิตต่อ สายรุ้งหลอกถามเรื่องตนุภัทรๆก็พูดอวยตัวเอง ทั้งคู่คุยกันถูกคอและต่างก็รู้สึกดีต่อกัน โดยสายรุ้งไม่รู้ว่าธนิตที่เธอคุยด้วย ความจริงก็คือ ตนุภัทร เมื่อเจรจาไม่เป็นผลสายรุ้งจึงวางแผนให้สายฝนหนี โดยความช่วยเหลือของป้าน้อยและป้าบุญ จนได้อยู่บ้าน วรเมธ ในฐานะผู้ดูแลข้าวโอ๊ตหลานวัย6ปี วรเมธเป็นนักกฎหมายหนุ่มโสด พนิดาน้าของข้าวโอ๊ต หลังพี่ตายเธอก็อ้างหลานเพื่อมาอยู่บ้านวรเมธแล้วหาโอกาสเข้าหา จนวรเมธต้องคอยหลบ ส่วนพนิดานับวันยิ่งวางอำนาจ บุญก็อายุมากแล้ว วรเมธจึงรับสายฝนมาคานอำนาจพนิดาและช่วยดูข้าวโอ๊ต บุญที่รู้ฐานะสายฝนจึงเอ็นดูขณะที่พนิดาไม่ถูกชะตาเพราะสายฝนไม่ลงให้เธอ วรเมธหาเหตุใกล้ชิดจึงมอบงานแม่บ้านพ่วงงานเลขาให้ นอกจากดูแลบ้านและหลาน สายฝนยังต้องช่วยงานเอกสารของเขา บุญสงสัยว่าวรเมธที่ไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัวอาจถูกใจสายฝน ขณะที่พนิดาหมั่นไส้จึงคอยหาเรื่อง แต่ก็ไม่เคยชนะสายฝนได้ ที่บ้านปพนหลังสายฝนหนี ตนุภัทรที่รู้ทันให้ธนิตขับรถตามจนรู้ที่อยู่สายฝน ก่อนทำทีมาขอพบเจ้าสาว สายรุ้งแกล้งตกใจมาบอกว่าพี่สาวหนีไปแล้ว ศุภานันเห็นตนุภัทรหล่อรีบเสนอตัวจะแต่งเอง แต่ตนุภัทรขอเลือกสายรุ้ง โดยขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมเขาจะตามไปเอาตัวสายฝน เมื่อปฏิเสธไม่ได้สายรุ้งจึงตกลง โดยมีข้อแม้ว่าต้องจดทะเบียนสมรสและพาแม่ไปด้วย ตนุภัทรตกลงก่อนจะพาสายรุ้งและแม่ออกจากบ้านไป โดยที่ปพนขวางไม่ได้ ตนุภัทรกราบกุลชาพร้อมสัญญาจะดูแลสายรุ้ง กุลชาคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออก ท่าทีนอบน้อมของตนุภัทรทำให้สายรุ้งสงสัยว่าเขาอาจรู้จักแม่แต่ยังไม่ทันถามตนุภัทรก็ให้ธนิตพากุลชาแยกไปพักที่อื่นเพื่อรอผ่าตัด ส่วนสายรุ้งถูกพาไปสัตหีบเพื่อรู้จักกับศจีแม่บุญธรรมของเขา โซเฟียและโดมินิกอริของตนุภัทร ส่งนักฆ่าตามล่าจนตนุภัทรต้องพาสายรุ้งหนี ศจีเล่าเรื่องตนุภัทรและโซเฟียให้สายรุ้งฟัง เริ่มที่ตนุภัทรทำธุรกิจกับฟิลิปส์เจ้าพ่อท่าเรือสามีโซเฟีย ก่อนจะมารู้ว่าภรรยาชอบตนุภัทร ฟิลิปส์เสียใจก่อนจะตายอย่างมีเงื่อนงำ โซเฟียคิดว่าตนุภัทรฆ่าฟิลิปส์จึงโกรธแค้นตามรังควาญและเล่นงานผู้หญิงที่เข้าใกล้เขา รวมถึงเรเชลเพื่อนตนุภัทรก็ถูกฆ่าตายด้วย หลังสายฝนมา วรเมธก็อยู่ติดบ้าน ข้าวโอ๊ตที่เคยซึมเศร้าก็ดีขึ้น พนิดาโกรธจนไปลงกับหลาน ต่อหน้าดี ลับหลังทำร้าย ข้าวโอ๊ตร้องไห้ก็โยนให้สายฝนผิด วรเมธรู้ทันพนิดาจึงไม่ต่อว่าสายฝนแต่ก็จำต้องไว้หน้าพนิดาในฐานะญาติ สายฝนสงสัยจึงสำรวจร่างกายจนพบว่าข้าวโอ๊ตถูกทำร้าย เธอตัดสินใจซ่อนกล้องไว้เพื่อเก็บหลักฐานว่าใครทำร้ายเด็ก ตนุภัทรและวรเมธนัดพบกันเพื่อมอบเอกสาร สายฝนและสายรุ้งที่ตามไปต่างก็สงสัยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่ร่วมงานกันลับๆเพื่อสืบเรื่องเรเชลและธุรกิจใต้ดินของโซเฟีย รวมถึงตนุภัทรยังให้วรเมธสืบหาสาเหตุที่ปพนไม่หย่ากับกุลชาด้วย พนิดากับดนุวัศรู้จักกันในบ่อนและมีสัมพันธ์กัน วันนี้บังเอิญนัดที่เดียวกัน สายรุ้งเห็นดนุวัศจึงให้สายฝนหลบ ดนุวัศเห็นสายรุ้งก็มาหาเรื่อง แถมบอกพนิดาว่าสายรุ้งเป็นลูกเมียน้อย สายรุ้งโกรธจนเกือบมีเรื่องกัน ตนุภัทรมาทันจึงขวางไว้ ดนุวัศเห็นตนุภัทรก็หน้าซีด สายรุ้งรู้สึกขอบคุณตนุภัทรที่มาถูกเวลา เปรี้ยวกับต้อมเพื่อนพนิดาเห็นสายฝนอยู่กับวรเมธรีบฟ้องพนิดาๆ โกรธ ชวนเพื่อน ไปรอหาเรื่องอยู่ที่บ้าน สายฝนเกือบถูกรุม ดีที่ข้าวโอ๊ตมาขวางไว้ พนิดาเจ็บใจที่ไม่ได้ทำร้ายสายฝนอย่างที่ตั้งใจไว้ ตนุภัทรนัดเจรจาร่วมงานกับหว่องนักธุรกิจชาวจีนซึ่งหากสำเร็จจะลดอิทธิพลของโซเฟียได้มาก โดยไม่รู้ว่าหว่องเล่นตุกติก เจรจาสองฝ่ายหวังได้ประโยชน์มากที่สุด ดีที่สายรุ้งช่างสังเกต จึงท้วงไว้ วรเมธและสายฝนช่วยหาข้อมูลก็พบว่าหว่องไม่น่าไว้ใจ ตนุภัทรจึงรอดจากการเสียรู้ ส่วนหว่องถูกโซเฟียที่เจ้าเล่ห์กว่าดัดหลังต้องเสียทั้งธุรกิจและชีวิต โดมินิกเข้าหาศุภานันจนมีความสัมพันธ์กัน หวังใช้เธอเป็นสะพานให้เข้าถึงอำนาจของปพนอีกทางหนึ่ง งานแต่งตนุภัทรกับสายรุ้ง ปพนมางานหวังได้พบนักธุรกิจใหญ่ๆ โซเฟียและโดมินิกมาป่วนหวังจะขู่แต่สายรุ้งไม่กลัว ดนุวัศแนะนำให้ปพนรู้จักโดมินิกในฐานะนักลงทุน โดมินิกทักศุภานันอย่างสนิทสนมจนถูกชลิตนักข่าวจับตามอง เหตุการณ์วันนี้ทำให้ปพนคิดหาเสียงด้วยการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลรวมถึงตนุภัทรด้วย ดนุวัศรู้ก็รีบเตือนโดมินิกให้ระวังตัว โดมินิกส่งคนมาวางเพลิงแพปลา ธนิตพาตนุภัทรที่บาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้กลับมาบ้าน สายรุ้งมาดูแล ตนุภัทรรู้สึกดีที่มีคนคอยห่วงใย หลังยึดธุรกิจหว่อง โซเฟียมีอิทธิพลมากขึ้นและลงมือกวาดล้างผู้ที่ขัดผลประโยชน์รวมถึงทำลายธุรกิจของตนุภัทร โดมินิกและโซเฟียส่งคนมาทำร้ายสายรุ้ง กุลชาโกรธตนุภัทรที่ผิดสัญญาเรื่องจะดูแลลูกสาว จนตนุภัทรเผยความจริง กุลชาจึงรู้ว่าเขาเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไร ตนุภัทรขอหย่า และไปเจรจากับโซเฟียยอมแลกธุรกิจกับความปลอดภัยของสายรุ้ง สายฝนเครียดที่น้องถูกทำร้าย พนิดาออกอุบายชวนเที่ยวแล้ววางยาให้เพื่อนข่มขืน ต้อมบอกวรเมธจนมาช่วยได้ทัน เหตุการณ์นี้ทำให้สายฝนเห็นความเป็นสุภาพบุรุษของวรเมธและวรเมธตัดสินใจไล่พนิดาออกจากบ้าน พนิดาเบนเข็มมาเกาะดนุวัศ แล้วแอบถ่ายคลิปนำไปเรียกเงินจากบงกชๆโมโหต่อว่าดนุวัศ ขณะเดียวกันก็เริ่มหวั่นใจว่าหากเรื่องพนิดาทำให้นักข่าวสนใจครอบครัวเธอ เรื่องที่เป็นเมียน้อยก็จะถูกขุดคุ้ยไปด้วย บงกชเริ่มคิดจะกำจัดกุลชา ดนุวัศพาโดมินิกมาเจรจากับปพน โดยจะให้ข้อมูลผู้มีอิทธิพลเพื่อให้ปพนสร้างผลงาน แต่ต้องไม่ยุ่งกับธุรกิจของเขา ปพนตกลง ผู้กองทิพย์ ตำรวจที่ทำงานให้โซเฟีย เสนอตัวช่วยปพน ก่อนนำกำลังเข้าจัดการบ่อนจนดนุวัศถูกยิงตายส่วนโดมินิกหนีไปได้ ทั้งหมดเป็นแผนโซเฟียที่จะกวาดล้างผู้มีอิทธิพลและเตือนโดมินิกที่คิดจะชิงอำนาจเธอ วรเมธรู้ว่าทิพย์เป็นพวกโซเฟียตั้งใจใช้กฎหมายจัดการกับเธอ เหตุการณ์นี้ทำให้ปพนได้หน้า แม้ต้องแลกกับชีวิตลูก จนมีปากเสียงกับบงกช ศุภานันท้องแต่โดมินิกไม่สนจึงคิดทำแท้ง ธนิตช่วยเตือนสติไว้ เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ ทำให้ปพนห่างจากครอบครัวมากขึ้น บงกชไปทำร้ายกุลชาหวังลบภาพเมียน้อยแต่ไม่สำเร็จแถมถูกจับ ชื่อเสียงปพนตกฮวบ ปพนล้มป่วย รู้ว่าเป็นโรคร้ายต้องตายในไม่ช้า หลังธุรกิจไปอยู่ในมือโซเฟีย กำลังใจจากสายรุ้งทำให้ตนุภัทรฮึดสู้อีกครั้ง ทุกอย่างควรจะดี แต่โซเฟียกลับไม่เลิกลา จนทำให้ธนิตเสียชีวิต ตนุภัทรวางแผนกับวรเมธทำทีว่ายอมแพ้โซเฟียและยอมเลิกกับสายรุ้ง ขณะเดียวกันก็เป็นสายให้ตำรวจโดยส่งข้อมูลผ่านวรเมธจนสามารถจัดการกับโซเฟียได้ กุลชารู้ข่าวว่าปพนป่วย จึงให้ลูกๆ ไปบอกลา ศุภานันได้เห็นน้ำใจและการให้อภัยของกุลชา จึงไปโน้มน้าวปพนให้ยอมมอบหัวใจให้กุลชาหลังจากเสียชีวิต แต่ปพนยังคงไม่ยอมและเห็นแก่ตัว จนมีปากเสียงกับศุภานันจนอาการทรุด แม้ไม่ได้หัวใจปพน ก็มีผู้บริจาค กุลชาได้รับการผ่าตัดและมีอาการดีขึ้น จากหัวใจของธนิตที่ตั้งใจจะทำเพื่อตนุภัทรเป็นครั้งสุดท้าย วรเมธมาช่วยดูแลกุลชาและได้ใกล้ชิดกับสายฝน จนตัดสินใจขอเธอแต่งงาน งานแต่งสายฝนกับวรเมธถูกจัดขึ้น ศุภานันยอมรับความจริงได้และกลับเข้ามาในสังคมอีกครั้ง เธอไปกราบขอโทษกุลชา และขอให้กุลชาเป็นแม่ทูนหัวของลูกเธอ สายรุ้งดีใจกับพี่สาวพร้อมๆ กับได้รับข่าวดีเรื่องการกลับมาของตนุภัทร ๆ ตัดสินใจขอสายรุ้งแต่งงานอีกครั้งและขอให้เธอเป็นเจ้าสาวจริงๆ ของเขา
ไลลาธิดายักษ์ (2562/2019) เรื่องราวของ ไลลา (อินเตอร์ รุ่งลดา) ธิดาของราชินีผู้ครองเมืองยักษ์ ที่มีเหตุให้ต้องมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของ มาริสา (นิโคล เทริโอ) และ แจ็ค (ปีโป้ ณัชพัณณ์) บนโลกมนุษย์ ด้วยพละกำลังและอิทธิฤทธิ์ที่ติดตัวเธอมา ทำให้ก่อเกิดฮีโร่คนใหม่ที่จะมาช่วยโลกให้พ้นจากอันตราย ติดตามชมความสนุกสุดอลหม่านของฮีโร่ตัวจิ๋วได้ในละคร ไลลาธิดายักษ์
เรื่องย่อ : วัยแสบสาแหรกขาด (2559/2016) “ทรายทิพย์” (แซนด์) นักจิตวิทยาให้การปรึกษาเกี่ยวกับเด็ก และครอบครัว (counseling phychology) หนอนหนังสือบ้าตำรา ก้มหน้าก้มตาเรียนรวดเดียวตั้งแต่อนุบาลจนถึงด๊อกเตอร์ ชีวิตไม่เคยทำอย่างอื่น นอกจากเรียน แซนด์หอบปริญญาทางด้านจิตวิทยากลับมาจากต่างประเทศ พร้อมกับไฟในการทำงานอันเต็มเปี่ยม แต่เมื่อมาเจอความเป็นจริงของสังคมไทย ความฝันของเธอถูกดับอย่างอนาท ไม่มีใครให้ความสำคัญกับการรับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา แซนด์กำลังจะสิ้นหวัง แต่แล้ว ... เหมือนฟ้ามีตา เธอได้รับการติดต่อมาจาก “เปรมมิกา” (ปาล์ม) เพื่อนสนิท ปาล์มทำงานอยู่ที่ “โรงเรียนเปี่ยมคุณศึกษา” (ป.ศ) แซนด์พุ่งเข้าไปรับงานพร้อมความมั่นใจ โดยไม่รู้เลยว่างานนี้ไม่ได้หมูอย่างที่เธอคิด!
โรงเรียนเปี่ยมคุณฯ ก่อตั้งโดย “นพลักษณ์” (ลักษณ์) ไฮโซ ผู้ดีเก่า ผู้มากความสามารถ มั่นใจ แม้แต่ “สมภพ” สามียังต้องขอเลิก และหนีไปทำนา (แบบเกษตรสมัยใหม่เน้นความพอเพียง) เพราะทนต่อการโดนข่มไม่ไหว ภาระแห่งการต่อสู้เพื่อเอาชนะอัตตาของนพลักษณ์จึงตกมาถึง “คุณชวนากร” (กร) ลูกชายคนเดียว ผู้ต้องสืบทอดกิจการโรงเรียนต่อไป หลายคนมองว่าเขาโชคดีมีแม่ปูทางธุรกิจไว้ให้อย่างเข้มแข็ง แต่ในความเป็นจริง .. กรต้องต่อสู้กับความเก่งของแม่ เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้แม่ยอมรับ ในขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างผลงานให้บรรดาครูใหญ่ และครูน้อยในโรงเรียนเห็นว่าเขาไม่ใช่คุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น กรกดดันตัวเองจนกลายเป็นเจ้านายสุดเขี้ยว อารมณ์ร้ายเข้ากับใครไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะ “อำนาจ” ครูใหญ่ กรกับอำนาจมีเรื่องต้องขัดแข้ง ขัดขา ขัดใจ ปะทะคารมกันเป็นประจำ พนักงานเพียงคนเดียวที่พอคุยกับกรรู้เรื่องก็คือ “ปาล์ม” เลขาคนสนิท ผลงานแรกที่กรหมายมั่นปั้นมือต้องทำให้สำเร็จ คือ โครงการ “เด็กดีไม่มีปัญหา (Sweet broken home)” โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะมี “เด็กแสบ” สร้างปัญหาจนถึงขั้นต้องไล่ออกพร้อมกันถึง 5 คน อำนาจยืนยันว่าเด็กกลุ่มนี้เกินเยียวยาต้องไล่ออกเท่านั้น ! แต่หลังจากดูประวัติกรเห็นว่าเด็กทั้ง 5 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ พ่อแม่แยกทางกัน เด็กแต่ละคนมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ กรจึงเกิดความคิดที่จะทำโครงการพิเศษนี้ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้เด็กสามารถใช้ชีวิตกับคนอื่นได้ ไม่ใช่โยนเด็กที่มีปัญหาออกไปสู่สังคมภายนอกโดยไม่ทำอะไร ซึ่งความคิดนี้ตรงกันข้ามกับอำนาจอย่างสิ้นเชิง และนพลักษณ์ก็เลือกที่จะให้กรพิสูจน์ตัวเองทำให้อำนวจไม่พอใจอยู่ลึกๆ นพลักษณ์ยื่นคำขาด ถ้าโครงการนี้ลดความแสบของเด็กทั้ง 5 ลงได้ถือว่ากรสอบผ่าน เด็กได้เรียนต่อและอาจจะมีโครงการนี้ต่อไป แต่ถ้าล้มเหลว เด็กทั้ง 5 ต้องโดนไล่ออก กรยอมรับการพิสูจน์ครั้งนี้ และสั่งให้ปาล์มตามหานักจิตวิทยาเฉพาะทางที่จะมาเป็นหัวหน้าโครงการโดยด่วน และคนคนนั้นก็คือ “ทรายทิพย์” นั่นเอง !! ในการพบกันครั้งแรกของทรายทิพย์ และ กร ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เธอคิดไว้ เขาไม่ได้ปลื้มกับใบปริญญาที่วางเรียงเป็นแผงและเกรดอันดีเยี่ยมของเธอแม้แต่น้อย แต่เขากลับไม่ไว้ใจเพราะเธอไม่เคยทำงานจริง และ อายุก็ยังน้อย แซนด์เลยสวนกลับไปว่า “คุณกำลังตีค่าฉัน เหมือนกับที่ครูในโรงเรียนตีค่าคุณ พวกเขาคิดว่าคุณทำงานแทนแม่คุณไม่ได้ เพราะไม่มีประสบการณ์และอายุน้อย ถ้าคุณไม่พอใจที่คนอื่นตัดสินคุณด้วยเหตุผลนี้ คุณเองก็ไม่ควรตัดสินฉันด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน” .... คำพูดของแซนด์จี้ใจดำกรอย่างแรง กรตัดสินใจยอมรับเธอเข้ามาทำงานในตำแหน่ง “หัวหน้าโครงการเด็กดี ฯ” เมื่อ “นักจิตวิทยาบ้าตำรายังไม่เคยเจอของจริง” ต้องมาทำงานกับ “คนจริงสุดเขี้ยว” และยังต้องปะทะกับเด็กแสบอีก 5 คน ความปั่นป่วน ชวนเวียนหัวจึงได้เกิดขึ้น ความผูกพันอันสวยงามของกรและแซนด์ค่อยๆก่อตัวขึ้น พร้อมๆไปกับการทำงานที่ใกล้ชิดแบบตัวแทบจะติดกัน เด็กคนแรก “ด.ญ.ญาทิป” (น้องปิ๊กปิ๊ก) อยู่ชั้น ป. 4 เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม แววตาใสซื่อ พ่อ (จักรินทร์) เป็นนักธุรกิจใหญ่ ร่ำรวย เจ้าชู้ จนต้องแยกทางกับ แม่ (ตรีทิพย์) ที่มีฐานะร่ำรวยไม่แพ้กัน แต่ปิ๊กปิ๊กกลับมีพฤติกรรม “ชอบขโมย” จนเพื่อนไม่อยากคบ แต่ปิ๊กปิ๊กกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่หยุดพฤติกรรม “จอมฉก”” ปิ๊กปิ๊กจึงเป็น “เด็กดีหมายเลข 1” ที่ท้าทายความสามารถของกรและทรายทิพย์ เด็กดี No. 2 เป็นเด็กชายอยู่ชั้น ป. 6 ชื่อ “ด.ช. ดังใจ” (โชกุน) พ่อแม่แยกทางกัน “ดุจฤทัย” (ดุจ) เป็นผู้หญิงเก่งที่ทุกอย่างต้อง “เป๊ะ ๆๆๆ” จน “ภูทอง” (ภู) สามีขอหย่า และหันไปเปิดผับเล็กๆ ในขณะที่ดุจฤทัยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ ความเนี้ยบของดุจทำให้ “โชกุน” มีปัญหา “ไม่กล้าบอกความจริง” และนำมาสู่การเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” จอมโกหกของโรงเรียน “เมษา” (ตังเม) เป็นเด็กคนที่สาม ที่กรและแซนด์คัดเข้ามาอยู่ในโครงการ ตังเมอยู่ ม. 3 มีปัญหา “หมกหมุ่นกับการฆ่าตัวตาย” พ่อตังเมชื่อ “ชัยภูมิ” (ภูมิ) เป็นเจ้าของโรงงานขนาดใหญ่มีครอบครัวแล้ว “นวลสราญ” (นวล) แม่ของเธอมีฐานะเป็นเมียน้อยอย่างไม่เต็มใจ นวลปล่อยตัวให้จมกับความทุกข์ ไม่ลุกขึ้นสู้กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้ตังเมเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรัก การขู่ฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้พ่อ แม่หันมาสนใจ คนที่ 4 ที่สุดแสบ แสบทั้งแม่ทั้งลูก เรียกได้ว่า .. แสบสะท้านวงการ เพราะเธอเป็นลูกสาวของ “พีรดา” (รดา) อดีตซุปตาร์ ที่กำลังอยู่ในขาลง “มงกุฎแก้ว” (มินนี่) เป็นดาวโรงเรียน เป็นคนหลงตัวเองอย่างสุดขั้ว แม่ลูกคู่วีน เหวี่ยง เป็นจอมสร้างภาพอันดับต้นๆของประเทศไทย มินนี่วางตัวเป็นเจ้าแม่คอยควบคุมเพื่อน เผด็จการ เป็นตัวแทนของเด็กในยุค GEN Me อย่างแท้จริง ติดโซเชี่ยลมีเดีย จนถึงขั้นรับความจริงไม่ได้ พีรดา และมินนี่ เธอรับไม่ได้ที่ตัวเองถูกส่งมารวมกับไอ้เด็กปัญหา อาละวาดจนแซนต์และกรต้องปวดหัว ความปวดหัวสุดท้ายที่ทำให้กรและแซนด์ คือเด็กคนที่ 5 “ถวายชัย” (ลูกหวาย) เด็กชั้น ม. 6 หน้าตาดี ภายนอกดูสุภาพ เรียบร้อย พูดน้อย ทรายทิพย์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าหวายจะเป็นเด็กที่ชอบใช้ความรุนแรง มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนเป็นประจำ ไม่ให้ความร่วมมืออะไรทั้งสิ้น เธอรู้แค่ว่าพ่อของหวายชื่อ “ยอดยุทธ” เป็นเจ้าของโรงเหล็ก ส่วน “เป็นสุข” ผู้เป็นแม่ แยกทางกับพ่อได้สองสามปี หวายมีน้องสาวชื่อ “ถวายพร” (ลูกหว้า) อยู่กับแม่ หลังจากได้รู้จักเด็กทั้ง 5 คน ทรายทิพย์เครียดสุดๆ เพราะแต่ละปัญหาไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด ซ้ำร้ายยังไม่มีใครให้ความร่วมมือแม้แต่คนเดียว ทั้งตัวเด็ก พ่อ แม่ แต่สิ่งที่ทั้งสองคนได้โดยไม่คาดคิดคือ การได้เรียนรู้กันและกัน ทั้งกรและแซนด์ได้เก็บข้อมูลของกันและกันโดยไม่ตั้งใจ แซนด์ได้รู้ถึงความกดดันที่ทำให้กรเป็นคนดุ และจริงจังจนเกินไป กรเองก็ได้รู้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้แซนด์เป็นผู้หญิงคิดบวก ไม่ท้อแท้ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เป็นเพราะเธอมีครอบครัวที่แสนดี เป็นกองหนุนสำคัญ กรเองก็แอบมาขอกำลังกำลังใจจากพ่อแม่ของเธอเป็นประจำ เค้าคิดว่ากรเป็นลูกชายคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงแม้แซนด์จะได้กำลังใจอย่างมากจากครอบครัว แต่ปัญหาสารพันที่รุมเร้าเข้ามา และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้แซนด์สติขาดผึง เมื่อกรมาระบายความกดดันใส่ ด้วยการจิกเอาผลงาน การไล่บี้แบบไม่สนใจเหตุผลของกร ทำให้แซนด์ระเบิดอารมณ์อย่างกดดัน “ไม่ไหวแล้วเว้ยยยยยย....ฉันขอลาออก” !!!! แซนด์เก็บของและเดินออกไปเลย กร และ ปาล์ม ถึงกับอึ้ง ! การลาออกของแซนด์ทำให้อำนาจสะใจอย่างแรง อำนาจสรุปเลยว่าโครงการ “เด็กดี ฯ (จอมปลอม)” ล้มเหลว ไม่มีชิ้นดี ขณะนี้อำนาจหวังสูง เขาต้องการบีบขอซื้อหุ้นจากนพลักษณ์และยึดโรงเรียนมาเป็นของตัวเอง ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้กรหมดความน่าเชื่อถือ กรเองเมื่อไม่มีแซนด์ก็เริ่มรู้สึกเหมือนขาดคนรู้ใจ กรเร่งให้ปาล์มไปตามตัวแซนด์กลับมา ทางด้านแซนด์หลังจากลาออก เธอกลับรู้สึกว่างจนเหงา ด้วยทิฐิแซนด์พยายามไม่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริง ยืนยันกับปาล์มว่า ไม่กลับไปทำงานเด็ดขาด แต่แล้ว..ความตั้งใจของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป .. เมื่อ “ลูกหว้า” น้องสาวของหวายมาหาเธอที่บ้าน พร้อมกับ “เป็นสุข” ผู้เป็นแม่ ทั้งสองคนมาเพื่อขอให้ช่วยลูกหวาย เพราะถ้าโดนไล่ออกจริงๆ จะโดนพ่อตีอย่างหนักแน่ๆ ยอดยุทธ (พ่อ) เป็นคนอารมณ์ร้ายมาก ทำให้เป็นสุขทนไม่ได้ ขอหย่า และแบ่งลูกกัน หวายจึงเป็นคนเดียวที่ต้องรองรับอารมณ์ของพ่อ ทำให้เขากลายเป็นเด็กก้าวร้าว และใช้กำลังตัดสินปัญหา ในระหว่างที่ลังเลอยู่นั้น กรก็พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของตัวเอง เขามาหาเธอที่บ้านเพื่อตามกลับไปทำงาน แต่ยังมีฟอร์มด้วยการเอาคลิปที่อำนาจพูดในที่ประชุมด้วยความสะใจที่เธอทิ้งงานกลางครัน แซนด์ฟังแล้วจี๊ดดดดดดดขึ้นมาทันที กรรีบท้าทายถ้าอยากจะลบคำประมาทก็ต้องกลับไปทำงาน ดีกว่าจะต้องเสียชื่อไปทั้งชีวิต แซนด์คิด..คิด..คิด และตัดสินใจ “ฉันกลับไปทำก็ได้ ..ถ้าต้องการให้เธอกลับไปทำงานครั้งนี้ กรจะต้องทำตัวเป็นทีมเดียวกับเธอ ไม่ใช่อยู่ฝ่ายตรงข้ามแล้วมาคอยไล่บี้แบบไม่มีเหตุผล และจะช่วยเธอทำงานนี้ให้สำเร็จในฐานะ “เพื่อนร่วมงาน” ไม่ใช่ “เจ้านาย” กรกลับไปต่อรองกับแม่ได้สำเร็จ นพลักษณ์ยืดระยะเวลาของโครงการนี้ไปอีกหนึ่งเทอม กรและแซนด์ได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง จากผูกพันที่เริ่มก่อตัว ได้รับการสานต่ออย่างเหนียวแน่น โดยมีปัญหารายล้อมเป็นตัวเร่ง แซนด์รวบรวมกำลังใจ และ ข้อมูลที่มีเพื่อเริ่มต้นสานต่อโครงการ “เด็กดี ฯ” อีกครั้ง โดยมีกรคอยประกบอยู่ไม่ห่าง ระหว่างปิดเทอมเด็กทั้ง 5 ต่างมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้แซนด์ได้รู้จักเด็กๆในอีกมุมที่เธอไม่เคยรู้ ระหว่างปิดเทอมที่ได้ทำงานด้วยกันทั้งกรและแซนด์ได้รู้จักกันมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง โรงเรียนเปิดเทอม สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ... เด็กทั้ง 5 คนกลับมาสร้างปัญหาเหมือนเดิมและรุนแรงมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากเหตุการณ์ร้ายแรงที่ประดังเข้ามาทำให้นพลักษณ์ตัดสินใจยุติโครงการ “เด็กดี ฯ ” ของกร และเรียกเด็กทั้ง 5 พร้อมกับผู้ปกครองมาชี้แจงเรื่องการขอเชิญให้ออกกลางเทอม ทุกคนถึงกับชอค และไม่ยอมออก ส่วนยอดยุทธเมื่อรู้เรื่องก็ตบหวายต่อหน้าทุกคนอย่างแรง ในจังหวะนั้นเอง แซนด์ก็พุ่งเข้าไปและเอาตัวเองกอดหวายไว้ยอมที่จะรับฝ่ามือ และกำปั้นของยอดยุทธแทนโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด กรเข้ามาเห็นพอดีรีบเข้ามาห้าม กว่าเหตุการณ์จะสงบทำเอาทุกคนอกสั่นขวัญหายและร่างกายของแซนด์ก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด กรปฐมพยาบาลให้แซนด์ด้วยความสงสาร วินาทีนี้เขาไม่กังขากับความทุ่มเทให้กับงานของเธออีกต่อไป เขาชื่นชมเธอ (เป็นครั้งแรก) แซนด์ดีใจและนึกไม่ถึงว่าเธอจะทำให้จอมเฮี้ยบอย่างกรเอ่ยปากชมได้ .. แต่สุดท้ายเธอก็ทำโครงการนี้ไม่สำเร็จ เด็กๆต้องโดนไล่ออก กรเสียเครดิต และตัวเธอเองก็ต้องตกงาน ความเห็นอกเห็นใจกันทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น .. เมื่อนพลักษณ์เรียกแซนด์เข้าพบ และบอกให้กลับมาทำโครงการเดิมให้สำเร็จ นพลักษณ์บอกว่า.. หลังจากเกิดเรื่องเหล่าบรรดาผู้ปกครองของเด็กมาขอเข้าพบ และขอร้องในเรื่องเดียวกัน นั่นคือ .. ขอโอกาสเพื่อเข้าโครงการ “เด็กดี ฯ” อีกครั้ง การกลับมาของเด็กทั้ง 5 คน สร้างความแปลกใจให้เพื่อนร่วมห้องเป็นอย่างมาก หลายคนแสดงอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด แซนด์และกรต้องร่วมมือกันรีบแก้ปัญหา ก่อนที่เด็กจะโดนทำร้ายจิตใจจนยากจะแก้ไข แซนด์และกรร่วมมือกัน เริ่มต้นแก้ปัญหาจากทั้งสองด้านคือ แก้ที่เด็ก และ แก้ที่พ่อแม่ ในระหว่างที่แซนด์พยายามจะแก้ปัญหาอันแสนหนักหน่วงของเด็กทั้ง 5 เธอมีกรคอยเป็นผู้ช่วยและให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ทำให้เธอได้เห็นมุมต่างๆของผู้ชายแสนเฮี้ยบหน้าขรึมคนนี้มากมาย กลายเป็นความผูกพันที่แสนงาม ท่ามกลางความชื่นมื่นของแซนด์และกร กับโครงการที่กำลังไปได้ดี ทั้งสองไม่รู้เลยว่าอำนาจได้แอบสร้างคลื่นไต้น้ำ พลังความคิดในด้านลบนี้ถูกก่อขึ้นและพร้อมระเบิดในวันประชุมผู้ปกครองประจำปี ในการประชุม ผู้ปกครองหลายคนที่โดนปั่นหัวเห็นด้วย ลามปามจนถึงขั้นต้องไล่เด็กออก ไล่แซนด์ออก และขู่ว่าถ้านพลักษณ์ให้กรมาดูแลโรงเรียนแทนจะพาลูกลาออกทั้งหมด !!! อำนาจยิ้มพอใจกับปฎิกริยาของผู้ปกครอง แต่แล้ว....สิ่งที่อำนาจวาดฝันไว้ก็ต้องพังทลาย เมื่อพีรดา นวลสราญ ตรีทิพย์ ดุจฤทัย และภูทอง รวมทั้งเป็นสุข และ ยอดยุทธ (ที่อาการเริ่มดีขึ้น แม้ยังไม่หายสนิท แต่นั่งวีลแชร์มาร่วมประชุม) ลุกขึ้นพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ได้ร่วมโครงการนี้ แต่ละคนพูดถึงสิ่งที่ได้รับ ได้เห็นปัญหา ได้เข้าใจปัญหาของลูก ของตัวเอง ได้รู้ว่าเราจะปรับปรุงตัวอย่างไร เพื่อทำให้ลูกและตัวเราเป็นคนที่มีคุณภาพมากขึ้น สุดท้ายจะไล่เด็กทั้ง 5 ออกจากโรงเรียนก็ได้ แต่ขอให้มีโครงการนี้ต่อไป เพราะคนที่จะได้ประโยชน์คือลูกๆ และตัวคุณเอง ทำให้ผู้ปกครองคนอื่นๆ อึ้ง จากหน้ามือ เป็นหลังมือ จนอำนาจไม่พอใจ เผลอหลุดโวยวายออกมา จนนพลักษณ์ต้องรีบปิดการประชุม นพลักษณ์ต่อว่าอำนาจ และบอกว่าเธอรู้ทันเกมของเขา ไม่มีวันที่เธอจะขายหุ้น และนับจากนี้ไปเธอจะให้กรขึ้นมาบริหารโรงเรียนแทน !! ถ้ารับไม่ได้ก็พร้อมจะให้ลาออก อำนาจตีหน้าซื่อ และไม่มีปัญหาที่กรขึ้นมาแทน เขาพร้อมที่จะทำงานกับทุกคนเพื่อโรงเรียนเพื่อเด็กๆ อำนาจแม้จะพลาดในครั้งนี้ แต่เขาเก็บความแค้นไว้จนแน่นอก พร้อมจะแก้แค้นทันทีที่มีโอกาส การประชุมผู้ปกครองที่ผ่านพ้นไป .. เหมือนพายุที่พัดพาความมืดมัวออกไปจากชีวิตของหลายๆคน ปิ๊กปิ๊กเลิกนิสัยขโมยของโดยเด็ดขาด และนำของที่เคยเอาไปซ่อนเพราะความอิจฉามาคืนเพื่อนๆ คืนโรงเรียน และคืนแซนด์ ตรีทิพย์เลิกไปยุ่งวุ่นวายกับเมียอื่นๆของจักรินทร์ ดูแลลูก ดูแลตัวเอง โชกุนกล้าที่จะพูดความจริง และยอมรับความผิด แม้ต้องโดนลงโทษก็ไม่กลัว ดุจฤทัยและภูทองกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ทั้งสองคนเริ่มต้นกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ โดยมีโชกุนเป็นกาวใจ นวลสราญกลับมาสวยเหมือนเดิม เธอเลิกกับชัยภูมิอย่างเด็ดขาดและตัดสินใจกลับไปต่างจังหวัด พร้อมกับนำเงินที่เก็บสะสมไว้มาลงทุนทำสวนในที่ของตัวเอง ตังเมยินดีลาออกจากโรงเรียน และย้ายไปเรียนที่ประจำจังหวัดเพื่อจะได้อยู่กับแม่ ตังเมใช้เวลาไปกับการสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าทึ่ง มินนี่กลับมาเป็นเด็กธรรมดา ลดการสื่อสารทางโซเชี่ยลมีเดีย กลับมาอยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับโลกความเป็นจริง และหาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแม่มากขึ้น ทุ่มเทให้กับการเรียน หวายเอาดีทางด้านกีฬา จนได้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียน เมื่อได้ปลดปล่อยพลังออกมา ความก้าวร้าวก็ลดลง อาการของพ่อก็เริ่มดีขึ้น ยอดยุทธขอร้องให้เป็นสุขและหว้ากลับมาอยู่บ้าน ยอดยุทธหันไปฟังธรรมะและละวางเรื่องงาน เรียนรู้เรื่องการควบคุมอารมณ์ เพื่อแลกกับครอบครัวที่เป็นสุข นพลักษณ์ชื่นชมแซนด์อย่างมากในความสำเร็จครั้งนี้ แต่แซนด์ไม่รับ เธอตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งให้กรขึ้นมาดูแลโรงเรียนแทนเธอ ท่ามกลางการยอมรับของครู และผู้ปกครอง กรขอบคุณแซนด์ที่ช่วยเหลือมาตลอด เขาชวนเธอมาเป็นพนักงานประจำ ทำหน้าที่ดูแลเด็กที่มีปัญหาคนอื่นๆ ที่อาจจะมีมาอีก แต่แซนด์ปฎิเสธ เธอขออยู่อย่างอิสระ แต่ถ้ามีเด็กต้องการความช่วย เธอจะมาทันที .. กรยอมรับและในการตัดสินใจ และถือเป็นสัญญาใจระหว่างเขาและเธอ .... ทรายทิพย์ปิดจ๊อบแรกในชีวิตอย่างมีความสุข เธอได้เรียนรู้ว่า “ครอบครัว” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าครอบครัวเราจะรั่ว แตก แยก ผุ อยู่ในสภาพเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม ความรัก ความใส่ใจ ความสนใจ คืออุปกรณ์สำคัญที่จะอุดรอยรั่ว รอยร้าวได้อย่างดีที่สุด
อุ้มรัก (2549/2006) ณภัทร (แอน ทองประสม) ดาราสาวไฮโซเอาแต่ใจ เข้าสู่วงการความงามตามคำแนะนำของ แอนนา (เจมี่ บูเฮอร์) นางแบบสาวเพื่อนสนิท ในการถ่ายงานโฆษณาชิ้นหนึ่ง ณภัทร ได้พบกับ ราเชนทร์ (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) หนุ่มปากจัด เชนต่อว่าต่อขานณภัทรที่ไปสาย ทำให้การพบหน้ากันครั้งแรก จึงจบลงด้วยบรรยากาศของความไม่เป็นมิตรกัน ต่อมา ในปาร์ตี้วันเกิดของนิตยสารชื่อดัง เชนได้รับเชิญมาพร้อมกับ จัสมิน (ตุ๊ก ชนกวนัน) นางแบบที่ตกเป็นข่าวกิ๊กกันอยู่ ในงานนั้น ณภัทรแข่งดื่มเหล้า จนเมามาย ไม่ได้สติ ทำให้ณภัทรต้องพากลับไปนอนที่ห้อง แต่เกิดอุบัติเหตุเมื่อกระเป๋าของ กัญ อุไร กับจัสมิสลับกัน แบงค์ ที่เมามายเช่นกันจึงไขกุญเข้าห้องถูก แล้วคืนนั้นทั้งคู่ก็มีอะไรกัน เมื่อณภัทรตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองได้มีอะไรกับเชน ก็ร้องไห้เสียใจ ต่อว่าเชนต่าง ๆ นานา เชนก็รู้สึกผิดและขอรับผิดชอบ แต่เธอไม่ต้องการจึงขับไล่เขาออกไป และหลังจาก นั้น ณภัทรก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ พยายามที่จะเอาเด็กออก แต่ก็ทำไม่ลง จึงพยายามที่จะ หาพ่อให้ลูกในท้องแทน ในขณะที่เชนก็พยายามตื้อที่จะขอเป็นรับผิดชอบโดยตลอด เพราะเขาปมในใจ เมื่อพ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ทำให้เชนอยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีให้ได้ ณภัทรคิดจะให้ มาร์ค (วริษฐ์ ทิพโกมุท) อดีตกิ๊กเก่ามาเป็นพ่อของลูกในท้อง จึงพยายามที่จะใกล้ชิดมาร์ค แต่แล้วแผนการต่าง ๆ ก็ถูกเชนขัดขวาง ทั้งเชนและมาร์คจึงประกาศตัวเป็นคู่แข่งกัน เพราะความจริงใจของเชน จึงทำให้แอนนาแอบเป็นผู้ช่วยเหลือเชนมาโดยตลอด และอีกเหตุผลสำคัญคือ แอนนาก็ชอบมาร์คเหมือนกัน และแล้วความลับเรื่องท้องของณภัทรก็แตก เพราะจัสมินที่ไปทำงานด้วยกัน จับได้และแจ้งให้นักข่าวทราบ ทำให้เชนต้องประกาศว่าตนเองเป็นพ่อเด็ก และกำลังจะแต่งงาน กับณภัทร ซึ่งในขณะนั้นหนีไปหาพ่อที่ต่างประเทศ หลังจากทราบข่าวการแถลงข่าวของ เชน ทำให้ณภัทรต้องยอมแต่งงาน โดยมีข้อแม้ว่าถ้าเด็กเป็นผู้ชาย เชนจะได้ลูกไป แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ลูกจะตกเป็นของเธอ และด้วยความดีและความเอาใจใส่ของเชน ทำให้ณภัทรเริ่มที่จะใจอ่อนกับเชนมากขึ้น ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นจะมีทั้ง จัสมิน และ มาร์ค มาเป็นอุปสรรคและสร้างความระหองระแหง ให้กับความรักของเขาทั้งสองอยู่เสมอ แต่ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่าง ทำให้เขาทั้งสองเกิด ความเข้าใจผิดกัน จนณภัทรประกาศว่าจะแต่งงานกับมาร์ค หลังจากคลอดลูก ณภัทรได้ลูกสาว ทำให้เชนไม่กล้าที่จะเข้าไปหาณภัทรอีก เพราะสัญญาที่ให้ไว้ และเข้าใจว่าณภัทรกำลังจะแต่งงานกับมาร์ค ทำให้เชนตัดสินใจไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อเป็นการตัดใจจากณภัทรและลูก และเขาได้จัดนิทรรศการภาพถ่าย "อุ้มรัก" เพื่อแสดงความรักที่เขามีทั้งหมดต่อณภัทรและลูก ในวันเดินทาง ณภัทรได้มีโอกาสมาดูนิทรรศการ และได้เจอเชนอีกครั้ง ณภัทรจึงขอร้องให้เชนกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง จึงทำให้ทั้งเขาและเธอกลับมาเป็นครอบครัวที่มีความสุขอีกครั้งหนึ่ง โดยมีน้องโฟโต้เป็นโซ่ทองคล้องใจของเค้าทั้งสอง
4 หัวใจแห่งขุนเขา ปฐพีเล่ห์รัก (2553/2010) ปฐพี หรือ ดิน (ปริญ สุภารัตน์) หนุ่มมาดขรึม หนึ่งใน 4 พี่น้องฝาแฝดแห่งตระกูลอดิศวร ซึ่งทำหน้าที่ดูแลรีสอร์ทของครอบครัวอดิศวร ด้วยภาระหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ ไหนจะต้องระวังศัตรูสองด้าน ซึ่งก็คือโรงแรมคู่แข่งสองแห่ง ได้แก่ ป่าฝนรีสอร์ท รีสอร์ทกึ่งสวนสัตว์ และ แมกไม้วัลเลย์ รีสอร์ทเก่าแก่ของจังหวัด รีสอร์ททั้งสองแห่งตกลงจะร่วมทุนกันเปิดรีสอร์ทแบบเอ็กซอติก มีสวนสัตว์หายาก และภัตตาคารอาหารป่า แต่ถูกปฐพีขัดขวางเอาไว้ ทำให้ทั้งสองแห่งเคืองแค้น แม้จะมีนิสัยขี้เล่น เจ้าเล่ห์ คล้ายคลึงกับพี่น้องฝาแฝดชายอีกสองคน หากภายนอกปฐพีดูเงียบขรึม โดยเฉพาะเวลาทำงานเขาจะดูเคร่งเครียด สันโดษ ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุวุ่น ๆ บางอย่างที่เกิดขึ้นในรีสอร์ทซึ่งเขาโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง แต่แล้ววันหนึ่ง ชีวิตที่มีแต่งาน งาน งาน ของปฐพีกลับต้องถูกสั่นคลอนเมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนในรีสอร์ท ดินไม่รู้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ เพราะครั้งแรกที่พบเธอ...เธอมาในมาดสาวไฮโซในกลุ่มเซเลบริตี้ที่มาจัดเลี้ยงในธารารินรีสอร์ทของเขา แต่เขาแอบจับได้ว่าเธอเป็นไฮโซปลอม ที่เขาสันนิษฐานว่าจะเป็นพวกแฝงตัวมากินฟรี จึงได้แต่จับตาดูเฉย ๆ ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวอะไร แต่แล้วเขาก็ได้พบเธออีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้เธอมาในคราบนักศึกษาปะปนมากับนักเรียนการโรงแรมของมหาวิทยาลัยราชภัฎของจังหวัด ที่อาจารย์พามาทัศนศึกษาดูงานที่ธารารินรีสอร์ท คราวนี้ปฐพีให้ นที (ดนัย จารุจินดา) เลขาหนุ่มปากจัดคนสนิทไปล็อกตัวเธอมาสอบปากคำว่าเธอเป็นใคร และเข้ามาทำอะไรในโรงแรมเขากันแน่ หญิงสาวซึ่งบอกว่าตัวเองชื่อ ชะเอม หรือ เฌอเอม (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) ตีหน้าจ๋อย สารภาพว่าที่แฝงตัวเข้ามาก็แค่จะเก็บข้อมูลเพื่อมาสมัครงานที่นี่ เธอบอกว่าเพิ่งจบการโรงแรมมาจากเมืองนอก กำลังหางานทำช่วยทางบ้านที่ตกอับ ปฐพียังไม่ไว้ใจนัก แต่ด้วยต้องการรู้แน่ว่าเธอเข้ามาทำอะไรในรีสอร์ทเขา จึงบอกให้เธอมาสมัครงานพรุ่งนี้เลย…วันต่อมา ชะเอมจึงมายื่นเอกสารสมัครงาน แต่แค่เพียงดูบัตรประชาชนเธอแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นบัตรประชาชนปลอม...เขาจึงเดาว่าวุฒิการศึกษาที่บอกจบจากเมืองนอกก็คงจะปลอมเหมือนกัน เธอ...เป็นใครกันแน่ระหว่างแก๊งต้มตุ๋น...สายลับจากโรมแรมคู่แข่ง...เป็นใครบางคนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนั้น หรือเป็นแค่หญิงสาวจิตป่วนคนหนึ่งกันแน่ เพราะใคร่จะรู้คำตอบ ปฐพีจึงตัดสินใจรับเธอเข้าทำงาน โดยให้เลขาหนุ่มคอยจับตาดูใกล้ชิด ชะเอมมาเริ่มงานวันแรกด้วยความกระตือรือร้น แต่อดเคืองไม่ได้ที่ถูกส่งไปเริ่มงานที่แผนกแม่บ้าน ทำหน้าที่จัดเตียง ปูเตียง ทำความสะอาดห้องพัก ปฐพีเป็นคนสั่งให้หัวหน้าแม่บ้านคอยจิกหัวใช้งาน ทำให้ชะเอมแทบไม่มีเวลาออกไปวุ่นวายที่ไหน เมื่อรีสอร์ทของปฐพีต้องต้อนรับคนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่จะมาดูงานเพื่อคัดเลือกรีสอร์ทในโครงการคัดสรรรีสอร์ทห้าดาวแบบซุปเปอร์อันซีนไทยแลนด์ ที่จะเลือกรีสอร์ทห้าดาวแห่งเดียวเท่านั้นในจังหวัด ปฐพีจริงจังกับเรื่องนี้มาก เขาวางแผนพา คณะ ททท.เที่ยวชมรีสอร์ท รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่พี่น้องฝาแฝดคนอื่น ๆ ดูแล เช่น ไปชิมไวน์ที่ไร่องุ่น ไปดูฟาร์มโคนม ไปล่องแก่ง เป็นการท่องเที่ยวแบบผสมผสาน แต่ตลอดงาน ชะเอมกลับคอยจะป่วน สร้างเรื่องวุ่นวาย แบบที่แยกแยะไม่ออกระหว่างความซุ่มซ่ามของเธอเอง กับความจงใจ หลายครั้งเธอทำเป็นแกล้งโง่ แกล้งเซ่อ เพื่อจะให้รีสอร์ทอับอายขายหน้า เสียคะแนนต่อคณะประเมินของ ททท. แต่เธอก็ทำได้แค่เกือบสำเร็จ เพราะแผนของเธอจะโดนรู้ทันก่อนทุกครั้ง จนผลย้อนกลับมาเล่นงานตัวเธอเองเสมอ เธอไม่เคยแกล้งเขาได้สำเร็จสักที แต่ระหว่างที่ปฐพีกับชะเอมเล่นเอาเถิดกันไปมา ความรักก็เริ่มก่อตัวขึ้น ปฐพีเริ่มเคยชินกับการจับตามองชะเอมทุกฝีก้าว จากการจับผิดกลายเป็นเอ็นดู ขำ และตลกกับพฤติกรรม ความคิดและแผนการแปลก ๆ ของเธอ ทำให้ชีวิตที่ขรึม เครียด เคร่งกับงานมาตลอดของดินเริ่มมีสีสัน มีชีวิตชีวา ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าเธอจงใจมาทำงานที่นี่เพื่อแกล้งเขา แต่เขากลับจดจ่อคอยดูสิ่งที่เธอทำอย่างสนุกรื่นรมย์ เหมือนเป็นเกมท้าทายให้เล่น ให้ปราบ ให้เอาชนะ ส่วนชะเอมเอง ระหว่างที่มัวเอาแต่คิดแผนบ้องตื้นตามความสามารถทางสมองของเธอ เธอไม่รู้ตัวว่าหลายครั้งหลายคราที่เธอเฉียดไปเกือบเจอความลับบางอย่างเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้น ซึ่งถูกเก็บเงียบเอาไว้ในรีสอร์ท แต่ชะเอมกลับไม่ฉลาดพอที่จะเอะใจ ชะเอมเกิดไปเป็นที่ถูกใจของคุณสุพรรษา (จินตรา สุขพัฒน์) แม่ของปฐพี คุณสุพรรษาจึงจัดการขอย้ายตำแหน่งให้ชะเอม ไปทำงานกับคุณจิดา ที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ซึ่งปฐพีแสนเกรงใจ คุณจิดาให้ชะเอมมาช่วยรับหน้าที่โดยตรงในการดูแลคณะ ททท. ชะเอมจึงมีโอกาสมากขึ้นในการทำลายชื่อเสียงของรีสอร์ทต่อคณะ ททท. และคราวนี้เธอตัดสินใจว่าต้องลงมือขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว เชื่อว่าถ้าแผนสุดท้ายขั้นสุดยอดที่เธอคิดไว้สำเร็จ ดินจะเสียหายอย่างมาก แต่ยังไม่ทันลงมือ ป่าฝนรีสอร์ท ส่งคนมาปองร้ายปฐพีและคณะประเมินของ ททท. แต่ชะเอมซึ่งรู้ใจตัวเองว่ารักปฐพีเข้าแล้วทนดูเขาโดนแกล้งไม่ได้ จึงช่วยขัดขวาง ทำให้แผนของคนร้ายที่ป่าฝนรีสอร์ทส่งมาไม่สำเร็จ ปฐพีขอบคุณชะเอม แต่ชะเอมก็รู้สึกผิดจึงตัดสินใจสารภาพว่าเธอไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาคิด และเล่าว่าทีแรกเธอก็วางแผนจะแกล้งเขาเหมือนกัน แต่แล้วชะเอมก็ต้องแปลกใจ เมื่อปฐพีเองก็สารภาพว่าเขารู้ทันเธอมาโดยตลอด เขารู้หมดว่าชะเอมกำลังจะทำอะไร รวมถึงรู้ว่าเธอเป็นใคร ปฐพีเล่าว่าเขาให้คนไปสืบเรื่องบัตรประชาชนปลอมที่ชะเอมใช้สมัครงาน และพบว่าเธอไม่ได้ชื่อชะเอม แต่ชื่อ เฌอเอม ต่างหาก ที่สำคัญ นามสกุลเธอตรงกับพนักงานหญิงที่เขาไล่ออกไปคนหนึ่ง เขาจึงรู้ว่าที่เธอเข้ามาทำงานและป่วนโรงแรมเขาก็เพราะต้องการแก้แค้นให้แม่ของเธอ ที่โดนไล่ออกและใส่ร้ายว่าขโมยของแขกที่เข้ามาพัก ปฐพีบอกขอโทษที่ทำกับแม่ของเธอเช่นนั้น เขาสารภาพความรู้สึกกับเธอ และบอกว่าถ้าเธอรับรัก เขาก็จะรับแม่ของเธอกลับมาทำงาน จะให้ยกพานไปขอขมาก็ยังได้ แต่เฌอเอมยังเล่นตัว บอกว่าขอคิดดูก่อน ปฐพีหมดข้อสงสัยในตัวผู้หญิงที่เขารัก แต่ นที เลขาคนสนิทของดินไม่คิดอย่างนั้น เขายังสงสัยจนเดินหน้าสืบประวัติเธอต่อ และต้องแปลกใจเมื่อพบว่าใบประกาศนียบัตรการโรงแรมจากต่างประเทศนั้นเป็นของจริง เลขาของดินเริ่มแปลกใจว่าลูกพนักงานจน ๆ ทำไมถึงมีเงินไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา ในประเทศที่ค่าครองชีพแพงหูฉี่ ยังไม่ทันได้เอาหลักฐานที่พบไปรายงานกับดิน เฌอเอมก็เผอิญได้พบความลับสุดยอด ของรีสอร์ทที่ปฐพีซุกซ่อนเอาไว้มาตลอดเข้าจนได้ นั่นก็คือหลักฐานเกี่ยวกับอุบัติเหตุท่อน้ำร้อนระเบิด เมื่อสองปีก่อน ที่ทำให้มีพนักงานบาดเจ็บและเสียชีวิต หนึ่งในผู้รอดชีวิตนั้นถึงกับพิการ แต่เรื่องกลับเงียบไม่เป็นข่าวเพราะปฐพีสั่งปิดข่าว เฌอเอมลังเลใจ คิดไม่ตกว่าเธอจะเอาหลักฐานที่พบไปให้อีกฝ่ายดีหรือเปล่า ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจะปกปิดหลักฐานไว้กับตัว แต่ด้วยจับพลัดจับผลู บังเอิญคนจากอีกฝ่ายมาเห็นความลับที่เธอค้นพบ จึงแย่งเอาหลักฐานไป อีกฝ่ายนั้นคือ แมกไม้วัลเล่ย์ รีสอร์ทเก่าแกที่กำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ นายโมกข์ (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ซึ่งเป็นเจ้าของมาพบปฐพี และประกาศอย่างสะใจว่าปฐพีโง่ โดนต้มเสียเปื่อย และเฉลยว่าเฌอเอมเป็นลูกสาวของเขาเอง เป็นลูกสาวที่เกิดกับเมียน้อย (ซึ่งก็คือพนักงานหญิงที่ถูกปฐพีไล่ออกไป) ซึ่งโมกข์ส่งเสียเฌอเอมไปงั้น ๆ เอง แต่ไม่เคยเรียกว่าลูก เขาบอกว่าถ้าเฌอเอมหาวิธีทำลายชื่อเสียงรีสอร์ทของปฐพีได้ เขาก็จะยอมรับเฌอเอมว่าเป็นลูก และจะยอมให้เธอเข้ามาร่วมบริหารกิจการครอบครัวร่วมกับพี่ ๆ น้อง ๆ ปฐพีมองหน้าเฌอเอมอย่างทั้งช็อคและผิดหวัง เมื่อรู้ว่าเขาเองที่โง่ที่สุดในเรื่องนี้ โดนหลอกทั้งที่คิดว่ารู้ทันเธอมาตลอด แต่สุดท้ายกลับมาตกม้าตาย เธอมาเหนือเมฆเกินกว่าที่เขาคิดไว้ เฌอเอมร้องไห้เสียใจ เพราะเธอไม่ได้ต้องการให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย เธอไม่ได้แผนสูงอย่างที่เขาคิด แต่ทุกอย่างมันประจวบเหมาะเป็นความบังเอิญ แต่จะอธิบายอย่างไรก็ไม่ได้ ปฐพีคงจะเกลียดเธอเสียแล้ว ปฐพีเสียใจอย่างที่ไม่เคยเสียใจเท่านี้มาก่อน เขาเอาแต่เก็บตัวเงียบ ที่เคยแค่ขรึม ตอนนี้กลับเป็นหงุดหงิด ใครเข้าหน้าไม่ติดทั้งนั้น เฌอเอมตัดสินใจขอร้องให้โมกข์เลิกความคิดที่จะแฉเรื่องอุบัติเหตุที่ปฐพีปกปิดมาตลอดออกไป แต่โมกข์ไม่ยอม แถมพูดจาให้เฌอเอมเสียใจอีกทำนองว่าเธอเป็นแค่ลูกคนใช้ ระหว่างนั้นคนร้ายที่มาจากป่าฝนรีสอร์ทจะมาทำร้ายโมกข์เพื่อแย่งชิงหลักฐานไป แต่เฌอเอมเข้าขวางพ่อไว้จนตัวเองบาดเจ็บหนัก โมกข์ซึ้งมากที่เฌอเอมถึงขั้นยอมสละชีวิตเพื่อเขา เฌอเอมบอกว่าเธอยอมตายแทนเขาได้เพราะเขาเป็นพ่อเธอ ส่วนปฐพีเมื่อรู้ว่าเฌอเอมโดนยิงก็รีบรุดไปที่โรงพยาบาล คอยเฝ้าไว้ เขาเจ็บปวดมากทั้งเกลียด ทั้งรัก ทั้งห่วง ยิ่งตอนรู้ว่าเธอเกือบตาย เขาแทบจะตายไปด้วย โมกข์เข้ามาขอคุยกับปฐพี และบอกว่าจะยอมเก็บเรื่องอุบัติเหตุครั้งนั้นไว้เป็นความลับต่อไป และบอกให้ดินรู้ว่าเฌอเอมไม่เคยคิดจะทำลายปฐพี ไม่เพียงไม่เปิดเผยความลับเท่านั้น แต่โมกข์ยังช่วยสืบจนรู้ว่าอุบัติเหตุท่อน้ำร้อนระเบิดในรีสอร์ทของปฐพีเมื่อสองปีก่อนไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นฝีมือสกปรกของป่าฝนรีสอร์ท ปฐพีกับโมกข์กลายเป็นมิตรทางธุรกิจกัน ปฐพีกลับไปหาเฌอเอมที่โรงพยาบาลเพื่อจะปรับความเข้าใจ แต่กลับพบว่าเธอออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เพราะทนอยู่ต่อให้ปฐพีมองด้วยสายตาเกลียดชังไม่ได้ ปฐพีกลับไปเป็นคนขรึม เงียบ พูดน้อยเหมือนเดิม แต่ไม่กี่วันต่อมา ฝ่ายบุคคลเอาใบสมัครจากผู้หญิงคนหนึ่งมาให้ คราวนี้เธอใช้ชื่อจริงว่า เฌอเอม ในใบสมัคร ไม่มีการหลอกลวงอีกต่อไป ทั้งสองสบตากันอย่างรู้ใจ แม้ดินจะเห็นว่าเกรดเธอในทรานสคริปนั้นแย่มาก แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะรับเฌอเอมเข้าทำงานที่นี่...ไม่ใช่ตำแหน่งพนักงาน แต่เป็นตำแหน่งภรรยาของเขา ซึ่งแม้เธอจะจบการโรงแรมมาด้วยเกรดแย่แค่ไหนก็ไม่สำคัญ ติดตามชม ละครปฐพีเล่ห์รัก ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครปฐพีเล่ห์รัก เริ่มตอนแรก วันศุกร์ที่ 26 พ.ย. 2553