บันทึกรักของบุญลือ 2548
สาวน้อยอ้อยควั่น 2548

เรื่องย่อ : สาวน้อยอ้อยควั่น (2548/2005) อ้อยควั่น เด็กหญิงซึ่งเป็นลูกของ เจ้านางน้อยบุญญวง ลูกสาวของเจ้าเมืองชนกลุ่มน้อย ที่หลบหนีการรุกรานแล้วถูกฆ่าเสียชีวิต ก่อนตายฝากลูกสาวไว้กับคนสนิทชื่อ ส่าง โดยการปลอมตัวเป็นสามัญชน ปะปนมาอยู่ในค่ายของผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย จากเจ้านางน้อยต้องกลายมาเป็นนางสาวบุญญวง ที่ลำบากยากแค้น รอคอยการคัดเลือกตัวไปประเทศที่สาม วันหนึ่ง ณัฐวุฒิ มหาเศรษฐีหนุ่มอายุสี่สิบกว่า มีภรรยาชื่อ สินีนาฏ แต่ทั้งคู่ไม่มีลูกทั้งที่อยากมีลูกมาก ณัฐวุฒิได้รับ นัทธร ซึ่งเป็นหลานของภรรยามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่แบเบาะและรักเหมือนลูก ณัฐวุฒิได้มาแวะเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ เพื่อบริจาคเงินและสิ่งของให้กับค่ายแห่งนี้ ณัฐวุฒิเป็นคนติดดินและชอบการเรียนรู้ รักเด็ก เขาจึงขอพักที่ศูนย์แห่งนี้ โดยมีส่างซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้อพยพเป็นผู้ดูแลที่พักและอาหาร ส่างได้พาเจ้านางบุญญวงมาด้วย เพราะเจ้านางรับอาสามาทำความสะอาดที่พักให้ ณัฐวุฒิถึงกับตะลึงในความสวยงามใสซื่อของเจ้านาง ณัฐวุฒิหลงรักเข้าทันทีที่ได้พบ โดยส่างสังเกตเห็นด้วยความต้องการให้เจ้านางสุขสบาย จึงเปิดโอกาสให้สนิทสนมกัน โดยส่างบอกประวัติของบุญญวงว่า คือเจ้านางน้อยของชนเผ่าที่อยู่ระหว่างตะเข็บชายแดน ณัฐวุฒิหาโอกาสมาพบเจ้านาง และหาวิธีทำให้เจ้านางบุญญวงได้ออกมานอกค่าย และในที่สุดเจ้านางบุญญวงก็ตกเป็นของณัฐวุฒิ สินีนาฏสงสัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของณัฐวุฒิ จึงสืบจนได้ความจริง สินีนาฏส่งคนตามทำร้ายเธอเพื่อให้เลิกกับณัฐวุฒิ เจ้านางเสียใจมากพยายามขอเลิกกับณัฐวุฒิแต่เขาไม่ยอม ในที่สุดเจ้านางก็ตั้งท้องและได้รับการติดต่อจากสินีนาฏว่าถ้าไม่อยากตายให้ยกลูกให้สินีนาฏ ถ้าไม่ยอมทำตามจะฆ่าลูกของเจ้านางเสีย ส่วนสินีนาฏก็ทำเป็นว่าท้องให้สอดคล้องกับการรับลูกของเจ้านางมาเป็นลูกของตัวเองกับณัฐวุฒิโดยถูกต้องตามกฎหมาย เจ้านางเสียใจและได้ปรึกษากับส่าง โดยส่างให้ยอมทำตามเพื่อความสุขของหนูน้อยที่กำลังจะเกิดมา ในที่สุดเจ้านางก็คลอดลูกสาวให้ชื่อว่า ส่วยหย่ง แปลว่ากระต่ายทอง และตัดสินใจไปอยู่ประเทศที่สามคือ อเมริกา ส่วนลูกน้อยมอบให้ส่าง และส่างจะเป็นคนส่งมอบให้สินีนาฏ ณัฐวุฒิดีใจมากที่จะได้ลูก นัทธรก็ดีใจที่จะได้น้อง สินีนาฏทำทีไปต่างจังหวัด และจะอ้างว่าเธอคลอดลูกที่ต่างจังหวัด แต่ปรากฏว่าสินีนาฏรถคว่ำเสียชีวิต และความจริงปรากฏว่าเธอไม่ได้ท้อง ณัฐวุฒิเสียใจมากและไม่เข้าใจว่าทำไมสินีนาฏต้องโกหกเขาเรื่องลูก ส่างรอคอยการมาของสินีนาฏและผิดหวัง เข้าใจว่าสินีนาฏหลอก ภายหลังรู้ว่าสินีนาฏเสียชีวิต จึงวางแผนจะเอาส่วยหย่งไปส่งให้ณัฐวุฒิและบอกความจริง ปรากฏว่าเกิดจลาจลในค่ายพัก ส่างเสียชีวิตก่อนที่จะได้บอกความจริงกับณัฐวุฒิ แม่หนูส่วยหย่งที่มีเหรียญตราห้อยคอเป็นโลหะธรรมดา สลักว่าบุญญวงด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านสลักว่าส่วยหย่ง หนูน้อยส่วยหย่งถูกหญิงในศูนย์ดูแลกันตามีตามเกิดต่างคนต่างมีลูก นางมะขิ่น ได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าว ได้ขายหนูส่วยหย่งให้กับ นางสมใจ คนไทยคนหนึ่งซึ่งซื้อเอาไปขอทาน ณัฐวุฒิรีบมาที่ค่ายผู้อพยพพบว่าเจ้านางบุญญวงไปอยู่อเมริกาแล้ว มีลูกสาวแต่ไม่ทราบว่าหายไปไหนแล้ว ณัฐวุฒิเสียใจแทบเป็นบ้า พยายามส่งคนสืบหาลูกสาวแต่ไม่ได้วี่แววทำให้ณัฐวุฒิถึงกับล้มป่วย หนูน้อยส่วยหย่งระหกระเหินไปกับนางสมใจ มาถึงกรุงเทพฯ มีชื่อใหม่ว่า นังอ้อยควั่น นางสมใจเอาไปร่อนเร่ขอทาน จนเด็กน้อยอายุได้ 6-7 ขวบ ถูกทารุณทุบตีโดยสมใจตลอดเวลา พอโตขึ้นสมใจบังคับให้ไปขอทานเอง อ้อยควั่นมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลง เธอจึงสามารถเต้นและร้องเพลงสะกดให้คนทั้งหลายให้เงินเธอมากกว่าเด็กอื่นๆ อ้อยควั่นจึงตกที่นั่งลำบาก เพราะถูกเกลียดและกลั่นแกล้งโดยเด็กอื่นที่ขอทานไม่ค่อยได้ กิตติศัพท์ความสามารถของอ้อยควั่นลือไปทั่ว ทำให้เป็นที่ต้องการของพวกบังคับเด็กไปขอทาน ต่อมาอ้อยควั่นถูกแก๊งค์ลักเด็กใหญ่คือ นางสมร ลักตัวไป หวังจะเอาไปบังคับให้ขอทานเลี้ยงตัวเองอีกจังหวัดหนึ่ง ที่นั่นอ้อยควั่นพบเด็กที่ถูกบังคับและมาขังไว้จำนวนมาก อ้อยควั่นสงสารพวกเด็กๆ จึงวางแผนพาพวกเด็กๆ ก่อจลาจลและหนีออกมาในคืนหนึ่ง พวกเด็กๆ หนีออกไปได้หมด แต่อ้อยควั่นกลับถูกจับได้และถูกซ้อมจนสะบักสะบอมจนป่วย หลังจากนั้นถูกพาตัวใส่รถจะส่งไปขายที่ชายแดน ระหว่างเดินทางช่วงพักเติมน้ำมันอ้อยควั่นทั้งที่ป่วยปางตายได้แอบหนีลงมาจากรถ สมรเห็นเข้าไล่ตามจับเกิดโกลาหลกันขึ้นอีก อ้อยควั่นหลบไปที่ร้านอาหารข้างปั๊มแล้วแอบไปขึ้นท้ายรถปิคอัพคันหนึ่ง ซึ่งกำลังจะออกรถหลบหนีไป รถคันนั้นมาถึงที่หมายจะขนของลงกลับเจออ้อยควั่นนอนหลับอยู่ท้ายรถ แทนที่จะสงสารกลับทุบตี อ้อยควั่นตกใจตื่นขวัญหนีดีฝ่อไปจากรถ วิ่งเตลิดไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตนอนหลับตามข้างถนนพงหญ้า ยามหลับก็ละเมอเรียกหา แม่จ๋าอยู่ไหน เสมอ อ้อยควั่นพบหมาจรจัด ที่ตอนแรกกำลังจะแย่งอาหารกัน ผลที่สุดตัดสินใจแบ่งอาหารให้พร้อมกับตั้งชื่อว่า มู่ลี่ มู่ลี่กับอ้อยควั่นเป็นเพื่อนไปไหนไปด้วยกัน อ้อยควั่นร้องเพลงเต้นระบำและร้องเพลงหากินเลี้ยงชีวิตไปวันๆ กับมู่ลี่ ในใจอยากมีใครสักคนที่รักและดูแลเธอ อ้อยควั่นตั้งใจจะตามหาแม่ให้พบสักวันหนึ่งให้ได้ วันหนึ่งอ้อยควั่นเดินสะเปสะปะเข้ามาในตลาดกับมู่ลี่ หิวแทบเป็นลมอยากขโมยของกินเอื้อมมือไปแล้วก็หดมือ เพราะรู้ว่าบาป พบเอา ป้าเมตตา กับผู้ช่วยเดินมาจ่ายตลาดด้วยรถเข็น มีข้าวของในรถเข็นมากมายจนน่าแปลกใจ ในตระกร้ามีส้มลูกใหญ่น่ากินเต็มไปหมด ส้มหล่นลงมาอ้อยจะหยิบกินแล้วหดมือ ทันใดที่ชายคนหนึ่งวิ่งมากระชากกระเป๋าคุณป้า อ้อยควั่นอยากทำความดี จึงบอกให้มู่ลี่ช่วย มู่ลี่วิ่งไปแย่งกระเป๋าคืนมาได้ ป้าเมตตาดีใจและขอบใจอ้อยควั่นมากให้เงินอ้อยควั่นเป็นรางวัล อ้อยควั่นอยากมีใครสักคนที่เมตตาเธอ อ้อยควั่นจึงขอผลไม้และขนมปังให้มู่ลี่ เธอแอบตามไปดูป้าเมตตาเห็นป้าขึ้นรถตู้คันหนึ่งออกไป อ้อยควั่นมองตามหน้าละห้อย อ้อยควั่นกับมู่ลี่มาดักรอป้าเมตตาทุกวัน ช่วยถือของช่วยส่งขึ้นรถ ป้าเมตตาแปลกใจถามชื่อที่อยู่พ่อแม่และโรงเรียน อ้อยบอกว่าเธอตัวคนเดียวมีมู่ลี่เท่านั้นที่เป็นเพื่อน ป้าเมตตาตกใจมาก บอกว่าจะพาเธอไปพบผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าที่ป้าทำงานอยู่ อ้อยควั่นอาจจะมีที่อยู่แต่มู่ลี่ไปไม่ได้ อ้อยควั่นจึงหน้าจ๋อย ในที่สุดอ้อยควั่นตัดสินใจสะกดรอยตามคุณป้า โดยแอบเข้าไปอยู่ในรถขนอาหารของป้าเมตตา โดยเอามู่ลี่เข้าไปด้วย ในที่สุดก็มาถึงบ้านเด็กกำพร้าป้าเมตตาตกใจและรับปากจะดูแลมู่ลี่ให้ในฐานะที่มู่ลี่ช่วยแย่งกระเป๋าเงินให้ และจะไม่บอกให้ คุณแม่ปราณี ป้าเมตตาพาไปพบคุณแม่ปราณี ในที่สุดอ้อยควั่นก็ได้รับุญาตให้อยู่ที่บ้านแห่งนี้ และอ้อยควั่นมีชื่อใหม่ว่า กชกร อ้อยควั่นกับป้าเมตตาแอบเลี้ยงมู่ลี่เอาไว้ และคอยพาหลบซ่อนผู้คนแบบตลกๆ รวมทั้งคุณแม่ปราณีด้วย อ้อยควั่นได้เรียนหนังสือ ได้หัดทำงานเล็กๆ น้อยๆ อ้อยควั่นต้องต่อสู้และถูกกลั่นแกล้งจากเด็กรุ่นเก่าและโตกว่า และต้องคอยป้องกันเด็กเล็กๆ ที่ถูกรังแก อ้อยควั่นอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าจนอายุ 12 ปี หน้าตาสะสวย เริ่มเป็นสาว เรียนจบชั้น ป.6 ส่วนณัฐวุฒิพลิกแผ่นดินหาลูกสาวมาหกปีก็ยังไม่มีวี่แวว ให้ลูกชายบุญธรรมคือ นัทธร ช่วยสืบเสาะก็ไม่พบจนหมดกำลังใจให้นัทธรดูแลธุรกิจแทน นัทธรไปบริจาคเงินที่สถานเด็กกำพร้าหลายแห่ง และขอเข้าไปอุปการะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หวังจะสืบหาลูกสาวของณัฐวุฒิ นัทธรประกาศรับอุปการะเด็กเป็นลูกโดยให้เขียนเรียงความประกวดเรื่อง แม่จ๋าอยู่ไหน นัทธรเอาเรียงความทั้งหมดมาอ่านและรู้สึกประทับใจเรียงความของอ้อยควั่น เขาชอบมากตรงที่เธอแอบเลี้ยงสุนัขเพื่อนตายของเธอไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาถึง 6 ปีแล้ว อ้อยควั่นดีใจมากที่ได้รับรางวัล ด้วยการเป็นลูกอุปถัมภ์ของคุณพ่อคนหนึ่ง โดยที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าคุณพ่อของเธอคือใคร เธอได้รับโน้ตสั้นๆ จากคุณพ่อ โดยเลขาชายชื่อ จามร ของคุณพ่อ แจ้งความจำนงว่าคุณพ่อต้องการนำมู่ลี่ไปเลี้ยงดูอย่างดีที่บ้านของคุณพ่อ ส่วนอ้อยควั่นคุณพ่อจะส่งไปไว้ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง คุณแม่ปราณีดีใจด้วยกับอ้อยควั่น แต่ต่อว่าที่แอบเลี้ยงสุนัขไว้ไม่บอก อ้อยควั่นสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณแม่บ้างในช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนใหม่อ้อยควั่นได้พบผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มมากชื่อ คุณนัทธร มีเพื่อนใหม่ชื่อ ภัคภิรมย์ เป็นหลานของผู้อำนวยการ และเด็กหญิง ศลิษา มาเข้าใหม่เช่นกัน ผู้อำนวยการเรียกตัวอ้อยควั่นไปพบเพื่อสอบถามถึงผลการเรียน นัทธรอบรมให้อ้อยควั่นเข้ากับทุกคนที่นี่ได้ และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น นัทธรดูเฉยเมยเงียบขรึมเจ้าระเบียบจนอ้อยควั่นกลัว อ้อยควั่นได้รับคำสั่งจากคุณพ่อผ่านเลขาว่า ให้เธอบอกทุกคนว่าพ่อแม่เสียชีวิตและเธอมีญาติอุปการะอยู่ อ้อยกับภัคภิรมย์ไม่ถูกกัน ภัคจะดูหยิ่งพูดจาดูถูกผู้อื่น และอยากรู้ว่าทุกคนเป็นลูกท่านหลานเธอที่ไหน พูดแต่สิ่งที่หรูหราและอยากรู้มากว่าอ้อยมาจากไหนเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นญาติมาเยี่ยม ศลิษาต้องคอยไกล่เกลี่ย อ้อยควั่นมักจะเขียนจดหมายผ่านเลขาคุณพ่อ ไประบายให้ฟังอยู่เสมอ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะในวันหยุดจะมีรถคันงามและมู่ลี่น้องหมาที่ถูกแปลงโฉมจนจำแทบไม่ได้มาหาอ้อยควั่นพร้อมกับของขวัญมากมาย เช่น เสื้อผ้า ขนมนมเนย บางครั้งก็ให้รับไปเที่ยวข้างนอก มีเงินโอนเข้าบัญชีโดยให้อ้อยควั่นกดเอทีเอ็มนำเงินนั่นออกมาใช้จ่าย อ้อยควั่นได้เขียนบอกคุณพ่อว่ามากเกินไปไม่จำเป็น แต่คุณพ่อก็ยังส่งมานั่นเอง ทำให้อ้อยควั่นอยากรู้อยากพบคุณพ่อมากขึ้น แต่มิวายที่อ้อยควั่นจะขอร้องอย่างไรคุณพ่อก็ไม่เคยได้มาพบอ้อยควั่น มีแต่เลขาที่มาแทน คนที่อ้อยควั่นมักได้พบกลับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาอาทิตย์ละครั้ง ทุกครั้งจะเรียกอ้อยควั่นไปพบและอบรมเรื่องเดิมๆ สำรวจอ้อยควั่นอย่างเข้มงวด เวลาผ่านไปอีกหกปี อ้อยควั่นเรียนจบ ม.6 และได้รับข่าวร้ายว่ามู่ลี่ตายแล้วด้วยโรคชราแต่ก็ตายอย่างสงบ อ้อยเสียใจมาก แต่ก็ได้รับโน้ตจากคุณพ่อว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ให้ตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ในที่สุดอ้อยควั่นก็สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับภัคและศลิษา มีการเลี้ยงฉลองสอบติดของทั้งสามคนโดยมีอานัทธรของภัคเป็นเจ้าภาพ ที่ห้องอาหารหรู อานัทธรดูใจดีขึ้นและบอกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนของอ้อยควั่นแล้ว เขายิ้มแย้มเป็นกันเอง ทำให้อ้อยควั่นหายกลัว ศลิษาแอบกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอแอบกรี๊ดคุณอามานานแล้ว อ้อยควั่นบอกว่าเหลวไหล แต่ศลิษาบอกว่าตอนนี้พวกเราเป็นสาวแล้วเริ่มมองหนุ่มๆ ได้บ้างแล้ว นอกจากอานัทธรจะเลี้ยงแล้วพี่ชายของศลิษาคือ พี่ศรุต ยังขอเลี้ยงพวกสาวๆ อีก คราวนี้ภัคกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอปิ๊งพี่ศรุต ห้ามอ้อยควั่นมาแตะ อ้อยควั่นรับปาก มีโน้ตจากพ่อว่าอ้อยเป็นสาวแล้วให้ดูแลตัวเองดีๆ จะคบใครต้องระวัง อยู่ในวัยเรียนไม่ควรข้องแวะกับผู้ชาย อ้อยตอบไปว่าอ้อยจะไม่มีแฟน คุณพ่อตอบมาว่าดีมาก ขอให้จริงอย่างที่พูด อ้อยถามว่าคุณพ่อห่วงอ้อยหรือ คุณพ่อตอบว่าห่วงมาก เจ้านางบุญญวงเดินทางกลับมาเมืองไทยสืบหาณัฐวุฒิเพื่อตามหาลูก เมื่อทราบความจริงว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่เธอวาดแผนไว้ เจ้าบุญญวงเสียใจมาก สองคนตั้งใจจะสืบหาลูกสาวให้พบ เจ้าบุญญวงได้พบกับนัทธร และขอความช่วยเหลือให้สืบหาลูกของเธออีกแรง นัทธรบอกว่าเขาทำมาโดยตลอด อ้อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เรียนดีพอสมควร ในโอกาสสำคัญนัทธรจะมาพบสาวๆ ทั้งสามคน แต่คราวนี้ มีเจ้าบุญญวงมาด้วย เจ้ามองเด็กทั้งสามด้วยความรักและสนใจอ้อยเป็นพิเศษ ถามอ้อยถึงพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง บุญญวงบอกว่าเธอสนใจอ้อยมาก อยากรู้ว่ามาจากไหน นัทธรกลัวว่าบุญญวงจะดูถูกอ้อย จึงบอกว่าอ้อยมีพ่อแม่ เขารู้จักพ่อแม่ของอ้อย แต่ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว ตอนปิดเทอมทุกคนพากันไปซัมเมอร์ต่างประเทศ เลขาบอกว่าคุณพ่อให้อ้อยไปได้แต่อ้อยปฏิเสธ เพราะฟุ่มเฟือยเกินฐานะและเกรงใจคุณพ่อ คุณพ่อให้ทางเลือกอีกทางคือ ให้ไปพักผ่อนที่บ้านบนเขา ที่นั่นมีบุญญวงรอต้อนรับ และมีป้าไพลินคอยดูแล อ้อยแปลกใจมากว่าที่คุณป้าไพลินบอกว่าเป็นแม่นมของอานัทธร ทำไมอานัทธร คุณบุญญวง คุณป้าไพลินจึงไปเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของอ้อยได้ เขียนถามไปก็ไม่มีคำตอบกลับมา เขียนมากๆ ก็มีคำตอบดุมาว่า ถ้ารักคุณพ่อมั่นใจในตัวคุณพ่อก็ควรเชื่อคุณพ่อ วันดีคืนดีอานัทธรก็มาหาแม่นม คุณบุญญวง ให้บังเอิญว่าพี่ศรุตเกิดมีบ้าน เพื่อนที่เขาข้างๆ จึงมาพบกันโดยบังเอิญ อานัทธรดูหงุดหงิด ถามอ้อยว่านัดศรุตมาหรือเปล่า ไหนว่าจะยังไม่มีแฟน อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องพวกนี้ให้คุณพ่อฟัง และบอกว่าเธอนับถือพี่ศรุตเป็นพี่ชาย ก่อนเปิดเทอมภัคและศลิษากลับมาจากต่างประเทศแล้ว ทั้งหมดได้รับเชิญจากอานัทธรไปพักบ้านชายทะเลที่หัวหิน ที่นั่นอ้อยได้พบคุณพ่อของอานัทธรหรือคุณปู่ ท่านดูน่าสงสารและเศร้าโศก และได้ทราบว่าอานัทธรไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณปู่ และคุณบุญญวงคือภรรยาของคุณปู่ที่พลัดพรากจากกันเพิ่งมาพบกัน ทั้งสองดูรักใคร่อ้อยเป็นพิเศษ อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าให้คุณพ่อฟังว่า เธอจะรับจ๊อบเป็นสไตล์ลิสท์ให้นางแบบของ หนังสือชื่อดังแห่งหนึ่ง และเธอจะเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว คุณพ่อไม่ต้องส่งมา แต่คุณพ่อก็ยังส่งมาตามปกติ อ้อยตั้งใจเก็บเงินซื้อเน็คไทราคาแพงเส้นหนึ่ง ฝากผ่านเลขาไปให้คุณพ่อในวันปีใหม่ อ้อยอ้อนวอนขอพบคุณพ่ออีกเพื่อจะได้กราบท่าน แต่คุณพ่อกลับตอบมาว่าเมื่อถึงเวลาจะได้พบกัน และผูกเน็คไทของอ้อยไปให้ดู ตลอดวลาที่เรียนอ้อยทำของใช้และเครื่องประดับด้วยฝีมือตัวเอง ส่งให้คุณพ่อเสมอ คุณพ่ออยากได้รูปของอ้อย อ้อยก็ส่งไปให้ การเรียนผ่านไปถึงปีสุดท้าย คุณพ่อให้อ้อยตั้งหน้าตั้งตาเรียน ส่วนคุณบุญญวงยังแวะมาเยี่ยมอ้อยเสมอ จนวันหนึ่งอ้อยจึงถามว่าทำไมคุณบุญยวงถึงชื่อแปลก เธอจึงบอกว่าเรื่องของเธอยาวมาก เธอไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชนกลุ่มน้อย ที่มาอยู่ในศูนย์อพยพ และเธอกำลังตามหาลูกสาวของเธอที่ชื่อ ส่วยหย่ง ซึ่งแปลว่ากระต่ายทอง อ้อยเห็นใจและสงสารคุณบุญญวงมากและปลอบใจเธอ คุณบุญญวงยิ่งรู้สึกผูกพันถูกชะตากับอ้อยมากขึ้น หลังจากเรียนจบ อ้อยได้รับเกียรตินิยมดี ภัคได้ดีมาก ส่วนศลิษาไม่ได้เกียรตินิยม มีการเลี้ยงฉลอง อ้อยเขียนจดหมายอ้อนวอนให้คุณพ่อมางาน มาให้อ้อยกราบขอบพระคุณ คุณพ่อไม่มาแต่กลับเป็นคุณปู่ณัฐวุฒิ คุณบุญญวง อานัทธร พี่ศรุตมา อ้อยเสียใจและผิดหวังมาก คุณพ่อฝากของขวัญมาให้อ้อยเป็นรถเก๋งคันงาม อ้อยปฏิเสธไม่รับ ตอบกลับไปที่คุณพ่อว่าสิ่งที่เธอต้องการคือได้พบคุณพ่อไม่ใช่รถคันนี้ ศรุตขอเป็นคนรู้ใจของอ้อย อ้อยปฏิเสธ และมีปากเสียงกับภัคที่คิดว่าอ้อยไม่รักษาคำพูด ศลิษาต้องมาอธิบาย ศรุตเสียใจไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็คิดได้และมาขอเป็นคนรู้ใจของภัค ส่วนศลิษาขอร้องให้อ้อยช่วยเป็นแม่สื่อให้อานัทธร อ้อยตกลงทั้งที่ในใจนึกพอใจอานัทธร อ้อยกลับไปเยี่ยมคุณแม่ปราณี กราบขอบพระคุณที่อบรมให้อ้อยเป็นเด็กดี คุณแม่บอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่ติดอยู่ตอนมาที่นี่จะคืนให้อ้อย แต่ตอนนี้หาไม่พบ หากพบแล้วจะโทรไปบอกให้มารับไป ทางฝ่ายบุญญวงได้พบกับชนเผ่าเดียวกันโดยบังเอิญคือ มะขิ่น นั่นเอง มาสมัครงานที่บ้านของณัฐวุฒิ ทั้งสองดีใจที่พบกัน มะขิ่นเจ้าเล่ห์มากอยากได้เงิน โกหกว่าลูกของบุญญวงถูกผู้หญิงชื่อสมใจมาหลอกไปจากหญิงคนหนึ่งในศูนย์ คาดว่าคงเอาไปเป็นขอทาน ณัฐวุฒิกับบุญญวงตกใจ รีบส่งคนตามรอยลูกตามที่มะขิ่นบอก ทางฝ่ายมะขิ่นยังโลภมากต่อ คิดจะหาเงินทางลัด จึงสืบหาเช่นกัน เพราะหวังจะเอาลูกของเจ้านางไปเรียกค่าไถ่ จึงแอบฟังความเคลื่อนไหวของการติดตามหาลูก อ้อยได้ทำงานเป็นดีไซเนอร์และอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งที่คุณพ่อมอบให้ คุณพ่อบอกว่าคงใกล้ถึงเวลาที่เราจะพบกันแล้ว อ้อยดีใจมาก อ้อยขอพบอานัทธร และนัดให้พบกับศลิษา พยายามทำให้สองคนได้ใกล้ชิดกัน อ้อยเขียนเล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อเขียนดุกลับมาว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องของคนอื่น และยังถามว่าอ้อยชอบใครหรือยัง ถ้าไว้ใจพ่อบอกให้พ่อรู้ อ้อยหลงกลบอกว่าชอบคุณอานัทธร แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะคุณอานัทธรเหมาะสมกับศลิษา และอ้อยคือเด็กกำพร้า ในที่สุดณัฐวุฒิกับบุญญวงก็ตามสมใจตามเจอสมร โดยมีมะขิ่นรู้เห็นเรื่องราวตลอด และทั้งหมดกำลังตามหาดูว่า อ้อยจะไปที่ไหนหลังจากหนีสายสมรแล้ว ในที่สุดก็สืบได้ว่าอ้อยมาที่ตลาดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเองทางด้านนัทธรก็ปฏิเสธนิ่มๆ ไปกับศลิษาว่าเขาเอ็นดูเธอเหมือนหลาน ศลิษาเสียใจมากมาบอกอ้อย อ้อยเห็นใจเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้รับจดหมายจากคุณพ่อว่าพร้อมแล้วที่จะให้อ้อยไปพบในงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้อยแปลกใจ เพราะคือบริษัทของนัทธรเอง คุณพ่อให้อ้อยไปพบคนที่ใส่เน็คไทของอ้อย ในที่สุดคุณแม่ปราณีก็หาสร้อยของอ้อยพบและโทรหาอ้อย อ้อยกำลังอยู่ในงานแต่งตัวสวยมองหาคุณพ่อ นัทธรเองใช้เน็คไทของอ้อยกำลังเดินตรงมาหาอ้อยที่มองหาอยู่ ที่สถานเด็กกำพร้าปราณีกำลังยกขึ้นมาดู อ่านเห็นชื่อบุญญวงพลิกอีกด้านเห็นชื่อ ส่วยหย่ง ปราณีดีใจรีบโทรหาอ้อย อ้อยรับแต่บอกว่าอยู่ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้จะไปรับของ แต่แล้วอ้อยก็กลับได้ยินเสียงคุณแม่ร้องว๊ายแล้วเงียบเสียงไป พวกสมใจและมะขิ่นนั่นเองมาจับตัวปราณีไป ตอนกำลังถูกกระชากตัว ปราณียัดสร้อยใส่ไว้ใต้หมอน อ้อยเลิกตามหาคุณพ่อรีบตรงไปที่บ้านเด็กกำพร้า ไม่พบใครพบแต่ป้าเมตตา อ้อยเล่าให้ฟัง ป้าเมตตาตกใจ อ้อยมองไปเห็นสร้อย ที่แล่บออกมาจากใต้หมอน หยิบออกมาไม่ได้อ่าน แต่คิดว่าต้องเป็นของที่คุณแม่บอกว่าหาให้แน่ๆ อ้อยหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมา นัทธรผิดหวังที่อ้อยไม่ไปหาตามนัด อ้อยเขียนโน้ตฝากเลขาขอโทษ เพราะเกิดเรื่อง ทุกคนจึงรู้ว่าคุณแม่ปรารีถูกจับไป บุญญวงส่งรถไปรับอ้อยมาที่บ้าน อ้อยส่งให้ทุกคนดูว่านี่คือสร้อยที่ติดคอเธอมา ตอนที่เธอมาที่บ้านคุณแม่ปราณี แต่คุณแม่ก็เก็บเอาไว้ บุญญวงถึงกับช็อค บุญญวงให้อ้อยอ่านชื่อบนแผ่นป้ายนั่น อ้อยมองมาที่บุญญวง บุญญวงมองอ้อย ทั้งสองถลาเข้ากอดกัน นัทธรเข้ามาเห็นภาพยืนนิ่งมองดู อ้อยก้มลงกราบแทบเท้าของบุญญวง บุญญวงประคองอ้อยขึ้นมา และบอกว่าณัฐวุฒิคือพ่อของอ้อย อ้อยตะลึง ณัฐวุฒิกางแขนสามคนกอดกัน จากนั้นอ้อยก้มลงกราบที่เท้า นัทธรยืนมองแล้วหันผละออกไป ณัฐวุฒิเห็นจึงเรียกให้มารู้จักกัน อ้อยมองไปนัทธรมองตอบกลับมา สายตาของอ้อยจ้องไปที่เน็คไทของนัทธร อ้อยตะลึง อ้อยถลาไปหานัทธรโดยไม่ตั้งใจ ไม่เชื่อว่าคุณพ่อที่อุปการะเธอจะหนุ่ม ไม่ใช่คนมีอายุ นัทธรยืนนิ่ง ทั้งสองมองกันแปลกใจ ณัฐวุฒิบอกอ้อยว่านัทธรเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา นัทธรขัดเขินไม่กล้ากอดดังที่เคยเขียนจดหมายบอกไว้ แต่อ้อยกลับก้มลงกราบนัทธร และบอกพ่อแม่ว่านี่คือคุณพ่อที่อุปการะส่งเสียเธอจนเรียนจบ บุญญวงกับณัฐวุฒิตื่นเต้นดีใจและขอบใจนัทธร ต่อมาพวกมะขิ่นหาทางจับตัวอ้อย โดยใช้คุณแม่ปราณีมาขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย อ้อยจึงต้องไปพบพวกมะขิ่น พวกนั้นจับตัวอ้อยเรียกค่าไถ่ยี่สิบล้าน นัทธรใช้อุบายเอาเงินไปล่อ และช่วยอ้อยกับคุณแม่ปราณีออกมาได้ ส่วนพวกมะขิ่นกับสมใจหนีไป แต่ในที่สุดก็ถูกตามจับได้ มีงานฉลองการพบกันและประกาศว่าอ้อยคือลูกสาวของณัฐวุฒิและเจ้าบุญญวง ภัค ศรุต ศลิษายินดีด้วยกับอ้อย และกระซิบบอกว่าอานัทธรเหมาะกับอ้อยที่สุดไม่ใช่เธอ จากนั้นมีการเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วยคู่ของอ้อยกับนัทธร ตามด้วยคู่ของณัฐวุฒิและบุญญวง ภัคและศรุต มีชายหนุ่มหล่อมากมาโค้งศลิษา เห็นเป็นภาพเต้นรำสวยงาม

กุลาแสนสวย 2548
มิตร ชัยบัญชา มายาชีวิต 2548

เรื่องย่อ : มิตร ชัยบัญชา มายาชีวิต (2548/2005) พุทธ ศักราช 2477 อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นางยีคลอดลูกอย่างเดียวดาย เพราะชมผู้เป็นพ่อหนีหายไปพร้อมกับเสียงร่ำลือว่าติดผู้หญิง ยีจึงตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ โดยฝากลูกชายไว้กับพ่อผัว เด็กชายจึงถูกเรียกว่าบุญทิ้ง มีพระแช่ม อาฝน และอาหนูเลี้ยงจนอายุ 9 ขวบ ยี ได้สามีใหม่ และมีฐานะดีขึ้น จึงให้น้องสาวไปรับบุญทิ้งมาอยู่ด้วย แต่ให้เรียกว่าป้า และเปลี่ยนชื่อให้เป็น สุพิศ เขาเรียนที่โรงเรียนไทยประสาท สุพิศอายุครบ 18 เขาเป็นนักมวยโรงเรียน และเป็นตัวแทนไปชิงแชมป์กับโรงเรียนอื่น สุพิศชนะ เขานำเหรียญทองไปอวดแม่ แต่แม่ไม่สนใจสุพิศน้อยใจมาก พอจบม.6 เขาตัดสินใจเรียนต่อที่โรงเรียนศิษย์การบินที่โคราช เขาพบกับสมมาตรที่กลายมาเป็นเพื่อนรักของเขา แต่เกิดเหตุการณ์ทำให้อนาคตการบินเขาดับลง เพื่อนๆ ปลอบใจและแนะนำให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พิเชษฐ์ พุ่มเหม พิเชษฐ์ ถูกส่งตัวกลับมาที่โรงเรียนจ่าอากาศดอนเมือง เป็นครูฝึกทหารใหม่แทนการเป็นนักบิน ขณะที่สมมาตรสอบไม่ผ่านก็ถูกส่งตัวมาที่เดียวกัน เขาอยากเป็นดาราจึงชวนพิเชษฐ์ไปหากิ่ง ซึ่งเป็นนักข่าวให้ช่วย ในที่สุด สุรัฐ พุกกะเวส บรรณาธิการนิตยสารดาราไทย เกิดสนใจพิเชษฐ์และพาเขาไปพบกับผู้อำนวยการสร้างหนังหน้าใหม่ รังสรรค์ ตันติกุล และประทีป โกมลพิศ ผู้กำกับ รังสรรค์พอใจในตัวพิเชษฐ์มาก และเขาก็ได้ชื่อใหม่ที่ใช้ในการแสดงว่า "มิตร ชัยบัญชา" มิตรดีใจมากรีบกลับไปบอกป้าเพื่อให้รับรู้ ทั้งบอกว่าเขาเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่ป้ายีบอกว่าเขาคือ สุพิศ และไม่มีวันเปลี่ยนไปเรียกชื่อใหม่ มิตร เข้ากล้องวันแรกกับนางเอก 3 คน คือเรวดี ศรีวิไล นัยนา ถนอมทรัพย์ น้ำเงิน บุญหนัก มิตรสั่น หนังเรื่องชาติเสือ ทำรายได้ดีแจ้งชื่อให้ พระเอกใหม่เกิดในวงการบันเทิงอย่างสวยงาม ชีวิตเปลี่ยนไป เขาไปเช่าบ้านที่ซอยปลูกจิต บ่อนไก่ และที่นี่เขาพบว่า กระจกหน้าต่างแตกเกือบทุกวัน มิตรเริ่มสงสัย และจับได้ว่าเด็กนักเรียนหญิงชื่อจิ๋ม เป็นตัวการทั้งคู่ได้คุยและปรับความเข้าใจกันจนเริ่มชอบพอกัน จนอาของจิ๋มจับได้ มิตรแสดงความรับผิดชอบด้วยการจดทะเบียนสมรสกับจิ๋มเงียบๆ แต่ชีวิตคู่ของทั้งสองก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควร แต่ชีวิตในวงการบันเทิงของมิตรไปได้ดี ทำให้มิตรไม่มีเวลาให้จิ๋ม จนกระทั่งจิ๋มท้อง มิตรได้พบกับเพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกใหม่เรื่อง บันทึกรักของพิมพ์ฉวี มิตรรู้สึกถูกชะตา มิตรได้พบกับชม เขาดีใจที่ได้พบพ่อ และกำลังจะเป็นพ่อคน จิ๋มคลอดลูกในขณะที่มิตรรักษาตัว เพราะเกิดอุบัติเหตุ ข่าวเรื่องจิ๋มเริ่มแพร่สะพัดไปเมื่อออกจากโรงพยาบาล มิตรพาจิ๋มย้ายบ้านเพราะกลัวนักข่าวจะรู้ มิตรตั้งชื่อลูกว่า ยุทธนา ชื่อเล่นว่า ต้น เขารักลูกมาก แต่ไม่มีเวลาให้ มิตรใกล้ชิดกับเพชรามากขึ้น จนเกิดความรู้สึกพิเศษต่อกัน วันหนึ่งจิ๋มพบรูปเพชรา เธอจึงไปหาเพชราและบอกว่าเธอคือ เมียของมิตร เพชราจึงตัดสินใจที่จะไม่ขอรับไมตรีจากมิตรในฐานะอื่น นอกจากพี่ชาย มิตรเริ่มรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเพชรากับนักร้องคนหนึ่ง เขาจึงทำทุกวิถีทางให้เธอใจอ่อน จนทั้งคู่ทะเลาะกัน มิตรได้พบกับดารา หน้าใหม่ กิ่งดาว ดารณี ในกองถ่ายหนังเรื่องใจเดียว พอพบกันต่างก็ว่างท่าปั้นปึ่งใส่กัน ในขณะที่เพชราสนิทสนมกับนักร้อง มิตรเลยเปลี่ยนท่าทีมาสนใจกิ่งดาว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่กิ่งดาวถูกพ่อกับแม่ขัดขวาง เธอจึงตัดสินใจไปอยู่บ้านนางเลิ้งกับมิตร ทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยเพราะความขี้หึงของเขา วันหนึ่งกำไลข้อมือต้นถูกขโมย จิ๋มไปแจ้งความจนกลายเป็นข่าว แต่มิตรคิดว่าจิ๋มเป็นคนให้ข่าวทั้งคู่จึงทะเลาะกัน จิ๋มของหย่า กิ่งดาวรู้ข่าวทางหนังสือพิมพ์ เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับมิตรอีก แต่พอมิตรมาง้อเธอก็ใจอ่อน มิตรสร้างบ้านใหม่ เขาให้จำรัสเพื่อนเก่ามาดูแล กิ่งดาวไม่ชอบจำรัสเพราะเห็นว่าไม่ซื่อตรง จำรัสเองก็ไม่ชอบกิ่งดาวเพราะรู้ทันเขา จำรัสหาโอกาสทำลายกิ่งดาว ด้วยการเป่าหูมิตรตลอด จนทำให้ทั้งสองมีปากเสียงกันบ่อย

สาวใช้คนใหม่ 2548

เรื่องย่อ : สาวใช้คนใหม่ (2548/2005) ดำรัสสิริ เพิ่งจัดงานฉลองปริญญาศิลปศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1 ไปในวันนี้ เธองดงามสดชื่นแจ่มใสและมีความสุขที่สุด ก่อนที่จะพบว่าโลกทั้งโลกถล่มทลายไปในพริบตา เมื่อ ดำริและจรัสศรี พ่อและแม่เสียชีวิตพร้อมกันในวันต่อมา ทิ้งมรดกจำนวนหนึ่งไว้ให้ มรดกที่ดำรัสสิริจะต้องจัดการอย่างดีที่สุดเพื่อเป็นหลักในการดำรงชีวิตของเธอ รวมทั้งบริวารเก่าแก่จำนวนหนึ่งในบ้าน บ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่ดำรัสสิริให้ทางราชการเช่า ส่วนตัวเธอย้ายไปอยู่ตึกหลังเล็กๆ ทาสีชมพูในบริเวณบ้าน ใช้เงินสดที่เป็นมรดกอย่างประหยัด และมีรายได้ไม่มากนักจากอาชีพนักเขียนนวนิยายให้นิตยสารรายสัปดาห์ ชีวิตของดำรัสสิริคงจะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่เหมือนมรสุมพัดผ่านมา นวนิยายที่เธอเขียนในนิตยสารฉบับนั้นถูกคนอ่านประท้วงอย่างหนัก จนบรรณาธิการผู้ไม่สามารถต่อต้านกระแสความไม่พอใจขอร้องให้เธอจบนวนิยายเรื่องนั้นทันที พร้อมทั้งถอดเธอจากการเป็นนักเขียนประจำฉบับ ดำรัสสิริไม่สามารถประกอบอาชีพนักเขียนต่อไปได้ แต่เธอจำเป็นต้องหางานทำ เครื่องใช้ไฟฟ้าผ่อนส่งที่ซื้อมายังวางอยู่ในบ้าน บริวารยังต้องการเงินเดือนโดยเฉพาะ แม่ปุ้ย คนเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กและรักเธอยิ่งนัก ดำรัสสิริตัดสินใจให้คนมาเช่าตึกสีชมพูของเธอ เธอจะปลอมตัวเป็นสาวใช้แต่แม่ปุ้ยไม่ยอมเด็ดขาด เธอจึงออกไปอยู่กับญาติของแม่ปุ้ย โดยก่อนหน้านั้นเธอกับแม่ปุ้ยไปหาเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันในมหาวิทยาลัยเป็นเจ้านางลาวคือ เจ้าคำแก้ว คนเช่าตึกสีชมพูเป็นนักเขียนหนุ่มชื่อ ไผท แม่ปุ้ยทำสัญญาเช่าแค่เป็นเวลา 1 ปี โดยสัญญาว่ากลับจากธุระแล้วจะมาเป็นคนใช้ทำงานบ้านให้ ธุระที่ว่านั้นคือพาดำรัสสิริไปประเทศลาวนั่นเอง ไผทเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง มีรายได้ดี ตัวไผทเองมีอดีตที่เจ็บปวด พ่อของเขาคือ ศราวุธ เป็นเศรษฐีร่ำรวยมาก แต่ไม่รักไผทเพราะคิดว่าเป็นลูกชู้ พี่น้องของไผทคือ ผุดพงษ์ พี่ชายคนโต ผ่านพักตร์ น้องสาวคนรอง ผาดภรณ์ น้องสาวคนสุดท้อง และเผ่าพันธุ์ น้องชายคนสุดท้อง ทั้งหมดไม่ชอบไผท และพอใจที่ไผทต้องออกจากบ้านไปในที่สุด ไผทได้ภรรยาเป็นสาวสวยลูกสาวเศรษฐีผู้ดีเก่าชื่อ จันทร์เจ้า แต่พ่อแม่จันทร์เจ้าเป็นผู้ดีเก่าแต่โครง จันทร์เจ้ารู้จักไผทได้ไม่นานก็ยอมเป็นภรรยา เพราะนอกจากไผทจะหน้าตาหล่อเข้ม นัยน์ตาคมกริบมีพลังเหมือนเหยี่ยว ยังเพราะไผทเป็นนักเขียนรายได้ดีเข้าขั้นเศรษฐีย่อยๆ แต่ชีวิตสมรสต้องอับปางลงอย่างรวดเร็ว เพราะจันทร์เจ้าติดการพนันงอมแงม ไผทตามใช้หนี้จนเบื่อจนในที่สุดก็แยกทางกัน อดีตที่ขมขื่นเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ไผทกลายเป็นคนเกลียดผู้หญิงสวย มองโลกในแง่ร้าย เก็บตัว ไม่อยากติดต่อสัมพันธ์กับใคร ดำรัสสิริออกหางานทำแต่งานช่างหายากหาเย็น วันหนึ่งแม่ปุ้ยเกิดอุบัติเหตุขาหักในขณะที่มาเยี่ยมเธอที่บ้านของ ไฝคำ ญาติแม่ปุ้ย ณ วินาทีนั้น ดำรัสสิริก็เห็นช่องทางทำมาหากินอย่างทะลุปรุโปร่ง วันรุ่งขึ้นเธอนุ่งผ้าถุง เสื้อเก่าๆ เคี้ยวหมากปากเปรอะออกเดินทางไปตึกสีชมพูเพื่อไปเป็นคนใช้ เธอพบเจ้านายที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ในขณะที่เจ้านายแปลกใจที่พบสาวใช้หน้าตาดูได้ แต่เคี้ยวหมากปากแดง และบอกว่าตัวเองชื่อ ดำ นับจากวันนั้นมาเป็นวัน-เวลาของเหตุการณ์แปลก ตลกขบขัน หรือความขัดแย้งของเจ้านายและคนใช้สาวผู้มีบุคลิก ความคิดและการกระทำแปลกๆ เจ้านายคือ ไผท ไม่พูดและไม่มองไม่เห็นดำ เริ่มต้นจากความขัดแย้งในวันแรก ส่วนสาวใช้ก็หาวิธีการต่างๆ นานามาแกล้งไผท อาทิ แกล้งปิ้งขนมปังไหม้ดำเกรียม ทอดไส้กรอกไหม้ ใส่เกลือแทนน้ำตาลลงในถ้วยกาแฟ ทำให้ฟังคำสั่งต่างๆ นานาของไผทไม่รู้เรื่อง พูดเป็นภาษาอีสานลาวอย่างเดียวจนไผทฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แกล้งทำงานบ้านเสียงดังวุ่นวายจนไผทไม่มีสมาธิเขียนหนังสือ เป็นต้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้ดำรัสสิริรู้สึกว่าช่างเหมือนนิยายน้ำเน่าที่เธอปฏิเสธเจ้าของนิตยสารว่าเธอไม่ยอมเขียนทำให้เธอต้องตกงานยังไงยังงั้น ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดบ้าง ตลกขบขันบ้างของเจ้านายและสาวใช้คนใหม่ดำเนินไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งไผทค้นพบว่าสาวใช้คู่อริของเขาอ่านหนังสือของเขาทุกเรื่อง แถมยังวิเคราะห์วิจารณ์ได้เข้าท่า เขาทึ่ง แปลกใจ และต่อจากนั้นเขาก็ทดสอบความรู้ของดำเรื่อยๆ มาจนในที่สุดด้วยกลอนพาไปทำให้ไผทรู้ความจริงหลายอย่างของสาวใช้คนนี้ รวมทั้งครั้งหนึ่งที่ดำเคยเขียนนวนิยายลงนิตยสาร ดังนั้นไผทจึงบอกให้ดำลองเขียนเรื่องสั้นมาให้อ่าน อ่านจบไผทรู้ว่าดำเขียนนวนิยายได้แน่นอนเพียงแต่ยังไม่เข้าใจตลาดคนอ่านเท่าไหร่นัก ต่อจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนไป ไผทกลายเป็นที่ปรึกษาในการเขียน และดำก็ไม่ย่อท้อที่จะฝึกฝน ทดลองเขียนเรื่องแล้วเรื่องเล่า โดยเฉพาะเรื่องสั้นเพราะไผทบอกว่าการเริ่มต้นที่ดีคือ การเขียนเรื่องสั้น ดำหมกมุ่นอยู่กับการเขียนเรื่องสั้น ทุกเรื่องไผทตรวจแนะนำ และให้กำลังใจด้วยความอุตสาหะของดเรื่องสั้นเรื่องแรกได้ตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง เมื่อดำรู้ความดีใจทำให้ผวาเข้ากอดไผทโดยความลืมตัว ณ วินาทีนั้น ความรักที่ทั้งสองฝ่ายพยายามเก็บงำไว้ในใจก็ถูกเผยต่อกันและกันจนหมดสิ้น แต่ขั้นต่อไปต้องเป็นการเขียนเรื่องยาว การถูกตอบโต้รุนแรงในอดีตทำให้ดำหวั่นวิตกและไม่ค่อยกล้าเขียน ไผทให้กำลังใจสนับสนุน ดำครุ่นคิดหาพลอตเรื่องที่เหมาะสม เรื่องนั้นควรสนุกด้วยและควรเป็นเรื่องที่มีสรตะ มีความดีให้กับคนอ่าน และสุดท้ายควรเป็นเรื่องสมจริงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ขณะที่กำลังปรึกษากันอย่างเครียด ไผทนึกได้ว่าครอบครัวของเขานั่นเองเป็นวัตถุดิบอย่างดีกับนวนิยายเรื่องยาวสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นแผนการณ์ให้ดำเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริงจึงเริ่มขึ้น สิ่งที่ดำทำได้ดีอยู่แล้วขณะนี้คือการเป็นสาวใช้ ข้อมูลทุกอย่างจะไม่สามารถรอดหูรอดตาคนใช้ แผนการณ์ดำเนินต่อไปจนดำเข้าไปเป็นคนใช้ในบ้านของไผทได้สำเร็จ ดำต้องพูดลาวเพราะสาวใช้คนใหม่ของบ้านนี้มีคุณสมบัติที่เจ้าของบ้านระบุคือ ต้องเป็นคนอีสาน วันแรกที่ดำเข้ามาทำงานในบ้านนี้ ดำรู้แล้วว่านี่คือ วัตถุดิบยอดเยี่ยมที่เธอจะหาไม่ได้จากที่อื่น เธอรู้ดีถึงบรรยากาศซ่อนพิษริษยาในหมู่พี่น้องได้ทันที คืนแรกที่ดำนอนในคฤหาสน์หลังนี้ ระหว่างอยู่ในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอเห็นมารดาของไผทเข้ามาหาบอกดำว่าเธอยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะห่วงไผท รอจนกว่าไผทจะมีความสุขสมหวังจึงจะไปเกิดใหม่ได้ และเธอดีใจที่ไผทเลือกดำมาเป็นคู่ชีวิตเพราะดำเป็นคนดี ฉะนั้นดำไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้นในระหว่างที่อยู่คฤหาสน์หลังนี้ เพราะจะคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ดำตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ดำไม่มั่นใจว่าใช่เรื่องจริงหรือความฝันจนได้มาเห็นรูปที่ติดอยู่บนฝาผนังในห้องโถงใหญ่ เธอขนลุกซู่ รู้ว่าเป็นเรื่องจริงแน่นอน และเมื่อดำเห็นศราวุธบิดาของไผทที่นอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง รู้สึกสงสารเห็นใจไผทที่ไม่สามารถมาดูแลบิดาได้เลย ดำจึงตั้งใจปรนนิบัติดูแลให้หายจากการป่วยครั้งนี้ ศราวุธมีอาการดีขึ้นตลอด และเริ่มเอ็นดูดำเป็นพิเศษ เวลาเดียวกัน ดำเริ่มวางแผนหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนในคฤหาสน์หลังนี้ เธอรู้ว่าผุดพงษ์เป็นคนคดในข้องอในกระดูก คอรัปชั่นทุกทาง และเป็นคนที่สามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น โดยดูจากการว่าจ้างบริษัท รปภ.แห่งหนึ่งให้ส่ง รปภ.มาเฝ้ายามที่คฤหาสน์หลังนี้ทุกจุด ที่สำคัญห้ามคนนอกเข้าออกจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเขา หนำซ้ำบนขอบรอบรั้วคฤหาสน์กั้นด้วยลวดหนามไฟฟ้าแรงสูง แม้แต่นกไปเกาะก็ถูกไฟดูดตายหลายต่อหลายตัวมาแล้ว ส่วนคุณอู๊ดภรรยาของเขาพยายามทุกวิถีทางเอาหน้าตามสมาคมสงเคราะห์ต่างๆ ส่วนงานในบ้านเธอละเลยทุกอย่าง รวมทั้งบิดาของสามีด้วยโดยให้เหตุผลว่าเธองานยุ่งมาก และพูดยกยอผาดภรณ์ว่าทำหน้าที่เหล่านี้ดีกว่าเธอแน่นอน ผาดภรณ์พอใจในคำชมนี้ แม้ว่าบางครั้งจะแกล้งบ่นไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย แต่ทุกคนรู้ดีว่าผาดภรณ์พูดเพื่อสร้างความสำคัญให้กับตัวเองเท่านั้น ส่วนเผ่าพันธุ์ก็เหมือนชายหนุ่มโสดทั่วๆ ไป โดยเฉพาะเรื่องความเจ้าชู้ แต่ก็มีน้ำใจและความยุติธรรมในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกอยู่บ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งดำมีโอกาสบอกศราวุธถึงเรื่องของไผท ศราวุธขอร้องให้พาไผทมาหาเพราะรู้ความจริงแล้วว่าไผทเป็นลูกจริง การพาไผทมาหาพ่อก็ต้องวางแผนอย่างรัดกุม เพราะผุดพงษ์พี่ชายคนโตร้ายกาจและขัดขวางตลอด ไผทต้องปลอมตัวเป็นหมอรดน้ำมนต์จากอีสานมารักษาเจ้าคุณ เมื่อไผทมาถึงศราวุธจัดการแต่งงานให้กับไผทและดำ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้ไผทได้ ต่อจากนั้นไม่นานศราวุธก็เสียชีวิต หลังจากศราวุธเสียชีวิต คฤหาสน์หลังนี้ก็เกิดความอลหม่าน พี่น้องต่างทะเลาะเบาะแว้งเพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติ อีกทั้งต่างฝ่ายต่างหาที่ซ่อนทรัพย์สมบัติทุกซอกมุม ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนของใครก็ตาม หรือห้องบนหลังคาใต้โดมของคฤหาสน์หลังนี้ หรือแม้แต่ห้องเก็บของหลังครัวก็ยังถูกค้นอย่างละเอียด ยกเว้นตู้เย็นใหญ่เก่าผุพังสนิมเขรอะเต็มไปหมด หนำซ้ำประตูตู้เย็นมีกาวยางสีแดงเลอะเทอะปิดแน่นหนา ตู้เย็นใบนี้ตามประวัติคือสาเหตุที่ทำให้ศราวุธเป็นอัมพาต ทุกคนจึงรังเกียจมาก วันหนึ่งเจ๊กขายของเก่ามาตีราคาของเก่าทั้งหมดในบ้าน ยกเว้นตู้เย็นผุพังเก่าแก่หลังนั้นไม่มีใครเอา ในที่สุดตู้เย็นตกเป็นของดำ ดำขนตู้เย็นกลับไปให้ไผท บอกไผทว่านี่เป็นของที่มารดาของไผททิ้งไว้ เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาภายในคือเงินและเครื่องเพชรชุดใหญ่ สมบัติที่พี่น้องทุกคนค้นหาแทบเป็นแทบตาย เรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดในนวนิยายเรื่องใหม่ของดำ นวนิยายที่ถูกกล่าวขานว่าถูกเขียนขึ้นอย่างสมจริงอย่างมีเหตุผลไม่เพ้อฝัน

ค้นรัก...สุดขอบฟ้า 2548

เรื่องย่อ : ค้นรัก...สุดขอบฟ้า (2548/2005) แพรภา เด็กสาวชาวเหนือหน้าตาสะสวย นิสัยกล้าแกร่งปากไวใจกล้าจนได้ฉายาในหมู่คนรู้จักว่า ยัยตัวแสบ แพรภาเป็นลูกสาวของ ไกรสร กับลดา มีน้องสาวชื่อ จิรณี เป็นฝาแฝด นิสัยของสองพี่น้องไม่ค่อยเหมือนกัน แพรภาออกไปทางกล้าแกร่ง แต่จิรณีเรียบร้อยนุ่มนิ่ม ไกรสรพ่อเด็กสาวเป็นข้าราชการระดับกลางๆ ประจำจังหวัด ลดาเป็นอดีตนางงามมีนิสัยทะเยอทะยานอย่างรุนแรงที่จะมีชื่อเสียง แต่เมื่อตัวเองทำไม่ได้ก็หันไปบงการแพรภาลูกสาวให้เอาดีทางด้านเด่นดังคือการเป็นดารา เธอเกณฑ์ให้แพรภาประกวดนางงามทั้งเวทีเล็ก เวทีใหญ่ พยายามหาทางเข้าแข่งขันเกมต่างๆ ทางโทรทัศน์แต่แพร่ภาก็ยังไม่มีชื่อเสียง จิรณีน้องแพรภาคอยเชียร์ แต่จิรณีไม่กล้าขึ้นประกวดเองเพราะนิสัยไม่ก๋ากั่นเหมือนพี่สาว แพรภาถูกลดาเสี้ยมสอนมาแต่เล็กแต่น้อยว่าให้รักสวยรักงาม และให้ใช้ความสวยความงามเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จ และให้จับตามองแต่ผู้ชายรวย ผู้ชายยากจนให้ตั้งข้อรังเกียจไว้ก่อน เรื่องการสร้างฐานะให้มั่นคงด้วยมันสมองและสองมือของตัวเองจะสู้การพึ่งพาเงินผู้ชายไม่ได้ แพรภาซึมซับความคิดที่ว่านี้ไว้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นลดายังเกณฑ์ให้ไกรสรผู้เป็นสามีหาทางทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่งให้ได้เงินเดือน 2 ขั้นทุกปี รวมทั้งหาทางร่ำรวยให้ได้จนไกรสรกลัดกลุ้ม ภูษิน เด็กเสิร์ฟร้านอาหารในตัวจังหวัดหลงรักแพรภา และแพรภาก็สนใจภูษิน ทั้งคู่แอบสัญญาณกันว่าเมื่อโตขึ้นจะแต่งงานกัน แต่ลดาห้ามขาดไม่ให้แพรภารักภูษิน โดยอ้างว่าภูษินเป็นหลาน ลุงมะขาม ที่มีอาชีพรับจ้างทำนา ไม่มีสมบัติใดๆ ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แพรภาจำต้องไล่ภูษินเตลิดเปิดเปิงพร้อมดูถูกดูหมิ่นภูษิน สร้างความโกรธแค้นให้ภูษินอย่างหนัก โดยเด็กหนุ่มไม่รู้ว่าแพรภาถูกแม่บังคับให้ทำอย่างนี้ หลังจากไล่ภูษินไปแล้วแพรภาต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพราะจริงๆ เธอไม่ต้องการไล่ภูษิน เธอทำตามคำสั่งลดาที่ทำตัวเป็นจ้าวหัวใจเธอ จิรณีเห็นแพรภาทุกข์หนักก็ให้แพรภาไปขอโทษภูษิน แพรภาตัดสินใจวิ่งกลับมาขอโทษเด็กหนุ่ม แต่ภูษินที่ยังโมโหกลับทำเสียเรื่อง เด็กหนุ่มตะเพิดแพรภากลับ และบอกตัดเยื่อใยแพรภา แพรภาเสียใจประกาศว่าในเมื่อตนรักภูษินแต่ภูษินไม่รักตน ตนจะค้นหารักใหม่ให้เจอ แม้จะต้องไปไกลสุดฟ้าก็จะค้นหารักให้พบจะไม่งอนง้อภูษิน ภูษินก็โต้กลับว่าค้นเท่าไหร่ก็ค้นไม่เจอ และแช่งเข้าให้ว่าให้อกหักผิดหวังตลอดทั้งชาติ ภูษินสาบานว่าชาตินี้เขาต้องเอาดีเหนือแพรภาให้ได้ ลุงมะขามไม่ให้ภูษินแค้น เพราะคนบงการในเรื่องนี้คือลดา ส่วนคนที่คอยปลอบใจภูษินอีกคนคือ พัชรี เด็กสาวคนบ้านเดียวกันที่ฐานะพอๆ กับภูษิน ต่อมาแพรภาถูกลดาบังคับให้ไปรัก ปราน ลูกชายนักธุรกิจคนสำคัญทางภาคเหนือ โดยปรานมีแฟนอยู่แล้ว แพรภาได้จังหวะเลยทำทีเป็นรักและชอบปรานเสียเหลือเกิน เพื่อเย้ยภูษินที่บังอาจเสือกใสไล่ส่งเธอ การนี้สร้างความเจ็บช้ำให้ภูษินมากยิ่งขึ้น ลุงมะขามแนะให้ภูษินหย่าศึกกับแพรภา โดยให้ภูษินมาบอกแพรภาว่าที่เขาไล่ตะเพิดเธอก็ด้วยอารมณ์ที่จริงเขายังรักแพรภาเสมอ แต่แพรภาไม่สนใจคำบอกบอกภูษิน กลับจี๋จ๋าเข้าหาปรานหนักขึ้น สร้างความขบขันให้จิรณีน้องสาว จิรณีรู้ดีว่าแพรภาไม่ได้พิศวาสปรานเลย ปรานเองก็ไม่ได้รักแพรภา เขารักและต้องการแต่งงานกับ วิณินา ลูกสาวนักธุรกิจคนสำคัญในจังหวัด แพรภาแอบดีใจที่ปรานไม่ได้รักเธอ ส่วนจิรณีนั้นโล่งใจไม่เช่นนั้นเธอคงได้เห็นพี่สาวตกนรกตายทั้งเป็น หากต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก ภูษินเมื่อเห็นแพรภาผิดหวังจึงเย้ยหยันว่ายังค้นหารักไม่ทันจะสุดขอบฟ้าแล้วจะเจอได้อย่างไร ทั้งคู่ปะทะคารมกันอีกครั้ง ในช่วงนี้ลุงมะขามได้ช่วยชีวิตไกรสรไว้โดยบังเอิญ และฝ่ายแพรภาก็ได้ช่วยชีวิตลุงมะขามไว้โดยบังเอิญเช่นเดียวกัน ไกรสรสำนึกในบุญคุณของลุงมะขาม ส่วนลุงมะขามก็ซาบซึ้งในพระคุณของแพรภา โชคลาภครั้งสำคัญมีมาถึงครอบครัวไกรสร-ลดา-แพรภา-จิรณี ไกรสรถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ถึง 4 ใบพร้อมนั้นก็มีคำสั่งจากกระทรวงให้ไกรสรเข้าประจำที่กรุงเทพฯ โดยชั้นยศของไกรสรสูงขึ้น ไกรสรอยากปักหลักอยู่ที่จังหวัดภาคเหนือไปจนตาย แต่ลดาไม่ยอมเธอต้องการผลักดันแพรภาให้เด่นดังมีชื่อเสียงแทนเธอให้ได้ ที่สำคัญนางมีแผนที่จะไปหาแฟนรวยให้แพรภาที่กรุงเทพฯ หลังจากผิดหวังจากปรานแล้ว ไกรสรซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตร โดยแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาต้องการอยู่ที่นี่จริงๆ ทุกคนไม่เห็นด้วยในที่สุดทั้งหมดก็อพยพเข้ากรุงเทพฯ โดยไกรสรและครอบครัวไปซื้อบ้านหลังใหญ่ ไกรสรชวนลุงมะขามไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยในฐานะที่ลุงมะขามมีพระคุณต่อไกรสร ซึ่งมะขามก็ไป การจากไปของแพรภาสร้างความผิดหวังเสียใจให้ภูษินอย่างยิ่ง เขาเข้าใจว่าแพรภารังเกียจที่เขายากจน เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าแพรภาไปตามแรงผลักดันของลดา และแม้จะมีพัชรีคอยปลอบใจแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก อีกอย่างลุงมะขามสั่งเด็ดขาดว่าห้ามภูษินโกรธแค้นแพรภา เพราะแพรภามีพระคุณต่อลุงมะขาม จิรณีให้แพรภาตัดสินใจครั้งสำคัญจะลงเอยกับภูษินโดยกลับไปงอนง้อขอคืนดีกับภูษิน หรือจะเข้ากรุงเทพฯ แพรภาตัดสินใจวิ่งกลับมาเพื่อขอโทษภูษิน แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พัชรีกำลังปลอบภูษินอยู่พอดี ทำให้แพรภาเข้าใจผิดคิดว่าที่เขาไล่ตะเพิดเธอเป็นเพราะภูษินไปมีใจให้พัชรี แพรภาหันกลับและประกาศซ้ำด้วยอาการเศร้าหมองว่าได้เวลาค้นหารักที่แท้จริงแล้ว ภูษินตามมาบอกแพรภาว่าเขาไม่ได้มีอะไรกับพัชรี แต่แพรภาเข้ากรุงเทพฯ เสียก่อน ไกรสรซื้อบ้านหลังใหญ่ที่กรุงเทพฯ ราคา 8 ล้านตามความต้องการของลดาและลูกๆ ซื้อรถจนเงินที่ถูกล็อตเตอรี่หมดลง จากนั้นลดาก็วิ่งเต้นผลักดันให้แพรภามีชื่อเสียงในฐานะดารา โดยมีจิรณีคอยเชียร์ตลอดเวลา ที่สุดแพรภาก็ได้เป็นดาราดังได้สำเร็จ โดยการช่วยเหลือของ พิมพ์ประภา ม่ายสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิง พิมพ์ประภา มีลูกสาวชื่อ ณิชนุช ที่อยู่ในวงการบันเทิงด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในงานอาชีพ ส่วนสามีของม่ายสาวพิมพ์ประภาเสียชีวิตนานแล้ว ความสำเร็จของแพรภาสร้างความริษยาให้ณิชนุชอย่างมาก ลดารู้ดีว่าอาชีพดาราหาความแน่นอนไม่ได้ จึงยุให้แพรภาพยายามคบหาผู้ชายฐานะดี แต่แพรภาปฏิเสธ ลดาไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรแพรภาได้ เนื่องจากจิรณีน้องสาวแพรภาคอยขวางไว้ไม่ให้ลดาข่มเหงจิตใจแพรภามาก ช่วงนี้จิรณีมีแฟนแล้วชื่อ กรธนา เป็นหนุ่มรูปหล่อ เจ้าชู้ จิรณีหลงรักกรธนามาก แม้บางครั้งจะถูกทำร้ายร่างกายถูกบังคับข่มเหงแต่จิรณีก็ยอม ความที่ลดามัวแต่วิ่งหนุนแพรภาให้มีฐานะที่มั่นคงทั้งด้านการแสดงและด้านการมีชีวิตแต่งงานที่ดี ทำให้ลืมดูแลไกรสรสามี ปรากฎว่าม่ายสาวพิมพ์ประภายุให้ณิชนุชที่อยู่ในวงการบันเทิงแอบใกล้ชิดกับไกรสร แล้วเอะอะทำท่าจะเอาเรื่องไกรสรจะต้องทั้งถูกออกจากราชการ ต้องติดคุกข้อหาล่วงละเมิดต่อผู้เยาว์ นอกจากไกรสรจะเซนต์โอนบ้านราคา 8 ล้านให้เป็นชื่อของพิมพ์ประภา ไกรสรจำใจต้องยอม ภูษินในฐานะลูกจ้างร้านอาหารทางเหนือเริ่มมาป้วนเปี้ยนกับครอบครัวของไกรสร ลดา แพรภา จิรณี โดยภูษินมาเยี่ยมลุงมะขามและร่วมรับรู้ความเป็นไปตรงนี้ ภูษินและแพรภาทำท่าจะหันกลับมาคืนดีกัน และจิรณีก็เชียร์แพรภาด้วย เพราะจิรณีรู้ว่าแพรภารักภูษิน และลดาคอยไล่ภูษินไปให้พ้น เพราะภูษินยากจนเป็นแค่หลานลุงมะขามลูกจ้างในบ้าน ภูษินเจ็บช้ำเขาคิดว่าแพรภาเมินเข้าเป็นเพราะเธอเป็นดาวเด่นฟ้า แต่เขาต่ำต้อย อีกทั้งภูษินเข้าใจว่าการที่แพรภามองหาผู้ชายรวยเป็นนิสัยส่วนตัวของแพรภาที่คอยคิดแต่จะพึ่งพาเงินจากกระเป๋าคนอื่น ซึ่งเป็นอาการที่เขาไม่ชอบเลย ลุงมะขามค้านแล้วค้านอีกว่าไม่ใช่ แต่ภูษินก็ยังปักใจเชื่อ ลดายุให้แพรภาลงทุนผ่อนบ้านและผ่อนรถ โดยจิรณีเห็นด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระให้แพรภา แพรภาขัดไม่ได้จำต้องยอมเป็นหนี้ครั้งใหญ่ ภูษินกล่าวหาว่าแพรภาฟุ้งเฟ้อ แพรภาโกรธ เธอทำเพื่อแม่และน้อง แต่กลับมาถูกภูษินคนต่ำชั้นกว่าต่อว่า แพรภาไล่ภูษินให้กลับไปจมโคลนจมเลนที่บ้านนอกตามเดิม ที่สุดแพรภาและจิรณีก็ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่โตไม่น้อยกว่าบ้านหลังเดิมที่ไกรสรอยู่กับพิมพ์ประภาและณิชนุชพร้อมหนี้สินก้อนโต ลุงมะขามทำหน้าที่ขนย้ายข้าวของโดยมีภูษินมาช่วย ซึ่งลดาก็คอยกันไม่ให้ภูษินและแพรภาได้ใกล้ชิดกัน ส่วนลุงมะขามวิ่งรับใช้ 2 บ้าน คือบ้านลดา แพรภา จิรณี และบ้านไกรสร ความที่แพรภาต้องมีภาระเพิ่มขึ้นทำให้แพรภาต้องใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ความดังคงอยู่เพื่อเงินจะได้ไม่ขาดมือ แต่แพรภาไม่เคยคิดจะใช้วิธีวิ่งไล่จับผู้ชายรวยตามที่ลดาบังคับให้ทำเพราะใจแพรภาอยู่ที่ภูษิน มีนักธุรกิจชื่อ อัมรินทร์ คอยแวะเวียนมาจีบแพรภา แพรภาไม่ได้รังเกียจเพราะเธอไม่ได้รัก แต่ความที่แพรภาแค้นภูษินเลยทำเป็นประชด แพรภาปฏิบัติการค้นหารักโดยการทำทีเป็นชอบอัมรินทร์เสียเหลือเกิน และประกาศว่านี่แหละคือเนื้อคู่ตัวจริงของแพรภาที่เธอกำลังค้นหา คนที่เจ็บหนักสุดคือกระยาจกภูษินที่มาป้วนเปี้ยนเยี่ยมเยียนลุงมะขามอยู่เสมอ ซึ่งสร้างความสะใจให้แพรภาอย่างยิ่ง ลดาสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้แพรภาคบหากับอัมรินทร์ เนื่องจากอัมรินทร์เป็นเศรษฐีขี้เหนียว ยิ่งอัมรินทร์ประกาศว่าหากแต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องเซ็นสัญญาว่าเธอไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของอัมรินทร์ จะได้แค่ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดมากๆ เท่านั้น ลดาจึงต้องการให้แพรภาอยู่ห่างจากอัมรินทร์ให้มากที่สุด การกีดขวางของลดาสร้างความคับแค้นใจให้แพรภา ไม่ใช้เธอผิดหวังในความรักเพราะเธอไม่ได้รักอัมรินทร์ แต่เธอหงุดหงิดที่ลดาทำตัวเป็นจ้าวหัวใจจนเธอไม่อาจตัดสินใจอะไรเองได้เลย แพรภาจำต้องถอยจากอัมรินทร์ ท่ามกลางความยินดีของภูษิน ภูษินเย้ยหยันแพรภาต่างๆ นานา โดยอ้างว่าแพรภาเจอผู้ชายที่ฉลาดจริงเข้าแล้ว อัมรินทร์ไม่ใช่คนโง่ให้แพรภาหลอกล้วงเงินในกระเป๋าเขาได้ แพรภาแค้นกับคำพูดของภูษิน เด็กสาวตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของลดา ตกลงเป็นแฟนกับพระเอกหนุ่ม รัชภูมิ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทั้งต้องการประชดภูษิน ทั้งต้องการที่จะใช้รัชภูมิเป็นตัวกันไม่ให้นักข่าวซุบซิบเธอได้ว่าเธอเป็นดาราประเภทมีเบื้องหลังเป็นพวกไล่จับเสี่ย เธออ้างว่าเธอมีแฟนแล้ว แฟนย่อมไม่ยอมให้เธอไปวิ่งไล่จับใครๆ อีกอย่างแพรภาทนแรงยุของจิรณีไม่ไหว จิรณียุให้แพรภารับรัชภูมิเป็นแฟน ท่ามกลางความแปลกใจของแพรภา เพราะตลอดมาจิรณีคอยแต่จะหาทางทำให้แพรภากับภูษินสามารถลงเอยกันได้ แต่ครั้งนี้กลับมายุให้แพรภาไปชอบรัชภูมิ แพรภาหารู้ไม่ว่าจิรณีที่มีแฟนอยู่แล้วคือกรธนาจอมเจ้าชู้ แอบชอบรัชภูมิ และรัชภูมิก็ชอบจิรณี เพราะจิรณีท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่รัชภูมิไม่อาจเปลี่ยนไปรักชอบจิรณีโดยเปิดเผยได้ เนื่องจากจิรณีมีแฟนแล้ว อีกอย่างคือเนื่องจากตัวรัชภูมิเป็นดาราที่ไม่ดังสุดขีด รายได้ไม่มากนัก และเขาต้องพึ่งพาความดังของแพรภาในการทำให้เขามีงาน การมีข่าวว่าเป็นแฟนกับแพรภาทำให้รัชภูมิเป็นที่สนใจของผู้คนและมีงานต่อเนื่อง ลดาค้านไม่ยอมให้แพรภาเป็นแฟนกับรัชภูมิ นางต้องการให้แพรภาแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจฐานะดีและใจดี พร้อมจ่ายไม่อั้น แต่ลดาทำอะไรไม่ได้เพราะแพรภาขู่ว่าถ้าลดาบังคับจิตใจเธออีก เธอจะออกจากวงการบันเทิงไม่ย้อนกลับมา ภูษินที่เทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านนอกกับกรุงเทพฯ ถึงกับซึมไปเลย ภูษินนั้นหลังจากที่ถูกแพรภาสลัดรักเขาก็เก็บหอมรอมริบเงินที่ได้จากการเป็นลูกจ้างร้านอาหารรวมทั้งใช้ความรู้ด้านการทำอาหารที่เขาแอบฝึกจากพ่อครัวในร้าน เขาสามารถเปิดเพิงอาหารเล็กๆ ที่จังหวัดบ้านเกิดได้ โดยขอเช่าที่ดินเปล่าของไกรสรพ่อของแพรภา ภูษินพยายามประคองให้กิจการมีกำไร และเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็นำเงินไปซื้อที่ดินทีละเล็กละน้อย จนสามารถเป็นเจ้าของที่ดินเริ่มแรก 2 ไร่ ตรงจุดใกล้ตัวเมืองและเปิดสวนอาหาร จากนั้นก็พัฒนาจนกลายเป็นร้านอาหารระดับดีของจังหวัด และเริ่มทำไร่ส้มเขียวหวาน ไม่ถึง 10 ปี ภูษินที่แพรภาเคยดูหมิ่นก็มีรายรับเฉพาะจากการทำไร่เดือนละหลายแสน นอกจากนั้นภูษินยังศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้น การที่เขามาเยี่ยมลุงมะขามบ่อยๆ ก็เพื่อแว่บมาศึกษาการลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ โดยศึกษาว่าลงทุนอย่างไรจึงจะไม่มีการเสียหาย ภูษินกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ของจังหวัด สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนว่าเขาทำได้อย่างไร พัชรีสาวชาวไร่ที่หลงรักภูษินและเป็นเพื่อนที่ดีของภูษินมาตลอดทำงานเป็นผู้จัดการไร่ให้ภูษิน พัชรีต้องการแต่งงานกับภูษิน แต่เขาไม่อาจเหลือใจให้ใครได้อีกนอกจากแพรภา ภูษินไม่ให้ลุงมะขามบอกแพรภาเด็ดขาดว่าเขาร่ำรวยขึ้น เขาเชื่อว่าแพรภาเหมือนดาราบางคนที่ชอบเป็นข่าวซุบซิบกับผู้ชายร่ำรวย เขาต้องการให้แพรภาได้รับบทเรียนความลำบากของการสร้างตัว แต่ลุงมะขามค้านโดยบอกว่าที่แพรภามีพฤติกรรมอย่างนั้นเป็นเพราะลดาบังคับให้เป็น ตัวตนแท้ๆ ของเธอไม่ใช่อย่างที่เห็น และจริงๆ แล้วแพรภารักภูษิน ภูษินลังเลไม่แน่ใจว่าจะเชื่อลุงมะขามดีหรือไม่.ชายหนุ่มตัดสินใจพิสูจน์ กรณีของรัชภูมิภูษินยื่นมือเข้ามาขวาง สร้างความไม่พอใจให้แพรภาทำให้ทั้งคู่ขัดแย้งกัน จนถึงขั้นแพรภาเกือบจะเผลอบอกภูษินว่าเธอรักเขาไม่ได้รักรัชภูมิ แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะมีภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เธอต้องพยุงอาชีพดาราหาประโยชน์ และตัวกันนั้นคือรัชภูมิ แต่ภูษินเข้าใจว่าแพรภาไม่กล้าที่จะไปยอมอดอยากกับเขา เพราะแพรภาไม่ได้รักเขาอย่างที่ลุงมะขามเข้าใจ ภูษินคิดว่าแพรภาใช้รัชภูมิเป็นฉากบังหน้ากลบเกลื่อนพฤติกรรมวิ่งไล่จับผู้ชายรวย งานนี้ลุงมะขามเหนื่อยหนัก เพราะภูษินพอรวยแล้วก็กลับมามีนิสัยเอาแต่ใจตัว แผนในการปลอมเป็นคนจนเข้ามาใกล้ชิดเพื่อพิสูจน์ใจแพรภา ทำท่าจะแตกหลายครั้ง ลุงมะขามต้องวิ่งกลบเกลื่อนอย่างหนัก เนื่องจากสงสารหลานชายกลัวไม่ได้เจอรักแท้ ระหว่างนี้เวลาที่แพรมีปัญหาเรื่องการเงิน ก็มักมีบุรุษนิรนามส่งเงินมาให้โดยแนบจดหมายที่เขียนด้วยลายมือสั้นๆ บอกว่าประสงค์จะออกเงินช่วยแต่ไม่ประสงค์จะออกนาม สร้างความงุนงงให้แพรภา แพรภาพยายามหาเจ้าของเงิน ตอนแรกคิดว่าเป็นรัชภูมิที่แกล้งทำให้เธอเซอร์ไพรส์ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ และเมื่อถามอัมรินทร์ก็ปรากฏว่าไม่ใช่อีก ในที่สุดแพรภาก็เก็บเงินนั้นไว้ โดยความเห็นชอบของจิรณีแต่ไม่บอกให้ลดารู้ แต่ในที่สุดลดาก็รู้จนได้และบังคับให้แพรภานำเงินนั้นออกมาใช้ แพรภาต้องการให้จิรณีเลิกกับกรธนา เพราะกรธนาไถเงินจิรณีแถมทำร้ายร่างกายจิรณีด้วย แต่จิรณีไม่ยอมเลิกจนเมื่อจับได้ว่ากรธนาแอบเอาเงินที่จิรณีขอจากแพรภาไปปรนเปรอผู้หญิงอื่น เธอจึงตัดสินใจขอเลิกโดยทันที กรธนาไม่ยอมและทำร้ายร่างกายจิรณีจนต้องเข้าโรงพยาบาล แพทย์ตรวจพบว่าจิรณีป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด จิรณีปิดเงียบไว้ไม่ยอมบอกใคร หญิงสาวเก็บงำความทุกข์ไว้แต่เพียงผู้เดียว รัชภูมิเห็นจิรณีเลิกกับกรธนาจึงเข้าไปปลอบ แพรภาจับได้ว่ารัชภูมิแอบนอกใจเธอไปชอบจิรณี แพรภาโกรธเพราะเธอเสียหน้าและอับอายผู้คนในสังคม และยิ่งเมื่อกรธนาแฟนเก่าจิรณีมาอาละวาด รัชภูมิกลับต่อสู้กับกรธนาเพื่อแย่งชิงตัวจิรณี แพรภาก็ยิ่งโมโหเพราะแสดงว่ารัชภูมิรักจิรณีจริงๆ แต่แล้วจากความโมโห แพรภาก็ต้องช็อคเมื่อได้รู้ว่าจิรณีเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดแพรภาทำอะไรไม่ถูก ส่วนจิรณีนั้นเธอหวาดกลัวมาก แต่คนที่ยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างจิรณีตลอดไป คือรัชภูมิ ทำให้แพรภาซาบซึ้งในรักที่รัชภูมิมีให้จิรณี เธอเลิกที่จะโมโหรัชภูมิที่นอกใจเธออีกต่อไป คนที่มึนจนแทบเสียสติคือลดา เพราะลดารักจิรณีมาก ลดาเผลอขับรถด้วยการที่สติไม่อยู่กับตัวแล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แพรภายิ่งแทบล้มทั้งยืน ภูษินอาสาช่วยงานศพลดาและช่วยด้านแรงงานต่างๆ เพราะภูษินไม่กล้าช่วยเรื่องเงิน เนื่องจากเขาแสดงตัวเป็นคนยากจนมาโดยตลอด ภูษินได้แต่ส่งเงินมาช่วยแพรภาในชื่อของบุรุษนิรนาม แต่แพรภาก็กัดฟันเก็บเงินนั้นไว้โดยไม่ยอมใช้ อัมรินทร์นักธุรกิจจอมขี้เหนียวพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ต้องแลกด้วยการที่แพรภาจะต้องเป็นแฟนกับเขา แพรภาไม่ยอมเธอให้เขาได้แค่ความเป็นมิตรที่ดีเท่านั้น อัมรินทร์เข้าใจเขาสัญญากับแพรภาว่าเขาจะพยายามใช้ความดีของเขาเอาชนะใจแพรภาให้ได้ แพรภาอยากประกาศรักที่เธอมีต่อภูษินแต่เธอทำไม่ได้ เนื่องจากเวลานี้นอกจากภาระเรื่องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ในฐานะเป็นดาราจะค้ำคอเธออยู่แล้ว การเจ็บป่วยของจิรณีที่ต้องใช้เงินมาก ยังมาเป็นตัวทำให้ให้เธอจะหันไปหาความยากจนไม่ได้ และการยอมรับภูษินคนนอกวงการเป็นแฟน อาจทำให้เธอถูกซุบซิบจนไม่มีงาน ฝ่ายไกรสรเขาถูกพิมพ์ประภาและณิชนุชบังคับให้ลาออกจากราชการก่อนกำหนด แล้วให้ไกรสรนำเงินไปเล่นหุ้นโดยไม่มีการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการลงทุน ไกรสรหมดตัวพิมพ์ประภาโกรธไล่ไกรสรออกจากบ้าน ไกรสรหน้ามืดตกบันไดหัวฟาดพื้นและกลายเป็นอัมพาต แพรภาต้องรับตัวไกรสรมาดูแลทำให้เธอต้องเพิ่มภาระมากยิ่งขึ้น แพรภาจำต้องนำเงินที่บุรุษนิรนามส่งมาให้ไปใช้ จากภาระที่หนักหน่วงรอบด้านแพรทำท่าจะตัดสินใจไปหาอัมรินทร์ที่พยายามทำดีกับเธอมาโดยตลอดจนเธอเห็นใจ แต่พอเห็นหน้าภูษินแพรภาก็เปลี่ยนใจและถอยออกจากอัมรินทร์ทันที หญิงสาวตัดสินใจหันไปขอความช่วยเหลือพิมพ์ประภาในฐานะที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงให้ช่วยผลักดันให้เธอมีงานต่อ แต่พิมพ์ประภากลับให้แพรภาหันไปคบกับนักธุรกิจฐานะดีที่ชื่อ วัชระ แต่แพรภาไม่ยอมและวิ่งหนีออกมาจนพบภูษิน ภูษินพาแพรภาหลบนักข่าว เขาคิดว่าแพรภามาคบกับเสี่ยเองไม่ได้มีใครมาหลอกให้เธอมา ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง นักข่าวได้ภาพของแพรภากับวัชระเศรษฐีหนุ่มไปและเอาไปเขียนข่าวซุบซิบ ทำให้อรนุชภรรยาของวัชระที่มีอิทธิพลในวงการบันเทิงเสียหน้าอย่างรุนแรง ด้วยความโกรธแค้นเธอใช้อิทธิพลบังคับให้แพรภาออกจากวงการบันเทิงโดยทันที พิมพ์ประภาโกรธที่แพรภาไม่ยอมเป็นเมียเก็บวัชระ และแอบรู้โดยบังเอิญว่าจิรณีป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เธอจึงบอกนักข่าวว่าน้องสาวของแพรภาเป็นเอดส์ กลายเป็นข่าวซุบซิบใหญ่โต สถานการณ์ของแพรภาย่ำแย่ลงทั้งบ้านรถยนต์กำลังจะถูกยึดเนื่องจากไม่มีเงินจะส่ง แถมเงินจากบุรุษนิรนามก็หายไปเสียเฉยๆ หลายครั้งที่แพรภาถูกชักจูงให้ไปคบหากับคนที่เธอไม่ได้รัก แต่จิตใต้สำนึกบอกให้เธอปฏิเสธ รวมทั้งคำพูดกวนๆ บางอย่างของภูษินที่คอยวนเวียน แถมชายหนุ่มยังยื่นมือเข้าขวางทุกครั้งที่แพรภาจะถูกหลอกให้เดินทางผิด ภูษินพยายามแนะให้แพรภานำเงินที่เหลือไปลงทุน โดยการทำกิจการเล็กๆ ก่อน แต่แพรภาที่อยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีความมีชื่อเสียงค้ำอยู่ไม่อาจทำได้ ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนัก ในที่สุดแพรภาก็หันไปหาลุงมะขามเพื่อของให้ลุงมะขามช่วยหาทางเอาบ้านที่พิมพ์ประภายึดจากไกรสรพ่อเธอกลับคืนมา เพื่อเธอจะได้ตัดปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยที่ธนาคารจะมายึดไป ซึ่งก็เข้าล็อคของภูษินที่ต้องการสั่งสอนแพรภาให้รู้จักสร้างงานและเงินที่เกิดจากมันสมองและสองมือของตนเองไม่ใช่คอยหวังพึ่งแต่เงินคนอื่น ลุงมะขามเมื่อรู้ว่าภูษินคิดอะไรอยู่ก็ค้านโดยอ้างว่าแพรภามีชีวิตที่สุขสบายหรูหรามาตลอด เป็นไปไม่ได้ที่แพรภาจะไปรับสภาพตามที่ภูษินต้องการได้ และถ้าแพรภารู้ว่าภูษินมีเจตนาจับเธอไปทรมานเธอจะเกลียดภูษิน และภูษินจะรับไม่ได้ แต่ภูษินดื้อดึงว่าจะสอนบทเรียนให้แพรภาท่ามกลางความกังวลของลุงมะขาม ลุงมะขามจำต้องมาบอกแพรภาว่าการนี้ต้องใช้เส้นสายผู้มีอิทธิพล และในตัวจังหวัดลุงมะขามเห็นมีอยู่คนเดียวที่พอจะช่วยแพรภาได้ แต่คงมีเงื่อนไขอะไรบางอย่าง แพรภาบอกว่าเธอยินดีทำทุกอย่าง ยกเว้นให้ไปคบกับเศรษฐี ลุงมะขามพาไปพบผู้มีอิทธิพลในจังหวัดเขาคนนั้นคือ ภูษิน แพรภาช็อคเมื่อรู้ว่าภูษินที่เธอเคยสลัดรักแถมก่อนหน้านี้เธอยังเสือกไสไล่ส่งเขากลับกลายเป็นเศรษฐี และอะไรไม่ว่าเธอรู้ดีว่าภูษินเข้าใจว่าเธอเห็นแก่เงินไม่มีรักจริงให้ใคร ยิ่งข้อเสนอแรกของภูษินที่บอกให้เธอแต่งงานกับเขา เพื่อแลกกับการที่เขาจะช่วยเธอทุกอย่าง ยิ่งทำให้แพรภาเสียใจ แพรภาปฏิเสธแล้วเดินหนีด้วยน้ำตาอาบหน้า พร้อมกับความคับแค้นใจสุดชีวิต ภูษินเมื่อเห็นแพรภาปฏิเสธก็เย้ยหยันเสียดสีว่าแพรภาเป็นจอมสร้างภาพ แล้วบอกให้แพรภามาเป็นลูกจ้างในสวนอาหารและที่ไร่ของเขา ถ้าแพรภาทำได้เขายินดีจะช่วยเรื่องการวิ่งเต้นเอาบ้านคืนจากพิมพ์ประภา โดยเขาจะจัดหาทนายให้ ลุงมะขามโวยใส่ภูษิน เพราะแพรภามีพระคุณต่อลุงมะขาม สองลุงหลานทะเลาะกันจนลุงมะขามแทบจะประกาศตัดญาติกับภูษิน แต่แพรภายอมรับข้อเสนอเพราะเวลานี้เธอไม่มีงานด้านการแสดงอีกต่อไปแล้ว และคนที่รอเงินจากเธอกำลังเดือดร้อนกันแสนสาหัส เธอยินดีทำทุกอย่างที่ภูษินบอก เว้นอย่างเดียวอย่าให้เธอต้องเอาตัวเธอเข้าแลกเงิน ภูษินไม่เชื่อว่าคนที่เคยมีชีวิตที่ล่องลอยอยู่บนฟ้าอย่างแพรภา คนที่เหยียดหยามคนจนและคนที่พยายามแต่จะวิ่งไล่จับผู้ชายรวย เมื่อต้องมาเจองานระดับต่ำติดดินจะทนความลำบากไหว ลุงมะขามเตรียมปกป้องและช่วยเหลือแพรภา แต่ภูษินไม่ยอมให้ช่วย งานแรกที่แพรภาทำคือเธอต้องมาเป็นลูกจ้างที่สวนอาหารของภูษิน แพรภาต้องฝึกงานตั้งแต่การล้างจาน เช็ดถูขัดล้างทำความสะอาดร้าน จากนั้นค่อยๆ ขยับขึ้นมาฝึกในครัว ฝึกการไปซื้อของสดกับแม่ครัว ศึกษาสูตรอาหารเพื่อช่วยแม่ครัวทำอาหาร ฝึกการเสิร์ฟ และทั้งหมดจะไม่มีเงินเดือนให้ แต่ให้ที่อยู่และที่กินจนกว่าจะชำนาญงานด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ จึงจะบรรจุให้อยู่ในตำแหน่งนั้น แล้วถึงจะจ่ายเงินเดือน ตลอดเวลาแพรภาทำงานจนมือแตก เธอโกรธกล่าวหาว่าภูษินต้องการแก้แค้นที่เธอทำให้เขาอกหักเมื่อสมัย 10 ปีก่อน ขณะที่แพรภาทำหน้าที่พนักงานเสิร์ฟ มีนักข่าวมาพบและเอาไปเขียนว่าแพรภาเป็นดาราตกยาก ต้องมารับจ้างเสิร์ฟอาหาร แพรภาอับอายจนไม่กล้าออกไปไหน หญิงสาวมีปากเสียงกับภูษิน อัมรินทร์เห็นข่าวก็รีบมาและพยายามดึงแพรภากลับกรุงเทพฯ โดยไปแต่งงานกับเขา แต่แพรภาไม่ยอมไปเธอต้องการเอาชนะทั้งงานตรงหน้า และเอาชนะทั้งภูษินที่เธอแอบรักมานานแล้ว และตลอดเวลาภูษินก็ดำเนินการตามที่รับปากไว้ คือจ้างทนายต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอาบ้านคืนมาให้ไกรสรและแพรภา โดยทนายความจะรายงานมาเป็นระยะๆ โดยความร่วมมืออย่างแข็งขันของไกรสรที่นอนป่วยเป็นอัมพาต สำหรับอาการป่วยของไกรสรและจิรณี ภูษินก็ยินดีรับภาระค่าดูแลรักษาเป็นเงินจำนวนมาก การที่อัมรินทร์มาป้วนเปี้ยนกับแพรภาที่บ้านไร่ของภูษิน ยิ่งทำให้ภูษินกดดันแพรภามากยิ่งขึ้น เขาตัดสินใจปลดแพรภาจากการฝึกงานที่สวนอาหารทั้งที่แพรภาเริ่มที่จะเป็นงานมากแล้ว เนื่องจากแพรภาสวยวาจาฉะฉานลูกค้าติดกันตรึม ภูษินย้ายแพรภาไปทำงานที่ไร่หน้าตาเฉย ท่ามกลางการโวยวายของลุงมะขามแต่ภูษินไม่ฟัง ที่ไร่และโรงงานทำไวน์โอท็อป แพรภาต้องเผชิญหน้ากับพัชรีที่หลงรักภูษิน แพรภาต้องทำงานตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาทางด้านเอกสารเกี่ยวกับการเกษตรแล้วจึงลงมือทำ และทำด้านดินก่อน จากนั้นจึงมาดูแลพืชไร่ทุกขั้นตอนมีปัญหาหมด แพรภาเหนื่อยจนแทบขาดใจ ในที่สุดแพรภาก็รับสภาพไม่ไหวล้มป่วย ภูษินตกใจรีบรับแพรภามารักษา แพรภาป่วยหนักถึงขั้นเพ้อและเพ้อว่าเธอรักภูษินมานานแล้ว ลุงมะขามบังคับให้ภูษินเชื่อแต่ภูษินลังเล เขายังคิดว่าแพรภาแกล้งสร้างภาพ จนลุงมะขามแทบจะไล่อัดหลานชายแท้ๆ แล้วเมื่อแพรภาหายป่วย ภูษินจึงตอบแทนโดยการพาแพรภารวมทั้งจิรณีและรัชภูมิไปเที่ยว แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุจนจิรณีเสียชีวิต ส่วนรัชภูมิรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ส่วนตัวแพรภาเองรอดมาได้โดยการช่วยเหลือของภูษิน หลังงานศพจิรณีแพรภาบังเอิญไปเห็นสัญลักษณ์บางอย่างในห้องทำงานของภูษินที่ไร่และที่สวนอาหาร เป็นภาพคล้ายที่ปรากฏในกระดาษจดหมายของบุรุษนิรนามที่ส่งเงินไปให้เธอ แล้วแพรภาก็รู้ว่าบุรุษนิรนามนั้นคือ ภูษิน นั่นเอง ไกรสรบอกกับแพรภาว่าให้เริ่มต้นที่จะทำอะไรเองในที่ดินที่ไกรสรซื้อไว้ที่บ้านเกิด แต่แพรภาไม่สนใจ ท่ามกลางความดีใจของพัชรีคู่แข่งของแพรภา เพราะการไม่ยอมมาลงทุนที่ถิ่นเกิดของแพรภาหมายถึงแพรภาจะไม่อยู่เป็นมารหัวใจของพัชรี ภูษินและทนายสามารถนำบ้านมาคืนให้ไกรสรได้สำเร็จ แพรภาติดต่ออัมรินทร์เศรษฐีหนุ่มบอกว่าเธอต้องการกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปเริ่มต้นงานด้านบันเทิง แต่คราวนี้จะกลับไปในฐานะผู้ผลิต ไม่ใช่รับจ้างเหมือนเดิม และยินดีจะแต่งงานกับอัมรินทร์ อัมรินทร์ดีใจเขารับปากกับแพรภาว่าจะมีเงินทุนสำหรับให้แพรภาบุกเบิกด้านงานบันเทิง ภูษินผิดหวังอย่างแรงที่แพรภาจะไปจากเขา จนลุงมะขามเกรงว่าภูษินจะคิดทำร้ายตัวเอง แต่ภูษินไม่ทำอย่างที่ลุงมะขามกลัว แพรภาไปจากภูษิน แต่แล้วอยู่ๆ แพรภาก็เกิดเปลี่ยนใจหันมาใช้ที่ดินของไกรสรเริ่มต้นสร้างฐานะด้วยการเป็นชาวไร่ เธอให้เหตุผลว่าเธอไม่ได้รักอัมรินทร์ เธอยอมแต่งงานกับภูษิน โดยภูษินไม่ต้องมาหยิบยื่นเงินทองให้เธอ เธอขอสร้างทุกอย่างขึ้นใหม่เองตามที่ภูษินสอนไว้

นกออก 2548

เรื่องย่อ : นกออก (2548/2005) นกออก เป็นเรื่องราวลึกลับของรูปปั้นหินเก่าแก่ รูปนกหน้าตาหน้ากลัว ที่ถูกเรียกขานกัน ว่า “นกออก” และความเชื่อเรื่องวิญญาณร้ายที่สิงสู่ในตัวนก กับการตายปริศนา ครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ที่ชะตาเกิดในวันอังคาร เพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เท่านั้นถึง จะเป็นคนที่ไขปริศนาและอำนาจลึกลับเหล่านี้ได้ พ.ศ.2485 ใน หมู่บ้านเล็กๆ ของจังหวัดที่ห่างไกลในภาคอีสาน ทุกวันขึ้นแปดค่ำและสิบห้า ค่ำ จะมีชาวบ้านตายคนแล้วคนเล่า โดยทุกศพจะมีร่องรอยเหมือนถูกนกขนาดใหญ่จิก ทำร้าย และหัวใจของศพจะถูกควักหายไป ชาวบ้านลือกันว่าเป็นฝีมือของ “นกออก” วิญญาณร้ายที่สิงสู่ในตัวนก เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและอำนาจเวทย์ มนต์ โดยเฉพาะในวันที่พระจันทร์เต็มดวง อำนาจของนกจะมีมากที่สุดทำให้ชาว บ้านพากันหวาดกลัวมาก จนวันหนึ่งที่ผู้กล้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและปราบนกออกได้ โดยวิญญาณร้ายถูกส่งกลับเข้าไป สิง ณ รูปปั้นหินเก่าแก่รูปนกหน้าตาน่ากลัว ชาวบ้านพากันเอารูปปั้นไปฝังไว้ ในป่าลึก เพื่อกันไม่ให้ใครไปปลุกวิญญาณร้ายขึ้นมาอีก หลังจากนั้นผู้กล้าก็ เดินทางออกจากหมู่บ้านไปโดยก่อนไปได้บอกชาวบ้านว่า บรรพบุรุษของเขาได้เคย ต่อสู้กับนกออกมาหลายชั่วอายุคน และเมื่อใดที่วิญญาณร้ายถูกปลุกขึ้นมาอีก ก็จะมีผู้กล้าออกมาปราบนกออกทุกครั้งไป เหตุการณ์ทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของ ด.ช.ทา วัย 9 ปีอย่างแม่นยำ เวลาผ่านมาจนถึงปีปัจจุบัน ป่าลึกทางภาคอีสานถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นรีสอร์ทขนาด ใหญ่ ระหว่างการก่อสร้างคนงานได้ขุดเจอรูปปั้นหินเก่าแก่เป็นรูปนกขนาด ใหญ่ แต่มีลำตัวคล้ายคนจึงส่งมอบต่อให้ทางพิพิธภัณฑ์ จามรีทำการศึกษาวัตถุ โบราณชิ้นใหม่ที่ได้รับอย่างสนใจ เธอบอกลัดดาว่ารูปปั้นเก่าแก่นี้ ต้อง เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมลึกลับบางอย่าง ลัดดาว่ารู้แค่นี้ก็พอไม่ต้องค้นคว้า ต่อแล้ว เพราะรูปปั้นนี้ดูน่ากลัวเกินไปจนไม่น่าเข้าใกล้ ที่ด้านนอกของ พิพิธภัณฑ์มีกองถ่ายละครขอมาถ่ายทำละครโทรทัศน์ สีหราชได้มาร่วมงานด้วยใน ฐานะของนักแสดงแทนคิวบู๊ของตัวพระเอก ลัดดาชวนจามรีมาดูการถ่ายทำ สีหราชได้ เห็นเธอเป็นครั้งแรกก็ตกตะลึกตกหลุมรักจามรีทันที จามรีกลับมาบ้าน เจอตาทา คนเก่าแก่ประจำบ้านกำลังร่ายดาบยาว พร้อมสวดคาถา ตาทาบอกจามรีว่าต้องเตรียม พร้อมไว้เผื่อวันใดที่นกออกปรากฏกายขึ้น แกจะได้คุ้มครองทุกคนในบ้าน ได้ จามรีได้แต่นึกขำ และแอบไปนินทากับ สินี ว่าเธอไม่เคยเชื่อเรื่องตลกของตาทาเลยแม้แต่น้อย นับตั้งแต่ได้รูปปั้นหินรูปนกมาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ จามรีก็สังเกตได้ว่าเกิด เรื่องแปลกๆ ขึ้น บางครั้งเหมือนเธอได้ยินเสียงนกพยายามกระพือปีก หรือบาง ครั้งเหมือนมีบางสิ่งจับจ้องมองอยู่ แต่เมื่อมองไปกลับไม่มีอะไร ลัดดาว่า รูปปั้นนกต้องถูกสาปมาแน่ การิน มาทำพิพิธภัณฑ์แต่ที่แท้มาดูของโบราณเพื่อ หวังให้คนของพินัยมาขโมยไป เมื่อได้เห็นรูปปั้นหินรูปนก การินก็สนใจมาก จามรี สั่งให้ย้ายรูปปั้นหินรูปนกออกมาโชว์ ระหว่างการเคลื่อนย้ายการินเข้ามา ช่วย โซ่ที่ลากบาดมือจามรีและการินทำให้เลือดของทั้งคู่หยดลงตัวรูปปั้น นอกออก ลัดดาเหมือนมองเห็นนัยน์ตาของรูปปั้นนกมีสีแดงวาบขึ้น แต่เธอคิดว่า ตาฝาดเลยไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง และในตอนดึกของคืนวันเพ็ญนั่นเอง เมื่อเลือด ของคนที่ดีที่สุด กับเลือดของคนที่เลวที่สุดมาหยดต้องลงพร้อมกัน วิญญาณของ นกออกก็ได้ออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง สีหราชมาถ่ายละครที่ พิพิธภัณฑ์อีก แต่ทุกคนหลับพบเลือดหยดเป็นทาง โดยเลือดไปเปรอะอยู่ที่รูป ปั้นนกออกเต็มไปหมด พร้อมกันนั้นมีคนพบศพพนักงานรักษาความปลอดภัยถูกฆ่า ตาย โดยหัวใจของศพถูกควักหายไป วิชาญ มาสอบสวนทุกคนที่พิพิธภัณฑ์ แต่เมื่อ ได้พบลัดดาเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ก็ไม่ชอบหน้า และเกิดโต้เถียงกัน จามรีต้อง เข้ามาห้าม ลัดดาสังหรณ์ใจว่ารูปปั้นนกออกจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่วิ ชาญว่าเหลวไหลและเชื่อว่าฆาตกรอาจะเป็นพวกโรคจิตที่คลั่งไคล้ไสยศาสตร์ และ อาจเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคนใดของพิพิธภัณฑ์ สีหราชเข้ามาเพ่นพ่านจนได้คุย กับลัดดา ทั้งคู่ถูกคอกันมาก ผจญภัยเองเมื่อได้เห็นรูปปั้นหินรูปนกก็นึกกลัวโดยไม่มีเหตุผล จามรีชักสนใจ อยากรู้ประวัติของรูปปั้นนกหินตัวนี้ จามรีนึกถึงนกออกของตาทาขึ้นมาทันที สีหราช ตามมาช่วยส่งจามรีที่บ้าน และได้พบตาทา ทั้งคู่ถูกชะตากัน ยิ่งได้รู้ว่า สีหราชเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ตาทายิ่งเอ็นดู จามรีถามถึงนกออกตาทาเล่า ว่า มันจะออกอาละวาดฆ่าเหยื่อ โดยมันจะต้องควักหัวใจมาให้ครบร้อยวง หลังจาก นั้นจะต้องหาหัวใจให้ได้จากอีก 2 คน คนดีที่สุด และคนที่เลวที่สุด เพื่อ เพิ่มพลังและเวทย์มนต์ของมันให้ถึงจุดสูงสุด จามรีว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ตา ทายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง และคนที่จะปราบนกออกได้คือคนที่เกิดวันอังคาร ใน วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ สีหราชฟังอย่างนึกขำ และไม่เชื่อเรื่องนกออกของตาทา ใน ขณะเดียวกันเขาก็ไม่กล้าบอกว่าตนเองนั้นเกิดวันอังคารที่พระจันทร์เต็มดวงพอ ดี และในคืนนั้นเองเมื่อมองไปที่พระจันทร์ซึ่งเต็มดวง ตาทาได้เห็นนกขนาด ใหญ่บินผ่านพระจันทร์ไป แกรู้ว่านกออกได้กลับมาอีกแล้ว พินัย สนใจเรื่องรูปปั้นนกออกจึงส่งลูกน้องมาขโมย แต่ลูกน้องที่มากลับโดนนกออกฆ่าตาย หมด การินกับพินัยได้แต่สงสัยว่าใครกันที่เป็นฆาตกร วิชาญรู้สึกว่าเรื่อง นี้ชักไม่ธรรมดาแล้ว เรื่องราวของรูปปั้นนกหินเป็นที่แพร่หลายไปทั่ว บางคน หาว่าเป็นรูปปั้นผีสิง ทำเอาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ขอลา ออกหมดไม่กล้าทำงานต่อ วิโรจน์เห็นสีหราชกับผจญภัยเก่งด้านต่อสู้จึงชวนให้ มาทำงานด้วยกัน สีหราชรีบตกลงเพราะอยากอยู่ใกล้จามรี แต่ผจญนึกกลัวจึง พยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ทำ ผจญภัยว่าลูกศิษย์ที่หลงรักเขาข้างเดียว จามรี ได้พบ เมฆา หนุ่มรูปงามที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ลัดดาปลื้มในความหล่อและดู ดีของเขามาก ส่วนจามรีกลับรู้สึกถึงความลึกลับของเมฆา เมฆา พาตัวเข้ามาสนิทสนมกับครอบครัวจามรีอย่างรวดเร็ว สินีเองก็ยังอดชอบเขาไม่ ได้ มีแต่ตาทาที่ไม่ไว้ใจชายรูปงามคนนี้เลย สีหราชเห็นเมฆาสนิทกับจามรีก็ เก็บความเศร้าไว้เงียบๆ ผจญภัยซ้ำเติมลูกศิษย์จนเกือบผิดใจกัน แม้เมฆาจะคอย เอาใจและทุกคนก็สนับสนุนให้ชอบเขาเพียงไร แต่ใจจามรีกลับนึกถึงหนุ่มคนซื่อ อย่างสีหราช ในคืนวันเพ็ญ ผจญภัยก็ได้เผชิญหน้ากับนกออกเป็น ครั้งแรก ผจญภัยแทบช็อคที่พบนกตัวใหญ่แต่มีลำตัวและขาคล้ายคน นกออกพยายามจะ ฆ่าเพื่อควักเอาหัวใจ แต่ผจญภัยก็สู้สุดฤทธิ์อย่างเอาตัวรอด ขณะจวนเจียนจะ เสียที สีหราชก็เข้ามาช่วยอาจารย์ไว้ทัน แต่ด้วยสายเลือดของผู้กล้า สีหราช จึงรับมือนกออกได้ ปีศาจเห็นท่าไม่ดีก็บินหนีไป สีหราชกับผจญภัยจึงหายโกรธ กัน ผจญภัยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง แต่จามรี ลัดดา วิชาญและ วิโรจน์ไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น แม้สีหราชจะยืนยันว่าเป็นความจริง แต่วิ ชาญกลับหาว่าเขาสร้างเรื่องขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากจามรี สีหราชน้อย ใจที่จามรีไม่เชื่อเขา เมฆาหรือนกออกรับรู้ได้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งของ สีหราช มันจึงสะกดจิตใช้เวทย์มนต์ให้วิโรจน์ตกอยู่ในอำนาจ วิโรจน์จึงกลาย เป็นสมุนรับใช้ของนกออกอย่างง่ายดาย พินัยไม่ละความพยายาม คุม ลูกน้องมาขโมยรูปปั้นนกออกเอง เพราะรู้ว่าถ้านำไปขายจะได้ราคาอย่างมาก เมฆา ปรากฏตัวขึ้นและฆ่าทั้งหมด พร้อมกับโยนความผิดให้สีหราช โดยเอาทรัพย์สินของ พินัยไปไว้ที่ห้องพักสีหราช วิชาญจึงจับสีหราชและผจญภัยในข้อหาฆ่าคน ตาย จามรีและลัดดาไม่เชื่อว่าสีหราชจะเป็นคนร้าย แต่หลักฐานมัดตัวทั้งสอง แน่นมาก เมฆาไปพบการินเพื่อต่อรอง เมฆาเสนอจะขายวัตถุโบราณให้ แต่การินต้อง ช่วยหาเหยื่อมาให้ การินตอบตกลงเพราะเห็นผลประโยชน์ที่จะได้รับ วิชาญเสนอ ให้สีหราชกับผจญภัยรับสารภาพแต่ทั้งคู่ไม่ยอม จามรีขอยื่นประกันตัว สีหราช สีหราชดีใจที่จามรีเชื่อใจเขา สีหราชถามถึงเรื่องนกออกกับตาทา ตาทา ว่านกออกจะฆ่าคนร้อยคนเพื่อให้ได้หัวใจร้อยดวง หลังจากนั้นมันจะต้องเอา หัวใจของคนที่ดีที่สุดกับคนที่เลวที่สุด ซึ่งปลุกวิญญาณมันให้เป็นอิสระ ถ้า ทำสำเร็จนกออกจะมีอำนาจที่ใครก็มิอาจปราบได้ และมันจะสามารถแปลงกายเป็นคน ได้อย่างถาวร สีหราชเฉลียวใจ จำได้ว่าเลือดของจามรีกับการินหยดลงถูกรูปปั้น นกออก ดังนั้นคนที่ดีที่สุดกับคนที่เลวที่สุดที่ตาทาหมายถึงก็คือจามรีกับกา รินนั่นเอง สีหราช ผจญภัยและตาทาจึงช่วยกันวางแผนเพื่อคุ้มกันจามรี สีหราช ไปเตือนให้การินระวังตัว แต่เขากลับบอกว่าไม่เชื่อเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับนก ออก และเมื่อสีหราชกลับไปการินจึงบอกให้เมฆากำจัดสีหราชก่อนที่จะทำให้เสีย แผน แต่เมฆาว่าการจะฆ่าสีหราชนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด สีหราชสนิทสนมกับ จามรีมากขึ้น และบอกถึงแผนการในอนาคตที่เขาหวังจะเป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ใน วิทยาลัยพละศึกษา ยิ่งได้ใกล้ชิดทั้งคู่ก็ยิ่งถูกใจกันมากขึ้น หากแต่ต่าง ฝ่ายไม่กล้าแสดงออก เมฆาพยายามเข้าหาทางสินีหวังให้ช่วยสนับสนุน สินียุลูก สาวให้เลือกเมฆามากกว่าคนที่มีแต่ตัวอย่างสีหราช แต่จามรีไม่ยอมทำตาม แม่ เพราะในใจเธอมีแต่สีหราชคนเดียว กิมท้อ ซึ่งหลงรักสีหราชอยู่เห็นเขาหาย ไปก็มาตาม กิมท้อทำตัวเป็นเจ้าของสีหราชเต็มที่ ทำให้จามรีเข้าใจผิดคิดว่า เขาหลอกเธอ เฮียกวงก็พูดจาให้จามรีเข้าใจว่ากิมท้อเป็นของสีหราชแล้ว เพื่อ หวังจะรวบรัดให้ชายหนุ่มรีบแต่งงานกับลูกสาวตน จามรีโกรธสีหราชมาก สีหราช ได้แต่งงเพราะไม่รู้เรื่อง จามรีบอกแม่ว่าจะตกลงรับหมั้นเมฆา ตาทารู้เข้าก็ พยายามห้าม แต่จามรีไม่ฟังเสียง พิธีหมั้นถูกจัดอย่างใหญ่โต สีหราชเสียใจ มากจึงลาออกจากงานพิพิธภัณฑ์ และกลับไปอยู่ที่บ้านเก่า กิมท้อพยายามให้ท่า เพื่อจะรวบรัดจับสีหราช แต่เขากลับบอกให้รู้ว่าเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่า นั้น กิมท้อเสียใจมากเฮียกวงได้คิด ปลอบลูกสาวว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรักเขา ข้างเดียว วิชาญได้เจอกับนกออก และเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดี แต่ผจญภัยมาช่วยไว้และพาหนีไปได้อย่างหวุดหวิด วิชาญเสียใจที่ไม่เชื่อ เรื่องนี้มาแต่ต้น ต่อมารูปปั้นนกออกถูกขโมยหายไปจากพิพิธภัณฑ์ ตาทาว่านกอ อกฆ่าคนไปครบร้อยศพแล้ว มันจึงเตรียมกลับไปยังที่ที่จากมา และถ้ายังปราบมัน ไม่ได้ เหยื่อคนต่อไปก็คือ จามรี ผจญภัยเผลอพูดให้รู้ว่าสีหราชเกิดวัน อังคาร คืนวันเพ็ญ ตาทาจึงเชื่อว่าเขาคือผู้กล้าที่จะมาปราบนกออก วิชาญให้ ผจญภัยรีบพาไปหาสีหราช แต่ผจญภัยว่าสีหราชเสียใจเรื่องจามรี จึงหนีกลับบ้าน ต่างจังหวัดที่ภาคอีสาน ทั้งสามจึงตามไปค้นหาสีหราช เมฆาชวนจามรีไปเที่ยว ทางภาคอีสานเพื่อชมโบราณสถาน โดยมีการินร่วมไปด้วย เมฆาพาทั้งสองไปที่ศิลา นคร นครหินเก่าแก่ ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพัง เมฆาดูแข็งกร้าวและพูด ถึงเรื่องราวในอดีตด้วยท่าทางแปลกๆ จามรีนึกไม่ถึงที่ได้พบรูปปั้นนกออกที่ ศิลานคร เธอรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจึงคิดจะกลับกรุงเทพฯ แต่เมฆาขวาง ไว้ จามรีจึงได้รู้ความจริงว่าที่แท้เมฆาคือปีศาจนกออกนั่นเอง ผจญภัยพาตาทาและวิชาญไปเจอสีหราชจนได้ สีหราชตกใจที่รู้ว่าจามรีอยู่ใน อันตราย จึงจะรีบกลับมาช่วย แต่ลัดดาส่งข่าวให้รู้ว่าจามรีหายตัวไปพร้อมกับ เมฆา ตาทาจึงพาทั้งหมดกลับไปบ้านเก่าของแกซึ่งอยู่ในศิลานคร เมฆาขังจามรี กับการินไว้ เพื่อรอคืนวันเพ็ญเพื่อจะได้ควักหัวใจจากทั้งสอง และเขาก็จะได้ เป็นอมตะตลอดไป ตาทาพาวิชาญ ผจญภัย และสีหราช ตามมาถึงในคืนวันเพ็ญพอดี และ ก่อนที่เมฆาหรือนกออกจะทำพิธีเพื่อฆ่าจามรีและการิน พวกสีหราชก็ได้เผชิญ หน้ากับนกออกอีกครั้ง ทั้งหมดช่วยกันต่อสู้กับนกออก แต่ก็สู้ไม่ได้ การิน ร้องขอชีวิตแต่นกออกว่าคนชั่วอย่างเขาสมควรมีจุดจบ นกออกฆ่าการินและควัก หัวใจออกมา ทำให้อำนาจของมันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ก่อนที่จะลงมือกับจามรี เป็นรายต่อไป สีหราชก็เข้าขวาง สีหราชกับนกออกต่อสู้กันอย่างดุเดือด ด้วย พลังจิตที่แข็งแกร่งและความรักที่เขามีต่อหญิงสาว ทำให้สีหราชปราบนกออกได้ อย่างหวุดหวิด ก่อนที่จามรีจะถูกฆ่าตายเพื่อควักหัวใจ ตาทารีบบอกคาถาเพื่อ ฝังวิญญาณชั่วไว้กับรูปปั้นหินรูปนกอีกครั้ง ทั้งหมดช่วยกันเอารูปปั้นไปเก็บไว้ในที่รกร้าง ห่างไกลจากผู้คน จามรีบอกสีหราชว่าชีวิต เธอเป็นของเขา ทำให้ชายหนุ่มดีใจและมีความสุขมาก ทั้งหมดเดินทางกลับไปอย่าง โล่งใจที่ปราบวิญญาณชั่วได้โดยหารู้ไม่ว่าในรูปปั้นหินรูปนกนั้น วิญญาณของ นกออกยังคงร่ำร้องที่จะออกมาเป็นอิสระ มันเพียงแต่รอเวลาที่จะได้รับการปลดปล่อยอีกครั้ง

สิงห์มอเตอร์ไซค์กับยายตัวแสบ 2548

เรื่องย่อ : สิงห์มอเตอร์ไซค์กับยายตัวแสบ (2548/2005) ร.ต.ต.หญิงขนมผิง หรือ ผิง ตำรวจหญิงวิ่งสู้ฟัดฝีมือระดับฉกาจ พ่อของผิงเป็นตำรวจถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในหน้าที่ทำให้ผิงต้องคอยดูแล ทิพย์ แม่ตามลำพังเพียงคนเดียว เหตุนี้ผิงจึงเป็นผู้มีทัศนคติที่พวกวายร้ายต้องพึงระวังคือ เธอจะไปในทุกๆ ที่เพื่อปกป้องสังคมจากภัยอันตราย กระทั่งวันหนึ่ง ผิงได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุคนร้ายเมายาบ้าจับเด็กเป็นตัวประกันที่ซอยแห่งหนึ่ง ผิง ไปที่เกิดเหตุมีทั้งนักข่าว ไทยมุงทั่วฟ้าเมืองไทย และหนึ่งในนั้นมี ผัดไท หนุ่มจอมเป๋อเซ่อซ่าที่มาทำงานเป็นวินมอเตอร์ไซค์เพราะความยากจน ผิงกลัวเด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกันจะได้รับอันตราย จึงขอเอาตัวเองแลกเป็นตัวประกันแทน แต่คนร้ายเมายาบ้าไม่ยอม บอกว่าผิงเป็นตำรวจแม้ว่าผิงจะพยายามโกหกสารพัดว่าไม่ใช่ก็ตาม ราวกับสวรรค์ไม่มีตาหรือนรกเป็นใจก็ไม่ทราบ คนร้ายเมายาบ้าชี้นิ้วเปรี้ยงไปที่กลุ่มไทยมุงที่ ผัดไท ร่วมมุงดูอยู่ด้วย บอกว่าให้หนึ่งในนั้นมาเปลี่ยนคนเป็นตัวประกันแทนถึงจะยอม ผิงจึงขออาสาสมัครมาแลกเป็นตัวประกันแทนเด็ก และแน่นอนทุกคนปอดแหกไม่มีใครกล้า แต่จู่ๆ ใครก็ไม่รู้ถีบผัดไทกระเด้งพรวดออกมาทุกคนต่างเฮ ตบมือกึกก้อง ชมผัดไทเป็นสุดยอดฮีโร่ ผิงนำตัวผัดไทไปแลกเป็นตัวประกันแทน ผัดไทดิ้นพล่านเป็นไส้เดือนเต้นเบรกแดนซ์ว่าไม่ไปๆ ผิงจึงโกหกผัดไทว่าบรรดาไทยมุง พ่อค้า แม่ค้าที่มามุงดู ต่างล้วนเป็นตำรวจปลอมตัวมา ขอให้ผัดไทวางใจได้ ผัดไทเลยเชื่อยอมไปเป็นตัวประกัน โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกหลอก เมื่อการแลกตัวประกันสำเร็จ ผิง พูดหน้าตาเฉยว่าเด็กปลอดภัยแล้วให้ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านไม่ต้องไปสนใจผัดไท เห็นดังนั้นอาการปอดแหกก็กำเริบ โวยวายผิงให้มาช่วยกันก่อน ผิงรำคาญโวยวายกลับไม่ยอมช่วยทำให้ทั้งคู่เถียงกันไม่มีใครยอมใคร ทำเอาคนร้ายงง ผิงถือโอกาสที่คนร้ายงงจัดการอัดคนร้ายซะอยู่หมัด สามารถช่วยชีวิตผัดไทได้อย่างปลอดภัย หลังจากเหตุการณ์นั้น นักข่าวต่างยกย่องผัดไทที่ยอมเสี่ยงตาย แลกเป็นตัวประกันแทนเด็กโดยไม่กลัวตายแม้แต่น้อย ผัดไทเลยทำยืดสวมรอยเป็นฮีโร่ว่า ไม่เคยกลัวตายเพราะทนเห็นเด็กได้รับอันตรายไม่ได้ ผิงได้ยินแกล้งพูดกัดผัดไทว่าจริงๆ ผัดไทไปไหว้ขอบคุณไทยมุง พ่อค้า แม่ค้า ที่ผิงหลอกว่า คือ ตำรวจปลอมตัวมาแล้วต้องหน้าแตกดังเพล้ง เมื่อรู้ว่าแท้จริงทั้งหมดไม่ใช่ตำรวจ ทำเอาผัดไทยิ่งแค้นผิงขอสาปส่งไม่พบไม่เจอผิงอีก จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้หญิงลึกลับคนหนึ่งโทรศัพท์แจ้งสารวัตรบันลือว่า จะมีการส่งยาเสพติดล็อตใหญ่ โดยบอกว่าคนส่งคือพวก อำพล เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ สารวัตรบันลือจึงมอบหมายให้ผิงกับ ร.ต.อ.รหัส ตำรวจหนุ่มผู้ชอบมาเจ๊าะแจ๊ะผิง นำกำลังตำรวจไปจับกุม ปรากฏว่าคนร้ายไหวตัวทัน นำยาเสพติดหลบหนีไปได้ ทุกคนต่างสงสัยว่าอาจมีหนอนบ่อนไส้ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าคือ รหัสนั่นเอง สารวัตรบันลือเรียกอำพลมาสอบปากคำเพื่อหาข้อพิรุธ แต่อำพลปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทำให้สารวัตรบันลือต้องปล่อยตัวอำพลไปในที่สุด สารวัตรบันลือ เรียกทุกหน่วยมาวางแผนให้หาทางปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ขึ้นบัญชีดำทางราชการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อำพล และ เฮียเป้า เจ้าพ่อคลื่นลูกใหม่ผู้เป็นพ่อพระขวัญใจคนในสลัม สารวัตรบันลือเล่าว่าได้ส่งสายสืบชื่อหมากเก็บไปสืบเรื่องราวของอำพล พบว่า อำพลเป็นผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติดและมีลูกบุญธรรม 2 คน คือ อชิระ และ กรองแก้ว ผิงฟังรายงานพร้อมทั้งวาดภาพว่าพวกลูกน้องอำพลกับเฮียเป้าต้องน่ากลัวแหงๆ โดยเฉพาะอชิระ ต้องมีหุ่นน้องๆ ตือโป๊ยก่าย หน้ายับย่นมีรอยบากเกลื่อนกระจาย ผิงจึงมุ่งมั่นว่าเธอจะต้องจัดการอำพลกับเฮียเป้าให้จงได้ เพื่อให้พ่อเธอภูมิใจในตัวเธอ และโชคก็เข้าข้าง เมื่อวันหนึ่ง ผิงจะไปซื้อขนมที่โรงแรมแห่งหนึ่งไปฝากทิพย์ เธอพบอำพล อชิระ และกรองแก้ว ซึ่งนัดพบเฮียเป้าที่ร้านอาหารในโรงแรม เพื่อสอบถามว่าเป็นคนใส่ร้ายอำพลเรื่องยาเสพติดจนเกือบจะถูกจับหรือไม่ ผิงปลอมตัวเป็นพนักงานสาวเสิร์ฟ จะไปดักฟังการสนทนา แต่เมื่อผิงได้เห็นอชิระเต็มตาก็ต้องร้องโอว์แม่เจ้า เพราะภาพอชิระที่ผิงวาดไว้ผิดคาด เป็นชายหนุ่มหล่อ หุ่นสมาร์ทชนิดหัวใจแม่ยกลิเกสลายคากองเสื่อ ขณะที่ผิงกำลังจะไปดักฟังการสนทนา ผัดไทบังเอิญถูกจ้างให้ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งตั๋วเครื่องบินให้กับคนที่โรงแรมพอดี ผัดไทเห็นผิงก็จำได้ทันทีเกิดเข้าใจผิดคิดว่าผิงถูกไล่ออกจากตำรวจมาเป็นสาวเสิร์ฟ จึงพูดจากระแนะกระแหนผิง เสียงโหวกเหวกของผัดไททำให้ เดช มือขวาคนสนิทของอชิระกับใหญ่ และยักษ์ สมุนซ้ายขวาคู่ใจเฮียเป้าพาลูกน้องเดินออกมาดู ผิง กลัวผัดไทจะพูดว่าเธอเป็นตำรวจ แล้วจะเสียแผนเลยเอาถาดฟาดหัวผัดไทจนเซมึนตึบแล้วผิงก็ตะโกนโวยวายว่าผัดไทเป็นสามีจะบังคับเธอให้ไปขายตัว ทำให้เดช ใหญ่ ยักษ์ เข้าใจผิดต่างมารุมกระทืบผัดไท ผิงได้แต่สงสารผัดไทแต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเธอกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่จึงได้แต่ปิดตาไม่กล้าดู ขณะเหตุการณ์กำลังชุลมุนอยู่นั่นเอง ผิง สังเกตเห็นมีมือปืนตรงมาที่อำพล เธอจึงตัดสินใจจับตัวผัดไท ถีบให้ไปโดนอำพลล้มลง ทำให้อำพลไม่ถูกลูกกระสุนที่ยิงใส่เข้ามา แต่ผัดไทซวยโดนยิงเฉียดที่แขนแทน อชิระ กับ กรองแก้ว โวยวายกล่าวหาเฮียเป้าเป็นคนส่งมือปืนมา เฮียเป้าโกรธที่ถูกกล่าวหายืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ และบอกว่าถ้าเขาคิดจะฆ่าอำพล อำพลไม่มีวันรอดแน่ ก่อนออกจากโรงแรมอย่างหัวเสีย อชิระ ไม่พอใจจะตามไปเอาเรื่อง แต่อำพล ไม่อยากมีเรื่องจึงพูดห้ามไว้ อำพลอยากขอบคุณที่ผิงช่วยชีวิตไว้ จึงให้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผิง แต่ด้วยสายเลือดผู้ผดุงความยุติธรรม ผิงบอกไม่ต้องการรับเงินสกปรกของอำพล ทำให้อำพล ซึ่งแท้จริงได้กลับตัวจะวางมือจากวงการ รู้สึกสลดใจที่พอเขาจะทำความดีกลับไม่มีใครเชื่อ แต่อชิระ ที่ได้ยินรู้สึกชอบในความตรงไปตรงมาของผิง จึงให้นามบัตรกับผิง แล้วบอกว่าจะมาหาเธอที่ร้านอาหารอีก ทำเอาผัดไทอึ้งงงว่าเขาโดนยิงได้รับบาดเจ็บแทนแท้ๆ ทำไมไม่มีใครสนใจ แถมยังถูกเดชมือขวาคนสนิทของอชิระต่อว่าเป็นคนไม่ดี ได้เมียดีอย่างผิงแต่ยังบังคับให้ไปขายตัวอีก เมื่อทุกคนแยกย้ายไปแล้ว ผัดไทจึงโวยวายต่อว่าผิง ที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหาว่าผิงเป็นตำรวจโหดอย่างนี้เลยถูกไล่ออกจากการเป็นตำรวจ ผิงรำคาญเลยบอกความจริงให้ผัดไทตาสว่างว่าเธอยังเป็นตำรวจอยู่ แต่แอบมาดักฟังการสนทนาของอำพลกับเฮียเป้า ผิงบอกให้ผัดไทไปส่งที่โรงพัก ผัดไท โวยวายว่าทำไมเขาต้องไปส่งผิง ผิงเลยบอกว่าก็ผัดไทเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ใช่เหรอ ทำไมจะไปส่งเธอไม่ได้ ผัดไทเลยจ๋อยต้องจำใจไปส่งผิงที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ผัดไทเรียกเก็บค่าโดยสารตามปกติ แต่ผิงกลับบอกว่าไม่ให้หน้าตาเฉยโดยอ้างว่าเธอเป็นตำรวจนะ มาปฏิบัติหน้าที่คิดเงินไม่ได้ ทำเอาผัดไทกัดฟันกรอดด แค้นผิงสุดขีด ผิงนำเรื่องที่เกิดขึ้นรายงานให้สารวัตรบันลือฟัง สารวัตรบันลือมั่นใจว่าอชิระต้องตกหลุมรักผิงแน่นอนจึงสั่งให้ผิงไปตีสนิทยอมคบกับอชิระเพื่อสืบความลับ ผิงเกลียดพวกเจ้าพ่อ ไม่อยากใกล้ชิดอชิระ จึงอิดออดขอสารวัตรบันลือว่า เธอสามารถแอบสืบเองได้ แต่สารวัตรบันลือไม่ยอมทำให้ผิงต้องยอมไปแกล้งคบกับอชิระ โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่ารหัสแอบบอกกับอชิระเรื่องผิง คือสายลับที่สารวัตรส่งมาแล้ว อชิระจึงถือโอกาสวางแผนคบผิงเพื่อเล่นละครตบตาตำรวจว่าเขาเป็นคนดี เพราะแท้จริงแล้วเหตุการณ์ลอบยิงอำพลเป็นฝีมืออชิระ กับกรองแก้วนั่นเอง ซึ่งทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ อชิระแค้นอำพลที่จะยกสมบัติให้มูลนิธิแทนที่จะยกให้กับตน จึงต้องการฆ่าอำพลก่อนที่อำพลจะทำพินัยกรรมยกสมบัติทั้งหมดให้มูลนิธิ นอกจากนี้ อชิระ ต้องการกำจัดเฮียเป้าให้พ้นทางเพื่อจะได้เป็นใหญ่ในวงการเจ้าพ่อแทน อชิระมาหาผิงจึงมาที่โรงแรม ผิงที่ปลอมตัวเป็นสาวเสิร์ฟ ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ผัดไทนำหมากเก็บเพื่อนซี้ประจำวินมอเตอร์ไซค์มาแก้แค้นผิงด้วยพอดี หมากเก็บกับผิง พบกันก็จำได้ว่าเป็นตำรวจเหมือนกัน ทั้งคู่กลัวความลับจะแตกจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน ผิงซึ่งต้องการสืบเรื่องอำพลด้วยตัวเธอเอง ไม่อยากใช้แผนของสารวัตรบันลือที่สั่งมาให้ใกล้ชิดกับอชิระจึงบอกอชิระว่า ผัดไทเป็นสามีของเธอ ขอให้อชิระเลิกยุ่งกับเธอซะ ทำเอาผัดไทงงเป็นไกตาแตกจะโวยวายปฏิเสธ แต่พอผิงกระซิบบอกเรื่องราวทั้งหมดและขอให้ช่วย ผัดไทเลยยอมเล่นละครเป็นสามีผิงทันที ผัดไทสวมบทคุณพี่แมลงปีกทองใจโฉดบังคับผิงจะให้ไปขายตัวเพื่อให้อชิระรังเกียจผิงตามแผน แต่แทนที่อชิระจะรังเกียจกลับสงสารผิงให้เช็คไม่กรอกตัวเลยใบหนึ่งแก่ผัดไท โดยแลกกับการปล่อยผิงให้เป็นอิสระ ผัดไทเห็นเช็คก็ตาโตจะรีบรับ แต่ผิงดันแย่งเช็คมาฉีกหน้าตาเฉยทำเอาผัดไทช็อคน้ำลายฟูมปากที่เงินนับล้านสลายไปในพริบตา เลยแก้เผ็ดด้วยการโวยวายไล่ผิงให้ไปอยู่กับอชิระ ทำเอาผิงกัดฟันกรอดๆ เจ็บใจที่ผัดไททำผิดแผน อชิระบอกให้ผิงตัดใจอย่าไปเสียเวลากับคนไม่ดีอย่างผัดไทอีกเลย และบอกว่าคนอย่างเขาไม่เคยแคร์อดีต ผิงไม่มีทางเลือกเลยต้องยอมทำตามที่อชิระบอก แต่การกระทำครั้งนี้ของอชิระสร้างความประทับใจให้แก่ผิงเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าอชิระเป็นคนดี มีน้ำใจและเริ่มมีใจให้กับอชิระ โดยผิงไม่รู้ว่าหลังจากนั้น อชิระแอบสั่งให้ใหญ่กับยักษ์ไปสั่งสอนผัดไท โชคดีที่หมากเก็บอาศัยความพริ้วส่วนตัวหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เหลือแต่ผัดไทที่เซ่อซ่าหนีไม่ทันเลยซวยถูกลากไปกระทืบม้ามแล่บแปล๊บๆ ทำเอาผัดไทเข็ดไม่ขอเจอผิงอีกเพราะเจอทีไรซวยทุกที อชิระบอกกับผิงว่ากลัวเธอจะถูกผัดไทมารีดไถเงินอีก จึงชวนผิงมาทำงานเป็นพนักงานที่โรงงานทำชุดชั้นในของเขา ผิงตอบตกลงเพราะจะได้ถือโอกาสแฝงตัวเข้าไปสืบความลับอำพลง่ายขึ้น สารวัตรบันลือรู้เรื่องจึงวางแผนส่งผิงไปพักอยู่กับหมากเก็บในชุมชนที่หมากเก็บแฝงตัวซ่อนอยู่ หมากเก็บพาผิงมาที่ชุมชนโดยโกหกทุกคนว่าเป็นน้องสาว เวลานั้นผัดไทเอาเช็คของอชิระที่ถูกผิงฉีกเป็นชิ้นๆ มาต่อกันเรียบร้อยกะจะเอาไปขึ้นเงินแต่พอหมากเก็บพาผิงมาที่บ้านเช่า ผิงเห็นเข้าก็ต่อว่าผัดไทเห็นแก่เงินยังเก็บเช็คมาอีก ผิงเลยเอาเช็คไปเผาราบคาบเป็นจุนท่ามกลางกองน้ำตาของผัดไทที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนต่อเช็คทั้งคืน ผัดไทโกรธจะเอาเรื่องผิง หมากเก็บกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่ จึงพูดให้ผัดไทอย่าเอาเรื่องเพื่อเห็นแก่ผิงที่เป็นน้องสาวเขา ผัดไทได้ยินดังนั้นก็ตกใจที่ผิงเป็นน้องสาวหมากเก็บ ผัดไทโวยวายถามหมากเก็บว่าตอนที่เขาพาหมากเก็บไปแก้แค้นผิง ทำไมไม่เห็นหมากเก็บบอกว่าผิงคือน้องสาว หมากเก็บเลยแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าจากกันมาเป็นสิบปีจึงจำไม่ได้ หมากเก็บกับผิงขอให้ผัดไทเก็บความลับเรื่องผิงเป็นตำรวจไว้ เพราะหากความลับแตกจะทำให้เสียแผน ผัดไทเห็นแก่หมากเก็บจึงยอมเก็บความลับไว้ ผัดไท รู้ว่าผิงต้องอยู่ใกล้ชิดอชิระเพื่อสืบเรื่องอำพลจึงพูดเตือนผิงว่า อชิระเป็นคนไม่ดีให้อยู่ห่างไว้ แต่ผิงไม่เชื่อบอกว่าคนที่ดูดีอย่างอชิระจะไม่มีทางที่จะเป็นคนไม่ดี แถมหาว่าผัดไทต่างหากที่เป็นคนไม่ดี อิจฉาอชิระที่ดีกว่าเลยพูดจาใส่ร้าย ผัดไทโกรธบอกกับผิงว่าถ้าเธอเจอดีมาจะหัวเราะซ้ำให้ฟันหัก แต่ผิงไม่สนใจ เมื่อผิงได้มาอยู่ในชุมชนได้พบกับคนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็น ถั่วดำ เพื่อนแก๊งค์มอเตอร์ไซค์วินของหมากเก็บ ดุเดือด ยามประจำโรงงานชุดชั้นในของอำพล ผู้ฝันอยากเป็นตำรวจ แต่เป็นได้แค่ยามเลยชอบทำท่าขึงขังแบบตำรวจตลอดเวลา คนต่อมาคือ เจ๊แจ่ม แม่ค้าขายกล้วยทอดและเจ้าของบ้านเช่าคู่รักคู่แค้นของหมากเก็บ เจ๊แจ่มไปพลาดท่าถูกน้ำมันพรายผีตายท้องกลมของไหวร่างทรงเจ้าพ่อมาลัยเงิน จนทั้งคู่ได้เสียเป็นสามีภรรยากัน เจ๊แจ่มมีลูกติดชื่อ จี๊ด ผู้คิดว่าตัวเองสวยที่สุดในซอย จี๊ดแอบชอบผัดไทคอยตามจีบผัดไท แต่ผัดไทไม่เล่นด้วยเลยมักโบ้ยให้หมากเก็บที่แอบชอบจี๊ด จี๊ดเลยชอบหลอกหมากเก็บให้หมากเก็บซื้อของแพงๆ ให้ จี๊ดเห็นผิงก็รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาคอยหาเรื่องพูดจากระทบ ผิงรู้ว่าจี๊ดชอบผัดไทจึงชอบทำเป็นแกล้งออเซาะยั่วผัดไทให้จี๊ดหึง ทำให้จี๊ดได้แต่ร้องกรี๊ดๆ บางทีก็ขอไประบายความแค้นใส่หมากเก็บแทน ซึ่งด้วยอานุภาพแห่งความรัก หมากเก็บก็ยอม นอกจากนี้ผิงยังได้รู้จักสนิทสนมกับไข่ห่อ น้องสาวของผัดไท ซึ่งเป็นพนักงานบัญชีประจำของโรงงานชุดชั้นในของอำพล และมีเพื่อนซี้คือ ลิ้นจี่ พนักงานเย็บชุดชั้นใน ในโรงงานอชิระชอบแวะมาหาผิงเสมอและให้ความสนิทสนมกับเธอ ลิ้นจี่กับเพื่อนๆ พนักงานในโรงงานต่างพูดยุให้ผิงชอบอชิระ เพราะอชิระเป็นคนดี ไม่เคยถือตัวกับพนักงานหรือกับใครเลย ซึ่งลึกๆ แล้วผิงเองก็รู้สึกว่าการกระทำของอชิระที่มีต่อเธอทำให้เธอรู้สึกดีกับเขามากขึ้นทุกวันๆ ไข่ห่อ ซึ่งรู้ความลับของอชิระกับกรองแก้วว่ามีความสัมพันธ์กันเกินความเป็นพี่น้อง กลัวว่าผิงจะถูกอชิระหลอก จึงขอร้องผัดไทเตือนผิงทำให้ผัดไทจำใจต้องมาเตือนผิง อีกครั้งและผิงก็ไม่เชื่อผัดไทตามเคย แถมหาว่าผัดไทชอบเธอที่มาเตือนก็เพราะหึงเลยพูดใส่ร้ายคนดีอย่างอชิระ ผัดไทจึงตัดพ้ออย่างน้อยใจว่าเขาเป็นเพียงแค่มอเตอร์ไซค์รับจ้างจนๆ คนธรรมดาคนหนึ่ง ผิงจึงไม่เคยเชื่อคำเตือนของเขาเลย หากเขาเป็นคนรวย แต่งตัวดีใช้ของแบรนด์เนม ผิงคงเชื่อคำพูดเขาแล้วอย่างแน่นอน ผัดไทบอกว่าต่อไปนี้เขาจะไม่เตือนอะไรผิงอีก และผิงก็ได้รู้ว่าเธอไม่ควรมองคนแค่ภายนอก เมื่ออชิระต้องการขยายโรงงานให้ใหญ่กว่าเดิม แต่ติดตรงที่มีชุมชนของชาวบ้านตั้งอยู่ อชิระจึงจ้างรหัสให้ไปหาลูกน้องวางเพลิงเผาชุมชน รหัสจึงสั่งให้ลูกน้องไปวางเพลิงเผาชุมชนในคืนนั้น แต่เวลานั้นผัดไท หมากเก็บ ถั่วดำ ไหว ชวน ดุเดือด ยามประจำโรงงานของอำพลไปตั้งวงกินเหล้า ผัดไท กับ หมากเก็บ เกิดปวดฉี่เลยขอตัวไปฉี่ ทำให้พบกับลูกน้องของรหัส กำลังราดน้ำมันจุดไฟเตรียมจะวางเพลิงจึงเกิดการต่อสู้กัน ระหว่างชุลมุนผัดไทเตะไปโดนแขนของลูกน้องรหัส ที่ถือท่อนไม้ติดไฟอยู่ ทำให้ท่อนไม่ตกไปโดนน้ำมันที่ราดไว้ เพลิงลุกไหม้เผาบ้านในชุมชน ผัดไทกับหมากเก็บตะโกนเรียกให้คนมาดับไฟ ทุกคนต่างตกใจมาช่วยกันดับไฟ เวลานั้นผัดไทเห็นจ้อนเด็กในชุมชนติดอยู่ในบ้าน จึงเสี่ยงชีวิตลุยกองไฟเข้าไปช่วยชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัย ผัดไท ช่วยทุกคนในชุมชนช่วยกันดับไฟไว้ได้ทันทำให้เสียหายไม่มากนัก แต่เพราะผัดไทมัวแต่ช่วยบ้านคนอื่น ลืมช่วยดับไฟบ้านตัวเอง ทำเอาไข่ห่อเซ็งพี่ชายตัวเองจนพูดไม่ออก ผิงซึ่งเห็นผัดไทเข้าไปช่วยชีวิตจ้อน จึงถามผัดไทตรงๆ ว่าเพราะอะไรผัดไทถึงยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยจ้อน ผัดไทจึงเล่าให้ผิงฟังว่า พ่อของผัดไทเป็นตำรวจดับเพลิงแต่เสียชีวิตในหน้าที่ ผัดไทจึงใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นเหมือนพ่อให้ได้ จึงตั้งใจเรียน หนังสือจนจบนิติศาสตร์ แต่ไปสมัครเป็นทนายที่ไหนก็ไม่มีใครรับ แม้แต่ไปสมัครยามก็ยังไม่รับ ทำให้เขาต้องมาทำงานเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผิงเริ่มมองผัดไทในแง่ดีขึ้น และสอนเธอว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ดูไม่ดีนั้น ไม่ได้บ่งบอกว่าภายในจิตใจจะไม่ดีตาม ผิงขอโทษผัดไทที่เคยพูดจาดูถูก ผัดไท ยอมให้อภัย ทั้งคู่ยอมเปิดใจเป็นเพื่อนกัน ทำให้ผัดไทพบในอีกแง่มุมหนึ่งของผิงที่มักต้องแอบไปบ้าน ไปคอยดูแลทิพย์ผู้เป็นแม่ ผัดไทเริ่มมองเห็นว่าผิงไม่ได้สวยพันธุ์โหดอย่างที่คิด กลับเป็นคนอ่อนไหว ด้านผิงก็สนิทกับผัดไทมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เธอรู้ว่า ไข่ห่อชอบเล่าเรื่องอชิระให้ผัดไทฟังเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำพลกำลังจะวางมือจากวงการ และกำลังยกธุรกิจให้กับมูลนิธิทำให้ผิงเริ่มสงสัยว่า อำพลอาจไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิด อาจมีคนอยู่เบื้องหลังที่คิดจะล้มอำพลอยู่เป็นแน่ โดยเป้าหมายแรกที่ผิงสงสัยคือ เฮียเป้า ด้านอชิระเจ็บใจที่รหัสเผาชุมชนไม่สำเร็จ ต่อว่ารหัสที่ทำงานพลาด รหัสบอกว่าที่ทำงานพลาดเพราะผัดไทเป็นคนขัดขวาง อชิระจึงบอกให้รหัสไปจัดการเก็บผัดไท และเผาไล่ที่คนในชุมชนให้ได้ รหัสจึงจ้างมือปืนตามไปจัดการเก็บผัดไท ในวันหนึ่งซึ่งขณะที่ผิงกับไข่ห่อกำลังจะไปทำงานตามปกติ มือปืนที่แอบซุ่มดูอยู่จะยิ่งใส่ผัดไท แต่ผิงเห็นเข้าจึงเข้ากระโดดผลักผัดไททำให้เธอถูกลูกกระสุนแทน หมากเก็บกับไหว และเพื่อนวินมอเตอร์ไซค์พยายามวิ่งไล่กวดจับมือปืน แต่ไม่ทันมือปืนหนีไปได้ ผิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ผัดไทซาบซึ้งใจที่ผิงเสี่ยงเอาชีวิตเข้าช่วยจึงเกิดความรัก แม้ว่าผิงจะบอกผัดไทว่าที่เธอช่วยเขาเป็นเพราะสัญชาติญาณการเป็นตำรวจ แต่ผัดไทไม่เชื่อบอกว่าต่อไปนี้เขาจะพยายามปกป้องจะอยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือผิงทุกอย่าง ผิงกลัวอชิระจะเข้าใจผิดแล้ว แผนแกล้งเป็นแฟนจะแตก เลยพูดตัดความรำคาญให้ ผัดไทปกป้องเธอได้ แต่ห้ามทำแผนปลอมตัวของเธอแตก สร้างความดีใจให้แก่ผัดไทเป็นอย่างมาก แต่ในขณะนั้น อชิระมาเยี่ยมผิงพอดี เลยต้องโกหกว่า ผัดไทตามมารีดไถเงินเธอ อชิระจึงสั่งเดชให้จัดการ ผัดไทรีบหนีเดชไปจนได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกวัน ผัดไทก็จะคอยขี่มอเตอร์ไซค์มาป้วนเปี้ยนที่โรงงานคอยดูแลผิง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องราวมักจะจบลงที่ผิงเป็นคนคอยช่วยเหลือผัดไทให้รอดพ้นจากการถูกจับได้ทุกที ต่อมา กรองแก้วท้องจึงนำเรื่องไปบอกอชิระแต่อชิระบอกให้กรองแก้วไปเอาเด็กออก สร้างความไม่พอใจแก่กรองแก้วเป็นอย่างมาก จึงแก้แค้นอชิระด้วยการเล่าความจริงเรื่องอชิระทำตัวเองท้องและคิดจะฆ่าอำพลให้อำพลฟัง แต่แทนที่อำพลจะโกรธตัดขาดกับอชิระ กลับขอให้กรองแก้วทำใจให้เย็นสร้างความไม่พอใจให้กรองแก้วเป็นอย่างมาก จึงประกาศกร้าวจะจัดการอชิระด้วยวิธีของเธอเอง อำพลจึงเรียกอชิระมาพบ โดยขอให้อชิระรับผิดชอบกรองแก้ว และเตือนอชิระให้ถอนตัวจากวงการเจ้าพ่อ เพราะวงการนี้ทุกคนล้วนมีจุดจบที่ไม่ดี อชิระรับปากกับอำพล ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการเจ้าพ่ออีก แต่เป็นเพียงการเล่นละครตบตาเท่านั้น อชิระสั่งเดชให้ไปปิดปากกรองแก้วก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย กรองแก้วซึ่งเวลานั้นขับรถจะนำเรื่องไปบอกเฮียเป้า จึงถูกรถสิบล้อที่เดชจ้างมาขับรถตัดหน้าทำให้รถของกรองแก้วเสียหลัก พลิกคว่ำเสียชีวิต การเสียชีวิตของกรองแก้วทำให้ไข่ห่อยิ่งไม่อยากให้ผิงเพื่อนสนิทของเธอ มีชะตากรรมแบบกรองแก้ว จึงตัดสินใจแอบนำข้อมูลบัญชีที่อชิระบังคับเธอให้ทำเพื่อฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดมาให้ผิงดูเพื่อให้ผิงตาสว่างตัดใจเลิกกับอชิระเสียที ไข่ห่อเล่าว่าเธออึดอัดกับการกระทำของอชิระมาก แต่กลัวถูกสั่งเก็บจึงไม่กล้าบอกใคร เลยได้แต่คอยระบายให้ผัดไทฟัง ไข่ห่อยังบอกอีกว่าเธอคือผู้หญิงลึกลับที่โทรไปแจ้งสารวัตรบันลือให้ไปจับยาเสพติดล๊อตใหญ่ แต่มีหนอนบ่อนไส้ทำให้พลาด ผิงซึ่งรู้เรื่องทั้งหมดถึงกับช็อค นึกไม่ถึงว่าคนที่ภายนอกดูดีอย่างอชิระจะเป็นคนเช่นนี้ ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง สารวัตรบันลือโทรศัพท์ติดต่อกับผิงว่าหมอที่ทำหน้าที่ชันสูตรศพพบว่า กรองแก้วตั้งครรภ์ทำให้ผิงนึกถึงคำเตือนของผัดไทที่เคยพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอชิระกับกรองแก้ว ผิงอยากหาหลักฐานมัดตัวจับอชิระว่าเป็นคนวางแผนฆ่ากรองแก้วจึงขอให้หมอตรวจ DNA ของเด็กในท้อง หมอรับปากแต่ขอให้ผิงไปขโมยเส้นผมอชิระมาตรวจ DNA ผิงเห็นว่าไข่ห่อสามารถเข้าถึงตัวอชิระได้ จึงขอให้ไข่ห่อช่วยไปเอาเส้นผมจากอชิระโดยไข่ห่อแกล้งไปที่บ้านอชิระโกหกคนในบ้านว่า อชิระให้มาเอาแฟ้มเอกสารสำคัญที่ห้องนอน ทุกคนหลงเชื่อไข่ห่อ และขณะที่กำลังทำท่าจะไปด้วยดี อชิระกลับมาบ้านพอดี ทำให้ไข่ห่อถูกจับไป อชิระให้ไข่ห่อโทรไปบอกผัดไทว่าเอาเส้นผมอชิระไม่ได้ เพราะมีงานด่วนเข้ามา ต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดหลายวัน ผัดไทนำเรื่องไปบอกกับผิง ผิงรู้สึกสงสัยแต่ผัดไทบอกว่าผิงคิดมาก ด้านอำพลสงสัยการเสียชีวิตของกรองแก้วอาจเป็นฝีมือของอชิระ จึงถามอชิระตรงๆ แต่อชิระปฏิเสธบอกว่าเขากับกรองแก้วโตมาด้วยกัน ไม่เลวพอที่จะทำร้ายกรองแก้วได้ อำพลไม่ว่าอะไรอชิระ แต่เตือนให้อชิระอย่าถลำลึกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการเจ้าพ่อเป็นอันขาด อชิระ รู้ว่า อำพล ระแวงในตัวเขามากขึ้นและผิงก็เริ่มรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขามากขึ้นจึงสั่งให้รหัสหามือปืนมาเก็บอำพลในงานวันเกิดอำพลที่จัดขึ้นในโรงงาน วันงานมาถึงมีพนักงานทุกคนรวมทั้งคนในซอยต่างมาร่วมงานยินดีด้วย อชิระชวนไข่ห่อให้มาร่วมงานด้วย ขณะทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี มือปืนที่รหัสจ้างมายิงใส่อำพลแต่ยิงพลาด ผิงบอกให้ผัดไทช่วยรีบพาอำพลหนี ผัดไทรีบพาอำพลซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์บิดหนีมือปืนที่ไล่ยิงมาสุดชีวิต ผัดไทบิดมอเตอร์ไซค์พาหนีคนร้ายมาได้สำเร็จ หันไปบอกกับอำพลว่าปลอดภัยแล้วจะให้ไปไหนต่อ แต่แล้วผัดไทต้องนะจังงัง เมื่อได้ยินเสียงอ่อยๆ ของอำพลบอกว่า ไปโรงพยาบาล ผัดไทยหันไปถามอย่างซื่อๆ ปลอดภัยแล้วจะไปโรงพยาบาลทำไม อำพลเลยกัดฟันกรอดด บอกว่าเขาถูกยิง ผัดไทได้ยินดังนั้นรีบบิดมอเตอร์ไซค์ตาเหลือกไปโรงพยาบาลทันที ผิงกับสารวัตรบันลือได้ข่าวว่าอำพลถูกส่งตัวมาโรงพยาบาล จึงรีบมาดูพบว่า อำพลผ่าตัดเอากระสุนเรียบร้อยแต่ต้องเข้าไอ.ซี.ยู ผัดไทรู้สึกผิดที่ทำงานง่ายๆ พลาด แต่ผิงพูดปลอบใจให้ว่าผัดไททำดีที่สุดแล้ว เวลาเดียวกันนั้นเอง หมากเก็บก็วิ่งหน้าตื่นมารายงาน สารวัตรบันลือ กับผิงว่า ได้ข่าวจากสายว่า อชิระกับเฮียเป้าจะทำการซื้อยาเสพติดกันที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ทำเอาผัดไทช็อคอ้าปากค้างที่หมากเก็บเพื่อนซี้ของเขาเป็นตำรวจปลอมตัวมา แต่ผัดไทต้องช็อคยิ่งกว่าเมื่อหมากเก็บรายงานต่อว่า ไข่ห่อถูกอชิระจับตัวไปได้ ผัดไทจึงขอไปช่วยไข่ห่อด้วย ทั้งหมดจึงแอบไปที่โกดังร้างพบ อชิระกับเฮียเป้าซื้อยากันโดยมี รหัสรวมอยู่ด้วย สารวัตรบันลือ ผิง หมากเก็บ พร้อมตำรวจที่มาด้วย แสดงตัวจะเข้าทำการจับกุม เฮียเป้าเข้าใจผิดคิดว่าอชิระหักหลังเลยยิง อชิระทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการยิงปะทะกันอย่างรุนแรง จนอชิระกับเฮียเป้าเสียชีวิตทันที แต่รหัสไหวตัวทันไปนำตัวไข่ห่อที่พามาด้วยจับมาเป็นตัวประกันต่อรองหนี ผัดไท เป็นห่วงไข่ห่อ ขอแลกตัวเองกับไข่ห่อ รหัสตกลงยอมแลกเป็นตัวประกัน ผัดไทบอกให้ผิงยิงเขาได้เลยไม่ต้องกลัว และเมื่อคุณขอมา ผิงก็จัดให้ยิงผัดไทเข้าไปที่ต้นขาเฉียดจุดยุทธศาสตร์ไปขีดเดียว ทำเอารหัสตกใจคาดไม่ถึงที่ผิงยิงจริงๆ ผิงเห็นรหัสตกใจจึงยิงแสกหน้ารหัสเสียชีวิตทันที ผิงกับไข่ห่อรีบวิ่งมาดูผัดไท ผัดไทบ่นใส่ผิงยิงเข้าจริงๆ และยิงรหัสทั้งๆ ที่เขาถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ผิงตอบหน้าตาเฉยว่าเธอยิงปืนแม่น ผัดไทจะเถียงแต่เพราะเสียเลือดมากเลยสลบ ผิงกับไข่ห่อจึงช่วยนำตัวผัดไทส่งโรงพยาบาลรับการรักษาจนปลอดภัยในที่สุด หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย สำนักงานทนายความที่ผัดไทเคยไปสมัครงานไว้ส่งจดหมายเรียกตัวให้ไปทำงาน สร้างความดีใจให้แก่ผัดไทเป็นอย่างมาก ผัดไทดีใจเอาจดหมายไปให้ผิงดู ผ่านมาเห็นหมากเก็บกำลังฝึกรำลิเกอยู่ ผัดไทถามด้วยความสงสัยว่าจะออกจากตำรวจเป็นลิเกเหรอ หมากเก็บบอกว่าไม่ใช่แต่เขาได้รับงานจากสารวัตรบันลือให้ไปสืบคดีฆาตกรรมชิงรักหักสวาทที่โรงลิเกต่างหากเลยต้องหัดรำลิเกไว้ หมากเก็บบอกให้ผัดไทไปลาผิง เพราะงานสืบเรื่องของอำพลเรียบร้อยแล้ว ผิงก็ต้องกลับบ้านไม่ได้มาอยู่ที่ชุมชนนี้อีก ผัดไทรู้สึกใจหายที่ได้ยินรีบไปหาผิง ทำให้พบว่าผิงกำลังเก็บกระเป๋ากลับบ้าน ผัดไท เล่าเรื่องเขากำลังได้งาน ผิงแสดงความยินดีกับผัดไท ผัดไทชายหนุ่มสุดเซ่อซ่าไม่รู้ว่าจะพูดสารภาพความในใจยังไง เลยบอกผิงอย่างเขินๆ ว่า หากกลับไปเป็นตำรวจแล้ว ตั้งด่านจับก็เจอกันทักกันบ้างนะ ผิงได้ยินก็เซ็งสุดๆ บอกว่าเธอเป็นตำรวจหน่วยปราบปรามไม่ใช่ตำรวจจราจรทำให้ผัดไทหน้าแตกดังเพล้ง ผิงเลยพูดเป็นนัยว่า เธอจะมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของผัดไทบ่อยๆ แต่แทนที่ผัดไทจะเข้าใจกลับเซ่อถามกลับว่า จะมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ทำไม? ผิงเลยพูดอย่างโมโหจะต้องบอกตรงๆ เลยใช่ไหมว่าเธอชอบเขา ผัดไทผู้เซ่อซ่าได้ยินดังนี้ก็หายเซ่อซ่าทันที ดีใจที่ผิงมีใจให้เขาเช่นกันและแล้วความรักแท้ของคน 2 คนก็ได้เริ่มต้นขึ้น

สาวเต็มพิกัด 2548

เรื่องย่อ : สาวเต็มพิกัด (2548/2005) เรื่องราววุ่นๆ ของ 2 ครอบครัว ครอบครัวแรกนั้นเป็นครอบครัวของ คุณหญิงย่า หรือ คุณหญิงประภัสสร มีลูกสองคนคือ กาญจนา และประมุข กาญจนาซึ่งเป็นพี่สาวมีลูกสองคนคือ ปีโน่ และปูนา ซึ่งได้ทิ้งลูกชายวัย 7 ปี ชื่อ น้องปืน ไว้กับครอบครัวนี้ ส่วนประมุขนั้นไปทำงานต่างประเทศก็ได้ทิ้งลูกชายสองคนคือ เฟียต และฟรุค ให้อยู่กับคุณย่า ปีโน่กับเฟียต เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ช่วยกันบริหารบริษัทเงินทุนและอีกหลายบริษัทในเครือของคุณหญิงย่าจนรุ่งเรือง ส่วนฟรุคกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย กิจกรรมยามว่างของปีโน่ก็คือเป็นนักแข่งรถมือหนึ่งของประเทศ อีกครอบครัวคือ ครอบครัวคุณป้าสุนีย์ สาวโสดวัย 40 กว่าเจ้าของโรงเรียนอนุบาล และยังมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูหลานสาว 3 คนคือ แจ๊ด, แป๊ด, เปรี้ยว ซึ่งแม่ของ 3 สาวเสียชีวิตตั้งแต่พวกเธอยังเล็กๆ แจ๊ดเป็นครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล แป๊ดเป็นสถาปนิกของบริษัทรับสร้างบ้าน ส่วนเปรี้ยวยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และบังเอิญมหาวิทยาลัยเดียวกับฟรุค ป้าสุนีย์นั้นทั้งรักทั้งหวงหลานสาวทั้ง 3 คน เป็นอย่างยิ่ง ขนาดที่ว่าจะต้องคอยรับส่งทั้งไปเรียนและทำงานด้วยตนเองทุกวันชนิดที่ไม่ยอมให้ชายใดเข้ามาใกล้ได้ แต่ทั้ง สุนีย์, คุณหญิงย่า และกาญจนา นั้นรู้จักและมีความสนิทสนมในระดับหนึ่งเนื่องจากร่วมงานกันในสมาคมสิทธิสตรีเด็กและคนชรา แต่สุนีย์ก็ไม่ได้รู้จักใครในครอบครัวนี้นอกเหนือไปจากคุณหญิงย่าและคุณกาญจนาเท่านั้น ในวันหนึ่งคุณหญิงย่าในฐานะประธานสมาคมสิทธิสตรีเด็กและคนชรา ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกสมาคมที่บ้านก็ได้เชิญป้าสุนีย์พร้อมหลานๆ มาร่วมงานเพื่อที่จะให้รู้จักทั้งลูกชายและหลานชาย และมอบหมายให้ 4 หนุ่มช่วยต้อนรับแขก แต่ทั้ง 4 หนุ่มกลับหนีออกไปเที่ยว เลยทำให้คลาดแคล้วไม่ได้เจอกับ 3 สาว ส่วนคุณหญิงย่าพอเห็น 3 สาวก็รู้สึกรักและเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงนั้นทั้งแจ๊ดและเปรี้ยวนั้นมีโอกาสได้เจอกับหนุ่มๆ บ้านนี้แล้ว โดยแจ๊ดได้รู้จักกับปีโน่แถมยังถูกปีโน่ตามจีบหลังจากที่วันหนึ่งได้ไปส่งน้องปืนที่โรงเรียนอนุบาล แถมยังให้น้องปืนเป็นกามเทพตัวน้อย จนถูกคุณป้ากีดกมาแล้วนั้นเอง ส่วนเปรี้ยวก็ได้พบกับ ฟรุคแบบไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ จึงทำให้เกิดเป็นคู่กัดกันตลอดเวลา เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครเท่านั้นเองประมุขกลับมาอยู่เมืองไทยเพื่อที่จะมาช่วยดูแลกิจการ แทนคุณหญิงย่า แต่ขอย้ายตัวเองไปอยู่ต่างหาก ซึ่งบังเอิญไปอยู่ใกล้บ้านของป้าสุนีย์และหลานๆ ในเช้าวันหนึ่งป้าสุนียได้ออกไปวิ่งในสวนสาธารณะก็ไปเจอกับประมุขที่พยายามทักทายและแนะนำตัวเอง แต่ป้าสุนีย์กลับเฉยไม่มีไมตรีตอบ ประมุขจึงคิดว่าจะต้องหาวิธีทำความรู้จักให้จงได้ เพราะว่าไม่เคยมีสาวคนไหนปฏิเสธเขาอย่างนี้มาก่อน ในขณะที่เฟียตขับรถจะไปหาพี่เป๋าหุ้นส่วนบริษัทรับสร้างบ้าน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรุ่นพี่และเป็นหัวหน้างานแป๊ด ก็บังเอิญไปเจอแป๊ดที่รถเสียขณะขับรถกลับบริษัท ก็เสนอตัวช่วย แต่แป๊ดปฏิเสธจนภายหลังถึงได้รู้ว่าเฟียตคือเจ้านายอีกคน ที่จะต้องทำงานร่วมกันแต่การร่วมงานของแป๊ดและเฟียตดูจะไม่ราบรื่นเท่าไหร่นักเพราะความเห็นของทั้งสองคนมักจะขัดแย้งกันเสมอ หลังจากปีโน่รู้ว่าบ้านแจ๊ดอยู่ติดกับบ้านประมุขจึงชวนน้องปืนเข้าไปอยู่ที่บ้านประมุขด้วยเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับครูแจ๊ด โดยมีน้องปืนคอยเป็นพ่อสื่อให้เหมือนเดิม ขณะที่ประมุขหาวิธีพิชิตใจสุนีย์นั้น เขาเองก็มีสาวพราวเสน่ห์อย่างพอลล่า ตามตื้อเพราะหวังในทรัพย์สินเงินทองแต่ความที่ผ่านโลกมาเยอะประมุขเลยอ่านเกมพอลลี่ออกและหาทางเลี่ยงพอลลี่ก็ตามตื้อประมุขไม่เลิกลา ยิ่งเมื่อรู้ว่าประมุขสนใจสุนีย์ก็ยิ่งทำให้เธอแค้นและกลัวจะเสียประมุขจึงทำทุกวิธีทางที่จะแทรกกลางให้ได้ ด้านประมุข ยิ่งเจอสุนีย์ปฏิเสธเขาก็ยิ่งหาสารพัดวิธีเพื่อจะพิชิตใจป้าสุนีย์ให้ได้ ไม่ว่าจะทำดีด้วย ก่อกวนความสงบตั้งวงก๊งกับลูกๆ และหลาน หรือแม้แต่แกล้งขับรถชน แต่ให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุทำให้สุนีย์ต้องคอยดูแลและระวังทุกคนแม้กระทั่งสาวรับใช้เขียวและหวาน สุนีย์กำชับว่าถ้าใครยุ่งหรือวุ่นวาย จะตัดเงินเดือนให้หมด สุนีย์กันท่าหลานสาวสุดฤทธิ์ จนพลอยให้ตนเองเข้าไปในวงจรประมุขแบบไม่รู้ตัว ส่วนฟรุคและเปรี้ยวรบกันที่บ้านยังไม่พอยังลามไปถึงมหาลัยอีกด้วย จนวันหนึ่งทั้งคู่ต่างก็หนีโจทก์ ฟรุควิ่งหนีแคนดี้ กระเทยที่ตามจีบ และเปรี้ยวก็วิ่งหนีกุ้ง ทอมที่ตามจีบ เปรี้ยวหนีไปแอบอยู่หลังห้องน้ำมหาลัยและไปเจอฟรุคซึ่งแอบอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองมีปากเสียงก ขณะที่ทั้ง 2 ปะทะคารมกันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งแคนดี้และกุ้งก็ตามมาเจอฟรุคซึ่งแอบอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองมีปากเสียงกันอยู่ ทั้งสองหันไปเจอแคนดี้และกุ้งก็ตกใจ ฟรุคลืมตัวคว้าเอาแขนของเปรี้ยวแล้วพากันวิ่งหนีออกมาทางด้านหลังมหาลัย แต่พอหายเหนื่อยก็หันมาทะเลาะกันต่อจนฟรุคทนไม่ไหวเลยขอยุติเรื่องความแค้นส่วนตัวไว้ก่อน และชวนเปรี้ยวจับมือร่วมกันกำจัดกุ้งและแคนดี้ให้ออกจากชีวิตของกันและกัน ถือว่าต่างคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันเปรี้ยวเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่เข้าท่า ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพราะเธอก็เบื่อยัยทอมเต็มทนแล้วจึงยอมร่วมมือกับฟรุคโดยดี สองคนแสร้งทำเป็นว่ารักกันมากและเป็นแฟนกันเพื่อที่จะให้กุ้งและแคนดี้ตัดใจจากไป เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะกุ้งไม่ยอมเลิกลาพาลหาเรื่องฟรุคอยู่บ่อยๆ ส่วนแคนดี้ก็เช่นกันตามด่าว่าเปรี้ยวต่างๆ นานาหาว่ามาแย่งฟรุค ป้าสุนีย์เริ่มกลุ้มใจกับพฤติกรรมของเพื่อนบ้าน เพราะความสงบสุขที่เคยมีมันเริ่มหายไปทีละน้อย ซึ่งผิดกับครอบครัวประมุข ความสนุกท้าทายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น สุนีย์เลยสั่งกั้นรั้วให้สูงท่วมหัวขึ้น แต่ก็ไม่พ้นความพยายามของประมุขไปได้ เลยสั่งทำหอคอยให้สูงเฉียดรั้วบ้านของสุนีย์เพื่อเอาไว้ขึ้นไปนั่งกินเหล้าและก่อกวนสุนีย์ เรื่องยุ่งๆ วุ่นวายระหว่างสุนีย์กับประมุขกับความรักอลหม่านของหลานสาวทั้ง 3 คน แจ๊ด กับปีโน่ แป๊ดกับเฟียต และเปรี้ยวน้องเล็กสุดกับหนุ่มฟรุค จะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ใน สาวเต็มพิกัด ทางช่อง 7 สี

เกิดแต่ตม 2548

เรื่องย่อ : เกิดแต่ตม (2548/2005) เกิดแต่ตม เป็นเรื่องราวของ มิ่งโกมุท เด็กหญิงหน้าตาฉลาดเป็นกรดและเอาเรื่อง หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า ไอ้มิ่ง เพราะนึกว่าเป็นเด็กชาย ถามหาพ่อแม่มาตั้งแต่รู้ความจนเข้าวัยหกขวบ แต่ทั้งแป๊ะและซิ้มไม่เคยยอมเอ่ยถึง และยังอารมณ์เสียทุกครั้งที่มิ่งถามหรือเมื่อใครอื่นพูดถึงพ่อแม่ของมิ่ง มิ่งได้ยินชื่อ มาลี ครั้งแรกจากปากลุงมานิต ซึ่งพาป้าสะใภ้ อรนุช และน้องต้น ลูกชายอายุสามขวบมาเยี่ยมแป๊ะกับซิ้มซึ่งเป็นพ่อแม่เลย และวันที่แป๊ะกับซิ้มพามิ่งไปมอบตัวที่โรงเรียน มิ่งจึงได้ยินว่าตัวเองเป็นบุตรบุญธรรมของแป๊ะกับซิ้ม และคุณครูอธิบายให้มิ่งฟังว่าบุตรบุญธรรมเป็นอย่างไร และต่อมาญาติจากสวนส้มจึงไขปริศนาเรื่องพ่อแม่ของมิ่งให้มิ่งฟังว่า แม่ของมิ่งชื่อ มาลี เป็นลูกสาวของแป๊ะกับซิ้ม แม่หนีตามพ่อซึ่งเป็นคนขับรถสิบล้อไปตั้งแต่อายุสิบห้า แล้วถูกพ่อมิ่งทิ้ง เมื่อคลอดมิ่งจึงเอามิ่งมาทิ้งให้แป๊ะกับซิ้มเลี้ยงแล้วหายไป ลุงมานิตคือลูกชายคนโตของแป๊ะกับซิ้ม แล้วมิ่งยังมีลุงอีกคน เป็นน้องของลุงมานิต พี่ของแม่มาลีคือ ลุงมารุต แต่ติดยาโดนจับติดคุกแล้วหายหน้าไป

ความรู้สึกโหยหาแม่อยู่ในใจมิ่ง ตลอดเวลา ยิ่งถวิลลูกมือทำอาหารของแป๊ะบอกว่าแม่ของมิ่งทำงานอยู่ในโรงงานแถว พระประแดง ถวิลเคยเจอแม่บ่อยมากที่ตลาด แม่ถามถึงมิ่งด้วย มิ่งยิ่งอยากเจอแม่ พระประแดงอยู่ไม่ไกลจากร้านของแป๊ะเลย แป๊ะและซิ้มซื้อตึกแถวเปิดร้านขายอาหารขายกาแฟอยู่ในย่านหนึ่งของฝั่งธน ในทำเลที่ลูกค้ามาก แต่เป็นทำเลแห่งโลกีย์ สภาพแวดล้อมไม่ดี เป็นแหล่งแฟล็ตเช่าของหญิงขายบริการ จนแม้กระทั่งเศรษฐีนีเจ้าของที่ดินและแฟล็ตเช่าในย่านนั้นคือ อาจารย์วัชรี ยังต้องขายบ้านพาครอบครัวไปอยู่ที่อื่น เพราะเกรงสิ่งแวดล้อมทำพิษต่อลูกๆ มิ่งเลยต้องจากกับเพื่อนสนิทมากรุ่นพี่คือ วัสสา ซึ่งอายุแก่กว่ามิ่งปีหนึ่ง วัสสามีพี่สาวสวยมากอายุสิบขวบคือ วาลุกา กับน้องชาย วณิชชา อายุสามขวบ ภายหลังคนที่ซื้อบ้านอาจารย์วัชรีทำบ้านหลังนั้นเป็นห้องอาหารแบบมีสาวป้อน และขายบริการ มีเวทีเพลงลูกทุ่ง หางเครื่องเต้นเปิดกระโปรงอยู่หน้าห้องอาหารด้วย มิ่งวิ่งขึ้นลงส่งอาหารตามห้องต่างๆ บนแฟล็ตจนคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมของคนโลกีย์

กฎข้อเดียวที่แป๊ะห้าม ฝ่าฝืนเด็ดขาดคือ ห้ามเข้าไปส่งของถึงในห้อง ให้อยู่แค่หน้าห้อง มิ่งคิดเงินทอนเงินเป็นตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียน และได้ทิปเศษเงินทอนจากลูกค้าหยอดกระปุกออมสินไว้มากมาย มิ่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะเก็บเงินไว้เรียนหนังสือสูงๆ เพราะแป๊ะกับซิ้มชอบว่าว่ามิ่งจะเอาดีไม่ได้ จะเป็นเหมือนแม่ของมิ่ง เมื่อวันที่เข้าโรงเรียนมิ่งเรียกแป๊ะกับซิ้มว่าอากงกับยาย โดยแป๊ะโกรธตวาดลั่นไม่ให้เรียก บอกเรียกอีกจะโดนตี แป๊ะพูดอีกว่ามิ่งจะเอาดีไม่ได้ มิ่งจะเป็นเหมือนแม่ มิ่งบอกว่ามิ่งไม่มีวันเหมือนแม่ มิ่งต่อรองกับแป๊ะว่าตัวเองจะเรียนให้จบสูงสุด แล้ววันที่เรียนจบจะขอแป๊ะกับซิ้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ ขอเรียกว่าอากงกับยาย แป๊ะตกลง จากวันนั้นเป็นต้นมา เด็กหกขวบตั้งมั่นดำเนินตามปณิธานของตน มิ่งเรียนเก่งกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ครูจะผ่านชั้นให้ขึ้นไปเรียนประถมแต่มิ่งไม่ไป เมื่อมิ่งขึ้นเรียนชั้นประถม มิ่งได้พบคนที่มิ่งอยากพบมาตลอด คือ แม่มาลี แม่ที่มิ่งเจอโทรม ไม่สวยเหมือนภาพฝันของมิ่ง แต่มิ่งก็ไม่ได้รังเกียจแม่

ความ กะทันหันทำให้มิ่งไม่ได้พูดอะไรกับแม่สักคำ และไม่ได้เรียกแม่ว่าแม่เลย แม่ให้เงินมิ่งหนึ่งพันบาท แม่รู้จากถวิลว่ามิ่งมีเงินฝากออมสิน ให้มิ่งไปฝากไว้เป็นทุนเรียนหนังสือ มิ่งไม่ได้เจอแม่บ่อยนัก แต่เมื่อมิ่งสอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงของรัฐบาลได้ แม่เอาเงินค่าเล่าเรียนมาให้มิ่งอีก มีผู้เช่าหน้าใหม่มาเช่าแฟล็ตห้องใหญ่พิเศษ เธอเป็นสาวลูกครึ่งสวยมาก และอยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร มิ่งได้ยินว่าเธอเป็นหมอนวดที่กลายมาเป็นเมียเก็บชั่วคราวของเสี่ย และเปลี่ยนเสี่ยไปเรื่อยๆ แต่เธอดูนิ่มนวลอ่อนโยนไม่เหมือนหญิงขายบริการคนอื่นๆ ในแฟล็ต เธอคือ คุณบี หรือคุณโสวรรณ เธอมาอยู่ก่อนที่ครอบครัวอาจารย์วัชรีจะย้ายไปไม่นานนัก เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยให้เงินทิปแก่มิ่งเลย แต่ให้มิ่งเอาเศษเงินทอนใส่โหลแก้วไว้ทุกครั้ง และเงินในโถแก้วก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มิ่งมองเงินในโถอย่างอยากได้มากทุกครั้ง แต่มิ่งไม่เคยคิดจะหยิบหรือเม้มเอาเงินนั้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว คุณบีสังเกตมิ่งทุกครั้ง และรู้ว่าเด็กคนนี้ใจเด็ดไม่ธรรมดา

วัน หนึ่งเงินในโหลแก้วของคุณบีหายไปหมด มิ่งใจหายกลัวโดนว่าขโมยไป เพราะห้องนี้เป็นห้องเดียวที่มิ่งฝ่าฝืนกฎของแป๊ะเข้ามาเล่นในห้อง เพราะคุณบีใจดีและรักมิ่งมาก มิ่งถามหาเงิน คุณบีบอกว่าเอาไปใช้เอง แล้วคุณบีเอาของขวัญห่อสวยให้มิ่ง ของขวัญนั้นคือกระโปรงบานสีแดง ที่มิ่งอยากได้นักหนากับเสื้อแขนยาวสีขาว และรองเท้าถุงเท้าเข้าชุดกัน มิ่งดีใจสุดๆ ที่จะมีชุดสวยใส่ไปงานฉลองปีใหม่ที่บ้านวัสสา และมิ่งยังเก็บชุดนั้นไว้ตลอดมากระทั่งโต ครอบครัวของลุงมานิตย้ายมาอยู่ที่ร้านของแป๊ะเพราะบ้านเจอทางด่วน และไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายใดๆ เลย เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในบ้านแก่แป๊ะขึ้นหลายเท่าของค่าใช้จ่ายเดิม และป้าสะใภ้ทั้งดูถูกทั้งริษยา และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมิ่งมาก มิ่งไม่ยอมลงให้เลยถูกแกล้งถูกฟ้องถูกใส่ความสารพัด ลุงมานิตพอจะมีสายใยกับครอบครัวเดิมของตนอยู่บ้าน แต่ความที่รักลูกเมียเลยทำให้วางเฉย ไม่นานต่อมาห้องข้างๆ คุณบีมีนักเรียนชายวัยรุ่นจากอีสานมาอยู่ด้วยสองคน สองหนุ่มบุคลิกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คนหนึ่งคือ โสฬส น้องชายต่างพ่อของคุณบี สูงโปร่ง ขาว หล่อมาก ปากหวานและสำอางหยิบโหย่ง มิ่งติดใจความหล่อของเขาตั้งแต่แรกเจอ เหมือนเด็กๆ ชอบดารา อีกคนชื่อ ปริก เป็นเพื่อสนิทของโสฬส ผิดกันราวฟ้ากับดิน ปริกไม่ถึงกับน่าเกลียดแต่ไม่หล่อ หน้าตาทื่อๆ แถมตัวดำอีก สองคนยังเรียนมัธยมปลาย โสฬสจะเอ็นเข้าคณะนิเทศ เขาใฝ่ฝันจะเป็นนายแบบและดารา ปริกเรียนสายช่างจะเอ็นเข้าวิศวะ คุณบีออกค่าเช่าห้องและค่าเรียนค่ากินอยู่ในห้อง ปริกมาอยู่ด้วย จ่ายค่าห้องให้ครึ่งหนึ่ง ปริกอยู่อย่างกระเบียดกระเสียร ครอบครัวเขาเคยรวยมาก มีที่นาเป็นร้อยๆ ไร่ แต่พ่อเล่นการพนันเสียหมด กลายเป็นคนจนไปในพริบตา ปริกจึงเกลียดการพนันชนิดเข้าไส้ ต่อมาพ่อของปริกโดนยิงตายในบ่อนแม่ผูกคอตายหนีหนี้ น้องๆ ของปริกอีกสามคนญาติพี่น้องรับไปอยู่ด้วย โปรดปรานไปอยู่กับป้า น้ำปรุงไปอยู่กับญาติห่างมาก มีศักดิ์เป็นน้า ส่วน ปัฏ น้องชายคนเดียวไปอยู่กับญาติอีกราย ปริกแทบไม่มีใจเรียน ไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือไม่

โสวรรณเป็นกำลัง ใจ บอกให้ปริกพยายามเรียนต่อ เธอจะช่วยเงินบ้างในยามขัดสน และให้ปริกเก็บเงินที่แชร์ค่าห้องไว้ใช้ก่อน ตอนนี้เธอมีแฟนใหม่เป็นญี่ปุ่นกระเป๋าหนัก เธอจ่ายค่าห้องได้สบายๆ ปริกหาเงินส่งเสียตัวเองด้วยการับซ่อมเครื่องไฟฟ้าทุกชนิด และไฟฟ้าตามบ้าน แป๊ะถูกชะตากับปริก เพราะปริกฝีมือดี ไม่เอาเปรียบ คิดค่าซ่อมไม่แพง ทั้งแฟล็ตใช้บริการของปริก แป๊ะฝากปริกให้ทำงานหลังเลิกเรียนที่โรงงานผลิตสายไฟฟ้าของเพื่อนแซ่เดียว กัน มิ่งคุ้นเคยกับปริกแบบเป็นคู่กัดกันกลายๆ ปริกชอบใจเด็กน้อยคนนี้ตอนที่โสวรรณมีเรื่องกับศักดิ์ชาย สามีแมงดาของถมยา ศักดิ์ชายซ้อมถมยาทุกวันจนถมยาทนไม่ไหว โสวรรณช่วยให้ถมยาหนี มิ่งขอให้บุญวงศ์ไปพูดกับป้าแหวนให้รับตัวถมยาไปซ่อนและไปทำงานในสวนส้มด้วย ศักดิ์ชายมาขู่เข็ญและซ้อมโสวรรณ รู้ว่าโสวรรณต้องเป็นคนเอาถมยาไปซ่อน ปริกมาช่วยบู๊กับศักดิ์ชาย ในขณะที่โสฬสไม่กล้า เมื่อปริกจะเสียทีศักดิ์ชาย มิ่งไม่รู้จะทำไงได้ กัดน่องศักดิ์ชายไม่ยอมปล่อย

มิ่งไม่รู้ว่า ปริกประทับใจวีรกรรมของเธอมาก เพราะเขาเป็นคนนิ่งๆ แต่สิ่งที่ปริกไม่นิ่งคือเรื่องการพนัน ปริกเห็นมิ่งเล่นป๊อกเด้งกับเพื่อนๆ เล่นกันเล่นๆ ประสาวัยรุ่น โดยการชักชวนของอรุณี เพื่อนเก่าของมิ่ง ที่ตอนนี้กลายเป็นสาวขายบริการใน มดแดงคาเฟ บ้านเดิมของอาจารย์วัชรี ปริกบอกแป๊ะ แป๊ะเฆี่ยนสั่งสอนมิ่งไปสิบที และคาดโทษว่าหากเล่นอีกจะโดนยี่สิบที มิ่งอาฆาตอาละวาดใช้กำลังกับปริก ปริกขอโทษและปล่อยให้มิ่งทุบตีระบายอารมณ์ใส่ ปริกสอบเข้ามหาวิทยาลัยคณะวิศวะได้ โสฬสสอบเข้าที่ไหนไม่ได้เลย เขาขอโสวรรณไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนที่โก้มาก และค่าเรียนแพงมาก และที่นี่เขาพบกับสาวสวยที่เขาชอบทันทีเมื่อแรกเห็น ทั้งชอบเพราะเธอสวยมากและเพราะรู้ว่าเธอรวยมหาศาล โสฬสตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะต้องจับเธอให้ได้ เธอคือ วาลุกา ลูกสาวคนโตของอาจารย์วัชรี โสฬสจีบวาลุกาสำเร็จ แต่เจอก้างชิ้นใหญ่คือ มิ่ง โสฬสช็อกเมื่อเจอมิ่งที่บ้านวาลุกา

มิ่งบอกว่ารู้จักครอบครัว วาลุกามาตั้งแต่เกิด โสฬสอย่าทำรุ่มร่ามก็แล้วกัน เพราะตอนนี้ความลับของโสฬสอยู่ในมือมิ่ง โสฬสโกรธว่ามิ่งจะแบล็กเมล์ มิ่งว่าถ้าจะทำคงทำไปนานแล้ว โสฬสเหม็นหน้ามิ่งมาก สบโอกาสครั้งใดจะพูดให้มิ่งเสียหายในสายตาวาลุกาทุกครั้งว่ามิ่งจีบเขาไม่ ได้เลยร้ายกับเขา และตอนนี้เปลี่ยนไปจีบปริกเพื่อนเขา วาลุกาและอาจารย์วัชรียิ่งมีอคติกับมิ่ง เพราะรู้ประวัติแม่ของมิ่งดี แต่วัสสา วณิชชาและคุณอุษา คุณย่าของสามพี่น้อง ไม่เชื่อว่ามิ่งจะเป็นคนไม่ดีอย่างที่โสฬสว่า วัสสานั้นเกลียดและต่อต้านโสฬสเลย โสวรรณเริ่มมีอาการป่วยแปลกๆ ซีดและไม่มีแรง มารุตลูกชายคนรองของแป๊ะรักษาอาการติดยาหายแล้ว มาขอพักกับแป๊ะ อรนุชรังเกียจว่าเอาขี้ยาเข้าบ้าน ไม่เชื่อว่ามารุตหายแล้วจริง มารุตเห็นโสวรรณ ชอบเธอมาก ฝันจะได้เธอ เช้าวันหนึ่งซิ้มพบว่าเงินเหรียญค่าน้ำขวดในกระป๋องหายไปเกือบหมด เหลือแค่ไม่กี่บาท ความสงสัยเพ่งไปที่มารุต เนื่องจากเขาเคยมีประวัติเข้าตะรางเพราะลักทรัพย์มาแล้ว

มารุตโกรธ ออกจากบ้าน ต่อมาอีกไม่นานเงินหายอีก มิ่งเริ่มเป็นที่สงสัย แต่แป๊ะไม่เชื่อว่ามิ่งจะขโมย เพราะมิ่งไม่เคยขโมย และหาขโมยเมื่อไม่มีมารุตแล้ว ผิดต้องตกที่มิ่งเห็นๆ มิ่งไม่โง่ขนาดนั้น คืนหนึ่งซิ้มเห็นแป๊ะยังไม่เข้านอน ซิ้มลงมาตาม แป๊ะกำลังเคี่ยวน้ำตาใส่ยาแดงแล้วเอามดตะนอยแล้วเอาน้ำตาลมีมดไปใส่กระป๋อง เงิน ตีสี่เสียงลุกลนเปิดประตูห้องแถว แป๊ะและซิ้มลงไปดู มานิตและอรนุชกำลังตกใจที่ต้นโดนตัวอะไรไม่รู้กัดมือ ต้นร้องครวญครางเจ็บปวดมาก มือแดงเถือกด้วยสียาแดง แป๊ะรู้แล้วว่าใครขโมยเงิน แป๊ะขู่ว่าตัวที่กัดเป็นแมงมุมมีพิษร้ายถึงตาย อรนุชเป็นลม ต้นสารภาพว่าขโมยเงิน หมอบอกว่าที่กัดเป็นแค่มดตะนอย มานิตอับอาย คาดคั้นว่าต้นขโมยเงินไปทำอะไร ต้นบอกว่าเอาไปซื้อบุหรี่สูบ เป็นบุหรี่พิเศษใส่แป๊ะหลงจู๊ มานิตใจหายวาบ แป๊ะหลงจู๊คือ ผงขาว ต้นติดผงขาว มานิตส่งต้นไปบำบัดการติดยา และย้ายออกจากบ้านแป๊ะไปอยู่บ้านใหม่ แป๊ะให้ไปตามมารุตกลับมา มารุตรับคำกล่าวขอโทษและช่วยแป๊ะทำอาหารขาย เมื่อว่างจากงานก็นั่งมองห้องโสวรรณคนสวยส่งใจถึงเธอ

โปรดปราน ติดต่อปริกว่าถูกป้าไล่ออกจากบ้าน เพราะหาว่าให้ท่าลุงเขย แต่จริงๆ ลุงเขยเป็นฝ่ายเข้าหาขอมาอยู่กับปริก และจะหางานทำในกรุงเทพ ร้านแป๊ะไม่มีงานให้ทำ เพราะลูกจ้างเต็มแล้ว มิ่งติดต่อป้าวรรณให้โปรดปรานไปทำงานด้วยและให้โปรดปรานพักด้วยระหว่างรอป้า วรรณมารับ เมื่อโปรดปรานมาถึง ทุกคนที่เห็นเธอถึงอึ้ง เธอดูเป็นสาวร้อนสวาทชนิดติดไฟพรึ่บ และเพียงคืนแรกเธอเข้าหามารุตมีสัมพันธ์สวาทกัน และเช้าวันรุ่งขึ้นเธอไปที่ห้องปริก พบโสฬส ชายที่เธอใฝ่ฝันถึงมาตลอด เธอยั่วโสฬสจนได้เสียกับโสฬสอีก และเมื่อป้าวรรณมารับไปอยู่ที่สวนส้ม เธอทำงานไม่เป็นเลย แต่ไปยั่วสวาท สมบัติ หลานป้าวรรณ และ บุญมา พี่ชายบุญวงศ์ กลางคืนนอนกันคนหนึ่ง โปรดปรานไปสมัครงานที่ มดแดง คาเฟ เสี่ยพอใจจะเอาเธอไปเลี้ยง โปรดปรานเก็บเสื้อผ้าจะไปกับเสี่ย โสวรรณห้ามไว้ให้รอพบปริกก่อน โปรดปรานไม่รอผลักโสวรรณอย่างแรง โสวรรณป่วยอยู่แล้วเลยเป็นลมล้มฟาด มารุตมาพอดี พาโสวรรณไปส่งคลินิก

มารุต เอากระเป๋าของเธอไปให้โสฬส โสฬสเห็นผลเลือดของโสวรรณแล้วช็อกไปเลย ผลเลือดของเธอเป็นบวก โสฬสรีบขนเสื้อผ้าทั้งหมดแบบย้ายบ้านแล้วเข้าห้องโสวรรณกวาดเครื่องประดับ เท่าที่เจอทั้งหมดไปมูลค่าเป็นแสนแล้วโสฬสตั้งใจป้ายความผิดให้มารุตเอา กระเป๋าของโสฬสไปให้มารุตเอาไปให้เธอที่คลินิก โสฬสเอารถของโสวรรณไปด้วย โสวรรณกลับมาที่ห้อง ไม่เห็นเครื่องประดับเธอเข้าใจว่ามารุตขโมย เธอเปิดอีกลิ้นชักที่ซ่อนเครื่องประดับที่แพงมากๆ และโฉนดที่ดินไว้ ปรากฏว่ายังอยู่ครบ โสวรรณเก็บความระแวงมารุตไว้ ทั้งๆ ที่เห็นว่าเขาไม่มีพิรุธใดๆ เลย มารุตไม่รู้จักแม้กระทั่งบัตรเอทีเอ็ม ปริกตามโสฬสเจอที่บ้านแฟนเก่าของโสฬส โสฬสพูดเรื่องโสวรรณเป็นเอดส์ เขาไม่มีวันกลับไปอยู่แฟล็ตเดียวกับโสวรรณอีกแล้ว และพูดถึงว่าเขามีเงินแสนที่จะอยู่ไปได้อีกนาน โสฬสพูดเหมือนว่าปริกมีสัมพันธ์ทางเพศกับโสวรรณ ปริกชกโสฬสและด่ากระหน่ำ โสวรรณแน่ใจว่าโสฬสเป็นคนขโมยของเธอไปหลังจากปริกบอกว่าโสฬสขนเสื้อผ้าไปหมด เอารถไปด้วย และโสฬสพูดถึงเงินแสน

มารุตดูแลโสวรรณอย่างดี ขอความรักเธอ โสวรรณบอกเรื่องเธอเป็นเอดส์ มารุตบอกไม่สนใจ ถึงเขาจะติดโรคจากเธอและจะมีชีวิตอยู่ตอไปอีกไม่นาน แต่ถ้าได้อยู่กับความสุขสมหวังที่สุดของชีวิตเขายินดีแลก เขาไม่เสียดายชีวิต โสวรรณรับปากจะแต่งงานกับมารุต ปริกไม่มีเงินพอจะเช่าแฟล็ตต่อ เขาไปนอนที่โรงงาน โสวรรณขายเครื่องประดับที่เหลืออยู่เอาเงินเซ้งตึกแถวใกล้ร้านแป๊ะ เธอเรียกปริกกลับมาอยู่ด้วย ชั้นล่างให้ปริกเปิดหน้าร้านรับซ่อมเครื่องไฟฟ้า วาลุกามีโครงการจะไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากจบปริญญาตรี โสฬสจะไป ด้วย โดยตั้งใจจะใช้เงินของวาลุกา เขาต้องการรวบรัดวาลุกาเป็นของเขาเพื่อผูกมัด แต่วาลุการักนวลสงวนตัวมาก เธอไม่ยอมมีสัมพันธ์กับโสฬสก่อนแต่ง มิ่งแค้นที่โสฬสไม่ดูดำดูดีโสวรรณเลย เธอแฉเรื่องโสฬสกับวัสสา เรื่องรู้ถึงวาลุกา วาลุกาไม่เชื่อมิ่ง แต่เชื่อคำแก้ตัวออดอ้อนของโสฬส อาจารย์วัชรีสะดุดใจ ถึงไม่ชอบมิ่งแต่ก็ฟังหูไว้หู อาจารย์วัชรีสืบเรื่องโสฬสเท่าที่จะทำได้ในเวลาจำกัด และรู้สึกว่าที่มิ่งพูดเกี่ยวกับโสฬสน่าจะจริง

อาจารย์วัชรีจะให้ วาลุกาไปนอกก่อนกำหนด โดยตัวเองจะไปอยู่ด้วย และระหว่างยังไม่ไปก็พยายามกันไม่ให้วาลุกาพบกับโสฬส โดยดึงวาลุกาไปไหนๆ ด้วยจนวาลุกาใจอ่อนยอมไปด้วย โสฬสให้วาลุกาดื่มเบียร์ วาลุกาไม่คุ้นเคยเลยเมา โสฬสปล้ำวาลุกา สติสัมปชัญญะที่ยังเหลือน้อยนิดทำให้วาลุการอดมือโสฬสมาได้ ขับรถมาจนมาถึงหน้าหมู่บ้านแล้วฟุบเป็นลมอยู่แค่นั้น วาลุกานอนซมร้องไห้อยู่หลายวัน ไม่ยอมบอกแม่ว่าจริงๆ เกิดอะไรขึ้น แต่ยอมบอกวัสสา โสฬสพยายามติดต่อวาลุกา ความที่รักเขา วาลุกายอมพูดด้วย และต้องเจอเขาด้วยอยู่แล้วที่มหาวิทยาลัย แต่ไม่ยอมไปไหนด้วย โสฬสต่อว่าวาลุกา กลายเป็นวาลุกาเป็นคนผิดที่ไม่ยอมเสียตัวให้โสฬส วาลุกาผิดที่ไม่ยอมรอเขาไปเมืองนอกด้วย และวาลุกายังผิดอีกทุกเรื่องที่ผ่านมา วาลุกาเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรเลยที่โสฬสจะรับว่าเขาเป็นคนผิด เขาโทษคนอื่นทุกเรื่อง แม้ไม่ใช่เรื่องทีเกี่ยวกับวาลุกาก็ตาม วาลุกาเริ่มตัดใจจากโสฬสได้ มิ่งสอบเข้าเรียนแพทย์ได้กับ บุษบงกช เพื่อนสนิท

บุษบงกชโวยที่สอบเข้าได้ที่สอง แพ้นักเรียนชาย เธอเป็นพวกมีอคติต่อเพศชาย มิ่งว่าให้รอเรียนจบไปทำงานพิสูจน์ฝีมือแข่งกับหมอชายก็แล้วกัน แป๊ะกับซิ้มดีใจมากที่มิ่งสอบเข้าแพทย์ได้ แป๊ะเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะด้วยโรคถุงลมเพราะสูบบุรี่มากมาตั้งแต่หนุ่มๆ ไม่ค่อยยอมไปหาหมอ มิ่งต้องเอาความเป็นนักเรียนแพทย์มาบังคับไป มาลีมาอยู่บ้านแป๊ะด้วย เพราะสามีทิ้งไปหาผู้หญิงคนใหม่ที่เด็กกว่า ปริกติดต่อกับปัฏได้ ให้ปัฏมาเป็นลูกมือซ่อมเครื่องไฟฟ้า น้ำปรุงมากรุงเทพ น้ำปรุงเหมือนสติลอยๆ และพูดอะไรบางอย่างเหมือนจะว่าน้า ปริกว่าน้ำปรุงต้องไม่อกตัญญูผู้มีพระคุณ ไม่ควรหนีมา ปริกจะให้น้ำปรุงกลับไปช่วยน้าทำร้านเสริมสวยต่อ น้ำปรุงเงียบไม่พูดอะไรกับปริกอีกเลย น้ามาตามน้ำปรุงกลับ น้ำปรุงกลัวมาก หนีไปซ่อนที่ห้องมิ่ง น้ำปรุงเล่าให้มาลีฟังว่าที่หนีเพราะน้าสาวส่งเธอให้เป็นนางบำเรอของน้าเขย แลกกับเงินที่น้าเขยจะเอามาขยายกิจการสถานเสริมความงาม และน้ำเขยทำเลวทรามเอาเธอไปเป็นตัวแลกคู่นอนกับกลุ่มเพื่อน เธอเหลือจะทนจึงหนีมา

มาลีและมิ่งจะพาน้ำปรุงหนี แต่ลงมาเจอน้าสาวน้าเขยยืนรออยู่ ปริกบังคับให้น้ำปรุงกลับไปกับน้า น้ำปรุงไม่ยอม วิ่งเตลิดขึ้นดาดฟ้าแล้วโดดลงมาฆ่าตัวตาย โสวรรณจะฆ่าน้าทั้งสองคน แต่ถูกห้ามไว้ทัน มีดกรีดได้แค่แขนของฝ่ายชาย สองคนชั่ววิ่งหนีไป ปริกจมอยู่กับความรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าน้ำปรุงถูกกระทำอย่างไรมาบ้าง ทุกวันตายของน้ำปรุง ปริกจะหุงข้าวทำกับข้าวด้วยตนเองใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้ ปริกเรียนจบได้บรรจุเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่เรียน วาลุกาเรียนจบปริญญาโท กลับมาจากต่างประเทศ เธอตัดใจจากโสฬสได้แล้ว และโสฬสไม่ได้ตามเธอไปต่างประเทศดังที่เขาบอกไว้ เขาเขียนจดหมายติดต่อเธอ ทุกฉบับบอกว่าพยายามทำงานหนักเพื่อเก็บเงินไปหาเธอ แต่เก็บไม่ได้เสียที อรุณีเอาวิดีโอหนังเอ็กซ์มาให้มิ่งดู เป็นหนังปลุกเซ็กซ์อย่างเดียวจริงๆ ไม่มีศิลปะเอาเสียเลย พระเอกของเรื่องคือ โสฬส มีกิจกรรมทางเพศโจ๋งครึ่มกับผู้หญิงนับสิบ โสวรรณว่าอย่างนี้มีหวังเป็นโรคตายก่อนเธอแน่ โสวรรณเข้าโรงพยาบาลบ่อย

มารุต ดูแลเธออย่างไม่รังเกียจ และเขาก็ยังทำอาหารขายด้วย ปริกให้มิ่งพามารุตไปตรวจเลือด และให้พูดให้มารุตเข้าใจว่าเขาควรหยุดทำอาหารขาย ให้ลูกจ้างทำแทน มิ่งรู้ข่าวว่า วาลุกา กลับจากต่างประเทศ และเข้าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับปริก มิ่งรู้สึกใจหาย เธอไม่เคยลืมสายตาของปริกที่มองวาลุกา เป็นสายตาที่นิยมชมชอบมากๆ มิ่งคิดว่าหากวาลุกาตัดใจจากโสฬสได้ ปริกคงมีหวังในตัววาลุกา มิ่งจึงตัดสินใจฝากวิดีโอหนังเอ็กซ์ของโสฬสกับวัสสาไปให้วาลุกาดู วาลุกาได้ดูแต่เธอก็รู้ว่าตัวเองตัดโสฬสได้ตั้งนานแล้ว มิ่งพูดกับปริกอ้อมๆ เรื่องจีบวาลุกา ปริกว่าเห็นกันมาตั้งหลายปีไม่รู้ว่าจริงๆ ปริกรักใคร ปริกอยากจะพูดกับมิ่งให้ชัดเรื่องโครงการชีวิตหลังมิ่งเรียนจบ เขารู้ว่ามิ่งต้องออกไปประจำโรงพยาบาลต่างจังหวัด เขาจึงอยากแต่งงานกับมิ่งเลยเพราะแป๊ะก็ป่วยกระเสาะกระแสะจะตายวันตายพรุ่ง เขาอยากให้แป๊ะอยู่ทันได้เห็นมิ่งและเขาแต่งงานกัน มิ่งสมหวังในรัก และสมหวังที่ได้เรียกแป๊ะและซิ้มว่าอากงกับยายเสียที ทั้งมิ่งและปริกเป็นบัวที่พ้นน้ำชูดอกสวยที่เกิดจากตม โดยไม่ถูกกุ้งหอยปูปลาใต้น้ำกินเป็นอาหารไปเสียก่อน

อกธรณี 2548

เรื่องย่อ : อกธรณี (2548/2005) เสียงกลอนโพนเร้าใจแว่วนำมา แล้วสักครู่จึงมีเสียงตะโกนบอกต่อๆ กันว่า นมพระมาแล้วนมพระมาแล้ว ผู้คนมากมายที่มุงแน่นอยู่ตลอดแนวถนนราชดำเนินต่างไหวตัวคึกคัก จากนั้นขบวนชักพระอันเป็นประเพณีสำคัญประเพณีหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราชก็ปรากฏแก่สายตา ทุกขบวนมุ่งสู่สนามหน้าเมือง แต่ละขบวนตกแต่งประชันกันอย่างสุดฝีมือ รถสามล้อถีบคันหนึ่งกำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์ และหอพระอิศวรมาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันใดตามคำสั่งของผู้โดยสาร ผู้โดยสารคนนั้นลงจากรถ และเราจะเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อมาก ร่างสูงล่ำสันสง่าผึ่งผายบ่งบอกความเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว การแต่งกายบอกชัดว่าเขามาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มเดินไปดูขบวนชักพระร่วมกับคนอื่นที่ริมถนน นมพระขบวนหนึ่งที่เข้ามาใกล้มีสาวสวยแต่หน้าทะเล้นรำนำหัวขบวนลอยหน้าลอยตาเฉิบๆ เธอรำไปด้วยต่อปากต่อคำแหย่น้าแม้น ชายผู้สูงวัยกว่าซึ่งทำหน้าที่ตีกลองโพนในขบวน แม้นเรียกนังสาวหน้าทะเล้นว่า กำไล และฉับพลันที่กำไลเห็นชายหนุ่มชาวกรุง เธอทิ้งขบวนโลดแล่นมาหาเขาทันใดด้วยความดีใจเหลือแสน กำไลเรียกเขาว่า พี่ลอย ลอย ความดีใจทำให้กำไลพูดจนแทบไม่หายใจและแทบไม่เว้นช่องว่างให้ชายหนุ่มได้พูดเลย ลอยถามถึง สารภี กำไลบอกว่าสารภีไปทำบุญที่วัดมหาธาตุกับแม่ เมื่อลอยจะไปวัดกำไลขอตามไปด้วย เธอบอกว่ารับรองว่าเธอจะไม่ไปขัดคอลอยกับสารภี และเมื่อกำไลบอกว่าลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก เขาคือ ลอย บุญลือ เด็กชายผู้เมื่อจำความได้ก็เห็นแต่ว่าเขาอยู่กับ ย่า ที่บ้านท้ายตรอกตึกดิน เขาไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ย่าบอกว่าเขาเป็นลูกตะเข้ที่ลอยน้ำมาจากคลองหน้าเมือง แล้วย่าไปพบจึงเก็บมาเลี้ยง ย่าทำขนมตาลขาย และลอยคือลูกมือจอมขี้เกียจคนเดียวของย่า รวมไปถึงช่วยย่าขายขนมด้วย เมื่อลอยอายุครบเข้าโรงเรียน ย่าพาไปฝากเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพระเดิม แต่ลอยเรียนได้เพียงชั้นประถมสามก็ออกเพราะไปทำร้ายเพื่อนจนถูกครูตี และเมื่อลอยเห็นว่าย่าไม่พอใจที่ครูตีหลาน ลอยจึงแสร้งทำมารยาสาไถยเพราะความขี้เกียจเรียน แต่ย่าก็ไม่ได้ให้ลอยเลิกเรียน ย่าย้ายลอยไปอยู่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสมาเมือง และที่โรงเรียนนี้คือจุดพลิกผันชีวิตจุดแรกของลอย เด็กนักเรียนหญิงชั้นมูลคนหนึ่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ รอบตัวเธอเด็กชายวัยเดียวกับลอย 3 คนกำลังยั่วให้เธอแย่งพวงมาลัยดอกพิกุลอยู่ หัวโจกของกลุ่มเด็กชายเกเรชื่อ ถวิล วิทยพันธุ์ ส่วนลูกไล่อีก 2 คน คือ สมพงษ์ กับ เอียด ลอยขอร้องให้ถวิลคืนพวงมาลัยแก่เด็กหญิง แต่ถวิลไม่คืน แถมยังพูดจายียวนชวนมีเรื่อง เด็กหญิงกลัวว่าจะมีเรื่องจึงบอกลอยว่าเธอไม่เอาพวงมาลัยแล้ว และชวนลอยไป ลอยถูกขัดขาล้มลงและถูกพวกถวิลหัวเราะเยาะ ลอยไม่ยอมให้ใครทำข้างเดียวอยู่แล้ว จึงต่อยถวิล ลูกน้องของถวิลตะโกนดังลั่นว่าลอยต่อยลูกนายอำเภอ เมื่อเรื่องถึงครู ลอยถูกลงโทษอยู่คนเดียวเพราะพวกของถวิลเป็นพยานให้ถวิลว่าลอยหาเรื่องและต่อยถวิลก่อน ประกอบกับครูรู้ประวัติเกเรของลอยจากโรงเรียนเก่า ลอยจึงถูกลงโทษตี 5 ทีและถูกกักอยู่ในห้องเรียนต่ออีก 1 ชั่วโมงหลังโรงเรียนเลิก ส่วนพวกถวิลไม่โดนลงโทษเลย ลอยเจ็บใจนักเขาคิดเลยว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนายอำเภอ และเขาเป็นเด็กชายลอยลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่หลานแม่ค้าผู้ยากจน เมื่อครบเวลากักตัว ลอยออกจากห้องเรียนจะกลับบ้าน และเมื่อถึงศาลหน้าโรงเรียนลอยชะงัก เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเจ้าของพวงมาลัยดอกพิกุลนั่งรอเขาอยู่ เธอบอกว่าเธอรอกลับบ้านพร้อมลอยเพราะลอยถูกลงโทษเพราะเธอ ลอยย้ำว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนาย อำเภอ เด็กหญิงขอกลับบ้านกับลอย เธอบอกว่าเธอชื่อกำไล และเธอจำชื่อลอยได้ตั้งแต่ตอนลอยชกกับถวิล ความเจ็บใจในความไม่ยุติธรรมของครูทำให้ลอยเกลียดโรงเรียน ลอยจึงหนีโรงเรียนแต่เพื่อไม่ให้ย่ารู้ ลอยจึงทำทีเป็นไปโรงเรียนทุกวัน แต่ไม่เข้าโรงเรียน ไปถอดชุดนักเรียนซุกไว้แล้วลงน้ำหาปลากัด วิดปลาไปตามเรื่อง กำไลไม่เห็นลอยไปโรงเรียน ก็ไปดักดูที่ตรอกบ้านลอย และสะกดรอยตามไป กำไลพยายามชักชวนให้ลอยกลับไปเรียน แต่ลอยไม่ยอมไป กำไลจึงหนีโรงเรียนมาจับปลากัดกับลอยทุกวันด้วย เด็กสองคนสนุกสนานกันมากตลอดเวลาเกือบเดือนที่หนีโรงเรียน แต่ในที่สุดความก็แตก ลอยถูกย่าตี กำไลถูกแม่ตี ลอยบอกว่าเขาจะไม่เลิกหนีโรงเรียน กำไลบอกว่าถ้าลอยยังหนีโรงเรียนเธอจะหนีด้วย เธอกลัวลอยไม่มีเพื่อน ลอยคิดดูแล้วบอกว่าพักนี้จะยังไม่หนีจะให้ย่าหายสงสัยก่อน วันประกาศผลสอบไล่ ซึ่งเป็นวันที่นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดจะได้รับรางวัลด้วย ครูใหญ่ประกาศว่าตั้งแต่โรงเรียนตั้งมา ปีนี้เพิ่งมีนักเรียนคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์การสอบได้เปอร์เซ็นต์อย่างมหัศจรรย์ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมสี่ ชื่อ ลอย บุญลือ ครูใหญ่เชิญลอยออกไปปรากฏตัวต่อที่ประชุม ลอยออกไปอย่างงงๆ ครูใหญ่ให้นักเรียนทุกคนดูลอยไว้ แต่ย้ำว่าไม่ให้เอาเป็นตัวอย่างเพราะลอยคือผู้ที่สอบไล่ได้คะแนนต่ำอย่างน่ามหัศจรรย์คือ ได้ 8 เปอร์เซ็นต์ ลอยอายสุดแสนที่จะอาย แล้วครูใหญ่ประกาศต่อว่านักเรียนที่สอบไล่ได้คะแนนสูงสุดคือ เด็กหญิงสารภี นักเรียนชั้น ป.3 ได้ 97.45 เปอร์เซ็นต์ และให้สารภีออกมารับรางวัลและยืนคู่กับลอย มันเป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่ดีที่สุดกับสิ่งที่เลวที่สุด ลอยอายจนไม่กล้าสบตากับสารภีและใครๆ เลย และในปีนั้นกำไลก็เป็นอีกคนที่สอบตก แต่ดูเธอไม่เดือดร้อนใจ กำไลบอกลอยอย่างปลื้มว่าสารภีเป็นพี่สาวของเธอ และในวันแห่งความอัปยศของลอยเช่นกันที่เหตุการณ์อันจะทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันเกิดขึ้น

หักเหลี่ยมรัก 2548

เรื่องย่อ : หักเหลี่ยมรัก (2548/2005) ทีม นักกีฬาวิ่งผลัด 4x100 ประจำโรงเรียน โอม-อัคนี ( จักรินทร์ ศิลป์ชัยกิจ ) ลูกชายพิภพ เจ้าของโรงแรม, สายชล ( ธวัช ทัศนาพลพินิจ ) ลูกชายสวง ช่างทำทองประจำจังหวัด, วายุ ( สัจจากาจ จิตรพึ่งธรรม ) ลูกชายวารินทร์ เศรษฐีก่อสร้าง, ดิน-พสุธา ( กฤช พงษ์พันธ์ ) เด็กบ้านนอกอาศัยอยู่กับหลวงลุงที่วัด โดยมี ฝ้าย-อัฉริยา ( มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ) ลูกสาววิภาส เจ้าของโรงงานผ้าไหม มีพรสวรรค์ด้านไวโอลินเป็นกัปตันทีม และเดือนสว่าง ( ชมพูนุช ปิยะภาณี ) สาวสวยเซ็กซี่ลูกสาวของดาว แม่ค้าขายอาหาร ทั้งหมดเป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมาก ทั้งสามหนุ่มหลงรักฝ้ายเพราะความสวยน่ารักและจิตใจดี เวลาผ่านไปแต่ ละคนก็แยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย โอมกับฝ้ายไปเรียนต่อต่างประเทศ ด้วยความรักและใกล้ชิดทำให้โอมขอฝ้ายแต่งงาน หลังจากแม่ฝ้าย จริยา ตายฝ้ายก็กลับมาดูแลธุรกิจผ้าไหมของครอบครัว แต่วิภาสกลับจะแต่งงานใหม่กับดวงใจ ( จุฑารัตน์ อรรถากร ) นักร้องประจำเล้าว์ น้าของเดือนสว่าง วายุรับเดือนมาทำงานในตำแหน่งเลขานุการ เช่นเดียวกับดินที่มาช่วยงานวายุ ดินเริ่มกอบโกยทุกอย่างจากวายุแบบเงียบๆ เดือนยอมเป็นเมียเก็บของดิน เพื่ออาศัยเขาไปสู่จุดมุ่งหมายของเธอให้ได้ สายชลยังหลงรักและบูชาเดือนและยังช่วยงานทำทองที่บ้าน

วีรบุรุษกองขยะ 2548

เรื่องย่อ : วีรบุรุษกองขยะ (2548/2005) “วีรบุรุษกองขยะ" เป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ชาติกล้า (อู๋-นวพล ) ที่เกิดขึ้นมาบนชุมชนกองขยะ เพราะว่าแม่มีอาชีพเก็บขยะหาเลี้ยงครอบครัว มีพ่อขี้เมาไม่เอาถ่านชอบใช้ความรุนแรงและลงไม้ลงมือกับภรรยา แต่แม้ (ชาติกล้า) จะเกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมและสังคมที่เลวร้าย แต่เขาก็ถูกผู้ซึ่งเป็นแม่อบรมบ่มนิสัยและเลี้ยงดูให้เป็นคนดี หลังจากที่พ่อของชาติกล้าเสียชีวิต ชะตาชีวิตของ (ชาติกล้า) ก็ต้องเผชิญกับความพลิกผันต่างๆ นานา จนเมื่อ (ชาติกล้า) โตเป็นหนุ่มเขาได้พบรักกับ นิด (เมษ์-บัณฑิตา) สาวน้อยน่ารักที่มีจิตใจอารีย์ไม่เหยียดและดูถูกคนที่ด้อยกว่า แต่ความรักครั้งนี้กลับต้องเจออุปสรรคเมื่อ (นิด) มีคู่หมายอยู่แล้วทำให้ชาติกล้าได้แต่เจียมตัวและพยายามตัดใจ เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้นเมื่อ (ชาติกล้า) ถูกใส่ร้ายจนเขาต้องออกจากบ้านกลับไปอยู่ชุมชนกองขยะ ในขณะที่ความรักของเขากับ (นิด) ถึงจุดแตกหักเมื่อ (นิด) ถูกทำให้เข้าใจผิดคิดว่า (ชาติกล้า) มีคนรักอยู่แล้วจึงตัดสินใจแต่งงาน ทั้งที่รู้ตัวว่าไม่มีวันตัดใจจาก (ชาติกล้า) ฝ่าย (ชาติกล้า) ที่อยากจะรับใช้ชาติเมื่อไม่สมหวังเรื่องความรักจึงสมัครไปเป็นตำรวจตระเวน ชายแดนแต่ก็คอยติดตามข่าวคราวของ (นิด) ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ เพราะรู้ว่าหลังจากแต่งงาน (นิด) ไม่ได้มีความสุขเลยจนกระทั่งนิดรู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วชาติกล้าไม่ได้มี คนรักอยู่แล้วแต่ถูกทำให้เข้าใจผิด จึงกลับมาหา (ชาติกล้า) ที่ชายแดน ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจน (นิด) ตั้งท้องได้สองเดือน ชีวิตของ (ชาติกล้า) ที่ทำแต่ความดีมาตลอดทั้งพัฒนาชุมชนกองขยะให้เป็นชุมชนที่น่าอยู่ขึ้น ช่วยพัฒนาให้ความรู้แก่ประชาชนและเด็กๆ ตามชายแดน สู้กับพวกค้ายาจนเขากลายเป็นวีรบุรุษของทุกๆ คน เมื่อสื่อมาสัมภาษณ์ (ชาติกล้า) เขาเล่าประวัติของตัวเองอย่างไม่อายใคร จนได้ฉายาว่า “วีรบุรุษกองขยะ” .......แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้น (ชาติกล้า) ถูกลอบยิง

คดีเด็ด...เหตุแห่งรัก 2548

เรื่องย่อ : คดีเด็ด...เหตุแห่งรัก (2548/2005) สนิสา นางเอกสาววัย 20 เธออาศัยอยู่กับ การันต์ น้องชายที่อายุห่างกัน 5 ปี สาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน จึงต้องทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลการันต์ จนเขาเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด เมื่อสารู้เธอพาน้องไปบำบัดจนหาย แต่จู่ๆ ตำรวจก็มาค้นคอนโดฯ และพบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง ขณะที่การันต์ก็หายตัวไปสางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอพยายามโทรหา พิพัฒน์ ดาราหนุ่มคนรักหวังให้เขาเป็นที่ปรึกษา แต่พิพัฒน์ไม่รับสายจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนเก่าชื่อ นรินทร์ นรินทร์มั่นใจว่าสาถูกใส่ร้าย แต่เธอไม่ได้อยู่ในเมืองไทย เพราะทำงานเป็นดีไซน์เนอร์ในอเมริกา จึงติดต่อ นวีร์ พี่ชายที่ทำรีสอร์ทบนเกาะแสงจันทร์ให้เขาช่วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดเรื่องคดี นวีร์นักเขียนนิยายอิโรติกหนุ่ม เจ้าของนามปากกา “ริชาร์ด รีด” ซึ่งโด่งดังระดับหนึ่ง เขาได้เงินจากงานนี้จนสามารถซื้อรีสอร์ทเล็กๆ บนเกาะที่มีความเป็นส่วนตัวนี้ เขารับสามาพักบนเกาะอย่างลับๆ ตามคำขอของน้องสาว โดยให้เธอพักในบ้าน เรเชล นางแบบสาวเปรี้ยวคู่ควงของเขาไม่เป็นมิตรกับสานัก สาจึงต้องอึดอัดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เรเชลจะเดินทางไปต่างประเทศ โดยขโมยต้นฉบับนิยายใหม่ของนวีร์ไปด้วย นวีร์เข้าใจผิดคิดว่าสาเป็นขโมยจึงต่อว่าเธอ ก่อนที่จะรู้ภายหลังว่าเรเชลต่างหากที่เป็นคนทำ เขาขอโทษสาที่เข้าใจผิด ก่อนจะกลับห้องและบังเอิญได้ดูข่าวภาคดึก เมื่อเห็นข่าวสานวีร์โกรธยื่นคำขาดจะส่งตัวเธอกลับขึ้นฝั่งในตอนเช้า สาเครียดจัดเธอตัดสินใจก้าวลงทะเลเพื่อจบชีวิตตัวเอง แต่นวีร์ไปช่วยไว้ได้เขาเข้ามานอนเฝ้าในห้องเพื่อป้องกันไม่ให้เธอทำร้ายตัว เองอีก ขณะสาหลับนวีร์แอบอ่านไดอารี่ของสาและได้รู้จักเธอมากขึ้น รุ่งขึ้นนวีร์ตัดสินใจโทรหา ผู้กองสินธร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและขอให้สืบเรื่องสาจนรู้ว่าเธอบริสุทธิ์ นวีร์จึงเปลี่ยนใจคิดจะช่วยเหลือ โดยสินธรรับปากจะช่วยเรื่องคดี สาเชื่อใจและไว้ใจนวีร์ เรเชลกลับมาอีกครั้งโดยที่นวีร์อภัยให้ เธอกลั่นแกล้งสาต่างๆ นาๆ เพราะริษยาจนนวีร์ทนไม่ไหว ต้องอ้างถึงสัญญาที่เคยให้ต่อกันว่าเขาและเรเชลเป็นเพียงคู่ควงที่ไม่มี สิทธิ์หึงหวง เมื่อใช้ทุกวิถีทางที่จะได้นวีร์มาแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่เล่นด้วย เรเชลจึงเริ่มท้อและคิดถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอก้าวออกจากชีวิตของเขาในที่สุด ด้านการันต์เขาถูกพิพัฒน์กักตัวไว้ที่บ้านลับชานเมืองเพื่อบังคับให้ส่งยา ให้ การันต์ขัดขืนและพยายามหนี จึงถูกพิพัฒน์ทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยๆ นวีร์ตัดสินใจพาสาขึ้นฝั่งตามคำแนะนำของสินธร แต่กลับถูกสินธรจับตัวไปอยู่ในเซฟเฮ้าส์ของกรมตำรวจ เมื่อรินทราบเรื่องเธอเดินทางกลับเมืองไทย และตรงเข้าพบสินธรเพื่อเอาเรื่องเขา รินเป็นคนรักเก่าของสินธร ทั้งคู่รักกันมากแต่ถูกแม่และน้าของรินกีดกัน โดยโกหกว่าสินธรมีเมียอยู่ที่เมืองไทย รินเข้าใจผิดจึงยอมเลิกกับเขา 4 ปีแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้พบกัน รินเคืองเพราะรู้ว่าสินธรจับสาและนวีร์ เธอขอพบนวีร์แต่สินธรบ่ายเบี่ยง รินจึงเล่นสงครามประสาทตามเขาไปทั่ว และสุดท้ายก็ไปอยู่ด้วยที่บ้านซะเลย เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งจึงต่างก็รู้ว่ายังมีความรู้สึกพิเศษต่อ กัน ด้านพิพัฒน์หลังจากโยนความผิดให้สาเขาหันไปคบหากับ กิ๊ก ดาราคู่แข่งของสา และล่อลวงจนกิ๊กตกเป็นทาสของยาเสพติด เมื่อมารู้จักตัวตนของพิพัฒน์ก็เป็นเวลาสายซะแล้ว กิ๊กติดยางอมแงมเธอโดนบังคับให้ขายและส่งยาอย่างไม่มีทางเลือก สาและนวีร์ใช้ชีวิตด้วยกันในเซฟเฮ้าส์ ขณะที่สินธรแถลงข่าวใหญ่เรื่องการจับกุมสา เขารู้ดีว่าสาไม่มีส่วนรู้เห็นแต่ก็ต้องจับเธอ เพื่อล่อให้พิพัฒน์และตัวการใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง อีกอย่างการเก็บเธอไว้ก็ช่วยให้ปลอดภัยมากกว่า ที่นี่นวีร์และสาต้องนอนร่วมเตียงโดยมีหมอนข้างเป็นกำแพงเล็กๆ กั้นคนทั้ง 2 สารู้สึกอุ่นใจเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ สินธรอธิบายถึงความจำเป็นในการจับตัวคนทั้งคู่ และขอความร่วมมือจากสาในการชี้ตัวผู้ต้องสงสัยจากภาพ สาได้รู้จากสินธรว่าพิพัฒน์คือผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ สายของสินธรรายงานว่าคอนโดฯ ของสาถูกค้น พิพัฒน์พยายามหาของบางอย่างจึงสอบถามจากสา แต่ไม่มีอะไรที่พิพัฒน์เคยให้ไว้นอกจากสร้อยคอที่มีจี้เพชรเล็กๆ เพียงเส้นเดียว สินธรจึงขอตรวจดู การให้ความร่วมมือของสาทำให้ตำรวจได้เบาะแสคนร้ายเพิ่มขึ้น แต่สำหรับตัวการใหญ่ยังมืดแปดด้าน คนที่น่าสงสัยที่สุดในความคิดของสินธรคือ พลตำรวจเอกณรงค์เดช และถ้าใช่คงต้องยุ่งยากขึ้นเมื่อณรงค์เดชพยายามแทรกตัวเข้ามาวุ่นวายกับคดี นวีร์เริ่มห่วงว่าสาจะไม่ปลอดภัยเขาตัดสินใจพาสาหนี ด้วยการแกล้งลวนลามเธอเพื่อให้ผู้คุ้มกันเปิดประตู ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งหนีออกมาจนสำเร็จ รินช่วยเหลือจนพาทั้งคู่กลับถึงเกาะแสงจันทร์ได้ในที่สุด สินธรถูกณรงค์เดชซึ่งมารับหน้าที่ดูแลคดีต่อว่าหนักเรื่องปล่อยผู้ต้องหาหนี ไป สินธรคิดว่าเรื่องนี้รินต้องมีส่วนรู้เห็น จึงตามติดเธอขณะเดินทางไปเกาะแสงจันทร์ แต่รินรู้ตัวก่อนจึงเตือนให้นวีร์พาสาไปซ่อนได้ทัน นวีร์ให้รินติดต่อ พลตำรวจเอกนิพนธ์ น้าของเขาเพราะเห็นว่าอาจช่วยสาได้ นวีร์ตัดสินใจพาสาขึ้นฝั่งเพื่อรอพบนิพนธ์ แต่ผิดพลาดข่าวรั่วจนมีคนหลายกลุ่มต่างสุ้มชิงตัวสา สมุนของพิพัฒน์ยิงณรงค์เดชแต่สินธรช่วยไว้จนได้รับบาดเจ็บ งานนี้ณรงค์เดชและสินธรเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งคู่หันมาร่วมมือกัน นวีร์และสาหนีรอดไปได้และไปอาศัยอยู่กับรินเพื่อรอพบนิพนธ์อีกครั้ง ในที่สุดรินก็สามารถนัดนิพนธ์ได้ แต่สินธรมาชิงตัวทั้งคู่ไปก่อนและพากลับไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์อีกครั้ง ก่อนที่สาจะถูกพิพัฒน์จับตัวไปจากเซฟเฮ้าส์จนได้ เวลาเดียวกัน สินธรได้ทราบจากรินโดยบังเอิญว่าพิพัฒน์สนิทสนมกับนิพนธ์ เมื่อประติดประต่อเรื่องดูสินธรเริ่มวิตกเพราะนิพนธ์ที่กลับกลายเป็นคนที่ อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมีการ์ดสำหรับเข้าออกเซฟเฮ้าส์ได้ สินธรรีบกดโทรศัพท์หานวีร์เพื่อเตือน แต่สาก็หายตัวไปซะแล้ว สินธร, ริน และนวีร์ ปรึกษากันและคิดว่าสาน่าจะปลอดภัย เพราะคนร้ายต้องการสิ่งของบางอย่างที่อยู่กับเธอ นวีร์ฉุกคิดถึงเกาะแสงจันทร์แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พิพัฒน์ต้องการของที่ซ่อนในกล่องสร้อย เขานำเทปทำร้ายการันต์มาให้สาดูและขู่ฆ่าน้องชายถ้าเธอไม่ร่วมมือ สาจำยอมพาพิพัฒน์ไปยังเกาะแสงจันทร์ แต่ก็ถ่วงเวลาให้ช้าที่สุดเพื่อรอความหวังว่านวีร์จะมาช่วย เธอใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รีสอร์ท นวีร์ต้องรู้แล้วว่าเธอมาเพราะทุกอย่างถูกเตรียมการณ์ไว้แล้ว สาวประชาสัมพันธ์กลายเป็นคนงานชาย เช่นเดียวกับพนักงานอื่นๆ พิพัฒน์ถูกนวีร์จับได้ในที่สุด ด้านสินธรและรินเริ่มแผนการอีกขั้น รินแอบพาสินธรเข้ามาในบ้านนิพนธ์เพื่อให้ค้นหาหลักฐาน นิพนธ์กลับมาพบสินธร เขาจะยิงแต่สินธรขู่ว่าถ้าเขาไม่ปลอดภัยนวีร์จะนำหลักฐานที่ได้ไปแฉ นิพนธ์ไม่กลัวเขายิงสินธรบาดเจ็บ แต่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดถูกส่งไปที่หน่วยงานสอบสวนพิเศษด้วยกล้องที่สินธรแอบ ติดไว้ ตำรวจจึงบุกมาช่วยเขาได้ทันนิพนธ์ถูกจับในที่สุด สินธรบาดเจ็บโดยมีรินเฝ้าดูแลไม่ห่างทั้ง 2 ปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง ขณะที่นวีร์และสายังคงอยู่ที่เกาะแสงจันทร์ ทั้งคู่นั่งบนชิงช้าท่อนไม้ริมหาดท่ามกลางแสงจันทร์ที่สวยกว่าคืนไหนๆ สาขอบคุณนวีร์สำหรับทุกอย่างที่เขาทำให้เธอ วันรุ่งขึ้นพิพัฒน์หนีไปได้เพราะนวีร์ปล่อยเขาไปเพื่อแลกกับการบอกที่ซ่อน ตัวการันต์ แต่ก็หนีไม่รอดถูกตำรวจจับได้กลางทาง พิพัฒน์ต้องรับโทษจำคุก นวีร์และสาไปในที่ๆ พิพัฒน์บอกและพบศพของการันต์ สาเสียใจโดยมีนวีร์คอยปลอบอยู่ข้างๆ หลังงานศพการันต์นวีร์และสาไปเยี่ยมสินธรที่นอนเครียดอยู่ เนื่องจากจู่ๆ รินก็หายตัวไปเขาเพิ่งรู้จากนวีร์ว่ารินกลับต่างประเทศสินธรทั้งตกใจและไม่ เข้าใจคนรัก เขาไม่มีใจทำงานจึงลาพักร้อนไปพักผ่อนที่เกาะพร้อมกับนวีร์และสา ตอนนี้จิตใจสาดีขึ้นวงการบันเทิงเข้าใจและให้โอกาสเธออีกครั้ง ต่างจากกิ๊กที่ต้องเสียคนไปเพราะยาเสพติดจนต้องถึงขั้นเข้ารับการบำบัดทาง จิต แต่สาก็ตัดสินใจเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับนวีร์ที่เกาะแสงจันทร์ ขณะที่คนที่น่าเป็นห่วงคือสินธรที่ดูเศร้าซึมไปมาก และแล้วรินก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง เธอสารภาพว่าไปเพื่อเคลียร์งานสำหรับการกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร แต่ที่ไม่ยอมบอกสินธรเพราะอยากดัดนิสัยที่เขาวางมาดไม่สนใจใยดีเธอมานาน สินธรโผเข้ากอดรินเหมือนคนที่ได้ของรักที่หายไปคืนมาอีกครั้ง และตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกแน่นอน

อังกอร์ 2 2548

เรื่องย่อ : อังกอร์ 2 (2548/2005) ณ เมืองเวียงข่าน อันเป็นดินแดนที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ตรงกันข้ามโลกมนุษย์ คล้ายเมืองลับแลที่ไม่มีมนุษย์คนใดจะล่วงผ่านเข้าไปได้ ขณะเดียวกันคนจากเมืองเวียงข่านก็ไม่อาจจะมาโลกมนุษย์ได้ เพราะหากก้าวข้ามมิติมาจะไม่สามารถกลับไปสู่เมืองเวียงข่านได้อีก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถไปกลับโลกมนุษย์และเวียงข่านได้ หนึ่งในนั้นคือ คะยะแม หมอผี แห่งพยัคฆามิน หรือลัทธิเสือร้าย ลูกศิษย์ของ แม่มดสาววันนา ในอดีตแม่มดสาววันนาได้ต่อสู้กับ ท้าวแสนชัย แต่นางแม่มดสู้ไม่ไหว จึงถอดวิญญาณหนีข้ามแดนออกมายังโลกมนุษย์ ภายหลังท้าวแสนชัยและ นางปทุมเทวี ถูกลูกศิษย์ของแม่มดสาวันนาไล่ล่าจนหนีออกมาถึงถ้ำที่น้ำตก ลูกน้องแม่มดสาววันนาจับนางปทุมเทวีเป็นตัวประกัน นางปทุมเทวีจึงเอากริชเงินของท้าวแสนชัยฆ่าตัวตาย ท้าวแสนชัยโกรธจึงฆ่าลูกน้องของแม่มดพร้อมฝังร่างปทุมเทวีไว้ในกำแพงแก้วพร้อมกริชเงิน คนจึงเชื่อว่ากริชเงินสามารถทำลายวิญญาณเสือร้ายได้ ต่อมาวิญญาณของแม่มดสาววันนาออกอาละวาด เข้าสิงหญิงสาวที่ชื่อ อังกอร์ จนกลายเป็นเสือร้ายฆ่าคน แต่สุดท้ายวิญญาณของแม่มดสาววันนาก็ถูกกริชเงินทำลาย และฝังอยู่ในกำแพงแก้วพร้อมกริชเงิน คนจึงเชื่อว่ากริชเงินสามารถทำลายวิทญญาณเสือร้ายได้ คะยะแม ลูกศิษย์ของแม่มดสาววันนา ได้พาพวกทหารภูตดำบุกเมืองเวียงข่าน ซึ่งในอดีตก็คือนครของท้าวแสนชัย กษัตริย์มะคะหยิ่น และมเหสีอันยา จึงสั่งให้ อองตู องครักษ์เอกและ มะยา ภรรยาของออกตู พร้อมด้วย มังคา และดานี ลูกๆ ของอองตูพา องค์หญิงน้อยอายา หนีตายไปยังโลกมนุษย์ โดยสวมสร้อยรูปดวงตาให้องค์หญิงเพื่อใช้เปิดทางลี้ลับสู่โลกมนุษย์ ส่วนมเหสีอันยายอมพลีชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องพระสวามี แต่กษัตริย์มะคะหยิ่นก็ถูกคะยะแมจับไปเป็นตัวประกัน ในขณะที่อองตูและครอบครัวพาองค์หญิงอายาหนีมาที่ถ้ำที่น้ำตกในแดนโลกมนุษย์ ดร.เจนสกิ้น และโรส สองสามีภรรยานักโบราณคดีกำลังค้นหากริชเงินเพื่อนำไปประดับพิพิธภัณฑ์ที่ต่างประเทศ โดยมี พรานอ่อง เป็นคนนำทาง ซึ่งดร.เจนสกิ้นได้พบกริชเงินฝังอยู่ในกำแพง จึงสั่งให้คนงานช่วยกันนำกริชเงินออกมา แต่พรานอ่องพยายามห้าม เพราะกริชเงินมีอาถรรพ์ใช้ตรึงวิญญาณเสือร้ายไว้ หากเอากริชออกจากกำแพงวิญาณเสือร้ายจะออกมาฆ่าคน 20 ปีผ่านไป องค์หญิงน้อยถูกเลี้ยงดูอย่างดีจากดร.เจนสกิ้นและโรส โดยทั้งสองได้ตั้งชื่อบุตรสาวบุญธรรมว่า นิชา ซึ่งนิชาทำงานเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจโท และมีคู่หมั้นที่ทำงานเป็นตำรวจเช่นกันคือ พ.ต.ต.อัครพล นิชาได้ทำคดียาเสพติด ซึ่ง ดำรง นักธุรกิจใหญ่เป็นผู้ต้องสงสัย ในวันที่นิชาบุกเข้าไปหาหลักฐาน ดำรงได้วางแผนสังหารเธอ ในขณะที่นิชาเพลี่ยงพล้ำจนสลบไปนั้น นิชาไม่รู้ว่าใครมาช่วยชีวิตเธอไว้ พอเธอรู้สึกตัวก็พบว่าดำรงและลูกน้องตายหมด และมีลักษณะเหมือนถูกเสือกัดกิน อัครพลพานิชาไปทำแผลที่โรงพยาบาล โดยมี แพทย์หญิงกฤติยา เป็นผู้รักษา เมื่อกฤติยาเห็นสร้อยสัญลักษณะประจำตัวของนิชาเธอจึงรีบเดินทางไปพบมะยาและ กอร์ปกาญ พี่ชายที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และได้บอกทั้งสองว่าเธอพบองค์หญิงน้อยแล้ว ซึ่งความจริงกฤติยาก็คือดานี กอร์ปกาญก็คือมังคา ลูกสาวและลูกชายของอองตูและมะยาที่หนีตามพ่อแม่ออกจากเมืองเวียงข่านเพื่ออารักขาองค์หญิงน้อยนั่นเอง ทันทีที่รู้ว่านิชาคือองค์หญิงน้อยมะยา กอร์ปกาญก็เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อปกป้องนิชา และได้ช่วยเหลือนิชาจากการถูก คงเดช พี่ชายของดำรงตามล่าเพื่อแก้แค้นให้กับน้องชาย ทั้งสามแม่ลูกได้พยายามหาทางนำวิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในตัวนิชาออกจากร่าง แต่เมื่อเล่าความจริงให้นิชาฟัง เธอกลับไม่เชื่อว่าในร่าง ของตนมีวิญญาณร้าย