จอมขมังเวทย์ 2020 (2562/2019) หลังการสูญเสียครอบครัวครั้งใหญ่ทำให้ วิน ชายหนุ่มผู้รอดชีวิตกลับต้องเปลี่ยนความเชื่อและศรัทธาที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ โดยมุ่งเข้าสู่ศาสตร์ลึกลับและอาคมเวทต่างๆ เพื่อสืบหาและจัดการฆาตกรด้วยตนเอง แต่ยิ่งสืบหามากเท่าใด เขาก็ยิ่งถลำลึกสู่ด้านมืดมากขึ้นทุกที จนทำให้ต้องเข้าไปพัวพันกับ “จอมขมังเวทในตำนาน”, “ผู้คลั่งพลังทำลายล้าง” และ “เจ้าลัทธิใหม่แห่งยุค” ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมด้วยกันทั้งสิ้น
หนูกันภัย ศึกมหายันต์ ยิงกันสนั่นจอ (2553/2010) วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2506 เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและวิบากกรรม ด้วยบิดาเป็นเสือร้ายถูกหมายหัวจับตายทำให้แม่ต้องหอบหิ้วเขาหนีไปอย่างยากลำบาก หลังพ้นพยันตรายทารกน้อยคนนั้นก็เติบโตขึ้นในจังหวัดนนทบุรีที่รู้จักกันดีในนาม หนูโต เมื่อย่างอายุเข้า 6 ขวบเขาก็ค้นพบเส้นทางชีวิตของตัวเองทันทีที่ได้ครองพระตำรามหายันต์ของบรรพบุรุษ ต่อมาทั้งชีวิตและลมหายใจของ หนูโต ก็เต็มไปด้วยความหลงใหลในการร่ำเรียนคาถาอาคม อีกทั้งวิชาเวชมนต์สักเสกเลขยันต์ต่าง ๆ ซึ่งนับวัน หนูโต ก็แก่กร้าขึ้นเรื่อย ๆ และความร้อนวิชาก็เริ่มนำพาปัญหามาเรื่อย ๆ ราวกับถูกสวรรค์ส่งมาลองวิชา ไม่ว่าเด็กเกเรหรือนักเลงบ้านใกล้ในละแวกนั้นจึงไม่เคยมีใครหลีกเลี่ยงการมีเรื่องกับ หนูโต ไปได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาพยายามหลบเลี่ยงอย่างดีแล้วก็ตาม ข่าวคราวของเขาดังกระฉ่อนมากขึ้นในวีรกรรมต่าง ๆ ซึ่งทำให้แม่กับพ่อเลี้ยงของ หนูโต เริ่มหนักใจ จึงให้เขาบวชเณร แต่มันกลับทำให้เขาร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม การอยู่ในศีลธรรมคือพลังผลักดันให้เขาก้าวเข้าไปอย่างลึกซึ้ง แล้ว เณรหนู ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในด้านการสักยันต์ให้ผู้คนแคล้วคลาดปลอดภัยจากเหตุร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นด้วยวัย 14 ปี วันนี้ หนูโต ก็ยังมีเรื่องกับเหล่านักเลงอยู่เรื่อย ๆ จนเริ่มมีคนพูดถึงเขาไปยังนักเลงทั่วฟ้าเมืองไทยในด้านวิชาอาคมอันแก่กร้าเกินกว่าเด็กอายุ 14 ธรรมดา ๆ จะทำได้ แม้หลายคนจะแปลกใจในสิ่งนั้นแต่ หนูโต คือคนที่ตอบได้ชัดเจนที่สุดว่าตัวเขากับวิชามนต์คาถานั้นคือสิ่งที่เกิดมาคู่กัน ความฮึกเหิมในวิชารวมทั้งวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยศัตรูก็กลายเป็นดาบสองคมทำลายความสุขรอบตัวไปจนหมด เรื่องความรักและความอบอุ่นในบ้านที่เคยมีจึงค่อย ๆ หมดไป แถมกลายเป็นความบาดหมางระหว่าง หนูโต กับพ่อเลี้ยงที่เขาเข้าใจว่ามาแย่งความรักจากแม่ไป หนูโต จึงดำเนินหนทางชีวิตด้วยตนเองตั้งแต่บัดนั้น แม้กระทั่งแม่ของเขาก็ไม่สามารถบงการได้อีกแล้ว และชีวิตนักเลงของ หนูโต ก็ค่อย ๆ เด่นชัดมากขึ้นทุกทีจนไม่รู้ตัวเองว่าถูกเพ่งเล็งทำให้เขาต้องเดินเข้าออกคุกตารางอย่างบ่อยครั้ง หลังจากนั้น หนูโต ก็ไม่ค่อยกลับบ้านเอาแต่สร้างอำนาจให้ตนด้วยวิชาเพื่อคุมวงการนักเลงจนเริ่มมีเงินทองและฐานะแต่ศัตรูก็ยังอยู่เท่าเดิม และเวลาที่ล่วงเลยไปในแต่วันนั้นกำลังเผยให้เห็นว่า หนูโต เดินตามรอยของพ่อมาจนถอนตัวไม่ขึ้น การเป็นหนุ่มใหญ่ของเขาจึงกลายเป็นความมืดมนจากฐานะของตนที่เป็นเพียงโจรฆ่าคนในสายตาทุกคน แต่ก็ไม่มีใครหรือตำรวจหน้าไหนจัดการกับความร้ายกาจของมนต์คาถาได้เลย ส่วนแม่กับพ่อของหนูโตก็ได้แค่หาทางช่วยดึงเขากลับมาอยู่ห่าง ๆ แม่เล็กจึงวางอุบายให้หนูโตบวชพระแก้บนจนได้
เดอะ สเก๊าท์: บิดพิภพทะลุโลก (2552/2009) ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าการตั้งแคมป์ลูกเสือที่ดูแสนจะธรรมดา ๆ ของโรงเรียนระดับประถมแห่งหนึ่ง จะกลายมาเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นเร้าใจอย่างชนิดที่พวกเด็ก ๆ จะต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน เมื่อครูผู้คุมกองลูกเสือสามัญ ตัดสินใจตั้งแคมป์บริเวณใกล้กับปราสาทเก่าแก่แห่งหนึ่งกลางป่าใหญ่ ที่ดูสงบเงียบและน่าจะปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ เหล่านี้ แต่แล้วเมื่อค่ำคืนมาเยือน ปราสาทเก่าแก่ที่เด็ก ๆ เหยียบย่างเข้าไปกลับกลายเป็นดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ของมิติแห่งกาลเวลา ที่นำพาพวกเขาไปพบกับงูยักษ์ที่ทั้งดุร้าย และว่องไวกว่าอสรพิษทุกชนิดที่เคยรู้จัก รวมทั้งกบบินได้ และอีกมากมายสารพัดที่ทำให้การเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ของพวกเขาเป็นความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมเลือน
2022 สึนามิ วันโลกสังหาร (2552/2009) ภายหลังเหตุธรณีพิบัติภัยครั้งยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 (พ.ศ. 2547) ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์เอลนีโย่ ลานีนย่า ทุพภิกขภัย อุทกภัย แผ่นดินไหว นับครั้งไม่ถ้วนและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2022 (พ.ศ. 2565) รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ "นายกรัฐมนตรีไตรภพ" (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) ได้ออกพระราชกำหนดฉุกเฉินจัดอันดับความรุนแรงของภัยพิบัติและวางแผนการเตือนภัย โดยจัดตั้ง "ศูนย์เตือนภัยภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย" ภายใต้การดูแลของ "ด๊อกเตอร์สยาม" (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ซึ่งมีหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรงสามคน คือ "ภูเก็ต" (พิศาล ศรีมั่นคง) "ซินดี้" (สิรินดา เจนเซ่น) และ "พีพี" (นิชาภา ประกรณ์กิจวัฒนา) ทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันด้วยอุดมการณ์รักธรรมชาติอันมุ่งมั่นทั้งสามคนทำงานกันอย่างสนิทสนมเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน นายกรัฐมนตรีไตรภพเชื่อถือและเชื่อมั่นการคาดการณ์ภัยพิบัติของด็อกเตอร์สยามอย่างมาก แต่ด้วยลักษณะของภัยธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามินั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน ด้วยเหตุนี้ทำให้ด็อกเตอร์สยามคำนวณการเกิดแผ่นดินไหวที่มีผลต่อชีวิตประชาชนผิดพลาด สร้างความตระหนกให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ เขาจึงถูกกดดันอย่างหนักจากพรรคการเมือง เมื่อมีการเตือนภัยครั้งต่อมา ด็อกเตอร์สยามรู้ตัวดีว่าเขาคือตัวแปรสำคัญของความน่าเชื่อถือและอนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีไตรภพ และไตรภพ ก็ต้องเลือกระหว่างลาภยศสรรเสริญ กับ ชีวิตของประชาชนทั้งประเทศที่เขาเป็นผู้นำ แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกสิ่งใดก็ตาม มหันตภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดก็เกิดขึ้น จากอ่าวไทยมุ่งหน้าถล่มใจกลางกรุงเทพมหานครอย่างย่อยยับ พวกเขาจะมีแผนรับมือกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นี้อย่างไร แรงศรัทธาจะทำให้มนุษย์รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้หรือไม่ หรือธรรมชาติเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินและชี้ชะตา หาคำตอบ 28 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
ห้าแถว (2551/2008) เสก (เสกสรร สุทธิจันทร์) เดินทางกลับหมู่บ้านที่เขาจากมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนจะถึงหมู่บ้าน เสกต่อสู้กับกลุ่มโจรที่ดักปล้นรถโดยสาร และได้พบชายคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าเป็น ศร (ชาติชาย งามสรรพ์) ฆาตกรฆ่าคุณพ่อของเขา เสกมีแรงอาฆาต รู้สึกอยากแก้แค้น แต่เสียงกระซิบที่ลอยมาตามลมว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ทำให้เสกมีสติขึ้นมา เสกจึงเดินจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เสกเจอ กำนันสมเล็ก (สมชาย ศักดิกุล) กับลูกสาวของกำนัน ครูสมศรี (ศุภักษร ไชยมงคล) และหลานสาวของกำนัน ครูมะลิ (ขวัญใจ จันทอง) จากนั้นเสกก็ได้ทราบว่าหมู่บ้านเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น หลังจากที่มีกลุ่มชายแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ วันหนึ่ง เสกได้รู้ความจริงว่ากลุ่มชายแปลกหน้าเป็นพวกเดรัจฉานวิชาอาคม มาที่หมู่บ้านเพื่อจะทดลองเดรัจฉานวิชาที่ร่ำเรียนมา และคนที่เป็นหัวหน้าก็คือคนที่ฆ่าคุณพ่อของเสกนั่นเอง เสก ครูสมศรี ครูมะลิ และคนในหมู่บ้าน จึงพร้อมใจกันต่อสู้กับพวกเดรัจฉานวิชา จนผู้รุกรานพ่ายแพ้ หนีออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อฝึกปรืออาคมให้แก่กล้าขึ้น ศรพา ยอด (นะติ พันธุ์มณี) หรั่ง (รอน สมอเรนเบิร์ก) และนักโทษแหกคุกที่ต้องคดีปล้นและฆ่าข่มขืนมาเป็นสมุนในกลุ่มเดรัจฉานวิชา คนกลุ่มนี้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วกรุง จนเป็นข่าวใหญ่ทางหนังสือพิมพ์ทุกวัน เสก ครูมะลิ ครูสมศรี จึงมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เพื่อสะสางให้เรื่องต่างๆ ยุติลง การต่อสู้กับพวกเดรัจฉานครั้งนี้มีอุปสรรคมากมาย เสกรู้สึกท้อแท้เมื่อนึกถึงความดีที่ตนเคยทำมา จนเมื่อแสงแห่งคุณธรรมลอยเข้ามาอยู่ในร่างของเสก เขาจึงมีพลังที่จะต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นของนักสู้พลังยันต์ห้าแถว ยันต์แห่งความดีที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย และกำจัดเดรัจฉานวิชาต่างๆ ให้หมดไป
หนุมานคลุกฝุ่น (2551/2008) เมื่อศาสตราแห่งวิชาไสยเวทย์มหายันต์ที่เลือนหายไปจากปัจจุบันได้ตื่นขึ้นจากสงครามการแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่สืบทอดกันมาพร้อมศาสตร์วิชาแด่ผู้รับช่วงดูแล เพื่อปกป้องมันจากเงื้อมมือคนโลภ ยอด(ศรราม เทพพิทักษ์) ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปมหลังในอดีต ผู้ที่สูญเสียทุกอย่างจากการแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่ตนต้องเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลรักษาและได้รับสืบทอดศาสตร์วิชาไสยะแห่งวานรเพื่อปกปัก เมื่อถูกคุกคามจากการตามหาสิ่งล้ำค่า พวกคนชั่วกำลังคืบคลานเข้ามา สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ความกดดันที่ยอดต้องแบกรับ ผลักดันให้เขากลายพันธ์สู่....มหาวานร …จึงเป็นฉายาที่มาของ “หนุมานคลุกฝุ่น”
มนุษย์เหล็กไหล (2549/2006) แรงศัทธาจะเปลี่ยนคนธรรมดาให้เหนือคน การนำเอาแนวคิดทางด้าน “พุทธปรัชญาแห่งเอเชีย” และ “เหล็กไหล” วัตถุธาตุที่เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจอันทรงอานุภาพและขุมพลังลึกลับที่เกิดจากการบ่มเพาะและหล่อหลอมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอันยาวนาน มาตีความใหม่ภายใต้แนวทางของ “ภาพยนตร์แอคชั่นซูเปอร์ฮีโร่แบบไทยๆ” อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกของเมืองไทย โดยได้ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ “พันนา ฤทธิไกร” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “องค์บาก” และ “ต้มยำกุ้ง” รับหน้าที่ “ควบคุมงานสร้างออกแบบ” และ “กำกับคิวบู๊แอคชั่น” (ตามลำดับ) และกำกับภาพยนตร์โดย “บัณฑิต ทองดี” ที่ทำให้ “มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม” (2545) และ “เฮี้ยน” (2546) เป็นภาพยนตร์ทำเงินที่กวาดรายได้อย่างสูงสุดของเมืองไทยมาแล้ว ด้วยรูปแบบของภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นที่เน้นความสมจริงซึ่งถูกนำมาผสมผสานกับงานเทคนิคพิเศษทางด้านภาพเพื่อถ่ายทอดพลานุภาพของเหล็กไหลทั้งในส่วนของความแข็งแกร่ง การยืดหดตัว รวมไปถึงการผสมผสานระหว่างเหล็กไหลและเลือดเนื้อในตัวร่างกายเป็นหนึ่งเดียวในตัวของ “มนุษย์เหล็กไหล” ให้สามารถโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มได้อย่างเหนือจริง ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ “เหล็กไหลจันทรา” (ความเย็น) และ “เหล็กไหลสุริยัน” (ความร้อน) รวมตัวกันคราใด ก็จะนำมาซึ่งขุมพลังแห่งอำนาจอเนกอนันต์อันยากเกินกว่าสรรพวุธอื่นใดจะสามารถสยบและหยุดยั้งได้ แต่แล้วแผนการครอบครองเหล็กไหลดังกล่าวของ “อุสมาห์” (อานนท์ สายแสงจันทร์) หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางหาได้เป็นอย่างที่คิดไม่ ถึงแม้ “อารีนา” (เมทินี กิ่งโพยม) สมุนมือขวาของตนจะสามารถแย่งชิงเหล็กไหลจันทรา (วัชรธาตุหรือ หยดน้ำฟ้าอันศักดิ์สิทธิ์) มาจาก “พูนิมา” (จิณวิภา แก้วกัญญา) กุมารีผู้ปกป้องประจำอารามแห่งหนึ่งในทิเบตมาได้แล้วก็ตาม แต่ในระหว่างการปล้นตัวอุสมาห์ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติจากเรือนจำคุ้มครองพิเศษจากทางการไทยเกิดความผิดพลาดขึ้นจนนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่ในเรือนจำ จนทำให้เหล็กไหลสุริยันทิ่มแทงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของ “ฌาน” (วสันต์ กันทะอู) นักดับเพลิงหนุ่มผู้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ต้องตื่นตะลึงกับพลังลึกลับและฤทธานุภาพของเหล็กไหลที่อยู่ในตน ทางเดียวที่จะไม่ให้พลังแห่งความร้อนแรงที่เกิดขึ้นจากเหล็กไหลแผดเผาเลือดเนื้อและร่างกายของฌาน คือจะต้องเรียนรู้การควบคุมสภาวะความรุ่มร้อนในอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากส่วนลึกในจิตใจของตนให้จงได้และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังจากเหล็กไหลที่ตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดเนื้อและร่างกาย และที่สำคัญจะต้องรับมือกับพลานุภาพของเหล็กไหลจันทราที่บัดนี้ถูกนำไปพัฒนาระดับขั้นของพลังเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีกจากกลุ่มก่อการร้ายของอุสมาห์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการปะทะกันระหว่างพลานุภาพของเหล็กไหลทั้ง 2 ขั้วภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มอย่างฌาน หรืออีกนัยหนึ่งคือ “มนุษย์เหล็กไหล”
คนสั่งผี (2546/2003) เรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีวิถีชีวิตต่างจากคนทั่วไป เมื่อเขามีอำนาจที่สามารถควบคุมสิ่งที่มีพลังเร้นลับเหนือธรรมชาติให้เข้ามาอยู่ในการปกครองได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่บวกกับพลังทางไสยศาสตร์มาเป็นเครื่องมือ ปิโรญาณ เป็นชายหนุ่มเจ้าของเวบไซต์ชื่อ www.ผีหลอก.com มีอุปนิสัยสันโดษ และไม่เคยรู้จักความหมายของคำว่ารัก ทุกๆ วันเขาจะออกตามล่าหาดวงวิญญาณใหม่ๆ มาไว้ใช้งานในการรับจ้างหลอกตามคำสั่งของลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาได้นำเอาผีสาวมาเข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิต ทำให้ ปิโรญาณ รู้จักกับคุณค่าของคำว่ารักเป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องเผชิญกับศัตรูที่คาดไม่ถึง แม้ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่งบวกกับอานุภาพของความรัก ทำให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ แต่ปิโรญาณยังต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญที่ทำให้เขาต้องใช้การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ และจุดจบของเรื่องราวทั้งหมดคือบทสรุปทุกๆ อย่างในชีวิตของเขา
แก้วขนเหล็ก (2546/2003) นฤดม (คงกะพัน แสงสุริยะ) ทายาทคนเดียวแห่งบ้านประชานาถ ซึ่งสำเร็จการศึกษามาจากประเทศอินเดีย และกำลังมีโครงการจะแต่งงานกับ โชติรส (พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์) แฟนสาว แต่เมื่อเขาได้รับมรดกตกทอดเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า ปราสาทพยับเมฆ นฤดมเข้าไปสำรวจปราสาทพยับเมฆ ชายหนุ่มผู้แสนดีก็มีอุปนิสัยและวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป นฤดม เอาแต่ฝังตัวอยู่กับปราสาท เขานำคัมภีร์เร้นลับบรรจุคาถาชีวิตวัฒนะที่ได้มาจากองค์ลามะแห่งทิเบตมาไว้ที่ปราสาท แล้ววันหนึ่ง นฤดม ก็กลายเป็นผู้ชุบชีวิตแห่งจอมปีศาจร้าย เมฆินทร์ (วินัย ไกรบุตร) ให้ลุกขึ้นมาโลดแล่นในโลกยุคปัจจุบัน นับแต่นั้น กลิ่นไอของเลือดสด ๆ และความตายก็คละคลุ้งไปทั้งปราสาทพยับเมฆ วิทวัส ( นินนาท สินไชย) รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดกับเพื่อนรักจาก โชติรส เขากับ รมณีย์ (ภิสสรา อุมะวิชนี) แฟนสาวจึงตัดสินไชยเดินทางไปยังปราสาทพยับเมฆเพื่อหาทางหยุดยั้งเหตุการณ์ร้าย ๆ ทั้งหลาย แต่ดูเหมือน นฤดม จะไม่สนใจรับฟังเขาเหมือนเก่า วิทวัส พยายามหาทางขโมยคัมภีร์ชีวิตวัฒนะจาก นฤดม เพื่อสวดคาถาย้อนกลับหวังจะให้ความสงบสุขกลับคืนสู่ที่นี่ดุจเดิม แต่ดูเหมือนทุกอย่างไปไกลเกินกว่าจะหยุดยั้งได้แล้ว ตรงกันข้ามทั้ง วิทวัส กับ รมณีย์ กลับกลายเป็นส่วนแห่งปมรักปมแค้นที่ฝังลึกอยู่ในใจจอมผีดิบ เมฆินทร์ไปเสียอีก นฤดม ที่ตอนนี้กลายเป็นสาวกคนสำคัญภายใต้อำนาจบัญชาของของ เมฆินทร์ พยายามทำทุกอย่างเพื่อหาเหยื่อสาว ๆ สวยๆ มาให้ เมฆินทร์ ดูดเลือดเพื่อดำรงชีวิตอันเป็นอมตะที่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจไม่สิ้นสุด ชีวิตบริสุทธิ์จากสิบคนเป็นร้อยคนและมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ กลายเป็นกองกำลังปีศาจร้ายที่ทรงพลานุภาพซึ่งคืบคลานขึ้นมาเพื่อยึดครองทุกอณูพื้นที่แห่งปราสาทพยับเมฆ เป็นเสมือนกำแพงเหล็กกล้าที่พร้อมพิทักษ์รักษาเจ้านายของพวกเขาคือ เมฆินทร์ ไม่ให้ใครมาแตะต้องทำร้ายได้ เมื่อ วิทวัส รมณีย์ เมฆินทร์ ประจัญหน้ากันโดยมีปมแห่งความหลังของหนี้รักหนี้แค้นแต่ชาติปางก่อนเป็นแรงผลักดัน เรื่องราวอันเข้มข้นยิ่งทวีขึ้น
สาบเสือที่ลำน้ำกษัตริย์ (2545/2002) ต้นรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ “ปีเตอร์ เบย์น” (Peter Bain) อดีตนายทหารอังกฤษจากเมืองมัณฑะเลย์ถูก “เจ้าสัวหยาง” พ่อค้าของป่าชาวจีนเมืองบางกอกจับได้ว่าเอาปืนชำรุดมาหลอกขาย จึงถูกบังคับให้ร่วมคณะไปกับพรานป่าของเจ้าสัวหยางเพื่อล่าเสือด้วยปืนชำรุดเหล่านั้นให้ได้ หรือไม่ก็ถูกเสือฆ่าตาย ขณะเดียวกัน “วัน” ภิกษุหนุ่มอดีตพรานป่าก็ลาสิกขา เพราะถูกวิญญาณอาถรรพ์ของเสือร้ายตัวหนึ่งคุกคามทุกๆ ครั้งที่เขาพยายามจะนั่งกรรมฐาน วันและปีเตอร์ต่างเดินทางสู่หมู่บ้านกลางดงลึกใกล้แดนพม่า และพบกับ “จูเลีย” พรานสาวเลือดอเมริกัน-กะเหรี่ยงโดยไม่รู้ว่าชะตากรรมกำลังพาเขาทั้งสามไปพบกับนางเสือร้ายตัวหนึ่งซึ่งพร้อมจะเอาชีวิต วันเข้าร่วมกับปีเตอร์ จูเลีย และพรานของเจ้าสัวหยางออกตามล่าช้างงายาวตัวหนึ่งซึ่งเชื่อกันว่ามี “เสือสมิง” ให้ความคุ้มครอง ทั้งหมดพลัดเข้าสู่อาณาจักรของช้างงายาวและนางเสือร้ายที่มีดวงวิญญาณของ “เนียน” หญิงสาวผู้ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ระหว่างสงครามลำน้ำกษัตริย์เมื่อเกือบร้อยปีก่อนสิงอยู่ และได้เข้าถึงใจกลางป่าลำน้ำกษัตริย์ซึ่งเต็มไปด้วยอาถรรพ์ลี้ลับก่อนที่ช้างจะถูกพวกพรานยิงบาดเจ็บ ความอาฆาตของวิญญาณเนียนซึ่งสิงอยู่ในร่างของเสือร้ายรุนแรงถึงขนาดแปลงร่างเป็นมนุษย์ตามไปเล่นงานผู้คนในหมู่บ้านกลางป่าอันเป็นที่ตั้งสถานียิงสัตว์ของเจ้าสัวหยาง และเมื่อจวนตัว เนียนก็อาศัยพลังจิตอันแก่กล้าเข้าครอบงำวันและพาวันจากไป ปีเตอร์และจูเลียตามไปช่วยวัน เมื่อวันคืนสติ เขาพยายามจะปลดปล่อยเนียนจากแรงอาฆาตของอดีต ขณะที่พวกพรานของเจ้าสัวหยางมุ่งจะกำจัดเนียน และฆ่าช้างงางาม ความโลภ ความอาฆาต และกรรมเก่าจากอดีตชาติเข้ามาพัวพันระหว่างคนเหล่านั้น จน “ป่าลำน้ำกษัตริย์” คาวคลุ้งไปด้วยเลือดและความตายอีกครั้ง…
ขุนแผน (2545/2002) เรื่องเล่าจากปากชาวบ้านขับขานเป็นวรรณกรรมราชสำนัก ว่าด้วยเรื่องของหนึ่งหญิงสองชาย ซึ่งมีชะตาแผลงให้อุตริคิดเล่นเป็นโจรแย่งชิงเมียผัวแต่วัยเยาว์ ใครเล่าจะรู้ว่า เมื่อกาลเติบใหญ่ เหตุคราวนั้น กลับเป็นลางบอกถึง โศกนาฎกรรมแห่งความรักแสนสะเทือนใจ ขุนแผน (วัชระ ตังคะประเสริฐ) ชายผู้ต้องการจะเป็นยอดคนด้วยการเป็นเจ้าของอำนาจวิเศษทั้งสามสิ่ง คือ ดาบฟ้าฟื้น ม้าสีหมอก และกุมารทอง เขาผ่านช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์ และตกต่ำจนถึงขีดสุด ชะตาพลิกพันทำให้ต้องจากพิมพิลาไลยคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเป็นชายหนุ่มรูปงาม ทำให้มีสาวงามมาพัวพันสม่ำเสมอ จวบเมื่อถึงวันที่เขาเข้าใจได้ว่าอำนาจอันยิ่งใหญ่มิได้นำมาซึ่งความสุข และต้องการละทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ด้วยกิเลส และวังวนแห่งตัณหาที่สร้างมา เขาจึงต้องทำใจยอมรับผลกรรม ที่ก่อไว้ ขุนช้าง (อภิชัย นิปัทธหัตพงศ์) ชายร่างอ้วนใหญ่ เกิดมาพร้อมหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ไม่ได้อาภัพจนเกินไป ด้วยมีฐานะร่ำรวย เป็นพ่อค้า และคนรับใช้ใกล้ชิดกษัตริย์ เขาหลงรักพิมพิลาไลยด้วยใจที่บริสุทธิ์ ทั้งที่รู้ว่านางมีใจรักมั่นคงให้กับพลายแก้ว แต่แล้วความรักกลับทำให้เขาพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วงชิงนางมาเป็นของตน ไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สิน หรือเล่ห์กล จนท้ายที่สุดต้องระทมทุกข์ เพราะความรักที่มากเกินไป พิมพิลาไลย (บงกช คงมาลัย) สาวงามผู้ตกเป็นที่หมายปองของสองชาย จนทำให้ท้ายที่สุดต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงสองใจ นางมีใจรักแท้ต่อพลายแก้ว แต่แล้วกลับต้องทุกข์ใจในความมักมากไม่รู้จักพอ จนเมื่อหลงเล่ห์กลจำต้องตกเป็นของ ขุนช้าง ขุนช้างเฝ้าดูแลทะนุทะนอมนางเป็นอย่างดี แต่ทั้งคู่กลับแก่งแย่งนางไปมา จนนางถูกหาว่าเป็นเหตุ แห่งความโกลาหลจนต้องโดนพิพากษา เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างชายสองคนนี้ นางจึงใช้ทางเลือกเป็นเครื่องเตือนสติแก่คนทั้งสอง สุดท้ายชะตากรรมจะนำพาคนทั่งสามไปอย่างไร ติดตามได้ใน “ขุนแผน”
Krai Thong ไกรทอง (2544/2001) ชาละวัน (เจ็ท ผดุงธรรม) เป็นจระเข้พันธุ์ใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งมีความยาววัดจากปลายจมูกถึงปลายหางได้ 7.60 เมตร สามารถกินคนที่มีความสูง 1.90 เมตรได้ถึง 4 คน หรือเท่ากับวัว 2 ตัวได้อย่างสบาย จระเข้ชาละวันได้อาศัยอยู่ใต้แม่น้ำแห่งเมืองพิจิตร เมื่ออยู่ในถ้ำใต้น้ำ จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ชายรูปหล่อ เจ้าชู้ จึงมีจระเข้สาวสวยเป็นเมียอยู่ถึง 2 คนคือ วิมาลา (แชมเปญ เอ็กซ์) และ เลื่อมลายวรรณ (ชุติมา เอฟเวอรี่) ซึ่งเมืองอยู่ในร่างมนุษย์ จะมีรูปโฉมงดงาม ผิวพรรณผ่องใส น่าลุ่มหลง แต่ชาละวันเป็นจระเข้ที่มีนิสัยโหดเหี้ยม อันธพาล ชอบขึ้นมาอาละวาดกินคนเป็นว่าเล่น จนซากศพเกลื่อนกลาด มีทั้งหัว แขน ขา อวัยวะต่างๆ กระจัดกระจายแยกส่วนไป ทั่วริมตลิ่งและท้องน้ำ จนชาวบ้านไม่กล้าลงเล่นน้ำ ความดุร้ายของจระเข้ชาละวัน ได้โจษจันไปทั่วหัวเมืองท้ายเมือง จนท่านเศรษฐีแห่งเมืองพิจิตร (สามารถ แสงเสงี่ยม) ได้ตกลงใจที่จะทำพิธีปัดรังควาญ โดยการนำหญิงสาวพรหมจารี 8 คน นุ่งชุดขาว บนแพที่ใส่ดอกไม้ และตุ๊กตาจำนวนมาก นำไปลอยแพกลางน้ำ ซึ่งพิธีนี้เรียกว่า "พิธีเสียบกระบะ" โดยให้ลูกสาว 2 คน เป็นผู้นำขบวนพิธีคือ ตะเภาแก้ว (ปรายฟ้า สิริวิชชา) ผู้เป็นพี่สาว และ ตะเภาทอง (วรรณษา ทองวิเศษ) ผู้เป็นน้องสาว แต่ในระหว่างที่พิธีกำลังดำเนินไปยังไม่เสร็จ พญาจระเข้ชาละวันก็โผล่ขึ้นมา ด้วยหางที่ใหญ่โต ฟาดแพในพิธีแตกหักกระจายเกลื่อนแม่น้ำ หญิงสาวพรหมจารีทั้ง 8 คน ต่างตกใจ แหวกว่ายน้ำหนีอลหม่าน ท่านเศรษฐีสั่งให้ชาวบ้านลงไปช่วยเหลือ ก็ถูกชาละวันใช้ปากและฟันอันแหลมคมกริบ งับร่างชาวบ้านผู้เคราะห์ร้าย ฉีกกระชากจนตัวขาดสองท่อน จนเลือดนองเต็มท้องน้ำ ฉับพลัน พญาจระเข้ชาละวันก็พุ่งตัวมา คาบเอาร่างตะเภาทอง แล้วมุดลงน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ท่านเศรษฐีถึงกับโมโห ประกาศลั่นว่า หากใครสามารถฆ่าพญาจระเข้ตัวนี้ได้ และช่วยตะเภาทองขึ้นมาได้ จะให้แต่งงานกับลูกสาวทั้งสองคนทันที ในที่สุด หนุ่มหน้ามาดหล่อเหลาคมเข้ม ท่าทางทะมัดทะแมงสมชายชาตรี ชื่อ ไกรทอง (วินัย ไกรบุตร) เดินทางมาจากเมืองนนทบุรี ขึ้นมาที่เมืองพิจิตร เพื่อปราบจระเข้ และช่วยเหลือลูกสาวเจ้าเมืองพิจิตร ไกรทองเป็นพรานจับจระเข้ ที่เก่งจนหาตัวจับยาก ทั้งเรียนวิชาอาคมมาจากอาจารย์ชื่อดัง จึงนำเทียนมาระเบิดน้ำแหวกเป็นช่อง ดำลงไปถึงใต้บาดาล ซึ่งไม่เคยมีมนุษย์คนไหน สามารถดำมาถึงได้ ไกรทองได้เข้ามาในถ้ำใต้น้ำ แต่กลับเจอวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ซึ่งเป็นจระเข้สาวสวยมีเสน่ห์ ทำให้ไกรทองหลงรัก จนมีสัมพันธ์สวาทด้วยกัน ซึ่งทั้งวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ก็หลงรักไกรทอง อย่างเต็มใจด้วยกันทั้งคู่ เพราะต้องมนต์สะกดของไกรทองนั่นเอง หลังจากนั้น ไกรทองก็หาตะเภาทองเจอ จึงช่วยเหลือพาขึ้นบนผิวน้ำ ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ ของวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ซึ่งตามขึ้นมาไม่ได้ เพราะเมื่อออกจากถ้ำเมื่อไร ร่างมนุษย์จะกลายเป็นจระเข้ทันที ฝ่ายท่านเศรษฐีเจ้าเมืองพิจิตร ก็ทำตามคำพูดทุกอย่าง โดยจัดพิธีแต่งงานให้กับไกรทอง และลูกสาวทั้งสองคนอย่างใหญ่โต ระหว่างนั้น พญาจระเข้ชาละวันกลับมาถึงใต้น้ำ รู้เรื่องจากวิมาลาและเลื่อมลายวรรณ ก็แค้นเคืองยิ่งนัก ด้วยความลุ่มหลงและรักตะเภาทอง จึงตามขึ้นมา เพื่อมาเอาตะเภาทองคืน ชาละวันขึ้นมาอาละวาด ฟาดหางจนเรือและแพที่ลอยอยู่กลางน้ำ ถึงกับล่มและแตกพังทลาย ทำร้ายคนที่ตกน้ำ ทั้งกัดและกิน แล้วยังใช้หาดฟาดโดนบ้านเรือน ที่ปลูกอยู่ริมน้ำพัง ทั้งคนและบ้านเรือนจมหายไปในน้ำทันที ชาละวัน อาวะวาดด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด และรุนแรงจนรู้ไปถึงหูไกรทอง จึงคว้าหอกอาวุธคู่ชีพ กระโดดลงแพไปต่อสู้กับพญาจระเข้ชาละวันทันที..
มัจจุราชตามล่าข้าไม่สน (2541/1998) นัท อ้น และวิช นักศึกษาหนุ่มคณะสถาปัตย์กรรมปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งสามเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเช่าอยู่คอนโดร่วมกันชั้นที่ 23 ใกล้บ้านแว่นเพื่อนซี้อีกคน บ้านแว่นเป็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ บรรพบุรุษของแว่นเป็นคนเฝ้าศาลเจ้ามาหลายชั่วอายุคน ซึ่งตกทอดมาเป็นของแว่นเป็นคนสุดท้าย ด้วยความน่ากลัวของ ศาลเจ้า ทำให้กลุ่มของนัทและเพื่อนๆไม่ชอบมาบ้านแว่นนัก นอกจากมีงานปาร์ตี้ที่นานๆ จะจัดสักครั้ง ลึกลงไปในความมืดมิด ฝ่ายสุวรรณและสุวาลย์สองยมทูตที่ส่งตัวมาตามล่าวิญญาณของ “นัทพงษ์” และเพื่อนอีก 2 คน ตามจุดตาย แต่ด้วยความบังเอิญที่ชื่อของ “นัท ” ไปพ้องตรงกับชื่อผู้ตาย นัทและเพื่อนจึงถูกกระชากวิญญาณ นำไปนรกภูมิ ทั้ง 3 คน เมื่อรู้ว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น แต่ก็ได้ล่วงรู้ความลับของสวรรค์อย่างหนึ่งว่า อีกสามวันข้างหน้าพวกเขาจะต้องตายพร้อมกัน และยังแอบดูบัญชีตายของแว่นเพื่อนรักอีกด้วย วันและเวลาตายของแว่น ก็คือวันเกิดของเขาปีนี้เอง เมื่อท่านมัจจุราชปล่อยตัวพวกเขากลับไป นัทจึงหลอกล่อให้สองยมทูตบอกที่ตายของพวกตน ยมทูตหลงกลจึงพาไปดูที่ตาย เป็นที่หน้าตึกสูงแห่งหนึ่งกลางใจเมืองกรุงเทพฯ ทั้งสามจำสถานที่แห่งนั้นได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่สองยมทูตจะพานัทและเพื่อนกลับไปส่งคืนร่าง พวกเขาได้พบกับชายอ้วนผู้หนึ่งร้องไห้โหยหาแฟนที่เพิ่งตายจากไป เมื่อนัทและเพื่อนผ่านเหตุการณ์ในนรก จึงหาวิธีที่พวกเขาจะผ่านพ้นความตายไปได้โดยความช่วยเหลือจากแว่น แว่นทำให้นัทและเพื่อนไม่ไปยังที่จุดตาย ดังนั้นทุกคนจึงผ่านความตายมาได้อย่างหวุดหวิด เมื่อเรื่องราวรู้ถึงท่านมัจจุราชจึงโกรธแค้นและออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดโดยให้ลูกน้องทั้งสองไปล่าชีวิตทั้งสามคนมาให้ได้ก่อนสามเดือน ในขณะที่พวกเขากำลังสับสนกับชีวิตก็ได้พบกับพิม นางเอกละครของชมรมที่นัทและเพื่อนร่วมทำกันอยู่ทำให้พวกเขาดูชีวิตชีวาขึ้น ฝ่ายแว่นก็พยายามหาทางติดต่อกับยมทูตเพื่อที่จะถาม จุดตายของตนบ้างเพราะว่าแว่นรู้แค่วันตายของตนเองเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายต่างตามล่ากันอย่างเฉียดฉิว เรื่องราวความสนุกสนานดำเนินมาจนถึงวันเกิดของแว่น ซึ่งทุกคนรู้ว่าวันนั้นเป็นวันฉลองวันเกิดครั้งสุดท้ายของเพื่อนรัก ทุกคนฉลองวันเกิดด้วยรอยยิ้มปนคราบน้ำตาเพราะรู้ว่าต้องเสียเพื่อนไปแน่ๆ และก็ไม่มีอะไรมาหยุดการตามล่าของยมทูตได้แว่นจึงต้องตาย ฝ่ายมัจจุราชก็สั่งให้สองยมทูต สุวรรณและสุวาลย์ ขึ้นไปนำตัวเด็กหนุ่มทั้งสามไปยังจุดตายให้ทันเวลา 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เพราะจะครบกำหนดสามเดือน ถ้าเกิดความพิดพลาดอีกครั้งพวกเขาทั้งสามจะไม่มีวันตายอีกเลย ทั้งสามตกลงเล่าความจริงให้พิมทราบพิมเห็นใจไม่ให้พวกนัทออกจากบ้านตอนสิบ โมงเช้า เรื่องนี้ท่านมัจจุราชเห็นทีไม่ได้การณ์ จึงใช้กำลังของตนจัดการเสียเองเพราะเกรงว่าจะพลาดเหมือนทุก ๆที่ที่ผ่านมา ความสนุกจึงเกิดขึ้น
ดงสมิง (2537/1994) ข้อความบนใบปิด เอส.พี.โปรดักชั่น เสนอ พฤติกรรมโหดของคนวิญญาณสัตว์ ที่มากด้วยเพลิงแค้นและพลังเวทย์ ดงสมิง บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ภัสรา ชุดาวรรณ ไวท์ ผดุงการ เจิดพันธ์ ดิษฐ์สระ, จเร รัตนพันธ์, ยงค์ อยุธยา, ไซ บางไทร, เตี้ย บางลำพู, ทรงชัย ยานนาวา, ต้อย ศรีสลับ, มนัสชนก โกรัมย์, เกศรา คุ้งตะเภา, เกษม บุรีรัมย์ จตุพร สุพรรณการ สร้างเรื่อง, บทภาพยนตร์ อุ๊ กำกับศิลป์, แต่งหน้า น้อย มะนาว เอฟเฟค คอนคิงส์ ถ่ายภาพนิ่ง สีธงชาติ กำกับบท ก้อย ลำดับภาพ สุรินทร์ ผู้ช่วยถ่ายภาพ บุญยัง ผิวงาม ถ่ายภาพ แอปเปิ้ล มีอุดมคติกุล ธุรกิจ สมศักดิ์ พรพงษ์ ดำเนินงาน วรเนตร กำกับการแสดง (ที่มา :Thai Movie Posters)
กะหัง (2534/1991) สามารถ-ตรีรัก ข้อความบนใบปิด รุ่งรักษ์ฟิล์ม เสนอ มันเป็นศาสตร์เร้นลับ ที่ทุกคนยังคิดว่าอะไรคือ... กะหัง สามารถ พยัคฆ์อรุณ ตรีรัก รักการดี เบ็ญจพร ลีลาพันธ์ รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ ‘89 สมศักดิ์ ชัยสงคราม, จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก, ยอด นครนายก, ทม, หม่ำ จ๊กมก, ดาร์กี้, เป๋, เตี้ย, พิศ, ชฎา กรองแก้ว, ทีมสตั๊นแมน ไทยมูฟวี่ 90 แดงเสนีย์ กำกับ “พันธ์ 75” ดำเนินงาน ประกิจ บุณยรัตพันธ์ ถ่ายภาพ (ที่มา :Thai Movie Posters)
สมิงดงดิบ (2532/1989) ข้อความบนใบปิด ดาวไทยภาพยนตร์ สร้าง ผู้ใดผิดสัญญา “กฎหมายป่า” คือ..ฆ่าลูกเดียว สมิงดงดิบ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พันนา ฤทธิไกร สุกัญญา ดารานุช พิศมัย ภุมมา ฉัตร มงคลชัย, พิศ, แป้น ปลื้มสระไชย, โจ๊ก, อาจ, ชา, ช้อย, เป็ด, นวย เทอด ดาวไท-ป้อมเพชร กำกับ สันทัด ศรีสัมพันธ์ ถ่ายภาพ (ที่มา :Thai Movie Posters)

หน้าที่