2546
ทะเลฤๅอิ่ม (2546/2003) วิฬาร (พลอย จินดาโชติ) สาวสวยเติบโตในสังคมไฮโซลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงศรีดารา (ชุดาภา จันทเขตต์) กับดร.ทองแถม (สถาพร นาควิไล) กำลังเริงร่าเมายา อย่างสนุกสนานกับบรรดาเพื่อนใจแตก อยู่ที่บ้านพักตากอากาศริมชายหาด วิฬารเปลี่ยนจาก เด็กสาว สดใส มองโลกในแง่ดี กลายเป็นเด็กกร้านชีวิต เมื่อรู้ความจริงว่า แม่ที่เป็นสาวสังคมชั้นสูง เป็นนักสังคมสงเคราะห์ ต่อต้านยาเสพติด แอบไป มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับรัฐมนตรีโฆษิต (นุติ เขมะโยธิน) โดยที่ตัวเองและพ่อไม่รู้มาก่อน เมื่อความจริงถูกเปิดเผย บ้านที่เคยอบอุ่น มีกันสามคนพ่อแม่ลูก ก็กลายเป็น บ้านที่เงียบเหงา พ่อแม่หนีหน้าไป คนละทิศละทาง พ่อได้เมียใหม่ชื่อพิศมัย (วิภาวี เจิรญปุระ) วิฬาร ประชดชีวิต ด้วยการเสพยากับเพื่อน ๆ โดยมีสุขุม เพื่อนชายซึ่งแอบหลงรัก วิฬารอยู่แนะนำให้ทดลองยา ในขณะนั้นเจ้าภูตะวัน (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ลูกชายเจ้าเต็มเดือน (ต้อย - อรุณพร เจริญยิ่ง) เพื่อนเก่าของคุณหญิง ศรีดารา เดินทางกลับมาเมืองไทย และ มาเยี่ยมวิฬารที่บ้าน ทั้งคู่เริ่ม สนิทสนมกัน มากขึ้น จนกลายเป็น ความรัก วิฬารพาเจ้าภูตะวัน ไปแนะนำ ให้เพื่อนๆ รู้จัก ในงานวันเกิด ของปุ๊ (โอ๊ต - สุรชัย พิชญ์พิสิฐานนท์) ที่ผับได้เจอกับสุขุม (น้ำ-รพีภัทร เอกพันธ์กุล) สุชาดา (จิ๊ก-จิรภัทร วงศ์ไพศาลลักษณ์) มารศรี (โบ - เบญจสิริ วัฒนา) กำจร (ฟู่ - วัชรชัย สัตย์พิทักษ์) กำลัง มีความสุขอยู่กับการมึนเมา สุขุมรู้ว่า เจ้าภูตะวัน เป็นคนพิเศษ ของวิฬาร จึงเกิดอาการ ไม่พอใจ พยายาม หาวิธีทำให้เจ้าภูตะวัน ออกไป จากชีวิตวิฬาร โดยใช้มารศรีเป็นตัวล่อ ติดตามต่อได้ใน ทะเลฤาอิ่ม
นางโชว์ (2546/2003) นางโชว์ เป็นเรื่องราวของศรีทอง เป็นนางโชว์ที่มีฝีมือ เพราะลีลาของเธอนั้นสุดแสนจะเร้าใจ แต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้างเธอเลย เพราะเธอมักจะถูกลูกค้าหนุ่ม ๆ ลวนลามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เกริกพล นักการเมืองหนุ่ม หรือ พิธาน เจ้าของนิตยสาร “แมนแมกกาซีน” แต่ศรีทองยังโชคดีที่มี มาลิน ซึ่งเป็นนางโชว์รุ่นพี่คอยปกป้อง แต่ต่อมาทั้งคู่ก็ต้องหางานใหม่ เพราะ เกรซ ซึ่งเป็นคู่ขาของพิธานตามอาละวาดราวีอยู่เสมอ ส่วน เจ๊เม้าท์ ดาวเด่นคาบาเร่ต์โชว์ ก็กำลังเจอปัญหาเพราะว่าถูกถอดจากการเป็นนักแสดงนำ ไปเป็นนักแสดงประกอบ หลังจากนั้นเจ๊เม้าท์ก็มุ่งหน้าสู่กรุงเทพเพื่อหางานใหม่ ศรีทองและ มาลินไปสมัครประกวดลิปซิ้งค์แข่งกับสาวประเภทสองจนได้รางวัลชนะเลิศ และในงานเดียวกันนี้เองทั้งคู่ก็ได้รู้จักกับเจ๊เม้าท์ จิต อดีตนางโชว์รุ่นเก่า และ พริ้ม นักร้องคาเฟ่ที่พักหลังไม่ค่อยได้รับพวงมาลัยจากลูกค้า ทั้งหมดมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน และที่บ้านเช่านี้เองมาลินได้พบกับ ทวน ที่มาอาศัยอยู่กับ จิระ ซึ่งเป็นเจ้านายเก่า เจ๊เม้าท์ถ่ายทอดเทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับคาบาเร่ต์ให้ศรีทองอย่างหมดเปลือก โดยมีมาลินเป็นคู่คิด และในที่สุดมาลินก็หางานให้กับทุกคนได้ที่คลับ 69 ของ เฮียซ้ง คณะโชว์ของศรีทองได้รับความนิยมและต้อนรับอย่างดีจากลูกค้า ทำให้คณะแดนซ์เซอร์สาวประจำคลับ ซึ่งมี กิ๊บ ทอมรุ่นใหญ่ ลดา แฟนสาวของกิ๊บ แอน และ ซินดี้ ไม่พอใจ พิธาน มีโอกาสพบศรีทองอีกครั้งที่คลับแห่งนี้ เขาหมายมั่นจะเอาตัวศรีทองมาเป็นของตัวเอง โดยไม่ยอมรับฟังคำทัดทานของเพื่อนรักอย่าง สหรัฐ ลดาและเพื่อน ๆ แดนซ์เซอร์กลั่นแกล้งให้จิตแตกคอกับพริ้ม ในที่สุดแล้วพริ้มก็ออกจากคณะและไปอาศัยอยู่กับสหรัฐ แต่แม่ของสหรัฐมีท่าทีรังเกียจพริ้ม เธอจึงตัดสินใจจากสหรัฐไปโดยไม่ได้ร่ำลา และกลับไปอยู่กับเจ๊เม้าท์เหมือนเดิม ส่วนจิตก็แอบมีสัมพันธ์ลับ ๆ กับจิระ จนกระทั่งภรรยาของจิระตามอาละวาด โดยที่จิระไม่ได้ปกป้องเธอเลย สุดท้ายเธอก็ต้องเลิกกับจิระ และแต่งงานกับ ส่ง ที่คลับ 69 สหรัฐพบกับพริ้ม และปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง ส่วนพิธานก็ยังแวะเวียนมาหาศรีทองเสมอพิธานให้ศรีทองถ่ายปกหนังสือให้ ศรีทองตกลงเพราะเธอต้องการเงินไปจ่ายค่ารักษาแม่ที่ป่วยหนัก ศรีทองเริ่มสนิทกับพิธานมากขึ้น สร้างความไม่พอใจแก่บรรดาหญิงสาวทั้งหลายที่พิธานคบอยู่ หญิงสาวทั้งหมดร่วมกันวางแผนจับตัวศรีทองไปกักขังไว้ที่บ้านของเกริกพล เธอไปเจอม้วนวิดิโอของเกริกพลที่บังคับขืนใจเด็กสาว ศรีทองเก็บมันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และก่อนที่เธอจะโดนคร่าความสาวไปนั้น มาลิน ทวน พิธาน ตามมาช่วยไว้ทัน หลังจากที่แอนตัดสินใจมาบอกความ จริงกับมาลิน พิธานพาศรีทองหนีการไล่ล่ามาที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง และที่นี่เองศรีทองก็ยอมเป็นของพิธาน ศรีทองกลับมาทำงานที่คลับอีกครั้ง ท่ามกลางความตกใจของ ลดา กิ๊บ ซินดี้ เมื่อเฮียซ้งรู้ความจริงจากศรีทอง ทีมแดนเซอร์สาวก็ถูกไล่ออกจากตลับ 69 ทันที ความโด่งดังจากการขึ้นปกหนังสือด้วยการถ่ายภาพหวิวของศรีทอง ทำให้แม่ของเธอโกรธมาก เธอเสียใจที่แม่ไม่เข้าใจเหตุผลของเธอ และก็ต้องเสียใจอีกครั้งเมื่อพบว่าเธอตั้งครรภ์ แต่พิธานไม่ยอมรับและเขาก็แต่งงานไปกับหญิงอื่น
ใบสั่งกามเทพ (2546/2003) วิชยาธร ( รอง เค้ามูลคดี ) และ อัปสร ( กาญจนา จินดาวัฒน์ ) เป็นเทพซึ่งอยู่บนวิมานทอง มีธิดา 1 คน คือ ญามิลา ( ครีม เปรมสินี รัตนโสภา ) แต่ด้วยความซุกซนและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องของโลกมนุษย์ เธอจึงหนีมาเกิดยังโลกมนุษย์ ณกุล ทนายความรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นลูกชายคนเดียวของ สุณีย์ ( วันทนา บุญบันเทิง ) ทำงานที่สำนักงานทนายความของ นราสี ( จันทนี สิงห์สุวรรณ ) ทั้งณกุลและนราสีเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเรื่อยมา สุพรเพ็ญ ( สิริพรรณ หลิมวิจิตร ) ซึ่งเป็นคนรักของณกุล ได้มาทำงานที่บริษัทของ วันชัย ( (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) ) ซึ่งเป็นลุงของธีเดช ธีเดช ( สุรวุฒิ ไหมกัน ) หลงรักสุพรเพ็ญ ตั้งแต่แรกเห็น ธีเดชมีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง เนื่องจากพ่อแม่ของธีเดชจากไปตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ วันชัยจึงเลี้ยงดูธีเดชมาเหมือนลูกคู่กับลูกสาวของเขาที่ชื่อ พิมพิไล ( นงนุช แต้กิจพัฒนา ) ทั้งวันชัยและผกามาศเมียของเขา วางแผนจะให้ธีเดชได้แต่งงานกับพิมพิไล แต่ทั้งสองรักกันฉันท์พี่น้องเท่านั้น ติดตามต่อได้ใน ใบสั่งกามเทพ
ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน (2546/2003) วายุ ภูบาลบริรักษ์ หรือ ล่องจุ๊น ( พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ) เป็นลูกชายคนกลางของครอบครัวที่พ่อ ( มนตรี เจนอักษร ) ไม่เคยให้ความสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะพ่อคิดว่าล่องจุ๊นเกิดมาเป็นตัวซวยของครอบครัว ทำให้พ่อต้องขาดทุนกับธุรกิจถมที่ ซึ่งต่างจากพี่น้องอีก 2 คนนั้นคือ พี่ถม ( ตรีพล พรมสุวรรณ ) พี่ชายคนโต เป็นคนที่เรียบร้อย เรียนเก่ง และว่าง่าย ส่วนอีกคนหนึ่งคือ กี้ ( กิตติ บุลสถาพร ) เป็นน้องคนสุดท้อง เป็นเด็กที่ซนและดื้อ ช่างประจบเอาใจ ทั้ง 2 จึงถูกยกย่อง ชื่นชมและได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ ผิดกับจุ๊นที่ได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ และมีแม่เป็นที่พึ่งในยามที่จุ๊นมีปัญหา จนมาถึงวันหนึ่งครอบครัวของจุ๊นได้เปลี่ยนไปเมื่อพ่อมีรายได้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นกอบเป็นกำ พ่อก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน ทำให้แม่ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านโดยพาจุ๊นไปด้วย และทิ้งลูกอีก 2 คนไว้เบื้องหลัง แม่พาจุ๊นไปอยู่อาศัยกับน้าจุรี หรือ อาอี๊จู ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) ซึ่งอยู่กับอาเตี๋ย ( กล้วย เชิญยิ้ม ) สามี ทั้งคู่มีอาชีพขายหมูในตลาด ทั้ง 2 คนต่างให้ความช่วยเหลือแม่และจุ๊นเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อาหารการกิน รวมถึงโรงเรียนที่อาอี๊จูพาจุ๊นไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้จุ๊นยังมีหน้าที่ประจำด้วยคือ การเป็นผู้ช่วยอาเตี๋ยเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นชีวิตที่จุ๊นชอบและสนุกสนานมาก แต่แล้ววันหนึ่งหมูที่จุ๊นเลี้ยงไว้ถูกตะขาบกัดตายหมดเล้า ทำให้จุ๊นเริ่มกลับไปคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยอย่างที่พ่อบอกไว้หรือไม่!!! หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของจุ๊นลงทุนขายข้าวแกงโดยได้รับความช่วยเหลือจากอาอี๊ กิจการของแม่ประสบความสำเร็จจนต้องย้ายไปเช่าห้องแถวที่ท้ายตลาด ส่วนอาอี๊ก็เปลี่ยนอาชีพมาขายเครื่องก่อสร้างที่ตึกริมถนน และด้วยสิ่งนี้เองทำให้จุ๊นได้พบกับผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อจุ๊นนำสิ่งก่อสร้างที่ร้านอาอี๊ไปส่งพ่อ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานที่กำแพงแสน ซึ่งพ่อก็ยังพูดจาดูถูกจุ๊นและแม่อยู่เหมือนเคย ทำให้จุ๊นคอยหลีกเลี่ยงการไปร้านของอาอี๊ จนกระทั่งวันหนึ่งครอบครัวของอาอี๊ถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน กอปรกับทั้งที่พ่อคอยพูดจาถากถางจุ๊น ว่าจุ๊นเป็นตัวซวยที่นำครอบครัวของอาอี๊ไปสู่จุดจบ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่จุ๊นจดจำและเสียใจไปจนวันตาย แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นจุ๊นยังมี นิจ ( ศุลีพร ตันตระกูล ) เพื่อนหญิงต่างโรงเรียนคอยให้กำลังใจจุ๊นมาโดยตลอด แต่ก็ถูกทางบ้านของนิจคอยขัดขวางกีดกันเพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นคนไทย และยังมีอาเฮียเสือ ( คชา ปานเอม ) พี่ชายของนิจที่เกลียดจุ๊นมาก ๆ เพียงเพราะว่าจุ๊นเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงจน ๆ จึงยกพวกมารุมซ้อมจุ๊นจนปางตาย แต่ที่ทำให้จุ๊นเสียใจมากที่สุดนั้นก็คือ จักรยานเสือหมอบคันงามที่แม่ซื้อให้ และเคยมีความหลังอันหวานชื่นกับนิจต้องพังทะลายลงไป พร้อมกับมิตรภาพที่ดีระหว่างนิจและจุ๊น หลังจากเรื่องนิจจบลงก็มีเรื่องที่จุ๊นต้องเผชิญอีก นั่นคือนายทองเส็ง ( ทัตพงษ์ พงษ์ทัต ) ช่างตัดผมที่เข้ามาพัวพันกับแม่ ซึ่งจุ๊นไม่พอใจมาก จนมาวันหนึ่งจุ๊นขาดความอดทนนำมีดชายธงเสียบเข้าที่ท้องของนายทองเส็ง เพราะว่าจุ๊นทนเห็นภาพที่นายทองเส็งซ้อมแม่เพื่อที่จะเอาเงินไปเล่นการพนันไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้จุ๊นจำต้องจากอกแม่ไปที่อื่น ซึ่งจุ๊นก็ได้สัญญากับแม่ว่าจะรีบเรียนให้จบ จุ๊นหนีเข้ากรุงเทพฯ กับไอ้นก ( กีรติ เทพธัญญ์ ) เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน โดยอาศัยติดมากับรถขายผัก แต่ก่อนที่จุ๊นจะจัดการกับเรื่องเรียนอย่างที่ได้ตั้งในไว้ ไอ้นกก็ก่อเรื่องขึ้นเป็นเหตุให้จุ๊นต้องเข้าไปนอนในห้องขังแทน แต่ทว่าพอตำรวจสอบสวนเรื่องนี้แล้วก็ปล่อยจุ๊นออกมาเพราะว่าจุ๊นไม่มีความผิด โดยที่จุ๊นโทรหาพ่อให้มารับตัวและก็ไม่อยากให้แม่เศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นพ่อก็พาจุ๊นมาอยู่ที่บ้านโดยให้พักอยู่บ้านพักคนงาน แต่ก็ยังมีความเหินห่างเกิดขึ้นในบรรดาพี่น้อง เนื่องมาจากพ่อใส่ร้ายแม่ว่าแม่หนีตามผู้ชายไป และเมื่อมาถึงวันเปิดเรียน จุ๊นก็เกือบจะมีเรื่องขึ้นอีกครั้งจากการปะทะคารมกับครูใหญ่ผู้เข้มงวด ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "ป๋า" และที่นี่เองก็ทำให้จุ๊นได้พบกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ ประเวศน์ หรือ แปะ( คริตโตเฟอร์ ชอนวอชิงตัน ) ที่ทำให้ชีวิตของจุ๊นเปลี่ยนไปจากที่พ่อมักจะบอกว่าจุ๊นเป็นตัวซวย แต่สำหรับแปะแล้ว จุ๊นคือตัวนำโชคของเค้า เพราะเมื่ออยู่กับจุ๊นเค้าเล่นการพนันชนะทุกครั้ง และก็เป็นเพราะเพื่อนคนนี้เองที่ทำให้จุ๊นได้พบกับแตงกวา ( พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร ) ซึ่งจุ๊นก็เริ่มสนใจเธอทันที เพราะเธอจะกลายมาเป็นผู้ที่มีความหมายต่อชีวิตจุ๊นเป็นอย่างมาก อาทิตย์ใหม่ของการเรียน จุ๊นออกไปเรียนตามปกติ แต่โชคร้ายที่วันนี้เกิดเรื่องชกต่อยกันรุนแรงระหว่างจุ๊นกับบุ้ง ทำให้จุ๊นถูกป๋าเฆี่ยนตีตามกฎของโรงเรียน และในเย็นวันเดียวกันจุ๊นก็ไม่สบายเนื่องมาจากบาดแผล และถูกฤทธิ์แดดเผา โชคดีที่จุ๊นยังมีป้าเจียดและพี่ถมคอยดูแล แต่สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นนั่นคือการที่ได้รู้เห็นว่าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ ชื่อตุ๊กตา ( ไอริณ ศรีแกล้ว ) แอบมีชู้ โดยที่จุ๊นไม่สามารถบอกใครได้เลย แม้แต่กระทั่งพ่อ!!! จากนั้นไม่นานจุ๊นก็ได้ข่าวว่าพ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จุ๊นจึงรีบรุดไปดู แต่สิ่งที่จุ๊นได้รับกลับมาคือความเฉยชาที่ได้จากพ่อ ทำให้จุ๊นรู้สึกว่าสำหรับตัวเองแล้วก็คือตัวซวยของพ่ออยู่ตลอดเวลา จุ๊นจึงตัดสินใจหมกตัวอยู่ในห้องโดยมีวิทยุเป็นเพื่อน ซึ่งจุ๊นได้หมุนคลื่นที่แตงกวาจัด จึงได้รู้ว่าที่โรงเรียนของแตงกวาจะมีการฉายหนังรอบการกุศล และเมื่อวันงานมาถึงจุ๊นได้พบแตงกวา ซึ่งทั้งสองก็ยิ้มให้อันอย่างเป็นมิตร แต่อย่างไรก็ตามจุ๊นก็ยังหนีความซวยไปไม่พ้น เมื่องานที่จัดขึ้นเกิดการชกต่อยกันจนทำให้งานต้องล้มเลิกไปกลางคัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คือ นายกี้ จึงทำให้จุ๊นต้องเข้าไปช่วย และด้วยเหตุการณ์นี้เองทำให้จุ๊นรู้ว่าพ่อรักลูกทุกคนเท่ากัน เพราะว่าพ่อเรียกหาทนายเริงชัยมาเพื่อหาหลักฐานว่านายกี้ไม่ได้เป็นต้นเหตุ และพ่อก็ไม่อยากต้องการจะให้ลูกคนใดคนหนึ่งต้องเข้าไปนอนในห้องขัง จุ๊นจึงช่วยพ่อหาหลักฐานโดยการโทรศัพท์ไปหาแตงกวาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาเป็นพยาน เมื่อจุ๊นกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแปะรออยู่พร้อมกับข่าวดีว่า ป๋าให้กลับเข้าไปเรียนได้ตามปกติในเทอมหน้า โดยที่จุ๊นจะต้องลาออกก่อน และแปะก็ส่งโทรเลขที่บอกว่าแม่เจ็บหนัก ให้รีบกลับนครปฐมด่วน เมื่อจุ๊นได้รับโทรเลขดังกล่าวก็รีบรุดไปหาแม่ โดยมีพี่ถมและพ่อไปด้วย ส่วนนายทองเส็งนั้นก็ยอมแลกอิสรภาพของแม่ด้วยเงินสี่หมื่นบาท และจากนั้นครอบครัวของจุ๊นก็กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
รัก-ฝัน วันฤดูหนาว (2546/2003) เบส (มิ้นท์ เปรมินทร์ วงศ์เบี้ยสัจจ์) จารุ (ต๊ะ กฤช พงษ์พันธ์) ก๊วยเจ๋ง (โก้ จตุโชด หวังสุวรรณกิจ) มังกร (ด๊อจ พันธุ์ธวัช บูลย์เวช) เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก “เบส” เป็นลูกชายของ “พิทยา” (อนุสรณ์ เดชะปัญญา) ซึ่งรับจ้างดูแลสวนของบ้าน “ภากร” (จีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ) เศรษฐีชื่อดังพ่อของ มังกร เบส และ พิณ (ต้อง สุภัชญา รื่นเริง) มาช่วยงานพ่อบ่อยๆ จนสนิทกับ มังกร และเพื่อนๆร่วมแก๊งของเขาซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆกันคือ จา และ ก๊วยเจ๋ง พิทยา สอนเบสกับพิณให้เจียมตัวเพราะไม่รวยเหมือนคนอื่น เกิดเป็นคนจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อได้ทำงาน เบสกับพิณจำคำพ่อมาตลอด เบสสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับก๋วยเจ๋งได้ เบสกับพิณต่างต้องทำงานร้านฟาสต์ฟู๊ดเพื่อส่งตัวเองเรียน เพราะไม่อยากให้พ่อลำบาก จาสอบเข้าเรียนด้านภาพยนตร์ ในขณะที่ทุกคนในบ้านคาดหวังให้เขาเป็นหมอแต่จาไม่สนใจ จายังคงนัดเจอกับเบสและก๊วยเจ๋งเสมอ มังกรถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก และถูกเรียกตัวกลับมาจากต่างประเทศเพราะความที่ไม่ตั้งใจเรียน จาพามังกรกลับมาเจอก๊วยเจ๋ง และเบส เรื่องราวความผูกพันของเด็กหนุ่มสี่คนกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว มังกร จารุ และก๊วยเจ๋ง กลายเป็นลูกค้าประจำที่ร้านฟาสต์ฟู๊ดที่เบสและพิณทำงานอยู่ พิณโดนผู้จัดการร้านแต๊ะอั๋ง พิณไม่ยอมจะเอาเรื่อง ผู้จัดการขู่จะไล่ออก ทั้งคู่เลยต้องหยุด เพราะกลัวว่าถ้าออกจากงานทั้งคู่แล้วจะทำให้พ่อไม่สบายใจ พิณได้งานใหม่ที่ร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งแทน "วาโย" (ซาร่า เล็กจ์) สาวน้อยที่เดินทางมาจากอเมริกาเพื่อตามหา "วาริณ" (เชอรี่ เชอร์ม็อค) พี่สาวที่หนีตาม "เรด้าร์" (ธวัช ทัศนาพลพินิจ) นักซิ่งรถมาเมืองไทย วาโยมาพักอยู่ที่บ้านของจา และเจอกับเบสโดยบังเอิญเพราะรถเสีย ทั้งคู่เกิดความประทับใจกัน และได้มาเจอกันอีกทีที่ร้านฟาสต์ฟู๊ด ซึ่งมี เจ๋ง, มังกร และจารออยู่ มังกรประกาศตัวว่าจะจีบวาโย เบสกับจาพยายามเก็บอาการที่มีต่อวาโยเอาไว้ วาโยไม่สนใจมังกร เพราะชอบทำตัวเป็นเด็ก มังกรพยายามพิสูจน์ตัวเองให้วาโยเห็น ด้วยการสมัครทำงานที่ร้านฟาสต์ฟู๊ด ในระหว่างนั้น เบส, มังกร, เจ๋ง, จา และพิณ ก็ยายามสืบหาที่อยู่ของวาริณ แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไรนัก วาโยปรึกษาเบสว่าอยากหางานทำและหาที่อยู่ใหม่เพราะเกรงใจทางบ้านจามาก พิณจึงชวนวาโยให้ไปทำงานที่ร้านหนังสือด้วยกัน ส่วนจาไปฝึกงานเป็นผู้ช่วยช่างภาพให้นิตยสารเล่มหนึ่ง มีนางแบบเบี้ยวไม่มาถ่ายงาน ก็เลยชวนวาโยมาถ่ายแทน สไตลิสต์ชอบใจวาโยมาก วาโยได้เงินจากการถ่ายแบบมามัดจำห้องเช่าเล็กๆ อยู่ได้ ก๊วยเจ๋งเริ่มเหงาเพราะเพื่อนๆ ทำงานกันหมด เลยสมัครทำงานที่ร้านหนังสือเดียวกับพิณและวาโย เพราะชอบพิณมานานแล้ว แต่พิณกลับรู้สึกดีกับจา วันหนึ่งมังกรไปแข่งรถ แล้วพบกับเรดาร์ และวาริณ แฟนของเรด้าร์ ทั้งคู่ไม่ถูกชะตากันจนเกือบมีเรื่อง พ่อของเบสล้มป่วย เงินค่าทำงานพิเศษของเบสไม่พอที่จะจ่ายค่ารักษาและค่าเช่าบ้าน เพื่อนๆ เสนอตัวเข้าช่วย แต่เบสกับพิณก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร มีงานติดต่อให้จัดสวนติดต่อเข้ามาหลายที่ เบสดีใจที่จะได้เงินมารักษาพ่อ พิณ, วาโย, มังกร, เจ๋ง และจา ก็มาร่วมกันช่วยงานเบส ทำให้เบสได้เงินมาก้อนใหญ่พอที่จะรักษาพ่อได้ เจ๋งเผลอหลุดปากว่างานที่ได้มาทั้งหมดเป็นงานที่มังกรติดต่อให้ เบสถึงได้รู้ว่ามังกรเป็นตัวตั้งตัวดีวางแผนจนทำให้เขาได้เงินก้อนนี้มา จึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมังกร จึงเริ่มตัดใจหลีกทางให้มังกรจีบวาโย โดยวาโยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มังกรยังไปแข่งรถบ่อยๆ วาริณ
กาเหว่าที่บางเพลง (2546/2003) เมื่อ 40 ปีก่อน ณ บ้านบางเพลง ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบสอง วันลอยกระทง ประพันธ์ขอแก้วแต่งงานบนฟากฟ้า เวลานั้นเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เมื่อพระจันทร์ทรงกลดทั่วบ้านบางเพลงทุกสิ่งที่บ้านบางเพลงได้ถูกสะกดจาก อำนาจลึกลับให้หยุดนิ่งเป็นเวลา 4 นาทียกเว้นนางประนอมแม่ของประพันธ์ที่บังเอิญอยู่นอกรัศมี และสังเกตเห็นส่งประหลาดนี้เมื่อทุกคนรู้สึกตัวอีกครั้งทุกสิ่งก็เหมือนปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นหนึ่งเดือนประพันธ์ก็ไปทำงานที่พังงา สอง เดือนต่อมาผู้หญิงที่บ้านบางเพลงก็ตั้งท้องพร้อมกันสองร้อยกว่าคน ไม่เว้นแม้แต่เด็กสาว แม่ม่าย ยายชี รวมทั้งแก้วด้วย หลวงพ่อเติมเจ้าอาวาสวัดบางเพลงทราบว่ามหันตภัยกำลังเยือนเข้ามาใกล้พร้อม กับการกำเนิดของเหล่าทารกจากอเวจี ติดตามต่อได้ใน กาเหว่าที่บางเพลง
เสือ (2546/2003) ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ณจันทร์ ในวัยเด็ก ต้องคำสาปและหนีคำแปง ไปที่กรงเสือ จนเกือบถูกเสือสมิงฆ่า โชคดีที่พรานคำสูรย์ และจรัส พ่อของณจันทร์ตามมาช่วยทัน เสืออาละวาดจนสุดแรงก่อนสิ้นใจตาย ณจันทร์ได้เลือดจากรอยเล็บของเสือร้าย แต่จรัสพ่อของเธอเสียชีวิตด้วยกรงเล็บเสือในคืนนั้น ติดตามต่อได้ใน เสือ
ผ้าขี้ริ้วห่อดิน (2546/2003) หมายยศ รองผู้จัดการห้างสรรพสินค้าที่มีความขยัน จนได้รับความไว้วางใจให้ทำงานแทนไกรพที่เป็นผู้จัดการหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน พาสินีน้องสาวของไกรพได้พา สวิตาเพื่อนสาวคนสนิทมาสมัครงานที่ห้าง หมายยศเห็นสวิตาก็ตกตะลึงในความสวยและเซ็กซี่ของสวิตาจนสะดุดท่อ ล้มหน้าผ้าขี้ริ้วห่อดิน่ต้นขาของสาวิตาทำให้เธอโกรธมาก หมายยศเลยคิดจะขอโทษเธอโดยการไปขวางรถของสวิตา แต่ก็โดนสาวิตาขับถเฉี่ยวชน หมายยศแกล้งเจ็บหนักเพื่อเรียกร้องความสนใจและจะได้ใกล้ชิดกับสาวิตา สาวิตาจึงพาหมายยศไปหาเพื่อนที่เป็นหมอและก็ทิ้งหมายยศไว้ที่นั้น ภูรินทร์เพื่อนสนิทสมัยเรียนจึงมารับหมายยศไปงานเลี้ยงรุ่นซึ่งกบเพื่อนร่วมรุ่นอีก คนก็รู้สึกชอบหมายยศและแสดงออกให้ทุกคนรู้ว่าชอบหมายยศ ภูรินทร์เป็นแฟนกับพิสินี หมายยศจิตใจจดจ่ออยู่แต่กับสาวิตาทั้งที่ยังไม่รู้จักชื่อเธอ เขาจำได้เพียงแต่สีรถกับทะเบียนรถเท่านั้น ติดตามต่อได้ใน "ผ้าขี้ริ้วห่อดิน"
ผู้ใหญ่ลีกับนางมา (2546/2003) เป็นเรื่องราวของ มาลินี เป็นนางแบบที่สวย มีแฟนชื่อว่า ประดิษฐ์ เป็นคนเจ้าชู้ จนทำให้มาลินีจับได้ มาลินีจึงโกธรมาก วันหนึ่ง มาลินีได้รับจดหมายของคุณยายวัน มาลินีไม่สนิทกับคุณยายของเธอ ในขณะที่เธอได้อ่านจดหมายคุณยายวันได้ตายไปแล้ว โดยคุณยายวันให้ไปรับมรดกบ้านกับที่ไร่นาหลายร้อยไร่ คุณยายของเธอมีความประสงค์ให้มาลินีไปทำไร่นาแทนท่าน และห้ามไม่ให้หลานให้คนอื่นเช่าทำเด็ดขาด หรือถ้าคิดจะขายก็ให้ขายกับผู้ใหญ่ลีคนเดียว ห้ามขายให้กับคนอื่นเช่นเดียวกัน มาลินีได้แปลกว่าผู้ใหญ่ลีนั้นเป็นใคร ผู้ใหญ่ลี หรือ ลีนวัตร เป็นผู้ที่คุณนายวันให้ความรักและความเอ็นดูเป็นอย่างมาก คุณนายวันได้คอยสนับสนุนให้เรียนต่อและเรียนที่สูงๆ จนทำให้ลีนวัตรเป็นผู้ใหญ่ลีต่อจากพ่อของลีนวัตร มาลินีมาถึงบ้านคุณยาย จึงรู้ว่าคุณยายตายมาได้สองอาทิตย์แล้ว โดยผู้ใหญ่ลีเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่าง แต่มาลินีเพิ่งได้รับจดหมายของคุณยายเมื่อไม่กี่วัน ชาวบ้านจึงได้ตำหนิ มาลินีจึงโกรธผู้ใหญ่ลีเป็นอย่างมาก ปื๊ด เป็นเด็กกำพร้าที่ผู้ใหญ่ลีเก็บมาเลี้ยง ได้รับมอบหมายจากพ่อผู้ใหญ่ให้คอยดูแลมาลินี แต่มักจะคอยเก็บข้อมูลในตัวมาลินีมาบอกผู้ใหญ่ทุกเรื่อง ผู้ใหญ่ลี ได้ปลอมตัวเป็นนายเหว่าเป็นคนขับรถไถนาให้ผู้ใหญ่ลี มาลินีประทับใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง ถูกเปิดเผยว่านายเหว่านั้นคือผู้ใหญ่ลี ในงานบรรจุเก็บศพของคุณนายวันที่วัด ทำให้มาลินีโกธรมาก แต่ผู้ใหญ่ลีต้องมาคอยดูแลช่วยเหลือเรื่องการงานทุกอย่างของมาลินี วันหนึ่ง ประดิษฐ์ซึ่งรู้ว่ามาลินีมาอยู่ที่นี่ และรู้ว่ามาลินีให้ไปรับมรดกของคุณยายมากมาย จึงเดินทางมาหามาลินีหวังจะขอคืนดี แต่มาลินีไม่ยอมคืนดีด้วย เพราะไม่ได้ขยันทำมาหากินและช่วยเหลือสังคม ปทุม ลูกสาวของผู้ใหญ่โหมด ที่ชอบผู้ใหญ่ลีอย่างมาก แต่ผู้ใหญ่ลีก็ไม่เคยสนใจปทุมเลย ปทุมจึงร่วมมือกับประดิษฐ์ วางแผนกัน โดยให้ประดิษฐ์หลอกให้มาลินีมาพบที่กระท่อมกับที่ปทุมเองก็แอบมาดักรอพบผู้ใหญ่ลีที่กองฟางเช่นเดียวกัน ในตอนค่ำ ฝนตกหนัก ไฟก็ดับ ผู้ใหญ่ลีเดินมาพบมาลินีเสียก่อน จึงไปหลบฝนที่บ้านมาลินี ผู้ใหญ่ลีก็หมั้นหมายมาลินีด้วยแหวนอีกหนึ่งวง ผู้ใหญ่ลีสัญญาว่า หากบวชแล้วสึกออกมาเมื่อไหร่ จะแต่งงานกับมาลินีทันที ทั้งประดิษฐ์และปทุมต่างรอมาลินีกับผู้ใหญ่ลี ทั้งคู่ต้องเข้าไปหลบฝนในกระท่อมอันมืดมิด ประดิษฐ์เข้าใจว่าปทุมเป็นมาลินีจึงปลุกปล้ำจนได้ พอตื่นเช้ามาจึงได้รู้ว่าตนเข้าใจผิดแต่ก็ได้ปทุมเป็นเมียเสียแล้ว ผู้ใหญ่ลีก็เข้าพิธีอุปสมบท ระหว่างที่บวชนั้น ประดิษฐ์ได้แอบพาฉลวย น้องสาวของผู้ใหญ่ลีอีกคน เข้ากรุงเทพฯ ไปถ่ายโป๊ พอดีมาลินีรู้ข่าวเสียก่อน จึงไปตามไปช่วยฉลวยได้ทัน พระผู้ใหญ่ลีเองก็มากับปื๊ด เพื่อมาช่วยฉลวยอีกแรง พระผู้ใหญ่ลีให้ฉลวยกลับไปเรียนที่บ้านตัวเอง อย่ามาดิ้นรนเพื่อจะเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ฉลวยสำนึกผิด ยอมกลับบ้านแต่โดยดี ฉลวยก็กลับมาเรียนหนังสือที่ต่างจังหวัด ไม่ไปกรุงเทพฯอีกแล้ว ปทุมมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ผู้ใหญ่โหมดเข้าใจผิดคิดว่าผู้ใหญ่ลีเป็นพ่อของเด็กในท้อง จึงตั้งใจจะศึกพระให้ได้ แต่เมื่อความจริงเปิดเผยมาว่า ประดิษฐ์คือพ่อของเด็กในท้อง ประดิษฐ์กลายเป็นลูกเขยของผู้ใหญ่โหมดอย่างจำยอม แต่เขาก็ต้องจำยอมเพราะรู้ดีว่า หากไม่ยอมรับปทุมเป็นเมีย ประดิษฐ์ต้องถูกผู้ใหญ่โหมดเอาตายอย่างแน่นอน ประดิษฐ์ก็รับกรรมที่ก่อไป ผู้ใหญ่ลีสึกออกมาในที่สุด ผู้ใหญ่ลีจึงขอมาลินีแต่งงานในที่สุด ความรักของทั้งสองกำลังเบิกบานในทุ่งนาของคุณนายวัน ที่มอบไว้เป็นสมบัติให้กับมาลินี ผู้ใหญ่ลีกับนางมาจึงได้ครองคู่กันในที่สุด
ตราบฟ้า สิ้นดาว สาวแก่ (2546/2003) วัลลี ( จันทร์จิรา จูแจ้ง ) สาวพันหน้า นักลอกคราบตัวฉกาจ ถูกตามล่าจากเจ้าหนี้ ทำให้ต้องหนีไปกบดานที่อังกฤษ และระหว่างการหลบหนีได้รับการช่วยเหลือจากเอ็ม ( วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์ ) ลูกชายสปอร์คลับ ที่เธอไปลอกคราบ พ่อของเขามา ซึ่งต่างก็ไม่รู้ฐานะของกัน ซูซี่ ( บุษกร พรวรรณะศิริเวช ) สาวไทยใจฝรั่ง นักฉกมือฉกรรจ์ หากินทุก รูปแบบกับชีวิตมิจฉาชีพ ชีวิตพัวพันอยู่ในบ่อน วันหนึ่งในบ่อนของปีเตอร์ ( ยุทธ ทองเจริญ ) และแจ๊กกี้ ( ชาญชัย วราวิทยา ) สองพี่น้องที่เป็นมาเฟียใหญ่ในไชน่าทาวน์ หล่อนดันถูกจับได้ว่าไปโกงต้องหนีตายออกมา แต่โชคดี ที่โจนาธาร ( ธนากร โปษยานนท์ ) เข้ามาช่วยไว้ โจแอบประทับใจในตัวซูซี่แต่ความรู้สึกนั้นต้องหายไป เมื่อมารู้ว่า กระเป๋าเงินหายไปที่ตอนร่ำลากัน ติดตามต่อได้ใน ตราบฟ้าสิ้นดาวสาวแก่
บ่วงเล่ห์เสน่หา (2546/2003) บ่วงเล่ห์เสน่หา เป็นเรื่องราวของ พิกุล ( กมลชนก โกมลฐิติ ) สูญเสียพ่อแม่จากการถูกโจรเสือหาญจับเป็นตัวประกัน เพื่อหลบหนีทีมของร้อยตำรวจเอกไกรยุทธ ( นุติ เขมะโยธิน ) หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต พิกุลก็มีชีวิตที่ตกต่ำลง ทำให้เธอต้องทำงานหนักแม้แต่การร่ายรำตามตลาดแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย เพื่อไปเจือจุนตนเองและยาย พิกุลเจ็บแค้นและเข้าใจผิดมาโดยว่านายตำรวจผู้นั้นเป็นผู้ฆ่าพ่อแม่ของเธอ และตั้งใจว่าต้องแก้แค้นให้ได้ ต่อมาพิกุลได้ร่วมแสดงอยู่ในคณะละครเร่แก้วเจ้าจอม และบังเอิญคณะแก้วเจ้าจอมได้มีโอกาสแสดงในงานเลี้ยงที่บ้านของร้อยตำรวจเอก ไกรยุทธ เมื่อพิกุลได้พบกับไกรยุทธก็ตกใจและตัดสินใจล้างแค้นจึงโปรยเสน่ห์จนไกรยุทธ หลงใหลในตัวเธอจนในที่สุดก็รับพิกุลมาเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งนอกเหนือไปจาก พุดซ้อน ( อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ) ภรรยาหลวงผู้ไม่มีปากเสียง ต่อ มาไกรยุทธอยากมีลูกชายจึงบอกกับภรรยาทั้งสองว่าหากใครตั้งท้องลูกชายคนแรก ได้เขาจะยกสิทธิขาดในการคุมบ้านเทพพิมานให้ พิกุลจึงไปหาหมอเข้มซึ่งเป็นหมอเสน่ห์เพื่อช่วยทำให้ไกรยุทธมาหลงเสน่ห์เธอ คนเดียวแต่กลับถูกหมอเข้มฉวยโอกาสข่มขืน ต่อมาพิกุลตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชายคนแรกชื่อ ชวิน ( วรรธนะ กัมทรทิพย์ ) พิกุลได้สิทธิ์ขาดในการดูแลบ้าน จึงสั่งให้พุดซ้อนไปอยู่เรือนเล็กแทนพิกุลต่อมาไม่นานนักพุดซ้อนก็ให้กำเนิด ฝาแฝดหญิง-ชายชื่อ ช่อชมพู่ ( ธัญญาเรศ รามณรงค์ ) และ ระพีวิชญ์ ( รุ่งเรือง อนันตยะ ) แต่พิกุลก็เป่าหูไกรยุทธว่า พุดซ้อนท้องกับสมภพลูกน้องของไกรยุทธ ทำให้ไกรยุทธทุ่มเทความรักให้กับชวินจนลืมนึกถึงช่อชมพู่ และระพีวิชญ์ เพราะไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะใช่ลูกของตนหรือไม่ พิกุลยังแอบลอบไปหาหมอเข้มอยู่เสมอจนตั้งครรภ์และคลอดลูกสาวออกมาอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า ชลนิภา ( ศรุตา เรืองวิริยะ ) พิกุลต้องการให้ลูกทั้งสอง ของเธอแต่งงานกับภูรินทร์ ( อธิชาติ ชุมนานนท์ ) และอารดา ( อาริษา วิลล์ ) ลูกของท่านอธิบดีวินัยกับคุณหญิงกรรณิการ์ แต่ภูรินทร์กับอารดากลับสนใจช่อชมพู่กับระพีวิชญ์มากกว่า เมื่อไกรยุทธเริ่มป่วยพิกุลจึงร่วมมือกับหมอเข้มให้ยาพิษทีละน้อยแก่สามี พร้อมวางแผนให้ชลนิภาใกล้ชิดกับภูรินทร์แต่ชายหนุ่มกลับมีใจแน่วแน่ต่อช่อ ชมพู่ ชลนิภาจึงไปหาหมอเข้มเพื่อทำเสน่ห์แต่กลับโดนลูกสมุนของหมอเข้มข่มขืน เธอไม่กล้าบอกใครแม้แต่แม่ของตน พิกุลบังคับให้ไกรยุทธสู่ขออารดาให้ชวิน ชลนิภารู้ว่าตนกำลังท้องจากฝีมือของลูกสมุนหมอเข้มจึงบอกพิกุลว่าเธอท้องกับ ภูรินทร์ พิกุลเริ่มคบหาหมอเข้มอย่างออกนอกหน้า พุดซ้อนจึงดูแลไกรยุทธแทน เมื่อคุณหญิงกรรณิการ์รู้ความจริงว่าลูกของชลนิภาไม่ใช่เกิดจากภูรินทร์จึงล้ม เลิกการแต่งงานทั้งหมด พิกุลเห็นว่าลูก ๆ ของเธอหมดสิ้นทุกสิ่งจึงใช้ปืนบังคับให้ไกรยุทธยกสมบัติทั้งหมดให้เธอและลูก และบอกความจริงว่าชวินและชลนิภาไม่ใช่ลูกของไกรยุทธ รวมทั้งบอกว่าที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นที่ไกรยุทธเคยฆ่าพ่อ และแม่ของเธอ แต่เมื่อพิกุลได้ทราบว่าผู้ที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอคือเสือหาญไม่ใช่ฝีมือของไกร ยุทธ ทำให้เธอรู้สึกหมดหวังในชีวิตจึงฆ่าตัวตาย ภูรินทร์หันมาปรับความเข้าใจกับช่อชมพู่และแต่งงานพร้อมกับคู่ของระพีวิชญ์ และอารดา เมื่อชลนิภาคลอดลูกแล้วชวินจึงตัดสินใจลาออกจากงานและพาน้องสาวของเขาหนีหาย ไปจากสังคม
หน้าต่างสีชมพู ประตูสีฟ้า (2546/2003) นล ( ทูน หิรัญทรัพย์) และ เกษแก้ว (ชนานา นุตาคม ) มีลูกสองคนคือ ชมพูแพร (อค้มย์สิริ สุวรรณศุข) และ ฟ้าสว่าง ( น้องพลับ จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์) ทั้งสี่ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นที่ต่างจังหวัด นลและเกษแก้วเป็นพ่อแม่ที่รักลูกและขยันทำงานหนักเพื่อสร้างอนาคตให้กับลูก ส่วน ชมพู และ ฟ้า สองพี่น้อง ถึงแม้จะต่างเพศต่างวัยกัน ก็รักสนิทสนมกันมาก แต่วันหนึ่งชีวิตของทุกคนในครอบครัวอันอบอุ่นนี้ก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อนลผู้มีอาชีพเป็นตัวแทนขายประกันชีวิตได้รับคำสั่งให้ย้ายเข้าไปทำงานที่สาขากรุงเทพฯ ในขณะที่เกษแก้วก็ถูกบริษัทฯส่งไปทำงานและอบรมที่สาขาต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี หลังจากปรึกษากันนลก็ตัดสินใจให้เกษแก้วไปต่างประเทศ โดยตนรับอาสาจะดูแลลูกทั้งสองเอง แต่ก่อนจะไปเกษแก้วได้ฝากฝังให้ชมพู คอยเป็นหูเป็นตาดูแลความประพฤติทั้งน้องชายและพ่อแทนตัวเองนลพาชมพูและฟ้าเข้ามากรุงเทพฯ พ่อลูกมาอาศัยบ้านของป้าทองม้วน (เดือนเต็ม สาลิตุลย์) ญาติจอมเฮี้ยบของนล ป้าทองม้วนเป็นสาวแก่ทึนทึกอยู่ในบ้านโดยมีสาลี่ สาวใช้สติแตกเป็นเพื่อน เพียงวันแรกที่มาถึงฟ้าและชมพูเผชิญกับกฏเหล็กสารพัดในบ้านของป้าทองม้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟ้าก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในกลางดึกทำให้ป้าและหลานทั้งสองเขม่นกันตั้งแต่ต้น ข้างบ้านของป้าทองม้วน คือบ้านของลุงไสว (ยาว อยุธยา) จอมเจ้าชู้ที่เฝ้าจีบป้าทองม้วนมานับสิบปี และแพรว (พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ) แอร์โฮสเตส สาวพราวเสน่ห์หลานสาวของลุงไสวที่เจ้าชู้พอๆกัน วันแรกที่แพรวได้พบกับนลเพื่อนบ้านคนใหม่ แพรวก็ออกอาการหว่านเสน่ห์ทันที สร้างความไม่พอใจให้ชมพูเป็นอย่างมาก แต่เด็ก ๆ กับลุงไสวกลับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฟ้ากับชมพูจึงคิดจะช่วยลุงไสวจีบป้าทองม้วนนอกจากลุงไสวแล้ว ฟ้ากับชมพูยังได้พบเพื่อนใหม่ ฟ้าได้พบกับโทนี่ (อัครพล อังสุภูติพันธ์) นก (ภัทรภณ จรดล) และ ภาพ (รวิสุต มันตะเสรี) แก๊งจักรยานตัวป่วนประจำหมู่บ้าน ทั้งสี่ได้พากันไปขโมยมะม่วงของสมชาย (เคน ฉัตรรังสิกุล) ลุงจอมดุที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ และพากันไปหลอกให้ลุงไสวเหมาซื้อขนมของป้าทองม้วน เพื่อช่วยฟ้าเก็บเงินมาซื้อจักรยานจนเกิดเรื่องวุ่นวาย สุดท้าย เด็กทั้งสี่จึงกลายเป็นเพื่อนรักกัน ส่วนชมพูได้พบกับ เป็นต่อ (ปูไข่ พงศ์สิริ บันลือวงศ์) หนุ่มรูปหล่อที่ทำให้หัวใจของเธอปั่นป่วนตั้งแต่แรกพบ ชมพูกับต่อกลายเป็นเพื่อนกันโดยที่ต่อไม่รู้ว่าชมพูนั้นแอบปลื้มในตัวเขามากกว่าความเป็นเพื่อน นลได้เข้าไปทำงานที่สำนักงานใหญ่วันแรกก็เจอความกดดันจากหัวหน้า ทำให้นลต้องทุ่มเทเวลาให้กับงานมากขึ้น แถมยังมีประสิทธิ์เพื่อนรุ่นพี่ที่คอยชวนออกนอกลู่นอกทางอยู่ตลอด ทำให้นลเริ่มกลับบ้านดึกชมพูจึงเริ่มจับตาดูพ่อด้วยความระแวง ยิ่งนลคิดจะหว่านล้อมให้แพรวมาทำประกันด้วย เลยทำให้เขาต้องไปสังสรรค์กับแพรวอยู่เรื่อยๆ ยิ่งทำให้ชมพูนึกเขม่นพ่อกับน้าแพรวมากขึ้น และคิดจะจัดการกับน้าแพรวแทนแม่เมื่อวันเปิดเทอมมาถึงฟ้าและชมพูได้เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้หมู่บ้าน ชมพูเรียนชั้น ม.6 ส่วนฟ้านั้นอยู่ ป.5 ฟ้าดีใจมากเมื่อได้รู้ว่า เขาได้อยู่ห้องเดียวกันกับ โทนี่ นก และ ภาพ แต่ข่าวร้ายก็คือ ครูประจำชั้น ป.5 คือ ครูวิไล (ปาริชาติ รักมาก) จอมเฮี๊ยบ แถมพวกฟ้ายังได้รู้ว่า ลุงสมชายจอมดุเจ้าของมะม่วงนั้น คือครูสมชาย ครูฝ่ายปกครองที่เพิ่งย้ายมาใหม่ แก๊งค์จักรยานจึงมีคู่ปรับใหม่ที่น่าหลัวถึงสองคน สำหรับชมพูนั้นได้เพื่อนใหม่ คือ หยา (ศิรนุช โรจนเสถียร) กับ แต้ว (จีรนันท์ บูรณรักษ์) แต่ชมพูบังเอิญมีเรื่องไปขัดใจกับ บี่บี๋ (สุวิภา ตาปนานนท์) ดาวเด่นประจำโรงเรียน ที่หนุ่มๆพากันคลั่งไคล้ รวมไปถึงต่อ ก็ใฝ่ฝันอยากจะจีบบี่บี๋ด้วย มีเพียงปั้น (กิตติ บุลสถาพร) เพื่อนสนิทของต่อเท่านั้นที่ชอบชมพู ชมพูได้รู้ว่าต่อมีงานพิเศษหลังเลิกเรียน คือ รับดูแลม้า ให้กับคอกม้าแห่งหนึ่งเธอจึงอาสาไปช่วยทำงานที่นั่นด้วย เพราะต้องการจะอยู่ใกล้ชิดต่อแต่อ้างกับพ่อและป้าทองม้วนว่าต้องการหารายได้พิเศษช่วยพ่อ ทำให้ชมพูไม่มีเวลาได้สอนพิเศษให้ฟ้าตามที่เคยสัญญาไว้กับแม่ ส่วนฟ้าเองก็กำลังสนุกกับแก๊งค์จักรยานจึงมักจะกลับบ้านช้า ทำให้เด็กๆมีปัญหากับป้าม้วนอยู่เสมอ ขณะที่เด็กๆต้องผจญกับชีวิตใหม่ในโรงเรียน นลก็ต้องไปขายประกันและผจญกับลูกค้าสารพัดแบบ ที่ล้วนชวนให้ชีวิตวุ่นวาย แถมยังต้องทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้กับประสิทธิ์ที่สนใจจะจีบแพรว ทำให้นลต้องละเลยลูกไปชั่วคราว จนวันหนึ่งแก๊งค์จักรยานนัดแนะกันหนีออกจากบ้านไปบุกบ้านผีสิง จนไปได้พบกับลุงเทาเจ้าของบ้าน และกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ฟ้าโดนป้าทองม้วนจับได้จะวิ่งไล่ตี ฟ้าวิ่งหนีป้าทองม้วนจนป้าทองม้วนเสียหลักลื่นล้มแขนหักต้องเข้าโรงพยาบาล ระหว่างที่ป้าทองม้วนป่วยอยู่นั้นเด็กๆจึงเห็นถึงความดีของป้า ในที่สุดฟ้าก็ไปกราบขอโทษป้า และป้าทองม้วนกับเด็กๆก็เข้าใจกันมากขึ้น ป้าทองม้วนสัญญาว่าจะไม่ตีฟ้าอีก ทางด้านต่อหาทางพยายามใกล้ชิดบี่บี๋แต่เธอไม่สนใจ ต่อเลยขอร้องให้ชมพูช่วยส่งจดหมายให้ ชมพูผิดหวัง และเก็บจดหมายนั้นไว้เอง และหลอกต่อว่าเธอให้จดหมายนั่นกับบี่บี๋ไปแล้ว ต่อเสียใจที่บี่บี๋ไม่สนใจ ชมพูเลยอาสาช่วยต่อหาวิธีจีบบี่บี๋ เมื่อบี่บี๋แอบรู้ว่าชมพูชอบต่อ บี่บี๋จึงหันมาสนใจต่อด้วยสาเหตุเพื่อที่จะแกล้งชมพู บี่บี๋หว่านเสน่ห์ใส่ต่อจนต่อหลงใหล และใช้ต่อทำงานให้กับเธอ ต่อยอมตามใจบี่บี๋ทุกอย่างลืมชมพูเพื่อนรักไป ชมพูน้อยใจจนทะเลาะกับต่อ ชมพูพยายามชี้ให้ต่อเห็นว่าบี่บี๋เป็นคนไม่จริงใจชอบหลอกใช้ผู้ชาย แต่ต่อไม่เชื่อทั้งคู่จึงทะเลาะกัน บี่บี๋จึงตัดสินใจเป็นแฟนต่อเสียเลย เพื่อลบคำกล่าวหาของชมพู ต่อเลยยิ่งมองชมพูในแง่ร้ายเข้าไปอีก ระหว่างนั้นนลก็ทำงานไม่ได้ตามเป้า จึงยิ่งต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ชมพูเศร้าเสียใจ กลายเป็นคนเงียบขรึมส่วนฟ้าก็หลงระเริงไปกับเพื่อนๆ จนไม่มีเวลาทำการบ้าน ท่องหนังสือ มีเพียงป้าทองม้วนที่เห็นว่าครอบครัวเริ่มจะมีปัญหา แต่การบ่นว่าจ้ำจี้จ้ำไชของป้าทองม้วนกลับทำให้ทุกคนเบื่อหน่าย และออกห่างจากบ้านมากไปใหญ่ สอบกลางภาคผ่านไป ฟ้าทำข้อสอบได้ไม่ดีนัก ชมพู หยา และแต้วชวนกันไปเรียนพิเศษ เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ชมพูได้พบกับเพชร (ตรีพล พรมสุวรรณ) นักศึกษาหนุ่มที่มาจีบชมพู เมื่อชมพูเห็นต่อตามอี๋อ๋อกับบี่บี๋ ชมพูจึงคิดคบกับเพชรเพื่อประชดต่อ ซึ่งก็ได้ผลต่อว่าชมพูที่ริคบเด็กเที่ยวอย่างเพชร ยิ่งทำให้ทั้งสองคนโกรธกันมากขึ้น ชมพูลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นสาว และไปเที่ยวกับเพชร เปิดเทอมสองผลปรากฏว่าแก๊งค์จักรยานสอบตกยกแก๊งค์ แต่ฟ้าเก็บสมุดพกเงียบไม่กล้าบอกใคร ฟ้าตั้งใจจะปรึกษาชมพู แต่ชมพูก็วุ่นวายอยู่กับปัญหาความรัก จนฟ้าต้องเก็บปัญหานี้ไว้คนเดียว แก๊งค์จักรยานคิดแก้ปัญหาด้วยการเป็นกามเทพสื่อรักให้กับครูวิไลและครูสมพงษ์จอมดุ เผื่อว่าจะช่วยให้ครูวิไลใจดีขึ้นมาบ้าง ชมพูเริ่มออกเที่ยวกับเพชร บ้านเริ่มไม่เป็นบ้าน ป้าทองม้วนกลุ้มใจไม่รู้จะทำยังไง มีแต่ลุงไสวเจ้าเก่าเป็นที่พึ่ง เมื่อต่อคบกับบี่บี๋ไปได้สักพัก เขาก็เริ่มเห็นนิสัยที่แท้จริงของเธอ และได้รู้ใจตัวเองว่าเขาชอบชมพูมาก บังเอิญคืนนั้นเพชรพาชมพูไปเที่ยว ชมพูไปพบกับแดนนี่ นักเลงที่หวังจะเคลมชมพู แต่เพชรรู้ทันพาชมพูหลบมาได้และมาส่งที่บ้าน ต่อเห็นชมพูกลับมาบ้านตอนดึกกับเพชร จึงตัดสินใจไม่บอกความในใจกับชมพู สอบปลายภาคผ่านไป คะแนนของแก๊งค์จักรายานไม่ดีขึ้น ฟ้า นก โทนี่ และ ภาพ สอบตกหมด นลได้รู้เรื่องเข้าก็โกรธมากถึงกับตีฟ้าและสั่งเผาหนังสือของฟ้าทุกเล่ม ฟ้าเสียใจมาก ชมพูก็ไม่อยู่บ้าน ฟ้าขาดที่พึ่งจึงเตลิดหนีออกจากบ้านไป ป้าทองม้วนเห็นว่าเรื่องชักไปกันใหญ่ ตัดสินใจโทรตามเกษแก้วให้กลับมาโดยด่วน เกษแก้วเห็นความสำคัญของครอบครัวมากกว่างาน จึงขอออกจากงาน และกลับเมืองไทยทันที พวกฟ้าไปรวมพลกันที่หลังบ้านลุงเทา แต่โชคร้าย ฟ้ากับเพื่อนๆ ไปเห็นพวกแก๊งค์ส่งยาบ้า ฟ้าออกไอเดียจะทำความดีลบล้างความผิด เลยคิดจะไปแจ้งตำรวจ แต่โดนพวกแก๊งค์ยาบ้าจับตัวไปเสียก่อน ระหว่างนั้นชมพูไปเที่ยวกับเพชร โดยไม่รู้ตัวว่าเพชรกำลังจะเอาตัวชมพูไปขายให้แดนนี่เพื่อใช้หนี้พนันบอล โชคดีที่ต่อกับปั้นไปช่วยไว้ได้ทัน เมื่อกลับถึงบ้านชมพูได้รู้ว่าฟ้าหายไป ก็ออกตามหาไปช่วยฟ้า นลพากำลังตำรวจบุกไปช่วยฟ้าได้ทัน แต่ตัวนลกลับได้รับบาดเจ็บ เกษแก้วกลับมาถึงเมืองไทย ฟ้า ชมพู ต่อ และป้าทองม้วนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างใจจดใจจ่อ ในวินาทีนั้นเอง ทุกคนก็ได้เข้าใจถึงความรัก ความห่วงใยที่มีต่อกัน และเห็นความสำคัญของการใช้เวลาทำความเข้าใจกัน แต่ทุกอย่างจะสายเกินไปหรือไม่นั้น ติดตามได้ในละคร หน้าต่างชมพู ประตูฟ้า ทางไทยทีวีสีช่อง 3
รักห้ามโปรโมท (2546/2003) วายุ เป็นนักร้องรูปหล่อแห่งวงเอ็กซ์โป วงดนตรีร็อคชื่อดังของค่ายแกรนด์มิวสิค ส่วนกอหญ้าเป็นเด็กสาวช่างฝัน ที่มุ่งมั่นว่าสักวันหนึ่ง จะเป็นนักแต่งเพลงชื่อดังให้ได้ เธอเขียนเพลงเก็บใส่สมุดสีฟ้าเล่มเล็ก และนำติดตัวไว้ตลอดเวลา วันหนึ่งระหว่างทางไปแสดงคอนเสิร์ต วายุเกือบขับรถชนกอหญ้า ทำให้กอหญ้าซึ่งไม่ได้ชื่นชมเพลงร็อคอยู่แล้ว เริ่มเกลียดขี้หน้าวายุ ยิ่งต้องไปดูคอนเสิร์ต วงเอ็กซ์โป ตามคำชวนของผึ้งเพื่อนสนิท ก็ยิ่งหมั่นไส้ท่าทางของวายุมากขึ้น อู๋ รู้ลึก นักข่าวบันเทิงจอมจุ้นพยายามสืบเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของวายุ หลายครั้งที่ดักถ่ายภาพวายุกับกอหญ้าไปลงพิมพ์ ทำให้ธิติโกรธ เพราะถ้าแฟนเพลงผู้หญิงของวายุที่มีอยู่มากมายรู้ว่าวายุเป็นแฟนกับกอหญ้า อาจกระทบถึงชื่อเสียงของวายุได้ ธิติบีบให้กอหญ้าออกจากบริษัท วายุ ปกป้องกอหญ้าถ้ากอหญ้าถูกไล่ออกวายุก็จะออกด้วย ธิติต้องยอมให้วายุ สนิทสนมกับกอหญ้าต่อไป โดยมีอู๋ทำตัวเป็นปาปาราสซี่ ทั้งดักทั้งตาม และปลอมตัว เข้ามาสิงในร้านกาแฟของผึ้ง เพื่อสืบข่าวกอหญ้าและวายุ ความ สัมพันธ์ของวายุกับกอหญ้าพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งยิ่งทำให้มินตราไม่พอใจมาก เมื่อมีโอกาสแสดงละครคู่กับวายุ มินตราหาเหตุให้คนเข้าใจผิดและเกลียดขี้หน้ากอหญ้าอยู่ตลอดเวลา อานนท์ ลูกชายของ อาชว์ เจ้าของแกรนด์มิวสิค บินกลับจากต่างประเทศมาบริหารงานต่อจากพ่อ อานนท์เกิดไปชอบพอกอหญ้าเข้า จึงทำดีให้กอหญ้าเห็นใจ ทั้งอานนท์และมินตรา ทำให้กอหญ้ามีเรื่องระหองระแหงกับวายุอยู่เสมอ ซึ่งกลับทำให้แม่ของกอหญ้าพอใจ เพราะชอบนักธุรกิจอย่างอานนท์ มากกว่านักร้องอย่างวายุ ถึงกระนั้นความรักที่มั่นคงของกอหญ้าและวายุก็ดึงให้ทั้งสองกลับมาคืนดีกัน หวานชื่นอีก มินตราแค้นใจที่ไม่สามารถทำให้วายุกลับมารักได้ จึงแฉเรื่องอดีตรักระหว่างตนกับวายุในรายการทอล์คโชว์ ทำให้แฟน ๆ วายุรับไม่ได้ วงเอ็กซ์โปมีคะแนนนิยมต่ำลงเรื่อย ๆ วายุคิดจะลาออก แต่เพื่อน ๆ ในวงท้วงว่า ถ้าไม่มีวายุก็ไม่ต้องมีเอ็กซ์โป วายุจึงมีกำลังใจจะทำงานต่อ อาชว์จัดงานเลี้ยงฉลองอายุ 60 เขาประกาศเกษียณตัวเองแล้วยกกิจการส่วนใหญ่ให้วายุ ทำให้อานนท์ประหลาดใจ และโกรธมากที่พ่อยกมรดกให้คนอื่น เมื่อกองถ่ายละครเริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาจึงออกตามล่าสังหารวายุ แต่ก่อนที่จะลั่นไก กอหญ้าก็เข้ามาขวาง หนำซ้าอาชว์ยังตามไปสำทับห้าม พร้อมกับเล่าว่า แท้ที่จริงแล้ว วายุเป็นพี่ชายต่างแม่ และอาชว์ต้องการลบล้างความผิดที่เคยทอดทิ้งแม่ของวายุ จึงอยากให้วายุรับธุรกิจใหญ่ ๆ ไป วายุได้หัวใจกอหญ้าแล้วเขาไม่ต้องการสิ่งอื่น ขอคืนธุรกิจให้อานนท์ในฐานะน้องชาย ทำให้อานนท์ซาบซึ้งใจมาก วายุบอกรัก กอหญ้าและขอหมั้นกอหญ้าบนเวทีคอนเสิร์ต ท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีของแฟนเพลง ฝ่ายมินตรา เมื่อทำเล่ห์มารยาต่างๆนานแล้วยังไม่สามารถชนะใจวายุได้ จึงเตรียมไปอาละวาดในงานคอนเสิร์ต ถึงกับจะเอาปืนไปยิงวายุกลางเวที แต่เมื่อถึงนาทีนั้น เธอก็ทำไม่ลงเพราะความรักที่มีต่อวายุ กอหญ้าและวายุ ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า แม้วงการบันเทิงจะปิดกั้นไม่ให้ความรักของพวกตนเปิดเผยได้ในตอนต้น แต่เมื่อความรักนั้นมั่นคงพอ ใครก็ไม่อาจห้ามได้
วิมานดิน (2546/2003) ทยา วัต เทพสถิตย์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มบริษัทเคพีที ทยาวัตหลงรักย่านางหญิงสาวที่เพียบพร้อม แต่ช่วงหลังทยาวัตไม่ค่อยมีเวลาเพราะทำแต่งานจนลืมเรื่องหัวใจไป ไม่นานอุปการ เทพสถิตย์ หลายชายแท้ ๆ ของคุณหญิงพิมพา เทพ สถิตย์กลับจากเมืองนอกอย่างเงียบ ๆ และที่สนามบินเขาได้เจอย่านางก็เกิดความประทับใจในตัวย่านางมากแต่ไม่รู้ว่า เธอเป็นใคร เมื่อทยาวัตมอบงานให้ทำก็ปฏิเสธว่าอยากจะหาประสบการณ์ในเมืองไทยก่อนจึง เที่ยวเตร่ ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไปเรื่อยมีคู่ควงไม่ซ้ำหน้า คุณหญิงพิมพาให้ร้ายทยาวัตให้อุปการฟังบ่อย ๆ ว่าทยาวัตจะแย่งทุกสิ่งไปจากอุปการจนเขาลังเลไม่รู้จะเชื่อใคร ติดตามต่อได้ใน วิมานดิน
พ่อบ้านเมียเผลอ (2546/2003) เรื่องราวของเหตุการณ์ชวนขบขันของก๊วนชายหนุ่มน้อย - ใหญ่ หลายสไตล์แห่งบริษัทอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมที่มีชื่อแห่งหนึ่ง โดยอาศัยทีเผลอของคุณเธอที่บ้าน ทั้งที่เผลอโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ(ถูกทำให้)เผลอ เหตุการณ์สนุก ๆ จึงเกิดขึ้นกับบรรดาพ่อบ้านเมีย ( เผลอ ) เหล่านี้ ทุกครั้งที่มีปัญหาแต่ละกระทาชายมักจะไปนั่งพักใจที่ร้านกาแฟของอากู๋ ที่อยู่ข้างบริษัท และมักได้แง่คิดในการมองชีวิตจากอากู๋ คุณกำชัยรองประธานบริษัทกำลังมีปัญหาหงุดหงิดกับภรรยายิ่งนัก เช่นเดียวกับเปรมอนันต์และพันธุ์สง่า ลูกน้องคู่คิด แล้วยังต้องมาเจอปัญหาในที่ทำงานอีก กล่าวคือ คุณกำชัยแม้จะมีความสามารถรอบด้าน แต่มีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือตีกอล์ฟไม่เป็น เมื่อประธานบริษัทคนใหม่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาประจำในประเทศไทยและนิยมชมชอบกอล์ฟเป็นชีวิตจิตใจ คุณกำชัยจึงเล็งเห็นแล้วว่าถ้ายังขืนตีกอล์ฟไม่เป็นอยู่ต่อไป โอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คงจะชวดแน่ ติดตามต่อได้ใน "พ่อบ้านเมียเผลอ"
กษัตริยา (2546/2003) กษัตริยา เป็นละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเทียรราชา) เมื่อสมเด็จพระสุริโยทัย พระชายา สิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า จนถึงการกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาค “กษัตริยา” เป็นเรื่องราวของพระวิสุทธิกษัตรีย์ และพระสุพรรณกัลยา และภาค “อธิราชา” หรือ มหาราชกู้แผ่นดิน เป็นเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ความเริ่มตั้งแต่สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถีกับพม่า พระราเมศวรราชบุตรเข้ากันพระศพไว้ได้ พระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชเวตี้ยกทัพกลับหงสาวดี พระบรมศพสมเด็จพระบรมศพสมเด็จพระสุริโยทัยถูกอัญเชิญมาถวายพระเพลิง ณ วัดสวนหลวงสบสวรรค์ อันเคยเป็นสวนสวรรค์ที่เคยทรงพระสำราญคราวยังทรงพระชนมชีพ บัดนี้กลับกลายเป็นสถานที่ส่งพระวิญญาณสีสรวงสวรรค์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเศร้าโศกโศกาดูรราชบุตรีพระองค์ใหญ่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงจดจำความเจ็บปวดฝังลึกในพระราชหฤทัย ว่าพระราชมารดาทรงหลั่งโลหิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน หลังจากนั้นไทยกับพม่าว่างเว้นศึกสิบห้าปี ระหว่างนั่นพระเจ้าตะเบ็งเวตี้วิปลาส ถูกสมิงสอดวุต ลวงไปปลงพระชนม์ หงสาวดีเกิดการจลาจล บุเรงนองมหาอุปราชต้องปราบปรามจนราบคาบแล้วราชาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง ปีกุน พ.ศ. 2106 พระเกียรติยศสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเลื่องลือแพร่หลาย ด้วยทรงมีช้างเผือกมาสู่พระบุญญาบารมีถึง 7 เชือก จนได้รับถวายพระนามว่าพระเจ้าช้างเผือก พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้ราชทูตเชิญพระราชสาส์นมาเจริญพระราชไมตรี ขอช้างเผือกไปเป็นศรีนครสองเชือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบทันทีว่าบุเรงนองมีประสงค์จะก่อศึก เพราะหากทรงยอมตามคำขอก็หมายถึงยอมอยู่ในอำนาจ แต่ถ้าทรงปฏิเสธขัดข้องก็จะถือเอาเป็นเหตุยกมาตีเอากรุงศรีอยุธยา เวลานั้นในกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย พระมหินทราธิราช ราชบุตรองค์ใหญ่แม้จะเป็นอุปราช แต่ไม่ได้รับความจงรักภักดีเท่าพระราเมศวรผู้ทรงเก่งกาจในการณรงค์ พระราเมศวร ทรงเห็นด้วยกับพระยาจักรีว่า จากวันนี้ฤาวันไหน สงครามไทยพม่าย่อมอุบัติแน่ จะพระราชทานช้างเผือกให้พม่าไปใยให้เสียพระเกียรติยศ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงตอบปฏิเสธบุเรงนอง หลังจากนั้นอยุธยาก็เตรียมการพร้อมรบ ข่าวเตรียมศึกถูกส่งออกไปถึงเมืองพิษณุโลก ผู้ครองเมืองลูกหลวง พิษณุโลก ณ เวลานั้น เดิมคืออดีตทหารกล้านามขุนพิเรนทรเทพ ผู้เคยปราบกบฏขุนวรวงศาธิราช บั่นหัวนางพระยาศรีสุดาจันทร์ แล้วถวายบัลลังก์ให้แก่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จนได้รับพระราชบัณฑูรให้ครองเมืองพิษณุโลก เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า และได้รับพระราชทานพระสวัสดิราช พระราชธิดาพระองค์โตเป็นอัครมเหสี ทรงนามใหม่ว่าพระวิสุทธิกษัตรีย์ บัดนี้ทรงมีพระราชธิดาและพระราชโอรสรวม ๓ พระองค์ คือ พระสุพรรณกัลยา พระนเรศ และ พระเอกาทศรถ เวลานั้นพระสุพรรณกัลยาเจริญวัยแรกรุ่น ดรุณี พระฉวีเหลืองละออดังทองสมพระนาม ส่วนพระนเรศยังเยาว์พระชันษา แต่ทรงสนพระทัยในการสงครามอย่างเห็นได้ชัด พระฉวีคล้ำเข้มจนได้รับพระนามว่าพระองค์ดำ ส่วนพระเอกาทศรถ งามสะโอดสะอง พระฉวีขาวผ่อง จึงได้รับพระนามว่าพระองค์ขาว บุเรงนองกรีธาทัพเข้ามาโดยหัวเมืองทางเหนือมิได้ทันตั้งรับ เข้าบดขยี้ได้กำแพงเพชร สุโขทัย สวรรคโลกและพิชัยโดยง่าย จากนั้นจึงยกเข้าล้อมพิษณุโลกอันเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ พระมหาธรรม ราชาเจนการศึก จึงรู้แน่แก่ใจว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินจะรับมือได้ ทัพพระเจ้าหงสาวดีมีพลถึงห้าแสน อีกทั้งมีเชียงใหม่คอยหนุนหลัง แต่เบื้องแรงพระมหาธรรมราชาก็ต่อสู้สุดความสามารถ จนในที่สุดเมืองจวนพินาศ เสบียงอาหารขาดแคลน เกิดโรคระบาดขึ้นในเมือง จึงต้องตัดสินพระทัยจำยอมอ่อนน้อมแก่ทัพพม่าเพื่อถนอมบ้านเมืองให้บอบช้ำ น้อยที่สุด การตัดสินใจของพระสวามีสร้างความตกตะลึงให้กับพระวิสุทธิกษัตรีย์ผู้ทรงสืบ สาย โลหิตจากวีรสตรีนักรบผู้กล้า ยิ่งเมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองให้พระมหาธรรมราชาและเจ้าเมืองกรมการที่ยอม อ่อนน้อมถือน้ำกระทำสัตย์ พระวิสุทธิกษัตรีย์ก็ทรงปวดร้าวถึงกับชวนพระวรกายปะทะแท่นวางพานพระศรี พระนลาฏกระทบขอบพานจนพระโลหิตตกทรงกระชากฉีกชายฉลองพระองค์ชับพระโลหิตบนพระ นลาฏ ม้วนพระภูษาเปื้อนพระโลหิตบรรจุตลับทองเก็บไว้ หลังจากนั้นไม่สรงไม่เสวยไม่ยอมเยียวยาบาดแผล ความขัดแย้งของสองพระองค์กลายเป็นรอยร้าวฉาน พระวิสุทธิกษัตรีย์ได้แต่ทรงฝากความหวังให้โอรสธิดาทั้งสามพระองค์กอบกู้ บ้านเมืองกลับคือมาให้ได้ในวันข้างหน้า พระเจ้าหงสาวดีกรีธาทัพลงมาล้อมกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่อาจทานศึกได้ก็จำยอมออกมารับพระราชทานไมตรี ต้องทรงยอมให้พระเจ้าหงสาวดีนำตัวพระราเมศวรกับพระยาจักรีไปเป็นตัวประกัน ที่เมืองพม่า อีกทั้งยอมส่งช้างไปบรรณาการปีละ 30 เชือก ยอมส่งส่วยสาอากร รวมทั้งยอมเสียอำนาจปกครองเมืองมะริด พระราเมศวรตรอมพระทัยประชวรหนักระหว่างทาง ก่อนสิ่งพระชนม์มีรับสั่งสุดท้ายกับพระยาจักรี ห้ามมิให้ฝังพระอัฐิในดินแดนพม่า ให้หาทางนำกลับกรุงศรีอยุธยาให้จงได้ พระเจ้าเมกุติแห่งเมืองเชียงใหม่แข็งข้อกับหงสาวดี บุเรงนองจึงยกทัพมาตีเชียงใหม่ โดยมีใบบอกให้พระมหาธรรมราชาขึ้นไปช่วยรบ พระมหาธรรมราชาตระหนักว่าหากปฏิเสธ เห็นทีพิษณุโลกจะต้องถูกตีย่อยยับเป็นครั้งที่สอง จึงทรงยอมยกทัพไปช่วยพม่าตีเชียงใหม่ พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงผิดหวังขมขื่นหนักขึ้นถึงแก่แตกหักกัน สมเด็จพระมหาจักรพรรดิออกผนวช พระมหินทราธิราชขึ้นครองเมืองพระยารามรณรงค์ เจ้าเมืองกำแพงเพชรกราบทูลยุยงว่าพระมหาธรรมราชากระด้างกระเดื่องต่ออยุธยา หันไปสวามิภักดิ์ต่อหงสาวดี ควรจะหันไปหาทางเจริญไมตรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างเอาไว้ พระมหินทราธิราชจึงส่งพระเทพกษัตรีย์ ไปพระราชทานแก่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง พระมหาธรรมราชาส่งข่าวนี้ไปแจ้งแก่บุเรงนอง บุเรงนองจึงส่งทหารมาดักชิงตัวพระเทพกษัตรีย์ไปหงสาวดี พระมหินทราธิราชทรงแค้น คิดจะกำจัดพระมหาธรรมราชา จึงออกอุบายให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชยกทัพมาตีพิษณุโลก แล้วกรุงศรีอยุธยาจะทำทีแต่งทัพขึ้นมาช่วย แต่ความจริงจะตีกระหนาบบดขยี้พิษณุโลกเสียให้สิ้นแค้น พระมหาธรรมราชาทราบความเสียก่อนจึงซ้อนแผนเผาเรือรบกรุงศรีอยุธยาทิ้งจำนวน มาก เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง อภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นเจ้าฟ้าพิษณุโลก และประกาศให้พิษณุโลกเป็นประเทศราชขึ้นต่อหงสาวดีมิให้ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา สืบไป ศึกระหว่างพระสวามีกับพระอนุชาครั้งนี้ บีบคั้นพระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์จนแทบแตกสลาย ทรงตัดสินพระทัยส่งตลับบรรจุภูษาซับโลหิตจากพระนลาฏไปยังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเปิดออกทอดพระเนตรเห็นโลหิตพระราชธิดาก็ทรงลาผนวช เสด็จขึ้นมายังพิษณุโลกรับพระวิสุทธิกษัตรีย์กับพระโอรสธิดาทั้งสามลงมา อยุธยาทันที พระเจ้าสงสาวดีบุเรงนองได้ที ทรงอ้างเหตุผลว่ากรุงศรีอยุธยาข่มเหงเมืองพิษณุโลก อันเป็นเมืองในขอบขัณฑสีมาพม่า สั่งให้เตรียมกองทัพใหญ่มาตรีกรุงศรีอยุธยา โดยให้พระมหาธรรมราชาลงมาช่วยทำศึกด้วย พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงทราบ ความก็นิ่งขึง ชะตากรรมลิขิตให้พระสวามีต้องยกทัพมาทำศึกกับพระญาติวงศ์พงศา คนไทยต้องมาทำสงครามกับคนไทยด้วยกันเอง บุเรงนองออกอุบายให้พระยาจักรีเป็นไส้ศึก ปล่อยตัวให้ลอบเข้าวังไปพร้อมกับพระอิฐิพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเห็นพระอัฐิพระราชโอรสก็เสียพระทัยยิ่ง ถึงแก่ประชวรหนัก เพียง ๒๕ วัน ก็เสด็จสวรรคต อยุธยาระส่ำระสาย หลงกลศึกเสียทีบุเรงนอง เจ้าพระยาจักรีเปิดประตูเมืองรับศัตรูเข้ามาในพระนคร ในที่สุด เดือน 9 แรม 11 ค่ำ พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยาก็เสียเมืองให้แก่พม่า เสียแม่ เสียพ่อ เสียพี่ เสียน้อง เสียทั้งครอบครัว มาบัดนี้ต้องมาเสียเมืองให้แก่อริราชศัตรูอีก แต่ชะตากรรมของพระวิสุทธิกษัตรีย์จะหมดสิ้นเท่านี้ก็หาไม่ เมื่อบุเรงนองทำพิธีปราบดาภิเษกพระมหาธรรมราชาขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนพระ มหินทราธิราชแล้ว ก็ออกพระโอษฐ์ขอตัวพระนเรศ โอรสองค์กลางไปเป็นพระราชบุตรบุญธรรมที่หงสาวดีอีก พระหทัยพระวิสุทธิกษัตรีย์แทบสลาย เมื่อพระมหาธรรมราชาทรงรับปากถวาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพระโอรสถูกนำไปในฐานะตัวจำนำในเมืองศัตรู พระนเรศถูกส่งตัวไปประทับอยู่ ณ กรุงหงสาวดีถึง 6 ปี ทำให้ทรงทราบตื้นลึกหนาบาง กำลังฤทธิ์เดชและจุดอ่อนของพม่าเป็นอย่างดี ในพระราชหฤทัยทรงตระหนักดีว่าภารกิจการกู้ชาติเป็นของพระองค์ จึงเฝ้าอดทนรอวันที่จะได้ลุกขึ้นมาปลดปล่อยคนไทยออกจากการข่มเหงยึดครองของ พม่า เมื่อพระนเรศเจริญพระชันษาได้ 15 ปี พระมหาธรรมราชาก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะทรงขอพระราชโอรสกลับมาเป็นกำลังสำคัญ กอบกู้บ้านเมือง เพื่อมิให้บุเรงนองแคลงพระทัย พระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรีย์จึงต้องส่งพระราชธิดาองค์โตไปแลก เปลี่ยน พระเจ้าหงสาวดีได้พระสุพรรณกัลยาไปเป็นพระชายาเหมือนอย่างตัวจำนำแทน ก็อนุญาตให้พระนเรศกลับมาช่วยบิดาปกครองบ้านเมือง เมื่อพระสุพรรณกัลยาต้องทรงจากบ้านเมืองไปเป็นตัวประกันในราชสำนักพม่าอย่าง โดดเดี่ยว ต้องทนรับสภาพความทุกข์เกินกว่าที่หญิงใดในโลกจะทนได้ ด้วยการตกเป็นชายาของกษัตริย์พม่าที่มีวัยสูงกว่ามากมายถึงสองพระองค์ เพราะเมื่อบุเรงนองสิ้นพระชนม์แล้ว ยังต้องทรงตกเป็นมเหสีของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงผู้โหดเหี้ยมสืบต่อมาอีก ด้วย การเสียสละของพระพี่นางครั้งนี้ส่งผลให้พระนเรศหรือสมเด็จพร นเรศวรได้มีโอกาสกลับคืนสู่มาตุภูมิ และทรงลุกขึ้นกอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง ปลดปล่อยคนไทยจากการยึดครองของพม่า หลังจากนั้นทรงรบพุ่งเผชิญสงครามกับพม่าตลอดระยะเวลายาวนาน โดยทรงเอาชนะพม่าได้ทุกครั้งจนพระเกียรติระบือลือเลื่อง ในปี ๒๑๓๕ ทรงทำสงครามยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์กับพระมหาอุปราชา พระโอรสของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงที่หนองสาหร่าย สุพรรณบุรี ทรงจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก ทว่าวันแห่งชัยชนะต้องแลกมาด้วยหยาดโลหิตของผู้อยู่เบื้องหลัง พระสุพรรณกัลยาทรงทราบข่าวพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ด้วยพระหัตถ์พระอนุชา ก็ทรงตระหนักว่าวันที่ทรงรอคอยตลอดยี่สิบปีในดินแดนศัตรูมาถึงแล้ว ทรงยอมรับชะตากรรมอย่างกล้างหาญเด็ดเดี่ยวเมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงทรง ปรี่เข้ามาหาด้วยโทสะแรงกล้าที่เสียพระราชโอรส แล้วใช้พระแสงดาบฟันสุพรรณกัลยาจนสิ้นพระชนม์พร้อมพระราชธิดาพระองค์น้อย วินาทีนั้น ทรงรู้สึกเป็นอิสระยิ่งกว่าอิสระใดที่เคยทรงประสบมา พระวิสุทธิกษัตรีย์ กษัตริยาผู้อาภัย มิได้ทรงทราบข่าวร้ายนี้เลยจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ แม้ในวินาทีสุดท้ายบนภพมนุษย์ ยังทรงเต็มเปี่ยมในพระราชหฤทัยด้วยความหวัง ว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันห้าพระองค์อีกครั้ง
กิเลสมาร (2546/2003) ประภาส ชาติเวท ประธานโรงแรมคิงส์เซ็นเตอร์ ผู้เพียนพร้อมทางสังคม ขาดก็แต่ความอบอุ่นในครอบครัว เขามีลูกสามคนคือ ดนัย และระตีทั้งคู่ไม่สนใจการทำงานเลย ส่วนวิเวียนลูกสาวนอกกฎหมายกลับเอาการเอางาน ประภาสจึงทำทุกอย่างเพื่อให้วิเวียนยอมรับเขาเป็นพ่อ แต่เธอกลับปฎิเสธโดยสิ้นเชิงเพราะ โกรธที่ประภาสเป็นทำให้แม่เธอต้องตรอมใจตาย วิเวียนจึงอาศัยอยู่กับป้าศศินาถ ตลอดมา วิเวียนทำงานเป็นมัณฑนศิลป์ วันหนึ่งช่อนซึ่งเป็นเจ้านายก็ส่งเธอมาทำงานที่โรงแรมของประภาส เมื่อประภาสพบวิเวียนเขาพยายามมาพูดดีด้วยแต่เธอกลับโต้เถียงเขา ทำให้ประภาสเกิดโรคหัวใจกำเริบอย่างหนัก พอดีกับที่กริชเดินผ่านมาพบเข้าพอดีจึงเข้าช่วยเหลือ ติดตามต่อได้ใน "กิเลสมาร"
หนึ่งฤทัย (2546/2003) หนึ่งฤทัย เป็นเรื่องราวของ หนึ๋งฤทัย ( อลิชา ไล่ศัตรูไกล ) เป็นลูกสาวคนเดียวของโกศล ( ทูน หิรัญทรัพย์ ) นักธุรกิจใหญ่ เป็นเด็กสาวแสน สวยที่เอาแต่ใจตัวเองเพราะผู้เป็นพ่อรักและสงสารที่เธอต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่ ยังเด็ก หนึ่งฤทัยมีน้าสาวชื่อ กรอง กาญจน์ ( วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง ) ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่แบเบาะ โดยกรองกาญจน์แอบหลงรักโกศลอยู่ ยิ่งโกศลและกรองกาญจน์ตามใจหนึ่งฤทัยมากเท่าไร คุณย่าทองแท้ ( (พิศมัย วิไลศักดิ์) ) กับสุนทรีย์ ( บุญฑริก ทัศนารมณ์ ) น้องสาวโกศล ก็ยิ่งหมั่นไส้หนึ่งฤทัยมากขึ้นเท่านั้น ทุกครั้งที่หนึ่งฤทัยก่อเรื่องจนถูกพ่อหรือคุณย่าดุ เธอก็จะเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ารูปแม้พร่ำรำพัน จนโกศลใจอ่อนทุกครั้งไป และแม้ว่าหนึ่งฤทัยจะมีข้อเสีย หลายอย่าง แต่ ในความร้ายกาจนั้น เธอก็เป็นคนน่ารักและมีใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่น เมื่อวัยเด็กหนึ่งฤทัยเคยสนิทสนมกับ พัฒน์ ( ธนา สุทธิกมล ) ซึ่งเป็นลูกชาย ของ คมสัน ( เวย์น ฟอลโคเนอร์ ) เพื่นรักของโกศล ซึ่งต่อมาคมสันและ ภรรยา นุชนารถ ( ปริศนา กล่ำพินิจ ) ไปอยู่ต่างประเทศ 15 ปีต่อมา ครอบ ครัว ของคมสันกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อพัฒน์เรียนจบปริญญาตรี ด้าน สถาปนิก พร้อมกับมาสมาชิกใหม่เพิ่มอีกคน คือ พงศ์ ( ตะวันไทย ไทยสวัสดิ์ ) น้องชายของพัฒน์ ทำให้หนึ่งฤทัยได้พบกับพัฒน์อีกครั้ง และด้วยความ เป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีของพัฒน์ ทำให้หนึ่งฤทัยเริ่มสนใจและหลงรักพัฒน์ ในทันทีที่พบหน้ากัน วันประกาศผลสอบเอ็นทรานซ์ หนึ่งฤทัยสอบติดมหาลัยเดียวกับแก๊งค์สามซ่าส์ที่มี 3 สาว อากิโกะ หญิง และเจนนี่ ( วิจิตรา ตรียะกุล, กิรติพร กุลยิ่งวัฒนวิทย์, สุธินี มัณยานนท์ ) ที่เป็นคู่ปรับกับหนึ่งฤทัย มาตั้งแต่ โรงเรียน มัธยม และในวันเดียวกันนั้นมีเด็กสาวใส่แว่นหนาเตอะท่าทางเปิ่นเชยชื่อ พิมพ์พรรณ ( ญดา โชติชูตระ กูล ) มาดูผลสอบด้วย สาวซ่าส์แกล้งกระแทกจนพิมพ์พรรณล้มลง หนึ่งฤทัยเข้าไปช่วยปกป้องพิมพ์พรรณ สาวซ่าส์สู้ไม่ได้กระเจิดกระเจิงหนีไปพิมพ์พรรณรีบตามไปขอบใจหนึ่งฤทัยอย่าง ซาบซึ้ง หนึ่งฤทัยไม่รู้ตัวเลยว่า พิมพ์พรรณเฝ้ามองและประทับใจในน้ำใจของหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แล้ว และในตอนนี้ก็ยิ่งเพิ่ม ความประทับใจในตัวหนึ่งฤทัยมากกว่าเดิม วันเปิดเทอมวันแรกที่มหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง เพื่อนได้เริ่มต้นขึ้น หนึ่งฤทัย พิมพ์พรรณ และประวิทย์ ( วัชรชัย สัตย์ พิทักษ์ ) กลายเป็นเพื่อนร่วมแก๊งค์เดียวกันโดยมี 3 สาวแก๊งค์สามซ่าส์เป็น คู่ปรับเหมือนเคย หนึ่งฤทัยแนะนำให้พัฒน์รู้จักกับพิมพ์พรรณ และ ประวิทย์ พัฒน์รู้สึกขำและเอ็นดูท่าทางที่เด๋อด๋าของพิมพ์พรรณ ส่วน พิมพ์พรรณ เองก็ประทับใจในตัวพัฒน์อยู่เงียบ ๆ ในขณะเดียวกันประวิทย์ก็ พยายาม ปิดบังความรู้สึกพิเศษที่มีต่อหนึ่งฤทัย คิดเสมอว่าเขาไม่เหมาะ สม กับเธอ และเข้าใจว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว คือ พัฒน์ วันหนึ่ง โกศลก็ได้พบกับ ทิพย์อาภา ( เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ) แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ เจ้าของสนามกอล์ฟ โดยไม่ รู้ว่าทิพย์อาภาเป้นแม่ของพิมพ์พรรณ เพื่อนสนิทของหนึ่งฤทัย โกศลหลงรักทิพย์อาภาทันทีและหา โอกาสทำ ตัวใกล้ชิดจนทิพย์อาภามีใจให้ แต่ปัญหาของทั้งคู่ก็คือ กลัวว่าลูกสาวของตนจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ สุนทรีย์พยายาม ขัดขวางความรักระหว่างโกศลกับทิพย์อาภา เพราะเข้าใจว่าทิพย์อาภาแย่งวรเชษฐ์ ( ทัตพงศ์ พงศ์ทัต ) แฟนของเธอไป สุนทรีย์จึงคิดแผนร้ายโดยใช้กรองกาญจน์ เป็นเครื่องมือทำลายความสัมพันธ์ของโกศล และทิพย์ อาภา กรองกาญจน์เจ็บปวดเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดความหมาย จนดื่มเหล้าจนเมามาย และเข้าหา โกศลในคืนหนึ่ง โกศลตกใจในการกระทำของ กรองกาญจน์ ไล่เธออกจากห้องและยืนยันว่า เขาเห็นเธอเป็น เพียง น้องสาว พิมพ์พรรณ ถูกแก๊งค์สามซ่าส์พูดจาเฉือดเชือนทำร้ายจิตใจว่า เธอไม่สวย เฉิ่มเชย ไร้ค่าเหมือนสูญ ญากาศ ด้วยความสงสารหนึ่งฤทัยตัดสินใจพา พิมพ์พรรณ ไปแปลงโฉมจนกลายเป็นสาวสวยพริ้ง ไม่เหลือเค้าของคนเดิม พิมพ์พรรณปราบปลื้ม และยิ่งรักและศรัทธาใตตัวหนึ่งฤทัยมากขึ้น เมื่อพัฒน์พบพิมพ์พรรณอีกครั้ง ความรักระหว่างเขาและเธอก็ยิ่งก่อตัวขึ้นโดย ที่หนึ่งฤทัย ไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย โกศลและทิพย์อาภา นัด หนึ่งฤทัยและ พิมพ์พรรณมาพบที่สนามกอล์ฟ เพื่อบอกเรื่องการแต่งงาน วันนั้น ทั้งสองต้องทั้งดีใจและแปลกใจเมื่อรู้ว่าลูกสาวเป็นเพื่อนนรักกัน และยินดี ที่จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ในงานแต่งงาน กรองกาญจน์ ฉวยโอกาส ยุแยงหนึ่งฤทัยว่าทิพย์อาภาและพิมพ์พรรณ กำลังจะมาแย่งทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่เป็นของเธอไป ประกอบกับหนึ่งฤทัยพบภาพบาดใจที่พัฒน์แสดงท่า ที สนใจพิมพ์พรรณอย่างเห็นได้ชัดหนึ่งฤทัยเริ่มหวั่นไหวไปกับคำพูดของกรองกา ญจน์ เธอรู้สึกปวดหัวอย่างหนักขึ้นมาเป็นครั้งแรก หนึ่งฤทัย เริ่มเปลี่ยนไป แสดงกิริยาเหมือน ทิพย์อาภาและ พิมพ์พรรณเป็นเพียงผู้อาศัย จนรู้สึกว่าตัวเองเคว้ง คว้างไม่มีใครในขณะเดียวกันทิพย์อาภาก็เริ่มตั้งท้อง เธอแอบบอกเรื่องนี้กับพิมพ์พรรณและขอให้เก็บเป็น ความลับไว้ก่อน เพราะกลัวว่าหนึ่งฤทัยจะยิ่งคิดมาก พิมพ์พรรณเริมหวั่นไหวว่าวันหนึ่งถ้าหนึ่งฤทัยจะรู้เรื่องนี้เข้า อาจจะคิดทำร้ายแม่ของเธอที่มหาวิทยาลัยนักศึกษารุ่นพี่จะจัดการแสดงละครเวที เป็นละครร้อง แบบโบราณ เรื่อง……..โรสิตา ทุกคนลงความเห็นว่าหนึ่งฤทัยเหมาะจะเป็นพระเอก คู่กับ พิมพ์พรรณที่อ่อนหวานสมเป็น นางเอกคืนงานวันเกิดคุณย่าทองแท้ หนึ่งฤทัยเอาเข็มหมุดไปปักไว้ในชุดรำฉุยฉายของพิมพ์พรรณ พิมพ์พรรณ ถูกเข็มหมุดแทงจนเลือดไหล ทิพย์อาภาตกใจ ครูบอกว่ามีเพียงหนึ่งฤทัยที่เข้ามาในห้องแต่งตัว ทิพย์อาภา โกรธมาก ต่อมาเมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือของหนึ่งฤทัย โกศลโกรธมากจนถึงขั้นตบหน้าลูก หนึ่งฤทัยวิ่งหนีออกมา ทิพย์อาภารีบตามมาเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เรื่อง กลับเลวร้ายมากขึ้น เมื่อสุนทรีย์มาตอกย้ำให้หนึ่งฤทัยสับสนว่า ทิพย์อาภา เสแสร้งทำเป็นคนดี หนึ่งฤทัยตัดสินใจจะหนีไปให้พ้นทิพย์อาภายื้อหยุด ห้ามไว้ หนึ่งฤทัยสะบัดจนทิพย์อาภาพลัดตกบันได และทุกคนยิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อพิมพ์พรรณ บอกว่าทิพย์อาภากำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งทำให้หนึ่งฤทัยตกใจมากที่บ้านโกศล พัฒน์มาบอกคุณย่าทองแท้ว่าทิพย์อาภาปลอดภัยแล้ว หนึ่งฤทัย กลับมาพอดีและเกิดมีปากเสียงกับคุณย่า เธอจึงผลุนผลันจะขับรถออกจากบ้านไป พัฒน์รีบตามขึ้นรถ ไปด้วย เขาขอร้องให้หนึ่งฤทัยจอดรถและระงับสติอารมณ์ แต่หนึ่งฤทัยไม่ยอมฟังดื้อดึงขับรถต่อไป จนเกิดอุบัติ เหตุรถชนพัฒน์ ได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ทุกคนประนามว่าเป้นความผิดของเธอ หนึ่งฤทัยรู้สึกผิด และเสียใจ มากขึ้นเป็นทวีคูณ ที่เธอทำร้ายคนที่เธอรักโดยไม่ได้ตั้งใจ หนึ่งฤทัยปวดหัวอย่างรุนแรงจนเซล้มลงหมดสติไป หมอวินัยมาพบจึงเข้าไปช่วยเหลือและพาไปตรวจที่โรงพยาบาล หนึ่งฤทัย ถึงกับช็อคไปเมื่อรู้ถึงสาเหตุของการปวด หัวอย่างรุนแรงที่เธอเป็นอยู่บ่อย ๆ หนึ่งฤทัยเริ่มได้คิดและตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครเรื่อง อาการป่วย ของเธอ คงยังไม่สายเกินไปที่จะทำความดี ลบล้างความผิดพลาดที่เธอทำไว้กับทุกคน
บางรักซอย 9 (2546/2003) “บางรักซอย 9” เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดถึงชีวิตของคนในวัยทำงาน ที่มีทั้งเรื่องอาชีพ อนาคตและความรักเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อน สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนเมืองในยุคปัจจุบันออกมานำเสนอในรูปแบบตลกและแฝงแง่คิด ความรู้สึก แป้ง และ ชัดเจน ชัดเจน หรือ เจน (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) สถาปนิกหนุ่มวัย 30 มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ชีวิตสบายๆ เป็นคนที่ไม่มีความชัดเจนเหมือนชื่อ แต่มีความกระตือรือร้นและชอบศึกษาชีวิต มีความเข้าใจในคนรอบข้างเสมอ และเพราะเป็นสถาปนิกที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่เสมอ ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอิสระ ด้วยการมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับออฟฟิศ บ้านเช่าหลังนี้เป็นการดัดแปลงจากเรือนคนใช้มาแบ่งทำเป็นห้องเช่า ในส่วนของโรงรถก็ใช้เป็นที่อบขนมของลูกเจ้าของบ้าน ที่ชื่อ “แป้ง” เนื่องจากเหมียวแฟนเก่าเจนคอยตามมารังควานจนเจนโดนไล่ออกจากบ้านเช่าเก่าไป 3 หลัง แป้ง (พิยดา จุฑารัตนกุล) สาวขึ้นคานนักฝันที่อยากจะครูกับเจ้าของร้านเบเกอรี่ เป็นไม่มีที่ไหนรับกับไม่มีงบจึงตกงานหลังเรียนจบ มีระเบียบวินัยสูง เต็มเปี่ยมไปด้วยกฎเกณฑ์ในชีวิต จึงขายเค้กตามบ้านกับเป็นติวเตอร์สอนเด็กหากำไรไปวันๆ แต่ก็สืบทอดมรดกจากแม่คือ พอตนพาลด่าใคร พอรู้ว่าตนหน้าแตก ก็ไม่รับผิดชอบหน้าด้านเงียบหนีเสมอ เมื่อเจนเข้ามาเช่าบ้านอยู่ในบ้าน ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเสมอ ถึงแม้จะเป็นสถาปนิก แต่ก็ไม่เคยทำให้แป้งรู้สึกว่าบ้านมีระเบียบขึ้นมาเลยตรงกันข้ามจากบ้านที่เคยมีระเบียบวินัย กลับถูกเพ่นพ่านไปด้วยเพื่อนสถาปนิกที่ออฟฟิศ และแฟนเก่าของชัดเจนที่มาตามรังควาน หรือแม้แต่ลูกของเพื่อนที่มาฝากชัดเจนดูแล ด้วยเหตุนี้แป้งต้องมาคอยควบคุมและดูแลผลประโยชน์ของบ้านตนเอง และมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเจนอยู่ตลอดเวลา ต่างกับปิ๊ก (หลุยส์ พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) น้องชายของแป้ง กลับเห็นดีเห็นงามและชื่นชมเจนเป็นพิเศษ ก็เพราะนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นของเจนนั่นเอง แต่นั่นกลับเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แป้งหาเรื่องทะเลาะกับเจนหนักขึ้น เพราะแป้งถือว่าเจนให้ท้ายน้องชาย ทำให้เจนเกิดความรู้สึกว่าแป้ง ทำตัวเหมือนแม่มากกว่าพี่สาว แม้แต่กับพ่อตุ๊ (สีหนุ่ม เชิญยิ้ม) พ่อของแป้ง ก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับเจน เนื่องจากเป็นคนสบาย ๆ เหมือนกัน พ่อของแป้งเป็นคนสนใจใฝ่รู้กับทุกๆเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่การดูหมอทรงเจ้า แต่ถึงกระนั้นพ่อของแป้งก็เป็นถึงอดีตนายทหารเรือ (เออ...แต่เป็นกองดุริยางค์) ผิดกับแม่เยาว์ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ที่เป็นถึงหลานสาวเจ้าพระยา เป็นคุณแม่ผู้สูงศักดิ์ หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรียิ่งนัก แต่เนื่องจากฐานะครอบครัวที่สะเทือนไปในคราว “ต้มยำกุ้ง” ระบาด จึงกลายเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน แม่ของแป้งจึงจำต้องแบ่งพื้นที่ในบ้านให้เจนเช่าอาศัย ซึ่งแม่ของแป้งไม่เคยรู้เลยว่ามันเหมือนเป็นการชักศึกเข้าบ้าน... แมน (ซ้าย), ชัดเจน (กลาง), มารวย (ขวา) ในบ้านเช่า นอกจากจะมีเจนเป็นผู้เช่าอาศัยแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมออฟฟิศของเจนอีกหนึ่งคนชื่อมารวยหรือ รวย (เหลือเฟือ มกจ๊ก) ชายหนุ่มนิสัยรักสบายมาก ตอนเรียนจบนั้นได้งานจะไปนอนที่ออฟฟิศ แต่พอเจนย้ายมาเช่าบ้านแป้งรวยจึงขอมาอยู่ด้วย จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าขี้เกียจหาที่ที่พักจึงมาขอพักกับเพื่อน ซึ่งปรารถนาจะรวยทางลัดอยู่ตลอดเวลา แต่รวยก็เป็นคนมีความจริงใจ ตรงต่อเวลาในเวลาทำงานแต่ติดจะเชยและซื่อไปบ้าง นอกจากนี้ผู้คอยแวะเวียนมาในบ้านของแป้งยังมี แมน (ตี๋ ดอกสะเดา) เพื่อนร่วมออฟฟิศอีกคนของเจน ผู้ถูกกระชากวัยหนุ่มไปด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพียงเพราะไปผู้หญิงท้องก่อนแต่งจนมีลูกด้วยกัน แต่แล้วเขาก็กระชากมันกลับมาด้วยความรวดเร็วอีกเช่นกัน ด้วยการ “แยกทางกัน” พร้อมกับของแถมเป็นเด็กชายวัย 4 ขวบ (ก๊วยเจ๋ง) ที่เขาจำต้องสลับกับภรรยาเลี้ยงดู แมนเป็นคนเจ้าชู้ จึงเกลียดความจริงจัง พอๆ กับที่เป็นคนกะล่อน จึงเกลียดความเชยเป็นที่สุดเหล่านี้คือบุคคลที่จะมาทำให้ชีวิตของเจนวุ่นวายได้ไม่มากเท่ากับ เหมียว (สุวัจนี ไชยมุสิก) แฟนเก่าของเจน ที่สลัดรักจากสถาปนิกหนุ่มไปซบอกกัปตันเครื่องบิน ด้วยเหตุผลเพียงว่าเท่กว่าและเร้าใจกว่า แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่าที่เหมียวทำงานอยู่ที่เดียวกันกับเจน และคิดอยู่เสมอว่า เจนคือของตายสำหรับเขา จึงหมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเมื่อยามเหงา มีปัญหาก็มาขอความช่วยเหลือ ทะเลาะกับแฟนก็มาหา เมาก็มาหา แต่เจนเองก็ไม่สามารถตัดขาดจากเหมียวไปได้ เพราะอดีตรักที่น่าจดจำของกันและกัน และทุกครั้งที่เหมียวมีปัญหา จนทำให้แป้งไม่ชอบพฤติกรรมของเหมียวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำ ที่คอยมาก่อกวนเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ใครเลยจะรู้ ว่าเจนและแป้งนั้น เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดและคู่รักกัน ด้วยความที่ฟอร์มจัดด้วยกันทั้งคู่ สถานภาพที่คนอื่นมองจึงดูแปลกๆ เพราะบางครั้งก็เหมือนเป็นเพียงผู้เช่าและผู้อาศัย แต่บางครั้งก็เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็มีหลายครั้งที่ดูเหมือนเป็นแม่ลูกกัน หรือเป็นคู่รักกันก็มี ความรักและความผูกพันของหนุ่มสาวทั้งสอง จึงค่อยๆก่อตัวขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายและปัญหารอบข้าง บ้างสุข บ้างเศร้า บ้างเหงา บ้างตลก แต่ทุกชีวิตในบ้านหลังนี้ก็ยังคงดำเนินไป โดยทั้งคู่แอบชอบกันไป แต่ทั้งคู่ก็ไม่กล้าบอกต่อกันเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกเหมือนกัน จากนั้นพอเดือนเพื่อนแป้งมากับสงสัยในตัวแป้งจนจับได้ว่าแป้งแอบชอบเจน เดือนพยายามให้แป้งบอกรักเสมอแต่แป้งไม่เอาตลอด ทางเหมียวก็ลาออกไป กับไม่มีตัวเกะกะ ซึ่งเป็นโอกาส แต่ปูนิ่ม(ลูกสาวเจ้านายของเจน)ก็เข้ามาแทนที่กับอ้างตัวว่าคบกับเจน เจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยอมอย่างน่าสมเพช โดยปูนิ่มกุมความลับเรื่องคืนนั้นไว้ พอผ่านไปนาน จนตอนที่มีหมอดูมาทักเจนกับแมนเรื่องเนื้อคู่ว่า ว่าแมนมีเนื้อคู่อยู่ 2 คน คนแรกจากไปแล้วซึ่งก็คือเมียเก่า คนที่ 2 ต้องดูแลดีๆไม่งั้นจะป่วยจากไปก่อนอันควร แล้วแมนก็คบกับคุณริน แต่แมนก็ก่อเรื่องเมาพาล ทำให้เจนกับแมนปประชุมไม่ทันทั้งคู่ให้เจนแกล้งแขนหักไปเป็นเดือน พอป๊าของเจนมารู้เรื่องปูนิ่มเป็นลูกของเจ้านายเจน เผลอหลอกด่าเจ้านายโดยไม่รู้ตัว พอรู้ว่าปูนิ่มเป็นลูกใคร จึงบอกให้เจนตัดสินใจพูดเหมือนไม่รับผิดชอบ จนหลังจากเจนผ่าเฝือกเสร็จไปไม่นาน เจนพูดแบบที่ป๊าแนะนำแล้วบอกเลิกจนปูนิ่มโวยวายเสียใจจนปูนิ่มจากไป เจนได้อ่านจดหมายจากปูนิ่มว่าความจริงคืนนั้นไม่มีอะไรกัน จากนั้นแมนกับรวยก็สงสัยในตัวเจนว่าชอบแป้งจนเป็นความจริง พอเจนจะไปสารภาพรัก เต้ยก็ข้ามาในชีวิตแป้ง เจนก็ได้แต่เสียใจกับทำอะไรไม่ได้ พอรู้ว่าแป้งแอบชอบตนแต่สายไปแล้วเพราะแป้งเลือกเต้ย จนแป้งรับหมั้นเต้ยเจนก็เสียใจกลับสุพรรณไป พอเต้ยประสบอุบัติเหตุเจนจึงรีบมาถ่ายเลือดให้เต้ยมีชีวิตอยู่ดูแลแป้ง แต่เต้ยก็เสียชีวิต จนทำให้พลังพิเศษในตัวแป้งลืมตาตื่นขึ้นมาคือพลังดวงกินผัว แต่งหรือหมั้นกับใครคนนั้นต้องตายเพราะอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถ ทางแป้งเศร้าเรื่องเต้ย เจนพยายามหาทางดูแลแป้งไม่ให้แป้งเศร้าจนต่อมาแม่ของเหมียวมาบอกว่าเหมียวท้องแล้วลำดวนก่อเรื่องไปบอกชาวบ้านว่าเจนเป็นพ่อเด็ก แต่ความจริงฮาร์ตเป็นพ่อเด็ก ทางแป้งที่ฟังผิดมาต่อว่าเจน จนเจนบอกไม่ได้ทำกับเผลอบอกชอบแป้งไปในตัว จนแป้งหลบหน้าไป ทางเจนพยายามทำดี แต่แป้งเอาแต่หลบหน้า จนพอแป้งรู้จากแมนกับรวยว่าเจนถ่ายเลือกช่วยเต้ย ก็แอบมีใจเพราะเรื่องแค่ถ่ายเลือดช่วยผัวเก่า ทางเจนก็เห็นว่าแป้งไม่รับรักจึงทำได้แต่กลับสุพรรณ จนแป้งพอรู้หน้าด้านมาตามง้อจนทั้งคู่แอบคบกันจนชาวบ้านแอบจับได้กับคนที่รู้เผลอไปบอกต่อรู้เรื่อยๆ พี่พัชจับได้เป็นคนแรกช่วยเก็บเงียบไว้ แมนกับเจ๊งรู้จากมือถือของแป้ง แมนเผลอบอกรวย จนรวยที่ดีใจไปบอกลำดวน ป๊าอ่ำเครียดจนเจนบอกไป แล้วเฮียหมูสงสัยจึงหลอกจีบแป้งจนเจนเผลอบอก ส่วนยามรู้ตั้งนานแล้วแต่เก็บเงียบไว้แล้วเผยตัวตอนอาตุ๊สงสัย พอเจนบอกอาตุ๊ อาตุ๊เข้าโรงพยาบาลอาตุ๊เอาความรู้สึกแป้งมาเล่นเพื่อลองใจเจน จนแป้งโกรธ พอสัญญาเช่าบ้านของเจนหมดไป ก็มีเรื่องขึ้นคือ น่าเยาว์ไม่ยอมต่อสัญญาเช่ากับหาทางไล่เจนไป แต่ล้มเหลวแล้วเจนก็สงสัยเรื่องจดหมายที่แป้งเขียนถึงใคร จากนั้นพอเจนไปกนข้าวกับแฟนเก่าเพื่อปรับความเข้าใจ พอแป้งแอบรู้ก็คิดมาก พอแป้งเห็นแฟนเก่าเจนที่ชื่อปุ้มออกจากห้องนอน ก็คิดมากเข้าใจผิดไม่ฟังเจน จนเจนพยายามง้อก็ไร้ผล จากนั้นปุ้มปรับความเข้าใจกับเจนได้ดี แล้วคิดไปหาแป้ง เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่เขียนจดหมายหาแป้งเมื่อสมัยก่อนย้ายมาเช่าบ้านคือตน คิดจะไปถามเพื่อยืนยัน ทางปิ๊กที่รู้เรื่องคบกับแป้งเพราะพวกแมนเผลอบอก ไปถามเจน ทางเจนถูกปุ้มโทรหา เจนไปหากับคุยกันเสร็จ แล้วเจนไปหาแป้ง แต่แป้งไม่ยอมคืนดี จนเจนถามเกี่ยวกับจดหมาย แป้งก็หน้าด้านยอมคืนดีเพราะเรื่องจดหมาย จนเหลือแต่น้าเยาว์เพียงคนเดียวที่ไม่รู้ ตลอด 2 ปีที่เจนคบกับแป้ง ป้าจันทร์เรียกชายเหวงมาดูตัวแป้ง แต่ในช่วงนั้นอาตุ๊ถูกเพื่อนทาบทามให้ไปทำงานที่อังกฤษ แต่กลัวว่าน้าเยาว์ไม่ยอมจึงให้เมียเพื่อนมาคุย น้าเยาว์ยอมตามหน้าที่ของเมีย แต่ก็ไปหาอาตุ๊ประชดให้เซ็นใบหย่า อาตุ๊จึงยอมเซ็นกับเตรียมตัวไปอังกฤษกับโทรบอกสาเหตุกับปิ๊ก น้าเยาว์ก็หน้าด้านเสียใจถูกปิ๊กบอกสาเหตุมาปลอบจนยอมให้อาตุ๊ไป พอป๊าอ่ำก่อเรื่องเผลอพูดเรื่องเจน จนชายเหวงสงสัยจึงอัดคลิปเรื่องเจนคบกับแป้งแล้วรู้ก็ใส่ความกับขู่เจน จนแป้งเข้าใจผิด ทางเจนจึงทำได้แต่ต้องสารภาพกับน้าเยาว์เท่านั้น จึงไปสารภาพกับน้าเยาว์ตอนที่ครอบครัวแป้งที่ไปเยี่ยมอาตุ๊ที่อังกฤษ จนชายเหวงแกล้งเจนไม่ได้ น้าเยาว์ก็โวยวายไปทั่วกับกีดกันสารพัด แป้งก็คิดทรพีแม่ตัวเอง แต่เจนก็ทำคะแนนได้หลายที แต่บริษัทที่จนทำงานก็ดันมาเจ๊ง เจนจึงต้องเปิดบริษัทที่บ้านเช่าหางานจากลูกค้าเก่าๆ ซึ่งได้ผลดี โดยรวยกับแมนไปเป็นคนคุมงานบริษัทอื่นชั่วคราวเพื่อมาเป็นทุนเปิดบริษัทร่วมกับเจน จนทางแมนที่โง่ไม่ยอมขอคุณรินแต่งงานจนคุณรินเสียไป จนแมนเสียใจ เจนไม่อยากพลาดเหมือนแมนจึงไปขอแป้งแต่งงาน แต่ป้าจันทร์กับชายเหวงก็ขัดขวาง จนน้าเยาว์เครียดเข้าโรงพยาบาล จนปิ๊กไปโทรเรียกพ่อพิเชษฐ์ที่เป็นพ่อเลี้ยงแป้งตามคำแนะนำของอาตุ๊ เพื่อมาไล่ป้าจันทร์กับชายเหวงไม่ให้มายุ่งอีก จนเจนได้แต่งงาน แต่ต้องเตรียมงานกับพิธี แต่ว่าวันแต่งแป้งเผลอใช้พลังดวงกินผัวหวังฆ่าเจนกับป๊าอ่ำ จนทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุเจ็บหนัก เจนความจำเสื่อมแป้งเรียกความจำกลับมาได้สำเร็จ เงินสินสอดมาจ่ายค่ารักษาเจนกับป๊าอ่ำพอดี(งานแต่งงดสินสอดไป) พอเจนหายดีเกิดเรื่องป๊าอ่ำอยากให้ไปอยู่สุพรรณ แต่เพราะแพ้แล้วพาลจึงเปลี่ยนให้จัดงานแต่งที่สุพรรณถึงยอมให้เจนอยู่กรุงเทพต่อไป จึงเลื่อนงานแต่งอีกที เจนกับแป้งได้แต่งงานกัน จนกลายเป็นชีวิตของทั้งคู่ในฐานะคู่สามีภรรยา แต่คุณเอ๋ยก็มาใส่ความเจน ทางแป้งถูกปั่นหัวนิดหน่อยก็เสียใจกับพาล จนเจนเลิกกับแป้ง พอคุณเอ๋ยมาขอโทษแป้ง กับกล่อมแป้ง ทางแป้งได้รับจดหมายจากลาจากเจนกับมอบแหวนแต่งงานให้ แป้งเสียใจที่ให้อภัยเจนแค่นี้ไม่ได้ แป้งก็หน้าด้านตามง้อเจน ทุกคนคิดว่าเจนจะฆ่าตัวตายจึงออกตามหาเจน ทางเจนพอรู้จึงกลับไปเพื่อคืนดีกัน แต่แป้งเผลอใช้พลังดวงกินผัว ทำให้เจนโดนรถชนจนโคม่า กับความจำเสื่อมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นฝ่ายของแป้งที่ต้องห้ามทำตัวแบบน้าเยาว์คอยดูแลกับเรียกความทรงจำเจนกลับมา พอน้ายีที่เป็นน้าของแป้งมาขออยู่ เพราะหนีหนี้กับปัญหามาไทยจนบ้านเป็นเรื่องกับป่วนกันใหญ่ ทางเจนโดนไฟช็อตจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทีรความจำกลับมาถึงกลับลามปามคนไปทั่วพอจามไปทีความจำหายไปดังเดิมทุกครั้ง จนเมื่อพอลูกบุญธรรมของเจนมาจนเจนจำได้แค่เรื่องลูกบุญธรรม จนแป้งเครียดเข้าโรงพยาบาลเพราะพยายามหลายที แต่ไร้ผล จนหมอตรวจบอกว่าแป้งท้อง กับแป้งก็แพ้ท้องหนักมาก กับก่อเรื่องทำให้เจนเสียงานทั้งกำชับไม่ให้เจนไปทำงานไกล จนพลังดวงกินผัวในตัวแป้งรุนแรงมากขึ้นเจนไปทำงานไกลๆตามฝันก็เป็นจริง ทุกคนไปรวมตัวกันที่โรงพยาบาลกับเป็นห่วงเจนอย่างมาก ทางเจนที่โคม่าอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ความจำก็เริ่มจะกลับมา ทางแป้งพลังดวงกินผัวรุนแรงทำให้ชีพจรเจนต่ำใกล้ตายเหมือนตอนเต้ย แต่ผลออกมาเจนพ้นขีดอันตรายจนเจนเพ้อพูดช่อแป้งไปแล้วหลับไป จนแป้งได้ยิน ในตอนอวสานของบางรักซอย 9 ที่ชื่อว่า "นิยามรัก ชัดเจน + แป้ง" จะต่อเนื่องจากความเดิมตอนที่แล้ว เจนได้ประสบอุบัติเหตุจากการนั่งรถมอเตอร์ไซค์ตกลงคลอง (แป้งใช้พลังดวงกินผัวใส่เจน 3 ที 1 รถชนกับป๋าอ่ำตอนกำลังจะแต่งงาน 2 รถชนพร้อมกับรักตอนกลับมาคืนดีกัน) พอเจนฟื้นออกจากโรงพยาบาล เจนความจำเสื่อมหนักกว่าเก่า ถึงขั้นปัญญาอ่อน ไม่พูดกับใคร พอรวยเล่นมุขน้ำเน่าใส่ลำดวน รวยพูดประโยคประจำตัวของเจนคือ ถึงน้ำเจะน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์ ทำให้เจนจำได้ทั้งหมด กับด่าชื่อพ่อแมน แต่แกล้งลืมแป้ง สร้างความประทับใจให้กับทุกๆคนมาก แมนไปอวยพรโจกับแจ๋วให้มีชีวิดที่ดี ทางปิ๊กก็ตัดสินใจบอกรักน้องพิมออกสื่อ กับแฉว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์จนโดนเด้ง กับทุกคนรวมตัวที่ร้านเฮียหมูฉลองที่เจนกลับมาจำได้ ปัญหาสุดท้ายคือตั้งชื่อลูกเจนกับแป้ง ลำดวนเผลอทำแกงร้อนใส่รวยแล้วเอาผ้ามาเช็ดให้รวยจนเกิดคืนดีกัน แต่ละคนได้คิดชื่อมา เฮียหมูตั้งชื่อให้ว่า "กระท่อม" เพราะเป็นสถานที่ที่เจนกับแป้งเคยหลบฝนด้วยกัน รวยได้ตั้งชื่อให้ว่า "โลเล" เพราะตรงกับจิตใจของเจนตอนกำลังจะบอกรักแป้ง และลำดวนก็ตั้งชื่อให้ว่า "ลังเล" ด้วยเหตุผลเดียวกับรวย ส่วนแมนก็ตั้งชื่อลูกว่า "บ้านเช่า" เพราะเหตุผล คือ สถานที่แรกที่เจนกับแป้งพบกันครั้งแรก ชื่อเต็มคือ "บ้านเช่าหลังละพันห้า จ่ายช้าน้าเยาว์ปรับวันละร้อย งกชิบเป๋ง!" โดยชื่อที่แมนคิดกระจอกสุดๆ ห่วยกว่ากระท่อมอีก ซึ่งทุกคนได้เถียงกันเรื่องชื่อลูกของเจน ทางเจนและแป้งขอคิดชื่อลูกเอง ตัดมาที่ฉากหลังบ้าน แป้งกับเจนนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่แป้งท้องตอนเจนความจำเสื่อม เจนได้ใช้ประสบการณ์เป็นพ่อคนไประยะหนึ่ง เพราะเจนหลังแต่งงานใหม่กลัวเรื่องมีลูก กับถ้าเกิดแป้งท้องตอนเจนจำได้แต่แรก เผลอๆ เจนอาจเครียดเป็นบ้าฆ่าตัวตายที่ไม่พร้อม กับพอเจนจำได้ทำให้พลังดวงกินผัวในตัวแป้งหายไป ผ่านไปอีก 9 ปีต่อมา (หรือ 18 ปีนับจากที่ทั้งคู่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก) ชัดแจ้ง ตรีทิพย์ศิริ ลูกชายของทั้ง 2 คน ได้พูดถึงเรื่องราวความรักของพ่อแม่ตนเอง รวยกับลำดวนมีลูกชาย 1 คน ชื่อสเตฟาน แมนส่งเสียก๋วยเจ๊งเรียนต่อถึงมหาวิทยาลัย ส่วนน้าเยาว์ที่รออาตุ๊ไม่ไหวก็หน้าด้านตามไปหาผัวอยู่อังกฤษ น้ายีก็ยังอยู่ในประเทศไทย ฉากจบของบางรักซอยเก้าเกิดขึ้นเมื่อแป้งกำลังจะบันทึกไดอารี่ และพบกับข้อความของเจนในท้ายไดอารี่ที่เจนแอบเขียนไว้หลัจากชัดแจ้งเกิดมา ซึ่งไดอารี่นั้นเป็นเรื่องราวที่บันทึกเรื่องราวของชัดเจนไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกับเจน จนกระทั่งเมื่อตนเองกำลังจะตั้งท้องลูกคนที่ 2 แป้งได้เข้ามาโอบกอบเจนและชัดแจ้ง ทั้ง 2 ได้ฝ่าฟันเรื่องราวมาตลอด 9 ปี จนกระทั่งได้แต่งงานมีลูกและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
12 ราศี (2546/2003) เจ๋ง ตำรวจหนุ่มนิสัยมุทะลุ เลือดร้อน จนได้รับฉายาว่า ไอ้หมาบ้า?มี หมวดลาก เพื่อนรุ่นพี่และ ไตรภพ หัวหน้าของเจ๋งคอยปราบเจ๋ง ด้วยความเลือดร้อนของเจ๋ง แม้ว่างานจะเสร็จลงได้แต่เจ๋งก็ต้องโดนไตรภพต่อว่า เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงโดนพักงาน และโดนย้ายไปหน่วยอบรมอาสาสมัคร เจ๋ง เคยมีคนรักเป็นหมอชันสูตรศพ คือ หมอดา แต่เพราะความห่วงของหมอดาที่มีต่อเจ๋ง หมอดาจึงขอให้เจ๋งลาออกจากการเป็นตำรวจ เจ๋งไม่ยอมลาออก ทั้งคู่จึงเหลือไว้เพียงความเป็นเพื่อนกัน โดยมี หมออี๊ด ซึ่งเป็นเพื่อนของทั้งคู่คอยประสานความสัมพันธ์ไว้ วันหนึ่งไตรภพแนะนำให้เจ๋งรู้จักกับ บราลี ลูกสาว องอาจ นักธุรกิจที่ร่ำรวย โดยบอกว่าจะมาเป็นคู่หูของเจ๊ง บราลีมีความหลังอยู่คือ เธอจะนึกถึงหญิงชายคู่หนึ่งที่เคยถ่ายรูปกับเธอและพ่อ และภาพของคนทั้งคู่นอนตายอยู่บนเตียง ดังนั้นเธอจึงอยากเป็นตำรวจ แม้ว่าพ่อบุญธรรมของเธอจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ทนเสียงรบเร้าของลูกสาวไม่ได้ จึงพาบราสีมาฝากกับไตรภพ ไตรภพจึงส่งบราลีให้เป็นคู่หูของเจ๋ง เจ๋งต่อต้านการมีคู่หู เพราะเพื่อนรักของเจ๋งที่เป็นคู่หูในการทำงาน ถูกยิงตายไปต่อหน้าในการไปล่อซื้อยาเสพติด ภาพนี้ฝังใจเจ๋งมาตลอด ส่วนบราลีเมื่อเจอเจ๋งก็ต่อต้าน พร้อมที่จะงัดข้อกับเจ๋ง ทั้งคู่ร่วมกันทำงานแบบคู่หูคู่กัด จนวันหนึ่งเจ๋งถูกพ่อค้ายาจ้างมือปืนมายิง ขณะตามไปช่วยบราลีได้ทัน แต่เจ๋งได้รับบาดเจ็บ เขาจึงปฏิเสธการร่วมงานกับบราลีทันที
บ้านแฝดยกกำลัง 2 (2546/2003) หนุ่มโสดชื่อ กึกก้อง เป็นลูกชายเจ้าของโรงงานดินเผา จ.ราชบุรี เรียนจบศิลปะด้านประติมากรรมจากเมืองนอก พ่อแม่พร้อมจะยกกิจการให้ดูแลต่อ แต่ด้วยความเป็นศิลปิน จึงปฏิเสธเรื่องธุรกิจ อยากมีชีวิตตามแนวทางของตัวเอง เขาจึงทิ้งกิจการของพ่อแม่ ย้ายตัวเองมาอยู่กรุงเทพ เช่าบ้านหลังเล็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งกลางกรุงฯ เพื่อมุ่งมั่นสร้างงานปั้น ด้วยฝันว่าซักวันจะเป็นศิลปินชื่อก้องระดับโลก โดยมีหลานสาวจอมแก่นวัย 8 ขวบชื่อ กุ๊งกิ๊ง ลูกสาวของน้า ที่ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ตามมาอยู่ด้วย กึกก้องเป็นคนเรียบง่าย สมถะ รักสงบติดดิน จริงใจซกมกไร้ระเบียบและกฏเกณฑ์ เพี้ยนหลุดโลกนิดๆตามแบบศิลปิน ส่วนกุ๊งกิ๊งเป็นเด็กฉลาด ใฝ่รู้ ไฮเปอร์ แก่น ซน ไม่กลัวใครเป็นหัวโจกของกลุ่มเด็กในย่านเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นเธอ ก็มีความรับผิดชอบเกินเด็ก เป็นผู้ใหญ่เกินตัวสามารถดูแลความเรียบร้อยในบ้านและความเป็นอยู่ของกึกก้องได้อย่างดีไม่มีที่ติ เสมือนเป็นแม่บ้านตัวน้อยยังไงยังงั้น สองคนน้าหลานใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข ต่างยอมรับทั้งความสามารถและความบกพร่องของกันและกัน แม้จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามวิสัย แต่ทั้งคู่ก็สนิทสนมและเข้าขากันจนกลายเป็นคู่หูต่างวัย จนกระทั่งวันหนึ่ง บ้านหลังติดกันซึ่งว่างร้างมานาน จู่ๆก็มีสาวสวยมาเช่าอยู่คนเดียว เธอชื่อ น้ำตาล น้ำตาลเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันวัย 20 ต้นๆ พ่อแม่อยู่เมืองนอก ใช้ชีวิตคนเดียว ทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอเป็นสาวหวานอมเปรี้ยว หน้าตาสะสวย พูดจาอ่อนหวาน แต่จิตใจแกร่ง สู้ชีวิต หยิ่งในศักดิ์ศรีมุ่งมั่น เก็บเงิน ทำงานทุกอย่างที่สุจริต ขี้เหนียว ด้วยใฝ่ฝันจะสร้างอนาคตเป็นคนรวยให้ได้ด้วยตัวเอง น้ำตาลเช่าบ้านหลังนี้เพื่อเปิดเป็นร้านไอติมตามที่ฝัน กึกก้องไม่พอใจ เพราะเสียงดังรบกวนสมาธิการสร้างงานศิลปะของเขาเกิดเรื่องวิวาทกันตั้งแต่แรกพบแถมยิ่งเมื่ออยู่ ๆไปก็ยิ่งได้เห็นการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันคนละขั้วของกันและกันทำให้ทั้งคู่กลายเป็นปฏิปักษ์กัน(กึกก้องเรียกน้ำตาลว่า “น้ำตาลปึก” น้ำตาลเรียกกึกก้องว่า “นายเกื๊อก”) ตรงกันข้ามกับกุ๊งกิ๊งเธอถูกชะตากับน้ำตาลตั้งแต่แรกพบ เพราะอยากมีพี่สาวมานานแล้ว กุ๊งกิ๊งจึงต้องรับหน้าที่เป็นตัวประสานความสัมพันธ์ของทั้งคู่โดยปริยาย กุ๊งกิ๊งเรียนเก่ง และต้องการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งมากๆ เธอขอร้องให้น้ำตาลช่วยสอนพิเศษภาษาอังกฤษ น้ำตาลตกลง แต่กึกก้องไม่เห็นด้วย ไม่ยอมให้เงินกุ๊งกิ๊ง กุ๊งกิ๊งจึงเจรจาต่อรองกับน้ำตาลด้วยตัวเอง ขอทำงาน(หลังเลิกเรียน)ในร้านไอติมของน้ำตาลแทนค่าเรียน น้ำตาลเห็นว่าประหยัดคนงาน จึงตกลง...ไม่มีใครรู้เลยว่า การที่กุ๊งกิ๊งขวนขวายอยากเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเธอมีความฝันที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ นั่นคือการบินไปหาพ่อที่อเมริกา ด้วยความต่าง แต่ต้องมาใช้ชีวิตติดกัน มิหนำซ้ำยังมีตัวป่วนคอยก่อปัญหาให้กึกก้องกับน้ำตาลเป็นประจำอีกตะหากความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นไม่รู้จบ……….
โบตั๋น (2546/2003) เจ็กฮง พา โบตั๋น ลูกสาววัย 6 ขวบ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีน เพื่อมาตามหาเพื่อนรักที่มาค้าขายอยู่ในเมืองไทย แต่ก็พบว่าเพื่อนได้เสียชีวิตไปแล้ว เจ็กฮง จึงต้องพา โบตั๋น ระเหเร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง จนกระทั่งได้มาพบกับ แผน หนุ่มไทยผู้มีอาชีพปลูกผักขาย แผนจึงไปขอเช่าแผงผักร้างข้าง ๆ กันของ คุณหญิงกุหลาบ เศรษฐีนีหม้ายให้เจ็กฮงได้ทำมาหากิน พร้อมทั้งให้ยืมเงินลงทุนมาจำนวนหนึ่งด้วย เจ็กฮงกับโบตั๋นจึงย้ายมาอยู่ที่กระท่อมเก่า ๆ เปลี่ยนสวนผักร้างกลายมาเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์ในที่สุด โบตั๋น ได้พบกับจักรกฤษ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ คุณหญิงกุหลาบ โดยบังเอิญ จนทั้งคู่สนิทกัน ทำให้ เจ็กฮง รู้สึกไม่สบายใจ เพราะรู้ดีว่าฐานะของตนกับลูกนั้นต่างกับ จักรกฤษ ราวฟ้ากับดิน เวลาผ่านไป จักรกฤษ กับ โบตั๋น ต่างก็โตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาว ความรู้สึกของทั้งคู่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลย จนทั้งคู่ปล่อยเนื้อปล่อยใจไปกับอารมณ์ที่มีให้กัน แผน รู้เรื่องพยายามเตือนสติ โบตั๋น แต่ โบตั๋น รัก จักรกฤษ มากจนไม่ยอมฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น จักรกฤษ เองก็รัก โบตั๋น มากและต่างก็ให้สัตย์สาบานกันที่ วัดเล่งไน่ยี่ ว่าจะรักกันตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เจ็กฮง หายป่วยออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน และเริ่มเห็นท่าทีที่สนิทสนมกันของเด็กสองคน จึงคอยจับตาอยู่ วันหนึ่งก็ได้รู้ความจริงเรื่องที่ โบตั๋น ได้เป็นของ จักรกฤษ แล้ว ส่วน จักรกฤษ รับปากว่าจะรับผิดชอบ โบตั๋น ในฐานะภรรยา แต่เมื่อคุณหญิงกุหลาบทราบเรื่องก็ไม่ยอมรับ โบตั๋น เป็นลูกสะใภ้ เนื่องจากรังเกียจเพราะฐานะที่ต่ำต้อยกว่า แต่ จักรกฤษ ก็ยื่นคำขาดว่าถ้าแม่ไม่ยอมรับเลี้ยงดู โบตั๋น เขาก็จะไม่ยอมไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่แม่ต้องการ คุณหญิงกุหลาบจึง จำใจรับ เจ็กฮง กับ โบตั๋น เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย เพื่อหลอกให้จักรกฤษ ตายใจและยอมไปเรียนต่อ ซึ่งขณะนั้น จักรกฤษ เองก็ไม่รู้ว่าโบตั๋นได้เริ่มตั้งครรภ์อ่อน ๆ แล้ว หลังจาก จักรกฤษ เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อม พรรณทิพย์ คุณนายกุหลาบ ก็ให้ โบตั๋น กับ เจ็กฮง ย้ายลงไปอยู่ที่เรือนคนใช้ทันที โบตั๋น จึงขอกลับไปอยู่ที่สวนผักตามเดิม จนกระทั่ง โบตั๋น คลอดลูกเป็นผู้หญิงน่ารักชื่อ กรรณนิกา คุณหญิงกุหลาบ รู้ข่าวก็คิดจะเลี้ยงเอง จึงแกล้งทำเป็นดีกับ โบตั๋น ให้นำลูกไปเลี้ยงที่ตึกใหญ่ ส่วนตัวเองก็เทียวมาให้นมลูกเมื่อว่างจากงานที่สวนผัก อาการป่วยของ เจ็กฮง เริ่มทรุดหนักลงเรื่อย ๆ ทำให้ แผน ต้องดูแล โบตั๋น และช่วยหาเงินมารักษาพ่อ แต่สาวใช้ของคุณหญิงมาพบ แผน อยู่กับ โบตั๋น เลยรีบไปบอกข่าวกับคุณหญิงว่า แผน แอบเป็นชู้กับ โบตั๋น คุณหญิงจึงให้คนแอบมาถ่ายรูปส่งไปให้ จักรกฤษ ที่เมืองนอก ทำให้ จักรกฤษ เข้าใจผิด และตัดสินใจแต่งงานกับ พรรณทิพย์ เป็นจังหวะเดียวกับ อาตง นายหน้าจัดหาผู้หญิงให้กับบรรดาเสี่ยได้มาหลอกชวน โบตั๋น ไปทำงานที่โรงงานเย็บผ้า โบตั๋น ตกลงทำงานและฝากลูกให้ คุณหญิงกุหลาบ ดูแล อาตง พา โบตั๋น ไปฝากไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วก็คือ ซ่อง นั่นเอง โดยมี เจ๊เง็ก แม่เล้าเป็นคนดูแล เจ๊เง็ก รู้สึกถูกชะตากับ โบตั๋น จึงวางแผนหลอกล่อต่าง ๆ นานาแล้วสับเปลี่ยนตัวเองกับ โบตั๋น จนรอดมาได้ทุกครั้ง วันหนึ่ง เจ็กฮง รู้ความจริงว่า โบตั๋น ถูกหลอกไปทำงานนั้นความจริงคือ ซ่อง เจ็กฮง จึงตามมาต่อว่า อาตง จนเกิดการทะเลาะกัน อาตง ผลัก เจ็กฮง ตกบันไดตายแล้วนำศพไปฝังปิดบังความผิด คืนหนึ่ง อาตง เมามากแล้วเข้าไปปลุกปล้ำ โบตั๋น ถึงในห้อง โบตั๋น ต่อสู้ขัดขืนจนพลาดพลั้งแทงอาตงตายและถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี จักรกฤษ กับ พรรณทิพย์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศได้พบหน้า กรรณนิกา ลูกสาวเป็นครั้งแรก จักรกฤษ ยังคงรักและคิดถึง โบตั๋น ไม่เคยลืม 10ปีต่อมา โบตั๋นได้รับพระราชทานอภัยโทษ เจ๊เง็กมารับในวันที่โบตั๋น ออกจากคุกแล้วพาไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่า หลังจากนั้น เจ๊เง็ก ก็ชวน โบตั๋น ไปรับจ้างเย็บปะชุนเสื้อผ้าอยู่ข้างถนนใกล้ ๆ กับวัดเล่งไน่ยี่ โบตั๋นคิดถึงลูกมากแต่ก็ไม่กล้าไปหาเพราะกลัวว่าลูกจะมัวหมอง กรรณนิกา ชวน กำพล นายร้อยหนุ่มนักเรียนนอก ไปไหว้พระที่ วัดเล่งไน่ยี่ บังเอิญกระโปรงที่ กรรณนิกา สวมมาเกี่ยวกับตะปูจนขาด กรรณนิกา จึงไปให้ โบตั๋น ซึ่งรับจ้างเย็บผ้าอยู่แถวนั้นเย็บให้ เมื่อ โบตั๋น เห็นจี้หยกก็รู้ทันทีว่า กรรณนิกา เป็นลูกสาวของตนเอง กรรณนิการู้สึกผูกพันและมักจะนึกถึง โบตั๋น อยู่บ่อย ๆ อย่างไม่มีเหตุผล บางครั้งมีเวลาว่าง ๆ จะแวะเวียนไปหาหรือซื้อขนมไปฝากอยู่เป็นประจำ แต่ โบตั๋น ก็ไม่เคยปริปากบอกความจริงกับลูกสักครั้ง แล้ววันหนึ่งกรรณนิกาก็แวะมาเอาชุดพร้อมกับจักรกฤษนั่งรถมาด้วย จักรกฤษ เห็นโบตั๋น ก็ถึงกับตกตะลึง ทำให้วันต่อมา จักรกฤษแอบมาพบกับโบตั๋นอีก และได้รู้ความจริงจากแผนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องที่ คุณหญิงกุหลาบ กุขึ้นมาทั้งสิ้น โบตั๋น อโหสิกรรมให้กับทุกคนและขอให้ จักรกฤษ ลืมตนเสียและอย่าบอกให้ลูกรู้ว่าตนเป็นใคร โบตั๋น จะสามารถปิดบังเรื่องราวต่างๆ ไม่ให้ กรรณิกา รู้ได้หรือไม่ ชีวิตของ โบตั๋น จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในละครเรื่อง “โบตั๋น
ใยเสน่หา (2546/2003) เรื่องราวความรัก…ความผูกพันของคน 2 คน ที่ต่างเชื่อมโยงชีวิตกันไว้ด้วยสายใยแห่งจิตใจ ที่แม้จะต้องไกล ห่างกันไป แต่เมื่อเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง หัวใจทั้งสองดวงจึงได้ร้อยรักร่วมกัน…ด้วยสายใยเสน่หา บ้านทรงไทย อันเงียบสงบและร่มครึ้มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดของ คุณกวัน ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่อันได้แก่ เปรมา และลูกชายวัยก่อนวัยรุ่น ปารินทร์ การมาถึงของสองแม่ลูกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตของคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น แม่ม่อม และแม่ม้าย ข้าเก่าเต่าเลี้ยงที่อยู่กับคุณกวันมาเนิ่นนาน ทั้งสองไม่แน่ใจว่าคุณกวันจะรับเปรมาไว้ในฐานะใด เพราะสำหรับทั้งสองหวั่นเกรงว่าเปรมาจะมาเป็นแม่เลี้ยงของ การะบุหนิง หรือ คุณคนเล็ก สูกสาวคนเดียวของคุณกวันและเป็นยอดดวงใจของแม่ม่อมและแม่ม้าย แท้ ที่จริงแล้ว เปรมานั้นเป็นพี่สาวของภรรยาที่เสียไปแล้วของคุณกวัน เธอจึงมีศักดิ์เป็นป้าของคุณคนเล็ก เมื่อแม่ม่อมและแม่ม้ายได้ทราบความจริงก็ไม่คิดรังคัดรังแกสองแม่ลูกกอปรกับ ทั้งสอง เป็นคนถ่อมตัวและปารินทร์เป็นเด็กขยัน จึงทำให้ทั้งสองแม่เอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง แต่คนที่ตั้งหน้าเป็นศัตรูกับปารินทร์ก็ไม่ใช่ใครอื่นคือ คุณคนเล็กนั่นเอง ค่าที่เด็กหญิงเคยเป็นที่รักของใครต่อใครในบ้านมาโดยตลอด เธอจึงไม่พอใจเมื่อเห็นว่าปารินทร์มาแย่งความรักของบิดาและแม่นมทั้งสองไป แต่ความไม่ลงรอยก็ค่อย ๆ คลี่คลายเมื่อปารินทร์จำต้องทำตัวเป็นเพื่อนเล่นของคุณคนเล็ก คุณคนเล็กจึงยอมญาติดีด้วยเป็นครั้งคราว แต่หากไม่พอใจครั้งใดก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกจนได้ ปารินทร์จึงมีหน้าที่เป็นพี่ใหญ่จำเป็นต้องคอยดูแลน้องน้อย ผู้ช่างเอาแต่ใจตัวไปเสียทุกเรื่องงไปโดยปริยาย ทว่าเบื้องลึกที่ ไม่มีใครรู้เรื่องของเปรมาก็คือ เธอเคยเป็นคู่หมายของคุณกวันมาก่อน แต่เพราะความที่เป็นคนหัวรั้น เชื่อมั่นในตัวเอง เธอจึงต้องตัดสินใจที่จะหนีไปใช้ชีวิตคู่รักที่เธอเลือกเอง ไม่ใช่กับคุณกวันที่ผู้ใหญ่จะจับคลุมถุงชน ทำให้คุณกวันต้องมาลงเอยกับน้องสาวของเปรมา ซึ่งก็คือแม่คุณคนเล็ก แต่ในเวลาต่อมาชีวิตคู่ของเปรมาก็ล่มสลาย ประกอบกับเธอเป็นโรคร้ายที่รู้ว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน เมื่อคุณกวันยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เปรมาจึงยอมเข้ามาอยู่ในบ้านของเขาเพราะเห็นแก่ปารินทร์บุตรชายที่เธอรักมาก ที่สุด โดยที่เธอเองก็รู้ว่าคุณกวันยังเก็บใจไว้รอเธออยู่ตลอดมา แต่เมื่อไม่อาจคู่เคียงกันได้ เขาก็ขอเพียงให้ได้ดูแลใกล้ชิดก็เพียงพอแล้ว แต่แล้วเวลาก็แปรเป็นเพชฌฆาต เมื่อเปรมาเสียชีวิตลง คุณกวันยินดีรับเป็นภาระดูแลปารินทร์แทน แต่เพราะความกตัญญูรู้คุณจึงไม่อยากรบกวนคุณกวันต่อ ผนวกกับความถือดีของปารินทร์ เมื่อเขามักถูกคุณคนเล็กเอ่ยปากไล่ส่งผู้อาศัยอย่างเขาอยู่บ่อย ๆ เมื่อยามใดก็ตามที่เจ้าตัวไม่พอใจเขา ก็ทำให้ปารินทร์เขียนจดหมายไปหาบิดาที่แยกกันมาตั้งแต่เล็กเพื่อขอไปอาศัย อยู่ด้วย ทว่าครั้นคุณคนเล็กทราบเรื่องก็ไม่พอใจที่เพื่อนเล่นจะหายหน้าไปเป็นสิบๆ ปี เมื่อไม่อาจยับยั้งอะไรได้ ทำให้นับแต่นั้นคุณคนเล็กก็ถือโกรธปารินทร์เป็นจริงเป็นจังตลอดมา จวบจนเข้าสู่วัยสาว การะบุหนิงก็ยังคงไม่ลืมเลือนความโกรธที่มีต่อปารินทร์ แม้มีหลายครั้งที่ฝ่ายนั้นมีจดหมายหรือของขวัญมาให้ เธอก็ไม่เคยสนใจ แม้แม่ม่อม-แม่ม้าย กระทั่งคุณกวันเอง จะยังเอ็นดูปารินทร์อยู่มิคลายก็ตาม นั่นยิ่งทำให้เธอมักจะพาลเอากับพวกท่านอยู่ บ่อย ๆ หากเรื่องนั้นเกี่ยวกับคู่อริเก่า บริษัทที่คุณกวันบริหารอยู่กำลัง เริ่มขาดสภาพคล่อง เพราะจากปัญหาค่าเงินรวมถึงสินค้าที่ถูกตีกลับจากลูกค้าต่างชาติเพราะไม่ได้ มาตรฐาน ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้บริษัทของเขาคลอนแคลนอยู่ทุกเมื่อแต่คุณกวันก็ไม่เคยให้เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูบุตรสาวคนเดียวเลย และเขายิ่งต้องพยายามกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้น เพราะบ้านทรงไทยอันร่มเย็นที่การะบุหนิงอยู่มาแต่เล็กคุ้มใหญ่ ได้ถูกนำไปค้ำไว้กับธนาคารด้วย สถานการณ์ที่คลอนแคลนของบริษัทคุณ กวัน มีอาจรอดพ้นการรับรู้ไปจากบริษัทแม่ที่อยู่ต่างแดนได้ ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีมาเฟียชาวฮ่องกง มิสเตอร์วอง เป็นนายทุนด้านการเงินอยู่เบื้องหลัง เมื่อบริษัทแม่เริ่มเคลื่อนไหวเรื่องการจะไปเทคโอเวอร์บริษัทคุณกวัน เรื่องนี้จึงถูกรายงานไปยังมิสเตอร์วองซึ่งทำให้ทราบไปถึงปารินทร์ด้วย จากการที่ปารินทร์ได้เคยช่วยชีวิตมิสเตอร์วองไว้ ทำให้เขาได้มาทำงานกับมิสเตอร์วองและอยู่ในตำแหน่งสูงตั้งแต่เริ่มต้น มิสเตอร์วองไว้ใจปารินทร์มากและยิ่งพอใจเมื่อปารินทร์สามารถปรามลูกสาวคน เล็ก เจเนเวียฟ หรือ จินนี่ ได้ เพราะแต่ไหนหต่ไรมาจินนี่เป็นคนที่ทั้งบิดาและพี่ชายให้ความเกรงใจ แม้ว่าทั้งสองจะเป็นมาเฟียใหญ่ในย่านไชน่าทาวน์ แต่คนที่ใหญ่จริงๆ แล้วคือ จินนี่ต่างหาก ค่าที่ทั้งบิดาและพี่ชายทั้งรักและตามใจจนเสียคน เพราะแม้จินนี่จะมีวัยเพียง 20 ต้นๆ แต่เธอก็ผ่านการมีสามีมาแล้วหลายคน และแต่ละคนก็มักถูกเธอสลัดทิ้งในเวลาอันรวดเร็ว ภายนอกจินนี่อาจดูกร้านโลก แต่แท้จริงแล้วเธอมีจิตใจที่บอบบางเกินกว่าที่พี่ชายและบิดาจะเข้าใจได้ เพราะจินนี่สูญเสียมารดาไปจากการถูกคูอริฆ่าตายตั้งแต่เธอยังแบเบาะ จินนี่จึงไม่มีต้นแบบในการดำเนินชีวิตที่ดีและที่เอาแต่ใจตัวเองก็เพราะทั้ง พี่และพ่อไม่เคยขัดใจอะไรเธอเลย กระทั่งจินนี่ได้พบปารินทร์เธอก็เกิดอาการติดเขาขึ้นมาทันที ใครๆ อาจคิดว่าเป็นเพราะรูปกายภายนอกที่หล่อเหลาของปารินทร์ แต่ความจริงแล้วมาจากการที่ปารินทร์เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมตามใจจินนี่ ผิดๆ และเป็นคนเดียวที่กล้าเอ่ยปากสั่งสอนเธออยู่บ่อยครั้ง จินนี่จึงต้องตามปารินทร์แจไม่ยอมห่าง สร้างความรำคาญให้ปารินทร์ไม่น้อย แต่จินนี่ก็ทำให้ปารินทร์นึกถึงใครบางคนที่ช่างเอาแต่ใจตัวเองเสียเหลือเกิน ใคร….ที่แม้กาลเวลาก็ไม่อาจทำให้เขาคิดถึงเธอลดน้อยลงเลย ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากคุณคนเล็กนั่นเอง ฉะนั้นเมื่อปารินทร์รู้ว่าคุณกวันอาจ ต้องสูญเสียบริษัทที่สร้างมากับมือไป และความสูญเสียนั้น จะส่งผลกระทบ ไปถึงทุกคน ในบ้านหลังใหญ่ที่รวมถึง คุณคนเล็กด้วย ปารินทร์จึงขอมิสเตอร์วองเข้าไปเป็นหนึ่ง ในผู้ดำเนินการเรื่อง บริษัทคุณกวัน แต่แท้ที่จริงแล้วเขาหมายมั่นจะแฝงเข้าไปช่วยคุณกวันกอบกู้สถานการณ์ มากกว่า จะไปเทคโอเวอร์ ซึ่งมิสเตอร์วองก็ยินดีตามใจปารินทร์เพราะความเป็นคนเอเชีย เขาจึงเข้าใจเรื่อง การทดแทน คุณและเพื่อปกปิดแผนการที่คิดไว้มิสเตอร์วองจึงส่ง คาร์ เมเจอร์ มาเป็นผู้ช่วยปารินทร์และเบี่ยงเบนความสนใจ ของบริษัทแม่ อีกทั้งเพื่อสืบหาต้นตอที่ทำให้บริษัทเกิดปัญหา แต่แล้วสถานการณ์ ของบริษัทบิดา ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของการะบุหนิงไปได้ แม้ว่าเธอจะไม่ทราบ ปัญหาทั้งหมด แต่เธอก็ต้องการเข้าไปเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยค้ำจุนบริษัทไว้ โดยการเข้าไปเป็นเลขาของบิดา เมื่อเธอพบว่าคณะผู้เข้ามาเสริมสภาพคล่องของบริษัท มีปารินทร์รวมอยู่ด้วย การะบุหนิงก็ยิ่งไม่พอใจและคิดว่า ปารินทร์อกตัญญูที่จะทำร้ายผู้มีพระคุณอย่างบิดาของเธอ การะบุหนิงจึงยิ่งออกฤทธิ์กับปาริทน์มากยิ่งขึ้น ต่อเมื่อการะบุหนิง ได้ทราบถึงปัญหาของบริษัทจากปากของบิดาเอง และได้ทราบถึงเหตุผลจริง ๆ ของปารินทร์ เธอจึงยอมสงบศึกกับเขาชั่วคราวทั้งปารินทร์เองก็พยายามหาทางสอนงานให้กับ การะบุหนิง และใช้ข้อได้เปรียบ ที่ใครต่อใครประเมิณค่าการะบุหนิงเป็นเพียงแค่ลูกสาวเจ้าของบริษัท ที่ไม่รู้เรื่องอะไรให้เป็นประโยชน์ ด้วยการสืบถึงผู้อยู่เบื้องหลังการโค่นล้มบริษัทอย่างลับ ๆ ช่วง จังหวะเดียวกันกับที่จินนี่จะตามหาปารินทร์ที่เมืองไทย เมื่อปารินทร์รู้เข้าก็หาทางหนีจินนี่ ด้วยการบิน ไปสิงคโปร์ โดยอ้างว่าเพื่อสืบเรื่องของบริษัท และปล่อยให้การะบุหนิงคอยรับรองจินนี่ตามลำพัง แต่เพียงได้ พบหน้า กันทั้งการะบุหนิงและจินนี่ก็ถูกชะตากันทันที เพราะทั้งสองต่างมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวเหมือน ๆ กัน แม่ม่อม – แม่ม้ายเองก็อดเอ็นดูจินนี่ไม่ได้ ทั้งที่การแต่งตัวของจินนี่จะทำให้ทั้งสองกระอักกระอ่วนใจ อยู่บ่อยครั้งก็ตามและเพราะความใกล้ชิดทำให้การะบุหนิงพบว่าจินนี่รักและ นับถือ ปารินทร์เป็นชีวิตจิตใจ….. ความรักที่เริ่มก่อตัวจากความผูกพัน ในวัยเยาว์และกำลังจะเป็น รูปร่างจึงเริ่มสั่นคลอนเมื่อพบว่าเขาไม่ใช่คน หัวใจว่างเปล่า และจินนี่ก็เป็นเพื่อนที่ดี ที่เธอไม่ต้องการยื้อแย่งของรักมา ฉะนั้นเมื่อปารินทร์กลับมาจากสิงคโปร์ การะบุหนิงก็พยายามห้ามใจตัวเองไว้ ปารินทร์นั้นได้ข้อมูลถึงคนที่ทำการทุจริตด้านการผลิต คือ มาร์แชล แชปแมน ผู้เป็นคนวางแผนคุมระบบการผลิตโดยวางอุบายฉ้อโกงเงินของบริษัทแม่ แต่ทำให้บริษัทคุณกวัน เป็นแพะรับบาป และใช้เงินที่ฉ้อโกงมานั้นแอบไปเปิดบริษัทของตนเอง เมื่อความจริง เปิดเผย มาร์แชลก็ถูกพี่ชายและบิดาของจินนี่ ส่งคนไปเก็บ ส่วนจินนี่ก็ใช้อำนาจเงินช่วย กู้สภานการณ์บริษัทให้เป็นที่น่าเชื่อถือ และเมื่อจินนี่รู้ว่าตลอดมาปารินทร์มีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้วและก็ไม่ใช่ใคร อื่น คือเพื่อนรักคนใหม่ของเธอ อีกทั้งจินนี่เองก็ไม่ได้รักใคร่ปารินทร์ในเชิงชู้สาว แต่เหมือนเด็กหลงทาง ที่ต้องการคน จับจูงเท่านั้น เธอจึงหลีกทางเพื่อไปตามวิถีชีวิตที่คิดจะโลดโผนต่อ โดยปล่อยให้เด็กดื้ออย่างการะบุหนิง ได้เรียนรู้หัวใจ ตัวเองเสียทีว่าไม่ควรหนีปารินทร์อีกต่อไป เมื่อทั้งสองใจต่างโยงใย เสน่หาเป็นพัธนาการแก่ความทรงจำของกันและกันมาโดยตลอด จากวันวานสู่วันนี้….วันที่หัวใจพร้อมที่จะบรรจุอีกคนเข้าไว้ในชีวิต เพื่อเป็นเพื่อน พี่ และคู่ชีวิต
โคกคูนตระกูลไข่ (2546/2003-2550) เป็นเรื่องราวของครอบครัวโคกคูน ซึ่งเป็นครอบครัวชาวอีสานที่ร่ำรวยจากการหาบไข่ปิ้งขายข้างถนน ฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ จนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตมีแฟรนไชส์หลายร้อยสาขา ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เรื่องราวของตระกูลโคกคูนกำลังไปได้ด้วยดีทั้งธุรกิจและครอบครัว แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเมื่ออยู่มาวันหนึ่ง คำดี โคกคูน หัวหน้าครอบครัวและเป็นประธานบริษัทโคกคูนหายตัวไปอย่างลึกลับขณะขับเครื่องบินกลับจากเกาะมัลดีฟ ทำให้ บัวศรี ภรรยาของคำดีที่เคยเป็นแม่บ้านมาโดยตลอดต้องหันมาบริหารบริษัทแทนคำดี โดยอุปสรรคที่สำคัญก็คือ วิลเลี่ยม หรือบักเหลี่ยม น้องชายแท้ๆ ของคำดีที่จ้องจะฮุบกิจการของบริษัทตลอดเวลา บัวศรีต้องนำพาธุรกิจไข่ปิ้งโคกคูนที่คำดีสร้างมากับมือให้ดำเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยดูแลลูกชายที่ชื่อ หอยโข่ง ซึ่งเป็นคนปัญญาอ่อน และ คำแท้ ที่กำลังเป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต นอกจากนั้นบัวศรีเองก็ยังโดนตามจีบจาก เสธ.ชาคริต หัวหน้ารปภ.อดีตทหารเก่าที่ฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ บัวศรีจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้หรือไม่อย่างไร
เมืองมายา เดอะ ซีรีส์ (2546/2003) แคทเทรีน เทเลอร์ ( เมทินี กิ่งโพยม ) นักเขียนสาวสวยชื่อดังเชื้อสายไทย-อเมริกัน เดินทางมาโปรโมทหนังสือเรื่อง "เหยื่อปรารถนา" นิยายแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวนที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก และเป็นที่ต้องการของบรรดาผู้จัดละครช่องต่าง ๆ รวมทั้งช่อง 2 ด้วย ก้องสกุล ( สัญญา คุณากร ) ให้จงรัก ( อรนภา กฤษฎี ) ไปติดต่อซื้อนิยายเหยื่อปรารถมาให้ได้ แต่จินตนา ( ไปรมา รัชตะ ) เอเยนซี่ของแคทเทอรีนไม่ยอมให้จงรักเข้าพบและให้เหตุผลว่าแคทเทอรีนยังไม่ อยากขายบทประพันธ์ให้ใครเอาไปทำละคร เพราะกลัวจะทำออกมาไม่ดี หลังเสร็จจากงานโปรโมทแคทเทอรีนเข้าพักในบ้านที่จินตนาหาไว้ให้และได้รับ การ์ดเชิญลึกลับน่าสนใจไปงานเปิดคลับใหม่ ที่นี่เองแคทเทอรีนได้พบกับปานสรวง พงศ์เพชร ( ยุรนันท์ ภมรมนตรี ) พระเอกเก่าที่อำลาวงการไปหลายปี หลังจากแต่งงานกับสาวไฮโซแล้วย้ายไปอยู่อเมริกาและกลับมาเมืองไทยในฐานะพ่อ หม้ายเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่ง ปานสรวงทำให้แคทเทอรีนสนุกและประทับใจมาก หลังจากคืนนั้นปานสรวงก็พยายามสานสัมพันธ์ของตนกับแคทเทอรีนต่อ จนในที่สุดแคทเทอรีนตกเป็นของปานสรวง จินตนาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างที่สุด เพราะรู้จักกิตติศัพท์ของปานสรวงดีว่าเจ้าชู้และชอบหลอกเอาเงินผู้หญิง และคอยเตือนแคทเทอรีนเรื่องนี้เสมอแต่แคทเทอรีนไม่สนใจ เธอไม่เคยคิดจะจริงจังกับปานสรวงอยู่แล้ว เพราะอีกไม่กี่วันเธอก็จะกลับอเมริกาและไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ติดตามต่อได้ใน เมืองมายา The series 5 (มายาลวง)
วิวาห์พาวุ่น (2546/2003) เรื่องราวชีวิต และความรัก ของบุณยวีร์ หรือแบมแบม หญิงสาวที่น่ารัก สดใส ร่าเริง เธอเติบโต มาในครอบครัว ที่มีคุณพ่อ พี่ชาย และ น้าสาว จากการที่มารดา ของเธอนั้น ได้เสียชีวิตจากไป ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งจากการเติบโต มาในฐานะ ของเด็กหญิง ผู้ขาดมารดา ก็ทำให้บุณยวีร์ ได้รับความรัก และความเอาใจใส่ จากบรรณ ผู้เป็นบิดา อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งจากความรัก และการดูแล ของบรรณ อย่างใกล้ชิด มาโดยตลอด ในรูปแบบนี้เอง ที่ทำให้บุณยวีร์ ที่หน้าตาน่ารัก และเพียบพร้อมนั้น ยังไม่เคยรู้จัก กับความรัก เหมือนกับหญิงสาว ในวัยเดียวกัน คนอื่นๆ ซึ่งจากการไปร่วม ในงานแต่งงาน ของเพื่อนเก่า ในฐานะ เพื่อนเจ้าสาว บุณยวีร์ได้พบ และพูดคุย กับศิรา ชายหนุ่มรูปหล่อ ที่มีนิสัยซื่อๆ เป็นคนน่ารัก ซึ่งเป็นแขกรับเชิญ จากทางฝั่งเจ้าบ่าว ซึ่งจากความประทับใจ ในการพบกัน เป็นครั้งแรก ทำให้ทั้งสองนั้น ต่างมีความรู้สึก ว่าอีกฝ่ายนั้น คือคนที่ใช่ สำหรับกันและกัน จากการนัดพบ เพื่อพูดคุย และศึกษานิสัย ในระยะเวลาหนึ่ง ทั้งสองตกลงใจ ที่จะแต่งงาน และวาดหวัง ที่จะมีอนาคต ที่ดีร่วมกัน แต่อุปสรรคสำคัญ ของหนุ่มสาว ทั้งสองนั้น ไม่ใช่การปรับตัว หรือการเรียนรู้ ซึ่งกันและกัน แต่เป็นบรรณ คุณพ่อจอมเฮี๊ยบ ของบุณยวีร์ ที่ทั้งรักและหวง คอยเป็นห่วง ในตัวเธอ มากที่สุดนั่นเอง
ลูกสาวแม่เอ๊ย (2546/2003) ชนบทแห่งหนึ่ง ในตลาดสดที่จอแจ ใบตอง (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เข็นรถผลไม้ไปตามทางแคบ มุ่งหน้าไปที่ร้านเถ้าแก่ซ้งนายจ้าง ในลักษณะปรู๊ดปร๊าดน่าหวาดเสียว สั่นกระดิ่งไปตลอดทาง ทำให้คนเดินซื้อข้าวของต้องหลบกันพัลวัน บริเวณใกล้เคียง ผู้ร้ายสามคนกำลัง จะลักทรัพย์แม่ค้าขายของ ใบตองเหลือบเห็นส่งเสียงกระแอม แถมเทศน์โปรดคนทั้งสามด้วยศีลห้า ข้อที่สอง อันห้ามมิให้ลักทรัพย์ หนึ่งใน สามโจรโกรธจะเล่นงาน แต่เพื่อนห้ามไว้ บุ้ยใบ้ให้ดูคนสองคนที่กำลังลงจากรถ คือ คุณวรวุฒิอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เกษียณอายุกับคุณ นายที่มาธุระเรื่องที่ดิน ทั้งสองเดินไปที่ร้านค้าเพชรทอง เพื่อซื้อของไปฝากลูกสาว ใบตองเข็นรถผลไม้เข้าไปในร้าน ชนเถ้าแก่ซ้งหงายท้องไป ใบตองถูกคาดโทษเรื่องซุ่มซ่าม แล้วไล่ให้ไปเตรียมไข่ไก่ไปส่งแม่ค้าในตลาดสด คุณวรวุฒิกับคุณนายออกจากร้านเพชรทอง ถูกสามโจรชิงทรัพย์วิ่งหนีไปทางร้านเถ้าแก่ซ้ง ติดตามต่อได้ใน "ลูกสาวแม่เอ๊ย"
หักเหลี่ยมพระกาฬ (2546/2003) คมฆ์ เข้าคุกด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เมื่อเข้าไปอยู่ในคุกคมฆ์ได้รู้จักกับ เดช ซึ่งคมฆ์ได้ช่วยเดชไว้จากพวกเจ้าพ่อในคุกที่ชอบหาเรื่องเดชเป็นประจำ เดชซาบซึ้งและพอใจในฝีมือของคมฆ์มากเดชเป็นลูกน้องคนสนิทของ โตมร เจ้าพ่อใหญ่ที่มีธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท เดชเป็นที่ไว้วางใจของโตมร เดชชวนคมฆ์ไปอยู่แต่โตมรไม่ไว้ใจใครง่ายๆ จึงลังเลที่จะรับคมฆ์เป็นลูกน้อง ส่วนปิยะและกิตติลูกน้องคนสนิทของโตมรไม่พอใจที่เดชกลับมาอีกครั้ง คมฆ์สัญญากับตัวเองว่าต้องมีสักวันที่โตมรยอมรับฝีมือ และรับเขาเป็นลูกน้องมี นา ลูกสาวคนเดียวของโตมร เธอเป็นสาวสวยที่มั่นใจในตัวเอง และเอาแต่ใจตัว เพราะโตมรรักและตามใจมาก จนกระทั่งโตมรมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตอีกคน มีนาจึงไม่มั่นใจว่าเธอยังเป็นที่หนึ่งในใจของโตมรอยู่หรือไม่ธิดา นางเอกละครและภาพยนตร์ มาจากตระกูลนักธุรกิจที่ร่ำรวย แต่พ่อแม่ของธิดาเล่นการพนันจนมีหนี้สินมากมาย แต่มีโตมรให้เงินช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าธิดาต้องยอมแต่งงานกับเขา ธิดาตกลงเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เมื่อแต่งงานแล้วโตมรพาธิดาเข้าบ้าน มีนาไม่พอใจที่โตมรมอบความรักให้กับธิดา ปรเมศร์ เอาอกเอาใจมีนา ที่กำลังผิดหวังที่โตมรแต่งงานใหม่ มีนาไว้ใจและรู้สึกดีกับ ปรเมศร์มาก โตมรไม่ไว้ใจปรเมศร์จึงให้ลูกน้องตามสืบประวัติปรเมศร์ เมื่อมีนารู้ความจริงว่า ปรเมศร์มีภรรยาและลูกแล้ว มีนาโกรธปรเมศร์มากที่หลอกเธอโตมรต้องการให้มีนาแต่งงานกับ ภาวัต ลูกชายนายพล โตมรวางแผนให้มีนาและภาวัตได้รู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น ภาวัตแสดงท่าทีสนใจมีนามาก วันหนึ่งภาวัตพามีนาไปเที่ยวทะเล ระหว่างทางโดนลูกน้องของ ดอน กลุ่มมาเฟียคู่แข่งของโตมร จับตัวมีนาไป คมฆ์อาสาตามไปช่วยเหลือมีนา โดยได้ นาท ผู้เป็นอาของเขาช่วยสืบข่าว นาทบอกว่าดอนจับตัวมีนาไปที่เซฟเฮาส์ที่เขาใหญ่ คมฆ์กับเดชบุกไปช่วยมีนาคมฆ์พามีนาหนีเข้าไปในป่า คมฆ์ถูกยิงตกหน้าผาพร้อมกับมีนา มีนาเป็นไข้ไม่สบายมาก แต่คมฆ์ดูแลมีนาอย่างดี ทำให้มีนาเริ่มรู้สึกดี ๆ กับคมฆ์ จึงได้มอบดอก“สายหยุด” พร้อมกับท่องกลอนให้ฟัง… สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย สายบ่หยุด เสน่หาย ห่างเศร้า …คมฆ์ พามีนาไปส่งที่โรงพยาบาล และเกือบถูกโตมรยิงเพราะเข้าใจผิด คิดว่าคมฆ์ทำมิดีมิร้ายกับมีนา แต่เมื่อมีนากับเดชช่วยกันอธิบาย โตมรจึงรับคมฆ์เป็นลูกน้อง พิสุทธิ์ พ่อบุญธรรมของคมฆ์ ถูกลูกน้องของโตมรฆ่าตาย เนื่องจากเข้าไปขัดขวางธุรกิจผิดกฎหมายของโตมร ด้วยบุคลิกของคมฆ์ ทำให้ธิดาชื่นชอบคมฆ์ตั้งแต่ได้พบ เธอหาโอกาสที่จะอยู่ตามลำพังกับคมฆ์ แต่มีนาซึ่งรู้ทันขัดขวางได้ทุกครั้ง นาทแนะนำให้คมฆ์แต่งงานกับมีนา เพื่อที่โตมรจะไว้ใจคมฆ์และบอกความลับ คมฆ์ขอมีนาแต่งงาน มีนาตอบตกลงทันที เพราะเธอก็รักคมฆ์อยู่เหมือนกัน และที่สำคัญมีนาต้องการเอาชนะธิดา คมฆ์พยายามสร้างเกราะป้องกัน ไม่ให้รักมีนา แต่แล้วเขาก็ต้องพ่ายแพ้หัวใจตัวเอง เพราะมีนาดีต่อเขามาก ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งโตมรสั่งให้คมฆ์ไปกำจัดการค้ายา บ้าของดอน คมฆ์ทำให้โตมรเห็นว่าเขามีฝีมือมาก มีนาและธิดาเป็นนางแบบในงานเดินแฟชั่นการกุศล ภาวัตเมื่อเห็นความสวยของมีนาและธิดาก็อิจฉาคมฆ์ ดอนและลูกน้องบุกเข้าไปในงานเพื่อที่จะฆ่าโตมร ลูกน้องของดอนถูกฆ่าตายหมด ดอนหลบหนีไปได้ แต่คมฆ์ก็ตามไปและยิงดอนตาย ภาวัตใช้โอกาสนี้ชวนกิตติและปิยะมาเป็นพวก กิตติและปิยะตอบตกลง ทั้ง 3 คนคิดจะตัดกำลังของโตมรธิดา เห็นธีธัชมาหามีนาที่บ้าน ธิดาวางแผนให้มีนาเห็นเธอกอดกับคมฆ์ มีนาเสียใจมากจนตกบันได คมฆ์เล่าเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายของโตมรให้มีนารู้ ตอนแรกมีนาไม่เชื่อ แต่เมื่อคมฆ์บอกว่าเขาอยู่ในหน่วยสืบราชการลับ มีนาจึงเชื่อและขอร้องให้คมฆ์ไว้ชีวิตโตมร คมฆ์ไม่รับปากเขาบอก แต่เพียงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขารักมีนาคนเดียว วันนัดส่งมอบยาเสพติดครั้งใหญ่ โตมรตกใจเมื่อรู้ว่าคมฆ์เป็นพวกของตำรวจ คมฆ์จะเข้าไปจับโตมร แต่โตมรยิงคมฆ์ มีนาเห็นโตมรถูกคมฆ์ยิงตาย โตมรฝากเดชดูแลมีนาก่อนสิ้นใจ เดชโกรธคมฆ์ที่หลอกเขามาตลอด คมฆ์ตามไปหามีนาที่เชียงใหม่ คมฆ์บอกมีนาว่าหมดเรื่องแล้ว เขาเอาดอกสายหยุดมาให้เธอ มีนารับดอกสายหยุดไว้ คมฆ์ท่องกลอนให้มีนาฟังว่า… สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้งยามสาย สายบ่หยุด เสน่ห์หาย ห่างเศร้า …เมื่อ คมฆ์สามารถหักเหลี่ยมพระกาฬได้สำเร็จ แต่กับความรัก และ ความถูกต้อง คมฆ์จะเลือกสิ่งหักสิ่งไหน มีนาจะยอมให้อภัยคนที่ฆ่าพ่อตัวเองได้ไหม ความสัมพันธ์ระหว่างคมฆ์กับเดชาจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ สุดท้ายความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร
ลิเก๊..ลิเก (2546/2003) หลัง จากสภาพเศรษฐกิจเมืองไทยตกต่ำ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรตรา "สำเภาทอง" ของ พร้อมพงศ์ สำเภาทอง พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เลยทำให้ พงศ์เทพ สำเภาทอง ลูกชายคนเดียวของพร้อมพงศ์ต้องลงพื้นที่มาขายสินค้าด้วยตนเอง โดยมีเจ๋ง ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทคอยเป็นผู้ช่วยในการขายของในครั้งนี้ และด้วยความที่พงศ์เทพเป็นคนหน้าตาดีมีเสน่ห์ ช่างเจรจาและมีเล่ห์เหลี่ยมรอบตัวทำให้เขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาว บ้าน และระหว่างที่พงศ์เทพกับเจ๋งเดินทางขายสินค้าอยู่ พร้อมพงศ์โทรศัพท์มาสั่งให้พงศ์เทพกลับบ้าน เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเหมยฮัว ลูกสาวสุดสวาทขาดใจของเสี่ยเต๊ก เจ้าพ่อที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของพร้อมพงศ์ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่ง ในการจัดงานครั้งนี้ เสี่ยเต๊กได้เชิญบรรดาแขกเหรื่อมากมาย โดยเขามีจุดประสงค์แอบแฝงว่าจะให้เหมยฮัวเลือกคู่ ด้านเหมยฮัวที่หลังจากรู้ว่าเสี่ยเต๊กจะให้เธอแต่งงาน ก็ถึงตกใจกลัวว่าความลับที่เธอปกปิดเสี่ยเต๊กอยู่ถึงเรื่องที่กำลังตั้ง ครรภ์ได้เดือนกว่าๆ กับเพื่อนนักเรียนนอกจะแดงขึ้น จนกระทั่งเหมยฮัวได้เจอกับพงศ์เทพครั้งแรก ก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจขึ้นมาทันที และในที่สุดเหมยฮัวเกิดไอเดียที่จะหาคนมารับผิดชอบเด็กในท้องของเธอทันที โดยเหมยฮัวทำการวางแผนใส่ยาสลบในเครื่องดื่มของพงศ์เทพ จากนั้นก็พาพงศ์เทพไปบนห้องนอนเพื่อถอดเสื้อผ้าของเขาออกก่อนจะแกล้งวิ่ง ร้องไห้ลงมาฟ้องเสี่ยเต๊กว่าถูกพงศ์เทพปลุกปล้ำ เมื่อเสี่ยเต๊กทราบเรื่องสร้างความไม่พอใจให้อย่างมากเลยสั่งให้ลูกน้องฆ่า พงศ์เทพทันที แต่เหมยฮัวเขามาห้ามและแอบสะกิดให้เหลียนฮัวผู้เป็นแม่ช่วยพูดกับเสี่ยเต๊ก ว่าให้พงศ์เทพรับผิดชอบ ด้วยการแต่งงานกับเหมยฮัวในวันพรุ่งนี้ทันที