เทพีจ้าวสังเวียน 2545

เรื่องย่อ : เทพีจ้าวสังเวียน (2545/2002) ณ อำเภองาม อำเภอกล้วยไข่เกิดใหม่แห่งจังหวัดกำแพงเพชร ที่ซึ่งนอกจากกล้วยไข่จะงามแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสองค่ายมวยดัง ดำเกิงมวยไทยแห่งตำบลบ้านหนองบัวตูมและดาบหวาน มวยไทยแท้-สูตรโบราณ แห่งตำบลบ้านหนองสะเดา ที่ต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะในศึกยอดมวยไทยประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อร่วมฉลองงาน เทศกาลกล้วยไข่ดีของจังหวัดมาโดยตลอดจนถึงวันนี้ มันไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของหมัด ๆ มวย ๆ เท่านั้น แต่ได้กลายเป็นตำนานรบแห่งศักดิ์ศรีระหว่างสองตำบลนี้ไปเสียแล้ว ศึกกำปั้นเมื่อปีกลาย สิงห์บัวลอย ศิษย์ดำเกิง กลายเป็นผู้คว้าแชมป์ไปครองทำให้ปีนี้กำนันหวานกำชับให้เจ้าหาญ นักมวยอดีตแชมป์ 3 สมัยฟิตซ้อมให้หนักขึ้นเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีบ้านหนองสะเดากลับคืนมา แต่ผลการซ้อมของหาญไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักแถมยังเป็นรักต้องห้ามอีกด้วย เมื่อฝ่ายมะปรางสาวเจ้าคนรักดันเป็นลูกสาวของนายดำเกิงฝ่ายอริ ทำให้ความรักของทั้งคู่ต้องมีอุปสรรค ได้แต่ส่งตาหวานกันเงียบ ๆ อยู่ข้างเวทีมวย โดยมีคู่แข่งคนสำคัญคือ บัวลอย ที่หมายมั่นปั้นมือมะปรางอยู่ด้วยเช่นกัน ติดตามต่อได้ใน "เทพีเจ้าสังเวียน"

รอยไถ 2545

เรื่องย่อ : รอยไถ (2545/2002) ลือเป็นหนุ่มรูปงามในย่านทุ่งสองห้อง เขาเป็นคนอารมณ์ดี รักสนุก และมีใจนักเลงเต็มตัว เมื่อได้มาพบกับบัวเผื่อน สาวงามในย่านนั้น ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของนางบัว ลือก็หลงรักจนสุดหัวใจ ในขณะที่บัวเผื่อนนั้น เดิมมีหนุ่มเศรษฐีซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมาก และยังมีกิจการค้าขายอยู่ที่บางกอกชื่อ อ่อน มาชาอบพออยู่ก่อน แต่เมื่อได้พบกับลือ ซึ่งรูปงามคารมดีและมีความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว บัวเผื่อนจึงตกลงปลงใจมาเป็นเมียของลือ โดยที่นางบัวก็ไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะอยากได้ลูกเขยเศรษฐีอย่างอ่อนมากกว่า เมื่อได้บัวเผื่อนมาเป็นเมียแล้ว ลือก็ทิ้งความเป็นนักเลงไปจนหมด ยอมหันมาจับคันไถทำนาและกลายเป็นคนรักเมียหลงเมียมาก ครั้งหนึ่งลือตัดสินใจขายควาย 2 คู่ ของตนเพื่อจะนำเงินมาค้าขาย แต่แล้วก็กลับนำเงินไปทิ้งเสียกับการเล่นโปและเลี้ยงเหล้าเพื่อนฝูงจนหมด ทำให้ลือและบัวเผื่อนรวมทั้งอ้ายแดงลูกอ่อนของทั้งคู่ที่มีอายุไม่ถึงขวบ ต้องยากจนอยู่อย่างลำบากแร้นแค้นทำให้ลือละอายใจมาก บัวเผื่อนเองก็ตัดพ้อต่อว่าเขาหนำซ้ำนางบัวแม่ยายของลือเองก็ยังด่าว่ากระทบ กระเทียบอยู่เนือง ๆ ลือจึงได้แต่สงบปากสงบคำกลายเป็นคนกลัวเมียและเป็นลูกไล่ของแม่ยายไปโดยไม่ เหลือลายนักเลงเก่าให้เห็นเลย บัวเผื่อนมีน้องสาวชื่อบัวผันที่เพิ่งเริ่มสาว และน้องชายสุดท้องชื่อ บัวลอย ซึ่งกำลังจะแตกเนื้อหนุ่ม บัวผันสงสารพี่สาวที่อยู่อย่างไม่สบายนัก จึงมักหาเวลาว่างมาช่วยเลี้ยงอ้ายแดงอยู่เสมอ บัวผันเป็นเด็กสาวใจกล้าปากคม จึงมักจะปะทะคารมกับลือ ซึ่งชอบกระเซ้าเย้าแหย่อยู่บ่อย ๆ ส่วนบัวลอยนั้น เนื่องจากกำลังเป็นหนุ่มจึงนิยมความเป็นหนุ่มนักเลงของพี่เขยอยู่มาก นางบัวชอบเล่นการพนันจนเป็นหนี้เป็นสินอ่อนอยู่มาก ฝ่ายอ่อนก็ยังมีใจรักบัวเผื่อนอยู่ไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าบัวเผื่อนจะมีลูกมีผัวไปแล้วก็ยังรัก เขาจึงนำเรื่องที่นางบัวติดหนี้สินเขาอยู่มาต่อรองให้ยางบัวเปิดทางให้เขา ได้พบปะกับบัวเผื่อนอยู่เนือง ๆ จนในที่สุดอ่อนก็ตัดสินใจว่าจะพาบัวเผื่อนหนีจากลือและความลำบากยากจน ไปแต่งงานเป็นเมียอ่อนและอยู่กันอย่างสบายที่บางกอก นางบัวก็สมรู้ร่วมคิดกับอ่อนมาตลอด โดยใช้ความเป็นแม่มาบังคับให้บัวเผื่อนทำตามที่อ่อนต้องการ บัวเผื่อนเองก็ลังเลใจอยู่เพราะทางหนึ่งก็รักลือและลูก แต่อีกทางหนึ่งก็เห็นแก่แม่ และความสุขสบายที่ตนเองได้รับจากอ่อนอซึ่งเป็นคนฐานะดี บัวเผื่อนจึงลักลอบพบปะกับอ่อนเรื่อยมา โดยลือไม่รู้ไม่เห็น แต่บัวผันกับบัวลอยซึ่งเป็นน้องรับรู้มาตลอดถึงแม้ว่าจะเห็นใจลือเพียงใดก็ ตาม ทั้งคู่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะต่างก็เกรงว่าหากลือรู้เรื่องเขาอาจทำร้ายแม่และพี่สาวของตนเนื่องจาก ลือมีเลือดนักเลงอยู่แต่เดิม บัวผันและบัวลอยต่างก็ปิดปากเงียบในเรื่องที่อ่นกำลังคิดพาบัวผันหนีไปแต่ง งานอยู่กินกันที่บางกอก เมื่อเริ่มเข้าหน้านา ลือกระวีกระวาดที่จะทำนาโดยคุยกับบัวเผื่อนและบัวผันว่าจะรีบไปยืมควายจาก นางบัวมาสักคู่หนึ่งมาไถนาเตรียมไว้ปลูกข้าว บัวเผื่อนและบัวผันก็เหน็บแนมโดยเก็บเอาเรื่องที่ลือเคยทำผิดพลาดมาล้อ ทำให้ลือยิ่งมุ่งมั่นจะทำให้ลูกเมียอยู่ดีกินดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้ เขารักเมียมาก แม้ลำบากมีข้าวหม้อเดียวกับปลาตัวเดียว ลือก็ยอมกินข้าวเปล่า ๆ โดยเก็บปลาทั้งตัวเอาไว้ให้บัวเผื่อนกินในยามหิว ครั้งหนึ่งบัวผันซึ่งมาช่วยเลี้ยงหลานกำลังไกวเปลร้องเพลงกล่อมอ้ายแดงโดย ร้องเพลงวัดโบสถ์ ซึ่งมีเนื้อร้องกล่าวถึงลูกเขยที่ตกยาก แม่ยายจึงมาพรากลูกสาวหนี ทำให้ลือใจคอไม่ดีจนต้องขอร้องไม่ให้บัวผันร้องเพลงนี้กล่อมอ้ายแดงอีก บัวผันโมโหและมีเรื่องต่อปากต่อคำกับลือขึ้นมาจนบัวเผื่อนต้องปรามทั้งผัว และน้องของตน นางบัวมาหาบัวเผื่อนบ่อย ๆ แต่ละครั้งก็มีการเหน็บแนมลือ และมักจะพาบัวเผื่อนไปพบกับอ่อนหลายครั้ง โดยที่ลือไม่รู้เรื่อง เขาก็ยังสนุกกับการพูดกระเซ้าเย้าแหย่บัวผัน น้องเมียซึ่งมีฝีปากคมคายอยู่เนือง ๆ ทำให้บัวผันทั้งนึกสงสารและหมั่นไส้จึงว่าเอาแรง ๆ จนบางทีก็แกล้งลือให้แบกขึ้นขี่คอไปส่งเรือก็มี ใกล้กำหนดที่อ่อนนัดจะพาตัวบัวเผื่อนหนีไปแล้ว บัวเผื่อนก็เริ่มมีอาการพิรุธมากขึ้น เพราะอาลัยในความรักของลือ บัวเผื่อนมักแอบร้องไห้ แต่ลือไม่รู้ความในใจ เขานึกว่าเมียร้องไห้เพราะเห็นใจที่เขาลำบากทำมาหากินเพื่อลูกและเมียเขาจึง ปลอบใจบัวเผื่อนว่าเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อลูกและเมีย ยิ่งทำให้บัวเผื่อนสะเทือนใจยิ่งขึ้นกับความซื่อของเขา อ่อนร่วมมือกับพวกนักเลงที่มีหัวหน้ากลุ่มชื่อแปลกวางแผนการพาบัวเผื่อนหนี โดยจะไปที่ท่าแร้งก่อน เพื่อทำพิธีแต่งงานที่บ้านลุงของแปลกเพื่อเป็นการรวบรัด จากนั้นก็ค่อยพาบัวเผื่อนเข้าบางกอก บัวลอยแอบฟังอยู่ใต้ถุนเรือน และเมื่อฟังกลุ่มนักเลงดังกล่าววางแผนกันไปกินเหล้ากันจนเมา แล้วมีการพูดจาสนุกปากมาพาดพิงลวนลามถึงบัวผันและนางบัว ซึ่งเป็นพี่สาวและแม่ของบัวลอยด้วย บัวลอยจึงคิดแค้นอยู่ในใจ และกลับไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้บัวผันฟัง บัวผันได้แต่กำชับบัวลอยว่าไม่ให้รู้ถึงหูลือ เพราะห่วงแม่กับพี่สาว เช้าวันที่บัวเผื่อนจะหนี ลือสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เขาฝันว่าฝนตกลงมาเป็นไฟทะลุหลังคาลงมาโดนบัวเผื่อนและอ้ายแดง เมื่อตื่นมาเขาก็ตกใจเพราะเห็นว่าหลังคาเรือนมีรอยโหว่ตรงกับบริเวณที่เขา เห็นในฝันจริง ๆ บัวเผื่อนพยายามจะแก้ฝันว่าที่ลือฝันนั้นจะเป็นผลดีกับลูกเมีย และเร่งให้ลือซ่อมแซมหลังคา โดยที่บัวเผื่อนอาสาจะเป็นคนออกไปไถนาเอง ลือนึกห่วงแต่ก็ยอมตามใจเมียโดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วการที่หลังคาหลุดไป เป็นรอยโหว่นั้นเป็นแผนของอ่อนที่จะทำให้บัวเผื่อนออกมาจากบ้าน โดยลือไม่ติดตามนั่นเอง บัวเผื่อนลาลูกด้วยความอาลัยมาก แต่ลือไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติ บัวเผื่อนแอบเอาด้ายมงคลผูกข้อมือให้อ้ายแดง ซึ่งนอนอยู่ในเปลแล้วจึงออกจากบ้าน ทำทีไปไถนาแล้วรีบหลบไปที่บ้านนางบัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วนางบัวก็เร่งจะพาบัวเผื่อนออกเดินทางไปที่ท่าแร้ง เพื่อเตรียมแต่งงานตามแผนที่อ่อนกับพวกของเแปลกวางเอาไว้ บัวลอยสงสารบัวเผื่อนและเห็นใจลือจนมีอาการฮึดฮัดทำท่าจะไปบอกลือ แต่บัวผันห้ามเอาไว้ และสั่งให้บัวลอยอยู่เฝ้าบ้านเป็นเพื่อนกันไม่ให้ไปไหน ฝ่ายลือเมื่อซ่อมหลังคาเสร็จก็เป็นเวลาสายมากแล้ว เขาเห็นลูกร้องจึงอุ้มลูกออกมาตามหาเมีย เขาเริ่มเอะใจที่เห็นว่า บัวเผื่อนทิ้งให้ควายลากไถไปเรื่อยจนไถหัก เขาจึงอุ้มลูกเที่ยวตามหาบัวเผื่อนจนมาถึงบ้านนางบัว เขาถามบัวผันแต่บัวผันบอกว่าไม่รู้เรื่อง ลือทำท่าจะออกไปตามหาที่อื่นต่อ บัวผันเห็นใจจึงเรียกให้บัวลอยช่วยจัดสำรับให้ลือกินข้าวก่อน บัวลอยเก็บผ้านุ่งที่บัวเผื่อนทิ้งเอาไว้ขึ้นมา ลือเห็นก็จำไปว่าเป็นผ้านุ่งของเมีย จึงบังคับถามบัวผันกับบัวลอยให้ตอบ บัวผันจึงบอกว่าได้ยินว่าจะพากันไปที่บางกอก ลือตัดสินใจจะไปตามหาเมียที่บางกอกบัวผันพยายามทัดทานด้วยความสงสารโดยอ้าง ว่าบางกอกกว้างมากไป ตามหาก็คงไม่พบ แต่ลือก็ยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องไปตาม บัวผันจึงนำเงินส่วนตัว 30 บาทมาให้ลือติดตัวไปใช้ ลือฝากอ้ายแดงไว้ให้บัวผันเลี้ยง แล้วจึงออกเดินทางเข้าบางกอกโดยที่บัวผันแอบร้องไห้อยู่ข้างหลังเพราะความ สงสารลือเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไปถึงบ้านท่าแร้งและกำลังเตรียมจัดพิธีแต่งงาน บัวเผื่อนก็ร้องไห้หนักจนนางบัวโมโหถึงขั้นทุบตี บัวเผื่อนน้อย ใจบอกว่าให้นางบัวฆ่าตนให้ตายเสียก็ได้เพราะว่ายอมตามใจแม่มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะทุบตี นางบัวจึงได้คิดและเลิกตบตีบัวเผื่อน พอดีอ่อนกลับมาจากซื้อของที่บางกอก นำเครื่องแต่งกายและของมีค่ามาให้บัวเผื่อน พร้อมทั้งพูดคำหวานจนบัวเผื่อน เริ่มคลายกังวล นางบัวจึงโล่งใจและหลบไปเพื่อเปิดทางให้อ่อนได้โอ้โลมบัวเผื่อนตามใจชอบ ลือออกตระเวนตามหาบัวเผื่อนโดยไร้ทิศทางอยู่ในบางกอกจน 2 วันผ่านไป ก็ไม่มีวี่แวว เขาจึงซมซานกลับมาหาบัว ผันที่บ้านพร้อมคืนเงินให้บัวผัน 25 บาท บัวผันเห็นลือมีอาการท้อแท้จึงพยายามดูแลเอาใจใส่ให้กินข้าวและพักผ่อน ส่วนบัวลอยซึ่งเห็นใจลือเช่นกันและหมั่นไส้พวกของแปลกอยู่แต่เดิม อดใจไม่ได้จึงบอกลือไปว่าตอนนี้อ่อนพาบัวเผื่อนไปอยู่ที่ท่าแร้ง และกำลังจะจัดงานแต่งงาน ลือจึงนำเรือของบัวลอยออกตามไปในทันที คืนวันแต่งงานเมื่อรดน้ำทำพิธีเสร็จแล้ว พวกอ่อนและแปลกก็ตั้งวงเหล้ากันสนุกครึกครื้นถึงกับลุกขึ้นมาเล่นลิเกกัน บัวเผื่อนหลบอยู่ในห้องคนเดียว ลือแอบปีนขึ้นมาพบ บัวเผื่อนตกใจร้องให้ ลือบอกว่าจะพาบัวเผื่อนกลับ โดยปีนหน้าต่างหนีไปพร้อมกัน บังเอิญนางบัวแวะเข้ามาดูลูกสาวเห็นพอดีจึงร้องเอะอะขึ้น ทำให้พวกนักเลงของแปลกและอ่อนออกติดตามลือ และบัวเผื่อนมาอย่างรวดเร็วจนหนีไม่ทัน ลือต่อสู้กับพวกของแปลกจนสุดแรงแต่ก็แพ้เพราะว่าลือมีตัวคนเดียว เขาถูกฟันจนบาดเจ็บสาหัส แต่ลือก็ทำร้ายแปลก จนสาหัสพอกัน บัวเผื่อนวิงวอนขอให้อ่อนไว้ชีวิตลือ โดยสัญญว่าจะยอมเป็นเมียโดยดี อ่อนจึงให้เปลี่ยนและบริวารคนอื่น ๆ พาลือกลับมาส่งถึงบ้านที่ทุ่งสองห้อง แล้วอ่อนก็พาบัวเผื่อนเข้าบางกอกทันที นางบัวก็ตามเข้าไปอยู่บางกอกด้วย โดยทิ้งบัวผันและ บัวลอยไว้ตามลำพังสองคนที่บ้านเช่นเดิม ฝ่ายบัวผันเมื่อได้ข่าวว่าลือบาดเจ็บกลับมาที่บ้าน จึงรีบชวนบัวลอยเก็บของปิดบ้านพาอ้ายแดงไปคอยปรนนิบัติดูแลลือที่เรือนของ ลือด้วยความสงสารและเห็นใจในความรักและหัวใจสู้ของลือ จนกระทั่งอาการของลือดีขึ้นเป็นลำดับ หลายเดือนผ่านไป ลือค่อย ๆ ลืมความทุกข์และเริ่มมองเห็นความดีที่บัวผันมีต่อตน ความใกล้ชิดสนิทสนมทำให้ลือและบัวผันเริ่มมีใจต่อกันทีละน้อย พออาการเริ่มดีลือก็เริ่มพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับบัวผันเช่นที่เคยมา และเริ่มมีการหยอกล้อเกี้ยวพา จนบัวลอยก็สังเกตเห็นได้ว่าทั้งคู่รักกัน หลังจากเกิดเหตุต่อสู้กันไม่นานนัก แปลกซึ่งเจ็บสาหัสก็ตายลง ส่วนนางบัวก็ป่วยกระเสาะกระแสะ และเริ่มบ่นคิดถึงลูกอีกสองคนที่ทุ่งสองห้อง พร้อมกันนั้นบัวเผื่อนก็เริ่มคิดถึงอ้ายแดง ในที่สุดอ่อนก็พาบัวเผื่อนและนางบัวที่กำลังป่วยหนักกลับมาที่ทุ่งสองห้อง บัวลอยรู้ข่าวรีบมาบอกบัวผันกับลือแต่ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปบัวเผื่อนก็มา ถึงก่อนเพื่อมาพบอ้ายแดงและได้กราบขอโทษลือ อ่อนก็ตามขอโทษพร้อมกับนำโฉนดที่ดินมายกให้ลือด้วย เพราะอ่อนตั้งใจว่าจะรับอ้ายแดงไปปักหลักอยู่เป็นครอบครัวพร้อมหน้ากันที่ บางกอกเลย ลือไม่ถือโทษเพราะเห็นว่าอ่อนก็รักใคร่บัวเผื่อนดี ส่วนเขาเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งบัวผันเป็นเมีย ส่วนโฉนดที่ดินที่อ่อนยกให้นั้นลือก็ตั้งใจว่าจะทำมาหากินเก็บไว้โอนให้อ้าย แดงเมื่อโตขึ้นในภายหน้า จากนั้นลือกับบัวผันก็ได้แต่งงานเป็นคู่ทุกข์คู่ยากอยู่ด้วยกันที่ทุ่งสอง ห้องตลอดไป

แสงดาวฝั่งทะเล 2545

เรื่องย่อ : แสงดาวฝั่งทะเล (2545/2002) วริษาไปเรียนหนังสือที่ซานฟรานซิสโก เพราะต้องการหนีปัญหา ที่ใครๆ ต่างก็พากันคิดว่า เธอเป็นคนทำให้ครอบครัวของ “สาธินและดุจเดือน” ต้องแตกแยก ระหว่างที่เรียนหนังสือ วริษาก็ทำงานร้านอาหารไทยที่นั่นด้วย จนกระทั่งวันหนึ่ง “อิชยา” เพื่อนสนิทส่งจดหมายชวนเธอ ไปเที่ยวที่ซีแอตเทิล วริษาตกลงเดินทางไปด้วยขบวนรถไฟสาย The coast starlight หรือขบวน “แสงดาวฝั่งทะเล” ชื่อภาษาไทยที่เธอตั้งขึ้นเอง บนรถไฟขบวนนี้ ทำให้วริษาได้พบกับชาย 2 คนด้วยกันคือ “ภวัต” หลานชายของดุจเดือน เรียนดอกเตอร์อยู่ที่เบิร์กเล่ย์ มีปัญหากับวริษาตั้งแต่อยู่เมืองไทย กับ “คอลิน” หนุ่มมาดเซอร์ เป็นช่างภาพอิสระ ซึ่งทันทีที่คอลิน พบวริษาก็รู้สึกรักทันที ภวัตนั้นเดินทางไปซีแอตเทิลก็เพราะ “วนัท” เพื่อนสนิทชวน ระหว่างที่อยู่บนรถไฟ ภวัตพูดจาดูถูกเสียดสีวริษาตลอดเวลาว่า วริษาเป็นเมียน้อยของสาธิน จนทำให้สาธินกับดุจเดือนต้องทะเลาะกัน จนเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ และเป็นเหตุให้สาธินต้องตาย ส่วน “ดาวนภา” ลูกสาวต้องพิการเดินไม่ได้ พอไปถึงซีแอตเทิล ทั้งภวัตและวริษาก็ได้รู้ว่า วนัทกับอิชยาเป็นสามีภรรยากัน ทั้งภวัตกับวริษา จึงต้องพักอยู่ที่เดียวกัน ก็คือบ้านของวนัทและอิชยา และต้องแสร้งทำเป็นดีกัน เพื่อให้เพื่อนสบายใจ ทั้ง 4 พากันเที่ยวเมืองซีแอตเทิลจนทั่ว ระหว่างนี้เองที่ภวัตเริ่มเปลี่ยนใจ จากเกลียดวริษามาเป็นความรัก ส่วนวริษาก็เริ่มมีใจชอบภวัตเช่นกัน จากนั้นภวัตก็ชวนทุกคนไปหา “รสนา” ที่แวนคูเวอร์ เพื่อให้รสนาได้พาเที่ยว รสนานั้นพอได้เห็นวริษา ก็รู้สึกเกลียดชังทันที และทำท่าทีดูถูกวริษา จนทุกคนพากันเบื่อและกลับซีแอตเทิล รสนายังบินตามมาสร้างความวุ่นวาย ภวัตจึงต้องเจรจาให้รสนากลับแวนคูเวอร์ ส่วนภวัตเองก็ใกล้ถึงกำหนดกลับเบิร์กเล่ย์ และวริษาก็ต้องกลับไปเรียนต่อที่ซานฟรานซิสโก ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และความเศร้าของภวัตกับวริษา ทั้งนี้ก็เพราะว่า ทุกคนในครอบครัวภวัต ต่างเกลียดวริษา เธอจึงขอภวัตให้ลืมเรื่องราวที่ซีแอตเทิลเสีย และให้ต่างคนต่างเดินในทางของตัวเอง เวลาผ่านไปวริษาได้พบกับคอลิน วริษาคิดว่า เพื่อต้องการลืมภวัต จึงตัดสินใจคบกับคอลินเป็นแฟน ภวัตนั้นรักวริษามาก จนยากจะลืมจึงมาตามหาวริษา แต่ก็ผิดหวังเมื่อได้เห็นวริษา อยู่กับคอลินแล้วมีความสุข แต่ภวัตหารู้ไม่ว่าแท้ที่จริง คอลินกับวริษาเริ่มระหองระแหงกัน เพราะคอลินมีงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาให้วริษา ส่วนคอลินก็รู้ว่า จริงๆ แล้ววริษารักภวัต ไม่ได้รักตน จึงน้อยใจหายหน้าไป วริษาตัดสินใจไปหาอิชยาที่ซีแอตเทิล แล้วทิ้งจดหมายไว้ให้คอลินตามไป เมื่อคอลินไปถึงสถานีรถไฟ ก็บังเอิญพบภวัตที่สถานีด้วยเหมือนกัน… ระหว่าง “ภวัต” และ “คอลิน” ใครจะเป็นคนขึ้นไปบนรถไฟสาย “แสงดาวฝั่งทะเล” ร่วมทางไปกับวริษา เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ ที่มีแต่ความเข้าใจ และสดใสกว่าเดิม…

ตามรักตามล่า 2545

เรื่องย่อ : ตามรักตามล่า (2545/2002) อลิสา สาวน้อยลูกครึ่ง ผู้ล่วงรู้การฆาตกรรมของบิดาบังเกิดเกล้า จึงถูกปองร้ายหมายชชีวิต โดยมี ยม ชายหนุ่มที่เฝ้าหลงรักเธอคอยตามให้ควมช่วยเหลือ แต่เมื่อแหวนโอปอล์ส่งสัญญาณเตือนภัยเธอจึงหนีเขาด้วยความเข้าใจผิด เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าใครมา 'ตามล่า' หรือว่าใครมา 'ตามรัก' เรื่องราวจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามได้ใน "ตามรักตามล่า"

ช็อปปิ้ง ปิ๊งรัก 2545

เรื่องย่อ : ช็อปปิ้ง ปิ๊งรัก (2545/2002) เอกบุรุษ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ลูกชายคนเดียวของ บุญหลาย (กลศ อัทธเสรี) เศรษฐีม่าย นักธุรกิจใหญ่แห่งเมืองโคราช มีเลขาคู่ใจชื่อ สมศรี (นริสา พรหมสุภา) เอกบุรุษจบปริญญาตรีทางด้านบริหารธุรกิจ จากลอนดอน และตั้งใจจะกลับเมืองไทยเพื่อขอเงินพ่อกลับไปเรียนต่อปริญญาโท แต่พ่อไม่ยอมให้ เพราะไม่ต้องการให้ลูกได้อะไรมาอย่างง่ายดาย บุญหลายต้องการให้เอกทำงานบางอย่างให้เพื่อจะได้ทุนไปเรียนต่อตามที่ต้องการ เอกตอบตกลง บุญหลายจึงให้เอกมาเป็น “ยาม” ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของบุญหลาย เพื่อสืบดูว่าทำไมบริษัทจัดยาม “เต็มใจปกป้อง” ที่ใกล้จะเจ๊ง ทุกบริษัทเลิกจ้างหมดเหลือลูกค้าเพียงรายเดียว คือ ห้างสรรพสินค้าเดอะเบสต์ ขณะเดียวกัน น้ำหวาน (บัณฑิตา ฐานวิเศษ) ลูกสาวคนเดียวของ เจ้าสัวทรัพย์ทวี (ไพโรจน์ สังวริบุตร) เศรษฐีม่าย ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเดอะเบสต์ กำลังเรียนปริญญาตรีทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอเมริกา เมื่อปิดเทอมกลับมาเมืองไทยเพื่อมาลองฝึกงานในห้างของพ่อ เจ้าสัวทรัพย์ทวีไม่เห็นด้วย แต่ในที่สุดก็ใจอ่อน ยอมตามใจลูก ให้ลองฝึกงานในฝ่ายประชาสัมพันธ์ ภายใต้การดูแลของ นารี (ศิรินุช เพ็ชรอุไร) ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าน้ำหวานคือลูกสาวของห้างฯ และพยายามกีดกัน มนตรี (แดนนี่ ศรีภิญโญ) ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจอมเจ้าชู้ไม่ให้มาจีบ เพราะนารีหลงรักมนตรีอยู่

วันแรกที่เอกบุรุษเข้ามาทำงานเขาได้พบกับน้ำหวานและหลงรักน้ำหวานตั้งแต่วินาทีแรก ที่ได้เห็นหน้า เอกยังได้พบกับ โต น้อย (ดช.ไซม่อน อู่เงิน) และจ้อย (ดช.ปรมัติ ธรรมมล) สามวัยรุ่นจอมซนในนาม “แก๊งค์แมวน้ำ” เข้ามาก่อกวนภายในห้างฯทำให้ น้ำหวาน คิดว่าเอกหาเรื่องเด็กเพื่อจะสร้างผลงานให้กับบริษัทยามที่พ่อของเธอกำลังคิด จะเลิกจ้าง เอกเมื่อได้มาเป็นยามนานวันเข้าก็เริ่มรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลในหมู่ยามด้วยกัน จึงเริ่มสืบหาความจริง โดยขอเอา เจมส์ (เบญจพล เชยอรุณ) เพื่อนรักคนหนึ่งของเขามาร่วมสืบ โดยปลอมตัวเป็นยาม ในที่สุดเอกและเจมส์ก็สืบได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ยามทั้งหลายไม่รักงานก็เพราะ

มงคล (กล้วย เชิญยิ้ม) ซึ่งเป็นหัวหน้ายามเอาเปรียบลูกน้องต่างๆ แถมยังโกงเบี้ยเลี้ยงและโอที บุญหลายจึงไล่ออกและแต่งตั้งให้เที่ยงตรง (ดลกมล ศรัทธาทิพย์) เป็นหัวหน้ายามคนใหม่

ความยากจนทำให้เที่ยงตรงอดใจไว้ไม่ได้เมื่อพบลูกค้าทำกระเป๋าสตางค์ตกเอาไว้ เที่ยงตรงเอาเงินในกระเป๋าไปซื้อเครื่องเสียงที่อยากได้ โดยหารู้ไม่ว่าเป็นอุบายของน้ำหวานที่จะจับผิดให้ได้ว่ายามบริษัท “เต็มใจปกป้อง” ไม่ซื่อสัตย์ แต่ก่อนที่เที่ยงตรงจะถูกจับได้ เอกก็เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์เอาไว้ได้ทันท่วงที แต่น้ำหวานก็ยังไม่ยอมแพ้ คิดหาอุบายกลั่นแกล้งเอกและพวกอีกเรื่อยๆ แต่เอกก็พยายามแก้สถานการณ์ได้ทุกครั้ง และพัฒนาทีมยามให้มีสปิริต และรักษาหน้าที่ของตนเองมากขึ้น ในที่สุดเจ้าสัวทรัพย์ทวีตัดสินใจต่อสัญญากับบริษัท “เต็มใจปกป้อง” ความซื่อสัตย์ จริงใจ มีน้ำใจ ของเอกทำให้ลูกค้าจอมวีนอย่าง คุณนายรัตติกาล (ดวงตา คุงตะมณี) ยังหลงปลื้มในตัวเอก นอกจากนี้เอกยังได้เสนอไอเดียความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ให้กับน้ำหวานไปทดลองปฏิบัติซึ่งก็ได้ผลดีกับห้าง ทำให้น้ำหวานเริ่มมองเอกแปลกไป กว่าเดิมและตกหลุมรักเอก แต่ก็ไม่ยอมเปิดปากบอกรักเอก แต่เส้นทางรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้ราบรื่น อย่างที่คิด เพราะเจ้าสัวทรัพย์ทวีคอยกีดกัน และยังมี คมสัน(ชวัลวิทย์ สีหเดชรุ่งชัย) พนักงานขายเครื่องกีฬาที่หลงรักน้ำหวานอยู่คอย กลั่นแกล้งเอกและเจมส์ แพรวพรรณพิไล(พรพรหม สายบัว) พนักงานขายเครื่องสำอางค์ จอมโป้ปดมดเท็จที่หลงรักเอกคอยกลั่นแกล้งน้ำหวาน สาคริต (ก่อ กมลพัฒนะ) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณนายรัตติกาล ที่คุณนายต้องการจะให้หมั้นกับน้ำหวานเพราะ หวังจะมาช๊อปปิ้งโดยไม่ต้องเสียเงิน แต่สาคริตไม่ได้รักน้ำหวานกลับไปหลงรัก เพ็ญระพี(ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา) สาวเช็คสต็อก วันหนึ่งเกิดความแตก เอกได้รู้ว่าน้ำหวานคือลูกสาวเจ้าสัว ทำให้เอกน้อยใจที่น้ำหวานปิดบังความจริงกับตนเอง โดยลืมไปว่าตัวเองก็ปิดบังน้ำหวานอยู่เช่นกัน ว่าตัวเองไม่ใช่เป็นเพียงยามกระจอก แต่เป็นลูกชายของนักธุรกิจใหญ่แห่งภาคอีสาน เอกเลยแกล้งทำไปสนิทสนมกับแพรวพรรณพิไพ จนน้ำหวานออกอาการหึงและสารภาพว่ารักเอก แต่เพราะเอกเป็นแค่ยามจึงขอให้เอกพยายามไต่เต้าขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงเพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับของเจ้าสัวทรัพย์ทวี เอกตกลงและลาออกจากการเป็นยาม มาสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารในห้าง ซึ่งความจริงบุญหลายจัดการเทคโอเว่อร์ร้านนี้แล้ว แต่ไม่บอกเอก เพราะต้องการจะให้ลูกชายได้หัดสู้ชีวิตและไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เอกทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟอย่างขยันขันแข็งจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเอามาเปิดบูธขายของในห้างจนกิจการของเอกดีขึ้นเรื่อยๆ น้ำหวานดีใจและพยายามพาเอกเข้าพบเจ้าสัว แต่เจ้าสัวไม่ยอมรับ บุญหลายเห็นใจในความรักของเอก จึงตัดสินใจไปสู่ขอน้ำหวานให้กับเอกโดยไม่บอกเอกล่วงหน้า เจ้าสัวโกรธมากที่เจ้าของบริษัทยามจะมาสู่ขอลูกสาวตนให้กับลูกชาย เพราะไม่รู้ว่าบุญหลายนั้นไม่ได้มีกิจการเฉพาะบริษัทยามเท่านั้น แต่เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ทางอีสานอีกด้วย แต่ที่เปิดบริษัทยาม เพราะเคยมีความหลังว่าภรรยาหรือแม่ของเอกเคยถูกโจรยิงตายในห้าง จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ขึ้นอีก จึงคิดเปิดบริษัทยามเป็นไซท์ไลน์ เจ้าสัวไปเร่งคุณนายรัตติกาลให้จัดการแต่งงานสาคริตกับน้ำหวานโดยเร็ว แต่สาคริตผิดหวังจากเพ็ญระพีจึงได้แพรวพรรณพิไลเป็นผู้ปลอบใจ ในที่สุดเขาก็ทำแพรวพรรณพิไลท้อง แต่ต้องปิดเป็นความลับกับเจ้าสัวและคุณนายรัตติกาลไว้ โดยตกลงกับน้ำหวานเป็นการส่วนตัว วันแต่งงานสาคริตกับน้ำหวาน น้ำหวานจัดการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวจากตนเองให้กลายเป็นแพรวพรรณพิไล คุณนายรัตติกาลถึงกับลมใส่ที่ได้ลูกสะใภ้เป็นแค่พนักงานขายเครื่องสำอางค์ ในขณะที่ความรักสาคริตกับแพรวพรรณพิไล เจมส์กับเพ็ญระพี มนตรีกับนารี กำลังหวานชื่น แต่ความรักของเอกกับน้ำหวานกับขมขื่นยิ่ง เพราะในวันแต่งงานของสาคริตกับแพรวพรรณพิไล ทำให้น้ำหวานได้รู้ว่าเอกเป็นลูกชายของบุญหลายที่มาสู่ขอตน น้ำหวานจึงโกรธเอกที่ปิดบังเรื่องทั้งหมด แม้เอกจะพยายามอธิบายให้เธอฟัง แต่น้ำหวานก็ไม่ยอมฟัง เมื่อง้องอนเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุด เอกก็ตัดสินใจกลับโคราชไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลาย

โก๋ ตี๋ กี๋ หมวย 2545

เรื่องย่อ : โก๋ ตี๋ กี๋ หมวย (2545/2002) เมื่อ "โก๋ตี๋" ตื๊อรัก "กี๋หมวย" อุตลุดกันหลายฮา กว่ากามเทพจะแผลงศร

ดาวพระศุกร์ 2545

เรื่องย่อ : ดาวพระศุกร์ (2545/2002) ดาว พระศุกร์เป็นเด็กที่นางวิภา วงศ์สะอาด มาคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเลี้ยงดูดาวพระศุกร์จนอายุได้ 9 เดือน ก็มีคนมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชีวิตในบ้านพ่อเลี้ยงที่เกรงใจภรรยาและแม่เลี้ยงใจร้าย ในตอนแรกจนกระทั่ง 4 ขวบกว่า ดาวพระศุกร์มีพิกุลเป็นพี่เลี้ยงคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ให้รอดจากคุณนายมารศรี แม่เลี้ยงตีบ่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณนายไล่พิกุลออก ดาวพระศุกร์จึงต้องทนเลี้ยงน้องที่เกิดมาคล้ายเป็นลูกอิจฉาของคุณนายถึง 4 คน ซึ่งคุณนายรักดั่งแก้วตาตลอดเวลา ดาวพระศุกร์มีหน้าที่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวดูแลทุกคนในบ้านอย่างดี ถ้าทำผิดแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกคุณนายทุบตีอย่างทารุณ คุณนายดุด่าและบอกความจริงว่า คุณนายและท่านนายพันไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และบอกว่าแม่จริงชื่อ วิภา วงศ์สะอาด ดาวเสียใจมาก พ่อเลี้ยงปลอบว่าวันหนึ่งแม่จริงของดาวก็จะมารับดาวจึงทนรอคอยความหวัง วัน หนึ่งดาวไปตลาด พบเด็กชายขอทานซึ่งแกอดข้าวมา 2 วันจนแทบเป็นลม ดาวนึกสงสารจึงให้มาที่บ้าน หาข้าวให้กินด้วยใจบริสุทธิ์ และเล่าให้ฟังว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แก่รับฟังด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ คนข้างบ้านคนหนึ่งเห็นดาวคุยกับแก่ ก็ไปฟ้องคุณนายว่าดาวริอ่านคบผู้ชาย คุณนายโกรธมาก ตบตีดาวอย่างหนักที่สุด หาว่าคบผู้ชาย เผลอหลุดปากบอกความจริงเรื่องแม่ของดาวทิ้งดาวไว้ที่โรงพยาบาลและไม่มีวัน ที่จะมารับกลับ ดาวจึงหมดความอดทนและสิ้นหวังในการรอคอย ดาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ( อายุ 11 ขวบ ) ขณะที่ศศิ ประภา แม่ที่จริงของดาวพระศุกร์ ซึ่งต่อมาแต่งงานใหม่กับพลตรีพีรยุทธ มีลูกชายใหม่ 1 คน ชื่อแดง ตลอดเวลาไม่มีใครรู้ความลับของศศิประภานอกจากนมแม้นคนเดียว ศศิประภาไม่เคยลืมลูกสาวที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าดาวพระศุกร์ ไม่เคยลืมแววตาของลูก และปานแดงรูปหัวใจเหนืออกซ้ายของดาว ศศิประภาทุกข์ทรมานใจทุกครั้งที่คิดถึงลูกคนแรก ขณะ ที่แก่เดินขอทานอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับภาคย์ ภาคย์สงสารให้เงินถึง 2 ครั้ง แต่ด้วยความซื่อแก่เผลอเล่าเรื่องของดาวพระศุกร์ให้ศศิประภาฟัง ศศิประภารู้ทันทีว่าดาวคือลูกศศิประภาตามไปหาดาวที่บ้านคุณนายมารศรี จึงรู้ว่าดาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว ดาวเร่ร่อนขอทานอยู่กับเกรียงและ อู๊ด เด็กขอทานข้างถนนอยู่ 2 – 3 ปี หลังจากขอทานดาวก็ริอ่านเป็นขโมยโดยมีนายชุมเด็กวัยรุ่นเป็นหัวหน้า ชีวิตของดาวต้องต่อสู้ดิ้นรนไปจนกระทั่งพบกิ่งแก้วโสเภณีชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าดาวหน้าตาดี จึงชวนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งเป็นของฉวีแม่เล้าของตัวเอง บ้านของฉวีเป็นบ้านชั้นดี รับเฉพาะแขกที่มีสตางค์เท่านั้น ขณะนั้น ดาวอายุได้ประมาณ 14 ปี ต้องเติบโตในบ้านนั้น พบเห็นเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเหล่านั้นจนชิน กิ่งแก้วพยายามสอนหนังสือให้ดาว จนดาวมีความรู้เทียบได้เท่ากับมัธยม 6 สมัยนั้น พอดาวโตขึ้นอายุได้ 16 – 18 ปี ฉวีก็เริ่มให้ดาวออกทำงาน ดาวเคยรู้รสชาติของความจนความลำบากมาก่อนจึงไม่กล้าขัดขืน แต่กลับหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการมอมเหล้าแขกบ้าง หาคนมาแทนบ้าง เมื่อดับไฟแล้วบ้าง สารพัด เพื่อรักษาพรหมจารีย์ไว้อย่างเหนียวแน่น ดาวใช้วิธีเหล่านี้เอาตัวรอดได้ตลอดมาจนได้ฉายาว่า แม่ดาวจอมกะล่อน และ เพราะวิธีสับตัวเองเอาคนอื่นมาแทนนี่เอง แขกคนหนึ่งเกิดติดโรคจึงเข้าใจว่าติดมาจากดาว เจ้าสำนักจึงให้พยาบาลมาตรวจโรค ดาว บังเอิญพยาบาลคนนั้นคือ อรทัย พยาบาลที่เป็นคนทำคลอดดาว จำดาวได้เพราะปานแดงรูปหัวใจ และชื่อดาว ดาวถามอรทัยจนใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของดาวให้รับรู้จนหมด เพื่อน ๆ ของภาคย์ 2-3 คน เคยโดนลูกไม้ของดาวมาแล้วก็ไปเล่าให้ภาคย์ฟัง ภาคย์สนใจจึงมาทดลองบ้าง ภาคย์หลบเลี่ยงลูกไม้ของดาวทุกชนิด เช่น ไม่ดื่ม ไม่ดับไฟ ไม่อมทอฟฟี่ แต่ดาวก็เล่นไม้ตายโดยใช้ยาสลบ จนกระทั่งภาคย์หมดสติทั้งคืนจนเช้า พอ ภาคย์รู้สึกตัว แทนที่จะโกรธ ภาคย์เกิดสนใจดาวและขอซื้อจากเจ้าสำนักในราคา 1 แสนบาททันที แล้วรับตัวดาวไปอยู่ที่บ้าน ดาวจำต้องไปเพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้านนี้ตลอดไป ดาวตั้งใจว่าจะหาทางหาเงินมาใช้กับภาคย์เพื่อแลกกับอิสระภาพให้จนได้ ภาคย์พาดาวไปอยู่บ้านเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะกึ่งน้องกึ่งญาติ ภาคย์ให้ดาวเรียนการบ้านการเรือนกับนมเชื่อม และเรียนคณิตศาสตร์กับตัวเองให้ศศิประภาญาติของภาคซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ขอดาวมาสอนภาษาอังกฤษ และมาหยารัศมี สาวสังคมที่มาติดภาคย์ช่วยสอนดนตรีให้ด้วย ดาวต้องอดทนเรียนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ชอบสักอย่างดาวเริ่มหลงรักภาคย์ ขณะเดียวกันก็นึกรู้ว่าศศิประภาคือแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยแรงน้อยใจที่แม่ไม่ยอมรับเป็นลูกดาวทำฤทธิ์กับศศิประภาทุกอย่าง ศศิประภาก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียวบอกใครไม่ได้ เมื่อใดที่ศศิประภาเผลอแสดงความรัก ความห่วงใย ดาวจะย้อนกลับอย่างเจ็บแสบเสมอ ทำให้ศศิประภายิ่งช้ำใจหนักขึ้น นอกจากดาวจะน้อยใจ ในตัวแม่บังเกิดเกล้าแล้วยังต้องต่อสู้กับมาหยารัศมีทุกรูปแบบเพราะมาหยา รัศมีกลัวว่าดาวจะมาแย่งภาคย์ไปจากตน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ความดาวตลอดเวลา ซึ่งภาคย์เองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ทำให้ดาวต้องเสียใจทุกครั้ง เหตุการณ์ผ่านไปภาคย์เริ่มรักดาวและดาวเองก็รักภาคย์มากเช่นกัน แต่ต่างคนก็สงวนท่าที วัน หนึ่งในงานราตรีสโมสร ดาวจงใจแต่งตัวค่อนข้างโป๊เพื่อประชดภาคย์ ทำให้มีหนุ่ม ๆ 2 คนมาตามติดดาว คนหนึ่งคือ เศกสรรค์ เพื่อนของภาคย์ และอีกคนหนึ่งคือผู้พิพากษา อรรถ ซึ่งติดใจดาวมากจนศศิประภาผู้กำความลับอย่างแน่นอยู่ตกใจแทบเป็นลม มาหยารัศมีขัดขวางอรรถกับดาวจนเกิดเรื่อง ภาคย์ต้องลากตัวดาวกลับทันทีขณะที่ขับรถกลับบ้านอย่างหัวเสีย ภาคย์แกล้งขับเร็ว ๆ ไปทางอื่นอยู่นานกว่าภาคย์จะพาดาวกลับบ้าน ดาวก็เริ่มจับไข้แต่ไม่ยอมบอก รุ่งขึ้นดาวก็เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติเพ้อร้องหาแม่อย่างน่าสงสาร ภาคย์ เฝ้าดูแลดาวทุกอย่างจนเด็กรับใช้ในบ้านเริ่มซุบซิบว่าภาคย์รักดาว ระหว่างที่ดาวป่วยท่านผู้พิพากษาอรรถส่งดอกไม้มาเยี่ยมดาวทุกวัน ภาคย์หึงแต่ไม่ยอมรับ ได้แต่หาเรื่องทะเลาะกับดาวไม่เว้นแต่ละวัน ท่านผู้พิพากษาสงสารดาวมาก ถึงกับให้เงินดาว 1 แสนบาทเป็นค่าไถ่ตัว และจะรับไปอยู่ด้วยกัน แต่พอดาวเอาเงินให้ภาคย์ ภาคย์โกรธมากประกอบกับเมาจึงลืมตัว เข้าปล้ำดาวจนดาวต้องตกเป็นของภาคย์ รุ่งเช้าภาคย์เสียใจในการกระทำของตัวเองมาก แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำ อย่างไรดี เพราะถ้าแต่งงานกับดาว ก็เป็นปัญหาหลายอย่าง หนึ่งดาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณนายมารศรีซึ่งเป็นแม่ตามกฎหมายคงไม่ยอม สองภาคย์เองก็ไม่แน่ใจว่า ดาวจะปรับตัวเป็นภรรยาได้สมกับฐานะหรือยัง และสามมาหยารัศมีก็คอยหาเรื่องวุ่น ๆ จนได้ ระหว่างที่ภาคย์ลังเลจะทำอย่างไรดี ดาวซึ่งสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ผิดหวังทั้งแม่ตัวเอง แม่เลี้ยง แล้วยังคนรักซึ่งยังคงคบหามาหยารัศมีอยู่ ดาวท้อแท้มาก มีแต่ผู้พิพากษาอรรถเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจดาวจนดาวใจอ่อนยอม ตกลงจะแต่งงานกับอรรถ ศศิประภาหมดความอดทนจึงต้องยอมบอกความจริงว่า ที่แท้อรรถคือพ่อแท้ ๆ ของดาวนั่นเอง ท้ายที่สุดดาวคิดสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีตนซักคน มาหยารัศมีก็คงได้แต่งงานกับภาคย์ ศศิประภาก็จะได้คืนดีกับท่านนายพลฯเพราะตอนที่นายพลฯ พีรยุทธ สามีของศศิประภารู้ว่าศศิประภา มีลูกมาก่อนก็โกรธถึงกับขอแยกทาง ดาวจึงตัดสินใจหนีทุก ๆ คนไป ภาคย์ขับรถตามดาวจนประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นอะไรมากนักต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง ดาวหนีมาอยู่ที่ราชบุรีซึ่งดาวแอบซื้อที่ดินเอาไว้ไม่บอกใครแต่เพราะที่ดิน ข้าง ๆ กับของดาวเป็นของพิกุลพี่เลี้ยงคนแรกของดาว พิกุลจึงเป็นคนนำข่าวไปบอกกับทุก ๆ คน ภาคย์รีบตามมาหาดาวทันที ทิ้งให้มาหยารัศมีกับอรรถทำความรู้จักให้ดีขึ้น เพราะทั้งสองมีท่าทางพอใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ภาคย์ตามมาพบดาว งอนง้อขอคืนดี จนดาวใจอ่อน เรื่องราวทั้งหลายจึงจบลงด้วยความสุข

หวังด้วยใจ...ไปด้วยฝัน 2545

เรื่องย่อ : หวังด้วยใจ...ไปด้วยฝัน (2545/2002) เรื่องราวของเด็กผู้หญิง ที่มีความสนใจอยากเล่นฟุตบอล แต่คราบครัวของเธอมีฐานะมหาเศรษฐี พ่อ-แม่ และพี่สาว ไม่เห็นด้วย ให้ผู้หญิงเตะฟุตบอล เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของผู้ชายเค้าเล่นกัน จึงปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพราะมีความตั้งใจอยากเล่นฟุตบอล

น้ำพุ 2545

เรื่องย่อ : น้ำพุ (2545/2002) พ่อกับแม่สุวรรณี สุคนธา (สินจัย เปล่งพานิช) ของ "น้ำพุ" (ตะวัน จารุจินดา) เลิกลากัน เพราะพ่อไปมีผู้หญิงคนใหม่ และพ่อทำลายของน้ำพุและแม่เข้าปกป้องน้ำพุ น้ำพุจึงมีความรู้สึกสว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก แม่พาน้ำพุและลูกสาวทั้งหมดไปอาศัยบ้านเพื่อน แม่เป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย และยังมีงานเขียนอีกด้วยเพื่อหารายได้เลี้ยงลูก ๆ ระหว่างที่แม่ น้ำพุ และพี่ ๆ น้อง ๆ อาศัยบ้านเพื่อนแม่ ก็มี "น้าแพ็ท" (จิรายุส วรรธนะสิน) เพื่อนรุ่นน้องของแม่มาเยี่ยมและคอยอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาเสมอ ๆ น้ำพุรู้สึกว่าแม่สนิทสนมกับน้าแพ็ทมากเป็นพิเศษ ต่อมาแม่ก็พาลูก ๆ ไปฝากยายที่พิษณุโลก ส่วนแม่ก็ย้ายออกมาอยู่ห้องเช่า ต่อมาแม่ก็มารับน้ำพุมาอยู่ด้วย เพราะแม่ฝากความหวังไว้ที่น้ำพุลูกชายคนเดียวว่าอนาคตอยากให้น้ำพุเป็นหมอ จึงอยากให้น้ำพุได้เรียนโรงเรียนดี ๆ ที่กรุงเทพฯ น้ำพุดีใจมากที่จะได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง แต่น้ำพุมาอยู่ได้ไม่นาน จู่ ๆ แม่ก็ทิ้งงานสอนตามน้ำแพ็ทไปต่างประเทศ จนถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย น้ำพุรู้สึกว่าตนเองถูกแม่ทอดทิ้ง และน้าแพ็ทก็มาแย่งความรักจากแม่ไปหมด จึงหันไปคบเพื่อนที่พากันริกินเหล้า สูบบุหรี่เพื่อเป็นการประชด หลังจากที่แม่กลับมา งานของแม่ก็เหลือเพียงงานเขียนอย่างเดียวเท่านั้น จนแม่ต้องเร่งทำงานหนักขึ้นเพื่อให้รายได้เพียงพอที่จะมาเจือจุนครอบครัว และแม่ก็ตั้งใจจะหาบ้านเช่าเพื่อรับลูกสาวที่ฝากยายไว้มาอยู่ด้วยกัน แม่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาสนใจน้ำพุนัก เมื่อแม่รับพี่ ๆ และน้อง ๆ มาอยู่ด้วย แทนที่ครอบครัวจะอบอุ่นเช่นเดิม แต่น้ำพุกลับรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก เพราะความที่เป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน แต่นั่นก็ยังไม่พอ น้ำพุรู้สึกแย่ยิ่งขึ้นเมื่อน้าแพ็ทย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย "อ๊อด" และ "เบิ้ม" เพื่อนสนิทพาน้ำพุได้รู้จักกับ "ม้ง" เพราะทั้งหมดสนใจเรื่องดนตรีเหมือน ๆ กัน แต่แม่กลับไม่สนับสนุน เพราะเกรงว่าน้ำพุจะสนใจดนตรีจนไม่สนใจการเรียน อย่างที่ตนวาดอนาคตการเป็นหมอของน้ำพุ ยิ่งทำให้น้ำพุห่างเหินกับแม่ยิ่งขึ้น แล้วน้ำพุก็ได้รู้จักกับ "กิ๊ก" (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ทั้งคู่ถูกใจกันจนถึงขั้นที่น้ำพุแอบพากิ๊กมาค้างที่บ้านบ่อย ๆ น้ำพุและเพื่อน ๆ เริ่มทดลองสูบกัญชา จนวันหนึ่งทั้งหมดถูกตำรวจจับ แม่ไปประกันตัวน้ำพุออกมา หลังจากนั้นแม่ก็คุมเข้มน้ำพุยิ่งขึ้น จนวันหนึ่งแม่ก็จับได้ที่น้ำพุพากิ๊กมาค้างที่บ้าน แม่ไล่กิ๊กออกจากบ้านและห้ามไม่ให้น้ำพุพากิ๊กมาที่บ้านอีก ต่อมา กิ๊กก็ถูกไล่ออกจากบ้าน จึงมาชวนน้ำพุให้หนีไปใช้ชีวิตด้วยกัน ระหว่างทาง ทั้งคู่ก็ไปพบ "ใหม่" เพื่อนอีกคนหนึ่งที่ติดยางอมแงม ใหม่ขอร้องให้น้ำพุกับกิ๊กกลับบ้าน น้ำพุพากิ๊กกลับด้วยกัน และขอร้องให้แม่รับกิ๊กเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน แม่จำยอมเพราะกลัวน้ำพุจะเตลิดไปอีก น้ำพุยังคงคบกับเพื่อนกลุ่มเดิม ๆ และยังพากันไปเล่นยาอยู่ จึงโดนตำรวจจับอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำพุถูกส่งไปอยู่บ้านเมตตา ส่วนกิ๊กถูกส่งไปอยู่บ้านปรานี แม่วิ่งเต้นหาทางช่วยจนรับน้ำพุออกมาได้ แม่ตัดสินใจส่งน้ำพุไปอยู่กับย่าที่เชียงใหม่เพื่อกันน้ำพุออกจากเพื่อนๆ น้ำพุขอแม่เรียนต่อด้านศิลปะ แม่ไม่เห็นด้วยและผิดหวังที่น้ำพุไม่เป็นอย่างที่ตนคาดหวังไว้ แต่แพ็ทก็ช่วยเกลี้ยกล่อมจนแม่ยอมใจอ่อน น้ำพุสอบเข้าได้เรียนศิลปะตามที่ตั้งใจ เขากลับมาอยู่กรุงเทพฯ กับแม่อีก และได้เพื่อนใหม่คือ "จุก" และมีแฟนใหม่อย่าง "ปอแก้ว" น้ำพุยังคงติดยาอยู่และทำให้จุกร่วมเสพย์ยาไปด้วย แม่เห็นน้ำพุผ่านผอมลงจนผิดตาจึงพาไปหาหมอ หมอบอกว่าน้ำพุเป็นโรคตับ ต้องรักษาตัวในโรงพยาบา ทำให้น้ำพุต้องเสียเวลาเรียนไปหนึ่งปีเต็ม ๆ แม่และแพ็ทก็ร่วมหุ้นกันทำนิตยสาร แม่จึงไม่มีเวลาสนใจลูก ๆ มากนัก น้ำพุเริ่มเสพย์ยามากขึ้น จนทนไม่ไหว จึงยอมสารภาพกับแม่และขอไปเลิกยาที่ถ้ำกระบอก เมื่อรักษาตัวจนหาย น้ำพุก็กลับมาเรียนอีกครั้ง ปอแก้วก็ไปมีแฟนใหม่แล้ว แถมน้ำพุยังไปมีปัญหากับนักเรียนโรงเรียนอื่นอีก น้ำพุยืนยันว่าเขาไม่ผิด แต่เพราะประวัติที่เคยติดยาทำให้บรรดาอาจารย์ไม่เชื่อที่น้ำพุพูด น้ำพุหมดกำลังใจ กลับบ้านไปก็ไม่มีใครสนใจ น้ำพุไม่รู้จะพึ่งใคร จึงหันไปเสพย์ยาอีกครั้ง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายของน้ำพุ การจากไปของน้ำพุสร้างความเสียใจให้แก่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่ที่โทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่เลี้ยงดูน้ำพุไม่ดีพอ จึงได้เขียนเรื่องของน้ำพุไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์สำหรับครอบครัว

กระตุกหนวดเสือ 2545

เรื่องย่อ : กระตุกหนวดเสือ (2545/2002) เสือ ทองใบ โรบินฮู้ด ( อนันต์ บุนนาค ) เป็นหัวหน้ากลุ่มโจร ซึ่งประกอบไปด้วย เสือพุด ปืนทอง ( นิกกี้ ธีระกล ) , เสือป่อง มวยเอก ( ไมเคิล เวลล์ช ) , เสือเล็กร้อยลีลา ( เบญจพล เชยอรุณ) และแมวป่า ยอดยาใจ ( ปิยะดา เพ็ญจินดา ) เมียของเสือใบ โดยกฎของโจรนี้จะปล้นเฉพาะคนรวย แล้วเอาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านทุกครั้งที่ออกปล้น เสือทองใบจะทิ้งใบไม้สีทองไว้ทุกครั้ง เครี่ หรือ คิงคอง ( อนัน อันวา ) เพิ่งย้ายตามบิลผู้เป็นพ่อจะมาทำธุรกิจก่อสร้างในละแวกนั้น ทำให้เสี่ยทวีสิทธิ์ผู้มีอิทธิพลของจังหวัดไม่พอใจ เพราะตนก็ทำรับเหมาก่อสร้างด้วยเช่นกัน จึงสั่งให้เสือภู่ ปืนครก และคู่หูเสือโมก ปืนยาว ไปปล้นบ้านคิงคองแต่เสือโมก ก็พลั้งมือไปยิงบิล ขณะที่เสือภู่กำลังจะยิงถล่มบ้านบิลนั้นพวกของเสือทองใบก็เข้ามาพอดี ทำให้เสือภู่ กับเสือโมกต้องหลบออกไป บิลของร้องไห้เสือพุดช่วยดูแลคิงคอง พุดรับปาก การปล้นบ้านบิลครั้งนี้ทำให้ผู้ว่าฯ โกรธมากและคิดว่าเป็นฝีมือของเสือใบ เพราะเสือภู่ ได้แอบทิ้งสัญลักษณ์ของเสือใบ คือ ใบไม้สีทองเอาไว้ ท่านผู้ว่า ฯ ( กรุง ศรีวิไล ) จึงร้องเรียนไปยังนครบาล ทางนครนบาลจึงส่ง สารวัตร ชาญ ( พฤกษ์ พีระนันท์ ) มาช่วยปราบโจร เสือทองใบรู้เรื่องของสารวัตรชาญ จึงส่งเสือพุดมาเป็นสายสืบ จึงได้พบกับ กิ่งแก้ว ( พิมพ์ศิริ พิมพ์ศรี ) เสือพุดตกหลุมรักกิ่งแก้วทันที โดยไม่รู้ว่ากิ่งแก้วเป็นลูกสาวของผู้ว่าฯ และขอร้องให้คิงคองช่วยคิงคองจึงให้เสือพุดปลอมตัวไปสอนศิลปะการป้องกันตัว ให้กับชมรมสตรีป้องกันตนเองที่กิ่งแก้วเป็นคนตั้งขึ้น แต่สุดท้ายคิงคองก็ทำความแตกจนได้ เป็นเพราะเสี่ยทวีสิทธิ์รวยขึ้นมา ได้เพราะโกงคนอื่นมา เสือทองใบ จึงวางแผนปล้นบ้านเสี่ยทวีสิทธิ์แต่ทางตำรวจรู้เรื่องการปล้นในครั้งนี้ด้วย เหตุเพราะคิงคองโมโหที่ทองใบไม่ยอมให้ความร่วมมือปล้นด้วยจึงเอาข่าวไปบอก กิ่งแก้ว เมื่อเสือทองใบยกพวกมาจึงปะทะเข้ากับกองกำลังของตำรวจ เสือทองใบถูกจับส่วนเสือพุดนั้นกิ่งแก้วแอบปล่อยตัวออกมา ผลงานการจับตัวเสือใบได้ครั้งนี้ ทำให้สารวัตรชาญ ได้ความดีความชอบท่านผู้ว่า จึงประกาศยกกิ่งแก้วให้แต่งงานกับสารวัตรชาญ โดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ เมื่อเสือทองใบแอบหนีมาได้และมาสมทบกับกลุ่มเสือที่เหลือกี่งแก้วก็ตามไปกับ กลุ่มเสือด้วยเพราะไม่อยากแต่งงานกับสารวัตนชาญ เสือทองใบ วางแผนปล้นบ้านเสี่ยทวีสิทธิ์อีกครั้งและถือโอกาสจัดการกับพวกของเสือภู่ ด้วย เมื่อเสือทองใบยกพวกมานั้นพบว่าบ้านเสี่ยทวีสิทธิ์เตรียมการป้องกันอย่าง แน่นหนา ทั้งสองฝ่ายจึงยิงต่อสู้กันโดยมีพวกสารวัตรชาญแอบดูอยู่เพื่อรอจัดการกับ ฝ่ายโจรที่เหลือ ปรากฏว่าเสือโมก ถูกยิงตาย เสือภู่ , เสือป่อง , แมวป่า และเสือเล็กถูกตำรวจจับ ส่วนเสือทองใบกับเสือพุดนั้นทางตำรวจสันนิษฐานว่าตกหน้าผาตาย มีแต่คิงคองและกิ่งแก้วที่รู้ว่าทั้งคู่ยังไม่ตายเพราะเห็นสัญลักษณ์ใบไม้สี ทองทิ้งเอาไว้แต่ชีวิตของสองเสือจะเป็นตายร้ายดีแค่ไหน

หัวใจเถื่อน 2545

เรื่องย่อ : หัวใจเถื่อน (2545/2002) ภาคย์ ลูกชายคนโตของครอบครัวพิชิตพงษ์แต่กลับไม่เคยได้รับความรักจากกวีผู้เป็นพ่อเลยกลับทุ่มเทความรักไปที่ภากร น้องชาย บ่อยครั้งที่ภาคย์เก็บความน้อยใจไประบายให้อำภาผู้เป็นแม่ฟัง อำภาก็ได้แต่ปลอบใจและขอให้ภาคย์อดทน จนกระทั่งวันหนึ่งความอดทนของภาคย์ได้หมดลง ภาคย์หนีออกจากบ้านทุกคนเสียใจรวมทั้งอมาวสี หลานสาวที่กวีรับมาเลี้ยงซึ่งแอบรักภาคย์มาตลอด 10 ปีผ่านไปฐานะของบ้านพิชิตพงษ์ย่ำแย่ลงทุกที แต่ภากรยังฟุ่มเฟือยเหมือนเดิมแถมมีความรู้สึกหึงหวงอมาวสีเวลาที่มีผู้ชายมาหาที่บ้านแต่อมาวสีไม่สนใจเพราะในใจมีแต่ภาคย์ อมาวสีบังเอิญได้พบกับราช รัชภูมิในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาจากต่างประเทศของวาริน พี่ชายของวัชรี อมาวสีรู้สึกว่าราชกับภาคย์ต้องเป็นคนเดียวกันแต่ราชปฏิเสธว่าไม่ใช่ภาคย์ ส่วนทางด้านกวีกับอำภาก็กำลังกลุ้มใจที่จะหาเงินให้ภารโรงนายสุดที่ภากรเกิดไปได้เสียกับสีไพร ลูกสาวโดยตัดสินใจขายบ้านแก้วเสียซึ่งคนที่รับซื้อไว้ก็คือราช รัชภูมิ ภากรคลั่งอมาวสีอย่างหนักจนขอร้องให้กวีจัดงานแต่งงานขึ้นระหว่างตนกับอมาวสี อมาวสีต้องจำยอมเพราะกวีอ้างบุญคุณที่เลี้ยงดูเธอมา อมาวสีอยากรู้ว่าภาคย์หรือราชจะรู้สึกอย่างไรจึงตัดสินใจบอกว่าเธอจะแต่งงานกับภากร ราชยินดีด้วยแต่ในใจราชกลับรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ราชจึงตัดสินใจวางแผนพาอมาวสีหนีภากรโกรธมากจ้างจำลองให้ออกตามหาจนไปเจอราชกับอมาวสีที่ไร่แห่งหนึ่ง จำลองหลอกล่อให้ราชออกไปจากไร่ แล้วปลอมลายมือมารับอมาวสี อมาวสีหลงเชื่อตามจำลองไปจนถูกจับไปขังที่กระท่อมร้างแต่ก็รอดมาได้เพราะสายบัว เมียของจำลองเกิดหึงจึงแอบปล่อยอมาวสีออกมา ส่วนภากรก็ถูกจำลองหลอกไปติดการพนันจนหมดตัวแล้วบังเอิญไปได้พบกับสีไพร ผู้หญิงที่ภากรเคยเห็นเป็นของเล่นซึ่งยังรักและพร้อมจะให้อภัยภากรเสมอ ภากรจึงสำนึกได้ กวีตัดสินใจขายบ้านพิชิตพงษ์เพราะฐานะที่กำลังย่ำแย่ลงอย่างหนักม.ร.ว.ทิพย์สุดามารับซื้อไว้เพื่อมอบให้ภาคย์จนกระทั่งม.ร.ว.ทิพย์สุดาตามหาภาคย์จนได้พบราช ซึ่งมั่นใจว่าภาคย์กับราชคือคนเดียวกัน จึงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้ญาติกับหม่อมคทาเทพแฟนเก่าของอำภาและภาคย์ ก็คือลูกที่เกิดจากอำภาและคทาเทพไม่ใช่กับกวี พอฟังจบราชจึงเข้าใจเหตุผลที่กวีร้ายกับตนจึงรีบไปหากวีและอำภาเพื่อขอบคุณที่เลี้ยงดูมาและขอให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ส่วนวารินก็ดูแลเทคแคร์อมาวสี ภาคย์เองก็เชียร์ให้อมาวสีรับรักวาริน อมาวสีแอบน้อยใจและคิดว่าภาคย์มีหญิงที่รักอยู่แล้ว ภาคย์และอมาวสีจึงห่างกันออกไปทุกที ในวันแต่งงานของภากรและสีไพรอมาวสีแอบประชดภาคย์โดยทำเป็นใกล้ชิดกับวารินแต่สายตาเหลือบไปเห็นจำลองที่กำลังจะยิงภาคย์พอดีอมาวสีเอาตัวไปกันกระสุนให้ ความเสียสละของอมาวสีจึงสามารถล้างความเถื่อนของหัวใจภาคย์ลงไปได้

พรหมพาล 2545

เรื่องย่อ : พรหมพาล (2545/2002) นารา เมคอัพอาร์ตติสสาว สวย ความรู้ดี กำลังกลุ้มใจมากเพราะนางลัดดาวัลย์ ผู้เป็นป้าสะใภ้ จะให้เธอทำงานชิ้นหนึ่งซึ่งนารามองว่ายากลำบากที่สุดเพื่อเป็นการใช้หนี้ เรื่องของเรื่องก็เพราะว่า เมื่อนาราเรียนจบปริญญาตรีใหม่ ๆ เธอชอบการเป็นเมคอัพอาร์ตติสมาก จึงเข้าไปทำงานกับ ปาลฑัต ช่างแต่งหน้าคนดัง แล้วนาราก็ตัดสินใจไปเรียนต่อทางด้านนี้ที่ฝรั่งเศส ทั้งที่ครอบครัวของเธอฐานะไม่ดีนัก นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิต แต่ประไพผู้เป็นแม่ตกลงใจยอมไปยืมเงินจากลัดดาวัลย์พี่สะใภ้เป็นจำนวน 3 แสนบาทเพื่อส่งนาราไปเรียนโดยตกลงกันว่า เมื่อกลับมาแล้วนาราจะทำงานทยอยใช้หนี้ เรื่องยืมเงินลัดดาวัลย์นี้ นายประพจน์ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของประไพไม่รู้เรื่อง ถ้ารู้เขาคงไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้แน่ เพราะประพจน์นั้นรวยมาก และก็มีประไพเป็นน้องสาวคนเดียว ตระกูลของประพจน์และประไพนั้นได้ชื่อว่าเป็นตระกูลผู้ดีเก่าและร่ำรวย แต่เป็นเพราะประไพขัดคำสั่งพ่อ-แม่มาแต่งงานกับชายคนรักซึ่งเป็นข้าราชการจน ๆ เธอจึงถูกตัดออกจากกองมรดก ทว่ามารดาและประพจน์ก็ไม่เคยทอดทิ้งคงส่งเงินมาช่วยเหลืออยู่เสมอ ติดตามต่อได้ใน พรหมพาล

จารชนยอดรัก 2545

เรื่องย่อ : จารชนยอดรัก (2545/2002) ลูกสาวของ ระพี และมุกดา เจ้าของโรงงานปั้นโอ่งราชบุรี เป็นเด็กก๋ากั่น มีหัวการค้า มัทักษะด้านทำเครื่องปั้นของโรงงานพ่อ มุกระวีถูกมุกดาผู้เป็นแม่และ จินดาหรา พี่สาวเข้มงวดเรื่องกิริยามารยาท การรักนวลสงวนตัว การแต่งกาย มุกระวีไม่กินเส้นกับ คุณตาโสภณ และคุณยายมาลี เพราะคุณตาคุณยายกล่าวหาว่าเพราะมุกระวีเป็นผู้หญิง จึงทำให้มุกดาต้องขอ ประสบลาภ น้องชายมุกดามาเลี้ยงเหมือนลูก ทุกคนเชื่อว่าผู้หญิงไม่มีทางทำงานใหญ่ใดๆ ได้ มุกระวีได้แต่ผะอืดผะอม เพราะรู้ดีว่าตายายแกล้งโวยเพื่อกลบเกลื่อนความโลภ เธอรู้ว่าตายายจับคู่ประสบลาภให้เธอ เพื่อให้ประสบลาภได้สมบัติระพี มุกระวีได้พบกับ ภูริภพ ลูกชายคนเล็กของ ประพจน์ และมณี เจ้าของโรงแรมมีชื่อ เด็กหนุ่มมีความชอบคล้ายกัน คือชอบธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ ชอบเขียนภาพ ถ่ายรูป ดูนก มุกระวีแอบรักภูริภพตั้งแต่ครั้งแรกโดยภูริภพไม่รู้ตัว ภูริภพกับมุกระวีสนิทกันท่ามกลางการรับรู้ของ ฉัตร และโฉม สองพี่น้อง และต๋อย ลูกคนงาน โฉมใกล้ชิดกับมุกระวีมาก ทั้งสามต่างเชียร์ให้ภูริภพและมุกระวีได้สมรักกัน แต่แล้วเมื่อภูริภพได้พบกับจินดาหราก็ลืมไปเลยว่าเคยรู้จักกับมุกระวี เนื่องจากจินดาหราสวย ส่วนจินดาหราก็ไม่คิดว่าภูริภพกับมุกระวีจะชอบกัน เพราะไม่ได้มีทีท่าใดๆ จินดาหราจึงไม่คิดว่าตัวเธอได้แย่งสิ่งที่มุกระวีน้องสาวรักมากๆ มา มุกระวีเสียใจเธอพยายามทำใจ และปลอบตัวเองว่าภูริภพไม่ได้รักเธอ แต่เมื่อภูริภพและจินดาหราไปฝรั่งเศส และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

พลอยล้อมเพชร 2545

เรื่องย่อ : พลอยล้อมเพชร (2545/2002) ปาน ไพลิน ชนกานต์ หลานสาวคนสวยของสมาน ชนกานต์ เจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ที่ใหญ่และหรูที่สุดของกรุงเทพฯ นั่งทำหน้าราวกับอยากตายอยู่หน้ากระจกในห้องส่วนตัว ปานไพลินเป็นลูกของน้องชายแท้ๆ ของสมาน พ่อของเธอเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทชนกานต์จิวเวลรี่ขึ้นมา โดยมีสมานมาขอร่วมทุนด้วย จึงมีหุ้นส่วนกันคนละครึ่ง ต่อมาพ่อ-แม่ปานไพลินเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ เมื่อเธออายุได้ไม่กี่ขวบ สมานจึงต้องบริหารบริษัทแต่เพียงผู้เดียว โดยดูแลในส่วนที่เป็นของปานไพลินด้วย สมาน-รำไพ ภรรยา เลี้ยงดูปานไพลินอย่างดี แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ให้กับ จิรายุ-กมลนิตย์ ลูกชายและลูกสาว สมานนั้นไม่ค่อยรักปานไพลินนัก เขารักและตามใจลูกของตนมากกว่า ผิดกับรำไพซึ่งรักและเอ็นดูปานไพลินมากกว่าลูก เพราะความที่สมานตามใจลูกของตนมากกว่า จิรายุและกมลนิตย์จึงดื้อรั้นเอาแต่ใจ รำไพพูดอะไรก็ไม่เคยสนใจ ตรงกันข้ามกับปานไพลินซึ่งอ่อนหวาน น่ารัก ว่านอนสอนง่าย ดังนั้นในบ้านชนกานต์ ปานไพลินจึงมีเพียงป้ารำไพเท่านั้นที่รักและ ห่วงใยเธออย่างจริงใจ แต่รำไพก็ไม่สามารถช่วยเธอได้มากนัก เพราะรำไพเกรงกลัวสมาน ซึ่งเป็นสามี ด้วยความที่ปานไพลินดูเป็นคนหัวอ่อน สมานจึงบังคับแกมขอร้องให้ปานไพลินแต่งงานกับชนน ลูกชายของวีระ-ทิพา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานเจียระไนพลอยที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน ชนนนั้นบอกว่ารักปานไพลินอย่างจริงใจ ส่วนสมานต้องการจะใช้หลานสาวเป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ในทางธุรกิจ สมานเป็นนักธุรกิจที่คมและเค็มมาก เรื่องที่ทำให้ปานไพลินทุกข์ใจจนอยากตายก็คือเรื่องนี้เอง เธอไม่รักชนนเลย ซ้ำร้ายชนนเองมีชื่อเสียงระบือลือลั่นในเรื่องของการเป็นเพลย์บอยและความ เจ้าชู้ โดยเฉพาะความเจ้าชู้เป็นนิสัยที่เธอยอมรับไม่ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ถึงวันแต่งงานของเธอกับชนนแล้ว ปานไพลินยังคิดไม่ออกว่าเธอจะเอาตัวรอดได้อย่างไร เธอถึงอยากจะตายให้หมดเวรหมดกรรมไปเสียที ในตอนเย็นเมื่อเธอลงไป ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็น หน้าตาของเธอจึงดูหมองไหม้นัก กมลนิตย์พี่สาวจึงค่อนและเสียดสีตามนิสัย ว่าน่าจะดีใจที่จะแต่งงานกับหนุ่มหล่อและรวยอย่างชนน กลับทำหน้าเบื่อโลก ปานไพลินซึ่งความอดทนเริ่มลดลงจึงตอบไปว่า ถ้าชนนดีจริง ทำไมกมลทิพย์จึงไม่แต่งงานกับเขาเสียเอง เท่านี้ก็เป็นเรื่อง กมลนิตย์โกรธฟ้องสมานทันที แถมยังบอกอีกว่าที่เธอไม่แต่งานกับชนนเพราะเธอไม่รักเขา เธอมีชายในดวงใจอยู่แล้ว เขาชื่อ กมุท นอกจากรวย หล่อแล้วยังเก่งอีกด้วย เขาสามารถสร้างฐานะจากไม่มีอะไรเลยจนสามารถเป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายรถยนต์ ราคาแพงขึ้นมาได้ แล้วธุรกิจของเขาก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย กมลนิตย์พูดอย่างมั่นใจว่า กมุทนี่แหละคือชายที่เธอต้องการที่จะแต่งงานด้วย ปานไพลินได้แต่ฟังอย่างน้อยใจว่าสมานยอมให้ลูกเลือกชายคนรักได้เอง ส่วนเธอกลับต้องแต่งงานตามความเหมาะสม ที่ผู้ใหญ่จัดการให้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้อย่างน่ารำคาญตนเอง

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2545

เรื่องย่อ : สาวน้อยในตะเกียงแก้ว (2545/2002) ในตะเกียงไม่ใช่ยักษ์ปักหลั่น แต่เป็นแม่มดหน้าตาชวนฝันเจ้าเสน่ห์! ...อิศร์ ชายหนุ่มธรรมดาที่กำลังดวงตกได้รับตะเกียงแก้วจากหญิงชราแปลกหน้า เขาหาได้รู้ว่าตะเกียงที่ตนได้มานั้นเป็นของวิเศษ ซึ่งเป็นที่อาศัยของแม่มดสาวนามจินนี่ และทันทีที่เธอปรากฏกาย โลกที่ชายหนุ่มเคยรู้จักก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อคนหนึ่งยึดมั่นเป็นทาสรัก แต่อีกคนกลับกังขาในหัวใจ ความรักระหว่างมนุษย์และแม่มดจะลงเอยเช่นไร ตามลุ้นกันได้ในสาวน้อยในตะเกียงแก้ว

เมขลา 2545

เรื่องย่อ : เมขลา (2545/2002) เมขลา เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หนุ่มไทยที่ไปศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่นและได้พบรักกับสาวแดนอาทิตย์อุทัย และมีบุตรสาวด้วยกันโดยที่ฝ่ายชายไม่รู้เรื่อง และโชคชะตาก็เล่นตลกทำให้ หนุ่มสาวทั้งคู่พลัดพลากจากกัน เหตุการณ์ยิ่งเลวร้าวหนัก เมื่อผู้เป็นแม่ของลูกต้องประสบอุบัติเหตุจนใบหน้าเสียโฉม และเธอก็ได้นำบุตรสาวไปฝากเลี้ยงยังสถานสงเคราะห์ บุตรสาวผู้มีนาม “เมขลา” ไม่ทราบเลยว่าแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นใคร ต่อมาเธอก็ได้มีโอกาสเดินทางมายังเมืองไทยและได้พบรักกับหนุ่มไทยควบคู่ไป กับการติดตามเรื่องราวที่มาของพ่อและแม่ของเธอ