รักสลับหน้า 2559

เรื่องย่อ : รักสลับหน้า (2559/2016) “ เมื่อเขาต้องการจะหลุดพ้นจากคำว่าอัปลักษณ์ ทางเดียวที่จะช่วยเขาได้ก็คือการศัลยกรรม แต่ชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์กลับต้องรุ่งริ่ง เมื่อใบหน้าใหม่ของเขาดันไปเหมือนกับหัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ของประเทศที่ตายไปแล้ว !!! ”

ปาน...หรือ ปานเทพ ชายหนุ่มผู้มีปานดำที่หน้าเป็นเอกลักษณ์ กำลังโค้งรับเสียงตบมือจากบรรดาเด็กๆ ที่อยู่ภายในชุมชนแออัดที่มาดูการแสดงของเขา แม้ว่าจะเป็นแค่เสียงตบมือเปาะแปะแต่มันก็เติมเต็มความสุขที่ต้องการจะเป็นนักแสดงให้กับเขา แต่ปานเทพก็มีความสุขได้ไม่นานก่อนที่บรรดาพ่อแม่ของพวกเด็กๆ จะตรงเข้ามาแล้วรีบพาลูกหลานตัวเองกลับไปเพราะเหตุผลที่ว่ากลัวว่าไอ้ปานดำที่อยู่บนหน้าจะติดมาถึงลูกหลานของพวกเขา ปานกลับบ้านไปพร้อมกับความคับแค้นใจที่ตัวเองเหมือนปีศาจจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่ก็มี โฉมฉาย...แม่ผู้เข้าใจและรักปานคอยปลอบโยน ปานรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองเกิดมาอัปลักษณ์อับโชค เขาอยากจะออกไปจากชุมชนแออัดแห่งนี้ อยากจะเอาปานดำที่หน้าออก ไอ้ปานดำบ้าทำให้เขาไม่ได้เป็นนักแสดง เป็นแค่ไอ้แมสเซนเจอร์ที่ต้องคอยใส่หมวกกันน็อคปิดหน้าไปวันๆ โฉมฉายเห็นปานเป็นอย่างนั้นก็รู้สึกเสียใจไม่แพ้ลูกชาย โฉมฉายจึงรีบบอกข่าวดีให้กับปานรู้ นั่นก็คือ การะเกด...ดาราสาวสุดฮอตจะมาถ่ายละครที่ชุมชนของเราในวันพรุ่งนี้ ปานถึงกับช็อคไป เพราะการะเกดคือไอดอลของเขา ทั้งการแสดงและหน้าตา และปานเองก็ได้ยินมาว่าการะเกดเป็นคนใจบุญ บางทีเธออาจจะสงสารและช่วยพาเขาเข้าวงการก็ได้

เช้าวันรุ่งขึ้นปานบุกไปที่กองถ่ายด้วยความหวังเต็มเปี่ยมที่จะได้เจอกับเจ้าหญิงของเขา แต่ก่อนที่ปานจะเจอเจ้าหญิง ก็ด๊านนนนไปเจอกับนังมารร้ายอย่าง แก้วกานดา...เด็กเสริฟน้ำประจำกองถ่ายเสียก่อน แก้วกานดาเข้าใจผิดคิดว่าปานเป็นพวกถ้ำมองโรคจิต โดยไม่รู้ว่าที่ปานด้อมๆ มองๆ เพราะไม่กล้าที่จะแบกหน้าที่มีปานดำเข้าไปหาการะเกดนั่นเอง เรื่องราวใหญ่โตจนวุ่นวายไปทั้งกองถ่าย ดีที่ยังมี คอง...ขาใหญ่ประจำชุมชนที่รับหน้าที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานให้กับกองถ่าย เข้ามาเอาเรื่องปานเพราะการเกิดเรื่องอย่างนี้ก็เท่ากับทำให้เขาเสียหน้า แต่ยังไม่ทันที่ปานจะโดนชุดใหญ่จากคอง การะเกดก็เข้ามาเคลียร์แล้วขอให้เลิกแล้วต่อกัน ปานถึงกับอ้าปากค้างที่การะเกดเข้ามาช่วยเขา นี่ซิ...เจ้าหญิงของผม

แต่แล้วปานก็ได้รู้ว่าที่การะเกดช่วยปานเอาไว้นั่นก็เพราะเป็นวันที่นักข่าวบันเทิงลงกอง แล้วการะเกดก็ต้องการสร้างภาพนั่นเอง แล้วที่ทำให้ปานต้องอึ้งหนักก็ คือ คำพูดดูถูกที่บอกให้เขาไปเกิดใหม่ก่อนที่จะมานักแสดง เพราะไอ้หน้าปานอย่างเขา ต่อให้เดินบนถนนธรรมดายังยาก

ปานกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่แตกสลาย โฉมฉายกับ สายรุ้ง...ผู้เป็นน้องสาวที่หน้าเหมือนกัน เกิดกันคนละพ่อคนละแม่กับปานพอรู้เรื่องก็ช่วยกันพูดให้กำลังใจว่าที่การะเกดพูดอย่างนั้นอาจจะเพราะว่าอายที่อยู่ต่อหน้านักข่าวก็ได้ ปานคิดไปคิดมาแล้วก็มีกำลังใจฮึดขึ้นมาอีกครั้งอย่างเข้าข้างตัวเองว่ามันอาจจะจริงอย่างที่แม่กับน้องสาวว่าก็ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ในวันรุ่งขึ้น ปานบุกไปที่กองถ่ายอีกครั้ง แล้วปานก็ได้รู้ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันที่เอื้อมถึงดอกฟ้าอย่างการะเกดได้ แถมคราวนี้การะเกดยังล้อเขาเป็นเรื่องสนุก ปานรู้สึกอายและโกรธที่เขาเหมือนเป็นตัวตลกให้กับคนในกองถ่ายหัวเราะกัน จะมีก็แต่เพียงแก้วกานดาที่ยืนมองปานด้วยความเห็นใจ

ปานกลับมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย แก้วกานดาตามเข้ามาเพื่อปลอบปาน ปานแปลกใจที่แก้วกานดาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่กลัวไอ้หน้าดำอย่างเขา แก้วกานดาจึงบอกว่าเธอเข้าใจหัวอกของปาน แล้วปานก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ปานนิ่งงันไปเพราะไม่คิดว่าจะมีที่เข้าใจเขา แต่ก็อย่างที่เขาว่ากัน คนยิ่งรักมากก็ผิดหวังมากเป็นธรรมดา ความเสียใจของปานมันมากเกินกว่าที่คำปลอบใจของแก้วกานดาจะรักษามันหาย แล้วความผิดหวังของปานทำให้คืนนั้น ปานคิดที่จะทำบางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

เช้าวันรุ่งขึ้นโฉมฉายถึงกับเข่าอ่อนเป็นลมล้มพับเมื่อรู้ปานหนีออกจากบ้านไปพร้อมกับเงินเก็บเรือนแสนที่เธอเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต ไม่มีใครรู้ว่าปานหายไปไหน ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปทำอะไร

ที่วัดแห่งหนึ่ง ครอบครัว “พินธุสุวรรณ” กำลังเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของ เพทาย...ลูกชายคนโตที่ รำไพ...ผู้เป็นแม่ที่กำลังจะวางมือจากธุรกิจสีเทา โดยให้เพทายขึ้นมาบริหารงานต่อ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อรถของเพทายถูกสิบล้อชนอย่างจัง ทุกคนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ จะมีก็แต่ เพชรฉาย...น้องชายมุทะลุและรักพี่ชายเป็นที่สุดคิดว่าต้องเป็นฝีมือของ สารวัตรมงคล...นายตำรวจเก่าที่หันมาเล่นการเมืองจนมีอำนาจล้นฟ้า เพชรฉายว่าต้องเป็นฝีมือของมงคลที่ต้องการจะขยายอำนาจเข้ามาในเขตการปกครองของตน รำไพบอกให้ทุกคนใจเย็นๆ เธอเองเสียใจเป็นที่สุดกับการจากไปของเพทาย แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไร ถ้าเมื่อไหร่เธอรู้ว่าเป็นฝีมือของไอ้มงคลจริง ต่อให้มันมีสิบชีวิตก็ชดใช้ไม่พอ

แก้ว หรือแก้วกานดาอยู่ในชุดนางรำรู้สึกบรรยากาศงานศพชักจะไม่ค่อยดีจึงหันไปถามกับ สำราญ...พ่อและผู้เป็นหัวหน้าคณะลิเกสำราญราษฏร์ ที่รับงานรำ ลิเก ลำตัด ทุกชนิด โดยเวลาว่างๆ แก้วก็ไปเป็นเด็กเสริฟน้ำแต่จริงๆ แล้วเธอ คือ นางเอกลิเกนั่นเอง สำราญเล่าให้ฟังว่างานศพนี่เป็นงานศพของพวกมาเฟียใหญ่ โดยเฉพาะไอ้คนที่ตายน่ะ ได้ยินมาว่าเป็นมหาโจรมาเกิดเลยนะ แก้วกานดาได้แต่จ้องมองรูปของเพทายหน้าโลงศพเอาไว้อย่างติดตา

สามวันผ่านไป...ปานค่อยๆ ลืมตาขึ้นในห้องพักของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วทันที่ปานส่องกระจกมองหน้าตัวเอง เขาถึงกับอึ้งไปกับใบหน้าใหม่ของเขา ! ถูกแล้ว ! ที่ปานหายออกจากบ้านไปพร้อมกับเงินเก็บของโฉมฉายเพราะเขามาทำศัลยกรรมใบหน้าของเขานั่นเอง แรงผลักจากคำพูดของการะเกดทำให้ปานรู้ว่าสาเหตุที่เขาต้องมีชีวิตเหมือนพลเมืองชั้นสองอย่างนี้เพราะหน้าตาอันอัปลักษณ์ของเขา และถ้าเขาจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้เขาก็ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ นั่นก็คือใบหน้าของเขา

ปานพอใจกับใบหน้าของเขาเป็นที่สุด เขารู้สึกเหมือนตัวเองเกิดใหม่ในร่างของ นิว...วงศกร ผสมกับ คูณ...คณิน ยังไงอย่างงั้น นิติภูมิ...หมอผู้แปลงโฉมถึงกับบ่นอุบเพราะกว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าของปานได้ก็ทำเอาเหนื่อยพอดูไม่คุ้มกับเงินที่ปานให้มา แต่อย่างว่าคลินิกเถื่อนจะคิดแพงกว่านี้ก็ไม่ได้ นิติภูมิบอกกับปานว่าอย่าเพิ่งดีใจเพราะกว่าที่ใบหน้าของเขาจะเข้ารูปเข้ารอยต้องผ่านไปสามเดือนก่อน แล้วปานจะต้องมาหาหมอทุกๆ เดือนเพื่อตรวจเช็คทั้งซิลิโคนและรอยแผลต่างๆ

ปานนอนพักในห้องเพื่อเฝ้ารอที่จะออกจากโรงพยาบาลไปพบกับชีวิตใหม่ที่เขาใฝ่ฝัน โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องวุ่นๆ กำลังเกิดขึ้นเพราะใบหน้าใหม่ของเขา นั่นก็คือ...ใบหน้าของเขาที่ถูกศัลยกรรมใหม่นั่นเหมือนกับเพทายราวกับคนคนเดียวกัน !!!

หลังจากที่ปานพักฟื้นจนบาดแผลและทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วจึงเริ่มออกมาพบกับชีวิตใหม่ แล้วสิ่งแรกที่เขาแบกหน้าหล่อๆ ไปเป็นที่แรกก็คือ การไปหาการะเกดที่กองถ่ายละคร แล้วปานก็พบว่าการเป็นคนหล่อช่างดีอะไรอย่างนี้ เพราะเขาเห็นว่าการะเกดมีท่าทีสนใจเขาขึ้นมาทันทีหลังจากที่พบกัน แต่ขณะที่การะเกดกับปานกำลังจะทำความรู้จักกัน มาร์ค...ลูกชายของ สารวัตรมงคลที่มาติดพันการะเกดก็เข้ามา แล้วทันทีที่มาร์คได้เห็นปาน (ที่ใบหน้าเหมือนเพทาย) ก็ตกใจทันที มาร์คอุทานออกมาในทำนองว่าเพทายยังไม่ตายเหรอ ปานที่กำลังงงๆ ก็งงหนักขึ้นเมื่อแก้วกานดาก็ดันโผล่เข้ามาพร้อมกับอาการตกใจสุดขีด เพราะแก้วกานดาจำได้ทันทีว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเพทาย ลูกชายมาเฟียใหญ่ที่ตายไปแล้ว

ปานเองก็ตกใจเมื่อได้ยินที่แก้วกานดาบอกอย่างนั้น ปานรีบออกมาจากกองถ่ายเพื่อตั้งสติ แต่ก็เหมือนชะตาชีวิตใหม่กำลังถาโถมเข้ามาไม่ให้ปานตั้งตัว เมื่อปานวิ่งออกมากลางถนนจนถูกรถของรำไพเฉี่ยวจนล้มลง รำไพรีบลงมาดูก่อนที่เธอจะอึ้งไปเมื่อได้เห็นหน้าของเพทายลูกชายเธออีกครั้ง

ปานค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาที่บ้านที่ใหญ่โตราวกับวังของรำไพ ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน ทุกคนไม่คิดว่าร่างของปานที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นคนอื่นนอกจากจะเป็นเพทายเท่านั้น แล้วก็เป็นเพชรฉายที่บอกว่าทั้งหมดต้องเป็นแผนของเพทายที่แกล้งตายแน่นอน เพื่อให้ฝ่ายมงคลตายใจ ขณะที่ปานเองก็พยายามจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็เหมือนว่าไม่มีใครเชื่อ และแล้วปานก็มีชีวิตใหม่อย่างที่หวัง เพราะตอนนี้เขา คือ เพทาย ผู้นำคนใหม่แห่งกลุ่ม “พินธุสุวรรณ”

มงคลหงุดหงิดและโกรธแค้นเป็นที่สุดเมื่อมาร์คได้เล่าเหตุการณ์ที่ได้เจอกับเพทายที่กองถ่าย มงคลเองก็คิดเช่นเดียวกับเพชรฉายว่างานศพที่เกิดขึ้นเป็นงานศพปลอมที่หลอกให้เขาตายใจ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ในเมื่อมันฟื้นได้เราก็ทำให้มันตายใหม่ได้

ปานเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของเพทายที่ต้องเรียนรู้การเป็นหัวหน้าและการดูแลธุรกิจของตระกูลให้กับรำไพ ปานตกกระไดพลอยโจนแต่ก็น้ำท่วมปากบอกใครไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือ เขาต้องทำตัวให้แนบเนียนให้เหมือนเพทายมากที่สุด เพราะถ้าคนอื่นรู้ความจริงว่าเขาเป็นปานเทพไม่ใช่เพทาย เขาเองก็คงต้องหายไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอยเหมือนกัน

แต่เพชรฉายเองก็เริ่มรู้สึกว่าพี่ชายเปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนเป็นคนเงียบๆ แต่เดี๋ยวนี้กลับเข้ากับทุกคนได้แม้กระทั่งแม่บ้านในบ้านที่แต่ก่อนแทบจะไม่เคยอยู่ในสายตา หรือวิชาการต่อสู้ การยิงปืนที่แทบจะเรียกได้ว่าหายไปเกือบหมด ปานในร่างของเพทายก็โกหกไปเรื่อยว่ายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทุกคนแปลกใจมากที่สุดก็คือ เดี๋ยวนี้เพทายกลับชอบดูละคร ชอบการแสดง ทั้งๆ ที่แต่ก่อน แม้แต่เพลงเพทายยังไม่คิดจะฟังเลย

ปานมักจะหาโอกาสไปหาการะเกดทั้งที่บริษัทและที่กองถ่ายอยู่เสมอ จนกระทั่งผู้จัดเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของปานจึงได้ชักชวนให้ปานเล่นละครกับการะเกด ! รำไพ เพชรฉายถึงกับแปลกใจเมื่อปานบอกเรื่องที่จะเข้าวงการ ปานที่มีพื้นฐานการแสดงอยู่แล้วจึงทำให้ทั้งรำไพและเพชรฉายเชื่อเหตุผลที่ว่าถ้าเราเป็นคนสาธารณะ มงคลที่คิดจะทำอะไรก็คงต้องคิดหนัก แล้วนั่นจึงทำให้ปานได้เข้าวงการอย่างที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต

ปานกลับไปหาโฉมฉายและสายรุ้ง เพราะอยากรู้ว่าแม่และน้องสาวเป็นยังไง ปานรู้สึกผิดเพราะตั้งแต่เขาออกจากบ้านมาพร้อมกับเงินเก็บของแม่ ทำให้โฉมฉายป่วยหนัก สายรุ้งเองนอกจากเรียนหนังสือแล้วยังต้องหางานทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ปานในร่างของเพทายเข้าไปหาคนทั้งสองเพื่อออกปากช่วยเหลือ แต่เขากลับโดนโฉมฉายและสายรุ้งไล่ออกมา ถึงพวกเราจะจนแต่พวกเราก็มีศักดิ์ศรี

แต่แล้วปานก็ได้พบกับสายรุ้งอีกครั้งที่ผับของเขา สายรุ้งมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ แล้วที่นั่นสายรุ้งก็ได้พบกับเพชรฉายเมื่อเพชรฉายเข้ามาช่วยสายรุ้งจากการถูกพวกขี้เมาลวนลาม ปานอยากช่วยสายรุ้งจึงแกล้งบอกให้เอาสายรุ้งไปเป็นคนรับใช้ที่บ้าน โดยที่เพชรฉายก็ไม่เข้าใจว่าทำไมปานถึงได้เจาะจงสายรุ้งเท่านั้น ปานเลยบอกว่าสงสัยว่าสายรุ้งจะเป็นสายของมงคลเลยต้องเอามาไว้ใกล้ๆตัว ไม่เคยได้ยินหรือไง เก็บเพื่อนไว้ใกล้ตัว แต่ให้เก็บศัตรูให้ใกล้ยิ่งกว่า แต่ดูเหมือนการช่วยเหลือของปานจะยิ่งทำให้น้องสาวแย่ เพราะสายรุ้งโดนเพชรฉายเพ่งเล็งจนทั้งคู่ก็กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาไปอีกคู่

ปานกลับมาใช้ชีวิตในร่างของเพทาย เพียงแค่วันแรกที่ปานต้องเข้าฉากก็มีปัญหาซะแล้วเพราะสิ่งที่ปานเคยคิดว่าการแสดงนั่นง่ายกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ส่วนแก้วกานดาก็แอบสังเกตเพทายจนทั้งคู่ได้มีโอกาสคุยกัน แก้วกานดาแนะนำเรื่องการแสดงให้กับปาน แต่ปานกลับเชิดใส่เพราะแก้วกานดาเป็นแค่คนเสิร์ฟน้ำจะรู้อะไรเรื่องการแสดง แต่เมื่อการแสดงของเขามีปัญหา แล้วปานลองใช้วิธีอย่างที่แก้วกานดาบอก มันกลับได้ผลจริงๆ จนกระทั่งวันนึงเมื่อแก้วกานดาต้องกลับบ้านดึกเพราะเคลียร์ของไม่เสร็จ เป็นจังหวะเดียวกับที่ปานเองกำลังจะกลับบ้านเช่นกัน ปานจึงอยากตอบแทนเรื่องการแสดงโดยการอาสาไปส่งบ้าน ขณะเดียวกันมาร์คเองก็เจ็บใจที่เพทายบังอาจที่คิดจะจีบการะเกดแข่งกับเขา ทำให้มาร์คหาโอกาสที่จะกำจัดเพทายที่เป็นทั้งศัตรูหัวใจและศัตรูธุรกิจ แล้วก็ไม่มีเวลาไหนเหมาะที่ลงมือในคืนนี้

ขณะที่ปานและแก้วกานดานั่งรถมาด้วยกัน แก้วกานดาได้พูดคุยเรื่องที่เธอเห็นในงานศพหรือแม้กระทั่งทำไมมาเฟียอย่างเพทายถึงได้มาเป็นนักแสดง แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น เมื่อปานหันไปก็เห็นว่าเขากำลังโดนไล่ยิงอยู่ ปานและแก้วกานดาต้องหนีกันสุดชีวิตก่อนที่ทั้งสองจะอาศัยเก่งบวกเฮงรอดพ้นจากการตามฆ่าของมาร์คมาได้

ชีวิตของปานเริ่มตกอยู่ในอันตราย เพราะมาร์คเริ่มคุกคามเขาอย่างหนัก ปานเริ่มรู้สึกถึงอันตรายและไม่มีความสุขกับการเป็นมาเฟีย และความรู้สึกผิดที่อยากกลับไปดูแลแม่และน้องสาว ปานจึงกลับไปหานิติภูมิเพื่อผ่าตัดใบหน้าให้กลับเป็นปานคนเดิมอีกครั้ง แต่ปานก็ต้องอึ้งไปเมื่อคลินิคของนิติภูมิปิดตัวลงเพราะถูกตำรวจจับในข้อหาเปิดคลินิคเถื่อน

ปานกลับไปหาโฉมฉายและสายรุ้งก่อนที่จะตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่ผ่านมาให้ฟัง แต่โฉมฉายกับสายรุ้งไม่เชื่อในสิ่งที่ปานบอก แล้วคิดว่าปานได้ตายไปแล้ว ปานเสียใจที่ตอนนี้ชีวิตเขากำลังมืดแปดด้าน ฝ่ายเพชรฉายก็ออกตามหา ฝ่ายมาร์คก็ออกล่า ตอนนี้ปานเหมือนแมวน้ำที่หันไปทางซ้ายก็เจอฉลาม หันไปทางขวาก็เจอวาฬเพชฌฆาต ยังดีที่ปานได้เจอกับแก้วกานดาโดยบังเอิญ แก้วกานดาจึงได้ให้ปานไปอยู่ที่บ้านที่เป็นคณะลิเกของตน

ปานมาอาศัยกับแก้วกานดาที่บ้าน ท่ามกลางเสียงโจษจันว่าทั้งคู่ได้เสียเป็นเมียผัวกันแล้ว เดือดร้อนถึงสำราญต้องช่วยปรามพวกปากหอยปากปู ปานเริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่ออยู่ใกล้แก้วกานดาที่มากกว่าความเป็นเพื่อน ยิ่งเมื่อแก้วกานดาบอกกับเขาว่าเธอเคยชอบผู้ชายอยู่คนนึงที่มีปานที่หน้า ปานถึงกับอึ้งไปเมื่อแก้วกานดากำลังพูดถึงเขา ปานแอบถามว่าทำไมแก้วกานดาถึงได้ชอบคนหน้าเกลียดอย่างนั้น แก้วกานดาจึงบอกเธอเห็นความดีและความสวยงามภายใต้ใบหน้าที่อัปลักษณ์ ปานได้ยินอย่างนั้นก็รู้ว่าเขาพลาดแล้วที่ไปเปลี่ยนใบหน้ามา ปานคิดอยากจะแก้ไขใบหน้าให้กลับมาเหมือนเดิม เขาจึงได้ลองเสี่ยงไปหานิติภูมิที่โรงพัก แต่นิติภูมิกลับบอกว่าใบหน้าที่ทำไปแล้วจะแก้ไขกลับมาไม่ได้อีก ปานถึงกับอึ้งไป...แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก !!!

ปานกลับมาด้วยความหดหู่เพราะประวัติและตัวตนของเขาได้หายไปพร้อมกับคลินิคเถื่อนของนิติภูมิ แล้วปานยิ่งทรมานเมื่อยิ่งอยู่ใกล้แก้วกานดาก็ยิ่งรู้ว่าแก้วกานดาไม่ใช่ผู้หญิงทั่วๆไป ปานได้เป็นพระเอกลิเกระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่บ้านของแก้วกานดา ขณะที่ปานเองก็รู้สึกผิดตั้งแต่วันที่เขาเริ่มทำศัลยกรรม แต่แก้วกานดากลับคิดว่าที่ปานเงียบเหงาเศร้าซึมก็เพราะคิดถึงการะเกด แล้วเมื่อแก้วกานดาไปที่กองถ่ายที่กำลังวุ่นวายกับการหายไปตัวไปของปาน แก้วกานดาจึงได้บอกกับการะเกดว่าปานซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของตัว

แต่ความหวังดีของแก้วกานดากลับนำภัยมาสู่ปาน เพราะมาร์ครู้ว่ายังไงปานจะต้องติดต่อมาหาการะเกดเข้าซักวัน แล้วเมื่อมาร์ครู้ว่าปานอยู่ที่บ้านแก้วกานดา จึงได้สั่งให้คนไปจัดการทันที แก้วกานดากลับมาถึงบ้านก่อน พบว่าปานกับสำราญยังไม่กลับจากการแสดงลิเก แต่แล้วทันใดนั้นมือปืนของมาร์คก็บุกเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่ปานกลับมาพอดี มือปืนพยายามจะยิงปานแต่ไม่โดน มงคลเลยสั่งให้จับตัวแก้วกานดามาเป็นตัวประกัน

ปานได้มารู้ใจตัวเองว่ารักจริงของเขา คือ แก้วกานดาคนข้างตัวแต่เขากลับไม่เคยเห็นความดีของแก้วกานดาเลย ปานจึงกลับไปหารำไพและเพชรฉายเพื่อนำคนไปช่วยแก้วกานดา แต่ระหว่างนั้น ระริน...คู่หมั้นของเพทายก็ปรากฏตัวขึ้น ระรินตกใจเมื่อได้พบกับเพทาย รำไพและเพชรฉายเองก็งงเช่นกันเมื่อระรินไม่ดีใจ ระรินบอกว่าจะดีใจได้ยังไงเมื่อเธอเพิ่งกลับมาจากการดูแลเพทายที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราที่อเมริกา และที่เธอกลับมาก็เพื่อมาแจ้งข่าวให้รำไพกับเพชรฉายสบายใจว่าเพทายยังไม่ตาย แล้วงานศพที่จัดขึ้นก็เป็นงานศพหลอกๆ ที่เธอวางแผนหลอกทุกคนเพื่อให้เพทายปลอดภัย ทุกคนหันมองปานก่อนที่เพชรฉายจะสั่งให้ลูกน้องจับตัวปานเอาไว้ ปานตัดสินใจเล่าความจริงให้ฟัง สิ่งเดียวที่เขาขอร้องก่อนที่เขาจะโดนฆ่าปิดปาก ก็คือ เขาอยากจะขอให้รำไพและเพชรฉายไปช่วยแก้วกานดา แล้วจะฆ่าเขายังไงก็เชิญ รำไพมองปานอย่างเนิ่นนานก่อนจะตัดสินใจบอกว่าจะปล่อยตัวปานไปช่วยแก้วกานดา โดยไม่ให้ปานนำคนของเธอไปแม้แต่คนเดียว

ปานเอาเงินไปพบกับมงคลเพื่อแลกตัวแก้วกานดาคืนและขอโทษแก้วกานดาที่ทำให้แก้วกานดาเสียใจมาตลอด มงคล มาร์คและการะเกดได้เงินมาก็เตรียมจะหนีแต่ก็ไปไม่พ้นเพราะอยู่ๆ รำไพและเพชรฉายก็ยกกำลังเข้ามาล้อม มงคลโกรธแค้นเลยหันปากกระบอกปืนยิงใส่ปานก่อนตัวเองจะถูกรวบตัวแล้วจับส่งตำรวจยกชุดหมด ปานอาการเป็นตายเท่ากันอยู่ในโรงพยาบาล แก้วกานดาบอกรักปานและไม่ต้องการให้ปานตาย ชีพจรของปานขาดหายทุกคนร้องไห้กันระงมที่ต้องเสียปานไป แต่แล้วอยู่ๆ ชีพจรของปานก็กลับมาเต้นอีกครั้ง...ปานรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ !!!

ปานกลับไปหาโฉมฉายและสายรุ้งพร้อมกับสารภาพเรื่องราวทั้งหมด โฉมฉายให้อภัยปานแล้วบอกกับปานว่าเขาไม่เคยอัปลักษณ์ในสายตาของคนเป็นแม่ ปานก้มกรามโฉมฉายด้วยความซึ้งใจ ก่อนที่สายรุ้งจะรีบเรียกโฉมฉายให้ดูละครที่ปานเล่นคู่กับแก้วกานดาที่ตอนนี้กำลังเป็นละครดังทั่วบ้านทั่วเมือง...

จบบริบูรณ์

นางฟ้าเปื้อนฝุ่น 2559

เรื่องย่อ : นางฟ้าเปื้อนฝุ่น (2559/2016) หญิงสาว ลูกสาวรัฐมนตรีมีชีวิตราวนางฟ้าปลอมลงมาศึกษาคนบนดิน ปีกเปื้อนฝุ่นแลกเกียรตินิยม ชายหนุ่ม ดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด ระหว่างความจริงของตนกับความฝันของพ่อ คือวงดนตรีลูกทุ่ง คนหนึ่งชีวิตใสกิ๊ง ไม่เคยลำบากแต่ก็พร้อมยอมอดทนเรียนรู้ ส่วนอีกคนชีวิตไม่ได้อยากเป็นครู แต่ก็ต้องมาสอนให้คนใส ๆ รู้จักใช้ชีวิตโดยไม่เจตนา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า ไม่รู้ใครได้เรียนรู้จากใครกัน พาขวัญ (โซฟี่-อัปสรสิริ อินทรคูสิน) เข้ามานำเสนอผลงานสารนิพนธ์เกี่ยวกับการเต้นหางเครื่องที่มหาวิทยาลัยเกือบไม่ทัน โชคดีที่เพื่อนสนิทคือ นัชชา (ณัฎฐกันย์ อัมพรพงษ์) กับ ธีรวิทย์ (ไดสุเกะ สุกี้คาวา) ช่วยถ่วงเวลา อาจารย์เอก (มาฬิศร์ เชยโสภณ) ไว้ โดยมี ธนัญญา (ช้องมาศ บางชะวงษ์) กับลูกคู่อย่าง ปานจิต (ณัฐชยกานต์ ปากหวาน) และลักษมี (แพร อริศรา) ขอให้พาขวัญหมดสิทธิ์ส่งงาน และไปจบปีหน้าแทนเนื่องจากมาสาย ด้วยต้องการกำจัดคู่แข่งในการแย่งเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง สุดท้ายอาจารย์เอกบอกว่างานที่พาขวัญทำมาเสนอในเบื้องต้น ยังขาด วิญญาณ ของหางเครื่องไป และแนะนำว่าให้ส่งเป็นงานเต้นประเภทอื่นที่เธอถนัดกว่าอย่าง บัลเล่ต์ คอนเทมฯ หรือฮิปฮอป แต่พาขวัญไม่อยากเปลี่ยน เมื่อออกมาจากห้องนำเสนอผลงาน พาขวัญพบ ศรุต (ณรงค์ฤทธิ์ รัตนภักดี) ชายหนุ่มเจ้าของกิจการร้านอาหาร และไร่ผักออร์แกนิก คนที่ ดวงกมล (ภัสสร บุณยเกียรติ) แม่ของเธอต้องการจะให้ลงเอยด้วย เพราะเหมาะสมกันทั้งฐานะ และชาติตระกูล มารอรับเธออยู่ เธอจึงปลอมตัวโดยอาศัยชุดขอทานจาก ละครดาวพระศุกร์เดอะมิวสิคัลของนัชชา จนเกือบรอดสายตาศรุตไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่มธนัญญาเห็นเสียก่อน ขณะวิ่งหนีศรุตออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย พาขวัญเกือบถูกรถแท็กซี่ของ นันทพงศ์ (กฤษฎี พวงประยงค์) ที่เพิ่งไปรับ ชลธี (ปรัชญ์ ปรมิณ) หนุ่มนักเรียนนอก ทายาทเจ้าของวงดนตรีลูกทุ่งชาญชลธีชน เธอฉวยโอกาสรีบขึ้นรถแท็กซี่หนีศรุตไป ในรถแท็กซี่ พาขวัญไม่พอใจทีท่าของชลธีที่เหมือนดูถูกเธอ ทั้งคู่ต่อปากต่อคำกัน พาขวัญทำโทรศัพท์มือถือหล่นในรถแท็กซี่โดยไม่รู้ตัว ขณะที่รอน้องชายที่จบการบริหารด้านดนตรีกลับมาช่วยกอบกู้วง ชาญชัย (โน้ต-วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ก็ถูก เจ๊หอม (ดีใจ ดีดีดี) และนกเขา (ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) โทรมาทวงหนี้ก้อนใหญ่ ส่วนทางลูกวงที่เตรียมงานต้อนรับชลธีก็ถูกร้านค้าต่าง ๆ ยื่นคำขาดว่าไม่ให้เชื่อของอีกต่อไป สถานการณ์ด้านการเงินของวงกำลังย่ำแย่ ชลธีคาดคั้นเอาความจริงจากนันทพงศ์ขณะนั่งรถกลับบ้าน แต่นันทพงศ์ก็ตอบเลี่ยงไปว่าเป็นเพราะหน้าฝน งานจ้างเลยน้อย เนื่องจากศรุตมาเล่าให้ดวงกมลฟัง พาขวัญจึงถูกแม่สั่งไม่ให้ทำธีสิสเรื่องางเครื่อง เพราะมองว่าไม่เหมาะสมกับฐานะลูกสาวของรัฐมนตรี อรรถพล (นงค์ เชิญยิ้ม) และอนาคตผู้บริหารกิจการของเธอ พาขวัญเสียใจ แต่ก็ได้กำลังใจจาก วิไล (หลิว-อาราดา พรหมพฤกษ์) เลขานุการส่วนตัวของแม่เธอช่วยปลอบ เมื่อชลธีมาถึงบ้าน ก็มีสาว ๆ ในวงมาต้อนรับ ทั้ง ภารวี (แพร เอมเมอรี่) นักร้องนำ มณีรัตน์ (เอี๊ยม-วรรษพร วัฒนากุล) หัวหน้าหางเครื่อง และรสริน (หทัยชนก สวนศรี) หางเครื่องสาวสุดเซ็กซี่ ชลธีต้องการจะคุยเรื่องสถานการณ์ของวงกับชาญชัย ชาญชัยบอกให้คุยทีหลังเพราะทุกคนในวงรอเจอชลธีอยู่ สุดท้ายเมื่อชลธีเข้าไปเห็นตารางงานของวงในห้องทำงานชาญชัย เขาก็บอกให้ชาญชัยยุบวงชาญชลธี ชาญชัยโกรธมาก ทุกอย่างที่พี่น้องสองคนโต้เถียงกันอยู่ภายใต้การรับรู้ของ เพทาย (นวพล ภูวดล) ผู้จัดการวงชาญชลธีที่แอบฟังอยู่ ในงานเลี้ยงต้อนรับชลธี ขณะที่ทุกคนสนุกสนานอยู่ ชาญชัยเข้าไปถามชลธีว่าแน่ใจนะที่จะทำให้ทุกคนที่กำลังมีความสุขนี้ตกงาน ชลธีลังเล หลังงานเลี้ยงเลิกรา นกเขารอจังหวะจะมาขโมยแท็กซี่ของนันทพงศ์ไป เพื่อเป็นการประกันเงินกู้ให้กับทางเจ๊หอม เพื่อเอาใจเจ้านาย แต่กลับพบว่ามีแสงวาบ ๆ ออกมาจากในรถ นกเขาเข้าใจว่าเป็น ผีดอกคูน (โย่ง เชิญยิ้ม) พ่อของชาญชัย และชลธีที่ตายไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วคือแสงจากโทรศัพท์มือถือของพาขวัญ วันรุ่งขึ้น ก่อนออกจากบ้านชลธีได้เจอชาญชัย ชลธีบอกจะช่วยปรับปรุงวงให้ดีขึ้น ชาญชัยดีใจ และขอเวลาชลธี 4 เดือนเพื่อจะฟื้นฟูวงให้กลับมาเหมือนเดิม ถ้าไม่สำเร็จจะยอมให้ชลธีขายวง ชลธีตอบตกลง แต่จริง ๆ แล้วชาญชัยต้องการจะส่งวงชาญชลธีเข้าประกวดเพื่อชิงเงินรางวัลก้อนใหญ่ และสัญญาว่าจ้างหลายปี ในอีก 4 เดือนข้างหน้า พาขวัญยืมโทรศัพท์ของวิไลโทรเข้ามือถือตัวเอง จังหวะเดียวกับที่ชลธียืมรถแท็กซี่ของนันทพงศ์เพื่อออกไปทำธุระพอดีเลยเป็นคนรับสาย พาขวัญเข้าใจผิดคิดว่าชลธีเป็นคนขโมยมือถือของเธอ เธอจึงขู่ให้ชลธีเอาโทรศัพท์มาคืนให้ที่มหาวิทยาลัย เมื่อชลธีมาถึงก็เจอกับธนัญญาที่ขึ้นมาบนแท็กซี่เพราะจะไปพบ วงศกร (นิกกี้-สิรภพ สมผล) นักลีลาศหนุ่มเพลย์บอย เพื่อจะเชิญมาเป็นคู่เต้นในงานธีสิสของเธอ ด้วยหวังว่าจะทำให้ชนะพาขวัญได้ ชาญชัยบอกพาขวัญว่าวิไลเคยเป็นหางเครื่องในวงของเขา พาขวัญดีใจมากจึงขอชาญชัยไปเป็นหางเครื่องที่วงด้วย ท่ามกลางความตกใจของวิไล ชาญชัยบอกให้พาขวัญไปขอแม่มาก่อน เมื่อกลับบ้านไป พาขวัญโทรไปวางแผนกับอรรถพลเพื่อหลอกดวงกมลให้อนุญาตให้เธอไปฝึกบัลเล่ต์เพิ่มเติมกับมาดามเลอคาบูซิเยร์ เพื่อทำธีสิสบัลเล่ต์ให้ดีที่สุด เป็นเวลา 4 เดือน แต่ที่จริงเธอจะไปอยู่ในวงชาญชลธี ดวงกมลตกหลุมพรางเลยอนุญาต แต่ก็ไม่วายเป็นห่วง อรรถพลจึงบอกว่าให้วิไลตามไปดูแลด้วยเพื่อความสบายใจของดวงกมล วิไลอึดอัดใจที่ต้องกลับมาเจอกับชาญชัยอีกครั้งเพราะเคยมีความหลังครั้งอดีตกันอยู่ แต่ก็ยอมปลอมมาเป็น น้าวิไล กับ หลานขวัญใจ เข้ามาในวง เพราะรักและเห็นใจพาขวัญ ชลธีดีใจที่ได้เจอวิไลแล้วก็ต้องตกใจเมื่อวิไลพาพาขวัญมาด้วย ชลธีผิดหวังจากการออกไปสมัครงานที่โรงเรียนสอนดนตรีเพราะคุณวุฒิสูงเกินไป ประกอบกับการเห็นวงดนตรีมีแต่งานจ้างห่วย ๆ เลยตัดสินใจโทรหา เอกภพ (จิณณะ จอมขันเงิน) เจ้าของค่ายเพลงที่เพทายแอบให้นามบัตรมา เพราะต้องการขายวงชาญชลธีเพื่อความอยู่รอด เช้าวันรุ่งขึ้น รสรินปล่อยข่าวเรื่องชลธีถูกทำร้ายเพราะพาขวัญ และเห็นวิไลอยู่กับชาญชัยสองต่อสองในยามวิกาล ทำให้คนในวงส่วนใหญ่ไม่พอใจ นอกจาก ชดช้อย (ค่อม ชวนชื่น) อดีตหางเครื่องวัยดึก หวด (อู๊ด เป็นต่อ) และป้าน้อย (วันทนา บุญบันเทิง) แม่ครัว ทุกคนสุมหัวกันเม้าท์สองน้าหลานคู่นี้ว่าจะเข้ามาทำให้วงชาญชลธีเปลี่ยนไป รสรินเป่าหูมณีรัตน์ว่าวิไลจะมาเขี่ยเธอออก และเสี้ยมภารวีต่อว่าขวัญใจน่าจะมาเสียบแทนตำแหน่งนักร้องนำเพราะสาวกว่า ภารวีเหม็นหน้าพาขวัญขึ้นมาทันที ที่มหาวิทยาลัย เป็นวันสุดท้ายที่จะเปลี่ยนหัวข้อธีสิสได้ ธนัญญาเห็นธีรวิทย์กับนัชชาเข้ามาคุยกับครูเอก จึงเข้าใจว่าพาขวัญส่งมาให้แจ้งเปลี่ยนหัวข้อแทน เธอจึงพยายามถามครูเอกว่าพาขวัญเปลี่ยนหัวข้อธีสิสเป็นอะไร แต่ครูเอกไม่ยอมบอก แต่ก็กำชับนัชชากับธีรวิทย์ว่าคราวหน้าต้องให้พาขวัญมาด้วยตัวเอง พาขวัญถูกมณีรัตน์และหางเครื่องในวงใช้ให้ซักเสื้อผ้าเพราะเป็นหางเครื่องน้องใหม่ ระหว่างนั้นวิไลก็ถือโอกาสซักไซ้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พาขวัญไม่ยอมบอก จนกระทั่งวิไลขู่จะบอกดวงกมล พาขวัญจึงเล่าความจริงทั้งหมด ที่บ้านพาขวัญ ดวงกมลเชิญศรุตมาคุย และขอให้ตามหาที่อยู่ของมาดามเลอคาบูซิเยร์ให้ เพราะเธออยากจะไปเยี่ยมลูกมาก ศรุตรับปากว่าจะหาให้ เพทายพยายามลวนลามพาขวัญ และเสนอว่าจะช่วยผลักดันให้เป็นนักร้อง ถ้ายอมเป็นของตน แต่ ผ่องศรี (ณัฐรินทภรณ์ ยืนยง) โผล่มาขัดจังหวะพอดี พาขวัญเลยรอดไปได้ เจ๊หอมส่งนกเขาปลอมตัวเป็นแม่ค้าขายขนมมาสืบเรื่องงานของวง ได้ความว่าจะมีงานที่วัดหลวงตาเผือกวันเสาร์นี้ เจ๊หอมโกรธที่ชาญชัยไม่แจ้ง คิดว่าจะเม้มเงินที่จะมาใช้หนี้ ชลธีเห็นชาญชัยเอารถแท็กซี่ไปขับหารายได้ เลยคาดคั้นว่าเป็นเพราะต้องส่งตัวเองไปเรียนเมืองนอกใช่หรือไม่ สถานการณ์ทางการเงินของวงถึงได้ย่ำแย่ ชาญชัยบอกว่าเป็นสิ่งที่ตนรับปากพ่อไว้ และต้องทำให้ได้ งานทำบุญวัดหลวงตาเปลี่ยนเป็นงานโชว์แรกของวงตั้งแต่พาขวัญปลอมตัวเข้ามา ถึงจะไม่ได้ขึ้นเต้นแต่พาขวัญก็ตื่นเต้น แต่แล้วที่หน้าเวทีกลับมีคนดูไม่ถึง 3 คน พาขวัญช็อกมาก ในขณะที่ลูกวงทุกคนโชว์กันอย่างเต็มที่เหมือนเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ก็ไม่ปาน พาขวัญงงกับการที่ทุกคนไม่รู้สึกอะไรที่แสดงไปโดยแทบไม่มีคนดู แต่ ผ่องศรี อดีตหางเครื่องที่ผันตัวมาทำเสื้อผ้าบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่การแสดงจะต้องเต็มที่ไม่ว่าจะมีคนดูมากน้อยแค่ไหน ด้วยความสนิทสนมกันเพราะพาขวัญต้องมาช่วยซ่อมแซ่มชุดหางเครื่อง พาขวัญจึงค่อย ๆ ใส่ความคิดเรื่องเปลี่ยนสไตล์ชุดหางเครื่องให้ทันสมัยกับผ่องศรี ผ่องศรีเห็นดีด้วย เข้าทางชลธีพอดีที่อยากให้งานโชว์วันเปิดบ่อปลาคาร์ฟออกมาดูดีขึ้น เพราะเอกภพเจ้าของค่ายเพลงพี่ไอจีจะมาดูตามที่นัดไว้ ถึงกับเอาเงินเก็บสมัยเสิร์ฟอยู่ที่เมืองนอกมาช่วยค่าชุดหางเครื่อง ท่ามกลางความดีใจปนแปลกใจของชาญชัยที่เห็นน้องลงทุนพัฒนาวง วันคอนเสิร์ตเปิดบ่อปลาคาร์ฟ ทุกคนที่พาขวัญปกปิดความลับ มาร่วมประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งธนัญญา ศรุต อรรถพล ดวงกมล วงศกร พาขวัญได้แต่แอบอยู่หลังเวทีที่คิดว่าปลอดภัย แต่เเล้วก็เกิดเรื่องเมื่อธนัญญาแกล้งขัดขามณีรัตน์ เพราะหมั่นไส้ที่มาอ่อยวงศกร จนมณีรัตน์ไม่สามารถเต้นเพลงต่อไปได้ ผ่องศรีบอกให้พาขวัญออกไปเต้นแทน เพราะรู้ว่าเธอแอบดูการซ้อมอยู่ตลอด วันงานเทศกาลดนตรีมันแผล็บมากจึงนับเป็นหายนะของพาขวัญโดยแท้ เธอต้องขึ้นเต้นด้วย แล้วยังต้องเปลี่ยนชุดไปกินข้าวกับครอบครัวที่มีศรุตมาด้วย สลับกับกินกาแฟกับครูเอกที่เธอนัดอยู่ร้านติด ๆ กัน พาขวัญเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาวิ่งรอกจนเกือบแผนแตก แต่ก็รอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือของวิไล ที่เกือบจะทำพังไปเหมือนกันเพราะดันมีเซอร์ไพรส์ แต่ก็กลายเป็นเซอร์ไพรส์นั้นเองที่ช่วยให้พาขวัญรอดมาได้ เอกภพถูกใจการแสดงของวงชาญชลธีแต่ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ ไม่ยอมรับปากว่าจะเทคโอเวอร์วงชาญชลธีต่อหรือไม่ พาขวัญมารู้ทีหลังว่าตนแอบถูกชลธีหลอกใช้เพราะต้องการให้คนของพีไอจีมาดูการแสดง เธอเคืองชลธีเป็นอย่างมาก และประกาศว่าจะต่อต้านการขายชาญชลธีทั้งต่อหน้า และลับหลัง ชลธีได้รับการเชิญจากครูเอกผ่านทางเจ้าของโรงเรียนดนตรีที่เคยไปสมัครงาน แต่คุณวุฒิสูงเกินไป ให้มาช่วยวิจารณ์งานธีสิสเด็กที่ส่งงานด้านดนตรี เป็นโอกาสให้ชลธีได้ยินซาวด์เพลงของธีรวิทย์แล้วรู้สึกชอบ นัชชารู้ว่าชลธีมาจากวงชาญชลธีจึงรีบส่งข้อความไปบอกพาขวัญ พาขวัญจึงวางแผนจะดึงเพื่อน ๆ เข้ามาช่วยเธอปรับปรุงวงอีกแรง พาขวัญวางแผนให้ธีรวิทย์เข้ามาทำทีเป็นขอชลธีฝึกงานที่วงชาญชลธี และให้นัชชาปลอมเป็นแฟนขี้หึงของธีรวิทย์ติดตามมาด้วย ชลธีที่ชอบงานของธีรวิทย์อยู่แล้วก็ช่วยพูดกับชาญชัยให้เห็นดีเห็นงาม และรับธีรวิทย์เข้ามา เพทายไม่พอใจที่มีคนเข้ามาวุ่นวายในวงมากขึ้น ทำให้แผนการที่เขาวางไว้ในใจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก ถ้าวงพัฒนาอย่างนี้ต่อไป ชลธีอาจล้มเลิกความตั้งใจจะขายก็ได้ วงชาญชลธีเริ่มดีขึ้น พาขวัญแอบปลื้มใจอยู่ลึก ๆ ที่เธอทำให้ชาญชลธี สดชื่น มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เธอเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เป็นหางเครื่องอย่างเต็มตัวบนเวทีบนเวทีคอนเสิร์ตเกิดมาไม่เคยเจอ อันเป็นงานเลี้ยงพนักงานของค่ายเพลงพีไอจี ที่เอกภพอยากให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ดูการเเสดงของวงชาญชลธีก่อนตัดสินใจซื้อ เช้าวันเกิดเหตุรสรินแอบใส่สลอดลงไปในอาหารของพาขวัญ แต่บังเอิญมณีรัตน์กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์แทน ในขณะที่พาขวัญก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเช่นกัน เพทายจึงรีบนำทั้งสองส่งโรงพยาบาล รสรินแอบสะใจ คิดว่าแผนการของเธอนั้นสัมฤทธิ์ผล ธนัญญาซึ่งสืบรู้มาแล้วว่าวันนี้พาขวัญจะต้องรีบกลับไปเพื่อทำภารกิจสำคัญมากบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าอะไร เธอจึงคิดแกล้งเพื่อนด้วยการถ่วงเวลาในการบรรยายงาน เพราะพาขวัญได้บรรยายเป็นอันดับสุดท้ายต่อจากเธอ ด้วยเลขประจำตัวของพาขวัญนั้นอยู่หลังธนัญญา แม้พาขวัญจะกลับมาที่เวทีอย่างฉิวเฉียด และทำให้รสรินตกใจอยู่ไม่น้อยที่เธอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเต้นได้ แต่คอนเสิร์ตก็ยังไม่สามารถเริ่มทำการแสดงได้ เพราะภารวีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่เหตุการณ์กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็ปรากฏว่ามีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแนวหน้าของวงการปรากฏตัวขึ้นกลางเวทีคอนเสิร์ต สร้างความพอใจให้กับพนักงานของพีไอจีเป็นอย่างยิ่ง แถมยังดึงพาขวัญออกมาร้องเพลงคู่อีกด้วย ซึ่งพาขวัญก็ทำได้ดีมากจนทุกคนในวงตก ภารวีกลับมายังวงชาญชลธีแล้วบอกว่าเธอถูกวางยาลักพาไปขังไว้โดยใครก็ไม่รู้ รสรินกับมณีรัตน์ใส่ร้ายพาขวัญว่าเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้ขึ้นโชว์ร้องเพลงแทนภารวีในงานเมื่อคืน ภารวีเริ่มลังเลฐานะอันแท้จริงของพาขวัญ เมื่อวันหนึ่งขณะที่เธอต้องลอบออกไปมหาวิทยาลัย เพื่อรายงานความคืบหน้าของงานในช่วงเช้า ทานอาหารกับศรุตในมื้อค่ำ ชลธีแอบสะกดรอยตามพาขวัญไปติด ๆ แต่พาขวัญ ก็คลาดสายตาเขาไปอย่างหวุดหวิดทุกครั้ง พาขวัญช่วย จีน่า (บั๊บเบิ้ล-กรกฎ พวงสวัสดิ์) หางเครื่องชายใจหญิงของวง แก้ไขสถานการณ์บางอย่างที่บีบคั้นได้ขณะเข้าตาจน เธอทำโดยไม่ให้จีน่ารู้ แต่ชลธีเห็น เขามั่นใจว่าพาขวัญเป็นคนดีที่ไม่เอาเปรียบใคร พาขวัญกลายเป็นทั้งศิราณี และแม่พระที่คอยให้ความช่วยเหลือ และชี้แนะกับทุกคนในวงยามประสบปัญหาจึงยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ และมิตรภาพของเธอกับเพื่อน ๆ ในวงแน่นแฟ้นจนยากที่จะแยกขาดออกจากกัน ส่งผลให้การเก็บข้อมูลเพื่อทำโปรเจคท์ของเธอเป็นไปอย่างราบรื่น ชาญชัยพอเก็บเงินก้อนเล็ก ๆ จากการที่วงมีงานเพิ่มขึ้นได้บ้าง เขาจึงนำไปไถ่แหวนที่ครั้งหนึ่งตั้งใจจะใช้หมั้นหมายกับวิไล แต่ก็มีอันต้องเข้าใจผิดไปเสียก่อน เมื่อออกมาจากร้านทองด้วยความดีใจจะรีบเอาแหวนไปมอบให้หญิงที่ตนรัก โดยไม่ทันระวังชาญชัยถูกรถชนที่หน้าร้านทองนั่นเอง ชาญชัยเสียเลือดไปเป็นจำนวนมากจึงต้องการเลือดโดยด่วน ลูกวงในคณะทุกคนต่างแย่งกัน บริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือเจ้าของวง สร้างความประทับใจให้กับพาขวัญ และชลธีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชลธีที่นึกไม่ถึง ว่าทุกคนจะรัก และเสียสละให้กับพี่ชายของเขาได้ถึงเพียงนี้ การที่ชาญชัยประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่าทำให้ต้องใช้เงินมาก ประกอบกับข่าวที่วงโดนจับเรื่องเล่นการพนัน ทำให้ฉาวโฉ่จนถูกแคนเซิลงานจ้างจนเกือบหมด เพทายจึงหลอกให้ชลธีเซ็นเอกสารกู้เงินนอกระบบเพื่อเอาเงินมารักษาพี่ชาย ลูกวงชาญชลธีก็ได้ชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง เมื่อได้รับภาพถ่ายเก่าแก่ ตอนที่หัวหน้าดอกคูณเคยเป็นนักเลงถ่ายคู่กับสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ ปัญหาคือมันถูกส่งมาโดยใคร แต่อย่างน้อยข่าวลือที่บอกว่าหัวหน้าดอกคูณเคยเป็นนักเลงมาก่อนก็เป็นความจริง เมื่อถึงตอนลำบากอย่างนี้พอดี ใครบางคนก็พูดถึงขุมทรัพย์ของดอกคูนขึ้นมา เพทายถึงกับหงุดหงิด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นคนเดียวที่พยายามแอบหาที่ซ่อนสมบัติของดอกคูน แต่ตอนนี้ทั้งวงจะลุกขึ้นมาสมบัตินี้กันหมด เขาจึงแกล้งบอกว่าเรื่องสมบัติไม่น่าจะมีจริง เป็นเพียงกุศโลบายของดอกคูนที่ต้องการให้ทุกคนอยู่กับวงชาญชลธีไม่หนีหายไปไหน แต่แทบทุกคนก็ไม่เชื่อเพทาย ชดช้อยจำได้เล่า ๆ ว่าเป็นตัวเลขที่ต้องถอดรหัส ป้าน้อยบอกว่าเป็นรหัสของตู้เซฟที่ยังหาตัวตู้ไม่เจอ ส่วน เบลเบล (เพ็ญนภางค์ ชายด่าน) หางเครื่องรุ่นเดอะที่ยังเต้นอยู่บอกคับคล้ายคับคลาว่าเป็นเบอร์บัญชีธนาคาร แต่ไม่มีใครจำตัวเลขเหล่านั้นได้สักคน เหมือนจะมีการจดไว้ แต่พอไม่รู้ความหมายก็เลิกสนใจกันไป ปฏิบัติการตามล่าพลิกหาตัวเลขจึงเกิดขึ้น คืนนั้นพาขวัญฝันถึงดอกคูนจนตกใจตื่น จึงมายืนมองรูปดอกคูนในห้องของตัวเอง พาขวัญเห็นสายตาของดอกคูนในรูปมองไปที่มุมห้องด้านหนึ่งจึงเดินไปดู เห็นเลขลาง ๆ บนเสามุมห้อง จนเมื่อปัดฝุ่นแถวนั้นออกจึงเห็นเป็นชุดตัวเลข 8188216832 พาขวัญตื่นเต้นมากจนอยากจะโทรปลุกวิไลที่นอนเฝ้าชาญชัยอยู่ที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่กล้า ชลธียอมรับว่าพีไอจีสนใจอยากให้พาขวัญเซ็นสัญญาเป็นนักร้องจริง แล้วย้อนถามพาขวัญกลับไปว่าเธอจะยอมทำหรือไม่เพื่อช่วยวง พาขวัญปฏิเสธเพราะไม่คิดว่าวิธีนี้จะเป็นทางออก วงชาญชลธีจะต้องกลับมาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะแลกกับตัวของเธอ แล้วถ้าพีไอจีเห็นความสามารถของเธอ ทำไมวงถึงไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาช่วยวง แทนที่จะหาทางออกง่าย ๆ ด้วยการขายเธอออกไป เมื่อภารวีออกจากวงไป คนในวงก็เริ่มระส่ำระสาย แต่ก็ยังคงพยายามหาปริศนาตัวเลขต่อไป เมื่อยังคิดไม่ออก หลายคนเริ่มท้อแท้ และคิดจะไปจากวงชาญชลธี แม้ชลธีจะยืนยันว่าถ้าพบสมบัติ และนำไปใช้หนี้แล้วก็จะแบ่งให้ลูกวงทุกคนเท่า ๆ กัน แต่ก็มีหลายคนตัดสินใจไม่รอ เริ่มจากรสรินที่มีเสี่ยมาติดพันที่ผับที่ไปเป็นโคโยตี้ หลังจากถูกตามตื๊อมานาน และเอาเงินมาล่อ รสรินจึงตอบตกลงทิ้งนันทพงศ์ไปอยู่ด้วย ตามด้วยมณีรัตน์ที่พาหางเครื่องกลุ่มหนึ่งออกไปเต้นให้กับวงอื่น โดยทิ้งเพทายไว้ที่นี่ เผื่อเจอสมบัติก็ยังจะมีเอี่ยว แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายของมณีรัตน์คือการเข้าไปเป็นนักร้องของค่ายพีไอจี โดยผ่านการช่วยเหลือของเพทาย นันทพงศ์เสียใจเรื่องรสรินมาก พาขวัญเข้าไปปลอบจนชลธีมาเห็นเลยเข้าใจผิด คิดว่าพาขวัญโกรธเรื่องที่จะขอให้เธอเซ็นสัญญาเป็นนักร้อง เลยเปลี่ยนใจไปหานันทพงศ์คนซื่อที่แสนดี ระหว่างที่ลูกวงทยอยกันออกไป พาขวัญได้ยินเด็กท่องสูตรคูณเดินผ่านไปเลยนึกออกว่าที่แท้เลขรหัสนั้นคือ สูตรคูณแม่ 8 นั่นเอง เพราะฉะนั้นลายแทงสมบัติจึงน่าจะอยู่ใน สูท(ของดอก)คูน ผ่องศรีจึงไปเอาสูททุกตัวของดอกคูนที่เก็บไว้มาหา แต่ก็ยังไม่พบ และยังคงตีไม่ออกว่า แม่ 8 เกี่ยวข้องอะไรด้วย ป้าน้อยนึกขึ้นได้ถึงสูทตัวเก่งของดอกคูนในอดีตที่อยู่ในบ้านชาญชัย ผ่องศรีจึงไปขอชลธีให้เอาออกมาให้ เมื่อตรวจดูก็พบว่าที่ด้านซับในตะเข็บสูทตัวนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กซ่อนอยู่ในซองพลาสติกมีคำใบ้เขียนว่า ถนนปลอดทุกข์ ทุกคนแยกย้ายไปตามหาตามความเข้าใจของตน พาขวัญไปหาในห้องพระ ชดช้อยไปหาที่หน้าห้องสุขา หวดไปหาที่ถนนหน้าบ้าน มีเพียงชลธีที่พุ่งไปที่ห้องทำงานเก่าของพ่อที่พาขวัญอาศัยเป็นห้องนอน เพราะเชื่อมโยงได้ว่า จากสูตรคูณแม่ 8 เมื่อรวมกับคำใบ้ถนนปลอดทุกข์ซึ่งคือทางดับทุกข์ หรือ มรรค 8 นั่นเอง และหนทางปฏิบัติมรรค 8 ก็คือ การเดินสายกลาง และที่ดอกคูนชอบเดินก็คือในห้องทำงานเพื่อแต่งเพลง ดังนั้นใต้พื้นไม้กระดานชิ้นที่อยู่ตรงกลางห้องพอดี เขาจึงพบกล่องใส่ซิมการ์ดซ่อนอยู่ที่นั่น ด้วยความที่เป็นซิมการ์ดรุ่นเก่า ทุกคนอยากรู้ว่ามันเป็นซิมของใคร อะไร ยังไง แต่ไม่มีใครมีโทรศัพท์รุ่นที่ใส่ซิมแบบนั้นได้เลยมาหาตู้ขายเครื่องโทรศัพท์มือสองที่ตลาดนัดจนได้ไป แล้วพยายามโทรออกไปเบอร์ที่เมมไว้เพียงเบอร์เดียวในซิมนั้น เสียงมือถือของพาขวัญดังขึ้น ทุกคนตกใจคิดว่าเป็นซิมนั้นโทรหาพาขวัญ ปรากฎว่าเป็นวิไลที่โทรมาบอกเรื่องชาญชัยพ้นจากอาการโคม่าแล้ว หลังจากนั้นพอใช้ซิมโทรไปอีกรอบ สัญญาณเลขหมายปลายทางก็บอกเป็นว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ระหว่างที่ทุกคนง่วนกับการหาขุมทรัพย์ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งโทรมาหาเพทายเรื่องจะจ้างวงไปโชว์ในงานการกุศลหาทุนช่วยเด็กกำพร้าที่โรงแรมละแวกชานเมือง เพทายขอเงินมัดจำล่วงหน้า คุณหญิงบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเป็นสมาคมด้านการกุศลใหญ่โต ขอจ่ายที่งานทีเดียว ด้วยความร้อนเงิน ชลธีบอกเพทายว่าอนุญาตตามที่คุณหญิงขอมา พาขวัญไปตามวิไล และรุ่นน้องนักเต้นที่มหาวิทยาลัยมาเสริมในส่วนหางเครื่องที่หายไป ชลธียังคงพยายามโทรตามเบอร์ในซิมของดอกคูนวันละเป็นสิบรอบ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย เมื่อถึงวันงาน วงชาญชลธีไปถึงไม่เจอเจ้าภาพ แถมยังถูกโรงแรมกักตัวไว้ให้จ่ายเงินค่าเช่าห้องจัดเลี้ยง เพราะมีการแจ้งมาว่าวงจะมาเช่าสถานที่เปิดอัลบั้มใหม่ ไม่ใช่เป็นงานการกุศลอย่างที่ว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของ 2 แม่ลูก ทิพา (นันทนา บุญหลง) ธนัญญา ทำให้คราวนี้วงชาญชลธีหมดตัวจริง ๆ ต้องขายเครื่องดนตรี ไปทั้งวง และเมื่อกลับมาก็พบว่าโทรศัพท์พร้อมซิมที่เสียบชาร์จไว้ในห้องทำงานชาญชัยก็หายไป เจ้าหนี้นอกระบบส่งสมุนมาเตือนชลธีว่าใกล้กำหนดจ่ายเงินแล้ว พาขวัญช็อกเมื่อรู้ว่าชลธีไปกู้หนี้มาเพื่อรักษาชาญชัย ชลธีบอกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณพี่ชายที่เสียสละหาเงินส่งเขาเรียนเมืองนอก เมื่อพี่ชายประสบอุบัติเหตุแบบนี้ เขาจะนิ่งดูดายไม่ได้ พาขวัญเริ่มคิดเรื่องเซ็นสัญญากับค่ายพีไอจีเพื่อช่วยชลธี ชลธีเสียใจจนหมดแรงที่จะทำอะไรได้ เขาบอกพาขวัญให้กลับไปอยู่บ้าน แต่พาขวัญอาสาจะอยู่เป็นเพื่อนชลธี ชายหนุ่มซึ้งในน้ำใจพาขวัญ ตกดึกพาขวัญนั่งรวบรวมข้อมูลธีสิสที่ได้จากการเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกในวงชาญชลธีมาร่วมสามเดือน เธอเห็นไฟในห้องนอนชลธีเปิดอยู่จึงไปอุ่นนมร้อนมาให้ แต่คลาดกับชลธีที่เดินไปหาพาขวัญที่ห้องทำงานดอกคูน พาขวัญเดินกลับมาที่ห้องก็พบว่าชลธีกำลังอ่านข้อมูลที่ในแล็ปท็อปของเธออยู่ ชลธีเสียใจและผิดหวังมากที่มองพาขวัญผิดไป ที่แท้เธอก็เข้ามาในวงชาญชลธีเพียงเพื่อต้องการข้อมูลในการทำธีสิสแค่นั้นเอง พาขวัญพยายามอธิบาย แต่ชลธีก็ไม่ฟัง ไล่ให้พาขวัญกลับบ้านไป เจ้าหนี้นอกระบบมาทวงหนี้แต่ชลธีไม่มีให้ เลยถูกขนของไปจนหมดบ้าน นกเขามาเห็นพอดีจึงรีบโทรบอกเจ๊หอมให้รีบมาเอาของไปบ้าง เดี๋ยวจะไม่เหลืออะไร ด้วยพอจะรู้ลู่ทาง นกเขาจึงเข้าไปขนเครื่องดนตรี และของที่จะพอมีเหลือในห้องดอกคูน นกเขาถึงจะกลัวแต่ก็เข้าไปขนของในห้องนั้นจนเกลี้ยง โดยขนขึ้นรถนันทพงศ์ที่จอดอยู่นอกรั้วบ้านไป พาขวัญโทรบอกวิไลเรื่องทั้งหมด และฝากวิไลกลับไปดูชลธีบ้างแต่อย่าเพิ่งบอกชาญชัยว่าวงแตกแล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลเธอจะขอให้อรรถพลช่วยออกให้ วิไลรับปากด้วยความเป็นห่วงทั้งพาขวัญและชลธี ชลธีนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้านที่ไม่เหลืออะไร มีเพียงกองใบแจ้งหนี้สุมเต็มไปหมด แก๊งทวงหนี้นอกระบบบุกเข้ามาแล้วอุ้มชลธีไป ชลธีถูกพาไปรุมซ้อมในเซฟเฮาส์ และบังคับให้เลือกระหว่างส่งยาเสพติดใช้หนี้ หรือจะยอมขายตัวให้กะเทย ชลธีไม่ยอมทั้งสองอย่างเลยถูกซ้อมจนสลบไป นันทพงศ์ตัดสินใจจะบวช แต่หลวงตาเผือกเห็นว่าจิตใจยังไม่สงบ จึงบอกให้อาศัยเป็นเด็กวัดไปก่อน จนกว่าจะตัดทางโลกได้จริง ชลธีฟื้นขึ้นมาในห้องนอนของแจ๊คเกอลีน เศรษฐีกะเทยไทยวัยดึก เขาขอให้แจ๊คเกอลีนปล่อยเขาไป แต่แจ๊คเกอลีนปฏิเสธ หลังจากที่แจ๊คเกอลีนได้รับรู้ราวเรื่องชีวิตของชลธี จึงวางแผนให้ชลธีอาศัยอยู่ในบ้านเธอไปก่อน โดยอ้างกับทางเจ้าหนี้ว่าติดใจในตัวชลธี ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรกัน แต่เพื่อให้เขาหลบจากการตามของทีมทวงหนี้ ในระหว่างที่เธอจะจัดการเคลียร์หนี้ทั้งหมดกับทางเจ้าหนี้นอกระบบให้ โดยมีสัญญาใจกันบางอย่างกับชลธี วิไลถ่วงเวลาให้ชาญชัยอยู่โรงพยาบาลให้นานที่สุด เพราะไม่อยากให้ออกมารับรู้เรื่องชาญชลธีวงแตก จึงขอให้พาขวัญมาเยี่ยมชาญชัยแล้วเล่าเรื่องความเป็นไปในวงเพื่อให้ชาญชัยสบายใจขึ้น รสรินถูกเสี่ยโรคจิตจับขังล่ามโซ่ไว้ในบ้านเหมือนสัตว์เลี้ยง ไม่ยอมให้ออกไปไหน และไม่ให้ติดต่อใครเด็ดขาด คืนหนึ่งรสรินเห็นพาขวัญไปรับโทรศัพท์ในงานการกุศลออกทีวี เลยออกอุบายเอามือถือจากคนรับใช้ของเสี่ยที่คอยเฝ้าเธออยู่มาโทรไปขอให้พาขวัญช่วย พาขวัญโทรบอกนันทพงศ์ให้ไปด้วยกัน ในที่สุดก็ช่วยรสรินออกมาได้ พาขวัญพารสรินมาพักอยู่ที่บ้านของเธอ ในฐานะญาติของวิไล ชาญชัยตื่นขึ้นมาเห็นข่าวไฟไหม้สำนักงานของตัวเองจึงหนีออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับไปดู ขณะที่วิไลกำลังออกมารับสายดวงกมล ที่โทรมาต่อว่าเรื่องที่สมรู้ร่วมคิดกับพาขวัญไปอยู่ในวงดนตรีลูกทุ่ง วิไลตกใจมากว่าดวงกมลรู้ได้ยังไง ดวงกมลบอกให้วิไลดูข่าวทีวี เธอจึงได้เห็นคลิปหลุดลูกสาวรัฐมนตรีเต้นหางเครื่อง ซึ่งถูกปล่อยออกมาโดยธนัญญา ดวงกมลโกรธมากจนสั่งวิไลไม่ต้องกลับมาทำงานกับเธออีก เมื่อกลับเข้ามาที่ในห้องคนป่วย ชาญชัยก็หายไปแล้ว วิไลทำอะไรไม่ถูก ดวงกมลไล่รสรินออกจากบ้านไปเพราะรู้ว่าเป็นหางเครื่องที่อยู่ในคลิปกับพาขวัญ พาขวัญแอบหนีตามรสรินไปด้วยโดยความร่วมมือของ จิ๋วหลิว (จุ๊กกะดุ๋ย-ดนยา รัตนธาดา) คนรับใช้ร่างอวบ ทั้งคู่มาหานันทพงศ์ที่วัดหลวงตาเผือก นันทพงศ์บอกว่ากำลังจะไปที่สำนักงานเพราะเพิ่งรู้ข่าวจากหลวงตาว่าเกิดไฟไหม้ ที่สำนักงานชาญชลธี เหล่าบรรดาผู้แพ้ทั้งหลายได้มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งชาญชัย พาขวัญ นันทพงศ์ รสริน ภารวี จีน่า และวิไลที่ตามมาทีหลัง ภารวีขอโทษวิไลที่หลงเชื่อ และทำตามแผนการณ์ของมณีรัตน์ ทำให้ชาญชัย และวิไลเข้าใจผิดกัน ชลธีขอแจ๊คเกอลีนกลับมาดูบ้าน และได้พบกับชาญชัย สองพี่น้องโผเข้ากอดกัน ชลธีขอโทษที่รักษาวงของพ่อไม่ได้ ชาญชัยบอกไม่เป็นไรยังพอมีอีกทางคือเขาได้สมัครส่งวงเข้าประกวดชิงเงินรางวัล 5 ล้านบาทไว้ ชลธีแนะนำให้ชาญชัยรู้จักกับแจ๊คเกอลีน แฟนคลับของดอกคูนตั้งแต่เริ่มตั้งวงใหม่ ๆ พอรู้ว่าชลธีเป็นลูกของดอกคูนก็เลยช่วยเหลือ และเคลียร์กับเจ้าหนี้นอกระบบให้ แจ๊คเกอลีนบอกว่าจะช่วยชุบชีวิตของวงชาญชลธีขึ้นใหม่ ให้ไปตามทุกคนกลับมาให้ทันประกวด ชลธีอาสาแต่งเพลงสุดท้ายที่ยังแต่งไม่จบของพ่อให้สำเร็จ โดยมีธีรวิทย์ช่วยเข้ามาทำซาวน์ดนตรีให้ทันสมัยแต่ก็ยังมีความเป็นลูกทุ่งชัดเจนอยู่ในเพลง และที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ ก็คือเจ๊หอมเข้ามาประกาศยกหนี้ให้ และยกโกดังเก่าของเธอให้เป็นที่ซ้อมพร้อมคืนเครื่องดนตรีที่ยึดมาให้กับวงอีกด้วย โดยมีข้อแม้ว่าชาญชัยจะต้องยอมหอมแก้มเธอแล้วถ่ายเซลฟี่ ชาญชัยทำตามด้วยความยินดี และบอกว่าถ้าชนะแล้วได้เงินรางวัลมาจะเอาไปใช้หนี้เจ๊หอมทุกบาททุกสตางค์...แสงสว่างเริ่มปรากฏที่ปลายอุโมงค์ ในวันประกวดซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พาขวัญต้องส่งงานธีสิสจบการศึกษาของเธอ วงชาญชลธีจับสลากได้เป็นวงสุดท้ายในการขึ้นประกวด ด้วยเพลงที่แต่งใหม่ของชลธี โดยมีพาขวัญเป็นคนร้อง นัชชาออกแบบชุดให้ เจ๊หอมเป็นแม่ยกร่วมกับแจ๊คเกอลีน ส่วนค่ายพีไอจีโดยเอกภพก็ส่งมณีรัตน์ขึ้นโชว์ในงานเพื่อเป็นการเปิดตัวศิลปินใหม่ในงานนี้ด้วย โดยมณีรัตน์ลิปซิงค์เสียงของภารวี แจ๊คเกอลีนเป็นคนซื้อเพลงของดอกคูนทั้งหมดจากเพทายตอนเพทายร้อนเงินเพราะเสียพนันในบ่อน แล้วให้ชลธีเอามาคืนชาญชัย พาขวัญรีบกลับมาเพื่อให้ทันส่งงานที่คณะ แต่ก็ถูกสื่อมวลชนรุมขอสัมภาษณ์ ทำให้กลับมาที่มหาวิทยาลัยไม่ทัน ครูเอกบอกให้เธอรอส่งงานใหม่ปีหน้า ธนัญญาถูกเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทวงวงศกรคืนในงานส่งธีสิส โดยที่ลักษมีเป็นคนหักหลังให้ข้อมูลของธนัญญากับเมียหลวง ศรุตตามไปช่วยปลอบใจธนัญญา พาขวัญตัดสินใจแสดงงานของตัวเองที่ในโรงอาหาร ไม่ว่าครูเอกจะตัดสินให้คะแนนผลงานของเธอหรือไม่ คนในวงชาญชลธีตามมาทัน และช่วยประกอบร่างโชว์ของพาขวัญให้ออกมาจนได้ นักการภารโรง รปภ. แม่ค้า ตลอดจนนักศึกษาต่างสนุกสนานไปกับโชว์ของพาขวัญ อรรถพลขึ้นไปร่วมแสดงกับลูกสาวแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวกันมาก่อน สร้างความตื่นเต้นให้คนดูมากขึ้นไปอีกที่คนระดับรัฐมนตรีเข้ามาแจมด้วย โดยมีวินัยพ่อของวิไล เพื่อนเก่าแก่ของดอกคูนอีกคนขึ้นไปร่วมแสดงฝีมือเช่นกัน พาขวัญ จะเรียนจบพร้อมเพื่อน ๆ หรือไม่ ? ความรักของเธอกับชลธี จะสมหวังหรือเปล่า ? ติดตามชมได้ละคร นางฟ้าเปื้อนฝุ่น ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.35 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.20 น. ทางช่อง 7 ละคร นางฟ้าเปื้อนฝุ่น เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 13 กันยายน 2559

เทพธิดาป่าคอนกรีต 2559

เรื่องย่อ : เทพธิดาป่าคอนกรีต (2559/2016) ชัย ผู้รับเหมาก่อสร้างรายเล็ก มีภรรยาคือ กอบแก้ว ติดตามไปขายอาหารในไซด์งานด้วย ทั้งคู่มีลูก 2 คน คนโตชื่อ แววดาว ฝันอยากสบายและไม่ค่อยพอใจความเป็นอยู่ครอบครัวนัก ขณะที่แววเดือน ลูกคนเล็ก เรียนจบสถาปัตย์ฯ และตั้งใจจะช่วยงานพ่อ 2 พี่น้องมีความฝันที่เหมือนกัน คือ มีบ้านให้พ่อแม่อยู่สบายขึ้น ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เมื่อชัยพลัดตกจากนั่งร้านเสียชีวิต ยืนยง ผู้ช่วยชัย ซึ่งแอบรักแววดาวอยู่ เข้ามาสานต่องานที่ค้างและช่วยทุกอย่างด้วยความเคารพรักชัยและกอบแก้ว ทั้งที่รู้ว่าถูกแววดาวรังเกียจ แถมยังต้องตกเป็นขี้ปาก นางเปลี่ยน และลูก ๆ ที่คอยพูดเหน็บว่าเขาคิดเหมาผู้หญิงทั้งบ้านทำเมีย เหตุการณ์ที่เกิดกับยืนยง อยู่ในสายตาใยไหม ลูกร้านวัสดุก่อสร้าง ที่ทั้งเห็นใจและเป็นห่วงยืนยง หนุ่มที่เธอแอบชอบ บริษัทของ 3 พี่น้อง ยุดาวดี พฤกษ์และพงษ์สิทธิ์ มีการคัดเลือกสาวสวยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แชมพู คู่กับเมญ่า นักแสดงที่กำลังจะร่วงในอีกไม่ช้า เพราะไปยุ่งกับธรรธนพผู้ชายของยุดาวดีเข้า เรื่องนี้ทำให้ยุดาวดีโกรธจึงคิดลดบทบาทเธอลงด้วยการหานางแบบใหม่มาเสริม จึงเป็นโอกาสดีของแววดาว เธอไปสมัครทันทีโดยมีพงษ์สิทธิ์คอยช่วยเพราะถูกใจเธออยู่ แววเดือนผลักดันพี่สาวเต็มที่ แต่หลังจากแววดาวได้งานนี้ แววเดือนก็ถูกกันออกห่าง อนุชา ผู้จัดการซึ่งดูแลแววดาว อ้างว่าพื้นฐานครอบครัวจะเป็นตัวถ่วงไม่ให้ดัง จากนั้นก็ให้แววดาวย้ายไปอยู่ลำพังที่คอนโด ตามคำสั่งพงษ์สิทธิ์ เพื่อเขาจะได้ใกล้ชิดเธอโดยไม่มีแววเดือนคอยขวาง แต่ชายหนุ่มที่แววดาวรักตั้งแต่แรกพบกลับเป็นพฤกษ์พี่ชายของเขา โดยแววดาวก็ไม่รู้ว่าพฤกษ์นั้นมีใจให้น้องสาวต่างหาก ไม่ใช่ตัวเธอ ยืนยงยังคงคาใจเรื่องสาเหตุการตายของชัย จึงแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ และพุ่งเป้าไปที่ครอบครัวของนางเปลี่ยนและลูกๆ ซึ่งมีหนี้สินกับชัยอยู่ก้อนหนึ่ง โดยเรื่องนี้มีเพียงใยไหมที่รับรู้ และคอยช่วยเหลือเขา อนุชาหางานป้อนให้แววดาวมากมายทั้งงานโฆษณาและละครจนโด่งดัง ชีวิตแววดาวเริ่มถอยห่างจากแม่และน้องสาวออกไป ขณะที่แววเดือนยังคงตั้งใจขยันขันแข็ง ช่วยยืนยงทำโครงการของพ่อต่อ ส่วนกอบแก้วก็ยังคงไปขายอาหารที่ไซด์ก่อสร้างตามเดิม โดยมีพฤกษ์แวะเวียนไปที่ไซด์งานบ่อยครั้ง จนเขาและแววเดือนเริ่มสนิทสนมและมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน หลังจากรู้ว่าแววเดือนนั้นเรียนจบสถาปัตย์พฤกษ์จึงเอ่ยปากชวนให้ไปสมัครงานที่บริษัทของเขา แววเดือนดีใจ เพราะนี่คือโอกาสที่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพียงแต่ขอเวลาเพื่อทำโครงการสุดท้ายของพ่อให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน ธรรธนพ พบแววดาวก็ถูกใจ พอรู้ว่าแววดาวปกปิดนักข่าวเรื่องครอบครัวเลยเอาเรื่องนี้ไปขู่จนแววดาวต้องจำใจยอมไปกินข้าวด้วย เมญ่าพยายามเตือนแววดาวว่าอย่าไปยุ่งกับธรรธนพ ไปรมา นักแสดงคู่อริที่เคยมีเรื่องตบตีกับแววดาว แกล้งโทรบอกนักข่าว พอยุดาวดีเห็นข่าวก็โกรธ จะถอดแววดาวออกจากงาน แต่พงษ์สิทธิ์ห้ามไว้ ยุดาวดีรู้ว่าน้องชายชอบแววดาวจึงสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับแววดาวอีก โครงการสุดท้ายของชัยใกล้เสร็จแล้ว แววเดือนตกลงใจไปทำงานที่บริษัทของพฤกษ์ เพราะเห็นลู่ทางเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเพื่อแม่ ที่บริษัท แววเดือนสนิทกับ ปุ๊ก และเจนจบ พนักงานฝ่ายการตลาด แต่ไม่ถูกกับพิมพ์ชนก เลขาขี้อิจฉาที่ชอบประจบยุดาวดีและคอยหาเรื่องแกล้งเธอ มาริสาผู้ช่วยของพฤกษ์ ชวนแววเดือนไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านพฤกษ์ จึงได้พบกับแววดาวที่ไปในงานเดียวกัน พี่น้องไม่ได้ทักทายกันเพราะแววดาวเคยสั่งห้ามไม่ให้แววเดือนแสดงตนว่ารู้จักเธอ เมื่อแววดาวรู้ว่าน้องสาวสนิทกับพฤกษ์ก็เริ่มไม่พอใจ ถึงกับเอ่ยปากขอพฤกษ์จากแววเดือนๆ เห็นแก่พี่สาวจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัทพฤกษ์ และพยายามพาตัวออกห่างจากเขา ยุดาวดีที่สืบรู้ว่าแววเดือนเป็นน้องสาวแววดาวเลยพาลนึกรังเกียจไปด้วย เธอจึงวางแผนเปิดทางให้ ดลฤทัย อดีตคนรักของพฤกษ์ที่ต้องการจะกลับมาสานสัมพันธ์ต่อ ได้มีโอกาสเข้ามาใกล้ชิดกับพฤกษ์อีกครั้ง ด้วยการรับดลฤทัยเข้ามาทำงานในบริษัท ส่วนแววดาวที่พยายามจะใช้พงษ์สิทธิ์เพื่อเข้าให้ถึงตัวพฤกษ์ แต่กลับทำให้พงษ์สิทธิ์รู้ตัวว่าเป็นได้แค่สะพาน จึงตัดใจเลิกยุ่งกับแววดาวแล้วหันไปควงกับไปรมาแทน ยืนยง สืบจนแน่ใจว่า การตายของชัย มีครอบครัวนางเปลี่ยนอยู่เบื้องหลัง จึงตัดสินใจบอกให้แววเดือนรู้ ทั้งคู่ชวนกันไปหาแววดาวเพื่อจะบอกเรื่องนี้ แต่แววดาวกลับแสดงทีท่าไม่ต้อนรับ ยืนยงและแววเดือนจึงกลับมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง ขณะเดียวกันกอบแก้วเกิดล้มป่วย ต้องเข้าผ่าตัด แววเดือนพยายามส่งข่าวให้พี่สาวรู้ แต่ถูกอนุชากีดกัน จนไม่สามารถเข้าถึงตัวแววดาวได้ พอไปหาที่คอนโดก็ไม่ได้รับการต้อนรับอีก ความน้อยใจทำให้แววเดือนตัดสินใจไม่รับเงินที่แววดาวฝากอนุชามาให้ ขณะที่แววดาวเข้าใจว่าทางบ้านได้รับเงินไปแล้ว เพราะอนุชายักยอกเงินนั้นไว้เอง พฤกษ์รู้เรื่องกอบแก้วป่วยก็ยื่นมือเข้าช่วยจนได้รับการผ่าตัด กอบแก้วมีอาการดีขึ้น สองแม่ลูกรู้สึกขอบคุณพฤกษ์และหวังว่าจะมีโอกาสตอบแทนบุญคุณของเขา เมื่อไม่มีใคร แววดาวจึงหันไปคว้าธรรธนพเพราะคิดว่าเขาจะเป็นตัวเชื่อมให้เธอเข้าถึงพฤกษ์ได้ แต่สุดท้ายแววดาวก็เสียท่า โดนธรรธนพวางยา แถมถ่ายภาพเปลือยไว้ขู่จนเธอต้องยอมมีสัมพันธ์ด้วย ยืนยงเห็นธรรธนพออกจากคอนโดของแววดาว ก็เป็นห่วง จึงเตือนแววดาวและต่อว่าที่เธอทำตัวเหลวแหลก แต่แววดาวไม่ฟังแถมยังด่าว่าดูถูกยืนยง ทำให้ยืนยงตัดใจจากแววดาวทันที หันมามุมานะทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว โดยมีใยไหมเป็นตัวช่วย 3 ปีต่อมา ชีวิตแววดาวที่เคยโด่งดังเต็มที่เริ่มเปลี่ยนไปในทางเลวร้าย เมื่อวินัยในการทำงานลดลง แถมมีข่าวเสียหายจนอนุชาระอาที่ต้องคอยแก้ข่าวให้ แววเดือนที่ออกจากงานประจำมาทำงานฟรีแลนซ์ ยอมลำบากโดยไม่คิดจะรับเงินจากพี่สาว จนในที่สุดก็ได้งานในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่โชคชะตาก็พาให้ได้พบพฤกษ์อีกครั้ง เมื่อบริษัทที่เธอทำงานถูกควบรวมกิจการกับบริษัทพฤกษ์ แววเดือนเลยจำต้องมาทำงานที่บริษัทพฤกษ์อีก เมื่อได้ใกล้ชิดกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็กลับมาดีดังเดิม แม้ดลฤทัยจะพยายามพาตัวเข้ามาแทรกแต่ก็ไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ลงได้ แววเดือนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงตัดสินใจผ่อนบ้านหลังเล็กๆ แล้วพาแม่ย้ายมาอยู่ด้วย พฤกษ์ช่วยติดต่อจนได้ราคาลดพิเศษ พิมพ์ชนกเอาข่าวไปสอพลอ จนยุดาวดีไม่พอใจ หาทางกีดกันน้องชายจากแววเดือน แววดาวรู้ตัวว่าท้องกับธรรธนพเลยวางแผนจับพงษ์สิทธิ์ แต่พงษ์สิทธิ์ไม่ติดกับ พอไปปรึกษาอนุชา ๆ ก็ไม่รับรู้ จึงตัดสินใจไปทำแท้งโดยไม่ฟังคำทัดทานจากเมญ่าที่พยายามจะเตือนสติ ยุดาวดีที่ให้คนตามถ่ายรูป ยืมมือไปรมาให้ไปบอกนักข่าว โชคดีที่ยืนยงมาช่วยพาแววดาวหนีออกจากโรงพยาบาลได้ทัน พฤกษ์ช่วยแววเดือนปิดข่าวพี่สาวแต่แววดาวกลับคิดว่าพฤกษ์มีใจให้ เธอจึงวาดฝันจะต้องจับพฤกษ์ให้ได้ แววเดือนเตือนสติพี่สาว แต่แววดาวกลับโกรธ ด่าแววเดือนว่าอยากกันท่าเอาไว้เอง พฤกษ์สารภาพรักกับแววเดือน แววเดือนเห็นใจพี่สาวจึงปฏิเสธ แต่พฤกษ์ก็ยืนยันว่าจะรอเธอ สุดท้ายแววเดือนก็ใจอ่อนยอมแต่งงานกับพฤกษ์เงียบ ๆ เพื่อไม่ให้แววดาวรู้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของยุดาวดี ชีวิตแววดาวตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะมีปัญหา ทั้งเบี้ยวงาน เสพยา แถมยังมีคลิปโป๊แพร่ออกไปอีก กอบแก้วเห็นข่าวก็ตกใจจนช็อกเข้าโรงพยาบาล พฤกษ์ที่ตามมาบังเอิญเห็นยืนยงกอดปลอบใจแววเดือน จึงเริ่มระแวงทั้งคู่ ดลฤทัยก็หาเรื่องแกล้งแววเดือนโดยไม่ให้พฤกษ์รู้ แถมยังเข้าหาพฤกษ์จนแววเดือนเข้าใจผิด ขณะที่พฤกษ์ก็เข้าใจผิดคิดว่าแววเดือนเป็นชู้กับยืนยงโดยมียุดาวดีคอยยุ จนทั้งคู่ระหองระแหงกัน ยุดาวดีส่งทนายไปเจรจาเรื่องหย่ากับแววเดือน โดยอ้างว่าพฤกษ์เห็นชอบแล้ว และจะให้เงิน10 ล้าน เพื่อจ้างให้หย่า แววเดือนที่รู้ตัวว่าท้อง แต่เพราะน้อยใจพฤกษ์ จึงยอมหย่าให้โดยไม่รับเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะลูกเท่านั้นคือสิ่งที่เธอต้องการ จากนั้นก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน แววดาวซ้ำเติมน้องว่าท้องไม่มีพ่อ แถมยังเชื่อตามข่าวลือคิดว่าแววเดือนมีสัมพันธ์กับยืนยงอีก ใยไหมที่รู้ความจริงทุกอย่างโกรธแทนถึงกับจะตบแววดาว แต่แววเดือนห้ามไว้และขอให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ยุดาวดีสะใจมากที่ทุกอย่างเป็นไปตามต้องการ เมื่อหมดประโยชน์ดลฤทัยจึงเป็นรายต่อมาที่ถูกไล่ออก ยุดาวดีรู้ว่าธรรธนพเลี้ยงผู้หญิงจึงตามไปตบตีกับแววดาวและถูกธรรธนพทำร้ายรุนแรงจนมดลูกแตก ไม่สามารถมีลูกได้ เมื่อรู้ว่าแววเดือนท้อง จึงไปทวงหลาน บอกว่าลูกของพฤกษ์เป็นทรัพย์สินของตระกูลเธอ แววเดือนโมโหไล่ยุดาวดีไป แต่ก็ทำให้แววดาวรู้ว่า แท้จริงลูกในท้องแววเดือนเป็นลูกของพฤกษ์ไม่ใช่ยืนยง แววดาวติดยาหนักขึ้น จนกอบแก้วและยืนยงต้องช่วยกันจับส่งสถานบำบัด ด้านยุดาวดีก็บังคับให้พฤกษ์ไปเอาลูกคืนให้ได้ เพราะแววเดือนไม่ยอมให้ ยืนยันว่าลูกเป็นของเธอไม่ว่าพ่อจะเป็นใคร พฤกษ์ก็ไม่มีสิทธิ์ พฤกษ์ที่รู้ตัวว่าเข้าใจผิดและรู้ว่าแววเดือนท้อง จึงพยายามง้อขอปรับความเข้าใจแต่แววเดือนก็ใจแข็ง แววเดือนเกิดหกล้มจนต้องคลอดก่อนกำหนด พฤกษ์นั่งเฝ้าแววเดือนไม่ห่าง ยืนยงและกอบแก้วช่วยเกลี้ยกล่อมให้แววเดือนใจอ่อนเพื่อเห็นแก่ลูก แต่แววเดือนยังลังเล เมื่อแม่และเด็กแข็งแรงขึ้นจนกลับบ้านได้ ยุดาวดีวางแผนให้ธรรธนพใช้แววดาวไปขโมยหลาน แววเดือนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพฤกษ์จึงไปต่อว่า กอบแก้วที่รู้ความจริงว่าแววดาวเป็นคนทำ โกรธมากขนาดจะตัดแม่ตัดลูกหากแววดาวไม่ยอมเอาหลานมาคืน กอบแก้วเสียใจพูดเตือนสติจนแววดาวเริ่มสำนึก แววเดือนบุกไปชิงลูกคืนจากยุดาวดี โดยมียืนยงและใยไหมไปด้วย ยุดาวดียอมคืนให้เพราะแววเดือนขู่จะแจ้งความ แต่หลังจากนั้นก็สั่งให้ธรรธนพตามไปชิงคืนมาอีก ธรรธนพตามไปชิงเด็ก แถมใช้ปืนทำร้ายพฤกษ์และยืนยงจนบาดเจ็บ ก่อนจะเอาเด็กไปยังที่ๆ นัดกับยุดาวดีไว้ แววดาวที่สำนึกตัวว่าได้ทำผิดมามาก ตัดสินใจไปหายุดาวดีเพื่อจบทุกอย่าง เมื่อธรรธนพไปถึง จึงพบยุดาวดีถูกแทงนอนจมกองเลือดอยู่ก่อนแล้ว แววดาวทำร้ายธรรธนพอีกคนเพื่อแก้แค้น ทุกคนตามมาช่วยเด็กไว้ได้ แววดาวยอมมอบตัวเข้าไปชดใช้ความผิดในคุก เรื่องทุกอย่างจบลง พฤกษ์กับแววเดือนปรับความเข้าใจกัน และกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง

เจ้าบ่าวกลัวฝน 2559

เรื่องย่อ : เจ้าบ่าวกลัวฝน (2559/2016) เกิดเรื่องที่ผับหรูในงานฉลองวันเกิด ของ ชานน (แม็ค-วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล) เซเลบหนุ่มหล่อ..เพลย์บอย เป็นต้นเหตุให้สาว ๆ ทะเลาะตบตีชิงหัวใจของเขา อยู่ ๆ มีชายฉกรรจ์ตามล่าตัวชานนอีก เพราะไปตีท้ายครัวคนรักมาเฟีย และขัดแย้งธุรกิจกัน ชานนหนีตายมาเจอ ถุงแป้ง (แม็กกี้-อาภา ภาวิไล) สาววัยรุ่นสู้ชีวิตฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าว ขณะขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับจากทำงานพิเศษ ชานนวิ่งตัดหน้ารถเธอก่อนกระโดดขึ้นซ้อนขอร้องให้ขี่พาหนีตาย ถุงแป้งให้ชานนลงที่ปลอดภัย กระเป๋าตังค์ที่มีเช็คหลักล้านอยู่ข้างในหล่น ถุงแป้งเก็บได้แต่เอาไปคืนไม่ทัน เมื่อชานนกลับถึงบ้านถึงพบว่ากระเป๋าตังค์หายปักใจว่าถุงแป้งเป็นคนขโมยทันที ด้านถุงแป้งคิดหาทางคืนของให้ชานน แต่ต้องทำงานหาเงินรักษา นายสุข (หนึ่ง-นึกคิด บุญครอง) ผู้เป็นพ่อที่ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ จึงเอาของไปให้ไม่ได้ จะปล่อยให้ นางปลา (ใหม่-นัฐฐา>>นัฏฐา ลอยด์) ผู้เป็นแม่ ขายห่อหมกเลี้ยงครอบครัวคนเดียวไม่ไหว แต่ถุงแป้งไม่เคยคิดจะเอากระเป๋าเงินไปแน่นอน เพราะเธอมีศักดิ์ศรี และซื่อสัตย์ หลังช่วยแม่ขายของถุงแป้งยังรับงานอีเว้นท์เปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์หรูของ แพรพิไล (กัสจัง-จีร่าร์ พิทักษ์พรตระกูล) เซเลบสาวสวย..ดีไซเนอร์ไฟแรง และเป็นผู้หญิงอีกคนที่หลงรักชานน โดยมี ชาลิสา (ตุ๋ย-นวลปรางค์ ตรีชิต) คุณแม่หนุ่มชานน หนุนหลังว่าที่ลูกสะใภ้สุดพลัง แต่ลูกชายปฏิเสธ เพราะฝังใจเจ็บกับความรักเก่าที่โดน สุธิสา (กีฟ-อรลีฬห์ โสตถิวันวงศ์) ผู้ประกาศข่าวสาวชื่อดังที่คบกันตั้งแต่มหาวิทยาลัย สุธิสาทิ้งชานนไปแต่งงานกับฝรั่งทั้งที่กำลังจะแต่งงานกัน รวมกับอดีตที่เจ็บช้ำเมื่อครั้งพ่อทิ้งแม่ไปมีภรรยาใหม่ ชานนฝังใจว่า..รักแท้ไม่มีอยู่จริง ! ในอีเว้นท์..ชานนมาร่วมงานกับ ชลดา (แพร-วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์) น้องสาวคนสวย ถุงแป้งดีใจรีบจะเอากระเป๋าไปคืนให้เลยวิ่งชนฉาก และเวทีล้มครืน งานเปิดตัวเสื้อผ้าของแพรพิไลพัง แพรพิไลโกรธจัดสั่งคนจัดการถุงแป้ง เธอหนีไปชนชานน..เขาคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ เลยชวน ทรงพล (เจเจ-เจตต์ กลิ่นประทุม) เพื่อนซี้ ตามถุงแป้งไปผับแห่งหนึ่ง ชานน-ทรงพลตะลึง เมื่อเห็นถุงแป้งแต่งตัวเซ็กซี่ร้องเพลงบนเวที แถมมีลูกค้าหนุ่ม ๆ ทิปมากมาย ชานนดูถูกถุงแป้งที่ใช้ตัวแลกเงิน ผิดกับทรงพลที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ชานนปรี่เข้าหาเรื่อง ถุงแป้งหมั่นไส้ท้าดวลค็อกเทลชานนตัวต่อตัว ใครแพ้ถอดเสื้อผ้าเต้นบนเวที ชานนรับคำท้าไม่รู้ว่าเธอดื่มค็อกเทลไร้แอลกอฮอล์ เกมนี้ถุงแป้งคว่ำชานนไม่ยาก เขาจำใจขึ้นเวทีเต้นโชว์ซิกแพคตามสัญญา พร้อมจำความแสบถุงแป้งขึ้นใจ ชานนไม่ยอมแพ้รวบตัวถุงแป้งส่งตำรวจทั้งที่เพื่อนห้าม เธอยืนยันไม่ได้ขโมยของชานน นางปลามาหาลูกสาวที่โรงพักทั้งน้ำตา ชานนเสียใจที่เข้าใจเธอผิด ถึงรู้ว่าครอบครัวถุงแป้งลำบากแค่ไหน เขาพยายามขอโทษเธอแต่ไม่สำเร็จ กลับถึงบ้านชานนปวดหัวกับแผนยั่วสวาทของแพรพิไลที่ตามตื๊อเพราะคุณแม่ชาลิสาหนุนหลัง ชานนทะเลาะขอร้องไม่ให้แม่จับคลุมถุงชน ชาลิสาร้องไห้เสียใจที่ลูกชายสุดที่รักระเบิดอารมณ์ใส่ทั้งที่ตนหวังดี ผู้เป็นแม่ช็อกเข้า ICU ชานนถึงยอมรับปากแต่งงาน ชาลิสา-แพรพิไล และพรรณราย (ดี้-ปัทมา ปานทอง) เศรษฐีนีถังแตก คุณแม่ขาของแพรพิไลแฮปปี้เว่อร์ นึกว่าแผนการจับคู่สำเร็จ ชานนพลิกเกม ขอเลือกเจ้าสาวเอง เขาคิดหาสะใภ้แสบ..แซ่บมารับมือแม่ไม่ได้ เลยต้องไปขอร้องให้ถุงแป้งช่วย เธอปฏิเสธเพราะไม่ชอบขี้หน้าชานน แล้วต้องช่วยครอบครัวหารายได้พิเศษหลังเลิกเรียนอีก ชีวิตของถุงแป้งเต็มไปด้วยความฝันที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวแบบ พี่สุธิสา (ไอดอล) คนสวย เช่นเดียวกับเพื่อนซี้ 2 คน คือ แก้วตา (แพทตี้-พิมพาภรณ์ เสริมพณิชกิจ) เพื่อนสาวคนสนิท กับ รักชาติ (ซูกัส-บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์) เพื่อนชายร่วมก๊วนนิเทศศาสตร์ แต่ถึงถุงแป้งจะห้าว..ซ่าแค่ไหน พาที (ต้า-พศิน ศรีธรรม) ไฮโซหนุ่มขี้อวดประจำมหาวิทยาลัย ก็ยังตามจีบ ด้านแก้วตา เพื่อนสาวคู่ซี้ของถุงแป้ง ถูกศรรักปักอก เมื่อเดินชนทรงพลโดยบังเอิญ เธอไม่โกรธเพราะปิ๊ง ! ชายหนุ่มตรงหน้า ทรงพลไถ่โทษด้วยการไปส่งแก้วตาที่มหาวิทยาลัยก่อนไปหาเพื่อน ตกค่ำชานน-ทรงพลไปเที่ยวผับที่ถุงแป้งทำงาน เห็นเธอโชว์พอดี ด้านล่างมีแก้วตากับรักชาติเชียร์อัพ อยู่ ๆ ชานนก็ปรี่ไปหาถุงแป้งข้างเวทีเพื่อขอโทษที่เข้าใจผิดว่าเธอขโมยกระเป๋าเงิน ถุงแป้งไม่ไว้ใจคิดว่ามาหาเรื่องทะเลาะกันวุ่นวาย ชานนจูบถุงแป้งเพราะต้องการให้สงบสติอารมณ์ รักชาติ-แก้วตาไม่ยอมแต่ถุงแป้งกลัวโดนไล่ออกหากมีเรื่องกับแขกจึงยุติเรื่องทั้งหมด เมื่อถึงบ้านถุงแป้งช็อก พ่อถูกส่งโรงพยาบาลด่วนเพราะโรคหัวใจกำเริบ ถ้าไม่รีบผ่าตัดต้องเสียพ่อไปแน่ แต่ค่าผ่าตัดตั้ง 1 ล้านบาท ไม่รู้จะหาที่ไหน ? ทางชานนก็เครียดหนัก แม่ยื่นคำขาดให้ลูกชายหาว่าที่ภรรยาให้ได้ ไม่เช่นนั้น..เขาต้องแต่งงานกับแพรพิไล ชานนชวนทรงพลไปหาถุงแป้งกลางดึก แต่ไม่เจอ เพื่อนร่วมงานเล่าให้ชานนฟังว่า..ถุงแป้งเป็นลูกกตัญญูดูแลครอบครัว ตอนนี้ต้องการเงินก้อนโตเอาไปรักษาพ่อ ชานนขอที่อยู่ถุงแป้งแล้วไปหาทันที เขาอยากช่วยเหลือเธอจริง ๆ ชานนยื่นข้อเสนอให้ถุงแป้งเป็น ภรรยากำมะลอ แลกกับเงิน 1 ล้านบาท ไม่ทันได้คำตอบ..แพรพิไลโผล่มาอาละวาดถุงแป้ง แถมประกาศว่าชานน คือ ว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเอง ถุงแป้งไม่หวั่นตอกหน้าแพรพิไลกลับ ทรงพลอกหัก เมื่อรู้ว่าชานนให้ถุงแป้งเป็น..ว่าที่เมีย ชานนเคลียร์ว่าจ้างถุงแป้งมากันแพรพิไลไม่เกินเลยเธอแน่นอน ที่สำคัญ..เขาอยากช่วยเหลือให้เธอมีเงินรักษาพ่อ ด้านแพรพิไลกับพรรณรายตามราวีถุงแป้งไม่เลิก ความหยิ่งในศักดิ์ศรี และอยากเอาชนะ 2 แม่-ลูก ถุงแป้งจึงตกลงเป็น ภรรยา (ในนาม) กำมะลอ และให้เวลาชานน 3 เดือน แลกกับเงิน 1 ล้าน แต่ถุงแป้งต้องจดทะเบียนสมรส และเข้าไปอยู่ในบ้านเขา ถุงแป้งหอบเงินไปจ่ายค่าผ่าตัดพ่อพร้อมบอกความจริงทั้งหมด นางปลาเข้าใจเหตุผลลูกสาวแต่รักชาติกับแก้วตาไม่เห็นด้วย ชานนให้สัจจะจะไม่ล่วงเกินถุงแป้งโดยให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จากนั้นก็ขนของเข้าบ้านชานนพร้อมจดทะเบียนสมรส ชาลิสาตกใจที่ลูกชายเอาเด็กเหลือขอมาเป็นเมีย ไม่รับถุงแป้งเป็นลูกสะใภ้ แม้ถุงแป้งจะเป็นสะใภ้เศรษฐีแต่ก็ ยังไปทำงานตามความฝัน คือ ผู้ประกาศข่าว สถานีข่าวของ เกริกพล (ร็อกกี้-สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ) ในตำแหน่ง..ผู้สื่อข่าวอิสระ ฝ่ายชานนแม้จะมีเมีย (กำมะลอ) ก็ยังหาความสำราญจากสาว ๆ ทุกวัน ถุงแป้งกลัวแผนหลอกคุณแม่ชาลิสาแตก ลากตัวชานนกลับเขาสัญญาว่า..ชีวิตนี้ไม่ขอมีความรักให้ใครอีก แพรพิไลก็ไล่ล่าชานนไม่เลิกแถมดึงพาที น้องชาย มาช่วยกำจัดถุงแป้งด้วย พาทีหลงเสน่ห์ถุงแป้งเป็นทุนจึงลั่นวาจาว่า..แม้ถุงแป้งจะแต่งงานแล้ว ก็จะแย่งเธอมาให้ได้ ! พาทีทำเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ถุงแป้ง แม้จะเมาแทบไม่เหลือสติชานนยังอุตส่าห์แกล้งหวงก้างเมียสาว จนชลดา น้องสาวชานน แอบน้อยใจที่ผู้ชายพากันแย่งถุงแป้ง โดยเฉพาะพาทีคนที่ชลดาหลงรัก ชาลิสา-ชลดา-แพรพิไล เริ่มแผนเผด็จศึกถุงแป้ง โดยให้ แจ่ม (ปูเปรี้ยว-วาทินี เข็มเพชร) ป้าสำรวย (แม่เต่า-อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา) และโบ้ (หนุงหนิง-ศุภฤกษ์ ทับทวี) เหล่าคนรับใช้ในบ้าน ชี้นิ้วสั่งถุงแป้งทำงานบ้านสารพัด แต่ถุงแป้งทันเกม แกล้งทุกคนอย่างเจ็บแสบ พวกชาลิสาไม่ย่อท้อในเมื่อแกล้งในบ้านไม่สำเร็จ ก็ไปรังแกนอกบ้าน ทว่ารักชาติตามปกป้องถุงแป้งจากแผนร้ายไว้ได้ แพรพิไลให้พาทีตีสนิทถุงแป้งแต่ถูกทรงพลขายขนมจีบถุงแป้งตัดหน้า เข้าทางแพรพิไลใส่ไคล้ว่าถุงแป้งหว่านเสน่ห์มีผู้ชายรุมล้อม ชานนเข้าใจผิดต่อว่าถุงแป้งโดยไม่รู้ว่ากำลังหึงเธอ แต่เพื่อแผนที่แนบเนียนชานนพาภรรยาไปฮันนีมูนที่ทะเล ทรงพล-รักชาติ-พาที ดั๊น..ตามไปทำคะแนนอีก ชานนทนเห็นหนุ่ม ๆ เอาใจถุงแป้งไม่ได้จูบเธอต่อหน้าทุกคน ถุงแป้งโกรธตบหน้าแล้ววิ่งหนีโดนหอยตำเท้าคุณสามีรีบอุ้มกลับห้องไปทำแผล กลางคืนที่ห้องพักถุงแป้ง พาทีย่องเข้าปล้ำเธอโชคดีชานนช่วยทัน พาทีหัวเสียจัดการถุงแป้งไม่ได้ พี่สาวก็ตำหนิ ชลดายังซ้ำเติม เลยขืนใจชลดาแทน และไม่คิดรับผิดชอบ ชลดาผิดหวังในตัวพาทีมาก กลับจากทะเลชานนห้ามพาทีมาเกาะแกะถุงแป้ง พาทีไม่เชื่อชานนตามเป็นบอดี้การ์ดให้ แม้แต่เวลาที่ถุงแป้งลงพื้นที่ไปทำข่าวแก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่งจนถูกรังควาน ชานนยังตามไปช่วยเธอจนปลอดภัย ทั้งคู่เริ่มสนิท และเข้าใจกันมากขึ้น ชาลิสาทนไม่ได้วางแผนขัดความสุขลูกชาย ให้ถุงแป้งแต่งตัวเชย ๆ ไปงานไฮโซ แก้วตารู้รีบเอาชุดมาให้ กอบกุล (แอน-นันทนา บุญหลง) แม่ที่เป็นช่างตัดเสื้อฝีมือดี ดัดแปลงกลายเป็นชุดทันสมัยฟรุ้งฟริ้ง ! ชานน และแขกในงานตะลึง ! เมื่อเห็นถุงแป้งในชุดเก๋ ชาลิสา-แพรพิไล ไม่ยอมแพ้แนะนำถุงแป้งให้รู้จักเจ้าของหนังสือชาวต่างชาติ คิดว่าลูกสะใภ้บ้าน ๆ คุยภาษาอังกฤษไม่ได้ ผิดถนัด..ถุงแป้งสปีคอิงลิชคล่องปร๋อ คุยถูกคอกับเจ้าของหนังสือถูกทาบทามให้เป็นนางแบบ วันถ่ายแบบ..ถุงแป้งเขินโพสท่าใกล้ชิดสามี ภาพออกมาน่ารักหนังสือขายดีเกลี้ยงแผง ช่วงนี้ชานนติดแต่ถุงแป้ง โดยไม่รู้ว่าชลดา น้องสาว ตั้งครรภ์ ซึ่งเธอก็ไม่คิดบอกใครแม้แต่พาที พ่อของลูก เพราะชลดารู้ว่าเขาไม่มีทางรับผิดชอบ ปล่อยให้ชาลิสา-แพรพิไล-พาทีสนุกกับการกลั่นแกล้งถุงแป้ง ถึงขั้นกล่าวหาถุงแป้งว่าขโมยสร้อยเพชร ลามด่าไปถึงบุพการีเธอ ถุงแป้งยอมให้ใครดูถูกพ่อ-แม่ไม่ได้ เถียงกลับ..ชานนเห็นเมียกำลังว่าแม่ตัวเองโกรธไม่ฟังเหตุผล..ทั้งที่ถุงแป้งพยายามอธิบาย เธอน้อยใจขนเสื้อผ้ากลับบ้าน พอชานนรู้ความจริงว่าถุงแป้งถูกปรักปรำเป็นขโมยก็รีบไปง้อเธอ แพรพิไลเฮิร์ตที่ชานนสวีทถุงแป้งอีกครั้ง หนีไปดื่มเหล้าที่ผับจนหมดสติ โชคดีรักชาติจำได้เลยพาแพรพิไลไปเปิดโรงแรมพัก แล้วเผลอหลับพับข้าง ๆ กัน สร่างเมาแพรพิไลคิดว่ารักชาติลวนลามจึงอาละวาดโรงแรมแตก รักชาติแกล้งเออออว่ามีอะไรกันแล้ว เพื่อจะกันแพรพิไลจากครอบครัวถุงแป้ง ด้านทรงพลแปลกใจที่มีคนส่งของปริศนามาให้หลายครั้งพร้อมการ์ดลงชื่อ ถุงแป้ง เขาตัดสินใจไปถามความจริงจากถุงแป้ง ได้คำตอบว่า..เป็นผ้าพันคอฝีมือแก้วตา ทรงพลประทับใจ แก้วตารับโดยดีว่าแอบชอบเขา ใกล้ 3 เดือนของการแต่งงานกำมะลอ ชานนใจหายที่ถุงแป้งต้องกลับบ้าน แต่รักชาติดีใจฉลองหนักเมาไม่รู้เรื่อง ถูกแม่ม่ายพาไปปล้ำ ยังดีแพรพิไลเจอเลยช่วยรักชาติได้ ต่างคนต่างรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้ใกล้ชิดกัน พอ ๆ กับคู่ชานน-ถุงแป้งที่มีความสุขเวลาอยู่ด้วยกัน ก่อนออกจากบ้านชานน..ถุงแป้งขอโทษชาลิสาที่ล่วงเกินตลอดมา แต่ไม่ทำให้ชาลิดาเลิกคิดกำจัดลูกสะใภ้หัวดื้อ ถึงกับจ้างคนลักพาตัวถุงแป้ง โดยบังคับให้ชลดา-แพรพิไล-พาทีร่วมมือ โจรหักหลังเอาตัวชาลิสา-แพรพิไล-ชลดา-พาทีไปด้วย ถุงแป้งหายไปไม่นานชานนก็รู้หัวใจตัวเองว่า รัก ! เธอ เขาตามไปสารภาพความในใจ เจอทรงพลที่ตั้งใจมาปรับความเข้าใจกับแก้วตารักชาติก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่ถุงแป้งยังไม่กลับมา จู่ ๆ มีโทรศัพท์ลึกลับมาหาชานน มันคือโจร ที่จับตัวถุงแป้ง และทุกคนไป ยื่นข้อเสนอแลกตัวประกันทั้งหมดกับเงิน 10 ล้านบาท ที่ป่าแห่งหนึ่ง แม้รู้ว่าอันตรายชานนก็ไป ทรงพลกับรักชาติจึงขอไปช่วยด้วย ตัวประกันถูกมัดกลางป่า..ชาลิสาโวยวายทะเลาะกับทุกคน ถุงแป้งให้ตั้งสติ ทุกคนหาทางแก้มัดกำลังพากันหนี หัวหน้าโจรเห็น รัวยิงไล่หลังพวกถุงแป้งหนีตายคนละทิศละทาง มาเจอชานน-ทรงพล-รักชาติที่ตามมาช่วยพอดี พวกโจรไล่จี้มาติด ๆ พาทีไม่พอใจที่ชลดาเป็นตัวถ่วง เธอถึงยอมบอกว่ากลัวลูกในท้องเป็นอันตราย พาทีตกใจ พลันโจรโผล่มายิงชลดาเอาตัวเองบังกระสุน พาทีซึ้งใจในความรักที่เธอมีต่อเขา จัดการโจรร้ายแก้แค้นให้ชลดา ส่วนแพรพิไลหนีกระเจิงไปคนเดียว ยังดีที่เจอกับรักชาติกลางป่า ทั้งคู่พากันหนีแต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือพวกโจร รักชาติรวบรวมความกล้าบู๊ ! จนโจรสลบ แพรพิไลปลื้มที่รักชาติช่วยเธอด้วยความกล้าหาญ อีกด้านหนึ่ง..แก้วตาหนีเตลิดมาเจอทรงพล ทั้งสองมีโอกาสสารภาพความในใจกัน ทรงพล-แก้วตา สัญญาจะจับมือเดินไปด้วยกัน ส่วนถุงแป้งก็พาชาลิสาหนีมาอีกด้านหนึ่ง ชาลิสาก็ยังไม่ปลื้มลูกสะใภ้อยู่ดี สุดท้ายชานนตามจนเจอทั้งคู่ ถึงตอนนี้ถุงแป้งไม่คิดปิดบังความจริง เธอเป็นคนบอกชาลิสาว่าที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอะไรกับชานนแค่การแต่งงานปลอม ๆ หัวหน้าโจรโผล่มาแทงชานน ถุงแป้งเอาตัวเองรับมีดแทนจนบาดเจ็บ เหตุการณ์บานปลายแต่ไม่มีใครรู้ว่าสุธิสาอยู่เบื้องหลังแผนการร้ายกาจนี้มาตลอด แม้จะช่วยทุกคนผ่านวิกฤตจนรอดปลอดภัย แต่ชาลิสายังกีดกันถุงแป้ง-ชานนไม่ลดละ แถมได้สุธิสามาเสริมทัพอีกแรง รักแท้..ต่างชนชั้นระหว่าง ชานน กับ ถุงแป้ง ต้องจบแบบเจ็บ ๆ เพราะแม่ผัวไฮโซไม่ปลื้ม ซ้ำด้วยฤทธิ์มือที่สามอย่าง สุธิสา แม่หม้ายทรงเสน่ห์แทรกแซงหัวใจ ชานนจะเป็น เจ้าบ่าวกลัวฝน หรือไม่ ? ! รอชมความสนุกรสแซ่บได้ทุกเย็นวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.40 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.20 น. ช่อง 7 HD ละคร เจ้าบ่าวกลัวฝน เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2559

คุณนายสายลับ 2559

เรื่องย่อ : คุณนายสายลับ (2559/2016) ณ โรงแรมดังในลำพูน วิชัย เจ้าของโรงแรมกำลังต้อนรับคณะทัวร์กลุ่มใหญ่จากกรุงเทพฯ โดยมีลิซ่า ภรรยาสาวแต่งหน้าจัดแต่งกายสีฉูดฉาดอยู่เคียงข้าง ทุกสายตาต่างจับจ้อง โดยเฉพาะ สินธพ รุจิกรณ์ ทายาทเจ้าของรีสอร์ต ธุรกิจแปรรูปองุ่นและไร่องุ่น “วรพงษ์” ที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกหลังจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเขากับวินธัย ลูกชายวิชัยเป็นเพื่อนรักกัน สินธพจึงมาเที่ยวตามคำเชิญของเพื่อนและคิดจะทำงานที่นี่ เพราะอยากได้ประสบการณ์ก่อนกลับบ้าน

ลิซ่าหาจังหวะแยกตัวไปที่ห้องทำงานวิชัย เพื่อเซฟข้อมูลลูกค้ายาเสพติดของเขาเป็นหลักฐาน สินธพซึ่งไม่เคยไว้ใจสาวสวยที่แต่งงานกับชายแก่คราวพ่ออยู่แล้วเลยตามมา และหาทางก่อกวน ลิซ่า หรือ ร้อยตำรวจโทหญิงเรขาคณิต รวิปรียาจึงต้องถ่วงเวลาจนเซฟข้อมูลเสร็จ แต่ดูเหมือนสินธพจะไม่ยอมจบ ลิซ่าจึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากสารวัตรเพิก ที่ปะปนอยู่ในงาน เพิกจึงส่งจ่าชู ลูกน้องคนสนิทไปช่วย แต่ก็เกือบเสียแผน เพราะความซุ่มซ่ามของจ่า ด้านเพิกเข้าจับกุมวิชัย จนเกิดการปะทะภายในงาน แต่ทั้งวินธัยและวิชัยก็ถูกจับ สินธพเป็นห่วงลิซ่าแต่ก็แปลกใจที่เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ที่กรุงเทพฯ เรขาคณิตกลับมาบ้านพร้อมเพิกซึ่งอยู่บ้านติดกัน อดีตรัฐมนตรีคำนวณกับคุณหญิงรพีภัสร์ พ่อแม่ของเธอเริ่มจะชินกับการหายตัวไปนาน ๆ ของลูกสาวจึงไม่ซักถามเรื่องงานที่เรขาคณิตเป็นสายลับของหน่วยเฉพาะกิจแห่งกองปราบ จะมีก็แต่ยายสม ญาติห่าง ๆ ของคุณหญิงรพีภัสร์ที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กคอยถามสารทุกข์สุขดิบ และแซวว่าเมื่อไหร่คุณหนูของตนจะแต่งงานกับเพิก เพราะหมั้นกันมาหลายปีแล้ว แต่เรขาคณิตไม่ตอบอะไร ส่วนเพิกก็เรียกเรขาคณิตไปคุยเรื่องงานที่เกือบมีปัญหาเพราะสินธพ เรขาคณิตขอให้ไม่พบเขาอีก เพิกถึงกับยิ้มแห้งและบอกว่า มีงานด่วนที่เกี่ยวข้องกับคนนามสกุล “รุจิกรณ์” เรขาคณิตถึงกับอึ้งไป หนึ่งเดือนต่อมา วรพงษ์โทรหาสินธพเพื่อให้มาแต่งงานกับหญิงที่ท่านหาให้ แต่สินธพปฏิเสธเพราะเกลียดการคลุมถุงชน วรพงษ์โกรธมากถึงกับจะตัดสินธพออกจากกองมรดก ดีที่ได้มาติกา หลานสาวบุญธรรมที่ท่านขอมาเลี้ยงช่วยพูด วรพงษ์จึงบอกว่า

สะใภ้ของท่านจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่มิรันตี หรือ มีมี่ นางแบบสาวที่เขาควงอยู่ เพราะเธอคือลูกสาวเสี่ยมีโชค คู่แข่งซึ่งอยู่ไร่ติดกับ ไร่ของวรพงษ์นั่นเอง สินธพนั้นคิดกับมิรันตีแค่เพื่อน แต่พอได้ยินพ่อพูดอย่างนั้น จึงประชดว่าเขาจะแต่งงานกับมิรันตีทันทีที่กลับไป วรพงษ์โกรธจัดจนแม่ทิพย์ แม่บ้านต้องเอายาดมมาให้ วรพงษ์ตัดพ้อลูกชายกับแม่ทิพย์ และเลยไปถึงนพนารี ลูกสาวที่เอาแต่หลงอเนก คนรักจนไม่ยอมกลับมาช่วยงาน ก่อนจะประกาศว่า ในเมื่อลูกชายไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ อย่างเรขา ท่านก็จะแต่งเอง

ข่าวใหญ่ของวรพงษ์และสินธพถูกกระจายไปทั่วไร่ลามไปถึงไร่ข้าง ๆ ทำให้มิรันตีถึงกับเนื้อเต้นที่จะได้แต่งงาน ขณะที่ มาติกาเสียใจเพราะแอบรักสินธพอยู่ แต่เรื่องวรพงษ์จะแต่งงานดูเป็นเรื่องใหญ่กว่าเธอจึงรีบโทรบอกสินธพ สินธพตัดสินใจกลับไร่ทันที

ความรีบร้อน ทำให้สินธพลืมเติมน้ำมันจนรถดับกลางทาง มิหนำซ้ำ ยังเจอพวกมิจฉาชีพกลุ่มใหญ่อีกด้วย แต่โชคก็ไม่ใจร้ายเกินไป เมื่อเรขาขับรถผ่านมาและโชว์ฝีมือจัดการคนร้ายจนหมด สินธพทั้งทึ่งในความสามารถ อึ้งในความสวย และแปลกใจที่เธอรู้จักเขาเป็นอย่างดี เรขาพาสินธพไปถึง รีสอร์ตโดยไม่แนะนำตัวเองและเดินจากไปทันที ทำให้สินธพคิดว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยว

สินธพมองรอบไร่ที่เปลี่ยนไป และต้องหงุดหงิด เมื่อเห็นป้ายไร่เปลี่ยนเป็น “ไร่เรขา” เขาจึงไปหาพ่อทันที แต่ก็ได้คำตอบที่ทำให้ตกใจกว่าว่าพ่อจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาขอพบคุณเรขา แต่วรพงษ์ทำเฉย บอกเพียงเย็นพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงภายใน สินธพจึงไปหามาติกา จนรู้ว่า เรขาเพิ่งมาสมัครเป็นเลขาของวรพงษ์เมื่อเดือนก่อน แล้วท่านก็รับทันทีโดยไม่ต้องฝึกงาน แถมยังให้เธอมาร่วมโต๊ะด้วยทุกวัน โดยห้ามใครเข้าไปกวน แต่แม่ทิพย์แอบมาเล่าว่า วรพงษ์หัวเราะอารมณ์ดี และสุขภาพดีขึ้นทุกวันตั้งแต่เรขามาอยู่ด้วย และเรขาเองก็เป็นคนอัธยาศัยดีไม่ถือเนื้อถือตัว สินธพไม่พอใจ เพราะคิดว่าที่พ่อทำเป็นเพราะจะบังคับให้เขาแต่งงาน เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

เรื่องพ่อยังไม่ทันจะแก้ไข สินธพก็ได้รับโทรศัพท์จากนพนารีที่โทรมาร้องห่มร้องไห้บอกว่า ธุรกิจที่อเนกทำร่วมกับเพื่อนขาดทุนย่อยยับ สินธพเลยแนะนำให้นพนารีพาอเนกกลับมาทำงานที่ไร่ ตอนแรกนพนารีจะไม่ยอมจนเมื่อรู้เรื่องภรรยาใหม่ของพ่อ เธอก็ชวนอเนกกลับมาทันที อเนกนั้นอ้างตัวเป็นนักธุรกิจ และเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้านพนารี ทำให้เธอหลงเขามากถึงขั้นจะแต่งงานกัน แต่วรพงษ์ก็ขวางไว้สุดตัว นพนารีไม่รู้ว่า อเนกเป็นนักพนันตัวยง และตนกำลังนำตัวอันตรายไปอยู่ที่บ้าน

สินธพแอบคิดถึงผู้หญิงที่ช่วยเหลือเขา แต่ก็ไม่ได้พบอีก จนงานเลี้ยงที่พ่อจัดขึ้น เขาจึงได้รู้ว่า หญิงสาวที่ช่วยเขาไว้ก็คือ เรขา ภรรยาใหม่ของพ่อนั่นเอง นพนารีโวยวายไม่ยอมรับและบอกจะแต่งงานกับอเนกบ้าง ส่วนมิรันตี แขกไม่ได้รับเชิญก็เข้ามาในงานพร้อมเสี่ยมีโชค ผู้เป็นพ่อ เธอประกาศว่าพร้อมจะแต่งงานตามที่สินธพลั่นวาจาไว้ วรพงษ์โกรธจนความดันขึ้น แต่เขาแข็งใจประกาศว่า ถ้าทั้งสองแต่งงาน เขาจะยกทุกอย่างให้เรขา จากนั้น วรพงษ์ก็เรียกเรขากับมาติกาพยุงเขากลับห้อง งานเลี้ยงจบลงท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด สินธพสังเกตเห็นว่าเรขามองทุกคนอย่างสำรวจจึงสงสัย

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เรขาผูกมิตรกับคนงานในไร่จนเป็นที่รักของทุกคน ทั้งแม่ทิพย์ ผอง หัวหน้างาน และน้อย สาวใช้คนใหม่ แต่นั่นยิ่งขัดใจสินธพ วรพงษ์เรียกทุกคนมาประชุมแบ่งงาน โดยให้สินธพเป็นผู้จัดการใหญ่ดูแลในภาพรวม เรขาดูแลการเงินมีมาติกาคอยช่วย ส่วนอเนกกับนพนารีให้เริ่มต้นที่พนักงานต้อนรับ อเนกไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่นพนารีก็จำต้องยอม เพราะวรพงษ์ยึดบัตรเครดิตทั้งหมดไว้ ด้านมิรันตียังมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้สินธพ แต่เขาไม่สนใจเธอ เพราะมัวแต่จับผิดเรขา มีเพียงอเนกที่ส่งสายตาหวานไม่หยุด และมิรันตีก็เล่นด้วย ทั้งคู่จึงแอบนัดกันโดยไม่ให้นพนารีรู้

สินธพแอบตามเรขาไปทุกที่แต่ก็ถูกจับได้ทุกครั้ง เรขาแกล้งพาเขาเดินทั่วไร่หวังให้เหนื่อยเล่นและให้เขาเรียนรู้งานไปในตัว สินธพแปลกใจที่เรขาทำได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่งานกรรมกร กลางคืนเมื่อมีเวลา เธอก็จะไปร้องรำทำเพลงกับพวกคนงาน โดยมีน้อยกับผองเป็นลูกคู่ หากเรขาเห็นสินธพก็จะแกล้งดึงเขาเข้าไปในวงจนคล้ายเป็นตัวตลกของคนงาน แต่สินธพกลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หรือหากวันไหน เรขาเข้าไปขี่ม้าและสินธพตามไป เธอก็จะทิ้งระยะห่างจนเขาตามไม่เคยทัน เขาสังเกตว่าเธอชอบแวะเวียนไปเขตไร่ของตนกับเสี่ยมีโชค จึงสงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่

วันหนึ่ง มีคนงานป่วยเพราะเพิ่งคลอดลูก เรขาก็ไปช่วยเหลือแถมยังมีความรู้ด้านแพทย์แผนไทย ทำให้สินธพเผลอมองเธออย่างชื่นชม แต่พอเธอจับได้ สินธพก็ทำเป็นโวยวาย ค่อนแคะดูถูกเรขาว่าเธอหวังสมบัติ เพราะหากไม่จริง เธอคงไม่แต่งงานกับคนแก่คราวพ่อเด็ดขาด ทั้งคู่เลยกลายเป็นคู่กัด และทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนสินธพจะพ่ายแพ้ทุกครั้ง มิรันตีก็แอบนินทาเรขากับมาติกาหวังหาพวก แต่พอเรขามาได้ยินและตอกกลับมิรันตีอย่างเจ็บแสบ เหมือนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอดี มาติกาก็แอบเชียร์เพราะไม่อยากให้สินธพกับมิรันตีแต่งงานกัน เรขาเริ่มรู้จุดอ่อนของมาติกาเลยตีสนิทด้วยการสนับสนุนให้เธอสมหวังในรักกับสินธพ

สินธพที่มักชวนเรขาทะเลาะ เริ่มรู้ตัวว่าแอบชอบแม่เลี้ยง เขาจึงต้องพยายามบังคับใจไม่ให้คิดเกินเลยกว่าฐานะลูกเลี้ยงที่เป็นอยู่ ด้านเรขาก็ชอบพูดจายั่วและชอบเรียกสินธพว่า “นายม้าพยศ” โดยไม่สนใจว่าสินธพจะโกรธมากแค่ไหน

วันหนึ่ง มิรันตีมาตื๊อชวนสินธพไปขี่ม้า เขาปฏิเสธไม่ได้ แต่พอไปถึงคอกม้าจึงได้เห็นเรขากำลังขี่ม้าเล่นอยู่กับชายแปลกหน้า มิรันตีคิดแกล้งเรขาด้วยการทำให้ม้าในคอกตื่นและหลุดออกไป สินธพเป็นห่วงเรขามากแต่ก็พบว่าเธอควบคุมสถานการณ์ได้ดี เรขาแนะนำให้สินธพรู้จักเพิก เจ้าของร้านกาแฟที่อยู่เชิงดอยไม่ไกลจากไร่คนใหม่ สินธพแปลกใจเพราะจำได้ว่า เป็นร้านประจำของตน เรขาไม่ให้ความกระจ่างอะไร แถมยังคุยสนิทสนมกับเพิก จนสินธพหึงแทนพ่อและทำให้มิรันตีหงุดหงิด

ทุกวัน เรขาจะออกไปนั่งร้านกาแฟของเพิก แต่วรพงษ์ก็ไม่เคยว่า จนสินธพอดค่อนขอดไม่ได้ วรพงษ์รำคาญลูกชายจึงหนีไปยังบ้านพักที่สร้างไม่เสร็จท้ายรีสอร์ต สินธพยังคงหงุดหงิด แต่ไม่กล้าไปร้านกาแฟคนเดียว เลยชวนมาติกาไปเป็นเพื่อน มาติกาแอบดีใจคิดว่า สินธพอาจใจตรงกัน แต่เธอก็ต้องผิดหวัง เมื่อเขาเอาแต่ตอแยเรขาหาว่ามีชู้ ปล่อยให้มาติกานั่งอยู่คนเดียว เพิกสงสารเลยมาชวนคุย แต่มาติกาไม่ไว้ใจเพิกเพราะดูท่าทางเจ้าชู้

ด้านอเนกขยันทำงานขึ้นจนแม้แต่นพนารีก็แปลกใจ แต่เขาก็เฉไฉบอกว่าจะเก็บเงินขอเธอแต่งงาน ทำให้นพนารียิ่งหลงอเนก ผองคอยรายงานวรพงษ์ทุกระยะเกี่ยวกับอเนก วรพงษ์ซึ่งชอบให้โอกาสคนจึงเลื่อนตำแหน่งอเนกให้มาดูแลงานด้านจัดซื้อโดยมีนพนารีเป็นผู้ช่วย ทำให้อเนกพอใจมาก และทุกครั้งที่มีโอกาส เขามักจะคอยแทะโลมมาติกาเสมอ จนเธอกลัว ดีที่ได้เรขาคอยเป็นก้างขวางคอ ยกเรื่องเงินเดือนมาอ้าง จนนพนารีทั้งหึงมาติกาและเกลียดเรขาเพิ่มมากขึ้น

ทุกคืน เรขาจะเข้าไปนวดหลังให้วรพงษ์จนท่านหลับ ก่อนที่จะหายตัวไป หรือบางครั้ง เธอก็ไปขลุกอยู่กับคนงานเพื่อหาข้อมูลในอดีตของวรพงษ์ โดยไม่ให้ผิดสังเกต ทุกคนจึงรักเธอมากกว่ามิรันตีที่มาทีไรก็เอาแต่วางอำนาจ ทุกคนเรียกเรขาว่าคุณนาย ทำให้สินธพหมั่นไส้ วรพงษ์เฝ้าดูเรขาอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่มองหน้าเธอ เขาก็คิดถึงอดีตคนรักที่หน้าตาเหมือนเรขาไม่ผิดเพี้ยน พอรู้ประวัติว่าเรขาเป็นกำพร้า แต่ขยันขันแข็ง และดูฉลาดเฉลียว เขาจึงอยากอุปการะเธอและชดเชยความรู้สึกผิดที่มีต่อคนรักเก่า ท่านคิดจะให้สินธพแต่งงานกับเรขา แต่สินธพกลับไม่สนใจแถมยังประชดจะไปคบกับมิรันตี ท่านจึงแต่งงานประชดลูกชายบ้าง ด้านมาติกาเห็นมิรันตีเกาะติดสินธพไม่ห่างก็ไประบายกับเรขา เรขาจึงยุให้เธอบอกรักสินธพ มาติกาตัดสินใจรวบรวมความกล้าเปิดเผยความในใจ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทำให้มาติกาวิ่งหนีไปพร้อมน้ำตา เพิกที่บังเอิญแวะมาจึงตามไปปลอบโยน ทำให้ทั้งสองสนิทกันขึ้น

เพิกได้รับข้อความจากหัวหน้าหน่วยให้สืบหาข้อมูลที่ไร่มิรันตี โดยเฉพาะในโรงเก็บไวน์ เพราะมีสิ่งไม่ชอบมาพากล เพิกรีบติดต่อเรขาและหาทางส่งจ่าชูเข้าไปเป็นคนงาน กลางดึกคืนนั้น เรขาลอบเข้าไปที่ไร่มิรันตี แต่เกือบถูกกำจร ผู้จัดการไร่จับได้ เพราะสินธพที่ตามมาข้างหลัง แต่ได้จ่าชูมาช่วย เธอรีบพาสินธพกลับทันที ส่วนกำจรรีบไปรายงานเสี่ยมีโชค เสี่ยมีโชคให้มิรันตีรีบเผด็จศึกสินธพ เพื่อเข้าเป็นใหญ่ในบ้านสินธพและหาคนที่เป็นสายตำรวจ กำจรเก็บความขมขื่นไว้ เพราะเขาแอบรักมิรันตีอยู่ ด้านสินธพไม่ยอมให้เรื่องจบตามคาดคั้นความจริงจากเรขา แต่เพราะเป็นกลางคืน ทำให้เขาเกือบถูกงูกัด ดีที่เรขาใช้ความชำนาญจัดการงูตัวนั้นซะก่อน จนสินธพอึ้งที่ต้องเป็นหนี้บุญคุณเธออีก

เพิกมาหามาติกาบ่อยครั้ง แต่สินธพเข้าใจผิดว่าเขามาหาเรขาจึงหึงมาก แต่พยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่ สินธพเริ่มสงสัยพฤติกรรมเรขาว่าวางยาบิดาตัวเองเพื่อหวังอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถจับผิดเรขาได้ สินธพจึงขอยาสมุนไพรที่เรขาให้วรพงษ์กินไปตรวจแต่ก็พบว่าเป็นเพียงยาบำรุง เขารู้สึกผิดเลยหาโอกาสขอโทษเธอด้วยการทำอาหารให้ทาน จนเรขามีความสุข แต่ต้องบอกตัวเองว่าเธอมีงานต้องทำและเขาอาจรู้เห็นกับว่าที่พ่อตาอย่างเสี่ยมีโชคทำเรื่องผิดกฎหมาย เพิกไม่ให้เรขาอคติ และอย่าเพิ่งมองข้ามวรพงษ์ไปด้วยอดีตที่เขาเคยค้ายา เพิกพอมองออกว่าเรขาชอบสินธพจึงทั้งเตือนตัวเองและเรขาว่าพวกเขาเป็นคู่หมั้นกัน เรขานิ่งไปทันที

ด้านนายวรพงษ์เห็นความสามารถของเรขาจึงมอบอำนาจให้เธอเรื่องการเงินมากขึ้น ไม่ว่าใครจะเบิกอะไร จะต้องผ่านการอนุมัติของเรขา โดยเฉพาะนพนารี แต่อเนกเห็นว่าไม่ใช่ปัญหา และเพราะงานใหญ่ที่กำลังจะถูกจัดขึ้น ทำให้เรขาต้องขลุกอยู่กับสินธพ จนมิรันตีหึงหวง เพิกเองก็กลัวงานจะเสีย เลยหาเรื่องเข้ามาที่ไร่ ทำให้ได้พบมาติกาเป็นประจำ เขาชอบในความเรียบร้อยขี้อายของเธอจึงมักจะแกล้งเย้าแหย่ จนมาติกาเริ่มเป็นกันเองมากขึ้นและเพราะต้องการตัดใจจากสินธพ เธอจึงขอไปทำงานที่ร้านกาแฟของเพิกด้วย เพิกตกลง ก่อนจะรีบไปบอกเจ้าของร้านตัวจริง ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเองให้รับมาติกาเข้าทำงาน จนโดนเพื่อนแซวว่าระวังจะลืมคู่หมั้น เพิกถึงกับอึ้งไปเพราะลืมไปจริงๆ

เรขาเห็นเป็นโอกาสดีที่จะเข้าไปที่ไร่มิรันตี จึงแนะนำให้สินธพร่วมมือกับมิรันตีจัดงานเก็บเกี่ยวองุ่นประจำปีให้ใหญ่ขึ้น สินธพสงสัย แต่เรขาก็หาข้ออ้างจนได้ ในที่สุด สองไร่จึงได้ร่วมมือกัน โดยมีเรขาเป็นคนกลาง เรขาคุยงานกับเสี่ยมีโชคโดยตรง แม้เขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่เรขาก็ไม่ประมาท ขณะเดียวกัน เธอสังเกตเห็นวรพงษ์ไปที่บ้านพักท้ายรีสอร์ตบ่อยขึ้น จึงแอบตามไปและได้รู้ความจริงว่า วรพงษ์เป็นสายของตำรวจ เรขายังไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ ขณะที่ วรพงษ์ไว้ใจเรขาแล้ว จึงยอมเล่าความจริง ที่ตนเคยค้ายาเสพติด จนทำให้ต้องเลิกรากับคนรักไป ดีที่ทางการไม่มีหลักฐานเอาผิดเขาได้ แต่ความรู้สึกผิดในใจ ทำให้วรพงษ์ตัดสินใจช่วยงานราชการเพื่อลบล้างความรู้สึกนั้น เรขาจึงเข้าใจวรพงษ์และนับถือเขามากขึ้น แต่เธอต้องตกใจ เมื่อวรพงษ์เอาภาพคนรักเก่ามาให้ดู เพราะนั่นคือภาพ แม่ของเรขานั่นเอง วรพงษ์ไม่รู้ว่าเรขาเกี่ยวข้องกับคนรักเก่าหรือไม่ แต่เขาก็อยากจะทำอะไรเพื่อชดเชยให้เธอ ทำให้เรขายิ่งซาบซึ้งแทนผู้เป็นแม่

แม้เรขาจะคิดถึงพ่อกับแม่ แต่เธอก็อยู่ช่วยงานเก็บเกี่ยวองุ่นจนเสร็จสิ้น งานถูกจัดขึ้นที่รอยต่อไร่ของวรพงษ์และเสี่ยมีโชค เพิกกับจ่าชูลอบเข้าไปในโรงเก็บไวน์เสี่ยมีโชค แต่ไม่พบอะไรผิดปกติ เพิกถึงกับงง ขณะที่ อเนกอาศัยจังหวะที่ทุกคนวุ่นวายสั่งเบิกจ่ายปุ๋ยปลอม และลอบเข้าไปที่โรงเก็บไวน์ของวรพงษ์บ่อยครั้ง โดยอ้างกับผองว่าเข้าไปเรียนรู้งาน ผองสงสัยแต่ยังไม่มีโอกาสบอกเจ้านาย

ในงานเก็บเกี่ยวองุ่น มิรันตีพยายามทำตัวโดดเด่นและควงสินธพเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ เรขาแอบเขม่นเลยชวนมาติกาทำเรื่องสนุกระหว่างงาน เธอหาเรื่องแยกมิรันตีจากสินธพ และแกล้งให้มิรันตีขายหน้า แต่กำจรก็ช่วยกู้สถานการณ์ให้นายสาว

เมื่อผ่านงานใหญ่ไป เรขาก็ขออนุญาตวรพงษ์เข้ากรุงเทพฯ อ้างว่านัดเพื่อนไว้ สินธพระแวงแทนพ่อแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก เขาอยากตามเรขาไป แต่ผองมาบอกเรื่ององุ่นในไร่ไม่เติบโตเต็มที่ สินธพสงสัยเกี่ยวกับปุ๋ยล็อตใหม่ที่อเนกสั่งจึงให้ผองแยกแปลงองุ่นแปลงนี้ทดลองกับปุ๋ยใหม่ ส่วนแปลงอื่นใช้ปุ๋ยตัวเดิม ช่วงนี้ มิรันตีหายไป ทำให้สินธพโล่งอก โดยไม่รู้ว่าคนที่ร้อนใจกลายเป็นนพนารีแทน เพราะอเนกก็หายตัวไปบ่อยๆ นพนารีหงุดหงิดถึงกับลงที่มาติกาบ่อยครั้ง จนเพิกต้องออกโรงปกป้อง

ด้านเรขากลับถึงบ้านก็กอดแม่ไว้ด้วยความคิดถึง และเป็นครั้งแรกที่เธอยอมพูดเรื่องงานแล้วก็ต้องอึ้งที่แม่กับพ่อรู้การเคลื่อนไหวของเธอตลอด และอยากให้เธอเลิกอาชีพนี้ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เรขาพูดถึงเรื่องคนรักเก่าของแม่ แม่ยอมรับว่าเคยมีคนรัก แต่ก็เป็นเพียงอดีต เพราะท่านกับคนรักเลือกทางเดินต่างกัน แล้วตอนนี้ แม่ก็รักพ่อของเรขามาก เรขาอบอุ่นใจและหวังว่าเธอจะได้เจอคนที่ใช่บ้าง แม่เลยงงว่าเรขามีคู่หมั้นแล้ว ทำไมถึงพูดแบบนี้ แต่เรขาไม่ตอบอะไร และในใจเธอก็นึกถึงเพียงสินธพ

เมื่อเรขากลับถึงไร่ เธอก็เริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างจริงจัง เพื่อตอบแทนบุญคุณวรพงษ์ และพบว่าอเนกเบิกจ่ายเงินมากผิดปกติ ทำให้เธอมีปากเสียงกับอเนกบ่อยขึ้น ส่วนเพิกก็มาพบเรขาบ่อย เพราะหาของกลางที่ไร่เสี่ยมีโชคไม่พบ เรขาสงสัยว่าในไร่วรพงษ์มีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงบอกเรื่องที่ วรพงษ์เป็นสายให้ตำรวจอาจจะมีข้อมูลบางอย่าง

เพิกไปคุยกับวรพงษ์แบบจริงจัง ทำให้สินธพเข้าใจผิดว่าเพิกข่มขู่พ่อของเขาแล้วคิดจะไปเสวยสุขกับเรขา เขาจึงเข้ามาขัดจังหวะ เพิกเลยไม่ได้ข้อมูลอะไรนอกจากแนะนำตัวกันเฉยๆ เรขากุมขมับกับความดื้อรั้นของสินธพ จึงต่อว่าเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ทำให้สินธพน้อยใจ

ขณะที่ ภายในไร่เริ่มมีเรื่องคนงานเล่นการพนันและติดยา สินธพที่ยังน้อยใจเลยหาว่าเป็นเพราะเรขา เรขาเลยเอาหลักฐานการซื้อปุ๋ยปลอม และภาพถ่ายที่อเนกเข้าบ่อนบ่อยครั้งมาให้สินธพ สินธพอึ้งไปที่เรขาก็มีข้อมูล ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบฟังอยู่

วันหนึ่ง เรขาว่ายน้ำเล่นที่สระในบ้านคลายเครียด และเพราะความประมาท ทำให้เธอโดนไฟช็อตจมน้ำ โชคดีที่สินธพผ่านมาและช่วยไว้ได้ทัน เพิกรู้เรื่องก็มาคุยกับเรขาให้ถอนตัว ด้วยเธอกำลังอ่อนแอเพราะความรัก แต่เรขาไม่ยอม เธอยืนยันที่จะทำงานต่อ

นพนารีทะเลาะกับเรขาบ่อยขึ้น เพราะถูกอเนกเป่าหู โดยเฉพาะเรื่องที่เรขาทำให้เธอกับเขาไม่ได้แต่งงานกัน ถึงขั้นนพนารีประกาศจะทำทุกทางเพื่อกำจัดเรขา ทำให้สินธพเป็นห่วงมาก ขณะเดียวกันก็ไม่ไว้ใจเพิก ที่ช่วงหลังชอบมาตีสนิทกับพ่อของเขาแบบแปลกๆ เขาจึงให้มาติกาช่วยจับตามอง โดยไม่รู้ว่าน้องสาวเริ่มมีใจให้เพิกแล้ว

นพนารีหงุดหงิดทั้งเรื่องที่อเนกหายตัวไป เงินที่เธอควรจะเอาไปช้อปปิ้งก็ไม่มี เธอเลยเข้าไปขอเบิกเงินกับเรขา แต่เรขาปฏิเสธ ทำให้นพนารีโมโหถึงกับขว้างแฟ้มใส่เรขาที่ไม่ทันระวังตัว จนเรขาบาดเจ็บ สินธพรีบเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง จนเรขาหวั่นไหว แต่พอสินธพนึกได้ เขาก็ต่อว่าเธอที่ชอบหาเรื่องเจ็บตัว จนเรขาหมดอารมณ์ซึ้ง วรพงษ์เห็นสินธพกับเรขาสนิทกันก็พอใจ แต่บางครั้งก็อยากแกล้งลูกชาย เลยเรียกมาตักเตือนไม่ให้วุ่นวายกับเมียพ่อ สินธพจึงรู้สึกตัว ขณะที่เรขาได้ยินโดยบังเอิญว่าคนที่ทำไฟช็อตในสระน้ำคือ อเนก แต่เธอก็ไม่ได้บอกใครและจับตามองอเนกมากขึ้น

สินธพรวบรวมหลักฐานเรื่องปุ๋ยปลอม แต่ยังไม่บอกวรพงษ์ เพราะเห็นแก่น้องสาว จึงไปคุยกับนพนารีและอเนก อเนกว่าถูกใส่ความ ผองได้ยินก็ทนไม่ไหว เลยไปบอกวรพงษ์ ทำให้วรพงษ์โกรธมาก เรียกลูกสาวและคนรักมาต่อว่า แต่นพนารียังเข้าข้างอเนก ถึงกับบอกจะพาอเนกหนี หากพ่อจับอเนกเข้าคุก วรพงษ์เครียดจัดจนเป็นลม เรขารีบพาท่านส่งโรงพยาบาลพร้อมสินธพ สินธพเศร้าใจคิดว่าเรขาคงรักพ่อเขามาก เมื่อวรพงษ์ฟื้นขึ้นก็สั่งยุติการสอบเรื่องปุ๋ยปลอม แต่เรียกใส่ปะปนไปกับไวน์จากไร่วรพงษ์ที่ติดคำว่า วีไอพี เพิกจึงเร่งให้เรขาหาข้อมูลและออกจากพื้นที่ทันที เรขายังกังวลและเป็นห่วงวรพงษ์กับคนในไร่ แต่เพิกย้ำว่าหน้าที่ต้องมาก่อนเรื่องหัวใจ เรขาจึงรับคำ

สินธพยังไม่วางมือเรื่องอเนก จึงสืบหาข้อมูลจากคนงาน แต่ก็เกิดเรื่องอีก เมื่อเรขาไปนั่งที่ร้านกาแฟของเพิก และถูกคนร้ายลอบยิง แต่สินธพที่ตามมาเอาตัวเข้าบังกระสุนจนได้รับบาดเจ็บ เรขาเป็นห่วงสินธพมากและเริ่มยอมรับใจตัวเองว่ารักเขา เพิกกลัวเรขาเป็นอันตรายถึงชีวิตจึงตัดสินใจแจ้งหน่วยงาน และนำคำสั่งที่ให้เรขาถอนตัวมาบอก แต่เรขาไม่ยอม เธอต้องการทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเหมือนทุกครั้ง

เรขาเข้าไปดูสินธพ เพราะเป็นห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บ บรรยากาศที่เป็นใจ ทำให้ทั้งคู่เผลอจูบกัน อเนกผ่านมาเห็นเลยถ่ายภาพไว้แล้วนำไปขู่สินธพให้เลิกวุ่นวายกับเรื่องตน สินธพอึ้งไปเพราะกลัวพ่ออาการกำเริบอีก ด้านนพนารีรู้ว่าอเนกขู่สินธพก็ไม่สบายใจ เพราะถึงอย่างไรก็รักพี่ชาย

วรพงษ์ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จึงไม่ได้ส่งข่าวให้ผู้กำกับวัชระ ตำรวจในพื้นที่ที่ตามคดีนี้อยู่ ผู้กำกับวัชระได้รับคำสั่งให้ประสานงานกับผู้การทรงยศ หัวหน้าของเรขาเข้าตรวจ โรงเก็บไวน์ของไร่วรพงษ์ แต่ก่อนจะเข้าตรวจ ก็เกิดเหตุไฟไหม้โรงเก็บไวน์ ขณะที่เรขาไม่อยู่ มิรันตีเป่าหูสินธพว่าเป็นฝีมือเรขา ทำให้สินธพเครียดมาก เขาไม่เชื่อมิรันตี แต่ก็ไม่มีหลักฐานไรยืนยันว่าเรขาไปไหน ยังไม่ทันที่สินธพจะแจ้งวรพงษ์ เรขาซึ่งลอบเข้าไปเก็บข้อมูลที่ไร่เสี่ยมีโชคอีกครั้ง และได้หลักฐานภาพถ่ายออกมา เธอก็ถูกไล่ล่าและถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัส

สินธพเครียดกว่าเดิมไม่กล้าบอกวรพงษ์ แต่อเนกก็คาบข่าวไปบอกพร้อมภาพที่สินธพจูบเรขา วรพงษ์ไม่ได้ตกใจเรื่องนี้ แต่ช็อกเรื่องไฟไหม้ และอาการเรขาที่เป็นตายเท่ากัน เหตุการณ์นี้ ทำให้อาการวรพงษ์ทรุดหนัก เขาเรียกสินธพเข้าไปคุยเป็นครั้งสุดท้ายและบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องเรขา พร้อมทั้งฝากให้สินธพดูแลเรขาตลอดไป วรพงษ์จากไปอย่างสงบ สินธพ นพนารีและมาติกาเสียใจมาก มีแต่อเนกที่ไปมีความสุขกับมิรันตี เพราะความจริง อเนกรับจ้างเสี่ยมีโชคเข้าตีสนิทกับนพนารีและสร้างสถานการณ์ทั้งหมดเพื่อทำให้รีสอร์ตวรพงษ์ต้องปิดตัวลง และตอนนี้เสี่ยมีโชคก็กำลังจะสมหวัง

และแล้วเรขาก็ฟื้นขึ้นมาแต่เธอกลับจำอะไรไม่ได้ นอกจากบอกว่า สินธพเป็นสามีเธอและเธอรักเขามาก ด้วยตอนที่เธอหลับอยู่ เธอฝันเห็นแต่หน้าเขา อาการของเรขาดีขึ้น จนออกจากโรงพยาบาลได้ สินธพสั่งไม่ให้ทุกคนพูดเรื่องวรพงษ์ แต่นพนารียังแค้นใจจึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง และเยาะเย้ยว่าเธอจะไม่มีที่สูบเงินแล้ว เรขาอึ้งไปและยิ่งสับสนหนักขึ้นกับคำบอกเล่าของเพิกที่ว่า เธอ คือ ร้อยตำรวจโทหญิงเรขาคณิต รวิปรียา สายลับแห่งหน่วยเฉพาะกิจ รหัส คือ คุณนายสายลับ 009

เรขาไม่เชื่อจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่มีคนร้ายมาประชิดตัวด้านหลัง เธอใช้ความสามารถด้านการต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว เรขาสับสนมากจึงไปบอกสินธพ สินธพไม่ต้องการเสียเธอไป จึงไปขอร้องเพิกไม่ให้พูดถึงอดีตอีก เพิกไม่พูดเรื่องเรขาแต่นำรูปถ่ายระหว่างอเนกกับมิรันตีมาให้สินธพ บังเอิญนพนารีมาเห็นเข้าอีกคน เลยตามไปหาความจริงกับอเนกที่ไร่มิรันตี อเนกไม่ยี่หระอะไร จนกระทั่ง เพิกกับตำรวจชุดหนึ่งมาที่บ้านเสี่ยมีโชคเพื่อจับเขาและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และมีเจตนาฆ่าเรขา อเนกแสดงความเห็นแก่ตัววิ่งหนีไป ขณะที่ กำจรปกป้องเสี่ยมีโชคกับมิรันตีจนตัวเองเจ็บหนัก เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมิรันตีกับเสี่ยมีโชคไปดำเนินคดี อเนกหนีไปเจอเรขาอยู่คนเดียวจึงจับเป็นตัวประกัน แต่ด้วยสัญชาตญาณ เธอจึงป้องกันตัวเองและจับอเนกไว้ได้ อเนกแค้นใจเลยควักมีดพกมาแทงเรขาจนล้มหัวกระแทกพื้น เพิกรีบเข้ามาจับอเนก ส่วนสินธพรีบพาเรขาส่งโรงพยาบาล

เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างจบลง นพนารีเข้มแข็งขึ้นและช่วยงานสินธพอย่างเต็มที่ ด้านเรขาฟื้นขึ้นมาก็จำทุกอย่างได้ และพ่อแม่ก็มารับตัวเธอกลับไป ส่วนมาติกาเสียใจมากที่รู้ว่าเพิกเป็นคู่หมั้นของเรขา เพิกกลับกรุงเทพฯ พร้อมยกเลิกการหมั้นกับเรขา ซึ่งเรขาก็เข้าใจดีและไม่ขัดขวาง เพิกจึงกลับไปสารภาพรักกับมาติกาและขอเธอแต่งงาน มาติกาเขินอายแต่ก็ตกลงโดยดี สินธพดีใจกับน้องสาว แต่เขาก็อยู่อย่างซังกะตาย เพราะไม่กล้าไปตามง้อเรขา

จนวันหนึ่ง เพิกมาบอกสินธพให้ไปห้ามเรขาที่จะกลับไปทำงานสายลับ โดยคราวนี้ เรขาจะแต่งงานกับชาวต่างชาติ นักค้ายารายใหญ่ สินธพอึ้งไป จนเพิกย้ำว่า เรขาก็รักสินธพมาก เธอไม่เคยมีความสุขเลยที่ต้องจากสินธพไป สินธพจึงตัดสินใจบุกไปชิงตัวเรขาที่งาน ก่อนจะพบว่าทุกอย่างเป็นแผนที่เรขาคิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ใจเขา สินธพยืนยันว่ารักเรขามาก เขาขอเธอแต่งงานและขอให้เธออยู่เป็นคุณนายเรขาแห่งไร่เรขาตลอดไป หญิงสาวรับคำอย่างเต็มใจและยอมเลิกเป็นคุณนายสายลับตลอดกาล

คู่หู 2559

เรื่องย่อ : คู่หู (2559/2016) ความโชคร้ายไม่ได้วิ่งเข้าหาใครง่ายๆ หรือมาได้ทุกวัน ยกเว้นเขาคนนี้ ที่นอกจากจะเป็นคราวเคราะห์แล้ว ยังเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หรือเรียกง่ายๆ ว่า ซวยซ้ำซวยซ้อนจนทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับนักค้ายาระดับชาติ แต่ในความโชคร้ายนั้นก็ทำให้เขาได้รู้จักกับคำว่า “มิตรภาพและรักแท้”

เปิดเทอมใหม่ ชลิต อาจารย์ประจำวิชาพลศึกษาหนุ่มสุดหล่อของนักศึกษาสาวจากหลายคณะ กำลังเดินเท้าไปมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเช่า ระหว่างทาง เขาสวนกับคนกลุ่มหนึ่งและจ้องหน้ากันโดยบังเอิญ หนึ่งในนั้น คือ ป้อม ลูกน้องคนสนิทของชาญ พ่อค้ายารายใหญ่ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีคนเสียชีวิตในซอกตึกที่กลุ่มป้อมออกมา ชลิตไม่ทันเอะใจ ได้แต่รีบโทรบอกตำรวจ โดยผู้ที่มาทำคดีนี้ คือ ร้อยตำรวจตรีคันศรและหมู่ทอง ลูกน้องในทีมของพันตำรวจตรีขจร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชลิตต้องตามไปให้ปากคำที่โรงพัก ชลิตเซ็งกับความซวยของตัวเอง จึงไม่ได้สนใจชายตาบอดที่ขายล็อตเตอรี่อยู่หน้าโรงพัก ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างเดินผ่านสนามบาสเก็ตบอล เพื่อไปสอน เขายังโดนลูกบาสกระแทกใส่หัวจนมึน ปาริชาติ หรือเล็ก นักศึกษาสาวชั้นปีที่สามที่เป็นเจ้าของลูกบาสเข้ามาขอโทษ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นชลิต อาจารย์หนุ่มเนื้อหอมก็เลยพูดจายียวนอย่างคนไม่ลงรอยกัน ชลิตทำอะไรไม่ได้ เพราะทั้งเจ็บทั้งอายจึงเดินไปจากตรงนั้นทันที

ปาริชาติยิ้มมีความสุขที่สามารถแกล้งชลิตได้ ลึกๆ แล้ว เธอก็แอบชอบชลิตซึ่งอายุห่างกันแค่สามปีเหมือนนักศึกษาอื่นๆ แต่เพราะหมั่นไส้ที่สาวๆ เอาแต่รุมล้อม เธอก็เลยแสดงออกตรงกันข้าม แก้วขวัญ เพื่อนสนิทของปาริชาติส่ายหน้าระอากับความเฮี้ยวของเพื่อน ผิดกับเอมอรและตุ้ม เพื่อนสาวอ้วนผอมของปาริชาติที่ปลื้มชลิตจนออกนอกหน้า ส่วน ประดับ เพื่อนชายแอบเขม่นชลิตด้วยกลัวว่าสักวันปาริชาติที่เขาหลงรักจะมอบใจให้ชลิต

ชลิตไม่ชอบนิสัยของปาริชาติที่เอาแต่ใจ แก่นแก้ว แต่อย่างไรปาริชาติก็เป็นลูกศิษย์ที่เรียนเก่งและขยัน หลังเลิกเรียน ปาริชาติขับรถผ่านชลิตโดยมีแก้วขวัญนั่งมาด้วย เธออดแซวชลิตไม่ได้ เรื่องที่เขาเป็นถึงอาจารย์แต่ยังเดินต๊อกต๋อย พูดไม่พูดเปล่า ปาริชาติยังแกล้งขับรถลงน้ำที่ขังจนกระเด็นเลอะชลิต ชลิตได้แต่เข่นเขี้ยวฝากไว้ก่อน เคราะห์ของชลิตยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเขาสังเกตเห็นชายฉกรรจ์สี่คนเดินตาม ชลิตคุ้นหน้าป้อม แต่ไม่มีเวลาคิด เขาอาศัยจังหวะคนพลุกพล่านวิ่งหนีเข้าไปในสลัม โดยมีกลุ่มป้อมวิ่งตาม ระหว่างทาง เขาพบหนุ่มตาบอดคนเดียวกับหน้าสถานีตำรวจยืนขายล็อตเตอรี่อยู่ ก็ถามทางหนีเพราะทุกที่ตันหมด หนุ่มคนนั้นให้ชลิตไปหลบที่บ้านหลังหนึ่ง เมื่อพวกป้อมมาถาม ชายตาบอดก็บอกไปคนละทาง ก่อนจะพาชลิตหนีไปหลังวัด ชลิตขอบคุณและถามชื่อจนรู้ว่าเขา ชื่อ รัชทายาท หรือ รัช

ชลิตคิดตอบแทนบุญคุณโดยชวนรัชทายาทไปอยู่ที่บ้านเช่าด้วยกัน เมื่อรู้ว่ารัชทายาทอาศัยอยู่ที่วัด รัชทายาทยอมตกลงระหว่างที่ชลิตออกไปซื้อกับข้าว รัชทายาทก็สำรวจรอบบ้านจนรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน เขาโรยหมากฝรั่งไว้ทั่วบ้านเพื่อป้องกันเหตุร้าย ก่อนที่เขาจะแอบโทรศัพท์ติดต่อหน่วยงานที่เขาทำงานให้ ว่าพบร่องรอยของกลุ่มคนร้ายเป้าหมายแล้ว ระหว่างนั้นกลุ่มของป้อมตามชลิตมาถึงบ้าน แต่ด้วยความสามารถในการต่อสู้ในที่มืดของรัชทายาทก็ทำให้พวกป้อมพ่ายแพ้กลับไป แม้แต่ชลิตที่เพิ่งกลับมาก็แปลกใจ แต่ก็สบายใจที่รัชทายาทป้องกันตัวเองได้

วันรุ่งขึ้น ชลิตต้องแปลกใจที่เห็นรัชทายาทกำลังกวาดบ้านและร้องเพลงลูกทุ่งไปด้วยอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับคนตาดี แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ รัชทายาทกวาดบ้านทั้งๆที่ตาบอดนั่นเอง รัชทายาทขอออกไปขายล็อตเตอรี่พร้อมชลิตที่ไปสอน แต่ระหว่างทาง ชลิตก็เห็นเสี่ยบงกช นักธุรกิจคนดังกำลังถูกคนร้ายจี้ขึ้นรถ ชลิตวิ่งเข้าไปช่วยและต่อสู้กับคนร้าย มีรัชทายาทที่ตามมาคอยแอบช่วยจนคนร้ายหนีไป เสี่ยบงกชขอบคุณชลิตและให้เงินตอบแทน แต่ชลิตปฏิเสธ ทำให้เสี่ยบงกชชอบใจ ระหว่างนั้น ปรารถนา ลูกสาวคนโตของเสี่ยบงกชก็ขับรถมารับพ่อพอดี ชลิตเห็นหน้าปรารถนาครั้งแรกก็หลงรักทันที ขณะที่ ปรารถนาเองก็สนใจชลิต เมื่อรู้ว่าเขาช่วยพ่อของเธอ ปรารถนาจึงชวนชลิตกับเพื่อนไปเลี้ยงข้าวขอบคุณที่บ้าน ซึ่งเสี่ยบงกชก็เห็นดีด้วย ชลิตตกลงและเดินยิ้มหวานไปตลอดทางเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้ปาริชาติที่เห็นหมั่นไส้ เลยโยนบาสหวังจะให้โดนหัวชลิต แต่กลายเป็นว่า โดนหัวอาจารย์ระเบียบ อาจารย์ภาษาไทยแทน ปาริชาติและกลุ่มเพื่อนต่างชี้ไปที่ประดับ ทำให้ประดับโดนลงโทษทั้งที่ไม่ผิด แต่เขาก็ยิ้มแก้มแทบปริเมื่อปาริชาติพาไปเลี้ยงไอศกรีมขอบคุณ ตกเย็น ชลิตไปยืนรอรัชทายาทที่ป้ายรถเมล์ แต่เพราะไม่มั่นใจในเสื้อผ้าของตัวเองที่จะไปพบหญิงสาวที่หลงรัก เขาจึงกลับไปเข้าห้องน้ำที่มหาวิทยาลัย ปาริชาติซึ่งกำลังจะกลับบ้านเห็นก็หมั่นไส้ เพราะชลิตไม่เคยห่วงหล่อขนาดนี้ เธอแกล้งเข้ามาพูดจายียวนใส่ แต่วันนี้ชลิตกำลังอารมณ์ดีจึงไม่ถือสา ทำให้ปาริชาติอึ้งไปต่อไม่ถูก ด้านชลิตเดินมาสมทบกับรัชทายาทก่อนจะตัดสินใจโบกแท็กซี่ไปที่บ้านของเสี่ยบงกชเพื่อความรวดเร็ว เสี่ยบงกชต้อนรับทั้งคู่อย่างดี รัชทายาทขอตัวกลับก่อนทั้งที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารอ้างว่าต้องนอนเร็ว แต่แท้จริงแล้ว รัชทายาทกำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญบางอย่าง

ปรารถนาเห็นชลิตเป็นผู้ชายหน้าตาดีก็ส่งสายตาหวานอ่อยตลอดเวลา จนชลิตเคลิบเคลิ้ม ขณะที่ ปาริชาติช็อกที่เห็นชลิต ยิ่งรู้ว่าชลิตจะเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของพี่สาวก็ไม่ชอบใจ เพราะแท้จริง ปรารถนามีคู่หมั้นอยู่แล้ว คือ กนิต หรือนิต พี่ชายของแก้วขวัญนั่นเอง ปรารถนาส่งสายตาห้ามปาริชาติพูดอะไร ปาริชาติจึงได้แต่หงุดหงิดใจหาเรื่องกวนชลิต แต่เขาไม่ใส่ใจเพราะใจจดจ่ออยู่กับปรารถนา เสี่ยบงกชเห็นชลิตหน่วยก้านดีก็ชวนมาทำงานด้วยกัน แต่ชลิตปฏิเสธ เพราะตนยังรักอาชีพครูอยู่

ด้านรัชทายาท แท้จริงเป็นลูกบุญธรรมของพันตำรวจตรีขจร ท่านขอเขามาจากโรงเรียนสอนคนตาบอด เพราะเห็นในความสามารถของรัชทายาทที่มีประสาทสัมผัสทางหูและจมูกไวมาก ท่านเลี้ยงดูรัชทายาทอย่างดี และพาเขาไปฝึกศิลปะการต่อสู้ จนรัชทายาทเก่งมาก เมื่อถึงเวลา รัชทายาทก็ช่วยเหลืองานราชการด้วยการเป็นสายลับสืบเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดและให้เบาะแสคนร้ายกับตำรวจ ซึ่งจากการให้ปากคำของชลิตวันนั้น ทำให้ตำรวจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัดตอนของพวกเดียวกัน พ่อบุญธรรมจึงให้รัชทายาทเข้ามาตีสนิทกับชลิต เพราะเชื่อว่าฆาตกรจะต้องกลับมาเอาชีวิตชลิตเพื่อปิดปากแน่

รัชทายาทเดินไปตามถนนเพื่อไปยังจุดนัดหมายซึ่งไม่ไกลจากบ้านเสี่ยบงกชมากนัก แต่เพราะความรีบร้อนทำให้ถูกรถของแก้วขวัญเฉี่ยว แก้วขวัญตกใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอขับรถตามลำพัง แก้วขวัญกำลังจะมาบ้านปาริชาติเพื่อบอกข่าวดีว่ากนิตเรียนจบเฉพาะทางด้านจักษุแพทย์แล้ว และกำลังจะกลับมา แก้วขวัญเป็นห่วงรัชทายาทจึงพาเขาไปหาหมอเกริกชัย อาแท้ๆของเธอที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นมรดกของแก้วขวัญกับพี่ชาย ตอนนี้ เกริกชัยทำหน้าที่ผู้บริหารแทนพี่ชาย พ่อของแก้วขวัญและกนิตที่เสียไปแล้ว จนกว่ากนิตจะกลับมารับตำแหน่ง รัชทายาทขอบคุณแก้วขวัญที่มีน้ำใจ แต่ปฏิเสธที่จะนอนพักที่โรงพยาบาล เพราะกลัวชลิตเป็นห่วง แก้วขวัญจึงไปส่งถึงบ้านชลิตแทนคำขอโทษ ทำให้รัชทายาทประทับใจ วันรุ่งขึ้น แก้วขวัญฝากปาริชาติไปบอกปรารถนาเรื่องกนิตกำลังจะกลับมา แต่ดูเหมือนปรารถนาจะไม่สนใจ และแวะมาที่มหาวิทยาลัยของปาริชาติบ่อยๆ เพื่อชวนชลิตไปเที่ยว ซึ่งชลิตก็ไปด้วยความเต็มใจ แต่ก็ไม่ให้เสียในเรื่องการงาน ปาริชาติหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทำให้แก้วขวัญสงสัยว่า เพื่อนสาวอาจรักชลิต ปาริชาติรีบปฏิเสธและเดินหนีไปทันที

ด้านป้อมกับลูกน้องทั้งสามคนถูกชาญ นายใหญ่สั่งมาให้เก็บชลิตให้ได้ เพราะตอนนี้ ชลิตจำป้อมได้จึงไปบอกให้ตำรวจสเก็ตช์ภาพคนร้ายแล้ว ชาญจึงกลัวว่าตำรวจจะสาวมาถึง และทำให้ธุรกิจมืดของตนเสียหาย ขณะเดียวกัน ชาญก็ส่งมาตา นักฆ่าหญิงมือดีในคราบสาวเซ็กซี่ไปยั่วยวนและดึง เสี่ยบงกชให้มาร่วมธุรกิจ เพราะนอกจากเสี่ยบงกชจะร่ำรวยแล้ว เขายังเส้นใหญ่อีกด้วยซึ่งจะช่วยให้งานของชาญเป็นไปอย่างราบรื่น

เสี่ยบงกชนัดลูกค้าที่ผับแห่งหนึ่ง ที่นั่น เขาได้พบมาตาในคราบนักร้องสาวเนื้อหอม เขาชื่นชมคนมีความสามารถและเป็นคนขี้สงสาร มาตาอาศัยทั้งสองสิ่งนี้เข้าหาเสี่ยบงกช จนท่านหลงกลรับมาตามาทำงานเป็นเลขาฯแทนการเป็นนักร้อง มาตาเริ่มเข้ามามีบทบาทในบริษัทและโรงงานของ เสี่ยบงกช โดยที่เสี่ยบงกชจับไม่ได้ว่าโรงงานของเขาถูกใช้เป็นฐานผลิตยาเสพติด โกดังเก็บสินค้าก็กลายเป็นที่เก็บอาวุธเถื่อน โดยไม่มีใครตรวจสอบได้

รัชทายาทกับแก้วขวัญยังคงติดต่อกัน แก้วขวัญมักจะไปแอบช่วยรัชทายาทขายล็อตเตอรี่โดยไม่ให้คุณกรรณิการ์ผู้เป็นแม่รู้ และเพราะสนิทกับแก้วขวัญทำให้รัชทายาทสนิทกับปาริชาติไปด้วย และได้รู้เรื่องที่ปรารถนามีคู่หมั้นแล้ว รัชทายาทอยากบอกชลิต แต่พอรับรู้ว่าเพื่อนกำลังมีความสุขก็สงสารไม่กล้าบอก การได้มาคลุกคลีกับปาริชาติ ทำให้รัชทายาทรับรู้ความผิดปกติบางอย่าง รัชทายาทนั้นนอกจากฝึกการต่อสู้ เขายังได้ฝึกและพัฒนาทั้งประสาทสัมผัสทางหูและจมูก ทำให้รับรู้ได้เร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า ครั้งนี้ เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นของยาเสพติดที่เจือจางมากภายในบ้านของปาริชาติ โดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้เสี่ยบงกช ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าเสี่ยบงกชเกี่ยวข้องอะไรกับพวกค้ายา ข้อมูลทั้งหมด รัชทายาทแอบนำไปส่งให้พ่อบุญธรรมได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะแก้วขวัญยังรู้สึกผิดจึงคอยดูแลรัชทายาททุกฝีก้าว ทำให้เขาไม่สามารถไปส่งข่าวได้

ชลิตยังคงถูกปรารถนาหลอกควง โดยที่ปาริชาติได้แต่มองอย่างเจ็บปวด ชลิตแปลกใจที่รัชทายาทมาสนิทสนมกับปาริชาติก็อดแซวไม่ได้ว่าเพื่อนรักชอบปาริชาติ ปาริชาติหมั่นไส้ที่ชลิตคิดเอง เออเอง จึงประชดด้วยการสนิทกับรัชทายาทจริงๆ ชลิตไม่ใส่ใจ แต่กลับทำให้แก้วขวัญอดหวั่นไหวไม่ได้

เสี่ยบงกชกลับบ้านดึกขึ้นทุกวัน อ้างกับคุณประไพศรี ภรรยาว่างานหนัก แต่แท้จริง มาตาเป็นคนชวนเสี่ยบงกชเที่ยว เธอใช้ความเซ็กซี่ยั่วยวนเขา แต่ไม่เคยพลาดท่าเสียที ทำให้เสี่ยบงกชยิ่งหลง เพราะเข้าใจว่ามาตารักนวลสงวนตัว ด้านประไพศรีเริ่มไม่ไว้ใจสามี จึงขอให้ชลิตช่วยตามดูเสี่ยบงกช เพราะนางไม่รู้จักใครที่ไว้ใจได้ ชลิตตกลง ตอนแรกเขาจะไปคนเดียว แต่เพราะต้องการสืบเรื่องยาเสพติดรัชทายาทจึงขอไปด้วย และสัญญาว่าจะไม่เป็นภาระให้ชลิต ซึ่งรัชทายาทก็ทำได้จริง แถมยังช่วยชลิตจากพวกป้อมอีกด้วย ทำให้ชลิตเริ่มสงสัยพฤติกรรมของรัชทายาทที่เก่งเกินคนตาบอดทั่วไป

ชลิตไม่กล้าบอกประไพศรีและปรารถนาว่าเห็นเสี่ยบงกชไปเที่ยวกับมาตา เพราะกลัวทั้งคู่ผิดหวัง จึงเอาไปบอกปาริชาติแทน ปาริชาติเลยจับตาดูเลขาคนใหม่ของพ่อเป็นพิเศษ ด้านรัชทายาทมั่นใจยิ่งขึ้นว่ามาตาและเสี่ยบงกชเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแน่นอน พันตำรวจตรีขจรจึงให้รัชทายาทหาทางเข้าไปที่โรงงานของเสี่ยบงกช โดยมีหมวดคันศรและหมู่ทองเป็นกองหนุน รัชทายาทจึงอาศัยปาริชาติ จนได้เข้าไปในโรงงานและเก็บรายละเอียดทางหนีทีไล่อย่างดี แก้วขวัญเห็นปาริชาติกับรัชทายาทสนิทสนมกันก็เข้าใจผิด แต่ปาริชาติมองออกเลยยืนยันกับเพื่อนว่าไม่เคยคิดอะไรกับรัชทายาทนอกจากความเป็นเพื่อน ทำให้แก้วขวัญอารมณ์ดีขึ้น ขณะเดียวกัน หมวดคันศรรู้จักกับครอบครัวของแก้วขวัญอยู่แล้ว เพราะแม่ๆเป็นเพื่อนกัน และคุณกรรณิการ์ก็หวังจะให้แก้วขวัญแต่งงานกับคันศร

การสอบปลายภาคเรียนของปาริชาติผ่านไป เธอจึงชวนครอบครัวและเพื่อนๆไปเที่ยวทะเล เสี่ยบงกชพามาตาไปด้วย มาตาจึงรีบบอกชาญให้ดำเนินการนำยาเสพติดที่แอบผลิตในโรงงานของเสี่ยบงกชและอาวุธเถื่อนในโกดังไปขาย ประไพศรีช้ำใจแต่ไม่อยากให้ลูกสาวไม่สบายใจจึงชวนกรรณิการ์ แม่ของแก้วขวัญไปเป็นเพื่อน ส่วนแก้วขวัญชวนทั้งชลิตและรัชทายาทไปโดยไม่บอกปาริชาติ รัชทายาทขอตัวอ้างว่าวันนั้นเป็นวันหวยออก เขาต้องเร่งขายล็อตเตอรี่ให้หมด แก้วขวัญคิดจะช่วย แต่รัชทายาทปฏิเสธเพราะอยากให้แก้วขวัญได้เที่ยวพักผ่อน ขณะที่ กรรณิการ์ไม่ชอบรัชทายาทตั้งแต่เจอกันครั้งแรก แม้เขาจะนิสัยดี แต่ก็ตาบอดและจน

เมื่อคนอื่นๆ เดินทางไปทะเลแล้ว รัชทายาทก็ออกมายังจุดนัดพบกับหมวดคันศร แล้วเขาก็นำกำลังตำรวจไปยังจุดที่เป็นโกดังเก็บของผิดกฎหมาย ทำให้งานนี้ชาญเสียหายหลายสิบล้าน เขายิ่ง เจ็บใจ และเข้าใจว่าชลิตเป็นสายให้ตำรวจ เนื่องจากสนิทสนมกับลูกสาวเสี่ยบงกช ชลิตจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยที่เขาไม่รู้ตัวและยังมีความสุขด้วยคิดว่าปรารถนารักตนจริง แต่แล้วฝันของชลิตก็สลาย เมื่อกนิตปรากฏตัวเซอร์ไพรซ์ปรารถนาหลังจากกลับจากเมืองนอก กนิตอาศัยมากับคันศรและ รัชทายาท ชลิตผิดหวังรุนแรงจนต้องหลบหน้าทุกคน ขณะที่รัชทายาทอ้างว่าเจอคันศรโดยบังเอิญ และ คันศรชวนมาเพราะต้องมาส่งกนิต เพื่อนรุ่นพี่ แก้วขวัญทักทั้งรัชทายาทและคันศรอย่างสนิทสนม กรรณิการ์หมายมั่นจะให้แก้วขวัญรักกับคันศร เพราะอย่างไรก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่คันศรมองออกว่ารัชทายาทชอบแก้วขวัญจึงไม่คิดแย่งคนรักของลูกเจ้านาย และเขาก็ยังสนุกกับงานยังไม่คิดจะแต่งงานด้วย

เอมอรกับตุ้มคิดจะตามไปปลอบใจชลิต แต่กลับพบปาริชาติเดินตามชลิตก็แปลกใจ ประดับไม่พอใจอยากเข้าไปเป็นก้าง แต่ถูกสองสาวอ้วนผอมดึงไว้ จึงทำอะไรไม่ได้ ปาริชาตินั้นเข้าไปปลอบใจชลิตด้วยท่าทียียวนจนเขารู้สึกดีขึ้น ขณะที่ปรารถนามองออกว่าน้องสาวชอบชลิตแม้จะแสดงออกตรงข้าม เธออิจฉาน้องสาวตัวเอง เพราะในชีวิตนอกจากความสวยแล้ว เธอไม่มีอะไรสู้ปาริชาติได้เลย ครั้งนี้ เธอจึงคิดจะแย่งชลิตมาเป็นของตน โดยที่ชลิตไม่รู้ตัวว่าเป็นแค่เครื่องมือของปรารถนา ส่วนกนิตได้แต่ระแคะระคายในสิ่งที่ปรารถนาทำ แต่ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา ด้านรัชทายาทได้เบาะแสเกี่ยวกับ ยาเสพติดแต่ไม่มีเวลาไปบอกคันศร เขาจึงตัดสินใจขึ้นเรือตามพวกคนร้ายไป แต่แก้วขวัญมาเห็นซะก่อนเลยขอไปด้วยโดยที่รัชทายาทโกหกว่าอยากไปเที่ยวเกาะ

ที่เกาะ รัชทายาทจำต้องเล่าความจริงให้แก้วขวัญฟัง แก้วขวัญอึ้งที่รู้ว่ารัชทายาทเป็นสายตำรวจทั้งที่ตาบอด เธอรับปากว่าจะไม่บอกใครแต่รัชทายาทต้องให้แก้วขวัญไปด้วย รัชทายาทได้พบโรงงานผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ของชาญ แต่ระหว่างที่แก้วขวัญถ่ายรูป และเขาโทรติดต่อคันศร คนร้ายเกิดจับได้ แก้วขวัญจึงทำหน้าที่เป็นดวงตาให้รัชทายาท ขณะที่รัชทายาทต่อสู้กับคนร้ายไม่ถนัดนักเพราะต้องคอยระวังแก้วขวัญ จึงได้แต่สู้ไปหนีไป ด้านชลิตกับปาริชาติเห็นเพื่อนรักหายไปก็เป็นห่วง ออกไปตามโดยมีคันศรกับกนิตขอไปด้วย ทั้งหมดสอบถามและจ้างคนเรือพาไปที่เกาะนั้นแบบเฉพาะกิจ ทำให้ไปช่วยรัชทายาทกับแก้วขวัญได้ทัน แก้วขวัญจำต้องช่วยรัชทายาทโกหกว่าตกเรือ และถูกโจรกระจอกไล่ตาม

คันศรกับรัชทายาทได้คุยกันตามลำพังถึงข้อมูลโรงงานผลิตยา ขณะที่แก้วขวัญพากนิตมาหาทั้งคู่เพราะคิดว่า รัชทายาทควรได้รับการผ่าตัดเพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับตำรวจ เพราะคนตาดีจะทำประโยชน์ได้มากขึ้น กนิตยืนยันจะช่วยรัชทายาทเต็มที่และรับปากจะไม่บอกใคร ระหว่างนั้น ชลิตก็เดินออกมาพร้อมปาริชาติ ชลิตบอกว่าได้ยินทุกอย่าง เขาซึ่งเป็นคู่หูของรัชทายาทขอร่วมงานนี้ด้วย เพราะอย่างน้อย เขาก็คือเป้าหมายของพวกคนร้ายที่มันยังตามล่าเขาไม่หยุด ส่วนปาริชาติก็ขอช่วยเช่นกัน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงพ่อของเธอ คันศรโทรปรึกษาขจรก่อน เมื่อขจรอนุญาตทั้งหมดจึงกลายเป็นทีมเดียวกัน ปรารถนากับประดับเห็นความสนิทสนมของปาริชาติและชลิตที่เพิ่มมากขึ้นก็ไม่พอใจ

กนิตช่วยผ่าตัดตารัชทายาทจนสำเร็จ แต่ในชีวิตประจำวัน รัชทายาทยังเป็นชายตาบอดขายล็อตเตอรี่ต่อ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต มีเพียงคนในทีมเท่านั้นที่รู้ ความรักของรัชทายาทกับแก้วขวัญคืบหน้าด้วยดี ยกเว้นกรรณิการ์ที่ไม่เห็นด้วยและยังเชียร์คันศร ส่วนชลิตกับปาริชาติยังผิดใจกัน เมื่อมีปรารถนามาแทรกกลางเสมอ

พวกป้อมยังคงหาจังหวะทำร้ายชลิต แต่พวกชลิตซ้อนแผนให้แก้วขวัญกับรัชทายาทแอบตามพวกป้อมไปจนรู้ที่อยู่ของชาญ นายใหญ่ แถมชาญกำลังอยู่กับมาตาอีกด้วย ทำให้แก้วขวัญกับ รัชทายาทได้ภาพเด็ด ด้านเกริกชัย อาของกนิตและแก้วขวัญเริ่มรู้สึกไม่มีความสำคัญ เมื่อกนิตกลับมาบริหารโรงพยาบาลเอง เกริกชัยคิดไปเองว่าหมดอำนาจ ทั้งที่กนิตยังเคารพเขาเหมือนเดิม เขาจึงเริ่ม หันหน้าเข้าหาการพนัน จนได้รู้จักชาญ และถูกชักจูงไปในทางเสียหาย รวมถึงยุยงให้ยึดโรงพยาบาลของหลาน เพราะชาญมองว่า โรงพยาบาลจะเป็นแหล่งกักตุนของที่ปลอดภัยอีกแหล่งหนึ่ง

เทอมใหม่ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายของปาริชาติ ปาริชาติเลือกไปฝึกสอนในโรงเรียนใกล้ชุมชนกับที่ชลิตอยู่ และได้ชลิตเป็นที่ปรึกษา ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น แต่ปรารถนายังคงมาขัดขวางและไม่มีเวลาให้กนิต ทำให้กนิตเสียใจมากจนคิดจะเลิก แต่ปรารถนารู้เรื่องก่อนก็มาตามง้อและปฏิเสธต่างๆนานา จนกนิตใจอ่อนยอมให้อภัย ด้านแก้วขวัญฝึกสอนคนละโรงเรียนกับปาริชาติแต่ก็อยู่ไม่ไกลกัน เธอจึงมีเวลาพบปะกับรัชทายาทเช่นเคย โดยที่กรรณิการ์ได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้

ด้านเสี่ยบงกชได้รู้จากลูกน้องในโรงงานว่ามีสิ่งผิดปกติจึงเข้าไปตรวจ และพบของผิดกฎหมาย ทำให้รู้ว่าถูกมาตาหลอกใช้ แต่ยังไม่ทันทำอะไร มาตาก็หายตัวไป เหมือนนกรู้ เสี่ยบงกชจึงไปให้ความร่วมมือกับตำรวจในการติดตามหาคนร้าย เสี่ยบงกชไปขอโทษประไพศรีที่หลงไปกับความเซ็กซี่ ประไพศรียอมให้อภัย แต่ขู่ไว้ว่า หากครอบครัวเดือดร้อน เพราะมาตา เธอจะเลิกกับเสี่ยบงกชทันที และเรื่องก็เป็นไปตามปากของประไพศรี เมื่อมาตากับชาญจับปรารถนา ปาริชาติ และแก้วขวัญเป็นตัวประกัน ประไพศรมากยื่นคำขาดว่าหากเสี่ยบงกชช่วยลูกไม่ได้ ชีวิตคู่ของพวกเขาต้องจบ

ป้อมโทรนัดชลิตมาตกลงเรื่องแลกตัวประกัน แต่แท้จริงต้องการจับชลิตไปพบนายใหญ่ รัชทายาทเลยขอไปด้วย ป้อมเห็นเป็นคนตาบอดจึงไม่ว่าอะไร รัชทายาทไปเป็นเพื่อนจดจำเส้นทางด้วยการร้องเพลงเคาะจังหวะ ชาญสั่งให้ชลิตเป็นคนถือเงินค่าไถ่มาที่นี่คนเดียว ไม่อย่างนั้น ผู้หญิงจะเป็นอันตราย สองหนุ่มอยากช่วยสามสาว แต่มันมากเกินความสามารถ ทั้งสองจึงต้องล่าถอยมาก่อน

รัชทายาทติดต่อตำรวจเข้าไปช่วยเหลือสามสาว และตามจับคนร้าย ป้อมกับพวกถูกจับ แต่มาตาพาชาญหนีไปได้ ปรารถนาเห็นชลิตมาก็อยากแกล้งปาริชาติจึงวิ่งเข้าไปกอด ทำให้ชลิตอึ้ง เพราะตอนนี้เขาเพิ่งรู้ใจตัวเองว่าชอบปาริชาติ แต่คนที่เสียใจกว่าปาริชาติ คือ กนิต ที่ตามมาช่วยปรารถนาด้วยความรัก ความผิดหวังบวกกับที่กนิตถูกกระสุนลูกหลง ทำให้กนิตสลบไปทันที ทุกคนรีบส่งกนิตไปโรงพยาบาล ปรารถนาเสียใจและเพิ่งรู้ใจตัวเองว่ารักกนิตมาก ความอิจฉาไม่ได้ช่วยให้เธอสมหวังในรัก ปรารถนาจึงเลิกเอาชนะน้องสาวตัวเอง สองพี่น้องกลับมารักกัน ปาริชาติปลอบใจปรารถนา ขณะเดียวกัน เธอก็เข้าใจว่าชลิตรักปรารถนาจริงจึงหึงและไม่ยอมพูดกับเขา ชลิตจึงต้องตามง้อ

เกริกชัยตรวจพบว่ากระสุนฝังอยู่ใกล้จุดสำคัญมากจึงต้องระมัดระวังเรื่องการผ่าตัด การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี กนิตฟื้นขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน เขาขอบคุณเกริกชัยด้วยความจริงใจและไม่โกรธที่เกริกชัยแอบยักยอกเงินบริษัท เกริกชัยซาบซึ้งในน้ำใจหลานชายจึงเลิกคิดจะฮุบโรงพยาบาลเด็ดขาด ด้านปรารถนามาดูแลและตามง้อกนิต จนเขายอมให้โอกาสเธออีกครั้ง ส่วนปาริชาติก็ได้รู้ความในใจของชลิต ทำให้เธอถึงกับเขินอาย และยิ้มตลอดเวลาที่อยู่กับเพื่อน จนถูกแก้วขวัญแซวเสียงดัง ประดับซึ่งเพิ่งรู้ว่าปาริชาติตกลงคบกับชลิตก็เสียใจหันไปกินเหล้า มาตามาพบเข้าจึงหลอกใช้ประดับ โดยบอกว่าจะช่วยให้เขาสมหวังในรัก แต่แท้จริง เธอใช้ประดับเป็นตัวล่อจนสามารถจับปาริชาติไว้ได้ และตั้งใจจะส่งเธอไปขายต่างประเทศแก้แค้นเสี่ยบงกชและชลิต

ชลิตรู้เรื่องก็ตามไปช่วยโดยมีรัชทายาทที่ตอนนี้ไม่ต้องปิดบังใครๆว่าเป็นคนตาบอดไปด้วย แก้วขวัญคาดโทษประดับ ประดับรู้สึกผิดจึงตัดสินใจออกตามหาปาริชาติพร้อมกับเพื่อนๆ ด้านคันศรมากับชลิต เพราะต้องการตามรอยชาญเช่นกัน ในที่สุด ทั้งหมดก็จับตัวชาญได้ แต่มาตาสู้จนถึงที่สุด ก่อนจะพยายามฆ่าตัวตาย แต่รัชทายาทช่วยไว้และบอกว่าชีวิตทุกชีวิตมีคุณค่า มาตาอึ้ง เพราะไม่เคยมีใครให้โอกาสเธอ ในที่สุด มาตาก็ยอมมอบตัว

ชลิตแยกไปตามหาปาริชาติที่ถูกลูกน้องชาญจับแยกไปจนพบ เขาต่อสู้กับคนร้ายและช่วยปาริชาติไว้ได้ แต่เพราะตากฝนและออกตามหาปาริชาติทั้งวันทั้งคืน ทำให้ร่างกายชลิตอ่อนแอและป่วยเป็นไข้ป่าในที่สุด ปาริชาติต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและพยายามหาทางออกจากป่า เสี่ยบงกชเป็นห่วงลูกมากจึงออกตามหาด้วยตัวเองจนพบ เสี่ยบงกชเห็นว่าชลิตเป็นคนดีจึงยอมให้คบกับปาริชาติ ขณะที่ กรรณิการ์ก็ยอมรับรัชทายาท เมื่อรู้ว่าเขาเป็นลูกบุญธรรมขจรและเป็นคนดีจริง รัชทายาทดีใจมากและสัญญาว่าจะเก็บเงินมาสู่ขอแก้วขวัญหลังเรียนจบ โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากพ่อบุญธรรม

การแต่งงานของปรารถนากับกนิตถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างพิธีการ ชลิตจูงมือ ปาริชาติไปคุยตามลำพัง เขาขอบคุณที่เธอดูแลเขาในป่า และขอสัญญาว่าจะรักและดูแลปาริชาติยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง ทำให้ปาริชาติมีความสุขมาก เธอสัญญาว่าจะมีชลิตเพียงคนเดียวตลอดไป

..........................................................

ผักบุ้งกับกุ้งนาง 2559

เรื่องย่อ : ผักบุ้งกับกุ้งนาง (2559/2016) ผักบุ้ง (ซอนญ่า สิงหะ) สาวแสนสวย เก่งและแก่น อาศัยอยู่กับยายและครอบครัวของน้าสาว ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง นางนวล มารดาของเธอถูกรถชนเสียชีวิตหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ผักบุ้งยังเด็กอยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ นี้ แต่ อรสา (วชิรา เพิ่มสุริยา) น้าสาวที่รักและเอ็นดูเธออย่างจริงใจ อรสา รับภาระในการเลี้ยงดูเธอทุกอย่าง ทั้งที่อรสาเองก็มีลูกสาวเหมือนกันชื่อ มณี (ปราณวรินทร์ ปามี) มณีนั้นอายุน้อยกว่าผักบุ้งเพียงไม่กี่เดือน ทั้งคู่โตมาด้วยกันแต่นิสัยต่างกันมาก ขณะที่ผักบุ้งขยัน เรียนเก่ง แต่มณีขี้เกียจ ดีแต่ฟุ้งเฟ้อ ยิ่งไปกว่านั้น นางพวง (น้อย โพธิ์งาม) ผู้เป็นยายเองก็ลำเอียงรักมณีมากกว่าผักบุ้ง วันชัย (นึกคิด บุญทอง) น้าเขยก็เป็นกรรมกรมีเพียงค่าแรงรายวัน แต่ติดเหล้าเหมือนกัน ซ้ำร้ายยังชวนยายพวงกินเหล้าจนติดด้วยกันทั้งคู่ คนที่รับภาระหนักในการหาเงินเข้าบ้านก็คือ อรสา ทุกวันอรสาจะเข็นรถเข็นขายส้มตำไก่ย่างไปขายที่หน้าโรงงานแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก ซึ่งผักบุ้งช่วยอรสาทำงานตั้งแต่เด็ก จึงรู้ว่าเงินนั้นหายากและรู้ว่าอรสาเหนื่อยเพียงใดกว่าจะได้เงินสักบาท แต่มณีกลับใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งที่ไม่เคยช่วยอรสาทำงานเลย เมื่อเรียนจบมัธยมปลายผักบุ้งไม่ต้องการทำตัวเป็นภาระให้กับน้าสาวอีก เธอจึงไม่ยอมเรียนต่อทั้งที่เรียนดี ผักบุ้งเริ่มทำงานหาเงินใช้เอง ตอนเช้าถึงเที่ยง เธอจะช่วยอรสาขายของ ฝีมือตำส้มตำของเธอมีลูกค้าติดกันมากมาย พอบ่ายจัด ๆ เมื่อลูกค้าซาลง ผักบุ้งจะไปสำเพ็งหรือประตูน้ำ เธอไปซื้อเครื่องประดับเก๋ ๆ กับเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นเพื่อเอามาขาย ผักบุ้งเลือกของเก่ง เธอจึงมักจะมีของสวย ๆ แปลก ๆ มาขายอยู่เสมอ ประกอบกับตัวผักบุ้งเองชอบค้าขาย และเธอฝันอยากเป็นนักธุรกิจมีกิจการอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง ผักบุ้งจึงขยันทำงานมาก เธอเก็บออมกำไรจากการขายของเข้าธนาคารไว้ แต่ผักบุ้งต้องเก็บสมุดบัญชีซ่อนไว้จนมิดชิด และเรื่องเงินฝากนี้ผักบุ้งไม่บอกใครเลย เพราะรู้ดีว่าทุกคนในบ้านยกเว้นอรสาหิวเงินทั้งสิ้น โดยเฉพาะมณีจะแอบจิ๊กเงินจากตระกร้าเก็บเงินขายของของอรสาวันละหลายร้อย เพื่อไปเที่ยวช็อปปิ้ง และสถานที่ที่มณีชอบไปคือสยาม ซึ่งผักบุ้งรู้ว่าของกินที่นั่นแพงจนจับไม่ลง เมื่อมณีแอบมาจิ๊กเงินทีไร ถ้าผักบุ้งยังอยู่เธอจะไม่ยอมให้มณีได้เงินไปง่าย ๆ ทั้งคู่จึงมีปากเสียงกันเสมอ อรสาต้องเข้ามาห้าม แล้วก็จบลงที่มณีได้เงินไปตามเคย จนผักบุ้งน้อยใจและเจ็บใจ เธอช่วยอรสาขายของเหนื่อยแทบตายก็เพื่อหวังให้อรสาไม่เหนื่อยมากนัก เป็นการทดแทนบุญคุณ จึงช่วยหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่อรสากับยอมให้มณีใช้เงินได้อย่างตามสบาย ด้วยเหตุนี้ผักบุ้งจึงมุมานะทำงานมากขึ้น ช่วงไหนที่ไม่ได้ขายของเพราะฝนตกหรือไม่มีของดี ๆ สวย ๆ ผักบุ้งก็จะไปรับงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในห้องอาหารของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีงานเลี้ยงใหญ่ ๆ มักจะมีพนักงานไม่พอเสมอ ผักบุ้งจึงได้ทำงานในแบบ “พาร์ทไทม์” อยู่เรื่อย ๆ เช้าวันนั้นผักบุ้งตื่นขึ้นแต่เช้าเหมือนทุกวัน เธอกอดตุ๊กตาหมีตัวโตในอ้อมแขนแรง ๆ อีกครั้ง เหมือนต้องการความอบอุ่น และกำลังใจก่อนจะวางบนฟูกบาง ๆ อย่างถนอม เพราะมันคือของขวัญชิ้นสุดท้ายที่นวลมารดาของเธอซื้อมาให้ ผักบุ้งรู้ดีว่านวลรักเธอมาก นวลจะซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ และขนมมาฝากเสมอเมื่อกลับจากที่ทำงาน ตุ๊กตาตัวนี้ก็เช่นกัน เมื่อรู้ว่าผักบุ้งอยากได้ นวลเก็บเงินอยู่หลายวันกว่าจะได้มาพอซื้อให้ลูกสาว เป็นของขวัญวันเกิด ผักบุ้ง ยังจำได้ว่าเธอดีใจมากแค่ไหน เมื่อนวลส่งตุ๊กตาหมีตัวโตมาให้ แต่แล้ววันรุ่งขึ้นผักบุ้งก็ต้องเสียใจที่สุดเมื่อนวล (วรารัตน์ เทพโสธร) ถูกรถชนตาย ผักบุ้งจึงรักและหวงตุ๊กตาตัวนี้นัก เพราะมันเปรียบเสมือนตัวแทนของนวล เธอชอบกอดและซบมันเสมอเวลาที่เหนื่อยและทุกข์ใจ ราวกับรอรับความอบอุ่นและกำลังใจจากแม่ของเธอ และผักบุ้งก็จะรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งเช่นกัน

ผักบุ้งอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อออกไปช่วยอรสา แต่พอเธอก้าวออกจากห้องยายพวงก็ทำให้ผักบุ้งหงุดหงิดจนได้เมื่อใช้ให้เธอไปซื้อเหล้าแต่เช้า ขณะที่มณีเดินนวยนาดออกมาใส่ชุดเสื้อสายเดี่ยวตัวสั้น เก่งเกงเอวต่ำอวดผิวเนียนอย่างไม่อาย เมื่อผักบุ้งเตือนว่ามณีแต่งตัวโป๊เกินไปจนน่าเป็นห่วง มณีกลัวหัวเราะเยาะแล้วว่าผักบุ้งแรง ๆ ว่าอิจฉา เพราะไม่มีปัญญาจะซื้อมาใส่ ซ้ำร้ายยายพวงยังเข้าข้างมณี นางด่าผักบุ้งซ้ำอีก ผักบุ้งน้อยใจจึงผลุนผลันลงจากบ้าน เธอเดินไปหลังชุมชนบริเวณที่ติดกับวัด เธอไปบ้านของลุงสมาน (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) อดีตนักมวยทีมชาติ สมานเป็นครูสอนวิชาป้องกันตัวให้ผักบุ้ง ซึ่งผักบุ้งทำได้ดีเสียด้วย เธอปราบ ไอ้โต (อรุชา โตสวัสดิ์) นักเลงใหญ่จนไม่กล้า “หือ” นอกจากปากเปราะ เจ๊าะแจ๊ะจีบเธอไปเรื่อย โตนั้นชอบผักบุ้งเพราะสวย แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าพูดจีบ แซวเล่นเพราะรู้ฤทธิ์มือและเท้าของผักบุ้งดีว่าหนักแค่ไหน ผักบุ้งเข้าบ้านสมานอย่างคุ้นเคย เธอชอบคุยกับสมาน เพราะสมานจะสอนเธอหลายอย่าง นอกจากหมัดมวยสมานจะเล่าอดีตของตัวเองให้ฟัง และให้ดูเป็นตัวอย่างว่า เมื่อครั้งที่รุ่งโรจน์มีชื่อเสียง ไม่รู้จักใช้เงิน และเก็บออมเมื่อไม่สามารถชกมวยได้ ในวันนี้จึงแทบไม่เหลืออะไร สมานจะสอนให้เธออดทนขยันและทำมาหากิน ที่สำคัญผักบุ้งรู้ว่าสมานรักและเอ็นดูเธออย่างจริงใจ แต่วันนี้เธอเข้าเขตบ้านสมานและเห็นว่าสมานอยู่กับ ร.ต.อ.เผด็จ (กฤตฤทธิ์ บุตรพรม) ผักบุ้งก็หันหลังกลับทันที จนสมานต้องเรียกตัวไว้ ผักบุ้งจึงยอมกลับมา ทั้งนี้เพราะเธอโกรธที่เผด็จห้ามไม่ให้เธอชกปากไอ้โตเมื่อวันก่อน ในฐานะที่มันปากเปราะแถมยังทำท่าจะลวนลามเธออีก ผักบุ้งไม่ยอมเข้าใจว่าเธอทำร้ายไอ้โตแล้ว เธอน่ะแหละจะเป็นคนเดือดร้อน ถ้าไอ้โตแจ้งตำรวจจับเธอในข้อหาทำร้ายร่างกาย และเผด็จช่วยเธอเองต่างหาก ส่วนเผด็จนั้นสนใจผักบุ้งเพราะความ “เฮี๊ยบ” และรู้มาว่าเป็นคนขยันนอกจากความสวย ยิ่งไปกว่านั้นเผด็จเองก็เป็นลูกศิษย์ของสมานเช่นกัน เขาจึงเอ็นดูผักบุ้งอย่างน้องสาวจอมแก่นมากกว่าจะน่ารักอย่างชู้สาว แม้ในระยะแรกเขาเคยนึกอยาก “จีบ” บ้างเพราะผักบุ้งสวยมาก แต่เมื่อรู้นิสัยใจคอ รู้ฤทธิ์ความแก่นของเธอแล้ว เผด็จก็เปลี่ยนใจ เขาชอบผู้หญิงน่ารัก อ่อนหวานมากกว่าสวยเก่ง และแก่นขนาดชกปากนักเลงตัวโต ๆ ได้อย่างผักบุ้ง จะอย่างไรก็ตาม เผด็จก็เต็มใจที่จะดูแลผักบุ้งในฐานะน้องสาวและลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันเสมอ อีกประการหนึ่ง สมานเองก็ฝากให้เข้าดูแลผักบุ้งด้วยเช่นกัน เมื่อเผด็จเห็นว่าผักบุ้งอารมณ์เสียจริงก็ยอมเป็นฝ่ายกลับไป โดยปล่อยให้ผักบุ้งได้คุยกับสมานตามสบาย สักพักผักบุ้งก็อารมณ์ดี สมานจึงสอนวิชา “หมัดมวย” ให้ต่อไป

คืนวันนั้น ผักบุ้งมีงานที่โรงแรมหรู เธอต้องไปเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานค๊อกเทลเปิดตัวสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทำงานผักบุ้งรู้สึกว่าเธอถูกชนจนเซไปปะทะหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแขกผู้มาร่วมงาน ต่างคนต่างขอโทษกันในทันที แต่เมื่อผักบุ้งเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณี ผักบุ้งก็อึ้งพูดไม่ออกเมื่อพบว่าสาวผู้นั้นหน้าตาคล้ายเธอมาก ผิดกันแต่ว่าผักบุ้งอยู่ในเครื่องแบบของพนักงานเสิร์ฟ แต่สาวสวยคนนั้นแต่งกายเรียบหรู สง่างาม อีกทั้งเครื่องประดับราคาแพงก็บอกฐานะของเธอได้เป็นอย่างดี ตัวของสาวไฮโซเองก็ตกใจที่พบกับคู่แฝดคนละฝาอย่างบังเอิญเช่นนี้ อย่างไรก็ตามสาวสวยไฮโซ หรือกุ้งนาง (ซอนญ่า สิงหะ) ก็รีบคว้ามือผักบุ้งให้เลี่ยงไปคุยที่มุมห้อง เธออยากรู้จักคู่แฝดว่าเป็นใคร แต่โอกาสไม่อำนวยให้ กุ้งนางจึงได้รู้ว่าคู่แฝด เพื่อนใหม่ชื่อผักบุ้งเท่านั้น กุ้งนาง หรือ รัสมา เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล “ดิเรกณรงค์” ซึ่งทำธุรกิจระหว่างประเทศมีทรัพย์สินเป็นพันล้านบาท กุ้งนางรู้แต่ว่าพ่อและแม่เธอประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ ตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ ทองแข (ดวงใจ หทัยกาญจน์) ผู้เป็นย่าเป็นผู้ที่ดูแลเธอมาจนโตเป็นสาว โดยมี ศิริพรรณ (สโรชา วาทิตตพันธ์) อาสะใภ้ ช่วยดูแลอีกคน ส่วนธุรกิจต่าง ๆ สุธี (เพ็ญเพชร เพ็ญกุล) ผู้เป็นอาเป็นผู้ดูแลดำเนินกิจการจนเจริญรุ่งเรือง และขณะนี้มี กร (พาทิศ พิสิฐกุล) หลานชายของศิริพรรณมาช่วยทำงานอีกคนหนึ่ง กรนั้นเรียนจบจากต่างประเทศ เก่งและซื่อสัตย์มาก เขาเป็นกำลังสำคัญของสุธี กรมีคู่หมั้นแล้วชื่อ ดวงรัตน์ (กชกร ส่งแสงเติม) ซึ่งพบกันที่ต่างประเทศ กุ้งนางรักและนับถือกรเหมือนพี่ชาย เช่นเดียวกับที่กรที่เอ็นดูรักกุ้งนางเหมือนน้องสาว เขารู้สึกว่ากุ้งนางอ่อนแอ บอบบางเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา กรจึงทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีของกุ้งนางเสมอมา สิ่งที่กุ้งนางเศรษฐีสาวน้อยเบื่อที่สุดคือ การที่ต้องถูกบังคับให้เรียนรู้การดำเนินธุรกิจอย่างคร่ำเคร่ง ไหนจะต้องเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอีก กุ้งนางถูกสุธีบังคับและเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับดำเนินธุรกิจต่อจากเขามาตั้งแต่เธอเริ่มเป็นสาว กุ้งนางถูกสอนให้แต่งตัววางตัวในสังคม และต้องไปงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้า จนกุ้งนางเบื่อยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าสุธีทำลงไปก็เพื่อหวังบีบคั้นให้กุ้งนางเบื่อมากๆ ซึ่งขนาดขายบริษัทให้เขาก็ยิ่งดี หรือบ้าไปเลยสุธีก็จะยิ่งพอใจมาก เขาทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่ที่หวังดี แต่ความจริงแล้วสุธีโลภมาก เขาบริหารบริษัทมานานจนคิดว่าเป็นของตัวเอง และไม่ยอมที่จะให้เป็นของกุ้งนางอีกต่อไป ขณะที่เขาสอนกุ้งนางอย่างเคร่งครัด เขาก็แอบยักยอกรายได้ต่าง ๆ เข้ากระเป๋าตัวเองอย่างสม่ำเสมอ สุธีรู้ดีว่ากุ้งนางไม่มีทางรู้ เพราะกุ้งนางไว้ใจเขามากที่สุด ที่สำคัญสุธีสบประมาทว่ากุ้งนางอย่างเสมอมา ส่วนกุ้งนางนั้นนอกจากเบื่อเรื่องธุรกิจแล้ว เธอเหงามากไม่มีเพื่อนสนิทสักคน เมื่อกรกลับมาใหม่ ๆ กุ้งนางก็มีกรเป็นเพื่อน

ต่อมาเมื่อกรหมั้นกับดวงรัตน์ เธอก็มีดวงรัตน์เป็นเพื่อนอีกคน แต่แล้วดวงรัตน์ก็ทำให้กุ้งนางรู้ว่าสังคมมีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน เธอได้ยินดวงรัตน์นินทาเธอลับหลังว่าดีแต่สวยปัญญาไม่มี เป็นสาวรวยแต่ปัญญาอ่อน ดวงรัตน์เม้าท์จนลืมตัวเผลอนินทากุ้งนางในห้องน้ำที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ขณะที่มางานเลี้ยงด้วยกัน ดวงรัตน์ไม่รู้ว่ากุ้งนางอยู่ในห้องน้ำด้วย กุ้งนางจึงได้รับรู้ความจริงอย่างเสียใจ เพราะต่อหน้าเธอแล้วดวงรัตน์จะอ่อนหวาน พูดเพราะเอาใจเธอทุกอย่าง แต่ลับหลังแล้วดวงรัตน์ร้ายกาจกับเธอที่สุด ซ้ำร้ายดวงรัตน์ยังพยายามชักนำให้ วิรัตน์ (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) ผู้เป็นพี่ชายเข้ามาจีบเธออีกด้วย ถึงจะดูนิ่ง ๆ เรียบร้อย แต่กุ้งนางก็ไม่ได้โง่เสียจนดูไม่ออกว่า 2 พี่น้องไม่จริงใจกับเธอเลย กุ้งนางจึงไม่ยอมเปิดโอกาสให้วิรัตน์ได้ใกล้ชิดกับเธอสักครั้ง ถึงกระนั้นเมื่อกลับจากงานเลี้ยง กุ้งนางคิดถึงผักบุ้งตลอดเวลา เธอเบื่อที่จะอยู่กับคนที่ไม่จริงใจ เธออยากเป็นอิสระบ้างถึงแม้ว่ากรจะเข้าใจ และคอยช่วยเหลือเธอบ้างในเรื่องธุรกิจ แต่กุ้งนางก็บอกเรื่องดวงรัตน์ไม่ได้ ยิ่งเห็นดวงรัตน์ในคืนนี้กุ้งนางก็อยากจะหนีไปไหน ๆ ให้พ้นสักพัก ซึ่งเธอก็รู้ว่าคงรอดตาของกรหรือสุธีได้ยากเต็มที แต่แล้วกุ้งนางก็คิดออก เธอจะตามหาผักบุ้งและสลับตัวกัน ถึงแค่ชั่วคราวก็ยังดี ถึงแม้จะพบกันเพียงครั้งเดียว แต่กุ้งนางก็รู้สึกว่าผักบุ้งเป็นคนดี คืนวันต่อมากุ้งนางจะออกไปตามหาผักบุ้งที่โรงแรมนั้น กรมาพบเข้าพอดีจึงอาสาขับรถให้ เมื่อไปถึงโรงแรมกุ้งนางก็ผิดหวังเพราะผักบุ้งเป็นพนักงานชั่วคราว ตลอดเวลาที่เดินทางมากุ้งนางบอกกรเพียงว่าเธอจะมาหาเพื่อนชื่อผักบุ้งเท่านั้น กุ้งนางให้กรพามาที่นี่อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่พบ เรื่องการออกไปข้างนอกกับกรในเวลากลางคืนของเธอรู้ถึงหูดวงรัตน์ ดวงรัตน์ซึ่งอิจฉากุ้งนางอยู่แล้วจึงออกอาการหึงอาละวาดกุ้งนางจนน่าเกลียด และกลับไปยุวิวัฒน์ให้จีบกุ้งนางยิ่งขึ้น จนวันหนึ่งกุ้งนางทนไม่ไหวจึงหนีวิรัตน์ออกจากบ้านไป เธอขึ้นแท็กซี่ให้พาไปที่โรงแรมที่พบผักบุ้งอีก คราวนี้โชคดีเพราะผักบุ้งมาทำงานพิเศษ และกำลังจะกลับบ้าน ทั้งคู่จึงพบกันที่หน้าโรงแรมนั่นเอง

การหายไปของกุ้งนางทำให้กรเป็นห่วงมาก เขารีบขับรถออกตามหาเธอ ซึ่งเขาเดาว่ากุ้งนางต้องมาโรงแรมนี้ วันนี้กุ้งนางมีโอกาสคุยกับผักบุ้งเรื่องขอสลับตัวเพียงครู่เดียว เธอก็เห็นรถของกร กุ้งนางพยายามให้ผักบุ้งรับปาก แต่ผักบุ้งไม่ยอม เธอให้กุ้งนางกลับไปคิด 1 คืน แล้วค่อยมาพบกันอีกครั้งพรุ่งนี้ที่หน้าโบสถ์ในวัดใกล้ ๆ นี้เอง ก่อนจะแยกจากกันไป เมื่อกรเดินมาหาจึงเห็นกุ้งนางยืนอยู่คนเดียวอย่างอารมณ์ดี วันรุ่งขึ้นกุ้งนางไปตัดผมสั้นดูทะมัดทะแมง เธอตั้งใจตัดผมให้คล้ายผักบุ้งที่สุด คืนนั้นกรไปส่งกุ้งนางที่โรงแรมตามเคย โดยกุ้งนางขอเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนให้เขากลับมารับอีกครั้ง กุ้งนางเดินไปที่จุดนัดพบอย่างตื่นเต้น ระหว่างนั่งคอยผักบุ้งเธอก็ต้องตกใจเมื่อเผด็จเดินเข้ามาทักว่าเป็นผักบุ้ง ใจหนึ่งเธอก็ดีใจที่ตบตาคนอื่นได้ กุ้งนางจึงรับสมอ้างเป็นผักบุ้งคุยกับเผด็จอย่างเรียบร้อย อ่อนหวานตามนิสัย จนเผด็จแปลกใจที่ผักบุ้งน่ารักผิกปกติ ทั้งคู่คุยกันอยู่นาน โดยที่กุ้งนางเป็นฝ่ายรับคำเออ ๆ คะ ๆ ไปตามเรื่อง จนถึงเวลาที่นัดกรมารับกุ้งนางจึงต้องรีบหาทางเลี่ยงไป เธอแปลกใจที่ผักบุ้งไม่มาตามนัด จะอย่างไรก็ตามคืนวันต่อมากุ้งนางก็มารออีกครั้งและก็พบเผด็จอีกจนได้ เผด็จไม่ยอมให้กุ้งนางหรือผักบุ้งในความเข้าใจของเขาอยู่ตามลำพัง เพราะสาวสวยอย่างเธออยู่ในที่เปลี่ยวดูจะไม่ปลอดภัย เป็นอันว่าคืนนั้นกุ้งนางก็ไม่ได้พบผักบุ้งอีกจนได้ ส่วนผักบุ้งไม่ใช่ว่าลืมนัดกับกุ้งนางแต่เหมือนถูกแกล้งทั้งยายพวงและวันชัย ต่างก็ใช้เธอทำงานจนเลยเวลานัดทุกที ผักบุ้งคิดหนักมากขึ้นไม่อยากให้กุ้งนางมาลำบาก ยิ่งระยะหลัง ๆ วันชัยชอบมองเธอแปลก ๆ แล้วหาโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเธอยูเรื่อย ๆ แต่คนอย่างผักบุ้งหรือจะยอมง่าย ๆ วันชัยจึงถูกแม่ไม้มวยไทยของผักบุ้งจนเจ็บตัวบ่อย ๆ แต่ก็ไม่กล้าโวยวาย ไหนจะเรื่องไอ้โตอีก ทว่าในที่สุดสองสาวคู่เหมือนก็พบกันจนได้ กุ้งนางขอร้องจนผักบุ้งยอม ยิ่งรู้เรื่องดวงรัตน์และวิรัตน์ที่วุ่นวายกับกุ้งนาง ผักบุ้งรู้สึกโกรธแทนอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกผูกพันกับเพื่อนใหม่ไฮโซคนนี้มาก ทั้งผูกพันและห่วงใยจนน่าแปลกใจ ซึ่งกุ้งนางเองก็เช่นกันทั้งคู่นัดพบกันอีกหลายครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของกันและกันอย่างละเอียดก่อนจะสลับตัวกัน ทั้งนี้ ผักบุ้งย้ำกับกุ้งนางเสมอว่าถ้าจะกลับมาสู้ชีวิตเดิมเมื่อไหร่ เธอก็พร้อมทันที

แล้วก็ถึงวันที่ทั้งคู่รอคอย คือวันที่จะสลับชีวิตกัน วันนี้กุ้งนางบอกกรว่าอยากจะเป็นคนใหม่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็อย่าโกรธเธอให้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวเหมือนเดิม กรรับปากแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง เช่นเดียวกับผักบุ้งเธอเป็นฝ่ายไปหาเผด็จแถมยังบอกอีกว่าพักนี้ไอ้โตมากวนใจวอแวเธอบ่อยเหลือเกิน ถ้าไม่อยากให้เธอต้องทำร้ายมันละก้อให้หมั่นไปตระเวนแถว ๆ ร้านส้มตำอรสาบ้าง ซึ่งเผด็จรับปากแต่โดยดี คืนนั้นทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่ห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตใหม่อย่างที่ตกลงกัน ผักบุ้งขึ้นรถของกรอย่างระมัดระวัง เธอพูดน้อยจนกรรู้สึก แถมเมื่อถึงบ้านยังป้ำ ๆ เป๋อ ๆ เดินผิดห้องอีก แต่ก็รอดตัวไปจนได้ ตรงกันข้ามกับกุ้งนาง ซึ่งคืนแรกก็เจอดีเข้าแล้วเมื่อพบกับไอ้โตก่อนจะเข้าบ้าน ไอ้โตพูดจาแทะโลมก่อนตามนิสัย แต่เมื่อกุ้งนางตอบอย่างเงอะงะแถมมีทีท่าหวาดกลัวมันก็เริ่มได้ใจ ไอ้โตเตรียมเข้ามาลวนลามเธอตามถนัด เผด็จก็ผ่านมาพอดี ไอ้โตเผ่นหนีอย่างไม่มีฟอร์ม ภาพของกุ้งนางที่อ่อนแอเป็นผู้ยิ้งผู้หญิง ทำให้เผด็จประหลาดใจว่าผักบุ้งสาวห้าวทำไมถึงดูบอบบางน่ารักนัก แถมเมื่อเขาบอกว่าจะเดินไปส่งที่บ้านเธอก็ยอมโดยดี ระหว่างเดินไปด้วยกัน ทางเดินแคบทำให้ให้ต้องเดินใกล้ชิดกันมาก ด้วยความไม่ชินทางและความเขินอายทำให้กุ้งนางเดินสะดุดบ่อยๆ จนเผด็จต้องคอยจับแขนหรือประคองเธอไว้ตลอดทาง กุ้งนางพยายามทำตัวเข้มแข็งแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่รู้ว่าเผด็จเองเริ่มประทับใจกับผักบุ้งคนนี้เข้าให้แล้ว ผักบุ้ง(กุ้งนาง) ทำให้คนรอบข้างผิดสังเกตกันมากมาย สาวห้าวกลับเป็นสาวเรียบร้อย อ่อนไหว มีน้ำใจ ขณะที่สาวนุ่มนิ่มอ่อนหวานอย่างกุ้งนางกลับเฮี้ยวและห้าว แถมยังขยันทำงานอีกด้วย ที่สำคัญฉลาดเรียนรู้ธุรกิจได้เร็ว จนกรหลงเสน่ห์ความเก่งอย่างไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดของกรและกุ้งนาง(ผักบุ้ง) ทำให้ดวงรัตน์หึงขนาดหนักถึงขนาดตามมาอาละวาดถึงบ้าน ผักบุ้งหรือจะยอมง่าย ๆ ดวงรัตน์จึงถูกย้อนอย่างเจ็บปวดพอกัน เรื่องยุ่งมากขึ้นเมื่อดวงรัตน์ยุให้วิรัตน์ปล้ำกุ้งนาง(ผักบุ้ง)เพื่อรวบรัด โดยแน่ใจว่าสาวตุ๋มติ๋มอย่างกุ้งนางต้องยอมตกกระไดพลอยโจนแต่งงานแก้หน้าแน่นอน แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อวิรัตน์เริ่มอาการเจ้าชู้ยักษ์กับกุ้งนาง(ผักบุ้ง)ในวันหนึ่งเมื่อเห็นว่าเธออยู่คนเดียว วิรัตน์จึงโดนกุ้งนาง(ผักบุ้ง) ใช้วิชาอัดลงไปนอนกองกับพื้น กรกลับมาพอดี เขาโกรธมากและยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อรู้ว่าดวงรัตน์เป็นผู้สนับสนุนพี่ชาย กรขอถอนหมั้นกับดวงรัตน์ทันที

ยิ่งเวลาผ่านไปกรก็ยิ่งจับพิรุธได้ว่ากุ้งนางคนนี้ไม่ใช่กุ้งนางคนเก่า จะอย่างไรก็ตามกรยอมรับกับตัวเองว่าเขารักกุ้งนางคนนี้เข้าให้แล้ว ส่วนดวงรัตน์ยังตามตื้อกรอีก เธอโวยวายว่ากุ้งนางแย้งกรไป กุ้งนาง(ผักบุ้ง) สวมรอยทันที เธอหวานกับกรอย่างน่ารัก ผักบุ้งไม่รู้ตัวว่าเธอทำอะไรลงไป เพราะใจเธอต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน ส่วนกรรับสมอ้างต่อทันทีเหมือนกัน ดวงรัตน์จึงยิ่งคลั่ง ส่วนสุธีเริ่มหงุดหงิดเมื่อกุ้งนาง(ผักบุ้ง) ไม่ยอมเซ็นอนุมัติโครงการต่าง ๆ ง่าย ๆ เหมือนเดิม แถมยังมีการเอาบัญชีรายรับรายจ่ายเก่า ๆ ของบริษัทมาดูเสียอีก สุธีไม่รู้ว่าผักบุ้งจับได้แล้วว่าเขาโกงบริษัท

ส่วนกุ้งนางต้องผจญความวุ่นวายอย่างน่าสงสารจากคุณหนูไฮโซต้องมาตำส้มตำ ยิ่งไปกว่านั้นเทพบุตรในดวงใจคือเผด็จ ก็มาโดนมณีมาทำท่าเป็นเจ้าเข้าเข้าของจนเธอเสียใจ แต่เผด็จก็รีบมาบอกความจริงเสียก่อน กุ้งนางจึงมีกำลังใจอยู่ต่อไปได้ คนที่จับพิรุธได้ก่อนว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ผักบุ้งก็คืออรสา เธอเลี้ยงผักบุ้งมานานจนรู้นิสัยใจคอ อยู่ด้วยกันเพียง 2 วัน อรสาก็รู้แล้วว่าคนนี้ไม่ใช่หลานสาวคนเดิม เธอพากุ้งนางไปที่โบสถ์ และถามความจริงต่อหน้าพระประธาน กุ้งนางจึงต้องสารภาพความจริง อรสานิ่งไปเมื่อรู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใครยิ่งประหลาดใจ เมื่อรู้ว่ากุ้งนางเกิดวันเดียวเดือนเดียวกับผักบุ้ง ความน่าจะเป็นที่ทั้งคู่เป็นคู่แฝดกันมีสูงมาก คนที่จะตอบได้ดีคือนวลซึ่งก็ตายไปแล้ว นับจากวันนั้นอรสาจะคอยปกป้องดูแลกุ้งนางมากขึ้น อีกคนที่จับพิรุธได้ก็คือลุงสมาน แกทำให้กุ้งนางต้องสารภาพความจริงอีกคน สมานดูออกว่าเผด็จนั้นรัก ผักบุ้ง(กุ้งนาง) คนนี้ จึงบอกเป็นนัย ๆ ว่าไม่ใช่ผักบุ้งคนเดิม แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่อง เมื่อวันชัยเข้ามาปล้ำกุ้งนาง แต่อรสามาช่วยไว้ทัน กุ้งนางกลัวมาก วันชัยยังอาละวาดไม่หยุด จนอรสาทำท่าจะขวางไม่ได้ เหตุการณ์กำลังคับขัน เผด็จซึ่งเป็นห่วงอยู่แล้วก็เข้ามาพอดี กุ้งนางโผเข้ากอดอย่างดีใจ เผด็จโอบเธอไว้พลางบอกทุกคนอย่างชัดเจนว่า ผักบุ้ง(กุ้งนาง) เป็นแฟนเขา และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอเด็ดขาด เหตุการณ์วันนั้นทำให้เผด็จและกุ้งนางเข้าใจกัน แต่มณีกลับแค้นเธอไปยุให้โตฉุด ผักบุ้ง(กุ้งนาง) ไอ้โตหลวมตัวเชื่อมณี จึงวางแผนฉุดในค่ำวันหนึ่ง ระหว่างที่กุ้งนางกลับหลังจากเยี่ยมสมานซึ่งป่วยหนัก กุ้งนางดิ้นรนสุดชีวิต เธอดีใจที่เห็นมณี แต่กลับเป็นว่ามณีมาช่วยโตฉุดเธอให้ไปทางบ้านของโต เผด็จซึ่งไปเยี่ยมสมานเช่นกัน แต่ไปทีหลังเมื่อกุ้งนางกลับมาแล้ว สมานเป็นห่วงกุ้งนางจึงให้เผด็จรีบตามมา ซึ่งก็ทันเวลาพอดี ก่อนที่เขาจะเป็นบ้าเพราะห่วงเธอ

ส่วนกรเมื่อจับพิรุธผักบุ้งได้มากขึ้น เขาก็ขู่เธอให้บอกความจริง ผักบุ้งปากแข็งจนกรแกล้งขู่จะส่งตำรวจผักบุ้งจึงบอกความจริง กรทำเป็นไม่เชื่อแกล้งว่าผักบุ้งต่าง ๆ นา ๆ ว่าหวังสมบัติของกุ้งนางจนผักบุ้งน้อยใจและเสียใจ เธอผิดหวังที่กรผู้ชายที่เธอรักไม่เข้าใจเธอเลย ผักบุ้งจึงต่อโทรศัพท์มือถือของกุ้งนางให้พูดกันเอง จนกรเข้าใจว่า ผักบุ้ง (กุ้งนาง) ตกลงจะกลับสู่ชีวิตเดิมของตัวเอง เพราะสงสารคนรอบข้าง เมื่อวางหูจากกุ้งนาง ผักบุ้งเสียใจที่กรใจร้ายกับเธอมากจนไม่ยอมพูดด้วย เธอประชดกรด้วยฤทธิ์งอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผักบุ้งไม่รู้ตัวว่ายามที่เธอมีกิริยาอย่างผู้หญิงนั้นน่ารักหนักหนา และกรอดใจไม่ได้ต้องสารภาพรักกับเธอ ก่อนวันนัดที่สลับตัวกัน สุธีก็ทำเรื่องยุ่งเสียก่อน เมื่อความโลภเข้าครอบงำ เขาหลอกผักบุ้งไปขังไว้ในโกดังร้างกลางทุ่ง สุธีสร้างเรื่องแนบเนียนมากจนไม่มี่ใครเดาได้ กรทนไม่ไหวจึงได้ติดต่อกุ้งนางกับเผด็จ ทั้งคู่จึงซ้อนแผนโดยให้กุ้งนางกลับไปหาสุธี แล้วต่อว่าสุธีทำร้ายเธอ เมื่อพบกันสุธีตกใจเมื่อเข้าใจว่า กุ้งนาง(ผักบุ้ง) รอดมาได้ เขาหลุดปากโวยวายออกมาเรื่องโกดังจนกรเดาได้ กรรีบไปช่วยผักบุ้งทันที เขาพบผักบุ้งอยู่ในสภาพที่หมดแรงเพราะขาดทั้งอาหารและน้ำ ผักบุ้งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตทันที สุธีถูกจับส่วนผักบุ้งปลอดภัย กุ้งนางรู้สึกผูกพันกับผักบุ้งมาก จึงเตรียมที่จะพาผักบุ้งมาอยู่ด้วย เธอตั้งใจจะไปขออนุญาตกับทองแข แต่แล้วทองแขกลับทำให้ทุกอย่างลงเอยอย่างง่ายดาย เมื่อเธอมาหาสาวน้อยทั้งคู่แล้วบอกว่าทั้งผักบุ้งและกุ้งนางต่างก็เป็นหลานของเธอ ทั้งคู่เป็นแฝดกันแต่ผักบุ้งซึ่งเป็นแฝดพี่นั้นถูกนวลผู้เป็นแม่อุ้มจากไปตั้งแต่แบเบาะ เพราะปู่ของผักบุ้งและกุ้งนางไม่ยอมรับสะใภ้และหลาน ซึ่งทองแขพยายามตามหานวล เพื่อที่จะรับกลับมาทั้งนวลและผักบุ้ง แต่ก็ไม่พบเพราะว่านวลนั้นตายก่อนที่ปู่ของทั้งคู่จะตาย จนกระทั้งผ่านมาจนถึงวันนี้ ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี

ฉันทนาสามช่า 2559

เรื่องย่อ : ฉันทนาสามช่า (2559/2016) “ไข่มุก” สาวน้อยบ้านนา ที่ชีวิตติดลบ แต่เธอไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค ด้วยถาคาวิเศษ ขยัน อดทน และยึดมั่นในความดี ! เธอใช้เสียงเพลงบรรเลงขับกล่อมชีวิต ให้ก้าวไปข้างหน้า สร้างฝันสร้างสุขให้ตัวเอง ด้วยบทเพลงสามช่า.... ร่วมวงหรรษากับเรื่องราวชีวิตสาวๆ ฉันทนาที่รัก....ชะชาช่า!!!!!

ไข่มุก (มุก) (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) สาวบ้านนาหน้าตาสะสวย กำลังร้องเพลงเกี่ยวข้าวกับ อำภา (พาเมล่า เบาว์เด้น) แม่ของไข่มุก ที่ขยันทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงครอบครัว และ ยายจันทร์ (ศิรินทรา นิยากร) ยายของไข่มุก ที่ตาบอดเป็นต้อกระจก..อดีตแม่เพลงพื้นบ้านประจำอยุธยา ที่เป็นกำลังใจและไอดอลการร้องเพลงของไข่มุก.. ไข่มุกร้องเพลงด้วยความสุขที่จะได้นำข้าวไปขายเอาเงินส่วนหนึ่งไปสมัครเรียนต่อระดับมัธยมปลายแล้วเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อชีวิตที่ดีกว่าสาวชาวนา แต่แล้วเพื่อนบ้านมาบอกข่าวร้ายว่าพ่อของไข่มุกโดนทำร้าย ไข่มุกกลับไปบ้านเห็นภาพ พยุง (ปราบ ยุทธพิชัย) พ่อขี้เมาโดนลูกน้องเสี่ยเหมา รุมประชาทัณฑ์ ไข่มุกเข้าไปปกป้องพ่อจะเอาเรื่อง เสี่ยเหมา (ไชยกร สิทธาไชย) เสี่ยเหมา หยิบสัญญาจำนองบ้านและที่นาทั้งหมดมาขู่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมด แมน (พัฒนะ พันธุ์เทวะ) ลูกชายอันธพาลของเสี่ยเหมา ต่อรองให้ไข่มุกยอมเป็นเมีย แล้วจะยกบ้านและที่ดินให้ ไข่มุกยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับคนโกง

เสี่ยเหมาจึงประกาศให้ไข่มุก หาเงินมาจ่ายคืน ไม่เช่นนั้นก็จะยึดบ้านและที่นา!!

ไข่มุก ร้องไห้เสียใจที่พ่อเอาทรัพย์สินของยายและครอบครัวไปจำนอง พยุงระบายความในใจว่าหนี้สินทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะไปกู้มาทำนาหลังเหตุการณ์น้ำท่วม เมื่อหมุนเงินไม่ทันก็ทบต้นทบดอก ยิ่งทำให้เครียดต้องกินเหล้า พยุงเสนอให้ไข่มุกไปทำงานโรงงานแถวนวนคร อาสาหาบ้านเช่าใกล้โรงงาน อำภาคิดจะขายข้าวแกงหารายได้เพิ่ม ยายจันทร์ไม่เห็นด้วยที่ทุกคนต้องไปเผชิญชีวิตใหม่ แต่ไม่สามารถคัดค้านได้เพราะไม่มีทางออกนอกจากหาเงินมาจ่ายหนี้ ยายจันทร์จะไปสานตั๊กแตน ปลาตะเพียนขายชาวโรงงานช่วยเหลือครอบครัวอีกแรง ไข่มุกมีความสุขที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าและสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม...

ไข่มุกเข้าไปสมัครงานที่โรงงาน “แสงทองตัดเย็บ” พบเห็นแก๊งนางฟ้า แอน (สิริลภัส กองตระการ) กิ๊บ (มณฑิรา เปี่ยมรัตนวงศ์) และลำไย (แรกขวัญ จิระกุล) ใส่ร้ายว่า นารี (อัปสรสิริ อินทรคูสิน) ขโมยเสื้อผ้าในโรงงาน แก้วตา (รุ้งลาวัลย์ โทนะหงษา) ติ๊งโหน่ง (เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง) เพื่อนสนิทของนารี มาช่วยปกป้อง..แต่พวกแอน ก็ค้นเจอเสื้อผ้าในกระเป๋านารี...ไข่มุกเข้ามาเป็นพยานว่าเห็นพวกแอนเป็นคนเอาของใส่กระเป๋านารี แก๊งนางฟ้าไม่พอใจเปิดศึกทะเลาะตบตีกันอลหม่านโรงอาหาร แม่บ้านตุ่ม (วนิดา แสงสุข) คว้าไม้ถูพื้นเข้าไปห้ามก็เป็นอันต้องกระเด็นกระดอนออกมา..วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังกรอกใบสมัครงาน ชาตรี (โตนนท์ วงบุญ) จำต้องรีบเข้าไปห้าม โดยมี เหี่ยว (ณทรรศชัย จรัสมาส) พนักงานช่างผู้ซื่อใส และ ยามประสิทธิ์ (เทวินธวิ์ คุณารัตนวัฒน์) เป็นกองหนุนไปยุติความชุลมุนวุ่นวาย!

แอน ร้องเรียน ธีรดล (ภูษณะ บัวงาม) ทายาทคนเดียวของโรงงาน โดยสร้างเรื่องใส่ร้ายไข่มุกและพวก ธีรดลสนใจในตัวไข่มุก แต่ขัดแอนไม่ได้เพราะเขาอ่อยแอนไว้นานแล้ว ธีรดลจึงเข้าข้างแอน ชาตรีทนดูความอยุติธรรมไม่ได้ เสนอให้เอากล้องวงจรปิดมาเปิดก็จะรู้ความจริงทั้งหมด ธีรดลไม่พอใจที่ชาตรีมาสอนเขาและเขาก็ไม่ชอบหน้าชาตรีตั้งแต่แรกเห็น สั่งให้ยามประสิทธิ์ ลากตัวชาตรีออกไปจากโรงงาน

ทวีป (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ผู้จัดการอาวุโส รู้เรื่องสั่งให้ยามประสิทธิ์ นำเทปวงจรปิดมาเปิดดู ก็รู้ว่าต้นเหตุคือ พวกแอน ทวีปสั่งลงโทษพวกแอน ทำให้พวกแอนผูกใจเจ็บแค้นไข่มุกและพวกนารี!!

ไข่มุกขอบคุณชาตรีที่ช่วยเหลือ และเสียใจที่ทำให้ชาตรีตกงาน ไข่มุกคิดว่าทางโรงงานก็คงไม่รับเธอที่สร้างเรื่องวุ่นวาย ไข่มุกอาสาจะช่วยหางานให้ชาตรี ชาตรีนึกยิ้มในใจที่ไข่มุกไม่มีงานทำยังมีน้ำใจช่วยเหลือเขา.....เหี่ยวและยามประสิทธิ์ มาตามตัวชาตรีให้กลับไป เพราะทวีปรับชาตรีทำงานในฝ่ายช่าง แก้วตา, ติ๊งโหน่ง มาตามตัวไข่มุกไปทำงานฝ่ายตัดเย็บ....

ไข่มุกดีใจที่ได้งานทำ แก้วตาและติ๊งโหน่ง รับไข่มุกเข้ามาร่วมก๊วน แต่นารีไม่เห็นด้วย เพราะในอดีตเคยสนิทสนมกับแอน แต่แอนกลับหักหลังตั้งตัวเป็นศัตรู...นารีเชื่อว่าทุกคนอยู่เพื่อผลประโยชน์ ไม่มีมิตรแท้...ยกเว้นแก้วตาและติ๊งโหน่ง ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเพื่อนตาย... ไข่มุกจึงประกาศจะให้นารีเห็นว่าเธอพร้อมจะเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกับนารี

วิกานดา (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) โวยวายลั่นบ้าน เมื่อรู้ว่า เสี่ยกวง (สุรวุฑ ไหมกัน) อนุมัติรับชาตรีเข้าทำงาน ทั้งๆ ที่ชาตรีหักหน้าธีรดล เสี่ยกวงให้เหตุผลเพียงว่าชาตรี เป็นคนตรงไปตรงมา เขาต้องการคนแบบนี้เพื่อพัฒนางานในบริษัท แต่ทรงยศ (รวิช ไรวินท์) หัวหน้าฝ่ายช่าง ลูกน้องคนสนิทของธีรดล แอบมารายงานวิกานดาและธีรดลว่าชาตรี คือ ลูกของเมียน้อยเสี่ยกวงนั่นเอง... วิกานดารู้เรื่องนี้ก็แทบกรี๊ดบ้านแตก เพราะในอดีตนั้น.....เสี่ยกวง เคยรักกับสาวฉันทนา พิมพ์พร (น้ำทิพย์ เสียมทอง) จนตั้งท้อง พ่อแม่ของเสี่ยกวงไม่พอใจ บังคับให้เสี่ยกวงแต่งงานกับวิกานดาทันที แต่เสี่ยกวงไม่ยอมทอดทิ้งพิมพ์พร เลี้ยงดูเป็นอย่างดี จนชาตรีมีอายุ 7 ปี วิกานดากลัวชาตรีแย่งชิงสมบัติของธีรดลลูกชายตัวเองที่เกิดหลังชาตรี.. จึงหาเรื่องกลั่นแกล้งพิมพ์พร ใส่ร้ายว่าพิมพ์พรเป็นชู้กับทวีป.. พิมพ์พรไม่อยากทำให้เสี่ยกวงมีปัญหา ตัดสินใจหอบชาตรีหนีไปอยู่ที่เชียงใหม่ ตัดขาดการติดต่อเสี่ยกวง...แต่วันนี้ ชาตรีกลับเข้ามาในโรงงาน วิกานดากังวลใจว่าชาตรีตั้งใจมาทวงสมบัติในฐานะลูกชายคนโต.. วิกานดาและธีรดล จึงคิดหาทางกำจัดชาตรีออกไปจากโรงงานแห่งนี้!!

เหี่ยว และยามประสิทธิ์ ชวนชาตรี มาแชร์ค่าเช่าห้องพักด้วยกัน เหี่ยวสงสัยในความคิดอ่านของชาตรีที่ฉลาดและผิวพรรณดูดีกว่าหนุ่มเหนือบ้านไร่ ชาตรีสร้างเรื่องโกหกกลบเกลื่อน เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือ ลูกชายคนแรกของเสี่ยกวง ชาตรียอมกลับมาที่นี่เพื่อคำขอของแม่ และเขาก็อยากคอยช่วยเหลือเสี่ยกวง โดยไม่เคยหวังสิ่งใดนอกจากตอบแทนพระคุณของพ่อ....ฝ่ายเสี่ยกวงรู้ข่าวว่าพิมพ์พรเสียชีวิตก็เศร้าใจ เพราะเขารักพิมพ์พรมาก หวังว่าจะใช้เวลาที่เหลือดูแลชาตรีให้ดีที่สุด สั่งให้ชาตรีมาพักที่บ้านใหญ่ และพร้อมเปิดเผยกับทุกคนว่าชาตรีเป็นทายาทโรงงาน แต่ชาตรีขอร้องให้เขาใช้ชีวิตเหมือนคนงานทั่วไป..เพื่อเรียนรู้งาน.. ซึ่งเข้าทางวิกานดา ที่แสดงท่าทีรักและเอ็นดูชาตรี แต่แอบกดดันและกดขี่ไม่ให้ชาตรีอยู่เหนือธีรดล!

ไข่มุกเริ่มต้นชีวิตสาวโรงงานด้วยความมุ่งมั่นที่จะเก็บเงินไปให้หนี้ให้พ่อ ส่วนยายจันทร์นั่งสานตุ๊กตาขาย ร้องเพลงพื้นบ้านสร้างความสุขให้ชีวิต.. อำภาขายข้าวแกงที่ชุมชน แต่ชีวิตใหม่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ วันเพ็ญ แม่ค้าส้มตำประจำซอย ซึ่งเป็นป้าของแอน ไม่พอใจที่อำภามาแย่งลูกค้าคอยขัดขวางกลั่นแกล้งอำภา โดยมีแก๊งนางฟ้าแอน กิ๊บ ลำไยเป็นดรีมทีม ไข่มุกต้องออกโรงปกป้องแม่ แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ไข่มุกโดนพวกแอนเล่นงานอย่างหนัก ชาตรี เหี่ยว เข้ามาช่วยไข่มุก ยิ่งทำให้พวกแอนเกลียดไข่มุก เพราะกิ๊บและลำไยหมายปองชาตรีและเหี่ยว!

ชาตรีเป็นห่วงไข่มุก อาสาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวไข่มุก พร้อมต่อรองขอกินข้าวฟรีทุกมื้อ.. ไข่มุกชวนแก้วตา ติ๊งโหน่ง ทำอาหารเลี้ยงพวกชาตรี...และร่วมร้องเพลงสนุกสนาน... แมนเห็นไข่มุกอยู่กับชาตรีก็โวยวายว่าชาตรีมาแย่งไข่มุก แก้วตารีบออกตัวว่าชาตรีไม่ได้จีบไข่มุก ชาตรีมาจีบเธอ (แก้วตาคิดอย่างนั้นจริงๆ) แมนจึงเข้าแทะโลมไข่มุก โดยมี ช่อน (บุญชู อิมโพรไวซ์) และอ๊อด (ปรเมศ สามารถ) ลูกน้องของแมนคอยกันท่าไม่ให้ไข่มุกหนีไปไหน....ชาตรี เหี่ยว และยามประสิทธิ์ จึงร่วมมือกับพวกแก้วตา...บาทาชุมนุมใส่พวกแมน..วิ่งแจ้นหนีไปฟ้องเสี่ยเหมา!!

เสี่ยเหมาบุกมาต่อว่าพยุง ที่ผิดสัญญาจะเปิดทางให้แมนจับไข่มุกเป็นเมีย อำภา ยายจันทร์ จึงรู้ความจริงว่าพยุง ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่นี่เพราะวางแผนร่วมกับเสี่ยเหมา..ไข่มุกเสียใจที่พ่อทำร้ายความรู้สึกเธอ จะกลับไปอยู่อยุธยา แต่อำภาห้ามไว้ และขอให้โอกาสพ่อได้แก้ตัวและเร่งหาเงินไปใช้หนี้.. ไข่มุกจึงขู่แมน หากมายุ่งกับเธออีก ไข่มุกจะแจ้งความว่าแมนข่มขืน เสี่ยเหมากลัวลูกติดคุกสั่งให้แมนอยู่ห่างๆ ไข่มุกไว้ก่อน!

ไข่มุกเข้าไปทำงานที่โรงงาน ก็โดนพวกแอนกลั่นแกล้ง แก้วตาและติ๊งโหน่งคอยช่วย และมีแม่บ้านตุ่มร่วมเป็นพันธมิตร แต่นารียังไม่เปิดใจรับนารีเป็นเพื่อน..จนกระทั่งไข่มุกเห็น นิคม (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) พ่อเลี้ยงวัยหนุ่มเสเพลของนารีทำร้าย ประไพ (นาตยา จันทร์รุ่ง) แม่ของนารี ที่รักนิคมหักปักหัวปำ ไข่มุกเข้าไปช่วย และร่วมหาทางออกแก้ปัญหาให้นารี.. นารีจึงเปิดใจรับไข่มุกเป็นเพื่อน....ทุกคนสัญญาจะช่วยเหลือกัน ทำมาหากิน เพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้ดีกว่านี้!!

ไข่มุกจะหาเงินไปใช้หนี้ เอาบ้านและที่นาคืน! พาครอบครัวกลับไปใช้ชีวิตที่อยุธยา!! นารีจะหาเงินก้อนให้นิคมออกไปจากชีวิตประไพ!! แก้วจะหาเงินก้อนส่งเสียน้องให้เรียนสูงๆ!! ส่วนติ๊งโหน่งอยากหาเงินเลี้ยงดูพ่อ...ทำให้พ่อภูมิใจในตัวเธอ ทุกคนร่วมกันดื่มน้ำสาบานจะเป็นเพื่อนรัก ช่วยกันชะชาช่าให้ชีวิตดีกว่านี้....และตั้งชื่อแก๊งนี้ว่า แก๊งฉันทนาสามช่า!

ธีรดล ยังคงลายเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไปทั่วโรงงาน รวมทั้งนารี...นารีเคลิ้มฝันว่าธีรดลจริงใจกับเธอ เขาจะทำให้ชีวิตเธอสุขสบาย... เหี่ยวคอยเตือนสติ แต่นารีไม่เชื่อ คิดว่าเหี่ยวกีดกันเพราะเหี่ยวชอบเธอ ไข่มุกก็ไม่ไว้ใจธีรดล เพราะบ่อยครั้งที่ธีรดลแอบขายขนมจีบไข่มุกด้วย..ไข่มุกและเพื่อนๆ คอยปรามนารี นารียิ้มรับคำแต่ก็ยังคบหาลับๆ กับธีรดล....

พวกแอนอยากทำลายแก๊งฉันทนาสามช่าให้แตกคอกัน จึงหยิบเรื่องธีรดลมาทำลายความสัมพันธ์ของเพื่อน..สร้างสถานการณ์ใส่ร้ายไข่มุกจะแย่งธีรดล นารีโกรธไข่มุกมาก ประกาศตัดขาดความเป็นเพื่อน..แล้วไปร่วมแก๊งนางฟ้ากับแอน....พวกแอนพอใจที่แผนแรกสำเร็จ และคิดใช้แผน 2 กำจัดนารีเป็นรายต่อไป!!

เหี่ยวทนเห็นกลุ่มเพื่อนรักแตกคอกันไม่ได้ ขอร้องให้ชาตรีร่วมแผนเคลียร์ใจ ให้ชาตรี นัดหมายไข่มุก ส่วนเหี่ยวไปหานารีแล้วพาทั้ง 2 มาเคลียร์ แต่ระหว่างนั้นมีชายฉกรรจ์จะขืนใจนารี พวกไข่มุกเข้าไปช่วยไว้ได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เพื่อนรักกลับมากอดคอกันได้อีกครั้ง และสาบานต่อหน้าครกตำมั่ว...จะรักกันประหนึ่งน้ำปลาร้าอยู่คู่ส้มตำ! โดยไม่มีใครรู้ว่าแอนเป็นคนจ้างชายโฉดไปขืนใจนารี หวังกำจัดนารีออกห่างธีรดล!!

ไข่มุกทำงานอย่างหนัก เก็บเงินได้มากขึ้น.. อำภาก็ข้าวแกงได้ดี ยายจันทร์ก็เป็นขวัญใจชาวโรงงานที่มักยกขบวนมาฟังยายจันทร์ร้องเพลงฉ่อยเพลงแหล่....พร้อมอุดหนุนตุ๊กตาใบลาน ไข่มุกรวบรวมเงินไปจ่ายเสี่ยเหมาก้อนแรกได้ แมนกลัวจะเสียไข่มุกสั่งให้เสี่ยเหมากดดันพยุง พยุงจึงรับปากจะจัดฉากให้แมนเข้าหาไข่มุก โดยพยุงพาอำภาและยายจันทร์ออกไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ยายจันทร์แปลกใจในพฤติกรรมของพยุง บอกให้ชาตรีมาอยู่เป็นเพื่อนไข่มุก คืนนั้นพวกแมนบุกเข้าหาไข่มุก ก็โดนเหี่ยว ยามประสิทธิ์ ซ้อนแผน ชาตรีช่วยไข่มุกไว้ได้

ยายจันทร์สืบรู้ความจริงว่าพยุง วางแผนร่วมกับเสี่ยเหมา ก็ทะเลาะกับพยุง ...พยุงเมาเหล้าพลั้งมือผลักยายจันทร์ล้มลงหัวกระแทกพื้นอย่างแรง ยายจันทร์เจ็บหนักต้องนอนรักษาตัว...ในขณะที่ไข่มุกเก็บตัวอยู่โรงงานฝึกซ้อมร้องเพลงประกวด ฉันทนาเสียงทอง! อำภาคิดจะไปบอกไข่มุกให้ถอนตัวการประกวดกลับมาดูแลยายจันทร์ แต่ยายจันทร์ขอร้อง เพราะรู้ดีว่าไข่มุกฝันจะเป็นนักร้อง....พยุงเห็นสภาพยายจันทร์ที่ทรุดหนักก็สำนึกผิด...แอบไปบอกไข่มุก ไข่มุกตัดสินใจทิ้งการประกวดกลับไปดูใจยายจันทร์ ยายจันทร์ยังคงยิ้มให้ไข่มุก และร้องเพลงชีวิตคือ บทเพลง ชีวิตที่ต้องเดินไปตามเสียงดนตรี แล้วยายจันทร์ ก็ตายในอ้อมกอดของไข่มุก....

ไข่มุกเสียใจอย่างหนักหมดกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อ เพราะไม่สามารถเอาบ้านและที่นามาให้ยายได้ ชาตรีและเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ ให้นึกถึงคำพูดของยาย ชีวิตต้องสู้ต่อไป....จิตวิญญาณของยายอยู่ในตัวไข่มุก ไข่มุกได้สติเดินหน้าประกวดนักร้องฉันทนาเสียงทองต่อไป

ช่วงเวลานี้เองที่ไข่มุกและชาตรีได้ใกล้ชิดและคอยช่วยเหลือกัน ชาตรีแต่งเพลง “ฉันจะสู้ตรงนี้” เพื่อให้ไข่มุกใช้ประกวดในรอบตัดสิน และชาตรีก็ตั้งใจจะบอกความจริงว่าเขาเป็นใคร แต่ก็ไม่มีโอกาส..ธีรดลไม่พอใจที่เห็นชาตรีใกล้ชิดไข่มุก สั่งลูกน้องทำระบบไฟฟ้าภายในโรงงานล่ม ความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของชาตรี...วิกานดาจึงไล่ชาตรีออก พนักงานทุกคนเสียใจ เพราะรู้ดีว่าชาตรีเป็นคนขยันและไม่เคยคิดทำลายโรงงาน แต่ยามประสิทธิ์และเหี่ยวนำหลักฐานมาแฉว่าทรงยศเป็นคนทำลายระบบไฟฟ้า...และผู้อยู่เบื้องหลังคือ ธีรดล..

เสี่ยกวงโกรธมากสั่งลดตำแหน่งของธีรดล แล้วบอกทุกคนว่าชาตรีเป็นลูกชายจะให้ชาตรีมาบริหารงาน แต่ชาตรีประกาศลาออก ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับโรงงานนี้อีก เพราะน้อยใจคิดว่าเสี่ยกวงไม่ได้รักเขา เสี่ยกวงทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง...

ไข่มุกช๊อคมากที่รู้ว่าชาตรีเป็นลูกชายเจ้าของโรงงาน บุกไปด่าชาตรีที่บ้านพักไม่พอใจที่ปิดบังเพื่อนสนิท ชาตรีขอโทษและออกตัวว่าพยายามจะบอกหลายครั้งแล้ว แต่ไข่มุกก็คิดว่าเขาพูดเล่น... ไข่มุกขอร้องให้ชาตรีกลับไปดูแลเสี่ยกวง เสี่ยงกวงเสียใจป่วยหนัก และทวีปมาเฉลยความจริงว่าเสี่ยกวงรักชาตรีมาก ตามหาชาตรีนานแล้วแต่โดนวิกานดากีดกัน... ชาตรีจึงยอมกลับไปกราบเท้าขอโทษเสี่ยกวง..เสี่ยกวงน้ำตาคลอยอมรับความผิดพลาดทั้งหมดและไม่ทำให้ใครต้องเสียใจอีก....

วิกานดาไม่เห็นด้วยที่จะยกงานให้ชาตรีบริหาร ขอให้ธีรดลได้แก้ตัวอีกครั้ง เสี่ยกวงจึงมีคำสั่งให้ชาตรีและธีรดลคิดแผนงานพัฒนาโรงงาน หากผลงานของใครดีกว่าก็จะได้เป็นผู้บริหาร ไข่มุกและแก๊งฉันทนาสามช่า เชียร์ชาตรี ส่วนพวกแก๊งนางฟ้าก็เชียร์ธีรดล..

ธีรดลวางนโยบายควบคุมการทำงานที่เข้มงวด หวังให้พนักงานสร้างผลงานให้คุ้มค่าทุกวินาที ในขณะที่ชาตรีเสนอแผนงานพัฒนายกระดับจิตใจชาวโรงงาน พาฉันทนาไปทำกิจกรรมสัมพันธ์ชุมชน โดยเลือกพื้นที่บ้านเกิดของไข่มุกที่อยุธยา...เพราะชาตรีเชื่อว่าหากชาวฉันทนามีความสุขกับชีวิต ก็จะทำให้มีพลังในผลิตงานได้มากขึ้น....ซึ่งแผนงานของชาตรี ทำให้ชาวฉันทนามีความสุขและตั้งใจทำงานมากขึ้น ทุกคนมีใจรักโรงงานพร้อมจะเสียสละ โดยไม่มีเงื่อนไข.....เสี่ยกวงชื่นชมผลงานของชาตรี ทำให้ธีรดล และวิกานดา ผิดหวัง...คิดแก้แค้นชาตรี!!

แมนเห็นไข่มุกสนิทสนมกับชาตรีมากขึ้น ตัดสินใจจะไปฉุดไข่มุก พยุงรู้แผนการเข้าไปห้ามและขัดขวาง ไม่ยอมให้พวกแมนมาทำร้ายลูกอีกแล้ว และจะไปแจ้งความจับเสี่ยเหมาที่เปิดบ่อนพนัน ทำสัญญาโกงชาวบ้าน เสี่ยเหมาและแมนจึงจับพยุงกดน้ำตาย แล้วให้การว่าพยุงเมาเหล้าตกน้ำตาย!!

ไข่มุกรู้ว่าพ่อพยายามจะกลับตัวกลับใจมาทำมาหากินแต่ก็ต้องมาตาย ทำให้ไข่มุกท้อใจไม่อยากทำงานไม่อยากประกวดอีกแล้ว...อำภาเข้ามาไล่ให้ไข่มุกออกไปจากบ้าน ถ้าไม่ประกวดก็ไม่ใช่ลูกแม่ อำภาบอกให้ไข่มุกนึกถึงคำพูดของยายจันทร์ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจชีวิตไม่เคยไร้ความหวัง..ไข่มุกจึงยอมไปประกวดร้องเพลง ชาตรีมอบเพลงที่แต่งขึ้นให้ไข่มุกร้องในรอบสุดท้าย!

แอนลงสมัครหวังชิงเงินรางวัลหลายแสนบาท....กลัวจะแพ้ไข่มุกเสนอตัวตกเป็นของธีรดล เพื่อให้ธีรดลตัดชื่อไข่มุกออกจากการแข่งขัน แต่ชาตรีเสนอชื่อไข่มุกขึ้นประกวด เพราะเขาเป็นผู้บริหารโรงงานมีสิทธิ์เสนอชื่อผู้แข่งขัน แอนใช้แผน 2 ให้กิ๊บและลำไยทำให้ไข่มุกบาดเจ็บขึ้นไปร้องเพลงไม่ได้ กิ๊บและลำไยเห็นว่าแอนทำรุนแรงเกินไป ยอมไปบอกความจริงกับนารี แก้วตา ติ๊งโหน่ง ทุกคนจึงซ้อนแผนทำให้แอนเป็นฝ่ายตกเวทีบาดเจ็บเสียเอง..แอนผิดหวังที่ไม่ได้เงินแสน... แสดงตัวเป็นเมียของธีรดล ธีรดลปฎิเสธเสียงแข็งไม่ยอมรับ โบ้ยว่าชาตรีเป็นสามีของแอน แอนยอมเล่นตามน้ำเพราะอย่างน้อยชาตรีก็เป็นทายาทเจ้าของโรงงาน...ทำให้ไข่มุกผิดหวังในตัวชาตรี.....ไม่นานนัก...ชาตรีหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ใจได้.. ทุกคนจึงรู้ความจริงว่าแอนตกเป็นของธีรดล... วิกานดาต้องใช้เงินปิดปากแอน แล้วไล่แอนออกไปจากโรงงาน แอนจึงไปทำงานโรงงานเสี่ยชัท (เวนช์ ฟอลโคเนอร์) คู่แข่งของเสี่ยกวง!

วิกานดาผิดหวังในตัวธีรดล ล้มป่วยหนัก ชาตรีคอยเข้าไปดูแล ทำให้วิกานดาน้ำตาตก ซึ้งในความดีของชาตรี ที่ชาตรีไม่เอาเรื่องธีรดล แล้วยังมีน้ำใจมาดูแลเธอ ชาตรีสารภาพว่าเขาห่วงใยเพราะแม่พิมพ์พร สอนให้เขากตัญญูต่อวิกานดาที่เป็นภรรยาของพ่อ และธีรดลก็มีศักดิ์เป็นน้องชาย....วิกานดา สำนึกผิดเปิดใจรับชาตรีเป็นลูกอย่างสนิทใจ.. ทำให้ธีรดลยิ่งเกลียดชาตรีหาทางกำจัดชาตรี!!

ไข่มุกได้เป็นตัวแทนโรงงานไปประกวดร้องเพลงระดับประเทศ เจอกับแอนในฐานะคู่แข่ง ไข่มุกรู้ว่าแอนกำลังตั้งท้อง ชีวิตลำบากมาก ไข่มุกตัดสินใจถอนตัวจากการประกวดทำให้แอนซึ้งน้ำใจ เสียใจที่เคยทำร้ายไข่มุก ไข่มุกให้ข้อคิดให้แอนสู้เพื่อลูก..... แม้ว่าไข่มุกจะไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ระหว่างการประกวดไข่มุกได้ไปออกรายการวิทยุของ ดีเจทองคำ (ปิยะ ตระกูลราษฎร์) และ ดีเจอ้อยควั่น (อุบลวรรณ บุญรอด) เจ้าของรายการลำนำเพลง ไข่มุกเล่าชีวิตของเธอที่จะทำงานหาเงินไปปลดหนี้ไถ่บ้านและที่นา.....ทำให้ประชาชนที่ได้ฟังต่างร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือชาวฉันทนาที่ลำบาก เกิดกองทุนฉันทนา เพื่อช่วยเหลือชาวฉันทนาในการปลดหนี้เพื่อครอบครัว!!

ไข่มุกนำเงินที่ได้จากการทำงานและเงินที่ชาวโรงงานร่วมแรงร่วมใจลงขันให้ไข่มุก เอาไปจ่ายเสี่ยเหมา เสี่ยเหมาโกงสัญญาเปลี่ยนตัวเลขเงิน พวกชาตรีหาหลักฐานมายืนยันว่าเสี่ยเหมาโกงจะแจ้งความเอาเรื่อง เสี่ยเหมากลัวติดคุกจึงต้องยอมขายคืนไข่มุกในราคาที่ไข่มุกพึงพอใจ! ไข่มุกพาแม่กลับไปอยู่บ้าน และชวนเพื่อนๆ ร่วมหว่านกล้าข้าวเริ่มต้นชีวิตใหม่..ธีรดลวางแผนกับแมนจับตัวไข่มุกมาทำเมีย....แต่ธีรดลก็หักหลัง ทำให้แมนโดนพวกชาตรีเล่นงาน ส่วนธีรดลจับตัวไข่มุกหนีไป ชาตรีและแก๊งฉันทนารวมทั้งกิ๊บและลำไยที่มาเป็นพวกเดียวกับไข่มุก ขี่รถอีแต๋นไล่ล่าธีรดล ธีรดลจะทำร้ายไข่มุก แอนเข้ามาช่วยไข่มุก เพราะสำนึกในความดีของไข่มุก แอนขอร้องให้ธีรดลกลับใจมาเลี้ยงดูลูกในท้อง แต่ธีรดลไม่ยอมมอบตัว...ยิงต่อสู้ ธีรดลจึงโดนตำรวจยิงบาดเจ็บและจับเข้าคุก!!!

วิกานดาเสียใจที่ธีรดลหลงผิด แต่ก็รอคอยให้ธีรดลออกจากคุก หวังว่าธีรดลจะกลับตัวกลับใจมาเป็นพ่อที่ดีของลูกที่เกิดร่วมกับแอน..เสี่ยกวง ยกงานบริหารทั้งหมดให้ชาตรีดูแล....ชาตรีแต่งตั้งเหี่ยวเป็นเลขา..จะแต่งตั้งยามประสิทธิ์เป็นหัวหน้าคนงาน แต่ยามประสิทธิ์ปฎิเสธ ขอทำหน้าที่ยาม...ทำในสิ่งที่รัก!

ไข่มุกขอลาออกจากโรงงาน เพื่อกลับไปทำนา ชาตรียอมให้ลาออก โดยมีข้อแม้ว่าต้องมาสมัครเป็นภรรยาของชาตรี ไข่มุกจึงยื่นใบลาออกจากโรงงานทันที เป็นศรีภรรยาของชาตรี.......

นารีได้ค้นพบรักแท้ คือ เหี่ยว...ผู้ชายที่รักเธอเสมอต้นเสมอปลาย...และช่วยกำจัดพ่อเลี้ยงเลวๆ ออกไปจากชีวิตแม่ประไพ

แก้วตารอคอยที่จะถ่ายรูปวันรับปริญญาของน้องอย่างมีความสุข...

ส่วนติ๊งโหน่งสามารถทำให้พ่อภูมิใจ และยอมรับในเพศที่ 3 ของติ๊งโหน่ง

ชาวฉันทนายังคงดำเนินชีวิตต่อไป... เพื่อไปสู่เป้าหมายในชีวิต.....ด้วยบทเพลง...แห่งความขยัน อดทน และยึดมั่นในความดี.... ฉันทนา...ชะชาช่า!!!!!

สะใภ้ไร้เงา 2559

เรื่องย่อ : สะใภ้ไร้เงา (2559/2016) เช้าตรู่ในวันพิธีมงคลสมรสของ “มัจฉา” ว่าที่เจ้าสาวพันล้าน เธอได้นครอบครัวอันได้แก่ “พ่อเพิ่ม” แม่วรรณา” “ยายทอง” และ “ข่อย” น้องชายสุดแสบจาก “โคกอีเห็น” มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อมาให้ทันงานหมั้นของมัจฉาในตอนเช้า แต่แล้วเหตุการณ์คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อระหว่างเดินทาง ได้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้ครอบครัวของมัจฉาดับอนาถตายคาที่ !!!

แต่แล้ว มัจฉาฟื้นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องแต่งตัว และกำลังจะเข้าพิธีหมั้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ทันทีที่ส่งกระจก เธอก็พบว่าในกระจกปราศจากซึ่งเงาของเธอ เพราะในตอนนี้เธอกลายเป็นเพียงวิญญาณแล้ว... ตึงงงงง!!

มัจฉาร้องไห้เสียใจที่รู้ว่า ความตายกำลังจะพรากเธอไปจาก “ไตร ฐากูลเรืองวิริยา” ว่าที่สามีอันเป็นที่รัก เธอจึงได้แต่ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงบุญกุศลที่ได้ทำมา เพื่อให้เธอได้เข้าพิธีแต่งงานกับคนที่เธอรัก และแล้วปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้น เมื่อร่างกายของมัจฉากลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง

ในที่สุด มัจฉาก็เข้าพิธีหมั้น และพิธีสมรสสมใจปรารถนาจนได้ หนำซ้ำ ครอบครัวของเธอยังเข้าร่วมพิธีด้วยหน้าตาเฉย เวลานี้มัจฉาสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หรือว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน ความจริงแล้วคือเธอยังไม่ตาย !

แต่งานแต่งงานของมัจฉาก็หาใช่ว่าจะราบเรียบ เพราะครอบครัวของมัจฉาเคยแต่ใช้มือจกข้าวเหนียมกับปลาแดก เลยไม่เคยขึ้นโต๊ะอาหารหะรูหะราแบบพวกไฮโซฯ ทำให้อาหารกระเด็นกระดอนไปตกลงบนโต๊ะแขกท่านอื่นบ้าง บางทีก็พานตกลงไปในถ้วยไวน์ที่ “คุณอดิศร” พ่อของไตรที่กำลังกระดกดื่ม จนเจ้าตัวตกใจทะลึ่งพรวดไวน์ออกมาเลอะเทอะไปหมด หนักสุดเห็นจะเป็นขาหมูที่แม่วรรณาพยายามหั่น ดันลอยละล่องตกลงไปบนกระบังผมของ “คุณหญิงตรีทิพย์” แม่ของไตร ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์กรี๊ดแตก เดือดร้อนไตรต้องมาไกล่เกลี่ย คุณหญิงตรีทิพย์เห็นภายในงานต่างเต็มไปด้วยแขกที่เป็นทั้งนักการเมือง ไฮโซฯ รวมทั้งสื่อมวลชนทั่วฟ้าเมืองไทย เลยยอมไม่เอาเรื่องครอบครัวโคกอีเห็นของมัจฉา

งานแต่งงานดำเนินมาถึงช่วงพิธีกรเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาว รวมทั้งพ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่าย ขึ้นมากล่าวคำอวยพร ไตรให้คำมั่นสัญญาว่าไม่ว่ามัจฉาจะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะรักมั่นเพียงมัจฉาคนเดียว ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของตัวเอง สร้างความตื้นตันใจแก่มัจฉาเป็นอย่างมาก จนถึงกับน้ำตารินออกมา

เมื่อถึงคราวของฝ่ายพ่อและแม่ของเจ้าข่าว-เจ้าสาว พ่อเพิ่มบอกว่า ได้แต่งเพลงอวยพรมาให้ลูกเขยและลูกสาววของเขา ทีแรกคุณหญิงตรีทิพย์นึกว่าพ่อเพิ่มจะดีดเปียโนพร้อมกับร้องเพลงให้ แต่พอมองซ้ายก็ไม่เห็นเปียโนสักหลัง พอมองไปทางขวา เอ๊ะ! ไหงกลับกลายเป็นว่า คุณหญิงตรีทิพย์เห็นข่อยเอาแคนที่พกติดตัวมาจากโคกอีเห็น มาเป่าให้พี่สาวสุดที่รัก โดยมีพ่อเพิ่มเริ่มขับขานเพลงหมอลำที่ตัวเองแต่งขึ้นมาเอง

ไตรกับมัจฉาชวนแขกในงานให้มาเซิ้งด้วยกัน ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์ตาลีตาเหลือกรีบบอกสามี ให้ไปห้ามยายสะใภ้ไม่ได้รับเชิญหยุดทำอะไรบ้านนอกบัดเดี๋ยวนี้ ! แต่พอคุณหญิงตรีทิพย์หันไปก็แทบทรุด เมื่อเห็นคุณอดิศรกำลังเซิ้งอยู่กับแม่วรรณาและยายทองอย่างออกรสออกชาติ สิ้นสภาพนักธุรกิจหมื่นล้าน

เสียงเพลงและทำนองที่คึกครื้นของมนต์แคนแดนอีสาน ทำเอาแขกไฮโซฯ ในงานที่เอียงๆ อายๆ อยู่ ค่อยๆ ลุกขึ้นมาเซิ้งกันอย่างสนุกสนาน (ม้วนแต้ฯ)

แต่แล้วความสนุกก็อยู่กับมัจฉาและครอบครัวได้ไม่นาน เมื่อในคืนส่งตัวเจ้าสาว มัจฉา พ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย เอง เริ่มรู้ตัวว่า ตอนนี้ตัวเองได้ตายไปแล้ว เพราะระหว่างที่พวกเขาจะไปส่งตัวมัจฉาที่ห้องพักในโรงแรม จู่ๆ ก็มีผู้ชายแต่งตัวแปลกๆ สีขาวๆ มีชฎา แถมพอยายทองถามชื่อแซ่ อีกฝ่ายก็บอกว่าชื่อ “พระภูมิ” ตอนแรกพ่อเพิ่มเข้าใจไปตามประสาซื่อว่า โรงแรมที่จัดงานแต่งของลูกสาวเขาคงอยากอนุรักษ์ความเป็นไทย เลยสั่งให้พนักงานแต่งชุดไทย

ทว่า พอพระภูมิเอ่ยปากไล่ให้มัจฉากับครอบครัวออกไป โดยบอกว่า ที่โรงแรมแห่งนี้เป็นที่ของคน ไม่ใช่ที่ของผี ทำเอายายทองโกรธจัดจนลืมไปว่าแก่ กระโดดขาคู่ซัดพระภูมิเข้าให้ แต่แล้วทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น ลากพระภูมิหายตัวไปต่อหน้าต่อตามัจฉาและครอบครัว ทำเอายายทองตกใจจนแทบจะหัวใจวาย

และแล้ว ภาพขณะที่ประสบอุบัติเหตุ ก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมัจฉาและครอบครัว “ใช่แล้ว... พวกเขาตายแล้วแหงๆ” โดยยายทองเครียดกว่าใครเพื่อน เพราะแกเพิ่งไปเตะพระภูมิ !

พ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย ร้องห่อร้องไห้เสียใจที่ยังใช้ชีวิตไม่คุ้ม โดยเฉพาะชีวิตคนกรุงเทพฯ ที่ปรารถนามานานแสนนาน จนกระทั่งมัจฉาได้พบกับ “ยมทูตแอนดี้” ที่ยอมเปิดเผยตัว และได้สารภาพกับมัจฉาว่า เกิดความผิดพลาดทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ของนรก ทำให้นำตัววิญญาณมาผิดบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงได้พยายามที่จะให้มัจฉาได้เข้าพิธีแต่งานตามความตั้งใจ

มัจฉาโวยวายที่ตัวเองยังไม่ถึงที่ตาย แต่กลับต้องมาโดนพรากจากสามีอันเป็นที่รัก จึงขอให้ยมทูตแอนดี้รับผิดชอบกับความผิดในครั้งนี้ ระหว่างที่คุยๆ กันอยู่ พ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย ก็โผล่พรวดเข้ามา เรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองสุดฤทธิ์ ทำให้ยมทูตแอนดี้ต้องยอมทำผิดกฎนรก โดยยอมให้พลังวิเศษแก่ครอบครัวมัจฉา ให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ต่อไป ตราบจนกว่าจะหาทางแก้ไขทางอื่นได้

หลังงานแต่งงาน มัจฉาขอร้องให้ไตรให้ครอบครัวของเธอได้เข้าไปพักในคฤหาสน์หรูของไตร แต่คุณหญิงตรีทิพย์ แม่ของไตร กลับไม่ยินยอมให้ครอบครัวของมัจฉาเข้าไปอยู่ร่วมบ้านด้วย เพราะแม้แต่ตัวมัจฉาเอง ตรีทิพย์ก็ไม่ได้ยินดีที่จะรับเป็นสะใภ้อยู่แล้ว

แต่ขณะที่อดิศร พ่อของไตร สามีของตรีทิพย์ เห็นว่าไหนๆ มัจฉาก็มาเป็นสะใภ้ในบ้านแล้ว ก็ควรจะยอมรับในครอบครัวของมัจฉาด้วย แต่แล้วคุณอดิศรก็ต้องรูดซิปปากเงียบทันที เมื่อคุณตรีทิพย์ ภรรยาบังเกิดเกล้าทุบโต๊ะดังปัง ! ซึ่งคนในตระกูล “ฐากูลเรื่องวิริยา” ต่างรู้ดีว่า คุณอดิศรกลัวภรรยาจนขึ้นสมอง เพราะคุณตรีทิพย์มีนิสัยด่าเป็นจรวด เค็มเป็นทะเล ข่มผัวเป็นกิจวัตร

เมื่อแม่ไม่ต้องการให้มัจฉาและครอบครัวมาอยู่ในคฤหาสน์ “ฐากูลเรืองวิริยา” ไตรก็บอกว่าเขาต้องไปอยู่ข้างนอกกับมัจฉา ในฐานะของสามีที่ต้องดูแลภรรยา ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์รีบห้ามเป็นการด่วน ด้วยเพราะรัก หวง ห่วงไตรที่เธอเลี้ยงมาอย่างดี ชนิดยุงตัวไหนมาไต่ นอกจากคุณหญิงตรีทิพย์จะตบแล้ว นางยังขยี้ๆ ซ้ำจนจำซากเดิมไม่ได้

และแล้ว เรื่องจึงลงเอยด้วยการให้เพิ่ม วรรณา ทอง และข่อย เข้าไปอยู่ในเรือนหลังเล็กของคฤหาสน์ แม้ว่าบรรดาครอบครัวหรรษาจะไม่ยินดีนัก เพราะหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะเป็นไฮโซอยู่บ้านโก้หรูกับเขาบ้าง แต่ด้วยหลักทฤษฎีที่ว่า กำขี้ดีกว่ากำตด ทำให้ทุกคนยินยอมอยู่ในบ้านเล็กในเรือนใหญ่ ด้วยความไม่เต็มใจ

แต่ขณะที่บ้านน้อยในเรือนใหญ่ พ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย ลั้ลลาที่ได้กลายเป็นคนกรุงเทพฯ หรือผีกรุงเทพฯ คนรับใช้ในคฤหาสน์ทั้ง “ป้าแจง” แม่ครัว และ “ไอ้หนึ่ง” คนขับรถ ต่างงุนงงที่เห็นหมาหอนตลอดเวลา ตั้งแต่ครอบครัวนี้มาอยู่ที่นี่

ชีวิตสมรสของไตรและมัจฉาเริ่มต้นด้วยอุปสรรคนานัปการ เพราะตรีทิพย์ทนรับสภาพที่มีมัจฉาอยู่ร่วมบ้านไม่ได้ จึงหาทางกลั้นแกล้งมัจฉาต่างๆ นานา โดยมี “พิศ” และ “น้อย” คนรับใช้คู่บารมีของตรีทิพย์ คอยช่วยหาเรื่องมัจฉา ทั้งให้ซักผ้า กวาดบ้าน ตัดหญ้า จ่ายตลาด ทำกับข้าว ใช้ราวกับเป็น “ศรีทนได้” ส่วนพิศกับน้อย เอาแต่นั่งทำท่าเป็นคุณหญิง คอยสั่งการมัจฉา ด้วยความเป็นคนจิตใจดีและรักสามีอย่างไตรมาก มัจฉาจึงยอมทำงานบ้านทุกอย่างที่คุณหญิงตรีทิพย์สั่ง โดยหวังว่าสักวันความดีของเธอจะชนะใจแม่สามีได้

แต่ความดีของมัจฉายากที่จะชนะใจแม่สามีสุดร้าย เพราะทันทีที่คุณหญิงตรีทิพย์รู้ว่ามัจฉาจ่ายตลาดเกินโควต้าของคฤหาสน์ ก็เทศนายับ โดยบอกว่าหากไปจ่ายตลาดต้องห้ามเกินอาทิตย์ละ 300 บาท (ซื้อข้าวสารก็หมดตัวแล้ว ค่ะคุณแม่!) น้ำสุดท้ายที่ซักผ้าก็ต้องเอามาเช็ดพื้นบ้าน (จะพอเหรอคะ บ้านหลังใหญ่ราวกับสนามกอล์ฟเลยนะคะ) ใบไม้ที่กวาดก็ต้องมาทำเป็นปุ๋ยหมักชีวิภาพ หนังสือพิมพ์ที่อ่านเสร็จต้องเอามาพับขาย (ไอ้ย๊ะ!) หรือไม่ก็ไปขายซาเล้งที่มารับซื้อ (คุณพระ!)

โดยการทำผิดของมัจฉาครั้งนี้ คุณหญิงตรีทิพย์ลงโทษด้วยการยึดบัตรเครดิตที่ไตรให้มัจฉาไว้ใช้จ่าย โดยสั่งมัจฉาว่าห้ามบอกไตร เรื่องถูกยึดบัตรเครดิตเด็ดขาด แม้ว่าคุณอดิศรจะรู้อยู่แก่ใจว่าเมียหาเรื่องแกล้งยึดบัตรเครดิตของมัจฉา แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะตัวของเขาเองยังได้เงินไปทำงานวันละ 50 บาทเลย ขืนไปช่วย อาจจะถูกตัดเหลือเป็นวันละ 20 บาทก็เป็นได้

พ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย เห็นสภาพลูกสาวถูกกลั่นแกล้งก็ทนไม่ได้ ขอประกาศให้มันรู้ซะบ้างว่า คุณหญิงตรีทิพย์กำลังเล่นกับใครอยู่ (โฮะๆๆ)

เริ่มจากพ่อเพิ่ม จัดการแกล้งพิศที่กำลังอาบน้ำ ด้วยการลอดหัวออกมาจากฝักบัว ผลปรากฏว่า พิศกรี๊ดดังลั่น เอาขวดยาสระผมตบข่อยซะหัวหันกลับด้าน เดือดร้อนแม่วรรณา ยายทอง และข่อย ต้องมาช่วยกันหมุนหัวข่อยให้กลับมาเหมือนเดิม ก่อนที่พ่อเพิ่มจะถูกแม่วรรณาตบซ้ำ ข้อหาที่ขี้หลีไปหลอกพิศตอนโป๊

คนต่อมาที่ถูกคิดบัญชีก็คือน้อย ขณะที่น้อยกำลังซักผ้าอยู่ ก็ต้องตกใจจนฉี่ราด เมื่อผ้าที่หยิบขึ้นมาจะซัก เป็นหัวของข่อยที่ยาวยืด (บรื๋อส์ส์!)

และคนที่พลาดไม่ได้อย่างแรงคือ คุณหญิงตรีทิพย์ ซึ่งกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ แต่แล้วคุณหญิงตรีทิพย์ก็พลันตกใจตื่น เมื่อจู่ๆ พบว่า ตัวเองกลังนอนอยู่บนบัตรเครดิตขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่บนฟ้า ซึ่งบินฉวัดเฉวียนไปมา จนชนโน่นนี่นั่น จนร่างอวบๆ ของคุณหญิงตรีทิพย์จะร่วงตกตั้งหลายครั้ง ก่อนจะตกลงมาดังตุ๊บจริงๆ ที่กลางป่าช้า คุณหญิงตรีทิพย์วิ่งหนีหาทางออกจ้าละหวั่น แต่สุดท้ายก็หลงกลับมาที่เดิม ก่อนจะพบคนกลุ่มหนึ่งนุ่งสุมกองไฟอยู่ ความดีใจว่างานนี้รอดแล้วเรา ทำให้คุณหญิงตรีทิพย์ตรงรี่ไปขอความช่วยเหลือ แต่พอคุณหญิงตรีทิพย์เห็นใบหน้าของแต่ละคนที่เต็มไปด้วยเลือด บางคนก็ลูกกะตาถลนออกมา คุณหญิงตรีทิพย์ก็ช็อกน้ำลายฟูมปาก ผมตั้งตรงแด่ว

รุ่งเช้า... ไตรถึงกับสำลักกาแฟพรวด เมื่อเห็นสภาพแม่ พิศ และน้อย ที่มีอาการคล้ายกัน นั่นคือจับไข้หัวโกร๋น ผมตั้งฟู พอคุณหญิงตรีทิพย์ พิศ และน้อย เห็นหน้าครอบครัวของมัจฉา ภาพเหตุการณ์ที่ถูกหลอกก็ฉาบวาบเข้ามา เพราะใบหน้าของบรรดาผีที่หลอก หน้าพิมพ์พ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย เป๊ะ! ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์ พิศ และน้อย พากันประสานลูกคอกรี๊ดดังลั่น กระทั่งลืมตัวเผลอหลุดปากเรื่องยึดบัตรเครดิตจากมัจฉา ไตรรู้เรื่องแม่ของตัวเองยึดบัตรเครดิตจากมัจฉา ก็คาดคั้นจนรู้ความจริงทั้งหมด จึงต่อว่าคุณหญิงตรีทิพย์

คุณหญิงตรีทิพย์พยายามบอกกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เรื่องผีที่หลอกเธอมีหน้าตาเหมือนกับครอบครัวของมัจฉา แต่ไตรเข้าใจผิดคิดว่าแม่ของตัวเองกำลังใส่ร้ายครอบครัวของมัจฉา จึงต่อว่าแม่ และบอกว่า หากครอบครัวของมัจฉาเป็นผีจริง ทำไปถึงถูกแดด อีกทั้งยังใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์ พิศ และน้อย ถึงกับอึ้ง พลางคิดในใจว่า หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พวกตนแค่ฝันไป ?

ไตรไม่พอใจเป็นอย่างมากที่นอกจากแม่จะหาเรื่องรังแกมัจฉาแล้ว ยังมากล่าหาว่ามัจฉาและครอบครัวเป็นผีอีก จึงประกาศกร้าวว่า หากมัจฉาและครอบครัวถูกกลั่นแกล้งอีก เขาจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกับมัจฉาและครอบครัว

ด้านมัจฉารู้ดีว่าเรื่องที่คุณหญิงตรีทิพย์เล่า เป็นความจริง จึงเรียก พ่อ แม่ ยาย และน้อง มาเอ็ด พร้อมทั้งสั่งห้ามหลอกใครอีก เพราะเธอไม่อยากให้ไตรรู้เรื่องที่เธอและครอบครัวเป็นผี

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ถึงคุณหญิงตรีทิพย์ พิศ และน้อย จะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการฝันไป แต่ทุกครั้งที่ต้องมาป้วนเปี้ยนใกล้มัจฉากับครอบครัว ก็มักอดที่จะรู้สึกแหยงๆ ไม่ได้ ซึ่งพ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย จะรู้ เลยชอบมาหาเรื่องสนทนาปราศรัยกับคุณหญิงตรีทิพย์กับ 2 สมุนอยู่บ่อยๆ ซึ่งทุกครั้งก็ทำเอาทั้ง 3 คนเหงื่อแตก ปากคอสั่นทุกที จนในที่สุด คุณหญิงตรีทิพย์ต้องยอมสงบศึกชั่วคราว เพื่อขอเรียกขวัญและกำลังใจ ในการที่จะเฉดหัวมัจฉากับครอบครัวไปเสียให้ไกลๆ

เวลาเดียวกันนั้น ณ บ้านโคกอีเห็น หมู่บ้านเล็กๆ ทางภาคอีสาน “สุดที่รัก” เจ้าของโรงสีข้าวที่รวยที่สุดในตำบล ผู้เป็นแฟนคลับของมัจฉา ได้ข่าวจากทางตำรวจว่ามัจฉาและครอบครัวประสบอุบัติเหตุ เพราะเห็นซากรถคว่ำอยู่ข้างถนน ทำเอาสุดที่รักที่หลงรักมัจฉาอย่างบ้าคลั่งทนไม่ได้ ต้องรีบหาทางติดต่อมัจฉาและครอบครัวด่วน

ทันทีที่โทรงมา สุดที่รักก็พบว่า ทุกคนยังอยู่ดีมีสุข จนกระทั่งข่อยรายงานสุดที่รักให้ได้รู้ว่า มัจฉาแต่งงานมาอยู่ครอบครัวนี้ด้วยความลำบาก เพราะถูกตรีทิพย์กลั่นแกล้งตลอด ทำเอาสุดที่รักทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดนิทางมากรุงเทพ เพื่อปกป้องยอดดวงใจของเขาด้วยชีวิต

ขณะเดียวกัน “ตวิษา” น้องสาวของไตร เดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็ได้พบกับสุดที่รัก ขณะที่เขาเดินทางมาหามัจฉาและไดขับรถชนรถของตวิษาเข้าให้ ด้วยความเป็นไฮโซประจำหมู่บ้าน สุดที่รักโวยวายจะเอาเรื่องตวิษาให้ได้ ขณะที่สาวเจ้าก็ไม่ยอมเช่นกัน โชคดีที่ไตรมาห้ามทัน ทำให้สุดที่รักได้รู้ว่า ผู้หญิงบ้านนี้ร้ายกาจกันทุกคน แล้วมัจฉาจะอยู่อย่างมีความสุขได้ยังไง

สุดที่รักจึงสัญญากับตัวเองว่า จะต้องหาทางทำให้มัจฉาหย่าขาดกับไตร แล้วกลับไปเป็นเจ้าสาวของเขาให้ได้ ผ่าง ผ่าง ผ่าง !!!

ความวุ่นวายไม่หยุดคืบคลานเข้ามาในบ้านของไตรเพียงแค่นี้ เพราะในที่สุด ตัวช่วยของคุณหญิงตรีทิพย์ก็ปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือ “เอื้อมพร” เพื่อนสนิทของตวิษา ที่ได้พบกับไตร ก็เกิดประทับใจในตัวพี่ชายของเพื่อนรักเข้าให้ ตรีทิพย์และตวิษาเห็นเป็นโอกาสเหมาะ ที่จะทำให้ใตรและมัจฉามีปัญหากัน จึงขอให้เอื้อมพรช่วยร่วมมือในการกำจัดมัจฉาออกจากสกุล “ฐากูรเรืองวิริยา” ให้ได้

เอื้อมพร ตรีทิพย์ และ ตวิษา พยายามทำทุกวิถีทางให้ไตรและมัจฉาเข้าใจผิดกัน โดยเอื้อมพรพยายามแสดงความสนิทสนมกับไตร ด้วยการใช้อกอวบๆ หยุ่นๆ กระแซะสีข้างแนบเนื้อไตรตลอด แต่มัจฉาเชื่อมั่นในความหนักแน่นของไตร จึงไม่พยายามใส่ใจกับวิถีนางร้ายของ 3 แสบ ที่พยายามทำให้เธอและสามีมีปัญหากัน ผิดกับแม่วรรณา ที่เห็นแล้วอยากจับเอื้อมพรหักคอ แต่มัจฉาขอไว้ พร้อมกับสั่งว่า ห้ามใครหลอกเอื้อมพรและครอบครัวของไตรอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะโกรธจริงๆ แม่วรรณาเลยหงุดหงิด งุ่นง่านยกใหญ่

แต่เอื้อมพรก็ไม่ยอมแพ้ เธอรู้ดีว่าความน้อยใจกำลังค่อยๆ สะสมอยู่ในใจของมัจฉา เอื้อมพรจึงใช้แผนสอง ด้วยการใช้ความเป็นสาวไฮโซฯ พ่อเป็นนักการเมืองใหญ่ ช่วยสนับสนุนธุรกิจก่อสร้างของไตร จนประสบความสำเร็จ โดยเอื้อมพรมักจะมาพูดหยอดให้มัจฉาคิดมาก ว่าเธอกับไตรคือคู่ที่ควรคู่กัน เพราะต่างเกื้อหนุนกัน ไม่เหมือนกับมัจฉา ที่เป็นแค่สาวบ้านนอก ซึ่งแผนนี้ของเอื้อมพรได้ผล เพราะมัจฉาเป็นแค่ลูกชาวนายากจน ไม่มีอะไรที่จะช่วยสามีให้ก้าวหน้าได้เลย

ไม่ใช่เพียงแค่มัจฉาเท่านั้นที่เริ่มน้อยใจในตัวของสามี ด้านไตรเองก็เป็นเช่นกัน โดยตัวต้นเหตุก็คือสุดที่รัก ซึ่งบ้ายมาปักหลักเช่าคอนโดฯ อยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อพามัจฉากลับบ้านนั้น คอยมาหามัจฉาที่คฤหาสน์ของไตร พอสุดที่รักเห็นมัจฉา ต้องมาคอยซักเสื้อผ้าของตวิษา ทีแรกพอมัจฉาบอกว่า เธอเต็มใจทำให้ตวิษา สุดที่รักก็พอจะกัดฟันทนได้

แต่พอเขาเห็นน้อยเอาชุดชั้นในของตวิษามาให้มัจฉาซักด้วย ก็เลือดขึ้นหน้า ไปเอาเรื่องตวิษา ถึงขั้นลากตวิษาให้มาซักชุดชั้นในเอง โดยมีพ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย เป็นกองเชียร์ เพราะพวกเขาถูกมัจฉาคาดโทษไว้ว่าห้ามก่อเรื่อง ทั้งๆ ที่ใจอยากจะหลอกตวิษาให้น้ำลายฟูมปากไปเลย

คุณหนูอย่างตวิษาไม่เคยยอมให้ใครมาสั่งง่ายๆ จึงแข็งขืนยืนยันจะให้มัจฉาซักชุดชั้นในเหมือนเดิม ส่งผลให้สุดที่รักได้ยิน ก็ควันออกหู ไม่เข้าใจว่าซักชุดชั้นในมันยากเย็นแสนเข็ญตรงไหน เลยลงมือซักให้ดูซะเลย ทำเอาตวิษากับคุณหญิงตรีทิพย์กรี๊ดลั่น ช่วยกันแย่งกะละมังเป็นการใหญ่

คุณหญิงตรีทิพย์โกรธจัด จนเผลอตัวพูดจาดูถูกครอบครัวมัจฉาว่าบ้านนอก สุดที่รักและครอบครัวของมัจฉาได้ยิน ก็โกรธจัด จนสุดที่รักปรามาสคุณหญิงตรีทิพย์ว่า ถึงพวกเขาจะจน แต่ก็ไม่เลี้ยงลูกจนโง่ ถึงขนาดซักชุดชั้นในไม่เป็น ชาตินี้ตวิษาไม่มีใครเอาไปทำเมียหรอก เพราะเอาตวิษาไปทำปุ๋ยคอก ก็ยังปลูกถั่วงอกไม่ขึ้นเลย

ถ้อยคำปรามาสของสุดที่รัก ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์กับตวิษาเต้นเป็นเจ้าเข้า หาคำด่ากลับไม่ถูกเลยทีเดียว ส่วนคุณอดิศรได้แต่ตบมือดังฉาดอย่างสะใจ เพราะเขาไม่ชอบใจที่ตวิษาชอบทำตัวเป็นคุณหนู จนทำอะไรไม่เป็น

สุดที่รักเห็นว่ามัจฉาถูกครอบครัวสามีแกลงจริงอย่างที่ข่อยบอก จึงแตะมือ Give Me Five กับสมาชิกในครอบครัวของมัจฉา ทำเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้า ให้ตรีทิพย์และตวิษาต้องโมโหไม่เว้นแต่ละวัน

ด้านไตรนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าสุดที่รักเป็นห่วงมัจฉา แต่เขาก็รู้สึกเกะกะสายตาทุกครั้งที่เห็นสุดที่รักพยายามมาป้วนเปี้ยนใกล้ชิดมัจฉา เพราะไตรเคยรู้มาตั้งแต่จีบมัจฉาใหม่ๆ ว่าสุดที่รักชอบมัจฉาจนถึงขั้นเคยจะให้พ่อกับแม่มาสู่ขอ

ไตรไม่พอใจที่กลับมาจากทำงานทุกครั้งเป็นต้องเห็นสุดที่รักช่วยมัจฉาทำงานบ้าน ทำกับข้าว อีกทั้งหลายครั้งที่สุดที่รักชอบพูดจากระแนะกระแหน ว่าเขาเป็นลูกแหง่กลัวแม่ ปล่อยให้แม่โขกสับมัจฉา ไม่มีน้ำยาปกป้องเมียได้ แต่ที่ไตรเจ็บปวดมากที่สุดก็คือ สุดที่รักเข้ากันได้ดีกับครอบครัวของมัจฉามากกว่าเขา ซึ่งเป็นความน้อยใจลึกๆ ของไตร ที่เขามักทำอะไรดูเก้ๆ กังๆ ทุกครั้ง ยามอยู่กับครอบครัวมัจฉา เพราะปลาร้าเขาก็กินไม่ได้ เป่าแคนเขาก็เป่าผิดเป่าถูก เว้าอีสานจะพูดยังไง เขาก็ยังพูดไม่ถูกเลย ซึ่งครั้งหนึ่งไตรเคยได้ยินพ่อเพิ่มพูดว่า สุดที่รักน่าจะเป็นลูกเขย ทำให้ไตรรู้สึกเป็นส่วนเกินของครอบครัวมัจฉา

ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งคู่ทะเลาะ จนกระทั่งบานปลายมีปากเสียงกัน ถึงขั้นไตรแยกมานอนนอกห้อง พ่อเพิ่มรู้เรื่องเข้าก็ไม่พอใจ จะไปหักคอลูกเขยที่ทำให้แก้วตาดวงใจของเขาเสียใจ แต่โชคดีที่แม่วรรณาห้ามไว้ก่อนจะเบิ้ดกะโหลกผัวตัวดีสักที พร้อมกับสั่งสอนชุดใหญ่ว่า ต้องให้ทั้งไตรและมัจฉาเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาในการใช้ชีวิตคู่เอง คนเป็นพ่อและแม่มีหน้าที่แค่คอยดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น

ปัญหาในชีวิตของมัจฉาคืบคลานมากระหน่ำซ้ำอีก เมื่อยมทูตแอนดี้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับข่าร้ายที่ว่า ทางนรกได้เช็คข้อมูลเรียบร้อยแล้ว และพบว่ายมทูตแอนดี้ไม่ได้ทำงานผิดพลาดแต่อย่างใด ซึ่งก็หมายความว่า ครอบครัวของมัจฉาชะตาถึงฆาตแล้วจริงๆ

ยมทูตแอนดี้เตรียมตัวมารับวิญญาณของมัจฉาและครอบครัว ทำเอาทุกคนเสียอกเสียใจที่หมดเวลาในการใช้ชีวิตการเป็นมนุษย์ มัจฉาหาทางบอกไตรให้รู้เป็นนัยๆ ว่า อีกไม่นานเธอและเขาจะตองพรากจากกันตลอดไป หากกลายเป็นว่า ไตรเข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาจะทิ้งเขาแล้วไปอยู่กับสุดที่รัก ซึ่งเหมาะสมกว่า ไตรจึงยิ่งกลุ้มใจมากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งผลดีให้เอื้อมพรเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ด้วยการทำทีเป็นที่ปรึกษาให้ไตรระบายความกลัดกลุ้ม จนพานกลับบ้านดึก ทำให้มัจฉาเป็นห่วง รวมทั้งเสียใจทุกครั้งที่เห็นว่า คนที่มาส่งไตรทุกคืนคือเอื้อมพร

ตรงกันข้ามกับคุณหญิงตรีทิพย์และตวิษา ที่ดีใจจนเนื้อเต้น จนคุณอดิศรอดค่อนแขะไม่ได้ว่า หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตวิษา ไม่รู้ว่าตรีทิพย์ยังจะดีใจยิ้มจนเหงือกบานอย่างนี้หรือไม่ ทำเอาสองแม่ลูกกรี๊ดๆ ไม่หยุด

ฝ่ายข่อย สงสารพี่สาวที่จะถูกเอื้อมพรแย่งสามี เลยแกล้งทำให้หมาทั้งซอยหอน ทำเอาเอื้อมพรต้องรีบเผ่นแน่บ ทั้งๆ ที่อยากอยู่ออเซาะไตรต่อ จากนั้นข่อยก็แกล้งเสกให้กระป๋องน้ำอัดลม ท่อนไม้ ถังขยะ ลอยกระแทกมาใส่หัวของไตรเสียเลย เผื่อจะหายโง่เลิกคว้าก้อนกรวดมาแทนเมียแสนดีอย่างพี่สาวเขา

ข่อยอดรนทนไม่ไหวที่ต้องมาเห็นพี่สาวน้ำตาเช็ดหัวเข่าทุกวัน จึงไปฟ้องสุดที่รักว่า เอื้อมพรจะแย่งไตรไปจากมัจฉา สุดที่รักได้ยินก็กระโดดดีใจสุดเหวี่ยง ที่รู้ว่าไตรกับมัจฉาจะเลิกกัน ทำเอาข่อยถึงงงๆ ว่านี่เขามาหาตัวช่วยผิดคนหรือเปล่า พอสุดที่รักเห็นสายตาของข่อยก็รู้สึกได้ รีบทำเก๊กเป็นคนดี แสร้งทำเป็นเห็นใจ ไม่อยากให้ไตรกับมัจฉาเลิกกัน โดยรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้

ทีแรก สุดที่รักจะไปเอาเรื่องไตร แต่พอเห็นขนาดหุ่นและมัดกล้ามของไตร ที่ทั้งใหญ่ทั้งหนากว่า ก็ขอถอยไปตั้งหลักก่อน และแล้ว สุดที่รักก็คิดได้ว่า เขาควรเล่นงานใครดี ที่เขาพอจะสู้ได้อย่างสูสี ซึ่งคนที่หวยออกก็คือ ตวิษา

สุดที่รักไปต่อว่าตวิษา ว่าร่วมมือกับเอื้อมพรในการแย่งไตรกับมัจฉา หากนั่นยังไม่น่าเจ็บใจเท่าสุดที่รักบอกว่า ตวิษาทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง นอกจากทำให้ผัวเมียชาวบ้านเขาเลิกกัน ทั้งๆ ที่พ่อแม่ส่งไปเรียนถึงต่างประเทศ ทำเอาตวิษาโกรธจัด ปาข้าวของใส่สุดที่รักไม่หยุด ซึ่งตวิษาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า นอกจากความรู้สึกโกรธตาบ้านนอกคนนี้ เธอยังมีความรู้สึกน้อยใจรวมอยู่ด้วย น้อยใจที่เขาไม่เคยเห็นเธอมีดีในสายตา ต่างจากลูกชายลูกท่าน หลานเธอทั้งหลาย ที่ต่างชมว่าเธอคือผู้หญิงสุดเพอร์เฟกต์

และแล้ว ก็ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันครั้งใหญ่ขึ้นในวงการนรก เมื่อมัจฉาได้ตั้งท้องลูกของไตร... ตึงงงงงง!

ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อยมทูตรายงานกับทางนรกถึงปัญหาหนักที่ตามมา และแล้วมัจฉาก็ได้รับการต่อเวลาให้มีร่างมนุษย์ต่อไป ตราบจนกว่าจะคลอดลูก

ด้านตรีทิพย์ ที่ถึงแม้จะเกลียดชังมัจฉาแค่ไหน แต่เมื่อรู้ว่ามัจฉากำลังอุ้มท้องหลานของเธอ ตรีทิพย์ก็เริ่มใจอ่อน และยอมดูแลมัจฉาอยู่ห่างๆ อย่างไว้ฟอร์ม ขณะที่เอื้อมพรเล็งเห็นว่า ตรีทิพย์กำลังเอนเอียงไปทางมัจฉา จึงวางแผนรวบหัวรวบหางไตร เพื่อเรียกร้องสิทธิ์การเป็นภรรยาของไตรอีกคน แล้วแผนการของเอื้อมพรก็สำเร็จจนได้

รุ่งขึ้น เมื่อมัจฉาได้รู้ว่าไตรได้เสียกับเอื้อมพร ก็เสียใจมาก แต่ลึกๆ ก็แอบดีใจที่ไตรจะได้มีคนดูแลต่อจากเธอ หากแต่สิ่งที่เอื้อมพรต้องการมากกว่าแค่คำขอโทษ หรือการยินดีรับเลี้ยงดู เพราะเธอต้องการให้มัจฉาหย่าขาดจากไตร แลกกับการไม่เอาเรื่องไปแฉ ทำให้หน้าที่การงานของไตรต้องมีปัญหา

ด้านพ่อเพิ่ม ที่รู้เรื่องไตรมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเอื้อมพร ก็โกรธจนตัวสั่น แต่ก็ติดตรงที่แม่วรรณา เมียรักเคยขอให้อย่าไปยุ่งเรื่องของลูก เลยไม่กล้าทำอะไรลูกเขยคนโปรดของแม่วรรณา ทว่า พอพ่อเพิ่มหันไปเห็นเมียรักยืนตัวสั่น ก็ตกใจ นึกว่าผีเข้า เลยถูกแม่วรรณาเบิ้ดกะโหลก บอกว่า เป็นผีอยู่แล้ว ผีที่ไหนจะมาเข้าได้ยังไง และสาเหตุที่เธอตัวสั่น ก็เป็นเพราะโกรธที่พ่อเพิ่มไม่จัดการลูกเขยหลายใจอย่างไตรเสียที พ่อเพิ่มได้ยินก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ จะจับไตรหักคอคืนนี้ซะเลย

ทว่า มัจฉาเห็นแก่ไตรที่ตกที่นั่งลำบาก เลยตัดสินใจจะพาครอบครัวของตัวเองกลับบ้านโคกอีเห็น ทำเอาพ่อเพิ่ม แม่วรรณา ยายทอง และข่อย เซ็งกันหมด มีเพียงสุดที่รักคนเดียวเท่านั้นที่ลั้ลลาดีใจเป็นที่สุด ที่จะได้กลับบ้านไปดูแลมัจฉาในถิ่นของตัวเองเสียที

การกลับไปของครอบครัวมัจฉา สร้างความงุนงงสงสัยให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะ “เสี่ยแสน” และ “สร้อย” พ่อกับแม่ของสุดที่รัก ที่ได้ยินชาวบ้านนินทามัจฉาและครอบครัวว่า มีอะไรผิดปกติหลายอย่าง อีกทั้งหมอผีประจำหมู่บ้านยังยืนยันฟันเฟิร์มอีกว่า ครอบครัวนี้คือ อดัม แฟมิลี่อย่างแน่นอน

เสี่ยแสนและสร้อยพยายามเตือนสุดที่รัก ไม่ให้ยุ่งกับครอบครัวมัจฉา หากแต่สุดที่รักก็ยังยืนกรานว่ามัจฉาไม่ใช่ผีอย่างที่ใครนินทา ทำเอาสองสามีภรรยาที่รักลูกชายอย่างสุดที่รักยิ่งดวงใจ ต้องหางพิสูจน์ให้ได้ ว่าความจริงแล้ว ครอบครัวของมัจฉาเป็นผีจริง ตามที่ชาวบ้านพูดหรือเปล่า

ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ไตรที่เห็นภรรยาสุดที่รักหนีกลับบ้านนอก ก็น้อยใจ คิดว่ามัจฉาหมดรักเขาจริงๆ เลยเอาแต่ดื่มเหล้า ส่วนเอื้อมพรก็ย้ายข้าวของมาอยู่ในคฤหาสน์ฐากูรเรืองวิริยา ในฐานะภรรยาคนใหม่

นิสัยชอบดูถูกคนและจิกหัวคนรับใช้อย่างกับทาสของเอื้อมพร ทำให้ พิศ น้อย และคนรับใช้ในคฤหาสน์ ฐากูลเรืองวิริยา ไม่ชอบเอื้อมพร ทุกคนต่างนึกถึงตอนที่มัจฉาอยู่ เพราะมัจฉาชอบมาช่วยพวกตนทำงาน ส่วนพวกแม่วรรณาก็ชอบตำส้มตำปลาร้าให้พวกพิศกินอย่างไม่ถือตัว หรือถือเรื่องที่เคยผิดใจกัน

นอกจากคนรับใช้จะเริ่มไม่ชอบเอื้อมพร คุณหญิงตรีทิพย์ก็ชักเริ่มอยากจะอัปเปหิเอื้อมพรไปจากคฤหาสน์ เพราะเอื้อมพรมีนิสัยฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย แต่ที่คุณหญิงตรีทิพย์ไม่ชอบอย่างแรงก็คือ เอื้อมพรพูดต่อว่ากฎประหยัดต่างๆ ในคฤหาสน์ ว่าคนคิดประสาทบ้างเอย สมองแร้งทึ้งบ้างเอย ต้องเป็นพวกชอบข่มเหงลูกและสามี ฯลฯ โดยหารู้ไม่ว่า คนที่ตั้งกฎก็คือคุณหญิงตรีทิพย์นั่นเอง

เวลานี้ คุณหญิงตรีทิพย์เริ่มคิดถึงมัจฉา ภาพที่มัจฉาคอยช่วยทำงานบ้าน ทำกับข้าว ค่อยๆ ผุดมาเปรียบเทียบกับเอื้อมพร ที่วันๆ ตื่นมาก็บ่ายคล้อย แต่งหน้ากว่าจะเสร็จก็เย็น งานการก็ไม่ทำ เอาแต่ช้อปปิ้ง ดริ๊งค์แอนด์แดนซ์ถึงเที่ยงคืน ยามนี้ คุณหญิงตรีทิพย์เลยคิดถึงมัจฉา โดยเฉพาะหลานตัวน้อยๆ ที่อยู่ในท้องของมัจฉา

คุณอดิศรรู้เรื่องคุณหญิงตรีทิพย์เริ่มไม่โปรดเอื้อมพร ก็หัวเราะสะใจเป็นการใหญ่ เพราะเขาละหน่ายกับนิสัยมองคนแต่เปลือกของภรรยาอย่างมาก ทำเอาคุณหญิงตรีทิพย์ไม่พอใจ ขู่จะตัดเงินรายวัน คุณอดิศรเลยต้องแอบไปหัวเราะนอกบ้านดังๆ คนเดียว

ทว่า พอคุณอดิศรมาเห็นสภาพของไตร ที่เมาหัวราน้ำกลับมาบ้านแทบทุกวัน ก็ทนเห็นสภาพของลูกชายไม่ไหว เลยตัดสินใจพูดเตือนสติไตร โดยขอให้ไตรนึกถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับมัจฉาในวันแต่งงาน และเมื่อคนสองคนได้สัญญาจะแก่ตายไปด้วยกัน หากมีปัญหาที่คับข้องใจกัน ถ้าเบาก็ให้อภัย แต่ถ้าหนักก็ไม่ควรจะเก็บไว้แล้วคิดฟุ้งซ่านคนเดียว แต่ควรจะหันหน้าคุยกัน เพราะความจริงอาจจะไม่ใช่อย่างที่ไตรคิดก็เป็นได้ คำเตือนของพ่อ ทำให้ไตรตัดสินใจจะเดินทางไปบ้านโคกอีเห็น

โดยช่วงเวลาเดียวกันนั้น เสี่ยแสนและสร้อยเห็นว่า สุดที่รักและไตรกำลังตกอยู่ในวังวนของครอบครัวผี เลยหาทางแฉครอบครัวมัจฉาทุกคนด้วยสารพัดวิธี ทั้งหาหมอผีไทย เขมร มอญ ฝรั่ง มาทำพิธีปราบ แต่ทุกครั้งกลับเจออิทธิฤทธิ์ของอดัมแฟมิลี่ จนพากันหนีเตลิดเปิดเปิง

ภาพของไตรที่หอบหิ้วกระเป๋ามาที่บ้านของมัจฉา เป็นภาพที่มัจฉาคิดว่าฝันไป แค่อ้อมกอดของไตรที่โผเข้ามากอดเธอ พร้อมทั้งพูดขอโอกาส มัจฉาจึงรู้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป ด้วยใจที่รักมั่น กอปรกับรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์อีกไม่นาน ทำให้มัจฉาพร้อมจะให้อภัยไตรทุกอย่าง ไตรกับมัจฉาปรับความเข้าใจกันและกัน ไตรยอมเปิดเผยความรู้สึก ตั้งแต่หึงมัจฉาที่มีสุดที่รัก ซึ่งเหมาะสมกว่า อยู่เคียงข้าง หรือแม้แต่การปรับตัวเข้าไม่ได้กับวิถีชีวิตอีสานของครอบครัวมัจฉา ซึ่งมัจฉาบอกกับไตรว่า คิดมาก เธอกับสุดที่รักเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็ก และจะเป็นตลอดไป เพราะเธอได้มอบใจให้กับไตรไปจนหมดแล้ว ส่วนการปรับตัวเข้ากับครอบครัวเธอนั้น มัจฉาอยากให้ไตรเป็นตัวของตัวเอง อย่าฝืน เพราะไตรจะไม่มีความสุข ซึ่งนั้นคือสิ่งที่มัจฉาไม่ต้องการให้เกิดกับคนที่เธอรัก....

ลูกเขยมะไฟ แม่ยายมะดัน 2559

เรื่องย่อ : ลูกเขยมะไฟ แม่ยายมะดัน (2559/2016) จอห์น (น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล) หนุ่มลูกครึ่งไทยออสเตรเลีย เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อมาทำงานเป็นวิศวกร ติดตั้งเครื่องจักรที่โรงงานผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ สยามมิลค์ เมื่อมาถึงเขาก็ถูกรถแท็กซี่ มอมยาพาไปปลดทรัพย์ แล้วพาไปทิ้งที่ป่าชายเลนแถวบ้านคลองสองสหาย ในสภาพล่อนจ้อน สวมกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว เช้าวันรุ่งขึ้น แม้นมาศ (จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์) ในฐานะนายก อบต. กับ วันชัย (ไทด์ บรรลือฤทธิ์) สามี พาสื่อมวลชนมาชม และทำข่าวการปลูกป่าชายเลน มาพบจอห์นเข้า จึงต่อว่าหาว่าเป็นโรคจิต และจับส่งตำรวจ กว่าจอห์น จะเคลียร์ได้ เล่นเอาเดือดร้อนไปทั้งสถานทูตออสเตรเลีย แล้วจอห์น ก็ได้ไปรายงานตัวที่โรงงานนมสยามมิลค์ ที่มี ประหยัดพงษ์ (กลิ้ง กฤตย์ อัทธเสรี) เป็นเจ้าของ จอห์น แค้นแม้นมาศมากที่ทำให้เขาเสียหน้าแถมถูกประจานออกทีวี ส่วนแม้นมาศ ก็แค้นจอห์น ที่ทำให้เธอเสียหน้า โดยที่แม้นมาศ ไม่รู้ว่าจอห์น คือใคร แหล่งผลิตน้ำนมดิบของบริษัท โฟร์ดีมิล์ค อยู่ที่ต่างจังหวัด พิมรดา (เพลง กวิตา รอดเกิด) ลูกสาวของแม้นมาศ ทำงานอยู่ที่นี่ เนื่องจากต้องใช้ทุนที่พิมรดา ขอไปศึกษาปริญญาโทที่ออสเตเลีย

วันนี้พิมรดา ควบม้าออกตามวัวพ่อพันธุ์ที่หลุดไป และตามจับมาได้ เห็นว่าพิมรดา เป็นผู้หญิงแกร่ง พิมรดาถูกเรียกให้กลับมาศึกษาเรื่องเครื่องจักรที่ จอห์น มาติดตั้ง ทั้งคู่ได้เจอกัน และร่วมงานกันด้วยดี จอห์นชอบพอพิมรดาตั้งแต่แรกเห็น เป็กกี้ (เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้) กับ ดารินทร์ (อารฺษา วิลล์) ฝ่ายการตลาด ต่างก็ชอบจอห์น และแสดงออกอย่างเห็นได้ชัด แต่จอห์น ก็แบ่งรับแบ่งสู้ เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศเพื่อนร่วมงาน เป็นกี้กับดาริน ไม่ค่อยชอบหน้าพิมรดา คอยหาทางแกล้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องแพ้ภัยตัวเองทุกครั้งไป พิมพรดา เป็นเพื่อนรัก และเรียนรุ่นเดียวกับ แพรว (พลอย วรางคนาง วุฒฑยากร) ลูกสาวของประหยัดพงษ์ อนันต์ (สุรบดิน สมบัติเจริญ) เจ้าหน้าที่พัฒนา และวิจัยสินค้า เพื่อนสนิทของพิมรดา กำลังจะเปลี่ยนความสัมพันธ์มาเป็นคู่รัก แต่พิมรดา เห็นเป็นแค่เพื่อน อย่างไรก็ดี อนันต์ยังพยายามต่อไป ทางบริษัทเช่าบ้านให้พิมรดา กับจอห์น อยู่คนละหลัง แต่ติดกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูดี และกำลังจะพัฒนาไปในทางความรัก ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน จอห์นบอกว่าเมืองไทยน่าประทับใจ เพราะมาวันแรกก็ถูกปล้น แถมยังถูกยายแก่หนังเหี่ยวปากจัด ประจานออกทีวีอีก (หมายถึงแม้นมาศ) พิมรดาเห็นใจจอห์น จึงสมทบด่าแม้นมาศ แม่ตัวเองไปชุดใหญ่ วันหยุด...พิมรดา กลับไปเยี่ยมบ้าน ที่บ้านคลองสองสหาย จึงชวนจอห์น ไปเที่ยวด้วย จอห์นอยากรู้จักพ่อแม่ของพิมรดา และวาดภาพท่านทั้ง 2 ไว้สวยหรู ความจริงปรากฏว่ายายแก่ที่จอห์น นั่งด่าให้พิมรดาฟังก็คือ แม้นมาศ แม่ของพิรดานั่นเอง จอห์นถูกตะเพิดออกจากบ้านด้วยปืนลูกซองของแม้นมาศ ดีที่วันชัย ปรามไว้ไม่อย่างนั้นจอห์น พุงทะลุแน่ จอห์นออกมาตั้งหลักแล้วได้พบกับ ปูอัด (ต๋อง ชวนชื่น) หัวหน้าวินมอเตอร์ใจดีที่รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องตัวเอง และปลาดุก (ศรีหลอด สีใส) เพื่อนซื้ปูอัด ทั้งคู่ผูกมิตรกับจอห์น เพราะเห็นว่าจอห์นท่าทางรวย การมาครั้งนี้ แพรว ลูกสาวประหยัดพงษ์ เจ้าของโรงงาน เป็กกี้ ดารินทร์ และอนันต์ มาด้วยในฐานะเพื่อนร่วมงาน แต่วัตถุประสงค์หลัก ก็คือ ทำคะแนนหัวใจของแต่ละคน แม้นมาศ บอกกับพิมรดา ว่าเธอได้เลือกผู้ชายไว้ให้พิมรดา ลองคบหา นั่นคือ ผู้กองสมิง (ไม้ นนทพันธ์ ใจกันทา) นายตำรวจรูปหล่อ ชาติตระกูลดี เป็นผู้ดีเก่า สมิง ได้พบกับทุกคน และมีไมตรีที่ดี สมิง รู้สึกประทับใจแพรว ตั้งแต่แรกเห็น ที่นี่ กระรอก (ป้อ ปุญญพัฒน์ ถนอมกุล) สาวชาวบ้านได้พบหน้าจอห์น แล้วนึกรักอย่างหัวปรักหัวปรำ กระรอกเป็นลูกสาว จงกล (แม่อูม วิยะดา อุมารินทร์) หรือน้าจง โฆษกประจำหมู่บ้าน ไม่ว่าเรื่องอะไรของใครรู้ไปหมด แถมประชาสัมพันธ์ให้ฟรี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องร้าวฉาน เสี่ยอาทิตย์ (ตู่ พงศนารถ วินศิริ) กับ คมกริช (ชาลี กรรณสูต) ลูกน้องแสนชั่ว คู่อริของแม้นมาศ ต้องการเป็นใหญ่ในแถบบ้านคลองสองสหาย เสี่ยอาทิตย์ อยู่ในพื้นที่ที่สามารถควบคุมน้ำจืด และน้ำทะเลมาบรรจบกัน เขาสามารถให้คุณให้โทษแก่ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ นอกจากนี้ยังมีโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ ที่รับซื้อจากชาวบ้านแบบกดราคาตลอดมา จนแม้นมาศ ตั้งสหกรณ์ขึ้นมา ชาวบ้านจึงลืมตาอ้าปากได้ ทำให้โรงงานของอาทิตย์ ขาดรายได้ไป นอกจากนี้อาทิตย์ ยังพยายามช่วงชิงตำแหน่งนายก อบต.ของแม้นมาศด้วย และแน่นอน เสี่ยอาทิตย์ มีแต่แผนชั่ว ๆ ทั้งนั้น ระหว่างที่พิมรดา และทุกคนอยู่ที่บ้านแม้นมาศ จอห์น ก็ไม่ย่อท้อ เขาอาศัยอยู่บ้านปูอัดข้างวัด เพื่อจะล้างแค้นแม้นมาศ และจะทำให้ยอมรับแล้วเลิกเรียกเขาว่าฝรั่งขี้นกเสียที ส่วนแม้นมาศ ก็รู้ว่าจอห์นยังอยู่ จึงพยายามกันท่าทุกวิถีทาง ฝั่งแม้นมาศมี เหน่ง (เซี๊ยะ ติ่มซำ) กับ โหน่ง (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) คู่ซี้ ซ้ายขวาเป็นผู้ช่วย ส่วนฝั่งจอห์น ก็มีปูอัดกับปลาดุก เป็นผู้ช่วย ขณะที่จอห์น เข้าไปไหว้พระที่วัด เขาก็ได้พบกับวิญญาณเด็ก เจมส์ (น้องเจมส์ จิรายุ ขุนรักษ์) จอมกะล่อน ที่ขอติดตามมาด้วย ทีแรกจอห์น คิดว่าผีเจมส์จะช่วยเขาได้ แต่กลับเพิ่มภาระให้เขาอีก เพราะไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อย่างที่คิด ไม่เพียงเท่านั้นผีเจมส์ยังเจอเพื่อนคือ ผีเจสสิก้า (น้องเมญ่า ชยาภัสร์) ผีเด็กผู้หญิงที่ตกน้ำตายมาร่วมวงด้วย จอห์นจึงต้องช่วยให้ผีเจมส์ และผีเจสสิก้าไปเกิดด้วยการตามหาร่างของเจมส์ ที่ยังหาไม่พบไปฌาปนกิจ ถึงอย่างไรผีเจมส์ก็ยังพยายามช่วย อย่างน้อยผีเจมส์ ก็ยังทำให้วันชัย เข้าใจจอห์น กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ แม้นมาศ ก็ยังตามมาคุมลูกสาวที่บ้านพัก ทำให้จอห์น ทำอะไรไม่ได้ เป็นเหตุให้เสี่ยอาทิตย์ เริ่มแผนชั่วได้อย่างปลอดโปร่ง และตอนนี้มีแนวร่วมคือ สนองศักดิ์ (ธนางยง ว่องตระกูล) เจ้าของโรงนมพาสเจอร์ไรส์ โดยมี เชน (เจสซี่ ตันธนะศิริวงศ์) เป็นมือขวา สนองศักดิ์ ต้องการพื้นที่แถวบ้านคลองสองสหาย เป็นที่สร้างโรงงานใหม่ แต่ชาวบ้านไม่ยอม รวมทั้งแม้นมาศ ไม่ยอมเซ็นอนุมัติ แผนชั่วต่าง ๆ จึงเพิ่มเป็นยกกำลังสอง โรงนมของสนองศักดิ์ เป็นคู่แข่งกับโรงนมของประหยัดพงษ์ สนองศักดิ์ พยายามกำจัดประหยัดพงษ์ ทุกวิถีทาง เพราะยอดขายของเขากำลังดิ่งลงเหว เพราะความเอาเปรียบผู้บริโภค โรงงานของเขากำลังจะเจ๊ง สนองศักดิ์ พยายามซื้อตัวจอห์น แต่จอห์นไม่ยอม จึงซื้อตัวดารินทร์ กับเป็กกี้ ให้เป็นสายรายงานความเคลื่อนไหวแล้วเอาแผนการตลาดมาขาย ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ก็ถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว เกิดวิกฤตการณ์กับโรงนมของประหยัดพงษ์ แพรว ลูกสาวกลุ้มใจ พิมรดาก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ซึ่งถ้าแบบนั้นมีหวังเจ๊งแน่ เรื่องนี้สนองศักดิ์ กับอาทิตย์อยู่เบื้องหลัง ผู้กองสมิง กับจอห์น ช่วยกันแก้วิกฤตนี้จนลุร่วง ทำให้สมิงกับแพรวรักกัน ส่วนเป็กกี้ กับดารินทร์ กลับใจ และสำนึกผิด เรื่องยังไม่จบ แม้นมาศ ยังไม่ยอมรับจอห์นอยู่ดี สมิงกับจอห์น สืบค้นจนเจอร่างของเจมส์ ถูกฝังอยู่ข้างป่าชายเลน เรื่องนี้พัวพันกับคมกริช และเสี่ยอาทิตย์ จอห์น สมิง เจมส์ ปูอัด ปลาดุก และพิมรดา ช่วยกันหาหลักฐานจนพอที่จะจับกุมอาทิตย์ กับสนองศักดิ์ ได้ แต่ทั้ง 2 คน ไหวตัวแล้วจับแพรว กับพิมรดา ไปเป็นตัวประกัน แลกกับการลงเรือหนีไปต่างประเทศ แต่ในที่สุดสมิง จอห์น และทุกคนก็สามารถช่วยแพรว กับพิมรดามา ได้อย่างปลอดภัย คมกริชถูกยิงเสียชีวิตขณะทำการจับกุม ส่วนเสี่ยอาทิตย์ กับสนองศักดิ์ ถูกจับดำเนินคดีในหลายข้อหา ผีเจมส์ และผีเจสสิก้า ได้ไปผุดไปเกิด ไม้เบื่อไม้เมาระหว่างลูกเขยมะไฟอย่างจอห์น และแม่ยายมะดัน อย่างแม้นมาศ จบลงด้วยความรัก และความจริงใจที่จอห์น มีให้พิมรดา สมิงได้ครองคู่กับแพรว ส่วนอนันต์ หันมาเห็นความดีของดารินทร์ จึงคบกันเป็นแฟน เรื่องราวทั้งหมดจบลงด้วยดี บ้านคลองสองสหาย อยู่อย่างสงบสุขมาจนทุกวันนี้ ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครลูกเขยมะไฟแม่ยายมะดัน
เพชรตัดเพชร 2559

เรื่องย่อ : เพชรตัดเพชร (2559/2016) ชาติ ชายผู้สุขุมมุ่งมั่นรักความยุติธรรม ต้องกลายเป็นคู่ปรับรับมือกับการตามล่าของ ยอด ชายผู้เต็มไปด้วยไฟแห่งความทะเยอทะยาน หลังจากที่ทั้งคู่ต้องกลายเป็นคนที่ตายแล้ว และถูกนำตัวมาฝึกเป็น อีกายมทูต สุดยอดมือสังหารขององค์กรก่อการร้าย อีกาพญายม ซึ่งมี มาตามหลุยส์ เป็นผู้นำองค์กรเพื่อเป้าหมายเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีอำนาจสูงสุดในเอเชีย แต่ชาติไม่เห็นด้วยกับแผนการผลิตยาเสพติดโคคิโน่เพื่อทำลายประเทศแล้วสร้างไทยขึ้นมาใหม่ตามโรคแมพของมาดามหลุยส์ที่ร่วมกับ ไตร มือขวาคนสำคัญ ชาติจึงต้องหนีจากเกาะอีกาฐานลับของอีกาพญายมจนได้พบกับ ไป่หลู สายลับสาวสวยลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง หัวรั้นมากฝีมือแห่งหน่วย KCAS หน่วยลับที่ไม่เปิดเผยตัวตนของรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ต่อด้านการก่อการร้ายในประเทศ แต่ KCAS กลับถูกทำลายโดย มานพ คนรักของไป่หลูสายลับอีกคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ให้กับพวกอีกา ไป่หลูหลงคิดว่าชาติหักหลังเธอทำให้จนท หน่วย KCAS ตายเกือบหมดรวมทั้งพ่อเธอ จนต้องหลบหนีไปกบดานที่ฮ่องกงกับ ไอ้แสบ คู่หูตัวป่วนที่รู้ความจริงว่าชาติจำเป็นต้องหักหลังไป๋หลู เพื่อแผนสายลับสองหน้าบ่อนทำลายอีกาจากข้างในด้วยฝีมือของเขาเอง และเพื่อค้นหากำเนิดที่แท้จริงของตนเองหลังจากพบว่ามาตามหลุยส์คือคนที่กุมความลับนี้ไว้ แต่ถึงไป่หลูจะรู้ความจำเป็นของชาติเธอก็ไม่เคยให้อภัยทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็มีใจให้กัน เมื่อต้องร่วมมือทำงานกันอีกครั้งภายใต้การนำของ เชิดศักดิ์ หัวหน้าหน่วย KCAS ที่รอดจากการสังหารหมู่ ทั้งคู่จึงกลายเป็นทั้งคู่รัก และคู่กัดที่ไม่ลงรอยกันเสมอ ชาติได้รับความไว้วางใจจากมาดามหลุยส์สร้างตัวตนใหม่เพื่อปูทางให้เป็นผู้นำคนต่อไป โดยส่ง เป๊กกี้ สายลับสาวสุดเซ็กส์ซี่ขององค์กรให้มาทำหน้าที่เมียคอยช่วยชาติ อนาคตสดใสของชาติในองค์กรนี่เองที่ทำให้ยอดไม่พอใจเพราะยอดต้องการเป็นที่หนึ่ง และรู้ว่าชาติไม่ได้จงรักภัคคีแต่มีแผนจ้องทำลายองค์กรยอดจึงต้องหาทางกำจัดชาติเพื่อใช้เป็นบันไดก้าวขึ้นแทนที่ แต่ชาติรู้มาตลอดว่ายอดคือคู่ปรับที่จ้องเล่นงานตน ชาติเลยจำเป็นต้องใช้ชีวิตของ รัศมี คนรักที่ยอดพร้อมทำทุกอย่างในชีวิตได้เพื่อเธอมาเป็นข้อต่อรองไม่ให้ยอดเล่นงานชาติได้ และชาติยังเสนอให้ยอดร่วมมือกับคนโค่นล้มพวกอีกาเพื่อเห็นแก่รัศมี ยอดยอมรับข้อตกลงในการกิจที่มาดามหลุยส์สั่งให้ทั้งคู๋ไปจัดการกับ ฟิเดลโร่ ราชาค้ายาเสพติดระดับโลกชาวคิวบาที่ต้องการสูตรการผลิตโคคิโน่เช่นกัน แต่ภารกิจนี้ยอดหักหลังชาติแอบทำข้อตกลงกับฟิเดลโร่แลกเงินจำนวนมหาศาลหวังใช้พารัศมีหนีไปสร้างชีวิตใหม่ด้วยกันทำให้ชาติเกือบถูกฆ่าตาย ยอดได้ตัวไป่หลูเพื่อพาไปหารัศมีแต่ก็ถูกพวกฟิเดลโร่หักหลัง และได้ตัวรัศมีไปแทน ฟิเดลโร่ใช้รัศมีบังคับให้ยอดขโมยสูตรลับโคคิโน่ที่มาดามหลุยส์ซ่อนเอาไว้ในจี้เพชร หนทางที่จะได้มาจึงมีทางเดียวคือต้องฆ่ามาดามหลุยส์เท่านั้น สถานการณ์พลิกเมื่อยอดกลายเป็นคนทรยศต่อองค์กร มาดามหลุยส์จึงให้ชาติพร้อม เฉิน และแองจี้ 2 มือสังหารฝีมือดีออกตามล่ายอด แต่ชาติใช้อุบายหลอกว่าได้ฆ่ายอดตายแล้ว เพราะครั้งนี้ยอดยอมร่วมมือหันมาทำลายทั้งองค์กรอีกา และฟิเดลโร่ให้สิ้นซากเพื่อพิสูจน์ความดีให้รัศมีเห็น ภารกิจชิงไหวชิงพริบครั้งสุดท้ายระเบิดขึ้น จากคู่อริที่ไล่ลำเกลียดขี้หน้ากันมาตลอดต้องจับมือร่วมสู้กับองค์กรอีกาที่มีมือสังหารฝีมือดีมากมาย มันคือ เติมพันชีวิตครั้งสำคัญเพื่อปกป้องประเทศจากความชั่วร้ายและเพื่อคนรัก และร่วมค้นหาความจริงถึงต้นตอที่แท้จริงขององค์กรอีกาพญายมซึ่งเกี่ยวพันกับกำเนิดของชาติ ติดตามความมันส์ระห่ำนี้ได้ใน ละครเพชรตัดเพชร ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี ละครเพชรตัดเพชร เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2559

ข้ามาคนเดียว 2559

เรื่องย่อ : ข้ามาคนเดียว (2559/2016) ครุย อังคาร (นิว-วงศกร ปรมัดถากร) อดีตคือตำรวจผู้ซื่อสัตย์ แต่เพราะถูกปรักปรำใส่ร้าย ทำให้เขากลลายเป็นผู้ต้องหาติดทุก การกลับมาของเขา ทำให้ยันต์ ยมราช (แอนดูรว์-กรเศก โคร์นิน) เจ้าพ่อแห่งโคราช ถึงกับหวาดกลัว เลยสั่งให้สมุนมือเอกไปตามไล่ล่าครุย ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่ สาริกา (แก้ม-กวินตรา โพธิจักร) นางเอกหมอลำมาเปิดการแสดงที่โคราชพอดี ครุยหนีการตามล่ากระโดดขึ้นไปบนเวที ทำให้เกิดความโกลาหล สาริกาโกรธครุยมาก ที่เป็นต้นเหตุให้การแสดงต้องพังลง ส่วนครุยได้เดินทางไปหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของคณะหมอลำ ดาว ด่านเกวียน (สาธิต ทองจันทร์) แต่ยังไม่ทันได้ทักทายกัน สมุนของเจ้าพ่อก็ตามมาล้อมบ้านดาว ด่านเกวียนไว้ สาริกาลูกสาวเห็นจึงอ้อมไปประตูด้านหลังแล้วเจอครุย พ่อบอกให้พาครุยหนีไปก่อน ทางนี้พ่อจัดการเอง พอครุยหนีออกมาได้ก็ไปเจอกับสัปเหร่อโข่ง (ชูษี เชิญยิ้ม) เพื่อนเก่า เจ้าพ่อสั่งให้สมุนบุกไปจัดการครุยที่โกงดังเก็บศพ แต่ครุยก็รอดพ้นไปได้อีก สัปเหร่อโข่งพร้อมลูกน้อยพาครุยออกจากป่าช้าแล้วเจอหลวงตา (เปรมเกมล พาชีรัตน์) ออกมาบิณฑบาตร โดยมีสามเณรน้อยเดินตามอย่างสงบเสงี่ยม ครุยจำได้ว่าสามเณรคือ สีหมอก (มาร์กี้-อภิรักษ์ ตั้งสถาพรพันธ์) ลูกชายตัวเองกับคำสี (นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ) ที่ตอนนี้เป็นบ้า เนื่องจากยันต์ ยมราช จับตัวไปทำทารุณกรรมขนเสียสติ แล้วทุกวันคำสีขะมากราบไหว้ย่าโมขอพรให้ได้เจอลูก และสามี ครุยได้แยกทางเก็บสัปเหร่อโข่ง เพื่อจะไปหา คำม่วน (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) เจ้าของค่ายมวย ซึ่งในวันนี้มีการซ้อมใหญ่ของนักมวยหญิงชื่อ มะตูม (เดียร์-ดาริน ดารากานต์) ลูกสาวคนเดียวของคำม่วน เช้าวันรุ่งขึ้นครุยไปดักพบคำสีที่หน้าอนุสาวรีย์ย่าโม แล้วก็พบคำสีในสภาพมอมแมม ส่งเสียงร้องรำทำเพลงร้องเรียกหาลูกกับผัว ครุยเข้าไปหา คำสีจำไม่ได้คิดว่าครุยเป็นสมุนเจ้าพ่อเลยวิ่งหนี จังหวะนั้นสมุนเจ้าพ่อก็มาดักรอครุยแถวนั้นพอดี ทั้งคู่ปิดฉากต่อสู้กัน มะตูมและพวกตามมาช่วยแล้วพาครุยหนี คำสีถูกสมุนเจ้าพ่อจับตัวไป ครุยจะไปช่วยแต่มะตูมห้ามไว้แล้วบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของมะตูมเอง ทางด้านอินทร์ ดาวดึงส์ (เอ-เอกราช กฤตสิริทิพย์) ตำรวจป่าไม้ ที่เข้ามาสืบเรื่องไม้เถื่อน เลยได้รู้จักกับ กลอยใจ (หยก-ธัญกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์) ลูกสาวของเสี่ยบุญยิ่ง (ณรงค์ศักดิ์ เลิศวรานุรักษ์) เจ้าของโรงเลื่อยซึ่งเธอมีสาวคนใช้คนสนิทชื่อ กระถิน (ภูษณิสา โชติกิตติมาศ) ทั้งอินทร์ และกลอยใจต่างก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเขมแข (ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร) ลูกสาวของเสี่ยไหบูลย์ (สมบัติ ขจรไชยกุล) ที่ตกเป็นคู่หมั้นของยันต์ ยมราช แบบหมัดมือชก ส่วนขาล ขุขันธ์ (อานัส พาพานิช) สารวัตรหนุ่มที่ปลอมตัวแทรกซึมเข้าไปร่วมแก็งกับเจ้าพ่อโคราช จนเป็นคนสนิท เมื่อวันเกิดของเจ้าพ่อใกล้มาถึง จำโง่น (โอ๊ต-สุรศักดิ์ โชติพินวัฒน์) ก็วางแผนรีไถ่พ่อค้าเจ้าของธุรกิจ เพื่อเอามาส่งส่วยให้เจ้าพ่อ ขณะที่นั่งปรึกษากับลูกน้องอยู่ที่บ้าน ครุยได้แอบปีนเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนจ่าโง่น พอจ่าโง่นเข้ามาให้องก็ถูกครุยขู่บังคับให้เขียนหนังสือว่าที่ครุยติดคุกเพราะเป็นฝีมือของจ่าโง่นกับเจ้าพ่อโคราช แต่ยังไม่ทันจะเขียนจ่าโง่นก็ใช้ปีนตีครุยและต่อสู้กัน แต่ครุยพลาดท่าโดนจับตัวไว้ แล้วจ่าโง่นก็นำตัวครุยไปส่งที่บ้านเจ้าพ่อ ขาล ขุขันธ์ เสนอตัวเป็นคนจัดการครุยเอง ไอ้อ่าง (วิครุต สะราคำ) เห็นเหตุการณ์ว่าครุยโดนจับตัวไปเลยไปเกณฑ์สมัครพรรคพวกไปช่วยครุย ครุยถูกนำตัวไปขังที่บ่อจระเข้ที่มียามคุ้มกันหนาแน่น มะตูมและลูกน้องเดินทางมาช่วย สาริกาก็วางแผนช่วยอีกแรง เพราะเธอต้องไปเปิดการแสดงที่งานวันเกิดเจ้าพ่อพอดี ระหว่างงานเลี้ยง ขาล ขุขันธ์แกล้งทำเป็นมาแล้วหายตัวออกจากงาน เพื่อไปช่วยครุย พอครุยหนีออกมาได้เขาก็แกล้งเมากลับไปที่งานเหมือนเดิม พอได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ทุกคนไปดูเลยรู้ว่าครุยหนีไปแล้ว เจ้าพ่อเลยสั่งให้ลูกน้องตามล่า ครุยหนีเข้าไหลตัวอยู่ในห้องนอนของแขมแข พอแขมแขเห็นก็ตกใจ จนครุยต้องเข้าไปกอดแขมแขไว้ ในมือแขมแขมีปืนอยู่ทำท่าขู่จะยิงครุย พอแขมแขเผลอครุยก็เข้าไปกอดจูบจนแขมแขจนทำปืนหลุดมือ ด้านมไหศวรรย์ (วิน-วาทิต โสภา) นายอำเภอคนใหม่ที่ปลอมตัวมาเป็นพ่อค้าเร่ เพื่อสืบคดีทุจริตของเจ้าพ่อโคราช แล้วก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสาริกา แต่ทุกครั้งที่สาริกาตกอยู่ในอันตราย มไหศวรรย์จะเข้ามาช่วยทุกครั้ง ครุยที่หนีออกมาได้ก็ไปรักษาตัวที่ค่ายมวยคำม่วน โดยได้มะตูคอยดูแล มะตูมหลงรักครุย แต่ครุยคิดกับมะตูมแค่น้องสาวเท่านั้น ในวันเกิดของแขมแขได้จัดขึ้นในโณงแรมหรู โดยครุยกับอินทร์มาเป็นแขกในงานด้วย เจ้าพ่อถึงกับตะลึงที่เห็นทั้งคู๋ในงาน มะตูมเป็นห่วงครุยเลยตามมาดู แล้วก็ถูกสมุนของเจ้าพ่อจับตัวไป เจ้าพ่อเข้าไปในห้องแล้วเอาปืนขู่ มะตูมไม่ยอมเกิดการต่อสู้กัน แต่มะตูมสู้ไม่ไหวเลยโดนเจ้าพ่อลวนลาม โชคดีที่อินทร์ตามเจ้าพ่อมาจากงานเลยเข้าไปช่วยมะตูมไว้ทัน แขมแขเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองถูกเจ้าพ่อโคราชหลอกใช้เลยถอนหมั้น แขมแขจะหนีแต่ถูกจับตัวไว้ แล้วก็ย้ายฐานทัพไปกลบดานในป่า ขาล ขุขันธ์แอบเข้าไปในกระท่อมของเจ้าพ่อเพื่อค้นเอกสารลับ จนเจอแล้วขาลก็พาแขมแขหนี พอเจ้าพ่อรู้ก็สั่งให้ลูกน้องตามล่า มไหศวรรย์ชุ่มรออยู่ในรถคอยรับขาลกับแขมแขหนีออกมาแล้วพาไปสมทบกับพวกครุยที่ค่ายมวยคำม่วน แล้วขาลก็เอาหลักฐานเอกสารลับของเจ้าพ่อให้อินทร์ดู อินทร์บอกว่าเจ้าพ่อติดคุกแน่นอน และมไหศวรรย์ ก็เป็นแสดงตัวว่าเขาเป็น นายอำเภอส่วนขาลก็รายงานตัวว่าเขาคือ สารวัตรทุกคนตกใจที่รู้ความจริง แล้วทุกคนก็ร่วมมือกันจัดการกับ ยันต์ ยมราช เจ้าพ่อโคราชเหตุการณ์จะบู๊คุเดือด เลือดพล่านขนาดไหน แล้วบทสรุปสุดท้ายชีวิตของ ครุย อังคาร จะลงเอยอย่างไรต้องติดตามชมกันในละครบู๊แอ็คชั่น ข้ามาคนเดียว ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ข้ามาคนเดียว เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2559

ขมิ้นกับปูน 2559

เรื่องย่อ : ขมิ้นกับปูน (2559/2016) เมื่อปี พ.ศ. 2486 ความเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองและสังคมเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเลย คือความเกลียดชังระหว่างตระกูล พระยาอภิบาลบำรุง (สันติสุข พรหมศิริ) และ ตระกูลพระวิจิตรศิลปการ (ดิลก ทองวัฒนา) สาเหตุเนื่องมาจากคุณแม่ของพระยาอภิบาลบำรุง ได้หนีตามคุณพ่อของพระวิจิตรไป ซึ่งนำความเสื่อมเสียมายังตระกูลของพระยาอภิบาลอย่างยิ่ง พระยาอภิบาล มีบุตรชาย 1 คน คือ พระนิติรักษ์ธรรมสถิตย์ (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) และธิดา 3 คน คือ คุณปริก (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) คุณจำปา (ศิรประภา สุขดำรงค์) และคุณปีบ (สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) ซึ่งครองความเป็นสาวจนกระทั่งปัจจุบัน ในรุ่นหลานของตระกูล ซึ่งเป็นลูกของพระนิติรักษ์ ได้แก่สามสาวปัทมา (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล), ปวีณา (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) และปารมี (มุกดา นรินทร์รักษ์) เมื่อทางราชการเปลี่ยนแปลงไม่ให้มีการใช้ยศถาบรรดาศักดิ์อีก พระนิติรักษ์ ทนไม่ได้จึงลาออกจากราชการ ฝ่ายพระยาอภิบาลก็เกษียณแล้ว ทำให้ตระกูลอภิบาลบำรุงเริ่มเสื่อมถอย เงินทองร่อยหรอ ผิดกับตระกูลของพระวิจิตร ที่เจริญมั่งคั่งขึ้นทุกวัน ปวีณา เป็นเด็กสาวช่างฟ้อง อิจฉาปัทมาพี่สาว จึงฟ้องพระยาอภิบาลว่าปัทมาแอบคบกับทานตะวันและธนา หลานและลูกของพระวิจิตร ปัทมาจึงถูกเฆี่ยนตีอย่างหนัก จนเริ่มเก็บกด แข็งกระด้างและเจ้าทิฐิโดยไม่รู้ตัว ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระนิติรักษ์ทำการค้า และถูกโกง ยิ่งทำให้พระยาอภิบาลกลุ้มใจหนัก ในระหว่างนั้นเอง ปัทมาขออนุญาตไปเรียนต่อที่ศรีราชา กับเพื่อนรัก ทานตะวัน (อธิชนัน ศรีเสวก) ที่นั่นเอง ปัทมาพบรักกับคุณธนา (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) น้าของทานตะวัน เมื่อพระยาอภิบาลทราบเรื่อง ปัทมาถูกตบตีอย่างรุนแรง หลังจากนั้นปัทมาถูกจับไปบวชชี ทานตะวันและธนาช่วยปัทมาหนีออกจากวัดได้ ปัทมาได้แต่งงานกับธนาในที่สุด พระยาอภิบาลโกรธแค้นมาก ตัดปัทมาออกจากตระกูล เวลาผ่านไป ปวีณา และปารมีเริ่มเป็นสาว ปวีณา แอบอิจฉาปารมีที่สวยกว่าตน แต่ปวีณาเป็นที่โปรดปรานของคุณปู่และคุณพ่อ จึงได้รับอนุญาตให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ส่วนปารมีให้เรียนถึงมัธยมแปดเท่านั้น ปวีณา ได้พบกับแทนพงศ์ หลานของพระวิจิตรที่เพิ่งจบการศึกษาจากเมืองนอก และมาเป็นอาจารย์พิเศษของปวีณา ปวีณาได้ที่อยู่ของปัทมา เธอจึงไปเยี่ยมพี่สาว และนำความไปบอกเจ้าคุณปู่กับคุณพ่อ พระนิติรักษ์จึงมาพาตัวปัทมากลับไป ปัทมาเสียใจที่ถูกพรากจากสามี เธอตรอมใจจนผูกคอฆ่าตัวตาย แต่คุณปีบมาช่วยไว้ทัน วันหนึ่งปัทมาเห็นรูปถ่ายของ ธนากับทานตะวัน เพื่อนรัก ปัทมาเข้าใจว่าเพื่อนรักแย่งสามีตน เธอจึงกินยาฆ่าตัวตายอีกครั้ง แต่ทุกคนช่วยไว้ได้ทัน สภาพจิตใจของปัทมาแย่ลงทุกที ทันพันธุ์ (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) หลานอีกคนหนึ่งของตระกูลพระวิจิตร แอบชอบปารมีอยู่ ทันพันธุ์มาร่วมงานทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเปิดร้านอาหารของคุณทั้ง 3 นาง และมีโอกาสพูดคุยกับพระยาอภิบาล พระยาอภิบาลไม่ทราบว่าทันพันธุ์เป็นหลานศัตรู ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอ เมื่อพระยาอภิบาลรู้ความจริงว่าทันพันธุ์เป็นใคร ก็มิได้จงเกลียดจงชังมากนัก ธนาส่งจดหมายหย่าให้ปัทมา เป็นเหตุให้ปัทมาช็อก กลายเป็นคนบ้า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สุดท้ายความรักในรุ่นของลูกหลานจะเอาชนะความอาฆาตพยาบาทระหว่างสองตระกูลได้หรือไม่ ติดตามชมกันต่อได้ในละคร ขมิ้นกับปูน ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 ทางช่อง 7 สี ละคร ขมิ้นกับปูน เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2559

เจ้าพายุ 2559

เรื่องย่อ : เจ้าพายุ (2559/2016) หลังจากที่ พายุ (กฤตฤทธิ์ บุตรพรม) ติดคุกในเรือนจำนานถึง 5 ปี เพราะถูกข้อหาปล้นรถขนเงินของธนาคารที่เขาเป็นพนักงานคุมเงินสด เมื่อได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระเขาจึงต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะเขาคาใจมาตลอดว่าไม่ได้เป็นคนปล้นเงินแต่ถูกจัดฉากให้เป็นแพะรับบาป พายุไปรายงานตัวที่คุมประพฤติโดยมี วีนัส (จิลล์ โรเจอร์) เป็นคนดูแลในเรื่องนี้ พายุบอกว่าเขาต้องการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ทีแรกวีนัสก็เชื่อว่าพายุเป็นคนปล้น แต่พอได้ดูหลักฐาน และเอกสารที่สั่งฟ้องแล้ว เธอจึงมั่นใจ และว่าพายุเป็นแพะในคดีนี้ เธอจึงรับปากที่จะช่วยพายุ เพราะในใจลึก ๆ เธอแอบชอบพายุ มาศจันทร์ (ฮาน่า ลีวิส) ลูกสาวคนเดียวของ นายวิวัฒน์ (สุรวุฑ ไหมกัน) เจ้าของสัมปทานเหมืองทองที่นครสวรรค์ มาเบิกเงินที่ธนาคารแล้วถูกดักปล้น พายุผ่านมาพบเข้าพอดีจึงได้ช่วยเหลือเอาไว้ และจากไปโดยไม่ได้แนะนำตัวว่าเป็นใคร สารวัตรกอบคุณ (อติรุจ สิงหอำพล) เป็นคนทำคดีนี้ เขารู้สึกหลงรักมาศจันทร์ตั้งแต่แรกเห็นทันที ทางด้านนายวิวัฒน์กำลังมีเรื่องกับนายมงคล (ตฤน เศรษฐโชค) นายกเทศมนตรี กับ โตมร (สุทธิคุณ วันทานุ) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เพราะมงคลต้องการจะฮุบสัมปทานเหมืองทองของวิวัฒน์ มงคลจึงทำได้ทุกอย่างเพื่อแย่งชิงมา ถึงแม้จะต้องฆ่าวิวัฒน์กับลูกสาวก็ตาม ภูผา (จิณณะ นวรัตน์) ติดคุกในฐานะฆ่าคนตาย เพื่อปกป้อง กำนันไผ่ (เอกพัน บรรลือฤทธิ์) พ่อของตัวเอง ภูผาสู้คดีแต่แพ้จึงติดคุกเกือบ 5 ปี ในขณะที่อยู่ในคุกเขาพยายามทำดี และทำงานลดโทษ วันหนึ่งในขณะที่ภูผาออกไปทำงานลอกท่อ เขาพบเงินประมาณ 15 ล้านดอลล่าห์ที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้โดยบังเอิญ หลังจากนั้นอีก 7 วันเมื่อเขาพ้นโทษอกมาจึงได้มาเอาเงินจำนวนนั้นไป พายุกลับมาหา สุพจน์ (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ที่บ้าน แต่สุพจน์ไม่ต้อนรับและไม่นับว่าเขาเป็นลูก เพราะเขามีปมในอดีตเกี่ยวกับ นิ่ม (สุธิตา เกตานนท์) แม่ของพายุที่ท้องก่อนที่จะมาอยู่กับเขา ซึ่งตอนนี้นิ่มก็ได้หนีกลับไปอยู่กับกำนันไผ่สามีเก่า ที่กลายเป็นผู้ต้องหาหนีคดีปล้นหลายคดี อิ่มจิต (ณหทัย พิจิตรา) ภรรยาใหม่ของสุพจน์เอ็นดูพายุเหมือนลูกคนหนึ่ง เพราะอิ่มจิต มี เอื้อมพร (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) ลูกสาววัยเดียวกับพายุด้วย แต่เป็นลูกติดก่อนที่จะมาอยู่กินกับสุพจน์ เอื้อมพรกับพายุโตมาด้วยกัน และเธอก็รักพายุมาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว แต่พายุคิดกับเอื้อมพรเป็นเหมือนน้องสาวเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่สุพจน์เกลียดพายุ เพราะเขาต้องการที่จะเคลมเอื้อมพรเช่นกัน พายุไม่มีที่ไปจึงกลับไปพักอยู่กับ หมู่รงค์ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) เพื่อนรักที่เคยเป็นทหารมาด้วยกันที่ปากน้ำโพ พอดีกับที่สุพจน์มาเปิดบริษัทขนส่งทางน้ำที่นี่ โดยให้เอื้อมพรมาดูแลกิจการ พายุกับเอื้อมพรจึงได้พบกัน แต่ความสัมพันธิ์ยังเป็นแค่พี่น้องเช่นเดิม วิวัฒน์ไม่กลัวอิทธิพลของมงคล จึงทำให้มงคลส่ง จ่านนท์ (ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง) อดีตทหารหน่วยรบพิเศษที่ตั้งตัวเป็นซุ้มมือปืน มาดักยิงวิวัฒน์กับมาศจันทร์ แต่พายุกับหมู่รงค์มาช่วยไว้ได้ทัน เพราะพายุช่วยมาศจันทร์ไว้ถึงสองครั้งวิวัฒน์จึงรับเข้ามาทำงานที่เหมือง พายุรู้ตัวว่าแอบรักมาศจันทร์แต่ก็ต้องเจียมตัว พอดีกอบคุณย้ายมาประจำที่ปากน้ำโพ จึงเกิดความไม่พอใจที่เห็นพายุสนิทสนมกับมาศจันทร์ เขาจึงบอกความจริงกับวิวัฒน์ว่าพายุเคยเป็นคนที่ติดคุกมาก่อน พายุจึงตัดสินใจลาออกจากงานไป หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันเหมืองของวิวัฒน์ก็ถูกปิด เพราะถูกร้องเรียนว่าปล่อยมลพิษลงแม่น้ำ ซึ่งที่จริงเป็นแผนร้ายของมงคล สุพจน์กับมงคล และโตมร ร่วมมือกันขนของผิดกฎหมายจากทางภาคเหนือ เรื่องนี้เอื้อมพรแอบได้ยิน ทางด้านโตมรรู้สึกชอบเอื้อมพร แต่เอื้อมพรไม่ชอบโตมรจึงให้พายุเข้ามาช่วยกัน แต่ก็ทำได้แค่เพียงบางเวลาเท่านั้น และเธอก็รู้สึกว่าพายุชอบมาศจันทร์ แต่เธอก็ยังรักพายุไม่เสื่อมคลาย ภูผาเอาเงินที่พบบางส่วนมาฟอกที่ปากน้ำโพ จ่านนท์รู้ทีมาของเงินดีจึงพยายามจับภูผาเพื่อคาดคั้นหาเงินที่เหลือ แต่ภูผาหนีรอดไปได้ วีนัสพบหลักฐานที่ส่งฟ้องพายุเป็นหลักฐานเท็จ อีกทั้งยังมีกล้องวงจรปิดอีกหลายมุมที่ไม่ได้นำไปใส่ในสำนวนฟ้อง และคนที่ทำสำนวนฟ้องในขณะนั้นคือกอบคุณซึ่งมียศเป็นร้อยตำรวจเอก วีนัสนำเรื่องนี้ไปบอกกับพายุแล้วยังรู้ว่าจ่านนท์คือหนึ่งในคนที่ปล้นเงิน และยังสืบจนรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือมงคลกับโตมร พายุจึงต้องตามล่าภูผาเพื่อติดตามหาเงินที่เหลือ ภูผาหนีไปหากำนันไผ่เพราะเขาเป็นลูกของกำนันไผ่กับนิ่ม ขณะเดียวกันพายุก็ตามไปแต่ตำรวจได้ล้อมจับกำนันไผ่ จ่านนท์ตามไปสังเกตการณ์แล้วยิงนิ่มตาย เพราะพุ่งตัวเข้ามาช่วยพายุลูกชาย ทำให้ภูผาแค้นพายุมาก วิวัฒน์ตัดสินใจให้มาศจันทร์แต่งงานกับกอบคุณ มาศจันทร์จำยอมเพราะในใจต้องการช่วยพายุ เนื่องจากวีนัสบอกกับเธอว่าสงสัยกอบคุณจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการปล้น เงินด้วย มาศจันทร์ยอมให้พายุเข้าใจผิด ก่อนที่มาศจันทร์เกือบเสียตัวให้กอบคุณ เพื่อหาหลักฐานช่วยพายุ แต่พายุก็มาช่วยเธอไว้ทัน เอื้อมพรแต่งงานกับโตมรด้วยความเต็มใจ และด้วยความแค้นที่ถูกสุพจน์ข่มขืน เมื่อเธอแต่งงานกับโตมรแล้ว เธอก็ได้ไปหาหลักฐานที่โตมรกับมงคลบงการปล้นเงินเพื่อช่วยพายุ จนตัวเองถูกจับได้และถูกฆ่าปิดปาก สุพจน์มาพบเข้าจึงถูกโตมรฆ่าอีกคนโดยที่พายุมาช่วยไม่ทัน กำนันเปิดเผยความจริงให้พายุกับภูผารู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ทั้งสองคนจึงเลิกบาดหมางกันและหันมาจับมือกันเพื่อจบเรื่องทั้งหมด มาศจันทร์กำลังจะแต่งงานกับกอบคุณ พายุ และภูผาพร้อมทั้งเพื่อน ๆ ได้บุกเข้ามาชิงตัวมาศจันทร์กลางงาน นอกจากนี้ความจริงยังได้ถูกเปิดเผยว่า ที่แท้กอบคุณเป็นลูกชายของมงคลแต่คนละแม่กับโตมร ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปล้นทั้งหมดคือมงคล ในที่สุด มงคล โดมร กอบคุณ และจ่านนท์ ก็จบชีวิตลงหลังจากต่อสู้กับตำรวจ พายุล้างมลทินให้กับตัวเองได้สำเร็จ และได้ครองคู่กับมาศจันทร์ ส่วนภูผาก็ตัดสินใจคบหากับวีนัส และทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป ติดตามชม ละครเจ้าพายุ ได้ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี ละครเจ้าพายุ เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2559

เหยี่ยวรัตติกาล 2559

เรื่องย่อ : เหยี่ยวรัตติกาล (2559/2016) เรื่องราวของผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง ที่ได้รับพรจากสวรรค์ เหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์พันปี ที่ร่ำลือกันว่ามีพลังพิเศษ จนสามารถเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นฮีโร่สาวเหนือมนุษย์ใดใด ย้อนไปเมื่อเด็กหญิงราตรี หรือน้องไนท์ อายุ 5 ขวบ ลูกสาวตำรวจมือสะอาด รอง อ.ธ.ศักดิ์สิทธิ์ (โอ๋-ฐาปกรณ์) กับรัตนา (ตุ๋ย-นวลปรางค์) ภริยานายตำรวจ ราตรีเกิดตอนเที่ยงคืน ของวันที่ 12 เดือน 12 พอดี จึงได้ชื่อนี้และชื่อเล่นว่าไนท์ วันหนึ่งศักดิ์สิทธิ์กับรัตนาพาราตรีไปเที่ยวหัวหิน ระหว่างทางกลับบ้านเด็กหญิงได้เห็นแสงสีทองสะท้อนเข้าตา ราตรีจึงร้องทัก เมื่อพ่อแม่เพ่งดูปรากฏว่าเป็นแดดที่สะท้อนจากหลังคาวัดแห่งหนึ่งรัตนาบอก ให้ศักดิ์สิทธิ์แวะไหว้พระก่อนกลับ ระหว่างที่เข้าไปกราบพระในโบสถ์ ในระหว่างที่รัตนากับศักดิ์สิทธิ์กำลังสนทนาธรรมกับพระเจ้าอาวาส เด็กหญิงราตรีก็หายตัวไป รัตนาตกใจพารีบออกไปตามหา พบว่าราตรีกำลังคุยเล่นกับลุงคนหนึ่ง

ซึ่งหลวงพ่อบอกว่าชื่อลุงมายง เป็นคนทิเบตที่มาอาศัยอยู่ที่วัดนี้ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่รัตนาก็ยังไม่วายเป็นห่วงลูกสาว ตอนกลับมาถึงบ้านรัตนายิ่งแปลกใจเมื่อเห็นที่คอของราตรีมีสร้อยเหรียญรูป เหยี่ยวห้อยอยู่ ศักดิ์สิทธิ์ดูจึงรู้ว่าน่าจะเป็นของลุงมายงที่วัด เพราะชาวทิเบตนับถือเหยี่ยวกันมาก รัตนาบอกให้เอาไปคืน แต่ศักดิ์สิทธิ์กลับว่าลุงมายงน่าจะแอบให้เพราะรู้ว่าถ้าให้กับพ่อแม่คงไม่ ยอมรับเพราะเป็นเหรียญที่มีค่าและดูท่าราตรีจะชอบสร้อยอันนี้ด้วย หากกลับเอาไปคืนวันนี้ลุงคงจะเสียใจ ค่อยหาโอกาสเอาไปคืนในวันหลังจะดีกว่า ยามค่ำคืนในห้องนอนราตรี เหรียญรูปเหยี่ยวที่คอของเด็กน้อยก็เรืองแสงขึ้นมา แล้วเหรียญนั้นก็ค่อย ๆ หายไปในร่างของราตรี ในขณะที่ราตรีหลับใหลอย่างไม่รู้สึกตัว รุ่งเช้าศักดิ์สิทธิ์พบว่าสร้อยนั้นไม่ได้อยู่ที่คอราตรีแล้วแต่ก็ไม่ได้ติด ใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าราตรีคงซุกซนทำตกหายไป จนกระทั่งทุกคนลืมเรื่องราวของเหรียญรูปเหยี่ยวไป

15 ปีผ่านไป..

ราตรี (จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ) จบการศึกษาสาขานิติศาสตร์ จบแล้วได้ทุนไปเรียนต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่อเมริกาจนจบโทจึงเดินทางกลับ มาเมืองไทย ศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้ได้เป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ ราตรีกลับมาทำงานเป็นทนายอิสระช่วยว่าความช่วยเหลือคนจน ราตรีมีเพื่อนเก่าชื่อ นุชนาถ (เตย-กัญญกร) เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับเล็ก ๆฉบับหนึ่ง ชื่อ อธิปไตย นสพ.ถูกฟ้องร้องจาก นายสมศักดิ์ ตระกูลวงศาเจริญยิ่ง นักธุรกิจมาเฟียคนหนึ่ง ซึ่งนุชนาถลงข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายและหลบเลี่ยงภาษีรวมทั้ง กว้านซื้อที่นาจ้างคนทำนาให้กับบริษัทต่างชาติที่หนุนหลังอยู่ นุชนาถได้ติดต่อมาให้ราตรีช่วยว่าความให้..ด้วยความฉลาดของราตรีทำให้นุชนาถ หลุดจากคดี ทำให้สมศักดิ์นักธุรกิจมาเฟียโกรธแค้นมาก นุชนาถพาราตรีไปกินข้าวฉลองความสำเร็จ ระหว่างที่นุชนาถขับรถมาส่งราตรีก็ถูกรถตู้ปาดหน้า มีมือปืน 4-5 คนออกมาจากรถยิงสาดด้วยปืนกล นุชนาถถูกกระสุนทรุด ยามคับขันราตรีเอาร่างบังร่างของนุชนาถไว้ กระสุนถูกร่างของราตรีทั้งตัว ทันใดนั้นก็มีแสงจ้าสาดออกมาจากร่างของราตรี พวกมือปืนต่างตกใจ แสงสว่างจ้าจนมองอะไรไม่เห็น ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนเหยี่ยวร้อง.. และมีเงาดำปรากฏ พวกมือปืนสาดกระสุนปืนเข้าใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว..แต่แล้วเงาดำก็วูบเข้า มา กลายเป็นเสียงพวกมันร้องโหยหวนแทน ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท

ผู้กองเซนต์ (วิน-ธาวิน) มาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ต้องแปลกใจเมื่อเจ้าหน้าที่รายงานว่า พบศพของคนร้าย 5 คน แต่ละคนมีแผลเหวอะหวะที่คอหอยเหมือนถูกกรงเล็บของสัตว์ปีก กำลังส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าเป็นกรงเล็บของสัตว์ชนิดใด ที่โรงพยาบาล นุชนาถอยู่ในห้องพักฟื้น มีอาการบาดเจ็บจากกระสุนสองสามแห่ง แต่ปลอดภัยแล้ว ราตรีนั่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ครู่หนึ่งนุชนาถก็รู้สึกตัว นุชนาถบอกว่าเห็นทีตนจะต้องปิดหนังสือพิมพ์เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และครอบครัว ราตรีบอกว่าขอให้เปิดต่อไป โดยที่ตัวเองจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง เพราะตนเองก็ต้องการต่อสู้กับพวกที่มีอิทธิพลพวกนี้เช่นกัน ในที่สุดนุชนาถก็ตกลง

ผู้กองเซนต์มาดักรอราตรีที่โรงพยาบาล เพื่อสอบปากคำว่าราตรีรอดมาได้อย่างไร และเห็นอะไรบ้าง ราตรีบอกว่าตนเองก็จำไม่ได้ คงเป็นเพราะโชค และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากกว่า สุดท้ายเซนต์อาสาไปส่งราตรี ระหว่างทางเซนต์ถามถึงนุชนาถว่าเป็นอย่างไรบ้าง ราตรีเล่าว่านุชนาถกลัวมากจนจะปิดหนังสือพิมพ์แต่ตัวเองขอสานต่องานทั้งหมด เซนต์เตือนราตรีให้ระวังตัว อย่างไรก็ตาม เซนต์ให้นามบัตรราตรีไว้ และบอกว่าตนเองก็ไม่ชอบระบบคอรัปชั่น และพยายามที่จะกำจัดพวกมาเฟียเช่นกัน ถ้ามีอะไรที่จะช่วยได้ก็ขอให้ราตรีโทรหาตน ราตรีกล่าวขอบคุณและหวังว่าเซนต์เป็นตำรวจที่ดีอย่างที่คุยไว้ ราตรีถึงคอนโด ก็สำรวจร่างกายตนเองเพราะแปลกใจเหมือนกันที่รอดมาได้ พอดีได้รับโทรศัพท์จากพ่อ รองศักดิ์สิทธิ์ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง และบอกให้ราตรีไปหาโดยเร็วที่สุด ราตรีรับปากว่าจะไปหาแต่เช้า

รุ่งเช้าราตรีไปหาพ่อแม่ที่บ้าน หลังจากนั้นพ่อก็พาราตรีขึ้นไปห้องพระ และถามถึงเรื่องเหยี่ยวที่เป็นข่าว ราตรีบอกว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ในที่สุดพ่อก็เล่าเรื่องเหรียญเหยี่ยวที่ราตรีได้รับเมื่อตอนเด็ก ๆ รองศักดิ์สิทธิ์สันนิษฐานว่าเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์มาช่วยราตรี ราตรีไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก พ่อจึงพาราตรีไปหาหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่วัดหัวหิน ซึ่งเป็นอาจารย์ที่นับถือ

เมื่อหลวงพ่อได้พบกับราตรีก็ทักทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้เล่าเรื่องเหรียญเหยี่ยว หลวงพ่อยังบอกอีกว่าราตรีได้รับพลังของเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดที่ราตรีระลึกถึงพลังของเหยี่ยวก็จะทำให้ร่างกายของราตรีมีพลัง สามารถทนทานต่ออาวุธทุกชนิด มีชั้นเชิงในการล่าหรือต่อสู้กับศัตรูเยี่ยงเหยี่ยว ประสาทสัมผัสเยี่ยงเหยี่ยว มีสัญชาติในการได้ยินได้เห็นเยี่ยงเหยี่ยว และที่สำคัญถ้าราตรีเชื่อมั่น ก็สามารถบินได้เหมือนเหยี่ยว เหมือนกับว่าราตรีเป็นเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของชาวทิเบตที่มีมาช้านาน ราตรีฟังแล้วคาดไม่ถึง ส่วนรองศักดิ์สิทธิ์กลับพยักหน้าเชื่อ และให้ราตรีตั้งสมาธินำพลังของเหยี่ยวมาใช้เพื่อป้องกันตัวเอง และปราบพวกอธรรมอย่างที่ราตรีตั้งใจไว้ ราตรีรับปากว่าจะลองทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดขึ้นจริงอย่างที่ท่านอาจารย์ กล่าว

ราตรีจัดแถลงข่าวที่นุชนาถถอนตัวจากหนังสือพิมพ์และตนจะรับหน้าที่แทน ทั้งนี้เพื่อให้คนร้ายเลิกยุ่งกับนุชนาถ และที่สำคัญเพื่อให้นุชนาถและครอบครัวปลอดภัย ข่าวที่นุชนาถถอนตัวจากหนังสือพิมพ์ ทำให้สมศักดิ์ สะใจที่จัดการกับนุชนาถได้ และคิดว่าบรรณาธิการคนใหม่คงจะได้รับบทเรียนแล้ว และคงไม่กล้ายุ่งกับตนอีก นายสมศักดิ์ถูกเรียกตัวไปประชุมกับนักธุรกิจอีก 10 คน โดยมี นายพิเชษฐ์ (บี๋-สวิช) นักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคมเป็นหัวหน้าใหญ่ พิเชษฐ์บรรยายแผนให้ทุกคนขยายเครือข่ายไปทุกจังหวัดแทรกแซงเข้าหน่วยราชการ และส่งคนเข้าพรรคการเมือง เป้าหมายคือควบคุมการดำเนินการทางธุรกิจทุกอย่างของประเทศ สุดท้ายพิเชษฐ์ตำหนิว่าสมศักดิ์ทำงานโดยพละการ ทำให้กลายเป็นเป้าหมาย ข่าวใหญ่เป็นที่จับตามองของสังคม และกฎหมายซึ่งจะทำให้เป็นภัยต่อองค์กร และเตือนให้ทุกคนอย่าเอาเยี่ยงอย่างสมศักดิ์ สมศักดิ์ยืนยันว่าตนสามารถควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกำมือได้แน่นอน

หลังจากราตรีเข้าคุมหนังสือพิมพ์ สองวันต่อมาราตรีก็ลงข่าวการถูกยิงของนุชนาถ ซึ่งมีรายชื่อสมศักดิ์เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ทำให้สมศักดิ์โกรธมากที่ตกเป็นเป้าสังคม และทางการจึงคิดกำจัดราตรี เซนต์สนใจราตรีตั้งแต่แรกเพราะความสวยของราตรี จึงหาเรื่องมาที่สำนักพิมพ์บ่อย ๆ อ้างเรื่องการสอบสวนเพิ่มเติม และมาเตือนว่านายสมศักดิ์อาจหาทางเล่นงานราตรีแบบที่เล่นงานนุชนาถมาแล้ว ราตรีรับฟังและขอบคุณที่เซนต์มีน้ำใจ

เช้าวันหนึ่งราตรีตื่นแต่เช้าแล้วขับรถมุ่งหน้าไปบ้านพักในต่างจังหวัดซึ่ง เป็นบ้านของรองศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างไว้เพื่อพักผ่อน และอยู่ลึกเข้าไปจากถนนห่างไกลผู้คน ราตรีไปถึงแล้วเริ่มนั่งสมาธิเรียกพลังเหยี่ยวอย่างที่พ่อลองบอก เมื่อสมาธิเข้าที่ทันใดก็รู้สึกได้ยินเสียงรอบตัวสารพัดเสียง สายตาเหมือนมองเห็นทุกอย่างที่ตนคิดอยากจะเห็น ราตรีลองนึกถึงสมศักดิ์ดู ก็เห็นภาพสมศักดิ์กำลังสั่งมือปืนให้กำจัดตน ราตรีเกิดโมโห ร่างของราตรีค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นโดยไม่รู้ตัว...พอลืมตาขึ้นก็เห็นตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ ราตรีจึงลองนึกว่าตนเองบินได้ ปรากฏว่าร่างของราตรีลอยพุ่งออกหน้าต่างไปอยู่เหนือหลังคาบ้าน ราตรีทดลองร่อนไปมาดูก็ทำได้ดังใจ วันหนึ่งสมศักดิ์ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งว่าตนเองมีความผิดฐานสั่งการให้ สังหารชีวิตของคู่แข่ง และผู้ที่เป็นอริกับตนหลายครั้งหลายหน ต้องได้รับกรรมที่ก่อไว้ด้วยชีวิต ลงชื่อ เหยี่ยวรัตติกาล สมศักดิ์โกรธ และจัดงานแถลงข่าวทันที โดยเอาจดหมายให้นักข่าวดู แก้ไขความผิดตน พร้อมท้าทายว่าตนพร้อมที่จะลุยกับเหยี่ยวรัตติกาลได้ทุกเวลา

คืนหนึ่งสมศักดิ์ออกจากงานเลี้ยงและแวะไปที่ตึกทำงานของตน แต่พอจอดรถหน้าตึกก็เห็นเงาร่อนอยู่เหนือตึก พวกมือปืนต่างรีบพาสมศักดิ์เข้าไปในตึก แต่พอขึ้นไปถึงที่ทำงานต้องตกใจเมื่อพบกับร่างหญิงสาวในชุดหนัง ใบหน้ามีหน้ากากอำพรางเห็นแต่นัยน์ตาที่คมกริบดุจพญาเหยี่ยว พวกมือปืนต่างสาดกระสุนเข้าใส่ แต่ร่างในชุดหนังพุ่งออกหน้าต่างหายไป พวกมือปืนรีบพานายหนี แต่แล้วร่างในชุดหนังก็พุ่งกลับเข้ามาทางกระจกสาดกระสุนเข้าใส่พวกมือปืน ต่อสู้ด้วยชั้นเชิงที่คล่องแคล่วว่องไว จนเหลือแต่สมศักดิ์คนเดียว หญิงในชุดลึกลับกล่าวคำอำลาแล้วจบชีวิตชั่วของสมศักดิ์มาเฟียลงในที่สุด

รุ่งขึ้นภาพของหญิงชุดดำใส่หน้ากากลอยลงจากยอดตึกลงสู่พื้นปรากฏอยู่หน้า หนึ่งของหนังสือพิมพ์อธิปไตย จับภาพได้โดยเหยี่ยวข่าวสาวคนดังคนล่าสุดของเมืองไทย คือราตรีภายในมีข่าวของสมศักดิ์เสียชีวิตในสำนักงานและพบนามบัตรของเหยี่ยว รัตติกาลอยู่บนศพของสมศักดิ์ มีข้อความว่า จุดจบของผู้ที่คิดร้ายต่อแผ่นดิน กองทัพนักข่าวต่างปรากฏตัวที่สำนักงานหนังสือพิมพ์อธิปไตย เพื่อรอสัมภาษณ์ราตรี ราตรีให้สัมภาษณ์ว่าตนได้ติดตามพฤติกรรมของนายสมศักดิ์อยู่ และก็ได้เห็นเหยี่ยวรัตติกาลปรากฏตัวจึงมีโอกาสได้เก็บภาพไว้ โดยไม่รู้รายละเอียดอะไรอีกเลย

เซนต์มาหาราตรีชวนไปนั่งทานกาแฟ และขอสอบถามเรื่องเหยี่ยวรัตติกาล ราตรีปฏิเสธและกล่าวเป็นเชิงชมว่าดีใจที่มีเหยี่ยวรัตติกาลออกมากวาดล้างผู้ มีอิทธิพล เซนต์ยิ้มบอกว่าตนก็เห็นด้วย จนใจที่ตัวเองเป็นกฎหมาย จึงได้รับคำสั่งให้สืบสวนและตามจับตัวเหยี่ยวรัตติกาลมาให้ได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวของเหยี่ยวรัตติกาลช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย ปล้น รังแก อยู่อย่างไม่ขาดสาย บางครั้งก็มีภาพลง แน่นอนย่อมเป็นหนังสือพิมพ์อธิปไตยของราตรี โดยฝีมือของราตรีเท่านั้น จึงเป็นที่มาของข่าวซุบซิบว่าราตรีมีส่วนรู้เห็นกับคดีที่เกิดขึ้นโดยฝีมือ ของเหยี่ยวรัตติกาล..ซึ่งราตรีก็ปฏิเสธและอ้างว่าตนเป็นนักข่าวที่ทำงานหนัก คอยเฝ้าคอยติดตามเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่นักข่าวคนอื่น ๆไม่มีความสามารถพอที่จะได้ภาพเหยี่ยวรัตติกาล

เพราะเหตุที่หนังสือพิมพ์อธิปไตยลงข่าวและรูปของเหยี่ยวรัตติกาลอยู่ตลอด เวลา ทำให้คนทั่วไปรวมทั้งชาวบ้านในต่างจังหวัดทุกหนทุกแห่งเมื่อได้รับความเดือด ร้อนหรือถูกรังแกจากผู้มีอิทธิพล ก็จะส่งจดหมายเข้ามาลงที่หนังสือพิมพ์อธิปไตย เพื่อหวังว่าจะส่งสารไปถึงเหยี่ยวรัตติกาลให้มาช่วยเหลือ หลังจากที่บทความขอความช่วยเหลือได้ลงหนังสือพิมพ์อธิปไตย ต่อมาก็มีข่าวว่าเหยี่ยวรัตติกาลปรากฏตัวปราบพวกเหล่าร้ายพวกนั้นจนราบคาบ สร้างความกลัวให้พวกคนร้าย และยิ่งทำให้คนส่งสารผ่านมาทางหนังสือพิมพ์อธิปไตยมากขึ้น

พิเชษฐ์กดดันให้ทางการปิดหนังสือพิมพ์อธิปไตยเพราะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ผู้คนแตกตื่น แต่ราตรีก็แก้ต่างจนหลุดคดีความจนได้ การตายของสมศักดิ์ ทำให้พิเชษฐ์สั่งหน่วยงานของตนให้ระวังตัว ทำงานกันอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายแล้วหน่วยงานของสรสินก็ถูกบุก หัวหน้าหน่วยถูกเก็บ เครือข่ายที่อยู่ต่างจังหวัดถูกทำลายด้วยฝีมือของเหยี่ยวรัตติกาล ทำให้พิเชษฐ์โกรธแค้นอย่างยิ่ง สั่งเพิ่มกำลังและป้องกันอย่างเต็มที่ ภายใต้หน้ากากองนักธุรกิจตัวอย่าง เป็นบุคคลดีเด่นที่สังคมยอมรับ สังคมไม่มีใครรู้ว่าพิเชษฐ์ซ่อนความชั่วร้ายไว้มากมาย

เซนต์ และราตรีต่างก็สืบสวน และหาทางเปิดโปงนายสรสินให้สังคมได้รู้หน้ากากที่แท้จริง โดยมีผู้ช่วยเซนต์ชื่อ ก้องเกียรติ (หลุยส์ เฮสดาร์สัน) และผู้ช่วยของราตรีชื่อ อีท (แจม-ปาณิชดา) คอยช่วยเหลือการกระชากหน้ากากของพิเชษฐ์และกระบวนการ แต่สังคมส่วนใหญ่ถูกปิดหูปิดตาด้วยเงินที่นายพิเชษฐ์หว่านลงไปอย่างไม่อั้น โดยใช้เงินจากการรีดไถผูกขาดค้ากำไรเอาเปรียบคนอื่นแทบทั้งสิ้น แม้ว่าเหยี่ยวรัตติกาลจะปราบปรามทำลายหน่วยงานต่าง ๆ ของนายพิเชษฐ์ลงไปมากมายแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเครือข่ายของนายพิเชษฐ์ได้ จริงอยู่ที่เหยี่ยวรัตติกาลสามารถจบชีวิตของนายพิเชษฐ์ได้ แต่ก็เชื่อว่าต้องมีตัวแทนมาสานต่อขบวนการชั่วของมัน มีทางเดียวคือต้องเปิดโปงให้สังคมได้รู้ความจริงเท่านั้น เมื่อสังคมรู้ความจริงนายพิเชษฐ์หมดสภาพ ขบวนการของนายพิเชษฐ์ต้องพังพินาศลงอย่างแน่นอน

เซนต์ และราตรีได้ใช้เวลาร่วมกันหาความจริงจนสนิทสนมมีใจต่อกัน และต้องเผชิญกับอันตรายร่วมกันหลายครั้งจากพวกมือปืนของพิเชษฐ์ทำให้ยิ่งมี ความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากขึ้น..ปัญหาก็คือเหยี่ยวรัตติกาล แม้ว่าเหยี่ยวรัตติกาล จะได้เผชิญหน้ากับเซนต์ และช่วยเหลือเซนต์ให้รอดพ้นจากมือปืนของพิเชษฐ์หลายครั้ง จนเซนต์เองก็ชื่นชมเหยี่ยวรัตติกาลไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งผู้บังคับบัญชา หรือหน่วยงานอื่นที่จ้องจะจับเหยี่ยวรัตติกาลให้เลิกตามล่าได้ พิเชษฐ์เองเมื่อได้รับความเดือดร้อนจากเหยี่ยวรัตติกาลรวมทั้งข่าวลือที่ว่า เหยี่ยวรัตติกาลมีพลังที่ลึกลับ ถึงกับส่งคนไปตามหาคนที่มีความรู้เรื่องเหยี่ยวมาจากทิเบตเพื่อมาปราบ เหยี่ยวรัตติกาล ซึ่งได้พบอาจารย์ผู้มีวิชาหลายอย่าง ทั้งสะกดจิต บังคับจิตคนให้เห็นในสิ่งต่าง ๆ นานา จนกลายเป็นคนบ้าคลั่งขาดสติได้ สรสินจึงให้อาจารย์ผู้นี้ใช้วิชากำจัดศัตรูของตนด้วยไปในตัว

เหยี่ยวรัตติกาลออกตามเรื่องและได้มีการเผชิญหน้ากันหลายครั้งกับอาจารย์ผู้ นี้และมีการต่อสู้ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ฝีมือสูสีกินกันไม่ลง อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไป ด้วยการสืบสวนของเซนต์ และราตรีก็พบหลักฐานการโยกย้ายเงินที่เกี่ยวข้องกับพิเชษฐ์ซึ่งโยงใยถึง เครือข่ายต่าง ๆ ของพิเชษฐ์รวมถึงหลักฐานการรับเงินจากต่างประเทศ จนกระทั่งพิเชษฐ์ถูกเปิดโปง สรสินให้อาจารย์ใช้วิชากำจัดผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปกปิดความลับของตนแต่ ครั้งนี้เหยี่ยวรัตติกาลตามประกบติด จนในที่สุดก็ซ้อนแผนสามารถกำจัดอาจารย์ผู้นี้ได้ ในที่สุดพิเชษฐ์ก็ได้รับโทษ ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เซนต์ กับราตรีเปิดโปงเส้นทางการเงินที่มาจากต่างประเทศ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังจนเส้นทางการเงินพิเชษฐ์ถูกปิดเครือข่ายล่มสลายทั่ว ประเทศ เมื่อสังคม บ้านเมืองกลับมาสงบ เหยี่ยวรัตติกาลคงไม่ได้ออกมาปรากฏตัวอีกนาน

หลังงานสำเร็จสามารถจัดการกับคนชั่วคอรัปชั่นได้ เซนต์กับราตรีต่างฉลองความสำเร็จร่วมกันรวมทั้งทีมงานคนอื่น ๆ ที่ร่วมต่อสู้ฝ่าฟันกันมาด้วยกัน ทั้งทีมตำรวจของ เซนต์ ผู้ช่วยมือขวาของเซนต์คือก้องเกียรติ และทีมงานของ ราตรี และอีทผู้ช่วยคนสวยของราตรี ที่ตอนนี้ปิ๊งกันกับก้องเกียรติเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับความรักของเซนต์กับราตรีที่หวานชื่นและดำเนินต่อไป แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ยังคงคาใจของเซนต์ และทุกคนก็คือ เหยี่ยวรัตติกาล ติดตามชม ละครเหยี่ยวรัตติกาล ได้ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี ละครเหยี่ยวรัตติกาล เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 2559

ขุนกระทิง 2559

เรื่องย่อ : ขุนกระทิง (2559/2016) มหาชาติ (ศิวัฒน์ โชติชัยรินทร์) สารวัตรหนุ่มสูญเสีย ร้อยตำรวจตรีดุจดาว (เอมี่ กลิ่นประทุม) คนรักไปอย่างหมากลางถนนที่ประเทศมาเลเซีย โดยฝีมือของ เมฆิน (โอริเวอร์ บีเวอร์) นักธุรกิจเถื่อนข้ามชาติ จึงเป็นที่มาของการตามล่าตามล้างแค้นกันอย่างถึงที่สุด โดยมี ขวัญตา (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) หญิงสาวผู้ไม่รู้เรื่องราวด้วย เข้ามาอยู่กลางระหว่างความรักครั้งเก่าของมหาชาติ และความแค้นครั้งใหม่ที่เขามีต่อศัตรู กว่าที่เธอจะสามารถฝ่าความเย็นชาในหัวใจชายหนุ่มเข้าไปได้ ทั้งคู่ก็ต้องผ่านการต่อสู้ และการสูญเสียคนรอบกายไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่ทั้งสองเพิ่งรู้ในชาตินี้คือ ทุกชีวิตที่ผ่านมาพบเจอกัน ล้วนแล้วแต่มีพันธะผูกพันกันมาตั้งตั้งแต่ชาติปางก่อนภพแล้วภพเล่า หากไม่หยุดความอาฆาตไว้ในชาตินี้ ภาระก็จะวนเวียนไปไม่รู้จักจบสิ้น วิญญู (ธนา สุทธิกมล) เพื่อนรักเพื่อนตายของมหาชาติ มีญาณหยั่งรู้ถึงอดีตชาติบางอย่างของเพื่อน แต่สิ่งที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ก็คือ ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความแค้นทั้งหมดที่สั่งสมมาตั้งแต่ชาติที่แล้วของมหาชาติ ใครคือผู้ที่ชักใยเมฆินมาตั้งแต่อดีตกาล วิญญูพยายามเตือนเพื่อนให้รู้ถึงผลร้ายของความ อาฆาตแค้น แต่มันก็ยังไม่สามารถดับไฟในใจของมหาชาติ ที่เห็นภาพคนรักตายในอ้อมกอดต่อหน้าต่อตาได้ มหาชาติ ได้มาพบกับ ขวัญตา เธอผู้ซึ่งเป็นเลขาของวิญญู และได้มาพัวพันกับ เอมมี่ (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของ เมฆิน ทั้งสองหนุ่มสองสาวล้วนเคยมีเรื่องราวกันมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้เกิดผูกพันกันเอมมี่มีใจกับวิญญู ขณะที่มหาชาติเห็นความงามบางอย่างของขวัญใจ แต่ความรู้สึกผิดที่เขามีต่อคนรักเก่าทำให้เขาต้องปิดบังหัวใจตัวเองเอาไว้ด้วยความเย็นชา และก้าวร้าวต่อเธอ ระหว่างทางการตามล่าตัว เมฆิน ของ มหาชาติ อย่างดุเดือด มหาชัย (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) พี่ชายของเขา ผู้การของกองกำกับการตำรวจแห่งชาติต้องเสียชีวิตลง และรวมไปถึงชีวิตของนายตำรวจอีกหลายนาย ที่อยู่ร่วมหน่วยปราบปรามเดียวกันต้องจบลง ซึ่งเป็นเพราะภายในหน่วยมีไส้ศึกตำรวจเลวอย่าง โสภณ (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) คนสนิทข้างกายของมหาชัยเอง ยังดีที่มี หมวดเฮี๊ยว (จรัล น้อยลำ) ตำรวจน้ำดีคอยช่วยมหาชาติอยู่ เมฆิน ซ่องสุมกำลัง โดยปั่นให้สามแก๊งอาชญากรรมเข้าห้ำหั่นกับมหาชาติ โดยการบงการของตน อันมีแก๊งของ เสี่ยทรงกิจ (กรกเศก โคร์นิน) เพลย์บอยหนุ่มหล่อเจ้าเล่ห์ แก๊งของ เกลียว (ขจรศักดิ์ รัตนนิสัย) มาเฟียรุ่นใหญ่ลายคราม รวมไปถึงแก็งของ สวิน (พิง ลำพระเพลิง) ไอ้แก่ แบเบาะที่อยากวางมือจากวงจรอุบาทว์ซะที มหาชาติกับหมวดเฮี๊ยวเข้าไปล้วงความลับในเรือสำราญจนเกือบจะสำเร็จ แต่ถูกจับได้ และมีการต่อสู้กันในเรือ ก่อนที่มหาชาติจะพาขวัญกระโดดหนีลงน้ำไป หมวดเฮี๊ยวได้รับบาดเจ็บ และกลับมารักษาตัวที่บ้านสวนของ เจิม (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) โดยมีเจิมที่ก่อนหน้านี้มักไม่ถูกชะตากับหมวดเฮี๊ยวนักดูแลตามคำขอร้องจากมหาชาติ ซึ่งเป็นญาติกัน ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มหาชาติกับขวัญสนิทสนมกันมากขึ้น และขณะที่ทุกคนหนีการไล่ล่าของพวกแก๊งมาเฟีย เจิมได้ไปอยู่บ้านหมวดเฮี๊ยว หมวดเฮี๊ยวต้องยอมให้เจิมแบ่งโซนอยู่ เพราะเจิมหวงเนื้อหวงตัว และเจิม ซึ่งเป็นผู้หญิงเจ้าระเบียบ ได้ตั้งกฎในบ้านสารพัด ทำให้หนุ่มโสดอย่างหมวดเฮี๊ยวที่เคยมีเสรีภาพจนเลยเถิดไปจนถึงไร้ระเบียบต้องหงอไปเลย แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขึ้น และทำให้ทั้งสองคนรักกันอย่างไม่รู้ตัว มหาชาติ ใช้ไอ้แก่แบเบาะเป็นสาย จนสามารถเข้าทะลายแก๊งต่าง ๆ ได้ โดยใช้ เจ๊สอง (วาเนสซ่า บีเวอร์) เมียของไอ้แก่เป็นข้อต่อรอง มหาชาติเกือบเข้าถึงตัวเมฆินได้อยู่แล้ว แต่สุดท้าย เมียของไอ้แก่ แบเบาะก็ตายลงก่อนที่มหาชาติ จะช่วยได้ตามสัญญา ทำให้เขารู้สึกผิด เห็นภาพของไอ้แก่ ที่เสียเมียไป ไม่ต่างจากตัวเองในอดีต เขาตักเตือนไอ้แก่ เหมือนประหนึ่งว่าเขากำลังเตือนตัวเองอยู่ เมฆินโดนมหาชาติรุกไล่หนัก จนสุดท้าย เมฆินเองต้องไปร่วมมือกับกองกำลังต่างชาติ เพื่อที่จะระเบิดเขื่อนหวังทรัพยากรจากทางต้นน้ำปลายน้ำ เพื่อหาทุนรอน มาจัดการกับมหาชาติแต่สุดท้าย ด้วยผลกรรม เขาเองก็ต้องจบชีวิตลงไม่ต่างอะไรจาก สภาพที่เขาเคยยิงทิ้งคนรักของมหาชาติ แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะสิ้นสุดลง วิญญู มหาชาติ ขวัญใจ เอมมี่ ก็ได้รู้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังของเมฆิน ในอดีตชาติก็คือวิญญูนั่นเอง วิญญูในชาตินี้แม้ว่าจะเป็นคนดี แต่สิ่งที่เขาเคยทำมาแต่ปางก่อนก็ไม่อาจถูกลบล้างได้ วิญญูเลือกที่จะหยุดกงกรรมกงเกวียนทุกอย่างเอาไว้ในชาตินี้ สุดท้ายผลกรรมที่ทำมา จะนำพาให้แต่ละชีวิตที่ผูกพันกันต้องจบลงอย่างไร ติดตามชมได้ใน ละครขุนกระทิง ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี ละครขุนกระทิง เริ่มตอนนแรกวันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2559