คู่ปรับตำรับเฮี้ยน 2557

เรื่องย่อ : คู่ปรับตำรับเฮี้ยน (2557/2014) ความรักกับก๋วยเตี๋ยวเหมือนกันตรงที่ เราอยากทานแบบไหนเราก็ปรุงแบบนั้น เราอยากรักแบบไหนเราก็ได้รักแบบนั้น สงสัยเรื่องนี้คงจะเป็นรักรสเผ็ด เมื่อหนุ่มปากร้ายต้องมาเจอกับสาวเจ้าเล่ห์ ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราววุ่นๆของพวกเขา “ คุณโง่เกินไป ” คำพูดเย็นชาแบบไร้ความรู้สึกดังออกมาจากปากของ คิม (อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา) หนุ่มไฟแรง แรงแค่ไหนก็คิดดูว่าเพียงแค่อายุ 26 ก็สามารถเป็นผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลได้แล้ว คำพูดของคิมทำเอา ฟู่ (กวิตา รอดเกิด) หญิงสาวที่มาสมัครงานถึงกับอ้าปากค้างเพราะเธอเสียเวลาครึ่งค่อนวันนั่งรออยู่หน้าห้อง เธอยังไม่ได้ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร ก็โดนคิมโยนหลักฐานทุกอย่างใส่เธอ นั่นเองจึงเป็นชนวนแห่งความขัดแย้งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวาย ฟู่สาปส่งจะเรียกว่าแช่งก็ได้ จนคิมเองต้องเรียกรปภ.หามฟู่ออกไป คิมผู้ยึดเหตุผลและความเป็นตรรกะเพราะเขาเติบโตมากับตัวเลขและเงินๆทองๆ จนกระทั่งได้เป็นผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลระดับโลกอย่างนี้ คิมจึงไม่สนคำแช่งของฟู่ สิ่งที่เขาสนใจคงมีแต่เงิน เงิน แล้วก็เงิน ทุกท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมพระเอกของเราดูช่างไม่น่ารักน่าหยิกเอาเสียเลย ที่จริงแล้วคิมถูกปลูกฝังความเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ ความทรงจำอันลางเลือนของเขา เขาจำได้ว่าฐานะความเป็นอยู่นั้นคำว่าลำบากยังน้อยไป คิมตั้งปณิธานไว้เลยว่าโตขึ้นเขาจะต้องรวยให้ได้ และแล้วด้วยแรงผลัก ทำให้คิมก้าวมาถึงจุดนี้ คิมเพียบพร้อมไปด้วยความสุขสบาย และที่สำคัญตอนนี้เขากำลังจะสร้างครอบครัวกับ เคท (ธันย์ชนก ฤทธิ์นาคา) สาวสวยไฮโซ เธอมีคุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นเดียวกับคิม เพราะฉะนั้นเรื่องคำแช่งของฟู่จึงไม่ได้อยู่ในสมองเขาแม้แต่น้อย ในเมื่อชีวิตของเขาทุกๆด้านกำลังไปด้วยดี แล้วก็ยิ่งมั่นใจว่ามันต้องดีแน่ๆเพราะคิมได้รับข่าวจากคนวงในที่อยู่ในต่างประเทศว่าตอนนี้กำลังจะมีการซื้อทองคำล็อตใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้าน ซึ่งคิมสามารถนำเงินในกองทุนทั้งหมดไปดักซื้อไว้ก่อนได้ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น มูลค่าของทองจะพุ่งขึ้นไม่รู้กี่เท่าตัว แต่คิมก็ยังลังเลเพราะเงินในกองทุนนั่นไม่ใช่เงินของเขา มันเป็นเงินของบุคคลสำคัญต่างๆที่มีทั้งนักธุรกิจระดับโลก นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีของหลายประเทศ แต่ในเมื่อข่าววงในที่เขาไว้ใจรายงานมาอย่างนี้ เขาจะยอมพลาดโอกาสทำกำไรไปหรือไง คิมกลับมาคอนโดด้วยความโลภเต็มพิกัด ก่อนที่คิมจะได้พบกับซองเอกสารซองนึงที่ส่งมาที่ห้องเขา เมื่อเปิดออกดูคิมจึงพบว่ามันเป็นโฉนดตึกแถวเก่าพร้อมกับจดหมายของ เฮียน่ำ พ่อของคิมที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนเขายังเล็ก ด้วยใจความที่สำนึกผิดที่ทิ้งเขาไป และต้องการไถ่โทษด้วยการมอบตึกแถวให้กับเขา คิมเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับโยนโฉนดทิ้งอย่างไม่ใยดี ตอนนี้เขากำลังจะได้เงินหลายหมื่นล้าน แล้วทำไมเขาต้องสนใจไอ้ตึกแถวเก่าๆนั่นด้วย คิมไม่รู้เลยว่าคำพูดดูถูกของเขาได้ทำให้แหวนหยกที่อยู่ในซองเอกสารที่คิมไม่ทันเห็นได้เรืองแสงขึ้น และการปรากฏตัวของวิญญาณของสาวนางนึงที่ไม่พอใจกับคำพูดของคิม ทันใดนั้นไฟในคอนโดของคิมก็ดับลง คิมไม่ได้กังวลเรื่องอื่นใดนอกจากเวลาสองชั่วโมงที่เขาจำเป็นจะต้องกดคำสั่งขายทองทั้งหมด แล้วนั่นก็เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น คิมพยายามทุกวิถีทางที่จะต้องกดคำสั่งคีย์ในคอมให้ได้ แต่จะทำยังไงในเมื่อทุกอย่างรอบตัวเขาต้องใช้ไฟฟ้าทั้งนั้น แต่ไม่ว่ายังไงคิมก็ถูกขัดขวางด้วยพลังจากวิญญาณสาวจากแหวน ที่เนรมิตให้ไฟดับ ฝนตก รถพัง หมาเห่า แต่คิมก็สามารถฟันฝ่าจนมาถึงร้านกาแฟพร้อมด้วยไอแพดคู่ใจ แต่ทันทีที่คิมเสียบที่ชาร์จแบตแล้วเปิดไอแพด คิมก็ลมแทบใส่เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่แหล่งข่าววงในรายงานมาว่าจะมีการกว้านซื้อทองคำล็อตใหญ่ในตลาดโลก ที่ไหนได้มันเป็นการเทขายทองคำล็อตใหญ่ต่างหาก คิมลมแทบจับเพราะนั่นเท่ากับว่าเงินในกองทุนที่เขาดูแลอยู่กลายเป็นศูนย์ในพริบตา คิมตื่นขึ้นมาที่คอนโดพร้อมกับคิดว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นฝันไป แต่แล้วคิมก็ต้องตกใจเมื่อเห็น ฮูลา...ประธานาธิบดีของประเทศในทวีปแอฟริกามาพร้อมกับคนติดตามเพื่อทวงถามในสิ่งที่คิมทำลงไป คิมไม่รู้จะชดใช้ยังไงกับเงินหลายหมื่นล้านนั่น แต่คิมก็ให้คำมั่นสัญญาว่าด้วยมันสมองอย่างเขาจะต้องหาเงินมาใช้ท่านประธานาธิบดีได้อย่างแน่นอน แต่ใครเลยจะเชื่อ คิมถูกลงโทษด้วยการห้ามยุ่งเกี่ยวกับตลาดหุ้นและกองทุนเด็ดขาด รวมถึงต้องยอมมอบทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ในเบื้องต้นให้กับท่านประธานาธิบดี คิมหมดอาลัยตายอยากที่ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเพียงชั่วข้ามคืน ระหว่างที่คิมกำลังเก็บข้าวของย้ายออกจากคอนโด คิมก็เหลือบไปเห็นโฉนดตึกแถวที่เขาโยนทิ้งไป แล้วความหวังของคิมก็เริ่มฉายแสงอีกครั้ง แม้ว่ามันจะเป็นแสงที่ริบหรี่ก็ตาม คิมยืนอยู่หน้าตึกแถวที่เป็นที่มั่นแห่งสุดท้ายด้วยความดีใจ ถ้าเขาขายตึกแห่งนี้ได้ เขาก็จะมีเงินกลับไปเล่นหุ้นอีกครั้ง แล้วคิมก็ได้พบกับ อาห้าว (ปราบ ยุทธพิชัย) คนเก่าคนแก่ที่รับหน้าที่เฝ้าตึกแถว อาห้าวบอกกับคิมว่ามีบุญมากที่ได้เป็นเจ้าของตึกแถวแห่งนี้ เพราะตึกแถวนี้เป็นฮวงจุ้ยที่มีพลังชี่ดีที่สุดที่เคยพบมา คิมเคยได้ยินผู้เป็นพ่อบอกเรื่องตำแหน่งดวงดาวทั้ง 4 ที่วางทอดไปตามตึกแถวเมื่อยืนในตึก ตำแหน่งซ้ายมือคือ หัวมังกร ลำตัวมังกร และหางมังกร ส่วนด้านขวามือหน้าตึกคือ หัวเสือ ลำตัวเสือ และหางเสือตามลำดับด้านในสุดคือตำแหน่ง เต่าดำ และ ด้านนอกสุด เรียกว่า หงส์แดง แต่จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะเพราะคิมแทบจะไม่ได้สนใจเรื่องไร้สาระ (คิมคิดว่าอย่างนั้น) พวกนั้น เพราะตอนนี้เขาคิดเพียงอย่างเดียวก็คือการขายตึกแถวนี้เพื่อนำเงินไปลงทุนอีกครั้ง แต่แล้วความฝันของคิมก็ต้องพังพาบลงชั่วพริบตา เพราะได้พบกับฟู่ คิมเข้าใจว่าฟู่คงจะเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคาร แต่ที่ไหนได้มันกลับเลวร้ายยิ่งกว่านั้น เพราะฟู่เป็นพนักงานติดตามหนี้สิน ซึ่งบริษัทที่ฟู่ทำงานอยู่เป็นบริษัทที่รับซื้อหนี้ต่อจากธนาคารแล้วมาบริหารจัดการหนี้อีกที คิมถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าเฮียน่ำได้ไปก่อหนี้ก่อสินเอาไว้ ก่อนที่จะเอาตึกแถวไปจำนองกับธนาคาร คิมอยากจะตีอกชกหัวกับโชคชะตาของตัวเอง ขายก็ขายไม่ได้แล้วยังต้องมาใช้หนี้ที่เขาไม่ได้ก่ออีก แต่ที่สำคัญเขาโดนฟู่ย้อนศรจนต้องมานั่งเจ็บใจ นี่แหละน้าเขาว่ากรรมมันเร็วติดจรวด คิมกลับมาในตึกแถวครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำยังไงถึงจะขายตึกแถวนี้ได้ แต่แล้วทันใดนั้นคิมก็ต้องตกใจ เมื่อเขาได้พบกับผู้หญิงที่เขาเจอแวบๆก่อนที่โชคชะตาของเขาจะพลิกผันในคืนนั้น แต่แล้วคิมก็ต้องขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอคือ หยาเอิน (อภิรดี ภวภูตานนท์) อาม่าของเขาผู้ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง แล้วทันใดนั้นโลกทั้งโลกของคิมก็ดับวูบลง คิมตื่นมาในห้องแถวพร้อมกับคิดว่าตัวเองฝันแปลกๆ แต่แล้วคิมก็ต้องตกใจเมื่อเห็น หยาเอินอยู่ข้างๆแล้วบอกว่าสิ่งที่คิมเห็นก่อนจะเป็นลมไปไม่ได้เป็นความฝัน คิมถึงกับผงะจะหนีก็หนีไม่ได้เพราะขาแข้งแข็งเกินกว่าจะวิ่งไหว คิมไม่เข้าใจว่าทำไมอาม่าถึงได้มาหาเขา หยาเอินจึงบอกกับคิมว่าเธอจะต้องให้คิมช่วย เธอถึงจะได้ไปผุดไปเกิด คิมบ่ายเบี่ยงว่าทำไมต้องเป็นเขา แต่คิมก็ต้องมาสะดุดตรงที่อาม่าบอกว่าตึกแถวนี้แห่งนี้จะทำให้คิมกลับมาร่ำรวยได้อีกครั้ง คิมรีบถามทันทีว่าเขาต้องทำยังไง แล้วคำตอบที่คิมได้รับก็ถึงกับทำให้คิมต้องอ้าปากค้าง เพราะอาม่าบอกให้คิมต้องเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว !!! กล่าวถึงฝั่งพระเอกมาซะนานขอกลับมาเล่าที่ฝ่ายนางเอกของเราบ้าง หลังจากที่ฟู่ถูกคิมปฏิเสธรับเข้าทำงาน ที่จริงแล้วฟู่ทำงานอยู่ในบริษัทติดตามหนี้ แต่เธอต้องการความก้าวหน้ามากกว่านี้ เมื่อเห็นคิมประกาศรับสมัครเลขาเธอจึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนงาน แต่ก็โดนคิมพังความหวังเธอตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ทำให้ฟู่ถึงกับผูกใจเจ็บว่าจะต้องแก้แค้นคืนให้ได้ในชาตินี้ ที่บริษัทของฟู่มีเพื่อนที่สนิทคือ จิ๊บ (ธนวรสกร กุมชพร) สาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอค่อนข้างเรียบร้อย ส่วนอีกคนคือ ยุพา (หมวย ชวนชื่น) สาวใหญ่ช่างจ้อที่ครองตัวโสดสนิทมาจนอายุอานามเกือบจะสี่สิบแล้ว ส่วนคนสุดท้ายเป็นหัวหน้านามว่า จอร์จ (สุพจน์ จันทร์เจริญ) ไม่ใช่จอร์จ โซลอส แต่เป็นจอร์จ โซเลิฟ เพราะไม่ว่าพนักงานหรือลูกค้าคนไหนพี่แกจีบดะ เรื่องราวของคิมและฟู่ดูท่าจะไม่เกี่ยวกัน เพราะคนนึงเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวส่วนอีกคนเป็นพนักงานติดตามหนี้ แต่ก็มาเกี่ยวกันจนได้เพราะอิทธิฤทธิ์ของอาม่า แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรในเมื่อคิมต้องมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวพร้อมกับต้องทำภารกิจเพื่อให้อาม่าไปสู่สุขคติ ขณะที่ฟู่ไม่ต้องการที่แม้แต่จะเห็นหน้าผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างคิม ส่วนเรื่องรักไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่รู้ว่าคู่นี้จะลงเอยกันได้อย่างไร ก็คงต้องคอยลุ้นและคอยเอาใจช่วยกันได้ใน

ฉก. น้ำหวาน อันธพาลหลบไป 2556

เรื่องย่อ : ฉก. น้ำหวาน อันธพาลหลบไป (2556/2013) “ แดง ไบเล่ย์ยังต้องหลบ...ปุ๊ ระเบิดขวดยังต้องถอย... ไม่ใช่ว่าพวกเขาเจอกับซุปเปอร์ฮีโร่ในตำนานอะไรหรอก หากแต่เป็นสาวน้อยที่ไม่สวย ไม่รวย ไม่เก่ง แต่ที่แน่ๆคือเฮงแน่นอน เพราะเธอมีพลังวิเศษที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆ แล้วเธอก็รู้ด้วยว่า...ถ้าใครได้ดูละครเรื่องนี้จะต้องลุ้นระทึกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ กับภารกิจสุดพิลึกของเธอและเหล่าองครักษ์ของเธออย่างแน่นอน ” .................................................................................... น้ำหวาน... (อาภา ภาวิไล) สาวน้อยธรรมด๊าธรรมดา หน้าตาก็ไม่สวยเริ่ดแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ ฐานะก็ปานกลาง แถมยังไม่มีความสามารถพิเศษอะไร แต่ทำไมถึงได้เกริ่นมาขนาดนี้...ไปฟังกันเลยดีกว่า น้ำหวานเป็นลูกสาวคนเดียวของตำหนักเจ้าพ่อเปิ่น หรือ เปิ่น... (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) พ่อจอมกะล่อนของเธอ ผู้ที่ชาวบ้านละแวกนั้นให้ความเคารพนับถือเพราะเปิ่นคือเจ้าพ่อ อ้ะๆ ไม่ใช่เจ้าพ่อมาเฟียอะไรที่ไหน เจ้าพ่อในที่นี้หมายถึงเจ้าพ่อผู้มีอิทธิฤทธิ์สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างได้นั่นเอง เจ้าพ่อเปิ่นจึงเปรียบเหมือนที่พึ่งของคนในชุมชนที่ทุกคนให้ความเกรงใจ แต่คนที่พ่อเปิ่นให้ความเกรงใจมีเพียงคนเดียวก็คือ เจ้าแม่เรไร...แม่สุดสวยของน้ำหวานนั่นเอง ที่เรียกว่าเจ้าแม่เพราะที่ตำหนักเจ้าพ่อเปิ่นนี่ แม่เรไรกับพ่อเปิ่นจะผลัดกันทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะใกล้วันหวยออก ทั้งคู่แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องคอยใบ้เลขให้กับชาวบ้าน ภายในตำหนักทรงเจ้าพ่อเปิ่นประกอบด้วย ลุงทอง... (นง เชิญยิ้ม) มัคทายกของวัดผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเจ้าพ่อเปิ่น และทำหน้าที่หางานคอยบอกกล่าวญาติโยมให้มาสะเดาะเคราะห์กันที่นี่ อีกคนก็คือ ไม้... (เทวินธวิ์ คุณารัตนวัฒน์) เด็กรับใช้ประจำบ้าน ที่จริงแล้วไม้เป็นเด็กวัดที่กำพร้าพ่อแม่ แต่พ่อเปิ่นเห็นแววว่าไอ้นี่กะล่อนพอตัวน่าจะใช้งานได้ จึงนำไม้มาชุบเลี้ยงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักทรงไป น้ำหวานไม่ค่อยชอบใจในอาชีพของที่บ้านเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะเธออายอะไรหรอก แต่เธอไม่อยากให้พ่อเปิ่นกับแม่เรไรหลอกเงินชาวบ้านไปวันๆ อย่างนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าพ่อกับแม่เธอไม่ได้มีพลังวิเศษอะไร แค่จับจุดความทุกข์ของคนที่มาหาได้ก็พอแล้ว หรือจะเรียกแบบสวยหรูตามสมัยนิยมก็คือ การใช้มายาจิต นั่นเอง แต่ทุกครั้งที่เธอบอกกับพ่อเปิ่นและแม่เรไรให้เลิก ก็มักจะถูกทั้ง 2 บอกว่า เพราะการที่ทำอย่างนี้จึงสามารถเลี้ยงดูและส่งเสียให้น้ำหวานเรียนหนังสือมาจนป่านนี้ หลายครั้งที่พ่อเปิ่นกับแม่เรไรถึงกับตั้งคำถามว่าตกลงแกเป็นลูกฉันหรือว่าลูก ไอ้เฮียโส่ย... (สมบัติ ขจรไชยกุล) เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ ผู้ที่ไม่ค่อยลงรอยกับตำหนักเจ้าพ่อเปิ่น เพราะตั้งแต่เจ้าพ่อเปิ่นมาเปิดที่นี่ ทำให้คนหันไปสะเดาะเคราะห์กับพ่อเปิ่น ไม่ค่อยซื้อสังฆทานไปถวายเหมือนแต่ก่อน เฮียโส่ยจึงคอยหาเรื่องตำหนักเจ้าพ่อตลอดเวลา แล้วยังมีอีกคนที่ต้องเสียรายได้ นั่นก็คือ รัศมี หรือคนแถวนั้นเรียกว่า มีมี่ (สิริลภัส กองตระการ) นั่นเอง มีมี่เป็นนางรำที่ชาวบ้านแถวนั้นอยากจะรำท่ามวยไทยถวายให้เหลือเกิน เพราะปากและนิสัยที่เรียกว่าเป็นช่างเม้าท์ตัวแม่ มีมี่จะแพ้ทางให้ก็มีเพียงคนเดียวนั่นก็คือ ประคำ...(มณฑล สุรวิทย์ธรรมะ) เด็กวัดกวนบาทา ผู้เป็นที่เคารพนับถือของหมาวัดทั้งหลายนั่นเอง แม้ว่าชีวิตชุมชนที่ตำหนักและวัดจะมีเรื่องขัดแย้งยังไงก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงจนกระทั่งวันนึง ถ้าพ่อเปิ่นกับแม่เรไรเชื่อน้ำหวานที่บอกให้เลิกอาชีพร่างทรงก็คงจะดี เพราะชีวิตของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนไป หลังจากที่ชายคนนึงก้าวขึ้นมาบนตำหนัก !!! ชายคนนั้นต้องการให้พ่อเปิ่นกับแม่เรไรสืบหาของบางอย่างที่น้องชายเขาทำหายไป ซึ่งเป็นของสำคัญมาก พ่อเปิ่นกับแม่เรไรถึงกับมองหน้ากันเพราะไม่ค่อยถนัดเรื่องอย่างนี้ (จะถนัดได้ยังไงเพราะไม่มีพลังวิเศษจริงๆ นี่หว่า) แต่ทั้งคู่กลับรับปากชายคนนั้นเพราะชายคนนั้นยื่นเงินที่ดูๆ แล้วคงไม่ต่ำกว่าหลักแสนเป็นการตอบแทน พ่อเปิ่นบอกกับชายคนนั้นว่าอีก 3 วันค่อยกลับมา เพราะต้องใช้พลังในการทำสมาธิ (ที่จริงแล้วพ่อเปิ่นจะเอาเงินไปจ้างนักสืบตามหาของอีกที) แล้วเรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อน้ำหวานที่กำลังเดินกลับจากตลาด ดันไปได้ยินชายคนนั้นคุยโทรศัพท์ แล้วน้ำหวานก็ต้องอึ้งไปเมื่อรู้ว่าชายคนนั้นคือโจรปล้นธนาคารที่ตำรวจกำลังตามหา แล้วของที่ชายคนนั้นให้พ่อเปิ่นตามหาก็คือถุงเงินหลายสิบล้านที่น้องชายเขาซ่อนเอาไว้ก่อนจะถูกตำรวจวิสามัญนั่นเอง น้ำหวานตกใจกำลังจะไปจากตรงนั้น แต่แล้วชายคนนั้นก็หันมาเห็นน้ำหวานพอดี ชายคนนั้นวิ่งไล่น้ำหวานเพื่อต้องการฆ่าปิดปาก น้ำหวานวิ่งหนีสุดชีวิต แต่แล้วน้ำหวานก็ดันสะดุดไม้บนสะพานข้ามคลองก่อนที่เธอจะหล่นลงไปในน้ำ ร่างของเธอจมหายไปกับคลอง ชายคนนั้นยิงซ้ำ ยังดีที่ชาวบ้านแถวนั้นมา จึงทำให้ชายคนนั้นหนีไป น้ำหวานจมน้ำจนขาดอากาศหายใจไปได้สิบนาที หรือเรียกง่ายๆ ว่า เธอได้ตายไปแล้วนั่นเอง พ่อเปิ่นกับแม่เรไรร้องไห้แทบจะขาดใจ แต่แล้วน้ำหวานก็ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ทุกคนตกใจก่อนจะกลายเป็นความดีใจเป็นที่สุด น้ำหวานเองก็แปลกใจว่าทำไมเธอไม่หายใจไปสิบนาทีแล้วจึงฟื้นขึ้นมาได้ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ...เธอไม่ตายก็ดีแล้ว น้ำหวานเล่าเรื่องที่ชายคนนั้นเป็นโจรปล้นธนาคารให้กับพ่อเปิ่นและแม่เรไรฟัง ทั้งคู่ตกใจที่ดันหาเหาใส่หัวซะแล้ว พ่อเปิ่นคิดๆๆๆ แล้วคิดได้ว่า ถ้าอย่างนั้นวันที่ชายคนนั้นมา เขาจะใจดีสู้เสือแล้วคืนเงินให้กับชายคนนั้น น้ำหวานหวังว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี หลังจากที่น้ำหวานฟื้นขึ้นจากความตาย เธอก็รู้สึกเหมือนถูกสะกดรอยจากชายคนนึง (ไม่ใช่โจรปล้นธนาคารคนนั้น) กับหญิงอีกคนนึง น้ำหวานรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นไอ้พวกที่ปล้นธนาคารแน่ๆ น้ำหวานต้องอาศัยความเป็นคนในพื้นที่จึงหนีเอาตัวรอดจากชายหญิงคู่นั้นมาได้ และแล้ววันที่เจ้าโจรปล้นธนาคารนัดไว้ก็มาถึง พ่อเปิ่นสารภาพว่าไม่รู้จริงๆว่าของเหล่านั้นอยู่ไหน พร้อมกับคืนเงินให้กับโจรปล้นธนาคารคนนั้น แต่เจ้าโจรกลับไม่พอใจเพราะพ่อเปิ่นดันหลุดพูดเรื่องเงิน ทำให้เจ้าโจรคิดจะฆ่าปิดปากทั้งตำหนัก แต่แล้วน้ำหวานก็เข้ามาขวางเอาไว้ วินาทีที่น้ำหวานมองหน้าของเจ้าโจรนั่น ภาพการปล้นธนาคารและเส้นทางการหลบหนี และเงินที่ซ่อนอยู่ก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน วินาทีที่เจ้าโจรนั่นจะเหนี่ยวไก น้ำหวานก็บอกว่าเธอรู้ว่าน้องชายเขาซ่อนเงินเอาไว้ที่ไหน ที่ใต้สะพานข้ามคลองน้ำหวานบอกกับเจ้าโจรคนนั้นว่าน้องชายของเขาซ่อนเงินเอาไว้ที่ใต้สะพานโดยผูกติดไว้กับไม้โดยมีผักตบชวาคอยบังไว้ เจ้าโจรให้ไม้ดำลงไปเอาขึ้นมา เพราะถ้าไม่มีอยู่จริง ทั้งหมดจะโดนยิงเรียงตัวทันที แต่แล้วทุกคนก็ดีใจเหมือนได้เกิดใหม่เพราะไม้ดันเจอถุงเงินซ่อนอยู่ใต้น้ำจริงๆ ไม้รีบเอาขึ้นมาให้กับเจ้าโจรนั้น เจ้าโจรดีใจที่ได้เงินคืน ก่อนจะหันกระบอกปืนมาจะฆ่าทุกคนปิดปาก น้ำหวานตกใจเพราะเจ้าโจรไม่ทำตามสัญญา วินาทีที่เจ้าโจรนั้นจะเหนี่ยวไก อยู่ๆ ชายกับหญิงคู่นั้นก็เข้ามาช่วย ก่อนจะจัดการกับเจ้าโจรปล้นธนาคารจนสิ้นฤทธิ์ เมื่อเจ้าโจรหมดฤทธิ์แล้วชายกับหญิงคู่นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้น้ำหวานสงสัย เพราะเธอเคยเชื่อว่าทั้ง 2 เป็นพวกของเจ้าโจรปล้นธนาคาร แสดงว่าเธอคิดผิด พ่อเปิ่นกับแม่เรไรแปลกใจที่น้ำหวานสามารถบอกที่ซ่อนเงินได้ น้ำหวานบอกว่าอยู่ๆ มันก็เห็นขึ้นมาเอง พ่อเปิ่นกับแม่เรไรดีใจกันใหญ่ เพราะนั่นหมายถึงน้ำหวานจะต้องกลายมาเป็นเจ้าแม่อีกคน น้ำหวานได้ยินอย่างนั้นก็รีบชิ่งทันที แต่แล้วน้ำหวานก็ต้องชะงักไปเมื่อได้พบกับชายกับหญิงคู่นั้น น้ำหวานจะวิ่งหนี แต่ชายกับหญิงคู่นั้นก็บอกความจริงให้กับน้ำหวานฟังว่า ที่จริงแล้วเขาคือ รตอ.คมกฤช (กัณตพงศ์ บำรุงรักษ์) เป็นตำรวจกองปราบปรามที่ถูกคัดเลือกให้มาทำภารกิจลับของชาติ โดยที่ พ.ต.ต.เอกยุทธ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) หัวหน้าหน่วยของเขาไม่ได้บอกว่าภารกิจนั่นคืออะไร บอกเพียงอย่างเดียวคือให้คุ้มครองผู้หญิงที่ชื่อน้ำหวาน เรื่องนี้สร้างความสงสัยให้กับคมกฤช และ จ่าแก้ว... (ต๋อง ชวนชี่น) จ่าตำรวจรุ่นพี่ ผู้ซื่อตรงทุกสถานการณ์ และเป็นคู่หูกับคมกฤชมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เพียงแต่คมกฤชกับจ่าแก้วที่อยากรู้ว่าน้ำหวานมีความสำคัญยังไงถึงต้องให้เขามาคุ้มครอง แม้แต่ ร.ต.อ.ชนะศึก...คู่ปรับตลอดกาลของคมกฤชเองก็อยากรู้เช่นกัน เพราะเรื่องอะไรที่ทำแล้วได้หน้าได้ความดีความชอบ ชนะศึกจะไม่รอช้าอยู่แล้ว แล้วความจริงก็เฉลยจาก อเดล ทับสะอ้อน (รฐกร สถิรบุตร) (เป็นลูกครึ่งอเมริกา – สุรินทร์) ว่าเธอเองก็เป็นสายลับจากหน่วยงานวิทยาศาสตร์ที่เป็นหน่วยงานลับของประเทศ ได้รับหน้าที่ให้มาคุ้มครองน้ำหวาน เพราะคอมพิวเตอร์สมองกลของสหรัฐอเมริกาบอกว่า น้ำหวานคือผู้หญิงที่จะมากอบกู้โลกจากเหล่าอธรรม เพราะน้ำหวานมีความสามารถพิเศษที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีตและอนาคตได้ น้ำหวานได้ยินอย่างนั้นก็เป็นลมล้มทั้งยืน น้ำหวานตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก่อนจะดีใจเพราะคิดว่าเธอคงจะฝันไปว่าเธอคือผู้หญิงที่จะกอบกู้โลก แต่แล้วน้ำหวานก็ต้องอึ้งไปเพราะเธอเห็น อเดล...มาเปิดแผงขายพระเครื่องที่หน้าวัดใกล้บ้าน ส่วนคมกฤชก็มาเปิดร้านกาแฟใกล้ๆ ตำหนักเธอ พร้อมกับที่ทั้ง 2 มาหาเธอแล้วยื่นภารกิจแรกให้กับเธอ นั่นก็คือการตามหาสายลับของกองกำลังข้ามชาติ ที่กำลังจะเข้ามาก่อวินาศกรรมในประเทศไทย !!! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อต้องติดตามกัน...

คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ 2556

เรื่องย่อ : คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ (2556/2013) “แม่สาวจอมกะล่อนกลับกะล่อนไม่ออก เมื่อไปพัวพันกับเหตุฆาตกรรมระดับชาติ ชีวิตหล่อนจึงหักเหครั้งมโหฬาร ต้องมาหลบซ่อนตัวอยู่ในฟาร์มหมู และต้องพบเจอกับคุณชายเลี้ยงหมูติสต์แตก แล้วคุณหนูของเราจะทำอะไรเล่า...ก็ต้องเลี้ยงแกะซิคะ” ไผ่พญา (ไปรยา สวนดอกไม้) หรือที่คนในวงการเรียกกันว่า จูเลีย อ๊ะๆ ไม่ใช่วงการบันเทิงหรอก วงการที่ว่าคือ ดิออร์แกน คอกเทลเลาจ์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟนั่นเอง ผู้คนที่เข้ามาถ้าไม่ใช่นักการเมืองก็ต้องเป็นพวกมหาเศรษฐีเท่านั้น ไผ่พญาถือเป็นดาวและเป็นแม่เหล็กของที่นี่ เศรษฐีทุกคนต่างอยากได้ตัวของไผ่พญาทั้งนั้น แต่ทุกคนก็ต้องเกรงอกเกรงใจ สมสุข (โอริเวอร์ บีเวอร์) เศรษฐีที่ร่ำรวยจากการส่งออก แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเบื้องหลังของเขา คือ เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ที่มีเครือข่ายตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุดของประเทศไทย ไผ่พญาอยากจะเปลี่ยนชื่อสมสุขเป็นสมสู่จริงๆ เพราะที่สมสุขมาเที่ยวทุกคืนก็เพราะอยากได้ไผ่พญาเป็นเมียเก็บอีกคน แต่ไผ่พญาก็รู้ทันพวกผู้ชาย แล้วใครๆ ก็รู้ว่าไผ่พญานั่นแหละเป็นปลาไหลตัวแม่เลยทีเดียว เพราะอย่างนี้ไผ่พญาถึงยังทำงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ได้ โดยที่ไม่เคยพลาดท่าใคร จนกระทั่งคืนนี้