แหยม ยโสธร (2548/2005) กลางทุ่งนาที่ร้อนเดือดพล่าน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทอง (ชัยพันธ์ นินกง) และ สร้อย (เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) กำลังจีบกัน อย่างชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะที่ แหยม (หม่ำ จ๊กม๊ก) น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มคนเดียวของทอง ถูก เจ้ย (เจเนต เขียว) สาวหน้าคมคล้ำ..คมขำ ทั้งตามตื้อตามจีบ หลงรักสุดหล่ออย่างแหยม ชนิดหัวปักหัวปำ ทำให้แหยมรำคาญเป็นที่ซู๊ดดด... ทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่า เจ้ยหลงรักแหยมอย่างลงรากฝังลึก และพยายามทุกทาง ให้แหยมตอบรับน้ำใจอันนี้ แม้ว่าทองกับสร้อย จะช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียที แต่แหยมก็ไม่เคยหันมาสนใจ และถึงแม้ว่าเรื่องราวความรักของทองและสร้อย กำลังไปกันได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่ยังคงต้องหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจาก คุณนายดอกท้อ (แวว จ๊กม๊ก) คุณป้าสุดเฉิงวับระดับไฮโซของสร้อยนั้น จงเกลียดจงชังความจนของทองมากเหลือเกิน ทำให้คุณนายดอกท้อเข้าขัดขวางทั้งคู่ทุกวิถีทาง แยกความรักของพวกเขาไปไกลถึงเมืองบางกอก ฝ่ายสาว ๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานใจ เพราะพิษแห่งความคิดถึงทองและแหยม จนกระทั่งวันหนึ่ง สร้อยได้รับคำสั่งจากคุณนายดอกท้อ ให้กลับไปยังบ้านนอกด่วน เนื่องจากได้จัดงานหมั้นอย่างใหญ่โตให้กับสร้อย และพ่อยอดชายลูกชายกำนัน ที่แสนจะมั่งคั่งหล่อเข้มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรักระหว่างสร้อยและทอง จะสมหวังหรือไม่นั้น... แหยมและเจ้ยจะร่วมหอลงโรงกันได้หรือเปล่า ? เรื่องราวของคู่รักของคน 2 คู่ ซึ่งคู่นึงคือ คู่ทองกับสร้อย ส่วนอีกคู่หนึ่งก็คือ เจ้ยกับแหยม จะเป็นคู่ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าที่ควร จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เพราะแหยมรู้สึกว่าตัวเองนั้นหล่อ แล้วแหยมคิดว่าเจ้ยเป็นคนขี้เหร่มาก แหยมจะเป็นน้าของทองคอยแนะนำ คอยเอาใจช่วยชี้แนะว่าควรทำอย่างนี้นะ แต่ตัวเองก็ไม่เคยมีเมียหรือมีแฟนกับเค้ากันหรอก ก็เกือบจะขึ้นคานอยู่เหมือนกันในเรื่องนะ พอดีว่ามีเจอกับเจ้ย เพราะเจ้ยเค้าเป็นพี่เลี้ยงสร้อย เจ้ยก็เจอแหยมบ่อยๆ เข้าเจ้ยเลยมาหลงรักเราหัวปักหัวปำ เจ้ยเป็นคนมุ่งมั่นในความรักที่มีให้กับแหยมมากเลยนะ ไม่ว่าแหยมเค้าจะว่ายังไงก็แล้วแต่ แหยมเค้าจะให้ร้ายป้ายสี กระแทกแดกดัน ประชดประชัน เค้าก็รักของเค้ามุ่งมั่นกับความรักของเค้ามาก แต่ความรักของทั้ง 2 คู่นี้ถูกกีดกันจากคุณนายดอกท้อ ป้าดอกท้อจะคอยขัดขวางทุกวิถีทาง ป้าดอกท้อเค้าไม่ชอบทองเพราะเค้าอยากให้สร้อยได้รักกับคนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน คือทางบ้านของสร้อยและป้าดอกท้อรวยที่สุดในตำบล ออกเงินกู้อะไรพวกนี้ ป้าดอกท้อก็พยายามจะบอกหลายว่าอย่าไปรักกับมันเลยไอ้ทองน่ะ คนในหมู่บ้านชอบสร้อยก็เยอะแยะทำไมไม่ไปชอบเค้า แล้วความรักของทั้งสองคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

ต้มยำกุ้ง (2548)

The Protector ต้มยำกุ้ง (2548/2005) การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"

ชาละวัน – ไกรทอง 2 (2548/2005) จากตำนานแห่งความรักของคนกับจระเข้ ระหว่างชาละวันกับตะเพาแก้วในอดีต ทำให้ชาละวันเฝ้าฝึกบำเพ็ญเพียรจนทำให้พญาจระเข้กลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาใหม่และออกตามกระแสจิตของแพร ดีไซน์เนอร์สาว ผู้ที่ครั้งหนึ่งคือตะเพาแก้ว แต่ก็ต้องเจอกับไกรทองนักสารคดีที่กำลังออกตามล่าชาละวัน ไกรนำพรรคพวกและอาวุธที่ทันสมัย ตามรอยชาละวัน จึงรู้ความจริงจากคัมภีร์โบราณ ความรักครั้งนี้ แม้จะเป็นรักใหม่ที่ชาละวันพยายามจะฝืนลิขิตธรรมชาติแต่กลับสร้างความรุนแรงด้วยไฟราคะที่สุมอยู่ในอกจระเข้ยักษ์ ซึ่งครั้งนี้เป็นหายนะที่นำไปสู่การสูญสิ้นตำนาน ชาละวัน ไกรทองอย่างแท้จริง..
วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (2548/2005) รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รุ่นไหน ก็อลวน ปัจจุบัน ตั้ม (ไพโรจน์ สังวริบุตร) อดีตหนุ่มน้อยหน้าคม กับ โอ๋ (ลลนา สุลาวัลย์) สาวน้อยเจ้าแง่แสนงอน ยังรักกันแนบแน่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือวัยและน้ำหนักตัว ตั้มในวัยเฉียด 50 เป็นทนายหนุ่มใหญ่ ที่ลักยิ้มและเขี้ยวเสน่ห์ยังเขย่าหัวใจสาวๆ ได้เสมอ ส่วน โอ๋ กับรอบเอวที่เพิ่มพูนขึ้นหนึ่งเท่าตัว เป็นแม่บ้านที่น่ารัก อบอุ่น ของ ใบตอง (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ กับ หนามเตย (วศิษฏ์ ผ่องโสภา) ลูกชาย ม. 6 ที่รักสวยรักงามจนน่าหวาดเสียว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ตั้มและสมาชิกในครอบครัว พ่วงด้วย ป้าอ้อ (จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) พี่สาวของโอ๋ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตั้มมานานปี วางแผนขับรถขึ้นไปเซอร์ไพร์สวันเกิดให้ใบตอง โดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ มีแฟนเป็นไอ้หนุ่มวิจิตรศิลป์ผมยาวนามว่า วิชาญ (รังสิต ศิรนานนท์) อยู่ที่นั่น ซ้ำร้ายเจ้าหนามเตยลูกแม่ ก็ดันหมายเอาวาระรวมญาตินี้ เป็นวันเปิดเผยตัวตนเสียด้วย ตั้มยังแอบไปหา คุณนิด (พจนีย์ อินทรมานนท์) กิ๊กเก่าที่ไปเปิดร้านอาหารที่เชียงใหม่ แต่บอกโอ๋ว่า แวะไปหาแอ๊ด (จีรศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เพื่อนเก่าที่สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อความแตก โอ๋ก็อาละวาดบ้านแตก เหมือนในหนังภาคก่อนๆ
Crying Tiger เสือร้องไห้ (2548/2005) ความหมายของ “เสือร้องไห้” คืออะไร 1) การหลั่งของเหลวคล้ายน้ำออกมาทางดวงตา เพื่อแสดงความดีใจและเสียใจของสัตว์บกชนิดหนึ่งที่มนุษย์เรียกมันว่า “เจ้าแห่งป่า” 2) “เนื้อย่างไฟ” จากเตาถ่านร้อนๆ หั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วคลุกคล้าในหม้อกับเครื่องปรุงรสจัดจ้าน มะนาวสวนเปรี้ยว พริกขี้หนูเผ็ดป่น ข้าวคั่วหอมหอม ต้นหอมสดๆ น้ำปลาแท้ น้ำตาลทรายแดง โรยเติมด้วยงาขาวกับยอดใบยี่หรา เสิร์ฟกับข้าวเหนียวร้อนๆ มีขายตามปั๊มน้ำมันทั่วไป 3) เรื่องราวชีวิตจริงของ “คนไทยใจสู้” กรรมวิธีในการทำ “เสือร้องไห้” ทีมงานออกค้นหา “ชาวอีสาน” ที่เข้ามาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ตามสถานที่ต่างๆ กว่าร้อยอาชีพ คัดเลือกอาชีพที่ทีมงานคิดว่าน่าสนใจ เพื่อสอบถาม พูดคุย หาข้อมูลที่ลึกลงไปในแต่ละคน ถึงเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เฝ้าติดตามเพื่อถ่ายทำการดำเนินชีวิตของเขาเหล่านั้นในเมืองหลวง การทำงาน ความรัก ความฝัน ความเจ็บปวดของเขาที่เราไม่เคยรู้เรื่องเหล่านั้นมาก่อน และไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา หรือชีวิตของทีมงาน คัดย่อเรื่องราวที่ใช้เวลานานกว่า 1 ปี ม้วนเทปทั้งหมดกว่า 300 ม้วนให้เหลือเพียงสิ่งที่น่าสนใจแค่เพียง 2 ชั่วโมง รู้จักมั้ยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คนอีสาน” “คนอีสาน” ผู้ซึ่งอยู่บนแผ่นดินไม่ติดทะเล แต่ก็ออกเรือตังเกหาปลาได้ ผู้กินแจ่วปลาร้า แต่ทำซูชิให้แขกในร้านญี่ปุ่นกินได้ ผู้ที่คุ้นเคยกับลำเพลิน ลำซิ่ง แต่ก็สามารถเป็นพระเอกงิ้ว ยังคงมีอะไรอีกมากมายที่ชาวอีสานทำไว้ที่เรายังไม่ได้พูดถึง เพราะนอกจากจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศแล้ว พวกเขายังมีความสามารถในการปรับตัวที่เป็นเลิศที่สุด ภาพยนตร์แนว “Reality Film” เรื่องแรกของเมืองไทยที่จะถูกฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศจากผลงานการกำกับของ “สันติ แต้พานิช” ผู้กำกับที่มีผลงานมามากมายจากการทำหนังสั้น อาทิ “กท.2541”, “One Way Ticket”, “ร ฟ ท บ ข ส” และสารคดีเบื้องหลังหนัง “มนต์รักทรานซิสเตอร์” ฉบับไม่เป็นทางการ และล่าสุดเรื่อง “เสือร้องไห้” ภายใต้การโปรดิวซ์ของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ร่วมด้วย “ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม” และ “พงศ์นรินทร์ อุลิศ” “เสือร้องไห้” เรื่องราวของการติดตามบันทึกเหตุการณ์ชีวิตของ “คนอีสาน” กลุ่มหนึ่งที่ต้องเข้ามาอาศัยและมีอาชีพต่างๆ อยู่ในกรุงเทพฯ ที่ต่างทั้งความฝันและจุดมุ่งหมาย ทีมงานใช้เวลาในการถ่ายทำร่วม 1 ปีเต็มใช้เทปบันทึกภาพไปกว่า 300 ม้วน แต่ต้องตัดออกมาให้ได้เท่ากับภาพยนตร์ที่จะฉายเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ซึ่งทุกภาพบนแผ่นฟิล์มคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่คนที่ปรากฏอยู่ในหนังหรือแม้แต่ทีมงานก็ตาม ไม่มีบท ไม่มีการคัตหรือเทกใหม่ แต่เป็นการปลดปล่อยให้ทุกชีวิตโลดแล่นไปโดยไร้การกำกับการแสดง เสียงหัวเราะ หรือน้ำตาคือสิ่งหนึ่งที่ทีมงานพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว โดยเรื่องนี้ได้ทำการติดตามบุคคลที่น่าสนใจจากภาคอีสานทั้งหมด 5 คน… “พรศักดิ์ ส่องแสง” นักร้องหมอลำชื่อดังคนแรกของเมืองไทยที่เล่นคอนเสิร์ตมาแล้วทั่วโลก บุคคลที่เคยอยู่บนที่สูงสุดของอาชีพและต่ำสุดแต่ไม่มีใครได้ล่วงรู้ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ดาราและนักแสดงตลกที่มากฝีไม้ลายมือ แรงงานอีสานที่อยู่ในกรุงเทพฯ คือกระจกสะท้อนตัวเอง อาชีพตลกที่ไม่ได้มีแต่เสียงหัวเราะเสมอไป “แมน หัวปลา” อดีตพนักงานโบกรถทีใส่ชุดสัตว์น้ำเชิญชวนลูกค้าหน้าร้านอาหาร ป.กุ้งเผา กับอาชีพใหม่ที่อยากมุ่งไป “ตลกคาเฟ่” “เนตร อินทรีเหล็ก” สตันต์แมนที่ใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงทุกวินาทีเพื่อเป็นหนทางนำไปสู่ “จา พนม หมายเลข 2” “พี่อ้อย สิงห์นักขับ” สาวขับแท็กซี่รุ่นใหญ่อารมณ์ดีที่เพื่อนร่วมทางมักแปลกหน้าอยู่เสมอ เส้นทางกลับบ้านคือถนนที่ไกลที่สุด
มือปืนเก๋าเจ๋ง (2548/2005) ท่ามกลางบรรยากาศความวุ่นวายจากสถานการณ์นองเลือดระหว่างผู้มีอิทธิพล 3 กลุ่มในเมืองหลวง เรื่องราวเริ่มต้นที่สองหนุ่มเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ "สง" นักฆ่ามือเก๋าตัวจริงเสียงจริงมาดดุดันเด็ดขาด ฆ่ามาแล้วเกือบร้อยศพ พ้นกำแพงคุกไม่ทันข้ามวันก็รับงานใหม่สุดหินหมายสังหาร "ป๋าปื๊ด" หนึ่งในผู้มีอิทธิพลคนดังของนครหลวง แต่ด้วยเหตุศัตรูเก่าตามมาล้างแค้นกระหน่ำสงซะเดี้ยงปางตายเลยต้องโยนภาระหนักอึ้งให้กับอีกหนุ่มที่พ้นโทษมาด้วยกัน "เคี๊ยบ" หนุ่มหน้โหดแต่ใจไม่เหี้ยมผู้ที่ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเป็นคนดับ "เฮียเก๊า" ดาวดังของวงการเมื่อหลายปีก่อทั้งที่เรื่องจริงเป็นเหตุบังเอิญสุด ๆ เคี๊ยบจำต้องรับงานฆ่าเจ้าพ่อชื่อดังอย่างตกกระไดพลอยโจน เพราะต้องแบกภาระในการหาเงินค่าเทอมโคตรเแพงให้ลูกที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ แล้วไหนจะค่ารักษาสงที่นอนเดี้ยงอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนหน้าเลือดอีก โดยเคี๊ยบได้ "แปะยิ้ง" ไอ้ตี๋วัยโจ๋ที่ฝันอยากจะเป็นผู้กำกับหนังฮอลลีวูดในวันข้างหน้า แต่วันนี้ขอเริ่มเข้าวงการด้วยการผลิตหนังประเภทแอบถ่ายใต้สะดือ แถมยังหนักไปทางพูดมากกว่าลงมือทำได้จริงมาเป็นผู้ช่วย ปฏิบัติการ "เก๋า+เจ๋ง" จึงเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขกำหนดเวลา 5 วัน ก่อนจะถึงเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 อันเป็นฤกษ์ที่ถูกย้ำนักย้ำหนาจาก "อาจารย์คง" เกจิชื่อดังว่าเหมาะแก่การปาณาติบาตอย่างยิ่ง 5 วันจะชี้ชะตาว่าจะรอดหรือม้วย ทั้งหมดต้องทำทุกทางวางแผนทุกอย่างเพื่อฝ่าด่านสมุนหน้าเหี้ยมฝีมือโหดไปเก็บป๋าปื้ดให้ได้ งานนี้ถึงเคี๊ยบจะปอดแหกหัวจะหด ก็มีแต่ต้องใส่เกียร์เดินหน้าไม่มีถอยหลังถอดใจ เพื่อลูก เพื่อเมีย เพื่อเพื่อน เพราะฉะนั้น "มันไม่มอดก็เราม้วย"
ยาสั่ง (2548/2005) อำนาจแห่งไสยศาสตร์ ปลุกเสกยาอันตราย สั่งตาย สั่งเป็น เอกดำรงค์ นายทหารหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับความช่วยเหลือจาก แสงหล้า หญิงสาวชาวเขา ทั้งคู่เกิดความรักต่อกัน เมื่อเอกดำรงหายดี เขาจำเป็นต้องเดินทางกลับบ้านและสัญญากับแสงหล้าว่าจะกลับมารับ แต่แม่ของแสงหล้ากลัวว่าเขาจะผิดสัญญา จึงปลุกเสกยาสั่งให้เขากิน หากเขาไม่กลับมาตามสัญญา ยานี้จะออกฤทธิ์ทันที จนกระทั่งเขากลับบ้าน แม่ของเขาได้มั่นหมาย นุช ให้ แต่เขาปฏิเสธ แม่ของเขาจึงใช้วิธีทำเสน่ห์จากพ่อหมอฝีมือดี ทำให้เขาลืมสัญญาที่มีต่อแสงหล้า ยาสั่งจึงเริ่มออกฤทธิ์ เขาจะรอดพ้นจากอำนาจยาสั่งและมนต์เสน่ห์ได้หรือไม่...
พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า (2548/2005) หลังเกิดเหตุระเบิดถล่มกลางกรุง จนเป็นเหตุให้กระเทยหัวแห้วนางหนึ่ง ตายอนาถคาร้านทำผม ทางการได้สืบทราบข่าวมาว่าคนร้ายเตรียมระเบิดครั้งต่อไป ในอีก 3 วันข้างหน้า นายตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ สุภาพ (รับบทโดย เทพ โพธิ์งาม), พิทักษ์ (รับบทโดย ค่อม ชวนชื่น) และ สันติ (รับบทโดย จิ้ม ชวนชื่น) ได้รับมอบหมายให้แฝงตัว เข้าไปในโรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง แล้วประทานโทษ... นางพยาบาลที่นี่สวยอย่าบอกใคร โดยเฉพาะคนที่ชื่อ เกวลิน (รับบทโดย ซาร่า มาลากุล เลน) ช่วงเวลาเดียวนั้น หมอผี (รับบทโดย หน่อย ชวนชื่น) นายหนึ่ง เดินทางตามหม้อแม่นาคมาจนถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่นเดียวกับชาวกระเหรี่ยงกลุ่มเอฟโฟว์ นำโดย จ่อมุข (รับบทโดย จตุรงค์ ม๊กจ๊ก) ก็วางแผนปล้นสถานที่ ..ที่ไม่มีใครคาดคิด การแฝงตัวเข้าในโรงพยาบาลบ้าของกลุ่มคนทั้งสาม ในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดขึ้น เพื่อปฎิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ (ซะเหลือเกิน) ของพวกตนให้สำเร็จลุล่วงภายในสามวัน ความชุลมุนของสามพยัคฆ์ร้ายจะคลี่คลายประการใด ใครจะได้หัวใจสาวสวยไปครอง? มือระเบิดปริศนาจะเปิดเผยตัวหรือไม่? เตรียมพบกับปฏิบัติการสะท้านความฮา ที่พยัคฆ์ร้ายต้องส่ายหน้า ชาวประชาต้องหงายหลัง!
นรก Hell (2548/2005) ทีมงานสารคดีโทรทัศน์ที่มุ่งตีแผ่ความเลวและลงโทษเหล่าคนชั่วในสังคม พวกเขากำลังได้รับความนิยมมากในวงการ ทีมงานประกอบไปด้วย “อาร์ต” (วุฒินันท์ ไหมกัน) ช่างภาพหนุ่มอารมณ์ร้อน, “จ๋า” (ณัฐวรรณ วรวิทย์) ครีเอทีฟสาวอนาคตไกล, “น้าเต๋า” (ค่อม ชวนชื่น) หนุ่มรุ่นใหญ่ฝ่ายข้อมูลตัวกลั่นและเชี่ยวในการหาโลเคชันของรายการ, “ชด” (ปัญญาพล เดชสงฆ์) ผู้กำกับรายการสารคดีหนุ่มที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน, “คิม” (ดลยา โพธิพิภัทรกุล) เด็กสาวลูกครึ่งอังกฤษที่ชีวิตแทบจะไม่เคยทำบาป รับหน้าที่เป็นนกต่อในการถ่ายทำสารคดีแต่ละครั้ง, “อ้น” (สิทธิชัย เหลืองเสรี) เด็กฝึกงานที่อายุน้อยที่สุดในทีมแต่ฝันที่จะเป็นผู้กำกับ และ “เละ” (บวรฤทธิ์ ฉันทศักดา) โชเฟอร์หนุ่มจิตอ่อนนิสัยขี้กลัวที่ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองชะตาขาด ทั้งหมดเดินทางมุ่งหน้าไปถ่ายทำรายการตามปกติเหมือนเคย กลับต้องมีเหตุให้ตัวเองและพรรคพวกต้องเผชิญหน้าและรับกรรมไปกับโทษมหันต์จากการตก “นรก” เมื่อรถตู้ของกองถ่ายเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำเสียหลักจนทุกคนหมดสติไป หลังจากที่พวกเขาฟื้นขึ้นมาก็ต้องพบและฝ่าฟันกับความน่าสะพรึงกลัวของนรก ทั้งที่จริงแล้วมีเพียงเละซึ่งเป็นคนขับที่ชะตาถึงฆาต ส่วนคนอื่นๆ ติดสอยห้อยตามมา เพราะอุบัติเหตุที่ทั้งหมดร่วมเดินทางมาด้วยกันเท่านั้น ทุกคนมีกรรมหนักกรรมเบากันคนละแบบจึงถูกส่งไปอยู่ในขุมที่ต่างกัน 5 ขุม ประกอบไปด้วย… “นรกขุมฆ่าสัตว์” (ได้รับผลกรรมชดใช้ตามที่เคยทำไว้กับสัตว์อื่น) “นรกพูดปด คิดไม่ดี ทำร้ายบุพพการี” (ถูกทรมานโดยการทุบฝ่ามือ) “นรกลักทรัพย์” (ถูกตัดแขนตัดขา) “นรกสุรา” (เอาน้ำกระทะทองแดงกรอกปาก) “นรกกาเม” (ปีนป่ายต้นงิ้วและอีกาปากเหล็ก) พวกเขาต่างระลึกกรรมในอดีตที่เคยทำกันมา โดยในแต่ละขุมจะมียมทูตคนละชุดกันคอยควบคุมดูแล และพวกเขาจะมองเห็นแต่เฉพาะคนที่มีบาปอยู่ในขุมของตนเท่านั้น เมื่ออาร์ตได้รู้ว่าตนและเพื่อนยังไม่ถึงฆาต พวกเขาจึงยังไม่ใช่คนตายที่ยมทูตจะมองเห็น ดังนั้นพวกเขาจึงพากันหลบหนีไป การติดตามไล่ล่าจากนรกได้เปิดฉากขึ้น พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไรระหว่างความเป็นกับความตาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในการช่วยเพื่อนหรือเอาตัวรอด เมื่อยังมีคนในกลุ่มที่ยังไม่ถึงฆาต พวกเขาจะฝืนชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นได้อย่างไร…
โคตรเพชฌฆาต (2548/2005) นรินทร์ นายตำรวจหนุ่มประจำ สภอ. บางมุด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ออกตามหาชายคนหนึ่งที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยชาวบ้านต่างพากันโจษขานและเชื่อกันว่าเป็นฝีมือจระเข้ ที่อาศัยอยู่ในคลองบางมุด คลองซึ่งเป็นสายน้ำหลักและเปรียบเสมือนวิถีชีวิตชาวบางมุด ซึ่งนรินทร์ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของจระเข้ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งจังหวัด จน พิกุล และ กระเกด อนามัยตำบล ต้องสั่งให้ชาวบ้านระวังตัว จนวันหนึ่ง ณ คลองบางมุด มีชาวบ้านก็ได้พบเห็นจระเข้จริงๆ และสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านสะพรึงกลัว และร่ำลือกันมากยิ่งขึ้น คือ ความใหญ่โตของมัน รวมไปถึงลำตัวเจ้าจระเข้ที่มีรอยด่าง และที่สำคัญมันยังอาศัยอยู่ในลำคลอง ดังนั้น ทั้งนายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน จึงเกณท์ลูกบ้านเพื่อออกจัดการกับเจ้าจระเข้ตัวนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้ จนเมื่อ จำนง นายทหารประจำหน่วยรบชุมพร กลับมาจากราชการ ถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ทางทหารช่วยจัดการปราบจระเข้ตัวนี้ เขาจึงร่วมมือกับนรินทร์และชาวบ้าน ออกตามล่าเพื่อปราบเจ้าจระเข้ยักษ์ ในระหว่างนั้นเองเขาและทีมนักล่าได้พบอุปสรรคต่างๆมากมาย ทั้งความขัดแย้งทางราชการและความยากลำบากในการปราบเจ้าจระเข้ และในที่สุดพวกเขา ก็ทำสำเร็จ และหลังจากที่จัดการกับจระเข้ได้สำเร็จ จำนงและนรินทร์ ต้องตกอยู่ในสภาพตะลึงอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเพิ่งได้รู้ว่า จระเข้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว และ ไอ้ด่างยังไม่ตาย ชาวบ้านก็เลยสร้างป้อมกันไอ้ด่างเอาไว้ แต่รุ่งขึ้นป้อมก็เกือบจะพัง ชาวบ้านและทหารต่างพากันจับจระเข้ ไอ้ด่างก็อาละวาดหนักขึ้น จนนรินทร์ ปราบไอ้ด่าง ด้วยลูกระเบิด ตายทั้งคู่
มหา’ลัยเหมืองแร่ (2548/2005) ปี พ.ศ. 2492 โชคชะตาของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ได้นำพาให้เขาต้องเดินทางข้ามฟาก จากโลกศิวิไลซ์ในเมืองหลวง ไปสู่อีกโลกหนึ่งอันไกลแสนไกล อาจินต์ ปัญจพรรค์ ในวัย 22 ปี คือเด็กหนุ่มคนนั้น เขาถูกรีไทร์จากคณะวิศวะฯ ปี 2 ...นั่นเองเป็นจุดสิ้นสุด ของความเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปสู่การเรียนรู้ชีวิตจริง ที่ไม่สามารถเรียนรู้จากตำราเล่มไหน มันไม่ได้มีวางขายทั่วไปและหาซื้อได้ด้วยเงิน มันต้องแลกด้วยเวลาและหัวใจ ...สู้ - ท้อแท้, สนุก - เศร้า, พบ - จาก... อาจินต์ในเวลานั้น ขณะที่เขานั่งอยู่บนรถขนหมูที่วิ่งจากภูเก็ตไปพังงา ยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่รู้จักกระทั่งสถานที่ที่เขากำลังจะไป สำหรับเขา จ.พังงา อ.ตะกั่วทุ่ง ต.กระโสม เคยเป็นเพียงสถานที่อันไม่มีความสำคัญใดใด แม้เพียงจะจุดลงบนแผนที่ แต่ในวันนี้ มันกำลังจะกลายเป็นสถานดัดสันดาน ที่ถูกพ่อส่งให้ไปอยู่ อาจินต์มาถึงเหมืองกระโสม ที่นี่เขาได้พบและสัมภาษณ์งานกับ นายฝรั่ง (แอนโทนี โฮวาร์ด กูลด์) และนายฝรั่งก็รับเขาเข้าทำงาน ในตำแหน่งที่นายฝรั่งเรียกว่าเป็น 'สมุดพก' ให้กับแก นั่นหมายถึงการฝึกงาน การติดตามนายฝรั่ง และทำงานแทนคนงานที่ขาดงาน อาจินต์ภูมิใจกับงานที่ได้รับ และที่นี่ - วันนี้ - ชีวิตปี 1 ใน มหา'ลัย เหมืองแร่ ได้เริ่มขึ้นแล้ว... เขาจะทำอย่างไรจึงจะเป็นน้องใหม่ที่ดีของที่นี่ได้ เขาจะทำอย่างไรจึงผ่านชีวิตในสถาบันแห่งนี้ได้ เหมืองกระโสม ทิน เดรดยิง อาจจะเป็นเพียงมหา'ลัยที่เขาได้ความภูมิใจแทนปริญญา หาได้มีไว้เพื่อความโก้หรือโอ้อวดกับใครไม่ ผิดไหมที่เขาจะภูมิใจกับเกียรติยศ ..ที่เขาขุดมันขึ้นมาด้วยตนเอง
Midnight My Love เฉิ่ม (2548/2005) บัติ (เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา) โชเฟอร์ขับแท็กซี่กะดึก ผู้มีรสนิยมเฉพาะตัว ชอบฟังแต่วิทยุช่อง AM ที่มีละครวิทยุและเพลงเก่า ใส่น้ำมันใส่ผมเรียบแปร้ ชอบอมโบตัน และกินต้มเลือดหมูเจ้าประจำทุกคืน บัติเหมือนมนุษย์ที่หลุด พ.ศ. ยืนยิ้มแปร้ท้าทายโลกปัจจุบัน ที่หมุนไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจ เพราะโลก AM ทำให้เขาหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความหวังที่สวยงาม โลกที่ทำดีได้ดี โลกที่ไม่ต้องสนใจยุคสมัย แม้ใครจะมองว่าเขา 'เฉิ่ม' จนกระทั่งวันที่บัติได้พบและตกหลุมรัก นวล (วรนุช วงษ์สรรค์) หญิงสาวที่มีอาชีพหมอนวด ชายที่หมกมุ่นอยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน กับหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้ายอมรับชีวิตจริง จึงเป็นเสมือนสิ่งที่เติมเต็มให้แก่กัน ความผูกผันของทั้ง 2 ที่ก่อตัวขึ้น มาพร้อมกับบททดสอบของชีวิต ความปรารถนาดี และโลกแห่งความฝันของบัติ ก็ถูกโลกแห่งความจริงสั่นคลอน จนทั้งคู่ต้องพรากจากกัน สุดท้ายปลายทางของทั้งสอง จะลงเอยอย่างไร
ก็เคยสัญญา (2548/2005) สาเหตุที่ความรักของคุณต้องเป็นแบบนี้ ก็มาจากชาติก่อน ๆ โน้น ที่คุณ เคยสัญญา สาบานกับใครไว้ มันถึงได้ตาม มาราวีคุณ ทุกชาติทุกชาติไป.. ..แม้แต่ชาตินี้ ก็ไม่เว้นหรอก.. นิกร" เรื่องราวแต่ชาติปางก่อน ของ นิกร (โอ - วรุฒ วรธรรม) กำลังถูกไล่เรียงขึ้นมา จากวิธีบำบัด ด้วยการสะกดจิต และแล้ว... "โอ๊ย.. ไม่ไหวละมั๊ง มีตั้งสิบหกสิบเจ็ดชาติ ยิ่งผ่านเข้ามา เนื้อคู่ของผมก็ยิ่งพิสดารไปเรื่อยๆ..." ดังนั้น นิกร จึงตัดสินใจ เลือกเพียง 4 ชาติ ที่เป็นหัวใจ ต้นเหตุแห่งคำสัญญา สาบาน มาให้เราๆ ท่านๆ ได้สัมผัส ณ บัดนี้..
7 ประจัญบาน 2 (2548/2005) ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นแพร่ขยายอำนาจและอิทธิพล ไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ทำให้ทางการไทยมอบหมายงานชิ้นสำคัญผ่านมายัง ผู้กององอาจ (ประกาศิต โบสุวรรณ) ให้เหล่า 7 ประจัญบาน ปฏิบัติภารกิจลับ สำคัญระดับสุดยอดของประเทศ ตรวจสอบพฤติกรรมอันน่าสงสัยของ สุริยะ เอบาต้า (ฮิโระ ซะโนะ) ที่คาดว่าอาจจะเป็นสายลับของทางการญี่ปุ่น ที่มาในคราบของนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย แต่กลับกลายเป็นว่า ภารกิจดังกล่าวหาได้สำเร็จลุล่วงง่ายดายอย่างที่คิดไม่ เมื่อผู้นำของ 7 ประจัญบาน อย่าง จ่าดับ จำเปาะ (พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง) กลับพลาดพลั้งทำให้ ผู้พันทีเคดะ (โยโกสุกะ ชิโอยะ) พ่อของสุริยะเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ทำให้เหล่า 7 ประจัญบานกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ นายพลนากามูระ (Masayuk Todoroki) ผู้นำทัพของญี่ปุ่นโกรธแค้น และยื่นคำขาดให้ทางการไทย ส่งตัวจ่าดับและพรรคพวกทั้ง 7 มาสำเร็จโทษประหารชีวิต เป็นเหตุให้ประจัญบานทั้ง 7 ต้องรับมือกับทั้งทางการไทย และเหล่าทหารญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มมือสังหารที่ถูกส่งตรงมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ 7 เซียนซามูไร จนต้องระหกระเหินไปร่วมกับกลุ่มพี่น้องไทยจีน ที่ร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าฉากคือคณะนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงของเตี่ยตังกวย เกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ของ 7 ประจัญบาน ที่ครั้งนี้ต้องทาหน้าขาวแต่งชุดงิ้ว รำพลองตะลุยกองทัพญี่ปุ่น เหินขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับกองบินกามิกาเซ่ของญี่ปุ่น ภายใต้ฉากไฮไลท์สุดอลังการ กับการเนรมิตสะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นมาอีกครั้ง ในฉากไคลแม็กซ์สำคัญ พร้อมทั้งเปิดเผยที่มา ของกางเกงแดงเชือกกล้วยอันลือลั่นของจ่าดับ รวมถึงเรื่องราวความรักครั้งก่อนของจ่าดับที่มีต่อ นางโฉม (อภิรดี ภวภูตานนท์) และตัวละครสุดคลาสสิก ที่เกิดมาแล้วย่อมไม่แคล้วที่อาจจะกลายเป็น 'คู่กรรม' ของกันอย่าง อังศุมาลย์ (มินท์ - อาทิตยา ดิถีเพ็ญ) และ โกโบต้า (ก้อง - อรรฆรัตน์ นิติพน)
ผมสมชายนะยะ (2548/2005) ก้าน เด็กสาวประเภทสองจากร้อยเอ็ดที่เติบโตมาจากครอบครัวมีฐานะ ความใฝ่ฝันของก้าน อยากจะเป็นเหมือน ฟ้า นางโชว์คาบาเรย์และมีตำแหน่งจากเวทีประกวดความงามระดับประเทศ เมื่อความใฝ่ฝันที่กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูก ตั้งแต่ก้านถูกไล่ออกจากบ้านจึงมา อาศัยอยู่กับ พี่โหน่ง ในกรุงเทพมหานคร และได้เข้ามาทำงานเป็น COSTUME ที่คาบาเรย์โชว์ แห่งหนึ่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นที่ทำให้ความฝันเป็นจริงขึ้นมา แต่ฟ้ากลับไม่ยอมรับที่ก้านได้ก้าว ขึ้นตำแหน่งนางโชว์แสดงร่วมกัน นี่คือโอกาสพิสูจน์ครั้งแรกของชีวิตก้านในการโชว์ ความสามารถ โอกาสที่จะทำให้ทุกคนนั้นเปิดใจยอมรับดาวดวงใหม่ก้าวขึ้นสู่เวทีนางโชว์
Placeholder