คนทรง-จ้าวแผ่นดิน (2545/2002) ป็นการรวบรวมความเข้มข้นของนวนิยายเรื่องที่ คุณวิมล ไทรนิ่มนวล รักและหวงแหนที่สุด คือเรื่อง “คนทรงเจ้า” และ “จ้าวแผ่นดิน” “คนทรง – จ้าวแผ่นดิน” เป็นเรื่องราวของอำนาจที่ถูกสร้างขึ้นจากความเชื่อ จนกระทั่งไม่มีใครตอบได้ว่าความเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นนั้นมีจริงหรือไม่และที่เจ็บปวดที่สุดคือ ความเชื่อที่ว่านั้น ได้ย้อนกลับมาทำลายผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเอง ขาม ( เมฆ วินัย ไกรบุตร ) และกาหลง ( เมสินี แก้วราตรี ) อยู่กินกันมา 5 ปี จนมีลูกชายคนหนึ่งวัย 4 ขวบ และอยู่ในครรภ์ของกาหลงซึ่งจวนจะคลอดอีกหนึ่ง ถ้าปีนั้นน้ำไม่มามากกว่าที่เคยและวัดโคกพระไทร ยังยินยอมให้ชาวบ้านนำควายนำหมูไปไว้ที่วัดเพื่อหนีน้ำเช่นทุกปี เรื่องของเรื่องก็คงไม่เกิดขึ้น เมื่อวัดไม่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ชาวนายากจนอย่างขามที่มีเพียงเรือนหลังเล็กและที่นาติดจำนองผู้ใหญ่บ้าน จำต้องหาทางรอดให้สัตว์ที่เลี้ยงไว้ ขามนึกถึงโคกพระไทร แต่กาหลงที่เชื่อตามคนอื่น ๆ ว่า ณ. โคกแห่งนี้นั้นมี “เจ้าพ่อ” สิงสถิตอยู่ ขณะที่ขามไปดายหญ้าเพื่อเตรียมที่ทาง เมฆ ( วรุฒ วรธรรม ) กำลังบนบานให้เจ้าพ่อช่วยตนเรื่องนงพะงา( มะหมี่ นภคปภา ) ลูกสาวผู้ใหญ่ เมฆนำความไปบอกหมายเอาหน้าจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ประกาศห้ามและเอาปืนขู่หวังให้ขามกลัวแต่ขามอ้างว่าที่ตรงนั้นเป็นของเขาแม้จะติดจำนองแต่เขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเอาหมูเอาควายไปไว้ที่นั่น ขามประกาศว่าไม่มีเจ้าพ่อที่ไหน ยังไม่สิ้นคำของขามกาหลงก็กรีดร้องขึ้นสุดเสียง ลูกชายวัย 4 ขวบพลัดตกลงไปในกระแสน้ำที่กำลังเชี่ยวกราด ความเฮี้ยนของเจ้าพ่อพระไทรยิ่งเลื่องระบือหลังงานศพลูกชายกาหลงซึ่งยังไม่คลายโศกเศร้าเกิดเจ็บท้องกระทันหันกลางดึก ขามไปตามยายเมี้ยนหมอตำแย ( น้อย โพธิ์งาม ) ซึ่งชังน้ำหน้าขาม โทษฐานไม่เชื่อเจ้าพ่อ ยายเมี้ยนให้ขามบนเจ้าพ่อว่าจะยอมเป็นร่างทรงเพื่อขอให้กาหลงคลอดลูกได้ปกติ ตั้งแต่นั้นมาขามก็เป็น “ร่างทรง” ของเจ้าพ่อ ทั้งที่ขามรู้ดีแก่ใจตนเองว่า ไม่มีใครมาประทับทรงร่างของเขา ขามฉลาดที่พลิกฟื้นสถานการณ์มาให้เป็นระโยชน์ และผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการที่ขามเป็น “ร่างทรง” ของเจ้าพ่อมิใช่มีแต่ขามคนเดียว แต่ยังมี ผู้ใหญ่ทองมา ( อรรถชัย อนันตเมฆ ) นางแป้น ( ปวีณา ชารีฟสกุล )ภรรยาของผู้ใหญ่และ นงพะงา ลูกสาวผู้ใหญ่ ก็พลอยได้รับผลประโยชน์ จะมีก็แต่ ”เมฆ” คู่แข่งของขามเท่านั้นที่ไม่พอใจ เมฆริษยาในความรวยวันรวยคืนของขาม และหึงพเยียเมียตัวเองส่วนตัวเมฆเองไปตามจีบนงพะงาอย่างเปิดเผย พเยียตัดสินใจไปทำเสน่ห์กับเจ้าพ่อขาม เมฆหึงจนสุดทนเขาประกาศว่าจะฆ่าขาม ผู้ใหญ่ทองมาร้อนใจ ขณะที่ขามไม่กลัวแถมปลอบผู้ใหญ่ว่าเจ้าพ่อคุ้มครองเขาได้ เมฆถูกบึ้ก ( โจโจ้ ไมออกซิ ) ฆ่าตาย เพราะผู้ใหญ่ปั่นหัวบึ้กผู้ปัญญาอ่อนว่าเมฆจะฆ่าบึ้กเพื่อฉุดนงพะงาไปเป็นเมีย พเยีย ( สวรส ศรีประทุม ) ถือโอกาสขนของย้ายมาขออาศัยเป็นลูกศิษย์เจ้าพ่อ ยายเมี้ยนกับตาผัน ( สีเทา ) พาหลานสาววัยรุ่นมาฝากเป็นลูกศิษย์ ขามมอง “ฟ้าใส” ( แอนนา จันทรโสภาคย์ ) หลานตาผันอย่างมองลูกไก่ในกำมือ ผู้ใหญ่ทองมา ถูกกำจัดให้พ้นทางโดยขาม อ้างว่าญาติของเมฆสงสัยผู้ใหญ่ เจ้าพ่อบอกให้ผู้ใหญ่หนีไปอยู่ไกล ๆ จากโคกพระนางสักระยะ 5 ปีผ่านไป อาณาจักรขามใหญ่โต จากบ้านคนทรงธรรมดากลายเป็นตำหนักยิ่งใหญ่โอฬาร ที่ดินของขามขยายจากแม่น้ำทางทิศตะวันออกไปจรดทิวเขาทางตะวันตก กาหลงพัฒนาจากเมียชาวนาจน ๆ มาเป็น “เจ้าแม่” ที่ลูกศิษย์ลูกหาต่างเคารพยำเกรง ผู้ใหญ่ทองมากลับมาหวังทวงอำนาจคืนจากขาม แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่ได้รับกลับกลายเป็นความอัปยศอดสูเมื่อขามใช้อำนาจเจ้าพ่อข่มขู่เขา ขามหวังจะรวบรัดนงพะงา “ลูกสาวผู้ใหญ่” ขณะที่กาหลงมัวไปหึงหวงกันท่าฟ้าใสที่โตขึ้นและสวยงามราวดอกไม้แรกแย้ม ขามอยากได้ที่ดินของคำปลิว ( สิริคุปต์ เมทะนี ) และพวกขามอยากได้นงพะงา ฟ้าใส และสีดา ( กิติมา วัฒนนุพงษ์ ) เมียของคำปลิว ในที่สุดขามก็ใช่เล่ห์กลเอาชนะ เมื่อคำปลิวถูกฆ่าตายโดยไม่มีใครจับมือขามไปพิสูจน์ได้ ขามได้ที่ดินของคำปลิวและเอาชนะใจลูกบ้านที่เคยมองเขาไม่ดีได้ในที่สุด แต่ทั้งขามและกาหลงหาได้รู้ไม่ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นจีรัง

คนส่งกรรม (2545/2002) รายชื่อตอน "ปริม" "ดาวจรัส" "ฤทธิ์" "เล่ห์เสน่หา" "หมอบ้านนอก" "เรวัติ" "ครอบครัวดาวรุ่ง" "ความรัก" "ออนไลน์" "สายพิณ" "สิทธิพงษ์" "แสงดาวแห่งศรัทธา" "อสรพิษ" "กรรมพิเศษ" "นนท์"

รักในรอยแค้น (2545/2002) บำรุง ธานินทร์นิมิตร ( พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ) และวัชระ นิเวศวัตร ( สันติสุข พรหมศิริ ) ต่างก็เคยเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเลงตอนหนุ่ม ๆ แต่เพราะความเข้าใจผิดจึงทำให้ทั้งสองกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่มีวันจะ ยอมลงให้กันได้… 18 ปี ผ่านไปต่างฝ่ายต่างก็ดำเนินธุรกิจจนมีชื่อเสียงร่ำรวย ครอบครัวของบำรุงจัดว่าเป็นครอบครัวนักธุรกิจตัวอย่าง ด้วยความเป็นคนรักครอบครัวและความเป็นนักสังคมของ ฉัตรสุดา ( กาญจนา จินดาวัฒน์ ) ภรรยาของบำรุง ทำให้ครอบครัวธานินทร์นิมิตร เป็นที่รู้จักและมีความสุขมากครอบครัวหนึ่ง โดยบำรุงมีอารักษ์ ( ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ ) ลูกชายคนโตที่หวังจะเจริญรอยตามอย่างพ่อ คอยช่วยเหลือบำรุงต่าง ๆ ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์และนิสัยที่ชอบใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาของ อารักษ์ จึงทำให้อารักษ์มักจะถูกบำรุงตำหนิติเตียนอยู่เสมอ บำรุงเองลึก ๆ ก็หวังว่าสักวันหนึ่งเขาอยากให้อารักษ์มาทำหน้าที่แทน ตนเองจึงค่อนข้าง งวดกับอารักษ์มาก ติดตามต่อได้ใน รักในรอยแค้น

ร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย (2545/2002) เกษมราช (สมบัติ เมทะนี) เศรษฐีพันล้านเจ้าของธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็ก ชื่อดังหลายต่อหลายแห่ง เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่าจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน สิ่งสุดท้าย ที่เกษมราชต้องการทำ คือการตามหาครอบครัวที่เหลืออยู่ของจักรพจน์ เพื่อนสนิทที่เขาเคยหักหลัง แล้วฮุบกิจการที่สร้างร่วมกันมาที่ได้ตายจากไปด้วยความตรอมใจ เกษมราชใช้เวลาไม่นาน เขาก็ได้พบกับน้ำหนึ่ง (พิยดา อัครเศรณี) ลูกสาวคนเดียวของเพื่อนรัก น้ำหนึ่งอาศัยอยู่กับแม่อนงค์ (กาญจนา จินดาวัฒน์) เปิดร้านทำผมเล็ก ๆ อยู่ในตลาดท่าน้ำนนท์ ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ถึงกับขัดสนแต่ไม่ก็เหลือพอให้ฟุ่มเฟือย เกษมราชพยายามขอโทษอนงค์ แต่สิ่งที่เธอต้องการสิ่งเดียวคือชีวิตของสามี ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ทำให้เกษมราชยิ่งรู้สึกผิดและต้องการแก้ตัวในวาระสุดท้ายของตน เขาตัดสินใจกลับมาเปลี่ยนพินัยกรรมแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการไถ่โทษก่อนจะเสียชีวิต ติดตามต่อได้ใน ร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย

Placeholder

พินัยกรรม (2545/2002) โกเมศ ( รุจน์ รณภพ ) และมรว.มารุต ( เกริกเกียรติ พันธุ์พิพัฒน์ ) เพื่อนรักที่ร่วมบุกเบิกกิจการโรงแรมจันทร์สุกิจมาด้วยกัน แต่เพราะความทะเยอทะยานของพิราวรรณ ( ลินดา ค้าธัญเจริญ ) ภรรยาลับของโกเมศที่พยายามยุยงโกเมศให้หักหลัง มรว.มารุต จนในที่สุด มรว.มารุตล้มละลาย และเกิดอาการคลุ้มคลั่งถึงขั้นสังหารลูกเมียตัวเองทิ้ง ก่อนจะฆ่าตัวตายตามเพื่อรักษาศักดิ์ศรี คนที่รอดมาได้มีเพียง มล.จงชนะ ( พนมกร ตังทัตสวัสดิ์ ) บุตรชายคนเล็ก ที่ได้รับการช่วยเหลือจาก มล.จิตรี ( เก็จมณี วรรธนะสิน ) ซึ่งสุดท้ายตัวเธอเองกลับต้องหายสาบสูญไปในกองเพลิงซึ่งผู้เป็นพ่อจุดเผาทุก สิ่งทุกอย่างจนวอดวาย ฝ่านนภา ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) ภรรยาหลวงของโกเมศรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอจึงได้ขอหย่าขาดจากโกเมศและรับตัวจงชนะไปอุปถัมภ์ โดยถือว่าเขาเป็นเสมือนลูกแท้ ๆ ของเธอ เช่นเดียวกับกฤชเพชร ( ชาคริต แย้มนาม ) ผู้เป็นสายเลือดระหว่างเธอกับโกเมศ และการจากไปของนภานั้นมีเพียงภูผา ( ภูธเนศ หงษ์มานพ ) ลูกบ่าวผู้สัตย์ซื่อเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อ้อนวอน เพื่อขอติดตามเธอไปด้วย และความจงรักภักดีของ ภูผาทำให้นภายอมรับเขาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง นภา กับลูก ๆ ทั้งสามไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่บ้านพักหลังหนึ่งและได้รู้จักกับครอบครัว ของสายัณห์ ( เคน ฉัตรรังสีกุล ) เพื่อนบ้านซึ่งเป็นพ่อหม้ายลูกติดถึงสองคน คือ ต๋อย ( นพพร กำธรเจริญ ) และหนูยุ่น ( ภารุจีร์ เข็มสวัสดิ์ ) ด้วยความโอบอ้อมอารีของสายัณห์ทำให้สองครอบครัวสนิทสนมกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปพวกเด็ก ๆ ต่างเติบโตเป็นหนุ่มสาวและรักใคร่กลมเกลียวกันราวกับเป็นพี่น้องร่วมสาย เลือด เมื่อเวลาผ่านไป ภูผาได้ทำงานเป็นโบรคเกอร์ อยู่ในบริษัทเงินทุนแห่งหนึ่ง ส่วนจงชนะก็สามารถสอบชิงทุนเรียนต่อได้สำเร็จ ขณะที่กฤชเพชรนั้นกลับลอยชายไปวัน ๆ กับอาชีพเซลล์แมนของเขา ถึงแม้นภาจะนึกกังวลกับอนาคตของลูก ๆ แต่เธอก็วางใจว่าชีวิตของพวกเขาคงไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีเหมือนอย่างที่โกเมศ กับ มรว.มารุตเคยเป็น ขณะเดียวกันทางด้านโกเมศก็เริ่มล้มป่วยด้วย อาการเนื้องอกในสมอง หนำซ้ำยังรู้ความจริงว่าพิราวรรณกับลูก ๆ ของเธอคือ เพริศ ( กริช หิรัญพฤกษ์ ), แพร ( จุฬาลักษณ์ กฤติยารัตน์ ) และพฤกษ์ ( กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ ) กระทำการรวมหัวเพื่อวางแผนยึดอำนาจทั้งหมดของเขาอีกด้วย และในยามนี้เองโกเมศเริ่มหวนนึกถึงกฤชเพชรผู้เป็นสายเลือดแท้ ๆ ของตน เขาเลยทาบทามให้กฤชเพชรเข้ามาช่วยงานที่โรงแรม หากแต่กฤชเพชรไม่พอใจกับการกระทำอันไร้เยื่อใยของโกเมศที่มีต่อนภา กฤชเพชรเลยออกปากปฎิเสธไปทันที แต่ทว่าเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เรื่องร้ายก็ได้เกิดขึ้นเมื่อพิราวรรณ กับลูก ๆ ได้เข้ายึดอำนาจของโกเมศจนเป็นผลสำเร็จ และบีบให้โกเมศตัดสินใจฆ่าตัวตายในโรงแรมจันทร์สุกิจนั้นเอง ซึ่งการตายอันมีเงื่อนงำของโกเมศสร้างความสงสัยให้แก่สารวัตรเสกสรร ( ทองขาว ภัทรโชคชัย ) ผู้รับผิดชอบคดีเป็นอันมาก เนื่องจากพบว่า เบาะแสหลายประการที่ส่อเค้าว่าโกเมศอาจจะถูกฆาตรกรรม ซึ่งบุคคลที่น่าสงสัยในเวลานั้นนอกจากครอบครัวของพิราวรรณแล้วยังมีจินดา ( เก็จมณี วรรธนะสิน ) นางพยาบาลส่วนตัวของโกเมศ ที่โกเมศให้ความสนิทสนมจนเคยมีข่าวลือว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อ กัน หลังจากการตายที่มีเงื่อนงำของโกเมศ ทำให้กฤชเพชรได้เข้ามารู้จักจินดาตัวจริง เลยส่งผลให้กฤชเพชรรู้สึกไม่ถูกชะตากับจินดาอย่างรุนแรง แล้วยิ่งการที่จินดามาสนิทสนมกับภูผาพี่ชายของเขา ก็ยิ่งทำให้กฤชเพชรมองจินดาในแง่ร้ายมากยิ่งขึ้น ขณะที่จงชนะกลับรู้สึกกระตือรือร้นกับพินัยกรรมของโกเมศที่แบ่งมรดกให้แก่ เขากับกฤชเพชร โดยนัยว่าเพื่อเป็นการไถ่บาปที่โกเมศเคยทำไว้ก่อนตาย ด้วย พินัยกรรมดังกล่าวนี้เองที่ทำให้กฤชเพชร, จงชนะและภูผา ต้องเข้ามาบริหารงานในโรงแรมจันทร์สุกิจ โดยมีชาญยุทธ ( รอง เค้ามูลคดี ) อดีตคนสนิทของ มรว.มารุต คอยให้การดูแล ซึ่งการเข้ามามีส่วนร่วมบริหารงานโรงแรมจัทร์สุกิจครั้งนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับแรงบีบคั้นต่าง ๆ นานาจากพิราวรรณและลูก ๆ ที่ต้องการกำจัดพวกเขาไปให้พ้นจากอาณาจักรของเธอ หากแต่กฤชเพชรก็ยังฝืนทนสู้เพราะต้องการพิสูจน์ให้ได้ว่า พิราวรรณ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของ โกเมศ แต่ในที่สุดทั้งสามคนก็ต้อง ติดกับของพิราวรรณ เมื่อภูผาเปิดโปงคดีฉ้อโกงของพิราวรรณ เพื่อเป็นหลักฐานโยงไปสู่การตายของโกเมศ แต่มันกลับทำให้ตัวเขาต้องถูกจับด้วยข้อหาขโมยข้อมูลลับทางธุรกิจ จนเป็นเหตุให้จงชนะที่พยายามปกป้องเขา ต้องถูกรุมทำร้ายจนแทบปางตาย เวลา นั้นจึงเหลือเพียงกฤชเพชรคนเดียวที่ต้องหาทางช่วยภูผาให้พ้นโทษ กฤชเพชรและจินดาจึงเข้ามาร่วมมือกันเพื่อหาทางเปิดโปงพิราวรรณจนเป็นผล สำเร็จ ทำให้พิราวรรณและลูก ๆ ถูกปลดจากอำนาจไปในที่สุด ทุกอย่างทำท่าว่าจะลงเอยไปด้วยดี และกฤชเพชรเชื่อว่าฆาตรกรตัวจริงที่ฆ่าพ่อของตนจะต้องถูกเปิดโปงในไม่ช้า แต่ แล้วเขาก็ต้องคาดไม่ถึงเมื่อพิราวรรณถูกฆาตรกรสังหารก่อนได้ขึ้นศาล จนเป็นเหตุให้พฤกษ์ลูกชายคนเล็กของเธอเข้าใจว่ากฤชเพชรเป็นคนฆ่าพิราวรรณ เพื่อหวังที่จะครอบครองตำแหน่งประธานบริหารโรงแรมแทนพิราวรรณ พฤกษ์เลยบุกเข้ามาแก้แค้นกฤชเพชรและทำร้ายหนูยุ่นซึ่งบังเอิญอยู่ใน เหตุการณ์จนได้รับบาดเจ็บ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหนูยุ่นทำให้จง ชนะที่หลงรักหนูยุ่น ต้องแตกหักกับกฤชเพชรเพราะโทษว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น ส่งผลให้กฤชเพชรเกิดความสะเทือนใจมากขึ้น เพราะแท้จริงแล้วเขาก็หลงรักหนูยุ่นอยู่ก่อนหน้าจงชนะเสียอีกหากแต่เพราะ ต้องการเสียสละ เขาเลยเปิดทางให้จงชนะมาตั้งแต่ต้น ความเป็นไปที่ เกิดกับครอบครัวของพิราวรรณ ทำให้ภูผาต้องร่วมมือกับสารวัตรเสกสรรเพื่อค้นหาฆาตกรตัวจริงต่อไป อีกทางหนึ่งเขาก็ได้ฝากฝังจินดาที่ย้ายมาทำงานในจันทร์สุกิจให้คอยดูแลกฤช เพชรแทนเขา แต่แล้วความจริงก็กลับเฉลยออกมาเมื่อภูผาต้องพบว่าแท้ จริงคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายทั้งหมด คือ ชาญยุทธนั่นเอง โดยชาญยุทธมีเจตนาที่จะโค่นล้ม โกเมศ และ พิราวรรณ เพื่อผลักดันจงชนะทายาทของ มรว.มารุต ให้กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง แต่ความลับดังกล่าวที่ได้มากลับต้องแลกด้วยการจบชีวิตของ สารวัตรเสกสรร จากน้ำมือของชาญยุทธ จากนั้นชาญยุทธก็ได้ฆ่าตัวตายเพื่อให้ความลับเกี่ยวกับคนบงการที่แท้จริงต้องดำมืดเป็นปริศนาต่อไป และเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร

สายลมกับแสงดาว (2545/2002) สายลมกับแสงดาว เป็นเรื่องราวของ พิม ภรากร นักร้องนักแสดงซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย กำลังถ่ายทำละครเรื่องสายลับพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นละครบู๊ พิมได้รับบาดเจ็บจากเอฟเฟ็กต์ ที่แขน ฉ่อย ผู้จัดการส่วนตัวของพิมไม่พอใจทีมงานมาก ที่ทำให้พิมได้รับบาดเจ็บ ในเรื่องยังต้องมีการเดินทางไปถ่ายทำในนิวซีแลนด์ เมื่อถึงวันเดินทาง ทีมงานกลับจองตั๋วไม่ได้ ทำให้พิมต้องเดินทางไปนิวซีแลนด์ เพื่อฝึกซ้อมพายเรือก่อนเพียงคนเดียว ตามกำหนดการเมื่อพิมเดินทางถึงนิวซีแลนด์ ริชาร์ด ครูฝึกสอนพายเรือจะต้องมารับที่สนามบิน แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ริชาร์ดเกิดตกบันไดขาหักมารับพิมไม่ได้ แบรนดอน เจ้าของบริษัทจึงส่ง เซน ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ครูฝึกอีกคนมารับแทน แต่แบรนดอนติดต่อกับเซนผิดพลาด ทำให้เซนไปรับพิมที่สนามบินไม่ทัน พิมโกรธมากที่ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง แต่ไม่มีคนมารับ จึงโทรศัพท์ติดต่อไปหาแบรนดอน จึงได้รู้ว่า เซนจะเป็นคนมารับ ขณะกำลังโทรศัพท์อยู่นั้น คณะทัวร์ได้มาหยิบกระเป๋าเดินทางของพิมขึ้นรถไป พิมตกใจมาก และโทษว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเซน เซนพาพิมไปส่งที่โรงแรม แต่พิมไม่มีบัตรเครดิต หรือเงินสด ทางโรงแรมจึงไม่ยอมให้เข้าพัก เซนจึงพาพิมไปพักที่บ้านน้าเมี่ยง น้าสาวของเขาที่เปิดร้านขายของที่ระลึกอยู่ที่แอร์โรทาวน์ พิมโทรฯ ติดต่อฉ่อยที่กรุงเทพฯ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ฉ่อยจึงโทรฯ ไปบอกพอล หรือภิรมย์ อิสระภักดี นักธุรกิจหนุ่มแฟนของพิมให้จัดการเรื่องโรงแรมให้ พิมจึงให้เซนพาไปส่งยังโรงแรมที่พอลติดต่อไว้ให้ พิมไปพบกับแบรนดอนเพื่อยืนยันว่า เธอไม่ต้องการให้เซนเป็นครูสอนพายเรือ แต่เมื่อเห็นสภาพริชาร์ดที่ยังเข้าเฝือกขาอยู่ ก็จำเป็นต้องให้เซนมาเป็นครูฝึกพายเรือให้เธอ ทางทีมงานและฉ่อย ได้ตั๋วเดินทางไปนิวซีแลนด์ แต่ต้องไปยังมืองไครส์เชิร์ช ไม่ใข่ควีนส์ทาวน์ที่พิมอยู่ เมื่อพิมรู้ว่าทีมงานกำลังจะมาถึงจึงได้ตัดสินใจไปเอาเรือออกมาหัดพาย ตอนกลางคืนคนเดียว เซนรู้ก็รีบมาหาพิมที่ทะเลสาบซึ่งขณะนั้นเรือที่พิมพายเกิดคว่ำพอดี เซนจึงช่วยพิมไว้ได้ทัน พิมได้รับการติดต่อจากบริษัททัวร์ ที่เอากระเป๋าไปว่า ตอนนี้กระเป๋าของเธออยู่ที่เมืองไคร์ช เชิร์ช พิมจึงตัดสินใจจะเดินทางไปรับกระเป๋าด้วยตัวเอง พิมบอกเรื่องนี้กับเซน เซนจึงอาสาขับรถพาไป ระหว่างทางทั้งคู่ได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน เซนพาพิมไปเที่ยวที่ทะเลสาบเทคาโป ความงามของทะเลสาบทำให้พิมรู้สึกผ่อนคลายความเคร่ง เครียดลงมาก เมื่อไปถึงเมืองควีนส์ทาวน์พิมยังรับกระเป๋าไม่ได้เพราะเป็นวันหยุดของ บริษัททัวร์ ระหว่างรอเซนได้พาพิมไปเที่ยว เซนกับพิมยังได้อยู่ร่วมสนุกกับเพื่อนชาวเมารีจนดึก พิมดูสนุกสนานและสนิทสนมกับเซนมากขึ้น ฉ่อยกับทีมงานได้เดินทางมาถึงควีนส์ทาวน์ และได้ไปถามหาพิมกับแบรนดอน เมื่อฉ่อยรู้ว่าพิมเดินทางไปกับเซนก็รู้สึกไม่พอใจ เมื่อพิมกลับมาก็คาดคั้นเรื่องของเซนและกำชับให้พิมเลิกติดต่อกับเซน พอลได้เดินทางมาหาพิมที่นิวซีแลนด์ และได้ตามมาที่กองถ่ายด้วย พอลประกาศตัวเป็นแฟนกับพิม ทำให้เซนเศร้าใจมาก ในการถ่ายทำมีฉากที่เซนต้องเป็นคนขับเรือให้กับพิม แต่เกิดผิดพลาดทำให้พิมพลัดตกน้ำ เซนกับพอลรีบกระโดดลงไปช่วย แต่พอลถึงตัวพิมก่อน เซนจึงต้องเป็นฝ่ายถอยห่างไป พอลกับฉ่อยโทษว่าเป็นความผิดของเซน เซนจึงขอถอนตัวจากการเป็นคนดูแลพิม พิมรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดจะมาปรับความเข้าใจกับเซน พิม นัดเจอเซนตอนสองทุ่ม แต่พอลแอบได้ยินจึงแกล้งนัดพิมทานข้าวตอนสองทุ่มทำให้พิมไปไม่ทันนัดกับเซน พิมโทรฯ มาหาเซนที่บ้านแต่คิตเป็นคนรับ พิมฝากบอกเซนว่า จะไปรอที่หน้าบริษัทของเซนตอนสองทุ่ม คิตซึ่งแอบชอบเซนอยู่ไม่พอใจที่พิมโทรฯ มาหาเซนจึงไม่ยอมบอกเซน พิมไปรอเซนตามนัด ส่วนเซนซึ่งไม่รู้ว่าพิมโทรฯ มาขอพบได้ขับรถไปพักยังทะเลสาบเทคาโป พอลกับฉ่อยตามหาพิมไม่เจอจึงได้มาตามหาที่บ้านน้าเมี่ยง คิตรู้สึกผิดมากจึงบอกว่าพิมไปรอเซนที่บริษัท พอลกับฉ่อยตามไปพบพิมนังหลับอยู่ริมทะเลสาบไม่สบายตัวร้อนจัด พอลกับฉ่อยจึงรีบพาพิมกลับไปที่พัก น้าเมี่ยง คิต และล็อตโต้ ตามมาพบพิมที่โรงแรม แต่ถูกฉ่อยกีดกันไม่ยอมให้พบ ล็อตโต้จึงรีบขับรถไปตามหาเซนที่เทคาโปและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เซนรีบตามมาพบพิมที่สนามบิน แต่ก็ไม่ทันพอลกับฉ่อยได้พาพิมกลับกรุงเทพฯ ไปก่อน เซนตัดสินใจตามมาพบพิมที่กรุงเทพฯ โดยมี น้าเมี่ยง คิต และ ล็อตโต้ตามมาด้วย เมื่อมาถึงเมืองไทย เซนพยายามหาทางติดต่อกับพิม แต่ก็ถูกฉ่อยกีดกันสุดฤทธิ์ แต่เซนก็ไม่ยอมแพ้หาทางพบกับพิมจนได้ เซนตัดสินใจบอกรักพิม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พิมเตรียมแถลงข่าวเรื่องงานแต่งงานกับพอล พิมตัดสินใจพูดกับพอลตรง ๆ ว่าเธอรักเซน แม้พอลจะเจ็บปวดที่ต้องอกหักจากพิมแต่พอลก็ทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เรื่องราวของพิมกับเซนจึงจบลงด้วยความสุขเมื่อรักของทั้งคู่พบกับความสุขสมหวัง

Placeholder

ปากคลองตลาด (2545/2002) ณ ชุมชนแห่งหนึ่ง อยู่ริมคลองชานเมืองของกรุงเทพมหานคร ขอยืมชื่อจริงว่าชุมชน ปากคลองตลาด ที่ดินในส่วนนี้เดิมเป็นของ ท่านขุนมโนรม ซึ่งมีความเมตตากรุณาให้คนจนได้เช่าเป็นที่อยู่อาศัย และทำมาหากินมาช้านาน ก่อนตาย มรดกทั้งหมดของท่านขุนได้ตกเป็นของ คุณนายพักตร์พริ้ง ลูกสาวคนเดียว แต่ในพินัยกรรมก็ได้เขียนห้ามไม่ให้ขายที่ดิน ปากคลองตลาดเด็ดขาด ให้คนจนเหล่านั้นอาศัยต่อไป คุณ นายพักตร์พริ้งนอกจากร่ำรวยจากมรดกของท่านขุนแล้ว ยังประกอบธุรกิจอีกมากมายด้วยความขี้เหนียวและความอยากรวยอย่างไม่รู้จบ ซึ่งเป็นนิสัยที่ต่างจากท่านขุนมาก ทำให้คนในปากคลองตลาดไม่ค่อยชอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคุณนายเป็นเจ้าของที่ดิน คุณนายพักตร์พริ้ง มีความคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ที่ดินแปลงนี้ถึงแม้ว่าท่านขุนไม่อนุญาตให้ขาย แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้มีการเปลี่ยนแปลง คุณนายจึงคิดที่จะไล่คนที่อาศัยอยู่และเอาที่ดิน ไปทำประโยชน์อย่างอื่นที่สามารถสร้างรายได้ร่ำรวยมากกว่านี้ ทา วินทร์ ลูกชายคนเดียวของคุณนายหลังจากที่พ่อเสียชีวิตแล้ว ไปเรียนต่อที่อเมริกาจนได้ปริญญาโท จึงกลับมาเมืองไทย คุณนายพักตร์พริ้งหวังจะให้ทาวินทร์สานต่อธุรกิจ ในขณะที่ทาวินทร์ไม่ค่อยรับรู้เรื่องราวของแม่มากนัก รู้แต่ว่าแม่เป็นคนดีและรักตนเองมาก ส้ม เด็กสาวจอมแก่น หน้าตาสวยเกิดที่ชุมชนนี้ เห็นทุกอย่างมาตั้งแต่เกิด รู้จักทุกคนในชุมชน แม่ของส้มเป็นแม่ค้าขายดอกไม้ พ่อ ( จ่าสันต์ ) เป็นตำรวจตงฉินที่เป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือทุก ๆ คนที่เดือดร้อน โดยเฉพาะงานช่างต่าง ๆ แต่มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ส้มกำลังเรียน อยู่ปี 2 ที่สถาบันราชภัฎแห่งหนึ่ง ส้มรู้ถึงแผนการที่คุณนายพยายามจะไล่ที่เพื่อไปสร้างเป็นอพาร์ตเม้นท์ จึงไม่ยอมและพยายามหาแนวร่วมที่พยายามขัดขวางแผนการของคุณนายทุกรูปแบบ หลัง จากทาวินทร์ กลับมาเมืองไทยแล้ว คุณนายก็มอบหมายให้ดูแลโครงการสร้างอพาร์ตเม้นท์ดังกล่าว ทำให้ได้โอกาสเจอกับส้ม ส้มไม่ชอบขี้หน้าทาวินทร์เลย เพราะรู้อยู่ว่าถูกคุณนายใช้ให้มาทำอะไร ส่วนทาวินทร์เองกลับถูกชะตากับส้ม เพราะว่าน่ารัก เก่ง เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็สงสัยว่าทำไมส้มจึงไม่ยอมญาติดีกับเขาเลย ในขณะที่ เปิ้ล ลูกเถ้าแก่เส็งจอมงก รูปร่างเซ็กซี่ วางมาดเป็นนักศึกษาไฮโซ ประจำตลาดเพราะเตี่ยเป็นเจ้าของร้านขายของชำที่ใหญ่ในชุมชน กลับหลงรักทาวินทร์ พยายามใกล้ชิดสนิทสนมกับทาวินทร์เสมอ ในขณะเดียวกัน แจ๊ค วัยรุ่นขาโจ๋ ประจำปากคลอง หลงรักส้มอยู่ก็มีความหมั่นไส้ทาวินทร์ ที่รู้สึกจะทำดีกับส้มเสมอ

สะใภ้ไฮโซ (2545/2002) แม้จะถูกแม่ผัวใช้ให้ไปไถนาแทนควาย ทั้งกระหน่ำอุบายกลั่นแกล้ง โขกสับสารพัด สาวสวยลูกผู้ดีพ่วงดีกรีนักเรียนนอกอย่างเธอก็อดทนได้ ไม่ปริปากบ่น เพราะความรักผัว หนุ่มหล่อบ้านนอกมีปริญญา พร้อมปณิธานมุ่งมั่น จะเอาชนะอุปสรรคความรักด้วยความดี แต่สัจธรรม ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว และ ธรรมะย่อมชนะอธรรม นั้นมีจริง เรื่องราวสนุกสนานทุลักทุเลของแม่ผัวลูกสะใภ้ยุคใหม่ จึงดำเนินไปสู่เส้นชัน (ของลูกสะใภ้แสนซื่อและดี) ใน สะใภ้ไฮโซ

ต้นรักดอกงิ้ว (2545/2002) ตระกูล "บุญทโยวาท" อยู่ระหว่างงานศพของการสูญเสียประมุขของตระกูล บิดาของ พงษ์ดนัย และ เอมสาย โดยมี คุณหญิงประพฤติ เป็นแม่งาน เหล่าบรรดาเมียเล็กเมียน้อย และลูก ๆ อีก 10 กว่าคนมาขอแบ่งมรดก แต่คุณหญิงไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินให้ใครเลย บุญถึง เด็กหนุ่มพิการจากการที่ประมุขได้เสียกับคนรับใช้ คุณหญิงทราบเรื่องบังคับให้กินยาขับลูก ทำให้แม่บุญถึงเสียชีวิตระหว่างคลอด และบุญถึงเองก็พิการแขนขาลีบ สมองช้า ปากเบี้ยว คุณหญิงจำใจต้องเลี้ยงบุญถึงไว้ในบ้านเฉกเช่นคนรับใช้ พงษ์ดนัย ดูจะได้รับเชื้อของความเจ้าชู้ของบิดามาเต็มเปี่ยม หลายครั้งที่คุณหญิงกล่าวเป็นเชิงเตือนว่าระวังจะตายเพราะกลีบดอกไม้ พงษ์ดนัยมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอยู่แล้ว 2 คน คนแรก คือเกลียวเกศ มีลูกชายชื่อ ลูกน้ำ และถิ่นสมร ซึ่งมีลูกสาวชื่อ น้ำฝน เกลียวเกศ ได้จดทะเบียนก่อน จึงตั้งตัวเป็นภรรยาหลวงและตามราวีหึงหวงสามี ขณะที่ถิ่นสมรก้มหน้ารับกรรมอย่างเงียบ ๆ เพราะจากการเพลี่ยงพล้ำท้องกับพงษ์ดนัยก่อนจดทะเบียน ทำให้สูญเสียโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ และคุณมันทนา และคุณรัชชา ถึงกับตัดขาดเธอ พงษ์ดนัย ไม่หยุดทำตัวเป็นภุมรี แม้แต่ อัจฉรา ซึ่งเป็นเลขาเขาก็เอาเธอมาเป็นเมีย และให้อัจฉราคอยสับหลีกผู้หญิงอื่นให้เขาด้วย บุญผเรศน์ บุตรชายคนหนึ่งของตระกูล บุญทโยวาท อันเกิดจากหญิงต่างจังหวัด คือ กลิ่นจันทร์ กลิ่นจันทร์ทนอยู่ร่วมบ้านเดียวกับคุณหญิงไม่ได้ จึงพาลูกชายหนีไปอยู่ต่างจังหวัด สิ่งเดียวที่บุญผเรศน์ได้รับจากบิดา คือนามสกุล กลิ่นจันทร์ พายเรือขายขนมส่งบุญผเรศน์เรียนจนจบนิติ และได้เป็นทนายความมือหนึ่ง ที่สำนักงานอาทรและเพื่อน อาทรฝากให้เขาดูแลสอนงานให้กับ นักศึกษาจบนิติหมาดๆคือ ชิดสมัย หล่อนเป็นคนแจ่มใส มั่นใจในตัวเอง ทำให้บุญผเรศน์อดขันแกมหมั่นไส้หน่อย ๆ ซึ่งชิดสมัยเองก็หมั่นไส้บุญผเรศน์เหมือนกัน บุญผเรศน์ได้พบกับพงษ์ดนัยโดยบังเอิญ พงษ์ดนัยขอให้บุญผเรศน์ช่วยเรื่องการฟ้องหย่ากับแซนดี้ การดำเนินเรื่องการหย่าร้างราบรื่น เพราะฝ่ายแซนดี้ก็อยากแต่งงานใหม่ การพบกันของพงษ์ดนัยกับบุญผเรศน์ ทำให้พงษ์ดนัยมีโอกาสรู้จักกับชิดสมัย พงษ์ดนัยสนใจชิดสมัยอย่างมาก ยิ่งบุญผเรศน์พยายามขัดขวางพงษ์ดนัยยิ่งอยากเอาชนะ ส่วนตัวชิดสมัยเองเมื่อบุญผเรศน์ยิ่งห้ามก็ยิ่งต่อต้านทะนงตนว่าจะไม่ตกบ่วงของพงษ์ดนัย การพบปะกับพงษ์ดนัยหลายครั้งทำให้ชิดสมัยเริ่มอ่อนไหวมากขึ้น พงษ์ดนัยได้พบกับบัวริน สาวบ้านนอกที่มาสมัครเป็นคนรับใช้บ้านคุณหญิง บัวรินมีความทะเยอทะยานและใฝ่ฝันในเรื่องความรัก บุญถึงเองก็แอบหลงรักบัวรินวันหนึ่งเมื่อมีโอกาสคุณหญิงไม่อยู่บ้านพงษ์ดนัย จึงได้เสียกับบัวริน โดยสร้างความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวงให้กับบุญถึง เกลียวเกศรู้เรื่องบัวรินกับพงษ์ดนัยอาละวาดถึงขั้นตบตีแต่บัวรินไม่ยอม เพราะคิดว่าตนก็เป็นเมียคนหนึ่งของพงษ์ดนัย ฮักกี้ เป็นเพื่อนของบุญผเรศน์มาทำวิทยานิพนธ์ที่เมืองไทย เมื่อรู้จักกับถิ่นสมร เขาก็มีความชื่นชม ชอบในความอ่อนหวานและความอดทนอย่างสูงของถิ่นสมร เอมสายคิดสั้นพยายามฆ่าตัวตายเพราะถูกแฟนนักดนตรีทอดทิ้ง เพราะเขามีเมียมีลูกอยู่แล้ว พงษ์ดนัยขอให้บุญผเรศน์มาช่วยปลอบใจ เอมสายเริ่มชื่นชมในตัวบุญผเรศน์และพบปะเขามากขึ้น และทำให้เอมสายเริ่มรู้จักฮักกี้ เอมสายชอบในความเป็นสุภาพบุรุษของฮักกี้และเริ่มคิดไปคนเดียวว่า ฮักกี้ต้องรักหล่อน บัวรินเริ่มทนไม่ได้กับการเป็นเมียแบบทาสจึงวางแผนที่จะทำให้ตัวเองตั้งท้อง จึงแอบไปได้เสียกับบุญถึง และให้บุญถึงปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ บัวรินนำเรื่องตนท้องไปบอกกับพงษ์ดนัย พอเกลียวเกศทราบเรื่องจึงอาละวาดด่าว่าพงษ์ดนัยทำให้พงษ์ดนัยโมโห ตบหน้าเกลียวเกศต่อหน้าลูกชาย เกลียวเกศหลังถูกตบหน้าก็เหมือนคนสิ้นฤทธิ์ หมดหวังท้อแท้ หล่อนมาหาถิ่นสมรพูดดีด้วยเป็นครั้งแรก ถิ่นสมรปลอบโยนด้วยความเห็นใจ ถิ่นสมรรู้ว่าชิดสมัยเป็นหนึ่งในเหยื่อของพงษ์ดนัยจึงเล่าชีวิตของตนเอง ที่ต้องประสบให้กับชิดสมัยฟัง บุญผเรศน์เข้าใจชิดสมัย พยายามหาเรื่องมาคุยเพื่อปลอบโยน ชิดสมัยเริ่มเข้าใจในตัวบุญผเรศน์มากขึ้น ฮักกี้ขอถิ่นสมรแต่งงานและเขาจะพาเธอไปอยู่ที่เมืองนอกสามคนพ่อแม่ลูก ส่วนเอมสายนั้นวาดฝันว่าจะแต่งงานกับฮักกี้ถึงขนาดไปตัดชุดแต่งงานไว้ แต่แล้วฮักกี้ก็ปฎิเสธที่แต่งงานกับเธอทำให้เอมสายนั้นถึงขั้นเสียสติ ส่วนพงษ์ดนัยเริ่มเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อชิดสมัยตัดสัมพันธ์และถิ่นสมรขอหย่ากับเขา พงษ์ดนัยมาหาลูกทั้งสองแต่ลูกทั้งสองไม่สนใจและวิ่งหนีเขาไป พงษ์ดนัยกลับมาด้วยความอ่อนแรง บัวรินเข้ามาคลอเคลีย ทำให้บุญถึงที่แอบดูอยู่ถึงกับคลุ้มคลั่งเข้ามาทำร้ายพงษ์ดนัย บัวรินเข้าห้ามจนแท้งลูก บัวถึงถึงกับกรี๊ดร้องว่าลูก...ลูก...ลูกของเรา พงษ์ดนัยถึงกับอึ้ง และโมโหไล่ทั้งสองคนออกจากบ้านไป บัวรินเหมือนคนขาดสติคว้าปืนไปหวังฆ่าให้หมดทุกคน แต่พงษ์ดนัยพูดปลอบจนใจอ่อนยอมวางปืน พงษ์ดนัยตบบัวรินด้วยปืนจนเลือดกลบปาก บุญถึงมาเห็นเขาโมโหพงษ์ดนัยมากคลุ้มคลั่งคว้าปืนไล่ยิงพงษ์ดนัย จนขาดใจตาย บุญผเรศน์จัดการเรื่องคดี คุณหญิงไม่เอาเรื่องบุญถึง บุญถึงกลายเป็นขาดสติ บุญผเรศน์พาหมอมารักษา และพาไปอยู่ชนบทจนอาการบุญถึงค่อย ๆ ดีขึ้น ชิดสมัยกับบุญผเรศน์เข้าใจกัน และชิดสมัยก็เห็นความดีของบุญผเรศน์พอเพียงที่เธอจะฝากชีวิตไว้กับเขา ส่วนฮักกี้พาถิ่นสมรไปแต่งงานและอยู่ที่อังกฤษ

คนเริงเมือง (2545/2002) ย้อนไปในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเล็กน้อย ตัวเอก “พริ้ง” เป็นคนสวยพริ้งสมชื่อ พ่อแม่ตายไปตอนเด็กๆ ก็อยู่กับพี่สาวคนโต ซึ่งคอยดุด่า และเฆี่ยนตีพริ้งตลอด จนกระทั่งคุณประเทียบ ซึ่งเป็นมีศักดิ์เป็นภรรยาของญาติห่างๆของพริ้ง ไปพบแล้วสงสารจึงขอมาเลี้ยง คุณประเทียบเป็นสตรีไทยโบราณ ที่ใส่ใจเรื่องการบ้านการเรือน ก็พยายามอบรมสั่งสอนพริ้งให้เป็นกุลสตรีไทย แต่...สอนเท่าไร คนอย่างพริ้งก็ไม่เคยสนใจ พูดว่าอะไร พริ้งก็ฟังไปตามแกนแต่ไม่เคยจำ พอพริ้งเข้ารุ่นสาว แววความงามก็เริ่มปรากฏ พริ้งชอบชม้ายชายตาให้หนุ่มๆในละแวกบ้าน หลงเสน่ห์เล่น เป็นความสุขอย่างหนึ่งของพริ้ง เพราะพริ้งชอบให้มีคนรัก คนชอบ (ตามประสาคนมีปม) จนคุณประเทียบ ร้อนใจกลัวว่า พริ้งจะนำความอับอายขายหน้ามาให้ด้วยเรื่องของผู้ชาย คุณประเทียบเลยยกพริ้งให้แต่งงานกับคุณหมอพินิจ ซึ่งเทียวไปเทียวมาที่บ้าน ด้วยมนตร์เสน่ห์อยู่เป็นนาน พริ้งได้สามีคนแรก ตอนอายุ 16 นี่เอง สามีคนแรกแก่กว่าพริ้งถึง 20 ปี ชีวิตหลังแต่งงานของพริ้งไม่ได้ราบ รื่นนัก เพราะแม่สามีไม่ชอบความประพฤติของลูกสะใภ้วัยละอ่อนเท่าไร อีกทั้งลูกสะให้คนนี้ก็ไม่ใช่กุลสตรี อดทนอดกลั้น แบบหญิงไทยที่ยอมทนให้แม่ผัวโขกสับ พริ้งปากกล้า ต่อล้อต่อเถียงแม่ผัวไม่มีเกรงกลัว อยู่ไปหนักข้อ ข่มสามีได้อีก คนที่น่าสงสารที่สุดก็คุณหมอพินิจนี่ละ แรกๆ ชีวิตก็ทำท่าจะดี แต่พออยู่ไปนานเข้า คุณเมียก็มีแต่เรื่องปวดหัวมาให้จนกระทั่งหมอเส้นโลหิตในสมองแตกตาย โดยทิ้งลูกในท้องไว้ให้พริ้งคนหนึ่ง ติดตามต่อได้ใน คนเริงเมือง

เจ้าสัวสยาม (2545/2002) ทุกชีวิตต้องต่อสู้... ก่อนอื่น "ใจ" ต้องไม่ยอมแพ้ ขอเพียงมุมานะไม่ท้อถอย แล้วพรุ่งนี้... คุณก็มีสิทธิ์ชนะ ละครที่รวบรวมเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประเทศไทยที่เดินทางไกลมาจากเมืองจีน จากที่มีแต่เสื่อผืนหมอนใบได้พากเพียรพยายามจนประสบความสำเร็จในชีวิต และได้กลายเป็น "เจ้าสัวแห่งเมืองสยาม" หนังสือเล่มนี้จะเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่น่าศึกษาและนำไปเป็นแบบอย่างใน การดำเนินชีวิตได้อย่างดีที่สุด

มนต์รักแม่น้ำมูล (2545/2002) งานบายศรีสู่ขวัญชาวบ้านแม่น้ำมูล และงานบุญประจำปีถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ที่วัดของหลวงตาเพื่อรับขวัญสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านแม่มูล คือ ครูพิณ ที่จะมาช่วยสอนเด็กๆ ในหมู่บ้าน และ คุณหมอสายไหม ผดุงครรภ์ประจำอนามัย คำแปลง เจ้าของวงแม่มูลลำเพลินถือฤกษ์ดีเปิดวงและแนะนำดาวรุ่งดวงใหม่ แคน ลูกแม่มูล ครูตะวัน รู้สึกแปลกๆกับ คุณหมอสายไหม ส่วนครูพิณ ก็ประทับใจในตัวของเดือนที่คอยดูแลงานจนจบลงด้วยดี ทั้งที่มีอาตี๋ ลูกชายเถ้าแก่โรงสีกับลูกสมุน ไอ้พาน ไอ้ทอง และไอ้แท้ที่คอยเข้ามาป่วยงาน และมีเรื่องชกต่อยกับแคน แต่พวกอาตี๋สู้แคนไม่ได้ จึงลั่นวาจาว่า มันคิดแย่ง คำหล้า แฟนแคนมาครองให้ได้ ติดตามต่อได้ใน มนต์รักแม่น้ำมูล

Placeholder
อิเหนา 2545

อิเหนา (2545/2002) นื้อเรื่องตอนที่ 1 บ้านเมืองและกำเนิดตัวละคร ในชวาสมัยโบราณ มีกษัตริย์ปกครองเมืองใหญ่เมืองน้อย กษัตริย์วงศ์เทวาซึ่งถือว่าเป็นชาติตระกูลสูงสุด ด้วยสืบเชื้อสายมาจากเทวดา ใช้คำนำหน้าพระนามว่า ระเด่น ส่วนกษัตริย์นอกวงศ์นั้น ใช้คำว่า ระตู เริ่มต้นบทละครเรื่องนี้ กล่าวถึงกษัตริย์วงศ์ 4 องค์ ต่างเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา ทรงพระนามว่าท้าวกุเรปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลัง ท้าวสิงหัดส่าหรี ครองเมือง 4 เมือง ซึ่งมีชื่อเช่นเดียวกับพระนามกษัตริย์ ทุกพระองค์ต่างก็มีมเหสี 5 องค์ ตามประเพณี เรียงลำดับศักดิ์ คือ ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู และเหมาหลาหงี ประไหมสุหรีของท้าวกุเรปันและท้าวดาหานั้น เป็นธิดาของกษัตริย์หมันหยาเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่ง จึงทำให้เมืองหมันหยามีความเกี่ยวดองกับกษัตริย์วงศ์เทวามากขึ้น ท้าวกุเรปันมีโอรสกับลิกูองค์หนึ่งทรงพระนามว่า กระหรัดตะปาตี ซึ่งได้หมั้นไว้กับบุษบารากา ธิดาของท้าวกาหลังซึ่งเกิดจากลิกู ต่อมาพระองค์ปรารถนาจะให้ประไหมสุหรีมีโอรสบ้าง จึงได้ทำพิธีบวงสรวง ก่อนประไหมสุหรีทรงครรภ์ก็ได้สุบินว่าพระอาทิตย์ทรงกลดลอยมาตกตรงหน้า และนางรับไว้ได้ เมือประสูติก็เกิดอัศจรรย์ต่าง ๆ เป็นนิมิตดี องค์ปะตาระกาหลาซึ่งเป็นเทวดาต้นวงศ์บนสวรรค์ เหาะนำกริชมาประทานให้ พร้อมทั้งจารึกนามโอรสด้วยว่า อิเหนา ต่อมาประไหมสุหรีได้ธิดาอีกหนึ่งองค์ พระนามว่า วิยะดา ฝ่ายท้าวดาหา ประไหมสุหรีก็ประสูติธิดา ได้พระนามว่า บุษบา ขณะประสูติก็เกิดอัศจรรย์ก็มี กลิ่นหอมตลบทั่วเมือง หลังจากประสูติบุษบาแล้ว ประไหมสุหรีก็ประสูติโอรสอีก พระนามสียะตรา ท้าวกาหลังมีธิดา พระนามสะการะหนึ่งหรัด ท้าวสิงหัดส่าหรีมีโอรส พระนามสุหรานากง และธิดาพระนาม จินดาส่าหรี กษัตริย์ในวงศ์เทวาจึงได้จัดให้มีการตุนาหงันกันขึ้น ระหว่างโอรสและธิดาในวงศ์เดียวกันโดยให้ อิเหนาหมั้นไว้กับบุษบา กระหรัดตะปาตีกับบุษบารากา สียะตรากับวิยะดา สุหรานากงกับสะการะหนึ่งหรัด แต่ก่อนจะมีการแต่งงาน ความยุ่งยากก็เกิดขึ้น เนื้อเรื่องตอนที่ 2 ความขัดแย้ง ต้นเหตุของความยุ่งยาก จุดเริ่มต้นที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้ตัวละครประกอบความยุ่งยาก และเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายอันเป็นการดำเนินเรื่องของบทละครเรื่องนี้ เกิดจากอัยยิกาของอิเหนาที่เมืองหมันหยาสิ้นพระชนม์ อิเหนาจึงเสด็จไปในงานพระเมรุแทนท้าวกุเรปัน แต่เสร็จพิธีแล้วอิเหนาไม่ยอมกลับ เพราะหลงรักนาง จินตะหรา ธิดาท้าวหมันหยา จนท้าวกุเรปันต้องมีสารไปเตือน เมื่อกลับมากรุงกุเรปันแล้วและใกล้เวลาอภิเษกกับบุษบา อิเหนาก็ไม่ใคร่เต็มใจ จึงออกอุบายทูลลาพระบิดาไปประพาสป่า แล้วปลอมองค์เป็น ปันหยีหรือโจรป่า นามว่ามิสาระปันหยี คุมไพร่พลรุกรานเมืองต่าง ๆ เมื่อเสด็จไปถึงเมืองใดก็ได้เมืองนั้นเป็นเมืองขึ้น ระตูหลายเมืองได้ถวายโอรสและธิดาให้ ที่สำคัญคือระตูปันจะรากันและระตูปักมาหงัน ได้ถวายธิดาคือมาหยารัศมีและสะการวาตี ซึ่งต่อมาได้เป็นชายาของอิเหนา และถวายโอรสคือสังคามาระตา ซึ่งอิเหนายกย่องให้เป็นน้องและเป็นทหารคู่ใจ กองทัพของปันหยีรอนแรมไปจนถึงเมืองหมันหยา ท้าวหมันหยาไม่กล้าต่อสู้และยอมยกธิดาให้ แต่พอรู้ว่าเป็นอิเหนา ท้าวหมันหยาไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา อิเหนาจึงลอบเข้าหานางจินตะหราและได้เสียกัน ท้าวหมันหยาก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พอถึงกำหนดการอภิเษก ท้าวดาหาก็มีสารถึงท้าวกุเรปันให้เตรียมพิธีอภิเษก แต่อิเหนาบอกปัด ทำให้ท้าวดาหาโกรธมาก จึงประกาศจะยกบุษบาให้กับใครก็ได้ที่มาขอ เพราะฉะนั้นเมื่อระตูจรกา กษัตริย์รูปชั่วตัวดำ ให้พี่ชายคือระตูล่าสำไปสู่ขอบุษบาให้ตน ท้าวดาหาก็ยอมยกให้ ต่อมา ท้าวกระหมังกุหนิง ส่งทูตมาสู่ขอบุษบาให้วิหยาสะกำซึ่งเป็นโอรส แต่ท้าวดาหาปฏิเสธเพราะได้ยกให้ระตูจรกาไปแล้ว เป็นเหตุให้ท้าวกะหมังกุหนิงโกรธและยกกองทัพมาล้อมเมืองดาหา ท้าว ดาหาจึงขอกำลังจากพระเชษฐาและพระอนุชา ท้าวกุเรปันมีคำสั่งให้อิเหนาไปช่วยรบ อิเหนาจึงจำใจต้องจากนางจินตะหราและยกกองทัพไปช่วยรบ การศึกครั้งนี้ อิเหนามีชัยชนะ ท้าวกะหมังกุหนิงถูกอิเหนาฆ่าตายและโอรสคือวิหยาสะกำถูกสังคามาระตาฆ่าตาย กองทัพที่ล้อมเมืองดาหาก็แตกพ่ายไป เมื่อชนะศึกแล้ว อิเหนาก็ได้เข้าเฝ้าท้าวดาหาและได้พบกับบุษบา อิเหนาได้เห็นความงามของบุษบาก็หลงรักและเสียดาย พยายามหาอุบายอยู่ในเมืองดาหาต่อไป และพยายามหาโอกาสใกล้ชิดบุษบา โดยอาศัยสียะตราเป็นสื่อรัก อิเหนาพยายามหาวิธีการทุกทางเพื่อจะได้บุษบาเป็นของตน เช่นตอนที่ท้าวดาหาไปใช้บนที่เขาวิลิศมาหรา อิเหนาได้แอบสลักสารบนกลีบดอกปะหนัน (ลำเจียก) ให้นาง แอบเข้าไปในวิหารพระปฏิมา ตรัสตอบคำถามแทนพระปฏิมา ต้อนค้างคาวมาดับไฟแล้วแอบมากอดนาง ตลอดจนคาดคั้นมะเดหวีให้ช่วยเหลือตน เป็นต้น และเมื่อท้าวดาหาจะจัดพิธีอภิเษกระหว่างบุษบากับระตูจรกา อิเหนาก็ใช้วิธีการสุดท้ายโดยการทำอุบายเผาเมือง แล้วลอบพานางบุษบาหนีออกจากเมืองไปซ่อนในถ้ำที่เตรียมไว้ และได้นางเป็นมเหสี เนื้อเรื่องตอนที่ 3 ปัญหาใหม่ และการมะงุมมะงาหรา หลังจากอิเหนากับบุษบาเข้าใจกันแล้ว ก็เกิดความยุ่งยากใหม่ขึ้นกับตัวละครอีก เพราะองค์ปะตาระกาหลาทรงพิโรธอิเหนาที่ก่อเหตุวุ่นวายมาตลอด จึงดลบันดาลให้ลมหอบเอานางบุษบาพร้อมพี่เลี้ยงสองนาง ไปตกในเมืองปะมอตันขณะที่อิเหนาเข้าไปในเมืองดาหาเพื่อแก้สงสัย อิเหนากลับมาไม่พบบุษบาก็ปลอมองค์เป็นปันหยีออกตามหา พร้อมกับนำวิยะดาไปด้วยกับตน โดยให้ปลอมเป็นปันหยีชื่อเกนหลงหนึ่งหรัด ผ่านเมืองใดก็รบพุ่งเอาไปเป็นเมืองขึ้นไปตลอดรายทาง จนถึงเมืองกาหลัง จึงได้เข้าไปขอพักอาศัยอยู่ด้วย ส่วนบุษบา หลังจากลมหอบไปยังเมืองปะมอตันแล้ว องค์ปะตาระกาหลา ก็สำแดงตนบอกเล่า เรื่องราวให้ทราบว่า นี่เป็นการลงโทษอิเหนา ทั้งสองจะต้องผจญความลำบากอยู่ระยะหนึ่ง จึงจะได้พบกันองค์ปะตาระกาหลาได้แปลงตัวบุษบาให้เป็นชาย มอบกริชจารึกพระนามว่ามิสาอุณากรรณ ให้มีความสามารถทางการรบ หลังจากนั้น อุณากรรณเดินทางเข้าเมืองปะมอตัน ท้าวปะมอตันรับเลี้ยงไว้เป็นโอรส ต่อมาอุณากรรณกับพี่เลี้ยงก็ยกพลออกเดินทางเพื่อตามหาอิเหนา ผ่านเมืองใดเจ้าเมืองไม่อ่อนน้อมก็รบพุ่งได้ชัยชนะหลายเมือง จนกระทั่งถึงเมืองกาหลัง ได้พบกับปันหยี ทั้งสองฝ่ายต่างก็แคลงใจว่าอีกฝ่ายคือบุคคลที่ตนเที่ยวหา แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยตัว ได้แต่สังเกตและคุมเชิงกันอยู่ที่เมืองกาหลัง ปันหยีและอุณากรรณได้เข้าอ่อนน้อมต่อท้าวกาหลัง ท้าวกาหลังก็ทรงโปรดทั้งสองเหมือนโอรส ต่อมามีศึกมาประชิดเมืองเพราะท้าวกาหลังไม่ยอมยกธิดา คือสะการะหนึ่งหรัดให้ ปันหยีและอุณากรรณอาสารบ และสามารถชนะศึกได้อย่างง่ายดาย เหตุการณ์นี้ทำให้ปันหยี อุณากรรณและสะการะหนึ่งหรัดใกล้ชิดสนิดสนมกันมากยิ่งขึ้น ทำให้อุณากรรณกลัวความจะแตกว่านางเป็นหญิง กอปรกับต้องการติดตามหาอิเหนาต่อไป จึงทูลลาท้าวกาหลังกลับเมืองปะมอตัน แต่นางออกอุบายให้ทหารกลับเมืองตามลำพัง ส่วนนางกับพี่เลี้ยงหนีไปบวชชี (แอหนัง) เพื่อหาทางหลบหนีการตามพัวพันของปันหยี ฝ่ายสียะตราแห่งเมืองดาหา ครั้นทำพิธีโสกันต์เสร็จก็แอบหนีพระบิดาปลอมตัวเป็นปัจจุเหร็จโจรป่าชื่อ ย่าหรัน ออกเดินทางหาอิเหนาและบุษบา องค์ปะตาระกาหลาแปลงเป็นนกยูงมาล่อย่าหรันไปถึงเมืองกาหลังได้เข้าเฝ้าและพำนักอยู่ในเมือง ต่อมาย่าหรันและปันหยีเกิดต่อสู้กัน เพราะเกนหลงหนึ่งหรัดเป็น ต้นเหตุ ในที่สุดอิเหนาและสียะตราก็จำกันได้ เพราะมองเห็นกริชของกันและกัน ต่อมาปันหยีทราบว่ามีแอหนังบวชบนภูเขา รูปงามละม้ายบุษบา จึงออกอุบายปลอมตัวเป็นเทวดาหลอกนางมายังเมืองกาหลัง เมื่อปันหยีพิศดูนางก็ยิ่งละม้ายนางบุษบา แต่พอเห็นกริชของนาง ชื่ออุณากรรณ ก็เข้าใจว่านางเป็นชายาของอุณากรรณ ฝ่ายพี่เลี้ยงของปันหยีคิดเล่นหนังทดสอบแอหนัง โดยผูกเรื่องตามชีวิตจริงของอิเหนากับบุษบาทุก ๆ ตอน นางแอหนังฟังเรื่องราวก็ร้องไห้คร่ำครวญ ทั้งสองฝ่ายจึงจำกันได้ อิเหนาจึงให้นางสึกจากชี ระเด่นทั้งสี่ คือ อิเหนา บุษบา สียะตรา และวิยะดา จึงพบกันและจำกันได้หลังจากดั้นด้นติดตามกันโดยปราศจากทิศทาง (มะงุมมะงาหรา) เสียนาน เนื้อเรื่องตอนที่ 4 ปิดเรื่อง กษัตริย์วงศ์เทวาได้มาพร้อมกัน ณ เมืองกาหลัง หลังจากทราบเรื่องและเข้าใจกันดีแล้ว จึงได้มีการอภิเษกสมรสกันขึ้นระหว่างคู่ตุนาหงันในวงศ์เทวา พร้อมทั้งอภิเษกธิดาระตูอื่น ๆ เป็นมเหสีกษัตริย์วงศ์เทวาจนครบตำแหน่ง เช่น อิเหนาอภิเษกกับบุษบาและจินตะหรา โดยบุษบาเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย จินตะหราเป็นประไหมสุหรีฝ่ายขวา สะการะวาตีเป็นมะเดหวีฝ่ายขวา มาหยารัศมีเป็นมะเดหวีฝ่ายซ้าย บุษบาวิลิศเป็นมะโตฝ่ายขวา บุษบากันจะหนาเป็นมะโตฝ่ายซ้าย ระหนากะระติกาเป็นลิกูฝ่ายขวา อรสานารีเป็นลิกูฝ่ายซ้าย สุหรันกันจาส่าหรี เป็นเหมาหลาหงีฝ่ายขวา หงยาหยาเป็นเหมาหลาหงีฝ่ายซ้าย สียะตราอภิเษกกับวิยะดา สุหรานากงกับสะการะหนึ่งหรัด กะหรัดตะปาตีกับบุษบารากา สุหรานากงครองเมืองสิงหัดส่าหรี กะหรัดตะปาตีครองเมืองกาหลัง.

หนี้แค้นแสนรัก 2545

หนี้แค้นแสนรัก (2545/2002) เรื่องราวความรักความแค้น ที่เกิดขึ้นจากความโลภ ของพี่น้องในครอบครัวของ ตรัสวิน (นาท ภูวนัย) พี่ชายบุญ ธรรม ของ สรรพสิริ (อนุสรณ์ เดชะปัญญา) ซึ่งเป็นพ่อของพี่น้องฝาแฝด มหาสมุทรและอินทร์เมือง (เต๋า-สมชาย เข็มกลัด) แต่ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกันข้ามขอบฟ้า มหาสมุทรอยู่เมืองไทย เป็นนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ แต่งงานกับ ภรรยาสาวแสนสวย คือ ธาริณี (แนน-ชลิตา เฟื่องอารมณ์) มหาสมุทรเป็นผู้ชายที่สุขุม เรียบร้อยจึงเป็นที่ถูกใจของ อรรถ์จิรา (มิลค์-เขมสรณ์ หนูขาว) ลูกสาวคนโตของตรัสวิน ติดตามต่อได้ใน หนี้แค้นแสนรัก