มณีนาคา (2562/2019) มณีเนตร (ยีนส์-เกวลิน ศรีวรรณา) นางนาคีโอปปาติกะ ผู้มีรูปโฉมงดงาม ได้แอบหนีขึ้นมาเที่ยวบนโลกมนุษย์ ในขณะที่ องค์มุจลินท์นาคราช (ฟลุค-จิระ ด่านบวรเกียรติ) พระคู่หมั้น กำลังถือศีลในช่วงเข้าพรรษา นางได้ช่วยชีวิต ชลธิศ (ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง) ทายาทมหาเศรษฐี ที่ถูกสั่งฆ่าถ่วงน้ำโดย ธัชชัย (เอ-พศิน เรืองวุฒิ) อาแท้ ๆ เพื่อแย่งชิงมรดก มณีเนตรได้สละแก้วมณีนาคาหนึ่งดวงเพื่อช่วยชีวิตชลธิศให้ฟื้นขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มณีเนตรกับชลธิศสามารถสื่อทางจิตถึงกันได้ราวกับมีกล้องวงจรปิดที่มองเห็นภาพ เหตุการณ์ของอีกคนแม้ว่าจะอยู่ต่างสถานที่กัน ภาคี (เหม-ภูมิภาฑิต นิตยารส) เพื่อนสนิทของชลธิศ พยายามสืบเรื่องการฆาตกรรมชลธิศในครั้งนี้และเพ่งเล็งไปที่ธัชชัย มณีเนตรมาอาศัยอยู่ที่บ้านของชลธิศ เธอได้เรียนรู้และสนุกกับสิ่งแปลกใหม่มากมายบนโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่วายถูก ดุจจันทร์ (มีน-อัจจิมา โกสุมา) สาวไฮโซที่หมายปองชลธิศอยู่ กลั่นแกล้งจนเธอโกรธแล้วเผลอกลายร่างเป็นพญานาคให้เห็น แต่มณีเนตรก็สามารถลบความทรงจำของใครก็ตามที่รู้ความจริงเรื่องนี้ได้ ทำให้ยังคงไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเธอคือพญานาค แต่แล้ววันหนึ่งชลธิศก็ได้เห็นมณีเนตรในร่างของพญานาคด้วยตาของตัวเอง แต่ด้วยอานุภาพแห่งความรักก็ทำให้ชลธิศยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นได้ ยิ่งนานวันมณีเนตรก็ยิ่งทำให้ชลธิศรักและหวงแหนเธอโดยไม่รู้ตัว แต่ความรักของทั้งคู่กลับต้องพบเจออุปสรรคมากมาย ทั้งจากองค์มุจลินท์นาคราชที่ตามขึ้นมาเอาตัวมณีเนตรกลับไปยังเมืองบาดาล และเธอยังถูก นิลรัตน์ (ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์) นางนาคีที่หลงรักองค์มุจลินท์ คอยหาเรื่องใส่ร้ายป้ายความผิดเพื่อแย่งชิงตำแหน่งพระชายา ส่วนชลธิศก็ต้องคอยกันท่า สดายุ (มังกร-ปภาวิน หงษ์ขจร) ศัตรูหัวใจคนสำคัญ แถมยังถูกธัชชัยวางแผนฆ่าซ้ำอีกจนมณีเนตรทนไม่ไหวถึงกับบันดาลโทสะแปลงกายเป็นพญานาคทำร้ายผู้คนจนบาดเจ็บล้มตาย ความรักของมนุษย์กับพญานาคสาวสุดสวย จะดำเนินต่อไปอย่างไร จะสมหวังหรือไม่ ติดตามกันต่อได้ในละคร มณีนาคา

เพรงลับแล (2562/2019) ตั้งแต่ นิรชา (ฝ้าย-เวฬุรีย์ ดิษยบุตร) เข้ามาเป็นครูในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ผู้ชายหลายคนในหมู่บ้านหลับไปในลักษณะไหลตาย ทุกคนพากันหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านในยามค่ำคืน ชายหลายคนแต่งหน้าทาปากแดง เพื่อป้องกันไม่ให้ผีแม่ม่ายมาเอาตัวไปนิรชาไม่เชื่อเรื่องผีแม่ม่าย และครั้งแรกที่นิรชาได้พบกับ ทศนนท์ (สมาร์ท-กฤษฎา พรเวโรจน์) ทั้งสองก็ไม่ถูกกันทันที เพราะนิรชาคิดว่าทศนนท์เป็นพวกเดียวกับทรงกลด (อู๋-นวพล ภูวดล) นายหน้าที่เข้ามากว้านซื้อที่แถวนั้น ทศนนท์เป็นวิศวกรที่ถูกส่งมาสำรวจเส้นทางที่จะตัดถนนเพื่อเข้าสู่น้ำตกพร้อมกับทีมอีกสองคนคือ พีรพร และ อนุชิต แต่ชาวบ้านต่างพากันเตือนพวกเขาว่าอย่าเข้าไปใกล้บริเวณน้ำตก เพราะที่นั่นอันตราย วันดีคืนดี จะได้ยินเสียงมโหรีซึงพาทย์ลาดตะโพนดังแว่วมาจากเพิงผาแถวนั้น ก่อนที่จะพบศพชายหนุ่มนอนตายโดยไม่มีสาเหตุอยู่ที่ชายป่าใกล้น้ำตกในวันรุ่งขึ้น แต่ทศนนท์ไม่เชื่อ การมาของ ปรางทิพย์ (น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์) หญิงสาวสวยลึกลับก็ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดระแวง เพราะบางคืนจะมีเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากบ้านของปรางทิพย์ ทันทีที่ปรางทิพย์ได้พบกับทศนนท์ ก็เข้าตีสนิทเหมือนรู้จักกันมานาน จนทำให้คนในหมู่บ้านนินทา โดยเฉพาะ เนตรมายา (ณฉัตร-กวิยณัฎฐ์ แฮร์มันน์) เจ้าแม่ร่างทรงชื่อดังที่ชอบทศนนท์ เธอจึงใช้ความเชี่ยวชาญด้านไสยเวทย์ตามจับผิดว่าปรางทิพย์ไม่ใช่มนุษย์ ปรางทิพย์มี บัวคำ (นุ่น-รมิดา ประภาสโนบล) เป็นแม่บ้านกึ่งคนสนิทที่อยู่ในบ้านเดียวกัน และไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนมาไหน และมีญาติเพียงคนเดียว คือ พิณทิพย์ (น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์) ยายของเธอ ซึ่งเป็นหญิงชราหลังค่อมหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนแม่มด พิณทิพย์มักจะมาปรากฏตัวอย่างลึกลับที่บ้านปรางทิพย์ก่อนคืนเดือนดับ มินตา (ดาริณ แฮนเซน) แอบไปซุ่มดูหน้าบ้านปรางทิพย์ แต่กลับพบทศนนท์กลางทาง เหมือนกำลังละเมอ แท้จริงแล้วปรางทิพย์กับพิณทิพย์เป็นคนคนเดียวกัน เธอเป็นหญิงสาวจากเมืองลับแลที่มาตามหาคนรักที่จากไป เธอพยายามจะฟื้นความทรงจำบางอย่างของทศนนท์ให้คืนกลับมาเพื่อให้เขาสำนึกผิดและกลับไปแก้คำสาปของสุบรรณเหรา ผู้คุมเมืองลับแล ที่เกิดจากเขาเป็นต้นเหตุ หมอปรัชญา (บอส-โตนนท์ วงศ์บุญ) นายแพทย์สาธารณสุขประจำอำเภอ พยายามหาสาเหตุและให้ความรู้กับชาวบ้าน ว่าการเสียชีวิตที่เรียกว่าไหลตายนั้น เกิดจากการขาดสารอาหารขณะที่ทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ ในขณะที่ จาริณี พยาบาลสาวที่หลงรักหมอปรัชญา ก็ช่วยห้ามปรามพ่อ คือผู้ใหญ่จรัล ไม่ให้พาชาวบ้านงมงาย ขณะเดียวกัน บุษบาลาวัณย์ (ดาว-พิมพ์ทอง วชิราคม) หญิงสาวเมืองลับแลอีกคนได้หลุดพ้นจากคำสาปที่เคยทำผิด จึงตัดสินใจออกมายังเมืองมนุษย์ และได้พบกับทรงกลด เธอสนใจทรงกลดทันที ในขณะที่ทรงกลดก็สนใจบุษบาลาวัณย์เช่นกัน บุษบาลาวัณย์ตามเอาชีวิตของทศนนท์เพื่อจะนำเขาไปบูชายัญต่อสุบรรณเหรา เพราะแค้นปรางทิพย์ที่เคยทำให้เธอต้องคำสาปจนต้องพลัดพรากจาก คอน (อู๋-นวพล ภูวดล) ชายที่เธอเคยรัก ปรางทิพย์จึงต้องรีบช่วยให้ทศนนท์ระลึกชาติได้โดยเร็ว โดยเล่าเรื่องในอดีตที่เขาเคยเป็นเทศเมื่อชาติที่แล้ว และพาทศนนท์เข้าไปยังเมืองลับแลที่ปัจจุบันนี้เหลือแต่เพียงผู้หญิง เพราะเทศเป็นสาเหตุให้สุบรรณเหราพิโรธจนฆ่าผู้ชายจนตายหมดทั้งเมือง เมืองลับแลจึงกลายเป็นเมืองแม่ม่ายที่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้น นิรชาแอบตามทศนนท์เข้าไปยังเมืองลับแลและถูกจับได้ ทศนนท์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยไว้ ปรางทิพย์โกรธคิดว่าเทศเปลี่ยนใจไปรักนิรชา จึงพยายามจับตัวทั้งสอง แต่ทศนนท์เข้าไปกันและให้นิรชาหนีไปก่อน ปรางทิพย์ไม่กล้าทำร้ายทศนนท์ ทศนนท์หนีออกมาได้ทีหลังแต่หมดสติไป นิรชาช่วยเขาและพาส่งโรงพยาบาล แต่นั่นกลับทำให้ชาวบ้านเข้าใจนิรชาผิดว่าเป็นผีแม่ม่ายที่จะเอาวิญญาณของทศนนท์ไปอีกคน ทศนนท์ช่วยอธิบาย แต่เขาก็พูดความจริงได้ไม่หมด เพราะจะกระทบถึงเมืองลับแลด้วย จึงถูกเข้าใจว่าเป็นเหยื่อที่ต้องมนต์เสน่ห์ผีแม่ม่าย ชาวบ้านพากันรุมประณามสาปแช่งนิรชาและไล่เธอออกจากหมู่บ้าน ทศนนท์กับนิรชาจึงเห็นใจกัน ทศนนท์พยายามปกป้องนิรชาและสัญญาว่าจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเธอ นิรชาสืบรู้ว่าที่ชาวบ้านเข้าใจผิดเพราะทรงกลดเป็นคนใส่ไฟ เขาจึงพยายามต่อสู้และเปิดโปงทรงกลด และยังมีพฤติกรรมน่าสงสัยอีกหลายอย่าง จากการกว้านซื้อที่ดินของชาวบ้านที่กลายเป็นหญิงม่ายเพราะสามีไหลตาย ทรงกลดรู้ว่าเมืองลับแลมีจริงและมีสมบัติมากมาย จึงร่วมมือกับเนตรมายาหลอกให้บุษบาลาวัณย์พาเขาและพรรคพวกเข้าไปปล้นเมือง แต่ทุกคนก็ถูกสุบรรณเหราจับได้และฆ่า ทศนนท์กับนิรชาที่ตามไปช่วยปรางทิพย์ก็ถูกจับตัวไปเช่นกัน บุษบาลาวัณย์สำนึกผิด จึงยอมสละชีวิตช่วยทศนนท์กับนิรชาออกมา ทศนนท์กับนิรชารู้ตัวว่ารักกัน ปรางทิพย์ได้รับรู้ความจริงที่เจ็บปวดและเปลี่ยนใจจากทศนนท์ เธอต้องตามหาเทศต่อไป เทศจะยังมีชีวิตอยู่หรือได้ตายจากไปแล้ว และปรางทิพย์จะได้เจอเขาอีกหรือไม่ ติดตามกันต่อได้ในละคร เพรงลับแล

บุษบาเปื้อนฝุ่น (2562/2019) เบอะ (ชลิดา กล่ำปาน) เด็กสาวในชุมชน สู้งานหนัก เพื่อหาเงินเลี้ยงพ่อขี้เมา เพราะแม่หนีตามสามีฝรั่งไป โชคดีที่มี ป้าเอิบ (ราตรี วิทวัส) และ พงษ์ (สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ) พี่ชายที่เบอะนับถือ คอยจุนเจือ พงษ์แอบเป็นสายสืบยาเสพติดให้ ผู้กองคำรบ (พุทธิพงษ์ คล้ำจีนภาณุวงศ์) ตำรวจน้ำดี แต่โชคร้ายที่มีเมียโลภมาก อย่าง ภาวลี (อุษณีย์ วัฒฐานะ) เป็นคู่ครอง เช่นเดียวกับพงษ์ที่พลาดได้ ชม้าย (ชลธิชา นวมสุคนธ์) ผู้หญิงจัดจ้าน มาเป็นเมีย ด้าน วงศกร (ยุทธนา เปื้องกลาง) หมอจิตอาสา มารักษาคนไข้ในชุมชน เห็นเบอะได้รับบาดเจ็บ เพราะช่วยเด็กจากแก๊งลักพาตัว จึงทำแผลให้ และยังไปตรวจอาการลุงพวน พ่อของเบอะ ที่บ้าน ลุงพวนติดเหล้าหนัก จนหมอวงศกรต้องพาไปรักษาที่คลินิก แต่เคราะห์ซ้ำ ลุงพวนหนีกลับบ้าน ทั้งที่เมาหนัก เลยพลาดตกน้ำตาย เบอะเสียใจมาก และโทษหมอที่ไม่ดูแลพ่อ พงษ์เลยพาเบอะไปอยู่ด้วย ทำให้ชม้ายไม่พอใจ ไม่นานพงษ์จับได้ว่าชม้ายเล่นชู้ เลยพลั้งมือฆ่าชู้ตาย และติดคุก พงษ์จึงฝากผู้กองคำรบช่วยดูแลเบอะต่อ เบอะได้เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของ ท่านผู้หญิงนวลแข (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) เจ้าของมรดกพันล้าน มาช่วย พิมพิไล (กฤตพร หาญโยธิน) นักโภชนาการสาว น้องสาวของหมอวงศกร ดูแลท่านผู้หญิง จนได้เจอกับน้อง ๆ ของผู้กองคำรบ อย่าง วาทิต (อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม) นักวิจัยหนุ่มผู้ไม่เคยหวังสมบัติใด ๆ ผิดกับ นันดา (ปกฉัตร เทียมชัย) น้องสาวสุดท้องผู้เอาแต่ใจ หวังจะฮุบทุกสิ่งของคุณย่า ถึงแม้ท่านผู้หญิงจะไม่ถูกชะตากับเบอะ แต่ก็อบรมสั่งสอนด้วยความสงสาร เบอะได้เรียนรู้งานต่าง ๆ จาก ละเอียด (รสริน จันทรา) แม่ของวงศกร ซึ่งเคยรับใช้ท่านผู้หญิง ทำให้วงศกรและเบอะใกล้ชิด และเห็นความดีของกันและกัน ฟาก นันดา, ภาวลี และ ระริน (จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย) ระแวงหนัก คิดว่าทั้งคู่ใกล้ชิดคุณท่าน เพราะหวังทรัพย์สมบัติ ก่อนสิ้นลม ท่านผู้หญิงเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้เบอะ นันดาค้านว่าเป็นพินัยกรรมปลอม จากผู้หญิงธรรมดา เบอะกลายเป็นอีกคน ที่รู้จักวางตัวเข้าสังคม ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ตามที่ท่านผู้หญิงสอน จึงถูกเย้ยหยันจากพวกไม่ชอบขี้หน้าว่าเป็น คุณผู้หญิงบานเบอะ ชม้าย คู่ปรับเก่าของเบอะ ออกโรงกำจัดเบอะเต็มตัว ความน่ารักและแสนดีของเบอะ ทำให้วาทิตตัดสินใจสารภาพรักกับเบอะ หมอวงศกรรู้เข้าก็ถอดใจและเย็นชาใส่เบอะ ระรินเลยฉวยโอกาสดามใจวงศกร ทำให้เบอะเกิดหึงเช่นกัน สงครามหัวใจยังไม่จบ สงครามชีวิตก็คุกรุ่น เบอะถูกยิง ! ส่วนนันดาทำตัวเองตกต่ำติดยา เป็นหนี้ ชม้ายกุเรื่องใส่ร้ายผู้กองคำรบว่าเป็นตำรวจเลว แอบค้าผู้หญิง และเตรียมส่งเบอะไปขาย พอพงษ์รู้เรื่อง เลยแหกคุกออกมายิงคำรบ เรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น เบอะจะรอดพ้นเงื้อมมือพวกอิจฉาริษยาได้หรือไม่ และหัวใจเธอจะเลือกใคร ระหว่าง หมอวงศกร ผู้แสนดี หรือ คุณวาทิต ผู้อ่อนโยน ติดตามชมกันต่อได้ในละคร บุษบาเปื้อนฝุ่น

มัจจุราชฮอลิเดย์ (2562/2019) ดวงวิญญาณชายหนุ่มเพิ่งตาย เขายอมตาย เพื่อให้คนรักได้มีชีวิตอยู่ มัจจุราชซึ่งไม่เคยมีความรัก เลยไม่เข้าใจสิ่งที่เขาทำลงไป มัจจุราช เขต 8 หรือ นายยม (ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) ไปฮอลิเดย์ยังโลกมนุษย์ เพื่อพักผ่อนตามที่ได้ลาพักไว้ และถือโอกาสพิสูจน์เรื่องความรักว่ามันยิ่งใหญ่ ถึงขนาดที่คนต้องยอมตายเพื่อคนรักจริงหรือ ? มัจจุราช เขต 8 กำลังลงจากรถ จึงไม่ทันรู้ตัวว่า รถตู้ที่มารับนักเรียนเกิดยางระเบิด กำลังพุ่งมาหาตน นิดหน่อย (ฝ้าย-เวฬุรีย์ ดิษยบุตร) เห็นก็ตกใจ เข้าไปผลักมัจจุราช เขต 8 ให้พ้นจากตรงนั้น ร่างอันไร้วิญญาณของนิดหน่อยลอยกระเด็นไปอยู่ทางสามแพร่ง กึ่งกลางเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างนรกภูมิ เขต 7 และ เขต 8 มัจจุราช เขต 8 รู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้นิดหน่อยต้องมาเสียชีวิต จึงตัดสินใจแหกกฎ ทำให้เธอกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง สร้างความแค้นใจแก่ มัจจุราช เขต 7 (ณัฎฐ์ เทพหัสดิน) มาก จึงวางแผนหลอกล่อนิดหน่อยให้ไปยังเขตของตน และสร้างอุบัติเหตุเพื่อให้นิดหน่อยตาย แต่นายยมก็มาช่วยไว้ได้เสมอ หากนายยมเผลอใช้พลังไปจนหมด อาจจะต้องตายเหมือนมนุษย์เสียเอง แต่การตายของนายยมเท่ากับการดับสูญไปตลอดกาล ฝ่ายนิดหน่อยได้รับความช่วยเหลือจากนายยมหลายครั้ง จนเริ่มรู้สึกดีกับนายยมอย่างไม่รู้ตัว จนรู้ดีว่านายยมหมดพลังไปเพราะช่วยตน จึงเต็มใจจะคอยดูแลเขาให้ดี จนกว่าจะครบกำหนดวันหยุดที่เขาต้องกลับนรก ยมรู้สึกดีที่มีคนมาคอยดูแล จนเริ่มอยากเรียนรู้การมีความรักในแบบมนุษย์บนโลก สุวาน (โก๊ะตี๋ อารามบอย) ว่ามนุษย์จะเริ่มต้นความรักด้วยการเป็นแฟนกัน ยมสนใจอยากรู้ว่าการเป็นแฟนมันเป็นยังไง และค่อย ๆ เรียนรู้มันกับนิดหน่อย สัมผัสที่อ่อนโยน ความห่วงใย การเอาใจใส่ที่คนรักกันจะมีให้ต่อกันได้มากแค่ไหน นิดหน่อยก็มีให้ยมได้มากเท่านั้น มัจจุราช เขต 7 ตั้งใจหาทางเอาผิดกับยมเรื่องที่ชุบชีวิตนิดหน่อยขึ้นมาให้ได้ เพื่อที่จะให้สวรรค์ทบทวนการเลื่อนขั้นของนายยมไปก่อน มัจจุราช เขต 7 จึงยืมมืออาจารย์ขาว (สมชาย ศักดิกุล) ให้ช่วยเอาวิญญาณนิดหน่อยมาเพื่อไต่สวน ยมรู้เรื่องจึงบุกสำนักอาจารย์ขาว เล่นงานอาจารย์ขาวกับลูกน้องแพ้ราบคาบ อาจารย์ขาวกลัวตายจึงหนีไป ยมช่วยนิดหน่อยกับจุกกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่นิดหน่อยกลับตบหน้ายม ที่ทำให้ตนกับครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตราย พร้อมกับบอกเลิกกับยม ไม่ต้องกลับมาให้เธอเห็นหน้าอีก ยมร้องไห้อย่างเจ็บปวด นี่หรือคือความรัก แต่แล้วจุกก็ผิดสังเกตพฤติกรรมบางอย่างของนิดหน่อย ทำให้จุกรู้ว่าวิญญาณที่อยู่ในร่าง ไม่ใช่นิดหน่อย แต่เป็นวิญญาณตนอื่นที่เลียนแบบพฤติกรรมนิดหน่อยมาอย่างแนบเนียน ยมรู้จึงต่อสู้กับอาจารย์ขาวจนอ่อนกำลัง อาจารย์ขาวสั่งให้นิดหน่อยที่มีวิญญาณร้ายสิงอยู่ฆ่ายม ยมไม่กล้าทำร้ายร่างนิดหน่อยจึงถูกแทง นิดหน่อยเสียใจบอกให้ยมฆ่าตัวเองทิ้ง เธอยอมตายดีกว่าทำร้ายคนรัก เรื่องราวความรักของยมและนิดหน่อยจะเป็นอย่างไรต่อไป ? เขาทั้งสองจะกลับมารักกันได้หรือไม่ ? ติดตามได้ในละคร มัจจุราชฮอลิเดย์

ดงผู้ดี (2562/2019) ขม (ณัฐชา เจกะ) เด็กหญิงที่เติบโตมากับ แม่แข (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) ซึ่งเป็นโรคความจำเสื่อม ทั้งคู่ถูกอุปการะจากครูสมพร ผู้เป็นเจ้าของโรงเรียน แขเป็นลมในวันที่ครูจัดงานวันเกิดให้พี่ชาย เธอเลยได้เจอกับ พิทย์ (สุพจน์ จันทร์เจริญ) แล้วจำเรื่องราวทุกอย่างได้ แขเลยฝากขมให้อยู่ในความดูแลของพิทย์ก่อนตาย เมื่อจัดงานศพเสร็จ พิทย์พาขมเข้ากรุงเทพฯ และไปฝากกับเพื่อนที่ชื่อ รังสรรค์ (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) ให้ดูแล และให้การศึกษากับขม เสมอลูกสาวของตัวรังสรรค์เอง ซึ่งก็คือ รติรส (กฤตพร หาญโยธิน) และ พจนีย์ (อรจิรา แก้วสว่าง) แต่ความจริงแล้ว รังสรรค์ และบุหงา (อริสรา ทองบริสุทธิ์) ภรรยาใหม่ ไม่ชอบหน้าขมอย่างมาก เลยใช้งานขมเยี่ยงคนรับใช้ กลั่นแกล้งทุกทาง ด้านพิทย์ หลังจากเดินทางไปต่างประเทศ ก็ไม่ส่งข่าวกลับมาอีกเลย แต่ฝากญาติผู้น้องคือ ชาติสยาม (กฤษฎา พรเวโรจน์) ให้ช่วยดูแลขม หากเขาเป็นอะไรไป ชาติสยามให้ตุ๊กตากับขม ทำให้เธอประทับใจมาก แต่ตุ๊กตาตัวนั้นก็โดนบุหงาแย่งไป เพราะความอิจฉา ส่วน ไพลิน (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) พี่สาวของรังสรรค์ และคุณหญิงรัตนเดชากร (เดือนเต็ม สาลิตุล) สงสัยว่าขมเป็นลูกของแขนภา ตลอดเวลาที่ขมอาศัยอยู่ด้วย มักจะโดนรังสรรค์กระทบกระเทียบถึงพ่อแม่ เธอจึงพยายามตั้งใจเรียนจนได้รับทุน ซึ่งมีพจนีย์ที่คอยอิจฉา และดูถูกเสมอ ด้านพิทย์เมื่อเสียชีวิตไป แต่ได้ทิ้งพินัยกรรมไว้ให้กับขม พอชาติสยามกลับมาจากอังกฤษ เขาจึงอาสาทำหน้าที่คอยดูแลขมอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่ยอมบอกเรื่องพิทย์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนบุหงาที่เห็นชาติสยามมาหาขมบ่อย ๆ ก็พยายามเข้ามาตีสนิทด้วย แต่ชาติสยามไม่สนใจ เพราะชาติสยามมีคนรักอยู่แล้ว คือ รุ้งกาญจน์ (อุษณีย์ วัฒฐานะ) ยิ่งนานวันเข้า ขมโตขึ้นเป็นสาว ก็ยิ่งทำให้คุณหญิงรัตนเดชากร และคุณไพลิน มั่นใจมากขึ้น พวกเขาพยายามถามประวัติพิทย์จากชาติสยาม ไม่นาน ทั้งสามคนตัดสินใจเปิดเอกสารที่พิทย์ทิ้งไว้ให้ขม ซึ่งในเอกสารนั้นเขียนถึงความจริงทุกอย่างไว้ เมื่อรังสรรค์รู้เรื่อง ก็สำนึกผิด ในขณะที่ขมไม่สามารถยอมรับได้ แม้รังสรรค์จะพยายามทำดีชดใช้ให้เธอเท่าไรก็ตาม หลังจากขมไปเรียนต่อต่างประเทศ ชาติสยามก็แต่งงานกับรุ้งกาญจน์ ที่สุขภาพไม่ดี ส่วนรังสรรค์เองก็เจ็บไข้ได้ป่วย ตลอดเวลาที่อังกฤษขมสนิทกับปิยะมาก ทางด้านรังสรรค์ที่ป่วยเป็นมะเร็ง อยากพบขมเป็นครั้งสุดท้าย ไพลินจึงเขียนจดหมายไปหลอกให้เธอยอมกลับมาดูใจพ่อ ขณะนั้นเอง ปิยะหมั่นมาหาขมบ่อย ๆ ทำให้ชาติสยามหึงหวงขมเป็นอย่างมาก แต่ความรักที่เหมือนจะเป็นเรื่องต้องห้ามของพวกเขาจะลงเอยอย่างไรนั้น ติดตามได้ในละคร ดงผู้ดี

รักฉันสวรรค์จัดให้ (2561/2018) ระหว่างที่ เบ็น กำลังขับรถกลับจากงานปาร์ตี้ เขาเห็นรถพยาบาลที่กำลังพา มนัสวี ไปผ่าตัดไส้ติ่ง ขับตามหลังมาอย่างเร็ว เบ็นหักรถหลบรถพยาบาล และเสียหลักพุ่งชนตอม่อทางด่วนอย่างแรง วิญญาณของเขาออกจากร่าง ด้านมนัสวีเกิดอุบัติเหตุระหว่างผ่าตัด หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ และมนัสวีกลับได้คุณสมบัติพิเศษเพิ่มมา คือสามารถเห็นวิญญาณได้ และวิญญาณดวงแรกที่เธอเจอคือ เบ็น วิญญาณของเบ็นต้องผูกติดอยู่กับมนัสวี ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม เพราะเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร แม้แต่ชื่อของตัวเอง มนัสวีเป็นคนตั้งชื่อ เบ็น ให้เขา แต่เบ็นเชื่อว่าต้องมีเหตุผลที่ดีแน่ ๆ ที่เขาต้องมาอยู่กับมนัสวี มนัสวียังต้องพบกับวิญญาณดวงอื่น ๆ ด้วย วิญญาณที่ไม่ไปเกิด ล้วนมีพันธะบางอย่างผูกพันอยู่ เบ็นกับมนัสวีช่วยกันแก้ปัญหาให้พวกเขา คู่แรกคือสามีภรรยาชื่อ ไกร และรื่น ถูกรถชนตายและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เบ็นกับมนัสวีช่วยกันสืบจนรื่นจำได้ว่าเธอกับสามีถูกแก๊งมาเฟียเงินกู้ตามล่า วิญญาณดวงที่สอง คือ พลเทพ พบรักกับ เนตรชนก แล้วแต่งงานกัน วันหนึ่ง ภุชงค์ รุ่นพี่ของเนตรชนกที่เคยเป็นคนรักเก่า กลับมาเป็นหัวหน้าเธอ พลเทพหึงหวงหนักมาก และขอหย่า ไม่นานพลเทพเสียชีวิต และมาขอให้มนัสวีกับเบ็นช่วยทำให้เนตรชนกแต่งงานกับภุชงค์ ซึ่งความจริงแล้ว พลเทพรักเนตรชนกมาตลอด แต่เพราะเขาเป็นมะเร็ง และกำลังจะตาย จึงแกล้งทะเลาะกับเนตรชนก เพื่อให้เนตรชนกมีคนดูแลที่ดีกว่า วิญญาณดวงต่อมา เต็มไปด้วยความแค้นรุนแรง เขาชื่อ มานพ เป็นช่างภาพสายบันเทิง มานพได้พบรักกับ ดาริกา นางเอกดาวรุ่ง แต่ดาริกาอยากอยู่วงการให้นาน จึงให้มานพปิดบังความสัมพันธ์ไว้ ต่อมาดาริกาถูก เสี่ยกำชัย ใช้กำลังขืนใจ และรับจะเลี้ยงดูเป็นเมีย ดาริกาจำเป็นต้องยอม พอมานพรู้ว่าดาริกาไม่เต็มใจ จึงตัดสินใจใช้มีดไปขู่กำชัย แต่มานพกลับโดนกำชัยยิงตาย และให้ดาริกาใส่ความมานพว่าตั้งใจจะฆ่าเขา ดาริกายอมทำตามที่กำชัยสั่ง วิญญาณของมานพจึงแค้นดาริกามาก การได้ช่วยเหลือวิญญาณต่าง ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ของมนัสวีกับเบ็น เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ท่ามกลางเรื่องของคนกับวิญญาณ ยังมี ผู้กองอัคนี นายตำรวจหนุ่มที่มาช่วยไขคดีให้มนัสวี และตกหลุมรักมนัสวี อัคนีกลายเป็นศัตรูคู่แข่งหัวใจของเบ็น ความรักของทุกคนจะลงเอยอย่างไร คนกับผีจะรักกันได้หรือไม่ ที่สุดแล้วความชุลมุนวุ่นวายนี้จะจบอย่างสมหวัง หรือจะเป็นโศกนาฏกรรมอีกบทหนึ่ง เหมือนกับดวงวิญญาณที่เขาได้ช่วยเหลือ คำตอบคงอยู่ที่สวรรค์เท่านั้นที่จะเป็นผู้จัดให้ ติดตามชมละคร รักฉันสวรรค์จัดให้

เสน่ห์นางครวญ (2561/2018) ไต้ก๋งชาง พาลูกเรือมาค้าขายในไทย ซินแสที่ร่วมเดินทางทำนายดวงชะตาไต้ก๋งชางไว้ว่า หากอยู่ทำกินในแผ่นดินไทยจะรุ่งเรือง แต่หากวันใดที่มีคู่และคิดนอกใจชีวิตจะถึงกาลวิบัติ และแล้วก็เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือสำเภาอับปาง ไต้ก๋งชาง รอดมาได้คนเดียวด้วยความที่เป็นคนเก่ง ขุนทนงค์ ข้าราชการชาวลำพระพาย จึงชวนไต้ก๋งชางมาทำงานและให้อาศัยที่บ้าน จึงได้พบกับ รำเพย ลูกสาวของขุนทนงค์ เขาประทับใจตั้งแต่แรกเห็น เขาทำงานหนักเพื่อตอบแทนขุนทนงค์ แต่ถึงจะเป็นคนดี ก็ไม่วายถูกเกลียดชัง ก้อน บ่าวชาย ที่แอบหลงรักรำเพย คิดว่าชางคิดอาจเอื้อมกับรำเพย จึงคอยหาเรื่อง ก้อนแอบลอบเผาตลาด และฉุดรำเพยไปหมายจะข่มขืน แต่ชางตามไปช่วยไว้ได้ ก้อนหนีไปได้ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของ งามตา ลูกสาวหมอผีอิน ที่อิจฉาว่ารำเพยมีชีวิตดีกว่าตน ไต้ก๋งชางประกาศให้รางวัลกับคนที่ให้เบาะแสก้อน งามตาตัดสินใจทรยศก้อน แต่ถูกก้อนจับได้เสียก่อน งามตาจึงยอมตกเป็นของก้อนเพื่อเอาตัวรอด ไม่นานขุนทนงค์เสียชีวิตลง ได้ยกสมบัติและรำเพยให้กับไต้ก๋งชาง จนไต้ก๋งชางกลายเป็นเศรษฐี ไต้ก๋งชางรับ อบเชย, ดวงแข, จำเรียง และ พิมพ์ มาอยู่ในเรือน เพราะอยากช่วยเหลือ ไม่ได้เอาไว้เป็นเมีย งามตารู้เข้าก็ทวงบุญคุณ จนไต้ก๋งชางต้องรับไปอยู่ในเรือนด้วย งามตาสร้างแต่ความวุ่นวายในเรือนและอยากเป็นใหญ่ เมื่อรู้ว่าหมอผีอินมีวิชา เสน่ห์นางครวญ งามตาจึงล่อลวงหญิงสาวมาฆ่า เอาเลือดไปเลี้ยงตัวบึ้ง ก่อนจะนำเลือดไปผสมว่านนางครวญ เพื่อทำน้ำมันนางครวญ จากนั้นก็ให้ไต้ก๋งชางกิน จนไต้ก๋งชางตกอยู่ในเสน่ห์ งามตาใส่ร้ายรำเพยว่าเป็นชู้กับแถน ไต้ก๋งชางก็หลงเชื่อ ไล่รำเพยออกจากบ้าน งามตาสั่งให้ก้อนตามไปฆ่ารำเพยทิ้ง แต่รำเพยหนีรอดมาได้ โดยที่ตัวเองตั้งครรภ์อยู่ แต่เก็บความลับนี้ไว้ ส่วนไต้ก๋งชางเริ่มทรมานจากเสน่ห์นางครวญขึ้นทุกวัน ในที่สุดก็จับได้ว่างามตาลักลอบได้เสียกับก้อน จึงคิดจะฆ่าทั้งคู่ทิ้ง แต่กลับถูกงามตาและก้อนร่วมมือกันฆ่าเสียก่อน วิญญาณไต้ก๋งชางที่ตายโหงเฮี้ยนมาก งามตาจึงให้หมอผีอินทำพิธีสะกดวิญญาณ แยกหัวมาฝังไว้ใต้เรือนดอกเหมย แล้วแยกร่างไปฝังที่อื่น 20 กว่าปีผ่านไป งามตาเป็นเจ้าของตลาดที่ร่ำรวย มีลูกชายที่อ้างว่าเกิดกับไต้ก๋งชาง คือ ก้องภพ ส่วนรำเพยใช้ชีวิตเงียบ ๆ มีลูกสาวคือ เฟื่องฟ้า ที่โตมาโดยไม่รู้เรื่องของพ่อ จึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ วันหนึ่งเฟื่องฟ้าได้เจอกับก้องภพ แต่มีเรื่องเข้าใจผิดเลยไม่ถูกกัน พอรำเพยรู้ว่าเฟื่องฟ้าไปที่เรือนลำพระพายมา ก็สั่งไม่ให้กลับไปอีก ทำให้เฟื่องฟ้ายิ่งสงสัย ก้องภพคิดจะปรับปรุงเรือนดอกเหมยใหม่ เพื่อรำลึกถึงไต้ก๋งชาง งามตารู้เข้าก็สั่งห้าม แต่ก้องภพดึงดันจนสำเร็จ และเปิดแสดงงิ้ว เฟื่องฟ้าที่แอบมาร่วมงานนี้ แล้วจับพลัดจับผลูได้ขึ้นไปแสดงแทนนางเอกงิ้วที่ป่วยกะทันหัน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุตกจากเวที ทำให้เลือดไหลลงไปในร่องดินของเรือนดอกเหมย โดยไม่รู้เลยว่าเลือดที่ไหลลงไปนั้น ได้ปลดปล่อยวิญญาณไต้ก๋งชางให้หลุดออกจากการจองจำ ชีวิตของรำเพยและเฟื่องฟ้าจะเป็นอย่างไร ? เมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผย งามตาและก้องภพจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อจากนี้ .... ติดตามชมกันต่อได้ในละคร เสน่ห์นางครวญ

พ่อปลาไหล (2561/2018) เรื่องราวของ เคน (ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) ที่บังเอิญเจอ เอม (ยีน-เกวลิน ศรีวรรณา) ที่มาเที่ยวผับเดียวกัน เรดาร์ความเจ้าชู้ก็ชี้ให้ตามจีบทันที แต่เอมไม่เล่นด้วย เคนตามตื๊อจน มิ้น (น้ำตาล-บุตรศรัณย์ ทองชิว) กับ นาตาลี (ซาโอะ) เพื่อนรักของเอม ต้องมาช่วยกันท่า จากความรู้สึกเฉย ๆ เปลี่ยนเป็นรังเกียจ เมื่อ ชาช่า (มะลิ-มาลินี โคทส์) ดาราสาวชื่อดัง แสดงตัวว่าเป็นแฟนเคน และไม่พอใจ แม้เอมจะบอกว่า เคนเป็นฝ่ายมาจีบ ทำให้เอมหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ เหมือนโชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้ง เพราะเคนกับเอม มาเจอกันอีกครั้งในงานเปิดตัวสินค้า สายตาที่เคนมองเอม ทำให้ พลอยพราว (ปุยฝ้าย-ณัฎฐพัชร์ วิภัทรเดชตระกูล) สาวไฮโซคู่ควงอีกคนของเคน ไม่พอใจ จึงแกล้งชนเอมจนล้ม แต่เคนประคองไว้ทัน ทำให้เอมรู้ว่า เคนคบผู้หญิงพร้อมกันสองคน เมื่อเอมเห็นเคนจูบกับชาช่า จึงถ่ายรูปไปให้พลอยพราวดู พลอยพราวหึงแรง ขึ้นไปตบตีชาช่าที่กำลังพรีเซ็นต์สินค้าบนเวที จน แดน (ปาล์ม-ธัญวิชญ์ เจนอักษร) และ ป้อง (อาร์ตี้-ธนฉัตร ตุลยฉัตร) สมาชิกในแก๊งเคน ต้องเข้าไปห้าม งานนี้ ทำให้เอมเข้าใจผิด ว่าเคนเป็นผู้ชายขายตัว และเคนก็ได้รู้ว่าเอมคือผู้หญิงที่ เพ็ญ (ก้อย-นฤมล พงษ์สุภาพ) น้าของเคน ต้องการให้เขาไปดูตัว เคนกลัว ณรงค์ (อาเปี๊ยก-สมมาตร ไพรหิรัญ) ผู้เป็นพ่อ จะไล่เตะที่เป็นเหตุให้งานวุ่นวาย จึงลี้ภัยไปนอนที่แฟลตกับ กอล์ฟ (กฤตฎ์ อมรชัยฤกษ์) นายตำรวจเพื่อนรัก และหาทางแก้เผ็ดเอมคืน โดยปลอมตัวเป็นช่างซ่อมสายเคเบิลเข้าไปที่บ้านเอม เพื่อศึกษานิสัยใจคอ และจีบให้เอมตกหลุมรัก หลังจากนั้นก็จะหักอกเอม ขณะที่ เนื้ออ่อน (ขวัญ-ขวัญฤดี กลมกล่อม) แม่ของเอม เข้าใจว่าเคนเป็นผู้ชายขายตัว ก็แสดงท่าทีรังเกียจ และดูถูก จน รอน (เอ-อนันต์ บุญนาค) พ่อของเอม ต้องปราม ขณะเดียวกัน เจตน์สฤษดิ์ (บอย-ภาสกร บุญวรเมธี) นักธุรกิจหนุ่ม ก็เดินหน้าตามจีบเอม แต่เอมมักจะปฏิเสธ เคนรู้เข้าจึงแกล้งให้เอมจำใจต้องไปเที่ยวกับเจตน์สฤษดิ์ เอมแค้นเคนมาก วันหนึ่งเคนชวนแก๊งเพื่อนไปปลุกใจที่อาบอบนวด รวมถึงรอน พ่อของเอมด้วย จนรอนติดใจ ยุทธการเอาชนะใจเอมจึงเริ่มขึ้น โดยมีรอนเป็นเครื่องมือชั้นยอด แผนพิชิตใจเอมครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ หรือพ่อปลาไหลจะเป็นฝ่ายจนมุมเสียเอง จุดจบของแก๊งพ่อปลาไหลจะลงเอยอย่างไร แก๊งพ่อปลาไหลจะยอมวางมือให้กับใครสักคนหรือไม่ ติดตามชมได้ในละคร พ่อปลาไหล

ซิ่นลายหงส์ (2561/2018) เรื่องราวของ อัญญานางหูกคำ (ใบเตย อาร์สยาม) ธิดาใน อัญญาหลวงพุทธังกูร (พันโท วันชนะ สวัสดี) เติบโตมาอย่างต่ำต้อย เพราะถูกชิงชังจาก อัญญานางคำอ่อนมหาเทวี (นุสบา ปุณณกันต์) ในฐานะที่เป็นลูกเมียน้อย แม้แต่ พระสนมทองจันทร์ (ภัครมัย โปตระนันทน์) มารดาแท้ ๆ ก็เกลียดลูกสาวตัวเอง ที่ไม่เกิดเป็นชาย เพื่อสร้างอำนาจให้ตนทัดเทียมกับมหาเทวี เมื่อเข้าสู่วัยสาว หูกคำหลงรัก อัญญาเจ้าราชบุตรศรีโซ่ทอง (นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างแม่ จึงทอผ้าซิ่นลายหงส์ หวังเอาไว้นุ่งในพิธีอภิเษกของตนกับเจ้าราชบุตร แต่อีกฝ่ายไม่มีใจ กลับดูถูกว่าต่ำต้อย และหันไปอภิเษกกับ เจ้าหญิงสีออน (ชลฤดี อมรลักษณ์) เชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรเชียงรุ้ง ซ้ำยังร่วมมือกับอัญญามหาเทวี และ อัญญานางศรีสะอาด (กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์) ผู้เป็นน้องสาว ใช้อำนาจชิงผ้าซิ่นลายหงส์มาให้เจ้าหญิงสีออนใส่ในราชพิธี ทำให้หูกคำปวดใจมาก หูกคำกล้ำกลืนความผิดหวัง ด้วยการทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการทอผ้าไหม สาธุบาทเจ้ารามังกูร (พีท ทองเจือ) เห็นฝีมือทอผ้าไหมลายงาม ก็ส่งราชสาสน์มาสู่ขอธิดาของเจ้าเมืองเวียงคำนาค เมื่อมหาเทวีรู้เข้าก็เปลี่ยนตัวหูกคำเป็นศรีสะอาด เพื่อให้ได้ครองอำนาจเป็นมหาเทวีแห่งอาณาจักรใหญ่ และใส่ความว่า หูกคำวางแผนลอบสังหารตนและลูก อัญญาหลวงหลงเชื่อ จึงสั่งประหารชีวิตหูกคำ เมื่อถึงวันตาย หูกคำสาปแช่งทุกคนที่ทำร้ายชีวิต และจิตใจเธอว่า ให้เกิดมามีชีวิตใหม่ที่ต้องเกี่ยวพันกับเธอ และได้รับความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับที่เธอได้รับในชาตินี้ คำสาปถูกส่งผ่านผ้าซิ่นลายหงส์สีแดงสด ที่มหาเทวีสั่งให้นำเลือดของหูกคำไปย้อมผ้า เพื่อลบลายหงส์ ซึ่งเป็นกาลกิณีต่อเวียงคำนาค แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งทำให้คำสาปของหูกคำทวีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ผ้าซิ่นลายหงส์ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงยุคอีสานบุรี พร้อมกับชีวิตของหูกคำและคนอื่น ๆ ที่ถูกคำสาปผูกพันไว้ อัญญาหลวงพุทธางกูรเกิดใหม่เป็น พ่อแพทย์พุทไธ (พันโท วันชนะ สวัสดี) ผู้มั่งคั่งด้วยสมบัติและบารมีจากการเป็นแพทย์ พ่อแพทย์อยู่กินกับ ยาแม่คำอ่อน (นุสบา ปุณณกันต์) มีลูกสาว 3 คน สะอาด (กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์), สอาง (ใบเตย อาร์สยาม), สะออน (ชลฤดี อมรลักษณ์) แรงอธิษฐานของหูกคำ ทำให้สอางสวยเด่น และชอบข่มพี่น้อง สอางถูกเลี้ยงมาโดยนางงอ (ภัครมัย โปตระนันทน์) หญิงค่อมที่มีประวัติลึกลับ นางงอเลี้ยงสอางให้เป็นคนเอาแต่ใจ ไม่เห็นหัวใคร โซ่ทอง (นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ลูกศิษย์ปรุงยาของพ่อแพทย์ หลงรักสอางสุดใจตามคำอธิษฐานของหูกคำในชาติก่อน แต่สอางไม่เห็นโซ่ทองในสายตา ซ้ำดูถูกว่าต่ำต้อย เช่นเดียวกับที่หูกคำเคยเจ็บช้ำมาก่อน เมื่อสอางแอบเห็นยาแม่คำอ่อนเอาผ้าซิ่นลายหงส์ออกมาอวดสะอาด เพื่อไว้นุ่งในพิธีแต่งดองออกเรือนกับ หลวงอากาศกำจร (กฤตฎ์ อมรชัยฤกษ์) สอางปรารถนาอยากได้ผ้าผืนนั้น เลยแย่งผ้าซิ่นลายหงส์มาสวมในงานเลี้ยง จนเกิดอิทธิฤทธิ์ดลใจให้หลวงอากาศกำจรเปลี่ยนใจมาหลงในตัวเธอ จึงเกิดการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหัน เรื่องราวความแค้นที่ฝังอยู่ในผ้าซิ่นลายหงส์ผืนนี้ จะดำเนินไปทางไหน ใครจะได้รับผลกรรมที่ตนเองได้ทำไว้อย่างไรนั้น ต้องติดตามชมกันต่อได้ในละคร ซิ่นลายหงส์

สาปกระสือ (2561/2018) นลิน หญิงสาวที่ทำงานอยู่กรมศิลปากรและ พนิช แฟนของนลินนำเงินไปเล่นการพนันจนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ จึงหลอกใช้นลินขโมยวัตถุโบราณไปขาย เธอได้รับการติดต่อจาก ชลันตี มาตามนลินกลับไปรับมรดกที่บ้านเกิดของแม่ ซึ่งยายเพียรกำลังป่วยหนัก นลินเข้าไปหายายเพียรตอนเช้าแต่พบว่ายายเพียรเสียชีวิตแล้ว นลินฝันประหลาดถึงหญิงคนหนึ่งที่กำลังร่ายรำอยู่ในสถานที่ลึกลับ และเริ่มรู้สึกตึง ๆ รอบคอตลอดเวลา พฤติกรรมก็เริ่มเปลี่ยนไป ชอบใช้ชีวิตกลางคืนมากกว่ากลางวัน ตาสู้แสงไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือเริ่มมีข่าวลือประหลาด ๆ เกิดขึ้นว่ามีคนเห็นดวงไฟลอยวนไปมารอบ ๆ บริเวณที่นลินอาศัยอยู่ พอรุ่งเช้าก็จะพบคราบเลือดตามราวแขวนเสื้อหรือสถานที่ต่าง ๆ บ้างก็มีสัตว์ล้มตายในลักษณะที่ไส้หรือเครื่องในหายไป ตฤณฤทธิ์ นักวิจัยหนุ่ม ผู้สนใจเกี่ยวกับกระสือ ลงพื้นที่เพื่อวิจัย และได้มาหาข้อมูลที่ทำงานของนลิน พบว่านลินมีอาการแปลกประหลาดบางอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขากำลังวิจัย แต่ไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับมัน นลิน รู้ตัวว่ากลายเป็นทายาทกระสือไปแล้ว จนคืนหนึ่งนลินในร่างกระสือเกี่ยวถูกหนามพุทราที่ชาวบ้านปลูกไว้ ชาวบ้านพากันถืออาวุธออกมาจะทำร้าย แต่ตฤณฤทธิ์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยนลินไว้ได้ ตฤณฤทธิ์ตกใจมากในตอนแรกเมื่อรู้ว่าเธอคือกระสือจริง ๆ แต่ต่อมาเขากลับเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นลินเริ่มไว้ใจตฤณฤทธิ์และเปิดใจเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เขาฟัง บุรัณย์ หาทางพิสูจน์ว่านลินเป็นกระสือ แอบเอากล้องไปซ่อนไว้ในบ้าน และพบว่ามีคนในบ้านนี้ที่ถอดหัวกับไส้ออกได้จริง ๆ จึงเอาคลิปนี้ไปออกข่าวทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต นลินถูกตามล่าตัวจากคนในหมู่บ้าน ตฤณฤทธิ์จึงพานลินเข้าไปหาหลวงปู่คำ ซึ่งธุดงค์อยู่กลางป่า เพื่อหาวิธีที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้ วิธีแรกคือต้องบำเพ็ญเพียรตลอดชีวิต แต่หลวงปู่เลี่ยงที่จะไม่พูดถึงวิธีที่สอง ขณะที่นลินบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่านั้น ปัณรีก็สร้างเรื่องให้ชาวบ้านเข้าใจนลินผิดว่าที่หนีไปนั้นเป็นเพราะนลินได้ขโมยวัตถุโบราณที่พลเพิ่มเก็บไว้ไป แต่เพราะปัณรีเคยผูกกรรมร่วมกับนลินมาก่อน ปัณรีจึงได้กลายเป็นกระสือไปโดยไม่รู้ตัว และเริ่มมีชาวบ้านตายอย่างแปลกประหลาด ตฤณฤทธิ์คิดว่าเป็นฝีมือนลิน นลินปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือเธอ แต่ตฤณฤทธิ์ไม่เชื่อ ทั้งสองจึงทะเลาะกันใหญ่โต นลินตัดสินใจออกเป็นกระสืออีกครั้งเพื่อสืบหาความจริง จนเจอปัณรีที่กำลังกินไส้ชายคนหนึ่งที่ถูกฆ่า ขณะที่ชาวบ้านและพวกพลเพิ่มตามมาเจอก็คิดว่านลินเป็นคนฆ่าชายคนนั้น แต่นลินหนีไปได้เสียก่อน และได้พบกับชลันตีจึงเล่าว่าที่นลินต้องอยู่ในสภาพนี้เพราะตระกูลของเธอถูกสาป เพราะกรรมที่นลินก่อขึ้นเองจากการขโมยสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งในอดีต อาณาจักรเมืองโบราณ นลินคือสาวิตราณี ที่เป็นนางรำและนางสนมของเจ้าเมือง ซึ่งโปรดปรานเธอมาก แต่เธอมีคนรักอยู่แล้วคือสิงหล องครักษ์ที่รับใช้ใกล้ชิด รุจิเทวี ริษยาสาวิตราณีจึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าเมือง สาวิตราณีไหวตัวทัน จึงขโมยสมบัติของเจ้าเมืองเพื่อเป็นทุน เจ้าเมืองตามจับได้ สาวิตราณีกลับถูกนำมาลงโทษประหารชีวิตอย่างทรมานต่อหน้าสิงหล พราหมณ์ทำพิธีเผาร่างสาวิตราณีด้วยไฟอาคม ไหม้จนเหลือหัวกับไส้ อีกทั้งวิญญาณยังถูกพราหมณ์ที่ทำพิธีสาปแช่ง โดยแกะสลักภาพของสาวิตราณีเป็นปีศาจที่มีแต่หัวกับไส้อยู่บนแท่นหินนั้น พร้อมกับสลักคำสาปเพื่อจองจำให้ลูกหลานหรือคนที่ผูกเวรผูกกรรมกับสาวิตราณีต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ตฤณฤทธิ์และนลินตัดสินใจเดินทางไปที่ปราสาทโบราณเพื่อแก้คำสาป แต่จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่ คำสาปที่รอการหลุดพ้นจะจบอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร สาปกระสือ

พยัคฆา (2561/2018) ผู้ใหญ่คงเดช (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) และพวกตามล่าเสือสมิง ที่ออกมากัดกินชาวบ้าน แต่สู้ไม่ได้ โชคดีที่ อัคคี (วินัย ไกรบุตร) มาช่วยไว้ได้ อัคคีฆ่าเสือสมิงและทำน้ำมันเสือสมิงออกมา ซึ่งเป็นของวิเศษชุบชีวิตคนที่เกือบตายให้ฟื้นได้ คงเดชแค้นใจที่อัคคีได้ของวิเศษไป จึงกล่าวหาว่าอัคคีเป็นเสือสมิง อัคคีและ ศรีไพร (ทราย เจริญปุระ) อุ้มลูกชายที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่วัน หนีการตามล่าจากชาวบ้านและคงเดช เพราะต้องการแย่งชิงน้ำมันเสือสมิง พร้อมมีดสั้นลงอาคมกำจัดเสือสมิงมาเป็นเจ้าของ เมื่อจวนตัวอัคคีสั่งให้ศรีไพรวิ่งไปรอที่ริมน้ำ ส่วนเขาล่อคงเดชไปทางอื่น แต่ถูกจับได้ คงเดชพยายามเค้นถามถึงน้ำมันเสือสมิงและมีดลงอาคม อัคคีไม่ตอบเลยโดนจุดไฟเผาทั้งเป็น และออกตามหาศรีไพรกับลูก เมื่อตามเจอศรีไพรตัดสินใจโยนห่อผ้าที่มีมีดลงอาคมทิ้งแม่น้ำ ทำให้คงเดชแค้นใจฆ่าทั้งแม่ทั้งลูก แต่โชคดีที่ ภาคิน (สิทธา สภานุชาติ) ชะตาไม่ถึงฆาต คงเดชฟันโดนขวดน้ำมันเสือสมิง จึงไหลมาต้องบาดแผล และแผลฉกรรจ์สมานในทันที พนา (ชาติชาย งามสรรพ์) มาพบเข้าพอดี รีบเข้าไปช่วยภาคิน แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นแววตาสมิงของภาคิน และเมื่อเจอขวดน้ำมันเปล่าก็นึกถึงคำพูดของพ่อครูมั่นว่า "น้ำมันเสือสมิงถือเป็นของวิเศษหายาก สามารถสมานบาดแผลฉกรรจ์ให้หายสนิท ชุบชีวิตคนที่กำลังจะตายให้ฟื้นคืนชีพได้ แต่ต้องแลกกับการเป็นเสือสมิง ถ้าคนคนนั้นยังอายุไม่ครบเบญจเพส" พนาจึงรีบถอดสร้อยเขี้ยวเสือกลวง สวมคอให้แก่ภาคิน 24 ปีต่อมา ภาคินเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ และเป็นมือขวาของ เสี่ยอมร (สันติสุข พรหมศิริ) ผู้ซึ่งอุปการะเขามาตั้งแต่เด็ก เพราะสำนึกในบุญคุณที่พนาเคยช่วยชีวิตจากการลอบทำร้ายไว้ ภาคินเชี่ยวชาญในการดูพลอยเพราะมีตาสมิง และเจรจาธุรกิจเก่ง จนเสี่ยอมรรักเหมือนลูก และนั่นสร้างความไม่พอใจให้ พลอยรัมภา (ณัฐชา เจกะ) เธอจึงประชดภาคินเสมอเมื่อมีโอกาส ตรงกันข้ามกับภาคินที่แอบรักพลอยรัมภามาตั้งแต่เด็ก ความสวยของพลอยรัมภาต้องตาต้องใจ ไรวินทร์ (ภูมิภาฑิต นิตยารส) ลูกชายของคงเดช ไรวินทร์พยายามทำมิดีมิร้าย แต่พลอยรัมภาก็รอดมาได้จากการช่วยเหลือของภาคิน ทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกดีให้กันมากขึ้น วันหนึ่งพลอยรัมภาถูกไรวินทร์จับตัวไป ภาคินตามไปช่วย แต่ถูกลูกน้องของไรวินทร์ทำร้ายอย่างหนัก จนสร้อยที่ใส่ติดตัวมาตลอดหลุดออกจากคอ ภาคินกลายร่างเป็นเสือสมิง และทำร้ายลูกน้องไรวินทร์จนเสียชีวิต แต่ไรวินทร์รอดไปได้ เพราะคงเดชมาช่วยเอาไว้ จากนั้นคงเดชและไรวินทร์ จ้องจะเปิดเผยความลับเรื่องภาคินเป็นเสือสมิง และหวังจะฆ่าภาคินเพื่อนำมาสกัดน้ำมันเสือสมิง ด้านพลอยรัมภาแม้จะรู้ความจริงว่าภาคินไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่ด้วยความรัก ทั้งสองคนยินยอมที่จะมอบกายและใจให้กันโดยไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า แต่มนุษย์กับเสือสมิงจะรักกันได้หรือ...เมื่อความจริงถูกเปิดเผยความรักของทั้งคู่ก็เดินทางมาถึง...จุดสิ้นสุด มีเพียงหนทางเดียวที่ความรักของเขาและเธอจะสมหวังได้ก็คือ...ภาคินจะต้องกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิมอีกครั้ง ภาคินจะรอดจากการตามล่าของคนชั่วได้หรือไม่...เขาจะล้างอาถรรพ์เสือสมิงที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดได้อย่างไร ? ติดตามชมกันต่อได้ในละคร พยัคฆา

ใจลวง (2560/2017) เรื่องราว ความรักและการล่อลวงหัวใจกันระหว่าง เทวา และ รวิปรียา เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พศิน เพื่อนรักของ รวิปรียา เสียชีวิตจากการกระโดดตึกฆ่าตัวตาย โดยไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง และทิ้งปมในใจว่าเธอเองมีส่วนที่เป็นต้นเหตุทำให้พศินต้องตายโดยไม่รู้เลยว่าเขาได้ทิ้งจดหมายลาตายไว้ให้กับ ดาวิกา คนรักของเขา พร้อมกับคำขอโทษที่เขาไม่สามารถรักดาวิกาได้ ดาวิกาเสียใจจนแทบเสียสติ เธอมั่นใจว่าผู้หญิงที่ทำให้พศินคิดสั้นคือ รวิปรียา ดาวิกาเสียใจจนอยากจะฆ่าตัวตาย แต่เทวา พี่ชายของเธอห้ามไว้ พร้อมกับสัญญาว่าจะแก้แค้นผู้หญิงคนที่ทำให้ดาวิกาต้องเจ็บปวด ท่ามกลางการล่อลวงหัวใจของเทวาและรวิปรียา ก็มีนิมมานที่คบกับรวิปรียามานานกว่าสามปี ทั้งคู่รักกันมากและกำลังวางแผนแต่งงานกัน แต่ เพชรพริ้ง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของรวิปรียาก็หลงรักนิมมานมานาน จึงทำทุกทางที่จะแย่งนิมมานมาเป็นของเธอ จนคืนวันหนึ่งเพชรพริ้งก็วางแผนอ่อยจนได้นิมมานมาเป็นของเธอสำเร็จ นิมมานจำใจต้องแต่งงานกับเพชรพริ้งทั้งที่ไม่ได้รัก ชีวิตหลังแต่งงานของเพชรพริ้งกับนิมมานแทบไปไม่รอด ขณะที่เพชรพริ้งกำลังเบื่อหน่ายเต็มที เธอก็ได้พบกับเทวา เธอหวั่นไหวและวาดฝันว่าจะเลิกกับนิมมานแล้วหันมาจับเทวาแทน กลายเป็นตกหลุมรักเทวาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อรวิปรียารู้ว่าเพชรพริ้งสนใจเทวาอย่างออกนอกหน้า เธอก็อยากแก้เผ็ดคืน จึงเอาตัวไปพัวพันกับผู้ชายความสามารถสูงและมีเสน่ห์เร่าร้อนอย่างเทวา โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถลำลึกเข้าไปในกับดักของเทวาที่วางล่อเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ในที่สุดเทวากับรวิปรียาก็แต่งงานกัน แต่เป็นเพียงการแต่งงานที่ต่างคนต่างก็มีเป้าหมายของตัวเอง เทวาต้องการแก้แค้นแทนดาวิกา ส่วนรวิปรียาต้องการเอาชนะเพชรพริ้ง กลายเป็นเกมที่ต่างคนต่างก็ล่อลวงเพื่อให้ได้หัวใจของอีกฝ่าย ความสัมพันธ์หลังแต่งงานของทั้งคู่จึงไม่ราบรื่นนัก โดยเฉพาะเทวาที่รู้ว่ารวิปรียาใช้เขาเป็นเครื่องมือแก้แค้นเพชรพริ้ง และเชื่อว่ารวิปรียายังรักนิมมานอยู่ ส่วนรวิปรียาเธอไม่เคยรู้เลยว่าที่เทวาแต่งงานกับเธอนั้น เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร เตรียมพบกับเรื่องราวความรัก และการล่อลวงหัวใจกันของแต่ละคู่ จะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร ใจลวง

เพลิงรักไฟมาร (2560/2017) ภัทร์ธีรา กลับมาจากอังกฤษ หลังจากเรียนจบด้านบริหารจัดการโรงแรม เธอก็ได้พบกับ วิษธร ซึ่งเธอทราบภายหลังว่าได้เข้ามาช่วยซื้อหุ้นโรงแรมของครอบครัว ที่พรพจี อาสาวของเธอดูแลอยู่ และฟื้นฟูกิจการจนรอดพ้นวิกฤต หลังจาก นรินทร์ สามีของพรพจีประสบอุบัติเหตุกลายเป็นอัมพาต ภัทร์ธีราไม่ชอบหน้าวิษธรแต่แรกเห็น และระแวงว่าวิษธรมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่เห็น เพราะทุกสิ่งในบ้านเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เขาเข้ามา ภัทร์ธีราเป็นห่วง พรพจี อาสาว ที่ปลื้มวิษธรจนยอมให้เข้ามาอยู่รั้วบ้านเดียวกัน สวาท แม่บ้านเก่าแก่ ที่ภัทร์ธีรารัก ก็ชื่นชม และอยากให้เธอลงเอยกับวิษธร ซึ่งเธอมีคนรักแล้ว คือ สรัช ที่คบกันมาตั้งแต่เรียนอยู่อังกฤษ นรินทร์กลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะหึงว่าวิษธรจะแย่งภรรยาตนไป พรพจีแสร้งทำว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจกับวิษธร แต่แท้จริงก็รู้สึกกับวิษธรมากเกินกว่าผู้ร่วมงาน ความสัมพันธ์ลับ ๆ นี้ดำเนินไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ยกเว้นภัทร์ธีราที่ไม่เคยไว้ใจวิษธรเลย ทั้งคู่จึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันทุกเรื่อง วิษธรสนุกที่จะเห็นเธอหัวปั่น นับวัน พรพจียิ่งหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น แผนร้ายที่เขาต้องการล้างแค้นพรพจีกำลังจะเป็นจริง เพราะพรพจีเคยหลอกให้ วราห์ พ่อของเขาทิ้งแม่ แล้วยกทรัพย์สมบัติให้ตัวเอง ก่อนจะหนีไปแต่งงานกับนรินทร์ วิษธรต้องการให้พรพจีสูญเสียทุกอย่าง เหมือนที่เขาเคยเจอ เมื่อภัทร์ธีรากำลังจะหมั้นกับสรัช วิษธรเลยลักพาตัวภัทร์ธีราไปบ้านที่ลำปาง เพื่อให้เธอดูแลแม่ของเขา และชดใช้ในสิ่งที่ครอบครัวเธอทำ ภัทร์ธีราเต็มใจชดเชยสิ่งที่ครอบครัววิษธรเสียไป ความดีของภัทร์ธีรา ทำให้ทั้งคู่เกิดเป็นความรัก แต่เมื่อวิษธรนึกได้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร เขาก็จำต้องส่งภัทร์ธีราคืนที่บ้านของเธอ เพื่อหวังให้พรพจีอับอาย ภัทร์ธีราถูกครอบครัวสรัชสั่งให้ถอนหมั้น แต่ที่แย่ยิ่งกว่า คือ ภัทร์ธีรา กำลังท้อง หลังจากวิษธรถอนหุ้นโรงแรมออกทั้งหมด กิจการของบ้านภัทร์ธีราแย่ลงเรื่อย ๆ พรพจีไม่อาจทนกับสิ่งที่ประดังประเดเข้ามาพร้อมกันได้ ตัดสินใจขายกิจการทิ้งทั้งหมด และพาภัทร์ธีราไปต่างประเทศ ดนัย ญาติสนิทของวิษธรมาเจอภัทร์ธีราโดยบังเอิญที่คลินิกของเพื่อน ทำให้รู้ว่าภัทร์ธีราท้อง เมื่อวิษธรรู้เข้า รีบไปแสดงความรับผิดชอบทันที แต่โดนพรพจีมาขวางไว้ เพราะเธอโกรธที่เขาทำลายชีวิตเธอ จนแทบไม่เหลืออะไร และคิดจะฆ่าเขาตรงนั้น แต่ภัทร์ธีราเข้ามาห้าม และสารภาพว่าเธอรักวิษธร พรพจีรับไม่ได้ และโกรธแค้นทั้งคู่อย่างมาก เส้นทางความรักของภัทร์ธีรา และ วิษธร จะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร เพลิงรักไฟมาร

เชลยศึก (2560/2017) กล้า ทาสในเรือนของขุนฟ้าลั่น ผู้มีพรสวรรค์ในศิลปะการต่อสู้ หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่และครูมวย บวกกับความเฉลียวฉลาดและไหวพริบจึงทำให้กล้ากลายเป็นนักมวยที่ค่ายมวยต่าง ๆ ในยุคนั้น และรู้จักกันในนามนายขนมต้ม ซึ่งชื่อนายขนมต้มชื่อนี้ได้มาจาก เฟื่องฟ้า ลูกสาวคนเล็กของขุนฟ้าลั่น ซึ่งเป็นคนที่กล้ารักและบูชา หลังจากกรุงศรีอยุธยาโดนพม่าตีแตกครั้งที่สอง กล้าได้รวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อหาทางกอบกู้บ้านเมือง โดยกล้าได้รู้จักกับ นิลและโหน จนกลายเป็นพี่น้องต่างสายเลือดที่พร้อมจะตายแทนกันได้ มะขาม ลูกสาวของนายบ่อนเจ้าของบ่อนต้องบ้านแตกและเสียพ่อไป เกิดความประทับใจ และทำให้มะขามรู้สึกหลงรักกล้า กลุ่มของกล้าเริ่มเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น เมื่อได้ ครูเที่ยง ผู้ซึ่งเป็นทหารเอกและองครักษ์คู่บารมีของ เจ้าฟ้าอุทุมพร เข้ามาร่วมด้วยยิ่งทำให้กลุ่มของกล้าเข้มแข็งขึ้น ด้วยวิธีการรบแบบกองโจร ทำให้พวกเค้าสามารถช่วยให้คนไทยรอดพ้นจากการเป็นเชลยศึกของพวกพม่าได้เป็นจำนวนไม่น้อย มังจาเร ที่มีโทษถึงประหารชีวิตถูกลดโทษโดยพระเจ้ามังระให้กลายเป็นคนธรรมดา และยังถูกส่งตัวไปในบ่อนมวยใหญ่ของพวกพม่า นายขนมต้มหรือไอ้กล้าก็เป็นหนึ่งในนักมวยที่ถูกจับมาขังอยู่ที่ค่ายมวยนรกแห่งนี้ กล้าความจำเสื่อมจากการถูกจับ กลายเป็นสิ่งบันเทิงของชาวพม่าที่ได้พบเห็น มะเมี๊ยะ น้องสาวของมังจาเรที่กล้าเคยช่วยเหลือไว้ คอยดูแลกล้าเท่าที่สามารถจะทำได้ มะขามออกตามหากล้าจนพบและรู้ว่ากล้าความจำเสื่อม มะขามคิดหาทางช่วยออกจากที่คุมขังมะขามได้รู้จักกับมะเมี๊ยะ ทั้งสองสาวช่วยกันเพื่อให้กล้าฟื้นจากความทรงจำจากเฟื่องฟ้าที่ตอนนี้เป็นคนรักของมังจาเร มะเมี๊ยกับมะขามช่วยกันหาทางพากล้าออกจากคุกไปช่วย แต่ไม่รอด เพราะ ทกยอ มาพอดี ทกยอตกใจที่เจอมะเมี๊ย สั่งทหารคุมตัวมะเมี๊ยกับมะขาม และพาตัวกล้ากลับเข้าคุก กล้าความจำฟื้นแล้วและต้องสู้กับมังจาเร กล้าแกล้งแพ้มังจาเรอย่างราบคาบ มังจาเรเจ็บใจมาก ออกไปด้วยความแค้น กล้ารีบบอกมังจาเรเรื่องเฟื่องฟ้าตายแล้ว ทกยอกลัว รู้ว่ามังจาเรไม่ปล่อยเขาแน่ อะละแมเสนอให้ อองซอ ไปฆ่ามังจาเร ในการประลองในลานประตูผี มะเมี๊ยกับมะขามกบุกบ้านอองซอ ค้นหาตัวเมี๊ยด อองซอกับมังจาเร ต่างคนต่างน่วม อองซอพลาด โดนมังจาเรเล่นงานอย่างหนัก มังจาเรเสียเปรียบ กล้าทนไม่ไหว ลุยเข้าไปในสนาม ช่วยเหลือมังจาเร และฆ่าอองซอ (ด้วยมีดของอองซอ) ตายคาสนาม มังจาเรแค้นทกยอมาก คว้ามีดที่ปักท้องอองซอ เขวี้ยงขึ้นไปปักที่หัวใจทกยอ ตายคาอัฒจรรย์ อะละแมช็อก หนีออกจากสนาม พระเจ้ามังระรู้ความจริงทุกอย่างจากเมี๊ยดจึงรับสั่งให้ปล่อยตัวมังจาเร มังจาเรทำศพเฟื่องฟ้าอย่างโศกเศร้า อาละแม กลัวความผิดจนเป็นบ้าเสียสติ พระเจ้ามังระยื่นข้อเสนอให้กล้าลุยเดี่ยวกับทหารอังวะ 10 นายแล้วจะปล่อยตัวเชลยทุกคนกลับอโยธยา สุดท้ายพระเจ้ามังระทำตามที่ตกลงยอมปล่อยตัวกล้าและเชลยทั้งหมดกลับสู่ อโยธยาอย่างสมศักดิ์ศรี ติดตามชมความเข้มข้นของละคร เชลยศึก

เงาอาถรรพ์ (2560/2017) เจรมัยเป็นนักร้องหนุ่มที่กำลังมาแรง เขาเริ่มต้นเข้าวงการจากเวทีการประกวดแห่งหนึ่งแล้วได้รางวัลชนะเลิศ เมื่อออกอัลบั้มแรกเขายังไม่ดังเปรี้ยงปร้าง แต่อัลบั้มที่สองเพลงของเขาได้รับรางวัลเพลงยอดนิยมจากการมอบรางวัลของนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง ในงานรับรางวัลซึ่งใกล้กับวันเกิดครบยี่สิบสามปีของเขานั้น เขาถูกมัลลิกา นักข่าวจากนิตยสารฉบับหนึ่งถามถึงประวัติส่วนตัวที่แม้แต่เขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้เจรมัยรู้สึกไม่พอใจ แต่ทว่าเขาก็เกิดคำถามขึ้นในใจ ว่าอดีตของเขาเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ เมื่อกลับถึงบ้านเขาจึงถามคุณจรรยา ผู้เป็นมารดา เรื่องประวัติครอบครัว แต่ผู้เป็นมารดากลับบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องราวในอดีต หรือเอ่ยถึงญาติพี่น้องที่ไม่เคยบอกให้เจรมัยรู้ แต่เหตุบังเอิญก็เกิดขึ้นในคืนนั้น เมื่อน้องสาวของคุณจรรยาโทร. มาแจ้งให้ทราบว่า บิดาหรือผู้เป็นคุณตาของเจรมัยได้เสียชีวิตแล้ว คุณจรรยาจึงจำเป็นต้องพาลูกชายกลับไปกราบศพท่าน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเล่าสิ่งที่ปกปิดมาตลอดเวลายี่สิบปี เมื่อไปถึงบ้านของคุณตาที่เจรมัยไม่เคยรู้เลยว่าเขามีคุณตา มีญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้กันเพียงเขตพระรามห้า แต่มารดาบอกเขามาตลอดชีวิตว่าญาติพี่น้องอยู่ไกล และไม่เคยให้เขามีโอกาพบเจอหรือเล่าอะไรเกี่ยวกับวงศ์ตระกูลให้ฟังเลยแม้แต่น้อย เจรมัยแปลกใจที่เหมือนทุกคนจะรู้จักเขา ผิดกับเขาที่ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าใครเลย ชายหนุ่มพยายามจะถามมารดา แต่เหมือนคุณจรรยาจะยังไม่พร้อมสำหรับการอธิบายเรื่องทั้งหมด ท่านจึงขอให้เขารอให้ผ่านพ้นงานศพของคุณตาไปก่อน แล้วจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง ด้วยความรักที่มีต่อมารดามากล้น เจรมัยจึงคิดว่าเขารอเวลานั้นได้ บ้านของคุณตาเป็นบ้านไม้สองชั้นสไตล์โคโลเนียล พื้นที่บ้านกว้างขวางเพราะเป็นบ้านของคหบดีเมื่อสมัยรัชกาลที่ 7 คืนที่มาถึงก็เกิดเรื่องราวแปลก ๆ ขึ้น คือศพของคุณตาไม่สามารถยกไปใส่โลงศพได้ จะด้วยเหตุใดก็สุดรู้ แต่เจนจิราลูกพี่ลูกน้องซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ของเขาบอกว่า มีเจรมัยเท่านั้นที่จะทำให้ศพของคุณตายกไปใส่โลงศพได้ คุณจรรยามารดาของเจรมัยจึงบอกให้นักร้องหนุ่มเข้าไปกราบศพท่าน แล้วสัญญาว่าจะดูแลมรดกของวงศ์ตระกูลต่อจากท่านตลอดชีวิต เจรมัยแปลกใจอีกครั้งกับสิ่งที่เขาเพิ่งรู้ว่าจะต้องรับผิดชอบ แต่เขาก็ยอมทำตามเพราะเป็นสิ่งที่มารดาร้องขอ เมื่อเจรมัยกราบศพคุณตาและสัญญา ศพของคุณตาที่เคยหนักจนบรรดาลูกเขยสามสี่คนยกไม่ไหวก็กลับยกขึ้นได้สบาย ในคืนเดียวกันนั้น มัลลิกาซึ่งมาส่งเจนจิราผู้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่บ้านหลังนี้ ก็ขับรถกลับเข้าตัวเมืองเพียงลำพัง เธอเจอกับเหตุการณ์ประหลาดหลายอย่าง ทั้งเห็นเงาดำตัดหน้ารถ ทั้งโดนแท่งเหล็กจากรถบรรทุกข้างหน้าร่วงใส่กระจกหน้ารถจนทะลุ แถมยังโดนตำรวจโบกด้วยสาเหตุว่ามีผ้าผืนขาวปลิวออกนอกรถของเธอ ซึ่งพอลงไปดูกลับไม่มีผ้าหรืออะไรเลย คืนที่เจรมัยนอนในห้องของคุณตาเพียงลำพังเขาได้เห็นวิญญาณสาวตนหนึ่งมานั่งร้องไห้ข้างเตียงพร้อมกับพูดว่า "กลับมาอยู่ด้วยกันเสียทีนะพี่เที่ยง" แล้วก็เดินจากไป เจรมัยรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ความฝัน เขาพยายามถามมารดา แต่ท่านก็ยังยืนยันให้เขารอจนเสร็จสิ้นงานศพของคุณตา วันที่เผาศพคุณตา มัลลิกาเดินทางมาร่วมงานพิธีด้วย แต่เธอก็เจออุปสรรคหลายอย่าง ราวกับมีใครสักคนไม่ต้องการให้เธอมายังบ้านหลังนี้ ทว่าสุดท้ายหญิงสาวก็มาถึงจนได้ ในการเผาศพครั้งนี้ เจรมัยตัดสินใจบวชหน้าไฟให้ท่าน และเขาตั้งใจจะบวชต่ออีกสามวัน แต่เมื่อเผาศพคุณตาเสร็จ กลับมีลมกรรโชกแรงจนกิ่งไม้หักหล่นใส่ท้ายทอยเขาจนสลบต้องนอนโรงพยาบาล ในบริเวณวัดวันนั้น พระแก่พรรษารูปหนึ่งได้เห็นวิญญาณที่คอยติดตามเจรมัยยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ดังนั้นเมื่อเจรมัยออกจากโรงพยาบาล โดยหมอแปลกใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่มีแม้แต่รอยฟกช้ำ เมื่อกลับไปขอบวชต่อ พระแก่พรรษารูปนั้นจึงให้เขาบวชต่อไม่ได้ บอกว่าเขาจะต้องอยู่เผชิญกับกรรมที่รออยู่ เจรมัยจึงไม่ได้บวช หลังจากเสร็จงานศพคุณตา เจรมัยจึงได้รู้จากปากมารดาว่า มรดกที่เขาต้องดูแลด้วยชีวิตเป็นเพียงหนังตะลุงประจำตระกูลตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินมีค่ามหาศาลแต่อย่างใด ทว่าเป็นหนังตะลุงที่ จ๋า ลูกของน้าสาวของเขาบอกว่าเป็นหนังตะลุงผีสิง ทำให้เจรมัยรู้ว่า นี่ไม่ใช่มรดกธรรมดาจริง ๆ ชายหนุ่มกับมารดาต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านคุณตาอย่างถาวร แต่การกลับมาหาครอบครัวในครั้งนี้เจรมัยกับ พัน ผู้จัดการส่วนตัว ยังต้องปิดทุกอย่างไว้เป็นความลับ เพราะตลอดมาเจรมัยไม่เคยมีประวัติเรื่องครอบครัวในวงการบันเทิง ดังนั้นเมื่อแคทลียา ดาราไฮโซชื่อดัง ที่มาหลังรักเจรมัยตามพันมาถึงบ้านของคุณตา พวกเขาจึงต้องให้เธอสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เจนจิราจำเป็นต้องใช้บ้านคุณตาในการถ่ายทำโฆษณาตัวหนึ่งให้สปอนเซอร์รายใหญ่ของนิตยสารที่เธอเป็นเจ้าของ และนางเอกโฆษณาในครั้งนี้ก็คือมัลลิกา นักข่าวที่เคยส่งไปสัมภาษณ์เจรมัยผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายนั่นเอง เมื่อเจรมัยกับมัลลิกาได้เจอกัน ทั้งสองคนมีอาการเขม่นกันอยู่บ้าง เนื่องจากเรื่องที่สัมภาษณ์ในคืนงานมอบรางวัลนั้น แต่ด้วยการแต่งกายถ่ายทำโฆษณาเป็นแบบย้อนยุค ทำให้เจรมัยมองเห็นมัลลิกาเมื่อครั้งในอดีต เจรมัยเห็นมัลลิกาเป็นคุณมาลีเมื่อสมัยรัชกาลที่ 7 อยู่ในบ้านหลังนี้ ขณะเดียวกันก็เห็นตัวเองเป็นชายหนุ่มชื่อเที่ยงในสมัยนั้นเช่นกัน วันนั้นเจรมัยหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาแปลกใจมากที่ทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน ทั้ง ๆ ที่เขารู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริง แคทลียามาหาเขาที่บ้านคุณตาเป็นจังหวะที่นักร้องหนุ่มเข้าไปดึงแขนมัลลิกาเพื่อจะคุยด้วย แคทลียาเข้าใจผิดจึงกระชากเขากลับมา ทำให้เจรมัยกับมัลลิกาล้มหัวกระแทกสลบไปด้วยกันทั้งคู่ และการสลบครั้งนี้สองหนุ่มสาวก็ได้ฝันในเรื่องเดียวกัน นั่นคือเห็นตัวตนของตัวเองอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันเมื่อสมัยรัชกาลที่ 7 เป็นคุณมาลี กับนายเที่ยง เรื่องราวในอดีตดำเนินไปในสายตาของคนทั้งคู่ แต่แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ภาพเงาดำน่ากลัวก็ตัดผ่านพาพวกเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อทั้งคู่ฟื้น มัลลิกาก็รีบขอตัวกลับ เธอไม่ได้ติดใจอะไรกับความฝันนั้น ผิดกับเจรมัยเขาคิดว่ามันคงไม่ใช่ฝันธรรมดา แต่เป็นเรื่องแปลกที่ได้ฝันซ้ำ ๆ ตลอดหลายคืนที่ย้ายมาอยู่บ้านคุณตาแห่งนี้ เขาจึงพูดให้เจนจิราฟัง ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้จึงบอกว่า การที่ส่งมัลลิกาไปสัมภาษณ์เจรมัยในคืนวันงานรับรางวัล เพราะเธอเห็นว่ามัลลิกาหน้าตาเหมือนคุณยายทวด เช่นเดียวกับที่เจรมัยหน้าตาเหมือนคุณตาทวดที่ชื่อเที่ยงของพวกเขา เลยคิดว่าหนุ่มสาวทั้งคู่คงกลับชาติมาเกิด จึงอยากให้มีโอกาสได้เจอกัน เจรมัยแปลกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง เจนจิราจึงบอกให้เขากลับไปดูรูปคุณตาทวดกับคุณยายทวดที่ห้องของคุณตา เมื่อเจรมัยกลับไปดูเขาไม่ได้พบเพียงภาพถ่าย แต่พบบันทึกของคุณตาทวดอยู่ในลิ้นชักนั้นด้วย เจรมัยไล่อ่านบันทึกไปเรื่อย ๆ และเขาก็ได้กลับไปเห็นภาพในอดีตอีกครั้ง เรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปราวกับเป็นการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้เขาได้รับรู้ แต่ทุกครั้งจะต้องมีเงาดำของใครสักคนมาขัดขวางอยู่ร่ำไป เช้าวันหนึ่งคุณจรรยาชวนเจรมัยไปทำบุญที่วัด พระแก่พรรษารูปที่เคยบวชให้เขา ทักว่าเขาอายุครบยี่สิบสามปีแล้ วถึงเวลาที่คนในบ่วงกรรมจะมาบรรจบพบกัน คุณจรรยาใจไม่ดี และเมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้เจอกับพราหมณ์คนที่เคยทักว่า เจรมัยมีวิญญาณติดตามเมื่อยี่สิบปีก่อน พราหมณ์คนนี้ทักว่า เจรมัยกำลังมีเคราะห์อาจถึงตาย หากเขาไม่หาผู้ร่วมกรรมอีกคนมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ภายในสามวัน เจรมัยไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คุณจรรยาเชื่อ ท่านเล่าให้เจรมัยฟังว่า พราหมณ์คนนี้เคยทักเรื่องเขาเมื่อตอนแรกเกิด ตอนนั้นคุณจรรยากลัวมากเลยชวนสามีพาเจรมัยหนีไปอยู่ที่อื่น แต่การหนีครั้งนั้นเกิดอุบัติเหตุจึงทำให้สามีของเธอเสียชีวิต และเธอต้องใช้ชีวิตกับเจรมัยลำพังสองแม่ลูกตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา เมื่อเจนจิราได้รู้ถึงการทักของพระและพราหมณ์เรื่องนี้ หญิงสาวนึกถึงมัลลิกาในทันที คุณจรรยาก็เห็นด้วย แต่เจรมัยกลับไม่เชื่อ เขาไม่คิดว่ามัลลิกาจะคือผู้ร่วมกรรมที่จะต้องมาอยู่ด้วยกัน หากวันนั้นเขาพาจ๋าลูกสาววัยสิบขวบของน้าสาวไปเที่ยวสวนสนุกและเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับจ๋า อาการโคม่า เขาจึงนึกถึงคำที่พราหมณ์คนนั้นทักว่า ถ้าไม่เชื่อจะทำให้คนในครอบครัวได้รับผลกระทบไปด้วย เมื่อเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นเจรมัยจึงจำต้องเชื่อ เขาไปเจรจากับมัลลิกาให้เธอมาค้างที่บ้านคุณตาด้วยกัน แต่เพราะพูดกันไม่เข้าใจ มัลลิกาจึงคิดว่าเขาหยามเธอ ทำให้การเจรจาไม่สำเร็จ เจนจิราจึงเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยอีกครั้ง และทำได้สำเร็จ คืนที่มัลลิกายอมไปอยู่ร่วมห้องกับเจรมัย เธอได้ยินเสียงแปลก ๆ ไล่เธอไปจากบ้าน เธอจึงตั้งใจจะเล่าให้นักร้องหนุ่มฟังถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น เหมือนขัดขวางไม่ให้เธอมาบ้านหลังนี้ แต่ยังไม่ทันจะได้เล่า ขาของเธอก็โดนมือมืดจับไว้ทำให้สะดุดล้ม เจรมัยมารับไว้จึงพากันล้มไปด้วยกันหัวฟาดกับตู้เสื้อผ้าสลบไปทั้งคู่ และการสลบครั้งนี้ได้นำพาคนทั้งสองไปสู่เรื่องราวในอดีตทั้งหมด สมัยรัชการที่ 7 คหบดีคนหนึ่งได้ว่าจ้างคณะหนังตะลุงของนายเที่ยงเข้ามาเล่นในกรุงเทพฯ โดยให้ทั้งคณะพักที่เรือนรับรองในอาณาบริเวณบ้านอันกว้างใหญ่ของเขา ครั้งนั้นนายเที่ยงซึ่งเป็นนายหนังวัยยี่สิบสามปีได้พบกับมาลีลูกสาวคนเล็กที่เกิดจากเมียฝรั่งของคหบดีผู้ร่ำรวยคนนั้น เพียงแวบแรกที่ได้เห็น นายเที่ยงก็หลงรักมาลีในทันที มันเป็นรักแรกพบ รักในความงาม รอยยิ้มและความอ่อนโยนอ่อนหวานมีไมตรีของเธอ หากนายเที่ยงก็รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควร จึงทำเพียงคอยดูแล ช่วยเหลือมาลีในเรื่องต่าง ๆ เวลาเธอมีทุกข์อันเกิดจากพี่น้องต่างมารดาอย่างมณฑากับมารศรี นายเที่ยงก็จะใช้หนังตะลุงเล่นหยอกเย้าให้เธอหัวเราะและอารมณ์ดีขึ้นได้ ความสนิทสนมของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาของทุกคน รวมถึงสารภี หญิงสาวที่มากับคณะหนังตะลุงของนายเที่ยง เธอหลงรักนายเที่ยงมาแสนนาน แต่นายเที่ยงเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว สารภีไม่ชอบใจที่มาลีมาแย่งความสำคัญไป เธอจึงไม่ถูกชะตากับมาลี แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะมาอาศัยบ้านเขาอยู่ ผิดกับสองพี่น้องมณฑากับมารศรีซึ่งไม่มีความรักต่อน้องต่างท้องมารดาเลย คอยคิดแต่จะกำจัดมาลีเรื่อยมา คราวนี้เมื่อเห็นมาลีสนิทกับชายต่างถิ่นที่มีอาชีพเล่นหนังตะลุงหากิน จึงคิดแผนจะใส่ร้ายด้วยเรื่องเสื่อมเสีย ดังนั้นคืนที่นายเที่ยงไปเล่นหนังตะลุง มณฑากับมารศรีจึงหลอกมาลีไปยังวัดใกล้บ้าน พอนายเที่ยงกลับมารู้จากพี่เลี้ยงของมาลีว่าเธอหายไปยังไม่กลับมา นายเที่ยงก็เลยออกตามหาและไปเจอที่วัด นายเที่ยงโดนทุบจนสลบแล้วลากไปนอนก่ายกอดอยู่กับมาลีที่โดนกระทำเช่นเดียวกันไปก่อนหน้านี้ที่ริมรั้ววัด ทั้งสองคนถูกทิ้งไว้อย่างนั้นจนเช้า ชาวบ้านแถวนั้นผ่านมาเห็นก็ซุบซิบนินทากัน จนกระทั่งบิดาของมาลีมาเห็น เขาจึงสั่งให้ทั้งสองคนกลับเรือน แต่ด้วยความรัก ความเชื่อถือในตัวลูกสาวคนเล็กว่าเป็นคนดี บิดาจึงไม่ได้ลงโทษในทันที หากไต่สวนจนพอจะเดาออกว่ามาลีโดนกลั่นแกล้ง ความรัก ความห่วงใยอยากให้ลูกสาวพ้นจากการถูกรังแก บิดาจึงแก้ปัญหาด้วยการให้หนุ่มสาวทั้งสองแต่งงานกัน พร้อมกับยกบ้านหลังใหญ่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน การตัดสินครั้งนี้ทำให้มารศรีซึ่งแอบรักนายเที่ยงอยู่เช่นกันช้ำใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผิดกับสารภีที่ทำใจไม่ได้ เธอตามมาตบตีมาลีอย่างคุมแค้น เกลียดชิงชังที่มาลีแย่งความรักจากนายเที่ยงไป สารภีหลงคิดเสมอว่า การที่นายเที่ยงเอ็นดูเธอมากกว่าใคร ๆ คือความพิเศษ คือสิ่งที่เขาทำให้ด้วยใจเสน่หา ครั้งหนึ่งมาลีเคยฝากดอกสารภีมาให้กับนายเที่ยง แต่เพราะนายเที่ยงรู้ว่าสารภีไม่ชอบมาลี เขาจึงไม่ได้บอกว่ามาลีเป็นคนฝากมา นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยที่นายเที่ยงไม่ได้คิดเอะใจอะไร แต่สำหรับสารภีเธอคิดว่าเขามีใจต่อเธอ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้จึงเหมือนโดนแย่งของรักที่เจ็บปวดแสนสาหัส ข่าวการแต่งงานของมาลีกับนายเที่ยงร่ำลือกันไปทั่ว ชายหนุ่มที่เคยหมายปองมาลีต่างไม่พอใจที่หนุ่มต่างถิ่นมาคว้าเธอไปเสียได้ ดังนั้นก่อนการแต่งงาน นายเที่ยงมีการแสดงหนังตะลุงอีกครั้ง ในงานนั้นนายเที่ยงไปที่เวทีช้ากว่าคนในคณะทุกคน เมื่อไปถึงเขาจึงพบเพียงเวทีที่ถูกเผาไหม้ พอกลับมาเรือนพักจึงได้รู้ว่า สารภีพยายามเข้าไปเอาหนังตะลุงออกมาจากกองเพลิงจึงถูกไฟไหม้ด้านหน้าจนหมด สารภีไม่ยอมไปหาหมอ แต่ให้บิดาซึ่งเป็นคนในคณะหนังตะลุงใช้สมุนไพรรักษา ทว่าแผลของเธอสาหัสจนเกินไป สารภีจึงอยู่ได้ไม่นาน นายเที่ยงรู้สึกสิ้นหวังที่มรดกของครอบครัวถูกเผาไหม้ และเขารู้สึกผิดต่อสารภีเป็นอย่างมาก ในชีวิตของเขาสิ่งที่รักที่สุดคือบิดามารดา รองลงมาคือหนังตะลุงเท่านั้น สารภีรู้ข้อนี้ดี ดังนั้นก่อนสิ้นลมหายใจเธอจึงขอให้นายเที่ยงเล่นหนังตะลุงโรงเล็ก โดยใช้หนังตะลุงที่เป็นของที่ระลึกเล่นให้เธอดูเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับขอสัญญาให้เขาไม่แต่งงานกับมาลี นายเที่ยงรู้ดีว่าเขายกเลิกการแต่งงานไม่ได้ แต่ก็ยอมรับปากเพราะถือว่าเป็นคำขอครั้งสุดท้ายของคนกำลังจะตาย เมื่อสารภีสิ้นใจเธอแอบสั่งเสียนายโพนผู้เป็นบิดาเอาไว้ว่า ให้เขาเลาะหนังตรงแผ่นหลังของเธอไปทำหนังตะลุงให้นายเที่ยงใหม่ เขาจะได้ใช้แสดง ทำมาหากินและสร้างคณะหนังตะลุงให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง และเธอเองก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เขารักสุดชีวิตเช่นกัน นายโพนไม่อยากทำตาม เพราะการทำแบบนั้นไม่ต่างอะไรจากการเชือดเฉือนเนื้อหัวใจตัวเอง หากก็ต้องทำเพื่อลูกสาวที่รักดั่งแก้วตาดวงใจ นายโพนใช้หนังตรงแผ่นหลังของสารภีทำหนังตะลุงให้นายเที่ยง โดยไม่บอกว่ามันมีที่มายังไง นายเที่ยงแต่งงานกับมาลีอยู่กินกันจนมีลูก เขาใช้หนังตะลุงตัวนั้นเพียงตัวเดียวทำการแสดงจนเริ่มมีเงินมีทองมาซื้อหนังวัวสร้างหนังตะลุงเพิ่มได้เหมือนเดิม หลายปีต่อมาก่อนนายโพนจะตายเขาได้บอกกับนายเที่ยงว่าหนังตะลุงตัวนั้นแท้จริงคือหนังตรงแผ่นหลังของสารภี นายเที่ยงเสียใจและเจ็บปวดมาก เขาจึงยกให้หนังตะลุงตัวนั้นเป็นมรดกเก็บรักษาไว้อย่างดีชั่วลูกชั่วหลาน โดยไม่รู้ว่าวิญญาณของสารภีสิ่งสู่อยู่ที่หนังตะลุงตัวนั้นเพราะความรักอาลัยที่มีต่อเขา รวมกับความโกรธแค้นที่เขาผิดสัญญา เมื่อมัลลิกากับเจรมัยตื่นจากการหลับใหลไปแสนนาน ก็เป็นเวลาที่วาระกรรมเก่าวนมาถึง วิญญาณของสารภีออกอาละวาด สิงร่างแคทลียาเพื่อทำร้ายมาลีหลายต่อหลายครั้ง เธอต้องการให้เจรมัยหรืออดีตชาติคือนายเที่ยงอยู่กับเธอ แต่เมื่อเขายังกลับมารักกับมาลี ซึ่งกลับชาติมาเกิดเป็นมัลลิกา ผีสาวจึงคั่งแค้น ต้องการฆ่าทุกคนให้หมด แม้แต่เจรมัยเองก็ตาม คุณจรรยารักและเป็นห่วงเจรมัยเท่าชีวิต เมื่อหาทางออกไม่เจอ ท่านจึงคิดว่าหากไม่มีหนังตะลุงตัวนั้นทุกอย่างคงจะจบ จึงตั้งใจเผามันทิ้ง แต่วิญญาณของสารภีกลับทำร้ายท่านจนเกือบตาย เจรมัยหมดหนทางออกที่จะยุติเรื่องทั้งหมด เขาจึงนึกถึงหนังตะลุงซึ่งเป็นการแสดงอันศักดิ์สิทธิ์ของวงศ์ตระกูล ชายหนุ่มตั้งจิตอธิษฐานให้ครูหมอหนังตะลุงช่วยให้เขาผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ หากมารดาปลอดภัย และเรื่องทั้งหมดจบลง เขาจะเชิญคณะหนังตะลุงมาทำการแสดงที่บ้าน โดยเขาจะขับร้องบางช่วงตอนเหมือนที่นายเที่ยงเคยเป็นนายหนังเมื่อในอดีต คำขอของเขาครั้งนั้นส่งผล เมื่อวิญญาณสารภีเข้าสิ่งร่างมัลลิกาแทนร่างของแคทลียา และเจรมัยพาเธอไปวัด ไปเจอกับพระแก่พรรษารูปนั้น วิญญาณสารภีถึงได้รู้ว่าพระรูปนั้นคือนายโพน บิดาของเธอเมื่อในอดีต วิญญาณสารภีได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของบิดา ในวันที่เลาะแผ่นหลังของเธอ ความรักที่ยิ่งใหญ่คือบุพการี หาใช่ความรักจากคนอื่นไม่ การที่เธอรักตัวเอง รักคนอื่นจนหลงลืมจิตใจของบิดานั้น เป็นบาปอย่างไม่รู้ตัว ผีสาวเสียใจและรู้สึกผิด เธอยอมอโหสิกรรมให้มัลลิกาและเจรมัยที่ตัดสินใจบวชอุทิศส่วนกุศลให้เธอ หลังจากเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นลง คุณจรรยาปลอดภัย เจรมัยก็ติดต่อคณะหนังตะลุงมาทำการแสดงและเป็นการ "ตัดเหมรย" หรือแก้บนที่เขาได้อธิษฐานไว้กับครูหมอหนังตะลุงนั่นเอง ในการแสดงครั้งนี้เจรมัยขับร้องบทกลอนบทหนึ่ง ที่ในอดีตนายเที่ยงเคยร้องไว้เป็นคำมั่นสัญญาต่อสารภี เจรมัยดัดแปลงท่อนสุดท้ายเพื่ออำลาและส่งวิญญาณสารภีไปผุดไปเกิด ไม่ให้เธอติดในบ่วงกรรมอีกต่อไป เจรมัยเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าการที่เขามีพรสวรรค์ในการร้องเพลง นั่นเพราะในอดีตชาติเขาเคยเป็นนายหนังที่มีเสียงไพเราะนั่นเอง ห้าปีต่อมาเจรมัยก็แต่งงานกับมาลี เขายังคงรักษาหนังตะลุงตัวนั้นไว้เป็นมรดกของลูกหลานสืบไป ติดตามชมเรื่องราวความหลอนของละคร เงาอาถรรพ์

ทรายย้อมสี (2560/2017) มณียง (แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์) สาวสวยที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน มีฐานะค่อนไปทางยากจน แต่เธอโชคดีที่เกิดมาฉลาด ทำให้สอบชิงทุนเรียนต่อจนจบปริญญาตรี และเริ่มเข้าสู่วงการโฆษณา มณียงต้องพยายามอย่างหนักที่จะสร้างเปลือกของเธอให้แพงและสวยงาม อยู่ในระดับเอลิสต์ของสังคม ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ยอม มณียงเป็นเออีในเอเจนซี่ของ บูรณะ (ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช) เจ้านายที่หวังจะเคลมเธอ แม้บูรณะจะเสนอให้เธอได้ทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่เขาให้เธอไม่ได้คือ ตำแหน่ง ภรรยา เพราะบูรณะแต่งงานแล้วกับ ไอวี่ (เซลิน่า เพียซ) หญิงสาวที่คู่ควรเหมาะสมกันทั้งฐานะและหน้าตา เมื่อบูรณะไม่สามารถให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้ เธอจึงปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างไม่มีเยื่อใย มณียงได้พบกับ ราวี (มาร์ค-อภิวิชญ์ จักษ์ตรีมงคล) นักศึกษาที่มาทำงานพิเศษในเอเจนซี่ ราวีหลงรักมณียง แต่สำหรับมณียง ราวีไม่สามารถพาเธอไปถึงชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้ ต่างจากความรักของ กรรณ (กฤตฎ์ อมรชัยฤกษ์) ลูกค้าของเอเจนซี่ เป็นเซเลบบริตี้ที่สังคมจับตามอง สำหรับมณียงแล้วกรรณสามารถให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในระดับไฮเอนด์ได้ แต่ก็ยังมีคู่แข่ง คุณหนูเล็ก (จิ๊บ-ปกฉัตร เทียมชัย) แฟชั่นดีไซเนอร์เซเลบบริตี้ ที่อยากได้กรรณเช่นกัน แต่สุดท้าย กรรณก็ต้องเลือกหนูเล็ก เพราะครอบครัวหนูเล็กเป็นแบคอัพเรื่องเงินในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขา มณียงผิดหวังกับกรรณและได้พบกับ โชว (ซัน-ประชากร ปิยะสกุลแก้ว) นายแบบหน้าใหม่ที่กำลังแจ้งเกิด การคบหากับโชว ทำให้ชีวิตของมณียง กลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน แต่ไม่นาน มณียงก็ต้องฝันสลายอีกครั้ง เพราะโชวรักหน้าตา และชื่อเสียงมากกว่า เพื่อจะไปให้ถึงระดับซุปตาร์ เขาจึงเลือกทิ้งมณียง มณียงกลับไปพักใจที่บ้านสวนและได้พบกับ พิง (บอล-วิทวัส สิงห์ลำพอง) เพื่อนเก่าที่แอบหลงรักเธอมาตลอด แม้พิงจะมีรักแท้ให้ แต่การเป็นแค่เกษตรผู้สมถะ ไม่สามารถมัดใจมณียงได้ เมื่อพิงพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ มณียงก็ตัดสินใจหนีกลับกรุงเทพฯ ทิ้งให้พิงอกหักและเสียหน้า ไม่ว่าผู้ชายกี่คน ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ทำให้มณียงผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเกิดสถานการณ์รุนแรง มณียงจะถูกรถชน แต่ราวีเข้ามาเอาตัวบังไว้ การกระทำของราวีทำให้มณียงแพ้ใจ เธอจึงลองคบหากับราวี แต่ยิ่งคบกันลึกซึ้งมากขึ้น ฝ่ายอึดอัดกับเป็นราวี ด้วยวัยและประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกัน ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้มณียงรู้สึกเคว้งคว้างจนคิดหวนกลับไปหาพิง แต่กลับพบว่าพิงได้หมั้นหมายกับทิพย์ผู้เป็นน้องสาวของเธอไปแล้ว มณียงหมดศรัทธาในความรักทันที เธอจะไม่ยอมรักใครอีก เพราะความรักไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับเธอ มณียงจะตัดสินใจอย่างไร หรือเธอจะเลือกเส้นทางชีวิตแบบไหน ติดตามชมได้ในละคร ทรายย้อมสี