เรื่องย่อ : สายโลหิต (2529/1986) สายโลหิต เริ่มเรื่องในช่วงเวลาก่อนเสียกรุงครั้งที่สองเล็กน้อย จับความตั้งแต่ ดาวเรือง ลูกสาว พระสุวรรณราชา่างทองหลวง อายุได้ 10 ปี ในวันแต่งงานของลำดวน พี่สาวกับหลวงเทพ บุตรพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ขุนไกร น้องชายหลวงเทพ จับได้ว่า ดาวเรือง แอบถือเพลงยาวของหมื่นทิพ ลูกสาวพระพิชิต จะเอาไปให้แม่เยื้อน น้องสาวขุนไกร จึงได้รั้งตัวมาสอบสวนจนกระจ่าง และกำชับไม่ให้ประพฤติเช่นนั้นอีก โดยมีสัญญาพาเที่ยวชมพระนครเป็นข้อแลก ดาวเรืองเป็นเด็กหญิง แต่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาโดยบุคคลผู้ฉลาดเฉลียว มีความคิดกว่างคือ คุณย่านิ่ม มารดาพระสุวรรณราชา ซึ่งเป็นสตรีที่บริบูรณ์ด้วยยศและสติปัญญา ดาวเรืองจึงเก่งทั้งงานเรือนและฉลาด ช่างคิด อยากรู้อยากเห็น เมื่อได้สมาคมกับขุนไกร ก็กลายเป็นมิตรผู้น้อยที่ไปกันได้อย่างดี ขุนไกรเองก็เป็นคนรอบรู้ กล้าหาญ และมีน้ำใจ ขุนไกร เป็นอริกับหมื่นทิพ เนื่องจากไม่นิยมในนิสัยเจ้าชู้ มักมากในกามของหมื่นทิพ ครอบครัวหมื่นทิพ นับจากพ่อถึงลูกมีแต่เรื่องมากลูกมากเมีย บ้าตัญหาจนคนลือไปทั้งบาง ขุนไกรจึงกีดกันไม่ให้หมื่นทิพ มาเกี่ยวข้องกับน้องสาวตน แต่ตัวแม่เยื้อนเองกลับมีใจให้หมื่นทิพไม่น้อย เพราะหมื่นทิพปากหวาน ช่างกำนัลข้า่วของและตั้งใจทุ่มเทมากด้วยอยากจะเอาชนะขุนไกรให้ได้ หมื่นทิพให้นางปริกมารดาไปจัดการผ่านทางพระสนมเอก เพื่อไม่ให้ใครขัดได้ ประจวบเวลานั้น พม่ายกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ พระยาพิริยะ หลวงเทพ ขุนไกร ต้องไปทัพ มาดราของหมื่นทิพจึงจัดการสู่ขอโดยสะดวก ศึกพม่ายืดเยื้อและลามมาจนประชิดกรุง แต่แล้วก็เลิกทัพกลับเนื่องจาก พระเจ้าอลองพญา ต้องปืนแตกบาดเจ็บสาหัส การศึกครั้งนี้ยิ่งทำให้ ขุนไกร ชิงชังรังเกียจหมื่นทิพมากขึ้น เพราะได้รู้เห็นนิสัยสอพลอ ขี้ขลาด ข้าราชการผู้ใหญ่ในเวลานั้นแบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่าย หมื่นทิพก็เอาแต่วิ่งเต้นข้างโน้นข้างนี้หาความชอบ และถือโอกาสให้ร้ายทับถมว่าขุนไกรบ้าสงคราม ขุนไกรนั้นได้ประทับภาพอันโหดร้ายไว้ด้วยความขุ่นแค้น เพราะเมื่อออกศึกนั้นเป็นกองหน้า ได้เห็นทั้งบรรดาเหล่าทหารกล้าที่ถาโถมชีวิตเข้าแลกข้าศึกศัตรู กับทั้งได้เห็นความมดเท็จขลาดเขลา ของพวกแม่ทัพนายกองบางคนที่ละทิ้งหนีทัพ และกลับมาลอยหน้าได้ดีอยู่ตำตา และคนพวกนี้ก็ชักจูงให้ผู้คนพาักันลืมความทุกข์ยากเดือดร้อนของสงครามเสียอย่างรวดเร็ว มีเรื่องฉลองสนุกบันเทิงคึกคักดังเดิม ผู้ที่รักและเป็นห่้วงบ้านเมืองได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความห่วงใย ใครทัดทานขึ้นมาก็จะถูกป้ายสีได้ง่าย ขุนไกรจึงคับแค้นยิ่งนัก แล้วก็ถึงที่สุดแห่งความอดทน เมื่อคุณหญิงศรีนวล ผู้มารดารับขันหมากของหมื่นทิพ การแต่งงานจัดอย่างเอิกเกริก พระยาพิริยะสิ้นชีวิตเสียกลางศึก คนที่จะขัดขวางจึงไม่มี หมื่นทิพได้เหยียบย่ำเยาะเย้ยขุนไกรสมใจ ขุนไกรรู้อารมณ์ของตนดี จึงเมื่อสบช่องก็ลาไปรับราชการเสียที่หัวเมืองฝ่ายเหนือ ระหว่างเวลาที่ผ่านมา ความผูกพันระหว่างดาวเรืองกับขุนไกรได้เติบโตเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ครั้งนี้พี่เลี้ยงคนสนิทของดาวเรืองได้ออกเรือนไปกับทหารคู่ใจของขุนไกร ติดตามไปเมืองเหนือด้วย ขุนไกรจากไปได้ 3 ปี เหตุการณ์ก็เป็นดังคำขุนไกร หมื่นทิพเที่ยวพล่าผลาญสาวแ่ก่แม่หม้ายทั้งในเรือนนอกบ้าน แม่เยื้อนทนทุกข์จนตรอมใจตาย ในวันรดน้ำศพ คุณหญิงศรีนวลก็สิ้นชีวิตตามไปอีก บรรดาญาติหวั่นกันว่าเมื่อขุนไกรกลับมา จะต้องถึงเลือดแน่นอน เวลาล่วงไปเกือบเดือน หมื่นทิพจึงมิได้เยี่ยมกรายไปในงานศพเลย ด้วยความกลัวสารพัด การตายของแม่และน้องยังความโศกเศร้าแค้นเคืองแก่ขุนไกรใหญ่หลวงนัก แต่ก็ได้ความอ่อนโยนจากดาวเรืองมาทดแทน ขุนไกรได้พบและรู้สึกกับตัวเองว่า เด็กหญิงเล็กๆ ที่วิ่งตามติดตนด้วยความห่วงใยนั้นได้เติบโตเป็นสาวรุ่นที่งดงามจับตา ความผูกพันดั้งเดิมของคนทั้งสองจึงงอกงามเป็นความรักความพอใจ คุณย่านิ่ม จับความรู้สึกของหนุ่มสาวได้ทันที แต่ด้วยความรักและความนิยมความดีของขุนไกร จึงเพียงดูแลปรุงแต่งความสัมพันธ์ให้งดงาม เรื่องนี้กลับยังความร้อนรุ่มแก่หมื่นทิพขึ้นมาอีก หมื่นทิพเห็นดาวเรืองเติบโตเป็นสาวสวยก็หลงใหล ยิ่งรู้แก่ใจว่าไม่มีหวังเพราะคดีแม่เยื้อนเป็นแผลฉกรรจน์นัก แต่ยังไม่วายเกาะแกะเกี้ยวพาตามโอกาสที่จะฉกฉวยได้ เวลานั้น พม่ายกทัพใหญ่มาอีก ขุนไกรต้องกลับไปราชการ แม้นหมื่นทิพก็จำต้องแสร้งอาสาศึกด้วย เพื่อจะได้ยศ ขุนทิพเทวา ไม่น้อยหน้าขุนไกร วันเคลื่อนทัพยังแอบไปก่อเหตุคว่ำเรือฉุดดาวเรือง จนบ่าวผู้หญิงจมน้ำตายไปคนหนึ่ง แต่ไ่ม่มีใครจับได้ คุณย่านิ่ม มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ลึกซึ้ง พอจะรู้ถึงความวิบัติที่กรายเข้ามาเป็นเงารางๆ และเหตุการณ์ก็เป็นดังคาด ทัพที่ถูกส่งไปยังพม่า ถูกตีถอยร่นมาเป็นรา่ยทาง คนกล้าอาสารบไม่ถอย หลวงเทพ พี่เขยดาวเรือง แม้ต้องอาวุธสาหัสก็ไม่ยอมกลับ แต่ขุนทิพแม้มิทันรบก็รีบให้มารดาวิ่งเต้นสับเปลี่ยนหน้าที่ จนได้มาอยู่กองรักษาประตูเมือง พม่ารุกหนักทั้งทางเหนือและทางใต้ ขุนไกรได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงไกร อาสาศึกอยู่ทางสุโขทัยและได้ส่งตัวนางเยื้อน เมียพันสิงห์ ทหารคนสนิทกลับคืนมาอยู่กับดาวเรือง พร้อมกับข่าวความอาลัยรัก ดาวเรืองเศร้าหมองไปด้วยความวิตกกังวล คุณย่านิ่มผู้รู้อนาคตก็วิตกปานกัน แต่ก็ได้ใช้สติและความแกร่ง เป็นหลักใจของคนทั้งบ้านที่กำลังตื่นกลัวสงคราม กรุงศรีอยุธยาคับขันหนัก หลวงไกร กลับมารับหน้าที่รักษากรุง พบกับขุนทิพ ความเรื่องฉุดดาวเรืองจึงแตก พระสุวรรณราชา จึงพลอยได้ยินด้วย หลวงไกร ร้อนใจจนไม่อาจรอต่อไปได้ และได้พูดจาสู่ขอ ดาวเรืองกับพระมหาสุวรรณราชา ขณะกำลังพายเรือกลับบ้านนั่นเอง การแต่งงานเป็นไปอย่างรวบรัด เพราะเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ขุนทิพซึ่งริษยาหนักก็ยังทันได้จัดการยอกย้อนจน หลวงไกร ถูกหมายเกณฑ์ ไปเป็นกองหน้ารักษาเมืองธนบุรี กำหนดการเคลื่อนทัพก็ถูกยักย้ายมาตรงกับเวลาส่งตัวเข้าหอนั่นเอง เมื่อหลวงไกรไปทัพ คุณย่านิ่มได้ตามมาอยู่กับดาวเรืองที่เรือนหลวงไกร และได้สิ้นชีวิตลงที่นี่ ก่อนสิ้นลมยังได้สั่งให้ดาวเรืองเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับชะตากรรมของบ้านเมืองที่ร้ายแรงยิ่ง ในงานศพ นางปริก มารดาของขุนทิพ ได้เอ่ยอ้างถึงถ้อยคำที่ลูกชายปลอบตนเรื่องทางหนีทีไล่ พระสุวรรณราชาจับความได้เลาๆ ก็สงสัยเมื่อตามสังเกตก็เห็นมอญแปลกติดต่อกับขุนทิพเป็นระยะๆ แล้วก็หายไป เมืองธนบุรีเสียทีแก่ข้าศึก ด้วยความแค้น หลวงไกรไม่ยอมกลับเข้ากรุง แต่ได้ไปสมทบกับพวกบ้านบางระจัน ข่าวชัยชนะของบ้านบางระจันแว่วเข้ามาถึงในกรุงพร้อมๆ กับข่าวความกล้าหาญของหลวงไกร ขุนทิพยิ่งทุรนทุรายดำเนินแผนชั่วยิ่งขึ้น เมื่อหลวงไกรละศึกเข้ามากับขบวนขอปืนใหญ่ ขุนทิพก็ชิงตัดทางกีดให้ หลวงไกรผู้เฝ้ากรุง ตนเองออกไปกับขบวนหล่อปืน แล้วปืนก็แตก บ้านบางระจันก็แตก แต่ไม่ก่อนที่ขุนทิพได้เลี่ยงปลีกตัวเข้ากรุงมาโดยปลอดภัย พิรุธของขุนทิพมากขึ้นทุกที ข้าศึกประชิดติดพันถึงขนาดยิงปืนถล่มเข้ามาทุกวัน พระสุวรรณราชาสิ้นชีวิตบนเชิงเทินป้อมมหาัชัยด้วยปืนข้าศึก ผู้คนหวาดหวั่นระส่ำระสาย ไอ้มิ่ง บ่าวสนิทของขุนทิพ ได้รู้เห็นทุกข์ของบ้านเมืองตำตาจึงได้สำนึก เห็นผิดถูกของขุนทิพ และได้อาศัยความใกล้ชิดนั้นเอง ในวันหนึ่งก็ได้รู้ความลับที่ขุนทิพ กับพวกร่วมกันขายชาติ และนำความมาบอกแก่หลวงไกร แต่ตัวการก็ชิงหนีกรรมไปด้วยคมพร้าของไอ้มิ่งพร้อมๆ กับตัวมันนั่นเอง เมื่อตัวสำคัญตายไปพร้อมพยาน ความที่จะบ่งตัวผู้ทรยศใหญ่ๆ และเวลาที่จะสืบค้นก็ไม่มีอีกต่อไป ไส้ศึกเปิิดประตูเมืองรับพม่า กรุงศรีอยุธยาแตก หลวงไกรพาดาวเรืองกับคนสนิทหนีมุ่งจะไปจันทบุรี หมายจะสมทบกับกองทหารของพระยากำแพงเพชร แต่ถูกจับในระหว่างทาง ถูกต้อนไปยังค่ายเชลยที่โพธิ์สามต้น หลวงไกรคิดหนีอยู่ทุกขณะจิต เมื่อสบโอกาสในวันหนึ่ง ก็พากันหนีสู่อิสรภาพ และได้รอนแรมมาจนพบไพร่พล พระยากำแพงเพชรหลวงไกร ถึงได้เข้าร่วมกอบกู้เอกราชสมความตั้งใจ เมื่อพระยาตากตั้งบ้านสร้างเมือง เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าตากสิน หลวงไกรได้รับราชการเป็นพระยาไกรสีห์ราชภักดี และครองชีวิตกับแม่หญิงดาวเรืองอย่างเป็นสุข สืบลูกชายหญิงเป็นสายโลหิตถึง 5 คน ครั้งสุดท้ายก็ได้ร่วมรบด้วยพระยาจักรี ในการรับทัพพม่า ณ เมืองพิษณุโลกและสิ้นชีวิตอย่างมีเกีรยติสมชายชาติทหาร

ดอกโศก (2538/1995) พลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ พบว่าเด็กหญิงขายหนังสือพิมพ์ ณ สี่แยกแห่งหนึ่งที่มาเป็นลม ล้มอยู่ข้างรถ คือหลานที่เกิดจากลูกสาวของ สมใจ เมียคนใช้ของตนที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว สุดเขตจะเอาหลานมาเลี้ยง แต่สมใจไม่ยอม ท่านจึงให้ เพ็ญพักตร์ ( ลูกสาวคนโตไปซื้อตัว ดอกโศก จากสามีใหม่ผู้เห็นแก่เงินของสมใจ สุดเขต เปลี่ยนชื่อหลานสาวจาก ดอกโศก เป็น อภิริมย์ฤดี การมาอยู่ในตึกใหม่ของสกุลเก่าแก่ไม่ทำให้ ดอกโศก สุขสบาย ทั้งบ้านมีแต่คนเกลียดชังเธอ นับตั้งแต่เพ็ญพักตร์และ เพ็ญตระการ ลูกสาว และสุดสวย ลูกสาวคนเล็กของคุณตา ช่วงแรก ดอกโศก ไม่ยอมและตอบโต้ด้วยวิธีการของเด็กที่เติบโตมาอย่างตีนถีบปากกัด หลายปีผ่านไป ดอกโศก โตขึ้นพร้อมกับความตระหนักว่าต้องอดทน สงบเสงี่ยมเจียมตนและต้องเอาความดีชนะความโกรธเกลียดทั้งปวง เธอจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข เมื่อตอน ดอกโศก ยังขายหนังสือพิมพ์ที่สี่แยก เด็กหญิงได้พบ อัศนัย ชายหนุ่มใจดีที่ซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำ อัศนัยรู้สึกผูกพันกับ ดอกโศก อย่างประหลาด และบังเอิญเหลือเกินที่อัศนัยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ ตระกูล สามีของเพ็ญพักตร์ เขาจึงมีโอกาสติดตามชีวิตของ ดอกโศก ด้วยความเมตตาจริงใจ คอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยเหลือ ดอกโศก จนโตเป็นสาวรุ่น ดอกโศก จึงบูชาอัศนัย ความผูกพันซึ่งกันและกันถูกถักทอจนกลายเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง แต่ความรักนี้ต้องซ่อนเร้นเพราะเพ็ญตระการก็หลงรักอัศนัยอยู่เช่นกัน วันหนึ่งอัศนัยพบ ปรียากมล แม่ม่ายสาวสวยที่หวนกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความรักความหลังที่มีต่อกันเมื่อ ครั้งยังเป็นวัยรุ่น ปรียากมลรุกอัศนัยตลอดเวลาด้วยชั้นเชิงของผู้หญิงที่เจนจัดในสนามรัก จนอัศนัยเกือบจะเผลอกายไปหลายครั้ง และเธอยังทราบอีกว่าบัดนี้มีผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจถึงสองคน คือ ดอกโศก และเพ็ญตระการ เธอจึงตั้งใจว่าจะสู้จนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้สูญเสียอัศนัยไป เมื่อสุดเขตเกิดเสียชีวิตกะทันหัน ดอกโศก ตัดสินใจกลับมาอยู่กับยาย และทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เธอได้พบกับ มิสซิสเบนส์ ทันทีที่เห็นสร้อยกางเขนที่ ดอกโศก สวม มิสซิสเบนส์ก็รู้ว่านี่คือหลานสาวที่เกิดจากลูกชายของตนที่ตายไป เธอจึงพา ดอกโศก ไปอยู่อเมริกา เพราะต้องการให้หลานสาวหลุดพ้นจากการรุกรานของปรียากมล และเพ็ญตระการ มิสซิสเบนส์ชักนำ เอ็ดดี้ หนุ่มน้อยชาวอเมริกันให้ ดอกโศก แต่ ดอกโศก ไม่มีใจให้ใครอีก คุณย่าจึงพาดอกโศกกลับเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความรักของอัศนัยอีกครั้ง ดอกโศก ไปทำงานที่โรงแรมของ ภักดิ์ภูมิ ชายหนุ่มที่หลงรัก ดอกโศก เมื่อแรกพบ แม้ว่าเขาเองจะมี ฉัตรทอง ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เป็นคู่หมายกันอยู่ ความรักหลายเส้าดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพ็ญพักตร์ผลักดันลูกสาวให้อัศนัยอย่างเต็มที่ ปรียากมลเองก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอัศนัยเป็นเครื่องผูกมัด แต่อัศนัยไม่ยอมและยังแสดงออกทุกอย่างว่า ดอกโศก เท่านั้นที่เป็นตัวจริง โชคเข้าข้างเพ็ญพักตร์เมื่อรู้ว่าปรียากมลนั้นแท้จริงคือแม่แท้ ๆ ของ ดอกโศก เพ็ญพักตร์จึงหวังจะใช้ความลับนี้เป็นเครื่องมือกำจัดสองแม่ลูกไปให้พ้นทาง แต่การณ์กลับผิดคาด เพราะแทนที่ปรียากมลจะหยุด กลับยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ ดอกโศก ให้ได้ สงครามความรักระหว่างแม่กับลูกสาวในไส้จะลงเอยเช่นไร อัศนัยกับ ดอกโศก จะสมหวังในรักหรือไม่

เงาอโศก 2542

เงาอโศก (2542/1999) บัดนี้สิ่งที่หล่อนเคยคะนึงหา เป็นเงาอันรางเลือนเหมือนฝันนั้น ได้ก่อรูปร่างเป็นความจริงขึ้นในหัวใจของหล่อนแล้ว เงานั้นปรากฏชัดเจนขึ้น เป็นร่างชายในดวงใจ เป็นบุรุษผู้สมบูรณ์ด้วยเลือดเนื้อ มีทั้งความเข้มแข็งและหยิ่งทระนง ในศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายทุกประการ เขาเป็นบุคคลที่ทำให้เมทินีมั่นใจว่า จะช่วยปกป้องภัยให้แก่หล่อนได้ ตราบชั่วชีวิตดับ เด็กหญิง ‘ปี่’ ซึ่งเป็นเด็กกำพร้า ได้กลายเปลี่ยนเป็น ‘ปิยฉัตร’ ในฐานะผู้อาศัยของบ้านหิรัญวัตถุ์ ความจงรักภักดีของเธอได้ปูลาดไปสู่ชายที่ครอบครองหัวใจเธอ สายตาเอื้ออาทรที่มองมา ทำให้หัวใจ ‘ปิยะฉัตร’ แทบสลาย เธอไม่เคยเห็นสายตาเช่นนี้ของเขานานมาแล้ว ความสับสนเกิดขึ้นในใจ ปรารถนา ของเขานั้น หมายถึงอะไร รัก หรือ แต่อารมณ์หวั่นไหว “ในเมื่อคุณมนรักคุณวิอยู่ แต่ทำไมหัวใจคุณมนจึงปรารถนาผู้หญิงอื่นล่ะคะ” เสียกระซิบถามแผ่วโหย และหวาดกลัวในคำตอบ วันหนึ่งเธอจะรู้ปิยะฉัตร ว่าคนเราไม่อาจเข้าใจตัวของตัวเองได้เสมอไป เราจะไม่เข้าใจว่า เหตุไรเราจึงทำอย่างนั้นอย่างนี้ เรารู้อย่างเดียวว่า เราทำอะไรลงไปทุกอย่างก็เพราะหัวใจมันปรารถนาจะทำ ไม่มีอำนาจอะไรที่จะต้านทานความปรารถนาของหัวใจได้ ความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร หากชายที่เธอรักนั้นเป็นคู่หมั้นของผู้มีพระคุณ…

เรื่องย่อ : ด้วยแรงอธิษฐาน (2539/1996) ด้วยแรงอธิษฐาน เป็นเรื่องราวของ วรดา (กบ สุวนันท์) เป็นลูกของวารี สาวใช้ในบ้าน ซึ่งเป็นเมียคนแรกของนายพลประพจน์ (พอเจตน์ แก่นเพชร) หากแต่ว่าแม่ของวรดาเป็นสาวต่ำศํกดิ์ ไม่เท่าเมียที่มาทีหลัง ซึ่งเป็นเมียแต่ง คือ คุณหญิงผกา (คุณเดือนเต็ม) แล้วแม่ก็ตายจากวรดาไป ทิ้งลูกสาวให้อยู่กับพ่อและเมียสมรสของพ่อ ซึ่งมีลูกสาวใหม่อีกคน คือ ผานิต (น้ำทิพย์ เสียมทอง) วรดาอยู่ในฐานะ ลูกกึ่งๆคนรับใช้ แล้วก็มีปีติ (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) ซึ่งเป็นคนที่ทำงานให้พ่อของวรดา มาติดพันวรดา วรดาไม่ได้เรียนหนังสือต่อเพราะคุณหญิงบอกว่าเป็นผู้หญิง เดี๋ยวก็ออกเรือน ก็เลยต้องออกมาอยู่ช่วยงานบ้าน ข้างบ้านวรดามี อีกครอบครัวนึง ประกอบด้วยพี่สาวคนโต คือ เกตุมณี (สุรัตนา ข้องตระกูล) คนกลาง คือ กฤตย์ (ศรัณยู) สถาปนิกหนุ่มไฟแรง และแกมแก้ว (อุษณีย์ รักกสิกรณ์) กฤตย์ก็มาติดพันกับวรดา ทั้งสองเชื่อมโยงความสัมพันธ์กันด้วยวรรณกรรมเรื่องต่างๆ จนเกิดความรักกัน แกมแก้ว มีความสนิทสนมกับ ผานิต มีความริษยาวรดา แล้วสองคนนี้ก็วางแผน ในวันหนึ่งที่วรดานัดกับกฤตย์ โดยวรดาโดนทุบหัว และหมดสติ และถูกจับใส่ในช่องหลุมหลบภัยที่ ในบริเวณบ้านพระเอก ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีผู้ใดสนใจ ปล่อยรกร้างไว้ วรดาออกไปไม่ได้ และเข้าใจว่าถูกกฤตย์หลอกมาตลอด และทำกับเธอเช่นนี้ จึงเจ็บแค้นใจมาก และทนทรมาน เลียน้ำ เลียตะไคร่ จนห้วงสุดท้ายของชีวิต ก็อธิษฐานว่า ชาตินี้ยอมเค้ามาตลอด ชาติหน้า ขอเอาคืน แล้วก็ขาดใจตาย ชาติต่อมา วรดามาเกิดเป็นนัทธมน ลูกสาวของมนทิรา (คุณอรัญญา นามวงศ์) ซึ่งมีลูกตอนอายุมาก นัทธมนเป็นเด็กที่มีพลังจิตแข็งกล้า ตั้งแต่เด็ก และสร้างความประหลาดใจให้กับแม่ เช่น ถ้านัทธมน โกรธเด็กชายเพื่อนในห้องคนหนึ่งที่ชอบรังแกเด็กผู้หญิง ก็สามารถทำให้เด็กคนนี้ ล้มลุกคลุกคลานรุนแรงจนหัวแตกได้ด้วยพลังจิตของเธอ หรือตอนที่พ่อของนัทธมน(พ่อในชาติใหม่)ตาย เธอก็รับรู้ตั้งแต่ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะวิญญาณพ่อของเธอมาหา เป็นต้น นอกจากนี้นัทธมนยังเป็นคนที่เกลียดการอยู่ในที่แคบ ๆ เมื่อนัทธมนโตขึ้น ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับถุงแป้ง (แอนนี่ ชุติพร) ซึ่งเป็นลูกสาวของเกตุมณี และได้มาทำงานเป็นเลขา ของคุณกฤตย์ น้าของถุงแป้ง ซึ่งตอนนี้เป็นสถาปนิกวัยดึก ที่ยังโสด กฤตย์มีความรู้สึกเหมือนรอใครซักคน และยังเจ็บช้ำกับการจากไปของคนรักเมื่อ 20 ปีก่อน แล้วกฤตย์ก็ได้ถูกชะตากับนัทธมน และก็ได้สนิทสนมกัน ไปไหว้พระธาตุดอยตุงกัน และอีกหลายอย่างๆ ซึ่งกฤตย์ก็มีปณิตา (เปียเช่อร์) เป็นสาวทรงเสน่ห์มาติดพัน ปณิตาชอบตามไล่เบี้ยนัทธมน แต่นัทธมนไม่เคยยอมใคร เธอเก่งกล้าสามารถทุกอย่าง ถึงตาจนเธอก็มีพลังจิตไว้สู้คน ส่วนผานิต ด้วยเวรกรรมทำให้ เกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิต แล้วมาเกิดใหม่เป็นลูกของแกมแก้ว ที่ชีวิตมีแต่ปัญหา ผานิตในร่างเด็กกลายเป็นเด็กใบ้ที่พูดไม่ได้ แต่ความทรงจำรับรู้ได้ทุกอย่าง ว่าเคยทำอะไรในชาติก่อนๆมา ส่วนนัทธมนก็จดจำได้ว่า ชาติที่แล้วใครทำอะไรกับเธอ ก็เริ่มแก้แค้น คนที่เคยทำกับเธอไว้ทีละคนๆ ด้วยพลังจิตของเธอ แล้วรอปิดบัญชีกับพระเอก กว่าจะรู้ความจริงก็เกือบสายไป

เรื่องย่อ : ดาวพระศุกร์ (2523/1980) ดาวพระศุกร์เป็นเด็กที่นางวิภา วงศ์สะอาด มาคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเลี้ยงดูดาวพระศุกร์จนอายุได้ 9 เดือน ก็มีคนมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชีวิตในบ้านพ่อเลี้ยงที่เกรงใจภรรยาและแม่เลี้ยงใจร้าย ในตอนแรกจนกระทั่ง 4 ขวบกว่า ดาวพระศุกร์มีพิกุลเป็นพี่เลี้ยงคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ให้รอดจากคุณนายมารศรี แม่เลี้ยงตีบ่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณนายไล่พิกุลออก ดาวพระศุกร์จึงต้องทนเลี้ยงน้องที่เกิดมาคล้ายเป็นลูกอิจฉาของคุณนายถึง 4 คน ซึ่งคุณนายรักดั่งแก้วตาตลอดเวลา ดาวพระศุกร์มีหน้าที่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวดูแลทุกคนในบ้านอย่างดี ถ้าทำผิดแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกคุณนายทุบตีอย่างทารุณ คุณนายดุด่าและบอกความจริงว่า คุณนายและท่านนายพันไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และบอกว่าแม่จริงชื่อ วิภา วงศ์สะอาด ดาวเสียใจมาก พ่อเลี้ยงปลอบว่าวันหนึ่งแม่จริงของดาวก็จะมารับดาวจึงทนรอคอยความหวัง วัน หนึ่งดาวไปตลาด พบเด็กชายขอทานซึ่งแกอดข้าวมา 2 วันจนแทบเป็นลม ดาวนึกสงสารจึงให้มาที่บ้าน หาข้าวให้กินด้วยใจบริสุทธิ์ และเล่าให้ฟังว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แก่รับฟังด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ คนข้างบ้านคนหนึ่งเห็นดาวคุยกับแก่ ก็ไปฟ้องคุณนายว่าดาวริอ่านคบผู้ชาย คุณนายโกรธมาก ตบตีดาวอย่างหนักที่สุด หาว่าคบผู้ชาย เผลอหลุดปากบอกความจริงเรื่องแม่ของดาวทิ้งดาวไว้ที่โรงพยาบาลและไม่มีวัน ที่จะมารับกลับ ดาวจึงหมดความอดทนและสิ้นหวังในการรอคอย ดาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ( อายุ 11 ขวบ ) ขณะที่ศศิ ประภา แม่ที่จริงของดาวพระศุกร์ ซึ่งต่อมาแต่งงานใหม่กับพลตรีพีรยุทธ มีลูกชายใหม่ 1 คน ชื่อแดง ตลอดเวลาไม่มีใครรู้ความลับของศศิประภานอกจากนมแม้นคนเดียว ศศิประภาไม่เคยลืมลูกสาวที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าดาวพระศุกร์ ไม่เคยลืมแววตาของลูก และปานแดงรูปหัวใจเหนืออกซ้ายของดาว ศศิประภาทุกข์ทรมานใจทุกครั้งที่คิดถึงลูกคนแรก ขณะที่แก่เดินขอ ทานอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับภาคย์ ภาคย์สงสารให้เงินถึง 2 ครั้ง แต่ด้วยความซื่อแก่เผลอเล่าเรื่องของดาวพระศุกร์ให้ศศิประภาฟัง ศศิประภารู้ทันทีว่าดาวคือลูกศศิประภาตามไปหาดาวที่บ้านคุณนายมารศรี จึงรู้ว่าดาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว ดาวเร่ร่อนขอทานอยู่กับเกรียงและ อู๊ด เด็กขอทานข้างถนนอยู่ 2 – 3 ปี หลังจากขอทานดาวก็ริอ่านเป็นขโมยโดยมีนายชุมเด็กวัยรุ่นเป็นหัวหน้า ชีวิตของดาวต้องต่อสู้ดิ้นรนไปจนกระทั่งพบกิ่งแก้วโสเภณีชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าดาวหน้าตาดี จึงชวนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งเป็นของฉวีแม่เล้าของตัวเอง บ้านของฉวีเป็นบ้านชั้นดี รับเฉพาะแขกที่มีสตางค์เท่านั้น ขณะนั้น ดาวอายุได้ประมาณ 14 ปี ต้องเติบโตในบ้านนั้น พบเห็นเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเหล่านั้นจนชิน กิ่งแก้วพยายามสอนหนังสือให้ดาว จนดาวมีความรู้เทียบได้เท่ากับมัธยม 6 สมัยนั้น พอดาวโตขึ้นอายุได้ 16 – 18 ปี ฉวีก็เริ่มให้ดาวออกทำงาน ดาวเคยรู้รสชาติของความจนความลำบากมาก่อนจึงไม่กล้าขัดขืน แต่กลับหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการมอมเหล้าแขกบ้าง หาคนมาแทนบ้าง เมื่อดับไฟแล้วบ้าง สารพัด เพื่อรักษาพรหมจารีย์ไว้อย่างเหนียวแน่น ดาวใช้วิธีเหล่านี้เอาตัวรอดได้ตลอดมาจนได้ฉายาว่า แม่ดาวจอมกะล่อน และ เพราะวิธีสับตัวเองเอาคนอื่นมาแทนนี่เอง แขกคนหนึ่งเกิดติดโรคจึงเข้าใจว่าติดมาจากดาว เจ้าสำนักจึงให้พยาบาลมาตรวจโรค ดาว บังเอิญพยาบาลคนนั้นคือ อรทัย พยาบาลที่เป็นคนทำคลอดดาว จำดาวได้เพราะปานแดงรูปหัวใจ และชื่อดาว ดาวถามอรทัยจนใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของดาวให้รับรู้จนหมด เพื่อน ๆ ของภาคย์ 2-3 คน เคยโดนลูกไม้ของดาวมาแล้วก็ไปเล่าให้ภาคย์ฟัง ภาคย์สนใจจึงมาทดลองบ้าง ภาคย์หลบเลี่ยงลูกไม้ของดาวทุกชนิด เช่น ไม่ดื่ม ไม่ดับไฟ ไม่อมทอฟฟี่ แต่ดาวก็เล่นไม้ตายโดยใช้ยาสลบ จนกระทั่งภาคย์หมดสติทั้งคืนจนเช้า พอภาคย์รู้สึกตัว แทนที่จะโกรธ ภาคย์เกิดสนใจดาวและขอซื้อจากเจ้าสำนักในราคา 1 แสนบาททันที แล้วรับตัวดาวไปอยู่ที่บ้าน ดาวจำต้องไปเพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้านนี้ตลอดไป ดาวตั้งใจว่าจะหาทางหาเงินมาใช้กับภาคย์เพื่อแลกกับอิสระภาพให้จนได้ ภาคย์พาดาวไปอยู่บ้านเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะกึ่งน้องกึ่งญาติ ภาคย์ให้ดาวเรียนการบ้านการเรือนกับนมเชื่อม และเรียนคณิตศาสตร์กับตัวเองให้ศศิประภาญาติของภาคซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ขอดาวมาสอนภาษาอังกฤษ และมาหยารัศมี สาวสังคมที่มาติดภาคย์ช่วยสอนดนตรีให้ด้วย ดาวต้องอดทนเรียนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ชอบสักอย่างดาวเริ่มหลงรักภาคย์ ขณะเดียวกันก็นึกรู้ว่าศศิประภาคือแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยแรงน้อยใจที่แม่ไม่ยอมรับเป็นลูกดาวทำฤทธิ์กับศศิประภาทุกอย่าง ศศิประภาก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียวบอกใครไม่ได้ เมื่อใดที่ศศิประภาเผลอแสดงความรัก ความห่วงใย ดาวจะย้อนกลับอย่างเจ็บแสบเสมอ ทำให้ศศิประภายิ่งช้ำใจหนักขึ้น นอกจากดาวจะน้อยใจ ในตัวแม่บังเกิดเกล้าแล้วยังต้องต่อสู้กับมาหยารัศมีทุกรูปแบบเพราะมาหยา รัศมีกลัวว่าดาวจะมาแย่งภาคย์ไปจากตน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ความดาวตลอดเวลา ซึ่งภาคย์เองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ทำให้ดาวต้องเสียใจทุกครั้ง เหตุการณ์ผ่านไปภาคย์เริ่มรักดาวและดาวเองก็รักภาคย์มากเช่นกัน แต่ต่างคนก็สงวนท่าที วันหนึ่งในงานราตรีสโมสร ดาวจงใจแต่งตัวค่อนข้างโป๊เพื่อประชดภาคย์ ทำให้มีหนุ่ม ๆ 2 คนมาตามติดดาว คนหนึ่งคือ เศกสรรค์ เพื่อนของภาคย์ และอีกคนหนึ่งคือผู้พิพากษา อรรถ ซึ่งติดใจดาวมากจนศศิประภาผู้กำความลับอย่างแน่นอยู่ตกใจแทบเป็นลม มาหยารัศมีขัดขวางอรรถกับดาวจนเกิดเรื่อง ภาคย์ต้องลากตัวดาวกลับทันทีขณะที่ขับรถกลับบ้านอย่างหัวเสีย ภาคย์แกล้งขับเร็ว ๆ ไปทางอื่นอยู่นานกว่าภาคย์จะพาดาวกลับบ้าน ดาวก็เริ่มจับไข้แต่ไม่ยอมบอก รุ่งขึ้นดาวก็เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติเพ้อร้องหาแม่อย่างน่าสงสาร ภาคย์ เฝ้าดูแลดาวทุกอย่างจนเด็กรับใช้ในบ้านเริ่มซุบซิบว่าภาคย์รักดาว ระหว่างที่ดาวป่วยท่านผู้พิพากษาอรรถส่งดอกไม้มาเยี่ยมดาวทุกวัน ภาคย์หึงแต่ไม่ยอมรับ ได้แต่หาเรื่องทะเลาะกับดาวไม่เว้นแต่ละวัน ท่านผู้พิพากษาสงสารดาวมาก ถึงกับให้เงินดาว 1 แสนบาทเป็นค่าไถ่ตัว และจะรับไปอยู่ด้วยกัน แต่พอดาวเอาเงินให้ภาคย์ ภาคย์โกรธมากประกอบกับเมาจึงลืมตัว เข้าปล้ำดาวจนดาวต้องตกเป็นของภาคย์ รุ่งเช้าภาคย์เสียใจในการกระทำของตัวเองมาก แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำ อย่างไรดี เพราะถ้าแต่งงานกับดาว ก็เป็นปัญหาหลายอย่าง หนึ่งดาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณนายมารศรีซึ่งเป็นแม่ตามกฎหมายคงไม่ยอม สองภาคย์เองก็ไม่แน่ใจว่า ดาวจะปรับตัวเป็นภรรยาได้สมกับฐานะหรือยัง และสามมาหยารัศมีก็คอยหาเรื่องวุ่น ๆ จนได้ ระหว่างที่ภาคย์ลังเลจะทำอย่างไรดี ดาวซึ่งสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ผิดหวังทั้งแม่ตัวเอง แม่เลี้ยง แล้วยังคนรักซึ่งยังคงคบหามาหยารัศมีอยู่ ดาวท้อแท้มาก มีแต่ผู้พิพากษาอรรถเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจดาวจนดาวใจอ่อนยอม ตกลงจะแต่งงานกับอรรถ ศศิประภาหมดความอดทนจึงต้องยอมบอกความจริงว่า ที่แท้อรรถคือพ่อแท้ ๆ ของดาวนั่นเอง ท้ายที่สุดดาวคิดสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีตนซักคน มาหยารัศมีก็คงได้แต่งงานกับภาคย์ ศศิประภาก็จะได้คืนดีกับท่านนายพลฯเพราะตอนที่นายพลฯ พีรยุทธ สามีของศศิประภารู้ว่าศศิประภา มีลูกมาก่อนก็โกรธถึงกับขอแยกทาง ดาวจึงตัดสินใจหนีทุก ๆ คนไป ภาคย์ขับรถตามดาวจนประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นอะไรมากนักต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง ดาวหนีมาอยู่ที่ราชบุรีซึ่งดาวแอบซื้อที่ดินเอาไว้ไม่บอกใครแต่เพราะที่ดิน ข้าง ๆ กับของดาวเป็นของพิกุลพี่เลี้ยงคนแรกของดาว พิกุลจึงเป็นคนนำข่าวไปบอกกับทุก ๆ คน ภาคย์รีบตามมาหาดาวทันที ทิ้งให้มาหยารัศมีกับอรรถทำความรู้จักให้ดีขึ้น เพราะทั้งสองมีท่าทางพอใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ภาคย์ตามมาพบดาว งอนง้อขอคืนดี จนดาวใจอ่อน เรื่องราวทั้งหลายจึงจบลงด้วยความสุข