บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด
ตลาดอารมณ์ (2554/2011) ตรัส วิภาคโยธิน (ชาคริต แย้มนาม) เดินทางกลับเมืองไทย เพื่อมาเคารพศพ ไตร วิภาคโยธิน (ดิลก ทองวัฒนา) พ่อของเขา หลังจากตัดขาดกัน เพราะ บงกช วิภาคโยธิน (ปิยธิดา วรมุสิก) หญิงสาวข้างถนนที่พ่อเอามาแทนที่แม่ของเขาในฐานะภรรยาใหม่ ด้วยทิฐิตรัสจึงไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกิจการมรดกต่าง ๆ ของพ่อแม้แต่นิดเดียว ตรัสมีคนรักคือ ชโลธร ลีลาทิพย์ (ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) ที่คบกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่อเมริกา ชโลธรได้ทำงานที่บริษัทฯ ของตระกูลวิภาคโยธิน เธอรู้ว่าตรัสเป็นผู้สืบทอดกิจการทั้งหมด จึงหวังจะแต่งงานด้วย ขณะเดียวกัน พิชิต พิชิตสรเดช (รัฐศาสตร์ กรสูต) หุ้นส่วนบริษัท เสือผู้หญิงตัวยง ต้องการจะฮุบบริษัทเป็นของตัวเอง จึงดึงชโลธรมาเป็นพวก โดยยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยปกปิดกำพืดให้ ทำให้ชโลธรยอมทำตามที่พิชิตสั่งทุกอย่าง เพราะแท้จริงแล้วชโลธรเป็นแค่เด็กในสลัมไม่ใช่คุณหนูไฮโซ เธอมีแม่คือ พวง (ดวงตา ตุงคะมณี) ขายข้าวแกงอยู่ในซอย แถมยังมีน้องสาวชื่อ ชลาธาร (แอริน ยุกตะทัต) ชโลธรทอดทิ้งแม่และน้องสาวไปชุบตัวอยู่ที่เมืองนอก ขณะที่ รักษา ธรรมรัตน์ (สันติสุข พรหมศิริ) ทนายความประจำตระกูลวิภาคโยธิน พยายามจะอธิบายเหตุผลต่าง ๆ ที่บงกชต้องการให้ตรัสกลับมาบริหารงานตามที่ไตรผู้เป็นพ่อสั่งเสียไว้ก่อนตาย แต่ตรัสปฏิเสธพร้อมประกาศว่าจะไม่เหยียบบ้านวิภาคโยธินเด็ดขาด บงกชจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจตรัสให้ได้ และหวังว่าวันหนึ่งตรัสจะยอมให้อภัยเธอ บงกชสั่งเตรียมงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับตรัส เธอสั่งให้ ผกายกุล หรือ กั้ง (วรรณรท สนธิไชย) หลานสาวของเธอให้เตรียมตัวสำหรับงานนี้ กั้งรู้ว่าลูกเลี้ยงของบงกชใจร้ายและอยุติธรรมกับบงกชมาตลอด เธอจึงมีอคติกับเขาและไม่อยากจะทำดีกับตรัส แต่แล้ววันหนึ่งตรัสได้ช่วยกั้งจากการถูกลวนลาม ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทำให้กั้งประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของตรัสมากจนลืมถามชื่อ มัทนา (ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) เพื่อนสาวสุดห้าวของกั้งจึงตั้งชื่อให้ชายปริศนาที่เป็นฮีโร่ช่วยกั้งในวันนั้นให้ว่า ซูปเปอร์แมน หลังจากนั้นมาตรัสและกั้งก็มักได้พบกันเสมอ ๆ ทำให้ วาริน (ศุภกิจ บัวงาม) ลูกชายของรักษาที่แอบชอบกั้งอยู่ไม่พอใจ แต่สุดท้ายวารินก็ต้องยอมถอย เพราะรู้ความจริงว่า ซูปเปอร์แมนของกั้งคือตรัส วิภาคโยธิน จากการวางแผนของบงกช ในที่สุดตรัสกับกั้งก็ได้มาเจอกัน ทำให้ตรัสรู้ความจริงว่ากั้งคือผกายกุลหลานสาวของบงกช ตรัสจริงเข้าใจผิดคิดว่ากั้งร่วมมือกับบงกชหลอกลวงเขามาตลอด ด้วยความแค้นตรัสจึงประกาศว่าจะกลับมาทำงานที่วิภาคโยธิน โดยมีข้อแม้ว่ากั้งจะต้องมาทำงานกับเขาเท่านั้น ความชิงชังและความโกรธแค้นที่ตรัสมีต่อกั้งจะลงเอ่ยอย่างไร?
อุบัติเหตุหัวใจ (2550/2007) เสี่ยใหญ่ เจ้าของ “อัครา คาเฟ่” กำลังขับรถกลับบ้าน โดยมี ชัยวัฒน์ ที่เป็นเพื่อนและผู้จัดการคาเฟ่ขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางชัยวัฒน์ถือโอกาสคุยเรื่องที่เขาต้องการถือหุ้นอัคราคาเฟ่เพิ่ม แต่เสี่ยใหญ่ลงไปบนถนนจนโดนรถแท็กซี่ของ พิภพ ชนเอา โดยมี น้ารงค์ หัวหน้าคณะตลกที่คาเฟ่ขับรถตามาพอดีและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พิภพถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมเสี่ยใหญ่อาการสาหัสทั้งคู่ ภาคภูมิ ลูกชายคนโตของพิภพรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดได้เจอกับ อรชุมา ลูกสาวของเสี่ยใหญ่นั่งร้องไห้อยู่ เขาปลอบเธอในฐานะหัวอกเดียวกันสองคนแอบประทับใจกัน ต่อมาเสี่ยใหญ่เสียชีวิตแต่พิภพพ้นขีดอันตราย เมื่ออรชุมารู้ว่าคนที่ชนพ่อเธอตายคือพ่อของชายที่ปลอบใจเธอ อรชุมาก็ประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของพิภพต้องการหาเงินรักษาพ่อ เลยขอ เอกชัย เจ้าของคอกม้าคัดตัวเป็นจ๊อกกี้ โดยมี ขิง ลูกสาวของเอกชัยที่ปลื้มเขามากคอยสนับสนุน พิพัฒน์โชว์ลีลาขี่ม้าเก่งจนเข้าตาชัยวัฒน์ ที่แวะมาหาเอกชัยเลยช่วยเชียร์อีกแรง พิพัฒน์ได้เป็นจ๊อกกี้สมใจชัยวัฒน์หวังทำเงินจากการแทงม้าของพิพัฒน์ ทำเป็นเห็นใจเรื่องพ่อบอกให้ตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี ถ้าขี่ม้าชนะจะทำเงินมหาศาล พิพัฒน์รู้สึกดีที่ชัยวัฒน์สนับสนุน ภาคภูมิไปที่อัคราคาเฟ่เพื่อเริ่มงานวันแรกที่เขาได้เป็นกัปตัน โดยไม่รู้ว่าอัคราคาเฟ่เป็นของเสี่ยใหญ่ที่พ่อเขาเพิ่งขับรถชนตาย และคนที่มาบริหารแทนคืออรชุมาลูกสาวของเสี่ยใหญ่ เมื่อสองคนเจอกันอรชุมายอมให้ภาคภูมิทำงานที่นี่เพื่อจะได้มีเงินไปรักษาพ่อ เธอหวังว่าพิภพจะฟื้นขึ้นมาใช้กรรมในคุก ภาคภูมิดูแลความเรียบร้อยและแก้ปัญหาในคาเฟ่ได้อย่างดี จนกลายเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักร้องคาเฟ่ จันทร์เพ็ย และ เอมี่ ที่ตบตีกันเพื่อแย่งชิงภาคภูมิ รวมทั้ง ดาวรุ่ง ที่รักอยู่กับ วีระชัย ลูกชายของชัยวัฒน์ที่แอบเลี้ยงดูเธออยู่ลับๆ ก็หันมาร่วมแย่งภาคภูมิด้วยอีกคน ภาคภูมิเริ่มสงสัยว่าเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฝีมือของชัยวัฒน์จึงเตือนอรชุมา แต่อรชุมาไว้ใจชัยวัฒน์มาก ภาคภูมิเลยถูกชัยวัฒน์ส่งคนมาทำร้ายบาดเจ็บชงเหล้าไม่ได้ ภาคภูมิเลยสอนอรชุมาชงเหล้าเผื่อเขาไม่สบายทำงานไม่ได้ คืนนั้นทั้งคู่เริ่มเมาและพูดความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ อรชุมาขอบคุณภาคภูมิแล้วหลับไป ภาคภูมิอุ้มอรชุมาไปที่ห้องพักสำรองแล้วมานั่งเฝ้าที่โซฟาจนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นพนักงานต่างซุบซิบนินทาว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันทั้งคืน อรชุมาถูกชัยวัฒน์และวีระชัยลากไปเตือนว่าอาจเป็นแผนของภาคภูมิ ที่ทำให้อรชุมาใจอ่อนไม่ฟ้องศาล อรชุมาเข้าไปต่อว่าภาคภูมิอย่าหวังว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้ใจ่อน วีระชัยดูออกว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เลยสั่งให้ดาวรุ่งไปเกาะแกะกับภาคภูมิเพื่อแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน เมื่อดาวรุ่งท้องวีระชัยก็ใส่ร้ายภาคภูมิว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง แล้วจับดาวรุ่งไปทำแท้ง ดาวรุ่งเสียใจมากที่เสียลูกไปจึงตามไปจะฆ่าวีระชัย แต่แอบรู้ความลับของวีระชัญเสียก่อนจึงหลบหนีออกมาบอกอรชุมา แต่วีระชัยและชัยวัฒน์รู้ตัวจึงตามมาจับ แล้วขับรถชนจนดาวรุ่งเสียชีวิต ทางด้านอรชุมาก็เริ่มระแวงความซื่อสัตย์ของชัยวัฒน์ เมื่อเจอหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นคาเฟ่จึงสืบหาต่อ จนรู้ว่าชัยวัฒน์เป็นคนทำให้พ่อของเธอต้องตาย อรชุมาพยายามจะเข้ามายกเลิกการพิจารณาคดีเพราะต้องการถอนฟ้อง แต่ถูกชัยวัฒน์ส่งคนไปจับตัวไว้แล้วบังคับให้เซ็นยกทุกอย่างให้เขา เมื่อภาคภูมิรู้เข้าก็รีบตามไปช่วยจนถูกยิงปางตาย อรชุมาเสียใจมากจึงเรียกตำรวจไปจับชัยวัฒน์ถึงบ้านพร้อมหลักฐานต่างๆ ชัยวัฒน์พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการยิงสู้กับตำรวจจนตายคาที่ ทิ้งให้วีระชัยกลายเป็นผู้รับกรรมทั้งหมด ภาคภูมิสลบไปหลายวันก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับที่พิภพถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระ เมื่อศาลพิสูจน์แล้วว่าชัยวัฒน์เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ครอบครัวของภาคภูมิจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง โดยคราวนี้เขามีอรชุมาอยู่เคียงข้างด้วยตลอดไป
คุ้มนางครวญ (2557/2014) คุ้มเวียงแก้วอายุราว 200 ปี มี เจ้าเก็จถวา (พิสมัย วิไลศักดิ์) วัย 70 ปี เป็นเจ้าของคุ้มเวียงแก้วเป็นคุ้มมหึมางดงาม แต่ไม่มีใครรู้ว่า ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร มีคุ้มร้างริมปิงผุผังอยู่หลังหนึ่ง ที่คุ้มร้างนั้นมีข่าวว่าเป็นคุ้มผีสิง เคยมีวัยรุ่นมาลองของและเจอผีจนต้องหนีจับไข้หัวโกร๋น แต่ความจริงแล้วที่นี่มีแก๊งค้ายาเสพติดมาลักลอบใช้เป็นที่กบดานและเรื่องผีก็เป็นเรื่องที่พวกนี้สร้างขึ้น เพื่อกันไม่ให้มีใครมายุ่งกับคุ้มร้างนี้ ฐาปกรณ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) ผู้กำกับและ มาดามสุ (ศิขรินธาร พลายพฤติ) ภรรยาสาวสวยที่เป็นผู้จัด ได้รับคำสั่งจากช่องให้ทำละครพีเรียด โดยวางตัว ตรีภพ (ยุทธนา เปื้องกลาง) เป็นพระเอก ตรีภพมีเพื่อนสนิทคือ แก้ว (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) นักเขียนหนุ่มถังแตก ตรีภพเสนอให้แก้วเป็นคนทำพล็อตละครเรื่องนี้ คืนหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ฟ้าผ่าลงมาที่ยอดคุ้ม พวกแก๊งค้ายาเจอห้องใต้ดินมีหลุมศพซ่อนอยู่ และในคืนนั้นเอง พวกมันก็เกิดการทะเลาะวิวาทจนฆ่ากันเองทำให้เลือดซึมลงในหลุมศพ ปลุกให้วิญญาน เจ้านางยอดหล้า (สาวิกาไชยเดช) พร้อมบริวารคือ นางผัน (สิตางค์ ปุณภพ) และ นางเผื่อน (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ตื่นจากการถูกกักขัง ซึ่งวิญญาณยอดหล้าได้เฝ้ารอการกลับมาของตรีภพคนรักของเธอมานานแสนนาน พิมพ์ดาว (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) นางร้ายนิสัยดี อยู่กับแม่จันทรา (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและเป็นนักปฏิบัติธรรมกับน้องสาวชื่อ พิมพ์เดือน (ธนิดา ธนวัฒน์) นักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ปีสุดท้าย พิมพ์ดาวไปงานอีเว้นท์และได้พบกับตรีภพ ทั้งสองมีเรื่องเข้าใจผิดจนเกิดเขม่นกันขึ้น ส่วนฟาก มาลาริน (พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า) นางเอกสาวสวยใสแต่ตัวจริงแรดร้ายก็แอบปลื้มตรีภพ เลยขอให้บีบี (มอริส เค) ผู้จัดการนักปั้นมือทองของเธอใช้เส้นสายจนช่องให้เป็นนางเอกคู่ตรีภพ แก้วส่งเรื่องย่อ คุ้มนางครวญ เป็นมินิซีรีส์รัก 3 เส้า ระหว่างสองเจ้านางกับหนุ่มเมืองใต้ (พระนคร) ช่องอนุมัติและให้เปิดกล้องทันที ในตอนแรกฐาปกรณ์กลัวความไม่มีวินัยของแก้ว แต่จู่ ๆ เพียงแค่ 3 วัน บททั้งเรื่องก็ถูกส่งมา ทีมงานทุกคนพอใจในบทและมีการวางตัวเพิ่ม ตรีภพเสนอฐาปกรณ์ให้เลือกพิมพ์ดาวมารับบทนางร้ายเพราะอยากตอแยกับเธอต่อ ฐาปกรณ์เตรียมงานไปดูโลเคชั่นที่ อ.เวียงแก้ว พ่อเลี้ยงธาดา (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) มาต้อนรับทีมงาน ส่วนแก้วเชิญให้ทุกคนพักที่คุ้มเวียงแก้ว ฐาปกรณ์เลือกคุ้มหลวงเป็นฉากหลัก แก้วเสนอห้องพักมากมายให้นักแสดง แถมยังมีเรือนรับรองกว้างอีก 2 หลัง แม้ว่าจะมีคนเม้าท์ว่าที่นี่มีผี แต่มาดามสุก็ไม่สนเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายและคิดถึงกำไรที่จะเพิ่มขึ้น ฐาปกรณ์วางแผนจะถ่ายละครทั้งเรื่องที่เวียงแก้ว ไม่ว่าจะเป็นฉากป่า บ่อน้ำพุร้อน ฉากคุ้มหลวงที่คุ้มเวียงแก้วรวมทั้งการเซตฉากเพิ่มเติมอื่น ๆ โดยจะมีคิวถ่ายให้เสร็จในเดือนเดียว บีบีโวยวายที่จะต้องไปต่างจังหวัดนาน ๆ แต่มาลารินหวังใกล้ชิดตรีภพจึงยอมเทคิวให้ พิมพ์ดาวเตรียมตัวเดินทางไปเวียงแก้ว จันทรานั่งสมาธิเห็นนิมิตยอดหล้าและฝูงอีกา เธอจึงมอบเขี้ยวเสือไฟให้พิมพ์ดาวพกติดตัวไว้ก่อนเดินทางไปเวียงแก้ว ตรีภพและพิมพ์ดาวรู้สึกแปลก ๆ กับคุ้มแห่งนี้ แม้จะมีข่าวผีเฮี้ยนเล็ดลอดออกมาจากทีมงาน แต่ฐาปกรณ์ก็สั่งให้ทุกคนหุบปาก ส่วน ราเชนทร์ (อิสริยะ ภัทรมานพ) ดาราไฮโซติดยาและเป็นหนึ่งในแก๊งพ่อเลี้ยงธาดาที่อยากได้งาน เลยใช้เสน่ห์ออดอ้อนมาดามสุให้ได้เล่นละครด้วย ราเชนทร์เกิดชอบพิมพ์ดาว และเธอเองก็ทำดีกับราเชนทร์ ทำให้ตรีภพเริ่มไม่พอใจเพราะความหึงพิมพ์ดาว ในวันบวงสรวง ฐาปกรณ์กับมาดามสุจะจัดไหว้เจ้าที่เล็ก ๆ พอเป็นพิธี แต่บีบีกลับไปพาพิธีกรรายการล่าท้าผี ทั้งชายหญิงมาเป็นเจ้าพิธี 2 พิธีกรยกเมฆด้นสดพูดถึงความดีงาม ศิริมงคล ทันใดนั้นก็มีศพตกจากยอดคุ้มลงกลางโต๊ะเครื่องเซ่น สองพิธีกรกรี๊ดแตกหนีกลับกรุงเทพฯ มาลารินเลยฉวยโอกาสแสร้งทำเป็นกลัวเพื่อให้ตรีภพคอยดูแล ระหว่างการถ่ายทำ อำนาจเขี้ยวเสือไฟบังตาทำให้ยอดหล้ามองไม่เห็นพิมพ์ดาว ยอดหล้าจึงพุ่งความโกรธแค้นหึงหวงไปที่มาลาริน มาลารินเจออุบัติเหตุต่าง ๆ ระหว่างถ่ายทำ ในตอนแรกบีบีเข้าใจผิดว่าเป็นฝีมือของพิมพ์ดาว แต่ต่อมาทุกคนในกองถ่ายเริ่มรู้สึกว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นอยู่รายรอบตัว คืนนั้นยอดหล้าสะกดตรีภพและส่งรถม้าปีศาจไปรับ แต่มาลารินดันย่องเข้าไปหาตรีภพและหลงตามไป มาลารินเห็นรถม้าแล่นสู่กำแพงต้นไม้ที่แหวกเป็นช่องจนถึงคุ้มร้างริมปิง ยอดหล้าสะกดตรีภพให้เห็นคุ้มร้างเป็นคุ้มสวยงาม ยอดหล้าเอาใจตรีภพด้วยการเล่นซึงเพลงรักที่ในอดีตชาติที่เขาเคยแต่งให้เธอ ตรีภพเคลิบเคลิ้ม แต่มาลารินเข้าไปเห็นยอดหล้าในสภาพโปร่งแสงก็กรี๊ดแตก ยอดหล้าทำร้ายมาลาริน ตรีภพตื่นจากสะกดและยอดหล้าหายตัวไป ตรีภพจึงพามาลารินที่สลบกลับคุ้มเอาเกือบเช้า พิมพ์ดาวเห็นเข้าจึงเข้าใจผิดว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน แต่มาลารินกลัวผีจนเพ้อและต้องเข้าโรงพยาบาล พิมพ์ดาวเห็นอาการมาลารินแล้วสงสาร จึงให้เขี้ยวเสือไฟกับมาลาริน ทำให้มาลารินอาการดีขึ้นทันที เมื่อปราศจากเขี้ยวเสือไฟ ยอดหล้าจึงเห็นพิมพ์ดาวและรู้ทันทีว่านี่คือดารารายที่เคยแย่งคนรักของเธอในอดีต ยอดหล้าคลั่งแค้นสุด ๆ จึงมาปรากฏกายให้พิมพ์ดาวเห็นในความฝันและสะกดจิตให้เธอจำอดีตชาติได้ พิมพ์ดาวสะดุ้งตื่นจากฝันจึงรู้ว่าตนคือดารารายที่ในอดีตเนิ่นนานเธอเคยแย่งตรีภพไปจากยอดหล้าแถมยังฆ่ายอดหล้าตาย และบัดนี้เธอกำลังโดนยอดหล้าตามมาอาฆาตและทวงทุกอย่างคืน สุดท้ายพิมพ์ดาวจะชดใช้ผลกรรมที่ตนเคยก่อไว้ในอดีตกับยอดหล้าอย่างไร? และความรักระหว่างตรีภพและพิมพ์ดาวจะได้สมหวังในชาตินี้หรือไม่? ติดตามหาคำตอบได้ใน ละครคุ้มนางครวญ
จ้าวพายุ (2556/2013) อรทัย(โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากเมียหลวงของศิวา(เกรียงไกร อุณหนันท์) เจ้าของนามสกุลใหญ่ “เจนจรัสตระกูล” หลังจากแม่แท้ๆของเธอตาย ศิวาก็หันไปคว้าเอาอาภา(กัลยา เลิศเกษมทรัพย์) เด็กรับใช้ในบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับอรทัยมาเป็นเมีย อรทัยจึงเกลียดอาภามาก สร้างความหนักใจให้ศิวา จนกระทั่งอาภาคลอดลูกชายคือศุวิล หรือ ลม(ไนกี้-นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ที่ได้เป็นเจ้าของนามสกุล เจนจรัสตระกูล อีกคนหนึ่ง อรทัยไม่ยอมให้เมียน้อยและลูกมาแย่งความรักและสมบัติของจากพ่อ คืนหนึ่งศิวาไม่อยู่ อรทัยจึงขู่อาภาว่าจะฆ่าลมและขับไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน อาภาจึงพาลมลูกชายวัย5ขวบจากไป อรทัยใส่ร้ายว่าอาภามีชู้ ศิวาไม่เชื่อและได้แต่สงสัยว่าอาภาหนีไปเพราะเหตุใด 20 ปีผ่านไป อรทัยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่เธอคิดผิด เมื่อบรรเจิด(ภูธเนศ หงษ์มานพ) สามีของเธอ เริ่มมีพฤติกรรมน่าสงสัย แต่อรทัยก็ฉลาดพอที่จะไม่กระโตกกระตาก ตั้งใจจะสืบเรื่องผู้หญิงที่มาเป็นเมียน้อยของสามีเธออย่างลับๆ อรทัยต้องการให้สุธาวี(เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์) ลูกชายที่ดื้อรั้นไม่ได้ดั่งใจ แต่งงานกับฟ้าใส(ลิลลี่-ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ) หลานบุญธรรมของบรรเจิด เพราะศิวารักและเอ็นดูฟ้าใสมากกว่าสุธาวีหลานแท้ๆของตน ความกตัญญูของฟ้าใสทำให้อรทัยมั่นใจว่าจะควบคุมทุกอย่างได้ แม้ว่าบรรเจิดจะคัดค้าน และสุธาวีเองก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ชอบฟ้าใสแม้แต่น้อย ก็ไม่ได้ทำให้อรทัยเปลี่ยนใจ ศิวาตามหาอาภาและศุวิลจนพบ แต่อาการมะเร็งกำเริบจนต้องเข้าโรงพยาบาล อาภาใจอ่อนและสงสารศิวา แต่ก็ไม่ยอมปริปากถึงสาเหตุการจากมาของตน ศุวิลเติบโตมากับความเกลียดชังพ่อแท้ๆ อาภารู้ว่าถ้าศุวิลรู้ความจริงว่าอรทัยเคยขู่ฆ่า ศุวิลจะไม่ปล่อยอรทัยแน่ แต่ศุวิลก็มีเหตุปะทะกับอรทัยที่โรงพยาบาลจนได้ ฟ้าใสเข้ามาขวางจึงได้รับบาดเจ็บ ฟ้าใสตั้งใจจะทำให้ศุวิลปรับความเข้าใจกับศิวา ศุวิลรำคาญฟ้าใส แต่ความดีของเธอก็ทำให้หัวใจของศุวิลสั่นคลอน แม้ว่าเขาเองจะคบหาอยู่กับปิ่นมณี(ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) ก็ตาม ศุวิลไม่เคยรู้ว่าชีวิตลับๆ ของปิ่นมณีคือการขายตัวให้แขกไฮโซ ต่อหน้าเธอแสนดีและเข้าใจเขาเสมอ แท้จริงแล้วความฝันเดียวของปิ่นมณีคือ หาผู้ชายดีๆ รวยๆ สักคน เพื่อหนีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะต้องเลี้ยงปาน(ณหทัย พิจิตรา) แม่บังเกิดเกล้าและพัน(จตุรงค์ โกลิมาศ) ผัวใหม่ของแม่ แต่เธอก็ไม่สามารถทิ้งแม่ของเธอได้ ความลับของปิ่นมณีไม่เคยมีใครรับรู้ แม้กระทั่งฟ้าใสเพื่อนสนิทของเธอ ปิ่นมณีอิจฉาชีวิตที่โชคดีของฟ้าใส รวมถึงแก้วตา(ซี-หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช) สาวน้อยใสซื่อเพื่อนสนิทอีกคน ที่ภายใต้หน้ากากสาวอ่อนหวานไร้พิษภัย แต่แท้จริงยอมพลีกายให้กับบรรเจิด สามีของอรทัย เพื่อแลกกับชีวิตที่สุขสบาย ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่ง หักหลังฟ้าใสเพื่อนสนิทของตน อรทัยระแคะระคายได้เบาะแสเมียน้อยบรรเจิด แต่แก้วตาก็หนีรอดทุกครั้ง แต่ไม่ใช่การช่วยเหลือของบรรเจิดเพียงคนเดียว แต่เพราะเดช(ดิว-ภัทรพล กันตพจน์) คนสนิทของบรรเจิดที่แอบชอบแก้วตาช่วยด้วย ความลับของแก้วตาเริ่มถูก งามเสมอ(หนูอิมอิม ก้าวมหัศาจรรย์) ครูที่โรงเรียนจับตามอง แต่ชนเมศร์(ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์) ครูอีกคนที่ชอบแก้วตาคอยแก้ตัวให้อยู่เสมอ เมื่อศิวาประกาศว่า จะแบ่งสมบัติของตนครึ่งนึงให้ศุวิล อรทัยจึงแค้นที่สองแม่ลูกจะกลับมาแย่งของๆ เธออีกครั้ง อรทัยเห็นว่า ฟ้าใสเป็นเครื่องมือที่จะทำได้สมบัติทั้งหมด จึงออกคำสั่งให้สุธาวีเอาชนะใจฟ้าใสและแต่งงานให้เร็วที่สุด! แม้ว่าสุธาวีจะคบหาอยู่กับ สราลัย(เมย์-สิรินทร์ ก่อเกียรติ) ลูกสาวรัฐมนตรีอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยกล้างัดข้อกับอรทัย จนกระทั่งสุธาวีได้พบปิ่นมณี สุธาวีก็คลั่งไคล้ปิ่นมณีทันที! สราลัยไม่พอใจที่ปิ่นมณีดึงสุธาวีไปจากตน จึงรุมทำร้ายปิ่นมณีแต่ก็แพ้ ยิ่งทำให้สุธาวีพอใจในความแซ่บของปิ่นมณี เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือแฟนของศุวิล ก็ยิ่งอยากชนะ สราลัยเอาเรื่องปิ่นมณีไปบอกอรทัย อรทัยไม่ยอมรับปิ่นมณี แต่เพราะความหลงเสน่ห์ปิ่นมณี ทำให้สุธาวีกลับลุกขึ้นแข็งข้อกับอรทัย และยืนกรานว่าจะต้องอยู่กับปิ่นมณีให้ได้ สุธาวีเล่าเรื่องที่ศิวาจะยกมรดกให้ศุวิลครึ่งนึงให้ปิ่นมณีฟัง ทำให้ปิ่นมณีไม่ยอมปล่อยศุวิล เพราะยังไม่รู้ว่าศุวิลหรือสุธาวีจะได้ครอบครองสมบัติกันแน่ เธอจึงปกปิดเรื่องที่เธอแอบคบสุธาวีไม่ให้ศุวิลรู้ สุธาวีปะทะกับอรทัยบ่อยขึ้น และยื่นข้อเสนอกับอรทัยว่าจะแต่งงานกับฟ้าใสตามต้องการ แต่จะให้ปิ่นมณีเป็นเมียน้อย อรทัยไม่ยอมเด็ดขาด ปัญหารอบตัวของอรทัยยิ่งทวีคูณ เมื่อเห็นว่าศุวิลกับฟ้าใส เหมือนจะมีสายใยบางอย่างเกิดขึ้น หลายครั้งที่ศุวิลหัวเสียจากอรทัย คนที่โดนลูกหลงก็มักจะเป็นฟ้าใสเสมอ ครั้งนึงที่ศุวิลพลั้งมือทำร้ายฟ้าใส ศุวิลรู้สึกผิดมาก พยายามตามทำดีกับฟ้าใสเพื่อไถ่โทษ เมื่อได้ใกล้ชิดกันก็ทำให้ทั้งสองต่างหวั่นไหวต่อกัน รวมถึงแก้วตา เมื่อได้พบศุวิล ก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้ฟ้าใสได้สมหวังกับศุวิลแน่ จึงยกเอาเรื่องศุวิลเป็นแฟนของปิ่นมณีขึ้นมาพูดกับฟ้าใส และแสร้งทำทีว่าเข้าใจความรู้สึกของฟ้าใสที่มีต่อศุวิล แก้วตาขอให้ฟ้าใสรับปากว่าจะไม่หักหลังแย่งศุวิลจากปิ่นมณี ฟ้าใสยอมรับปาก แม้ในใจจะเจ็บลึกๆก็ตาม ฟ้าใสออกห่างจากศุวิล และขอร้องให้เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกินเลย เธอไม่อยากหักหลังเพื่อน ศุวิลรับปากเพราะไม่อยากทำให้ฟ้าใสลำบากใจ แก้วตาสมหวังที่กีดกันฟ้าใสออกจากศุวิลได้ เพื่อที่เธอจะได้แอบสร้างความสัมพันธ์กับศุวิลเอง และโชคก็เข้าข้างแก้วตา เมื่อบรรเจิดย้ายบ้านเธอหนีจากการรุกรานของอรทัย ที่สำคัญบ้านนั้นติดกับบ้านของศุวิล! ศุวิลและอาภาไม่เคยสงสัยแก้วตา และไม่เคยรู้ว่าแก้วตาคือเพื่อนของฟ้าใส ทุกครั้งที่ศุวิลไปหาฟ้าใสที่โรงเรียน แก้วตาจะหลบเลี่ยงไปทุกครั้ง มีเพียงสำลี(อุ่นเรือน ราโชติ)ที่ฟันธงว่าแก้วตาเป็นเมียน้อย!! แก้วตาทนไม่ไหวที่ต้องหลบซ่อน จึงระบายเรื่องที่เธอเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้กับปิ่นมณีฟัง ปิ่นมณีปลอบใจแก้วตา แต่ความลับนี้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ปิ่นมณีจะใช้ไขเข้าบ้านเจนจรัสตระกูล ปิ่นมณียื่นข้อเสนอจะให้เบาะแสเรื่องเมียน้อยบรรเจิดกับอรทัย แม้ว่าไม่เต็มใจแต่อรทัยก็ตอบรับข้อเสนอปิ่นมณี ที่ขายความลับของเพื่อนสนิทให้อรทัยรู้ หารู้ไม่ว่า ถึงอย่างไรอรทัยก็จะไม่ยอมรับปิ่นมณี ฟ้าใสคนเดียวที่จะช่วยนำเธอไปสู่ชัยชนะระหว่างเธอกับศุวิลได้ อรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตา แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเดชคอยส่งข่าวเตือน ด้านปิ่นมณีก็ทวงสัญญาการแต่งงานของเธอกับสุธาวีที่อรทัยเคยให้ แต่อรทัยเสนอให้สุธาวีสืบหาและจัดการกับแก้วตาให้เธอ และจะไม่ขัดขวางเรื่องแต่งงานกับปิ่นมณีอีก สุธาวีจึงรับปาก สุธาวีพาปองพล(พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา) พี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงของปิ่นมณีไปจัดการแก้วตาด้วย แม้ว่าปิ่นมณีจะไม่ลงรอยกับปองพล แต่งานนี้เธอก็ใช้ปองพลกับสุธาวีร่วมมือกันทำร้ายแก้วตาจนปางตาย สร้างความเสียใจให้บรรเจิดและเดช ทาสรักผู้ภักดีของแก้วตา เมื่อฟ้าใสรู้เรื่องแก้วตาก็ตกใจ แก้วตาขอโทษและขอร้องให้ฟ้าใสเข้าใจความรักของเพื่อนกับอา ฟ้าใสหลงเชื่อสงสารจึงยอมทำตาม แต่คิดไว้ว่าจะหาวิธีพูดให้แก้วตาเลิกเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้ได้ ลึกๆแล้วแก้วตายังไม่อยากทิ้งบรรเจิด เพราะยังไม่ได้ศุวิลมาครอง แต่เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือผู้ชี้เป้าให้อรทัยได้รู้ แก้วตาก็สืบจนรู้ว่าปิ่นมณีทำงานขายตัว จึงบอกเรื่องนี้กับศุวิลเพื่อเป็นการแก้แค้น ศุวิลไม่อยากเชื่อ แต่ก็ตามไปดูปิ่นมณี สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องช็อค เพราะพบปิ่นมณีกำลังนัวเนียกับสุธาวี ศุวิลขอเลิกกับปิ่นมณีทันที เมื่อถูกสลัดจากศุวิล ปิ่นมณีจึงมาเร่งการแต่งงานกับสุธาวี แต่อรทัยก็ไม่รักษาคำพูด ซ้ำยังหันไปบังคับฟ้าใสให้ยอมแต่งงานกับสุธาวี ฟ้าใสยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รักเด็ดขาด เพราะในใจลึกเธอรักศุวิลแม้จะรักข้างเดียวก็ตาม คืนหนึ่งสุธาวีเมาและแค้นอรทัยมาก เมื่อกลับมาเจอฟ้าใส สุธาวีจึงใช้กำลังปลุกปล้ำ โชคดีที่ศุวิลมาช่วยฟ้าใสไว้ได้ทัน สุธาวีต่อสู้กับศุวิล สุธาวีเลยจะยิงศุวิล ฟ้าใสเอาตัวเข้าขวางเอาไว้ ฟ้าใสจึงถูกยิงแทน หลังเหตุการณ์นี้ศุวิลขอร้องให้ฟ้าใสมาพักรักษาตัวที่บ้านเขา ศุวิลกลายเป็นคนมีชีวิตชีวา อาภารับรู้ถึงความรู้สึกของทั้งคู่ แต่แม้ว่าจะได้ใกล้ชิดกันแค่ไหน ทั้งคู่ก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าจะเป็นเพียงเพื่อนกัน อรทัยรู้ข้อมูลของปิ่นมณีเรื่องจ็อบเป็นโสเภณีชั้นสูง จากการให้ข่าวของปรียะ(ม.ล.อรรถดิศ ดิศกุล) เพื่อนกินของสุธาวี จึงเอาเรื่องนี้มาบอกสุธาวี แต่สุธาวีกลับยอมรับปิ่นมณีได้ แต่อรทัยไม่ยอม สั่งลูกน้องไปดักทำร้ายปิ่นมณีหวังข่มขู่ให้เลิกกับสุธาวี แต่สุธาวีมาช่วยปิ่นมณีเอาไว้ได้ทัน สุธาวีโกรธจนลืมตัว บุกไปเอาเรื่องอรทัย และประกาศว่าปิ่นมณีต้องเป็นเจ้าสาวของเขา! ทำให้อรทัยแค้นมาก ศุวิลยังไม่ยอมรับศิวาเป็นพ่อ ทำให้อาการของศิวาทรุดหนัก อาภาจึงบอกความจริงกับศุวิล ว่าอรทัยขู่ฆ่าศุวิล เธอจึงต้องหนีออกมา ศุวิลจึงโกรธแค้นอรทัยมาก แต่พอฟ้าใสกับอาภาขอร้องให้ใจเย็น ศุวิลก็เย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อศิวารู้ว่าอรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตาจนปางตาย เขาก็ยิ่งเสียใจที่ลูกสาวแท้ๆของเขามีจิตใจเหี้ยมโหด จึงตั้งใจจะไม่มอบอะไรให้อรทัยและสุธาวีแม้แต่แดงเดียว อรทัยยอมรับและยังบอกให้ศิวายกสมบัติให้สุธาวีทั้งหมด ไม่อย่างนั้น ตนจะไม่เอาอาภาและศุวิลไว้ ศิวาเป็นห่วงอาภาและศุวิล จึงยอมร่างพินัยกรรม ปิ่นมณีใช้มารยาปั่นหัวสุธาวีจนแตกหักกับอรทัยแล้วมาแต่งงานอยู่กับตน ส่วนบรรเจิดได้ขอแยกทางกับอรทัยถาวร ทำให้อรทัยแค้นใจมาก แต่เรื่องทั้งหมดยังไม่จบลงเท่านั้น เมื่อเดชบุกมากลางงานแต่งงานพร้อมปืนในมือเพื่อล้างแค้นแทนแก้วตา ปิ่นมณีเองก็แค้นแก้วตาที่ขายความลับที่เธอขายตัวให้ศุวิลรู้และทำให้ชีวิตเธอแทบพัง บทสรุปของเรื่องราวความรัก ความแค้น ความเกลียดชังราวกับลมพายุที่โหมกระหน่ำในใจของทุกคนจะจบลงอย่างไร และสายลมรักของฟ้าใสกับศุวิลจะพัดพาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันได้หรือไม่?
ลักส์ ดาวค้นดาว ตอน ละครที่รัก (2547/2004) หลังจากที่ขิม (แอน ทองประสม) มีโอกาสไปถ่ายละครที่หมู่บ้านริมทะเลแห่งหนึ่ง เธอได้เจอนักเรียนกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เพื่อนในกลุ่มชื่อส้มจี๊ดซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงของขิม ที่อยากจะเล่นละครเวทีของโรงเรียนเรื่อง “ขวัญกับเรียม” แต่ก็ไม่กล้า เพราะเป็นโรคกลัวที่จะต้องอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมาก ขิมเห็นใจจึงอาสาช่วยพูดพร้อมแนะนำเทคนิคความกล้าให้ จนส้มจี๊ดเริ่มมีกำลังใจและตัดสินใจเข้าคิดเลือกนักแสดงทันที ในวันคัดเลือก ขิมขออนุญาตจากตวง(แจง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อจะไปเป็นกรรมการคัดเลือกนักแสดงของงานโรงเรียนได้สำเร็จ และได้เจอกับตั้ม (หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร) คุณครูสอนพละที่โรงเรียนแห่งนี้ ตั้มชวนขิมคุยจนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน ด้านส้มจี๊ด หลังจากทำการคัดเลือกนักแสดงเสร็จ เธอก็ได้รับเลือกให้เล่นบทเรียม ส้มจี๊ดดีใจมากและขอร้องให้ขิมมาดูเธอเล่นละครด้วย ขิมตอบตกลงไปทั้งๆ รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้เพราะติดงาน แต่ขิมกลัวเด็กๆ เสียใจ จึงไปขออนุญาตตวงให้ยกเลิกงานในวันนั้น ตวงโกรธมากและไม่อนุญาตให้ขิมไป ขิมผิดหวังและรู้สึกเหนื่อยกับงานที่ทำอยู่ เมื่อตั้มเข้ามาเห็นก็สงสาร เลยออกปากชวนขิมไปเดินเล่นพร้อมกับพูดปลอบให้กำลังใจ
ความทรงจำใหม่ หัวใจเดิม (2541/1998) เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ต้องสูญเสียความทรงจำไป เมื่อพบว่าคู่หมั้นของเธอพาหญิงสาวอื่นเข้าโรงแรม และจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้>เธอได้มาพบกันเขา…ชายหนุ่มผู้ที่ห่างหายจากความรักมาเกือบสิบปี… การได้มาพบกันของคนทั้งคู่ ทำให้ก่อเกิดความรู้สึกดีๆขึ้นในหัวใจ โดยเฉพาะสำหรับเขา ซึ่งห่างหายจากความรักมาเกือบสิบปี เขาได้เรียนรู้ที่จะรักใหม่ แต่ยังไม่ทันที่ความรักของเขาจะสมหวัง เขาก็ได้พบกับความจริงที่ว่า เธอ…หญิงสาวที่เขากำลังมอบความรักครั้งใหม่ให้นั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว… แม้จะเจ็บปวดกับความจริงนี้ แต่เขาก็ยังมอบสิ่งดีๆให้กับเธอ คือพยายามช่วยฟื้นความจำให้เธอ และเมื่อหญิงสาวกลับมามีความทรงจำอีกครั้ง ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคู่หมั้นของเธอก็เปิดเผยออกมา ทำให้เขาเริ่มมีความหวังอีกครั้ง…
น่ารัก (2557/2014) ประเทศฮวาซา เป็นรัฐอิสระตอนตะวันตกเฉียงเหนือของไทยใกล้แม่น้ำโขง ต้องการเปิดประเทศให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จึงมีการเปิดประมูลหาบริษัทที่จะมาผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อทำการประชาสัมพันธ์ประเทศให้เป็นที่รู้จัก โดยมี นาย (ชาคริต แย้มนาม) เจ้าของบริษัทกับ จีจี้ (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) แฟนสาว จากบริษัท GNN ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์สารคดีชื่อดังจากประเทศไทย ที่เข้าร่วมการประมูลงานในครั้งนี้ โดยบริษัทของนายมีทีเด็ดที่เหนือกว่าบริษัทคู่แข่งคือ แนวหน้า (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ครีเอทีฟคนเก่งซึ่งเป็นน้องชายของนายนั่นเอง ทั้ง 3 คนประทับใจและชื่นชมความงามของประเทศฮวาซามาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นราชพิธีวันเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวที่ พระราชาธูล (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) ได้พา องค์หญิงโลลิต้า (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) องค์หญิงรัชทายาทผู้ที่มีสิริโฉมงดงาม แสนซื่อบริสุทธิ์สดใส เสด็จออกเยี่ยมประชาชน ทำเอานายกับจีจี้ถึงกับเอ็นดูในความน่ารักสดใสขององค์หญิงโลลิต้า เว้นก็แต่แนวหน้าเท่านั้นที่รู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะองค์หญิงโลลิต้าคือคนที่เพิ่งมีปากเสียงกับเขาที่กลางตลาดเมื่อตอนบ่าย เพียงเพราะเหตุผลที่เขาแย่งซื้อขนมชิ้นสุดท้ายจากเธอมาได้ จนทำให้เธอโกรธเคืองเขามากมาย หลังจากที่บริษัทนายนายได้รับการไว้วางใจให้เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อประสัมพันธ์ประเทศฮวาซา โดยแนวหน้าได้เสนอความคิดว่าจะผลิตสารคดีท่องเที่ยวแบบกึ่งเรียลลิตี้ โดยมีองค์หญิงโลลิต้าเปรียบเหมือนเป็นฑูตของฮวาซา ซึ่งแนวหน้าจะเล่าเรื่องผ่านตัวละครชายหนุ่มนักผจญภัยที่ได้ยินกิตติศัพท์ความงามขององค์หญิงแห่งฮวาซา จึงเดินทางมาที่ประเทศนี้ ได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามและเรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนฮวาซา จนชายผู้นี้ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศตลอดไป ซึ่งแนวหน้าตั้งใจว่าตัวเขาเองจะแสดงเป็นชายในสารคดีเรื่องนี้เอง แต่องค์หญิงโลลิต้ากลับไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากร่วมงานกับแนวหน้าชายคนที่เธอไม่ชอบหน้า องค์หญิงโลลิต้าเสนอให้จีจี้ไปติดต่อพระเอกละครไทยสุดฮอตคนที่เธอคลั่งไคล้คือ ไผท (สน ส่งไพศาล) มาเป็นตัวละครชายหนุ่มนักผจญภัยให้ได้เธอถึงจะยอมให้ความร่วมมือ ซึ่งจีจี้กับนายก็รีบตกปากรับคำทันที ทำให้แนวหน้าถึงกับไม่พอใจและไม่อยากทำโปรเจคท์นี้อีกต่อไป เพราะในอดีตเขากับไผทเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่เป็นคู่ปรับที่ชิงดีชิงเด่นกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องความรักของแนวหน้าที่ต้องอกหัก เมื่อถูก ขิง (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) สาวสวยที่แนวหน้าหมายปองกลับปันใจไปคบหากับไผท ด้วยเหตุนี้เลยยิ่งทำให้แนวหน้าเกลียดไผทยิ่งขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่ทำให้แนวหน้าต้องจำใจยอมทำโปรเจคท์นี้ต่อไปก็เพราะนายกับจีจี้เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนถึงขึ้นที่จีจี้บอกเลิกนายและจะถอนหุ้นทั้งหมดออกจากบริษัท แถมจีจี้ยังประกาศว่าเธอจะต้องติดต่อไผท ให้ยอมร่วมงานกับเธอก่อนหน้านายกับแนวหน้าให้ได้ ซึ่งในขณะนั้นเองไผทกำลังเบื่อชีวิตในวงการบันเทิงเพราะ พี่ฟิน (ปิยะ เศวตพิกุล) ผู้จัดการส่วนตัวชอบรับงานซ้อนจนทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าไผทเป็นซุปตาร์ที่เรื่องมาก ขี้งกเลือกรับงาน ด้วยเหตุนี้ไผทเลยตัดสินใจร่วมงานกับแนวหน้า เพราะต้องการดัดนิสัยพี่ฟินและหลีกหนีความวุ่นวายในวงการบันเทิงไทย หลังจากที่ทั้ง 3 คนเดินทางมาถึงฮวาซาก็ต้องตกใจสุด ๆ เมื่อพบว่าจีจี้ได้พูดจาหว่านล้อมให้องค์หญิงนำพล็อตเรื่องที่วางไว้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยเสนอแนะให้องค์หญิงโลลิต้าเป็นนำผู้แสดงเพียงคนเดียว ในขณะที่องค์หญิงกำลังคิดพิจารณาตามข้อเสนอของจีจี้ นายกับแนวหน้าก็คิดแผนเด็ดขึ้นมาได้โดยต้องทำให้องค์หญิงรักไผทจริง ๆ ให้ได้ ด้วยเหตุนี้แนวหน้าจึงต้องติวเข้มไผทอย่างหนักว่าต้องทำตัวให้เหมือนกับคาแรคเตอร์ในละครถึงจะตรงตามสเปคขององค์หญิงโลลิต้า ซึ่งบทบาทในละครต่างจากตัวตนที่แท้จริงของไผทมาก ซึ่งแนวหน้าต้องไปตีสนิทกับ ชีฟอง (วิชญานี เปียกลิ่น) พี่เลี้ยงขององค์หญิงโลลิต้า เพื่อหลอกถามข้อมูลเกี่ยวกับองค์หญิงโลลิต้า ซึ่งชีฟองก็หลงเชื่อ และยอมร่วมมือทุกอย่าง เมื่อโลลิต้ามาเห็นว่าแนวหน้าจีบชีฟองก็โกรธมาก แต่ชีฟองกลับหลงรักแนวหน้ามาก ๆ จนองค์หญิงโลลิต้าไม่กล้าทำร้ายจิตใจชีฟอง หลังจากไผทรู้ว่าองค์หญิงโลลิต้าชอบเขาจากละครเรื่องอะไร ทำเอาเขาถึงกับช็อกเพราะเป็นเรื่องที่ไผทเล่นไว้แย่ที่สุด แต่ไผทก็ยอมทำทุกอย่างตามคำแนะนำของแนวหน้า เพราะเขารู้สึกหลงรักองค์หญิงโลลิต้าขึ้นมาจริง ๆ แม้จีจี้กับฟินจะมาพยายามข่มขู่ด้วยวิธีไหน ไผทก็ไม่ฟัง เพราะถ้าขาดแนวหน้าไปเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง ที่จะทำให้ผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีอย่างองค์หญิงโลลิต้ามาชอบเขาจริง ๆ ได้ หลังจากที่ทุกคนเริ่มการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีไปอย่างราบรื่น แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อขิงเดินทางมาที่ฮวาซาเพื่อรับหน้าที่สไตลิสต์ส่วนตัวให้กับไผท ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นแผนการของจีจี้ ที่หวังจะทำให้ไผทและแนวหน้าแตกคอกัน ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จเมื่อไผทกับแนวหน้าทะเลาะกันจริง ๆ แต่เป็นการแตกคอที่ทั้งคู่ต่างผลักดันให้อีกคนหนึ่งรับขิงเป็นของตน พอนายรู้เรื่องนี้ก็ขอร้องให้แนวหน้าเป็นคนจีบขิง เพื่อดึงขิงออกมาจากไผทที่กำลังไปได้ดีกับองค์หญิงฯ แนวหน้าอยากให้งานราบรื่นก็ยอมทำตามข้อเสนอของนาย แต่ แนวหน้ากลับทุกข์ใจกว่าเดิมเพราะเขารู้ว่าคนที่เขารักไม่ใช่ขิงแต่กลับเป็นองค์หญิงโลลิต้า ขิงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ชีฟองอกหัก และทำให้เจ้าหญิงโลลิต้าโกรธมาก เธอคิดว่าแนวหน้าเจ้าชู้หลอกให้ชีฟองเสียใจ เธอทะเลาะกับแนวหน้าอยู่ตลอด ไผทเลยต้องทำหน้าที่สานสัมพันธ์ทั้งคู่เข้าใจกัน เพราะไผทกลัวว่าหากองค์หญิงโกรธจนไม่ยอมทำงานต่อ เขากับองค์หญิงจะต้องห่างกัน ดังนั้นไผทเลยลงทุนไปขอร้องให้ขิงทำตัวเป็นทอม เพราะไม่อยากให้ชีฟองอกหัก แล้วก็จัดการทำให้แนวหน้ากับชีฟองดีกัน เพื่อทำให้องค์หญิงโลลิต้าพอใจ พอขิงเห็นนิสัยที่ยอมทำอะไรเพื่อคนอื่นของไผท ก็รู้สึกแปลกใจมาก เพราะในอดีตไผทไม่เคยทำอะไรเพื่อคนอื่นเลยคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ขิงเลยยอมทำตัวเป็นทอมตามที่ไผทขอ และบอกองค์หญิงกับชีฟองว่าตนกับแนวหน้าเป็นแค่เพื่อนกัน พอชีฟองกลับมามีความสุข องค์หญิงโลลิต้าก็ดีกับแนวหน้า เธอเสนอให้แนวหน้าแต่งงานกับชีฟอง ทำให้แนวหน้าน้อยใจองค์หญิงโลลิต้ามาก จึงพยายามหลบหน้าองค์หญิงอยู่ตลอด และใช้ให้ขิงกับนายทำงานแทน ส่วนตัวเขาหนีไปสงบสติอารมณ์นอกเมือง พอขาดแนวหน้าไป ไผทก็ทำตัวไม่ถูก พูดอะไรก็ผิดหูโลลิต้าไปหมด จนทำให้องค์หญิงโลลิต้ารู้ว่าที่ไผทเป็นผู้ชายที่แสนดีตรงตามสเปคของเธอนั้นมาจากการที่มีแนวหน้าคอยเป็นผู้ชี้แนะนั่นเอง ไผทนำเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับองค์หญิงมาปรึกษาขิง หลังจากที่ขิงให้คำปรึกษากับไผทไป เขาก็ได้รู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วขิงเป็นคนที่เขารักและเข้าใจเขามากที่สุด ไผทเห็นว่าเรื่องราวเริ่มจะวุ่นวายไปกันใหญ่ เลยไปปรับความเข้าใจกับแนวหน้าว่าเขารู้ใจตนเองแล้วว่าไม่ได้รักองค์หญิงโลลิต้า จนแนวหน้าเข้าใจไผทและยอมกลับมาถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีต่อ หลังจากที่การถ่ายทำดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น จู่ ๆ เจ้าชายชองปอล (อัครัฐ นิมิตชัย) ว่าที่คู่หมั่นขององค์หญิงโลลิต้า เข้ามาก่อความวุ่นวาย โดยเจ้าชายชองปอลได้วางแผนการครั้งสำคัญทำให้แนวหน้าและไผทต้องแตกคอกันอีกครั้ง รวมไปถึงองค์หญิงโลลิต้าและขิงที่มองแนวหน้าและไผทเปลี่ยนไป แผนการของเจ้าชายชองปอลคืออะไร แล้วความรักระหว่างแนวหน้ากับองค์หญิงโลลิต้าและไผทกับขิงจะลงเอยอย่างไร ? ตามชมกันต่อได้ใน ละครน่ารัก
เรือนเสน่หา (2556/2013) พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่ ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง เรือนเสน่หา ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา 18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ในละคร เรือนเสน่หา
เจ้าสาวกะทันหัน (2549/2006) ดิฐ สารวัตสืบสวนอนาคตไกล กำลังปฏิบัติภารกิจสืบจับขบวนการค้ายาเสพติด ทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมม ทั้งที่ดิฐเป็นลูกชายของอดีตรัฐมนตรี เดช และคุณหญิงดารุณี ครอบครัวที่เด่นดังในแวดวงสังคม ดิฐถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับ เจนนี่ สาวเปรี้ยวที่เพิ่งเรียนจบกลับมาจากลอนดอน โดยการจับคู่ของคุณหญิงดรุณีกับ คุณหญิงเพ็ญจันทร์ เพื่อนคู่ซี้ตามคำสัญญาที่ได้รับปากกันไว้ ดิฐปฏิเสธอย่างแข็งขันแต่คุณหญิงดรุณียืนยันว่าถ้าไม่แต่งกับเจนนี่ก็ต้องหา เจ้าสาวให้ได้ในคืนเดียว ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกตัดออกจากกองมรดก มหาศาลสถานเดียว ขณะที่ในคืนนั้น ดุจดาว ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูในฐานะสาวใช้ในบ้านของ คุณนายพวงผกา น้องสาวของคุณหญิงเพ็ญจันทร์ กำลังจะถูก ทวี สามีจอมหื่นของพวงผกาปลุกปล้ำดุจดาวเสื้อผ้าหลุดลุ่ยวิ่งหนีออกมา ไปเจอกับหนุ่มโฉดนักเที่ยวสองนายจะใช้กำลังฉุดคร่าจนดุจดาวสลบไป ดิฐขับรถผ่านไปเจอจึงรีบช่วยเหลือไว้พร้อมอุ้มร่างที่สลบไสลของดุจดาวไปที่ บ้านพัก ขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมมให้ดิฐเพิ่งสังเกตเห็นความงามของ ดุจดาว ติดตามต่อได้ใน เจ้าสาวกะทันหัน
แก้วล้อมเพชร (2551/2008) พิกุล แม่ค้าขายขนมท้องแก่ใกล้คลอด มีสามีชื่อ เดช ติดการพนันมาก วันหนึ่งเดชเสียพนันจึงบังคับเอาเงินจากพิกุล แต่พิกุลไม่ยอมให้ ทั้งคู่จึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง เดชพลัดตกบันไดหัวฟาดพื้น พิกุลคิดว่าเดชตายแล้วจึงหนีเข้ากรุงเทพฯ คืนเดียวกัน การุณ กิจจากรณ์ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยขับรถพา ลดา ภรรยาท้องแก่กลับกรุงเทพฯระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุชนกับรถประจำทางที่พิกุล นั่งมา ทำให้พิกุลและลดาปวดท้องคลอดลูกกระทันหัน พอพิกุลฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินว่าตำรวจกำลังมาที่โรงพยาบาล ทำให้พิกุลกลัวความผิดเพราะคิดว่าตำรวจจะมาจับตนเรื่องที่ฆ่าเดช พิกุลจึงพาลูกหนีเธอวิ่งชนป้ายชื่อเด็กหล่นสลับกัน ด้วยความรีบพิกุลเลยอุ้มลูกสาวของลดาไป
เรื่องย่อ : ชายไม่จริงหญิงแท้ (2541/1998) เนื้อเรื่องจะเอาพลอตมาจากหนั่งฝรั่งเรื่องนึงที่นางเอกจะเป็นสาวสวย แต่ขัดสนเงืนทอง จนวันนึงพบประกาศรับสมัครประกวดสาวประเภทสอง นางเอกจึงปลอมตัวเข้าไปประกวดเวทีดัง กล่าว ซึ่งมีพระเอกเป็นผู้จัด และเธอก็สามารถคว้ามงกุฎมาครองได้สำเร็จ ด้วยความงามของเธอนั้นใครเห็นใครก็ทึ่ง เพราะสวยกว่าผู้หญิงแท้ๆเสียอีก เลยยิ่งทำให้เธอดังเป็นพลุแตก ขณะเดียงกันความรักระหว่างพระเอกกับนางเอกก็เกิดขึ้นในใจอย่างเงียบๆ ฝ่ายพระเอกรู้สึกทุเรศตัวเองที่ดันไปหลงรักสาวที่เป็นไม้ป่าเดียวกันซะได้ ส่วนด้านนางเอกก็อึดอัดที่ต้องเก็บความลับเอาไว้ จะเผยออกมาก็ไม่ได้ เพราะเท่ากับว่าตนจะต้องถูกตราหน้าว่าป็น “สมพงษ์ 2′ โกหกผู้คนทั้งประเทศ.
เงาอโศก (2551/2008) มนไท มหัทธธาดา (ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มน้อยวัยสิบแปดหน้าตาคมสัน แถมยังโดดเด่นไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ฐานะ ชาติตระกูล เค้ายังเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าคุณมหัทธ์ฯ (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) และคุณหญิงทับทิม (อ้อย-กาญจนา จินดาวัฒน์) คหบดีผู้มั่งคั่ง มนไทรักอยู่กับวิยะดา หิรัญวัตถุ์ (เป้ย-ปานวาด เหมมณี) สาวสวยรวยเสน่ห์ ซึ่งคุณหญิงทับทิมก็ไม่ขัดข้องเพราะทั้งคู่ต่างมีฐานะเท่าเทียมกัน ท่านอยากให้ทั้งสองหมั้นกันก่อนที่มนไทจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ วันหนึ่ง ปี่ (ด.ญ.แพร-ณัฏฐธิดา ดำรงวิเศษพาณิชย์) เด็กหญิงกำพร้าวัยแปดขวบแอบโดดรั้วเข้ามาขณะที่วิยะดากำลังออดอ้อนมนไท ทำให้ปี่อดหัวเราะไม่ได้ ด้วยความอายวิยะดาเข้าไปทุบตีปี่ แต่มนไทห้ามไว้และถามปี่จนรู้ว่าปี่อาศัยอยู่กับยายเทียม (พิสมัย วิไลศักดิ์) ที่กระต๊อบโทรมๆ แถวนั้น และที่แอบปีนรั้วเข้ามาก็เพื่อเด็ดยอดอโศกไปเป็นอาหาร ด้วยความสงสารมนไทให้เงินปี่ไปเล็กน้อย แต่สำหรับปี่แล้วเงินจำนวนนั้นมีค่ามหาศาล และความมีน้ำใจของมนไทก็ตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณสูงสุด เจ้าคุณมหัทธ์ฯ เป็นชายเจ้าชู้มีอนุภรรยามากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือนางนวล (วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง) แม่ของนุชา (โอ๊ค-สมิทธิ์ อารยะสกุล) น้องชายต่างแม่ที่มนไทรักและสนิทมากที่สุด คุณหญิงทับทิมกลัวมนไทจะมีนิสัยเหมือนพ่อ จึงเพ่งเล็ง ลักขณา (ฟาง-พิชญา ศรีเทพย์) เด็กสาวใสซื่อลูกแม่ครัวเป็นพิเศษ ด้วยความกลัวว่าลักขณาจะจับมนไท ทำให้ลักขณาถูกคุณหญิงทุบตีอยู่บ่อยครั้งจนคุณเจียร (เดือนเต็ม สาลิตุล) ซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านใหญ่และเพื่อนสนิทของคุณหญิงทับทิมออกปากเตือนมนไท ให้พยายามอยู่ห่างๆ ลักขณาซะ แต่มนไทก็ไม่เชื่อเพราะเค้าคิดกับลักขณาแค่พี่น้อง วันหนึ่งนายเวทย์ (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) บิดาของวิยะดาขับรถชนยายเทียมถึงแก่ความตาย ก่อนตายนางได้ฝากฝังให้นายเวทย์รับปี่ไปเลี้ยง คุณวิมล (ปวีณา ชารีฟสกุล) มารดาของวิยะดาตั้งชื่อให้ปี่ใหม่ว่า ปิยะฉัตร แต่ปี่ก็ยังเป็นแค่เพียงเด็กรับใช้ในบ้านที่วิมลและวิยะดาสามารถจิกใช้ได้ทุกเมื่อ มีเพียงวิภาวรรณ (มด-กัลยา จิรชัยศักดิ์เดชา) น้องสาวของวิยะดาเท่านั้นที่คอยเป็นห่วงเป็นใยปี่จริงๆ วิยะดาแอบใช้ปี่ให้ช่วยส่งข่าวจากเธอไปหามนไทอยู่บ่อยๆ ทำให้ปี่ได้เห็นถึงความอ่อนโยนไม่ถือตัวของมนไท และยิ่งเทิดทูนเขามากขึ้น เมื่อเขาซื้อชุดราตรีมาให้ปี่ใส่ไปร่วมงานเลี้ยงส่งด้วยตัวเอง พอวิยะดารู้เรื่องก็โกรธแค้นมาก ลับหลังมนไทหล่อนก็แอบหยิกปี่ด้วยความอิจฉาแล้วไล่ให้กลับบ้าน
แผ่นดินของเรา (2539/1996) แผ่นดินของเรา เป็นเรื่องราวที่เริ่มขึ้นในบ้านจิระเวสน์ พระวรนาตประณต (ผิน) พ่อนางเอก พาครอบครัว คือ เพทาย ภรรยาใหม่ ภัคคินี ลูกสาวของภรรยาใหม่กับตน และลูกสาวสองคน คือ อัจฉรา กับ สายสวรรค์ ที่เกิดกับรำเพย ภรรยาเก่าผู้ล่วงลับ ไปเยี่ยมธำรง เพื่อนเก่าที่หนีไปทำสวนมะพร้าวที่ทุ่งวัวแล่นเพราะต้องการตัดใจจากท่านหญิงที่เคยรัก อุบัติเหตุที่เกิดกับธำรงทำให้เขาต้องมารักษาตัวที่ คฤหาสน์จิระเวสน์ที่กรุงเทพ ฯ ระหว่างรักษาตัวได้เกิดความผูกพันทางใจกับภัคคินี เขาคิดว่าไม่มีหวังและต้องการกลับทุ่งวัวแล่น แต่แล้วเมื่อภัคคินีแสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่รังเกียจ ทั้งคู่จึงตกลงแต่งงานกันก่อนกลับไปทุ่งวัวแล่น ครอบครัวของพระวรนาตเดินทางไปพักผ่อนกับลูกสาวและลูกเขยที่ทุ่งวัวแล่น ภัคคินีได้พบกับนเรนทร์ คู่หมั้นของอัจฉราที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส เค้าลางบางอย่างเริ่มก่อตัวระหว่างความสัมพันธ์ของพี่สาวกับคู่หมั้น ภัคคินีเดินทางขึ้นมารักษาตัวที่กรุงเทพ ฯ เพราะป่วยกระเสาะกระแสะมานานหลังโดนงูกะปะกัดและนเรนทร์ช่วยไว้ เธอได้รับรู้ว่าพี่สาวกำลังจะแต่งงานกับนเรนทร์ นเรนทร์สารภาพความในใจกับภัคคินีในวันงานขึ้นบ้านใหม่ของหม่อมอ่อน และได้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็คิดเหมือนกัน งานแต่งงานที่เตรียมกันแทบล้มประดาตายก็จบสิ้นลงในคืนวันสุกดิบนั่นเอง เนื่องจากเจ้าบ่าวกับน้องเจ้าสาวหนีตามกันไป สร้างความเจ็บช้ำให้กับทุกคน อัจฉราตัดสินใจไปอยู่ทุ่งวัวแล่นกับธำรงเนื่องจากเธอมีเลือดเนื้อเชื้อไขของชายคนรักในท้อง หลายปีผ่านไป สุดา เพื่อนเก่าของนเรนทร์ และสามีของเธอไปพบกับนเรนทร์ในสภาพที่น่าสมเพช ใช้ชีวิตไปวัน ๆ มีภรรยาอีกหลายคน ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่กับภัคคินี สุดาได้เจอกับภัคคินีเพราะไฟไหม้ตลาดปากน้ำโพเช่นกัน คุณหญิงวินิจนฤปกรณ์ แม่ของนเรนทร์ไปเยี่ยมเพทาย แม่ของภัคคินีที่กำลังเจ็บหนักด้วยโรคหัวใจ เธอขอร้องให้ธำรงไปพาภัคคินีกลับมาเยี่ยมแม่ เผื่อว่าเพทายจะมีหวังรอดชีวิต ธำรง ตามหาภัคคินีจนเจอ และพบว่าเธอใช้ชีวิตตกต่ำอย่างที่สุดด้วยการขายร่างกายแลกกับเงินเพื่อรักษา อาการของนเรนทร์ ธำรงยังไม่ทันพาภัคคินีกลับไป เพทายก็เสียชีวิตเสียก่อน พระวรนาตตัดสินใจขายจิระเวสน์ให้หม่อมอ่อนแล้วพาสายสวรรค์ไปอยู่พะเยา แล้ววันหนึ่งภัคคินีก็ซมซานกลับมาที่ทุ่งวัวแล่น ตามที่ธำรงเคยบอกว่า กลับมาหาฉันถ้าเขาไม่ต้องการเธออีกต่อไป เธอจบชีวิตที่นี่โดยได้ปรับความเข้าใจกับอัจฉราเป็นครั้งสุดท้าย อัจฉรา ตัดสินใจแต่งงานกับธำรงแต่ในวันแต่งงานก็เกิดเรื่องขึ้น (เข้าใจว่าอัจฉราโรคหัวใจกำเริบกระทันหัน) ธำรงเลี้ยงดูอรินทร์ ลูกชายของนเรนทร์กับอัจฉรา มาจนโต และสุดท้ายได้ไปประมูลจิระเวสน์มาไว้จนสำเร็จ ในวันประมูลเขาได้พบกับนเรนทร์ผู้เป็นชายที่ดูแก่กว่าวัยและใกล้ถึงมรณกาล เพราะความยากจนและโรค ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ธำรงนั่งดูภาพภัคคินีอยู่ในจิระเวสน์และจากไปอย่างสงบ
สายลมกับแสงดาว (2545/2002) สายลมกับแสงดาว เป็นเรื่องราวของ พิม ภรากร นักร้องนักแสดงซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย กำลังถ่ายทำละครเรื่องสายลับพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นละครบู๊ พิมได้รับบาดเจ็บจากเอฟเฟ็กต์ ที่แขน ฉ่อย ผู้จัดการส่วนตัวของพิมไม่พอใจทีมงานมาก ที่ทำให้พิมได้รับบาดเจ็บ ในเรื่องยังต้องมีการเดินทางไปถ่ายทำในนิวซีแลนด์ เมื่อถึงวันเดินทาง ทีมงานกลับจองตั๋วไม่ได้ ทำให้พิมต้องเดินทางไปนิวซีแลนด์ เพื่อฝึกซ้อมพายเรือก่อนเพียงคนเดียว ตามกำหนดการเมื่อพิมเดินทางถึงนิวซีแลนด์ ริชาร์ด ครูฝึกสอนพายเรือจะต้องมารับที่สนามบิน แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ริชาร์ดเกิดตกบันไดขาหักมารับพิมไม่ได้ แบรนดอน เจ้าของบริษัทจึงส่ง เซน ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ครูฝึกอีกคนมารับแทน แต่แบรนดอนติดต่อกับเซนผิดพลาด ทำให้เซนไปรับพิมที่สนามบินไม่ทัน พิมโกรธมากที่ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง แต่ไม่มีคนมารับ จึงโทรศัพท์ติดต่อไปหาแบรนดอน จึงได้รู้ว่า เซนจะเป็นคนมารับ ขณะกำลังโทรศัพท์อยู่นั้น คณะทัวร์ได้มาหยิบกระเป๋าเดินทางของพิมขึ้นรถไป พิมตกใจมาก และโทษว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเซน เซนพาพิมไปส่งที่โรงแรม แต่พิมไม่มีบัตรเครดิต หรือเงินสด ทางโรงแรมจึงไม่ยอมให้เข้าพัก เซนจึงพาพิมไปพักที่บ้านน้าเมี่ยง น้าสาวของเขาที่เปิดร้านขายของที่ระลึกอยู่ที่แอร์โรทาวน์ พิมโทรฯ ติดต่อฉ่อยที่กรุงเทพฯ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ฉ่อยจึงโทรฯ ไปบอกพอล หรือภิรมย์ อิสระภักดี นักธุรกิจหนุ่มแฟนของพิมให้จัดการเรื่องโรงแรมให้ พิมจึงให้เซนพาไปส่งยังโรงแรมที่พอลติดต่อไว้ให้ พิมไปพบกับแบรนดอนเพื่อยืนยันว่า เธอไม่ต้องการให้เซนเป็นครูสอนพายเรือ แต่เมื่อเห็นสภาพริชาร์ดที่ยังเข้าเฝือกขาอยู่ ก็จำเป็นต้องให้เซนมาเป็นครูฝึกพายเรือให้เธอ ทางทีมงานและฉ่อย ได้ตั๋วเดินทางไปนิวซีแลนด์ แต่ต้องไปยังมืองไครส์เชิร์ช ไม่ใข่ควีนส์ทาวน์ที่พิมอยู่ เมื่อพิมรู้ว่าทีมงานกำลังจะมาถึงจึงได้ตัดสินใจไปเอาเรือออกมาหัดพาย ตอนกลางคืนคนเดียว เซนรู้ก็รีบมาหาพิมที่ทะเลสาบซึ่งขณะนั้นเรือที่พิมพายเกิดคว่ำพอดี เซนจึงช่วยพิมไว้ได้ทัน พิมได้รับการติดต่อจากบริษัททัวร์ ที่เอากระเป๋าไปว่า ตอนนี้กระเป๋าของเธออยู่ที่เมืองไคร์ช เชิร์ช พิมจึงตัดสินใจจะเดินทางไปรับกระเป๋าด้วยตัวเอง พิมบอกเรื่องนี้กับเซน เซนจึงอาสาขับรถพาไป ระหว่างทางทั้งคู่ได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน เซนพาพิมไปเที่ยวที่ทะเลสาบเทคาโป ความงามของทะเลสาบทำให้พิมรู้สึกผ่อนคลายความเคร่ง เครียดลงมาก เมื่อไปถึงเมืองควีนส์ทาวน์พิมยังรับกระเป๋าไม่ได้เพราะเป็นวันหยุดของ บริษัททัวร์ ระหว่างรอเซนได้พาพิมไปเที่ยว เซนกับพิมยังได้อยู่ร่วมสนุกกับเพื่อนชาวเมารีจนดึก พิมดูสนุกสนานและสนิทสนมกับเซนมากขึ้น ฉ่อยกับทีมงานได้เดินทางมาถึงควีนส์ทาวน์ และได้ไปถามหาพิมกับแบรนดอน เมื่อฉ่อยรู้ว่าพิมเดินทางไปกับเซนก็รู้สึกไม่พอใจ เมื่อพิมกลับมาก็คาดคั้นเรื่องของเซนและกำชับให้พิมเลิกติดต่อกับเซน พอลได้เดินทางมาหาพิมที่นิวซีแลนด์ และได้ตามมาที่กองถ่ายด้วย พอลประกาศตัวเป็นแฟนกับพิม ทำให้เซนเศร้าใจมาก ในการถ่ายทำมีฉากที่เซนต้องเป็นคนขับเรือให้กับพิม แต่เกิดผิดพลาดทำให้พิมพลัดตกน้ำ เซนกับพอลรีบกระโดดลงไปช่วย แต่พอลถึงตัวพิมก่อน เซนจึงต้องเป็นฝ่ายถอยห่างไป พอลกับฉ่อยโทษว่าเป็นความผิดของเซน เซนจึงขอถอนตัวจากการเป็นคนดูแลพิม พิมรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดจะมาปรับความเข้าใจกับเซน พิม นัดเจอเซนตอนสองทุ่ม แต่พอลแอบได้ยินจึงแกล้งนัดพิมทานข้าวตอนสองทุ่มทำให้พิมไปไม่ทันนัดกับเซน พิมโทรฯ มาหาเซนที่บ้านแต่คิตเป็นคนรับ พิมฝากบอกเซนว่า จะไปรอที่หน้าบริษัทของเซนตอนสองทุ่ม คิตซึ่งแอบชอบเซนอยู่ไม่พอใจที่พิมโทรฯ มาหาเซนจึงไม่ยอมบอกเซน พิมไปรอเซนตามนัด ส่วนเซนซึ่งไม่รู้ว่าพิมโทรฯ มาขอพบได้ขับรถไปพักยังทะเลสาบเทคาโป พอลกับฉ่อยตามหาพิมไม่เจอจึงได้มาตามหาที่บ้านน้าเมี่ยง คิตรู้สึกผิดมากจึงบอกว่าพิมไปรอเซนที่บริษัท พอลกับฉ่อยตามไปพบพิมนังหลับอยู่ริมทะเลสาบไม่สบายตัวร้อนจัด พอลกับฉ่อยจึงรีบพาพิมกลับไปที่พัก น้าเมี่ยง คิต และล็อตโต้ ตามมาพบพิมที่โรงแรม แต่ถูกฉ่อยกีดกันไม่ยอมให้พบ ล็อตโต้จึงรีบขับรถไปตามหาเซนที่เทคาโปและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เซนรีบตามมาพบพิมที่สนามบิน แต่ก็ไม่ทันพอลกับฉ่อยได้พาพิมกลับกรุงเทพฯ ไปก่อน เซนตัดสินใจตามมาพบพิมที่กรุงเทพฯ โดยมี น้าเมี่ยง คิต และ ล็อตโต้ตามมาด้วย เมื่อมาถึงเมืองไทย เซนพยายามหาทางติดต่อกับพิม แต่ก็ถูกฉ่อยกีดกันสุดฤทธิ์ แต่เซนก็ไม่ยอมแพ้หาทางพบกับพิมจนได้ เซนตัดสินใจบอกรักพิม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พิมเตรียมแถลงข่าวเรื่องงานแต่งงานกับพอล พิมตัดสินใจพูดกับพอลตรง ๆ ว่าเธอรักเซน แม้พอลจะเจ็บปวดที่ต้องอกหักจากพิมแต่พอลก็ทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เรื่องราวของพิมกับเซนจึงจบลงด้วยความสุขเมื่อรักของทั้งคู่พบกับความสุขสมหวัง
ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน (2546/2003) วายุ ภูบาลบริรักษ์ หรือ ล่องจุ๊น ( พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ) เป็นลูกชายคนกลางของครอบครัวที่พ่อ ( มนตรี เจนอักษร ) ไม่เคยให้ความสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะพ่อคิดว่าล่องจุ๊นเกิดมาเป็นตัวซวยของครอบครัว ทำให้พ่อต้องขาดทุนกับธุรกิจถมที่ ซึ่งต่างจากพี่น้องอีก 2 คนนั้นคือ พี่ถม ( ตรีพล พรมสุวรรณ ) พี่ชายคนโต เป็นคนที่เรียบร้อย เรียนเก่ง และว่าง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งคือ กี้ ( กิตติ บุลสถาพร ) เป็นน้องคนสุดท้อง เป็นเด็กที่ซนและดื้อ ช่างประจบเอาใจ ทั้ง 2 จึงถูกยกย่อง ชื่นชมและได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ ผิดกับจุ๊นที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ และมีแม่เป็นที่พึ่งในยามที่จุ๊นมีปัญหา จนมาถึงวันหนึ่งครอบครัวของจุ๊นได้เปลี่ยนไปเมื่อพ่อมีรายได้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นกอบเป็นกำ พ่อก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน ทำให้แม่ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านโดยพาจุ๊นไปด้วย และทิ้งลูกอีก 2 คนไว้เบื้องหลัง แม่พาจุ๊นไปอยู่อาศัยกับน้าจุรี หรือ อาอี๊จู ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) ซึ่งอยู่กับอาเตี๋ย ( กล้วย เชิญยิ้ม ) สามี ทั้งคู่มีอาชีพขายหมูในตลาด ทั้ง 2 คนต่างให้ความช่วยเหลือแม่และจุ๊นเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อาหารการกิน รวมถึงโรงเรียนที่อาอี๊จูพาจุ๊นไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้จุ๊นยังมีหน้าที่ประจำด้วยคือ การเป็นผู้ช่วยอาเตี๋ยเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นชีวิตที่จุ๊นชอบและสนุกสนานมาก แต่แล้ววันหนึ่งหมูที่จุ๊นเลี้ยงไว้ถูกตะขาบกัดตายหมดเล้า ทำให้จุ๊นเริ่มกลับไปคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยอย่างที่พ่อบอกไว้หรือไม่!!! หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของจุ๊นลงทุนขายข้าวแกงโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาอี๊ กิจการของแม่ประสบความสำเร็จจนต้องย้ายไปเช่าห้องแถวที่ท้ายตลาด ส่วนอาอี๊ก็เปลี่ยนอาชีพมาขายเครื่องก่อสร้างที่ตึกริมถนน และด้วยสิ่งนี้เองทำให้จุ๊นได้พบกับผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อจุ๊นนำสิ่งก่อสร้างที่ร้านอาอี๊ไปส่งพ่อ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานที่กำแพงแสน ซึ่งพ่อก็ยังพูดจาดูถูกจุ๊นและแม่อยู่เหมือนเคย ทำให้จุ๊นคอยหลีกเลี่ยงการไปร้านของอาอี๊ จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวของอาอี๊ถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน กอปรกับทั้งที่พ่อคอยพูดจาถากถางจุ๊น ว่าจุ๊นเป็นตัวซวยที่นำครอบครัวของอาอี๊ไปสู่จุดจบ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่จุ๊นจดจำและเสียใจไปจนวันตาย แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นจุ๊นยังมี นิจ ( ศุลีพร ตันตระกูล ) เพื่อนหญิงต่างโรงเรียนคอยให้กำลังใจจุ๊นมาโดยตลอด แต่ก็ถูกทางบ้านของนิจคอยขัดขวางกีดกันเพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นคนไทย และยังมีอาเฮียเสือ ( คชา ปานเอม ) พี่ชายของนิจที่เกลียดจุ๊นมาก ๆ เพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงจน ๆ จึงยกพวกมารุมซ้อมจุ๊นจนปางตาย แต่ที่ทำให้จุ๊นเสียใจมากที่สุดนั้นก็คือ จักรยานเสือหมอบคันงามที่แม่ซื้อให้ และเคยมีความหลังอันหวานชื่นกับนิจต้องพังทะลายลงไป พร้อมกับมิตรภาพที่ดีระหว่างนิจและจุ๊น หลังจากเรื่องนิจจบลงก็มีเรื่องที่จุ๊นต้องเผชิญอีก นั่นคือนายทองเส็ง ( ทัตพงษ์ พงษ์ทัต ) ช่างตัดผมที่เข้ามาพัวพันกับแม่ ซึ่งจุ๊นไม่พอใจมาก จนมาวันหนึ่งจุ๊นขาดความอดทนนำมีดชายธงเสียบเข้าที่ท้องของนายทองเส็ง เพราะว่าจุ๊นทนเห็นภาพที่นายทองเส็งซ้อมแม่เพื่อที่จะเอาเงินไปเล่นการพนันไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้จุ๊นจำต้องจากอกแม่ไปที่อื่น ซึ่งจุ๊นก็ได้สัญญากับแม่ว่าจะรีบเรียนให้จบ จุ๊นหนีเข้ากรุงเทพฯ กับไอ้นก ( กีรติ เทพธัญญ์ ) เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน โดยอาศัยติดมากับรถขายผัก แต่ก่อนที่จุ๊นจะจัดการกับเรื่องเรียนอย่างที่ได้ตั้งในไว้ ไอ้นกก็ก่อเรื่องขึ้นเป็นเหตุให้จุ๊นต้องเข้าไปนอนในห้องขังแทน แต่ทว่าพอตำรวจสอบสวนเรื่องนี้แล้วก็ปล่อยจุ๊นออกมาเพราะว่าจุ๊นไม่มีความผิด โดยที่จุ๊นโทรหาพ่อให้มารับตัวและก็ไม่อยากให้แม่เศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นพ่อก็พาจุ๊นมาอยู่ที่บ้านโดยให้พักอยู่บ้านพักคนงาน แต่ก็ยังมีความเหินห่างเกิดขึ้นในบรรดาพี่น้อง เนื่องมาจากพ่อใส่ร้ายแม่ว่าแม่หนีตามผู้ชายไป และเมื่อมาถึงวันเปิดเรียน จุ๊นก็เกือบจะมีเรื่องขึ้นอีกครั้งจากการปะทะคารมกับครูใหญ่ผู้เข้มงวด ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "ป๋า" และที่นี่เองก็ทำให้จุ๊นได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ ประเวศน์ หรือ แปะ( คริตโตเฟอร์ ชอนวอชิงตัน ) ที่ทำให้ชีวิตของจุ๊นเปลี่ยนไปจากที่พ่อมักจะบอกว่าจุ๊นเป็นตัวซวย แต่สำหรับแปะแล้ว จุ๊นคือตัวนำโชคของเค้า เพราะเมื่ออยู่กับจุ๊นเค้าเล่นการพนันชนะทุกครั้ง และก็เป็นเพราะเพื่อนคนนี้เองที่ทำให้จุ๊นได้พบกับแตงกวา ( พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร ) ซึ่งจุ๊นก็เริ่มสนใจเธอทันที เพราะเธอจะกลายมาเป็นผู้ที่มีความหมายต่อชีวิตจุ๊นเป็นอย่างมาก อาทิตย์ใหม่ของการเรียน จุ๊นออกไปเรียนตามปกติ แต่โชคร้ายที่วันนี้เกิดเรื่องชกต่อยกันรุนแรงระหว่างจุ๊นกับบุ้ง ทำให้จุ๊นถูกป๋าเฆี่ยนตีตามกฎของโรงเรียน และในเย็นวันเดียวกันจุ๊นก็ไม่สบายเนื่องมาจากบาดแผล และถูกฤทธิ์แดดเผา โชคดีที่จุ๊นยังมีป้าเจียดและพี่ถมคอยดูแล แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นนั่นคือการที่ได้รู้เห็นว่าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ชื่อตุ๊กตา ( ไอริณ ศรีแกล้ว ) แอบมีชู้ โดยที่จุ๊นไม่สามารถบอกใครได้เลย แม้แต่กระทั่งพ่อ!!! จากนั้นไม่นานจุ๊นก็ได้ข่าวว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จุ๊นจึงรีบรุดไปดู แต่สิ่งที่จุ๊นได้รับกลับมาคือความเฉยชาที่ได้จากพ่อ ทำให้จุ๊นรู้สึกว่าสำหรับตัวเองแล้วก็คือตัวซวยของพ่ออยู่ตลอดเวลา จุ๊นจึงตัดสินใจหมกตัวอยู่ในห้องโดยมีวิทยุเป็นเพื่อน ซึ่งจุ๊นได้หมุนคลื่นที่แตงกวาจัด จึงได้รู้ว่าที่โรงเรียนของแตงกวาจะมีการฉายหนังรอบการกุศล และเมื่อวันงานมาถึงจุ๊นได้พบแตงกวา ซึ่งทั้งสองก็ยิ้มให้อันอย่างเป็นมิตร แต่อย่างไรก็ตามจุ๊นก็ยังหนีความซวยไปไม่พ้น เมื่องานที่จัดขึ้นเกิดการชกต่อยกันจนทำให้งานต้องล้มเลิกไปกลางคัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คือ นายกี้ จึงทำให้จุ๊นต้องเข้าไปช่วย และด้วยเหตุการณ์นี้เองทำให้จุ๊นรู้ว่าพ่อรักลูกทุกคนเท่ากัน เพราะว่าพ่อเรียกหาทนายเริงชัยมาเพื่อหาหลักฐานว่านายกี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุ และพ่อก็ไม่อยากต้องการจะให้ลูกคนใดคนหนึ่งต้องเข้าไปนอนในห้องขัง จุ๊นจึงช่วยพ่อหาหลักฐานโดยการโทรศัพท์ไปหาแตงกวาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาเป็นพยาน เมื่อจุ๊นกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแปะรออยู่พร้อมกับข่าวดีว่า ป๋าให้กลับเข้าไปเรียนได้ตามปกติในเทอมหน้า โดยที่จุ๊นจะต้องลาออกก่อน และแปะก็ส่งโทรเลขที่บอกว่าแม่เจ็บหนัก ให้รีบกลับนครปฐมด่วน เมื่อจุ๊นได้รับโทรเลขดังกล่าวก็รีบรุดไปหาแม่ โดยมีพี่ถมและพ่อไปด้วย ส่วนนายทองเส็งนั้นก็ยอมแลกอิสรภาพของแม่ด้วยเงินสี่หมื่นบาท และจากนั้นครอบครัวของจุ๊นก็กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
ดอกโศก (2555/2012) พลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ (เกรียงไกร อุณหะนันท์) พบว่าเด็กหญิงขายหนังสือพิมพ์ ณ สี่แยกแห่งหนึ่งที่มาเป็นลม ล้มอยู่ข้างรถ คือหลานที่เกิดจากลูกสาวของ สมใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียคนใช้ของตนที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว สุดเขตจะเอาหลานมาเลี้ยง แต่สมใจไม่ยอม ท่านจึงให้ เพ็ญพักตร์ (เมทินี กิ่งโพยม) ลูกสาวคนโตไปซื้อตัว ดอกโศก จากสามีใหม่ผู้เห็นแก่เงินของสมใจ สุดเขต เปลี่ยนชื่อหลานสาวจาก ดอกโศก เป็น อภิริมย์ฤดี การมาอยู่ในตึกใหม่ของสกุลเก่าแก่ไม่ทำให้ ดอกโศก สุขสบาย ทั้งบ้านมีแต่คนเกลียดชังเธอ นับตั้งแต่เพ็ญพักตร์และ เพ็ญตระการ (แอริณ ยุกตะทัต) ลูกสาว สุดสวย (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ลูกสาวคนเล็กของคุณดา ช่วงแรก ดอกโศก ไม่ยอมและตอบโต้ด้วยวิธีการของเด็กที่เติบโตมาอย่างตีนถีบปากกัด หลายปีผ่านไป ดอกโศก โตขึ้นพร้อมกับความตระหนักว่าต้องอดทน สงบเสงี่ยมเจียมตนและต้องเอาความดีชนะความโกรธเกลียดทั้งปวง เธอจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข เมื่อตอน ดอกโศก ยังขายหนังสือพิมพ์ที่สี่แยก เด็กหญิงได้พบ อัศนัย (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ชายหนุ่มใจดีที่ซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำ อัศนัยรู้สึกผูกพันกับ ดอกโศก อย่างประหลาด และบังเอิญเหลือเกินที่อัศนัยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ ตระกูล (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) สามีของเพ็ญพักตร์ เขาจึงมีโอกาสติดตามชีวิตของ ดอกโศก ด้วยความเมตตาจริงใจ คอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยเหลือ ดอกโศก จนโตเป็นสาวรุ่น ดอกโศก (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) จึงบูชาอัศนัย ความผูกพันซึ่กันและกันถูกถักทอจนกลายเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง แต่ความรักนี้ต้องซ่อนเร้นเพราะเพ็ญตระการก็หลงรักอัศนัยอยู่เช่นกัน วันหนึ่งอัศนัยพบ ปรียากมล (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แม่ม่ายสาวสวยที่หวนกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความรักความหลังที่มีต่อกันเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ปรียากมลรุกอัศนัยตลอดเวลาด้วยชั้นเชิงของผู้หญิงที่เจนจัดในสนามรัก จนอัศนัยเกือบจะเผลอกายไปหลายครั้ง และเธอยังทราบอีกว่าบัดนี้มีผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจถึงสองคน คือ ดอกโศก และเพ็ญตระการ เธอจึงตั้งใจว่าจะสู้จนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้สูญเสียอัศนัยไป เมื่อสุดเขตเกิดเสียชีวิตกระทันหัน ดอกโศก ตัดสินใจกลับมาอยู่กับยาย และทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เธอได้พบกับ มิสซิสเบนส์ (จารุณี สุขสวัสดิ์) ทันทีที่เห็นสร้อยกางเขนที่ ดอกโศก สวม มิสซิสเบนส์ก็รู้ว่านี่คือหลานสาวที่เกิดจากลูกชายของตนที่ตายไป เธอจึงพา ดอกโศก ไปอยู่อเมริกา เพราะต้องการให้หลานสาวหลุดพ้นจากการรุกรานของปรียากมล และเพ็ญตระการ มิสซิสเบนส์ชักนำ เอ็ดดี้ (กันต์ดนย์ อะคหแซน) หนุ่มน้อยชาวอเมริกันให้ ดอกโศก แต่ ดอกโศก ไม่มีใจให้ใครอีก คุณย่าจึงพาดอกโศกกลับเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความรักของอัศนัยอีกครั้ง ดอกโศก ไปทำงานที่โรงแรมของ ภักดิ์ภูมิ (อรรค นิมิตรชัย) ชายหนุ่มที่หลงรัก ดอกโศก เมื่อแรกพบ แม้ว่าเขาเองจะมี ฉัตรทอง (กวาง เดอะสตาร์) ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เป็นคู่หมายกันอยู่ ความรักหลายเส้าดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพ็ญพักตร์ผลักดันลูกสาวให้อัศนัยอย่างเต็มที่ ปรียากมลเองก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอัศนัยเป็นเครื่องผูกมัด แต่อัศนัยไม่ยอมและยังแสดงออกทุกอย่างว่า ดอกโศก เท่านั้นที่เป็นตัวจริง โชคเข้าข้างเพ็ญพักตร์เมื่อรู้ว่าปรียากมลนั้นแท้จริงคือแม่แท้ ๆ ของ ดอกโศก เพ็ญพักตร์จึงหวังจะใช้ความลับนี้เป็นเครื่องมือกำจัดสองแม่ลูกไปให้พ้นทาง แต่การณ์กลับผิดคาด เพราะแทนที่ปรียากมลจะหยุด กลับยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ ดอกโศก
อีสา-รวีช่วงโชติ (2556/2013) อีสา (วรนุช ภิรมย์ภักดี) เกิดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 6 หลังจากที่มีการเลิกทาสแล้ว เกิดมาได้สองสามวันแม่ก็ตาย เพราะตกเลือด ป้าเจิม (รัญญา ศิญานนท์) จึงคอยเลี้ยงดูสา ป้าเจิมมีหน้าที่ช่วยงานอยู่ในโรงครัวของวังหม่อมเจ้าโชติช่วงรวี รวีวาร (ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์) ท่านชายเข้าพิธีเศกสมรสกับ หม่อมพริ้ม (สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งถือว่าเป็นหม่อมใหญ่ นอกจากนั้นท่านชายยังมีหม่อมอื่น ๆ อันได้แก่ หม่อมลำดวน (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) หม่อมคนที่สอง หม่อมนิ่ม (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) และ หม่อมน้อย ท่านชายทรงมีลูกกับหม่อมต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นธิดาทั้งสิ้น หม่อมทุกคนจึงแข่งขันกันอยู่ในทีว่าใครจะให้กำเนิดลูกชาย ผู้จะเป็นผู้รับสืบทอดตราประจำตระกูลรวีวารต่อจากท่านชาย สาโตขึ้นเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย ป้าเจิมจึงพาสาไปฝากกับหม่อมนิ่มและหม่อมน้อยให้ฝึกรำ สาได้เห็นท่านชายอยู่บ่อยครั้ง และแอบหลงใหลในความสง่างามของท่าน สาโตเป็นสาวอายุได้ 16 ปี ในวังมีงานฉลองพระชนม์มายุครบ 4 รอบ (46 ปี) ของท่านชายหม่อมนิ่มให้สาขึ้นรำเป็นนางรจนา ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัย สาตั้งใจรำโปรยเสน่ห์เต็มที่ และก็ได้ผล ความสวยของสาจับใจท่านชาย จนสาได้เป็นหม่อมของท่านชายในคืนนั้นเอง ท่านชายโปรดปรานสามาก จนหม่อมทุกคนอิจฉา ต่อมาไม่นานสาก็ตั้งครรภ์ สาวาดหวังไว้ว่าตนจะได้ลูกชาย และมีอนาคตที่ดีงาม เมื่อถึงกำหนดคลอด สาให้กำเนิดลูกชายตามที่คาดไว้ แต่หม่อมพริ้มขอลูกของสาไปเลี้ยงเป็นลูกของตน ตอนแรกสาเองไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากสาน้ำนมเป็นพิษ และท่านชายก็หลงใหลตัวสามาก ไม่ต้องการให้สาเสียเวลาไปกับการเลี้ยงลูก จึงยกลูกชายให้หม่อมพริ้มไป ท่านชายไปบรรทมที่ห้องสาทุกคืนไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดท่านชายก็สิ้นพระชนม์ในคืนที่ไปนอนกับสา เมื่อสิ้นท่านชายก็สิ้นเสาหลักของบ้าน หม่อมพริ้มไม่ต้องการรับภาระเลี้ยงดูหม่อมต่าง ๆ และบ่าวไพร่จำนวนมากมาย หลายคนจึงต้องออกไปจากวัง เหลือเพียงป้าเจิมกับอีสาที่ยังอยู่เลี้ยงดู คุณชายรวีช่วงโชติ (นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ลูกชายแท้ ๆ ของสาเอง กับคุณหญิงอีก 3 คนอันเป็นลูกสาวของหม่อมพริ้ม บริเวณรอบตำหนักใหญ่ถูกขายให้กับพระคลังข้างที่ จนหม่อมพริ้มต้องล้อมรั้ว และปล่อยบ้านเล็กบ้านน้อยรอบตำหนักใหญ่ให้เช่าเพื่อหารายได้ ทำให้สาได้รู้จักกับ สมศักดิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มรูปงามที่มาอาศัยเช่าบ้านอยู่ สมศักดิ์หว่านเสน่ห์ใส่สาจนสาเคลิบเคลิ้ม แต่กลายเป็นว่า หญิงที่สมศักดิ์หมายปองกลายเป็น คุณหญิงโสภาพรรณวดี (เต็มฟ้า กฤษณายุทธ) ลูกสาวคนโตของหม่อมพริ้ม สาเสียใจมาก เพราะจริง ๆ แล้วก็หลงใหลในตัวสมศักดิ์ แต่พอสารู้ตัวว่าตนตั้งท้องลูกของท่านชาย สาจึงตัดใจยอมรับเป็นแม่สื่อ ส่งจดหมายรักให้สมศักดิ์กับคุณหญิงโสภา จนถึงขั้นนัดพบกัน แต่หม่อมพริ้มจะให้คุณหญิงโสภาแต่งกับงานลูกของญาติท่านชาย แต่เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น จึงหนีไปตามคำชวนของสมศักดิ์ โดยมีสาเป็นผู้จัดการและติดตามไปด้วยความภักดี สร้างความโกรธแค้นให้กับหม่อมพริ้มเป็นอย่างมาก หม่อมพริ้มประกาศตัดแม่ตัดลูกกับคุณหญิงโสภา และถ้าหากพบตัวสากับสมศักดิ์จะจับเข้าคุกเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทำให้สมศักดิ์ตกใจและผิดหวังมาก สาเพิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วสมศักดิ์เป็นคนดีแต่ปาก ที่หลอกพาคุณหญิงโสภาหนีมา เพราะหวังจะเข้าไปเป็นเขยของรวีวารเกาะกินสมบัติของหม่อมพริ้ม แต่พอสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด สมศักดิ์จึงตกกระไดพลอยโจนต้องเลี้ยงดูคุณหญิงโสภาต่อไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงสงครามเศรษฐกิจตกต่ำ สมศักดิ์หางานทำไม่ได้ คุณหญิงโสภาและสาต้องอดอยาก สาสงสารคุณหญิงจึงพยายามเคี่ยวเข็ญสมศักดิ์ให้ออกไปหางานหาเลี้ยงคุณหญิงด้วย สาคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง คุณหญิงไม่อยากให้ลูกของท่านชายต้องเป็นเด็กกำพร้า จึงรับเป็นแม่ของเด็ก ตั้งชื่อให้ว่า โสภิตพิไล (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) แล้วเลี้ยงดูเป็นอย่างดี สาทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคุณหญิงและลูก พอเห็นคณะละครชาตรีมาแสดงแถวบ้าน สาจึงไปสมัครเป็นนางละคร และได้เป็นนางเอกของคณะละครนั้น สำรวย (รัดเกล้า อามระดิษ) นักแสดงจากคณะละครร้องมาเห็นสา รู้สึกทึ่งในความสวยและความสามารถ จึงชวนสาไปแสดงด้วย สาก็ไปด้วยความเต็มใจ เพราะต้องการหาเงิน และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อหลบหนีจากสมศักดิ์ ที่มักจะมาเกาะแกะหาทางใกล้ชิดสาเสมอ เมื่อกลับไปเป็นนางละคร สาก็กลับมาเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์เหมือนที่เคย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสมศักดิ์กับคุณหญิงค่อย ๆ ห่างกันออกไป สมศักดิ์กลับมาติดพันสามากขึ้น วันหนึ่งระหว่างที่เล่นละคร สาเห็นหม่อมพริ้มมาชมละครก็ตกใจมาก ด้วยความที่กลัวหม่อมพริ้มสาจึงลาออกจากคณะ ไม่กลับไปแสดงละครอีก สมศักดิ์เริ่มหาโอกาสใกล้ชิดสามากขึ้น แล้วในวันหนึ่งด้วยบรรยากาศเป็นใจ สากับสมศักดิ์ก็ลักลอบมีความสัมพันธ์ต่อกันจนได้ หลังจากนั้นสาก็ยิ่งพยายามตีตัวออกห่างสมศักดิ์ พอดีกับที่สาได้ไปพบ วิทย์ (กันต์ดนย์ อะคาซาน) เด็กหนุ่มนักดนตรีในหลุมหลบภัย วิทย์ทำงานอยู่ที่คณะละครที่สาไปดูมา วิทย์ติดใจสาจึงชวนสาไปเล่นละครแบบชายจริงหญิงแท้กับคณะละครที่กำลังจะเปิดใหม่ซึ่งสาก็ยินดี เรื่องย่ออีสา สาบอกคุณหญิงว่าจะตนกลับไปเล่นละคร และเสนอให้คุณหญิงพาสมศักดิ์และโสภิตพิไล ย้ายไปอยู่บ้าน ป้าแป้น (ไปรมา รัชตะ) หญิงชาวสวนใจดีที่สาเคยรู้จักที่คลองบางกอกน้อย โดยอ้างว่าจะได้ไม่ต้องหนีลูกระเบิด แต่จริง ๆ แล้วสาต้องการจะหนีห่างจากสมศักดิ์ สมศักดิ์ยังคงแอบมาหาสาที่บ้าน สาไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดขืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ คืนหนึ่งที่ระเบิดลงหนักสมศักด์ขอค้างกับสาที่บ้าน คุณหญิงเห็นสมศักดิ์ไม่กลับบ้าน ประกอบกับเป็นห่วงสาจึงไปหาที่บ้านแต่เช้าตรู่ และได้เห็นสาอยู่กับสมศักดิ์ คุณหญิงเสียใจมากหนีกลับบ้านป้าแป้นทันที สาสั่งให้สมศักดิ์ตามไปง้อขอคืนดี แต่คุณหญิงเสียใจและผิดหวังที่ถูกคนที่รักทั้งสองคนทรยศ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย เสร็จงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับวิทย์เพื่อหนีสมศักดิ์ ทำให้สมศักดิ์เสียใจหันไปดื่มเหล้าอย่างหนัก และในที่สุดก็เมาตกน้ำตาย ในที่เดียวกับที่คุณหญิงฆ่าตัวตายนั่นเอง หลังแต่งงาน สาย้ายไปอยู่ที่บ้านวิทย์ วิภา (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) พี่สาวของวิทย์รังเกียจสา เพราะทั้งสาและวิทย์ต่างไม่มีงานทำ วิทย์เป็นศิลปินไม่ยอมทำงานแบบอื่น เอาแต่สีไวโอลินไปวัน ๆ จนสาเองก็เริ่มเบื่อหน่าย วันหนึ่งสาไปพบกับพลเรือนญี่ปุ่นคนหนึ่งในหลุมหลบภัยชื่อ เซกิ (ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุทธยา) เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่น เซกิหลงรักสา สาเองก็เผลอไผลไปกับความสุขสนุกสนานที่เซกิปรนเปรอให้ ทำให้สากับวิทย์เริ่มมีปากเสียงกัน ต่อมาเซกิรู้ว่าญี่ปุ่นกำลังจะยอมแพ้สงครามกับอเมริกา ด้วยความรักเซกิจึงมอบเงินก้อนใหญ่ให้สาก่อนจะกลับประเทศไป สาจึงตัดสินใจเลิกกับวิทย์แล้วกลับไปอยู่กับป้าแป้น สา ซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในนามของ อุษาสาวใหญ่วัย 40 ปี เอาเงินที่ได้จากเซกิมาตั้งไนต์คลับ สากลับมามีชื่อเสียงหอมหวนให้หมู่นักเที่ยว คลับของสามีคนแน่นทุกวัน ทำให้ฐานะของสาร่ำรวยขึ้นอีกมาก จน ประธาน (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) หุ้นส่วนหนุ่มที่แอบหมายปองในตัวสา เพราะหวังเงิน ซึ่งสาก็รู้ทันแต่ก็อดไม่ได้ลอบมีความสัมพันธ์กับประธานอย่างลับ ๆ แต่สาไม่เคยไว้ใจประธานเลย สาเหมือนจะมีความสุขทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ โสภิตพิไลลูกที่แท้จริงของสา ที่คิดว่าตนเป็นเพียงหลานสาว ตอนนี้เรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนประจำ และกลับมาอยู่ในบ้านกับสา โสภิตคิดว่าสาเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่ และมีศักดิ์เป็นป้า โสภิตเกรงใจสาที่เลี้ยงมา แต่ก็แอบไม่พอใจที่สามีอาชีพที่น่ารักเกียจ ทำให้เธอต้องอับอายเพื่อนฝูง ประธานสนใจโสภิตที่กำลังแตกเนื้อสาว แต่โสภิตไม่ชอบประธานนัก และสาเองก็รู้ทันคอยกีดกันอยู่เสมอ วันหนึ่งสาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่คลับของเธอ เขาคือหม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร สาดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตนเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม สาสนใจคุณชายรวีอย่างออกนอกหน้า และพยายามสืบเรื่องของคุณชายรวี จนรู้ว่าจบกฎหมายมาจากฝรั่งเศส แล้วตอนนี้เป็นผู้พิพากษา สาพยายามตีสนิทเอาอกเอาใจคุณชายรวี ชวนให้รวีมาที่ไนต์คลับบ่อย ๆ ทำให้ประธานไม่พอใจ คุณชายรวีเองก็รู้สึกถูกชะตากับสา ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเป็นคนกลางคืน กลับสงสารที่สาต้องมาทำงานในที่ที่คนดูถูกอย่างนั้น คุณชายรวีชอบเสียงร้องเพลงของสา และมักจะแวะไปที่คลับบ่อย ๆ หม่อมพริ้มได้ข่าวว่าคุณชายรวีไปติดพันนักร้องเจ้าของไนต์คลับ หม่อมพริ้มตักเตือนคุณชาย แต่คุณชายไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง หม่อมพริ้มเห็นรูปสาในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ไม่แน่ใจจึงไปถามยายเจิม ยายเจิมบอกได้ชัดเจนว่าผู้หญิงในรูปคือสา หม่อมพริ้มตกใจมาก เกรงว่าสาจะบอกความจริงกับชายรวี ว่าตัวเองคือใคร หม่อมพริ้มไปหาสาที่บ้าน ทั้งสองคนจำกันได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม หม่อมพริ้มห้ามสา บอกคุณชายรวีเรื่องชาติกำเนิดของตน สาให้คำสาบานว่าจะไม่บอก แต่ก่อนจะกลับ หม่อมพริ้มเห็นโสภิตพิไล เธอสงสัยว่าเด็กสาวคือลูกของใคร สาจึงจำใจต้องบอกว่าเป็นลูกของคุณหญิงโสภา ทำให้หม่อมพริ้มเศร้าใจ คิดถึงลูกสาวที่จากไปเพราะความใจแข็งของเธอเอง หม่อมพริ้มคิดจะขอโสภิตมาเลี้ยงแทนคุณหญิงโสภา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร โสภิตก็ถูกประธานที่ดื่มเหล้าเมาลวนลาม สาเห็นการกระทำของประธานเข้า โมโหจนขาดสติ จึงคว้าปืนยิงประธานล้มลง ถึงแก่ความตาย สาถูกตำรวจจับไป สาไม่ยอมบอกความจริงว่าเธอยิงประธานเพราะลวนลามโสภิต เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของโสภิตเสียหาย สาถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่เรือนจำแดนนักโทษหญิงเพื่อรอพิจารณาคดี โสภิตพิไลรู้ว่าสาอาจจะถูกพิพากษาประหารชีวิตเพื่อปกป้องตน โสภิตตัดสินใจว่าจะต้องช่วยเหลือสาให้ได้ วันพิจารณาคดีสาถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยมีคนรู้จักสา ลูกจ้าง นักร้อง ร่วมถึงหม่อมพริ้มมานั่งฟังการพิจารณาคดีด้วย สายตาของสาเหลือบไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือ คุณชายรวี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาในคดีของสา และโดยที่สาไม่คาดฝัน โสภิตพิไลเข้ามาเป็นพยาน โสภิตเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศาลฟัง จนสุดท้ายศาลก็ยกฟ้องคดีของสา สาจึงได้เป็นอิสระ คุณชายรวีชื่นชมในความรักและเสียสละที่สามีต่อโสภิต ที่เป็นเพียงหลานสาว ยิ่งคุณชายชื่นชมสามากเท่าไหร่ หม่อมพริ้มก็ยิ่งระแวงมากขึ้นเท่านั้น เกรงว่าอีสาจะมาอ้างความเป็นแม่ แล้วแย่งคุณชายรวีกลับคืนไป หม่อมพริ้มจึงขอให้สายุติความสัมพันธ์ระหว่างสากับคุณชายรวีลง และขอร้องชายรวีให้เห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เลิกไปคบกับสา และร้ายกว่านั้น หม่อมพริ้มยังตัดสินใจบอกความจริงกับโสภิตพิไล ว่าจริง ๆ แล้วสาไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพียงบ่าวที่ชักนำให้แม่ของเธอหนีตามผู้ชายไป โสภิตโกรธและเกลียดสามาก ทำให้สายิ่งเสียใจสาถูกพรากจากลูกทั้งสอง ด้วยความเสียใจ สาเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ทันใดนั้นสาก็นึกถึงพระรัตนตรัยขึ้นมาจึงทำให้สาหยุดความคิดนั้น สาหันหน้าเข้าสู่พระรัตนตรัยโดยการบวชเป็นชีที่สำนักชีแห่งหนึ่ง ทำให้สามีจิตใจที่สงบขึ้น และหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา แต่สาบวชชีได้พักหนึ่ง จิตใจสงบอยู่ได้ไม่นาน นิสัยเดิมของสาที่ติดหลงในกิเลส ความเย้ายวนต่าง ๆ ก็ทำให้สาตัดสินใจสึกออกมา สากลับไปที่วังรวีวารอีกครั้ง เพื่อไปกราบหม่อมพริ้ม และคุณหญิงลูก ๆ ของหม่อมพริ้ม สาไปเยี่ยมโสภิตพิไล ที่บัดนี้หม่อมพริ้มเอามาเลี้ยงดูในฐานะหลานสาว เพราะเข้าใจว่าโสภิตเป็นลูกของหญิงโสภา โสภิตเย็นชากับสา เพราะยังไม่หายโกรธ ที่สาเป็นต้นเหตุให้คุณหญิงโสภาแม่ของเธอ ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้สาเสียใจมาก ส่วนคุณชายรวีนั้นรู้เพียงว่า สาเคยเป็นหม่อมคนหนึ่งของท่านพ่อ แต่ก็ยังรักและดีกับสาเสมอ ความอ่อนโยนและเมตตาของชายรวี เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจสา เรื่องย่ออีสา จากนั้น สาก็ไปเยี่ยมพี่แป้นที่บ้านคลองบางกอกน้อย ทุกคนรักและมีน้ำใจกับสาเหมือนเดิม ใจสว่าง (ภัณฑิลา ปานสิริธนาโชติ) หลานสาวของพี่แป้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยคณะเดียวกับโสภิตพิไล และเป็นมหาวิทยาลัยที่คุณชายรวีเป็นอาจารย์สอน ใจสว่างเป็นเด็กดีสาจึงชวนใจสว่างให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปอยู่ที่หอพัก และสาเองก็มีใจสว่างเป็นเพื่อนปรับทุกข์เรื่องโสภิตพิไล เพราะใจสว่างรู้ความจริงทุกอย่าง ที่บ้านของสา เพ็ญศรี เพื่อนของสาเป็นคนช่วยดูแลไนต์คลับให้ระหว่างที่สาเข้าคุกและบวชชี นำเงินที่ได้มาให้สา สาตัดสินใจเลิกทำไนต์คลับ หันมาเปิดร้านทำผมตัดเสื้อ เพราะเห็นแก่โสภิต ว่าจะได้ไม่ต้องอับอายคนที่มีแม่เป็นคนกลางคืน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มนักการเมืองขึ้นมามีอำนาจ ความสำคัญของตระกูลรวีวารก็หมดลง ทรัพย์สมบัติก็ร่อยหรอไป คุณหญิงหริ พี่สาวคุณชายรวี ต้องการแนะนำให้ชายรวีแต่งงานกับ คุณแหวว สวาทโฉม ลูกสาวของ คุณหญิงเฉิดฉวี และนายพลสันทนา (ภูธเนศ หงษ์มานพ) ที่กำลังเรืองอำนาจ เพราะใกล้ชิดกับท่านผู้นำ ทั้งนี้เพื่อผดุงฐานะของรวีวาร และเป็นการสนับสนุนธุรกิจของ ปวุฒิ สามีของคุณหญิงหริทางอ้อมด้วย ในงานฉลองยศของนายพลสันทนา คุณชายรวี และโสภิต จึงได้รับเชิญไปงานด้วย เพื่อให้คุณชายรวีได้พบกับสวาทโฉม แต่ "ท่าน" เจ้านายของนายพลสันทนาที่มาร่วมงานเกิดถูกตาต้องใจในตัวโสภิต ต้องการให้โสภิตมาเป็นอนุภรรยา จึงให้นายพลสันทนาเป็นธุระจัดการให้ นายพลสันทนารู้ว่าโสภิตเป็นลูกสาวของสา จึงมาติดต่อสาที่ร้านทำผม แต่เมื่อนายพลสันทนาได้พบสาก็เกิดหลงเสน่ห์ สาเองก็ว้าเหว่จึงเผลอใจตกเป็นอนุภรรยาของนายพลสันทนา นายพลสันทนาหลงรักสามากถึงกับให้เงินลงทุน ให้สาเปิดคลับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไปหาสาได้สะดวก เมื่อคุณหญิงเฉิดฉวีรู้เรื่องเข้า จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับสาอย่างเปิดเผย ส่วนตัวโสภิตพิไลเองนั้น กำลังมีความรักกับ ชิษณุ ลูกชายของคุณหญิงศุภลักษณ์ลูกสาวของหม่อมพริ้ม ถึงขั้นจะแต่งงานกับโสภิต แต่เมื่อสารู้ข่าวก็อดไม่ได้ที่จะขัดขวาง เพราะจริง ๆ แล้วโสภิตเป็นลูกสาวของตัวเอง และมีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของชิษณุ สาจึงจำเป็นต้องพาคุณชายรวีไปหาพี่แป้น และเล่าความจริงเรื่องกำเนิดของโสภิตให้คุณชายรวีฟัง โดยมีพี่แป้นเป็นพยานอีกคนหนึ่ง เมื่อคุณชายรวีรู้เรื่องก็ตกใจ จึงหาทางช่วยขัดขวางเรื่องการแต่งงาน คุณชายรวีไปพบชิษณุ ซึ่งคุณชายรวีมีศักดิ์เป็นน้าของชิษณุ ทั้ง ๆ ที่คุณชายรวีมีอายุน้อยกว่า คุณชายรวีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชิษณุฟัง ชิษณุเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหนีหน้าโสภิตไปทำงานที่โคราช เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด โสภิตตามไปหาชิษณุที่โคราช แต่เจอชิษณุอยู่กับอัญมณีคนรักเก่า โสภิตเสียใจดื่มเหล้าจนเมาขาดสติ และเกือบจะถูกทหารจีไอพาตัวไป แต่โชคดีที่ ปรมัตถ์ คนที่เคยชอบเธอสมัยเรียนมาช่วยไว้ได้ทัน ใจสว่างได้รู้ข่าวจากปรมัตถ์ จึงพาคุณชายรวีไปตามหาโสภิตถึงโคราช คุณชายรวีเห็นโสภิตเสียใจมากที่ถูกทอดทิ้ง จึงตัดสินใจบอกความจริง ว่าชิษณุกับโสภิตไม่อาจรักกันได้ เพราะจริง ๆ แล้ว เธอเป็นลูกของสา โสภิตตกใจมากที่ตนเป็นลูกของสา ผู้หญิงที่ตนเคยดูถูกว่าต่ำต้อยและไร้ยางอาย โสภิตไม่อาจสู้หน้าหม่อมพริ้ม จึงกลับไปอยู่กับสา และเมื่อโสภิตไปพบนายพลสันทนา จึงรับปากจะเป็นอนุภรรยาของ "ท่าน" เพื่อประชดสา และประชดทุก ๆ คน สาและคุณชายรวีพยายามห้าม แต่โสภิตก็ไม่ฟัง และยังหนีไปจากบ้าน ที่ "ท่าน" สั่งให้หาเอาไว้ให้ สาพยายามติดตามหาโสภิต แต่เธอไม่ยอมพบสา ระหว่างนั้น คุณชายรวีจำใจต้องแต่งงานกับสวาทโฉม เพราะไม่อาจขัดผู้ใหญ่ได้ ตลอดเวลาคุณชายรวีทำหน้าที่เป็นสามีที่ดี แต่สวาทโฉมเองก็ไม่ได้รักคุณชาย เธอเองก็มีความจำเป็นทำให้ต้องแต่งงานเหมือนกัน ใจสว่างเห็นชัดว่าคุณชายรวีไม่มีความสุข เธอทำได้เพียงให้กำลังใจเขา ยายเจิมล้มป่วยลงใกล้ตาย คุณชายรวีและคุณหญิงศรีลักษณา ไปเยี่ยมยายเจิมที่ห้อง ยายเจิมหลงเห็นคุณชายรวีเป็นท่านชายพ่อของคุณชายรวี เลยหลุดปากพูดเรื่องสาออกมา ว่าสามีลูกชายกับท่านชาย 1 คน คุณชายรวีจึงไปถามความจริงจากคุณหญิงศรีลักษณา และได้รู้ว่าตัวเองคือลูกของสา แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด คุณชายรวีก็ไม่ได้โกรธ หรือรังเกียจที่มีแม่อย่างสาเลย แต่ดีใจด้วยซ้ำที่ได้รู้ความจริง และก็ยังรักหม่อมพริ้มแม่ที่เลี้ยงดูมาเหมือนเดิม นายพลสันทนาช่วยให้สาและใจสว่างได้เจอโสภิต โสภิตได้สติขึ้นมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกไม่นาน "ท่าน" จะกลับจากต่างประเทศ และไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธ "ท่าน" ได้ สาได้แต่เสียใจ หม่อมพริ้มได้แต่ก่นด่าสาปแช่งสา ว่าเกิดมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของรวีวาร สุดท้ายสาจะหาทางช่วยโสภิตได้หรือไม่ ? และความบาดหมางของสากับหม่อมพริ้มจะลงเอยยังไง ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครอีสา รวีช่วงโชติ
จับตายวายร้ายสายสมร (2553/2010) แหวน(บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) แหม่ม(ป่าน-อุทัยศรี ศรีณรงค์) ลิลลี่(เบสท์-ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ สามสาววายร้ายสายสมร เป็นกลุ่มมือปืนรับจ้างที่ตำรวจกำลังออกตามล่าแทบพลิกแผ่นดิน ผู้พันเสือ(แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) และ หมวดจ๊อด(ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) สองตำรวจลับ มีธุรกิจบังหน้าเป็นเจ้าของร้านหนังสือและขายของเก่า ทั้งคู่ได้รับมอบหมายให้จับตายกลุ่มวายร้ายสายสมร ผู้พันเสือเป็นคนเคร่งเครียดและจริงจังกับงาน แต่หมวดจ๊อด นายตำรวจหนุ่มคู่หูรุ่นน้องจอมทะเล้น กลับเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหว แหวน แหม่ม ลิลลี่ เคยถูกคนร้ายจับไปขายซ่อง แต่หนีออกมาได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากชายคนหนึ่งที่พวกเธอเรียกว่าพ่อ พ่อเป็นเอเย่นต์รับจ้างฆ่าคนตามใบสั่ง พ่อเอาสามสาวมาเลี้ยงและฝึกให้เป็นนักฆ่าโดยใช้ฉายาว่า สายสมร ทั้งสามจึงรักและผูกพันเหมือนพี่น้องร่วมสาบาน แหวนอายุมากสุด จึงรับหน้าที่เป็นพี่สาวคนโต จิตใจเย็นชา ไม่ไว้ใจใคร โดยเฉพาะผู้ชาย แหม่มเป็นน้องสาวคนกลาง น่ารัก อ่อนหวาน ส่วนลิลลี่เป็นน้องเล็ก ห้าว ปากกล้า ด่าเก่ง สดใส ร่าเริงและผูกพันกับพี่สาวสองคนมาก ระหว่างที่เสือและจ๊อดกำลังออกตามหาวายร้ายสายสมร สองหนุ่มก็ได้รู้จักกับแหวน แหม่ม ลิลลี่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายเป็นใคร จ๊อดและลิลลี่เริ่มต้นความสัมพันธ์จากการเป็นคู่กัดและพัฒนาเป็นความรัก ในขณะที่แหม่มหลงรักเสือตั้งแต่แรกพบ โดยไม่รู้ว่าเสือสนใจแหวน ส่วนแหวนก็โกหกตัวเองว่าไม่ได้สนใจเสือ แหม่มชอบพูดถึงเสือให้แหวนฟัง จนแหวนต้องถอยตัวออกห่างจากเสือ เพราะกลัวแหม่มเสียใจ แต่แหวนก็ไม่สามารถฝืนใจตัวเองได้จนเธอตกเป็นของเสือในคืนหนึ่ง แหวนรู้สึกผิด จึงขอร้องให้เสือเลิกกับเธอ เสือไม่ยอมและจะไปบอกความจริงกับแหม่มว่า เขารักแหม่มเหมือนน้องสาว แต่แหม่มบังเอิญรู้เรื่องเสียก่อน เธอช็อคมากเพราะไม่คิดว่าแหวนจะหักหลัง แหวนพยายามอธิบาย แต่แหม่มไม่ฟังและประกาศตัดพี่น้องกับแหวน แหวนโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่เสือเข้ามาพบและช่วยเหลือได้ทันเวลา หลังจากเกิดเรื่องแหม่มก็แยกตัวไปคบกับสองพี่น้องวิปริตคือ จันดารา(ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา) และ อินคา(อาร์-อาณัตพล ศิริชุมแสง) เป็นมือปืนอีกคู่ที่พ่อเลี้ยงไว้ จันดาราเป็นเลสเบี้ยน และเกลียดพวกสายสมร เธอจึงยุให้แหม่มหาทางฆ่าแหวนกับลิลลี่ ส่วนอินคาเป็นพวกซาดิสม์ที่แอบหลงรัก ลิลลี่ และพยายามฆ่าจ๊อดเพื่อให้ได้ลิลลี่มา แต่จ๊อดก็เอาตัวรอดมาได้ และจัดการฆ่าอินคาในที่สุด หลังผ่านพ้นเรื่องราวร้าย ๆ เสือและจ๊อดขอแหวนกับลิลลี่แต่งงาน สองสาวจึงไปบอกพ่อเพื่อขอชีวิตอิสระ แต่พ่อรู้มาว่าเสือและจ๊อดเป็นตำรวจ พ่อจึงให้แหม่มจัดการฆ่าแหวนกับลิลลี่ปิดปากซะ เพื่อตัดตอนไม่ให้ทั้งสองถูกเสือกับจ๊อดจับและเชื่อมโยงมาถึงตัว แหม่มอึ้งหลังรู้ความต้องการของพ่อ แต่ด้วยความผูกพันที่มีให้กันมา แหม่มฆ่าทั้งคู่ไม่ลง จึงบอกความจริงกับทั้งคู่ว่าเสือกับจ๊อดเป็นตำรวจปลอมตัวมาเพื่อจับสายสมรเช่นเดียวกัน เมื่อเสือและจ๊อดรู้ความจริงว่าคนรักของตนเป็นโจรที่ตัวเองกำลังตามล่า ก็ช็อคไม่แพ้กัน สุดท้าย 3 สาวจะจัดการกับความรักของพวกเธอยังไง?
รอยอดีตแห่งรัก (2549/2006) ต้นน้ำ(สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) เจ้าของแม็กกาซีนชื่อดัง กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับ นุสรา(ญดา โชติชูตระกูล) แฟนสาวไฮโซชื่อดัง ในอีก1อาทิตย์ข้างหน้า ในคืนที่ทั้งคู่ไปงานวันเกิดของต้นน้ำ ขากลับต้นน้ำเมามาก นุสรา จึงอาสาขับรถให้ แต่เธอไม่ทันระวังจึงขับรถชน มีน (พีรชยา พิณเมืองงาม) หญิงสาวที่อยู่ร้านขายอาหารตามสั่งใกล้ๆบริษัทของต้นน้ำ นุสราลงมาต่อว่ามีนที่บาดเจ็บ แต่ระหว่างนั้นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นุสราโดนรถที่วิ่งมาจากอีกด้านหนึ่งชนจนนุสราเสียชีวิต ต้นน้ำเสียใจกับการจากไปของนุสรามาก จึงฝังใจเกลียด มีน มาตลอด แม้มีนจะพยายามขอโทษต้นน้ำด้วยวิธีการใด ต้นน้ำก็ไม่ยอมให้อภัยเธอ แถมยังต้องการให้คนที่ตายไปในคืนนั้นคือมีน พี่หวาน(อริศรา วงษ์ชาลี) กับ เม่น(อรรถพร ธีมากร) ญาติสนิทของมีนได้แต่เป็นห่วง เพราะมีนเสียใจ และ ผิดหวังที่ต้นน้ำ คนที่เธอแอบชื่นชมเป็นคนแบบนี้ มีนจึงหนีกลับไปอยู่กับแม่(ทัศวรรณ เสนีย์วงษ์) ที่หัวหิน ต้นน้ำพยายามลืมความเศร้าด้วยการเที่ยวเตร่ โดยมี อัญชลี(ปานวาด เหมมณี) เลขาที่จ้องจะจับต้นน้ำคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หมอนเรศ(พนมกร ตังทัตสวัสดิ์) เพื่อนรุ่นพี่ของต้นน้ำ จึงเข้ามาช่วยดูแล ย่าใหญ่(พิสมัย วิไลศักดิ์) เลยแนะนำให้ต้นน้ำไปพักผ่อนพร้อมกับทีมงานที่จะไปถ่ายทำวีซีดีที่หัวหิน แต่การมาพักผ่อนของต้นน้ำครั้งนี้ ทำให้เขาได้พบกับมีนอีกครั้ง ต้นน้ำพยายามหาเรื่องมีน แต่หมอนเรศคอยช่วยเหลือมีน ทำให้ต้นน้ำแกล้งมีนได้ไม่เต็มที่ ระหว่างถ่ายแฟชั่น ต้นน้ำและมีนได้มีโอกาสใกล้ชิด และทำความรู้จักกันมากขึ้น ทำให้ต้นน้ำรู้ว่าแท้จริงแล้วมีนเป็นคนมีน้ำใจและเป็นนักสู้ หลายครั้งที่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในกองถ่าย และ อัญชลีก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือมีน ทำให้มีนหลงชื่นชมอัญชลี โดยไม่ระแคะระคายในความร้ายกาจของเธอเลย วันสุดท้ายของการถ่ายแบบ นางแบบคนหนึ่งมาไม่ทัน ทีมงานตัดสินใจจับมีนมาแต่งตัว ปรากฎว่ามีนสวยขึ้นทันตาเห็น ต้นน้ำเองก็แอบรู้สึกอยู่ลึกๆ แต่เขากลับแสดงอาการไม่พอใจมีน และยิ่งรู้สึกหมั่นไส้เมื่อรู้ว่า หมอนเรศแอบชอบมีน และชักชวนให้มีนที่เรียนจบผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยดูแลย่าใหญ่ เมื่อมีนต้องเข้าไปอยู่ในบ้านต้นน้ำ ต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้นิสัยกันในด้านที่ไม่เคยเห็น แต่ในขณะเดียวกัน มีนก็ต้องปะทะกับ อัญชลี ที่พยายามทำให้ย่าใหญ่ และ ต้นน้ำเข้าใจผิดเธอมาตลอด ย่าใหญ่ได้หลักฐานว่าอัญชลีโกงเงินบริษัทไป แต่อัญชลีก็จัดการย่าใหญ่จนหกล้มต้องเข้าโรงพยาบาล ต้นน้ำเครียดมาก อัญชลีได้ทีเลยใส่ไฟว่าตอนที่ย่าล้ม เห็นมีนคุยอยู่กับเม่น ไม่ยอมมาดูแลย่าใหญ่ ต้นน้ำโกรธมากด่าว่ามีนอย่างรุนแรง จนมีนทนไม่ได้ตัดสินใจขอลาออก ย่าใหญ่รู้เรื่องบอกให้ต้นน้ำไปตามมีนกลับมา แต่พอต้นน้ำไปถึง กลับถูกหวานและเม่นไล่กลับไป ต้นน้ำต้องขอร้องมีนให้เห็นแก่ย่าใหญ่ มีนจึงยอมทำตาม ระหว่างทางต้นน้ำได้ข่าวจากหมอนเรศว่าย่าตกบันไดเสียชีวิต ต้นน้ำถึงกับช็อค หลังจากงานศพของย่า ต้นน้ำพบว่ามีนเก็บข้าวของกลับหัวหินไปแล้ว เขาพยายามมาง้อมีน แต่มีนไม่สนใจ ทำให้ต้นน้ำโกรธเข้าไปลากมีนขึ้นรถเพื่อพากลับกรุงเทพ ทั้งคู่โต้เถียงกันขณะที่ต้นน้ำขับรถ แล้วอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ครั้งนี้จะซ้ำรอยเหมือนตอนที่เขาและเธอได้เจอกันครั้งแรกหรือ ไม่? ติดตามชมเรื่องราวความรักของเขาและเธอได้ในละคร รอยอดีตแห่งรัก
คลื่นรักสีคราม (2548/2005) ลายคราม คือหลานชายคนเดียวของผู้เฒ่าแห่งเกาะคราม โดยจุดกำเนิดของลายครามเป็นปริศนามานาน เพราะเขารู้เพียงว่าแม่ของเขาชื่อ สาหร่าย เป็นลูกสาวของ พ่อเฒ่าลมโชย เจ้าของเกาะคราม และได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากลายครามเกิดได้ไม่นาน เมื่อลายครามถามถึงพ่อ พ่อเฒ่าลมโชยก็จะชี้ไปที่ท้องทะเลสีครามทุกครั้ง พร้อมกับบอกว่าเขาคือลูกชายของพระสมุทร แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อมีจดหมายที่มาจาก คุณหญิงสุมณี ซึ่งได้อ้างว่าเป็นย่าของลายคราม และต้องการตามตัวลายครามไปเผาศพ ชาคริต ลูกชายคนเดียวของเธอและพ่อแท้ๆ ของลายคราม เมื่อพ่อเฒ่าลมโชยเห็นจดหมายฉบับนี้ เขาจับลายครามมาสาบานกับเจดีย์ที่บรรจุศพของสาหร่ายทันที พร้อมบังคับให้ลายครามอยู่และตายที่นี่ ห้ามไปข้องแวะกับคนกรุงเทพฯ ทุกคน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ลายครามได้รู้ความจริงว่า แม่ของตนตายเพราะความตรอมใจ เพราะพ่อของเขาหนีไปแต่งงานกับ อรนิจ สาวไฮโซที่มีฐานะ ตอนนี้ลูกชายเจ้าสมุทรผู้เย่อหยิ่งมีหรือจะสนใจฐานันดรเหล่านั้น เขายอมเมินเฉยต่อตำแหน่งทายาทพันล้านหรูหรา และตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตเยี่ยงชาวเลบนเกาะครามต่อไป ศราวดี สถาปนิกทันสมัย ที่วันๆ จะนั่งมองอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยมีโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารอิเล็คโทรนิคล้ำยุคอยู่รอบตัว ซึ่งถึงแม้ว่าชีวิตการงานของเธอกำลังไปได้สวย แต่ชีวิตครอบครัวกลับตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแม่ของเธอ ศิวพร ซึ่งเป็นสาวสังคม ติดเหล้าและออกงานปาร์ตี้ทุกวัน แถมยังขอเงินและมักทิ้งศราวดีอยู่เป็นประจำ จนทำให้เธอต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว รักตัวเอง งกเงินและบ้าเก็บเงินเป็นชีวิตจิตใจ ติดตามชมได้ในละคร “คลื่นรักสีคราม”
เสือ (2546/2003) ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ณจันทร์ ในวัยเด็ก ต้องคำสาปและหนีคำแปง ไปที่กรงเสือ จนเกือบถูกเสือสมิงฆ่า โชคดีที่พรานคำสูรย์ และจรัส พ่อของณจันทร์ตามมาช่วยทัน เสืออาละวาดจนสุดแรงก่อนสิ้นใจตาย ณจันทร์ได้เลือดจากรอยเล็บของเสือร้าย แต่จรัสพ่อของเธอเสียชีวิตด้วยกรงเล็บเสือในคืนนั้น ติดตามต่อได้ใน เสือ
เงามรณะ (2540/1997) พระเอก(เจ เจตริน) คบกับนางเอก(เต๋า สโรชา) แล้วตัวร้าย(ปู อนุวัฒน์) ซึ่งเป็นคนโรคจิต ที่ทำงานบริษัทเดียวกัน เกิดชอบและอยากครอบครองตัวนางเอก จึงทำทุกวิถีทางจะแย่งตัวนางเอกมาเป็นของตัวเอง จนเกิดเรื่องฆาตกรรมสยดสยองมากมายในเรื่อง
สงครามนางฟ้า (2551/2008) ณ แม่ น้ำสิงคโปร์ ริน(บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) อดีตแอร์โฮสเตสสาวผู้ผ่านเรื่องราวชีวิตมาก มาย กำลังล่องเรือในแม่น้ำสิงคโปร์เพียงลำพัง…หญิงสาวมองทอดสายตา ออกไปเห็นความสวยงามของประเทศนี้…ที่ซึ่งอาชีพของเธอทำให้เธอได้มาเยือนไม่ รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ในความสวยงามนั้นกลับซ่อนอดีตและเรื่องราวหลากหลายรสชาติไว้ในความทรง จำ… รินสาวสวยสดใสเดินทางมาเข้ารับการฝึกอบรมสำหรับว่าที่พนักงานต้อนรับคนใหม่ของสายการบิน เมขลาแอร์ ในการฝึกอบรมอันหนักหน่วงทำให้รินรู้จักและสนิทสนมกับ หนุ่ย(หยวน-นิธิชัย ยศอมรสุนทร) ว่าที่สจ๊วตหนุ่มและ กิ๊บ(จุ๊บ-ภัทรา มั่นพิริยะกุล) สาวน้อยจอมเจ้าชู้ เพราะความสวยที่โดดเด่นของริน จึงทำให้หญิงสาวได้รับเลือกเป็นตัวแทนของรุ่นในการทำกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอ จน เพื่อนร่วมรุ่นบางคนแอบหมั่นไส้ริน โดยเฉพาะ หน่อย(ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา) หญิงสาวหน้าตาธรรมดา แต่มีผลสอบดีเยี่ยมได้เป็นที่1 ของรุ่น หน่อยอิจฉาที่รินมีความสวยเป็นอาวุธ ทำให้รินก้าวหน้าได้เร็วกว่าตน หน่อยจึงหาโอกาสกลั่นแกล้งรินเสมอตลอดเวลาในการฝึก ติดตามต่อได้ใน สงครามนางฟ้า
หัวใจช็อกโกแลต (2548/2005) ชุณห์ (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ลูกชายเศรษฐี จอมเรื่องมาก และเย่อหยิ่ง จากตระกูลที่ทำอาชีพการโรงแรมมาหลายชั่วอายุคน เขากำลังมีปัญหากับ ชนม์ (ชลิต เฟื่องอารมย์) พ่อที่เอาแต่บ้างาน และบังคับให้เขาไปดูแลกิจการ ชุณห์ปฏิเสธงานนี้มาโดยตลอด เพราะลึกๆ เขาคิดเสมอว่างานเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ชุณห์มีแฟนสาวไฮโซชื่อ ทราย (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) ทั้งสองคบกันตั้งแต่เด็ก แต่ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเข้ากันไม่ได้ เพราะเอาแต่ใจตัวเองทั้งคู่ ด้วยความที่เข้ากันไม่ได้ ทำให้ทรายแอบมีกิ๊กเป็นศิลปินดาวรุ่งพุ่งแรงชื่อ นนท์ (ปัญญาพล เดชสงค์) หวาน (พิยดา อัครเศรณี) รีเซฟชั่นฐานะกลางๆ ที่อ่อนหวาน และยอมคนเสมอ ก็ได้มีโอกาสได้พบกับชุณห์ ในฐานะแขกวีไอพีของโรงแรม แต่การเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่กลับไม่น่าประทับใจนักเมื่อชุณห์แกล้งประชดชนม์ผู้เป็นพ่อที่ยื่นคำขาด บังคับให้เขาต้องไปเรียนการโรงแรมที่สวิสเซอร์แลนด์ โดยการแกล้งหวานต่างๆ นานา แต่หวานไม่ปริปากบ่น จนชนม์ยกย่องว่าเป็นนักการโรงแรมตัวจริง ชุณห์พยายามลวนลามหวานเพื่อให้พ่อเห็นว่าเขาไม่สามารถเป็นนักการโรงแรมที่ดีได้ หวานกลัวจนวิ่งหนีเข้าไปในครัว ทำให้ แต๋ม (เจมี่ บูเฮอร์) หัวหน้ารีเซฟชั่น เพื่อนสนิทของหวานนึกหมั่นไส้ชุณห์ขึ้นมาทันที หลังเลิกงานขณะที่หวานกำลังกลับบ้าน ชุณห์มาดักรอเพื่อเอาเงินให้เป็นการขอโทษ แต่หวานไม่รับ และตามมาคุยกับชุณห์ เรื่องที่ชุณห์ทะเลาะกับพ่อ ทั้งสองได้คุยกัน ทำให้หวานมองเห็นถึงแววตาของเด็กชายที่โตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวของชุณห์ได้ทันที หวานเป็นหญิงสาวที่ใฝ่ฝันจะมีชีวิตคู่ที่สวยงามกับ แมน (กริช หิรัญพฤกษ์) เซลล์แมนหนุ่มจอมเจ้าชู้ ทั้งคู่ตกลงจะแต่งงานกันในอีกไม่นาน แต่วันหนึ่งเส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบของหวานก็ต้องหยุดลง เมื่อหวานพบว่าแมนกำลังนอนกับหญิงสาวอื่น หวานเสียใจมากทำให้แต๋มต้องคอยปลอบใจหวานทั้งคืน ในขณะที่ชุณห์มีนัดดินเนอร์กับทรายที่ร้านอาหารแห่งเดิมอีก ที่สำคัญก่อนเวลานัดชุณห์สั่งทำเค้กช็อกโกแลตที่มีแหวนเพชรอยู่ในช็อกบอล เพราะชุณห์กำลังจะขอทรายแต่งงาน และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลเค้กและโต๊ะอาหารในครั้งนี้คือหวานกับ นพ (สิทธิพร นิยม) เชฟหนุ่มหน้าตาดี ที่หลงรักหวานอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่หวานขอลางานเพราะเสียใจจากเรื่องเมื่อคืน ส่วนแต๋มก็มาทำงานสายเพราะคอยปลอบใจหวานอยู่ทั้งคืน ทำให้นพต้องวุ่นวายและประสบอุบัติเหตุแขนหักจากการอารักขาเค้กเซอร์ไพรส์ชิ้นนั้น ชุณห์พยายามให้ทรายตักช็อกบอลลูกนั้นขึ้นมาชิม แต่ทรายไม่เต็มใจนักจึงยัดช็อกบอลนั้นเข้าปากแบบขอไปที ดินเนอร์ขอแต่งงานจึงต้องไปจบลงที่โรงพยาบาลแบบกร่อยๆ ทำให้ชุณห์ยอมหยุดเรื่องแต่งงานไว้ก่อน และเขาเองต้องเดินทางไปอบรมคอร์สการโรงแรมเพิ่มเติมที่สวิสตามคำสั่งของพ่อ โดยชุณห์ขอให้ทรายเก็บแหวนที่อยู่ในท้องเอาไว้ก่อนแล้วค่อยคิดดู เมื่อเรียนจบมาแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ นพไปอบรมคอร์สการโรงแรมเพิ่มเติมที่สวิสต่อกับแต๋มไม่ได้ ในขณะที่แมนตามล่าขอคืนดีกับหวานอย่างบ้าคลั่ง แต๋มจึงขอร้องให้หวานไปกับเธอ หวานตัดสินใจบินไปสวิสกับแต๋มทันที เพราะหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตรัก วันเดินทางนพตามไปส่งหวานด้วย เขาสัญญาว่าจะรอหวานอยู่เสมอ จนกว่าหัวใจของหวานจะพร้อมรักใครใหม่อีกครั้ง การเดินทางที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเริ่มขึ้น.....หวานและแต๋มได้พบกับเพื่อนคนไทยอีกหลายคน ได้แก่ เพชร (พนมกร ตังทัตสวัสดิ์) ไข่ (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) และที่ไม่คาดฝันคือ ชุณห์ ทุกคนรวมกลุ่มกันได้ดี ยกเว้นแต่ชุณห์ที่มักจะแยกตัวมาอยู่คนเดียวบ่อยๆ เพราะความเหงา และจับได้ว่าทรายมีคนอื่น จนครั้งหนึ่งที่เขาหายตัวไป หวานขอร้องให้เพื่อนๆ ช่วยกันตามหา จนเพชรและไข่ได้รับบาดเจ็บเพราะเสี่ยงตายลงไปตามที่บนเขา แต่ชุณห์กลับปรากฏตัวออกมา และไม่เอ่ยคำขอโทษพวกของแต๋ม ทำให้แต๋มสาปส่งว่าต่อไปนี้แก๊งค์ของเธอจะเป็นศัตรูกับชุณห์ตลอดไป
ลัดฟ้ามาหารัก (2538/1995) พาสันต์ ชลธิชา และปารุส เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ พาสันต์เป็นเจ้าของไร่อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ปารุตทำงานเป็นหนังข่าวหนังสิพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ส่วนชลธิชาเป็นดีไซเนอร์เปิดห้องเสื้อของตัวเอง พาสันต์และปารุตแอบหลงรักชลธิชาด้วยกันทั้งคู่ ในที่สุดพาสันต์คือคนที่ชลธิชาเลือก ทั้งสองแต่งงานกันและสร้างความเจ็บช้ำให้แก่ปารุสเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความเป็นเพื่อนที่ตัดกันไม่ขาด ปารุสจำต้องยอมรับความจริง โดยต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจตลอดมา 1 ปีผ่านไป พาสันต์ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ในชีวิตคือการเป็นพ่อคน แต่ระหว่างนั้นเกิดปัญหาที่ไร่กาญจนบุรี ทำให้พาสันต์ถูกสั่งเก็บจากเสี่ยวิชัยผู้ทรงอิทธิพล จากการเสียชีวิตของพาสันต์ วิญญาณได้ขึ้นไปรอเกิดใหม่บนสวรรค์ แต่ด้วยความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อชลธิชา จึงอ้อนวอนเทวดาให้ตนมาเกิดโดยเร็ว แต่ทว่าความจำยังมีคงเดิม และไม่ได้ถูกลบไป และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
ทอฝันกับมาวิน (2539/1996) มาวินเป็น เด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝัน เขามีความฝันเป็นของตัวเช่นที่ทุกคนมี แต่เค้าไม่มีโอกาสทำความฝันของเขาให้สำเร็จเช่นคนอื่น เพราะเค้าต้องทำตามความฝันของพ่อ อย่างที่พ่ออยากให้เขาเป็น เขารักพ่อเขาจึงต้องทำตามคำสั่งของพ่อ แต่เมื่อเขาได้มาพบกับทอฝัน หญิงสาวผู้ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสแสดงความเป็นตัวของตัวเองและพยายามที่จะ ค้นคว้าหาความฝันของตนเองและทำความฝันนั้นให้เป็นจริง ความผูกพันของทั้งสองทำให้เกิดความรัก และเค้าทั้งสองก็ตั้งใจจะค้นหาความฝันด้วยกัน แต่มาวินยังมีพ่อ ผู้ซึ่งคอยกำหนดชีวิตเขาไปเสียทุกอย่างเค้าต้องคอยรบกับความฝันของตัวเองและ คำสั่งของพ่อตลอดเวลา แต่ในที่สุดมาวินก็ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยมีทอฝันคอยเป็นกำลังใจข้างกายเสมอ
อยากหยุดตะวันไว้ที่ปลายฟ้า (2538/1995) เรื่องราวของ น้ำเชี่ยว องครักษ์หนุ่มชาวไทย ที่ต้องจับพัดจับผลูมาคุ้มกัน องค์หญิงนภัสราวดี ที่หนีภัยมาจากประเทศ ศิขริน มาอยู่ที่ประเทศไทย โดยที่น้ำเชียวเองไม่รู้ว่ากำลังปกป้องหญิงผู้สูงศักดิ์ ผู้ซึ่งไม่มีวันที่จะอยู่ในความเป็นจริงในชีวิตน้ำเชี่ยวได้เลย
สองปรารถนา (2553/2010) ปรารถนา ธาราทอง หรือ หนึ่ง (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) แต่งงานกับ ธียศ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ตามคำสั่งเสียก่อนตายของ ปองพล (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) พ่อของหนึ่งและเจ้าของรีสอร์ทบ้านหาดธารา ปองพลมีบุญคุณต่อธียศ ธียศจึงยอมแต่งงานกับหนึ่งแม้จะไม่ได้รัก แต่ในวันแต่งงาน นิชดา (รุจิรา ช่วยเกื้อ) คนรักเก่าของธียศกลับปรากฎตัวขึ้นมาของานทำ เพราะสามีของเธอเสียชีวิตจึงไม่มีใครให้พึ่งพา ด้วยความเห็นใจธียศจึงยอมให้นิชดาอาศัยที่รีสอร์ทโดยให้เป็นผู้ช่วยของตน ราตรีคนสนิทของหนึ่งไม่ไว้ใจนิชดาเพราะเคยเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ จึงขอร้องให้หนึ่งไปสืบ แล้วหนึ่งก็พบเงินอยู่เต็มกระเป๋าเดินทางของนิชดา พอไปลองค้นประวัตินิชดาจึงพบว่าเธอคือภรรยาของ เพฑูรย์ (ปราบ ยุทธพิชัย) เลขานักการเมือง ที่เพิ่งรถคว่ำเสียชีวิตไปพร้อมกับเงิน 50 ล้าน หนึ่งตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับธียศ นิชดารู้ทันเลยวางแผนฆ่าปิดปากหนึ่งแต่ไม่สำเร็จเพราะ เฟื่อง (รัญญา ศิยานนท์) คนเก่าแก่ของรีสอร์ทมาเจอจึงช่วยไว้ หนึ่งเอาแต่เพ้อเพราะหวาดกลัวจนเฟื่องเข้าใจผิดว่าธียศเป็นคนวางแผนฆ่าหนึ่ง เฟื่องจึงเอาเสื้อผ้าของหนึ่งไปใส่ให้ราตรี สาวใช้ที่ออกเรือตามหาหนึ่งจนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เพื่อให้ทุกคนรวมทั้งธียศเข้าใจว่าหนึ่งตายไปแล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายหนึ่งกลับหนีเตลิดหายไป จนไปเจอกับ สาริศ (รัชชานนท์ สุขประกอบ) นายตำรวจหนุ่ม สาริศเห็นหนึ่งมีอาการทางจิตเลยให้ หมอสุรเชษฐ์ (พนมกร ตังทัติสวัสดิ์) เพื่อนสนิท และวรรณวลี (แอริน ยุกตะทัต) น้องสาวที่ทำงานอยู่สถานบำบัดจิตเวชช่วยรักษา แม้ธียศจะสงสัยเรื่องการตายของหนึ่ง แต่เพราะรีสอร์ทบ้านหาดธาราโดนพายุซัดหนักจนเสียหาย ธียศจึงต้องระดมเงินมาซ่อมแซม รวมทั้งปิดบัญชีธนาคารในชื่อ ปรารถนา ธาราทอง ของ ปลา (พอลล่า เทเลอร์) หญิงสาวที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนหนึ่ง เมื่อปลารู้ว่าบัญชีถูกปิดจึงชวนวรรณวลีเพื่อนสนิทตามไปทวงหนี้ธียศถึงรีสอร์ท ทำให้รู้เรื่องการตายที่น่าสงสัยของหนึ่ง ปลาเริ่มสืบหาความจริงและได้ใกล้ชิดกับธียศ ทั้งคู่จึงเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ด้วยความระแวงและหึงหวงนิชดาจึงสร้างเรื่องข่มขู่ปลาต่าง ๆ นานา โดยให้เข้าใจว่าเป็นฝีมือของธียศ วรรณวลีจึงขอร้องให้ปลากลับกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัย ด้านสาริศที่รู้ตัวว่าหลงรักหนึ่งก็พยายามสืบประวัติพร้อมกับช่วยรักษาอาการกลัวทะเลของเธอไปด้วย ระหว่างที่ปลาไปหาวรรณวลีที่สถานบำบัด ปลาเกิดทำรูปธียศตกจนหนึ่งไปเห็นเข้าเลยอาละวาดหนัก ทำให้ปลาสงสัยว่าหนึ่งอาจรู้จักกับธียศ เธอจึงตามสืบจาก ภูมิ (ภูริ หิรัญพฤษ์) คนสนิทของธียศ จนรู้ว่าที่แท้หนึ่งคือภรรยาของธียศ ปลาจึงมั่นใจว่าธียศต้องเป็นฆาตกรที่วางแผนฆ่าเมียตัวเอง เธอจึงกลับไปที่รีสอร์ทเพื่อหาหลักฐานเอาผิดธียศ ส่วนหนึ่งที่อาการดีขึ้นมากก็ตัดสินใจกลับมาที่รีสอร์ทอีกครั้ง เพื่อเปิดโปงโฉมหน้าฆาตกรตัวจริง! แต่นั่นจะกลับกลายเป็นโอกาสให้นิชดาปิดบัญชีฆ่าทั้ง สองปรารถนา หรือไม่? ติดตามชม ละครสองปรารถนา
บ่วงวันวาร (2556/2013) สมัย ร.5 ฉัตร (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) และฉาย (อัครัฐ นิมิตชัย) 2 พี่น้อง สำเร็จการศึกษาจากรัสเซีย พระยาโกสินทร์ (สรพงษ์ ชาตรี) จึงคิดจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของบุตรชายทั้งสองอย่างเอิกเกริก แต่ฉายพาแอนนา เมียแหม่มกลับมาด้วย พระยาโกสินทร์จึงฝากความหวังเรื่องลูกสะใภ้สมหน้าสมตาไว้ที่ฉัตรคนเดียว นายชด (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) เป็นหนี้พระยาสมาน (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) จึงเอาบัว (วรัทยา นิลคูหา) ลูกสาวคนเดียวมาเป็นทาสขัดดอก พระยาสมานคิดจะเอาบัวเป็นเมียคนล่าสุดให้ได้ จึงฝากให้อยู่ในความดูแลของน้อย (พิชญา เชาวลิต) ทาสในเรือนเบี้ย ทำให้ด้วง (เก็จมณี วรรธนะสิน) เมียทาสที่อยากขึ้นเป็นคุณหญิงคนใหม่ชังน้ำหน้าบัวขึ้นมาทันที จึงเอาเรื่องบัวไปเล่าให้พิศ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวคนเดียวของพระยาสมานฟัง แต่พิศกำลังวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงฉัตรและฉาย จึงทำให้ยังไม่ได้เห็นหน้าบัว ในงานเลี้ยง พระยาสมานแสร้งไม่สบายเพื่อขอลากลับก่อน พิศที่หลงรักฉัตรทันทีที่เห็นหน้า ก็แสร้งทำเป็นไม่สบายอ้อนฉัตรเช่นกัน ในขณะที่พระยาสมานแอบกลับบ้านเพื่อจะไปเอาบัวเป็นเมียในคืนนี้ให้ได้ แต่ขณะที่พระยาสมานกำลังจะข่มเหงบัว ฉัตรก็เข้ามาช่วยบัวเอาไว้ได้ทัน เพราะฉัตรพาพิศที่แกล้งไม่สบายกลับมาส่งบ้าน ฉัตรเห็นหน้าบัวก็หลงรักทันที พิศจึงเกลียดบัวตั้งแต่นาทีนั้นจับใจและสั่งย้ายบัวจากเรือนทาสไปอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนและหาวิธีกลั่นแกล้งบัวต่าง ๆ นานา ถึงแม้ฉัตรจะรู้ว่าบัวเป็นเพียงทาสขัดดอกก็ไม่ได้รังเกียจ น้อยเป็นคนคอยส่งข่าวสารให้ระหว่างบัวกับฉัตร แต่น้อยก็ต้องระวังตัวแจเพราะกลัวจะถูกพิศลงโทษ หลังจากวันนั้นพระยาสมานยังไม่กล้าทำอะไรบัวเพราะเกรงใจพิศ แต่สั่งเพียร (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ลูกทาสที่เกิดจากนางพุ่ม (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียทาสคนหนึ่งให้คอยจับตาไว้ เพียรอยากเอาใจพ่อด้วยหวังว่าจะได้ความเมตตาจากพระยาสมาน จึงเฝ้าดูและส่งข่าวบัวให้พระยาสมานเป็นระยะ เพียรเองก็แอบชอบน้อยมานานแล้ว แต่น้อยไม่เล่นด้วยเพราะรู้ว่าไม่ใช่คนดี วันหนึ่งนายชดไปหาปลาแล้วเกิดงมเอา ตรวนทองคำ ขึ้นมาได้ จึงเอามาไถ่ตัวบัว พระยาสมานเห็นตรวนทองคำเป็นของแปลกมหัศจรรย์ก็อยากได้ จึงสั่งให้เพียรฆ่านายชดหมกป่าแล้วเอาตรวนทองคำมาให้ แต่เมื่อพิศมาเห็นเข้าก็ชอบจึงเอ่ยปากขอจากพ่อ พระยาสมานจึงต้องตามใจลูกสาว ยกตรวนทองคำให้แก่พิศไป นางด้วงโทษว่าพระยาสมานเปลี่ยนใจไปจากเธอเพราะบัว จึงคิดยืมมือพิศฆ่าบัวทิ้งโดยเขียนจดหมายในชื่อบัวลวงฉัตรให้มาที่กระท่อมท้ายสวน แล้วเขียนจดหมายอีกฉบับที่เหมือนกันแล้วเอาไปให้พิศ อ้างว่าได้มาขณะที่บัวฝากน้อยให้เอาไปส่งให้ฉัตร พิศอ่านจดหมายนั้นก็โกรธมาก พุ่งตรงไปที่กระท่อมท้ายสวนทันที ฉัตรไปหาบัวที่กระท่อมท้ายสวนและรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็คิดจะพาบัวหนี แต่ไม่ทันพิศที่เข้ามาตบตีบัว ฉัตรจึงลากบัววิ่งหนี พิศวิ่งตามแต่สะดุดตะเกียงแล้วถูกไฟครอกจนเสียโฉม ฝ่ายฉัตรที่พาบัวหนีเกิดไปพบพวกพระยาสมานเข้าอีก จึงยื้อยุดฉุดกระชากกันจนพระยาสมานหกล้มทับหลาวแหลมจนเสียชีวิต พิศที่ตามมาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าพ่อตาย จึงสั่งเพียรจับฉัตรและบัวล่ามด้วยตรวนทองคำแล้วพาขึ้นเรือไป กลางแม่น้ำ พิศที่เสียใจมากที่ทำดีกับฉัตรเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยสนใจ ซ้ำทั้งฉัตรและบัวยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อเธอตายและทำให้เธอเสียโฉมด้วย เมื่อรักกันมากนักก็จงตายไปด้วยกันเสีย และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติก็จะขอจองล้างจองผลาญไม่ให้ฉัตรกับบัวสมหวังในรักได้เป็นอันขาด พูดจบพิศก็ถีบฉัตรและบัวตกน้ำไป พ.ศ.2555 (ปัจจุบัน) ฉัตร, บัว, พิศ, พระยาสมาน, ไอ้เพียร และอีกหลากหลายชีวิตในอดีตชาติ ต่างพากันกลับมาเกิดร่วมกรรมกันอีกในชาตินี้ แต่มีเพียงคน ๆ เดียวเท่านั้นที่สามารถระลึกชาติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชาติที่แล้ว และนั่นคือพิศ หนำซ้ำชาตินี้เธอยังได้ตรวนทองคำมาครอบครองอีกครั้งเสียด้วย พิศไม่ต้องการผิดหวังในรักซ้ำอีก เธอจึงเริ่มตามฆ่าบัวอีกครั้ง! ความรักระหว่างบัวและฉัตรในชาตินี้จะถูกจองจำด้วยตรวนทองคำอีกหรือไม่? หาคำตอบได้ใน ละครบ่วงวันวาร
เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ (2551/2008) ละครเรื่อง เซน..สื่อรัก สื่อวิญญาณ เป็นเรื่องราวของ "เซน" (ณัฐฏ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ช่างภาพประจำกองบรรณาธิการ มีชีวิตที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตาที่ถูกอกถูกใจสาวๆ หน้าที่การงาน แต่วันนึงโชคชะตากำหนดให้เขาต้องเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของคนอื่นแบบไม่รู้จบแถมคนเหล่านั้นไม่ใช่คนปกติธรรมดาแต่กลับเป็น "วิญญาณ" ที่ไม่สามารถไปไหนได้จนกว่าจะสะสางปัญหาของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน และเซนจะช่วยเหลือวิญญาณเหล่านั้นได้หรือไม่? มาร่วมติดตามได้ใน เซน..สื่อรัก สื่อวิญญาณ ออกอากาศทางช่อง 5