จันทร์เจ้าขา 2479

จันทร์เจ้าขา (2479/1936) จากเรื่องอ่านเล่นลือชื่อมาเปนลครร้องเรื่องที่ดูไม่น่าเบื่อ จากเรื่องลครที่ดูกันไม่เบื่อมาเปนภาพยนตร์พากย์ชั้นมโหฬาร คือ "จันทร์เจ้าขา" ของ "พรานบูรพ์" (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤษภาคม พ.ศ. 2479)

ปิศาจเครือฟ้า ภาคจบ
ดงตาล 2479
ดงตาล (2479/1936) เปนหนังไทยเรื่องแรกของ "พรานบูรพ์" "ดงตาล" เปนเรื่องรักที่ดุดันน่าหวาดเสียว แต่ "ดงตาล" แสดงโดยคนตลก ๔ คน คือ สุคนธ์, ทองถม, แส และชื้น "ดงตาล" ถ่ายทำในท่ามกลางวิวงามตามธรรมชาติแห่งเกาะยอ ทะเลสาบสงขลา (ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามราษฎร์ เมษายน พ.ศ. 2479)
กุหลาบนครสวรรค์ 2479

กุหลาบนครสวรรค์ (2479/1936) ณ ท้องทุ่งตำบลโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ยังมีความรักตามประสาชายหนุ่มหญิงสาวอย่าง เฉิด และ เนียน อยู่ที่ปลายทุ่ง แต่ความรักของทั้งคู่มิได้ราบรื่นดั่งใจหวัง เพราะเฉิดนั้นเป็นคนยากจน ในขณะที่เนียนเป็นลูกสาวของ กำนันสี ผู้ใหญ่ซึ่งคอยอุปถัมภ์ให้เฉิดได้มีการศึกษา แม้เฉิดจะรักเนียนแต่ก็จำต้องเก็บงำความรู้สึกไว้กระทั่งวันหนึ่ง เฉิดเกิดเผลอใจเอ่ยรักแก่เนียนในขณะที่เนียนก็ยอมรับว่าเธอเองก็มีใจให้เฉิด หนุ่มสาวทั้งสองจึงลอบสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง จนต่างรู้ว่าทั้งคู่คงมิอาจจะพรากจากกัน แต่แล้ววันหนึ่ง นักเลงเมืองกรุงอย่างชิตก็ดันเข้ามาก่อเรื่องหมายใจจะเอาตัวเนียนไป เฉิดจึงต้องตรงเข้าไปต่อสู้ด้วยความชุลมุนชิตจึงชักปืนขึ้นยิงสู้ อนิจจากระสุนพลาดไปถูก นางช้อย มารดาของเฉิดเสียชีวิต กระนั้นก่อนตายช้อยได้บอกความจริงแก่เฉิดว่าแท้จริงเขาคือ ชาญ เป็นลูกชายของ พระยาเทพศรีสุนทร ผู้ดีเมืองกรุง เมื่อรู้ดังนั้นเฉิดจึงเดินทางบ่ายหน้าไปตามหาบิดา แม้ต้องจากกับเนียนแต่เขาก็ให้คำมั่นว่าจะกลับมาสู่ขอเธอ ครั้นเมื่อถึงบ้านของท่านเจ้าคุณ เฉิดจึงเปิดเผยตัวแก่ท่านเจ้าคุณ จนท่านเจ้าคุณถึงแก่ความปีติ จึงรับเฉิดมาดูแล เฉิดเปลี่ยนสภาพจากชายผู้ยากไร้กลายมาเป็นเศรษฐีเมืองกรุง แต่แล้วฐานะที่เปลี่ยนไปก็ทำให้ใจของเฉิดเปลี่ยนตาม เมื่อเขาดันมาหลงเสน่ห์ วิลัย สาวสวยเมืองกรุงจนถอนตัวไม่ขึ้น หลงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเนียน ฝ่ายเนียนที่ยังยึดมั่นในคำสัญญาก็เลิกที่จะรอและตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อมาตามหาเฉิด แม้ทางบ้านจะจัดให้เธอได้แต่งงานกับนายอำเภอหนุ่ม เมื่อเนียนเดินทางมาถึงบ้านท่านเจ้าคุณจึงได้พบกับเฉิดอีกครั้ง แต่เฉิดกลับไม่ยอมรับเนียนดังที่เคยให้สัญญา ซ้ำร้ายยังบอกเนียนว่าเขากำลังจะแต่งงานกับวิลัย หารู้ไม่ว่าแท้จริงวิลัยคือหญิงร้ายที่หมายจะฮุบสมบัติของเฉิด เมื่อท่านเจ้าคุณทราบเรื่องจึงโกรธเฉิดที่ไม่มีความรับผิดชอบ และตัดเฉิดออกจากกองมรดก เมื่อนั้นเอง วิลัยจึงได้เผยธาตุแท้ให้เฉิดเห็นว่าเธอเพียงต้องการแค่สมบัติของเฉิด เฉิดจึงต้องซมซานกลับมาหาท่านเจ้าคุณและเนียน เพื่อขอให้ทั้งสองให้อภัย ด้วยความรักของคนเป็นพ่อ ท่านเจ้าคุณก็พร้อมจะให้อภัย ในขณะที่เนียนก็ไม่ปฏิเสธรักเดียวของเธอ ทั้งคู่จึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข

แก่นกะลาสี 2479
แก่นกะลาสี (2479/1936) จ่าโทว่อง นักเรียนใหม่โรงเรียนชุมพลทหารเรือถูก จ่าโทเอื้อม เขม่น ทันทีที่เห็นหน้า ทั้งสองมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ โดยที่ต่างคนต่างไม่ทราบว่ากำลังคบผู้หญิงคนเดียวกันคือ ศรีสวาท ต่อมาทั้งสองได้รับเลือกให้ไปปฏิบัติราชการรับเรือตอร์ปิโดที่ประเทศอิตาลี ระหว่างการเดินทางจ่าโทเอื้อมประสบอุบัติเหตุแต่จ่าโทว่องช่วยเหลือไว้ทัน ทั้งสองจึงยุติการทะเลาะกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา จ่าโทว่องเปิดใจเรื่องคนรักทำให้จ่าโทเอื้อมรู้ความจริง จ่าโทว่องจึงเสียสละศรีสวาทให้แก่จ่าโทเอื้อม แต่ขณะที่อยู่ต่างเมืองจ่าโทเอื้อมนึกสนุกไปจีบสาวอิตาลี จ่าโทว่องแอบถ่ายรูปไว้และส่งไปให้ศรีสวาท เมื่อศรีสวาทได้รับจดหมายเห็นรูปบาดตาจึงหันไปหาเสี่ยเซ้งซึ่งพี่ชายแนะนำให้รู้จัก ถึงเวลาที่เรือหลวงเจ้าพระยากลับสู่น่านน้ำไทย จ่าโทว่องกับจ่าโทเอื้อมต่างตรงดิ่งไปหาศรีสวาทยอดรัก เมื่อรู้ว่าศรีสวาทเปลี่ยนใจจึงหันกลับไปตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการทหาร
เลือดสุพรรณ 2479
เลือดสุพรรณ (2479/1936) ในสมัยอยุธยา พม่ายกทัพเข้ามารุกรานไทย จนถึงจังหวัดสุพรรณบุรี โดยการนำทัพของมังระโธ กับ มังราย ชาวสุพรรณบุรีตกเป็นเชลยของพม่า รวมทั้งครอบครัวของดวงจันทร์ ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงาน ดวง พ่อของดวงจันทร์ และ มิ่ง เพื่อนบ้าน เริ่มทำงานไม่ไหวจึงคิดหนี แต่ถูกจับได้ มังรายเดินผ่านมาจึงช่วยทั้งสองไม่ให้ถูกทำโทษเป็นชนวนให้มังระโธกับมังรายไม่ลงรอยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งมังระโธทนไม่ไหวที่ถูกมังรายขัดขวางหลายต่อหลายครั้ง จึงปราดเข้าไปใช้ดาบฟันมังราย แต่กลับเป็นฝ่ายถูกฟัน กลายเป็นความเคียดแค้นแก่มังระโธ มังรายสารภาพรักกับดวงจันทร์ เธอจึงขอร้องให้เขาปล่อยชาวบ้าน มังรายตอบตกลง มังระโธได้ทีนำความไปบอกแม่ทัพมังมหาสุรนาท แต่มังรายเดินทางมาขอรับโทษเอง นายทหารคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามช่วยเหลือมังราย เล่าต้นสายปลายเหตุว่าเป็นเพราะมังระโธบีบคอผู้หญิงเพื่อชิงทรัพย์ และแย่งน้ำที่คนจะดื่มเอามาล้างเท้า แต่กระนั้นก็ตาม มังมหาสุรนาทก็ยังสั่งประหารมังราย แม้มังรายจะเป็นลูกในไส้ของตนก็ตาม แล้วสั่งให้ประหารมังระโธข้อหากระทำทารุณต่อชาวบ้าน ขณะนั้นเอง ดวงจันทร์มาขอพบมังมหสุรนาทและร้องขอชีวิตมังรายโดยจะยอมรับโทษแทน แต่ทหารกำลังนำตัวมังรายไปป่าเพื่อจะประหาร ดวงจันทร์รุดหน้าเข้าไปในป่าหวังจะไปขัดขวางการประหารชีวิต กลับพบศพพ่อและแม่ถูกทหารพม่าฆ่าทิ้งเพราะโกรธแค้นที่ดวงจันทร์เป็นต้นเหตุให้มังรายต้องโดนประหารชีวิต ดวงจันทร์พยายามพูดโน้มน้าวปลุกใจชาวสุพรรณให้ลุกขึ้นมาจับดาบขึ้นสู้ และบุกค่ายพม่ายามดึก แม่ทัพพม่าพยายามเกลี้ยกล่อมให้ดวงจันทร์กลับไปและจะยอมไว้ชีวิตแต่ดวงจันทร์ยืนกรานที่จะสละชีพเพื่อชาติ จึงเสียชีวิตพร้อมชาวสุพรรณบุรี
ยอดหญิง
ยอดหญิง (2479/1936) ยอดหนังไทยพากยแบบหนัง พูด ของบริษัท 101 ฉายที่ วัฒนกร วันที่ 16 ถึง 19 มกราคมนี้ รอบเช้าอาทิตย์และรอเคจันทร์อังคารมีจําอวตสลับ

พญาน้อยชมตลาด (2478/1935) พญาน้อย ราชบุตรของพระเจ้าช้างเผือกมีอุปนิสัยชอบเอาแต่ใจตนเอง เป็นที่กลุ้มใจของพระราชบิดา จึงจัดการอุปภิเษกแต่พญาน้อยก็ยังไม่เลิกนิสัย วันหนึ่ง มะโดด กับ มะดวด มหาดเล็กคู่ใจของพญาน้อยมาถวายรายงานว่าพบสาวงามและเชิญพญาน้อยไปทอดพระเนตร พญาน้อยจึงทำทีเป็นเสด็จเยี่ยมทุกข์สุขของราษฎร เมื่อไปถึงตลาดท้ายเมืองตะเกิง พญาน้อยตรงดิ่งไปยังร้านแป้งน้ำมัน ซึ่ง เม้ยเจิง เป็นเจ้าของและพยายามเกี้ยวพาราสี แต่เม้ยเจิงมีสามีแล้วชื่อ มะเทิ่ง เมื่อเม้ยเจิงปฏิเสธหนักเข้า พญาน้อยผู้เอาแต่ใจจึงข่มขู่ว่าจะทำร้ายมะเทิ่งหากเม้ยเจิงไม่ยอมเป็นสนมเอก เม้ยเจิงจึงต้องตามพญาน้อยเข้าวัง พญาน้อยนำเม้ยเจิงแอบไว้ในห้องหนึ่งและให้คนหว่านล้อมเม้ยเจิง แต่นางก็เอาแต่ร้องไห้รำพันถึงสามีมะดวด กับ มะโดด แนะนำให้พญาน้อยจูบเม้ยเจิง ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด เม้ยเจิงลืมมะเทิ่งเสียสิ้น ขนาดมะเทิ่งถวายฎีกาต่อพระเจ้าช้างเผือก เม้ยเจิงก็กลับให้การว่าตามพญาน้อยมาโดยสมัครใจ มะเทิ่งจึงต้องกลับบ้านทั้งน้ำตาพร้อมเงินค่าทำขวัญ 50 ชั่ง ปล่อยให้เม้ยเจิงมีความสุขกับพญาน้อย

เลือดจีนต่างด้าว 2478

เลือดจีนต่างด้าว (2478/1935) เปนเรื่องประพันธ์ทางจีน - ไทย รักแกมตลก แกมต่อสู้ครึกโครม แสดงสภาพโคแก่ชอบหญ้าอ่อน สภาพเจ้าชู้ยักษ์ น้ำใจหนุ่มผิวเหลืองผู้รักชาติ ยิ่งชีพ มีระบำโป๊ แลการยั่วยวนร้อยแปด (ที่มา: นิตยสารภาพยนต์สยาม กรกฎาคม พ.ศ. 2478)

สัตตหีบ 2478

สัตตหีบ (2478/1935) เรื่องราวเกิดขึ้นที่ตำบลสัตหีบ สันต์ ชาญชล หนุ่มประมง สมัครรักใคร่อยู่กับ นวล มิ่งทรัพย์ ลูกสาวของนายเพิ่ม วันหนึ่ง สันต์หาปลาได้มากกว่าปรกติจึงเกิดครึ้มใจชวน ชัย เชาว์งาม เพื่อนรักไปเลี้ยงฉลองกันที่ตลาด จำเพาะพอดี เดช ผู้คุมแห่งคุกสัตหีบซึ่งเบื้องหลังประกอบการทุจริต ได้พาลูกน้องอันธพาลมากินเหล้าในร้านเดียวกันนี้ ก็เกิดเขม่นกันขึ้นจนหวุดหวิดมีเรื่องชกต่อย ระหว่างทางกลับ สันต์พบนวลกำลังรีบไปตลาดเพื่อตามหมอมารักษาพ่อที่ล้มเจ็บ สันต์จึงอาสาอยู่เฝ้านายเพิ่มที่บ้าน ลูกน้องของเดชเห็นนวลก็ทำกิริยากักขฬะ นวลเห็นท่าไม่ดีรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เดชไม่ยอมลดราวาศอก ปาน เพื่อนของสันต์ผ่านมาเห็นเข้า จึงรีบไปเรียกสันต์ให้มาช่วยนวล ที่สุดก็ไม่พ้นมีเรื่องชกต่อยกัน พอดีมีทหารเรือเดินผ่านมา สันต์กับปาน และลูกน้องของเดชบางส่วนจึงถูกจับขังคุกเป็นเวลา 1 เดือน เดชใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นผู้คุม ลงโทษสันต์กับปานให้ทำงานหนักกว่านักโทษคนอื่นๆ หนำซ้ำยังตามรังแกนวลจนนวลรำคาญใจ ตัดสินใจหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ถูกลูกน้องของเดชฉุดระหว่างทาง เป็นเวลาเดียวกับที่เรือนจำ นักโทษกำลังเฮโลกันแหกคุก เพราะผู้คุมเอาแต่ละเลยหน้าที่มัวแต่ไปก่อกรรม สันต์กับเพื่อนช่วยกันควบคุมสถานการณ์ กระทั่งเหล่าทหารเรือกระจายกันไปตามนักโทษ สันต์จึงขอออกไปช่วยนวลให้รอดพ้นจากอิทธิพลของเดช

ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา 2478

ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา (2478/1935) ท้องเรื่องจับตั้งแต่ ขุนช้าง ถวายฎีกา ขุนแผน ติดคุกแล้วสะเดาะโซ่ตรวนออกมาเข้าหานางแก้วกิริยา และแสดงการล่องหนหายตัวจำแลงกายเป็นนางงามล่อหลอกผู้คุม ขุนช้างให้คนไปดักฉุดนางวันทองไปไว้บ้าน นางกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ ต่อมาจึงคลอดพลายงาม เมื่อพลายงามจำเริญวัยขุนช้างก็คิดฆ่าเพราะเห็นว่าไม่ใช่ลูกของตัว ฯลฯ (ที่มา: นิตยสารภาพยนตร์สยาม พฤษภาคม พ.ศ. 2478)

เลือดทหารไทย 2478

เลือดทหารไทย (2478/1935) นาวาตรี หลวงสหะนาวิน ผู้บังคับหมวดหน่วยรบประจำเรือรบหลวงสุโขทัย นำทัพประลองยุทธใหญ่ทางทะเลจึงได้รับคำสั่งเลื่อนยศพร้อมกับคนอื่นๆ คืนวันรุ่งขึ้น ได้มีงานเลี้ยงบนเรือรบหลวงสุโขทัย หลวงสหะนาวินได้พบ พาณี นรกุล น้องสาวของ เรือเอกปรีชา นรกุล ก็รู้สึกหลงรัก เช่นเดียวกับ พันตรีหลวงกฤษณะสงคราม เพื่อนสนิท หลวงสหะนาวินจึงหลีกทางให้ จนกระทั่งประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสงครามรัฐบาลได้อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามยุทธศาสตร์ตามแผนป้องกันพระราชอาณาจักร ที่ พลโทพระยานรกุล ร่างขึ้น แต่ขณะนั้นเองมีกลุ่มคนคิดขายชาตินำโดย วิญญู เป็นหัวหน้า ต้องการขโมยร่างแผนป้องกันพระราชอาณาจักร จึงให้อุดมกับเฉลิมลอบไปขโมยในงานวันเกิดพระยานรกุลที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อถึงวันงาน อุดมลอบเข้าไปขโมยร่างแผนป้องกันพระราชอาณาจักรในบ้านพระยานรกุลสำเร็จ แต่ขณะที่กำลังปีนลงมาจากตึก หลวงกฤษณะมาเห็นเข้าจึงยิงอุดมเสียชีวิต เฉลิมซึ่งคอยดูต้นทางอยู่รีบวิ่งไปฉวยแผนป้องกันพระราชอาณาจักรและหลบหนีไปได้ หลวงกฤษณะถูกเรียกเข้าประจำกรมด่วน เนื่องจากรัฐบาลประกาศสงครามแล้ว นายเรือเอกปรีชาจึงเสียสละออกรับแทนว่าตนเป็นผู้ยิงอุดมเสียชีวิต หลวงกฤษณะจึงได้ไปปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ หลังจากนั้นตำรวจก็ได้รับแจ้งว่าร่างแผนป้องกันพระราชอาณาจักรหายไป เมื่อสอบปากคำ นงลักษณ์ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงรีบไปดักรอผู้ต้องสงสัยที่สถานเบียร์ฮอลล์ "โอดี" และจับวิญญูและเฉลิมพร้อมของกลางได้ นายเรือเอกปรีชาจึงได้รับการปล่อยตัวไปเป็นผู้บังคับหมู่เรือยามฝั่ง กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศไทยเคลื่อนทัพสู่สนามรบ และได้ชัยชนะกลับมา

โมรา (2478/1935) จันทโครพ ลาพระฤาษีอาจารย์กลับบ้างเมือง ฤาษีให้ผอบติดตัวไป และห้ามเปิดก่อนถึงเมือง จันทโครพอดไม่ได้เปิดดูผอบกลางทาง มีนางโมราออกมาจากผอบ จันทโครพจึงมีหญิงงามเป็นเพื่อนเดินทาง แล้วก็เกิดเรื่องเมื่อพบโจรไพรโผล่มาชิงนาง เกิดต่อสู้กัน เพื่อแย่งนางระหว่างจันทโครพกับโจร
ระเด่นลันได 2478

ระเด่นลันได (2478/1935) ถอดจากหนังสือลือชื่อในบทประพันธ์ไทยเรื่องหนึ่ง ผู้แสดงได้แก่ บังฟัก พูมศรี เป็นตัวระเด่นลันได ขุนสำราญ (อ๊อด) เป็นท้าวประดู่ จรัสยนตร์ คำแย้ม เป็นนางประแดะ และ จำเริญ สวัสดิสันติ์ เป็นนางกระแอ เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่สำคัญในเชิงตลกขบขัน การฉายคงมีพากย์ประกอบในแบบใหม่ คือ ชายพากย์บทชาย หญิงพากย์บทหญิง (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478) เรื่องตลกจริงๆ ตลก แท้ๆ ถ้าท่านยังไม่มี เรื่องที่จะหัวเราะหรือยังหาโอกาสหัวเราะไม่ได้ ก็เชิญเตรียมตัวคอยชม ระเด่นลันได ภาพยนตร์ตลกประกอบ เสียงของหัสดินทรภาพยนตร์ "ระเด่นลันได" ที่บริษัทหัสดินทร์สร้างขึ้นใหม่ นี้ ได้ใช้วิธีสร้างประกอบเสียงโดยวิธีใหม่ที่สุดซึ่งท่านจะได้เห็นและได้ฟังเปนครั้งแรกในพระนคร ท้องเรื่องของภาพยนตร์ถอดจากบทประพันธ์ของจินตกวีในรัชชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชชกาลที่ ๒ และเปนเรื่องตลกล้วนๆ อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Comedy แท้ๆ (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ มีนาคม พ.ศ. 2478)

เมืองแม่หม้าย 2478

เมืองแม่หม้าย (2478/1935) เกสร กับ กำจร สองเพื่อนรักนักเสี่ยงโชคกำลังตกอับถึงขีดสุด แม้แต่ค่าเช่าบ้านก็ยังค้าง นายสุดใจ ถึงสามเดือน ทั้งสองจึงปลอมตัวเป็นหญิงเพื่อเดินทางไปแสวงโชคยังเมืองแม่หม้ายดินแดนลึกลับที่มีแต่ผู้หญิง ระหว่างทางต้องผจญอุปสรรคมากมายแต่ก็รอดพ้นได้จนสามารถมาถึงเมืองแม่หม้าย ทหารเมืองค้นตัวเกสรกับกำจรและอธิบายว่า ก่อนจะเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ ทุกคนต้องเข้าพิธีเสี่ยงน้ำสาบานว่าจะซื่อตรงต่อพระจันทร์ ผู้เป็นพระสามีของชาวเมือง หากพระจันทร์โปรดผู้ใดก็จะตั้งครรภ์ ทั้งสองกลัวความแตก จึงโกหกนางพญาว่าเป็นหมอดูและดูดวงชะตาให้นางพญา เมื่อหลอกล่อถามนางพญาจนรู้ว่านางเองก็ต้องการให้มีผู้ชายเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเปิดเผยตน นางพญาซึ่งต้องการผู้ชายให้มาอยู่ในเมืองอยู่แล้ว จึงออกคำสั่งห้ามประหารชีวิตสองหนุ่ม แต่มีข้อแม้ว่าเกสรกับกำจรต้องอยู่ที่เมืองแม่หม้ายตลอดไป

กุหลาบเชียงใหม่

กุหลาบเชียงใหม่ (2478/1935) กุหลาบเชียงใหม่ต้องชอกช้ำเพราะหนุ่มโกเสต (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤศจิกายน พ.ศ. 2478)