แม่ครัวคนใหม่ 2550

แม่ครัวคนใหม่ (2550/2007) ทันที ที่เรียนจบจากอเมริกา ล้อมดาว สถาปนิกสาวสวยหัวนอกก็ถูก ยายปทุม พ่อรัตน์และแม่ประภา เศรษฐีใหญ่เรียก ตัวกลับ เพื่อบังคับให้แต่งงานกับ หมอปะรำ มณเฑียรรักษ์ ลูกชายของ คุณนายพิศสมร เศรษฐีนีกรุงเทพซึ่งแต่ก่อนคุณนายเป็นเด็กกำพร้าที่ปทุมส่งเสียให้เรียนจนจบ ได้แต่งงานกับคุณสง่า มณเฑียรรักษ์ จนได้ดิบได้ดีเป็นคุณนาย ล้อมดาวหัวเสียมากที่ถูกบังคับจึงให้ ทรงสวัสดิ์ เพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนบ้านของหมอปะรำสืบเรื่องหมอปะรำจนได้รู้ว่าคุณนาย พิศสมรถูกโกงแชร์จนหมดตัว อีกทั้งหมอปะรำก็มีคู่รักอยู่แล้ว ชื่อ ณัฐริกา ดาราหน้าใหม่อดีตนางพยาบาล ล้อมดาวจึงมีอคติต่อครอบครัวหมอปะรำว่าจะหลอกแต่งงานเพื่อหวังเงินทอง ล้อมดาวยืนกรานกับครอบครัวว่าตนเองมีแฟนชื่อ ปิแอร์ ดังนั้นจึงจะไม่แต่งงานกับหมอปะรำทำให้ผู้ใหญ่ทั้ง 3 ไม่พอใจจึงยื่นคำขาดว่าถ้าไม่แต่งงานก็ตัดขาดกัน ล้อมดาวไม่สบายใจจึงปรึกษากับพี่ชายทั้ง 2 คน คือ นพคุณ และ โอบบุญ ซึ่งทั้ง 2 ต่างเห็นด้วยกับการแต่งงาน โดยเฉพาะโอบบุญที่เป็นเพื่อนกับหมอปะรำและยังแอบชอบ อวยพร ลูกพี่ลูกน้องกับหมอปะรำ เมื่อไม่มีใครเข้าข้าง ล้อมดาวจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อไปพิสูจน์ว่า หมอปะรำที่แท้แล้วเป็นคนดีพอที่จะฝากชีวิตไว้หรือไม่ ที่กรุงเทพล้อมดาวปลอมตัวเป็นสาวหัวฟู ฟันเหยิน มีไฝดำเม็ดเบ้อเริ่มติดที่มุมปาก เข้าไปเป็นแม่ครัวคนใหม่ที่ชื่อ ไฝดำ ในบ้านหมอปะรำเพื่อลักลอบสังเกตหมอปะรำ แต่ตอนกลางวันเมื่อมีเวลาล้อมดาวก็มักจะออกไปรับงานสถาปนิก และบังเอิญพบกับหมอปะรำอยู่บ่อยครั้งวันหนึ่ง ณัฐริกา มาเที่ยวบ้านหมอปะรำพร้อมกับบอกให้หมอปะรำแต่งงานกับคู่หมั้น หลังจากนั้นให้รีบหย่าเพื่อแบ่งสินสมรสนอกจากนี้ ณัฐริกายังแอบจูบหมอปะรำตอนเผลอ ล้อมดาวซึ่งยืนฟังอย่างแค้นเคืองเลยโวยวายทะเลาะกับณัฐริกา คุณนายพิศสมรซึ่งแอบเห็นเหตุการณ์ออกมาเข้าข้างไฝดำอีก ไฝดำรู้สึกดีต่อคุณนายพิศสมร ประกอบกับทรงสวัสดิ์บอกกับล้อมดาวว่าควรทำดีเพื่อไถ่โทษที่ไปหลอกคุณนายล้อม ดาวจึงทำตามจนได้กลายเป็นคนสนิทของคุณนายพิศสมร หมอปะรำเริ่มสังเกตพฤติกรรมแปลกๆ ของไฝดำอย่างเงียบๆ เพราะเริ่มสงสัยในตัวของไฝดำ ในระหว่างที่คุณนายพิศสมรไม่อยู่บ้าน ณัฐริกามักเข้ามาทำกร่างในบ้านจนมีเรื่องทะเลาะกับไฝดำ หมอปะรำเห็นเข้าจึงต่อว่าไฝดำด้วยถ้อยคำที่รุนแรงมาก ทำให้ล้อมดาวรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูกคุณนายพิศสมรกลุ้มหนัก เรื่องการหายตัวไปของล้อมดาว หมอปะรำจึงพาแม่ไปพักผ่อนที่หัวหิน ในระหว่างที่เล่นน้ำกันอยู่ แต๋วสาวใช้ในบ้านของหมอปะรำเกิดจมน้ำ ไฝดำจึงรีบไปช่วย หมอปะรำผ่านมาเห็นเหตุการณ์และได้เห็นรอยสักที่ต้นคอของไฝดำ หมอปะรำเริ่มสงสัยในตัวของไฝดำและล้อมดาวว่าอาจเป็นคนเดียวกัน จึงร่วมมือกับโอบบุญออกอุบายเพื่อที่จะหาตัว ล้อมดาว พอดีล้อมดาวแอบกลับบ้านและได้จัดงานปาร์ตี้แฟนซีกับเพื่อนๆ ในงานโอบบุญแอบชวนหมอปะรำด้วย โดยหมอปะรำแต่งตัวเป็นท่านเคาท์แด็กคิวล่า และได้เต้นรำกับล้อมดาว บังเอิญไฟดับล้อมดาวสะดุดเอื้อมมือไปดึงหน้ากากจึงได้รู้ว่าเป็นหมอปะรำ หมอปะรำดึงตัวล้อมดาวออกมาคุยตามลำพังจนเกิดปะทะคารมกัน เรื่องที่ให้ ล้อมดาวยอมรับความจริงว่าคือไฝดำ ล้อมดาวปฏิเสธ หมอปะรำจึงแกล้งจะปล้ำล้อมดาวเบี่ยงตัวหลบ หมอปะรำจึงเห็นรอยสักที่ต้นคอ แต้อมดาวปฏิเสธจึงถูกหมอปะรำจูบ เมื่อกับไปกรุงเทพ หมอปะรำและล้อมดาวทะเลาะกันอีก หมอโกรธจะจูบล้อมดาวแต่บังเอิญคุณนายมาเห็นเข้า ล้อมดาวได้ทีจึงขอลาออก คุณนายพิศสมรเสียใจมากจนล้มป่วยเฝ้าตำหนิลูกชาย แต่หมอปะรำก็ไม่กล้าบอกความจริงว่าคืออะไร หมอปะรำไปตามล้อมดาวที่บ้านทรงสวัสดิ์ ณัฐริการู้เรื่องที่ไฝดำกับล้อมดาวเป็นคนๆเดียวกัน ณัฐริกาจึงบอกกับคุณนายพิศสมรและพาไปเห็นกับตา พอไปถึงคุณนายพิศสมรได้ยินล้อมดาวต่อว่าตนเองว่าหวังเงิน คุณนายได้ยินก็ผิดหวังและเสียใจมากบอกล้อมดาวว่าตนไม่เคยคิดอย่างนั้น ทำให้ล้อมดาวรู้สึกผิดต่อคุณนายพิศสมรเป็นอย่างมาก จังหวะเดียวกันปิแอร์ตามหาล้อมดาว แล้วได้ขอแต่งงาน นาทีนั้นล้อมดาวรู้ตัวว่าไม่ได้รักปิแอร์ คุณนายเมื่อรู้ข่าวจึงล้มเลิกการแต่งงานของหมอปะรำและล้อมดาว ณัฐริกาจึงถือโอกาสนี้ให้ข่าวว่าจะแต่งงานกับหมอปะรำ ล้อมดาวรู้ข่าวก็เสียใจแล้วประชดด้วยการจะแต่งงานกับปิแอร์ แต่บังเอิญล้อมดาวเห็นปิแอร์กำลังกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มหล่อจึงเสียใจแล้ววิ่ง เตลิดไป หมอปะรำจึงพาล้อมดาวไปอยู่บ้านสวนและแกล้งล้อมดาวต่าง ๆ นานา ล้อมดาวไม่ยอมแพ้จนเกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง หมอปะรำโกรธที่ล้อมดาวคิดแต่ว่าครอบครัวตนหวังแต่เงิน แต่ในที่สุดความรักที่ซ่อนอยู่ในใจของทั้งคู่ ก็ทำให้ทั้งคู่เข้าใจและเป็นของกันและกันในที่สุด เรื่องราวเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อคุณนายพิศสมรยังไม่หายโกรธล้อมดาว แม้ล้อมดาวจะขอโทษและ ยอมเป็นแม่ครัวให้ตลอดชีวิตโดยไม่คิดเงิน แต่คุณนายพิศสมรก็ไม่สนใจไยดีล้อมดาวแม้แต่หางตา ล้อมดาวจะแก้ปัญหาอย่างไรถึงจะทำให้คุณนายพิศสมรยอมรับล้อมดาวเป็นสะใภ้ และสามารถแต่งงานกับหมอปะรำได้

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดซ่าส์ (2550/2007) สร้อยอินทนิล กลายเป็นเศรษฐีใหม่จากกิจการสมุนไพรของเธอ แต่เรื่องที่ทำให้คุณสร้อยเจ็บช้ำที่สุดคือ ธีรนิตย์ ลูกชายคนโตกลับไปรักสาวบ้านนอกจนๆ อย่าง ธารใส ที่ทำงานเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับเกษตร ในบริษัทผลิตรายการ ทีวี ไลท์เทนนิ่ง ของธีรนิตย์ จากการแนะนำของ ธีรธรรม น้องของธีรนิตย์ ชายเดี่ยว สไตลิสท์ประจำตัวของคุณสร้อยและ วิมาลา เพื่อนไฮโซร่วมแก๊งค์มักยุแยงว่าธารใสเป็นแค่สาวบ้านนอก และพยายามจับธีรนิตย์เพื่อหวังรวยทางลัด โดยไม่ได้รู้ความจริงว่าครอบครัวของธารใสนั้นเป็นผู้ดีเก่า แต่เบื่อสังคมเมืองเลยย้ายครอบครัวไปอยู่บ้านไร่ที่จ.นครนายก ทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา ธีรนิตย์พาธารใสไปพบคุณสร้อยแต่คุณสร้อยไม่รับเป็นสะใภ้ แถมยังพูดจาถากถางเสียดสีต่างๆ นานาจนธีรนิตย์โกรธ และประกาศว่าจะแต่งงานกับธารใสให้ได้ คุณสร้อยแทบเป็นลมและประกาศว่าจะไม่ไปร่วมงาน ธีรนิตย์แก้เผ็ดว่าถ้าแม่ไม่มาร่วมงานตนจะแต่งงานกับกะเทยช่างแต่งหน้าชื่อ ม้าไม้ คุณสร้อยจึงยอมมางานในทันที คุณสร้อยขอให้ธีรนิตย์เมื่อแต่งงานแล้วจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ธารใสตกลงโดยหารู้ไม่ว่าคุณสร้อยกำลังวางแผนให้ทั้งคู่บ้านแตก คุณสร้อยพา กุลธิดา ญาติของวิมาดากับชายเดี่ยวที่คุณสร้อยปลื้มนักหนาหวังจะให้เป็นสะใภ้แทนธารใส โดยให้เข้ามาอยู่ร่วมบ้านใกล้ชิดกับธีรนิตย์และยังยัดเยียดให้เข้าทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของธีรนิตย์อีกด้วย คุณสร้อยไม่รู้ว่ากำลังถูกเพื่อนย้อมแมวเพราะกุลธิดาเป็นหลานสาวใจแตกของวิมาลา และถ้าเข้ามาจับธีรนิตย์ได้สมบัติของธีรนิตย์จะต้องแบ่งให้ทั้งวิมาลาและชายเดี่ยว ธารใสแอบรู้ความจริงทั้งหมดเลยวางแผนให้ธีรนิตย์ทำปลื้มไปกับกุลธิดาจนทะเลาะกับธารใส ถึงขั้นถอดออกจากพิธีกรรายการและให้กุลธิดาเข้ามาเสียบแทน กุลธิดาเองก็ต้องระหกระเหินมาทำรายการในฐานะพิธีกร ด้วยความที่สมองไม่แล่นจำบทพูดไม่ได้ สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ทีมงานเป็นอย่างยิ่ง กุลธิดาทนไม่ไหวระเบิดใส่ชายเดี่ยวและวิมาลา ไม่อยากทำตามแผนอีกแล้วเพราะไม่เห็นว่าแผนจะสำเร็จ พร้อมพูดแผนการที่หลอกคุณนายสร้อยทั้งหมดออกมา โดยไม่รู้ว่าธีรธรรมและ ส้ม อัดเสียงพูดของเธอไว้หมอแล้ว ช่วงเวลาสามอาทิตย์ที่อยู่บ้านไร่มีครั้งหนึ่งที่ทั้งสามหลงป่า แต่แล้วธารใสและครอบครัวบุกป่าฝ่าดวงเข้ามาช่วงได้สำเร็จ คุณสร้อยชักจะเริ่มใจอ่อนกับธารใสแต่เมื่อถูกเสี้ยมโดยชายเดี่ยวและวิมาลาก็เกิดอคติขึ้นอีก จนวันสุดท้ายคุณสร้อยเกิดความผูกพันกับชาวบ้านจึงจัดงานเลี้ยงให้กับชาวบ้านในละแวก แต่คุณสร้อยล้มสลบไปเพราะความเมาและเต้นระบำส่ายเกินเหตุรวมทั้งอาหารเป็นพิษ ธารใสดูแลรักษาคุณสร้อยจนอาการหายดีเป็นปลิดทิ้ง คุณสร้อยกลับบ้านพร้อมกับความรู้สึกที่ดีขึ้นกับธารใสที่ปรนนิบัติเธออย่างเต็มที่และเข้าใจ ชายเดี่ยวและวิมาลารีบให้กุลธิดาจัดการธีรนิตย์ขั้นเด็ดขาด โดยมอมเหล้าธีรนิตย์และให้คุณสร้อยกับธารใสเข้ามาเห็น แต่เหตุการณ์ทั้งหมดธารใสและธีรธรรมแอบรู้เรื่องทั้งหมดเลยทำการซ้อนแผนอีกที โดยเล่นไปตามบทที่ชายเดี่ยวและวิมาลาอยากให้เป็น เธอทะเลาะมีปากเสียงกับธีรนิตย์ แต่ธีรนิตย์ไม่รู้ว่าเป็นการซ้อนแผนเพราะธารใสต้องการลองใจเขา สุดท้ายธีรนิตย์เสียใจยอมรับผิดประกอบกับทะเลาะขั้นแตกหักกับธารใสจึงประกาศว่าจะเลิกกับธารใส และแต่งงานกับกุลธิดาเพื่อให้ปัญหาทุกอย่างจบลงและเป็นไปตามความต้องการของคุณสร้อย คุณสร้อยพูดไม่ออกพยายามจะคัดค้านแต่ก็ทำไม่ได้ กุลธิดาเริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่กับแม่ผัว คุณสร้อยช็อคที่เห็นความร้ายกาจของกุลธิดา จนเกิดอการปวดหลังเรื้อรังคราวนี้พ่วงอาการไมเกรนเข้าไปด้วย กุลธิดาบังคับให้จัดงานแต่งงานอีกครั้งให้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรก เพราะเธอกำลังท้องได้สองเดือนแล้ว ในงานแต่งคุณสร้อยยิ่งทรุดหนักเพราะวิมาลาและชายเดี่ยวข่มขู่บังคับเรื่องเงินสินสอดนับล้าน ถ้าไม่จ่ายจะประจานเรื่องกุลธิดาท้องให้ทั่วงาน แต่ธีรธรรมและน้องส้มเอาเสียงที่บันทึกไว้มาประจาน ให้เห็นว่าวิมาลาและชายเดี่ยวเป็น 18 มงกุฎร่วมมือกับกุลธิดา จนธีรนิตย์ประกาศงานแต่งเป็นโมฆะทั้งสามถูกตำรวจจับตัวไป คุณสร้อยรู้เหตุการณ์ทั้งหมดจึงไปขอโทษธารใสถึงบ้านนอก ส่วนธีรนิตย์เองก็รู้ความจริงว่าธารใสแกล้งลองใจเขาเล่นเรื่องกุลธิดาจึงคิดแก้ตัวครั้งสุดท้าย คุณสร้อยตามไปบ้านธารใสอีกครั้งจึงเอะใจเพราะบ้านเศรษฐีเจ้าของที่ดินคือบ้านธารใสนั่นเอง คุณพ่อสาธิตและแม่ดาเรศแสดงตัวเป็นตัวจริงต้อนรับคุณสร้อยอย่างดี คุณสร้อยทั้งโกรธทั้งตกใจที่ถูกหลอกจนเปื่อย แต่เมื่อธารใสขอโทษและบอกเหตุผลว่าเธอทำเพราะต้องการให้คุณสร้อยรักเธอที่ตัวเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่เปลือกนอกคุณสร้อยเข้าใจ ธีรนิตย์ป่วยหนักเส้นเลือดในสมองตีบ ธารใสช็อคและรีบมาดูอาการทันที พบว่าเขามีอาการสมองเสื่อมเพราะเส้นเลือดในสมองตีบ เนื่องจากความเครียดที่ธารใสทิ้งเขาไป ธีรนิตย์จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ธารใส ธารใสเสียใจสารภาพว่าเป็นความผิดของเธอเอง ธารใสก็ดูแลปรนนิบัติใกล้ชิดจนอาการของธีรนิตย์ดีขึ้น เขาจึงถ่ายธารใสว่ารักเขาแค่ไหนจะดูแลคนป่วยอย่างเขาตลอดไปไหม ธารใสร้องไห้เธอไม่มีวันทิ้งเขาไปตลอดชีวิตนี้ ธีรนิตย์หายป่วยเป็นปลิดทิ้งธารใสช็อค ธีรนิตย์แสดงตัวว่าเป็นเรื่องลองใจธารใส ธารใสยอมรับว่าเป็นการลองใจที่มีค่าที่สุดสำหรับเธอและธีรนิตย์เพราะพิสูจน์แล้วว่าทั้งคู่รักกันจริง คุณสร้อยประกาศให้ลูกชายธีรนิตย์แต่งงานกับธารใสอีกครั้ง รวมทั้งธีรธรรมและน้องส้มอีกคู่ ท่ามกลางความสุขของทุกคน

แหวนดอกไม้ (2550/2007) พัดยศ ประมุขของบ้านใหญ่กลางกรุง ซึ่งกำหนดให้บรรดาลูกๆ ทั้ง 5 คนต้องสร้างครอบครัวอยู่ใกล้ๆ ในบริเวณเนื้อที่ผืนเดียวกัน เครือเถา ลูกสาวคนโตนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมสามี ทิ้งลูกสาวชื่อ ตุ้งติ้ง ซึ่งกำลังวัยรุ่นเต็มตัวไว้ในความดูแลของคุณตาและน้าๆ ลูกชายคนรอง ข้าวบิณฑ์ จึงเลื่อนอันดับเป็นพี่ใหญ่ของบ้านโดยปริยายและมีภรรยาชื่อ สายฟ้า ผู้เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแม่ศรีเรือน

อุบัติเหตุหัวใจ (2550/2007) เสี่ยใหญ่ เจ้าของ “อัครา คาเฟ่” กำลังขับรถกลับบ้าน โดยมี ชัยวัฒน์ ที่เป็นเพื่อนและผู้จัดการคาเฟ่ขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางชัยวัฒน์ถือโอกาสคุยเรื่องที่เขาต้องการถือหุ้นอัคราคาเฟ่เพิ่ม แต่เสี่ยใหญ่ลงไปบนถนนจนโดนรถแท็กซี่ของ พิภพ ชนเอา โดยมี น้ารงค์ หัวหน้าคณะตลกที่คาเฟ่ขับรถตามาพอดีและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พิภพถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมเสี่ยใหญ่อาการสาหัสทั้งคู่ ภาคภูมิ ลูกชายคนโตของพิภพรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดได้เจอกับ อรชุมา ลูกสาวของเสี่ยใหญ่นั่งร้องไห้อยู่ เขาปลอบเธอในฐานะหัวอกเดียวกันสองคนแอบประทับใจกัน ต่อมาเสี่ยใหญ่เสียชีวิตแต่พิภพพ้นขีดอันตราย เมื่ออรชุมารู้ว่าคนที่ชนพ่อเธอตายคือพ่อของชายที่ปลอบใจเธอ อรชุมาก็ประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของพิภพต้องการหาเงินรักษาพ่อ เลยขอ เอกชัย เจ้าของคอกม้าคัดตัวเป็นจ๊อกกี้ โดยมี ขิง ลูกสาวของเอกชัยที่ปลื้มเขามากคอยสนับสนุน พิพัฒน์โชว์ลีลาขี่ม้าเก่งจนเข้าตาชัยวัฒน์ ที่แวะมาหาเอกชัยเลยช่วยเชียร์อีกแรง พิพัฒน์ได้เป็นจ๊อกกี้สมใจชัยวัฒน์หวังทำเงินจากการแทงม้าของพิพัฒน์ ทำเป็นเห็นใจเรื่องพ่อบอกให้ตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี ถ้าขี่ม้าชนะจะทำเงินมหาศาล พิพัฒน์รู้สึกดีที่ชัยวัฒน์สนับสนุน ภาคภูมิไปที่อัคราคาเฟ่เพื่อเริ่มงานวันแรกที่เขาได้เป็นกัปตัน โดยไม่รู้ว่าอัคราคาเฟ่เป็นของเสี่ยใหญ่ที่พ่อเขาเพิ่งขับรถชนตาย และคนที่มาบริหารแทนคืออรชุมาลูกสาวของเสี่ยใหญ่ เมื่อสองคนเจอกันอรชุมายอมให้ภาคภูมิทำงานที่นี่เพื่อจะได้มีเงินไปรักษาพ่อ เธอหวังว่าพิภพจะฟื้นขึ้นมาใช้กรรมในคุก ภาคภูมิดูแลความเรียบร้อยและแก้ปัญหาในคาเฟ่ได้อย่างดี จนกลายเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักร้องคาเฟ่ จันทร์เพ็ย และ เอมี่ ที่ตบตีกันเพื่อแย่งชิงภาคภูมิ รวมทั้ง ดาวรุ่ง ที่รักอยู่กับ วีระชัย ลูกชายของชัยวัฒน์ที่แอบเลี้ยงดูเธออยู่ลับๆ ก็หันมาร่วมแย่งภาคภูมิด้วยอีกคน ภาคภูมิเริ่มสงสัยว่าเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฝีมือของชัยวัฒน์จึงเตือนอรชุมา แต่อรชุมาไว้ใจชัยวัฒน์มาก ภาคภูมิเลยถูกชัยวัฒน์ส่งคนมาทำร้ายบาดเจ็บชงเหล้าไม่ได้ ภาคภูมิเลยสอนอรชุมาชงเหล้าเผื่อเขาไม่สบายทำงานไม่ได้ คืนนั้นทั้งคู่เริ่มเมาและพูดความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ อรชุมาขอบคุณภาคภูมิแล้วหลับไป ภาคภูมิอุ้มอรชุมาไปที่ห้องพักสำรองแล้วมานั่งเฝ้าที่โซฟาจนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นพนักงานต่างซุบซิบนินทาว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันทั้งคืน อรชุมาถูกชัยวัฒน์และวีระชัยลากไปเตือนว่าอาจเป็นแผนของภาคภูมิ ที่ทำให้อรชุมาใจอ่อนไม่ฟ้องศาล อรชุมาเข้าไปต่อว่าภาคภูมิอย่าหวังว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้ใจ่อน วีระชัยดูออกว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เลยสั่งให้ดาวรุ่งไปเกาะแกะกับภาคภูมิเพื่อแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน เมื่อดาวรุ่งท้องวีระชัยก็ใส่ร้ายภาคภูมิว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง แล้วจับดาวรุ่งไปทำแท้ง ดาวรุ่งเสียใจมากที่เสียลูกไปจึงตามไปจะฆ่าวีระชัย แต่แอบรู้ความลับของวีระชัญเสียก่อนจึงหลบหนีออกมาบอกอรชุมา แต่วีระชัยและชัยวัฒน์รู้ตัวจึงตามมาจับ แล้วขับรถชนจนดาวรุ่งเสียชีวิต ทางด้านอรชุมาก็เริ่มระแวงความซื่อสัตย์ของชัยวัฒน์ เมื่อเจอหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นคาเฟ่จึงสืบหาต่อ จนรู้ว่าชัยวัฒน์เป็นคนทำให้พ่อของเธอต้องตาย อรชุมาพยายามจะเข้ามายกเลิกการพิจารณาคดีเพราะต้องการถอนฟ้อง แต่ถูกชัยวัฒน์ส่งคนไปจับตัวไว้แล้วบังคับให้เซ็นยกทุกอย่างให้เขา เมื่อภาคภูมิรู้เข้าก็รีบตามไปช่วยจนถูกยิงปางตาย อรชุมาเสียใจมากจึงเรียกตำรวจไปจับชัยวัฒน์ถึงบ้านพร้อมหลักฐานต่างๆ ชัยวัฒน์พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการยิงสู้กับตำรวจจนตายคาที่ ทิ้งให้วีระชัยกลายเป็นผู้รับกรรมทั้งหมด ภาคภูมิสลบไปหลายวันก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับที่พิภพถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระ เมื่อศาลพิสูจน์แล้วว่าชัยวัฒน์เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ครอบครัวของภาคภูมิจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง โดยคราวนี้เขามีอรชุมาอยู่เคียงข้างด้วยตลอดไป

กิ่งกาหลง 2550

กิ่งกาหลง (2550/2007) กาหลง สาวบ้านนอกไร้ญาติขาดมิตร เธอได้รับความช่วยเหลือจาก ป้าวัน ด้วยการพาเข้ามาทำงานอยู่ในบ้านเกษมสุข โดยมี สุจิรา และ กวี ผู้เป็นสามีเป็นเจ้านาย การมาของกาหลงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสุจิราและกวีซึ่งกำลังสั่นคลอนอยู่ ยิ่งมีปัญหามากขึ้น เมื่อกวีเห็นกาหลง เขาก็รู้สึกประทับใจในตัวเธอทันที มิใช่เพียงแต่กวีคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ ณรงค์ พ่อเลี้ยงเมืองเชียงใหม่เพื่อนของกวีที่แวะมาหา เมื่อเห็นกาหลง ก็เกิดอาการตกหลุมรักทันที สุจิราไม่พอใจและหาเรื่องทะเลาะกับกวี เมื่อเห็นเขาทำตัวสนิทสนมกับกาหลงเกินความเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง สุจิราเริ่มหาเรื่องแกล้งกาหลงต่างๆ นานา กวีและกาหลงแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ แต่ไม่พ้นสายตา น้อย สาวใช้ขี้ประจบ ที่เห็นกวีแอบไปหากาหลง น้อยคาบข่าวไปบอกสุจิรา ทำให้สุจิราคลั่งจนเข้าทำร้ายกาหลง กวีพากาหลงไปโรงพยาบาล ทำให้รู้ว่ากาหลงตั้งท้อง เมื่อรู้ข่าวสุจิรายิ่งโกรธแค้นกาหลงเป็นทวีคูณ แต่ทำอะไรกาหลงไม่ได้ เพราะเธอกลัวจะสูญเสียกวีไป สุจิราจำต้องยอมรับสภาพ แต่ในใจนั้น สุจิรากำลังคิดหาทางกำจัดกาหลงออกไปให้พ้นทาง ป้าวันเตือนกาหลงเรื่องสุจิรา ว่าเธอเคยฆ่าลูกประชดสามีมาแล้ว การที่เธอจะทำอะไรร้ายๆ กับกาหลงจึงเป็นเรื่องง่าย และสุจิราก็ทำอย่างนั้นจริงๆ เธอพยายามจะทำให้กาหลงแท้ง แต่โชคดีที่กวีกลับมาทันเวลา จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้กวีตัดสินใจให้ เสี่ยจิว ผู้รับเหมาเข้ามาสร้างบ้านอีกหลัง เพื่อที่เขาและกาหลงจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อ-แม่-ลูก เมื่อเสี่ยจิวเห็นกาหลง เขาก็รู้สึกชอบเธอขึ้นมาทันที สุจิรายิ่งแค้นหนักจึงวางแผนสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุกับกาหลง โดยมีคนงานของเสี่ยจิวเป็นคนช่วย เสี่ยจิวแอบได้ยินแผนเข้าจึงซ้อนแผนอีกที จนกาหลงมองว่าเสี่ยจิวเป็นคนดี กวีรู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นแผนของสุจิรา ทำให้เขาและสุจิราทะเลาะกันรุนแรงขึ้น สุจิราจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ เวลาผ่านไป กาหลงท้องแก่ใกล้คลอด สุจิราตั้งใจจะทำให้กาหลงรู้ซึ้งถึงความสูญเสีย ที่เมื่อครั้งก่อนเธอเคยได้รับ สุจิราตั้งใจผลักกาหลงตกบันได ในขณะที่กวีและณรงค์เข้ามาเห็นพอดี กวีและสุจิราทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนกวีเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ โดยสุจิราไม่สนใจที่จะช่วยชีวิตของกวี เธอปล่อยให้กวีหัวใจวายตายไปต่อหน้าต่อตา ด้านณรงค์ที่พากาหลงออกมา เห็นเธอมีอาการใกล้คลอดจึงพาไปโรงพยาบาล และกาหลงก็ได้ลูกผู้ชาย โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า รัฐศาสตร์ จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพ่อแม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม หลังออกจากโรงพยาบาล กาหลงและลูกกลับมายังบ้านเกษมสุข เธอได้รับข่าวร้ายจากป้าวันว่ากวีตายแล้ว ด้านณรงค์พยายามเกลี้ยกล่อมให้กาหลงไปอยู่ด้วย แต่กาหลงปฏิเสธ เพราะเธอรักกวีเพียงคนเดียวเท่านั้น สุจิราตั้งใจจะฆ่าลูกของกาหลง แต่ด้วยสัญชาติญาณความเป็นแม่ ประกอบกับเคยสูญเสียลูกทำให้สุจิรารู้สึกรักรัฐศาสตร์ขึ้นมาอย่างประหลาด จึงคิดจะยึดเอามาเป็นลูกตัวเอง สุจิราจ้างลูกน้องเสี่ยจิวให้แอบเข้ามานอนกับกาหลง เพื่อที่จะได้ใส่ความว่ากาหลงพาผู้ชายเข้ามานอนในบ้าน และไล่เธอออกจากบ้านเสีย แผนการณ์นี้รู้ถึงหูเสี่ยจิวเช่นเคย เขาจึงใช้จังหวะนี้เอาตัวกาหลงไปไว้ที่บ้าน สุจิรากลัวว่ากาหลงจะมาแย่งลูกคืน เธอจึงประกาศขายบริษัทและบ้าน แล้วหอบลูกหนีไปอยู่เมืองนอก ด้านกาหลงพลาดท่าเสียทีเสี่ยจิว เวลานี้เธอได้รู้ธาตุแท้ของเสี่ยจิวแล้ว แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ เพราะเสี่ยจิวเอาเรื่องลูกขึ้นมาขู่ ชีวิตกาหลงต้องพลิกผันอีกครั้ง เมื่อเสี่ยจิวติดการพนันจนเป็นหนี้ ณรงค์รู้ข่าวจึงยื่นมือช่วยเหลือ หากแต่เสี่ยจิวต้องยกกาหลงให้กับเขา ชีวิตของกาหลงน่าจะมีความสุขดี เมื่อณรงค์พากาหลงไปอยู่เชียงใหม่ หากแต่วิบากกรรมของกาหลงยังคงไม่หมด เพราะเธอถูก ดวงใจ แม่ยายของณรงค์คอยขัดขวาง ด้วยการไปยุเมียน้อยของเขาคือ ยุพิน กับ กำไร ให้มาราวีกาหลง กาหลงถูก 2 เมียน้อยรังแกอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งกาหลงตั้งท้อง ดวงใจวางแผนจะกำจัดกาหลงด้วยการวางยาพิษ โดยใช้ยุพินและกำไรเป็นเครื่องมือ แต่เรื่องกลับตาลปัตรเพราะณรงค์กลับเป็นคนที่ไปดื่มยาเสียเอง ทำให้เขาเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน ดวงใจใช้โอกาสนี้ไล่กาหลง, ยุพินและกำไรออกจากบ้าน กาหลงเช็กไปทางลูกน้องของณรงค์ที่ไปตามหารัฐศาสตร์ที่อเมริกา และได้รับข่าวร้ายว่ารัฐศาสตร์เสียชีวิตแล้ว กาหลงซัดเซพเนจรไร้ที่ไป เธอเศร้าเสียใจกับการสูญเสียจึงคิดฆ่าตัวตาย แต่ เตือนใจ เข้ามาช่วยไว้ทัน และพาไปทำงานที่ร้านอาหารของตน จนกระทั่งกาหลงคลอดลูกสาวที่เกิดจากณรงค์ชื่อ วาศิฐี ในขณะเดียวกันด้านสุจิราและน้อย ต่างพากันเปลี่ยนชื่อเป็น มาติกา และ นีน่า เพื่อไม่ให้กาหลงตามสืบได้ โดยมี โสภา เพื่อนของเธอให้ความช่วยเหลือ มาติกาเปลี่ยนชื่อรัฐศาสตร์เป็น แพทริค …เวลาผ่านไป 5 ปี ขณะที่วาศิฐีกำลังวิ่งเล่นอยู่กับ ดนัย ลูกชายของเตือนใจ รถ 10 ล้อพุ่งเข้ามาจะชน โชคดีที่ จอห์น โธมัส เจ้าของโรงงานผ้าไหมชื่อดังเข้ามาช่วยไว้ทัน ทำให้เขาได้พบกับกาหลง เขาตกหลุมรักเธอ และพยายามตามจีบโดยมีเตือนใจเป็นกองเชียร์ ระหว่างนั้นวาศิฐีมีอาการป่วยเป็นโรคเอสแอลดี หรือโรคภูมิแพ้ตัวเอง จอห์นคอยให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือกาหลงโดยตลอด จนเธอเริ่มเห็นความดีของจอห์น ในที่สุดกาหลงจึงตัดสินใจแต่งงานกับจอห์น แต่ความสุขก็อยู่กับกาหลงได้ไม่นาน จอห์นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต กาหลงจึงต้องดูแลโรงงานผ้าไหมแทน หลังการตายของจอห์น เตือนใจแนะนำให้กาหลงเปลี่ยนชื่อเป็น นนทลี เพื่อเป็นการแก้เคล็ด 17 ปีผ่านไป วาศิฐีโตเป็นสาวรุ่น เธอชอบงานศิลปะจึงรับผิดชอบในการออกแบบลายผ้าไหม ทำให้เธอมักจะมีปัญหากับฝ่ายผลิต โดยมีดนัยเป็นคนดูแลอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ทั้งสองจะมีปากเสียงกัน แต่ดนัยไม่ได้ถือสาน้อง เพราะเขาแอบหลงรักวามาโดยตลอด วาขอกาหลงไปเรียนต่อที่อเมริกา แต่ถูกปฏิเสธ เพราะกาหลงเป็นห่วงกลัวอาการของลูกสาวจะกำเริบ จนกระทั่งกาหลงรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เธอไม่อยากให้ลูกรู้เรื่องอาการป่วยของเธอ กาหลงจึงจำใจยอมให้วาไปเรียนต่อโดยให้ดนัยตามไปดูแล ที่อเมริกานั่นเองที่ทำให้วาได้พบกับแพท ทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ไม่เป็นการง่ายนักสำหรับแพท เพราะเขาถูก โสภิตา ลูกสาวของโสภาที่สุจิราตั้งใจอยากให้ทั้งสองลงเอยกันคอยตามติดตลอดเวลา ข่าวการป่วยของกาหลงทำให้วารีบกลับเมืองไทยโดยไม่ได้ร่ำลากับแพท หลังเรียนจบแพทคิดมาเมืองไทย แม้สุจิราจะคัดค้านหัวชนฝา แต่ด้วยความดื้อแพ่งของแพทและความรักลูกของสุจิรา ทำให้เธอจำใจยอมกลับเมืองไทย โดยมีโสภิตาตามมาด้วย เมื่อแพทมาเมืองไทยเขาได้พบกับวาโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล ทำให้ทั้งสองได้สานต่อความสัมพันธ์อีกครั้ง วาพาแพทเที่ยวไปตามที่ต่างๆ จนอาการโรคภูมิแพ้กำเริบ ทำให้กาหลงเป็นห่วงวามากขึ้น เธออยากให้ดนัยแต่งงานกับวา เพื่อที่จะได้มีคนดูแลวาในเวลาที่เธอจากโลกนี้ไปแล้ว แพทพาวาไปทานข้าวที่บ้าน เพื่อแนะนำให้รู้จักกับสุจิรา แต่กลับถูกสุจิราพูดจาดูถูกและลามไปถึงแม่ของเธอว่าจับผู้ชายรวยๆ ทำให้วาโกรธมาก แพทพยายามตามมาปรับความเข้าใจ แต่ก็ถูกโสภิตาขัดจังหวะด้วยข่าวการหมั้นของเธอและแพท การถูกมัดมือชกให้หมั้นหมายกับโสภิตา ทำให้แพทมีปากเสียงกับสุจิราขั้นรุนแรง แพทหนีออกจากบ้านไปอยู่กับวาที่โรงงานผ้าไหม เมื่อกาหลงได้พบกับแพท เธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ โดยไม่รู้สาเหตุ สุจิรามาตามหาแพท เมื่อเห็นว่าลูกหนีมาอยู่กับวา จึงโกรธจนถึงขั้นตบหน้าวาและด่าว่าอย่างเสียๆ หายๆ กาหลงจึงตามไปเคลียร์กับสุจิราที่บ้าน กาหลงถึงกับอึ้งเมื่อพบว่ามาติกาก็คือสุจิรานั่นเอง และทำให้กาหลงเชื่อมั่นว่าแพทคือรัฐศาสตร์ลูกชายของเธอนั่นเอง โสภาเริ่มสำนึกผิดที่เธอมีส่วนช่วยให้สุจิราทำชั่ว เธอจึงแอบไปพบกับกาหลงเพื่อเล่าความจริง โดยที่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าการสำนึกผิดนั้นจะนำความตายมาให้เธอ กาหลงสั่งห้ามไม่ให้วาคบกับแพท โดยไม่ได้บอกถึงเหตุผล ทำให้วาไม่พอใจ เหตุการณ์เริ่มเลวร้ายลง กาหลงอาการทรุดหนัก เมื่อวากับแพทตัดสินใจหนีไปด้วยกัน แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดดนัยก็ดึงวากลับมาได้ กาหลงคิดจะไปตกลงกับสุจิราที่บ้าน ซึ่งเข้าทางสุจิราที่เตรียมสร้างสถานการณ์ ด้วยการทำร้ายตัวเองแล้วป้ายความผิดให้กับกาหลง แพทโกรธและเข้าใจกาหลงผิด วาโกรธแพทที่แพทมาต่อว่าแม่ของเธอ แพทตามง้อจนวาใจอ่อน แต่แล้วโสภิตาก็เข้ามาแทรกกลางจนทำให้วาเข้าใจผิดอีกจนได้ วาจึงตัดสินใจจะแต่งงานกับดนัย ในขณะที่สุจิราก็จับให้แพทแต่งงานกับโสภิตา ระหว่างพิธีแต่งงานแพทเข้ามาฉกตัววาไป ทั้งสองแอบไปหลบอยู่ในกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง ดนัยตามไปจนเจอจึงโทรบอกกาหลง ขณะที่แพทกำลังก้มจะจูบวา กาหลง, เตือนใจ, ดนัย, สุจิรา, โสภิตา และน้อยก็เข้ามา กาหลงจำใจบอกความจริงกับแพท ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน อาการป่วยของวาหนักลงเรื่อยๆ หมอแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก กาหลงจึงไปขอความช่วยเหลือจากแพท ด้านโสภิตาหลังจากที่ถูกแพทปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เธอจึงคิดจะกลับอเมริกาแต่มารู้ความจริงเสียก่อนว่าโสภาถูกสุจิราฆ่าปิดปาก และโสภิตาเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน ถ้าไม่มีตำรวจผ่านมาเห็นซะก่อน น้อยถูกตำรวจจับ แต่สุจิราหนีไปได้ แพทยอมมาถ่ายไขกระดูกให้กับวา ระหว่างนั้นเตือนใจเล่าความจริงเรื่องกาหลงให้แพทฟัง ทำให้แพทรู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมรับกาหลงเป็นแม่ ขณะที่แม่-ลูกกำลังปรับความเข้าใจกัน สุจิราซึ่งมีอาการทางประสาทก็เข้ามา เธอคว้ามีดขึ้นมาหวังจะทำร้ายกาหลง แต่แพทยกแขนขึ้นรับทำให้ได้รับบาดเจ็บ สุจิราวิ่งหนีออกไปและไปพบกับวาซึ่งกลับมาพอดี เธอจะทำร้ายวาแต่แพทเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ในที่สุดสุจิราก็ถูกตำรวจจับกุม วาระสุดท้ายก่อนการจากไปของกาหลง สร้างความเสียใจให้กับวาศิฐีและรัฐศาสตร์อย่างมาก แต่ดูเหมือนว่ากาหลงจะไม่เสียใจแม้แต่น้อย เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ตายอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เธอรักอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา…

รักต้องซ่อม (2550/2007) รักต้องซ่อม เป็นละครซิตคอม ผลิตโดยเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 น. ต่อมาย้ายเวลาออกอากาศเป็นทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00 น. ทางช่อง 5 ออกอากาศตอนแรก วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ต่อจากละคร โคกคูนตระกูลไข่ และเมื่อต้นปี พ.ศ. 2552 ละครก็หลุดออกจากผังรายการของสถานี พร้อมรายการอื่นในเครืออีก 4 รายการเนื่องจากความผิดพลาดในการสื่อสารและประสานงานกันของบริษัทกับสถานี โดยตอนสุดท้ายที่ออกอากาศคือตอนพิเศษ รักวุ่นวายของนายต้องซ่อม ออกอากาศเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ดั่งดวงตะวัน 2550

ดั่งดวงตะวัน (2550/2007) ในยุคสมัยพ.ศ.2518 เป็นยุครุ่งเรืองของการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตร จากโรงเรียนชายอันเกรียงไกร 4 โรงเรียน นำทัพโดยหนุ่ม สุดหล่อ เท่ โด่งดังที่สุดในรุ่น 4 คนคือ หิน อ๊อด แก้ว และธง สาวๆ เรียกพวกเขาทั้ง 4 ว่า จตุรเทพ และจากการแข่งขันฟุตบอลนี้ ทำให้ทั้ง 4 คน ได้รู้จักจนกลายเป็นเพื่อนรัก จวบจนกลายเป็นหนุ่มใหญ่ในปัจจุบัน หิน จอมเกเร ภายหลังเรียนจบเข้ารับราชการเป็นตำรวจ แต่ด้วยความประพฤตินอกคอก เลือดร้อน ชอบลุยจับโจรมือเปล่า ทำให้ได้เป็นแค่จ่า จ่าหินมีลูกชาย ชื่อดิน เข้ารับราชการเป็นตำรวจเหมือนจ่าดิน แต่นิสัยแต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้เลื่อนขั้นเป็นหมวดในเวลาไม่นาน ติดตามต่อได้ใน ดั่งดวงตะวัน

สาวบ้านไร่กับนายไฮโซ (2550/2007) ภารกิจการฝึกงานในโรงพยาบาล สัตว์ของนิสิตคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ กำลังจะสิ้นสุดลง มะนาว เหลืออีกเพียงภารกิจเดียวคือการนำเจ้าสุนัขตัวน้อยชื่อ“พิงกี้สตรอว์เบอรี่ซันเดย์” ที่หายไข้แล้วไปส่งคืนที่บ้านเจ้าของ แต่มีหัวขโมยย่องเข้ามาขโมยของที่โรงพยาบาลและเกิดชอบเจ้า “พิงกี้” เข้าจึงขโมยไป ขณะเดียวกัน มหาสมุทร ไฮโซหนุ่มฮอตของพ.ศ. นี้ขึ้นรับรางวัลทองคำประดับคริสตัล ในฐานะ Super Smart and Handsome Man จากนิตยสารชื่อดัง มะนาวเข้ามาเจอขโมยพอดีเลยเกิดการต่อสู้กัน แต่ เป็นเพราะมะนาวมีความแก่นแก้วเหมือนกับเด็กผู้ชายตั้งแต่เด็กๆ เลยพะบู๊จนโจรถึงกับสะบักสะบอมต้องหนีเตลิดไป แต่เจ้าหมาน้อยพิงกี้ตัวดีตกใจวิ่งหน้าตื่นออกจากโรงพยาบาล มหาสมุทรขับรถสปอร์ตคันหรูพา จินนี่ นางแบบและนักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ไปหาที่ฉลองโล่ห์รางวัล พิงกี้วิ่งตัดหน้ารถสปอร์ต มะนาวไวกว่าวิ่งมาคว้าพิงกี้ไว้ก่อนจะถูกรถทับ ทั้งน้องหมาและคนปลอดภัย เพราะสปอร์ตคันหรูหักหลบไปชนซาเล้งไร้เจ้าของ ซาเล้งปลอดภัยแต่รถสปอร์ตเป็นรอย และรางวัลคริสตัลหักเป็น 2 ท่อน ติดตามต่อได้ใน สาวบ้านไร่กับนายไฮโซ

รักเล่ห์ เสน่ห์ลวง 2550

รักเล่ห์ เสน่ห์ลวง (2550/2007) ภูวิชกับพิวัฒน์ เป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน พ่อของทั้งคู่คือตะวัน แต่คนละแม่กัน ภานีเป็นแม่ของภูวิช พรรณราย เป็นแม่ของพิวัฒน์ ภูวิชเกลียดพ่อที่ทิ้งแม่ไปอยู่กับพรรณราย ที่กรุงเทพ ทำให้ภานี ต้องก้มหน้า เลี้ยงดูภูวิชอยู่ที่เชียงใหม่ โดยมีเภาพี่ชายของภานีเป็นคนช่วยเลี้ยงดูภูวิช ภานีเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ พรรณราย กับตะวันได้หมั้นหมาย จารุลินทร์กับพิวัฒน์ เพราะหวังพึ่งให้ฝ่ายหญิง มาช่วยกู้กิจการ ที่กำลัง จะล้มละลายแต่พิวัฒน์ไม่สามารถแต่งงานได้ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ตาบอด จึงของความ ช่วย เหลือจาก ภานีให้ภูวิชช่วยแต่งงานแทนพิวัฒน์ ภูวิชกับพิวัฒน์หน้าตาคล้ายกันมากราวกับฝาแฝดแต่มีนิสัยต่างกัน ภูวิชโตมากับลุงเภาพี่ชายของภานี เขาจึงได้นิสัยที่ก้าวร้าวมาจากเภา ส่วนพิวัฒน์ได้ถูกเลี้ยงดูให้มีนิสัยที่สุภาพเรียบร้อย ภูวิชกับพิวัฒน์ รักและสนิทกันมาก ภูวิชไม่ยอมแต่งงานแทนพิวัฒน์ เพราะเขาเกลียดพรรณรายมาก แต่พิวัฒน์ขอร้องให้ภูวิชช่วย โดยภูวิชมีข้อแม้ว่าพิวัฒน์ต้องปลอมตัวเป็นภูวิชไปอยู่ที่ไร่แทนเขา ดาวฤกษ์เป็นลูกสาวของนางกับนายเภา นางถูกเภาทิ้ง หลังจากที่นางท้อง นางจึงต้องหอบลูกเข้ากรุงเทพ ไปเลี้ยงคนเดียว ก่อนตายนางได้ให้หนังสือฉบับหนึ่งกับดาวฤกษ์ โดยมีข้อความว่า ดาวฤกษ์เป็นลูกของเภา และในจดหมายยังมอบที่ดินไว้ให้หนึ่งแปลง ดาวฤกษ์นำจดหมายไปที่ไร่ เพื่อหวังว่าจะได้พบกับพ่อ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกเภาปฎิเสธ ดาวฤกษ์เสียใจมาก แต่ก็ไม่ท้อ ดาวฤกษ์จึงสร้างบ้านเล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณไร่นั้น ดาวฤกษ์ต้องปรับตัวกับทีนี่มาก เธอจึงเป็นหญิงที่เข็มแข็ง ภานีนั้นเอ็นดู และเชื่อว่าดาวฤกษ์เป็นลูกของเภา และอยากให้ภูวิชกับดาวฤกษ์ลงเอยกัน แต่ภูวิชเกลียดดาวฤกษ์มาก ภูวิชปลอมตัวเป็นพิวัฒน์ และได้พบกับจารุลินทร์ ในวันแรกที่สองคนเจอกันภูวิชแกล้งจารุลินทร์ จารุลินทร์แปลกใจว่าพิวัฒน์เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้จารุลินทร์ คิดว่าที่พิวัฒน์เป็นแบบนี้ เพราะเขาได้รับอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือน การวางตัวของจารุลินทร์ทำให้ภูวิชเริ่มมีความรู้สึกที่ดีด้วย ผิดกับที่ภูวิชคิดไว้ว่าจารุลินทร์อยากแต่งงานมาก ภูวิชจึงเร่งที่จะแต่งงานกับจารุลินทร์ โดยเร็ว เพราะกลัวว่าวันหนึ่งจารุลินทร์ จะจับได้ว่าภูวิชไม่ใช่พิวัฒน์ โดยภูวิชพยายามจะทำทุกอย่าง เพื่อให้จารุลินทร์รัก พิวัฒน์ได้เดินทางกลับมาที่บ้านไร่เชียงใหม่ของภูวิช โดยมีภานีและเภาเท่านั้น ที่รู้เรื่องการสลับตัว ภานีบอกกับดาวฤกษ์ และทุกคนว่าภูวิชเดินทางไปกรุงเทพ และได้รับอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือน การกลับมาของภูวิชครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะภูวิชเปลี่ยนเป็นคนที่ใจเย็นมากขึ้น ดาวฤกษ์จึงเริ่มชอบภูวิช ส่วนพิวัฒน์ต้องปรับตัวอย่างมาก เขาไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในไร่ ดาวฤกษ์ไม่เคยรังเกียจพิวัฒน์ ที่ตาบอด พิวัฒน์จึงรู้สึกประทับใจดาวฤกษ์ และพิวัฒน์ก็รู้ว่าที่ดาวฤกษ์ทำดีเพราะคิดว่าตนเป็นภูวิช ในที่สุดภูวิชในชื่อพิวัฒน์ก็ได้แต่งงานกับจารุลินทร์ ภูวิชกับจารุลินทร์ไปฮันนีมูนที่บ้านไร่เชียงใหม่ ด้วยความใกล้ชิด ทำให้ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ดาวฤกษ์นั้นเต็มใจเพราะเข้าใจตลอดเวลาว่าพิวัฒน์คนนี้คือภูวิช ภูวิชกับลุงเภามาหาพิวัฒน์ที่เชียงใหม่ เพราะลุงเภาเป็นห่วงดาวฤกษ์ แต่เมื่อเภารู้ว่าดาวฤกษ์กับพิวัฒน์ได้เสียกันแล้ว เภาก็ต่อว่าดาวฤกษ์ที่ใจง่าย และเมื่อดาวฤกษ์ได้เจอตัวจริงของภูวิช ดาวฤกษ์ได้เห็นการแสดงออกของภูวิช ดาวฤกษ์ก็ช็อกเพราะดาวฤกษ์จำนิสัยของ ภูวิชได้ ความลับจึงถูกเปิดเผย ดาวฤกษ์เสียใจมากที่ถูกหลอกและต้องเสียตัวให้กับพิวัฒน์ พิวัฒน์จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ดาวฤกษ์ไม่ต้องการ ดาวฤกษ์ต้องการที่จะแก้แค้นภูวิช จึงเปิดโปงความจริง ที่ทั้งสองคนสลับตัวกันให้จารุลินทร์ทราบจารุลินทร์เสียใจมาก จึงหนีกลับกรุงเทพด้วยความชอกช้ำ และพิวัฒน์ก็เริ่มมองเห็นลาง ๆ จากการที่ของตกใส่ในคืนที่ทะเลาะกับดาวฤกษ์ แต่พิวัฒน์ยังทำเฉย เพราะกลัวว่าถ้าดาวฤกษ์รู้ ดาวฤกษ์จะไม่เห็นใจ พิวัฒน์จึงตัดสินใจกลับกรุงเทพ เพื่อรักษาตา และไปพบกับจารุลินทร์ เพื่อขอโทษกับเรื่องทั้งหมด พิวัฒน์ขอให้จารุลินทร์อภัยภูวิช เนื่องจากเขาตาบอด จึงขอให้ภูวิชแต่งงานแทน แต่เพราะแค้น ดาวฤกษ์จึงบอกจารุลินทร์ว่า ภูวิชกับดาวฤกษ์มีอะไรกันแล้ว จารุลินทร์จึงยิ่งโกรธภูวิชขึ้นไปอีก ดาวฤกษ์สะใจที่เห็นภูวิชทุรนทุราย แต่แอบเสียใจที่ถึงยังไงภูวิชก็ยังไม่ใยดีกับเธอ พิวัฒน์กลับมาเชียงใหม่ และภูวิชได้อธิบายเรื่องทั้งหมด แต่พิวัฒน์ไม่สนใจ ขอให้ทุกคนลืมเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และขอให้ภูวิชกับดาวฤกษ์เลิกจองเวรต่อกัน พิวัฒน์กลับมาขอดาวฤกษ์อยู่ด้วย แต่ยังไม่ยอมบอกว่าตาของเขามองเห็นแล้ว เภาได้ตักเตือนดาวฤกษ์ว่าให้รักคนที่เขารักเราดีกว่า ในที่สุดดาวฤกษ์ก็เริ่มเปิดใจยอมรับพิวัฒน์ขึ้นมาบ้าง ภูวิชตามมาขอโทษจารุลินทร์ และกลับมาทำงานที่กรุงเทพต่อ จารุลินทร์จึงใจอ่อน ส่วนพิวัฒน์ก็ขอดาวฤกษ์แต่งงาน ดาวฤกษ์ตกลง เพราะถึงพิวัฒน์จะตาบอด แต่เขาก็มีความรักให้เธอเต็มหัวใจ ผิดกับภูวิชชายที่ดาวฤกษ์หลงรักมาตลอด แต่ภูวิชไม่เคยมีใจให้ดาวฤกษ์เลย แม้แต่นิดเดียว เมื่อถึงวันแต่งงาน พิวัฒน์บอกกับดาวฤกษ์เกี่ยวกับเรื่องตาของเขาที่มองเห็น เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับดาวฤกษ์ ติดตามชม รักเล่ห์เสน่ห์ลวง

นัดกับนัด (2550/2007) เพราะเรารู้ว่าคนในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด …จะเหนือ ใต้ ออก ตก หรืออีสานบ้านเฮา พวกเค้าทุกคนต่างก็เข้ามาดิ้นรนทำงานเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นด้วยกันทั้งนั้น และนี่คือที่มาของ... ละครซิทคอม "นัดกับนัด" “นัดกับนัด” เป็นเรื่องราวของ 2 หนุ่มต่างจังหวัด “นัดหล่อ” และ “นัดเท่ห์” ที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและ เข้ามาหางานทำในเมืองกรุง ทำให้พวกเค้าได้พบความหมายของการใช้ชีวิต ได้พบเจอเรื่องราวหลากหลาย การฝ่าฝันอุปสรรคในชีวิตที่ทั้ง สนุกสนาน ประทับใจ อบอวลไปด้วยมิตรภาพ และความงามในจิตใจของคนต่างจังหวัด ตามแนวความคิด “ชีวิตพอเพียง” ท่ามกลางเมืองหลวงที่สวยหรูแต่สับสนวุ่นวาย

เจ้าหญิงขอทาน 2550

เจ้าหญิงขอทาน (2550/2007) ไผทเทพ นักข่าวหนุ่มมีน้องสาวชื่อ ผดาชไม ทั้งคู่เป็นบุตรของ คุณหญิงผจงจิต มีน้าสาวฝาแฝดอยู่ในบ้านด้วยคือ ประพา กับประไพ ไผทเทพทำงานที่สำนักพิมพ์สยามราษฎร์ โดยเป็นคู่หูกับ บก.โกศล ไผทเทพมักจะทำสกู๊ปข่าวแปลกๆ และได้รับความนิยมจากผู้อ่านอยู่เสมอ วันหนึ่งไผทเทพได้พบกับ ฟ้าใส ซึ่งเป็นเด็กสาวขอทานที่แกล้งทำเป็นขาเจ็บ เขาสังเกตได้ว่าเป็นแผลปลอมเพราะบางครั้งเป็นข้างซ้ายบ้างข้างขวาบ้าง เขาจึงไปขอสัมภาษณ์เธอเพื่อไปทำสกู๊ปขอทาน ฟ้าใสคิดว่าไผทเทพเป็นตำรวจปลอมตัวมาจึงใช้ไม้ค้ำยันขาตีจนไผทเทพตกบันได สะพานลอย และวิ่งหนีไปเจอกับ จ้อย ซึ่งเป็นขอทานต่างแก๊งค์กัน จ้อยเข้าใจว่าฟ้าใสมาขอทานข้ามเขตจึงจะจับตัวไป ขณะหลบหนีฟ้าใสเห็นร้านตะวันแดงติดป้ายว่ามีงานประกวดแฟนซี ฟ้าใสจึงถูกชักชวนให้เข้าไปในงานเพราะเข้าใจว่าแต่งแฟนซีเป็นขอทานมา พอจะกลับก็พบกับไผทเทพซึ่งมาเป็นกรรมการตัดสินการประกวดแฟนซี เขาจะพาเธอขึ้นรถให้ได้แต่ฟ้าใสกลับฉกกระเป๋าเงินของเขาได้แล้วหนีรอดไป พอกลับถึงบ้านเจอ วิเชียร เป็นหัวหน้าแก๊งค์ สะอาด แม่ของฟ้าใสเป็นภรรยาของวิเชียร ฟ้าใสนำกระเป๋าเงินของไผทเทพมาเปิดดูเห็นบัตรสำคัญต่างๆ หลายใบ

เหตุเกิดในครอบครัว 2550

เหตุเกิดในครอบครัว (2550/2007) สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า) นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้ หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า? ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้ น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...

พฤกษาสวาท 2550

พฤกษาสวาท (2550/2007) พฤกษาสวาท เป็นเรื่องราวชีวิตความรักของ ประจิม ที่เลี้ยงดูเด็กสาวมาจนเติบใหญ่ และหลงรักเธอ แต่อ่อนเคารพเขาเพราะเป็นผู้มีพระคุณเท่านั้น ดร.ประจิม หนุ่มใหญ่ไร้เสน่ห์ แต่ชอบผู้หญิงเปรี้ยว เซ็กซี่ จีบผู้หญิงกี่รายก็ไม่ประสบความสำเร็จ ล่าสุดถูกไฮโซสาวบอกเลิก ประจิมเมาหัวราน้ำจนขับรถไปหลับอยู่กลางสี่แยก ถูกตำรวจเชิญไปโรงพักเพื่อทำโทษ เรื่องนี้ทำให้ประจิมเข็ดผู้หญิง จนแม่และพี่สาวต้องร้อนใจไปด้วย สตี เป็นญาติห่างๆ ของแม่ประจิม รับสตีมาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนเรื่องการเรือน และเป็นแม่บ้านประจำตระกูล สตีนั้นแอบหลงรักประจิมแต่เขารักสตีแบบน้องสาว ต่อมา เอิบ เพื่อนของประจิม ป่วยหนักอยู่ที่ลำพูน เขารู้ข่าวแต่พอไปถึงจึงได้รู้ว่าเอิบเสียชีวิตแล้ว และได้ฝากฝังให้เขารับ อรอินทรา ( อ่อน ) มาเลี้ยงดู ประจิมจึงพาอ่อนและ อุ๊ยมูล ยายของอ่อนมาอยู่ที่บ้าน ทำให้คุณนายอรรถและครอบครัวพี่สาวไม่ค่อยพอใจนัก ประจิมดูแลเด็กสาวอย่างดี ส่งเสียให้เรียน เล่นกีฬา เรียนดนตรี จนทำให้หลานๆ ลูก พี่สาวของประจิม ไม่พอใจมาก พูดจาประชดประชันและคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอ่อนเสมอ ประจิมไม่พอใจมากเมื่อเห็นอ่อนถูกรังแก นานวันประจิมเริ่มหวงแหนอ่อนเป็นสมบัติของตัวเองมากขึ้น เขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองจากที่ดูเชยๆ กลายมาเป็นหนุ่มใหญ่ดูดี วันหนึ่งอ่อนหัดว่ายน้ำอยู่ แต่ถูกอ้อและแอ้แกล้งจนเกือบจมน้ำตาย วิกสิตเข้ามาช่วย ประจิมเห็นจึงเข้ามาทำร้ายหลานชายด้วยความหึงหวง อ่อนถูกเรียกไปสอบสวน เธอยอมรับผิดโดยไม่ปรักปรำใคร ทำให้วิกสิตประหลาดใจและเริ่มรู้สึกดีๆ กับอ่อน นับจากวันนั้นวิกสิตก็วนเวียนอยู่แถวนั้น ทำให้ประจิมหึงหวงสั่งห้ามอ่อนไม่ให้คบกับวิกสิต แต่ทั้งสองก็ยังคงแอบคบกันบ่อยๆ เมื่อประจิมเห็นคนที่ถูกตำหนิคือสตี ที่ไม่ยอมกันวิกสิตเอาไว้ ฝ่ายนันทวันผิดหวังกับคนรักจึงหันมาคบกับประจิมอีกครั้ง แต่เห็นประจิมเอาอกเอาใจอ่อน และยังมีสตีที่แอบรักประจิมอีกคน เธอจึงเข้ามาเป็นมือที่สามเพื่อหาเรื่องให้อ่อนกับสตีถูกเล่นงาน นันทวันใส่ไฟอ่อนจนถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเรียนหนังสือ วิกสิตมาถามเหตุผลและต่อว่าประจิมว่าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน ทำให้ประจิมโกรธจนชกต่อยกัน วิพุธเข้าไปห้ามจึงถูกประจิมชกหน้าประภัสสร โกรธแทนสามีตบหน้าน้องชายไป ส่วนคุณนายอรรถก็โกรธลูกสาวที่ตบหน้าลูกชาย จึงตบหน้าเธอไปอีกคน ทำให้เกิดการทะเลาะกันใหญ่ อ่อนรู้สึกเสียใจมากที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหา จึงได้แต่ยืนร้องไห้ออกมา ประจิมขังอ่อนไว้ในห้อง วิกสิตไม่พอใจจึงพาอ่อนหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้าน แหวน เพื่อนรักที่มีอาชีพเป็นนักดนตรี แหวนเห็นอ่อนก็หลงรักเธออีกคน แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อรู้ว่าเธอรักวิกสิต ประจิมออกตามหาเธอไปทั่วจนได้มาพบที่บ้านของแหวน เขาพาอ่อนกลับบ้าน เนื่องจากอุ๊ยมูลป่วยหนัก วิกสิตโกรธคิดว่าอ่อนนอกใจจึงหันหน้าเข้าหาเหล้า อุ๊ยมูลแนะนำให้ประจิมพาอ่อนไปพักผ่อนเพื่อวิกสิตจะได้ตัดใจ และบอกอ่อนว่าประจิมเป็นผู้มีพระคุณ ให้เธอตอบแทนเขาด้วยการเป็นเมียประจิม อ่อนพูดไม่ออกแต่ก็ยอมทำตามคำแนะนำของอุ๊ยมูล ประจิมพาอ่อนไปค้างที่บ้านพักชายทะเล 1 อาทิตย์ เวลานั้นวิกสิตแทบบ้าคลั่ง เมื่อประจิมพาอ่อนกลับมาบ้าน น้าหลานจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง วิกสิต บอกว่าประจิมแย่งเมียของเขา ทำให้ประจิมโกรธมากขึ้นไปบนห้องดุด่าอ่อนด้วยความโกรธ และขืนใจอ่อน สตีเตือนสติวิกสิตที่ไปพูดจาให้ร้ายอ่อน จนทำให้อ่อนตกเป็นของประจิม ทั้งที่ตอนไปทะเลประจิมไม่ได้แตะต้องอ่อนเลย วิกสิตเสียใจมากหาโอกาสขอโทษอ่อน แต่ก็ถูกประจิมกีดกัน อ่อนถูกครอบครัวประจิมและประภัสสรพูดจาถากถางและเยาะหยันว่าเธอเป็นพวกคางคก ขึ้นวอ กิ้งก่าได้ทอง อ่อนเสียใจมากทั้งเรื่องประจิมกับวิกสิต หลังจากนั้นอ่อนก็ท้องกับประจิม อ่อนรู้สึกสับสนและเจ็บปวดมาก คุณนายอรรถต้องการแยกอ่อนออกจากประจิม จึงให้นันทวันเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อจะได้ใช้นันทวันเขี่ยอ่อนออกไป นันทวันจึงวางตัวเป็นเมียของ ประจิม แต่ประจิมไม่ยอมนอนห้องเดียวกับเธอ ทำให้นันทวันโกรธอ่อนมาก หาเรื่องอ่อนและใส่ร้ายสตีให้ประจิมฟังว่า สตีเป็นต้นทางให้อ่อนกับวิกสิตได้พบกัน สตีจึงถูกประจิมตบหน้า เธอได้แต่ซ่อนน้ำตาเอาไว้ด้วยความเสียใจ อ่อนตั้งท้อง ประภัสสรโวยวายเพราะกลัวอ่อนท้องกับวิกสิต จึงโยนอ่อนให้ประจิมรับผิดชอบ แต่นันทวันอ้างว่าเธอก็มีลูกของประจิมอยู่เหมือนกัน ทุกคนเข้าข้างนันทวันจึงร่วมมือกันขับไล่อ่อนออกจากบ้าน นันทวันวางแผนให้อ่อนหนีออกจากบ้านในคืนหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ จึงหลอกให้อ่อนเดินมาที่บันไดและแอบผลักเธอหมายจะให้อ่อนแท้งลูก แต่สตีมาช่วยเอาไว้ ส่วนตัวนันทวันกลับตกลงไปนอนที่พื้น ประจิมรีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวมีอันตรายกับเด็ก เมื่อถึงมือหมอประจิมและทุกคนในบ้านจึงได้รู้ว่านันทวันแกล้งท้อง เธอจึงถูกเขี่ยออกจากบ้าน อ่อนหนีออกจากบ้านเพราะทนไม่ได้ที่เห็นประจิมผู้มีพระคุณต้องทะเลาะกับ วิกสิตผู้ชายที่เธอรัก เธอไปอาศัยอยู่ที่ร้านอาหารของ ทิพย์ ที่เชียงใหม่ ประจิมกับวิกสิตเริ่มได้คิดว่าพวกเขาทำรุนแรงกับอ่อนไปมากและมัวแต่เอาชนะกัน จึงหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหาและตามหาอ่อน แต่ก็ไม่มีใครพบ วันหนึ่งแหวนไปเล่นดนตรีที่เชียงใหม่ เจออ่อนกำลังเจ็บท้องจะคลอดจึงพาส่งโรงพยาบาล และแจ้งให้ทุกคนรู้ว่าอ่อนคลอดลูกเป็นผู้ชาย คุณนายอรรถดีใจมากที่จะได้เป็นย่า ทุกคนในบ้านก็พลอยดีใจไปด้วย โดยลืมเรื่องร้ายๆ ที่เคยเกิดขึ้นไปจนหมด ประจิมไปปรับความเข้าใจกับนันทวันที่ยังตามตอแย เขาจึงบอกเลิกเธออีกครั้งและจะรีบไปรับอ่อนที่เชียงใหม่ แต่นันทวัน ไม่ยอมให้ไปทำให้รถที่เขากำลังขับกลับบ้านเกิดประสานงากับรถสิบล้า นันทวันเสียชีวิตทันที ส่วนประจิมแขนหักนอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาล วิกสิตไปรับอ่อนและลูกกลับมากรุงเทพฯ เพื่อปรับความเข้าใจกับประจิม จากนั้นเขาก็ตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอก ประจิมกับอ่อนปรับความเข้าใจกันโดยลดทิฐิต่างๆ ลง ประจิมตั้งชื่อลูกชายว่า “โจ๊ะ” ซึ่งเป็นลูกคนแรกของเขาและครอบครัว

สวัสดีคุณครู 2550

สวัสดีคุณครู (2550/2007) ครูระรินตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนย่านชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ เพื่อมาเป็นครูในจังหวัดบ้านเกิดในโรงเรียนเทคนิคแห่งหนึ่งของ สหเทพ ในโรงเรียนแห่งนี้มีปัญหาความขัดแย้งของคนหลายกลุ่ม กลุ่มของครูทินและครูสมัครก็พยายามจัดระเบียบในโรงเรียน และยังมีกลุ่มของนักเรียน ที่มีการขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา นั่นคือกลุ่มของเชอร์รี่ที่เกเรและไม่ตั้งใจเรียน กับกลุ่มของสิริญที่ตั้งใจเรียน และก็ยังมีกลุ่มของสันติที่เป็นหัวโจกที่เกเรสุดขั้ว และครูระรินก็ยังต้องเผชิญหน้ากับสันธาน อดีตปลัดอำเภอซึ่งเคยคบหาดูใจกันมาก่อน แต่ก็ต้องขาดการติดต่อกันไป เพราะสันธานไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น ติดตามต่อได้ใน สวัสดีคุณครู

ยอดกตัญญู 2550

ยอดกตัญญู (2550/2007) เร เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าวัย 22 ปี มีรุ่งเป็นพี่สาว เรืองเป็นพี่ชาย เรืองหลอกใช้เรให้ไปปล้นร้านทองที่เรทำงานอยู่ ทำให้ทั้งสองถูกตำรวจตามล่า เรืองถูกตำรวจยิงตาย และเรก็ถูกตำรวจจับ โชคดีที่สุรเกียรติ มหาเศรษฐีใจดี และรู้จักกับเร เชื่อว่าเรเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงให้ทนายประกันตัวเรออกมาหลังจากได้รับการประกันตัว เรรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณสุรเกียรติ จึงมาช่วยงานบ้าน ทำสวน ล้างรถ ให้โดยไม่รับเงินค่าจ้าง สุรเกียรติเห็นเรเป็นคนดีและซื่อสัตย์จึงจ้างให้เรเป็นคนขับรถให้ทินกร ลูกชายคนโตที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก ติดตามต่อได้ใน ยอดกตัญญู

ผู้กองยอดรัก (2550/2007) พัน น้ำสุพรรณ หลังจากที่เรียนจบสาขานิติศาสตร์เขาก็ทำงานเป็นทนายฝึกหัดอยู่เกือบปีเมื่อหมดกำหนดการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เขาก็เดินทางกลับบ้านเกิด กำนันพูน กับ นางจันทร์ ก็เตรียมจัดงานต้อนรับการกลับมาของลูกชายอย่างใหญ่โต พันอยากเป็นทหาร แต่พ่อกำนันไม่ยอมเพราะกลัวลูกจะลำบาก จึงติดสินบนเจ้าหน้าที่สัสดี เพื่อไม่ให้พันได้เป็นทหาร เมื่อพันรู้เรื่องจึงทะเลาะกับพ่อ และคิดวางแผนฆ่าตัวตาย ทำให้พ่อกับแม่จึงต้องตามใจ แต่พันจับได้ใบดำ เขาจึงไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์โดยใช้วุฒิการศึกษาแค่ ป.4 วันแรกที่กรมพันได้พบเพื่อน และได้พบกับ ผู้กองฉวีผ่อง พันเกิดปิ๊งเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่ อ่ำ เตือนพันว่าให้ตัดใจเพราะเธอเป็นลูกสาวสุดหวงของ พันเอกผวน กับ คุณนายไฉววงษ์ แต่กลับทำให้พันเกิดความรู้สึกท้าทายมากกว่าที่คิดจะเด็ดดอกฟ้าโดยมีคู่แข่งคนสำคัญคือ พันตรีนายแพทย์สุทธิสาร พันเสนอตัวเป็นคนขับรถให้ผู้กองเพื่อหวังจะจีบหล่อน แต่พันก็โดนผู้กองตอกกลับมาทุกครั้ง ผู้กองเริ่มรู้สึกว่าพันมีความคิดอ่านเกินกว่าคนจบ ป.4 คุณนายไฉววงษ์ ซึ่งเป็นคนที่มีนิสัย ขี้เหนียวสุดๆ ชอบใจพัน เพราะพันชอบเอาของมาฝากอยู่บ่อย ๆ และเก็บขวดในบ้านไปขายได้ราคาดี แต่หารู้ไม่ว่าพันควักเงินของตัวเองให้คุณนาย พันเริ่มเห็นว่าผู้กองไม่ได้เป็นคนเหย่อหยิ่ง แต่เธอเป็นคนรู้จักวางตัว เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ส่วนผู้กองก็เริ่มเห็นความจริงใจของพัน และเริ่มจะเขวอยู่เหมือนกัน พันเป็นที่โปรดปรานของคุณนายไฉววงษ์ เพราะช่วยคุณนายทำขนม จนพันเอกผวนหึง ทางกรมมีคำสั่งด่วนให้ผู้กองไปรักษาคนไข้ที่ต่างจังหวัด พันเอกผวนจึงให้พันเป็นคนขับรถไปส่ง ระหว่างทางมีโจรดักปล้นรถผู้กอง พันจึงพาผู้กองหนี แต่ดันไปเจอรังโจรและถูกจับ หัวหน้าโจรเห็นผู้กองก็อยากจะได้มาเป็นเมีย พันจึงออกอุบายหลอกโจรว่าผู้กองเป็นเมียตนเองและจูบผู้กองให้โจรดู หัวหน้าโจรจึงยอมตัดใจ ในค่ายผู้กองได้รักษาโจรคนหนึ่ง และผู้กองได้บอกเมียโจรคนนี้ว่าจะต้องรีบพาสามีหล่อนไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ถ้าไม่เช่นนั้นอาจจะตายได้ เมียโจรจึงวางแผนใส่ยานอนหลับไว้ในเหล้าจนหัวหน้าโจรและพวกหลับสนิท จึงหนีออกมาได้ มาถึงกรุงเทพฯ พันตรีสุทธิสารก็เร่งรัดขอแต่งงานกับผู้กอง พันเอกผวนเห็นด้วยและเปิดโอกาสให้พัน โดยการให้หาสินสอดทองหมั้นจำนวนมากมาสู่ขอ พันจึงกลับไปบอกพ่อกับแม่ที่สุพรรณให้มาสู่ขอผู้กอง ขบวนขันหมากมาถึงบ้านผู้กองพร้อม ๆ กัน แต่ขันหมากของพันตรีสุทธิสารดูจะได้เปรียบมากกว่า เพราะว่ามีนายทหารชั้นผู้ใหญ่มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอ แต่พอพันเอกผวนได้พบกับกำนันพูนถึงกับตะลึง! เพราะทั้งสองคนเคนเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน ที่สำคัญกำนันพูนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของพันเอกผวนอยู่มากโข พันเอกผวนจึงให้ผู้กองฉวีผ่อง ตัดสินใจเองว่าจะรับขันหมากจากฝ่ายใด และใครคือคนที่ผู้กองเลือก !!

สืบลับรหัสรัก 2550

สืบลับรหัสรัก (2550/2007) เพราะการฆ่าตัวตายอย่างมีเงื่อนงำของ แป๋ว (ชลธิชา นวมสุคนธ์) หลานสาวของรัฐมนตรี วิเศษ (ดิลก ทองวัฒนา) ผู้มีอิทธิพล ทำให้ อนนต์ (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) ตำรวจลับถูกตามมาสืบคดีนี้อย่างเร่งด่วน โดยมี ติณณภพ (เอราวัต เรืองวุฒิ) ชายหนุ่มผู้มีญาณวิเศษซึ่งทำงานช่วยราชการอย่างต่อเนื่องมาเป็นที่ปรึกษาให้ อนนต์และติณณภพสงสัยว่าลัทธิโซเลย ลัทธิบูชาดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้าน่าจะอยู่เบื้องหลังการตาย ในขณะเดียวกัน หนึ่งฤทัย (สุนิสา เจทท์) หรือหนึ่ง สาวสวยเจ้าของกิจการเครื่องหอมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้ขอความช่วยเหลือให้ ติดตามตัวน้องชาย ธาริต (อติวัฒน์ เที่ยงมงคล) หรือสอง ซึ่งหายตัวไปหลังจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกลัทธิ ติดตามต่อได้ใน สืบลับรหัสรัก

หัวใจศิลา (2550/2007) เมื่อหัวใจของเขา ต้องเลือกระหว่างความแค้นและความรัก หัวใจศิลา “เพราะรอยแผลเป็นในใจของชายหนุ่มที่ถูกทำร้าย และดูถูกในอดีตทำให้เขาต้องสวมวิญญาณอสูร เพื่อกลับมาแก้แค้น…แต่ความรักเกิดที่ขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายจะ สามารถลบล้างหัวใจอสูรของชายหนุ่มให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้หรือไม่” ศิลา หรือ ต่อ เป็นลูกของ ไหม เมียน้อยของ ทรงศักดิ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ต่อเกิดจากความไม่ตั้งใจของทรงศักดิ์ ไหมพาต่อมาพบทรงศักดิ์ที่บ้าน แต่ถูกไล่ออกมาและไหมก็สิ้นใจในที่สุดทิ้งให้ต่ออยู่เพียงลำพัง ทรงศักดิ์จึงจำใจรับต่อเข้าไปอยู่ในบ้านโดยปล่อยให้ สีดา เมียหลวงของเขาดูแล แต่สีดาก็เกลียดชังต่อและสอนให้ สาวิตต์ลูกชายของเธอรังแกต่อด้วย โกมุท และ มารศรี เป็นผู้ดีเก่าเพื่อนบ้านของทรงศักดิ์ มีลูกสาวสองคนคือ มิ่งขวัญ และ มินตา แต่มารศรีกลับเอาใจและประคบประหงมมิ่งขวัญมากกว่ามินตา มินตาชอบเล่นอะไรแบบเด็กผู้ชาย เธอจึงเป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของต่อ ในขณะที่ต่อมักจะหลบออกมาอยู่คนเดียว ส่วนมิ่งขวัญรังเกียจต่อจนไม่ยอมเข้าใกล้ และด่าต่อว่าเป็นไอ้หมาขี้เรื้อน สกปรกโสโครก วันหนึ่งต่อถูกสีดาทุบตีทำร้ายอย่างทารุณและขังไว้ในห้อง เพราะสาวิตต์ใส่ร้ายต่อว่าขโมยเงินของสีดาไป ในคืนนั้นเขาหาทางหนีออกไปจากบ้านจนได้ หลายวันต่อมามีคนพบศพเด็กชายคนหนึ่งลอยน้ำมา ทุกคนเข้าใจว่าต่อตายไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วต่อหนีไปอยู่กับ พิมสุดา หรือ แหม่ม น้าสาวซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของไหมนั่นเอง สิบห้าปีต่อมา มินตาเติบโตขึ้นและทำงานเป็นมัณฑนาการในบริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง เธอพา ธันวา เพื่อนร่วมงานไปโรงพยาบาล แต่ความรีบร้อนทำให้ชนกับรถของศิลาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ทั้งสองปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร มินตารู้สึกคุ้นหน้าว่าเขาคือพี่ต่อที่เธอเคยรู้จัก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับ ธันวาจำได้ว่าศิลาเป็นมือขวาของเจ้าแม่แหม่มแม่เล้าไฮโซแห่งวงการธุรกิจกลาง คืน มินตาจึงเข้าใจว่าศิลาเป็นแมงดา และซ้อมผู้หญิงจนแท้งจึงต้องพามาโรงพยาบาล แต่ศิลาได้รู้ความจริงจาก อ้อย ว่าที่เธอต้องตกเลือดอย่างรุนแรง เพราะเธอถูกลูกค้าคนหนึ่งซ้อมและลูกค้าคนนั้นคือสาวิตต์นั่นเอง แต่สีดาก็หาทนายมาช่วยให้สาวิตต์รอดพ้นจากความผิด ศิลาจึงรู้ว่าคนพวกนี้ยังอยู่ดีมีสุข และทำความเลวให้คนอื่นเดือดร้อน ความโกรธแค้นที่ศิลามีต่อครอบครัวของสีดาจึงปะทุขึ้นอีกครั้ง ศิลาจึงให้ลักษมีดาราสาวหลอกให้สาวิตต์ติดพนัน และศิลาก็สามารถยึดบ้านของสาวิตต์ที่นำมาจำนองกับตนไป ด้วยเหตุนี้ทำให้สาวิตต์แค้นมากทำให้ทั้งสองชกต่อยกันในขณะนั้นรถสิบล้อที่ จอดไว้เกิดล้อเคลื่อนมาทับขาสาวิตต์จนต้องเป็นคนพิการ และศิลาก็ซื้อหุ้นบริษัทจนได้เป็นเจ้าของ แต่สีดามีแผนโดยร่วมมือกับมารศรีบังคับให้มินตาแต่งงานกับสาวิตต์เพื่อเอาไป ต่อรองกับศิลาให้เอาบ้านคืน ซึ่งศิลาก็ยอมหลังจากนั้นมินตาก็เกลียดศิลา โดยบอกว่าตัวเองรักสาวิตต์ ทำให้ต่อหึงหวงจึงข่มขืนมินตาจนมินตาท้อง หลังจากนั้นสาวิตต์กับสีดาให้คนไปจับศิลากับมินตาไปขัง โดยมีข้อเสนอว่าต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างของศิลาแลกกับอิสระ แต่สุดท้ายลักษมีได้แจ้งตำรวจมาช่วยจนศิลาหนีออกมาได้ แต่มินตาถูกสาวิตต์กับสีดาจับตัวไป และลักษมีถูกยิงตายศิลาตามไปช่วยจนถูกยิงตกน้ำไป ส่วนมินตาได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจ และมารศรีกับมิ่งขวัญถูกจับเช่นเดียวกับสาวิตต์และสีดา แต่สุดท้ายศิลายังไม่ตายและกับมาใช้ชีวิตอยู่กับมินตา

แม่หัวลำโพง 2550

แม่หัวลำโพง (2550/2007) ขบวนการทั้งแสบ ทั้งซ่า รับรองไม่มีใครเกิน ขอบอกกกกกก…… ม่ายงั้น….คนแถบนี้ทั้งแถบ คงไม่ขนามนาม “ไอ้ซ่า” ว่า“แม่หัวลำโพง” ร้อกสสสสสสสสส์ แต่ถึงจะแสบ ซ่า แค่ไหน????? ไอ้ซ่า ก็ต้องยอมอยู่คนหนึ่งล่ะ จะใครนะเหรอ? อยากรู้…ก็ตาม”แม่หัวลำโพง” จอมแสบอย่างไอ้ซ่ามาเล้ย ไอ้ซ่า หรือ กรวิกา เด็กสาววัยสิบแปดที่หน้าตาสุดแสนจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่นิสัยของไอ้ซ่าแตกต่างจากหน้าตาราวฟ้ากับเหว เพราะไอ้ซ่าสุดแสนจะแก่นแก้ว แสบสันต์ ซ่าสุดทรวง จนคนแถวหัวลำโพงขนานนามความซ่า แซ่บเกินคนของไอ้ซ่าว่า”แม่หัวลำโพง”

ร่ายริษยา 2550

ร่ายริษยา (2550/2007) อินทัช นักแต่งเพลงชื่อดังถูก ทำนุ และอำภา ผู้เป็นพ่อแม่ เร่งรัดให้แต่งงานกับ มุกริน ลูกสาวของ ปราโมทย์ และราตรี อินทัชไปพักสมองที่ “แทนรักรีสอร์ท” ซึ่ง แพรใจ เป็นผู้บริหาร ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันจนเกิดเป็นความรัก ความรักทั้งคู่จะไปด้วยดี หากไม่มี พันทวี ผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าของเอเยนซี่ชื่อดังและ นพดล ผู้ช่วยแพรใจที่ ปวีร์ และเบญจา พ่อและแม่ของหญิงสาวให้การอุปการะตั้งแต่เล็ก คอยสร้างความแคลงใจให้ แต่ด้วยความมั่นคงอินทัชจึงสู่ขอแพรใจ แม้ว่าทำนุและอำภาจะไม่ต้อนรับสะใภ้ ความสัมพันธ์ของอินทัชและแพรใจทำให้มุกรินที่หลงรักอินทัชหาเรื่องใส่ร้าย แพรใจ จนกระทั่งอินทัชมีโอกาสแต่งเพลงให้ ปาลิตา ลูกสาว นายหัวปยุต และลักษณา เจ้าของธุรกิจทัวร์ครบวงจรของภาคใต้ ข่าวคราวของปาลิตาทำให้แพรใจ จำได้ว่าปาลิตาคือคู่อริของเธอสมัยเรียน เมื่อปาลิตารู้ว่าแพรใจคือมารความรักแถมยังเป็นคู่อริในวัยเด็ก ยิ่งพยายามทำทุกทางที่จะได้อินทัชมาครอบครอง จนอินทัชเริ่มหลงเสน่ห์ของปาลิตา ติดตามต่อได้ใน ร่ายริษยา

ตลก 6 ฉาก (2550/2007) ตลก 6 ฉาก เป็นรายการวาไรตี้ผสมละครซิตคอมตลกสั้นจบในตอนมีความกระชับ และปิดท้ายด้วยเกมโชว์ ออกอากาศทุกวันเสาร์ 10:00 - 11:00 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์ ผลิตโดย บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในยุคแรกมีฉากทั้งหมด 6 ฉาก เช่น ฉากโรงพยาบาล, ร้านกาแฟ, ซูเปอร์มาเก็ต, ฟิตเนส เป็นต้น จึงได้ชื่อว่า "ตลก 6 ฉาก" ละครจะเน้นความตลกขบขัน ภายใต้สโลแกนว่า “จะฉากอะไรในชีวิต ก็คิดให้มันเป็นเรื่อง..ตลก”

รักนี้หัวใจเราจอง 2550

รักนี้หัวใจเราจอง (2550/2007) ภูวนัย ลูกชายคนเดียวของ ดร.ภูทัศน์ นักธรณีวิทยา เรียนจบและทำงานที่อเมริกา วันหนึ่ง ภูวนัย เดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่คลาดกับพ่อที่เดินทางไปต่างประเทศ ภูวนัย จึงไปหัวหินให้ ลุงล่ำ หา เรือไปตกหมึกกลางทะเลยามดึก...วีน่า นางแบบชื่อดัง ทิ้งงานเพื่อไปหา ระรินทิพย์ มารดาที่โทร.มาตามให้ไปพบ บนเรือยอชต์กลางทะเล โดยไม่รู้ว่าแม่ขายเธอ ให้กับ ท่านบวงสรวง ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เพื่อนำเงินไปเล่นการพนัน แต่เธอหนีออกไป ได้ก่อนจะพลัดตกเรือ ก็พอดี ภูวนัย ช่วยเธอไว้ แต่ก็ทำให้เรือล่มจนไปค้างด้วยกันที่เกาะร้าง ติดตามต่อได้ใน รักนี้หัวใจเราจอง

ผีเพี้ยนโฮเต็ล (2550/2007) ซิตคอมสุดแฟนตาซีเมื่อผีเพี้ยนๆต้องมาอยู่ร่วมกับคนเรื่องราวของบรรดาผีเพี้ยนๆ 4ตน ที่สิงอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งเพราะต้องคำสาปที่จะไม่สามารถไปเกิดได้ถ้าหากไม่สามารถหาคนที่เกิดปีจอวันจันทร์เดือน7 มาเป็นตัวตายตัวแทนตน และวันหนึ่งก็มีเด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่ง ก็มาทำงานที่โรงแรม เด็กหนุ่มคนนี้ก็มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่กลับเป็นคนที่ไม่กลัวผี และไม่ว่าผีจะพยายามหลอกหรือทำให้เขาตายเท่าไหร่ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะทำให้เขาตายได้

บ้านเราจงเจริญ (2550/2007) เทศกาล ปีใหม่ย่างกรายเข้ามา หลายต่อหลายชีวิตในกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในบรรยากาศแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองที่ RCA ย่านบันเทิงที่เต็มไปด้วยแสงสีและความสนุกสนาน จ๋อมแจ๋ม ในชุดซานตี้สาวสุดเซ็กซี่กับเพื่อนๆ กำลังทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย หน้าที่ของพวกเธอก็คือการเดินแจกสินค้าตัวอย่างให้กับผู้คนที่มาเที่ยวกลาง คืน แจ๋มเป็นหญิงสาวหน้าตาดีที่อยากเป็นดารา เลยไปสมัครงานที่โมเดลลิ่งของ เจ๊หมิวแต่สุดท้ายหางานทำไม่ได้ เจ๊หมิวเลยพาแจ๋มมารับจ๊อบเดินแจกสินค้า แจ๋มทั้งเมื่อย เหนื่อย และหิว เมื่อเธอถูกเจ๊หมิวหักค่าแรงเพราะแจกของไม่หมดแจ๋มเลยโมโห เอาถุงซานตี้ทุ่มใส่เจ๊หมิวก่อนขอลาออก แต่โชคร้ายถุงอัดเข้าดั้งพลาสติกของเจ๊หมิว เลือดกำเดาสาดกระจายแจ๋มวิ่งหนีเจ๊หมิวไปหลบที่ท้ายรถกะบะจนเผลอหลับไป เจ้าของรถคันนั้นคือ วิทย์ นายหน้าขายที่ดินจอมกะล่อน ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้บานเบอะ เจ้าหนี้เลยบุกมาอุ้มที่งานปาร์ตี้ วิทย์หนีออกมาได้อย่างหวุดหวิดแล้วขับรถหนีกลับบ้านที่ต่างจังหวัด โดยไม่รู้ว่าที่ท้ายรถมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญติดมาด้วย วิทย์เกิดวูบหลับ รถเสียหลักแฉลบลงคูน้ำข้างทาง แจ๋มตกใจตื่นขึ้นมาร้องลั่น วิทย์ก็ตกใจที่เห็นผู้หญิงแปลกหน้าติดรถมาด้วย แจ๋มมองไปรอบตัวเห็นทุ่งนาโล่งเตียนก็โวยวายลั่น วิทย์บอกแจ๋มว่าที่นี่คือ ระหว่างนั้น เฮียโอ่ง กับเจ๊อึ่ง คนแถวบ้านของวิทย์ผ่านมาเจอ เลยรับวิทย์กับแจ๋มเข้าหมู่บ้านไป อบต.สนอง พ่อของวิทย์แปลกใจที่วิทย์กลับบ้าน โดยไม่บอกล่วงหน้า แถมยังพาผู้หญิงมาด้วย วิทย์ไม่กล้าบอกพ่อเรื่องที่หนีเจ้าหนี้มา เลยโกหกว่าเขากับแจ๋มเป็นแฟนกัน เฮียโอ่งกับเจ๊อึ่งสองผัวเมียเป็นเจ้าของร้านขายของชำเมาท์กันซะข่าวนี้ลือ กระฉ่อนไปทั่ว อบต.สนองจัดงานทำบุญปีใหม่ที่วัด ชาวบ้านพากันมาร่วมงานเพราะอยากดูหน้าแจ๋ม รวมไปถึงสายชล ชายหนุ่มที่เรียนจบจากกรุงเทพฯ แล้วกลับมาทำเกษตรที่บ้านเกิด แจ๋มสนิทกับสายชลอย่างรวดเร็วจนวิทย์อดหมั่นไส้ไม่ได้ น้ำอ้อย พัฒนากรสาวแก่นกะโหลก ลูกสาวของเฮียโอ่งและเจ๊อึ่งที่แอบชอบสายชลอยู่ เห็นแจ๋มใกล้ชิดสายชลก็อดหมั่นไส้ไม่ได้เหมือนกัน จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับแจ๋มทันที ส่วนวิทย์เครียดเพราะโดนเจ้าหนี้ขู่จะเอาชีวิต วิทย์ไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน แต่ในงานบุญนี้เองที่วิทย์ได้พบทางออก ที่อำเภอจงเจริญมีพื้นดินกันดารแห้งแล้งจนชาวบ้านขายที่ดินไปอยู่ในเมือง สายชลพยายามบอกชาวบ้านรักษาที่ดินเอาไว้ แต่ก็ลำบากเพราะมีโรงงานอุตสาหกรรมมากว้านซื้อที่ดินไปทำโกดังเก็บสารพิษ วิทย์จึงคิดเอาที่ดินของพ่อไปขายเพื่อเอาค่านายหน้าไปใช้หนี้ แต่เรื่องไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะสายชลทดลองทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง เขาทำในที่ดินของเขาเองแล้วได้ผลดี จึงชวนชาวบ้านให้ทำตาม และโน้มน้าว อบต.สนอง ซึ่งมีที่ดินอยู่หลายสิบไร่ให้ทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อ มั่น แต่ความคิดของสายชลสวนทางกับวิทย์ เมื่ออบต.สนองตกปากรับคำสายชล วิทย์จึงพยายามขัดขวาง สายชลเริ่มขุดสระในที่ดินของ อบต.สนอง โดยมีน้ำอ้อยคอยช่วยเหลือ วิทย์อาสาเข้าไปช่วย อบต.สนองเลยให้แจ๋มตามไปช่วยวิทย์ แจ๋มชื่นชมสายชลและวิทย์ แต่เธอไม่รู้ว่าวิทย์มีแผนสกปรก น้ำอ้อยสังเกตเห็นพิรุธบางอย่างในตัววิทย์จึงบอกสายชล แต่สายชลไม่เชื่อในที่สุดวิทย์ก็ทำสำเร็จ สายชลทำงานไม่สำเร็จตามที่ อบต.สนองกำหนดไว้ จึงยอมรับความพ่ายแพ้ วิทย์เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ แจ๋มรู้สึกอาลัยอำเภอจงเจริญ วิทย์ มาถึงกรุงเทพฯ และเตรียมรับเงินจากการขายที่ดิน แจ๋มรู้ถึงแผนร้ายของวิทย์ เธอเสียใจมากที่วิทย์เห็นแก่ตัวคิดทำลายบ้านเกิด จึงทะเลาะกับวิทย์อย่างรุนแรง พอวิทย์คิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว อบต.สนองและชาวบ้านได้รับข่าวร้ายว่าบ้านเกิดกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นโรงเก็บ สารพิษ สายชลขอโทษน้ำอ้อยที่ไม่เชื่อเธอตั้งแต่แรก ฝ่ายวิทย์ที่สำนึกตัวแล้วจะเข้ามาช่วยเหลือบ้านเกิดของเค้ายังไง ? และบทสรุปความสัมพันธ์ระหว่างวิทย์กับแจ๋มจะลงเอยอย่างไร ?

สร้อยแสงจันทร์ 2550

สร้อยแสงจันทร์ (2550/2007) พุทธิ ( แพท ) นักโบราณคดีหนุ่ม และคอลัมนิสต์แห่งนิตยสาร "ธาร" พุทธิสืบค้นโบราณสถานโบราณวัตถุที่สาบสูญ แล้วนำมาเขียนลงนิตยสาร สิ่งที่เขาหามาตลอดชีวิตคือ "สร้อยแสงจันทร์" อัญมณีแห่งเมืองบังบด ซึ่งอยู่ในวิหารปักษาจำลอง เมลานี แฟนสาวของพุทธิ และเจ้าของนิตยสาร "ธาร" กับ เมษ พ่อของเมลานี ทำเป็นช่วยสืบหาตัว ดร.เมี่ยง ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเมษจ้างให้เข้าไปขโมยสร้อยแสงจันทร์ พร้อมกับ บุญทา พรานป่า แต่ได้มาแค่ดวงเดียวโดยพุทธิไม่รู้ เมื่อพบกันพุทธิต้องประหลาดใจที่ดร.เมี่ยงกลายเป็นคนบ้าในโรงพยาบาลไปแล้ว แม้จะพูดจาแปลกๆ ยากที่จะเข้าใจ พุทธิได้เทวรูปนกจากดร.เมี่ยงที่เป็นกุญแจสำคัญช่วยให้เขาผ่านเข้าไปด้านใน ของวิหารปักษาจำลองได้ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลพร้อมเทวรูป พุทธิเริ่มเห็นภาพแปลกๆ เหมือนตัวเองได้กลับเข้าไปอยู่ในอดีต ติดตามต่อได้ใน สร้อยแสงจันทร์

ลิขิตกามเทพ 2550

ลิขิตกามเทพ (2550/2007) พินิจนัย หนุ่มหล่อ ลูกชายของ บดินทร์ พ่อเลี้ยงจอมเจ้าชู้แห่งเมืองตาก เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก มี จินดา แม่บ้าน กับ สุจิตรา น้าสาวที่หวังว่าสักวันจะเปลี่ยนสถานะเป็นแม่ คอยดูแล พินิจนัย ต้องดูแลกิจการสารพัดแทนพ่อ และด้วยนิสัยที่ชอบเก็บตัว เงียบขรึม เอาแต่ใจตัวเอง และไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย เนื่องจากเคยถูก เภรี ลูกสาวเศรษฐีหักอก เพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นหนุ่มบ้านนอกยากจน ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อเลี้ยงบดินทร์ กลัวว่าลูกชายจะกลายเป็นเกย์ กับ ภูษิต เพื่อนรักที่สนิทกันมากของพินิจนัย จึงตัดสินใจจะจับคู่ พินิจนัย กับ ลูกสาวของ คุณนายจันทร์เพ็ญ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งก็เข้าทาง คุณนายจันทร์เพ็ญพอดี โดยนัดกันว่าจะพาลูกชายมาเลือกคู่ที่กรุงเทพฯ พินิจนัยรู้ก็รีบเผ่นหนี ตามภูษิตเข้ากรุงเทพฯทันที ด้านภูษิตเองก็อยากจะให้เพื่อนรักเจอรักใหม่เสียทีจึงพา พินิจนัยไปเที่ยวผับเผื่อเจอสาวๆสักคนจะได้เลิกเกลียดผู้หญิง กานพลู สาวสวยน่าสงสาร อายุ 25 ปี อาศัยอยู่กับ คุณนายจันทร์เพ็ญ ป้าแท้ๆที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด เพราะแม่ของกานพลูผูกคอตายหนีความอับอายจากการท้องไม่มีพ่อ กานพลูทำงานบ้านราวกับคนใช้และยังถูกโขกสับจากภัสสร และ พรรณทิพา พี่สาวทั้ง 2 คนลูกของป้า มีเพียง พิบูลย์ ลูกชายคนเล็กของคุณนายคนเดียวเท่านั้นที่คอยปกป้องกานพลู แต่กลับถูกสองสาวหาว่ากานพลูจะจับพิบูลย์เพื่อ ไต่เต้ามาเป็นน้อง สะใภ้ของพวกเธอ กานพลู มีคนรักชื่อ ภาดา เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ทำงานที่เดียวกัน กานพลูเก็บเงินซื้อคอนโดแต่ผ่อนใช้ชื่อภาดา ส่วนภาดาก็ต้องการไต่เต้า จึงฉวยโอกาสขณะที่ตาม เภรี ลูกเจ้าของบริษัท ไปประชุมที่ต่างจังหวัด โดยการมอมเหล้าแล้วปล้ำเภรี เองก็ชอบภาดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงยินยอม วันหนึ่งกานพลูไปเห็นการ์ดเชิญให้ไปงานฉลองหมั้นของภาดากับเภรี กานพลูเสียใจมากจนเกือบฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ บุตรา เพื่อนสนิท ตามมาพบและพาไปเลี้ยงวันเกิดตนเองที่ผับซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พินิจนัยทา เที่ยว พินิจนัยกับภูษิตดื่มแต่น้ำผลไม้ ส่วนกานพลูดื่มเหล้ายอมใจ จนเมามาย ขณะที่บุตรากับเพื่อนคนอื่นๆพากันไปเต้นรำ กานพลูเดินเปะปะจนเกือบถูกพวกวัยรุ่นฉุดโชคดีที่ พินิจนัยช่วยไว้ได้ทัน ภูษิตเห็นก็เข้าใจผิดว่าพินิจนัยหิ้วหญิงมาได้จึงไล่ให้พากลับโรงแรมด้วย ด้านบุตราก็คิดว่ากานพลูหนีกลับบ้านไปก่อน พินิจนัยไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะขับรถ วนเวียนตามทางที่กานพลูบอกจนใกล้เช้าก็ไม่ถึงสักที พินิจนัยจึงตัดสินใจจอดรถรอจนกว่ากานพลูจะสร่างเมา จนเผลอหลับไปอีกคน รุ่งเช้ากานพลูตกใจตื่นเห็นตัวเองอยู่ในรถกับชายแปลกหน้าแถมสภาพตัวเองก็ดู ไม่ได้จึงเข้าใจว่าถูกพินิจนัยข่มขืน เรื่องลุกลามจนถึงตำรวจ พินิจนัยจึงอ้างว่าเขากับกานพลูเป็นแฟนกันแล้วกอดจูบกานพลูโชว์ตำรวจ ด้านกานพลูก็กลัวตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งเหมือนกันเลยปล่อยเลยตามเลย พินิจนัยเบื่อความวุ่นวายที่กรุงเทพฯจึงขับรถกลับบ้านที่ตากซึ่งก็สวนทางกับ พ่อเลี้ยงบดินทร์ ที่มากรุงเทพ เพื่อมาพบหน้าว่าที่ลูกสะใภ้คุณนายจันทร์เพ็ญกับลูกสาวผิดหวังที่ไม่ได้เจอ ลูกชายพ่อเลี้ยง ด้านพ่อเลี้ยงก็ติดใจอยากได้ลูกสาวคนใดคนหนึ่งของจันทร์เพ็ญมาเป็นภรรยาแต่ เปลี่ยนใจเอาดื้อเมื่อเขาเห็นกานพลู คุณนายยอมยกกานพลูให้แต่โดยดีเพื่อแลกกับเงินห้าล้านบาทกับเครื่องเพชรและ เงินเดือนประจำ พินิจนัยไม่พอใจเมื่อรู้ว่าพ่อของเขาจะแต่งงานกับหลานสาวเพื่อนตัวเอง แต่ก็แอบห่วงพ่อเพราะกลัวโดนหลอก ประกอบกับสุจิตราและสาวิตรี เพื่อนของสุจิตรา ยุยงจนทำให้พ่อลูกทะเลาะกัน และเมื่อถึงวันแต่งงานพินิจนัยกับกานพลู ทั้งคู่ต่างตกใจเพราะไม่คิด ว่ากานพลูจะต้องมาเป็น แม่เลี้ยงของผู้ชายที่ข่มขืนตนเอง ส่วนพินิจนัยก็ถูกภัสสรกับพรรณทิพาเป่าหูว่ากานพลูผ่านผู้ชายชื่อภาดามาแล้ว ก็ยิ่งทำให้พินิจนัย มีอคติกับกานพลู มากขึ้น เมื่อถึงเวลาเข้าหอกานพลูโวยวายไม่ยอม จนบดินทร์เบื่อเลยเรียกอีหนูมานอนแทนส่วนกานพลูก็หนีไปนอนกับจินดาพ่อเลี้ยง แต่งงานได้เจ็ดวันก็หัวใจวายตาย กานพลูจึงกลายเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องและเป็นคู่กัดกับลูกเลี้ยงอย่างพินิจนัย กานพลูมางานแต่งงานของภาดาโดยมีพินิจนัยตามติดมาร่วมงานด้วย เมื่อทั้งสี่คนได้พบกันต่างคนต่างตกใจเพราะเภรีพึ่งรู้ว่า พินิจนัย คือเศรษฐีตัวจริง ส่วนภาดาก็ก็อึ้งในความสวยขึ้นและรวยขึ้นของกานพลู ภาดาจึงตัดสินใจทิ้งเภรีเพราะเขาได้ปอกลอกเภรีจนหมดตัว ส่วนเภรีก็คิด จะคืนดีกับพินิจนัยเลยใส่ความกานพลูจนพินิจนัยยิ่งเกลียดกานพลู วันหนึ่งพินิจนัยกับกานพลูเกิดได้เสียกัน จนกานพลูท้อง แต่ทุกคนเข้าใจว่า ท้องกับพ่อเลี้ยงมีแต่จินดาเท่านั้นที่รู้ความจริงทั้งหมด เภรีแค้นกานพลูจึงดักยิงแต่พินิจนัยก็ช่วยเอาไว้ทัน กานพลูแค่หกล้ม ผ่าท้องเอาลูกสาว ออกมาพรรณทิพาแค้นเลยจ้างแก๊งจับเด็กไปขายให้ไปขโมยลูกกานพลู แต่พินิจนัยก็ช่วยไว้ได้ทัน กานพลูจึงตัดสินใจจากไปเพื่อความสบายใจของพินิจนัยแต่ก็ได้พาหัวใจของพินิจ นัยไปด้วย จินดาสงสารจึงบอกความจริงทั้งหมด พินิจนัยเมื่อรู้ว่าเด็กคือลูกสาวของตนเองก็ยิ่งเสียใจ ตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ภาดาแค้นจึงสมคบกับเภรีอีกครั้ง ภาดาไปลอบยิงพินิจนัยอาการสาหัส แต่ภาดากับเภรีก็โดนตำรวจจับ จินดาขอร้องให้กานพลูไปดูแลภูษิตก็เข้ามาบอกความจริงเรื่องในผับคืนนั้น ว่าพินิจนัยต่างหากที่ช่วยกานพลูไม่ให้โดนข่มขืน ในที่สุดกานพลูกับพินิจนัยก็ปรับความเข้าใจกันทั้งสองตกลงไปอยู่ในไร่ที่ กานพลูซื้อไว้อยู่กับลูกแห่งนั้นอย่างสงบตลอดไป

เมื่อดอกรักบาน 2550

เมื่อดอกรักบาน (2550/2007) ย้อนเวลาไปเกือบ 50 ปี ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของเมืองเชียงใหม่ กานท์ นักศึกษาหนุ่มหล่อจากบางกอก ไปเรียนที่เชียงใหม่ ได้ตกหลุมรัก สายไหม ทันทีที่ได้เห็นในงานวันสงกรานต์ จึงให้เพื่อนรักร่วมสถาบัน ตะวัน ช่วยค้นหาจนเจอและให้ช่วยชวน สายไหม ไปเที่ยวงานเลี้ยง แต่ สายบัว แม่ของ สายไหม ไม่อนุญาต เพราะจะให้ สายไหม เข้าพิธีหมั้นกับ ชาย โดยที่ สายไหม ไม่รู้มาก่อน หญิงสาวปฏิเสธเพราะไม่ได้รัก ชาย แม่สายบัว เลยเข้าใจผิดว่า สายไหม ชอบอยู่กับ ตะวัน ตะวัน รับปากช่วย กานท์ เรื่อง สายไหม โดยมีข้อแม้ว่า กานท์ ต้องบอกความในใจของ ตะวัน หลงรัก เคลีย สาวที่มาติดพัน กานท์ ให้รู้ เคลีย ช้ำรักจาก กานท์ เลยบอกให้ กานท์ รู้ว่า สายไหม เคยแต่งงานแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ยิ่งทำให้ เคลีย เสียใจวิ่งร้องไห้ โดยมี ตะวัน วิ่งตามไป ระหว่างทางฝนตกทั้งคู่ไปหลบที่กระท่อมทำให้ เคลีย ตกเป็นของ ตะวัน ติดตามต่อได้ใน เมื่อดอกรักบาน

มณีดิน 2550

มณีดิน (2550/2007) ปราย คือ ดาวประจำคณะลิเก แต่เพราะปัญหาชีวิตที่รุมเร้าหลังจากสามีตาย ปรายกลายเป็นคนติดเหล้า จนปรางค์ต้องรับหน้าที่เป็นทั้งแม่และพี่สาวให้กับน้องๆ แม้ว่าปรางค์จะขอร้องปรายอยู่หลายครั้งให้ปรายเลิกเหล้า แต่ปรายก็ไม่เคยทำได้สักที แต่ถึงอย่างนั้นเวลาปรายไม่เมา ปรายก็เป็นแม่ที่น่ารักและรักลูกมาก ทำให้ลูกๆ รักปรายและไม่เคยถือสาที่ปรายเป็นแบบ ติดตามต่อได้ใน มณีดิน

คุณยายสายเดี่ยว 2550

คุณยายสายเดี่ยว (2550/2007) คุณยายสายเดี่ยว เป็นเรื่องราวของ คุณยายกับหลานที่บังเอิญต้องมาสลับร่างกัน ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตของคนที่ต่างวัยกันอย่างที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน แม้นวาด มีสามีคือนายโชคชัยมีอาชีพรับราชการและเสียชีวิตไปหลายปีแล้วมีลูกสองคนคือ มณีรัตน์และเมทินี มณีรัตน์แต่งงานกับเอกชัยที่รับราชการกระทรวงมหาดไทย ทิ้งลูกชายไว้ที่บ้านที่กรุงเทพฯ คือ รดิฐ และจุฑา ส่วนเมทินีแต่งานกับภุชงค์ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทาง เกษตร มีลูกสาวคนเดียวคือ กษมา รดิฐ เป็นพี่ชายคนโต ส่วนจุฑาและกษมาเป็นทั้งเพื่อนและญาติกัน แม้นวาดเป็นคนที่ถูกสอนมาอย่างหญิงยุคเก่าเธอจึงวิตกกับการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัว เธอชอบจับตามองทุกคนในครอบครัว ส่วนเมทินีมักจะเกิดปัญหากับสามีอยู่บ้างเพราะภุชงค์มองว่าแม่ยายมีมุมมอง ไม่เหมือนคนรุ่นใหม่ แต่ภุชงค์เลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อน แม้นวาดจึงไม่เคยเข้าใจว่าทำไมกษมากับภุชงค์ตีเสมอกัน แม้นวาดพยายามจะให้เมทินี ไปเตือนภุชงค์ ทำให้ภุชงค์โกรธแม้นวาดว่าคิดแบบไร้เหตุผล เมื่อหลาน ๆ โตขึ้น แม้นวาดกังวลในตัวของกษมามากกว่าคนอื่น เพราะกษมาค่อนข้างรั้นและเฮี้ยวเปรี้ยวจนเข็ดฟันและมองโลกอย่างวัยรุ่นกษมา กลับมาจากการเป็นนักศึกษาทุนที่ต่างประเทศ โดยนั่งเครื่องมาลำเดียวกับดุสิตและภาวิต แต่ไม่ได้คุยกัน ภาพของกษมาโดนจับตามองจากทุกคนบนเครื่อง เพราะหล่อนทำเหมือนมองไม่เห็นสายตาใคร ทำให้ภาวิตนึกขำหล่อนแต่ไม่ได้ใส่ใจ พอถึงสนามบิน มีสาวสวยมารับภาวิต ชื่อพนิดา ซึ่งเป็นลูกสาวของนาย อดิเรก นักการเมืองอาชีพและคุณบังอรศรีเพื่อนร่วมรุ่นของแม้นวาด กษมาพยายามจะขอไปอยู่หอพักเพราะกลัวว่าจะต้องอยู่กับคุณยายภุชงค์กับเมทินี หว่านล้อมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ แต่หล่อนต้องจำใจอยู่กับแม้นวาดจนได้ แม้นวาดมีโลกอีกมุมหนึ่ง จนกลายเป็นปัญหาไปหมดสำหรับกษมาครั้งแรกที่พบกันแม้นวาดแทบหัวใจวายตาย เมื่อกษมาจัดการแปลงโฉมตัวเองไปในสภาพที่แม้นวาดรับไม่ได้ แม้นวาดจึงโทรไปหาทิพย์สมรเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านทำผมเพื่อที่จะให้มาแปลง โฉมกษมาให้เป็นเหมือนเดิม กษมาทั้งโกรธและขำ ที่หล่อนถูกทำเหมือนเด็กเล็ก กษมาแอบไปสมัครเป็นพริ้ตตี้ในระหว่างปิดเรียน โดยไม่บอกใคร นอกจากเพื่อนสนิทอย่างนิลุบล เมื่อหล่อนรู้ว่าคุณยายจะจัดงานเลี้ยงรับเธอในงานวันเกิดของคุณยาย เธอจึงไปหาซื้อของขวัญมาให้และยังนัดดนัยเพื่อนหนุ่มให้มาแสดงตัวเป็นแฟนของหล่อนด้วย ดุสิตอาของภาวิตทำงานอยู่ในบริษัทดนตรีในตำแหน่งประชาสัมพันธ์อาวุโส และได้ชื่อเลื่องลือเรื่องความเจ้าชู้เป็นสุดยอด ตามประวัตินั้นเคยจีบคุณแม้นวาดแต่ไม่สำเร็จ เลยไม่ยอมแต่งงาน ส่วนภาวิตถูกพนิดาตามติดแจ แต่ภาวิตก็ไม่คล้อยตามหล่อนอีกและภาวิตบอกพนิดาว่าถ้าอยากแต่งงานกับเขาก็ ต้องมาอยู่กับเขาที่ร้านขายของเก่า พนิดาคิดมากและไม่กล้าตัดสินใจ บังอรศรีแม่ของพนิดาพยายามแนะนำคุณก้อนทองให้กับพนิดา แต่พนิดากลับเมินเฉย วันหนึ่ง ที่ร้านของภาวิต มีชายแก่คนหนึ่งก้าวมาพร้อมกับย่ามเก่า ๆ เอาหีบไม้คู่หนึ่งมาให้ลวดลายบนหีบไม้นั้นสวยมาก จนภาวิตยอมรับเอาไว้ แม้กลัวว่าเป็นของโจร เมื่อภาวิตรับของแล้วผู้ชายคนนี้ก็หายไป ภาวิตเปิดกล่องดูไม่พบอะไรนอกจากกระดาษเขียนข้อความเอาไว้เป็นคำกลอนแต่ภาวิ ตไม่ได้ใส่ใจ สมพงษ์คนงานในร้านไม่ทราบนำหีบไม้ไปวางโชว์ตอนที่ภาวิตไม่อยู่ เหตุประหลาดเกิดขึ้นกับหีบไม้คู่นั้นเมื่อมีป้ายราคามาปรากฎที่หีบไม้ในวัน ที่กษมามาดูของที่ร้านพอดี มารตีหลานสาวของภาวิตที่มาช่วยสมพงษ์ไม่ทราบเลยบอกขายให้กับกษมา กษมาคิดจะมอบหีบไม้นี้ให้กับแม้นวาดในวันเกิด แต่มีเหตุให้กษมาและแม้นวาดไม่เข้าใจกัน แม้นวาดและกษมาจึงหงุดหงิด กษมานึกในใจอยากให้แม้นวาดเข้าใจตัวเองและแม้นวาดก็อยากให้กษมาเข้าใจตนเอง เหมือนกัน ขณะที่กษมามอบหีบไม้ที่ซื้อมาให้แม้นวาดก็มีอุบัติเหตุตอนเปิดหีบไม้ ทำให้หีบไม้ร่วงหลุดมือไป ทำให้ทั้งคู่หมดสติไปทั้งคืน เช้าวันต่อมากษมาเอ่ยปากอยากดื่มไวน์ ทำให้คนรับใช้ประหลาดใจ พอกษมาเข้าห้องน้ำเธอก็ตกใจเพราะเงาในกระจกกกลับกลายเป็นร่างของ แม้นวาด กษมาในร่างแม้นวาดเอะอะโวยวาย แต่ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่กษมาในร่างแม้นวาดบอก ทุกคนมองเหมือนเป็นเรื่องตลก กษมาในร่างแม้นวาด ถามหาตัว กษมา จึงทราบว่าอยู่ที่โรงพยาบาล กษมาตัวจริงพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ จึงนึกถึงหีบไม้ที่ทำตกไว้ แต่พอไปหากลับไม่พบ เธอจึงขอเบอร์ ภาวิต จากมารตีเพื่อเรียกภาวิตมาพบ ทำให้ภาวิตรู้ว่ากษมาและแม้นวาดสลับร่างกัน กษมาที่อยู่ในร่างของแม้นวาด ทำให้ลืมตัวทำเรื่องที่ไม่ควรทำหลาย อย่าง กษมาในร่างแม้นวาดมาหาแม้นวาดในร่างกษมาที่โรงพยาบาล ทั้งสองพยายามจะสลับตัวกันแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งสองจำต้องสลับร่างกันอยู่ เวลาต่อ มา กษมา ย้ายมาอยู่บ้านของแม้นวาด ทำให้ภุชงค์เชื่อว่าแม้นวาดทำร้ายกษมา และไม่สบายใจเพราะกษมาเปลี่ยนไป เวลาที่ภุชงค์จะกอดกษมา ก็โดนแม้นวาดในร่าง กษมาทำร้าย ส่วนแม้นวาดที่เขาไม่ชอบหน้าก็พยายามมาเคล้าเคลียกับเขา สองยายหลานสงบศึกและเริ่มเปิดใจให้กันกัน โดยแม้นวาดไปเรียนหนังสือ กษมาไปงานสังสรรค์เพื่อนเก่าและเป็นนายกสมาคมเพื่อนรุ่นเก่ากษมาใน ร่างของแม้นวาดก็สนิทสนมกับภาวิตจนพนิดาหึง และแม้นวาดในร่างของกษมาก็สนิทสนมกับดุสิตมากขึ้น ยิ่งทำให้เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายมากขึ้นจนเวลาผ่าน ไป ภาวิตพยายามหาวิธีที่จะให้กษมาและแม้นวาดกลับคืนร่างเดิม ภาวิตนึกถึงหีบไม้ใบอีกใบพร้อมกับคำกลอนปริศนาในกล่องไม้ จึงบอกให้กษมาและ แม้นวาดตั้งจิตให้มั่นแล้วลองกลับหีบไม้อีกครั้ง ในที่สุดทั้งสองก็ได้กลับสู่สภาพเดิม แม้นวาดและกษมาได้เห็นตัวตน ของกันและกันมากยิ่งขึ้นและเปิดใจ เข้าหากันจนเป็นยายหลานที่รักกันมาก กษมามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและไม่ทำตัวเหลวไหล ส่วนแม้นวาดย้อนกลับมามอง การใช้ชีวิตของหนุ่มสาว รุ่นใหม่ด้วยใจเป็นกลาง รวมถึงความรักของดุสิตที่มีให้ด้วย จึงรับรักคำขอแต่งงานของดุสิต สำหรับภาวิตและกษมาก็เข้าใจกัน และมีความรักต่อกัน คำกล่าวเรียกแม้นวาดเป็นคุณยายสายเดี่ยว ยังเป็นคำพูดที่ทุกคนประทับใจและอดขำไม่ได้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแม้นวาดจะประกาศในงานสมาคมนักเรียนเก่า ว่าเธอแขวนสายเดี่ยวแล้วก็ตาม

มาเฟียที่รัก 2550

มาเฟียที่รัก (2550/2007) ผักบุ้ง เด็กสาวสวยหนีการตามล่าจากพวกมาเฟีย ด้วยไม่ต้องการตกเป็นเจ้าของให้กับ เฉินหลิง เจ้าพ่อมาเฟียฮ่องกง ที่พิพัฒน์พ่อของเธอนำเธอมาไถ่หนี้ ผักบุ้งได้รับการช่วยเหลือจาก มิ้นท์ ทายาทเศรษฐีในคราบเด็กเสิร์ฟ โดยเหตุผลว่าหนีแม่เลี้ยงออกจากบ้าน ทั้งคู่เริ่มรู้สึกผูกพันและรักกันอย่างรวดเร็ว จนบังเอิญผักบุ้งได้มาพบกับชมพู่ เพื่อนสนิท กับภาสกร พี่ชายชมพู่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมิ้นท์เช่นเดียวกัน ภาสกรรู้ดีว่าแท้จริงมิ้นท์เป็นใคร ส่วนผักบุ้งเองก็เล่าความจริงเรื่องที่หนีออกมาให้ชมพู่ฟังโดยกำชับว่าเป็น ความลับเพื่อความปลอดภัยของเธอ ผักบุ้งอยู่กับมิ้นท์ไม่นาน ก็ถูกพวกของเฉินหลิงจับตัวไปโดยที่มินท์ยังมิทันจะขอเธอแต่งงาน และเล่าความจริงว่าเขาเป็นใครให้เธอทราบ มิ้นท์ตัดสินใจไปฮ่องกงพร้อมภาสกรเพื่ออกตามหาผักบุ้ง โดยไปพักอยู่กับ เหอซื่อ ตำรวจฮ่องกงเพื่อนภาสกร ฟากมินท์เองเสียใจไม่น้อยที่ต้องจากคนรัก อย่างมิ้นท์ แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับเฉินหลิง คนที่เธอเกลียดสุดหัวใจ เฉินหลิงหัวเสียทุกครั้งเมื่อผักบุ้งปฏิเสธรัก เขาให้ลูกน้องอย่างเจี้ยนหาว มาคอยดูแลรับใช้ผักบุ้ง และพยายามทำทุกทางเพื่อให้เธอรับรัก แม้เหอซื่อจะช่วยยื่นข้อเสนอของมิ้นท์ โดยนำเงินมาไถ่ตัวผักบุ้งแต่เฉินหลิงกลับปฏิเสธ นานวันผักบุ้งเริ่มรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เมื่อได้อยู่ใกล้ความเป็นมาเฟียมาดเข้ม เอาใจใครไม่เป็นอย่างเฉินหลิง เป็นเหตุให้ เฉิน เต๋อหยงน้องสาวบุญธรรมเฉินหลิง ซึ่งแอบรักเขาอยู่ไม่พอใจและคอยแกล้งผักบุ้งตลอดเวลา เต๋อหยงน้อยใจพี่ชายออกเที่ยวกลางคืนจนถูกลวนลาม และได้มิ้นท์มาช่วยโดยบังเอิญ เธอตกหลุมรักมิ้นท์อย่างมิอาจปฏิเสธ ส่วนผักบุ้งเองยังคงทำทุกทางเพื่อหนีออกจากบ้านเฉินหลิง จนเต๋อหยงเริ่มเห็นใจและกลายมาเป็นเพื่อนกัน ผักบุ้งโกหกตัวเองแต่ในหัวใจเธอรู้สึกรักเฉินหลิงจนยากจะถอนตัว และตัดสินใจจะไม่กลับไปกับมิ้นท์ เรื่องยุ่ง ๆเกิดขึ้นเมื่อลิลลี่ คู่หมั้นของเฉินหลิงกลับมา ลิลลี่แกล้งทำดีกับผักบุ้ง แต่ทำให้เฉินหลิงเช้าใจผิดว่าผักบุ้งมีความสัมพันธ์กับเจี้ยนหาว และไล่ทั้งคู่ออกไป เต๋อหยงสงสัยว่าลิลลี่เป็นคนสร้างเรื่องขึ้นจึงบอกเฉินหลิงหาหลักฐาน จนทุกอย่างเปิดโปงความจริง ลิลลี่แสร้งทำเป็นเสียใจและยอมแพ้ผักบุ้ง แต่ซ้ำแล้วลิลลี่ก็กลับสร้างความเข้าใจผิดขึ้นอีก จนผักบุ้งหนีกลับเมืองไทย เฉินหลิงเกิดอุบัติเหตุจนหมดสติขณะตามไปที่สนามบิน แม้จะบาดเจ็บพอฟื้นก็รีบออกตามผักบุ้งทันที ที่เมืองไทยผักบุ้งออกจากบ้านพ่อ มาเช่าบ้านเล็ก ๆและได้ทำงานที่ร้านกาแฟ บริษัทของมิ้นท์ เธอรู้ความจริงเรื่องมิ้นท์ ด้วยความโกรธเธอตัดสินใจลาออก มิ้นท์พยายามอธิบายจนผักบุ้งกลับมาทำงานและรับสัมพันธ์เป็นเพื่อนเท่านั้น ลิลลี่เสียใจที่เฉินหลิงไม่สนใจเธอ จึงประชดออกเที่ยวจนพบกับเหอซื่อที่หลงรักเธออย่างจริงจัง ลิลลี่ตีสนิทเหอซื่อเพื่อหลอกใช้งาน บอกเหอซื่อให้ ตรวจสิ่งผิดกฎหมายในบ้านเฉินหลิง พร้อมทั้งให้ หลี่เจี๋ย พ่อของเธอร่วมมือกับ เทียนหมิงเซิ่น กำจัดเฉินหลิง เฉินหลิงพบกับความวุ่นวายแต่ไม่เท่ากับข่าวจากเต๋อหยง เรื่องการแต่งงานระหว่างผักบุ้งกับมิ้นท์ ผักบุ้งแต่งงานกับมิ้นท์ ด้วยการสนับสนุนของพ่อและป้านวล แม้ว่าในใจผักบุ้ง จะมีแต่เฉินหลิงก็ตาม ภาสกรบอกให้ผักบุ้งไตร่ตรอง แต่เธอยืนยันเพราะไม่อยากทำให้มิ้นท์ผิดหวังอีกเฉินหลิงรีบตามมาเมืองไทย เพื่อยุติการแต่งงานที่เกิดขึ้น โดยมีลิลลี่ไล่ตามมาด้วย ในงานเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทซึ่งก็คือมิ้นท์ ผักบุ้งควงมิ้นท์ออกงาน ในขณะที่เฉินหลิงกับเต๋อหยงก็มาร่วมงานด้วยเช่นกัน ลิลลี่ส่งมือปืนมายิงผักบุ้งในงาน แต่ทำงานพลาด เฉินหลิงพาผักบุ้งหนีไปได้ เฉินหลิงพยายามขอให้ผักบุ้งกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างสายเกินไป ผักบุ้งร้องไห้ในอ้อมกอดเฉินหลิง มิ้นท์เห็นจึงเข้าใจผิด จนเฉินหลิงต้องอธิบายว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดที่รักผักบุ้งมากเกินไป ด้านเหอซื่อเมื่อรู้ว่าถูกลิลลี่หลอกใช้ก็ขอตัดสัมพันธ์จากลิลลี่เช่นกัน งานแต่งงานชองมิ้นท์และผักบุ้ง จางฉี จ้องจัดการเฉินหลิง แต่ผักบุ้งเห็นเสียก่อนเฉินหลิงจึงไหวตัวทัน เทียนหมิงเซี่ยนลากชมพู่เป็นตัวประกันเข้ามาในงาน จะยิงเข้าใส่เฉินหลิง แต่ผักบุ้งเอาตัวบังแทนจนได้รับบาดเจ็บ เธอเอ่ยปากบอกรักเฉินหลิงก่อนหมดสติ มิ้นท์เข้าใจและยอมรับความจริงจึงขอเป็นเพียงเพื่อน ในที่สุดผักบุ้งตัดสินใจกลัมมาฮ่องกงพร้อมกับเฉินหลิง ลิลลี่ยังไม่ยอมเลิกรา ด้วยความแค้นเฉินหลิง เธอหลอกให้เฉินหลิงออกมาหาและตั้งใจจะฆ่าทิ้งแต่ไม่สำเร็จ เฉินหลิงรอดตาย แต่ตื่นขึ้นมา กลับจำทุกอย่างไม่ได้ ลิลลี่ได้โอกาสใส่ความทรงจำใหม่ ใส่ความผักบุ้งและกล่อมเฉินหลิงไปอยู่ด้วยกัน ผักบุ้งเสียใจเมื่อเฉินหลิงเชื่อลิลลี่ และตั้งใจจะอยู่กับลิลลี่…….ความทรงจำของเฉินหลิงจะกลับเหมือนเดิมหรือ ไม่ ความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ต้องติดตามชมความเข้มข้น ครบทุกอรรถรส ใน มาเฟียที่รัก

แสงดาวแห่งหัวใจ 2550

แสงดาวแห่งหัวใจ (2550/2007) แสงดาวแห่งหัวใจ เป็นเรื่องราวของ ธาม พนักงานธนาคารสหัสวรรษ หนุ่มอ่อนโยนอารมณ์ดีมีชีวิตเรียบง่ายเคยชินกับความจำเจไม่กล้าตัดสินใจ ลังเลขาดความเชื่อมั่น ธามแอบมอง นภสร หญิงสาวลูกคนเล็กเจ้าของธนาคารเหมือนหมามองเครื่องบินไม่กล้าเผลอใจไปเด็ดดอกฟ้า ต่างจาก ชนะพล เพื่อนร่วมรุ่นที่ประกาศตัวตั้งแต่ต้นว่าจะพิชิตใจนภสรทำให้เธอยอมรับเขาเป็นคู่รักให้ได้ ชนะพลหาโอกาสใกล้ชิดกับนภสรทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้ธามมองชนะพลด้วยสายตาอิจฉาทุกครั้งธามเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ถูกโจรฆ่าตายต่อหน้าต่อตาตั้งแต่ยังเด็ก มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดผวาและหวาดกลัว ธามอาศัยอยู่กับ ลุงนพ เพื่อนสนิทคนเดียวของพ่อที่เอามาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ลุงนพพยายามปลูกฝังความเชื่อมั่นและกล้าหาญให้ธามแต่ไม่เป็นผล อาจเป็นเพราะปมความหวาดกลัวที่เห็นพ่อแม่เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาก็เป็นได้ ช่วงระยะ 2-3 ปีหลัง ธามซึ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างคิดไม่ถึง เขามักปวดหัวจี๊ดๆ บ่อยครั้ง แต่ร่างกายธามกลับมีพลังพิเศษตอบสนองอาการปวดหัวนั้นอย่างผิดมนุษย์ เช่นหลายอาทิตย์ก่อน…ภายหลังอาการปวดหัวจู่ ๆ เขาก็มีอำนาจจิตดึงข้าวของใกล้ตัวได้ด้วยวิธีง่าย ๆ แค่จ้องเขม็งไปที่สิ่งของเหล่านั้น วันต่อมา…หลังปวดหัวเล็กน้อย ธามกลับมีกำลังมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ทำงานบ้านได้เป็นชั่วโมง ๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หนำซ้ำยังรวดเร็วผิดปกติซะอีก อีกวันหนึ่งต่อมา…ธามเกิดอาการแปลกประหลาดอยู่ยงคงกระพันขึ้นมากะทันหัน เผลอทำมีดปาดมือแต่กลับไม่มีแผลเลือดออกเลยสักนิด แต่ความสามารถพิเศษเหล่านี้มาไม่นาน เหมือนกับอาการปวดหัวของธามที่มาเยือน เมื่อธามเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ฟังจึงไม่มีใครเชื่อ หนำซ้ำยังทำให้ความมั่นใจในตัวเองของเขาเสื่อมถอยลงไปอีก เพราะเริ่มคิดว่าตัวเองบ้าเหมือนที่คนอื่นคิดแล้ว ยิ่งสะสมความไม่มั่นใจในตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของธามยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆ ธามปล่อยให้โอกาสดีในชีวิตลอยผ่านไปอยู่เสมอ อย่างน้อยก็สองครั้ง… ครั้งหนึ่งธามกับ วินธุ เพื่อนซึ่งรักในเสียงเพลงเหมือน ๆ กัน ต่างกันที่หลายคนบอกว่าธามร้องและแต่งเพลงดีกว่าวินธุเสียอีก วันหนึ่งวินธุชวนธามเข้าสมัครประกวดร้องเพลงชิงแชมป์ประเทศไทย แต่ด้วยความไม่มั่นใจธามกลับปฏิเสธและปล่อยให้วินธุไขว่คว้าความฝันนั้น ไม่นานวินธุกลายเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องดังชื่อก้องของเมืองไทย ในขณะที่ธามยังคงเป็นพนักงานธนาคารนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เช่นเดิม ครั้งที่สองเมื่อธนาคารเปิดโอกาสให้พนักงานสอบแข่งขันชิงตำแหน่งผู้บริหารใหม่ ธามเป็นทั้งคนเก่งและคนดีเพื่อนร่วมงานยกให้เป็นตัวเก็งที่จะชนะเลิศ แต่เพราะความไม่มั่นใจในตัวเอง ธามสละโอกาสนั้นให้ชนะพลเหยียบหัวเพื่อนร่วมงานทุกคนไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ หลังจากนั้นไม่นานสาขาของธนาคารสหัสวรรษถูกโจรปล้น และจำเพาะเจาะจงมาปล้นวันที่นภสรพาพนักงานรวมทั้งธามไปเยี่ยมชมกิจการ นภสรถูกจับเป็นตัวประกันเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ส่วนธามจะด้วยเพราะตื่นเต้นหรือตื่นกลัวก็ไม่ทราบได้ เขาปวดหัวรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง…หลังจากปวดหัวธามเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขามีความรวดเร็วและมีเรี่ยวแรงพลังดุจช้างสาร ช่วยนภสรรอดจากอันตรายและเล่นงานโจรจนสลบเหมือด แต่หลังจากนั้นตัวเองกลับเป็นลมล้มตึงหมดเรี่ยวแรงไปเสียเฉย ๆ นภสรจึงไม่เห็นความดีในครั้งนี้ของเขา ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนช่วยเธอ ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจในตัวเองให้กับธามอีกเป็นทวีคูณ ด้วยตำแหน่งใหม่ชนะพลสามารถเอาชนะใจนภสร เธอเปิดโอกาสให้เขาใกล้ชิดมากกว่าเดิมจนเป็นเหมือนว่าที่แฟนหนุ่มคนหนึ่ง นภสรเป็นสาวเชื่อมั่นในตัวเองมีความรู้บริหารงานคล่องแคล่ว เป็นที่รักของพี่ชายคนโตคือ ดิตถ์ และ กณิศ พี่ชายคนรองเป็นอย่างยิ่ง เธอคือนางในฝันของหนุ่มหลายคน ธามได้แต่เฝ้ามองชีวิตคู่รักสดชื่นสวยงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบระหว่าง ชนะพล กับ นภสร ด้วยแววตาแสนเศร้าและรันทดใจ แล้วเคราะห์กรรมก็กระหน่ำเข้าใส่ชีวิตธาม เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วประเทศ ธนาคารสหัสวรรษขาดทุนอย่างหนัก ดิตถ์ ประธานธนาคารฯ หมดทางแก้ไขปัญหาฆ่าตัวตาย กณิศและนภสรต้องเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อแก้ไขปัญหา ทางออกเดียวที่ทำได้คือต้องเลย์ออฟพนักงาน ชนะพลพิจารณารายชื่อพนักงานที่ต้องโดนเลย์ออฟด้วยตัวเอง เดาได้ไม่ยากว่าพนักงานคนแรกที่จะต้องถูกชนะพลกาชื่อพิจารณาให้ออกจากงานก็คือ ธาม พนักงานที่ทำงานมานานแต่อยู่ในตำแหน่งเดิม ๆ โดยตลอด เพราะไม่มีความเชื่อมั่นและไม่กล้าตัดสินใจในทุกเรื่อง “งาน” สิ่งเดียวที่ยืนยันความมีค่าในการมีชีวิตอยู่ของธามต้องสูญสิ้น ธามขอร้องชนะพลแต่ไม่เป็นผล ชนะพลไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้กับอดีตคู่แข่งเป็นอันขาด เขายืนยันคำพูดเดียวคือธามจะต้องออกจากธนาคารไปเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ หนำซ้ำเมื่อกลับมาบ้านธามต้องทุกข์แสนสาหัส เมื่อญาติคนเดียวอย่างลุงนพถูกขี้ยาเมายาบ้าฆ่าตาย เพราะลุงนพเอาตัวเข้าแลกกับเด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ที่จะถูกปาดคอ ธามร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ปวดหัวอย่างรุนแรงเป็นลมล้มคว่ำหมดสติไปคาบ้าน เมื่อฟื้นตื่นขึ้นมาธามต้องพบความจริงที่เจ็บปวด หมอวินิจฉัยว่าธามมีเนื้องอกประหลาดในสมองเหลือเวลาอยู่บนโลกอีกไม่นาน เป็นเนื้องอกที่ขึ้น ณ จุดสำคัญที่สุดอาจทำให้ร่างกายหลั่ง “อาดรินาลีน” มากหรือน้อยกว่าปกติ ซึ่งยังไม่มีใครทราบผลของอาการนี้… ธามสิ้นหวังทุกสิ่งในชีวิตจบสิ้น ด้วยความเสียใจทำให้เขาคิดสั้นวางแผนจบชีวิตอย่างรอบคอบรัดกุม แต่มีอันต้องคลาดแคล้วความตายไปได้ทุกหน ครั้งแรกเมื่อเขาโดดลงมาจากยอดตึกระฟ้า ร่างกระทบกับคอนกรีตด้านล่าง แต่ร่างกายกลับไม่เจ็บปวด เลือดที่ไหลออกมาจากร่างหยุดไหลอย่างรวดเร็ว ร่างกายสามารถรักษาตัวเองกลับเป็นปกติราวปาฏิหาริย์ ครั้งต่อมา…ธามตัดสินใจวิ่งออกไปกลางถนนตั้งใจจะให้รถเทรเลอร์คันใหญ่บดขยี้ให้ร่างแหลกเหลว แต่สิ่งที่แหลกกลับเป็นรถเทรเลอร์ที่พุ่งเข้ามาชน ธามมีร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างมหัศจรรย์ อีกครั้ง…ธามจะไปซื้อปืนมายิงหัวตัวเอง ร้านปืนที่จะไปซื้อกลับโดนโจรปล้น ตำรวจมาปิดล้อมเต็มไปหมด ธามตั้งใจสละชีวิตต่อสู้กับโจรด้วยมือเปล่าจะได้ตายสมใจ แต่เขากลับพบความสามารถพิเศษอีกอย่าง นั่นคือสามารถต่อสู้กับโจรด้วยมือเปล่าด้วยความเฉียบขาดและรุนแรง ปราบโจรนับสิบได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้นอกจากจะตายไม่สำเร็จแล้วธามยังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะคนดีของสังคม หากแต่ทุกครั้งหลังจากร่างกายธามหลั่งสารพิเศษออกมา เขาจะปวดหัวหนักอ่อนเพลียรุนแรงถึงขั้นยืนไม่อยู่ ต้องนอนนิ่ง ๆ พักให้ร่างกายรักษาตัวเองสักระยะหนึ่งจึงจะกลับมาดำรงชีวิตได้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ธามเบื่อหน่ายกับชะตากรรมที่เล่นตลกกับชีวิตตัวเอง จะตายก็ไม่ได้…ครั้นมีชีวิตอยู่ก็ไร้คุณค่า เย็นวันหนึ่งขณะที่เขาเดินอยู่กลางสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสูงลิบ ตั้งใจจะจบชีวิต ณ ก้นบึ้งของสายน้ำเบื้องล่าง ยืนเก้ ๆ กัง ๆ นิ่งอยู่นานนับชั่วโมง…ฉับพลันมีรถตู้คันหนึ่งแล่นปราดเข้ามาจอดที่กลางสะพาน ประตูรถตู้เปิดออก ชายลึกลับโยนร่างเด็กชายอายุ 10 ขวบ ลอยร่วงลงสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง ธามกลายเป็นฮีโร่จำเป็นอีกครั้ง เขาโดดลงไปช่วยเด็กชายขึ้นมาจากน้ำเด็กชาย แนะนำตัวว่าเขาชื่อ ต้นไม้ ถูกจับมาจากโรงเรียนเพื่อเอามาฆ่า บนรถตู้เขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการแย่งชิงสมบัติของครอบครัว แต่จิตใจของธามยามนี้ไม่มีจะจิตจะใจอยากรับรู้เรื่องอะไรได้แต่พยักหน้า ตั้งใจจะเอาเด็กคนนี้ไปส่งบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อจะปฏิบัติภารกิจฆ่าตัวตายให้สัมฤทธิ์ผลเสียที ต้นไม้อ้างว่าไม่อยากกลับไปตายที่บ้าน ทั้งบ่ายเบี่ยง ทั้งวิ่งหนี กระทำตัวน่ารำคาญให้ธามที่เหนื่อยจากการออกแรงมาก ยังต้องเหนื่อยหอบปวดหัวมากกว่าเดิม ธามกัดฟันไล่ตามต้นไม้จนทัน จับมาจ้องหน้าดุ เข้าใส่ด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมที่สุดในชีวิตเท่าที่คนเคยอารมณ์ดีอย่างเขาจะทำได้ ทันทีที่จ้องไปยังใบหน้าเด็กชายต้นไม้ ธามถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจำได้ทันทีว่าเด็กคนนี้คือทายาทคนเดียวของ ดิตถ์ เจ้าของธนาคารที่เพิ่งฆ่าตัวตาย ต้นไม้เป็นหลานชายแท้ ๆ ของนภสรนางในฝันของเขานั่นเอง เมื่อพักตัวเองหนึ่งคืนจนหายเป็นปกติแล้ว ธามรีบพาต้นไม้ไปส่งบ้านโดยไม่ฟังคำขอร้องใด ๆ เมื่อมาถึงธามต้องปะทะคารมกับนภสรอย่างรุนแรง นภสรคิดว่าพนักงานแบงก์ที่โดนเลย์ออฟจับหลานชายไปเรียกค่าไถ่ กว่าจะเจรจาความกันจนรู้เรื่องก็สร้างความเหนื่อยอ่อนแกมโกลาหลให้กับทั้งเขาและเธอ ธามออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความน้อยใจนางในฝันที่ด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย โดยไม่รู้เลยว่ากำลังปล่อยให้นภสรกับต้นไม้ต้องเผชิญกับเพชฌฆาตที่กำลังปิดล้อมบ้านหลังนั้นอยู่ ขณะที่นภสรกำลังไต่ถามเรื่องราวทั้งหมดจากต้นไม้ เสียงปืนกระหน่ำยิงดังลั่น ชายฉกรรจ์หลายสิบคนถล่มคฤหาสน์หวังให้นภสรกับต้นไม้ตายคาที่ ร้อนถึงธามที่ได้ยินเสียงต่อสู้กันภายในบ้านต้องรุดเข้าไปใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองอีกครั้ง ธามต่อสู้กับเหล่าร้ายได้อย่างรุนแรงเร้าใจและน่ามหัศจรรย์ในความสามารถพิเศษ ธามสามารถช่วยชีวิตนภสรกับต้นไม้ รอด ได้ด้วยปาฏิหาริย์ส่วนตัวที่มาพร้อมกับอาการเจ็บป่วยในสมอง แต่เช่นเดียวกับทุกครั้ง เมื่อกำจัดเหล่าร้ายหมดสิ้นแล้วธามกลับปวดหัวล้มทั้งยืน หมดสติ นภสรกับต้นไม้ต้องพาธามไปส่งบ้านเพื่อให้พักรักษาตัว ขณะกำลังจะเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ นภสรจะโทรบอกกณิศที่ยังไม่กลับบ้าน แต่ต้นไม้รีบร้องห้ามบอกว่าคนน่าสงสัยที่สุดคืออากณิศ เพราะก่อนตายดิตถ์ผู้เป็นพ่อบ่นบ่อย ๆ ว่ากณิศเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่กณิศพบรักกับผู้ช่วยสาวสวยของเขา ตรีนุช กณิศก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มักจะทะเลาะเบาะแว้งกับครอบครัวอยู่เสมอ และคิดฟังความเห็นแต่เพียงตรีนุชคนเดียว ทั้งสองโซซัดโซเซจะไปแจ้งตำรวจ แต่พอไปถึงหน้าสถานีตำรวจสายตาของต้นไม้ไปปะทะกับ พบธรรม นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเข้าอย่างจัง พบธรรมกำลังสั่งงานชิ้นสำคัญกับลูกน้องคนสนิท เจษ และ พล อดีตตำรวจรับหน้าที่สายคนสำคัญ ทำหน้าที่แทนเขาในทุก ๆ เรื่อง ต้นไม้รีบดึงนภสรออกมาแทบไม่ทันเพราะ เจษ และ พล เป็นคนไปรับต้นไม้ที่โรงเรียน และโยนร่างเด็กน้อยออกจากรถตู้ลงน้ำด้วยตัวเอง นภสรมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัดสินใจโทรตามชนะพลคนรักให้มารับเธอกับหลานที่ตู้โทรศัพท์เปลี่ยวแห่งหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยอ่อนเธอเอาตัวต้นไม้ไปนั่งพักที่ศาลาริมทาง เพียงเวลาไม่กี่นาทีนภสรก็แทบเป็นลมล้มครืนกับภาพที่ปรากฏต่อสายตา คู่รักคู่หนึ่งเดินเข้าไปในตู้โทรศัพท์ตู้นั้นแทนที่เธอกับต้นไม้ ขณะกำลังพูดโทรศัพท์อยู่นั้นเองรถปิ๊คอัพลึกลับตรงเข้ามากระหน่ำ ยิงร่างทั้งสองพรุนไปทั่วร่างสิ้นใจตายคาที่แล้วหนีไป เด็กชายต้นไม้กับนภสรหมดทางเลือกในชีวิต นภสรเข้าใจว่าต้องมีคนดักฟังโทรศัพท์บ้านของชนะพลแน่ ๆ สองอาหลานเลยต้องหาที่พึ่งใหม่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง คนเดียวที่ต้นไม้คิดออกขณะนี้คือฮีโร่ในดวงใจ ธาม อดีตหนุ่มแบงก์นั่นเอง ธามฟื้นคืนสติมาในบ้านของตัวเอง ยังคงแปลกใจกับความสามารถพิเศษที่เกิดขึ้นก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง นภสรกับต้นไม้โผล่พรวดเข้ามาในห้องขอให้เขาช่วยเหลือเธอกับหลาน ธามโวยวายกับนภสรอย่างคนสิ้นหวัง เธอจะมาหวังพึ่งอะไรกับคนใกล้ตายอย่างเขา นภสรทนเห็นความอ่อนแอไม่ได้ต้องต่อปากต่อคำกับธามไปบ้าง บรรยากาศภายในห้องโกลาหลเพราะผู้ใหญ่สองคนต่อล้อต่อเถียงกันไปมา ต้นไม้กลุ้มนึกในใจว่าผู้ใหญ่บางครั้งก็ทำตัวยิ่งกว่าเด็กซะอีก เสี้ยวนาทีทันใดนั้นเอง…ธามมองลงไปที่ด้านล่างของบ้านเห็นเจษกับพลนำผู้ชายท่าทางน่ากลัวหลายคนกำลังปิดล้อม สงครามปากระหว่างนภสรกับธามจำต้องสงบลงชั่วคราว ธามใช้อิทธิฤทธิ์ที่มาทุกครั้งยามฉุกเฉิน ต่อสู้กับเหล่าร้ายพาสองอาหลานจอมยุ่งหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด เกือบเสียท่าเหล่าร้ายหน้าเหี้ยมทั้งหลาย จากคนไร้ความหมายและแก่นสารต้องการจบชีวิตตัวเอง นายธามต้องกลายเป็นบอดี้การ์ดให้นางในดวงใจกับเด็กชายวัยสิบขวบโดยไม่ตั้งใจ เฮ้อ…เขาจะทำยังไงต่อไป ในเมื่อความสามารถพิเศษที่เกิดขึ้นนี้มาพร้อมกับโรคร้าย โรคร้ายที่เป็นมัจจุราชพร้อมปลิดชีวิตเขาทุกเมื่อ หากอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเกิดขึ้นขณะต่อสู้กับเหล่าร้าย เขาจะทำยังไง ต้นไม้หิวข้าวแสบท้องจนทนไม่ไหว ประกอบกับธามก็มีอ่อนเพลียจนแทบหมดสติ ร้อนถึงนภสรต้องพาทั้งคู่ไปหาข้าวทานในฟาสฟู๊ตห้างสรรพสินค้าพร้อมกับปรึกษาหาทางหนี นภสรสงสัยกณิศพี่ชายมากที่สุด เพราะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของดิตถ์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นดิตถ์เคยบอกว่าจะแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้จัดการร่วม ประกอบกับการตายของดิตถ์มีเงื่อนงำ ธนาคารมีทางออกในการแก้ปัญหาแล้วโดยต่างชาติยินดีเข้ามาร่วมถือหุ้น พิธีลงนามการเป็นเจ้าของร่วมระหว่างกณิศกับต่างชาติจะมีขึ้นในเดือนหน้า ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยอยู่ที่หน้าร้านขายเครื่องไฟฟ้าในห้างฯ นั้นเอง จอโทรทัศน์หลายสิบจอเบื้องหลังเสนอข่าวด่วน เห็นหน้าคนทั้งสามเต็มพรืดไปหมด พบธรรมนายตำรวจมือปราบกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว ระบุว่าเขาสืบพบธามร่วมมือกับนภสรฉ้อโกงธนาคารสหัสวรรษ รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวพันกับการฆ่าตัวตายแบบมีเงื่อนงำของดิตถ์ คนในห้างสรรพสินค้าต่างหันขวับมามองธามกับนภสรเป็นตาเดียวกัน ธามรีบกระชากนภสรกับต้นไม้เดินออกมาทันทีหวังจะหนีออกไปให้พ้น แต่ก็ช้าไปแล้วเพราะมีคนแจ้งตำรวจ ศูนย์การค้าถูกปิดล้อมอย่างรวดเร็วดูเหมือนจะสิ้นหนทางสำหรับพวกเขาแล้ว ธามรีบพานภสรกับต้นไม้หลบเข้าไปที่คอนเวนชั่นฮอลล์ห้างสรรพสินค้าซึ่งมีการแสดงคอนเสิร์ตของ วินธุ นักร้องซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย แต่แล้วจะด้วยความเฮงหรือเฮงซวยก็ไม่ทราบได้ กล้องวิดีโอวงจรปิดจับภาพ กลุ่มคนดูเห็นหน้าธามอย่างชัดเจน วินธุซึ่งไม่รู้เรื่องประกาศเชิญเพื่อนรักขึ้นมาร่วมร้องเพลงร่วมกันเพื่อรำลึกความหลัง ธามสุดจะขัดขืนฝูงชนที่เบียดเสียด ร้องกรี๊ด ๆ ดันให้ขึ้นไปร่วมร้องเพลงบนเวที ขณะที่ธามปากสั่นเสียงหลงร้องเพลงอยู่นั้นเอง พบธรรมนำกำลังตำรวจมาปิดล้อมฮอลล์ไว้ ยิ้มรอเวลาที่ธามจะลงมาจากเวทีให้จับกุมโดยไม่มีทางขัดขืน แต่แล้วสมองธามบังเกิดความคิดโลดแล่น เขาประกาศใส่ไมโครโฟนว่ามีการวางระเบิดหอประชุมแห่งนี้ ผู้ชมแตกตื่นลุกฮือวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ธามกระโดดลงจากเวทีคว้ามือนภสรกับต้นไม้หนี แฝงตัวหนีออกไปกับผู้คนได้อย่างหวุดหวิด… ธามตัดสินใจพานภสรและเด็กชายต้นไม้ไปหลบภัยอยู่ที่เกาะคราม รีสอร์ทส่วนตัวสมบัติเก่าของวินธุซึ่งห่างไกลผู้คน วินธุเพื่อนรักมั่นใจว่าธามไม่ใช่คนเลวอย่างที่หลายคนคิดจึงเขียนจดหมายแนะนำตัวธามไปกับ ลุงสิงห์ ผู้จัดการเกาะครามซึ่งเป็นคนดูแลกิจการรีสอร์ทเล็ก ๆ ทั้งหมดแทนวินธุ สมาชิกของเกาะครามประกอบไปด้วยลุงสิงห์ผู้จัดการฯ ป้าผุดผาด แม่ครัวประจำรีสอร์ท นวลฉวี สาวไฮเปอร์หลานสาวแท้ ๆ ของลุงสิงห์ รวมไปถึงเจ้าปุ๊ก กับเจ้าปิ๊ก สองหนุ่มสาวชาวบ้านที่เข้ามารับทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในรีสอร์ท ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวทำให้การกบดานอยู่ที่นี่ของธามกับนภสรสามารถทำได้โดยไม่เป็นที่สงสัย ที่รีสอร์ท ธามตั้งใจจะบอกความจริงเกี่ยวกับความสามารถพิเศษที่มาพร้อมกับความตายให้นภสรรับรู้ แต่ไม่ได้จังหวะสักครั้งมักจะถูกขัดขวางโดยต้นไม้บ้าง เหล่าสมุนของป้าผุดผาดบ้าง นภสรจึงไม่รู้ว่าวาระสุดท้ายของชีวิตธามใกล้เข้ามาทุกที แรกทีเดียวสมาชิกเกาะคิดว่าธามกับนภสรเป็นสามีภรรยากัน โดยมีลูกชายคือต้นไม้ พวกเขาจัดให้พักอยูในเรือนรับรองและนอนห้องเดียวกัน ยังความโกลาหลและขวยเขินให้กับนภสรเป็นอย่างยิ่ง ธามเองก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ เพราะคราวนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสใกล้ชิดผู้หญิงคนที่แอบชอบมานาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความสุขชั่วครู่…รอวันลาจากเพราะโรคร้าย แต่มันก็เป็นความสุขใจ เกาะครามเป็นรีสอร์ทที่มีกิจกรรมผจญภัยทางน้ำต่างๆ มากมายให้กับคนมาพัก และด้วยความสามารถพิเศษของธามซึ่งมีเรี่ยวแรงมากกว่าปกติ มีความเร็วมากกว่ามนุษย์ธรรมดา ทำให้กิจกรรมความบันเทิงภายในรีสอร์ทสนุกสนานมากกว่าเดิม ประกอบกับความอารมณ์ดีของธามยิ่งทำให้หลายคนยิ้มได้ รวมทั้งนภสร…จนเวลานี้เกิดดอกรักบานขึ้นภายในใจเธอโดยไม่รู้ตัว ที่รีสอร์ทนั้นเองที่ธามกับนภสรได้มีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ธามเองตระหนักว่าตัวเองมีคุณค่ากับผู้คนรอบข้างได้เสมอถ้ารู้จักคุณค่าของตัวเอง ธามสนิทสนมกับลุงสิงห์ ป้าผุดผาด และ นวลฉวี ต้นไม้เหมือนมีธามเป็นฮีโร่ในดวงใจ นภสรเฝ้ามองธามอย่างชื่นชม เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขชัดเจนสำหรับชีวิตคนทั้งสาม ดูเหมือนธามผู้มีชีวิตธรรมดาสามัญในเมืองหลวงกลับกลายเป็นคนมีค่าสำหรับคนท้องถิ่น ก่อนที่ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี พบธรรมสืบทราบว่าทั้งสามคนหนีไปกบดานที่เกาะคราม เขาส่งทั้งตำรวจ และพลกับเจษออกตามล่าคนทั้งสามอย่างหัวซุกหัวซุน ทั้งสามไม่มีทางออกนอกจากต้องต่อสู้แบบสุดฤทธิ์กับทั้งตำรวจและโจรชั่ว ธามใช้ความสามารถพิเศษที่ออกมาช่วยเขาทุกครั้งยามฉุกเฉิน ต่อสู้กับทั้งเหล่าร้ายและตำรวจจนเกือบจะรอดพ้นเงื้อมือพวกมัน แต่แล้ว…นี่เป็นครั้งแรกที่อาการปวดหัวอย่างรุนแรงของธามเกิดขึ้นในขณะต่อสู้กับเหล่าร้ายเพื่อช่วยเหลือนภสรกับต้นไม้ ธามหมดสติล้มคว่ำหมดแรงไปเสียเฉย ๆ ทำให้พบธรรมจับกุมกับนภสรกับต้นไม้ไปได้ต่อหน้าต่อตา โดยเขาช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ธามซมซานไปขอความช่วยเหลือจากชาวเกาะคราม ในที่สุดจากการช่วยเหลือของ ลุงสิงห์ ป้าผุดผาด นวลฉวี ปุ๊ก กับ ปิ๊ก ทำให้ธามชิงตัว และพานภสรกับต้นไม้ฝ่าวงล้อมของเหล่าร้ายกับตำรวจออกมาได้โดยเหล่าวายร้ายต้องพบกับความสูญเสียไม่น้อย ธามบอกความจริงให้นภสรรู้ว่าเขาอาจจะมีชีวิตเหลืออยู่บนโลกอีกไม่นาน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษ พิสูจน์ให้เห็นความสุจริตของนภสรว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พบธรรมกล่าวหา เด็กชายต้นไม้เกิดความคิดบางอย่าง เขาจำได้ว่าเคยเล่นกล้องดิจิตอลแบบแอบถ่ายกับดิตถ์ในบ้าน ทั้งคู่ซ่อนกล้องไว้ในห้องทำงานเพื่อเล่นเกมนักสืบโดยไม่เฉลียวใจเลยว่าในคืนวันนั้นเองที่ดิตถ์จะฆ่าตัวตาย ในเมื่อทุกคนลงความเห็นว่าดิตถ์ไม่ได้ฆ่าตัวตาย กล้องดิจิตอลต้องถ่ายให้เห็นโฉมหน้าคนร้ายที่แท้จริง นภสรตัดสินใจจะบุกเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อไปเอาหลักฐานนี้มาด้วยตัวเอง ทั้งสามคนแอบเข้าไปในคฤหาสน์ของดิตถ์ได้อย่างเงียบเชียบ ต้นไม้ไปยังบริเวณที่ซ่อนกล้องดิจิตอลไว้กำลังจะเปิดดูหลักฐานทั้งหมด ทันใดนั้นกณิศก็เดินเข้ามาในห้อง ความจริงเขาเห็นคนทั้งสามตั้งแต่ก่อนเข้ามาในบ้าน รอเพียงให้ธามพานภสรและต้นไม้มาติดกับเท่านั้น ขณะนี้เขาโทรแจ้งพบธรรมให้มาจับทุกคนไปรับโทษที่ก่อไว้แล้ว กณิศด่าว่านภสรต่างๆ นานา หาว่าเป็นคนโลภหวังทรัพย์สินเงินทอง โดยลืมความถูกต้องฆ่าได้แม้กระทั่งพี่ชายตัวเอง ในขณะที่นภสรก็ประณามว่ากณิศต่างหากที่เป็นฆาตกร ขณะที่ทั้งคู่กำลังปะทะคารมกันอยู่นั้นเองความจริงก็ปรากฏต่อสายตา ภาพในกล้องดิจิตอลเห็นชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ… ภาพที่ต้นไม้ฉายออกมาในจอ ดิตถ์กำลังเปลี่ยนแปลงข้อความในพินัยกรรมเพื่อประโยชน์ของธนาคาร ชนะพลเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพบธรรมตำรวจกังฉินเพื่อนของเขา เมื่อดิตถ์เห็นหน้าชนะพลก็ด่าทอบอกว่าจะไล่ออก เพราะจับได้เรื่องที่ชนะพลร่วมกับตรีนุชใช้อำนาจบริหารโกงธนาคารวางแผนกับต่างชาติจะเทคโอเวอร์ เป็นคู่รักกับนภสรก็เพื่อผลประโยชน์ไม่ได้รักกับน้องสาวเขาจริง ๆ ชนะพลหัวเราะเหี้ยมร่วมมือกับพบธรรมฆ่าดิตถ์ตายอย่างเลือดเย็นในห้องทำงาน แล้วจัดฉากทำให้เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา ชนะพลวางแผนต่อไปจะกำจัดทายาทโดยตรงของดิตถ์และผู้บริหารของธนาคาร ที่เหลืออยู่คือ นภสร และ กณิศ เพื่อทำให้ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการเจรจากับต่างชาติแต่เพียงผู้เดียว ทุกคนในห้องตกตะลึงเมื่อเห็นหลักฐานชิ้นนี้ ชนะพลกับพบธรรมปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงาน ยินดีที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แผนการของเขาจะได้สัมฤทธิ์ผล เขาจะฆ่าทุกคน แล้วโยนความผิดว่าธามกับนภสรเข้ามาในบ้านเพื่อลอบทำร้ายกณิศแต่กณิศต่อสู้ขัดขืนจนในที่สุดต้องตายไปพร้อมกัน แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไป ธามตัดสินใจเด็ดขาดกระโดดเข้าแย่งปืนจากชนะพลกับพบธรรม ใช้ความสามารถพิเศษเพื่อปกป้องคนรักและคงไว้ซึ่งความยุติธรรม แต่เหมือนชะตากรรมเล่นตลก จู่ ๆ ธามก็ปวดหัวอย่างรุนแรงด้วยอาการประจำตัวอีกครั้ง เขาถูกชนะ พลกับพบธรรมทำร้ายจนล้มกลิ้งชนะพลเบี่ยงปืนในมือกำลังจะลั่นไกเข้าใส่นภสร ขวากหนามสำคัญที่อาจจะทำให้เขาล้มเหลวในชีวิต ธามกระโดดสุดตัวเอาตัวเข้าบังร่างนภสรไว้ เธอรอดชีวิตจากความกล้าหาญของธาม และรู้ความในใจของเขาที่มีต่อเธอตลอดมา… เด็กชายต้นไม้ใช้ความเฉลียวฉลาดร่วมมือกับกณิศ เล่นงานชนะพลกับพบธรรม เสียอยู่หมัด เพราะทั้งคู่ไม่รู้ว่าต้นไม้ซ่อนของเล่นไฮเทคมากมายไว้ในห้อง ๆ นี้ ทุกชิ้นสามารถใช้เล่นงานชนะพลกับพบธรรมให้เสียท่าโดยคาดไม่ถึง ร่างกายของธามแทบทรงตัวไม่อยู่ อานุภาพความสามารถพิเศษหมดสิ้นลงไปแล้ว ร่างกายที่เคยซ่อมแซมตัวเองได้กลับไม่ทำงาน ดูเหมือนวาระสุดท้ายของผู้ชายคนนี้ใกล้เข้ามาทุกขณะ…ธามถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลในสภาพร่างชุ่มเลือดและอยู่ในอ้อมกอดนภสรตลอดเวลา นภสรร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ เธอกอดร่างผู้ชายที่รักเธอมากและเธอก็รู้ว่ารักเขามากมายเช่นกัน เพียงเวลาเดือนเศษเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของธามและนภสรมากมาย แบบที่ทั้งคู่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน นภสรรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่แอบรักและรักเธอเรื่อยมาโดยไม่คิดจะหวังสิ่งใดตอบ แทน ได้เรียนรู้ความรักที่บริสุทธิ์ใจ แม้ว่าที่สุดแล้วอาจจะไร้การครอบครอง…ต้องแยกจากกันตลอดชีวิต ธามรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต เรียนรู้ถึงคุณค่าในตัวเองและคุณค่าต่อคนอื่น ถึงวันนี้ เขาอาจจะต้องจบชีวิตไปด้วยโรคร้าย แต่เป็นการจบลงอย่างล้ำค่า…ทำให้ใครหลายคนเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและคนรอบข้าง…โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เมื่อถึงโรงพยาบาลหมอนำร่างธามเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน ต้องช่วยชีวิตเขาทั้งบาดแผลจากคมกระสุน และต้องพยายามยื้อชีวิตเขาจากเนื้องอกในสมองที่ไม่มีทางรักษาเวลาผ่าน ไปนับสิบชั่วโมง… เตียงผู้ป่วยถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด นภสรพุ่งตรงเข้าไปหาหมอเจ้าของไข้ด้วยความเป็นห่วงคนรักอย่างที่สุด เมื่อได้ยินคำพูดออกจากปากหมอทำให้เธอถึงกับแทบล้มทั้งยืนด้วยความปิติ “ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ราวปาฏิหาริย์ เนื้องอกในสมองหายไปจนแทบไม่เห็นร่องรอย สาเหตุที่อำนาจพิเศษของธามหายไปก็เพราะเหตุนี้ ไม่ใช่เพราะอาการหนักถึงขั้นโคม่าอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ…” อาจเป็นเพราะอานุภาพแห่งความรัก ธามมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นนับตั้งแต่พบพานคนรักที่แท้จริงอย่างนภสร ปาฏิหาริย์นี้จึงเกิดขึ้นได้…เธอเป็นเหมือนแสงดาวที่ฟ้าประทานลงมาสู่ดวงใจที่กำลังจะแห้งเหือดของผู้ชายคนหนึ่ง ให้มีกำลังใจต่อสู้ไปในโลกที่โหดร้ายใบนี้ ธามกำลังจะมีชีวิตใหม่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตใหม่ที่มีนภสรซึ่งมีเขาอยู่เต็มหัวใจของเธอเสมอ รอยยิ้มและความดีงามที่ธามสร้างไว้ให้นภสรกับต้นไม้เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์แห่งกำลังใจชั้นดี ที่จะทำให้เธอต่อสู้ยืนหยัดเพื่อความดีงาม…สร้างสรรค์ชีวิตบนโลกใบนี้ให้น่าอยู่และงดงามต่อไป…

แรมพิศวาส 2550

แรมพิศวาส (2550/2007) ช่วงรัชกาลที่ 8 ราวพุทธศักราช 2485 พจน์ศิรินทร์ คหบดีใหญ่เจ้าของบ้านเดือนเต็มดวง แห่งนครปฐม มีภรรยาคือ คุณเพ็ญจันทร์ ทั้งคู่รักกันมาก แต่พอ ประพืด บ่าวคนสนิทพามาเจอ กลีบผกา แม่ค้าขายขนมแสนสวย ทำให้คุณพจน์หมดรักเพ็ญจันทร์ทันที เพราะความทะเยอทะยานอยากสบาย กลีบผกาจึงให้ ยายอุ่น แม่หมอพื้นบ้านทำยาเสน่ห์ใส่คุณพจน์จนหลงหัวปักหัวปำ และวางยาเบื่อกำจัด นายหมาย สามีของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มีลูกชายด้วยกันคือ นบ โชคดีที่เพ็ญจันทร์ผ่านมาเห็น จึงตามหมอชาวบ้านมาช่วยชีวิตนายหมายไว้ได้ทัน ทำให้นายหมายสำนึกบุญคุณของเพ็ญจันทร์เสมอมา เมื่อกลีบผกาเข้ามาอยู่ในบ้านคุณพจน์สำเร็จ ไม่เพียงแต่สร้างความชอกช้ำใจให้เพ็ญจันทร์ ซ้ำร้ายยังใส่ความว่าคบชู้สู่ชายกับ นายหมาย คุณพจน์เลยขับไล่เพ็ญจันทร์ให้ไปอยู่กับ ย่าเยื้อน แม่นมของเพ็ญจันทร์ที่เรือนบ่าวทั้ง ๆ ที่กำลังตั้งท้องอยู่ ทำให้เพ็ญจันทร์ต้องอยู่อย่างทุกข์ยากลำบาก จนคลอดลูกสาวชื่อว่า เดือนแรม กลีบผกากลับไปรับ นบ มาอยู่ด้วย โดยอ้างว่าเป็นหลานห่าง ๆ คุณพจน์จึงดูแลนบเหมือนลูกหลาน ส่งเสียให้เรียนโรงเรียนกฎหมาย ส่วนตัวนบเองก็คิดว่ากลีบผกาคือน้าจริง ๆ เพราะถูกสอนให้เรียกน้ามาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งคุณพจน์พากลีบผกาไปเที่ยวหัวหิน แต่ขากลับเกิดประสบอุบัติเหตุ ทำให้คุณพจน์ไม่สามารถมีลูกได้อีกเลย กลีบผกา จึงวางยาฆ่าปิดปากหมอเกริกเกรียงไกร ที่รักษาคุณพจน์ เพราะรู้ว่า คุณนายเรไร แม่ของคุณพจน์อยากได้หลานชายสืบสกุล และสมบัติทั้งหมดต้องตกทอดที่หลานชายเท่านั้น กลีบผกาเฝ้าปรนนิบัติคุณพจน์เป็นอย่างดี โดยไม่มีใครรู้ว่ากลีบผกากำลังวางยาให้คุณพจน์ตายลงอย่างช้า ๆ เพื่อครอบครองสมบัติทั้งหมดเอง แต่เนื่องจากกลีบผกายังไม่มีลูกชายสืบสกุลสักที จึงแอบลักลอบเป็นชู้กับประพืด จนมีลูกสาวให้คุณพจน์คนแรกคือ แน่งน้อย แต่เพราะอยากได้ลูกผู้ชายมากกว่า กลีบผกาจึงลักลอบคบชู้กับ นายลอย คนสวนที่เข้ามาอยู่ใหม่ จนมีลูกสาวด้วยกันชื่อ หนึ่งฤทัย โดยกลีบผกากลัวประพืดจะเปิดโปงความจริงจึงสั่งให้นายลอยไปดักฆ่า โชคดีที่นายหมายผ่านมาช่วยประพืดไว้ซะก่อน ทางด้านกลีบผกายังอยากได้ลูกชายมาก จึงยอมเสี่ยงที่จะมีลูกกับนายหมายอีกครั้ง โดยให้แหวนเป็นของกำนัล ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จ เธอได้ลูกชายสมใจจึงตั้งชื่อว่า มาโปรด เมื่อเดือนแรมเริ่มรู้ความ และได้รับการถ่ายทอดวิชาจับเส้นกับการนวดมาจากย่าเยื้อน เดือนแรมจึงมีฝีมือด้านการนวดมาก และมักไปนวดให้กับคุณนายเรไรเสมอ ทำให้คุณนายเรไรเอ็นดูเดือนแรมทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเดือนแรมเป็นหลานแท้ ๆ ของตนเพียงคนเดียว เวลาล่วงเลยไปหลายปียาพิษที่กลีบผกาให้คุณพจน์กินทุกวัน เริ่มสะสมจนคุณพจน์มีอาการคล้ายจะเป็นอัมพาต เดือนแรมเห็นเข้าจึงแอบมานวดให้คุณพจน์เป็นประจำจนอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กลีบผกาไม่พอใจมาก จึงสั่งให้หนึ่งฤทัยคอยกลั่นแกล้งเดือนแรมอยู่เสมอ วันหนึ่งนบได้พบกับนายหมายผู้เป็นพ่อแท้ ๆ แต่เขากลับจำไม่ได้ นายหมายเองก็ไม่กล้าบอกความจริง แต่นายหมายยังแอบมาพบนบบ่อย ๆ พร้อมทั้งสอนวิชามวยไทยให้ กระทั่งเดือนแรมได้ยินข่าวลือจากพวกบ่าวว่านบอาจจะเป็นลูกแท้ ๆ ของกลีบผกากับนายหมาย จึงรีบไปบอกนบ ทำให้นบโกรธมาก หนึ่งฤทัยเห็นนบเริ่มเหินห่างกับเดือนแรมเลยให้ ธำรง เพื่อนชายที่มาติดพันตัวเองอยู่หาทางกำจัดเพ็ญจันทร์และเดือนแรม โดยแกล้งหลอกว่าจะยอมเอาตัวเข้าแลกเป็นรางวัล แต่เพ็ญจันทร์กับเดือนแรมก็แคล้วคลาดมาได้ เพราะนบช่วยไว้ทัน ทำให้นบได้มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกับเดือนแรม ทั้งคู่จึงรู้ว่าต่างมีใจให้กัน และเมื่อธำรงมาทวงสัญญากับหนึ่งฤทัย แต่หนึ่งฤทัยกลับบ่ายเบี่ยง ธำรงโมโหจึงปลุกปล้ำหนึ่งฤทัย เจิม บ่าวคนสนิทของกลีบผกามาเห็นเข้าจึงได้ทีข่มขู่เอาเงิน ด้วยความโมโหหนึ่งฤทัยเลยพลั้งมือฆ่าเจิมและใส่ร้ายว่าเป็นฝีมือของเดือนแรม คุณพจน์โกรธมากเลยส่งเดือนแรมเข้าคุก นบพยายามหาทางช่วยเดือนแรมให้พ้นผิด คุณนายเรไรเลยเข้ามาเป็นพยานให้จนเดือนแรมหลุดคดี ทุกชีวิตในบ้านของคุณพจน์ดูมีแต่ความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งคุณพจน์ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนและต้องการเลือดเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีลูกคนไหนของกลีบผกาที่มีกรุ๊ปเลือดตรงกับคุณพจน์ นอกจากเดือนแรมที่คุณพจน์เข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นลูกชู้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นายหมายรู้ความจริงว่ามาโปรดเป็นลูกชายอีกคนของตน กลีบผกาจึงสั่งให้นายลอยไปฆ่าปิดปาก โชคดีที่นบกับสุภาพชายเข้ามาช่วยไว้ได้จึงรีบนำตัวนายหมายส่งโรงพยาบาล เพราะนายหมายเสียเลือดมาก นบจึงอาสาที่จะให้เลือดนายหมายเอง ทำให้รู้ว่ากรุ๊ปเลือดของนบกับมาโปรดรวมทั้งนายหมายเป็นกรุ๊ปเดียวกัน กลีบผกากลัวความลับทุกอย่างจะถูกเปิดเผย จึงให้ยายอุ่นวางยาเบื่อให้คุณพจน์กิน แต่คุณพจน์รอดมาได้ กลีบผกาจึงให้นายลอยฆ่ายายอุ่นเพื่อปิดปากเรื่องราวทุกอย่าง เรื่องราวจะลงเอยอย่างไรติดตามในละคร แรมพิศวาส