เงาเสน่หา (2560/2017) นิสา (โบว์ลิ่ง ปริศนา) ไกด์สาว ได้รับมอบหมาย ให้เป็นไกด์พา พงศธร (อ้น สราวุธ) CEO สายการบิน ROYAL AIRLINES ไปเจรจาธุรกิจที่เกาหลี ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่รักกัน จนวันหนึ่ง นิสาไปเป็นล่ามให้ ธีรภาพ (เป็ก รัฐภูมิ) วิศวะกรหนุ่ม ROYAL AIRLINES ทั้งคู่ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ธีรภาพ ประทับใจความดีของนิสา แต่ธีรภาพต้องบินกลับไทยด่วน เลยไม่ได้ติดต่อกันอีก ด้าน วิริยา (มะลิ โคทส์) ลูกสาวของ กรเกียรติ (อุ้ย เกรียงไกร) จบจากอเมริกา กลับมาช่วยงานบริษัท จนได้เจอกับพงศธรที่คอยสอนงาน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนวางแผนแต่งงานกัน พงศธรเริ่มทะเยอทะยานอยากได้บริษัท แต่วิริยายื่นคำขาดให้พงศธร ทำอย่างไรก็ได้ ให้นิสาหายออกไปจากชีวิตเขา พงศธรบินไปเกาหลี เพื่อบอกเลิกนิสา ระหว่างที่พงศธรพานิสาไปดูพระอาทิตย์ตกที่ฮาโจแด และขอแต่งงาน นิสากำลังมีความสุข แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อตัวเองลื่นตกจากที่สูง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง หลายวันผ่านไป นิสาตื่นขึ้นมา พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล เมื่อเธอจำเรื่องราวได้ นิสาพยายามติดต่อพงศธรผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ก็พบข่าวประกาศแต่งงานของพงศธรและวิริยา นิสาแค้นที่พงศธรโกหกเธอทุกอย่าง เลยตัดสินใจให้หมอเปลี่ยนใบหน้าใหม่ เพื่อลบนิสาคนเดิมออกไปจากโลกนี้ นิสาเดินทางมาไทย ในวันแต่งงานของพงศธรกับวิริยา นิสาเซ็นชื่ออวยพรด้วยชื่อใหม่ว่า ศิตางค์ (ณฉัตร กวิยณัฎฐ์) พงศธรตะลึงในความสวยของ ศิตางค์ จนเก็บอาการไม่อยู่ ศิตางค์พยายามเข้าใกล้พงศธรทุกทาง จนพงศธรหลงศิตางค์อย่างหนัก เป็นเหตุให้ วิริยาและพงศธรทะเลาะกันรุนแรง แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกรเกียรติล้มป่วยจนบริหารงานไม่ได้ พงศธรถือโอกาสขึ้นนั่งตำแหน่งประธานบริษัท แต่พินัยกรรมบอกไว้ว่า "ให้ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ ธีรภาพ ลูกชายคนเดียว" พงศธรแค้นมาก จึงวางแผนฮุบบริษัท และกำจัดวิริยา เพื่อจะได้สมหวังกับศิตางค์ แต่เมื่อศิตางค์รู้ว่าวิริยาท้อง ก็พยายามล้มเลิกการแก้แค้น และปลีกตัวออกห่าง ธีรภาพประหลาดใจที่ศิตางค์มีส่วนคล้ายนิสาที่หายสาบสูญไป เลยสืบหาประวัติ จนแน่ใจว่าเป็นคนเดียวกัน ศิตางค์เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ธีรภาพฟัง เขาและเธอจึงต้องร่วมมือกันแก้แค้นพงศธรให้ได้รับกรรมที่เขาได้ก่อเอาไว้ ชีวิตของพงศธรจะเป็นอย่างไรต่อไป ศิตางค์จะหยุดความแค้นครั้งนี้ได้หรือไม่ และธีรภาพจะมีเส้นทางความรักอย่างไรต่อไป ติดตามชมละคร เงาเสน่หา

กระถินริมรั้ว (2559/2016) ตั้งแต่เด็กรับใช้ออกไป วิเมลือง ต้องทำงานบ้าน ดูแลกิจการเองทุกอย่าง จึงรับดอกไม้ ลูกสาวของพิมพา เพื่อนสนิทมาอยู่ด้วย ดอกไม้เปิดใจกับวิเมลืองว่า ก่อนมาที่นี่กำลังจะแต่งงานกับคนรัก คือ วงกต แต่ก็ถูก เพ็ญจันทร์ แย่งไป และตนเองกำลังตั้งท้อง วิเมลืองตกใจ แต่เพราะเอ็นดูในตัวดอกไม้ เลยช่วยอุปการะดอกไม้กับลูกไว้ ต่อมาดอกไม้คลอดลูก และตั้งชื่อว่า กระถิน ด้านเพ็ญจันทร์ก็คลอดลูก เป็นเด็กผู้ชายชื่อ สุวินัยหรือหยิก ต่อมาวงกตได้ข่าวว่าดอกไม้คลอดลูก และคิดว่าน่าจะเป็นลูกของตัวเอง เลยไปตามหาดอกไม้ที่กรุงเทพฯ พอเพ็ญจันทร์รู้ก็ทะเลาะกันใหญ่โต วงกตทนพฤติกรรมเพ็ญจันทร์ไม่ไหว เลยทำเรื่องย้ายไปทำงานในจังหวัดทุรกันดาร แล้วนำเงินไปฝากไว้เป็นชื่อของกระถินกับหยิกคนละครึ่ง วงกตเอาสมุดบัญชีของกระถินกับจดหมายให้วิเมลืองเก็บไว้ เพื่อให้กระถินเปิดอ่านตอนโต หยิกตั้งตารอจนเรียนจบ แต่วงกตก็ไม่กลับมารับตามที่สัญญา หยิกเสียใจว่าวงกตทิ้งเขาไปอยู่กับดอกไม้ และกระถิน ส่วนเพ็ญจันทร์ก็ทิ้งเขาไปกับนักร้อง หยิกเลยอยู่ในการดูแลของ น้าเวียน น้องสาวของวงกต แต่น้าเวียน เลี้ยงหยิกอย่างอดอยาก หยิกจึงหนีออกจากบ้าน คบเพื่อนไม่ดี จนติดยา โชคดีที่เขาได้เจอกับ หิมวัต เลยส่งเขาไปถ้ำกระบอก จนเลิกยาได้ และกลับมาทำงานในค่ายมวยของพี่วัต วิเมลืองเห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงเรียกกระถินมาคุย และบอกเรื่องของวงกต ถึงรู้ว่าหยิกมีชีวิตที่ต่างจากตนมาก ด้านหยิกพอรู้ว่าพี่สาวต่างแม่กลับมา หยิกคิดแค้นว่ากระถินเป็นคนที่ทำให้พ่อทิ้งไป กระถินไปตามหาหยิกที่ค่ายมวยของหิมวัตดู พอหิมวัตเจอกระถินครั้งแรกก็แอบติดใจ เพราะไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยเจอ แต่แล้วก็มีเหตุทำให้กระถิน หิมวัติ ต้องแกล้งเป็นแฟนกัน ทำให้วิเวียน ที่จ้องจะจับหิมวัติโกรธ เกลียด และพยายามกลั่นแกล้งกระถินทุกทาง จนหิมวัติเริ่มรู้สึกในความดีของกระถิน แต่ทั้งคู่ต่างปากแข็ง เรื่องร้าย ๆ ผ่านพ้นไป กระถินกลับไปดูแลไร่ กิจการของตัวเอง หิมวัตก็กลับไปดูแลค่ายมวย การแกล้งเป็นแฟนของทั้งคู่ยุติลง กระถินไม่แสดงท่าทีอาลัยอาวรณ์หิมวัต เพราะคิดว่าเขายังชอบพอวิเวียนอยู่ หิมวัตทั้งน้อยใจ เสียใจ ที่กระถินปฏิเสธความรักตน เลยใช้กำลังจะปลุกปล้ำกระถิน แต่พอเห็นกระถินร้องไห้ แล้วก็ทำไม่ลง หิมวัตสารภาพความในใจว่ารักกระถินมากแค่ไหน กระถินใจอ่อนยอมตกเป็นของหิมวัต กระถินเสียใจที่ทำผิดต่อคำสอนของแม่ ว่าอย่าทำตัวเป็นดอกกระถินริมรั้วให้ผู้ชายเด็ดกินได้ง่าย ๆ แต่เส้นทางความรักของทั้งคู่จะจบลงง่าย ๆ หรือไม่ ติดตามชมกันต่อได้ในละคร กระถินริมรั้ว

ระบำไฟ (2559/2016) ระหว่างเที่ยวญี่ปุ่น ตรีประดับ พยส และเทศราช ได้มีโอกาสรู้จักพัดชา สาวน้อยคนไทยลูกบุญธรรมของหญิงเจ้าของร้านราเมนชาวญี่ปุ่นและพ่อบุญธรรมชาวต่างชาติ พัดชาผู้เฝ้ารอความหวัง และความสุข แต่แล้วระบำชีวิตเต้นผิดจังหวะ ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับชะตาความรักของตรีประดับ เทศราช และพยสที่เปลี่ยนไปตั้งแต่รู้จักกับพัดชา สำหรับพัดชา ตรีประดับเป็นเหมือนต้นแบบทั้งทางความคิด มีคนรักที่เป็นสุภาพบุรุษ อย่างพยส ตรีประดับเองคิดในมุมสวยงาม เพราะพื้นฐานความดีในใจนั้นทำให้มองว่าพัดชาคือหญิงสาวที่มีคุณงามความดีอยู่ในตัวหลายอย่าง พัดชาเองก็ไม่เคยคิดจะแย่งชิงหรือเลียนแบบด้วยความริษยา หากก็อดไม่ได้ที่จะแอบฝันจะมีชีวิตอบอุ่นสวยงามอย่างตรีประดับ กลับมากรุงเทพฯ เรื่องราวชีวิตรักชุลมุนวุ่นวายของตรีประดับ พยศ เทศราช พัดชา ชินานาง และชิงฉัตร ก็เริ่มขึ้น ตรีประดับพาพัดชาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย พัดชาเข้ามาแทรกกลางความรักของตรีประดับกับพยส ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตรีประดับเอง พัดชาอยากมีความรักเป็นของตัวเอง ความรักความอบอุ่นที่หล่อนโหยหามาตลอดชีวิตพัดชาทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้ความรักมาครอบครอง จนลืมคิดไปว่าความรักที่แย่งชิงมาจากคนอื่นนั้นจะเป็นความรักที่ยั่งยืนได้อย่างไร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่พัดชาทำก็มีเหตุผล และมีที่มาที่ไป สุดท้ายพยสก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร ๆ บนโลกใบนี้ ทำผิดครั้งแรกแทนที่จะแก้ตัว กลับทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้หัวใจของตรีประดับต้องบอบช้ำจนเกินเยียวยาหากแต่มีหัวใจอีกดวงของเทศราช ที่มีรักที่จริงใจคอยรดน้ำหล่อเลี้ยงให้หัวใจของตรีประดับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เทศราชเกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง...เขามีแต่จะให้ตรีประดับ รักตรีประดับแม้จะรู้ว่าอาจจะไม่มีวันได้รักตอบกลับมา เมื่อเวลาผ่านไป เทศราชพิสูจน์ให้ตรีประดับเห็นถึงความรักที่เขามีต่อเธอมาเนิ่นนาน เทศราชทำให้ตรีประดับเห็นความมั่นคง เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวที่แลกมาจากความผิดหวังในรักครั้งแรก ตรีประดับเองก็ได้เรียนรู้ว่า เธอก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เคยมองคนที่เปลือกนอก เคยตัดสินใจผิดพลาด แต่ถึงวันนี้ ตรีประดับมั่นใจ เธอเลือกคนไม่ผิด คนที่ดูเหมือนเหยาะแหยะอย่างเทศราช แท้จริงแล้ว หัวใจเขามั่นคงยิ่งกว่าภูเขา หัวใจของเทศราชที่มอบให้เธอไว้เพียงผู้เดียว เตรียมพบกับโศกนาฏกรรมความรักที่ไม่รู้จักพอ ได้ในละคร ระบำไฟ

บ่วงรักสลักแค้น (2559/2016) บางน้ำผึ้งเมื่อเกือบสี่สิบปีก่อน ก่อนที่จะมีตลาดน้ำบางน้ำผึ้งซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศนั้น เคยล้อมรอบไปด้วยสวนมะม่วงพันธุ์ดี บานชื่น สามีชื่อ ตาเช้า มีลูกชายอยู่สองคน ชื่อ ปองพล รับราชการทหาร และ ปกป้อง อัธยาศัยดี เชื่อฟังแม่ บ้านของบานชื่นอยู่ติดกับสวนของ บัวผัน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่รักใคร่กันเป็นอย่างดี มีลูกสาวสวยอยู่สามคนชื่อ มาลา มาลัย และมาลี สามสาววัยไล่เลี่ยห่างกันแต่ นิสัยต่างกันสุดขั้ว มาลา สวยหวานมีนิสัยอ่อนหวาน มาลัย เป็นคนเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย เจ้าคิดเจ้าแค้น มาลี เป็นน้องเล็ก เห็นชีวิตของคนรอบ ๆ ตัวที่มีปัญหาแล้วไม่อยากมีคู่ครอง ปองพลชอบมาลัย เแต่มาลัยไม่ชอบเพราะปองพลเป็นคนมีระเบียบวินัยจนตนเองรู้สึกรำคาญ ส่วนปกป้องชอบมาลา เพราะเห็นเป็นคนจิตใจดี อีกประเด็นคือปกป้องอยากเอาชนะ พันลือ (ลูกชายของขิม กับ มาก ผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล) ซึ่งเป็นเศรษฐีประจำหมู่บ้าน พันลือนั้นมีใจให้มาลาเช่นเดียวกัน เทียวไร้เทียวขื่อมาแต่เด็ก แต่มาลาเห็นว่าพันลือชอบทำตัวเป็นนักเลงจึงไม่สนใจจะคบหาในฐานะคนรัก ต่อมาทั้งสองบ้านมีเรื่องกินแหนงแครงใจกัน เนื่องจากได้ข่าวมาว่าสวนรอบนอกของชาวบ้านละแวกเดียวกันนั้น ทั้งหมดทยอยขายให้นายทุนที่จะมาซื้อไปทำบ้านจัดสรร เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ทั้งสองจึงตกลงกันว่าได้ผลผลิตเท่าไหร่จะแบ่งคนละครึ่งเพราะนางบัวผันเป็นคนปลูก แต่ที่ดินเป็นของบ้านครูบานชื่น ทั้งสองบ้านตกลงกันไม่ได้จึงแตกคอกัน แล้วยังเกิดเรื่องร้ายให้ต้องโกรธแค้นกันเข้าไปอีก วันหนึ่งมาลีไปอ่านหนังสือและพลัดตกน้ำ ปองพลมาพบเข้าจึงรีบลงไปช่วยเกิดตะคริวกินขาปองพลแม้จะว่ายน้ำเก่งไม่น่าจะจมน้ำแต่ปองพลก็มาจมน้ำตาย ยิ่งทำให้บ้านครูบานชื่นเกลียดบ้านของบัวผันมากอยู่แล้วถึงกับประกาศจะไม่เผาผีบ้านบัวผัน โทษฐานทำให้ลูกชายคนโตของตนต้องตายก่อนวัยอันควร โดยที่ครูบานชื่นสั่งห้ามลูกชายคนเล็กของตนให้เลิกไปคบหาดูใจกับมาลาอย่างเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะตัดขาดแม่ลูก แต่ความรักของหนุ่มสาวที่ลักลอบคบหากันเกิดสุกงอมและได้เสียกันในวันหนึ่ง โดยที่มาลัยน้องสาวคนรองแอบเห็นเข้าและเสียใจมาก เพราะพอใจในตัวปกป้องอยู่มาก แต่มาลัยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมยกปกป้องให้ผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นจะยอมให้คนเดียวคือมาลาพี่สาวของตน แต่เมื่อ ดาวราย เห็นปกป้องเกิดพอใจปกป้องมากและไม่ชอบ รวมทั้งอิจฉาความสวยของสามพี่น้องมาลา มาลัย มาลี อยู่แล้วจึงคิดแย่งชิง ดาวรายแอบไปทำเสน่ห์กับหมอเสน่ห์ประจำตำบล พันลือแอบเห็นเข้า แต่เมื่อรู้ว่าดาวรายทำเสน่ห์ใส่ปกป้องหนามยอกหัวใจก็ไม่คิดจะทัดทานเพราะมาลาจะได้มาเป็นของตน ปกป้องมีท่าทีเปลี่ยนไปตีตัวออกห่างจากมาลา ในขณะที่มาลาบอกว่าตนเองกำลังตั้งท้องอ่อน ๆ ปกป้องโดนเสน่ห์จึงหมดรักมาลาแล้วกล่าวหาว่าลูกในท้องของมาลาอาจเป็นลูกของพันลือก็ได้ไล่ให้มาลาไปอ้อนวอนให้พันลือรับลูกในท้องเป็นพ่อ มาลาโกรธและเสียใจมากวิ่งหนีออกจากกระท่อมและตกท้องร่องทำให้แท้ง พันลือผ่านมาพบจึงพาไปโรงพยาบาลแล้วรู้ว่ามาลาตั้งท้องกับปกป้องแต่ก็ยังรักมาลา มาลัยตามไปด่าปกป้อง ทั้งคู่มีปากเสียงกันปกป้องกำลังหน้ามืดเพราะดาวรายกำลังเล่นของใส่จึงปล้ำมาลัยจนได้เสียกัน พันลือแม้เป็นลูกเศรษฐีและออกนักเลงหัวไม้แต่ก็รักมาลาจริง ๆ และยอมรับได้ทุกอย่าง มาลาจึงเห็นแก่ความดีของพันลือที่รักตนอย่างจริงใจยอมแต่งงานกับพันลือ และมีลูกด้วยสองคน (ชยพล และ ชลกร) ปกป้องกับดาวรายแม้ว่าจะรักกันด้วยเสน่ห์ แต่เมื่อดาวรายไม่ได้ทำเสน่ห์แล้ว ปกป้องก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบที่มีต่อลูกได้ทั้งคู่มีลูกสาวชื่อ (ปานดาว และต่อมามีลูกสาวอีกคนชื่อปานวาด และมีลูกผู้ชายชื่อปัฐวี) โดยไม่มีใครรู้ว่าปานวาดลูกคนกลางไม่ใช่ลูกของปกป้องกับดาวราย แต่เป็นลูกที่เกิดจากพันลือกับดาวราย ส่วนมาลัยตัดสินใจแต่งงานกับ ก้องภพ มีลูกสาวคนเดียวชื่อ ดุจเดือน และสอนให้ลูกสาวเกลียดญาตพี่น้องข้างพ่อ และถูกป้อนข้อมูลมาตลอดว่า ปกป้องทำอะไรเอาไว้กับป้าของตนบ้าง ดุจเดือนจึงเกลียดปกป้องและดาวรายมาก ปัจจุบัน วันเวลาผ่านไป ทั้งสองครอบครัวต่างร่ำรวย โดยเฉพาะมาลามีที่ดินมากกว่า ขายที่ได้เงินมากกว่าจึงร่ำรวย อีกทั้งพันลือก็เป็นลูกเศรษฐีอยู่แล้ว ทั้งสองย้ายมาอยู่ย่านบางพลีตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมและยิ่งร่ำรวยมากขึ้นไปอีก ลูกชายคนเล็ก ชยพล กลับมาจากอังกฤษ เพื่อรับช่วงธุรกิจของครอบครัว ส่วน ชลกร ลูกชายคนโตไม่สนใจงานด้านบริหาร เพราะเป็นคนอารมณ์ศิลปินชื่นชอบการถ่ายภาพ ต่อมามาลัยเห็นว่าพี่สาวและแม่ไม่ได้กลับบ้านมานับสิบปีแล้วจึงพาไปเที่ยวที่ตลาดน้ำแล้วบังเอิญไปเจอดาวรายคู่ปรับเก่าเข้าที่ตลาด และลูกสาว ปานดาว สองบ้านเปิดศึกน้ำลายตบตีกันจนตกน้ำ แต่ชลกรที่มาด้วยไม่รู้เรื่องเขาไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศภายในตลาดน้ำ และสะดุดตากับแม่ค้าคนสวยจึงขอสัมภาษณ์ นั่นทำให้หัวใจของสาวน้อยอย่าง ปาดวาด ตกอยู่ในห้วงรักทันที มาลัยทำทีไม่กล้าเล่าแต่วางแผนในใจอยากให้หลานชายแก้แค้นคืน ชยพลเลยเข้าไปเป็นลูกค้าที่ บ้านเตยหอม ซึ่งเป็นโฮมเสตย์ของ ปานดาว พลเข้าไปตีสนิท แกล้งปานดาวสารพัด ปานดาวโมโหจึงไล่ชยพลให้ไปพักที่อื่นและเลิกมาวอแวตนเสียที แต่คนชอบเอาชนะอย่างชยพลไม่ยอมไปไหนเขายังเทียวไล้เทียวขื่อเธอจนปานดาวอาละวาดหนัก ในคืนที่ไฟดับพอดี ชยพลได้โอกาสจึงรังแกปานดาวได้สำเร็จตกเป็นของตนในทันที เรื่องราวต่าง ๆ จะดำเนินไปอย่างไร เมื่อไฟของทั้งสองครอบครัวยังไม่ดับไปกับอดีต แต่มาลุกโชนอีกครั้งในปัจจุบัน ชยพล กับ ปานดาว จะจัดการอย่างไรกับลูกในท้อง และ ชลกร กับ ปานวาด จะรักกันได้หรือไม่ ? ติดตามชมและร่วมลุ้นกันต่อได้ในละคร บ่วงรักสลักแค้น

ล่าดับตะวัน (2559/2016) เรื่องเริ่มขึ้นที่ หมวดชบา หรือ ชื่นชบา หมวดสาวไฟแรง ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายมาประจำยังหน่วยพยัคฆ์เมฆ หน่วยปราบปราบพิเศษ ของกองปราบปราม ภายใต้การนำของ ผู้กำกับอัคคเดช แต่ด้วยความโก๊ะ ล้น รั่ว ของเจ้าหล่อนที่มารายงานตัววันแรกก็เอาแจกันตีหัวผู้บังคับบัญชาด้วยความเข้าใจผิดจนถูกลงโทษให้ไปยืนเฝ้าเสาธง แม้เจ้าหล่อนจะโก๊ะ ล้น รั่ว จนหลายหน่วยส่ายหัว และส่งตัวกลับไม่รับเข้าร่วมงาน แต่เมื่อเจ้าหล่อนปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ใช้เล่ห์เอาตัวรอด ด้วยการไม่ยอมหลบฝนที่ตกลงมาหลังถูกทำโทษให้ไปยืนเฝ้าเสาจนไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ผู้กำกับอัคคเดชที่เห็นในความซื่อสัตย์จึงยอมรับไว้ในหน่วย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อัคคเดชต้องไปขอโทษนายตะวัน มาเฟียตัวพ่อผู้สวมหน้ากากนักธุรกิจใจบุญชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจผิดกฎหมายของแก๊งอัคคี ที่เขาและทีมกำลังตามจับอยู่ เพราะดันบุกเข้าค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น ไม่เช่นนั้นทั้งหน่วยจะถูกดำเนินคดี อัคคเดชจำใจต้องทำตามอย่างไม่มีทางเลือกทั้งที่เขาและลูกทีมปฏิบัติตามหน้าที่โดยสุจริตใจ แต่ผิดพลาดทางขั้นตอนไปเท่านั้น จึงถูกตะวันย้อนรอยแก้เผ็ดเอา แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะรัฐมนตรีกฤษชัย ที่มีเอี่ยวกินนอกกินในกับแก๊งอัคคีกลัวเรื่องจะถึงตัว ขอให้ตะวันเก็บอัคคเดชเสียเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เมฆ และภูผา สองมือดีที่ทำงานรับใช้ตะวันอยู่จึงถูกเรียกมาสั่งงาน แต่ยังไม่ทันลงมือทั้งสองที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทั้งเรื่องงาน และผู้หญิง ก็เกิดการลงไม้ลงมือกันเองเมื่อเมฆแสดงความหึงหวง ปานวาด แฟนสาวที่เป็นมือปืนร่วมแก๊งด้วยกัน จนนายตะวันต้องมาห้ามทับหย่าศึกของทั้งสอง ก่อนจะสั่งให้ทั้งสองเตรียมตัวลงมือ โดยไม่บอกว่าเป้าหมายในครั้งนี้คือใคร ในระหว่างนั้นชบาได้เจอกับภูผาโดยบังเอิญเมื่อเจ้าหล่อนไปเดินดูปลาอันเป็นงานอดิเรกที่สวนจตุจักร แล้วมีคนวิ่งราวกระเป๋าตังค์เจ้าหล่อน แต่โจรดันวิ่งไปชนกับภูผาที่ผ่านทางมา แล้วทำกระเป๋าตังค์ตกไว้ ด้วยความจวนตัวที่ชบาไล่หลังมาจึงวิ่งหนีไป ภูผาเก็บกระเป๋าตังค์ขึ้นมา ก็พอดีชบาตามมาถึงจึงเข้าใจผิดว่าภูผาเป็นโจรวิ่งราว จึงแสดงตัวเป็นตำรวจเข้าทำการจับกุม ภูผาไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน ด้วยทักษะการต่อสู้ของภูผา หมวดชบาจึงโดนสยบในที่สุด ด้วยความบังเอิญแขนของภูผาที่ล๊อกชบาดันไปพาดทับหน้าอกชบาเข้า ชบาจึงเข้าใจว่าภูผาพยายามลวนลามเจ้าหล่อนด้วย จึงเล่นงานกล่องดวงใจภูผา แต่ก็ถูกภูผาจับล๊อกใส่กุญแจไว้กับที ก่อนอธิบายว่าเขาไม่ได้ทำพร้อมคืนกระเป๋าตังค์ให้ก่อนจากไป ในที่สุดแผนสังหารอัคคเดชก็ได้ฤกษ์ลงมือ โดยกฤษชัยแกล้งทำเป็นขอการสนับสนุนกำลังจากหน่วยพยัคฆ์ให้มาช่วยอารักขาแขกต่างประเทศ แล้วตะวันกับลูกน้องทำแผนล่อให้อัคคเดชตามไปถูกยิงในที่นัดหมายซึ่งให้เมฆและภูผามาซุ่มอยู่ ภูผาตกใจอย่างที่สุดเมื่อได้รู้ว่าเป้าที่เขาต้องลงมือเก็บคืออัคคเดช ผู้บังคับบัญชาของตนนั่นเอง ภูผาจึงต้องตัดสินใจเก็บเมฆแทน เพราะไม่สามารถเตือนอัคคเดชได้แล้วในเวลากระชั้นชิดเช่นนั้น ภูผาจึงหันไปลั่นกระสุนใส่เมฆแทนจนเมฆตกตึก และกระสุนของเมฆพลาดเป้าหมายไป แล้วภูผาจึงไปหาอัคคเดชเพื่อเตือนให้ระวังตัวอีกครั้ง เพราะตะวันหมายหัวต้องการเก็บให้พ้นทางถึงขนาดส่งมือปืนมาจัดการพร้อมกันถึงสองคนคือเขากับเมฆ ซึ่งแท้จริงแล้วเขาคืออดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจที่ได้รับการคัดเลือกพิเศษจากอัคคเดชให้เข้าร่วมโครงการ หนอน เป็นการปลอมเป็นสายแฝงตัวระยะยาวเพื่อสืบทราบและหาข่าวกรองให้หน่วยเหนือเพื่อทำการจับกุม และกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป้าหมายของภูผาก็คือ แก๊งอัคคี แก๊งมาเฟียชื่อดังภายใต้การนำของแป๊ะกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตะวันซึ่งเป็นมือขวาของแป๊ะกงที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็นใหญ่แทนแป๊ะกง และยังเป็นอดีตเพื่อนตำรวจที่หันไปเป็นโจร แถมมีเรื่องผิดใจกัน เพราะวันหนึ่งอัคคเดชที่ไปประสบเหตุปล้นรถขนเงินแล้วแสดงตัวเข้าทำการจับกุม พบว่าโจรที่เขาจะจับคือตะวัน จนเกิดการต่อสู้กันจนปืนลั่นไปโดนพิม คู่หมั้นสาวของอัคคเดชที่กำลังจะแต่งงานกัน และเป็นอดีตคนรักของตะวันมาก่อน แต่ครั้งนั้นเพื่อช่วยชิวิตพิมที่บาดเจ็บสาหัส อัคคเดชจำใจต้องยอมปล่อยตะวันไป ซึ่งทำให้เขาเข้าข่ายมีความผิดจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่สุดท้ายพิมก็มาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ อัคคเดชจึงสาบานว่าต้องจับตะวันให้ได้ และทุ่มเทเวลาที่เหลืออยู่เพื่อการนี้ หลังจากจัดการกับเมฆแล้วภูผาก็กลับไปรายงานกับตะวันว่า งานพลาด แล้วใส่ไฟว่าเมฆทรยศเพราะหายตัวไป อาจเป็นสายแอบเตือนให้อัคคเดชรู้ตัวก่อน อีกด้านหนึ่งเมฆที่หลังจากถูกยิงตกตึกได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ซมซานไปที่ร้านดอกไม้ของหลิน สาวน้อยที่ตัวเขาเองทำให้เจ้าหล่อนตาบอด และแอบคอยช่วยเหลือดูแลอยู่ห่าง ๆ เพื่อเอา Thumb Drive ซึ่งเมฆแอบเก็บข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายของแก๊งอัคคีเอาไว้เป็นทางหนีทีไล่สำหรับตัวเองที่แอบซ่อนไว้ในร้านของหลินก่อนไปลงมือ เพราะไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนยิงตนกันแน่ แต่พอดีที่ร้านหลินถูกนักเลงมาเรียกเก็บค่าคุ้มครอง และทำลายข้าวของ จนตำรวจต้องมาตรวจที่เกิดเหตุ เมฆจึงเข้าไปเอาของที่ต้องการไม่ได้ จึงเดินทางต่อไปยังบ้านสวน เพื่อพบกับ หมอก พี่ชายฝาแฝด เพื่อจะสั่งเสียก่อนตาย แต่ด้วยความที่ตกตึกบาดเจ็บสาหัส พอได้เจอหน้ากันเมฆก็บอกได้เพียงว่า เขาซ่อนของเอาไว้ที่ร้านดอกไม้ แล้วก็สิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาพร้อมกับทิ้งปริศนาว่าใครฆ่าไว้ให้หมอก พี่ชายฝาแฝดของเขา เพื่อหาตัวฆาตกร หมอกซึ่งตัดสินใจปลอมตัวเป็นเมฆเพื่อสืบหาความจริง อีกด้านหนึ่งอัคคเดชได้แอบใช้ให้ชบาไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ตนถูกลอบคนเดียวอย่างลับ ๆ เพื่อหาหลักฐาน แต่นึกไม่ถึงว่า ด้วยความเป็นคนมีเชาว์ของชบา กลับสามารถหาเบาะแสกลับมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นหลังของภูผาตอนเข้า และออกจากอาคารที่เขาซุ่มยิง ร่วมทั้งพยานที่เห็นเมฆไปรักษาตัวที่ร้านสัตวแพทย์แถวนั้น แต่เพราะพยานถูกเอาปืนขู่จนกลัวไม่กล้ามองหน้าจึงทำให้ภาพที่ได้มาไม่สมบูรณ์เนื่องจากเห็นหน้าไม่ชัด ด้านหมอกที่เอาโทรศัพท์ของเมฆที่ใช้งานไม่ได้ไปซ่อมเพื่อหาข้อมูลแล้ว ก็เริ่มต้นสืบ ด้วยการเดินทางไปที่ร้านดอกไม้ของหลินตามที่เมฆบอก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าไปในร้าน ปิงซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งที่เป็นลูกไล่ปลายแถวก็มาเจอเขา แล้วลากเขาไปหาตะวันที่กำลังต้องการพบตัวเมฆอย่างที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้นกันแน่ เพราะแม้ภูผาจะกลับมาเล่าให้ตะวันฟังว่า หลังเสียงปืนลั่นแล้วหมอกหายไป สงสัยว่าจะเป็นสาย เพราะอัคคเดชรู้ตัวก่อน แต่ตะวันก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว เพราะเมฆอยู่กับตะวันมานานจนรู้นิสัยกัน และภูผาเองก็เป็นคนที่ยืมตัวมาจากแป๊ะกง นายใหญ่ของแก๊งอัคคีอีกทอดหนึ่งเช่นกัน ภูผาตกใจอย่างที่สุดที่ได้เจอหมอกที่กลับมาในคราบของเมฆที่บ้านของตะวันอีกครั้ง แต่ต้องแปลกใจอย่างที่สุดเมื่อหมอกโกหกว่า เขาหมดสติไปแล้วรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองความจำเสื่อมจำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้เลย เลยไม่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็แอบสงสัยภูผาที่ไปลงมือด้วยกัน จนภูผาต้องแกล้งทำเป็นโมโหที่ถูกใส่ความกลบเกลื่อนเพื่อเอาตัวรอด แต่ด้วยความที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผลด้วยกันทั้งคู่ ตะวันจึงไม่อาจฟันธงลงไปได้ว่าใครพูดจริง ใครพูดเท็จกันแน่ จึงได้สั่งปราการให้แอบสืบหาความจริงว่าวันนั้นที่ทั้งสองไปยิงอัคคเดชมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปานวาดที่เป็นห่วงเมฆตั้งแต่หายไปหลังไปลอบยิงอัคคเดชดีใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นหน้าหมอกในคราบเมฆโดยหารู้ไม่ว่านั้นคือหมอก แฝดผู้พี่ต่างหาก หมอกรู้ว่าปานวาดเป็นแฟนของเมฆเพราะมีรูปเจ้าหล่อนในล็อกเกตที่เมฆห้อยคออยู่ จึงแอบถามปานวาดถึงเรื่องของเขากับภูผาก็ได้รู้ว่าเป็นคู่ปรับกันทั้งเรื่องงานและเรื่องของปานวาด เพราะภูผาก็มีท่าทีชอบปานวาดอยู่ แม้จะปากแข็งไม่ยอมรับก็ตาม จากนั้นหมอกจึงย้อนกลับไปที่ร้านดอกไม้ของหลินตามที่เมฆสั่งเสียไว้อีกครั้งเพื่อหาของที่ว่า หมอกแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมไปหาหลินพร้อมแกล้งถามว่าเมฆเคยเอาของมาฝากไว้หรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาต้องผิดหวัง เพราะหลินไม่รู้เรื่องอะไรเลย อีกด้านหนึ่งชบาได้เจอกับภูผาอีกครั้งที่ตลาดนัดสวนจตุจักร พอเห็นหน้าชบา ภูผาก็รีบเดินหนีโดยไม่รู้ว่าตัวเองทำกระเป๋าตังค์ตก ชบาไล่ตามจะคืนให้ แต่ภูผาเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าหล่อนจะตามเล่นงานเขาอีก สุดท้ายทนไม่ไหว ชบาตามไม่เลิกจึงหันมาต่อว่า อธิบายแล้วไม่เข้าใจหรือไง แต่ชบากลับยื่นกระเป๋าตังค์คืนให้เขา ภูผาจึงรู้ว่าเข้าใจชบาผิดเช่นกัน ชบาบอกขอโทษเรื่องที่เขาใจผิดวันนั้น ด้านหมอกหลังจากถามหลินแล้วได้รับการปฏิเสธ เขาจึงแอบย่องเข้าบ้านหลินตอนกลางคืนเพื่อค้นหาของที่เมฆซ่อนไว้ แล้วบังเอิญไปเจอนักเลงที่เก็บค่าคุ้มครองแอบย่องขึ้นบ้านหลินเหมือนกันเพื่อโปะยาจะข่มขืน หมอกจึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเล่นงานนักเลงพวกนั้นให้ เมื่อหลินรู้สึกตัวอีกครั้งจึงแจ้งความตำรวจให้มาเอาตัวไป แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าใครช่วยเจ้าหล่อนเอาไว้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่แก๊งดาวเหนือ ที่นำโดยเหนือ นักเลงร่วมรุ่นเดียวกับปราการ หนึ่งในสมุนของตะวันข้ามเขตมาแอบค้ายาอย่างโจ่งแจ้ง จนเป็นที่เพ็งเล็งของทางการ แป๊ะกงจึงเรียกตะวันมาสั่งการให้จัดการเรื่องนี้ เพราะผู้ใหญ่ที่ให้การหนุนหลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก และอาจมีปัญหากับนายพล ยีเส่ง หัวหน้าชนกลุ่มน้อยติดอาวุธตามแนวตะเข็บชายแดน คู่ค้ายาที่กำลังจะส่งของล็อตใหญ่กัน ตะวันจึงให้ปราการที่เป็นเพื่อนกับเหนือมาก่อนไปตักเตือน แต่เหนือกลับปิดประตูตีแมว เล่นงานปราการ จนปราการต้องสู้หนึ่งต่อสิบเพื่อเอาตัวรอดจนหนีออกมาได้ แล้วโดนตำรวจที่ผ่านมาประสบเหตุล้อมจับฐานก่อการวิวาท เรื่องรู้ถึงอัคคเดชจึงรีบมาขออายัดตัว แต่ตะวันส่งทนายมาประกันตัวออกไปได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเล่นงานปราการ แล้วส่งปราการไปรักษาตัว ตะวันไม่พอใจที่ถุกแก๊งดาวเหนือลบคมลายเสือเก่าจึงเรียกระดมลูกน้องออกโรงจัดการด้วยตัวเอง แต่หมอกออกปากอาสาขึ้นว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เพื่อพิสูจน์ความภักดีและทำคุณไถ่โทษเรื่องที่ทำพลาดเมื่อครั้งก่อน ตะวันจึงอนุญาต ภูผาสบช่องจะเล่นงานหมอกจึงแอบบอกอัคคเดชให้ตามไปรวบตัวหมอกอีกทอดหนึ่ง วันที่ลงมือหมอกแอบไปคนเดียวแม้ปานวาดจะเสนอตัวเข้าช่วย หมอกลงมือจัดการกับแก๊งดาวเหนือด้วยทักษะการรบแบบทหารรับจ้างมืออาชีพที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชนบุกเดี่ยวเข้าในรังแก๊งดาวเหนือบังคับให้เหนือโทรศัพท์ไปขอโทษตะวันก่อนเพื่อยืนยันว่าเขาได้ทำจริงก่อนก่อนจัดการตามคำสั่ง ด้านอัคคเดชที่ได้ข่าวจากภูผาตามมาตลบหลังหมอก แต่กลับไม่สามารถทำอะไรหมอกได้ แม้แต่อัคคเดชที่ได้สู้ปะทะฝีมือกับหมอกตัวต่อตัวในการไล่ล่า ก็ต้องพ่ายให้หมอกอย่างหมดรูปเช่นกัน ก่อนหมอกจะลอยนวลหนีไป อัคคเดชโทรบอกภูผาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ภูผาตกใจอย่างที่สุดเมื่อรู้เรื่องเพราะตลอดมาตนเองรับรู้มาตลอดว่าฝีมือเมฆด้อยกว่าตนอยู่ขั้นหนึ่ง แต่เมื่อเกิดมากลายเป็นมือพระกาฬในชั่วข้ามคืนเช่นนี้ทำให้ภูผาอดสงสัยไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหาข้ออธิบายได้ ตะวันพอใจกับผลงานของหมอกเป็นอย่างมากและกลับมาให้ความไว้ใจเหมือนเดิมอีกครั้ง ต่อมาชบาได้ไปเจอกับภูผาอีกครั้งที่ตลาดนัดสวนจตุจักร แล้วพบว่าคอเดียวกันคือชอบปลาเหมือนกันแต่ว่าภูผาไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงปลา ชบาที่พอมีความรู้อยู่บ้างจึงช่วยแนะนำ ภูผาจึงขอเบอร์โทรศัพท์ไว้เผื่อต้องการปรึกษา ซึ่งชบาแอบรู้สึกดีกับภูผาเมื่อได้ทำความรู้จักกัน หลังจัดการแก๊งดาวเหนือได้ การรับส่งของกับนายพล ยีเส่ง จึงมีขึ้นอีกครั้งภายใต้การับผิดชอบของภัสสร ตะวันรู้ว่าภัสสรจะให้ภูผาทำงานนี้ จึงแอบเรียกมากระซิบให้ขัดขาภัสสรเพื่อตนจะได้เอามาทำเอง เพราะต้องการผูกมิตรกับยีเส่งเพื่อแผนการขึ้นเป็นใหญ่แทนแป๊ะกงที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ภูผารับปากตะวันแล้วแอบบอกอัคคเดชเพื่อให้ช่วยทำแผนเพื่อให้น่าเชื่อถือว่าตนเองไม่ได้แกล้งแต่เสียท่าโดนตำรวจไล่บี้จริง ๆ แต่วันที่ลงมือชบากลับทำเกินแผนไล่บี้จนภูผามาตกอยู่ในวงล้อมของตำรวจและถูกจับได้พร้อมคนของนายพล ยีเส่ง แต่โชคยังดีที่ทิ้งยาลงแม่น้ำได้ทันจึงไม่มีหลักฐานเอาผิด ภูผาจึงได้รับการปล่อยตัวมา แต่ก็ทำให้ชบาได้รู้ว่าคนที่ตนแอบรู้สึกดีด้วยนั้นเป็นพวกแก๊ง จึงมาบอกอาฆาตภูผาว่า แม้ครั้งนี้จะรอดไปได้แต่ตนจะไม่ยอมปล่อยให้คนชั่วลอยนวลอย่างแน่นนอน เมื่อการส่งยาที่ดำเนินการโดยภัสสรล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งที่ภัสสรหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นบันไดกลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง หลังถูกตะวันใส่ความว่าเป็นต้นเหตุให้เฮียเสือที่เป็นลูกชายของแป๊ะกงต้องตายในการปล้นรถขนเงินครั้งหนึ่ง จนถูกแป๊ะกงลดความไว้ใจไปหลายปี ภูผากลับมาแก้ตัวกับภัสสรว่า ตนถูกตะวันเรียกไปพูดให้ขัดขาภัสสร แต่ตนไม่ทำ แล้วมาถูกตำรวจไล่จับได้แบบนี้สงสัยจะมีคนส่งขายให้ตำรวจซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตะวัน ภัสสรจะไปเอาเรื่องตะวัน แต่ภูผาห้ามเอาไว้ เพราะไม่มีหลักฐานว่าตะวันทำจริง มีแต่จะทำให้ไก่ตื่น แถมหาเรื่องใส่ตัวอีกต่างหาก ถ้าตะวันไม่พอใจขึ้นมา ภัสสรจึงยอมสงบท่าทีลงรอโอกาสต่อไป ตะวันจึงรับช่วงงานมาทำเองแล้วนัดเจอยีเส่งที่ครั้งนี้มาด้วยตัวเองในคลับของภัสสรนัย ๆ ว่าเป็นการเยาะภัสสรไปในตัว ภูผาส่งข่าวให้อัคคเดชมาซุ่มจับ อัคคเดชจึงวางกำลังตามแผนของภูผา โดยแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งตามจับยา อีกส่วนหนึ่งจะบุกเข้าจับกุมยีเส่ง และตะวันในทันทีที่จับของกลางได้ พอถึงเวลายีเส่งปรากฏตัวที่คลับของภัสสร ตะวันให้การต้อนรับแล้วเทสต์ยากัน ก่อนจะทำการส่งมอบของ ภูผาส่งแอบส่งซิกให้อัคคเดช อัคคเดชจึงสั่งการให้ ผู้กองสรร (ตัวเพิ่มที่จะมาตายหลังส่งอาวุธ เป็นการสูญเสียของหน่วย) ที่มาช่วยสนธิกำลังกันเพราะคนในหน่วยพยัคฆ์เมฆไม่พอให้เข้าทำการจับกุมหมอกกับปานวาดที่เป็นคนไปรับยาตามแผน แต่พอแสดงตัวเข้าทำการจับกุม กลับต้องหงายเงิบเมื่อพบว่าเป็นแผนหลอกของตะวันเมื่อสิ่งที่ส่งให้กลายเป็นตุ๊กตาสวมเสื้อพยัคฆ์เมฆ อัคคเดชจึงตัดสินใจนำกำลังเข้าทำการจับกุมยีเส่งในคลับของภัสสร แต่พอไปถึงยีเส่งกลับหายตัวไปแล้ว ภูผาจึงแอบส่งซิกให้อัคคเดชเห็นตัวอย่างยาที่ตกอยู่บนพื้น อัคคเดชจึงหาเรื่องจับตะวันไปโรงพักในที่สุด แม้รู้ว่าจะเล่นงานตะวันไม่ได้ก็ตาม ก่อนภูผาจะยอมรับเป็นเจ้าของยาเพื่อซื้อใจตะวันอีกทอดหนึ่ง ตะวันจึงถูกปล่อยตัวออกมาพร้อมกับได้รับการขอโทษว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตะวันจึงรู้สึกดีกับภูผาขึ้นมาเช่นกัน ที่ภูผาออกหน้ารับแทนเรื่องยาไป แต่มันก็ทำให้ตะวันแน่ใจว่าต้องมีสายในพวกของตนอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นอัคคเดชคงไม่มาแบบนั้น แต่ก็ไม่อาจฟันธงว่า สายนั้นเป็นใคร เพราะงานนี้เป็นเรื่องสองฝั่งคือเขากับยีเส่ง สายอยู่ฝ่ายไหนก็ได้ จึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ หลังได้รับการปล่อยตัว ชบาแอบตามมาบี้ภูผาหาเรื่องจะเล่นงานภูผาให้ได้ แต่ภูผาก็กลิ้งเอาตัวรอดไปได้ทำให้ชบาเจ็บใจ จนนอตหลุดลงไม้ลงมือกับภูผาอีก แต่ด้วยทักษะการต่อสู้ที่ด้อยกว่าภูผาสุดท้ายถุกล็อกมือพาดหน้าอกท่าเดิมอีก จึงเล่นงานกล่องดวงใจของภูผาอีกครั้งก่อนจากมา ภูผาโทรบอกอัคคเดชว่าชบาตามบี้ ให้ปรามให้หน่อย อัคคเดชเตือนชบา แต่ชบาไม่เชื่อบอกตนทำถูก เป็นตำรวจต้องจับโจร อัคคเดชหมดปัญญาเถียงด้วยจึงปล่อยเลยตามเลย ด้านปานวาด หลังจากได้อยู่กับหมอกที่กลับมาในคราบเมฆสักพักก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของหมอกที่ปลอมตัวมาเป็นเมฆ ทั้งนิสัยใจคอ และการแสดงออก โดยเฉพาะเรื่องบนเตียงที่หมอกไม่มีความสัมพันธ์ด้วยเลย แถมยังพยายามเลี่ยง แต่เพราะความที่หมอกอ้างความจำเสื่อม จึงทำให้ปานวาดได้แต่แอบสงสัยไม่กระโตกกระตากออกมา ด้านหมอกที่หลังแอบไปค้นบ้านหลินไม่สำเร็จเมื่อครั้งก่อนจึงแอบไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หลินรู้ตัวแต่ไม่รู้ว่าเป็นหมอก และบอกขอบคุณที่ช่วยไว้ครั้งก่อน หมอกจึงต้องกลับออกมามือเปล่าอีกครั้ง แล้วหันไปสืบด้านภูผาที่ไปทำงานพร้อมเมฆแล้วเมฆถูกยิงแทน ในวันที่ภูผาจะไปร่วมงานวันเกิดแป๊ะกง พี่สาวโทรมาบอกว่าแม่เสีย จึงไปเพื่อรดน้ำศพ แต่กลับถูกพ่อเอาไม้กวาดไล่ตีออกมาจากงาน เดินร้องไห้ไปจนเจอร้านดอกไม้ของหลินจึงให้หลินเอาดอกไม้ไปส่งร่วมไว้อาลัย ในขณะที่ตนเองแอบไปกราบศพแบบห่าง ๆ จึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดแป๊ะกงที่อัคคเดชวางแผนกับผู้การตั้งใจไปก่อกวนโดยหาเรื่องแกล้งทำเป็นตรวจฉี่ สืบเนื่องจากที่ตะวันโดนจับขึ้นโรงพักเรื่องเจอยาในคลับภัสสร ทำให้กฤษชัยที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยไม่พอใจที่พลอยโดยหางเลขไปด้วยมาบีบให้ตะวันจัดการอัคคเดช แต่ตะวันบอกมีงานด่วนกว่าต้องทำคือส่งอาวุธให้ยีเส่ง และต้องการเก็บอัคคเดชไว้เป็นเครื่องมือเล่นงานภัสสร และโค่นแป๊ะกงก่อน กฤษชัยเห็นเงินก้อนโตอยู่ตรงหน้าจึงยอม ชบาตามไปบี้หาเรื่องภูผาอีกซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่เผาแม่ ภูผาที่กำลังอยู่ในความเศร้าเลยหาเรื่องให้ชบาจับ จนชบาแปลกใจไม่กล้าลงมือ ก่อนภูผาจะปล่อยโฮออกมากอดชบาร้องไห้ด้วยความความอัดอั้นตันใจที่มีทั้งเรื่องงาน และที่สำคัญเรื่องแม่ที่ตายไปพร้อมความเข้าใจผิดในตัวเขาว่าเป็นคนไม่ดี ทำให้ชบานึกสงสารภูผาขึ้นมาจับใจที่เห็นภูผาเศร้าแบบนั้น โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองได้แอบมีใจกับโจรที่ตัวเองตามจับเข้าให้แล้ว แล้วการส่งอาวุธให้นายพล ยีเส่ง ก็เริ่มขึ้น เมื่อตะวันเรียกไปบอกให้เตรียมตัว พร้อมสั่งงานรายคนแยกตามหน้าที่โดยรู้เฉพาะงานของตนเท่านั้นเพราะต้องการจับหมอกที่ซ่อนอยู่ ภูผารู้เรื่องจึงนัดบอกข่าวกับอัคคเดช แต่รู้ตัวว่าถูกสะกดรอยจึงดักเล่นงานคนที่สะกดรอย พอรู้ว่าเป็นหมอกที่ตามสะกดรอยก็ยิ่งตกใจ วัดฝีมือกันแล้วถูกหมอกเล่นงานหมดรูป ภูผาประจักษ์ฝีมือหมอกถึงกับอึ้งไป หมอกบอกรู้ตัวก็ไม่เป็นไร แต่ตนจะไม่เลิกสืบหาความจริงแน่ว่าใครเป็นคนยิง ภูผาได้เห็นฝีมือหมอกยิ่งรู้สึกกลัวบอกอัคคเดชว่าอยากเลิก เสี่ยงเกินไปแล้ว แต่อัคคเดชไม่ยอมบอกว่ากำลังจะได้เรื่องแล้วเลิกตอนนี้ที่ทำมาก็เสียเวลาเปล่า แล้วขู่ว่าถ้าเลิกตอนนี้ถือว่าละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่อาจไม่ได้รับการคืนสถานภาพให้ ภูผาจึงจำใจต้องอยู่ต่ออย่างไม่มีทางเลือก ชบารู้เรื่องจะล้อมจับขนอาวุธ นึกเป็นห่วงภูผา อยากห้ามแต่ว่าคลาดกันไม่ทันได้ห้ามถูกเก็บเครื่องมือสื่อสาร และกักตัวก่อนลงมือปฏิบัติการ ถึงเวลา หน่วยสนธิกำลังหน่วยคอมมานโดออกปฏิบัติการ ซุ่มในจุดที่ได้รับรายงาน แต่กลับเป็นหลุมพรางที่ตะวันแกล้งปล่อยข่าวล่อเพื่อให้ปะทะ เพื่อหลอกเอาของออกอีกทาง ทำให้ต้องพบกับความสูญเสียเป็นอย่างหนัก ผู้กองสรรตายในหน้าที่พร้อมคนอื่น ๆ อีกหลายคน สร้างความสะเทือนใจให้คนทั้งหน่วยเพราะผู้กองสรรเพิ่งเอาการ์ดแต่งงานมาแจก โดยเฉพาะอัคคเดชที่เสียใจจนนอตหลุดเล่นงานตะวันแต่ถูกตะวันเล่นงานกลับจนตัวเองต้องขายหน้าเสียเอง และจะเอาเรื่องให้ได้ จนอัคคเดชถูกพักราชการสอบสวนทางวินัย ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ภูผามาบอกว่าสงสัยจะมีสายของตะวันอยู่ในหน่วย ให้งดติดต่อทางโทรศัพท์เพราะอาจถึงตัวความแตกได้ ชบาที่รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไปเล่นงานภูผาเพื่อระบาย จนภูผาชักทนไม่ไหวบอกให้อัคคเดชจัดการ อัคคเดชจึงเรียกชบาไปสั่งงานอย่างลับ ๆ คือให้สืบหาตัวหนอนของตะวันในหน่วย และบอกความจริงชบาว่าภูผาเป็นสาย พร้อมให้รับหน้าที่คอยติดต่อกับภูผาเพื่อส่งข่าว โดยให้แกล้งทำเป็นไปตามบี้ภูผาเหมือนเดิม ชบาดีใจที่รู้ว่าภูผาเป็นตำรวจเหมือนกัน รับอาสาไปบอกภูผาเอง แต่ก็ไม่วายแกล้งอำภูผาก่อนจะบอกความจริง และทำหน้าที่ติดต่อกับภูผาตามที่อัคคเดชสั่งมา ด้านตะวันหลังจากเล่นงานอัคคเดชจนถูกพักงานและถูกสอบสวนทางวินัยแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะลงมือโค่นแป๊ะกงอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ จึงบอกกฤษชัย กฤษชัยเอาด้วยเช่นเดียวกับยีเส่ง แผนการของตะวันเริ่มต้น ด้วยการหลอกใช้อัคคเดชที่ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากผู้การวิ่งเต้นการันตีให้จนถูกลงโทษแค่ภาคทัณฑ์เอาไว้เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวให้จัดการกับภัสสร ด้วยการให้ข่าวเรื่องการจับตัวสาวนักท่องเที่ยวมาบังคับค้าประเวณีผ่านทางจ่ายักษ์ อัคคเดชจึงนำกำลังเข้าทำการกวาดล้างตามเบาะแสที่จ่ายักษ์รายงานมา และกวาดล้างการค้ามนุษย์ของแก๊งอัคคีได้สำเร็จ แต่ภัสสรหนีการจับกุมไปได้ ภัสสรสืบจนรู้ว่าถูกตะวันหักหลัง จึงแอบเรียกภูผามาปรึกษาว่าจะเล่นงานตะวัน แต่ภูผาไม่เอาด้วย และเตือนว่าตอนนี้น้ำกำลังเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางดีกว่า แต่ภัสสรที่เจ็บใจตะวันตั้งแต่เมื่อครั้งที่ถูกตะวันโบ้ยความผิดเรื่องการตายของเฮียเสือ ลูกชายของแป๊ะกง จนถูกลดบทบาทและความไว้ใจจากแป๊ะกงลงไป จนตะวันได้ขึ้นมาเป็นใหญ่แทน ภัสสรจึงตัดสินใจจะบอกความจริงกับแป๊ะกง แต่ว่าสายไป เพราะตะวันได้จัดฉากใส่ความแป๊ะกงเรื่องค้ายาเช่นกัน จนแปะกงถูกจับ แต่เพราะลายเสือเฒ่าและเส้นสายที่ยังพอมีจึงได้รับการประกันตัวออกมาแม้จะถูกจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ตาม กฤษชัยกลัวแป๊ะกงแว้งกลับมากัด บีบตะวันให้เก็บแป๊ะกง ตะวันจึงสั่งให้ภูผาลงมือเก็บแป๊ะกงเพื่อพิสูจน์ความภักดี ภูผาจึงบอกอัคคเดชให้ตัดสินใจ เพราะไม่อยากลงมือฆ่าใครเพื่อสนองความต้องการของตัวเองที่จะจบภารกิจ แต่หากว่าเป็นคำสั่งให้ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ก็จะทำ แต่ยังไม่ทันที่อัคคเดชจะตัดสินใจ สถานการณ์ก็บีบให้ภูผาต้องลงมือเมื่อตะวันจี้มาอย่างไม่มีทางเลือก ภูผาจึงได้รับความไว้วางใจจากตะวันมากขึ้นไปอีก ซึ่งตรงกันข้ามกับหมอกที่ปลอมตัวมาเป็นเมฆเพื่อสืบหาคนที่ลั่นกระสุนใส่หมอก ซึ่งหลังจากไม่มีความคืบหน้าจากหลินแล้วหันไปสืบทางด้านภูผาแต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไร จึงคิดจะมาหาของที่เมฆบอกให้มาเอา จึงมาหาหลินอีกครั้งแล้วพบว่าหลินถูกนักเลงคุกคามเพื่อไล่ที่ จึงเข้าช่วยเอาไว้ในฐานะของเมฆ หลินจึงแสดงความขอบคุณด้วยการทำขนมให้ มันเป็นขนมของโปรดของหมอกในแบบที่แม่เคยทำให้กินตอนเด็ก ๆ ทำให้หมอกรู้สึกประทับใจในตัวหลินขึ้นมา ต่อมานักเลงมาคุกคามอีก หลินไม่รู้จะพึ่งใครจึงโทรหาขอความช่วยเหลือ คราวนี้นักเลงจัดหนักถึงขั้นชักปืนใส่ แต่หมอกก็มาช่วยไว้ได้ทันเวลา แล้วตัดสินใจว่าถ้าอยู่ต่อไปคงลำบากเพราะฝ่ายตรงข้ามอยู่ในที่มืดแถมหลินก็ตาบอดดูแลตัวเองไม่ได้ จึงแนะนำให้ย้ายที่อยู่ แต่หลินหมดที่ไป เพราะเหลือตัวคนเดียว หมอกจึงเสนอให้ไปอยู่บ้านสวนของตนไปพลาง ๆ ก่อน หลินหมดทางเลือกยอมทำตาม หมอกจึงช่วยหลินเก็บของที่จำเป็น เพราะกลัวนักเลงจะย้อนกลับมาอีก หลินจะเอาแจกันของพ่อไปด้วย หมอกช่วยหยิบให้จึงได้พบ Thumb Drive ที่เมฆแอบเอามาซ่อนไว้ในที่สุด หมอกจึงพาหลินไปอยู่ที่บ้านสวน และนั่นเองที่เป็นโอกาสให้หมอกได้ใกล้ชิดกับหลิน มันทำให้ใจที่แข็งดั่งภูผาของเขาหวั่นไหวเมื่อได้มาเจอสาวน้อยแสนดีอย่างหลิน แถมยังมีชีวิตอาภัพน่าสงสาร และเมื่อหมอกเปิด Thumb Drive ของเมฆก็พบว่าเป็นข้อมูลธุรกิจผิดกฎหมายของแก๊งอัคคีที่เมฆแอบเก็บรวบรวมไว้เพื่อเป็นทางหนีทีไล่สำหรับตัวเอง ทำให้หมอกแอบสงสัยขึ้นมาว่า อาจเป็นตะวันที่ต้องการเก็บหมอกตั้งแต่แรกจึงส่งไปลงมือเก็บอัคคเดชพร้อมกับภูผา แล้วให้ภูผาตลบหลังเล่นงานหมอกเพื่อตัดตอนอีกทีก็เป็นได้ หมอกไปมาหาสู่หลินโดยไม่รู้ว่าปราการแอบตามสะกดรอยตามคำสั่งของตะวันเพราะยังแอบสงสัยในตัวหมอกอยู่ ปราการแอบเอาเรื่องนี้ไปบอกปานวาดว่าเมฆแอบมีผู้หญิงอื่น ปานวาดไม่เชื่อปราการจึงตามมาดูให้เห็นกับตา ปานวาดจึงเข้าใจว่าตั้งแต่ที่หมอกกลับมาในคราบเมฆแล้วทำตัวเหินห่างตนก็เพราะมีหลิน จึงยื่นคำขาดให้หมอกเลือกว่าจะอยู่กับใคร หมอกจึงหนักใจ เพราะยังต้องอาศัยปานวาดสืบความจริงเรื่องคนยิงเมฆอยู่ และไม่สามารถบอกความจริงว่าตนไม่ใช่เมฆกับปานวาดได้อีกด้วย แต่ก็ไม่อาจตัดใจทิ้งหลินที่บัดนี้ตนเองแอบมีใจให้ไปเผชิญชะตากรรมได้ เมื่อหมอกไม่ยอมตัดสินใจ ปานวาดก็ยิ่งโมโหหึง ออกปากจะฆ่าหลินเสีย หมอกจะได้ไม่ต้องตัดสินใจให้หนักใจอีก หมอกจึงต้องออกหน้าขวางบอกกันไว้ว่า ถ้าปานวาดทำแบบนั้นก็จะได้เห็นดีกัน ทำให้ปานวาดเสียใจที่หมอกเห็นหลินดีกว่าตน จึงเปิดโอกาสให้ปราการที่แอบชอบปานวาดมานานแล้วเข้ามาเสียบหวังได้หัวใจปานวาด แต่กระนั้นปานวาดก็ไม่มีใจให้เพราะคิดกับปราการแบบพี่ชาย แม้จะโตมาด้วยกันภายใต้การเลี้ยงดูของตะวัน ปราการจึงได้แต่เสียใจและเจ็บใจที่ปานวาดไม่เห็นตนอยู่ในสายตา ด้านหลินที่เป็นต้นเหตุให้หมอกทะเลาะกับปานวาดรู้สึกไม่สบายใจที่มาเป็นมารความรักของทั้งสองคน จึงแอบหนีออกจากบ้านสวนมาพร้อมทิ้งจดหมายไว้ว่า ไม่อยากเป็นมือที่สาม พอคล้อยหลังออกไปหมอกก็มาเจอจดหมายจึงออกตาม ก่อนจะไปเจอหลินกำลังถูกพวกวัยรุ่นที่เมาเหล้าแล้วคะนองลวนลามจะข่มขืน หมอกตามเจอช่วยไว้ทัน แล้วบังคับให้หลินกลับไปด้วยกัน แต่หลินไม่ยอม ยืนยันไม่อยากเป็นมือที่สาม หมอกที่ตกหลุมรักหลินไปแล้วจึงต้องยอมเปิดเผยความจริงว่าตนเองคือหมอกไม่ใช่เมฆ โดยไม่รู้ว่าปานวาดแอบฟังอยู่ด้วย ปานวาดจึงเข้าใจว่าหมอกสร้างเรื่องโกหกเพื่อรั้งหลินไว้ จึงแสดงตัวออกมาต่อว่าหมอก หมอกจึงต้องอธิบายให้ปานวาดฟัง พร้อมเอาหลักฐานออกมายืนยันว่าตนเองเป็นแฝดพี่ของเมฆจริง ๆ พร้อมขอร้องให้ปานวาดช่วยสืบอีกแรงว่าใครเป็นคนฆ่าเมฆกันแน่ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ชบาสืบได้ว่าจ่ายักษ์คือหนอนที่ตะวันแอบซื้อตัวไปได้ จึงรายงานอัคคเดช อัคเดชจึงคิดอุบายซ้อนแผนเพื่อเล่นงานตะวัน ในปฏิบัติการขนยาอีกครั้งที่ตะวันซื้อขายกับนายพล ยีเส่ง อัคคเดชทำทีเป็นหลงกลตะวันเหมือนครั้งที่แล้ว ก่อนจะแอบส่งคนไปตลบหลังจับกุมอีกทอดหนึ่งทำให้ตะวันและนายพล ยีเส่ง เสียหายเป็นอันมากจากยาที่ถูกจับได้ และตะวันยังถูกลูกค้าต่างประเทศที่จ่ายเงินซื้อของแล้วแต่ไม่ได้สินค้าเล่นงาน แถมถูกอัคคเดชกระชากหน้ากากคนบาปในคราบนักบุญของตะวันอีกต่างหาก ด้วยการเข้าจับกุมตะวันในงานรับรางวัล พลเมืองดี ในฐานะพัวพันคดีค้ายาเสพติด ตะวันแค้นใจ รู้ว่าเกลือเป็นหนอนคิดว่าจ่ายักษ์หักหลัง แต่ไม่ใช่ จ่ายักษ์รู้ว่าอัคคเดชรู้ว่าตนเป็นสายแล้วหลอกใช้เล่นงานตะวัน กลัวตะวันเอาเรื่องชิงยิงตัวตายไปเสียก่อน ตะวันจึงรู้ว่าไม่ใช่จ่ายักษ์ที่หักหลัง พอดีปราการไปสืบได้ความมาว่าเมฆมีฝาแฝดมาได้ และเป็นทหารรับจ้างฝีมือดี ตะวันจึงสงสัยว่า เมฆที่อยู่ด้วยตอนนี้อาจเป็นหมอกปลอมตัวมา แต่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไม แล้วเมฆตัวจริงหายไปไหน ซึ่งเป็นความคิดเดียวกับปราการ เพราะเรื่องที่หมอกทิ้งวาดไปอยู่กับหลินเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี เพราะในอดีตแม้เมฆจะไม่ค่อยใส่ใจวาดสักเท่าไร แต่ก็ออกอาการหวงก้างทุกครั้งที่มีคนมาข้องเกี่ยวกับปานวาด แต่กระนั้น ตะวันก็ไม่คิดว่าหมอกที่ปลอมตัวมาเป็นสายตำรวจ เพราะหมอกไม่มีข้อมูลในเรื่องงานในพักหลัง แต่เป็นภูผาเสียมากกว่าที่ถูกใช้งานมากกว่า ตะวันจึงออกอุบายยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวด้วยการเรียกภูผามาสั่งให้ไปจัดการเก็บหมอกเสีย เพื่อให้ทั้งคู่ลงมือฆ่ากันเอง ภูผาทำตามคำสั่งโดยไม่รู้แผนของตะวัน ไปลงมือกับหมอกที่บ้านสวน ปะฝีมือกัน ระหว่างที่กำลังยิงสู้กันอยู่นั้นหลินอยู่ด้วย จังหวะหนึ่งภูผาเกือบพลั้งมือทำร้ายหลิน แต่ยั้งมือเอาไว้ทัน จึงทำให้ต้องเสียท่าหมอกในที่สุด ถูกหมอกจับตัวไว้ได้ หมอกที่มั่นใจว่าภูผาเป็นคนยิงเมฆแ

มนต์รักอสูร (2559/2016) เมื่อพ่อหม้ายใจขื่นขมอารมณ์ร้าย พบครูสาวใจซื่อบริสุทธิ์สดใส ใจมารใจยักษ์ก็กลับกลายเป็นใจรักไปได้ในที่สุด เทิด เป็นหนุ่มชาวไร่ แต่ได้แต่งงานกับพริม ลูกสาวคุณจิตรี เศรษฐีนีตระกูลใหญ่ในกรุงเทพฯ ซึ่งที่จริงแล้วเขาเคยมีรักกับแพรวนภา ลูกสาวคนโต แต่เมื่อแพรวนภาหันไปแต่งงานกับหนุ่มนักการเมืองชื่อดัง เพราะหวังจะไปเที่ยวรอบโลกตามคำเสนอของฝ่ายชาย เทิดจึงอกหักแต่ก็ยังได้ความรักจากน้องสาวมาแทน นั่นทำให้เขาพบว่าที่แท้แล้วกานดาเป็นคนนิสัยดี จริงใจ และน่ารักกว่าพี่สาวหลายเท่านัก เวลาแห่งความสุขของเทิดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขามีลูกชายวัย 5 ขวบ ชื่อ นันท์ และพริม ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกสาวอีกคน แต่แล้วราวกับพระเจ้าไม่เป็นใจ ราวกับพระเจ้าไร้น้ำยา ปล่อยให้ผีห่าซาตานมาแกล้งบันดาลความทุกข์ให้อย่างเต็มที่ เมื่อพริมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหันพร้อมกับลูกในท้อง เทิดแทบจะกลายเป็นบ้าเพราะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เขาเปลี่ยนนิสัยไปเป็นคนละคน จิตใจที่อ่อนโยนกลับหยาบกระด้าง เขาชิงชังทุกอย่าง และทุกคนที่ขวางหน้า ไว้หนวดไว้เครา ดื่มเหล้าจนมึนเมาทุกวันเพื่อให้ลืมพริม พร่ำพูดสาบานว่าจะไม่รักสาวคนไหนอีก จนกระทั่ง แพรวนภา คนรักเก่าหย่าจากสามี และย้ายกลับมาอยู่บ้านเดียวกับจิตรี ทำท่าจะเป็นลมแรงกระพือพัดถ่านไฟเก่าให้ลุกใหม่ในใจของเทิดอีกครั้ง แต่เทิดกลับรังเกียจคนรักเก่า เขาจำต้องไปจากบ้านแม่ยายพร้อมกับลูกชายตัวน้อย สู่ไร่อันกว้างใหญ่ใกล้ป่าสูง และทิวเขาทะมึนในจังหวัดห่างไกล ที่ไร่ของเทิด มีคนงานเป็นชาวพื้นบ้านหลายคน รวมทั้ง นายผัน หัวหน้าคนงานผู้ซื่อสัตย์ และใจนักเลง กับนายหอม คนรับใช้ในบ้าน และรับหน้าที่พี่เลี้ยงคุณนันท์ด้วย เทิดทุ่มแรงกายแรงใจให้กับงานในไร่อย่างเต็มที่เพื่อให้ลืมทุกข์ ส่วนคุณนันท์ลูกชายก็เที่ยวยิงนกตกปลาไปตามประสาเด็ก โดยมีนายหอมคอยติดตามดูแล จนนันท์กลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่กลัวใครนอกจากพ่อ วันหนึ่งเทิดขับรถออกจากไร่ ไปชนกับจักรยานของ ครูน้ำผึ้ง ซึ่งถีบมาอย่างใจลอย แม้จะไม่ใช่ความผิดของเทิด เพราะเขาหยุดรถก่อนแต่เขาก็ยอมจ่ายค่าเสียหายให้น้ำผึ้งไม่รู้สึกเป็นมิตรเพราะเทิดไว้หนวดไว้เคราเหมือนโจร น้ำผึ้งเป็นครูอยู่โรงเรียนประจำตำบลไม่ไกลจากไร่ของเทิด เธอมีแม่ชื่อ ลำยอง ซึ่งสุขภาพทรุดโทรม เจ็บไข้ได้ป่วยตลอดเวลา มีพ่อคือ นายวัน ก็กำลังป่วยด้วยนัยน์ตาอักเสบใกล้จะบอด พราะโดนพิษจากยาฆ่าวัชพืช น้ำผึ้งจึงต้องดูแลทั้งแม่และพ่อ และปัญหาที่ร้ายกว่านั้นก็คือสัญญากู้เงินแสนบาทที่ทำไว้กับเสี่ยทรงยศ โดยเอาไร่ค้ำประกันนั้นกำลังจะถึงกำหนด หากไม่มีเงินจ่าย ไร่ที่ทำกินก็จะถูกยึด หรือไม่น้ำผึ้งก็ต้องไปเป็นเมียน้อยเสี่ย ซึ่งเสี่ยทรงยศเป็นคนเจ้าเล่ห์ อยากได้ทั้งที่ดิน และได้ทั้งตัวน้ำผึ้ง จึงส่งนายพูนสมุนคนสนิทมาคอยกลั่นแกล้ง เพื่อให้ครอบครัวน้ำผึ้งถึงตาจน ระยะนี้ครูน้ำผึ้งไปโรงเรียนสายบ่อยครั้งิจนทำให้ ประเทือง ครูใหญ่วัยหนุ่มต้องเรียกไปพบิและเมื่อรู้ถึงความทุกข์ยากของน้ำผึ้ง ครูประเทืองก็ยิ่งเห็นใจเพราะตนเองก็มีความรักน้ำผึ้งอยู่ในใจตลอดมา จนกระทั่งผันซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อวันได้ช่วยหาทางออกให้โดยพาน้ำผึ้งไปสมัครเป็นครูสอนหนังสือให้คุณนันท์ที่บ้านไร่ของเทิด เมื่อได้พบคนที่เคยทะเลาะกันเมื่อคราวรถชน และมาคราวนี้ก็วางท่าพูดจาเหยียดหยามไม่ไว้หน้า น้ำผึ้งแทบจะลากลับด้วยความชิงชัง แต่เมื่อเทิดบอกว่าจะช่วยส่งพ่อกับแม่ไปรักษาพยาบาลที่กรุงเทพฯ และจะชดใช้หนี้สินให้ถ้าครูลาออกจากโรงเรียนมาอยู่เป็นแม่บ้านที่นี่ น้ำผึ้งจึงจำต้องยอมรับงานเพื่อพ่อแม่จะได้เข้าโรงพยาบาล และเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเองจากพวกเสี่ยทรงยศด้วย เมื่อน้ำผึ้งมาอยู่ที่บ้านไร่ของเทิด ก็พบกับการต่อต้านจากคุณนันท์ เพราะคุณนันท์ไม่ชอบเรียนหนังสือ และที่สำคัญคือกลัวว่าพ่อจะมีเมียใหม่ จึงแสดงท่าทีก้าวร้าว พูดประชดประชัน และกันท่าไม่ยอมให้ครูน้ำผึ้งอยู่ใกล้พ่อ นอกจากนั้นยังมี อ้อย ลูกสาววัยรุ่นของผัน ที่ไม่ชอบหน้าน้ำผึ้งเพราะตนเองก็หมายอยู่ว่าเทิดจะสนใจในตัวเธอบ้าง แต่น้ำผึ้งก็พิสูจน์ได้ว่าเธอมีดีกว่าทุกคนในบ้าน นับตั้งแต่ฝีมือทำอาหารที่อร่อยถูกปากเทิด ไปจนถึงการจัดตกแต่งบ้านได้สวยสะอาดเรียบร้อย เหมือนคราวที่กานดาเคยมาอยู่มาทำไว้ไม่มีผิด ต่อมาเทิดมีธุรกิจที่ต้องไปกรุงเทพฯอย่างกะทันหัน จึงทิ้งน้ำผึ้งไว้ที่บ้านไร่กับคุณนันท์ และหอม ส่วนเขาเองมาพักที่บ้านคุณจิตรี ทำให้แพรวนภาได้โอกาสมอมเหล้าแล้วทอดสะพานให้เทิด แต่เทิดมีสติไม่ยอมหลงกลง่าย ๆ เตือนใจยิ่งแพ้ยิ่งอยากเอาชนะ จนจิตรีต้องเตือนลูกสาวคนโตให้รู้จักไว้เนื้อไว้ตัวบ้าง เมื่อเสร็จธุระ เทิดได้ไปเยี่ยมพ่อวัน และแม่ลำยองที่โรงพยาบาล พบว่าอาการทั้งสองดีขึ้นมาก และจะหายเป็นปกติในไม่ช้า พ่อวัน และแม่ลำยองต่างซาบซึ้งในพระคุณของเทิดที่ช่วยเหลือเกื้อกูลในครั้งนี้ ที่ไร่ในขณะเดียวกันนั้น คุณนันท์ก็ยิ่งแสดงอาการไม่ชอบหน้าน้ำผึ้งมากขึ้น แถมยังวางแผนกับหอมแกล้งทำผีหลอกในขณะที่น้ำผึ้งทำความสะอาดห้องอยู่คนเดียว แต่น้ำผึ้งก็คว้าปืนออกมา ทำให้ผีตกใจหกล้มตกบันไดจนขาแพลง ถึงกับสิ้นฤทธิ์ และยอมรับการรักษาพยาบาลจากน้ำผึ้ง ส่วนเสี่ยทรงยศนั้น ถึงแม้จะได้เงินกู้คืนแล้ว แต่ก็ยังหมายมั่นที่จะเชยชมน้ำผึ้งอยู่ เมื่อรู้ว่าเทิดไปกรุงเทพฯ จึงให้พูน และสมุนเข้ามาในบ้านไร่ ตั้งใจจะฉุดน้ำผึ้งไป แต่แล้วขณะกำลังจะลงมือฉุด ก็มีกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนเดินเข้ามาเป็นแถว บอกว่าวันนี้เป็นวันไหว้ครู จึงนำดอกไม้เทียนแพมาไหว้ครูน้ำผึ้งที่นี่ ทำให้พูน และสมุนไม่อาจจะทำอะไรครูน้ำผึ้งได้ เมื่อเทิดกลับมา น้ำผึ้งบอกว่าทุกอย่างเป็นปรกติดี โดยไม่ได้ฟ้องเรื่องที่ทำให้คุณนันท์ขาแพลง เทิดบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะให้น้ำผึ้งพานันท์ไปฝากเข้าโรงเรียน นันท์ไม่พอใจหาว่าพ่อจะกำจัดตนให้พ้นบ้าน เพื่อจะได้จู๋จี๋กับน้ำผึ้งได้เต็มที่ แต่ในวันรุ่งขึ้นน้ำผึ้งก็พาเทิด และนันท์ไปฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนจนได้ ก่อนกลับมาบ้านเทิดได้แวะตลาดในเมือง และให้เงินน้ำผึ้งไปเดินซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน น้ำผึ้งได้พบครูประเทืองซึ่งแอบเข้ามาพูดว่าจะหาทางช่วยน้ำผึ้งให้พ้นจากเทิดให้จงได้ แต่น้ำผึ้งไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก พอกลับมาบ้านขณะน้ำผึ้งทำกับข้าวในครัว เทิดก็เข้ามาหา และส่งจดหมายที่พ่อแม่ฝากมาให้ น้ำผึ้งอ่านจดหมายที่พ่อแม่เขียนมาแล้วก็เข้าใจเทิดดีขึ้น เทิดมองน้ำผึ้งด้วยความรัก แต่แล้วเมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ให้กับกานดา เขาก็รีบผลุนผันออกไป ทิ้งให้น้ำผึ้งมองตามด้วยความงงงัน ถึงวันโรงเรียนเปิด นันท์ไม่ยอมไปโรงเรียน อ้างว่าพ่อจะถือโอกาสอยู่กับครูน้ำผึ้ง เทิดหมดปัญญาจะอธิบายให้นันท์เข้าใจ แต่น้ำผึ้งทำขึงขัง เก็บเสื้อผ้านันท์ใส่กระเป๋าเดินทางแล้วว่า ถ้าไม่เรียนก็กลับไปอยู่กรุงเทพฯ แต่ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็ต้องไปโรงเรียน ทั้งพ่อ ทั้งครูหรือใคร ๆ เขาก็ต้องเรียนหนังสือกันมาก่อนทั้งนั้น แม้แต่นายหอมจบแค่มัธยมต้น เขาอยากเรียนต่อแทบตายแต่ไม่มีเงิน คุณนันท์มีทุกอย่างกลับไม่ยอมเรียน ไม่อายหอม ไม่อายครูซึ่งเป็นลูกจ้างในบ้านหรือไง ผลปรากฏว่านันท์นิ่งอึ้ง เทิดมองดูน้ำผึ้งพูดกับนัยท์ด้วยความพอใจ และในที่สุดนันท์ก็ยอมไปโรงเรียน เสี่ยทรงยศให้พูน และสมุนมาตามเทิดไปพบที่บ้าน แล้วขอซื้อตัวน้ำผึ้งด้วยราคาที่สูงกว่าที่เทิดจ่าย เทิดไม่ตอบรับแต่กลับมาถามความสมัครใจน้ำผึ้งว่าอยากจะอยู่ที่ไหน น้ำผึ้งบอกไม่อยากอยู่กับเสี่ยยศ เทิดจึงไปบอกเสี่ยยศว่าน้ำผึ้งไม่เต็มใจอยู่กับเสี่ย เสี่ยทรงยศโกรธ จะให้สมุนรุม แต่เทิดท้าสู้กับพูนตัวต่อตัว พูนรับท้าเพราะกลัวเสียหน้า ทั้งสองสู้กันด้วยมือเปล่าจนพูนแพ้ สมุนจะเข้ารุมก็พอดีผันเข้ามาขวางพร้อมกับปืนลูกซองในมือ เสี่ยยศจึงยอมปล่อยเทิดกลับไป เทิดได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ หอมรักษาพยาบาลไม่ถูกใจ น้ำผึ้งจึงอาสาเข้าไปดูแล นันท์กลับจากโรงเรียนเห็นพ่อกับน้ำผึ้งอยู่ด้วยกันในห้องข้างบนก็ไม่พอใจ แม้เทิดจะบอกว่าพ่อไม่สบาย แต่นันท์ก็ยังทำท่าไม่ไว้ใจ คืนนั้นเทิดตกใจที่เห็นน้ำผึ้งถือปืน แต่น้ำผึ้งอธิบายว่าพบปืนนี้ตอนที่เทิดไปกรุงเทพฯ กลัวว่าคุณนันท์จะหยิบไปเล่นจึงเอามาเก็บไว้ เทิดถามว่าน้ำผึ้งยิงปืนเป็นไหม น้ำผึ้งว่าไม่เป็น วันต่อมาเทิดจึงสอนวิธียิงปืนให้น้ำผึ้งไว้ใช้ป้องกันตัว สายวันหนึ่ง เมื่อเทิด และหอมออกจากบ้านไป ทิ้งให้น้ำผึ้งอยู่คนเดียว พูนกับสมุนก็เข้ามาเชิญน้ำผึ้งไปหาเสี่ยทรงยศ แต่น้ำผึ้งไม่ยอมไป พูนกับสมุนจะเข้าฉุดก็ต้องชะงักเมื่อน้ำผึ้งคว้าปืนออกมายิ ถูกกระเช้าแขวนกล้วยไม้ที่ชายคาหล่นใส่หัวสมุนคนหนึ่ง พูนเห็นน้ำผึ้งยิงปืนเป็นก็ขยับปืนตัวเอง แต่ผันมาเห็นเหตุการณ์จึงยิงมือพูนจนปืนกระเด็น พูนกันสมุนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป เทิดกลับมาบอกให้ทุกคนระวังตัว เพราะพวกมันต้องกลับมาอีก และชมเชยที่น้ำผึ้งยิงปืนได้ดี ไม่เสียแรงที่สอนให้ น้ำผึ้งได้รับจดหมายจากแม่ลำยอง บอกว่าดวงตาของพ่อจะหายเป็นปรกติ ขอให้น้ำผึ้งสำนึกในบุญคุณของเทิด น้ำผึ้งจึงไปขอบคุณเทิดซึ่งกำลังนั่งกินเหล้าอยู่และ ว่าไม่ควรดื่มเหล้ามากเพราะจะติด และจะเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เทิดก็เชื่อฟังบอกให้น้ำผึ้งช่วยเอาเหล้าไปเก็บ พอดีครูประเทืองมาหาน้ำผึ้ง ทำให้เทิดไม่พอใจ พูดจาหาเรื่องกับประเทืองว่าทำตัวไม่สมกับเป็นครูใหญ่ ประเทืองจึงต้องกลับแต่พูดฝากไว้ว่า เขาจะมาอีก เพราะเป็นห่วงน้ำผึ้งที่อยู่กับคนบ้า เช้าอีกวันหนึ่งประเทืองมาหาน้ำผึ้ง และพูดเรื่องความรัก นันท์จึงให้หอมคอยดูอยู่ที่บ้าน แล้วตัวเองก็ไปฟ้องพ่อที่ไร่ ใส่ความว่าน้ำผึ้งกอดจูบกับครูประเทือง เทิดโกรธมากรีบกลับมาอาละวาด ท้าประเทืองกินเหล้าว่าใครจะคอแข็งกว่ากัน ปรากฏว่ามึนเมาด้วยกันทั้งคู่ เทิดให้หอมเอารถไปส่งครูประเทือง แล้วเข้าไปต่อว่าน้ำผึ้งที่กอดจูบกับครูประเทือง น้ำผึ้งโกรธที่โดนดูหมื่นจึงตบหน้าเทิด เทิดจึงเข้ากอดปล้ำจนน้ำผึ้งตกเป็นของเทิด จากนั้นน้ำผึ้งก็วิ่งหนีไปจากบ้าน แล้วไปล้มหมดสติอยู่ท่ามกลางสายฝน เทิดตามไปอุ้มกลับมาบ้านพบว่าน้ำผึ้งตัวร้อนจัด ต่อมาเทิดได้ถามหอมเรื่องน้ำผึ้งกอดจูบกับครูประเทือง ถึงรู้ความจริงว่าน้ำผึ้งให้หอมคอยกันท่า ไม่ยอมให้ครูประเทืองเข้าใกล้ ทำให้เทิดสำนึกผิดที่ทำกับน้ำผึ้ง เพราะหลงเชื่อคำพูดของนันท์ เป็นผลให้น้ำผึ้งล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องให้อ้อยมาคอยดูแล จนในที่สุดอ้อยกับน้ำผึ้งก็เข้าใจกัน ครูประเทืองมาเยี่ยมน้ำผึ้งซึ่งมีอาการดีขึ้นมากแล้ว ขณะยืนคุยกันโดยประเทืองยืนหันหลังให้แนวป่า พูนซึ่งแอบอยู่ในป่าก็ยกปืนยิงใส่เพราะเข้าใจว่าเป็นเทิด แต่พูนยิงผิดจึงเผ่นหนีไป เมื่อเทิดกลับมารู้ว่ามีการลอบยิง และประเทืองกับน้ำผึ้งก็เข้าใจว่าเทิดเป็นคนยิงเพื่อขู่ประเทือง เทิดพยายามปฏิเสธแต่ทั้งสองไม่เชื่อ ประเทืองจึงกล่าวฝากไว้ว่า เขาเห็นจะต้องจัดการเรื่องน้ำผึ้งให้จบสิ้นกันเสียที เมื่อประเทืองไปแล้ว นันท์บอกว่าได้เขียนจดหมายไปบอกป้าแพรวนภาให้มาอยู่ที่นี่แล้ว เทิดจึงรีบไปบ้านจิตรีที่กรุงเทพฯ เพื่อยับยั้งไม่ให้แพรวนภาเดินทางไปไร่ โดยบอกว่าช่วงนี้ที่ไร่ไม่ปลอดภัย เพราะมีคนไม่ถูกกันคอยทำร้ายอยู่ ไว้ให้เหตุการณ์คลี่คลายก่อน เขาจะมารับแม่จิตรี และแพรวนภาไปเยี่ยมหลานเอง จากนั้นเทิดก็ไปเยี่ยมพ่อแม่ของน้ำผึ้ง หมอบอกว่าทั้งสองหายดีแล้ว ให้เทิดรับกลับบ้านได้ พ่อวันกับแม่ลำยองบอกจะไม่ลืมพระคุณเทิดที่ได้ช่วยเหลือ เมื่อกลับมาถึงบ้านไร่ เทิดได้ดึงตัวน้ำผึ้งขึ้นรถแล้วขับพาไปที่บ้านของเธอ น้ำผึ้งคิดว่าเทิดคงหมายจะคุกคามเธออีก แต่เมื่อมาถึงบ้านก็พบแม่ที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี และพ่อที่มองเห็นเหมือนเดิมแล้ว ทำให้น้ำผึ้งดีใจ และสมเพชตัวเองที่เข้าใจเทิดผิด เธอรีบลงจากบ้านไปตามหาเทิด เมื่อพบเทิดก็ทำท่าจะกราบที่เท้าเพื่อขอบคุณที่ช่วยพ่อแม่ แต่เทิดขอให้น้ำผึ้งกราบที่อกแทน น้ำผึ้งจึงกราบที่อก และเทิดได้โอบกอดน้ำผึ้งโดยที่น้ำผึ้งไม่ขัดขืน เทิดให้น้ำผึ้งอยู่คุยกับพ่อแม่ และว่าตอนเย็น ๆ จะมารับ เมื่อเขาขับรถออกไปได้ไม่ไกล ไอ้พูนก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ของสมุนแล่นเข้ามาเทียบข้าง แล้วยิงใส่เทิด เทิดถูกยิงสองนัด พยายามขับรถต่อไป แต่รถก็เสียหลักวิ่งออกจากถนน พุ่งชนหน้าผาหินข้างทาง รถระเบิดไฟลุกท่วม ไอ้พูนมองดูรถไหม้ไฟด้วยความพอใจที่ฆ่าเทิดได้ น้ำผึ้งรู้ข่าวจากอ้อยที่ไปตามให้รีบกลับบ้าน และพบว่าเทิดแค่ถูกยิงบาดเจ็บ เพราะเขากระเด็นออกมาก่อนที่รถจะชนผนังหิน น้ำผึ้งจึงทำหน้าที่ดูแลเทิด นันท์ไม่ไว้ใจจึงส่งจดหมายไปขอให้ป้าเตือนใจมาดูแลพ่อ เพราะขืนให้น้ำผึ้งดูแล เขาคงได้แม่ใหม่แน่นอน ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเทิด และน้ำผึ้งเป็นไปด้วยดี แพรวนภาก็เดินทางมาถึง และสร้างความปั่นป่วนไปหมดทั้งบ้าน ด้วยการทำหน้าที่ดูแลเทิดเองและ ไม่ยอมให้น้ำผึ้งเข้าใกล้เทิด เมื่อแพรวนภารู้ว่าประเทืองติดพันน้ำผึ้งอยู่ จึงวางแผนให้ทั้งสองได้พบกัน และชี้ชวนให้แต่งงานกันจะได้ไปอยู่ที่อื่น แต่น้ำผึ้งว่าเธอไปไหนไม่ได้เพราะเป็นหนี้บุญคุณเทิดอยู่ เมื่อผิดหวังจากครูประเทือง แพรวนภาก็ไปหาเสี่ยทรงยศ วางแผนจะให้พูนเข้าไปฉุดน้ำผึ้งถึงในบ้าน เมื่อเทิดหายบาดเจ็บออกไปทำงานในไร่ได้ และหอมไปส่งนันท์ที่โรงเรียน จึงเหลือแต่อ้อยและน้ำผึ้งอยู่บ้าน เตือนใจใช้ให้อ้อยไปซื้อของ แล้วให้สัญญาณพูนกับพวกเข้ามาจับตัวน้ำผึ้ง ก็พอดีผันพาเทิดกลับมาส่ง พูนเห็นท่าไม่ดีจึงขี่มอเตอร์ไซค์หนี เทิดขับรถตามแพรวนภาตกใจมากเมื่อรู้ว่าเทิดตามคนร้ายไป เพราะถ้าพูนถูกจับได้ มันต้องซัดทอดมาถึงตัวเธอแน่ แต่แพรวนภาก็ยังโชคดี เพราะพูนบึ่งรถหนีการไล่ล่าไปจนรถพุ่งตกเขาไป แพรวนภาจึงโล่งใจที่พูนตายไปก่อนเรื่องจะแตก ครูประเทืองได้หลอกน้ำผึ้งว่าจะพาไปประชุมเรื่องครูสอนพิเศษที่โรงเรียน แต่กลับพาน้ำผึ้งไปให้แม่ของเขาดูตัวเพื่อจะได้สู่ขอน้ำผึ้งมาเป็นลูกสะใภ้ เมื่อน้ำผึ้งโดนแม่ครูประเทืองซักไซ้ เธอจึงทิ้งไพ่ตายว่าเธอเป็นภรรยาของเทิดแล้ว ทำให้แม่ของประเทืองมาเหน็บแนมลูกชายว่า ครูสาวนั่นสวย และน่ารักดี แต่แกจะกินของเหลือเดนเขาหรือ ประเทืองจึงตัดใจจากน้ำผึ้งได้ คืนหนึ่งแพรวนภาเอายานอนหลับให้นันท์ และเทิดกินจนหมดสติไป แล้วก็แกล้งเล่นละครนอนกอดกับเทิดให้น้ำผึ้งได้เห็น น้ำผึ้งทนไม่ไหวจึงออกจากบ้านไปหาพ่อแม่แต่เช้า และบอกว่าจะไม่กลับไปบ้านไร่อีก เทิดตื่นขึ้นมาไม่พบน้ำผึ้ง และรู้ว่าน้ำผึ้งลาออกแล้ว และอ้อยก็ขอลาออกตามไปด้วย เมื่อน้ำผึ้ง และอ้อยไม่อยู่ บ้านของเทิดก็ไม่มีระเบียบ ไม่มีอาหารเพราะไม่มีการทำครัว แพรวนภาเองก็ไม่ยอมทำงานอะไร แม้แต่ซักชุดชั้นในก็สั่งให้หอมซัก จนหอมทนไม่ไหวลุกขึ้นโต้แย้ง จึงถูกแพรวนภาตบหน้า หอมจึงตัดสินใจไปจากบ้านไร่อีกคน ตกกลางคืนเทิดเมามาก เตือนใจจึงได้โอกาสเข้าไปยั่วยวนถึงในห้องนอน แต่เทิดเมาหลับไปก่อน พอรุ่งเช้าแพรวนภาก็อ้างว่าเทิดเมามากจนเธอตกเป็นเมียเทิดแล้ว เทิดจึงว่าถ้าจะมาเป็นเมียก็ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ทำให้เตือนใจโกรธที่เทิดไม่สนใจใยดี หลังจากนั้นในบ้านก็ยิ่งเลวร้าย แพรวนภาถือสิทธิ์บังคับนันท์ให้ทำตามใจเธอ นันท์ทนถูกบีบคั้นไม่ไหวถึงกับบอกพ่อว่า คิดถึงครูน้ำผึ้ง ถ้านันท์จะมีแม่ใหม่ก็ต้องไม่ใช่ป้าแพรวนภา ให้เป็นครูน้ำผึ้งเสียยังดีกว่า ดังนั้นเมื่อแพรวนภามาขอให้เทิดไปตั้งต้นชีวิตใหม่กับเธอที่กรุงเทพฯ เทิดจึงบอกว่าจะขออยู่ขอตายที่นี่ ถ้าแพรวนภาอยู่ไม่ได้ก็กลับไป แพรวนภาแค้นขณะมองตามเทิดที่เดินหนีไป เทิดไปบ้านน้ำผึ้ง จึงได้พบหอมมาช่วยทำไร่อยู่ที่นั่น พ่อวันได้นำเงินที่เอาไร่ไปจำนองธนาคารมาให้เพื่อไถ่ตัวน้ำผึ้ง แต่เทิดไม่รับ บอกว่าเราตกลงกันแค่ปากเปล่า ไม่มีการเซ็นสัญญา พ่อวันก็ไม่จำเป็นต้องยึดถือจริงจัง และน้ำผึ้งก็มีอิสระจะมาจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้พ่อวันยิ่งซึ้งในน้ำใจเทิดขึ้นไปอีก จากนั้นเทิดก็พยายามขอคืนดีกับน้ำผึ้ง แต่น้ำผึ้งว่าเตือนใจเหมาะสมกว่าเธอ เทิดจึงอ้างถึงวันที่ฝนตกว่าเรามีอะไรกัน แต่น้ำผึ้งว่าไม่ขอจำวันที่อสูรร้ายมันขืนใจเธอ ทำให้เทิดต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เมื่อนันท์กลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านก็พบว่าพ่อเมาหลับไปแล้ว และแพรวนภาบอกว่าไอ้หอมมันไปอยู่บ้านน้ำผึ้ง มันคงไปเป็นผัวเมียกันแล้ว นันท์โกรธหาว่าแพรวนภาปากหมา แพรวนภา จึงไล่ตีนันท์ เมื่อนันท์ไปฟ้องพ่อ เทิดกลับบอกว่าพรุ่งนี้แพรวนภาเขาจะกลับกรุงเทพฯแล้ว และพ่อจะส่งนันท์กลับไปอยู่กับคุณยายที่กรุงเทพฯด้วย พอรุ่งเช้าขณะที่แพรวนภาจะให้เทิดไปส่งที่สนามบิน ก็ปรากฏว่านันท์หนีออกจากบ้านไปแล้ว เทิดสั่งให้ทุกคนช่วยกันออกตามหา เตือนใจจึงจำต้องขับรถของเทิดไปเอง ทุกคนในไร่รวมทั้งเทิดออกตามหานันท์จนถึงเที่ยงถึงบ่ายก็ยังไม่เจอ โดยไม่มีใครเฉลียวใจเลยว่าที่แท้นันท์ได้เดินบุกป่าผ่าดงไปจนถึงบ้านน้ำผึ้ง ขณะที่พ่อวันกับแม่ลำยองนั่งดูนันท์กินข้าวด้วยความหิว หอมกับน้ำผึ้งกลับมาจากไร่ได้เจอนันท์ก็ดีใจ นันท์โผเข้ามากอดน้ำผึ้งแล้วร้องไห้ ไม่ยอมกลับไปบ้านเพราะกลัวพ่อจะลงโทษ น้ำผึ้งจึงบอกว่าครูจะไปเป็นเพื่อน ที่บ้านไร่เทิดถือไม้เรียวอยู่โดยมีนันท์ยืนกอดอกร้องไห้ และยอมรับผิด เทิดจึงตีนันท์เพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ แต่พอตีครั้งที่สองน้ำผึ้งได้เข้าไปกอดนันท์ และรับไม้เรียวแทน บอกว่าเธอรักและสงสารคุณนัน ยินดีจะถูกตีแทนคุณนันท์เอง เทิดจึงหักไม้เรียวทิ้งแล้วเดินไปกินเหล้า น้ำผึ้งบอกนันท์ว่าพ่อยกโทษให้แล้ว ต่อไปนี้ขอให้นันท์เป็นคนดี นันท์รับปาก และขอร้องไม่ให้น้ำผึ้งไป แต่น้ำผึ้งว่าครูหมดสัญญากับคุณพ่อของนันท์แล้ว น้ำผึ้งเดินจากไป นันท์ตะโกนตามเรียกน้ำผึ้งว่า แม่ ทำให้น้ำผึ้งหยุดชะงักหันมาแล้ววิ่งเข้ามากอดนันท์ด้วยความตื้นตันใจ นันท์ยังคงเรียกแม่อยู่ตลอดเวลา เทิดวางแก้วเหล้า ยิ้มทั้งน้ำตา แล้วเดินเข้ามากอดน้ำผึ้ง และลูกไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น ความรัก ความเข้าใจ และความสุขจึงได้กลับมาสู่บ้านไร่อีกครั้งอย่างสมบูรณ์ ติดตามชม ละครมนต์รักอสูร

เกมพยาบาท (2559/2016) อัคคี นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่มีความแค้นต่อครอบครัวของ ฉัตรชนก คู่แข่งทางธุรกิจคนสำคัญที่อัคคีปักใจเชื่อว่าเป็นต้นเหตุทำให้พ่อกับแม่ต้องฆ่าตัวตาย เพราะถูกโกงจนล้มละลาย ยิ่งไปกว่านั้นฉัตรชนกยังเป็นคนรักของ วรรณิศา น้องสาวคนเดียวที่อัคคีรักยิ่งกว่าชีวิต อัคคีจึงกีดกันความรักของฉัตรชนกกับวรรณิศาอย่างจริงจัง ส่วน อำภา แม่ของฉัตรชนก ก็แสดงทีท่ารังเกียจวรรณิศาเช่นกัน เพราะคิดว่าเป็นผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าหวังจะมาเกาะลูกชายกิน อำภา จึงประกาศหมั้นหมาย เกษณีย์ ลูกสาวของ เกสร ไฮโซเจ้าของร้านเพชร ให้ฉัตรชนกกลางงานเลี้ยงต้อนรับ ฉัตรชบา น้องสาวของฉัตรชนก วรรณิศาที่อยู่ในงานเลี้ยงได้ยินอำภาประกาศหมั้นเกษณีย์ก็แบกความเสียใจวิ่งออกจากงานไป โดยมี พัฒนะ เพลย์บอยจอมแสบ ตามไปติด ๆ เพื่อหวังจะรวบหัวรวบหางวรรณิศา แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อวรรณิศาพยายามเอาชีวิตรอดจากพัฒนะแต่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ลงมือข่มขืนจนเสียสติ ในระหว่างการพักรักษาตัวอัคคีเฝ้าดูวรรณิศาด้วยความเศร้าเสียใจ เมื่อฉัตรชนก และฉัตรชบาได้รับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับวรรณิศาก็รีบมาดูอาการวรรณิศาด้วยความรู้สึกผิด แต่ยิ่งกลายเป็นการจุดไฟแค้นในใจให้กับอัคคี เพราะอัคคีที่มั่นใจว่าฉัตรชนกคือสาเหตุที่ทำให้วรรณิศาต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้ายเช่นนี้จึงออกปากไล่ฉัตรชนก และฉัตรชบาอย่างไม่ไยดี พร้อมจะหาหลักฐานเอาผิดทุกทางเพื่อให้ฉัตรชนกชดใช้ในสิ่งที่วรรณิศาสูญเสียไป ส่วนเกษณีย์แม้ว่าจะได้ฉัตรชนกไปครอบครองแล้ว แต่ก็ยังแอบเข้ามาเยาะเย้ยวรรณิศาจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งวิ่งหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงพยาบาล อัคคีตามมาเจอน้องสาวที่ยืนอยู่ริมระเบียงตึกจึงพยายามจะเกลี้ยกล่อม แต่ในวินาทีนั้นสติของวรรณิศาล่องลอยไปพร้อมกับจิตใจที่เจ็บปวดจนเกินจะรับไหวเพ้อเรียกหาแต่ฉัตรชนก ก่อนจะพลัดตกตึกไปต่อหน้าต่อตาอัคคี ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้อัคคีเชื่อว่าฉัตรชนกคือตัวการของเรื่องทั้งหมด อัคคีจิตใจร้อนรุ่มราวกับไฟคิดแต่จะแก้แค้นฉัตรชนกให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไม่ต่างจากตนเอง แม้ว่า จิดาภา แฟนสาว และอดุลย์ เพื่อนคนสนิท จะพยายามเตือนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถดับความแค้นในใจของอัคคีลงได้แม้แต่น้อย และสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉัตรชนกตกอยู่ในความเจ็บปวดเดียวกับตัวเองก็คือ ฉัตรชบา อัคคีจึงตัดสินใจลักพาตัวฉัตรชบามาที่เกาะร้าง เพื่อเปิดเกมการแก้แค้นกับฉัตรชนกอย่างเป็นทางการ อัคคีทรมานทั้งร่างกาย และจิตใจฉัตรชบาสารพัด ซึ่งแม้ว่าฉัตรชบาจะดูเป็นคุณหนูขี้เหวี่ยงขาวีน แต่เมื่อได้รับรู้ถึงสาเหตุความแค้นของอัคคี ฉัตรชบาก็พร้อมจะเสียสละแทนพี่ชาย ฉัตรชบายอมตกเป็นของอัคคีด้วยความทุกข์ทรมานใจอย่างที่สุด เพื่อหวังจะดับไฟที่สุมอยู่ในจิตใจของอัคคีให้มอดดับไป แตทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่คิด เมื่ออัคคี และฉัตรชบาต่างก็หวั่นไหวต่อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบนความแค้นครั้งนี้ จนในเวลาต่อมาอัคคีได้รับแจ้งจากตำรวจเกี่ยวกับความคืบหน้าทางคดีของวรรณิศาที่พบว่าฉัตรชนกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องนี้ อัคคีอึ้งไปที่หลงแก้แค้นคนผิด แถมยังเอาความโกรธความเกลียดมาลงที่ฉัตรชบาอีก แล้วทั้งคู่จะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก เกมแห่งความแค้น และไฟแห่งความพยาบาทของครั้งนี้จบลงอย่างไร ติดตามกันต่อได้ในละคร เกมพยาบาท

แม่นาก (2559/2016) ตำนานรักแม่นาก เริ่มที่ บางพระโขนง นาก (ใบเตย) เป็นลูกกำพร้า ที่ ยายเงิน (ฉันทนา) เก็บมาเลี้ยง นากเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในพระโขนง หนุ่ม ๆ พากันหมายปอง แต่นากมีใจรักให้ พ่อมาก (มาร์ติน) ชายหนุ่มผู้ขยัน ซื่อสัตย์ และมีน้ำใจ แม้ว่าจะยากจน นากก็ไม่คิดรังเกียจ ทั้งสองสัญญาว่าจะสร้างครอบครัวร่วมกัน ความงามของแม่นากนั้น เลื่องลือไปถึงหัวตะเข้ ทำให้ พ่อเพลิง (เต้ ปิติศักดิ์) ลูกขุนเพชร (เมฆ วินัย) ที่เกเรเป็นคนสันดานหยาบ ตามมาเพื่อยลโฉมแม่นาก เพลิงตกหลุมรักแม่นากในทันที และพยายามรบเร้าให้ แม่พวง (ทราย เจริญปุระ) มาสู่ขอแม่นาก แม่พวงพยายามทัดทาน เพราะรังเกียจแม่นากที่ยากจน แม่พวงกับขุนเพชรหมายปองชมนาด (โบ ทิตชญา) ลูกสาวของหมื่นณรงค์ ไว้ให้เพลิงแล้ว แต่ก็ขัดใจลูกชายไม่ได้ แม่พวงจึงยอมไปทาบทาม ยายเงินเห็นดีด้วย เพราะอยากให้แม่นากมีชีวิตที่สุขสบาย แต่นากไม่ยินยอม พยายามผูกคอตาย แต่มากมาช่วยไว้ได้ทัน ยายเงินเห็นใจในความรักของทั้งคู่จึงยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน ฝ่ายเพลิง รู้สึกเสียหน้าที่ต้องเสียแม่นากให้กับมาก เพลิงวางแผนฉุดแม่นาก แต่ไม่สำเร็จ เพลิงผูกใจเจ็บเรื่อยมาและหาทางแก้แค้น ในขณะที่นากท้อง พ่อมากโดนหมายเรียกไปเป็นทหาร เช่นเดียวกับเพลิง แต่เพลิงขอให้ขุนเพชร ใช้เส้นสาย คัดเอามากไปสนามรบแทน มากจำใจต้องทิ้งแม่นากไว้เพียงลำพัง เพลิงวางแผนมาฉุดแม่นากเพื่อล้างแค้น ทั้งที่แม่นากกำลังท้องแก่ใกล้คลอด นากขัดขืนจนหกล้ม เลยต้องคลอดลูกก่อนกำหนด และตายในที่สุด แต่เพลิงไม่สำนึกผิด พาหมอผีมาเพื่อสะกดวิญญาณแม่นาก แต่กลับกลายเป็นปลุกแม่นากขึ้นมา เพราะหมอผีต้องการจะพรากลูกไปจากท้องแม่นาก วิญญาณแม่นากที่สัญญาว่าจะรอมากกลับมาจากสนามรบ ทำให้ผู้คนหวาดผวา ย้ายหนีกันจนกลายเป็นหมู่บ้านร้าง เพลิงวางแผนให้ พิม (ฟ้าใส อรจิรา) น้องสาวของตน มาทำพิธีขอขมาแม่นาก โดยที่พิมไม่รู้ว่า เพลิงเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่นากตาย เมื่อพิมมาพระโขนง ก็ได้พบกับ มั่น (ซัน ประชากร) เพื่อนของมาก พิมซึ่งหลงรักพ่อมากอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับมั่น จนกระทั่ง... มากกลับมาพระโขนง มากได้พบกับแม่นากตามสัญญา ทั้งสองอยู่ร่วมกันโดยไม่รู้ว่า แม่นากเป็นผี พิมและมั่นพยายามบอกความจริงกับมาก แต่มากไม่เชื่อ จนกระทั่งวันที่มากรู้ความจริงว่าแม่นากเป็นผี มากหนีซมซานไปพึ่งวัด แม่นากก็คร่ำครวญเพื่อขอให้มากกลับมาอยู่กับตน มากปฏิเสธ เพราะรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ติดตามชมความหลอนครบรสของ ละครแม่นาก

บาปบรรพกาล (2559/2016) เสียงร่ำไห้ยังคงขับขาน ดวงวิญญาณยังคงวนเวียน เพื่อสะสาง ความแค้น ด้วย ความตาย โศกนาฏกรรมแห่งรักเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2529 ที่ เรือนไม้หอม เรือนหลังงามที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเรือนหอของคู่รัก คุณชายภาณุทัต พรหมบดินทร์ กับ แม้นมาศ เกษมบริรักษ์ ทั้งคู่รักใคร่ชอบพอกัน โดยไม่สนใจคำคัดค้านของผู้ใหญ่ ที่ต้องการจะให้คุณชายภาณุทัตแต่งงานกับ คุณหญิงแขไข ผู้เป็นคู่หมั้นคู่หมาย แต่แล้วกลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในวันแต่งงาน เมื่อร่างของแม้นมาศลอยละลิ่วลงมาจากหน้าต่างชั้นบนของเรือนไม้หอมที่เป็นห้องหอ และตกลงไปในสระบัวจนน้ำในสระกลายเป็นสีแดงฉาน มีเพียงจดหมายหล่นอยู่บนเตียงนอน เขียนคำว่า ลาก่อน ทิ้งเอาไว้ โดยไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม้นมาศกันแน่ เมื่องานแต่งถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นงานศพ คุณชายภาณุทัตก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจ กินเหล้าเมามายไร้ซึ่งสติ ไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งวันหนึ่งก็หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ และไม่มีใครพบเห็นคุณชายอีกเลย ล่ำลือไปในทิศทางเดียวกันว่าคุณชายได้ฆ่าตัวตายตามหญิงสาวคนรักไปเพราะทนความเสียใจไม่ไหว อีกทั้งพวกคนรับใช้ต่างได้ยินเสียงร่ำไห้ของหญิงสาว สลับกับเสียงร้องเรียกของคุณชายภาณุทัตดังมากจากเรือนไม้หอมที่ถูกปิดตาย เรื่องราวถูกเล่าขานถึงอาถรรพ์ และแรงแค้นของทั้งคู่ที่ไม่สมหวังในความรัก จนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เรือนไม้หอมหากไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ปี พ.ศ. 2559 รสสุคนธ์ เกษมบริรักษ์ ซึ่งเป็นหลานแท้ ๆ ของปู่แม้นเมือง (พี่ชายแม้นมาศ) ต้องการสืบเรื่องปริศนาการตายของแม้นมาศหรือย่าเล็ก และการหายตัวไปของย่าวาดในคืนแต่งงาน เธอจึงตัดสินใจสมัครเป็นเลขาของ รามนรินทร์ ลูกชายเพียงคนเดียว คุณหญิงภาวิดา (น้องสาวของคุณชายภาณุทัต) แต่เกิดเหตุทำให้ต้องผิดหวังไป แม้นศรี (น้องสาวแม้นเมือง พี่สาวแม้นมาศ) ย่าของรสสุคนธ์รู้จึงฝากหลานสาวกับ คุณชายภาณุกร (น้องชายคนสุดท้องของภาณุทัต) ซึ่งกำลังมองหาคนมาช่วยจัดงาน ระลึกร้อยปีตระกูลพรหมบดินทร์ รสสุคนธ์ตอบรับงานทันทีครอบครัวของแม้นศรีได้ย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรีหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้บ้านที่กรุงเทพฯ เมื่อ 30 ปีก่อนคืนเดียวกับที่แม้นมาศตาย และในเหตุการณ์นั้นแม้นเมืองปู่ของรสสุคนธ์ก็ตายในกองเพลิง เพราะแม้นศรีช่วยมิ่งเมืองพ่อของรสสุคนธ์ออกมาได้เพียงคนเดียว ดังนั้นเมื่อจะต้องทำงานในกรุงเทพฯ รสสุคนธ์จึงต้องย้ายเข้ามาอาศัยอยู่บ้านพรหมบดินทร์ คุณหญิงภาวิดารีบคัดค้าน เพราะไม่ชอบคนจากตระกูลเกษมบริรักษ์เป็นทุนเดิมอยู่ก่อนหน้า แต่ก็ไม่อาจขัดน้องชายได้ จึงวางแผนให้รสสุคนธ์ไปอยู่เรือนไม้หอม เพื่อที่จะให้โดนผีย่าตัวเองหลอกจนไม่สามารถอยู่ได้ รามนรินทร์นั้นแอบปิ๊งรสสุคนธ์ตั้งแต่แรกพบหน้า เขาจึงแสดงความเป็นห่วงรสสุคนธ์ เฟื่อง ซึ่งเป็นแม่นมของรามนรินทร์ เลยเสนอให้หลานสาวชื่อ น้อย ซึ่งเป็นลูกบุตรธรรมของภาณุกรมาอยู่เป็นเพื่อนรสสุคนธ์ ในคืนนั้นเอง...รสสุคนธ์ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญดังแว่วมา ถึงแม้จะหวาดกลัวจับใจ แต่ด้วยความสงสัยจึงได้รวบรวมความกล้า จนได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนร้องไห้อยู่หน้าเรือนไม้หอม รสสุคนธ์ตกใจคิดว่าเป็นผีเป็นลมไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เจอหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเฝ้าอยู่ รสสุคนธ์ก็เข้าใจว่าเป็นน้อยหลานของเฟื่อง แต่ปรากฏว่าน้อยที่เธอเข้าใจนั้น แท้จริงแล้วคือ ผีย่าเล็ก เพราะน้อยตัวจริงก็ไม่เคยกล้ามาเหยียบที่เรือนไม้หอมเลยแม้แต่สักครั้งเดียว อีกทั้งก่อนหน้านี้รสสุคนธ์ไม่รู้จักหน้าตาย่าเล็กเพราะภาพถ่ายทั้งหลายสูญหายไปหมดเมื่อครั้งไฟไหม้บ้าน และภาพถ่ายใบสุดท้ายถูกเก็บอยู่ในห้องทำงานของคุณชายภาณุกร เมื่อหญิงสาวไปขอดูด้วยความอยากรู้จึงได้พบความจริงว่าเธออยู่กับผีมาตลอดสองคืน ถึงแม้รสสุคนธ์จะหวาดกลัวเมื่อได้รู้ความจริง แต่จากที่ได้อยู่ร่วมกับคุณย่าของเธอมาตั้งแต่ต้น ทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าผีย่าเล็กไม่ได้คิดร้ายกับเธอ และได้รู้ว่าแม้นมาศแท้จริงแล้วถูกฆาตกรรมในคืนแต่งงาน เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือเพราะถูกวางยาสลบ และถูกจับกดน้ำจนขาดใจตาย จากนั้นก็ถูกโยนลงมาจากห้องนอนทิ้งลงมาในสระบัว แม้นมาศได้ขอร้องให้รสสุคนธ์ช่วยตามหาแหวนแต่งงานชิ้นสำคัญที่หายไป เพราะเชื่อว่า แหวนไพลิน ที่ได้รับจากท่านชายภาณุทัตเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทำให้เธอไม่สามารถไปผุดไปเกิดเพราะได้ทำงานใกล้ชิดกัน รสสุคนธ์กับรามนรินทร์จึงความรู้สึกดี ๆ ต่อกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จวง กับ ปริก สองยายหลานที่ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาในบ้านพรหมบดินทร์จึงคอยส่งข่าวให้แขไขรู้ความเป็นมาของบ้านอยู่เสมอจนทำให้ คุณอุณนิษา ลูกสาวของแขไขที่แอบหลงรักรามนรินทร์อยู่เกิดความริษยา คอยหาเรื่องรสสุคนธ์อยู่บ่อย ๆ แขไขอยากให้อุณนิษาได้แต่งงานกับรามนรินทร์เพื่อพยุงฐานะทางบ้านที่กำลังจะล้มละลาย นอกจากนั้นแขไขยังส่ง อธิวัฒน์ หลานชายที่ไม่เอาไหนกับ จีรนันท์ เพื่อนสนิทของอุณนิษามาช่วยอุณนิษาทำงานอีกแรง อธิวัฒน์เห็นรสสุคนธ์ก็อยากได้เป็นเมียสร้างความไม่พอใจแก่จีรนันท์ที่แอบเป็นเมียลับ ๆ อย่างมาก อุณนิษากับจีรนันท์จึงจัดหนักหาทางไล่รสสุคนธ์ไปให้พ้นบ้านพรหมบดินทร์ แต่รสสุคนธ์ก็ได้รับการช่วยเหลือจากผีแม้นมาศอยู่บ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ของรามนรินทร์กับรสสุคนธ์สร้างความไม่สบายใจแก่ภาวิดาอย่างมาก ทวน คนขับรถที่เป็นผัวน้อยลับ ๆ ของภาวิดาจึงต้องขึ้นมาคอยปลอบให้ภาวิดาคลายเครียดถึงห้องบ่อย ๆ ด้านอุณนิษาก็สั่งให้จวงกับปริกหาคนมาดักทำร้ายรสสุคนธ์ แต่รามนรินทร์ก็มาช่วยเหลือเอาไว้ได้ทัน ทว่าชายหนุ่มกลับเสียทีถูกทำร้ายจนสลบไป แต่ก่อนที่พวกมันจะได้ลงมือทำร้ายรสสุคนธ์ ตาดำ ชายแก่ที่อยู่ท้ายสวนไม่ไกลจากบ้านพรหมบดินทร์ก็ปรากฏตัวออกมา สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกคนร้ายจนวิ่งหนีกระเจิงกันทั้งหมด เพราะล่ำลือกันว่าบริเวณท้ายสวนนี้มีผีเจ้าที่สุดเฮี้ยนสิงสถิตอยู่ หลังจากที่รสสุคนธ์ถูกทำร้าย คุณหญิงภาวิดาก็โทษว่ารสสุคนธ์เป็นต้นเหตุให้ลูกชายของตัวเองได้รับบาดเจ็บ และใช้เป็นข้ออ้างไล่รสสุคนธ์ออกจากบ้าน แต่รามนรินทร์และคุณชายภาณุกรได้ห้ามเอาไว้ งานรำลึกร้อยปีตระกูลพรหมบดินทร์จัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีรสสุคนธ์เป็นแม่งาน แต่กลับถูกภาวิดาสั่งห้ามไม่ให้เสนอหน้าในงาน เพราะตั้งใจจะประกาศการหมั้นของรามนรินทร์กับอุณนิษา แม้นมาศรู้จึงยุให้รสสุคนธ์ใส่ชุดเธอพร้อมกับเครื่องเพชรประจำตระกูลพรหมดินทร์ไปเดินอวด เมื่อภาวิดาเห็นเครื่องเพชรก็แทบกรี๊ดด่ารสสุคนธ์หาว่าขโมยมาใส่ รสสุคนธ์ตอกกลับว่านี่เป็นของหมั้นหมายของย่าเล็ก เธอก็มีสิทธิ์ใช้ ที่สำคัญย่าเล็กอนุญาตแล้ว ภาวิดาแทบลมจับด้วยความแค้นใจ จึงทำให้งานประกาศหมั้นเป็นอันล่มไป สร้างความไม่พอใจแก่อุณนิษาและแขไขอย่างมาก ปริกต้องการเงินไปจ่ายให้กับคนที่จ้างมาทำร้ายรสสุคนธ์ จึงได้มาขอเอาจากอุณนิษา แต่อุณนิษาปฏิเสธ เลยถูกปริกข่มขู่ว่าจะแฉความจริงทั้งหมดให้คนอื่นได้รู้ถึงความเลวร้าย ด้วยกลัวว่าภัยจะมาถึงตัวอุณนิษาจึงสั่งให้จวงฆ่าปริก เพราะบุญคุณของแขไขจวงจึงตัดใจฆ่าหลานสาวตัวเอง แล้วลากศพปริกไปทิ้งลงในสระบัว รสสุคนธ์คอยไปเยี่ยมตาดำอยู่บ่อย ๆ จนสนิทกัน และคืนนั้นเองรสสุคนธ์ก็ฝันประหลาด ฝันว่าย่าวาดมาหาแล้วพารสสุคนธ์ไปที่บ้านตาดำพร้อมกับร้องขอให้รสสุคนธ์ช่วยให้เธอไปผุดไปเกิด พอตื่นขึ้นมารสสุคนธ์ก็ไปขอให้รามนรินทร์ช่วยขุดดินจุดที่ย่าวาดมาบอก จึงได้พบศพของวาดที่ถูกฝั่งอยู่ที่นี่นานนับ 30 ปี หลักฐานก็คือสร้อยจี้ล็อกเกตบนตัวศพนั่นเอง แม้นมาศเสียใจมากที่พี่สะใภ้ต้องมาตายในคืนที่ตัวเองถูกฆ่า เธอโกรธแค้นอย่างมาก ต้องการฆ่าพรหมบดินทร์ให้ตายตกตามกัน รสสุคนธ์จึงห้ามไว้เพราะยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าจะฆ่าคนส่งเดชอย่างที่ผ่านมาไม่ได้ ในที่สุดรสสุคนธ์ก็สืบพบว่าคนที่ฆ่าย่าวาดก็คือทวนนั่นเอง ทวนรับคำสั่งใครบางคนปิดปากวาดที่มาเห็นการฆาตกรรมแม้นมาศ แถมยังตามไปเผาบ้านเกษมบริรักษ์ที่กรุงเทฑฯ จนมอด ด้วยความแค้นแม้นมาศจึงปิดบัญชีด้วยการจับทวนลงไปนอนในหลุมแล้วจุดไฟเผาให้สาสมกับที่ฆ่าพี่ชาย และพี่สะใภ้ของเธอ โรงแรมแกรนด์บดินทร์มีโปรเจคท์จะสร้างรีสอร์ตที่จังหวัดเพชรบุรี รสสุคนธ์จึงอาสาพาไปดูที่แถว ๆ นั้น รามนรินทร์สนใจที่ดินของแม้นศรีที่ติดกับที่ดินของคุณชายอัศวินสามีของแขไขมาก แต่ติดว่าที่ดินของแม้นศรีนั้นถูกแขไขอ้างสิทธิ์ถือครองอยู่ แขไขบอกว่ามิ่งเมืองพ่อของรสสุคนธ์เอาที่ดินมาขายก่อนที่พ่อกับแม่ของรสสุคนธ์จะประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตาย อธิวัฒน์รู้ว่ารามนรินทร์อยากได้ที่นั้นมากเพราะต้องการจะซื้อที่ดินคืนให้แก่ครอบครัวของรสสุคนธ์ ด้วยความโลภเลยคิดจะเอาที่ดินมาขาย หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ในที่สุดก็สืบค้นความจริงว่าพ่อกับแม่ของรสสุคนธ์ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุแต่ความจริงมีคนทำให้เกิดขึ้น รสสุคนธ์จะเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจ แต่ถูกอธิวัฒน์กับจีรนันท์จับตัวไว้จะฆ่าปิดปาก รามนรินทร์มาช่วยไว้ได้ทัน ระหว่างที่ผีแม้นมาศปรากฏตัวหลอก ด้วยความกลัวตายอธิวัฒน์เลยหนีเอาตัวรอดคนเดียว จีรนันท์จึงถูกแม้นมาศฆ่าด้วยเหตุอุบัติเหตุรถคว่ำอย่างที่พ่อแม่ของรสสุคนธ์ตาย อธิวัฒน์แค้นใจมาก ย้อนกลับมาหมายจะฆ่ารามนรินทร์แต่สุดท้ายก็ถูกแม้นมาศฆ่าตายเช่นกัน ไม่นานหลังจากนั้นภาณุกรก็ได้พบหลักฐานว่าแท้จริงแล้วใครเป็นผู้ลงมือฆ่าปริก จึงได้เรียกอุณนิษาเข้ามาพูดคุย และบอกว่าเพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด อุณนิษาจะต้องไม่มาเหยียบบ้านพรหมบดินทร์อีก และให้เลิกคิดถึงเรื่องแต่งงานกับรามนรินทร์ไปเสีย แต่ด้วยความโกรธ อุณนิษาจึงได้ทำร้ายคุณชายภาณุกรจนเสียชีวิต จวงมาเห็นเข้าก็ช่วยใส่ความว่ารสสุคนธ์เป็นคนลงมือทำ เพื่อจะกำจัดเสี้ยนหนามของหัวใจให้พ้นไป เมื่อสิ้นบุญของภาณุกรแล้ว รสสุคนธ์ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในบ้านพรหมบดินทร์อีกต่อไป อีกทั้งคุณหญิงภาวิดายังให้ตำรวจมาจับตัวหญิงสาวไปสอบสวน แต่ยังไม่ทันที่ตำรวจจะได้จับกุมตัวรสสุคนธ์ ตาดำก็เข้ามาช่วยเป็นพยานว่าขณะที่เกิดเหตุนั้นหญิงสาวกำลังพูดคุยกับตนที่ท้ายสวนจึงไม่มีทางที่เธอจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าภาณุกรไปได้ การปรากฏตัวของตาดำ สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน เมื่อแท้จริงแล้วตาดำไม่ใช่ผี แต่กลับกลายเป็นคุณชายภาณุทัตที่หายสาบสูญไปเมื่อสามสิบปีก่อน เมื่อครั้งที่ภาณุทัตหายตัวไปเพราะเบื่อหน่ายกับวิถีชีวิต และไม่อยากรับรู้เรื่องราวความเป็นไป อีกทั้งคุณหญิงภาวิดาผู้เป็นน้องสาวกับทางบ้านก็พยายามจะให้ตนกลับมาแต่งงานกับคุณหญิงแขไข ภาณุทัตจึงหนีไปอยู่ที่บ้านท้ายสวน ห่างไกลจากสายตาผู้คน อีกทั้งยังแต่งตัวมอซอ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง คล้ายคนจรจัด ทำตัวผลุบ ๆ โผล่ ๆ ชาวบ้านจึงเข้าใจว่าตาดำเป็นผี เนื่องจากหายไปใช้ชีวิตสันโดษไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร จับปลา เก็บผักกิน บางคืนก็แอบเข้ามาที่เรือนไม้หอม ร้องเรียกหาแม้นมาศ จนคนในเรือนเข้าใจว่าเป็นผีคุณชายภาณุทัต ก่อนที่ภาณุทัตจะหายตัวไป เขาได้มาสั่งลาน้องชาย และฝากฝังเรื่องในบ้าน และเรือนไม้หอมไว้จนกว่าตนเองจะทำใจได้และกลับมา เท่ากับว่าการหลบไปใช้ชีวิตในสวนนั้น คุณชายภาณุกรรู้มาตลอด ภาณุทัตที่มาปรากฏตัวขึ้นเพื่อเป็นพยานให้กับรสสุคนธ์ ได้สั่งให้เลิกขัดขวางเรื่องความรักของหลานชาย เพราะรู้ว่ารามนรินทร์นั้นรักใคร่ชอบพอกับรสสุคนธ์ อีกทั้งรามนรินทร์ยังได้พาตัวสร้อย แม่ครัวในบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และสามารถชี้ตัวฆาตกรที่แท้จริงได้มาเปิดเผยความจริงต่อหน้าคนทั้งหมด ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวอุณนิษา แต่จวงกลับบอกว่าตัวเองเป็นคนทำทั้งหมด อุณนิษาแค่ตกกระไดพลอยโจนไปด้วยเฉย ๆ การเปิดเผยตัวของจวงทำให้แม้นมาศจำได้ว่าจวงเอาน้ำมะตูมมาให้ตนดื่มก่อนที่จะหมดสติไป จึงฆ่าจวงทิ้งในห้องขัง แขไขจึงแก้เกมว่าจวงกลัวความผิดฆ่าตัวตาย ทำให้อุณนิษาหลุดคดีฆ่าคุณชายกร เรื่องราวผ่านไปได้อย่างไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นอีกจนกระทั่งถึงวันที่รามนรินทร์กับรสสุคนธ์แต่งงาน ขณะที่รสสุคนธ์แต่งตัวอยู่ตามลำพังเหตุการณ์ที่เหมือนกับในอดีตก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่ออุณนิษาเข้ามาทำร้ายหมายจะเอาชีวิตรสสุคนธ์พร้อมกับบอกว่าเธอจะฆ่ารสสุคนธ์ให้เหมือนกับตอนที่แขไขฆ่าแม้นมาศ ความจริงถูกเปิดเผยจากปากอุณนิษาว่าคนที่ฆ่าแม้นมาศนั้นแท้จริงแล้วคือแขไข และได้ขโมยแหวนไพลินที่สวมติดนิ้วของแม้นมาศไป แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อน เมื่อแม้นมาศโผล่ออกมาพร้อมกับผีอีปริก และมอบคนร้ายรายนี้ให้ผีอีปริกได้จัดการล้างแค้น ส่วนตัวของแม้นมาศก็มุ่งไปหาแขไขที่อยู่ในงานเลี้ยง เมื่อผีอีปริกได้ล้างแค้นจนสาสมก็หันมาหารสสุคนธ์ที่ยังติดอยู่ตรงที่เดิม วิญญาณของภาณุกรก็มาช่วยไว้ และบอกให้ผีอีปริกจากไปอย่างสงบ แล้วขอให้รสสุคนธ์ไปช่วยวิญญาณของแม้นมาศไม่ให้ทำผิดไปมากกว่านี้ แม้นมาศที่เต็มไปด้วยความแค้น ทำร้ายแขไขจนสาหัส ไม่ว่ารสสุคนธ์จะพยายามพูดห้ามสักเท่าไหร่แม้นมาศก็ไม่ยอมฟัง จนในที่สุดคุณชายภาณุทัตก็ได้พูดเพื่อหยุดเธอเอาไว้ "ถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะทำให้กายของเราพรากจากกัน แต่สิ่งที่เขาไม่มีวันพรากไปได้ก็คือ ความรักที่ฉันมีให้ต่อแม่เล็กเสมอ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน เชื่อฉันเถอะนะแม่เล็ก ปล่อยเขาไปเถอะ วันหนึ่งบาปกรรมของเขาจะติดตามไปทวงเขาเอง อย่าไปอยู่ร่วมบ่วงกรรมบ่วงเดียวกับเขาต่อไปอีกเลยนะ" คำพูดของชายที่รักทำให้แม้นมาศยอมปล่อยวางซึ่งความแค้น กระนั้นแขไขถึงแม้จะรอดตายแต่ก็ต้องลงเอยกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกต่อไป หลังจากนั้นในวันที่คุณชายภาณุทัตได้มาเยือนเรือนไม้หอม ราวกับว่าโชคไม่เข้าข้างนัก เพราะถึงทั้งคู่จะได้พบกันแต่ทั้งแม้นมาศกับภาณุทัตกลับไม่สามารถสัมผัสกันได้ จนกระทั่งคุณชายภาณุทัตหลั่งน้ำตาที่ไหลจากความรัก ปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้นจนทั้งสองสามารถสัมผัสกันได้อีกครั้ง และระบายความอัดอั้นตันใจที่ค้างคากันมานานแสนนาน จนในที่สุดแล้วแม้นมาศก็จากไปสู่สุคติโดยไม่มีอะไรค้างคาอีกต่อไป ภาวิดาเสียใจที่เชื่อคนผิดอย่างแขไขมาตลอดจนเกิดบาปต่อเนื่อง จึงยอมให้รสสุคนธ์แต่งงานกับรามนรินทร์ ถัดจากนั้นเวลาผ่านไปอีกห้าเดือน รสสุคนธ์ก็ออกมายืนหน้าเรือนไม้หอมที่ถูกตกแต่งใหม่อย่างสวยงาม หากแต่ยังคงอนุรักษ์โครงสร้างแบบเดิมเอาไว้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา รามนรินทร์เดินมาโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง และบอกว่าเขาอยากจะอยู่กับรสสุคนธ์แบบนี้ตลอดไป ทั้งคู่กอดกันด้วยความรักและเดินจูงมือกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับสมาชิกใหม่ที่อยู่ในท้องของเธอ ซึ่งเป็นลูกที่เกิดจากความรักของคนทั้งคู่ และด้วยความรักของรสสุคนธ์ และรามนรินทร์ ทำให้เรือนไม้หอมแห่งนี้ ไม่ใช่เรือนหอร้างรักต้องอาถรรพ์อีกต่อไป ติดตามชมความหลอนของ ละครบาปบรรพกาล

พี่เลี้ยง (2559/2016) สัตยากับเรไร เติบโตขึ้นมาด้วยกันในบ้านสวนหลังงามริมน้ำ โดยสัตยาได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเหมือนเป็นพี่ชาย และพี่เลี้ยงที่ต้องคอยดูแลเรไรทุกฝีก้าว จนเรไรเรียกสัตยาติดปากว่า พี่ชาย และสัตยาเรียกเรไรว่า คุณเร หลายครั้งสัตยามักจะหนีไปเล่นคนเดียว เพราะอึดอัดใจที่เด็กหญิงตัวน้อยคอยตามติดตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร แม้ในวันที่สัตยาปีนป่ายเล่นทโมนแบบเด็กผู้ชายบนต้นฝรั่งริมน้ำ เรไรก็ยังตามมาขอให้เก็บลูกฝรั่งให้ สัตยาตัดรำคาญโดยเก็บให้แล้วแกล้งปาส่งเดชจนไปโดนหน้าผากน้องน้อยบวมปูด สัตยาตกใจรีบเข้ามาช่วย แล้วสร้างเรื่องให้เรไรโกหกผู้ใหญ่ว่า ปาฝรั่งหวังจะไล่แมลง แต่เรไรเอาหน้าผากมารับไว้ เรไรพาซื่อรับปากจะช่วยพี่ชายไม่ให้ถูกทำโทษ แต่แล้วสัตยาโยนฝรั่งลงพื้นจนเปื้อนดิน เรไรเอาฝรั่งไปล้างในน้ำจนตกน้ำไป สุรางค์ แม่ของสัตยารู้ว่าลูกชายทำน้องตกน้ำจึงลงโทษอย่างหนัก แม้เรไรจะช่วยแก้ตัวว่าไม่ใช่ความผิดของพี่ชายก็ตาม แต่เพราะความจงรักภักดี และสำนึกในบุญคุณของระริน เพื่อนรักที่กลายมาเป็นเจ้านาย ระรินเป็นแม่ของเรไร หลังจากสามีซึ่งเป็นอธิบดีกรมการทูตเสียชีวิตลง จึงเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียว และให้ที่พักพิงกับสุรางค์ เพื่อนสนิทซึ่งเป็นหม้ายเช่นกัน จากการสูญเสียสามีทหาร แถมยังอุปการะส่งเสียสัตยาให้ร่ำเรียนอย่างดี สุรางค์จึงเข้มงวดกับสัตยาให้ดูแลน้องอย่างดีที่สุด ระรินเข้ามาห้ามสุรางค์ขณะกำลังลงโทษสัตยา ด้วยมองเห็นว่าการเล่นซนของเด็กก็ต้องมีเจ็บตัวบ้างมอมแมมบ้างตามประสา เรไรออกรับแทนสัตยา สุรางค์จึงยิ่งตอกย้ำให้สัตยาจดจำ และเจียมตัวในฐานะของตนกับแม่ สัตยาโกรธเรไรที่ทำให้เขาถูกทำโทษ แต่เรไรก็มอบไข่ต้มที่เธอมักจะวาดเป็นหน้าของสัตยาในอารมณ์นั้น ๆ ให้เขา เพื่อเป็นการง้องอน สัตยาจำต้องคืนดี แต่ก็แอบหมายมั่นไว้ในใจแบบเด็ก ๆ ว่าเมื่อไรเรไรโตขึ้นเขาจะเลิกยุ่งด้วยเสียที หน้าที่อีกอย่างของสัตยาคือการคอยสอนเรไรทำการบ้าน ในห้องสมุดของตระกูลพจนภาคย์ ซึ่งเป็นตระกูลนักการทูต ตั้งแต่ปู่ของเรไร จนถึงพ่อของเธอ เมื่อเรไรไม่เข้าใจในสิ่งที่สัตยาสอน เขาก็มักจะดุว่า และโต้เถียงกับเธอเสมอ เรไรต้องเป็นฝ่ายยอมสัตยาทุกครั้ง เรไรมุ่งมั่นจะทำงานด้านทูตเหมือนกับปู่และพ่อ เรไรพูดตามประสาเด็กว่า หากสัตยาไปเห็นทหารแล้ว เธอจะยอมเป็นม่ายให้ 3 ปี แต่สัตยาไม่อยากเป็นทหารเหมือนพ่อ เพราะไม่อยากให้แม่ต้องถูกทิ้งอยู่คนเดียวหากเขาเป็นอะไรไป เขาจึงตั้งใจจะเป็นวิศวกร ทั้งสองเกิดการถกเถียงกัน จนระรินต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยให้สัตยารับปากว่าจะดูแลเรไรเมื่อเธอโตขึ้น เพราะระรินเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว นอกจากช่วยดูแลเรไรแล้ว สัตยายังมีหน้าที่ช่วยแม่ทำขนมไทยขาย จึงได้รับการถ่ายทอดความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมา ทั้งที่นิสัยแท้จริงนั้นเป็นเด็กผู้ชายใจเพชร และเป็นเสือยิ้มยาก ในขณะที่เรไรมักจะเข้ามาขอชิมขนมในเรือนของสุรางค์บ่อย ๆ แม้จะสนใจอยากช่วยทำขนมด้วย แต่สุรางค์มักจะห้าม ให้นั่งรอกินอย่างเดียว บงกช เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับระริน และสุรางค์กลับมาจากเมืองนอก หลังจาก ประทีป สามีซึ่งเป็นทูตกลับมาประจำการเมืองไทย จึงย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับระริน บงกชรับจัดโต๊ะอาหารงานเลี้ยงการกุศล จึงถือวิสาสะเข้ามาหาสุรางค์ หวังจะขนข้าวของเครื่องใช้ของระริน และนำฝีมือทำอาหารระดับชาววังของสุรางค์ไปอวดในงานในนามของตัวเอง เพราะบงกชกับระรินเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ สัตยากับเรไรจึงได้พบกับโชติวัน ลูกชายเพียงคนเดียวของบงกชด้วย บงกชอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะสัตยาที่ดูมีวาสนาได้ใกล้ชิดเรไร โชติวันโตกว่าสัตยาเล็กน้อย และการที่ได้ไปเรียนเมืองนอกจึงทำให้มีมุมมองแปลกใหม่ และดูเป็นผู้ใหญ่กว่าทั้งสองมาก เรไรตื่นต้นที่มีเพื่อนใหม่ จึงซักถามโน่นนี่ตามประสาเด็กช่างเจรจา จนไม่ทันสังเกตว่าสัตยาผู้เงียบขรึมแอบน้อยใจ พอเรไรรู้ก็ตามมาง้อ แต่สัตยาไล่ไป และแอบโกรธจนเก็บไปละเมอยามหลับ หลังจากนั้น โชติวันก็กลายเป็นแขกประจำของบ้านพจนภาคย์ ความสุภาพ และเป็นผู้ใหญ่ของโชติวันทำให้สัตยายอมรับในที่สุด และยังสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เพราะสัตยาสามารถเล่นทโมนอย่างเด็กผู้ชายได้เต็มที่ เรไรจึงกลับเป็นฝ่ายงอนพี่ชาย แต่โชติวันก็เป็นตัวกลางให้ทั้งสองคืนดีกันทุกครั้ง ในขณะเดียวกัน บงกชนั้นมองการณ์ไกลที่ยอมให้ลูกชายคนเดียวไปใกล้ชิดกับเรไร โดยอ้างว่าห่วงที่สัตยากับเรไรไม่เหมาะสมกัน ประทีปดูออกจึงคอยปรามภรรยาไว้ เพราะเห็นเป็นเรื่องบุพเพสันนิวาส และบุญวาสนา ไม่ควรบังคับใจใครหรือดูแค่ความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนกับที่เขาเคยประสบ วันเวลาผ่านไป สัตยาได้เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างที่ตั้งใจไว้ เขาแอบหวังว่าเรไรจะสอบได้คนละที่กับเขา เพื่อที่เขาจะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องมีเธอมาคอยตามติดทุกฝีก้าวได้ แต่เรไรกลับสอบติดคณะอักษรศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกับสัตยาได้ เรไรดีใจมาก สัตยาแอบผิดหวัง แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่คอยดูแลเรไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะระรินซื้อรถให้สัตยาไว้ขับไปมหาวิทยาลัยกับเรไรด้วย สัตยาขัดใจที่มักจะถูกเพื่อน ๆ ร่วมคณะล้อเรื่องต้องรับส่งเรไร เพราะเรไรนั้นยิ่งโตยิ่งสวยงามน่าทะนุถนอม เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ แต่หลายคนไม่แน่ใจว่าสัตยากับเรไรเป็นพี่น้องกันแบบไหน เรไรกลับไม่ทุกข์กับคำแซวของเพื่อน และทำเฉยเสีย พอเห็นสัตยาไม่พอใจก็เอ่ยถึงโชติวันทำนองไม่ง้อ หากโชติวันกลับจากการฝึกวิชาทหารอากาศ เธอจะให้มารับส่งแทนสัตยา หลังเลิกเรียนวันหนึ่ง สัตยาแกล้งถ่วงเวลามารับเรไรช้า ๆ จึงได้พบกับ เวณิกา เพื่อนสนิทของเรไรที่อยู่รอเป็นเพื่อน ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างที่ได้ต่อปากต่อคำกับหญิงสาวฝีปากกล้า สัตยาชื่นชมความมั่นใจ และคล่องแคล่วของเวณิกา ซึ่งตรงกันข้ามกับเรไรที่เขาต้องคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา แต่เวณิกาเกรงใจเจียมตนไม่อยากติดรถกลับบ้าน เรไรเป็นห่วงเพื่อน จึงรีบบอกสัตยาว่าเวณิกานั้นอยู่ทางเดียวกัน เมื่อเขาไปส่งเธอ จึงรู้ว่าเวณิกากำพร้าพ่อ อยู่กับแม่ และน้องชาย แม่มีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า ส่วนเวณิกานั้นหารายได้พิเศษส่งตัวเองเรียนด้วยการทำงานในร้านกาแฟ ชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนคล้ายสัตยากับแม่ เขาจึงยิ่งนิยม และสนใจในตัวเธอ เมื่อเรไรต้องไปทำงานรายงานกับเวณิกาที่บ้าน สัตยาได้ทีจึงรีบอาสาไปรับส่งด้วย วัลภา แม่ของเวณิกาให้การต้อนรับทั้งสองเป็นอย่างดี ส่วนเวทินก็มองสัตยาเป็นแบบอย่าง เพราะอยากเรียนวิศวะเหมือนกัน และดูเหมือนสัตยาจะเลิกทำหน้าเคร่งขรึม กลายเป็นคนช่างพูดช่างเย้าแหย่กับเวณิกา หากจะเปรียบผู้หญิงเป็นดอกไม้ เรไรนั้นเหมือนดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ไร้รอยมลทิน แต่ดูจืดชืดเมื่อได้พบกับดอกไม้พันธุ์ใหม่ที่สีสันสดใสน่าพิศวงอย่างเวณิกา วันหนึ่งสัตยาบอกให้เรไรกลับเอง เพราะจะไปติวต่อกับเพื่อนที่คณะ เรไรจึงวิ่งฝ่าสายฝนไปขึ้นรถไฟฟ้า และเห็นภาพบาดใจ เมื่อรถของสัตยาเลี้ยวจากประตูรั้วมหาวิทยาลัยแล่นผ่านไป โดยมีหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถคือเวณิกา โชติวันเมื่อได้หยุดพักจากการฝึกก็รีบมาหาเรไรก่อนทันที โดยยังไม่เข้าบ้านตัวเอง เรไรดีใจที่เห็นโชติวัน รีบเอาขนมออกไปต้อนรับ และคุยด้วยนิสัยออดอ้อนอย่างเคย แต่คราวนี้สัตยากลับรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นภาพนั้น จึงเลี่ยงออกมาให้ทั้งสองพูดคุยกัน และเปิดโอกาสให้โชติวันได้ไปรับไปส่งเรไรที่มหาวิทยาลัยแทนตน แล้วตัวสัตยาเองก็หาโอกาสใกล้ชิดกับเวณิกา เหมือนจะทดแทนความรู้สึกบางอย่างที่อ้างว้างในใจ โชติวันมักจะแวะดื่มกาแฟขณะรอไปรับเรไรที่มหาวิทยาลัย ในร้านกาแฟที่เวณิกาทำงานอยู่ เมื่อเห็นโชติวัน เวณิกาก็แอบปลื้ม ด้วยความร่าเริงเป็นกันเอง และมีน้ำใจของเขา โดยยังไม่รู้ว่าโชติวันกับเรไรรู้จักกัน แม้แต่อุษณีย์ เจ้าของร้านก็มักจะล้อว่าเวณิกาให้บริการกับนายทหารหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ จนกระทั่งวันที่เรไรชวนเวณิกาไปเที่ยวบ้าน เมื่อเวณิกาว่างจากการทำงานพิเศษ และโชติวันก็มานั่งเล่นอยู่ที่บ้านของเรไร เวณิกาดีใจที่มีโอกาสได้รู้จักกับโชติวันมากกว่าการพบกันในร้านกาแฟ ระหว่างที่หนุ่มสาวทั้งสี่รับประทานของว่างร่วมกัน สัตยาพยายามหาโอกาสเอาใจเวณิกา ขณะที่โชติวันไม่ห่างจากเรไร เวณิกาจึงดูออกว่าในสายตาของโชติวันมีเพียงเรไรเท่านั้น แต่ลึก ๆ ก็ยังแอบหวังว่าโชติวันจะสนใจเธอบ้าง เพราะดูเหมือนเรไรจะยังไม่แสดงท่าทีพิเศษกับโชติวันมากไปกว่าสัตยา โชติวันอิ่มแล้วหนังตาหย่อนจะนอนพักสักงีบ แต่เรไรมาอ้อนให้ขับรถไปส่งเวณิกาก่อน สัตยาอาสาไปส่งเอง แต่เวณิกาออกตัวว่า ให้โชตินอนก่อนแล้วค่อยไปส่งพร้อมกัน สัตยาจึงกระซิบว่าน่าจะให้โอกาสเรไรกับโชติได้มีเวลาส่วนตัว เวณิกาจึงจำใจต้องตกลง แต่เรไรกลับบอกว่าจะไปส่งด้วย สุรางค์จึงหันมาห้ามว่าหากโชติวันตื่นมาไม่พบใครจะพาลน้อยใจ เรไรจึงจำต้องปล่อยให้สัตยาไปส่งเวณิกาตามลำพัง เรไรปรารภกับสุรางค์อย่างน้อยใจว่า หมู่นี้สัตยาดุเธอบ่อย สุรางค์ได้แต่ปลอบ และสอนว่าคนที่เรารักจะสู้คนที่รักเราไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไป เพราะเขารักเรา เขาจะยอมอดทนได้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เรไรว่าถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก เธอจะไม่แต่งงานเสียดีกว่า สุรางค์ได้แต่ภาวนาไม่ให้เรไรแคล้วคลาดจากโชติวัน ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าต้องมีปัญหาตามมาอีกแน่ บงกชรู้ว่าลูกชายกลับมาก็หนีมาขลุกอยู่ที่บ้านกับเรไรทั้งวันก็ไม่พอใจนัก จึงมาโวยวายให้ลูกกลับบ้านบ้าง โดยหารู้ไม่ว่าที่โชติวันเลือกเรียนทหารเพราะต้องการหนีความเจ้ากี้เจ้าการของแม่ แม้บงกชจะสนับสนุนให้โชติวันดองกับเรไร แต่ก็อดแขวะไม่ได้ว่าที่บ้านนี้มียาเสน่ห์อะไร สุรางค์ต้องออกรับว่าไม่มียาเสน่ห์มีแต่น้ำใจ บงกชประชดกลับว่ามีแต่น้ำใจก็ขอให้ตลอดรอดฝั่ง อย่ามีมารผจญ พอบงกชไปแล้ว ระรินได้แต่ปลอบเพื่อนรักว่า บงกชปากอยู่ที่หัวใจ พูดอะไรไม่กลั่นกรอง โชติวันชวนเรไรไปดูหนัง เรไรจึงชวนสัตยาไปด้วย สัตยาจะชวนเวณิกา แต่เวณิกาติดงาน จึงไปกันเพียงสามคน สัตยาเปิดโอกาสให้เรไรกับโชติใกล้ชิดกัน โดยตัวเองจะเลี่ยงในดูอย่างอื่น ขณะที่เรไรก็มัวแต่มองหา ห่วงว่าพี่ชายหายไปไหน โชติวันแก้ตัวให้ว่าคงจะมองหาของไปให้แฟน เรไรแอบเสียใจแต่ก็ฝืนทำหน้าปกติ ขณะที่สัตยาทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบมองทั้งสองแล้วรู้สึกเจ็บแปลบในใจ เวณิกาคอยชะเง้อมองหาโชติวันที่ร้านกาแฟทุกวัน แต่พักหลังโชติหายไป เป็นสัตยาที่มักจะมานั่งที่ร้านแทน เวณิกาทำเป็นถามถึงเรไร สัตยาบอกว่ามีคนพาเที่ยวแล้ว เวณิกาจึงพอจะเดาออกว่าโชติวันหายไปไหน แล้ววันหนึ่งเวณิกาก็ดีใจมากเมื่อเห็นโชติวันเข้ามาซื้อกาแฟในร้าน เธอต้อนรับเขาอย่างคุ้นเคย แต่สักพักเรไรก็ตามมาพร้อมกับสัตยา โชติคอยดูแลเรไรเป็นพิเศษ จนทำให้สัตยากับเวณิกาอดมองด้วยความเจ็บปวดไม่ได้ สัตยาจำต้องยอมรับว่าตนเป็นได้แค่พี่ชายที่มีฐานะเป็นพี่เลี้ยงให้คุณเรเท่านั้น เพราะทุกคนยอมรับว่าคุณเรกับคุณโชติวันเหมาะสมและคู่ควรกันที่สุด ความรักสี่เส้าดำเนินต่อไปอย่างคลุมเครือ จนมาถึงจุดแตกหัก เมื่อใกล้วันที่เรไรใกล้จะสำเร็จการศึกษา โชติวันขอร้องให้สัตยาเป็นพ่อสื่อให้เขากับเรไร เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับเธอหลังจากเธอเรียนจบ เพราะทุกครั้งที่เขาพยายามจะพูดเรื่องนี้ เรไรมักจะทำท่าใสซื่อไม่เข้าใจ ทำให้เขาไม่กล้าบอกความในใจกับเธอได้ จึงต้องอาศัยพี่ชายอย่างสัตยาช่วยสานสัมพันธ์ให้ การตัดสินใจทำหน้าที่พ่อสื่อของสัตยาเป็นการเปิดฉากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เรไรประชดพี่ชายว่า หากพี่ชายจะมีความสุขที่เธอยอมตกลงแต่งงานกับโชติวัน เธอจะยอมแต่งงานวันนี้หรือพรุ่งนี้เลยก็ได้ งานหมั้นระหว่างโชติวันกับเรไรจึงจัดขึ้นอย่างสมหน้าสมตา สัตยารับหน้าที่ตากล้องจำเป็นอย่างเจ็บปวด เรไรเศร้าหมองไม่ยิ้มหรือร่าเริง เวณิกาก็มาร่วมงานอย่างฝืนยิ้มยินดีกับเพื่อน หลังจากงานหมั้นผ่านไป สัตยาตัดสินใจไปทำงานต่างจังหวัด เรไรเป็นห่วงสัตยามาก ขอสัญญาจากสัตยาว่าจะกลับบ้านเดือนละครั้ง สัตยาจำเป็นต้องรับปาก แต่พอถึงเวลาจริง สัตยาก็มักจะอ้างว่าติดงาน ปล่อยให้เรไรรออย่างเศร้าสร้อย เรไรเรียนจบและสอบเข้ากระทรวงต่างประเทศได้สมใจ โชติวันขอให้สัตยาช่วยทำเซอร์ไพรส์ขอเรไรแต่งงาน ตอนแรกเรไรไม่ตอบรับ ทำให้โชติวันใจเสีย สัตยาจึงถามย้ำ เรไรประชดตอบรับ โชติวันดีใจมาก แต่แล้วโชติวันได้รับคำสั่งให้ไปชายแดน จึงต้องเลื่อนงานแต่งงานออกไป โชติวันเลือกหน้าที่มาก่อนเรื่องส่วนตัว สัตยามาส่งโชติวันพร้อมกับเรไรและเวณิกา โชติวันล่ำลาอย่างอาลัยอาวรณ์ เขารับปากว่าจะกลับมาแต่งงานกับเรไรทันทีที่เสร็จภารกิจ เรไรห่วงโชติวันตามประสาคู่หมั้น และเพื่อนที่ผูกพันกันตั้งแต่วัยเด็ก แต่เวณิกานั้นสมัครใจจะจากเป็นกับโชติวัน แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจของทุกคน เมื่อได้รับข่าวร้ายว่าเครื่องบินของโชติวันถูกยิงตก บงกชหัวใจแตกสลาย สัตยาอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จึงอาสาไปรับศพเพื่อนด้วยความเศร้าโศก เรไรได้แต่พร่ำร้องไห้ว่า ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ คุณเรจะรักคุณโชติให้สมกับที่เขารักเธอ เวณิการ่ำไห้ให้กับชายที่ไม่มีโอกาสล่วงรู้เลยแม้แต่น้อยว่าเธอแอบรักเขาอยู่เต็มหัวใจ งานศพผ่านพ้นไปอย่างสำเร็จลุล่วงโดยสัตยา ผู้ที่เข้มแข็งพอจะดูแลงานจนแล้วเสร็จ และยังคอยปลอบใจบงกชที่เอาแต่คร่ำครวญเศร้าโศกกับการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวจนไม่เป็นอันทำอะไร บงกชจึงยึดเหนี่ยวสัตยาเหมือนเป็นตัวแทนของโชติวันและเป็นลูกชายอีกคนของเธอ สัตยาขอย้ายกลับมาทำงานกรุงเทพฯ เพื่อช่วยดูแลบงกช โดยคอยขับรถให้ และพาไปทำบุญ ซึ่งอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือจะได้ช่วยดูแลเรไรด้วย บงกชมองเห็นว่าสัตยาคิดอย่างไรกับเรไร และเรไรรู้สึกอย่างไรกับสัตยา เธอจึงทำตัวเสมือนแม่อีกคนของสัตยา นำเรื่องนี้ไปหารือกับระรินและสุรางค์ เรไรยังไม่คลายทุกข์โศกที่มีต่อโชติวัน หน้าที่พี่เลี้ยงของสัตยาจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โดยบงกชรับหน้าที่จัดผู้ใหญ่มาพบระรินเพื่อสู่ขอเรไรให้กับลูกชายคนใหม่ของเธอคือสัตยา งานหมั้นหมายระหว่างสัตยาและเรไรถูกจัดขึ้นท่ามกลางความยินดีของทุกฝ่าย เพื่อให้สัตยาทำหน้าที่เป็น พี่เลี้ยง ให้กับเรไรตลอดไป ติดตามชม ละครพี่เลี้ยง

สะใภ้รสแซ่บ 2559

สะใภ้รสแซ่บ (2559/2016) พันกร นำตำรวจหน่วยปราบปราม บุกทะลายบาร์เบียร์ เลยได้เจอกับ ประภาพรรณ หรือ มิว อดีตนักต้มตุ๋นที่กลายเป็นสายลับสาวจากหน่วยงานสอบสวนคดีพิเศษ แต่ด้วยสถานการณ์ทำให้ทั้งสองช่วยกันต่อสู้กับผู้ร้ายจนสำเร็จ แต่พันกรกลับจับมิวล็อกกุญแจมือ เพราะมีข้อมูลเก่าว่ามิวเป็นแก๊งต้มตุ๋น แต่มิวก็ใช่จะยอมให้พันกรจับง่าย ๆ ต่างท้าดวลกันดื่ม สุดท้ายพันกรคอพับแพ้มิว แต่ด้วยคุณธรรม มิวตัดสินใจลากพันกรไปส่งที่คอนโด ทั้งที่เมามาก เลยเผลอหลับไป พันกรฟื้นมาก่อน และรู้ว่าที่แท้มิวไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋น ก็ถูกใจที่หน้าตาสวย พันกรเลยนอนกอดมิวจนเช้า มิวตื่นมาตกใจที่ตัวเองเปลือยเปล่าอยู่กับพันกรบนเตียง พันกรบอกจะรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งสองจึงเริ่มคบกัน เพียงแต่มิวขอสัญญาว่าพันกรจะไม่ล่วงเกินมากกว่ากอดจูบ รอครบ 1 ปี ถ้าได้แต่งงานกันแล้วจึงจะเป็นสามีภรรยากันโดยถูกต้อง 1 ปีผ่านไป งานแต่งงานของพันกร ลูกชายคนเดียวของรัฐมนตรี ปรีชาชาญกับคุณหญิงปทุมวดีนรินทร์จรรยา จัดอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความยินดีของปรีชาชาญผู้เป็นพ่อ ผิดกับคุณหญิงปทุมวดีผู้เป็นแม่ ที่ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากให้ลูกชายคนเดียวแต่งงานกับลูกสะใภ้ไม่มีชาติตระกูล ปรีชาชาญเลยมอบเครื่องเพชร 120 ล้าน เป็นของปลอบใจ ทำให้คุณหญิงปทุมวดียอมสงบศึก และเล่นบทแม่สามีไปตามน้ำ แต่ก็เดินหน้าหาสะใภ้ใหม่อย่างไม่ลดละ ที่สมาคมอนุรักษ์ช้างไทย มีคุณหญิงอมราเป็นนายกสมาคม ยินดีต้อนรับคุณหญิงปทุมวดีเสมอเพราะบริจาคจัดหนักทุกครั้ง คุณหญิงราตรีรีบพาดวงแก้ว และแพน ลูกสาวมาเปิดตัวให้คุณหญิงรู้จัก ดวงแก้วแนะนำตัวเองว่ามีเชื้อสายเจ้าทางเหนือ เป็นลูกของคำฟ้าที่เป็นลูกบุญธรรมของเจ้าวงเดือน เจ้าทางเหนือรุ่นสุดท้ายของเชียงราย ตอนนี้สองแม่ลูกเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ เพราะกำลังทำการซ่อมแซมคุ้มอยู่ แพนนั้นเรียนจบปริญญาจากอเมริกา เป็นดีไซเนอร์ ที่เตรียมจะเปิดห้องเสื้อหรูที่เน้นนำผ้าไหมไทยสไตล์ล้านนามาเป็นวัตถุดิบ คุณหญิงถูกชะตาความสวย และความเพียบพร้อมทางฐานะของแพนมาก บ่นออกมาว่าอยากจะได้แพนมาเป็นลูกสะใภ้ ราตรีจึงช่วยโน้มน้าวให้ทั้งสองแม่ลูกร่วมแผนการหาทางเขี่ยมิวออกจากตำแหน่งสะใภ้ หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว ดวงแก้วติดการพนัน ส่วนแพนนั้นเป็นพวกเหลวไหลไม่รักดี มีสามีเป็นแค่ตลกหน้าม่านอย่างกล้า ที่มีดีแค่เป็นหลานชายเจ้าของวงดนตรี เลยดันแพนให้ได้เดินทางไปเมืองนอกในฐานะหางเครื่องได้ ไม่ได้ไปเรียนอย่างที่คุยโว แม้แพนจะรำคาญกล้าที่ยังไม่วายแวะเวียนมาหา แต่ก็หลอกใช้กล้าไปวัน ๆ ทางด้านพันกรได้รับมอบหมายภารกิจตามดูเสี่ยเป้ หรือ ปุริม มหาศาลสมบัติผู้ต้องสงสัยว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายยาเสพติด และค้าหญิงข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กำลังมีแผนการจะขนยาเสพติด และค้าหญิงล็อตใหญ่ที่ร่วมมือกับจารชนต่างชาติ (ทอม) แถมยังเป็นเจ้าของบ่อนการพนันที่มีคุณหญิงคุณนายไฮโซไปรำพัดกันมากมาย แต่ไปจับกุมทีไรก็เส้นใหญ่ ไม่เคยมีหลักฐานให้จับได้สักที พันกรมุ่งมั่นตั้งใจกับการทำภารกิจนี้มากท่านรองวิเชียรได้ให้ชื่อ และที่ติดต่อสายลับที่จะประสานงานเรื่องนี้ไปกับพันกร (คือ เอกราช) ในคดีนี้เพราะสืบในเชิงลึกเกี่ยวกับเสี่ยเป้มาระยะหนึ่งแล้ว ราตรีเสนอให้ใช้มาตรการเด็ดขาด ขอให้แพน และดวงแก้วเข้ามาพักอาศัยในบ้านด้วยกัน อ้างว่าคุ้มที่เชียงรายซ่อมแซมอยู่ บ้านคุณหญิงปทุมวดีก็มีห้องมากมายไม่ได้ใช้ ยินดีจะให้สองแม่ลูกพร้อมด้วยกล้า บอดี้การ์ดมาอยู่ด้วยทั้งหมดรวมตัวกันแกล้งมิวสารพัดวิธี พันกรเลยพามิวไปพักผ่อน แก้เครียด บ้านพักที่ปราณบุรี มิวได้เจอนิโรบลหรือนิด เพื่อนร่วมแก๊งต้มตุ๋นในอดีต ซึ่งตอนนี้แต่งงานกับนักธุรกิจส่งออกอย่างภานุ มีชีวิตคู่ที่มีความสุข เพราะสามี พ่อแม่สามีต่างเปิดโอกาสให้ ระหว่างนั้นมิวได้เจอกับเอกราชโดยบังเอิญ (ที่แท้เอกราชก็ตามพันกรมาเพราะคือสายสืบเชิงลับเรื่องเสี่ยเป้นั่นเอง) มิวรีบหนี พันกรไม่รู้ว่ามิวเจอใคร แต่ก็แอบหึงใส่ มิวดีใจที่พันกรหึงตัวเอง แสดงว่าความรักยังดีอยู่เอกราชตามจนเห็นว่ามิวอยู่กับนิด ดวงแก้วยังแอบมาเล่นการพนันเหมือนกัน แต่ไม่มีเงินจ่าย แพนเลยต้องขโมยของในบ้านคุณหญิงปทุมวดีไปขาย บังเอิญน้อยมาเห็น แต่ก็เก็บความสงสัยไว้ แต่แล้วก็มีเหตุทำให้พันกรเข้าใจผิด คิดว่ามิวขโมยเครื่องเพชรของแม่ไปขาย มิวพยายามอธิบาย แต่พันกรไม่ฟัง ราตรีจอมจุ้นแนะนำให้แพนใส่ยาปลุกเซ็กซ์ให้พันกรกิน แต่มิวแก้ไขสถานการณ์ได้ก่อน ทำให้กล้ากลายเป็นคนที่กินยาปลุกเซ็กซ์ไปแทน จนเกิดเรื่องวุ่นวายในเรือนคนใช้ แต้วโดนสมหมาย และเดชจัดฉากทำให้ใคร ๆ คิดว่าแต้วกับกล้ามีอะไรกันแล้ว เมื่อแผนยาปลุกเซ็กซ์ผิดพลาด ราตรีก็วางแผนใหม่คือ การจัดทริปไปเที่ยวคุ้มที่เชียงราย ของแพน โดยให้พามิวไปด้วย เพราะอยากให้มิวเห็นชาติตระกูลที่สูงส่งของแพน มิวจะได้ถอดใจ และไปจากพันกรซะที แพนตกใจมากเพราะคุ้มที่ได้รับมรดกมาก็ขายกินไปเรียบร้อยแล้ว แพนจึงต้องไปขอยืมบ้านลุงเกิด โดยอาสาจะเต้นเป็นหางเครื่องให้โดยไม่คิดค่าแรง ลุงเกิดยอมให้ยืมบ้าน กล้าคนซื่อก็ถูกหลอกใช้ ให้ไปจัดเตรียมบ้านที่เชียงรายให้เรียบร้อย ปทุมวดีหมั่นไส้ที่พันกร กับมิวสวีตกันมาก เลยอยากรวบรัดให้แพนเป็นเมียพันกรอย่างเร็วที่สุด ปทุมวดีจึงตัดสินใจวางยานอนหลับลูกชายกับมิว แล้วลากพันกรไปนอนกับแพน พอเช้ามาแพนแสร้งทำเป็นโวยวาย แต่ด้วยประสบการณ์ของมิวที่เคยเป็นแก๊งต้มตุ๋น ทำให้ดูออกทันทีสภาพพันกรเหมือนคนโดนวางยา มิวเลยท้าให้ไปตรวจฉี่ดูว่าโดนวางยามั้ย และพันกรรังแกแพนจริงมั้ย หรือถ้าพันกรมีอะไรกับแพนจริง แพนก็อายุเลยเด็กที่จะไม่รู้เรื่องแล้ว ถือว่าสมยอม เธอในฐานะเมียก็ไม่ถือ แพนกรี๊ด สุดท้าย ปทุมวดีก็ไม่ยอมให้พาพันกรไปตรวจ ว่าแต่ เส้นทางชีวิตคู่ของพันกร และมิวจะลงเอยอย่างสวยงาม และแม่สามีจะยอมรับในตัวสะใภ้คนนี้หรือไม่ ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครสะใภ้รสแซ่บ

ลุ้นรักข้ามรั้ว (2558/2015) “ลุ้นรักข้ามรั้ว” เริ่มเรื่องที่ เฮงเช่าตึกหลังนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว เพื่ออยู่อาศัยและเปิดเป็นร้านขายเสี่ยวหลงเป่า ซึ่งเลื่องลือเรื่องความอร่อยระดับเทพ กิจการดีจนคิดขยายร้าน โดยจะซื้อตึกห้องติดกันที่ว่างมาหลายปี แต่ไม่ทันได้ซื้อ เจ้าของตึกก็ปล่อยเช่าไปเสียก่อน สร้างความฉุนเฉียวให้กับเฮงอย่างมาก เขาบอกกับลูกๆ ว่าจะต้องช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้เช่ารายใหม่อยู่ไม่ได้และต้องเลิกเช่าไป ผู้เช่ารายใหม่คือแก้วกัลยา หญิงไทยเชื้อสายผู้ดีเก่าตกอับ ที่จำต้องใช้วิชาชาววังที่เคยเรียนมาเปิดร้านอาหารไทยชาววัง โดยมีแก้วกรรณิการ์ หรือหญิงใหญ่ เป็นผู้ช่วย ส่วนแก้วบุษบา หรือหญิงเล็ก เรียนอยู่มัธยมปลายและติดเพื่อน แก่นเซี้ยว ไม่มีฝีมือชาววังเหมือนพี่สาว ส่วนพฤกษ์ หรือชายน้อย ก็ไม่ประสาเรื่องงานครัว ช่วยได้แค่เสิร์ฟอาหาร เมื่อร้านอาหารไทยเปิดปะทะกับร้านอาหารจีน ศึกสองชาติจึงเกิดขึ้น ผู้คนสนใจอาหารไทยชาววังของแก้วกัลยา ทำให้ลูกค้าเสี่ยวหลงเป่าหายไปหลายคน ทำให้เฮงและลูกๆ ต้องช่วยกันขับไล่ผู้ดีไทยไปให้พ้น แต่ ตี่ใหญ่แอบหลงรักหญิงใหญ่ตั้งแต่แรกเห็น หญิงใหญ่ก็ชอบตี๋ใหญ่เช่นกัน แต่ไม่กล้าเปิดตัวเพราะกลัวแม่ ในขณะที่ตี๋เล็ก เรียนโรงเรียนเดียวกับหญิงเล็ก หมั่นไส้ท่าทีเชิดๆ เริดๆ เลยคอยตามป่วนหญิงเล็กทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน อย่างไม่เกรงกลัวแก้วกัลยา เป็นเหตุให้สองบ้านมีเรื่องทะเลาะกันเพิ่ม ศึกสองครัวดำเนินไปพร้อมๆ กับความรัก ความลับ และการทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นทุกวัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร โดยมีตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่พยายามประสานรอยร้าว เพราะหวังให้ความรักของพวกเขาจะเป็นไปได้เสียที นอกจากศึกอาหารแล้ว ทั้งเฮงและแก้วกัลยาก็ต้องรับมือกับลูกๆ ในวัยต่างๆ ที่มักก่อปัญหาแห่งวัยมาให้ไม่หยุดหย่อน จนบางครั้งทั้งคู่ก็เผลอปรึกษากันหาทางออก ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกันและกันในฐานะพ่อๆ แม่ๆ แต่พอถึงเวลาเปิดร้าน ทั้งคู่ก็กลับมาเป็นศัตรูกันเหมือนเดิม ใครจะอยู่ ใครจะไป หรือจะได้อยู่ร่วมกัน! ต้องติดตาม

เรื่องเล่าเขย่าขวัญ (2558/2015) “ทุกเรื่อง มีความจริง…ทุกความจริง มีวิญญาณ” เขย่าขวัญกับเรื่องจริงที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา เรื่องจริงจากสถานที่สุดเฮี้ยน

หลวงพี่ดิจิตอล (2558/2015) ณ หมู่บ้านธารธรรม ชุมชนที่กำลังถูกความเจริญด้านวัตถุเข้าครอบงำ ทำให้จิตใจของผู้คนเริ่มเสื่อมถอยลง เพราะทุกคนแข่งขันกันเอาตัวรอด และที่ชุมชนแห่งนี้ ยังมีวัดเล็กๆแทรกตัวอยู่ ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดน้อยลงไปทุกวัน โดยมี หลวงพ่อแม่น (กล้วย เชิญยิ้ม) พระสงฆ์อาวุโสที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มานาน และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวัด ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นที่พักกายพักใจให้กับคนในชุมชนที่มีความทุกข์ แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนในชุมชนกลับถอยห่างออกจากวัด ห่างจากศีลธรรม เพราะไขว่คว้าหาแต่วัตถุนิยม จึงเกิดปัญหามากมายในชุมชน หลวงพี่ดิน (แอนดรูว์ บิ๊ก) พระบวชใหม่มาจำวัด ท่านเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่สนใจธรรมและมาบวชเพื่อหวังผล จนท่านได้เรียนรู้และศึกษาธรรมจากหลวงพ่อ จนเริ่มเข้าใจ จึงร่วมมือกับ หลวงพ่อแม่น นำคำสอนศาสนามาช่วยส่องทางให้ทุกคนดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและมีความสงบสุข แต่ถูกต่อต้านจาก เฮียเม้ง (อาสมเล็ก) และคุณนายชดช้อย (ตุ๊ก-วิยะดา โกมารกุล ณ นคร) สองนายทุนเงินกู้นอกระบบที่เป็นคู่แข่งกัน ทั้งคู่ไม่พอใจที่ หลวงพี่ดินนำหลักธรรมมาชี้แนะคนในชุมชน จนเริ่มตาสว่าง ทำให้ธุรกิจเงินกู้นอกระบบเสียหาย ทั้งคู่จึงร่วมมือกันต่อต้านหลวงพี่ด้วยวิธีสกปรก เพื่อหวังขับไล่หลวงพี่ดินพ้นออกจากวัด แต่หลวงพี่ดินได้รับกำลังใจจากหลวงพ่อแม่น และได้รับการช่วยเหลือจาก ไท(อ้วน-รังสิต ศิรนานนท์) เด็กหนุ่มลูกศิษย์วัดหน้าตาดี จิตใจดี ที่มาพักอาศัยอยู่ในวัดเพื่อหางานทำที่กรุงเทพฯ ไทมักจะซักถามปัญหาธรรมกับหลวงพี่อยู่บ่อยๆ และคอยเก็บข้อมูลที่หลวงพี่ใช้ธรรมะ นำไปแก้ไขปัญหาให้กับทุกคน นอกจากไทแล้ว ในวัดยังมี น้าแมว (นุ้ย เชิญยิ้ม) หนุ่มใหญ่อารมณ์ดื มีหน้าที่เป็นมัคนายกวัด และหมาก (อาไท) ลูกศิษย์วัดก้นกุฏิ มีนิสัยเฮฮา เป็นเพื่อนซี้กับไท ซึ่งทั้งหมดจะคอยช่วยงานหลวงพี่และช่วยดูแลปกป้องหลวงพี่จากคนที่จะมาคิดร้าย ในขณะที่หลวงพี่และหลวงพ่อใช้ธรรมะขัดเกลาจิตใจคนในชุมชนผ่านสถานการณ์ต่างๆ เฮียเม้ง ให้ลูกสาว เหมย (แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล) มาช่วยเก็บเงินกู้ชาวบ้าน สาวห้าวปากกล้าเป็นคู่กัดกับไท ออกไปชวนคนในชุมชนมาเป็นหนี้ ด้วยการหลอกล่อต่างๆนาๆ โดยที่ เหมยจะมีลูกน้องคนสนิท อย่าง เจนนี่ (ลูลู่ อาร์สยาม) ที่ติดสอยห้อยตามเหมยไปทุกที่ตามคำสั่งของเฮียเม้ง และเจนนี่ก็ชอบไทมาก จึงมักชวนเหมยไปคุยกับไทที่วัด และเมื่อไทได้เจอกับเหมย ทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันตลอด เพราะไทไม่ชอบธุรกิจเงินกู้นอกระบบ เค้าจึงพูดจาประชดประชันเหมยจนทำให้เธอโกรธทุกครั้ง ในขณะเดียวกัน คุณนายชดช้อย นายทุนเงินกู้นอกระบบและเจ้าของบ้านเช่า และเจ้าของตลาด ก็ส่งลูกของเธอไปชวนคนในชุมชนมาเป็นลูกหนี้ของเธอเหมือนกัน แม้ว่าเฮียเม้งกับคุณนายชดช้อยจะทำธุรกิจคล้ายกัน แต่คุณนายชดช้อยนั้นโหดกว่าเฮียเม้ง เพราะถ้าลูกหนี้ไม่จ่ายตามที่ตกลงไว้ เธอจะใช้ความรุนแรงจนลูกหนี้ของเธอทุกคนต่างเกรงกลัว คุณนายชดช้อยมีลูกสาวชื่อ กุ๊กไก่ (แนน-กฤตพร หาญโยธิน) เป็นวัยรุ่นสาวไร้สมองที่ชอบแต่งตัวและทำอะไรตามแฟชั่น ที่สำคัญ กุ๊กไก่ชอบไทแต่ถูกแม่กีดกัน เพราะไทเป็นแค่เด็กวัดจนๆ ส่วนลูกชายอีกคนชื่อ โต้ง (บอย-สิทธิชัย ผาบชมพู) เป็นพี่ชายของ กุ๊กไก่ มีนิสัยยียวน ชอบโอ้อวด และสร้างปัญหาให้คุณนายชดช้อยปวดหัวอยู่เสมอ โต้งมีเพื่อนซี้อย่าง เผือก หนุ่มทะเล้นจอมเจ้าเล่ห์ คอยเป็นลิ่วล้อให้โต้งร่วมกันก่อเรื่อง รวมทั้งวางแผนให้โต้งเอาชนะใจเหมยด้วย เมื่อปัญหาต่างๆของผู้คนเกิดขึ้นมากมาย หลวงพี่ดินและหลวงพ่อแม่นก็ใช้หลักธรรมช่วยชี้แนะให้ทุกคนดำเนินชีวิตให้ถูกต้องและมีความสงบสุขได้ในที่สุด รวมทั้งนายทุนเงินกู้อย่างเฮียเม้งที่กลับตัวกลับใจยอมจำนนต่อคำชี้แนะของหลวงพี่ดินในการประกอบอาชีพของตัวเองให้ถูกต้องและไม่ผิดศีลธรรม ส่วนเหมยลูกสาวของเฮียเม้งก็เรียนรู้สิ่งผิดชอบชั่วดีจากหลวงพี่ดิน จากเรื่องราวต่างๆในแต่ละตอนจนทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไปจากเดิม และเริ่มมีความรู้สึกดีกับไทมากขึ้น แต่ครอบครัวของคุณนายชดช้อยยังไม่คิดจะกลับตัวกลับใจยังคงทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและผิดศีลธรรมต่อไป สุดท้ายเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมละครซีรี่ส์ เรื่อง ฺ'หลวงพี่ดิจิตอล'

สุภาพบุรุษซาตาน (2558/2015) ปารัณ หรือ ต่อ ยังจำภาพเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้เป็นอย่างดีเมื่อ มุทิตา ผู้เป็นแม่อดีตนางงามอัมพวา ทิ้งครอบครัวไปอยู่กับคุณราม วรเวช เศรษฐีใหญ่ที่กรุงเทพฯ ภาพที่น้องสาวคือ ปานดาว วิ่งร้องไห้กอดขาแม่ขอร้องไม่ให้แม่ไป และภาพที่ อาทิตย์ ผู้เป็นพ่อขาดใจตาย เพราะอาการโรคหัวใจกำเริบ ยังเป็นภาพที่ปารัณจำได้ติดตา ปารัณทั้งโกรธ และเกลียดมุทิตาผู้เป็นแม่ รวมถึงคุณราม จนกลายเป็นความฝังใจ แม้ ยามาลา จะพยายามพร่ำสอนให้ปารัณยึดหลักการให้อภัย แต่ปารัณทำไม่ได้ ในใจมีความจองเวรคิดว่าสักวันต้องแก้แค้นคุณราม และมุทิตาให้ได้ เมื่อครั้งยังเยาว์วัย หนูตุ่นได้มาเที่ยวบ้านสวนที่อัมพวาซึ่งเป็นบ้านของคุณยายระเบียบ คืนนั้นหนูตุ่นนั่งร้องไห้อย่างเดียวดายที่ริมคลอง ปารัณผ่านไปพบเห็นจึงเข้าไปถาม หนูตุ่นว่าพ่อกำลังจะมีแม่เลี้ยงคนใหม่ทั้ง ๆ ที่ได้สัญญากับ แม่กัญญา ก่อนตายว่าจะไม่มีใครอีก หนูตุ่นเสียใจมากที่พ่อไม่ทำตามสัญญา หนำซ้ำยังวางแผนที่จะแต่งงานใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ครั้งนั้นปารัณได้แต่ปลอบใจไม่ให้หนูตุ่นคิดมาก แล้วพายเรือพาหนูตุ่นไปดูหิ่งห้อยในคลอง ก่อนจากกัน หนูตุ่นได้ถอดต่างหูรูปหยดน้ำไว้ให้พี่ต่อเป็นที่ระลึกหนึ่งข้าง หนูตุ่นเก็บไว้เองข้างหนึ่ง หนูตุ่นบอกว่าวันหนึ่งจะกลับมาให้พี่ต่อใส่ต่างหูให้ ต่างหูจะได้อยู่คู่กัน ส่วนพี่ต่อก็ได้ให้กล่องดนตรีที่มีเพลง memory แก่หนูตุ่น พี่ต่อบอกหนูตุ่นว่าหากเวลาเหงาให้เปิดกล่องดนตรี ฟัง เพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนพี่ต่อจะอยู่ข้าง ๆ หนูตุ่นเสมอ ทั้งสองให้สัญญากันว่าวันหนึ่งจะกลับมาหากันและกันอย่างแน่นอน เวลาผ่านไป ปารัณเรียนจบกลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์ และเป็นนายตำรวจยศร้อยเอก และได้รู้จักกับเดือนเมษา ลูกสาวของวันชัย นักธุรกิจใหญ่เพื่อนสนิทคนหนึ่งของคุณราม เดือนเมษาชื่นชอบ และชื่นชมปารัณในฐานะที่เป็นนายตำรวจหนุ่ม เข้มแข็ง ห้าวหาญ และเป็นสุภาพบุรุษ เดือนเมษาปลื้มปารัณมาก แต่ปารัณรู้สึกกับเดือนเมษาแค่เพื่อนเท่านั้น ซึ่งเดือนเมษาก็ยอมรับ ปานดาวป่วยเป็นลูคีเมียโลหิตเป็นพิษ ต้องถ่ายเลือดทุก ๆ สามเดือน ปารัณเดือดร้อนมาก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ คุณราม ประกาศรับบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับลิลลี่ลูกสาวคนเดียวที่กำลังจะกลับมาจากอเมริกา จึงตั้งใจไปสมัครงามกับคุณราม ปารัณจำคุณรามได้ติดตาเพราะเขาคือผู้ชายคนที่มารับแม่คือมุทิตาไป ปารัณมาในนามของสันต์อดีตผู้กองหนุ่มมือปราบ ปารัณได้เจอกับมุทิตา แต่มุทิตาไม่มี ท่าทางว่าจะจำลูกชายได้เลย และที่สำคัญ มุทิตาในวันนี้คือเมียของมหาเศรษฐีที่มีชีวิตหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ มองแทบไม่เห็นหัวคน ปารัณเข้าใจไปว่าลิลลี่คือลูกสาวของราม และมุทิตา ลูกที่มุทิตาแสนจะรักถึงขนาดต้องจ้างคนมาเป็นบอดี้การ์ด ปารัณจึงจ้องจองเวรลิลลี่ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้า เพราะเธอคือเหยื่อ ที่เขาจะทำให้คุณราม และมุทิตาเสียใจจนแทบบ้าได้ แว๊บแรกที่เห็นลิลลี่ ปารัณก็เกิดความไม่ชอบหน้า เพราะลิลลี่คือสาวสวย แต่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ด้วยอคติคิดว่าละตินเป็นลูกของคุณรามกับมุทิตา ทำให้ปารัณอดสะท้อนใจไปถึงปานดาวไม่ได้ เพราะในขณะที่ลิลลี่มีชีวิตร่ำรวยสุขสบายมีบอดี้การ์ดส่วนตัว ปานดาวกลับไม่มีอะไรเลยนอกจากโรคร้ายที่ป่วยเรื้อรัง การเป็นบอดี้การ์ดของปารัณ ทำให้เขาเห็นถึงความขัดแย้งระหว่างมุทิตา กับลิลลี่ ที่ไม่ใช่แค่การงอนของแม่ลูกธรรมดา แต่เหมือนมีม่านหมอกบางอย่างแฝงอยู่ แต่วันหนึ่งความสงสัยของปารัณก็หมดไปเมื่อรู้ว่ามุทิตา และลิลลี่ไม่ใช่แม่ลูก แต่เป็นลูกติดของราม มุทิตาใช้ความรุนแรงด่าลิลลี่ว่าเป็นลูกไม่มีแม่ ลิลลี่โกรธจึงย้อนคืนมุทิตาว่า แล้วตัวมุทิตาล่ะดีแค่ไหน ถึงได้ทิ้งลูกทิ้งเต้ามาหาผู้ชายคนใหม่ได้ลงคอ มุทิตาช่างเป็นแม่ที่ใจร้ายใจดำ คำด่าของลิลลี่กระทบถึงปารัณโดยตรงเพราะเขาคือลูกมุทิตา แม้ใจจะเป็นปฎิปักษ์ต่อแม่ แต่วูบหนึ่งของอารมณ์ปารัณก็รู้สึกไม่พอใจที่มีคนมาด่าแม่แรง ๆ ปารัณเลยออกมาปกป้องมุทิตา ทำให้ลิลลี่ถือว่าปารัณคือศัตรูคนนึง มุทิตาต้องการจะเล่นงานลิลลี่ จึงจ้างชาติชายมารับใช้ เมื่อโอกาสก็มาถึง ลิลลี่บอกให้สันต์พาไปอัมพวาเพื่อไปหายายระเบียบ แต่ระหว่างทางย่ามาลาโทรหาปารัณบอกว่าปานดาวช็อค ให้กลับบ้านด่วน สันต์ขอให้ลิลลี่ไปวันหลัง แต่ลิลลี่ดื้อรั้นไม่ยอม ลิลลี่ทั้งโกรธ และแอบน้อยใจ คิดว่าปานดาว คือแฟนสาวของสันต์ ที่สันต์คอยเอาใจใส่ดูแล แต่กับเธอสันต์ทำตามหน้าที่ของบอดี้การ์ดเท่านั้น ลิลลี่ตัดสินใจที่จะไปอัมพวาต่อ มุทิตาบอกให้ชาติชายติดตามเพื่อหาจังหวะลงมือกระทำการชั่ว ชาติชายรับคำในทันที ส่วนสันต์หลังจากพาปานดาวส่งโรงพยาบาล ก็โทรติดต่อลิลลี่แต่ลิลลี่ไม่รับสาย ด้วยลึก ๆ ในใจที่รู้สึกเป็นห่วง สันต์จึงขับรถในเส้นทางลัดตามลิลลี่ไปที่อัมพวา ระหว่างทางเปลี่ยว ชาติชายกับพวกดักฉุดลิลลี่ เป็นจังหวะเดียวกับที่รถของสันต์ตัดออกมาจากทางลัดพอดี สันต์จึงช่วยลิลลี่ไว้ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้รู้ว่ามุทิตาจ้างคนร้ายมาทำร้ายลิลลี่ สันต์ทั้งตกใจ และเสียใจ ความรู้สึกมันสับสนไปหมด สันต์ปกป้องลิลลี่ด้วยชีวิต จนลิลลี่รับรู้ถึงความเป็นห่วงของเขาได้ มันมากกว่าการเป็นบอดี้การ์ด สันต์พาลิลลี่หนีไปอยู่ในสวนเล็ก ๆ แถบอัมพวาเพื่อรักษาตัว ที่นั่นสันต์ได้เห็นมาดใหม่ของลิลลี่นั่นคือสาวชาวบ้าน หน้าใส บริสุทธิ์ แตกต่างจากสาวเปรี้ยวปริ๊ดที่ชื่อลูซี่อย่างสิ้นเชิง วูบหนึ่งสันต์คิดถึงหนูตุ่น เพราะหนูตุ่นชอบดูหิ่งห้อยเหมือนลิลลี่ ในขณะที่ลิลลี่ก็คิดถึงพี่ต่อ เพราะพี่ต่อชอบพาเธอพายเรือดูหิ่งห้อย ลิลลี่ขอบคุณสันต์ที่ปกป้องชีวิตเธอ แต่สันต์ทำเป็นไม่สนใจอ้างว่าทำเพราะหน้าที่เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ใจจริงแล้วสันต์รู้ตัวดีว่าเขารู้สึกผูกพันธ์กับลิลลี่ขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกจากความเกลียดชังเปลี่ยนมาเป็นความรักขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตของทั้งสองจะเจออะไรต่อจากนี้ เขาจะกลับมาเป็นพี่ต่อ และหนูตุ่นคนเดิมที่มีความรู้สึกดีต่อกันได้หรือไม่ ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครสุภาพบรุษซาตาน

มงกุฎริษยา (2558)

มงกุฎริษยา (2558/2015) ณ สวนตาลจังหวัดเพชรบุรี ชมพู่ กับ ฟ้า กำลังเล่นประกวดนางงาม ฟ้าฝันว่าวันหนึ่งต้องได้มงกุฎจริงมาให้ได้ ดาว เห็นก็หมั่นไส้เข้ามากระชากมงกุฎไป ชมพู่ปกป้องฟ้าเลยเกิดเรื่องทะเลาะกัน วันหนึ่งมีจิ๊กโก๋มาแซวดาวจนเกิดเรื่อง ชมพู่กับฟ้าเลยเข้าไปช่วย จนเกิดเป็นมิตรภาพเพื่อนสนิท เวลาผ่านไป ทั้ง 3 โตเป็นสาว ชมพู่รับจ้างขายตาลเพื่อช่วยเลี้ยงดูพ่อ ส่วนดาวอยู่กับยายปากร้ายที่ต่อว่าดาวเช้า-เย็น และฟ้า อาศัยอยู่กับแม่ แม่ของฟ้าเป็นคนบ้านางงาม หมายมั่นให้ฟ้าเป็นนางงามให้ได้ และแล้วเวทีแรกของฟ้าก็เริ่มขึ้น ฟ้าตัดสินใจลงประกวดนางนพมาศที่วัดแถวบ้านหลังจากที่เฝ้าฝึกซ้อมเก็บตัวมาหลายปี ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ช่อง 88 พุฒิพัฒน์ ผู้อำนวยการช่องหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง และคุณหญิงขจีนุช เจ้าของช่อง แม่ของพุฒ กำลังโต้เถียงกันเรื่องการประกวด Miss Perfect Thailand 2016 ที่ทางช่องกำลังจะจัดขึ้นในปลายปี วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้ง พุฒิพัฒน์ และดาว-ฟ้า-ชมพู่ มีปากเสียงกัน เพราะความไม่เข้าใจ แต่ลึก ๆ แล้ว ดาวแอบประทับใจในตัวพุฒ วันหนึ่ง เอบี กะเทยแม่เล้า มาติดต่อให้ดาวไปกินข้าวกับ ชูชัย นักการเมืองท้องถิ่นผู้มีอิทธิพล ดาวเห็นว่าจะได้เงินจากการกินข้าว จึงยอมไป โดยชวนฟ้าไปเป็นเพื่อน แต่เมื่อลูกน้องชูชัยพาดาวขึ้นไปบนห้อง ดาวถึงรู้แล้วว่าตัวเองกำลังจะแย่ ชมพู่รู้เรื่องเข้า ก็รีบไปช่วยดาวบนห้อง ชมพู่ตีหัวชูชัยอย่างแรง ทั้งสามสาวหนีการ์ดของชูชัยไปที่สถานีรถไฟ ชมพู่เอาเสื้อดาวมาใส่ ทำให้ลูกน้องชูชัยตามผิดคน ส่วนดาว และฟ้ากระโดดขึ้นรถไฟหนีไป ด้านชมพู่ก็หลบการ์ดชูชัยมาจนรอดพ้น แต่แล้วชมพู่จำใจต้องไปทำงานกับ เอบี เจ้าของร้านคาราโอเกะ ชมพู่ถูกจับแต่งตัวจนสวยเด้ง และเจอกับพุฒที่มาเที่ยวคาราโอเกะ พุฒเข้าใจว่าชมพู่เป็นผู้หญิงอย่างว่า เลยแกล้งออฟชมพู่ ชมพู่อยากได้เงินไปรักษาพ่อ จึงตกลง แต่ก็มีแผนเอาตัวรอด โดยการมอมเหล้าพุฒ แล้วหยิบเงินพุฒหนีกลับบ้าน พุฒตื่นมาพบว่าตัวเองเสียรู้ จึงตามไปที่บ้าน และเห็นชมพู่กำลังดูแลพ่อที่เป็นอัมพาตอยู่ พุฒประทับใจในตัวชมพู่ จึงไม่คิดเอาเรื่อง แต่แล้ว พ่อชมพู่อาการทรุดหนัก ประจวบกับมีการจัดประกวด นางสาวเพชรบุรี ชมพู่สนใจเลยไปประกวด ดวงเดือนมาเป็นกรรมการเวทีนี้ด้วย เพราะผู้ที่ได้ที่หนึ่งจะได้ไปประกวดเวทียอดพธูไทย โดยดวงเดือนจะเป็นพี่เลี้ยงให้ ด้านพุฒเองก็มางานนี้ และได้เห็นความสวยของชมพู่เป็นครั้งแรก และแล้วชมพู่ก็คว้ามงกุฎมาจนได้ และเดินทางเข้ามาประกวดต่อในกรุงเทพฯ ทางด้านฟ้า และดาวที่หนีขึ้นรถไฟมากรุงเทพฯ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แถมโดนไล่ลงกลางทางที่ราชบุรี เพราะไม่มีตั๋ว ทั้งสองเลยต้องออกรับจ้างทำงาน หาเงินเข้ากรุงเทพฯ จนมาเจอกับ ชัช ที่กำลังถ่ายงานอยู่ เลยช่วยเหลือให้ทั้งสองติดรถมาที่กรุงเทพฯ ฟ้าชอบชัชเข้าอย่างจัง และเมื่อทั้งคู่มาถึงกรุงเทพฯ เปรมจิต ก็รับฟ้า และดาวเป็นนางงามในสังกัด จัดการแปลงโฉมใหม่จนสะสวย ชัชได้รับมอบหมายจากขจีนุชให้ทำสกู๊ปเกี่ยวกับ เส้นทางนางงาม ทำให้ฟ้าได้ใกล้ชิดชัชมากขึ้น ฟ้าแอบหึงหวงเวลาชัชอยู่ใกล้สาวคนอื่น โดยเฉพาะดาว เพราะดาวช่างพูดจึงดูสนิทกับชัชมากกว่าตัวเอง เมื่อแพรวแพรเจอฟ้ากับดาว ก็จำได้ว่าดาวเป็นคนที่แข่งแทนตัวเองในเวทีนางนพมาศ แล้วยังได้ตำแหน่งไปอีก ก็เกิดไม่ชอบหน้าดาว ปั่นหัวให้คนในบ้านเกลียดทั้งฟ้าและดาว ด้วยความเหนือชั้น เหล่ารุ่นพี่จึงแสร้งทำดีกับทั้งสองในตอนต้น แล้วตลบหลังอีกที ฟ้า และดาวจึงไม่สามารถไว้ใจใครในบ้านนี้ได้เลย ดาวจึงลุกขึ้นสู้ ไม่เกรงใจใคร ในขณะที่ฟ้าจะคอยยอมเสมอ เพราะใฝ่ฝันอยากเป็นนางงาม ไม่อยากมีเรื่องจนโดนไล่ออก นับวันดาวก็โดดเด่นมากขึ้น แม้กระทั่ง ท๊อป แฟนหนุ่มของเปรมจิต ที่ช่วยเปรมจิตดูแลสาว ๆ ในบ้าน เกิดสนใจในตัวดาว และพยายามเข้าหาดาว ทำให้รุ่นพี่คนอื่นในบ้านเกิดความหมั่นไส้เข้าไปอีก ความสวย และเก่งของดาว ทำให้ฟ้ากลายเป็นตัวเปรียบเทียบในฐานะเด็กใหม่ด้วยกัน ไม่ว่าฟ้าจะพยายามหนักแค่ไหน ก็ยังแพ้ให้ดาว ในที่สุดดาวได้เป็นลูกรักของเปรมจิต ฟ้าได้แต่อิจฉาอยู่ลึก ๆ และความริษยา ก็ทำลายทุกอย่าง แม้แต่มิตรภาพความเป็นเพื่อน พบกับการหักเหลี่ยมเฉือนคม ทั้งบนเวทีหัวใจ และเวทีนางงามระดับประเทศ ผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไรต้องติดตามใน ละครมงกุฎริษยา