มนต์ผีบอก (2547/2004) เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคิดแก้แค้นเพื่อนด้วยวิธีลึกลับทางไสยศาสตร์ โดยการนำดินจากป่าช้า 7 แห่ง ตามตำรา "เจ็ดป่าช้า" มาปลุกเสกด้วยมนต์ผีบอก แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านอกจากความสะใจที่ได้แล้ว "หายนะ" กำลังไล่ล่าอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อความน่าสะพึงกลัวปนสยดสยองของ "เงา" ลึกลับที่มองไม่เห็นได้ตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละ พวกเขาจะลบ "อาถรรพ์" นี้ลงได้อย่างไร..??
โว๊กว๊าก (2547/2004) เรื่องราวของ ครอบครัวเจ้าสัว กับ คุณหญิง ที่มี พ่อใหญ่ เป็นที่ปรึกษา เหตุเกิดขึ้นเมื่อบุตรชายแสนรักชื่อ โว๊กว๊าก ผู้ชอบเล่นสนุกกับสาว ๆ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ เพื่อให้ได้ลูกสุดเสน่หาคืนมาอย่างปลอดภัย เจ้าสัว จึงไม่กล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ให้ บอดี้การ์ด เอ๋อ กับสมุนออกตามหา โว๊กว๊าก โดยจ่ายค่าตอบแทนให้ไม่อั้น ทั้งยังว่าจ้าง นักสืบสันติ กับ เพชรแท้ หลานชายของนักสืบสันติ ที่เพิ่งจบหลักสูตรสืบสวนมาจากเมืองนอก โดยได้ร่วมมือกับ อุ๋งอิ๋ง พี่สาวของ โว๊กว๊าก ซึ่งเรียนการต่อสู้มาจากญี่ปุ่นและต้องบินด่วนกลับจากนอกเพื่อตามหาน้องชาย ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามปิดข่าวจากยอดนักข่าว สิทธิชัย หย่อน เพื่อไม่ให้มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ชึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับ โว๊กว๊าก ได้ เรื่องราวพัวพันไปถึงสถานบันเทิงของเสี่ยชูวิทย์ ที่มีหมอเหนื่อยเป็นแพทย์ ประจำอยู่ และเชื่อมโยงไปถึงโรงพยาบาลที่มี ผอ.เทพ และหมอพร สังกัดอยู่ นัวเนียไปถึง คุณระเบียบจัด แห่งสังคมสลัมรวมทั้ง น้าหมัก กับ น้าเสียบ เจ้าของร้านผัดไทในตลาด และ มัคนายกพะโยม สุดท้ายต้องใช้หมอผีให้เรียกผีขึ้นมาถามเรื่อง โว๊กว๊าก แต่ก็โดนผีหลอก โว๊กว๊าก อยู่ที่ไหน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ชายชาติอาชาไนย (2547/2004) เรื่องราวของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวทหาร [คือ ชาติชาย ชุณหะวัณ]มีพ่อเป็นผู้นำทหารที่ทรงอำนาจ จอมพล ผิน ชุณหะวัณ มีพี่เขยที่ยิ่งใหญ่เจ้าของสโลแกน ไม่มีอะไรใต้ฟ้าเมืองไทย ที่ทำตำรวจไทยทำไม่ได้ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ; ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยเป็นผู้บังคับหมวด ครั้งสงครามอินโดจีน ในขณะเดียวกันก็มีหัวใจรักแม่นมั่นกับคุณครูบุญเรือน โสพจน์ แห่งโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ ชาติชายทุ่มเทชีวิตกับการเป็นทหารม้า ท่ามกลางกระแสการเมืองในขณะนั้นที่อยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจ ... การถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้นำการปฏิวัติสั่งให้ไปเป็นทูตที่อาร์เจนติน่า 15 ปี ... การกลับไทยเริ่มบทบาทบนถนนการเมือง จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย และผกผันอีกครั้งจากการถูกยึดอำนาจ ...
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547/2004) ธรรม์ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มกับ เจน (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) แฟนสาวของเขา ทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง แล้วตัดสินใจขับหนีไป ต่อมาทั้งคู่พบเหตุการณ์ประหลาด เมื่อภาพที่ธรรม์ถ่ายติดแสงเงาประหลาด และบางภาพมีเงาคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงติดมาในรูปด้วย และเป็นที่มาของการสืบเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ
Headless Hero 2 ผีหัวขาด 2 (2547/2004) ไอ้ไฝ (แสดงโดย อรุณ ภาวิไล) กับ ไอ้เทือง(แสดงโดย โต อำพล รัตนวงศ์) ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็ขโมยสร้อยศพของผีถั่วแระ(ถั่วแระ เชิญยิ้ม) และไฝก็เอาสร้อยเส้นหนึ่งไปแต่ความซุ่มซ่ามของไอ้เทือง มือของไอ้เทืองติดอยู่กับปากศพของคนจีนจนทำให้ไอ้เทืองตาย และไอ้ไฝวิ่งหนีไป และไอ้ไฝก็รอดตัวจากผีตามหาสร้อยของมัน และรุ่งเช้ามีงานเทศกาลแข่งเรือ เวลาที่กำลังจะเริ่มแข่งเรืออยู่นี้เห็นเรือประหลาดโผล่มาและมีคนประหลาดที่แล่นเรือเอง โดยมีไม่มีฝีพายและเรือของผีหัวขาดก็ชนะในการแข่งขัน และกรรมการให้รางวัลในการชนะเลิศแต่ผีหัวขาดก็ไม่ชอบใจ และคนอื่นก็ใช้มือในผลักหัวแต่นี่ไม่ใช่คนมันเป็นผีหัวขาด และทุกคนก็วิ่งหนีไป และมีหมอเฒ่าเป็นนักปราบผี และใช้ไหโบราณผนึกผีหัวขาดตัวนั้น ตอนที่หมอเฒ่ากำลังผนึกผีหัวขาดตนนั้นได้แต่หัว ส่วนร่างของผีหัวขาดก็เก็บไว้ในสุสานตามเดิม 25 ปีต่อมา เมฆ ลูกชายของไฝ มีนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะ ป๋อง เพื่อนสนิทของเมฆที่มักมีเรื่องให้เมฆต้องช่วยอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองได้เจอผกากับเพื่อนชื่อเง็ก ผู้หญิงที่ทั้งสองแอบชอบอยู่ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋า จึงเข้าไปช่วย สร้างความไม่พอใจให้สาธิต คู่หมั้นของผกาเป็นอันมาก ส่วนป๋องนั้นแอบหลงรักเง็ก แต่เง็กไม่เล่นด้วยแถมไล่ตะเพิดทุกครั้งที่เห็นหน้า จนป๋องทนไม่ไหวได้ขอร้องให้เมฆช่วยเรื่องเง็ก เมฆทนคำขอร้องไม่ไหวจึงยอมช่วย โดยเมฆได้ไปขโมยตำราปราบผีของพ่อ (ไฝ) เพื่อที่จะมาทำพิธีกลั่นไอเสน่ห์ โดยที่ทั้งสองได้ไปทำพิธีในป่าช้าฝังศพผีถั่วแระ และได้ทำให้ผีถั่วแระฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะป๋องได้ไปดึงมีดที่สะกดวิญญาณผีถั่วแระออก แต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับเมฆได้ช่วยเหลือผีกองกอย ให้หลุดพ้นจากการคุมขังทำให้ผีกองกอยยอมเป็นผีรับใช้เมฆ ในขณะที่ผีถั่วแระพอฟื้นคืนชีพก็จับหนูดูดเลือดเพื่อเพิ่มพลัง และเริ่มติด ตามหาหัวของตัวเอง เพื่อให้มารวมกับตัว และตามหาสร้อยหยกที่ไฝนั้นขโมยมาคืนซึ่งตอนนี้สร้อยได้อยู่ที่เมฆลูกของไฝ ณ จวนผู้ว่า ในงานวันเกิดของผู้ว่า หรือขุนวิชัยพ่อของผกา สาธิตและเสี่ยกวงได้นำของขวัญมาให้ผู้ว่าซึ่งก็คือโถที่ใส่หัวของผีถั่วแระไว้แต่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันในงาน เมฆและ ป๋องที่แอบอยู่ก็พยายามที่จะพ่นไอเสน่ห์ใส่เง็กแต่พลาด ไอเสน่ห์ไปโดนมารีรีน คนใช้ของเง็กแทนทำให้เกิดความวุ่นวายเพราะมารีรีนคอยวิ่งไล่ตามป๋องจนทำให้ทั้งป๋องและเมฆต้องหนีออกจากงาน ต่อมาในงานวันหมั้นของสาธิตและผกา เมฆและป๋องแอบเข้าไปในงานพร้อมกับนำผีกองกอยใส่กระบอกไม้ไผ่ เพื่อที่จะไปขัดขวางการหมั้น โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสวมแหวนผีกองกอยก็คอยกวนจนไม่สามารถสวมแหวนได้ ในขณะที่ทั้งเมฆและป๋องหลุดหัวเราะออกมาทำให้ดาบแฉ่ง รู้ตัวและไล่จับทั้งสองรวมทั้งมารีรีนที่คอยไล่ตามป๋องจนทำให้งานหมั้นวุ่วาย เมฆและป๋องต้องหนีอีกครั้ง จนหนีมาถึงป่าช้าที่เก็บศพ โดยที่มารีรีนตามมาด้วย แต่มารีรีนต้องโชคร้ายไปเจอกับผีถั่วแระ และถูกผีถั่วแระที่ยังไม่มีหัวดูดเลือดจนตายต่อหน้าเมฆและป๋อง ดาบแฉ่งที่ตามมาเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองฆ่า จึงตามจับป๋องและเมฆหนีกลับไปหาใฝที่บ้านเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟัง ใฝตกใจมากและทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีปราบ แต่ทั้งสามกลับถูกดาบแฉ่งจับได้เสียก่อน ในโรงพักทั้งสามพยายามพูดเรื่องผีหัวขาด แต่ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องถูกขังต่อไป ณ จวนผู้ว่า เง็กมาขอนอนกับผกา ภายนอกไม่มีใครรู้ว่าผีหัวขาดกำลังตามหาหัวเข้ามาในจวน และได้ฆ่าท่านผู้ว่าและคุณนายพวงทอง ตายและต่อหัวได้สำเร็จ ทำให้ผกาและเง็กต้องหนีไปอาศัยอยู่กับสาธิตชั่วคราว ในโรงพักผีหัวขาดได้ตามไปเอาสร้อยคืนจนเกิดการกันต่อสู้กันระหว่างผีถั่วแระกับผีกองกอยทำให้ผีกองกอยตายไป แต่ทั้งสามก็หนีออกมาได้ และหาวิธีกำจัดผีหัวขาด โดยการวางระเบิดเพื่อที่จะเผาผีหัวขาดแต่ไม่สามารถทำอะไรผีหัวขาดได้ จนในที่สุดทั้งหมดหนีไปและไปพบกันที่โรงทำน้ำแข็ง ผีถั่วแระก็ตามไปอาละวาดเพื่อทวงสร้อยคืน ขณะที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ผีถั่วแระได้เดินผ่านท่อไฮโดรเจน ไอเย็นจากท่อไฮโดรเจนทำให้ผีถั่วแระชะงักตัวสั่นแข็ง เมฆจึงรู้ทันทีว่า ผีถั่วแระกลัวความเย็นจึงให้ทุกคนเปิดวาล์วในโรงน้ำแข็ง แต่ว่าวาล์วแต่ละอันแข็งมากไม่สามารถเปิดออกได้ ผกาพยายามจะเดินไปช่วยเมฆเปิดวาล์วแต่รองเท้ากลับติดอยู่กับร่องไม้จนถูกผีหัวขาดจับตัว เมฆพยายามช่วยด้วยการเอาสร้อยเข้าแลก ขณะที่ผีหัวขาดเผลอ เมฆเข้าไปจะเอาสร้อยคืนจึงเกิดการต่อสู้กัน ผีถั่วแระพลาดท่าตกลงไปในบ่อผลิตน้ำแข็งทำให้ร่างของผีถั่วแระค่อยๆแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และค่อยๆ แตกตัวสลายไปในที่สุด ทุกคนดีใจมากที่ปราบผีถั่วแระลงได้ และจากการเสี่ยงของเมฆเพื่อที่จะช่วยเหลือผกาทำให้ผกาซึ้งใจและยอมรับไมตรีจากเมฆ และบอกเลิกกับสาธิตที่ไม่ยอมช่วยเธอเลย และหลังจากนั้นทั้งหมดก็ทยอยเดินออกจากโรงน้ำแข็ง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งละลายพร้อมกับทิ้งคำปริศนาไว้
X แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์ (2547/2004) การดูหนังสือโป๊ หนังโป๊ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะความสนใจในเรื่อง “เซ็กส์” มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว การสืบพันธุ์หรือการมีเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ สื่อลามกประเภทหนังสือโป๊หรือหนังโป๊ถูกผลิตขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการทางด้านนี้ของคนโดยเฉพาะเพศชาย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือความต้องการของผู้เสพมันเริ่มเบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่นๆ มากขึ้น เช่น ความต้องการและความนิยมในการดูหนังแอบถ่าย คำถามอีกข้อหนึ่งที่ตามมาก็คือ ทำไมคนถึงอยากดูสิ่งเหล่านี้ รสนิยมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปหรืออย่างไร หนังเรื่อง “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” (The Story of X-Circle) อาจจะไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงหนทางการแก้ไขปัญหานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่หนังได้พยายามจะบอกก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศอยู่ใกล้กับตัวเรามากเหลือเกิน… “เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์” คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของ “ธนกร พงษ์สุวรรณ” อีกหนึ่งผู้กำกับคุณภาพของวงการภาพยนตร์ไทยเจ้าของงานกำกับสร้างชื่อเรื่อง “Fake โกหกทั้งเพ” เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ธนกรเสนอพล็อตเรื่องนี้ให้แก่ทางบาแรมยูในเวลาเดียวกันกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake เริ่มเตรียมงานถ่ายทำ และพัฒนาบทเรื่อยมาจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Fake ตัดต่อเสร็จไม่นานนัก และได้เริ่มเตรียมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องเอ็กซ์แมนฯ ทันทีหลังจากนั้น “X-Man ก็คือคนเอ็กซ์หรือคนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมจิตบกพร่องไม่เหมือนกับคนอื่นในแง่ที่พวกเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศรสหรือเซ็กส์ในรูปแบบต่างๆ มากจนเกินไป ซึ่งเราอาจไม่รู้เลยก็ได้ว่าเขาเป็นใคร เป็นกลุ่มที่ดีหรือไม่ดี อาจจะคนใกล้ตัวหรือไม่ก็ได้ แต่จากพฤติกรรมของพวกเขา มันมีผลกระทบต่อทั้งเจ้าตัวและคนรอบข้าง การนำเสนอไม่ได้มุ่งเน้นไปเรื่องโป๊หรือเรื่องเซ็กส์ไปซะทีเดียว ไม่ได้เอาเซ็กส์มาเป็นจุดขาย แต่ต้องการนำเสนอว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาสถานการณ์รอบตัวเราจะเป็นอย่างไรมากกว่า…” หนังเล่าเรื่องราวของ “ชมรมชาวเอ็กซ์” ที่มีผู้คนหลากอาชีพหลายฐานะทางสังคม ไม่ว่าจะเป็น “ตากล้องแอบถ่ายมือดี” ที่ผลงานแอบถ่ายของเขาทุกชิ้นมักเป็นที่ต้องการของตลาดเซ็กส์อยู่เสมอ, “นักศึกษาหนุ่มเรียนดี” ที่มีเบื้องหลังเป็นเจ้าของเว็บโป๊ชื่อดังอย่าง motel69, “พ่อค้าสิ่งหฤหรรษ์ทางเพศทุกประเภท” ที่เป็นพวกชอบโชว์ของลับ, “หนุ่มออฟฟิศจอมหื่น” ที่ชอบเซ็กส์โฟนเป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่ง “จิตแพทย์ชื่อดัง” ที่อาจจะเป็นผู้ป่วยทางจิตเสียเอง พวกเขาเหล่านี้มักจะมาชุมนุมกันที่คลับในยามว่างอยู่เสมอ บางคนก็รู้จักกัน และบางคนก็พยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่รู้จักของใครเลย เรื่องราวของพวกเขาคงจะดำเนินไปตามครรลอง “คลับเอ็กซ์” ที่แทรกตัวอยู่ในหลืบของสังคมอันวุ่นวายนี้อย่างเสียวสงบ ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับการ “แอบถ่ายดาราสาวชื่อดังอักษรย่อ จ” ที่ใครๆ ก็อยากเห็น “ความลับ” ของเธอไม่ไปเข้าถึงหูตำรวจเสียก่อน ปฏิบัติการสืบค้นและไล่ล่า “สมาคมชมเซ็กส์” จึงเกิดขึ้นโดยการนำของตำรวจสาวมือดีสุดเซ็กซี่ที่เธอเองก็กำลังตกเป็น “เหยื่อ” และ “ตัวล่อ” โดยไม่รู้ตัว “ผมเห็นว่าเรื่องนี้มันมีมุมมองที่เป็นปัญหาสังคมที่น่าสนใจ มันเป็นประเด็นที่ไม่มีคนพูดถึง เราอยากทำออกมาเป็นหนังเพื่อเป็นจุดชี้ให้คนช่วยกันระวังภัยในสังคมและหันมาสนใจมากขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากครับ อยากให้คนดูมองพวกตัวละครในหนังด้วยความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนพวกนี้ในสังคมได้อย่างไร เพราะคนพวกนี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราก็ได้ เราต้องเรียนรู้ เข้าใจ และระวังตัวมากขึ้น”
ธิดาช้าง (2547/2004) ดร.บัญชา ชุตินัยนา นักธุรกิจเจ้าของกิจการเครื่องสำอางและอาหารเสริมแบบขายตรง เป็นคนเจ้าระเบียบมีวินัยในการดำเนินชีวิต ภรรยาชื่อ มาลี เป็นพยาบาล มีบุตรีด้วยกันชื่อ หนอน ภรรยาคนปัจจุบันชื่อ สาวิตรี เป็นสาวสังคมชั้นสูง มีบุตรีด้วยกันชื่อ แพรไหม หนอน หญิงสาววัย 24 ปี ที่มีน้ำหนักกว่า 100 กก. เป็นสาวอารมณ์ดี จิตใจดี มีความสุขกับการใช้ชีวิตในอาชีพช่างเสริมสวย มีร้านชื่อ "ก้ำบี้ ซาลอน" หนอนอาศัยอยู่กับยาย ซึ่งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก และมีเพื่อนชายรู้ใจ เป็นชายหนุ่มร่างสันทัดชื่อ ผีเสื้อ ทั้งสองคบกันด้วยความดีงามของจิตใจ ไม่ใช่ความสวยของรูปร่าง ในอดีต บัญชา โกรธมากที่ มาลี ตามใจลูก จนขาดระเบียบวินัยในการกิน ทำให้ หนอน เป็นเด็กอ้วนตั้งแต่เด็ก และด้วยความทะเยอทะยานของบัญชา จนทั้งสองแยกทางกัน บัญชาได้แต่งงานใหม่กับสาวิตรี ทิ้งหนอนให้อยู่กับยายที่ลำพูน เมื่อมาลีเสียชีวิต หนอนก็อยู่กับยายมาตลอด ต่อมา บัญชา เป็นแกนนำในการรณรงค์ต่อต้านคนอ้วน เจ้าของสโลแกน "อย่าอ้วน ไม่ดี" เขาและ สาวิตรี อยากให้ แพรไหม เป็นตัวแทนของสาวรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและความสวยงาม จึงพยายามทุกทางผลักดันให้ได้รับตำแหน่ง นางสาวสยาม แพรไหม แม้ไม่อยากเข้าประกวด แต่ต้องทำเพราะไม่กล้าขัดใจพ่อแม่ เธอถูกเลี้ยงดูแบบบังคับให้ทำทุกอย่างตามตาราง โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอาหาร สภาพจิตใจเก็บกด และในการประกวดครั้งนี้ ยิ่งกดดันเธอมากขึ้น วันหนึ่งขณะอยู่ที่ร้านทำผม หนอนเห็นข่าวบัญชาทางทีวี ส่งเสริม แพรไหม และแอนตี้คนอ้วน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าบัญชามีลูกอ้วนมากอย่างเธอ หนอนจึงเกิดความคิดที่จะเอาชนะใจพ่อ ที่ไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่แยกทางกับแม่ หนอน ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อประกวด ธิดาช้าง ด้วยความมุ่งมั่น โดยที่ผีเสื้อก็ไม่อาจทัดทานได้ เมื่อบัญชาเห็นข่าวทางทีวี และจำได้ว่าคือลูกสาวของตน จึงสั่งการให้ลูกน้องคนสนิท ให้ไปขัดขวางการประกวดทุกวิถีทาง แต่ทุกครั้งที่โดนกลั่นแกล้ง กลับกลายเป็นแรงใจส่งเสริมให้หนอน และการประกวดธิดาช้างก็ยิ่งโด่งดังขึ้นทุกที ขณะ การประกวดของทั้ง 2 เวทีดำเนินต่อไป เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับ แพรไหม เมื่อ หนอน ทราบข่าว เธอจึงต้องตัดสินใจว่า จะเลือกช่วยชีวิตน้องสาวคนเดียวของเธอ หรือเลือกตำแหน่งอันทรงคุณค่าจากเวทีอันมีเกียรติ ที่เธอต้องต่อสู้เพื่อแสดงให้พ่อเห็นว่า เธอสามารถทำได้แม้จะมีรูปร่างอ้วนก็ตาม
เกิดมาลุย (2547)

เกิดมาลุย (2547/2004) โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้

หมอเจ็บ (2547/2004) หมอพาย (ภัทรพล ศิลปาจารย์), หมอถุน (ตะวัน แซ่ตั้ง) สองคู่ซี้คู่ซ่าส์นักเรียนหมอเอ๊กซ์เทิร์น ถึงคราวต้องออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ไปฝึกงานภาคสนาม ที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดห่างไกลความเจริญ ทั้งสองต้องเผชิญกับหมอรุ่นพี่จอมเผด็จการสุดเฮี้ยบ พยาบาลสาวใหญ่จอมโหดสุดโต่ง ที่ชอบข่มหมอใหม่ และพยาบาลสาวสวยที่มากไมตรี โดยเฉพาะกับคุณหมอหนุ่ม ๆ แถมด้วยเหล่าคนป่วยที่ห่างไกลความเจริญหลายหลากรูปแบบ เมื่อองค์ประกอบที่ว่านี้ มาเจอกับพฤติกรรมหลุดกรอบของสองหมอเข้า ก็เกิดเป็นปฏิกิริยาที่ดุเดือด วุ่นวาย ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ เฮฮา ปนเปกันไป หมอพาย และ หมอถุน ไม่เคยคิดเลยว่า เพียงชั่วเวลาไม่กี่เดือนที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย ซึ่งทำให้พวกเขาได้ประสบการณ์และความรู้ เติบโตในความเป็นหมอมากขึ้น และยังทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องของมิตรภาพ และความรัก เติบโตในความเป็นคนเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อการฝึกงานจบลง พวกเขาก็กลับสู่บ้านเกิด กรุงเทพมหานครอันกว้างใหญ่ เข้าสู่การสอบครั้งสุดท้ายเพื่อจบเป็นหมออย่างเต็มตัว แต่กลับมีสถานการณ์พลิกผัน ที่ทำให้ หมอพาย ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างการสอบ และการช่วยชีวิตคนไข้ อย่างแรกเพื่อเป็นหมอที่มีใบรับรอง อย่างที่สองเพื่อเป็นหมอของคนไข้ ที่ความตายรออยู่ข้างหน้า
มนต์รักร้อยล้าน (2547/2004) ในงานประจำปีบ้านโคกสำราญ ได้จัดการประกวดเทพีบ้านโคกสำราญขึ้น คู่แข่งที่ชาวบ้านจับตามอง คือ มาลี (อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์) ลูกสาวคนรองของ ผู้ใหญ่เทพ (อุดม ชวนชื่น) และ กิ่งแก้ว (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) ลูกสาวคนเดียวของ กำนันเทือก (กรุง ศรีวิไล) ก้านไม้ (จิรายุ ชัยเชียงเอม) พี่ชายของกิ่งแก้วที่รู้ว่าอย่างไงกิ่งแก้วต้องแพ้มาลีแน่ๆ จึงแอบเอาเงินยัดให้พิธีกรเปลี่ยนผลประกาศให้กิ่งแก้วได้เป็นเทพี มาลีเสียใจมากที่ตนไม่ได้ตำแหน่ง ท่ามกลางความโชคร้าย สายลมแห่งรักก็โชยมาถึงเธอ เมื่อเกษตรอำเภอหนุ่ม ฉัตรชัย (ภาณุ สุวรรณโณ) เพิ่งเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้มอบรางวัลให้มาลีในฐานะรองเทพี เพียงสบตาสองหนุ่มสาวต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกัน การกระทำของฉัตรชัยสร้างความไม่พอใจแก่ก้านไม้ที่แอบชอบมาลีอยู่ มาลา (วิญาดา จงรัตนเมธีกุล) พี่สาวของมาลี ก็แอบพึงพอใจในตัวฉัตรชัย ด้วยความเป็นหญิงไม่กล้าแสดงท่าทีออกไป เพราะมาลาถูกอบรมเลี้ยงดูจาก ยายเปรี้ยว คนแก่หัวโบราณเจ้าระเบียบ ส่วนกิ่งแก้วเองก็ชอบฉัตรชัย เพราะความหล่อหมายมั่นจะเอาฉัตรชัยมาเป็นของตนให้ได้ ฉัตรชัย เข้ามาสอนชาวบ้านให้รู้จักการปลูกหญ้าแฝก พืชจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งสอนให้ทำปุ๋ยธรรมชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพดิน และชาวบ้านสามารถลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมี การกระทำของฉัตรชัยสร้างความไม่พอใจให้กับกำนันเทือก และ ปลัดอำเภอ ที่เป็นนายหน้าขายปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะกำนันเทือกต้องสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชาวบ้านต่างแห่กันเอาเงินมาคืน มาลัย (ดาราวัลย์ วิไลงาม) ลูกสาวคนเล็กจอมแก่นของผู้ใหญ่เทพกลับชื่นชมฉัตรชัยว่าเก่ง เอาฉัตรชัยไปชมต่อหน้าพ่อและยายเปรี้ยว แต่ทั้งสองหาว่าฉัตรชัยทำงานเอาหน้า กำนันเทือก ส่งก้านไม้ ไอ้ลิต (กิติธัช ทองมาก) และ ไอ้เหลิม (ราชันย์ บุญชูวงศ์) ไปจัดการฉัตรชัย ทั้งสามแอบไปถอดน็อตรถมอเตอร์ไซค์ของฉัตรชัย ฉัตรชัยเจ็บตัวแต่กลับส่งผลดีเมื่อ มาลา มาลี มาลัย สามสาวพี่น้องมาพบเข้า ฉัตรชัยได้ใกล้ชิดมาลีมากขึ้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่งอกเงยขึ้นตามลำดับ ส่วนมาลาเองก็ได้แต่ทำใจด้วยความรักของพี่น้องที่มาก่อนความรักของหนุ่มสาว ความสัมพันธ์ของฉัตรชัยและมาลี สร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่เทพและยายเปรี้ยวเป็นอย่างมาก เพราะฉัตรชัยเอานิสัยของคนกรุงเทพฯ มาใช้คบหากันข้ามหัวผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เทพโกรธฉัตรชัยมากขึ้น เมื่อฉัตรชัยกล้าเอ่ยปากขอมาลีแต่งงานโดยไม่มีผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นตามประเพณีไทย ผู้ใหญ่เทพบอกให้ฉัตรชัยเอาเงินร้อยล้านมากองตรงหน้าถึงจะยกมาลีให้ ส่วนก้านไม้เองพยายามหาเรื่องฉัตรชัยไม่หยุดหย่อน จนผู้ใหญ่เทพเข้าใจผิดคิดว่าฉัตรชัยเป็นคนไม่ดี ผู้ใหญ่เทพยื่นคำขาดไม่ให้มาลีคบหากับฉัตรชัยอีก ส่วนกิ่งแก้วเองก็ไม่ลดละตามตื้อฉัตรชัยถึงที่ทำงาน สร้างความรำคาญใจให้กับฉัตรชัยเป็นอย่างมาก มาลีแอบทำกับข้าวมาให้ฉัตรชัยกิน เธอได้เห็นภาพของฉัตรชัยและกิ่งแก้วนั่งกอดกันจูบกัน มาลีโกรธฉัตรชัยมากฉัตรชัยกำลังตามไปอธิบาย แต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อนเมื่อถูกปลัด อำเภอสั่งย้ายด่วนให้ออกจากหมู่บ้านโคกสำราญ เรื่องราวความรักระหว่าง มาลี และ ฉัตรชัย จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน มนต์รักร้อยล้าน
อาถรรพณ์ แก้บนผี (2547/2004) ปิ่น, มอส, หมวย และบรรดาเพื่อน ๆ เป็นเด็กสาวที่เพิ่งจบการศึกษาชั้นมัธยม ขณะที่ทั้งหมดกำลังรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย คืนหนึ่ง ทั้งหมดได้เดินทางไปยังบ้านร้างแห่งหนึ่งชานกรุงเทพมหานคร ที่ร่ำลือว่าเป็นบ้านผีสิง ที่หน้าบ้านมีศาลเพียงตาตั้งอยู่หน้าอย่างน่ากลัว พร้อมของแก้บนและเครื่องเซ่นต่างๆ ด้วยความคึกคะนอง มอสจึงเอ่ยปากท้าทายและตามมาด้วยเพื่อนๆ ทั้งหมด ด้วยไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ต่อมา ในกลุ่มเพื่อน ๆ ต่างได้ประสบกับเหตุการณ์แปลก ๆ มอสเองก็ฝันแปลก ๆ จนตัวเองต้องป่วยหนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะต้องเซ่นสังเวยการท้าบนบานครั้งนี้ด้วยชีวิต
พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว (2547/2004) หลังจากที่ชีวิตต้องเผชิญกับการสูญเสียน้องชายคนเดียวที่จมน้ำตาย โดยที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปช่วย แบงค์ ชายหนุ่มเลือดร้อนวัย 20 ตัดสินใจค้นหาความท้าทายที่กล้าบ้าบิ่น เพื่อขจัดปมขลาดกลัวของตัวเองออกไป เขาได้พบกับกลุ่มของ หนุ่ม ซันนี่ และ เหลียง ทำให้ แบงค์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่ากับทุกคนในกลุ่ม เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งความเสี่ยงสูงมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนทุกคนยิ่งพึงพอใจขึ้นเท่านั้น หลังจากการใช้ปืนป้องกันตนเองที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการปล้น ทุกคนก็ได้ลิ้มลองความสะใจจากการใช้ปืน บวกกับความบ้าบิ่นของวัยทำให้ไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกเขาได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับเพื่อนในกลุ่มก็เริ่มคลอนแคลน เมื่อซันนี่ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มเริ่มมีใจให้แบงค์ เมื่อความท้าทายของกีฬาที่เคยสะใจและสนุกสนานเกิดพลาดจนมีการตายเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนเริ่มไม่ไว้ใจในเพื่อน เมื่อเพื่อนคิดต่างกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดใจ แบงค์ จึงตัดสินใจที่จะแยกทางเดินออกจากกลุ่ม ทั้งที่ปมในใจเขายังไม่คลี่คลาย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เขาก็ตัดสินใจเลือกมิตรภาพและใช้ความกล้าที่แท้จริง โดยการย้อนกลับไปยับยั้งเพื่อนที่ทำเรื่องเสี่ยงจนเกินขอบเขต เป็นครั้งสุดท้าย ในที่สุด แบงค์ จึงได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตคือการเสี่ยงอันตรายที่สุด และสนามแห่งชีวิตมีค่าเกินกว่าที่จะท้าทายเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ หากแต่ต้องอาศัยกติกาที่ประกอบไปด้วยมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ ที่จะรักษาไว้ได้ด้วยความกล้าหาญและความเสียสละจากเพื่อนเท่านั้น
เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก (The Letter) (2547/2004) หนังรักที่ “ดวงกมล ลิ่มเจริญ” (โปรดิวเซอร์) ทุ่มเทหัวใจและถ่ายเทจิตวิญญาณตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยมี “นนทรีย์ นิมิบุตร” รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวให้กับ “ผอูน จันทรศิริ” ผู้หญิงเก่งที่เป็นทั้งนักแสดง คนเขียนบท และผู้กำกับละครแถวหน้าของเมืองไทยรับหน้าที่ “กำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก” กับภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติกที่มาพร้อมความประทับใจที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจแก่นแท้และนิยามใน “ความรัก” ที่ไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงตรงที่เราได้ค้นพบและเติมเต็มแง่มุมความรักที่เฝ้าค้นหามาตลอดชีวิต แต่เป็นการทำความเข้าใจ “ความหมาย” และ “เรียนรู้วิธีที่จะรักษาคุณค่าของรักแท้ให้คงอยู่” ภายหลังจากคนที่เรารักจากไป พร้อมการตั้งคำถามกับทุกคู่รักว่า “นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เคยหลั่งน้ำตาอย่างอิ่มเอมให้กับหนังรักดีๆ สักเรื่อง” และเป็นการประกบบทบาทกันครั้งแรกในชีวิตของ “แอน ทองประสม” และ “หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร” 2 นักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย โดยเป็นการหวนคืนจอภาพยนตร์ครั้งแรกในรอบทศวรรษของ “แอน ทองประสม” หลังจากที่หลั่งน้ำตาถึง 4 ครั้งจากการอ่านบทภาพยนตร์ไป 4 รอบ และเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ “หนุ่ม อรรถพร” โดยมีโลเคชันหลักคือ “ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่” ที่ที่ความรักของคนทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น ว่ากันว่ารักแท้ที่เป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิตหากเกิดขึ้นกับใครสักคน แน่นอนว่ารักนั้นจะไม่เลือนหายไปจากใจ ตราบแม้คนที่เรารักจะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตาม… สำหรับ “ดิว” (แอน ทองประสม) โปรแกรมเมอร์สาวในเมืองใหญ่ที่ชีวิตมีเพียงจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมของบริษัทเว็บไซต์ดึงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปเกือบหมด ยังดีที่มี “เกด” (สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ) เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้เกิดขึ้นกับดิวหลังจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวการเสียชีวิตของยายเล็ก ญาติห่างๆ ที่ทิ้งบ้านหลังเล็กและไร่กระเทียมที่เชียงใหม่ไว้ให้ ที่นั่นเกดได้พบกับ “ต้น” (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีเกษตรที่เชียงใหม่ที่ให้ความช่วยเหลือดิวและเกดที่ต้องพบกับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเดินทางทำให้พลาดรถเที่ยวสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ ทำให้เกดและดิวมีโอกาสได้แวะศูนย์วิจัยซึ่งเป็นที่ทำงานของต้น นอกจากความอบอุ่นและอ่อนโยนในตัวต้นที่ดิวสัมผัสได้ ดิวยังได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของชายหนุ่มที่แสนบอบบางคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปกับเธอเลย “ต้นบ๊วย” สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของศูนย์วิจัยเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ไม่ต่างจากญาติของต้น ทันทีที่ลืมตามองดูโลกได้ไม่นานเขาสูญเสียแม่ที่ให้กำเนิดหลังจากคลอดไม่นาน และสูญเสียพ่อที่รักไปอีกคน ต้นเรียนรู้การต้องเติบโตมาท่ามกลางความเหงาและโดดเดี่ยวอย่างคุ้นเคยมีเพียงรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนๆ ที่ศูนย์วิจัยเท่านั้น ความเรียบง่ายที่แสนอบอุ่นของดอยอ่างขางและเชียงใหม่ยังคงอยู่ในความรู้สึกในใจของดิว ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันสูงอีกครั้ง ในขณะที่ยังมีเกดเพื่อนรักที่ยังคงตื่นเต้นและวูบวาบใจไปกับการนัดพบชายหนุ่มที่แชตและติดต่อทางอินเทอร์เน็ตเหมือนอย่างเคย วันเวลาผ่านไปทั้งปีใหม่และวาเลนไทน์ แต่สิ่งพิเศษเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิวคือการได้มีเพื่อนใหม่อย่างต้นที่ติดต่อกันหลังจากที่กลับมาจากเชียงใหม่ในครั้งนั้น โดยมีโทรศัพท์เป็นสื่อกลางที่ทั้งคู่ได้บอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้นในกันและกัน จนกระทั่งดิวต้องพบกับเซอร์ไพรส์เมื่อได้พบกับต้นที่กรุงเทพฯ และความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อเกดเสียชีวิตจากการนัดบอดกับชายหนุ่มทางอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นร้ายแรงเกินที่หัวใจอันบอบบางของดิวจะรับได้ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ดิวตัดสินใจเดินทางสู่เชียงใหม่เพื่อพบกับความอบอุ่นเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ต้นและดิวต่างเฝ้าตามหามาตลอดชีวิตได้รับการเติมเต็มในกันและกันในที่สุด เมื่อพรหมลิขิตกำหนดให้คน 2 คนที่อาจจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกได้มาพบกัน รักกัน ชีวิตคู่ที่มีความสุขจนหลายคนนึกอิจฉา มันคือรักแท้ ที่เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวในชีวิตของทั้งคู่ หลังจากที่แต่งงาน ต้นย้ายมาอยู่กับดิวในบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในเรื่องราวและความรักของยายเล็ก ต้นได้พบกับข้าวของที่ถูกเก็บไว้ของยายเล็ก ในนั้นมีจดหมายที่บอกเรื่องราวในอดีตฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกในรักที่มีอยู่อย่างเหลือล้นของชายคนหนึ่งที่มีต่อยายเล็ก ต้นประทับใจในข้อความและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายมาก จนมีความคิดว่าวันหนึ่งอยากจะเขียนจดหมายแบบนี้บ้าง ความรักมีความหมายและมีคุณค่าสำคัญที่เติมเต็มชีวิตให้กับหลายๆ คนรวมทั้งดิว แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้และยากที่จะเปลี่ยนแปลง เหมือนการที่สวรรค์กำหนดให้ต้นมาพบกับดิว และพรากต้นไปจากดิว ไม่นานนักหลังจากที่ต้นเกิดไม่สบายอย่างหนัก จนในท้ายที่สุดพบว่าตนเองเป็นโรคร้าย และเหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิด เมื่อดิวต้องพบกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือสูญเสียต้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ดูเหมือนหัวใจที่บอบช้ำของดิวมันอ่อนแอเกิดที่จะเยียวยาได้อีกครั้ง เมื่อเหลือดิวเพียงลำพังในโลกใบนี้ แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ดิวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การมาถึงของจดหมายด้วยลายมือที่คุ้นเคยจากคนเดียวในดวงใจ จากรักแรกและรักเดียว เป็น “จดหมายรัก” ที่ต้นเขียนถึงดิว…
สัตว์ประหลาด Tropical Malady (2547/2004) สัตว์ประหลาด แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นสองส่วน เรื่องราวตอนแรกเป็นเรื่องรักหวานละมุนของ เก่ง ทหารหนุ่มวัย 35 ปี มีหน้าที่พิทักษ์ป่า และ โต้ง ชาวบ้านธรรมดา วัย 20 ปี ลูกจ้างโรงงานน้ำแข็ง ส่วนเรื่องราวตอนที่สองนำเสนอความลึกลับในป่า ผีสางนางไม้ รวมไปถึงเวทมนตร์คาถาน่าสะพรึงกลัว การตามล่าเสือที่มางาบวัวตัวหนึ่งไป ซึ่งเป็นที่สงสัยกันว่าจะเป็นเสือสมิง ที่มีสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์และสัตว์ป่าอยู่ภายในร่างเดียวกัน! มีกลิ่นอายของความแปลกประหลาดในบรรยากาศ มันเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขของความรักระหว่าง "เก่ง" ทหารหนุ่มกับ "โต้ง" ลูกจ้างโรงงานน้ำแข็ง สองหนุ่มออกท่องเที่ยวในเมืองเคล้าเสียงเพลง...แต่แล้วเรื่องก็พลิกผัน เมื่อโต้งหายตัวไป มีเรื่องเล่าขานกันว่า มีคนที่กลายร่างเป็นสัตว์ได้ และตำนานก็ได้เอ่ยถึงเรื่องราวของทหารหนุ่ม ผู้ซึ่งออกเดินทางเพื่อตามหาสัตว์ลึกลับในใจกลางป่าดงดิบ ที่ซึ่งตำนานโบราณกลายเป็นความจริง
คนเล่นของ (2547/2004) บุ๋มหญิงสาวแววตาอาฆาต ……กำลังคุยกับ แนนสาวน้อยซึ่งมีใบหน้าโกรธแค้น บุ๋มบังคับให้แนนเซ็นมอบมรดกทรัพย์สินของตระกูลให้กับหล่อน โดยบุ๋มอ้างว่าสิทธินี้ควรเป็นของตน แล้วทั้งสองก็พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น…ในอดีต ประธาน ได้มีสัมพันธ์รักกับ บุ๋ม ในตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาสาว ทั้ง ๆ ที่ประธานมีครอบครัวอยู่แล้ว จากนั้นไม่นาน…บุ๋มก็ท้อง ประธานเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการเอาเงินฟาดหัว เท่านั้นยังไม่พอ เขาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันข่มขื่นบุ๋ม… บุ๋มกลับมาทวงสิทธิของลูกในท้อง แต่กลับถูกประธาน ดุด่า และทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ ด้วยความแค้น บุ๋มจึงไปหาหมอทำคุณไสย เพื่อปล่อยของใส่พวกเพื่อนประธาน พร้อมกับประธานและครอบครัว ในที่สุดทุกคนก็ตายสมใจบุ๋ม คราวนี้ลูกในท้องของบุ๋มก็มีสิทธิในมรดกของประธานโดยชอบธรรม แต่แล้วจู่ ๆ ในขณะที่บุ๋มกำลังข้ามถนน ก็ถูกรถชนเข้าอย่างจัง กลายเป็นว่า…กมลา เมียน้อยอีกคนหนึ่งของประธาน พร้อมกับลูก ๆ ได้รับมรดกทั้งหมด ไป แทนที่จะเป็นบุ๋ม ซึ่งแท้งลูก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กมลาและลูก ๆ รุตน์พี่ชายคนโต แนนพี่สาวคนรอง เหน่งลูกชายคนกลาง และบอลน้องชายตัวเล็กย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของประธาน ดูท่าทางทุกคนตื่นเต้น และมีความสุข เหมือนคนถูกหวย โดยที่หารู้ไม่ว่า ภัยร้ายกำลังจะมาเยือน บุ๋มกลับเข้ามาสู่กองมรดกของประธานอีกครั้ง ในฐานะลูกสะใภ้ของกมลา เมื่อบุ๋มเข้าวิวาห์กับรุตน์ พี่ชายตนโต โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่า บุ๋มกำลังตามมาทวงสิทธิของตนในมรดกประธานคืน บุ๋มคิดปล่อยของใส่ทุกคนในครอบครัวกมลา เพื่อตนเองก็จะได้รับมรดก โดยสิทธิของลูกสะใภ้ซึ่งจะเหลืออยู่เพียงคนเดียว บุ๋มเริ่มแผนการ โดยให้หมอทำพิธีปล่อยของใส่ เหน่งน้องชายคนกลางตาย พบสาเหตุการ ทำให้แนนพี่สาวคนรอง ต้องพิสูจน์หาความจริง จนในที่สุดหล่อนได้ไปเจอกับ ดนัยผู้สื่อข่าวหนุ่ม ซึ่งติดตามคดีการตายแปลก ๆ หรือที่เขาเรียกว่า ตายด้วยคุณไสย ดนัยให้ข้อมูล และความช่วยเหลือแนนอย่างเต็มที่ แต่ทั้งสองก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยของ ไม่นานนัก…รุจน์ก็ต้องมาตายลงไปอีกคน ดนัยกับแนนพยายามค้นหาว่า ใครคือผู้ที่บงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง จนในที่สุดทั้งคู่ก็รู้ว่า แท้จริงแล้วบุ๋มคือผู้วางแผนการทั้งหมด ในขณะที่ กมลา และบอล น้องชายคนสุดท้อง กำลังโดนของ แนนกับดนัยได้ร่วมมือกัน โดยดนัยไปจัดการตามล่า หาตัวหมอปล่อยของ ส่วนแนนก็ต้องต่อสู้กับบุ๋ม เพื่อรักษาชีวิตของน้องและแม่ ทั้งหมดต้องแข่งกับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยอยากเชื่อ…….
The Sin ชู้ (2547/2004) กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งสำหรับ "ชู้" ภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังในอดีต จากผลงานการกำกับของ "เปี๊ยก โปสเตอร์" เมื่อกว่า 20 ปีก่อน คราวนี้ "โด่ง - องอาจ สิงห์ลำพอง" บริษัท อะลาดิน เฮาส์ ในเครือบริษัท อาร์.เอส โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ขอนำกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง กับเรื่องราวความรัก ศีลธรรม ความถูกต้อง ระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย โดยมี เทพ (แอนดี้ - วัชระ ตังคะประเสริฐ) ช่างภาพหนุ่มผู้รักอิสระ เรียม (เฮเลน นิมา) สาวชาวเล ที่โหยหาความรัก และเชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ชายชาวประมงผู้เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย อุปสรรครักครั้งนี้... มีสายเลือดเดียวกันเข้ามาเกี่ยวข้อง... เรื่องราวของความขัดแย้งของสามชีวิตบนเกาะห่างไกล เมื่อเทพเกิดหลงรัก เรียม หญิงสาวแปลกหน้าเข้าตั้งแต่แรกที่ได้เห็น โดยหารู้ไม่ว่าเธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของตน รักต้องห้ามไม่อาจปกปิดไว้ได้ เมื่อเรียมตกอยู่ภายใต้อารมณ์รักอันรุนแรงของสามี จนทำให้เทพต้องเข้าปกป้องไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้แม้จะต้องถูกตราหน้าว่า เป็นชู้ก็ตาม เทพ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตไปกับการเดินทางและงานถ่ายภาพ ซึ่งให้บทเรียนในชีวิตมากมาย จนกระทั่งถึงวันที่เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อสะสางปมปัญหาที่เคยมีอยู่กับผู้เป็นพ่อ สิบห้าปีที่แล้ว หลังจากที่ชีวิตครอบครัวแตกแยก ภรรยาหนีไปกับชายชู้ ลูกชายหนีออกจากบ้าน เชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ก็เหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง เขาตัดสินใจย้ายลงใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะชาวประมง หลายปีที่ผ่านไป เชิง ขยายกิจการจนเป็นเจ้าของเรือประมงหลายลำ ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ จนถึงวันนี้ เขาคือนาย เชิง ที่ทุกคนนับหน้าถือตาและเพิ่งจะแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน เรียม (เฮเลน นิมา) คงจะจบชีวิตลงกลางทะเลไปเสียแล้ว หากวันนั้นเรือของนายเชิงไม่ผ่านมาเสียก่อน นายเชิงเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือ เรียม เอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัวที่เหลือของเธอไว้ได้หมด เรียมเหลือตัวคนเดียวและไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากนาย เชิง ผู้มีบุญคุณ จนถึงวันนี้ เธอใช้ชีวิตร่วมกับนายเชิงฉันท์สามีภรรยามาได้เกือบครบปีแล้ว แม้นายเชิงจะให้ชีวิตใหม่ แต่ในอีกด้านเขาคือผู้นำความทุกข์และความเจ็บปวดมาสู่เธอ ระหว่างการเดินทางมาถึงเกาะ เทพ ได้พบกับ เรียม ที่ท่าเรือ วูบแรกที่พบ เทพ รู้สึกพึงใจในตัวหญิงสาว แต่เมื่อรู้ความจริงในภายหลังว่า เรียม คือภรรยาคนใหม่ของพ่อ เทพก็ต้องรีบสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เมื่อ เทพ มาถึง เชิง ต้อนรับลูกชายอย่างเย็นชา เทพ เข้ามาพักอยู่ด้วยชั่วคราว และในช่วงเวลานั้นเองที่ เทพ สังเกตเห็นปัญหาระหว่างสามีภรรยา เทพรู้ดีว่าพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลังและนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้แม่หนีไปกับชายอื่น แม้จะต้องการปกป้องหญิงสาวเพียงใด เทพก็ทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ เทพ แอบหยิบยื่นให้ ทำให้ เรียม รู้สึกดีขึ้น ทั้งคู่จึงเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นในระหว่างที่ เชิง ไปออกเรือ จนกระทั่ง เชิง เริ่มผิดสังเกต จึงนำตัว เทพ ออกทะเลไปด้วยกัน หลายต่อหลายครั้งที่ เชิงพยายามทำให้ เทพ รู้สึกว่าไม่มีวันที่ใครจะเอาชนะตนลงได้ โดยที่ เชิง หารู้ไม่ว่าชัยชนะของตนกลับทำให้ เทพ และ เรียม เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ประกอบกับความเข้าอกเข้าใจกันและกัน ในที่สุดทั้งคู่จึงตัดสินใจก้าวข้ามเส้นแห่งความถูกผิดและเป็นของกันและกันในที่สุด เทพและเรียมลักลอบมีความสัมพันธ์กันในอ่าวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก แต่ไม่นานเชิงก็เริ่มสงสัย เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา เขาจึงเริ่มวางแผนว่าจะออกทะเลติดต่อกันหลายวัน เปิดโอกาสให้ เทพ และ เรียม ได้อยู่กันตามลำพัง ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงสั้น ๆ นี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของ เชิง ซุ่มดูอยู่โดยตลอด เชิง พยายามข่มความแค้นไว้ในใจ แม้อยากจะฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ด้วยความแค้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงไล่ลูกชายให้กลับไป เทพ กับ เรียม ตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนไปเจอกันที่ท่าเรือบนฝั่ง ซึ่ง เทพ จะออกเดินทางไปรอล่วงหน้าก่อน แต่แล้วระหว่างทางเทพกลับถูกลูกเรือที่ เชิง ส่งมากักตัวเขาไว้ เมื่อเรียมมาถึงจุดนัดพบไม่เจอ เทพ จึงคิดว่า เทพ ทิ้งตนเสียแล้ว เทพฟื้นขึ้นมาและหนีออกจากเรือที่คุมขังได้สำเร็จ และรีบไปยังจุดนัดพบ แต่ที่นั่น เทพ กลับไม่พบ เรียม เขาหวนนึกถึงที่ ๆ เรียมเคยพูดไว้ เขาจึงรีบเดินทางไปยังอ่าวมรกต ซึ่งเรียมมักพูดเสมอว่าจะเป็นที่ตายของเธอ เส้นทางชีวิตของทั้งสองถูกขีดเส้นแบ่งระหว่างความรักกับศีลธรรมเขาและเธอจะทำอย่างไร?