นกกระจาบ 2525

นกกระจาบ (2525/1982) "นกกระจาบ" 2525 เป็น "ภาพยนตร์โทรทัศน์" ไม่ใช่ "ละครโทรทัศน์" เพราะสมัยนั้นดาราฟิล์ม (ดาราวีดีโอ) ยังผลิตเป็นระบบภาพยนตร์โทรทัศน์ ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม 16 มม. ใช้เสียงพากย์ ยังไม่ได้ใช้เสียงจริงของนักแสดง จึงเรียกว่า “ภาพยนตร์ไทยชุดนกกระจาบ” ภาพยนตร์โทรทัศน์จะออกอากาศเป็นตอน ๆ เหมือนละครโทรทัศน์เช่นกัน สำหรับ ภ.ไทยชุดนกกระจาบ 2525 ยาวประมาณ 40 ตอนจบ อากาศทุกวันจันทร์ อังคาร เวลา 21.00 หลังข่าวภาคค่ำ แพร่ภาพทางช่อง 7 สี

สุวรรณหงส์ 2525

สุวรรณหงส์ (2525/1982) สุวรรณหงส์เป็นโอรสของท้าวสุทันนุราช มีมเหสีชื่อ ศรีสุวรรณ แห่งนครไอยรัตน์ ร่ำเรียนศิลปศาสตร์กับพระฤาษีที่ในป่า จนสำเร็จศิลปศาสตร์ทางดาบ และวิชาพูดภาษาสัตว์ต่าง ๆ ได้ เมื่อกลับมาเมืองไอยรัตน์แล้ว วันหนึ่งเก็บมาลัยที่ลอยตามธารน้ำได้ เป็นมาลัยประหลาดที่แม้จะเก็บได้สามวันแล้วก็ยังสดใส และฝันไปว่าเจ้าของมาลัยนั้นเป็นธิดากษัตริย์มีใบหน้าสวยงามมากมาหา เมื่อตื่นจากความฝัน สุวรรณหงส์ก็คร่ำครวญหาแต่นางในฝันอย่างน่าสงสาร วันต่อมา มีช่างสองคนนำเรือหงส์มาถวาย คนหนึ่งเป็นช่างไม้ อีกคนเป็นช่างพยนต์ ช่างทั้งสองทำเรือหงส์เสร็จแล้ว ไม่กล้าขึ้นขี่ เพราะเกรงบารมีไม่มีจึงนำมาให้สุวรรณหงส์ และสุวรรณหงส์สามารถเหาะขับขึ้นไปได้ในอากาศ เพราะอ่านพระเวทย์ซึ่งเป็นภาษาของพญาครุฑออก จึงให้รางวัลแก่ช่างทั้งสองไปเป็นจำนวนมาก ต่อมาสุวรรณหงส์จึงเสี่ยงทายปล่อยว่าวขึ้นไปบนอากาศ แล้วว่าวลอยไปตกในนครมัตตัง สายป่านไปพันยอดปราสาทของนางเกศสุริยง ธิดาของพญายักษ์แห่งนครนั้น สุวรรณหงส์จึงไต่สายป่านขึ้นไปพบเกศสุริยง ธิดาของพญายักษ์ได้และเกิดรักใคร่ได้เสียกับเกศสุริยง สุวรรณหงส์ใช้วิธีลักลอบขึ้นไปาเกศสุริยง ณ ยอดปราสาทโดยไม่ให้ใครล่วงรู้ เพราะพญายักษ์ซึ่งเป็นพ่อของเกศสุริยงดุร้าย และหวงลูกสาวมาก ใครมาสู่ขอก็ฆ่าด้วยวิธีดุร้ายต่างๆ ทั้งสองพบกันบ่อย จนพี่เลี้ยงทั้งห้าของเกศสุริยงสงสัยและกลัวความผิดจะตกมาถึงตัว จึงคิดอ่านทำหอกยนต์ไว้ที่หน้าต่าง เมื่อสุวรรณหงส์จะเข้าไปหาเกศสุริยงทางช่องหน้าต่างนั้นอีกก็ถูกหอกยนต์ลั่นเสียบอกทันที สุวรรณหงส์เมื่อถูกหอกแล้วก็แข็งใจนั่งเรือเหาะกลับมาเมืองไอยรัตน์และมาถึงแก่ความตายในเมือง ไอยรัตน์ ด้วยความแค้น คิดว่าเมียทรยศมีชายใหม่เป็นคู่จึงอธิฐานขอตามล้างแค้นไปทุกชาติก่อนที่จะตาย ฝ่ายนางเกศสุริยง เห็นสุวรรณหงส์ไม่มาหาเช่นเคย ก็ประหลาดใจ จึงมาตรวจดูที่ช่องหน้าต่างเห็นหยดเลือดตกติดอยู่ก็คาดคะเนรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชู้รักของตน จึงลักลอบออกจากปราสาทสะกดรอยตามไปจนหมดหยดเลือด ไม่รู้แห่งจะตามไปอย่างไร ประกอบด้วยความเสียใจก็นอนสลบอยู่ในป่า พระอินทร์ทรงทราบเข้า ก็เสด็จลงมาช่วยแก้ให้ฟื้น แล้วช่วยแปลงตัวนางเกศสุริยงให้เป็นผู้ชาย เป็นพราหมณ์ผู้ชาย และประทานน้ำมันทิพย์บรรจุขาดและศรไว้ให้แล้วแบ่งร่างอีกส่วนหนึ่งของเกศสุริยงไปอยู่ที่ปราสาทในเมืองของพญายักษ์ผู้พ่อเพื่อกันไม่ให้สงสัย นางเกศสุริยงจึงเที่ยวตามหาสามีของนางต่อไปจนมาถึงศาลาที่อยู่ของยักษ์กุมภัณฑ์ ยักษ์กุมภัณฑ์เห็นเข้านึกว่าเป้นผู้หญิงคิดจะเอาไว้เป็นเมียแต่ครั้นดูไปดูมาเห็นเป็นชาย ก็รบกันยักษ์กุมภัณฑ์ก็แพ้ ก็มอบตัวอาสารับใช้ พราหมณ์เกศสุริยงก็เล่าเรื่องราวของตนให้กุมภัณฑ์รับทราบความจริง และถามถึงหนทางที่จะติดตามหาสามีของเธอต่อไป ยักษ์กุมภัณฑ์รับอาสาจะพาไป เกศสุริยงจึงให้กุมภัณฑ์แปลงตัวเป็นพราหมณ์เสียด้วยกัน ซึ่งต่อไปนี้เรียกพราหมณ์กุมภัณฑ์ว่าพราหมณ์โต และเรียกพราหมณ์เกศสุริยงว่าพราหมณ์เล็กหรือพราหมณ์อัมพร แล้วทั้งสองพราหมณ์ก็พากันเข้าไปในเมืองไอยรัตน์ เข้าไปเฝ้าท้าวสุทันนุราช รับอาสาซุบสุวรรณหงส์ให้ฟื้นขึ้น เมื่อฟื้นขึ้นแล้ว สุวรรณหงส์เห็นพราหมณ์เล็กก็เข้าใจว่าเป็นเกศสุริยงเมียรักของตน แต่ก็ชักสงสัยไม่แน่ใจว่าเป็นหญิงหรือชาย จะเป็นเมียของตนหรือมิใช่ก็ไม่รู้ สุทันนุราช ผู้เป็นพระราชบิดาจึงทรงแนะเป็นอุบายบอกเป็นความลับแก่สุวรรณหงส์ว่า ให้ลองพิสูจน์ดู ถ้าเป็นหญิงจะต้องชอบดอกไม้และเพชรนิลจินดา ให้ลองพาไปเที่ยวสวนแล้วคอยสังเกตุดูท่าที ถ้าพราหมณ์เล็กชอบดอกไม้ก็จะจับได้ว่าเป็นหญิง สุวรรณหงส์ได้รับทราบอุบายจากพ่อ ก็แกล้งชวนพราหมณ์เล็กไปเที่ยวสวนและชมถ้ำแต่อุบายเหล่านี้ พราหมณ์โตแอบฟังรู้เรื่องหมดจึงบอกพราหมณ์ให้รู้ตัวเสียก่อน พราหมณ์เล็กจึงคอยระมัดระวังตัวไว้ แม้ในใจจริงอยากจะได้ดอกไม้ในสวนและเพชรนิลจินดาที่ถ้ำ ต่อม่สุวรรณแกล้งไปรักกับหญิงอื่น เกศสุริยงด้วยความแค้นและความหึงจึงหนีไป โดยทิ้งหลักฐานไว้ว่าเธอคือเกศสุริยงนั่นเอง สุวรรณหงส์จึงตามไปด้วยความแค้นที่อธิฐานไว้เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเกศสุริยงรู้เห็นเป็นใจในการทำหอกฆ่าตัวเสีย เพราะเป็นลูกยักษ์จึงมีนิสัยดุร้าย เมื่อสุวรรณหงส์ตามไปถึงปราสาทเห็นเกศสุริยงหลับอยู่ จึงอธิษฐานว่าหากเกศสุริยงยังซื่อสัตย์ต่อสุวรรณหงส์ก็ให้เลือดมีรสหวาน และเมื่อไม่ซื่อสัตย์ให้เลือดมีรสขม แล้วสุวรรณหงส์ฟันคอเกศสุรยงขาดเลือดไหลออกมา เมื่อสุวรรณหงส์ชิมดูปรากฏว่ามีรสหวาน ก็เสียใจว่าฆ่าเมียที่บริสุทธิ์เสียแล้ว เฝ้าคร่ำครวญหาแต่เมียที่จากไปด้วยการตาย อย่างไม่มีวันหลับปิ่มว่าจะขาดใจตาย

ปลาบู่ทอง 2537

เรื่องย่อ : ปลาบู่ทอง (2537/1994) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีเศรษฐี ชื่อ ทารกะ (อ่านว่า ทา-ระ-กะ) มีอาชีพจับปลา มีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อขนิษฐา ผู้มีจิตใจดี อ่อนโยน มีลูกสาวแสนสวย เรียบร้อยเหมือนแม่ ชื่อ เอื้อย ส่วนคนที่สองชื่อ ขนิษฐี เป็นผู้มีจิตริษยาอาฆาต มารยาสาไถ ยุแหย่สามีให้เกลียด นางขนิษฐา และลูกสาวตลอดเวลา มีลูกสาวนิสัยเหมือนแม่ 2 คนชื่ออ้าย กับอี่ วันหนึ่งเศรษฐีทารกพาขนิษฐาไปจับปลาในคลอง ไม่ว่าจะเหวี่ยงแหไปกี่ครั้งก็ได้มาเพียงปลาบู่ทองที่ตั้งท้องตัวเดียวเท่านั้น จนกระทั่งพลบค่ำเศรษฐีก็ตัดสินใจที่จะเอาปลาบู่ทองที่จับได้เพียงตัวเดียวกลับบ้าน ทว่าขนิษฐาผู้เป็นภรรยาเกิดความสงสารปลาบู่ ขอให้เศรษฐีปล่อยปลาไป เศรษฐีมีความเกลียดชังเป็นทุนอยู่แล้วจึงโมโหคว้าพายได้ ก็ฟาดจนนางขนิษฐาสลบ และผลักตกน้ำจมตาย เมื่อกลับถึงบ้านเอื้อยก็ถามหาแม่ เศรษฐีจึงตอบไปว่าแม่ของเอื้อยได้หนีตามผู้ชายไป และจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นเอื้อยจึงถูก 3 แม่ลูกกลั่นแกล้งทรมานด้วยการใช้ทำงานอย่างหนักไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนตลอดทั้งวัน เอื้อยคิดถึงแม่มากจึงมักไปนั่งร้องไห้อยู่ริมท่าน้ำ และได้พบกับปลาบู่ทองซึ่งเป็นนางขนิษฐากลับชาติมาเกิด เมื่อเอื้อยรู้ว่าปลาบู่ทองเป็นแม่ของตนก็ได้นำข้าวสวยและรำมาโปรยให้ปลาบู่ทองกิน และมาปรับทุกข์ให้ปลาบู่ทองฟังทุกวัน นางขนิษฐีและลูกสาวเห็นเอื้อยดูมีความสุขขึ้น เมื่อถูกกลั่นแกล้งก็อดทนไม่ปริปากบ่นจึงไปแอบสืบจนพบว่านางขนิษฐาได้มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และได้พบกับเอื้อยทุกวัน

พระทิณวงศ์ 2550

เรื่องย่อ : พระทิณวงศ์ (2550/2007) เมืองพรหมสาลี ท้าวอภัยนุสินมีลูกสาวชื่อว่าทิพย์มณฑา ในวันที่นางประสูตินั้นมีกลิ่นหอมฟุ้งขจายไปทั่วเมือง แต่โหรหลวงกลับทำนายว่าพระธิดาจะต้องพลัดพรากจากบ้านเมือง และตายพร้อมกับคนรักในที่สุด

กล่าวถึงพระทิณวงศ์ที่ปลอมตัวมาเป็นชายพิการง่อยแอบอยู่สวน วันหนึ่งนางทิพย์มณฑาไปเดินเล่นที่อุทยานพร้อมกับพี่สาวทั้ง 7 นางได้เจอกับชายพิการ (พระทิณวงศ์) แล้วสนทนาพลางมอบผ้าสไบให้อีกด้วย พวกพระพี่นางทั้งหลายได้นำความไปฟ้องท้าวอภัยนุสิน ท้าวอภัยนุสินโกรธจัดจึงถีบนางออกไปอยู่กับพระทิณวงศ์

ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาท้าท้าวอภัยนุสินตีดลีซิ โดยถ้าแพ้ท้าวเธอจะต้องถูกตัดหัว ท้าวอภัยนุสินได้ซมซานไปง้องอนพระทิณวงศ์ให้ออกมาช่วยเหลือหน่อย จนพระองค์ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ จึงได้เชิญมาอยู่ในพระราชวังได้ในที่สุด

พระสุธน-มโนราห์ 2563

เรื่องย่อ : พระสุธน-มโนราห์ (2563/2020) พระสุธน-มโนห์รา เป็น ภาคต่อของพระรถ เมรี จาก นิทานพื้นบ้าน "นางสิบสอง" คือ รถเสนเกิดเป็นพระสุธน ส่วนเมรีเกิดเป็นมโนห์รา เนื่องจากตอนที่นางเมรีตรอมใจตายเพราะรักที่มีให้แก่รถเสนก็อธิษฐานว่า "ถ้าชาตินี้น้องตามพี่ไม่ได้ งั้นชาติหน้าขอให้พี่ตามน้องแทน" มโนห์รา เป็นธิดาองค์เล็กของท้าวทุมราชผู้เป็นพระยากินนร รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเหมือนมนุษย์แต่มีปีกและหางที่ถอดออกได้ นางมโนห์ราและพี่น้องทั้งหกได้ไปเล่นน้ำที่สระน้ำอโนดาต เจอพรานบุญที่ต้องการจับตัวนางกินรี พรานบุญได้จับนางมโนห์ราไปถวายแค่พระสุธน พระสุธนเห็นเข้าก็เกิดหลงรักนางและพานางกลับเมือง และได้อภิเษกกัน ต่อมาปุโรหิตคนหนึ่งได้เกิดจิตอาฆาตแค้นแก่พระสุธนเพราะว่าพระสุธนไม่ให้ตำแหน่งแก่บุตรของตน เมื่อถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ พระบิดาได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตได้ทำนายว่าจะเกิดภับพิบัติครั้งใหญ่ ให้นำนางมโนห์ราไปบูชายัญ ซึ่งท้าวอาทิตยวงศ์ได้ยินยอมตามนั้น นางมโนห์รารู้เข้าก็เกิดตกใจ จึงออกอุบาย ของปีกกับหางขอนางคืน เพื่อร่ายรำหน้ากองไฟก่อนจะตาย เมื่อนางได้ปีกกับหางแล้ว นางก็ร่ายรำได้สักพักก็บินหนีกลับเมืองไป ก่อนถึงเมืองได้เจอฤาษีก็ได้กล่าวกับฤาษีว่า หากพระสุธนตามมาให้บอกว่าไม่ต้องตามนางไป เพราะมีภยันอันตรายมากมาย และได้ฝากภูษาและธำมรงค์ให้พระสุธน ฝ่ายพระสุธนที่กลับจากสงครามได้ลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนห์รา เมื่อเจอพระฤาษี พระสุธนจะติดตามนางมโนห์ราต่อไป โดยมีพระฤาษีค่อยช่วยเหลือ เป็นเวรกรรมแต่ชาติที่แล้ว เพราะอย่างนี้จึงทําให้ทั้งสองเกิดมาคู่กันอีก

ทิพย์เกสร 2529
เกราะเพชรเจ็ดสี 2538

เรื่องย่อ : เกราะเพชรเจ็ดสี (2538/1995) พระราชาและมเหสีกัลยาณี แต่งงานอยู่กินกันมานานไม่มีลูก วันหนึ่งได้รับบุตรของราชครูโกศลที่เสียชีวิตไปแล้ว กับนางฉันทา (นางฉันทาตอนหลังได้เป็นสนมเพราะใช้มนตร์ทำเสน่ห์ให้กษัตริย์หลง) มาเป็นบุตรบุญธรรมซึ่งก็คืออัคนินทร์ ต่อมา มเหสีกัลยาณีเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและคลอดบุตรออกมาเป็นสุริยวงศ์เทวัญ พอนางฉันทาทราบความกลัวเสียอำนาจจึงสร้างเรื่องต่างๆนาๆเพื่อให้เห็นว่าไม่ใช่ผู้มีบุญญาธิการมาเกิด กษัตริย์ก็หลงเมียน้อยจนขับไล่ลูกในใส้กับเมียออกไปจากมาตุภูมิโดยให้เหตุผลว่าทำเพื่อบ้านเมือง นางฉันทาได้ส่งคนไปตามล่า แต่ความดีที่เคยสั่งสมมาของเจ้าชายง่อยทำให้สวรรค์ดลใจให้ไปพบอาวุธวิเศษคือเกราะเพชรมาสวมใส่รอดพ้นจากอันตรายมาเอาชนะคนพาล

บัวแก้วจักรกรด 2549

เรื่องย่อ : บัวแก้วจักรกรด (2549/2006) ณ เมืองสุรกานต์ “องค์ชายเพชรดารา” ในวัยเด็กได้ซุกซนนำลิงจ๋อไปเที่ยวเล่นในตลาด ลิงจ๋อเป็นของขวัญที่มาจากเมืองแขก เป็นลิงที่ซนมากจนทำให้ชาวบ้านตกใจตกน้ำตายไป พระราชาอนุวงศ์กริ้วลูกชายมากสั่งให้นำลิงจ๋อไปเผา เพชรดารารักของเล่นมาก จึงพาลิงจ๋อหนีไปกลับยานโพยม แล้วไปเจอกับ บัวแก้ว และทานตะวันที่หนีท่านตาฤาษีมาเที่ยวบนฟ้า และทั้งสองก็ได้เจอกับ ยักษ์เมฆภัติ ที่อยากได้ยานโพยมกับบัวแก้วจักรกรด จึงขว้างขวานวิเศษออกไป ขวานวิเศษได้ทำลายยานโพยมและบัวแก้วจักรกรดตกลงไป หลายปีผ่านมา เพชรดารา เติบโตขึ้นจึงเดินทางกลับบ้านเมืองระหว่างทางได้เจอกับ เมฆสิทธิ์ พญายักษ์แห่งนครกรุงกลางหาวที่กำลังจะไปเลือกคู่กับ องค์หญิงบัวแก้ว จึงเกิดการต่อสู้ แต่เมฆสิทธิ์เอาชนะเพชรดาราไม่ได้ แต่เพชรดาราก็สังหารเมฆสิทธิ์ไม่ได้เช่นกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ในละครพื้นบ้านเรื่อง บัวแก้วจักรกรด

จักรแก้ว จักรเพชร 2544
ตุ๊กตาทอง 2553

เรื่องย่อ : ตุ๊กตาทอง (2553/2010) ณ นครไกรจักร กษัตริย์พัฒธิพงษ์ ขยายอาณาเขตด้วยวิธีเล่นพนัน ชนไก่ กัดปลา เอาบ้านเมือง มีศรีสัจจาเป็นมเหสีฝ่ายขวา สร้อยสวรรค์เป็นมเหสีฝ่ายซ้าย สองมเหสีมีใจริษยาต่อกัน และไร้ซึ้งรัชทายาท หลังพนันชนไก่ได้นครปัญจาแล้ว กษัตริย์พัฒธิพงษ์ได้ทำพิธีบวงสรวงของลูกจากเทพยดาใน วันเกิดสุริยคลาส พร้อมทำบุญแผ่กุศลให้แก่วิญญาณอาฆาตของบรรดาสัตว์ที่ต้องเจ็บตายในการพนันเมือง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในความสนใจ เฝ้ามองของราชาตั๊กแตน หรือ องค์ตั๊ก สองมเหสีให้กำเนิดโอรสในเวลาไล่เลี่ยกัน ศรีสัจจามเหสีคลอดโอรสน่ารักน่าชัง ฝ่าย สร้อยสวรรค์คลอดกุมารตุ๊กตา ไม่นึกรักกลับเกลียดชัง อีกทั้งสร้อยสวรรค์เกรงกษัตริย์พัฒธิพงษ์ไม่เสน่หา ทั้งมีราชาตั๊กแตนคอยยุแยงให้สลับกุมารตุ๊กตากับโอรสศรีสัจจามเหสี เรื่องวุ่นๆ จึงเกิดขึ้นในนครไกรจักร กษัตริย์พัฒธิพงษ์ ใคร่รู้ว่ากุมารตุ๊กตาที่กำเนิดมาเป็นผู้มีบุญญาธิการ หรือเป็นกาลกิณี เลยสั่งให้ โหราธิบดีทำนายดวงชะตา จากที่โหรเฒ่าเพ่งพิศดวงชะตา รู้แจ้งว่ากุมารตุ๊กตามีกุมารน้อยรูปงาม ทรงอำนาจวาสนาแฝงองค์ อยู่ แต่ด้วยถูกสร้อยสวรรค์มเหสีฝ่ายซ้ายให้สินบนกับนางมณฑาเมียรัก กำชับให้ทำนายทายทักว่ากุมาร ตุ๊กตาเป็นกาลกิณี มีภูติร้ายสิง ควรเนรเทศศรีสัจจามเหสีและกุมารตุ๊กตาพ้นจากนครไกรจักรภายใน 7 วัน เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปติดตามชมได้ในละคร ตุ๊กตาทอง

จันทร์สุริยคาธ 2556
หลวิชัยคาวี 2543

เรื่องย่อ : หลวิชัยคาวี (2543/2000) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเมือง “รมยนคร” ซึ่ง “ท้าวมัทราช”กับ “พระนางแก้วเกสร”เป็นผู้ปกครอง มีธิดาแสนสวยองค์หนึ่งชื่อ “เจ้าหญิงจันทวรา” ซึ่งบ้านเมืองสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่อยู่ดีๆก็เกิดวิปริต ฟ้าฝนไม่ตก พลอยศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองเปล่งแสง โหรได้ทำนายว่าเป็นเพราะมีผู้มีอวิชากำลังฝึกอวิชามนต์ดำ ท้าวมัทราชจึงให้คนไปสืบความพบว่า ในเมืองนี้มีแม่เฒ่าชื่อ “แม่เฒ่าธิดาจันทร์” อาศัยอยู่ในกระท่อมกับ “เวตาล” หรือ "เหวงตาล"ลูกสมุน กำลังมีการทดลองมนต์ดำที่จะทำให้มีอำนาจควบคุมมนุษย์โลกได้ ขณะที่กำลังจะทำสำเร็จนั้น แม่เฒ่ากับเวตาลก็ถูกจับได้ ท้าวมัทราชสั่งให้ประหารแม่เฒ่าและเวตาลในทันทีเพราะเป็นกระทำการชั่วช้าและทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวายมาก แต่แม่เฒ่าได้ใช้มนต์วิเศษหนีไปได้ โหรบอกว่าถ้าแม่เฒ่าฝึกอาคมจนแก่กล้า ก็จะมีอำนาจครอบงำมนุษย์ สัตว์ และอสูรกายทั้งหลายให้อยู่ในอำนาจได้ ท้าวมัทราชให้โหรดูว่าจะมีใครที่จะสามารถมาช่วยบ้านเมืองไว้ได้บ้างใหม โหรบอกว่ามีเพียง “เสือ” และ “โค” ที่เป็นพี่น้องกันเท่านั้นจึงจะสามารถช่วยบ้านเมืองได้ ในป่าแห่งหนึ่ง ขณะสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างสงบสุขก็พลันแตกตื่นเมื่อมีเสือเข้ามาในเขตของพวกตน สัตว์ทุกตัวพากันหลบหนีเข้าที่ซ่อน ลูกเสือกับลูกวัวเดินเข้ามามีเจ้าจ๋อตามหลัง

ยอพระกลิ่น 2557

เรื่องย่อ : ยอพระกลิ่น (2557/2014) "ยอพระกลิ่น" เป็นธิดาของพระอินทร์และเจ้าหญิงชาวมนุษย์นางหนึ่ง ด้วยความที่พระอินทร์ไม่สามารถเลี้ยงดูพระธิดาได้จึงนำนางไปฝากไว้ในต้นไผ่ต้นใหญ่ในป่าบนโลก เวลาผ่านไปยอพระกลิ่นเติบโตเป็นสาว (ที่ได้ชื่อว่ายอพระกลิ่นเพราะนางมีกลิ่นกายหอมมาก) ก็ได้พบกับ "มณีพิชัย" เจ้าชายเมืองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินทางเข้าป่ามาแล้วพบต้นไผ่ต้นใหญ่จึงโค่นลง เมื่อมณีพิชัยพบยอพระกลิ่นที่มีกลิ่นกายหอมหวลจึงนำนางกลับเมืองและเเต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี แต่พระนางจันทรพระมารดาของมณีพิชัย ไม่ชอบหน้ายอพระกลิ่น และอยากให้โอรสได้อภิเษกสมรสกับธิดาเจ้ากรุงจีนที่มั่งคั่งมากกว่า พระนางจึงวางแผนใส่ร้ายป้ายสียอพระกลิ่นว่านางเป็นกระสือกินแมวในราชวัง นางจึงต้องโทษประหาร เคราะห์ดีที่พระอินทร์ทรงลงมาช่วยธิดาไว้ได้ทันแล้วเสกให้นางกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มมีเวทย์มนตร์แก่กล้า พราหมณ์หนุ่มเดินทางกลับมาที่เมืองของมณีพิชัยและได้ทราบข่าวว่า พระนางจันทรล้มป่วย รักษาอย่างไรก็ไม่หายเสียที จึงอาสาไปขอรักษาพระนางจันทร หลังรักษาหายแล้ว ยอพระกลิ่นให้ร่างพราหมณ์หนุ่มได้ให้พระนางจันทรว่า ให้บอกความจริงเรื่องที่ใส่ร้ายยอพระกลิ่นกับทุกคน พระนางจันทรยอมบอกความจริง ทำให้สวามีของพระนางหรือพระบิดาของมณีพิชัยโกรธพระมเหสีของตนมาก ส่วนพราหมณ์หนุ่มได้ขอให้มณีพิชัยไปปรนนิบัติรับใช้ตนในป่า เพื่อแลกกับการรักษาพระนางจันทร ..เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามชมได้ใน "ยอพระกลิ่น"

เรื่องย่อ : ไกรทอง (2537/1994) กาลครั้งหนึ่ง มีถ้ำแก้ววิเศษเป็นที่อยู่ของจระเข้(ใต้) ในถ้ำมีลูกแก้ววิเศษที่ส่องแสงดุจเวลากลางวัน จระเข้ทุกตัวที่เข้ามาในถ้ำจะกลายเป็นมนุษย์ มีท้าวรำไพ เป็นจระเข้เฒ่าผู้ทรงศีล ไม่กินเนื้อมนุษย์และสัตว์ มีบุตรชื่อ ท้าวโคจร ซึ่งนิสัยแตกต่างจากพ่อโดยสิ้นเชิง ท้าวโคจรมีบุตรชื่อ ชาละวัน วันหนึ่ง ท้าวโคจร เกิดทะเลาะวิวาทกับท้าวแสนตาและพญาพันวัง(เหนือ) ท้าวโคจรโกรธที่ท้าวแสนตาฆ่าลูกน้องของตนจึงเข้ามาขอท้าสู้ แต่ท้าวแสนตาก็ไม่อาจสู้กำลังของท้าวโคจรได้ พญาพันวังโมโหที่ท้าวโคจรฆ่าพี่ชายของตนจึงขึ้นมาสู้กับท้าวโคจร สุดท้ายทั้งสามก็จบชีวิตลงจากบาดแผลที่เกิดจากการสู้รบกัน หลังจากนั้น พญาชาละวัน บุตรของท้าวโคจร ก็ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองถ้ำบาดาลโดยไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจ และได้จระเข้สาวสองตัวเป็นเมียคือ วิมาลา กับ เลื่อมลายวรรณ ด้วยความลุ่มหลงในอำนาจ ชาละวันจึงมีนิสัยดุร้ายต้องการกินเนื้อมนุษย์ และไม่รักษาศีลเหมือนท้าวรำไพผู้เป็นปู่แต่อย่างใด เพราะถือว่าตนเป็นผู้ปกครองถ้ำ มีอำนาจอยากจะทำอะไรก็ได้ ณ เมืองพิจิตร มีเหตุการณ์จระเข้อาละวาดออกมากินคนที่อยู่ใกล้คลอง วันหนึ่ง พี่น้องคู่หนึ่ง ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นธิดาของเศรษฐี อยากที่จะลงไปเล่นน้ำที่คลอง เศรษฐีห้ามแต่สองพี่น้องก็ยังรบเร้าที่จะไปโดยบอกว่ามีพี่เลี้ยงลงไปด้วย เศรษฐีจึงใจอ่อนยอมให้ตะเภาแก้วและตะเภาทองลงไปเล่นน้ำ ในเวลานั้น ชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นจระเข้ยักษ์นิสัยอันธพาล ได้ออกจากถ้ำอาละวาดล่าหามนุษย์เป็นเหยื่อ สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมือง และได้ว่ายน้ำผ่านมาเห็นตะเภาทองที่แม่น้ำแถวบ้านท่านเศรษฐี ก็เกิดความลุ่มหลงทันทีจึงคาบตะเภาทองแล้วดำดิ่งไปยังถ้ำทองด้วยความเหิมลำพอง เมื่อนางตะเภาทองฟื้นขึ้นมา ก็ตกตะลึงในความสวยของถ้ำ และได้เห็นพญาชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นชายรูปงาม ชาละวันเกี้ยวพาราสีแต่นางไม่สนใจ ชาละวันจึงใช้เวทมนตร์สะกดให้นางหลงรักและยอมเป็นภรรยา เมียของชาละวันคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เห็นก็ไม่พอใจและหึงหวงแต่ก็ห้ามสามีไม่ได้ ท่านเศรษฐีเสียใจมาก จึงประกาศไปว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงานกับนางตะเภาแก้ว แต่ไม่ว่าจะมีผู้มีอาคมอาคมมาปราบชาละวันกี่คน ก็จะตกเป็นเหยื่อให้ชาละวันเอาไปนั่งกินเล่นทุกราย และแล้วก็ได้ ไกรทอง หนุ่มรูปหล่อจากเมืองนนทบุรี ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้จากอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้า ฤทธิ์อาคมแกร่ง ได้รับอาสามาปราบชาละวัน ก่อนพบเจอเหตุร้าย ชาละวันได้นอนฝันว่า มีไฟลุกไหม้และน้ำท่วมทะลักเข้าถ้ำ เกิดแผ่นดินไหวแปรปรวน ทันใดนั้น ได้ปรากฏร่างเทวดาฟันคอชาละวันขาดกระเด็น จึงได้นำความฝันไปบอกกล่าวกับปู่ท้าวรำไพ เพราะเหตุการณ์ในความฝันเป็นลางร้าย ชาละวันต้องจำศีลในถ้ำ 7 วัน ถ้าออกไปนอกถ้ำจะพบภัยพิบัติถึงชีวิต วิมาลาจึงรับสั่งให้บริวารจระเข้คาบก้อนหินมาปิดปากถ้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มนุษย์เข้ามาในถ้ำ รุ่งเช้าไกรทองเริ่มตั้งพิธีบวงสรวงพร้อมท่องคาถา ทำให้ชาละวันเกิดอาการร้อนรุ่ม วิมาลาได้แต่คอยปลอบใจให้ชาละวันอดทนเข้าไว้ แต่สุดท้ายชาละวันก็ต้องออกจากถ้ำ แปลงกายเป็นจระเข้ขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อต่อสู้กับไกรทอง การต่อสู้ของคนกับจระเข้จึงเริ่มขึ้นไกรทองกระโดดขึ้นบนหลังจระเข้ชาละวันอย่างรวดเร็วและแทงด้วยหอกสัตตโลหะ ทำให้อาคมของเขี้ยวเพชรเสื่อม หอกอาคมได้ทิ่มแทงชาละวันจนบาดเจ็บสาหัส และมันได้รีบหนีกลับไปที่ถ้ำทองทันที แต่ไกรทองก็ใช้เทียนระเบิดน้ำเปิดทางน้ำ ตามลงไปที่ถ้ำทันที วิมาลาและเลื่อมลายวรรณต้องการของร้องให้ปู่ท้าวรำไพช่วย แต่ท้าวรำไพก็ไม่สามารถช่วยได้ เมื่อมาถึงถ้ำไกรทองได้พบกับ วิมาลา ด้วยความเจ้าชู้จึงเกี้ยวพาราสีจนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้ จนนางตกใจวิ่งหนีเข้าถ้ำ ไกรทองจึงตามนางไป ส่วนชาละวันที่นอนบาดเจ็บอยู่ก็รีบออกมาจากที่ซ่อนตัวและได้ต่อสู้กับไกรทองต่อในถ้ำ จนชาละวันสู้ไม่ไหวในที่สุดก็พลาดเสียท่าถูกแทงจนสิ้นใจตายตรงนั้น (บางสำนวนก็บอกว่า ชาละวันถูกหอกอาคมของไกรทองแทงกลางหลัง แล้วร่างก็เปลี่ยนเป็นจระเข้ยักษ์นอนตายอยู่กลางถ้ำทอง) และไกรทองก็ได้พานางตะเภาทองกลับขึ้นมา เศรษฐีดีใจมากที่ลูกสาวยังไม่ตาย จึงจัดงานแต่งงานให้ไกรทองกับนางตะเภาแก้ว พร้อมมอบสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง แถมนางตะเภาทองให้อีกคน ใจของไกรทองกลับนึกถึงนางวิมาลา จึงไปหาอยู่กินด้วย โดยทำพิธีทำให้นางยังคงเป็นมนุษย์แม้ออกนอกถ้ำทอง นางตะเภาแก้วและนางตะเภาทอง จับได้ว่า สามีไปมาหาสู่ นางจระเข้จึงไปหาเรื่องกับนางในร่างมนุษย์จนนางวิมาลาทนไม่ไหวกลับ ร่างเป็นจระเข้และไกรทองต้องออกไปห้ามไม่ให้เมียตีกันและอำลาจากนางวิมาลาด้วยใจอาวรณ์ สุดท้ายไกรทองก็ปรับความเข้าใจได้กับทั้งสองฝ่าย ทั้งมนุษย์และจระเข้อยู่อย่างสันติ

ยอพระกลิ่น 2546

เรื่องย่อ : ยอพระกลิ่น (2546/2003) ยอพระกลิ่น" เป็นธิดาของพระอินทร์และเจ้าหญิงชาวมนุษย์นางหนึ่ง ด้วยความที่พระอินทร์ไม่สามารถเลี้ยงดูพระธิดาได้จึงนำนางไปฝากไว้ในต้นไผ่ต้นใหญ่ในป่าบนโลก เวลาผ่านไปยอพระกลิ่นเติบโตเป็นสาว (ที่ได้ชื่อว่ายอพระกลิ่นเพราะนางมีกลิ่นกายหอมมาก) ก็ได้พบกับ "มณีพิชัย" เจ้าชายเมืองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินทางเข้าป่ามาแล้วพบต้นไผ่ต้นใหญ่จึงโค่นลง เมื่อมณีพิชัยพบยอพระกลิ่นที่มีกลิ่นกายหอมหวลจึงนำนางกลับเมืองและเเต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี แต่พระนางจันทรพระมารดาของมณีพิชัย ไม่ชอบหน้ายอพระกลิ่น และอยากให้โอรสได้อภิเษกสมรสกับธิดาเจ้ากรุงจีนที่มั่งคั่งมากกว่า พระนางจึงวางแผนใส่ร้ายป้ายสียอพระกลิ่นว่านางเป็นกระสือกินแมวในราชวัง นางจึงต้องโทษประหาร เคราะห์ดีที่พระอินทร์ทรงลงมาช่วยธิดาไว้ได้ทันแล้วเสกให้นางกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มมีเวทย์มนตร์แก่กล้า

สังข์ทอง (2524/1981) กาลปางก่อน มีท้าวยศวิมล ครองเมืองพรหมนคร ท้าวยศวิมลมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ "จันเทวี" มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ "จันทา" ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตร ของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง เมื่อครบกำหนดคลอด มเหสีจันเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ทำให้มเหสีจันทาจึงใส่ร้ายจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อ ขับไล่พระนางจันเทวีออกจากพระราชวัง นางจันเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสารจึกชวนให้พักอยู่ด้วย

วันหนึ่งนางจันเทวีออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางกลับมาก็แปลกใจว่าใครมาช่วยทำงาน พระนางจันเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสียและกอดโอรสด้วย ความยินดี และตั้งชื่อให้ว่า ” สังข์ทอง ”

โสนน้อยเรือนงาม (2524/1981) กษัตริย์นครโรมวิสัยมีพระราชธิดาที่สวยงามมาก พระราชธิดานี้เมื่อประสูติมีเรื่อนไม้เล็กๆติดมือออกมาด้วย เรือนนี้เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นด้วยและกลายเป็นของเล่นของพระราชธิดา พระบิดาจึงตั้งชื่อพระราชธิดาว่า โสนน้อยเรือนงาม เมื่อโสนน้อยเรือนงามมีพระชนม์พรรษาได้สิบห้าพรรษา โหรทูลพระบิดาว่าโสนน้อยเรือนงามกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมืองเสีย เพราะจะต้องอภิเษกกับคนที่ตายแล้ว พระบิดาและพระมารดาก็จำใจให้โสนน้อยเรือนงามออกไปจากเมืองแต่ผู้เดียว โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเอาเครี่องทรงพระราชธิดาห่อไว้ พระอินทร์สงสารนางจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ โสนน้อยเรือนงามเดินทางเข้าไปในป่าพบนางกุลาหญิงใจร้ายนอนตายเพราะถูกงูกัด โสนน้อยเรือนงามจึงนำยาของชีปะขาวมารักษา นางกุลาก็ฟื้น นางจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงาม ที่นครนพรัตน์เมืองใกล้เคียงโรมวิสัยมีกษัตริย์ครองอยู่ มีพระราชโอรสนามว่า พระวิจิตรจินดา ซึ่งเป็นชายหนุมรูปงามและมีความสามารถ แต่วันหนึ่งพระวิจิตรจินดาถูกงูพิษกัดสิ้นพระชนม์ พระบิดาและ พระมารดาเศร้าโศรกเสียใจมาก แต่โหรทูลว่า พระวิจิตรจินดาจะสิ้นพระชนม์ไปเจ็ดปีแล้วจะมีพระราชธิดาของเมื่องอื่นมารักษาได้ พระบิดาและพระมารดาจึงเก็บพระศพของพระวิจิตรจินดาไว้ และมีประกาศให้คนมารักษาให้ฟื้น โสนน้อยเรือนงามและนางกุลาเดินทางมาถึงเมืองนพรัตน์ได้ทราบจากประกาศ จึงเข้าไปในวังและอาสาทำการรักษา โดยขอให้กั้นม่านเจ็ดชั้น ไม่ให้ใครเห็นเวลารักษา โสนน้อยเรือนงามแต่งเครื่องทรงพระราชธิดาทำการรักษา โดยนางกุลาติดตามเฝ้าดู เมื่อโสนน้อยเรือนงามทายาให้พระวิจิตรจินดา พิษของนาคราชเป็นไอร้อนออกมาทำให้นางรู้สึกร้อนมาก จึงถอดเครื่องทรงพระราชธิดาออกแล้วเสด็จไปสรงน้ำ ระหว่างนั้นนางกุลาก็นำเครื่องทรงพระราชธิดาของโสนน้อยเรือนงามามแต่ง พอดีพระวิจิตรจินดาฟื้น ทุกคนก็คิดว่านางกุลาเป็นพระราชธิดาที่รักษาจึงเตรียมจะให้อภิเษก ส่วนโสนน้อยเรือนงามต้องกลายเป็นข้าทาสของนางกุลาไป พระวิจิตรจินดาและพระบิดาและพระมารดาก็ยังมีความสงสัยในนางกุลา จึงให้นางเย็บกระทงใบตองถวาย นางกุลาทำไม่ได้โยนใบตองทิ้งไป โสนน้อยเรือนงามเก็บใบตองมาเย็บเป็นกระทงสวยงาม นางกุลาก็แย้งไปถวายพระราชบิดามารดาของพระวิจิตรจินดา พระวิจิตรจินดาไม่อยากอภิเษกกับนางกุลาจึงขอลาพระบิดาพระมารดาไปเที่ยวทางทะเล พระบิดาพระมารดาให้นางกุลาย้อมผ้าผูกเรือ นางกุลาก็ทำไม่เป็น โยนผ้าและสีทิ้ง โสนน้อยเรือนงามเก็บผ้าและสีไปย้อมได้สีงดงาม นางกุลาก็แย้งนำไปถวายพระบิดาพระมารดาอีก เมื่อพระวิจิตรจินดาจะออกเรือก็ปรากฎว่าเรือไม่เคลื่อนที่พระวิจิตรจินดาทรงคิดว่ คงมีผู้มีบุญในวังต้องการฝากซื้อของ เรือจึงไม่เคลื่อนที่จึงให้ทหารมาถามรายการของที่คนในวังจะฝากซื้อ ทุกคนก็ได้มีโอกาสฝากซื้อ แต่โสนน้อยเรือนงามอยู่ใต้ถุนถึงไม่มีใครไปถาม เรือก็ยังไม่เคลื่อนที่ พระวิจิตรจินดาจึงให้ทหารกลับไปค้นหาคนในวังที่ยังไม่ได้ฝากซื้อของ ทหารจึงได้ไปค้นหานางโสนน้อยเรือนงามได้ นางจึงฝากซื้อ " โสนน้อยเรือนงาม " เมื่อพระวิจิตรจินดาเดินทางไป ลมก็บันดาลให้พัดไปยังเมืองโรมวิสัยของพระบิดาของโสนน้อยเรือนงาม พระวิจิตรจินดาซื้อของฝากได้จนครบทุกคน ยกเว้นโสนน้อยเรื่อนงาม พระวิจิตรจินดาจึงสอบถามจากชาวเมือง ชาวเมืองบอกว่าโสนน้อยเรือนงามมีอยู่แต่ในวังเท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงเข้าไปในวังและทูลขอซื้อโสนน้อยเรือนงามไปให้นางข้าทาส พระบิดาของโสนน้อยเรือนงามทรงถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาส ก็ทรงทราบว่าเป็นพระธิดาจึงมอบโสนน้อนเรือนงามให้พระวิจิตรจินดาและให้ทหารตามมาสองคน เมื่อพระวิจิตรจินดากลับถึงบ้านเมือง ทหารสองคนก็ไปทำความเคารพนางโสนน้อญเรือนงาม และเรือนวิเศษก็ขยายเป็นเรือนใหญ่มีข้าวของเครื่องใช้พระธิดาครบถ้วน โสนน้อยเรือนงามก็เข้าไปอยู่ในเรือนนั้น พระวิจิตรจินดาจึงแน่ใจว่าโสนน้อยเรือนงามเป็นพระราชธิดาที่รักษาตน จึงจะฆ่านางกุลาแต่โสนน้อยเรือนงามขอชีวิตไว้ พระวิจิตรจินดาก็ได้อภิเษกกับนางโสนน้อยเรือนงามและอยู่ด้วยกันมีความสุขสืบไป....

พระทิณวงศ์ 2531

เรื่องย่อ : พระทิณวงศ์ (2531/1988) พระทิณวงศ์เป็นโอรสของท้าวพัทวงศ์ และนางสุวรรณประไภย แห่งเมืองสุวรรณรัตนา เหตุที่พระโอรสมีพระนามเช่นนี้ก็เพราะก่อนมีพระประสูติกาล นางสุวรรณประไภยเกิดสุบินนิมิตว่าได้ดวงอาทิตย์มาแนบกับทรวง จำเนียรกาลผ่านไปพระทิณวงศ์เจริญพระชันษาเป็นเจ้าชายน้อยรูปงาม จนพระชนทม์ได้ 12 พรรษาจึงลาพระบิดาและมารดาไปเล่าเรียนศิลปศาสตร์ ระหว่างที่พระทิณวงศ์เดินดั้นด้นตัดเขาลำเนาไพรอยู่นั้น พระอินทร์ได้เมตตาพาไปเรียนวิชากับฤาษีผู้ทรงฤทธิ์ กล่าวถึงเมืองพรมสาลี ท้าวอภัยนุสินและนางสุรัศวดีมีพระธิดานามว่าทิพย์มณฑา ในวันที่นางประสูติมีกลิ่นหอมฟุ้งขจายไปทั่วเมือง โหรหลวงทำนายว่าพระธิดาจะพลัดพรากจากบ้านเมือง และตายพร้อมกับคนรักในที่สุด ฝ่ายพระทิณวงศ์เรียนวิชาจนสำเร็จและได้ม้านิลรัตน์ซึ่งเป็นม้าวิเศษ พระฤาษีเห็นว่าถึงกาลอันสมควรที่พระทิณวงศ์จะมีคู่ครองเมื่อเพ่งญาณแล้วจึง ให้พระทิณวงศ์มุ่งหน้าไปยังเมืองพรมสาลี พระทิณวงศ์ปลอมเป็นชายพิการแอบในอุทยานเพื่อทดสอบใจ นางทิพย์มณฑาประพาสอุทยานได้พบกับชายพิการแล้วสนทนาด้วย พระขนิษฐาอีก 7 คนที่ตามมาด้วยริษยานางทิพย์มณฑาเป็นทุนเดิมจึงนำความไปเท็ดทูลท้าวอภัยนุ สิน ท้าวอภัยนุสินกริ้วจึงขับนางทิพย์มณฑาไปอยู่กระท่อมปลายอุทยานกับคนพิการ จนเมื่อพระทิณวงศ์ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์นั่นเองทำให้กลับคืน พระราชวังได้ในที่สุด แต่เหตุวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อขนิษฐาทั้ง 7 คนยุยงให้นางทิพย์มณฑาลองใจพระทิณวงศ์ว่ารักจริงหรือไม่ให้คั่วทรายสาดหน้า นางทิพย์มณฑาทำตามแต่พระทิณวงศ์ให้อภัย นางทั้ง 7 ยังไม่วายยุยงซ้ำอีกให้นางทิพย์มณฑาลองใช้มีดสับหน้า คราวนี้พระทิณวงศ์โกรธขี่ม้าหนีไปเพราะตนถูกทำลายโฉมให้อับอายผู้คน นางทิพย์มณฑาวิ่งตามไปง้องอนแต่ไม่เป็นผล ในครั้งนั้นเองถึงคราวสิ้นสุดอายุของนาง นางทิพย์มณฑาพบปี่ที่พระวิษณุกรรมมาบรรดาลไว้ นางหยิบขึ้นมาเป่าเป็นเสียงไพเราะ แต่ทำให้นางใช้ลมมากจนแทบขาดใจ ประกอบกับความเสียใจนางจึงเป่าซ้ำจนขาดใจตาย พระทิณวงศ์ย้อนกลับมาเห็นร่างไร้ลมหายใจของคู่รักก็เกิดความโสมนัสหนักหนาจน ขาดใจตายไปอีกคน ร้อนถึงพระอินทร์ต้องมาชุบชีวิตให้ฟื้นคืนแล้วทั้งสองก็เดินทางกลับเมือง สุวรรณรัตนาที่จากมาหลายปี กล่าวถึงนางกายวัน เป็นคนที่พระบิดาของทิณวงศ์ได้หมั้นหมายเตรียมไว้ให้ เมื่อพบนางทิพย์มณฑาก็คิดกำจัดให้พ้นทางจึงร่วมมือกับยายเฒ่าบ้าบี๋คนใช้ เก่าแก่ใช้เล่ห์เพทุบายปลอมสาล์นจากท้าวพันทวงศ์พระบิดาของพระทิณวงศ์ว่าให้ พระทิณวงศ์ออกไปคล้องช้างมงคลในป่า เพื่อที่นางจะจัดการนางทิพย์มณฑาในระหว่างที่พระทิณวงศ์ไม่อยู่ พระทินวงศ์ไม่ฉุกเฉลียวใจในกลอุบายจึงจำใจลานางทิพย์มณฑาไปคล้องช้างตามพระ ราชโองการ ขณะนั้นนางทิพย์มณฑามีครรภ์แก่ใกล้คลอด ยายเฒ่าบ้าบี๋ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ เมื่อเห็นพระทิณวงศ์เสด็จออกจากเมืองไปแล้วก็ร่ายเวทมนต์สะกดคนรับใช้ ข้าราชบริพารและเหล่าทหารในเขตพระราชฐานให้หลับไหลไปจนหมด แล้วนางก็อุ้มนางทิพย์มณฑาไปให้นางกายวัน นางกายวันเห็นนางทิพย์มณฑาครรภ์แก่ก็ยิ่งเกิดความโมโหจึงเข้าทุบตีนางด้วย ความโกรธแค้นที่ทำให้นางหมดโอกาสที่จะเป็นมเหสีของพระทิณวงศ์ นางกายวันออกแรงทุบตีจนนางทิพย์มณฑาหมดสติเหมือนตาย นางกายวันและยายเฒ่าบ้าบี๋จึงนำร่างของนางทิพย์มณฑาไปทิ้งแม่น้ำ แต่นางทิพย์มณฑายังไม่ตาย นางว่ายน้ำอยู่ 7 วันจึงสามารถขึ้นฝั่งได้ในที่สุด นางกระจุ้นกระสนเอาชีวิตของตนเองและลูกในท้องให้รอดด้วยความทุกข์ลำบาก จวบจนนางคลอดพระโอรสที่มีกลิ่นกายหอมเหมือนนาง นางทิ้งพระโอรสไปดื่มน้ำที่ลำธาร ขากลับถูกช้างป่าขวางทางไว้ ระหว่างนั้นวิเรนทันผู้มีกายเป็นเหล็กเพชรมาเห็นพระโอรสน้อยก็เข้าใจว่ามีคน มาทิ้งไว้จึงนำไปชุบเลี้ยง พระทิณวงศ์ออกตามหาพระชายาและพระโอรส ต้องฟันฝ่าอุปสรรคหลายประการ ระหว่างผจญภัยพระทิณวงศ์ได้ชายาอีก 2 คนคือนางสุวรรณรัศมี และนางวันทมาลัย เป็นเวลาหลายปีกว่าที่คนทั้งหมดจะกลับมาพบและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผาสุกใน บั้นปลาย

นางสิบสอง 2531

เรื่องย่อ : นางสิบสอง (2531/1988) นานมาแล้วมีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ นนท์ และภรรยาของเขาชื่อ พราหมณี ทั้งสองมีลูกสาวถึง 12 คน ด้วยความที่ลูกเยอะฐานะทางบ้านจึงค่อยๆตกต่ำลงเงินทองที่เก็บๆไว้ก็หายไปหมดเนื่องจากต้องเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสิบสองคน อยู่มาวันหนึ่งพ่อของนางสิบสองก็ได้คิดอุบายว่าจะนำลูกๆทั้งสิบสองคนไปปล่อยป่า โดยหลอกลูกของตนว่าตนจะไปเยี่ยมญาติจะพาลูกๆไปด้วย เมื่อมาถึงกลางป่าเขาก็บอกกับลูกว่าจะไปหาผลไม้มาให้กินให้ลูกๆรอก่อน เมื่อได้โอกาสเขาก็หนีไปโดยหวังว่าจะมีคนที่ดีกว่านี้มารับเลี้ยงดู นางสิบสองรอบิดาของตนจนเหนื่อยโชคดีที่นางเภาภิรมย์น้องคนสุดท้องที่มีความฉลาดมากกว่าพวกพี่ๆ ได้นำข้าวตากโรยตามทางที่เดินมาพวกนางทั้งสิบสองจึงกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

ลักษณวงศ์ 2542

ลักษณวงศ์ (2542/1999) ท้าวพรหมทัต มีมเหสี ชื่อ สุวรรณอำภา และมีพระราชโอรส ชื่อ ลักษณวงศ์ ทรงพามเหสีพร้อมด้วยพระราชโอรสเสด็จประพาสป่า ได้พบนางยักษ์แปลงเป็นสาวสวยทำเล่ห์กลจนท้าวพรหมทัตลุ่มหลง ต่อมาจึงสั่ง ประหาร มเหสี และพระโอรส แต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยไป นางสุวรรณอำภาถูกพระยายักษ์พาตัวไป ฤๅษีนำลักษณวงศ์ไปเลี้ยงคู่กับนางทิพย์เกสร เมื่อโตขึ้นเรียนวิชาจนสำเร็จและได้นางทิพย์เกสรเป็นชายา ได้ฝากนางไว้กับฤๅษี ออกตามหามารดาจนพบและ กู้บ้านเมืองได้ และได้นางยี่สุ่น เป็นชายา นางทิพย์เกสรปลอมเป็นพราหมณ์ติดตามมาพบพระลักษณวงศ์ ด้วยความน้อยใจ จึงไม่แสดงตนให้พระลักษณวงศ์รู้ นางยี่สุ่นริษยาที่สามี ใส่ใจพราหมณ์มากจึงวางอุบาย กำจัดพราหมณ์เกสร ในที่สุดพราหมณ์ถูกประหาร ร่างของนางจึงกายเป็นหญิง ลักษณวงศ์เสียใจมาก

มนต์นาคราช 2556

เรื่องย่อ : มนต์นาคราช (2556/2013) มนต์นาคราชเรืองฤกธา ด้วยเดชะอำนาจบารมี ต่างแย่งชิงให้ได้ครองมนต์นาคี เหมือนหิรัญไกรศรี ผู้ไม่มีคุณธรรม เมฆดำบังใจ เผลอไปคิดใหญ่ค้ำฟ้า สามภพโลกานี้ ข้าต้องใหญ่ หาหนทางให้ได้เวทมนตร์ไป ถึงคิดชิงดวงใจยอกอัปสรกัลยา ริษยาสุ่มหัวใจ เหมือนดังไฟเผาชีวี หิรัญไกรศรี ฤทธีผงาดโลกาไม่ชนะใจอัปสรกัลยา มุ่งแต่ไขว้คว้าพระเวทเรืองศรี ต้องแพ้พ่ายอนันตภุชงค์คนดี จวบเวลาพ้นผ่านเนิ่นนานปี ให้กำเนิดบุตรี ดาราวดีและนิลวรรณา ดวงแก้วเทพนาคา กำหนดชะตาพี่น้องสองศรี นิลวรรณาด้อยปัญญา มีราคี จึงเชื่อคำหิรัญไกรศรี ใจนารีจึงมืดดำ ด้วยใจนางนั้นแหลกสลาย เพราะรักแพ้พ่ายดาราวดี เกลียดชังทั้งบุพการี เจ้าลืมความดี เพราะรักบังตา สำนึกบาปสุดท้าย คล้ายดังมีบุญญา ด้วยเวทมนตร์นาคราชเรืองเดชา ดลหัวใจเจ้านิลวรรณา กลับมาใช้กรรมทำความดี กลับมาใช้กรรมทำความดี

กุลาแสนสวย 2548
นิลมณี 2544
เพชรรุ้งไฟ 2543
พระสุธน-มโนราห์ 2543

เรื่องย่อ : พระสุธน-มโนราห์ (2543/2000) นางมโนห์รา เป็นธิดาองค์เล็กของท้าวทุมราชผู้เป็นพระยากินนร รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเหมือนมนุษย์แต่มีปีกและหางที่ถอดออกได้ นางมโนห์ราและพี่น้องทั้งหกได้ไปเล่นน้ำที่สระน้ำอโนดาต เจอพรานบุญที่ต้องการจับตัวนางกินรี พรานบุญได้จับนางมโนห์ราไปถวายแค่พระสุธน พระสุธนเห็นเข้าก็เกิดหลงรักนางและพานางกลับเมือง และได้อภิเษกกัน ต่อมาปุโรหิตคนหนึ่งได้เกิดจิตอาฆาตแค้นแก่พระสุธนเพราะว่าพระสุธนไม่ให้ตำแหน่งแก่บุตรของตน เมื่อถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ พระบิดาได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตได้ทำนายว่าจะเกิดภับพิบัติครั้งใหญ่ ให้นำนางมโนห์ราไปบูชายัญ ซึ่งท้าวอาทิตยวงศ์ได้ยินยอมตามนั้น นางมโนห์รารู้เข้าก็เกิดตกใจ จึงออกอุบาย ของปีกกับหางขอนางคืน เพื่อร่ายรำหน้ากองไฟก่อนจะตาย เมื่อนางได้ปีกกับหางแล้ว นางก็ร่ายรำได้สักพักก็บินหนีกลับเมืองไป ก่อนถึงเมืองได้เจอฤาษีก็ได้กล่าวกับฤาษีว่า หากพระสุธนตามมาให้บอกว่าไม่ต้องตามนางไป เพราะมีภยันอันตรายมากมาย และได้ฝากภูษาและธำมรงค์ให้พระสุธน ฝ่ายพระสุธนที่กลับจากสงครามได้ลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนห์รา เมื่อเจอพระฤาษี พระสุธนจะติดตามนางมโนห์ราต่อไป โดยมีพระฤาษีค่อยช่วยเหลือ เป็นเวรกรรมแต่ชาติที่แล้ว เพราะอย่างนี้จึงทําให้ทั้งสองเกิดมาคู่กันอีก

นางพญาไพร 2542
ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง 2541

เรื่องย่อ : ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง (2541/1998) จันทรานคร เกิดทุกข์เข็ญข้าวยากหมากแพง แห้งแล้ง ประชาชนอดอยาก องค์เหนือหัวจันทราทิตย์ฝันว่ามีโครงกระดูกยักษ์มาบอกว่า ถ้าจะช่วยบ้านเมืองได้ต้องไปตามหาดาบเจ็ดสี ไกรเดชโอรสองค์โตอาสาออกไปตามหาดาบเจ็ดสี โดยตกลงว่าถ้าอีก 1 ปี ไกรเดชยังไม่กลับมา จะให้เพชรา โอรสองค์เล็ก ซึ่งเป็นฝาแฝดกันไปตามหา

จน กระทั่งครบ 1 ปี ไกรเดชก็ยังไม่กลับมา เพชราจึงออกไปตามหาพี่ชายและดาบเจ็ดสี โดยมีเจ้าแก้ว มหาดเล็กคนสนิทตามไปด้วย เพชราเดินทางไปพบฤาษีฝ่ายดี 5 ตน คือ โอม สุ จิ ปุ ลิ เสกไม้เท้าวิเศษ ที่พอท่องชื่อฤาษีทั้ง 5 ก็จะกลายเป็นม้าบินได้ ถ้าท่องกลับหลัง ก็จะกลับเป็นไม้เท้าตามเดิม ถ้าจะให้เป็นทวน ท่องว่าไงจำไม่ได้ ไม้เท้าพูดได้ด้วย แล้วก็ให้ลูกแก้วที่อมแล้วยืดหยุ่นตัวได้ให้เจ้าแก้ว

เพชรากับแก้ว หลงเข้ามาในเขตเมืองมนุษย์ครุฑา ครุฑาเทพจึงสาปทั้งสองให้กลายเป็นกวาง เพื่อกันไม่ให้ธิดาของตนผิดหวังกับพวกมนุษย์ สุวรรณมาลัยเป็นธิดาของครุฑาเทพที่เกิดจากนางมนุษย์ เพชราเห็นสุวรรณมาลัยก็หลงรัก และบอกนางว่าตนถูกบิดาของนางสาป สุวรรณมาลัยเลยหาทางแก้คำสาปให้ และหาทางเอาไม้เท้ามาคืนให้ เมื่อสุวรรณมาลัยแก้คำสาปให้เพชราและแก้วกลับเป็นมนุษย์ ก็ตกใจเพราะไม่เคยเห็นมนุษย์ผู้ชายมาก่อน เพชราเกี้ยวนาง และบอกว่าจะรอนางที่สวน แต่สุวรรณมาลัยไม่ยอมลงมาหา เพชราจึงแปลงเป็นนางกำนัลขึ้นไปหาบนตำหนัก ทั้งสองอยู่ด้วยกันหลายวันจนนางกำนัลสงสัยเลยไปบอกครุฑาเทพ

ครุฑา เทพจึงจับได้ว่าเพชราลักลอบเข้าหาธิดาของตน เพชราหนีออกจากนครมนุษย์ครุฑา แต่ครุฑาเทพตามมาทันจึงต่อสู้กัน เพชราสู้ลมพายุของครุฑาเทพไม่ได้ แต่สุวรรณมาลัยมาช่วยไว้ เอาตัวแลกบินเข้าไปในพายุ ครุฑาเทพจึงต้องยอมไว้ชีวิตเพชรา และจะจัดงานอภิเษกให้ แต่เพชราขอออกไปตามหาพี่ชายและดาบเจ็ดสีก่อน ครุฑาเทพจึงยอมปล่อยไปและให้สัญญาว่าจะต้องกลับมาให้สุวรรณมาลัย เพชรา กับแก้วเดินทางต่อไป ต่อสู้กับพวกภูติปิศาจมากมาย ไปจนถึงสถานที่ที่แห้งแล้ง ไร้น้ำ ไร้อาหาร จนสุดท้ายก็สลบไป มาฟื้นอีกทีก็พบว่าตัวเองได้รับการดูแลอยู่ในเมืองประหลาด คือทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง แม้แต่ทหารก็เป็นผู้หญิง มีแต่จ้าวผู้ครองเมืองคนเดียวที่เป็นผู้ชาย จึงได้รู้ว่าเมืองนี้ชื่อนครเนมิน มีธิดาชื่อ วนาลี ตอนแรกวนาลีคิดว่าเพชราเป็นไกรเดชที่เคยเดินทางผ่านเมืองนี้ แต่พอดูดีๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ เพชราทำเจ้าชู้ใส่วนาลี วนาลีบอกว่าเพชราเหมือนคนที่ตนเคยรู้จักเมื่อประมาณ 1 ปีมาแล้ว เพชรารู้ว่าวนาลีหมายถึงไกรเดชจึงถามว่าไกรเดชอยู่ที่ไหน ต่อท้าย #2 26 ม.ค. 2554 , 18:11:56 วนาลีบอกว่า ไกรเดชหายสาปสูญไป หลังจากไปต่อสู้กับพ่อมดผาดำ และตัวเองก็ถูกอนันตนาคราชหมายปอง แต่เพราะไม่ยอม อนันตนาคราชเลยฆ่าผู้ชายทุกคนในเมืองทิ้ง ยกเว้นองค์เหนือหัว และปิดทางออกจากนครเนมินด้วยความแห้งแล้งไม่ให้ใครหนีไปได้ และคืนนี้ถ้าหากวนาลีไม่ยอมเป็นชายาของอนันตนาคราช ก็จะขึ้นมาฆ่าทุกคนในเมือง

เพชราอาสาช่วยทุกคน คืนนั้นวนาลีลอยประทีปให้อนันตนาคราชขึ้นมารับตัว เพชราเข้าไปขวางและต่อสู้ทำให้วนาลีไม่ต้องตกเป็นของอนันตนาคราช เพชราและแก้วไปต่อสู้กับพ่อมดผาดำเพื่อล้างคำสาปให้นครเนมิน แต่ถูกพ่อมดผาดำสาปให้กลายเป็นหินทั้งคู่ รวมทั้งไม้เท้าแก้วด้วย

นก แก้วตัวหนึ่งบินมาบอกวนาลีว่า ให้ไปช่วยเพชราจากการถูกสาป วนาลีไปถึงหน้าปากถ้ำของพ่อมดผาดำ ซึ่งมีร่างของเพชราและแก้วยืนอยู่ นกแก้วบอกวนาลีว่า จะต้องใช้เลือดของนางผสมกับผงวิเศษของพ่อมดผาดำ ที่เก็บอยู่ใต้หมอนของมัน วนาลีพยายามทำทุกอย่าง เพื่อจะได้ผงวิเศษมา ทั้งเสี่ยงตายเข้าไปในถ้ำ และจูบกับสัตว์น่าเกลียด และฆ่าพ่อมดผาดำตาย (มั้ง)

วนาลีฆ่าตัวตายเพื่อใช้เลือดตัวเองผสมกับผงวิเศษ ตามที่นกแก้วบอก นางเอาเลือดตัวเองป้ายร่างของเพชราและแก้ว และทั้งสองก็พ้นคำสาป เมื่อเห็นวนาลียอมเสียสละตัวเอง ก็ช่วยทำให้นางฟื้น ต่อท้าย #3 26 ม.ค. 2554 , 18:12:38 (วิธีไหนก็จำไม่ได้แล้ว)

เมื่อพ่อมดผาดำตาย นครเนมินก็พ้นคำสาป อนันตนาคราชหนีรอดไปได้ เพชราจึงออกเดินทางตามหาดาบเจ็ดสี และไกรเดชต่อไป

สิงห์ เป็นหนุ่มพเนจรเร่ร่อน พอดีหนีพวกโจรเข้าไปติดอยู่ในถ้ำสมบัติ แต่สิงห์ไม่ใช่คนโลภเลยไม่เอาสมบัติไป แต่อธิษฐานขอว่าถ้ามีของชิ้นไหนที่ตัวเองมีบุญพอขอให้กระเด็นออกมา ก็มีแหวนวงนึงกระเด็นออกให้สิงห์ แต่พอกำลังจะออกจากถ้ำ ก็ถูกปิศาจที่เฝ้าถ้ำขังเอาไว้ สิงห์เผอิญไปถูถูกหัวแหวน ทำให้มี 2 กุมาร ฤทธิ์ และ เดช ออกมา (เหมือนตะเกียงจินนี่อ่ะ) ฤทธิ์เดชบอกว่าเป็นกุมารในแหวน มีหน้าที่คอยรับใช้ผู้เป็นเจ้าของแหวนจะสั่งมา มีแค่ 2 อย่างที่ทำไม่ได้ (มั้ง) คือ ทำให้คนรักกันไม่ได้ และไม่สามารถสู้อำนาจดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงได้

สิงห์ขอให้ทั้งสองพาออกจากถ้ำ สิงห์เดินทางหนีพวกปิศาจไปถึงอุตรนคร นครนี้มีธิดางดงามชื่อ อมราวดี แต่นางมีนิสัยโหดร้าย เพราะได้รับการเลี้ยงดูจากแม่เฒ่าเมาฬี ซึ่งเป็นปิศาจแมว อมราวดีหลอกล่อให้ผู้ชายมาหลงรักตน และต้องตายถ้าหากหาของที่ตนต้องการมาให้ไม่ได้ และร่างของคนที่ตายก็จะกลายเป็นปุ๋ยให้ต้นกุหลาบดำ มเหสีอำภา แม่ของอมราวดีไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอมราวดี แต่เพราะเหนือหัวอุตระก็มีนิสัยโหดเหี้ยมเช่นกัน จึงไม่สามารถทำอะไรได้

สิงห์ มาอาศัยอยู่กับตายายเฝ้าอุทยาน และออกไปช่วยทำสวน เมื่อเห็นอมราวดีก็หลงรัก ทั้งที่ตายายเตือนแล้วว่านางมีไฟในดวงตา (มันคงเป็นเสน่ห์และความร้อนแรงมั้ง เวลาที่สิงห์จ้องตาอมราวดีครั้งแรกก็เห็นเปลวไฟลุกอยู่ในดวงตา) จึงให้ตายายไปสู่ขอ ตายายกลัวถูกประหารแต่ก็ไปขอให้ อมราวดีนึกสนุก จึงขอสะพานเงินสะพานทองพร้อมขบวนขันหมากเงินขันหมากทองทอดจากอุทยานมาที่ ตำหนักของตนพรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่มีจะถูกประหาร

คืนนั้นสิงห์จึงให้ ฤทธิ์และเดชเนรมิตสะพานเงินสะพานทองให้ อมราวดีตื่นมาเห็นก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะมีใครทำได้ จะไม่ยอมแต่งงาน แต่แม่เฒ่าเมาฬีบอกว่าให้ยอมแต่งงานไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีกำจัด

อมราวดี แกล้งทำเป็นรักสิงห์ และหลอกถามสิงห์ว่าเพราะอะไรถึงเสกสะพานเงินสะพานทองมาได้ สิงห์หลงกลอมราวดีทั้งที่ฤทธิ์กับเดชเตือนแล้วว่าอย่าไว้ใจนาง บอกว่าที่ทำได้เพราะมีแหวนวงนี้ อมราวดีแย่งแหวนไป และจะฆ่าสิงห์ แต่สิงห์หนีรอดไปได้ ระหกระเหินไปเจอเพชรากับแก้วช่วยไว้ จึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เพชราอาสาช่วยสิงห์ ด้วยการแกล้งขี่ม้าผ่านอุตรนคร ให้เหนือหัวอุตระและอมราวดีเห็น ก็เกิดความโลภอยากได้ม้า จึงเชิญเพชราเข้ามาในวัง

เพชราหลอกล่อ ชิงหัวแหวนวิเศษกลับคืนมาให้สิงห์ได้ สิงห์แก้แค้นด้วยการลักพาตัวอมราวดีออกจากเมืองให้มาตกระกำลำบากในป่า อมราวดีฤทธิ์มากและร้ายกาจ แต่สิงห์ก็ไม่ยอมใจอ่อนให้ เพราะแค้นฝังใจ เพชรากับสิงห์แยกทางกัน เพราะเพชราจะต้องเดินทางไปตามหาดาบเจ็ดสี อมราวดีพยายามหนีสิงห์ แต่ก็ไม่เคยไปรอด แม่เฒ่าเมาฬีออกมาตามหาอมราวดี โดยให้ผีดิบกาฬราชช่วยตามหา โดยเอาอมราวดีมาล่อว่าจะได้นางเป็นชายา

เพ ชราเดินทางมาถึงเขตถ้ำมรกต ต้องผจญกับยักษ์ที่เฝ้าสระมรกต ยักษ์กินแก้วเข้าไป โดยให้เพชราตอบปัญหาถ้าตอบได้ก็จะคลายแก้วออกมาให้ เพชราตอบได้ แก้วเกือบไม่รอด พอผ่านยักษ์ข้างหน้าแล้วก็เจอกับบรรดาปิศาจที่เฝ้าถ้ำ รวมถึงภาพมายาต่างๆ ที่แสดงให้เห็นไกรเดช สุวรรณมาลัย วนาลี นกแก้ว และสิงห์ แต่ก็รอดมาได้

จน กระทั่งถึงด่านสุดท้าย เป็นโครงกระดูกยักษ์ที่เคยมาเข้าฝันกษัตริย์จันทราทิตย์ให้มาตามหาดาบเจ็ด สี คือโครงกระดูกนี่ต้องการหาตัวตายตัวแทนมาเฝ้าดาบแทน (ประมาณนั้นมั้ง จำไม่ค่อยได้) เพชราต่อสู้กับโครงกระดูกยักษ์ ในที่สุดก็ชนะได้และได้ดาบเจ็ดสีกลับไปช่วยบ้านเมือง ต่อท้าย #4 26 ม.ค. 2554 , 18:13:09 ลืมบอกไปอีกอย่างด้วยว่า สิงห์มีหมาดำตัวนึง ชื่อ ดำทมิฬ คอยติดตามรับใช้ตลอดเวลา (กาฬชอบดำทมิฬมากเลย)

อมราวดี ระหกระเหินอยู่กับสิงห์จากความเกลียดเริ่มกลายเป็นความซาบซึ้งใจนิดๆ ที่สิงห์ช่วยเหลือตนจากสัตว์ร้าย กาฬราชสาปให้สิงห์กลายเป็นแวมไพร์ โดยมีข้อแม้ว่าถ้าจะแก้คำสาป ต้องได้ความรักจากผู้หญิงที่เกลียดตนที่สุด หรือไม่ก็มณีเจ็ดแสง กาฬราชและเมาฬีแยกสิงห์กับอมราวดีออกจากกัน เพื่อไม่ให้สิงห์พ้นคำสาปได้

ฝ่ายวนาลีได้แปลงเป็นผู้ชายออกเดินทางตามหาเพชรา เพราะต้องการดาบเจ็ดสีมาแก้คำสาปให้ไกรเดช

ระหว่าง ทางที่เดินทางกลับ พวกเพชรา แก้ว ไม้เท้า มาพบสิงห์ที่บาดเจ็บ พักแรมในป่า ท้าวพันตาผ่านมาเห็นก็อยากได้ดาบเจ็ดสี จึงสะกดทุกคนให้หลับ แล้วขโมยดาบเจ็ดสีไป ก่อนจะโยนทุกคนกระเด็นไปคนละทาง เหลือแต่หมาดำกับไม้เท้าที่ท้าวพันตาไม่สนใจ เพชรากระเด็นไปตกบนยอดปราสาทบนยอดเขาของ ลีลาวดี ธิดาของท้าวพันตา ฝ่ายไม้เท้ากับดำทมิฬตื่นมาไม่เห็นทุกคนก็ออกตามหาจนมาเจอแก้วกับสิงห์

ท้าว พันตานำดาบเจ็ดสีที่ขโมยมาได้ ไปขู่บังคับให้ครุฑาเทพยก สุวรรณมาลัยให้เป็นมเหสีตน แต่เมื่อมาพบว่าสุวรรณมาลัยกำลังครรภ์แก่ ก็ประหลาดใจ แต่ยังไงก็ยังต้องการนางไปเป็นมเหสี จึงนำนางกลับไปยังนครพันตา

ฝ่ายเพชราได้พบกับลีลาวดีก็จีบเค้าอีก จนได้รู้ว่า ท้าวพันตาที่ขโมยดาบเจ็ดสีไป เป็นบิดาของนาง เพชราจึงหาทางเอาดาบเจ็ดสีคืน

สิงห์ กลับไปช่วยอมราวดีออกมาจากถ้ำค้างคาว และได้แหวนวิเศษคืนมา จึงให้ฤทธิ์กับเดชไปตามเพชรา แต่เพชรายังไม่ยอมกลับ เพราะจะชิงดาบเจ็ดสึคืน

พวกนางสนมของท้าวพันตาไม่พอใจที่ท้าวพันตาจะ เอาสุวรรณมาลัยมาเป็นมเหสี จึงส่งจดหมายไปบอกลีลาวดี ลีลาวดีไม่พอใจและเสียใจมากจึงมาเอาเรื่องกับท้าวพันตา ท้าวพันตาจึงให้อัคนี ซึ่งเป็นหลานชายมาดูแลลีลาวดี เพราะหวังอยากให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่ลีลาวดีไม่ได้รักอัคนี

คืน วันพระจันทร์เต็มดวง สิงห์ถูกกาฬราชครอบงำให้ไปชิงดาบเจ็ดสีจากท้าวพันตามาให้กาฬราช ทำให้สิงห์ได้รับบาดเจ็บ อมราวดีจึงรู้ว่า สิงห์กลายเป็นผีดิบ

เพ ชรารู้เรื่องสุวรรณมาลัยจากลีลาวดี ไหนยังจะดาบเจ็ดสีอีก ลีลาวดีเห็นใจเรื่องดาบเจ็ดสี แต่ไม่รู้ว่าเพชรามีชายาอยู่แล้ว ใจก็นึกเอนเอียงมาหาเพชรา เพชราต่อสู้กับท้าวพันตาจนถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้า

นาง สนมของท้าวพันตาช่วยพาสุวรรณมาลัยหนีออกไปได้ ท้าวพันตาออกติดตามไป สุวรรณมาลัยหนีไปพบกับวนาลีที่ปลอมตัวเป็นชายและพวกโจรป่า นางคลอดลูกกลางป่า เป็นโอรสฝาแฝดที่มีบุญญาธิการ เกิดมาแล้วโตเท่าเด็กอายุ 10 ขวบเลย ชื่อ พนาเวศ พนมวัน มีต่างหูเพชรคนละข้างเป็นอาวุธ

พนาเวศพนมวันออกมาเจอท้าวพันตาและ ต่อสู้กัน ทำให้น้ำเต้าตกเพชรากระเด็นหลุดออกมาและชิงดาบเจ็ดสีคืนมาได้ เพชราได้พบโอรสทั้งสอง แต่ไม่รู้ว่าเป็นลูกของตน พนาเวศพนมวันเล่าให้สุวรรณมาลัยฟังว่าเจอเพชรา สุวรรณมาลัยได้ฟังก็รู้ว่าเป็นสวามีของตน ก็เจ็บใจที่เพชราได้ดาบเจ็ดสีแล้วไม่กลับมาหาตน ปล่อยให้ต้องตกระกำลำบาก

พนาเวศพนมวันรู้ว่าพ่อของตนเป็นใครก็ ออกตามหา และจับยุงผีตัวยักษ์ได้ไว้เป็นพาหนะ จนมาเจออนันตนาคราช อนันตนาคราชล่อหลอกจนรู้ว่าทั้งสองเป็นโอรสของเพชรา จึงหลอกจับตัวไว้ได้เพื่อเป็นเหยื่อล่อ แต่พนาเวศพนมวันหนีรอดมาได้ หนีแต่ยุงผี อนันตนาคราชบอกกับเพชราเรื่องที่มีโอรสทั้งสองเป็นตัวประกัน เพชราจึงได้รู้ว่า สุวรรณมาลัยมีลูกกับตน และเด็กที่เจอก็คือลูก เพชราช่วยยุงผีออกมาได้ และได้มาพบโอรสที่พระฤาษีทั้ง 5 ช่วยไว้ เพ ชราไม่อยากจะเชื่อที่โอรสของตนจะโตได้เร็วขนาดนี้ พนาเวศพนมวันมาพบสุวรรณมาลัย นางก็โกรธจนไม่ยอมคืนดีด้วย วนาลีรู้เรื่อง ก็อยากจะขอยืมดาบเจ็ดสีไปแก้คำสาปให้ไกรเดช แต่คิดว่าเพชราคงไม่ให้ยืม ต่อท้าย #5 26 ม.ค. 2554 , 18:13:40 สิงห์พาอมราวดีเดินทางไป ตามหามณีเจ็ดแสงที่ป่าหิมพานต์ เพราะคิดว่าคงไม่มีหว้งที่จะได้รับความรักจากอมราวดี อมราวดีถูกวิทยาธรชิงตัวไป สิงห์เข้าไปช่วยจนได้รับบาดเจ็บ แต่เพราะตนมีเลือดผีดิบจึงไม่ตาย ดำทมิฬเรียกไม้เท้ามาช่วย อมราวดีช่วยดูแลสิงห์ด้วยความสงสาร แต่สุดท้าย นางก็ขโมยแหวนวิเศษหนีกลับอุตระนคร เพราะกลัวว่าตนเองจะหลงรักสิงห์ ไม้เท้าจึงต้องกลับไปหาเพชรา เพื่อตามเพชรามาช่วยสิงห์ที่ป่าหิมพานต์ อัคนีอยากจะเอาชนะใจลีลาวดี จึงไปตามเพชราไปเพื่อชิงดาบเจ็ดสี

เมื่อ เพชรามาถึงป่าหิมพานต์พร้อมกับดาบเจ็ดสี ทำให้มณีเจ็ดแสงปรากฏขึ้นพร้อมกับเทพธิดาน้อยผู้ดูแลรักษา เพราะดาบเจ็ดสีและมณีเจ็ดแสงเป็นอาวุที่ดึงดูดกัน และเมื่อพบกันก็จะเข้าห้ำหั่นกันทันที สิงห์ได้มณีเจ็ดแสงมา แต่ต้องคอยคืนวันเพ็ญก่อน อัคนีจึงหลอกล่อชิงมณีเจ็ดแสงมาได้

อมราวดีรู้ใจตนเองว่ารักสิงห์ จึงให้ฤทธิ์กับเดชพานางกลับมาหาสิงห์ สิงห์ดีใจมากที่ในที่สุดอมราวดีก็รักตน

พนาเวศ พนมวันช่วยกันออกตามหานกแก้วไกรเดช มาเจอท้าวพันตาและถูกท้าวพันตาฆ่าตาย เพชรามาไม่ทัน มาเจอโอรสถูกฆ่าตายแล้วก็เสียใจ สุวรรณมาลัยรู้เรื่องก็เป็นลมหมดสติ เพชรามัวแต่ห่วงสุวรรณมาลัย ท้าวพันตาจึงหนีรอดไปได้ ครุฑาเทพที่ออกมาตามหาธิดาจึงพาสุวรรณมาลัยกลับนครมนุษย์ครุฑา

เพ ชราและครุฑาเทพแค้นใจท้าวพันตา เพชราจึงคิดจะกลับไปฆ่าท้าวพันตาที่นครพันตา แต่ท้าวพันตารู้ทัน เลยแลกห้องนอนกับลีลาวดี เพราะรู้ว่า เพชราชอบลูกสาวตนอยู่คงไม่ทำอะไรนาง

เพชราเข้ามาเจอลีลาวดีแทนที่จะเป็นท้าวพันตาก็โกรธแค้นมาก หาว่าท้าวพันตาขี้ขลาด ลีลาวดีทะเลาะกับเพชรา จนเพชราข่มเหงนางเป็นการแก้แค้น ว่าถ้าทำลายลูกที่รักดังแก้วตาดวงใจของท้าวพันตาได้ก็เหมือนท้าวพันตาได้ ตายทั้งเป็น

พอท้าวพันตารู้ว่าลีลาวดีตกเป็นของเพชราแล้วก็แค้นใจ จนกระอักเลือด แต่อัคนีก็ยังคงพยายามจะเอาชนะใจลีลาวดีอย่างไม่รังเกียจ เพชรากลับมาอยู่กับสุวรรณมาลัยที่นครมนุษย์ครุฑา ในขณะที่ใจก็ยังคิดถึงลีลาวดีอยู่บ้าง จนเผลอแสดงอาการให้สุวรรณมาลัยหึงหวง ต่อท้าย #6 26 ม.ค. 2554 , 18:14:13 เพ ชราออกตามหานกแก้วไกรเดชต่อ จนพบ แต่เพราะคำยุยงของ อนันตนาคราชและกาฬราชที่แปลงเป็นฤาษีหลอกว่าต้องฆ่านกแก้ว ไกรเดชจึงจะออกมาจากร่างนกแก้วได้ เพชราทำตามนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าฆ่าไกรเดชตาย โดยที่เพชราก็ยังไม่เข้าใจ

กาฬราช และอนันตนาคราชยุยงวนาลี ว่าเพชราฆ่าไกรเดช แต่กาฬราชสามารถชุบชีวิตไกรเดชขึ้นมาใหม่ได้ และบอกว่า จันทรานครล่มสลายไปแล้วเพราะความแยกแค้นแสนเข็ญ ทั้งไกรเดชและเพชรากลับไปไม่ทัน ไกรเดชโกรธแค้นคิดว่าเป็นความผิดของเพชรา

ไกรเดชและวนาลีจึงเดินทางตามหาเพชราและพยายามจะแย่งชิงอาวุธวิเศษมา

ระหว่าง นี้ ดาบเจ็ดสี และ มณีเจ็ดแสง ก็ถูกเปลี่ยนมือไปมา จนเวียนหัว กาฬเองก็จำไม่ได้ว่า ใครได้ก่อน จำได้แต่ว่า ไกรเดชได้ดาบเจ็ดสี เพชราได้ดาบมณีเจ็ดแสงสลับกับดาบเจ็ดสี อัคนีก็ได้ดาบเจ็ดสีสลับกับมณีเจ็ดแสง บางทีดาบกับมณีก็ไปตกอยู่กับ กาฬราช แม่เฒ่าเมาฬี อนันตนาคราช ใครได้อาวุธไปครองก็ต่างเกิดความระแวงกลัวถูกหักหลังกัน

ท้าวพันตา กลัวว่าตนจะไม่สามารถรับมือกับอาวุธวิเศษทั้งสองได้ จึงไปพบฤาษีฝ่ายชั่ว คือ โอม อะ โล โม โต เสกม้าเท้าดำขึ้นมาต่อสู้กับไม้เท้าแก้วของเพชรา ในขณะที่สิงห์กำลังมี ความสุขกับอมราวดี ก็ถูกกาฬราชใช้มุกเดิม ทำให้สิงห์กลายเป็นแวมไพร์อีกครั้ง คราวนี้วิธีแก้คำสาปเปลี่ยนเป็นอะไรไม่รู้ แต่อย่างหนึ่งคือ ต้องได้ยินคำบอกรักจากอมราวดี กาฬราชจึงจับสิงห์กับอมราวดีแยกจากกัน

อมราวดี ออกตามหาสิงห์จนมาพบกับไกรเดชและวนาลีท ไกรเดชสงสารและประทับใจในความงามของนางจึงเปลี่ยนใจจากวนาลีมาเป็นอมราวดี ทำให้วนาลีน้อยใจมาก

วิญญาณของพนาเวศกับพนมวัน มาเกิดใหม่ โดยคนหนึ่งเกิดในครรภ์ของสุวรรณมาลัย อีกคนเกิดในครรภ์ของลีลาวดี และคลอดออกมามีอิทธิฤทธิ์ทั้งคู่ ทั้งครุฑาเทพและท้าวพันตาเห่อหลานมาก ลูกของสุวรรณมาลัยชื่อว่า เพชรไพรวัลย์ ลูกของลีลาวดีชื่อว่า พันธาทิตย์

กุมาร น้อยทั้งสองซุกซนออกมาท่องเที่ยวจนได้พบกัน ต่างก็สงสัยเพราะทั้งสองเหมือนกันราวกับฝาแฝด ต่างกลับมาเล่าให้มารดาของตนฟัง เพชรารู้ก็คิดว่าอาจจะเป็นลูกของลีลาวดี

ลีลาวดี ขอให้อัคนีพาตนออกไปตามหาลูกที่แอบหนีออกไปเที่ยวป่า อัคนียอมพาไป ทำให้พบกับเพชราที่ออกมาตามหาเพชรไพรวัลย์เช่นกัน ทั้ง 2 ฝ่ายต่อสู้กัน อัคนีพาลีลาวดีหนีกลับนครพันตามาได้ (รึเปล่า?? ไม่แน่ใจ) ในขณะนั้น ท้าวพันตาก็บุกไปชิงตัวสุวรรณมาลัยมา เพื่อเอามาเป็นตัวประกันต่อรองกับเพชราเรื่องอาวุธวิเศษ

สุวรรณ มาลัย ได้พบกับลีลาวดี และได้รู้ว่า ลีลาวดีก็เป็นชายาอีกคนของเพชรา และมีโอรส เมื่อสุวรรณมาลัยเห็น เพชรไพรวัลย์และพันธาทิตย์พร้อมกัน ก็มั่นใจว่าคือพนาเวศกับพนมวัน 2 กุมารจึงปรองดองกันดี รวมทั้ง 2 ชายาก็ร่วมมือกันแก้เผ็ดความเจ้าชู้ของเพชรา

อมราวดีและวนาลีพลัดหลง กับไกรเดชจนถูกพวกฤาษีโอม อะ โล โม โต จับมาขังไว้ในถ้ำที่ไร้ทางออก อมราวดีพยายามใช้เวทย์มนต์ดำที่เคยเรียนรู้มาจากแม่เฒ่าเมาฬีต่อสู้กับพวก ฤาษีชั่ว จึงถูกพลังกระแทกเข้ามาจนตาบอด

ฝ่ายท้าวพันตา เรียนรู้ที่จะเอาชนะดาบเจ็ดสีและมณ๊เจ็ดแสงด้วยการดูดวิญญาณความชั่วร้าย เข้ามาใส่ในตัวเอง ท้าวพันตาจึงไปไล่ดูดมาหลายร้อยตน รวมทั้ง กาฬราช แม่เฒ่าเมาฬี อนันตนาคราช รวมทั้งไกรเดชด้วย

ท้าวพันตาชั่วร้ายและเหิมเกริมมากขึ้น จนดาบเจ็ดสีและมณีเจ็ดแสงไม่สามารถต้านกำลังได้ และคิดจะฆ่าอัคนีเพื่อดูดวิญญาณด้วย

แต่อัคนีหนีรอดมาได้ เพราะเพชรามาช่วยไว้พอดี ดาบเจ็ดสีและมณีเจ็ดแสงถูกทำลาย

อมราวดีและวนาลีหนีออกมาจากถ้ำได้ ออกมาพบสิงห์ เสียงสิงห์เรียกอมราวดี อมราวดีควานหามาตามเสียงเรียก แต่ ยังไปไม่ทันถึงสิงห์ ก็ถูกพวกฤาษียิงพลังใส่ล้มลงต่อหน้าสิงห์ สิงห์เข้าไปกอดประคองไว้ ก่อนจะตาย อมราวดีบอกรักสิงห์ออกมา ทำให้สิงห์หลุดพ้นจากคำสาป

เทพธิดาน้อยมาขอให้สิงห์รีบไปช่วยเพชราต่อสู้กับความชั่วร้าย และช่วยฝังศพอมราวดีให้

ท้าวพันตาชั่วร้ายจนสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งลูกสาวของตนเอง สิงห์ตามมาสมทบ และใช้พลังความดีช่วยอัคนีและเพชราต่อสู้กับท้าวพันตา จนสามารถฆ่าท้าวพันตาได้ในที่สุด

โลก สงบสุข ไม่มีดาบเจ็ดสีและมณีเจ็ดแสงที่คอยแต่จะล้างผลาญกัน เพชราครองรักกับสุวรรณมาลัยและลีลาวดีอย่างมีความสุข อัคนีเข้ามาปลอบใจวนาลีและทำท่าว่าจะไปได้ด้วยดี สิงห์ออกบำเพ็ญศีลอยู่ในป่าหิมพานต์โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก เพราะยังคงรักอมราวดีเพียงนางเดียว

เรื่องย่อ : ลูกที่ถูกลืม (2540/1997) พระ พิมุกเดชาได้ช่วยเหลือแม่เนิ่นจากคนที่รุมทำร้ายและได้พามาให้พักอาศัยและทำ งานอยู่ที่เรือน ลักลอบมีความสัมพันธ์กันจนแม่เนิ่นตั้งท้อง เมื่อแม่เนิ่นคลอดลูกออกมาเป็นชายก็เสียชีวิตและวนเวียนไม่ไปผุดไปเกิดด้วย ความเป็นห่วงลูกที่กลายเป็นใบ้จากสัตย์สาบานว่าจะไม่แพร่งพรายว่าพ่อของลูก เป็นใคร แต่คุณหญิงจุลกา...ภรรยาของพระพิมุกเดชาก็ระแวงว่าเจ้าใบ้เป็นลูกนอกสมรสของ สามีตน คุณหญิงเป็นคนใจคอโหดร้ายก็รังเกียจเดียดฉันท์และถ่ายทอดนิสัยใจคอสู่ ชายใหญ่...ลูกชายคนโต ตรงข้ามกับชายเล็กที่เป็นคนมีเมตตาสงสารใบ้ที่ถูกแม่กับพี่ของตนกลั่นแกล้ง และใช้เป็นที่รองรับอารมณ์เสมอ

สิงหไกรภพ 2540

เรื่องย่อ : สิงหไกรภพ (2540/1997) เรื่องราวการเดินทางของ สิงหไกรภพ โอรสที่ยิ่งใหญ่แห่งนครโกญจา ที่เมื่อครั้นยังเล็กถูกพรากไปโดยพราหมณ์จินดา ระหกระเหินมากลางป่าจนกระทั่งพบกับยักษ์ พินทุกุมาร ก็เกิดความรักจึงนำมาเลี้ยงดูเป็นบุตร สิงหไกรภพต้องสู้รบเพื่อชิงเอาพระขรรค์กลับคืนมาจากเพชรพญาทรมา และตามหา เทวี 4 ตา ผู้สามารถมองเห็นได้รอบทิศและสามารถฆ่าเพชรพญาทรได้เท่านั้น

กัณหา-ชาลี 2539

เรื่องย่อ : กัณหา-ชาลี (2539/1996) มหาเวสสันดรชาดก เป็นชีวประวัติเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก กล่าวถึงพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ในการบำเพ็ญทานบารมี ก่อนจะทรงอุบัติเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "มหาชาติชาดก" ในการเทศนา เรียกว่า "เทศน์มหาชาติ" สำหรับ กัณหาชาลี เป็น พระโอรสนาม "ชาลี" และพระธิดานาม "กัณหา" ของ พระเวสสันดร ต่อมา ชูชกได้ไปขอเด็กมาเป็นทาสรับใช้ซึ่ง พระเวสสันดร ก็ยกให้เป็นทานบารมี "ดูก่อนพ่อชาลีลูกรัก พ่อจงมาเพิ่มพูนบารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยโสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นชุ่มฉ่ำ ลูกรักขอลูกจงทำตามคำของพ่อ ขอลูกทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อไม่หวั่นไหวต่อสาครคือภพ เมื่อพ่อข้ามฝั่งคือชาติแล้ว จักยังมนุษย์ และเทวดาทั้งหลายให้ข้ามพ้นด้วย"

ทาสวังหลัง 2539

เรื่องย่อ : ทาสวังหลัง (2539/1996)

(ช) ทาสวังหลังอย่างเรา แม้ใครเขาจะเกลียดชังไม่น้อยใจ กลัวหญิง ตัดเยื่อเสียจนไม่เหลือไย (ญ) หญิงเองเปลี่ยนใจกรุณา (ช) หากทาสจะขอสมัคร จะกุมทาสรักดวงใจ (ญ) แม้หญิงจะปล่อย (ช) ทาสมิยอมไป (ญ) แล้วใครเล่าใครไม่หลงวาจา (ช) แรกรักเริ่มที่วังหลัง (ญ) เหมือนวังรักเราบูชา (ช) อย่าเป็นวังร้าง เสน่หา (ญ) โปรดเมตตานะเจ้าประคุณ (ญ) โอ้พ่อทาสวังหลัง ทั้งชีวิตคงไม่มีใครค้ำจุน (ช) เจียมน้ำ จิตตน ฉันคนมีบาปเป็นทุน (ญ) หญิงจึงแบ่งบุญ จุนน้ำ ใจ (ช) แต่ทาสกลัวช้ำดวงจิต (ญ) พ่อทาสจะคิดทำไม (ช) ชีวิตหญิงเปรียบดังฟ้าเกินไกล (ญ) ฟ้าเอนกิ่งใจให้ถึงมือดิน (ช) วังหลังจะเป็น วังรัก (ญ) สองเราภักดี ชีวิน (พร้อม) ดุจดังฟ้ารักแผ่นดิน ดุจแผ่นดินรักฟากฟ้าเอย