วาไรตี้ ผีฉลุย (2548/2005) “ต้อม เป็นเลิศ” ผู้มีความฝันที่จะเป็นผู้กำกับหนังใหญ่ฉายโรงใหญ่ๆ เหมือนกับอีกหลายๆ ต้อมที่ได้เป็นกันไปแล้ว แต่ความฝันก็คือความฝันที่เป็นได้เพียงแค่ความฝัน ถึงแม้ต้อมจะไม่ได้เป็นอย่างในฝัน แต่ในโลกแห่งความจริง ต้อมก็ยังโชคดีที่มีเพื่อน “ติ๊ก, ดู๋, แป่ว, เน็ก และ น้องลูกหมี” เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมโลกที่เขารู้จัก ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงที่ยังไงก็ไม่สวยงามเหมือนความฝันอยู่แล้ว เขาจึงกลับมามีความสุขและสนุกกับโลกแห่งความจริงได้อีกครั้ง “ต้อม เป็นเลิศ” (หม่ำ จ๊กม๊ก-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) เป็นผู้กำกับหนังสั้นระดับมือรางวัลหลายสถาบันรับรอง แต่เมื่อเขาคิดจะขยับมาลองกำกับหนังใหญ่และยาวกว่าเดิมในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำจึงไม่ใช่ของง่าย เพราะลำพังแค่จะกินให้ครบ 3 มื้อก็ยังยาก แถมที่เป็นปัญหาใหญ่สุดอีกอย่างของต้อมคือเขาเป็นคนที่เกลียดและกลัว “ผี” มากๆ ในขณะที่ตลาดทั่วโลกเวลานี้เป็นเวลาที่หนังผีกำลังบูมสุดๆ เส้นทางชีวิตของต้อมจึงสวนทางกับความสำเร็จอย่างช่วยไม่ได้ “ดู๋-ปัญญา นิรันดร์กาล” (เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม) โปรดิวเซอร์รายการทีวีวาไรตี้ เจ้าของบริษัท “Work 100” ที่กำลังเข้าตาจนสุดๆ เพราะเมื่อรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” รายการแรกในรอบ 10 ปีของเขาผ่านการอนุมัติจากช่อง ทีมงานคู่บุญทั้งหมดของดู๋ดีใจมากฉลองกันจนสว่างที่ภูเก็ต เลยโดนคลื่นสึนามิกวาดลงทะเลไปหมด ดู๋จำเป็นต้องหาทีมงานใหม่มาแทนอย่างเร่งด่วนชนิดชั่วโมงเดียวได้ และต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ ไม่เรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ที่พึงมีพึงได้ นอกจากที่กินที่นอนและความเป็นเพื่อนเท่านั้นที่ดู๋ยังมีเหลืออยู่ “ติ๊ก เดอะสตาร์” (ติ๊ก กลิ่นสี-ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) เพื่อนซี้หารสองค่าเช่าห้องเดียวกันกับต้อม มีอาชีพเป็นตัวประกอบอดทนและทนอดให้กับการแสดงทุกชนิดในประเทศไทย ติ๊ก เดอะสตาร์คือไข่มุกเนื้องามที่รอวันเจียรไน ติ๊กหวังว่าจะมีผู้กำกับตาถึงและใจถึงมาค้นพบไม่วันใดก็วันหนึ่ง และเมื่อวันที่ต้อมและดู๋มาทาบทามให้ไปเป็นพิธีกรภาคสนามรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” จึงเป็นโอกาสดีที่ติ๊กไม่ยอมปล่อยให้หลุดลอยเป็นเด็ดขาด “น้องแป่ว” (เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร) นักศึกษาเพิ่งจบสดๆ ชิลล์ๆ เธอเป็นหลานคนเดียวของดู๋เจ้าของบริษัท Work 100 ซึ่งกำลังขาดทีมงานพอดี น้องแป่วจึงโชคดีไม่ต้องตกงานเหมือนเพื่อนๆ อีกหลายคน เธอเหมาโหลเป็นทั้งเลขา ผู้ช่วย ผู้จัดการกอง และอีกหลายๆ ตำแหน่งที่ว่างอยู่พร้อมๆ กันทีเดียวเลย ถึงแม้ว่าเธออาจจะยังน้อยประสบการณ์ แต่หากขาดเธอผู้ซึ่งมีคติประจำใจว่า “กลัวอดมากกว่ากลัวผี” รายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” อาจจะ Stop ตั้งแต่ยังไม่ Start ก็เป็นได้ “Supernext” (ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง) ศิลปินใหม่แกะกล่องของค่ายเฮียกู๋ยักษ์ใหญ่วงการเพลง อนาคตจึงต้องได้เป็นนักร้องดาวรุ่งขวัญใจวัยโจ๋คนล่าสุดอย่างไม่มีข้อสงสัย โดยเฉพาะกับอัลบั้มชุด“ไม่กลัวผี” Supernextจึงต้องมาเป็นพิธีกรรับเชิญภาคสนามคู่กับ “ติ๊ก เดอะสตาร์” เพราะคอนเซปต์ของเพลงแมตช์กับรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” มั้กๆ เมื่อหลังชนฝาหมาจนตรอกด้วยกันทุกคน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อนครั้งนี้จึงไม่ต่างจากการช่วยตัวเอง (Self Service) กฎเกณฑ์นี้ส่วนใหญ่จะมีใช้กันเฉพาะร้านอาหารฟาส์ตฟูดจากตะวันตก แต่ปัจจุบันนี้ก็แพร่หลายได้รับการยอมรับไปแล้วทั่วโลก จึงเป็นเรื่องอินเทรนด์ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างไร “น้องลูกหมี” (แจ็ค แฟนฉัน-เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ยินดีเสิร์ฟน้ำทุกที่ที่มีนักร้องหรือดาราขวัญใจวัยกรี๊ด ค่าแรงรายวันไม่สำคัญสำหรับเธอ ขอเพียงไห้มีโอกาสได้ใกล้ชิดศิลปินคนโปรดแถมได้ลายเซ็นมานอนกอดก็ถือเป็นความสุขที่สุดของชีวิตเด็กเสิร์ฟน้ำอย่างเธอแล้ว ทุกคนต่างเพศ ต่างวัย ต่างความคิดกัน แต่มีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือ “กลัวผี” วันนี้พวกเขาและเธอจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อรับมือกับผีและต่อยอดความฝันของแต่ละคนกับรายการ “Ghost Variety คน ค้น ผี” วัดไหน ตึกไหน บ้านไหน ซอกไหน ซอยไหน มีข่าวว่าเฮี้ยน ลือกันว่าผีดุ พวกเขาจะเสี่ยงตายเอาชีวิตเข้าแลก บุกไปค้นไปถ่ายไปตามล่าหาผีตัวเป็นๆ มา On Air ให้ผู้ชมได้เสียวได้เกร็งกันถึงห้องนอน เมื่อรายการทีวี “Ghost Variety คน ค้น ผี” ได้ออนแอร์ก็ประสบความสำเร็จมีเรตติ้งสูงสุด พร้อมกับได้รับรางวัลต่างๆ จากภาครัฐทุกองค์กรทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องมากมาย ผลงานมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก บวกกับได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากโปรดิวเซอร์ใหญ่และเพื่อนๆ ต้อมจึงได้เป็นผู้กำกับหนังยาวและใหญ่สมความตั้งใจในที่สุด
Art Of The Devil ลองของ (2548/2005) เรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างเด็กวัยรุ่นทั้ง 6 คน…ต๊ะ ปอ คิ้ม แต นุช และโก้ ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่ต่างจังหวัด ปัจจุบันทุกคนแยกย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพ… มหานครแห่งทางเลือกและอนาคตที่ดีกว่า … พวกเขามีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงปิดเทอม ด้วยการกลับมาเยี่ยม “ ครูพนอ ” อดีตครูที่เคยสอนพวกเขาสมัยมัธยมและเป็นแม่เลี้ยงของต๊ะ …… และเหตุการณ์ที่ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในช่วงเวลาค่ำคืนแห่งความน่ากลัวนั้น… ความลับในอดีตบางอย่างของเพื่อนทั้ง 6 ที่ไม่เคยปริปากบอกกันก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมาพร้อมกับการตายอย่างสุดสยอง…. เรื่องราวเกี่ยวพันกับครูพนอ ครูสาวเสน่ห์แรงแม่เลี้ยงของต๊ะ เสน่ห์ของเธอแรงจนชายที่อยู่รอบตัวเธอต่างพากันหลงใหลและทำของใส่เธอเพื่อให้เธอหลงเสน่ห์ เมื่อการโดนของเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจน ทำให้เธอเสียสติ เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จะเพี้ยน บ้าเหมือนคนโรคจิต ครูพนอพยายามที่จะเอาของออกจากตัวเธอ โดยได้เดินทางไปหาหมอแขกเพื่อทำพิธีให้ด้วยการกินเนื้อสดๆ ของผู้ที่ทำของใส่เธอ แต่เกิดความผิดพลาดแทนที่ของจะออกจากตัวเธอ มันกลับส่งผลทำให้เธอมีพลังและอำนาจมากขึ้น เธอถลำลึก และ กลับกลายเป็นผู้หลงใหลในไสยศาสตร์มนตร์ดำนั้นเสียเอง …. และในค่ำคืนนี้ครูพนอจะใช้มนตร์ดำ กับ ลูกศิษย์ของเธอ และพาพวกเธอเข้าสู่โลกแห่งการชำระแค้นด้วยไสยศาสตร์….
In the Name Of the Tiger เสือภูเขา (2548/2005) บนยอดเขาสูง มีรูปสลักหัวเสือขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านครอบคลุมศาลเจ้าพ่อเสือดำ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี เสมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในเมืองหลัก ศูนย์กลางแห่งหุบเขาปกครองโดย 2 ผู้มีอิทธิพล คือ นายหัวจเย และ ท้าวไลข่าน ซึ่งแก่งแย่งต้องการ เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ขณะที่ 2 ฝ่ายยกพวกปะทะกัน จู่ๆภูเขาที่รายล้อมเมืองได้ถล่มลงมา เมื่อภูเขาสงบลง นายหัวจเยได้พาร่างกายสะบักสะบอมไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อเสือดำ เพื่อขอบคุณที่ช่วยให้รอดตาย ทันใดนั้นได้ปรากฏร่างชายคนหนึ่งชื่อ เล่าทง ซึ่งอยู่สภาพหิวโซ เข้ามากินของเซ่นไหว้ นายหัวจเยสั่งให้ลูกน้องจัดการ แต่กลายเป็นว่าถูกเล่าทงเล่นงานกลับอย่างรวดเร็ว ด่างลี ชายตัวสั้นจอมกะล่อน ผู้มีหน้าที่เฝ้าศาลจึงได้อุปโลกว่า เล่าทง คือ คนที่เจ้าพ่อเสือดำส่งมาช่วยนายหัวจเยตามคำขอ เพราะท่าทางของเล่าทงที่นั่งคร่อมบนหัวเสือ ไปสอดคล้องกับภาพวาดโบราณในผนังถ้ำ เล่าทง ยอมเข้าไปพวกนายหัวจเยเพื่อแลกกับทองคำ ขณะเดียวกันก็แอบรับทองจากพวกไลข่าน โดยยอมเข้าเป็นพวกเช่นเดียวกัน แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเล่าทงได้พบกับ ไหมท้อ สาวกะเหรี่ยงคอยาว ซึ่งถูกพวกของท้าวไลข่านรังแก อีกทั้งยังมี แฝดนรก ยอดฝีมือจอมโหด และ 7 เทพบุตรแดนใต้ ผู้มีใบหน้าราวกับผี กำลังเดินทางมา กำจัดเล่าทง ด้วยเช่นกัน ภารกิจของเล่าทงเพื่อ ช่วยเหลือชนเผ่าคอยาว ไม่ให้ล่มสลายจากการถูกล้างเผ่าพันธุ์ กับการเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของ แฝดนรก และ 7 เทพบุตรแดนใต้ จึงเริ่มต้น
เด็กโต๋ อย่าเพิ่งรีบโต มาโต๋กันก่อน (2548/2005) ภาพยนตร์ดังกล่าวถ่ายด้วยกล้องวิดีโอดิจิตอล เล่าเรื่องราวของประยูร คำชัย ครูใหญ่โรงเรียนบ้านแม่โต๋ในแถบภูเขาชนบทของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีครอบครัวเป็นชาวเขาฐานะยากจน (ส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยงและม้ง) ดำรงชีพด้วยการเป็นเกษตรกรในสภาพภูมิประเทศที่มีความทุรกันดารและห่างไกล เด็กนักเรียนมักจะต้องเดินทาง 80 - 90 กิโลเมตรโดยใช้ถนนบนภูเขาที่แคบและคดเคี้ยว ซึ่งในฤดูฝนจะทำให้ถนนดังกล่าวใช้สัญจรไปยังโรงเรียนไม่ได้ และบ่อยครั้งที่ผู้ปกครองของนักเรียนยากจนเกินกว่าจะจ่ายค่าเล่าเรียนได้ ประยูรจึงมองหาหนทางที่จะรับประกันว่าเด็กนักเรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่แห่งนี้จะได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสม ประยูร ผู้ซึ่งถูกขอร้องให้ไปทำหน้าที่ในโรงเรียนแห่งนี้เมื่อเขาเริ่มสอนในปี พ.ศ. 2526 ในตอนแรกเขาสังเกตว่าเด็กนักเรียนไม่มีอาหาร ดังนั้นเขาจึงริเริ่มโครงการอาหารกลางวันฟรี ด้วยการสร้างโรงเรียนกินนอนและหาหนทางที่เด็กนักเรียนยอมรับได้มากที่สุด โรงเรียนแห่งนี้ได้รับเงินสนับสนุนจำนวนเล็กน้อยจากรัฐบาลไทย วัสดุก่อสร้างหอพักโรงเรียนกินนอนได้มาจากเงินบริจาคที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ แห่ง ซึ่งงานก่อสร้างและการพัฒนาอื่นๆ ส่วนใหญ่ เด็กนักเรียนและครูเป็นผู้ลงมือทำเอง นอกเหนือไปจากค่าอาหารส่วนหนึ่งที่ได้รับจากรัฐบาลนั้น นักเรียนต้องปลูกผักและเลี้ยงปศุสัตว์เองด้วย เพื่อนำผลผลิตที่ได้บางส่วนมาปรุงอาหารเลี้ยงดูกันภายในโรงเรียน โรงเรียนบ้านแม่โต๋เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประยูรกำหนดให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาได้รับรางวัลเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตรเป็นเวลาสามวัน โดยรถบรรทุกหกล้อและรถบัส ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกิดจากการร่วมเก็บออมเงินกันเองภายในโรงเรียน สำหรับนักเรียนแล้ว นั่นคือการเห็นทะเลเป็นครั้งแรกในชีวิต ถือเป็นกุศโลบายอันแยบยลที่ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมุ่งมั่นในการออมและร่ำเรียนให้จบการศึกษา ตลอดจนมีวิชาติดตัวเพื่อประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป
Match Point Match Love เพราะรักครับผม (2548/2005) ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุของชายหาดพัทยา การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดรอบชิงชนะเลิศปีนี้ ทำให้หัวใจของผู้ชายคนหนึ่งเปลี่ยนไปตลอดกาล แซนด์ (จิตรกร บุญสอน) หัวโจกแก๊งท้องถิ่นชายหาดพัทยา เด็กหนุ่มเดินดินใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งได้พบ เน็ท (ซาร่า มาลากุล เลน) นักวอลเล่ย์บอลชายหาดดาวรุ่งที่จับคู่ลงแข่งคู่กับ โอปอล (มารีออน อัฟโฟลเทอร์) จนคว้าแชมป์มาหลายทัวร์นาเม้นท์ แซนด์พยายามใกล้ชิดเน็ท แต่เน็ทกลับมีความรู้สึกผูกพันกับ พีท (ศิวัส นฤภัย) โค้ชหนุ่มที่เน็ทมองเห็นเขาเป็นวีรบุรุษมาตั้งแต่เด็ก การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศใกล้เข้ามา ทีมคู่แข่งน่ากลัวของเน็ท คือ เรย์โกะ (รัศมี ทองสิริไพรศรี) แชมป์วอลเล่ย์บอลจากญี่ปุ่นเชื้อสายไทย กับ น้ำหวาน (อภิษฎา เครือคงคา) เรย์โกะไม่เพียงนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่เกมวอลเลย์บอล แต่เรย์โกะยังทำให้ปมความรักที่ผูกมัดพวกเขาทุกๆ คนไว้ ยิ่งพลิกผันมากขึ้นอีก เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของ เจ๊แต๋ว (เจเน็ต เขียว หรือ นงนุช สมบูรณ์) สาวใหญ่เจ้าของบาร์ในพัทยา เจ๊แต๋วเฝ้าดูความเป็นไปในความรักของหนุ่มสาว พร้อมทั้งให้คติเตือนใจน้องๆ ว่า "ความหวังไม่ได้มีให้เราสมหวัง แต่มีให้เราไขว่คว้า"
Rainbow Boys: The Movie เรนโบว์บอยส์ เดอะ มูฟวี่ (2548/2005) เรื่องราวรักวัยรุ่นสามคน และมิตรภาพอันลึกซึ้งเปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน ระหว่างเพื่อนนักเรียนเกย์สามคนในเมืองหลวง พวกเขาต้องการค้นหาความรู้สึกของตัวเอง ผ่านการเรียนรู้และต่อสู้กับความขัดแย้งภายในใจ พวกเขาดิ้นรนให้หลุดจากสิ่งที่ใครๆ บอกและตีกรอบเอาไว้ จนเริ่มเรียนรู้ว่าการเป็นตัวของตัวเองคือ สิ่งที่มีความหมายที่สุด
ใยสยองซ่อนตาย (2548/2005) หญิงชราคนหนึ่ง ถูกชาวบ้านกล่าวหน้าว่าเป็นผีร้ายที่คอยจับเด็กไปกินจึงจับเธอเผาทั้งเป็น ซึ่งบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยรังแมงมุม ด้วยความแค้นทำให้ดวงจิตของหญิงชราผู้นั้นได้พุ่งเข้าสู่ตัวแมงมุม และกลับมาแก้แค้นพวกชาวบ้านในร่างของแมงมุมยักษ์ ซึ่งไม่มีใครสามารถปราบมันได้ ชาวบ้านต้องคอยนำเด็กชายมาเซ่นไหว้ทุกปี และทุกครั้งที่แมงมุมยักษ์ได้ลิ้มรสกับเหยื่อของมัน มันจะมีพลังอำนาจมากขึ้น
Scared รับน้องสยองขวัญ (2548/2005) หลายคนอาจเคยผ่านช่วงชีวิตแห่งการรับน้องในมหาวิทยาลัยกันมาแล้ว บางคนอาจสนุกกับการได้เจอเพื่อนใหม่หรือสถานที่เรียนใหม่ แต่บางคนอาจต้องพบกับเหตุการณ์ที่ต้องจดจำไปทั้งชีวิตเหมือนบรรดาน้องๆ เฟรชชีปีหนึ่ง หน้าใสกิ๊กจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ทั้ง 17 คนที่ต้องเจอกับพิธี “รับน้องสยองขวัญ” “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ร่วมกับ “บาแรมยู” นำเสนอเรื่องราวเขย่าขวัญที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความหลอนสั่นประสาทโดยไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ล่วงหน้ากับภาพยนตร์เรื่อง “รับน้องสยองขวัญ” ผลงานการกำกับของ “ภาคภูมิ วงษ์จินดา” ที่เคยฝากผลงานไว้ใน “ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า” (2547) กับการนำนักแสดงหน้าใหม่ทั้ง 17 คนมารับบทนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยความน่าสนใจของโปรเจกต์นี้จะอยู่ที่นักแสดงแต่ละคนไม่สามารถมีโอกาสได้รู้ถึงบทหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น…
The Tiger Blade เสือคาบดาบ (2548/2005) "...เขาไม่ใช่ตำรวจแต่...มีหน้าที่เก็บกวาดวายร้ายของสังคม..ก่อนส่งต่อให้ตำรวจ ปืน..ดาบ คือ อาวุธประจำกายรายล้อมด้วยสาว ๆ ..ที่เสมือนอาวุธประจำใจ..." ยศธนา (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) เจ้าหน้าที่ของหน่วยปฎิบัติการณ์ลับแห่งชาติในมาดหนุ่มเพลย์บอยที่รายล้อมไปด้วยสาว ๆ เคราแดง (อนันต์ บุนนาค), เคราดำ ( ยอดนิยม นิยมสุข) คู่แสบต่างวัยเพื่อนร่วมก๊วนของยศธนา เป้าหมายสำคัญของพวกเขาคือการเก็บกวาดวายร้ายทางสังคม ผู้พันเก้ายอด (พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง) ผู้นำชนกลุ่มน้อยคนร้ายระดับพิสดารซึ่งเป็นทีต้องการของทางการเกิดเสียท่าให้กับ ยศธนา จนถูกกักขังในเรือนจำ ปฎิบัติการณ์บุกชิงคนร้ายอย่างอุกอาจได้เริ่มขึ้นท่ามกลาง การคุมกันของตำรวจอย่างแน่นหนา โดยไม่มีใครทราบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือใคร เพียงแต่รู้ว่าเขาต้องการได้คนมากความสามารถอย่างผู้พันเก้ายอดมาร่วมงานกับ 3 สุดยอดคนร้าย อย่า มเหศักดิ์ (อมรฤทธิ์ สีผึ้ง) ร่างหนังเหนียว ผู้ที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดไม่มีอาวุธใดทำร้ายได้ จอมโจร 5 นัด (ชลัฎ ณ สงขลา) ผู้ทีปลิดชีพเหยื่อลงอย่างช้าๆทีละนัดเพื่อความทรมาน และ จี ไอ เจนจิรา (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) ความสวยที่มาคู่กับความอันตราย เพื่องานชิ้นสำคัญที่จะส่งผลถึงสถานะของประเทศ พวกเขาต้องการ ผู้พันเก้ายอดร่วมแก๊งด้วยจึงฝ่าวงล้อมตำรวจช่วยเหลือในครั้งนี้ ขณะที่ตำรวจยังไม่มีวี่แววในการควานหาตัวคนร้าย........ แต่ที่นี่หน่วยปฎิบัติการณ์ลับแห่งชาติกำลังได้เบาะแสที่กบดานแรกของพวกมัน หัวหน้าหน่วยระดมยอดฝีมือของหน่วยฯเพื่องานนี้ โดยมี ดวงดาว (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) ช่วยวางแผนในการจับกุมเพราะคนร้ายกลุ่มนี้เป็นที่รู้ดีถึงความไม่ธรรมดาของพวกมัน สมร (ฐิติมา มะลิวัลย์) ค้นพบอาวุธโบราณชนิดหนึ่ง จากคอมพิวเตอร์ที่เขาเจาะข้อมูลเข้าไป และนี่คือหนทางเดียวที่จะกำจัด มเหศักดิ์ มนุษย์หนังเหนียวนี่ได้ ดาบชนิดนี้นอกจากเจ้าของที่แท้จริงของมันแล้วไม่มีผู้ใดที่จะมีพละกำลังยกมันขึ้นมาได้เกิดอาเพศขึ้นในขณะที่พวกเขาค้นพบดาบเจอยศธนา คือผู้ที่ยก "ดาบทาสเหล็กไหล" นี้ได้ เขาได้ฉายาว่า "เสือคาบดาบ" การเผชิญหน้าได้เริ่มขึ้นมันไม่ใช่เพียง ตำรวจ ตามจับผู้ร้ายเท่านั้นหากแต่กลวิธีการไล่ล่าที่ต้องปรับกระบวนการให้เหมาะกับคนร้ายแต่ละคนการตอบโต้ที่พลิกแพลงตลอดเวลาแผนการณ์เพื่องานชิ้น สำคัญเทคโนโลยีล้ำยุคไสยศาสตร์อันถาวรสาวสวยไม่ซ้ำหน้ามิตรภาพต่างขั้วและ ดาบทาสเหล็กไหลพบกับจุดจบที่คาดไม่ถึง
The King Maker กบฏ ท้าวศรีสุดาจัน (2548/2005) “เฟอร์นานโด เดอ กัมมา” (แกรี สเตร็ช) ทหารรับจ้างหนุ่มจากประเทศโปรตุเกส ออกเดินทางมายังดินแดนในซีกโลกตะวันออกใน ค.ศ 1547 เพื่อแสวงหาความร่ำรวยเฉกเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติอีกหลายคนไปพร้อมกับการติดตามร่องรอยของบุคคลในอดีตที่เคยสังหารพ่อของเขาต่อหน้าต่อตาในขณะที่เขามีอายุเพียง 8 ขวบ ภาพความทรงจำดังกล่าวเป็นที่ติดตาและฝังใจแก่เขาเสมอมา แต่ในระหว่างการเดินเรือเขาพร้อมกับพวกพ้องกลับต้องเผชิญกับเคราะห์ร้ายเมื่อพายุทะเลคลั่งโหมซัดจนทำให้เรือจมลงใต้พื้นมหาสมุทรอินเดียอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงเขาคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาถูกพ่อค้าทาสชาวอาหรับจับตัวไปยังดินแดนอยุธยาเพื่อขายเป็นทาส กรุงศรีอยุธยาเมื่อราว 458 ปีที่แล้วกล่าวได้ว่าเป็นดินแดนแห่งการค้าขายที่เหล่าอาณาประเทศและผู้คนหลากหลายเชื้อชาติต่างหลั่งไหล่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นชาวตะวันตกไปจนถึงตะวันออกที่ใกล้เคียง แต่ใช่ว่าโชคชะตาของเฟอร์นานโดจะอับโชตเสียทีเดียว เมื่อเขาได้รับการไถ่ตัวให้มีอิสรภาพจาก “มาเรีย” (สิรินยา เบอร์บริดจ์) หญิงสาวชาวโปรตุเกสผู้มีจิตใจงดงามที่เดินทางติดตาม “ฟิลลิปป์” (จอห์น รีส-เดวีส์) บิดาผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมืองให้กับ “พระชัยราชา” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) กษัตริยแห่งอยุธยา ต่อมาเมื่อกษัตริย์แห่งลานนาคิดแข็งข้อต่ออยุธยาโดยการส่งศีรษะของผู้ส่งสารมาให้ พระชัยราชาทรงกริ้วเป็นอย่างยิ่งจึงตัดสินใจยกทัพเข้าสู่ศึกสงครามพร้อมกับ “พระมหาจักรพรรดิ” (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) พระเชษฐาของพระชัยราชา ส่งผลให้เหล่าพันธมิตรของอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นชุมชนโปรตุเกส, ญี่ปุ่นต่างเข้าร่วมทำศึกในครั้งนี้ เฟอร์นานโดเองก็เข้าร่วมรบในฐานะทหารที่มีประสบการณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ความห้าวหาญในฐานะนักรบของเขาจะสร้างความพึงพอพระทัยแก่องค์กษัตริย์จนพระองค์แต่งตั้งเขาให้เป็นหนึ่งในราชองครักษ์พร้อมกันกับเพื่อนใหม่ชาวไทยผู้อาจหาญนาม “ทอง” (ดอม เหตระกูล) ที่เขาได้มีโอกาสช่วยชีวิตไว้ในสมรภูมิรบ ขณะเดียวกัน “มเหสีสุดาจัน” (ยศวดี หัสดีวิจิตร) ผู้เลอโฉมแต่ร้ายกาจได้วางแผนลอบปลงพระชนม์พระชัยราชาและ “พระยอดฟ้า” (ชาลี ไตรรัตน์) พระโอรสที่เกิดกับตนขึ้น เพื่อที่จะจะปูทางให้ “พันบุตรศรีเทพ” (อัครา อมาตยกุล) ชู้รักของนางขึ้นครองราชย์ โดยมีมือสังหารจากต่างชาติร่วมมือในแผนการร้าย นายทองและเฟอร์นานโดราชองครักษ์ปกป้องกษัตริย์ชนิดถวายหัว และพยายามสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายในครั้งนี้ ก่อนที่จะพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่างเชื่อมโยงมายังฟิลลิปป์พ่อของมาเรีย แต่แล้วโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ทั้งสองพบว่าพระมเหสีมีส่วนสำคัญในแผนการครั้งนี้ แต่ก็สายเกินกว่าจะช่วยพระมหากษัตริย์ให้รอดพ้นจากการถูกพระมเหสีวางยาได้ เช่นเดียวกันกับที่พระโอรสซึ่งถูกเหล่าองครักษ์ผู้ของมเหสีปลงพระชนม์ เมื่อกษัตริย์ทรงสวรรคต เฟอร์นานโดกับทองกลายเป็นผู้ถูกกล่าวโทษว่าเป็นผู้เกี่ยวข้อง โดยมาเรียและครอบครัวของทองเองก็ถูกทหารจับตัวไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เตรียมพบกับอีกหนึ่งมุมมองของเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องยิ่งใหญ่ระดับฮอลลีวูด “กบฏท้าวศรีสุดาจัน” 20 ต.ค.นี้ ในโรงภาพยนตร์
Ahingsa Stop to Run อหิงสา จิ๊กโก๋ มีกรรม (2548/2005) อหิงสา (บริวัตร อยู่โต) จิ๊กโก๋เดินดินนายหนึ่ง เกิดมาในยุคสมัยที่โลกหมุนเร็วรี่ด้วยไฮ-สปีดอินเตอร์เน็ต สื่อมวลชนกำลังแตกตื่นกับผลเสียของการตัดต่อพันธุกรรม สมัยเด็กอหิงสาเคยป่วยหนัก หมอโรงพยาบาลรักษาไม่ได้ พ่อแม่เลยพาอหิงสาไปรักษาด้วยพิธีเหยียบเสน ศาสตร์ลี้ลับที่ไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โตเป็นหนุ่ม อหิงสาใช้ชีวิตสุดขั้วอยู่ในหมู่เพื่อนเพี้ยนๆ อย่าง อุโฆษ (ปริญญา งามวงศ์วาน) และ ไอน์สไตน์ (จอนนี่ อันวา) อหิงสาโดนรังควาญไม่หยุดหย่อน จาก "ไอ้เวรกรรม" (ธีรดนัย สุวรรณหอม) ไอ้บ้ามาจากไหนไม่รู้ แค่เห็นหน้ามันก็ปวดประสาท บ้าสีแดง หัวจรดเท้ามีแต่สีแดง รองเท้าแดง เสื้อแดง หัวแดง มันคอยโผล่มาว่าแดกดัน ประชดกวนบาทาก็เท่านั้น ยียวนกวนประสาทไม่เลิกรา พอถามกลับว่า "มึงเป็นใคร?" ดันตอบว่า เป็นไอ้เวรจริงๆ แล้วไอ้เวรหัวแดงนี้ อหิงสาสู้กับ ไม่มีวันชนะ มือหนัก ตีนยิ่งหนัก บทลงไม้ลงมือก็เล่นแรงๆ เล่นของหนัก ไม้หน้าสามงี้ ขับรถบี้งี้ กระทืบเอากันถึงตาย ไม่ว่าอหิงสาจะควบหนีสุดฝีเท้าขนาดไหน "ไอ้เวร" นี่ ก็ยังกวดไล่มาติดๆจ่อเข้ามาชนิดหายใจรดต้นคอได้ทุกที ราวกับฟ้าสร้างให้มันรู้ทันอหิงสาไปทุกย่างก้าว "พัทยา" (ธรัญญา สัตตบุศย์) คุณหมอคนสวย มีแฟนเป็นตำรวจ "มารุต" (กิรเดช เกตกินทะ) ชีวิตหญิงสาวพรั่งพร้อมดูดีอย่างพัทยา ไม่น่าจะมาข้องแวะกับจิ๊กโก๋อย่างอหิงสาได้ แต่ก็คล้ายมีบางอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว อหิงสากำลังเจอกับอะไรกันแน่? เวรกรรม, ความรัก? หรือทั้งสองอย่าง? จริงอยู่... เวรกรรมของใครของมัน ต้องสู้กันเอาเองถึงจะสู้กับ ไม่เคยชนะ แต่งานนี้ต้องหันหน้าสู้เท่านั้น !
Dek Dehn เด็กเดน (2548/2005) เด็กเดน เรื่องราวของ แจ็ค (แจ๊คแฟนฉัน) นักเรียนมัธยมที่พยายามจีบหญิงจนเป็นเหตุของนักเรียนสองสถาบัน ก่อเหตุยกพวกตีกันกลางเมือง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ หนึ่งในนั้น คือวิว (แพททริค ชานนท์) กับน้องอิ๋ว (ณัฐกุล พิชยะพงษ์ไพบูลย์) น้องสาวสุดที่รักของชาญ(ธนากร โปษยานนท์) ได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เหตุการณ์ครั้งนี้ ชาญหัวใจแทบสลาย เจ้าหน้าที่รวบตัวนักเรียนได้จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นมี แจ็ค อาจารย์ดุสิต(ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) และวณิพก(ใหม่ วงไอน้ำ) ติดร่างแหไปด้วย ทุกคนจึงโดนส่งไปฝึกอบรมในโครงการบุรุษอาชีวะ ในค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคใต้ ซึ่งมีผู้กองอภิวัฒน์( ปั๋ง ประกาศิต) จ่าสมหมาย (ฐิติ พุ่มอ่อน) จ่าชะเอม (ทวีศักดิ์ นกเทศ) จ่าสมร (อุบลวรรณ บุญรอด) เป็นครูฝึก แต่แจ็ค อาจารย์ดุสิตและวณิพก และหัวโจกสองสถาบันนำโดย ขิง (หลุยส์ สก๊อตต์)และแว่น (นันทศัย พิศยบุตร)กับพวกแว่น (นันทศัย พิศยบุตร)วางแผนหนีออกจากค่ายแม้จะพ้นออกมาได้แต่ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์สมรภูมินองเลือดอีก และจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาอีก
Dear Dakanda เพื่อนสนิท (2548/2005) คุณเคยแอบรัก "เพื่อน" มั้ย? กว่า 1500 กิโลเมตร จากทิวเขาและไอหมอกในจังหวัดเชียงใหม่ สู่ไอน้ำเค็มของหมู่เกาะพะงัน จังหวัด สุราษฏ์ธานี ความรักของ ไข่ย้อย หนุ่มนักศึกษาศิลปะ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นสองครั้งสองครากับ เพื่อนสองคน ที่เชียงใหม่ ไข่ย้อย คือ หนุ่มเมืองกรุงฯ จากโรงเรียนชายล้วนที่แสนขี้อาย เขาไม่กล้าคุยกับผู้หญิง พูดตะกุกตะกักทุกครั้งที่มีสาวๆ เข้ามาทัก เป็นเหตุให้ต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ จนกระทั่งหญิงสาวท่าทางสดใส กระฉับกระเฉงเกินมาตราฐานสาวเหนือทั่วไปเข้ามาสมัครเป็นเพื่อน เธอชื่อ ดากานดา ซึ่งสำหรับไข่ย้อย ช่างเป็นชื่อที่แปลก แต่มีเสน่ห์สมตัวเจ้าของเป็นที่สุด ไข่ย้อยแอบหลงรักดากานดา แต่ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท เพราะดากานดามีคนที่เธอรักซึ่ง ไม่ใช่เขา ที่พะงัน ไข่ย้อย คือ หนุ่มศิลป์จากเชียงใหม่ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเป็นคนไข้ถึงสถานีอนามัยแห่งเดียวบนเกาะ ไข่ย้อย พลัดตกจากดาดฟ้าเรือขาหักจากการพยายามขึ้นไปเล่นบทพระเอกมิวสิกวิดีโอ ท่ามกลางคนแปลกถิ่นหน้าเข้ม พูดจาเร็วปรื๋อ ไข่ย้อยได้ พยาบาลสาวตาโต ยิ้มเก่งเป็นคนคอยดูแล เธอชื่อ นุ้ย ซึ่งสำหรับไข่ย้อย รอยไมตรีที่เธอจ่ายให้เขาบ่อยกว่าจ่ายยา ทำให้เขาสมัครเป็นคนไข้ไม่มีกำหนดหายอย่างเต็มใจ ไข่ย้อยรู้ว่านุ้ยมีใจให้เขา แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขยับเข้าใกล้มากที่สุดที่คำว่า เพื่อนสนิท บางทีเธอคงรู้ว่า เขามีคนที่รักซึ่ง ไม่ใช่เธอ ความรักของคนสามคน เกิดขึ้น สองสถานที่ สองเวลา ความรักของคนคู่ใดจะก้าวพ้นคำว่า เพื่อนสนิท ความรักของไข่ย้อย จะจบลงที่ไหน ภูเขา หรือ ทะเล
The Remaker คนระลึกชาติ (2548/2005) เรื่องราวของ "ต้อม" (แอนดริว เกร็กสัน) ชายหนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุ รถที่เขาขับมาตกจากสะพาน และตัวเขาก็จมดิ่งลงสู่ใต้น้ำพร้อมรถ เขาได้รับการช่วยเหลือจาก "พิม" (พิยดา อัครเศรณี) หญิงสาวคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านมา และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจนรอดชีวิตปลอดภัยมาได้ หลังจากเกิดเหตุต้อมก็เห็นภาพและได้ยินเสียงแปลกๆ ราวกับจะมีใครบางคนบอกกับเขาว่า เรื่องที่เกิดไม่ใช่อุบัติเหตุ และการที่มีคนผ่านมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทั้งหมดเป็นกรรม ที่เขาและเธอเคยร่วมกันทำมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่กรรมในอดีตยังไม่สิ้น และอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ทุกวันเวลา
ชัตเตอร์ ภาพถ่ายวิญญาณหลอน (2548/2005) หนึ่งภาพถ่ายมรณะ หนึ่งวิญญาณตามหลอกหลอนกับหนึ่งครอบครัวที่ต้องเผชิญ จงระวัง ! ความตายอาจอยู่ใกล้ตัวคุณ นักแทน ชายหนุ่มผู้รักในการถ่ายภาพ เขาพยายามถ่ายภาพวิวเพื่อส่งให้กับนิตยสาร ท่องเที่ยว และเขาก็พบว่าภาพที่เขาถ่ายมีวิญญาณปรากฏอยู่ ซึ่งเป็นภาพวิญญาณปริศนา ที่มากับฟิล์มเก่าสมัย 20 ปีก่อน และตั้งแต่นั้น แทนก็เจอะเจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ และ สยองขวัญ จนไม่เป็นอันทำอะไร เขาจึงพยายามหาทางสืบหาแหล่งที่มาของฟิล์มและ วิญญาณร้าย จนได้รู้ความจริงทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วฟิล์มนั้นเป็นของทศ ซึ่งเป็นฆาตกร จึง ทำให้วิญญาณนั้นกลายเป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วยความอาฆาต และรอวันกลับมาแก้แค้น โดยใช้แทนเป็นคนนำไปสู่เรื่องราวทั้งหมด...
นาค รักแท้ วิญญาณ ความตาย (2548/2005) ตำนานผีไทยที่ยังคงวนเวียนอยู่ในกรุงเทพถึง พ.ศ. นี้ เพื่อพิสูจน์ว่าความรักอยู่เหนือความตาย มาก (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) ชายหนุ่มที่ฝันร้ายเห็นผีสาวตาดำ ปากดำและหน้าผากเป็นรูโบ๋ ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายภาพสยองให้ใครเข้าใจได้ มีเพียงแต่ นาค (ภัทรธิดา พัชรวีรพงษ์) แฟนสาววัยรุ่นและว่าที่เจ้าสาว ที่คอยปลอบประโลมเขา ในตลาดขายของเก่าแห่งหนึ่ง มากได้ไปเจอเข็มกลัดรูปไข่หน้าตาประหลาด สีซีดและเย็นเฉียบ แต่บางอย่างดลใจให้เขาซื้อมัน เพื่อเป็นของขวัญแต่งงานให้กับนาก มาก กับ นาค หาบ้านในหนังสือพิมพ์ และพบหลังหนึ่งแถวย่านพระโขนงที่ประกาศขายในราคาถูกมาก นายหน้าค้าบ้านจอมงมงาย แองเจิล (มีศักดิ์ นาครัตน์) เสนอขายบ้านให้กับวัยรุ่นคู่นี้ถูกๆ เป็นบ้านทรงไทยอายุร้อยกว่าปีซึ่งต้องซ่อมแซมก่อนเข้าอยู่ แต่ก็เป็นบ้านในฝันที่ มาก กับ นาค จะเริ่มต้นชีวิตแต่งงานร่วมกัน หนุ่มสาวคู่นี้ไม่รู้เท่าทันสัญญาปลอมของแองเจิลที่จะยึดบ้านคืนก่อนวันวิวาห์พวกเขา แองเจิลแอบย่องมาตอนกลางคืนเพื่อลงมือทำแผนชั่ว แต่ก็ต้องพบกับผีสาวในฝันร้ายของมาก แองเจิลจำได้ว่าเธอ คือ แม่นาก (พรทิพย์ ปาปะนัย) เธอตามหลอกเขาไปถึงรถไฟฟ้า เขาถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง ซึ่งดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุรถไฟที่ประหลาด มาก กับ นาค ยังไม่รู้ว่า แองเจิล ตายแล้ว ทั้งสองฉลองวันแต่งงานอันหวานชื่นกับญาติมิตรและครอบครัว แต่เหตุร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งหลังวันแต่งงาน เมื่อทั้งคู่กลับมายังเรือนหอกลางดึก และพบว่าของขวัญถูกขโมยไป ระหว่างทางไปทำงาน มากเห็นหัวขโมยขายของขวัญแต่งงานของเขาบนถนน เขาพยายามจะจับขโมย แต่พวกมันหนีขึ้นรถตู้ไปโดยทำร้าย มาก จนสลบแล้วทิ้งไว้กลางถนน นาครีบไปที่โรงพยาบาลก็พบว่า มาก อยู่ในอาการสาหัส เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน เขากลับตื่นขึ้นมาช่วงสั้นๆ เพื่อบอก นาค ให้ไปตามหาแม่นากพระโขนง นาคไปปรับทุกข์กับคุณยายของเธอ (มารศี อิสรางกูล ณ อยุธยา) คุณยายจึงเล่าให้ฟังเรื่องตำนานแม่นากพระโขนง หญิงสาวที่ตายท้องกลมและกลายเป็นผีกลับมาอยู่กับสามี พี่มาก (จรัญ งามดี) และผู้คนที่ไปขัดขวางเธอพากันตายอย่างลึกลับ เมื่อมีคนตายแบบแปลกๆ มากขึ้นเรื่อยๆ พวกชาวบ้านจึงได้หาพระมาขับไล่วิญญาณชั่วร้ายนี้ออกไป พระได้ทำพิธีตัดกะโหลกหน้าผากออกมาเป็นรูปวงรีเพื่อสะกดวิญญาณไว้ภายใน โดยท่านได้เป็นผู้เก็บเอาไว้หลายปีจนกระทั่งมันหายไปกับกาลเวลา รอให้คนมาค้นพบ นาคเริ่มโยงใยระหว่างเข็มกลัดกับอาการของ มาก นี่จะใช่เข็มกลัดที่สะกดวิญญาณของแม่นากพระโขนงไว้ไหม

เรื่องย่อ : แหยม ยโสธร (2548/2005) กลางทุ่งนาที่ร้อนเดือดพล่าน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทอง (ชัยพันธ์ นินกง) และ สร้อย (เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) กำลังจีบกัน อย่างชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะที่ แหยม (หม่ำ จ๊กม๊ก) น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มคนเดียวของทอง ถูก เจ้ย (เจเนต เขียว) สาวหน้าคมคล้ำ..คมขำ ทั้งตามตื้อตามจีบ หลงรักสุดหล่ออย่างแหยม ชนิดหัวปักหัวปำ ทำให้แหยมรำคาญเป็นที่ซู๊ดดด... ทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่า เจ้ยหลงรักแหยมอย่างลงรากฝังลึก และพยายามทุกทาง ให้แหยมตอบรับน้ำใจอันนี้ แม้ว่าทองกับสร้อย จะช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียที แต่แหยมก็ไม่เคยหันมาสนใจ และถึงแม้ว่าเรื่องราวความรักของทองและสร้อย กำลังไปกันได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่ยังคงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจาก คุณนายดอกท้อ (แวว จ๊กม๊ก) คุณป้าสุดเฉิงวับระดับไฮโซของสร้อยนั้น จงเกลียดจงชังความจนของทองมากเหลือเกิน ทำให้คุณนายดอกท้อเข้าขัดขวางทั้งคู่ทุกวิถีทาง แยกความรักของพวกเขาไปไกลถึงเมืองบางกอก ฝ่ายสาว ๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานใจ เพราะพิษแห่งความคิดถึงทองและแหยม จนกระทั่งวันหนึ่ง สร้อยได้รับคำสั่งจากคุณนายดอกท้อ ให้กลับไปยังบ้านนอกด่วน เนื่องจากได้จัดงานหมั้นอย่างใหญ่โตให้กับสร้อย และพ่อยอดชายลูกชายกำนัน ที่แสนจะมั่งคั่งหล่อเข้มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรักระหว่างสร้อยและทอง จะสมหวังหรือไม่นั้น... แหยมและเจ้ยจะร่วมหอลงโรงกันได้หรือเปล่า ? เรื่องราวของคู่รักของคน 2 คู่ ซึ่งคู่นึงคือ คู่ทองกับสร้อย ส่วนอีกคู่หนึ่งก็คือ เจ้ยกับแหยม จะเป็นคู่ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าที่ควร จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เพราะแหยมรู้สึกว่าตัวเองนั้นหล่อ แล้วแหยมคิดว่าเจ้ยเป็นคนขี้เหร่มาก แหยมจะเป็นน้าของทองคอยแนะนำ คอยเอาใจช่วยชี้แนะว่าควรทำอย่างนี้นะ แต่ตัวเองก็ไม่เคยมีเมียหรือมีแฟนกับเค้ากันหรอก ก็เกือบจะขึ้นคานอยู่เหมือนกันในเรื่องนะ พอดีว่ามีเจอกับเจ้ย เพราะเจ้ยเค้าเป็นพี่เลี้ยงสร้อย เจ้ยก็เจอแหยมบ่อยๆ เข้าเจ้ยเลยมาหลงรักเราหัวปักหัวปำ เจ้ยเป็นคนมุ่งมั่นในความรักที่มีให้กับแหยมมากเลยนะ ไม่ว่าแหยมเค้าจะว่ายังไงก็แล้วแต่ แหยมเค้าจะให้ร้ายป้ายสี กระแทกแดกดัน ประชดประชัน เค้าก็รักของเค้ามุ่งมั่นกับความรักของเค้ามาก แต่ความรักของทั้ง 2 คู่นี้ถูกกีดกันจากคุณนายดอกท้อ ป้าดอกท้อจะคอยขัดขวางทุกวิถีทาง ป้าดอกท้อเค้าไม่ชอบทองเพราะเค้าอยากให้สร้อยได้รักกับคนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน คือทางบ้านของสร้อยและป้าดอกท้อรวยที่สุดในตำบล ออกเงินกู้อะไรพวกนี้ ป้าดอกท้อก็พยายามจะบอกหลายว่าอย่าไปรักกับมันเลยไอ้ทองน่ะ คนในหมู่บ้านชอบสร้อยก็เยอะแยะทำไมไม่ไปชอบเค้า แล้วความรักของทั้งสองคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

ต้มยำกุ้ง (2548)

เรื่องย่อ : The Protector ต้มยำกุ้ง (2548/2005) การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"

ชาละวัน – ไกรทอง 2 (2548/2005) จากตำนานแห่งความรักของคนกับจระเข้ ระหว่างชาละวันกับตะเพาแก้วในอดีต ทำให้ชาละวันเฝ้าฝึกบำเพ็ญเพียรจนทำให้พญาจระเข้กลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาใหม่และออกตามกระแสจิตของแพร ดีไซน์เนอร์สาว ผู้ที่ครั้งหนึ่งคือตะเพาแก้ว แต่ก็ต้องเจอกับไกรทองนักสารคดีที่กำลังออกตามล่าชาละวัน ไกรนำพรรคพวกและอาวุธที่ทันสมัย ตามรอยชาละวัน จึงรู้ความจริงจากคัมภีร์โบราณ ความรักครั้งนี้ แม้จะเป็นรักใหม่ที่ชาละวันพยายามจะฝืนลิขิตธรรมชาติแต่กลับสร้างความรุนแรงด้วยไฟราคะที่สุมอยู่ในอกจระเข้ยักษ์ ซึ่งครั้งนี้เป็นหายนะที่นำไปสู่การสูญสิ้นตำนาน ชาละวัน ไกรทองอย่างแท้จริง..
วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (2548/2005) รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รุ่นไหน ก็อลวน ปัจจุบัน ตั้ม (ไพโรจน์ สังวริบุตร) อดีตหนุ่มน้อยหน้าคม กับ โอ๋ (ลลนา สุลาวัลย์) สาวน้อยเจ้าแง่แสนงอน ยังรักกันแนบแน่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือวัยและน้ำหนักตัว ตั้มในวัยเฉียด 50 เป็นทนายหนุ่มใหญ่ ที่ลักยิ้มและเขี้ยวเสน่ห์ยังเขย่าหัวใจสาวๆ ได้เสมอ ส่วน โอ๋ กับรอบเอวที่เพิ่มพูนขึ้นหนึ่งเท่าตัว เป็นแม่บ้านที่น่ารัก อบอุ่น ของ ใบตอง (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ กับ หนามเตย (วศิษฏ์ ผ่องโสภา) ลูกชาย ม. 6 ที่รักสวยรักงามจนน่าหวาดเสียว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ตั้มและสมาชิกในครอบครัว พ่วงด้วย ป้าอ้อ (จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) พี่สาวของโอ๋ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตั้มมานานปี วางแผนขับรถขึ้นไปเซอร์ไพร์สวันเกิดให้ใบตอง โดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ มีแฟนเป็นไอ้หนุ่มวิจิตรศิลป์ผมยาวนามว่า วิชาญ (รังสิต ศิรนานนท์) อยู่ที่นั่น ซ้ำร้ายเจ้าหนามเตยลูกแม่ ก็ดันหมายเอาวาระรวมญาตินี้ เป็นวันเปิดเผยตัวตนเสียด้วย ตั้มยังแอบไปหา คุณนิด (พจนีย์ อินทรมานนท์) กิ๊กเก่าที่ไปเปิดร้านอาหารที่เชียงใหม่ แต่บอกโอ๋ว่า แวะไปหาแอ๊ด (จีรศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เพื่อนเก่าที่สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อความแตก โอ๋ก็อาละวาดบ้านแตก เหมือนในหนังภาคก่อนๆ
Crying Tiger เสือร้องไห้ (2548/2005) ความหมายของ “เสือร้องไห้” คืออะไร 1) การหลั่งของเหลวคล้ายน้ำออกมาทางดวงตา เพื่อแสดงความดีใจและเสียใจของสัตว์บกชนิดหนึ่งที่มนุษย์เรียกมันว่า “เจ้าแห่งป่า” 2) “เนื้อย่างไฟ” จากเตาถ่านร้อนๆ หั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วคลุกคล้าในหม้อกับเครื่องปรุงรสจัดจ้าน มะนาวสวนเปรี้ยว พริกขี้หนูเผ็ดป่น ข้าวคั่วหอมหอม ต้นหอมสดๆ น้ำปลาแท้ น้ำตาลทรายแดง โรยเติมด้วยงาขาวกับยอดใบยี่หรา เสิร์ฟกับข้าวเหนียวร้อนๆ มีขายตามปั๊มน้ำมันทั่วไป 3) เรื่องราวชีวิตจริงของ “คนไทยใจสู้” กรรมวิธีในการทำ “เสือร้องไห้” ทีมงานออกค้นหา “ชาวอีสาน” ที่เข้ามาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ตามสถานที่ต่างๆ กว่าร้อยอาชีพ คัดเลือกอาชีพที่ทีมงานคิดว่าน่าสนใจ เพื่อสอบถาม พูดคุย หาข้อมูลที่ลึกลงไปในแต่ละคน ถึงเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เฝ้าติดตามเพื่อถ่ายทำการดำเนินชีวิตของเขาเหล่านั้นในเมืองหลวง การทำงาน ความรัก ความฝัน ความเจ็บปวดของเขาที่เราไม่เคยรู้เรื่องเหล่านั้นมาก่อน และไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา หรือชีวิตของทีมงาน คัดย่อเรื่องราวที่ใช้เวลานานกว่า 1 ปี ม้วนเทปทั้งหมดกว่า 300 ม้วนให้เหลือเพียงสิ่งที่น่าสนใจแค่เพียง 2 ชั่วโมง รู้จักมั้ยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คนอีสาน” “คนอีสาน” ผู้ซึ่งอยู่บนแผ่นดินไม่ติดทะเล แต่ก็ออกเรือตังเกหาปลาได้ ผู้กินแจ่วปลาร้า แต่ทำซูชิให้แขกในร้านญี่ปุ่นกินได้ ผู้ที่คุ้นเคยกับลำเพลิน ลำซิ่ง แต่ก็สามารถเป็นพระเอกงิ้ว ยังคงมีอะไรอีกมากมายที่ชาวอีสานทำไว้ที่เรายังไม่ได้พูดถึง เพราะนอกจากจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศแล้ว พวกเขายังมีความสามารถในการปรับตัวที่เป็นเลิศที่สุด ภาพยนตร์แนว “Reality Film” เรื่องแรกของเมืองไทยที่จะถูกฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศจากผลงานการกำกับของ “สันติ แต้พานิช” ผู้กำกับที่มีผลงานมามากมายจากการทำหนังสั้น อาทิ “กท.2541”, “One Way Ticket”, “ร ฟ ท บ ข ส” และสารคดีเบื้องหลังหนัง “มนต์รักทรานซิสเตอร์” ฉบับไม่เป็นทางการ และล่าสุดเรื่อง “เสือร้องไห้” ภายใต้การโปรดิวซ์ของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ร่วมด้วย “ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม” และ “พงศ์นรินทร์ อุลิศ” “เสือร้องไห้” เรื่องราวของการติดตามบันทึกเหตุการณ์ชีวิตของ “คนอีสาน” กลุ่มหนึ่งที่ต้องเข้ามาอาศัยและมีอาชีพต่างๆ อยู่ในกรุงเทพฯ ที่ต่างทั้งความฝันและจุดมุ่งหมาย ทีมงานใช้เวลาในการถ่ายทำร่วม 1 ปีเต็มใช้เทปบันทึกภาพไปกว่า 300 ม้วน แต่ต้องตัดออกมาให้ได้เท่ากับภาพยนตร์ที่จะฉายเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ซึ่งทุกภาพบนแผ่นฟิล์มคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่คนที่ปรากฏอยู่ในหนังหรือแม้แต่ทีมงานก็ตาม ไม่มีบท ไม่มีการคัตหรือเทกใหม่ แต่เป็นการปลดปล่อยให้ทุกชีวิตโลดแล่นไปโดยไร้การกำกับการแสดง เสียงหัวเราะ หรือน้ำตาคือสิ่งหนึ่งที่ทีมงานพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว โดยเรื่องนี้ได้ทำการติดตามบุคคลที่น่าสนใจจากภาคอีสานทั้งหมด 5 คน… “พรศักดิ์ ส่องแสง” นักร้องหมอลำชื่อดังคนแรกของเมืองไทยที่เล่นคอนเสิร์ตมาแล้วทั่วโลก บุคคลที่เคยอยู่บนที่สูงสุดของอาชีพและต่ำสุดแต่ไม่มีใครได้ล่วงรู้ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ดาราและนักแสดงตลกที่มากฝีไม้ลายมือ แรงงานอีสานที่อยู่ในกรุงเทพฯ คือกระจกสะท้อนตัวเอง อาชีพตลกที่ไม่ได้มีแต่เสียงหัวเราะเสมอไป “แมน หัวปลา” อดีตพนักงานโบกรถทีใส่ชุดสัตว์น้ำเชิญชวนลูกค้าหน้าร้านอาหาร ป.กุ้งเผา กับอาชีพใหม่ที่อยากมุ่งไป “ตลกคาเฟ่” “เนตร อินทรีเหล็ก” สตันต์แมนที่ใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงทุกวินาทีเพื่อเป็นหนทางนำไปสู่ “จา พนม หมายเลข 2” “พี่อ้อย สิงห์นักขับ” สาวขับแท็กซี่รุ่นใหญ่อารมณ์ดีที่เพื่อนร่วมทางมักแปลกหน้าอยู่เสมอ เส้นทางกลับบ้านคือถนนที่ไกลที่สุด
มือปืนเก๋าเจ๋ง (2548/2005) ท่ามกลางบรรยากาศความวุ่นวายจากสถานการณ์นองเลือดระหว่างผู้มีอิทธิพล 3 กลุ่มในเมืองหลวง เรื่องราวเริ่มต้นที่สองหนุ่มเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ "สง" นักฆ่ามือเก๋าตัวจริงเสียงจริงมาดดุดันเด็ดขาด ฆ่ามาแล้วเกือบร้อยศพ พ้นกำแพงคุกไม่ทันข้ามวันก็รับงานใหม่สุดหินหมายสังหาร "ป๋าปื๊ด" หนึ่งในผู้มีอิทธิพลคนดังของนครหลวง แต่ด้วยเหตุศัตรูเก่าตามมาล้างแค้นกระหน่ำสงซะเดี้ยงปางตายเลยต้องโยนภาระหนักอึ้งให้กับอีกหนุ่มที่พ้นโทษมาด้วยกัน "เคี๊ยบ" หนุ่มหน้โหดแต่ใจไม่เหี้ยมผู้ที่ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเป็นคนดับ "เฮียเก๊า" ดาวดังของวงการเมื่อหลายปีก่อทั้งที่เรื่องจริงเป็นเหตุบังเอิญสุด ๆ เคี๊ยบจำต้องรับงานฆ่าเจ้าพ่อชื่อดังอย่างตกกระไดพลอยโจน เพราะต้องแบกภาระในการหาเงินค่าเทอมโคตรเแพงให้ลูกที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ แล้วไหนจะค่ารักษาสงที่นอนเดี้ยงอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนหน้าเลือดอีก โดยเคี๊ยบได้ "แปะยิ้ง" ไอ้ตี๋วัยโจ๋ที่ฝันอยากจะเป็นผู้กำกับหนังฮอลลีวูดในวันข้างหน้า แต่วันนี้ขอเริ่มเข้าวงการด้วยการผลิตหนังประเภทแอบถ่ายใต้สะดือ แถมยังหนักไปทางพูดมากกว่าลงมือทำได้จริงมาเป็นผู้ช่วย ปฏิบัติการ "เก๋า+เจ๋ง" จึงเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขกำหนดเวลา 5 วัน ก่อนจะถึงเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 อันเป็นฤกษ์ที่ถูกย้ำนักย้ำหนาจาก "อาจารย์คง" เกจิชื่อดังว่าเหมาะแก่การปาณาติบาตอย่างยิ่ง 5 วันจะชี้ชะตาว่าจะรอดหรือม้วย ทั้งหมดต้องทำทุกทางวางแผนทุกอย่างเพื่อฝ่าด่านสมุนหน้าเหี้ยมฝีมือโหดไปเก็บป๋าปื้ดให้ได้ งานนี้ถึงเคี๊ยบจะปอดแหกหัวจะหด ก็มีแต่ต้องใส่เกียร์เดินหน้าไม่มีถอยหลังถอดใจ เพื่อลูก เพื่อเมีย เพื่อเพื่อน เพราะฉะนั้น "มันไม่มอดก็เราม้วย"
ยาสั่ง (2548/2005) อำนาจแห่งไสยศาสตร์ ปลุกเสกยาอันตราย สั่งตาย สั่งเป็น เอกดำรงค์ นายทหารหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับความช่วยเหลือจาก แสงหล้า หญิงสาวชาวเขา ทั้งคู่เกิดความรักต่อกัน เมื่อเอกดำรงหายดี เขาจำเป็นต้องเดินทางกลับบ้านและสัญญากับแสงหล้าว่าจะกลับมารับ แต่แม่ของแสงหล้ากลัวว่าเขาจะผิดสัญญา จึงปลุกเสกยาสั่งให้เขากิน หากเขาไม่กลับมาตามสัญญา ยานี้จะออกฤทธิ์ทันที จนกระทั่งเขากลับบ้าน แม่ของเขาได้มั่นหมาย นุช ให้ แต่เขาปฏิเสธ แม่ของเขาจึงใช้วิธีทำเสน่ห์จากพ่อหมอฝีมือดี ทำให้เขาลืมสัญญาที่มีต่อแสงหล้า ยาสั่งจึงเริ่มออกฤทธิ์ เขาจะรอดพ้นจากอำนาจยาสั่งและมนต์เสน่ห์ได้หรือไม่...
พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า (2548/2005) หลังเกิดเหตุระเบิดถล่มกลางกรุง จนเป็นเหตุให้กระเทยหัวแห้วนางหนึ่ง ตายอนาถคาร้านทำผม ทางการได้สืบทราบข่าวมาว่าคนร้ายเตรียมระเบิดครั้งต่อไป ในอีก 3 วันข้างหน้า นายตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ สุภาพ (รับบทโดย เทพ โพธิ์งาม), พิทักษ์ (รับบทโดย ค่อม ชวนชื่น) และ สันติ (รับบทโดย จิ้ม ชวนชื่น) ได้รับมอบหมายให้แฝงตัว เข้าไปในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง แล้วประทานโทษ... นางพยาบาลที่นี่สวยอย่าบอกใคร โดยเฉพาะคนที่ชื่อ เกวลิน (รับบทโดย ซาร่า มาลากุล เลน) ช่วงเวลาเดียวนั้น หมอผี (รับบทโดย หน่อย ชวนชื่น) นายหนึ่ง เดินทางตามหม้อแม่นาคมาจนถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่นเดียวกับชาวกระเหรี่ยงกลุ่มเอฟโฟว์ นำโดย จ่อมุข (รับบทโดย จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) ก็วางแผนปล้นสถานที่ ..ที่ไม่มีใครคาดคิด การแฝงตัวเข้าในโรงพยาบาลบ้าของกลุ่มคนทั้งสาม ในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดขึ้น เพื่อปฎิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ (ซะเหลือเกิน) ของพวกตนให้สำเร็จลุล่วงภายในสามวัน ความชุลมุนของสามพยัคฆ์ร้ายจะคลี่คลายประการใด ใครจะได้หัวใจสาวสวยไปครอง? มือระเบิดปริศนาจะเปิดเผยตัวหรือไม่? เตรียมพบกับปฏิบัติการสะท้านความฮา ที่พยัคฆ์ร้ายต้องส่ายหน้า ชาวประชาต้องหงายหลัง!
นรก Hell (2548/2005) ทีมงานสารคดีโทรทัศน์ที่มุ่งตีแผ่ความเลวและลงโทษเหล่าคนชั่วในสังคม พวกเขากำลังได้รับความนิยมมากในวงการ ทีมงานประกอบไปด้วย “อาร์ต” (วุฒินันท์ ไหมกัน) ช่างภาพหนุ่มอารมณ์ร้อน, “จ๋า” (ณัฐวรรณ วรวิทย์) ครีเอทีฟสาวอนาคตไกล, “น้าเต๋า” (ค่อม ชวนชื่น) หนุ่มรุ่นใหญ่ฝ่ายข้อมูลตัวกลั่นและเชี่ยวในการหาโลเคชันของรายการ, “ชด” (ปัญญาพล เดชสงฆ์) ผู้กำกับรายการสารคดีหนุ่มที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน, “คิม” (ดลยา โพธิพิภัทรกุล) เด็กสาวลูกครึ่งอังกฤษที่ชีวิตแทบจะไม่เคยทำบาป รับหน้าที่เป็นนกต่อในการถ่ายทำสารคดีแต่ละครั้ง, “อ้น” (สิทธิชัย เหลืองเสรี) เด็กฝึกงานที่อายุน้อยที่สุดในทีมแต่ฝันที่จะเป็นผู้กำกับ และ “เละ” (บวรฤทธิ์ ฉันทศักดา) โชเฟอร์หนุ่มจิตอ่อนนิสัยขี้กลัวที่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองชะตาขาด ทั้งหมดเดินทางมุ่งหน้าไปถ่ายทำรายการตามปกติเหมือนเคย กลับต้องมีเหตุให้ตัวเองและพรรคพวกต้องเผชิญหน้าและรับกรรมไปกับโทษมหันต์จากการตก “นรก” เมื่อรถตู้ของกองถ่ายเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำเสียหลักจนทุกคนหมดสติไป หลังจากที่พวกเขาฟื้นขึ้นมาก็ต้องพบและฝ่าฟันกับความน่าสะพรึงกลัวของนรก ทั้งที่จริงแล้วมีเพียงเละซึ่งเป็นคนขับที่ชะตาถึงฆาต ส่วนคนอื่นๆ ติดสอยห้อยตามมา เพราะอุบัติเหตุที่ทั้งหมดร่วมเดินทางมาด้วยกันเท่านั้น ทุกคนมีกรรมหนักกรรมเบากันคนละแบบจึงถูกส่งไปอยู่ในขุมที่ต่างกัน 5 ขุม ประกอบไปด้วย… “นรกขุมฆ่าสัตว์” (ได้รับผลกรรมชดใช้ตามที่เคยทำไว้กับสัตว์อื่น) “นรกพูดปด คิดไม่ดี ทำร้ายบุพพการี” (ถูกทรมานโดยการทุบฝ่ามือ) “นรกลักทรัพย์” (ถูกตัดแขนตัดขา) “นรกสุรา” (เอาน้ำกระทะทองแดงกรอกปาก) “นรกกาเม” (ปีนป่ายต้นงิ้วและอีกาปากเหล็ก) พวกเขาต่างระลึกกรรมในอดีตที่เคยทำกันมา โดยในแต่ละขุมจะมียมทูตคนละชุดกันคอยควบคุมดูแล และพวกเขาจะมองเห็นแต่เฉพาะคนที่มีบาปอยู่ในขุมของตนเท่านั้น เมื่ออาร์ตได้รู้ว่าตนและเพื่อนยังไม่ถึงฆาต พวกเขาจึงยังไม่ใช่คนตายที่ยมทูตจะมองเห็น ดังนั้นพวกเขาจึงพากันหลบหนีไป การติดตามไล่ล่าจากนรกได้เปิดฉากขึ้น พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไรระหว่างความเป็นกับความตาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในการช่วยเพื่อนหรือเอาตัวรอด เมื่อยังมีคนในกลุ่มที่ยังไม่ถึงฆาต พวกเขาจะฝืนชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นได้อย่างไร…

เรื่องย่อ : โคตรเพชฌฆาต (2548/2005) เรื่องราวที่น่าขนพองสยองเกล้ากับความตายที่เป็นปริศนาของคนในหมู่บ้านคลองบางมุด เมื่อสถานที่เงียบสงบร่มเย็น ชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่กันตามประสาชาวชนบท แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อมีชาวบ้านพบศพชายนิรนามมาตายอยู่ที่ริมฝั่งคลอง หลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านหลายคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการค้นหาปริศนาที่ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการตายของพวกชาวบ้านและศพนิรนามนั้น กระทั่งได้พบรอยประหลาด ซึ่งรอยประหลาดนั้นคล้ายกับรอยของสัตว์ขนาดใหญ่ เหตุนี้ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า เจ้ารอยประหลาดนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์สะเทือนขวัญจนยากที่จะลืมได้ และยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านคลองบางมุดตลอดมา

ชาวบ้านบางมุด จังหวัดชุมพร ต่างร่ำลือถึงจระเข้ที่อาศัยอยู่ในคลองบางมุด อันเป็นสาเหตุของคดีคนหายหลายรายอย่างไร้ร่องรอย สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งจังหวัด นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และกำนันเกณท์ลูกบ้านเพื่อออกจัดการกับเจ้าจระเข้ตัวนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้ จนเมื่อ "จำนง" นายทหารประจำหน่วยรบชุมพร กลับมาจากราชการ ถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ทางทหารช่วยจัดการปราบจระเข้ตัวนี้ เขาจึงร่วมมือกับนรินทร์และชาวบ้าน ออกตามล่าเพื่อปราบเจ้าจระเข้ยักษ์ เขาต้องพบอุปสรรคมากมาย ทั้งการขัดแย้งกับทางราชการและความดุร้ายของเจ้าจระเข้ยักษ์นี้

นรินทร์ นายตำรวจหนุ่ม ออกตามหาชายคนหนึ่งที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะพบว่าเป็นฝีมือของจระเข้ที่อยู่ในลำคลองอันเป็นสายน้ำแห่งวิถีชีวิตของชาวบางมุด ซึ่งสร้างความน่าสะพรึงกลัวด้วยขนาดอันใหญ่โตและมีรอยด่างที่ลำตัว เขาและเจ้าหน้าที่รวมถึงชาวบ้านจึงต้องร่วมมือกันปราบมันท่ามกลางอุปสรรคมากมาย

มหา’ลัยเหมืองแร่ (2548/2005) ปี พ.ศ. 2492 โชคชะตาของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ได้นำพาให้เขาต้องเดินทางข้ามฟาก จากโลกศิวิไลซ์ในเมืองหลวง ไปสู่อีกโลกหนึ่งอันไกลแสนไกล อาจินต์ ปัญจพรรค์ ในวัย 22 ปี คือเด็กหนุ่มคนนั้น เขาถูกรีไทร์จากคณะวิศวะฯ ปี 2 ...นั่นเองเป็นจุดสิ้นสุด ของความเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปสู่การเรียนรู้ชีวิตจริง ที่ไม่สามารถเรียนรู้จากตำราเล่มไหน มันไม่ได้มีวางขายทั่วไปและหาซื้อได้ด้วยเงิน มันต้องแลกด้วยเวลาและหัวใจ ...สู้ - ท้อแท้, สนุก - เศร้า, พบ - จาก... อาจินต์ในเวลานั้น ขณะที่เขานั่งอยู่บนรถขนหมูที่วิ่งจากภูเก็ตไปพังงา ยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่รู้จักกระทั่งสถานที่ที่เขากำลังจะไป สำหรับเขา จ.พังงา อ.ตะกั่วทุ่ง ต.กระโสม เคยเป็นเพียงสถานที่อันไม่มีความสำคัญใดใด แม้เพียงจะจุดลงบนแผนที่ แต่ในวันนี้ มันกำลังจะกลายเป็นสถานดัดสันดาน ที่ถูกพ่อส่งให้ไปอยู่ อาจินต์มาถึงเหมืองกระโสม ที่นี่เขาได้พบและสัมภาษณ์งานกับ นายฝรั่ง (แอนโทนี โฮวาร์ด กูลด์) และนายฝรั่งก็รับเขาเข้าทำงาน ในตำแหน่งที่นายฝรั่งเรียกว่าเป็น 'สมุดพก' ให้กับแก นั่นหมายถึงการฝึกงาน การติดตามนายฝรั่ง และทำงานแทนคนงานที่ขาดงาน อาจินต์ภูมิใจกับงานที่ได้รับ และที่นี่ - วันนี้ - ชีวิตปี 1 ใน มหา'ลัย เหมืองแร่ ได้เริ่มขึ้นแล้ว... เขาจะทำอย่างไรจึงจะเป็นน้องใหม่ที่ดีของที่นี่ได้ เขาจะทำอย่างไรจึงผ่านชีวิตในสถาบันแห่งนี้ได้ เหมืองกระโสม ทิน เดรดยิง อาจจะเป็นเพียงมหา'ลัยที่เขาได้ความภูมิใจแทนปริญญา หาได้มีไว้เพื่อความโก้หรือโอ้อวดกับใครไม่ ผิดไหมที่เขาจะภูมิใจกับเกียรติยศ ..ที่เขาขุดมันขึ้นมาด้วยตนเอง
เฉิ่ม

Midnight My Love เฉิ่ม (2548/2005) บัติ (เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา) โชเฟอร์ขับแท็กซี่กะดึก ผู้มีรสนิยมเฉพาะตัว ชอบฟังแต่วิทยุช่อง AM ที่มีละครวิทยุและเพลงเก่า ใส่น้ำมันใส่ผมเรียบแปร้ ชอบอมโบตัน และกินต้มเลือดหมูเจ้าประจำทุกคืน บัติเหมือนมนุษย์ที่หลุด พ.ศ. ยืนยิ้มแปร้ท้าทายโลกปัจจุบัน ที่หมุนไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจ เพราะโลก AM ทำให้เขาหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความหวังที่สวยงาม โลกที่ทำดีได้ดี โลกที่ไม่ต้องสนใจยุคสมัย แม้ใครจะมองว่าเขา 'เฉิ่ม' จนกระทั่งวันที่บัติได้พบและตกหลุมรัก นวล (วรนุช วงษ์สรรค์) หญิงสาวที่มีอาชีพหมอนวด ชายที่หมกมุ่นอยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน กับหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้ายอมรับชีวิตจริง จึงเป็นเสมือนสิ่งที่เติมเต็มให้แก่กัน ความผูกผันของทั้ง 2 ที่ก่อตัวขึ้น มาพร้อมกับบททดสอบของชีวิต ความปรารถนาดี และโลกแห่งความฝันของบัติ ก็ถูกโลกแห่งความจริงสั่นคลอน จนทั้งคู่ต้องพรากจากกัน สุดท้ายปลายทางของทั้งสอง จะลงเอยอย่างไร

ก็เคยสัญญา (2548/2005) สาเหตุที่ความรักของคุณต้องเป็นแบบนี้ ก็มาจากชาติก่อน ๆ โน้น ที่คุณ เคยสัญญา สาบานกับใครไว้ มันถึงได้ตาม มาราวีคุณ ทุกชาติทุกชาติไป.. ..แม้แต่ชาตินี้ ก็ไม่เว้นหรอก.. นิกร" เรื่องราวแต่ชาติปางก่อน ของ นิกร (โอ - วรุฒ วรธรรม) กำลังถูกไล่เรียงขึ้นมา จากวิธีบำบัด ด้วยการสะกดจิต และแล้ว... "โอ๊ย.. ไม่ไหวละมั๊ง มีตั้งสิบหกสิบเจ็ดชาติ ยิ่งผ่านเข้ามา เนื้อคู่ของผมก็ยิ่งพิสดารไปเรื่อยๆ..." ดังนั้น นิกร จึงตัดสินใจ เลือกเพียง 4 ชาติ ที่เป็นหัวใจ ต้นเหตุแห่งคำสัญญา สาบาน มาให้เราๆ ท่านๆ ได้สัมผัส ณ บัดนี้..
7 ประจัญบาน 2 (2548)

เรื่องย่อ : 7 ประจัญบาน 2 (2548/2005) ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นแพร่ขยายอำนาจและอิทธิพล ไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ทำให้ทางการไทยมอบหมายงานชิ้นสำคัญผ่านมายัง ผู้กององอาจ (ประกาศิต โบสุวรรณ) ให้เหล่า 7 ประจัญบาน ปฏิบัติภารกิจลับ สำคัญระดับสุดยอดของประเทศ ตรวจสอบพฤติกรรมอันน่าสงสัยของ สุริยะ เอบาต้า (ฮิโระ ซะโนะ) ที่คาดว่าอาจจะเป็นสายลับของทางการญี่ปุ่น ที่มาในคราบของนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย แต่กลับกลายเป็นว่า ภารกิจดังกล่าวหาได้สำเร็จลุล่วงง่ายดายอย่างที่คิดไม่ เมื่อผู้นำของ 7 ประจัญบาน อย่าง จ่าดับ จำเปาะ (พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง) กลับพลาดพลั้งทำให้ ผู้พันทีเคดะ (โยโกสุกะ ชิโอยะ) พ่อของสุริยะเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ทำให้เหล่า 7 ประจัญบานกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ นายพลนากามูระ (Masayuk Todoroki) ผู้นำทัพของญี่ปุ่นโกรธแค้น และยื่นคำขาดให้ทางการไทย ส่งตัวจ่าดับและพรรคพวกทั้ง 7 มาสำเร็จโทษประหารชีวิต เป็นเหตุให้ประจัญบานทั้ง 7 ต้องรับมือกับทั้งทางการไทย และเหล่าทหารญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มมือสังหารที่ถูกส่งตรงมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ 7 เซียนซามูไร จนต้องระหกระเหินไปร่วมกับกลุ่มพี่น้องไทยจีน ที่ร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าฉากคือคณะนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงของเตี่ยตังกวย เกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ของ 7 ประจัญบาน ที่ครั้งนี้ต้องทาหน้าขาวแต่งชุดงิ้ว รำพลองตะลุยกองทัพญี่ปุ่น เหินขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับกองบินกามิกาเซ่ของญี่ปุ่น ภายใต้ฉากไฮไลท์สุดอลังการ กับการเนรมิตสะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นมาอีกครั้ง ในฉากไคลแม็กซ์สำคัญ พร้อมทั้งเปิดเผยที่มา ของกางเกงแดงเชือกกล้วยอันลือลั่นของจ่าดับ รวมถึงเรื่องราวความรักครั้งก่อนของจ่าดับที่มีต่อ นางโฉม (อภิรดี ภวภูตานนท์) และตัวละครสุดคลาสสิก ที่เกิดมาแล้วย่อมไม่แคล้วที่อาจจะกลายเป็น 'คู่กรรม' ของกันอย่าง อังศุมาลย์ (มินท์ - อาทิตยา ดิถีเพ็ญ) และ โกโบต้า (ก้อง - อรรฆรัตน์ นิติพน)

ผมสมชายนะยะ (2548/2005) ก้าน เด็กสาวประเภทสองจากร้อยเอ็ดที่เติบโตมาจากครอบครัวมีฐานะ ความใฝ่ฝันของก้าน อยากจะเป็นเหมือน ฟ้า นางโชว์คาบาเรย์และมีตำแหน่งจากเวทีประกวดความงามระดับประเทศ เมื่อความใฝ่ฝันที่กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูก ตั้งแต่ก้านถูกไล่ออกจากบ้านจึงมา อาศัยอยู่กับ พี่โหน่ง ในกรุงเทพมหานคร และได้เข้ามาทำงานเป็น COSTUME ที่คาบาเรย์โชว์ แห่งหนึ่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นที่ทำให้ความฝันเป็นจริงขึ้นมา แต่ฟ้ากลับไม่ยอมรับที่ก้านได้ก้าว ขึ้นตำแหน่งนางโชว์แสดงร่วมกัน นี่คือโอกาสพิสูจน์ครั้งแรกของชีวิตก้านในการโชว์ ความสามารถ โอกาสที่จะทำให้ทุกคนนั้นเปิดใจยอมรับดาวดวงใหม่ก้าวขึ้นสู่เวทีนางโชว์
Placeholder

หน้าที่