นางฟ้าหลงทาง, 2537
โสมส่องแสง 2537

เรื่องย่อ : โสมส่องแสง (2537/1994) “เมื่อจ้อยมา จ้อยคิดว่าจะมาตายกับพี่…พี่ก็จะตายกับจ้อยจะไม่ไปไหนหรอกต้องกลับเวียงสรอง ไปหาจ้อยเสมอเวียงสรอง คือภาระของจ้อยเท่ากับของพี่” โรสลาเรน นามปากกานี้ นำความประทับใจที่อ่อนหวานและความสิเน่หาที่ติดตรึงหัวใจของคุณมาแล้ว จากนวนิยายเรื่อง “ในฝัน” “ค่าของคน” “ทางรัก” และ “สายสัมพันธ์” บัดนี้ ณ บ้านวรรณกรรม นำรักระหว่างรบของ “จ้อยและภูริต” ที่แสนเสน่ห์ใน “โสมส่องแสง” นวนิยายยอดนิยมที่นักอ่านทั้งประเทศชื่นชม และไทยทีวีสีช่อง 3 เคยแพร่ภาพเป็นละครฟอร์มใหญ่แห่งปี 2537 มาพบคุณอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่สว่างไสวและเดียงสาใสบริสุทธิ์ ของเจ้านางน้อยรอยคำ ที่ผูกพันกับนายทหารไทย “ผู้พันภูริต” ผู้ที่หลายคนตั้งคำถามเสมอว่า เขาเป็นใคร ทำไมต้องมารบเพื่อเวียงสรอง? ภูริต…ทุกลมหายใจของเขา…เพื่อเพื่อน…เพื่อนของเขา…เจ้ารอย! รอยอินทร์ หากเมื่อเวียงสรองล่ม เสด็จพ่อของเจ้ารอยคือเจ้าหลวงแห่งเวียงสรอง กำลังจะถูกประหารชีวิต! ภูริตคือเพื่อนตาย…ที่อาสารุกเดี่ยวเขาเวียงสรอง เพื่อช่วยเจ้าหลวง หากภาพที่เห็นกับตา เขาไม่มีวันลืม ไม่มีวันบอกรอยอินทร์…ว่าเจ้าหลวงตายอย่างไร! ไอ้จ้อย…คือหนุ่มน้อยใบหน้างดงาม ที่เขาและมัน ต่างช่วยพากันออกจากเวียงสรองสู่ชายแดน…ฐานที่มั่นของ “เวียงสรองกู้ชาติ” ที่เจ้ารอยอินทร์ ปักหลักสู้…กู้แผ่นดิน! บัดนั้น…ความผูกพันเริ่มต้นแนบแน่น แล้วหัวใจดวงหนึ่งของไอ้จ้อย “เจ้านางรอยคำ” และหัวใจอีกดวงหนึ่งของภูริต ก็ร้อยเข้าเป็นดวงเดียวกัน…หากเจ้าพี่รอยอินทร์คือองค์เจ้าหลวง ที่ต้องเทิดทูนเหนือเกล้า “ภูริต” ก็คือ ชีวิตของเจ้านางน้อย…รอยคำ! ข่าว “เจ้าหลวงแห่งเวียงสรอง” สิ้นพระชนม์! บัดนี้ เจ้ารอยอินทร์-เจ้านางรอยคำ สองพระองค์กอดซบโศกาดูรในความสูญเสียร่วมกัน เสียยศ เสียฉัตร เสียเมือง ไม่มี “บ้าน” จนกว่าจะกวาดล้างทรราชให้หมดจากแผ่นดิน…คนทั้งแผ่นดินเวียงสรอง หากไม่มีใครมาสั่งสมความแค้น เลือดนักสู้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร? บัดนี่มิใช่จนเลือดตากระเด็นหรอกหรือ จึงจับอาวุธขึ้นต่อสู้! การรบรุกจะเริ่ม วนเวียนล้มตาย ไม่มีที่สิ้นสุด ตายถมแผ่นดินเวียงสรองให้หมด ค่อยเหยียบศพคนสุดท้ายขึ้นปกครอง “ตราบใดที่ตีนยังเหยียบแผ่นดินของเรา เราไม่พูดถึงคำว่า แพ้!” เจ้านางรอยคำ…จะหางามสามโลกก็เหลือหา สมเป็นนางพญาอันสูงส่ง…ในวันหน้ามันจะเป็น “นางพญา” ณ ที่ใดก็ตาม หากสำหรับเขามันคือ “ไอ้จ้อย” ที่ฝังรอยคำไว้ในหัวใจ “เมื่อจ้อยมา จ้อยคิดว่าจะมาตายกับพี่…พี่ก็จะตายกับจ้อยจะไม่ไปไหนหรอก…พี่สัญญาจะไม่มี วันทิ้งจ้อย ทิ้งเจ้าหลวง พอใจไหม?” ประโยคนี้ ยิ่งเสียกว่าปีติใด ประโยคนี้ยิ่งเสียว่าคำว่า เพราะมิใช่หมายแค่รักเดียว หากเขารักแผ่นดิน รักคนทั้งแผ่นดินของจ้อยด้วย “ถ้าคุณริต…อยู่ที่ไหน จ้อย…ไปหาได้ไหม?” ภูริตเต็มตื้นมันผูกพันแน่นหนา แต่เขาต้องคอย มันมีหน้าที่…คนทั้งเวียงสรองรอมัน…หากมันรอ…รอคนคนเดียว…ภูริต! ถ้าเจ้าหลวงรอยอินทร์ เหมือนดวงสุริยาฉายแสงให้ความอบอุ่นแก่แผ่นดินเวียงสรอง เจ้านางรอยคำ ย่อมคือดวงจันทร์อ่อนนวลให้ความเย็นตา ชุ่มฉ่ำใจแก่ชาวเวียงสรอง เพื่อเพื่อน…เพื่อรักด้วยชีวิตหน้าที่ รับผิดชอบคือคำตอบที่รบอยู่ไม่รู้สิ้น! อกอุ่น นี้กว้าง แข็งนัก ปกปักษ์ รักษาจำได้ ยามทุกข์ ยามมี โพยภัย อุ่นใน อกนี้ อย่ามีเกรง.......

คลื่นชีวิต 2537

เรื่องย่อ : คลื่นชีวิต (2537/1994) จีราวัจน์ (จริยา สรณะคม) เป็นนักแสดงสาวสวยระดับประเทศที่มีชื่อเสียงที่มีอดีตอันขมขื่นจากการถูก คุณหญิงจริยา (เดือนเต็ม สาลิตุล) ซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ของเธอ ทอดทิ้งให้อยู่กับ ยายจันทร์ (มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา) โดยแม่ไปแต่งงานใหม่กับ สิทธา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ซึ่งมีฐานะดีและมีอิทธิพล แต่จีราวัจน์มักถูกข่มขู่และถูกลวมลามจากสิทธาเสมอ เธอจึงมักดื่มเหล้าเพื่อดับทุกข์ วันหนึ่ง จีราวัจน์ไปเดิบแบบทำให้เจอกับ เฉิดฉัตรโฉม (ไปรมา รัชตะ) เพื่อนนางแบบที่ชอบพูดจาถากถาง รวมถึงเจอสิทธาที่เข้ามาขอซื้อตัวเธอไปเป็นนางบำเรอ จีราวัจน์โมโหทั้งสิทธาและเฉิดฉัตรโฉมจึงดื่มเหล้าดับความโกรธ แต่เธอก็ไม่ทันระวังและขับรถชนติวคนรักของ สาธิต (จอนนี่ แอนโฟเน่) ทนายความอนาคตไกลที่เป็นเพื่อนกับ ชยันต์ (สถาพร นาควิลัย) ผู้กำกับหนังที่เธอสนิทด้วย ต่อมา ติวก็เสียชีวิตท่ามกลางความโศกเศร้าโดยเฉพาะสาธิต แต่จีราวัจน์ก็เสียใจไม่แพ้กัน จีราวัจน์ตกเป็นจำเลยว่าขับรถชนคนตายโดยประมาท เมื่อสาธิตเจอกับเธอก็พูดจาถากถางด้วยความแค้นทุกครั้ง แต่เรื่องราวก็บานปลายเมื่อสาธิตร่วมมือกับ เปี๊ยก (กันตา ดานาว) ภรรยาของชยันต์ที่มีนิสัยก้าวร้าวและขี้หึง ร่วมกันทำร้ายชื่อเสียงของจีราวัจน์ให้ตกต่ำ แต่ชยันต์ก็เข้ามาปกป้องจีราวัจน์ตลอดเพราะก็หลงรักจีราวัจน์และเบื่อหน่ายนิสัยของเปี๊ยกเช่นกัน รวมถึงสาธิตก็เริ่มสับสนหัวใจของตัวเองว่ามันคือความรักหรือความแค้น

สายรักสายสวาท 2537
ปราสาทมืด 2537

เรื่องย่อ : ปราสาทมืด (2537/1994) ปราสาทมืด ซ่อนความลับเอาไว้ พร้อมกับผู้คนที่มีบุคลิกและพฤติกรรมอันแปลกประหลาด เต็มไปด้วยปริศนา เมื่อ ม.จ.อุมารังษี ย่างก้าวเข้ามา ความมืดดำก็คล้ายจางหายไปด้วยหัวใจอันอ่อนโยนของเธอ แต่ทว่าความรักท่างกลางแรงอาฆาตแค้นนั้น จะสว่างไสวได้ดังที่ปรารถนาหรือ ? หม่อมเจ้าหญิงอุมารังษี ทะเลาะกับหม่อมอร ผู้เป็นมารดา เรื่องที่หม่อมอรจะลดตัวไปแต่งงานกับนายเม้ง คนไทยเชื้อสายจีน ท่านหญิงจึงเอาสร้อยเพชรที่เสด็จพ่อประทานให้ไปจำนำ เพื่อส่งเงินไปให้หม่อมเจ้าชายพงษ์อิศรา พี่ชายที่อังกฤษ และขอร้องไม่ให้พงษ์อิศรารับเงินจากหม่อมอร เพราะเป็นเงินของนายเม้ง พร้อมบอกข่าวที่เธอจะเดินทางไปเป็นครูที่ จ.เชียงใหม่

ตุ๊กตาเริงระบำ 2537

เรื่องย่อ : ตุ๊กตาเริงระบำ (2537/1994) อินทุ อร สาวสวยนักเรียนนอก นั่งกอดตุ๊กตากระเบื้องเนื้อดีสวมชุดบัลเล่ต์สีขาวไว้แนบอก เธอร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล เธอมาเรียนที่อังกฤษประมาณ 5 ปีแล้ว อีกปีเดียวก็จะเรียนจบปริญญาตรี แต่บิดาของเธอก็มาเสียชีวิตลงกะทันหัน อินทุอรหยิบจดหมายจาก ศจี ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงขึ้นมาอ่านเป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอก็จำไม่ได้ เธอไม่เชื่อว่าบิดาของเธอจะฆ่าตัวตาย บิดาของเธอชื่อ อนันต์ เป็นนักธุรกิจชื่อดัง ร่ำรวยมหาศาล ประสบความสำเร็จในอาชีพตลอดมา อินทุอรคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าทำไมบิดาถึงฆ่าตัวตายในเมื่อท่านสั่งสอนเธอ มาเสมอว่า คนฆ่าตัวตายคือคนโง่ เธอไขลานให้ตุ๊กตาบัลเล่ต์หมุนไปรอบตัวตามจังหวะดนตรีอีกครั้ง อินทุอรนั่งมองตุ๊กตาแต่น้ำตาไหลพราก ตุ๊กตาตัวนี้บิดาซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ท่านบอกว่าตุ๊กตาสวยน่ารักเหมือนอินทุอร เธอจำได้ว่าท่านกอดเธอไว้แน่น สั่งนักสั่งหนาว่าให้เก็บตุ๊กตาตัวนี้ไว้ให้ดี ตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นตัวแทนของท่าน เมื่อเธอคิดถึงก็ให้กอดตุ๊กตาแล้วก็เหมือนกับกอดท่าน อินทุอรแปลกใจที่บิดาพูดแปลก ๆ แต่ ณ วันนี้เธอไม่มีใครแล้วนอกจาก "ตุ๊กตาเริงระบำ" ตัวนี้ตัวเดียวที่เป็นตัวแทนบิดาของเธอ

เรื่องย่อ : ไกรทอง (2537/1994) กาลครั้งหนึ่ง มีถ้ำแก้ววิเศษเป็นที่อยู่ของจระเข้(ใต้) ในถ้ำมีลูกแก้ววิเศษที่ส่องแสงดุจเวลากลางวัน จระเข้ทุกตัวที่เข้ามาในถ้ำจะกลายเป็นมนุษย์ มีท้าวรำไพ เป็นจระเข้เฒ่าผู้ทรงศีล ไม่กินเนื้อมนุษย์และสัตว์ มีบุตรชื่อ ท้าวโคจร ซึ่งนิสัยแตกต่างจากพ่อโดยสิ้นเชิง ท้าวโคจรมีบุตรชื่อ ชาละวัน วันหนึ่ง ท้าวโคจร เกิดทะเลาะวิวาทกับท้าวแสนตาและพญาพันวัง(เหนือ) ท้าวโคจรโกรธที่ท้าวแสนตาฆ่าลูกน้องของตนจึงเข้ามาขอท้าสู้ แต่ท้าวแสนตาก็ไม่อาจสู้กำลังของท้าวโคจรได้ พญาพันวังโมโหที่ท้าวโคจรฆ่าพี่ชายของตนจึงขึ้นมาสู้กับท้าวโคจร สุดท้ายทั้งสามก็จบชีวิตลงจากบาดแผลที่เกิดจากการสู้รบกัน หลังจากนั้น พญาชาละวัน บุตรของท้าวโคจร ก็ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองถ้ำบาดาลโดยไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจ และได้จระเข้สาวสองตัวเป็นเมียคือ วิมาลา กับ เลื่อมลายวรรณ ด้วยความลุ่มหลงในอำนาจ ชาละวันจึงมีนิสัยดุร้ายต้องการกินเนื้อมนุษย์ และไม่รักษาศีลเหมือนท้าวรำไพผู้เป็นปู่แต่อย่างใด เพราะถือว่าตนเป็นผู้ปกครองถ้ำ มีอำนาจอยากจะทำอะไรก็ได้ ณ เมืองพิจิตร มีเหตุการณ์จระเข้อาละวาดออกมากินคนที่อยู่ใกล้คลอง วันหนึ่ง พี่น้องคู่หนึ่ง ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นธิดาของเศรษฐี อยากที่จะลงไปเล่นน้ำที่คลอง เศรษฐีห้ามแต่สองพี่น้องก็ยังรบเร้าที่จะไปโดยบอกว่ามีพี่เลี้ยงลงไปด้วย เศรษฐีจึงใจอ่อนยอมให้ตะเภาแก้วและตะเภาทองลงไปเล่นน้ำ ในเวลานั้น ชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นจระเข้ยักษ์นิสัยอันธพาล ได้ออกจากถ้ำอาละวาดล่าหามนุษย์เป็นเหยื่อ สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมือง และได้ว่ายน้ำผ่านมาเห็นตะเภาทองที่แม่น้ำแถวบ้านท่านเศรษฐี ก็เกิดความลุ่มหลงทันทีจึงคาบตะเภาทองแล้วดำดิ่งไปยังถ้ำทองด้วยความเหิมลำพอง เมื่อนางตะเภาทองฟื้นขึ้นมา ก็ตกตะลึงในความสวยของถ้ำ และได้เห็นพญาชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นชายรูปงาม ชาละวันเกี้ยวพาราสีแต่นางไม่สนใจ ชาละวันจึงใช้เวทมนตร์สะกดให้นางหลงรักและยอมเป็นภรรยา เมียของชาละวันคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เห็นก็ไม่พอใจและหึงหวงแต่ก็ห้ามสามีไม่ได้ ท่านเศรษฐีเสียใจมาก จึงประกาศไปว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงานกับนางตะเภาแก้ว แต่ไม่ว่าจะมีผู้มีอาคมอาคมมาปราบชาละวันกี่คน ก็จะตกเป็นเหยื่อให้ชาละวันเอาไปนั่งกินเล่นทุกราย และแล้วก็ได้ ไกรทอง หนุ่มรูปหล่อจากเมืองนนทบุรี ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้จากอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้า ฤทธิ์อาคมแกร่ง ได้รับอาสามาปราบชาละวัน ก่อนพบเจอเหตุร้าย ชาละวันได้นอนฝันว่า มีไฟลุกไหม้และน้ำท่วมทะลักเข้าถ้ำ เกิดแผ่นดินไหวแปรปรวน ทันใดนั้น ได้ปรากฏร่างเทวดาฟันคอชาละวันขาดกระเด็น จึงได้นำความฝันไปบอกกล่าวกับปู่ท้าวรำไพ เพราะเหตุการณ์ในความฝันเป็นลางร้าย ชาละวันต้องจำศีลในถ้ำ 7 วัน ถ้าออกไปนอกถ้ำจะพบภัยพิบัติถึงชีวิต วิมาลาจึงรับสั่งให้บริวารจระเข้คาบก้อนหินมาปิดปากถ้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มนุษย์เข้ามาในถ้ำ รุ่งเช้าไกรทองเริ่มตั้งพิธีบวงสรวงพร้อมท่องคาถา ทำให้ชาละวันเกิดอาการร้อนรุ่ม วิมาลาได้แต่คอยปลอบใจให้ชาละวันอดทนเข้าไว้ แต่สุดท้ายชาละวันก็ต้องออกจากถ้ำ แปลงกายเป็นจระเข้ขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อต่อสู้กับไกรทอง การต่อสู้ของคนกับจระเข้จึงเริ่มขึ้นไกรทองกระโดดขึ้นบนหลังจระเข้ชาละวันอย่างรวดเร็วและแทงด้วยหอกสัตตโลหะ ทำให้อาคมของเขี้ยวเพชรเสื่อม หอกอาคมได้ทิ่มแทงชาละวันจนบาดเจ็บสาหัส และมันได้รีบหนีกลับไปที่ถ้ำทองทันที แต่ไกรทองก็ใช้เทียนระเบิดน้ำเปิดทางน้ำ ตามลงไปที่ถ้ำทันที วิมาลาและเลื่อมลายวรรณต้องการของร้องให้ปู่ท้าวรำไพช่วย แต่ท้าวรำไพก็ไม่สามารถช่วยได้ เมื่อมาถึงถ้ำไกรทองได้พบกับ วิมาลา ด้วยความเจ้าชู้จึงเกี้ยวพาราสีจนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้ จนนางตกใจวิ่งหนีเข้าถ้ำ ไกรทองจึงตามนางไป ส่วนชาละวันที่นอนบาดเจ็บอยู่ก็รีบออกมาจากที่ซ่อนตัวและได้ต่อสู้กับไกรทองต่อในถ้ำ จนชาละวันสู้ไม่ไหวในที่สุดก็พลาดเสียท่าถูกแทงจนสิ้นใจตายตรงนั้น (บางสำนวนก็บอกว่า ชาละวันถูกหอกอาคมของไกรทองแทงกลางหลัง แล้วร่างก็เปลี่ยนเป็นจระเข้ยักษ์นอนตายอยู่กลางถ้ำทอง) และไกรทองก็ได้พานางตะเภาทองกลับขึ้นมา เศรษฐีดีใจมากที่ลูกสาวยังไม่ตาย จึงจัดงานแต่งงานให้ไกรทองกับนางตะเภาแก้ว พร้อมมอบสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง แถมนางตะเภาทองให้อีกคน ใจของไกรทองกลับนึกถึงนางวิมาลา จึงไปหาอยู่กินด้วย โดยทำพิธีทำให้นางยังคงเป็นมนุษย์แม้ออกนอกถ้ำทอง นางตะเภาแก้วและนางตะเภาทอง จับได้ว่า สามีไปมาหาสู่ นางจระเข้จึงไปหาเรื่องกับนางในร่างมนุษย์จนนางวิมาลาทนไม่ไหวกลับ ร่างเป็นจระเข้และไกรทองต้องออกไปห้ามไม่ให้เมียตีกันและอำลาจากนางวิมาลาด้วยใจอาวรณ์ สุดท้ายไกรทองก็ปรับความเข้าใจได้กับทั้งสองฝ่าย ทั้งมนุษย์และจระเข้อยู่อย่างสันติ

ปลาบู่ทอง 2537

เรื่องย่อ : ปลาบู่ทอง (2537/1994) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีเศรษฐี ชื่อ ทารกะ (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) มีอาชีพจับปลา มีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา ผู้มีจิตใจดี อ่อนโยน มีลูกสาวแสนสวย เรียบร้อยเหมือนแม่ ชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี เป็นผู้มีจิตริษยาอาฆาต มารยาสาไถ ยุแหย่สามีให้เกลียด นางขนิษฐา และลูกสาวตลอดเวลา มีลูกสาวนิสัยเหมือนแม่ 2 คนชื่ออ้าย กับอี่ วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่านั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียวกลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีมีความเกลียดชังเป็นทุนอยู่แล้วจึงโมโหคว้าพายได้ ก็ฟาดจนนางขนิษฐาสลบ และผลักตกน้ำจมตาย เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นเอื้อยจึงถูก 3 แม่ลูกกลั่นแกล้งทรมานด้วยการใช้ทำงานอย่างหนักไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนตลอดทั้งวัน เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ของตนก็ได้นำข้าวสวยและรำมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยดูมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงไปแอบสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน

มิติมหัศจรรย์ 2537

เรื่องย่อ : มิติมหัศจรรย์ (2537/1994) มหัศจรรย์แห่งรักที่กาลเวลา ชาติภพ และอุปสรรคใดๆ มิอาจขวางกั้น ระหว่างสองเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประจำดวงดาว พระเสาร์ เทพผู้เคร่งขรึมงามสง่า พระอังคาร เทพแห่งสงครามผู้องอาจ กับ ทิพมณี สาวน้อยงามบริสุทธิ์สดใส ผู้ข้ามมิติแห่งเวลามาไถ่ถอนบาปอันหนักหนา ด้วยอานุภาพแห่งรัก จึงไม่มีอะไรสามารถขวางกั้น แม้จะอยู่ต่างกันคนละมิติ เพราะความรักก่อเกิด ความสูญเสียจึงเกิดขึ้น ความรักอันทรงพลานุภาพของเธอ ที่มีต่อเทพแห่งดวงดาว กลับกลายเป็นชนวนของสงครามอันคุกรุ่น ณ ดินแดนอันเร้นลับ มหัศจรรย์ ณ อีกภพหนึ่ง เธอต้องกลับมาเพื่อชดใช้ พลังรักของเทพแห่งดินแดนอันแสนไกล จะทรงอานุภาพส่งไปถึงเธอ ณ ดินแดนต่างมิติหรือไม่ ? และทั้งสองจะได้ครองคู่กันหรือ ในเมื่ออยู่ต่างกันคนละมิติ...

ศิลามณี 2537

เรื่องย่อ : ศิลามณี (2537/1994) จ้าหญิงแสงฝาง หรือ งาม เจ้าหญิงวัยรุ่นแสนสวยจากเมืองเชียงรัฐ เธอมีอายุสิบสี่ปี มาขอพบคุณหญิงอทิติ บูรณโยธิน คุณหญิงผู้ยังสาวและสวยมาก เป็นภรรยาของพลเอกจอมณรงค์ เมื่อคุณหญิงอทิติได้พบกับเจ้าหญิงแสงฝางก็ถึงกับอึ้งไป ไม่ใช่เพราะเป็นเจ้าหญิง แต่เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของเธอ อทิติสมรส ครั้งแรกกับเจ้าฟ้าแสนหลวง เจ้าผู้ครองเชียงรัฐ รัฐอิสระทางภาคเหนือของประเทศไทย เจ้าอายุมากกว่าอทิติถึงสองรอบ ความแตกต่างของอายุและความเงียบเชียบของเชียงรัฐซึ่งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและ ป่าไม้ทำให้อทิติทนไม่ได้ สองปีหลังจากให้กำเนิดลูกสาวคือเจ้าหญิงแสงฝาง อทิติทิ้งทุกอย่างที่เชียงรัฐกลับเป็นตัวของตัวเอง และต่อมาก็ได้สมรสกับพลเอกจอมณรงค์ เจ้าหญิงแสงฝางน้อยใจที่แม่ทอดทิ้ง จึงไม่ยอมติดต่อคุณหญิงอทิติเลย เจ้าหญิงแสงฝาง มากับหอมนวล พี่เลี้ยงวัยกลางคน เจ้าแสงฝางไม่แสดงอาการที่บ่งบอกถึงความรักที่ลูกมีต่อแม่แต่อย่างใดเลย เธอบอกคุณหญิงอทิติว่าเจ้าฟ้าแสนหลวงป่วยและเธอจะไปเยี่ยม ขอให้คุณหญิงอทิติไปด้วย แต่คุณหญิงปฏิเสธ โดยอ้างสถานะที่ขณะนี้มีสามีใหม่แล้ว และไม่เห็นด้วยที่เจ้าแสงฝางจะขาดเรียน แต่เจ้าแสงฝางยืนยันจะไป การพูดถึงเจ้าพ่อด้วยความรักและผูกพันอย่างลึกซึ้งแต่พูดกับผู้เป็นแม่อย่าง ห่างเหินราวพูดกับคนรู้จักผิวเผินทำให้คุณหญิงอทิติไม่ชอบใจ ศศิ ลูกสาวของพลเอกจอมณรงค์ ลูกเลี้ยงของคุณหญิงอทิติ วัยไล่เลี่ยกับเจ้าแสงฝาง สนใจเจ้าแสงฝางมากเมื่อรู้ว่าเป็นเจ้าหญิงจากเมืองเหนือ แต่เธอไม่รู้ว่าเจ้าแสงฝางเป็นลูกสาวของคุณหญิงอทิติ

วิมานมะพร้าว 2537

เรื่องย่อ : วิมานมะพร้าว (2537/1994) จุลลา ใจเรือง เพิ่งตกงานเพราะถูกบริษัทจากสิงคโปร์ลอยแพ หลังจากทำงานเป็นวิศวกรประจำโรงงานได้สามปี ตกงานอย่างไม่คาดฝันยังไม่พอ ยังจะเกือบขับมอเตอร์ไซค์ชนกับรถยนต์คันหรู ที่ สืบสาย นักธุรกิจรูปหล่อขับฝ่าไฟแดงมาด้วยความเร่งรีบ เพื่อเดินทางไปต่างประเทศให้ทันเวลา ตอนแรกจุลลาจะไม่เอาเรื่องแต่ความคิดที่เลวร้ายพอ ๆ กับคำพูดของสืบสาย ทำให้จุลลาผู้รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร ยอมค้าความจนกว่าสืบสายจะสำนึกผิดและยอมขอโทษ ถอนคำสบประมาทอันแสดงถึงการกดขี่ทางเพศ จุลลาขับรถกลับบ้านที่แบ่งส่วนหนึ่งของพื้นที่เปิดร้านอาหาร สบายท้อง โดยมีจำรัส พ่อ และ ดารา ผู้เป็นแม่เป็นเซฟประจำร้าน จำรัสให้กำลังใจจุลลาให้ฮึดสู้ ต่างกับดาราที่ต้องการให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองแต่งงาน และมีพฤติกรรมสมกับความเป็นหญิง จุลลาไม่คิดจะแต่งงานเพราะยังไม่เจอผู้ชายที่ดีเหมือนกับพ่อ แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใด ความรักฉันท์ชายหญิงในความคิดของจุลลา ไร้สาระและเสียเวลาชีวิตที่สุด การทำงานต่างหากคือการเติมเต็มชีวิตและหัวใจของเธอ จึงมองข้ามพี่โย้ รุ่นพี่ที่คณะ ทำงานอยู่กระทรวงที่คอยเทียวไล้เทียวขื่อ เป็นลูกค้าขาประจำของร้านที่เมาพังพาบคาร้านทุกคืน

ดาวพระศุกร์ 2537

เรื่องย่อ : ดาวพระศุกร์ (2537/1994) ดาวพระศุกร์เป็นเด็กที่นางวิภา วงศ์สะอาด มาคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเลี้ยงดูดาวพระศุกร์จนอายุได้ 9 เดือน ก็มีคนมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชีวิตในบ้านพ่อเลี้ยงที่เกรงใจภรรยาและแม่เลี้ยงใจร้าย ในตอนแรกจนกระทั่ง 4 ขวบกว่า ดาวพระศุกร์มีพิกุลเป็นพี่เลี้ยงคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ให้รอดจากคุณนายมารศรี แม่เลี้ยงตีบ่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณนายไล่พิกุลออก ดาวพระศุกร์จึงต้องทนเลี้ยงน้องที่เกิดมาคล้ายเป็นลูกอิจฉาของคุณนายถึง 4 คน ซึ่งคุณนายรักดั่งแก้วตาตลอดเวลา ดาวพระศุกร์มีหน้าที่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวดูแลทุกคนในบ้านอย่างดี ถ้าทำผิดแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกคุณนายทุบตีอย่างทารุณ คุณนายดุด่าและบอกความจริงว่า คุณนายและท่านนายพันไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และบอกว่าแม่จริงชื่อ วิภา วงศ์สะอาด ดาวเสียใจมาก พ่อเลี้ยงปลอบว่าวันหนึ่งแม่จริงของดาวก็จะมารับดาวจึงทนรอคอยความหวัง วัน หนึ่งดาวไปตลาด พบเด็กชายขอทานซึ่งแกอดข้าวมา 2 วันจนแทบเป็นลม ดาวนึกสงสารจึงให้มาที่บ้าน หาข้าวให้กินด้วยใจบริสุทธิ์ และเล่าให้ฟังว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แก่รับฟังด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ คนข้างบ้านคนหนึ่งเห็นดาวคุยกับแก่ ก็ไปฟ้องคุณนายว่าดาวริอ่านคบผู้ชาย คุณนายโกรธมาก ตบตีดาวอย่างหนักที่สุด หาว่าคบผู้ชาย เผลอหลุดปากบอกความจริงเรื่องแม่ของดาวทิ้งดาวไว้ที่โรงพยาบาลและไม่มีวัน ที่จะมารับกลับ ดาวจึงหมดความอดทนและสิ้นหวังในการรอคอย ดาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ( อายุ 11 ขวบ ) ขณะ ที่ศศิประภา แม่ที่จริงของดาวพระศุกร์ ซึ่งต่อมาแต่งงานใหม่กับพลตรีพีรยุทธ มีลูกชายใหม่ 1 คน ชื่อแดง ตลอดเวลาไม่มีใครรู้ความลับของศศิประภานอกจากนมแม้นคนเดียว ศศิประภาไม่เคยลืมลูกสาวที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าดาวพระศุกร์ ไม่เคยลืมแววตาของลูก และปานแดงรูปหัวใจเหนืออกซ้ายของดาว ศศิประภาทุกข์ทรมานใจทุกครั้งที่คิดถึงลูกคนแรก ขณะ ที่แก่เดินขอทานอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับภาคย์ ภาคย์สงสารให้เงินถึง 2 ครั้ง แต่ด้วยความซื่อแก่เผลอเล่าเรื่องของดาวพระศุกร์ให้ศศิประภาฟัง ศศิประภารู้ทันทีว่าดาวคือลูกศศิประภาตามไปหาดาวที่บ้านคุณนายมารศรี จึงรู้ว่าดาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว ดาวเร่ร่อนขอทานอยู่กับเกรียงและ อู๊ด เด็กขอทานข้างถนนอยู่ 2 – 3 ปี หลังจากขอทานดาวก็ริอ่านเป็นขโมยโดยมีนายชุมเด็กวัยรุ่นเป็นหัวหน้า ชีวิตของดาวต้องต่อสู้ดิ้นรนไปจนกระทั่งพบกิ่งแก้วโสเภณีชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าดาวหน้าตาดี จึงชวนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งเป็นของฉวีแม่เล้าของตัวเอง บ้านของฉวีเป็นบ้านชั้นดี รับเฉพาะแขกที่มีสตางค์เท่านั้น ขณะนั้น ดาวอายุได้ประมาณ 14 ปี ต้องเติบโตในบ้านนั้น พบเห็นเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเหล่านั้นจนชิน กิ่งแก้วพยายามสอนหนังสือให้ดาว จนดาวมีความรู้เทียบได้เท่ากับมัธยม 6 สมัยนั้น พอดาวโตขึ้นอายุได้ 16 – 18 ปี ฉวีก็เริ่มให้ดาวออกทำงาน ดาวเคยรู้รสชาติของความจนความลำบากมาก่อนจึงไม่กล้าขัดขืน แต่กลับหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการมอมเหล้าแขกบ้าง หาคนมาแทนบ้าง เมื่อดับไฟแล้วบ้าง สารพัด เพื่อรักษาพรหมจารีย์ไว้อย่างเหนียวแน่น ดาวใช้วิธีเหล่านี้เอาตัวรอดได้ตลอดมาจนได้ฉายาว่า แม่ดาวจอมกะล่อน และ เพราะวิธีสับตัวเองเอาคนอื่นมาแทนนี่เอง แขกคนหนึ่งเกิดติดโรคจึงเข้าใจว่าติดมาจากดาว เจ้าสำนักจึงให้พยาบาลมาตรวจโรค ดาว บังเอิญพยาบาลคนนั้นคือ อรทัย พยาบาลที่เป็นคนทำคลอดดาว จำดาวได้เพราะปานแดงรูปหัวใจ และชื่อดาว ดาวถามอรทัยจนใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของดาวให้รับรู้จนหมด เพื่อน ๆ ของภาคย์ 2-3 คน เคยโดนลูกไม้ของดาวมาแล้วก็ไปเล่าให้ภาคย์ฟัง ภาคย์สนใจจึงมาทดลองบ้าง ภาคย์หลบเลี่ยงลูกไม้ของดาวทุกชนิด เช่น ไม่ดื่ม ไม่ดับไฟ ไม่อมทอฟฟี่ แต่ดาวก็เล่นไม้ตายโดยใช้ยาสลบ จนกระทั่งภาคย์หมดสติทั้งคืนจนเช้า พอ ภาคย์รู้สึกตัว แทนที่จะโกรธ ภาคย์เกิดสนใจดาวและขอซื้อจากเจ้าสำนักในราคา 1 แสนบาททันที แล้วรับตัวดาวไปอยู่ที่บ้าน ดาวจำต้องไปเพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้านนี้ตลอดไป ดาวตั้งใจว่าจะหาทางหาเงินมาใช้กับภาคย์เพื่อแลกกับอิสระภาพให้จนได้ ภาคย์พาดาวไปอยู่บ้านเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะกึ่งน้องกึ่งญาติ ภาคย์ให้ดาวเรียนการบ้านการเรือนกับนมเชื่อม และเรียนคณิตศาสตร์กับตัวเองให้ศศิประภาญาติของภาคซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ขอดาวมาสอนภาษาอังกฤษ และมาหยารัศมี สาวสังคมที่มาติดภาคย์ช่วยสอนดนตรีให้ด้วย ดาวต้องอดทนเรียนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ชอบสักอย่างดาวเริ่มหลงรักภาคย์ ขณะเดียวกันก็นึกรู้ว่าศศิประภาคือแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยแรงน้อยใจที่แม่ไม่ยอมรับเป็นลูกดาวทำฤทธิ์กับศศิประภาทุกอย่าง ศศิประภาก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียวบอกใครไม่ได้ เมื่อใดที่ศศิประภาเผลอแสดงความรัก ความห่วงใย ดาวจะย้อนกลับอย่างเจ็บแสบเสมอ ทำให้ศศิประภายิ่งช้ำใจหนักขึ้น นอกจากดาวจะน้อยใจ ในตัวแม่บังเกิดเกล้าแล้วยังต้องต่อสู้กับมาหยารัศมีทุกรูปแบบเพราะมาหยา รัศมีกลัวว่าดาวจะมาแย่งภาคย์ไปจากตน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ความดาวตลอดเวลา ซึ่งภาคย์เองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ทำให้ดาวต้องเสียใจทุกครั้ง เหตุการณ์ผ่านไปภาคย์เริ่มรักดาวและดาวเองก็รักภาคย์มากเช่นกัน แต่ต่างคนก็สงวนท่าที วัน หนึ่งในงานราตรีสโมสร ดาวจงใจแต่งตัวค่อนข้างโป๊เพื่อประชดภาคย์ ทำให้มีหนุ่ม ๆ 2 คนมาตามติดดาว คนหนึ่งคือ เศกสรรค์ เพื่อนของภาคย์ และอีกคนหนึ่งคือผู้พิพากษา อรรถ ซึ่งติดใจดาวมากจนศศิประภาผู้กำความลับอย่างแน่นอยู่ตกใจแทบเป็นลม มาหยารัศมีขัดขวางอรรถกับดาวจนเกิดเรื่อง ภาคย์ต้องลากตัวดาวกลับทันทีขณะที่ขับรถกลับบ้านอย่างหัวเสีย ภาคย์แกล้งขับเร็ว ๆ ไปทางอื่นอยู่นานกว่าภาคย์จะพาดาวกลับบ้าน ดาวก็เริ่มจับไข้แต่ไม่ยอมบอก รุ่งขึ้นดาวก็เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติเพ้อร้องหาแม่อย่างน่าสงสาร ภาคย์ เฝ้าดูแลดาวทุกอย่างจนเด็กรับใช้ในบ้านเริ่มซุบซิบว่าภาคย์รักดาว ระหว่างที่ดาวป่วยท่านผู้พิพากษาอรรถส่งดอกไม้มาเยี่ยมดาวทุกวัน ภาคย์หึงแต่ไม่ยอมรับ ได้แต่หาเรื่องทะเลาะกับดาวไม่เว้นแต่ละวัน ท่านผู้พิพากษาสงสารดาวมาก ถึงกับให้เงินดาว 1 แสนบาทเป็นค่าไถ่ตัว และจะรับไปอยู่ด้วยกัน แต่พอดาวเอาเงินให้ภาคย์ ภาคย์โกรธมากประกอบกับเมาจึงลืมตัว เข้าปล้ำดาวจนดาวต้องตกเป็นของภาคย์ รุ่งเช้าภาคย์เสียใจในการกระทำของตัวเองมาก แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำ อย่างไรดี เพราะถ้าแต่งงานกับดาว ก็เป็นปัญหาหลายอย่าง หนึ่งดาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณนายมารศรีซึ่งเป็นแม่ตามกฎหมายคงไม่ยอม สองภาคย์เองก็ไม่แน่ใจว่า ดาวจะปรับตัวเป็นภรรยาได้สมกับฐานะหรือยัง และสามมาหยารัศมีก็คอยหาเรื่องวุ่น ๆ จนได้ ระหว่างที่ภาคย์ลังเลจะทำอย่างไรดี ดาวซึ่งสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ผิดหวังทั้งแม่ตัวเอง แม่เลี้ยง แล้วยังคนรักซึ่งยังคงคบหามาหยารัศมีอยู่ ดาวท้อแท้มาก มีแต่ผู้พิพากษาอรรถเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจดาวจนดาวใจอ่อนยอม ตกลงจะแต่งงานกับอรรถ ศศิประภาหมดความอดทนจึงต้องยอมบอกความจริงว่า ที่แท้อรรถคือพ่อแท้ ๆ ของดาวนั่นเอง ท้ายที่สุดดาวคิดสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีตนซักคน มาหยารัศมีก็คงได้แต่งงานกับภาคย์ ศศิประภาก็จะได้คืนดีกับท่านนายพลฯเพราะตอนที่นายพลฯ พีรยุทธ สามีของศศิประภารู้ว่าศศิประภา มีลูกมาก่อนก็โกรธถึงกับขอแยกทาง ดาวจึงตัดสินใจหนีทุก ๆ คนไป ภาคย์ขับรถตามดาวจนประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นอะไรมากนักต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง ดาวหนีมาอยู่ที่ราชบุรีซึ่งดาวแอบซื้อที่ดินเอาไว้ไม่บอกใครแต่เพราะที่ดิน ข้าง ๆ กับของดาวเป็นของพิกุลพี่เลี้ยงคนแรกของดาว พิกุลจึงเป็นคนนำข่าวไปบอกกับทุก ๆ คน ภาคย์รีบตามมาหาดาวทันที ทิ้งให้มาหยารัศมีกับอรรถทำความรู้จักให้ดีขึ้น เพราะทั้งสองมีท่าทางพอใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ภาคย์ตามมาพบดาว งอนง้อขอคืนดี จนดาวใจอ่อน เรื่องราวทั้งหลายจึงจบลงด้วยความสุข

น้ำใสใจจริง 2537

เรื่องย่อ : น้ำใสใจจริง (2537/1994) น้ำใสใจจริง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความผูกพันของนักเรียน นักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นผู้บุกเบิกรุ่นแรกในรั้วมหาวิทยาลัยเปิดใหม่ นอกกรุงเทพมหานคร แต่ละคนมาจากคนละที่ ต่างถิ่น ต่างความคิด และต่างนิสัย แต่ไม่มีวันทอดทิ้งกัน แม้ในยามเกิดปัญหา ความเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากก็คอยให้กำลังใจกัน ร่วมสุขร่วมทุกกัน มีความจริงใจมอบให้แก่กัน ก็จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคหรือปัญหามาด้วยกันได้

กระสือ 2537

กระสือ (2537/1994) มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็น กระสือก่อนตายได้เรียกคุณยายสายไปหาและมอบสมบัติให้ แต่ขณะที่ยายสายเผลอผู้หญิงคนนั้นได้บ้วนน้ำลายใส่ในขันกินน้ำให้ยายสายกิน ยายสายก็เลยกลายเป็นกระสือแทนผู้หญิงคนนั้น ยายสายผู้นี้มีบุตรคนหนึ่งแต่งงานและมีลูกสาวหนึ่งคน แต่ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก็หายหน้าหนี้ไปทิ้งลูกสาวไว้ให้ยายสายเป็นผู้ ดูแล ยายสายก็เลยต้องเลี้ยงหลานสาวกำพร้าโดยลำพัง ใครจะเป็นผู้สืบทอดดวงวิญญาน ของกระสือต่อจากยายสาย

ปลายฝนต้นหนาว 2537

ปลายฝนต้นหนาว (2537/1994) ครอบ ครัวหนึ่งมีลูกอยู่ 5 คน แม่รักลูกชายมากที่สุด แต่สร้างปัญหาให้มากที่สุด ลูกสาวคนโตเรียนน้อยเพราะฐานะค่อนข้างยากจน ออกมาเย็บเสื้อ ลูกชายเป็นทหารชั้นผู้น้อย (มีลูกสองหรือสามคนนี่แหละ)ลูกสาวคนที่สองทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอาง เลี้ยงน้องที่เหลือสองคน ลูกสาวคนที่สี่เป็นนักคอมพิวเตอร์ คนสุดท้องเป็นเลขาผู้บริหาร อีกครอบครัวมีลูกสองคนอายุไม่น้อยแล้วคือ ลายครามกับเรืองนาม ลายครามเป็นสถาปนิก ส่วนเรืองนามเป็นผู้จัดการแบงค์ เรืองนามเคยแต่งงาน แต่ภรรยาเสียชีวิต มีลูกติดสองคน ลูกคนสาวคนโตมีปัญหา เพราะแม่ตาย แม่ของเรืองนามอยากให้เขาแต่งงานใหม่จะได้มีคนดูแลหลาน จึงมองว่าเลขาของตัวเอง พิมพ์ทองเป็นคนเรียบร้อยน่ารักน่าจะเข้ากับเด็กได้ก็พยายามจะจับคู่ แต่ผิดฝาผิดตัว เรืองนามไม่สนใจพิมพ์ทองเพราะเหมือนกับเมียคนแรกมากเกินไป พิมพ์ทองไปเจอกับลายครามก็รักกัน ส่วนไหมทองมาสนิทกับเรืองนามเพราะแก้วทองถูกเมียยิงตาย ไหมทองต้องเอาหลานมาดูแล แล้วหลานๆ ก็เข้ากันได้กับลูกของเรืองนาม ไหมทองเป็นคนห้าว ไม่เรียบร้อย โดนพี่สาวคนโตแย่งแฟนไปกำลังอกหักพอดี บ้านที่อยู่ก็เกิดปัญหาเพราะไปจำนองไว้แล้วกำลังจะหลุด ลายครามเลยซื้อไว้โดยไม่ให้รู้ แต่ให้อาศัยอยู่จนกว่าจะตั้งตัวติด ส่วนแพรทองก็เป็นเมียน้อยเสี่ยเจ้าของเครื่องสำอาง หลังๆ อายุมากกำลังจะโดนเสี่ยทิ้ง ทั้งๆ ที่ท้อง เธอไม่อยากให้เขารู้ว่ามีลูก พยายามจะให้พิมพ์ทอง+ลายครามซึ่งกำลังจะแต่งงานกันรับลูกเธอเป็นลูกบุญธรรม แต่ทั้งสองไม่รับ ตอนหลังใช้อุบายจนได้เงินจากเสี่ยมาเปิดร้านขายเครื่องสำอางเป็นของตัวเอง ตอนหลังความแตกเพราะเสี่ยมาเจอเธอกับลูกสาว ลูกสาวของเธอหน้าเหมือนลูกสาวคนโตของเสี่ยมาก จึงรู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีลูกกับเธอ แพรทองกลัวว่าเขาจะเอาลูกไป กรองทองหลังจากโดนแฟนของไหมทองปอกลอกก็หมดตัว มาเย็บผ้าอยู่กับบ้านเงียบๆ พิมพ์ทอง แต่งงานกับลายครามจนมีลูก เรืองนามถึงได้คิดว่าเขากับไหมทองควรจะคบกันแบบไหนต่อไป ก็เลยลองใจดูว่า สาวห้าวๆ จะดูแลเขาได้หรือเปล่า

ผ้าทอง 2537

ผ้าทอง (2537/1994) เรื่องราวสะเทือนอารมณ์ของหญิงสาวที่ชื่ออุมา กับชีวิตครึ่งหนึ่งของเธอที่ผูกพันอยู่กับความลึกลับของผ้าทอง ผ้าที่งดงาม ซึ่งถ่ายทอดความประณีตและความรักจากหัวใจของอุมาเอง แต่ใครเลยจะยอมรับได้ว่าผ้านี้ไม่ได้นำมาซึ่งความวิบัติและความตายของผู้คนใกล้ชิด