My Precious รักแรก โคตรลืมยาก (2566/2023) เรื่องราวความรักของ "ต๋อง" (นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์) เด็กผู้ชายในวัย 16 หัวโจกของแก๊งสุดห่ามประจําโรงเรียน และแก๊งเพื่อนอย่าง "โด่ง" (โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี), "แบงค์" (ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์), "ไม้" (นีโอ-ตรัย นิ่มทวัฒน์) และ "เปา" (ยูโร-ธนเศรษฐ์ สุริยะพรชัยกุล) ที่มักจะก่อวีรกรรมสุดป่วนสร้างความปวดหัวให้กับเหล่าครูในโรงเรียนอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่ง "ต๋อง" และเพื่อน ๆ เกิดนึกสนุกเล่นพิเรนทร์กลางห้องเรียน จนทําให้ "ต๋อง" ถูกทําโทษด้วยการย้ายมานั่งอยู่หน้า "หลิน" (ฟิล์ม-รชานันท์ มหาวรรณ์) นักเรียนดีเด่นประจําโรงเรียนที่ทั้งน่ารักและเรียนเก่ง แถมยังเป็นคนที่เหล่าเพื่อน ๆ ในแก๊งของต๋องแอบชอบอีกด้วย มีเพียง "ต๋อง" ที่ไม่ได้ชอบ "หลิน" เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ 'โคตรเจ๋ง' เกินกว่าจะชอบใคร แต่สุดท้ายด้วยความใกล้ชิดเพราะต้องติวหนังสือให้กันก็เกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่พวกเขาเรียกมันว่า "รักแรก" และต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน "รักแรก" ก็ยังคงเป็นคนที่เราไม่มีวันลืมอยู่ดี
เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ (2558/2015) ป๋อง (ธิติ มหาโยธารักษ์) เด็กหนุ่มนักเรียนชั้นม.5 แบ่งนักเรียนในโรงเรียนในระดับฐานันดรต่างๆ คือ คนทั่วไป, อันธพาล, เด็กเนิร์ด, นักกีฬา, คนหน้าตาดี, และนักกิจกรรมตัวท็อป โดยจัดตัวเองเป็นอยู่ในกลุ่มไร้ตัวตน ไม่มีคนสนใจ แต่ป๋องก็มีความในใจคือแอบชอบมิ้ง (นรีกุล เกตุประภากร) นักกิจกรรมตัวท็อป เธอยังเป็นว่าที่ประธานสีคนต่อไป ทั้งที่เธอไม่เคยเหลียวป๋องเลย จนวันนึงป๋องได้รู้จักกับเมย์ไหน (สุทัตตา อุดมศิลป์) ผู้หญิงเก็บตัว ไม่เข้าสังคม และเป็นกลุ่มคนประเภทไร้ตัวตนเฉกเช่นเดียวกับตัวป๋องเอง ป๋องเองรู้ความลับของเมย์ไหนว่าเธอแอบชอบพี่เฟม (ธนภพ ลีรัตนขจร) เป็นนักกีฬาประจำโรงเรียน ประธานสี ป๋องยังทราบว่าเมย์ไหนเลือกที่จะไร้ตัวตนเพราะเธออยู่กับใครไม่ค่อยได้ ร่างกายของเธอจะปล่อยกระแสไฟฟ้าเมื่อเธอ ตื่นเต้น หรือตกใจ ทังสองจึงตกลงเป็นเพื่อนและเก็บความลับของกันและกัน ค่อยๆ สนิทกัน และช่วยกันจีบมิ้ง
แผลเก่า The Scar (2557/2014) ความรักระหว่าง ขวัญ หนุ่มลูกทุ่งและ เรียม สาวบ้านนาที่กลายเป็นรักต้องห้าม เมื่อครอบครัวแต่ละฝ่ายต่างเป็นศัตรูกัน กาลเวลาและโชคชะตาพรากพวกเขาออกจากกัน เมื่อสาวเรียมจำต้องถูกขายขัดดอกให้กับคุณหญิงทองคำเปลว ผู้รักเรียมประดุจลูกสาวของตนเอง คุณหญิงได้ชุบเลี้ยงเรียมจนกลายเป็นสาวชาวกรุงผู้มีการศึกษา สุดท้ายเป็นเพราะโชคชะตาอีกครั้งที่นำพวกเขามาพบกันอีกครั้งท่ามกลางความแตกต่างราวฟ้ากับเหวของทั้งสอง
The Melody รักทำนองนี้ (2555/2012) เพลงรักนับล้านที่มีมากมายอยู่บนโลก แต่มีแค่เพลงเดียวที่มันเป็นของเราสองคน “The Melody รักทำนองนี้” เมื่อดนตรีนำพาทั้งคู่ให้เจอกัน เนื้อเพลงและความหมายที่มีอยู่ต่อจากนี้ จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกและความรัก…ที่มีอยู่จริง เมื่อเส้นทางชีวิตของ “วิน” (แดน วรเวช) นักร้องและนักแต่งเพลงยอดนิยมผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงแบบสุดๆ ความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะยอมรับทำให้วินหนีไปซ่อนตัวที่แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆ บนภูสูง ที่ที่ทำให้เขาบังเอิญพบกับ “หมอก” (ฉัตร ปริยฉัตร) นักเปียโนฝีมือดี สาวจอมตื๊อที่มักชอบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เกลียดอยู่เสมอ และแล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดและดนตรีทำให้วินได้เรียนรู้ว่า ทำนองเพลงที่บรรเลงได้ไพเราะที่เขาค้นหามาตลอดชั่วชีวิต คือเสียงหัวใจของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง แต่กว่าวินจะรู้ตัว โชคชะตาก็นำพาอุปสรรคสำคัญเข้ามา สิ่งที่จะทำให้วินและหมอกเรียนรู้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจของกันและกัน บททดสอบที่จะทำให้คู่รักทุกคู่รู้จักไขว่คว้าความสุข แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดมิดของความทุกข์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา เพลงที่เธอแต่งทำนองและเขาช่วยแต่งคำร้องที่บริสุทธิ์ที่สุดที่บทเพลงทั้งหมดเคยบรรเลงมา ร่วมซึ้งไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกในเมืองแห่งสายหมอก กับบทเพลงอันไพเราะด้วยฝีมือการแต่งเพลงจากนักแสดงนำ “แดน วรเวช” และนักร้องเสียงอบอุ่นอย่าง “บอย ตรัย” ที่จะมาเปลี่ยนแปลงฤดูหนาวของใครหลายคน ให้กลายเป็นฤดูที่หัวใจเต้นเป็นทำนองใหม่ที่อบอุ่นที่สุด
ห่วยขั้นเทพ Suck Seed!! ชีวิตมันต้องลองซักซี้ดนึง!! (2554/2011) เป็ด (จิรายุ ละอองมณี) เด็กประถมสุดเห่ย ที่ไม่เคยฟังเพลง นอกจากจะไม่ชอบฟังเพลงและยังเข้าใจเอาเองผิด ๆ ว่า เพลงเร็วเรียกเพลงร็อค เพลงช้าเรียกเพลงรัก ส่วนเพลงไทยนั้นก็มีแค่สองประเภทคือ เพลง แกรมมี่ และ อาร์เอส เป็ด หัดเล่นดนตรีเพียงเพราะแอบหลงรัก เอิญ (ณัฐชา นวลแจ่ม) เพื่อนร่วมห้องได้ทำให้เขารู้จักกับเพลง และความรัก เอิญ สอน เป็ด ว่าเวลาเราฟังเพลงก็จะเหมือนมีเพื่อนมาอยู่ข้าง ๆ เป็ด เลยอยากเป็นคนข้าง ๆ เอิญ บ้าง ยิ่งรู้ว่า เอิญ เป็นสาวหูเหล็ก เป็นสาวกเพลงร็อคที่คลั่งไคล้กีตาร์ฮีโร่เป็นชีวิตจิตใจ เป็ด จึงเกิดแรงฮึดที่จะผันตัวเองจากไอ้แหยขี้อายให้กลายเป็น ร็อคเกอร์ แต่รักครั้งแรกก็ต้องแตกสลาย เมื่อเธอต้องย้ายไปไกลแสนไกล เวลาผ่านไปไวถึง ม.6 เอิญ ก็กลับมาพร้อมกับความน่ารักและฝีมือกีตาร์ขั้นเทพ เป็ด ที่ยังเห่ยเหมือนเดิมจึงจับมือกับ คุ้ง (พชร จิราธิวัฒน์) มือกีตาร์ของวงนั้นมีบ้านเป็นโรงรับจำนำซึ่งเปรียบเสมือนดีสนีย์แลนด์ของเพื่อน ๆ ของเก่าของคนอื่นจะกลายมาเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของ คุ้ง เสมอ ตั้งแต่ประถมยันมัธยมคุ้งคือผู้นำเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์แฟมิคอม โรลเลอร์เบลด ตู้สติ๊กเกอร์ เกมเต้น โฟโต้ฮันท์ คุ้ง เป็นต้องได้ประเดิมเป็นคนแรก เป็นเพื่อนสนิทสุดเกรียนที่วัน ๆ คิดแต่จะหม้อหญิง พ่วงด้วย เอ็กซ์ (ธวัช พรรัตนประเสิรฐ) มือกลองบ้าพลังที่อยากสอยดาวโรงเรียนที่แอบชอบอยู่ รวมกันเป็นสามตัวห่วย ตั้งวงเพื่อจีบสาวสวย คุ้ง อาจจะมีชะตากรรมเป็นถึงไอดอลของโรงเรียน ถ้าจะไม่มีกรรมมาบังให้คุ้งดันมีฝาแฝดชื่อ เค น้องชายที่ทั้งเรียนเก่งกว่า ที่สำคัญเคยังเป็นมือกีตาร์ของวงโรงเรียนที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าประกวด Hot Wave Music Award ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความฮ็อตของ เค จะทำให้ คุ้ง กลายเป็นแค่ฝาแฝด เค ในสายตาของทุกคน ในปีสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย เมื่อวงของ เค ลงสมัคร Hot Wave โดยมี เอิญ เข้าร่วมในฐานะนักร้องนำ เป็ด และ คุ้ง จึงจับมือกันปฏิวัติตัวเองฟอร์มวง SuckSeed ขึ้นมา หาญกล้าท้าแข่งเพื่อพิสูจน์ให้คนที่พวกเขาทั้งรักทั้งอยากเอาชนะได้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ "ตัวห่วย" อย่างที่ใคร ๆ คิด
สิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่า..รัก (2553/2010) น้ำ (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) สาวน้อย ม.1 วัย 14 หน้าตาธรรมดา ๆ กระเดียดไปทางไม่สวย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ขี้เหร่นั่นแหละ แต่เธอดันไปแอบชอบ พี่โชน (มาริโอ้ เมาเร่อ) พี่ม.4 ที่หล่อ เท่ ที่สุดในโรงเรียน แล้วแถมยังใจดีอีกตะหาก ทำให้น้ำมีคู่แข่งเป็นสาว ๆ ทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย ที่มีแต่คนสวย ๆ เต็มไปหมด แต่น้ำไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอพยายามลุยทำทุกอย่าง สู้ทุกรูปแบบเพื่อที่จะเก่งและสวย แล้วเด่นขึ้นในโรงเรียนให้ได้ เพราะแอบหวังในใจเล็ก ๆ ว่าถ้าทำสำเร็จพี่โชนอาจจะหันมามองเธอซักครั้ง น้ำ ทำตั้งแต่เอามะขามเปียกมาขัดผิว สมัครเป็นนางรำแม้จะถูกคัดออก หัดเป่าคาริเน็ตแล้วสมัครเข้าวงโยธวาทิตเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ พี่โชน ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน ๆ แก๊งหน้าแย่ ในที่สุด น้ำ ก็ได้เป็นดรัมเมเยอร์มือหนึ่งของโรงเรียน จนตอนที่เรียนอยู่ ม.3 เธอได้เป็นดาวของโรงเรียน จริง ๆ! น้ำ ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ ทั้งโรงเรียน มีคนเข้ามาจีบเป็นสิบ ๆ คน ยกเว้นคนที่เธอรอคอยอยู่คนเดียว โชน แล้วเรื่องราวความรักของ น้ำ จะเป็นอย่างไร โชน จะหันมาสนใจเธอมั้ย สุดท้ายแล้วความรัก ความฝัน กับความเป็นจริง จะได้พบกันเมื่อไหร่ เวลาคงเป็นคำตอบของทุกอย่างเอง
ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่ (2553/2010) “ความใฝ่ฝันของผมนั่นเหรอ ผมไม่ใฝ่ฝันที่จะเป็นเพียงเรือจ้าง ที่เขาเปรียบครูไว้เช่นนี้หรอก ลองคิดดูซิว่า ขณะที่เรากำลังแจวเรือ แล้วมีคนอื่นอีกมาก ใกล้จะจมน้ำตาย แล้วเราจะไม่จอดแวะรับเขาขึ้นมาด้วยกันกับเราเหรอ เราจะเอาเพียงเด็กนักเรียนขึ้นฝั่งเท่านั้น เท่านี้เหรอ สำหรับเกียรติของครู ความใฝ่ฝันของผมก็คือ ผมจะไม่เป็นเพียงเรือจ้างสำหรับเด็กนักเรียนเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ ผมจะเป็นเรือที่จะรับส่งและช่วยเหลือคนที่จะจมน้ำตายทุกคน” เรื่องเล่าที่ไม่มีวันตายของครูผู้มีอุดมการณ์และความปรารถนาจะเป็นยิ่งกว่า “ครู” เรื่องราวของความทรงจำอันยากจะลืมเลือนของครูบ้านนอกเกิดขึ้นเมื่อ “พิเชษฐ์” (พิเชษฐ์ กองการ) สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยครูพระนคร พิเชษฐ์เลือกมาบรรจุเป็นครูที่ “โรงเรียนบ้านหนองฮีใหญ่” ซึ่งอยู่ในชนบทอันห่างไกลที่มีแต่ความทุรกันดาร โดยมี “ครูใหญ่ชาลี” (หม่ำ จ๊กม๊ก) เป็นครูสอนนักเรียนเพียงลำพังของโรงเรียน ต่อมาได้มีครูมาสมทบเพิ่มอีก 2 คนคือ “ครูสมชาติ” (อสงไขย ผาธรรม) ที่จำใจมาเป็นครูเพราะหางานทำในเมืองไม่ได้ และ “ครูแสงดาว” (ฟ้อนฟ้า ผาธรรม) ที่มาเป็นครูอยู่ที่หนองฮีใหญ่เพื่อรอจังหวะโยกย้ายเข้าไปเป็นครูในตัวเมือง ตลอดระยะเวลาที่มาเป็นครูอยู่ที่หมู่บ้านหนองฮีใหญ่ ครูพิเชษฐ์ได้อุทิศทั้งกายและใจในการพัฒนาการเรียนการสอน และชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนทุกคนจนกลายเป็นที่รักของเด็กนักเรียน คุณครู และผู้คนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ครูในโรงเรียนบ้านหนองฮีใหญ่ ทั้งครูใหญ่ชาลี, ครูสมชาติ และครูแสงดาว ได้รู้ซึ้งถึงเกียรติยศของคำว่า “ครู” แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อครูพิเชษฐ์ได้เข้าไปเปิดโปงขบวนการผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพลในท้องที่ จนถูกมือปืนตามล่า เป็นเหตุให้ครูพิเชษฐ์ต้องพักการสอนและหนีออกจากหมู่บ้านไปซ่อนตัวซักระยะ แต่ด้วยวิญญาณความเป็นครู ทำให้ครูพิเชษฐ์หวนกลับมาสอนหนังสือเด็กที่โรงเรียนอีกครั้ง จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทุกคนแห่งบ้านหนองฮีใหญ่จะจดจำไปอีกตราบนานเท่านาน…
ฟ้าใส ใจชื่นบาน (2552/2009) เรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ทราย (ร่มฉัตร ขำศิริ) นักศึกษาสาวที่ต้องการเข้าไปช่วยเพื่อนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกกันตัวออกมา เธอได้พบกับ ก้อง (พิชญะ วัชจิตพันธ์) กับพรรคพวก ได้แก่ จอบ (ค่อม ชวนชื่น) เสียม (อ่าง เถิดเทิง) และ คิด (ฝันดี จรรยาธนากร) ที่ปั๊มน้ำมัน วันหนึ่งก้องชวนเพื่อน ๆ เข้าป่าเพราะต้องการหนีจากชีวิตในเมือง หารู้ไม่เลยว่ากำลังเดินทางไปพร้อมกับพวกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก้องได้พบกับทราย ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "สหายเม็ดทราย" ไปแล้ว ก้องและพวกจึงจำเป็นต้องแสร้งใช้ชีวิตอยู่ในป่าไปก่อน สหายเม็ดทรายนั้นชื่นชอบ สหายเที่ยง (สุรสิทธิ์ เอี่ยมโอภาสวงศ์) คอมมิวนิสต์หนุ่มผู้มีอุดมการณ์ ซึ่งต่างจากก้องและพรรคพวก และวันหนึ่งที่จอบและเสียมเผลอไปตัดเอาต้นข้าวเพราะคิดว่าเป็นหญ้าจนเหี้ยนหมด ทั้งหมดจึงต้องออกเดินทางไปขอเสบียงจากชาวบ้าน และที่นั่น ทำให้สหายเม็ดทรายได้ล่วงรู้ถึงความจริงว่า ความสุขที่แท้ของคนอยู่ที่ใจ หาใช่อุดมการณ์อะไรไม่
Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ (2550/2007) เรื่องราวการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 4 คน ในช่วงปีการศึกษา พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นปีแรกที่ใช้การสอบแอดมิดชันส์ แทนการสอบเอ็นทรานซ์ และชีวิตที่ถูกฟันธงของเด็ก ปี 2549 ปีนี้ไม่เหมือนปีไหน ๆ เพราะมันเป็นปีที่ปฏิทินการเมืองร้อนระอุด้วยม็อบกู้ชาติ ปีที่ใคร ๆ ก็ถามไถ่ "ไปพารากอนมารึยัง?" ปีที่ขวัญและกำลังใจของนักเรียน ม.6 แหลกสลาย เมื่อพระพรหมเอราวัณถูกทุบทำลาย ที่สำคัญมันเป็นปีแรกของการประกาศใช้ระบบแอดมิชชั่นส์ ปีนี้... วัยรุ่นไทยวัย 17 ที่อยากเอ็นทรานซ์ต้องสอบ โอเน็ต-เอเน็ต สดจากโรงเรียน กองถ่ายภาพยนตร์สุดอึดจาก GTH ทุ่มเทเวลา 1 ปีเต็มเฝ้าติดตามชีวิตของนักเรียน ม.6 จำนวน 4 คนในปีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่สนามการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต โดยไม่รู้ว่าพระเจ้าจะดลบันดาลใจให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (2549/2006) หลังจากจบมัธยมต้นแล้ว ป้อม ตัดสินใจสมัครเข้าเรียนมัธยมปลาย ที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาเตรียมดนตรี เพราะต้องการอยู่ใกล้กับ ดาว เด็กสาวจากโรงเรียนเดียวกัน ที่เขาแอบหลงรัก ในขณะที่พ่อของป้อมเข้าใจว่า ลูกชายเรียนสาขาเตรียมแพทยศาสตร์ โดยที่ป้อมเองก็ไม่กล้าบอกความจริง เนื่องจากพ่อของป้อมเห็นว่า ดนตรีเป็นวิชาชีพที่ไม่มั่นคง ขณะเดียวกัน ป้อมก็ได้พบกับ อ้อม ลูกสาวของเพื่อนพ่อ ที่ถึงแม้ด้านปฏิบัติจะไม่เอาไหน แต่ความรู้ด้านทฤษฏีดนตรีเป็นเลิศ และสอบเข้าที่วิทยาลัยฯ เช่นกัน เมื่อทราบเรื่อง อ้อมก็เข้าใจว่า ป้อมรักดนตรีเหมือนกัน จึงสัญญาจะช่วยป้อมเก็บความลับ ถึงแม้จะตามผู้หญิงที่แอบรักมาเรียน แต่ป้อมกลับค้นพบว่า ตัวเขามีพรสวรรค์ในการตีกลองชุดที่เป็นเลิศ ทำให้ เฉด และ ฉัตร สองหนุ่ม ผู้กำลังมองหามือกลอง ให้กับวงดนตรีของตัวเอง เลือกป้อมเข้าร่วมวง เพื่อเข้าประกวด การแข่งขันวงดนตรี ฮอทเวฟมิวสิคอวอร์ด โดยตั้งชื่อวงว่า Ass-Ho-Le (แอสโฮลี่) นอกจากนี้ ฝีมือการตีกลองของป้อม ยังไปเข้าตา จิทาโร่ อาจารย์ชาวญี่ปุ่น ผู้สอนเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ (เพอร์คัชชัน) อาจารย์จิทาโร่ จึงมักจะเรียกใช้ป้อม ให้มาช่วยทำวิทยานิพนธ์ของเขาอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ป้อมกลับเลือกสมัครเป็นมือกลองทิมปะนี ในวงออร์เคสตราของโรงเรียนแทน เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดดาว ซึ่งเป็นมือไวโอลินของวง ส่วนอ้อม ซึ่งเคยเป็นมือไวโอลินเช่นกัน ต้องเปลี่ยนไปเล่นฉาบแทน เนื่องจาก ฝีมือการเล่นเครื่องดนตรีอื่นไม่เอาไหนจริงๆ เนื่องจาก วงออร์เคสตรา ใช้การเคาะจังหวะด้วยกลองไม่มาก ป้อมจึงต้องรออย่างเบื่อหน่าย กว่าจะถึงช่วงเล่นของตนแต่ละครั้ง ต่างกับอ้อม ที่มีความสุขกับดนตรี แม้ทั้งเพลงจะได้เล่นน้อยมาก ป้อมจึงเริ่มนึกถึงความรู้สึกของตนเอง ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เสมอ ทั้งเรื่องดนตรี การเรียน ความรัก และชีวิตของตนในอนาคต ราวกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
มอ๘ (2549/2006) เมื่อนักเรียนชายสุดทะโมนกระโจนมาเรียนรวมกับนักเรียนหญิงสุดเรียบร้อย ก่อให้เกิด “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” ในเมืองไทย แต่ความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟกลับถูกปิดกั้นจาก “ครูสมปัติ” สุดเฮี้ยบ นักเรียนชายหญิงจะหาทางออกของมิตรภาพความรักได้อย่างไร… ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2500 การศึกษาของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีการจัดตั้ง “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” โดยโรงเรียนหญิงที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องคือ “โรงเรียนดรุณีศึกษา” โรงเรียนสตรีที่ชนะเลิศรางวัล “โรงเรียนสตรีดีเด่น“ ติดต่อกันมาถึง 25 ปี ส่วนโรงเรียนชายที่ได้รับเลือกคือ “โรงเรียนอักษรศิลป์” โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า “เรียนดี กีฬาเด่น“ “ครูบุญรอด” ครูใหญ่โรงเรียนดรุณีศึกษามอบหมายให้ “ครูสมปัติ” ครูสาวจอมเฮี้ยบและ “ครูเกษร” ครูสาวเรียบร้อยแสนหวานสองศิษย์คนโปรดเป็นผู้คัดเลือกและควบคุมนักเรียนหญิง 15 คนที่ดีที่สุดในโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและความเป็นกุลสตรีงามทั้งกายงามทั้งมารยาทเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ โดยให้ครูสมปัติไปเป็นครูประจำชั้น ส่วนครูเกษรให้ไปดูแลเรื่องมารยาท ก่อนไปครูบุญรอดอบรมและย้ำเน้นเรื่องความเป็นกุลสตรีและความมีคุณค่าของผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนที่สร้างสมมายาวนาน ครูสมปัติยืนยันหนักแน่นถึงความมั่นใจกับนักเรียนหญิงที่คัดเลือกเอาไว้และเรียกกลุ่มนี้ว่า “ดอกไม้เหล็ก“ ด้วยความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงครูสมปัติต้องเจอเรื่องห่ามๆ ซนๆ ของบรรดานักเรียนชายโรงเรียนอักษรศิลป์ ส่วนครูเกษรและนักเรียนสาวทั้ง 15 คนต้องเจอกับการจีบทุกรูปแบบจากเด็กผู้ชายและครูหนุ่มของโรงเรียนอักษรศิลป์เหตุการณ์วุ่นวายแต่น่ารักๆ ภายในโรงเรียนเกิดขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างนักเรียนหญิงและนักเรียนชายภายใต้กฎระเบียบที่ครูสมปัติวางไว้อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีจนกระทั่งนักเรียนชายไปมีเรื่องชกต่อยในงานก่อเจดีย์ทรายโดยครูชายประจำโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่อง “คุณหญิงกุหลาบ” จึงแต่งตั้งครูสมปัติขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนอักษรศิลป์โดยมีกฎข้อแรกคือ ห้ามนักเรียนมีเรื่องชกต่อยและห้ามมีความรักในโรงเรียนเด็ดขาด เพราะครูสมปัติเห็นว่าความรักในวัยเรียนถ้ามีมากไปเราจะควบคุมกันไม่ได้…
Macabre Case of Prompiram คืนบาป พรหมพิราม (2546/2003)  “พรหมพิราม” เป็นชื่ออำเภอเล็กๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ศพของหญิงสาวคนหนึ่งถูกพบที่ริมทางรถไฟในอำเภอแห่งนี้ การตายของเธอคล้ายกับว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ท้ายที่สุดจากการสืบสวนของตำรวจถึงเหตุการณ์สืบเนืองอันน่าขยะแขยงที่ไปไกลเกินความคาดหมายก็ได้เปิดเผยออกมา พบว่าเธอชื่อ “สำเนียน” หญิงสาวชาวบ้าน ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อของความหื่นของพวกผู้ชายเกือบทั้งตำบล ตอนมีชีวิตเธอเป็นคนมีสติไม่ค่อยสมประกอบ และได้ดั้นด้นออกจากภูมิลำเนาเพื่อไปหาสามีที่จังหวัดอุตรดิตถ์โดยรถไฟ แต่ถูกไล่ลงจากขบวนรถที่สถานีรถไฟ อ.พรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากไม่มีเงินตีตั๋วรถไฟ แต่ไม่รู้เลยว่าจะเป็นการลงรถไฟเที่ยวสุดท้ายในชีวิต เมื่อมีคนพบศพของหญิงสาวดังกล่าวเสียชีวิตโดยปริศนาที่รางรถไฟในเวลาต่อมา เรื่องราวในภาพยนตร์จับความในวันท้ายๆ ของ “สำเนียน” เปิดเผยการตกเป็นเหยื่อที่ถูกรุมโทรมอย่างโหดร้าย เหตุการณ์สืบเนื่องที่ทำให้เธอเหมือนตกลงไปหลุมขวาก ตลอดจนการตายของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความความเลือดเย็นที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน ความเสื่อมทรามในก้นบึ้งของจิตใจมนุษย์ถูกตอกย้ำให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้จะรบกวนและแม้กระทั่งท้าทายผู้ชมให้ตระหนักถึงมหันตภัยที่ผู้หญิงถูกคุกคาม เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องหนัก แต่วิธีการนำเสนอในภาพยนตร์ได้ดำเนินไปโดยอาศัยกลเม็ดที่ชวนให้ติดตามอย่างเร้าใจ การเคลือบด้วยอารมณ์ขันทำให้การชมเป็นไปด้วยความราบรื่นโดยไม่เสียประเด็นนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับ “มานพ อุดมเดช” เลือกใช้องค์ประกอบทางด้านเทคนิคพื้นฐานของภาพยนตร์ทั้งในด้านการตัดต่อ, เทคนิคทางด้านภาพ, ดนตรีประกอบ ฯลฯ บอกเล่าเหตุการณ์อย่างมีชั้นเชิงคล้ายกับการปลอกหัวหอมที่จะนำไปสู่ใจกลางของหัวหอม ภายใต้การโปรดิวซ์โดย “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” ยกทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แห่งสยามประเทศอย่าง “สุริโยไท” มาผลิตเป็นผลงานที่น่าจับตา ซึ่งรวมถึง “ริชาร์ด ฮาร์วีย์” คอมโพสเซอร์ระดับโลก (Animal Farm, สุริโยไท) มาถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครและบรรยากาศที่น่าสะเทือนใจลงบนตัวโน้ตในภาพยนตร์แนวอาชญกรรมชีวิตระทึกขวัญเรื่องนี้ “สารวัตรหนุ่มใหญ่” (สมภพ เบญจาธิกุล) ที่มากด้วยไหวพริบ และ “ผู้หมวดหนุ่มหน้าใหม่” (กมล ศิริธรานนท์) ที่เพิ่งย้ายราชการมาใหม่ต้องรับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของ “หญิงสาวไม่ทราบชื่อ” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) เมื่อเข้าไปรับผิดชอบคดีที่ดูเหมือนเป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แต่พอเข้าไปใกล้รูปคดีมากยิ่งขึ้นกลับพบเงื่อนงำบางอย่างที่บ่งบอกว่านี่คือคดีฆาตกรรมที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งดึงเอาผู้คนหลากอาชีพหลายวัยจากชนชั้นต่างๆ ในอำเภอนั้นถึง 30 ชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของหญิงสาวรายดังกล่าวภายใต้คดีฆาตกรรมข่มขืนกระทำชำเราหาใช่อุบัติเหตุอย่างที่บางคนคิด ภายใต้แรงกดดันที่ถูกเร่งเร้าจากทุกทิศทางทำให้สารวัตรต้องเร่งคลี่คลายประเด็นและสรุปรูปคดีให้เร็วที่สุด ภายใต้เส้นตายที่ถูกกำหนดและเร่งรัดจากเบื้องบน…
999-9999 ต่อ ติด ตาย (2545/2002) “ความอยากรู้อยากเห็น” คือ “ประตูสู่ความหายนะ” เคยมีคำกล่าวว่า “มนุษย์” มีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่ชอบให้ “ชีวิต” ตกอยู่ใน “ความคลุมเครือ” เมื่อใดที่ความคลุมเครือเข้าครอบงำชีวิต พวกเขาก็จะขจัดมันโดยไม่ค่อยคิดว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร แม้บางทีมันอาจต้องแลกด้วย “ชีวิต” “สหมงคลฟิล์ม” ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์ระทึกขวัญเหนือธรรมชาติที่สะท้อนด้านแห่งความต้องการที่ไม่เคยพอของมนุษย์ และผลลัพธ์ที่ตามมาที่สยดสยองอย่างคาดไม่ถึง “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” เรื่องราวทั้งหมดของ “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งของ “เรนโบว์” หญิงสาวผู้กุมความลับบางอย่างจากโรงเรียนเก่าที่เธอเพิ่งย้ายจากมา เรื่องราวลึกลับและบุคลิกที่ไม่เหมือนใครของเธอสร้างความสนใจให้กับกลุ่มนักเรียนเกรดสิบสองสุดเฮี้ยว 5 คนซึ่งตั้งชื่อกลุ่มของตัวเองว่า “Dare Devil Club” เป็นอย่างมาก พวกเขาซึ่งประกอบด้วย “ซัน” หัวหน้ากลุ่มผู้นิ่งสงบ, “อาฉี” หนุ่มสำอางที่อยากเด่นดัง, “มีนา” สาวเซ็กซี่ประจำกลุ่ม, “วาวา” ผู้คลั่งเทคโนโลยี และ “ราจิต” จอมวิตกจริตประจำกลุ่ม พยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงตัวเรนโบว์ และไม่นานนักความจริงที่น่ากลัวก็ถูกเปิดออก มันเกี่ยวพันกับหมายเลขโทรศัพท์มรณะ “999-9999” ที่ใครก็สามารถโทรไปขอสิ่งที่ตนปรารถนาได้ตามใจอยาก และเมื่อเขาโทรไปแล้วก็ได้รับสิ่งที่ใจต้องการ แต่ไม่นานเขาก็ต้องตายอย่างปริศนา อย่างไรก็ตาม แทนที่ทุกคนฟังแล้วจะเกิดความกลัวไม่อยากเข้าไปยุ่งกับมัน พวกเขากลับให้ความสนใจ อยากรู้และอยากทดลองว่ามันเป็นจริงหรือเปล่าในทันที และแล้วปฐมบทแห่งความน่ากลัวภายใต้หมายเลขมรณะ “999-9999” ก็เริ่มต้นขึ้น… “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” เป็นผลงานการกำกับของ “ปีเตอร์ มนัส” ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากบทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นโดย “ณัฐิยา ศิรกรวิไล” ภาพยนตร์เรื่องนี้ควบคุมการสร้างโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ( รองต๊ะแล่บแปล๊บ, เกิดอีกทีต้องมีเธอ) ภายใต้การอำนวยการสร้างของ “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ในด้านของนักแสดง “999-9999 ต่อ-ติด-ตาย” ระดมทีมนักแสดงวัยรุ่นที่มากด้วยฝีมือหลายคน นำโดย “จุลจักร จักรพงษ์” (รับบท ซัน), “ศรีริต้า เจนเซ่น” (เรนโบว์), “พอลล่า เทเลอร์ (มีนา), “รวิช พงษ์วานิช” ( หมูเปรี้ยว), “เทพฤทธิ์ ไรวินท์” (อาฉี), “ฐิตินันท์ เกียรติธนกร” (ราจิต) และ “วรจรรย์ แสงเงิน” (วาวา)
เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ (2545/2002) บี (ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ), ตุ้ม (ปาริชาต แก้วกำพล), นุ้ย (ชโลธร บริราช), ติ๋ม (จีระนันท์ กิจประสาน) สี่สาววัยใสเพื่อนซี้ ทั้งหมดกำลังเรียนอยู่ในชั้น ม.3 โรงเรียนผู้หญิงล้วน มีชีวิตอย่างสนุกสนาน และน่ารักตามวัย เด็กสาววัยใสทั้งสี่มาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน พ่อของบี (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว) เป็นนักเขียน เจ้าของนิยาย ขายดีเรื่อง "ความรักของพ่อนกเงือก" ที่บรรยายถึงความสำคัญของพ่อนกเงือกต่อคู่ชีวิต และลูกที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ส่วนแม่ของบีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนถนน ตุ้มเป็นลูกสาวของนายแพทย์ตำรวจ (ณรงค์ ลัมะกานนท์) นุ้ยอยู่กับแม่ (ริสา หงษ์หิรัญ) ที่มีอุปนิสัยห้าวพอกัน เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ส่วนติ๋มเป็นลูกสาวของนายธนาคารใหญ่ (ศรัณยู วงศ์กระจ่าง) ที่กำลังมีปัญหาเรื่องทุจริตในสถาบันการเงิน อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสี่ไปเดินเที่ยวตามศูนย์การค้า นุ้ยถูกรปภ.จับหาว่าขโมยของ ตุ้ม ติ๋ม บีพยายามเข้าไปช่วย แต่พลาดท่ารปภ.ตัวร้าย แต่โชคยังเข้าข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับ หัวหน้ารปภ.ตัวร้ายได้ทัน การผจญภัยครั้งนั้นส่งผลอย่างมากต่อตุ้ม จากเด็กห้าวท่าทางเหมือนทอมบอย ตุ้มเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่กลายเป็นสาวสวย สร้างความประหลาดใจให้กับหมู่เพื่อนๆ ตุ้มชวนเพื่อนไปเรียนกวดวิชา เตรียมตัวสอบเข้าเรียน ม.4 ทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นบี ที่ไม่อยากเรียนสัปดาห์ละ 7 วัน และนี่คือจุดสำคัญ ที่พลิกผันความผูกพันของกลุ่มเพื่อนทั้งสี่ ที่โรงเรียนกวดวิชานี่เอง ตุ้มรู้จักกับเด็กหนุ่มวัยเดียวกันชื่อ แดง (ชาญนนท์ คล่องสุดใจ) หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของกลุ่มเริ่มเปลี่ยนแปลง ตุ้มทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับแฟนหนุ่ม จนไม่เหลือสำหรับเพื่อนๆ ในกลุ่ม สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมากกับบี ซึ่งถือว่าสนิทกับตุ้มที่สุด... ในบรรดากลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มที่เหนียวแน่นมาตลอด เริ่มสำแดงความแตกร้าว ตุ้มตีจากไป ตามด้วยบีซึ่งผิดหวังกับเพื่อนสนิท ความผิดหวังทำให้บีตัดสินใจหนีความเบื่อหน่าย ด้วยการพยายามสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้เธอต้องตีจากกลุ่มกลายๆ นุ้ยก็มีปัญหาความขัดแย้งกับตุ้ม ด้วยความเข้าใจผิดของฝ่ายหลัง ตุ้มคิดว่านุ้ยคิดจะแย่งแฟนตัวเอง เมื่อรอยร้าวในกลุ่มแผ่ขยายกว้าง จนทำท่าว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่นมาถึงจุดอวสาน ทำให้ติ๋มที่แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยลุกขึ้นมาพูดแสดงความต้องการของตัวเอง ไม่เคยขัดใจเพื่อน ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นเสมือนกาวใจ หาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อคงรักษาไว้ซึ่งมิตรภาพ และความรักอันบริสุทธิ์ ที่แต่ละคนเคยให้กันและกัน ความรัก การเสียสละ และการให้อภัย คือทางออกทางเดียวสำหรับพวกเธอ
ขวัญ เรียม (2544/2001) ขวัญ (นินนาท สินไชย) และ เรียม (ภัครมัย โปตระนันทน์) หนุ่มสาวแห่งทุ่งบางกะปิที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พ่อของทั้งสองไม่ถูกกันทำให้ความรักของทั้งสองยากจะบรรจบ ซ้ำร้ายเมื่อเรียมจำต้องไปแต่งงานกับชายอื่นตามคำสั่งของพ่อ ขวัญชายหนุ่มบ้านนาต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อรักษาคนรักของเขาเอาไว้
คู่กรรม 2 (2539/1996) กลินท์ หรือ โยอิจิ เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของอังศุมาลินที่เกิดจากโกโบริ ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 อังศุมาลินพยายามเลี้ยงดูกลินท์ด้วยความเข้มแข็ง แม้ วนัส เสรีไทยที่ชอบอังศุมาลินอยู่นานจะเปิดเผยความในใจและไม่รังเกียจที่จะอยู่กินกับอังศุมาลิน แต่อังศุมาลินก็ยังคงคบกับวนัสเพียงเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น เพราะยังมั่นในรักที่มีต่อโกโบริ อังศุมาลินพยายามปลูกฝังความเป็นโกโบริให้ในตัวกลินท์ แต่กลินท์ไม่ยอมรับและรังเกียจ เมื่อโตขึ้น กลินท์เข้าทำงานเป็นอาจารย์ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังผันผวนเพราะเป็นยุคเผด็จการทหาร กลินท์เป็นคนหนุ่มหัวสมัยใหม่ เขาเป็นผู้นำนักศึกษาร่วมการประท้วงสินค้าญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงประวัติของกลินท์ มีแต่เพียง ชิตาภา อาจารย์สาวร่วมคณะเท่านั้นที่คอยเตือนให้ระวังความปลอดภัย หนึ่งในนักศึกษาที่ร่วมการประท้วงนั้น ศราวณี นักศึกษาสาวปีสามคณะรัฐศาสตร์ เป็นคนที่โดดเด่นมาก กลินท์ประทับใจในตัวเธอ ต่อมาศราวณีรู้ว่ากลินท์ที่แท้ก็เป็นญาติผู้พี่ของเธอ ที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เกิดจากอังศุมาลิน ที่ทางครอบครัวของเธอรังเกียจ เพราะอังศุมาลินยอมแต่งงานกับทหารญี่ปุ่นอย่างโกโบริ ศราวณีเลยพลอยรังเกียจกลินท์ไปด้วยทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าคนในครอบครัวเธอเกลียดครอบครัวกลินท์ และบอกกล่าวประวัติของกลินท์ให้ทุกคนได้รู้หรือเรียกว่า​"social bullying" ในสมัยโบราณ​ ทำให้ทุกคนเริ่มถอยห่างและไม่ไว้วางใจให้กลินท์นำอีกต่อไป ซึ่งมีแต่เพียงชิตาภาซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของศราวณีผู้โง่เขลาเท่านั้นที่เข้าใจกลินท์ ต่อมา ศราวณีถูกจับ กลินท์เข้าไปช่วยและได้รู้ถึงสาเหตุที่ทุกคนรังเกียจตน กลินท์พาศราวณีไปที่บ้านและได้พบกับอังศุมาลิน ศราวณีถึงได้รู้ว่าที่แท้อังศุมาลินรักในตัวโกโบริอย่างแท้จริง และไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ครอบครัวเธอปลูกฝัง จึงเปลี่ยนทัศนคติและขอโทษ จากนั้นความผูกพันของทั้งคู่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ การที่ศราวณีกลับไปคืนดีกับกลินท์ ทำให้ กบ ป้าของศราวณีไม่พอใจ จึงมีปากเสียงกัน ศราวณีหนีออกจากบ้าน ชิตาภาร้อนใจไปหากลินท์ที่บ้าน ขณะเดียวกันนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์วันมหาวิปโยคขึ้น กลินท์คิดว่าศราวณีคงจะไปร่วมชุมนุมด้วย จึงออกตามหาในที่ชุมนุม แต่กลับเจอศราวณีผู้น่าสงสารในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสปางตายและเพ้อรำพันที่บ้านสวนอยู่ตลอดเวลาว่า ตนเป็นคนพาเพื่อน ๆ ไปตาย ชิตาภาโทรศัพท์ไปบอกอาการแก่กบ แต่กบไม่รับฟังและเอาแต่โทษชิตาภาต่าง ๆ นานา หลังจากนี้ รัฐบาลต้องทูลเกล้าลาออกเพราะมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมากมาย ชิตาภาต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและพาศราวณีที่อาการปางตายไปรักษาอาการด้วย กลินท์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองรักชิตาภาอย่างสุดหัวใจ แต่ไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับเธอได้ เพราะชิตาภามีคู่หมั้นแล้วเป็นชาวต่างประเทศ ทั้งคู่ให้คำมั่นสัญญากันว่า จะเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน ต่อมา อังศุมาลินมีอาการป่วยและบ่นถึงชิตาภาอยู่บ่อย ๆ ว่าเมื่อไหร่จะกลับ เมื่ออาการของอังศุมาลินเจ็บหนัก อังศุมาลินขอให้กลินท์เล่นซามิเซ็งให้ฟัง กลินท์ก็เล่นโดยที่ไม่รู้ว่าโกโบริได้พาอังศุมาลินไปยังทางช้างเผือกแล้วตามสัญญาที่เคยให้ไว้ และกลินท์ต้องเล่นซามิเซ็งแต่เพียงลำพังคนเดียว

หน้าที่