Friend Zone เอา ให้ ชัด (2561/2018) เมื่อ โบโย่ (แพรวา ณิชาภัทร) หญิงสาวชีวิตพัง ๆ ถูกแฟนบอกเลิก แถมยังมาตกงานเพราะเพื่อนร่วมบ้านอย่าง สตั๊ด (พลัสเตอร์ พรพิพัฒน์) พาคนแปลกหน้ามาฟีเจอริ่งกันที่บ้านจนได้เรื่อง ทำให้เธอไม่มีงานไปพรีเซ็นต์ลูกค้า จนถูกไล่ออก โบโย่และ บูม (น้ำตาล ทิพนารี) เลยตัดสินใจไล่สตั๊ดออกและหาคนอื่นมาอยู่ด้วยใหม่คือ กู๊ด (ลี ฐานัฐพ์) หนุ่มอาร์ตฟรีแลนซ์ ที่ผ่านการแนะนำของ แอ้ม (อ้าย สรัลชนา) และ เคเบิล (เต๋อ รัฐนันท์) กู๊ดเข้ามาอยู่ในบ้านในช่วงเวลาที่โบโย่เปราะบางทั้งชีวิตรักและการงาน ทำให้ทั้งสองเผลอใจไปมีอะไรกัน แต่ก็ตกลงกันว่าความสัมพันธ์จะยังคงอยู่แค่เพื่อน ส่วนบูม พริตตี้สาวรักวนลูป ก็มีปัญหาค้าง ๆ คา ๆ กับคนที่เธอเรียกว่าแฟนอย่าง ต่อ (เบสท์ ณัฐสิทธิ์) ที่ไม่เคยเปิดตัวบูมว่าเป็นแฟน เพราะอายที่บูมเป็นพริตตี้และถูกหาว่าเป็นเด็กเสี่ย ความสัมพันธ์แบบรัก ๆ เลิก ๆ ที่ทำให้คนรอบข้างต้องกลายเป็นหมา แอ้ม และ เคเบิล เป็นคู่รักที่อยู่กันมานาน ซื้อคอนโดและพร้อมสร้างอนาคตด้วยกัน แต่แอ้มก็ไม่แน่ใจนักว่าเคเบิลจะเปลี่ยนตัวเองเพื่ออนาคตได้หรือเปล่า เพราะชีวิตเขายังไม่เอาไหน ทำให้แอ้มรู้สึกเหนื่อย และความบาดหมางมาถึงจุดแตกหัก เมื่อเคเบิลทำบางอย่างที่ทำให้แอ้มทนไม่ไหวจนต้องเลิกและไล่เคเบิลออกจากคอนโด แต่เคเบิลไม่ยอมออก ทั้งสองจึงต้องทนอยู่ด้วยกันและเล่นเกมกันจนกว่าใครสักคนจะทนไม่ไหวและออกไปเอง เมื่อสตั๊ดถูกไล่ออกจากบ้าน ก็มาขออาศัยอยู่กับเพื่อนรักคือ เอิร์ธ (สิงโต ปราชญา) หนุ่มออฟฟิศที่ชีวิตสุดเพอร์เฟคต์ ที่อยู่กับแฟนสุดเริด หมอหนุ่มรุ่นพี่ชื่อ แซม (ณัฐ ศักดาทร) ถึงจะรักกันมากแค่ไหน แต่ทั้งสองก็มีปัญหาเรื่อง ทะเลาะกันบ่อย ๆ การเข้ามาของสตั๊ดที่เหมือนจะมาเป็นที่ปรึกษาให้กับทั้งสองคน กลับจะกลายเป็นการจะสร้างปัญหา เพราะไม่แน่ใจว่าไอ้ที่ปรึกษา มันเข้ามาด้วยความหวังดี หรือมันจะเข้ามาทำลายกันแน่ ! ติดตามเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดจนต้องเคลียร์ของพวกเขาได้ใน Friend Zone เอาให้ชัด

Wake Up ชะนี The Series

Wake Up ชะนี The Series (2561/2018) เมื่อ 4 ชะนี*เพื่อนสาวกำลังมีปัญหาความรัก เจน (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) ชะนีมีอายุที่อยากแต่งงาน แต่แฟนก็ยังคงยุ่งแต่กับงานที่ต้องเดินทางไปมาในต่างประเทศ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน จนวันหนึ่งได้ไปพบกับหนุ่มน้อยที่พยายามตามจีบตัวเองให้ติด แม้จะรู้ว่าเจนมีแฟนอยู่แล้ว เจนจึงต้องเลือกระหว่าง ผู้ชายรู้ที่อาจรู้ใจแต่มักไม่มีเวลาให้ กับ เด็กชายที่ยังไม่รู้ใจแต่คอยมีเวลาให้เสมอ กล้วย (อภิษฎา เครือคงคา) ชะนีวันไนท์สแตนด์ที่หวังรอคอยรักแท้จากคนที่นอนด้วยในแต่ละวัน ได้แต่เล่ามโนเพ้อฝันให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟังถึงคู่นอนที่อยู่ด้วยกันเพียงคืนเดียวและจากไป จนไม่เคยรู้เลยว่าความรักที่แท้จริงนั้นมันเป็นอย่างไร เอ๋ย (มณีรัตน์ คำอ้วน) ชะนีที่อายุเข้าเลข 3 ไปแล้วแต่ไม่อยากขึ้นคาน จึงพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ผู้ชายมาเป็นคู่ครอง ซึ่งผลลัพธ์ในแต่ละครั้งก็ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ตลอด ต้องกลับมาพร้อมความเศร้าเหงาหงอยให้เพื่อนชะนีคอยปลอบใจแทบจะทุกครั้ง ตาต้า (ทิพนารี วีรวัฒโนดม) ชะนีเด็ก อายุน้อยสุดในกลุ่ม อ่อนต่อโลก ไร้ประสบการณ์ ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เพราะถูกตีกรอบตั้งแต่เด็กว่าห้ามมีความรัก แม้สมัยเรียนจะมีผู้ชายมาจีบตัวเองก็วิ่งหนี จนเมื่อเรียนจบย่างเข้าวัยทำงาน หม่าม๊า (แม่) ก็บอกให้รีบหาแฟนมาไว้ช่วยดูแลกิจการที่บ้านในอนาคต และถ้าหาไม่ได้ก็จะจับคลุมถุงชนกับลูกชายของครอบครัวคู่ค้าที่สนิทกัน สารพัดปัญหาของชะนีเหล่านี้จะแก้ได้หรือไม่ เมื่อ ณัฐ (นิติ ชัยชิตาทร) หมอตุ๊ดเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ต้องปวดหัวกับคนไข้ในแต่ละวันและยังบอบช้ำกับความรักครั้งเก่าในอดีต ต้องมาคอยช่วยให้คำปรึกษากับเพื่อนชะนีทั้ง 4 ที่กำลังมีปัญหา พร้อมทั้งยอมเปิดใจตัวเองเพื่อรับความรักครั้งใหม่ที่เข้ามาในชีวิต เรื่องราวของกลุ่มเพื่อน 4 ชะนี 1 ตุ๊ดจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในซีรีส์เรื่องนี้

เตือนนัก..รักซะเลย 2561

Notification เตือนนัก..รักซะเลย (2561/2018) “Notification ของทุกคน แจ้งเตือนความหลังครั้งอดีต... แต่ Notification ของเธอคนนี้เตือนรักล่วงหน้า...ในอนาคต!” “มิน” สาวโสดสุดเซอร์ชอบบำเรอตัวเองด้วยพระเอกการ์ตูนตาหวาน กับเพื่อนซี้สุดเลิฟ “ซอนย่า” สาวร่างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลการ์ตูนแต่เป็นศูนย์เรื่องทั่วไป และ “ต๋อง” หนุ่มแว่นปากร้ายสายโมเอะติดเอนิเมะเป็นชีวิตจิตใจ แต่ชีวิตสงบสุขในโลกการ์ตูนของทั้งสามโอตาคุกำลังพบเรื่องประหลาดสุดป่วนรวนไทม์ไลน์เมื่อมินได้รับข้อความแจ้งเตือน “แฟน” ในอนาคต ข้อความแจ้งเตือนที่เหมือนฝันบอกว่าอีก 1 ปีข้างหน้า มินจะได้เป็นแฟนกับ “นภัทร” เดือนสถาปัตย์ฯ หนุ่มที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่การเจอกับนภัทรก็ทำให้มินตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ความรักของพวกเขาและเธอจะจบอย่างไร? การแจ้งเตือนจากอนาคตจะเป็นตัวกำหนดปัจจุบันจริงๆ หรือเปล่า? และการตัดสินใจในวันนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ไหม? ติดตามได้ใน “Notification เตือนนัก...รักซะเลย” ทาง Mello

มนตราลายหงส์ 2561

My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มนตราลายหงส์ (2561/2018) พัสกร นักเต้นหนุ่มฝีมือเยี่ยม ตั้งใจเปิดโรงเรียนสอนเต้นให้กับเด็กที่ยากไร้ ตามความฝันของพ่อภากรที่เสียไป

ในอดีต พัสกรอับอายที่มีพ่อเป็นนักบัลเลต์ เขาทะเลาะกับพ่อ ก่อนที่พ่อจะถูกรถชนต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้นมา เขาก็ตั้งใจสานฝันของพ่อให้สำเร็จ ด้วยการสอนเต้นฟรีให้กับเด็กๆ ในงานเปิดตัวโรงเรียนของเขา ขณะที่เขากำลังโชว์อยู่บนเวที ท่ามกลางสายตาชื่นชมของครอบครัวบุญธรรม คนรัก และเพื่อนๆ ที่มาร่วมงาน ระเบิดลูกนั้นก็เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล พ่อ แม่ที่รับอุปการะเขา รวมถึงน้องสาวต่างสายเลือดเสียชีวิตทันที ขวัญกมลแฟนสาวของเขาได้รับบาดเจ็บ พัสกรฟื้นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วย และรับรู้การจากไปของคนในครอบครัวด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขานึกถึงจดหมายข่มขู่ที่ได้รับก่อนหน้า ข้อความบอกว่าหากเขาเปิดโรงเรียนเขาจะต้องเสียใจ พัสกรอดโทษตัวเองไม่ได้ หากเขาเชื่อคำเตือนเรื่องแบบนี้คงไม่เกิด นี่เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้คนที่รักต้องจากไป ยิ่งเมื่อเขาได้เห็นบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดบนเนื้อตัวของขวัญกมล เขาก็ยิ่งตำหนิตัวเอง เมื่อขวัญกมลฟื้นขึ้นมา เขาบอกเธอว่าเขาจะไม่เต้นอีกต่อไป แหวนพลอย หญิงสาวกำพร้าพ่อแม่ เธออาศัยอยู่กับปู่ที่ต่างจังหวัด เธอเห็นข่าวจากในโทรทัศน์ ทำให้เธอรีบร้อนเข้ากรุงเทพฯทันที เพราะพัสกรไม่ใช่แค่พี่ชายข้างบ้านที่เคยเล่นด้วยกันในวัยเด็ก แต่เขายังช่วยเหลือเธอและปู่ด้านการเงินอยู่เสมอ แม้เธอกับเขาจะไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี แต่แหวนพลอยก็ไม่เคยลืมพัสกรจากใจเลย เมื่อแหวนพลอยมาถึง พัสกรขอร้องให้เธอช่วยพาเขาไปที่งานศพ ที่นั่นพัสกรถูกญาติของครอบครัวบุญธรรมขับไล่ ด่าทอว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องตาย พัสกรเจ็บปวดมาก แหวนพลอยยิ่งเห็นใจ ขณะที่พ.ต.ต.นิรุตต์ ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีของพัสกร เริ่มสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่มีรายชื่อว่าเป็นแขกคนสำคัญ แต่มาไม่ทันงานเปิดตัวโรงเรียน หนึ่งคือเต้ นักเต้นหนุ่มเพื่อนสนิทของพัสกร สองคือจันทิมา นักเต้นสาวสวยที่เป็นคู่เต้นของพัสกร และกุ๊งกิ๊ง ครูช่วยสอนที่รักสวยรักงามและแสดงออกว่าชอบพัสกรอยู่เสมอ หลังออกจากโรงพยาบาล พัสกรพาขวัญกมลไปพักผ่อนรักษาตัวที่บ้านเกิดของเขา ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของแหวนพลอย พัสกรคอยดูแลขวัญกมลอย่างดี ขณะที่ในใจของเขาก็ยังเจ็บช้ำ เขาตำหนิตัวเอง อยู่อย่างคนไม่มีความฝัน แหวนพลอยได้เห็นและสงสาร เธอคิดว่าควรทำอะไรบางอย่าง พัสกรได้เจอกับ เด็กชายเพชร ที่นั่งดูคลิปวิดีโอการประกวดของกลุ่มเด็กที่พัสกรเคยสอน เพชรพยายามเต้นตาม แต่ก็ดูเก้ๆ กังๆ มาก พัสกรจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปแนะนำ ความกระตือรือร้นที่จะเต้นของเพชร เหมือนจุดไฟให้พัสกรอีกครั้ง เขานำเรื่องนี้ไปบอกกับขวัญกมล แต่ขวัญกมลกลับไม่สบายใจ เธอเตือนเขาเรื่องระเบิด เรื่องขู่ฆ่า เพราะแน่ใจว่าคนที่ทำเรื่องนี้ ไม่ต้องการให้พัสกรเต้นอีกต่อไป พัสกรไม่อยากให้ขวัญกมลเป็นห่วง จึงรับปากว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก แล้วชวนเธอกลับกรุงเทพฯ แหวนพลอยรู้ข่าวด้วยความผิดหวัง เพราะเธออยู่เบื้องหลังการเจอกันของเพชรและพัสกร เธอรู้ว่าเพชรชอบเต้น และคิดว่าหากพัสกรได้สอน เขาจะกลับมามีชีวิตชีวา เลิกโทษตัวเอง เธอพยายามขอร้องให้เขาสอนเพชร แต่เธอก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้ แหวนพลอยเสียใจที่พัสกรไม่สนใจความหวังดีของเธอ กวง เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของเธอจึงคอยปลอบ โดยที่แหวนพลอยไม่รู้เลยว่า กวงก็แอบรักเธออยู่เช่นกัน วันที่พัสกรจะเดินทางกลับ พัสกรได้เห็นว่าเพชรถูกเพื่อนๆ รุมล้อว่าเป็นตุ๊ด ถูกรังแกจากเด็กคนอื่น มันเหมือนกับที่เขาเคยโดนมาก่อน พัสกรจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปโต้เถียง เขาถึงกับประกาศว่าจะเพชรจะได้เรียนเต้น และเป็นนักเต้นประสบความสำเร็จ แหวนพลอยดีใจมาก ขณะที่ขวัญกมลเป็นห่วง เธอกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายซ้ำอีก แต่เมื่อพัสกรขอร้อง ขอโอกาสสอนเด็กอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว ขวัญกมลก็ไม่อาจขัดได้ เธอได้แต่เตือนเขาให้ระวังตัวไว้ ขณะเดียวกัน นิรุตติ์ก็ได้ทำการสืบสวนเหตุระเบิด จากการสอบปากคำและสืบประวัติผู้ต้องสงสัย เขาก็พบว่าทั้งสามคนมีสิทธิ์ทำร้ายพัสกรได้ทั้งนั้น ทั้งจันทิมา ที่สนิทกับพัสกรมาก ตอนเรียนก็มีคนเข้าใจว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน จนพัสกรประกาศคบกับขวัญกมล จันทิมาอาจหึงหวงจนนำไปสู่การลงมือ หรือจะเป็นเต้ ที่เป็นเพื่อนสนิท ขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของเต้ก็เหมือนอยู่ใต้เงาของพัสกรอีกที ถ้าไม่มีพัสกร เต้ก็จะขึ้นเป็นมือหนึ่ง หรือจะเป็นกุ๊งกิ๊ง ที่มีปัญหาเรื่องเงิน เป็นหนี้บัตรเครดิต และหยิบยืมเงินของพัสกรอยู่บ่อยครั้ง ทุกคนมีแรงจูงใจในการทำร้ายพัสกรได้ทั้งนั้น นิรุตติ์เตือนให้พัสกรระวัง แต่พัสกรก็เชื่อว่าเพื่อนของเขาไม่มีวันทำร้ายเขาได้ พัสกรก็เริ่มฟอร์มทีมเต้นขึ้นมา เขาได้เจอกับเด็กชายปั้น เด็กที่ดูเป็นขาโจ๋ แต่จริงๆ แล้วปั้นไม่ใช่คนหัวรุนแรง แค่คบเพื่อนไม่ดี ทำให้เกือบต้องเล่นยา ปั้นชอบเต้นเหมือนกัน พัสกรจึงชวนเข้ามา แต่ก็มีอุปสรรคจากปัจจัยภายนอกเข้ามารบกวนอยู่เสมอ ทั้งจากชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วย ทั้งผู้ใหญ่ในโรงเรียนที่ไม่สนับสนุน พัสกรต้องคอยตามแก้จนแทบจะถอดใจอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ พัสกรพาเด็กชาย 2 คนกลับกรุงเทพฯ เตรียมตัวแข่งขันระดับประเทศ เพื่อลบคำสบประมาทของชาวบ้าน ซึ่งเต้ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของการประกวดนั้น (เต้ได้มาทำหน้าที่นี้เพราะพัสกรถอนตัวจากเหตุระเบิด) เต้ไม่สบายใจ เนื่องจากเขาเป็นกรรมการ แล้วพัสกรก็เป็นเพื่อนเขา คนอื่นจะคิดอย่างไร แต่พัสกรกลับบอกเต้ว่าให้ตัดสินตามผลงาน ไม่ต้องสนใจว่าเขาเป็นเพื่อน จันทิมามาให้กำลังใจพัสกร อาสาจะมาช่วยสอนเด็กๆ แต่นิรุตติ์จับตาจันทิมาอยู่ เขาอ้างว่าคดียังไม่ปิด และเธอก็ยังไม่บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ จันทิมารำคาญที่นิรุตติ์ไม่เลิกสงสัยเธอสักที พัสกรตามหาเด็กเก่าๆ ที่เคยเรียนกับเขามาร่วมทีม ทั้งแตงกวาและน้ำฝน เด็กสองคนอยากกลับมา แต่ผู้ปกครองกลับไม่อนุญาตเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอีก พัสกรพยายามชักชวนแล้ว แต่ผู้ปกครองก็ปฏิเสธ แหวนพลอยเลยแอบไปขอร้องผู้ปกครองของเด็กทั้งสองด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการตื้อเท่านั้นที่ครองโลก จนในที่สุด ผู้ปกครองก็ยอม เมื่อได้เด็กร่วมทีมครบ ก็เกิดปัญหาอีก เมื่อกุ๊งกิ๊งถูกฉัตรชัย เจ้าของโรงเรียนเต้นคู่แข่งซื้อตัวไป ฉัตรชัยกับพัสกรมีปัญหากันมานานแล้ว เรื่องเด็กของทั้งสองโรงเรียน ที่มักจะเข้าประกวดในโครงการเดียวกัน และแข่งกันอยู่เสมอ ส่วนใหญ่ทีมของพัสกรชนะ ฉัตรชัยเลยหมั่นไส้ ขณะที่นิรุตติ์ก็มองว่าฉัตรชัยเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องสงสัย กุ๊งกิ๊งบอกข้อมูลทีมเต้นของพัสกรให้ฉัตรชัยรู้ ทำให้เวลาแข่งขัน ทีมของฉัตรชัยได้คะแนนมากกว่า ฉัตรชัยนัดเต้ทานอาหาร พยายามติดสินบนเต้ให้ทีมของตนชนะ แต่เต้ปฏิเสธ เขาเชื่อว่าเด็กต้องชนะด้วยความสามารถ แนะนำให้ฉัตรชัยเอาเวลาไปฝึกเด็กในทีมตัวเองดีกว่า ฉัตรชัยไม่พอใจ จะทำร้ายเต้ จันทิมาเข้ามาขวาง จนตัวเองโดนอาหารหกใส่เปื้อนเสื้อผ้า เต้จึงให้จันทิมาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง จันทิมาเปิดตู้เสื้อผ้าเต้ เห็นว่าในห้องเต้มีเสื้อผ้ามากมาย มีทั้งวิกผม มีทั้งเสื้อผู้หญิง (ซึ่งดูเหมือนเป็นพร็อบสำหรับเต้น ไม่ได้น่าสงสัยอะไร) ขณะที่พัสกรกำลังฝึกซ้อมเด็กๆ อย่างหนักเพื่อประกวดรอบแรก นิรุตติ์ก็พบหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากโทรศัพท์มือถือของน้องสาวพัสกรที่กู้ไฟล์คืนมาได้ พบว่าในงานวันเปิดตัวโรงเรียน ปรากฏหญิงสาวลึกลับรายหนึ่ง เดินวนไปรอบๆ งาน ไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร การสืบสวนยังคงดำเนินไป เช่นเดียวกับการแข่งขันเต้น อุปสรรคต่างๆ ประเดประดังเข้ามา พัสกรต้องคอยแก้ไข ทุกครั้งที่เขาท้อ ขวัญกมลก็จะเป็นห่วง เธอขอให้เขาเลิกเพราะไม่อยากให้เขาเหนื่อย ขณะที่แหวนพลอยจะช่วยเขาแก้ปัญหา กำลังใจจากแหวนพลอย และรอยยิ้มของเด็กๆ ทำให้เขาอยากสู้ต่อ พัสกรพาทีมฝ่าฝันจนเข้ารอบเรื่อยมา ในวันแข่งขันที่ต้องหาว่าใครเป็น 3 ทีมสุดท้าย ขวัญกมลถูกลอบทำร้าย พัสกรจำต้องทิ้งทีมเพื่อไปหาขวัญกมล เธอร้องไห้หวาดกลัว พัสกรเกือบไปไม่ทันงานแข่งขัน พัสกรตามที่งานประกวดในวินาทีสุดท้าย เด็กๆ ที่เต้นอยู่เริ่มยิ้มออกมา มีกำลังใจ ทำให้ในที่สุดก็ได้เป็น 3 ทีมสุดท้าย โดยเป็นทีมที่มีคะแนนสะสมน้อยสุด ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นว่าผู้หญิงที่ทำร้ายขวัญกมล ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ นิรุตติ์พยายามตามหาว่าเป็นใคร ขวัญกมลยังคงหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอฝันร้ายแทบทุกคืน เธอขอให้เขาพาเธอไปอยู่ต่างประเทศ เริ่มต้นชีวิตกันใหม่ พัสกรคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธขวัญกมลได้ พัสกรตั้งใจถอนตัวจากการเป็นครูสอน เขาขอร้องให้จันทิมาดูแลทีมต่อ แหวนพลอยเสียใจมากที่เขาจะทิ้งทีมไปกลางคัน ทั้งคู่ทะเลาะกัน แหวนพลอยหนีเขากลับไปอยู่ต่างจังหวัด พัสกรเองก็เสียใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้ตามเธอไป เพราะถึงแม้การได้ฝ่าฝันอุปสรรคมาด้วยกัน จะทำให้เขาตระหนักว่าเริ่มคิดกับแหวนพลอยมากกว่าน้องสาว แต่เขาก็ไม่อาจรักเธอได้... เขามีขวัญกมลอยู่แล้ว วันแข่งรอบชิงชนะเลิศใกล้เข้ามา แต่ทีมเต้นของพัสกรกลับยิ่งมีปัญหา เด็กๆ เริ่มทะเลาะกันเอง ผู้ปกครองก็มาดึงตัวเด็กกลับไป ปัญหารุมเร้ามากมาย คล้ายว่าทีมจะต้องจบแค่นั้น แหวนพลอยถึงแม้จะเสียใจมาก แต่เธอก็ไม่อาจตัดใจจากพัสกรและเด็กๆ ในทีมได้ได้ แหวนพลอยเช่าห้องถูกๆ อยู่แถวโรงเรียนของพัสกร ด้วยความคิดถึง เธอจึงแอบมาที่โรงเรียนพัสกรตอนกลางคืน ทำให้เจอกับคนร้ายที่เอาเลือดมาละเลงกระจกที่โรงเรียน แหวนพลอยถูกทำร้าย ก่อนที่คนร้ายจะหนีไป พัสกรเป็นห่วงแหวนพลอยมาก แต่เขากลับไล่ให้เธอกลับบ้าน แหวนพลอยยิ่งเจ็บช้ำ แต่พัสกรเจ็บกว่า เขาไม่อยากให้ใครอยู่ใกล้เขา จนเป็นเหตุให้ต้องเดือดร้อนอีก พัสกรขอร้องให้จันทิมาซึ่งมาสอนเด็กๆ ที่โรงเรียน ไปส่งแหวนพลอยที่ท่ารถ นิรุตติ์พบตุ้มหูข้างเดียวในที่เกิดเหตุ เขาเอาให้พัสกรดู พัสกรจำได้ทันทีว่าเป็นของจันทิมา เขาร้อนใจมาก รีบขับรถตามจันทิมาไป เมื่อได้เจอแหวนพลอยที่ท่ารถ พัสกรเข้าไปกอดแหวนพลอยทันทีที่เห็นว่าเธอปลอดภัย ขณะที่จันทิมางงว่าเกิดเรื่องอะไร นิรุตต์จึงเชิญเธอไปที่สถานีตำรวจ จันทิมายอมรับว่าตุ้มหูนั้นเป็นของเธอจริงๆ แต่เมื่อวันก่อนมันหายไปหนึ่งข้าง ตอนที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแต่งตัว ทุกคนมีสิทธิ์ขโมยได้ เพราะทุกคนที่ใกล้ชิดรู้ว่านี่เป็นตุ้มหูที่แฟนเก่าเธอซื้อให้ และเธอใส่ติดหูเป็นประจำ นิรุตติ์ฟัง แต่ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ จนจันทิมาได้เห็นรูปผู้หญิงที่มาสาดเลือดที่โรงเรียนพัสกร จันทิมาตกใจเพราะจำได้ว่าเคยเห็นชุดแบบนี้ที่ไหน ขณะที่คนของนิรุตติ์ก็รายงานว่า ขวัญกมล อุทินเทพ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ จากเดิมชื่ออินตรา รื่นทิวา แต่เขายังไม่มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือเปล่า แต่จันทิมาคุ้นๆ หูกับชื่อนี้ แต่ก็นึกไม่ออก ขวัญกมลตกใจมากเมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับแหวนพลอย เธอสงสารแหวนพลอยที่ต้องมารับเคราะห์ไปด้วย ยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้พัสกรรู้สึกผิด เขาไม่อยากให้ใครใกล้ชิดเขาอีกแล้ว พัสกรหลบไปหาครู คืนนั้นเอง มีคนร้ายลอบเข้ามา ทำร้ายแหวนพลอยที่นอนอยู่ที่โรงเรียน คนร้ายพยายามใช้หมอนปิดปากปิดจมูกไม่ให้แหวนพลอยหายใจ แหวนพลอยเกือบตาย แต่แล้วนิรุตติ์กับพัสกรก็เข้ามาช่วยไว้ได้ นิรุตติ์ประกาศว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เรียกคนร้ายว่าเต้ เต้เองก็ตกใจ ที่ทุกคนรู้ว่าเต้ปลอมตัวเป็นผู้หญิง เต้เป็นคนวางระเบิด เต้รีบดึงแหวนพลอยมาเป็นตัวประกัน เกิดการต่อสู้กัน ในที่สุดเต้ก็ถูกตำรวจจับ พัสกรโผเข้ากอดแหวนพลอยอีกครั้งด้วยความดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร โดยที่ขวัญกมลก็เห็นภาพนั้นเต็มตา แต่ขวัญกมลไม่ได้ฟูมฟายเสียใจ เธอถามพัสกรว่ารักแหวนพลอยมากใช่ไหม เธอดูออก เธอไม่อยากรั้งพัสกรเอาไว้ ขวัญกมลพร้อมจะเข้าใจและจากไปอย่างสวยๆ ทุกคนเข้าใจว่าเรื่องจบ แต่แล้วในวันแข่งขันชิงชนะเลิศ แหวนพลอยกลับหายตัวไป พร้อมกับจดหมายที่เขียนขู่ว่าห้ามทีมของพัสกรแข่งขัน ไม่อย่างนั้นแหวนพลอยต้องตาย พัสกรต้องเลือกคนที่เขารัก กับทีมที่เขาปั้นมา ขวัญกมลแนะนำให้พัสกรเลือกแหวนพลอย ไม่อย่างนั้นคนที่เขาต้องตายอีกเพราะเขา นิรุตติ์พยายามสอบปากคำเต้ แต่เขาก็ไม่ปริปากบอกสักคำว่าเขาทำทั้งหมดไปเพราะอะไร นิรุตติ์จึงสืบที่บ้าน ทำให้พบหลักฐานบางอย่าง นิรุตติ์รีบร้อนจะไปหาพัสกร เจอกับจันทิมา จันทิมามาบอกว่าเธอจำได้แล้วว่าอินตราคือใคร สิ่งที่จันทิมาเล่า ยิ่งทำให้นิรุตติ์มั่นใจ อินตราหรือขวัญกมลเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง นิรุตติ์เข้ามาก่อนที่พัสกรจะถอนตัวจากการแข่งขัน ความจริงกระจ่าง อินตรานั้นเคยเป็นนักเรียนเต้นคนหนึ่ง เคยเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์สอบคัดเลือกไปเรียนต่อที่อเมริกา แต่ทว่าเธอไม่ผ่าน และสองในสามของคณะกรรมการ ก็คือจันทิมาและพัสกร นิรุตติ์นำหลักฐานว่าขวัญกมลกับเต้เคยคบหากัน ขวัญกมลถูกไล่ต้อนจนโพล่งออกมาว่าเธอเกลียดพัสกรแค่ไหน ไม่ใช่แค่ว่าเขาทำให้เธอพลาดโอกาสไปเรียนต่อ แต่เขาทำลายชีวิตเธอ ก่อนหน้าที่เธอจะออดิชั่น เธอประทับใจในตัวพัสกรมาก เขาเป็นเหมือนไอดอลของเธอ เธอพยายามฝึกซ้อมเพราะหวังจะเป็นแบบเขา แต่เขากลับให้เด็กอีกคนที่เธอคิดว่าเต้นสู้เธอไม่ได้ ผ่านการคัดเลือก ส่วนเธอนั้นเขาบอกว่าให้กลับไปซ้อมมาใหม่ เธอเสียใจมาก แถมยังถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากบิดา ความมึนเมาประกอบกับอารมณ์โกรธ ทำให้บิดาของเธอขับรถเสยท้ายรถบรรทุก บิดาเสียชีวิคาที่ ขวัญกมลรอดชีวิต แต่กระดูกขาของเธอก็แตกจนไม่สามารถเต้นได้อีก เธอโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของพัสกร เธอจึงร่วมมือกับเต้ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มตัวจริงของเธอ ช่วยกันทำลายพัสกรไม่ใช่แค่วางระเบิด แต่อุปสรรคทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับทีมเต้น เป็นฝีมือของเธอทั้งนั้น แต่ทั้งนั้น ขวัญกมลก็ไม่ยอมบอกว่าเธอเอาแหวนพลอยไปไว้ไหน นิรุตติ์จึงพาตัวเต้เข้ามา เต้ขอร้องให้ขวัญกมลกลับใจ โทษหนักจะได้เบาลง เขาสารภาพว่าที่ผ่านมา ถึงเขาจะอิจฉาพัสกรแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายเพื่อน แต่เพราะความรักที่เขามีต่อขวัญกมล ทำให้เขายอมกลายเป็นคนผิด เขาไม่อยากให้เธอเลวไปมากกว่านี้ ขณะที่พัสกรก็ขอร้อง เขาไม่อยากให้ขวัญกมลใช้ความฝันของเด็กๆ เป็นเครื่องต่อรอง เด็กๆ ฝึกซ้อมกันมาหนักเพื่อการประกวดครั้งนี้ ขวัญกมลเริ่มอ่อนลง เพราะเธอได้เห็นความฝันในแววตาของเด็กๆ มันเป็นสิ่งที่เธอเคยมี ขวัญกมลยอมแพ้ เธอยอมที่ซ่อนของแหวนพลอย พัสกรช่วยแหวนพลอยได้ และส่งทีมไปประกวดได้ทันเวลา ทีมของพัสกรชนะ ท่ามกลางความดีใจของทุกคน หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป พัสกรเอาคลิปวิดีโอการออดิชั่นมาให้ขวัญกมลดู ให้เห็นว่าขวัญกมลพลาดตรงไหน พัสกรไม่ได้ลำเอียง ขวัญกมลเสียใจมาก เธอยอมรับว่าเธอต้องการโทษใครสักคนแต่ไม่อยากโทษตัวเอง พัสกรให้กำลังใจ หากเธอคิดได้ ความฝันก็ยังรอเธออยู่ ให้เธอกลับมาเต้นอีก เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย โรงเรียนของพัสกรก็มีเด็กมาสมัครเพิ่มขึ้น เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังไม่ขาดสาย ท่ามกลางรอยยิ้มของพัสกรและแหวนพลอย

Love Songs Love Series ตอน X Years After คำสัญญา...เพื่อนรัก (2561/2018) การเดินทางกลับบ้านเกิดของ ต้า (ยศวัศ สิทธิวงค์) โจ (ภาวดี คุ้มโชคไพศาล) บี (ศิตา มหารวิเดชากร) เสือ (ธนกร กุลจรัสสมบัติ) และ กอล์ฟ (กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) กลุ่มเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 10 ปี หลังจากได้รับจดหมายจาก X เพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดและได้หายตัวไป ซึ่งในจดหมายมีใจความว่ากลับมาทำตามสัญญาที่เคยให้กัน ต้า โจ บี เสือ และกอล์ฟ สงสัยว่ามันคืออะไร พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปที่บ้านเกิดของ X เพื่อหาคำตอบแต่พอไปถึงบ้าน X ปรากฏว่า X ไม่ได้อยู่ที่บ้านเดิมแล้ว ภารกิจการตามหา X เริ่มต้นขึ้นซึ่งช่วงระยะเวลาที่พวกเขาตามหา X ก็ทำให้พวกเขาได้ระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ทั้งมิตรภาพ ความฝัน และความรัก รวมถึงปมต่างๆ ของแต่ละคนจนทำให้พวกเขาได้รู้ว่าตัวตนจริงๆ ของพวกเขานั้นเป็นอย่างไร สัญญาลึกลับของเพื่อนกลุ่มนี้คืออะไร และพวกเขาจะเจอ X หรือไม่

Love Songs Love Series ตอน ยังโสด (2560/2017) เรื่องราวของ 4 สาวนักศึกษาคณะธุรกิจการบินซึ่งประกอบไปด้วย เหมย (อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์), โอ (ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย), มุก (รัตน์ฟ้า ไชยชื่นจิตต์) และ แพร (ณัฏฐธิดา ดำรงวิเศษพาณิชย์) พวกเธอจบจากโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งมาด้วยกันจึงรักและสนิทกันมาก ความฝันของพวกเธอคือการได้เดินทางท่องเที่ยว ดังนั้นคณะที่พวกเธอเลือกเรียนก็คือคณะธุรกิจการบินเพื่อเติมฝันการเดินทางให้พวกเธอ วันหนึ่ง เมื่อแพรแอบนัดเดทกับหนุ่มรุ่นพี่ที่ครอบครัวหามาให้อย่างโน้ต (เลโอ โซสเซย์) โดยไม่บอกเพื่อนๆ เพราะกลัวโดนล้อ ด้านมุกเด็กเรียนประจำกลุ่มที่ขี้อายมากๆ เพื่อนจึงทำเซอร์ไพรส์วันแห่งความรักให้มุกด้วยการให้แมงมุม (นิธิพงษ์ พลจันทร์) มาหามุกเพื่อให้มุกเลิกกลัวผู้ชายแต่นั่นกลับยิ่งทำให้เรื่องราววุ่นวายมากขึ้น เพราะมุขดันชอบแมงมุมจริงๆ ส่วนโอเป็นคนเดียวที่เคยมีแฟนอย่างจริงจังแต่ก็เจ็บมาไม่น้อยเพราะโอยังไม่ลืมรักเก่าที่ฝังใจกับเนม (จุมพล อดุลกิตติพร) จนไม่อาจมีรักใหม่ได้ แถมมิ้ม (พรรณปพร ศรีดุรงคธรรมพ์) แฟนใหม่ของเนมยังตามราวีโอเพราะกลัวว่าเนมจะกลับมาหาโอ มีเพียงเหมยที่ไม่สนใจความรักกับหนุ่มๆ คนไหน เพราะเธอมีคนในหัวใจอยู่แล้ว เรื่องราววุ่นๆ ในกลุ่ม 4 สาว (ยังโสด) แก๊งนี้จะสนุก สดใส วุ่นวาย ขนาดไหน แล้วจะมีชายใดข้ามกำแพงมาปลดสถานะโสดของพวกเธอ

โปรเจกต์ เอส เดอะซีรีส์ ตอน Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ ยิงธนู (2560/2017) เรื่องราวของ โบ (ฟรัง-นรีกุล เกตุประภากร) สาวเด๋อสุดห่วยผู้ทำอะไรก็ไม่เคยได้เรื่อง จึงต้องสู้สุดชีวิต หัดยิงธนู เพื่อจะใกล้ชิดกับหนุ่มนักกีฬายิงธนูสุดหล่ออย่าง อาชวิน (นน-ชานน สันตินธรกุล) โดยลาก แชน (เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) เพื่อนสนิทสุดเนิร์ดที่เชื่ิอฟังเธอไปซะทุกเรื่องให้ต้องมายิงธนูพิชิตใจ อาชวิน ไปด้วยกัน ภารกิจยิงเพราะปิ๊งครั้งนี้ ได้นำพาให้โบและแชนมาพบกับ เฟม (ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง) นักยิงธนูสาวสุดเพอร์เฟคท์ คู่แข่งหัวใจที่ดูแล้วโบไม่มีทางสู้ได้เลย แต่เพื่อความรัก โบ จะยอมแพ้ง่าย ๆ เหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่ โบ จะพิสูจน์ตัวเอง ทุ่มเท จริงจังกับธนูและหัวใจดูสักครั้ง จะปิ้วหรือจะปิ๋วก็ต้องขอลองดูสักตั้ง ว่าจะแค่ปิ๊งหรือจะรักจริง ติดตามลุ้นเรื่องราวของความรักความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มหนุ่มสาวทั้งสี่ ที่ได้เรียนรู้จักตัวเอง มิตรภาพ ความรัก ผ่านกีฬายิงธนู และชีวิตของกันและกันได้ใน Project S The Series ตอน Shoot I Love You ปิ้ว ยิงปิ๊งเธอ

โปรเจกต์ เอส เดอะซีรีส์ ตอน วอลเลย์บอล (2560/2017) เรื่องราวของวอลเลย์บอลชาย "ทีมโรงเรียนเทพปัญญาวิทยาลัย" ภายใต้การทำทีมของ "โค้ชวิน" และ ครูเบสท์ ทีมรองบ่อนที่เคยทะลุไปถึงรอบชิงในการแข่งขันใหญ่ที่สุดของประเทศเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็แพ้ให้กับแชมป์เก่าคู่แค้น อย่าง "ทีมเซนต์ เซบาสเตียน" จากความผิดหวังครั้งนั้น เหล่านักกีฬาตัวหลักของเทพปัญญาจึงสัญญากันว่า จะกลับมาคว้าแชมป์ให้ได้ในปีนี้ แต่! "สิงห์" เพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งในทีม กลับย้ายขั้วไปอยู่กับเซนต์ เซบาสเตียนด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ปืน ที่เป็นตัวตบกัปตันทีมของเทพปัญญาโกรธแค้นและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อคว้าแชมป์ให้ได้ รวมไปถึงการหาตัวนักกีฬาคนใหม่ นั่นก็คือ"แทน" ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย จนกลายมาเป็นบทพิสูจน์สำคัญในชีวิตพวกเขา ที่พวกเขาเหล่า"เทพปัญญา"ต้องผ่านมันไปให้ได้

Bangkok รัก Stories ตอน Please (2560/2017) ซีรีส์จี๊ดจี๊ด เปรี้ยวปรี๊ดของ 3 สาวเพื่อนรักตั้งแต่วัยมัธยม เอด้า (ฝน ศนันธฉัตร) ไฮโซสาวมั่นเบอร์ 10 จริตเบอร์ร้อย แต่ดันปิ๊งเกย์หนุ่ม อคิน (ตั้ว เสฏฐวุฒิ) เจ้าของโฮสต์เทลที่มีแฟนเก่าฮอตเบอร์สิบ กริช (เท็น Gay Ok Bangkok) มาทวงร่างและหัวใจคืน เพียงฟ้า (ใบเตย สุวพิชญ์) อาจารย์สาวยังซิง ไอคิวสูงชะลูด แต่อ่อนหัดเรื่องรัก เผลอมีใจให้อาจารย์รุ่นใหญ่ที่มีเจ้าของ ดร. ภัควัฒน์ (ณัฐ เทพหัสดิน) แถมโดนหลีโดยลูกศิษย์ฟิตปั๋ง ควิก (วิตเตอร์ ชัชชวิศ) และสาวสุดท้าย เคท Private Banker (เมโกะ ชนนิกานต์) โสดแซ่บทุกอณู เริดได้ เลือกได้ แต่ดันมีซัมติ้งกับเศรษฐีรุ่นพ่อ ที่เผอิญเป็นพ่อเพื่อน วรวิทย์ (เพชร กรุณพล) พ่วงท้ายด้วยหนุ่มติสท์ เบน (คชา นนทนันท์) ที่ขอเป็นมากกว่ากิ๊ก แต่ไม่ใช่แฟนกับเธอ ซีรีส์โสด ๆ สด ๆ ที่คนมีคู่และคนไร้คู่ต้องดู เพื่ออรรถรสเต็มพิกัดของการใช้ชีวิตยุค 4.0 อิงชีวิตจริงหนุ่ม ๆ และสาว ๆ รอบตัวคุณ ! ติดตามชมกันได้ใน Bangkok รัก Stories ตอน Please

Love Books Love Series เรื่อง Dark Fairy Tale ยัยตัวร้ายกับนายซาตาน (2560/2017) กอหญ้า (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) เป็นเพื่อนกับ น้ำตาล (อรัชพร โภคินภากร) และ หลี่หลี (สุทธาทิพย์ วุฒิชัยประดิษฐ์) ต้องทำภาพยนตร์สั้นธีสิสส่งอาจารย์ น้ำตาลอยากได้ ออสติน (เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) หนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้ แฟนของ เมลล์ (ณัฏฐธิดา ดำรงวิเศษพาณิชย์) รุ่นน้องในคณะมาเล่นเป็นพระเอก ซึ่งกอหญ้าไม่เห็นด้วยเพราะไม่ค่อยชอบความเจ้าชู้และความปากร้ายของออสติน แต่สุดท้ายกอหญ้าก็ต้องฝืนใจไปชวนออสตินให้มาเล่นหนังสั้นตามคำขอร้องของเพื่อนๆ ออสตินยอมตกลงเล่นหนังสั้นกับกอหญ้า โดยมีน้ำตาลเป็นผู้กำกับ หลี่หลีเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ระหว่างถ่ายทำกอหญ้ากับออสตินทะเลาะกันอย่างหนักถึงขั้นออสตินขอถอนตัวไม่ยอมเล่นต่อ กอหญ้าจึงพยายามตามไปง้อทุกวิถีทางเพื่อให้ออสตินยอมใจอ่อนกลับมาเล่นหนังต่อให้จนจบ

เดือนเกี้ยวเดือน 2560

เดือนเกี้ยวเดือน 2Moons The Series (2560/2017) เป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากซีซั่นแรก หลังจากที่ มิ่ง ได้รับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย ส่วน โย ได้ตำแหน่งรอง และเป็นเดือนคณะวิทย์ฯ เมื่อความสัมพันธ์ของ ป่าและโย ชัดเจนจนพัฒนากลายเป็นสถานะแฟน แต่ทั้งคู่กลับต้องเจออุปสรรคที่เป็นบทพิสูจน์ความรักมากมาย ไหนจะความสัมพันธ์ของคนอีกสองคู่ อย่างคู่ของ มิ่งกับคิท และ โฟร์ทกับบีม กับความรักที่กำลังก่อตัวขึ้น แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคในแบบของตน คู่แรกเป็นเรื่องราวความรักของป่ากับโย เหมือนจะจบแบบ Happy Ending และลงตัวจนเป็นที่อิจฉาของหลาย ๆ คู่ แต่เรื่องราวระหว่าง พริ้งกับป่า ยังไม่จบลง ความผิดหวังและเสียหน้าของพริ้ง กลายเป็นความแค้นที่จะหาวิธีดึงป่ากลับมาให้ได้ ด้านของโยเองก็มี ปาร์ค เพื่อนร่วมรุ่นที่แอบชอบโยอยู่ และหาหนทางใกล้ชิดตีสนิท โดยหวังจะคบหากับโย แต่ก็ต้องรู้สึกเจ็บแค้นเมื่อถูกป่ากันท่าตลอดเวลา อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อพริ้งร่วมมือกับปาร์ค ที่จะทำลายความรักของคู่นี้ และป่ากับโยจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ในส่วนของมิ่งและคิท ที่ดูจะดำเนินไปในทางที่สวยงาม การตามตื๊อแบบห่าม ๆ แปลก ๆ ของมิ่ง ดูเหมือนจะทำให้คิทเริ่มมีใจให้ แต่เหตุการณ์กลับไม่ราบรื่นซะแล้ว เมื่อ หมูหวาน แฟนเก่าของมิ่ง บุกมาทวงคืนมิ่งถึงมหาวิทยาลัย ทำให้คิทแอบโกรธและคอยหลบหน้า มิ่งต้องหาวิธีตามง้องอนคิทตามแบบของมิ่ง ห่าม ทะเล้น น่ารัก และบุกไปถึงบ้านคิท... แล้วคิทล่ะจะยอมรับมิ่งหรือไม่ ในฐานะแฟนที่กวนคิทได้ตลอดเวลาจริง ๆ และสุดท้ายเมื่อคนอกหักมาเจอกัน คือเรื่องราวของโฟร์ทที่ผิดหวังจากโย และบีมที่ความจริงแล้วแอบชอบคิทมานาน แต่ไม่กล้าคิดไกลเกินเพื่อน ความผิดหวังและสถานการณ์ทำให้ทั้งคู่มาเจอกันในวงเหล้า ความเมา ความสับสน และอารมณ์พาไป ทำให้เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิด... บีมพยายามลืมและอยากผ่านเรื่องนี้ไป แต่โฟร์ทกลับคิดต่าง โฟร์ทขอรับผิดชอบ และประกาศกับตัวเองว่า "ต่อจากนี้ โฟร์ทจะจีบบีม" จนเกิดเป็นการง้องอนที่น่ารักขึ้นมาอีกหนึ่งคู่ พบกับความรักของเหล่าเดือนมหาวิทยาลัยและแก๊งหมอเถื่อนกับความรักสามแบบสามสไตล์ มาร่วมลุ้นกันว่าเรื่องราวความรักของพวกเขาจะจบลงแบบไหน และทั้งสามคู่จะฝ่าฟันอุปสรรคในคู่ของตัวเองไปได้อย่างไร ติดตามภาคต่อของซีรีส์ที่สร้างจากนิยายชื่อดังอย่าง เดือนเกี้ยวเดือน ได้ใน เดือนเกี้ยวเดือน 2 (2Moons2 The Series)

Princess Hours Thailand รักวุ่น ๆ เจ้าหญิงจอมจุ้น (2560/2017) คะนิ้ง (แพตตี้ อังศุมาลิน) เด็กธรรมดาสุดเปิ่นที่ต้องตกกระไดพลอยโจนมาแต่งงานอภิเษกสมรสกับ องค์ชายอินทร์ (เต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) รัชทายาทสุดหล่อที่แสนจะเย็นชา ซึ่งเหตุผลนั้นเป็นเพราะสัญญาของคุณปู่และพระอัยยิกาที่หมั้นหมายกันไว้ให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน เพื่อสืบสันตติวงศ์และความมั่นคงของราชวงศ์

O-Negative รักออกแบบไม่ได้ (2559/2016) O-Negative (โอเนกาทีฟ) รักออกแบบไม่ได้ เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนรักในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน นั่นก็คือกรุ๊ปเลือดโอ ซึ่งในกลุ่มจะมี ปืน (ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร), อาร์ท (เก้า-จิรายุ ละอองมณี), ปริม (วี-วิโอเลต วอเทียร์), ฝุ่น (เก้า-สุภัสสรา ธนชาต) และ ชมพู่ (ก้อย-อรัชพร โภคินภากร) ซึ่งชมพู่เป็นคนตั้งชื่อกลุ่มที่มีเพื่อนทั้ง 5 คนว่า เพื่อนกลุ่มโอ เด็กทั้ง 5 คนต่างคนก็ต่างนิสัย ต่างฐานะ และต่างที่มา แต่ทั้ง 5 คนเริ่มต้นออกแบบความสัมพันธ์ ด้วยความตั้งใจและความรู้สึกที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะนิสัยความรักเพื่อนที่ทั้ง 5 คนที่เหมือนกัน เพื่อน คือสถานะแรกที่ทุกคนตั้งและออกแบบด้วยกัน อาร์ทยอมหยุดความอารมณ์ร้อน และทำตามรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับประสบการณ์ในกิจกรรมรับน้อง ทั้งที่ตนไม่ชอบเท่าไหร่ และด้วยความอารมณ์ร้อนของอาร์ท ทำให้อาร์ทพลั้งมือตบหน้าฝุ่นเต็มแรง ฝุ่นโกรธอาร์ทมาก แต่เธอก็ยอมให้อภัย เพราะปืนคุกเข่าขอร้องให้ยกโทษให้อาร์ท โดยมีปริมและชมพู่ที่ร้องไห้โฮด้วยความตกใจขอร้องฝุ่นด้วยอีกคน แต่แล้ววันหนึ่งความรู้สึกของคำว่าเพื่อนรัก เริ่มพัฒนาความรู้สึกกลายเป็นคำว่ารักเพื่อน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเริ่มสั่นคลอน เมื่อทั้งปืนและอาร์ท ต่างก็รักผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือปริม ในขณะที่ฝุ่นเองก็เริ่มรักปืนมากกว่าคำว่าเพื่อน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ปริมต้องเก็บความรู้สึกของตัวเองที่มีกับปืนไว้ในใจ รวมถึงปิดบังความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ฝุ่นรับรู้ความรู้สึกของเธอ เพื่อถนอมความเป็นเพื่อนให้ดีที่สุด และรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด ติดตามชม O-Negative รักออกแบบไม่ได้

ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะซีรีส์ (2559/2016) พบกับวีรกรรมที่คุณต้องฮา ความรักที่คุณต้องโฮ กับจริตที่คุณต้องกรีดนิ้วร้องฮ่า ! ! ไปพร้อม ๆ กับพวกเธอ จากแฟนเพจชื่อดังที่มีคนกดไลค์มากกว่า 6 แสนคน สู่ซีรีส์คอมเมดี้ของแก๊ง เกย์มีดี้ ที่จะทำให้คุณเข้าใจคำว่า ตุ๊ด มากขึ้น เรื่องราวของ กัส (เพชร-เผ่าเพชร เจริญสุข) ตุ๊ดสาวร่างเล็กผู้คร่ำหวอดในวงการศัลยกรรม และแก๊งเพื่อนของเธออย่าง กอล์ฟ (ปิงปอง-ธงชัย ทองกันทม) ตุ๊ดร่างยักษ์ผู้รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ คิม (เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์) ตุ๊ดล่ำก้ามปู สจ๊วตผู้ผันตัวเอง จากฝ่ายรับมาเป็นฝ่ายรุกตามความต้องการของตลาดเก้งกวาง และ แนตตี้ (พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ) พริตตี้สุดเอ๋อ ชะนีดี้หนึ่งเดียวของกลุ่ม เมื่อทั้งสามถูกชายคนรักหักอกพร้อม ๆ กันอย่างไม่ไยดี ภารกิจตามหารักแท้ของสามตุ๊ดตัวแม่จึงเริ่มต้นขึ้น พบกับเรื่องราวสุดแซ่บและแขกรับเชิญมากมาย ที่ยกขบวนมาสร้างความเผ็ดระดับพริกสิบเม็ด ให้กับชีวิตของแก๊งเพื่อนทั้งสี่ พบกับเรื่องราวสนุก ๆ ทั้งหมดนี้ใน ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์

พี่เลี้ยง (2559/2016) สัตยากับเรไร เติบโตขึ้นมาด้วยกันในบ้านสวนหลังงามริมน้ำ โดยสัตยาได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเหมือนเป็นพี่ชาย และพี่เลี้ยงที่ต้องคอยดูแลเรไรทุกฝีก้าว จนเรไรเรียกสัตยาติดปากว่า พี่ชาย และสัตยาเรียกเรไรว่า คุณเร หลายครั้งสัตยามักจะหนีไปเล่นคนเดียว เพราะอึดอัดใจที่เด็กหญิงตัวน้อยคอยตามติดตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร แม้ในวันที่สัตยาปีนป่ายเล่นทโมนแบบเด็กผู้ชายบนต้นฝรั่งริมน้ำ เรไรก็ยังตามมาขอให้เก็บลูกฝรั่งให้ สัตยาตัดรำคาญโดยเก็บให้แล้วแกล้งปาส่งเดชจนไปโดนหน้าผากน้องน้อยบวมปูด สัตยาตกใจรีบเข้ามาช่วย แล้วสร้างเรื่องให้เรไรโกหกผู้ใหญ่ว่า ปาฝรั่งหวังจะไล่แมลง แต่เรไรเอาหน้าผากมารับไว้ เรไรพาซื่อรับปากจะช่วยพี่ชายไม่ให้ถูกทำโทษ แต่แล้วสัตยาโยนฝรั่งลงพื้นจนเปื้อนดิน เรไรเอาฝรั่งไปล้างในน้ำจนตกน้ำไป สุรางค์ แม่ของสัตยารู้ว่าลูกชายทำน้องตกน้ำจึงลงโทษอย่างหนัก แม้เรไรจะช่วยแก้ตัวว่าไม่ใช่ความผิดของพี่ชายก็ตาม แต่เพราะความจงรักภักดี และสำนึกในบุญคุณของระริน เพื่อนรักที่กลายมาเป็นเจ้านาย ระรินเป็นแม่ของเรไร หลังจากสามีซึ่งเป็นอธิบดีกรมการทูตเสียชีวิตลง จึงเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียว และให้ที่พักพิงกับสุรางค์ เพื่อนสนิทซึ่งเป็นหม้ายเช่นกัน จากการสูญเสียสามีทหาร แถมยังอุปการะส่งเสียสัตยาให้ร่ำเรียนอย่างดี สุรางค์จึงเข้มงวดกับสัตยาให้ดูแลน้องอย่างดีที่สุด ระรินเข้ามาห้ามสุรางค์ขณะกำลังลงโทษสัตยา ด้วยมองเห็นว่าการเล่นซนของเด็กก็ต้องมีเจ็บตัวบ้างมอมแมมบ้างตามประสา เรไรออกรับแทนสัตยา สุรางค์จึงยิ่งตอกย้ำให้สัตยาจดจำ และเจียมตัวในฐานะของตนกับแม่ สัตยาโกรธเรไรที่ทำให้เขาถูกทำโทษ แต่เรไรก็มอบไข่ต้มที่เธอมักจะวาดเป็นหน้าของสัตยาในอารมณ์นั้น ๆ ให้เขา เพื่อเป็นการง้องอน สัตยาจำต้องคืนดี แต่ก็แอบหมายมั่นไว้ในใจแบบเด็ก ๆ ว่าเมื่อไรเรไรโตขึ้นเขาจะเลิกยุ่งด้วยเสียที หน้าที่อีกอย่างของสัตยาคือการคอยสอนเรไรทำการบ้าน ในห้องสมุดของตระกูลพจนภาคย์ ซึ่งเป็นตระกูลนักการทูต ตั้งแต่ปู่ของเรไร จนถึงพ่อของเธอ เมื่อเรไรไม่เข้าใจในสิ่งที่สัตยาสอน เขาก็มักจะดุว่า และโต้เถียงกับเธอเสมอ เรไรต้องเป็นฝ่ายยอมสัตยาทุกครั้ง เรไรมุ่งมั่นจะทำงานด้านทูตเหมือนกับปู่และพ่อ เรไรพูดตามประสาเด็กว่า หากสัตยาไปเห็นทหารแล้ว เธอจะยอมเป็นม่ายให้ 3 ปี แต่สัตยาไม่อยากเป็นทหารเหมือนพ่อ เพราะไม่อยากให้แม่ต้องถูกทิ้งอยู่คนเดียวหากเขาเป็นอะไรไป เขาจึงตั้งใจจะเป็นวิศวกร ทั้งสองเกิดการถกเถียงกัน จนระรินต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยให้สัตยารับปากว่าจะดูแลเรไรเมื่อเธอโตขึ้น เพราะระรินเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว นอกจากช่วยดูแลเรไรแล้ว สัตยายังมีหน้าที่ช่วยแม่ทำขนมไทยขาย จึงได้รับการถ่ายทอดความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมา ทั้งที่นิสัยแท้จริงนั้นเป็นเด็กผู้ชายใจเพชร และเป็นเสือยิ้มยาก ในขณะที่เรไรมักจะเข้ามาขอชิมขนมในเรือนของสุรางค์บ่อย ๆ แม้จะสนใจอยากช่วยทำขนมด้วย แต่สุรางค์มักจะห้าม ให้นั่งรอกินอย่างเดียว บงกช เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับระริน และสุรางค์กลับมาจากเมืองนอก หลังจาก ประทีป สามีซึ่งเป็นทูตกลับมาประจำการเมืองไทย จึงย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับระริน บงกชรับจัดโต๊ะอาหารงานเลี้ยงการกุศล จึงถือวิสาสะเข้ามาหาสุรางค์ หวังจะขนข้าวของเครื่องใช้ของระริน และนำฝีมือทำอาหารระดับชาววังของสุรางค์ไปอวดในงานในนามของตัวเอง เพราะบงกชกับระรินเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยสาว ๆ สัตยากับเรไรจึงได้พบกับโชติวัน ลูกชายเพียงคนเดียวของบงกชด้วย บงกชอดไม่ได้ที่จะค่อนแคะสัตยาที่ดูมีวาสนาได้ใกล้ชิดเรไร โชติวันโตกว่าสัตยาเล็กน้อย และการที่ได้ไปเรียนเมืองนอกจึงทำให้มีมุมมองแปลกใหม่ และดูเป็นผู้ใหญ่กว่าทั้งสองมาก เรไรตื่นต้นที่มีเพื่อนใหม่ จึงซักถามโน่นนี่ตามประสาเด็กช่างเจรจา จนไม่ทันสังเกตว่าสัตยาผู้เงียบขรึมแอบน้อยใจ พอเรไรรู้ก็ตามมาง้อ แต่สัตยาไล่ไป และแอบโกรธจนเก็บไปละเมอยามหลับ หลังจากนั้น โชติวันก็กลายเป็นแขกประจำของบ้านพจนภาคย์ ความสุภาพ และเป็นผู้ใหญ่ของโชติวันทำให้สัตยายอมรับในที่สุด และยังสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เพราะสัตยาสามารถเล่นทโมนอย่างเด็กผู้ชายได้เต็มที่ เรไรจึงกลับเป็นฝ่ายงอนพี่ชาย แต่โชติวันก็เป็นตัวกลางให้ทั้งสองคืนดีกันทุกครั้ง ในขณะเดียวกัน บงกชนั้นมองการณ์ไกลที่ยอมให้ลูกชายคนเดียวไปใกล้ชิดกับเรไร โดยอ้างว่าห่วงที่สัตยากับเรไรไม่เหมาะสมกัน ประทีปดูออกจึงคอยปรามภรรยาไว้ เพราะเห็นเป็นเรื่องบุพเพสันนิวาส และบุญวาสนา ไม่ควรบังคับใจใครหรือดูแค่ความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนกับที่เขาเคยประสบ วันเวลาผ่านไป สัตยาได้เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างที่ตั้งใจไว้ เขาแอบหวังว่าเรไรจะสอบได้คนละที่กับเขา เพื่อที่เขาจะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องมีเธอมาคอยตามติดทุกฝีก้าวได้ แต่เรไรกลับสอบติดคณะอักษรศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกับสัตยาได้ เรไรดีใจมาก สัตยาแอบผิดหวัง แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่คอยดูแลเรไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะระรินซื้อรถให้สัตยาไว้ขับไปมหาวิทยาลัยกับเรไรด้วย สัตยาขัดใจที่มักจะถูกเพื่อน ๆ ร่วมคณะล้อเรื่องต้องรับส่งเรไร เพราะเรไรนั้นยิ่งโตยิ่งสวยงามน่าทะนุถนอม เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ แต่หลายคนไม่แน่ใจว่าสัตยากับเรไรเป็นพี่น้องกันแบบไหน เรไรกลับไม่ทุกข์กับคำแซวของเพื่อน และทำเฉยเสีย พอเห็นสัตยาไม่พอใจก็เอ่ยถึงโชติวันทำนองไม่ง้อ หากโชติวันกลับจากการฝึกวิชาทหารอากาศ เธอจะให้มารับส่งแทนสัตยา หลังเลิกเรียนวันหนึ่ง สัตยาแกล้งถ่วงเวลามารับเรไรช้า ๆ จึงได้พบกับ เวณิกา เพื่อนสนิทของเรไรที่อยู่รอเป็นเพื่อน ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างที่ได้ต่อปากต่อคำกับหญิงสาวฝีปากกล้า สัตยาชื่นชมความมั่นใจ และคล่องแคล่วของเวณิกา ซึ่งตรงกันข้ามกับเรไรที่เขาต้องคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา แต่เวณิกาเกรงใจเจียมตนไม่อยากติดรถกลับบ้าน เรไรเป็นห่วงเพื่อน จึงรีบบอกสัตยาว่าเวณิกานั้นอยู่ทางเดียวกัน เมื่อเขาไปส่งเธอ จึงรู้ว่าเวณิกากำพร้าพ่อ อยู่กับแม่ และน้องชาย แม่มีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า ส่วนเวณิกานั้นหารายได้พิเศษส่งตัวเองเรียนด้วยการทำงานในร้านกาแฟ ชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนคล้ายสัตยากับแม่ เขาจึงยิ่งนิยม และสนใจในตัวเธอ เมื่อเรไรต้องไปทำงานรายงานกับเวณิกาที่บ้าน สัตยาได้ทีจึงรีบอาสาไปรับส่งด้วย วัลภา แม่ของเวณิกาให้การต้อนรับทั้งสองเป็นอย่างดี ส่วนเวทินก็มองสัตยาเป็นแบบอย่าง เพราะอยากเรียนวิศวะเหมือนกัน และดูเหมือนสัตยาจะเลิกทำหน้าเคร่งขรึม กลายเป็นคนช่างพูดช่างเย้าแหย่กับเวณิกา หากจะเปรียบผู้หญิงเป็นดอกไม้ เรไรนั้นเหมือนดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ไร้รอยมลทิน แต่ดูจืดชืดเมื่อได้พบกับดอกไม้พันธุ์ใหม่ที่สีสันสดใสน่าพิศวงอย่างเวณิกา วันหนึ่งสัตยาบอกให้เรไรกลับเอง เพราะจะไปติวต่อกับเพื่อนที่คณะ เรไรจึงวิ่งฝ่าสายฝนไปขึ้นรถไฟฟ้า และเห็นภาพบาดใจ เมื่อรถของสัตยาเลี้ยวจากประตูรั้วมหาวิทยาลัยแล่นผ่านไป โดยมีหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถคือเวณิกา โชติวันเมื่อได้หยุดพักจากการฝึกก็รีบมาหาเรไรก่อนทันที โดยยังไม่เข้าบ้านตัวเอง เรไรดีใจที่เห็นโชติวัน รีบเอาขนมออกไปต้อนรับ และคุยด้วยนิสัยออดอ้อนอย่างเคย แต่คราวนี้สัตยากลับรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นภาพนั้น จึงเลี่ยงออกมาให้ทั้งสองพูดคุยกัน และเปิดโอกาสให้โชติวันได้ไปรับไปส่งเรไรที่มหาวิทยาลัยแทนตน แล้วตัวสัตยาเองก็หาโอกาสใกล้ชิดกับเวณิกา เหมือนจะทดแทนความรู้สึกบางอย่างที่อ้างว้างในใจ โชติวันมักจะแวะดื่มกาแฟขณะรอไปรับเรไรที่มหาวิทยาลัย ในร้านกาแฟที่เวณิกาทำงานอยู่ เมื่อเห็นโชติวัน เวณิกาก็แอบปลื้ม ด้วยความร่าเริงเป็นกันเอง และมีน้ำใจของเขา โดยยังไม่รู้ว่าโชติวันกับเรไรรู้จักกัน แม้แต่อุษณีย์ เจ้าของร้านก็มักจะล้อว่าเวณิกาให้บริการกับนายทหารหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ จนกระทั่งวันที่เรไรชวนเวณิกาไปเที่ยวบ้าน เมื่อเวณิกาว่างจากการทำงานพิเศษ และโชติวันก็มานั่งเล่นอยู่ที่บ้านของเรไร เวณิกาดีใจที่มีโอกาสได้รู้จักกับโชติวันมากกว่าการพบกันในร้านกาแฟ ระหว่างที่หนุ่มสาวทั้งสี่รับประทานของว่างร่วมกัน สัตยาพยายามหาโอกาสเอาใจเวณิกา ขณะที่โชติวันไม่ห่างจากเรไร เวณิกาจึงดูออกว่าในสายตาของโชติวันมีเพียงเรไรเท่านั้น แต่ลึก ๆ ก็ยังแอบหวังว่าโชติวันจะสนใจเธอบ้าง เพราะดูเหมือนเรไรจะยังไม่แสดงท่าทีพิเศษกับโชติวันมากไปกว่าสัตยา โชติวันอิ่มแล้วหนังตาหย่อนจะนอนพักสักงีบ แต่เรไรมาอ้อนให้ขับรถไปส่งเวณิกาก่อน สัตยาอาสาไปส่งเอง แต่เวณิกาออกตัวว่า ให้โชตินอนก่อนแล้วค่อยไปส่งพร้อมกัน สัตยาจึงกระซิบว่าน่าจะให้โอกาสเรไรกับโชติได้มีเวลาส่วนตัว เวณิกาจึงจำใจต้องตกลง แต่เรไรกลับบอกว่าจะไปส่งด้วย สุรางค์จึงหันมาห้ามว่าหากโชติวันตื่นมาไม่พบใครจะพาลน้อยใจ เรไรจึงจำต้องปล่อยให้สัตยาไปส่งเวณิกาตามลำพัง เรไรปรารภกับสุรางค์อย่างน้อยใจว่า หมู่นี้สัตยาดุเธอบ่อย สุรางค์ได้แต่ปลอบ และสอนว่าคนที่เรารักจะสู้คนที่รักเราไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไป เพราะเขารักเรา เขาจะยอมอดทนได้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เรไรว่าถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก เธอจะไม่แต่งงานเสียดีกว่า สุรางค์ได้แต่ภาวนาไม่ให้เรไรแคล้วคลาดจากโชติวัน ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าต้องมีปัญหาตามมาอีกแน่ บงกชรู้ว่าลูกชายกลับมาก็หนีมาขลุกอยู่ที่บ้านกับเรไรทั้งวันก็ไม่พอใจนัก จึงมาโวยวายให้ลูกกลับบ้านบ้าง โดยหารู้ไม่ว่าที่โชติวันเลือกเรียนทหารเพราะต้องการหนีความเจ้ากี้เจ้าการของแม่ แม้บงกชจะสนับสนุนให้โชติวันดองกับเรไร แต่ก็อดแขวะไม่ได้ว่าที่บ้านนี้มียาเสน่ห์อะไร สุรางค์ต้องออกรับว่าไม่มียาเสน่ห์มีแต่น้ำใจ บงกชประชดกลับว่ามีแต่น้ำใจก็ขอให้ตลอดรอดฝั่ง อย่ามีมารผจญ พอบงกชไปแล้ว ระรินได้แต่ปลอบเพื่อนรักว่า บงกชปากอยู่ที่หัวใจ พูดอะไรไม่กลั่นกรอง โชติวันชวนเรไรไปดูหนัง เรไรจึงชวนสัตยาไปด้วย สัตยาจะชวนเวณิกา แต่เวณิกาติดงาน จึงไปกันเพียงสามคน สัตยาเปิดโอกาสให้เรไรกับโชติใกล้ชิดกัน โดยตัวเองจะเลี่ยงในดูอย่างอื่น ขณะที่เรไรก็มัวแต่มองหา ห่วงว่าพี่ชายหายไปไหน โชติวันแก้ตัวให้ว่าคงจะมองหาของไปให้แฟน เรไรแอบเสียใจแต่ก็ฝืนทำหน้าปกติ ขณะที่สัตยาทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบมองทั้งสองแล้วรู้สึกเจ็บแปลบในใจ เวณิกาคอยชะเง้อมองหาโชติวันที่ร้านกาแฟทุกวัน แต่พักหลังโชติหายไป เป็นสัตยาที่มักจะมานั่งที่ร้านแทน เวณิกาทำเป็นถามถึงเรไร สัตยาบอกว่ามีคนพาเที่ยวแล้ว เวณิกาจึงพอจะเดาออกว่าโชติวันหายไปไหน แล้ววันหนึ่งเวณิกาก็ดีใจมากเมื่อเห็นโชติวันเข้ามาซื้อกาแฟในร้าน เธอต้อนรับเขาอย่างคุ้นเคย แต่สักพักเรไรก็ตามมาพร้อมกับสัตยา โชติคอยดูแลเรไรเป็นพิเศษ จนทำให้สัตยากับเวณิกาอดมองด้วยความเจ็บปวดไม่ได้ สัตยาจำต้องยอมรับว่าตนเป็นได้แค่พี่ชายที่มีฐานะเป็นพี่เลี้ยงให้คุณเรเท่านั้น เพราะทุกคนยอมรับว่าคุณเรกับคุณโชติวันเหมาะสมและคู่ควรกันที่สุด ความรักสี่เส้าดำเนินต่อไปอย่างคลุมเครือ จนมาถึงจุดแตกหัก เมื่อใกล้วันที่เรไรใกล้จะสำเร็จการศึกษา โชติวันขอร้องให้สัตยาเป็นพ่อสื่อให้เขากับเรไร เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับเธอหลังจากเธอเรียนจบ เพราะทุกครั้งที่เขาพยายามจะพูดเรื่องนี้ เรไรมักจะทำท่าใสซื่อไม่เข้าใจ ทำให้เขาไม่กล้าบอกความในใจกับเธอได้ จึงต้องอาศัยพี่ชายอย่างสัตยาช่วยสานสัมพันธ์ให้ การตัดสินใจทำหน้าที่พ่อสื่อของสัตยาเป็นการเปิดฉากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เรไรประชดพี่ชายว่า หากพี่ชายจะมีความสุขที่เธอยอมตกลงแต่งงานกับโชติวัน เธอจะยอมแต่งงานวันนี้หรือพรุ่งนี้เลยก็ได้ งานหมั้นระหว่างโชติวันกับเรไรจึงจัดขึ้นอย่างสมหน้าสมตา สัตยารับหน้าที่ตากล้องจำเป็นอย่างเจ็บปวด เรไรเศร้าหมองไม่ยิ้มหรือร่าเริง เวณิกาก็มาร่วมงานอย่างฝืนยิ้มยินดีกับเพื่อน หลังจากงานหมั้นผ่านไป สัตยาตัดสินใจไปทำงานต่างจังหวัด เรไรเป็นห่วงสัตยามาก ขอสัญญาจากสัตยาว่าจะกลับบ้านเดือนละครั้ง สัตยาจำเป็นต้องรับปาก แต่พอถึงเวลาจริง สัตยาก็มักจะอ้างว่าติดงาน ปล่อยให้เรไรรออย่างเศร้าสร้อย เรไรเรียนจบและสอบเข้ากระทรวงต่างประเทศได้สมใจ โชติวันขอให้สัตยาช่วยทำเซอร์ไพรส์ขอเรไรแต่งงาน ตอนแรกเรไรไม่ตอบรับ ทำให้โชติวันใจเสีย สัตยาจึงถามย้ำ เรไรประชดตอบรับ โชติวันดีใจมาก แต่แล้วโชติวันได้รับคำสั่งให้ไปชายแดน จึงต้องเลื่อนงานแต่งงานออกไป โชติวันเลือกหน้าที่มาก่อนเรื่องส่วนตัว สัตยามาส่งโชติวันพร้อมกับเรไรและเวณิกา โชติวันล่ำลาอย่างอาลัยอาวรณ์ เขารับปากว่าจะกลับมาแต่งงานกับเรไรทันทีที่เสร็จภารกิจ เรไรห่วงโชติวันตามประสาคู่หมั้น และเพื่อนที่ผูกพันกันตั้งแต่วัยเด็ก แต่เวณิกานั้นสมัครใจจะจากเป็นกับโชติวัน แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจของทุกคน เมื่อได้รับข่าวร้ายว่าเครื่องบินของโชติวันถูกยิงตก บงกชหัวใจแตกสลาย สัตยาอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จึงอาสาไปรับศพเพื่อนด้วยความเศร้าโศก เรไรได้แต่พร่ำร้องไห้ว่า ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ คุณเรจะรักคุณโชติให้สมกับที่เขารักเธอ เวณิการ่ำไห้ให้กับชายที่ไม่มีโอกาสล่วงรู้เลยแม้แต่น้อยว่าเธอแอบรักเขาอยู่เต็มหัวใจ งานศพผ่านพ้นไปอย่างสำเร็จลุล่วงโดยสัตยา ผู้ที่เข้มแข็งพอจะดูแลงานจนแล้วเสร็จ และยังคอยปลอบใจบงกชที่เอาแต่คร่ำครวญเศร้าโศกกับการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวจนไม่เป็นอันทำอะไร บงกชจึงยึดเหนี่ยวสัตยาเหมือนเป็นตัวแทนของโชติวันและเป็นลูกชายอีกคนของเธอ สัตยาขอย้ายกลับมาทำงานกรุงเทพฯ เพื่อช่วยดูแลบงกช โดยคอยขับรถให้ และพาไปทำบุญ ซึ่งอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือจะได้ช่วยดูแลเรไรด้วย บงกชมองเห็นว่าสัตยาคิดอย่างไรกับเรไร และเรไรรู้สึกอย่างไรกับสัตยา เธอจึงทำตัวเสมือนแม่อีกคนของสัตยา นำเรื่องนี้ไปหารือกับระรินและสุรางค์ เรไรยังไม่คลายทุกข์โศกที่มีต่อโชติวัน หน้าที่พี่เลี้ยงของสัตยาจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โดยบงกชรับหน้าที่จัดผู้ใหญ่มาพบระรินเพื่อสู่ขอเรไรให้กับลูกชายคนใหม่ของเธอคือสัตยา งานหมั้นหมายระหว่างสัตยาและเรไรถูกจัดขึ้นท่ามกลางความยินดีของทุกฝ่าย เพื่อให้สัตยาทำหน้าที่เป็น พี่เลี้ยง ให้กับเรไรตลอดไป ติดตามชม ละครพี่เลี้ยง

Make It Right the Series รักออกเดิน (2559/2016) ฤดูกาลที่ 1 ฟิวส์ (พีค-ภีมพล พาณิชย์ธำรง) เด็กหนุ่มวัยใสมัธยมปลาย ชั้น ม.5 ที่ได้คบกับ จีน (ต้นสน-บัณยหา เกตุเกิด) สาวสวยวัยใส แต่อยู่มาวันหนึ่ง ฟิวส์ก็ได้รู้ว่าจีน แฟนสาวของเขานั้นแอบนอกใจ ทำให้เขารู้สึกตกใจจนไม่กล้าที่จะคุยกับจีน จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟิวส์ตัดสินใจไปงานปาร์ตี้เลี้ยงส่งเพื่อนเพื่อดื่มให้กับความล้มเหลวในความรักของตัวเอง ในคืนนั้น ทุกคนเมาไม่ได้สติกันหมด ยกเว้น ธีร์ (บูม-กฤตภัค อุดมพานิช) เพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมต้นของฟิวส์ เขาจึงอาสาพาฟิวส์ไปส่งที่บ้าน ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้เด็กผู้ชายทั้งสองที่เป็นแค่เพื่อนห่างๆ กลับขาดสติ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเดียว และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างของเขาทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เรื่องราวของธีร์และฟิวส์ดำเนินต่อไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีเด็กชายรุ่นน้องชื่อ รถถัง (บีม-บุณยกร รัตอำนวยชัย) เข้ามา รถถังเป็นเด็กหนุ่มชั้น ม.4 มีดีกรีเป็นดรัมเมเยอร์โรงเรียน เขาแอบปลื้มฟิวส์อย่างลับๆ มานาน วันหนึ่งเขาก็ได้มีโอกาสมาเป็นคนสอนดรัมเมเยอร์ให้กับฟิวส์ แต่นั่นก็ทำให้รถถังได้รู้ว่าฟิวส์นั้นมีแฟนอยู่แล้ว ทำให้เขาต้องตัดใจไป ซึ่งทำให้ความผูกพันแบบพี่น้องระหว่างรถถังกับ นาย (บอร์น-มนภัทร เตชะกำพุ) รองประธานเชียร์ของโรงเรียน ผู้ที่คอยตามรถถังให้มาซ้อมดรัมเมเยอร์ในทุกๆ วัน เกิดมีความผูกพันมากขึ้นจนเกินความเป็นพี่น้อง ขณะที่เพื่อนร่วมห้องของฟิวส์ชื่อ บุ๊ค (เต้ย-สิทธิวัฒน์ อิ่มเอิบปฐม) เด็กเรียนเก่งดีกรีหัวหน้าห้องที่ดูเหมือนว่ากำลังจะอกหัก และแล้วคืนหนึ่ง แฟนสาวของบุ๊คก็ได้บอกเลิกเขาอย่างไร้เยื่อใย ด้วยความที่บุ๊คเป็นไบเซ็กชวล เขาจึงตัดสินใจประชดชีวิตด้วยการใช้แอปพลิเคชันหาคู่เพื่อนัดคู่นอนเป็นครั้งแรก โดยที่เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายที่เขานัดนั้นคือ เฟรม (โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี) เพื่อนร่วมห้องที่บ้ากามสุดๆ เจ้าของฉายา เพลย์บอยจอมเจ้าชู้ ตั้งแต่คืนนั้นมา ความรักแบบลับๆ ของเขาทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น... มาถึงเรื่องของ แทน (ไบร์ท-วิชเวช เอื้ออำพน) พี่ชายอินโนเซ้นท์ของธีร์ ที่มักจะพลาดในเรื่องของความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า และกำลังจะปิ้งสาวคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลย แต่เป็น เจ้ฟิ้ง (พลอย-มนสภรณ์ ชาญเฉลิม) สาวมั่น เจ้าของครีมแบรนด์สุดฮอต ซึ่งเป็นพี่สาวของฟิวส์นั่นเอง แต่ความรักของแทนก็คงจะยากหน่อย เพราะฟิ้งมักจะตัวติดกับ มุก (แพรว-รัฐพร สุขพันธ์) เพื่อนในคณะที่ตอนนี้สนิทกันจนเกินคำว่าเพื่อนนั่นเอง