ดงผู้ดี 2552

ดงผู้ดี (2552/2009) ตั้งแต่ จำความได้ ขมรู้แต่ว่าโลกแคบๆ ของตัวเองนั้นมีแต่แม่คนเดียงเท่านั้น แขซัดเซพเนจรมากับลูกตั้งแต่ยังแบเบาะ ครูสมพรเจ้าของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด เวทนาจึงรับเลี้ยงแม่ลูกไว้ แขทำงานเป็นภารโรงแลกกับการที่ครูสมพรให้ โอกาสขมได้เรียนหนังสือ แขหวังในสิ่งเดียวคือสักวันความทรงจำว่าตนคือใครจะกลับมา เพราะลูกจะได้ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อครูสมพรเรียก ซ้อมวงมโหรีเครื่องสายเพื่อแสดงในงานวันเกิดท่านผู้ว่าฯ พี่ชายของเธอ เสียงเพลงโสมส่องแสงเหมือนปลุกเร้าบางสิ่งในจิตใต้สำนึกของแขแขร้องเพลงโสม ส่องแสงได้อย่างไพเราะ พร้อมๆ กับความทรงจำบางส่วนของแขกลับคืนมา ใน วันงานซึ่งขณะที่แขได้รับเกรียติให้ร้องเพลงโสมส่องแสงนั้นความทรงจำของ แขกลับมาจริงๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของ พิทย์ รุ้งพราย ซึ่งก็จดจำแขได้เพราะเสียงเพลงโสมส่องแสงเช่นเดียวกัน แต่ในนาทีสุดท้ายของเพลง แขก็ขาดใจตาย แต่ก่อนจะสิ้นลมหายใจ แขยังได้มีโอกาสฝากฝังขมกับพิทย์ รุ้งพราย ซึ่งใครๆ ก็เข้าใจว่าคือพ่อของขม พิทย์ รุ้งพราย พาขมเข้ากรุงเทพทันที หลังจากฝากฝังเรื่องงานศพของแข ให้ครูสมพรช่วยจัดการ พิทย์ รุ้งพราย หรือจริงๆ แล้วคือ ชวาล สุรบดินทร์ พาขมมาที่บ้านพุทธชาด บอกขมว่า เขามีความจำเป็นที่จะต้องพาขมมาฝากให้อยู่ที่นี่เพียงชั่วคราว เมื่อตนพร้อมเมื่อไหร่จะกลับมารับตัวขมไปอยู่ด้วยกัน รังสรรค์ รัตนเดชากร เผชิญหน้า พิทย์ รุ้งพรายอย่างน้ำท่วมปากและจำเป็นต้องรับคำเรื่องดูแลขมอย่างเลี่ยงไม่ได้ (รังสรรค์เคยเป็นหนี้ชวาลก่อนใหญ่ที่ไม่มีทางมีปัญญาใช้คืนได้) ตั้งแต่วันนี้ขมก็เฝ้าชะเง้อรอคอยการกับมาของพิทย์ รุ้งพราย ทุกวันเพราะชีวิตบ้านพุทธชาดนั้น ความทุกข์มีมากกว่าความสุขแต่ถึงกระนั้นกำลังใจอย่างเดียวที่ขมเฝ้าปลอบ ประโลมใจตัวเองก็คือสักวันพ่อจะมารับตนไปจากที่นี่

พระจันทร์สีรุ้ง (2552/2009) อารักษ์แสดงโดย (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เป็นกระเทยนางโชว์ ที่รับเด็กผู้ชายแรกเกิดมาจากเพื่อนนางโชว์ด้วยกันที่คลอดแล้วทิ้งไว้ไปอยู่กับฝรั่งที่เมืองนอก อารักษ์ก็รักเด็กคนนี้มาก และหนีจากวงสังคมนางโชว์ไปเปิดร้านเสริมสวยที่เชียงใหม่ ทำตัวใหม่เป็นผู้ชายเจ้าของร้านเสริมสวยที่หล่อมาก และกิจการดีขึ้นเป็นลำดับเพราะเด็กผู้ชายคนนี้เป็นกำลังใจ ไม่มีใครรู้ว่าอดีตอารักษ์คือกระเทยนางโชว์ แม้แต่ตะวัน (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) ลูกชายที่น่ารัก อารักษ์สั่งสอนตะวันจากนิทานพระจันทร์ยามค่ำคืน2 พ่อลูกจะคุยกระหนุงกระหนิงกันด้วยความรัก จากนิทานพระจันทร์ เมื่อโตขึ้นอารักษ์ส่งตะวันเข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดของเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนฝรั่ง สองคนพ่อลูกรักกันมาก จนจะขาดจากกันไม่ได้ เมื่อตะวันเป็นหนุ่มมาสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพและพบกับปลายฟ้า (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) เป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตะวันหลงรักปลายฟ้าตั้งแต่แรกเห็น และรักมาตลอด ไม่เคยปันใจให้ใครแม้จะมีเพื่อนสาวจำนวนมากมาให้ความสนใจ แต่ปลายฟ้าผู้เย่อหยิ่งจะคอยดูถูกตะวันตลอดเวลาเช่นกัน เพราะปลายฟ้าเป็นลูกคนรวย มีแฟนแล้วเป็นหนุ่มสังคมชื่อดัง จนวันหนึ่งตะวันกลายเป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์ของฟ้าเมืองไทย และจากการตื๊อรักของตะวัน จนปลายฟ้าเห็นใจมาคบหาตะวันเป็นคู่รัก เรื่องกำลังจะดี แต่ปรากฏว่าแม่ของตะวัน อรดี (จินตหรา สุขพัฒน์) ที่ไปมีสามีฝรั่งกลับมาเมืองไทย มีฐานะร่ำรวยและคิดถึงลูก สืบทราบจนแน่ชัดว่าลูกอยู่กับอารักษ์จึงจะไปตามลูกกลับมา แต่ขณะนั้นตะวันผู้แสนน่ารัก นิสัยดี ร่าเริง มีน้ำใจ ก็พบอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือนจำความในช่วงต้นๆไม่ได้ รวมถึงจำอารักษ์พ่อของตนเอง และปลายฟ้าไม่ได้อีกด้วย อรดีจึงเข้ามาแทรกบอกว่าเป็นแม่ และกล่าวหาว่าอารักษ์คือผู้ชายที่ไม่หวังดีกับตะวันอย่าไปคบด้วยเด็ดขาด ทำให้ตะวันปวดหัวทุกครั้งที่คิดถึงอดีต แต่ต้องเชื่อแม่และรังเกียจอารักษ์ หลังอุบัติเหตุนิสัยของตะวันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากคนน่ารัก กลายเป็นคนที่นิสัยดื้อรั้น มุทะลุ ปากจัด ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ปลายฟ้าจึงพยายามช่วยเหลืออารักษ์ด้วยการเล่าเรื่องนิทานพระจันทร์ให้ตะวันฟังบ่อยๆ..จนตะวันเริ่มเห็นอดีตขึ้นมารำไร ในที่สุดก็จำความได้และกลับมาเป็นตะวันที่น่ารักเหมือนเดิม เป็นลูกที่รักพ่ออารักษ์ และมีคู่รักที่รักกันมากชื่อปลายฟ้า

หยกลายเมฆ 2552

หยกลายเมฆ (2552/2009) ความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติ เรื่องราวอดีตรักอันขมขื่นของผู้ให้กำเนิด ทำให้เธอต้องลัดฟ้าไปไกลถึงแดนมังกร ถิ่นที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งทางธุรกิจ ความริษยา และมนต์ขลังของความรัก...วังวนของประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้นซ้ำรอยเก่าอีกครั้ง...พร้อมกับดนตรีแห่งความรักบทใหม่ก็เริ่มบรรเลงเช่นกัน...

ดำขำ 2552

เรื่องย่อ : ดำขำ (2552/2009) กาฬมณี หรือ หนูดำ สาวน้อยจอมซ่าแห่งบ้านนาปี จังหวัดเลย ตกใจมากเมื่อรู้ว่ากำนันแดง พ่อของเธอได้ตกลงหมั้นหมายเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อนรักเอาไว้ตั้งแต่เล็ก คู่หมั้นของเธอคือทุติยะ หนุ่มโสดเนื้อหอมลูกชายคนเดียวของ ทิวา และพวงแก้ว ทุติยะเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะชาติตระกูล เขาจึงปฏิเสธการแต่งงานกับสาวบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน เพราะเค้าเองก็มีดาววดี สาวเซ็กซี่เป็นคู่ควงอยู่แล้ว กำนันแดงกับทิวาเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่มีสัญญาใจจะให้ลูกชายกับลูกสาวของตนแต่งงานกัน โดยมีของขวัญงานแต่งงานเป็นที่ดิน 1,000 ไร่ ทิวาไม่อยากเสียคำพูดจึงบังคับให้ทุติยะไปดูตัวหนูดำที่บ้านนาปี ส่วนหนูดำเมื่อรู้ว่าทุติยะเป็นคนกรุงที่เย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ เจ้ายศเจ้าอย่าง รังเกียจความบ้านนอก หนูดำเลยแกล้งทาตัวจนดำปี๋ ทำตัวไร้รสนิยม ไร้การศึกษาให้ทุติยะรังเกียจ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงานกัน ทุติยะรังเกียจหนูดำตามความคาดหมาย เขาประกาศไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้หญิงอย่างหนูดำเด็ดขาด ขณะเดินทางกลับรถของทุติยะเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ หนูดำไปพบเข้า จึงเอาตัวไปรักษา เมื่อทุติยะฟื้นขึ้นมา หนูดำรู้ว่าทุติยะความจำเสื่อม เลยได้ทีแก้แค้นผู้ชายที่ดูถูกเธอ ด้วยการเอาตัวทุติยะไปเก็บไว้ในไร่ เธอหลอกทุติยะว่าเขาเป็นคนงานในไร่ของเธอ ชื่อ นายทุย หนูดำกลั่นแกล้งนายทุยสารพัด ให้ทำงานหนักอยู่กับดินกินกับทราย มีป้าถนอม แม่ครัวในไร่ของหนูดำเพียงคนเดียวที่รู้ว่านายทุยคือใคร ป้าถนอมจึงได้แต่แอบช่วยนายทุยเป็นบางครั้ง หนูดำส่งข่าวในนามของทุติยะ หลอกทางบ้านว่าเขาหนีไป และจะไม่กลับบ้านจนกว่าพ่อจะยกเลิกการแต่งงานกับหนูดำ ดาววดีร้อนใจมากเมื่อทุติยะแฟนหนุ่มหายไป บังเอิญเธอมีเหตุต้องเดินทางผ่านมาแถวจังหวัดเลย เธอเห็นคนหน้าตาคล้ายกับทุติยะ แต่อยู่ในสภาพของคนงาน เธอจึงมาตามสืบ แต่ปรากฏว่านายทุยจำดาววดีไม่ได้ ดาววดีเองก็รังเกียจนายทุยที่มีฐานะเพียงคนงาน แต่ดันไปติดใจ ธงรบ พัฒนากรรูปหล่อที่มาหลงรักหนูดำ ในขณะเดียวกันนั้นนายทุยก็มี บัวตอง คนงานสาว ในไร่มาแอบชอบ บัวตองตามเอาอกเอาใจนายทุย ไม่ว่านายทุยจะถูกหนูดำกลั่นแกล้งยังไง บัวตองก็อาสามาช่วย จนหนูดำชักจะหมั่นไส้บัวตองอยู่เหมือนกัน หนูดำซ่อนนายทุยไว้ได้ไม่นาน ก็โดนกำนันแดงจับได้ คุณพวงแก้วจึงให้ดาววดีมารับตัวทุติยะกลับไปรักษาจนหาย เมื่อทุติยะจำความได้ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ก็ทั้งโกรธทั้งหมั่นไส้หนูดำ ทุติยะจึงหาทางเอาคืน ทุติยะประกาศตกลงแต่งงานกับหนูดำ เพราะจะหาทางแก้แค้น ตอนแรกหนูดำไม่ยอม แต่กำนันแดงขู่ว่าถ้าผิดสัญญาที่ดินมรดกทั้งหมดจะต้องยกให้กับทุติยะ หนูดำจึงจำใจต้องเข้าพิธีแต่งงาน หนูดำเข้าพิธีแต่งงานในสภาพของสาวบ้านนอกตัวดำปิ๊ดปี๋ และลงมาอยู่กับบ้านทุติยะที่กรุงเทพฯ หนูดำเสี้ยมให้บัวตองที่ติดตามมากรุงเทพฯ อาละวาดกับดาววดี ส่วนตัวเองก็พยายามทำทุกวิถีทางให้ทุติยะหย่ากับตน ทั้งทำตัวสนิทสนมกับคนรับใช้ในบ้าน อาทิ มะลิ, ป้าหอม และไอ้ไม้ คนขับรถ หนูดำนำทีมเปิบข้าวเหนียว จกปลาร้า เว้าอีสานฯลฯ อย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร เมื่อมีการประกวดเดินแบบหนูดำก็ไปสมัคร แต่ดันทาตัวดำขึ้นเดินแบบ ทำให้ตระกูลทิชาพันธ์อับอายขายหน้าไปทั่วสารทิศ ทุติยะเริ่มสงสัยเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาเหมือนหนูดำแต่ตัวขาว แต่งตัวสวยงามทันสมัยมาคอยสะกดรอยตามเค้ากับดาววดี เขาพยายามจะจับให้ได้ แต่หนูดำก็เอาตัวรอดไปได้ทุกที ธงรบขอให้หนูดำเลิกปลอมตัว หนูดำบอกจะทำทุกอย่างจนกว่าจะได้ที่ดินคืน ทิวากับกำนันแดงเห็นว่าการแต่งงานของหนูดำกับทุติยะท่าทางจะไปไม่รอด จึงวางแผนหลอกทั้งคู่ไปหย่าขาดกันซะ แล้วจะเอาที่ดินไปขายให้กับเสี่ยดำเกิง ที่มาติดต่อขอซื้อที่เพื่อทำสนามกอล์ฟ คุณพวงแก้วดีใจใหญ่ เพราะรังเกียจลูกสะใภ้บ้านนอกคนนี้เต็มที หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วสาเหตุที่ทิวาต้องการจะให้ทุติยะแต่งงานกับหนูดำ เพราะครอบครัวทิชาพันธ์กำลังจะล้มละลาย หนูดำกับทุติยะจึงจำเป็นต้องหันหน้าเข้าหากัน เพราะรู้ดีว่าหากมีการสร้างสนามกอล์ฟ จะต้องมีการทำลายธรรมชาติขนานใหญ่ ทั้งยาฆ่าแมลงจำนวนมาก และยังแย่งน้ำดิบจากชาวบ้านมาใช้เลี้ยงหญ้าในสนาม ทำให้ชาวนาชาวไร่บ้านนาปีต้องเดือดร้อนแน่ๆ หนูดำกับทุติยะจึงบอกกำนันแดง และทิวาไปว่าตกลงจะอยู่ด้วยกันต่อ แต่พ่อของทั้งคู่ก็มีข้อแม้ต่อว่าทั้งหนูดำกับทุติยะจะต้องมีลูกด้วยกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่บัวตองเกิดพลาดท่าเสียทีไอ้ไม้คนขับรถจนมีท้องขึ้นมา บัวตองไม่อยากมีลูก เพราะไม่ได้รักไอ้ไม้ หนูดำจึงแกล้งท้อง และรับเอาลูกของบัวตองมาเป็นลูกตน แม้กำนันแดงและทิวาจะสงสัย แต่ก็อยากรู้ว่าทั้งคู่จะมาไม้ไหน จึงปล่อยเลยตามเลย หนูดำกับทุติยะจึงต้องเล่นบทเป็นพ่อแม่จำเป็น สร้างความวุ่นวายไปทั้งบ้าน แต่พอได้มาเล่นเป็นพ่อแม่ลูกความรู้สึกดีๆ ก็ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่การณ์กลับตาลปัตร เมื่อไอ้ไม้กับบัวตองทนละอายแก่ใจไม่ไหว จึงแต่งงานกันแล้วขอลูกกลับไปเลี้ยงเอง พอโดนจับได้ว่าทั้งสองรวมหัวกันโกหก กำนันแดงจึงมีคำสั่งให้หนูดำกับทุติยะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนาปีเพื่อจะได้ดูแลใกล้ๆ แต่คุณพวงแก้วกลับส่งดาววดีตามไปเพื่อชิงลูกชายจากสะใภ้ตัวดำกลับมา ดาววดีบุกไปรังควานถึงบ้านนาปี แต่หนูดำก็สู้ไม่ถอย เสี่ยดำเกิงเห็นเรื่องที่ดินมีปัญหายืดเยื้อ จึงส่งคนมาทำร้ายข่มขู่หนูดำ แต่ทุติยะช่วยไว้ทัน หนูดำกับทุติยะเริ่มรู้สึกดีต่อกัน ทิวาสารภาพความจริงกับพวงแก้ว พวงแก้วเลยรวมหัวกับดาววดี หาทางทำให้หนูดำได้รู้ความจริงว่า ที่ทุติยะยอมแต่งกับเธอก็เพราะหวังสมบัติ เมื่อหนูดำรู้ความจริงก็เสียใจมาก จึงขอหย่าขาดจากทุติยะ และเดินทางกลับจังหวัดเลยคนเดียว สุดท้ายความรักระหว่างทุติยะกับหนูดำจะลงเอยเช่นไร?

ความลับของ Superstar (2551/2008) กันต์ พระเอกซูเปอร์สตาร์ ได้เล่นละครคู่กับ เนตรดาว นางเอกสาวดาวรุ่ง บี ผู้จัดการส่วนตัวของเนตรดาว เลยยุให้เนตรดาวเป็นแฟนกับกันย์ หวังทำให้เนตรดาวดังขึ้นไปอีก เนตรดาวจึงโปรยเสน่ห์ใส่กันย์เต็มที่ ทำให้ เป้ เกย์รุ่นใหญ่ผู้จัดการส่วนตัวของกันย์เป็นห่วง คอยเตือนให้กันย์ระวังเนตรดาว เพราะสิ่งที่กันย์และทุกคนไม่รู้คือ เนตรดาวมีความสัมพันธ์อยู่กับ ธีร์ อดีตเพื่อนสนิทของกันย์สมัยเพิ่งเข้าวงการ ธีร์มีข่าวพัวพันยาเสพติดจนชื่อเสียงตกต่ำ กันย์ได้รับเลือกให้เป็นพระเอกหนังแทนธีร์ และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ไปจากหนังเรื่องนั้น ทำให้ธีร์โกรธอาฆาตและโทษว่ากันย์แย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขา

ตราบสิ้นดินฟ้า (2551/2008) แพน พิษณุ (ยุรนันท์ ภมรมนตรี) เป็นหัวหน้าวงดนตรีที่โด่งดังมากของสโมสรเอกชนในกรุงเทพ นอกจากแพนจะเป็นนักดนตรีแล้ว ยังเป็นนักแต่งเพลงฝีมือดี และด้วยความที่ยังโสด แพนจึงเป็นที่หมายปองของสาวๆ โดยเฉพาะเนื้อทิพย์ (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) นักร้องสาวสุดเปรี้ยวในวง ที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแพนจนออกนอกหน้า ทำให้พี่แอบ(วนิดา แสงสุข) และ พี่กลีบ(รอง เค้ามูลคดี) ญาติของแพนที่เป็นเจ้าของคณะลิเก ต้องคอยกันท่าไม่ให้เนื้อทิพย์มายุ่มยามกับแพนจนเกินงาม สร้อย(คัทลียา กระจ่างเนตร) สาวสวยสู้ชีวิตมีอาชีพขายน้ำแข็งไส มีความฝันอยากเป็นนักร้อง สร้อยเสียงดีมากและเป็นแฟนเพลงที่เหนียวแน่นของแพนคนหนึ่ง ในวันที่ทางสโมสรประกาศรับสมัครนักร้องใหม่ แพนได้พบกับสร้อยที่มาสมัครเป็นนักร้อง ด้วยความดีและเสียงร้องของสร้อย ทำให้แพนหลงเสน่ห์สร้อยอย่างง่ายดาย และสร้อยก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนเข้ามาเป็นนักร้องหน้าใหม่ของวงสำเร็จ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความอิจฉาของเนื้อ ทิพย์ สร้อยกลายเป็นแรงบันดาลใจให้แพนแต่งเพลงมากมาย และแพนยังบรรจงแต่งเพลงเปิดตัวให้สร้อยในฐานะนักร้องเดี่ยว ส่งผลให้สร้อยโด่งดังในชั่วข้ามคืน หลังจากนั้นไม่นานแพนขอสร้อยแต่งงาน ทำเอาสร้อยถึงกับตะลึง เพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่เหมาะกับแพน เนื่องจากสร้อยเคยมีสามีมาก่อน บังอร(ณหทัย พิจิตรา) เพื่อนรักคนเดียวของสร้อย อยากให้สร้อยได้ดีถ้ามีชีวิตใหม่ จึงยุให้สร้อยตอบตกลงกับแพน และไม่ต้องบอกเรื่องในอดีตให้ใครรู้ งานแต่งงานที่ใหญ่โตของแพนกับสร้อยจึงเกิดขึ้น

สุดแต่ใจจะไขว่คว้า 2551

สุดแต่ใจจะไขว่คว้า (2551/2008) พ่อของพล มีลูก 5 คน แต่รักลูกไม่เท่ากันโดยรักพงษ์พรรษ์ ลูกชายคนโตมากกว่าลูกคนอื่นเพราะพงษ์เรียนเก่งจึงสนับสนุนเต็มที่เพื่อชดเชย ความผิดหวังของตัวเองในอดีตที่อยากเป็นข้าราชการแต่ไม่สมหวัง พ่อตามใจและเข้าข้างพงษ์มากทำให้ในที่สุดพงษ์กลายเป็นคนที่นิสัยไม่ดี ส่วนแม่ส่ง เป็นคนที่คอยช่วยขัดขวางพ่อในทุกเรื่องที่เห็นว่าไม่ยุติธรรมกับลูกคนอื่น พัฒนะ เป็นลูกที่พ่อชังเพราะว่าเรียนไม่เก่งและยังดื้อกับพ่อ หลายครั้งที่พ่อมองข้ามความดีของพัฒ โดยเฉพาะพ่อไม่พอใจอย่างมากที่พัฒไม่เรียนต่อและมาทำอู่ซ่อมรถเพราะมองว่า เป็นอาชีพที่ต่ำต้อยและไม่มีอนาคต แต่พัฒก็ยังทำต่อไปโดยมีแม่สนับสนุน ติดตามต่อได้ใน สุดแต่ใจจะไขว่คว้า

หาบของแม่ 2551

หาบของแม่ (2551/2008) กิมเน้ย (กุณณัฎฐ์ กุลปรียาวัฒน์) เป็นลูกสาวคนเดียวของนายเฉียว (เศรษฐา ศิระฉายา) ชาวประมงชาวจีนกับทองเต็ม สาวไทย หลังจากแม่ของกิมเน้ยคลอดกิมเน้ยแล้วก็เสียชีวิตทำให้นายเฉียวต้องทิ้งอาชีพ ประมงมาหาบปลาทูนึ่งเร่ขาย แม้กิมเน้ยจะขาดแม่แต่ก็เติบโตมาอย่างอบอุ่นเพราะมีครอบครัวของกิมกี (เพ็ญพัตร์ ศิริกุล) รวมทั้งหลุง (พศิน เรืองวุฒ) ลูกชายของกิมกี หลุงหลงรักกิมเน้ยซึ่งเรื่องนี้เฉียวกับกิมกีก็สนับสนุนหวังจะให้เป็นทอง แผ่นเดียวกันในอนาคต ติดตามต่อได้ใน หาบของแม่

ศัตรูคู่ขวัญ 2551

เรื่องย่อ : ศัตรูคู่ขวัญ (2551/2008) “​เมื่อ​ความ​แค้น​ทำ​ให้ปลัดอำ​เภอหนุ่มต้องผูกพันกับ​ไกด์สาว​ถึงขั้น​ให้กำ​เนิดลูกน้อยฝา​แฝด ​และ​ความน่ารัก​ไร้​เดียงสาของ​เด็กน้อย​ทั้งสอง​ก็​ได้นำพา​ความรัก​เข้ามาสู่หัว​ใจของ​ผู้​ให้กำ​เนิด ​ทำ​ให้ศัตรูกลับกลายมา​เป็นคู่รัก​ในที่สุด” ภูมิพงษ์ หนุ่มรูปหล่อ ดี​ใจมาก​เมื่อผลสอบ​เป็นปลัดอำ​เภอผ่านฉลุย ​แม้จะ​ไม่​ได้​เป็นอาชีพที่​ใฝ่ฝัน ​แต่​ก็ยังดีกว่าที่​เขาต้อง​ไป​เรียนปริญญา​โทต่อตามที่มารดาต้อง​การ ​เพราะภูมิพงษ์อยากอยู่​เมือง​ไทยกับ ดาด้า ​แฟนสาวสวยที่​เพิ่งคบหากันมา ​แต่​ไม่ทันที่​เขาจะ​แจ้งข่าว​ให้มารดารู้ ​เมื่อกลับมา​ถึงบ้าน ​ก็พบว่า ม.ร.ว. ​เลขา ​ผู้​เป็น​แม่​เป็นลมพับ​ไป ​เนื่องจาก พล​โทพัฒน์ นายทหารที่​เพิ่ง​เกษียณอายุราช​การ บิดาของ​เขา รับสารภาพว่า​แอบ​เลี้ยงนาง​แบบสาวสวยอ่อนคราวลูก ชื่อ ​เยาวลักษณ์ ​ไว้​เป็นภรรยาอีกคน ภูมิพงษ์​โกรธมาก ​เพราะ ม.ร.ว.​เลขา​เป็น​ผู้หญิงที่​เพียบพร้อม​และ​เป็น​แม่ที่ดีมาตลอด ส่วน พรทิพย์ พี่สาว​ก็ยิ่ง​เรียบร้อยอ่อนหวาน​เหมือนมารดา ​การกระ​ทำของพล​โทพัฒน์​จึง​เท่ากับ​เป็น​การ​ทำร้ายจิต​ใจครอบครัวอย่าง​เลือด​เย็นที่สุด นายพลพัฒน์ หลบหน้าครอบครัว​ไปอยู่ที่บ้านของ​เยาวลักษณ์ ​ซึ่งมีน้องสาวอีกคนชื่อ รสสุคนธ์ รสสุคนธ์​ไม่​เห็นด้วยกับพี่สาวที่ยอม​เป็น​เมียน้อยนายพล​เพื่อ​เห็น​แก่​ความสบาย ​แต่​ก็พูดอะ​ไร​ไม่​ได้มากนัก ​เพราะ​เยาวลักษณ์ช่วยส่ง​เสีย​ให้​เรียนจนจบ ภูมิพงษ์มาตามบิดาที่บ้าน​เยาวลักษณ์​เพราะคุณหญิง​เลขาล้มป่วยลง​เพราะตรอม​ใจ ภูมิพงษ์​เข้า​ใจว่ารสสุคนธ์คือ​เยาวลักษณ์​จึงด่าว่าอย่าง​เสีย ๆ หาย ๆ จนนายพลพัฒน์ต้อง​เข้ามาห้าม​และ​ไล่ภูมิพงษ์ออกจากบ้าน ​ทำ​ให้ภูมิพงษ์​แค้น​ใจมาก รสสุคนธ์หาราย​ได้พิ​เศษด้วย​การ​เป็น​ไกด์ ​ให้กับ บริษัทของ สุพล พี่ชายของ สุทธิดา ​ซึ่ง​เป็น​เพื่อนสนิท สุพลชอบรสสุคนธ์มาก​จึง​ให้​ความช่วย​เหลือมาตลอด ​แต่รสสุคนธ์​เห็นสุพล​เป็น​แค่พี่ชาย​เท่านั้น รสสุคนธ์สอบ​เข้าบรรจุครูที่อุตรดิตถ์​ซึ่ง​เป็นบ้าน​เกิดของตัว​เอง​ได้ ท่านนายพลพัฒน์ ​และ ​เยาวลักษณ์​จึงพารสสุคนธ์​ไป​เลี้ยงส่ง ​แต่กลับ​ไป​เจอกับ ภูมิพงษ์ที่พา​แม่​และพี่สาวมาทานข้าวร้าน​เดียวกัน ​เยาวลักษณ์​จึง​แกล้ง​เอา​ใจนายพลพัฒน์​เต็มที่ ​ทำ​ให้ม.ร.ว.​เลขาทน​ไม่​ได้ ตบหน้า​เยาวลักษณ์ กลางร้านท่ามกลางคนมากมาย ​เยาวลักษณ์​เลยพาตำรวจ​และนักข่าวมาบ้านคุณหญิง​เลขา ​แจ้ง​ความข้อหา​ทำร้ายร่างกาย ​เพื่อหวัง​ให้ชื่อ​เสียงคุณหญิง​เลขา​เสียหาย ​ซึ่ง​ก็​ได้ผล วันรุ่งขึ้นวงสังคม​และหนังสือพิมพ์ซุบซิบ​เรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน คุณหญิงอับอายมากจน​ถึงขั้นช็อคต้อง​เข้า​โรงพยาบาล​และยื่นข้อ​เสนอขอหย่ากับนายพลพัฒน์ ​เยาวลักษณ์สะ​ใจมาก​เมื่อทุกอย่าง​เป็น​ไปอย่างที่วาง​แผน คุณหญิง​เลขามี​เพื่อนสนิทอีกคน คือ สุดจิตต์ ​เป็น​เจ้าของ​ไร่ อยู่ที่ อ.ลับ​แล อุตรดิตถ์ สุดจิตต์มา​เยี่ยม​ไข้​และชวนคุณหญิง​ไปพักผ่อน​เพื่อสงบจิต​ใจ ภูมิพงษ์​เห็นดีด้วย​และถือ​โอกาสบอกว่าตัว​เองสอบ​ได้ปลัดอำ​เภอ​และจะ​ไปบรรจุที่นั้น​เช่นกัน วัน​เดินทางมา​ถึง ภูมิพงษ์ตัดสิน​ใจ​ให้คุณหญิง​เดินทางด้วยรถ​ไฟ ​เพื่อ​เป็น​การ​เปลี่ยนบรรยากาศ ​แต่​ก็ต้องตก​ใจ ​เมื่อ​เห็นรสสุคนธ์อยู่​ในขบวนด้วย ภูมิพงษ์​เพิ่งรู้ว่า รสสุคนธ์กำลังจะ​ไป​เป็นครูที่อำ​เภอ​เดียวกับ​เค้า ​จึงตัดสิน​ใจอย่าง​เด็ดขาดว่าต่อ​ไปนี้จะ​แก้​แค้น​เยาวลักษณ์​และรสสุคนธ์​ให้รู้จัก​ความอับอาย​และ​เจ็บปวดบ้าง ! ภูมิพงษ์​แอบข​โมยกระ​เป๋าของรสสุคนธ์ รสสุคนธ์ตก​ใจมากที่กระ​เป๋าหาย​ไป​เพราะข้าง​ในมี​เงินที่​เยาวลักษณ์ฝากมา​ให้มารดา​เพื่อ​ใช้หนี้​และหนังสือรายงานตัว ภูมิพงษ์​ได้ที ​จึงต่อรอง​ให้รสสุคนธ์มา​เอากระ​เป๋าที่กระท่อมท้าย​ไร่​และปล้ำจูบรสสุคนธ์ ​แต่รสสุคนธ์ คว้ากระถางตีหัวภูมิพงษ์จนบาด​เจ็บ รสสุคนธ์ตก​ใจมาก พาภูมิพงษ์​ไปหาหมอที่สถานีอนามัย ​จึง​ได้พบกับหมอวุฒิ หมอสูติที่​เพิ่งย้ายมาประจำที่อุตรดิตถ์ หมอวุฒิดี​ใจมากที่พบภูมิพงษ์​เพราะ​ทั้งสอง​เป็น​เพื่อนกัน จากนั้นภูมิพงษ์​ก็​เปลี่ยน​แผน​ใหม่ ​โดย​ทำ​เป็นหลงรัก​และคอยตามจีบรสสุคนธ์ด้วย​ความจริง​ใจ ​แต่รสสุคนธ์พยายาม​ใจ​แข็ง​ไม่​เล่นด้วย ภูมิพงษ์​จึง​แสร้งหาย​ไปจากบ้านพัก ​โดยทิ้งจดหมาย​เล่าว่าตน​เป็นมะ​เร็ง​ในสมองขั้นสุดท้าย ​แต่​ไม่มี​ใครรู้ ​เมื่อถูกรสสุคนธ์ตีหัว​โรค​จึงกำ​เริบ รสสุคนธ์หลงกลตามภูมิพงษ์ ​ไป​ถึงกระท่อมชิง​เขา ​และที่นั่น รสสุคนธ์​ก็ตก​เป็นของภูมิพงษ์ ฝ่ายดาด้า​แฟนสาวภูมิพงษ์​เมื่อ​เห็น​แฟนหนุ่มขาด​การติดต่อ​ก็ตัดสิน​ใจ​เดินทางมาอยู่​เฝ้าภูมิพงษ์ ประจวบกับที่รสสุคนธ์ตั้งท้อง​และต้อง​การบอกภูมิพงษ์ ​แต่​ก็​เห็นภาพบาดตาระหว่างภูมิพงษ์กับดาดา​เสียก่อน ​จึงตัดสิน​ใจ​ไม่บอก รสสุคนธ์​เริ่มมีอา​การ​แพ้ท้อง ​เป็นลมบ่อยๆ ​เรื่อง​การตั้งท้องของรสสุคนธ์​แพร่​ไปทั่ว​เมือง ภูมิพงษ์พยายามคาดคั้นรสสุคนธ์ว่า ​เด็ก​ในท้อง​เป็นลูก​เขา​หรือ​ไม่ ​แต่รสสุคนธ์ยืนยันว่า​ไม่​ใช่ ดาด้าสัง​เกต​เห็นท่าที​เฉยชาของภูมิพงษ์​จึงรีบชวนภูมิพงษ์​ไป​เรียนต่อ จังหวะ​เดียวกันกับที่สุพล มา​เยี่ยมรสสุคนธ์​และรับรู้​ถึงปัญหา ​เขาตัดสิน​ใจรับ​เป็นพ่อ​เด็ก​ในท้อง​ให้รสสุคนธ์ ​ทำ​ให้ภูมิพงษ์ตัดสิน​ใจ​ไปต่างประ​เทศกับดาด้า วัน​แต่งงานสุพลกับรสสุคนธ์สุพล​โดน​เรียกตัวกลับกรุง​เทพกะทันหัน ระหว่างทาง​เกิดอุบัติ​เหตุรถคว่ำตาย​ในคืนนั้น​เอง รสสุคนธ์คลอดลูกออกมา​เป็นลูก​แฝดชายหญิง ชื่อ หนูนากับปลากัด รสสุคนธ์กัดฟัน​เลี้ยงครอบครัว​เพียงลำพังด้วย​ความลำบากกับ​เงิน​เดือนครู​เพียงน้อยนิด ​โชคดีที่​ได้หมอวุฒิ คอยช่วย​เหลือ ​เพราะหมอ​เอง​ก็​เริ่มรู้สึกรักรสสุคนธ์ ​เยาวลักษณ์จับ​ได้ว่านายพลพัฒน์มี​เมียน้อยคน​ใหม่อีกคนที่สาวกว่าตัว​เอง นายพล​ก็ยัง​ไม่ยอมหย่ากับคุณหญิง​เลขา ​เยาวลักษณ์บุก​ไปตบ​เมียน้อยคน​ใหม่​ถึงบ้าน ​เยาวลักษณ์ยิงนายพลพัฒน์ จนบาด​เจ็บ ​และหนีหาย​ไป 5 ปีผ่าน​ไป ……. ภูมิพงษ์​แต่งงานกับดาด้า​แต่ยัง​ไม่มีลูก​เพราะดาด้า​ไม่สามารถมีลูก​ได้ ภูมิพงษ์กลับมา​เมือง​ไทย ​ไป​เยี่ยมสุดจิตต์ที่​ไร่ ​ทำ​ให้​เจอกับ​เด็ก​แฝดหนูนากับปลากัด ที่มักจะมา​เล่นที่​ไร่ของสุดจิตต์บ่อย ๆ สุดจิตต์​เอง​ก็​เอ็นดู​เด็ก​ทั้งสองมาก ​เพราะรู้จากสนคนงาน​ใน​ไร่ว่าภูมิพงษ์​เคย​แอบนัดพบรสสุคนธ์ที่กระท่อมท้าย​ไร่ สงสัยว่า​เด็ก​ทั้งสองน่าจะ​เป็นลูกของภูมิพงษ์ ภูมิพงษ์รู้สึกถูกชะตากับหนูนา​และปลากัดมากจน​เริ่มสงสัยว่า​เด็กจะ​เป็นลูกของตน ส่วนรสสุคนธ์ยัง​เจ็บปวดกับสิ่งที่ภูมิพงษ์​ทำ​จึงหนีห่างอยู่​เสมอ​และสั่งห้ามลูก​ไม่​ให้​เข้า​ใกล้ภูมิพงษ์อีก ​ถึงอย่างนั้นภูมิพงษ์​ก็ยังพยายาม​เข้ามา​ใกล้ชิดกับรสสุคนธ์​และ​เด็ก​ทั้งสองอยู่​เสมอ รสสุคนธ์​เกิดปวดท้องอย่างกะทันหัน ​แม่​และยาย​ไม่อยู่บ้าน หนูนากับปลากัด​จึง​ไปตามภูมิพงษ์มาช่วยพารสสุคนธ์​ไป​โรงพยาบาล ปรากฎว่า​เป็น​ไส้ติ่งอัก​เสบ ภูมิพงษ์​เฝ้ารสสุคนธ์​ทั้งคืน ดาด้า​โกรธมากตามมาต่อว่าที่​โรงพยาบาล รสสุคนธ์​โม​โห​จึงออกจาก​โรงพยาบาลกลับบ้าน​ทั้งที่ยัง​ไม่หายดี ภูมิพงษ์ยิ่ง​แสดง​ความ​เป็นห่วงรสสุคนธ์จนออกนอกหน้า ดาด้าทน​ไม่​ไหว​เค้นถามภูมิพงษ์​เรื่อง​ความสัมพันธ์กับรสสุคนธ์ ภูมิพงษ์สารภาพว่า​เคยมีอะ​ไรกับรสสุคนธ์จริง​และสงสัยว่า​เด็กสองคนจะ​เป็นลูกของ​เขา ดาด้าช็อค หมอวุฒิ ตัดสิน​ใจบอกวัน​เวลาที่ รสสุคนธ์คลอด​ทำ​ให้ภูมิพงษ์ข​โมยตัว​เด็ก​ทั้งสอง​ไปตรวจดี​เอน​เอที่กรุง​เทพฯ ​และกำชับ​ไม่​ให้​เด็กบอกรสสุคนธ์ ผลออกมาว่าภูมิพงษ์​เป็นพ่อ​เด็ก ภูมิพงษ์รีบกลับ​ไปบอก​ความจริง​ให้คุณหญิง​เลขารู้ คุณหญิงตื่น​เต้นมากที่มีหลาน ​แต่​ก็ยัง​แค้นรสสุคนธ์อยู่ ​จึง​แนะนำ​ให้ดาด้าขอซื้อปลากัด​และหนูนา ​แต่รสสุคนธ์​ไม่ยอม ดาด้าขู่ว่าจะฟ้องศาล​เพราะศาลย่อมต้อง​ให้​เด็กอยู่กับพ่อ​เพราะ​แม่อย่างรสสุคนธ์​ไม่มีปัญญา​เลี้ยงดูลูก​ให้​การศึกษาที่ดี​ได้ รสสุคนธ์ตัดสิน​ใจพา ปลากัด ​และหนูนาหนี​ไป ภูมิพงษ์คลั่ง​เมื่อลูก​และ​เมียหาย​ไป ​เที่ยวออกตามหากับหมอวุฒิ จน​ในที่สุด​ก็สืบรู้ว่ารสสุคนธ์พาลูกหนีมาอยู่กับสุทธิดาที่กรุง​เทพ ดาด้า​โกรธมากที่ภูมิพงษ์​ไม่ยอม​เลิกยุ่งกับรสสุคนธ์​และลูก​เสียที ​จึงจ้าง​ให้คนจับตัวหนูนากับปลากัด​ให้​แ​ก็งค์ค้า​เด็ก ​เหตุ​การณ์​ทั้งหมด​ทำ​ให้ภูมิพงษ์สงสารรสสุคนธ์ยิ่งขึ้น สองคนช่วยกันออกตามหาลูกทุกทาง ภูมิพงษ์​ให้​เพื่อนที่​เป็นตำรวจช่วยอีก​แรง ​เยาวลักษณ์หลังจากหนีคดี ​ก็​ได้​เปลี่ยนชื่อ​เป็น​เจ๊​เยาว์ ​ทำงานค้า​ทั้ง​ผู้หญิง​และ​เด็กหนูนากับปลากัดถูกพามาขายต่อ​ให้​เยาวลักษณ์ ​เด็ก​ทั้งสองบอกว่าตน​เป็นลูกรสสุคนธ์ ​เยาวลักษณ์ตะลึงที่พบหลานอย่าง​ไม่คาดฝัน ​จึงตัดสิน​ใจพาหลานกลับ​ไปส่ง ​แต่​ก็ถูกมา​เฟียที่ร่วม​แ​ก็งค์ขัดขวาง​ไล่ล่า ​แต่​ในที่สุด​เยาวลักษณ์​ก็พาหลานมา​ถึงมือตำรวจ ก่อนสิ้น​ใจ​เยาวลักษณ์​ได้บอกกับตำรวจว่าดาด้า​เป็นคน​เอา​เด็ก​ทั้งสองมาขาย ดาด้า​เข้าตาจน จับตัวรสสุคนธ์​แล้วหนีตำรวจ​ไป ​แต่​ก็​ไม่รอด ดาด้า​โดนตำรวจจับ ถูกพิพากษาจำคุก รสสุคนธ์​และภูมิพงษ์ ​เพิ่งรู้ว่าหัว​ใจของตัว​เอง​ได้​แปร​เปลี่ยนจากศัตรูคู่​แค้น​เป็น​ความรัก​ไป​แล้ว …ภูมิพงษ์ขอรสสุคนธ์​แต่งงานอีกครั้ง ​เขาพารสสุคนธ์​และหลาน​ไปกราบนายพลพัฒน์ที่กลาย​เป็นชายชราที่มี​แต่​โรครุม​เร้า ด้วย​ความน่ารักของหลานย่า ​ทำ​ให้คุณหญิง​เลขา​ใจอ่อนตัดสิน​ใจ​ให้อภัยรสสุคนธ์​และ สามี ครอบครัวของภูมิพงษ์ กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง

วิมานมังกร 2551

วิมานมังกร (2551/2008) ลัลล่า สาวสวยทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูลชุน กลับมาบ้านครั้งแรก หลังจากแม่พาไปซ่อนตัวที่แคนาดา เพราะพ่อถูกฆ่าตายอย่างไร้ร่องรอย ที่เมืองไทย ลัลล่าได้พบกับ พินธุ ชายหนุ่มที่คอยช่วยเหลือเธอให้รอดจากอุบัติเหตุหลายครั้ง ทั้งคู่ถูกชะตากันและกัน จนกระทั่ง เสี่ยสาม ผู้เป็นอา พาลัลล่าเข้ามากราบ อาม่า ความริษยาเกิดขึ้นทันที เมื่อ จึงลิ้ม ได้พบพี่สาวต่างมารดา ในวันแซยิด อาม่า ให้สร้อยไข่มุก ลัลล่า จึงลิ้ม กระชากสร้อยออกจากคอพี่สาว และยังมีเหตุการณ์ ซ้อสี่ ถูกปองร้ายจนตกบันได ลัลล่ายิ่งเบื่อหน่ายการแย่งชิงมรดกเลือดของตระกูล ก่อนจะกลับแวนคูเวอร์ ลัลล่าแวะดำน้ำ แต่อากาศในถังหมด พินธุ มาช่วยแบ่งอากาศหายใจ และพาลัลล่าขึ้นผืนน้ำอย่างปลอดภัย เงามืดที่กระหายมรดกเลือดยังตามวนเวียนปองร้ายลัลล่า ลำภู แม่ลัลล่าโดนจับ ลัลล่าช่วยชีวิตแม่ไว้ไม่ได้ เธอหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เมืองไทย ยกเว้นพินธุคนที่รักจริงใจกับเธอ พินธุ ขอ ลัลล่าแต่งงาน ลัลล่าตอบตกลงท่ามกลางเสียงคัดค้านจากตระกูลชุน ลัลล่ากับพินธุไม่สนใจ แถมยังรับ ลมเพ ลมพัด สองเด็กน้อยกำพร้าจากเหตุการณ์สึนามิมาเป็นลูกบุญธรรม ลัลล่าตัดสินใจอยู่เมืองไทยต่อเพื่อเลี้ยงเด็กทั้งสอง และร่วมชีวิตกับพินธุ ปี่ โป้ย ญาติผู้น้องชอบอัธยาศัยลัลล่า จึงขอเสี่ยสอง และเสียสี่ ชวนลัลล่าให้ช่วยงานในตระกูล ลัลล่าตอบตกลง เพราะกำลังคิดเรื่องตามหากระดูกพ่อ เพื่อมาทำพิธีที่ฮวงซุ้ยภูเขาไข่มุกตามประเพณี แต่เกิดอุบัติเหตุเอาชีวิตลัลล่าหลายครั้ง พินธุรบเร้าให้ลัลล่าไปอยู่เมืองนอก ลัลล่าไม่ไป เพราะพบเงื่อนงำการโกงในบริษัท จึงลิ้มเองก็คอยตีสองหน้าแอบมาหาพินธุลับหลังลัลล่าบ่อยๆ ทั้งๆ ที่มี เฮง คนขับรถเป็นสามีลับๆ เสี่ยสาม ผู้เป็นลุงออกปากทักท้วง แต่ ลัลล่า ไม่หยุดค้นหาคำตอบเรื่องการตายของพ่อ วันหนึ่ง เสี่ยสองถูกจับตัวไป ความโกลาหลเกิดขึ้นในตระกูล พร้อมกับความจริงที่เปิดเผยว่า พินธุ คือมือปืนที่รับใช้ใครคนหนึ่ง เพื่อปลิดชีวิตแม่และลัลล่า ลัลล่า เสียใจมากที่รักคนผิด พินธุ หวานอมขมกลืน เพราะเขาคือมือปืนที่ถูกส่งมากำจัดลัลล่า แต่เพราะความรัก เขาถึงลงมือไม่ได้ ลัลล่าขอหย่าแต่พินธุไม่ยอมเพราะรู้ว่าคนรักยังอยู่ในอันตราย พินธุสืบจนพบคนบงการฆ่าพี่น้องทั้งหมดในตระกูลว่าเป็น เสี่ยสาม ลัลล่า ไม่เชื่อ เพราะเสี่ยสามฉาบหน้าด้วยความเป็นผู้ใหญ่ใจดี แม้กระทั่ง เอ็ดดี้ สิบ ก็ยังหลงเชื่อร่วมมือกำจัดญาติๆ โดยไม่รู้ว่าถูกเสี่ยสามหลอกใช้ พินธุ หาทางกระชากหน้ากากเสี่ยสาม เสี่ยสามใช้จึงลิ้มให้ทำลายครอบครัวลัลล่า อีกทาง แต่อีกปัญหาที่ทำให้ความรักของ พินธุ กับลัลล่าสั่นคลอน คือ ปานใจ เมียเก่าของพินธุที่ตามมาใกล้ชิด พินธุแก้ปัญหาไม่ตก ต้องพึ่งคำแนะนำ จาก พันธมิตร อาที่คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือทุกทาง ลัลล่าตั้งท้อง พินธุทั้งดีใจและขมขื่น เพราะลัลล่าไม่ต้องการให้พินธุเข้าใกล้ลูก เฮง ถูกใช้ให้ขับรถชนลัลล่า พินธุมาช่วยไว้แต่ไม่ทัน ลัลล่าแท้ง พินธุคอยดูแลลัลล่าที่บอบช้ำทั้งกายและใจไม่ห่าง ทั้งๆ ที่ ลัลล่าย้ำว่าไม่ต้องการเขา อาม่าตั้งใจจะรวบรวมญาติทุกคนให้ได้อีกครั้งในวันเกิด อาโหล ลูกชายคนสุดท้าย พินธุ วางแผนกระชากหน้ากากคนดีของเสี่ยสาม ทุกคนตะลึงกับเรื่องที่เสี่ยสามฆ่าพี่น้อง ยกเว้นลัลล่าคิดว่าพินธุทำเพื่อให้ตนเองพ้นผิด จึงลิ้มแสร้งทำดีตอกย้ำให้ลัลล่าระแวงพินธุ ลัลล่าตั้งท้องอีกครั้ง และมีความหวังที่จะได้ร้องเพลงกล่อมลูก ในขณะที่อาม่าจำได้ว่าในบรรดาลูกทั้งหมด เสี่ยสามเป็นคนเดียวที่อาม่าไม่เคยกอด และร้องเพลงกล่อมเลยจึงลิ้มถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะเรื่องได้เสียกับ เฮง ทั้งคู่ลำบากแสนสาหัส เพราะ จึงลิ้มตั้งท้อง วันคลอด จึงลิ้มขโมยลูกชาย ลัลล่าไป เพราะไม่อยากให้ลัลล่าได้ร้องเพลงกล่อมลูก พินธุกับลัลล่ากลับมาเป็นกำลังใจให้กันอีกครั้งระหว่างตามหาลูกน้อย ขณะที่เสี่ยสามย้อนกลับมาเพื่อทำลายทุกคน พินธุหาทางปกป้องคนรักจากเสี่ยสาม แต่ลัลล่ายังเชื่อมั่นในสายเลือด ทำให้เสี่ยสามกับจึงลิ้มมีโอกาสเข้าใกล้และฆ่าลัลล่าได้ทุกขณะ ความหวังของลัลล่า ไข่มุกเม็ดงามของตระกูลที่จะไขปริศนาการตายของพี่น้องร่วมสายเลือด และทำให้ร่างของพ่อได้กลับคืนสู่ ณ ภูเขา ที่เป็นดั่งวิมานมังกรสำเร็จลงหรือไม่

เปลือกเสน่หา (2550/2007) ครอบครัวนรเศรษฐเศรณี เป็นตระกูลเก่าที่ฐานะมั่งคั่ง ปัจจุบันเหลือเพียง 3 พี่น้องคือ พญ.พลิศา ( หมอป่าน ) พี่สาวคนโต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง แถมยังรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลนรเศรษฐเศรณี ธุรกิจมูลค่ามหาศาลของครอบครัว น้องสาว ปาฏลี ( ปิ่น ) มีนิสัยดื้อรั้น รักสนุก ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่ทันจบก็หันไปเข้าวงการนางแบบ แม้ว่าปิ่นจะประสบความสำเร็จเป็นนางแบบชื่อดัง แต่ป่านก็ไม่ชอบทั้งคู่เลยทะเลาะกันบ่อยๆ จนปิ่นขอแยกออกไปอยู่คอนโด ส่วน ลวิตร ( หมอปุ่น ) น้องชายคนสุดท้องที่แสนดี เชื่อฟังพี่สาวทุกอย่าง นอกจากนี้ปุ่นยังเป็นความหวังที่จะมาช่วยบริหารโรงพยาบาลต่อไป เพราะปุ่นเพิ่งเรียบจบแพทย์กำลังจะกลับมาเมืองไทยเดือนหน้า เพราะจะพาแฟนสาวไปเที่ยวพักผ่อนหลังเรียนจบก่อน แต่จู่ๆ ป่านก็ได้รับข่าวว่าปุ่นโดนรถชนที่สนามบิน ปุ่นอยู่ในสภาพยับเยินทั้งกายและใจ สาเหตุเพราะก่อนเดินทางกลับมา ปุ่นทะเลาะกับ เรณุกา ( อุ๋ม ) แฟนสาวที่ไปเรียนศิลปะที่นั่นด้วยกัน ต้นเหตุมาจากชายแปลกหน้าที่อุ๋มได้พบในงานแสดงภาพเขียนของเธอ ทั้งสองได้รู้จักกันและเกิดความสนิทสนมอย่างรวดเร็ว ปุ่นออกอาการหึงหวงจนอุ๋มไม่พอใจ ทั้งคู่เลยทะเลาะกันจนทำให้อุ๋มปฏิเสธจะไปเที่ยวกับเขา และบอกจะกลับเมืองไทยทันที ปุ่นเลยตามมาง้ออุ๋มที่สนามบินเพื่อหวังจะให้อุ๋มคืนดี แต่กลับมาเกิดอุบัติเหตุโดนรถชน

เหตุเกิดในครอบครัว 2550

เหตุเกิดในครอบครัว (2550/2007) สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า) นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้ หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า? ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้ น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...

ดั่งดวงตะวัน 2550

ดั่งดวงตะวัน (2550/2007) ในยุคสมัยพ.ศ.2518 เป็นยุครุ่งเรืองของการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตร จากโรงเรียนชายอันเกรียงไกร 4 โรงเรียน นำทัพโดยหนุ่ม สุดหล่อ เท่ โด่งดังที่สุดในรุ่น 4 คนคือ หิน อ๊อด แก้ว และธง สาวๆ เรียกพวกเขาทั้ง 4 ว่า จตุรเทพ และจากการแข่งขันฟุตบอลนี้ ทำให้ทั้ง 4 คน ได้รู้จักจนกลายเป็นเพื่อนรัก จวบจนกลายเป็นหนุ่มใหญ่ในปัจจุบัน หิน จอมเกเร ภายหลังเรียนจบเข้ารับราชการเป็นตำรวจ แต่ด้วยความประพฤตินอกคอก เลือดร้อน ชอบลุยจับโจรมือเปล่า ทำให้ได้เป็นแค่จ่า จ่าหินมีลูกชาย ชื่อดิน เข้ารับราชการเป็นตำรวจเหมือนจ่าดิน แต่นิสัยแต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้เลื่อนขั้นเป็นหมวดในเวลาไม่นาน ติดตามต่อได้ใน ดั่งดวงตะวัน

แรมพิศวาส 2550

แรมพิศวาส (2550/2007) ช่วงรัชกาลที่ 8 ราวพุทธศักราช 2485 พจน์ศิรินทร์ คหบดีใหญ่เจ้าของบ้านเดือนเต็มดวง แห่งนครปฐม มีภรรยาคือ คุณเพ็ญจันทร์ ทั้งคู่รักกันมาก แต่พอ ประพืด บ่าวคนสนิทพามาเจอ กลีบผกา แม่ค้าขายขนมแสนสวย ทำให้คุณพจน์หมดรักเพ็ญจันทร์ทันที เพราะความทะเยอทะยานอยากสบาย กลีบผกาจึงให้ ยายอุ่น แม่หมอพื้นบ้านทำยาเสน่ห์ใส่คุณพจน์จนหลงหัวปักหัวปำ และวางยาเบื่อกำจัด นายหมาย สามีของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มีลูกชายด้วยกันคือ นบ โชคดีที่เพ็ญจันทร์ผ่านมาเห็น จึงตามหมอชาวบ้านมาช่วยชีวิตนายหมายไว้ได้ทัน ทำให้นายหมายสำนึกบุญคุณของเพ็ญจันทร์เสมอมา เมื่อกลีบผกาเข้ามาอยู่ในบ้านคุณพจน์สำเร็จ ไม่เพียงแต่สร้างความชอกช้ำใจให้เพ็ญจันทร์ ซ้ำร้ายยังใส่ความว่าคบชู้สู่ชายกับ นายหมาย คุณพจน์เลยขับไล่เพ็ญจันทร์ให้ไปอยู่กับ ย่าเยื้อน แม่นมของเพ็ญจันทร์ที่เรือนบ่าวทั้ง ๆ ที่กำลังตั้งท้องอยู่ ทำให้เพ็ญจันทร์ต้องอยู่อย่างทุกข์ยากลำบาก จนคลอดลูกสาวชื่อว่า เดือนแรม กลีบผกากลับไปรับ นบ มาอยู่ด้วย โดยอ้างว่าเป็นหลานห่าง ๆ คุณพจน์จึงดูแลนบเหมือนลูกหลาน ส่งเสียให้เรียนโรงเรียนกฎหมาย ส่วนตัวนบเองก็คิดว่ากลีบผกาคือน้าจริง ๆ เพราะถูกสอนให้เรียกน้ามาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งคุณพจน์พากลีบผกาไปเที่ยวหัวหิน แต่ขากลับเกิดประสบอุบัติเหตุ ทำให้คุณพจน์ไม่สามารถมีลูกได้อีกเลย กลีบผกา จึงวางยาฆ่าปิดปากหมอเกริกเกรียงไกร ที่รักษาคุณพจน์ เพราะรู้ว่า คุณนายเรไร แม่ของคุณพจน์อยากได้หลานชายสืบสกุล และสมบัติทั้งหมดต้องตกทอดที่หลานชายเท่านั้น กลีบผกาเฝ้าปรนนิบัติคุณพจน์เป็นอย่างดี โดยไม่มีใครรู้ว่ากลีบผกากำลังวางยาให้คุณพจน์ตายลงอย่างช้า ๆ เพื่อครอบครองสมบัติทั้งหมดเอง แต่เนื่องจากกลีบผกายังไม่มีลูกชายสืบสกุลสักที จึงแอบลักลอบเป็นชู้กับประพืด จนมีลูกสาวให้คุณพจน์คนแรกคือ แน่งน้อย แต่เพราะอยากได้ลูกผู้ชายมากกว่า กลีบผกาจึงลักลอบคบชู้กับ นายลอย คนสวนที่เข้ามาอยู่ใหม่ จนมีลูกสาวด้วยกันชื่อ หนึ่งฤทัย โดยกลีบผกากลัวประพืดจะเปิดโปงความจริงจึงสั่งให้นายลอยไปดักฆ่า โชคดีที่นายหมายผ่านมาช่วยประพืดไว้ซะก่อน ทางด้านกลีบผกายังอยากได้ลูกชายมาก จึงยอมเสี่ยงที่จะมีลูกกับนายหมายอีกครั้ง โดยให้แหวนเป็นของกำนัล ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จ เธอได้ลูกชายสมใจจึงตั้งชื่อว่า มาโปรด เมื่อเดือนแรมเริ่มรู้ความ และได้รับการถ่ายทอดวิชาจับเส้นกับการนวดมาจากย่าเยื้อน เดือนแรมจึงมีฝีมือด้านการนวดมาก และมักไปนวดให้กับคุณนายเรไรเสมอ ทำให้คุณนายเรไรเอ็นดูเดือนแรมทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเดือนแรมเป็นหลานแท้ ๆ ของตนเพียงคนเดียว เวลาล่วงเลยไปหลายปียาพิษที่กลีบผกาให้คุณพจน์กินทุกวัน เริ่มสะสมจนคุณพจน์มีอาการคล้ายจะเป็นอัมพาต เดือนแรมเห็นเข้าจึงแอบมานวดให้คุณพจน์เป็นประจำจนอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กลีบผกาไม่พอใจมาก จึงสั่งให้หนึ่งฤทัยคอยกลั่นแกล้งเดือนแรมอยู่เสมอ วันหนึ่งนบได้พบกับนายหมายผู้เป็นพ่อแท้ ๆ แต่เขากลับจำไม่ได้ นายหมายเองก็ไม่กล้าบอกความจริง แต่นายหมายยังแอบมาพบนบบ่อย ๆ พร้อมทั้งสอนวิชามวยไทยให้ กระทั่งเดือนแรมได้ยินข่าวลือจากพวกบ่าวว่านบอาจจะเป็นลูกแท้ ๆ ของกลีบผกากับนายหมาย จึงรีบไปบอกนบ ทำให้นบโกรธมาก หนึ่งฤทัยเห็นนบเริ่มเหินห่างกับเดือนแรมเลยให้ ธำรง เพื่อนชายที่มาติดพันตัวเองอยู่หาทางกำจัดเพ็ญจันทร์และเดือนแรม โดยแกล้งหลอกว่าจะยอมเอาตัวเข้าแลกเป็นรางวัล แต่เพ็ญจันทร์กับเดือนแรมก็แคล้วคลาดมาได้ เพราะนบช่วยไว้ทัน ทำให้นบได้มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกับเดือนแรม ทั้งคู่จึงรู้ว่าต่างมีใจให้กัน และเมื่อธำรงมาทวงสัญญากับหนึ่งฤทัย แต่หนึ่งฤทัยกลับบ่ายเบี่ยง ธำรงโมโหจึงปลุกปล้ำหนึ่งฤทัย เจิม บ่าวคนสนิทของกลีบผกามาเห็นเข้าจึงได้ทีข่มขู่เอาเงิน ด้วยความโมโหหนึ่งฤทัยเลยพลั้งมือฆ่าเจิมและใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือของเดือนแรม คุณพจน์โกรธมากเลยส่งเดือนแรมเข้าคุก นบพยายามหาทางช่วยเดือนแรมให้พ้นผิด คุณนายเรไรเลยเข้ามาเป็นพยานให้จนเดือนแรมหลุดคดี ทุกชีวิตในบ้านของคุณพจน์ดูมีแต่ความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งคุณพจน์ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนและต้องการเลือดเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีลูกคนไหนของกลีบผกาที่มีกรุ๊ปเลือดตรงกับคุณพจน์ นอกจากเดือนแรมที่คุณพจน์เข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นลูกชู้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นายหมายรู้ความจริงว่ามาโปรดเป็นลูกชายอีกคนของตน กลีบผกาจึงสั่งให้นายลอยไปฆ่าปิดปาก โชคดีที่นบกับสุภาพชายเข้ามาช่วยไว้ได้จึงรีบนำตัวนายหมายส่งโรงพยาบาล เพราะนายหมายเสียเลือดมาก นบจึงอาสาที่จะให้เลือดนายหมายเอง ทำให้รู้ว่ากรุ๊ปเลือดของนบกับมาโปรดรวมทั้งนายหมายเป็นกรุ๊ปเดียวกัน กลีบผกากลัวความลับทุกอย่างจะถูกเปิดเผย จึงให้ยายอุ่นวางยาเบื่อให้คุณพจน์กิน แต่คุณพจน์รอดมาได้ กลีบผกาจึงให้นายลอยฆ่ายายอุ่นเพื่อปิดปากเรื่องราวทุกอย่าง เรื่องราวจะลงเอยอย่างไรติดตามในละคร แรมพิศวาส

ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ 2550

ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ (2550/2007) คุณหญิง ดารา สุริยกานต์ หอบลูกชาย ด.ช.ปรมี ไปอยู่ออสเตรเลีย หลังจาก ม.ล.ปารมี คว้า เสลา สาวใช้มาเป็นเมียน้อย พอคุณหญิงหนีไป เสลา จึงขึ้นเป็นใหญ่ในบ้านและเปลี่ยนชื่อเป็น เนตรเสลา แต่ไม่มีทายาท จึงขอ ด.ญ.นัยน์นภา หรือ แนน มาเป็นบุตรบุญธรรม จน ปารมี ถึงแก่อนิจกรรม เวลาล่วงไปนับสิบปี ปรมี กลับมาในฐานะนักธุรกิจใหญ่ในชื่อ พอล เพื่อทวงทุกสิ่งที่เป็นของเขากลับคืนจาก เนตรเสลา ผู้กุมบังเหียนบริษัทจิวเวลรี่ยักษ์คราวน์ไดม่อน ซึ่งสภาวะการเงินย่ำแย่เพราะ เนตรเสลา ยักยอกไปเล่นการพนัน ปรมี จึงขอยืมเงินจาก มร.เดสมันต์ พ่อเลี้ยง เพื่อเข้าไปเป็นหุ้นส่วน เนตรเสลา หลงใหลความหล่อของ พอล จึงทำให้ สิงขร เลขาฯ ชู้รักลับๆไม่พอใจ ปรมี ได้พบแนนขณะเดินแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร พอลใ้ช้วิธีก้าวเข้ามาโดยมีแผนว่าจะเป็นหุ้นส่วนกับเนตรเสลา แต่สร้างความลำบากให้กับแนนมาก ทั้งเรื่อง ขายสร้อยเพชร ที่ขอยืมมาจากที่อื่น และเมื่อเนตรเสลานำเพชรที่จะไปทำสร้อยให้กับคุณหญิงอรอุษาไปใช้หนี้การพนัน และนำโมอิสไปทำขายแทน เมื่อแนนตรวจพบและบอกความจริงนั้น ทำให้เนตรเสลาโกรธมาก เนตรเสลา จะยกแนนให้ สิงขร แต่ ปรมี ตามมาช่วยทัน และเมื่อเนตรเสลา เพิ่งรู้ตัวว่า ปรมี หรือ พอล ประธานบริษัทคนใหม่คือผู้อยู่เบื้องหลังการหลอกลวง หล่อนจึงจับตัวทั้งคู่ไป แต่พลาดยิงไปถูกสิงขรเสียชีวิต เนตรเสลามีอาการเส้นเลือดในสมองแตก จนป่วยเป็นคนพิการ ปรมี แต่งงานกับ นัยน์นภา ในที่สุด

หัวใจทระนง (2549/2006) เมื่อรู้ รัก ก็ต้องรู้ อภัย นี่คือหัวใจของลูกผู้หญิงที่แสนทระนง เกือบเดือนแล้วที่ ชลาธร ดีเจสาวตัดสินใจยุติชีวิตคู่ของเธอกับ อติพัทธ์ บ.ก. หนังสือพิมพ์ชื่อดังทั้งที่อยู่กันมาถึง 9 ปี ชลาธรพาฟ้าลูกสาววัย 7 ขวบ ออกจากบ้านของสามีกลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง เหตุผลใหญ่คือปมในใจของชลาธรเองย้อนไปสมัยที่พ่อและแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอรู้สึกว่าพ่อของเธอมักแสดงท่าทีก้าวร้าว ข่มเหงแม่ของเธออยู่เสมอจนกระทั่งแม่ต้องตายเพราะความตรอมใจ เธอปักใจว่าแม่ตายเพราะพ่อ สิ่งนี้เองที่ทำให้ชลาธร ไม่ยอมลงให้อติพัทธ์ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงเธอเด็ดขาด จนมาถึงจุดแตกหักที่คำว่า ลูกก็ไม่อาจยึดเหนี่ยวชีวิตคู่หของทั้ง 2 ไว้ได้ การแยกทาง ของชลาธรและอติพัทธ์ ทำให้ลูกสาวคนเดียวเริ่มมีปัญหาที่โรงเรียน วีวิน พระเอกหนุ่ม รูปหล่อ พ่อรวย รู้จักชลาธรมาตั้งแต่ทั้ง 2 เรียนอยู่ที่ อังกฤษ ความสนิทสนมทำให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนต่างคาดกันว่าเรียนจบแล้วทั้ง 2 คนจะแต่งงานกัน แต่ผิดคาดชลาธรไม่เคยรักวีวินแบบคู่รักเป็นได้แค่เพื่อนที่รู้ใจกันมากที่ สุด ข่าวพระเอกหนุ่มซับน้ำตาให้ดีเจสาวที่กำลังมีปัญหาครอบครัวจึงถูกตีพิมพ์ทำ ให้อติพัทธ์ถึงกับเต้นและโทรไปต่อว่าชลาธรในข้อหายังไม่ทันหย่า ก็จะหาพ่อใหม่ให้ลูกสาว และด้วยความผิดพลาดของคนควบคุมเครื่อง เสียงทะเลาะกันของคนทั้ง 2 จึงได้ออกอากาศกลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้น อภิรดี นางเอกวัยรุ่นที่มีข่าวว่าชอบพอกับวีวินโทรไปหาเจ้าของคอลัมน์ซุบซิบเพื่อ แก้ข่าวให้วีวินและชลาธร แต่การแก้ข่าว กลับทำให้ เกิดเรื่องใหญ่กลายเป็นรัก 4 เส้า จนวีวินต้องหาทางยุติข่าวลือทั้งหมดโดยจะขอให้อติพัทธ์กลับไปอยู่บ้านกับชลา ธรเป็นการชั่วคราวอติพัทธ์ทำเป็นว่า ไม่ค่อยอยากกลับมาอยู่กับชลาธรสักเท่าไหร่ทั้งๆที่ใจจริงแล้วเขามีความสุข เขาคิดว่าบางทีสิ่งดีๆอาจเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ชลาธรซึ่งไม่เคย ยอม ให้เขาเลยบรรยากาศเก่าๆก็กลับมาอีกครั้ง เพียงขวัญ เลขาที่ชอบพอกับอติพัทธ์ไม่ค่อยพอใจที่อติพัทธ์กลับไปอยู่ร่วมบ้านกับชลาธร แต่การแสดงความไม่พอใจของเพียงขวัญก็เป็นได้แค่เงียบ คุณสมบัติข้อนี้เองที่ทำให้เขาพอใจเธอมาก ชลาธรได้รับการติดต่อจาก วีระวัฒน์ นายทุนเงินหนาให้มาเป็นพิธีกร วีวินรู้ข่าวรีบมาอ้างว่ารู้จักนายวีระวัฒน์ดี เขาเป็นเสือหญิงชื่อดังแต่ ชลาธรไม่ยอมเชื่อ เธอเห็นโอกาสที่จะก้าวหน้าไปแนวทางใหม่ แถมยังเชิญวีวินไปเป็นแขกรับเชิญ. ในเทปแรกของรายการ วีระวัฒน์มีแผนร้ายอย่างวีวินคิดไว้จริงๆ วันหนึ่งรถของชลาธรเสียวีระวัฒน์จึงอาสามาส่งที่บ้าน อติพัทธ์โกรธมากจึงยุให้ลูกสาวมาต่อว่าแม่ ทั้ง 2 คนจึงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง วีวินรู้ว่าชลาธรกำลังมีปัญหาจึงชวนเธอมากองถ่ายแต่อภิรดีก็ตามมาขัดขวาง ทำให้วีวินโกรธ มากโดยไม่ยอมเล่นละครที่มีอภิรดีแสดงเด็ดขาด รายการของ ชลาธรจะต้องเดินทางไปถ่ายที่ฮ่องกงหลายวัน จึงจำใจต้องไปขอให้ อติพัทธ์ช่วยดูแลฟ้าระหว่างที่เธอไม่อยู่ชลาธรทำงานจนล้มป่วยหลับไม่รู้ เรื่องรู้ราว วีระวัฒน์จึงพาตากล้องประจำกองถ่ายมาถ่ายรูปคู่ของเธอกับชลาธร ถึงจะไม่น่าเกลียดแต่ก็ดูออกว่าภาพนั้นเป็นมากกว่าเพื่อน และได้นำภาพที่ถ่ายไปให้กับอติพัทธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น อติพัทธ์โกรธมากจึงต่อยวีระวัฒน์กระเด็นออกมานอกห้องและบอกว่า ผมมั่นใจในตัวเมียของผม ที่สถานีอติพัทธ์ถือกุหลาบ 1 ดอก มายื่นให้กับชลาธร แต่ชลาธรบอกว่าเกลียดดอกกุหลาบ แต่หลังจากเปิดประตูไปที่ห้องจัดรายการก็ตกตะลึงเมื่อเห็นดอกลิลลี่สีขาว เต็มห้องไปหมด อติพัทธ์โอบชลาธรไว้แน่นชลาธรดิ้นขลุกขลักทั้งคู่เสียหลักล้มลงจนมือของอติ พัทธ์เผลอไปโดนเครื่องควบคุมทำให้ เสียงออดอ้อนงอนง้อของอติพัทธ์จึงดังไปทั่งกรุงเทพฯ…’หัวใจทระนง