2547
แจ๋ว (2547/2004) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของบ้านเมือง ที่ดูเหมือนจะเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ไร้การควบคุม เปิดโอกาสให้มีการหาประโยชน์โดยมิชอบได้ง่ายดาย ประเสริฐ (สมชาย ศักดิกุล) อดีตผู้กำกับการกองปราบ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องของความตรง ที่ลาออกจากราชการตำรวจก่อนเวลาเกษียณไม่นาน ได้รับการแต่งตั้งอย่างลับๆ โดยตรงจากนายกรัฐมนตรี ให้มาจัดตั้งและควบคุมหน่วยงานพิเศษ คอยสืบสวนและรวบรวมหลักฐานการสมคบหรือสมรู้ร่วมคิด ในการหาผลประโยชน์จากรัฐบาลโดยมิชอบ ซึ่งหลายกรณี มักจะเกิดจากคนระดับสูงในรัฐบาลนั่นเอง ซึ่งสองปีที่ผ่านมา ประเสริฐได้ช่วยป้องกันและแก้ปัญหาให้บ้านเมือง โดยไม่ออกหน้าได้หลายครั้ง แต่ปฏิบัติการครั้งล่าสุดนี้ ซับซ้อนกว่าที่ใครคาดคิดไว้นัก ระหว่างการดักฟังการพบกันของ สง่า นักการเมืองระดับสูง, โสภณ (เกษียร จารุสมบูรณ์) นักธุรกิจระดับเจ้าสัวและ ชัยสิทธิ์ (พงศนาถ วินศิริ) เจ้าของเครือข่ายสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุด ที่มีข่าวลือหนาหูถึงสายสัมพันธ์ ที่ก่อให้เกิดการผลักดันการเปิดบ่อนเสรี เกิดความผิดพลาด ทำให้ประเสริฐต้องสูญเสียสายลับมือดีไป เพราะรถกำลังเสริมเกิดอุบัติเหตุชนคน ทำให้เข้าไปช่วยคนของเขาไม่ทันเวลา ประเสริฐต้องรับภาระอุปการะ แวว (เบนซ์ - พรชิตา ณ สงขลา) ที่โดนรถหน่วยงานของเขาชนด้วยความสงสาร เนื่องจากเธอเป็นสาวชาวอีสานที่เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานตามบ้าน แต่เพิ่งถูกไล่ออกกำลังจะไปหาพี่สาว แต่ยังไม่ทันถึงไหนก็ถูกรถชนเสียก่อน ประเสริฐซึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาสาวนามว่า สิริขวัญ (รัศมี ทองสิริไพรศรี) ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ก็เลยรับไว้ทำงานบ้านเสียเอง ในงานโชว์เครื่องเพชรคอลเล็คชั่นใหม่ ที่บ้านคุณหญิงไฮโซคนหนึ่ง ดูเหมือนว่า คุณสิริขวัญจะเป็นหญิงสาวที่วงการไฮโซ และนักธุรกิจรุ่นใหม่จับตามอง ด้วยรูปกายและความสามารถ และพากันซุบซิบสงสัยว่า เธอเห็นอะไรดีในตัวประเสริฐ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจแก่ๆ คนหนึ่ง ที่งานนี้เองประเสริฐได้เห็นความสามารถอีกด้านหนึ่ง ของบรรดาคนรับใช้ซึ่งติดตามนายของตนมา แล้วพากันมาชุมนุมเม้าท์แตกกัน โดยเฉพาะจากแวว และ จิ๋ม (จารุภัส ปัทมะศิริ) พี่สาวของแวว นั่นคือความช่างสังเกต สอดรู้สอดเห็น และการได้รับความไว้วางใจให้ถือกุญแจ และเข้านอกออกในได้ทุกพื้นที่ของบ้าน ประเสริฐจึงเกิดพุทธิปัญญา และนั่นคือที่มาของเหล่า แจ๋ว ขบวนการคนใช้พยัคฆ์ร้าย แววและจิ๋มถูกทาบทามจากประเสริฐให้ทำงานเพื่อชาติ ซึ่งสองพี่น้องก็ยินดีเนื่องจากผลตอบแทนสูง และเข้าใจว่ามันคงสนุกเหมือนกับที่เห็นในละคร อีกทั้งแววยังรู้สึกรับผิดชอบต่อสายลับที่จากไปเพราะตน และที่สำคัญที่สุด แววและจิ๋มรู้ดีว่า บ่อนมันสร้างหายนะให้กับชาวบ้านตาดำๆ แค่ไหน ทั้งคู่ถูกส่งไปเป็นคนใช้ที่บ้านโสภณ โดยที่ต้องฝังตัวจนได้รับความไว้ใจ จากนั้นประเสริฐจึงจะส่งคำสั่งต่อไปมาให้ โดยผ่าน สมร พ่อค้าส้มตำที่เป็นสายให้ประเสริฐเหมือนกัน ที่บ้านของโสภณ แววและจิ๋มใหญ่ใช้ความเป็นแจ๋วมืออาชีพ ปรนนิบัติ ดูแลบ้านช่องจนเป็นที่พอใจของโสภณและ มาดามเอ็มม่า (บอนนี่ เซลเลอร์แบ็ค) แม้ว่าจะต้องมีเรื่องปีนเกลียวอยู่กับ จิ๋มดำ (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) และ ปุ๊กกี้ (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) อีกหนึ่งสาวใช้ที่อยู่มาก่อนก็ตาม การทำงานเพื่อชาติกำลังจะเริ่มต้น แววและจิ๋มต้องเข้าไปขโมยข้อมูลหลักฐานการติดสินบนให้รัฐมนตรี เพื่อผลักดันเสนออนุญาตให้เปิดบ่อนเสรีจากตู้เซฟ แต่แล้วทั้งสองก็ถูกจับได้เสียก่อน โดย เอ๋ (พนาลักษณ์ ณ ลำปาง) คนใช้สาวเหนือ ผู้หลบหนีการตกเขียวมาจากบ้านเกิด และ แคท (จารุณี บุญเสก) สาวใช้ชาวพม่า เมื่อทั้งสองรู้ว่าแววและจิ๋มทำงานลับอยู่ ก็ขอเข้าร่วมขบวนการด้วย เพื่อแลกกับการที่เอ๋จะได้เอาเงินไปช่วยพ่อแม่ และแคทจะได้โอนสัญชาติเป็นไทย จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีระเบิดอีก แต่ปฏิบัติการนี้มันง่ายๆ อย่างที่สี่แจ๋ววาดฝันเอาไว้หรือ การหาหลักฐานที่บ้านโสภณเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ทั้งสี่ยังต้องผจญภัยกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอีกมากมาย พร้อมกับเวลาที่มีอยู่ก็เหลือน้อยลงไปทุกที การเผชิญหน้ากันระหว่างนายจ้างและสาวใช้ โดยมีอนาคตของประเทศชาติเป็นเดิมพัน เพิ่งเริ่มต้นยกที่ 1 เท่านั้น
ขุนกระบี่ ผีระบาด (2547/2004) เมื่อไวรัส SARS สายพันธุ์ใหม่ แพร่กระจายข้ามทวีปสู่ประเทศไทย ซูเปอร์แมนนอนป่วย สไปเดอร์แมนไม่ว่าง แบตแมนรถเสีย “ขุนกระบี่” (ต๊อก ศุภกรณ์) ฮีโร่รับจ้างสัญชาติไทยแท้ และ “โคตรขุนกระบี่ชาเขียว” (เทพ โพธิ์งาม) จำต้องชักกระบี่ออกปกป้องโลกอีกครั้ง และครั้งนี้มีความฮาและมันส์เป็นเดิมพัน ระหว่าง “ไวรัสซาร์ส์รุ่น 4 / สาวเซ็กซี่ / ผีดิบ / ซอมบี้ / งูยักษ์ / ระเบิดเวลา / รัฐมนตรี” ทั้งคู่จะจัดการกับอะไรก่อน หากทายไม่ถูก ไปหาคำตอบได้ใน “ขุนกระบี่ ผีระบาด” เกิดโรค “ไวรัส SARS รุ่นที่ 4” เป็นไวรัสกลายพันธุ์ร้ายแรงที่สุดที่เคยค้นพบกำลังระบาดอย่างหนักในทวีปแอฟริกา ผู้ที่ติดเชื้อร้ายแรงจะมีสภาพไม่ต่างจากผีดิบหิวกระหาย แมลงสาบตัวหนึ่งนำเชื้อนั้นบินร่อนข้ามน้ำข้ามทะเลจากทวีปแอฟริกามาถึงประเทศไทย “ด็อกเตอร์ไบรอัน ทอมสัน” (แอนดรูว์ บิ๊กส์) ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาที่กำลังคิดค้นและวิจัยเรื่องวัคซีนแอนตี้ไวรัสในประเทศไทย แต่หมองูตายเพราะงู ดร.ไบรอันจึงพลาดท่าได้รับเชื้อ SARS เข้าไปเต็มๆ “หลิว” (บอลลูน พินทุ์สุดา) ลูกสาวคนสวยของ “เฮียเหลา” (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) เจ้าพ่อคนดังแห่งกทม. ถูก “โจรกลุ่มหนึ่ง” (สมเล็ก ศักดิกุล, ปื๊ด แบล็กแคต และสมุนอีก 2 หน่อ) ลักพาตัวมากักขังเอาไว้เพื่อแลกกับเงินค่าไถ่ “อ.เทพลีลา” (เทพ โพธิ์งาม) โคตรขุนกระบี่ชาเขียวฮีโร่ปลดระวางในฐานะเพื่อนเก่าแก่ของเฮียเหลาได้รับการติดต่อให้มาชิงตัวหลิวคืน แต่เนื่องด้วยอ.เทพลีลาได้ประกาศวางมือถอนตัวออกจากวงการแล้ว ฮีโร่รับจ้างนาม “ไอ้ขุน” (ต๊อก ศุภกรณ์) ขุนกระบี่สายพันธุ์ใหม่ในฐานะศิษย์รุ่นสุดท้ายจึงถูกส่งตัวมาที่คอนโดฯ นี้ เพื่อจัดการกับเหล่าโจรกระจอกกลุ่มนั้น และนำตัวหลิวกลับคืน แต่ทว่าสิ่งที่กำลังรอคอยขุนกระบี่ อยู่ในคอนโดฯ แห่งนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มโจรกระจอกเท่านั้น ดร.ไบรอันก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ และบัดนี้เชื้อ SARS ที่เขาได้รับทำให้เขากลายสภาพไปเป็น “ผีดิบ” (SARS Zombie) อย่างเต็มตัว ด็อกเตอร์ผีดิบเริ่มแพร่เชื้อสู่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ เดียวกันนี้อย่างรวดเร็ว คอนโดฯ มรณะถูกทางการสั่งปิดตาย คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าเพื่อไม่ให้มีเชื้อแพร่กระจายออกมาภายนอก รัฐบาลส่งทีมแพทย์และหน่วยพิเศษในความรับผิดชอบของ “ท่านรองรัตน์สุดา” (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) เข้ามาจัดการอย่างเร่งด่วน “ด็อกเตอร์ไดอาน่า” (ลีน่า คริสเตนเซ่น) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเชื้อไวรัสร้ายแรงซึ่งทำงานในคณะของดร.ไบรอันเป็นหัวหน้าทีมแพทย์และหน่วยพิเศษชุดนี้ ดร.ไดอาน่ามาพร้อมกับปืนบรรจุกระสุนเคมีวัคซีนแอนตี้ไวรัสที่เพิ่งค้นพบของเธอพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสร้าย แต่ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นความผิดพลาดไปหมด เพราะวัคซีนแอนตี้ไวรัสไม่เป็นผล เมื่อทางการไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ คำสั่งสุดท้ายคือ “ระเบิดตึกทิ้ง!!!” ขุนกระบี่กับหลิวยังติดอยู่ในนั้น กลุ่มโจรกระจอกก็ติดอยู่ในนั้น ดร.ไดอาน่าก็ติดอยู่ในนั้น แถมฝูงผีดิบ SARS Zombie ที่กำลังหิวกระหายก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาที ทุกชั่วโมง สถานการณ์กำลังคับขันสุดๆ ทุกคนกำลังจวนตัวและจนตรอกที่ต้องปะทะทั้งผี ทั้งกลุ่มโจร และระเบิดเวลาของภาครัฐ เพล้ง…งงง กรอบรูปของขุนกระบี่ร่วงตกแตกกระจาย พร้อมๆ กันกับจิ้งจกร้องทักไปทั่วที่พำนักของอาจารย์เทพ-สุดยอดฝีมือโคตรขุนกระบี่ชาเขียวรู้สึกได้ทันทีถึง ลางสังหรณ์บอกเหตุอันตรายที่กำลังจะเกิดกับศิษย์รักและมหาชนผู้บริสุทธิ์ หลังจากปลดระวางล้างมืออำลาวงการไปนาน ในวันนี้เห็นทีอ.เทพลีลาจะอยู่เฉยไม่ได้เสียแล้ว เขาตัดสินใจคืนวงการมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ที่เกิดเหตุเพื่อไปช่วยขุนกระบี่ศิษย์รักพร้อมกับอาวุธคู่กาย-กระบี่ชาเขียว สุดยอดศาสตราวุธ ชักแล้วต้องมีเจ็บ เก็บแล้วต้องมีตาย ภารกิจนี้ใหญ่หลวงนัก สองขุนกระบี่ฮีโร่แบบไทยๆ ลูกศิษย์-อาจารย์ต้องร่วมมือกันกับดร.ไดอาน่าและหลิวฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ทั้งฝูง SARS Zombie ผู้หิวกระหาย ทั้งแก๊งโจรกระจอกที่พยายามชิงตัวหลิวไป และระเบิดเวลาจากภาครัฐที่เตรียมทำลายล้างเชื้อไวรัส SARS 4 ผีระบาด และคอนโดฯ นี้ให้พังพินาศสิ้นซากไปพร้อมๆ กัน ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครติดเชื้อ ใครไม่ติดเชื้อ เหตุการณ์ทั้งหมดต้องจบลงก่อนรุ่งเช้า!!! ก่อนเวลาที่ระเบิดจะทำงานวี้ด…ดดดบึ้ม!
หมานคร (2547/2004) สิ่งมหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ เมืองที่ “ป๊อด” หนุ่มต่างจังหวัดที่ตั้งใจเข้ามาหาความก้าวหน้าในเมืองหลวง แต่ในที่สุดเค้าก็ค้นพบว่าคิดว่ายังไม่ใช่ที่เขาต้องการ แต่ที่นี่เองเขาได้พบกับ “จิน” หญิงสาวแม่บ้านทำความสะอาด ผู้ที่จะมาจุดประกายความหวังอีกครั้งให้กับป๊อด แต่ยิ่งนับวันความรักของทั้งสองเกิดอุปสรรคต่างๆ นานา ป๊อดเริ่มสังเกตว่าเมืองนี้มีสิ่งที่ผิดปกติ แปลกประหลาดมากมาย ส่วนจินก็มีนิสัยเปลี่ยนไป จนเขารู้สึกเหมือนจิน อยู่ห่างเขาออกไปทุกที ป๊อดเริ่มไม่แน่ใจว่าเมืองนี้มันประหลาดหรือเขาเองที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเมืองนี้ แล้วความรักของป๊อดในเมืองจะสมหวังหรือไม่? เตรียมพบคำตอบในเมืองที่ชื่อว่า “หมานคร”
กั๊กกะกาวน์ (My Space) (2547/2004) “กั๊กกะกาวน์“ ผลงานภาพยนตร์ก้าวแรกที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์อันเต็มเปี่ยมของ “นักศึกษาชั้นปี 4 วิชาเอกภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” กว่า 28 (มั่ว)หัวใจที่มุ่งมั่นที่จะเดินทางบนแผ่นฟิล์ม พวกเขาเลือกที่จะตามหา “โอกาส” ที่จะทำให้ภาพยนตร์สารนิพนธ์ซึ่งเป็นโปรเจกต์สุดท้ายที่พวกเขาจะได้ทำร่วมกันภายในรั้วมหาวิทยาลัยของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ “หนังนักศึกษา” ธรรมดาๆ ที่จำกัดคนดูเพียงกลุ่มแคบๆ โดยมีหัวหอกหลักอย่างสองผู้กำกับ “วิทิต คำสระแก้ว” และ “ฤทธิชัย สิริประสิทธิ์พงศ์” ที่หนังสั้นของพวกเขาเคยได้รับรางวัลช้างเผือก มูลนิธิหนังไทย เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ และโปรดิวเซอร์ที่หลายคนรู้จักในฐานะนักร้อง “นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา” กุญแจสำคัญที่ทำให้ “ความมุ่งมั่น” ของพวกเขาไป “เข้าตา” ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ที่มีส่วนสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนในส่วนงานด้านโปรดักชัน รวมไปถึงรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะที่ต่างร่วมช่วย “ปลุกปั้น” ให้หนังเรื่องนี้กลายเป็น “หนังใหญ่” ที่ใครหลายคนต้องจับตามอง รวมไปถึงการผลักดันให้ภาพยนตร์เรืองนี้ได้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมฉายของค่ายหนัง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้เป็นผลสำเร็จ และละลายเส้นแบ่งกั้น “ความเป็นมืออาชีพ” และ “มือสมัครเล่น” อย่างสิ้นเชิง “คงไม่มีใครเข้าใจวัยรุ่นเท่ากับวัยรุ่นด้วยกัน” และโดยเฉพาะเรื่อง “ความรัก” ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอผ่านมุมมองที่ “เข้าถึง” ความรู้สึกของ “ความเหงา“ ที่วัยรุ่นและใครหลายๆ คนต้องเผชิญ การตั้งคำถามกับ “ชีวิต“ และ “ความรัก“ ผ่านตัวละคร “ป่าน“ นศ.แพทย์ชั้นปี 4 ที่กำลังตามหาว่าจริงๆ แล้วชีวิตในแต่ละวันนั้นเธออยู่เพื่ออะไร ท่ามกลางความเหงานั้น เธอรอคอยอะไรหรือใครบางคนอยู่ แล้วช่วงชีวิตหนึ่งก็ทำให้ป่านพบกับ “นิค” ช่างภาพอิสระอารมณ์ศิลปินที่อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามกับเธอ หลายครั้งที่เจอกันไม่มีใครกล้าเริ่มบทสนทนา จนวันหนึ่งที่นิคเอ่ยปากคุยทั้งสองจึงเริ่มต้นที่จะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ทั้งสองเริ่มเรียนรู้กันและกัน “เธอ” สอนให้ “เขา” ได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่น แต่ “เขา” สอนให้ “เธอ” ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ และรู้จักกับคำว่า “รัก“ ที่จะไม่มีวันเลือนไปจากความทรงจำ “ความเหงา” ทำร้ายใครหลายๆ คน แต่บางครั้งมันก็พาให้ใครบางคนมาพบกัน…
ซาไก ยูไนเต็ด (2547/2004) เปาตุ๊ (นำแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) อดีตกรรมการบอลที่กำลังหนีลูกน้องของหัวหน้ากรรมการฟุตบอล แล้วเขาก็กระโดดลงที่ลำธาร และได้ไปสนามกีฬาโดยเห็นเงาะร่วมแข่งขันด้วย เขาสังสัยว่าเขาเค้าคือใครและเขาจึงตามพวกเขาไป โดยเข้าไปในป่า ก่อนที่จะพบเห็นหมู่บ้านเงาะป่ากับหัวหน้าเผ่า ซึ่งกำลังพูดเรื่องในหมู่บ้านกำลังมีโรคระบาด โดยที่ชาวซาไกยังคงมีอาหารป่วยไม่รู้จะรักษาอย่างไรจึงจะหาย ทำให้เขาตัดสินใจให้ซาไกทั้งกลุ่มออกเดินทางที่กรุงเทพมหานคร แต่ซาไกที่ไม่ได้ออกเดินทางนอกป่าที่ไกลมาก ซาไกทั้งกลุ่มจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพวกเผ่าเราให้หายป่วยโดยได้รับถ้วยพระราชทานในการแข่งขันฟุตบอลโลกครังนี้ และพวกเขาไปกรุงเทพโดยรถเมล์ เปาตุ๊คอยฝึกซาไกไว้ให้มาแข่งขันทีมซาไกยูไนเต็ดที่เปาตุ๊เคยตั้งชื่อทีมไว้แล้วในจังหวัดยะลา โดยการแข่งขันจะมี มะม่วงเป็นกัปตันทีมของซาไกยูไนเต็ด การแข่งขันของซาไกยูไนเต็ดไม่สำเร็จพอที่จะแข่งขันฟุตบอลตอนนี้ ในตอนกลางคืนกลุ่มซาไกได้เดินทางไปที่ถนนข้าวสารและได้เข้าไปในคลับ ซาไกเกิดอาการแปลกใจที่เห็นโลกภายนอก ในการแข่งขันทีมซาไกยูไนเต็ดแข่งกับสิงห์น้ำเงินแข่งเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จต่อๆกัน และต่อมาทีมซาไกยูไนเต็ดเอาชนะสิงห์น้ำเงินสำเร็จ และสามารถรับถ้วยพระราชทานได้ มะม่วงได้ชนะเลิศในการแข่งขัน และเขาได้รับถ้วยพระราชทาน แก่เปาตุ๊ และมะม่วงได้กอดกับเปาตุ๊ดีใจที่ชนะและเปาตุ๊ก็จากไป ก็กลับไปบ้าน ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เปาตุ๊ได้เห็นภาพซาไกยูไนเต็ดที่ได้ชัยชนะมาสู่เรา พอเปาตุ๊เห็นคนไม่ดีเห็นแล้วก็เลยหนีไป คนไม่ดีเห็นว่าเขาขึ้นรถไฟไปเลยขึ้น เปาตุ๊ก็รอดชีวิตมาได้ ที่หมู่บ้านซาไกคนในหมู่บ้านซาไกดีใจมากที่ได้กลับมาบ้านเกิด และได้วางถ้วยพระราชทานรอพระอาทิตย์ส่องแสงสว่าง สักพักพระอาทิตย์ก็แสงสว่างไปถึงถ้วย มะม่วงและคนในหมู่บ้าน รวมถึงหัวหน้าเผ่าได้ไหว้พระเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระบารมีทีมีต่อพสกนิกรไทย และหัวหน้ามะม่วง กับคนทั้งหมู่บ้านได้พบหมอเพื่อจะมารักษาคนที่ติดไข้ทรพิษ โดยสามารถรักษาให้หายได้เป็นปกติ และในหมู่บ้านของกะเหรี่ยง มีพวกชาวกะเหรี่ยงเล่นตะกร้อกันอย่างสนุกสนาน โดยมีชายผู้หนึ่งที่หันหลังให้อยู่ เขาผู้นั้นคือ เปาตุ๊
Six หกตายท้าตาย (2547/2004) ฝ้าย เด็กสาวคนเดียว ในกลุ่มมีอาการคล้ายๆ ประสาทหลอน เหม่อลอย บางครั้งเธอเหมือนตกอยู่ในโลกของความฝัน ฝันแปลกๆ คอยรบกวนจิตใจของฝ้ายอยู่เสมอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เธอไปเจอซินแสโดยบังเอิญ และซินแสได้เตือนให้ระวังเภทภัยจากเลข 6 ด้วยว่า ชีวิตของเธอเฝ้าวนเวียนเกี่ยวข้องกับเลข 6 มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะห้องพักเลข 6 หรือกระทั่งวันอายุ 24 ที่รวมกันแล้วได้เลข 6 เพื่อนๆ จึงพากันเป็นห่วงโดยเฉพาะ ภัทร ผู้ซึ่งเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกับเธอ คืนก่อนวันครบรอบวันเกิด 24 ปีของ ฝ้าย เพื่อนทั้ง 6 คนนัดกันมาอวยพรวันเกิดให้เธอ พวกเขาได้เดินทางไปฉลองกันที่ชานเมือง อ๋อง สังเกตเห็นดาวงู ซึ่งเป็นดาวที่ไม่ปรากฎบ่อยนักในช่วงฤดูฝน อ๋อง รีบตรวจชะตาเพื่อนๆ ทุกคนว่ากำลังจะมีเคราะห์ร้าย หรือชะตาถึงฆาต เพราะทั้งหมดจับได้ไพ่ Death กันหมด การที่ อ๋อง เป็นผู้ช่ำชองในเรื่องโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ รวมทั้งถูกเพื่อนในกลุ่มกล่าวหาว่างมงาย ทั้งยังถากถางและท้าทาย โดยเฉพาะ กานต์ ซึ่งเป็นคนใจร้อนและค่อนข้างเป็นนักเลง และ ตรี ซึ่งเป็นคนปากไม่ดี ทั้งปากอย่างใจอย่าง ทั้งที่กลัวก็ยังกล้าท้า และใช้วาจาข่ม อ๋อง ทว่ามีเพียงคนเดียวที่คัดค้านนั่นคือ นัฐ เพราะเป็นคนขี้กลัว ทั้งยังขี้ใจน้อยอีกด้วย ลอเซอ ที่เพื่อนๆ ชอบเรียกว่า ทิดเซอ พูดให้ข้อคิดกับเพื่อน ก่อนที่ความเชื่อและการท้าทายจะกลายเป็นความขัดแย้ง จนเป็นเหตุให้ทั้งหมดต้องเดินทางไปพิสูจน์ สิ่งที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็นคฤหาสน์ร้าง ที่เชียงใหม่ อันเป็นมรดกของยายทวดของ ภัทร และเป็นที่เล่าลือกันมานานถึงความน่ากลัว ด้วยว่าเจ้าของบ้านได้นำโลงศพคนตาย 6 คนเก็บไว้ในบ้าน เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ทั้งหมดนัดรวมตัวกันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ก่อนออกเดินทางต่าง ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หากแต่ภาพถ่ายนั้นปรากฎแต่เพียงรูปรถ และสิ่งอื่นๆ ยกเว้นรูปของพวกเขาทั้งหมด ระหว่างทางก็มีเหตุการณ์ประหลาดเช่น อีกาบินชนหน้ากระจกรถจนเปื้อนเลือด รถบรรทุกเฉี่ยว ในค่ำคืนที่พวกเขาเดินทางไปถึงคฤหาสน์ บรรยากาศวังเวง ต่างออกสำรวจบริเวณต่างๆ ของบ้าน จากนั้น อ๋อง ได้นำเพื่อนๆ เริ่มพิธีปลุกผีด้วยการเล่น ผีถ้วยแก้ว และเริ่มพิสูจน์วิธีการเห็นผีด้วย 6 วิธีที่แตกต่างกัน คือ ใช้ผ้าห่อศพปิดตา กระดูกคนตายกับไม้ระกำแขวนคอส่องกระจก คาบใบมีดโกนหน้าอ่างน้ำมนต์ นอนคาบธูปนำวิญญาณ ท่องนโมย้อนหลัง 16 จบ เผากระจุกผมผีตายโหง เงินปากผีคาบไว้ในปาก เพ่งมองผ่านก้นบาตรพระ ด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเสี่ยงดวงว่าใครจะได้ท้าลองวิธีไหน และแยกย้ายกันไปแต่ละจุด คนละวิธี โดยมี ภัทร เป็นจุดศูนย์รวมโดยจับตาดูทุกคนผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
นางครวญ (2547/2004) เพียงออ หญิงสาวงามในตระกูลราชนิกูลอันสูงศักดิ์ มิอาจสมปรารถนาในความรักและ ความหมายแห่งชีวิต ด้วยการถูกกักขังและขวางกั้นให้พลัดพรากจาก แสน หนุ่มสามัญชนหนึ่งใน วงปี่พาทย์ ความสิ้นหวังแห่งรักที่จะนำชีวิตจบลง แต่คำสาบานของหญิงสาวในร่างวิญญาณที่ ยังคงยึดมั่นในรักไปทุกภพทุกชาติ เมื่อแสนเกิดในภพใหม่นามว่า ไกร หนึ่งในสมาชิกวงปี่พาทย์ อีกครั้ง จุดเริ่มต้นแห่งการรอคอย พร้อมกับความอาฆาตพยาบาท ทุกคนกำลังเผชิญความสยองใน ค่ำคืนแห่งความตาย และอาถรรพ์แห่งบทเพลง “นางครวญ”
โคเลสเตอรอลที่รัก (2547/2004) เจษฎาภรณ์ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) หนุ่มนักเรียนนอก เพิ่งกลับมาจากลอนดอนพร้อมกับ นาเดีย (แคนดี้ เอเวอรี่) เพื่อนสาวคนสนิท หลังจากเรียนอยู่ที่โน่นนานถึง 8 ปี พอกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้ทราบเรื่องจาก สันติ (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) ผู้เป็นพ่อว่าเขาจะต้องแต่งงานกับ ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เพื่อนสนิทวัยเด็กที่เคยช่วยชีวิตไว้จากการจมน้ำ เพราะสันติกับ ไพโรจน์ (ครรชิต ขวัญประชา) พ่อของลูกเกดเป็นเพื่อนรักกันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะลูกเกดกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ไพโรจน์จึงอยากจะให้คนดีๆ อย่างเจษฎาภรณ์ ช่วยดูแลลูกเกดและบริษัท ไลท์แมน ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับสร้างบ้านของเขาต่อไป ไพโรจน์จึงส่งเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาให้กับเจษฎาภรณ์มาโดยตลอดเพราะฐานะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พอได้ทราบข่าวเรื่องการแต่งงานเจษฎาภรณ์ก็ยินดีและบอกกับพ่อว่าจะไม่ทำให้ลูกเกดและคุณอาไพโรจน์ผู้มีพระคุณต้องผิดหวังด้วย แต่เมื่อเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอหน้าลูกเกดครั้งแรกในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขา ซึ่งไพโรจน์จัดให้อย่างใหญ่โต ทำเอาเจษฎาภรณ์ถึงกับช็อค เพราะลูกเกดเด็กสาวรูปร่างบอบบางที่มองโลกในแง่ดีมีน้ำใจที่เขาเคยรู้จักในอดีตนั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมีน้ำหนัก หนักกว่า 150 กิโลกรัม ทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกผิดหวังอย่างมากๆ และยังถูกนาเดียซึ่งได้รับเกียรติให้มาร่วมงานในคืนนี้ พูดจาถากถางเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวหุ่นตุ้ยนุ้ยของเขาด้วย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รีบกลับบ้านก่อน โดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายเพราะยังรู้สึกเมาเครื่องอยู่ ซึ่งลูกเกดก็ไม่ได้สงสัยอะไรและคิดว่าเจษฎาภรณ์ยังมีความรู้สึกที่ดีๆ กับเธอเหมือนวัยเด็กทุกประการ ในขณะที่เจษฎาภรณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบรษัทไลท์แมนของไพโรจน์นั้น นาเดียก็เปิดกิจการห้องเสื้อเป็นของตัวเอง และนาเดียพยายามที่จะแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าเธอกับเจษฎาภรณ์เป็นแฟนกัน โดยที่เจษฎาภรณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และยังคงไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ ปล่อยให้ลูกเกดต้องคอยโทรศัพท์ตามหาว่าพี่เจษหายไปไหน ไม่ยอมมาเที่ยวหาเธอบ้าง วันวาเลนไทน์ลูกเกดดีใจเป็นที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์โทรศัพท์มานัดเพื่อที่จะพาเธอไปดินเนอร์ในคืนนี้ แทนที่คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอมีความสุขอย่างที่สุดเหมือนเช่นคู่รักที่จะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่กลับกลายเป็นคืนที่เธอต้องพบกับความเสียใจมากที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์มาพบกับเธอก็เพื่อจะบอกยกเลิกการแต่งงาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ลูกเกดเสียใจที่เจษฎาภรณ์รังเกียจในรูปลักษณ์ของเธอ พอกลับถึงบ้านลูกเกดจึงคิดฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งกินยาลดความอ้วนเกินขนาดโชคดีที่แพทย์เยียวยารักษาไว้ทัน เพื่อให้ลูกสาวอันเป็นที่รักดั่งดวงใจกลายเป็นลูกเกดคนใหม่ ไพโรจน์จึงส่งลูกเกดไปรักษาแผลใจและเข้าคอร์สลดความอ้วนที่อเมริกาตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งก็ได้ผลเพราะสุขภาพจิตของลูกเกดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่สุขภาพจิตของเจษฎาภรณ์เริ่มแย่ลง เพราะสันติเสียใจที่ลูกชายไม่ทำตามสัญญา และยังทำให้ครอบครัวของผู้มีพระคุณผิดหวัง จึงทำให้โรคหัวใจกำเริบและเขาก็สิ้นใจตายในอ้อมกอดของลูกชาย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกเสียใจที่เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อตาย หนึ่งปีผ่านไปเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอนางแบบอินเตอร์นามว่า เมทะนี (เมทินี กิ่งโพยม) ในงานเดินแฟชั่นโชว์ห้องเสื้อของนาเดีย เขามีความรู้สึกว่านางแบบคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายลูกเกดมาก แต่พอเขาเข้าไปทำความรู้จักเธอก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน แต่เจษฎาภรณ์ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำความใกล้ชิดและสนิทสนมเธอให้มากกว่านี้ ถึงแม้จะเจอ ณัฐ (ภราดร ศิรโกวิท) คอยกันท่าหรือถูกเมทะนีแกล้งต่างๆ นานา มาแล้วหลายครั้งหลายหนก็ตาม พอเจษฎาภรณ์หันหน้ามาให้ความสนใจในตัวเมทะนีมากขึ้นทุกวัน ทำให้นาเดียคิดแก้เผ็ดเจษฎาภรณ์ด้วยการหันไปคบผู้ชายคนอื่นบ้าง จึงทำให้เจษฎาภรณ์เริ่มจะคิดได้ว่าผู้หญิงที่ดีและมีน้ำใจให้กับเขามาโดยตลอดก็คือลูกเกดนั่นเอง ในที่สุดเจษฎาภรณ์จึงตัดสินใจไปที่บ้านลูกเกดเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และเขาก็ได้รับรู้ความจริงจากณัฐว่าเมทะนีคือใคร และณัฐยังบอกให้เขาต้องชอกช้ำใจมากขึ้นไปอีกว่าลูกเกด ไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว และยังฝากคืนว่าวที่เธอเคยขอจากเขาเมื่อตอนเด็กอีกด้วย เรื่องราวความรักที่ยุ่งๆ ของหนุ่มนักเรียนนอกกับสาวตุ้ยนุ้ยจะลงเอยอย่างไร เตรียมหาคำตอบจากภาพยนตร์ โคเลสเตอรอล..ที่รัก ได้อีกไม่นานเกินรอ
ตุ๊กแกผี (2547/2004) เรื่องราวสยองขวัญนี้เริ่มต้นมาจาก “กล่องไม้เล็กๆ เก่าคร่ำคร่าใบหนึ่ง” ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น… กลุ่มนักสำรวจทางธรณีวิทยากลุ่มหนึ่งนำโดย “อาจารย์มาเอดะ ชู” (คาซึกิ ยาโน) และภรรยาสาว “มิโย” (คาโนะ ไซโต) พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ “นิพนธ์” (สรายุทธ์ ศรี ทอง), “ไก่” (หญิง-ไอศิกา ตั้งศิริธานนท์), “ประพัฒน์” (พลกฤษณ์ จักรสุวรรณ) และ “แบม” (น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น) ออกเดินทางสำรวจถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อการศึกษาทางธรณีวิทยา พวกเขาขุดค้นพบตัวอย่างสายแร่และหินประเภทต่างๆ มากมายรวมถึงกล่องไม้ปิดตายใบหนึ่ง พวกเขานำมันติดตัวกลับมาด้วย ขณะปีนขึ้นปากถ้ำ หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจในค่ำคืนนั้น มาเอดะ ชูหัวหน้าทีมสำรวจชาวญี่ปุ่นเผลอทำกล่องไม้ใบนั้นตกลงสู่ก้นถ้ำอย่างไม่ตั้งใจ กล่องไม้แตกกระจายอยู่ในถ้ำแห่งนั้น และเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องไม้ใบนั้น นั่นคือ “ซากตุ๊กแกตัวหนึ่งที่ถูกพันด้วยสายสิญจน์และปิดทับด้วยยันต์แดงลงอาคมผืนหนึ่ง” ไม่มีใครสังเกตเห็นและรู้เลยว่าความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา… กลุ่มนักสำรวจทีมเดิมมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรีบเร่ง แข่งกับกลุ่มก้อนเมฆสีทะมึนบนท้องฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหากัน และเตรียมปล่อยสายฝนสายหนักลงมา และโดยไม่คาดคิด รถของคณะสำรวจเกิดดับกลางคันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ พวกเขาจึงต้องมุ่งหน้าหาที่พักในป่าใกล้ๆ แห่งหนึ่งแทน และ “กระท่อมกลางป่า” ก็เป็นที่พักที่พวกเขาพบเจอ โดยไม่รีรอ พวกเขาเข้าสู่กระท่อมแห่งนั้นเพื่อหลบสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา แต่แล้วไอแห่งความสยองจากกล่องไม้ลึกลับที่ตามติดพวกเขามาจากถ้ำแห่งนั้นอย่างไม่รู้ตัว ก็ค่อยๆ เริ่มเผยความน่าสะพรึงกลัวออกมา และเข้าห้ำหั่นชีวิตนักสำรวจเหล่านั้นทีละคน…ทีละคน “ขวัญไพลิน” (โอ๋-รุ่งระวี บริจินดากุล) นักเขียนสาวชื่อดังที่ผลงานเรื่องล่าสุดของเธอที่ชื่อ “ตุ๊กแกผี” กลายเป็นนิยายติดอันดับขายดีขึ้นมาทันทีที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ได้เดินทางมาพบปะนักอ่านที่เป็นแฟนหนังสือของเธอที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เธอแวะซื้อของที่ระลึกฝากคนใกล้ชิดของเธอ รวมทั้ง “กล่องไม้เล็กๆ ลายเก่าใบหนึ่ง” ที่เธอได้ซื้อจากคนพื้นเมืองที่นั่น ความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังย้ายสู่ที่สิงสถิตสถานใหม่แล้ว… ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น ขวัญไพลินเริ่มรู้สึกพรั่นพรึงถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจดจ้องและลอบมองเธออยู่ทุกขณะจิต “ตุ๊กแก” ตัวละครที่เธอเขียนถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเธอมากขึ้น ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน มันก็จะปรากฏตัวให้เธอได้เห็นตลอดเวลา เธอกำชับ “ป้าสาย” (สุชาดา อีแอม) แม่บ้านชาวเขมรของเธอ ให้จัดการไม่ให้มีตุ๊กแกเข้ามาในบ้านอีกอย่างเด็ดขาด แต่ป้าสายเตือนขวัญไพลินให้ได้รู้ว่า ตุ๊กแกนั้นอาจไม่ใช่ตุ๊กแกธรรมดา เพราะเธอสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจบางอย่างจากมัน และแล้วเหตุการณ์แปลกประหลาดก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวและกล้ำกรายเข้าสู่ชีวิตผู้คนที่อยู่รอบข้างเธอ “นิดา” (วันทิพย์ ภวภูตานนท์) บรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่เธอส่งเรื่องให้ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความชื่นชมและชื่นชอบในผลงานเรื่อง “ตุ๊กแกผี” ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกนี้ด้วยเช่นกัน ขวัญไพลินเริ่มแน่ใจแล้วว่ามันต้องมีสาเหตุมาจากตุ๊กแกอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แม้แต่ “วิฑูรย์” (พีท ทองเจือ) แพทย์สาขาจิตเวช แฟนหนุ่มของเธอ เพื่อที่จะหาทางรักษาแต่เนิ่นๆ วิฑูรย์จึงได้ขอร้องให้เธอลองไปเช็กสมอง เพราะเขาเห็นว่าขวัญไพลินมีอาการผิดปกติ เริ่มเห็นภาพหลอนและจินตนาการเกินจริง ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะเธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นความจริงไม่ใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด ขวัญไพลินเริ่มระแวงและหวาดหวั่นในชะตาชีวิตของเธอที่อาจจะต้องจบลงเช่นเดียวกับคนรอบข้าง เธอเริ่มค้นหาสาเหตุและวิธีจัดการกับความสยองขวัญเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะมาจาก…ตัวเธอเอง เรื่องราวลึกลับสยองขวัญอันน่าสะพรึงกลัวยังคงอยู่รอบๆ ตัว และดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
ซี-อุย (2547/2004) ปีพุทธศักราช 2489 หนุ่มชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ลี่ฮุย หรือ ซีอุย ดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาแผ่นดินไทยเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า พร้อมมีดเล่มเดียวที่มารดามอบให้เป็นสมบัติติดตัว แต่เมื่อมาถึงทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เขาโดนรังแกถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง เขาพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด จนเขาเริ่มล้มป่วย คิดถึงแม่ เวลาเดียวกัน สัญชาติญาณความอยู่รอดก็เริ่มบีบบังคับเขามากยิ่งขึ้น เขาเริ่มฆ่าเด็ก ควักหัวใจ และตับออกมาเพราะความเชื่อว่าตับและหัวใจเด็กจะทำให้เขารู้สึกแข็งแรงขึ้น และเมื่อใดที่เขารู้สึกอ่อนแอ เขาจะฆ่าและฆ่าอีก เพื่อให้ตนเองพ้นจากความอ่อนแออีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงทางตันเขาถูกจับได้และยอมรับสารภาพในการกระทำที่เขาทำ เขาถูกตัดสินประหารชีวิต สังคมเริ่มกลับมาสู่ความปลอดภัยอีกครั้ง แต่ทำไมยังคงมีเด็กหายและถูกฆ่าอีก หรือซีอุยที่ตายไปนั้นเป็น…?
อุกกาบาต (2547/2004) เกิดเหตุอาเพทขึ้นบริเวณชายแดนทางภาคเหนือเมื่อท้องฟ้าปั่นป่วนเกิดฝนดาวตกอยู่ทั่วไป ก่อนที่อุกกาบาตอาถรรพณ์ลูกหนึ่งจะตกกระทบซากสุสานโบราณกลางดงไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง ในจังหวะทารกชายสองคนเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกันพอดี แต่พวกเค้านั้นไม่ใช่เด็กชายธรรมดาทั่วไป เพราะทั้งสองมีพลังจิตเหนือธรรมชาติ จนเมื่อคนไข้ประหลาดคนหนึ่งซึ่งเอาแต่นั่งนิ่งซึมไม่พูดไม่จาถูกส่งตัวมาจากบ้านเกิดโอมเพื่อขอรับการรักษา จึงเกิดเรื่องวุ่น พลังอำนาจอันชั่วร้ายบางอย่างที่แฝงมากับตัวคนไข้นั้น โรคประหลาดแพร่ระบาดไปทั่วอำเภอชายแดนแห่งนั้น ชาวบ้านในหลายๆหมู่บ้านเอาแต่นั่งซึมไม่พูดไม่จาไปตามๆกัน แม้ว่าเด็กชายทั้งสองจะเกิดในวันและเวลาใกล้เคียงกัน แต่ชะตาชีวิตของพวกเค้านั้นต่างกันคนละขั้ว คนนึงใช้พลังจิตเหนือธรรมชาติในการรักษาชีวิตคน ส่วนอีกคน ใช้พลังในการฆ่าล้างแค้น ธรรมะจะชนะอธรรมหรือไม่ เอาใจช่วยได้ใน “อุกกาบาต”
สุริยะฆาต (2547/2004) ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เปลี่ยนเขาให้เป็นมนุษย์อำมหิต เมื่อ ทศภาคย์ ทราบข่าวการโดนยิงของแฟนสาวชื่อ จิรัตติกาล จึงรีบขับรถไปหา ระหว่างทางนั้นเกิดมีรถบรรทุกพ่วงกำลังเลี้ยวออกมาสู่ถนนใหญ่ ทำให้ทศภาคย์เสียหลักพุ่งชนสะพานพลิกคว่ำเสียชีวิตทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับการเกิดสุริยะคราส หลังจากนั้น หมอผัน ผู้มีอาคมแก่กล้า ได้ทำพิธีปลุกวิญญาณควบคุมร่าง ทศภาคย์ ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นเพื่อให้ช่วยกำจัดศัตรู โดยที่ ทศภาคย์ ไม่ว่าศัตรูที่ตัวเองตามฆ่านั้น คือ จิรัตติกาล เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร เมื่อ จิรัตติกาล รู้ความจริง ทศภาคย์ ตายแล้ว
สายล่อฟ้า (2547/2004) ไอ้ตุ่น (โหน่ง ชะชะช่า) กับ ไอ้เต่า (เต๋า - สมชาย เข็มกลัด) เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ไอ้ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนไอ้เต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง "สายล่อฟ้า" ของพี่ป้อม-อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไร มันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะไอ้ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก (เมย์ - พิชญ์นาฏ สาขากร) เป็นเด็กของ กำนันหมู (เล็ก - สมชาย ศักดิกุล) มาเฟียใหญ่ของพัทยา ที่ไอ้เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ไอ้ตุ่นพยายามตามหาจนถูก อีปลา (น็อต - อนุชา ฉัตรแก้ว) กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึงไอ้เต่าที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อน ไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ อีปลาขอใช้คืนเป็นโคเคน โดยเอาไปขายให้ เฮียหมา (หม่ำ มกจ๊ก) แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ ไอ้เต่ากลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจนไอ้เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู (แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล) สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่ ข้างไอ้ตุ่นซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำ บ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอ ให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ ผู้ใหญ่หมี (แบล็ค ผมทอง) เรียกไอ้ตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ไอ้ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้ไอ้เต่าด้วย แต่อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ใหญ่หมีรู้ความจริงว่าเสียรู้ไอ้ตุ่น และ ไมเคิล พ่อของน้องหนูที่ไอ้เต่าลักพาตัว ดันเป็นเพื่อนกับกำนันหมูอีกที ไอ้ตุ่นกับไอ้เต่าจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ น้องนกจะซึ้งในความรักของตุ่นหรือเปล่า แล้วไอ้เต่าจะได้กลับไปครวญเพลงสายล่อฟ้าอีกหรือไม่ มีแต่ยุทธเลิศเท่านั้นที่รู้!
ทวารยังหวานอยู่ (2547/2004) ในปี พ.ศ. 2525 ปีแห่งการสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กรุงเทพฯ สดใส ไร้เดียงสาอยู่กับแฟชั่นสีสันหวานแหวว เสียงเพลงจากวงสตริง และหนังทีวีกำลังภายใน กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง มือกลองหนุ่ม เบ๊ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) ศิษย์โปรด อาจารย์ตึ่งโป๊ะ (ปราณี กี่บุตร) สำนักกลองเทวดา ที่พยายามฝึกวิชากลองเทวดาให้ถึงขั้นที่ 10 แต่ระหว่างนั้น เขากลับพบว่า ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย จนต้องหลบหนีการไล่ล่าของนักสืบมือปราบ ไอ้หูดำ (นิพนธ์ ชัยศิริกุล) ที่มี ซื่อบื้อ (ริชาร์ด ออฟ ไลออน ฮาร์ท) สุนัขดมกลิ่นเป็นผู้ชี้เบาะแส เบ๊พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ทุกคนรู้ โดยมี ต้น (นันทกา วรวณิชชานันท์) ศิษย์พี่ร่วมสำนักกลองเทวดา คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ จนต้นกับเบ๊เกิดความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ระหว่างหนีเอาตัวรอด เบ๊ได้พบเจอผู้คน และเรื่องราวพลิกผันมากมาย หลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบ๊ จนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในยุคนี้
ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547/2004) แก่นเรื่องนี้คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ผมมองว่าคนสมัยนี้แสวงหาเพื่ออะไร ทุกอย่างล้วนเอาไปไม่ได้หากตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ การยึดติดในสิ่งต่างๆ หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นถึงเหตุของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งจะแสดงออกผ่านทางตัวละคร “ฉัตรทอง” คือความโกรธ, “แก้ว” คือความรัก, ความโลภก็คือ “เฮียกวง” ส่วนความหลงก็มีตัวของ “แหว๋ว” ซึ่งเป็นเรื่องชู้สาว ก็เป็นการแบ่งไปตามตัวละครซึ่งตัวละครทุกตัวก็จะแก้ปัญหากันไปตามทิศทางของเขา แต่สุดท้ายทุกคนจะต้องหยุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคุณละแล้วก็จะพบความสุข ซึ่งจะเห็นชัดมากในตัวของเอกชัย สุดท้ายก็ต้องยอมรับในสัจจธรรม ทุกคนต้องปล่อยวางเดินสายกลาง ผมเป็น Film Maker มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมสิบปี เงินก้อนแรกที่ได้มาจากการทำงานก็มาจากการทำหนังไทย ผมถือว่าหนังไทยมีบุญคุณกับผม และเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามากำกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” มันจึงทำให้ผมรู้สึกกลัวและเกร็ง กลัวว่าจะทำให้คนดูผิดหวังกับหนังไทย ผมถึงต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคัตทุกเฟรมที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มันได้ผ่านสายตาของผมมาเกินร้อยครั้งเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดเมื่อต้องผ่านสายตาผู้ชมในครั้งแรก แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความสนใจในเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้น ผมพยายามที่จะคิดหาคำตอบว่า ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงฟื้นขึ้นมา และคำตอบมันก็อยู่ในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความโชคดีของผมในการนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็คือผมได้ทีมงานและนักแสดงที่มีคุณภาพมากๆ ทุกคนล้วนมีความสามารถสูง พวกเขาได้มาแต่งเติมภาพในฝันของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วิธีกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ผมจะเลือกใช้การ Improvisation หรือการด้นสดๆ เพื่อจะได้การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ-สมจริง จึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีจินตนาการและความสามารถสูง ไม่ใช่ทำตามสั่งแต่นักแสดงจะต้องร่วมคิดร่วมจินตนาการไปกับผมด้วย เขาต้องเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครในภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีเกินคาด ถ้าจะเปรียบภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” เป็นอาหารจานหนึ่ง มันคงไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์, หูฉลาม, ปลาซาบะ, เนื้อย่างเกาหลี แต่มันเป็นข้าวมันส้มตำรสแซ่บ ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มครบทุกรสชาติถูกปากคนไทย
The Adventure of Iron Pussy หัวใจทรนง (2547/2004) Iron Pussy สายลับสาวเจ้าเสน่ห์ของเรา ผู้เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาท และรูปโฉมเฉกเช่นกุลสตรีไทยพร้อมกับภารกิจครั้งใหม่ โดยภารกิจนี้ เธอได้รับมอบหมายจากทางการให้แฝงกายเป็นสาวใช้เข้าไปสืบสวนความไม่ชอบมาพากลของเบื้องหลังธุรกิจพันล้านในคฤหาสน์ของสาวสังคมชั้นสูง มาดามปอมปาดอย และมิสเตอร์เฮนรี่ ว่าที่คู่หมั้นใหม่ของเธอ และถึงแม้ว่าเธอจะโดนกลั่นแกล้งจากสมจินตนาหัวหน้าสาวใช้ สายลับสาวของเราก็ยอมทนอดกลั้น จนกระทั่งวันหนึ่งฟ้าได้ลิขิตให้เธอมาพบกับ คุณแทง บุตรชายรูปงามของมาดาม ณ วินาทีนั้น ภารกิจของหัวใจก็อุบัติขึ้นพร้อมๆ กับภารกิจของชาติ ทำให้เธอตระหนักว่าเสียงเรียกร้องในหัวใจของเธอนั้น ขัดแย้งกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ร้ายไปกว่านั้น ความจริงที่ไม่คาดฝันก็ได้เปิดเผยขึ้นทำให้ชะตาชีวิตของคนทั้งสองนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาและเธอจำต้องฝ่าฝันอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ปราณี
มนต์ผีบอก (2547/2004) เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคิดแก้แค้นเพื่อนด้วยวิธีลึกลับทางไสยศาสตร์ โดยการนำดินจากป่าช้า 7 แห่ง ตามตำรา "เจ็ดป่าช้า" มาปลุกเสกด้วยมนต์ผีบอก แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านอกจากความสะใจที่ได้แล้ว "หายนะ" กำลังไล่ล่าอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อความน่าสะพึงกลัวปนสยดสยองของ "เงา" ลึกลับที่มองไม่เห็นได้ตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละ พวกเขาจะลบ "อาถรรพ์" นี้ลงได้อย่างไร..??
โว๊กว๊าก (2547/2004) เรื่องราวของ ครอบครัวเจ้าสัว กับ คุณหญิง ที่มี พ่อใหญ่ เป็นที่ปรึกษา เหตุเกิดขึ้นเมื่อบุตรชายแสนรักชื่อ โว๊กว๊าก ผู้ชอบเล่นสนุกกับสาว ๆ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ เพื่อให้ได้ลูกสุดเสน่หาคืนมาอย่างปลอดภัย เจ้าสัว จึงไม่กล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ให้ บอดี้การ์ด เอ๋อ กับสมุนออกตามหา โว๊กว๊าก โดยจ่ายค่าตอบแทนให้ไม่อั้น ทั้งยังว่าจ้าง นักสืบสันติ กับ เพชรแท้ หลานชายของนักสืบสันติ ที่เพิ่งจบหลักสูตรสืบสวนมาจากเมืองนอก โดยได้ร่วมมือกับ อุ๋งอิ๋ง พี่สาวของ โว๊กว๊าก ซึ่งเรียนการต่อสู้มาจากญี่ปุ่นและต้องบินด่วนกลับจากนอกเพื่อตามหาน้องชาย ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามปิดข่าวจากยอดนักข่าว สิทธิชัย หย่อน เพื่อไม่ให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ชึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับ โว๊กว๊าก ได้ เรื่องราวพัวพันไปถึงสถานบันเทิงของเสี่ยชูวิทย์ ที่มีหมอเหนื่อยเป็นแพทย์ ประจำอยู่ และเชื่อมโยงไปถึงโรงพยาบาลที่มี ผอ.เทพ และหมอพร สังกัดอยู่ นัวเนียไปถึง คุณระเบียบจัด แห่งสังคมสลัมรวมทั้ง น้าหมัก กับ น้าเสียบ เจ้าของร้านผัดไทในตลาด และ มัคนายกพะโยม สุดท้ายต้องใช้หมอผีให้เรียกผีขึ้นมาถามเรื่อง โว๊กว๊าก แต่ก็โดนผีหลอก โว๊กว๊าก อยู่ที่ไหน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ชายชาติอาชาไนย (2547/2004) เรื่องราวของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวทหาร [คือ ชาติชาย ชุณหะวัณ]มีพ่อเป็นผู้นำทหารที่ทรงอำนาจ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ มีพี่เขยที่ยิ่งใหญ่เจ้าของสโลแกน ไม่มีอะไรใต้ฟ้าเมืองไทย ที่ทำตำรวจไทยทำไม่ได้ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ; ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยเป็นผู้บังคับหมวด ครั้งสงครามอินโดจีน ในขณะเดียวกันก็มีหัวใจรักแม่นมั่นกับคุณครูบุญเรือน โสพจน์ แห่งโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ ชาติชายทุ่มเทชีวิตกับการเป็นทหารม้า ท่ามกลางกระแสการเมืองในขณะนั้นที่อยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจ ... การถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้นำการปฏิวัติสั่งให้ไปเป็นทูตที่อาร์เจนติน่า 15 ปี ... การกลับไทยเริ่มบทบาทบนถนนการเมือง จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย และผกผันอีกครั้งจากการถูกยึดอำนาจ ...
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547/2004) ธรรม์ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มกับ เจน (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) แฟนสาวของเขา ทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง แล้วตัดสินใจขับหนีไป ต่อมาทั้งคู่พบเหตุการณ์ประหลาด เมื่อภาพที่ธรรม์ถ่ายติดแสงเงาประหลาด และบางภาพมีเงาคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงติดมาในรูปด้วย และเป็นที่มาของการสืบเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ
Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
X แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์ (2547/2004) การดูหนังสือโป๊ หนังโป๊ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะความสนใจในเรื่อง “เซ็กส์” มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว การสืบพันธุ์หรือการมีเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ สื่อลามกประเภทหนังสือโป๊หรือหนังโป๊ถูกผลิตขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการทางด้านนี้ของคนโดยเฉพาะเพศชาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือความต้องการของผู้เสพมันเริ่มเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น ความต้องการและความนิยมในการดูหนังแอบถ่าย คำถามอีกข้อหนึ่งที่ตามมาก็คือ ทำไมคนถึงอยากดูสิ่งเหล่านี้ รสนิยมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปหรืออย่างไร หนังเรื่อง “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” (The Story of X-Circle) อาจจะไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงหนทางการแก้ไขปัญหานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังได้พยายามจะบอกก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศอยู่ใกล้กับตัวเรามากเหลือเกิน… “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของ “ธนกร พงษ์สุวรรณ” อีกหนึ่งผู้กำกับคุณภาพของวงการภาพยนตร์ไทยเจ้าของงานกำกับสร้างชื่อเรื่อง “Fake โกหกทั้งเพ” เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ธนกรเสนอพล็อตเรื่องนี้ให้แก่ทางบาแรมยูในเวลาเดียวกันกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake เริ่มเตรียมงานถ่ายทำ และพัฒนาบทเรื่อยมาจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake ตัดต่อเสร็จไม่นานนัก และได้เริ่มเตรียมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องเอ็กซ์แมนฯ ทันทีหลังจากนั้น “X-Man ก็คือคนเอ็กซ์หรือคนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมจิตบกพร่องไม่เหมือนกับคนอื่นในแง่ที่พวกเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศรสหรือเซ็กส์ในรูปแบบต่างๆ มากจนเกินไป ซึ่งเราอาจไม่รู้เลยก็ได้ว่าเขาเป็นใคร เป็นกลุ่มที่ดีหรือไม่ดี อาจจะคนใกล้ตัวหรือไม่ก็ได้ แต่จากพฤติกรรมของพวกเขา มันมีผลกระทบต่อทั้งเจ้าตัวและคนรอบข้าง การนำเสนอไม่ได้มุ่งเน้นไปเรื่องโป๊หรือเรื่องเซ็กส์ไปซะทีเดียว ไม่ได้เอาเซ็กส์มาเป็นจุดขาย แต่ต้องการนำเสนอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาสถานการณ์รอบตัวเราจะเป็นอย่างไรมากกว่า…” หนังเล่าเรื่องราวของ “ชมรมชาวเอ็กซ์” ที่มีผู้คนหลากอาชีพหลายฐานะทางสังคม ไม่ว่าจะเป็น “ตากล้องแอบถ่ายมือดี” ที่ผลงานแอบถ่ายของเขาทุกชิ้นมักเป็นที่ต้องการของตลาดเซ็กส์อยู่เสมอ, “นักศึกษาหนุ่มเรียนดี” ที่มีเบื้องหลังเป็นเจ้าของเว็บโป๊ชื่อดังอย่าง motel69, “พ่อค้าสิ่งหฤหรรษ์ทางเพศทุกประเภท” ที่เป็นพวกชอบโชว์ของลับ, “หนุ่มออฟฟิศจอมหื่น” ที่ชอบเซ็กส์โฟนเป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่ง “จิตแพทย์ชื่อดัง” ที่อาจจะเป็นผู้ป่วยทางจิตเสียเอง พวกเขาเหล่านี้มักจะมาชุมนุมกันที่คลับในยามว่างอยู่เสมอ บางคนก็รู้จักกัน และบางคนก็พยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่รู้จักของใครเลย เรื่องราวของพวกเขาคงจะดำเนินไปตามครรลอง “คลับเอ็กซ์” ที่แทรกตัวอยู่ในหลืบของสังคมอันวุ่นวายนี้อย่างเสียวสงบ ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับการ “แอบถ่ายดาราสาวชื่อดังอักษรย่อ จ” ที่ใครๆ ก็อยากเห็น “ความลับ” ของเธอไม่ไปเข้าถึงหูตำรวจเสียก่อน ปฏิบัติการสืบค้นและไล่ล่า “สมาคมชมเซ็กส์” จึงเกิดขึ้นโดยการนำของตำรวจสาวมือดีสุดเซ็กซี่ที่เธอเองก็กำลังตกเป็น “เหยื่อ” และ “ตัวล่อ” โดยไม่รู้ตัว “ผมเห็นว่าเรื่องนี้มันมีมุมมองที่เป็นปัญหาสังคมที่น่าสนใจ มันเป็นประเด็นที่ไม่มีคนพูดถึง เราอยากทำออกมาเป็นหนังเพื่อเป็นจุดชี้ให้คนช่วยกันระวังภัยในสังคมและหันมาสนใจมากขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากครับ อยากให้คนดูมองพวกตัวละครในหนังด้วยความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนพวกนี้ในสังคมได้อย่างไร เพราะคนพวกนี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราก็ได้ เราต้องเรียนรู้ เข้าใจ และระวังตัวมากขึ้น”
ธิดาช้าง (2547/2004) ดร.บัญชา ชุตินัยนา นักธุรกิจเจ้าของกิจการเครื่องสำอางและอาหารเสริมแบบขายตรง เป็นคนเจ้าระเบียบมีวินัยในการดำเนินชีวิต ภรรยาชื่อ มาลี เป็นพยาบาล มีบุตรีด้วยกันชื่อ หนอน ภรรยาคนปัจจุบันชื่อ สาวิตรี เป็นสาวสังคมชั้นสูง มีบุตรีด้วยกันชื่อ แพรไหม หนอน หญิงสาววัย 24 ปี ที่มีน้ำหนักกว่า 100 กก. เป็นสาวอารมณ์ดี จิตใจดี มีความสุขกับการใช้ชีวิตในอาชีพช่างเสริมสวย มีร้านชื่อ "ก้ำบี้ ซาลอน" หนอนอาศัยอยู่กับยาย ซึ่งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก และมีเพื่อนชายรู้ใจ เป็นชายหนุ่มร่างสันทัดชื่อ ผีเสื้อ ทั้งสองคบกันด้วยความดีงามของจิตใจ ไม่ใช่ความสวยของรูปร่าง ในอดีต บัญชา โกรธมากที่ มาลี ตามใจลูก จนขาดระเบียบวินัยในการกิน ทำให้ หนอน เป็นเด็กอ้วนตั้งแต่เด็ก และด้วยความทะเยอทะยานของบัญชา จนทั้งสองแยกทางกัน บัญชาได้แต่งงานใหม่กับสาวิตรี ทิ้งหนอนให้อยู่กับยายที่ลำพูน เมื่อมาลีเสียชีวิต หนอนก็อยู่กับยายมาตลอด ต่อมา บัญชา เป็นแกนนำในการรณรงค์ต่อต้านคนอ้วน เจ้าของสโลแกน "อย่าอ้วน ไม่ดี" เขาและ สาวิตรี อยากให้ แพรไหม เป็นตัวแทนของสาวรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและความสวยงาม จึงพยายามทุกทางผลักดันให้ได้รับตำแหน่ง นางสาวสยาม แพรไหม แม้ไม่อยากเข้าประกวด แต่ต้องทำเพราะไม่กล้าขัดใจพ่อแม่ เธอถูกเลี้ยงดูแบบบังคับให้ทำทุกอย่างตามตาราง โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอาหาร สภาพจิตใจเก็บกด และในการประกวดครั้งนี้ ยิ่งกดดันเธอมากขึ้น วันหนึ่งขณะอยู่ที่ร้านทำผม หนอนเห็นข่าวบัญชาทางทีวี ส่งเสริม แพรไหม และแอนตี้คนอ้วน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าบัญชามีลูกอ้วนมากอย่างเธอ หนอนจึงเกิดความคิดที่จะเอาชนะใจพ่อ ที่ไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่แยกทางกับแม่ หนอน ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อประกวด ธิดาช้าง ด้วยความมุ่งมั่น โดยที่ผีเสื้อก็ไม่อาจทัดทานได้ เมื่อบัญชาเห็นข่าวทางทีวี และจำได้ว่าคือลูกสาวของตน จึงสั่งการให้ลูกน้องคนสนิท ให้ไปขัดขวางการประกวดทุกวิถีทาง แต่ทุกครั้งที่โดนกลั่นแกล้ง กลับกลายเป็นแรงใจส่งเสริมให้หนอน และการประกวดธิดาช้างก็ยิ่งโด่งดังขึ้นทุกที ขณะ การประกวดของทั้ง 2 เวทีดำเนินต่อไป เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับ แพรไหม เมื่อ หนอน ทราบข่าว เธอจึงต้องตัดสินใจว่า จะเลือกช่วยชีวิตน้องสาวคนเดียวของเธอ หรือเลือกตำแหน่งอันทรงคุณค่าจากเวทีอันมีเกียรติ ที่เธอต้องต่อสู้เพื่อแสดงให้พ่อเห็นว่า เธอสามารถทำได้แม้จะมีรูปร่างอ้วนก็ตาม
เกิดมาลุย (2547/2004) โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้
หมอเจ็บ (2547/2004) หมอพาย (ภัทรพล ศิลปาจารย์), หมอถุน (ตะวัน แซ่ตั้ง) สองคู่ซี้คู่ซ่าส์นักเรียนหมอเอ๊กซ์เทิร์น ถึงคราวต้องออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ไปฝึกงานภาคสนาม ที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดห่างไกลความเจริญ ทั้งสองต้องเผชิญกับหมอรุ่นพี่จอมเผด็จการสุดเฮี้ยบ พยาบาลสาวใหญ่จอมโหดสุดโต่ง ที่ชอบข่มหมอใหม่ และพยาบาลสาวสวยที่มากไมตรี โดยเฉพาะกับคุณหมอหนุ่ม ๆ แถมด้วยเหล่าคนป่วยที่ห่างไกลความเจริญหลายหลากรูปแบบ เมื่อองค์ประกอบที่ว่านี้ มาเจอกับพฤติกรรมหลุดกรอบของสองหมอเข้า ก็เกิดเป็นปฏิกิริยาที่ดุเดือด วุ่นวาย ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ เฮฮา ปนเปกันไป หมอพาย และ หมอถุน ไม่เคยคิดเลยว่า เพียงชั่วเวลาไม่กี่เดือนที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย ซึ่งทำให้พวกเขาได้ประสบการณ์และความรู้ เติบโตในความเป็นหมอมากขึ้น และยังทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องของมิตรภาพ และความรัก เติบโตในความเป็นคนเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อการฝึกงานจบลง พวกเขาก็กลับสู่บ้านเกิด กรุงเทพมหานครอันกว้างใหญ่ เข้าสู่การสอบครั้งสุดท้ายเพื่อจบเป็นหมออย่างเต็มตัว แต่กลับมีสถานการณ์พลิกผัน ที่ทำให้ หมอพาย ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างการสอบ และการช่วยชีวิตคนไข้ อย่างแรกเพื่อเป็นหมอที่มีใบรับรอง อย่างที่สองเพื่อเป็นหมอของคนไข้ ที่ความตายรออยู่ข้างหน้า
มนต์รักร้อยล้าน (2547/2004) ในงานประจำปีบ้านโคกสำราญ ได้จัดการประกวดเทพีบ้านโคกสำราญขึ้น คู่แข่งที่ชาวบ้านจับตามอง คือ มาลี (กิ๊ฟ อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์) ลูกสาวคนรองของ ผู้ใหญ่เทพ (อุดม ชวนชื่น) และ กิ่งแก้ว (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) ลูกสาวคนเดียวของ กำนันเทือก (กรุง ศรีวิไล) ก้านไม้ (จิรายุ ชัยเชียงเอม) พี่ชายของกิ่งแก้วที่รู้ว่าอย่างไงกิ่งแก้วต้องแพ้มาลีแน่ๆ จึงแอบเอาเงินยัดให้พิธีกรเปลี่ยนผลประกาศให้กิ่งแก้วได้เป็นเทพี มาลีเสียใจมากที่ตนไม่ได้ตำแหน่ง ท่ามกลางความโชคร้าย สายลมแห่งรักก็โชยมาถึงเธอ เมื่อเกษตรอำเภอหนุ่ม ฉัตรชัย (ภาณุ สุวรรณโณ) เพิ่งเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้มอบรางวัลให้มาลีในฐานะรองเทพี เพียงสบตาสองหนุ่มสาวต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกัน การกระทำของฉัตรชัยสร้างความไม่พอใจแก่ก้านไม้ที่แอบชอบมาลีอยู่ มาลา (วิญาดา จงรัตนเมธีกุล) พี่สาวของมาลี ก็แอบพึงพอใจในตัวฉัตรชัย ด้วยความเป็นหญิงไม่กล้าแสดงท่าทีออกไป เพราะมาลาถูกอบรมเลี้ยงดูจาก ยายเปรี้ยว คนแก่หัวโบราณเจ้าระเบียบ ส่วนกิ่งแก้วเองก็ชอบฉัตรชัย เพราะความหล่อหมายมั่นจะเอาฉัตรชัยมาเป็นของตนให้ได้ ฉัตรชัย เข้ามาสอนชาวบ้านให้รู้จักการปลูกหญ้าแฝก พืชจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งสอนให้ทำปุ๋ยธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพดิน และชาวบ้านสามารถลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมี การกระทำของฉัตรชัยสร้างความไม่พอใจให้กับกำนันเทือก และ ปลัดอำเภอ ที่เป็นนายหน้าขายปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะกำนันเทือกต้องสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชาวบ้านต่างแห่กันเอาเงินมาคืน มาลัย (ดาราวัลย์ วิไลงาม) ลูกสาวคนเล็กจอมแก่นของผู้ใหญ่เทพกลับชื่นชมฉัตรชัยว่าเก่ง เอาฉัตรชัยไปชมต่อหน้าพ่อและยายเปรี้ยว แต่ทั้งสองหาว่าฉัตรชัยทำงานเอาหน้า กำนันเทือก ส่งก้านไม้ ไอ้ลิต (กิติธัช ทองมาก) และ ไอ้เหลิม (ราชันย์ บุญชูวงศ์) ไปจัดการฉัตรชัย ทั้งสามแอบไปถอดน็อตรถมอเตอร์ไซค์ของฉัตรชัย ฉัตรชัยเจ็บตัวแต่กลับส่งผลดีเมื่อ มาลา มาลี มาลัย สามสาวพี่น้องมาพบเข้า ฉัตรชัยได้ใกล้ชิดมาลีมากขึ้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่งอกเงยขึ้นตามลำดับ ส่วนมาลาเองก็ได้แต่ทำใจด้วยความรักของพี่น้องที่มาก่อนความรักของหนุ่มสาว ความสัมพันธ์ของฉัตรชัยและมาลี สร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่เทพและยายเปรี้ยวเป็นอย่างมาก เพราะฉัตรชัยเอานิสัยของคนกรุงเทพฯ มาใช้คบหากันข้ามหัวผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เทพโกรธฉัตรชัยมากขึ้น เมื่อฉัตรชัยกล้าเอ่ยปากขอมาลีแต่งงานโดยไม่มีผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นตามประเพณีไทย ผู้ใหญ่เทพบอกให้ฉัตรชัยเอาเงินร้อยล้านมากองตรงหน้าถึงจะยกมาลีให้ ส่วนก้านไม้เองพยายามหาเรื่องฉัตรชัยไม่หยุดหย่อน จนผู้ใหญ่เทพเข้าใจผิดคิดว่าฉัตรชัยเป็นคนไม่ดี ผู้ใหญ่เทพยื่นคำขาดไม่ให้มาลีคบหากับฉัตรชัยอีก ส่วนกิ่งแก้วเองก็ไม่ลดละตามตื้อฉัตรชัยถึงที่ทำงาน สร้างความรำคาญใจให้กับฉัตรชัยเป็นอย่างมาก มาลีแอบทำกับข้าวมาให้ฉัตรชัยกิน เธอได้เห็นภาพของฉัตรชัยและกิ่งแก้วนั่งกอดกันจูบกัน มาลีโกรธฉัตรชัยมากฉัตรชัยกำลังตามไปอธิบาย แต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อนเมื่อถูกปลัด อำเภอสั่งย้ายด่วนให้ออกจากหมู่บ้านโคกสำราญ เรื่องราวความรักระหว่าง มาลี และ ฉัตรชัย จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน มนต์รักร้อยล้าน
อาถรรพณ์ แก้บนผี (2547/2004) ปิ่น, มอส, หมวย และบรรดาเพื่อน ๆ เป็นเด็กสาวที่เพิ่งจบการศึกษาชั้นมัธยม ขณะที่ทั้งหมดกำลังรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย คืนหนึ่ง ทั้งหมดได้เดินทางไปยังบ้านร้างแห่งหนึ่งชานกรุงเทพมหานคร ที่ร่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง ที่หน้าบ้านมีศาลเพียงตาตั้งอยู่หน้าอย่างน่ากลัว พร้อมของแก้บนและเครื่องเซ่นต่างๆ ด้วยความคึกคะนอง มอสจึงเอ่ยปากท้าทายและตามมาด้วยเพื่อนๆ ทั้งหมด ด้วยไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ต่อมา ในกลุ่มเพื่อน ๆ ต่างได้ประสบกับเหตุการณ์แปลก ๆ มอสเองก็ฝันแปลก ๆ จนตัวเองต้องป่วยหนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องเซ่นสังเวยการท้าบนบานครั้งนี้ด้วยชีวิต
พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว (2547/2004) หลังจากที่ชีวิตต้องเผชิญกับการสูญเสียน้องชายคนเดียวที่จมน้ำตาย โดยที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปช่วย แบงค์ ชายหนุ่มเลือดร้อนวัย 20 ตัดสินใจค้นหาความท้าทายที่กล้าบ้าบิ่น เพื่อขจัดปมขลาดกลัวของตัวเองออกไป เขาได้พบกับกลุ่มของ หนุ่ม ซันนี่ และ เหลียง ทำให้ แบงค์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่ากับทุกคนในกลุ่ม เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งความเสี่ยงสูงมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนทุกคนยิ่งพึงพอใจขึ้นเท่านั้น หลังจากการใช้ปืนป้องกันตนเองที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการปล้น ทุกคนก็ได้ลิ้มลองความสะใจจากการใช้ปืน บวกกับความบ้าบิ่นของวัยทำให้ไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกเขาได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับเพื่อนในกลุ่มก็เริ่มคลอนแคลน เมื่อซันนี่ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มเริ่มมีใจให้แบงค์ เมื่อความท้าทายของกีฬาที่เคยสะใจและสนุกสนานเกิดพลาดจนมีการตายเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนเริ่มไม่ไว้ใจในเพื่อน เมื่อเพื่อนคิดต่างกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดใจ แบงค์ จึงตัดสินใจที่จะแยกทางเดินออกจากกลุ่ม ทั้งที่ปมในใจเขายังไม่คลี่คลาย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เขาก็ตัดสินใจเลือกมิตรภาพและใช้ความกล้าที่แท้จริง โดยการย้อนกลับไปยับยั้งเพื่อนที่ทำเรื่องเสี่ยงจนเกินขอบเขต เป็นครั้งสุดท้าย ในที่สุด แบงค์ จึงได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตคือการเสี่ยงอันตรายที่สุด และสนามแห่งชีวิตมีค่าเกินกว่าที่จะท้าทายเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ หากแต่ต้องอาศัยกติกาที่ประกอบไปด้วยมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ ที่จะรักษาไว้ได้ด้วยความกล้าหาญและความเสียสละจากเพื่อนเท่านั้น
เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก (The Letter) (2547/2004) หนังรักที่ “ดวงกมล ลิ่มเจริญ” (โปรดิวเซอร์) ทุ่มเทหัวใจและถ่ายเทจิตวิญญาณตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยมี “นนทรีย์ นิมิบุตร” รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวให้กับ “ผอูน จันทรศิริ” ผู้หญิงเก่งที่เป็นทั้งนักแสดง คนเขียนบท และผู้กำกับละครแถวหน้าของเมืองไทยรับหน้าที่ “กำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก” กับภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติกที่มาพร้อมความประทับใจที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจแก่นแท้และนิยามใน “ความรัก” ที่ไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงตรงที่เราได้ค้นพบและเติมเต็มแง่มุมความรักที่เฝ้าค้นหามาตลอดชีวิต แต่เป็นการทำความเข้าใจ “ความหมาย” และ “เรียนรู้วิธีที่จะรักษาคุณค่าของรักแท้ให้คงอยู่” ภายหลังจากคนที่เรารักจากไป พร้อมการตั้งคำถามกับทุกคู่รักว่า “นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เคยหลั่งน้ำตาอย่างอิ่มเอมให้กับหนังรักดีๆ สักเรื่อง” และเป็นการประกบบทบาทกันครั้งแรกในชีวิตของ “แอน ทองประสม” และ “หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร” 2 นักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย โดยเป็นการหวนคืนจอภาพยนตร์ครั้งแรกในรอบทศวรรษของ “แอน ทองประสม” หลังจากที่หลั่งน้ำตาถึง 4 ครั้งจากการอ่านบทภาพยนตร์ไป 4 รอบ และเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ “หนุ่ม อรรถพร” โดยมีโลเคชันหลักคือ “ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่” ที่ที่ความรักของคนทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น ว่ากันว่ารักแท้ที่เป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิตหากเกิดขึ้นกับใครสักคน แน่นอนว่ารักนั้นจะไม่เลือนหายไปจากใจ ตราบแม้คนที่เรารักจะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตาม… สำหรับ “ดิว” (แอน ทองประสม) โปรแกรมเมอร์สาวในเมืองใหญ่ที่ชีวิตมีเพียงจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมของบริษัทเว็บไซต์ดึงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปเกือบหมด ยังดีที่มี “เกด” (สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ) เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้เกิดขึ้นกับดิวหลังจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวการเสียชีวิตของยายเล็ก ญาติห่างๆ ที่ทิ้งบ้านหลังเล็กและไร่กระเทียมที่เชียงใหม่ไว้ให้ ที่นั่นเกดได้พบกับ “ต้น” (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีเกษตรที่เชียงใหม่ที่ให้ความช่วยเหลือดิวและเกดที่ต้องพบกับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเดินทางทำให้พลาดรถเที่ยวสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ ทำให้เกดและดิวมีโอกาสได้แวะศูนย์วิจัยซึ่งเป็นที่ทำงานของต้น นอกจากความอบอุ่นและอ่อนโยนในตัวต้นที่ดิวสัมผัสได้ ดิวยังได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของชายหนุ่มที่แสนบอบบางคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปกับเธอเลย “ต้นบ๊วย” สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของศูนย์วิจัยเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ไม่ต่างจากญาติของต้น ทันทีที่ลืมตามองดูโลกได้ไม่นานเขาสูญเสียแม่ที่ให้กำเนิดหลังจากคลอดไม่นาน และสูญเสียพ่อที่รักไปอีกคน ต้นเรียนรู้การต้องเติบโตมาท่ามกลางความเหงาและโดดเดี่ยวอย่างคุ้นเคยมีเพียงรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนๆ ที่ศูนย์วิจัยเท่านั้น ความเรียบง่ายที่แสนอบอุ่นของดอยอ่างขางและเชียงใหม่ยังคงอยู่ในความรู้สึกในใจของดิว ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันสูงอีกครั้ง ในขณะที่ยังมีเกดเพื่อนรักที่ยังคงตื่นเต้นและวูบวาบใจไปกับการนัดพบชายหนุ่มที่แชตและติดต่อทางอินเทอร์เน็ตเหมือนอย่างเคย วันเวลาผ่านไปทั้งปีใหม่และวาเลนไทน์ แต่สิ่งพิเศษเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิวคือการได้มีเพื่อนใหม่อย่างต้นที่ติดต่อกันหลังจากที่กลับมาจากเชียงใหม่ในครั้งนั้น โดยมีโทรศัพท์เป็นสื่อกลางที่ทั้งคู่ได้บอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้นในกันและกัน จนกระทั่งดิวต้องพบกับเซอร์ไพรส์เมื่อได้พบกับต้นที่กรุงเทพฯ และความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อเกดเสียชีวิตจากการนัดบอดกับชายหนุ่มทางอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นร้ายแรงเกินที่หัวใจอันบอบบางของดิวจะรับได้ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ดิวตัดสินใจเดินทางสู่เชียงใหม่เพื่อพบกับความอบอุ่นเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ต้นและดิวต่างเฝ้าตามหามาตลอดชีวิตได้รับการเติมเต็มในกันและกันในที่สุด เมื่อพรหมลิขิตกำหนดให้คน 2 คนที่อาจจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกได้มาพบกัน รักกัน ชีวิตคู่ที่มีความสุขจนหลายคนนึกอิจฉา มันคือรักแท้ ที่เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวในชีวิตของทั้งคู่ หลังจากที่แต่งงาน ต้นย้ายมาอยู่กับดิวในบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในเรื่องราวและความรักของยายเล็ก ต้นได้พบกับข้าวของที่ถูกเก็บไว้ของยายเล็ก ในนั้นมีจดหมายที่บอกเรื่องราวในอดีตฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกในรักที่มีอยู่อย่างเหลือล้นของชายคนหนึ่งที่มีต่อยายเล็ก ต้นประทับใจในข้อความและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายมาก จนมีความคิดว่าวันหนึ่งอยากจะเขียนจดหมายแบบนี้บ้าง ความรักมีความหมายและมีคุณค่าสำคัญที่เติมเต็มชีวิตให้กับหลายๆ คนรวมทั้งดิว แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้และยากที่จะเปลี่ยนแปลง เหมือนการที่สวรรค์กำหนดให้ต้นมาพบกับดิว และพรากต้นไปจากดิว ไม่นานนักหลังจากที่ต้นเกิดไม่สบายอย่างหนัก จนในท้ายที่สุดพบว่าตนเองเป็นโรคร้าย และเหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิด เมื่อดิวต้องพบกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือสูญเสียต้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ดูเหมือนหัวใจที่บอบช้ำของดิวมันอ่อนแอเกิดที่จะเยียวยาได้อีกครั้ง เมื่อเหลือดิวเพียงลำพังในโลกใบนี้ แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ดิวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การมาถึงของจดหมายด้วยลายมือที่คุ้นเคยจากคนเดียวในดวงใจ จากรักแรกและรักเดียว เป็น “จดหมายรัก” ที่ต้นเขียนถึงดิว…
สัตว์ประหลาด Tropical Malady (2547/2004) สัตว์ประหลาด แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นสองส่วน เรื่องราวตอนแรกเป็นเรื่องรักหวานละมุนของ เก่ง ทหารหนุ่มวัย 35 ปี มีหน้าที่พิทักษ์ป่า และ โต้ง ชาวบ้านธรรมดา วัย 20 ปี ลูกจ้างโรงงานน้ำแข็ง ส่วนเรื่องราวตอนที่สองนำเสนอความลึกลับในป่า ผีสางนางไม้ รวมไปถึงเวทมนตร์คาถาน่าสะพรึงกลัว การตามล่าเสือที่มางาบวัวตัวหนึ่งไป ซึ่งเป็นที่สงสัยกันว่าจะเป็นเสือสมิง ที่มีสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์และสัตว์ป่าอยู่ภายในร่างเดียวกัน! มีกลิ่นอายของความแปลกประหลาดในบรรยากาศ มันเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขของความรักระหว่าง "เก่ง" ทหารหนุ่มกับ "โต้ง" ลูกจ้างโรงงานน้ำแข็ง สองหนุ่มออกท่องเที่ยวในเมืองเคล้าเสียงเพลง...แต่แล้วเรื่องก็พลิกผัน เมื่อโต้งหายตัวไป มีเรื่องเล่าขานกันว่า มีคนที่กลายร่างเป็นสัตว์ได้ และตำนานก็ได้เอ่ยถึงเรื่องราวของทหารหนุ่ม ผู้ซึ่งออกเดินทางเพื่อตามหาสัตว์ลึกลับในใจกลางป่าดงดิบ ที่ซึ่งตำนานโบราณกลายเป็นความจริง
คนเล่นของ (2547/2004) บุ๋มหญิงสาวแววตาอาฆาต ……กำลังคุยกับ แนนสาวน้อยซึ่งมีใบหน้าโกรธแค้น บุ๋มบังคับให้แนนเซ็นมอบมรดกทรัพย์สินของตระกูลให้กับหล่อน โดยบุ๋มอ้างว่าสิทธินี้ควรเป็นของตน แล้วทั้งสองก็พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ในอดีต ประธาน ได้มีสัมพันธ์รักกับ บุ๋ม ในตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาสาว ทั้ง ๆ ที่ประธานมีครอบครัวอยู่แล้ว จากนั้นไม่นาน…บุ๋มก็ท้อง ประธานเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการเอาเงินฟาดหัว เท่านั้นยังไม่พอ เขาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันข่มขื่นบุ๋ม… บุ๋มกลับมาทวงสิทธิของลูกในท้อง แต่กลับถูกประธาน ดุด่า และทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ ด้วยความแค้น บุ๋มจึงไปหาหมอทำคุณไสย เพื่อปล่อยของใส่พวกเพื่อนประธาน พร้อมกับประธานและครอบครัว ในที่สุดทุกคนก็ตายสมใจบุ๋ม คราวนี้ลูกในท้องของบุ๋มก็มีสิทธิในมรดกของประธานโดยชอบธรรม แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะที่บุ๋มกำลังข้ามถนน ก็ถูกรถชนเข้าอย่างจัง กลายเป็นว่า…กมลา เมียน้อยอีกคนหนึ่งของประธาน พร้อมกับลูก ๆ ได้รับมรดกทั้งหมด ไป แทนที่จะเป็นบุ๋ม ซึ่งแท้งลูก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กมลาและลูก ๆ รุตน์พี่ชายคนโต แนนพี่สาวคนรอง เหน่งลูกชายคนกลาง และบอลน้องชายตัวเล็กย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของประธาน ดูท่าทางทุกคนตื่นเต้น และมีความสุข เหมือนคนถูกหวย โดยที่หารู้ไม่ว่า ภัยร้ายกำลังจะมาเยือน บุ๋มกลับเข้ามาสู่กองมรดกของประธานอีกครั้ง ในฐานะลูกสะใภ้ของกมลา เมื่อบุ๋มเข้าวิวาห์กับรุตน์ พี่ชายตนโต โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่า บุ๋มกำลังตามมาทวงสิทธิของตนในมรดกประธานคืน บุ๋มคิดปล่อยของใส่ทุกคนในครอบครัวกมลา เพื่อตนเองก็จะได้รับมรดก โดยสิทธิของลูกสะใภ้ซึ่งจะเหลืออยู่เพียงคนเดียว บุ๋มเริ่มแผนการ โดยให้หมอทำพิธีปล่อยของใส่ เหน่งน้องชายคนกลางตาย พบสาเหตุการ ทำให้แนนพี่สาวคนรอง ต้องพิสูจน์หาความจริง จนในที่สุดหล่อนได้ไปเจอกับ ดนัยผู้สื่อข่าวหนุ่ม ซึ่งติดตามคดีการตายแปลก ๆ หรือที่เขาเรียกว่า ตายด้วยคุณไสย ดนัยให้ข้อมูล และความช่วยเหลือแนนอย่างเต็มที่ แต่ทั้งสองก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยของ ไม่นานนัก…รุจน์ก็ต้องมาตายลงไปอีกคน ดนัยกับแนนพยายามค้นหาว่า ใครคือผู้ที่บงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง จนในที่สุดทั้งคู่ก็รู้ว่า แท้จริงแล้วบุ๋มคือผู้วางแผนการทั้งหมด ในขณะที่ กมลา และบอล น้องชายคนสุดท้อง กำลังโดนของ แนนกับดนัยได้ร่วมมือกัน โดยดนัยไปจัดการตามล่า หาตัวหมอปล่อยของ ส่วนแนนก็ต้องต่อสู้กับบุ๋ม เพื่อรักษาชีวิตของน้องและแม่ ทั้งหมดต้องแข่งกับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยอยากเชื่อ…….
The Sin ชู้ (2547/2004) กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งสำหรับ "ชู้" ภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังในอดีต จากผลงานการกำกับของ "เปี๊ยก โปสเตอร์" เมื่อกว่า 20 ปีก่อน คราวนี้ "โด่ง - องอาจ สิงห์ลำพอง" บริษัท อะลาดิน เฮาส์ ในเครือบริษัท อาร์.เอส โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ขอนำกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง กับเรื่องราวความรัก ศีลธรรม ความถูกต้อง ระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย โดยมี เทพ (แอนดี้ - วัชระ ตังคะประเสริฐ) ช่างภาพหนุ่มผู้รักอิสระ เรียม (เฮเลน นิมา) สาวชาวเล ที่โหยหาความรัก และเชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ชายชาวประมงผู้เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย อุปสรรครักครั้งนี้... มีสายเลือดเดียวกันเข้ามาเกี่ยวข้อง... เรื่องราวของความขัดแย้งของสามชีวิตบนเกาะห่างไกล เมื่อเทพเกิดหลงรัก เรียม หญิงสาวแปลกหน้าเข้าตั้งแต่แรกที่ได้เห็น โดยหารู้ไม่ว่าเธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของตน รักต้องห้ามไม่อาจปกปิดไว้ได้ เมื่อเรียมตกอยู่ภายใต้อารมณ์รักอันรุนแรงของสามี จนทำให้เทพต้องเข้าปกป้องไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้แม้จะต้องถูกตราหน้าว่า เป็นชู้ก็ตาม เทพ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตไปกับการเดินทางและงานถ่ายภาพ ซึ่งให้บทเรียนในชีวิตมากมาย จนกระทั่งถึงวันที่เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อสะสางปมปัญหาที่เคยมีอยู่กับผู้เป็นพ่อ สิบห้าปีที่แล้ว หลังจากที่ชีวิตครอบครัวแตกแยก ภรรยาหนีไปกับชายชู้ ลูกชายหนีออกจากบ้าน เชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ก็เหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง เขาตัดสินใจย้ายลงใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะชาวประมง หลายปีที่ผ่านไป เชิง ขยายกิจการจนเป็นเจ้าของเรือประมงหลายลำ ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ จนถึงวันนี้ เขาคือนาย เชิง ที่ทุกคนนับหน้าถือตาและเพิ่งจะแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน เรียม (เฮเลน นิมา) คงจะจบชีวิตลงกลางทะเลไปเสียแล้ว หากวันนั้นเรือของนายเชิงไม่ผ่านมาเสียก่อน นายเชิงเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือ เรียม เอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัวที่เหลือของเธอไว้ได้หมด เรียมเหลือตัวคนเดียวและไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากนาย เชิง ผู้มีบุญคุณ จนถึงวันนี้ เธอใช้ชีวิตร่วมกับนายเชิงฉันท์สามีภรรยามาได้เกือบครบปีแล้ว แม้นายเชิงจะให้ชีวิตใหม่ แต่ในอีกด้านเขาคือผู้นำความทุกข์และความเจ็บปวดมาสู่เธอ ระหว่างการเดินทางมาถึงเกาะ เทพ ได้พบกับ เรียม ที่ท่าเรือ วูบแรกที่พบ เทพ รู้สึกพึงใจในตัวหญิงสาว แต่เมื่อรู้ความจริงในภายหลังว่า เรียม คือภรรยาคนใหม่ของพ่อ เทพก็ต้องรีบสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เมื่อ เทพ มาถึง เชิง ต้อนรับลูกชายอย่างเย็นชา เทพ เข้ามาพักอยู่ด้วยชั่วคราว และในช่วงเวลานั้นเองที่ เทพ สังเกตเห็นปัญหาระหว่างสามีภรรยา เทพรู้ดีว่าพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลังและนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้แม่หนีไปกับชายอื่น แม้จะต้องการปกป้องหญิงสาวเพียงใด เทพก็ทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ เทพ แอบหยิบยื่นให้ ทำให้ เรียม รู้สึกดีขึ้น ทั้งคู่จึงเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นในระหว่างที่ เชิง ไปออกเรือ จนกระทั่ง เชิง เริ่มผิดสังเกต จึงนำตัว เทพ ออกทะเลไปด้วยกัน หลายต่อหลายครั้งที่ เชิงพยายามทำให้ เทพ รู้สึกว่าไม่มีวันที่ใครจะเอาชนะตนลงได้ โดยที่ เชิง หารู้ไม่ว่าชัยชนะของตนกลับทำให้ เทพ และ เรียม เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ประกอบกับความเข้าอกเข้าใจกันและกัน ในที่สุดทั้งคู่จึงตัดสินใจก้าวข้ามเส้นแห่งความถูกผิดและเป็นของกันและกันในที่สุด เทพและเรียมลักลอบมีความสัมพันธ์กันในอ่าวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก แต่ไม่นานเชิงก็เริ่มสงสัย เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา เขาจึงเริ่มวางแผนว่าจะออกทะเลติดต่อกันหลายวัน เปิดโอกาสให้ เทพ และ เรียม ได้อยู่กันตามลำพัง ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงสั้น ๆ นี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของ เชิง ซุ่มดูอยู่โดยตลอด เชิง พยายามข่มความแค้นไว้ในใจ แม้อยากจะฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ด้วยความแค้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงไล่ลูกชายให้กลับไป เทพ กับ เรียม ตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนไปเจอกันที่ท่าเรือบนฝั่ง ซึ่ง เทพ จะออกเดินทางไปรอล่วงหน้าก่อน แต่แล้วระหว่างทางเทพกลับถูกลูกเรือที่ เชิง ส่งมากักตัวเขาไว้ เมื่อเรียมมาถึงจุดนัดพบไม่เจอ เทพ จึงคิดว่า เทพ ทิ้งตนเสียแล้ว เทพฟื้นขึ้นมาและหนีออกจากเรือที่คุมขังได้สำเร็จ และรีบไปยังจุดนัดพบ แต่ที่นั่น เทพ กลับไม่พบ เรียม เขาหวนนึกถึงที่ ๆ เรียมเคยพูดไว้ เขาจึงรีบเดินทางไปยังอ่าวมรกต ซึ่งเรียมมักพูดเสมอว่าจะเป็นที่ตายของเธอ เส้นทางชีวิตของทั้งสองถูกขีดเส้นแบ่งระหว่างความรักกับศีลธรรมเขาและเธอจะทำอย่างไร?