Placeholder
บัวในบึง
บัวในบึง (2480/1937) ณ ท้องทุ่งตำบลโพนทอง จังหวัดลพบุรีวันนี้ครอบครัวของ นายโชติ กับ นางเพิ่ม กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากกรุงเทพ นั่นคือ คุณนายแข เศรษฐินีม่ายที่พา ประเสริฐ ลูกชายมาเยี่ยมนายโชติ ซึ่งช่วยดูแลที่นาของตนโอกาสนี้เองทำให้ประเสริฐได้พบกับ พูน ลูกสาวของนายโชติ มิตรไมตรีที่เด็กน้อยมีให้กันเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ประเสริฐไม่ลืมที่จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปพูนไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะลากลับกรุงเทพฯ ในเช้าวันรุ่งขึ้น 10 ปีผ่านไป ประเสริฐเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามคุณนายแขซึ่งบัดนี้ชราลงไปมากได้วานให้ประเสริฐเป็นธุระในการไปดูแลที่นาและถือโอกาสเยี่ยมเยียนครอบครัวนายโชติประเสริฐทำตามคำมารดาโดยมี เปี๊ยก คนใช้คนสนิทร่วมเดินทางไปด้วยอย่างเกียจคร้าน เพ็ญศรี หลานรักของคุณนายแข คู่หมั้นของประเสริฐรบเร้าจะขอไปด้วย แต่ประเสริฐหาข้ออ้างเพราะไม่อยากพาเพ็ญศรีไป เมื่อถึงโพนทอง ประเสริฐได้พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังดำนา ประเสริฐจำได้ในทันทีว่าเธอคือ พูน เด็กสาวที่ประเสริฐเคยพบในวัยเด็ก หนุ่มสาวสองคนจ้องกันไม่วางตา จนเปี๊ยกต้องกระทุ้งนายหนุ่มให้รู้สึกตัว ระหว่างที่ประเสริฐพักอยู่ที่โพนทอง เขามักจะไปเดินเล่นหาวิวสวยๆ ถ่ายรูป วันหนึ่งประเสริฐเหลือบไปเห็นอันธพาลใช้กำลังจะปลุกปล้ำพูน ประเสริฐกับเปี๊ยกรีบเข้าไปชกเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือและพากันตกลงไปในบึงทั้งคนช่วยและคนร้าย ที่สุดเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือเป็นฝ่ายแพ้รีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนกลับ ประเสริฐขอสองสามีภรรยาพาพูนไปเที่ยวที่กรุงเทพ และสัญญาว่าจะดูแลพูนให้ดีเท่าชีวิต พูนตกตะลึงเมื่อเห็นบ้านอันโอ่อ่าของประเสริฐคุณนายแขต้อนรับพูนเป็นอย่างดี ยกเว้นก็แต่เพ็ญศรีที่แสดงท่าทีหึงหวงเมื่อเห็นประเสริฐเอาอกเอาใจพูนอย่างออกนอกหน้า คุณนายแขระอาใจ จำต้องขอให้ลูกชายพาพูนกลับไปโพนทอง เพราะเห็นแก่หลานสาวของตน ประเสริฐไม่ยอมทำตาม หนำซ้ำยังไปหาบ้านเช่าให้พูนพำนักเป็นการถาวร เมื่อหนุ่มสาวสองคนได้อยู่ตามลำพังรสรักจึงบังเกิดขึ้น ประเสริฐประเคนเสื้อผ้าอาภรณ์ดีๆ ให้พูนใส่ระหว่างที่พูนมีชีวิตหรูหราอยู่ในกรุงเทพ หารู้ไม่ว่าทำให้นางเพิ่มทุกข์ใจเพราะเป็นห่วงบุตรสาวจนล้มป่วย นายโชติจึงเดินทางมาตามตัวพูน แต่คุณนายแขกลับบอกว่า ประเสริฐได้พาพูนกลับโพนทองไปนานแล้ว แจ๋ว คนใช้ในบ้านรีบเสนอหน้าฟ้องว่าประเสริฐแอบไปเช่าบ้านอยู่กับพูน นายโชติจึงรีบไปลากพูนกลับโพนทองโดยไม่รีรอ ประเสริฐกลับมาบ้านเช่าคล้อยหลังที่นายโชติกลับไปไม่นาน และต้องเสียใจอย่างหนักเมื่อเปี๊ยกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง พูนกลับมาโพนทองไม่นานนางเพิ่มก็สิ้นใจ แถมนายโชติต้องมาตาบอดเพราะถูกเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือทำร้ายซ้ำร้ายพูนยังต้องเลี้ยงดูบุตรซึ่งถือกำเนิดขึ้นกับประเสริฐเพียงลำพัง เมื่อ นางพลอย แม่สื่อมาคะยั้นคะยอจะพาพูนไปหาสามีใหม่ พูนจึงยอมตามนางพลอยไปเพื่อตัดรำคาญ แต่ในระหว่างที่เดินผ่านบึงบัวพูนก็ระลึกคำสอนของมารดาที่ให้ประพฤติตนดั่งดอกไม้ที่ดีงาม พูนจึงหันหลังเดินกลับไปที่บ้านร้องไห้เสียใจที่ไม่เชื่อคำสอนของมารดา นายปลื้มอดเวทนาไม่ได้ จึงเดินทางมาตามตัวประเสริฐที่กรุงเทพ แต่กลับพบประเสริฐกำลังเข้าพิธีแต่งงาน
หลอกเมีย 2480
หลอกเมีย (2480/1937) จำรัส กับ ลาวรรณ สองสามีภรรยาย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่ และได้ คุณอึ หรือชื่อเดิมว่า หนอม มาเป็นคนรับใช้ แต่เมื่อย่างเข้ามาสู่ในบ้านมิวายโรคเดิมของจำรัส คือ โรคกลัวเมีย ก็พลันกำเริบ เพียงแค่ลาวรรณตำหนิเรื่องการติดรูปบนผนังว่าต้องเอารูปของตนไว้ข้างบน บ่ายวันหนึ่ง หนอมคนรับใช้คู่ใจเอาหนังสือพิมพ์มาให้จำรัสดูรูปสาวน้อยนั่งตกปลา แถมยังยุยงเจ้านายให้หาทางไปดูตัวจริง จำรัสนึกสนุกคิดอุบายหลอกลาวรรณว่าการงานวุ่นวายจนเป็นโรคเส้นประสาท และอ้างว่าหมอแนะนำให้ไปตกปลาเพื่อเป็นการผ่อนคลายลาวรรณไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของจำรัสจึงเห็นดีด้วย ที่สระน้ำตามประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์จำรัสได้พบกับสาวน้อยตามใจหวัง และพยายามหาโอกาสเข้าไปทำความรู้จักจนได้นามบัตรและทราบว่าชื่อกมล วันต่อๆ มา จำรัสก็กุเรื่องโกหกลาวรรณเพื่อไปที่บ้านกมล ตามที่อยู่บนนามบัตร ทำให้ได้พบ เถ้าแก่กิมหมง บิดาของกมล ซึ่งเคยมาขอทำประกันโรงสีของตนและวางแผนจะเผาโรงสีเพื่อเอาเงินประกัน ลาวรรณระอาความเจ้าชู้ของสามี ขนาดขู่จำรัสว่าจะพาไปให้หมอเพื่อผ่าเส้นประสาททิ้ง จำรัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัว ยังวางแผนหลอกลาวรรณว่าต้องไปทำงานที่เชียงใหม่ แต่ความจริงแล้วไปพักอยู่กับ ทองอ่อน เพื่อนสนิท ฝ่ายลาวรรณ เมื่อสามีไม่อยู่จึงเดินทางไปที่บ้านเถ้าแก่หมงประกาศตนว่าเป็นภรรยาของจำรัส และสั่งห้ามกมลไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับจำรัสอีก พอจำรัสไปขอพบกมลจึงโดนเถ้าแก่กิมหมงไล่ตะเพิดข้อที่ว่ามีภรรยาแล้วยังมาหลอกลูกสาวตน จำรัสเดินคอตกกลับบ้าน มิวายโดนลาวรรณซักไซ้จับได้ว่าจำรัสไม่ได้ไปเชียงใหม่จริงจำรัสจึงโดนภรรยาฟาดจนต้องนอนซม การหลอกเมียของจำรัสจึงจบลงแต่เพียงเท่านี้
เมืองทอง

เมืองทอง (2480/1937) ชีวิตของ ฉัย ต้องพลิกผันเมื่อ นายสุด ผู้เป็นพ่อโดนเสือกินระหว่างการเดินทางไปค้าขายยังต่างถิ่นส่วน นางคำ ผู้เป็นแม่ ก็ยังมาตรอมใจตายตามพ่อไปอีกคนก่อนตายนางคำได้สั่งเสียให้ฉัยไปขออาศัยอยู่กับ นายเหมือน ผู้มีศักดิ์เป็นลุง นายเหมือนและ นางสลวย สองสามีภรรยาเป็นเศรษฐีที่มีจิตเมตตา สงสารชะตากรรมของฉัยจึงรับอุปการะส่งเสียให้ฉัยได้ร่ำเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็กๆ ทั่วไป 15 ปีผ่านไป ฉัย เป็นผู้ใหญ่พอที่จะช่วยแบ่งเบางานของนายเหมือน ช่วยเก็บเงินค่าค้าไม้ ส่วน เพ็ญศรี ลูกสาวของนายเหมือนก็โตเป็นสาวงาม มีหนุ่มมากมายมาติดพันโดยเฉพาะ สอน คู่ปรับในวัยเด็กของฉัยที่เพียรมาขอความรักเพ็ญศรี แต่เพ็ญศรีไม่มีทีท่าจะรักตอบ เพราะมอบใจให้ฉัยไปหมดแล้ว นายเหมือนผู้รักฉัยดั่งลูกในไส้ก็มิได้รังเกียจฉัยแต่อย่างใด จึงส่งเสริมให้หนุ่มสาวได้ครองรักกัน ฝ่ายสอน เมื่อไม่สมหวังในความรักก็บ่ายหน้าเข้าหาสุรา และคิดแก้แค้นฉัยโดยทำทีมาเสนอค้าไม้ราคาถูก อ้างว่าพ่อค้าไม้คนหนึ่งนำมาแต่ภรรยาเสียชีวิตระหว่างการเดินทางจึงต้องรีบกลับไปจัดการทำพิธีศพ ฉัยตกหลุมพรางเข้าอย่างจัง ตามสอนไปหาพ่อค้าไม้อย่างว่าง่าย แต่แทนที่สอนจะพามาพบพ่อค้าไม้กลับพาฉัยมาที่ราชสีมาฮอลล์อันอุดมไปด้วยนางระบำ สอนเรียกให้เฉลียวมาร้องเพลงให้ฉัยฟัง จังหวะนั้นเอง ทองย้อยก็มาหาเรื่องชกต่อยกับฉัยและอาศัยช่วงชุลมุนขโมยกระเป๋าเงินของฉัยไป ทำให้ฉัยไม่กล้ากลับไปพบนายเหมือนจึงกลับไปที่บ้านเก่าของตน ฉัยได้มาเจอกับ แหน เพื่อนสมัยเด็กกำลังขลุกตัวอยู่กับ นายกอง นักวิทยาศาสตร์คร่ำครึ ที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุหวังจะเปลี่ยนพริกเปลี่ยนกะปิให้เป็นทอง ฉัยเลยหลอกว่าให้ผสมใบตองลงไปด้วย นายกองเชื่อสนิทรีบไปปลูกต้นกล้วยหมายจะเอามาเปลี่ยนเป็นทอง นับจากวันที่ฉัยหายตัวไป เพ็ญศรีก็ไม่เป็นอันกินอันนอนล้มป่วยเป็นไข้ เดือดร้อนถึงนายเหมือนที่ต้องตามหมอมารักษา แต่ก็ไม่หาย นายเหมือนจึงชวนเพ็ญศรีไปเปลี่ยนบรรยากาศยังบ้านเดิมของฉัย เพ็ญศรีหูผึ่ง ลุกขึ้นกุลีกุจอเก็บข้าวของเดินทางไปบ้านเกิดของฉัยอย่างฉับพลัน สอนรีบตามมาเป่าหูเพ็ญศรีว่าที่แท้ฉัยกลับมาหาแหนคนรักเก่า เป็นจังหวะเดียวกับที่เพ็ญศรีเห็นแหนกำลังป้อนมะพร้าวใส่ปากฉัย สอนกระหยิ่มยิ้มย่อง ในใจคิดว่าเพ็ญศรีจะเป็นของตนก็คราวนี้ แต่การณ์กลับเป็นว่า เปิดโอกาสให้ฉัยได้ปรับความเข้าใจกับเพ็ญศรี สอนประจักษ์แก่ตาถึงความรักของทั้งสองจึงสารภาพความจริงและยอมตัดใจจากเพ็ญศรี ระหว่างที่เรื่องราวกำลังจะจบด้วยดี นายกองก็กระหืดกระหอบมาต่อว่าฉัยที่บังอาจมาหลอกให้ตนปลูกกล้วยเสียเกือบครึ่งปีฉัยเลยว่า ค่ากล้วยค่าใบตองที่นายกองเสียไปนั่นล่ะเท่ากับค่าทอง

กุหลาบพระนคร

กุหลาบพระนคร (2480/1937) 1 เมษายน วันขึ้นปีใหม่ของชาวสยาม ใครๆ ไม่ว่าหนุ่มสาวต่างทำใจเบิกบานต้อนรับความสุข แต่ปีใหม่มิได้เปลี่ยนเอาความจนของปีเก่าของคนจนไปด้วยเลย คงต้องต่อสู้กับความจนต่อไป วินัย สุปานันท์ ถูกความหมุนเวียนเปลี่ยนชีวิตของเขาแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน บิดาคือ ร้อยเอกหลวงสัจจาวุธ เสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเป็นหนุ่ม ทิ้งแม่เจียมและ นิจ น้องสาวที่ยังเล็กให้เผชิญชีวิตตามลำพัง บัดนี้ความหมุนเวียนเปลี่ยนให้แม่เจียมที่เคยแข็งแรงทำงานเลี้ยงลูกอย่างขันแข็ง มาเป็นแม่เจียมที่ตามองอะไรไม่เห็นไม่อาจทำงานได้ อนาถหนาครอบครัวเล็กๆ ต้องประสบมรสุม ทำให้วินัยซึ่งอีกสองเดือนกว่าๆ ก็จะจบการโรงเรียน ต้องตัดใจลาออกมาทำงานเลี้ยงแม่และน้อง มาเป็นกรรมกรถีบสามล้อ และได้ ถึก คนถีบสามล้อเป็นเพื่อนรักกัน อีกแห่งหนึ่งในความเป็นอยู่ของชาวพระนครณ บ้านของคนผู้มั่งมีแล้ว คือบ้านของ พันโทพระยาสรรพาวุธ นายทหารนอกราชการ กับ สุณี ลูกสาวผู้กำลังเป็นกุหลาบดอกที่งามเด่นอยู่ในพระนคร จึงมีชายหนุ่มและกระทั่งแก่หลายรายจ้องมองสุณีด้วยความปรารถนาจะได้ครอง แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ใกล้ชิดเกินไปกว่านายเรืออากาศเอกอารี สมัครยุทธ์ ในสังกัดกรมทหารอากาศ สามารถไปมาหาสู่ที่บ้านได้บ่อยๆ ซึ่ง นิ่ม หญิงคนใช้ที่ต้องคอยเปิดประตูบ้านให้รถเข้าคุ้นเคย วันนี้อารีมาหาสุณีเพื่อแจ้งข่าวว่าเขาถูกย้ายไปประจำกองบินที่ 5 ประจวบคีรีขันธ์ แล้วถามถึงเรื่องส่วนตัว แต่สุณีนิ่งเฉยอารีจึงกลับไปอย่างผิดหวังเช่นเคย วันนี้เจ้าคุณพ่อกับสุณีไปธนาคารเพื่อเบิกเงินสด 6 พันบาทสำหรับจะซื้อที่ดินที่มีคนมาบอกขายแต่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน รถยนต์เกิดเสียกลางทางเจ้าคุณไม่รอให้คนขับซ่อม เรียกรถสามล้อกลับบ้านกับลูก บังเอิญวินัยถีบสามล้อมาพอดี รับไปส่งถึงบ้าน เจ้ากรรม ท่านเจ้าคุณและสุณีลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่เบาะสามล้อ วินัยกลับถึงบ้าน จึงรู้ว่าผู้โดยสารลืมกระเป๋าทีแรกถึกว่าให้เอาไปลงทุนเปิดร้านขายของ แต่แม่เจียมว่าให้เอาไปคืนเขาและขอให้เขา เขาอาจเห็นความดีและหางานดีๆ ให้ทำ ถึกพยายามทักท้วง แต่แม่เจียมบอกว่า ลูกผู้ชายเราควรจะทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้อีกที่เราควรรักและหวงไว้ประดุจชีวิตของเรา

ปิดทางรัก
ปิดทางรัก (2480/1937) พระสำราญรณกิจ เป็นคู่แค้นกับพระสัมฤทธิ์รณการ เพื่อนบ้าน แม้ทั้งสองจะเกลียดกันมากแค่ไหนก็ตาม ลูกของคนทั้งสองกลับมีใจสมัครรักใคร่กัน ไม่เว้นแม้แต่คนใช้ กล่าวคือ สมศักดิ์ ลูกชายของพระสัมฤทธิ์รักอยู่กับ อุไรวรรณ ลูกสาวของพระสำราญ ส่วน อารี พี่ชายของอุไรวรรณ ก็คบหาอยู่กับ สลับศรี น้องสาวของสมศักดิ์ กระทั่งวันหนึ่ง พระสำราญกับพระสัมฤทธิ์ท้ากันว่า หากลูกสาวของใครหนีตามลูกชายของอีกฝ่าย ผู้นั้นจะต้องเสียเงินเดิมพันเป็นจำนวนสองหมื่นบาทสมศักดิ์ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือเล่นพนันของสองคู่แค้นจึงชักชวนอุไรวรรณหนีไปอยู่ด้วยกัน อุไรวรรณก็แสนซื่อ หนีตามสมศักดิ์ไปอย่างว่าง่าย พระสัมฤทธิ์รีบมาเยาะเย้ยพระสำราญแถมด้วยการทวงเงินเดิมพัน พระสำราญไม่อยากเสียทั้งเงินเสียทั้งหน้า จึงโกหกว่าอุไรวรรณเพียงแต่ไปอยู่ที่เพชรบุรี เมื่อทั้งสองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน สมศักดิ์ก็ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย พาเพื่อนมากินเลี้ยงฟุ่มเฟือยไม่เว้นแต่ละวัน เงินจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง อุไรวรรณก็ตั้งท้อง สมศักดิ์จึงพยายามไปหางานทำแต่ก็โดนปฏิเสธ วันหนึ่ง ขณะที่สมศักดิ์คอตกกลับมา ก็เจอะกับพระสำราญยืนอยู่ที่หน้าบ้าน พระสำราญเสนอเงินให้สมศักดิ์จำนวนสองพันบาท เป็นค่าเลิกยุ่งเกี่ยวกับอุไรวรรณ สมศักดิ์หัวหมอ แสร้งทำเป็นรับเงิน ก่อนจะคาบข่าวไปบอกบิดาแล้วจัดการให้อารีกับสลับศรีจดทะเบียนแต่งงานกัน พระสัมฤทธิ์รู้ดังนั้นก็รุดมาทวงเงินเดิมพันที่บ้านพระสำราญ เป็นเวลาเดียวกับที่อุไรวรรณคลอดบุตรเป็นประจักษ์พยานพอดี สมศักดิ์เห็นท่าว่าพ่อตากำลังจนมุมเป็นแน่แล้ว ก็เลยเฉลยว่าตนนั้นได้จัดการให้อารีแต่งงานกับสลับศรีเป็นที่เรียบร้อย พระสัมฤทธิ์เจ็บใจที่ชวดเงินเดิมพันไปต่อหน้าต่อตา ก็ง้างไม้ตะพดหมายจะฟาดหัวลูกชายตัวแสบให้หายแค้น พระสำราญจึงเอาตัวเข้าช่วย พร้อมออกปากห้ามพระสัมฤทธิ์ทำอะไรลูกเขยของตน เรื่องจึงจบลงด้วยประการฉะนี้
กลัวเมีย 2479

กลัวเมีย (2479/1936) จำรัส เป็นผู้จัดการบริษัทสากลประกันภัย มีภรรยาชื่อ ลาวรรณ ชีวิตการแต่งงานของเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เหตุเพราะเป็นโรคกลัวเมียขึ้นสมอง ผัน เพื่อนของจำรัสแนะนำ หมอแนม ซึ่งมีความสามารถสับเปลี่ยนวิญญาณมนุษย์กับผีได้ รุ่งขึ้นจำรัสจึงไปหาหมอแนมให้ช่วยรักษาโรคกลัวเมีย หมอแนมจัดการเปลี่ยนวิญญาณให้จำรัสและกำชับว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่อายุอ่อนกว่า วิธีรักษาของหมอแนมประสบผลดีเกินคาด ไม่ว่าจำรัสจะทำอะไรลาวรรณก็ไม่ดุด่าเหมือนแต่ก่อน จนจำรัสย่ามใจเผลอไปยุ่งกับ ทองฟู นางบำเรอที่มาขอทำประกันความงามที่บริษัทของจำรัส โรคกลัวเมียจึงกลับมาเยือนจำรัสเหมือนอย่างเคย

กะเหรี่ยงไทรโยค 2479

กะเหรี่ยงไทรโยค (2479/1936) ณ หมู่บ้านลิ่นถิ่น ยังมีความรักของหนุ่มสาวชาวกะเหรี่ยงเกิดขึ้นระหว่าง มาลู แอมพะเวียและ เคอะแปง มาลูนั้นเป็นคนมีฐานะดีในหมู่บ้านเนื่องจากเป็นคนผูกขาดในการทำป่าไม้ เมื่อเห็นความงามของแอมพะเวีย ลูกสาวของ พะโป้ พ่อค้าไม้ก็เกิดความหลงใหล แต่ติดตรงแอมพะเวียนั้นรักอยู่กับเคอะแปงหนุ่มในบ้านของพะโป้ แม้มาลูจะพยายามหาทางเอาชนะใจหรือทำตามประเพณีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถพิชิตใจแอม-พะเวียได้ จึงคิดจะกำจัดเคอะแปงด้วยการท้าฟันดาบแต่สุดท้ายก็ยังพ่ายเคอะแปง มาลูจึงยอมรับแต่โดยดีว่าเขามิอาจได้ตัวแอมพะเวียไป หลังจากนั้นพะโป้จึงยกแอมพะเวียให้เคอะแปงได้ครองรักและแต่งงานกันตามประเพณี

เลือดชาวนา
เลือดชาวนา (2479/1936) เปรม ปลอดภัย เป็นลูกชาวนาเมืองอยุธยา อาศัยอยู่กับ ปลั่ง มารดาซึ่งเป็นอัมพาต เปรมคบหาอยู่กับ น้อย นาสวน ลูกสาวของ เนย เศรษฐีประจำตำบล แต่ด้วยความยากจนข้นแค้นของเปรม จึงถูกเนยกีดกัน บ่ายวันหนึ่ง เนยและน้อยไปปรึกษากำนันอ่วมในการประกอบพิธีสมโภชแม่โพธิ์สพ เป็นเวลาเดียวกับที่เจือ จิตต์อารี หนุ่มชาวกรุงหลานกำนันอ่วมมาเยี่ยมน้าของตน เจือประทับใจในความงามของน้อยจึงหาโอกาสใกล้ชิดน้อยด้วยการร้องเพลง ถึงแม้เปรมจะแสดงตัวว่าเป็นคนรักของน้อยก็ตาม ทั้งสองจึงทะเลาะกัน เจือเป็นฝ่ายแพ้ วันหนึ่งเปรมออกจากบ้านเพื่อไปซื้อยาให้แม่ที่ตลาด ผ่านร้านสุรา มุ้ยหลี ซึ่งเพื่อนของเปรมกับพรรคพวกของเจือกำลังต่อยตีกันอยู่ เปรมเข้าไประงับเหตุการณ์แต่กลับถูกตำรวจจับกุม ระหว่างถูกควบคุมตัวเปรมขอร้องตำรวจกลับไปบอกแม่ ตำรวจเห็นใจจึงพากันไปที่บ้านเปรม แต่ปรากฏว่าบ้านของเปรมถูกไฟโหมไหม้ เปรมฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยแม่ไว้ได้ทัน จากนั้นจึงพาแม่ไปรักษาตัวที่กรุงเทพ เผอิญหมอที่ทำการรักษาเป็นน้องชายของปลั่ง จึงช่วยรักษาและออกเงินให้เปรมปลูกบ้านใหม่พร้อมมอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เปรมรีบกลับมาหาน้อยที่อยุธยาด้วยความดีใจ แต่ขณะนั้น น้อยกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจือ เปรมจึงยอมเป็นฝ่ายเสียสละ เพราะไม่อยากให้น้อยอกตัญญูต่อบิดา แต่น้อยยืนกรานว่าหัวเด็ดตีนขาดจะไม่แต่งงานกับเจือ เจือแอบฟังอยู่โดยตลอดซาบซึ้งถึงรักแท้ที่ทั้งสองมีให้กัน จึงมอบแหวนแต่งงานให้เปรมแทนที่ตน
เด็ดดวงใจ 2479
เด็ดดวงใจ (2479/1936) เปนเรื่องรักแกมโศก ของหนุ่มสาวชาวชนบท ที่ฝ่ายหญิงถูกพรากไปโดยเจ้าหนุ่มชาวกรุง เปนเรื่องยอดรักยอดโศกเจือคติจับใจ (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ มิถุนายน พ.ศ. 2479)
จันทร์เจ้าขา 2479

จันทร์เจ้าขา (2479/1936) จากเรื่องอ่านเล่นลือชื่อมาเปนลครร้องเรื่องที่ดูไม่น่าเบื่อ จากเรื่องลครที่ดูกันไม่เบื่อมาเปนภาพยนตร์พากย์ชั้นมโหฬาร คือ "จันทร์เจ้าขา" ของ "พรานบูรพ์" (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤษภาคม พ.ศ. 2479)

ปิศาจเครือฟ้า ภาคจบ
ดงตาล 2479
ดงตาล (2479/1936) เปนหนังไทยเรื่องแรกของ "พรานบูรพ์" "ดงตาล" เปนเรื่องรักที่ดุดันน่าหวาดเสียว แต่ "ดงตาล" แสดงโดยคนตลก ๔ คน คือ สุคนธ์, ทองถม, แส และชื้น "ดงตาล" ถ่ายทำในท่ามกลางวิวงามตามธรรมชาติแห่งเกาะยอ ทะเลสาบสงขลา (ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามราษฎร์ เมษายน พ.ศ. 2479)
กุหลาบนครสวรรค์ 2479

กุหลาบนครสวรรค์ (2479/1936) ณ ท้องทุ่งตำบลโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ยังมีความรักตามประสาชายหนุ่มหญิงสาวอย่าง เฉิด และ เนียน อยู่ที่ปลายทุ่ง แต่ความรักของทั้งคู่มิได้ราบรื่นดั่งใจหวัง เพราะเฉิดนั้นเป็นคนยากจน ในขณะที่เนียนเป็นลูกสาวของ กำนันสี ผู้ใหญ่ซึ่งคอยอุปถัมภ์ให้เฉิดได้มีการศึกษา แม้เฉิดจะรักเนียนแต่ก็จำต้องเก็บงำความรู้สึกไว้กระทั่งวันหนึ่ง เฉิดเกิดเผลอใจเอ่ยรักแก่เนียนในขณะที่เนียนก็ยอมรับว่าเธอเองก็มีใจให้เฉิด หนุ่มสาวทั้งสองจึงลอบสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง จนต่างรู้ว่าทั้งคู่คงมิอาจจะพรากจากกัน แต่แล้ววันหนึ่ง นักเลงเมืองกรุงอย่างชิตก็ดันเข้ามาก่อเรื่องหมายใจจะเอาตัวเนียนไป เฉิดจึงต้องตรงเข้าไปต่อสู้ด้วยความชุลมุนชิตจึงชักปืนขึ้นยิงสู้ อนิจจากระสุนพลาดไปถูก นางช้อย มารดาของเฉิดเสียชีวิต กระนั้นก่อนตายช้อยได้บอกความจริงแก่เฉิดว่าแท้จริงเขาคือ ชาญ เป็นลูกชายของ พระยาเทพศรีสุนทร ผู้ดีเมืองกรุง เมื่อรู้ดังนั้นเฉิดจึงเดินทางบ่ายหน้าไปตามหาบิดา แม้ต้องจากกับเนียนแต่เขาก็ให้คำมั่นว่าจะกลับมาสู่ขอเธอ ครั้นเมื่อถึงบ้านของท่านเจ้าคุณ เฉิดจึงเปิดเผยตัวแก่ท่านเจ้าคุณ จนท่านเจ้าคุณถึงแก่ความปีติ จึงรับเฉิดมาดูแล เฉิดเปลี่ยนสภาพจากชายผู้ยากไร้กลายมาเป็นเศรษฐีเมืองกรุง แต่แล้วฐานะที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ใจของเฉิดเปลี่ยนตาม เมื่อเขาดันมาหลงเสน่ห์ วิลัย สาวสวยเมืองกรุงจนถอนตัวไม่ขึ้น หลงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเนียน ฝ่ายเนียนที่ยังยึดมั่นในคำสัญญาก็เลิกที่จะรอและตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อมาตามหาเฉิด แม้ทางบ้านจะจัดให้เธอได้แต่งงานกับนายอำเภอหนุ่ม เมื่อเนียนเดินทางมาถึงบ้านท่านเจ้าคุณจึงได้พบกับเฉิดอีกครั้ง แต่เฉิดกลับไม่ยอมรับเนียนดังที่เคยให้สัญญา ซ้ำร้ายยังบอกเนียนว่าเขากำลังจะแต่งงานกับวิลัย หารู้ไม่ว่าแท้จริงวิลัยคือหญิงร้ายที่หมายจะฮุบสมบัติของเฉิด เมื่อท่านเจ้าคุณทราบเรื่องจึงโกรธเฉิดที่ไม่มีความรับผิดชอบ และตัดเฉิดออกจากกองมรดก เมื่อนั้นเอง วิลัยจึงได้เผยธาตุแท้ให้เฉิดเห็นว่าเธอเพียงต้องการแค่สมบัติของเฉิด เฉิดจึงต้องซมซานกลับมาหาท่านเจ้าคุณและเนียน เพื่อขอให้ทั้งสองให้อภัย ด้วยความรักของคนเป็นพ่อ ท่านเจ้าคุณก็พร้อมจะให้อภัย ในขณะที่เนียนก็ไม่ปฏิเสธรักเดียวของเธอ ทั้งคู่จึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข

แก่นกะลาสี 2479
แก่นกะลาสี (2479/1936) จ่าโทว่อง นักเรียนใหม่โรงเรียนชุมพลทหารเรือถูก จ่าโทเอื้อม เขม่น ทันทีที่เห็นหน้า ทั้งสองมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ โดยที่ต่างคนต่างไม่ทราบว่ากำลังคบผู้หญิงคนเดียวกันคือ ศรีสวาท ต่อมาทั้งสองได้รับเลือกให้ไปปฏิบัติราชการรับเรือตอร์ปิโดที่ประเทศอิตาลี ระหว่างการเดินทางจ่าโทเอื้อมประสบอุบัติเหตุแต่จ่าโทว่องช่วยเหลือไว้ทัน ทั้งสองจึงยุติการทะเลาะกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา จ่าโทว่องเปิดใจเรื่องคนรักทำให้จ่าโทเอื้อมรู้ความจริง จ่าโทว่องจึงเสียสละศรีสวาทให้แก่จ่าโทเอื้อม แต่ขณะที่อยู่ต่างเมืองจ่าโทเอื้อมนึกสนุกไปจีบสาวอิตาลี จ่าโทว่องแอบถ่ายรูปไว้และส่งไปให้ศรีสวาท เมื่อศรีสวาทได้รับจดหมายเห็นรูปบาดตาจึงหันไปหาเสี่ยเซ้งซึ่งพี่ชายแนะนำให้รู้จัก ถึงเวลาที่เรือหลวงเจ้าพระยากลับสู่น่านน้ำไทย จ่าโทว่องกับจ่าโทเอื้อมต่างตรงดิ่งไปหาศรีสวาทยอดรัก เมื่อรู้ว่าศรีสวาทเปลี่ยนใจจึงหันกลับไปตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการทหาร
เลือดสุพรรณ 2479
เลือดสุพรรณ (2479/1936) ในสมัยอยุธยา พม่ายกทัพเข้ามารุกรานไทย จนถึงจังหวัดสุพรรณบุรี โดยการนำทัพของมังระโธ กับ มังราย ชาวสุพรรณบุรีตกเป็นเชลยของพม่า รวมทั้งครอบครัวของดวงจันทร์ ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงาน ดวง พ่อของดวงจันทร์ และ มิ่ง เพื่อนบ้าน เริ่มทำงานไม่ไหวจึงคิดหนี แต่ถูกจับได้ มังรายเดินผ่านมาจึงช่วยทั้งสองไม่ให้ถูกทำโทษเป็นชนวนให้มังระโธกับมังรายไม่ลงรอยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งมังระโธทนไม่ไหวที่ถูกมังรายขัดขวางหลายต่อหลายครั้ง จึงปราดเข้าไปใช้ดาบฟันมังราย แต่กลับเป็นฝ่ายถูกฟัน กลายเป็นความเคียดแค้นแก่มังระโธ มังรายสารภาพรักกับดวงจันทร์ เธอจึงขอร้องให้เขาปล่อยชาวบ้าน มังรายตอบตกลง มังระโธได้ทีนำความไปบอกแม่ทัพมังมหาสุรนาท แต่มังรายเดินทางมาขอรับโทษเอง นายทหารคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามช่วยเหลือมังราย เล่าต้นสายปลายเหตุว่าเป็นเพราะมังระโธบีบคอผู้หญิงเพื่อชิงทรัพย์ และแย่งน้ำที่คนจะดื่มเอามาล้างเท้า แต่กระนั้นก็ตาม มังมหาสุรนาทก็ยังสั่งประหารมังราย แม้มังรายจะเป็นลูกในไส้ของตนก็ตาม แล้วสั่งให้ประหารมังระโธข้อหากระทำทารุณต่อชาวบ้าน ขณะนั้นเอง ดวงจันทร์มาขอพบมังมหสุรนาทและร้องขอชีวิตมังรายโดยจะยอมรับโทษแทน แต่ทหารกำลังนำตัวมังรายไปป่าเพื่อจะประหาร ดวงจันทร์รุดหน้าเข้าไปในป่าหวังจะไปขัดขวางการประหารชีวิต กลับพบศพพ่อและแม่ถูกทหารพม่าฆ่าทิ้งเพราะโกรธแค้นที่ดวงจันทร์เป็นต้นเหตุให้มังรายต้องโดนประหารชีวิต ดวงจันทร์พยายามพูดโน้มน้าวปลุกใจชาวสุพรรณให้ลุกขึ้นมาจับดาบขึ้นสู้ และบุกค่ายพม่ายามดึก แม่ทัพพม่าพยายามเกลี้ยกล่อมให้ดวงจันทร์กลับไปและจะยอมไว้ชีวิตแต่ดวงจันทร์ยืนกรานที่จะสละชีพเพื่อชาติ จึงเสียชีวิตพร้อมชาวสุพรรณบุรี